พิมพ์หน้านี้ - { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; แจ้งข่าวเปิดพรี 15 กุมภาพันธ์ - 21 มีนาคม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Foggy Time ที่ 04-06-2018 00:38:58

หัวข้อ: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; แจ้งข่าวเปิดพรี 15 กุมภาพันธ์ - 21 มีนาคม
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 04-06-2018 00:38:58
ภข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


VAMPIRE PROBLEM

(https://uppic.cc/d/Kobh) (https://uppic.cc/v/Kobh)

เรื่องของแวมไพร์เด๋อที่ปัญหาชีวิตเยอะ จนไม่แน่ใจว่ารอดมาถึงตอนนี้ได้ยังไง

twitter : https://twitter.com/foggytimenaja
FB : https://www.facebook.com/FoggyTime/

#ห้ามปิ้งค้างคาว
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 04-06-2018 00:44:21
### CHAPTER ONE ###

   

ทุกความรักย่อมมีอุปสรรค
   
นั่นเป็นสิ่งที่ผมสังเคราะห์ได้หลังจากนิยายประโลมโลกของพวกมนุษย์แก้เบื่อไปพลางๆ เพราะอายุของพวกแวมไพร์อย่างพวกผมอย่างต่ำคือห้าร้อยปี เราจึงว่างมาก ว่างแบบว้างว่าง ว่างจนไม่รู้จะทำอะไร
   
แล้วผมก็ได้กระทำการปัญญาอ่อนอย่างการมาลงเรียนมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศไทย ทั้งๆ ที่ผมเคยเรียนแล้วรอบนึงเมื่อตอนอายุร้อยกว่าแต่ตอนนี้ผมอายุสามร้อยปีแล้ว มันน่าเบื่อมากกับการนั่งหาเหยื่อแล้วก็กินเลือดแล้วก็จบวัน เป็นลูปชีวิตที่ช่างไม่เร้าใจเอาซะเลย
   
“เฮ้ย น้องหัวทองคนนั้นอ่ะ ลุกขึ้นมาเต้นเพลงเมียงูหน่อยเร็ว!”
   
ผมที่นั่งสัปหงกอยู่เงยหน้ามองคนเรียก พบว่าเป็นหญิงสาววัยละอ่อนที่ไม่พรหมจรรย์และไม่ใช่สเป็คของผม เธอแต่งตัวเปรี้ยวจ๋าจนผู้ชายที่นั่งข้างหลังผมนั่งมองตาเยิ้มกันเป็นแถบ
   
“อย่านิ่งน้อง โชว์หน่อย!”
   
อายุสามร้อยยี่สิบเอ็ดปีนี่เรียกน้องได้เหรอวะ
   
ผมโคลงหัวอืมๆ กับความคิดตัวเอง ต้องขอบคุณที่แวมไพร์ส่วนใหญ่หน้าเด็กและหน้าผมก็หยุดที่ประอายุยี่สิบปีจวบมาจนปัจจุบัน ประมาณหกร้อยปีรอยตีนการอยแรกถึงจะขึ้นหน้าผม
   
ผมลุกขึ้นยืนอย่างไม่อิดออดและเดินออกไปข้างหน้าตามที่พวกพี่ๆ (นับตามศักดิ์ตอนนี้) ต้องการ ผมยืนด้วยหน้านิ่งสงบไม่ดีดเท่าไหร่เพราะนี่คือเวลากลางวัน ท่ามกลางอากาศร้อนตับแตก รู้ไหมว่าเมื่อเช้าผมต้องโบกครีมกันแดดเป็นชั่วโมงกว่าจะออกมาจากบ้านได้ ไม่งั้นผมคงจะโดนแดดประเทศไทยเผาเป็นจุล
   
“ในฐานะที่น้องเป็นผู้โชคดีคนแรก พี่อยากให้น้องแนะนำตัวเองให้เพื่อนๆ ฟังหน่อย”
   
สาวคนเดิมพูดเจื้อยแจ้ว ดูเธอชอบผมไม่น้อยเพราะมองผมด้วยสายตาเอ็นดูสุดๆ
   
ฮ่า อย่าว่าอย่างงู้นอย่างงี้เลย ผมมั่นใจว่าตัวเองหน้าตาดีอยู่นะ
   
“ผมชื่อเล่นว่า ครูซ ครับ เป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ ไม่ชอบกินกะเทียมครับ”
   
ไม่รู้จะพูดอะไร แต่ที่แน่ๆ ผมอยากให้ทุกคนรับรู้ไว้ว่าผมโคตรของโคตรเกลียดกะเทียม ไม่ต้องถามเหตุผล ผมเป็นแวมไพร์จบนะ
   
ระหว่างที่ยืนผมก็กวาดตามมองเหยื่อ ไม่สิ เพื่อนๆ ที่น่ารักของผม เฟ้นหาว่ามีใครเข้าตาสมควรจะเป็นเหยื่อของผมบ้าง แต่ก็เหมือนๆ กันไปหมด มีคนหน้าตาดีที่เป็นสเป็คผม แต่ผมก็เบื่ออ่ะ พวกนี้บางทีก็ขี้เก๊กเข้าหายาก ผมแค่อยากกินเลือดไม่ได้อยากได้เป็นรักนิรันดร์ซะหน่อย น่าเบื่อจริงๆ
   
ผมเอาลิ้นดุนแก้มไม่สบอารมณ์ ไม่มีใครเข้าตาเลยอ่ะ รุ่นเดียวกัน สงสัยต้องไปสอยพวกรุ่นพี่สินะ
   
แต่ยังไม่ทันสำรวจเพลงก็มา ทำให้ผมต้องเต้นอย่างอดไม่ได้ จริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากเต้นหรอกแต่มันช่วยไม่ได้
   
มีเสียงผิวปากทันทีที่ผมเริ่มออกลวดลาย แน่ล่ะ ผมไปนั่งหาเหยื่อตามบาร์ตามผับเป็นร้อยๆ ปี คิดเหรอว่าสเต็ปผมจะน้อยกว่าชาวบ้าน บอกเลยผมนี่ไปเป็นหางเครื่องหมอลำไม่ก็แดนเซอร์ได้สบายๆ แต่ผมไม่ทำหรอก เสียชาติเกิดแวมไพร์ตายเลย
   
ผมหลับตาเต้นยิ่งมีคนกรี๊ดกร๊าดเพราะผมเต้นเกินเบอร์ไปมากสำหรับเพลงนี้ จากเพลงที่เต้นในวันกีฬาสีผมทำให้มันเป็นเพลงที่สามารถเต้นแบบฟูลเทิรน์ได้
   
แต่พอผมกำลังจะหยุดเต้นเพราะเพลงจบ เพลงอื่นๆ แม่งก็มา
   
โอ้โฮ ผมเริ่มคิดถึงชีวิตสงบสุขล่ะ อายุปูนนี้ (เทียบกับอายุพวกมนุษย์) ทำไมผมต้องมาเต้นแด่วๆ เรียกเสียงกรี๊ดด้วยวะเนี่ย โอ๊ย ถึงมันจะเพิ่มเปอร์เซ็นในการตกเหยื่อให้ผม แต่ผมก็ขี้เกียจเต้นนี่นา แดดก็ร้อน ง่วงก็ง่วง ผมคิดถึงตอนกลางคืนนน อย่าลืมสิว่าแวมไพร์เป็นสัตว์กลางคืนนะ
   
ผมเต้นไปอีกสองสามเพลงในที่สุดวิบากกรรมก็จบลง
   
ผมหอบแฮ่กเพราะแม่งร้อนมาก ครีมกันแดดที่ใช้กันในหมู่แวมไพร์เริ่มระเหยจนผมต้องรีบทาใหม่ก่อนที่ผิวจะไหม้และผมก็จะกลายเป็นเถ้าถ่านนน
   
ว่าไปนั่น
   
แวมไพร์ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นครับ พวกผมก็แค่ไม่ชอบแดดเท่านั้นเอง มันทำให้พลังเราถดถอยและแสบตา ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นฆ่าแกงกันได้หรอก ไม่งั้นพวกผมคงจะสูญพันธุ์กันไปนานละ
   
“เต้นเก่งนะเนี่ย สนใจเป็นหลีดไหมคะน้อง”
   
ผมส่ายหัวหัวเราะแห้งๆ ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจโบกครีมกันแดด
   
หลังจากโดนชวนคุยอีกสองสามประโยคผมก็เป็นไท ได้รับการปล่อยตัวกลับไปนั่งที่เดิมและนั่งดูเพื่อนๆ ที่ซวยเป็นรายต่อไปออกไปเต้น ก่อนจะได้ทำกิจกรรมร่วมกันอีกสองสามอย่างที่สำหรับผมแล้วไม่น่าสนใจเท่าไหร่ ผมไม่ได้อยากรู้จักคนอื่นมากขนาดนั้นนี่นา ถึงผมจะยิ้มโง่ๆ เหมือนเป็นมิตรกับทุกคนบนโลกก็เถอะ
   
“ต่อไป กิจกรรมกระชับสัมพันธ์พี่น้องครับ!”
   
ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่นั่งหาวถึงจะแอบหลับไปสองสามรอบก็เถอะ ผมกลอกตามองรุ่นพี่ปีสองไม่กี่คนที่ดูไม่น่าสนใจเท่าไหร่เบื่อๆ ขนาดผมสำรวจครบทุกคนในนี้ ยังไม่มีใครโดนใจเลยอ่ะ
   
อยากได้แบบตรงสเป็ค แปลกใหม่ น่าอร่อย อะไรงี้อ่ะ โลตัสมีป่ะ ผมจะไปช็อปตอนเย็น
   
“น้องครูซออกมาเลยครับ!”
   
อืม แจ็กพอตแตก
   
ผมออกไปยืนที่เดิมอย่างไม่อิดออด สานสัมพันธุ์ทวดของทวดกับหลานน่าจะถูกต้องกว่า เพราะอายุผมเกินคำว่าน้องไปเยอะละ
   
“พี่จะให้น้องเต้นแมงมุมกับพวกพี่คนใดคนนึงนะครับ น้องเลือกมาเลย”
   
มีเสียงฮือฮาเพราะเพลงแมงมุมนี่ท่าค่อนข้างล่อแหลมพอตัว แต่ผมไม่ตื่นเต้น ก็เหตุผลเดิมอีกแหละ คนที่นี่มันไม่เข้าตา ไม่เร้าใจ ไม่ใช่สเป็ค ไม่อยากเลือกใครสักคนเลยอ่ะ
   
ผมกลอกตามองรุ่นพี่ผู้ชายที่แต่ละคนดูสนอกสนใจผมไม่น้อย แน่ล่ะ ผมรู้ตัวว่าหน้าตัวเองไม่ได้เหมาะกับเป็นพวกเดือนคณะหรอกเหมาะกับอย่างอื่นมากกว่า
   
ผมพยายามหาคนที่เข้าตาที่สุด คนที่ผมอยากเต้นด้วยที่สุด แง ไม่มีเลยอ่ะครับ โดนแต๊งอั๋งทั้งทีขอคนที่อยากได้หน่อยสิ
   
ระหว่างที่ผมอับจนหนทางในชีวิต
   
ในที่สุดก็มีคนที่เข้าตาผม
   
ตาผมลุกวาว เขี้ยวแทบโผล่
   
โอ๊ยยยย น่ากินนนน
   
ผมชี้เลยครับ ไม่สนอะไรทั้งนั้น กูต้องได้
   
“ผมอยากเต้นกับพี่คนนั้น”
   
พี่ปีสองมองหน้ากันเลิกลั่กเลยครับเพราะผมก็รู้เหมือนกันว่านั่นคือปีสี่ ผู้เข้าใกล้ปริญญาตรีเต็มทนและอดหลับอดนอนมามาก
   
“เอาคนอื่นได้ไหมน้อง พี่คนนี้ พี่ไม่แนะนำ” พี่ปีสองป้องปากกระซิบกับผม
   
ผมส่ายหัวดิก ไม่ ผมจะเอาคนนั้น จะเล่นแมงมุม จะเล่นแมงมุม เล่นแวมไพร์ก็ได้
   
เหมือนเป้าหมายผมสัมผัสได้ถึงแรงปรารถนาของผม จากที่จะเดินไปไหนก็ไม่รู้เบี่ยงเส้นทางตรงมาหาผมครับ
   
เปล่าหรอก ผมแอบสะกดพี่เขานิดหน่อยน่ะ แค่กระซิบนิดหน่อยว่ามาทางนี้เถอะน้า มีคนรออยู่
   
“…”
   
ผมว่าผมน่าจะเล็งมาผิดคนเพราะตอนนี้แม่งเงียบมาก เหมือนทุกคนหยุดหายใจโดยเฉพาะพี่ปีสองที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้กับอยากมุดลงท่อใกล้ๆ
   
อะไรกันเล่า ผมผิดเหรอที่อยากสานสัมพันธ์กับรุ่นพี่อ่ะ
   
“จะให้ทำอะไร”
   
แม้แต่น้ำเสียงที่พูดก็เย็นชามาก ทั้งๆ ที่ใส่แว่น ผมนึกว่าเป็นพวกเด็กเนิร์ดซื่อๆ ซ่อนความแซ่บซะอีก เฮ้อ แม่งไม่ใช่อ่ะ เหมือนผมจะเอาตัวปัญหาเข้ามาตัวเองซะแล้ว
   
เสียดายหน้าชะมัด ออกจะหล่อสันกรามใบหน้าชัดเหมือนพวกนายแบบฝรั่ง เห็นได้ชัดว่าเขาได้ชาติพันธุ์ยุโรปมากกว่าผม เพราะร่างกายก็สูงใหญ่ยืนเต็มความสูงผมยังต้องเงยหน้า แต่ผมบินได้ ฉะนั้นไม่นับ
   
“พี่เขาให้เต้นแมงมุม” ผมยิ้มโง่ๆ ให้พี่เขา “ผมเลยชวนพี่มาเต้นกับผม”
   
อย่าลืม อายุไม่ใช่ตัวเลข ผมแก่กว่าคนตรงหน้าสามสี่รอบและผมสามารถเขมือบคนตรงหน้าได้ถ้าต้องการ
   
ใบหน้านั่นก็ยังนิ่งไร้อารมณ์แต่แบบดูออกว่าแววตานั่นสนใจผมไม่น้อยที่กล้าต่อกรกับเขา
   
โห ก็นี่มันมหาลัย คิดว่าตัวเองเป็นใครยิ่งใหญ่มาจากไหนกันเล่า ขนาดผมเป็นแวมไพร์ยังไม่วางท่าใส่ใครขนาดนี้เลย ถ้าให้เดาอย่างมากคนตรงหน้าก็เป็นลูกอธิบดีอะไรทำนองนั้นแหละ ไม่ก็ลูกดารา หรือถ้าไม่ใช่อีกก็ลูกนายก สักลูกแหละที่ไม่ใช่ลูกแวมไพร์เพราะผมสัมผัสกลิ่นอายอะไรไม่ได้เลย
   
“ได้”
   
อีกฝ่ายถอดแว่นตัวเองออกเสียบกับกระเป๋าเสื้อ
   
“ชื่ออะไร”
   
“ครูซ”
   
ผมยิ้มจนตาหยี แม่งน่ากินอ่ะ นิสัยดิบเถื่อนมาก บอกเลย ตอนเคยกำราบหมาป่ามาแล้ว กับแค่มนุษย์คนเดียวโดยเฉพาะคนตรงหน้าผมน่ะเหรอ ไม่คณามือหรอก
   
ไม่เกินสัปดาห์..
   
ไม่สิ ไม่เกินวันนี้
   
บอกเลยว่าเขาอยู่ในสเป็คอันดับหนึ่งของผม
   
“ดิออน”
   
เขายิ้มมุมปากให้ผม
   
“เอ่อ พี่ดิออนจะร่วมกิจกรรมใช่ไหมครับ”
   
ผมว่าดิออนอะไรนี่คงใหญ่น่าดู พวกปีสองหงอไปเลย ถึงพวกสาวๆ จะมองกันตาเยิ้มก็เถอะ แต่ใครจะกล้าเข้าไปหาสิงโตที่ดุชิบหายตัวนี้เล่า ถ้าเป็นผมตอนอายุเท่าคนพวกนี้ก็คงกลัวจนหงอเหมือนกัน
   
แต่สำหรับผมมันท้าทาย มีอะไรสนุกๆ ฆ่าเวลาในช่วงอายุที่ยาวนานนี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดละ
   
ผมอาจจะยอมเสียเวลาเล่นด้วยสักอาทิตย์หนึ่ง ถ้าผมเบื่อไปก่อน ก็แค่หายตัวไปซะ จบ ยังไงซะเอกสารทั้งหมดที่ผมสมัครเรียนที่นี่มันก็ของปลอมทั้งนั้น ผมเอาข้อมูลคนในนี้มาผสมๆๆ กันจนมั่ว แล้วผมก็ไปล่อลวงพวกเจ้าหน้าที่ธุรการให้ยัดชื่อผมใส่ในรายชื่อซะพร้อมทั้งแจ้งด้วยว่าผมจ่ายค่าเทอมหมดแล้ว
   
ช่วงชีวิตที่ยาวนานคือสิ่งที่มนุษย์ร้องขอและใฝ่หา
   
แต่สำหรับพวกผมแล้ว มันก็แค่เวลาที่ยืดยาวกว่าคนอื่นๆ เท่านั้น
   
ซึ่งเราก็ค่อนข้างชอบมันมากทีเดียว ใช้ชีวิตในสนุกกว่าพวกมนุษย์เป็นไหนๆ
   
“เต้นสิ”
   
ผมกระพริบตาปริบเมื่อพบว่าอีกฝ่ายลงไปตั้งท่ารอแล้ว
   
เอาจริงดิ
   
ผมช็อคแต่ก็ลงไปตั้งท่าเหมือนกัน แน่นอนว่าผมต้องเป็นแมงมุมตัวเมีย
   
เสียงกรี๊ดดังดื้ออึงตอนที่ดิออนยอมเต้นตามเพลงจริงๆ โดยเฉพาะท่อนขยุ้มๆ นี่ใส่เต็มรุนแรงจนน่ากลัว
   
ผมกลืนน้ำลายเอือก เริ่มกลัวๆ ขึ้นมาบ้าง โอเคผมเข้าใจความกลัวของพวกมนุษย์แล้ว
   
“แมงมุมมันมีแปดขา ขยุ้มๆ!”
   
กรี๊ดดด
   
หึ ผมก็ไม่ยอมน้อยหน้าหรอก อย่าลืมนี่ใคร น้องครูซซอยสี่ สก็อยเถื่อน ขามีรอยท่อ แค่ก ไม่ใช่ ผมไม่เคยเป็นสก็อยสักหน่อย เป็นแค่แวมไพร์เรียบร้อยคนนึงเท่านั่นแหละ
   
ยิ่งเราขยับเข้ามาใกล้กันเสียงกรี๊ดก็ยิ่งดัง ผมสัมผัสได้ถึงไทยมุงเหมือนมาดูของแปลก เออ เป็นผมก็ดูเหมือนกันแหละ ถ้าไอ้ของดีประจำคณะยอมลดตัวมาเต้นกับน้องเฟรชชี่สุดน่ารักอย่างผม
   
“ขยุ้มๆๆๆ!”
   
โอ มาย แวมไพร์
   
ฮือออ สุดว่ะ สุดจริง โอ๊ยยย
   
ทำไมต้องเน้นท่อนขยุ้มว่ะ ไอ้มนุษย์บ้านี่แม่งขยุ้มใส่ผมจนผมหน้าแดงก่ำไปหมด ผมสู้แรงมันไม่ได้โดยเฉพาะท่ามกลางอากาศร้อนระดับองศาไม่เป็นมิตรกับแวมไพร์แบบนี้
   
“เอาขาเกี่ยวเอวสิ”
   
มันกระซิบข้างหูจนผม
   
“เล่นแรงไปนะ”
   
ผมบ่นอุบเอาขาเกี่ยวแล้วแทบร้องลั่นเพราะขยุ้มอีกแล้ว!
   
กรี๊ดดด
   
นี่ถ้าผมเป็นแมงมุมคงบี้แบนตายแม่งตรงนี้แหละ
   
ผมโอบคอเจ้ามนุษย์งี่เง่านี้ไว้และพบว่าตัวเองไปแตะอะไรที่แสบร้อนเข้าจนเผลอปล่อยมือเกือบล้มกระแทกพื้นถ้าไม่ได้แขนโอบหลังเอาไว้ทัน
   
“อย่างที่คิด”
   
เสียงทุ้มพูดพร้อมหัวเราะในลำคอ นัยน์ตาสีเทานั่นวาวโรจน์
   
ผมหน้ายู่เพราะเริ่มรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายเป็นตัวอะไร
   
“แมงมุมมันมีแปดขา ขยุ้มๆๆ”
   
โอ๊ย ขยุ้มอยู่ได้ ทนไม่ไหวแล้วนะ
   
ผมเกาะมันทั้งตัวราวกับเป็นแมงมุม ขาตวัดใส่เอว แขนโอบรอบคอโดยพยายามเลี่ยงสร้อยเงินแบบสุดๆ เอาสิ หนักขนาดนี้ยังมีแรงขยุ้มอีกไหม

ไอ้พวกวาติกัน!
   
ฮือ ทำไมผมต้องซวยมาเจอพวกล่าแวมไพร์ด้วยนะ อุตสาห์เลือกประเทศที่วาติกันน้อยๆ แล้ว ก็ยังจะเจออีก แผนการกินไอ้ดิออน ล่มแล้ว ผมไม่เอาแล้ว เต้นเสร็จผมต้องหนีไป ไม่งั้นผมคงจะโดนพวกมันจับไปสับๆๆๆ ต้มกินแน่ แง แม่จ๋า ครูซ กลัวแล้ว
   
ใจจริงผมอยากเปลี่ยนร่างเป็นค้างคาวและบินหนีมาก แต่กฎสำหรับชาวเราในตอนนี้หรือก็คือโลกใหม่คือไม่ทำให้พวกมนุษย์ปัจจุบันล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเรา
   
ผมเลยต้องทนและทน ไอ้ดิออนนี่มันไม่กล้าฆ่าผมท่ามกลางคนเยอะขนาดนี้หรอก
   
แม่งทำไมผมโง่ขนาดนี้ ไปเรียกเพรชฆาตมาฆ่าตัวเองซะงั้น แงๆๆ ตอนนี้อยากกระซิบใส่หัวมันว่าไปซะ ชิ่วๆ ผมไม่น่ากินหรอก ไปไกลๆ ไป้
   
“กลัวเหรอ”
   
มันกระซิบผมตอนที่ขยุ้มใส่จนผมตัวแทบหลุดจากการเกาะกุม
   
“เออ”
   
ผมยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ยางอายของน้องครูซหมดไปตั้งแต่ร้อยปีแรกแล้ว ที่เหลือผมอาศัยความหน้าด้านในการอยู่กินล้วนๆ ผมเคยไปนั่งขอทานด้วยล่ะ (ผมขโมยเสื้อที่ตากมาใส่แล้วก็ไปนอนตามสะพานลอย ตื่นมาเงินเต็มเลย อาชีพนี้ดีมาก แต่ผมกลัวเจ้าถิ่นปาดคอจับย่างเป็นค้างคาวแดดเดียว)
   
ต้องขอบคุณที่สมัยนี้มีสมาพันธ์แวมไพร์ให้พึ่งพา เวลาผมตกทุกข์ได้ยากก็ไปขอพึ่งพิงได้เป็นพักๆ โดยแลกกับการทำภารกิจของสมาพันธ์อย่างการออกไปหาเลือดให้อะไรทำนองนั้น ไม่ยากหรอก ที่ใช้ก็มีแค่สมองอันชาญฉลาดของน้องครูซแล้วก็กำลังนิดหน่อยเท่านั้น
   
เอ้ เหมือนผมลืมอะไรไป
   
“ขยุ้มๆๆ”
   
โอเค ผมรู้ละ
   
“พี่ดิออนน หนูเขินนนน แงงง”
   
ผมกำลังโดนขยุ้ม อ้ากกกก
   
คือถ้ามันไม่เป็นวาติกันจะดีใจมาก แต่พอมันเป็นวาติกันแล้วเสียวสันหลับวาบๆ เลยอ่ะ
   
โดยเฉพาะตอนนี้ที่เปลี่ยนเป็นท่ายืน มันอุ้มผมแล้วขยุ้ม ผมก็เห็นสร้อยเงินเป็นรูปไม้กางเขนและรอยสักของพวกวาติกันที่คอมันได้อย่างชัดเจน
   
ซวยซ้วยซวย ทำไมกูซวยอย่างนี้
   
ผมน้ำตาแทบไหล ตัดพ้อชีวิต ฮึก ทำไมกูโง่ขนาดนี้นะ แม่จ๋า ช่วยครูซด้วย โดนปิ้งแน่
   
ผมรู้เลยว่าหน้าตัวเองตอนนี้ปลงโลกมาก เหมือนมนุษย์อายุมากที่ชอบออกมาพูดคำคมว่า ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ แต่ผมเป็นแวมไพร์ ผมยังไม่อยากปลงโลกโว้ย
   
“ผม ผมไม่เคยกินเลือดคนนะ”
   
ผมโกหกคำโต ไม่เคยก็บ้าแล้ว อยู่ยังไงมาถึงสามร้อยปี
   
“ฉันไม่สน”
   
แง มันฉลาดอ่ะ เออ เป็นผมก็ไม่เชื่อหรอก แวมไพร์ที่ไหนไม่กินเลือดคน บอกเลยว่าเลือดคนอร่อยที่สุดแล้วโดยเฉพาะเลือดบริสุทธิ์ของพวกวาติกันที่เขาเล่ากันว่าหวานอร่อยมาก ผมไม่รู้จริงเปล่าเพราะไอ้คนเล่ามันตายแล้วอ่ะ โดนวาติกันจัดการไปแล้ว
   
และผมก็ศพต่อไปไง แงๆๆ
   
ในที่สุดเวลาของผมก็หมดลง เพลงแมงมุมจบแล้ว ทุกคนปรบมือเกรียวกราวตอนที่ผมลงไปยืนข้างมัน
   
“พี่ขอตัวน้องแปปนึงนะครับ”
   
ผมกำลังจะเดินหนีเพื่อชีวิตน้อยๆ ของตัวเองก็โดนดึงคอเสื้อเอาไว้
   
ฮึก นี่สินะ ความรู้สึกของเหยื่อที่กำลังจะถูกกระทำ อะไรกัน ปกติผมก็กินเลือดมนุษย์แบบยุงนะ กินตอนหลับแล้วก็ไป เนี่ย สันติ ไม่มีใครตาย ทำไมต้องใจร้ายกับผมด้วยย
   
ทำไมมมม
   
แงงงง
   
ผมจะร้องไห้แล้ว แก่แล้วก็ช่าง ผมไม่สน ผมกำลังจะตายยย ม่ายยย
   
“อย่าปิ้งผมนะ ฮึก ผมยอมแล้ว”
   
ผมน้ำตาแตกตอนที่โดนลากคอออกมา แม่จ๋า ผมขอโทษที่ดื้อ ที่ผมไม่เชื่อฟังตอนที่แม่สอนว่าอย่าเก็บผู้ชายทุกคนที่หล่อ แง มันอันตรายมากจริงๆ ผมกำลังจะตายแล้ว
   
“มาที่นี่ทำไม”
   
“มาหาความรู้”
   
ปากไวไปหน่อย เจ้ามนุษย์นี่ทำหน้าเหมือนจะฆ่าผมเลย
   
แง ก็มันเป็นคำตอบปกติของพวกมนุษย์นี่นา
   
“ก็ได้ๆ มาหาอะไรกิน”
   
ผมนั่งตัวลีบทำหน้าเจี๋ยมเจี๊ยม
   
“มันหิวอ่ะ ยังไม่ได้กินอะไรเลยมาสองสามวันแล้ว ที่นี้เบื่อๆ เห็นมหาลัยพวกมนุษย์กำลังเปิด ก็เลยมาสมัครเรียนแล้วก็หาเหยื่อน่ากินๆ สักคน แต่อย่าเข้าใจผิดนะ! นายไม่รู้เหรอว่าชาวแวมไพร์กินเลือดกันแต่พอดีกันมาเกือบห้าร้อยปีแล้ว ไม่มีข่าวมนุษย์ขาดเลือดตายตั้งนานแล้วนะ!”
   
ผมพยายามหาเรื่องต่อชีวิตให้ตัวเอง ถ้ามันจะฆ่าผมจริงๆ ผมก็จะบินหนีตอนนี้เลยล่ะ ไม่สนกฎแล้ว ผมไม่อยากโดนปิ้ง ฮึก ผมยังอยากอยู่ต่อนะ
   
“นายสนใจฉัน?”
   
ผมหลับตาหยีพยักหน้าหงึกๆ ทั้งน้ำตา
   
“ก็ ก็นายน่ากินอ่ะ กลิ่นหอมด้วย”
   
“อายุเท่าไหร่แล้ว”
   
“สามร้อย! สามร้อย อย่าฆ่าฉันเลย ฉันยังอยากอายุยืนมากกว่านี้นะ”
   
ผมหดคอหนีเมื่อได้กลิ่นหอมเข้ามาใกล้ตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
   
“ก็ได้”
   
ผมกำลังจะดีใจแต่ก็ไม่กล้าดีใจ อย่าลืมสิ พวกวาติกันเชียวนะ พวกนี้มันไว้ใจไม่ได้หรอก
   
“แต่ฉันมีข้อแลกเปลี่ยน”
   
ผมมองหน้าดิออนที่กำลังยิ้มน่ากลัวใส่ผม
   
“นายต้องมาอยู่กับฉัน”
   
ผมอ้าปากค้าง
   
ข้อเสนอบ้าๆ ! เหมือนให้เนื้อสเต็กนอนกับหมาอ่ะ ตื่นมาหมดเกลี้ยง ไม่สิ ผมเปรียบเทียบแปลกๆ แฮะ แต่ที่แน่ๆ ผมไม่นอนกับมันแน่ ผมยังรักชีวิตน้อยๆ ของผมอยู่ ที่ผ่านมาผมไม่เคยทำใครตายเลยนะ
   
“ไม่เอาได้ไหม”
   
ผมทำตาปิ้งๆ หวังว่ามันจะสงสารแวมไพร์ตัวน้อยๆ นี้บ้าง
   
“งั้นฉันจะฆ่าแกตอนนี้เลย”
   
ไม่ว่าเปล่ามันหยิบมีดเงินที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมออกมาควงให้ผมเห็น
   
ผมกลืนน้ำลายเอือกเหมือนมีน้ำตารวมอยู่ด้วย
   
“ก็ได้ นายชนะ เอาเลยๆๆ ฮึก ฮือออ”
   
ชีวิต.

   

แท่นแท้น
   
ตอนนี้ผมกำลังกลิ้งอยู่บนเตียงดิออนครับ นุ่มมาก จนเผลอหลับไปสามรอบ ลืมไปเลยว่าจะหนี โอเค ตอนนี้คิดออกแล้ว งั้นหนีเลยละกัน
   
พรึ่บ
   
ผมกลับร่างค้างคาวเพื่อสะดวกแก่การหลบหนี ตัวขนาดเท่าฝ่ามือ ผมบินพึ่บพั่บไปยังหน้าต่างที่เปิดออก ถึงตอนนี้จะยังเป็นเวลากลางวันแต่ใครสนล่ะ ผมจะไม่มีวันโดนปิ้งที่นี่แน่ๆ
   
บ๊ายบายยยย
   
เปรี๊ยะ
   
ผมกระเด้งกลับไปกองบนพื้น มีกลิ่นเหม็นไหม้
   
ใช่ ผมโดนช็อต ผมโง่เองที่ไม่ดูว่ามันคงไม่ปล่อยผมไปง่ายๆ หรอก แม่งร่ายอาคมไว้ โอเค ตอนนี้ผมกลายเป็นค้างคาวปิ้ง แหง่กๆ อยู่บนพื้นละ
   
เออ กูมันโง่ เยาะเย้ยสิ นอกจากแก่แล้วยังโง่อีก ฮืออออ
   
ผมร้องไห้ทั้งร่างค้างคาว เสียงออกมาเป็นกี้ๆๆ นอนแปะอยู่พื้น ถ้าไอ้ดิออนเดินแบบไม่ดู ผมคงโดนแม่งเหยียบตายแบบโง่ๆ เลยล่ะ
   
แงงงง   
   
“เป็นอะไร”
   
พูดถึงก็มา มันหยิบผมที่สภาพเหมือนผ้าขี้ริ้วมาวางบนมือมันด้วยสายตาสมเพชเวทนา
   
“ฮึก”
   
ผมร้องไห้ใส่มัน เอาเมนูอะไร ค้างคาวแดดเดียวหรือค้างคาวย่างเกลือ
   
“ขอร่างมนุษย์”
   
ฮือออ ผมงอแง กลัวแล้วว ยอมแล้ววว ทำไมในกลุ่มไลน์แวมไพร์ประเทศไทยไม่เห็นบอกว่ามีวาติกันอยู่มหาลัยนี้ ทำมายยยย
   
“ฮึก อย่าฆ่าฉันเลย”
   
ร้องไห้ไม่แคร์อายุเลย ผม แต่แบบโฮ ผมเข้าถ้ำเสือแล้วอ่ะรอสับแล้วหั่นกินอย่างเดียว
   
ผมตัวสั่นงึกๆ ผมเคยโดนพวกวาติกันจับไปรอบนึง เกือบตาย มันปลอมตัวเป็นเสี่ยขี้เมาแล้วหลอกผมว่าจะให้ตังค์ ผมก็เลยเออออตามมัน สรุปผมโดนมอมเหล้าแล้วตื่นมาก็โดนขึงอยู่บนไม้กำลังจะโดนเผา โชคดีมีแวมไพร์ใจบุญมาช่วยผมก่อน ผมเลยรอด
   
“แก่แล้วนะ ร้องไห้ก็ไม่น่ารักขึ้นหรอก”
   
“ฮึก”
   
ผมตัวสั่นยกมือขึ้นปิดหน้า
   
ตายแน่ ตายแหง๋ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต
   
“…?”
   
ผมเบิกตากว้างเมื่อโดนดึงมือออกแล้วถูกอุ้มเหมือนลูกแมว คือช้อนใต้รักแร้ผมแล้วมันก็พาผมไปห้องน้ำซึ่งมีอ่างอาบน้ำที่ถูกเปิดน้ำใส่จนเต็ม มันลอกคราบผมภายในพริบตาแล้วจับผมลงน้ำ
   
คือยังไม่ทันขัดขืน รู้ตัวอีกทีก็ฟองเต็มหัว
   
มันทำเหมือนผมเป็นเด็กอาบน้ำไม่เป็นอ่ะ ตอนนี้ผมกำลังนั่งงงโดยที่มันดึงแขนผมไปขัดให้พร้อมพิจารณาตัวผมไปพลางๆ เหมือนแม่ครัวที่กำลังพิจารณาปลาสดว่าปลาตัวนี้เหมาะสำหรับทำอาหารหรือไม่ แน่นอนว่าผมไม่ใช่ปลา ผมเลยร้องแว้กเมื่อได้สติ
   
“ฮือออ อย่าฆ่านะ ขอโทษ ฉันจะอดเลือดเดือนนึงเลย เอ้า! แต่ แต่สองสามวัน ก็หิวแล้วอ่ะ อะลุ้มอล่วยหน่อยนะ ขอวันเดียวพอ”
   
แปลกที่มันไม่ตอบแต่ยื่นแขนของมันให้ผมแทน
   
“จะทำอะไร!”
   
ผมผวาเฮือกถอยกรูดหลังชนอ่างพยายามหนี มันจะบีบคอผม ช่วยด้วยๆๆ ผมเป็นแวมไพร์รักสันติ ต่อสู้ไม่เป็น เผ่นเป็นอย่างเดียว ที่ผมภูมิใจที่สุดในฐานะแวมไพร์คือผมหาเหยื่อเก่งมาก แค่นั้นแหละ ผมเลยไม่อดตายซะก่อน
   
“จะกินไหม”
   
มันทำหน้าเหนื่อยใส่ผม เฮ้ๆ ผมแก่กว่ามันตั้งสี่ห้ารอบเลยนะ!!! เคารพกันหน่อย
   
“อยากกินตรงคอ”
   
ผมช้อนตามอง จากการเป็นแวมไพร์สามร้อยปีจากคอคือมุมดีสุด
   
“ถ้าเยอะมากนักก็ไม่ต้องกิน”
   
“กินๆๆๆ”
   
ผมคว้าแขนที่ตอนนี้เป็นมื้อเที่ยงของผมไว้อย่างหิวโหย
   
“ให้กินแน่นะ”
   
ผมมองมันอย่างไม่ไว้ใจนัก แม่ผมสอนว่าอย่าไว้ใจคนง่ายโดยเฉพาะพวกวาติกัน แต่ท้องผมมันก็ร้องจ็อกๆ อ่ะ
   
“จะกินก็รีบกิน”
   
มันมองผมแบบเหนื่อยใจมาก จนผมรู้สึกผิดอ่ะ อะไรวะ
   
ผมหน้ามุ่ยคว้าแขนมันขึ้นมางับ
   
“!!!!”
   
นี่ถ้าเป็นพวกการ์ตูนของมนุษย์ คงมีสายรุ้งพุ่งออกจากปากผม
   
อร่อย! อร่อยมาก ผมว่าเจ้ามนุษย์นี่ตัวหอมแล้วนะ เลือดหอมกว่าแล้วยังอร่อยมาก
   
ผมดูดกินอย่างตะกละตะกลามก่อนจะโดนดีดหน้าผากจนต้องร้องโอดโอย ยอมอ้าปากปล่อยแขนออกจากปากไป เลือดที่เปรอะอยู่ตามปาก ผมใช้ลิ้นเลียจนหมดแล้วมองคอเจ้าดิออนนี่ตาวาว
   
อยากกินอ่ะ ยังไม่อิ่มเลย
   
“อย่าเยอะ”
   
“ทำไมถึงให้กินเลือดล่ะ ทำไมไม่ฆ่า”
   
อันนี้ผมสงสัยจริงเพราะดิออนอะไรนี่ ผมสัมผัสได้เลยว่าเลือดมันบริสุทธิ์มาก น่าจะมาจากพวกตระกูลนักบวชของพวกวาติกันเลยล่ะ มันสามารถข้าผมที่เป็นแวมไพร์ไร้สาระไปวันๆ ได้ง่ายมาก ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเลยล่ะเพราะผมไม่มีพิษภัยอะไร เป็นมิตรกับโลกใบนี้ที่สุด
   
“ก็แค่อยากลองเลี้ยงสัตว์เลี้ยงดูบ้าง”
   
มันตอบสบายๆ แต่หางคิ้วผมกระตุก
   
“เฮ้ๆ ฉันอายุสามร้อยปีนะ เป็นทวดของทวดนาย เคารพกันหน่อยสิ”
   
ผมเท้าเอวโวยวายทั้งๆ อยู่ในอ่างเนี่ยแหละแต่พอเหลือบไปเห็นปืนที่เหน็บตรงเอวดิออน ก็หดคอนั่งเจี๋ยมเจี๊ยมเหมือนเดิม
   
โถ ครูซ แกนี่มันกากจริงๆ
   
ผมน้ำตาตกใน ถ้าออกไปได้ผมจะไปฝึกต่อสู้อย่างจริงจังแล้ว!!!


===================

จริงๆ เรื่องนี้เคยเขียนเป็นแนวโรงเรียนแต่เอามาปรับใหม่  :z2:   

หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 04-06-2018 14:50:28
ยังไม่จบใช่ไหม........ :mew1:
ติดตามตอนต่อไปปปปปปป
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 04-06-2018 16:35:02
ครูซตลกดีอ่ะ..ชอบ รอตอนต่อไปจ้า  :pig4: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 06-06-2018 02:15:06
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 06-06-2018 10:16:55
แปลกดีค่ะ ..
แต่ก็ดูว่าจะน่ารักนะเรื่องนี้

งั้นรอค่ะ o18
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: ρℓuto ที่ 09-07-2018 10:27:39
นุ้งครูซน่ารักมากกก
มาต่อน้าๆๆ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 09-07-2018 17:15:31


  o18 o18   :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: M_mA ที่ 09-07-2018 18:07:54
ติดตามจร้า รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: kedtawan ที่ 13-07-2018 23:22:49
ครูซ ตลกอ่ะ น่ารักด้วยย รอตอนต่อไป  :hao5:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-07-2018 20:51:21
ครูซดูไม่เต็มเท่าไหร่ เหมือนเด็กน้อยเลย 5555555
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-07-2018 23:50:05
น้องอายุสามร้อยหรือสามขวบคะ น่ารักม๊ากมากกกกก  :mew1:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 17-07-2018 18:39:05
โอ๊ยยเอ็นดูครูซ จะไปกินเขาหรือจะโดนเขาจับกินล่ะเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 17-07-2018 19:02:43
รออยู่น้าา เฮียครูซเกรียนมาก555 :hao7:  ดิออนก็กร๊าวใจเฟอร์ :impress2: :o8:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: Stmmltww ที่ 12-08-2018 23:42:35
น้องงงงงน่ารัก :hao5: :hao5: :hao5:
แม้จะอายุสามร้อย แต่น้องงงงงงงมากๆเลยค่ะ :ling1:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 13-08-2018 00:21:48
โง้ยย ติดตามค่ะ น่าสนุกๆ  o13
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: Kumamon_Kung ที่ 13-08-2018 03:11:14
น้องน่าเอ็นดูมากเลย แงๆๆๆๆ  ยังมีต่อใช่ไหมคะ  รอนะค่าาาาาา
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 13-08-2018 14:16:22
อีตาดิออนนี่ก็เอ็นดูทวดครูซใช่ไม๊พูดดด
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: CRP_N ที่ 18-08-2018 09:50:50
รอๆๆๆ รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 20-08-2018 09:52:08
เอ็นดูคุณปู่ครูซอ่ะ ทำอะไรเขาไม่ได้ก็ร้องไห้ใส่ซะเลย เอ็นดูววววว
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 13-10-2018 08:22:58
น่ารักอ่ะะ ครูซจะมารักยังไงเนี่ย กลัวขนาดนี้
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: will1234 ที่ 14-10-2018 07:53:32
สนุก :3123:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 16-10-2018 19:31:55
น้องงง จะมาสายน่ารักหรือสายฮา  :m20:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 18-10-2018 10:29:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: ืnpht ที่ 07-01-2019 21:48:15
ชอบ. รอติดตาม


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 1
เริ่มหัวข้อโดย: skies ที่ 16-01-2019 15:32:12
น้องอยู่มาถึงสามร้อยปีได้ไงอะ 55555 รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 15-03-2019 01:24:21
VAMPIRE PROBLEM ;w; #2


ตลอดสามร้อยปีที่ผ่านมา ผมมักจะพาตัวไปอยู่ในสถานการณ์ซวยๆ เสมอ และผมก็สามารถเอาตัวรอดออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจมาตลอด บางทีก็มีแวมไพร์คนอื่นมาช่วยพอดี บางทีผมก็สามารถใช้ความสามารถอันน้อยนิดของตัวเองหนีออกไปได้
แต่การซวยรอบนี้ของผม แม่งเป็นการซวยที่ซวยที่สุดในชีวิตผมเลย ซวยในขนาดที่ว่าผมมืดแปดด้าน คิดหาหนทางหนีไม่ได้สักทาง ทำได้แต่นั่งน้ำตาซึม จินตนาการถึงโลกหลังความตายว่าผมจะได้ไปไหน

สวรรค์เหรอ? ผมไม่ได้ไปแน่ๆ เพราะเป็นแวมไพร์ อาจจะได้ไปนรกแทน แต่ผมก็ไม่เคยฆ่ามนุษย์สักคนนะ แล้วแวมไพร์ที่เป็นมิตรกับโลกใบนี้ที่สุดอย่างผมจะได้ไปอยู่ไหนเนี่ย

คิดไปคิดมา ผมก็เริ่มเครียดอยู่ไม่สุข

เพราะอะไรน่ะเหรอ?

ก็เพราะผมยังไม่อยากตายยังไงเล่า!

“นั่งดีๆ ”
   
“หึ”
   
ผมหน้ายู่ใส่พวกวาติกันตัวร้ายที่บังคับให้ผมไปมหาลัยด้วย ทั้งๆ ที่ผมกะจะใช้เวลาที่มันไปเรียนในการหากลวิธีในการหลบหนีออกจากคอนโดที่มีแต่อาคมซะหน่อย
   
“ต่อให้นายอยู่ห้องฉันอีกปี นายก็ไม่มีปัญญาหนีออกมาจากห้องฉันหรอก”
   
นี่มันจะดูถูกกันเกินไปแล้ว! ถึงผมจะโดนจับอันดับว่าเป็นแวมไพร์ที่มีพลังของแวมไพร์น้อยเป็นอันดับท้ายๆ แต่ผมก็ได้รับการโหวตว่าหน้าตาดีที่สุดนะ!
   
“ไม่จริงสักหน่อย”
   
ผมบ่นอุบ พยายามทำตัวใจกล้าแม้ว่าขาจะสั่นผั่บๆ ก็ตาม อย่าลืมสิว่าผมกำลังอยู่กับตัวอะไร ผมอยู่กับพวกวาติกันเชียวนะ ถึงผมจะเก๊กทำเป็นไม่กลัวแต่ความจริงผมกลัวมาก เพราะแม่เคยเล่าให้ผมฟังตอนผมอายุไม่กี่ขวบว่าพวกวาติกันอันตรายมาก พวกมันชอบจับแวมไพร์ไปปิ้งแล้วก็หั่นแบ่งกันเหมือนเป็นหมูหันเลย!
   
แน่นอนว่าผมยังไม่อยากเป็นหมูหัน ค้างคาวแดดเดียว ค้างคาวย่างเกลือ หรืออีกสารพัดเมนูอร่อยของพวกวาติกัน ผมจึงต้องหาทางหนีไปจากไอ้ดิออนนี้ให้ได้!!!
   
“หิวไหม”
   
ความคิดที่จะหนีของผมชะงักไปทันทีเมื่อนึกถึงรสชาติเลือดของดิออนที่อร่อยมาก อร่อยแบบอร่อยเวอร์ จนวงในของแวมแพร์ต้องจารึกอ่ะ ซึ่งผมก็อยากจะไปเขียนรีวิวเหมือนกันนะ ถ้าผมไม่ตายก่อน
   
“..หิว”
   
ผมตอบเสียงเบา เพราะเมื่อวานผมกินไปนิดเดียวเอง ยังไม่อิ่มเลย
   
“เดี๋ยวให้กินก่อนขึ้นไปเรียน”
   
“อือ”
   
อืม ผมเชื่องมาก เชื่องจนผมงงตัวเองว่าเชื่องอะไรขนาดนั้น แต่เลือดของวาติกันก็อร่อยจริงๆ อ่ะ ผมอยากกินอีกเยอะๆ เลย คือมันเป็นเลือดที่อร่อยที่สุดในรอบสามร้อยปีเลยอ่ะ
   
“มาอยู่ที่นี่นานรึยัง”
   
“ก็ประมาณอาทิตย์นึง”
   
ผมงึมงำตอบ เพราะกำลังทะเลาะกับตัวเองในหัวว่าจะหนีหรือไม่หนีดี  จะหนีก็กลัวมันตามตัวผมไปถึงสมาคม ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริง สมาคมแวมไพร์แห่งประเทศไทยต้องไล่ผมออกจากสมาคมแน่
   
แต่ถ้าไม่ให้ผมหนีไปสมาคมแวมไพร์ ผมก็ไม่รู้จะไปที่ไหนอ่ะ คือวันๆ ที่ผ่านมาชีวิตผมเรื่อยเปื่อยมาก ทักษะการต่อสู้ก็ต่ำต้อย พลังวิเศษผมก็ใช้ไม่ค่อยเก่ง นอกจากหาเหยื่อเก่ง ผมก็ทำอะไรไม่เป็นเลยเอาจริง
   
ทำไมชีวิตผมถึงได้อับจนหนทางขนาดนี้นะ
   
ผมต้องตายแน่ๆ เลยอ่ะ ไม่แน่นะ หลังจากที่ให้ผมกินเลือดเป็นอาหารมื้อสุดท้ายเสร็จมันก็อาจจะมีดเงินแทงผมเลย หรือไม่ก็อาจจะบังคับให้ผมกลับร่างเป็นค้างคาวแล้วเสียบไม้ปิ้งแถวนี้!
   
ยิ่งคิดผมก็ยิ่งกลัว ผมเลยแอบมองหน้าดิออนที่กำลังขับรถอยู่ ก่อนที่จะสะดุ้งจนสุดตัวเมื่อเห็นใบหน้าหล่อๆ นั่นใช้หางตามองผมแล้วเลียริมฝีปาก
   
น่ากลัวมาก!!! แม่จ๋า!!!
   
ครูซกำลังจะโดนกินแล้ว!!!!
   
จากที่ตัวสั่นอยู่แล้วผมสั่นหนักกว่าเดิม ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพวกวาติกันน่ากลัวขนาดนี้ ขนาดตอนที่กำลังจะโดนเผาผมยังไม่กลัวขนาดนี้เลย
   
ผมคู้ตัวปิดหน้าตัวเองไม่กล้ามองหน้าดิออนอีก กลัวจนไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงร้องไห้กับเสียงหัวใจเต้นของตัวเอง
   
“เป็นอะไร”
   
ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกจับแขน ก่อนที่จะน้ำตาแตกออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
   
“ฮืออ ผมสัญญาจริงๆ เลยว่าจะไม่กินเลือดมนุษย์ไปอีกปีนึงเลย ฮึก อย่าฆ่าผมเลย”
   
“…”
   
“จะปิ้งผมหลังจากให้ผมกินเลือดใช่ไหม ฮึก เนื้อค้างคาวไม่อร่อยหรอก!”
   
ผมไม่กล้ามองหน้าดิออนด้วยซ้ำ ตัวสั่นงึกๆ นึกเสียใจเหลือเกินที่หน้ามืดตามัวเลือกเหยื่อเมื่อวาน ผมสาบานเลยว่าถ้ารอดจากวันนี้ไปได้ ผมจะไม่เลือกเหยื่อจากหน้าตาแล้วเพราะมันอันตรายมาก
   
“ฮือออ”
   
“อย่าร้อง”
   
“จะไม่ร้องได้ไง ฮึก ผมกำลังจะตายแล้วนะ!”
   
ผมเงยหน้าตะโกนใส่ดิออนอย่างขวัญเสีย ฮึก ทำไมผมต้องมาจบชีวิตวันนี้ด้วยนะ มีอะไรอีกตั้งเยอะแยะที่ผมอยากทำแต่ยังไม่ได้ทำเลย แงงงง
   
ทำไมต้องเป็นผมด้วย!
   
“…ใครบอกฉันจะฆ่านาย”
   
ผมกำลังจะงอแงต่อกลับถูกมือใหญ่ๆ เช็ดน้ำตาที่คลอเบ้าให้
   
ฮึก ผมรู้นะว่านี่คือการทำให้เหยื่อตายใจ เพราะผมก็เคยทำเหมือนกัน ตอนที่หลอกกินเลือดพวกเด็กๆ ตามคำท้าของเพื่อนแวมไพร์สมัยเรียนของผม
   
“พวกวาติกันไง! นายเป็นวาติกัน แล้วพวกวาติกันก็ชอบกินค้างคาว!”
   
ผมสะอื้นกอดตัวเองแน่น รู้สึกเสียใจเหลือเกินที่วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่บนโลกสวยๆ ใบนี้
   
ฮึก แม่จ๋า ครูซขอโทษนะที่ดื้อมาตลอด
   
ป็อก!
   
“โอ๊ย!”
   
ผมกุมหน้าผากตัวเองที่ถูกดีดอย่างแรงด้วยความเจ็บ มองมนุษย์โรคจิตที่ดูจะเพลิดเพลินกับการรังแกแวมไพร์ที่น่ารักอย่างผมซะเหลือเกิน ฮึก รู้ไหม นอกจากแม่ก็ไม่เคยมีใครกล้าแกล้งผมเลยนะ!
   
ผมเผลอมองมันอย่างตัดพ้อโดยไม่รู้ตัว
   
“แล้วฉันจะบอกอะไรอย่างนะ”
   
“…”
   
ผมเผลอกลืนน้ำลายเอือกเมื่อมันขยับตัวเข้ามาใกล้ผม
   
หอมมากเลยอ่ะ..
   
“ไม่มีวาติกันที่ไหนเขากินแวมไพร์”
   
ป็อก!
   
“โอ๊ย!!!”
   
ผมร้องเสียงหลงอีกรอบเมื่อโดนซ้ำแผลเดิม น้ำตารื้นกว่าเดิมเพราะมันโคตรเจ็บ แต่พอจะโวยวายใส่ก็โดนรอยยิ้มมุมปากของมันมอมเมาจนงุนงง
   
แม่ง.. ผมเริ่มเข้าใจพวกผีเสื้อกลางคืนที่บินเข้ากองไฟเลยอ่ะ..
   
เพราะถึงไฟมันจะโคตรจะอันตรายและทำให้ตาย
   
แต่ผมก็ต้องยอบรับจริงๆ เลยว่าผมก็แอบอยากบินเข้าไปเหมือนกัน
   
ไม่สิ ไม่ๆๆๆ ผมฟุ้งซ่านบ้าอะไรของผมเนี่ย ผมกำลังใช้อากาศหายใจร่วมกับคนที่ล่าพวกพ้องของผมเป็นว่าเล่นอยู่นะ สิ่งที่ผมควรที่สุดคือต้องหนีไปจากไอ้มนุษย์บ้านี้ให้ได้!
   
“หายกลัวรึยัง”
   
“..ก็นิดหน่อย” ผมอ้อมแอ้มตอบ แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าพอรู้ว่าพวกวาติกันไม่กินค้างคาวย่างกันจริงๆ ก็ทำให้ผมโล่งใจขึ้นมาเปราะนึง แต่อย่างไรก็ตามผมก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าผมยังอยู่ในถิ่นศัตรู และผมก็มีโอกาสโดนฆ่าได้ทุกเมื่อ
   
และทุกคนอย่าลืมนะว่าเมื่อกี้มันมองผมแล้วก็เลียปากด้วย!!!
   
ฮึก มันต้องอยากกินผมแน่เลยอ่ะ ใช่ มันต้องอยากกินผมแน่ๆ!! คนอื่นไม่กินแต่มันกินอะไรแบบนี้แน่เลย แบบเป็นพวกชอบเปิบพิสดารอะไรแบบนี้ แต่ผมขอเหอะ ไปเปิบกับสิ่งมีชีวิตอื่นที่ไม่ใช่แวมไพร์ได้ไหมมม
   
“นาย นายหิวใช่ไหม”
   
ผมถามเสียงสั่น พยายามประนีประนอมเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง ในหัวผมนึกถึงนิทานที่แม่เล่าให้ฟังเรื่องหนูกับราชสีห์ เอาจริงๆ แม่เปรียบพวกแวมไพร์เป็นสิงโตนะ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าตัวเองถึงได้ตกต่ำจนถึงขั้นเป็นหนูจี๊ดๆ ก็ไม่รู้
   
มันมองหน้าผมงงๆ แต่ก็พยักหน้า
   
ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมตัวสั่นกึกๆๆ หนักกว่าเดิม
   
“นาย นายก็รู้ใช่ไหมว่าผมอายุสามร้อยปีกว่าๆ แล้ว”
   
“ทำไม”
   
ผมมองหน้ามันพยายามมองด้วยสายตัดพ้อน่าสงสาร ความจริงผมอยากแกล้งตายไปเลยนะ แต่ผมกลัวมันไม่เชื่อแล้วทำให้ผมตายจริงๆ อ่ะ
   
“ความจริงแล้วผมเป็นพวกแวมไพร์เผ่าพันธุ์ใหม่ล่ะ กลายพันธุ์อะไรแบบนี้น่ะ” ผมพยายามแถ โดยงัดความรู้ชีววิทยาสมัยม.ปลายขึ้นมามั่ว ซึ่งมันก็ผ่านมาเกือบสองร้อยปีแล้ว “ผมน่ะ ถึงจะอายุแค่สามร้อยแต่เนื้อเหนียวมากๆ เลยล่ะ ไม่น่ากินหรอก”
   
ไม่ว่าเปล่าผมยกแขนตัวเองขึ้นมาให้มันดูและดึงให้ดูด้วย
   
“เห็นไหม มันเหนียวมากๆ เลย!”
   
“แต่เมื่อวานฉันจับมันก็นุ่มนะ”
   
มันขมวดคิ้วมองผม เริ่มงงว่าผมพล่ามอะไร
   
แต่นี่แหละ สิ่งที่ผมต้องการ!
   
“ร่างกายพวกกลายพันธุ์ก็แบบนี้แหละ เดี๋ยวนุ่มเดี๋ยวเหนียว ไม่น่ากินเลยเนอะ ว่าไหม”

ผมหัวเราะแห้งๆ ประกอบแต่มันขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม

“สรุปคือยังคิดว่าฉันอยากกินนายอยู่?”

“เปล่า เปล่า ผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลย นายไม่ใช่พวกเปิบพิสดารหรอก ฮะๆ ไม่ใช่พวกโรคจิตที่จับแวมไพร์ปิ้งกินเป็นบาร์บีคิวหรอก!”

“…”

“…”

อย่าว่าแต่มันช็อคเลย ผมก็ช็อคตัวเองเหมือนกัน ปฏิเสธยังไงให้เป็นคำตอบของคำถามวะ

ฮึก ยิ่งผมตอบแบบนี้ยิ่งเข้าทางมันแน่เลยอ่ะ ลาก่อนโลกใบนี้ที่แสนสวยงาม ลาก่อนแดดประเทศไทยที่ผมสาปแช่งทุกวันที่ตื่น ลาก่อนทุกๆ คน โลกนี้กำลังจะสูญเสียแวมไพร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่สุดคนนึงไปแล้ว

ผมหลับตาหยี เตรียมรับการโจมตี การแทง การเสียบไม้ย่าง หรืออะไรสักอย่าง ที่ผมคงไม่มีปัญญาหลบ เพราะถ้ามีผมคงไม่โดนไอ้มนุษย์บ้านี้จับมาตั้งแต่แรกหรอก

จุ๊บ

เดี๋ยวนะ ผมว่ามันมีอะไรผิดพลาด

จุ๊บ

เดี๋ยว!!!!

ผมเบิกตากว้างเมื่อไอ้คนที่ควรจะอยู่ตำแหน่งคนขับรถดีๆ กลับมาบดเบียดปากกับริมฝิปากน้อยๆ ของผม หนำซ้ำผมยังเผลอตอบรับมันตามความเคยชินด้วยอ่ะ

“เดี๋ยวๆๆ ”

ผมดันอกมันออกอย่างตื่นตระหนก ตกใจยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าตัวเองได้ตำแหน่งแวมไพร์ที่หน้าตาดีที่สุดในสมาคมอีก

“จูบผมทำไม!”

ผมตกใจมากถอยหนีจนหลังชนบานประตูอีกฝั่งดังปั่ก ตัวสั่นไปทั้งตัวโดยเฉพาะขานี่สั่นผั่บๆ ไม่หยุด

คือผมยอมรับนะ ว่าผมอ่ะ ก็มีความสัมพันธ์กับเหยื่อบางคนบ้าง แต่ก็นานๆ ที ซึ่งถ้าไอ้วาติกันบ้านี้เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆ ผมจะยินดีสานสัมพันธ์ด้วยมาก เพราะมันตรงกับเสป็คผมแทบทุกอย่างเลย

ผมชอบคนแบบมันมาก

แต่มันก็มีคำว่าแต่ใหญ่ๆ อ่ะว่ามันเป็นพวกวาติกัน

ผมไม่โอเคกับการต้องมานั่งระแวงว่าตัวเองจะโดนพวกนี้จับไปเผาตอนไหน เชื่อผมเหอะ ผมเกือบเคยนอนกับพวกวาติกันแล้วแต่บังเอิญผมรู้ตัวก่อน เพราะผมชอบมอมเหยื่อของผมให้เมาและใช้พลังสะกดจิตให้พวกนี้พูดความจริงออกมา

ซึ่งปกติเวลาที่ผมเลือกเหยื่อ ผมก็จะพยายามเซฟตัวเองให้มากที่สุดอ่ะ ก็อย่างที่รู้พลังผมมันอ่อนด๋อยเกินไป และความหน้าตาดีของผมก็ไม่ได้ช่วยให้รอด ผมเลยไม่ค่อยได้นอนกับใคร เลือกแต่เหยื่อที่ดูหลอกง่ายๆ มากินเลือดพอหอมปากหอมคอแล้วค่อยหาเหยื่อรายใหม่ในคืนต่อไป

และยิ่งช่วงนี้ที่ผมมาเข้าเรียนมหาลัย ผมก็จะยุ่งๆ หน่อย เลยไม่ค่อยได้เถลไถลไปหาเลือดกินที่ไหน ทำให้พลังแวมไพร์ของผมยิ่งอ่อนกว่าเดิมมากขึ้นไปอีก จนถ้าแม่รู้ว่าผมปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอขนาดนี้ คงจับผมขึงกับราวตากผ้าให้แดดเผาไปผมไปสักสองสามวันเป็นการลงโทษ

“ก็ไม่ทำไม”

“ดิ ดิออน ถ้านายจะกินผมจริงๆ ก็ฆ่าผมเลยก็ได้ แค่เอาน้ำมนต์สาดผมร่างค้างคาว ผมก็ตายแล้วจริงๆ ”

ความจริงโดนน้ำมนต์สาดมันก็แค่แสบแต่ผมโม้ไปงั้น เผื่อมันคิดจะฆ่าผมจริงๆ ผมจะได้แกล้งตายแล้วหาจังหวะบินหนี เนี่ย แม่ชอบว่าผมโง่ แต่ความจริงผมก็แอบฉลาดนะ

“อะไรที่ทำให้นายคิดว่าฉันอยากกินนายแบบนั้นวะ”

ดูเหมือนผมจะพูดไม่เข้าหูดิออนเท่าไหร่ เพราะมันดูหงุดหงิดมาก อะไรวะ ถึงผมจะเป็นแบบนี้ ผมว่าถ้าผมตายเนื้อผมก็น่าจะอร่อยอยู่นะเว้ย

“ก็ ก็นายเลียปากตอนมองผมอ่ะ ผม ผมก็ต้องคิดดิว่านายน่าจะอยากกินผม”

“ฉันปากแห้งเฉยๆ ไหมล่ะ”

“……”

โอ้โฮ เพราะปากแห้งเลยเลียปาก แล้วที่ผ่านมาผมกลัวอะไรวะ กลัวจนจะเป็นบ้าบนรถแล้วเนี่ย แต่เอาเหอะ ถือว่าผมทำใจรอละกัน เผื่อมันอยากฆ่าผมขึ้นมาตอนไหนจริงๆ ผมจะได้ไม่ต้องมาคิดมาก

“เลิกกลัวฉันสักที ก็บอกอยู่ว่าฉันไม่ฆ่านายหรอก”

ผมมองหน้าคนพูดอย่างไม่ไว้วางใจนัก เมื่อวานใครมันพูดขู่ผมวะ ว่าจะฆ่าตอนนี้เลย หึ พวกมนุษย์นี้มีความจำสั้นจริงๆ เลย! แต่ถ้าถามว่าผมกล้าด่ามันไหม ก็ไม่ เดี๋ยวเกิดมันเปลี่ยนใจฆ่าผมทำไง ผมไม่แย่เลยเรอะ

ฉะนั้นเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของน้องครูซ แวมไพร์ที่เป็นมิตรกับทุกคนอย่างผม ผมก็ต้องปรับตัว ทำตัวเจี๋ยมเจี๊ยมตามที่ไอ้มนุษย์บ้านี้ต้องการ

คอยดูเหอะ ถ้าเผลอเมื่อไหร่ ผมหนีไปแน่!!

“ผมไม่ได้กลัวสักหน่อย”

ตอนนี้ผมไม่กลัวจริงๆ นะ ขาเลิกสั่นแล้ว เหลือแต่มือที่ซ่อนไว้ใต้เสื้อที่ยังสั่นอยู่ ทำไงได้อ่ะ ผมไม่กลัวมันกินแล้วก็จริง แต่ผมกลัวสายตาที่มันมองผมอ่ะ ดูดุมากเลย

“วันนี้มีเรียนไหม?”

“มีช่วงเช้า วิชาเดียว”

ผมเผลอตอบอย่างว่าง่าย ก่อนที่จะงงตัวเองว่าทำไมไม่โกหกวะ

“ดี เดี๋ยวตอนบ่ายพาไปทำธุระ”

มันพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนที่จะยื่นแขนมาให้ผมอีกแล้ว ผมมองมันอย่างไม่ไว้ใจนัก ทำไมอยู่ดีๆ ใจดีจะให้ผมกินเลือดเนี่ย

“จะกินไหม”

ดูเหมือนผมจะนิ่งไปนาน เลยโดนมันถามเสียงดุเลย

ผมหน้าบูด ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เพราะผมไม่ชอบให้ใครมาดุ แต่ผมก็ยอมอ้าปากงับแขนมันอยู่ดี ทำไงได้ ก็ท้องผมหิวอ่ะ แล้วผมก็เพลียมากด้วย อีกอย่างผมก็ไม่ได้กินเลือดมนุษย์แบบอิ่มๆ มาสักพักแล้ว

ซึ่งระหว่างที่ผมกำลังเพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศ (?) อยู่นั้น อยู่ๆ ก็มีเสียงกริ๊กดังขึ้นพร้อมกับความรู้สึกอึดอัดที่ข้อมือข้างซ้ายของผม

ผมเลยจำต้องปล่อยแขนของมันออกก่อนเพื่อโวยวายพอเป็นพิธีเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของการแวมไพร์ที่เหลืออยู่น้อยนิดของผม ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วผมยังอยากกินต่อไปอีกยาวๆ เลย

ฮึก ยังไม่ครึ่งท้องเลยอ่ะ

ผมพยายามสกัดกลั้นความเสียใจไร้สาระ และมองอะไรสักอย่างที่ดูเหมือนเป็นกำไลข้อมือที่สร้างจากเงินที่อยู่บนข้อมือของตัวเอง แต่มันก็ไม่ใช่เงินหรอก ไม่งั้นผมต้องแสบข้อมือละ

“มันคืออะไรอ่ะ”

อย่าว่าผมโง่เลย ผมไม่รู้จริงๆ พวกนวัตกรรมของพวกวาติกันเนี่ย ซึ่งก็ไม่ได้มีแค่ผมหรอกที่ไม่รู้ แวมไพร์คนอื่นๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันแหละ เพราะส่วนใหญ่ถ้าโดนพวกวาติกันจับไปได้ก็คือตายเลย หรือถ้าพวกแวมไพร์ไม่ตาย วาติกันมันก็จะฆ่าตัวตายเพื่อที่ได้ไม่เผยแพร่ความลับของฝ่ายตัวเองให้ฝ่ายแวมไพร์รู้

สรุปก็คือพวกแวมไพร์ไม่ค่อยรู้หรอกว่าพวกวาติกันแอบซุ่มทำอะไรกันมั้ง แค่ผมเล่นโทรศัพท์เป็นก็บุญโขแค่ไหนละ บอกตามตรงเลยว่าถ้าผมไม่สะกดคนขายโทรศัพท์มาสอนผมเล่นเกือบอาทิตย์ ผมก็คงไม่มีวันเล่นเป็นเพราะมันงงมาก ช่วยไม่ได้ ผมเกิดในช่วงที่ไม่มีเทคโนโลยีทันสมัยขนาดนี้นี่นา

“กำไลติดตามตัว”

บอกตามตรงว่าผมไม่ไว้ใจรอยยิ้มของมันสักนิด รู้สึกเสียวสันหลังวูบๆ เลยอ่ะ ตอนที่มันมอง คือถ้ามันบอกว่าตัวเองเป็นพวกหมาป่าหรือตัวอะไรสักอย่าง ผมก็เชื่อนะ ถ้ามันจะน่ากลัวกว่าแวมไพร์ขนาดนี้

“ผมไม่หนีหรอกน่า สบายใจได้”

ผมยกมือสองข้างเชิงยอมแพ้ แต่ก็แอบหัวเราะในใจ ยังไงซะ ถ้าผมคืนร่างค้างคาวไอ้กำไลนี้มันก็รัดผมไม่ได้ละ เพราะร่างค้างคาวผมตัวเล็กมาก

“ต่อให้นายเปลี่ยนเป็นค้างคาว มันก็สามารถปรับขนาดตัวเองให้พอดีกับร่างค้างคาวของนายอยู่ดี”

รู้ดี รู้เยอะ รู้เหมือนนั่งอยู่กลางใจผมอ่ะ นี่มันเทคโนโลยีอะไรกันเนี่ย ทำไมพวกวาติกันถึงยังไม่ได้โนเบลอีก ถ้าจะเก่งกันเวอร์ๆ ขนาดนี้ เอาจริงนะ ถ้าพวกวาติกันเอาเวลาที่มาล่าแวมไพร์อย่างพวกผมไปทำอื่น คงจะเจริญกว่านี้กันมาก

ทำไมถึงไม่เลิกล่าแวมไพร์กันสักทีวะ ผมงง หรือผมควรจะชวนแม่และสมาคมแวมไพร์แกล้งตายหมู่ดีเผื่อว่าพวกผมจะได้มีชีวิตที่สบายๆ กันบ้าง นี่มัน 2019 แล้วนะ หมดยุคล่าแม่มดตั้งนานแล้ว ก็ควรจะหมดยุคล่าแวมไพร์บ้างสิ ถึงแวมไพร์มันจะมีจริงๆ ก็เหอะ

“ผมไม่เข้าใจวาติกันอย่างพวกคุณเลย”

สุดท้ายผมก็อดตัดพ้อไม่ได้

“พวกแวมไพร์ไม่ได้ฆ่าคนกันมาตั้งนานแล้วนะ ทำไมถึงยังล่าพวกเราอยู่อีก”

“มันเป็นหน้าที่”

ผมไม่รู้ว่าหน้าตัวเองน่าสงสารมากหรือยังไง ดิออนมันถึงมีสีหน้าอ่อนลงแล้วลูบหัวผม เหมือนพยายามปลอบไม่ให้ผมกลัว ทั้งๆ ที่มันนั่นแหละ ทำผมกลัวแทบตายมาสองวันละ

“หน้าที่ในการฆ่าแวมไพร์อย่างชอบธรรมเหรอ จริงๆ แวมไพร์ก็ไม่ได้อยากฆ่าพวกวาติกันหรอก ถ้าพวกคุณไม่มาฆ่าพวกเราก่อน”

มันเหมือนการแก้แค้นกันไปกันมาที่ไม่มีวันจบสิ้น ตลอดสามร้อยปีที่ผ่านมา ผมเป็นทั้งฝ่ายล่าและถูกล่ามาตลอด ซึ่งผมก็โคตรเบื่อเลย จริงๆ ผมก็แค่อยากมีชีวิตไปกับการกินเลือดมนุษย์ไปวันๆ เท่านั้นเอง

“อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ทำร้ายนายนะ”

ไม่ได้ทำร้ายร่างกายแต่ทำร้ายจิตใจผม แต่เอาเหอะ เลือดมันอร่อยมาก ให้อภัยได้

“ผมก็ไม่ได้ว่านายซะหน่อย”

ผมไหวไหล่และยิ้มให้มันจนตาหยี

แต่ก็ต้องยอมรับแหละ ว่าดิออนมันคงไม่ฆ่าผมหรอก ไม่งั้นผมคงจะตายไปตั้งนานละ

จุ๊บ

“!!!”   

ผมโดนแต๊ะอั๋งอีกแล้ว!!! นี่ถ้าผมยังอายุสิบเจ็ด ผมจะฟ้องข้อหาพรากผู้เยาว์เลย! แต่อายุผมตอนนี้คือเยอะจนน่ากลัวมาก เกรงว่าคนที่โดนพรากผู้เยาว์แทนจะเป็นดิออนเองเนี่ยแหละ

ผมคิดไปเรื่อยเปื่อยแต่ก็ยอมรับว่าผมเองก็ไม่ได้ขัดขืนมันด้วยแหละ

ก็มันตรงกับสเป็คผมจริงๆ อ่ะ

“สรุปแล้วนายจับผมมาทำอะไรกันแน่เนี่ย”

คือบอกว่าจับมาเป็นสัตว์เลี้ยง ผมก็งงว่าผมเหมาะกับการเป็นสัตว์เลี้ยงตรงไหน

“ก็แค่จับมาดูเล่นเฉยๆ ”

มันตอบแบบหน้านิ่งมากเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อกี้ ซึ่งมันก็ทำให้ผมเดานิสัยมันไม่ออกเลย แต่เอาเหอะ ยังไงซะ ผมก็ว่างอยู่แล้วอ่ะ ผมยังมีเวลาอีกหลายร้อยปีให้หายใจเล่น

ฉะนั้นตอนนี้ผมก็จะยอมเล่นกับวาติกันคนเก่งคนนี้หน่อยแล้วกัน

“งั้นผมไปเรียนก่อนนะ เจอกันตอนบ่ายแล้วกัน”

จริงๆ ผมก็แอบตกใจนะ ที่มองออกนอกหน้าต่างอีกทีถึงที่เรียนแล้ว ผมว่านะ ถ้าดิออนมันเบื่อการเป็นวาติกันแล้วไปขับแกร็บก็น่าจะรุ่งเหมือนกัน เพราะมันขับนิ่มและขับไวมาก แค่ผมกระพริบตาก็ถึงมหาลัยแล้วอ่ะ

“ตอนเที่ยงเจอกันตรงโรงอาหารบริหาร”

ผมกำลังจะลงจากรถก็ชะงักเลยครับ

“แต่พี่ปีสอง เขานัดทำกิจกรรมนะ”

จริงๆ ผมก็ไม่ได้สนใจกิจกรรมของมนุษย์อะไรมากมายหรอก แต่ผมนึกออกพอดีและเพื่อนมนุษย์ที่ผมผูกมิตรด้วยก็ทักมากำชับ
ผมว่าอย่าลืมมาเข้าร่วมกิจกรรมล่ะ

“อยากทำ?”

มันถามผม

แน่นอนว่าผมส่ายหัวทันที ผมแก่แล้ว ไม่อินอ่ะ อะไรแบบนี้ จุดประสงค์ของการมาเรียนคือหาเหยื่อ ซึ่งผมก็ได้แล้ว แต่คนที่กลายเป็นเหยื่ออ่ะ ผม ไม่ใช่มัน

“งั้นก็รีบมาแล้วกัน ส่วนเรื่องกิจกรรมด้วยคุยให้”

“อื้อ!”

ผมรับคำลวกๆ ไม่สนใจเท่าไหร่ ก่อนที่จะกระโดดลงจากรถและพบว่าตัวเองกำลังจะตาย

วันนี้แดดแรงมาก!!!!

ผมไม่รู้ว่านรกให้ความรู้สึกแบบไหน แต่ความรู้สึกผมตอนนี้คงเหมือนอยู่ในนรก เพราะแสบไปทั้งตัว แล้วยิ่งคอนโดไอ้ดิออนไม่มีครีมกันแดดสูตรแวมไพร์ ยิ่งทำให้ผิวผมไหม้ง่ายกว่าเดิม

แน่นอนว่าผมยังไม่อยากโดนแดดเผาตาย ผมเลยรีบวิ่งเข้าที่ร่มทันที ซึ่งผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าถ้ามีคนหมั่นไส้ผมเดินอยู่ที่แถวนี้คงด่าผมว่าดัดจริต ตากแดดนิดตากแดดหน่อยไม่ได้ ใช่ ผมตากแดดไม่ได้ เพราะถ้าตากแดดมาก ผมจะแห้งตายโว้ย

ผมลูบผิวตัวเองที่แดงก่ำจากความร้อนเซ็งๆ  และเซ็งกว่าตรงที่ข้อมือของผมยังคงถูกสวมกำไลไว้

ให้ตายเหอะ ผมต้องหาทางเอามันออกให้ได้เลย ก่อนที่จะไอ้ดิออนจะเปลี่ยนใจมาฆ่าผมแทน ซึ่งผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองคงศพไม่สวยแน่ๆ

สเป็คก็สเป็คเหอะ

ถ้าต้องกลายเป็นค้างคาวปิ้งผมก็ไม่เอาด้วยหรอก!

===============
 :z10:  น้องครูซตอนนี้ก็คืออายุสี่ร้อยปีแล้วนะคะ 555555555555 แง

มี #ห้ามปิ้งค้างคาว   สามารถไปเล่นไปทวงกันได้นะคะ  :กอด1:


หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 15-03-2019 15:16:21
โดนจับกินแน่นอน แต่กินในความหมายอื่น หึหึ  :hao7:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: sasunaru_all27 ที่ 15-03-2019 15:49:30
น้องน่ารักกก ดูซื่อกว่าอายุอีก 555
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 15-03-2019 16:06:36
ฮืออ น้องครูซน่ารักมากเลยค่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 15-03-2019 16:33:45
เป็นแวมไพร์ที่น้องมากกก นี่ก็ว่าดิออนอยากกินน้อง แต่ไม่ใช่แบบจับปิ้งที่กลัวแน่นอน จับแก้ผ้าว่าไปอย่าง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: night2 ที่ 15-03-2019 16:54:04
งู่ย น่ารัก
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: -.NF.- ที่ 15-03-2019 18:30:14
 :mew6:น้องน่ารักมากจ๊ะแม่จ๋า
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: Morgen ที่ 15-03-2019 20:35:33
น่ารักๆๆๆ มีแต่คำว่าน่ารักเต็มไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 15-03-2019 20:43:58
น่ารักจนไม่มีคำยรรยายอ่ะ ฮือออออ หลงมากกกก :impress2:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: Fufufeel ที่ 15-03-2019 20:53:05
ครูซซซซ หนูจะซื่อขนาดนี้ไม่ได้นะลูก55555555 ดิออนร้ายอ่ะ จะหลอกกินน้องครูซหรอ เรียกน้องครูซเพราะเอ็นดูมากอ่ะ แก่แล้วแต่นิสัยเด็ก น่ารักกกกกกกกก :-[ :-[
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-03-2019 21:09:51
เอ็นดูนุ้งครูซอย่างแรง   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: ppseiei ที่ 15-03-2019 21:59:36
น้องแวมไพร์น่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: lalilali ที่ 15-03-2019 23:14:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 16-03-2019 02:10:21
ถถถถ เอ็นดูคุณแวมไพร์อายุหลายร้อยปีนะคะ  // +1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: piiya ที่ 16-03-2019 05:36:14
กนี๊ดดดดด้หกา ดีมาก เอ็นดูน้องครูซจังเลยลูก ส่วนดิออนนี่แซบมาก น้องครู๊ซก็แซบไม่แพ้กัน  :-[
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 17-03-2019 12:04:03
น่าเอ็นดูวอะไรขนาดนี้ มีแววว่าจะโดนจับกิน :fox2:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 17-03-2019 23:54:23
น้องน่ารักอ่ะ(หมายถึงครูซนะ)
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: PoppyPrince ที่ 18-03-2019 02:58:22
น่ารักกก
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: LadyYuly ที่ 18-03-2019 23:11:51
ชอบนะคะ แง้งง น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 19-03-2019 01:39:53
เอ็นดูน้องงงงง
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: tn ที่ 19-03-2019 22:23:20
หนูจะเอาอะไรไปสู้เค้าาา
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 2 15/3/62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 20-03-2019 23:40:41
 :กอด1:
 o13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 3 21/3/62 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 21-03-2019 10:18:02
VAMPIRE PROBLEM ;w; #3


ทุกคนครับ ผมอยากจะชวนทุกคนมาทายเล่นๆ ครับว่า ‘ธุระ’ ของดิออนมันคืออะไร

คนทั่วไปก็อาจจะตอบว่าพาไปช่วยซื้อของ ขนของ นู่นนี่นั่น ซึ่งตอนแรกผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันก็เลยไม่ได้ถามและหลับใส่มันด้วย เพราะไม่อยากทนมองแสงแดดประเทศไทยที่ใจร้ายกับผมทุกวัน

แต่ยังไงก็ตามนั่นก็ไม่ใช่ประเด็นครับ

เพราะประเด็นคือ ‘คฤหาสน์’ หลังงามที่ตั้งอยู่ข้างหน้าผมเนี่ยแหละครับ

มันสำคัญตรงไหนเหรอ มันก็สำคัญตรงที่ไอ้บ้านหลังนี้เป็นที่พำนักหลักของพวกวาติกันไง!!!!

“ฮืออออ แม่จ๋า ช่วยครูซด้วย แงงงงง”

ทันทีที่โดนปลุกและตื่นมาเห็นสถานที่คุ้นตาผมก็ตกใจจนแทบวิญญาณหลุดออกจากร่าง เพราะมันคือที่สุดท้ายบนโลกที่แวมไพร์ทุกคนคิดจะมา ซึ่งพอได้มาแล้ว แน่นอนว่าผมไม่ดีใจแต่ผมกำลังจะกลายเป็นบ้าแทน

“ฮือออ ดิออน นายโกหกผม ฮึก ไม่ฆ่าบ้าอะไร นายเอาผมมาเชือดถึงที่เลยอ่ะ แงงง”

ผมกอดเบาะรถแน่นด้วยแรงทั้งหมดที่มี เพราะนี่อาจจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่ผมยังมีลมหายใจ

“ฉันว่าฉันบอกนายแล้วนะ ว่าไม่มีใครอยู่วันนี้”

ไอ้ดิออนพูดพร้อมกับพยายามจะดึงผมออก ซึ่งแรงของมันก็เยอะจนผมเกาะแทบไม่อยู่ แต่พอผมนึกถึงสภาพตัวเองต้องกลายเป็นอาหารรสเด็ดให้พวกวาติกัน ผมก็รู้สึกรับไม่ได้ ทำให้ผมกลับมาฮึดสู้แรงมันกลับด้วยการเกาะให้เหนียวกว่าเดิม

“นาย ฮึก นายบอกความจริงมาเลยดีกว่า ว่าจะเอาผมมากินที่นี่ นายอยากกินผมจริงๆ ใช่ไหมล่ะ!”

ผมตีโพยตีพายอย่างขวัญเสีย

ทำไมนะ ทำไม แวมไพร์ที่รักสันติอย่างผมถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย!!!

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่กิน”

มันดึงผมแรงมากแต่ผมก็ไม่หลุด ฮึก แค่เห็นทางเข้ามีตราสัญลักษณ์ของพวกวาติกันผมก็ขนลุกล่ะอ่ะ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าผมโดนมันลากเข้าห้องครัวเลยจะเป็นยังไง

มันต้องเจ็บมากแน่ๆ เลย แงงงง

ปี๊นๆ

เหมือนฟ้าจะมีตาเห็นใจแวมไพร์รักสันติอย่างผม เลยมีรถที่ไหนไม่รู้ผ่านมาพอดี ถึงผมจะไม่รู้ก็เถอะว่าเขาบีบแตรทำไม แต่มันก็ทำให้ไอ้ดิออนตกใจจนเผลอปล่อยมือจากตัวผมเลยครับ

และนั่นก็เป็นโอกาสให้ผมคืนร่างสู่การเป็นค้างคาวเพื่อหนีไปจากสถานการณ์บ้าๆ นี่

กี้!!!

ผมร้องออกมาอย่างลำพองใจ รอบที่แล้วมีอาคมป้องกันไม่ให้ผมหนี แต่คราวนี้แหละโอกาสของผม เครื่องติดตามตัวก็เครื่องติดตามตัวเหอะ ขอแค่ผมรอดจากการเป็นค้างคาวปิ้งวันนี้ได้ก็พอแล้ว!!

ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น ผมรีบบินหนีสุดชีวิต

หมับ!

กี้ๆๆๆ

ผมร้องไห้ออกมาทั้งร่างค้างคาว

ผมแม่งโคตรกากเลย ได้บินยังไม่ถึงสิบวิก็ถูกมันจับแล้วอ่ะ มันจะอะไรขนาดนั้นอ่ะ เกินไปป่ะ ผมอายุสามร้อยนะเว้ย ทำไมผมได้แค่นี้อ่ะ

ผมพูดจริงนะ ถ้าผมรอดกลับไปสมาคมคราวนี้ผมจะยอมไปเรียนการต่อสู้กับพวกแวมไพร์เด็กๆ ตามที่แม่สั่งแล้วจริงๆ

“เงียบซะ ถ้ายังไม่อยากตาย”

“!!!”

ผมสะดุ้งสุดตัวกับเสียงของดิออนที่แข็งกร้าวกว่าปกติ ก่อนที่จะตกใจซ้ำสองตอนโดนมันยัดเข้าไปในเสื้อนักศึกษาแล้วเจอไม้กางเขนเงินแท้ๆ ที่มันห้อยคอเอาไว้

“ถ้าโดนจับได้ นายได้ตายจริงๆ แน่”

“?”

แน่นอนว่าแวมไพร์สมองน้อยอย่างผมงง แต่ผมก็ยอมเงียบตามที่มันสั่งแล้วไปเกาะแถวๆ เอวมัน เพราะไม่อยากอยู่ใกล้อะไรที่เป็นเงินๆ สักเท่าไหร่

ผมใช้มือเล็กๆ ในร่างค้างคาวเกาะเสื้อดิออนไว้และแอบมองลอดผ่านช่องระหว่างเสื้อ เพื่อดูความเป็นไปว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมมนุษย์ที่พยายามจะบอกว่าไม่กินผมๆ ถึงได้ดุขึ้นมาขนาดนี้

“!!!!”

และผมก็ได้รับคำตอบที่ชัดเจนครับ

“ทำไมไม่เอารถเข้าข้างในล่ะ ลูก”

นี่มัน จอห์น หนึ่งในผู้นำตระกูลวาติกันคนปัจจุบันไม่ใช่เรอะ!!!!  ที่ผมจำได้เพราะในกลุ่มไลน์สมาคมแวมไพร์ชอบลงรูปแล้วบอกให้ระวังอยู่บ่อยๆ

คือมันทำให้ผมไม่แปลกใจอ่ะว่าทำไมเลือดของดิออนมันถึงได้บริสุทธิ์และอร่อยขนาดนั้นอ่ะ ผมก็ว่าอยู่ทำไมหน้าดิออนมันคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน สรุปก็คือเป็นลูกชายของผู้นำตระกูลเลยนะ แล้วผมจะเอาปัญญาไหนไปหนีวะเนี่ย

ผมคิดทั้งน้ำตาก่อนที่จะรีบดึงชายเสื้อดิออนปิดกลับเหมือนเดิม เพราะคนที่น่าจะเป็นพ่อของดิออนเหมือนจะก้มมองมาทางผมพอดี

“ผมแค่มาเอาของเดี๋ยวก็ไปครับ”

“ทำไมพ่อเหมือนได้กลิ่นอายแวมไพร์จากลูก ลูกไปทำอะไรมารึเปล่า”

หัวใจในอกผมเต้นจนหูอื้อเลยครับ นาทีชีวิตแล้ว ณ จุดนี้ คือผมจินตนาการภาพที่ตัวเองรอดไม่ออกเลยอ่ะ ถ้าถูกจับได้ ขนาดวาติกันธรรมดากระจอกๆ ผมยังไม่ค่อยมีปัญญาสู้เลย แล้วนี่อะไร ผู้นำตระกูลวาติกันที่เลื่องชื่อลือชาเรื่องการล่าแวมไพร์ ปีที่แล้วแวมไพร์ที่เก่งอันดับต้นๆ ที่ผมรู้จักก็เผลอไปฆ่ามนุษย์ในถิ่นของพวกวาติกันก็เพิ่งถูกล่าไป

แล้วคนที่ได้อันดับรองบ๊วยอย่างผมมันจะรอดไหมเนี่ย แงงงง

 “เมื่อเช้าผมเผลอทำน้ำหอมแวมไพร์หกใส่ตัวน่ะครับ กลิ่นก็เลยแรงหน่อย”

ในระหว่างที่ผมกำลังจะกลายเป็นบ้า ไอ้ดิออนก็พยายามบ่ายเบี่ยงประเด็นเพื่อช่วยผมครับ

“งั้นเหรอ ระวังหน่อยแล้วกัน ช่วงนี้พ่อยิ่งได้ข่าวว่ามีแวมไพร์เข้ามาในเขตของเราอยู่”

ทำไมข่าวล่ามาไวขนาดนี้อ่ะ รู้ป่ะ เมื่อคืนผมเข้าไปดูในกลุ่มแวมไพร์ยังคุยเรื่องครีมกันแดดสูตรใหม่อยู่เลย แล้วพอผมจะพิมพ์เตือนสมาชิกกลุ่มก็ถูกดิออนมันยึดโทรศัพท์ไปก่อน ดีหน่อยที่ดิออนมันไม่เล่นโทรศัพท์ผมต่อ ไม่อย่างงั้นนะความลับของสมาคมแวมไพร์ต้องรั่วไหลแน่ๆ ถึงวันๆ จะคุยกันแต่เรื่องไร้สาระก็เหอะ

แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ผมได้ยินคำว่าน้ำหอมแวมไพร์ เดี๋ยวนี้พวกวาติกันมันมากันถึงขั้นนี้แล้วเรอะ คือตอนนี้เปิดนิคมอุตสาหกรรมเพื่อล่าแวมไพร์กันโดยเฉพาะแล้วป่ะ  ถามจริง วันหลังถ้าพวกวาติกันมันสร้างระเบิดนิวเคลียร์เพื่อฆ่าแวมไพร์ผมก็คงไม่แปลกใจละ

“งั้นผมขอเข้าไปเอาของก่อนนะครับ พอดีตอนเย็นมีนัดกับเพื่อน”

ไอ้ดิออนพูดพร้อมกับจัดเสื้อบริเวณที่ผมแอบอยู่เหมือนรำคาญ สงสัยจะจั๊กจี๊ล่ะมั้ง เพราะผมขยับไปขยับมาไม่หยุด

“อย่าลืมนะ ลูก อาทิตย์หน้ามีงานประชุมใหญ่”

“ครับ”

หลังจากที่สองพ่อลูกคุยกันเสร็จ ดิออนมันก็พาผมไปในเขตคฤหาสน์อันตระการตาของพวกวาติกันที่ทำเอาพวกแวมไพร์อย่างผมอิจฉาตาร้อนกันเป็นแถบ จริงๆ พวกผมก็เคยมีเหมือนกันแหละ คฤหาสน์สวยๆ แบบนี้ แต่ไอ้พวกวาติกันยุคก่อนมันเถื่อนมาก พอรู้ว่ามีแวมไพร์อยู่ในคฤหาสน์มันก็เผาเลยอ่ะ ทำให้หลังๆ มานี้พวกแวมไพร์ไม่ค่อยไปลงทุนสร้างบ้านคฤหาสน์สวยๆ กันเท่าไหร่ แต่ไปลงทุนกับครีมกันแดดแทน ซึ่งผมก็ไม่อยากจะอวดว่าแม่ผมก็เป็นหุ้นส่วนสำคัญด้วยแหละ

กี้!

ระหว่างที่ผมนั่งชมวิวบ้านดิออนผ่านช่องเพลินๆ ผมก็เผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างลืมตัว เมื่อดิออนเดินเข้ามาในบ้านตัวเองโดยที่ลืมไปว่าได้หนีบแวมไพร์มาด้วยหนึ่งตัว

ผมกัดปากตัวเองแน่นทั้งร่างค้างคาว พยายามประคับประคองสติตัวเองไม่ให้ถูกความเจ็บปวดครอบงำ แม้ว่าผมจะปวดแสบปวดร้อนราวกับถูกไฟร้อนๆ เผาร่างทั้งเป็นก็ตาม

“เดี๋ยวก็ถึงห้องแล้ว อดทนหน่อย”

ดิออนกระซิบกับผม ซึ่งแน่นอนว่าผมแทบไม่มีอารมณ์มาสนใจมันแล้ว

มันทรมานมากเลยอ่ะ คืออาคมที่คอนโดดิออนนี่มันแค่ช็อตเหมือนไม้ช็อตยุง แต่พอมาเจอของจริงที่คฤหาสน์ของพวกวาติกันแล้วเหมือนผมโดนย่างสดทั้งเป็นอ่ะ

ผมตัวสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด รู้สึกเจ็บจนน้ำตาไหลออกมาเลยด้วยซ้ำ

“ครูซ”

“ฮึก”

“อย่าร้องไห้”

ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมาถึงห้องไอ้ดิออนแล้วคืนร่างเป็นมนุษย์ตอนไหน ผมรู้แค่ว่าผมแสบไปทั้งตัวจนผมสะอื้นไม่หยุด ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว

ผมอยากกลับบ้าน

“!!”

ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆ ดิออนมันก็ดึงผมไปนั่งบนตักมันบนเตียง และใช้มือหนาๆ นั่นบังคับให้หน้าผมแนบกับคอมันราวกับจะให้ผมกิน

ซึ่งถ้าเป็นตอนปกติผมจะตื่นเต้นดีใจมาก ที่จะได้กินเลือดจากมุมที่ดีที่สุด แต่ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากความรู้สึกเหมือนเป็นค้างคาวปิ้งที่กำลังจะไหม้ตายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

“กิน”

ดิออนมันกดเสียงหนัก พยายามกระตุ้นให้ผมกิน

ผมพยายามลืมตาที่พร่ามัวไปด้วยน้ำตามองหน้าดิออน ก่อนที่จะอ้าปากงับที่คอและกินเลือดของดิออนอย่างเชื่องช้า โดยมีมือและแขนของดิออนคอยประคองหลังผมไว้ไม่ให้ล้มพับไป

“!”

น่าแปลกที่อยู่ๆ ให้ความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนโดนปิ้งก็ทุเลาลงจนแทบหายไป หลังจากที่ผมกินเลือดของดิออนเข้าไปได้ไม่นาน ซึ่งมันก็ให้ความรู้สึกดีมากๆ เลยล่ะ เหมือนผมเพิ่งรอดพ้นจากนรกมายังไงยังงั้น

ผมกินอยู่พักใหญ่จนรู้สึกอิ่มมากถึงยอมผละออกมาจากคอดิออน

“…ขอโทษ”

ผมพูดเสียงเบาอย่างรู้สึกผิด เพราะหน้าของดิออนซีดมาก แง ก็ผมหิวนี่นาก็เลยเผลอกินเยอะไปหน่อย คราวนี้ผมมั่นใจเลยว่า ผมอดเลือดไปสามวันผมก็ยังไม่หิวอ่ะ

“หายเจ็บรึยัง”

ดูเหมือนดิออนจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ว่าตัวเองจะโดนผมสูบเลือดไป หน้าดุๆ นั่นมองผมด้วยความเป็นห่วงอย่างเห็นชัดจนผมรู้สึกแปลกๆ

ทำไมมันไม่เหมือนกับความสัมพันธ์ปกติระหว่างวาติกันกับแวมไพร์เลยอ่ะ คือในชีวิตสามร้อยปีของผม ผมก็เจอวาติกันมาเยอะนะ และทุกคนก็พยายามล่าผมอย่างเอาเป็นเอาตายทุกคน

ผมเลยไม่เข้าใจดิออนมากๆ ว่าผมมันคิดจะทำอะไรกับผมกันแน่

แต่ยังไงซะผมก็เริ่มเชื่อใจดิออนแล้วว่ามันคงจะไม่ได้อยากจับผมปิ้งกินจริงๆ นั่นแหละ ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยให้ผมกินเลือดจนพลังแวมไพร์ของผมฟื้นหรอก

“หายแล้ว ขอบคุณนะ”

ผมยิ้มให้ดิออน ถึงมันจะเป็นคนจับผมเข้าบ้านก็เหอะ แต่ผมว่าผมคุ้มนะ โดนปิ้งแปปเดียวได้กินเลือดอร่อยๆ จนอิ่มเลย

“ทำไมตาแดง”

ผมกระพริบตาปริบเมื่อถูกดิออนทักและจ้องตาตัวเอง ก่อนจะถึงบางอ้อตอนที่หันไปเห็นตัวเองในกระจกพอดี

“เป็นปกติของพวกแวมไพร์เวลากินอิ่มน่ะ”

ผมยิ้มให้ดิออน ยอมบอกความลับเล็กๆ น้อยๆ ของแวมไพร์ที่พวกวาติกันน่าจะไม่รู้ให้กับดิออนอย่างว่าง่าย

คือความจริงผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันนั่นแหละว่าทำไมถึงได้ใจอ่อนกับดิออน  ทั้งๆ ที่ตัวเองเพิ่งเกือบตายจากการโดนเขตอาคมเผาแท้ๆ

“แล้วนายพาผมมาที่นี่ทำไม”

ผมอยากรู้เหลือเกินว่าไอ้ธุระที่ทำผมเกือบตายนี่มันสำคัญขนาดไหน

“พามาเอาเครื่องติดตามตัว อันที่นายใส่อยู่มันเป็นของปลอม”

ดิออนพูดยิ้มๆ แต่ทำผมช็อคมาก

อะไรนะ ของปลอม เอาเวลาที่ผมนั่งแงะตลอดเช้าคืนมานะ!!! คือผมนั่งพยายามเอาออกทั้งเช้าจนเจ็บข้อมืออ่ะแต่ก็ทำอะไรมันไม่ได้

ผมหน้ามุ่ยบ่นงึมงำไม่หยุด และเดินสำรวจห้องของดิออนอย่างกระตือรือร้น ผมตื่นเต้นกับแทบทุกๆ อย่างในห้องของดิออน ช่วยไม่ได้ ผมไม่ค่อยได้เจออะไรแบบนี้นี่นา ส่วนใหญ่การกินเลือดเหยื่อของผมจะจบลงที่โรงแรม และโรงแรมก็จะไม่มีอะไรน่าสนใจ
ซึ่งห้องของดิออนมันก็แปรตามอุปนิสัยของเจ้าของ ห้องเป็นโทนสีมืด เรียบๆ ของทุกอย่างทุกวางอย่างเป็นระเบียบ ผิดกับห้องของผมที่สมาคมที่รกมาก เพราะผมทำใจทิ้งของไม่ค่อยได้ นอกจากว่ามันพังและเปื่อยตามกาลเวลามากจริงๆ ผมถึงจะยอมทิ้ง ขนาดตุ๊กตาไม้ที่แม่ทำให้ผมตอนผมอายุไม่กี่ขวบยังอยู่บนชั้นวางห้องผมเลย

ว่าไปผมก็แอบคิดถึงแม่ ไม่ได้เจอกันมาสักพักแล้ว เพราะผมหนีออกมาเถลไถลข้างนอก มาหาเลือดเหยื่อกินเล่นแก้เบื่อ หรือความจริงก็คือผมหนีเรียนจากสมาคมแวมไพร์มา

ช่วยไม่ได้ ก็ผมอายเด็กอ่ะ เพื่อนรุ่นเดียวกับผมตอนนี้ขึ้นไปอยู่ระดับบนๆ กันแล้วอ่ะ ในขณะที่ผมแค่พวกความสามารถพื้นฐานผมยังทำไม่ค่อยรอดเลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

ที่ผมทำแล้วถนัดจริงๆ ก็มีอยู่อันเดียว ซึ่งมันก็เป็นความสามารถที่แม่ผมไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ เพราะมันค่อนข้างปัญญาอ่อนและไร้ประโยชน์

แต่ผมว่ามันน่ารักและมีประโยชน์จะตาย!!!

“ดิออน”

ผมเรียกดิออนที่ตอนนี้ดูยุ่งจะกับการหาของในตู้อยู่เพื่อที่จะอวดความสามารถอันน้อยนิดของผม
อย่างน้อยๆ มนุษย์ที่ไม่เคยเห็นพวกแวมไพร์ใช้พลังกันอย่างจริงจังก็ต้องตื่นเต้นบ้างแหละ

“?”

ดิออนหันมามองผมก่อนที่จะก้มมองค้างคาวตัวจิ๋วที่เหมือนผมตอนร่างค้างคาวเป๊ะๆ เกาะอยู่บนรองเท้าสามตัว

“เจ๋งใช่ไหมล่ะ!”

ผมยืดอกพูดอย่างภูมิใจซึ่งแก๊งค้างคาวที่ผมสร้างขึ้นมาจากพลังแวมไพร์ก็ร้องกี้ๆ รับส่งผมเป็นอย่างดี

“…”

ดูเหมือนว่าพลังของผมมันจะสุดยอดมากจากดิออนพูดไม่ออกเลยแฮะ ยิ่งคิดผมก็ยิ่งได้ใจ ผมเลยแปลงร่างกลับไปเป็นค้างคาวบ้างซึ่งขนาดตัวผมก็ใหญ่กว่าพวกมันไม่เท่าไหร่หรอก แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีแบบสุดๆ เพราะมันเป็นช่วงเวลาเดียวที่ผมได้รู้สึกว่าตัวเองได้เป็นผู้นำบ้าง

ก็อย่างที่รู้ว่าพลังของผมค่อนข้างน้อย ผมเคยไปเรียนรวมกลุ่มกับพวกกลุ่มเด็ก ผมยังไม่ได้เป็นหัวหน้ากลุ่มเลยอ่ะ แล้วผมก็ยังโดนรุมแกล้งอีก

กี้!

ผมในร่างค้างคาวร้องออกมาเชิงสั่งซึ่งเหล่าลูกน้องในสังกัดผมก็ตอบรับอย่างดี ด้วยการบินพึ่บพั่บไปเอาผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าอะไรสักอย่างที่วางบนโต๊ะแล้วเนรมิตเป็นที่นอนนุ่มๆ ให้ผมด้วยเวลาไม่ถึงนาที

ผมมองลูกน้องของตัวเองด้วยความภูมิใจ ถึงแม้แม่จะมองว่ามันไร้สาระก็ตาม แต่ยังไงซะ ผมก็ภูมิใจ เพราะมีไม่กี่คนในสมาคมแวมไพร์ที่สามารถสร้างสิ่งมีชีวิตจากพลังแวมไพร์ได้เชี่ยวชาญเท่าผม

กี้!

ผมที่กำลังกลิ้งไปกลิ้งมาบนที่นอนหลุดเสียงร้องเมื่อถูกดิออนหยิบมาวางบนเตียง

“ขอร่างมนุษย์”

“เจ๋งไปเลยใช่ไหมล่ะ พลังของผมน่ะ!”

ผมรีบกลับคืนร่างมนุษย์อย่างว่าง่าย เตรียมรับคำชมที่คาดว่าจะได้รับด้วยความภาคภูมิใจ

“ก็น่ารักดี”

ดิออนพูดขณะที่ง่วนอยู่กับการปลดกำไลที่ข้อมือให้ผม แต่แน่นอนว่าผมที่กำลังดีใจกับคำชมเลยไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ช่วยไม่ได้ ผมเป็นพวกนักเรียนคะแนนบ๊วยนี่นา เลยไม่ค่อยได้รับคำชมเท่าไหร่ มีแต่ไล่ให้ไปฝึกให้เก่งขึ้นๆ ซึ่งผมก็ลองทำอยู่หลายปีแล้วรู้สึกไม่เวิร์คก็เลยหันมาเอาดีทางด้านอื่นมากกว่า

อย่างการหาเหยื่อที่ตรงกับสเป็คตัวเองอะไรแบบนี้

“…”

ผมลอบมองใบหน้าของดิออนและรู้สึกว่าตัวเองรู้สึกประหม่าขึ้นมานิดๆ

หล่อมากเลยอ่ะ..

จริงๆ พวกแวมไพร์ก็ขึ้นชื่อเรื่องหน้าตาดีนะ แต่ผมก็ไม่เคยเห็นใครดูดีเท่าดิออนมาก่อน หรือผมลำเอียงเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

จุ๊บ

คราวนี้ไม่ใช่ดิออนที่แต๊ะอั๋งผม แต่เป็นผมเองที่ขยับตัวขึ้นไปจูบริมฝีปากนั่นอย่างอดไม่ได้
คือตอนนี้ผมมั่นใจแล้วจริงๆ ว่าดิออนคงไม่จับผมปิ้ง ผมเลยค่อนใจกล้าขึ้นมานิดๆ ทำตามความต้องการลึกๆ ของตัวเองที่อยากทำมาตลอด

อย่าลืมสิ ดิออนมันอยู่ในสเป็คอันดับหนึ่งของผมเชียวนะ

“อย่าเพิ่งซน”

“...”

นอกจากดิออนจะไม่เล่นกับผมแล้ว ยังเอ็ดผมเสียงดุอีก

อะไรอ่ะ ผมงง ผมไม่เข้าใจเลยอ่ะ ทำไมพอผมแต๊ะอั๋งกลับบ้าง ผมถึงโดนดุ ไม่ยุติธรรมเลย!
ผมหน้ายู่เริ่มไม่พอใจนิดๆ

ผมไม่ชอบโดนดุอ่ะจริงๆ มันทำให้ผมรู้สึกไม่ดี และผมก็อายุเกินคำว่าเด็กมานานมากๆ แล้วด้วย

จากที่จะให้อยู่อันดับหนึ่งของสเป็ค ผมเริ่มอยากให้ไปอยู่อันดับสองแทน มันดุผมอ่ะ อะไรอ่ะ ทำไมผมต้องโดนดุด้วย ผมก็แค่จูบนิดเดียวเอง ยังไม่ได้ทำอะไรเลย!

ผมนั่งหน้างอมองกำไลข้อมือที่หลอกผมมาทั้งเช้าถูกปลดออกไป ก่อนที่ผมจะตาโตกับเครื่องติดตามตัวอันใหม่ที่หน้าตาไม่เหมือนมากกว่ากำไลข้อมือเมื่อกี้อีก

“นายเอาปลอกคอหมามาให้ผมใส่เหรอ”

ผมถามเสียงขุ่น

“โชคเกอร์ต่างหาก”

ผมไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะยังงอนอยู่ จริงๆ ผมก็รู้จักโชกเกอร์แหละ แต่ผมแค่หาเรื่องดิออนมันเฉยๆ คือผมขัดใจอ่ะ ที่โดนขัดขวางความต้องการ รู้ไหม ปกติผมตกเหยื่อที่เมาแอ๋จากผับมาได้เสร็จ ใช้พลังสะกดนิดหน่อยก็ยอมทำตามที่ผมสั่งหมดแล้ว ถ้าผมไม่แจ็คพ็อตไปเจอพวกวาติกันหรือพวกที่จิตแข็งน่ะนะ

“ของปลอมอีกรึเปล่า”

ผมเอียงคอขยับให้ดิออนมันสวมโชคเกอร์ให้ผมได้ถนัดถนี่ขึ้น อย่าถามว่าทำไมผมไม่ยอมขัดขืนและใช้ช่วงเวลานี้หนีไปซะ ทุกคนก็เห็นแล้วนี่ ผมบินไม่ถึงสิบวิก็โดนมันจับแล้วอ่ะ อ่อนด๋อยขนาดนี้ก็ยอมจำนนเป็นเป็นสัตว์เลี้ยงให้มันดูแลสักพักก็ได้

ผมมองหน้าของดิออนอีกรอบ คราวนี้ไม่แอบมองแต่มองตรงๆ

มันไม่ยอมตอบผมอ่ะ สงสัยเป็นของปลอมมาหลอกว่าเป็นจริงอีกแน่เลย

“อันนี้ก็ของปลอมใช่ไหม”

ผมหน้าบึ้ง คือก็รู้อยู่แล้วอ่ะ ว่าผมฉลาดบ้างไม่ฉลาดบ้าง แต่อยากมาหลอกผมซ้ำๆ ได้ป่ะ คือผมก็อยากมีช่วงเวลาที่มั่นใจที่ตัวเองฉลาดมั้งอ่ะ

“ของจริง”

มันตอบหน้านิ่งและก้มลงมาจะจูบผม

แต่แน่ล่ะ มันทำผมอารมณ์ไม่ดี ผมเลยเบือนหน้าหนี มีสิทธิ์อะไรมาดุผม! ผมไม่ยอมใจอ่อนง่ายๆ หรอก พวกมนุษย์มันก็งี่เง่าแบบนี้เหมือนกันทุกคนนั่นแหละ

“อื้อ!”

อะไรเนี่ย นี่ไม่ใช่เรื่อง VAMPIRE PROBLEM แล้ว! นี่มันเรื่องจำเลยรักชัดๆ เพราะผมถูกมันจับคางและบังคับให้ผมรับจูบของมัน

“อ๋อยนะ!”

ผมพยายามผลักมันออก ถึงแม้สถานะของผมตอนนี้จะไม่ได้อยู่ในขั้นที่ต่อรองได้ก็ตาม แต่ผมก็จะขัดขืนอ่ะ ผมไม่ได้นอนกับเหยื่อมานานแล้ว อีกสักปีจะเป็นไรไป

“งอนอะไร”

ในที่สุดมันก็ยอมปล่อยให้ผมเป็นอิสระ ผมขยับตัวหนีออกจากมันทันที

“ผมไม่รู้หรอกนะว่านายคิดอะไรอยู่ แต่กฎข้อนึงที่นายต้องรู้เกี่ยวกับผมคือ ห้าม-ดุ-ผม ผมไม่ชอบ!”

“…”

เห็นมันนิ่งนั่งฟัง ผมก็ได้ใจเลยพูดต่อ

“แล้วอีกอย่างนะ ทำไมเครื่องติดตามตัวของนายมันถึงเป็นโชคเกอร์ล่ะ พวกวาติกันเขารสนิยมแบบนี้กันเหรอ”

ถึงผมจะไม่เคยเห็นเครื่องติดตามตัวอันอื่นก็เหอะ แต่ในหนังมันก็ดูเท่กว่าอันนี้อ่ะ

“เปล่า”

“แล้วทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ล่ะ! เอามาหลอกผมอีกแล้วเหรอ”

ผมหน้าบูดพยายามดึงโชคเกอร์สีดำที่อยู่บนคอผมออก ความจริงผมก็เคยซื้อมาใส่นะ ช่วงที่ผมหาเหยื่อไม่ค่อยเก่ง แต่พอผมหาเหยื่อคล่องๆ ของพร็อปเสริมแบบนี้ก็ไม่ต้อง ใช้แค่หน้าตากับทักษะของผมก็พอ

จริงๆ ผมก็ไม่ได้มีปัญหากับการใส่โชคเกอร์หรอก ถ้าผมไม่ต้องไปเรียนมหาลัย จะว่าไป ผมก็เริ่มเบื่อกับการมานั่งเรียนวิชาอะไรไม่รู้แล้วแฮะ เดี๋ยวผมหาเวลาว่างๆ แวบไปทำเรื่องลาออกดีกว่า

เดี๋ยวก่อน ผมหลุดโฟกัสจากเรื่องตรงหน้าอีกละ

ผมที่สติสตังเริ่มกลับมาเงยหน้ามองคู่กรณีของผมตอนนี้ที่ก็ยังไม่ยอมตอบคำถามของผมสักที ว่าวาติกันมีรสนิยมแบบนี้จริงๆ เรอะ

“…”

ถึงหน้าดิออนมันจะนิ่งก็เถอะ แต่ผมดูออกนะว่ามันเขิน!!!

งั้นก็แสดงว่า...

ผมเบิกตากว้างและร้องลั่น

“เป็นรสนิยมของนายเองเหรอ!!”

===============

ตอนแรกว่าจะให้น้องสักหกร้อยปีก่อนค่อยอัพ 555555  :z2:

#ห้ามปิ้งค้างคาว ไปเร่นกันๆๆ  :z13:



หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 3 21/3/62 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 21-03-2019 21:32:03
ตลกกก น้องครูซสาม(ร้อย)ขวบ
ดิออนแพ้น้องใช่มั้ยล่ะะ
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 3 21/3/62 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: nittanid33333 ที่ 21-03-2019 23:19:50
มีความมาเขิลลลล 55555 พี่ท่านน่ารักจังเลย อย่าดุครูซซซซซ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 3 21/3/62 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 22-03-2019 07:35:41
#ครูซเป็นแวมไพร์ตลก  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 3 21/3/62 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 22-03-2019 12:56:15
อย่าดุพี่เขานะ

(แต่ดุในความหมายอื่นได้ แค๊กๆๆๆ)
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 3 21/3/62 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 23-03-2019 01:24:44
น้อลลลลล ครูซเป็นแวมไพร์ที่คิ้วทึม๊ากกกก  :-[
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 3 21/3/62 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 23-03-2019 23:02:27
เป็นแวมไพร์ที่น่ารักมาก.......
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 3 21/3/62 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 24-03-2019 13:40:33
โอ๊ยยยยย น่ารักเกินไปละ 55555555
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 3 21/3/62 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Maccagadz ที่ 24-03-2019 23:46:28
นว้องแวมมากๆ ค่ะ น่ารัก
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 3 21/3/62 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 25-03-2019 16:04:17
นว้องครูซน่ารั้กกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 3 21/3/62 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 25-03-2019 16:14:56
 :hao7:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 3 21/3/62 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: janya_firm ที่ 25-03-2019 16:57:33
น่ารักกกก อย่าดุน้อง555


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 3 21/3/62 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: piiya ที่ 29-03-2019 21:19:58
อันนี้ถือว่าดุเบาๆ ถ้าหนูแอบไปตกเหยื่อรายใหม่มากินอันนี้น่าจะโดนหนักแน่ๆ แม่ฟันธง
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 3 21/3/62 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 30-03-2019 08:14:38
เรื่องจะจบยังไงน้าา  :hao7:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 4 1/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 01-04-2019 00:50:52
VAMPIRE PROBLEM ;w; #4

หลังจากที่ตกใจกับรสนิยมของดิออนเสร็จ ผมก็มานั่งซีดบนรถมันต่อ
ทำไมผมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้น่ะเหรอ?

ก็ต้องตอบแบบอวดๆ และภูมิใจว่าพลังของผมเริ่มกลับมาแล้วครับ ซึ่งก็ต้องให้เครดิตและขอบคุณเลือดดิออนมา ณ ที่นี้ด้วยที่อร่อยและเต็มเปี่ยมไปด้วยสารอาหารคุณประโยชน์สำหรับแวมไพร์มากขนาดนี้

แต่ยังไงซะนั่นก็ไม่ใช่ประเด็นครับ เพราะประเด็นมันอยู่ตรงที่พลังน้อยๆ ของผมมันไปทำให้อาคมที่ตอนแรกมีพลังแข็งแกร่งกว่าผมแปรปรวน จนทำให้พ่อของดิออนขึ้นมาเคาะห้องเรียกถึงที่เลยทีเดียว

แน่นอนว่าเพื่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของชีวิต ผมรีบกลับร่างเป็นค้างคาวแล้วมุดเข้าเสื้อดิออนเลยครับ
ทุกคนอย่าลืมสิว่าผมอ่อนด๋อยขนาดไหน ถึงพลังผมจะกลับมาแล้วก็เหอะ แต่สิ่งที่ผมทำได้มันก็มีไม่กี่อย่างอ่ะ และมันก็ไม่มีอันไหนสักอันที่ทำให้ผมน่าจะทำให้ผมรอดเลย เผลอๆ อาจจะทำให้ผมตายไวขึ้นด้วย

ฉะนั้นการตัดสินใจที่ดีที่สุดของผมก็คือผมควรทำตามที่ดิออนมันสั่งครับ ยังไงซะ ผมก็แทบไม่มีศักดิ์ศรีแวมไพร์เหลืออยู่แล้วอ่ะ มีที่ไหนโดนอาคมของพวกวาติกันปิ้งจนเกือบตาย บอกเลยนะ ถ้าเรื่องนี้แม่ผมรู้ คงยิ่งกว่าจับผมไปเรียนกับเด็กอนุบาลแน่ๆ หรือขั้นเลวร้ายที่สุดก็คือจับผมยัดเข้าโลง และบังคับให้ผมจำศีลสักร้อยปีจนกว่าพลังผมจะแกร่งกล้ามากกว่านี้
แต่ก็นะ ยังไงแม่ก็ไม่รู้หรอก ก็ตอนผมเกือบโดนปิ้งมีแค่ผมกับดิออนนี่นา

ผมคิดเรื่อยเปื่อยฆ่าเวลา ขณะเดียวกันผมก็มองนั่งมองนี่ไปเรื่อยแก้เบื่อ ก่อนที่จะพบว่าดิออนมีซิกแพคด้วย! คือตอนแรกผมอ่ะ ก็คิดแค่ว่าดิออนน่าจะแค่หุ่นดี ไม่น่ามีซิกแพค พอรู้ว่ามียิ่งทำให้ผมตื่นเต้นดีใจ

ฮือ มันตรงกับสเป็คผมทุกอย่างเลยอ่ะ

ทำไมต้องเป็นวาติกันด้วยเนี่ย เป็นแวมไพร์ไม่ได้เหรอ สนุกนะ บินได้ด้วย

“มีแวมไพร์เข้ามาในเขตเรา”

ผมแอบกลืนน้ำลายเอือกกลับน้ำเสียงดุดันของสุดยอดนักล่าวาติกันที่สมาคมแวมไพร์เลื่องลื่อกันว่าเก่งมาก อันตรายมาก เลี่ยงได้ควรเลี่ยง ซึ่งจริงๆ ผมก็อยากเลี่ยงนะ เลี่ยงไปไกลๆ ด้วย เสียแต่ว่าผมถูกดิออนจับมาก่อนเลยเลี่ยงไม่ได้ และจำต้องอยู่ในระยะที่ใกล้ที่แทบจะหายใจรดต้นคอเลยทีเดียว

เอาจริงๆ ผมก็แอบสงสัยนะว่าผมเป็นแวมไพร์จริงป่ะว่ะ หรือความจริงแล้วผมเป็นแค่ค้างคาวที่สามารถแปลงร่างเป็นคนได้กันแน่
ผมคิดอย่างหดหู่ขณะเดียวกันก็พยายามเบียดตัวเข้าหาดิออน และพยายามให้กลิ่นอายบริสุทธิ์อย่างพวกวาติกันของดิออนกลบเกลื่อนพลังของผมที่มันแกร่งกล้าไม่รู้เวลาซะเหลือเกิน

“ตรวจดูในบ้านนะ พ่อจะออกไปล่ามันนอกบ้านเอง”

ขนาดแค่ฟังเสียงผมยังขนลุกอ่ะ น่ากลัวมาก ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าผมโดนจับได้จะเป็นยังไง คือตอนนี้ผมไม่กลัวดิออนแล้ว แต่กลัวพ่อดิออนมากกว่า

คือถ้าโดนจับได้คงไม่ใช่แค่ปิ้งผมอ่ะ อาจจะเอาผมไปสับละเอียดแล้วปั่นเป็นน้ำสมูตตี้กินก็ได้!!!

ทำไมโลกภายนอกมันน่ากลัวอย่างนี้เนี่ย แงงงง

ผมตัวสั่นหงึกๆ ทำไมชีวิตผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย การเป็นแวมไพร์รักสันติไม่ได้ทำให้ผมดวงดีขึ้นมาเลยเรอะ หรือมันเป็นผลพวงมาจากการที่ผมกินเลือดดิออนอ่ะ แบบให้กินเลือดจนผมตายใจละก็ฆ่าผมเลย อารมณ์แบบขุนหมูขึ้นมาตัวนึงจนมันอวบอ้วน พอถึงเวลาก็เชือดกิน อะไรแบบนี้อ่ะ

ถึงดิออนจะย้ำนักย้ำหนาว่าพวกวาติกันไม่กินแวมไพร์ ผมก็ไม่เชื่อหรอก ไม่อย่างนั้นมันจะมีข่าวลือแบบนี้เป็นร้อยๆ ปีได้ไง ถึงผมจะไม่เคยเห็นก็เหอะ แต่ผมสัมผัสได้ว่ามันเกิดขึ้นจริง และมันจะเกิดขึ้นจริงแน่ ถ้าผมยังไม่รีบหนีไปจากที่นี่

“ครับ”

ดิออนตอบเสียงหนักแน่นจนผมเริ่มกลัว

แม่จ๋า ครูซจะหนียังไงดี เครื่องติดตามที่ไม่รู้ว่าเป็นของจริงรึเปล่าก็อยู่บนคอ บินหนีก็ไม่เวิร์ค จะสู้ก็คงแพ้ สรุปแล้วผมทำอะไรได้มั้งเนี่ย

ยิ่งคิดผมก็ยิ่งเจ็บปวดจนอยากร้องไห้

ฮึก ตอนนี้ผมเริ่มไม่เศร้าที่ตัวเองจะตายละ แต่เศร้าเพราะตัวเองทำอะไรไม่ได้เลยมากกว่า

ทุกคนอย่าลืมสิ ดิออนมันน่าจะอายุไม่ถึงยี่สิบสามด้วยซ้ำ แล้วผมอ่ะ สามร้อยกว่าแล้วนะ ผมควรจะเป็นแวมไพร์ที่มากไปด้วยประสบการณ์และพลังอำนาจได้แล้ว! เพื่อนผมหลายคนตอนนี้คือเก่งมาก บางคนก็ปลอมตัวเนียนมากจนสามารถไปแอ็บอยู่กับพวกวาติกันแล้วส่งคอยส่งข่าวในไลน์จนกระทั่งโดนจับได้ถึงค่อยหนีออกมาแบบเท่ๆ

ส่วนผมเหรอ ร้อยปีแรกใช้ไปกับการเรียนและเล่นอยู่ในสมาคม ร้อยปีที่สองและสามคือหนีออกไปไร้สาระข้างนอกก่อนที่จะถูกพวกสมาคมที่แม่ส่งมาตามหาผมจับผมกลับอยู่ในสมาคมอีกครั้ง สาเหตุที่แม่ใช้คนมาจับผมก็เพราะกลัวผมถูกพวกวาติกันจับไปเนี่ยแหละ

แต่ก็นะ ด้วยความซนอันล้นเหลือของผม ทำให้ผมถูกพวกวาติกันจับอยู่บ่อยๆ อารมณ์เหมือนเทศกิจจับหมาอ่ะ ผมก็ตกใจพอเป็นพิธีก่อนที่จะใช้ดวงอันน้อยนิดของตัวเองในการหลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัยทุกครั้ง

ก็มีแต่ครั้งนี้เนี่ยแหละ ที่ดวงอันน้อยนิดของผมไม่ทำงานสักที ไม่รู้ว่าต้องรอให้ผมโดนเผาเหมือนตอนเจอเสี่ยขี้เมานั้นก่อนเหรอ ถึงจะมีคนมาช่วย

ผมซึมและจมอยู่กับความเศร้าโศกจนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าดิออนพาผมกลับมาปล่อยที่รถแล้ว และมันก็ล้วงผมออกมาวางตรงที่นั่งข้างคนขับด้วย

“อย่าเพิ่งคืนร่างมนุษย์นะ ให้ออกจากเขตการล่าของวาติกันก่อน”

ดิออนมันพูดนิ่งๆ ซึ่งผมก็ทำตามที่มันสั่งแต่โดยดี เพราะรู้ดีว่ายิ่งผมคืนร่างมนุษย์พลังผมยิ่งแกร่งกล้าขึ้น ผมบินขึ้นไปเกาะบนเบาะแล้วแอบมองข้างนอก

“!!!”

ต้องขอบคุณที่ฟิลม์รถคันนี้ดำ ไม่อย่างนั้นผมต้องโดนพวกวาติกันนับสิบคนที่เดินพล่านกันข้างนอกเต็มไปหมด เอาจริง ตอนแรกก็เห็นไม่ค่อยมีคนนะ ทำไมตอนนี้ถึงมากันทั้งคณะเลยเนี่ย

อย่างผมอ่ะ ใช้แค่คนเดียวก็เหลือเฟือแล้ว ไม่ต้องมากันขนาดนี้ก็ได้

ผมมองพวกวาติกันที่ใส่ชุดเต็มยศกันอย่างหวาดผวา นี่ถ้าเป็นคนทั่วไปคงคิดว่าแถวนี้มีงานคอสเพลย์ ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ใช่นะ เพราะมีดเงินที่ห้อยตรงเอวกันเนี่ยเป็นของจริง

ว่าไป ดิออนมันก็มีมีดเงินนี่นา ผมต้องระวังตัวหน่อยแล้ว เพราะถ้ามันอยากฆ่าผมทำผลงานจริง ก็สามารถจิ้มผมได้เลย ถึงผมจะอย่างงู้นอย่างงี้แต่ผมก็ยังเป็นแวมไพร์อยู่นะ

ผมคิดหงุงๆ อยู่คนเดียวและขยับหนีไปอยู่หลังรถ พยายามอยู่ให้ไกลจากดิออนมากที่สุด แม้ว่ามันจะเป็นคนพาผมหนีออกมาจากขุมนรกก็ตาม แต่ทุกคนอย่าลืมว่าดิออนมันพาผมมาที่นี่เอง

ฉะนั้นถ้าผมโดนพวกวาติกันจับได้ก็เป็นความผิดของมัน!!

“เป็นอะไร”

ดิออนมันใช้หางตามองผมขณะที่ขับรถ

กี้!

แน่นอนว่าผมเป็นค้างคาว นอกจากกี้ๆ ผมก็ตอบอะไรไม่ได้

“มานั่งที่เดิม”

กี้!

ผมตอบแต่อยู่ที่เดิมคือข้างหลัง ทำไงได้อ่ะ ก็ผมอยู่ตรงนี้แล้วอุ่นใจกว่าอ่ะ
   
“ครูซ”
   
มันเรียกผมเสียงแข็ง จนผมยอมกลับไปนั่งที่เดิม
   
ทำไมผมถึงยอมกลับมานั่งที่เดิม? ก็มันน่ากลัวอ่ะ ผมนอนแปะบนเบาะในร่างค้างคาวอย่างจำยอม เอาเหอะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด น้องครูซถึงคราวตายก็ต้องตาย มันเป็นสัจธรรมที่ผมต้องทำใจยอมรับให้ได้
   
ผมคิดทั้งน้ำตาก่อนที่จะร้องลั่นเมื่ออยู่ๆ รถทั้งคันก็ถูกเหวี่ยงเข้าข้างทาง!
   
“!!!!”
   
ผมเบิกตากว้างเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังความมืดอันน่าพรั่นพรึงชวนสั่นประสาทที่แผ่กลิ่นอายคุกคามออกมาทั่วอาณาบริเวณโดยเฉพาะกับรถคันนี้!
   
กี้!!!
   
ผมร้องลั่นเมื่อรถถูกเหวี่ยงอีกครั้งจนตัวปลิวแทบจะกระแทกกับกระจกรถถ้าไม่ถูกดิออนมันจับยัดเข้าเสื้อซะก่อน แต่น่าเสียดายที่รอบนี้ผมไม่ได้ยอมให้มันทำตามอำเภอใจ
   
เพราะรู้ดีว่าถ้าเกิดผมปล่อยให้ตัวเองดูเหมือนถูกดิออนจับเอาไว้ได้จะเป็นยังไง!
   
ผมคืนร่างกลับเป็นแวมไพร์เต็มยศในพริบตา ซึ่งแน่นอนว่ามาทั้งคอสตูม เขี้ยว และตาสีแดงเรืองรอง
   
ตึง!!!
   
เสียงทุบประตูดังลั่นจนผมต้องรีบกระวีกระวาดไปเปิด แต่แน่นอนว่าก่อนที่ผมจะเปิดผมก็ต้องหันมาเจรจากับดิออนซะก่อน
   
“ดิออน นายต้องทำตัวเหมือนโดนผมสะกดนะ แล้วทำตามที่ผมสั่งด้วย ถือว่าผมขอร้องนะ อย่าเพิ่งสงสัยอะไรเลย”
   
ผมเห็นดิออนมันเตรียมหยิบมีดแล้วครับ แต่ผมบอกเลยว่าต่อให้หัวหน้าวาติกันก็เอาไม่อยู่อ่ะ ถ้าคนนี้มาเอง
   
“…”
   
“นะเชื่อใจผมนะ”
   
ผมพูดอย่างลนลาน ถึงผมจะอยากหนีไปจากดิออน แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้ดิออนตาย อย่าลืมสิ ผมถือนโยบายแวมไพร์รักสันติเป็นมิตรกับทุกคนบนโลกนะ

จะให้ผมฆ่ามนุษย์ ผมทำไม่ลงหรอก ต่อให้จะเป็นการยืมมือคนอื่นก็เหอะ
   
มันดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แต่ก็ยอมพยักหน้ารับ ผมเลยใช้พลังแวมไพร์สะกดให้มันตาลอย แบบดูเหมือนไม่มีสติ ซึ่งก็ไม่ได้ผลเท่าไหร่เพราะไอ้ดิออนยังมองผมงงๆ อยู่เลย
   
แต่เอาเหอะ จะยังไงก็ไม่ทันละ
   
“…”
   
ทันทีที่ผมเปิดประตูบรรยากาศความชั่วร้ายก็ถาโถมเข้ามาเลยครับ เหมือนเวลาเปิดตู้เย็นแล้วแอร์เป่าใส่หน้า ผมฉีกยิ้มจนตาหยีให้กับคนที่มาช่วยผมในครั้งนี้ครับ
   
“เป็นอะไรรึเปล่า?”
   
เสียงทุ้มต่ำที่กังวานก้องไปทั่วบริเวณกระซิบถามผมอย่างใส่ใจ
   
“ผมสบายดี ดเวน สบายซะยิ่งสบายอีก!”
   
ผมปั้นยิ้มขณะที่กำลังเจรจากับดเวน แวมไพร์ทรงพลังสายเลือดบริสุทธิ์ที่ไม่ได้ขึ้นตรงกับสมาคมแวมไพร์ แต่ไปอยู่ในกลุ่มโกสต์ซึ่งเป็นกลุ่มของเหล่าอมนุษย์ที่เกลียดชังมนุษย์และสมาคมแวมไพร์เข้าไส้
   
ทำไมดเวนถึงไม่เกลียดผมงั้นเหรอ? ก็ต้องตอบว่าผมอ่อนด๋อยมากจนดเวนมันไม่มองว่าผมเป็นพวกเดียวกับสมาคมแวมไพร์อ่ะ ซึ่งครั้งแรกที่ผมรู้จักกับดเวนก็ตอนโดนเสี่ยขี้เมาหลอกไปนั่นแหละ ดีหน่อยที่ครั้งนั้นดเวนไม่ได้ฆ่าใคร แค่ผมพาหนีออกมาแล้วก็ชวนผมไปอยู่ด้วย แต่ผมปฎิเสธไป เพราะผมไม่ใช่แวมไพร์ใจง่ายและผมยังอยากกลับไปเยี่ยมสมาคมแวมไพร์เป็นพักๆ อยู่
   
“แล้วทำไมนายถึงมาอยู่ในเขตพวกวาติกัน”
   
ดเวนขมวดคิ้วถามผมและเมื่อเห็นดิออนก็ขมวดหนักกว่าเดิมอย่างไม่พอใจ
   
“ไอ้เวรนี่มันจับนายมาใช่ไหม!”
   
ใบหน้าคมคายที่ตอนแรกนิ่งๆ ตอนนี้เริ่มบูดบึ้ง อากาศรอบกายเริ่มแปรปรวน
   
“เปล่าๆ ผมจับมาเอง อยู่ดีๆ ผมก็อยากกินเลือดวาติกันน่ะ”
   
ผมพยายามโม้และเรียกร้องความสนใจจากดเวน เพราะดิออนมันเริ่มยุกยิกๆ ไม่หยุด โอ๊ย นี่ผมกำลังช่วยชีวิตมันอยู่นะ ทำไมต้องมาเปรี้ยวอะไรตอนนี้เนี่ย!
   
“ครูซ นายบอกความจริงกับฉันได้นะ นายไม่ต้องกลัวว่าฉันรับมือกับพวกวาติกันไม่ได้หรอก”
   
ดเวนส่งยิ้มพิมพ์ใจให้ผม
   
“นายโดนจับมาใช่ไหม”
   
ผมก็อยากตอบว่าใช่นะ แต่ผมรู้ว่าถ้าผมตอบใช่ ดิออนต้องเจ็บหนักแน่ๆ เพราะดเวนเก่งมาก เก่งจนแวมไพร์อย่างผมไม่น่ารู้จักกับดเวนได้อ่ะ
   
“ผมต่างหากที่เป็นคนจับมันมา”
   
แน่นอนว่าดเวนทำหน้าเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ซึ่งมันก็ทำให้ผมหงุดหงิดอ่ะ เออ ผมรู้ว่าผมกาก แต่ให้เกียรติ์เขี้ยวแวมไพร์ในปากผมหน่อยได้ป่ะ
   
“ผมจับมาเองจริงๆ ”
   
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” ถึงจะพูดอย่างนั้นดเวนมันก็ยังทำหน้าไม่เชื่ออยู่ดี “แต่เอาเหอะ นายรีบหนีไปกับฉันดีกว่าก่อนที่พวกวาติกันทั้งฝูงมันจะมาฆ่านาย”
   
ไม่ว่าเปล่าดเวนก็จับแขนผม พยายามลากผมไปด้วย
   
“ผมดูแลตัวเองได้น่า ดเวน!”
   
ผมพยายามแกะมือหนาๆ ออก
   
“ไม่เอาน่า นายจะดื้อตอนไหนก็ได้แต่ไม่ใช่ตอนนี้” ดเวนขมวดคิ้วยังคงไม่ปล่อยมือจากแขนผม “มากับฉันก่อน หลังจากนี้ถ้านายอยากกินเลือดใคร อยากได้อะไร เดี๋ยวฉันหาให้เอง”
   
ข้อเสนอชวนให้ผมไขว้เขวมาก
   
จริงๆ ถ้าผมหนีไปดเวน ผมก็มั่นใจแหละว่าผมดเวนต้องปกป้องผมได้แน่ๆ และน่าจะหาทางเอาโชคเกอร์ที่คอผมออกได้ง่ายๆ อีก
   
แต่ผมก็..
   
“ผมบอกว่าไม่ไง! ดเวน!”
   
ผมดึงข้อมือตัวเองกลับมาได้สำเร็จ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตาของตัวเองแดงก่ำจนน่ากลัวและมองมันดเวนด้วยความไม่เป็นมิตร ผมรู้แค่ว่าตัวเองไม่พอใจมากๆ
   
เออ ผมรู้ผมมันใจง่ายแล้วก็ลำเอียงมาก ดเวนมันไม่ใช่สเป็คผมอ่ะ ถึงมันจะหล่อเหมือนกัน แต่ผมชอบดิออนมากกว่า และผมก็จะไม่ยอมให้มันมาฆ่าเหยื่อของผมด้วย!
   
“เฮ้ๆ ใจเย็นพวก”
   
ดเวนยอมปล่อยมือจากแขนผมและยกมือเชิงยอมแพ้
   
“ฉันหวังดีนะ ถึงได้เข้ามาช่วยนายในเขตของวาติกันเนี่ย”
   
“ผมดูแลตัวเองได้  ถึงผมจะเป็นแบบนี้ ผมก็อายุสามร้อยปีแล้วนะ ดเวน นายเป็นน้องผมนะ!”
   
ใช่ครับ ทุกคน ดเวนมันเด็กกว่าผม มันอายุแค่ร้อยกว่าๆ เอง แต่เก่งและโหดมาก โลกนี้มันไม่ยุติธรรมเลยอ่ะ ทำไมผมถึงไม่เก่งกับเขาบ้าง
   
“แน่ใจนะว่าจะไม่ไปด้วย?”
   
ดเวนถามซ้ำ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันติดใจผมอะไรนักหนา ทุกครั้งที่เจอกันถึงได้พยายามชักชวนให้ผมไปกับมันซะเหลือเกิน ซึ่งที่ผ่านมาผมก็ปฏิเสธตลอดอ่ะ จะพาผมไปอยู่กลุ่มโกสต์อะไรนั่น ผมไม่เอาด้วยหรอก พวกนั้นเก่งแล้วก็น่ากลัวจะตาย ผมยิ่งไม่ถูกกับพวกคนเก่งๆ อยู่
   
“ไม่ ผมดูแลตัวเองได้ นายจะไปไหนก็ไป”
   
ผมโบกมือไล่ชิ่วๆ คนไม่ใช่ก็คือคนไม่ใช่อ่ะ
   
“ฉันดูออกนะ ครูซ ว่านายสะกดไอ้วาติกันเวรนี่ไม่อยู่”
   
ดเวนเหลือบมองดิออนด้วยสีหน้าหงุดหงิด
   
“นายก็รู้ว่าไอ้วาติกันพวกนี้มันไว้ใจไม่ได้ นายจำไม่ได้เหรอว่านายเกือบตายเพราะพวกมัน”
   
“..ผมรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่น่า”
   
คือผมก็รู้แหละว่าตัวเองกำลังเอาชีวิตไปเสี่ยงกับการเล่นสนุกโง่ๆ อยู่ แต่ผมก็เชื่อใจมันอ่ะ แล้วผมก็เชื่อในเซนส์ของตัวเองด้วย ถ้ามันคิดจะหลอกผม ผมก็จะยอมให้มันหลอกอ่ะ
   
ยังไงซะ มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมโดนหลอกซะหน่อย
   
ตราบใดที่ผมยังไม่ตาย ผมก็คงจะเล่นสนุกต่อไปเรื่อยๆ  ชีวิตสงบสุขของแวมไพร์มันน่าเบื่อจะตายไป ถ้าผมกลัวตายจริงๆ ผมก็คงฝังตัวอยู่แต่ในสมาคมแล้วแหละ ที่นั่นมีแต่คนเก่งๆ คอยปกป้องกันและกันตลอดเวลา
   
แน่นอนว่าแวมไพร์อย่างผม เวลามีอะไรมาบุกก็ทำได้แค่หลบกับเป็นตัวถ่วง
   
ซึ่งแทนที่จะเป็นตัวถ่วงไปวันๆ สู้ผมออกมาหาประสบการณ์ชีวิตด้วยตัวเองข้างนอกยังดีซะกว่า แน่นอนว่าไอ้ที่เพิ่มพูนไม่ใช่ประสบการณ์การต่อสู้ แต่เป็นประสบการณ์การหาเหยื่อ อ่อยเหยื่อที่ผมโคตรจะเชี่ยวชาญ
   
ผมเล่นเกมจ้องตากับดเวนจนในที่สุดมันก็ยอมหลบตาผมแล้วถอนหายใจใส่
   
“ก็ได้ นายชนะ ครูซ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นตะโกนเรียกฉันแล้วกัน”
   
ดเวนไหวไหล่ใส่ผมก่อนที่จะก้าวถอยหลังออกห่างจากรถ และถูกความมืดมิดกลืนหายไปในพริบตา ซึ่งถ้าผมเดาก็คงจะอยู่แถวๆ นี้แหละ
   
ผมปิดประตูเหมือนเดิมก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ บิดขี้เกียจจนกระดูกดังกร็อบๆ และคืนร่างกลับเป็นมนุษย์ธรรมดา เพราะการคงอยู่ในสภาวะแวมไพร์เต็มยศค่อนข้างเปลืองพลังอันน้อยนิดของผม
   
ผมหันไปมองดิออนและพบว่าเจ้าตัวก็ยังหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่
   
“เป็นอะไรอีก ผมอุตส่าห์ช่วยชีวิตนายไว้นะ”
   
ผมบ่นเพราะการที่ต้องต่อล้อต่อเถียงกับคนที่มีพลังและฐานะเหนือกว่าตัวเป็นเท่าตัวเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก เหนื่อยทั้งกายและใจ เพราะผมต้องเก๊กว่าตัวเองไหว ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วไม่ไหว
   
“ฉันมั่นใจว่าฉันฆ่ามันได้”
   
ดิออนพูดเสียงแข็ง สีหน้าไม่สบอารมณ์ขั้นสุด
   
แน่นอนว่าผมต้องเบรก เพราะนี่ไม่ใช่นิยายต่อสู้ ผมไม่อยากเห็นคนไทยตีกัน ผมอยากเห็นคนไทยรักกัน ผมอยากให้ประเทศของเราเป็นประชาธิปไตย (????) แค่ก ไม่ใช่
   
“เอาน่า ตอนนี้ดเวนไปแล้ว เราก็กลับห้องกันเถอะ”
   
ผมอุตส่าห์ป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะกัน ช่วยกรุณาเห็นแก่ความพยายามของผมหน่อยเหอะ
   
“นายไม่เห็นเหรอว่ามันอยากฆ่าฉันขนาดไหน”
   
ดิออนเหมือนยังหงุดหงิดอยู่ แต่เป็นผมก็หงุดหงิดแหละ โดนหยามขนาดนั้นอ่ะ
   
“อย่าหงุดหงิดสิ อย่างน้อยผมก็เลือกนายนะ”
   
ผมฉีกยิ้มจนตาหยี
   
อะไร อย่ามองผมแบบนั้นดิ ผมไม่ได้ทำตัวใจง่ายซะหน่อย ผมแค่แบบ ลำเอียงให้กับคนที่ตรงสเป็คอ่ะ ก็ดิออนมันหล่อและน่าอร่อยนี่นา  เวลาผมกินเลือดเหมือนได้กินอาหารตาไปด้วย เพลินสุดๆ เหมือนได้กินอาหารบนภัตตาคารหรูที่ตั้งอยู่บนตึกสูงเสียดฟ้าที่วิวหล่อมาก
   
จุ๊บ
   
“!”
   
ผมกระพริบตาปริบเมื่อถูกฉวยโอกาสแบบงงๆ แต่ผมก็จูบตอบแทบจะทันที
   
อย่างว่ามันตรงสเป็คผมอ่ะ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องเล่นตัว ยกเว้นแต่มันจะจับผมย่างหลังจากที่ทำอะไรๆ ผมเสร็จเนี่ยแหละ ผมจึงควรจะเล่นตัว
   
คือไอ้กลัวก็กลัวนะ แต่ผมชอบมันมากๆ เลยอ่ะ
   
ผมครางฮือเมื่อถูกมืออุ่นๆ ล้วงเข้ามาในเสื้อและบีบเค้นหน้าอกผม  แน่นอนว่าผมไม่ปฎิเสธแล้วยังแอ่นอกให้มันจับได้ถนัดขึ้นอีก
   
“..ดิออน”
   
ผมพึมพำเสียงพร่า
   
ผมแทบจำไม่ได้แล้วว่าล่าสุดผมนอนกับมนุษย์คนไหนไป แต่ที่ผมคือผมรู้โคตรอยากจะนอนกับมันเลยอ่ะ นานๆ ที่ผมจะได้เจอคนที่ตรงกับสเป็คขนาดนี้
   
“…”
   
และอยู่ๆ ดิออนมันก็อะไรไม่รู้อีกแล้ว
   
มันเลิกนัวเนียผมแล้วกลับไปขับรถหน้าตาเฉย
   
“..ดิออน?”
   
ผมเรียกมันงงๆ ด้วยอารมณ์ที่ค้างคา ผมจะงอนแล้วนะ ถ้ายังไม่มีคำอธิบายกับเรื่องนี้!
   
“ตรงนี้ไม่ได้”
   
“..ไม่ได้แล้วจะเริ่มตั้งแต่แรกทำไมเล่า!”
   
ผมบ่นด้วยความหงุดหงิด คือถ้ามันจะฟัดผมอ่ะ ฟัดทีเดียวที่ห้องมันก็ได้นะ ไม่ใช่แบบเริ่มแล้วมาหยุดกลางทางแบบนี้!!!
   
“ก็ทำหน้าน่ารัก”
   
มันพูดหน้านิ่งๆ
   
“…”
   
จากที่จะบ่นอีกยาวเหยียด ผมพูดอะไรไม่ออกเลย
   
ครูซ นายอายุสามร้อยกว่าปีแล้วนะ! ทำไมถึงมาเขินอะไรแบบนี้อ่ะ คนที่พูดอ่ะ อายุคราวหลานเลยนะ นายอ่ะ แก่แล้ว ควรจะมีมาดเท่ๆ แบบผู้ชายภูมิฐานได้แล้ว!
   
แต่ถึงผมจะคิดไปทั่วและไร้สาระยังไง
   
ผมก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า
   
ผมโคตรเขินเด็กเลย

;w;

========

คลานมาอัพ  :katai5:

เจอกันที่แท็กเดิมค่ะ 5555 #ห้ามปิ้งค้างคาว

ส่วนตอนหน้านั้น  :z6:

   
   
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 4 1/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 01-04-2019 01:10:33
เอ็นดูววว
สังเกตได้ว่ามีคนไม่พอใจค่ะ  o18 o18
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 4 1/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ืืnanana21 ที่ 01-04-2019 07:07:46
น้องงงงงง น้องไม่รอดแน่ลูก
 :hao7:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 4 1/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ppseiei ที่ 01-04-2019 17:28:42
น้องงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 4 1/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: jazumine ที่ 01-04-2019 17:49:58
ตอนหน้าคงเรียกเลือดใช่มั้ยยยยยย

Sent from my BLL-L22 using Tapatalk

หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 4 1/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-04-2019 19:17:29
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 4 1/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-04-2019 23:44:40
ยัยน้องโคตรกาก ตลกตรงอยากโดนเต็มที่ แต่สถานที่ไม่อำนวย 555555555555
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 4 1/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 02-04-2019 01:26:50
รอครับ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 4 1/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ashita ที่ 02-04-2019 14:34:41
ตลกครูซ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 4 1/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Realtime ที่ 03-04-2019 05:39:20
อย่าสนุกจนเพลินแล้วไม่ระวังภัยนะหนู​ แค่ผู้ชายพาเข้าบ้านหนูเดือดร้อนแล้ว​
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 4 1/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: owlseason ที่ 03-04-2019 21:04:27
ดิออนรีบรวบหัวรวบหางคุณปู่เค้าซักทีเถอะ มันเขี้ยวไม่ไหวแน้ววว
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 4 1/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: piiya ที่ 07-04-2019 00:18:53
อย่างงี้เราก็เรียกน้องครูซไม่ได้อะดิ เศร้าจัง555555
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 5 14/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 14-04-2019 22:51:20
VAMPIRE PROBLEM ;w; #5
   

ระหว่างที่ผมนั่งเขินเด็กว่างๆ รอรถถึงคอนโด อยู่ดีๆ ผมก็นึกถึงกฎแวมไพร์สามข้อที่แม่เคยกรอกหูผมเช้าเย็น บังคับให้ผมท่องและจำให้ขึ้นใจ เพื่อที่ผมจะได้สามารถดำรงชีวิตในโลกที่แสนอันตรายได้อย่างปลอดภัย
   
ซึ่งแน่นอนว่าผมทำไม่ค่อยได้หรอก ชีวิตผมเลยซวยอยู่บ่อยๆ แบบนี้แหละ
   
สามข้อนั้นมีอะไรบ้างเหรอ ข้อแรกเลยคือห้ามยุ่งกับพวกวาติกัน ซึ่งไอ้คนข้างๆ ผมก็เป็นวาติกันตัวเป๊งเลยครับ เผลอๆ ในอนาคตอาจจะได้เป็นผู้นำตระกูลอีก แต่ผมก็ยังเปรี้ยวไม่หนีนะ ยังติดใจมันอยู่ ทั้งเลือดทั้งหน้าตายกเว้นนิสัยที่ผมเดาไม่ค่อยออก ช่วยไม่ได้ เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันเองนี่นา แต่ที่แน่ๆ คืออันตรายมากครับ
   
ถ้าแม่รู้แม่ต้องตีผมแน่ แต่ผมไม่บอกแม่ แม่ก็ไม่รู้ไง ฮ่าๆ
   
ใช่ ผมมันใจง่าย เหยื่อมันตรงสเป็คอ่ะ สองสามร้อยปีมีทีหนึ่ง เรื่องอะไรผมจะพลาดเล่า
   
ส่วนข้อสองนั้นคือห้ามสุงสิงกับมนุษย์เกินความจำเป็น กฎข้อนี้ผมเข้าใจว่ามันมีไว้ป้องกันไม่ให้พวกมนุษย์ทั่วไปรับรู้ถึงตัวตนของแวมไพร์ ซึ่งผมปกติผมก็ทำตามอย่างเคร่งครัดนะ กฎข้อนี้ แบบกินเลือดเสร็จ ผมก็หนีไปเลย ยกเว้นแต่ว่าถ้าผมติดใจเหยื่อคนไหน ผมก็จะไปงุ้งงิ้งเล่นด้วยสักพัก ซึ่งตอนนี้ก็คือดิออน และช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงโปรโมชั่น ผมยังเห่อมันอยู่เลยติดงอมแงม
   
ช่วยไม่ได้อ่ะ ใครใช้ให้เลือดวาติกันอร่อยกว่าเลือดมนุษย์ปกติล่ะ! แล้วเหยื่อหล่อแบบนี้ใครจะไปอดใจไหวกันเล่า
   
และข้อสามกฎสำคัญที่แม่ผมย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามโดยเด็ดขาด

ซึ่งก็คือห้าม ‘หลงรัก’ เหยื่อ

แต่บอกเลยว่าผมไม่เคยแหกกฎข้อนี้ครับ เพราะไม่เคยเจอใครที่ใช่สำหรับผมสักที ถึงดิออนมันจะเข้าข่ายสเป็คผมก็เถอะ แต่มันก็ยังไม่ใช่คนที่ผมพร้อมจะใช้ชีวิตอีกหลายร้อยปีที่เหลือด้วยหรอก

ยังไงก็ตาม ตอนนี้ผมก็แหกกฎแค่สองข้อเองแถมยังเต็มใจที่จะแหกอีก ดีนะ ที่ดเวนมันไม่ใช่พวกคนในสมาคมแวมไพร์อ่ะ ไม่อย่างนั้นนะ ต้องมีคนคาบข่าวไปบอกแม่แน่ๆ ซึ่งถ้าถึงตอนนั้นจริง ผมคงถูกแม่ขังลืมไม่เห็นเดือนเห็นตะวันไปอีกหลายปีเลยทีเดียว

ช่วยไม่ได้ ก็ผมเป็นลูกรักแม่นี่นา

“คิดอะไรอยู่”

สงสัยผมจะมีสีหน้ากระดี้กระด้าไปหน่อย ดิออนเลยอดถามผมไม่ได้

“คิดถึงแม่เฉยๆ ”

ผมตอบง่ายๆ ไม่คิดจะโกหก และแอบตื่นเต้นนิดๆ เพราะใกล้จะถึงคอนโดของดิออนแล้ว!

จากที่นั่งเฉยๆ อย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ ตอนนี้ผมเป็นผ้าที่โดนปั่นเละในเครื่องซักผ้าเลยครับ ผมลอบมองดิออนตาวาว รับรู้ถึงเขี้ยวตัวเองที่โผล่ออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เวลาที่ตื่นเต้นดีใจมากๆ
แม่จ๋า อย่าโกรธครูซเลยนะ ขอแค่วันนี้วันเดียวจริงๆ

“งั้นขอฉันถามอะไรได้ไหม”

“อื้อ ได้สิ”

ตอนนี้ผมเชื่องมาก สั่งไรทำหมด เชื่อเหอะ ถ้าดิออนมันสั่งให้ผมไปนอนกลิ้งๆๆ เหมือนหมา ตอนนี้ผมก็ทำอ่ะ

“นายคือครูซ บราวน์ใช่ไหม”

ผมตาโตทันที ไม่น่าเชื่อว่าแวมไพร์อันดับรองบ๊วยของสมาคมอย่างผมจะเป็นที่รู้จักได้นะเนี่ย แต่ก็ไม่แปลกเท่าไหร่ ผมกับวาติกันเนี่ยก็เกี่ยวดองกันมาหลายร้อยปีละ แต่ในแง่ความสัมพันธ์ผู้ล่ากับผู้ถูกล่านะ

“นายรู้จักผมมาก่อนเหรอ”

ผมถาม เพราะอยากรู้เหลือเกินว่าพวกวาติกันนี่เขียนถึงผมไว้ว่าอะไรบ้าง ถึงผมจะพลาดโดนจับบ่อยๆ ก็เหอะ หวังว่าจะไม่ด่าว่าผมกาก ถึงมันจะเป็นเรื่องจริง แต่ผมก็ไม่อยากถูกพวกมนุษย์อ่อนแอพวกนี้ตราหน้านี่นา

“เปล่า” ดิออนส่ายหัว “ข้อมูลส่วนตัวที่มีกับรูปนายไม่ตรงกันสักนิด เพราะที่สำนักเขายังใช้รูปนายตอนอายุสี่ห้าขวบอยู่เลย”

“นั่นมันนานมากเลยนะ” ผมหัวเราะ พวกวาติกันนี่ช่างไม่อัพเดตเอาซะเลย สู้พวกแวมไพร์ก็ไม่ได้ ตอนนี้แทบจะเป็นเจ้าของแบรนด์ครีมกันแดดอยู่แล้วเนี่ย

“นายเป็นลูกชายของลอร์ดแกร์รี่ใช่ไหม”

“…”

จากอารมณ์ที่ดีกระดี้กระด้าแบบสุดๆ ตอนนี้ผมนั่งหดคอหน้าซีดเลยครับ เมื่อนึกถึงหน้าพ่อตัวเอง

ใช่แล้วทุกคน ผมกลัวพ่อมาก แค่ชื่อผมก็กลัวขึ้นสมองแล้ว

แปลกมากที่พวกวาติกันมีข้อมูลนี้ ทั้งๆ ที่เรื่องสายสัมพันธ์ของแวมไพร์นี้ค่อนข้างจะมีความลับเอามากๆ เพราะพวกเราเลือกที่จะตายกันมากกว่าที่จะขายความลับของพวกเดียวกันเอง

การที่ดิออนรู้ว่าผมเป็นลูกของใครจึงทำให้ผมค่อนข้างช็อคพอสมควร
   
พูดก็พูดเถอะ พ่อกับผมไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักนิด ทั้งพลังทั้งหน้าตา เพราะพ่อผมเก่งมากๆๆ มีพลังเป็นอันดับหนึ่งในสมาคมอ่ะ และเพราะพลังนี้แหละทำให้พ่อได้เป็นถึงหัวหน้าสมาคมแวมไพร์นี้ โดยมีแม่ของผมเป็นเลขาสมาคมคอยดูแลสมาชิกทุกคน

แน่นอนว่าการที่พ่อมีลูกคนโตเป็นผม ทำให้พ่อไม่ค่อยชอบหน้าผมเท่าไหร่ ทุกครั้งที่รู้ว่าพ่ออยู่ใกล้ๆ ผมจะรีบแปลงร่างเป็นค้างคาวแล้วรีบบินหลบเข้ามุมมืดทันทีเพื่อไม่ให้ขวางหูขวางตาพ่อ
   
ช่วยไม่ได้ ก็ผมอ่อนด๋อยมากนี่นา ยิ่งช่วงที่เป็นช่วงจัดอันดับพลังแล้วผลออกมาเป็นผมได้รองบ๊วย ผมยิ่งไม่กล้าออกจากห้องนอนตัวเองอ่ะ อยู่แต่ในร่างค้างคาวและซ่อนอยู่ในมุมมืดที่ไม่มีใครหาเจอ เพราะถ้ามีใครหาผมเจอ ผมก็คงจะถูกลากไปโดนพ่อเอ็ดแน่ๆ แง
   
คิดไปคิดมา ถ้าพ่อรู้ว่าผมแหกกฎมานั่งเล่นกับเหยื่อขนาดนี้ ผมต้องแย่แน่เลย
   
ผมจะทำยังไงดีเนี่ย
   
ผมกลืนน้ำลายเอือก เริ่มไม่มีอารมณ์มาเล่นกับดิออนอีกต่อไป
   
นี่ก็ผ่านมาจะสามสี่เดือนล่ะอ่ะ ปกติจะมีคนหาผมเจอช่วงประมาณนี้แหละ
   
ผมตัวสั่นงึกๆ เมื่อลองจินตนาการภาพตัวเองตอนที่โดนคนของสมาคมจับได้ว่าแอบมาเล่นกับพวกวาติกัน แง ผมไม่อยากคิดต่อแล้วอ่ะ เพราะมันน่ากลัวมาก
   
“สรุปคือใช่ ใช่ไหม”
   
“เปล่า เปล่าสักหน่อย ผมเป็นแค่แวมไพร์ธรรมดาๆ เท่านั้นแหละ” ผมพยายามตอบเลี่ยงๆ เลิกลั่กสุดๆ หรือว่าผมควรจะเรียกดเวนให้พาหนีไปเลยดี
   
“ฉันไม่ทำอะไรนายหรอกน่า” ดิออนขมวดคิ้วเริ่มจับได้ว่าผมทำตัวแปลกๆ
   
“แต่นายเป็นวาติกันอ่ะ” ผมว่าผมก็ไว้ใจดิออนแหละ แต่ผมก็กลัวโดนพ่อดุมากกว่า “ผมขอโทษนะ แต่ผมไม่อยากนอนกับนายแล้วอ่ะ”
   
จากที่ขมวดคิ้วอยู่แล้ว ตอนหน้าดิออนดูไม่ได้เลยครับ ถึงกับยอมจอดรถข้างทางเพื่อเคลียร์กับผมเลยทีเดียว
   
“ทำไม”
   
“กลัวพ่อว่าอ่ะ” ผมช้อนตามองมัน “ไว้คราวหน้าได้ไหม ถ้าหนีออกมาได้จะมาหาคนแรกเลย”
   
“ไม่”
   
มันตอบเสียงดุด้วยสีหน้าที่มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าไม่พอใจเอามากๆ
   
แง ผมก็อยากกินมันเหมือนกันนั่นแหละ แต่เข้าใจกันหน่อยสิว่าช่วงเวลามันไม่อำนวย ไม่เคยดูละครหรอ ที่พ่อตาไล่ยิงลูกเขยอ่ะ ซึ่งคนที่จะโดนยิงไม่ใช่ดิออนนะ แต่เป็นผมเนี่ยแหละที่ใจง่ายเหลือเกิน
   
จุ๊บ
   
ผมขยับตัวขึ้นไปจูบมันเบาๆ แล้วผละออกมา และทำหน้าตาน่าสงสารที่สุดในชีวิต ที่แม่เคยด่าไม่ให้ผมทำเพราะมันเหมือนลูกหมาหิวข้าว
   
“นะ ดิออน ไว้คราวหน้านะ”
   
ผมไม่เคยอ้อนเหยื่อขนาดนี้เลยนะ!
   
“…นายกลัวพ่อนายขนาดนั้นเลยเหรอ”
   
“อื้อ กลัวกว่าพวกวาติกันอีก”
   
ประสบการณ์ครั้งล่าสุดที่โดนพ่อด่าคือตอนผมโดนเสี่ยขี้เมาจับไปนั่นแหละครับ ผมไม่รู้ว่าพ่อไปรู้มาจากไหน แต่ที่ผมรู้คือตลอดเวลาหนึ่งชั่วโมงที่อยู่ในห้องนั้น เป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆๆ
   
ถึงพ่อจะดุผมไม่กี่คำก็เถอะ แต่การจ้องผมนิ่งๆ ด้วยสายตาเย็นชานั้นก็ทำเอาผมกลัวจนไม่กล้าออกจากสมาคมไปสักพักใหญ่ๆ เลยล่ะ
   
“พ่อนายไม่รู้หรอก”
   
ผมกำลังจะถามว่าไม่รู้อะไร ก็ต้องตกใจกับการโดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะรู้ตัวอีกทีผมก็โดนมันอุ้มมานั่งตักแล้วและจูบผมหนักๆ จนผมรู้สึกเจ็บปาก
   
แน่นอนว่าถ้าเป็นเมื่อชั่วโมงที่แล้วผมคงเป็นเนื้อสเต็กพร้อมเสิร์ฟ แต่ตอนนี้คือไม่ครับ ถึงดิออนจะเปลี่ยนใจมาทำบนรถแทนก็เถอะ แต่มันไม่ได้จริงๆ เพราะตรงนี้มันโคตรเสี่ยงเลย!
   
ผมพยายามขัดขืนแม้ว่าลึกๆ จะไม่อยากขัดขืน
   
“คราวหน้านะ ดิออน ผมจะรีบหนีออกมาหานายคนแรกจริงๆ นะ”
   
ผมประคองหน้าดิออนให้มองตาผมเพื่อแสดงถึงความจริงจัง พยายามไม่สนใจว่ามือของมันจะล้วงไปถึงไหนต่อไหน ราวกับเป็นเจ้าเข้าเจ้าของร่างกายผมซะเอง
   
“ไม่”
   
มันปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
   
โอ๊ย ผมงัดออกมาแทบจะทุกวิธีแล้วนะ ทำไมไม่ใจอ่อนสักที ผมรู้นะว่าผมอาจจะน่ารักเกินจะห้ามใจ แต่ขอได้ไหมวันนี้อ่ะ ห้ามใจไว้ก่อน เดี๋ยวผมถูกพ่อขังลืมโว๊ย
   
“..อื้อ ไม่เอา”
   
ผมเผลอสะอื้นออกมาเมื่อถูกดิออนยุ่งกับหัวนม ถึงมันจะมีเสื้อคั่นก็เถอะ แต่อย่าลืมสิว่าผมห่างหายกับอะไรแบบนี้มานานมาก ผมเลยโคตรจะรู้สึกเลย
   
ผมแทบจะอยู่ไม่สุขตอนที่มันจงใจกัดแรงๆ จนผมหลุดครางออกมา
   
“เลิกเป็นวาติกันได้ไหมเนี่ย”
   
ผมบ่นขณะที่เริ่มหายใจไม่ทัน ดิออนมันคล่องชะมัดเลย เสียดายที่มันไม่ใช่แวมไพร์เหมือนผม คือถ้าดิออนมันเป็นแวมไพร์ผมจะหนีบมันกลับไปอวดที่สมาคมแบบไม่ต้องคิดเลย
   
“หึ” ดิออนชะงักและหลุดขำพรืด “นายก็เลิกเป็นแวมไพร์ก่อนสิ”
   
“มันเลิกได้ที่ไหนกันเล่า”
   
ผมหน้าบูดก่อนที่จะสูดหายใจลึกตอนที่รับรู้ถึงนิ้วอุ่นร้อนที่บุกรุกเข้ามาอย่างอุกอาจและขยับอย่างลามกราวกับว่าจะลงโทษผมที่คิดจะหนีไปจากมัน
   
“อื้อ”
   
ผมซบหน้ากับไหล่ดิออน เนื้อตัวสั่นเทาเมื่อมันเพิ่มนิ้วและจงใจกดกระตุ้นบริเวณที่จุดอ่อนไหวของผม จนผมเข่าอ่อนแทบไม่มีเรี่ยวแรงดิ้นหนีมัน
   
ให้ตายเหอะ รู้สึกดีชะมัดเลยอ่ะ
   
“ดิออน ฮึก ปล่อยผมไปเถอะนะ”
   
ผมพยายามขอร้องมันถึงแม้จะรู้ว่ามันเปล่าประโยชน์ เอาจริง ผมก็เข้าใจมันนะ เพราะถ้าเป็นผมตอนปกติ ผมก็ไม่ปล่อยมันไปเหมือนกันนั่นแหละ   
   
“ก็ไปสิ ฉันไม่ได้ห้ามสักหน่อย”
   
มันบอกผมทั้งๆ ที่มือยังสาละวนกับการกลั่นแกล้งผม ให้ผมผวาเฮือกอยู่เป็นพักๆ จนผมเริ่มกังวล เพราะนี่มันก็นิ้วที่สามแล้วอ่ะ
   
“..พอแล้ว ดิออน”
   
ผมจิกหลังมันเมื่อมันไม่ยอมฟังผมสักนิด หนำซ้ำผมยังได้ยินเสียงมันฉีกซองอะไรบางอย่างอีก
   
“ไม่ต้องกลัวนะ”
   
มันกระซิบบอกผมก่อนที่จะดึงดันเข้ามาข้างในทันที
   
“!!!”
   
เจ็บ!!!!
   
ผมน้ำตาแตกทันที ถึงมันจะเข้ามาแค่นิดเดียวก็เหอะ แต่มันเจ็บเป็นบ้าเลยอ่ะ คือถ้ามันจะขนาดนี้มันต้องเตรียมให้ผมนานกว่านี้ป่ะ โดยเฉพาะกับผมที่ไม่ได้นอนกับเหยื่อมาตั้งนานมากๆ แล้วด้วย
   
“เจ็บเหรอ”
   
ดิออนถามผมหน้าตื่น ดูตกใจและเป็นห่วงผมอย่างเห็นได้ชัด
   
“ฮึก ครั้งหน้าได้ไหม ดิออน ผมเจ็บ”
   
ผมร้องไห้ ส่วนหนึ่งก็เจ็บอีกหลายส่วนคือเล่นละคร โอกาสมาแล้ว ครูซ รางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมครั้งหน้าต้องมีชื่อผมแน่ๆ ผมมั่นใจ
   
ถึงผมจะอยากนอนกับมันก็เหอะ แต่ผมกลัวพ่อมากกว่า เข้าใจไหมดิออน ผมกลัวพ่อโว้ยยย
   
และเพราะมันไม่ยอมเข้าใจผมเนี่ยแหละ ผมเลยต้องมานั่งร้องไห้น้ำตาแตก ทั้งๆ ที่อายุสามร้อยกว่าปี แก่จนไม่รู้จะแก่ยังไงละ แต่ยังขี้แงเสมอต้นเสมอปลาย
   
“โอเคๆ ไม่ทำแล้ว อย่าร้อง”
   
ดูเหมือนมันจะตกใจมากที่ผมร้องไห้ เพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยร้องไห้แบบจริงจังมาก่อน เอาแต่ร้องเล่นๆ พอเป็นพิธี ซึ่งผมก็แอบรู้สึกผิดนะที่หลอกมัน 
   
แต่ผมสัญญาด้วยเกียรติทั้งหมดของผมเลยว่าถ้าคราวผมหนีออกมาได้ ผมจะหามันคนแรกเลย
   
ดิออนมันยอมเก็บลูกรักของมันแต่โดยดี และใช้มือหนาๆ ของมันซับน้ำตาให้ผม
   
“อย่าร้องได้ไหม”
   
ผมไม่รู้หรอกนะว่าตัวเองตอนร้องไห้มันน่าสงสารขนาดไหน แต่ดูท่าแล้วก็คงจะน่าสงสารมากแหละ ดิออนที่ปกติจะเย็นชากว่านี้ ตอนนี้คือเหมือนกลัวผมแตกสลายไปต่อหน้าต่อมัน
   
แหม่ รางวัลปีนี้จะไปไหน ผมอยากให้สมาคมแวมไพร์มีการจัดอันดับการแสดงบ้าง ผมจะได้ติดอันดับต้นๆ ได้เป็นหน้าเป็นตาของสมาคมบ้าง
   
“ฮึก”
   
ผมร้องต่ออีกสักพักพอเป็นพิธีแล้วค่อยหยุด เหลือแค่สะอื้นนิดๆ ซึ่งผมก็ใช้จังหวะที่ดิออนไม่กล้าทำอะไรผม ในการจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองที่ยับยู่ยี่ให้กลับมาเรียบร้อยเหมือนเดิม
   
ปั่กๆๆ
   
และพอผมจะคุยกับดิออนต่อก็มีมารผจญอีกแล้วครับ
   
ผมเหลือบมองก่อนที่จะสะดุ้งจนหัวแทบโขกกับเพดานรถ
   
“แม็กซ์!!!”
   
รอบที่แล้วแค่คนรู้จัก รอบนี้เป็นน้องชายผมเลยครับ
   
จากที่ตัวซีดจากการเป็นแวมไพร์อยู่แล้ว คือตอนนี้ผมซีดกว่าเดิมประมาณร้อยเท่า อารมณ์ที่ยังค้างคาครึ่งๆ กลางๆ เมื่อกี้คือหายหมด
   
“เปิด!”
   
ผมรีบกระวีกระวาดเปิดประตูทันทีครับ ถึงตอนนี้ผมจะยังนั่งตักดิออนอยู่ ผมก็ไม่สนแล้ว คนที่ผมกลัวรองจากพ่อก็น้องชายตัวเองเนี่ยแหละ
   
ไม่รู้จะดุอะไรนักหนา ไหนจะนิสัยกับหน้าตาที่เหมือนเคาะกันมาอีก
   
“ไม่ได้เจอกันนานเลยเนอะ”
   
ผมหัวเราะแห้งๆ กับสีหน้าบอกบุญไม่รับของน้องตัวเอง
   
“ห้าเดือน”
   
น้องผมพูดนิ่งๆ เหลือบมองสภาพเละๆ ของผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งผมก็แอบเห็นว่าคิ้วของน้องผมกระตุกไม่หยุด ดีนะ ที่ผมจัดการเสื้อผ้าตัวเองเสร็จแล้ว ไม่อย่างนั้นน้องผมต้องเผลอฆ่าผมตอนนี้แน่ๆ
   
ผมแอบบีบมือดิออนเพื่อไม่ให้มันทำอะไรกระโตกกระตาก จะดีจะร้ายยังไง นี่ก็น้องผมอ่ะ ห้ามทำอะไรน้องผมเด็ดขาดเพราะพ่อรักน้องผมมาก
   
“พี่นอนกับพวกวาติกัน?”
   
“พี่กินเลือดเพลินไปหน่อยอ่ะ อารมณ์มันพาไป”
   
ผมพูดด้วยสีหน้าเบิกบาน พยายามทำเป็นไม่ได้ยินคำว่าวาติกันที่น้องผมพูดด้วยน้ำหนักเสียงที่ชัดถ้อยชัดคำซะเหลือเกิน
   
“พี่จำกฎของสมาคมไม่ได้เหรอครับ”
   
บางทีผมก็สับสนนะว่าใครน้องใครพี่กันแน่ มีที่ไหนอ่ะ น้องมาข่มพี่จนพี่หงอขนาดนี้ แต่เอาเหอะ รอบนี้ผมผิดจริงแหละ
   
ผมพยายามทำหน้าน่าสงสารรอบสอง แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้ผลเท่าไหร่เพราะน้องผมยังดูหงุดหงิดมากเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเขม่นดิออนด้วย
   
“จำได้สิ แต่แม็กซ์ก็ต้องเข้าใจนะว่าบางทีชีวิตคนเรามันก็ต้องออกนอกกรอบบ้างอ่ะ”
   
โอ้โห ยิ่งพูดหน้าน้องผมยิ่งหงิก เชื่อเหอะ ถ้าแม็กซ์เป็นพ่อผม คงจะปรี่เข้ามาตีก้นผมละ แต่ก็นะ ช่วยไม่ได้ เกิดช้าเอง นอกจากบ่น น้องก็ทำอะไรผมไม่ได้แล้ว
   
“ชีวิตนอกกรอบของพี่คือการนอนกับพวกที่เกือบเผาพี่ทั้งเป็นเหรอครับ”
   
แต่ละประโยคที่พูดนี่ดุเหมือนพ่อชะมัด
   
ผมหน้าบูดเซ็งๆ ผมที่เป็นคนโดนเผาเองยังไม่โกรธพวกวาติกันเท่าน้องเลยนะ ถึงตอนนั้นจะตกใจมากๆ ก็เถอะ แต่คนที่เผาผมก็ไม่ใช่ดิออนนี่นา ละอีกอย่างผมก็ไม่ใช่พวกเหมารวม เพราะไม่ใช่วาติกันทุกคนคนเป็นคนชั่วร้ายไปหมดหรอก ดูอย่างดิออนสิ นอกจากจะไม่ฆ่าแล้วยังเป็นยอมเป็นเสบียงให้ผมกินเล่นด้วย
   
“พี่ก็แค่เล่นกับเหยื่อนิดหน่อยเอง”
   
ผมแก้ตัวข้างๆ คูๆ ไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมทั้งดเวน ทั้งแม็กซ์ ถึงได้เดือดร้อนกับการงุ้งงิ้งกับเหยื่อของผมซะเหลือเกิน
   
ถึงผมจะอ่อนด๋อยแต่ผมก็ไม่ได้โง่สักหน่อย ผมรู้ดีน่าว่าตอนไหนควรจะขอความช่วยเหลือ ตอนไหนควรจะเล่น ผมก็รู้หมดนั่นแหละ แต่ผมติดเล่นเท่านั้นเอง

“แต่พี่ทำผิดกฎ”
   
ไม่ว่าเปล่าน้องยังยื่นมือมาทางผมและใช้พลังแวมไพร์บังคับให้ผมคืนร่างเป็นค้างคาวจิ๋วด้วย
   
แน่นอนว่าผมอยากขัดขืนแต่พลังผมน้อยกว่าน้อง เลยทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องกี้ๆๆๆ โวยวายสุดชีวิต
   
ผมในร่างค้างคาวเกาะเสื้อดิออนแน่นพลางตัดพ้อชีวิตตัวเองที่ซวยซ้ำซวยซ้อนเหลือเกิน
   
ทำไมกับแค่การเผลอไปนึกถึงพ่อแปปเดียว ถึงได้มีร่างโคลนนิ่งของพ่อมาตามผมถึงที่อ่ะ ทำไมแม่ไม่ส่งเพื่อนสนิทผมมาตามหาผมเหมือนรอบก่อนๆ จะส่งน้องชายอนาคตก้าวไกลมาตามผมทำไมเนี่ย
   
คือถ้าเป็นเพื่อนผมอ่ะ ผมยังพอดีลได้ แต่นี่น้องไง นอกจากพ่อกับแม่มันก็ไม่ฟังใครแล้วอ่ะ
   
สำหรับผมวันนี้ ผมบอกเลยคือผมโคตรขาดทุน นอกจากจะไม่ได้กินดิออนแล้ว ผมยังถูกน้องจับได้อีกว่ามายุ่งกับพวกวาติกัน จะมีอะไรซวยกว่านี้อีกปะ
   
ผมคิดทั้งน้ำตา ทำไมไม่มีใครเข้าใจน้องครูซเลยอ่ะ แงง
   
“ส่วนคุณ”
   
พอเห็นว่าน้องทำท่าจะทำอะไรสักอย่างกับดิออน ผมรีบบินไปซบน้องเลยครับ
   
กี้!
   
ผมเอาหัวไถคอน้อง ออดอ้อนสุดชีวิต
   
อย่าทำอะไรดิออนเลย ไม่งั้นคราวหน้าถ้าพี่หนี พี่จะหนีไปหาใครเล่า พี่ยังอยากมีแพชชั่นในการหนีอยู่ เข้าใจเปล่า กว่าจะหาเหยื่อที่ถูกใจได้นี่มันยากนะ!
   
“พี่”
   
น้องหยิบผมมาวางบนมือ และแน่นอนว่าผมทำตาแป๋วอย่างน่าสงสาร ถึงแม้ว่าน้องจะทำหน้าเหมือนอยากบีบผมให้ตายซะตรงนี้ก็เถอะ
   
ไม่รู้ล่ะ ยังไงผมก็ไม่ยอมให้น้องทำอะไรดิออนแน่ๆ
   
“พี่รู้ใช่ไหมว่ามันเป็นวาติกัน”
   
ผมพยักหน้าหงึกๆ  คิดดู น้องผมมาไม่ถึงสองนาทีรู้ละว่าดิออนเป็นวาติกัน ละผมคืออะไร ต้องเห็นรอยสักกับไม้กางเขนที่คอก่อนถึงรู้ว่าเหยื่อตัวเองเป็นตัวอันตราย
   
“แล้วพี่ไปยุ่งกับมันทำไม”
   
ถ้าตอบว่าตรงสเป็ค ผมโดนน้องเชือดตรงนี้แน่
   
กี้ๆๆ
   
ผมอ้างไปทั่วเท่าที่จะนึกออก   
   
“ผมไม่สนใจหรอกนะพี่ว่าพี่จะอ้างอะไร แต่ผมไม่ยอมให้พี่นอนกับมันแน่ๆ ”
   
กี้!
   
ผมเท้าเอวในร่างค้างคาว
   
นี่น้องหรือผัววะ ผมงง หวงผมซะเหลือเกิน ทีตอนอยู่สมาคมนี่โคตรตัดหางปล่อยวัดผมเลย 
   
“พี่ทำผิดกฎนะ”
   
กี้!
   
จริงๆ ก็ผิดตั้งแต่หนีออกมาละ แต่ไม่รู้อ่ะ ยังไงมันก็เป็นน้องผม ผมต้องโวยวายได้ดิ
   
ผมบ่นน้องยาวเหยียด ทั้งๆ ที่ปกติไม่กล้าทำ แต่ไม่รู้ตอนนี้อะไรดลใจให้กล้า ผมเลยบ่นไม่หยุดจนน้องหน้าของผมบูดขึ้นเรื่อยๆ
   
“เออ! แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ ผมไม่รายงานพ่อก็ได้!!”
   
น้องผมบ่นสบถด้วยสีหน้าหงุดหงิดและเหมือนจะงอนๆ ผมด้วย
   
แต่เดี๋ยวก่อน ตะกี้น้องบอกว่าจะไม่รายงานพ่อ งั้นผมก็รอดแล้วดิ เย้!!!
   
ผมกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ เพราะรอบนี้โดนโทษแค่อย่างเดียวคือหนีออกมาจากสมาคม ฉะนั้นต่อให้โดนกักบริเวณหรือทำโทษอะไร ก็คงไม่เยอะมาก
   
ฉะนั้นการหนีจากสมาคมรอบหน้าคงจะเร็วๆ นี้แหละ!
   
กี้ๆๆ
   
ผมว่าจะหันไปคุยกับดิออนด้วยความดีอกดีใจ แต่ลืมไปว่าตัวเองอยู่ในร่างค้างคาวเลยได้ออกมาเป็นภาษาค้างคาว ที่คุยกันเองยังแทบไม่รู้เรื่องเลย
   
“ไม่ต้องไปคุยกับมันเลย!”
   
ไม่ว่าเปล่าน้องมันยัดผมกระเป๋าเสื้อ แต่ผมก็ไม่วายชะโงกหน้ามาบ๊ายบายดิออนอยู่ดี
   
กี้!
   
ไม่อยากกลับเลยอ่ะ อยากเล่นต่อ
   
“เห็นแก่ที่คุณให้เลือดพี่ผมกิน ผมจะทำเป็นไม่เห็นคุณแล้วกัน”
   
น้องผมพูดเสียงขุ่น ดูก็รู้ว่าไม่เต็มใจพูดสักนิด ซึ่งนี่ก็ถือว่าดีมากๆ แล้ว เพราะปกติน้องผมไม่ใช่คนที่ยอมคนสักเท่าไหร่โดยเฉพาะกับพวกวาติกัน เชื่อเหอะ ถ้าเมื่อกี้น้องไม่โดนผมบ่น รับรองเลยว่าตอนนี้ได้มีการวางมวยกันแล้ว
   
“อืม”
   
ดิออนพยักหน้ารับง่ายๆ แต่มันยังจ้องผมไม่วางตา จนผมเริ่มรู้สึกเขิน
   
มันหล่ออ่ะ ผมไม่อยากสมาคมแล้ว ที่นั่นมีแต่คนใจร้ายกับผม

และที่สำคัญเลยคือไม่มีดิออน
   
“กลับบ้าน!!!”
   
อยู่ดีๆ น้องผมก็ตะโกนขึ้นมา และเดินดุ่มๆ ออกมาทันที
   
กี้!!!
   
ผมร้องลั่นสู้กลับทั้งน้ำตา
   
ทำไมชีวิตผมถึงได้ซวยอย่างงี้วะเนี่ย!!!

============

ในส่วนของตอนต่อไปนั้น  :m29: 55555555555

ส่วนใครที่ไม่เล่นสงกรานต์ไปเล่นแท็กนี้ได้นะคะ  :o8: #ห้ามปิ้งค้างคาว 
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 5 14/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-04-2019 07:03:51
นึกว่าพี่ครูซจะโดนกินซะแล้ว มาร(แวมไพร์)ผจญจริงๆ  :mew5:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 5 14/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ืืnanana21 ที่ 15-04-2019 09:32:16
'ผมเท้าเอวในร่างค้างคาว'
แอร้ยยย น่ารัก
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 5 14/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: owlseason ที่ 15-04-2019 21:24:37
 :z3:
โธ่ ดิออนของเจั
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 5 14/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-04-2019 22:08:17
เอ็นดูน้องงงงงง
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 5 14/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 18-04-2019 17:46:20
เกลียดการเท้าเอวในร่างค้างคาวมาก ยัยน้องครูซโคตรกาก 5555555555555
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 5 14/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 18-04-2019 18:15:41
กี๊กี๊กี๊ >> อันนี้แปลว่าชอบน้องแม๊กซ์ค่ะ อยากได้  :hao6:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 5 14/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 19-04-2019 17:59:55
เขินนนน
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 5 14/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: piiya ที่ 21-04-2019 13:37:56
เมื่อไหร่ดิออนจะได้กินเจ้าค้างคาวน้อยน้าาาา :z2:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 5 14/4/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-04-2019 21:21:11
เป็นแวมไพร์อายุ 300 ปีที่เป็นไทป์น้องมาก น่ารักกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 6 1/5/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 01-05-2019 01:31:18
VAMPIRE PROBLEM ;w; #6


“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะครับ นายน้อย”
   
ลูกน้องคนสนิทของพ่อเอ่ยทักผมที่เดินคอตกตามหลังน้องมาเซ็งๆ แน่นอนว่าน้องผมจัดการเผาโชคเกอร์ที่ดิออนใส่ให้ผมไปเรียบร้อยแล้วด้วยพลังแวมไพร์ที่มีมากกว่าผมไม่รู้กี่เท่า ทำให้ผมมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นว่าดิออนมาไม่ถูกแน่นอน
   
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าทางเดียวที่ผมจะได้เจอดิออนอีกครั้งก็คือต้องหนีไปจากสถานที่อันโหดร้ายแห่งนี้ให้ได้!!!
   
ผมคิดอย่างฮึกเหิมได้ไม่ถึงสามวิก็กลับมาหงอยเหมือนเดิม

เพราะจากสถิติที่ผ่านมาผมต้องใช้เวลาหลายเดือนทีเดียวกว่าจะเนียนหนีออกไปได้ ซึ่งวันนี้ก็เพิ่งเป็นวันแรกที่ผมกลับมาเยือนสมาคม ฉะนั้นเรื่องการกลับปุ๊ปหนีปั๊ปคือตัดไปได้เลย เพราะผมไม่มีปัญญาหนีแน่นอน  แล้วยิ่งตอนนี้น้องผมยิ่งทำตัวแปลกๆ อีก ไม่รู้ว่าไปโดนเลือดหรือยาตัวไหนมาถึงจ้องผมตาเขียวตลอดทาง

จริงๆ ผมก็อยากเล่นมุกโง่ๆ กับน้องนะ ว่าแบบพี่น่ารักใช่ไหมถึงได้มองไม่หยุดเลย แต่แน่ล่ะ น้องผมมันดุเหมือนพ่อ ผมเลยไม่กล้า เลยได้แต่หงอยตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง
   
“อื้อ ผมกลับมาแล้ว”
   
ผมพยักหน้ารับซึมๆ รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก เพราะการกลับบ้านเท่ากับว่าผมต้องกลับไปใช้ชีวิตลูปเดิมคือการเรียนๆๆๆ จนกว่าผมจะผ่านขั้นที่อนุญาตให้ออกไปอยู่นอกสมาคมได้ ซึ่งผมก็ใช้เวลามาหลายปีละ แต่ก็ไม่เคยผ่าน ไม่รู้ว่าผมโง่เกินไปหรือกากเกินไปกันแน่ ผมถึงไปไหนไม่ได้สักที
   
แค่คิดถึงเรื่องนี้ผมก็จะร้องไห้แล้วอ่ะ
   
ทำไมชีวิตผมมันเศร้าขนาดนี้เนี่ย
   
“พี่ครูซซซซ”
   
เสียงทุ้มต่ำคุ้นหูตะโกนเรียกผมดังลั่น ก่อนที่ผมจะถูกบางสิ่งกระโจนเกาะหลังจนผมเกือบล้มหน้าคะมำ ถ้าไม่ได้น้องชายของผมที่ยังคงหน้าหงิกเหมือนเดิมช่วยประคองไว้ก่อน
   
“ขอบใจนะ”
   
ผมยิ้มแห้งๆ ขอบคุณน้องและสลัดคนที่เกาะหลังตัวเองออกเพราะมันหนักมาก
   
“ปล่อยพี่ได้แล้ว!”
   
ผมโวยวายใส่ก่อนที่จะใช้พลังแวมไพร์อันน้อยนิดของผมในการบังคับให้อีกฝ่ายกลายร่างเป็นค้างคาว เหมือนที่น้องเคยใช้ทำกับผมเมื่อกี้
   
“?”
   
ผมเบิกตากว้างเมื่อพบว่าผมไม่สามารถทำได้เหมือนเคย
   
อย่าบอกนะว่า…
   
“ผมขึ้นจากอันดับบ๊วยและนะพี่ครูซ ตอนนี้พี่เป็นบ๊วยแทนผมแล้ว!!!”
   
คำว่าบ๊วยดังก้องในหัวผมจนผมหูอื้อตาลาย
   
ทุกคนช่วยผมด้วย

ตอนนี้ผมอ่อนด๋อยกว่าน้องชายที่อายุไม่ถึงร้อยแล้ว!!!!
   
บอกเลยว่านี้เป็นครั้งแรกที่ผมกลับมาแล้วอยากร้องไห้ขนาดนี้ จบสิ้นแล้วชีวิตน้องครูซ ตอนผมยังอันดับรองบ๊วย ผมยังโดนพ่อทำสงครามเย็นใส่ แล้วตอนนี้ผมไปเด้งไปอยู่อันดับบ๊วย ชีวิตผมจะเหลืออะไร
   
ผมอยากร้องไห้มากเลยอ่ะ
   
แต่แน่ล่ะ ด้วยความเป็นพี่คนโต ผมเลยฮึบและหัวเราะกลบเกลื่อน
   
“ขึ้นแค่นี้อย่าทำเป็นโม้ไปหน่อยเลย”
   
ในเมื่อบังคับให้เป็นร่างค้างคาวไม่ได้ ผมก็เลยทำท่าจะให้แม็กซ์ช่วยแกะออก น้องผมที่กลัวแม็กซ์ขึ้นสมองเหมือนกันก็ปล่อยผมอย่างรวดเร็ว และมายืนจ้องหน้าผมแทน
   
“คิดถึงพี่จัง ไม่เจอกันตั้งนาน”
   
“สูงขึ้นอีกแล้วเหรอ”
   
ผมกระพริบตาปริบเมื่อพบว่าตัวเองเตี้ยกว่าน้องแล้ว
   
อะไรกัน ผ่านไปแค่ห้าเดือนน้องผมโตขึ้นอีกแล้วเรอะ ผมเงยหน้ามองเซน น้องชายคนเล็กที่ปกติติดผมแจ เพราะผมใจดีกับน้องที่สุด ผมยังจำได้อยู่เลยว่าน้องเคยสูงเท่าเอวผมแล้วก็วิ่งต็อกแต๊กตามผมไปทุกที่
   
คิดดูสิ ขนาดผมจะแอบหนีไปข้างนอก น้องยังจะร้องตามไปกับผมเลย จริงๆ ผมก็ใจอ่อนอยากพาไปด้วยนะ แต่แค่ดูแลตัวเองยังเอาไม่รอดเลย ผมเลยได้แต่ตัดใจทิ้งน้องไว้ที่สมาคม
   
แต่ที่สำคัญตอนนี้เลยคือทำไมน้องโต แต่ผมไม่โตขึ้นเลยอ่ะ ตัวเท่าเมี่ยงเหมือนเดิม
   
“สูงขึ้นสิ ก็ผมโตแล้ว”
   
ไม่ว่าเปล่ามันยังใช้พลังแวมไพร์โชว์ผมด้วย
   
“เท่เปล่า พี่ครูซ ผมโดนพ่อฝึกเกือบตายตอนพี่ไม่อยู่”
   
ผมจ้องพลังแวมไพร์สีดำทมิฬที่หมุนริ้วอย่างรวดเร็วในมือน้องด้วยความอึ้ง เพราะล่าสุดที่มันโชว์ผม มันยังได้แค่สีดำหม่นๆ ลอยโง่ๆ อยู่เลย
   
ส่วนของผมเหรอหนักกว่าน้องอีก เป็นสีดำหม่นที่เหลวมาก ใช้ต่อสู้อะไรไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่ปกติแล้วพลังแวมไพร์สามารถเอาไปประยุกต์ใช้ได้เยอะมาก ทั้งโจมตีทั้งป้องกัน ไอ้ที่ดเวนใช้เขย่ารถนั่นก็พลังแวมไพร์เหมือนกัน
   
“จริงสิ พี่ครูซ พ่อบอกว่าถ้าพี่กลับมารอบนี้ พ่อจะจับพี่กักบริเวณจนกว่าพี่จะได้ใบอนุญาตให้ออกไปนอกสมาคม”
   
“อย่ามาอำพี่เล่นน่า”
   
ผมหน้ายู่ เพราะแค่ตารางเรียนปกติผมก็จะเป็นบ้าอยู่แล้ว มีแต่ภาคปฎิบัติเต็มไปหมด ฝึกนู่นฝึกนี่ฝึกนั่น มีแต่ฝึกๆๆ ที่ฝึกยังไงผมก็อ่อนด๋อยเหมือนเดิม ส่วนภาคทฤษฎีผมไม่ต้องเรียนเพราะผมเรียนจบและผ่านไปตั้งนานแล้ว
   
“อำเล่นอะไรล่ะ ผมพูดจริง นั่นไงพ่อมาแล้ว พี่ถามพ่อได้เลย”
   
น้องผมที่กำลังจะโวยวายลดเสียงลงโดยอัตโนมัติเลยครับเมื่อพ่อเข้ามาในอาณาเขต
   
ส่วนผมเหรอ?
   
กี้!
   
แปลงเป็นค้างคาวบินหนีแล้วจ้า!
   
หมับ!
   
และแม็กซ์น้องสุดที่รักของผมก็คว้าผมในพริบตาด้วยเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที
   
กี้ๆๆ
   
ผมยกมือเล็กๆ ปิดหน้าบ่นงึมงำทั้งร่างค้างคาว
   
คือผมไม่เข้าใจอ่ะ ตอนอยู่นอกสมาคมก็โดนดิออนจับ กลับมาสมาคมก็โดนน้องตัวเองจับอีก จับอะไรกันนักกันหนา จับผมเป็นแมลงวันเลยโว๊ย
   
“จะไปไหนอีก”
   
ผมที่กำลังจะบ่นต่อตอนนี้คือแทบลืมหายใจ เมื่อได้ยินน้ำเสียงเย็นเยียบพูดขึ้นมา
   
ผมตัวหดมากกว่าเดิม พยายามทำตัวให้ลีบและขวางหูขวางตาพ่อให้น้อยที่สุด  แต่น่าเสียดายที่ความจริงก็โหดร้ายกับน้องครูซเสมอ
   
“ถ้าครั้งนี้ยังไม่ผ่าน แม้แต่จะออกจากห้องก็อย่าหวังเลย!”
   
ทั้งๆ ที่พ่อพูดด้วยน้ำเสียงปกติแต่เสียงของพ่อผมกลับสะท้อนดังลั่นคฤหาสน์เลยครับ คือเหมือนพ่อรวมความโกรธตลอดห้าเดือนเพื่อมาด่าผมวันนี้อ่ะ
   
ถ้าผมเป็นพวกมนุษย์หมาป่า บอกเลยว่าผมจะแปลงเป็นหมาแล้วร้องหงิงๆๆ แล้ว แต่นี่เป็นค้างคาวไง ร้องได้แต่กี้ๆ ซึ่งตอนนี้ผมก็ไม่กล้าร้องเพราะถูกพ่อจ้องไม่วางตา
   
ผมในร่างค้างคาวก้มหน้างุดรู้สึกอยากร้องไห้มาก
   
ดิออนช่วยผมด้วย แงงงงงงงง
   
“คอไปโดนอะไรมา”
   
“?”
   
ไม่ทันรู้ตัวผมก็ถูกพ่อใช้พลังบังคับให้กลับร่างมนุษย์ และมันก็ทำให้สถานการณ์แย่กว่าเดิมอีก จากที่พ่ออารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ตอนนี้พ่อทำหน้าเหมือนจับผมไปสับๆๆๆ แล้วก็ทำเป็นลาบค้างคาวเลยครับ
   
ผมหน้าแดงก่ำรีบเอามือตะปบรอยตรงคอทันที
   
ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย แอบมากัดผมตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือผมตายแน่
   
จะโม้ไปว่าเป็นรอยยุงกัดแล้วแพ้ยุงก็ไม่ทันแล้ว เพราะผมหน้าแดงมาก
   
“แม็กซ์”
   
พ่อเหมือนจะทนดูผมต่อไปไม่ไหวหันไปเรียกน้องผมเลยครับ
   
“ครับ”
   
“เอาพี่แกไปขังในคุกใต้ดิน”
   
คุกใต้ดินเลยเหรอ!!!!
   
ผมอ้าปากค้าง ถ้าพ่อไม่อยู่ตรงนี้ผมมั่นใจเลยว่าตัวเองกรีดร้องออกมาแน่ๆ แต่พ่ออยู่ไง ผมเลยได้แต่ร้องในใจ เพราะไอ้คุกใต้ดินนี่หนักกว่าโดนขังลืมในห้องมืดอีก คืออย่างน้อยห้องมืดอ่ะก็มีเตียงนุ่มๆ ให้ผมนอนกลิ้งเล่นบ้าง
   
แต่ไอ้คุกบ้านี่คือไม่มีอะไรเลยนอกจากพื้นเย็นๆ ชื้นๆ สกปรกกับระบบรักษาความปลอดภัยที่แค่ผมเอาปลายเส้นผมผมไปสะกิดหน่อยก็คือคนทั้งคฤหาสน์คือรู้ทันทีเลยว่ามีคนแหกคุก
   
ทำไมผมรู้?
   
ก็คำตอบเดิมแหละ ผมเคยมาอยู่ละ คุกใต้ดินอันโหดร้ายและไม่มีความจรรโลงใจนี้ เอาจริงวันนั้นผมไม่ได้ตั้งใจจะแหกคุกนะ แต่ผมหลับเพลินไปหน่อยจนเผลอกลิ้งท่าไหนไม่รู้ไปโดนอาคมเข้า และก็ตู้ม ทุกคนลงมาจับผมยัดเข้าไปในคุกเหมือนเดิม
   
ชีวิตน้องครูซนี่มันเศร้าจริงๆ ผมจะร้องไห้แล้วนะ
   
“..แม็กซ์”
   
ผมพยายามเรียกน้องเสียงหวานแม้ว่ากำลังจะขืนตัวไม่ให้น้องลากต่อแทบตาย คุกบ้าไร ไม่เอา ผมไม่อยากไป ผมอยากไปหาดิออนเข้าใจไหม ทำไมไม่มีใครเข้าใจผมเลย!
   
“พี่ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าถ้าพี่หนีออกไปพี่ต้องโดนลงโทษอะไรบ้าง”
   
“ก็ปกติพ่อแค่กักบริเวณนี่นา”
   
ไม่รู้ว่าผมพูดด้วยน้ำเสียงน่าเหยียบให้แบนหรืออะไร น้องถึงหยุดเดินแล้วหันมาจ้องหน้าผมแทน
   
ผมกลืนน้ำลายเอือกเมื่อต้องจ้องหน้าร่างโคลนนิ่งพ่อที่น่ากลัวพอกัน
   
“พี่อายุจะสี่ร้อยแล้วนะ”
   
“มั่ว พี่เพิ่งอายุสามร้อยกว่าๆ ต่างหาก”
   
สี่ร้อยอะไร ผมยังไม่แก่ขนาดนั้นสักหน่อย!
   
ดูเหมือนคำตอบผมจะไม่ถูกใจน้องสักเท่าไหร่ เพราะน้องหน้าบูดกว่าเดิม
   
“ผมไม่ได้จำผิด”
   
จะมาขิงผมเหรอว่าความจำดี ผมไม่สนใจหรอก ก็ผมจะอายุสามร้อยอ่ะ ใครจะทำไม จริงๆ ผมก็อยากจะอายุสักสองร้อยไปเลยนะ จะได้รู้สึกแก่น้อยลง
   
“ก็พี่เพิ่งสามร้อยกว่าจริงๆ ดูหน้าพี่ก็ได้”
   
ความภูมิใจเพียงหนึ่งเดียวของผมคือหน้าเด็กเนี่ยแหละครับ
   
“พี่ไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
   
“…”
   
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่กลัวอะไรอยู่ แต่พี่ปฎิเสธความจริงไม่ได้หรอกว่าสักวันพี่จะต้องเป็นหัวหน้าสมาคมเหมือนพ่อ”
   
“..ก็บอกแล้วไงว่าไม่เอา”
   
ผมพูดเสียงเบา
   
คือพูดตรงๆ เลยว่าผมค่อนข้างจะไม่เห็นด้วยกับธรรมเนียมที่ส่งต่อตำแหน่งใหญ่ๆ อย่างหัวหน้าสมาคมนี้ด้วยการอ้างถึงความเป็นสายเลือดเดียวกัน หรือถ้าจะอ้างจริงๆ ก็ควรจะดูตามความเหมาะสมกับพลังอ่ะ แต่ผมไม่ใช่ไง ผมโคตรจะรู้ตัวเลยว่าตัวเองไม่เหมาะกับตำแหน่งหัวหน้าสมาคมนี้ แต่ไม่รู้ทำไมทุกคนถึงพยายามยัดเยียดให้ผมเหลือเกิน ทั้งๆ ที่พลังของผมนั้นน้อยมาก
   
จะหาว่าผมมองโลกในแง่ร้ายก็ได้นะ ผมว่าถ้าผมได้ขึ้นเป็นหัวหน้าจริงก็ได้เป็นอยู่ไม่ถึงครึ่งวันก็คงโดนโค่นอ่ะ เพราะถ้าเป็นผม ผมก็ไม่ยอมเหมือนกันแหละให้คนที่ไม่มีความสามารถมาปกครองตัวเองเนี่ย
   
“พ่ออยากให้พี่ลองดูก่อน”
   
น้องผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของผม
   
“ก็บอกแล้วไงว่ามันไม่มีประโยชน์! ถ้าพลังพี่มันจะตื่นก็ตื่นไปตั้งนานแล้ว!”
   
คือถ้าน้องไม่ใช่ผมก็ไม่มีวันเข้าใจผมอ่ะว่ารู้สึกยังไงกับการที่ต้องเป็นตัวตลกตอนที่ไปสอบวัดระดับด้วยการแข่งกันเองกับรุ่นเดียวกันเอง ซึ่งผมก็แพ้แบบย่อยยับจนถ้าผมเป็นพ่อเอง ผมก็คงอายมากๆ
   
“เมื่อไหร่พ่อจะเข้าใจสักทีว่าคนที่สมควรจะได้เป็นหัวหน้าคือแก! ไม่ใช่พี่!”
   
“…”
   
“ต้องให้พี่วัดระดับอีกกี่รอบอ่ะ ถึงจะพอใจ พี่วัดมาเป็นร้อยๆ รอบแล้วนะแม็กซ์ วัดจนพี่จะเป็นบ้าแล้ว! แต่ผลมันก็เหมือนเดิม พลังพี่มันโคตรอ่อนเลย พี่ก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมผลออกมาเป็นแบบนี้ พี่เหนื่อยเข้าใจไหม แม็กซ์ พี่โคตรเหนื่อยเลย”
   
เป็นครั้งแรกที่ผมพูดความในใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง
   
แม่ง..
   
ผมโคตรอยากร้องไห้เลยอ่ะ
   
ผมยอมรับนะว่าตัวเองกาก แต่มันก็ไม่ได้ความหมายว่าผมจะทำใจได้กับการมาเป็นตัวตลกซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการวัดระดับบ้าๆ นี่อีก คือผมเข้าใจถึงความหวังดีของพ่อและทุกคนนะที่อยากให้ผมมีสกิลในการใช้ชีวิตรอดบ้าง ซึ่งผมก็มีนะ แต่มีแต่สกิลอ่อยเหยื่อเพื่อหลอกอย่างเดียว
   
เอาเข้าจริงแล้วผมก็แค่อยากเป็นครูซ แวมไพร์ง่อยๆ ที่ใช้ชีวิตหลอกกินเลือดเหยื่อและเล่นสนุกไปวันๆ อ่ะ
   
เรื่องการเป็นหัวหน้าใครอะไรนั่นดูจะเป็นอะไรที่ไกลจากผมมากจริงๆ
   
“…ปล่อยให้พี่หนีไปเถอะ แม็กซ์”
   
ผมก้มมองเท้าตัวเองด้วยรอยยิ้มนิดๆ เพราะรู้สึกตลกตัวเองที่ไม่มีศักดิ์ศรีเอาซะเลย
   
“ให้พี่ตายข้างนอกให้มันจบๆ เถอะ”
   
ผลั่ก!!!!
   
“อึ่ก!!”
   
ไม่รู้ว่าผมไปเหยียบหางน้องหรือยังไง อยู่ๆ น้องก็ผลักผมเข้ากำแพงจนผมรู้สึกชาไปหมดทั้งตัว ก่อนที่น้องจะขยำคอเสื้อผมขึ้นมาจนผมแทบจะตัวลอยเพราะส่วนสูงที่ต่างกันค่อนข้างมาก
   
ผมขมวดคิ้วกำลังจะบ่นก็ต้องชะงักกับสีหน้าโกรธจัดของน้อง
   
“พี่เป็นบ้าไปแล้วรึไงวะ!!! พี่คิดว่าที่พ่อส่งคนไปตามพี่กลับทุกครั้งที่พี่หนีไป พี่คิดว่าพ่ออยากให้พี่ตายเหรอ!”
   
“…”
   
“ทั้งพ่อทั้งแม่ ทุกคนเขาก็รู้กันหมดนั่นแหละว่าพี่น่ะไม่อยากเป็นหัวหน้าสมาคมต่อจากพ่อ แต่พ่อก็ยังอยากให้พี่ลองอยู่ดี เผื่อว่าพี่จะชอบ ซึ่งต่อให้พี่ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อยถ้าพี่ยอมมาฝึกจนได้ใบ พ่อก็จะได้สบายใจกว่านี้เวลาที่พี่แอบหนีไปข้างนอก”
   
“…”
   
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่คิดอะไรอยู่ แต่ผมไม่ยอมให้พี่ตายเด็ดขาด และที่สำคัญเลยคือผมไม่มีวันยอมให้พวกวาติกันสารเลวพวกนั้นมาฆ่าพี่!”
   
“ไม่เลวทุกคนซะหน่อย”
   
ผมงึมงำ
   
อย่างน้อยดิออนก็ใจดีกับผมนะ
   
“โดยเฉพาะกับไอ้วาติกันนั่น ถ้าผมยังไม่ตาย พี่ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้นอนกับมัน!”
   
เป็นคำขู่ที่แรงมาก นี่น้องหรือผัว คำถาม
   
แต่เอาเหอะ นานๆ ที น้องชายที่ผมกลัวเข้าไส้นี่จะยอมพูดอะไรยาวๆ ขนาดนี้กับผม เพราะปกติแล้วมันชอบเล่นสงครามประสาท ไม่รู้ว่าได้พ่อมาเยอะหรือยังไง ถึงขยันทำให้ผมเสียวสันหลังวูบวาบตลอดเหลือเกิน
   
“พี่ไม่รับปากหรอกนะว่าพี่จะไม่นอนกับวาติกันนั่น”
   
ผมดึงมือน้องออกจากคอเสื้อ ซึ่งน้องก็ยอมปล่อยง่ายๆ และเหมือนเพิ่งรู้ตัวด้วยว่าเผลอกระชากคอเสื้อผม
   
“แล้วพี่ก็ไม่รับปากด้วยว่าพี่จะไม่หนีไปอีก”
   
“ผมไม่ยอมให้พี่หนีได้หรอก”
   
น้องผมพูดด้วยสีหน้าหงุดหงิดกว่าเก่า ซึ่งมันก็ทำให้ผมรู้สึกเอ็นดูน้องขึ้นมานิดๆ นับจากครั้งล่าสุดเมื่อนานมาแล้วที่ผมเคยสนิทกับน้องมาก่อน
   
ใช่ ผมก็เคยมีโมเมนต์แบบน้องเรียกพี่จ๋าๆ อยู่เหมือนกันนะ แต่ช่วงเวลานั้นมันสั้นมาก เพราะไอ้พวกน้องผมไม่รู้มันกินบ้าอะไรเข้าไปถึงโตเอาๆ จนรู้ตัวอีกทีก็สูงกว่าผมกันหมดแล้ว
   
คือจริงๆ ผมก็ค่อนข้างมั่นใจนะว่ากินเลือดแบบเดียวกัน แต่ไม่รู้ทำไมผลที่ได้มันถึงได้แตกต่างกันเหลือเกิน
   
“แต่รอบนี้พี่จะยอมสอบให้ได้ใบก่อนแล้วกัน”
   
เอาจริงผมก็ปากดีไปงั้นแหละ เมื่อกี้อ่ะ อะไรตายๆ ไปนั่น อารมณ์พาไปล้วนๆ เพราะปกติผมก็เป็นคนที่รักตัวกลัวตายมากคนนึง ไม่งั้นผมจะโวยวายทุกรอบที่โดนวาติกันหรือใครสักคนจับไปทำไม
   
“..จริงจัง?”
   
น้องถามผมด้วยสีหน้าอึ้งๆ
   
อะไรกัน มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอวะ ผมก็แค่อยากใจอ่อนบ้างไม่ได้รึไง น้องชายแท้ๆ ที่ปกติเคร่งขรึม เย็นชา อุตส่าห์เอ่ยปากขอร้องผมซะขนาดนี้ 
   
ใครมันจะไปกล้าขัดศรัทธาล่ะ
   
“จริงสิ คราวนี้พี่ได้กินเลือดวาติกันมา ไม่แน่นะพี่อาจจะฟลุ๊คสอบผ่านก็ได้”
   
เอาจริงคือช่วงนี้ผมก็แอบรู้สึกว่าพลังผมแข็งแกร่งขึ้นนะ หลังจากที่กินเลือดดิออนไป รู้สึกว่ามันควบคุมได้ง่ายขึ้นเยอะเลย ทั้งๆ ที่ปกติเวลาผมจะใช้พลังทีคือมันฟุ้งไปหมด ใช้ยากมาก ที่พอจะทำได้ก็ตามที่รู้คืออีสมุนค้างคาวสามตัวที่บางทีผมก็เสกออกมาเล่นเป็นเพื่อน
   
“เลิกพูดถึงวาติกันสักที”
   
น้องผมกลับมาหน้าหงิกอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเกลียดอะไรนักหนา คือรอบตอนเสี่ยบ้านั่นน้องผมก็หน้าหงิกงี้แหละ แต่พอเป็นกรณีดิออนแล้วดูจะหงุดหงิดกว่าเดิมเป็นสิบเท่า
   
“พี่จะขายออกแล้วนะ ไม่ดีใจเหรอ”
   
ผมอดหยอกน้องไม่ได้
   
“ถ้าพี่ไม่หยุดพูดถึงมัน ผมจะรายงานพ่อแล้วนะ”
   
“โอเคๆ ไม่พูดแล้ว”
   
ผมหัวเราะก่อนที่จะชะงักตอนที่น้องมองผมนิ่งๆ ด้วยสีหน้าจริงจังเหมือนที่มันชอบทำ
   
“พี่พูดแล้วนะว่าจะสอบให้ได้ใบก่อน”
   
“อื้อ สัญญาเลย”
   
ผมพยักหน้าง่ายๆ แม้ว่าในใจจะแอบรู้สึกเสียใจมากๆ เพราะผมไม่รู้ว่าผมจะสอบผ่านเมื่อไหร่เนี่ยแหละ ซึ่งผมก็ได้แต่หวังว่าผมจะได้ใบอนุญาตก่อนที่ดิออนมันจะแก่ตายน่ะนะ
   
แต่เดี๋ยวก่อนเหมือนผมลืมอะไรบางอย่างแฮะ
   
“เดี๋ยวมะรืนผมมารับนะ”
   
ผมหลุดร้องเสียงหลง เมื่ออยู่ๆ ก็ถูกบังคับให้กลับเป็นร่างค้างคาว ก่อนที่จะถูกน้องโยนเข้าไปในห้องขังและปิดประตูซี่กรงเหล็กโบราณดังแคร๊ง
   
กี้!!!!!
   
ผมที่นอนซบกับพื้นร้องออกมาทั้งน้ำตา

ถึงผมจะยอมสอบใบแล้วแต่ผมยังต้องคิดคุกบ้านี้นี่นา!!!

============

คิดถึงดิออนๆๆๆๆ  :sad4:

#ห้ามปิ้งค้างคาว
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 6 1/5/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวสวย ที่ 01-05-2019 03:23:22
รีบมาต่อน้าาาา​ รอนานมาก​กก​ อยากกินค้างคาวปิ้งจ้า
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 6 1/5/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: piiya ที่ 01-05-2019 07:36:19
มาซะดึกเลย ต้องอ่านตอนเช้าแทน 555 วงวารน้องครู๊ซ สู้ๆนะลูก ยังไงเราพัฒนาตัวเองขึ้นมันก็ต้องเป็นผลดีอยู่แล้วนะ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 6 1/5/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ืืnanana21 ที่ 01-05-2019 07:52:25
แมกซ์นี่น่าหาคู่ให้เป็นวาติกันซักคนนะ หึหึ

รอนะคะ รีบมาต่อน้าา
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 6 1/5/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 01-05-2019 17:14:15
สงสารน้องงง อย่าทำน้องง อย่าแกล้งน้อง 555555555555555555555
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 6 1/5/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-05-2019 19:49:29
ครูซน้อย..กลอยใจ  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 6 1/5/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 01-05-2019 20:37:18
น้องครูซลูกกกกก สอบให้ผ่านเร็วๆ นะ จะได้หนีออกไปเที่ยวเล่นได้สักทีเนอะ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 6 1/5/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 01-05-2019 22:00:33
โถถถ ค้างคาวน้อยย
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 6 1/5/62 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-05-2019 21:39:06
เอ็นดูไปอีกกกกกก
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 6 5/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 05-05-2019 03:51:06
VAMPIRE PEOBLEM ;w; #7

   
“ดิออน ดิออน!”
   
ผมตะโกนเรียกเจ้าของแผ่นหลังคุ้นตาด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นล้านแปด เพราะนี่เป็นวันแรกที่ผมเป็นอิสระจากสมาคมอย่างถูกต้องตามแบบแผน การมาครั้งนี้ของผมนั้นจึงหายห่วงได้เลยว่าจะมีคนแอบตามมาอีก แต่ถ้ามีใครกล้าตามมาลากผมกลับไปอีก บอกเลยรอบนี้ว่าผมจะโวยวายให้สมาคมแตกเลยคอยดู
   
ให้ตายเหอะ ผมโคตรคิดถึงดิออนเลยอ่ะ
   
แล้วผมก็ไม่อยากจะอวดเลยว่ารอบนี้อ่ะ ถ้าดิออนคิดจะจับผมอีก มันก็ไม่ง่ายแบบรอบก่อนแล้ว เพราะผมเก่งขึ้นมากๆ แบบดิออนฟันมาทีนึงผมก็หลบแบบสวยๆ ได้พร้อมกับเยาะเย้ยใส่สักสามประโยค
   
ว่าไปนั่น ไม่ได้เจอกันนาน ถ้าดิออนยังทำตัวเป็นเด็กดีทำตัวว่าง่าย ผมจะยอมให้จับง่ายๆ เลยเอ้า ผมคิดถึงเลือดหวานๆ ของวาติกันจะแย่แล้ว
   
“ดิออน!”
   
ผมตะโกนซ้ำอีกรอบเมื่อไอ้คนที่โดนทักไม่ยอมหันสักที คือผมก็มั่นใจนะว่าเสียงตัวเองดังมาก เพราะไอ้คนที่อยู่รอบๆ กำลังจะเดินขึ้นคอนโดนี่หันมามองกันเป็นแถบ
   
แน่นอนว่าผมไม่สนและรีบกระโจนใส่หลังดิออนทันที
   
ทำไมผมถึงมั่นใจนักเหรอว่าถูกคน?
   
ก็เพราะผมจำกลิ่นหอมๆ ของมันได้ไงล่ะ!
   
กร็อบ
   
เดี๋ยว

เสียงอะไรวะ
   
ผมขมวดคิ้วมุ่นเริ่มรู้สึกแปลกๆ
   
“…ครูซ?”
   
เสียงดิออนมันก็เหมือนเดิมนะ แต่มันแบบ..
   
กร็อบ
   
เสียงนั้นดังอีกรอบซึ่งมันก็ทำให้ผมเริ่มรู้แล้วว่าเสียงอะไร
   
ผมรีบกระวีกระวาดลงจากหลังดิออนทันที ก่อนที่กระดูกของมันจะหักไปซะก่อน อะไรกัน ผมว่าผมผอมลงนะ เพราะช่วงหลังมานี้ผมไม่เจริญอาหารเท่าไหร่ ได้กินแต่เลือดมนุษย์ธรรมดาซึ่งรสชาติมันก็ธรรมดามากเลย
   
“…สอบผ่านแล้วเหรอ”
   
“!!!!!!!!!”
   
อย่างที่รู้มีไม่กี่ครั้งที่ผมตกใจสุดชีวิต
 
นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมตกใจจนเขี้ยวโผล่ คือถ้าผมกรี๊ดเป็นผมกรี๊ดไปแล้ว
   
ดิออนวาติกันสุดเท่ของผมตอนนี้กลายเป็นวาติกันแก่ๆ อายุเหมือนจะเฉียดแปดสิบไปแล้ว!!!!!!
   
ใบหน้าคมคายที่ผมคิดถึงบ่อยๆ ตอนนี้คือเต็มไปด้วยริ้วรอยของกาลเวลา นัยน์ตาสีสวยที่เคยมองผมไม่วางตาตอนนี้คล้ายกับจะฝ้าฟางแทบไม่สะท้อนภาพของผมด้วยซ้ำ ไหนจะร่างกายสมบูรณ์แบบที่ผมกะจะมาลูบเล่นอีก คือผมมั่นใจเลยว่าถ้าผมลองลูบแรงๆ ดู คืออาจจะดังกร็อบเดียวแล้วก็หักเลย
   
“ฮึก”
   
ผมน้ำตาคลอเบ้าก่อนที่จะปล่อยโฮเสียงดังลั่น
   
ไม่ได้อ่ะ! แบบนี้ผมยอมรับไม่ได้!!
   
นี่มันแย่กว่าโดนจับปิ้งอีก!!!!!

   

“ฮือออออออ”
   
“พี่ครูซ! เป็นอะไร!”
   
ผมที่ร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังอยู่ๆ ก็โดนกระชากกลับมาสู่ความจริงด้วยแรงเขย่าที่มากพอจะทำให้คอหักได้เลย ถ้ากระดูกคอผมไม่ดีพอ
   
“ฮึก อะไร”
   
ผมปาดน้ำตาตัวเองป้อยๆ จนแขนเสื้อชุ่ม
   
“พี่ร้องไห้ทำไม”
   
แม็กซ์ถามผมด้วยสีหน้ากังวล ดูเคร่งเครียดราวกับว่าผมจะตายในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ซึ่งผมตายจริงแน่ถ้าน้องรู้ว่าผมร้องไห้เรื่องอะไร
   
“เปล่า พี่ฝันร้ายนิดหน่อย”
   
ผมหัวเราะแห้งๆ และเปลี่ยนเรื่องคุยแทน
   
“ตอนนี้กี่โมงแล้วอ่ะ”
   
“ห้าทุ่ม”
   
น้องผมตอบด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนจะไม่พอใจกับคำตอบของผมนัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ และกลับไปให้ความสนใจกับบ้านร้างหลังอีกครั้ง เพราะมันสำคัญกว่าการฝันไร้สาระของผมเยอะ
   
ใช่แล้วทุกคน ผมเผลอหลับตอนที่มาทำภารกิจกับน้องแหละ ดีหน่อยที่อยู่ในรถ ไม่งั้นเสียงแหกปากร้องไห้ของผมคงดังไปไหนถึงไหนละ ซึ่งวันนี้ผมกับน้องก็ได้รับภารกิจให้มาจับแวมไพร์นอกรีตที่กำลังล่ามนุษย์อย่างเป็นบ้าเป็นหลังในช่วงนี้ จนแวมไพร์คนอื่นๆ นี่เดือดร้อนกันไปหมด เพราะมันกินเลือดมนุษย์เสร็จแล้วก็ฆ่าเลย ป่าเถื่อนมาก
   
ซึ่งไอ้การกระทำของแวมไพร์ตัวนี้มันก็ขัดกับหลักจริยธรรมของสมาคมแวมไพร์ เพราะสมาคมแวมไพร์นั้นมองว่ามนุษย์เป็นเหยื่อ มิตร และอาหารชั้นดี ไม่มีความจำเป็นต้องฆ่าหรือทำร้ายโดยไม่จำเป็น
   
ฉะนั้นการมาทำตัวเปรี้ยวในอาณาเขตของสมาคมแวมไพร์นี้ก็เหมือนกับการมาเหยียบหน้าคนทั้งสมาคม พ่อจึงรีบสั่งการลูกชายสุดที่รักอย่างแม็กซ์มาจัดการเลยครับ ส่วนผมก็เป็นแค่ตัวแถมที่พ่อบังคับให้มาด้วยเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์
   
แน่นอนว่าผมไม่ได้เต็มใจมาสักนิด ที่ผมอยากทำมากกว่าคือการหนีไปหาดิออนต่างหาก ก็อย่างในฝันแหละครับ ตอนนี้ผมสอบผ่านแล้วได้ใบแล้ว พอได้ใบวันแรกผมก็หนีไปหาดิออนที่คอนโดเลยครับ ไม่รอทำเรื่องอะไรทั้งนั้น แต่พอไปถึงก็ต้องพบว่าห้องที่ผมเคยมาใช้บริการอาบน้ำนอนเล่นถูกขายต่อไปแล้วครับ กลายเป็นใครก็ไม่รู้มาเป็นเจ้าของห้องแทน
   
ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ ว่าผมใช้เวลากี่ปีกับที่สมาคม คือสำหรับผมการนับอายุอะไรแบบนี้มันค่อนข้างเป็นอะไรที่รวนง่ายอ่ะ คือพวกมนุษย์อายุอย่างมากก็แค่ร้อยปีใช่ป่ะ ก็แบบสามารถทวนวันเกิดตัวเองด้วยการจัดงานวันเกิดทุกปี แต่สำหรับแวมไพร์คือเขาไม่จัดกันไง อายุขั้นต่ำห้าร้อยปีจัดกันห้าร้อยรอบก็เกินไป พวกเราเลยใช้ระบบความจำกันล้วนๆ ซึ่งแน่นอนว่าแวมไพร์สมองน้อยอย่างผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอายุเท่าไหร่ แต่เวลาคนถามผมก็ต้องตอบไปก่อนว่าอายุสองสามร้อย เพราะผมอยากเป็นเด็กตลอดไปไงล่ะ
   
แต่เอาเหอะนั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือผมหาดิออนไม่เจอ ผมโคตรเซ็งเลยที่ตัวเองไม่ได้ขอช่องทางการติดต่ออะไรดิออนไว้สักอย่างเลย ทั้งไลน์ทั้งเฟซ ถามว่าเสียดายขนาดไหน ก็ขนาดนั่งซึมเป็นอาทิตย์อ่ะ แล้วอีกอย่างเลยคือเจ้าน้องชั่วร้ายมันลบบัญชีผมทุกอย่างเลย จะทักไปถามเพื่อนมหาลัยก็ทักไม่ได้อีก ส่วนรหัสเหรอ ผมจำไม่ได้หรอก ใช้วิธีเข้าสู่ระบบตลอดเวลาเอา
   
คือจริงๆ ผมก็ไม่เข้าใจอ่ะว่าทำไมน้องต้องขัดขวางผมกับดิออนนัก ถึงดิออนจะเป็นวาติกัน แต่ก็เลือดอร่อยแล้วก็ใจดีกับผมนะ จะด่าว่าผมใจง่ายก็ได้ แต่ผมก็ยังอยากเจอเขาอีกอ่ะ อยู่ในสมาคมมันไม่มีใครตรงสเป็คอ่ะ
   
“เฮ้อ”
   
ผมถอนหายใจเหนื่อยๆ แนบหน้ากับกระจกรถ มองบ้านร้างช่วยน้องอีกแรง เพราะไม่มีอะไรทำและไม่อยากนอนต่อ กลัวว่าตัวเองจะฝันร้ายอีก
   
และในระหว่างที่ผมเริ่มง่วง น้องผมก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
   
“มาแล้ว”
   
น้องผมพูดเสียงเข้ม นัยน์ตาสีฟ้ากลายเป็นสีแดงก่ำเรืองรองอย่างดุร้ายจดจ้องไปยังบ้านร้างที่มีรถคันนึงขับมาจอด ก่อนที่ร่างของเป้าหมายที่เหมือนในไลน์เป๊ะๆ จะลงมาจากรถพร้อมกับหญิงสาวที่ดูมึนเมาอย่างเห็นได้ชัด หล่อนไม่ได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่าสถานที่ที่ตัวเองมานั้นอโคจรขนาดไหน
   
“บุกเลยไหม”
   
เห็นน้องคืนร่างเป็นแวมไพร์เต็มยศ ผมก็เอาบ้าง เพราะอยากเท่และมีซีนดีๆ ให้ตัวเองบ้าง จะได้ไม่เสียชาติเกิดแวมไพร์
   
“รอให้มันเข้าไปในบ้านก่อน”
   
“เดี๋ยวก็ช่วยเขาไม่ทันหรอก”
   
ผมแย้งด้วยความเป็นห่วงเหยื่อคนนั้น ถึงจะไม่ใช่คนที่ผมรู้จักก็เถอะ แต่ผมก็ห่วงอยู่ดี
   
น้องขมวดคิ้วครุ่นคิดสักพักก่อนที่จะทำหน้าเหมือนตัดสินใจได้
   
“งั้นพี่รอบนรถ ผมไปคนเดียวพอ”
   
“ได้ไงอ่ะ พี่ได้ใบแล้วนะ แม็กซ์ก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าตอนนี้พี่เก่งขนาดไหน!”
   
เคารพความตั้งใจกับเวลาที่ผมเสียไปหน่อยสิ ถึงผมจะยังสู้น้องไม่ได้ แต่ผมว่าตอนนี้ผมก็ระดับนึงอยู่นะ แบบโดนซัดมาผมก็ยังพอหลบแล้วซัดคืนได้บ้าง
   
“รอ-บน-รถ”
   
น้องผมก็ยังคงยืนยันคำเดิมครับ ไม่รอให้ผมเปิดปากโวยวายก็บังคับให้ผมคืนร่างค้างคาวแล้วจับยัดใส่ในกรงที่ไม่รู้ว่าเอามาตอนไหนทันที
   
กี้!!!
   
ผมโวยวายแต่น้องก็ไม่สนใจ แล้วเอาทั้งผมทั้งกรงไปวางไว้หลังรถ ก่อนที่จะลงจากรถไปโดยที่ไม่เอาแวมไพร์คนเก่งอย่างผมไปด้วย
   
กี้!
   
ผมในร่างค้างคาวกอดอกบ่นเซ็งๆ
   
เอาจริงผมก็เข้าใจน้องแหละ ว่าน้องน่ะนอกจากจะหวงผมเป็นบ้าแล้วยังห่วงผมมากอีก ไม่รู้ว่าชดเชยช่วงเวลาสมัยก่อนหรือยังไง เพราะตั้งแต่โดนจับกลับมารอบนั้นแหละ น้องมันจับตาดูผมทุกฝีก้าวเลยจ้า ดีหน่อยที่ตอนอาบน้ำมันไม่เข้ามาแอบดูผมอาบด้วย
   
แต่ก็นะ ห่วงมากขนาดนี้ผมก็แอบเซ็งและรำคาญแหละ เพราะผมก็มีอะไรที่ผมอยากทำเหมือนกัน การที่มาจับตาดูผมตลอดเวลาขนาดนี้ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปกับการติดคุกเลย
   
ผมในร่างค้างคาวห้อยหัวกับกรงเซ็งๆ  ขณะเดียวกันก็ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ด้วยการมองให้กำลังใจบ้านร้าง จริงๆ ก็อยากให้กำลังใจน้องนะ แต่ผมเห็นแต่บ้านร้างเลยให้กำลังใจบ้านไป เผื่อบ้านจะถล่มใส่แวมไพร์บ้านั่นให้ตายๆ ไปเลย
   
กี้..
   
ผมงึมงำเบื่อๆ ก่อนที่จะเบิกตากว้างตอนที่เห็นใครบางคนเดินผ่านหน้ารถไป และกำลังมุ่งตรงไปยังบ้านร้าง!
   
กี้ๆๆๆ
   
ผมแผดเสียงร้อง บินชนกรงให้ไปแนบกับกระจกหน้ารถแล้วทุบไม่หยุดเลยครับ
   
ดเวน!!! นั่นมันดเวน!!!
   
กี้!!!!!!
   
ผมร้องสุดเสียงอย่างหงุดหงิด เพราะมันไม่สนใจผมเลย ไม่รู้ว่าหูหนวกหรืออะไร ถึงเดินดุ่มๆ ไปเลย ทิ้งให้ผมนั่งกร่อยในรถต่อ
   
กี้!
   
ผมเตะซี่กรงเซ็งๆ ก่อนที่จะไปเกาะตรงประตูกรงและพยายามแงะแม่กุญแจออกด้วยมือเล็กจิ๋วของตัวเอง คือผมเคยดูหนังสายลับไง ผมเลยอยากลองสะเดาะกลอนดูบ้าง เผื่อว่าผมทำได้จะได้หนีไปเลย
   
กี้ๆๆๆ
   
ผมร้องลั่นเมื่อมือติด และแม่กุญแจก็ไม่มีท่าทีจะปลดล็อคเลยสักนิด 
   
ทำไมในหนังมันดูง่ายจังอ่ะ แล้วผมจะทำยังไงดีเนี่ย แงงงง ช่วยด้วยยยย  ถ้าน้องมาเห็นผมสภาพนี้ ผมต้องอายมากแน่เลยอ่ะ ถึงผมจะไม่ค่อยเหลืออะไรให้อายแล้วก็เถอะ
   
แกร๊ก
   
“ใจเย็นๆ น่า”
   
ผมตาโตเมื่ออยู่ๆ ประตูรถก็เปิดพร้อมกับร่างที่ผมเพิ่งแอบด่าในใจไปหลายประโยค ซึ่งถ้าเจ้าตัวได้ยินคงจะอยากจับผมปิ้งแทนช่วยผม
   
“เจอกันทีไรก็สภาพแบบนี้ตลอดเลยนะ”
   
ดเวนมันมองผมยิ้มๆ และใช้พลังของมันช่วยดึงมือผมออก ก่อนที่มันจะใช้พลังแวมไพร์ปลดสลักกลอนและหยิบผมมาวางมือมันอย่างง่ายดาย
   
เออ ทำไมผมไม่ใช้พลังแวมไพร์วะ มาโง่ใช้มือตัวเองแงะทำไม งง
   
ผมหน้ามุ่ยในความสมองน้อยของตัวเอง เรื่องไอคิวนี่ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ นอกจากจะกินเลือดแล้วผมต้องกินปลาเพิ่มขึ้นสินะ เผื่อว่าผมจะฉลาดขึ้นบ้าง
   
“สรุปแล้วเรียกฉันมาทำไม ครูซ”
   
“ก็เรียกมาช่วยเนี่ยแหละ”
   
ผมที่กลับคืนร่างมนุษย์แล้วลูบมือตัวเองเซ็งๆ เพราะมันแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
   
นี่ผมโง่หรือโง่เนี่ย
   
“ให้ช่วยอะไร วันนี้นายมากับน้องชายนายนี่” ไม่พูดเปล่าดเวนมันก็พยักพเยิดไปยังบ้านร้างที่ตอนนี้เริ่มมีแสงต่อสู้กันวูบวาบไม่หยุด ดูทรงแล้วน่าจะกำลังตีกันได้ที่
   
“ก็ช่วยหนีจากน้องไง ผมเบื่อสมาคมจะแย่แล้ว”
   
ผมบ่นอย่างอดไม่ได้ เพราะเก็บกดมานาน คือก็อย่างที่รู้อ่ะ ผมได้ใบมาแล้วก็จริง แต่ถ้ามีคนรู้ว่าผมแอบไปหาวาติกันอีกผมก็อาจจะโดนยึดใบได้ และแน่นอนว่าการสอบใหม่มันยากกว่าแน่ๆ ขนาดสอบรอบนี้ผมยังแทบลากเลือดเลย
   
“ว่าแต่นายมาทำอะไรที่นี่ มาจับแวมไพร์นั่นเหรอ”
   
“อืม ไอ้หมอนี่มันฆ่าเหยื่อที่ฉันเล็งไว้อยู่น่ะ ก็เลยกะจะมาฆ่ามัน แต่ดูเหมือนว่ามีคนทำแทนแล้วล่ะ” ดเวนหัวเราะน้อยๆ ก่อนที่จะจ้องผมด้วยสายตาแปลกๆ จนผมเผลอกลืนน้ำลายเอือก
   
เอาจริงถึงผมจะโง่ แต่ผมก็ไม่ได้โง่จนมองไม่ออกว่าดเวนมันชอบผม
   
คือผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าตัวไปตรงสเป็คมันตรงไหน แต่มันไม่ใช่สเป็คผมอ่ะ ผมเลยรู้สึกอึดอัดแกมประหม่านิดๆ เวลาที่มันชอบแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าอยากได้ผม
   
“หนีไปกับฉันไหมล่ะ ครูซ”
   
ดเวนพูดด้วยรอยยิ้มเล็กๆ เปี่ยมไปด้วยสเน่ห์อันล้นเหลือ ผมมั่นใจมากว่าถ้าดเวนไปสมัครเป็นนายแบบ มันต้องดังมากแน่ๆ เพราะมันโคตรหล่อเลย
   
แต่ก็นะ หล่อให้ตายแต่ไม่ตรงสเป็คก็อด ถึงผมจะเป็นแบบนี้ ผมก็ช่างเลือกนะ และผมก็เลือกแล้วซึ่งก็คือวาติกันชื่อดิออนที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง
   
“ไม่ล่ะ ผมจะไปตามหาดิออน”
   
“ไอ้วาติกันเวรนั่นน่ะนะ!!!”
   
นี่ชื่อคนหรือน้ำมนต์ คือดเวนจากอารมณ์ดีๆ เมื่อกี้คือหงุดหงิดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด มองผมตาขวางราวกับผมเนี่ยแหละเป็นวาติกันตัวร้ายคนนั้นซะเอง
   
“ใช่ นายพอจะรู้รึเปล่าว่าดิออนอยู่ไหนตอนนี้”
   
แน่นอนว่าผมไม่สนใจอารมณ์หงุดหงิดของดเวน ดีใจซะอีกที่ดเวนรู้จักดิออนด้วย เพราะมันน่าจะทำให้ผมหาตัวอีกฝ่ายได้ง่ายขึ้น
   
“ครูซ ฉันพูดตามตรงนะว่านายเลิกยุ่งกับมันเถอะ”
   
ดเวนที่ปกติจะใจดีขี้เล่นกับผมมาตลอด อยู่ๆ ก็พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
   
“ทำไมล่ะ”
   
“ตอนนี้มันเป็นกลายเป็นผู้นำตระกูลไปแล้ว ฉันไม่รู้หรอกนะว่าที่นายเจอมันล่าสุด มันจะดีกับนายขนาดไหน แต่ที่ฉันรู้คืออาทิตย์ที่แล้วพวกวาติกันเพิ่งฆ่าเพื่อนฉันไป”
   
ดเวนมองผมนิ่ง
   
“ถ้าครั้งนี้นายไปเจอมัน นายก็อาจจะเป็นรายต่อไปก็ได้”
   
“…ไม่หรอกน่า” ผมกลืนน้ำลายเอือก เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ แต่ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “แล้วตอนนี้ดิออนอยู่ไหนเหรอ”
   
“นายไม่ฟังฉันเลยใช่ไหมเนี่ย” ดเวนขมวดคิ้วดูไม่พอใจหนักกว่าเก่า “ฉันพูดจริงๆ นะ ครูซ ต่อให้ฉันจะเก่งขนาดไหนก็เถอะ แต่ถ้านายโดนจับในถิ่นพวกมัน ฉันก็ช่วยนายไม่ได้หรอกนะ”
   
“ตอบคำถามมาเถอะน่า”
   
ผมพร้อมรับความเสี่ยงอ่ะ มาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่รู้ล่ะ ยังไงผมก็จะกินเลือดดิออนให้ได้ ผมทนกินเลือดมนุษย์ธรรมดาไม่ไหวแล้ว มันไม่อร่อยเลย
   
“บอกตามตรงว่าฉันไม่รู้ ไม่สิ ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าพวกวาติกันสารเลวพวกนั้นมันไปอยู่ที่ไหน”
   
“งั้นก็บ๊ายบายแล้วกัน ดเวน เดี๋ยวถ้าเจอกันคราวหน้าแล้วผมว่างพอดี ผมจะพาไปเลี้ยงชาไข่มุกนะ”
   
ผมยิ้มให้ดเวนก่อนที่จะพยายามมุดออก เพราะดเวนยืนขวางประตูข้างคนขับและไม่คิดจะขยับให้ผมออกไปด้วย
   
“แต่ถึงฉันไม่รู้ คนอื่นก็อาจจะรู้ก็ได้นะ”
   
ดเวนจ้องหน้าผม
   
“นายหมายถึงพวกเพื่อนนายน่ะเหรอ”
   
“ใช่” ดเวนพยักหน้า “แต่นายต้องไปกับฉันนะ”
   
ผมขมวดคิ้ว เพราะเรื่องนี้ต้องคิดหนักนิดหน่อย เนื่องจากการไปเยือนถึงถิ่นพวกโกสต์นี่เป็นอะไรที่อันตรายพอๆ กับไปวาติกันนั่นแหละ คือจากข่าวลือและคนที่สมาคมพยายามกรอกหูผมตลอดคือพวกโกสต์อันตราย อย่าไปยุ่ง อะไรแบบนี้ แต่ก็ไม่มีใครรู้นะว่าผมรู้จักกับดเวนที่เป็นหนึ่งในพวกโกสต์ด้วย
   
ชั่งน้ำหนักความคุ้มค่าในใจสักพัก ผมก็เลือกได้
   
“โอเค ไปก็ไป”
   
ผมชะเง้อหน้ามองบ้านร้าง ก็ยังคงเห็นแสงวูบวาบนัวกันอยู่
   
“ไปเลยๆๆ ทางสะดวก เดี๋ยวไม่ทัน”
   
ผมเขย่าแขนดเวนก่อนจะที่หลุดร้องเสียงหลง เมื่อถูกพลังแวมไพร์บังคับให้กลับเป็นร่างค้างคาวอีกแล้ว!
   
กี้ๆๆๆ
   
ผมบ่นไม่หยุด หงุดหงิด เป็นอะไรกับผมกันมากป่ะ ให้เป็นค้างคาวอยู่ได้ คือผมจะไม่เป็นแวมไพร์แล้วนะ ผมจะไปอยู่ถ้ำรวมกับพวกค้างคาวจริงๆ แล้ว!
   
“อย่าเพิ่งหงุดหงิดน่า” ดเวนลูบหัวผมในร่างค้างคาว แน่นอนผมยังหงุดหงิดอยู่เลยงับนิ้วมันเลย แต่ก็ไม่ได้แรงจนเลือดออก
   
กี้!
   
ผมบ่นมันทั้งๆ ยังกัดนิ้วมันอยู่
   
“เข้าใจหน่อยสิว่าคนนอกไม่มีสิทธิ์รู้ที่อยู่ของพวกเรา”
   
ดเวนมันพูดยิ้มๆ ดูไม่หงุดหงิดสักนิดที่โดนผมกัดนิ้ว หนำซ้ำยังดูอารมณ์ดีขึ้นอีก
   
ผมคายนิ้วมันออกเพราะเริ่มเค็ม แต่ก็ยังหงุดหงิดอยู่ดี ผมเข้าใจมันนะกับกฎอะไรแบบนี้น่ะ เพราะที่สมาคมก็มีเหมือนกัน แต่เอาจริงนะ คือถ้ามันบอกผมดีๆ อ่ะ ผมยอมเอามือปิดตาตลอดทางเลย หรือไม่ก็เอาผ้ามาปิดตาผมก็ได้
   
กี้!
   
ผมเร่งมันให้ไปสักที ไม่รู้ว่าจะมองผมทำไมนักหนา ไหนจะรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจนั่นอีก
   
“ครับๆ ”
   
มันหัวเราะและยัดผมเข้ากระเป๋าเสื้อมัน แน่นอนว่ามันไม่ให้ความรู้สึกดีสักนิด ออกจะอึดอัดด้วยซ้ำแต่ผมก็พยายามอดทน ท่องไว้ครูซเพื่อดิออน น้องครูซต้องทำได้
   
ผมได้ยินเสียงเสื้อฉีกขาด ซึ่งถ้าให้เดาก็คงจะเป็นเพราะปีกค้างคาวที่แทงออกมาจากหลังของมัน และผมก็ได้รับการยืนยันคำตอบเป็นเสียงลมหวีดหวิวที่เกิดจากบินอย่างรวดเร็วบนท้องฟ้าอย่างที่ผมชอบทำบ่อยๆ
   
ให้ตายสิ ผมก็อยากบินมั้งนะ
   
ผมคิดเบื่อๆ ง่วงๆ

ก่อนที่จะผล็อยหลับไปอีกรอบโดยไม่รู้ตัว

=============

 อย่าว่าแต่ครูซง่วงเลย คนเขียนก็ง่วงเหมือนกัน 5555 :z13:   

#ห้ามปิ้งค้างคาว



หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 6 5/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ืืnanana21 ที่ 05-05-2019 06:38:58
หนู หนูจะให้กำลังใจบ้านไม่ได้นะลูกกก หนูต้องให้กำลังใจน้อง
เอ็นดู
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 6 5/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 05-05-2019 14:59:08
ต้องเป็นห่วงครูซไหมเนี่ย....  #ดิออนพระเอกค่าตัวแพง   :hao3: :hao3: :hao3:
 
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 6 5/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: jazumine ที่ 05-05-2019 15:04:16
จะโดนดเวนหลอกมั้ยเนี้ย

Sent from my BLL-L22 using Tapatalk

หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 6 5/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 05-05-2019 16:54:24
ยัยน้อน โดนหลอกไปกินหรือป่าวว  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 6 5/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: re ที่ 05-05-2019 19:33:22
โดนจับไปอีกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 7 5/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-05-2019 21:05:15
ไหวไหมครูซ 5555
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 7 5/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 05-05-2019 21:44:57
โดนหลอกจับไปขังอีกหรือเปล่าเนี่ย 5555555
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 7 5/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 06-05-2019 00:27:30
โดนดเวนหลอกชัวร์............
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 7 5/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-05-2019 09:48:41
น้องงงงงง โดนดเวนหลอกแล้ว
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 7 5/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 06-05-2019 19:34:55
เข้าใจแล้วว่าทำไมที่บ้านถึงเป็นห่วงเจ้าน้องขนาดนี้ ทำแต่ละอย่าง ปวดหะวแทนที่บ้านเขานะคะ 555555
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 7 5/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 11-05-2019 09:04:10
โดนหลอกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 7 5/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 11-05-2019 21:33:18
ดูจากท่าทีก็คือโดนหลอกอีกแล้ว 55555555555555
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 7 5/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 12-05-2019 21:29:59
สนุกอ่ะ แวมไพร์เจ้าปัญหาจริงๆ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 8 12/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 12-05-2019 23:25:51
VAMPIRE PROBLEM ;w; #8

   
หลับๆ ตื่นๆ ไปพักใหญ่ในที่สุดผมก็มาเยือนสถานที่สุดแสนอันตรายอย่าง ‘ถิ่นของพวกโกสต์’
   
“บ้านพวกนายไม่น่าอยู่เลยอ่ะ”
   
ผมพูดอย่างผิดหวังขณะที่เงยหน้ามองบ้านร้างหลังที่สองของวันนี้ คือผมก็เข้าใจนะว่าไม่ชอบมนุษย์กัน ก็เลยไปอยู่ไกลๆ พวกมนุษย์อย่างบนเขาบนดอยงี้ แต่ใครมันจะไปคิดอ่ะ ว่าบ้านที่อยู่กันมันจะโทรมและน่ากลัวขนาดนี้!
   
คือถ้าไม่ติดว่าผมเป็นแวมไพร์นะ ผมจะกลัวผีแล้ว
   
ผมกลืนน้ำลายเอือกตอนที่เห็นอะไรแวบๆ ผ่านหน้าต่างชั้นสองไป ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าคืออะไร แต่กลัวไว้ก่อน
   
“มันก็แค่ของหลอกตาน่า”
   
ดเวนหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะไขประตูบ้านดังแก๊งๆ อยู่สองสามที สลักกลอนก็คลายออก และเปิดประตูให้ผมเข้าไป
   
“!”
   
ผมตาโตด้วยความตกใจนิดๆ เนื่องจากสภาพภายในบ้านมันปกติมาก ออกจะสะอ้านสะอ้านด้วยซ้ำ สะอาดกว่าห้องผมอีก เอาจริงคือดูยังไงก็ไม่เหมือนบ้านหลังเดียวกันอ่ะ จนผมแอบคิดว่าประตูบ้านหลังนี้มันเป็นประตูไปที่ไหนก็ได้ของหุ่นยนต์แมวตัวฟ้าๆ รึเปล่า แบบให้เปิดไปเจอบ้านหรูๆ ไรงี้
   
“เข้าไปสิ”
   
ดเวนดันหลังผมที่มัวแต่ยืนบื้อไม่ไปไหนสักที
   
“!”
   
สัมผัสที่ร้อนผ่าวเล่นเอาผมสะดุ้งจนสุดตัว ผมรีบถลาเข้าไปในบ้านราวกับโดนน้ำร้อนสาด
   
มือมันโดนก้นผม!!!
   
ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ที่รู้ๆ คือมันทำให้ผมโคตรตกใจเลย เพราะปกติดเวนมันให้เกียรติผมมาตลอดไง ถึงมันจะมองผมตาเยิ้มทุกครั้งที่เจอกันก็เหอะ แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งเลยที่มันทำอะไรผม อย่างมากที่สุดที่มันทำก็คือหยอดให้ผมไปอยู่กับมันเนี่ยแหละ
   
ซึ่งมันก็ทำให้ผมเริ่มรู้สึกระแวงขึ้นมานิดๆ   
   
เอาจริงตอนจะมา ผมก็เผื่อใจถึงเหตุด่วนเหตุร้ายแล้วแหละ แต่ผมก็คิดว่าตัวเองน่าจะพอรับมือได้ก็เลยมา อย่าลืมสิ ผมตอนนู้นกับผมตอนนี้ต่างกันนะ ตอนนี้ผมเริ่มมีสกิลขึ้นมานิดๆ แล้วจริงๆ
   
ซึ่งไอ้ตัวต้นเหตุก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันพาผมเดินสำรวจบ้านมันที่ดูโคตรธรรมดา เหมือนบ้านสไตล์โมเดิรน์ทั่วไป มีห้องรับแขก ห้องครัว ห้องนอน ห้องน้ำ แล้วก็มีบันไดขึ้นชั้นสองที่ถูกติดป้ายไว้ตรงราวจับว่า ‘ห้ามรบกวน’ พร้อมกับเอาเทปสีเหลืองที่ผมเหมือนจะเคยเห็นพวกตำรวจชอบเอามาติดกั้นไม่ให้คนเข้ามายุ่มย่ามในที่เกิดเหตุมาพันๆ กั้นทางขึ้นเอาไว้
   
“นายอยู่กันกี่คนอ่ะ”
   
ผมถามอย่างอยากรู้ เพราะดูยังไงบ้านหลังนี้ก็สามารถรองรับคนได้มากกว่าห้าคนแน่ๆ 
   
“อยู่ติดบ้านจริงๆ ก็แค่คนเดียว ที่เหลือก็เทียวไปเทียวมา”
   
คำตอบของดเวนไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจเท่าไหร่ ยังไงพวกโกสต์ก็เป็นพวกที่เข้าใจยากอยู่แล้ว เหมือนอย่างดเวนเป็นต้นที่ผมคาดเดาอะไรมันไม่ได้เลยสักนิดว่าคิดอะไรอยู่ ดีไม่ดี ในใจมันตอนนี้อาจจะอยากจับผมปิ้งก็ได้ ใครจะไปรู้
   
ผมเดินต็อกแต็กตามหลังดเวนอย่างว่าง่าย แต่ก็แอบเว้นระยะห่างช่วงหนึ่งเอาไว้โดยที่พยายามไม่ให้มันผิดสังเกต
   
“น่ารำคาญชะมัด”
   
ดเวนขมวดคิ้วมองไอ้เทปที่กั้นๆ ไว้ ก่อนที่จะใช้พลังแวมไพร์ตัดมันในพริบตาด้วยเวลาที่ไม่ถึงสามวินาที และพาผมเดินขึ้นไปชั้นสองต่อโดยไม่แย่ไสป้ายที่แปะไว้เลยสักนิด
   
โชคดีที่ผมเป็นแวมไพร์ทำให้ความมืดสนิทของชั้นสองนั้นไม่ได้มีผลอะไรกับผม ผมยังมองเห็นได้ชัดเจนราวกับเป็นช่วงเวลากลางวัน ผมเผลอขมวดคิ้วมุ่นตอนที่เห็นความรกและสกปรกของชั้นสองที่สกปรกในระดับที่น่าสะพรึงกลัวมาก
   
ฮัดชิ้ว!
   
ผมหลุดจามออกมาตอนที่ดเวนเปิดประตูออก ไม่รู้ว่าเพราะมวลอากาศมันต่างกันหรือยังไง ฝุ่นที่ขังไว้ในห้องถึงปะทะหน้าผมจนผมรู้สึกสกปรกและอยากอาบน้ำมาก
   
“ไอ้หมาสกปรก ฉันบอกกี่ทีแล้วว่าให้แกทำความสะอาดห้องบ้าง!”
   
ดเวนหน้าหงิกเลยครับ พอเปิดไฟเสร็จก็เดินดุ่มๆ ไปเตะก้อนขนที่นอนขดตัวอยู่ใต้โต๊ะคอมที่ถูกเปิดทิ้งไว้
   
เอ๋ง!!!
   
ก้อนขนที่ดเวนเพิ่งเตะไปร้องลั่น ก่อนที่มันจะตะเกียกตะกายออกมาจากใต้โต๊ะคอมมายืนขู่กรรซๆ
   
ซึ่งมันจะน่ากลัวและน่าเกรงขามกว่านี้ถ้ามันหันมาทางถูกทาง..
   
“ทางนี้ต่างหาก ไอ้หมาโง่”
   
ผมเห็นดเวนนวดขมับตัวเองและเหมือนจะพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ตัวเองเตะก้อนขนนั้นอีกรอบ
   
ไม่สิ จะเรียกก้อนขนคงจะไม่ถูกเท่าไหร่ เพราะพอมันยืนดีๆ แล้ว ผมถึงค่อยดูออกว่าสิ่งๆ นี้คือหมาป่าสีเทาที่ตัวใหญ่เอามากๆ ตามเนื้อตัวของมันมีแต่รอยแผลเป็น มีแต่นัยน์ตาปรือปรอยดูไม่ตื่นดีเนี่ยแหละที่ทำให้มันดูไม่น่ากลัวสักนิด
   
“อย่างที่เห็น ไอ้หมานี่เป็นมนุษย์หมาป่า”
   
ดเวนกลอกตาเมื่อหมาที่ว่าล้มตัวนอนต่อ หนำซ้ำมันยังนอนหงายด้วยท่าทางกวนประสาทอีกต่างหาก
   
“แต่เห็นแบบนี้ไอ้หมานี่มันเป็นแหล่งข่าวชั้นดีเลยนะ ไม่รู้ว่าเพราะเป็นหมาด้วยรึเปล่า ถึงได้จมูกดี รู้ข่าวไปหมด ยิ่งเรื่องวาติกันสารเลวนั่น ไอ้หมานี่น่าจะรู้ดีเลยล่ะ”
   
“งั้นเราปลุกเขาขึ้นมาถามได้ไหมอ่ะ”
   
ผมพยายามที่จะไม่สนใจที่ดเวนด่าดิออน ยังไงซะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมตอนนี้ก็คือข้อมูล เพราะถ้าไม่มีข้อมูลผมก็คงจะไปหาดิออนไม่ถูก
   
“ถ้ามันตื่นนะ”
   
ดเวนตอบผมด้วยสีหน้าเหม็นเบื่อ ก่อนที่จะเดินไปเตะมันอีกรอบ ซึ่งคราวนี้เหมือนจะเตะแรงไปหน่อย เพราะคราวนี้เล่นเอาตัวปลิวไปชนโต๊ะเลยทีเดียว
   
“นี้มันจะมากเกินไปแล้วนะ!!!!”
   
เพียงชั่วพริบตาเจ้าหมาป่าขนปุยน่าฟัดก็กลายเป็นชายร่างยักษ์คำรามใส่ดเวนดังลั่น หูและหางสีเทาพวงใหญ่นั้นตั้งชันขึ้นด้วยความโกรธจัด มันจดจ้องดเวนนิ่งกำลังจะพุ่งเข้าใส่เพื่อเอาเรื่องอย่างเต็มที่ แต่ก็หยุดชะงักไปซะก่อนเมื่อเห็นผม
   
“หมอนี่ใคร?”
   
ไม่ว่าเปล่าเดินเข้ามาใกล้ผม และทำจมูกฟุดฟิด
   
“ครูซ”
   
“อ๋อ ไอ้แวมไพร์ที่นายเล็งไว้น่ะนะ”
   
ผมกลืนน้ำลายเอือกตอนที่ถูกอดีตเจ้าขนปุยมองด้วยตาที่ดูดุร้ายราวกับสัตว์ป่าจริงๆ
   
พูดตามตรงนะ ผมชอบเขาตอนร่างหมาป่ามากกว่าอ่ะ ละไอ้ที่ผมเคยโม้ว่าเคยสยบหมาป่า หมาป่าที่ว่าของผมคือลูกหมาป่าที่ใช้ลูกอมเม็ดละบาทหลอกได้นะ
   
ฉะนั้นการมารับมือหมาป่าที่น่าจะเป็นวัยฉกรรจ์แบบนี้ ผมไม่ถนัดสักนิด ออกจะกลัวซะด้วยซ้ำ
   
ผมตัวสั่นนิดๆ ตอนที่ถูกมันมองไม่วางตา
   
ให้ตายสิ ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนถึงได้พยายามบอกว่าอย่าไปสุงสิงกับพวกโกสต์ให้มันมากนัก มันไม่ใช่แค่เรื่องที่พวกนี้เป็นพวกนอกรีตแล้ว เพราะเรื่องที่สำคัญกว่าคือพวกโกสต์พวกนี้มันโคตรอันตรายเลย
   
ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่านอกจากฝุ่นที่เยอะในห้องนี้แล้ว อีกมุมนึงของห้องคือมีโครงกระดูกที่ไม่แน่ใจว่าใช่ของมนุษย์ไหม กองอยู่เต็มไปหมด และมันก็ดูน่าขนลุกเป็นบ้า
   
“ใช่ น่ารักไหมล่ะ”
   
“ก็ดีกว่าที่คิด”
   
สองคนนี้พูดคุยกันอย่างลื่นไหล ราวกับว่าผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ แต่กำลังพูดถึงคนอื่นอยู่ที่ไม่ใช่ผม แต่ขอโทษเถอะ ตรงนี้มีแวมไพร์ชื่อครูซอยู่คนเดียว ไม่ใช่ผม ก็ไม่มีใครแล้ว
   
“แล้วนี่พาขึ้นมาทำไม? อย่าบอกนะว่าจะเอาแบ่งฉันกินด้วย”
   
“ไม่มีทาง” ดเวนหัวเราะและเหลือบมองผม “เขาอยากรู้อะไรนิดหน่อยน่ะ นายก็ตอบดีๆ หน่อยแล้วกัน”
   
อดีตเจ้าขนปุยจึงเดินเข้ามาหาผม และยื่นมือมาให้ผมจับพร้อมกับฉีกยิ้มเป็นมิตรที่ดูยังไงก็ไม่เป็นมิตรสักนิด
   
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ครูซ ฉันนิโคลัส นายจะเรียกฉันว่านิคก็ได้”
   
“อื้อ ยินดีที่ได้รู้จัก”
   
ผมยิ้มก่อนที่จะหลุดเสียงร้องตอนที่ยื่นไปมือจับแล้วถูกบีบกลับมาแรงมาก จนผมต้องเสียมารยาทรีบชักมือออกมาเลยเพราะมันเจ็บมากๆ
   
“ขอโทษๆ พอดีฉันเผลอตัวไปหน่อย ฮะๆ” นิโคลัสขอโทษขอโพยผม แต่เชื่อผมเถอะ เด็กประถมก็ดูออกว่ามันจงใจแกล้งผมชัดๆ “ว่าแต่ นายอยากรู้อะไรงั้นเหรอ ครูซ”
   
ผมพยายามสกัดกลั้นอารมณ์ตัวเองที่เริ่มขุ่นมัว คือตอนนี้ผมเริ่มหงุดหงิดล่ะอ่ะ
   
เออผมรู้แหละว่าตัวเองกาก แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมเป็นสนามอารมณ์ให้ใครมาทำอะไรก็ได้อ่ะ มาแกล้งผมแบบนี้ผมก็ไม่พอใจเป็นนะ
   
ผมพยายามปั้นสีหน้าปกติตอนที่ถามเจ้าหมาบ้าที่ตอนนี้ผมอยากจับมันส่งเทศกิจมาก
   
“นิค นายพอจะรู้ไหมว่าดิออน ผู้นำตระกูลวาติกันคนปัจจุบันตอนนี้อยู่ที่ไหน”
   
จากอารมณ์ดีๆ ตอนนี้นิโคลัสมึนตึงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าผมได้พูดชื่อต้องห้ามออกมา
   
“ถ้านายยังไม่บ้าพอ ฉันก็ไม่แนะนำให้นายเอาตัวเองไปขึ้นเขียงให้พวกมันฆ่าเล่นนะ”
   
นิโคลัสจ้องหน้าผมนิ่ง
   
แต่แน่ล่ะ ถ้าผมไม่บ้าพอ ผมก็ไม่โง่มาอยู่ที่นี่หรอก
   
“ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”
   
ผมถามย้ำ ไม่สนใจคำเตือน ขนาดพ่อกับแม่ผมยังไม่ฟังเลย คิดเหรอว่ากับแค่หมาตัวเดียวผมจะฟัง
   
“อิตาลี”
   
“อิตาลี?” ผมทวนงงๆ แต่ก็เหมือนจะคุ้นๆ ว่าสำนักงานใหญ่ของพวกวาติกันก็น่าจะอยู่ที่นั่น 
   
“ใช่” นิโคลัสพยักหน้านัยน์ตาดุร้ายวาวโรจน์กว่าเดิม “พวกมันจะจัดเทศกาลล่าปีศาจ”
   
“..นายแน่ใจเหรอ”
   
ผมแทบหาคำพูดของตัวเองไม่เจอ รับรู้ถึงเนื้อตัวที่สั่นเทาไม่หยุด เพราะยังจดจำได้ดีถึงครั้งล่าสุดที่เกือบถูกวาติกันฆ่าเกือบตายในงานเทศกาลบ้านี่
   
“ฉันไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหก” นิโคลัสแค่นเสียงตอบผม “งานจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ และฉันก็มั่นใจมากว่าไอ้เวรพวกนั้นต้องกลับมาพร้อมหน้ากันแน่ๆ โดยเฉพาะไอ้พวกผู้นำตระกูลเศษสวะนั่น”
   
งั้นก็หมายความว่าดิออนอาจจะกลับไทยพรุ่งนี้สินะ
   
ผมพยายามคิดถึงถึงโลกในแง่ดี ถึงแม้ว่าจะตัวสั่นไม่หยุด
   
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าผมกลัวเทศกาลนี้เป็นบ้า เพราะมันคือเทศกาลการฆ่าฟันกันระหว่างวาติกันกับพวกอมนุษย์ โดยฉวยโอกาสใช้วันฮาโลวีนที่พวกมนุษย์ชอบแต่งตัวเป็นผีมาใช้ในการล่า
   
ซึ่งเป้าหมายที่พวกวาติกันหมายหัวกันชัดๆ หลักๆ เลยก็คือพวกแวมไพร์อย่างผมเนี่ยแหละ
   
ก็อย่างที่รู้อ่ะ ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าไปโกรธแค้นกันมากันตั้งแต่ชาติปางไหน แต่ที่รู้คือทุกครั้งที่พวกวาติกันจัดงานล่าขึ้นมา ทุกอย่างจะวุ่นวายมาก พวกสมาคมแวมไพร์จะพยายามปิดบังกลิ่นอายของคฤหาสน์ให้ได้มากที่สุด เพราะวันฮาโลวีนนั้นคือวันที่พวกเราจะทรงพลังที่สุด การจะตามหาพวกเราจึงเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมากๆ
   
แน่นอนรอบที่ผมโดนคือรอบที่ผมออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกแล้วไม่รู้ข่าวงานเทศกาล ซึ่งในระหว่างที่ผมนั่งกินไวน์หงุงๆ พยายามตะล่อมเหยื่อเพื่อหลอกกินเลือด พวกวาติกันก็เปิดประตูผึงแล้วพุ่งเข้ามาจับผมเลยจ้า
   
ผมพยายามหนีสุดชีวิตแต่ก็ไม่ได้ผล สุดท้ายผมก็โดนจับมากองรวมกันในเขตของพวกวาติกันที่มีแวมไพร์คนอื่นที่ผมพอจะรู้จักถูกจับมาเหมือนกัน จริงๆ ผมก็อยากพูดทักทายหรือให้กำลังใจอะไรสักอย่างนะ แต่ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากร้องไห้
   
ผมกลัวมาก เพราะพวกวาติกันเหมือนจะมีการจัดอันดับด้วยว่าใครล่ามาได้เยอะที่สุด มีการนับคะแนนหัว พอนับเสร็จก็ฆ่าบ้าง เอาไปทรมานต่อบ้าง ซึ่งพอถึงคิวผม พวกมันเลือกที่จะฆ่าผม แต่พ่อก็มาช่วยผมได้ทันเวลาพอดี
   
จริงๆ ตอนนั้นผมก็จำอะไรไม่ค่อยได้หรอก รู้แค่ว่าผมกลัวแทบบ้า ถ้าแม่ไม่คอยปลอบผมตลอด ผมมั่นใจมากว่าผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ตอนนั้น
   
แต่ก็ดีหน่อยที่งานเทศกาลบ้านี้ไม่ได้จัดมาหลายร้อยปีแล้ว เพราะหลังจากครั้งนั้นก็ถูกพวกผมโต้กลับแบบชุดใหญ่ จนพวกวาติกันไม่กล้าเคลื่อนไหวไปยาวๆ เลย

ซึ่งการที่อยู่ๆ กลับมาจัดแบบนี้ ก็มีความหมายอยู่อย่างเดียวคือ พวกวาติกัน ‘มั่นใจ’ มากว่าครั้งนี้พวกมันจะเป็นฝ่ายชนะ

แน่นอนข่าวนี้ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับผมสักนิด
   
จากที่อยากเจอมากๆๆ ตอนนี้ผมเริ่มกลัวขึ้นมานิดๆ แล้วว่าผมอาจจะคิดผิด ยิ่งดเวนบอกว่าพวกแวมไพร์เพิ่งถูกฆ่าไป ยิ่งทำให้ผมลังเลไม่กล้าไปเจอดิออน ทั้งๆ ที่ลึกๆ แล้วยังอยากเจอมากๆ อยู่ดี
   
ให้ตายเหอะ ผมโคตรเกลียดตัวเองเลย
   
เพราะถึงจะยังไงผมก็ยังอยากเจอดิออนอยู่ดี
   
“นายรู้ข่าวนี่นานรึยัง นิค”
   
ผมสะบัดหัวเรียกสติตัวเอง ยังไงซะ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญ ผมต้องรีบเตือนสมาคมแวมไพร์แล้ว ถึงจะมีการป้องกันทุกปีก็เถอะ แต่เชื่อผมเถอะว่าอะไรที่ไม่ได้เกิดขึ้นนานๆ ต้องทำให้มีคนเผลอประมาทไปแน่ๆ ซึ่งผมก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นสักนิด ให้แวมไพร์เป็นคฤหาสน์สวยๆ อยู่บ้างเหอะ คฤหาสน์ที่สมาคมแทบจะเป็นหลังสุดท้ายอยู่แล้ว
   
“เมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว” นิโคลัสตอบพร้อมกับหาวหวอดใส่ผม “แต่นายไม่ต้องกลัวหรอก ครูซ อยู่ที่นี่นายปลอดภัยแน่นอน”
   
“ขอบคุณนะ นิค แต่ผมคงต้องขอตัวกลับสมาคมก่อน”
   
ครั้งนี้ผมจะไม่เป็นภาระให้ครอบครัวอีก ผมต้องรีบกลับไปที่สมาคมแล้วรอให้ผ่านเทศกาลนี่ไปก่อน ไม่อย่างนั้นผมมั่นใจมากกว่าน้องผมต้องออกมาตามหาผมแน่ๆ ซึ่งแน่นอนว่าการออกจากสมาคมก็คือการต้องแบกรับความเสี่ยงที่ถูกวาติกันจับได้
   
แต่มันต้องไม่มีวันเกิดขึ้น เพราะผมจะไม่ยอมให้น้องผมต้องมาเจออะไรแย่ๆ แบบที่ผมเจอ
   
“ขอบคุณนะ ดเวน คราวหน้าถ้าเราได้เจอกัน ผมจะเลี้ยงชาไข่มุกสองแก้วเลย”
   
ผมเอ่ยลาลวกๆ รีบๆ กำลังจะเดินลง แต่กลับถูกดเวนมายืนขวางทางเอาไว้ซะก่อน
   
“ดเวน?”
   
ให้ตายสิ ถึงผมจะเดาๆ ไว้แล้วก็เหอะ แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นจริงสักหน่อย
   
ผมกลืนน้ำลายเอือก และเงยหน้าสบตาดเวน ก่อนที่จะพบว่าอีกฝ่ายมองผมอยู่แล้วด้วยรอยยิ้มนิดๆ
   
“คิดว่ามาแล้วจะได้กลับง่ายๆ เหรอ ครูซ!”
   
พูดจบดเวนก็กระชากแขนผมเข้าหาตัว
   
แต่แน่ล่ะ ผมไม่ใช่น้องครูซคนกากคนเดิมแล้ว ผมจึงสลัดแขนตัวเองออกได้แทบจะทันที ซึ่งมันก็ทำให้ดเวนชะงักไป เพราะคงไม่คิดว่าแวมไพร์ที่กากมาตลอดปีตลอดชาติอย่างผมจะสลัดหลุด
   
แน่นอนว่าผมรีบฉวยโอกาสนี้รีบวิ่งหนีไปลงข้างล่างทันที
   
“จัดการเองนะ ฉันจะนอน”
   
“เออ  นายไม่ต้องยุ่งหรอก”
   
ยุ่งบ้างก็ได้นะ เพราะผมโคตรต้องการความช่วยเหลือเลย!
   
ผมวิ่งหนีตายลงจากบันไดไปยังประตูบ้าน ก่อนที่จะพบว่าตัวเองไม่สามารถเปิดประตูได้ เพราะลูกบิดไม่ยอมเปิดให้ผม จนผมแทบจะกระชากมันออกมาทั้งประตูอยู่แล้ว
   
“นายอยู่กับฉัน นายจะปลอดภัยนะ ครูซ”
   
ในชั่วพริบตาที่ผมมัวแต่ให้ความสนใจกับประตู ไอ้ดเวนมันก็มาโผล่ข้างหลังผมพร้อมกับกระซิบข้างหูอย่างคุกคาม
   
ให้ตายสิๆๆ คุ้มบ้าอะไรล่ะ ไม่คุ้มเลยสักนิดต่างหาก!!!!
   
“ดเวน นายเป็นเพื่อนผมนะ”
   
ผมพยายามคุยกับดเวนอย่างสันติ แม้ว่ามือของมันจะไม่สันติก็ตาม เพราะมันล้วงเข้าในกางเกงแล้วยุ่งกับก้นผมแล้ว!
   
โอ๊ยย ทำไมเรื่องไม่เป็นเรื่องถึงต้องมาเกิดขึ้นกับผมตลอดเลยวะเนี่ย
   
ถึงผมจะใจง่าย แต่ดเวนไม่ได้อยู่ในลิสต์ที่ผมจะใจง่ายด้วยซะหน่อย!
   
“ฉันมั่นใจว่าฉันมีดีกว่าไอ้วาติกันนั่น”
   
ดเวนพูดพร้อมกับจูบหลังคอผมเบาๆ เล่นเอาผมสะดุ้งจนสุดตัว และยิ่งไปกว่านั้นมันยังพยายามถอดกางเกงผมออกด้วย
   
กี้!!!
   
ประตูบ้าเอ๊ย ไม่เปิดก็ได้!
   
ผมคืนร่างกลับเป็นค้างคาวจิ๋วแล้วรีบบินหนีอีกรอบทันที
   
ฟึ่บ!
   
ดเวนพยายามจะคว้าผมแต่ก็ไม่ทัน ผมเลยรีบบินหนีเข้าห้องครัว และบินไปหลบหลังตู้ โดยหวังลึกๆ ว่ามันจะไม่ยุ่มย่ามกับผมต่อ
   
“เปล่าประโยชน์น่า ครูซ”
   
ดเวนที่เดินตามผมมาแบบสบายๆ หัวเราะเสียงแผ่ว
   
“นายคิดจริงๆ เหรอว่านายจะออกไปจากที่นี่ได้”
   
เออ ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะออกไปได้ง่ายๆ หรอก แต่ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือก็ไม่ได้ลูกเสืออ่ะ ยังไงก็ตามในความโคตรเซ็งของผม อย่างน้อยๆ ผมก็ได้รู้ข่าวคราวของดิออนบ้าง แล้วที่สำคัญเลยคือข่าวเทศกาลการล่า ที่ผมไม่รู้ว่าทางสมาคมรู้ยัง ผมจึงต้องรีบกลับไปเตือนโดยด่วนเลย
   
ซึ่งผมก็หวังว่าผมจะออกไปได้โดยไม่โดนไอ้บ้าดเวนมันจับกินก่อนน่ะนะ
   
“ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้านายยอมออกมา ฉันอาจจะใจดีปล่อยนายกลับสมาคมก็ได้”
   
ผมที่เปลี่ยนที่หลบมาหลบหลังตู้เย็นแทนแทบจะหยุดหายใจตอนที่ดเวนเดินผ่าน เอาจริง ถ้ามันเผลอชำเลืองหันมามองทางผมสักนิดอ่ะ รับรองได้เลยว่าโป๊ะ และผมก็จะถูกมันปู้ยี้ปู้ยำแน่
   
แต่ก็นะ เอาเข้าจริงการที่มันไม่เจอผมทันทีเลยก็ไม่ใช่เพราะดวงหรอก แต่เป็นเพราะผมสามารถกลบร่องรอยของตัวเองได้อย่างแนบเนียนต่างหาก
   
ก็อย่างว่าแหละ ได้ใบมาผมก็ต้องมีอะไรดีขึ้นบ้าง
   
“หนึ่ง”
   
ถามจริงเหอะ ใครมันจะโง่ออกไปให้มันจับ แล้วอีกอย่างผมว่าไม่ต่างกันอ่ะ ระหว่างมอบกับไม่มอบ เพราะยังไงดเวนมันก็คิดจะจับผมกินอยู่ดี
   
“สอง”
   
ดเวนกดเสียงหนักขึ้น ฟังดูแล้วดูหงุดหงิดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดที่ผมไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งมัน แต่จริงๆ มันควรจะชินนะ เพราะผมก็ไม่ค่อยฟังคำสั่งใครอยู่แล้ว
   
“สาม”
   
กี้!
   
เสียงแหลมๆ ดังลั่นก่อนที่ดเวนจะพูดออกมาอย่างพอใจ   
   
“น่ารักมาก ครูซ แบบนี้ถึงค่อยคุยกันง่ายหน่อย”
   
ระหว่างที่ดเวนกำลังสนใจกับสมุนของผมที่ผมเหมือนกับผมทุกประการ ผมก็แอบหนีออกจากห้องครัวอย่างเงียบเชียบโดยหวังสมุนของผมจะสามารถถ่วงเวลาให้ผมได้สักพัก ซึ่งผมว่ามันก็อาจจะโป๊ะแตกตอนที่ดเวนพยายามให้ร่างค้างคาวของผมกลับมาเป็นมนุษย์เหมือนเดิม
   
แต่นี่ก็ไม่ใช่แผนสุดท้ายที่ผมมีหรอก ถ้าจวนตัวจริงๆ ผมก็คงต้องคืนร่างแวมไพร์เต็มตัวและสู้กับดเวนอย่างจริงจังอ่ะ ซึ่งถึงตอนนั้นผมต้องเสียเปรียบแน่ๆ
   
อย่าลืมสิ ดเวนมันเป็นหนึ่งในพวกโกสต์เชียวนะ แล้วพวกโกสต์ก็มีพลังเยอะเป็นบ้า ไม่อย่างนั้นก็คงถูกใครสักคนหรือวาติกันเก่งๆ กำจัดไปตั้งนานแล้ว
   
ผมกวาดตามองข้างล่างก็พบว่าทั้งหน้าตาและประตูชั้นล่างคือค่อนข้างแน่นหนามาก และถ้าให้เดาสิ่งที่เกิดขึ้นก็คงจะเป็นอีหรอบเดิมคือผมไม่สามารถเปิดอะไรได้เลยสักอย่าง หนำซ้ำอาจจะถูกจับได้เพราะเสียงดังด้วย
   
ผมคิดอยู่สักพักสุดท้ายก็ต้องตัดสินใจ   
   
ตายก็ตายวะ
   

หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 8 12/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 12-05-2019 23:27:16
ผมคิดอย่างหดหู่ขณะที่บินขึ้นไปชั้นสองเพื่อไปเสี่ยงดวงและเสี่ยงตาย โชคดีที่ประตูยังไม่ปิด ผมเลยบินเข้าไปได้เลย แต่ก็ต้องพบว่าหน้าต่างทุกบานนั้นถูกปิดแน่นหนาเหมือนข้างล่างเป๊ะ
   
แต่เดี๋ยวก่อนเหมือนจะมีบานนึงที่ดูร้าวๆ ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่
   
“ลืมของเหรอ?”
   
ผมแทบจะหลุดเสียงร้อง ถ้าไม่ถูกนิคใช้มืออุดปากเอาไว้ซะก่อน ผมเงยหน้ามองก็พบว่านิคยิ้มให้ผมนิดๆ และพาผมไปยังหน้าต่างบานที่ร้าวนั้น
   
หัวใจอกผมคือเต้นแรงมาก ลุ้นสุดๆ ว่าไอ้ดเวนมันจะรู้ตัวเมื่อไหร่ ไหนจะท่าทางเป็นมิตรแปลกๆ ของเจ้าขนปุยนี่อีก ทำไมพวกโกสต์ถึงได้เข้าใจยากแบบนี้เนี่ย ผมไม่น่าหลับตอนเรียนทฤษฎีเลยอ่ะ เหมือนมีคาบนึงที่สอนใช้จิตวิทยารับมือกับพวกโกสต์ด้วย
   
แต่ก็นะ อะไรๆ ก็คงไม่เท่าสู้เจอกับของจริง และผมก็คิดอะไรไม่ออก นอกจากตัวสั่นหงึกๆ ทำหน้าน่าสงสารที่สุดในชีวิตใส่นิโคลัส
   
เอาสิ จะฆ่าแวมไพร์ที่ทำหน้าตาเหมือนลูกหมาถูกทิ้งเป็นได้ลงคอเหรอ!
   
“หยุดทำหน้าแบบนั้นได้แล้วน่า” นิคหัวเราะใส่ผมและวางผมบนโต๊ะ ก่อนที่จะไปง่วนกับการเปิดหน้าต่าง “ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก”
   
สรุปคือนิคจะช่วยผมหนีสินะ?
   
กี้..
   
ผมบินไปไถหัวกับมือมันเชิงขอบคุณ เสียดายที่นิคน่าจะฟังภาษาค้างคาวไม่ออก ไม่งั้นผมคงจะขอบคุณและสรรเสริญมันด้วยความซาบซึ้งใจแล้ว
   
“ครูซ!!!!!”
   
เสียงคำรามอย่างกราดเกรี้ยวที่ดังมาจากข้างล่างเล่นเอาผมตกใจจนแทบกลับคืนร่างมนุษย์
   
โดนจับได้แล้ว!!! ซวยแล้วๆๆ
   
ผมสัมผัสได้ถึงพลังที่หายไปของสมุนผม ซึ่งถ้าให้เดาก็คงจะโดนดเวนเอามาบี้ทีเดียวแล้วเละเลย แต่ก็นะ ไส้ไม่แตกหรอก แต่พลังมันจะย้อนคืนสู่เจ้าของนี่สิ ที่อาจจะทำให้ดเวนตามรอยผมขึ้นมาได้
   
ฉะนั้นสถานการณ์ตอนนี้สำหรับผมคือรหัสแดงมาก
   
ผมมั่นใจได้เลยว่าถ้าผมโดนไอ้บ้าดเวนมันจับรอบนี้ ศพผมต้องไม่สวยแน่ๆ
   
กี้ๆๆๆๆ
   
ผมเร่งนิคอย่างลืมตัว แทบจะเป็นบ้าไปจริงๆ
   
ไม่เอานะ ไม่เอา ผมไม่อยากได้ดเวน!!
   
ผมอยากได้ดิออนต่างหาก!!!
   
แม่จ๋าช่วยครูซด้วย!!!

กี้!!!!!!!
   
“ออกไปได้แล้ว!”
   
ในที่สุดผมก็ออกไปได้แต่โดนโยนออกไปข้างนอกเหมือนเศษขยะที่ต้องทิ้ง โชคดีหน่อยที่สัญชาตญาณผมยังคงทำงานได้ดี ไม่อย่างนั้นผมคงตายเพราะคอหักตายไปแล้ว
   
ผมมองหน้านิคและผงกหัวนิดๆ เชิงขอบคุณ
   
ผมไม่รู้หรอกทำไมมันช่วยผม แต่ก็ดีและ ไม่อยากสงสัยมากเดี๋ยวมันเปลี่ยนใจ
   
“กลิ่นนายหอมดี มันก็แค่นั้นแหละ” นิคไหวไหล่ใส่ผมราวกับรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ ก่อนที่ร่างกายมันจะโตขึ้นไปอีกและกลายเป็นมนุษย์หมาป่าโดยสมบูรณ์

แต่ในสายตาผมก็คือเจ้าขนปุยร่างยักษ์ซึ่งมันก็น่ารักมาก จนผมมั่นใจเลยว่าถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติ ผมจะไม่ลังเลเลยที่จะบินไปเกาะบนขนฟูๆ นั่น
 
“ไสหัวไปสักที!”

มันคำรามไล่ผมที่มัวแต่คิดไร้สาระผิดเวลา ก่อนที่จะกระโจนไปสกัดร่างของคนที่กำลังโกรธจัดได้ที่
   
“ปล่อย!!!” ดเวนคำรามเสียงดังลั่นจนอากาศสั่นสะเทือน นัยน์ตาแดงฉานเรืองรองมองผมราวกับจะฆ่าผมให้ตายด้วยสายตา “ครูซ ถ้าฉันจับนายได้! ฉันเอานายตายแน่!!!”
   
แน่นอนว่าผมคงไม่อยู่ให้มันจับ ผมเลยรีบกลับคืนร่างแวมไพร์แล้วบินหนีตายต่อทันที
   
ผมบินขึ้นสูงมาก ซึ่งโชคดีหน่อยที่วันนี้เมฆค่อนข้างเยอะ การหนีตายของผมจึงไม่ค่อยโจ่งแจ้งนัก ผมบินต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะไม่รู้เลยสักนิดว่าตัวเองกำลังบินไปไหน เพราะป่ามันเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าไอ้บ้านบ้านี่มาตั้งอยู่อะไรไกลจากบ้านคนขนาดนี้
   
ผมขยี้ตา พยายามมองไกลๆ ถึงเห็นว่าบ้านคนที่ใกล้ที่สุดอยู่ตรงไหน
   
ให้ตายเหอะ ผมไม่รู้สึกเป็นเกียรติเลยที่ได้รู้ที่อยู่พวกโกสต์เลยอ่ะ และอีกอย่างนะ แวมไพร์สมองน้อยอย่างผมจำไม่ได้หรอกว่าไอ้บ้านบ้านี่อยู่ไหน ให้มาอีกเป็นสิบรอบผมก็จำไม่ได้อยู่ดี
   
บินไปสักพักใหญ่ๆ จนผมแน่ใจแน่ๆ แล้วว่าดเวนตามมาไม่ถูก ผมก็กลับไปเดินบนดิน เพราะผมเริ่มล้าแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้ผมนึกเสียใจ และก่นด่าตัวเองที่เรื่องมากไม่ยอมกินเลือดมนุษย์เยอะๆ ตั้งแต่แรก
   
เอาจริงเรื่องนี้ผมไม่ผิดนะ ผิดที่เลือดดิออนอร่อยเกินไปต่างหาก ผ่านไปตั้งหลายปีแล้วผมยังอยากกินอยู่เลย คือผมไม่น่ากินเลือดดิออนเลยอ่ะ เพราะมันทำให้ผมกินเลือดมนุษย์ปกติไม่อร่อยอีกเลย
   
ผมคิดเรื่อยเปื่อย พยายามไม่สนใจร่างกายที่ตัวเองที่เริ่มล้าขึ้นเรื่อยๆ
   
วันนี้ผมใช้พลังเยอะเกินไปจริงๆ
   
สิ่งที่ผมต้องทำตอนนี้เลยคือรีบไปบ้านหลังนั้น และหลอกมนุษย์กินเลือดซะ ผมไม่สนใจแล้วว่าจะเป็นใครอยู่นั้น เพราะผมหิวเป็นบ้าเลย
   
ผมเดินต่อทั้งๆ ที่ตาพร่ามัวแทบจะเป็นลม แต่ก็ยังพยายามประคับประคองตัวเองให้เดินไปตามกลิ่นของมนุษย์จางๆ ที่ลอยในอากาศและชัดขึ้นเรื่อยๆ
   
“!!!!”
   
ผมหยุดชะงักแทบจะทันทีเมื่อเห็นว่าไอ้เจ้าของกลิ่นคือใคร
   
พวกวาติกันอีกแล้ว!!!!
   
ผมคืนร่างกลับเป็นค้างคาวแล้วมุดหลบเข้าพงหญ้าทันทีก่อนที่จะถูกจับได้
   
“ได้ยินเสียงอะไรไหม?”
   
“ไม่นี่ นายหูฝาดรึเปล่า”
   
ผมพยายามขดตัวให้เล็กที่สุดแล้วแอบดูพวกวาติกันสองคนที่แต่งตัวกันเต็มยศไม่เกรงใจแดดประเทศไทยที่เริ่มกลับมาเลยสักนิด เพราะตอนนี้ใกล้จะเช้าแล้ว
   
“นายแน่ใจใช่ไหม ว่าพวกโกสต์มันอยู่ในเขตนี้”
   
“แน่ใจสิ ก็สำนักงานใหญ่ยืนยันมาแล้ว แต่แค่ยังระบุตำแหน่งไม่ได้ก็เท่านั้นแหละ”
   
ระหว่างที่พวกวาติกันคุยกันเรื่อยเปื่อย ผมก็จ้องพวกมันตาแป๋วพร้อมกับกุมท้องจิ๋วๆ ของตัวเอง
   
ผมอยากกินเลือดพวกมันมากเลยอ่ะ ถึงจะไม่ใช่พวกเลือดบริสุทธิ์ก็เถอะ แต่ยังไงก็คงจะอร่อยกว่าเลือดมนุษย์ทั่วไปแหละ
   
ผมกัดปากแน่นลังเลอยู่สักพักว่าจะเสี่ยงหรือไม่เสี่ยงดี คือตอนนี้มีสองทางเลือก คือไปหาเหยื่อมนุษย์ทั่วไปที่ผมจะจัดการง่ายกว่าต่อ กับกินเลือดพวกนี้ไปเลยจะได้จบๆ
   
จ็อก
   
ระหว่างที่ผมคิดหนัก ท้องผมก็ร้องพอดี ไม่รู้ว่าจะเหมาะเจาะกับช่วงเวลาอะไรขนาดนี้
   
“เสียงอะไรอีกแล้ววะ!”
   
โอเค ไม่มีเวลามาลังเลแล้ว!
   
ผมคืนร่างกลับเป็นแวมไพร์ และใช้พลังที่เหลืออยู่ไม่มากเท่าไหร่ ในการสะกดเจ้าพวกมนุษย์งี่เง่าทั้งสองคนให้ตกอยู่ในภวังก์ ซึ่งผมก็ต้องมาลุ้นอีกทีว่าพลังของผมจะมากพอที่จะสะกดพวกมันรึเปล่า
   
เพราะถ้าผมสะกดไม่อยู่ ผมต้องเจองานหยาบแน่ๆ
   
“…”
   
ผมยืนลุ้นอยู่สักพักจนมั่นใจว่าพวกมันโดนผมสะกดแน่ๆ แล้ว ผมถึงค่อยออกจากที่ซ่อนแล้วเดินออกมาหาพวกมันที่ยืนตัวแข็งอยู่ และคิดในใจว่ากินเลือดคนไหนดีน้า
   
ผมเงยหน้ามองร่างที่สูงกว่าผมนิดหน่อยอย่างครุ่นคิดนิดๆ
   
คนนี้ก็น่ากินดีแฮะ
   
ผมคิดเพลินๆ และดูอีกคนก็พบว่าสูงกว่าคนแรกอีก แต่มีความพิเศษกว่าคือมีรอยสักของพวกวาติกันตรงคอ ซึ่งมันก็คล้ายกับของดิออน
   
แน่นอนว่าผมเลือกคนที่สองโดยไม่ต้องคิดเลยล่ะ
   
ผมไปหยุดยืนตรงหน้ามัน เขย่งเท้าแล้วใช้แขนโอบคอลงมาให้ผมกินง่ายๆ ผมจ้องรอยสักบนคอมันด้วยความคิดถึงนิดๆ ถึงแม้ว่ารอยสักนี่จะสวยไม่เท่าของดิออนก็ตาม
   
ให้ตายเหอะ ผมอยากกินเลือดดิออนเป็นบ้าเลย
   
ผมหลับตาฝังเขี้ยวไปบนคอของเหยื่อ และดื่มกินเลือดอย่างใจเย็น ถึงผมจะหิวมากก็เถอะ แต่คติกินเลือดแบบยุงของผมยังคงอยู่

ผมจะกินเลือดแค่พอให้ผมมีแรงเท่านั้น และผมจะไม่กินเลือดจนร่างกายของเหยื่อเป็นอันตรายด้วย
   
อึก..
   
รสชาติธรรมดามากเลยอ่ะ ไหนอ่ะความรื่นรมย์ของรสชาติ จานนี้เชฟไม่ให้ผ่านนะ
   
ผมบ่นในใจเซ็งๆ แต่ก็กินอยู่ดี ไม่มีทางเลือกอ่ะ อีกคนก็คงรสชาติไม่ต่างกันนักหรอก
   
กินไปสักพักจนเรี่ยวแรงผมเริ่มกลับมา ผมก็ผละจากคอมัน และใช้หลังมือเช็ดปากที่เลอะเลือดออก ช่วยไม่ได้ ก็เลือดมันไม่อร่อยขนาดนั้นอ่ะ ไม่ได้ทำให้ผมอยากกินจนหยดสุดท้ายเหมือนดิออนเลยสักนิด
   
ผมใช้พลังแวมไพร์รักษาแผลที่คอให้มันนิดหน่อยจนเนื้อกลับมาสมานเหมือนเดิม
   
“ขอบคุณสำหรับอาหารนะ”
   
ผมขอบคุณเหยื่อตามความเคยชิน ก่อนที่จะคืนร่างเป็นมนุษย์ละเดินต่อ ซึ่งผมก็เดินออกมาห่างจนมั่นใจแล้วว่าพวกนั้นจะหาผมไม่เจอ ผมก็คลายสะกดออกแล้วปล่อยให้พวกวาติกันหัวหมุนกันไปว่าเกิดอะไรขึ้น
   
ผมหัวเราะกับตัวเองเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงโวยวายดังลั่น
   
อย่างน้อยๆ วันนี้ผมก็หนีเอาตัวรอดได้ด้วยตัวเองได้ล่ะวะ

====

่ช่วงนี้พระเอกค่าตัวแพง  :z6:  ตอนหน้าน่าจะได้กลับมาแกรนด์โอเพนนิ่งแล้ว

#ห้ามปิ้งค้างคาว

(https://sv1.picz.in.th/images/2019/05/13/wj34CJ.png)

ใครไม่น่ารัก น้องครูซน่ารัก  :o8:


   
   
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 8 12/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 13-05-2019 00:36:28
เก่งขึ้นนิดหน่อยในขณะที่ดิออนเป็นหัวหน้าไปแล้ว 5555555555555555555  :hao7:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 8 12/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 13-05-2019 02:56:33
น้องยังน่ารักเหมือนเดิม :mew1:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 8 12/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ืืnanana21 ที่ 13-05-2019 07:23:46
เอ็นดูร่างค้างคาวของนางเหลือเกินนนน
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 8 12/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-05-2019 07:45:19
ผิดหวังในตัวดเวน   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 8 12/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: oily06 ที่ 13-05-2019 12:50:17
น้องครูซสะกดวาติกัน(ที่ไม่รู้ระดับไหน)และก็ได้ดูดเลือดด้วย! เก่งขนาดนี้แล้วช่างน่าภูมิใจจริงๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 8 12/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 13-05-2019 18:40:19
นี่ภูมิใจในความเก่งขึ้นนิดหน่อยของน้องอยู่นะเนี่ย (ถึงเกือบจะเอาตัวไม่รอดก็เถอะ 5555)
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 8 12/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 13-05-2019 20:23:46
ครูซ หนูไม่กลัววาติกันละเหรอลูกกก แต่เก่งมากกก สะกดวาติกันได้ด้วย

ดิออนจะยังเหมือนเดิมไหม? ขอให้เหมือนเดิมม
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 8 12/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 15-05-2019 10:23:16
เห็นความเก่งขึ้นของนางมานิดนึง55555
ไปตามหาดิออนให้เจอแล้วจับกินแบบยั่วๆบดๆเลยรูกกกกก
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 8 12/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-05-2019 13:37:16
 ต้องชมกันหน่อยเพราะว่าน้องเก่งขึ้นนิดนึงแล้ว 55555
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 8 12/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 20-05-2019 02:28:42
ว่าแล้วต้องโดนจับกิน แต่ก็รอดมาได้นะ
รอดิออน
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 8 12/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: piiya ที่ 25-05-2019 05:05:29
หมาป่าน่ารักจังแบบนี้ควรผูกมิตร ส่วนดิออนนั้นไม่เอาเเล้วค่าตัวแพงเล่นตัวเก่ง
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 8 12/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-05-2019 23:14:00
ติดตามจ้า~
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 8 12/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: prisana96 ที่ 29-05-2019 20:43:13
รอค่ะ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 8 12/5/62 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: LadyYuly ที่ 08-06-2019 00:17:33
คิดถึงเจ้าครูซ~~
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 10/6/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 10-06-2019 18:31:15
VAMPIRE PROBLEM ;w; #9
   
   

หลังจากกินเลือดแล้วพลังผมก็กลับมา ผมก็เลยกลับบ้านได้แบบชิวๆ ทางเทิงอะไรจำไม่ได้หรอก โบกแท็กซี่เอาแล้วหลับเลย ตื่นมาอีกทีคือราคาแพงยับ ไม่รู้ว่าโดนโกงมิเตอร์หรือพาขับอ้อมโลก แต่เอาเหอะกลับมาสถานแห่งบ้านน้องครูซได้ ผมก็โอเคแล้ว
   
“นี่ครับ”
   
ผมยื่นแบงค์พันให้แท็กซี่แล้วยกตังทอนสิบบาทให้เป็นทิป แล้วลงจากรถ และเดินเข้าสมาคมที่ภายนอกเหมือนเป็นแค่บ้านชั้นเดียวทั่วไป แต่จริงๆ มันเป็นคฤหาสน์หลังยักษ์ที่ถูกพลังของเหล่าแวมไพร์ร่ายทับเอาไว้ ซึ่งไอ้พลังนี้ก็ทำงานเหมือนอาคมบ้านดิออน แบบพอมีมนุษย์เข้ามาในเขตปุ๊ป พวกมันก็จะถูกพลังพุ่งเข้าไปทำร้ายทันที ป่าเถื่อนสุดๆ
   
“นายน้อย!!!”
   
ลูกน้องคนสนิทพ่อตะโกนเสียงดังลั่นตอนที่เห็นผมโผล่หัวเข้าไปในคฤหาสน์
   
แน่นอนว่าด้วยเสียงระดับนี้ และปกติแวมไพร์โตๆ บางส่วนก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว จึงพากันมามุงกลางคฤหาสน์กันอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าผมนั้นเป็นของเซลล์ลดราคาห้าสิบเปอร์เซ็น
   
ผมเผลอหดคอตอนที่เห็นพ่อเดินมา ก่อนที่จะพยายามทำตัวให้เล็กที่สุด
   
คือเอาจริง ถ้าผมเป็นพ่อ ผมจะตีตัวเองให้ตูดลายไปเลย หนีเที่ยวเก่งเหลือเกิน
   
แต่มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ อ่ะ ก็ผมคิดถึงดิออนนี่นา
   
“หายไปไหนมา” พ่อผมถามเสียงเย็น
   
“เที่ยวนิดหน่อยครับ” ผมตอบเสียงเบาหวิวแล้วรีบพูดต่อ ก่อนที่พ่อจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้ “แล้ว แล้วผมก็ไปได้ยินมาว่าพวกวาติกันมันจะจัดเทศกาลล่าปีศาจ”
   
“ลูกแน่ใจ?”
   
พ่อผมถามย้ำด้วยสีหน้าน่ากลัวกว่าเดิม จนผมอยากแปลงเป็นค้างคาวแล้วไปหลบใต้พรมที่เหยียบอยู่ตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด    
   
ฮือ น่ากลัวอ่ะ ทำไมพ่อต้องน่ากลัวขนาดนี้ด้วยนะ แงงงง
   
แน่นอนว่าหลังจากเปิดโหมดกลัวจนปากสั่นแล้ว ผมก็คงตอบพ่อดีๆ ไม่ได้นอกจากพยักหน้าหงึกๆ ถึงคนที่บอกจะเป็นพวกโกสต์ก็เถอะ แต่พวกนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องโกหกผมอยู่ดี
   
ผมตัวสั่นงึกๆ ตอนที่เผลอไปสบตากับพ่อ ผ่านไปหลายวินาทีกว่าพ่อจะตอบผมและลูบหัวผม
   
“พ่อเชื่อลูกนะ”
   
“…”
   
ผมเงยหน้ามองพ่ออย่างไม่เชื่อสายตา เพราะนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปีเลยมั้ง ที่พ่อลูบหัวผม นับตั้งแต่ที่ผมเริ่มโตจนหนีไปเถลไถลข้างนอก
   
ลูบได้ไม่นาน พ่อผมก็กลับสู่คนโหดคนเดิม และสั่งเหล่าแวมไพร์ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาโดยใช้พลังแวมไพร์ในการออกคำสั่ง ซึ่งพลังนี้ก็เป็นพลังที่ค่อนข้างเวอร์สำหรับผมมาก เพราะทุกคนที่อยู่ภายใต้การบัญชาของพ่อจะได้ยินสิ่งคำสั่งของพ่ออย่างชัดเจน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกก็ตาม
   
ก็อย่างว่าแหละนะ หัวหน้าสมาคมพลังมันก็ต้องเวอร์ๆ หน่อย ตัดภาพมาที่ผมที่อ่อนด๋อยอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ถึงจะเก่งขึ้นมานิดหน่อย แต่ถ้าให้ผมไปซัดกับคนอื่นจริงๆ คนที่น่าจะแพ้ก็น่าจะเป็นผมอยู่ดี
   
“ผู้ใดที่อยู่ใต้การบัญชาของข้า โปรดจงฟังให้ดี”
   
ไม่รู้ว่าด้วยเพราะความเก่าแก่ของพลังหรือยังไง ผมถึงรู้สึกว่ามันขลังเป็นบ้าเลย จริงๆ ผมก็เคยเรียนนะ แต่แบบ ใช้ไม่ค่อยเก่ง เพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่ได้ใช้ ผมเลยไม่สนใจมันเท่าไหร่
   
พ่อโคตรเท่เลย แต่ถ้าดุน้อยลงกว่านี้จะดีมาก ผมไม่ใช่ลูกสาวกำนันซะหน่อย ปล่อยให้ผมไปหาเหยื่อที่ตัวเองอยากกินบ้างเถอะ
   
ผมคิดเรื่อยเปื่อยระหว่างที่มองพ่อออกคำสั่ง และมองรอบๆ หาน้องสุดรักของตัวเองทั้งสองคน ซึ่งคนนึงก็ยืนโบกไม้โบกมืออยู่ชั้นสอง ส่วนอีกคนที่หวงผมเกินไป ตอนนี้คือหายไปไหนก็ไม่รู้
   
ผมพยายามชะเง้อหา แต่พอหันไปเจอแม่ ผมก็วิ่งแจ้นไปหาเลย
   
อย่าลืมสิ คนที่โอ๋ผมที่สุดในสมาคมก็คือแม่เนี่ยแหละ!
   
“แม่!!!”
   
ผมกระโดดกอดแม่ ไม่แคร์ว่าตัวเองอายุสี่ร้อยเพราะหน้าเด็ก และผมจะแอ็บว่าอายุสองสามร้อยตลอดไป จนกว่ารอยตีนกาตีนแรกจะขึ้นหน้าผม
   
แน่นอนว่าคนในสมาคมที่เห็นผมตั้งแต่เด็กจนโตย่อมชินกับนิสัยเด็กๆ ของผม ก็เลยไม่มีใครบ่นอะไร นอกจาก..
   
“โตแล้วนะ ครูซ ยังจะมาทำตัวเด็กๆ อีก”
   
“โอ๊ย ผมเจ็บนะ”
   
ผมน้ำตาเล็ดเลยตอนโดนแม่ดึงแก้ม
   
“แล้วนี่ไปเที่ยวไหนมาอีก รู้ไหมว่าพ่อแกห่วงแกแทบแย่”
   
“ก็แถวๆ นี่แหละ แม่ แต่ผมได้ใบแล้วนะ ผมก็ต้องไปเที่ยวได้สิ”
   
ผมมองหน้าสวยๆ ของแม่ แล้วก็แอบภูมิใจ เพราะผมหน้าเหมือนแม่มากกว่าพ่อ ที่ผมหาเหยื่อเก่งก็เพราะได้หน้าแม่มาด้วยเนี่ยแหละ
   
“แล้วแม็กซ์อ่ะ แม่ น้องหายไปไหน”
   
ผมที่ถึงแม้จะตัวสูงกว่าแม่นิดๆ ก็ยังทำตัวเล็กตัวน้อยดึงแขนแม่ซบ ออดอ้อนสุดๆ  บอกเลยในบรรดาสามพี่น้อง ผมลูกรักมากที่สุด! ห้ามใครมาแย่งตำแหน่งนี้ ไม่อย่างนั้นผมจะโกรธ
   
“ก็ออกไปตามหาแกนั่นแหละ ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย”
   
ผมยิ้มเจื่อนเลย ชิบหายแล้ว น้องจะเป็นอะไรไหมเนี่ย
   
“แล้วพ่อติดต่อกับน้องได้ไหมอ่ะ”
   
“ไปถามพ่อแกสิ”
   
“ฮือ”
   
ผมร้องฮือๆ ใส่แม่เพราะไม่อยากเดินไปถาม จนโดนหยิกเอว ผมเลยยอมเดินไปหาพ่อที่เหมือนจะสั่งเสร็จแล้ว แต่ยังยืนหน้าเครียดอยู่
   
“..พ่อแล้วแม็กซ์อ่ะ”
   
ผมถามด้วยความเจี๋ยมเจี๊ยมสุดๆ มากกว่านี้คือลงไปกราบแล้ว ดีหน่อยที่ผมมีใบหนีเที่ยวแล้ว ไม่งั้นผมคงจะโดนจับเข้าคุกอีกแน่ ซึ่งรอบล่าสุดมันก็แย่มาก นอกจากผมจะนอนไม่หลับแล้ว ผมยังเจอแมลงสาบด้วย น่ากลัวมาก ผมกลัวแมลงสาบมากกว่าโดนจับปิ้งอีก จะให้ผมมีชีวีตร่วมกับไอ้ตัวดำๆ หนวดๆ นี่ จับผมจิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ดแล้วกินเถอะ ผมยอม
   
“แม็กซ์ไม่ตอบรับพ่อ พ่อไม่รู้ว่าไปเจอพวกวาติกันแล้วรึเปล่า”
   
พอพูดถึงวาติกันแล้วหน้าผมซีดเลย
   
แม็กซ์มันไปตามหาผมกับพวกวาติกันป่ะวะ ซึ่งมันก็หาถูกที่แล้วแหละ แต่ผมยังไม่ได้ไปไง ยังอยู่ตรงนี้อย่างเปลี่ยวๆ เอาจริง ถ้าน้องโดนพวกวาติกันจับไปจริง ผมจะรู้สึกแย่มาก
   
น้องผมจะโดนปิ้งเพราะผมไม่ได้!
   
“..พ่อ”
   
ผมเงยหน้ามองพ่อด้วยความกล้าทั้งหมดในชีวิตที่พยายามเค้นออกมา ทั้งๆ ที่ตัวสั่นงึกๆ คือกลัวจนคนอื่นมาเห็นผมคนงงว่าพ่อลูกกันจริงเปล่า กลัวอะไรขนาดนั้น แต่ผมกลัวจริงอ่ะ ถึงพ่อจะใจดีด้วยเมื่อกี้ ผมก็ยังกลัวความโหดของพ่ออยู่ดี สามสี่ร้อยปีที่ผ่านมาคือผมก็กลัวพ่อขึ้นสมองเบอร์นี้เนี่ยแหละ
   
“…?”
   
พ่อก้มหน้ามองผม รอฟังผมอย่างตั้งใจ
   
“..เดี๋ยวผมออกไปหาน้องเอง ผมว่าผมรู้ว่าน้องอยู่ไหน”
   
ผมพยายามแสดงความหนักแน่นของตัวเองออกมาด้วยการจ้องตาพ่อตรงๆ
   
“พ่อปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมนะ ไม่ต้องห่วงผม ผมดูแลตัวเองได้จริงๆ ”
   
ถ้าน้องโดนพวกวาติกันจับไป มันก็ต้องเป็นความผิดผม ซึ่งถ้ามันเกิดอะไรขึ้นกับน้องจริงๆ ผมก็จะให้อภัยตัวเองไม่ได้ ฉะนั้นถ้าคนที่จะเป็นอะไร ให้เป็นผมเองดีกว่าที่โดน
   
พ่อขมวดคิ้วซึ่งมันก็ทำให้หน้าพ่อดุกว่าเดิม จนผมเผลอกลืนน้ำลายเอือก แต่ผมก็ไม่ได้หลบตา
   
“อืม”
   
พ่อพยักหน้าให้ผม ซึ่งมันก็ทำให้ผมใจชื้นขึ้นเยอะ เพราะผมกลัวว่าพ่อจะมองว่าผมอ่อนด๋อยเกิน แล้วให้คนอื่นไปช่วยแทน และความที่ผมเคยแอบคุยกับดิออนก็จะแตก
   
ว่าไปนั่น
   
ผมก็แค่อยากไปช่วยน้องเองต่างหาก
   
“งั้นผมไปเลยนะ!”
   
ผมยิ้มจนตาหยีให้พ่อแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากคฤหาสน์ แต่แน่นอนว่าผมไม่ลืมที่จะไปกอดแม่เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ตัวเองก่อนแปปนึง
   
“แน่ใจเหรอว่าจะไปหาน้องเอง”
   
แม่ผมพูดด้วยสีหน้าโคตรเป็นห่วง เหมือนตอนผมเด็กๆ ที่เริ่มหัดบินด้วยการโดนพ่อโยนลงจากหน้าต่างชั้นบนสุด แม่ก็มีสีหน้าแบบนี้แหละ
   
“แน่ใจสิ ผมเก่งแล้วนะ”
   
เก่งไม่เก่งไม่รู้ แต่ปากเก่งไว้ก่อน
   
ผมกอดแม่แรงๆ อีกรอบ แล้วก็เดินหนีออกมา เพื่อไม่ให้แม่รู้ว่า จริงๆ แล้วลูกแม่ใจกากมาก จะรอดจริงไหมไม่รู้ แต่ที่รู้คือน้องผมต้องได้กลับบ้าน
   
ผมสูดหายใจลึกตอนที่ออกมาแล้วพบว่าท้องฟ้าเริ่มมืด และมันก็เป็นเวลาที่พวกวาติกันน่าจะเริ่มออกตามล่าปีศาจแล้ว ซึ่งผมก็ได้แต่หวังว่าวันนี้พวกที่ไม่ใช่มนุษย์จะออกมาเปรี้ยวกันเยอะมาก ไม่งั้นคงจะได้สูญพันธุ์กันเป็นแถว
   
ส่วนคนที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คงจะเป็นตัวผมเอง
   
เพราะไอ้ที่ผมจะไปมันก็คือไอ้บ้านหลังใหญ่ๆ ของดิออนมันนั่นแหละ!


   

แน่นอนว่าในความสมองน้อยของผม ผมก็พอจะมีอะไรอยู่ในหัวบ้าง อย่างทางไปบ้านดิออน จริงๆ มันก็จำไม่ค่อยยากหรอก เพราะไอ้พวกวาติกันมันไม่ค่อยมาทำตัวลับๆ ล่อๆ แบบพวกผม และโลเคชั่นบ้านพวกมันคือดีมาก อยู่กลางเมืองท่ามกลางแสงสี แต่ก็ยังมีพวกป่าเล็กๆ ล้อมรอบเพื่อไม่ให้มนุษย์ทั่วไปยุ่มย่ามมาก
   
ซึ่งขาไปผมก็เหมือนเดิม
   
สนับสนุนการขนส่งสาธารณะด้วยการโบกวินหน้าปากซอย
   
“ลุงๆ ไปแถวxxx นะ”
   
ผมในตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงโง่ๆ แต่เสื้อผมสกรีนคำว่า ‘I LOVE VATICAN’ มันเป็นเสื้อที่ผมซื้อมาเล่นๆ แล้วแอบไว้ในตู้ ซึ่งตอนนี้ก็ได้ฤกษ์มาใส่  และผมก็หวังว่าพวกวาติกันมันจะบ้าพอที่จะคิดว่าผมเป็นพวกเดียวกันมัน เพราะคงไม่มีแวมไพร์บ้าที่ไหนมาใส่เสื้อไร้สาระแบบที่ผมใส่หรอก
   
พวกแวมไพร์ศักดิ์ศรีเยอะจะตาย แบบฆ่าได้ หยามไม่ได้ แน่นอนว่าผมเป็นกรณียกเว้น เพราะผมเป็นแวมไพร์ที่นิสัยดีและน่ารักที่สุดในสมาคม
   
“โห ไกลอยู่นะ ไอ้หนู ทำไมไม่นั่งแท็กซี่ไปวะ”
   
พี่วินวัยดึกที่อายุประมาณสี่สิบขมวดคิ้วใส่ผม
   
“ก็นั่งวินมันไวกว่านี่ลุง หรือจะให้ผมเรียกแกร๊บ”
   
ผมคุ้นๆ ว่าอะไรแกร๊บๆ ไม่ค่อยถูกกับพี่วินเท่าไหร่ เหมือนจะเคยเห็นข่าวตีกันอยู่
   
“ขึ้นมาเลย! ใส่หมวกด้วย!”
   
มาถูกทางแฮะ
   
ผมหัวเราะคิกคักในใจแล้วใส่หมวกพี่วินแล้วขึ้นซ้อนเลย ซึ่งเหมือนผมจะไปพูดแทงใจดำอะไรพี่วินเขา พี่เขาเลยขับไวมาก จนผมกลัวว่าจะรถคว่ำตายก่อนถึงที่นู่น
   
ทำไมผมไม่บินไปเอง? ก็ต้องบอกเลยว่าพวกวาติกันมันมีปืนที่สามารถสอยพวกบินๆ เนี่ยแหละ ผมเลยไม่กล้าบิน ไปแบบปุถุชนคนธรรมดาดีกว่า เนียนกว่าด้วย และผมก็ไม่เหนื่อยด้วย
   
ผมคิดเรื่อยเปื่อยเล่นฆ่าเวลา แต่พอเห็นพวกวาติกันที่สวมเครื่องแบบกันเต็มยศเดินกันตามทางก็เริ่มรู้สึกหวั่นๆ ขึ้นมานิดๆ ซึ่งก็ไม่นิดหรอก เพราะมือผมนี่เหงื่อชุ่มเลย
   
โอย แม่จ๋า ครูซจะรอดไหมนะ
   
ผมอยากร้องไห้มาก เพราะยิ่งเข้าไปใกล้ พวกวาติกันก็เดินกันเกลื่อนเมืองมาก ไม่รู้ว่าพวกวาติกันไปสรรหาสมาชิกจากไหนนักหนา คิดดูสิ ประชากรแวมไพร์เพิ่มช้าจะตาย ต่อให้อายุยืนก็เหอะ แต่พวกเรามีลูกค่อนข้างยาก และพวกเราก็ไม่ใช่พวกที่จะดึงมนุษย์มาเปลี่ยนเป็นแวมไพร์เพื่อเพิ่มสมาชิกด้วย
   
“..ไอ้หนู ไอ้พวกนี้มันแต่งตัวอะไรกันวะ”
   
และอยู่ๆ พี่วินที่ขับด้วยความโกรธระดับสิบก็หันมาถามผม แม่ง โคตรอันตรายเลยลุง!
   
“ก็ ก็แต่งเล่นไงลุง งานของพวกฝรั่งแบบวันผีออก ก็เลยแต่งเป็นอัศวินมาไล่ผี”
   
ทำไมผมต้องมาอธิบายอะไรแบบนี้ด้วยวะ ไม่เข้าใจ หรือจริงๆ ผมควรจะบินมาเองตั้งแต่แรก
   
“แล้วเอ็งไม่แต่งเหรอวะ หน้าฝรั่งขนาดนี้”
   
เดี๋ยวกัดคอโชว์เลย สงสัยอะไรเยอะแยะวะเนี่ย
   
“ช่างผมเหอะน่า ลุง ขับๆ ไปเหอะ”
   
“เอ้อ คนแก่ก็สงสัยเป็นป่ะวะ ก็ตอนเด็กๆ กูไม่เคยเห็นนี่หว่า”
   
เวร ทำพี่วินน้อยใจอีก น้องครูซนี่ต้องเป็นทุกอย่างให้ทุกคนเลยใช่ป่ะ คำถาม
   
แน่นอนถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ ผมจะคุยเล่นกับลุงต่อ แต่นี่ไม่ไง ไม่ใช่เวลาที่มาจะเป็นสนามอารมณ์ให้ใคร เพราะผมก็มีปัญหาของตัวเองมากพอแล้วตอนนี้
   
ผมพยายามชะเง้อหาน้องไปพลางๆ แต่ไม่รู้ทำไมสัญชาตญาณลึกๆ ของผมกลับบอกว่าน้องนั้นอยู่กับดิออน ซึ่งผมก็ไม่รู้นะว่าดิออนอยู่ไหน
   
แต่พอลุงขับผ่านสวนสาธาณะร้างที่ตอนนี้แปลงสภาพเป็นป่ารกไปแล้ว ผมกลับสัมผัสได้ถึงพลังแวมไพร์ที่โคตรจะคุ้นเคย กับกลิ่นเลือดหอมหวานที่ผมเฝ้าฝันถึงแทบทุกวัน!
   
“ลุงจอด!! จอดเลย จอดตรงไหนก็ได้ จอดๆๆ”
   
บทจะเจอก็เจอ แต่เอาเหอะ เจอตอนไหนก็เหมือนกัน เพราะผมก็คงจะซวยเหมือนเดิมนั่นแหละ
   
“ยังไม่ถึงเลย ไอ้หนู อะไรของเอ็งเนี่ย”
   
ลุงแกบ่นผมแต่ก็ยอมจอด
   
“เท่าไหร่อ่ะ ลุง”
   
ผมล้วงหยิบเงินในกระเป๋าออกมารอ ซึ่งก็กะๆ ไว้ว่าคงจะไม่เกินห้าร้อย
   
“แปดร้อย”
   
“ลุงคิดแพงกว่าแท็กซี่อีก! ผมเคยนั่งมาแถวนี้สี่ร้อยเอง!”
   
ผมโวยวายไม่พอใจ ลืมไปหมดว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่ คือเรื่องเงินผมไม่ซีเรียสหรอก แต่ผมซีเรียสเรื่องการโก่งราคามาก ไม่ชอบ
   
“ก็นั่นมันแท็กซี่ ไอ้หนูจะจ่ายไม่จ่าย!!!”
   
“ไม่จ่ายโว้ย!!”
   
ในที่สุดผมก็หมดความอดทน สะกดให้ลุงมันคิดว่าผมยอมจ่ายให้มันแปดร้อยแต่จริงๆ คือผมจ่ายแค่ห้าร้อย ผมยัดเงินใส่มือลุงแล้วเดินหนีออกมา ดีหน่อยที่แถวนี้ไม่มีพวกวาติกัน ไม่งั้นผมคงไม่กล้าใช้พลังแวมไพร์
   
ผลั่ก
   
“โอ๊ย!”
   
ระหว่างที่ผมยุ่งกับการยัดเงินใส่กระเป๋าคืน อยู่ๆ ก็เผลอไปชนใครเข้าก็ไม่รู้จนเกือบล้ม แต่ดีหน่อยที่ไอ้คนที่โดนผมชนช่วยจับตัวผมไว้ได้ทัน
   
“เป็นอะไรไหมครับ”
   
ผมกำลังจะขอบคุณ แต่พอเห็นหน้าและคอสตูมก็ช็อคไปเลย
   
วาติกัน!!!!!
   
คือเมื่อกี้ผมมั่นใจนะว่าไม่มีพวกวาติกันอ่ะ แล้วไอ้หมอนี่มันโผล่มาจากไหนวะเนี่ย!
   
ถ้าไม่ติดว่ากลัวโดนจับได้ ผมจะร้องไห้ใส่มันแล้วแต่เพราะกลัว ผมเลยต้องคีพคาแร็คเตอร์เอาไว้
   
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณนะครับ”
   
ผมพึมพำตอบด้วยรอยยิ้มนิดๆ และแอบรู้สึกคุ้นๆ หน้าไอ้คนที่จับ แต่คิดไม่ออกว่าเหมือนใคร แบบหน้าคมๆ หน่อยๆ ตาสีเทา ซึ่งตาสีเทาแล้วเป็นพวกวาติกัน ผมก็นึกออกอยู่คนเดียว
   
ผมเบิกตากว้าง
   
หรือนี่คือดิออนที่ผมตามหา!!!!!
   
“นาย นายคือดิออนเหรอ”
   
ถึงไอ้หมอนี่จะดูหน้าเด็กไปหน่อยก็เหอะ แล้วกลิ่นก็ไม่เหมือนดิออนเท่าไหร่แล้ว แต่เวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน ยกเว้นผมตอนอายุหนึ่งร้อยปีเป็นไง ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น
   
“คุณรู้จักพี่ผมด้วยเหรอ?”
   
ซวยอีกแล้ว ครูซ ทำไมความซวยต้องเลือกน้องครูซเสมอเลยวะ
   
“ก็ ก็รู้จักอ่ะ นาย นายเป็นน้องชายของดิออนเหรอ”
   
ผมพยายามถามแม้ว่าตัวจะสั่นงึกๆ เพราะขืนเป็นน้องดิออนจริง พลังก็คงพอๆ กันอ่ะ แล้วยิ่งตอนนี้ดิออนมันเป็นหัวหน้าตระกูลไปแล้ว น้องมันจะขนาดไหนอ่ะ ผมไม่คิดว่าน้องดิออนมันจะอ่อนด๋อยเหมือนผมหรอก
   
แล้วดูรอยสักไม้กางเขนตรงแขนซ้ายมันสิ ดีนะที่มันใช้ข้างขวาจับผม ไม่อย่างนั้นผมคงจะแสบน่าดู
   
“อือ ผมชื่อเซน เป็นน้องชายดิออน คุณเคยได้ยินรึเปล่า?”
   
ผมที่แอบแกะแขนน้องดิออนออกแล้ว มายืนหน้าเครียดต่อ
   
อย่าว่าแต่พวกวาติกันเลย แวมไพร์ด้วยกันเองผมยังจำชื่อไม่ได้เลย ถ้าไม่สนิทกันจริงๆ อ่ะ และวาติกันที่ผมรู้จักคนแรก และคนเดียวก็คือดิออนนั่นแหละ
   
ผมพยายามปั้นหน้าปกติ แม้ว่าจะหลังจะชุ่มไปด้วยเหงื่อ ตอนที่น้องดิออนมันก้มมองเสื้อผมแล้วเลิกคิ้ว
   
“คุณเป็นแฟนคลับวาติกันเหรอ?”
   
“ใช่ ผมชอบวาติกันมาก”
   
ชอบก็บ้าแล้วจ้า วาติกันคนเดียวคือผมชอบคือดิออนโว้ย ถ้ามีเสื้อ I LOVE ดิออน ผมจะซื้อมาใส่แทนไอ้เสื้อบ้านี่เลย
   
“แปลกจัง ที่คุณไม่รู้จักผม”
   
“ก็ชอบแค่ดิออนอ่ะ เลยรู้จักคนเดียว”
   
แถได้สุดยอดมาก น้องครูซจะรอดไหมนะ   
   
“แล้วถ้าคุณชอบพี่ผมจริง ทำไมคุณถึงจำหน้าพี่ผมไม่ได้ล่ะครับ”
   
อิน้องที่ตอนแรกยังยิ้มดีๆ ตอนนี้คือยิ้มเหี้ยมใส่ผมเลยครับ
   
แม่งจมูกดีกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยโว้ย ถามจริงเหอะ ว่าผมเป็นแวมไพร์ที่ดูง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ ผมว่าผมก็ปกปิดตัวตนดีแล้วนะ ก็ยังจะโป๊ะแตกอีก
   
ผมขมวดคิ้วแล้วหลบดาบของเซนที่ชักออกมาจ้วงผมในเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที ซึ่งไอ้น้องนี่ก็ดุเหลือเกิน พอเห็นผมหนีหน่อยมันก็ไล่แทงยับเหมือนโกรธแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
   
“หยุดแทงได้แล้ว! ผมชอบดิออนจริงๆ นะ แล้วผมก็มาอย่างสันติด้วย!!!”
   
ผมรีบคืนร่างเป็นแวมไพร์แล้วบินหนีวิถีดาบมัน แล้วเท้าเอวบ่นมันจากข้างบน น้องครูซไม่เข้าใจ ทำไมวาติกันต้องโหดร้ายกับแวมไพร์นิสัยดีอย่างผมด้วย
   
“มันก็เรื่องของแกสิวะ!”
   
ไอ้น้องมันดูหงุดหงิดทันทีพอเห็นดาบแทงไม่โดนผม สักพักพอมันได้สติมันก็ห้อยดาบไว้ที่เอว แล้วหยิบปืนที่ห้อยอยู่ข้างเอวมาไล่ยิงผมแทน!
   
ปัง! ปัง! ปัง!
   
กี้!!!!!!!!
   
ผมรีบกลับร่างค้างคาวเลยพอเจอปืน หัวใจแทบวายตอนที่ลูกกระสุนเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา โกรธอะไรขนาดนั้นวะ คำถาม นี้ถ้าผมไม่ผ่านหลักสูตรพ่อมา ผมคงตายตั้งแต่นานแล้ว!
   
กี้ๆๆๆ
   
ผมด่ามันภาษาค้างคาวแล้วบินหนี คุยไม่รู้เรื่องก็ไม่คุย รำคาญ
   
ปัง!
   
“อย่าหนีสิวะ!”
   
แล้วใครมันจะไปอยู่ให้โดนฆ่าวะ!

ผมคืนร่างกลับเป็นแวมไพร์ตอนที่เจอกลุ่มวาติกันกลุ่มหนึ่งที่น่าจะเป็นลูกกระจ็อกของน้องดิออนมัน ผมอาศัยจังหวะในช่วงก่อนที่มันจะยิงผมในการสะกดพวกมันให้ทิ้งปืน แล้วไปถ่วงเวลาเซนเอาไว้

“ปล่อย!!”

น้องเซนโวยวายทันทีที่ถูกพวกเดียวกันเองจับตัวเอาไว้ ซึ่งผมก่อนจะบินไปหาดิออนก็อดไม่ได้จะทิ้งท้ายให้น้องมัน

“ก็บอกแล้วไงว่ามาอย่างสันติ!”

ผมหัวเราะตอนเห็นสีหน้าบอกบุญไม่รับของเซน คือเอาจริง ผมสามารถสะกดให้พวกวาติกันพวกนี้มันยิงเซนได้เลยนะ แต่ผมทำไม่ลงหรอก ผมไม่ใช่พวกโกสต์ที่สามารถฆ่าคนหรือวาติกันได้แบบไม่รู้สึกอะไร ถึงผมจะเคยเกือบโดนพวกวาติกันปิ้งกินก็เถอะนะ

“..!”

ผมสะดุ้งทันทีเมื่อได้กลิ่นเลือดของดิออนชัดเจนกว่าเดิม พร้อมๆ กับพลังแวมไพร์แกร่งกล้าของน้องชายที่ปะทุออกมาจนผมรู้สึกได้

ไม่มีเวลาเล่นแล้วสินะ

ผมรีบบินไปตามกลิ่นของดิออนทันที แน่นอนว่าเพื่อความปลอดภัยในชีวิต ผมคืนร่างกลับเป็นค้างคาวตัวจิ๋ว จะได้ไม่เตะตามาก ผมบินไปได้สักพักก็เห็นคนตีกันไม่หยุดสองคนตรงกลางป่า ซึ่งก็แปลกมากที่แถวนี้ไม่มีพวกวาติกันคนอื่นๆ มาช่วยรุมน้องชายผม

เคร้ง!!

“แกเอาพี่ครูซไปไว้ไหน!!!”

ผมที่ยังอยู่ในร่างค้างคาวสะดุ้งตอนได้ยินชื่อตัวเอง และตกใจยิ่งกว่าตอนที่น้องแทงมีดสั้นไปที่คอของดิออน แล้วดิออนใช้ดาบสกัดเอาไว้ทัน ก่อนที่จะโยนขวดน้ำมนต์ใส่น้องผมแล้วใช้ปืนยิงให้มันแตกราดตัว

ซ่า!!

น้ำมนต์ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้พัฒนาสูตรไปถึงสูตรไหนแล้ว อาบตัวน้องผมจนเปียกซึ่งน้องผมก็แสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาอย่างเห็นได้ชัด และเผลอหยุดชะงักการเคลื่อนไหวไป

จนเปิดโอกาสให้ดิออนใช้ดาบแทงน้องผม!

“ไม่!!!!!!”

ผมร้องลั่น ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองพุ่งเข้าไปหาน้องในพริบตาได้ยังไง รู้ตัวอีกทีก็คือผมเอาทั้งตัวบังน้องเอาไว้ แต่ก็ดูเหมือนว่าผมจะหยุดมันได้ไม่ทันอยู่ดี

ฉึก..

ผมมองใบหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดของดิออนอย่างไม่เชื่อสายตา

ดิออนแทงผม..?

=======

 :m29:

#ห้ามปิ้งค้างคาว



   
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 10/6/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 10-06-2019 21:27:17
 :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 10/6/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ืืnanana21 ที่ 10-06-2019 21:30:58
จะเอาตอนต่อไปๆๆๆ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 10/6/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 10-06-2019 21:46:16
ปิ้งคนเขียนแทนน้องครูซได้ไหมคะ หยอกๆ

ดิออนค่าตัวแพงจังเลย >___<
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 10/6/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-06-2019 22:54:18
เป็นการกลับมาเจอกันอีกที่ไม่ดีเท่าไหร่เลย
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 10/6/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: NormalVee ที่ 10-06-2019 23:14:47
อย่ามีดราม่าอะไรเลยน้าาา :hao5:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 10/6/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 10-06-2019 23:35:05
 o22 o22
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 10/6/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-06-2019 23:14:59
มาต่อแบบให้ค้างมากอ่ะ!
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 10/6/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 12-06-2019 02:12:55
แม่จ๋า ค้างมาก น้องครูซซซซซซซซซซ  :sad4:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 10/6/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 14-06-2019 03:04:16
ค้างอ่ะ ต้องการตอนต่อไปอย่างด่วน.........
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 10/6/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 14-06-2019 13:03:19
น้องงงงงง อยากเป็นอะไรน้าาาา
 :sad4:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 10/6/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 14-06-2019 19:48:59
โอยยยย เป็นการกลับมาเจอกันที่น่าตกใจไปนิดนะเนี่ย
หวังว่าน้องครูซจะไม่เป็นอะไรมากนะ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 10/6/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-06-2019 21:34:12
โดนแทงหรอครูซ ไม่น๊าาา
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 10/6/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: NaunaeZaa ที่ 14-06-2019 22:56:13
ไม่นะ น้องครูซซซ :hao5:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 10/6/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 19-06-2019 18:10:17
ดิออน!!! จพครูซไม่ได้หรอ?
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 10/6/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 19-06-2019 20:17:32
 :a5: :a5:ม๊ายยยยย
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 10/6/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: chompoo1997 ที่ 25-06-2019 04:56:59
ยังคงรอแบบใจจดใจจ่อฮือออ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 10/6/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: tonyongw ที่ 01-07-2019 14:49:06
แงงงง ดิออนจำครูซได้ไหมมมมมม แล้วเป็นผู้นำตระกูลแถมยังออกจัดเทศกาลอีกกกก น้องครูซจะปลอดภัยไหมเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 3/7/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 03-07-2019 18:26:12
VAMPIRE PROBLEM ;w; #10
   
   
“..ดิออน”
   
ผมเรียกดิออนเสียงเครือ รู้สึกถึงน้ำตาที่คลอเบ้าก่อนจะเจ็บท้องซะอีก
   
“พี่ครูซ!!!”
   
แต่ดูเหมือนคนที่ตกใจกว่าผมก็คือน้องชายผมเนี่ยแหละ ร้องลั่นจนหูผมแทบแตก
   
ส่วนผมเหรอ
   
“…อึก”
   
จะร้องไห้ยังร้องไม่ออกเลย แงงงง
   
ผมน้ำตาแตกตอนที่เห็นเลือดพุ่งจากท้องตัวเองยังกับน้ำพุ เพราะไม่คิดไม่ฝันมาก่อนจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับน้องครูซ แวมไพร์ที่รักโลกและโลกรักอย่างผม เจ็บตัวมากสุดที่เคยโดนคือประตูหนีบตอนร่างค้างคาวนะ!   
   
ผมเอามือกุมท้องตัวเอง แต่ก็เหมือนจะไม่ช่วยอะไร เลือดยังทะลักอาบมือผม จนผมอดคิดไม่ได้ว่า ผมต้องกินเลือดเหยื่ออีกกี่คนถึงจะพอ
   
“..บ้าเอ๊ย”
   
ผมได้ยินดิออนสบถ ก่อนที่มันจะดึงมีดออกให้เลือดผมทะลักมากกว่าเดิม
   
“แก!!!”
   
น้องชายผมคำรามเสียงดังลั่น ทำท่าจะพุ่งเข้าไปฟัดกับดิออนอีก แน่นอนว่าผมไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่ๆ จึงใช้แรงทั้งหมดของตัวเองที่เหลืออยู่น้อยนิดในการกระชากคอเสื้อแม็กซ์เอาไว้
   
“ไม่เอา แม็กซ์” ผมพูดเสียงสั่น พยายามประคองสติตัวเอง “กลับบ้านไปซะ”
   
“ไม่มีทาง!” แม็กซ์ตะคอกใส่ผม ตาแดงก่ำกว่าเดิมด้วยความโกรธ “มันทำพี่ขนาดนี้ ผมจะยอมได้ยังไง!!”
   
“ฟังพี่”
   
ผมพูดเสียงเข้ม จ้องตาน้องชายตัวเองนิ่งด้วยสีหน้าเย็นชา
   
นี่อาจจะเป็นครั้งแรกเลยก็ได้มั้ง ที่ผมทำตัวแบบพี่ชายจริงๆ ให้น้องเห็น
   
“กลับบ้านซะ”
   
“…”
   
แม็กซ์ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรอีก แต่ก็ไม่กล้าพูด เพราะผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
   
“ตามหาพี่ไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ก็เจอแล้ว ตอนนี้นายก็กลับบ้านไปซะ”
   
“..แต่”
   
“ไป!!!”
   
ผมตะคอกใส่น้อง แล้วใช้พลังแวมไพร์บังคับให้น้องกลับร่างค้างคาว ซึ่งปกติพลังผมก็ไม่สามารถบังคับน้องได้หรอก แต่ดูเหมือนว่าน้ำมนต์บ้าๆ ของพวกวาติกันทำน้องผมเจ็บตัวพอตัว เพราะน้องผมคงร่างแวมไพร์ไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
   
แม็กซ์ในร่างค้างคาวพยายามจะโวยวาย แต่สุดท้ายก็แพ้ให้กับพลังแวมไพร์ของผมที่ผมสะกดให้น้องกลับบ้านโดยมีสมุนค้างคาวตัวจิ๋วของผมทั้งสามตัวช่วยประคองกลับไป
   
กี้ๆๆ
   
น้องด่าผมไม่หยุด แต่ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เพราะแค่ยืนตอนนี้ผมยังยืนแทบไม่ไหวเลย
   
“..ใจร้ายจังนะ”
   
ผมหัวเราะแผ่วๆ ตอนที่เห็นดิออนเดินเข้ามาใกล้ และเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่เคยเตะตาผมในระยะตั้งแต่สามร้อยเมตรด้วยความชื่นชม
   
ยังหล่อเหมือนเดิมแฮะ แต่มันดูโตขึ้นมากๆ ดูโตกว่าผมที่อายุสามสี่ร้อยปีอีก แต่ที่โดดเด่นไปกว่านั้นคือชุดนักบวชวาติกันสีดำของมันใส่แล้วหล่อมาก
   
“..จะบังน้องนายทำไม”
   
ดิออนก้มมองผม สีหน้าดูเฉยชาจนผมอดรู้สึกเจ็บลึกๆ ไม่ได้
   
มันหลอกผมเหรอ?
   
“ถ้าจะมีใครสักคนในสมาคมตาย ให้ผมตายเองยังดีกว่า”
   
ผมหัวเราะเสียงแผ่ว หลับตายอมจำนนต่อหัวหน้าวาติกันร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาใกล้
   
มันจบแล้วสินะ ชีวิตค้างคาวไร้สาระไปวันๆ ของผม
   
จุ๊บ
   
“…?”
   
ผมลืมตามองมันอย่างงุนงง ตอนที่ถูกจูบเบาๆ ที่ริมฝีปาก ก่อนที่จะตกใจกว่านั้นไปอีกก็ตอนที่ดิออนรวบเอวผมขึ้นอุ้ม แล้วพาผมหนีไปที่ไหนสักที่
   
“จะพาผมไปฆ่าหมกป่าเหรอ”
   
ผมน้ำตาแตกตอนที่ดิออนพาเข้าไปหลบในกระท่อมอะไรไม่รู้ ถึงมันจะจุ๊บให้ผมตายใจ แต่ผมก็ไม่ตายใจหรอกนะ! ผมร้องไห้งอแงไม่หยุดตอนที่ถูกมันวางบนแคร่ แล้วบนพื้นมีขวานเก่าๆ ที่น่ากลัวมากวางอยู่
   
ฮึก ถึงมันจะเหมือนจะฉากลูกสาวกำนันโดนโจรลักพาตัวมา แต่ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกดิออนทำมิดิมิร้ายหรอก มันต้องเอาผมมาสับกินแล้วปิ้งกินแน่ๆ เลยอ่ะ แงงงง
   
“แงงง ไหนบอกว่าวาติกันไม่กินค้างคาวไง”
   
ผมยกมือขึ้นปิดตา ไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว ทำไมทุกคนต้องใจร้ายกับน้องครูซด้วย!
   
“กินบ้าอะไร ลืมตาได้แล้ว”
   
ดิออนแงะมือผมออก แล้วรวบตัวผมมานั่งบนตักมัน ก่อนที่ใช้แรงมหาศาลของมันรั้งคอผม จนหน้าผมแทบจะเป็นเนื้อเดียวกับคอมัน
   
“กินซะ”
   
“เอ๋?”
   
ผมครางในลำคองงๆ แต่สัญชาตญาณแวมไพร์ของผมก็ทำให้ผมงับคอมันไปแล้วเรียบร้อย
   
อร่อย.. นี่แหละเลือดที่ผมตามหามานาน!
   
ผมหลับพริ้ม เผลอฝังเขี้ยวลงไปในคอดิออนลึกกว่าเดิม กลืนเลือดอุ่นๆ ของมันไม่หยุด ซึ่งผมก็ไม่รู้ตัวสักนิดว่าตัวเองถูกดิออนลูบหัวเบาๆ อยู่
   
กินไปสักพักใหญ่ๆ จนอาการเจ็บแผลที่ท้องผมทุเลาลง ผมก็ผละออกโดยไม่ลืมที่จะเลียเก็บเลือดที่เลอะเทอะตามคอดิออนให้อย่างมีมารยาท
   
จากที่เจ็บเหมือนจะตาย ตอนนี้คือผมสดชื่นมาก บอกตามตรงว่าเลือดของพวกสายเลือดบริสุทธิ์นี่ควรจะเป็นโอท็อปของพวกวาติกันส่งขายให้แวมไพร์อ่ะ รับรองว่ารวยเละ
   
“หายเจ็บรึยัง”
   
“อื้อ”
   
ผมหน้าแดงนิดๆ ตอนที่ได้ยินดิออนถามผมเสียงนุ่ม คือไม่ได้เจอมันนาน ผมก็คิดถึงอ่ะ ผมซุกตัวกับตัวของมันที่ดูเหมือนจะใหญ่ขึ้นกว่ารอบล่าสุดที่เจอกันมาก จนผมไม่แน่ใจว่ามันได้ตำแหน่งผู้นำตระกูลหรือนักเพาะกายระดับชาติกันแน่ ถึงได้ตัวบึ๊กขนาดนี้
   
หรือจริงๆ เป็นผมเองที่ตัวเล็กเกินไปก็ไม่รู้
   
“ว่าแต่ นายอายุเท่าไหร่แล้วอ่ะ”
   
ผมถามดิออนด้วยความอยากรู้ เรื่องนี้คาใจผมมานานแล้ว
   
“สามสิบห้า”
   
ผมตาโตทันที เพราะล่าสุดที่เจอกันดิออนอายุประมาณยี่สิบเอ็ดยี่สิบสอง นี่ผมไม่ได้เจอมันมาเป็นสิบปีเลยเหรอ! นี่มันจะไวเกินไปแล้ว ทั้งๆ ที่ผมรู้สึกว่าผ่านไปไม่กี่ปีเองตอนอยู่ในสมาคม
   
ก็อย่างว่าละนะ พวกแวมไพร์อย่างผมมันอายุยืนเกิน เวลาเลยไม่ค่อยเป็นเรื่องสำคัญกับชีวิตสักเท่าไหร่
   
“..นายเพิ่งหนีออกมาได้ปีนี้เหรอ”
   
ผมครางฮื่อตอนที่ดิออนมาจูบต้นคอผมบ้าง อีกทั้งยังแกล้งกัดเบาๆ ให้ผมสะดุ้งเล่นอีก และแน่นอน แวมไพร์ใจง่ายอย่างผมไม่คิดจะขัดขืนหรอก อย่าลืมสิว่าผมคิดถึงดิออนจะตายชัก
   
ผมขยับตัวเอาแขนคล้องคอกับดิออน แล้วประคองหน้ามันขึ้นมาจูบ ซึ่งมันก็ตอบรับผมอย่างดี จูบผมแรงจนผมรู้สึกเจ็บปาก
   
“..อื้อ ผมเพิ่งได้ใบอนุญาตน่ะ”
   
ผมขยำเสื้อนักบวชสีดำของมันจนยับยู่ยี่และหอบแฮ่ก ให้ตายเหอะ ถ้าพ่อมาเห็นผมสภาพนี้ ผมต้องโดนพ่อปิ้งแน่ๆ เลย ก่อนที่ผมจะสะดุ้งตอนที่ถูกมืออุ่นๆ ของดิออนลูบหน้าท้องผมที่ตอนนี้กลับมาเนียนเหมือนเดิมแล้ว
   
“ยังเจ็บอยู่ไหม”
   
“นิดหน่อย”
   
ถึงการเป็นแวมไพร์จะมีข้อเสียมากมาย แต่ก็มีข้อดีมากมายเหมือนกัน เพราะพวกแวมไพร์อย่างผมถ้าได้เลือดดีๆ อย่างดิออนมากิน ร่างกายจะฟื้นฟูไวมาก หน้าท้องผมตอนนี้เลยเรียบเนียนสุดๆ
   
“จริงๆ นายไม่ต้องบังน้องนายด้วยซ้ำ”
   
ดิออนใช้นิ้วเช็ดเบ้าตาผมที่ยังมีน้ำตาคลออยู่นิดๆ
   
“ไม่บังได้ไง นั้นน้องผมนะ!”
   
ผมโวยวายใส่ดิออนที่ขมวดคิ้วใส่ผม
   
“ก็ฉันไม่ได้จะแทงน้องนายจริงๆ ซะหน่อย”
   
“ไม่แทงบ้าอะไร ท้องผมเป็นรูเลย!”
   
ให้เกียรติเลือดผมที่ทะลักออกมาหน่อยเถอะ
   
“ก็ไม่ได้จะแทงจริงๆ ฉันแค่จะใช้จังหวะที่น้องนายหลบ สาดน้ำมนต์ใส่อีกรอบ ก็แค่นั้นแหละ”
   
ถามจริงนี่น้ำมนต์หรือน้ำวันสงกรานต์ ถึงได้สาดเอาๆ แบบนี้
   
ผมขมวดคิ้ว รู้สึกไม่พอใจนัก แต่ก็เอาเหอะ ถ้าดิออนไม่ได้คิดจะฆ่าน้องชายผมก็แล้วไป ค่อยคุยกันได้หน่อย
   
“อื้อ เดี๋ยวก่อน ดิออน คุย คุยกันก่อน!”
   
ผมดันหน้าดิออนที่เข้ามาไซร้คอออกมา เพื่อพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยกันก่อน จริงๆ ผมก็ไม่มีปัญหากับการที่มันจะนอนกับผมหรอก แต่ที่ผมมีปัญหาคือผมต้องเคลียร์เรื่อง ‘เทศกาลล่าปีศาจ’ ที่มันจัดก่อน!
   
ขืนไม่รีบคุยเรื่องนี้ พ่อผมคงได้แห่แวมไพร์ในสมาคมมาช่วยผมกันพอดี เพราะน้องผมก็คงจะถึงสมาคมเร็วๆ นี้
   
“อะไร”
   
มันพูดเสียงขุ่น สีหน้าหงุดหงิดสุดๆ แต่ที่หงุดหงิดกว่าคงจะเป็นอะไรแข็งๆ ที่แทงก้นผมเนี่ยแหละ
   
“นายจัดเทศกาลนี่ทำไมอ่ะ รู้ไหมว่าผมเคยเกือบโดนปิ้งด้วย!”
   
เทศกาลป่าเถื่อนนี่สมควรยกเลิกไปได้แล้วบอกตามตรง ขนาดเทศกาลล่ามนุษย์ที่พวกแวมไพร์เคยจัดกันมาเป็นร้อยๆ ปี ยังถูกสมาคมยกเลิกให้เข้ากับยุคสมัยเลยนะ!
   
“เขาสั่งให้จัดก็ต้องจัดสิ”
   
ดิออนมันกัดนิ้วผมเบาๆ ก่อนที่จะผลักผมให้ไปนอนบนแคร่ ส่วนมันก็ตามมาขึ้นคร่อมผม ซึ่งตัวของมันก็ใหญ่มากจนผมมองอะไรแทบไม่เห็นเลย
   
“ไม่จัดไม่ได้เหรอ ผมไม่อยากให้มีใครตายนะ”
   
ผมซึ่งเป็นแวมไพร์ที่รักสันติที่สุด พยายามไกล่เกลี่ยให้กับชาวไม่ใช่มนุษย์ทุกคน
   
“มันเป็นมติของตระกูล ฉันจะไปทำอะไรได้”
   
ดิออนหัวเราะเสียงแผ่ว แววตาดูเศร้าลงนิดๆ
   
“ต่อให้ฉันเป็นผู้นำแล้วก็จริง แต่คนที่คุมจริงๆ ก็คือพวกผู้อาวุโสในตระกูลอยู่ดี”
   
“แย่จัง ผมกะว่าจะให้ดิออนเป็นคนเซ็นสัญญาสงบศึกให้กับสมาคมสักหน่อย” ผมหัวเราะแล้วลูบหน้าดิออนที่ถึงจะดูอายุมากขึ้น แต่ก็ยังดูดีอยู่ดี หนำซ้ำยังทำให้มันดูสุขุมขึ้นด้วย
   
ผมขมวดคิ้วตอนที่นึกถึงคำว่าอายุมากขึ้น
   
จริงสิ ผมลืมไปเลยว่าดิออนเป็นมนุษย์นี่นา งั้นก็แปลว่าดิออนก็อาจจะหัวล้านแล้วก็รอยตีนกาขึ้นก่อนผมน่ะสิ แล้วไอ้ฝันร้ายบ้าๆ แบบวันนั้นก็จะเกิดขึ้นจริง
   
ถึงตอนนั้นผมคงได้กอดดิออนพร้อมกับเสียงกร็อบๆๆ แน่เลยอ่ะ
   
แค่คิดผมก็รับไม่ได้แล้วอ่ะ แงงงงงงง
   
“เป็นอะไร”
   
ดิออนถามผมงงๆ เพราะอยู่ดีๆ ผมก็หงอย ไม่ดี้ด้าเหมือนปกติ
   
“นายเป็นมนุษย์อ่ะ” พอนึกถึงเรื่องนี้ผมก็ซึมเลย “อีกไม่นาน นายก็คงจะแก่แล้วก็ตาย”
   
ให้ตายสิ ผมชักจะเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกคนในสมาคมถึงได้จริงจังกับกฎสามข้อของเหลือเกิน
   
ถึงผมจะยังไม่ถึงกับรักดิออนก็เถอะ แต่ผมก็โคตรชอบดิออนเลย แค่คิดว่าอีกไม่นานจะไม่มีดิออนให้ผมเล่นด้วย ผมก็จะร้องไห้แล้ว
   
ชีวิตแวมไพร์มันยาวนานจนน่าเบื่ออ่ะ
   
ไม่งั้นผมจะออกมาเล่นนอกสมาคมบ่อยๆ ทำไม เพราะในนั้นก็ไม่มีอะไรให้ทำ นอกจากทำภารกิจ ติดต่อนู่นนี่นั่น กับสืบทอดพิธีกรรมโบราณๆ ของพวกแวมไพร์ แต่ที่โดดเด่นที่สุดในช่วงนี้คงจะเป็นการลงทุนเรื่องทำครีมกันแดดที่จริงจังมาก จนผมไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วเป็นสมาคมแวมไพร์ หรือบริษัทครีมกันแดดกันแน่
   
“ก็จริง”   
   
ดิออนมันพยักหน้ายอมรับง่ายๆ
   
“งั้นเป็นแวมไพร์ไหม” ผมยิ้มเผล่ใส่ดิออน พยายามขายสุดๆ “นอกจากจะหน้าเด็กแล้ว ยังบินได้ด้วยนะ!”
   
“สำหรับนาย แวมไพร์คืออะไรกันแน่เนี่ย” ดิออนหลุดขำ แล้วลูบหัวผม
   
ผมหน้ายู่ “เป็นแวมไพร์สนุกนะ ไม่อยากใช้บ้างหรอ พลังแวมไพร์อ่ะ ตอนเด็กๆ ตอนที่ผมรู้ว่าตัวเองแปลงร่างเป็นค้างคาวได้ ผมตื่นเต้นสุดๆ ไปเลย!”
   
ถึงการแปลงเป็นค้างคาวครั้งแรกของผมจะทำให้ผมโดนประตูหนีบก็เถอะ แต่ยังไงซะ มันก็มีเรื่องสนุกๆ ให้ทำเยอะแยะเต็มไปหมด เสียแต่ว่าผมทำเรื่องสนุกพวกนั้นไปหมดแล้วเนี่ยแหละ หลังๆ เลยว่างเกินไม่รู้จะทำอะไร
   
“ฉันเป็นวาติกันนะ ถ้านายยังไม่ลืม”
   
ดิออนมองหน้าผม แล้วรั้งมือผมไปถอดชุดมัน ผมพยายามดึงมือตัวเองออก เพราะจำได้ว่ามันห้อยไม้กางเขนเงินเอาไว้ และผมก็ยังไม่อยากแสบมือด้วย
   
“นายเลิกห้อยไม้กางเขนแล้วเหรอ”
   
ผมถามมันตอนที่ถอดเสื้อมันสำเร็จแล้ว แต่ไม่เจออะไรเลยนอกจากรอยสักของพวกวาติกันที่อยู่บนหน้าอกมัน ซึ่งผมก็เคยเห็นรอยสักอันเก่ามันมาก่อน และตอนนี้ก็ดูเหมือนจะมีเพิ่มขึ้นอีกอันตรงไหปลาร้ามันที่คุ้นตาเอามากๆ เพราะมันเป็นรอยสักที่ผมเคยเจอในพวกบทเรียนของสมาคมแวมไพร์มาก่อน
   
รอยสักของพวกหัวหน้าตระกูลวาติกัน
   
ผมตอนนั้นตื่นเต้นมาก เพราะชอบลายนี้มาก เคยอยากไปลองสักดูด้วย แต่กลัวเจ็บบวกกับกลัวโดนพ่อตีเลยไม่ได้สัก
   
ตอนนี้ผมเลยห้ามมือตัวเองให้ลูบรอยสักดิออนไม่ได้เลย ถึงมันจะทำให้ผมรู้สึกแสบๆ เจ็บๆ ก็เถอะ แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าผมโคตรอยากฝังเขี้ยวทับรอยสักนี้มาก
   
ให้ตายเหอะ ถ้าผมทำจริง คงจะเป็นการหยามหน้าพวกวาติกันมาก
   
“อืม ก็เลิกห้อยตั้งแต่รู้จักแวมไพร์”
   
ดิออนมันจับมือผมที่ถูรอยสักมันจนหวยแทบจะขึ้นมาสามตัวมาจูบเบาๆ จนผมอดรู้สึกเขินไม่ได้
   
ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมยังมีวาติกันใจดีๆ แบบดิออนหลงเหลืออยู่บนโลกนี้ด้วย คือตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา ผมค่อนข้างชินกับการโดนไล่ล่าอย่างเอาเป็นเอาตายของพวกวาติกันอ่ะ ไม่ว่าวาติกันรุ่นไหนก็ป่าเถื่อนใจร้ายกับแวมไพร์รักสันติอย่างผมกันทั้งนั้น
   
“..ดิออน ผมจริงจังนะ”
   
ผมสบตากับมัน
   
“เป็นแวมไพร์เถอะ เดี๋ยวผมคุยกับพ่อเอง ถ้าพ่อไม่ยอม นายก็พาผมหนีแค่นั้นแหละ”
   
ดิออนมันกระพริบตาปริบงงๆ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
   
“ห้ามขำ! ไม่งั้นผมจะงอนจริงๆ ด้วย!”
   
มันน่าตลกตรงไหนอ่ะ ก็ผมจริงจังจริงๆ นี่นา เพราะถ้าดิออนเป็นแวมไพร์ ทุกอย่างมันจะง่ายกว่านี้มาก
   
“ก็นายพูดเหมือนฉันเป็นพวกฉุดลูกสาวกำนัลไปทำเมียเลย”
   
“ก็พ่อผมดุจริงๆ นี่นา”
   
Rrrrrrrr
   
ผมบ่นก่อนที่จะสะดุ้งเฮือกตอนได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตัวเอง ผมรีบลนลานหยิบขึ้นมาดูเลย และตกใจกว่าเดิมตอนที่รู้ว่าใครโทรมา
   
‘พ่อ’
   
โทรศัพท์รุ่นใหม่ที่น้องเพิ่งให้ผมมาพร้อมเมมเบอร์ให้สั่นไม่หยุด พร้อมกับขึ้นรูปหน้าดุๆ ที่ผมเพิ่งนินทาไป
   
“แย่แล้ว ดิออน พ่อโทรมา!!!”
   
คือพ่อกลัวติดต่อผมผ่านพลังแวมไพร์ไม่ได้ไง เลยให้เอามือถือมาด้วย สรุปคือก็ได้ติดต่อกันจริงนะ แล้วผมก็ลืมปิดเสียงโทรศัพท์ด้วย ให้ตายเหอะ
   
แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือพ่อจะเฟสไทม์มา!!! แล้วดิออนมันอยู่ตรงนี้อ่ะ!!! อีกอย่างคือผมก็อยู่ในกระต็อบอะไรไม่รู้ด้วย สรุปแล้วคือนิยายเรื่องนี้มันคือจำเลยรักจริงๆ ใช่ไหม!
   
ส่วนผมก็เป็นลูกสาวกำนันที่แอบหนีพ่อมาหาผู้ชายแน่ๆ !
   
จากบรรยากาศดีๆ ตอนนี้คือหายไปหมด ผมลนลานไม่หยุด จะไม่รับก็ไม่ได้ เดี๋ยวพ่อตามมาถึงที่ แต่ถ้ารับก็อาจจะเห็นดิออนอีก ทำยังไงดีวะเนี่ย
   
ผมผลักดิออนออก แล้วเดินวนรอบห้อง คือในกระต็อบไม่มีอะไรเลยนอกจากแคร่บ้าๆ นี่กับขวาน จะออกไปคุยข้างนอกก็เสี่ยงโดนพวกวาติกันคนอื่นจับได้อีก มีทางเดียวก็คือคุยในนี้ แต่ผมไม่รู้จะเอาดิออนไปซ่อนไว้ไหนเนี่ยแหละ
   
จะให้มันยืนอยู่หลังโทรศัพท์ก็ไม่ได้ เพราะผมรู้เลยว่าพ่อชอบรู้ทัน น่าจะให้ผมถ่ายให้ดูรอบๆ แล้วเห็นมันพอดีแน่นอน
   
ผมกลอกตาไปมาจนในที่สุดผมก็คิดออก
   
“ดิออน นายไปอยู่ใต้แคร่ก่อนไป!”
   
ผมดึงแขนดิออนที่ยังนั่งงงๆ มองหน้าผม แล้วพยายามยัดตัวใหญ่ๆ ของมันไปซ่อนใต้แคร่ จริงๆ ดิออนก็ดูเหมือนจะไม่อยากทำเท่าไหร่ แต่ก็ยอมมุดไปซ่อนใต้แคร่ตามคำขอของผม
   
จริงๆ ผมก็สงสารมันนะ แต่สถานการณ์มันฉุกเฉินจริงๆ
   
ให้ตายเหอะ เหมือนผมซ่อนชู้เลยอ่ะ
   
“ฮัลโหล พ่อ อ้าว แม็กซ์ ถึงสมาคมแล้วเหรอ”
   
ผมยิ้มจนตาหยีให้กับพ่อที่หน้าเครียดใส่โทรศัพท์ บนไหล่พ่อมีแม็กซ์ในร่างค้างคาวเกาะอยู่ด้วย
   
[ ลูกอยู่ไหน? ]
   
“ผมยังอยู่ในเขตของพวกวาติกัน แต่พ่อไม่ต้องห่วงผมนะ ผมแอบมาซ่อนตัวอยู่ รับรองพวกนั้นหาผมไม่เจอแน่นอน”
   
คือพ่อไม่ต้องห่วงผมจริงๆ อ่ะ เพราะต่อให้พวกวาติกันหาผมเจอจริง ผมก็จะซุกอยู่ในเสื้อดิออนจนกว่าจะปลอดภัย
   
[ ถ่ายรอบๆ มาหน่อย กล้องหลังนะ ]
   
นั่นไง ผมเดาผิดซะที่ไหน ถ้าผมซ่อนดิออนไว้หลังโทรศัพท์คือมีโป๊ะ จะให้มันเดินหนีกล้องเรื่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องอีก
   
“ก็ไม่มีอะไรอ่ะ พ่อ มันเป็นกระท่อมอะไรไม่รู้เฉยๆ แต่ผมว่าพวกวาติกันไม่น่าสนใจที่นี่ ก็เลยมาหลบ”
   
ผมพยายามทำตัวดี้ด้าให้พ่อเห็น ให้พ่อสบายใจว่าผมปลอดภัยจริงๆ ไม่โดนจับปิ้งแน่นอน จะว่าไปผมก็อยากให้พ่อเห็นตอนผมสู้กับพวกวาติกันเมื่อกี้นี้มาก คือพ่อมาเห็นต้องน้ำตาไหลด้วยความภูมิใจในตัวผมอย่างแน่นอน
   
พอเห็นว่าพ่อดูไม่เอะใจ ผมก็นั่งบนแคร่เหมือนเดิมเพราะเริ่มเมื่อยจากยืนนานๆ
   
“..!”
   
ผมสะดุ้งนิดๆ ตอนที่อยู่ดีๆ ถูกมือปริศนาจับข้อเท้าผมไปจูบ
   
[ ตกใจอะไร ]
   
ให้ตายเหอะ เกือบจะรอดแล้วเชียว
   
“เปล่าครับ เมื่อกี้นั่งผิดท่านิดหน่อยเลยเจ็บ”
   
ผมหัวเราะแหะๆ พยายามดึงขาตัวเองออก แต่ก็ไม่วายถูกกัดอีก จนเผลอกลืนน้ำลายเอือกกับอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ
   
คือผมรู้แหละ มันไม่ใช่เวลาเลย
   
แต่ผมโคตรอยากจะนอนกับมันเลย
   
[ งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็รีบกลับมา ]
   
พ่อผมพูดเสียงอ่อนลง
   
[ หรือจะให้พ่อส่งคนไปรับ ]
   
“ไม่เป็นไร พ่อ เดี๋ยวผมกลับเอง”
   
ผมรีบเบรกเลย แน่นอน ผมยังไม่กลับง่ายๆ หรอก อุตส่าห์ได้ออกมาแล้ว ก็ต้องเล่นก่อนสิ!
   
[ งั้นถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรมานะ แม็กซ์บอกว่าในเขตพวกวาติกันใช้พลังแวมไพร์ติดต่อกันไม่ได้ ]
   
“ครับ”
   
ผมพยักหน้าหงึกๆ รอให้พ่อวางสายไป ทุกอย่างก็กลับมาสงบสุขอีกครั้งอย่างน่าเหลือเชื่อ ให้ตายสิ ถ้ารู้ว่าได้ใบแล้วพ่อปล่อยผมขนาดนี้ ผมตั้งใจสอบไปตั้งนานแล้ว!
   
“ออกมาได้แล้ว ดิออน พ่อไปแล้วๆ ”
   
ผมขยับตัวมานั่งกลางแคร่ และหลุดหัวเราะตอนที่เห็นสภาพของดิออนที่ยับเยินมาก
   
ซึ่งมันก็ตลกมากจนผมหัวเราะไม่หยุด คือสภาพหล่อๆ ของมันหายไปหมดแล้ว หน้ามันคลุกฝุ่นมาก ตามหัวมันก็มีทั้งฝุ่นทั้งหยากไย่เต็มไปหมด ถ้าผมมองไม่ผิดเหมือนจะมีแมงมุมกระโดดอกจากตัวมันด้วย ส่วนชุดนักบวชมันยิ่งน่าสงสาร ฝุ่นเกาะทั้งแถบจนหมดราคาไปเลย
   
ให้ตายเหอะ นี่ผู้นำตระกูลวาติกันจริงอ่ะ
   
ผมขำจนปวดท้อง เพราะที่แย่ที่สุดคือสีหน้าของดิออนที่ดูปลงตกกับชีวิตมาก
   
“ถึงบอกไง ว่าให้เป็นแวมไพร์”
   
เพราะถ้ายอมตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องมาหลบแบบนี้หรอก!

=========

น้อนมาแร้ว

#ห้ามปิ้งค้างคาว
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 3/7/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 03-07-2019 20:38:12
 :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 3/7/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ืืnanana21 ที่ 03-07-2019 20:43:51
น้องคือความสดใสของโลกใบนี้
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 3/7/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-07-2019 01:00:38
ผ่านไปสิบปีแต่น้องครูซยังน่ารักเหมือนเดิมใช่ไหมดิออน
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 3/7/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 05-07-2019 20:02:59
55555 หายไปสิบกว่าปี ก็ยังมาป่วนดิออนเหมือนเดิม นั่นท่านผู้นำตระกูลนะ! ฮาาา เอ็นดู
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 3/7/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-07-2019 23:14:56
สงสารดิออนเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 3/7/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 06-07-2019 07:13:52
คิดถึงครูซ ยังแสบซนเหมือนเดิม

ดิออน ก็ยังหลงน้องเหมือนเดิม น่าเอ็นดูวว

รอติดตามค่าา
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 3/7/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-07-2019 21:49:53
จะมาเป็นลูกเขยกำนัน คงต้องยอมแล้วหล่ะดิออน
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 3/7/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 07-07-2019 12:15:31
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 3/7/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: NormalVee ที่ 15-07-2019 20:17:51
ดิออนสู้เขานะ ชนะใจลูกได้ แต่พ่อแอนด์เดอะเครือญาตินี่เกียมไม้ไว้รอฟาดแล้วววว
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 3/7/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 16-07-2019 02:20:04
แล้วงี้จะคบกันได้หรอ...........
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 9 3/7/62 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 25-07-2019 06:30:41
ดิออนจะเป็นแวมไพร์ไหมนะ จะคบกันได้ไหม พ่อตาดุ 55555
สู้ๆน้าาาาา
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 11 2/11/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 02-11-2019 23:44:40
VAMPIRE PROBLEM ;w; #11

   
“ออกมาได้แล้ว”
   
กี้! กี้!
   
ผมที่กำลังสนุกได้ที่กับการทัวร์คฤหาสน์หลังใหม่ของดิออนร้องออกมาอย่างตื่นเต้น เพราะเมื่อกี้คือแบบเป็นช่วงระทึกขวัญของชีวิตมาก พวกวาติกันยืนสังสรรค์กันเต็มลานไปหมด น่ากลัวมาก แต่ดีหน่อยที่เหมือนปีนี้จะจับพวกชาวไม่ใช่คนไม่ค่อยได้ ผมเลยไม่รู้สึกผิดมาก
   
เอาจริง ผมก็อยากช่วยพวกเขาแหละ แต่เชื่อเหอะว่า ลำพังแค่ตัวเองผมก็แทบจะเอาตัวไม่รอดละ อย่าให้ไปช่วยใครอีกเลยจะดีกว่า เดี๋ยวจะหนักกว่าเดิม
   
ผมคิดก่อนที่จะมุดตัวออกจากเสื้อดิออนที่เป็นยูนิฟอร์มของพวกวาติกัน ซึ่งมันก็อึดอัดแล้วร้อนมาก คือถ้าผมเผลอแห้งตายในนั้น ผมจะไม่แปลกใจเลยจริงๆ
   
กี้!
   
ผมบินไปเกาะบนมือดิออน และนอนแปะอยู่บนนั้นอย่างออดอ้อน
   
ให้ตายเหอะ ผมโคตรคิดถึงดิออนเลย!
   
“ขอร่างมนุษย์”
   
ดิออนยิ้มมุมปากนิดๆ ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ยอมทำตามแต่โดยดี เพราะร่างมนุษย์ของผมน่ารักกว่าร่างค้างคาวเป็นไหนๆ แถมยังจะมีความสามารถเยอะกว่าอีก เอาจริง ถ้าเมื่อกี้พ่อดิออนยังสงสัยดิออนไม่เลิกแล้วเปิดเสื้อเข้ามาเจอผม แค่เอามือตบผม ผมก็ตายละ
   
“นายไม่อยู่สังสรรค์กับพวกนั้นเหรอ”
   
ทันทีที่คืนร่างมนุษย์ผมก็ถามดิออนด้วยความอยากรู้ คือดิออนมันก็เป็นเจ้าภาพจัดงานที่ไทยด้วยไง จะไม่อยู่ยันจบงานก็น่าเกลียด แต่ที่น่าเกลียดกว่าคงจะเป็นผมที่น่าจะช็อคตายอยู่ตรงนั้น เพราะตอนใกล้จะจบงาน พวกวาติกันชอบมานับหัวกันว่าจับพวกอมนุษย์มาได้กี่ตัว ก่อนที่จะลงมือตัดหัวหรือฆ่าอย่างเลือดเย็น
   
แล้วคือผมเคยเห็นเหตุการณ์แบบนั้นมาก่อนไง ซึ่งมันก็น่ากลัวมากจนผมอยากลาออกจากการเป็นแวมไพร์เลย
   
“ไม่”
   
ดิออนตอบผมสั้นๆ แล้วก้มลงจูบผม แน่นอนว่าผมไม่ขัดขืนยอมเปิดปากให้มันเอาลิ้นเข้ามารุกรานอย่างง่ายดาย และแกล้งใช้เขี้ยวกดบนลิ้นซุกซนของมันเบาๆ เพื่อไม่ให้มันลืมว่ากำลังต่อกรกับอะไรอยู่
   
แต่ที่ผิดคาดคือ นอกจากมันจะไม่กลัวผมกินเลือดแล้ว มันยังกดหัวผมให้ผมฝังเขี้ยวลงกับลิ้นมันแรงมากกว่าเดิมจนเลือดออก ซึ่งผมก็เผลอดูดกลับตามสัญชาตญาณเพราะเลือดของดิออนอร่อยที่สุดในโลก
   
“อื้ออ”
   
ผมหลุดเสียงครางออกมาตอนที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองถูกปลดชุดออก และกำลังโดนรังแกหัวนมอย่างรุนแรง มันใช้มือที่ใหญ่ๆ จนตบผมในร่างค้างคาวให้ตายในครั้งเดียวได้บิดขยี้หัวนมผมไม่หยุดจนมันขึ้นสีแดงก่ำ
   
“เจ็บ  ดิออน ฮื่อ ผมเจ็บ”
   
ทั้งๆ ที่ปากบอกมันอย่างนั้น แต่ร่างกายของผมกลับแอ่นให้มันรังแกมากกว่าเดิม จนเหมือนมือของมันจะปรนเปรอให้กับผมได้ไม่พอ มันถึงเปลี่ยนมาเป็นปากของมันที่ครอบครองหัวนมของผมแทน
   
“..ดิออน”
   
ผมขยำผมมันแน่นหอบหายใจหนัก รู้สึกเสียวซ่านจนยืนแทบไม่อยู่ ดีหน่อยที่ดิออนแขนประคองเอวผมไว้หลวมๆ ไม่อย่างนั้นตอนนี้ผมก็คงจะลงไปกองกับพื้นแน่ๆ
   
“อืม”
   
หลังจากที่กลั่นแกล้งผมจนพอใจ ดิออนก็อุ้มผมไปไว้บนเตียงของมัน ซึ่งก็ใหญ่มากแล้วก็นุ่มมาก!! ผมเลยเผลอลืมไปสักพักว่าทำอะไรอยู่ แล้วกลิ้งไปมาบนเตียงมัน
   
คือผมว่าห้องนอนผมเว่อร์แล้วนะ เจอห้องนอนดิออนเข้าไปคือเว่อร์กว่าอีก ทุกอย่างดูหรูหรามากและถูกตกแต่งด้วยสไตล์ยุโรป แถมรอบๆ ห้องมันยังมีพวกดาบ และอุปกรณ์ฆ่าแวมไพร์อะไรไม่รู้ห้อยเต็มไปหมด
   
และแน่นอนสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยของห้องผู้นำตระกูลวาติกัน ซึ่งก็คืออาคมที่จัดการพวกแวมไพร์ตัวร้ายอย่างผม แต่ก็นะ ถ้าเป็นผมสมัยยังไม่ได้ใบ ป่านนี้ก็คงไหม้เป็นยุงโดนไม้ตียุงช็อตไปละ
   
เอาจริงถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้เก่งอะไรมากมายหรอก ที่ผมทนอาคมพวกนี้ได้แบบสบายๆ ของเพราะเลือดของดิออนนั่นแหละ
   
ว่าไปพูดถึงดิออน ผมก็เหมือนลืมอะไรไปอย่างแฮะ
   
“!!”
   
ผมยกมือขึ้นปิดปากทันทีเพื่อกลั้นเสียงร้องที่ตื่นตระหนกของตัวเอง เพราะเพิ่งรู้ตัวว่าโดนดิออนคร่อมอยู่และกำลังง่วนอยู่กับการถอดเสื้อของตัวเอง
   
“ตกใจอะไร”
   
ดิออนเลิกคิ้วถามผมงงๆ แล้วโยนเสื้อคลุมที่ยังหลงเหลือฝุ่นนั่นออก และอวดกล้ามหนาๆ ของมันที่ขึ้นให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามันแข็งแรงและสุขภาพดีขนาดไหน
   
“นายตัวใหญ่มากเลย”
   
ผมบ่นอุบแล้วก้มมองตัวเองที่ยังผอมแห้งเหมือนเดิม เหมือนแวมไพร์ขาดสารอาหาร ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะกินอะไรบำรุงตัวเองดี เห็นคนอื่นกินเลือดเหมือนกันก็ตัวใหญ่นะ ทำไมผมตัวแค่นี้อยู่คนเดียวก็ไม่รู้
   
ดิออนยิ้มนิดๆ ก่อนที่มันจะก้มลงมารังแกผมต่อ มือของมันล้วงเข้าไปในกางเกงของผมแล้วออกแรงบีบขย้ำก้นอย่างแรงจนผมเผลอหลุดครางออกมา
   
“เจ็บ”
   
ผมบ่นเบาๆ แล้วขยับตัวขึ้นไปคล้องคอมันลงมาเพื่อบังคับให้มันจูบผม
   
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผมโคตรชอบจูบของมันเลย
   
ผมหลับตาพริ้มครางในลำคอ ไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามันจะทำอะไรกับร่างกายผม เพราะผมยอมให้มันทำทุกอย่างตามใจ ยกเว้นอยู่อย่างเดียวคือจับผมปิ้ง อันนี้ห้ามเลย
   
“..ดิออน”
   
ผมผละออกมาและก้มมองกับท่อนลำใหญ่ที่ดูจะใหญ่กว่าที่ผมจินตนาการไว้มาก จนผมเผลอกลืนน้ำลายเอือกหวาดๆ
   
“อืม”
   
มันตอบผมเสียงนุ่ม ไม่ได้รีบดึงดันที่จะเอาเข้ามาแต่ใช้มันตีกับก้นจนดังแปะๆ
   
ผมหน้าร้อนผ่าว รู้สึกเขินมากจนทำอะไรไม่ถูก
   
“ผม ผมไม่ได้นอนกับมนุษย์มานานมากๆ แล้ว นาย นายช่วยเบาแรงหน่อยนะ”
   
จากความทรงจำที่ได้เต้นแมงมุมด้วยกัน ผมยังจำได้ดีเลยว่าดิออนมันแรงเยอะขนาดไหน ขนาดตอนนั้นมันยังเด็กๆ ยังแข็งแรงขนาดนั้น ถ้าโดนตอนนี้ผมไม่กระดูกหักตายเลยเรอะ
   
ฮึก เอาจริงคนที่แก่อาจจะไม่ใช่ดิออน แต่น่าจะเป็นผมเองมากกว่า แงงงง
   
“เป็นอะไรอีก”
   
มันถามผมงงๆ เพราะอยู่ๆ ผมก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
   
“ผมแก่แล้ว!”
   
“…แวมไพร์อายุอยู่ได้เป็นพันปีไม่ใช่เหรอ”
   
“ก็ใช่ แต่ผมก็รู้สึกว่าตัวเองแก่แล้วนี่นา”
   
ผมหน้ายู่ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกว่าตัวเองแก่แบบจริงจังจริงๆ
   
“นายต้องทำเบาๆ นะ ดิออน ผมไม่อยากกระดูกหัก”
   
ป็อก!
   
“โอ๊ย! ดิออน ผมจะงอนแล้วนะ!”
   
ผมกุมหน้าผากโวยวายหน้ายู่ ไม่พอใจขั้นสุด เพราะจริงจังกับเรื่องนี้มาก
   
“กระดูกนายไม่หักหรอกน่า” ดิออนตอบผมด้วยสีหน้าเหมือนระอาใจ แล้วดึงมือผมไปจูบ “และต่อให้นายอายุเท่าไหร่ ฉันก็ยังชอบนายอยู่ดี”
   
“…”
   
ผมหน้าแดงก่ำเพราะนี่น่าจะเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ดิออนบอกชอบผม หรือเคยบอกไปแล้วก็ไม่รู้ ผมจำไม่ได้ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันทำหัวใจผมเต้นแรงมาก
   
ผมเม้มปากแน่นหลบตามัน เพราะสู้สายตาของมันไม่ไหว
   
ดิออนหล่อชะมัดเลย
   
ผมไม่แปลกใจเลยสักนิดว่าทำไมวันที่เจอกันครั้งแรกผมถึงอยากได้มันนัก เอาเข้าจริง วันนั้นต่อให้ผมรู้ว่ามันเป็นวาติกัน ผมก็คงจะหาทางเต้นกับมันให้ได้อยู่ดี
   
“ดิออน”
   
ผมเรียกมันเสียงเบา
   
“อืม”
   
มันครางรับผมในลำคอและลูบหัวผม แต่ขณะที่เดียวร่างกายส่วนล่างของมันก็บดเบียดอะไรแข็งๆ เข้าที่ต้นขาผมอย่างลามก
   
“เป็นแวมไพร์เถอะนะ”
   
ผมหน้าแดงก่ำดึงมือมันมากุมและพูดด้วยสีหน้าจริงจังที่สุดในชีวิต
   
“แต่นายกำลังคุยกับผู้นำตระกูลวาติกันอยู่นะ”
   
ดิออนมันหัวเราะเบาๆ
   
“แล้วอีกอย่างถ้าฉันเป็นแวมไพร์ นายจะไปกินเลือดใคร”
   
“..จริงๆ มันก็ไม่ต้องกินเลือดก็ได้อ่ะ ถ้าผมมีคู่แล้ว”
   
ผมเขินจนไม่อยากมองหน้ามัน ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมพวกวาติกันที่รู้ดีไปหมดซะทุกเรื่อง ทำไมถึงไม่รู้เรื่องพื้นฐานพวกนี้ของแวมไพร์กัน!
   
“หมายความว่าไง”

“นายไม่รู้จริงๆ เหรอ”
   
ผมหน้ามุ่ย เริ่มเอะใจแปลกๆ พอเงยหน้ามองถึงรู้ว่าตัวเองโดนดิออนหลอกเข้าให้แล้ว และก่อนที่จะได้โวยวายอะไรก็ผวาเฮือกจิกใส่แขนดิออนตอนที่มีบางอย่างพยายามดึงดันเข้ามาข้างใน
   
“..อ๊า!”
   
ผมกัดฟันแน่นพยายามกลั้นเสียงของตัวเอง รู้สึกทั้งจุกและอึดอัด ทั้งๆ ที่มันยังเข้ามาไม่ทันหมดเลยด้วยซ้ำ แต่กลับรู้สึกคับแน่นไปหมด
   
“..ฮื่อ ช้าๆ หน่อย”
   
ผมดันอกมันออกพยายามอ้อนวอนให้มันเอาเข้ามาช้ากว่านี้ เพราะแค่นี้มันก็ทำผมเสียวจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว และด้วยขนาดมันเอง ทำให้มันไม่ต้องใช้ความพยายามมาก ผมก็หมดเรี่ยวแรงเอาได้ง่ายๆ
   
“..อยากเป็นวาติกันไหม”
   
ดิออนกระซิบถามผมข้างหู ก่อนที่มันจะจูบหลังใบหูผมเบาๆ จนผมหัวเราะคิกคักด้วยความจั๊กจี้
   
“ไม่อยาก”
   
ผมตอบโดยไม่ต้องคิด คำถามแบบนี้ก็เหมือนถามผมว่าอยากตายไหมอ่ะ คำตอบที่มันจะได้รับทันทีเลยคือไม่มีทาง
   
“..ตอนนี้ฉันก็ยังเป็นแวมไพร์ไม่ได้เหมือนกัน”
   
“มันก็ไม่เหมือนกันไหมอ่ะ เป็นวาติกันไม่เห็นดีเลย วันๆ เอาแต่จะไล่ฆ่าคนอื่น” ผมหน้ามุ่ย “เป็นแวมไพร์ดีกว่าตั้งเยอะ โอ๊ย!”
   
ผมเผลอร้องออกมาตอนที่อยู่ดีๆ ก็โดนดิออนงับคอ ก่อนที่ผมจะผวาเฮือก เพราะนอกจากมันจะแกล้งงับคอผมแล้วมันก็ยังดันส่วนที่เหลือเข้ามาในทีเดียวอีก!
   
“พอแล้ว ดิออน อย่าเพิ่งขยับนะ ฮึก ผม ผมจะตายอยู่แล้ว ดิออน!!”
   
ผมพยายามโวยวายแต่ก็ไม่ได้ผล มันเริ่มขยับเอวและกระแทกเข้ามาแบบหนักๆ แบบเหมือนเอาเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มันมีมาใช้ในสยบและลงโทษแวมไพร์อย่างผม
   
และใช่
   
มันรู้สึกเสียวเป็นบ้าเลย
   
ผมครางออกมาทุกครั้งที่มันขยับและตอกลึกเข้ามาในส่วนที่ลึกที่สุดของผม
   
ให้ตายเหอะ ถ้านี่คือการลงทัณฑ์จากวาติกัน ผมจะยอมอ้าขาให้มันจัดการทุกวันเลย!
   
“ดิออน จูบ จูบผมหน่อย”
   
ผมตอนนี้ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะคล้องคอมันลงมาจูบด้วยซ้ำ ได้แต่ขยำคอเสื้อมันแน่นเพื่อระบายความเสียวซ่านที่ดูจะมากจนผมแทบจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว
   
“ไม่”
   
ดิออนปฏิเสธผมอย่างไร้เยื่อใย ทำเอาผมหน้าบูดกำลังจะโวยวายก็เบิกตากว้างตอนที่มันโน้มหัวลงมากัดคอผมอีกรอบ และจงใจใช้เขี้ยวที่ไม่ยาวมากของมัน ลากไปตามลำคอของผมราวกับกำลังหาจุดที่ดีที่สุดในการกินเลือด
   
“จะกินเลือดผมเหรอ”
   
ผมสบตานัยน์สีเทาขุ่นของมันและถามมันเสียงเบา
   
“ใช่”
   
“แต่นาย..ยังไม่เป็นแวมไพร์..นะ”
   
ผมพยายามพูดให้เป็นประโยคแต่ก็ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะแม้แต่ตอนนี้มันก็ยังไม่หยุดขยับ  และตอนนี้ช่วงล่างของผมก็เริ่มรู้สึกชาๆ ละ
   
“ก็เป็นวาติกันที่กินเลือดแวมไพร์ไง”
   
มันหัวเราะในลำคอก่อนที่กัดพอผมจนจมเขี้ยว!
   
“อ๊า!!”
   
ผมทุบไหล่มันปั่กๆ น้ำตาแตก
   
เจ็บ!!!
   
“ดิออน! ไม่เอา มันเจ็บ”
   
ผมร้องไห้เลย ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าตัวเองจะโดนกัด ที่ผ่านมาเป็นฝ่ายกัดคนอื่นมาก่อนไง มันทำให้ผมรู้เลยว่าโดนกัดคอมันเป็นอะไรที่เจ็บมากๆๆๆ ไม่รู้ว่าดิออนทนให้ผมกัดคอบ่อยๆ ได้ไง
   
นี่มันเจ็บกว่าตอนแม่พาผมไปฉีดยาตอนเด็กๆ อีก!
   
“อย่าร้อง”
   
“ฮึก ทำไมมันเจ็บขนาดนี้อ่ะ ผม ผมคิดตลอดมาเลยนะว่ามันไม่เจ็บ”
   
หลังจากนั้นผมเหมือนปิดสวิตช์ตัวเองเลย ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเอาแรงที่ไหนมาผลักมันออก แต่ผมก็ผลักมันออกได้ และวิ่งเข้าห้องน้ำไปดูคอตัวเองในกระจกเพราะอยากรู้ว่ามันเป็นแผลใหญ่ขนาดไหน
   
“…”
   
เป็นรูเลยอ่ะ
   
ผมกระพริบตาปริบมองเลือดที่ทะลักออกจากคอตัวเองไม่หยุด และขมวดคิ้วมองคนที่ตามมาทีหลังแบบงอนๆ แต่พอกำลังจะบ่น ผมก็ต้องตกใจอีกรอบที่เห็นตาของดิออนเปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆ ก่อนที่มันจะลากลิ้นเลียแผลผมและกินเลือดที่ไหลออกมา
   
“..นาย”
   
“ก็อยากให้เป็นแวมไพร์ไม่ใช่เหรอ” ดิออนมันวางคางบนไหล่ผมและยิ้มจางๆ ใช้นัยน์ตาที่แดงเรืองรองขึ้นกว่าเดิมมองผมในกระจก ส่วนมือของมันก็ยังป้วนเปี้ยนอยู่ตรงสะโพกผมไม่ห่าง
   
“อื้อ ก็ใช่ แต่มันก็ไม่ใช่วิธีนี้ไหมอ่ะ”
   
ผมหน้าบูดงอแงใส่มัน
   
“รู้ไหมว่ากว่าแม่จะจับผมฉีดยาได้ ผมยังกลัวแทบแย่เลยนะ”
   
การเป็นแวมไพร์มีหลายวิธีมาก และวิธีที่ผมกะจะดิออนทำคือกินเลือดของพวกแวมไพร์บรรพบุรุษที่ถูกเก็บรักษาไว้ในสมาคมที่อายุหลายร้อยปี ที่เลือดแค่หยดเดียวก็สามารถเปลี่ยนแวมไพร์จากแวมไพร์ธรรมดาให้เป็นแวมไพร์ทรงพลังในพริบตา แต่วิธีนี้อาจจะยากหน่อยตรงต้องผมอาจจะใช้เวลาอ้อนพ่อ
   
“แล้วเลือดผมมันก็ไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้นด้วย”
   
คือถ้าเป็นเลือดของพวกคนต้นตระกูลกินนิดเดียวก็สามารถเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ถ้าเป็นเลือดผมคือคนละเรื่องเลย ด้วยพลังแวมไพร์ของผมที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ ดิออนกินไปก็เป็นแวมไพร์ได้แค่สองสามนาทีอ่ะ น้อยกว่าเวลาต้มมาม่าให้อืดอีก
   
“ฉันไม่กินเลือดคนอื่น” ดิออนมันจูบคอผมเบาๆ “ถ้าไม่ใช่เลือดนาย ฉันไม่กิน”
   
“แล้วเมื่อไหร่นายจะได้เป็นแวมไพร์อ่ะ”
   
ผมถอนหายใจใส่ดิออน
   
“ก็จนกว่าเลือดนายจะทำให้ฉันเป็นแวมไพร์ได้”
   
มันยิ้มพร้อมสอดนิ้วเข้ามาในตัวผมและจงใจกดย้ำๆ ตรงจุดอ่อนไหวของผม ที่ยังไงก็ไม่สามารถทำให้ผมพอใจได้เท่าของๆ มัน ผมดึงมือมันออก และหลุบตามองท่อนลำของมันที่จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีวี่แว่วท่าที่จะปลดปล่อยสักนิด ทั้งๆ ที่ผมเผลอปล่อยไปตั้งหลายรอบแล้ว
   
“น่ากลัวกว่าเขี้ยวของผมอีก” ผมกลืนน้ำลายเอือกตอนที่เห็นเส้นเลือดชัดๆ แต่ก็ไม่ลังเลที่จะสอดเข้ามาในตัวด้วยตัวเอง ซึ่งครั้งนี้ก็เอาเข้าง่ายกว่ารอบแรก แต่ก็ยังเข้ายากอยู่ดีเพราะขนาดที่ใหญ่เกินไปของมัน
   
ผมเอามือเกาะกำแพงพยายามประคองตัวเองให้ยืนให้อยู่เพื่อที่จะรับแรงกระแทกของมันที่ดูเหมือนจะแรงกว่าตอนที่อยู่บนเตียงอีก
   
“..ครูซ”
   
มันคำรามต่ำๆ ข้างหูผม มืออีกข้างของมันก็ขยี้หัวนมผมไม่หยุด จนผมแทบจะแยกประสาทไม่ออกว่าตัวเองเสียวตรงไหนกันแน่ แต่มันวูบโหวงไปหมด และทำเอาผมครางจนเสียงแหบแห้ง
   
มันทำผมอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะกระแทกแรงๆ ย้ำๆ อยู่สักพักก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงอะไรอุ่นๆ ในตัว
   
“…เสร็จแล้วเหรอ”
   
ผมหอบหายใจเหลือบมองทั้งมันทั้งตัวเองในกระจก  ถึงเห็นว่าหน้าผมหน้าแดงก่ำมันและยับเยินสุดๆ ถ้ามีคนบอกผมว่าผมเพิ่งถูกรถทับมา ผมก็เชื่อเพราะสภาพผมยับยู่ยี่มาก ผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมด แถมเสื้อผ้าแวมไพร์ผมยังขาดอีก
   
ส่วนดิออนเหรอ สภาพมันต่างกับผมลิบลับ มันดูไม่เหนื่อยเลยสักนิด ทั้งๆ ที่ผมเหนื่อยแทบตาย แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันสีหน้ามันตอนนี้โคตรหล่อเลย
   
“อืม”
   
มันตอบผมในลำคอ ก่อนที่จะดึงของมันออกเพื่อที่จะทำความสะอาดให้ผม เอาจริง ผมดูออกนะว่ามันยังไม่พอ แต่ถ้าขืนมันจับผมกินอีกรอบ ผมได้ตายคาห้องมันแน่ๆ
   
ผมที่หมดสภาพไปแล้วปล่อยให้มันอุ้มไปแช่ในอ่าง และอาบน้ำให้
   
“..เดี๋ยวผมทำเอง”
   
ผมหน้าแดงตอนที่มันพยายามล้วงเอาน้ำเหนียวข้นในตัวผมออก ซึ่งตอนนี้มันไหลอาบขาของผมจนผมรู้สึกเขินกว่าเดิม และอยากเปลี่ยนเป็นร่างค้างคาวให้รู้แล้วรู้รอด
   
ระหว่างที่ผมกำลังง่วนอยู่กับการจัดการตัวเอง ระดับน้ำก็เพิ่มขึ้นสูงเรื่อยๆ ซึ่งมันก็อุ่นและทำให้ผมรู้สึกดีมาก ผมกำลังจะเงยหน้าขึ้นจูบมันแทนคำขอบคุณ ก็ต้องตื่นเต้นกับอะไรบางอย่างที่มันเอามาใส่น้ำให้ผมซะก่อน
   
“คุณเป็ด!”
   
ผมร้องลั่น ตื่นเต้นมากกับฝูงเป็ดสีเหลืองที่ดิออนเอามาลอยน้ำให้ผมเล่น คือตอนเด็กๆ ผมชอบเล่นอะไรพวกนี้มาก และจนตอนถึงตอนนี้ก็ยังชอบอยู่ แต่ไม่ค่อยได้เล่นเพราะกลัวแม่จับได้ว่าเล่น
   
ผมก็เข้าใจแม่แหละว่าอยากให้ผมทำตัวให้สมอายุ แต่จริงๆ ผมก็ยังชอบของเล่นพวกนี้มากนี่นา
   
ผมนั่งเล่นกับฝูงเป็ดยางและปล่อยให้ดิออนอาบน้ำให้
   
“ครูซ”
   
“?” ผมไม่ได้ตอบแต่เงยหน้ามองมันที่อยู่ดีๆ ก็ทำเสียงจริงจัง
   
“นายเป็นลูกชายของลอร์ดแกร์รี่นะ”
   
“..อือ”
   
ผมพยักหน้ารับเบาๆ แต่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าดิออนพูดถึงเรื่องนี้ทำไม
   
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเลือดนายจะทำให้ฉันเป็นแวมไพร์ไม่ได้”
   
“…”
   
พอมันพูดถึงพลังแวมไพร์ของผม ผมก็ซึมเลย
   
“นายเชื่ออย่างนั้นจริงเหรอ”
   
ผมเลิกหวังว่าพลังตัวเองจะตื่นไปตั้งนานแล้วเอาจริง อย่างแม็กซ์คือเพิ่งร้อยปีพลังก็ตื่นแล้วอ่ะ ส่วนของผมเหรอง่อยเหมือนเดิม ลำพังแค่ทุกวันนี้ผมเอาตัวรอดจนสอบผ่านได้ใบมาก็ดีแค่ไหนแล้ว
   
เหมือนมันจะทนเห็นผมหงอยไม่ได้ เลยดึงมือผมขึ้นมาจูบปลอบ
   
“อืม”
   
“แล้ว ถ้าเกิดว่าพลังผมมันตื่นตอนผมอายุห้าหกร้อยปีจะทำไงอ่ะ ถึงตอนนั้นนายก็กลายเป็นกระดูกไปแล้วอ่ะ”
   
แค่จินตนาการว่าดิออนตายก่อนผม ผมก็จะร้องไห้แล้ว แงงงง
   
“พลังนายมันไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกน่า”
   
มันยิ้มมุมปากก่อนที่จะหลับตาและลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเป็นสีแดงเรืองรองที่ถึงแม้จะจางลงมากแล้ว แต่มันก็ยังหลงเหลืออยู่
   
“!!!”
   
“ระหว่างนี้นายก็หาทางเพิ่มพลังแล้วกันนะ ครูซ ส่วนฉันจะเป็นวาติกันไปพลางๆ ก่อน ช่วงนี้ยังมีอะไรที่ฉันต้องจัดการด้วยตัวเองอยู่”
   
=========

แง หายไปนาน พอดียุ่งๆ กับต้นฉบับอีกเรื่องค่ะ  :ling3:

#ห้ามปิ้งค้างคาว
   

   
   


หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 11 2/11/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ืืnanana21 ที่ 03-11-2019 05:56:03
น้องเล่นเป็ดดด
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 11 2/11/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-11-2019 08:50:45
นานมาก!
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 11 2/11/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: oily06 ที่ 03-11-2019 11:48:14
สิบกว่าปีที่รอคอย ในสุดพี่ดิออนเขาก็ได้กินค้างคาวแล้วค่ะ! น้องครูซเขาเคยน่าเอ็นดูยังไงก็ยังน่าเอ็นดูอยู่อย่างนั้น
นี่ถ้าดิออนเปลี่ยนเป็นแวมป์ในร่างอายุ35+ ก็คือแซ่บลืมมม น้องครูซจะได้ผัวร่างแดดดี้อยู่ด้วยกันไปอีกหลายร้อยปีเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 11 2/11/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: NaunaeZaa ที่ 03-11-2019 21:48:22
ไม่ได้อ่านนานเบยย แต่ยังติดตามอยู่น้า หุ่นพี่ดิออนคือแซ่บมากแม่!!
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 11 2/11/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 12-11-2019 07:28:34
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 11 2/11/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-11-2019 13:51:03
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 12 16/11/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 16-11-2019 20:20:27
VAMPIRE PROBLEM ;w; #12

   
“ตื่นได้แล้ว”
   
“..แต่ผมก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วนี่ ไม่ตื่นไม่ได้เหรอ”
   
ผมที่ตอนนี้ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มงึมงำตอบดิออนง่วงๆ ไม่ยอมแม้แต่จะลืมตาด้วยซ้ำ เพราะผมเหนื่อยจากกิจกรรมเมื่อคืนมาก ไม่รู้เหมือนกันว่าเหนื่อยอะไรนักหนา แค่ขยับตัวตอนนี้ผมยังไม่อยากทำเลย
   
“ฉันไม่อยากให้นายอยู่ที่นี่คนเดียว มันไม่ปลอดภัย”
   
ดิออนพูดพร้อมกับสอดมือเข้ามาในผ้าห่ม และช้อนตัวผมเพื่อที่จะพาผมไปอาบน้ำอีกแล้ว
   
“ฮื่อ แต่ผมง่วงนี่นา”
   
ผมงอแงแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน ซึ่งพอถึงห้องน้ำดิออนก็ค่อยๆ วางผมลงในอ่างอาบน้ำอย่างบรรจง ก่อนที่มันจะยื่นแปรงสีฟันที่บีบยาสีฟันไว้แล้วให้ผม
   
“ขอบคุณนะ”
   
ผมยิ้มให้ดิออนจนตาหยี และนั่งเท้าแขนกับอ่างอาบน้ำแปรงฟันแบบง่วงๆ ปล่อยให้ดิออนมันใช้มือใหญ่ที่ร้อนจัดนั่นถูสบู่ให้ผม
   
“อื้อ”
   
ผมเผลอครางออกมาเบาๆ ตอนที่มันจงใจให้ปลายนิ้วบดขยี้ตรงหัวนมผมที่ตอนนี้ก็ยังเป็นรอยฟันของมันอยู่ และมันก็ไวต่อสัมผัสมากๆ ด้วย
   
ผมรีบเอามือมันออก ไม่ให้มันจับและตั้งใจแปรงฟันต่อโดยเฉพาะส่วน ‘เขี้ยว’ ที่ผมหวงแหนมันเป็นพิเศษ เอาจริงตอนแปรงฟันผมก็แอบคิดถึงสมาคม เพราะนอกจากจะผลิตครีมกันแดดแวมไพร์ขายกันแล้ว ยังส่งออกแปรงสีฟันสำหรับแวมไพร์โดยเฉพาะด้วย บอกเลยว่าขายดีสุดๆ ขนาดพวกหมาป่ายังซื้อไปใช้เลย
   
ผมนั่งแปรงอยู่สักพักก็ลุกขึ้นไปบ้วนน้ำตรงอ่างล้างหน้า แล้วกลับไปแช่น้ำอุ่นให้ดิออนปรนนิบัติต่อ เอาจริงๆ ถ้าพวกวาติกันเปิดมาเห็นผมกับดิออนตอนนี้คงตกใจตาย เพราะสภาพดิออนตอนนี้ตลกมาก มันถกแขนเสื้อกับกางเกงตัวเองขึ้นเพื่อที่จะอาบน้ำให้ผมโดยเฉพาะ
   
“หิวไหม”
   
“แค่เมื่อวานผมก็อิ่มจะตายอยู่แล้ว”
   
ผมหาวหวอดฟุบตรงขอบอ่าง เพราะหลังจากมีอะไรกันเสร็จ ผมก็เผลอกินเลือดมันอีก คือถ้าตอนนั้นผมคืนกลับเป็นร่างค้างคาวคงอ้วนตุ๊บมาก บินไม่ขึ้นแน่นอน
   
“ดี”
   
มันยิ้มแล้วลูบหัวผม ก่อนที่จะมันจะพาผมขึ้นจากอ่างเพื่อที่จะเช็ดตัวให้ผม
   
จริงๆ ผมก็อยากอายบ้างนะ แต่ดิออนมันก็เห็นผมมาขนาดนี้แล้วอ่ะ จะอายก็อายไม่ทันแล้วจริงๆ เพราะผมในสภาพยับยู่ยี่เหมือนผ้าขี้ริ้วโดนทุบมันก็ยังเคยเห็นมาแล้วเลย
   
“ดิออน”
   
ผมเรียกมันตอนที่มันหันกลับไปเช็คกับตัวเองในกระจก พยายามให้กลับไปอยู่ในสภาพเดิมที่ดูสุขุมของมันซึ่งเอาเข้าจริง ผมว่าต่อให้มันไม่ใส่อะไรเลย มันก็ยังดูน่าเกรงขามกว่าผมอยู่ดีอ่ะ
   
มันมีวันฮาโลวีนปีนึง ที่ผมเคยอยากกินลูกอมมากๆ  แล้วผมก็ใช้ร่างแวมไพร์ไปหลอกเด็กกลุ่มหนึ่งและพบว่าไม่มีใครกลัวผมเลย แถมยังล้อผมว่าใส่เขี้ยวปลอมด้วย!!!
   
ถ้าไม่ติดว่ามีกฎของสมาคม ผมคงจะแปลงร่างโชว์แล้วแย่งขนมมาให้หมดเลย ให้สาสมกับที่รุมทำร้ายจิตใจแวมไพร์ที่รักสันติที่สุดในโลกอย่างผม
   
“ว่า”
   
มันเหลือบมองผมพร้อมกับเซ็ตผมของมันไปด้วย ซึ่งผมก็ต้องยอมรับเลยว่าพอมันใส่เครื่องแบบสีดำของพวกวาติกันแล้วมันโคตรหล่อเลย แล้วยิ่งมันเป็นระดับหัวหน้าตระกูลความวิจิตรตระการตาเลยมากเป็นพิเศษ เสื้อคลุมของมันถึงจะดูเหมือนเรียบๆ แต่รายละเอียดคือถี่ยิบมาก แถมยังมีช่องกระเป๋าเล็กๆ ที่เหมือนจะสามารถซุกซ่อนอาวุธได้ทุกที่ด้วย
   
“นายชอบผมจริงๆ ใช่ไหม”
   
ไม่รู้ว่าทำไมพอถามคำถามนี้ ผมกลับไม่กล้าสบตากับมันซะงั้น
   
ผมกลัวว่าตัวเองจะถูกหลอกอีก
   
“ถ้าจะฆ่าผมก็อย่าให้ผมทรมานมากนะ ผมกลัวเจ็บ”
   
และถ้าผมถูกมันหลอกจริง นี้ก็คงเป็นครั้งที่ร้อยแล้วมั้งในชีวิตผมที่โดนหลอก เอาจริง ผมก็ไม่เคยนับหรอก โดนหลอกบ่อยเกิน ก็ไม่เข้าใจตัวเองนะทำไมไม่รู้จักเข็ดสักที
   
“!”
   
ผมเบิกตากว้างเมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็พบว่ามีมีดเงินจ่ออยู่ที่ต้นคอ กลิ่นอายความศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์แผ่ออกมาอย่างชัดเจนจนผมเผลอกลืนน้ำลายเอือก เพราะรู้ว่าถ้าผมเผลอไปโดนแม้แต่นิดเดียว คอผมได้ไหม้แน่ๆ
   
“ถ้าฉันจะฆ่านาย ฉันฆ่าไปนานแล้ว ครูซ”
   
ดิออนมันพูดกับผมเสียงกระซิบ ก่อนที่มันจะเก็บมีดมันเข้าเสื้อคลุมมัน และจูบหัวผมเบาๆ เหมือนจะจูบปลอบ แต่บอกตามตรงว่าถ้ามันอยากปลอบผม คือมันก็ไม่ควรใช้มีดขู่ผมตั้งแต่แรกแบบนี้ไหมล่ะ
   
“แล้วนายชอบผมจริงๆ เหรอ”
   
ผมเงยหน้ามองมัน เพราะไม่รู้ว่าแวมไพร์ที่รักสันติและไร้สาระไปวันๆ อย่างผมมีอะไรน่าสนใจ เผลอเหยียบแล้วน่าจะตายทันทีอะไรอย่างนี้เหรอ หรือว่าร่างค้างคาวของผมมันน่ารัก
   
“แล้วทำไมถึงคิดว่าฉันชอบนายไม่ได้”
   
ดิออนขมวดคิ้ว
   
“ก็ผมกากมากนี่นา แถมยังหลอกง่ายอีก”
   
“…”
   
“ไม่เห็นจะมีอะไรน่าชอบเลย”
   
ผมพูดเสียงเบา ก่อนที่จะร้องออกมาเบาๆ ตอนที่ถูกมันรวบไปกอด หน้าของผมฝังบนอกของมันจนผมหายใจแทบไม่ออก แต่พอผมจะโวยวายก็โดนมันลูบหลังด้วยมือร้อนจัดของมัน
   
ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ ผมถึงรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ เอาเข้าจริงตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กเลย
   
“ฉันชอบนาย”
   
“…”
   
“แล้วมันก็ไม่เกี่ยวกับว่านายเก่งหรือไม่เก่งด้วย”
   
เหมือนมันจะกลัวผมคิดมาก ตอนนี้มันเลยพูดด้วยน้ำเสียงที่ใจดีกับผมมาก ขัดกับหน้าดุๆ ของมัน มันปล่อยผมออกเพื่อที่จะบังคับให้ผมสบตากับมัน
   
“เห็นแล้วก็ชอบ มันก็แค่นั้น”
   
มันยิ้มให้ผมบางๆ แล้วลูบหัวผม
   
“มั่นใจในตัวเองหน่อย ครูซ”
   
“…ฮึก”
   
ผมร้องไห้เลย คือที่ผ่านมาผมเป็นคนที่โดนเปรียบเทียบตลอดเวลาไง ปกติน้องจะโดนเทียบกับพี่ แต่ผมกากผมเลยโดนเทียบกับน้อง แล้วน้องผมนับวันก็เก่งขึ้นทุกวัน ผิดกับผมที่ทำอะไรก็ไม่เคยรอดสักอย่าง อายุขนาดนี้แล้วพลังยังนิดเดียวเอง
   
“อย่าร้อง”
   
มันเช็ดน้ำตาให้ผมเบาๆ แต่ผมยิ่งร้องหนักกว่าเดิมอีก
   
คือมันก็ต้องเข้าใจหน่อยอ่ะว่ามันเรื่องนี้มันเป็นแผลในใจผมมานานมากๆ แถมยังไม่เคยมีใครสังเกตเห็นมันด้วย เพราะผมไม่ค่อยแสดงท่าทีอะไร แต่เอาจริงผมก็ไม่อยากคิดมากเรื่องพวกนี้หรอก ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่แก้ไม่ได้อ่ะ ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย เพียงแต่ว่าพอมันมีคนมาสะกิดมันแรงๆ ผมก็เจ็บทุกทีเลย
   
เป็นแวมไพร์กากๆ บนโลกนี้มันอยู่ยากอ่ะ แถมแดดประเทศไทยยังแรงด้วย ผมไม่เผลอแห้งตายก็ดีแค่ไหนแล้ว
   
ก๊อกๆ
   
เสียงเคาะประตูข้างนอกเล่นเอาผมสะดุ้งสุดตัว เลิกร้องไห้ชั่วคราวแล้วคืนร่างเป็นค้างคาวทันทีตามสัญชาตญาณ ก่อนที่ผมจะโดนยัดเข้าไปในเสื้อดิออนอีกแล้ว
   
คือเอาจริงนะ ผมว่าจะตายเพราะขาดอากาศหายใจตายในนี้เนี่ยแหละ
   
ผมหายใจแฮ่กๆ เกาะอยู่บนเสื้อตัวในของมัน พยายามอยู่แถวกระดุมเพื่อที่จะได้แอบดูสถานการณ์ข้างนอกแก้เบื่อบ้าง เพราะอยู่ในนี้ค่อนข้างร้อนและน่าเบื่อมาก
   
ซึ่งผมก็รู้สึกว่าช่องกระดุมมันใหญ่ไป ก็เลยเจาะรูเล็กๆ แล้วเอาตาแนบเพราะอยากรู้ว่าใครมาเรียก และผมก็ได้ตาโตทันที
   
ไอ้น้องเซน!!
   
“งานพร้อมแล้ว”
   
ถึงแม้ว่าจะเป็นพี่น้องแท้ๆ กัน แต่เซนกลับแสดงท่าทีห่างเหินกับพี่ชายตัวเองอย่างเห็นได้ชัด และผมก็ดูออกด้วยว่ามันไม่ค่อยชอบพี่ตัวเอง
   
“ขอบใจ”
   
ดิออนตอบสั้นๆ แล้วก็เดินออกจากห้องทันที และผมก็ตื่นตาตื่นใจกับคฤหาสน์ของมันอีกรอบ เพราะมันใหญ่มาก มีพวกโคมระย้าด้วย ซึ่งมันก็สวยมากและแสบตามากด้วย
   
ผมมองนั่นมองนี่ไปเรื่อยๆ คือฟีลเหมือนมาเที่ยวอ่ะ เพราะมันมีไม่กี่ที่หรอกที่ผมไม่เคยไป ถ้าไม่อันตรายเกินไป ผมก็ไปมาหมดแล้วอ่ะ เท่าที่ความสามารถของตัวเองจะเอื้ออำนวย
   
แต่ดูเหมือนว่าความสนุกของผมก็ต้องจบลงตอนที่มันมาถึงประชุมที่ห้องโถงใหญ่ และมีพวกผู้นำตระกูลวาติกันจากประเทศต่างๆ ยืนเรียงรายกันเต็มไปหมด ส่วนบนพื้นนั้นมีร่างของพวกอมนุษย์ หมาป่า และปีศาจต่างๆ ที่จับกันมาได้นั้นถูกจับมัดเอาไว้อย่างแน่นหนา ส่งเสียงเซ็งเซ็งแซ่ร้องขอชีวิตกันระงม แถมมีบางส่วนที่ตายไปแล้วด้วย
   
“..!”
   
มีแวมไพร์ถูกจับมา! แถมยังเป็นแวมไพร์ในสมาคมที่ผมรู้จักอีก ถึงจะไม่ค่อยก็ได้คุยกันก็เถอะ แต่ผมก็จำได้ว่าเป็นแวมไพร์เด็กอายุไม่ถึงร้อยที่น่าจะออกไปเที่ยวข้างนอกช่วงวันฮาโลวีนพอดี แล้วน่าจะหนีกลับสมาคมไม่ทัน ซึ่งสภาพตอนนี้ก็ค่อนข้างแย่มากเหมือนจะตายได้ตลอดเวลา
   
ผมตัวสั่นงึกๆ แทบจะร้องไห้อีกรอบ เพราะไม่รู้จะทำยังไงดี เพราะผมไม่มีปัญญาช่วยแน่ๆ แถมที่ตรงนี้ยังเป็นดงวาติกันอีก บอกตามตรงว่าถ้าผมไม่ได้กินเลือดของดิออนตอนนี้ก็คงจะแห้งตายไปตั้งนานแล้ว
   
เอาจริง ผมก็อยากเรียกให้สมาคมมาช่วยนะ แต่ผมก็กลัวทำคนตายเพิ่มอ่ะ จากหนึ่งคนอาจจะเป็นสิบคนในสมาคมเลยก็ได้ แถมผมก็บอกพ่อไปแล้วด้วยว่าดูแลตัวเองได้
   
“…”
   
เป็นภาระอีกแล้วสินะ
   
ผมพยายามไม่ร้องไห้ แล้วพยายามคิดหาทางช่วย จริงๆ อยากช่วยทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ เพราะชาวไม่ใช่มนุษย์ส่วนใหญ่เขาก็เกื้อกูลกันดีอ่ะ ตอนเด็กๆ ผมหลงทางยังเคยถูกพวกมนุษย์หมาป่าพาไปส่งสมาคมเลย ใจดีมาก
   
ผมกลืนน้ำลายเอือกตอนที่ดิออนมันไปยืนตรงโพเดียมที่ยกสูงขึ้นจากพื้นปกติ และเมื่อมองลงไปก็เห็นพวกวาติกันที่มาร่วมงานไปนั่งประจำที่ของตัวเองกันแล้ว ซึ่งแต่ละประเทศก็มีสีเสื้อคลุมเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่สิ่งที่ทุกตระกูลที่มาร่วมนั้นมีเหมือนกันนั้นคือดาบศักดิ์สิทธิ์ที่หลอมจากเงินแท้และการสวดภาวนาจากนักบวชมานับร้อยคน
   
“วันนี้ก็เป็นนิมิตหมายอันดีที่ทุกท่านได้มาร่วมงานเทศกาลล่าปีศาจในวันนี้”
   
ดิออนพูดออกมาด้วยภาษากลางของพวกวาติกันซึ่งไม่ใช่ภาษาไทย แน่นอนว่าผมฟังออกเพราะในหลักสูตรการเป็นแวมไพร์เบื้องต้นบรรจุภาษาพวกวาติกันเข้าไปด้วย
   
“ผมดิออน ผู้นำตระกูลวาติกันแห่งประเทศไทยขอเป็นตัวแทนขอบคุณทุกท่านที่ได้ให้เกียรติเราจัดงานอันทรงเกียรตินี้ งานที่จะประกาศถึงแสนยานุภาพของเราชาววาติกัน วันที่วาติกันจะประกาศกร้าวต่อหน้าพวกอมนุษย์ชั้นต่ำทุกตัวว่าเรานั้นเป็นนักบุญผู้สูงศักดิ์ที่จะมาทำลายความชั่วร้ายของพวกมัน”
   
“…”
   
เอาจริงคือผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกยังไงดีที่คนพูดประโยคเหล่านี้คือดิออน มันก็พูดด้วยฐานะหน้าที่ของมันนั่นแหละ แต่ลึกๆ ผมก็อดเจ็บไม่ได้อยู่ดี เพราะตอนนั้นที่โดนจับมาผมก็เคยฟังประโยคพวกนี้มาก่อน
   
มันเจ็บปวดนะที่ถูกปฏิบัติด้วยอย่างโหดร้าย ทั้งๆ ที่ผมก็เป็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งในโลกเหมือนกันอ่ะ ทำไมถึงต้องมาแต่งตั้งตัวเองให้เป็นผู้พิทักษ์สันติภาพให้กับโลกด้วย ไอ้พวกปีศาจชั่วร้ายมันก็มีแหละ แต่ไล่ฆ่าทุกตัวมันก็ไม่ใช่ไหมอ่ะ
   
ผมยังไม่เคยฆ่าใครเลยนะ แวมไพร์ที่นั่งตรงนั้นก็ด้วย
   
การไม่ได้เป็นมนุษย์มันร้ายแรงมาก จนถึงขั้นต้องฆ่าพวกผมให้หมดเลยเหรอ
   
“เราจะชำระล้างบาปที่มันได้สร้างขึ้นมาในโลก เราจะเข่นฆ่าและทำลายมันทุกตัว เราจะคืนความบริสุทธิ์ให้กับโลกมนุษย์ด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์และจิตวิญญาณของเรา!”
   
พูดจนถึงตอนนี้มันก็เอื้อมมือไปหยิบดาบเงินที่น้องของมันประคองมาให้ และชูขึ้นไปบนฟ้า ซึ่งนอกจากมันแล้วผู้นำตระกูลคนอื่นๆ ก็ชูขึ้นมาเหมือนกันเพื่อเป็นการแสดงการยอมรับต่อคำปฏิญาณเหล่านี้ ก่อนที่มันจะฟันลงมาเพื่อเป็นการ ‘เปิด’ พิธีชำระล้างบาปอย่างเป็นทางการ
   
เสียงกรีดร้องของเหล่าปีศาจดังไม่หยุดอย่างทุกข์ทรมาน เคล้ากับคาวเลือดและความสนุกสนานคึกคักในการไล่ฆ่าเหล่าอมนุษย์บางคนที่หลุดจากพันธนการได้ พวกมันพยายามช่วยเหลือกันเอง พยายามต่อสู้โต้กลับแต่ก็ไร้ผล เพราะถ้าหากมีพลังมากพอพวกมันก็คงไม่ถูกจับมาตั้งแต่แรก
   
“…”
   
ยิ่งเห็นผมก็ยิ่งโกรธ  ผมโกรธจนร้องไห้ออกมา แต่อีกใจหนึ่งก็กลัว กลัวว่าทำดิออนเดือดร้อน เพราะลำพังถ้าผมตายคนเดียวแบบโง่ๆ ผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่หรอก แต่มีดิออนมาเกี่ยวข้องด้วยไง
   
“..ช่วยด้วย”
   
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรอยู่ๆ แวมไพร์เด็กนั่นก็หันมาทางผม แล้วพูดอออกมา
   
ชั่ววินาทีนั้นคือผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ผมรู้แค่ว่าตัวเองไม่สนใจอะไรอีก พอออกจากเสื้อดิออนได้ผมก็คืนร่างแวมไพร์ปกติในพริบตา แล้วซัดพลังใส่พวกวาติกันทุกตัวที่เข้าใกล้พวกที่ไม่ใช่คนอย่างผม
   
ผมแยกเขี้ยวออกมา นัยน์ตาของผมกลายเป็นสีแดงเรืองรองอย่างดุร้าย เพราะผมตอนนี้ค่อนข้างโกรธมาก ถึงจะรู้ว่าพลังของผมมันกากมาก แต่ผมก็พยายามปกป้องทุกคนเท่าที่จะทำได้
   
สำหรับผมไม่มีใครสมควรถูกฆ่าอย่างไร้เหตุผลทั้งนั้น!
   
“ครูซ นี่มันครูซใช่ไหม!!”
   
พวกวาติกันตะโกนกันเสียงเซ็งแซ่กันไม่หยุด ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้จักผมได้ยังไง อาจจะดูออกจากเสื้อคลุมแวมไพร์ของผมที่เป็นเครื่องแบบเฉพาะสำหรับผู้สืบทอดเลือดสายตรงจากบรรพบุรุษและค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์เตะตาพอสมควร
   
แน่นอนว่าผมไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หายไปง่ายๆ ใช้พลังแวมไพร์ของตัวเองสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมา ซึ่งผมก็คิดอะไรไม่ออกเลยสร้างพวกสิงโตออกมาสองสามตัว แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงออกมาตัวใหญ่กว่าที่ผมคิดมาก มันคำรามออกมาเสียงดังลั่นจนกระจกแตก ก่อนที่ผมจะสั่งให้ออกพวกมันโจมตีพวกวาติกันที่จะมาทำร้ายพวกปีศาจ
   
“ถอยไป!!”
   
ผมคำรามใส่วาติกันคนหนึ่งที่ทำท่าจะฆ่าแวมไพร์เด็กคนนั้น สร้างดาบจากพลังตัวเองขึ้นมาและพุ่งเข้าไปสกัดกับดาบเงินแท้ที่มันตั้งใจจะตัดคอพวกไม่ใช่คนอย่างผม
   
ฉ่า..
   
ผมมองมือตัวเองที่โดนน้ำมนต์ซึ่งถูกสาดมาจากอีกฝั่งอย่างเฉยเมย แม้ว่ามันจะกลายเป็นแผลพุพองเหมือนถูกน้ำร้อนจัดลวกก็ตาม ผมผลักวาติกันคนนั้นออก แล้วกระชากแวมไพร์เด็กที่นอนกองอยู่บนพื้นขึ้นมาและใช้พลังตัวเองบังคับให้อีกฝ่ายรีบคืนร่างค้างคาว
   
“อย่าบอกใครว่าฉันมาที่นี่”
   
ก่อนที่ผมจะส่งมันออกไปข้างนอกไกลๆ ด้วยพลังแวมไพร์ ผมก็อดกำชับไม่ได้ เพราะค่อนข้างห่วงสวัสดิภาพตัวเองหลังรอดออกไป คือถ้าพ่อจับได้ว่าผมยังเล่นอยู่ที่นี่ ผมได้โดนขังลืมอีกแน่ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่สนุกเลยสักนิด
   
กี้!
   
“จะช่วย? ตลกแล้ว ถ้านายช่วยฉันได้นายก็ไม่เกือบตายแบบนี้หรอก”
   
เพราะสถานการณ์ตอนนี้มันแย่มาก ผมเลยค่อนข้างควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ค่อยอยู่ พูดตอกกลับไปด้วยสีหน้าเย็นชา ทั้งๆ ที่ผมไม่อยากทำสักนิด
   
“จำไว้ นายไม่ต้องตามใครมาช่วยทั้งนั้น ฉันเอาตัวรอดได้ แล้วก็หุบปากซะ”
   
ผมบินหลบกระสุนห่าใหญ่ที่ถูกยิงตามขึ้นมา และใช้พลังตัวเองเกือบครึ่งในการส่งเจ้าแวมไพร์ในสมาคมนี่ไปไกลๆ จากเขตของพวกวาติกัน จนผมเผลอสมาธิหลุดไปชั่วขณะหนึ่ง
   
ปัง!
   
“…”
   
ผมก้มมองท้องตัวเองที่เป็นรูอีกแล้ว ดีหน่อยที่ไม่ใช่แผลเดิม แต่ก็เจ็บเหมือนกันอยู่ดี เพราะไอ้กระสุนเงินที่ทะลุผ่านท้องผมไปนี้ไม่แน่ใจว่าโดนพวกนักบวชสวดภาวนากี่ร้อยปี ทำไมมันถึงได้ทำผมแสบขนาดนี้
   
ผมคำรามออกมาอีกรอบ รู้สึกโกรธจัดยิ่งกว่าเดิม หอบหายใจจนตัวโยนโดยไม่สนใจเลือดที่ไหลทะลักออกมาจากท้อง ลำคอแห้งผากกระหายเลือดถึงขีดสุด ประสาทสัมผัสทั้งหมดทรงประสิทธิภาพขึ้นหลายเท่า จนผมได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจในทรวงอกของเหล่าวาติกันที่กำลังเต้นอยู่
   
และแน่นอน ผมได้กลิ่นเลือดด้วย
   
ผมเลียริมฝิปากมอง ‘เหยื่อ’ ของตัวเองอย่างหิวโหย ก่อนที่อีกสักพักจะได้สติขึ้นมาว่ามันไม่มีอะไรไม่ถูกต้อง
   
แย่แล้ว
   
“…”
   
ผมกลืนน้ำลายเอือก รู้สึกหวาดกลัวตัวเองขึ้นมา
   
ผมกำลังจะคลุ้มคลั่ง
   
ปัง! ปัง!
   
กระสุนเงินยังคงยิงอัดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งเพื่อที่จะฆ่าสิ่งมีชีวิตอัปมงคลชั่วร้ายอย่างผม แต่ผมก็หลบได้ทุกนัด และช่วยทำลายอาคมบางส่วนตรงหน้าต่างให้พวกปีศาจบางตัวหนีออกไป
   
“ฮื่ออ”
   
ผมใช้เขี้ยวกัดริมฝีปากตัวเองจนเลือดอาบ พยายามใช้ความเจ็บปวดประคับประคองสติตัวเองไม่ให้หลุด เพราะผมไม่รู้เลยว่าถ้าปล่อยให้ตัวเองคลุ้มคลั่งแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น
   
“ฆ่ามัน!!! มันกำลังจะคลุ้มคลั่งแล้ว!!!”
   
ผมไม่รู้ว่าทำไมพวกวาติกันถึงได้รู้ดีและแตกตื่นกันนัก
   
เอาเข้าจริงผมก็คลับคล้ายคลับคลาว่าตอนเด็กๆ ผมเหมือนจะเคยคลุ้มคลั่งไปรอบนึงเหมือนกัน แต่ผมก็จำอะไรไม่ได้เลย
   
“อย่าฆ่าพวกเขา”
   
ผมพยายามพูดให้เป็นประโยค แต่เสียงที่ออกมากลับฟังดูน่ากลัวและดุดันมาก ไม่เข้ากับคอนเซ็ปแวมไพร์ที่รักสันติที่สุดอย่างผมเลยสักนิด
   
“ฆ่ามัน!!! อย่าปล่อยให้พวกมันรอดไปได้!! หน้าที่ของเราคือชำระล้างบาปที่พวกมันสร้างขึ้นมา!! เราจะปล่อยให้พวกปีศาจชั่วร้ายพวกนี้สร้างบาปต่อไปไม่ได้อีก!!!”
   
แต่ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งเปล่าประโยชน์ พวกวาติกันล่ากันดุดันมากกว่าเดิม ปีศาจหลายตัวที่กำลังจะหนีรอดออกไปได้ก็ตายในพริบตา พวกที่เหลือที่เห็นว่าพวกพ้องตัวเองตายก็เลิกหนีแล้วเอาคืนพวกวาติกัน
   
“หนีไปสักทีสิวะ!”
   
ผมตะคอกเพราะมันเป็นอะไรที่เสียเวลาและเปล่าประโยชน์ที่จะมาต่อกรกับพวกวาติกันในเขตของพวกมันแบบนี้ คือเอาจริงตอนนี้ผมก็หนีได้นะ แต่อะไรบางอย่างในตัวผมมันกลับไม่ยอมให้ทำ ทั้งๆ ที่ผมอยากหนีแทบตาย
   
ให้ตายสิ
   
มันเกิดอะไรขึ้นกับแวมไพร์ที่อ่อนด๋อยและรักสันติที่สุดอย่างผมกับนะ
   
ปัง! ปัง!
   
หลบกระสุนอยู่สักพัก ผมก็พุ่งตัวเข้าไปหาวาติกันที่น่าจะเป็นผู้นำตระกูลสักประเทศในพริบตา ก่อนที่จะคว้าลำคอของมันขึ้นมาบีบแน่นและชูขึ้นมาเป็นตัวประกัน
   
“ข้าจะฆ่ามัน ถ้าพวกเจ้ายังไม่หยุด”
   
ผมพูดเสียงเย็นด้วยภาษาโบราณที่มั่นใจว่าพวกวาติกันต้องเข้าใจกันทุกคน
   
“ทุกคนหยุดก่อน เราจะปล่อยให้ท่านได้รับบาดเจ็บไม่ได้!”
   
เหล่าวาติกันจากประเทศเดียวกันที่มาด้วยกันตะโกนกันระงม แต่ก็ไร้ผลเพราะวาติกันบางส่วนก็ยังคงฮึดฮัดพยายามที่จะกำจัดตัวชั่วร้ายอย่างผมให้ได้ ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้ฆ่าใครเลยแม้แต่คนเดียว พวกที่นอนบนพื้นก็สลบด้วยฝีมือของสิงโตผมทั้งนั้น
   
“ถ้าหากเราปล่อยให้มันรอดไปอีก เราจะเสียโอกาสฆ่ามันอีกนะ!! มันจะฆ่ามนุษย์และสร้างบาปที่ไม่มีทางชดใช้ได้ให้กับเรา”
   
ทั้งๆ ที่โดนปลายกระบอกปืน ดาบ หรืออาวุธอีกนับไม่ถ้วนเล็งมาที่ตัวเอง แต่ผมกลับไม่รู้สึกกลัวสักนิด สงบนิ่งและจดจ้องไปยังพวกมัน พยายามประวิงเวลาที่ให้กับพวกปีศาจคนอื่นที่ฉวยโอกาสนี้หนีออกไป
   
ผมมองไปทั่วจนกระทั่งสายตามาหยุดที่ใครบางคน
   
ใครที่ช่วงชิงลมหายใจผมไปเมื่อคืน
   
ผมสบตากับดิออน ไม่ได้พูดอะไร เอาเข้าจริงสถานการณ์ตอนนี้ก็ค่อนข้างบ้าและแปลกประหลาดพอตัว
   
ผมกำลังยืนบีบคอมนุษย์คนหนึ่งอยู่ ต่อหน้าผู้นำตระกูลวาติกันที่เป็นคู่นอนตัวเองเมื่อคืน และปลายดาบเงินที่มันเคยชูขึ้นฟ้านั้น ตอนนี้กลับกำลังชี้หน้าผมอยู่
   
“…”
   
ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรน่ายิ้ม แต่ผมกลับยิ้มออกมา
   
แววตาของดิออนตอนนี้ว่างเปล่า เย็นชา ราวกับว่าผมกับมันไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ดาบของมันที่ไม่รู้ว่าซ่อนอาคมแบบไหนไว้ เรืองรองและมีไอสีขาวที่แผ่กลิ่นอายความศักดิ์สิทธิ์ออกมา
   
“จะฆ่าข้ารึ มนุษย์”
   
ผมหรี่ตามองมัน รู้สึกเจ็บปวดเคล้ากับความไม่แน่ใจ
   
เพราะผมไม่เคยอ่านมันออกเลยว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ ที่มันพูดกับผมเมื่อกี้ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้ เป็นแค่ประโยคส่งๆ ที่พูดออกมาแบบไม่ตั้งใจเพื่อซื้อใจแวมไพร์หน้าโง่อย่างผม
   
พอคิดแบบนี้ผมก็รู้สึกเจ็บปวดมากจนเผลอปล่อยให้สิ่งที่ผมกดเอาไว้ตลอดแย่งชิงร่างของผมไปในพริบตา
   
“ฆ่าเราซะ ดิออน เราจะปล่อยให้บาปอันหนักอึ้งนี้มีชีวิตต่อไปอีกไม่ได้!”
   
เหยื่อในมือผมก็ช่างน่าสรรเสริญในความกล้าหาญเหลือเกิน
   
ผมหัวเราะแล้วทุ่มมันลงพื้น ก่อนที่จะก้มหลบคมดาบของดิมันพร้อมๆ กับใช้มีดที่สร้างขึ้นมาจากพลังแทงมันกลับ จนเลือดมันชุ่มมีด พอๆ กับเลือดของผมที่ชุ่มดาบมัน
   
แน่นอนว่าผมไม่สนใจบาดแผลของตัวเอง สนุกสนานกับการหลบพร้อมกับเลียมีดที่ชุ่มเลือดของมันไปด้วย
   
อร่อย..
   
ผมหัวเราะออกมาไม่หยุด  กำลังจะเล่นกับมันต่อก็สัมผัสได้ถึงภัยอันตรายจากด้านหลังที่มีทั้งกระสุนทั้งน้ำมนต์
   
ชั่ววินาทีนั้นผมระเบิดพลังออกมา
   
ผมคำรามจนพวกมนุษย์ชั้นต่ำที่พลังไม่ถึงขั้นล้มไปกองกับพื้น ส่วนพวกที่ยังทนยืนได้ผมใช้พลังความมืดสร้างเฉพาะส่วนมือและบีบคอพวกมัน
   
“..พวกเจ้ากล้ากับข้าหรือมนุษย์”
   
ผมผุดยิ้มออกมาอย่างสะใจ พอจะควบคุมให้พวกมือบีบแรงขึ้นอีกก็ถูกขัดจังหวะอีกครั้งด้วยเจ้าของเลือดอร่อยๆ
   
“อย่าทำให้ข้าโกรธ.. ไม่งั้นข้าจะฆ่าเจ้า”
   
เพราะเห็นแก่เลือดอร่อยๆ ที่อีกฝ่ายมอบให้ ผมถึงยอมเล่นสนุกกับมันสักพัก ไม่ฆ่ามัน
   
“ครูซ”
   
“…”
   
ผมมองมันด้วยความงุนงงเมื่ออยู่ๆ มันก็ทิ้งดาบของตัวเอง แล้วเดินเข้ามาหาผมมือเปล่า
   
“คิดจะทำอะไรกันแน่ มนุษย์”
   
ผมเผลอถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกหวาดหวั่นกับมนุษย์ต่ำต้อยที่ไม่มีแม้แต่อาวุธที่จะทำร้ายผมด้วยซ้ำ
   
“..ครูซ”
   
“…”
   
ผมมองเจ้ามนุษย์ที่อยู่ๆ ก็คุกเข่าตรงหน้าผมด้วยความงุนงง แต่ก็ไม่กล้าคลายความระวัง เพราะไม่รู้ว่ามันเป็นลูกไม้ใหม่ๆ ของพวกมนุษย์รึเปล่า
   
“…”
   
ผมสบตากับเจ้ามนุษย์ที่ตอนนี้ไม่ได้พูดอะไร แต่แววตาที่มันมองผมกลับเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ชัดเจน
   
“..เจ้าเป็นใครกันแน่”
   
ผมรู้สึกถึงลำคอที่แห้งผาก ไม่เข้าใจว่าทำไมหัวใจถึงได้เต้นแรงนักกับมนุษย์ต่ำต้อยคนหนึ่ง
   
“วาติกันที่ชอบแวมไพร์อย่างนาย”
   
มันพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนที่จะเลียเลือดที่เลอะแขนมันพร้อมกับจ้องผมไปด้วย
   
“…คิดจะทำอะไร มนุษย์”
   
ผมขมวดคิ้วถามมันเสียงแผ่วและเบิกตากว้างตอนที่เห็นนัยน์ของมันค่อยๆ กลายเป็นสีแดงฉานแบบเดียวกับผม มันสลัดเสื้อคลุมนักบวชของมันทิ้งและถอดเสื้อมันออก จนเหลือแผ่นอกเปลือยเปล่ากับรอยสักของพวกวาติกัน
   
“เป็นเหยื่อของนาย”
   
มันยิ้มมุมปากแล้วก้มหยิบมีดเงินของใครไม่รู้ขึ้นมากรีดแขนของมัน ปล่อยให้เลือดอันล้ำค่าหยดลงบนพื้นอย่างช้าๆ และยื่นแขนมาทางผม
   
ผมไม่ได้พูดอะไรแต่ก็ยอมเดินไปหามัน เพราะค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองควบคุมสถานการณ์อยู่ ผมสะบัดมือใช้พลังแวมไพร์ในการปัดมีดของมันออก และไปหยุดยืนตรงหน้ามัน
   
ผมเมินแขนชุ่มเลือดที่มันยื่นให้ และจดจ้องไปยังลำคอของมันที่เหมือนกับว่ามีรอยกัดจางๆ เหมือนเพิ่งจะถูกกัดมาไม่นานด้วยซ้ำ
   
ผมขมวดคิ้ว
   
“เจ้าเคยถูกแวมไพร์กัดหรือ มนุษย์”
   
“อืม”
   
มันยิ้มบางและโน้มหัวลงมาเพราะผมสูงไม่ถึงคอมัน
   
“…”
   
ผมเลียเขี้ยวอย่างชั่งใจ รู้สึกงุนงงกับสถานการณ์ตอนนี้มาก แต่ความกระหายจัดก็ทำให้ผมเขย่งเท้าและรั้งคอมันลงมาอีกเพื่อฝังเขี้ยวบนลำคอมัน
   
อร่อยชะมัดเลย
   
ผมกลืนเลือดของมันลงคอ รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งไปกว่านั้นคือสัมผัสที่มันลูบหลังผมเบาๆ ก็ยิ่งทำให้ผมสงบลงมาก
   
“..อย่ากินเยอะนัก เดี๋ยวฉันจะตายก่อน”
   
มันพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นจนผมน้ำตารื้นออกมา
   
ผมจำได้แล้ว
   
“..ดิออน”
   
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 12 16/11/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 16-11-2019 20:23:17
ผมถอนเขี้ยวออกมาทันที เพราะช่วงนี้ผมกินเลือดมันไปเยอะมาก และเลือดมันก็ยังทรงประสิทธิภาพเหมือนเดิม แปปเดียวแผลบนตัวผมหายหมด ผิดกับมันที่ตอนนี้เหมือนสลับบทกับผมอ่ะ ยับยู่ยี่กว่าตอนผมโดนประตูหนีบอีก
   
“เห็นไหม นายไม่อ่อนแอ”
   
มันลูบหัวผม ทั้งๆ ที่หน้ามันซีดมาก จนผมไม่รู้ว่าระหว่างเป็นลมกับตายอะไรจะเกิดขึ้นก่อนกัน
   
ไม่ได้นะ!!! ดิออนยังไม่แก่เลยอ่ะ จะตายตั้งแต่ตอนนี้ไม่ได้!!
   
“..นายห้ามตายนะ ดิออน แต่หน้านายซีดมากเลยอ่ะ”
   
ผมลนลานมากจนพวกสิงโตที่ผมเรียกออกมาก็ลนลานเหมือนกัน จนเปิดโอกาสให้พวกวาติกันบางคนโจมตีผม
   
แน่นอนว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงจะร้องไห้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้มันไม่จำเป็นแล้ว
   
ผมเหลือบมองพวกมันแล้วใช้พลังแวมไพร์กดพวกวาติกันให้นอนลงบนพื้น และหันมาสนใจดิออนต่อ
   
“ตอนนี้เลือดนายก็น่าจะได้แล้วนะ”
   
มันมองผมยิ้มๆ
   
“…”
   
ผมกลืนน้ำลายเอือกแต่ก็ยอมพยักหน้าหงึกหงักยอมให้มันกินเลือดผม ถึงแม้ว่าผมจะกลัวเจ็บ แต่ผมก็กลัวมันตายมากกว่า ให้ตายสิ ถ้าเลือดดิออนเป็นน้ำตาลตอนนี้ผมก็คงเป็นเบาหวานล่ะอ่ะ กินเยอะเกิน
   
“ฆ่ามันซะ ดิออน!!!”
   
“…”
   
ผมเหลือบมองดิออนสลับกับพ่อดิออนที่ตอนนี้พยายามตะเกียกตะกายให้หลุดจากพันธนการของผม ใบหน้าที่คล้ายคลึงกับดิออนมองผมด้วยความเกลียดชังที่สุดเท่าที่ๆ มนุษย์คนหนึ่งจะเกลียดชังใครได้ ซึ่งผมมั่นใจมากว่าถ้าสายตาที่มองมาเป็นมีด ตอนนี้ผมก็คงจะตายไปแล้ว
   
ดิออนยิ้มนิดๆ มองพ่อตัวเอง ก่อนที่มันจะกวาดสายตามองเหล่าวาติกันที่นอนสยบอยู่บนพื้น ซึ่งก็แทบไม่มีใครเลยที่จะสามารถขัดขืนพลังของผมได้
   
เอาเข้าจริงที่พลังผมมันทรงพลังขนาดนี้ได้ก็เพราะเลือดของดิออนด้วยนั่นแหละ เหมือนน้ำมันที่ราดบนกองไฟจนตอนนี้มันลามไปเผาไหม้ทุกอย่าง
   
ถ้ามันเลือกผม มันก็เหมือนกับเผาบ้านตัวเองนั่นแหละ
   
“ดิออน!!!”
   
พ่อมันคำรามออกมาอย่างหัวเสียเพราะดิออนไหวไหล่ใส่อย่างไม่ยี่หระ และก้มลงเลียซอกคอผมจนผมหน้าแดงก่ำ แต่ก่อนที่มันจะฝังเขี้ยวบนคอผม ก็มีคนขัดจังหวะขึ้นมาอีก
   
“ผมฆ่าพี่แน่”
   
น้องเซนมองดิออนด้วยรอยยิ้มๆ ดูพึงพอใจมากกว่าผิดหวัง
   
“…”
   
ซึ่งตอนที่ผมกำลังลุ้นว่าผมจะตอบอะไรน้อง มันก็ฝังเขี้ยวใส่คอผมซะก่อน
   
“อ๊า! เจ็บ!!!”
   
ผมสะดุ้งเฮือกผวาเกาะมันแน่น น้ำตาแตกเพราะมันเจ็บมาก ผมจิกเล็บเข้าแขนล่ำๆ ของมัน พยายามไม่สนใจความเจ็บปวดตรงคอ และมองลูกกระเดือกของมันที่ขยับขึ้นมาลงไม่หยุด
   
“..อื้อ”
   
ผมร้องในลำคอซึมๆ คือผ่านไปสักพัก ถึงร่างกายจะเริ่มชินแล้วแต่มันก็ยังเจ็บอยู่ดีอ่ะ แต่ดีหน่อยที่ผมไม่ค่อยรู้สึกล้าเท่าไหร่ เพียงแค่รู้สึกเหมือนถูกดูดพลังไปก็เท่านั้น
   
“..!!”
   
ผมเบิกตากว้างเพราะเริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายมันที่ไม่ใช่แค่ตาแดง แต่ตอนนี้คือเหมือนตัวมันใหญ่ขึ้นด้วย เขี้ยวที่ฝังอยู่ในลำคอผมก็เหมือนจะยาวขึ้นพร้อมๆ กับปีกที่งอกออกจากแผ่นหลังหนาของมัน
   
มันกำลังจะเป็นแวมไพร์จริงๆ
   
“ดิออน!!!”
   
พ่อมันคำรามออกมาดังลั่นพร้อมๆ กับเสียงฮือฮาของพวกวาติกันที่เห็นวาติกันด้วยกันเองกลายเป็นแวมไพร์ต่อหน้าต่อตา คือเอาจริงต่อให้เป็นพวกแวมไพร์ด้วยกันเองมาดูก็ตกใจอ่ะ เพราะพวกแวมไพร์ไม่เปลี่ยนมนุษย์ให้เป็นแวมไพร์มานานมากแล้วจริงๆ
   
มันกินต่ออยู่สักพักจนร่างกายมันหยุดเปลี่ยน มันก็ผละออกจากคอผมโดยที่ไม่ลืมที่จะเลียเลือดที่เปรอะคอผม แบบเดียวกับที่ผมเคยทำให้กับมัน
   
“…”
   
มันหยุดยืนตรงหน้าผมและจ้องผมนิ่งด้วยร่างแวมไพร์ ส่วนฉากหลังของมันนั้นก็เป็นภาพที่ไม้กางเขนห้อยกลับด้านลงมากับพวกวาติกันที่เหมือนกำลังจะอกแตกตาย เพราะมีวาติกันที่มีสายเลือดอันสูงส่งและได้รับการอำนวยอวยพรจากพระเจ้ายินยอมที่จะรับบาปอันหนักหนาและความอัปมงคลของปีศาจเข้าร่างตัวเอง
   
ผมมองดิออนด้วยความรู้สึกเหมือนจะร้องไห้
   
ดิออนโคตรหล่อเลยอ่ะ

=======

ไม่ค่อยเลยนะ ยัยน้อน 5555555555555
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 12 16/11/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 16-11-2019 21:52:28
ตอนนี้ไคลแมกซ์มาก..กกกกกกกก   :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 12 16/11/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ืืnanana21 ที่ 16-11-2019 22:02:46
น้องมาแล้วววว
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 12 16/11/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวสวย ที่ 17-11-2019 00:02:58
เริ่ดดดดดดดดด​ ชั้นละชอบเรื่องนี้จริงๆ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 12 16/11/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Piechicofic ที่ 20-11-2019 20:23:48
กรี๊ด ซีนนี้หล่อมากดิออน โซแดมฮอท ;-;
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 13 1/12/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 01-12-2019 00:31:54
VAMPIRE PROBLEM ;w; #13

   
“…ครูซ”
   
ดิออนเรียกผมเพราะผมมัวแต่เหม่อมองมันแบบหลงมาก
   
เท่อ่ะ เท่กว่าพ่อผมอีก ถ้าลงประกวดแวมไพร์ที่หน้าตาดีที่สุดในสมาคมมันต้องติดแน่ๆ เลย ผมรับประกัน เพราะผมจะไปบังคับให้ทุกคนโหวตดิออนให้หมด
   
หล่ออ่ะ
   
“จะเอาไงต่อ”
   
มันพูดแล้วพยิกเพยิดไปทางพวกวาติกันที่ตอนนี้โวยวายกันเสียงดังลั่นและตะโกนว่าบาปไม่หยุด จนผมอยากตะโกนกลับไปบ้างว่าไม่บาปซะหน่อย ผมเป็นแวมไพร์ที่เป็นมิตรต่อโลกจะตาย ยังไม่เคยฆ่าคนสักครั้งในชีวิต ขนาดวันนี้ผมเผลอสติหลุดไปบ้างก็ยังไม่พลั้งมือฆ่าใครเลย
   
“กลับสมาคม ผมจะเอานายไปอวดแม่”
   
บอกเลยว่าแม่ต้องภูมิใจในตัวผมมากแน่ๆ ที่อุตส่าห์หาคู่ได้เหมาะสมกับตัวเองขนาดนี้ คือแม่เคยจะจับผมคลุมถุงชนไง แต่ผมไม่ยอม เลยหนีออกจากสมาคมวันนั้นเลย แม่เลยไม่พูดถึงมันอีก และปล่อยให้ผมเป็นแวมไพร์ที่ไร้สาระไปวันๆ อย่างมีความสุข
   
“ตามใจ”

มันยิ้มแล้วจับมือผมขึ้นมาจูบโดยไม่สนใจสายตาพวกวาติกันที่มองมาสักนิด

“มีอะไรที่อยากทำอีกไหม ผมรอได้นะ”
   
เอาจริงผมก็ดีใจแหละที่ดิออนยอมเป็นแวมไพร์เพื่อผม แต่ผมก็ว่ามันฉุกละหุกไปอ่ะ มันน่าจะยังหลงเหลืออะไรที่อยากทำในฐานะมนุษย์บ้างแหละ
   
“..ก็มี”
   
มันตอบทั้งๆ ที่ยังกุมมือผมอยู่ และหันไปมองพ่อสลับกับน้องตัวเอง สีหน้ามันเย็นชาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
   
“พ่อจะมองว่าผมเป็นพวกนอกรีตหรือคนทรยศก็เชิญเถอะ แต่ผมอยากจะบอกพ่อมาตลอดว่าพวกปีศาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ในพระคัมภีร์เขียนเอาไว้ พวกมันก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกับเรา ตอนเด็กๆ ที่พ่อคิดว่าผมรอดจากจมน้ำได้เพราะพระเจ้าช่วย แต่จริงๆ แล้วมีปีศาจช่วยผม ทั้งๆ ที่พวกมันก็รู้ว่าผมเป็นพวกวาติกัน”
   
แววตาของดิออนอ่อนลงเมื่อพูดถึงปีศาจตนนั้น
   
“ผมว่าเราควรเลิกฆ่ากันสักที เพราะการสร้างความแค้นต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ที่แม่ตายก็เพราะว่าพ่อเคยไปฆ่าพวกหมาป่าไม่ใช่เหรอ พวกมันถึงตามมาแก้แค้นเรา”
   
“…”
   
พ่อของดิออนไม่ได้พูดอะไรก็จริง แต่สีหน้าคือแสดงชัดออกมาว่าไม่ยอมรับและเชื่อในสิ่งที่ดิออนพูดสักนิด ส่วนน้องเซนก็ยังคงโวยวายอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
   
“พี่บ้าไปแล้วเหรอ!!! พวกปีศาจก็คือปีศาจ พระคัมภีร์ไม่มีวันโกหกเรา พวกมันคืออสุรกายที่ตั้งใจมาทำลายความสงบสุขของมนุษย์ คือบาปอันนักหนาที่โลกแบกรับเอาไว้และเราก็ต้องเป็นคนชำระมัน!!”
   
“…ไปกันเถอะ”
   
ดิออนกลอกตาแล้วโอบเอวผม
   
“อื้อ”
   
ผมกวาดตามองหาพวกปีศาจเป็นครั้งสุดท้ายและพบว่าพวกที่ยังมีชีวิตก็หนีกันไปหมดแล้ว
   
“…”
   
ผมชะงักนิดหน่อยตอนที่เห็นพวกที่หนีไม่ทันต้องตายกันแทบเท้าพวกวาติกัน มันทำให้ผมรู้สึกแย่จนผมเผลอตัวสั่น และทำให้ดิออนต้องกระชับมือผมอีกรอบ
   
“ไปหาแม่นายกัน”
   
มันกระซิบบอกผม ผมถึงสงบลงแล้วใช้พลังส่งตัวเองกับดิออนกลับไปสมาคม

   

“พี่ครูซ!!!”
   
เท้าผมยังไม่ทันแตะพื้น แม็กซ์ก็ตะโกนดังลั่นเพราะผมกะพลังไม่ถูกเลยมาโผล่กลางห้องรับแขกที่มีครอบครัวผมนั่งกันครบองค์ประชุม ทั้งพ่อ แม่ แม็กซ์ แล้วก็เซน น้องคนเล็กของผมที่โดนน้องดิออนก็อปชื่อ ชื่อก็มีตั้งเยอะแยะ ทำไมมาตั้งซ้ำกันก็ไม่รู้
   
“..เอ่อ ผมกลับมาแล้ว”
   
ผมเลิ่กลั่กมากเพราะทุกคนจ้องผมแบบกดดันมากอ่ะ ก่อนที่ผมจะซุกหน้าใส่แขนดิออนเพื่อหนีจากความเป็นจริง ที่ทุกคนมามองผมน่ากลัวมาก
   
อะไรอ่ะ ไม่มีใครดีใจเลยเหรอที่ผมได้แฟนกลับมาอ่ะ
   
“ใคร?”
   
พ่อผมถามผมเสียงดุ ซึ่งผมก็รู้แหละว่าพ่อรู้ว่าผมพาใครมา แต่พ่อคงอยากได้คำตอบจากผมมากกว่า แถมดิออนตอนนี้ก็กลับเป็นร่างมนุษย์ปกติแล้วอ่ะ เพราะพลังแวมไพร์ของมันยังไม่ค่อยคงที่เท่าไหร่
   
“คู่ของผม”
   
ผมตอบพ่อเสียงเบา ช้อนตามองพ่อด้วยสีหน้าที่น่าสงสารที่สุดในชีวิต ยิ่งกว่าสีหน้าที่แม่เคยบอกว่าเหมือนลูกหมาหิวข้าวอีก
   
“หัวหน้าวาติกัน?”
   
“ครับ แต่ แต่ดิออนเป็นแวมไพร์แล้วนะ แล้วก็เป็นแวมไพร์ที่นิสัยดีมากๆ ด้วย”
   
เอาจริงตอนนี้คือผมอยากคืนร่างกลับเป็นค้างคาวแล้วหนีไปซ่อนตัวที่ไหนสักที่มากอ่ะ ทุกคนน่ากลัวมาก ขนาดแม่ที่รักผมที่สุดในโลกยังมองผมแบบดุมากเลยอ่ะ
   
อะไรกัน ไม่มีใครดีใจกับผมเลยเหรอ ผมอุตส่าห์หาคู่ที่เป็นถึงหัวหน้าวาติกันได้เลยนะ!
   
“พี่แน่ใจนะว่ามันจะไม่ทรยศเรา”
   
รอบนี้น้องแม็กซ์เป็นฝ่ายจี้ผมบ้าง ผมหันไปตอบทันทีเพื่อไม่ให้บรรยากาศคุกรุ่นไปมากกว่านี้ ให้ตายเถอะ ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรดิออนของผมทั้งนั้น
   
“แน่ใจสิ! ดิออนไม่ทำอะไรแย่ๆ แบบนั้นหรอก จริงไหม ดิออน”
   
ผมหันไปถามความเห็นดิออน ซึ่งผมก็เพิ่งเห็นว่าหน้ามันนิ่งมาก ไม่แสดงอารมณ์อะไรสักนิด จนผมเริ่มหวั่นใจว่าแม้แต่มันเองก็อาจจะไม่มั่นใจในตัวผมรึเปล่า
   
“..เป็นอะไร”
   
มันขมวดคิ้วตอนที่ผมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แล้วลูบหัวผมเบาๆ เชิงปลอบ ก่อนที่มันจะหันไปหาพ่อผมที่มองมันเหมือนจะฆ่าให้ตายทั้งเป็น
   
“…”
   
“…”
   
ดิออนกับพ่อผมจ้องตากันนิ่งๆ แบบไม่มีใครยอมใครอยู่สักพัก และในระหว่างที่ผมเริ่มง่วง พ่อก็อาศัยจังหวะที่ผมเผลอแยกตัวผมออกจากดิออนไปยืนข้างหลังตัวเอง แน่นอนว่าผมงอแงไม่หยุด
   
“พ่อ ห้ามทำอะไรดิออนนะ!!”
   
ผมเกาะชายเสื้อพ่อแน่นมาก
   
“มันเป็นวาติกัน”
   
พ่อหันมาดุผมเสียงเข้มด้วยสีหน้าที่น่ากลัวกว่าตอนที่ผมแอบหนีเที่ยวอีก ถ้าผมอยู่ในร่างค้างคาวตอนนี้คงไม่วายตัวหดเหลือเท่ามด ผมตัวสั่นแต่กลัวดิออนตายมากกว่าเลยเถียงพ่อกลับ
   
“แต่ก็เป็นคู่ของผมอ่ะ”
   
“ลูกนอนกับมันแล้ว?”
   
“…”
   
ผมหน้าแดงแต่ก็พยักหน้า ซึ่งมันก็ทำให้ผมรู้เลยว่าตัวเองได้ตัดสินพลาดมาก เพราะพอผมพูดจบบรรยากาศในห้องก็เย็นยะเยือกขึ้นมาเลย พลังแวมไพร์ของพ่อแผ่ขยายไปทุกตารางนิ้ว ทุกอย่างในห้องสั่นไม่หยุด
   
“พ่อโกรธอะไรอ่ะ ก็ผมชอบดิออนจริงๆ นี่นา แล้วดิออนก็นิสัยดีด้วย”
   
ผมถามพ่อเสียงสั่น ล่าสุดที่พ่อโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้คือนานมากแล้วจริงๆ
   
“ลูกยังไม่ห้าร้อยเลย”
   
พ่อผมกดเสียงต่ำคุยกับผม แต่ตาจ้องดิออนไม่กระพริบซึ่งดิออนมันก็นิ่งมาก สบตากับพ่อผมแบบไม่วอกแวก ถ้าเปลี่ยนเป็นผมที่โดนมองแบบนั้นตอนนี้คือกลัวจนเข่าอ่อนแน่ๆ
   
“แต่ผมก็สี่ร้อยแล้วนะ! แม็กซ์ก็มีคู่แล้วอ่ะ ทำไมผมจะมีบ้างไม่ได้”
   
ผมงอแงพยายามจะกลับไปหาดิออน แต่ก็โดนพ่อดึงคอเสื้อเอาไว้
   
“ก็ลูกยังไม่โต”
   
“ผมโตแล้ว!” ผมหน้ายู่เถียงพ่อแล้วหันไปขอความช่วยเหลือจากแม่ที่ไม่สนใจผมเอาแต่สนใจดิออน “แม่ พ่อใจร้ายอ่ะ พ่อจะไม่ให้ผมมีแฟน”
   
“ก็ลูกยังไม่โตจริงๆ นี่” แม่ผมหัวเราะเบาๆ “แล้วทำไมถึงต้องหัวหน้าตระกูลเลยล่ะ แค่วาติกันธรรมดาพ่อก็รับไม่ได้แล้ว”
   
“..ก็ดิออนหล่ออ่ะ” ผมตอบเสียงเบา
   
“ครูซ”
   
พ่อผมเอ็ดผมเสียงดุ น่าจะเพราะเหตุผลของผมแย่มาก ใช่ มันแย่จริงแหละ ถ้าเปลี่ยนจากดิออนเป็นผู้นำวาติกันคนอื่นอาจจะจับผมปิ้งไปตั้งนานแล้ว
   
“…ผมไม่มีวันทำร้ายครูซ”
   
ดิออนที่ยืนเงียบมานานพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนที่นัยน์ตาสีเทาของมันจะขึ้นสีแดงจางๆ เพื่อให้พ่อผมรู้ว่ามันรับพลังแวมไพร์ไปแล้ว
   
“วาติกันกับแวมไพร์ฆ่ากันมาหลายร้อยปี อะไรที่ทำให้ผู้นำวาติกันอย่างคุณมายุ่งกับลูกผม”
   
พ่อเหมือนจะรำคาญที่ผมพยายามจะตะเกียกตะกายกลับไปหาดิออนไม่หยุด เลยรวบตัวผมมากอดไว้หลวมๆ แล้วเอาเสื้อคลุมบังผมไว้ไม่ให้ดิออนเห็น
   
“ผมจะงอนพ่อแล้วนะ”
   
ผมบ่นอุบงึมงำคนเดียว  ไม่กล้าโวยวายต่อเพราะพ่อกอดผมแน่นมากเหมือนกลัวว่าดิออนมันจะทำร้ายผมจริงๆ
   
“ผมชอบลูกคุณ”
   
“ถ้าพวกคุณยังแค้นพวกแวมไพร์อยู่ ก็มาลงที่ผม จะฆ่าก็ฆ่าผม อย่ายุ่งกับครูซ เขาไม่เกี่ยว เขาไม่เคยฆ่าใคร ไม่เหมือนกับพวกวาติกันบ้าเลือดอย่างพวกคุณ”
   
“ผมไม่เคยฆ่าใคร”
   
“…สบตาข้า มนุษย์”
   
ผมตัวแข็งเลยตอนที่เห็นพ่อตัดสินใจใช้พลังอ่านใจ เพราะปกติพ่อจะใช้เฉพาะช่วงเวลาที่สำคัญจริงๆ เนื่องจากมันค่อนข้างเปลืองพลังแวมไพร์มาก
   
“…”
   
ผมอาศัยจังหวะที่พ่อกำลังใช้สมาธิกับการอ่านใจ แอบชะโงกหัวไปมองดิออนที่ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้างแล้ว ดีนะ ที่พ่อไม่จับได้ตอนอยู่กระท่อมอ่ะ ไม่งั้นกระท่อมได้แตกแน่
   
“…ดิออน”
   
ผมเผลอพึมพำเรียกชื่อมันเริ่มกังวลนิดๆ
   
ถามว่าผมไว้ใจมันไหม ก็ไว้ใจแหละ แต่ลึกๆ ผมก็ยังแอบกลัวอยู่ดีว่าจะโดนหลอกอีก ถ้าเป็นแบบนั้นจริงคือผมคงร้องไห้ทุกวันอ่ะ เพราะผมชอบมันจริงๆ
   
มันอยากฆ่าผมจริงๆ เหรอ..
   
ผมกลืนน้ำลายเอือกด้วยความกังวล ไม่รู้ว่าพ่ออ่านเรื่องอะไรบ้าง ทำไมถึงได้นานเหลือเกิน แถมแรงที่กอดผมยังแน่นขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
   
“ฮึก”
   
ผ่านไปสักพักทุกอย่างก็ยังเงียบอยู่และตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ จนผมทนไม่ไหวสะอื้นออกมา
   
ดิออนจะฆ่าผมจริงๆ สินะ
   
ผมมองหน้ามันด้วยความเศร้าหมอง รู้สึกเจ็บจนแทบทนไม่ไหว ถ้าเป็นไปได้ก็อยากโดนปิ้งให้ตายตรงนี้ให้รู้รอดเลยอ่ะ
   
ทำไมโลกถึงใจร้ายกับผมตลอดเลยอ่ะ
   
แงงงงงงง
   
“ร้องไห้ทำไม”
   
ดิออนมันเลิกคิ้วงงๆ มองผม
   
“ก็นายจะฆ่าผมอ่ะ ฮึก ทำไมอ่ะดิออน ไหนบอกว่าชอบผมไง”
   
แม้แต่ตอนนี้พ่อก็ยังกอดผมแน่นมาก ผมจะยกแขนขึ้นมาปาดน้ำตายังทำไม่ได้เลย น้ำตาเลยไหลพรากๆ ไม่หยุด
   
“..ถามพ่อนายดูสิ”
   
“ฮึก พ่อ ดิออนจะฆ่าผมจริงๆ เหรอ”
   
ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าพ่อ ถึงเห็นว่าพ่อผมไม่ได้มองดิออนด้วยสายตาดุร้ายแล้ว แต่เป็นสีหน้าที่ยุ่งยากใจและไม่เต็มใจมากๆ
   
“..เปล่า” พ่อเค้นเสียงตอบผม
   
“แล้วพ่อตกใจอะไรอ่ะ กอดผมแน่นขนาดนี้ทำไม”
   
ผมหน้าบูดเพราะรู้สึกร้องไห้เสียเที่ยวมาก
   
อะไรกัน ผมตกใจแทบตาย
   
“ลูกยังไม่โตเลย” พ่อผมถอนหายใจแรงมาก แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ามาเช็ดน้ำตาให้ผม “เคยบอกกับแม่ไม่ใช่เหรอว่าสักหกเจ็ดร้อยถึงค่อยมีคู่”
   
ผมหัวเราะคิกคัก “ก็ดิออนหล่ออ่ะ”
   
“…”
   
พ่อผมขมวดคิ้วแต่สุดท้ายก็ยอมปล่อยให้ผมกลับไปหาดิออนเหมือนเดิม
   
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ฆ่า ทำไมถึงไม่เชื่อกันสักที”
   
ดิออนมันถอนหายใจแล้วลูบหัวผม
   
“ก็นายชอบทำหน้าน่ากลัวอ่ะ”
   
ผมบ่นแล้วดึงแขนดิออนมากอดแล้วซบหน้าเหมือนเดิม และพอผมมองน้องตัวเองทั้งสองคนก็ถึงเห็นว่าแม็กซ์ทำหน้าไม่พอใจมาก มองดิออนด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสุดๆ
   
“แม็กซ์!”
   
ผมเอ็ดเลย ถ้าพ่อไม่ว่า ไม่ว่าใครก็ห้ามว่าดิออนของผมทั้งนั้น
   
“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย” แม็กซ์ขมวดคิ้วมองผมบ้าง “แล้วทำไมต้องเป็นมันด้วย”
   
“ก็ดิออนเป็นสเปคพี่อ่ะ ที่สมาคมไม่มี พี่ก็ต้องหาเอาข้างนอกสิ”
   
เอาจริงผมก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ครอบครองสเปคในฝัน คือการได้ดิออนมาน่าจะดีสำหรับผมมาก เพราะมันหล่อและทุกอย่างก็ดีมาก ดีที่สุด
   
“แล้วนี่ลูกให้เลือดใครไป พ่อเหรอ”
   
แม่ผมถามบ้างซึ่งคำถามนี่ก็เฉพาะเจาะจงกับดิออนโดยเฉพาะ
   
“เลือดผมเอง”
   
ผมตอบด้วยสีหน้าภูมิใจสุดๆ และผลที่ได้คือทุกคนทำหน้าเหมือนไม่เชื่อผม จนผมเริ่มหงอลงนิดๆ แล้วลองเรียกพลังแวมไพร์โชว์ทุกคนเพื่อที่จะยืนยันกับทุกคนว่าผมโตพอที่จะมีแฟนแล้ว!
   
แต่ลึกๆ ในใจ ผมก็ยังแอบกลัวอยู่ดี ผมกลืนน้ำลายเอือกด้วยความประหม่า จนดิออนมันต้องลูบหลังผม ผมถึงสมาธิขึ้นแล้วเรียกพลังออกมา
   
“…พลังลูกตื่นแล้วเหรอ?”
   
พ่อถามผมด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
   
“!”
   
ผมถึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาดูพลังตัวเอง เอาจริงๆ ผมก็ยังกลัวมากอยู่ดีที่พลังของตัวเองจะกลับไปกากเหมือนเดิม แต่พอลืมตาขึ้นมาถึงเห็นว่ามันเป็นกลุ่มก้อนพลังงานสีดำที่หมุนริ้วเร็วมากพอๆ กับของพ่อ และดูทรงพลังมาก ผมก็ยิ้มกว้างเลย
   
ผมไม่กากแล้ว!
   
ผมไม่ต้องอยู่ระดับบ๊วยของสมาคมแล้ว!!!
   
ผมคิดอย่างดีอกดีใจ เพราะครองตำแหน่งบ๊วยกับรองบ๊วยมานานมาก แทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ากำลังจะคุยกับพ่ออยู่ มัวแต่ตื่นเต้นกับพลังของตัวเองที่มีใช้กับเขาสักที
   
“ครูซ”
   
“?”
   
ผมเงยหน้ามองดิออนก่อนที่จะมันพยักพเยิดให้ผมหันไปพ่อ ผมถึงเห็นว่าพ่อผมยิ้มบางอยู่
   
ยิ้ม?
   
พ่อผมเนี่ยนะยิ้ม!!
   
ผมตาโตแบบตกใจมาก นี่มันน่าตกใจกว่าพลังผมตื่นอีก ผมสลายพลังแวมไพร์แล้วไปหลบอยู่หลังดิออน และชะเง้อมองพ่อแบบหวั่นๆ ซึ่งการกระทำของผมเหมือนจะไม่ถูกใจพ่อเท่าไหร่ พ่อถึงหุบยิ้มเลย
   
“ตกใจอะไร”
   
พ่อผมขมวดคิ้ว
   
“..ก็พ่อยิ้มอ่ะ ปกติพ่อไม่ยิ้มให้ผม”
   
ผมตอบพ่อเสียงอ้อมแอ้ม ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าจริงซะอีก ผมก็รู้แหละว่าพ่อรักผมถึงได้โหดกับผมมาก แต่ผมก็กลัวพ่ออ่ะ ถึงตอนนี้จะกลัวน้อยลงนิดๆ แต่ก็ยังกลัวอยู่ดี
   
“..เหรอ” พ่อผมพูดเสียงอ่อนลง “มาหาพ่อก่อน อย่าเพิ่งไปยุ่งกับมนุษย์ชั้นต่ำนี่”
   
“ไม่ชั้นต่ำสักหน่อย”
   
ผมเถียงเสียงเบาแต่ก็ยอมเดินไปหาพ่อ เพราะพ่อเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง
   
“…”
   
ผมสบตากับพ่ออยู่สักพัก ก่อนที่พ่อจะพูดอะไรออกมา
   
“อีกไม่นานจะตำแหน่งหัวหน้าสมาคมจะต้องถูกเปลี่ยนมือ”
   
พ่อผมลูบหัวผม
   
“พลังของลูกตอนนี้ก็น่าจะมากพอที่จะชิงตำแหน่งนี้ได้ ถ้าลูกต้องการพ่อก็จะช่วย”
   
ผมเบิกตากว้าง
   
งั้นก็หมายความว่าผมต้องดำเนินธุรกิจครีมกันแดดแวมไพร์กับกิจการของแวมไพร์ทั้งหมดต่อเหรอ!
   
“ลูกอยากได้รึเปล่า?”
   
ผมกระพริบตาปริบยังงุนงงกับสถานการณ์อยู่ สมองน้อยๆ ของผมกำลังคิดตามอย่างเชื่องช้า เพราะนึกสภาพตัวเองเป็นหัวหน้าสมาคมไม่ออก แวมไพร์ที่รักสันติที่สุดในโลกอย่างผมจะไปสั่งใครได้ ถามจริง ถ้าสั่งให้ทุกคนเผ่นให้ไวที่สุดก็น่าจะถูกต้องมากกว่า
   
พ่อปล่อยให้ผมคิดอยู่สักพัก สุดท้ายผมก็ส่ายหัวดิกปฏิเสธพ่อทันที
   
“พ่อให้คนอื่นเถอะ ผมไม่อยากได้”
   
ผมพอใจกับการใช้ชีวิตไร้สาระไปวันๆ มากกว่า เพราะการเป็นหัวหน้าสมาคมมันเท่ก็จริง แต่ก็เครียดอ่ะ ผมขี้เกียจคิดสูตรครีมกันแดดแวมไพร์สูตรใหม่ ลำพังแค่ทาทุกวันก่อนออกจากห้องผมยังทำบ้างไม่ทำบ้างเลย
   
“ถ้าเปลี่ยนใจก็บอกพ่อนะ ยังพอมีเวลาให้คิดอยู่”
   
ที่มาประชุมกันก็ครบองค์ประชุมคงเพราะเรื่องนี้สินะ เอาจริง คนที่มีสิทธิ์ได้มากกว่าผมก็คือแม็กซ์ที่มีนิสัยคล้ายกับพ่อ ขืนให้ผมเป็นจริง สมาคมคงได้ล่มสลายกันพอดี
   
“ครับ”
   
ผมพยักหน้าน้อยๆ เชิงรับรู้ แล้วพยักเพยิดไปทางดิออนเพราะอยากรู้ว่าพ่อจะทำยังไงกับดิออน คือเมื่อกี้พ่อก็ไม่ชัดเจนไงว่ายอมรับหรือไม่ยอมรับ แต่ที่แน่ๆ คือผมมั่นใจว่าพ่อเกลียดขี้หน้าดิออนมาก
   
“…จะอยู่ก็อยู่”
   
พ่อผมเค้นเสียงแบบไม่เต็มใจมาก มองดิออนตาขวางจนผมหน้ายู่
   
“พ่อห้ามแกล้งดิออนนะ! ไม่งั้นผมจะร้องไห้”
   
ถึงผมปกติผมจะร้องไห้อยู่แล้วก็เหอะ แต่ผมก็จะร้องอีกเพราะผมคงสู้กับพ่อไม่ได้ 
   
“..แต่มัน ทำลูกร้องไห้นะ”
   
พ่อผมพูดด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนมากจนผมหน้าแดงก่ำ คือผมก็ไม่รู้ว่าพ่ออ่านใจมันเรื่องอะไรบ้าง แต่ถ้าพูดด้วยสีหน้าแบบนี้ก็คงจะทุกเรื่องอ่ะ ซึ่งพ่อก็คงไม่คิดว่าผมกับมันความสัมพันธ์จะถึงขั้นนั้นแล้วจริงๆ
   
“แต่ผมก็ยอมไง”
   
ผมพูดเสียงเบาเริ่มรู้สึกเขินจนทนไม่ไหว เลยเดินไปหาดิออนแล้วลากมันกลับห้องตัวเองแบบไม่สนใจใครอีก ดีหน่อยที่ไม่มีใครมาขวางผมอีก เพราะผมเขินจนจะร้องไห้แล้ว!

========

น้อนน่ารัก  :hao5:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 13 1/12/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-12-2019 08:39:43
ดิออนเป็นแวมไพร์แล้ว~
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 13 1/12/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-12-2019 15:24:35
คุมพ่อไปเจออะไรมาบ้างเนี่ย..ยยยย อยากรู้  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 13 1/12/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 09-12-2019 19:54:17
น่ารักมากมายเลย
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 13 1/12/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-12-2019 06:47:25
เจ้าครูซยังน่าเอ็นดูเหมือนเดิม น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 13 1/12/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: wine422 ที่ 11-12-2019 14:06:54
น้องงงง น้องกว่านี้ไม่มีแล้ว ครูซ ต้าวค้างคาวน้วยยยย :-[
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 14 15/12/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 15-12-2019 23:16:28
VAMPIRE PROBLEM ;w; #14

   
“พี่ครูซ”
   
กี้! กี้!
   
ผมในร่างค้างคาวที่กำลังนอนแปะอยู่บนไหล่ดิออนเหลือบมองน้องเซ็งๆ เพราะพอผมกับดิออนอาบน้ำเสร็จก็มาเคาะประตูห้องเฉยเลย อะไรกัน พอเห็นผมมีแฟนหน่อยก็หมั่นไส้เรอะ
   
ทีเมื่อก่อนนะ ผมกลิ้งเล่นในห้องจนไม่รู้จะทำอะไรก็ไม่มีใครมาเคาะสักคน!
   
อยู่สมาคมเฉยๆ น่าเบื่อจะตายไป ไม่มีอะไรน่าสนุกเลยสักนิด จะชวนเล่นเหมือนตอนเด็กๆ ก็ไม่ได้ เพราะทุกคนก็กดดันให้ผมทำตัวเหมือนพี่คนโตซึ่งผมก็ไม่อยากทำ ก็ผมยังไม่อยากแก่อ่ะ
   
แต่ที่แน่ๆ เลยคือตอนนี้ผมอยากจู๋จี๋กับดิออน! ตอนอาบน้ำจูบไปรอบเดียวเอง ยังไม่หนำใจเลยอ่ะ
   
แม็กซ์ขมวดคิ้วมองผมก่อนที่จะมองดิออนตาขวาง
   
“พี่ยังไม่โตเลย แล้ววาติกันนี่มันก็ดูไว้ใจไม่ได้ด้วย”
   
กี้!!
   
ผมที่ขี้เกียจเกินกว่าจะคืนร่างมนุษย์ เลยเท้าเอวบ่นน้องบนไหล่ดิออนมองน้องตาขวางกลับบ้าง
   
“ผมรู้น่าว่าพ่อบอกว่ามันไม่ทำร้ายพี่แน่ๆ แต่ผมกับพ่อก็ไม่ชอบหน้ามันอยู่ดี ทำไมพี่ต้องเอามันกลับบ้านด้วย ผมไม่เห็นชอบหน้ามันเลย!”
   
นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้อง ผมจะคิดว่าแม็กซ์จะมาแย่งผมจากดิออนละ
   
กี้ๆๆๆ
   
ผมร่ายยาวพยายามหาเหตุผลในการไล่น้องไปไกลๆ ซึ่งไกลของผมก็คือห้องของน้องผมที่อยู่ตรงข้ามกันเนี่ยแหละ ดีหน่อยที่กำแพงที่นี่ค่อนข้างหนามาก เวลาผมทำอะไรก็ไม่มีใครได้ยิน
   
“พี่ยังไม่เคยมีแฟนเลย! พี่จะไปรู้ได้ยังไงว่ามันเป็นคนดี! ตอนนี้มันอาจจะดีแต่ปีหน้ามันอาจจะทิ้งพี่ก็ได้!”
   
กี้!!!
   
โอ๊ย ผมเริ่มคิดถึงน้องแม็กซ์ผู้เคร่งขรึมของผมละ น้องคนเก่าผมหายไปไหนเนี่ย ดีหน่อยที่เซนเป็นพวกนอนไว ตอนนี้คงหลับตายไปแล้ว ส่วนผมก็มีวิบากกรรมต้องตีกับน้องชายตัวเองต่อ
   
“พี่ครูซ!! ผมเป็นห่วงพี่นะ ผมถึงมาทะเลาะกับพี่เนี่ย”
   
กี้!
   
ผมถลาไปซบต้นคอดิออนแล้วแลบลิ้นใส่น้อง เพราะดูยังไงก็คุยไม่รู้เรื่อง
   
“พี่ครูซ! พี่เลือกมันเหรอ!!! ผมเป็นน้องพี่มาสามสี่ร้อยปีเลยนะ แต่ไอ้วาติกันบ้านี้พี่เพิ่งรู้จักมันไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ!”
   
พูดไปก็จริงแฮะ แต่ก็พูดเกินไปไหมอ่ะ พูดเหมือนผมเป็นใจแตกเลยอ่ะ แต่ผมก็ใจแตกอยู่แล้วนี่นา ผมเลยพยักหน้ายอมรับไป น้องเลยเดือดกว่าเดิม
   
“พี่ครูซ!”
   
ผมถอนหายใจเซ็งๆ แล้วยอมคืนร่างมนุษย์แต่โดยดี และแน่นอนว่าผมก็ซบแขนดิออนเหมือนเดิมเพราะมันค่อนข้างอุ่น ซึ่งก็น่าจะเป็นผลมาจากที่มันยังไม่ได้เป็นแวมไพร์เต็มตัว
   
“พี่เคยมีแฟน” ผมตัดสินใจพูดออกมา ทั้งๆ ที่ไม่ได้อยากพูดถึงเท่าไหร่ พอเห็นสีหน้าอึ้งๆ ของน้องก็หลุดขำออกมาไม่ได้ “เห็นพี่แบบนี้พี่ก็ต้องเคยมีแฟนมั้งไหมอ่ะ พี่อายุจะสี่ร้อยแล้วนะ แม็กซ์ ตอนที่พี่หนีออกไปเล่นข้างนอก คิดว่าพี่เที่ยวเล่นเฉยๆ เหรอ พี่ก็ลองทำหมดนั่นแหละ”
   
พูดเหมือนมีแฟนเยอะแต่จริงๆ ก็มีแค่คนสองคน ตั้งแต่สมัยผมอายุร้อยต้นๆ นู่น หลังจากโดนหลอกจนเป็นค้างคาวมีเขาสองรอบ ผมก็เลิกมีความสัมพันธ์กับมนุษย์แบบจริงจังมาหลายร้อยปี จนกระทั่งมาเจอดิออนเนี่ยแหละ ผมถึงได้ลืมหลักการทุกอย่างของตัวเองหมดเลย
   
“ไม่ต้องหวงพี่นักหรอก พี่ก็รักแม็กซ์เหมือนเดิมนั่นแหละ”
   
ผมยิ้มจนตาหยีให้น้อง พอเห็นน้องเบือนหน้าหนีแบบเขินๆ ถึงพูดต่อ
   
“แต่ช่วงนี้ก็อาจจะน้อยกว่าดิออนนิดนึง”
   
“…”
   
“ฉะนั้นเลิกงอนพี่แล้วปล่อยพี่ไปสักที ให้พี่มีเวลาอยู่กับคู่มั้งเหอะ รู้ไหมกว่าพี่จะหาคู่ที่ถูกใจมันยากขนาดไหน! ของดีแบบนี้หายากมากเลยนะ”
   
ผมหัวเราะคิกคักตอนที่ดิออนมันถอนหายใจเหมือนระอาผมนิดๆ อะไรกัน ผมอุตส่าห์ชมมันตั้งเยอะตั้งเยอะ มันไม่สนใจเลยเหรอ จริงสิ ดิออนฟังภาษาค้างคาวไม่ออกนี่นา น่าเสียดายชะมัด
   
“..พรุ่งนี้ถ้าพี่ตื่นตอนไหนก็ไปหาผมที่โรงอาหารแล้วกัน ผมมีของให้พี่”
   
“ให้ตอนนี้เลยไม่ได้เหรอ”
   
ผมพูดไปหาวไปเพราะเริ่มง่วงขึ้นมาจริงๆ อาจจะเพราะช่วงนี้ผมใช้พลังเยอะเกินไปด้วยมั้ง ถึงผมการนอนกับดิออนจะทำให้ผมอิ่ม แต่ยังไงผมก็ยังต้องการเวลานอนอยู่ดี
   
พอเห็นว่าตัวผมเริ่มย้วยกว่าเดิม ดิออนมันก็ช่วยประคองและโอบเอวผมไว้หลวมๆ มือที่ไม่รู้ว่ามันตั้งใจวางหรือเปล่าตรงอยู่ที่สะโพกของผมพอดี
   
ผมหน้าแดงตอนที่มืออุ่นร้อนของมันแตะโดนก้นผม
   
ให้ตายเหอะ..
   
“เจอกันพรุ่งนี้แล้วกัน!” แน่นอนว่าน้องผมก็ตาไวเห็นผมหน้าแดงเลยมองดิออนตาขวาง “แวมไพร์ก็มีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องมายุ่งกับพี่ผมด้วยวะ ให้ตายสิ ผมน่าจะฆ่าคุณตั้งแต่วันนั้นเลย!”
   
“…”
   
ผมเหลือบมองดิออนก็เห็นว่ามันยิ้มนิดๆ ไม่พูดอะไร ดึงตัวผมไปกอดแน่นกว่าเดิมแล้วจูบหน้าผากผมต่อหน้าน้อง
   
“พี่คุณเลือกผมเอง”
   
“…”
   
ผมหน้าแดงเถือกรู้สึกเขินจนแทบจะคืนร่างค้างคาวให้รู้แล้วรู้รอด
   
มันหล่ออ่ะ ทำไมหล่อขนาดนี้วะ แล้วทำไมต้องมาจูบผมตอนนี้ด้วย!
   
ผมเขินมากจนต้องก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาน้อง
   
ให้ตายสิ ใจผมเต้นแรงกว่าตอนมีแฟนคนแรกอีกอ่ะ แงงงง
   
“เจอกันพรุ่งนี้!!!”
   
น้องผมคำรามใส่เหมือนรับไม่ได้ แล้วเดินกระแทกเท้ากลับเข้าห้องไปอย่างหงุดหงิด พอได้ยินเสียงปิดประตูแล้วผมถึงเงยหน้าขึ้นมองดิออนอีกรอบก็ถึงเห็นมันยิ้มให้อีก
   
“ไปนอนสิ ง่วงไม่ใช่เหรอ”
   
มันถามผมด้วยน้ำเสียงนุ่มแล้วลูบผม แต่หน้าผมก็ยังร้อนผ่าวอยู่ดีเพราะมืออีกข้างของมันก็ยังวนเวียนอยู่แถวเอวผมไม่เลิก อาจจะเพราะเมื่อกี้ตอนที่น้องผมเคาะประตูกำลังขัดช่วงเวลาสำคัญด้วย
   
“ถ้ามีคนบอกว่านายเป็นปีศาจผมก็เชื่อนะ”
   
ผมสบกับนัยน์ตาสีเทาของมันที่จ้องผมนิ่ง จนผมตัวเองสะท้อนในแววตาของมัน
   
เอาจริงตอนนี้ผมไม่แน่ใจแล้วอ่ะว่าใครเป็นเหยื่อใครกันแน่ หรือความจริงแล้วผมเป็นเหยื่อของมันมาตลอดก็ไม่รู้ เพราะผมไม่เคยตามความคิดมันทันสักที
   
แต่จะเป็นหรือไม่เป็นผมก็ไม่สนใจหรอก
   
“นายตอนนี้โคตรหล่อเลยอ่ะ ดิออน หล่อกว่าตอนเรียนมหาลัยอีก”
   
ผมเขย่งเท้าขึ้นจูบปลายคางของมันเพราะสูงไม่ถึง จริงๆ ก็อยากจูบปกติแหละ แต่ถ้ามันไม่โน้มหัวลงมาผมก็สูงไม่ถึงอ่ะ คือเมื่อก่อนผมก็จูบถึงนะ ตอนที่มันเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาอ่ะ
   
“…”
   
ดิออนขมวดคิ้วเหมือนอดกลั้นอะไรสักอย่างก่อนที่มันจะลากผมเข้าห้องและล็อคประตูอย่างแน่นหนา มันจูบผมแบบแรงมากเหมือนมันเขี้ยว มันจูบผมอยู่นานจนผมต้องทุบมัน มันถึงยอมปล่อยผม
   
ผมหัวเราะในลำคอตอนที่ก้มมองแล้วเห็นอะไรแข็งขืนที่อยู่ใต้กางเกงของมัน และหาวออกมาง่วงๆ
   
“ผมเหนื่อยแล้วอ่ะ ไว้พรุ่งนี้แล้วกันนะ”
   
จริงๆ ก็อยากช่วยนะ แต่ผมก็ง่วงมากจริงๆ มันล้าไปหมดเลยอ่ะ พอถึงเตียงก็เหมือนโดนดูดวิญญาณไปเลย ผมพยายามปรือตามองดิออนกะจะบอกมันว่าฝันดีนะ แต่ก็เผลอสลบไปก่อน

   

ผมตื่นมาอีกทีก็เห็นตัวเองในร่างแวมไพร์นอนขดอยู่บนตัวดิออนโดยที่ถูกมันกอดเอวไว้หลวมๆ พอผมจะขยับตัวผมก็รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติของร่างกายตัวเองทันที
   
“…”
   
ผมขยับตัวไม่ได้ ไม่รู้ว่าเพราะตะคริวกินหรืออะไร แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ผมยังเหนื่อยอยู่เลยอ่ะ ผมหลุบตามองดิออนก็ถึงเห็นว่าร่างของมันกำลังปรับตัวเข้ากับเลือดแวมไพร์ของผมอย่างช้าๆ ซึ่งก็คงจะต้องใช้เวลาหน่อย เพราะมันเป็นวาติกันสายเลือดบริสุทธิ์เลย ต่อให้ได้เลือดพ่อผมไปก็คงต้องใช้เวลาเหมือนกันอยู่ดี
   
ผมจ้องหน้ามันแล้วหลุดยิ้มนิดๆ
   
ให้ตายเหอะ ผมว่าผมเลือกเวลากลับไปหามันได้โคตรดีเลย เพราะพอมันโตแล้วมันโคตรเท่เลย ว่าแต่ ทำไมมันโตแล้วเท่อ่ะ ทำไมผมไม่ถึงเท่บ้างนอกจากเป็นแวมไพร์ที่รักสันติที่สุดแล้ว ผมมีอะไรเปลี่ยนบ้างเนี่ย ขนาดแม็กซ์ยังดูโตขึ้นเลย
   
ผมขมวดคิ้วนั่งนึกอยู่สักพัก ก่อนที่จะพบว่าผมไม่มีอะไรโตขึ้นเลยสักนิด สูงยังไม่สูงขึ้นเลย! ผมอ่ะหยุดสูงมาตั้งแต่อายุไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่คนอื่นก็สูงเรื่อยๆ ปกติ   
   
คิดไปคิดมาผมก็เริ่มซึม ผมไม่มีอะไรที่น่าภูมิใจเลยอ่ะ
   
ผมนอนหงุงอยู่บนตัวมันสักพักก่อนที่จะหัวเราะคิกคักออกมา เพราะรู้แล้วว่าตัวเองมีอะไรน่าภูมิใจตอนโต
   
ผมมีคู่แล้วไง!
   
ผมยิ้มแล้วตัดสินใจนอนต่อเหมือนเดิม เนื่องจากผมยังเหนื่อยมาก ให้ตายเหอะ ผมก็นึกว่ากินเลือดแล้วก็เป็นแวมไพร์ได้เลยอ่ะ ทำไมไม่เห็นมีใครบอกผมเลยว่าผมต้องถูกดูดพลังด้วย ซึ่งกว่าดิออนจะเป็นแวมไพร์เต็มตัวผมก็ไม่รู้ว่าตอนไหนอ่ะ ถึงพลังผมจะไม่กากแล้วก็เหอะ แต่เลือดของดิออนมันก็อาจจะบริสุทธิ์มากก็ได้
   
“ฝันดีนะ”
   
ผมกระซิบบอกมันเสียงแผ่ว จริงๆ อยากจุ๊บมันอีกแต่ไม่มีแรงแล้วเลยต้องสลบเหมือดไปอีกรอบ

   

กี้!
   
ตื่นมาคราวนี้ผมคงร่างแวมไพร์ไม่ได้ด้วยซ้ำตอนนี้เหลือแต่ร่างค้างคาวที่ใช้พลังแวมไพร์ค่อนข้างน้อย ซึ่งถ้าผมยังคงร่างค้างคาวไม่ได้อีกก็เกินไปละ
   
ผมนอนแปะอยู่บนไหล่ดิออนง่วงๆ ปรือตามองมันแต่งตัวในกระจกแล้วหวาดหวอด  ก่อนที่จะรีบขยี้ตาแล้วมองใหม่
   
กี้ๆๆ
   
ผมที่ยังอยู่ในท่านอนค้างคาวดาวโวยวายไม่หยุดตอนที่เห็นดิออนที่ดูเหมือนแวมไพร์มากขึ้น เขี้ยวของมันยาวขึ้นจนแทบจะชัดเจนเหมือนแวมไพร์ปกติแล้ว แต่สิ่งที่ชัดเจนกว่านั้นคือนัยน์ตาสีเทาของมันถึงเริ่มมีสีเข้มขึ้นจนเกือบดำ ไม่ใช่สีนัยน์ตาธรรมชาติแบบที่มันมีอีกต่อไป
   
“ขอร่างมนุษย์ได้ไหม”
   
กี้!
   
ผมส่ายหัว พอหายตื่นเต้นผมก็นอนแปะไร้เรี่ยวแรงเหมือนเดิม
   
“ยังไม่หายเหนื่อยอีกเหรอ”
   
มันขมวดคิ้วมองผมด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง
   
กี้..
   
ผมตอบมันเสียงอ่อย จริงๆ ก็อยากคุยกับมันมากกว่านี้นะ แต่กว่าดิออนจะฟังภาษาค้างคาวของผมออกก็คงใช้เวลาอีกเป็นร้อยปีอ่ะ เพราะขนาดแวมไพร์ด้วยกันเองบางทียังคุยไม่รู้เรื่องเลย
   
“จะไปหาน้องนายไหม”
   
พอเห็นว่าผมพยักหน้า ดิออนมันก็พาผมออกจากห้องแล้วเดินไปโรงอาหารของคฤหาสน์โดยอาศัยผมบอกทางด้วยน้ำเสียงกี้ๆ ที่เบาจนผมยังสงสารตัวเอง
   
นี่ผมลืมขั้นตอนไหนไปรึเปล่านะ…
   
ผมคิดอย่างหดหู่และก็คิดไม่ออกว่าตัวเองลืมอะไร คือมันก็นานแล้วอ่ะ เรียนเป็นชาติแล้ว สมองน้อยๆ ของผมจะไปจำอะไรได้ ลำพังแค่ทางกลับบ้านได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว
   
ผมว่าผมต้องลืมไปขั้นตอนหนึ่งแน่ๆ เลย
   
ผมในร่างค้างคาวเอามือกุมหัวเพราะรู้ดีว่าถ้าน้องผมรู้เรื่องนี้ ผมได้โดนเฉ่งแน่ แต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้อีกสักวันสองวัน ผมว่าผมได้เหลือซากกระดูกค้างคาว
   
“..พี่ครูซมารึยัง?”
   
ทั้งๆ ที่ปกติแล้วน้องจะสัมผัสกลิ่นอายผมได้ แต่วันนี้น้องผมกลับสัมผัสไม่ได้สักนิด ทักดิออนด้วยน้ำเสียงที่น่าโดนผมบ่นมาก
   
อย่างน้อยๆ ดิออนก็เป็นพี่เขยนะ!!!
   
กี้…
   
ไม่รอให้ดิออนตอบน้อง ผมก็เป็นฝ่ายทักน้องเองขณะที่นอนแห้งกรอบเหมือนค้างคาวแดดเดียวบนตัวดิออนพร้อมๆ กับความรู้สึกที่วูบโหวงโดนดูดพลังออกไปเรื่อยๆ ไม่หยุด
   
“…”
   
น้องผมนิ่งอยู่สักพักก่อนที่จะสะดุ้งสุดตัว จนเผลอทำกล่องอะไรสักอย่างที่เหมือนจะเอามาให้ผมตกลงพื้นจนทุกอย่างเทกระจาดออกมาจากกล่อง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นตุ๊กตากับขนมหวานที่ผมชอบทั้งนั้น
   
ผมมองของพวกนั้นตาวาวก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาแตกแทน ตอนที่ถูกน้องวิ่งมาเอาตัวผมบนไหล่ดิออนไปดูอย่างใกล้ชิดด้วยสีหน้าเหมือนโลกจะแตก
   
“พี่ครูซนี่พี่ลืมขั้นตอนสุดท้ายเหรอ!!” น้องผมคำรามใส่ผมเสียงดังลั่นตาแดงก่ำ “ให้ตายเหอะ ผมน่าจะเอะใจตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าพี่ดูแปลกๆ ผมไม่น่าคิดไปเองเลยว่าไอ้วาติกันบ้านี้ทำพี่หมดแรง!”
   
แม็กซ์บ่นไปพร้อมกับถ่ายโอนพลังแวมไพร์ของตัวเองให้กับผม ทำให้ผมเริ่มกลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้ง
   
“อาจารย์ก็ย้ำตั้งหลายรอบนะว่าห้ามลืมขั้นตอนนี้นะ พี่ครูซ ทำไมพี่ถึงยังลืมอีก ถ้าเกิดพี่ไม่กลับสมาคมพี่ตายได้ง่ายๆ เลยนะ!!!”
   
ผมเอามือค้างคาวปิดหน้าไม่กล้ามองหน้าน้องเพราะรอบนี้ผมผิดจริง ผมหูลู่ลงอย่างสำนึกผิดและพยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเพื่อที่จะทำให้น้องรำคาญตาน้อยที่สุด
   
กี้ๆๆ..
   
ผมพึมพำบอกน้องเสียงเบาว่าผมจำไม่ได้ ก็ใครจะไปรู้อ่ะว่าวันนึงผมจะได้แฟนเป็นวาติกันอ่ะ ผมตอนนั้นคือหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่มีวันเอาวาติกันเป็นคู่แน่นอน แทบจะสาบานกับเพื่อนแล้วด้วยซ้ำเพราะมั่นใจมากว่าพวกวาติกันจะเป็นพวกสุดท้ายที่ผมเลือกเป็นแฟนด้วยแน่
   
ซึ่งพอตัดภาพมาสองสามร้อยปีต่อมา ผมรู้สึกอยากกลับไปดีดตัวเองตอนนั้นมากที่ไม่ยอมตั้งใจเรียนตั้งแต่แรก
   
“พี่ต้องใช้อาคมด้วย เข้าใจไหม พี่ต้องใช้อาคม xxx ของตระกูลเราในการจำกัดพลัง ซึ่งตอนนี้ผมก็ว่าไอ้วาติกันบ้านี้ก็น่าจะได้พลังพี่มากเกินพอแล้ว พี่ไม่ต้องให้มันได้พลังถึงขั้นแปลงร่างเป็นค้างคาวหรอก เพราะยังไงมันก็ไม่มีทางน่ารักเท่าพี่แน่”
   
กี้!
   
ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยในประโยคสุดท้าย ก่อนที่จะคืนร่างเป็นแวมไพร์ ซึ่งผมก็ยืนได้ไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่จนต้องเกาะน้องเอาไว้ และยิ้มให้ดิออนที่สบตากับผมด้วยนัยน์ตาสีเข้มของมัน
   
“..นายอยู่นิ่งๆ นะ”
   
ผมกัดปลายนิ้วตัวเองจนเลือดออกแล้วดึงแขนดิออนมาวาดสัญลักษณ์ประจำตระกูลผมพร้อมกับท่องคาถาไปด้วย ดีหน่อยที่ผมยังพอจำอะไรพวกนี้ได้บ้าง ไม่อย่างนั้นรอบนี้น้องคงได้ฆ่าผมจริงๆ แน่
   
บรรยากาศรอบห้องเริ่มเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างอึมครึมขึ้นเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของดิออนเปลี่ยนไปนิดหน่อยตอนที่ต้นแขนของมันเริ่มปรากฎตราประทับสีดำขึ้นมาอย่างชัดเจนพร้อมๆ กับเลือดของผมที่ระเหิดหายไป
   
ผมท่องอยู่สักพักจนมาถึงคำสุดท้ายของคาถาทุกอย่างก็เหมือนจะสั่นจนถึงขีดสุดและหยุดลงแบบเงียบๆ เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
   
แน่นอนว่าพอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยผมก็อดไม่ได้ที่จะจูบเบาๆ บนตราประทับของมัน
   
“นายเป็นของผมแล้ว”
   
ผมยิ้มจนตาหยีพอจะกระโดดกอดมันก็โดนน้องรั้งคอเสื้อออกแยกออกมา
   
“แม็กซ์!!!!”
   
ผมโวยวายใส่น้องพยายามตะเกียกตะกายกลับไปหาดิออน
   
ทำไมอ่ะ ทำไมทุกคนต้องขัดขวางผมกับดิออนตลอดเลย!
   
“พี่ก็อยู่กับมันทั้งวันแล้วไหม! อยู่กับน้องบ้างจะตายรึไง” แม็กซ์บ่นผมเสียงขรม คือถ้าบอกว่าเป็นพ่อปลอมตัวมาผมก็เชื่อนะเพราะเหมือนมาก แต่ดีหน่อยที่มันเป็นน้องผม ผมเลยโวยวายมันได้
   
“พี่ก็อยู่สมาคมแบบเหี่ยวๆ มาสามสี่ร้อยปีแล้วไหมอ่ะ พี่ยังอยู่กับดิออนได้ไม่ถึงปีเลย!”
   
ผมหน้าบูดหันไปมองน้องด้วยสีหน้างอนที่สุดในโลก
   
“แล้วพี่ก็พี่นายนะ! เชื่อฟังพี่มั้งสิ”
   
“ผมก็น้องพี่นะ พี่สนใจผมบ้างสิว่าผมซื้ออะไรมาให้พี่บ้าง” น้องผมที่หน้าบูดพอกันดีดนิ้ว แล้วพลังแวมไพร์ของน้องผมก็จัดการกวาดไอ้ที่เทกระจาดบนพื้นกลับมาใส่กล่องอีกครั้งให้มันลอยกลับมาหาผม
   
“!!!”
   
ผมเบิกตากว้าง ตกใจอีกรอบเพราะมีแต่ของที่ผมชอบไปหมดเลย แถมเป็นของที่ผมอยากกินแต่ไม่ได้กินอีก ช่วยไม่ได้วันฮาโลวีนทีไร ผมหลอกใครไม่เคยสำเร็จเลยอ่ะ คือก็ไม่เข้าใจนะว่าเขี้ยวผมมันเหมือนเขี้ยวปลอมตรงไหน ทำไมไม่เห็นมีใครกลัวบ้างเลย! พวกเด็กเวลาเห็นผมไปแย่งขนมก็ชอบไล่อ่ะ บอกว่าผมโตแล้วไม่ต้องกินขนมหรอก
   
แน่นอนว่าผมก็ค่อนข้างเจ็บใจแหละ คือถ้าออกจากสมาคมแบบปกติก็จะได้เงินมาซื้อขนมกินเอง แต่นี้แอบหนีออกมาไง เลยต้องใช้ชีวิตเร่รอนแบบแวมไพร์ยาจก น่าสงสารมาก เอาจริงๆ ผมก็งงนะว่าตัวเองอยู่มาถึงอายุขนาดนี้ได้ไงวะ แต่เอาเหอะ รอดมาได้ก็ดีละ
   
“..ให้พี่เหรอ”
   
จากสีหน้างอนที่สุดในโลกตอนนี้เปลี่ยนเป็นรักน้องที่สุดในโลกทันที
   
ผมยิ้มหวานให้น้อง แต่น้องก็ยังหน้าบูดอยู่ดี
   
“ถ้าไอ้วาติกินบ้านี่เลี้ยงพี่ได้ ผมก็เลี้ยงพี่ได้เหมือนกัน พี่ไม่ต้องไปรักมันมากหรอก”
   
“น้องกับแฟนมันก็ไม่เหมือนกันไหมอ่ะ”
   
ผมหยิบลูกอมในกล่องมาแกะกินซึ่งมันก็หวานมาก ผมเลยหยิบช็อกโกแลตที่น่าจะดูไม่หวานมากออกมาแกะแล้วสบตากับดิออนให้มันรับรู้ว่าผมจะโยนให้มันนะแล้วถึงโยนให้มัน
   
“พี่ครูซ!”
   
ผมหัวเราะเพราะรู้อยู่แล้วว่าน้องจะโวยวายที่ผมให้ดิออนกินก่อน คือจริงๆ จะป้อนให้น้องก่อนแหละ แต่อยากแกล้งไง หวงผมเหลือเกิน
   
ผมป้อนขนมสักอย่างใส่ปากน้องให้เลิกบ่น แล้วก็มาดื่มด่ำกับตุ๊กตาหมีที่น้องซื้อให้ผมแทน คือมันนุ่มมากจนผมอยากคืนร่างค้างคาวแล้วกอดตุ๊กตานี้ทั้งวันให้รู้แล้วรู้รอด
   
“ทำไมซื้อให้พี่อ่ะ”
   
ผมกอดตุ๊กตาแล้วถามน้อง รู้สึกดีใจสุดๆ เพราะไม่ได้อะไรแบบนี้มานานมากแล้ว
   
“..ก็วันเกิดพี่ไง ถึงจะเลยมานานแล้วก็เหอะ”
   
น้องผมพูดด้วยสีหน้าเขินๆ พยายามไม่สบตาผม
   
“…ขอบคุณนะ”
   
ผมเงียบไปสักพัก เพราะผมก็แทบจะลืมความสำคัญของวันเกิดไปแล้ว ทำไงได้ แวมไพร์อายุยืนเกิน จัดทุกปีก็เปลืองเงิน แล้วมันก็ซ้ำๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผมโคตรมีความสุขเลย ถึงผมจะจำไม่ได้ก็เหอะว่าตัวเองอายุเท่าไหร่แล้ว
   
“!!”
   
น้องผมสะดุ้งตอนที่ผมหันไปกอดน้องแทน ซึ่งน้องก็ไม่รู้ว่าตกใจอะไรนักหนาเพราะยืนตัวแข็งเลย
   
ให้ตายเหอะ ผมไม่ได้กอดน้องมานานแค่ไหนแล้วนะ
   
ผมกอดน้องอยู่สักพักพอน้องเผลอ ผมก็รีบไปหาดิออนเลย แน่นอนว่าผมคว้าลังที่เต็มไปด้วยขนมติดมือมาด้วย ผมให้ดิออนถือลังให้ ส่วนผมก็กอดตุ๊กตากับแขนมันอีกที
   
“…”
   
น้องผมขมวดคิ้วมองผมแล้วถอนหายใจเซ็งๆ
   
“พ่อบอกว่าหลังจากนี้ให้ไอ้วาติกันนี่ไปเรียนด้วย สอบให้ได้ใบก่อน พ่อถึงอนุญาตให้พี่กับมันออกไปข้างนอกได้”
   
ผมพยักหน้าหงึกๆ ทำหน้าเหมือนตั้งใจฟัง แต่จริงๆ คือในใจผมวางแผนหนีเที่ยวเรียบร้อยแล้ว ขนาดเมื่อก่อนผมไม่มีใบยังหนีได้เลย นับประสาอะไรกับตอนนี้อ่ะ แถมดิออนยังเคยเป็นผู้นำตระกูลวาติกันอีก ใครหน้าจะมารังแกผมกับดิออนได้
   
“พ่อบอกว่าถ้าพี่หนีออกไปอีก จะจับไอ้วาติกันบ้านี้ส่งคืนวาติกัน”
   
“พี่ก็ไม่ได้จะหนีสักหน่อย”
   
ผมเถียงแบบเหี่ยวๆ  เพราะถ้าพูดขู่มาแบบนี้ก็คงทำจริงอ่ะ
   
“มันยากมากเลยเหรอ”
   
ดิออนถามและก้มมองผม
   
“จริงๆ ก็ไม่ยากหรอก แต่เมื่อก่อนผมกากไงก็เลยไม่ผ่านสักที แต่ไม่ต้องห่วงนะ ดิออน เดี๋ยวผมจะไปเรียนเป็นเพื่อนนายเอง!”
   
แน่นอนว่าเรียนเป็นเพื่อนของผมก็คือการอยู่ในร่างค้างคาวแล้วหลับซบมันเฉยๆ ผมหลับได้ตลอดแหละ ถ้าเป็นอะไรที่เกี่ยวกับเรียน สมองน้อยๆ ของผมชอบจำอะไรสนุกๆ มากกว่า
   
“คิดรอแล้วกันว่าอยากไปไหน”
   
“อื้อ”
   
ผมยิ้มจนตาหยีแล้วซบแขนมัน
   
ถึงผมจะเคยเที่ยวไปทั่วแล้วก็เหอะ แต่การได้ไปเที่ยวกับดิออนสองต่อสองน่าจะเป็นอะไรที่สนุกมากแน่ๆ
   
แค่คิดผมก็มีความสุขแล้วอ่ะ การใช้ชีวิตไร้สาระไปวันๆ ของผมจะมีสีสันขึ้นแล้วสินะ
   
“..เดือนหน้า จะมีการประลองหาหัวหน้าสมาคมคนใหม่”
   
น้องผมพูดเหมือนพูดลอยๆ เพราะไม่ได้มองผม แต่ผมก็รู้แหละว่าน้องจงใจพูดให้ผมได้ยิน
   
“พ่อบอกว่าเพื่อไม่ให้เป็นที่คลางแคลงใจในความสามารถของหัวหน้าสมาคมคนใหม่ ทุกคนสามารถร่วมเข้าแข่งขันได้ ใครที่ชนะจนถึงคนสุดท้ายก็จะได้เป็นหัวหน้าสมาคมแต่ก็ต้องผ่านการยอมรับจากกรรมการสมาคมจากประเทศอื่นๆ อย่างน้อยสามประเทศถึงจะครองตำแหน่งนั้นได้”
   
“พี่ไม่ลงนะ”
   
ผมออกตัวก่อนเลย ถึงตอนนี้พลังผมจะตื่นแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองกากอยู่ดีและผมก็ไม่อยากโชว์กากให้ใครดูด้วย
   
“แต่ผมลง”
   
น้องผมพูดเสียงเข้มมองผมนิ่ง ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่น้องลง คือน้องผมก็มีแววมาตั้งแต่เด็กแล้วอ่ะ ไม่กาก ส่วนผมกากตั้งแต่เด็กเลยไม่มีอะไรพวกนี้อยู่ในสมองสักนิด
   
ผมรู้อยู่ละว่าตำแหน่งหัวหน้าสมาคมมันมีอะไรมากกว่าที่ต้องมีพลังเยอะอ่ะ ขนาดพ่อผมที่เก่งๆ ยังยุ่งจนหัวปั่น ตอนเด็กๆ ผมแทบไม่ได้เจอพ่อ ซึ่งตอนนั้นแม่ผมก็ยุ่งเหมือนกันเพราะอยู่ในช่วงสงครามกับพวกวาติกัน
   
วันๆ ผมเลยไม่รู้จะทำอะไร ก็นั่งเล่นไปเรื่อยอ่ะ เพื่อนที่อายุใกล้กันก็ชอบมาแกล้งผมอีก เพราะผมกากไม่สมกับเป็นลูกหัวหน้าสมาคม ผมตอนนั้นก็ไม่อยากเพิ่มภาระให้แม่ก็เลยชอบแปลงร่างเป็นค้างคาวแล้วหามุมมืดๆ มุดร้องไห้คนเดียว
   
แต่เรื่องนี้พวกนี้มันก็เป็นแค่อดีตแหละ ผ่านมาตั้งนานจนผมเกือบลืมไปหมดแล้ว แต่มันก็ยังเป็นแผลหนึ่งของผมอยู่ดี
   
“อือ พี่จะอยู่เชียร์แล้วกัน”
   
ผมยิ้มให้น้อง
   
“พี่พูดแล้วนะ!”
   
น้องผมดูดีใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด จนผมอดยิ้มมากกว่าเดิมไม่ได้
   
“เอาตำแหน่งมาให้ได้นะ แม็กซ์”

---------------

ใครแกล้งน้อน  :fire:

#ห้ามปิ้งค้างคาว
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 14 15/12/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 16-12-2019 11:35:05
เป็นพี่น้องที่น่ารัก..แม็กซ์หวงพี่ชายมาก  :3123:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 14 15/12/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Lille.Guk ที่ 17-12-2019 12:42:41
เจ้าแม็กซ์หวงครูซสุดด 55555 :impress2:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 14 15/12/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-12-2019 09:51:39
รอๆ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 14 15/12/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 19-12-2019 22:46:00
น้องแม็กน่ารัก รอวันประลองเลย
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 14 15/12/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 20-12-2019 19:51:01
น้องหวงพี่ :hao7:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 15 7/1/63 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 07-01-2020 23:04:32
ตอนที่ 15

   
“สอบเหรอ ก็ยากอ่ะ”
   
ผมหน้ายู่ทันทีที่ดิออนถามถึงเรื่องสอบระหว่างที่มันกำลังเรียนอยู่ในห้องโถงรวมกับแวมไพร์คนอื่นๆ ที่มาเรียนเพื่อเตรียมตัวเหมือนกัน มีแวมไพร์หลายคนแอบมองผมกับดิออน แน่นอนว่าผมไม่สนใจแถมยังภูมิใจด้วยซ้ำ
   
ก็ผมอ่ะ เอาของที่ดีที่สุดในแดนมนุษย์มาเป็นแฟนเลยนะ!
   
ในประวัติศาสตร์แวมไพร์หลายร้อยหลายพันปีไม่เคยมีใครเอาผู้นำตระกูลวาติกันมาเป็นแฟนมาก่อน ผมเลยเป็นคนแรกที่เปิดประเดิมเลย คือถ้าเป็นวาติกันธรรมดาทุกคนก็เฉยๆ แต่นี่เป็นผู้นำวาติกันที่ทุกคนเคยเห็นในไลน์บ่อยๆ ไง ซึ่งผมก็เพิ่งมารู้ทีหลังเนี่ยแหละว่าในหมู่แวมไพร์ดิออนก็ค่อนข้างดังพอตัวเลย
   
“ยากมากเลยเหรอ”
   
ดิออนกระซิบถามผมต่อ สีหน้าดูเบื่อหน่ายกับสิ่งที่อาจารย์สอนบนกระดานมาก ซึ่งก็เป็นพวกทฤษฎีความรู้เบื้องต้นทั่วไปสำหรับชาวแวมไพร์ที่ควรรู้อะไรทำนองนั้น
   
“ทฤษฎีอ่ะไม่ยากหรอก ผมสอบรอบเดียวก็ผ่าน แต่ที่ยากคือปฏิบัติอ่ะ ไม่ผ่านสักที”
   
“ไอ้ที่ทำให้นายหายไปเป็นสิบปีใช่ไหม”
   
“ก็พลังผมยังไม่ตื่นอ่ะ จะทำอะไรมันก็ยากไปหมดนี่นา”
   
ผมหน้างอ
   
“..แต่พลังก็ตื่นแล้วนี่”

พอเห็นผมงอแงมันก็ลูบหัวผมจนผมกลับมาอารมณ์ดีเหมือนเดิม จริงๆ ผมอยากคืนร่างค้างคาวแล้วอ้อนมันนะแต่ติดที่ว่าคุยกันไม่รู้เรื่องเนี่ยแหละ
   
ผมหัวเราะอยู่สักพักก่อนที่จะรีบปิดปากเงียบตอนที่อาจารย์มองเขม่นมาทางผม รอจนอาจารย์หมกมุ่นกับการสอนต่อผมก็ป้องปากกระซิบกระซาบกับดิออน
   
“เรื่องสอบทฤษฎีนายไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวผมโกงให้เอง”
   
“…”
   
“อย่ามองผมแบบนั้นสิ ถึงผมจะสอบรอบเดียวผ่านก็เหอะ แต่มันยากนะสำหรับคนที่เคยเป็นมนุษย์ธรรมดาอย่างนายอ่ะ ประวัติศาสตร์แวมไพร์อะไรไม่รู้เต็มไปหมด เยอะพอๆ กับมนุษย์แหละ แต่ที่เวอร์กว่าคือทุกคนมีพลังแทบไม่เหมือนกันเลย คือผมอยากไปเที่ยวแล้วอ่ะ ผมเบื่อสมาคมแล้ว!”
   
ถึงผมจะกลับมาได้ไม่ถึงอาทิตย์ก็เหอะ แต่ผมก็เบื่อแล้วนี่นา ที่นี่ไม่มีอะไรน่าสนุกเลยสักนิด แล้วผมก็ไม่ชอบรับพวกภารกิจของสมาคมไปทำด้วย เวลากลับมาทีก็ได้แต่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาหาเลือดกินแล้วก็ผ่านไปอีกวัน ยังคงคอนเซ็ปต์แวมไพร์ไร้สาระไปวันๆ ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
   
“แล้วจะโกงยังไง”
   
“มีวิธีแล้วกัน”
   
ผมหัวเราะคิกคักแล้วคืนร่างกลับเป็นค้างคาวตัวจิ๋วไปซบบนไหล่ดิออนเพื่อที่จะนอน
   
“เหนื่อยเหรอ”
   
มันถามผมด้วยรอยยิ้มมุมปาก จนผมมั่นใจเลยว่าถ้ายังอยู่ในร่างมนุษย์ผมก็คงหน้าแดงเถือกอ่ะ แต่นี่อยู่ในร่างค้างคาวไงก็ดำๆ มันก็คงดูไม่ออกหรอก
   
ผมยกมือขึ้นปิดหน้าเขินๆ
   
เหนื่อยสิ เหนื่อยมากด้วย เมื่อวานไม่รู้ว่ามันคึกอะไรจัดการผมตั้งแต่ดึกยันเช้าอ่ะ
   
กี้!!!
   
ผมที่กำลังหลับเพลินๆ ร้องลั่นตอนที่อยู่ๆ ก็โดนคีบไปวางบนมือใครสักคน ซึ่งมันก็เกิดขึ้นเร็วมากจนดิออนจะคว้าผมไว้ไม่ทัน ผมใช้มือขยี้ตาพยายามมองว่าใครมาหยิบผมเหมือนหยิบของฟรีตามห้างแบบนี้
   
“!!!!!”
   
กี้!!!!!
   
ผมตาโตร้องลั่นดังกว่าเดิมอย่างเสียขวัญ
   
ไอ้เบน!!!
   
กี้ๆๆๆ
   
ผมโวยวายพยายามตะเกียกตะกายกลับไปหาดิออนแบบลืมไปโดยสิ้นเชิงว่าพลังตัวเองตื่นแล้ว ผมแทบจะน้ำตาแตกตอนที่มันเอาผมเข้าไปใกล้หน้าของมัน
   
“อย่ามายุ่งนะ!!!”
   
ผมรีบคืนร่างมนุษย์แล้ววิ่งไปหลบหลังดิออนทันทีแล้วชะเง้อหน้าออกมาด่า ‘ศัตรูตัวฉกาจ’ ของผม
   
ใช่ ในชีวิตแวมไพร์กากๆ ของผมที่เต็มไปด้วยศัตรูมากมาย มีคนที่ผมจัดอันดับให้ด้วยว่าเป็นศัตรูที่ร้ายแรงและใจร้ายที่สุดของผม คือถ้ามันมีงานอดิเรกเป็นปิ้งแวมไพร์เล่น ผมก็ไม่แปลกใจอ่ะ
   
“อะไรกัน ไม่เจอกันตั้งนาน นายทักทายเพื่อนเก่าด้วยประโยคแบบนี้เหรอ”
   
เบนมองผมด้วยสีหน้าผิดหวัง ซึ่งถ้าเป็นแวมไพร์ทั่วไปที่ไม่รู้จักมันก็หลงกลอ่ะ ผมเองก็เคยเป็นคนที่หลงเชื่อมันเหมือนกัน พอรู้จักกันไปสักพักถึงได้รู้ว่าภายใต้หน้าหล่อๆ ใส่แว่นกรอบบาง ดูไร้พิษภัยของมันนั้นเป็นของปลอม เพราะความจริงคือมันเป็นหมาป่าหุ้มหนังแกะชัดๆ
   
มีที่ไหนอ่ะ เรียนก็มาเรียนคลาสเดียวกับผม อายุก็เท่ากัน แต่มันแกล้งให้ผมร้องไห้ทุกวันเลยอ่ะ แถมยังเคยปลอมเป็นพวกวาติกันบุกเข้ามาในห้องแล้วจับผมในร่างค้างคาวที่กำลังหลับตายไปมัดใส่ไม้แล้วปิ้งกับไฟ คือที่ผมฝังใจกับการปิ้งค้างคาวก็เพราะมันส่วนหนึ่งเลย
   
“ไปไหนก็ไปเลย! ไม่ต้องมายุ่ง!”
   
ผมหน้าบูดแล้วโบกมือไล่มันเหมือนไล่ยุง
   
“เรื่องที่มีคู่แล้ว เป็นเรื่องจริงเหรอ?”
   
มันทำเหมือนไม่ได้ยินที่ผมพูดแล้วถามผมหน้าตาเฉย ซึ่งผมก็เพิ่งสังเกตว่ามันดูเหมือนจะสูงขึ้นกว่าที่เคยเจอกันครั้งล่าสุดแถมยังดูสุขุมขึ้นด้วย
   
“นี่ไงคู่ผม ไม่เห็นรึไง”
   
ผมแยกเขี้ยวใส่มัน ดีหน่อยที่ตอนนี้ดิออนเรียนเสร็จแล้วและมานั่งอ่านหนังสือในโรงอาหาร ผมกับเบนเลยเสียงดังกันได้เลยเต็มที่ไม่ต้องเกรงใจใคร
   
“..มนุษย์?”
   
เบนแค่นเสียงถามผมเสียงสูงแล้วมองเหยียดดิออนของผม
   
“แวมไพร์ต่างหาก”
   
ผมเถียงแล้วเอาหน้าซบแขนดิออนแสดงความสนิทสนมให้มันดูแบบสุดๆ
   
“…แต่ยังไงมันก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ดี”
   
เบนตอบผมเสียงขุ่นสีหน้าหงุดหงิด
   
“นายหาคู่ที่มันดีกว่านี้ไม่ได้รึไง ทำไมต้องไปเอามนุษย์ชั้นต่ำพรรค์นี้ด้วย”
   
ผมกำลังจะเถียงกลับแต่พอเห็นสีหน้าเหมือนจะย่างแวมไพร์ของดิออน ผมก็รีบกระแซะดิออนทันที คือผมก็โกรธเหมือนกันแหละ แต่ผมก็ยังไม่อยากให้ดิออนหงุดหงิดนี่นา น่ากลัวอ่ะ ให้คนที่ทำตัวเหมือนโลกจะแตกทุกวันมีแค่ผมก็พอแล้ว
   
“คู่ผม ผมจะเลือกอะไร มันก็เรื่องของผมไหมล่ะ นายเหอะมาทำอะไรที่นี่ หรือโดนไล่ออกจากที่โน่นแล้ว”
   
ผมถามทั้งๆ ที่รู้ เพราะเบนก็เหมือนกับผมและน้อง หนึ่งในผู้มีสิทธิ์ถ้าชิงตำแหน่งหัวหน้าสมาคมประจำประเทศไทย คือเอาจริงผมก็ไม่รู้ว่าไอ้ตำแหน่งนี้มันน่าแย่งตรงไหน แต่ถ้าพ่อผมเป็น ผมก็ให้คะแนนความเท่เต็มล้านอ่ะ พ่อผมเท่มาก เท่ที่สุด
   
“รู้อยู่แล้วจะถามทำไม”
   
มันขมวดคิ้วมองผม
   
“แล้วอีกอย่างนะ ฉันว่างมาทวงตำแหน่งคืนแล้ว”
   
“ตำแหน่งอะไร”
   
“คู่ของนายไง”
   
มันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือรุนแรงมาก
   
“ฉันเป็นคู่ของครูซแล้ว”
   
ดิออนตอกกลับด้วยน้ำเสียงโหดมาก ถ้าผมโดนมันดุแบบนี้คงร้องไห้ทั้งวันอ่ะ
   
ผมกอดแขนดิออนแน่นเลยเพราะมันทำท่าจะไปสู้กับเบน คือดิออนก็เพิ่งฝึกใช้พลังแวมไพร์ได้ไม่เท่าไหร่เอง ผมไม่รู้ว่าควบคุมได้ดีแค่ไหน หรือมันจะใช้ศาสตร์ของวาติกันสู้ก็ไม่รู้
   
แต่ที่แน่ๆ เลยคือผมไม่ปล่อยให้เกิดการตีกันแย่งผมที่นี่แน่ๆ ให้ตายเหอะ นี่มันโคตรจะเป็นสถานการณ์ที่กระอักกระอ่วนเลย แล้วอีกอย่างนะ เบนมันชอบผมจริงเหรอ ทำไมผมไม่รู้มาก่อน
   
“แวมไพร์ในสมาคมก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ นายก็เลือกๆ เอาสักคนไม่ได้รึไง ทำไมต้องมายุ่งกับผมด้วย!”
   
ผมตัดสินใจไปยืนขวางดิออนไว้ ไม่อยากให้มันออกตัวแรงมาก ผมยังไม่อยากเป็นหม้ายตั้งแต่เพิ่งเป็นแฟนกับมันได้ไม่ถึงเดือน
   
“ฉันเคยบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ ครูซ ว่านายต้องเป็นคู่ฉัน!”
   
มันพูดแบบเอาแต่ใจมากแถมยังทำหน้าเหมือนผมเป็นคนผิดอีก ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยตกลงอะไรกับมันเลยว่าจะเป็นคู่ด้วยอ่ะ จะให้ผมเป็นแฟนกับมันเหรอ ไม่มีวันนั้นหรอก!!
   
“ไม่เป็น!”
   
ผมร้องลั่นหน้างอใส่มัน คือถ้าทะเลาะกันในห้องผมจะจูบดิออนโชว์มันละ ให้มันรู้ไปเลยว่าผมน่ะรักและถวายตัวให้กับดิออนขนาดไหน พอเบนจะโวยวายต่อผมก็พูดตัดบทมัน
   
“แล้วนายอ่ะไม่ใช่เสป็คผมด้วย ที่ผมชอบคือแบบนี้”
   
ผมผายมือใส่ดิออนด้วยสีหน้าภูมิใจมาก แน่นอนว่าถ้าพ่อกับน้องผมมาเห็นผมแด๊ดแด๋อย่างนี้คงรับไม่ได้แน่ๆ
   
“ผมไม่สนใจหรอกนะว่านายจะพูดอะไร แต่ยังไงผมก็มีคู่แล้วอยู่ดี ฉะนั้นเลิกยุ่งกับผมสักที มันน่ารำคาญ”
   
ถึงจะเคยอยู่ในสถานะเพื่อนร่วมชั้นกันมาก็เหอะ แต่สำหรับผมเบนก็เป็นคนที่แกล้งผมเยอะเกินไปคนหนึ่งอ่ะ ที่ผมไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองก็เพราะว่ามันชอบมาล้อผมด้วยอ่ะ
   
ผมไม่รู้ว่ามันจำได้ไหมว่าตัวเองทำอะไรกับผมไปบ้าง แต่ผมจำได้ทุกอย่างอ่ะ กับแวมไพร์กากๆ ที่พลังยังไม่ตื่นอย่างผมแค่รั้งท้ายก็น่าอายพอแล้ว พอโดนล้อว่ากากกว่าเด็กอีก ก็ยิ่งทำให้ผมไม่อยากเรียน ไม่กล้าโผล่หน้าไปห้องเรียนด้วยซ้ำ

“...”
   
ไม่รู้ว่าดิออนมันสัมผัสได้ว่าผมซึมลงหรืออะไร อยู่ๆ มันก็ดึงผมไปอยู่ข้างหลังมัน
   
“ไสหัวไป!!”
   
มันตะคอกใส่เบนเสียงดังลั่นจนผมสะดุ้งสุดตัว
   
“...”
   
แต่เรื่องที่ประหลาดกว่านั้นคือเบนไม่ได้ตะคอกกลับ ทั้งๆ ที่ปกติมันเป็นคนไม่ยอมใครเลย
   
ผมพยายามจะชะเง้อมองมันแต่ก็ถูกมือดิออนกดไว้ไม่ให้ดู จนกระทั่งมันไปแล้ว ดิออนถึงยอมปล่อยให้ผมเป็นอิสระ มันเอามือหนาๆ ของมันลูบใต้ตาผมที่ผม
   
“อย่าร้อง”
   
“...”
   
ผมร้องไห้เหรอ
   
ผมลองลูบใต้ตาตัวเองบ้างถึงได้รู้ว่าผมน้ำตาซึม คือผมก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะว่าตัวเองร้องไห้เรื่องอะไร แต่แค่เห็นหน้าเบนแล้วนึกถึงเรื่องเมื่อก่อนที่มันเคยทำกับผม ผมก็เจ็บแล้วอ่ะ
   
มันเป็นคนแกล้งผม มันก็คงจำไม่ได้หรอก
   
ผมก็พยายามจำไม่ได้แหละ แต่สุดท้ายก็ยังจำได้อยู่ดี แล้วตอนนี้มันก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอ่ะ มันอาจจะชอบผมจริงก็ได้ แต่ผมก็คงยอมรับความรู้สึกมันไม่ได้ แค่เพื่อนผมยังยอมรับให้มันเป็นไม่ได้เลย
   
“เบนนิสัยไม่ดี ชอบแกล้งผม”
   
ปกติผมไม่ใช่คนขี้ฟ้องนะ แต่พอเห็นหน้าดิออนแล้วผมก็สารภาพออกมาหมดเลย
   
ผมไม่อยากให้มันเป็นห่วงผมอ่ะ ผมร้องไห้ด้วยเรื่องไร้สาระแค่นี้เอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่
   
“ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่แสบตานิดหน่อย”
   
“กลับห้องไหม”
   
“อื้อ”
   
ผมพยักหน้าเบาๆ แล้วปล่อยให้มันพาผมกลับห้อง

   

หลังจากที่เจอเบนผมก็ขลุกตัวอยู่ในห้อง ตอนดิออนออกไปเรียนผมก็ไม่ได้ตามไป พวกคนอื่นๆ ที่สิทธิ์ในการแย่งชิงตำแหน่งเหมือนกันก็เริ่มตามมาสมทบ สมาคมแวมไพร์ที่เคยเงียบสงบช่วงนี้จึงเสียงดังมาก กึกก้องแทบจะตลอดเวลาจากการพูดคุยสังสรรค์ และการลงเงินพนันกันเพื่อเล่นสนุกว่าใครจะได้เป็นผู้ครอบครองตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ไป
   
ถามว่าผมรู้ได้ไง
   
“อ้าว นายไม่ลงเหรอ ครูซ อุตส่าห์มีสิทธิ์ลงทั้งที”
   
เพื่อนเก่าแก่ผมคนหนึ่งมาเคาะประตูถามผม ทั้งๆ ที่มันก็ลงเงินไปกับคนอื่นไปแล้ว
   
“จะลงทำไม ให้แม็กซ์ลงอ่ะดีแล้ว”
   
ผมหน้าบูดใส่มัน
   
“แค่คิดว่าจะเที่ยวไหนดี ผมก็ปวดหัวจะแย่ อย่าให้ผมต้องมาปวดหัวเรื่องสมาคมเพิ่มเลย”
   
มันพยักหน้าแกนๆ ก่อนที่จะทำหน้ามีเลศนัยใส่ผมจนผมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ
   
“วาติกันที่สู้กับเบนเมื่อวานเป็นคู่นายใช่ไหม”
   
“หมายความว่าไง ใครสู้กัน”
   
ผมย้อนถามมันเสียงสูงตาโตแบบตกใจมาก เพราะวาติกันในสมาคมก็มีแค่ดิออนคนเดียวอ่ะ แถมเมื่อวานมันกลับห้องมาก็ดูเหนื่อยกว่าปกตินิดหน่อยไม่เหมือนสภาพที่เพิ่งไปฟัดกับอดีตท็อปห้องสักนิด
   
“เบนไปท้าวาติกันแล้วสองคนนั้นก็ไปตีกันที่สนาม คือฉันบอกตามตรงเลยว่านายโคตรพลาดที่ไม่เห็น เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ฉันเบนมันแพ้ใครสักคนราบคาบขนาดนี้ ไอ้วาติกันนั้นเก่งเป็นบ้าเลย ใช้ทั้งพลังแวมไพร์ทั้งพลังพวกวาติกัน จนเบนมันขอถอนตัวแล้วหนีกลับบ้านแล้ว”
   
“..ดิออนเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ”
   
ผมถามอึ้งๆ
   
เพราะนี่มันโกงมาก ผมฝึกพลังแวมไพร์เพื่อต่อสู้ตั้งนานกว่าจะคล่อง ดิออนเพิ่งเรียนได้ไม่นานเองก็เก่งขนาดล้มเบนได้แล้วอ่ะ ขี้โกง!
   
“ก็เก่งขนาดนั้นแหละ แต่นายก็นะ มนุษย์ก็มีตั้งเยอะแยะแต่ดันเอาวาติกันมาเป็นคู่ พรุ่งนี้ก็ซ่อนๆ คู่ของนายหน่อยแล้วกัน งานประลองใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ถ้าพวกผู้ใหญ่ที่ตามมาเห็นผู้นำตระกูลวาติกันมาอยู่ในสมาคมแบบนี้คงตกใจตายกันพอดี”
   
“ดิออนเป็นแวมไพร์แล้ว”
   
ผมเถียงทันที เพราะทุกคนก็น่าเห็นอยู่อ่ะว่าดิออนมีเขี้ยวแถมยังบินได้ด้วย! ถึงจะเคยเป็นวาติกันมาก่อนก็เหอะแต่ตอนนี้ดิออนก็เป็นแวมไพร์แล้วอ่ะ ขนาดพ่อผมที่ว่าเคร่งเรื่องการเอาคนนอกเข้ามาในสมาคมยังให้ผ่านเลย
   
“ฉันรู้ แต่มันก็เคยเป็นวาติกันมาก่อนอยู่ดี แล้วพวกผู้ใหญ่เขาค่อนข้างสนใจตรงนี้”
   
“...แต่”
   
“ไม่มีแต่ แม็กซ์ฝากมาบอกนายด้วยว่าเก็บคู่นายไว้ในห้องให้ดีๆ อย่าให้หลุดออกมา ไม่งั้นพวกผู้ใหญ่เขาไม่เอามันไว้แน่”
   
“..ก็ได้”
   
ผมรับคำหงอยๆ เพราะใจจริงอยากพาดิออนไปเชียร์น้องด้วย แต่ก็เข้าใจแหละว่าการเปิดใจรับคนนอกมาเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมเป็นอะไรที่ทำใจยอมรับได้ยาก ขนาดแวมไพร์ในสมาคมเองบางคนยังดูไม่ค่อยพอใจเลย ทั้งๆ ที่ดิออนก็ทิ้งอนาคตอันรุ่งโรจน์ของตัวเองในฐานะวาติกันไปแล้วแท้ๆ
   
ผมก็แค่อยากให้ทุกคนยอมรับดิออนเหมือนถึงผมยอมรับเท่านั้นเอง
   
“แต่ฉันถูกชะตาแฟนนายนะ เขาดูรักนายจริงๆ ”
   
“...เหรอ”
   
ผมหน้าแดงเพราะพอฟังจากคนอื่นแล้วมันโคตรจะเขินเลย
   
“เออสิ ดุๆ จริงจังแบบนั้นเหมาะกับแวมไพร์ไร้สาระอย่างนายจะตาย”
   
ผมหัวเราะรับคำเหน็บแนมเพราะมันจริงมาก ดิออนได้ผมเป็นแฟนก็เหมือนเลี้ยงลูกอ่ะ ผมทำอะไรไม่เป็นนอกจากน่ารักไปวันๆ ไร้สาระแล้วก็หลับ เป็นแวมไพร์ที่รักสันติและเป็นมิตรที่สุดในโลก เสียดายที่ผมสังเคราะห์แสงไม่ได้ ไม่งั้นโลกคงจะรักผมมากกว่านี้
   
“เอ้านี่ ของขวัญ”
   
“ของขวัญไรอ่ะ”
   
ผมถามงงๆ แต่ก็รับมาแกะ ไม่รู้ทำไมช่วงนี้ทุกคนถึงขยันให้ของขวัญเกิดผมเหลือเกิน
   
“ก็วันเกิดนายไง ถึงจะผ่านมาแล้วก็เหอะ”
   
“ทำไมให้อ่ะ ปกติไม่ค่อยให้นี่นา”
   
“เออให้ก็เอาๆ ไปเหอะ ของฟรี”
   
ยิ่งมันพูดแบบนี้ผมยิ่งสงสัย ซึ่งพอแกะออกมาผมก็ตกใจจนแทบทำหลุดจากมือ
   
มันให้ชุดกระต่ายผม!!
   
ไม่ใช่กระต่ายน้อยน่ารักด้วย แต่เป็นชุดกระต่ายที่ดูแล้วโคตรจะลามกเลย!!! ดูก็รู้ว่าซื้อมาแกล้งผมอ่ะ
   
“ไม่เอา! เอาคืนไปเลย!!”

ยิ่งเห็นผมเขินมันก็ยิ่งหัวเราะลั่น

“ก็นายเคยบอกฉันไม่ใช่เหรอว่าชอบชุดกระต่าย”

“ผมบอกว่าชอบกระต่าย ไม่ใช่ชุดกระต่ายไหมล่ะ”

แค่ผมถือผมก็เขินแล้วอ่ะ ผมจะไม่ยอมใส่มันแน่ๆ

ซึ่งระหว่างที่ผมพยายามยัดเยียดชุดคืนให้มันแบบสุดชีวิต คนที่ผมไม่อยากให้มาเจอที่สุดก็เดินกลับมาหาผมพอดี พอเห็นว่ายังไงก็ยัดเยียดคืนไม่สำเร็จผมก็เอายัดๆ ใส่ในเสื้อตัวเอง และได้แต่หวังว่าดิออนจะไม่สังเกตเห็นมัน

“แฟนนายกลับมาแล้ว งั้นฉันไปละ”

“ไปไหนก็ไปเลย!”

ก็อยากจะลาดีๆ นะ แต่มันให้ของแบบนี้มาอ่ะ

คือแค่เมื่อวันก่อนผมก็แทบตายแล้วอ่ะ ขืนถ้าผมใส่แบบนี้แล้วดิออนชอบมาก ผมก็คงได้แห้งตายคาห้องกันพอดี

“มีอะไรรึเปล่า”

ดิออนมันถามผมงงๆ ผมที่ขี้เกียจตอบก็เลยดึงมันเข้าห้องแล้วโน้มหัวมันลงมาจูบผม จูบอยู่สักพักกว่ามันจะยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระ

“..ดิออน นายสู้กับเบนมาเหรอ”

ถึงผมจะค่อนข้างเชื่อใจเพื่อนมากก็เหอะ แต่ผมก็อยากรู้จากปากมันเองอยู่ดี

“อืม” มันพยักหน้าง่ายๆ แล้วลูบหัวผม ไม่ได้อธิบายอะไรกับการกระทำของตัวเอง แต่ผมที่ดันเข้าใจดีก็น้ำตารื้นเลย
มันทำเพื่อผม

“พลังนายโคตรขี้โกงเลย”

ผมบ่นอุบแล้วเขย่งขึ้นจูบมันอีก ผมครางในลำคอปล่อยให้มันล้วงเข้ามาในเสื้อ ยินยอมให้มันทำทุกอย่างกับตัวเองและลืมไปเลยว่าผมแอบยัดซ่อนอะไรไว้

“นี่คือ?”

ดิออนที่ตอนแรกยังสนใจกับการลวนลามร่างกายผม ตอนนี้มันกลับให้ความสนใจสุดๆ กับสิ่งที่มันเจอในเสื้อผม มันคลี่ชุดกระต่ายที่ไอ้เพื่อนบ้าซื้อมาให้ผมออกมาจนสุด และมองสลับกับผม

“...”

“...”

พอได้สติผมก็หน้าแดงแจ๋แล้วส่ายหน้าทันควัน

“..ไม่ ไม่ใช่ของผมนะ ดิออน ผม ผมไม่ใส่หรอก!”

“...”

ผมหน้าแดงกว่าเดิมตอนที่เห็นสายตาอ้อนวอนของมัน ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันไปเอามาจากไหน แต่คือผมโคตรแพ้เลย ให้ตายเหอะ นี่คือความรู้สึกของคนอื่นเวลาที่ผมใช้สายตาแบบลูกหมาหิวข้าวใช่ไหมเนี่ย
แล้วยิ่งดิออนมันหล่อด้วยอ่ะ ผมยิ่งโคตรแพ้เลย

ผมทนใจแข็งได้สักพักสุดท้ายก็แพ้แบบราบคาบ

“ก็ได้ ก็ได้ ผมใส่ก็ได้! แต่ผมให้แค่รอบเดียวนะ พรุ่งนี้ผมต้องตื่นไปเชียร์น้อง”

ผมจำได้ว่าตัวเองบอกมันอย่างนั้นนะ แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆ ก็มากกว่าหนึ่งรอบอยู่ดี

;w;

-----------

สวัสดีปีใหม่ทุกคนนะคะ  :mc3:  ถึงจะล่าช้าไป 7 วันก็ตาม 5555555555   

ขอให้มีความสุขมากๆ นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 15 7/1/63 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-01-2020 23:29:36
อยากเห็นกระต่ายครูซ   :hao6:
สวัสดีปีใหม่คุณนักเขียนเช่นกันค่า
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 15 7/1/63 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 08-01-2020 13:40:18
สนุกค่ะ รออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 15 7/1/63 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-01-2020 16:59:45
ดูรักกันดีนะ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 15 7/1/63 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 08-01-2020 20:39:13
ครูซหลงผัวมาก :hao7:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 15 7/1/63 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 11-01-2020 22:38:27
ครูซ เสน่ห์แรงจริงๆ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 15 7/1/63 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: RENYINGYING ที่ 12-01-2020 01:24:38
งื้อออ อยากบอกว่าชอบเรื่องนี้มากค่ะ เท่าที่อ่านโครงเรื่องดีมาก ดูไม่ใช่เรื่องสั้นเลยนะคะ บางส่วนอาจไม่ละเอียดเหมือนเรื่องสั้นแต่น้อยมาก แต่งเป็นเรื่องยาวได้เลย ชอบมากค่ะ หลงรักนายเอกมาก มีความลงตัวกับพระเอกสุด น้องแม๊กก็ห่วงพี่น่ารักมากชอบแบบนี้ ถ้ามีหนังสือก็บอกได้เลยว่าซื้อแน่นอน ถ้าคุณคนเขียนในอนาคตมีแพลนจะแต่งแนวนี้อีกเป็นเรื่องยาว ก็จะคอยติดตามนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ชอบมากไม่อยากให้จบเลย  :sad4: อยากให้ต่อไปเรื่อยๆ หายากนะคะที่โดนใจแบบนี้ :pig4: :m1:  :กอด1: :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 15 7/1/63 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 12-01-2020 16:19:09
แวมไพร์น่ารัก
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 14 15/12/62 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 12-01-2020 17:49:23
น้อนนนนนนน มากกกก ใครๆ ก็หวงอ่ะเนอะ
เอ็นดูไม่ไหวแล้ว
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 16 19/1/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 19-01-2020 00:07:14
ตอนที่ 16

   
“ไม่ต้องคิดถึงผมนะ ดิออน เดี๋ยวถ้างานเสร็จผมจะรีบกลับมาหาเลย”
   
ผมบอกมันทั้งๆ ที่เป็นผมเองเนี่ยแหละกอดตัวมันแน่น ไม่ยอมขยับ ทั้งๆ ที่โดนน้องเคาะเรียกอยู่หน้าประตูมาเกือบห้านาทีแล้ว และแน่นอนว่าน้องบ่นผมไม่หยุด
   
“รีบไปเชียร์น้องไป ก่อนที่น้องนายจะฆ่าฉันจริงๆ ”
   
ดิออนยิ้มบางแล้วลูบหัวผม ดูไม่กังวลสักนิดที่จะปล่อยผมออกไปผจญกับสมาชิกสมาคมแวมไพร์ที่คงมาไม่ต่ำกว่าร้อยสองร้อยคนเพื่อมาเป็นสักขีพยานหาหัวหน้าสมาคมคนใหม่ในวันนี้
   
เชื่อเหอะ ถ้าเปลี่ยนจากแม็กซ์เป็นผมที่ลงประลองวันนี้คงคนละเรื่องอ่ะ ผมคงอยู่ในร่างค้างคาวแล้วไปซ่อนตัวในที่สักที่เพื่อหนีความจริง พอคนเจอก็ร้องไห้ใส่
   
“ผมไม่อยากไปเลยอ่ะ”
   
ผมหน้าบูด เป็นไปได้ผมก็อยากอยู่ในห้องกับดิออนเหมือนกันนะ เพราะออกไปผมก็ต้องเก๊กมาก ปกติพ่อไม่ค่อยสนใจหรอกว่าผมจะทำตัวยังไง แต่ถ้ามีแขกมาเยือนเยอะขนาดนี้ ผมก็ต้องสวมวิญญาณเป็นลูกชายคนโตของหัวหน้าสมาคมจริงๆ อ่ะ
   
แน่นอนว่าผมจะร้องไห้ใส่แขกไม่ได้แน่ จะอยู่แต่ในร่างค้างคาวแล้วร้องกี้ๆ ทั้งวันก็ไม่ได้ใหญ่ พ่อคงจะเอาไม้ช็อตยุงที่กำลังพัฒนาอยู่มาไล่ช็อตผมแน่ๆ
   
“พี่ครูซ ออกมาสักที! พ่อเรียกแล้ว!!!”
   
น้องผมคำรามใส่ประตูจนประตูสั่นกึกๆ แทบหลุดออกมา
   
“เออ รู้แล้ว! ไปก็ได้!!”
   
ผมหน้าหงิกยอมผลออกจากดิออนแต่โดยดี และจัดเสื้อกับทรงผมของตัวเองให้เข้าที่ พยายามทำตัวให้หน้าตาดีที่สุดให้สมกับตำแหน่งที่เคยได้มาตอนอายุร้อยกว่าปีหน่อย
   
เห็นผมกากแบบนี้ แต่เรื่องหน้าตาผมก็มั่นใจอยู่นะ
   
“ผมไปแล้วนะ”
   
ผมบอกดิออนที่มันจ้องผมนิ่ง แต่แววตานิ่งๆ ที่เหมือนลุกเป็นไฟนั่นทำให้ผมรู้เลยว่ามันอยากขย้ำผมแทบแย่ แต่ก็นะ ผมมีงานหลวงต้องทำ ขืนผมมานั่งจู๋จี๋กับมันอีก รอบนี้พ่อได้มาตามผมด้วยตัวเองแน่
   
“อืม”
   
มันก้มลงจูบแก้มผมเชิงลาก่อนที่จะพาผมออกมาส่งหน้าประตู ซึ่งพอเปิดก็เจอน้องแม็กซ์ที่อยู่ในชุดประจำตระกูลเต็มยศยืนหน้าหงิกอยู่
   
“พี่จะรักมันอะไรนักหนา ผมเป็นน้องแท้ๆ พี่นะ”
   
ทันทีที่เห็นหน้าผม น้องผมก็แย่งผมออกจากดิออนทันที แน่นอนว่าผมหน้ามุ่ยไม่พอใจน้องสุดๆ
   
“พูดกับพี่เขยดีๆ หน่อยสิ แม็กซ์ หลานแกต้องการพ่อนะ”
   
ผมพูดหน้านิ่งๆ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือเกินคาดมากจนผมแทบหลุดหัวเราะออกมา
   
“อะไรนะ!!! พี่ท้องกับมันแล้ว!!???”
   
แม็กซ์สะดุ้งสุดตัว สีหน้าเหมือนโลกถล่ม อะไรที่เกี่ยวกับผมตรรกะทฤษฎีข้อเท็จจริงทุกอย่างในหัวแม็กซ์ก็เหมือนจะหยุดทำงานชั่วคราว
   
“แล้ว แล้วผมจะกำจัดมันออกจากชีวิตพี่ยังไง แล้ว แล้วผมจะทำยังไง ผมจะมีหลานแล้วเหรอ”
   
น้องผมหน้าซีดเผือด
   
“..ใจเย็น แม็กซ์ พี่เป็นผู้ชาย”
   
สุดท้ายผมหลุดขำออกมา และขำกว่าเดิมตอนที่น้องผมทำหน้าบึ้งใส่ผม
   
“ไม่ขำนะ พี่ครูซ พี่ก็รู้นี่ว่ามันเคยมีแวมไพร์ที่ท้องได้”
   
“แต่มันก็เป็นแค่เรื่องเล่านี่”
   
ผมหัวเราะ ไม่ได้กังวลเท่าไหร่เพราะคนที่เล่าเรื่องนี้ให้น้องฟังตอนเด็กๆ ก็คือผมเองเนี่ยแหละ แต่ดูเหมือนน้องจะจำไม่ได้ว่าผมเป็นคนเล่าแถมยังปักใจเชื่อมาตลอดอีก
   
“เอาเหอะ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ชอบมันอยู่ดี”
   
น้องผมมองดิออนตาขวาง ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่น้องจะญาติดีกับดิออนสักที และได้แต่หวังว่าจะญาติดีกันไวๆ เพราะคนกลางอย่างผมปวดประสาทมาก คือดิออนถึงมันจะนิ่งๆ ไม่พูดอะไร แต่มันก็มองน้องผมแบบไม่พอใจเหมือนกัน ซึ่งก็ไม่แปลกหรอก ก็น้องผมเล่นทำหน้าเหมือนจะกินหัวมันทั้งวันแบบนี้ จะให้ญาติดีด้วยก็แปลกละ
   
“ไปๆ เดี๋ยวค่อยรักกันทีหลังก็ได้ พี่ขี้เกียจโดนพ่อว่า”
   
สุดท้ายผมก็เป็นคนลากน้องออกจากหน้าประตู เพราะขืนนานกว่านี้ไม่รู้ว่าน้องผมอยากจะอุ่นเครื่องด้วยการตีกับดิออนสักรอบไหม
   
เดินมาสักพักก็มาถึงประตูเข้าสู่ลานประลอง ข้างในมีเสียงดนตรีสดซึ่งเป็นเพลงโบราณของเผ่าพันธุ์แวมไพร์บรรเลงคลอประกอบพิธีการที่ใกล้จะเริ่มต้นขึ้น ผมที่จัดเสื้อผ้าตัวเองจนมั่นใจแล้วเลิกหันไปจัดแจงให้น้องบ้าง
   
ให้ตายเหอะ
   
ผมเงยหน้ามองน้องเซ็งๆ เพราะน้องผมโคตรสูงเลย ไม่รู้ว่าแอบกินเลือดส่วนของผมตอนเด็กๆ เปล่า ถึงได้โตอะไรขนาดนี้ ของผมนอกจากอายุที่มากขึ้นก็ไม่มีอะไรโตละ
   
“ก้มหัวลงมาหน่อย เดี๋ยวพี่จัดคอเสื้อให้”
   
พอน้องก้มลงมา ผมก็หอมแก้มน้องดังฟอดแล้วหัวเราะคิกคักเพราะจริงๆ คอเสื้อของน้องผมคือจัดไว้ดีอยู่แล้ว ผมแค่อยากหอมแก้มน้องเฉยๆ
   
“ชนะให้ได้นะ พี่ยังอยากมีครีมกันแดดฟรีใช้”
   
ซึ่งที่ได้มาฟรีก็ไม่ใช่อะไร พวกตัวอย่างทดลองที่ผมเอามาลองใช้ก่อน คือถ้าผมตายก็คงเพราะไอ้ครีมพวกนี้แหละ
   
“...อืม”
   
น้องผมหน้าแดงแล้วพยักหน้าหงึกๆ ก่อนที่ทั้งผมและน้องจะเปิดประตูไม้บานยักษ์แล้วเข้าไปในห้อง ซึ่งผมก็สลัดคราบแวมไพร์ไร้สาระไปวันๆ ออกทันทีโดยสัญชาตญาณ
   
บรรยากาศในสมาคมที่ดูทางการขึ้นทำให้ผมเกร็งขึ้นโดยอัตโนมัติ ผมเดินหลังตรงแล้วงัดความรู้หลักการเป็นแวมไพร์ที่ดีออกมาใช้หลังจากที่ทิ้งไปนานหลายร้อยปีเพราะไม่ค่อยมีงานสำคัญให้ใช้
   
ผมเดินไปนั่งที่นั่งของผมที่จัดอยู่ในโซนของตระกูลแล้วตีหน้านิ่งไม่รู้สึกอะไร ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วประหม่ามาก อาจจะเพราะผมเพิ่งเข้ามาในห้องด้วย แวมไพร์ส่วนใหญ่ที่มาถึงได้จ้องผมไม่หยุด ซึ่งถ้าให้ผมเดาจริงๆ ก็คงจะเป็นเรื่องที่ผมเอาผู้นำวาติกันมาเป็นส่วนหนึ่งของแวมไพร์เนี่ยแหละ
   
ถึงพ่อผมจะรับประกันแล้วก็เหอะ แต่ทุกคนก็คงจะมองผมไม่เหมือนเดิมอ่ะ เพราะนานมากแล้วที่สมาคมแวมไพร์ไม่เอาคนนอกหรือพวกมนุษย์มาเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ ทั้งๆ ที่ประชากรของเราก็เหลือค่อนข้างน้อยมากแล้ว อัตราแวมไพร์เกิดใหม่ก็ต่ำ จริงๆ ทุกคนควรจะดีใจนะ ที่ผมหามนุษย์โปรไฟล์ดีขนาดนี้มาเป็นคู่ได้อ่ะ
   
“อย่าคุยกับใคร”
   
ผมยังคงสีหน้าปกติแม้จะเพิ่งได้ยินเสียงพ่อพูดกับตัวเองในหัวผ่านพลังแวมไพร์ ซึ่งผมก็พยักหน้าน้อยๆ ไปให้พ่อที่มองมาทางผม คือเอาจริง ต่อให้พ่อไม่บอกผมก็ไม่อยากคุยกับใครเป็นพิเศษอยู่ดี ในนี้มีแต่คนแปลกหน้าอ่ะ ถึงจะมีเพื่อนสมัยเรียนผมบ้างก็เถอะ แต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่น่าคุยขนาดนั้น
   
ผมนั่งตัวแข็งเหม่ออยู่สักพัก พิธีการก็ถึงเริ่มจริงๆ ซึ่งพิธีกรที่เป็นแวมไพร์จากที่อื่นก็มาช่วยเป็นพิธีกรดำเนินรายการให้ ส่วนผมที่ไม่ชอบงานอะไรพวกนี้ก็ได้แต่แอบหาวง่วงๆ เบื่อๆ เพราะมันไม่ค่อยมีอะไรน่าสนุกเท่าไหร่ ผมเลยเอาแต่นั่งนิ่ง ง่วง คิดถึงดิออนที่อยู่ห้องที่ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างแล้ว
   
ไม่รู้ว่าตอนนี้ร้องไห้คิดถึงผมรึยัง แต่ตอนนี้ผมโคตรคิดถึงดิออนเลย
   
ทำไงได้อ่ะ ตั้งแต่พามันมาสมาคม ผมก็ตัวติดกับมันแทบตลอดเวลา อยู่ด้วยกันทั้งตอนหลับกับตอนตื่น ยกเว้นตอนเรียนที่บางทีผมก็นอนรออยู่ห้อง เพราะทนฟังสิ่งที่ตัวเองเคยเรียนไม่ไหว มันน่าเบื่อมากกับการมานั่งจำชื่อแวมไพร์บรรพบุรุษยาวๆ ที่ไม่รู้ว่าจะจำไปทำไม
   
“นี่”
   
ผมที่กำลังจะหลับ สะดุ้งเลยตอนที่มีแวมไพร์ที่ไหนไม่รู้มานั่งข้างๆ ผม ซึ่งพอเงยหน้ามองก็พบว่าเป็นแวมไพร์สาวจากประเทศอื่นที่มาเข้าแข่งขันชิงตำแหน่งเหมือนกัน อีกฝ่ายทักผมด้วยภาษากลางและรอยยิ้มดูไม่เป็นมิตรนัก ใบหน้าสวยนั่นดูน่ากลัวกว่าผมตอนหิวข้าวอีก
   
ผมขมวดคิ้วนิดๆ เพราะเหมือนคุ้นๆ ว่าแวมไพร์นี่อายุน้อยกว่าผมแต่ฝีมือโดดเด่นมาก และตอนนี้ผมก็เริ่มรู้สึกว่านี่ผมเป็นดารารึเปล่า ทำไมถึงมีแต่คนอยากมาคุยด้วย
   
“...”   
   
ผมเบือนหน้าหนี พยายามไม่สนใจ กลัวว่าจะสร้างปัญหาให้กับครอบครัว
   
“วาติกันของนายน่ะ ยกให้ฉันได้ไหม”
   
“ไม่”
   
ผมตอบกลับด้วยภาษากลางเสียงแข็ง
   
เรื่องนี้คอขาดบาดตายมาก ผมปล่อยผ่านไม่ได้หรอก ดิออนเป็นของผมและผมจะไม่ยกให้ใครแน่ๆ ตอนนี้คือมันเป็นทุกอย่างให้ผมอ่ะ ทั้งเป็นคู่ อาหารตา เป็นคนอาบน้ำให้และอีกสารพัดอย่างที่มันทำให้ผม ซึ่งเอาจริงๆ บางทีผมก็รู้สึกว่าผมเหมือนเป็นลูกมันมากกว่าแฟนอีก
   
“ถ้ามันทรยศขึ้นมา นายจัดการเขาไม่ได้หรอก เขาเป็นอดีตผู้นำวาติกันเลยนะและฉันก็เคยสู้กับเขาด้วย”
   
“ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของคุณนะครับ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ผมจะรับผิดชอบด้วยชีวิตของผมเอง”
   
ผมตอกกลับนิ่งๆ หงุดหงิด
   
คือคนนอกก็ตัดสินเก่งอ่ะ ไม่เคยเจอมันด้วยซ้ำแต่กลับคิดว่าดิออนจะทรยศผม คือถ้ามันจะทำจริง มันก็ทำไปนานแล้วไหมอ่ะ ไม่มีเหตุผลเลยที่มันยอมทิ้งทุกอย่างในชีวิตมาเริ่มต้นใหม่กับผม แถมยังเหมือนได้สถานะพ่อคนที่สองมากกว่าเป็นแฟนผมด้วย
   
“...หึ”
   
เธอดูไม่พอใจเท่าไหร่ที่ผมปฏิเสธแถมยังจงใจไม่ปิดบังสีหน้าดูถูกผมด้วย
   
แต่แน่ล่ะ ผมที่อยู่กับคำว่ากากมาเกือบตลอดชีวิต มันก็ไม่ได้ทำอะไรผมรู้สึกอะไรเท่าไหร่ ออกจะชินด้วยซ้ำ เธออาจจะคิดว่าการกระทำนี้อาจจะยั่วโมโหผมได้ แต่ขอโทษเถอะ ผมอย่างให้งานนี้จบๆ แล้วกลับไปอ้อนดิออนมากกว่า
   
ผมเลือกที่จะเมินเธอไปเพราะรู้ดีว่าถ้าคุยกันต่ออีกสักพักคงได้ตีกันแน่   
   
ผมไม่ยอมให้ใครมาว่าดิออนของผมหรอกนะ อยู่ที่นี่มันก็มีแค่ผมคนเดียว ถ้าไม่ใช่ผมที่อยู่ข้างมันก็คงไม่มีใครแล้ว
   
“ยังไงวาติกันนั้นก็ต้องทรยศนายแน่”
   
“...”
   
ผมทำหูทวนลมไม่สนใจ ให้ความสนใจกับลานพิธีที่เริ่มมีคนลงประลองกันแล้ว น้องผมได้คิวต่อจากคู่นี้ที่กำลังซัดกันอย่างรุนแรง จนผมมั่นใจมากว่าถ้าไม่มีพลังแวมไพร์คลุมสนามประลองนี้ไว้ตอนนี้หลังคาของคฤหาสน์คงได้ถล่มกันลงมาแล้ว
   
ผมมองการต่อสู้ที่ดูจะรุนแรงขึ้นทุกทีด้วยสายตาเบื่อหน่าย
   
เอาเข้าจริงผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมการที่จะเป็นหัวหน้าสมาคมถึงต้องต่อสู้เก่งที่สุดด้วย อาจจะเอาไว้สู้กับวาติกันก็จริง แต่ผมว่าหลายปีมานี้โลกก็สงบสุขดี เอาเข้าจริงผมก็อยากให้เผ่าแวมไพร์กับวาติกันเป็นมิตรต่อกันนะ ถึงผมจะเพิ่งถล่มพวกวาติกันไปก็เถอะ
   
การฟาดฟันกันจนตายกันไปข้าง มันไม่ใช่เรื่องที่สนุกเลย ทุกคนบนโลกนี้ก็ได้รับพรให้เกิดมาบนโลกมนุษย์เหมือนกัน ถึงพวกแวมไพร์อย่างผมจะเหมือนปรสิตดูดเลือดไปบ้าง แต่มันก็สามารถคุยกันได้อ่ะ ไม่ใช่เอะอะฆ่ากันอย่างเดียว
   
ดูไปดูมาผมก็เริ่มรู้สึกเบื่อกว่าเดิม คือปกติผมก็ไม่ได้ชอบดูการต่อสู้อะไรแบบนี้อยู่แล้วอ่ะ อย่างเดียวที่ผมชอบดูของพวกแวมไพร์คือการแข่งบินในร่างค้างคาว ไม่อยากจะอวดเลยว่าผมเคยได้ที่หนึ่งในรายการนี้ด้วย ภูมิใจมากเพราะทักษะเดียวที่ผมมีสมัยก่อนคือเผ่นให้ไวที่สุด
   
และในระหว่างที่ผมนั่งสัปหงกในท่าเท้าคาง อยู่ๆ ผมก็ถูกโดนกระชากตัวออกจากเก้าอี้
   
“!!!”
   
ผมสะดุ้งสุดตัวเพราะพอรู้ตัวอีกทีก็เห็นว่าตัวเองนั้นยืนอยู่ในสนามประลองแล้ว จากง่วงๆ อยู่คือตาสว่างมาก ผมกลืนน้ำลายเอือกตอนได้ยินเสียงปรบมือดังเกรียวกราวจากรอบข้าง รีบมองหาสาเหตุที่ทำให้ผมต้องตกอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วนนี้ทันที
   
“..อีกแล้วเหรอ”
   
ทั้งๆ ที่ผมอยากชักสีหน้าใส่แทบตาย แต่สีหน้าที่ผมทำได้คือนิ่งๆ ไม่รู้สึกอะไร
   
“รายการนี้เป็นรายการพิเศษคั่นเพิ่มขึ้นมานะครับ พอดีว่าท่านลอร์ดคาร์บิลัสอยากจะเห็นฝีมือบุตรชายคนโตของลอร์ดแกร์รี่ว่าฝีมือขนาดไหน หวังว่าทุกท่านจะไม่ถือสานะครับ”
   
ถือสาสิ!!! ถือสามากด้วย
   
ผมหน้านิ่งมากกว่าเดิม หงุดหงิดแวมไพร์ตรงหน้าแทบบ้า ที่ผมโดนลากมาลงสนามด้วยก็คงเพราะเธอนั่นแหละ แต่ก็ไม่ใช่ใครแค่เธอหรอกที่อยากเห็นฝีมือผม ทุกคนที่มางานประลองก็คงอยากเห็นกันทั้งนั้น
   
อย่าลืมสิว่าผมน่ะเคยกากขนาดไหน พวกแขกที่มาวันนี้ก็คงยังไม่ลืมความอ่อนของผม นอกจากนี้แล้วก็คงจะไม่ไว้ใจผมด้วยแหละว่าจะสามารถควบคุมอดีตหัวหน้าวาติกันได้อยู่จริงไหม
   
หึ อดีตหัวหน้าวาติกันอย่างดิออนเหรอ แค่ผมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ มันก็ยอมผมทุกอย่างแล้ว
   
“ท่านลอร์ดแกร์รี่จะอนุญาตการประลองนี้ไหมครับ”
   
ผมสบตากับพ่อที่มองผมด้วยสายตาเป็นห่วงแล้วพยักหน้าเบาๆ
   
ผมไม่ยอมให้ใครมาหักหน้าพ่อหรอก ลำพังแค่พ่อต้องออกหน้าแทนผมเรื่องดิออนก็ถือว่าพ่อใจดีกับผมมากแล้วจริงๆ  นี่เป็นปัญหาที่ผมสร้างขึ้นมาเอง ผมก็จะแบกรับมันด้วยตัวเอง
   
ผมก็รู้ดีแหละว่าการเอาวาติกันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งมันต้องเจอกันอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ชีวิตรักของผมกับดิออนมันก็คงไม่สวยงามเท่าไหร่หรอก คงจะต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าทุกคนจะยอมรับให้ดิออนเป็นส่วนหนึ่งของแวมไพร์จริงๆ
   
เอาเข้าจริงไม่ใช่แค่ดิออนหรอกที่ทิ้งทุกอย่างมาเพื่อผม
   
ผมก็ทิ้งทุกอย่างที่ไม่ค่อยมีอยู่แล้วเพื่อมันเหมือนกัน
   
ผมมีครอบครัว มีเพื่อนก็จริง แต่มันก็เป็นแค่เศษเสี้ยวในสมาคมที่ประกอบไปด้วยแวมไพร์จำนวนมาก มีกฎเกณฑ์ ค่านิยมประหลาดๆ ที่แก้ได้ยากเต็มไปหมด ซึ่งไอ้เรื่องพวกนี้แหละที่ทำให้แวมไพร์ส่วนหนึ่งเรื่องที่จะไปเข้าร่วมกับพวกโกสต์ที่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบไร้กฎเกณฑ์ไปเลย
   
“อนุญาต”
   
เสียงของพ่อผมดังกังวาน ก่อนที่การประลองจะเริ่มต้นขึ้นในอีกสิบวินาทีข้างหน้าตามธรรมเนียมของพวกแวมไพร์
   
ผมที่อยู่ในร่างมนุษย์อยู่เลยคืนร่างเป็นแวมไพร์อย่างเต็มตัว ปล่อยให้ปีกกับเขี้ยวของตัวเองงอกออกมาพร้อมกับสร้างคทาจากพลังแวมไพร์ขึ้นมาไว้ในมือ
   
มีเสียงฮือฮาดังขึ้นนิดหน่อยเพราะทุกคนคงไม่คาดคิดว่าผมมีพลังพอที่จะสร้างอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันได้แล้ว แถมยังเป็นอาวุธที่ไม่ดูไม่อันตรายอีก ผิดกับอีกฝั่งที่สร้างดาบพลังแวมไพร์ออกมาถือรอผมแล้ว
   
ผมสบตากับเธอนิ่ง

รู้สึกสงบมากกว่าหวาดกลัว ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนถ้าอยู่ๆ โดนจับมาลงสนามประลองแบบนี้ ผมคงกลัวจนขาสั่นไปแล้ว หรือไม่ก็ยืนน้ำตาตกในและได้แต่ภาวนาว่าพ่อจะเห็นใจแล้วหาทางพาผมออกจากสนามนี้สักที

“สอง!”

ผมสูดหายใจลึกและกระชับคทาในมือแน่น เตรียมงัดพลังแวมไพร์ทุกอย่างที่ตัวเองมีออกมา

“หนึ่ง!”

ดูเหมือนแค่ดาบแค่เล่มเดียวจะไม่ทำให้เธอสะใจพอ เธอถึงสร้างมันออกมาอีกเล่มในช่วงวินาทีสุดท้าย ก่อนที่จะพุ่งใส่ผมทันทีเมื่อสิ้นเสียงคำว่าเริ่ม

แกร๊ง!!!

เสียงดาบกับคทาดังลั่นทันทีเมื่อผมยกขึ้นมากันได้ทัน ผมขมวดคิ้วมุ่นอาศัยจังหวะที่เธอฟาดดาบลงมาอีกครั้งในการสร้างงูออกมาพันดาบนั้นไว้พร้อมกับสร้างฝูงค้างคาวลูกกระจ็อกออกมาช่วยป่วนอีกแรง

แน่นอนว่าเธอพยายามจะฆ่างูผมให้ตาย แต่ก็ทำไม่ได้เพราะงูของนั้นมันถูกสร้างขึ้นมาจากพลังแวมไพร์ ต่อให้ถูกตัดยังไงมันก็ไม่ตายอยู่ดีนอกเสียจากว่าผมจะเรียกพลังแวมไพร์กลับคืนสู่ร่างกาย

“..ดิออนเป็นเหยื่อของฉัน.. นายไม่มีสิทธิ์เอาเขาไป!”

พอเธอเข้าใกล้ผมได้ก็โวยวายใส่ผมทันที

“ดิออนเป็นของผม”

ผมยกยิ้มยียวนมองด้วยแววตาเย็นชากว่าเดิม

จากที่คิดว่าควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีพอแล้ว ผมกลับเริ่มรู้สึกควบคุมพลังตัวเองไม่อยู่

“ค้างคาวกระจอกอย่างนายเนี่ยนะ ลำพังแค่หาเลือดกินเองยังทำไม่ได้เลยมั้ง”

เธอแค่นเสียงหัวเราะใส่ผมพร้อมกับใช้พลังแวมไพร์เผาทั้งงูทั้งฝูงค้างคาวที่บินกวนไปจนหมดรวมถึงคทาในมือผมด้วย ทำให้ผมตอนนี้ไม่เหลืออาวุธอะไรเลยนอกจากเนื้อตัวเปล่าๆ และพลาดพลั้งทำให้เธอจ่อปลายดาบที่ลำคอผมในที่สุด

“ถ้านายยอมเปลี่ยนใจยกดิออนให้ฉัน ฉันจะยอมหยุดแค่นี้ก็ได้นะ”

“เลิกยุ่งกับเขาสักที!!!”

ผมคำรามตอบเสียงกร้าว เริ่มโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้วระเบิดพลังออกมาทั้งหมด ไม่สนใจอะไรอีกต่อไปและปล่อยให้สัญชาตญาณที่ซ่อนอยู่เบื้องลึกควบคุมร่างกายตัวเอง

พลังแวมไพร์ของผมแผ่ขยายออกจากใต้เท้าผมชนกับของเธอในพริบตา เธอดูตกใจที่อยู่ๆ พลังผมก็เพิ่มขึ้นพรวดพราดแต่เธอก็ไม่ลังเลที่จะตวัดดาบฟันผมที่จุดตายอีกอยู่ดี

“กฎของสมาคมคือทุกการประลองห้ามเอาชีวิตคู่ต่อสู้”

ผมจับดาบนั้นด้วยมือเปล่า ไม่ยี่หระกับเลือดที่ไหลซึมออกจากมือเพราะคมมีดก่อนที่จะออกแรงกำมันจนมันแตกคามือ และเมื่อเธอพยายามจะสร้างมันขึ้นมาใหม่ ผมก็กำดาบนั้นอีกพร้อมที่จะทำลายมันไปเรื่อยๆ

“ถ้าคุณยังไม่เลิกคิดที่จะฆ่าผม ผมก็จะฆ่าคุณบ้าง”
   
แน่นอนว่าผมขู่ไปงั้น ผมโกรธมากก็จริงแต่ก็ยังไม่ลืมคอนเซ็ปต์รักสันติของผมหรอกนะ
   
จริงๆ ผมก็เข้าใจแหละว่าเธอยังเด็กอยู่ ความมั่นใจในตัวเองสูงเลือดร้อนเลยท้าคนสู้ไปทั่ว เอาจริงแวมไพร์วัยรุ่นส่วนใหญ่ก็เป็นกัน ยกเว้นผมที่วันๆ เอาแต่คิดหาทางหนีออกจากสมาคม
   
“...”
   
ผมสบตากับเธอที่ดูกลัวผมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะความพยายามในการสร้างดาบของเธอนั้นล้มเหลวสิ้นดี ผมทำลายมันได้ทั้งหมดจนเธอไม่สามารถแม้แต่จะรวบรวมพลังแวมไพร์ได้ด้วยซ้ำ
   
“อย่ามายุ่งกับดิออนอีก”
   
ผมพูดเสียงเย็นก่อนที่จะเดินหนีออกจากลานประลอง แล้วกลับที่นั่งตัวเองโดยไม่รอคำตัดสินเพราะก็เห็นๆ กันอยู่แล้วว่าใครเป็นฝ่ายแพ้ฝ่ายชนะ
   
พิธีกรและคนส่วนใหญ่ยังตกอยู่ในภวังก์กันสักพักกว่าจะได้สติ เนื่องจากคงไม่มีใครคิดว่าแวมไพร์กระจอกอันดับรองบ๊วยอย่างผมจะเป็นฝ่ายไล่ต้อนดาวลูกใหม่ที่กำลังเป็นที่จับตาของสมาคมได้
   
   
“ก็ ก็จบกันไปแล้วนะครับ สำหรับการประลองครั้งนี้ บุตรชายคนโตของท่านหัวหน้าสมาคมก็ไม่เคยทำให้เราผิดหวังเหมือนเดิม เก่งกล้าสามารถจริงๆ เลยนะครับ”
   
ผมเมินคำชมที่พิธีกรพูดถึงตัวเองอย่างไม่ใส่ใจและหันไปยิ้มภูมิใจให้พ่อ พร้อมกับรับขวดเลือดจากน้องผมที่กำลังจะลงแข่งแล้วแต่ก็ยังใม่วายเดินมาหาผมอีก
   
“พี่ไม่น่าลงแข่งเลย”
   
น้องผมดึงมือผมไปดูแล้วบ่นอุบ ส่วนผมก็ซดเลือดขวดนั้นแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่เพราะไม่ใช่เลือดดิออน เป็นแค่เลือดของมนุษย์ธรรมดาที่ถูกไปปรุงแต่งรสนิดหน่อย แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือแผลผมสมานไวมากเหลือแค่เพียงรอยกรีดจางๆ เท่านั้น
   
“อวยพรผมหน่อย”
   
ทั้งๆ ที่อยู่ท่ามกลางแขกมากมาย แต่น้องผมก็ยังเลือกที่จะเดินมาหาผมอยู่ดี
   
ผมยิ้มให้กับน้องที่วันนี้ดูเท่กว่าทุกวัน
   
เท่พอๆ กับพ่อเลยด้วยซ้ำ
   
“นายทำได้อยู่แล้ว แม็กซ์”
   
เพราะถ้าน้องผมทำไม่ได้ ก็คงไม่มีใครทำได้แล้วล่ะนะ

------
 :a12:   
   
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 16 19/1/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Lille.Guk ที่ 19-01-2020 00:27:02
พลังยัยน้องมาแล้ววววว
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 16 19/1/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 19-01-2020 13:29:21
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 16 19/1/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 19-01-2020 13:57:47
อย่ามายุ่งกับดิออนของน้องได้ไหมล่ะ อย่าทำให้น้องโกรธน๊าาา (เดี๋ยวน้องร้องไห้ใส่ ฮาาาา)
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 16 19/1/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 21-01-2020 20:21:17
 o13 o13
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 16 19/1/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-01-2020 08:23:43
ก็มีความร้าย
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 16 19/1/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 25-01-2020 00:37:21
ครูซเก่งมากๆ แต่ว่าน่าจะเพราะหวงดิออนมากแหละ พลังเลยยิ่งแกร่งมากขึ้น
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 16 19/1/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-01-2020 22:38:51
น้องมาในคอนเซ็ปท์หลัวข้าใครอย่าแตะ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 17 28/1/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 28-01-2020 00:45:58
VAMPIRE PROBLEM ;w; #17

   
= DION PART =

   
‘ครูซ บราวน์’
   
คือหนึ่งในแวมไพร์ที่ทางวาติกันหมายหัวเอาไว้ตั้งแต่ผมจำความได้
   
ผมในวัยไม่เกินสิบขวบเงยหน้ามองกรอบรูปวาดเหมือนของแวมไพร์ที่ว่านั่นด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดนิดๆ เพราะดูเผินๆ ครูซนั้นก็ดูเป็นแค่เด็กธรรมดาเหมือนกับผม สิ่งที่ทำให้เหมือนแวมไพร์หน่อยก็ตรงเขี้ยวแหลมๆ งอกออกมาและนัยน์ตาสีแดงก่ำเรืองรอง
   
“…”
   
ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าคนในรูปถึงดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก
   
คือผมรู้นะว่าผมควรเกลียดแวมไพร์ทุกคน โดยเฉพาะกับครูซที่เคยมาสร้างเกียรติประวัติไว้ตั้งแต่สองสามร้อยปีก่อนที่ถล่มสำนักวาติกันจนเละด้วยอายุไม่ถึงร้อยปี ดีที่ตอนนั้นไม่มีใครตายแต่ทางวาติกันก็สูญเสียทรัพย์สินมีค่าไปมากทั้งหนังสือ ประติมากรรม และอาคมโบราณต่างๆ ที่เคยถูกร่ายกำกับคฤหาสน์เอาไว้
   
‘ตัวอันตราย’

‘สัตว์นรก’

‘บาปที่ต้องชำระ’
   
พวกผู้อาวุโสในวาติกันต่างสร้างชื่อขึ้นมาเรียกครูซด้วยคำต่างๆ พยายามปั้นแต่งเรื่องขึ้นมาให้ฝั่งตัวเองนั้นถูกที่สุด แต่แน่นอนสำหรับผมที่เพิ่งโดนพวกปีศาจช่วยให้รอดมา ผมไม่คิดแบบนั้น
   
ผมไม่คิดว่าฝ่ายวาติกันเป็นผู้ที่ถูกเสมอ ทำไมการที่เราบอกว่าเรานับถือในพระเจ้าได้รับการอำนวยอวยพรพระเจ้าถึงทำให้เราสามารถไปตัดสินให้คนอื่นมีชีวิตอยู่ได้หรืออยู่ไม่ได้ แล้วยิ่งผมลองศึกษาประวัติของเหตุการณ์ครั้งนั้นดีๆ ผมก็ถึงรู้ว่าเป็นวาติกันที่เองที่ไปลักพาตัวครูซมาทำพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ครูซนั้นหวาดกลัวจนมีอาการคลุ้มคลั่งและระเบิดพลังออกมาเพื่อเอาชีวิตรอดออกไป
   
สำหรับผมวาติกันนั้นก็เป็นแค่ปีศาจที่อยู่ในร่างมนุษย์เช่นกัน
   
เข่นฆ่า สังเวย สวดมนต์ เฟ้นหาผู้ศรัทธา และอำนวยอวยพร
   
วัฏจักรชีวิตของวาติกันดูเหมือนจะมีแค่นั้นหลังจากที่ผมติดตามพ่อมานาน แน่นอนว่ามันดูน่าเบื่อ แต่ผมในฐานะลูกชายคนโตยังไงก็ต้องสืบทอดต่ออยู่ดีตามประเพณีของพวกวาติกัน
   
ผมไม่สามารถปฏิเสธหน้าที่นี้ได้ แม้ว่าจะไม่อยากทำก็ตาม ภาระอันนักหนาที่พ่อแบกเอาไว้กำลังจะถูกเปลี่ยนผ่านมายังผม ซึ่งเรื่องที่ตลกร้ายกว่าคือผมนั้นกลับสามารถทำได้ดีในทุกเรื่องจนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในวาติกันที่มีฝีมือโดดเด่นมากในช่วงสองร้อยปีมานี้
   
เบื่อ
   
ผมอยู่กับคำนี้มานานมาก เพราะพอผมโตมากขึ้น ผมก็ถูกทำให้รับผิดชอบสิ่งต่างๆ ในสำนักวาติกันมากยิ่งขึ้น ต้องเดินทางไปทักทาย ไปพูดคุย ล่าปีศาจหรืออะไรทำนองนั้นทุกปี ซึ่งแน่นอนว่าการที่ต้องคิดเรื่องพวกนี้ตลอดเวลาทำให้ผมแทบไม่สนใจอะไรเป็นพิเศษ เพื่อนสนิทผมยังไม่มีด้วยซ้ำ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเพราะถ้าเป็นไปได้ ผมจะอยากหาทางหนีจากเรื่องพวกนี้มากกว่า
   
ผมก็แค่อยากใช้ชีวิตโง่ๆ แบบมีความสุขบ้างเท่านั้น
   
ถึงการจะอยู่ในตระกูลนี้จะทำให้ผมมั่งคั่ง เพียบพร้อมไปแทบจะทุกอย่างที่ต้องการ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมมีความสุขสักนิด ตั้งแต่ที่แม่เสียไปผมก็แทบไม่เหลือใครอีก
   
น้องผมส่วนใหญ่ก็กระหายอยากได้ตำแหน่งของผม
   
ส่วนพ่อก็หมกมุ่นการล่าปีศาจให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะชำระบาปให้หมดไปจากโลก
   
เอาเข้าจริงก็มีคนอื่นๆ ที่พยายามเข้าหาผมเหมือนกันทั้งญาติ เพื่อนร่วมมหาลัย อะไรทำนองนั้น แต่ผมก็ไม่ได้สนใจสุงสิงกับใครเป็นพิเศษ จนกระทั่งวันหนึ่งในตอนที่ผมย้อนกลับไปทำเรื่องลาไปทำงานที่มหาลัยและเจอกับ ‘ตัวอันตราย’ เข้า
   
จะเรียกว่าเจอก็คงไม่ถูก เพราะตัวอันตรายที่ว่าเป็นคนเรียกผมมาเองด้วยซ้ำ
   
ผมเผลอหลุดยิ้มมุมปากนิดๆ
   
‘มาทางนี้หน่อย ผมอยากเต้นด้วยนะๆๆ’
   
เสียงที่ดังในหัวเพื่อโน้มน้าวแบบนี้ย่อมไม่ใช่คนทั่วไป
   
แวมไพร์
   
สัญชาตญาณบอกผมแบบนั้น แต่ผมก็เลือกที่จะเข้าไปเล่นด้วยอยู่ดีเพราะเจ้าปีศาจตัวนี้ดูกระวีกระวายอยากเต้นกับผมมาก แถมยังดูชอบผมมากๆ ด้วย ทั้งๆ ที่ปกติปีศาจทั่วไปแค่เห็นออร่าผมก็รู้แล้วด้วยซ้ำว่าเป็นพวกวาติกัน
   
ผมก้มมองใบหน้าของปีศาจนี้ดูความรู้สึกคุ้นๆ จนอดไม่ได้ที่จะถามชื่อออกไป
   
“ชื่ออะไร”
   
“ครูซ”
   
รูปวาดที่ถูกแขวนในคฤหาสน์ปรากฏในหัวผมทันที แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเป็นคนเดียวกันไหม เพราะแวมไพร์ตรงหน้าผมดูไม่เหมือนแวมไพร์ที่อายุสามสี่ร้อยปีสักนิด ถึงพวกแวมไพร์จะอายุยืนก็เถอะ แต่ครูซ บราวน์คนนั้นคงไม่ใช่แวมไพร์ที่ดูเหมือนเด็กเฟรชชี่เพิ่งขึ้นปีหนึ่งนี้หรอกมั้ง
   
ผมยิ้มให้ครูซกลับ ทั้งๆ ที่ปกติผมไม่ยิ้มให้ใครด้วยซ้ำ แต่พอเห็นรอยยิ้มสดใสเหมือนเป็นมิตรกับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็ทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้จริงๆ
   
น่ารักชะมัด
   
ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงมายอมเต้นแมงมุมโง่ๆ นี่ แต่ก็ยอมรับเลยว่ามันทำให้ผมรู้ว่าแวมไพร์นี่ตัวเล็กกว่าที่เห็นอีก ผมโอบเอวบางๆ นั่นแล้วขยุ้มต่อจนคนในแขนผมหน้าแดงไปถึงคอ ซึ่งพอขยุ้มไปสักพักในที่สุดคนบางคนก็รู้ตัวสักทีว่ากำลังต่อกรกับอะไรอยู่
   
แน่นอนว่าสีหน้าของครูซตกใจมากจนผมแทบหลุดยิ้มอีกรอบ ในเวลาเพียงไม่ถึงนาทีเปลี่ยนไปแล้วสามสีหน้า ตกใจ ปลงตก และมาจบที่เหมือนจะร้องไห้
   
“ผม ผมไม่เคยกินเลือดนะ”
   
แวมไพร์บ้าอะไรไม่เคยกินเลือด ให้ตายเหอะ นี่เป็นคำแก้ตัวที่ตลกที่สุดที่ผมเคยได้ยินจากพวกแวมไพร์เลยมั้ง
   
ผมพยายามกลั้นยิ้มแล้วเต้นต่อสักพักจนเพลงจบ ผมก็พามันมาแถวซอกตึกที่ไม่มีคนเพื่อเค้นคอ แต่เจ้าแวมไพร์นี่ก็ดันน้ำตาแตกซะก่อน
   
“อย่าปิ้งผมนะ ฮึก ผมยอมแล้ว”
   
“…”
   
ปิ้ง? ปิ้งอะไรวะ
   
ผมขมวดคิ้วงงๆ แต่เห็นสีหน้าน่าสงสารของครูซก็ดุต่อไม่ลง
   
ยอมรับเลยว่าผมชอบตอนเห็นเจ้าแวมไพร์นี่ยิ้มโลกสดใสมากกว่า
   
ผมถามคำถามอยู่สองสามคำถามเบื้องต้น ก่อนที่จะถามในสิ่งที่ผมอยากรู้ที่สุด
   
“อายุเท่าไหร่แล้ว”
   
นี่จะเป็นคำถามวัดเลยว่าข้อสันนิษฐานผมถูกต้องไหม แต่ผมว่าคงไม่ใช่หรอก แวมไพร์ที่อายุสามสี่ร้อยปีที่ผมเคยเจอก็มีแต่พวกสุขุม พลังเยอะ พร้อมวัดกับพวกวาติกันตลอดเวลา ไม่มีคนไหนที่เหมือนแวมไพร์ตรงหน้านี้ของผมสักคน
   
แวมไพร์ที่เหมือนใช้ชีวิตไร้สาระไปวันๆ และดูเป็นมิตรมากกว่ามนุษย์ด้วยกันเองอีก
   
“สามร้อย! สามร้อย อย่าฆ่าฉันเลย ฉันยังอยากอายุยืนกว่านี้นะ”
   
“…”
   
ชัดเจน..
   
เป็นครูซ บราวน์จริงๆ
   
แต่ไม่ใช่ในแบบที่ผมคิดไว้สักนิด ผมมั่นใจว่าครูซ บราวน์ยังไม่ตายและคงมีนิสัยเกลียดชังพวกวาติกันเข้าไส้ แต่แวมไพร์ที่อยู่ตรงหน้าผมกลับไม่ใช่อะไรแบบนั้น แถมยังดูกลัวผมมากด้วย
   
นี่เป็นแวมไพร์ที่เคยถล่มสำนักวาติกันเรียบเป็นหน้ากลองจริงๆ ใช่ไหม?
   
ผมคิดอย่างสงสัยและเลือกที่จะเก็บเจ้าแวมไพร์นี่ไว้ดูเล่นก่อนสักสองสามวันแล้วค่อยปล่อยไป จริงๆ ก็อาจจะเก็บไว้นานกว่านั้นเพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผมเองก็ถูกใจครูซเหมือนกัน
   
“ฮึก ทำไมผมซวยขนาดนี้นะ”
   
จนถึงตอนนี้ครูซก็ยังไม่เลิกงอแง ร้องไห้ไม่หยุดตั้งแต่พาออกมาจากมหาลัยจนเกือบถึงคอนโด
   
ซึ่งระหว่างที่ขับรถผมก็เหลือบมองเป็นระยะ
   
“ใจร้าย ฮึก”
   
ผมยอมรับเลยว่าเจ้าแวมไพร์นี่ทำให้ผมรู้สึกหายเบื่อได้ในรอบหลายปีเลย
   
“ทำไมต้องเป็นผมด้วย ฮึก ผม ผมยังไม่ได้กินเลือดใครเลย หิวจะแย่อยู่แล้ว แงงงง”
   
จริงๆ ผมรู้นะว่าผมไม่ควรมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น แต่ตอนนี้ผมต้องใช้ความสามารถอย่างมากในการตีหน้านิ่งเพื่อไม่ให้หลุดยิ้มออกมา
   
ร้องไห้แล้วน่าแกล้งกว่าเดิมอีก
   
ผมคิดเงียบๆ แล้วพาครูซขึ้นห้อง ผมทิ้งให้ครูซได้นอนสักพักเพราะเจ้าตัวร้องไห้จนหลับไปเลย ซึ่งระหว่างนั้นผมก็ออกไปทำธุระจนเสร็จ พอกลับมาถึงเห็น ‘ค้างคาว’ นอนแปะอยู่บนพื้นร้องไห้เป็นเสียงกี้ๆ ไม่หยุด แถมยังมีกลิ่นเหม็นไหม้อีกด้วย
   
“เป็นอะไร”
   
ผมถามค้างคาวในมือด้วยสีหน้าเวทนา ถ้าพ่อผมรู้ว่าครูซ บราวน์คือค้างคาวตัวเล็กในมือผมตอนนี้คงจะช็อคมาก เพราะทุกคนเอาแต่คิดว่าครูซ บราวน์จะโตเป็นแวมไพร์ยิ่งใหญ่แบบพ่อตัวเอง ทรงอำนาจ สง่างาม อะไรทำนองนั้น
   
กี้ๆๆ
   
แน่นอนว่าผมฟังภาษาค้างคาวไม่ออก แต่ก็พอจะเดาได้ว่ามันคือประโยคโวยวายผสมเสียงร้องไห้ ซึ่งผมก็เหมือนจะเห็นน้ำตาที่คลอเบ้าด้วย
   
“ขอร่างมนุษย์”
   
ถึงในร่างค้างคาวจะดูน่ารักเหมือนกันก็เถอะ แต่ผมก็อยากคุยกันรู้เรื่องมากกว่า
   
เพียงชั่วพริบตาเจ้าค้างคาวในมือผมก็กลายมาเป็นมนุษย์แบบเดิม ผมก้มมองแวมไพร์ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังร้องไห้อยู่ ทั้งๆ ผมยังไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ
   
“ฮึก อย่าฆ่าฉันเลย”
   
ครูซยืนปาดน้ำตาป้อยๆ พูดไปร้องไห้ไปแถมยังตัวสั่นอีก
   
เอาจริงผมเคยเจอพวกแวมไพร์มาเยอะนะ แต่ไม่เคยเจอที่มายืนร้องไห้ใส่แบบนี้
   
ผมขมวดคิ้วมุ่นเพราะไม่อยากให้ครูซร้องไห้เท่าไหร่ ตาสวยๆ นั่นแดงไปหมดแล้ว
   
“แก่แล้วนะ ร้องไห้ก็ไม่น่ารักขึ้นหรอก”
   
แน่นอนว่าผมโกหกและผลลัพธ์ที่ได้ดูเหมือนจะแย่กว่าเดิม ครูซสะอื้นหนักกว่าเดิมเอามือปิดหน้าไม่ให้ผมได้วิจารณ์อะไรอีก ทั้งๆ ที่ผมก็แค่หาเรื่องเบี่ยงประเด็นไปเท่านั้นเอง
   
ผมถอนหายใจก่อนที่จะตัดสินใจไปดึงมือครูซออก แล้วช้อนตัวพาไปอาบน้ำในห้องน้ำเพราะดูสภาพครูซตอนนี้แย่มาก ขืนยืนคุยกันต่อผมว่าได้ร้องไห้จนสลบอีกรอบแน่ๆ
   
ผมปลดชุดนิสิตของครูซออกอย่างคล่องแคล่ว และเอาแช่ลงในน้ำที่ผมเตรียมเอาไว้ตั้งแต่ก่อนออกไปทำธุระ ตอนนี้มันก็อุ่นกำลังพอดี ผมค่อยๆ วางร่างของครูซลงในอ่างอย่างบรรจงแล้วพวกสบู่แชมพูมาอาบน้ำให้
   
“...”
   
สิ่งที่ตลกคือครูซนิ่งไปนานมากเหมือนงงว่ากำลังถูกทำอะไรอยู่ จนผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการไม่หลุดหัวเราะระหว่างที่ขัดตัวให้ ผมล้างฟองล้างอะไรจนหมดก่อนที่จะมานั่งมองแขนครูซด้วยความรู้สึกประหลาดใจนิดๆ เพราะมันดูผอมกว่าที่ควรเป็นมาก เหมือนพวกแวมไพร์ขาดสารอาหารอะไรทำนองนั้น
   
“ฮือออ อย่าฆ่านะ ขอโทษ ฉันจะอดเลือดเดือนนึงเลย แต่ แต่สองสามวันก็หิวแล้วอ่ะ อะลุ้มอล่วยหน่อยนะ ขอวันเดียวพอ”
   
และอยู่ๆ เจ้าตัวก็เหมือนเพิ่งได้สติ โวยวายต่อรองผมไม่หยุดก่อนที่จะพูดเองเออเอง ทั้งๆ ที่ผมยังไม่พูดอะไรสักคำ
   
ผมมองสำรวจร่างของครูซอีกรอบด้วยความรู้สึกไม่พอใจนิดๆ
   
ถึงหุ่นจะน่ามองก็เถอะ แต่ยังผอมเกินไปอยู่ดี
   
ผมชั่งใจอยู่สักพักก่อนที่จะตัดสินใจยื่นแขนให้ ซึ่งครูซก็ตกใจมากเหมือนเดิม ถอยหนีผมจนหลังชนอ่างตัวสั่นงึกๆ หมดมาดแวมไพร์โดยสิ้นเชิง
   
“จะกินไหม”
   
ผมถามด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ ไม่เข้าใจสักนิดว่าจะกลัวผมอะไรนักหนา คือถ้าผมอยากฆ่าจริงๆ ก็คงจะทำไปตั้งนานแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ทำและไม่คิดจะทำกับปีศาจตัวไหนทั้งนั้น ถ้าไม่จำเป็น
   
“อยากกินตรงคอ”
   
“...”
   
สาบานสิว่านี่เป็นแวมไพร์ตัวเดียวกับกลัวผมแทบตายเมื่อกี้
   
ผมขมวดคิ้วมองครูซที่ช้อนตามองผมด้วยท่าทางเหมือนลูกหมายังไม่หย่านมแม่ที่ผมเพิ่งเห็นคนประกาศหาคนรับเลี้ยงในเฟสบุ๊ค ซึ่งมันก็ดูน่าสงสารและออดอ้อนผมมาก จนผมแทบจะได้ยินคำว่านะๆๆๆ ออกมาจากท่าทางของครูซ
   
แน่นอนว่าผมเกือบใจอ่อนแล้ว แต่มันก็แค่เกือบ
   
“ถ้าเยอะมากนักก็ไม่ต้องกิน”
   
จริงๆ ผมก็อยากให้นะ แต่มันยังไม่ถึงเวลาและถ้าผมให้ตอนนี้ก็ดูจะตามใจเกินไปหน่อย
   
“กินๆๆ ”
   
พอเห็นว่าข้อต่อรองล้มเหลวก็ยอมคว้าแขนผมแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่วายถามผมอีกว่ากินได้ไหม จนผมอยากเป็นฝ่ายดึงแขนเจ้าตัวมากินแทนให้รู้แล้วรู้รอด
   
ครูซกินเลือดผมอย่างตะกละตะกลามจนผมรู้สึกว่ามากพอแล้วก็ดีดเจ้าตัวออก เพราะถ้าปล่อยไว้นานมากกว่านี้ ผมอาจจะเป็นฝ่ายวูบซะเอง
   
“ทำไมถึงให้กินล่ะ ทำไมไม่ฆ่า”
   
น่าประทับใจที่ครูซดูไม่ค่อยกลัวผมเท่าเดิมแล้ว
   
“ก็แค่อยากลองเลี้ยงสัตว์เลี้ยงดูบ้าง”
   
ผมตอบส่งๆ จงใจยียวนเพราะความจริงผมก็แค่ถูกใจครูซเท่านั้น และผมก็ยังอยากเล่นกับแวมไพร์ขี้แงนี้ต่อนานกว่านี้เท่านั้นเอง
   
“เฮ้ๆ ฉันอายุสามร้อยปีนะ เป็นทวดของทวดนาย เคารพกันหน่อยสิ”
   
ผมหลุดยิ้มออกมากำลังจะตอบ อยู่ๆ เจ้าตัวก็กลัวอะไรผมอีกไม่รู้แล้วก็นั่งหงอยเหมือนเดิม ซึ่งมันก็ทำให้ผมอดใจที่จะแกล้งต่อแทบไม่ไหว
   
ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมผมถึงไม่รู้สึกรำคาญครูซ ทั้งๆ ปกติผมเป็นคนที่ค่อนข้างขี้รำคาญมาก แล้วยิ่งกับครูซที่ทำเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเองเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกอีก
   
ผมคิดอยู่สักพักและพอมองครูซอีกทีก็พบว่าหลับไปแล้ว หลับทั้งๆ ที่นั่งกอดเข่าสิ้นหวังนั่นแหละ ซึ่งท่าทางของครูซก็น่ารักมากจนผมหลุดยิ้มออกมาจริงๆ
   
ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงไม่รำคาญ แต่เรื่องนิสัยน่ารักนี่ก็คงเป็นส่วนหนึ่งล่ะมั้ง


   

มีไม่กี่ครั้งในชีวิตที่ผมจะได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง หนึ่งในนั้นคือการยอมเปลี่ยนตัวเองเป็นแวมไพร์ต่อหน้าครอบครัวและชาววาติกันที่ผมทำงานร่วมกันเห็นหน้ากันมานาน
   
มันเป็นการตัดสินใจที่บ้าบิ่นที่สุดเท่าที่ผมเคยทำ แต่พอทำแล้วผมกลับพอใจกับผลลัพธ์มาก เพราะมันทำให้ผมรู้สึกเป็นอิสระอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
   
ผมไม่ใช่พวกวาติกันแล้ว ไม่ต้องรับใช้พวกมันอีกต่อไป

หลังจากนี้ผมจะมีชีวิตของผมเองอย่างที่ผมต้องการมาตลอดกับคนรักของผม ไม่สิ คนที่ผมให้ความสำคัญที่สุดในชีวิตของผมตอนนี้ต่างหาก
   
แต่แย่หน่อยที่ผมไม่เคยทำให้ครูซมั่นใจในตัวผมในเรื่องนี้เลย อาจจะเป็นนิสัยเสียของผมก็ว่าได้ที่ผมแสดงออกไม่ค่อยเก่ง ซึ่งผมก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เพราะสำหรับผมตอนนี้ครูซคือเป็นโลกทั้งใบของผมไปแล้ว
   
แน่นอนว่าการปรับตัวเข้ากับครอบครัวใหม่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากสำหรับผม โดยเฉพาะกับสถานะเป็นลูกเขยของครอบครัวแวมไพร์ ซึ่งถ้าผมเป็นมนุษย์ธรรมดาก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมาก แต่ผมดันมีประวัติว่าเป็นหัวหน้าตระกูลวาติกัน มันถึงได้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปหมด
   
พวกแวมไพร์ไม่ชอบผม ผมรู้ตัวดี จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้รับการยอมรับจริงๆ ถึงแม้ว่าผมจะกลายเป็นแวมไพร์ไปแล้วก็ตาม น้องของครูซยังกัดผมทุกครั้งที่สบโอกาส พ่อครูซก็เขม่นผมทุกครั้งที่เจอหน้า ไหนจะแวมไพร์คนอื่นๆ ที่พยายามเลี่ยงผมอย่างเห็นได้ชัดอีก
   
ตลกดีที่เรื่องพวกนี้ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรสักนิด
   
สำหรับผมแค่มีครูซทุกอย่างก็เพียงพอแล้ว ปัญหาอะไรที่ตามมาผมไม่สนใจ ใครจะเกลียดจะชอบผมก็ช่าง ขอแค่ไม่เข้ามาหาเรื่องผมก็พอ
   
“อย่าคิดว่าได้ใบแล้ว ผมจะยอมให้เอาพี่ครูซออกไปง่ายๆ นะ”
   
ผมที่เพิ่งสอบเสร็จและได้รับใบอนุญาตหมาดๆ ขมวดคิ้วมองแม็กซ์ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เลิกเขม่นผมสักที
   
“...”
   
ผมกลอกตาใส่แล้วเบี่ยงตัวเดินหลบออกมา ขี้เกียจทะเลาะเพราะอยากจะเอาใบอนุญาตนี้ไปอวดครูซที่ช่วงนี้ไม่สบายนอนซมอยู่ห้องจนแทบไม่มีแรงงอแง
   
“..ก็ได้! เออ ผมญาติดีกับคุณก็ได้! แต่คุณต้องสัญญานะว่าจะพาพี่ครูซกลับบ้านทุกเดือน”
   
พอเห็นว่าผมไม่สนใจก็เดินมายืนขวางทางผมด้วยสีหน้าขึงขังแต่การกระทำกลับไม่ต่างจากเด็กสักนิด  ทั้งๆ ที่ตอนนี้เป็นถึงหัวหน้าสมาคมแวมไพร์แล้วด้วยซ้ำ
   
“...”
   
ผมถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับ ยังไงซะอีกฝ่ายก็เป็นน้องแท้ๆ ของครูซและคงต้องเจอหน้ากันอีกหลายร้อยปี ฉะนั้นเป็นมิตรต่อกันคงจะดีกว่า แล้วครูซน่าจะอยากให้ผมทำแบบนี้มากกกว่าด้วย
   
“สัญญาแล้วนะ ว่าจะพาพี่ครูซกลับ”
   
“จะพยายามแล้วกัน”
   
ก็อย่างที่เห็น ครูซชอบเที่ยวเล่นไร้สาระข้างนอกสมาคมจะตาย เพราะในสมาคมก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ ตอนที่ยังไม่ป่วยก็งอแงอยากออกไปเที่ยวทุกวัน จนผมลองขอลัดวันสอบและสอบดูซึ่งผมก็ดันสอบผ่านในครั้งเดียว ถ้าครูซไม่ป่วยอยู่ พรุ่งนี้ผมคงพาหนีเที่ยวได้เลย
   
“งั้นผมก็ฝากดูพี่ด้วย ผมต้องกลับไปทำงานแล้ว”
   
แม็กซ์พูดด้วยสีหน้าไม่เต็มใจก่อนที่จะรีบเดินกลับไป ถ้าให้ผมเดาก็คงจะหลบจากการทำงานมาหาเรื่องผมโดยเฉพาะ
   
ผมส่ายหัวเล็กๆ ให้กับความรักพี่ขึ้นสมองของแม็กซ์ที่น่าจะแบ่งให้น้องผมบ้าง ไม่อย่างนั้นเราทั้งคู่ก็คงจะเป็นพี่น้องที่รักกันมากกว่านี้
   
ผมหยุดยืนหน้าห้อง พักหายใจและทบทวนชีวิตของตัวเองอยู่สักพัก
   
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผมตอนนี้มันเหมือนกับฝัน ดูเกินฝันด้วยซ้ำเพราะผมไม่เคยจินตนาการอนาคตของตัวเองในรูปแบบนี้มาก่อน อย่างมากที่ผมคิดไว้คือโดนน้องตัวเองฆ่าตายเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสักวัน
   
ผมคิดแค่นั้นจริงๆ จนกระทั่งผมเจอกับครูซ

ผมยอมรับเลยว่าผมไม่เคยเห็นใครที่ยิ้มสดใสได้ขนาดนี้มาก่อน และผมก็ถอนตัวจากมันไม่ได้ด้วย ผมยังอยากเห็นมันอีก เห็นไปเรื่อยๆ และอยากให้สาเหตุของรอยยิ้มนี้เกิดจากผม
   
ผมจำได้ว่าพวกวาติกันเคยปรามาสว่าพวกปีศาจโดยเฉพาะแวมไพร์นั้นไร้หัวใจ ไม่มีวันมีความรักที่แท้จริงได้ พวกมันถึงต้องคอยมาเข่นฆ่ามนุษย์เพราะอิจฉาริษยามนุษย์
   
“...หึ”
   
ผมแค่นเสียงหัวเราะเหยียดหยันก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปหาคนรักของตัวเองที่ยังคงนอนซมอยู่ ผมนั่งลงบนเตียงข้างๆ ครูซ จูบหน้าผากอีกฝ่ายด้วยความมันเขี้ยวและลูบหัวแวมไพร์ขี้แยของผมเบาๆ ที่ไม่รู้ว่าฝันร้ายหรืออะไร น้ำตาถึงได้ซึมออกมาตอนที่หลับอยู่
   
ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดให้อย่างเบามือ กระซิบปลอบจนใบหน้าน่ารักกลับมายิ้มน้อยๆ อีกครั้ง

------------

ตอนหน้าน่าจะจบแล้วค่ะ  :hao5:   

หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 17 28/1/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 28-01-2020 10:51:43
ทั้งพ่อทั้งพี่ก็คือกลัวน้องรักคนอื่นมากกว่าใช่ไหมล่ะ? เลยต้องไปเขม่นเขาขนาดนั้น
เหอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 17 28/1/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-01-2020 14:25:19
จะจบแล้วเหรอ?
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 17 28/1/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 28-01-2020 23:57:42
ครูซไม่ใช่แวมไพร์ไก่กา แต่เป็นระดับตำนานฝั่งวาติกันเลย  o22
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 17 28/1/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: kikie26 ที่ 03-02-2020 23:42:45
ไม่อยากให้จบเลย คิดถึงน้องครูซ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 17 28/1/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 05-02-2020 20:22:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 17 28/1/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 06-02-2020 02:43:48
 :L2:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 18 19/2/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 19-02-2020 01:12:48
VAMPIRE PROBLEM ;w; #18

   
ปัง!
   
“โอ๊ย ผมหมดไปจะสองร้อยแล้วนะ ยังไม่โดนอีก”
   
ผมบ่นกระปอดกระแปดหลังจากมาเที่ยวงานวัดกับดิออน แล้วผมก็เล่นยิงตุ๊กตาซึ่งจนถึงตอนนี้ผมยังยิงไม่โดนอะไรเลย จริงๆ ก็ใช่พลังแวมไพร์โกงได้แหละ แต่ผมอยากใช้ฝีมือตัวเองมากกว่าและผมก็ค้นพบว่าตัวเองไม่มีสิ่งๆ นั้นเลยสักนิด
   
“โดนแค่ตัวเดียวก็ได้แล้วนะ พี่ชาย”
   
เด็กชายวัยไม่น่าถึงสิบขวบคุยกับผมพร้อมๆ กับหอบตุ๊กตาแบบเต็มมือจนถือแทบไม่ไหว
   
“พี่ชายให้ผมยิงให้ไหม ผมยิงเก่งนะ”
   
ไม่มีทาง บอกเลยว่าแวมไพร์อายุสี่ร้อยปีอย่างผมจะไม่มีวันยอมแพ้เด็กตัวแค่นี้เด็ดขาด!
   
“ไม่เป็นไรครับ”
   
ผมยิ้มเย็นใส่แล้วพยายามยิงต่อระหว่างที่รอดิออนไปต่อแถวซื้อโกโก้ให้ผมกิน ซึ่งแถวมันก็ยาวมากพอที่จะทำให้ผมแอบไปซื้อสติกเกอร์หัวใจและยิงตุ๊กตานี่ไม่โดนสักที
   
คือตอนแรกก็กะจะมาลองฝีมือตัวเองเล่นๆ หลังจากที่สอบได้ใบมา คือตอนสอบก็มียิงปืนนิดหน่อยแหละ ตอนนั้นผมก็พอยิงได้แต่ก็ยังห่วยมากอยู่ดี แล้วยิ่งมาตอนนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกเวทนาตัวเอง
   
ดีหน่อยที่มาเที่ยวรอบนี้ผมมาแบบถูกต้องเลยพอมีเงินใช้อยู่บ้าง แล้วน้องผมที่กลัวผมไม่มีเงินใช้เหมือนทุกครั้งที่หนีออกมาก็เลยแอบยัดเงินค่าขนมให้ผมเพิ่มนิดหน่อย น่ารักมากจนผมเริ่มสับสนว่าใครพี่ใครน้องกันแน่
   
ผมถอนหายใจแล้วหยิบกระสุนพลาสติกอันสุดท้ายมาใส่ปลายกระบอกก่อนที่จะพาดไว้บนไหล่เพื่อเล็งอีกรอบ พยายามจ้องเจ้าตุ๊กตาตัวอ้วนที่ผมเคยเห็นแม่เอาเข็มแทงมันอย่างน่าหวาดเสียว
   
แค่นัดเดียวเอง ครูซ จะยากสักแค่ไหนเชียว!
   
ผมคิดปลุกใจตัวเองโดยพยายามลืมๆ ไปว่าผมยิงไปเกือบสามสิบนัดแล้ว
   
ตุ๊กตาหมีสุดน่ารักนั่นต้องเป็นของผม!
   
ผมนับถอยหลังในใจก่อนที่จะเหนี่ยวไกยิง
   
ปัง!
   
“…”
   
ไม่โดนอีกแล้ว!!! ผมไม่เล่นแล้ว!!!!
   
ถ้าอยู่กับดิออนสองคนตอนนี้ผมคงโวยวายไปแล้ว แต่ตอนนี้อยู่ท่ามกลางมนุษย์มากมายที่มาเล่นเครื่องเล่นแถวนี้เหมือนกันทำให้ผมต้องเก็บความขุ่นข้องหมองใจเอาไว้ในใจอย่างเจ็บช้ำ
   
แงงงงง
   
ผมอยากได้อ่ะ มันน่ารัก แล้วผมก็รู้สึกว่าหลายปีมานี้ห้องผมไม่มีสมาชิกเพิ่มเลย ผมต้องสมาชิกใหม่มาอยู่เป็นเพื่อนผมอ่ะ
   
ผมหน้างอแล้ววางปืนลง เพราะต่อให้เสียอีกร้อยผมก็คงยิงไม่ได้อยู่ดี
   
“อยากได้ตัวไหน”
   
ผมสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ ก็มีแก้วเย็นๆ มาแนบกับแก้มผม พอรู้ว่าเป็นใครผมก็กลับมาอารมณ์ดีอีกครั้ง ผมยิ้มจนตาหยีให้มันแล้วหยิบสติกเกอร์หัวใจมาแปะเสื้อยืดสีดำเรียบๆ ของมัน ซึ่งจริงๆ ผมอยากแปะทั้งหมดเลย แต่ตอนนี้อยากให้มันยิงให้ผมมากกว่า
   
“ผมอยากได้ตัวนั้น”
   
ผมจิบโกโก้ก่อนที่จะชี้เจ้าหมีหน้ายิ้มที่ทำหน้าเหมือนอยากกลับบ้านกับผม
   
“อยากได้ตัวอื่นไหมหรืออยากได้ตัวใหญ่กว่านี้”
   
“เอาตัวเดียวพอ ผมชอบแค่ตัวนั้น”
   
บอกเลยว่าถ้าตอนนี้ผมอยู่กับมันสองคนในห้อง ตอนนี้ผมคงจูบมันไปแล้วอ่ะ มันหล่อเป็นบ้าเลยแถมมันยังดูพอใจกับสติกเกอร์ที่ผมติดให้มันมากๆ ด้วย
   
“อืม”
   
มันพยักหน้าเชิงรับรู้แล้วซื้อกระสุนมานัดเดียว ซึ่งต่างจากผมโดยสิ้นเชิงที่ซื้อมาทีเดียวสิบอันด้วยความหวังว่าจะยิงโดนสักอันและก็อย่างที่เห็น เละไม่เป็นท่า
   
ผมมองท่าทางจริงจังของมันด้วยความรู้สึกเขินนิดๆ เพราะผมก็ไม่เห็นมันแบบจริงจังมาสักพักแล้ว มันถือปืนไม้ด้วยท่าทางที่เหมือนปืนจริงๆ ที่พวกวาติกันใช้ยิงแวมไพร์ สีหน้าของมันสงบก่อนที่จะยกขึ้นมายิงตุ๊กตาแบบทันทีโดยแทบไม่ได้เล็ง
   
ปัง!
   
“…”
   
นัดเดียวเอาอยู่ แถมยังไม่เล็งอีก นี่มันจะเกินไปแล้วนะ
   
ผมงอแงกับตัวเองนิดหน่อยแต่ดีใจมากกว่าที่มันตั้งใจทำเพื่อผมมาก พอได้ตุ๊กตาผมก็พาดิออนไปนั่งเล่นแถวม้านั่งสักที่เพื่อที่จะนั่งแปะสติกเกอร์หัวใจทั้งหมดให้กับมัน
   
“แอบไปซื้อมาเหรอ”
   
ดิออนก้มมองผมที่ยังคงตั้งหน้าติดสติกเกอร์ให้
   
“อื้อ ก็วันนี้วันวาเลนไทน์อ่ะ ผมก็อยากให้มันพิเศษ”
   
ผมไม่มีแฟนมานานมากแล้ว วันดีๆ แบบนี้ผมไม่คิดจะพลาดหรอก แล้วผมก็คิดถึงสมัยตอนเด็กๆ ด้วยเพราะตอนนั้นผมชอบเหมาสติกเกอร์รูปหัวใจมาแปะทุกอย่างที่ตัวเองชอบ ขนาดพื้นห้องตัวเองผมยังแปะเลย
   
ส่วนตอนนี้เหรอผมชอบดิออนที่สุด สติกเกอร์ทุกอันที่ผมมี ผมจะแปะดิออนให้หมด
   
“แล้วอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม”
   
ดิออนถามผมด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่แววตาของมันไม่ได้นิ่งสงบเหมือนสีหน้ามันเลย
   
ผมเผลอหน้าแดงเขินๆ แล้วส่ายหัวเพราะผมไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษเลย คือแค่ผมได้อยู่กับดิออนมันก็ดีเกินพอแล้วอ่ะสำหรับทุกๆ วัน
   
มันมีไม่กี่คนหรอกที่ยอมเอาใจผมทุกอย่าง ทั้งๆ ที่บางทีคำขอบางอย่างของผมมันก็โคตรจะไร้สาระเลย
   
“แล้วนายอ่ะ อยากได้อะไรจากผมไหม” ผมดึงมือมันมาแนบกับแก้มตัวเองเพื่ออ้อนแล้วยิ้มจนตาหยี “ผมให้ได้ทุกอย่างเลย!”
   
“ทุกอย่าง?”
   
“อื้อ! ทุกอย่างเลย”
   
ที่ผมกล้ารับปากดิออนก็เพราะมั่นใจมากว่ามันไม่น่าให้ผมทำอะไรอันตรายๆ หรอก
   
ผมยังยิ้มอยู่จนกระทั่งเห็นแววตาของมันที่เปลี่ยนไปถึงได้เผลอกลืนน้ำลายเอือก แล้วรู้สึกเขินกว่าเดิมตอนที่มันดึงมือไปกุม ความเป็นมนุษย์ที่ยังหลงเหลือในตัวมันทำให้อุณหภูมิร่างกายของดิออนยังร้อนผ่าว มันประสานมือกับผมแล้วดึงมือผมไปจูบตามข้อนิ้ว
   
“วันนี้ทำให้หน่อยสิ”
   
“...อือ”
   
ผมก้มหน้างุดไม่กล้าสบตามัน คือที่ผ่านมาส่วนใหญ่ดิออนจะเป็นคนทำไง ผมไม่ค่อยทำอะไรเท่าไหร่เพราะทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ ผมก็หมดแรงแล้วอ่ะ ผมไม่แห้งตายคาเตียงในร่างค้างคาวก็ดีแค่ไหนแล้ว
   
“กลับเลยไหมหรืออยากเที่ยวต่อ”
   
“กลับเลยก็ได้ ผมแค่อยากออกมาซื้อสติกเกอร์ให้นายเฉยๆ ”
   
จริงๆ ผมก็อยากซื้อดอกไม้ให้ด้วยนะ แต่ผมว่าซื้อสติกเกอร์มาแปะให้น่าจะสนุกกว่าเลยไม่ซื้อดอกไม้
   
“...”
   
ดิออนมันนิ่งอึ้งไปสักพักก่อนที่จะจูบมือผมอีกรอบแต่คราวนี้เป็นหลังมือ ซึ่งมันก็จูบเบาๆ ราวกับว่ากลัวผมจะสลายหายไปถ้าเกิดจูบแรงเกินไป
   
มันช้อนตามองผมนิ่ง
   
“นายรู้ไหมว่าพวกวาติกันแต่งงานกันยังไง”
   
ผมส่ายหัวเบาๆ เพราะไม่รู้ คือแต่ก่อนผมแค่รู้ว่าเป็นวาติกันผมก็เผ่นแล้วไง แถมในหลักสูตรวาติกันของแวมไพร์ก็ไม่มีเรื่องนี้ด้วย มีแต่พวกภาษากับยุทธศาสตร์การสู้ของวาติกันอะไรทำนองนั้น
   
“พวกเราจะเฉลิมฉลองสามวันสามคืนก่อนที่จะเข้าพิธีแต่งงาน วันแต่งงานเจ้าบ่าวจะสาบานต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้าว่าจะไม่ทอดทิ้งหรือกระทำผิดใดๆ ต่อเจ้าสาวตัวเอง”
   
“...”
   
ดิออนมันจูบมือผมอีกก่อนจะพูดต่อ
   
“แต่ตั้งแต่ที่ฉันเห็นนายครั้งแรกฉันก็ลืมศรัทธาในพระเจ้าไปเลย นายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน ครูซ ฉันจะไม่มีวันทรยศความไว้ใจของนาย แล้วฉันก็ขอโทษด้วยที่ทำให้นายไม่มั่นใจมาตลอดว่าฉันรักนายรึเปล่า”
   
“...”
   
ผมน้ำตาคลอรู้สึกเหมือนจะร้องไห้
   
“ฉันรักนาย ครูซ”
   
ดิออนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินจากมัน
   
“..อือ ผมก็รักดิออนเหมือนกัน”
   
ดิออนยิ้มบางแล้วจูบมือผมอีกตรงข้อนิ้วนางที่ตอนนี้ยังคงว่างเปล่า มีแค่บางครั้งที่เป็นรอยฟันจางๆ จากการกัดของมัน
   
“ถ้าฉันยังเป็นวาติกัน ฉันจะจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้นาย”
   
“..ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ผมก็มีความสุขมากแล้วจริงๆ ”
   
สำหรับผมงานแต่งงานมันก็เป็นแค่พิธีกรรมอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง
   
ผมกำลังจะคุยกับดิออนต่อแต่บังเอิญไปเห็นพวกวาติกันกำลังเดินมาทางนี้ เลยเปลี่ยนใจดึงดิออนหนีกลับบ้านแทน ถึงผมจะมีปัญญาสู้แล้วก็เถอะ แต่ถ้าเป็นไปผมก็อยากมีชีวิตอย่างสงบสุขมากกว่า
   
โชคดีที่พวกมันไม่เห็นผม ผมเลยจับมือดิออนแล้วแกว่งเล่นอย่างสบายใจ นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ผมออกมาเที่ยวนอกสมาคมแล้วรู้สึกปลอดภัยขนาดนี้ เพราะตอนนี้ผมแทบไม่กลัวอะไรเลยและผมก็มั่นใจมากด้วยว่าดิออนจะปกป้องผมได้ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับผมก็ตาม
   
ส่วนดิออนก็เห็นอดีตพรรคพวกของตัวเองเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หันมาใส่ใจกับการเดินกับผมมากกว่า มันกระชับมือที่จับผมแน่นก่อนที่จะพาผมกลับขึ้นรถ แล้วปล่อยให้ผมนั่งหลับระหว่างกลับบ้าน

   

“ดิออน?”
   
ผมตื่นมาอีกครั้งก็ถึงเห็นว่าตัวเองนอนอยู่คนเดียวในห้อง ซึ่งผมก็รู้สึกวูบโหวงในอกแทบจะทันทีเพราะเคยชินกับการตื่นขึ้นมาเจอหน้ามันทุกครั้งไปแล้ว
   
ผมก้มมองชุดตัวเองถึงเห็นว่ามันอาบน้ำให้ผมแล้วแถมยังเปลี่ยนเป็นชุดนอนที่ผมชอบใส่อีก ผมลากเท้าออกไปตามหาดิออน เริ่มรู้สึกอยากงอแง เพราะผมติดมันมากจริงๆ
   
ผมไปตามหาในห้องน้ำก็ไม่เจออะไรเลยจะออกไปตามหานอกห้องต่อ แต่ประตูก็ถูกเปิดออกซะก่อนซึ่งก็ดีตรงที่มันถูกเปิดแบบดึงออกด้านนอกเพราะไม่อย่างนั้นก็คงกระแทกหน้าผมไปแล้ว
   
“มีอะไรรึเปล่า”
   
พอเข้ามาในห้องดิออนก็ถามผมงงๆ ในมือมันถือพวกหนังสือที่น่าจะยืมมาจากห้องสมุดมาอ่าน
   
“เปล่า”
   
ผมส่ายหัวดิกแล้วสบตากับมัน
   
“ให้ผมทำให้ไหม”
   
“ถ้ายังไม่หายเหนื่อยค่อยทำวันหลังก็ได้นะ”
   
มันวางหนังสือลงบนโต๊ะข้างๆ แล้วลูบหัวผม
   
“ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นซะหน่อยน่า ผมแค่ชอบหลับเฉยๆ ”
   
ผมยิ้มจนตาหยีแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าดิออน ซึ่งตอนนี้มันก็ใส่ชุดแวมไพร์แบบเดียวกับผมแต่มันใส่แล้วเท่กว่าผมประมาณร้อยเท่าแถมตรงหน้าอกมันยังมีเข็มกลัดกุหลาบสีทองติดเอาไว้ด้วย
   
ผมลูบบริเวณเป้ากางเกงมันเบาๆ เชิงทักทายก่อนที่จะแกะกระดุมเพื่อเอาท่อนลำที่ยังสงบอยู่ออกมา แน่นอนว่าขนาดของดิออนก็เป็นอะไรที่ทำให้ผมเผลอกลืนน้ำลายเอือกอยู่เสมอเพราะไม่แน่ใจว่าร่างกายผมรับมันเข้าไปทั้งหมดได้ยังไง
   
ผมประคองอย่างเบามือก่อนจะแลบลิ้นแตะส่วนหัว และค่อยๆ รับเข้าไปในปาก ขนาดที่ใหญ่เกินไปของมันก็ทำให้ผมรู้สึกเจ็บปากนิดหน่อยแต่ผมก็ยังพยายามต่อเพื่อทำให้มันรู้สึกพอใจมากที่สุด
   
“...ครูซ”
   
มันคำรามในลำคอตอนที่ผมทำไปได้สักพักก่อนที่สิ่งที่ยังคงอยู่ในปากผมแข็งขึ้นมาและใหญ่กว่าเดิม ผมน้ำตารื้นตอนที่พยายามกลืนเข้าไปให้ได้มากที่สุด แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะมันเหมือนจะเกินความสามารถของผมเกินไป
   
ผมเลยเปลี่ยนมาเลียและช่วยชักแทน อุณหภูมิที่ร้อนและความแข็งจัดบอกได้ดีถึงอารมณ์ที่พุ่งสูงของมัน ผมที่ไม่เคยวัดจริงจังสักทีว่ามันมีขนาดเท่าไหนเลยลองเอามือกำดูและพบว่ามือข้างเดียวของผมกำไม่ถึง
   
“..อย่าเพิ่งเล่น”
   
ดิออนเอ็ดผมเสียงดุตอนที่ผมเอามาแนบกับแก้มตัวเองไม่ยอมทำต่อ
   
แปลกนะ ปกติผมจะไม่ค่อยชอบตอนที่มันดุผม แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกสนุกขึ้นมาซะงั้น ผมหัวเราะคิกคักในลำคอแล้วเลียเฉพาะส่วนหัวที่ตอนนี้ขึ้นเป็นสีจัดจนมันครางต่ำๆ ออกมา
   
ผมเล่นอยู่สักพักใหญ่มันก็ยังไม่ปล่อยสักทีจนผมเริ่มรู้สึกเมื่อยปากมันถึงปล่อย ดีที่ผมตั้งตัวทันไม่สำลักผมเลยกลืนของๆ มันจนหมดและใช้หลังมือเช็ดส่วนที่เลอะแก้มผมออก
   
ผมเงยหน้ามองดิออนถึงยังเห็นว่ามันยังคงมีสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนเดิม และท่อนลำในมือผมก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเลิกแข็งเลยสักนิด ทั้งๆ ที่เพิ่งจะปลดปล่อยไปแล้วก็ตาม
   
กลิ่นคาวที่ยังอวลในอากาศเหมือนทำให้บรรยากาศในห้องร้อนกว่าเดิม ผมที่รับปากมันไปแล้วว่าจะทำให้เลยต้องเป็นฝ่ายลากมันไปนั่งที่โซฟาแล้วต้องจัดการทุกอย่างต่อด้วยตัวเอง
   
ผมหน้ามุ่ยเพราะพอเป็นฝ่ายที่ต้องมาทำทุกอย่างเองก็ทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย แล้วดิออนมันก็เป็นคนเสร็จช้าด้วย กว่ามันจะเสร็จผมก็เหนื่อยจะแย่แล้ว
   
ผมหยิบเจลที่เก็บไว้ในโต๊ะใกล้ๆ มาไว้ข้างตัวพร้อมๆ กับถอดกางเกงออก และพยายามจะมองข้ามสายตาของดิออนที่มองทุกการกระทำของผมโดยที่ไม่ได้พูดอะไรเลย
   
“..หลับตาก่อนได้ไหม”
   
ผมถามมันเสียงเบาเพราะการที่ถูกมันจ้องมองตลอดเวลามันทำให้ผมรู้สึกอายมากจริงๆ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแขนทั้งสองข้างของผมมันเกะกะขนาดนี้
   
“...”
   
มันยิ้มบางก่อนที่จะยอมหลับตาให้ผมอย่างว่าง่าย ผมเลยรู้สึกกล้าทำอะไรมากขึ้น ผมขึ้นไปนั่งคร่อมตักมันแล้วคล้องคอมันลงมาจูบ
   
“อือ”
   
ผมหลุดครางออกมาตอนที่มันเริ่มทนไม่ไหวและเผลอเป็นฝ่ายรุกผมกลับบ้าง นิ้วที่ชุ่มไปด้วยเจลค่อยๆ สอดเข้ามาเพื่อช่วยเตรียมตัวให้ผมไม่ให้ผมเจ็บจนเกินไป ผมซบหน้ากับไหล่มันหลุดครางออกมาเป็นระยะเมื่อมันสอดนิ้วเข้ามาลึกจนผมแทบจะประคองสติไม่ได้ด้วยซ้ำ ผมจิกเล็บกับหลังมันเพื่อระบายความเสียวซ่าน
   
ให้ตายเหอะ ผมว่ามันรู้จักร่างกายผมดีกว่าตัวผมเองซะอีก!
   
ดิออนที่รู้ดีว่าจุดอ่อนไหวของผมอยู่ตรงไหน มันก็กดย้ำๆ ไม่หยุดคล้ายกับต้องการที่จะแกล้งผมที่ผมไม่ยอมทำตามที่สิ่งที่สัญญามันไป
   
“..พอ ฮึก พอก่อน”
   
“…”
   
ผมพยายามขอร้องมัน แต่มันก็ยังไม่ยอมหยุดแกล้งทำหูทวนแล้วกดลึกเข้าไปกว่าเดิม
   
“..ไม่เอานิ้ว”
   
ผมช้อนตามองมันดึงมือมันออกแล้วหยิบเจลมาทาส่วนแข็งขืนของมันที่ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า ถึงได้รู้สึกว่ามันใหญ่เป็นพิเศษ ผมทาจนชุ่มก่อนที่ค่อยๆ กดตัวลงบนท่อนลำของมัน
   
ผมหลุดครางออกมาอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อรับส่วนของมันเข้าไปทั้งหมด ความรู้สึกจุกเสียดในท้องที่คุ้นเคยนั้นทำให้ผมรู้สึกดีจนน้ำตารื้น
   
“..รู้สึกดีรึเปล่า”
   
ผมถามมันเสียงเบาเพราะไม่อยากเป็นฝ่ายที่รู้สึกดีอยู่ฝ่ายเดียว
   
“อืม” มันพยักหน้าเบาๆ แล้วดึงมือผมที่วางอยู่บนไหล่มันมาจูบ “ขยับสิ”
   
“...อือ”
   
ผมหน้าแดงพยายามจะคนควบคุมจังหวะเองแต่ก็ผมก็ขยับไม่เก่งเท่าไหร่จนสุดท้ายเหมือนมันจะทนไม่ไหว บังคับให้ผมคล้องคอมันก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเพื่อให้เข้าได้ลึกกว่าเดิม
   
“..มันลึกไป”
   
ผมบ่นตอนที่ถูกมันกระแทกจนตัวโยนก่อนที่ผมจะสะดุ้งสุดตัวตอนที่มันฟาดมือใส่ก้นผม
   
เพี๊ยะ!
   
“..ผมดื้อเหรอ ดิออน”
   
ผมกระซิบถามมันข้างหูเสียงกระเส่า ซึ่งผมก็ยอมรับเลยว่าการถูกมันตีทำให้ผมมีอารมณ์มากกว่าเดิมอีก
   
ผมทำหน้าเศร้าใส่มันแต่ก็เหมือนจะไม่ได้รับความเห็นใจเท่าไหร่ มันเปลี่ยนไปวางผมบนโซฟาบังคับให้ผมนอนคว่ำและเชิดก้นขึ้นด้วยท่าทางน่าอาย
   
“ขอโทษ”
   
ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ตั้งใจจะตีก้นผมจริงๆ ตอนนี้มันเลยจูบบริเวณที่มันตีผมราวกับแทนคำขอโทษ แต่ให้ตายเถอะมันโคตรจะลามกเลยอ่ะ เพราะนอกจากมันจะจูบแล้วมันยังจงใจเลียย้ำๆ จนผมเริ่มทนไม่ไหวขอร้องให้มันทำต่อ
   
“..เอาของนายเข้ามาสักที”
   
ร่างกายของผมตอนนี้แทบจะไม่เป็นของผมอีกต่อไปแล้ว มันเรียกร้องหาดิออนไม่หยุด ผมเอามือปิดปากเพื่อไม่ให้เผลอร้องดังจนเกินไป ถึงผมจะมั่นใจว่ากำแพงห้องหนาพอตัวก็เถอะ แต่มันก็น่าอายเกินไปอยู่ดีที่เพราะเสียงครางผมตอนนี้มันเต็มไปด้วยความพออกพอใจ
   
ผมถูกมันปรนเปรออย่างดีจนแทบคิดอะไรไม่ออกด้วยซ้ำ ผมเผลอปล่อยไปหลายครั้งตอนที่มันเปลี่ยนท่าแต่จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่ปล่อยเลยสักครั้ง
   
ท่อนลำร้อนผ่าวที่ยังอยู่ในตัวผมยังคงขยับเข้าออกไม่หยุดขณะที่ผมนอนหงายอยู่และขยำหัวมันที่มายุ่มย่ามกับหัวนมของผมที่ไม่รู้ว่าน่าสนใจอะไรนักหนา ถึงได้ทั้งกัดทั้งเลียจนผมน้ำตาคลอด้วยความเสียวซ่าน แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นคือมันทำผมจนขาสั่นแล้วแต่ก็ยังไม่หลั่งสักที
   
“...ฮึก”
   
ผมหลุดเสียงร้องออกมาแทบจะทันทีเมื่อมันกระแทกลึกเข้ามาในร่างกายผมและแช่อยู่สักพัก ก่อนที่ผมจะสัมผัสถึงความรู้สึกเต็มตื้นในตัวที่ค่อยๆ ไหลออกมาหลังจากที่มันเอาออก
   
“...เหนื่อยอ่ะ”
   
ผมนอนหมดสภาพอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน ตรงต้นขาของผมอาบไปด้วยความเหลวเหนอะแหนะที่ยังคงอุ่นอยู่จนหน้าแดง เพราะถ้าผมท้องได้จริงๆ ตอนนี้ก็คงท้องไปแล้วอ่ะ
   
“ไม่เหนื่อยสิแปลก”
   
ดิออนที่หลังจากเสร็จไปสองรอบตอนนี้ดูอิ่มเอมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มันยิ้มบางตอนที่หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตามตัวผมที่เต็มไปด้วยคราบเหนียวทั้งของมันและของมัน ซึ่งแน่นอนว่าครั้งนี้ผมก็คงไม่ได้อาบน้ำเองอีก เพราะผมใช้แรงทั้งหมดของตัวเองไปแล้ว
   
ถ้าเกิดตอนนี้มีศัตรูบุกเข้ามาในสมาคม ผมก็คงตายโง่ๆ เลย
   
ดิออนหัวเราะตอนที่ผมซุกหน้าใส่หมอนทำท่าจะหลับอีกรอบ ก่อนที่มันจะค่อยๆ อุ้มผมขึ้นด้วยท่าเจ้าสาวเพื่อที่จะพาผมไปอาบน้ำอีกรอบจนผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าผมเป็นแฟนมันหรือเป็นหมาที่รอเจ้าของอาบน้ำให้กันแน่
   
“..ผมรักนายนะ”
   
ผมตัดสินใจกระซิบบอกมันก่อนที่จะตัวเองจะหลับอีก และเบิกตากว้างตอนที่มันก้มลงมาจูบผมหนักๆ และตอบผมเสียงนุ่มนวล
   
“ฉันก็รักนายเหมือนกัน ครูซ”
   
“..อื้อ”
   
ผมรับคำเขินๆ คุยกับมันต่อนิดหน่อย และในที่สุดผมก็เผลอหลับอีกจากกิจกรรมที่ทำให้ผมสูญเสียพลังงานมากเกินไป ซึ่งเอาเข้าจริงแค่ผมเดินขึ้นบันไดสามชั้น ผมก็เหนื่อยแทบแย่แล้วอ่ะ
   
ก่อนที่ผมจะหลับลึกไปจริงๆ ผมซุกหน้าเข้ากับมืออุ่นของดิออนที่ลูบหน้าผมแล้วเผลอยิ้มบางอย่างมีความสุข
   
ผมอยากให้ชีวิตของผมสงบสุขแบบนี้ตลอดไปจัง   

----------

 :a12:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 18 19/2/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 19-02-2020 22:35:34
 :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 18 19/2/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-02-2020 09:34:22
สวีทกันตลอด~
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 18 19/2/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 20-02-2020 16:58:56
อ่านแล้วเป็นติดงอมแงม น้องครูซคือน่ารักสุด  :hao7:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 18 19/2/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 24-02-2020 20:04:53
ครูซน่าเอ็นดูมาก
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 18 19/2/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Poer ที่ 25-02-2020 11:44:04
ดีจัยที่น้องมีความสุข  :hao5:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ตอนพิเศษ -Belong to You 1/3/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 01-03-2020 22:51:03
ตอนพิเศษ : belong to you

   
“…”
   
ผมนั่งมองรูปของครูซที่ถูกย้ายมาแขวนในห้องประชุมหลักและตรงข้ามกับตำแหน่งที่ผมนั่งพอดีด้วยความรู้สึกอาลัยเพราะนับตั้งแต่วันนั้นก็เป็นเวลาเกือบห้าปีแล้วที่ผมไม่ได้เจอครูซอีกเลย ซึ่งมันก็เป็นอะไรที่ผมเข้าใจได้เพราะช่วงอายุของแวมไพร์กับมนุษย์ต่างกันมาก
   
ร้อยปีของผมกับครูซไม่เท่ากัน
   
สำหรับครูซอาจจะเป็นแค่ช่วงเวลาน่าเบื่อไม่กี่ปีแต่สำหรับมนุษย์อย่างผมคือทั้งชีวิต
   
ตอนนี้ผมก็ดำรงตำแหน่งแทนพ่อแล้วและต้องทำผลงานไปเรื่อยๆ ตามที่พ่อต้องการ ซึ่งผมก็ยอมทำเพื่อฆ่าเวลา รอครูซกลับมาหาผมอีกครั้ง
   
ความจริงผมก็อยากเป็นฝ่ายไปหาเอง แต่สมาคมแวมไพร์ของครูซนั้นลึกลับและทรงอำนาจพอตัว ช่วงหลังมานี่วาติกันเลยได้แต่เป็นลูกไล่ให้กับสมาคมแวมไพร์ ไม่ค่อยกล้าเผชิญหน้าตรงๆ ได้แต่ตั้งหน้าตั้งรอพวกนั้นเข้ามาบุกที่วาติกันอีกครั้งเพื่อให้ได้เปรียบในทางภูมิศาสตร์
   
แน่นอนว่าผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้น ผมไม่ต้องการฆ่าใครทั้งนั้น การดำรงอยู่ของวาติกันมีเพื่ออะไร ผมยังไม่รู้เลย เพราะทุกวันนี้ผู้ศรัทธาในศาสนาก็น้อยลงทุกวัน แต่ที่ตลกร้ายที่สุดคือแม้แต่ผมเองยังไม่เชื่อในพระเจ้าที่ตัวเองพูดถึงเลย
   
ผมนั่งนิ่งด้วยสีหน้าไร้อารมณ์มองผู้นำตระกูลอื่นที่มาร้องขอความช่วยเหลือเรื่องที่คนในหมู่บ้านโดนปีศาจสิง ที่ใช้วาติกันถึงห้าคนในการปราบแล้วก็ยังไม่สำเร็จ เลยมาขอร้องให้ผมที่ตอนนี้ที่ทรงพลังที่สุดลงไปปราบมันด้วยตัวเอง
   
“..ผมเชื่อว่าการฆ่าปีศาจตัวนั้นในครั้งนี้จะชำระล้างบาปอันใหญ่หลวงที่มนุษย์ได้ก่อเอาไว้ ขอให้ท่านดิออนโปรดเมตตาให้ความช่วยเหลือเราด้วย”
   
“…”
   
ผมพยักหน้ารับง่ายๆ เพราะผมได้รับข้อมูลเรื่องนี้จากทางอีเมลล์แล้ว การประชุมที่ถูกจัดขึ้นในห้องประชุมตอนนี้ก็มีขึ้นเพื่อให้มันเป็นการขออย่างเป็นทางการเท่านั้น ซึ่งผมก็มองว่าเรื่องการเสียเวลาจัดประชุมอะไรแบบนี้ค่อนข้างเสียเวลามาก แต่บรรดาสมาชิกผู้อาวุโสรวมถึงพ่อผมก็ได้พูดถึงการอนุรักษ์วัฒนธรรมร้องทุกข์อันศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
   
ยังไงซะ ผมก็ไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรจริงจังอยู่แล้ว
   
เพราะวันใดวันหนึ่งผมก็คงจะไปจากที่นี่อยู่ดี


   

แปดชั่วโมงต่อมาผมก็มาถึงบ้านของชาวบ้านที่ถูกปีศาจสิง แน่นอนว่าผมมาที่นี่คนเดียวโดยทิ้งคนสนิทไว้ที่พักใกล้ๆ เพราะเคยชินกับการลงมือโดยตัวคนเดียวมากกว่า
   
“ระหว่างหน่อยนะครับ ปีศาจตัวนี้ดุร้ายมาก พวกมันเกือบทำวาติกันของเราตายไปหลายคนแล้ว”
   
วาติกันที่ดูแลพื้นที่นี่บอกกับผมด้วยสีหน้าหวาดหวั่น ขณะเดียวกับก็จดจ้องไปยันบ้านไม้หลังเล็กที่ตอนนี้มีกลิ่นอายความพรั่นพรึงแผ่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด
   
“คุณกลับไปเถอะ เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง”
   
ผมหยิบดาบประจำตัวของตัวเองออกมาราดนำมนต์ด้วยท่าทีเฉยชา ก่อนที่จะใช้คมดาบเฉือนแขนตัวเองให้เป็นแผลเล็กๆ เพื่อใช้หยดเลือดปลุกอาคมที่ผมได้ร่ายเอาไว้บนดาบจนมันส่องแส่งสีทองเรืองรอง
   
“คะ ครับ ฝากท่านด้วยนะครับ”
   
พอได้รับคำอนุญาตให้ไปอีกฝ่ายก็ไม่ลังเลที่จะทิ้งผมไว้ที่นี่ทันที
   
ผมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายเพราะการทำงานให้วาติกันสำหรับผมเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าเบื่อ สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในชีวิตผมก็ไม่กลับมาหาผมสักที
   
จริงๆ ระยะเวลาที่ผมได้เจอครูซนั้นมันเป็นระยะเวลาที่น้อยมาก แต่ผมกลับไม่สามารถลืมรอยยิ้มน่ารักนั้นได้ ทุกครั้งที่ผมเห็นภาพครูซในห้องประชุม ผมก็จะเผลอเหม่อนึกถึงช่วงเวลาที่ดีนั่นอยู่ตลอด
   
ผมยอมรับว่าผมคิดถึงเสียงหัวเราะนั่นจะแย่แล้ว
   
ผมอยากแกล้งแวมไพร์ขี้แงคนนั้นให้ร้องไห้อีก
   
การเป็นฝ่ายรออย่างไม่รู้จุดหมายแบบนี้ บางครั้งก็ทำให้ผมรู้สึกเศร้าเพราะผมไม่รู้ว่าครูซจะกลับมาหาผมตอนไหน  และผมก็กลัวว่าผมจะต้องรอนานเกินไปจนผมตายไปซะก่อน ซึ่งพอคิดถึงเรื่องนี้ทีไรมันก็ทำให้ผมรู้สึกเศร้ากว่าเดิม
   
ผมไม่ได้สนใจหรอกว่าตัวเองจะตายไหม แต่ผมกลัวว่าแวมไพร์ที่ร้องไห้เหมือนโลกแตกกับทุกเรื่องจะร้องไห้เพราะผมมากกว่า แน่นอนว่าถ้าผมตายแล้ว ผมก็คงไม่รับรู้หรอกว่าครูซร้องไห้ไหม แต่ผมก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอยู่ดี ถึงครูซจะร้องไห้ได้น่ารักมากก็เถอะ
   
ฮื่อออออ
   
เสียงคำรามผิดมนุษย์ดังกึกก้องมาจากในบ้านเรียกความสนใจของผมกลับมาอีกครั้ง
   
ผมถอนหายใจอีกครั้งเบื่อๆ และเปิดประตูเข้าไปบ้านทันทีโดยไม่รอหรือวางแผนอะไรทั้งนั้น อย่างไรก็ตามประสบการณ์การเป็นวาติกันมาตลอดชีวิตก็ทำให้ผมค่อนข้างเชี่ยวชาญการต่อสู้มากพอตัว
   
“…”
   
ผมเงยหน้ามองปีศาจที่ว่าที่ตอนนี้ปีนขึ้นไปนั่งบนตู้และคำรามใส่ผมต่ออย่างดุร้าย เนื้อตัวที่ยังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่เต็มไปด้วยบาดแผลที่น่าจะมาจากการต่อสู้กับพวกวาติกัน ส่วนบริเวณหัวที่ถูกพลังปีศาจกลืนไปแล้วนั้นมีเขาแพะงออกมา
   
“..ออกไป!!! อยากมาแส่ นี่มันเรื่องของข้ากับเขา”
   
เจ้าปีศาจตะโกนใส่ผมด้วยภาษากลางของพวกปีศาจ ตราประทับแห่งพันธะสัญญาบนลำคอกับกลิ่นอายความชั่วร้ายที่ชัดเจนกว่าเดิมบอกกล่าวได้ดีว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์แบบไหนต่อกัน
   
“…”
   
สารภาพตามตรงว่าผมเป็นแค่วาติกันธรรมดาในสังกัดคงเลือกที่จะปล่อยเจ้าปีศาจนี้ไปตามที่มันบอก เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่พันธะสัญญาพวกนี้จะเกิดขึ้นได้ ถ้าหากคนที่ต้องการทำพันธะสัญญากับปีศาจไม่ต้องการทำ
   
มนุษย์มักจะกล่าวอ้างว่าถูกปีศาจล่อลวง แต่สำหรับผมแล้วประโยคนี้ก็เป็นแค่ข้ออ้างโง่ๆ ที่ทำให้ตัวเองดูดีเท่านั้นเอง
   
“ปล่อยมนุษย์นี่ไปแล้วข้าจะไม่ฆ่าเจ้า”
   
ผมตอบมันเสียงเรียบด้วยภาษาเดียวกัน ซึ่งมันก็เบิกตากว้างขึ้นนิดๆ เพราะคงไม่คาดคิดว่าจะเจอวาติกันที่ใช้ภาษากลางของปีศาจได้คล่องแคล่วแบบผม
   
“..อย่ามาแส่เลย มนุษย์ เรื่องนี้เจ้ามนุษย์นี้ผิดสัญญากับข้าเอง มันสัญญาจะมอบร่างของมันให้ข้าแต่กลับไปเรียกพวกหมอผีอย่างเจ้ามาปราบข้าซะงั้น”
   
เจ้าปีศาจที่เห็นว่าผมคุยรู้เรื่อง ผมกับผมกระปอดกระแปด สีหน้าเบื่อหน่าย
   
“รู้ไหมว่าข้าอุตส่าห์จำศีลตั้งนาน อยู่ดีๆ ต้องมาตื่นเพราะมันปลุกข้าขึ้นมาทำพันธะสัญญา ข้าเห็นว่าร่างมันดูดีใช้ได้ก็เลยตอบตกลง แต่ใครจะไปรู้ว่ามันจะกล้าโกหกปีศาจทรงอำนาจอย่างข้า ให้ตายสิ พวกมนุษย์นี่มันน่าเบื่อชะมัดเลย”
   
“…ปล่อยเจ้ามนุษย์นี้ไปเถอะ”
   
ผมพูดกับมันเสียงเรียบ อย่างไรก็ตามภาระอันหนักหนาของพ่อก็ส่งต่อให้ผมแล้ว ผมก็ต้องทำหน้าที่นี้ให้ถึงที่สุด
   
“เจ้าเป็นพวกสายเลือดแท้สินะ”
   
มันหัวเราะในลำคอ หรี่ตามองผมอย่างสำรวจ
   
“แล้วเจ้าก็เคยถูกพวกแวมไพร์ตีตราเอาไว้ด้วย ให้ตายสิ ข้าไม่เห็นอะไรแบบนี้มานานแล้วแฮะ สรุปแล้วเจ้าเป็นวาติกันจริงๆ ไหมเนี่ย มนุษย์”
   
“..ตีตรา?”
   
ผมถามอย่างงุนงงเผลอเอามือต้นคอตัวเองโดยไม่รู้ตัว เพราะที่ตรงนี้นั้นเคยถูกเขี้ยวเล็กๆ ฝังมาก่อน
   
“ใช่ไง เจ้าไม่รู้ตัวเลยเหรอ มนุษย์ ว่าเจ้าถูกแวมไพร์นั่นตีตราประทับไปแล้ว กลิ่นอายของเจ้ามีพลังของแวมไพร์เจือปน ไหนจะเรื่องที่เลือดของเจ้าที่ตกเป็นของแวมไพร์นั่นคนเดียวอีก เจ้านี่มันโชคดีจริงๆ นะ ที่ไม่ถูกแวมไพร์ที่ทรงพลังขนาดนี้ฆ่าแถมยังได้รับการคุ้มครองด้วย”
   
“…”
   
ผมเบิกตากว้างขึ้นนิดๆ ไม่แน่ใจว่านี่เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกปีศาจส่วนใหญ่ไม่อยากยุ่งกับผมมากขึ้นรึเปล่า เพราะหลังจากที่ผมเจอครูซ ผมก็เจอปีศาจน้อยลงมาก ทั้งๆ ที่ปกติผมจะเจออยู่ตลอด
   
“..ปล่อยข้าไป มนุษย์ ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด จากมนุษย์นี้ผิดสัญญาข้าเองและข้าก็ไม่อยากทำร้ายมนุษย์ที่หาได้ยากอย่างเจ้าด้วย”
   
เจ้าปีศาจกระโดดลงจากตู้มาหยุดยืนตรงหน้าผม สบตากับผมด้วยรอยยิ้มบาง
   
“…”
   
ผมยอมรับว่าพอได้รู้ว่ายังมีร่องรอยของครูซอยู่บนร่างตัวเองบ้างมันก็ทำให้ผมรู้สึกดี แต่ยังไงผมก็คงปล่อยปีศาจนี่ไปไม่ได้อยู่ดี
   
“ให้ตายสิ มนุษย์ เจ้าอย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่นักสิ”
   
เจ้าปีศาจบ่นกระปอดกระแปดตอนที่ผมกระชับดาบพร้อมกับร่ายอาคมไปด้วย จนรอบตัวผมเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่จะมาช่วยชำระล้างมลทินที่หลงเหลือในบ้านแห่งนี้
   
“ปล่อยมนุษย์นี่ไปซะ ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องฆ่าเจ้า”
   
ผมบอกกับมันอีกครั้งด้วยสีหน้าเย็นชา
   
นี่คงจะเป็นความใจดีครั้งสุดท้ายที่ผมจะให้มันได้แล้ว
   
“ถ้าข้าบอกว่าไม่ล่ะ มนุษย์!”
   
มันหัวเราะเสียงต่ำก่อนที่จะกระโจนใส่ผมทันที มือของมันถูกเปลี่ยนเป็นกรงเล็บและจงใจโจมตีใส่ต้นคอผม ซึ่งถ้าผมเดาก็คงจะอยากให้ผมตายในการโจมตีเดียวเลย
   
แกร๊ง!
   
กรรรซ!!!!!
   
มันคำรามออกมาเสียงดังลั่นเพราะนอกจากผมจะไม่หลบการโจมตีมันแล้ว ผมยังใช้ดาบสกัดกั้นกรงเล็บมันด้วยมือข้างเดียวพร้อมกับใช้มืออีกข้างคว้าคอมันขึ้นมาอย่างง่ายดาย
   
แน่นอนว่ามันตกใจมากเพราะปกติคงไม่มีวาติกันหน้าไหนสัมผัสเนื้อตัวปีศาจตรงๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าพวกมันนั้นเป็นบาปที่น่ารังเกียจ นักบวชผู้สูงส่งอย่างพวกเขาไม่ควรแตะต้องสิ่งอัปมงคลเหล่านี้
   
แต่สำหรับผมไอ้ธรรมเนียมอะไรพรรค์นั้นไร้สาระเป็นบ้า
   
จูบกับแวมไพร์ผมยังทำมาแล้วเลย นับประสาอะไรกับแค่ฆ่าปีศาจด้วยมือเปล่า
   
“เปลี่ยนใจได้รึยัง”
   
ผมไม่สนใจเลือดที่ไหลอาบมือตัวเองจากการสัมผัสความอัปมงคลตรงๆ และหรี่ตามองเจ้าปีศาจที่ยังคงพยายามขัดขืนผมไม่เลิกจนผมใกล้จะหมดความอดทนเต็มทน
   
“ไม่ ไม่มีทาง นี่ นี่เป็นร่างที่ดีที่สุดที่ข้าเคยได้เลยนะ”
   
ถึงแม้จะตกเป็นรองแต่มันก็ยังพยายามขัดขืนไม่เลิก แผ่พลังของมันออกมาไม่หยุดพร้อมกับพยายามใช้กรงเล็บของมันข่วนผมไปด้วย
   
“ดี”
   
ผมแค่นเสียงหัวเราะและเอาดาบจ่อที่คอของมันเพื่อเป็นการเตือนครั้งสุดท้าย
   
“มนุษย์!! หยุด!!!”
   
ผมปล่อยมือจากเจ้าปีศาจทันทีเมื่อมีอาคันตุกะมาเพิ่ม พลังความชั่วร้ายมหาศาลกระโจนเข้ามาใส่ผมในพริบตาก่อนที่มันจะแย่งเจ้าปีศาจในมือผมออกไป
   
ผมที่กำลังจะพุ่งเข้าไปแย่งมันคืนกลับมาถึงกับชะงักตอนที่เห็นชัดๆ ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
   
“...เจ้าหนู?”
   
“...”
   
ผมยืนนิ่งอึ้งๆ เพราะมนุษยหมาป่าตรงหน้าผมคือปีศาจตนเดียวกับที่ผมเจอตอนเด็กๆ ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว แต่ด้วยความเป็นปีศาจ คนตรงหน้าผมเลยไม่ดูแก่ขึ้นเลยสักนิด แถมยังเป็นมนุษย์หมาป่าที่ชอบใส่เสื้อฮาวายเหมือนเดิมอีก
   
“วันนี้ก็หลงทางอีกเหรอ”
   
ผมส่ายหัวแล้วตัดสินใจเก็บดาบเข้าฝัก และหยิบน้ำมนต์ออกมาราดแผลตัวเองเพื่อช่วยในการเยียวยา ซึ่งอีกฝ่ายพอเห็นว่าผมเก็บอาวุธแล้วก็ดูดีใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เดินเข้ามาหาผมพร้อมกระดิกหางไม่หยุด ไม่มีความน่ากลัวเลยสักนิด
   
“เจ้าโตขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย ให้ตายๆ ข้าได้ข่าวว่าเจ้าขึ้นเป็นผู้นำวาติกันแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าเจ้าหนูขี้แยนั้นจะเป็นเจ้าในวันนี้ได้นะเนี่ย”
   
“...”
   
ผมกระแอมกลบเกลื่อนเพราะตอนนั้นผมร้องไห้เยอะจริง แต่จะไม่ให้ร้องก็คงไม่ได้ ผมเพิ่งไม่กี่ขวบเองตอนนั้นแถมยังเป็นการล่าปีศาจในป่าครั้งแรกของผมอีก ไม่ตายตั้งแต่ตอนนั้นก็ดีแค่ไหนแล้ว
   
“แล้วเจ้ามีปัญหาอะไรกับเพื่อนข้า ทะเลาะกันเหรอ”
   
“วาติกันต้องการตัวมนุษย์ของเพื่อนท่าน”
   
ผมตอบสั้นๆ จ้องไปยังเจ้าปีศาจที่ตอนนี้หลบอยู่หลังผู้มีพระคุณของผมและชะเง้อหน้ามามองผมแบบหวั่นๆ
   
“เรื่องแค่นี้เอง เดี๋ยวข้าจัดการให้”
   
มนุษย์หมาป่าหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะหันไปคว้าตัวเพื่อนตัวเองและใช้กรงเล็บกระชากจิตวิญญาณปีศาจออกมาจากตัวมนุษย์ด้วยมือเปล่าจนเกิดเสียงคล้ายกระจกแตก เพราะการฉุดกระชากครั้งนี้ได้ทำลายพันธะสัญญาที่ปีศาจมีต่อมนุษย์ไปด้วย
   
ผมมองภาพตรงหน้าอึ้งๆ มีปีศาจไม่กี่ตนจริงๆ ที่ทรงพลังขนาดนี้
   
“โอ๊ยๆๆ เบาหน่อย เบา เบา”
   
ปีศาจแพะที่สิงสู่ในตัวมนุษย์ค่อยๆ ถูกดึงออกจากร่างและก่อตัวเป็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของตัวเองที่เป็นแพะสีดำที่มีตราประทับห้าแฉกอยู่กลางตัว มันมองค้อนผมอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร นั่งลงกับพื้นทำตัวเป็นก้อนงอนๆ
   
“ข้าน่ะเบื่อร่างจิ๋วนี้เต็มทนแล้ว! ไม่เข้าใจกันบ้างเลย พวกมนุษย์งี่เง่า!”
   
มนุษย์หมาป่าหัวเราะนิดๆ และอุ้มเพื่อนตัวเองขึ้นมาลูบหัวปลอบอย่างเอาใจ
   
“ส่วนร่างมนุษย์นี้เจ้าก็ไปส่งคืนพวกนั้นเองแล้วกัน เจ้าหนู”
   
ผมเหลือบมองเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ตัวเองที่นอนสลบอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เอาเข้าจริงผมตอนนี้รู้สึกสบายใจกับการพูดคุยกับพวกปีศาจมากกว่ามนุษย์ด้วยกันเองซะอีก
   
“จริงสิ ทำไมมีกลิ่นอายแวมไพร์อยู่บนตัวเจ้า”
   
“ข้าไม่รู้”
   
ผมลูบคอตัวเองอีกครั้งเพราะไม่เคยรู้มาก่อนจริงๆ ว่าการถูกแวมไพร์กัดจะทำให้ผมถูกตีตราเป็นเจ้าของไปด้วย ซึ่งเอาเข้าจริงที่ผมไม่รู้ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่ เพราะคงไม่มีวาติกันที่ไหนให้แวมไพร์กัดง่ายๆ แบบผมแน่
   
“เจ้าต้องรู้สิ เจ้าโดนพวกสายเลือดแท้กัดเลยนะ”
   
“...ท่านรู้จักครูซไหม”
   
ผมเผลอถามออกไปก่อนที่จะตัวเองจะรู้ตัวซะอีก
   
“ครูซ บราวน์?”
   
ผมพยักหน้ารับง่ายๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผมคิดถึงครูซมาก และตลอดเวลาหลายปีมานี้คือไม่มีข่าวอะไรเลยสักนิด ส่วนคนตรงหน้าที่จะเป็นแหล่งข่าวให้ผมนั้นก็ยิ้มมีเลศนัยใส่ผม แต่ผมก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร
   
“แวมไพร์นั่น ข้าได้ข่าวมาว่าเป็นแวมไพร์ที่อ่อนแอมากเลยนะ ทั้งๆ ที่เป็นบุตรชายคนโตแต่กลับมีพลังด้อยเกือบที่สุดในสมาคมแวมไพร์ เจ้าแน่ใจเหรอ มนุษย์ ว่าคนที่กัดเจ้าคือครูซ บราวน์จริงๆ ”
   
“...”
   
ผมไม่รู้ว่าอะไรคือความจริงกันแน่ ระหว่างครูซมีพลังหรือไม่มีพลัง แต่ที่ผมมั่นใจคือตำนานที่เล่าลือกันในวาติกันนั้นเป็นของจริงแน่ๆ ไม่อย่างนั้นพวกวาติกันคงจะลืมชื่อครูซไปตั้งนานแล้ว
   
“ล่าสุดที่ข้าได้ข่าวคือยังสอบใบอนุญาตออกมาจากสมาคมไม่ผ่านด้วยซ้ำ บอกตามตรงว่าของพรรค์นั้น พวกข้าสอบผ่านตั้งแต่อายุห้าสิบปีแล้วด้วยซ้ำ”
   
“...”
   
จากที่ได้เจอกัน ผมก็รู้สึกว่าพลังของครูซนั้นอ่อนจริงๆ นั่นแหละ ทนอาคมในเขตของวาติกันไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยังเชื่ออยู่ดีว่าพลังของครูซที่เคยทำลายล้างวาติกันตอนนั้นเป็นของจริง เพียงแต่ว่าตอนนี้อาจจะโดนกดเอาไว้ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง
   
ความมั่นใจ?
   
ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวรึเปล่า แต่ครูซที่ผมเจอจริงๆ คือคนที่ไม่มีความมั่นใจในพลังของตัวเองสักนิด
   
“ข้าว่าเจ้าคงจำผิดแหละ มนุษย์ แต่การถูกตีตราก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่หรอก ทิ้งไว้แบบนี้แหละ จะได้ไม่มีแวมไพร์คนอื่นมากินเลือดเจ้าอีก ฮะๆ”
   
มนุษย์หมาป่าตรงหน้าผมก็ยังคงเป็นปีศาจที่ใจดีและยิ้มตลอดเวลาเหมือนเดิม
   
“ข้าไปล่ะ มนุษย์ ถ้ามีโอกาสเจอกันครั้งหน้าอีกก็อย่าลืมทักข้าด้วยล่ะ”
   
อีกฝ่ายยิ้มบางก่อนที่จะกระโจนไปจากตรงนี้ทันที เพราะดูเหมือนว่าวาติกันที่ผมไล่กลับบ้านไปตามวาติกันคนอื่นมาเพิ่มเป็นขโยง ไม่รู้ว่ากลัวผมตายหรืออะไร
   
ผมถอนหายใจเบื่อๆ เหลือบมองรถหลายคันที่กำลังขับใกล้เข้ามาพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ดังลั่น
   
   
เจ้าแวมไพร์ขี้แยนั่นทิ้งเหยื่ออย่างผมให้รอนานเกินไปจริงๆ

------

 :z13:
   
   


   
   
   
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ตอนพิเศษ -Belong to You 1/3/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 02-03-2020 13:11:04
ครูซ.....ค่าตัวแพง   :hao3:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ตอนพิเศษ -Belong to You 1/3/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-03-2020 09:33:14
รอๆ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ตอนพิเศษ -Belong to You 1/3/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 03-03-2020 20:09:01
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ตอนพิเศษ -Belong to You 1/3/63 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 05-03-2020 23:10:04
บางทีปีศาจก็น่ารักกว่าพระที่มีอีโก้ เห็นว่าตัวเองมีอำนาจตัดสิน จัดการคนอื่นได้
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 19 18/3/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 18-03-2020 22:20:55
ตอนที่ 19
             
ช่วงนี้ชีวิตของผมสงบสุขมาก
 
ทุกอย่างในชีวิตดูเหมือนรู้เห็นเป็นใจไปหมด ไม่เหมือนตอนต้นเรื่องที่มีแต่เรื่องวุ่นๆ อะไรไม่รู้เยอะแยะเกิดขึ้นกับแวมไพร์ที่รักโลกและโลกรักที่สุดอย่างผม
 
กี้!

ผมในร่างค้างคาวเอาหน้าไถนิ้วดิออนอ้อนๆ ตอนที่มันเอานิ้วมาแหย่ผมที่กำลังนอนแทะช็อกโกแลตที่ใหญ่กว่าตัวผมอีก

“ปากเลอะหมดแล้ว”

ดิออนหัวเราะในลำคอก่อนที่มันจะนั่งอ่านหนังสือต่อ ซึ่งพอมาอยู่ด้วยกันจริงๆ ผมถึงรู้ว่ามันเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมากแล้วก็ชอบอ่านอะไรที่เข้าใจยาก บางทีเวลาผมหลับแล้วตื่นมาก็เห็นมันนั่งฟังอะไรไม่รู้อยู่ แต่ที่แน่ๆ คือผมไม่ฟังอะไรแบบนั้นแน่ เพราะสมองน้อยๆ ของผมรับไม่ไหวจริงๆ

กี้!

ผมเอามือเล็กๆ เช็ดปากตัวเองแล้วไปเกาะมือดิออน เรียกร้องความสนใจมันหลังจากที่ผมหลับไปสามรอบและในท้องผมก็เต็มไปด้วยขนม ถ้าแวมไพร์เป็นเบาหวานได้ตอนนี้ผมคงเป็นไปแล้ว

“เบื่อแล้วเหรอ”

มันหยิบผมไปวางบนมือมันปล่อยให้ผมกัดนิ้วมันเล่น ซึ่งจริงๆ ผมก็ไม่ได้เบื่ออะไรหรอก ผมก็แค่อยากอ้อนมันเฉยๆ เสียดายที่จนถึงตอนนี้ดิออนก็ยังภาษาค้างคาวของผมไม่เข้าใจสักที ผมเลยคุยกับมันไม่ได้

ผมเหลือบมองหนังสือมันที่เพิ่งอ่านได้ครึ่งเล่มแล้วก็ส่ายหัว แล้วกลับไปนอนแทะช็อกโกแลตเหมือนเดิม ทำไงได้ก็ผมว่างเกินไปอ่ะ ตอนนี้ตำแหน่งผมในสมาคมก็เป็นแค่สมาชิก แล้วช่วงนี้พวกวาติกันก็เหมือนจะพักฟื้นตัวกันด้วย ผมเลยว่างกว่าเดิม ไม่มีภารกิจอะไรให้ทำ แล้วช่วงนี้ผมก็ขี้เกียจเที่ยวด้วยเพราะครั้งล่าสุดที่ไปก็เกือบครึ่งปี ดิออนตามใจผมมาก มันพาผมไปทุกที่ที่ผมอยากไป ไม่ว่าอะไรผมสักคำไม่ว่าผมจะทำเรื่องไร้สาระแค่ไหนก็ตาม

สิ่งเดียวที่มันขอจากผมคือตอนนอนด้วยกันให้ผมอยู่ในร่างมนุษย์ เพราะมันเคยเกือบนอนทับผม ซึ่งผมก็อยากจะบอกมันว่า ผมไม่แบนง่ายขนาดนั้นหรอก ขนาดประตูหนีบกินเลือดดีๆ วันเดียวผมก็หายแล้วอ่ะ

จริงๆ ผมก็ชอบอยู่ในร่างค้างคาวมากกว่าด้วยแหละ ใช้พลังงานน้อยดี แล้วผมก็ขี้เกียจคุยกับแวมไพร์คนอื่นในสมาคมด้วย ถ้าในวันนั้นไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่ผมก็จะอยู่แต่ในกระเป๋าเสื้อดิออนแล้วก็หลับทั้งวัน ปล่อยให้มันทำสิ่งที่มันอยากทำในสมาคม

แล้วผมก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าบังเอิญหรืออะไรดี เวลาผมกับมันแอบพลอดรักกัน พ่อก็ชอบมาเห็นตลอดแล้ววันนั้นผมก็จะโดนผมจับแยกจากมัน ไปใช้เวลาอีกครึ่งวันกับพ่อที่เดี๋ยวนี้หมกมุ่นอยู่กับการฝึกทำขนมเพราะหลานชอบกิน

ใช่ ตอนนี้ผมมีหลานแล้ว ;w;

ผมไม่รู้ว่าผมกับดิออนไปเที่ยวนานแค่ไหน แต่พอกลับมาอีกทีผมก็โดนแม็กซ์บ่นจนหูชา คือผมไปนานจนหลานโตพอที่จะวิ่งมากอดขาผมแล้วอ่ะ

“ลุงครูซ!”

 “…”

ผมในร่างค้างคาวสั่นสะท้านทันทีเพราะคำว่าลุงนั้นทรงอานุภาพมาก อะไรกัน หน้าผมยังเด็กอยู่เลย! มาเรียกลุงได้ยังไงกันอ่ะ ไม่ยุติธรรมเลย

“ลุงดิออน ลุงครูซหลับเหรอฮะ”

หลานผมปีนขึ้นมาเกาะบนโต๊ะและมองผมตาวาว เห็นได้ชัดว่าจะมาชวนผมไปเล่นเป็นเพื่อนเพราะแม็กซ์คงจะยุ่งอยู่กับการทำงาน แล้วผมก็ไม่รู้ว่าหลานผมติดใจอะไรผมนักหนา ชอบชวนผมไปเล่นด้วยตลอดเลย

ผมอายุห้าร้อยแล้วนะ! โตแล้ว!

ผมแกล้งหลับแล้วกรนเบาๆ

“อืม”

ดิออนที่รู้ใจผมเป็นอย่างดีก็เออออไปตามเรื่องตามราว

“แต่เมื่อกี้ผมยังเห็นลุงครูซแทะช็อกโกแลตอยู่เลย ลุงครูซไม่หลับจริง! ลุงครูซโกหกผม ผมจะฟ้องคุณปู่!!!”

ไม่รู้ว่าหลานผมเห็นคราบช็อกโกแลตหรืออะไร แหกปากโวยวายผมดังลั่นจนผมสะดุ้งขึ้นมานั่งจ้องหลานตัวเองเซ็งๆ คือเด็กวัยใกล้ๆ หลานผมก็มีนะ ทำไมถึงได้ติดใจผมนัก แถมหน้าตายังเหมือนน้องผมอีก

“ลุงครูซ ผมอยากวาดรูปๆๆ ”

กี้ๆๆ

ผมร้องไล่หลานผมให้ไปวาดกับคนอื่นเพราะเรื่องวาดรูปผมก็วาดห่วยเหมือนกัน

“ลุงครูซพูดอะไรอ่ะ  ผมฟังไม่รู้เรื่อง”

หลานผมทำหน้างง จนผมยอมคืนร่างเป็นมนุษย์เพื่อเจรจาไล่หลานไปที่อื่น เพราะตอนนี้เป็นช่วงเวลาพักผ่อนของผมกับดิออน ผมยังไม่อยากเลี้ยงเด็กตอนนี้ ถึงจะเป็นหลานแท้ๆ ของผมก็เถอะ

“..ลุงไม่ว่าง”

กลืนเลือดมากคำว่าลุง นี่ผมต้องใช้ชีวิตกับคำนี้ไปอีกกี่ร้อยปีเนี่ย โอ๊ย แค่คิดก็รับไม่ได้แล้ว ผมเริ่มแก่แล้วเหรอ อีกไม่นานเขี้ยวผมก็จะหักใช่ไหมเนี่ย แงงง

“แต่หลุยส์ไม่เห็นลุงครูซจะทำอะไรเลย ลุงครูซเล่นกับผมหน่อย ผมอยากเล่นกับลุงครูซ”

“...”

ผมลูบหน้าตัวเอง แบบพอโดนเด็กว่าวันๆ ผมไม่ทำอะไรก็แอบชานิดๆ แต่มันไม่มีอะไรให้ทำขนาดนั้นอ่ะ จะให้ผมไปช่วยขายครีมกันแดดแวมไพร์ก็ไม่ใช่เรื่องอ่ะ

“นะ ลุงครูซนะ เล่นกับผมหน่อย ผมอยากเล่นกับลุง ครูซ”

“เล่นคนเดียวไม่ได้เหรอ ตอนเด็กๆ ลุงก็เล่นคนเดียวอ่ะ”
             
ผมหน้ามุ่ยเพราะผมเลี้ยงเด็กไม่เก่งเลยสักนิด แต่เรื่องเล่นคนเดียวตอนเด็กๆ นี่เรื่องจริงนะ ผมตอนเด็กก็ซนพอๆ กับหลุยส์เนี่ยแหละ พอบินเป็นก็บินไปทั่วสมาคมเลย
             
“ไม่เอา ผมอยากเล่นกับลุงครูซ”
             
“แล้วลุงดิออนอ่ะ ไม่อยากเล่นด้วยเหรอ”
             
ผมหัวเราะคิกคักตอนพาดพิงถึงดิออนเพราะหลานผมส่ายหัวดิกเลย ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรนักหนา คือดิออนมันก็หน้าดุแหละแถมยังชอบทำหน้านิ่งๆ อีก ถ้าผมอายุเท่าหลุยส์แล้วเจอดิออนคงร้องไห้ไปแล้ว
             
ไม่สิ ตอนผมเจอมันครั้งแรก ผมก็ร้องนี่หว่า แถมยังร้องไห้เหมือนโลกจะแตกด้วย
             
“..นะฮะ ลุงครูซ ไม่วาดรูปก็ได้”
             
“..เฮ้อ ก็ได้”
             
ผมถอนหายใจยาวเพราะมองไปมองมาก็เริ่มใจอ่อนอ่ะ คือหน้าหลานผมเหมือนแม็กซ์ตอนเด็กๆ เลยอ่ะ ตอนนั้นก็ชอบมาอ้อนให้ผมไปเล่นด้วยเหมือนกัน
             
“งั้นเดี๋ยวผมมานะ ดิออน”
             
ผมมองดิออนหงอยๆ ถ้าเป็นไปได้ก็ยังอยากนอนอ้อนมันต่อแหละ แต่จะปล่อยให้หลานนั่งหงอยไม่มีเพื่อนเล่นก็ดูจะใจร้ายเกินไปเหมือนกัน
             
ผมจูงมือหลานไปนั่งเล่นอีกมุมหนึ่งของห้องสมุดที่เป็นมุมเด็กซึ่งพอมีของเล่นลับสมองกองทิ้งไว้อยู่บ้าง บางอันผมก็เคยเล่นตั้งแต่สมัยผมยังเด็กซึ่งจนตอนนี้มันก็อยู่ สุดยอดมาก นวัตกรรมแวมไพร์จงเจริญ
             
ผมเลือกอยู่สักพัก สุดท้ายก็เอาจิ๊กซอมาต่อเพราะดูจะเป็นอะไรที่น่าจะทำให้หลานผมเงียบได้นานสุดละ ซึ่งมันก็เป็นรูปอะไรก็ไม่รู้ แต่จิ๊กซอคือเยอะและละเอียดมาก ไม่รู้ว่าระหว่างผมต่อเสร็จกับผมตายก่อนอะไรจะเกิดขึ้นก่อนกัน
             
“ลุงครูซ”
             
“..ว่า”
             
สารภาพตามตรงว่าต่อไปต่อมาผมก็เริ่มสนุกอ่ะ เริ่มตั้งใจเล่นกว่าหลานอีก
             
“ลุงดิออนเป็นวาติกันเหรอฮะ”
             
ผมเลิกคิ้วนิดๆ กับคำถามของหลุยส์เพราะผมก็อยู่กับดิออนนานจนแทบจะลืมไปแล้วว่ามันเป็นวาติกัน อย่างมากที่สุดเวลาที่นึกออกก็ตอนมีอะไรกับมันแล้วผมฝังเขี้ยวใส่รอยสักวาติกันของมันนั่นแหละ
             
“อือ หลุยส์ไม่ชอบวาติกันเหรอ”
             
ตอนผมอายุประมาณนี้ก็กำลังเริ่มเรียนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างวาติกันกับแวมไพร์เลย แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นแวมไพร์ก็ต้องเข้าข้างแวมไพร์ด้วยกันอยู่แล้ว ฉะนั้นถ้าหลานผมจะไม่ชอบวาติกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเท่าไหร่ ถึงหลักสูตรจะพยายามสอนให้เคารพสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกก็เถอะ
             
“เปล่าฮะ ผมแค่สงสัยเฉยๆ ผมแค่อยากรู้ว่าถ้าผมเป็นวาติกันแล้วลุงครูซจะเล่นกับผมมากกว่าลุงดิออนไหม”
             
ผมหลุดหัวเราะออกมาทันที เพราะพอนึกถึงตอนที่ตัวเองรู้ว่ามันเป็นวาติกันครั้งแรกก็เล่นเอาผมกลัวแทบตายอ่ะ ถ้าหลานผมเป็นวาติกันไปด้วย หัวใจผมไม่วายตายเลยเหรอ
             
“ไม่ตลกนะ ลุงครูซ ผมจริงจังนะ ถ้า ถ้าผมเป็นวาติกัน ลุงครูซจะยอมเล่นกับผมทุกวันไหม”
             
หลานผมพูดด้วยสีหน้าจริงจังมาก ราวกับว่าการได้เล่นกับผมนั้นคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แต่ขอโทษเถอะแต่ละอย่างที่ผมพาหลานไปทำคือโคตรไร้สาระเลย พาไปซื้อไอติมงี้ ไปเล่นบ้านบอลข้างนอก อะไรทำนองนั้นที่ในสมาคมแวมไพร์ไม่มี เอาเข้าจริงหลานผมก็มีพี่เลี้ยงนะ แต่ก็ขยันมาอ้อนผมเหลือเกิน ถ้าไม่บอกผมคงจะเผลอคิดไปแล้วว่านี่เป็นลูกของผมกับดิออนอ่ะ
             
“ลุงดิออนเป็นแฟนลุงเอง”
             
ถึงผมจะเกลียดคำว่าลุงก็เถอะ แต่ผมโคตรชอบคำว่าแฟนเลย จะพูดว่าผัวหรือสามีให้หลานฟังก็ดูจะเกินไปหน่อย แต่เอาจริงจนถึงตอนนี้ผมก็ไม่กล้าเรียกดิออนด้วยคำอื่นที่นอกจากแฟนหรือคู่อยู่ดี มันเขินอ่ะ
             
“ผมรู้น่า!”
             
“รู้แล้วก็ไม่ต้องสงสัย ลุงอยากอยู่กับแฟนมากกว่ามานั่งเลี้ยงหลานแน่ๆ อ่ะ”
             
ผมหัวเราะเพราะยิ่งพูดหลานผมก็ยิ่งหน้ามุ่ย ตลกอ่ะ โคตรน่าแกล้งเลย
             
“แล้วทำไมต้องมาเล่นกับลุงด้วยอ่ะ ไม่มีเพื่อนคนอื่นเหรอ”
             
สุดท้ายผมก็อดไม่ไหวที่จะยื่นมือไปดึงแก้มหลานตัวเองอย่างมันเขี้ยว
             
เอาจริงๆ ดูไปดูมา เด็กก็น่ารักดีอ่ะ
             
“มีสิ! แต่ผมอยากเล่นกับลุงมากกว่า แล้วพ่อก็บอกให้ผมมาอยู่เป็นเพื่อนลุงครูซด้วย”
             
หลานผมตอบเสียงเจื้อยแจ้ว ซึ่งมันก็ทำให้ผมค้นพบความจริงสักทีว่าทำไม หลานผมถึงโผล่มาหาผมบ่อยๆ ช่วงนี้ ให้ตายเหอะ ไม่รู้จะหวงผมอะไรนักหนา ดิออนก็เป็นพี่เขยมาตั้งนานแล้วอ่ะ ทำไมไม่ยอมสนิทกันสักที
             
คราวนี้ผมถึงเป็นฝ่ายหน้ามุ่ยบ้าง แต่จิ๊กซอที่ผมยังต่ออยู่ก็สนุกเกินกว่าจะทำให้ผมอารมณ์เสีย ผมนั่งต่อเกือบครึ่งชั่วโมงถึงจะได้รูปที่เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งก็คือรูปคฤหาสน์แวมไพร์ที่อยู่กันทุกวันนี่เอง
             
แน่นอนว่าพอต่อเสร็จแล้วผมก็ค่อนดีใจมาก คือมันเหมือนทำอะไรสำเร็จอ่ะ ถึงจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ ก็เถอะ แต่สำหรับผมมันก็เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในวันที่แสนจะเรียบง่ายนี่อยู่ดี
             
ผมลูบหัวหลานตัวเองและพยายามชมเยอะๆ เพราะรู้ดีว่าคำชมนั้นมีผลมากขนาดไหนกับเด็กคนหนึ่ง
             
“เล่นเสร็จแล้ว ไปหาเพื่อนไป ลุงจะกลับไปหาแฟน”
             
หลังจากขยี้หัวหลานจนหนำใจผมก็ไล่หลานตัวเองทันที เนื่องจากอยากกลับไปนอนแทะช็อกโกแลตเต็มทนแล้ว ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมช่วงหลายสัปดาห์มานี้ผมถึงอยากกินอะไรหวานๆ เป็นพิเศษ แถมยังกินเยอะกว่าปกติด้วย
             
“ไม่เอา ผมอยากอยู่กับลุงครูซ ผมจะไปด้วย”
             
“ไปหาคนอื่นไป ลุงง่วงแล้ว”
             
แล้วคือนอกจากผมจะอยากกินอะไรหวานๆ แล้ว ช่วงนี้ผมยังนอนเยอะผิดปกติอีก
             
ผมจะตายไหมอ่ะ หรือผมกำลังจะจำศีล แต่แวมไพร์ไม่จำศีลกันนะ ปกติถ้าไม่บาดเจ็บหนักๆ อ่ะ แล้วสรุปผมเป็นอะไรกันแน่เนี่ย หรือจริงๆ ผมแค่ขี้เกียจเฉยๆ
             
ไม่อ่ะ ขี้เกียจก็คืออยากอยู่เฉยๆ แต่นี่ผมง่วงมากแล้วก็กินเยอะมากอ่ะ
             
มันไม่ปกติ
             
คิดไปคิดคิดมาผมก็เริ่มกลัว ผมเลยเดินจูงหลานกับไปหาดิออนเพราะดูยังไงก็คงไล่ไม่ไป แต่เดินยังไม่ถึงโต๊ะดิออนผมก็ดันวูบมานอนบนพื้นซะก่อน
             
“ครูซ!!”
             
นานมากแล้วที่ผมไม่ได้ยินเสียงดิออนมันตะโกนดังขนาดนี้ ผมพยายามจะลุกขึ้นยืนแต่ก็ทำไม่ได้ โลกมันมืดไปหมดเลยอ่ะ ผมไม่ได้เหนื่อยมากขนาดนี้มานานแล้วอ่ะ
             
“ครูซ ครูซ”
             
“..อือ”
             
ผมครางในลำคอง่วงๆ พยายามจะตอบดิออนกลับแต่สุดท้ายผมก็สลบไปซะก่อน ซึ่งก่อนที่ผมจะหมดสติ ผมก็อดน้ำตาคลอไม่ได้
             
ผมเพิ่งห้าร้อยเอง ผมจะตายแล้วเหรอ แงงงงงง
             
แหง่ก
 
             

ผมไม่รู้ว่าผมหลับไปนานแค่ไหน แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นระยะเวลาการนอนที่ยาวนานมาก จนผมคิดว่าการหลับของผมรอบนี้เป็นการซ้อมตายของผมด้วยซ้ำ
             
“..ดิออน”
             
ผมเรียกมันเสียงแผ่ว มองใบหน้าด้านข้างของมันที่ตอนนี้ฟุบหลับอยู่ข้างผมและหายใจอย่างสม่ำเสมอ
อุณหภูมิร่างกายมนุษย์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในร่างกายมันกอบกุมมือผมแน่นราวกับว่ากลัวว่าจะสูญเสียผมไป แม้แต่ตอนที่มันหลับสนิทมันยังไม่กล้าปล่อยมือผมด้วยซ้ำ

“...”

คนรักของผมก็ยังคงหลับเหมือนเดิม ซึ่งถ้าให้ผมเดา มันก็คงนั่งรอผมฟื้นอยู่นานมากอ่ะ เพราะปกติมันไม่ใช่คนที่หลับลึกแบบนี้หรอก ขนาดผมตกเตียงกลางดึกแบบไม่รู้ตัว มันยังตื่นมาเอามาผมขึ้นไปนอนด้วยอ่ะ

“..ดิออน”

ผมกระซิบเรียกมันอีกแต่มันก็ยังนิ่งอยู่ ผมเลยค่อยๆ แกะมือมันออกอย่างระมัดระวัง เอาหมอนตัวเองไปรองหัวให้มัน ก่อนที่จะเดินออกจากห้องพยาบาลของสมาคม ซึ่งสิ่งที่แปลกคือตอนนี้ผมรู้สึกสดชื่นมากแต่บนข้อมือผมกลับมีรอยเจาะอะไรไม่รู้ ที่ให้ผมเดาก็คงเป็นสายน้ำเกลือหรืออะไรทำนองนั้น

“ตื่นแล้วเหรอ ครูซ”

“ครับ คุณย่า”

ผมสะดุ้งเลยพอรู้ว่าคนที่มาดูแลผมรอบนี้คือคุณย่าผมเอง แบบย่าผมก็เกษียณตัวเองจากการเป็นหมอไปตั้งนานแล้วอ่ะ อยู่ๆ กลับมาดูแลผมแบบนี้ ผมเริ่มกลัวแล้วอ่ะว่าผมจะเป็นอะไร

ผมกลืนน้ำลายเอือกตอนที่ย่าเดินเข้ามาใกล้ผม พยายามไม่ตัวสั่นเพราะย่าผมดุกว่าพ่อผมอีก แบบพ่อผมว่าดุแล้ว เจอคุณย่าเข้าไป ตอนเด็กๆ คือผมตัวแทบเท่ามดอ่ะ ก้มหน้าจนชิดอกทุกทีเลยเวลาเจอคุณย่าแต่ละที
ผมไม่เคยดีพอ ไม่เคยดีพอจริงๆ คุณย่าตำหนิผมแทบตลอดเวลาจริงๆ ตอนนี้มาช่วยดูแลผมตอนเด็กๆ เพราะผมตอนนั้นนอกจากจะซนแล้วยังป่วยง่ายอีก เกือบตายไปตั้งหลายรอบ ถ้าไม่ได้คุณย่าช่วยดูแลก็คงจะตายไปจริงๆ

“ขอย่าดูหน้าหน่อย”

“ครับ”

ผมสบตากับย่าตัวเอง ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะอายุห้าร้อยแล้วและมีคู่เป็นตัวเป็นตนแล้ว แต่พอยืนต่อหน้าบุคคลนี้ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองกลับไปเป็นแค่เด็กที่ล้มเหลวคนนั้นอีกครั้ง
ความมั่นใจที่เคยมีของผมแทบจะหายไปหมด

“สีหน้าดีขึ้นแล้วนี่”

ย่าผมยิ้มบางแต่มันกลับไม่ได้ทำให้ผมโล่งใจสักนิด คือเอาจริงๆ ตอนนี้ย่าผมก็อายุปาไปพันปีแล้วมั้ง ผมไม่แน่ใจ แต่ก็ยังดูแข็งแรง ที่น่าเสียดายนิดหน่อยคือไม่สามารถควบคุมให้ร่างกายคงสภาพให้เด็กเหมือนผมได้ ตอนนี้ย่าเลยดูแก่ขึ้นมากกว่าที่ผมเคยเห็นล่าสุด

แต่ที่แน่ๆ ก็ยังดูน่ากลัวมากอยู่ดี
             
“ครับ”
             
ผมรับคำเสียงเบา พยายามทำตัวตามหลักมารยาทที่คุณย่าเคยสอนผมและพยายามทำตัวให้น่ารำคาญน้อยที่สุดเพื่อที่จะไม่ทำให้คุณย่าโกรธ
             
“ดีใจไหม”
             
ดีใจ? ดีใจเรื่องอะไร
             
ผมกระพริบตาปริบงงๆ แต่ก็ไม่กล้าถาม
             
“ย่าถามก็ตอบสิ” ย่าผมหรี่ตามองผมดุๆ แน่นอนว่าผมงงมาก แต่ถ้าตอบแบบส่งๆ ผมก็กลัวโดนย่าด่าอีก
             
“ดีใจเรื่องอะไรเหรอครับ”
             
“ก็เรื่องมีหลานให้ย่าไง”
             
เดี๋ยวนะ
             
ผมกระพริบตาถี่ๆ เพราะไม่แน่ใจ่ว่าตัวเองได้ยินถูกรึเปล่า จะว่าฝันก็ไม่ใช่เพราะผมนอนมาเยอะมาก เยอะจนถ้านอนมากกว่าผมคงจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว
             
“หมายถึงหลุยส์เหรอครับ”
             
ผมถามงงๆ จนย่าเลยทำหน้าดุใส่
             
“เธอนั่นแหละ”
             
“..ผมเหรอ” ผมแทบจะหาเสียงตัวไม่เจอ คือแวมไพร์เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีลูกยากอ่ะ โดยเฉพาะกับผมที่เป็นผู้ชายอีกก็น่าจะยากกว่าเดิมอีกเป็นสิบๆ เท่าอ่ะ
              “
เธอจำไม่ได้รึไงว่าถ้าเป็นสายเลือดแท้จะท้องได้ เพราะต้นตระกูลแวมไพร์ของเราท่านไม่มีเพศด้วยซ้ำ” ย่าผมทำหน้าดุกว่าเดิม แต่ความจริงตอนนี้ก็ทำผมตกใจเกินกว่าจะมากลัวย่าละ
             
นี่ผมท้องเหรอ..
             
ผมก้มมองท้องราบเรียบของตัวเองที่ดูปกติเกินกว่าจะมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ซุกซ่อนอยู่ในนั้นได้ คือถ้าผมท้องจริงมันก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ช่วงนี้ผมรู้สึกแปลกๆ แหละ เนือยไปหมด แต่ท้องเลยนะ
             
ผมกำลังจะมีลูกกับดิออนจริงๆ เหรอ
             
พอนึกถึงเรื่องนี้ผมก็หน้าแดงเพราะผมก็เคยพูดเล่นๆ กับมันอ่ะ ว่ามันมีอะไรกับผมบ่อยจนถ้าผมท้องได้คงท้องไปแล้ว แต่นี่ดันท้องจริงไง
             
“หลังจากนี้ก็ดูแลตัวเองดีๆ ด้วย อย่ามัวแต่ทำตัวไร้สาระ โตพอจะมีหลานให้ย่าแล้วก็ดูแลตัวเองดีๆ หน่อย”
             
ย่าผมเอ็ดผมแต่ก็ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เพราะคงจะดูออกว่าผมน่าจะไม่รู้จริงๆ นั่นแหละว่าตัวเองท้อง แต่ท้องเลยนะ เอาจริงมันเป็นเรื่องใหญ่มากเลยอ่ะ
             
“..แล้วคู่ของผมรู้รึยังครับ”
             
ผมถามย่าเสียงเบา
             
“ยัง ย่ายังไม่ได้บอกใคร รอให้เธอตื่นขึ้นมาก่อนแล้วให้ไปบอกคนอื่นเอง”
             
ย่าผมลูบหัวผมทั้งๆ ที่เป็นคนที่ไม่ชอบสัมผัสตัวใคร และครั้งสุดท้ายที่ย่าลูบหัวผมก็คือตอนที่ผมหกล้มหัวแตกแล้วเลือดไหลเยอะมากจนผมร้องไห้ไม่หยุด
             
“...”
             
ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกน้ำตาคลอนิดๆ เหมือนจะร้องไห้
             
เอาจริงๆ วันนี้ผมก็ดีใจอ่ะที่ได้เจอย่า หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานมากเพราะย่าผมก็อยู่กับคุณปู่อีกที่หนึ่ง แถมย่ายังไม่ชอบเดินทางอีก การมาครั้งนี้คงจะมาเพื่อดูแลผมโดยเฉพาะ
             
“เด็กดีของย่าโตแล้วสินะ”
             
ย่าผมเปรยขึ้นมาเบาๆ เหมือนพูดกับตัวเองแต่ก็ยังไม่หยุดลูบหัวผม จนผมเริ่มหายใจตกใจและมั่นใจว่าตัวเองจะสามารถเลี้ยงดูเจ้าสิ่งมีชีวิตที่ซุกซ่อนอยู่ในท้องผมได้
             
สมาคมแวมไพร์จะมีค้างคาวเพิ่มอีกตัวแล้วสินะ
 
---

 :katai5:         
 
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 19 18/3/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: GDNEE ที่ 18-03-2020 22:41:57
ตายแล้ววว จะมีลูกแล้วววว ครูซซซซซซซซซซซ ดีใจด้วยยยยยยย
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 19 18/3/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 19-03-2020 13:58:17
ดีใจด้วย..ยยยยยยยย  :mc4:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 19 18/3/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-03-2020 10:35:04
ท้องแล้ว~
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 19 18/3/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 24-03-2020 22:26:51
ท้องแล้วววว
ต่อจากนี้ครูซต้องเป็นหัวหน้าเด็กโตแน่ๆ พากันป่วน ฮาาา
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 19 18/3/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 25-03-2020 20:33:52
จะมีครูสน้อยแล้ว
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 19 18/3/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: pmotosporth ที่ 26-03-2020 16:43:39
เรื่องสนุกมากๆครับ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 19 18/3/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Piechicofic ที่ 04-04-2020 12:24:15
แงอยากเลี้ยงหลาน ซนๆดื้อๆ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 20 18/3/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 12-04-2020 23:05:14
ตอนที่ 20
 
             
 “ดิออน”
             
ผมเรียกคนรักของตัวเองที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จและออกมาพร้อมกับชุดนอน และกลืนน้ำลายเอือกเขินๆ เพราะจนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้บอกมันอ่ะว่าทำไมผมถึงเป็นอะไร
             
คือตอนนี้ก็บอกทุกคนไปแล้วอ่ะยกเว้นมัน
             
“ว่า”
             
มันเดินมันนั่งข้างๆ ผมบนเตียงแล้วดึงมือผมไปจูบ ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้ผมเขินกว่าเดิมอีก คือตอนบอกครอบครัวผมว่าผมเขินแล้วนะ มาเจอดิออนผมหยุดหน้าแดงไม่ได้เลย
             
ใครจะไปรู้อ่ะที่พูดไว้เล่นๆ มันจะกลายเป็นความจริง แบบตอนแรกผมก็คิดอยู่ว่าถ้าดิออนอยากมีลูกจริงๆ ก็อาจจะอุปการะอะไรสักอย่างมาเลี้ยง แบบพวกหมาป่า เซนทอร์อะไรแบบนั้น ที่ผมไม่เอาแวมไพร์เพราะปกติอยู่ในสมาคมโอกาสที่สมาชิกในสมาคมจะตายก็ต่ำมากอ่ะ ไม่ค่อยมีแวมไพร์กำพร้าสักเท่าไหร่หรอก ส่วนพวกมนุษย์ยิ่งแล้วใหญ่เลย ผมทนร้องไห้ตอนที่เด็กพวกนี้ตายไม่ได้หรอกนะ
             
ฉะนั้นการที่อยู่ๆ ผมท้องเองแบบนี้มันเป็นอะไรที่โคตรเหนือความคาดหมายเลย
             
แน่นอนคนที่ตกใจกว่าผมคือน้องผมทั้งสองคนที่ช็อคมาก ตกใจกว่าพ่อกับแม่อีก ส่วนพ่อกับแม่ผมก็ดูจะไม่แปลกใจเท่าไหร่ แถมแม่ยังกำชับให้ผมดูแลร่างกายดีๆ เพราะหลังจากนี้ผมอาจจะอ่อนแอลงเนื่องจากต้องแบ่งสารอาหารและพลังไปให้สิ่งมีชีวิตในท้องผมด้วย 
             
แต่เอาเข้าจริงสำหรับผมจะมีลูกหรือไม่มีลูกไม่ได้สำคัญหรอก แค่ผมได้อยู่กับมันทุกวันมันก็ดีมากๆ แล้วอ่ะ แต่ก็นะ มีแล้วก็ต้องเลี้ยง ผมจะเลี้ยงเองโตไหมเนี่ย
             
“..ผม”
             
ผมก้มหน้างุดไม่เข้าใจว่ากับอีกคำหนึ่งมันพูดยากตรงไหน แต่มันพูดไม่ออกอ่ะ
             
“มีอะไรรึเปล่า”
             
มันทำหน้างงแต่ก็ยังไม่ปล่อยจากมือผม ดูเพลิดเพลินกับการเอามือใหญ่ๆ ของมันลูบนิ้วของผมที่มันเพิ่งจูบไป
             
“...ท้อง”
             
ทำใจอยู่สักพักกว่าผมจะพูดออกไปได้ แต่เสียงเบามาก
             
“อะไรนะ”
             
มันทำหน้างงหนักกว่าเดิมจนผมแทบจะหลุดขำออกมา คือเขินมันก็เขินอ่ะ แต่ขำมากกว่า
             
“ผมท้อง”
             
“...”
             
ดิออนมันนิ่งไปสักพักก่อนที่จะพยักหน้ารับรู้แบบไม่แปลกใจเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ผมจินตนาการเอาไว้ว่ามันต้องตกใจมากแน่ๆ แต่ความจริงคือนิ่งมาก ไม่ตกใจสักนิด
             
“นายไม่ตกใจเหรอ”
             
ผมถามมันงงๆ
             
“ตอนแม่ฉันท้องน้องฉันก็มีอาการเหมือนนาย”
             
มันยิ้มบางแล้วดึงมือผมอีกข้างไปกุม ก่อนที่จะสบตากับผมด้วยสีหน้าจริงจัง
             
“ไม่ต้องกังวล ฉันเลี้ยงเด็กเป็น”
             
“แต่ผมเลี้ยงไม่เป็น”
             
ผมหน้างอเพราะปัญหาใหญ่มันอยู่ที่ผมเนี่ยแหละ ความสามารถในการเลี้ยงเด็กเล็กเป็นศูนย์ ที่ทำได้มากที่สุดคือพาไปซื้อไอติมหน้าปากซอยอ่ะ ถ้ามากกว่านั้นคือนั่งร้องไห้เป็นเพื่อนอ่ะ
             
ถึงผมจะรู้ก็เถอะว่าทุกคนช่วยเลี้ยงและให้คำปรึกษาได้แน่ๆ แต่ผมก็ยังกังวลอยู่ดี
             
เด็กคนหนึ่งเลยนะ คือผมก็ไม่อยากเป็นผู้ปกครองที่แย่หรือพึ่งพาไม่ได้อ่ะ แต่ผมไม่มั่นใจเลยสักนิดว่าตัวเองจะเป็นอะไรแบบนั้นได้
             
“ผมจินตนาการภาพนายออกนะว่าจะเป็นพ่อแบบไหน แต่ผมจินตนาการตัวเองไม่ออกเลยอ่ะ”
             
ผมหลุบตามองมือตัวเองหงอยๆ เพราะภาพในหัวผมคือดิออนน่าจะเป็นพ่อที่เท่มากอ่ะ ขนาดมันเป็นแฟนผมมันยังเท่เลย แล้วผมอ่ะ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย
             
“แต่ฉันจินตนาการออกนะ”
             
ดิออนมันลูบหัวผมเบาๆ
             
“ไม่ต้องคิดมาก นายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว เข้าใจไหม”
             
ดิออนมันดึงมือผมไปแนบแก้มมันและสบตากับผม
             
“ฉันเชื่อว่านายจะเลี้ยงเขาได้”
             
“..ผม”
             
“และฉันมั่นใจว่าเด็กที่นายเลี้ยงต้องเป็นเด็กดีเหมือนที่นายเป็น”
             
“แต่ผมชอบหนีเที่ยวนะ”
             
พอโดนดิออนปลอบมากๆ ผมก็เริ่มยิ้มออก คือเรื่องความมั่นใจมันก็เป็นปัญหาที่ผมแก้ไม่ได้สักที ทั้งๆ ที่ดิออนมันก็พูดอยู่ตลอดว่ามันมั่นใจในตัวผมอ่ะ แต่ผมก็เลิกคิดถึงความล้มเหลวของตัวเองไม่ได้สักที ถึงผมตอนนี้จะมีพลังแล้วก็เถอะ แต่ความเจ็บปวดที่ผ่านมามันก็ทำให้ผมกลัวอ่ะ
             
ผมไม่อยากให้ลูกผมต้องมาเจออะไรแบบผมเลย การถูกคาดหวังจากครอบครัวมากๆ ในฐานะลูกคนโตแทบจะทำทำลายตัวตนผมไปแล้วด้วยซ้ำ
             
คือต่อให้ไม่มีใครพูดถึงหรือเดินมาเยาะเย้ยผม ผมก็รู้อยู่แก่ใจว่าผมล้มเหลวในฐานะว่าที่หัวหน้าสมาคมคนต่อไปอ่ะ
             
ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะเก่งพอที่ปกป้องเขาจากเรื่องพวกนี้ไหม
             
สำหรับผมมันเป็นเรื่องใหญ่มากจริงๆ
             
“ลูกของเราจะมีความสุข ครูซ”
             
“อือ”
             
ผมพยักหน้าแล้วก้มมองท้องตัวเองหงอยๆ
             
ผมจะพยายามให้ถึงที่สุดแล้วกัน
 
             

และหลังจากที่ทุกคนในสมาคมรู้ว่าผมท้อง ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด มาตราการตรวจคนเข้าออกเข้มมากเหมือนพ่อกลัวผมหนีออกจากสมาคม คุณย่าก็เอานู่นเอานี่มาขุนผมเช้าเย็นที่ส่วนใหญ่เป็นของบำรุงอะไรสักอย่างจากไหนไม่รู้
 
แต่ที่แน่ๆ คือไม่อร่อยเลย ;w;
             
มันขมจนผมแทบลิ้นชา แล้วพอย่ารู้ว่าผมกินแต่ขนมกับของหวานไม่ค่อยกินของมีประโยชน์ ผมก็ถูกงดของแหวนไปโดยปริยายและได้แต่น้ำตาตกในเวลาย่าเอาของกินเล่นผมไปให้หลุยส์หมดเลย
             
ย่าใจร้าย!
             
ผมในร่างค้างคาวน้ำตาแตกบนมือดิออน คิดถึงช็อกโกแลตอย่างสุดหัวใจแต่ที่มีให้กินก็มีแต่ของอะไรไม่รู้ คือตอนนี้ไม่มีใครตามใจผมเลยอ่ะ แม็กซ์ก็ดุผมตอนผมแอบขโมยขนมหลานกิน แม่ก็บังคับให้ผมนอนพักเพราะท้องผมตอนนี้ก็เริ่มนูนแล้ว คนอื่นๆ ในสมาคมเวลาเห็นผมไปเล่นตรงไหนนิดหน่อยก็ฟ้องดิออนให้มาตามเก็บผมเลย
             
“อย่าร้อง”
             
ดิออนมันพยายามปลอบผมแต่ผมก็ยังไม่หยุดงอแง
             
กี้ๆๆ
             
ผมงอแงเพราะนอกจากผมจะอยากกินขนมแล้ว เดี๋ยวนี้ผมยังเหนื่อยแทบจะตลอดเวลาด้วย
             
“ไม่ร้องนะครับ”
             
แน่นอนว่าจนถึงตอนนี้ดิออนก็ยังฟังไม่ออกว่าผมบ่นอะไร แต่ผมก็ยังเศร้าอยู่ดี ผมเบื่ออ่ะ อยากออกไปสูดอากาศนอกสมาคมบ้าง อย่างน้อยก็ขอแค่เดินไปซื้อไอติมหน้าปากซอยก็ได้
             
ผมสะอื้นในร่างค้างคาว เห็นสีหน้าทำอะไรไม่ถูกของดิออนก็เริ่มสงสารเพราะมันก็พยายามประคบประหงมผมสุดแล้วอ่ะ แต่ผมก็ยังอยากร้องไห้อยู่ดี
             
ผมร้องไห้ต่ออยู่สักพักก่อนที่จะตาโตตอนที่ดิออนหยิบช็อกโกแลตที่กลายเป็นของหายากในสมาคมมาให้ผมกิน
             
กี้!
             
ผมตาโตทำท่าจะเข้าไปกอดช็อกโกแลตก็โดนดิออนจับตัวเอาไว้ก่อน
             
“ให้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ”
             
ผมพยักหน้ารัวๆ แล้วโผกอดช็อกโกแลตที่ใหญ่กว่าตัวผม
             
อร่อยจัง
             
หูผมลู่ลงตอนที่รู้สึกมีความสุขมาก นี่สิอาหารที่ผมควรจะได้กิน ถึงมีจะไม่ค่อยมีประโยชน์แต่มันก็ดีต่อใจอ่ะ พวกของมีประโยชน์ไม่อร่อยแต่ทำตัวผมตุ๊บมาก ถ้ามีมนุษย์มาเห็นผมในร่างค้างคาวตอนนี้คงคิดว่าเป็นลูกบอลค้างคาวสูบลมอ่ะ เอาจริง ผมก็เริ่มสงสัยเหมือนกันว่าตัวเองเป็นแวมไพร์จริงไหมหรือจริงๆ แล้วเป็นค้างคาวที่รับงานเป็นแวมไพร์
             
ดิออนปล่อยให้ผมกินช็อกโกแลตจนหมด ทั้งๆ ที่ปกติผมกินไปครึ่งอันผมก็อิ่มแล้ว แล้วด้วยความที่ผมกินช้าบางส่วนของช็อกโกแลตเลยละลายไปบ้างและมันก็ติดหน้ากับตัวผมจนดิออนต้องหยิบผ้าเช็ดหน้าของมันมาเช็ดเนื้อตัวให้ผม
             
กี้!
             
ผมที่พอได้กินอะไรหวานๆ เยอะ ๆ ก็เริ่มอารมณ์ดีเอาหน้าไถมือดิออนอ้อนๆ ระหว่างที่มันเช็ดหน้าให้
             
กี้ๆ
             
ผมรักดิออนที่สุดเลย!
             
มันยิ้มมุมปากแล้วลูบหัวผมที่พอกินเสร็จก็ง่วงอีกแล้ว ผมหาวง่วงๆ แล้วซบมือมัน
             
“ร่างมนุษย์ไหม”
             
มันถามผมแต่ผมส่ายหัวเพราะการอยู่ในร่างนี้ทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยน้อยลง ถึงผมจะชอบตอนที่มันนอนกอดผมก็เถอะ แต่ช่วงนี้ผมเหนื่อยมากจริงๆ
             
ผมเอาหัวไถมือมันอีกสองสามรอบเชิงลาก่อนที่จะเผลอผล็อยหลับไปอีกรอบ
 
             


“...หน้าเหมือนนายมากเลยอ่ะ”
             
ผมนั่งจ้องหน้าลูกชายตัวเองที่กำลังหลับอยู่ในเปลเด็กหลังจากที่เกิดมาได้หนึ่งปี ซึ่งยิ่งโตก็ยิ่งหน้าเหมือนดิออนอ่ะ มีแค่สีผมกับตาที่เหมือนผม
             
“ไม่ดีเหรอ”
             
ดิออนถามผมระหว่างที่มันง่วนอยู่กับการชงนมสูตรพิเศษที่คุณย่าให้มา
             
 “ดีสิ”
             
 ผมหัวเราะคิกคักแล้วมองหน้า ‘การ์วิน’ เพลินๆ เพราะลูกติดผมมาก คือก็อยู่กับดิออนบ้างแต่ติดผมมากกว่า จนผมเริ่มรู้สึกว่าเหมือนมีก้อนดิออนจิ๋วมาอยู่ด้วย ลูกผมไม่ค่อยร้องอ่ะ ชอบนั่งมองผมแล้วก็ยิ้มจนตาหยี แต่เวลาเจอพ่อคือหน้าบูด ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
             
“ทำไมลูกไม่ชอบฉัน”
             
พอชงเสร็จมันก็มานั่งข้างผมแล้วขมวดคิ้วบ่นเซ็งๆ
             
“นายหน้าดุมั้ง” ผมขยับตัวพิงไหล่มันแล้วหยิบมือของมันมาจับเล่น “แต่จริงๆ ตอนนายไม่อยู่ ลูกก็มองหานะ”
             
“...”
             
มันขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก้มมองหน้าลูกที่หลับอยู่บ้าง ซึ่งลูกก็เพิ่งหลับได้ไม่นานหลังจากที่นั่งเล่นกับผมมาทั้งวัน
             
“..นายว่าผมเลี้ยงลูกดีไหม”
             
ถึงจะเลี้ยงมาหนึ่งปีแล้วก็เถอะ แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี ผมอยากให้วันทุกวันของเขาเป็นวันที่มีความสุขอ่ะ จะร้อยปีหรือพันปีข้างหน้า ผมก็อยากจะดูแลเขาให้ดีที่สุด
             
“ดีสิ”
             
มันดึงมือผมไปจูบ
             
“แต่ลูกน่าจะเหงานะ”
             
“จริงอ่ะ แต่ผมเล่นด้วยทั้งวันเลยนะ”
             
ผมกระพริบตาปริบงงๆ เพราะนอกจากผมแล้ว คนที่มาช่วยเลี้ยงหลานเยอะมาก ทั้งพ่อแม่ผม คุณย่า คนอื่นๆ ในสมาคมก็ช่วยดูแลลูกผม แถมหลุยส์ก็ยังชอบมาเล่นด้วยอีก ฉะนั้นผมไม่รู้เลยว่าลูกผมจะเอาเวลาไหนมาเหงา
             
คนที่เหงาจริงๆ น่าจะเป็นดิออนมากกว่า
             
“ลูกบอกฉันว่าอยากมีน้อง”
             
ผมหน้าแดงเพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง ลูกผมยังพูดเป็นประโยคไม่ได้เลย!
             
“ดิออน!”
             
ผมมองมันเขินๆ คือก็อย่างที่รู้อ่ะ แวมไพร์มีลูกยาก ผ่านมาเป็นร้อยๆ ปีอ่ะกว่าผมกับดิออนจะได้ลูกคนแรก ฉะนั้นเรื่องจะมีต่อทันทีนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะขนาดผมกับแม็กซ์ยังห่างกันเป็นร้อยปีเลย
             
“นายไม่อยากมีเหรอ”
             
“…”
             
ผมหน้าแดงกว่าเดิม คือจะมีก็มีได้แหละ
             
“รอให้ลูกโตกว่านี้ก่อนไหมอ่ะ ผมเลี้ยงสองคนพร้อมกันไม่ไหวหรอก”
             
ถึงลูกผมจะไม่ค่อยซนก็เถอะ แต่ติดผมจนผมแทบไปไหนไม่ได้อ่ะ จนบางทีผมก็รู้สึกว่าตัวเหมือนมีโคอาล่ามากกว่าแวมไพร์แล้ว คิดๆ ไปผมก็อยากให้ลูกผมได้ร่างค้างคาวสักที เพราะผมอุ้มลูกนานๆ ไม่ค่อยไหว
             
“อืม แล้วแต่นาย”
             
แน่นอนว่าดิออนมันก็ยังตามใจผมเก่งเหมือนเดิม ผมว่าถ้าผมอยากได้คฤหาสน์ของพวกวาติกันมาเป็นสนามเด็กเล่นให้ลูก มันก็คงไปจัดการพวกวาติกันให้อ่ะ
             
ให้ตายเหอะ ผมโคตรโชคดีเลยอ่ะที่ได้มันมาเป็นคู่ แต่เอาจริง ถ้ามันไม่นิสัยแบบดีแล้วเป็นพวกวาติกันคลั่งลัทธิปกติก็คงจะจับผมปิ้งไปนานแล้วนั่นแหละนะ
             
หรือจริงๆ ที่ผมซวยตลอดเวลา เพราะเอาดวงทั้งหมดใช้ไปกับดิออนวะ
             
ผมหลุบตามองดิออนที่นั่งหาวง่วงๆ แล้วเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายซุกผมบ้าง มันขยับตัวนิดหน่อยแล้วนอนตักผมก่อนที่มันจะผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่ตอนอยู่ด้วยกันใหม่ๆ มันเป็นคนที่หลับยากมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสัญชาตญาณความระแวงหรืออะไร
             
ผมมองสำรวจหน้าของมันอย่างเพลิดเพลิน เพราะต้องเลี้ยงลูกมันเลยไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองเท่าไหร่ เลยดูไม่ค่อยเนี๊ยบเหมือนเดิม ดูยุ่งๆ เลอะๆ เหมือนพ่อลูกอ่อนอ่ะ
             
ผมพยายามกลั้นหัวเราะตอนที่เห็นคราบนมที่เลอะคอเสื้อมันอย่างเห็นได้ชัด คือก็ชงจะมาปีนึงแล้วนะ ผมก็เห็นเลอะเกือบทุกวัน แม้แต่วันนี้ก็ยังเลอะอ่ะ
             
ผมไม่รู้ว่าพวกวาติกันมันหมายหัวดิออนกันไหม แต่บอกตามตรงถ้าพวกนั้นมาเจอดิออนในสภาพนี้ก็คงจำไม่ได้อ่ะ ไม่เหมือนหัวหน้าตระกูลวาติกันคนเท่คนนั้นสักนิด
             
ตอนนี้มันเหมือนเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้นเอง
             
ผมมองมันเพลินๆ อยู่สักพักใหญ่ก็เริ่มยิ้มไม่ออก เพราะเหน็บเริ่มกินแล้วผมก็รู้สึกเจ็บและจั๊กจี้มาก แต่พอเห็นท่าทางหลับสบายของมันผมก็ทำใจปลุกไม่ได้อ่ะ คือเมื่อคืนตอนลูกร้องมันก็เป็นคนกล่อมทั้งคืนเลยอ่ะ ส่วนผมสลบไปแล้วตื่นงัวเงียขึ้นมาก็รับช่วงต่อตอนเช้า เห็นตาดำๆ ของมันถึงรู้ว่ามันไม่ได้นอนอ่ะ 
             
ขนาดผมไล่ไปนอนยังไม่ไปเลย
             
ผมถอนหายใจแล้วนั่งต่อแบบนั้นเพราะยังอยากให้มันนอนอีกสักพัก ซึ่งระหว่างนี้ผมก็ต้องทนขาชาไปก่อนและภาวนาไม่ให้ขาผมไม่เจ็บไปมากกว่านี้
             
;w;

---------

 :กอด1:       
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 20 12/4/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-04-2020 23:36:47
้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แล้ว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 20 12/4/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 13-04-2020 20:08:10
ครอบครัวอบอุ่น

ลูกหวงแม่กับพ่อ  :hao7:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 20 12/4/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-04-2020 01:15:49
ลูกน่ารัก
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 20 12/4/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae123 ที่ 14-04-2020 23:18:29
อร๊ายยยยยยย
มีเบบี๋ด้วยกันแล้วววว ><
หน้าเหมือนดิออน โตมาต้องหล่อ เท่ มากแน่ๆเลยอ่า  :hao7:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 21 5/5/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 05-05-2020 21:11:47
ตอนที่ 21

   
ก็อย่างที่รู้อ่ะว่าแวมไพร์มีลูกยาก
   
แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงเป็นข้อยกเว้นก็ไม่รู้ เพราะหลังจากนั้นไม่กี่ปีผมก็ท้องอีก งงมาก ไม่รู้ดิออนมันขยันเกินไปหรือยังไง แต่ผมก็ท้อง ดีหน่อยที่หลังจากนั้นผมก็ไม่ท้องอีก แล้วคือลูกสองคนก็สลับกันร้องอ่ะ ไม่รู้แม่ทนผมได้ไง ผมตอนเด็กๆ คือร้องทั้งวัน แต่แน่ล่ะ ผมคงน่ารักแหละ แม่เลยไม่เอาไปทิ้งก่อน
   
“แม่”
   
ผมที่อยู่ในร่างค้างคาวรีบมุดเข้าไปใต้หมอนตอนได้ยินเสียงลูกคนโตของผมเดินมา ซึ่งแน่นอนว่าผมซ่อนตัวไม่สำเร็จเพราะตรงนี้เป็นที่นอนประจำของผม ลูกเลยรู้ทันและหยิบหมอนออกจนเจอผมที่นอนแหง่กอยู่
   
“…”
   
กี้!
   
ผมหาวหวอดใส่ลูกง่วงๆ ที่ตอนนี้โตแล้ว นับแบบพวกมนุษย์ก็คงประมาณ ม.ปลาย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะพอโตแล้วก็มีคนช่วยเลี้ยงน้อง
   
“พ่อถามว่าแม่จะไปข้างนอกด้วยไหม”
   
กี้ๆ
   
ผมส่ายหัวพยายามแย่งหมอนกลับ แต่ลูกก็ไม่ยอมคืนให้จนผมหน้างอ
   
ให้ตายเหอะ เอาจริงๆ คือนอกจากจะหน้าเหมือนดิออนแล้วยังนิสัยเหมือนดิออนอ่ะ บางทีก็ชอบแกล้งผมหน้านิ่งๆ แล้วตอนนี้ก็ทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก
   
กี้!
   
ผมเท้าเอวจะดุลูกในร่างค้างคาว ซึ่งผมก็รู้แหละว่าสภาพนี้มันไม่โคตรไม่น่ากลัวเลย เพราะตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเห็นใครกลัวผมในร่างนี้สักคน
   
“พ่อบอกให้แม่ไปด้วย แม่นอนเยอะแล้ว วันนี้”
   
กี้ๆๆ
   
นอนเยอะอะไรกัน ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้นอนเลยต่างหาก หลังๆ มานี้สมาคมก็ไม่ค่อยปล่อยให้ผมไร้สาระไปวันๆ แล้ว ใช้ไปทำนู่นทำนี่บ้าง เจรจาขายครีมกันแดด ไปตีกับพวกโกสต์ที่ชอบมารุกล้ำอาณาเขตที่สมาคมดูแลบ่อยๆ
   
แล้วคือตอนที่ผมว่างนอนเล่นก็มีแค่ตอนลูกไปเรียนอ่ะ
   
“ไปด้วยกันหน่อย”
   
ผมหน้ามุ่ยกว่าเดิมเพราะรอบนี้ดิออนมาตามเอง มันยีหัวลูกยิ้มๆ แล้วหยิบผมมาวางบนมือ
   
กี้!
   
ผมแลบลิ้นใส่มันแล้วหาวอีก
   
ไม่ไปหรอก ผมง่วงจะตายอยู่แล้ว ขนาดเมื่อคืนที่เป็นเวรผมเล่านิทานให้ลูกฟังก่อนนอน ผมยังหลับก่อนลูกเลย ไม่แน่ใจว่าผมเล่าให้ตัวเองฟังหรือลูกฟังกันแน่
   
กี้ๆๆ
   
ตัวผมแทบจะปลิวตกจากมือดิออน ตอนที่มีค้างคาวอีกตัวบินมากอดผม ซึ่งก็คือ ‘อลิส’ ลูกสาวคนเล็กของผมเอง หน้าเหมือนผมและน่ารักเหมือนผม แถมยังชอบอยู่ในร่างค้างคาวเหมือนผมอีก
   
กี้!
   
ผมกอดลูกกลับแน่นด้วยความคิดถึง ให้ตายเหอะ ลูกน่ารักมากเลยอ่ะ ตอนนี้เพิ่งขึ้นประถมเองแต่ก็ซนมาก จนพวกพี่เลี้ยงที่มาช่วยเลี้ยงบางทีก็ตามไม่ทัน
   
“การ์วินดูน้องนะ”
   
สุดท้ายดิออนมันก็แยกผมออกจากลูกอีก มันหยิบลูกผมออกจากผมแล้วยื่นให้การ์วิน ก่อนจะยัดผมใส่กระเป๋าเสื้อ  ซึ่งเอาจริงๆ บางทีผมก็สงสัยนะว่าผมเป็นแวมไพร์หรือเป็นตัวอะไรกันแน่
   
ผมโบกมือบ๊ายบายลูกแล้วมุดหลบเข้าไปในหลับในกระเป๋าเสื้อต่อ จริงๆ ก็รู้แหละว่าผมควรคืนร่างมนุษย์ได้แล้ว แต่ผมก็ง่วงอยู่ดี
   
“ร่างมนุษย์ไหม พ่อนายเรียก”
   
ก่อนที่จะออกจากห้อง ดิออนก็ไม่วายหยิบผมออกมาคุยด้วยอีก ผมงับนิ้วมันเซ็งๆ แล้วยอมคืนร่างมนุษย์เพราะไม่บ่อยนักหรอกที่พ่อผมจะเรียกผมกับดิออนเข้าไปหาพร้อมกันแบบนี้
   
คือพ่อผมก็ยังคงเป็นพ่อตาที่ยังไม่ชอบหน้าดิออนเหมือนเดิมแหละนะ ถึงตอนนี้ผมจะลูกสองแล้วก็เถอะ แต่พ่อผมก็ยังหวงผมอยู่ดี ซึ่งเดี๋ยวนี้ดิออนมันก็ทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมมากเวลาเจอพ่อผมแต่ละที เพราะบางทีมันก็ชอบมันเขี้ยวอะไรไม่รู้แล้วมาแกล้งผมจนผมจะร้องไห้ตั้งหลายรอบ
   
ไม่รู้ว่ามันจะมันเขี้ยวผมอะไรนักหนา ผมว่าผมก็หน้าตาเหมือนเดิมอ่ะ หรือจริงๆ แล้วมันรำคาญเวลาผมกับอลิสคุยกันร่างค้างคาวแล้วฟังไม่ออก แบบกี้ๆ อะไรกันนักหนา ซึ่งก็จริงเพราะกี้ๆ กันทั้งวัน
   
“ดิออน!”
   
ผมเอ็ดมันตอนที่คืนร่างมนุษย์แล้วมันดึงมือผมไปกัดบ้าง
   
“โทษที”
   
มันหัวเราะแล้วจูบมือผมเหมือนจะปลอบ ซึ่งก็ไม่ช่วยอะไรเพราะเป็นรอยฟันไปแล้ว
   
“..มันอดไม่ไหวจริงๆ ”
   
“ทำไมอ่ะ ผมน่าแกล้งขึ้นเหรอ”
   
ผมบ่นมันเซ็งๆ เริ่มอยากฟ้องพ่อว่าโดนมันแกล้งแต่ก็กลัวพ่อจะทำโทษมันไม่ให้เจอผม ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริงคนที่จะร้องไห้ก่อนคงจะเป็นผมอีก
   
“..นายสวยขึ้น”
   
“...”
   
ผมหน้าแดงเขินๆ ไม่ชินสักทีเวลาที่โดนมันชมอ่ะ ผมก้มหน้างุดไม่สบตาแล้วปล่อยให้มันพาผมเดิน แต่ผมก็ยังอยากคุยเรื่องนี้ต่ออยู่ดี
   
“ผมว่าผมก็เหมือนเดิมอ่ะ”
   
“ไม่เหมือน”
   
“เหรอ”
   
คุยเรื่องนี้ผมก็อดสำรวจหน้ามันบ้างไม่ได้ ซึ่งก็แน่นอนว่ายังหล่อเหมือนเดิมแต่สุขุมขึ้นมาก จนหน้ามันนิ่งๆ ตอนนี้คือน่ากลัวกว่าตอนที่ผมเจอมันครั้งแรกอีก แบบถ้ามันไม่ใช่แฟนผม ผมคงวิ่งหนีแล้ว
   
“ตอนนี้นายเหมือนแวมไพร์จริงๆ ”
   
“...”
   
ผมขมวดคิ้ว ไม่แน่ใจว่ามันชมรึเปล่า แล้วผมควรดีใจไหม
   
“รู้ไหมว่าพวกคนในสมาคมพูดถึงนายยังไง”
   
ผมส่ายหัวเพราะวันๆ เลี้ยงแต่ลูกกับนอน ผมจะเอาเวลาไหนไปสนใจคนอื่นกัน
   
“นอกจากน้องชายนาย ก็มีนายนั่นแหละที่เด็กๆ อยากเป็นกัน”
   
“จริงอ่ะ”
   
ผมถามมันแบบไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ คือต่อให้ตอนนี้ผมจะไม่ใช่อันดับบ๊วยของสมาคมแล้วก็เหอะ แต่ผมว่าผมก็ไม่ได้เก่งถึงขนาดที่จะมาเป็นแบบอย่างให้ใครอยู่ดี
   
“อืม นายอาจจะไม่รู้ตัวหรอก แต่นายตอนนี้ดูเป็นสายเลือดแท้ของแวมไพร์จริงๆ”
   
ดิออนมันหยุดเดินแล้วก้มมองผม
   
“นายเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ ครูซ ถึงนายจะคิดอยู่ตลอดก็เถอะว่านายยังเป็นแวมไพร์อายุสามสี่ร้อยคนนั้น แต่ตอนนี้นายอายุแปดร้อยกว่าแล้วนะ นายโตและสง่างามมากพอที่จะชิงตำแหน่งหัวหน้าสมาคมด้วยซ้ำ”
   
“...”
   
ผมหน้าแดงกว่าเดิม
   
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยอ่ะว่าดิออนมันมองผมด้วยความคิดแบบนี้มาตลอด
   
“จนบางครั้งฉันก็รู้สึกภูมิใจที่ได้ครอบครองนายไว้คนเดียว”
   
ดิออนยิ้มบางให้ผม คือเป็นยิ้มที่ผมรู้เลยอ่ะว่าถ้าอยู่ในห้องมันคงจูบผมไปแล้ว
   
“...อยากจูบนายชะมัดเลยอ่ะ”
   
ผมบ่นเซ็งๆ เพราะเดินมาถึงห้องประชุมใหญ่แล้ว เปิดเข้าไปก็คือเจอพ่อนั่งอยู่แน่นอน แต่ผมอยากจูบมันมากเลย นานๆ ทีมันจะพูดอะไรแบบนี้อ่ะ
   
“จูบตอนนี้ พ่อนายได้เปลี่ยนใจแล้วออกมาฆ่าฉันแน่”
   
มันหัวเราะก่อนที่จะเปิดประตูและพาผมเข้าไปในห้อง
   
“..?”
   
ผมชะงักไปสักพักเพราะคิดว่าจะมีแค่พ่อกับแม่แต่ความจริงคือมีพวกผู้อาวุโสในตระกูลด้วย ซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่ถ้าไม่ใช่งานสำคัญหรืองานใหญ่ๆ ก็จะไม่ปรากฏตัวให้เห็นอ่ะ
   
สรุปแล้ววันนี้เป็นวันอะไรกันแน่เนี่ย
   
ผมกลืนน้ำลายเอื้อกแต่ก็เดินไปนั่งประจำตัวแหน่งตัวเองซึ่งไม่รู้ว่าทำไมถึงถูกจัดเอาไว้หัวโต๊ะข้างดิออน แถมบรรยากาศในห้องก็เงียบมาก ดีหน่อยที่ผนังห้องในสมาคมค่อนข้างหนา ไม่อย่างนั้นผมคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนอ่ะถ้าทุกคนได้ยินที่ผมคุยกับดิออนเมื่อกี้
   
“ครูซ”
   
ผมเผลอกลั้นหายใจตอนที่ได้ยินชื่อตัวเองจากปากผู้อาวุโสที่สุดในตระกูล คือล่าสุดที่ได้คุยกันคือตอนที่ผมเด็กมาก
   
“ครับ”
   
ผมตอบกลับด้วยภาษาโบราณของแวมไพร์ เพราะพอจะเดาได้แล้วว่าพิธีกรรมอะไรสักอย่างที่จะเกิดขึ้นวันนี้คงจะทางการและสำคัญพอตัว
   
“เลือด”
   
ผู้อาวุโสบอกผมสั้นๆ ก่อนจะส่งมีดสั้นต่อมาเป็นทอดๆ พร้อมกับร่ายเวทย์โบราณไปด้วย ผู้อาวุโสคนอื่นก็ร่ายเวทย์ในส่วนของตัวเองจนอากาศในห้องสั่นระริก ขุมพลังแห่งความมืดค่อยๆ ผุดออกมาจากกล่องที่วางอยู่กลางโต๊ะก่อนจะถูกสูบเข้าไปในมีดสั้นสีดำสนิทที่แม้จะรับพลังเข้าไปอย่างมากมายแต่ก็ยังคงนิ่งสงบไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว

ผมก้มมองมีดที่ในที่สุดก็ส่งมาถึงผม ซึ่งมันก็เบากว่าที่ผมคิดและลวดลายที่สลักอยู่บนด้ามมีดนั้นก็เป็นรูปมนุษย์ที่กำลังดื่มเลือดจากปีศาจคู่พันธะสัญญาซึ่งก็คือท่านคาร์บิลัส ราชาปีศาจผู้ครองอำนาจเหนือปีศาจทั้งปวง

“..!”

ผมเงยหน้าสบตากับพ่อทันทีเพราะรู้แล้วว่าวันนี้พ่อเชิญผู้อาวุโสของตระกูลมาทำไม

“อย่าทำพลาดล่ะ”

เสียงของพ่อในหัวแทบจะทำผมร้องไห้

พ่อยอมรับดิออนแล้ว

ผมหยิบแก้วไวน์มาตรงจุดที่ถูกวาดอักขระเอาไว้ก่อนที่จะบรรจงใช้มีดกรีดข้อมือตัวเองให้เลือดไหลออกมา ซึ่งระหว่างนั้นผมก็อดแอบมองดิออนไม่ได้ และพบว่ามันมองผมด้วยรอยยิ้มบางเหมือนรู้อยู่แล้วว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น

ผมหน้ามุ่ยใส่มันเซ็งๆ เพราะคนที่ควรจะตื่นเต้นกับพิธีกรรมนี้มากที่สุดควรจะเป็นมันอ่ะ ไม่ใช่ผมซะหน่อย

“พอ”

แผลของผมหายสนิททันทีตอนที่ท่านผู้อาวุโสพูดซึ่งก็ได้ประมาณครึ่งแก้วพอดี

ผมเบิกตากว้างเพราะเพียงชั่วพริบตาเลือดของผมก็กลายเป็นสีดำ ก่อนที่มีดที่อยู่ในมือผมจะสั่นอย่างรุนแรงราวกับว่ามันกำลังดีใจนักหนาที่จะได้เปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็น ‘แวมไพร์’ อีกครั้ง

“ส่งมีดให้คู่ของเจ้าซะ”

“...”

ผมรู้สึกลังเลนิดหน่อยเพราะจากที่เคยเรียนมาก็พอจะรู้ว่าการที่มนุษย์จะเปลี่ยนเป็นแวมไพร์อย่างเต็มตัวนั้นค่อนข้างเป็นเรื่องที่ทรมานมาก มีมนุษย์หลายคนที่ทนความเจ็บปวดระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านไม่ไหวจนตายไปก็ตั้งหลายคน
ผมรู้แหละว่าดิออนยอมรับความทุกข์ทรมานนั้นได้ แต่ผมก็ไม่อยากให้มันเจ็บอยู่ดีอ่ะ

“ครูซ”

ดิออนมันกระซิบเรียกผมจนผมต้องตัดใจแล้วยื่นให้มัน และพยายามทำตัวปกติตอนที่เห็นมันกดปลายมีดที่ต้นแขนซึ่งมีตราประทับของผมจนเลือดไหลออกมา หน้ามันซีดลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะเลือดไม่ได้หยดลงพื้นแต่กลับถูกกลืนหายไปกับมีดแทน

“...”

มันพยายามทำสีหน้าปกติแต่มันกัดฟันแน่นไม่ให้หลุดเสียงร้องออกมา ตอนที่พลังจากในมีดนั้นรุกล้ำเข้าไปในแผลของมันและทำลายความเป็นมนุษย์ของมันที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างกาย

“..อึก”

ผมมองมันที่ไม่รู้ตัวว่ากัดปากตัวเองจนเลือดซึมออกมาแล้วด้วยความรู้สึกเหมือนจะร้องไห้

คือผมก็รู้แหละว่าถ้าไม่ให้มันเป็นแวมไพร์เต็มตัวอายุขัยของมันก็จะสั้นกว่าผม แต่ผมก็ทำใจเห็นมันเจ็บแบบนี้ไม่ได้เหมือนกันอ่ะ แต่ถามว่าถ้ามันตายแล้วผมจะทำใจได้ไหม ก็ไม่ได้อีก ฉะนั้นไม่ว่าทางไหนสำหรับผมก็แย่ทางนั้นอ่ะ

ผมน้ำตาคลอตอนที่มันกระอักเลือดออกมา

ถ้าไม่ติดว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องผมคงร้องไห้ไปแล้ว ถ้าเกิดดิออนตายใครจะเอาใจผมอ่ะ ถึงผมจะโตแล้วแต่ผมก็ยังต้องการความรักอยู่

ผ่านไปสักพักใหญ่กว่าที่มีดจะหยุดแกล้งดิออน มันนิ่งสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนที่ดิออนจะยื่นมันคืนให้ผม

“ไหวเหรอ”

ผมกระซิบถามมันเสียงเบาเพราะขั้นตอนต่อไปหนักกว่าเจ้ามีดนี่อีก

“อืม”

มันยิ้มบางให้ผมด้วยสีหน้าซีดเซียว

หวังผมจะไม่เป็นหม้ายตั้งแต่ตอนนี้นะ

ผมถอนหายใจแล้วรับขวดเลือดที่บรรจุเลือดของแวมไพร์บรรพบุรุษจากผู้อาวุโสมาหยดใส่เลือดของตัวเอง ซึ่งจากสีดำที่เข้มอยู่แล้วตอนนี้ก็ยิ่งเข้มกว่าเดิม ผมคืนขวดให้ผู้อาวุโสที่อยู่ใกล้แล้วเขย่าแก้วไวน์ที่บรรจุเลือดในมือเบาๆ ให้มันเข้ากัน

“ดื่มมันซะ มนุษย์”

ผู้อาวุโสบอกกับดิออนตอนที่ผมยื่นแก้วให้มัน

“...”

มันไม่ได้ตอบแต่รับแก้วจากมือผมไปถือและสบตากับผม

นัยน์ตาสีเทาของมันตอนนี้เข้มจนแทบจะไม่เหลือสีเทาแล้ว ถ้ามันดื่มเลือดแก้วนี้เข้าไปก็เท่ากับว่ามันจะกลายเป็นแวมไพร์โดยสมบูรณ์และมันจะไม่สามารถกลับไปเป็นมนุษย์ได้อีก

“ทอดทิ้งความเป็นมนุษย์ซะ ดิออน จงหันหลังกับพระเจ้าและเพลิดเพลินไปกับชีวิตนิจนิรันดร์กับเรา”

ผู้อาวุโสพูดด้วยน้ำเสียงก้องกังวานจนทำให้ผมขนลุก เพราะนี่น่าจะเป็นประโยคที่บรรพุบุรุษแวมไพร์ของผมใช้ในการชักชวนเหล่ามนุษย์กลุ่มแรกให้มาเป็นพรรคพวกของตัวเอง ซึ่งถึงแม้จะผ่านมาหลายร้อยหลายพันปีแล้วประโยคนี้ก็ยังคงดำรงอยู่และเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังไม่เสื่อมคลาย

มันยิ้มบางให้ผมก่อนที่จะดื่มเข้าไปอย่างไม่ลังเล

ผมมองตามมันด้วยความรู้สึกเป็นห่วงเพราะมันดื่มรวดเดียวหมดเลย คือตามพิธีกรรมมันต้องค่อยๆ จิบอ่ะ มันกินเป็นเป๊ปXเลยอ่ะ ให้ตายเหอะ ผมยังอยากมีผัวนะ ผมยังไม่พร้อมอยู่คนเดียว มันใจกล้ามาจากไหนเนี่ย

“..แค่ก”

มันกระอักเลือดของมาคำโตแล้วคำรามในลำคอไม่หยุด ร่างกายของมันค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแวมไพร์อีกครั้งซึ่งครั้งนี้ร่างกายมันก็เปลี่ยนแปลงมากกว่าเดิมจนมันยืนไม่ไหวและต้องจับโต๊ะช่วยในการพยุงร่างกายตัวเอง

ผมมองนัยน์ตาของมันที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ตัวของมันสูงขึ้นพร้อมกับปีกที่งอกออกจากแผ่นหลังมันใหญ่กว่าเดิม ก่อนที่ร่างของมันจะถูกหมอกสีดำซึ่งเกิดจากพลังของปีศาจปกคลุมร่างจนมองไม่เห็นอะไรอีก
มีเพียงเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดของมันเท่านั้นที่เล็ดรอดออกมา

“...”

คิดกี่ทีผมก็คิดว่าตัวเองโชคดีชะมัดที่เป็นแวมไพร์ตั้งแต่เกิด เพราะถ้าผมต้องมาเจอพิธีกรรมแบบดิออนคือร้องไห้ตั้งแต่ตอนโดนกัดแล้วมั้ง ผมคงยอมเป็นมนุษย์ไปจนตายอ่ะ

“!!”
   
ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อหมอกจางลงดิออนกลับหายไปแล้ว ผมเกือบจะหันไปโวยวายกับพ่อถ้าหากว่าไม่เห็นก้อนอะไรสักอย่างที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นซะก่อน
   
“...ดิออน?”
   
ผมก้มลงไปประคองค้างคาวตัวใหญ่ขึ้นมาดูซึ่งมันก็ยังสลบอยู่และหนักมาก
   
“พิธีกรรมสำเร็จแล้ว ยินดีกับคู่ของเจ้าด้วย ครูซ”
   
ผู้อาวุโสยิ้มให้ผมอย่างใจดีรวมถึงคนอื่นๆ ในห้องด้วย
   
“ขอบคุณสำหรับความเมตตาของพวกท่านเช่นกันครับ”
   
ผมตอบด้วยความซาบซึ้ง แต่ก็แอบเขย่าตัวดิออนไปด้วย ตายไหมเนี่ย ไม่เอา ห้ายตาย ไม่งั้นผมจะร้องไห้ทุกวันนะ ซึ่งก็ไม่ได้ผลดิออนยังสลบอยู่ ผมเลยต้องเปลี่ยนมาอุ้มแทนเพราะถือไม่ไหวหนักมาก นี่ถ้าดิออนมาเกาะไหล่ผม ผมคงไหล่หัก
   
“ลูกพาดิออนไปพักเถอะ”
   
“ครับ”
   
ผมหันไปขอบคุณทุกคนที่มาช่วยพิธีกรรมวันนี้อีกครั้งอย่างเป็นทางการ จริงๆ อยากเข้าไปอ้อนแม่ด้วย แต่ติดดิออนเลยต้องพากลับห้องก่อน
   
“นายไม่เท่เลยอ่ะ”
   
ระหว่างที่ผมเดินกลับห้องผมก็หลุดขำออกไม่ได้เพราะส่วนใหญ่ถ้าพิธีกรรมจบแล้วก็จะอยู่ในร่างแวมไพร์เต็มขั้น แต่ไม่รู้ดิออนทำไมถึงกลายเป็นค้างคาวซะงั้น แต่ก็ดีแหละ การที่มันอยู่ในร่างค้างคาวได้ก็แปลว่ามันเป็นแวมไพร์จริงๆ
   
“..ดิออน”
   
ผมกระซิบเรียกมันอีกครั้งเพราะอยากคุยกับมันแล้วอ่ะ ซึ่งเอาเข้าจริงผมก็เสียใจนิดหน่อยที่กอดมันครั้งต่อไปก็จะไม่อุ่นเหมือนเดิมแล้ว
   
“...”
   
ผมกระพริบตาปริบเมื่อสัมผัสได้ว่าค้างคาวในอ้อมกอดผมดิ้นเบาๆ และมันก็สบตากับผม
   
“ดิออน!”
   
ผมเปลี่ยนใจหลบเข้าไปในห้องสมุดทันทีเพราะกลับห้องตอนนี้ก็คงโดนลูกกวน ผมพามันหลบเข้าไปในมุมประจำที่ผมชอบมาแอบหลับแล้วนั่งคุยกับมันอย่างตื่นเต้น
   
ให้ตายเหอะ เหมือนผมได้ของเล่นใหม่เลยอ่ะ
   
“นายเป็นค้างคาวได้แล้ว ดีใจไหม”
   
ผมกระซิบคุยกับมัน
   
“...”
   
ดิออนมันจ้องผมนิ่งแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไร มันดูงงๆ กับร่างค้างคาวของมัน พยายามขยับปีกและเดินไปมา ซึ่งที่แน่ๆ เลยคือมันเป็นค้างคาวที่หน้าโหดมาก ไม่น่ารักเลยสักนิด
   
ผมหัวเราะคิกคักตอนที่มันล้มใส่ผมแต่ผมก็รับมันได้พอดี
   
“คุยกับผมหน่อยสิ”
   
ผมหน้ามุ่ยมองมันที่จนถึงตอนนี้ก็ไม่ยอมพูดอะไรสักที
   
“...”
   
หูมันลู่ลงอย่างเห็นได้ชัด สีหน้ามันทะมึนมากกว่าเดิม
   
“ทำไมไม่ยอมคุยอ่ะ หรือนายพูดภาษาค้างคาวไม่ได้”
   
“...”
   
ผมขมวดคิ้วเพราะมันก็ยังเงียบอยู่ หรือว่ามันเจ็บคอ? แต่ก็ไม่น่าใช่เพราะมันก็ดูปกติดี
   
“ดิออน ถ้ายังไม่พูดผมจะงอนแล้วนะ”
   
ผมกอดอกบ่นฮึ่มๆ ใส่มัน พอกำลังจะตัดพ้ออีกมันก็ดันพูดขึ้นมาก่อน
   
กี้ๆ  (อย่างอน)
   
มันพูดเสร็จก็ทำหน้าเซ็งแล้วพยายามคืนร่างมนุษย์ ซึ่งก็ทำไม่สำเร็จเพราะพลังมันยังไม่เสถียรเลยต้องยังอยู่ในร่างค้างคาวให้ผมแกล้งเหมือนเดิม
   
“...”
   
ผมนิ่งไปสักพักแล้วหลุดหัวเราะออกมา เพราะมันไม่ได้พูดไม่ได้หรือฟังไม่ออก แต่มันแค่ไม่อยากพูดในร่างค้างคาว
   
คือผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีวันที่ได้ยินดิออนร้องกี้ๆ แบบผมอ่ะ
   
หน้าดิออนจากที่เซ็งอยู่แล้วตอนนี้เซ็งกว่าเดิมมาก เอาจริง ถ้าไม่นับผมในสมาคมก็ไม่ค่อยมีใครชอบอยู่ในร่างค้างคาวกันหรอกเพราะมันเป็นร่างที่ทำอะไรไม่ค่อยได้นอกจากน่ารักไปวันๆ
   
“นายนอนที่นี่ได้ไหม ผมแอบเอาหมอนมาซ่อนไว้อยู่”
   
ดิออนมันพยักหน้าเบาๆ แล้วหาวให้ผมดูก่อนที่มันจะกระโดดขึ้นมานอนบนตักผมอีกแล้ว แน่นอนว่าผมไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเพราะวันนี้ผมจะนอนด้วย!
   
ผมขยับไปหยิบหมอนที่ซ่อนไว้หลังตู้หนังสือออกมาวางและทรุดตัวลงนอนโดยที่ไม่ลืมที่จะหยิบดิออนขึ้นมากอด
   
“ถ้านายตื่นก่อนก็กลับก่อนก็ได้นะ เมื่อวานผมไม่ได้นอนเลย”
   
ผมบ่นกับมันง่วงๆ ก่อนจะผล็อยหลับไป
   
ซึ่งในระหว่างที่ผมกำลังฝัน ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นความฝันรึเปล่า เพราะผมรู้สึกเหมือนถูกดิออนจูบหน้าผาก ผมหัวเราะคิกตอนที่ผมอุ้มผมขึ้นและขยับตัวเข้าหาความเย็นเฉียบที่โอบอุ้มผมอย่างทะนุถนอม
   
จะฝันหรือความจริงก็ช่างเถอะ
   
ดิออนของผมก็ยังน่ารักเหมือนเดิมแหละนะ

---------------------

สงสารดิออน 5555555555555

#ห้ามปิ้งค้างคาว   

   
   
   
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 21 5/5/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-05-2020 07:38:04
ดิออนเป็นแวมไพร์เต็มตัวแล้ว~
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 21 5/5/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 06-05-2020 12:34:17
เอ็นดูครอบครัวนี้  :hao7:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 21 5/5/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 06-05-2020 19:22:50
น่ารักมากๆเลย ทั้งครูซทั้งดิออนที่เป็นค้างคาว ต่อไปจะคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ 5555555
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 21 5/5/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: GDNEE ที่ 06-05-2020 22:27:56
น้อนดิออน กลายเป็นค้างคาวได้แน้ววว
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 21 5/5/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 12-05-2020 19:50:59
เอ็นดูครอบครัวนี้
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 22 29/5/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 29-05-2020 01:17:41
ตอนที่ 22

   
“แม่ รอนี้ก่อนนะ”
   
ผมหน้าบูดทันทีเพราะเดินเข้าห้างกับการ์วินได้ไม่ถึงห้านาทีก็โดนไล่ให้มานั่งรอ คือผมก็เข้าใจแหละว่าถึงผมจะหน้าเด็กแต่ความโบราณของผมสูงมาก เวลาในสมาคมเดินช้ามากถ้าเทียบกับโลกภายนอกที่ผ่านไปหลายร้อยปีแล้ว เทคโนโลยีของมนุษย์ก็เจริญไปหมด ถึงจะเป็นประเทศแถวนี้ก็เถอะแต่มันก็เจริญตามประเทศรอบๆ อยู่ดี
   
ขนาดโทรศัพท์มือถือที่ผมเคยใช้เป็นตอนนี้หน้าตามันเปลี่ยนไปเยอะจนผมใช้ไม่เป็นแล้วอ่ะ แล้วช่วงหลังผมก็เลี้ยงแต่ลูกด้วย ไม่มีเวลาออกมาปรับตัวและจะให้ผมไปสะกดมนุษย์ให้ช่วยสอนตัวเองเป็นอาทิตย์เหมือนเมื่อก่อนก็ไม่ได้อีก ดิออนคงโกรธผมตาย
   
“ไม่ แม่จะไปด้วย”
   
ผมกอดแขนลูกที่สูงกว่าไว้เลย ถึงลูกจะขอมากับดิออนก็เถอะแต่ผมก็อยากทำหน้าที่แม่บ้าง ทำไมอ่ะ ผมไม่ดีตรงไหน ลูกอยากได้อะไรผมก็ซื้อให้!
   
“ผมจะไปซื้อชุดเฉยๆ ไม่อยากให้แม่รอนาน”
   
ลูกก้มมองผมแล้วพูดนิ่งๆ
   
ให้ตายเถอะ นี่ลูกหรือดิออนเนี่ย ผมชักจะไม่แน่ใจแล้ว
   
“ไปด้วย”
   
ผมหน้ามุ่ยไม่ยอมไปนั่งตรงเก้าอี้ที่ร้านจัดเอาไว้ให้คนนั่งรอ
   
“..ครับ”
   
ลูกผมยิ้มนิดๆ แล้วเดินนำผมเข้าไปในร้านขายสูทที่เหมือนจะมีบริการตัดชุดให้ทันทีด้วย ซึ่งผมก็พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ตื่นเต้นเพราะมันเว่อร์มาก อะไรกันเนี่ย ผ่านไปไม่กี่ร้อยปีโลกมนุษย์มันขนาดนี้เลยเรอะ
   
ให้ตายเถอะ วันหลังถ้าออกมาทำภารกิจผมต้องไปเล่นหน่อยแล้ว แต่อีกใจก็กลัวโดนจับได้ว่าผมตามโลกข้างนอกไม่ทัน ขนาดจะขึ้นรถประจำทางผมยังใช้ไม่เป็นเลยอ่ะต้องให้การ์วินทำให้ทุกอย่าง
   
“ลูกจะเอาชุดไปทำอะไรนะ”
   
ผมมองลูกที่ยืนเลือกชุดบนหน้าจอสัมผัสแล้วกระพริบตาปริบ
   
“เดือนหน้าผมจะไปเรียนโรงเรียนมนุษย์แล้ว แม่จำไม่ได้เหรอ”
   
“..แล้วจะไปจริงๆ เหรอ”
   
ผมถามหงอยๆ คือลูกจะไปอยู่หอกับพวกมนุษย์เลยอ่ะ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ควรทำแหละเพราะสมาคมก็ต้องการเด็กรุ่นใหม่ที่เข้าใจความเป็นไปของโลกมนุษย์ เมื่อก่อนผมก็ได้เป็นคนไปเรียนเหมือนกันแต่ก็นานจนผมจำไม่ได้แล้ว แต่ที่แน่ๆ คือผมนอนที่สมาคม
   
“แต่พ่ออนุญาตแล้วนะครับ”
   
“ก็ไม่อยากให้ไปอ่ะ กลับเดือนละครั้งเอง”
   
ผมงอแง เริ่มเข้าใจว่าทำไมพ่อผมถึงให้คนมาตามผมเป็นประจำ แค่คิดว่าจะไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทุกเย็น ผมก็ใจหายแล้วอ่ะ การ์วินเป็นลูกคนแรกที่ผมเลี้ยงมากับมือเลยนะ! แถมผมยังเลี้ยงโตด้วย!
   
“ถ้าลูกไม่อยู่แล้วใครจะแอบซื้อขนมให้แม่อ่ะ”
   
ผมหงอยกว่าเดิม เริ่มคิดว่าผมควรจะหนีสมาคมไปเรียนกับลูกด้วยดีไหม
   
“แม่ขอพ่อดีๆ พ่อก็ไม่ว่าหรอก ..แม่ว่าผมใส่สีดำหรือสีเทาดี”
   
การ์วินหัวเราะแล้วดึงแขนให้ผมไปยืนใกล้ๆ เพื่อช่วยเลือกชุด แต่ลูกผมมันได้หน้าจากดิออน จะใส่ชุดไหนก็หล่ออ่ะ
   
“สีเทา สีดำให้พ่อใส่คนเดียวก็พอ”
   
“งั้นผมใส่ซื้อสีเทานะครับ”
   
“แล้วจะไว้ใส่ไปไหนอ่ะ งานโรงเรียนเหรอ”
   
ผมหงอยอีกรอบนึกถึงตัวเองสมัยเรียน ตอนนั้นก็มีพวกงานพรอมงานอะไรเหมือนกัน และแน่นอนสิ่งที่ผมชอบที่สุดในโรงเรียนคือการได้เรียนวิชาลีลาศเพราะเป็นวิชาเดียวที่ผมได้คะแนนดีมาก
   
“ครับ โรงเรียนให้ซื้อไว้เป็นชุดทางการเผื่อได้เข้าร่วมพิธีสำคัญกับพวกรัฐบาลครับ”
   
“…เหรอ”
   
ผมพยักหน้ารับซึมๆ
   
ให้ตายเถอะ จริงๆ ผมก็ภูมิใจแหละที่ลูกผมหัวดีจนเข้าโรงเรียนระดับท็อปของพวกมนุษย์ได้ ซึ่งมันก็ค่อนข้างส่งผลดีต่อสมาคมเพราะในโรงเรียนพวกนั้นจะมีพวกลูกหลานคนในรัฐบาลและวาติกันเรียนอยู่ ฉะนั้นถ้าพวกมนุษย์คิดจะทำอะไรพวกแวมไพร์อย่างผม พวกผมก็จะไหวตัวทันและเผ่าพันธุ์แวมไพร์จะได้ไม่ล่มสลาย
   
ถึงแวมไพร์อย่างพวกผมจะรักสงบและค่อนข้างทรงอำนาจในตอนนี้ก็เถอะ แต่ใครจะไปรู้ว่าสักวันพวกวาติกันอาจจะเอาชนะพวกผมได้ก็ได้ สาเหตุที่ทำให้เกิดสมาคมขึ้นมาได้ก็เพราะความแข็งแกร่งของพวกวาติกันนั่นแหละ
   
“..ผมอยากกินคุกกี้ แม่ซื้อให้ผมได้ไหมครับ”
   
“ได้สิ! เดี๋ยวแม่ไปซื้อให้!!”
   
ผมตาวาวทันทีเพราะตอนเดินมาร้านนี้ มีร้านขายคุกกี้ร้านนึงที่น่ากินมากๆๆ แต่คือวันนี้พาลูกมาซื้อชุดไง ผมจะซื้อขนมของตัวเองก่อนก็ยังไงอยู่ เลยต้องอดทนทำเป็นไม่สนใจ แต่ถ้าลูกอยากกินมันก็ช่วยไม่ได้แหละนะ
   
“ซื้อเสร็จแล้วก็รอที่ร้านนะ ห้ามไปไหน”
   
ผมกำชับลูกด้วยสีหน้าจริงจัง ถึงผมจะไม่เคยมีประสบการณ์ทำการ์วินหายก็เถอะ
   
“ครับ”
   
การ์วินพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง
   
ทำไมผมถึงเลี้ยงลูกได้ดีขนาดนะ!
   
ผมยิ้มจนตาหยีให้ลูกแล้วถึงเดินย้อนกลับไปร้านขายคุกกี้ที่ผมไม่เคยกินมาก่อน น่าจะเป็นร้านใหม่ที่เพิ่งมีไม่ถึงร้อยปีเพราะผมเป็นแฟนตัวยงกับขนมของพวกมนุษย์มาก งานฮาโลวีนปีนี้ผมก็ว่าจะไปเล่นอยู่ และแน่นอนว่าปีนี้ผมต้องไม่โดนล้อว่าเป็นแวมไพร์ปลอมหรือใส่เขี้ยวปลอมอีก ไม่อย่างนั้นคงอายลูกสองคนที่พาไปด้วยตายเลย
   
ก็รอบที่แล้วพาไปมีแต่ดิออนอ่ะที่เด็กๆ กลัว ส่วนผมเหรอนอกจากจะไม่กลัวแล้วยังโดนแย่งขนมอีก หรือว่าจริงๆ แล้วผมควรจะแต่งเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่แวมไพร์ แต่เป็นมนุษย์หมาป่าอะไรแบบนี้
   
ซึ่งระหว่างที่ผมเดินและคิดเรื่อยเปื่อยโลกก็ใจร้ายกับผมอีกแล้ว
   
ผลั่ก!
   
“โอ๊ย”
   
ผมร้องออกมาเบาๆ ตอนที่อยู่ๆ มีมนุษย์ตัวโตที่ไหนไม่รู้เดินชนผมจนเซ แต่พอผมจะเงยหน้าขึ้นไปโวยวายก็พบว่าไอ้มนุษย์บ้านั่นมันหายไปแล้ว
   
“อะไรเนี่ย”
   
ผมบ่นอุบลูบแขนตัวเองที่ยังชาอยู่เซ็งๆ
   
ออกมานอกสมาคมที่ไรผมซวยทุกทีเลยอ่ะ แล้วดิออนก็ไม่อยู่ด้วย งอแงไปก็ไม่มีใครโอ๋อ่ะ ผมเลยได้แต่ฮึบเอาไว้แล้วเดินไปซื้อคุกกี้เพื่อเยียวยาจิตใจตัวเอง
   
ผมอายุใกล้พันแล้ว ห้ามร้อง!
   
ผมคิดอย่างมุ่งมั่นแล้วก็ลืมเรื่องเจ็บไปเลยพอมาเจอร้านคุกกี้ที่ผมเล็งเอาไว้ ผมมองคุกกี้ที่หลังตู้กระจกตาวาว ดีหน่อยที่พวกขนมทั่วไปก็ยังมีมนุษย์ขายเหมือนเดิม ผมเลยไม่ต้องคิดมากตอนสั่งว่าจะสั่งยังไง
   
และแน่นอนว่าผมสั่งรสที่ตัวเองชอบแล้วก็ของอลิสกับการ์วินอย่างละสี่ ส่วนดิออนก็ให้กินผมแหละ ปกติมันก็กินแค่คำสองคำเพราะไม่อยากแย่งผมกินแล้วมันก็ไม่ได้ชอบของหวานขนาดนั้นด้วย
   
“ขอบคุณครับ”
   
ผมยิ้มให้กับพนักงานแล้วรับถุงคุกกี้มากอดอย่างหวงแหน ก่อนจะเดินกลับไปหาการ์วินด้วยอารมณ์ที่ดีมาก และดีขึ้นไปอีกตอนที่ผมหยิบขึ้นมากินแล้วมันอร่อยกว่าที่ผมคิดอีก
   
ผมเลยรีบสาวเท้ากลับไปหาลูกเพราะอยากแบ่งขนมให้ลูกกิน แต่ความอารมณ์ดีของผมก็หายไปทันทีตอนที่เดินมาถึงร้านแล้วพบว่าการ์วินหายไปแล้ว
   
ไม่สิ ร้านก็หายเหมือนกัน!!!
 
;w;
   
ผมยัดคุกกี้ที่เหลือเข้าปากแล้วกลืนเลย ไม่กล้าชื่นชมรสชาติต่อเพราะตอนนี้สถานการณ์ของผมวิกฤตมาก ผมกำลังหลงทางในห้างของมนุษย์ซึ่งมันก็มีหลายชั้นและใหญ่มาก แน่นอนว่าผมต้องรีบหาลูกให้เจอก่อนที่ลูกจะให้พวกมนุษย์ประกาศตามหาผม
   
ให้ตายเถอะ ถ้าดิออนรู้ว่าผมจำได้แต่ทางไปซื้อขนมคงโดนมันดุแน่ๆ
   
ผมหน้ามุ่ยก่อนที่จะเปิดประสาทสัมผัสตัวเองเพื่อใช้ในการตามหาการ์วินที่น่าจะหลับรอผมแล้ว
   
“...?”
   
ผมขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเพราะพอเปิดแล้วผมก็ยังสัมผัสไม่ได้ถึงตัวตนของลูก ทั้งๆ ที่ปกติแล้วจะเจอทันที
   
“..พวกวาติกันเหรอ”
   
มันเริ่มไม่ปกติแล้วอ่ะ
   
ผมเดินเข้ามุมอับของห้างที่ไม่มีใครสนใจแล้วใช้พลังแวมไพร์ในการค้นหาแบบเต็มที่ และแน่นอนว่ามันทำให้ผมปกปิดตัวตนตัวเองไม่ได้อีกต่อไป
   
“วาติกัน!”
   
ผมสบถออกมาอย่างอดไม่ได้เพราะตัวตนของลูกผมน่าจะถูกพวกวาติกันใช้พลังอะไรสักอย่างของพวกมันอำพรางไว้ แล้วตอนนี้มันก็คงจะรู้แล้วด้วยว่ามีแวมไพร์ในอาณาเขตมัน แต่ตอนนี้ผมไม่สนอะไรอีกแล้ว
   
ตอนนี้ผมโกรธ โกรธมากพอที่จะฆ่าพวกวาติกันด้วยซ้ำ!
   
ผมคำรามในลำคออย่างขุ่นเคืองแล้ววิ่งไปทิศทางที่ผมสัมผัสถึงลูกได้ ดีที่มันไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่แต่มันก็ยังเป็นบริเวณลับตาของห้างอยู่ดี ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าพวกวาติกันมันมีหุ้นส่วนกับห้างหรือยังไงทำไมถึงสร้างพื้นที่ตรงนี้ได้
   
“การ์วิน!!”
   
ผมเปิดประตูเข้าไปและตะโกนเรียกลูกทันทีตอนที่เห็นลูกอยู่ในร่างแวมไพร์และกำลังตีกับวาติกันอยู่
   
“แม่”
   
การ์วินเรียกผมด้วยสีหน้าซีดลงนิดๆ ชุดสูทสีเทาที่เพิ่งตัดมาใหม่นั้นชุ่มด้วยเลือดจนผมโกรธมากกว่าเดิม ก่อนที่ผมจะคืนร่างแวมไพร์ในพริบตาและพุ่งเข้าไปจัดการมัน
   
“อย่าหาเรื่องใส่ตัว วาติกัน!!”
   
ผมตะคอกใส่มันพร้อมกับฟาดดาบที่ผมสร้างขึ้นมาใส่แขนมันอย่างไม่ลังเล
   
มันทำร้ายการ์วิน!
   
“..แวมไพร์อย่างพวกแกต่างหากที่อย่าหาเรื่องใส่ตัว”
   
วาติกันยกดาบของมันขึ้นมากันดาบของผมก่อนที่มันจะโต้กลับผมอย่างดุดัน ซึ่งพอผมมองหน้ากับตัวมันชัดๆ ถึงรู้ว่ามันน่าจะเป็นไอ้มนุษย์บ้าที่ชนผมเมื่อกี้แถมยังหน้าตาเหมือนน้องชายดิออนอีก
   
ให้ตายเถอะ น้องเซนอะไรนั่นก็ตายไปตั้งนานแล้ว ทำไมผมยังต้องมาเจอลูกๆ หลานๆ อีกเนี่ย
   
“หาเรื่องใส่ตัวตรงไหน ก็แค่มาเดินห้างเฉยๆ ไหมอ่ะ”
   
ผมบ่นเซ็งๆ แต่ที่เซ็งกว่าคือไอ้วาติกันนี้มันเก่งมาก คือถ้าผมต้องสู้กับดิออนที่เป็นวาติกันก็คงจะประมาณนี้อ่ะ ผมแทบจะหาจังหวะทำร้ายมันไม่ได้เลย
   
เอาเข้าจริงผมสารภาพตามตรงว่าถ้าจะฆ่าวาติกัน ผมสามารถทำได้ง่ายๆ เลย แต่ผมยังไม่อยากให้เกิดสงครามระหว่างแวมไพร์กับวาติกันไง เลยต้องพยายามเลี่ยงจุดตายมันไปด้วย
   
ช่วงนี้สถานการณ์ก็สงบสุขดีอยู่แล้ว ผมไม่อยากเป็นคนจุดชนวนอะไรขึ้นมาหรอกนะ
   
“ครูซ บราวน์ รู้ไหมว่าแกทำอะไรลงไป”
   
“ทำอะไรล่ะ”
   
ผมหน้ามุ่ยเพราะผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมผมต้องเป็นคนผิดตลอดเลยเนี่ย ไอ้น้องเซนมันต้องแค้นดิออนกับผมมากแน่ๆ เลยอ่ะ ถึงได้ส่งต่อความแค้นกันมาได้ขนาดนี้
   
ทำไมถึงไม่มีใครมองว่าผมน่ารักบ้างเลย
   
“แกทำให้พวกเราต้องอับอาย!! แถมยังสร้างบาปมหันต์ให้กับเรา! ถ้าไม่ใช่เพราะแก ท่านดิออนก็คงไม่หลงผิดและหันหลังให้กับพระเจ้า! แถมยังต้องแบกรับบาปจากการเป็นพวกวิปริตผิดเพศอีก!”
   
“...”
   
ผมขมวดคิ้วค่อยๆ คิดตามที่มันว่าและต้องขมวดคิ้วมากกว่าเดิมเพราะเริ่มจำไม่ค่อยได้แล้ว แต่ที่แน่ๆ ที่ผมมั่นใจคือผมไม่ได้เป็นคนล่อลวงมันสักหน่อย!! พอรู้ว่ามันเป็นวาติกันผมก็หัวใจแทบวาย
   
“คนที่เป็นฝ่ายล่อลวงคือดิออนต่างหาก! ผมไม่ได้เป็นคนอ่อยสักหน่อย!”
   
ผมโวยวายเสียงดังลั่นเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง ก่อนที่พวกวาติกันจะเข้าใจผมผิดไปมากกว่านี้ ให้ตายเหอะ ภาพลักษณ์ผมในสายตาพวกวาติกันคงเป็นปีศาจตัวร้ายที่หลอกดิออนอ่ะ ซึ่งมันก็ผิดกับความจริงมากเพราะไอ้คนที่ดูเหมือนจะน่าสงสารก็เป็นคนเดียวกับที่ทำผมท้องในเวลาติดกันในเวลาไม่กี่ปีเนี่ยแหละ
   
“แล้วอีกอย่างนะ ถ้าจะเรียกว่าผมผิดเพศเพราะมีลูกไม่ได้ คนที่นายแทงอ่ะผมท้องเองตั้งหลายเดือน!!”
   
“...”
   
ไอ้วาติกันที่ไม่ได้คาดคิดว่าจะได้คำตอบแบบนี้มันก็ยืนช็อคไปเลย
   
ส่วนผมที่ขี้เกียจจะสนใจวาติกันไร้สาระนี้แล้วก็พุ่งไปหาลูกทันที
   
“เจ็บไหม”
   
ผมมองเสื้อสูทลูกที่ชุ่มเลือดทั้งน้ำตา ถึงจะไม่รู้ก็เหอะว่าทำไมเลือดถึงออกทั้งๆ ที่ไม่มีแผลก็เถอะ แต่ผมก็ร้องแล้วอ่ะ ลูกไม่ยอมร้อง ผมร้องให้เอง
   
“ไม่เจ็บ”
   
“แล้วทำไมไม่เจ็บอ่ะ”
   
ผมถามงงๆ คือก็ไม่ได้อยากให้ลูกเจ็บหรอก แต่ผมก็งงไง
   
“น้ำแดง”
   
ลูกผมตอบด้วยสีหน้าเหมือนเดิมแล้วยื่นแก้วน้ำแดงที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วให้ผม
   
“ผมซื้อให้แม่”
   
“...”
   
ผมร้องไห้เสียเที่ยวอีกแล้วเหรอเนี่ย
   
“ผมซื้อเสร็จแล้ว กลับบ้านเลยไหมครับ” ลูกผมหยิบถุงคุกกี้จากมือผมไปถือเอง แล้วเหลือบมองวาติกันที่เหมือนจะได้สติแล้วและกำลังจะมาตีกับผมอีกรอบ
   
“ยังไงซะ ปีศาจอย่างแกก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ พระเจ้าจะไม่ให้อภัยสวะอย่างแกแน่ๆ ครูซ!”
   
แน่นอนว่าคำด่าของเจ้าวาติกันนี่ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บสักนิด ผมเลยกะจะพูดตัดบทมันไปแล้วพาลูกกลับบ้าน แต่การ์วินกลับพุ่งเข้าไปตีกับวาติกันนี่อีกรอบซะงั้น
   
“การ์วิน!!”
   
ตอนอยู่สมาคมผมก็เห็นลูกไม่เห็นลูกใจร้อนไปตีใครแบบนี้นะ ปกติก็เห็นนิ่งๆ เย็นๆ เหมือนดิออนอ่ะ ไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าไหร่นอกจากเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันสองสามคน
   
“ถอนคำพูดซะ!! มนุษย์!!!”
   
“...”
   
สารภาพตามตรงว่าผมไม่เคยเห็นการ์วินโกรธขนาดนี้มาก่อน และลางสังหรณ์ของผมก็เดาว่าคนที่ตีกับวาติกันก่อนก็น่าจะเป็นการ์วินอีก
   
“มีอะไรต้องถอนวะ ปีศาจอย่างพวกแกมันก็ชั่วเหมือนๆ กันนั่นแหละ”
   
เจ้าวาติกันนั่นก็ยังคงปากดีไม่เลิก แต่ให้ตายเถอะ ชุดวาติกันที่มันใส่ทำให้ผมนึกถึงตอนที่ดิออนใส่เลยอ่ะ เอาจริงๆ ผมก็ไม่อยากเปรียบเทียบกับชุดแวมไพร์หรอก แต่ตอนมันใส่ชุดวาติกันแล้วหล่อมาก
   
คิดไปคิดมาก็คิดถึงดิออนอ่ะ ไม่รู้เหงาไหมอยู่สมาคมคนเดียว ลูกก็ไปโรงเรียน มันก็คงนอนเศร้าคิดถึงผมอยู่ที่สมาคม ถึงผมจะเพิ่งออกมาจากสมาคมได้ไม่ถึงครึ่งวันก็เถอะนะ
   
“ขอโทษเดี๋ยวนี้ มนุษย์”
   
ผมตาโตอีกรอบตอนที่เจ้าวาติกันที่หน้าเหมือนน้องดิออนมากองแทบเท้าผมด้วยฝีมือการ์วิน ซึ่งสภาพของมันก็สะบักสะบอมมาก แย่กว่าผมตอนโดนประตูหนีบในร่างค้างคาวอีก
   
“..ไม่เป็นไรหรอก การ์วิน”
   
ผมพูดเสียงเบาเพราะลูกดูโกรธมากที่ผมโดนวาติกันดูถูกอ่ะ
   
การ์วินสบตากับผมซึ่งผมก็ใจชื้นนึกว่าลูกจะยอมปล่อยมนุษย์นี้แล้วกลับบ้าน แต่ลูกก็ยังรังแกเจ้าวาติกันที่น่าสงสารนี้เหมือนเดิม
   
“ขอโทษเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ผมจะหมดความอดทน”
   
ไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอก็รู้อ่ะว่าลูกดิออน โหดเหลือเกิน ไม่บอกนึกว่าตอนผมเจอกับดิออนครั้งแรกอ่ะ กลั่นแกล้งผมที่เป็นแวมไพร์ที่รักสันติที่สุดในโลกไม่หยุด ส่วนเจ้าวาติกันนี้ก็ดูจะอายุไม่เท่าไหร่เอง ไม่น่าจะถึงยี่สิบด้วยซ้ำ โลกทั้งใบที่รู้จักก็คงมีแต่วาติกัน จะโดนล้างสมองแล้วเชื่อจนสนิทใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก คนที่แปลกก็คือดิออนต่างหากที่ไม่ยอมกลายเป็นพวกคลั่งศาสนาไปด้วย
   
แต่ให้ตายเหอะ ผมอายุจะพันปีแล้วยังตัวเล็กกว่ามนุษย์อายุไม่ถึงยี่สิบเหรอ!!!
   
โลกนี้มันชักจะใจร้ายกับผมเกินไปแล้วนะ!
   
“แม่เป็นอะไร”
   
การ์วินสะดุ้งทันทีที่อยู่ๆ ผมก็น้ำตาคลอเบ้า
   
“ทำไมลูกสูงแต่แม่ไม่สูงอ่ะ ไม่ยุติธรรมเลย!”
   
ผมงอแงเพราะไม่สูงสักที ที่อยากสูงก็ไม่ใช่อะไร ผมขี้เกียจเขย่งตอนจูบดิออนอ่ะ ไม่รู้ว่าเป็นแวมไพร์หรือเป็นเปรตกันแน่ สูงเหลือเกิน
   
“...”
   
ลูกเหมือนทำหน้าไม่ถูกไปสักพักก่อนจะกลับมาขึงขังอีกรอบตอนที่วาติกันพยายามจะขืนตัวหนี
   
“ขอโทษก่อนสิ แล้วผมจะปล่อย”
   
เจ้าวาติกันหน้าบูดกว่าเดิมแต่สุดท้ายก็ยอมขอโทษเพราะโดนลูกผมใช้เข่ากดตัวแรงจนร้องโอดโอยไม่หยุด
   
“โอ๊ย พอแล้วๆ ขอโทษ ขอโทษก็ได้ ปล่อยสักที”
   
การ์วินสบตากับผมอีกครั้งเหมือนจะถามว่าพอใจรึยัง แต่ผมก็ไม่ได้โกรธตั้งแต่แรกไง
   
“กลับบ้านเถอะ การ์วิน พ่อคิดถึงแย่แล้ว”
   
ผมพยักหน้าแกนๆ เชิงรับรู้ ลูกผมถึงยอมปล่อยเจ้าวาติกันนั่นแล้วเดินกลับมาหาผม นัยน์ตาสีฟ้าแบบเดียวกับผมยังดูขุ่นเคืองไม่หายที่ผมโดนดูถูก
   
แง ผมไม่ชอบให้ลูกต้องเป็นห่วงผมแบบนี้เลยอ่ะ
   
ผมที่คิดไม่ออกว่าจะเปลี่ยนเรื่องคุยยังไงดีเลยกินน้ำแดงที่ลูกให้มาสองสามอึกแล้วยิ้มจนตาหยี
   
“ขอบคุณที่ซื้อให้แม่นะ แต่ร้านนี้หวานมากเลยอ่ะ ถ้ากินหมดแก้วแม่คงต้องตัดขาอ่ะ”
   
ลูกผมหัวเราะเบาๆ แล้วยิ้มบางให้ผม
   
“กลับบ้านกันเนอะ”
   
ผมจับมือลูกกึ่งบังคับให้กลับเพราะอยู่นานกว่านี้เกรงว่าเจ้าวาติกันนี่จะเรียกพวกมายำผมเพิ่ม
   
“ครับ”
   
การ์วินรับคำเนือยๆ ดูไม่เต็มใจเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่ได้อะไรรีบพาลูกกลับบ้านเพื่อที่จะได้กลับไปอ้อนดิออนสักที ผมต้องการคนโอ๋จะแย่อยู่แล้ว ซึ่งระหว่างที่นั่งรถกลับบ้านผมก็ไม่ลืมจะเตี๊ยมกับลูกไว้กับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้
   
“ห้ามบอกพ่อนะว่าแม่หลงทางอ่ะ”
   
“..เดี๋ยวนะ แม่หลงทางเหรอ”
   
ลูกผมที่นั่งสัปหงกอยู่ถึงกับตื่นขึ้นมาคุยกับผม
   
“ก็หลงอ่ะ ห้างใหญ่ขนาดนั้นใครจะไปจำได้”
   
ผมก้มหน้างุดเพราะไม่อยากให้ลูกจับได้ว่าผมจำได้แต่ทางไปซื้อขนม
   
“แต่ร้านเสื้อผมกับร้านคุกกี้มันห่างกันนิดเดียวเองนะ แม่ แค่เดินตรงๆ ก็เจอแล้ว”
   
“...คราวหน้าเอาพ่อมาด้วยก็ได้”
   
ไม่แค่คราวหน้าอ่ะ ทุกครั้งเลย
   
ผมจะไม่มาห้างกับลูกสองคนอีกแล้ว!

------------
 :katai4:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 22 29/5/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: GDNEE ที่ 01-06-2020 00:57:21
55555555 น่ารักแท้ 2คนนี้
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 22 29/5/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-06-2020 09:26:50
ความครูซนี้.....เป็นเอ็นดู  :hao7:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 22 29/5/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-06-2020 08:26:57
เอ็นดูครูซ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 22 29/5/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 02-06-2020 18:25:37
ลองสองแล้วยังน่ารักเหมือนเด็กสิบขวบอยู่เลยหนูครูซ. เป็นเอ็นดู 55555
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 22 29/5/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 02-06-2020 19:51:31
คุณแม่ครูซน่ารัก
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 23 12/6/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 12-06-2020 01:06:20
ตอนที่ 23

   
ช่วงนี้ชีวิตผมสงบมากแต่ในความสงบก็มีความเหงาซ่อนอยู่ เพราะทุกคนยุ่งมาก ดิออนหลังจากเป็นแวมไพร์เต็มตัวก็ได้รับมอบหมายให้เป็นครูสอนประวัติศาสตร์ทั้งของมนุษย์และวาติกัน ช่วงนี้วันๆ มันก็ยุ่งกับการเตรียมการสอบที่จะถึงนี้เลยไม่ค่อยมีเวลามาเอาใจผมสักเท่าไหร่
   
เอาเข้าจริงในสมาคมแวมไพร์ก็คงมีแต่ผมอ่ะที่ว่างได้ตลอด จริงๆ ก็ยุ่งแหละ แต่พองานเยอะเกินไปผมก็จะโวยวายน้องและผลลัพธ์ที่ได้คือช่วงเดือนนี้ผมว่างยาวเลย ไม่มีอะไรต้องทำนอกจากเลี้ยงลูก
   
แต่ให้ตายเหอะ ตอนนี้ขนาดผมจะเลี้ยงลูกผมยังไม่ได้เลี้ยงเลย!!!
   
การ์วินไปโรงเรียนพวกมนุษย์แล้ว อลิสช่วงนี้ก็ไปทัศนศึกษาที่ประเทศอื่น ส่วนครูซนอกจากกินขนมก็ไม่ทำอะไรเลย นี่ผมอายุจะหนึ่งพันจริงไหมหรือเป็นแค่ข่าวปลอม (รอยตีนกาผมขึ้นแล้ว แต่ผมจะไม่พูดถึงมัน)
   
“ถ้าพี่ว่างมาก พี่ก็มาช่วยผมทำเอกสารก็ได้นะ”
   
เซนที่เห็นผมนั่งหงอยคนเดียวในสวนดอกไม้เดินมาทักผม
   
“ไม่”
   
ผมส่ายหัวแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
   
เบื่อจัง จะไปเล่นข้างนอกก็ไม่อยากไปคนเดียว จะให้ไปฟังดิออนสอนก็ไม่ได้ใหญ่ ผมหลับตั้งแต่วินาทีแรกที่มันพูดแน่ๆ แล้วผมก็ไม่อยากเป็นเด็กโข่งในห้องด้วย
   
“แต่พี่นั่งตรงนี้มาครึ่งวันแล้วนะ”
   
“พี่จะนั่งหลับตรงไหนก็ได้ไหมอ่ะ”
   
ผมหน้ามุ่ยทั้งๆ ที่รู้ว่าน้องไม่เห็น
   
“แฟนพี่บอกให้ผมมาดูพี่เนี่ย เห็นบอกว่าช่วงนี้ซึมๆ ”
   
“เปล่าสักหน่อย”
   
ผมปฏิเสธแต่ก็ซึมจริง เมื่อเช้าผมก็เพิ่งทะเลาะกับดิออนไปเองเพราะผมงี่เง่าไม่อยากให้มันไปสอน คือช่วงนี้งานมันยุ่งจริงอ่ะแทบไม่ได้คุยกับผมเลย กลับมาก็หลับแล้ว ไม่รู้ว่าสมาคมจะใช้งานแฟนผมอะไรนักหนา!
   
วันๆ ผมก็คุยอยู่แค่ไม่กี่คนเอง เพื่อนผมก็อยู่บ้างไม่อยู่บ้าง
   
“ไปนั่งเล่นในห้องผมก็ได้นะ ถ้าพี่เหงา ไม่ต้องทำงานก็ได้”
   
น้องผมก็ยังห่วงผมเกินเหตุ แต่น้องเหมือนลืมว่ากำลังคุยกับแวมไพร์ที่กำลังจะอายุพันปีและมีลูกสองคนแล้ว
   
“ไม่ต้องห่วงพี่หรอก ไปทำงานเถอะ”
   
ผมโบกมือไล่น้องชิ่วๆ แล้วฟุบต่อ ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าจะอยู่ตรงนี้ไปอีกนานแค่ไหน ดีหน่อยที่วันนี้ไม่ค่อยมีแดด ไม่งั้นผมคงจะกลายเป็นค้างคาวแดดเดียวไปตั้งนานแล้ว
   
“แน่ใจนะ”
   
“อือ”
   
ผมตอบส่งๆ แล้วคิดอะไรเรื่อยเปื่อย และค้นพบว่าผมกับดิออนคบกันมานานมาก แต่ผมกับมันก็แทบจะไม่ทะเลาะกันเลยเพราะที่ผ่านมามันจะยอมผมตลอด ซึ่งวันนี้มันก็ยอมผมเหมือนเดิมแหละ แต่บรรยากาศมันก็ไม่ได้เหมือนเดิมอยู่ดี
   
ผมงี่เง่าเองและผมก็ไม่รู้ว่ามันจะรำคาญผมที่เป็นแบบนี้ไหม
   
มันคงไม่หาเมียใหม่หรอก แต่มันจะเบื่อผมไหมเนี่ยแหละ ประเด็น
   
แค่คิดว่ามันเบื่อผม ผมก็จะร้องไห้แล้ว แงงงง สมมุติว่าถ้ามันเลิกกับผมแล้วไปควงแวมไพร์สักคนในสมาคมแทน ผมคงร้องไห้จนแห้งตายอ่ะ
   
แต่ก็นะมันก็คงเกิดขึ้นจริงไม่ได้หรอกเพราะพ่อผมก็คงไม่ยอมอ่ะ แต่ถ้ามันหมดรักผมจริงๆ ล่ะ ผมต้องอยู่คนเดียวไปอีกหลายพันปีเลยเหรอ นี่มันชักจะโหดร้ายเกินไปแล้วนะ ใจผมก็แค่นี้เอง!!!
   
ถ้ามันเลิกกับผมจริงๆ ผมคงจะหนีจากสมาคมไปเป็นพวกโกสต์อ่ะ หนีไปอยู่โลกใต้ดินแล้วไม่ต้องสนใจอะไรอีก แล้วผมก็จะกินขนมกับนอนทั้งวันเลย!
   
“..ฮึก”
   
ทำไมน้ำตาผมถึงไหลอ่ะ เดี๋ยวก่อน ผมแค่เศร้านิดหน่อยเอง แต่น้ำตาแตกแล้วอ่ะ นี่มันไวพอๆ กับตอนที่ผมนั่งร้องไห้เป็นเพื่อนอลิสตอนลูกหกล้มครั้งแรกอ่ะ ผลที่ได้คือลูกงงแล้วนั่งปลอบผมแทน
   
ให้ตายเหอะ ผมว่าผมคงเป็นแวมไพร์ที่ขี้แยที่สุดในสมาคมแล้วมั้งเนี่ย ถ้ามีตำแหน่งขี้แยประจำปีคงติดผมทุกปีอ่ะ ไม่มีใครแย่งเพราะคงไม่มีใครมานั่งงอแงทั้งวันเหมือนผม
   
ถ้าเกิดดิออนมีเมียใหม่แล้วเอามาแนะนำให้ผมอ่ะ ผมจะต้องทำหน้ายังไง ยิ้มเหรอหรือร้องไห้ใส่ดี ไม่สิ มันยังไม่เกิดขึ้นสักหน่อย ผมจะคิดรอทำไมเนี่ย
   
แต่แค่คิดว่าจะโดนเมียใหม่ดิออนเชิดใส่ผมก็จะอกแตกตายแล้ว ถึงผมจะเป็นแบบนี้แต่ผมว่าผมก็มีข้อดีบ้างแหละ ไม่งั้นดิออนมันจะเอาผมเป็นเมียตั้งแต่แรกทำไม
   
แต่มันจะหาเมียใหม่จริงๆ เหรอ ก็มีผมทั้งคนอ่ะ มันจะใจร้ายกับผมเกินไปแล้วนะ!
   
“ครูซ”
   
ผมที่มัวแต่งอแงอยู่คนเดียวสะดุ้งเฮือกตอนที่ได้ยินเสียงคนที่ผมกำลังคิดถึงอยู่ข้างหลัง ผมรีบเอาหลังมือเช็ดๆ น้ำตาออกเพราะไม่อยากให้มันรู้ว่าผมร้องไห้
   
“ไม่ทำงานเหรอ”
   
ผมถามมันแต่ไม่ได้มองหน้ามัน ก้มมองต้นหญ้าบนพื้นที่อยู่ๆ ผมก็รู้สึกว่ามันสวยมาก
   
“อืม ปล่อยให้ทบทวนกันเอง”
   
ผมขมวดคิ้วเพราะไอ้ต้นหญ้าที่ผมมองอยู่โดนดิออนเหยียบจนแบนแต๊ดแต๋ไปแล้ว
   
“ครูซ”
   
“ว่า”
   
ผมคุยกับมันทั้งๆ ที่ไม่สบตากับมัน คือผมรู้ไงว่าถ้ามองหน้ามัน ผมร้องไห้แน่ๆ เพราะไอ้เรื่องดิออนจะมีเมียใหม่ยังอยู่ในหัวผมอยู่เลย แน่นอนว่าผมไม่อยากให้รู้ว่ามันคิดอะไรไร้สาระอยู่ ทุกวันนี้ผมก็ไร้สาระเกินพอละ
   
“ร้องไห้เหรอ”
   
“ไม่ได้ร้องสักหน่อย ผมแสบตาเฉยๆ ตรงนี้แดดแรงมาก”
   
อะไรกัน ผมว่าผมก็เนียนอยู่นะ
   
“ร้องทำไม”
   
“ไม่ได้ร้อง”
   
“ไม่ได้ร้องก็มองหน้าฉัน”
   
“ฮื่อ!”
   
ผมหน้าบูดแต่ก็เงยหน้ามองมันเพราะยังไงก็คงปิดมันไม่ได้อยู่ดี
   
ก็อยู่กันมาจนถึงขนาดนี้แล้วอ่ะ
   
“ร้องไห้ทำไม”
   
ดิออนมันขมวดคิ้วมองผม 
   
“ก็บอกว่าไม่มีอะไรไง นายไม่ต้องสงสัยหรอก กลับไปทำงานได้แล้ว”
   
ผมพยายามไล่มันไปก่อนที่จะเผลอหลุดปากออกไป
   
“ถ้าไม่มีอะไรก็หยุดทำหน้าเหมือนจะร้องไห้สักที” ดิออนถอนหายใจแล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ ผม “มีอะไรก็พูดเถอะ วันนี้ฉันไม่กลับไปสอนแล้ว”
   
“…”
   
โอ๊ย นี่ผมต้องพูดจริงๆ เหรอ นี่มันจะน่าอายเกินไปแล้ว
   
คือตอนคิดเรื่องนี้มันไม่ได้นั่งข้างๆ แบบนี้ไง
   
“ครูซ”
   
“เออ ผมกลัวนายเบื่อผมแล้วไปมีเมียใหม่ มันก็แค่นั้นแหละ”
   
ที่ผ่านมาผมไม่ค่อยได้หึงมันเท่าไหร่ เพราะหลังจากผ่านมาหลายร้อยปี ผมก็ยังไม่เห็นมันสนิทกับใครในสมาคมเป็นพิเศษเลยนอกจากน้องชายผมที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่มันคุยเยอะที่สุดแล้วรองจากผม
   
เออแต่จะว่าไป ผมก็ไม่ค่อยเห็นมันหึงผมเลย
   
ใช่แน่ๆ ต้องใช่แน่ๆ!!
   
“…”
   
ดิออนมันนิ่งไปเหมือนยังอึ้งก็คำตอบอยู่ ส่วนผมน้ำตาแตกแล้ว ถ้าพ่อมาเห็นตอนนี้ได้วิ่งมาปาดคอดิออนแน่ ถึงผมจะอายุขนาดนี้แล้วก็เหอะ ในสายตาพ่อผมคงอายุร้อยกว่าๆ เองมั้ง
   
“นายจะมีเมียใหม่จริงๆ เหรอ ดิออน!! นี่มันจะเกินไปแล้วนะ”
   
ผมโวยวายอย่างลืมตัว ดีหน่อยที่สวนตรงนี้ไม่ค่อยมีคนมาเท่าไหร่เพราะอยู่ไกลจากคฤหาสน์มากแถมเวลาปกติแดดยังแรงอีก ตอนนี้ผมเลยร้องไห้ได้เต็มที่
   
“นายไม่รักผมแล้วใช่ไหม”
   
ผมสะอื้น
   
“ฮึก ผมมันน่ารำคาญใช่ไหมล่ะ แต่จะให้เปลี่ยนตอนนี้มันก็ไม่ได้แล้วไหมอ่ะ แถมตอนนี้รอยตีนกาผมก็ขึ้นแล้วด้วย แงงงง ผมไม่อยากเลี้ยงลูกคนเดียวนะ”
   
คือถ้าไม่ติดว่าผมเป็นแวมไพร์ ผมคงจะโวยวายด้วยแล้วว่าไม่กล้านอนคนเดียวเพราะกลัวผีในห้อง
   
“ใจเย็นๆ ”
   
ดิออนมันเหมือนจะยังงงอยู่แต่มันก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามันมาเช็ดน้ำตาให้ผม
   
“ฮึก นายอยากจะมีเมียใหม่สวยๆ ใช่ไหมล่ะ บอกผมมาตอนนี้เลยก็ได้ ผมจะได้ทำใจรอ”
   
ผมสะอื้นมองมันทั้งน้ำตา
   
นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมกับมันได้คุยกันในฐานะคนรักก็ได้!
   
ผมรอคำตอบมันอย่างใจเย็นและเตรียมร้องไห้อีกรอบ ถ้าคำตอบมันใจร้ายกับผมเกินไป
   
ดิออนมองหน้าผมแล้วคิดอยู่สักพัก ก่อนที่สีหน้ามันจะกลับมาจริงจังมากจนผมแทบจะร้องไห้
   
ถ้ามันทิ้งผมผมจะไปอยู่กับพวกโกสต์จริงๆ ด้วย!!
   
“นายท้องเหรอ”
   
“...”
   
รอบนี้เป็นผมที่อึ้งบ้าง ผมงงไปเลยส่วนดิออนก็มีสีหน้าดีใจอย่างเห็นได้ชัด มันเอามือแนบกับท้องผมทันทีเหมือนจะพยายามหาว่าในท้องผมมีอะไรซ่อนอีกไหมนอกจากขนม
   
“ท้องอะไรล่ะ ผมไม่ได้ท้องสักหน่อย!”
   
ผมหน้าแดงแล้วพยายามดึงมือมันออกแต่ก็ไม่สำเร็จ แต่ยังไงผมก็ไม่ท้องแน่ๆ อ่ะ ท้องมาสองรอบแล้ว ผมก็พอรู้อาการแล้วอ่ะว่ามันเป็นแบบไหน
   
“แล้วร้องไห้ทำไม”
   
มันขมวดคิ้วมองผมแต่มือมันก็ยังลูบท้องผมอยู่
   
“ก็ช่วงนี้นายไม่สนใจผมอ่ะ”
   
“นายก็เลยคิดว่าฉันอยากมีเมียใหม่สวยๆ ?”
   
“อือ”
   
ผมพยักหน้าหงอยๆ
   
“แล้วนายไม่สวยเหรอ”
   
“...”
   
ผมขมวดคิ้วเพราะไม่แน่ใจว่ามันชมหรือด่าผมกันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือดิออนมันก็ยังหล่อเหมือนเดิมอ่ะ ส่วนผมที่เริ่มแก่แล้วก็ตามสภาพ แถมช่วงนี้ผมก็ปวดหลังบ่อยมากด้วย
   
ผมกำลังจะงอแงใส่มันอีกก่อนจะร้องเสียงหลงตอนที่มันย้ายมือจากท้องผมไปที่สะโพกแล้วอุ้มผมเข้าไปในป่าข้างหลังสวน ให้ตายเหอะ นี่มันสถานการณ์อะไรกันเนี่ย!
   
“นายจะเอาผมไปทิ้งในป่าเหรอ!!! นี่มันจะเกินไปแล้วนะ!!!”
   
ผมที่เริ่มเบื่อบทโศกโวยวายเสียงดังลั่น
   
ทิ้งที่ผมหมายถึง มันไม่ใช่ทิ้งแบบนี้ไหมอ่ะ!
   
“ผมจะฟ้องพ่อ! ฟ้องทุกคนเลย! ว่านายใจร้ายกับผมขนาดนี้!!!”
   
ทำไมต้องใจร้ายกับครูซด้วย!      
   
“…”
   
แต่ถึงผมจะโวยวายเท่าไหร่ ดิออนมันก็ไม่สนใจแล้วมันก็พาผมเข้าหลังพุ่มไม้ ผมพยายามจะดิ้นออกแต่แรงของมันก็เยอะมากจนผมทำอะไรไม่ได้
   
“อย่าร้อง”
   
มันบอกผมหลังจากที่นั่งลงบนพื้นหญ้าแล้วมันก็ให้ผมนั่งบนตักมันอีกที
   
“แล้วพาผมมาตรงนี้ทำไม”
   
ผมหน้าบูดแต่เพราะมันกอดเอวผมหลวมๆ อยู่ ผมก็เลยอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย
   
“ทิ้ง”
   
ดิออนตอบง่ายๆ ด้วยสีหน้าปกติ
   
“ดิออน! ผมจะงอนจริงๆ แล้วนะ”
   
มันหัวเราะแล้วรวบตัวผมไปกอดก่อนที่มันจะฝังหน้ากับไหล่ผม
   
“น่ารักขนาดนี้ทิ้งไม่ลงหรอก”
   
“...”
   
ให้ตายเหอะ ผมคิดอะไรไม่ออกเลยอ่ะ
   
ดิออนที่เหมือนจะแค่กอดผมจะไม่หนำใจ มันก็หอมแก้มแล้วก็ฟัดผมอีกจนผมเริ่มรู้ละว่ามันพาผมมันหลบในนี้ทำไม
   
“ส่วนเรื่องเมียใหม่ก็เลิกคิดสักที ฉันมีนายเป็นเมียคนเดียวก็พอแล้ว”
   
ผมหัวเราะคิกคักเพราะมันยังไม่หยุดฟัดผมอ่ะ คือถ้าตัวผมทำจากคุกกี้ก็คงหักไปทั้งตัวแล้ว
   
“..ก็ช่วงนี้นายไม่ค่อยสนใจผมอ่ะ ผมอุตส่าห์หาเวลาว่างมาอยู่ด้วย”
   
“ขอโทษ”
   
มันหยุดฟัดผมแล้วมองผมด้วยสีหน้าอ่อนลง
   
“ผมไม่อภัยหรอก”
   
ผมก็รู้แหละว่าดิออนเป็นคนที่จริงจังกับงานอ่ะ แล้วงานสอนหนังสือนี่มันก็ได้รับมอบหมายจากพวกผู้อาวุโสด้วย แต่ผมก็น้อยใจอ่ะ มันบ้างานมาเกือบอาทิตย์แล้ว และผมก็แค่อยากคุยกันเล่นกับมันก่อนนอนบ้างเท่านั้นเอง
   
“แล้วต้องทำยังไงถึงจะให้อภัย”
   
มันดึงมือผมไปจูบ คือถ้าตอนนี้อยู่ในห้องมันคงจูบเท้าผมไปแล้ว
   
“เลิกงานก็สนใจผมบ้าง ถึงผมจะโตแล้วแต่ผมก็ยังต้องการความรักนะ”
   
ผมหน้าบึ้งตอนที่นึกออกว่าทำไมผมถึงได้งอนมันขนาดนี้
   
“เมื่อวานก่อนนอนนายก็ลืมจูบผมด้วย!”
   
“...จูบชดเชยได้ไหม”
   
ผมยังไม่ทันตอบมันก็ก้มลงมาจูบผมแล้ว ผมหลับตาและเปิดปากให้มันสอดลิ้นเข้ามาอย่างพึงพอใจ เพราะมันรู้ว่าผมชอบจูบแบบไหน
   
“..ดิออน”
   
ผมเรียกมันเสียงสั่นตอนที่มันเริ่มถอดเสื้อผมออก
   
“น้องผมยังอยู่แถวนี้นะ”
   
ถึงจะเข้ามาหลบในนี้แล้วก็เถอะแต่ผมก็กลัวน้องมาเจออยู่ดี
   
“น้องนายไม่รู้หรอก”
   
ผมหน้าแดงกว่าเดิมเพราะตอนนี้มันง่วนอยู่กับหัวนมผมแล้ว ซึ่งผมก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสถานการณ์ตอนนี้มันทำให้ผมมีอารมณ์มากกว่าเดิมอีก
   
ผมพยายามกลั้นเสียงครางและขยำเสื้อมันแน่น บรรยากาศรอบข้างเงียบจนผมได้ยินแค่เสียงหอบของตัวเองกับเสียงลามกที่ดิออนทำกับผม
   
“อาจจะขอบคุณฉันด้วยซ้ำ”
   
มันยิ้มบางแล้วดึงมือผมไปจับท่อนลำที่แข็งจัดของมัน
   
“ที่สมาชิกของสมาคมจะเพิ่มขึ้นอีก”

--------------
 :z13:   

   



   
   
   
   
   
   


หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 23 12/6/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-06-2020 21:48:36
ครูซ...ซซซซซซซซซซซซซซ   o18
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 23 12/6/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 13-06-2020 20:45:55
ครูซซซซซ จะคิดเองน้อยใจเองไม่ได้

ทำไมน่าเอ็นดูขนาดนี้
ชอบความร้องไห้เป็นเพื่อนลูกจนลูกงง ต้องมาปลอบแม่แทน
ไหนจะหลงทางในห้องอีก

เนี่ย เอ็นดูววววว
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 23 12/6/20 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-06-2020 22:55:50
งอแงมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ตอนพิเศษ - เป็นวาติกันนี่ยากจัง ;w;
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 15-06-2020 22:21:36
ตอนพิเศษ : วาติกัน กี้!

   
วันนี้ภารกิจหลักในฐานะวาติกันของผมคือการปราบ ‘ดิออน’ แวมไพร์ตัวร้ายอายุห้าร้อยกว่าปี ที่ว่ากันว่าฆ่ามนุษย์ไปแล้วนับพันคน หน้าตาน่ากลัวแถมยังชอบทรมานมนุษย์เล่นอีก
   
“ทำไมต้องเป็นผมด้วย”
   
ผมงอแงกับภารกิจในมือที่ผมปฏิเสธไม่ทำไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยทำอะไรเลยในฐานะลูกชายคนโตของตระกูลวาติกัน วันๆ ผมหมกมุ่นอยู่กับการกินขนมแล้วก็หนีภารกิจของสำนักวาติกันที่แต่ละอย่างไม่น่าพิสมัยสักนิด มีตั้งแต่ปราบปีศาจให้ชาวบ้าน ชำระล้างของต้องสาป ทำลายแหล่งซ่องสุมของปีศาจ แล้วก็อะไรไม่รู้เต็มไปหมด แต่ที่แน่ๆ คือผมไม่อยากทำอะไรเลย
   
ก็พวกปีศาจน่ากลัวอ่ะ แค่มันแยกเขี้ยวใส่ผม ผมก็จะร้องไห้แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าผมผ่านหลักสูตรวาติกันขั้นต้นมาได้ยังไงเหมือนกัน สอบไปร้องไห้ไปแต่สุดท้ายได้คะแนนท็อปเฉยเลย
   
พ่อพอเห็นคะแนนผมก็บอกผมมีแววแล้วก็ยัดภารกิจนี้ให้ผม
   
ฮึก แค่ผมเห็นรูปของดิออน ผมก็กลัวแล้วอ่ะ แวมไพร์บ้าอะไรตัวใหญ่ขนาดนี้ แล้วทำไมเขี้ยวแวมไพร์มันถึงยาวตั้งครึ่งเมตร ใครเป็นคนสเก็ตรูปเนี่ย ผมว่ามันไม่ใช่รูปจริงละ รูปปลอมแน่ๆ แต่ผมก็กลัวดิออนอยู่ดี
   
แวมไพร์อายุตั้งห้าร้อยปีเชียวนะ! ภารกิจก่อนๆ ผมแค่ไปจับลูกมนุษย์หมาป่าจากฟาร์มเลี้ยงหมาเอง ทำไมต้องเอาภารกิจสุดโหดระดับเอมาให้ผมทำด้วย
   
ชีวิตของผมก็มีแค่ชีวิตเดียวเอง ตายแล้วตายเลยนะ แงงงงง
   
ผมน้ำตาคลอตอนที่เดินเข้าไปในงานปาร์ตี้ของลูกนักการเมืองชื่อดังคนหนึ่ง ซึ่งคืนนี้ก็จัดในธีมแฟนตาซี ผมเลยแต่งตัวเป็นพวกวาติกันเพราะขี้เกียจหาเครื่องแบบใหม่
   
“คนเดียวนะครับ”
   
“ครับ”
   
ผมก้มหัวปลกๆ ให้เจ้าหน้าที่ที่ยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร เพราะบัตรเชิญที่ผมเอามานั้นค่อนข้างพิเศษนิดหน่อย เป็นบัตรที่ทางสำนักวาติกันจัดหามาให้โดยเฉพาะและแถมสิทธิพิเศษมากมาย ฉะนั้นสถานะผมตอนนี้ในสายตาเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเจ้าของงานนัก
   
ผมเข้ามาในงานด้วยความรู้สึกหวาดระแวง เนื่องจากพอเข้ามาในงานแล้วทุกอย่างนั้นก็มืดสลัว มีเพียงไฟแสงสีกับเสียงเพลงจังหวะหนักๆ จากดีเจที่ช่วยขับกล่อมให้บรรยากาศสนุกสนาน
   
แน่นอนว่าถ้าผมเป็นคนมาร่วมงานปกติ ตอนนี้ก็คงเป็นอีกคนที่ไปเลื้อยแถวเวทีแล้ว แต่เพราะวันนี้มาพร้อมกับบทบาทวาติกันที่ต้องปราบปีศาจแวมไพร์ใจร้าย ผมเลยต้องจริงจังกับงาน
   
เอาเข้าจริง ผมแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจ้าแวมไพร์นี่ด้วยซ้ำ รู้อย่างเดียวคือเป็นแวมไพร์ที่โหดมาก แต่คำถามคือทำไมต้องให้ผมมาปราบเจ้าแวมไพร์นี่ก่อน พ่อเบื่อหน้าผมแล้วเหรอ ทำไมทุกคนต้องใจร้ายกับผมด้วย
   
คิดแล้วผมก็น้ำตาคลออีก ถ้าวันนี้ผมพลาดผมก็คงตายอ่ะ แต่ถ้าผมไม่ปราบดิออน มันก็คงไปไล่ฆ่าคนอื่นในสำนักอีก  ฉะนั้นหน้าที่หนึ่งเดียวของผมในวันนี้คือปราบมันให้ได้!!
   
ผมพยายามคิดอย่างฮึกเหิม แต่กลับไม่สามารถแงะตัวเองออกจากมุมห้องได้สักนิด ผมยืนตัวสั่นในความมืดแล้วพยายามมองหาเป้าหมายของผมในห้องมืดสลัวนี่
   
“ฮึ่ย”
   
ผมหน้าบูดเพราะมองไม่เห็นอะไรสักอย่าง แถมทุกคนก็แต่งตัวเป็นปีศาจกัน คือผมก็แยกไม่ออกด้วยว่าคนไหนมนุษย์หรือคนไหนปีศาจ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากลองเอาน้ำมนต์ที่พกมาสาดใส่ทุกคนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
   
“มาคนเดียวเหรอครับ”
   
ผมที่กำลังหงุดหงิดกับตัวเองอยู่ๆ ก็ถูกใครก็ไม่รู้ทัก และพอเงยหน้ามองผมก็กลืนน้ำลายเอือกทันที
   
หล่อชะมัดเลย
   
ผมยิ้มตอบใครก็ไม่รู้ที่เข้ามาทักผมคนแรกในงาน (ไม่นับเจ้าหน้าที่ตรวจบัตร) และลองสำรวจอีกฝ่ายตามรูปลักษณ์ที่สำนักวาติกันให้มาทันที
   
ตัวใหญ่  …เช็ค

ผมสีดำ  ...เช็ค

“คุณ”

ตาสีเทา  ...เช็ค

ผมเบิกตากว้างเพราะคนๆ นี้เข้าข่ายเป็นแวมไพร์ที่ผมตามหาไปสามอย่างแล้วอ่ะ เหลือแค่เขี้ยวยาวครึ่งเมตรที่ไม่มีอ่ะ

“ครับ ผมมาคนเดียว”

แต่ให้ตายเหอะ ต่อให้เป็นปีศาจแต่นี่ก็โคตรเสป็คผมเลยอ่ะ

“ผมก็มาคนเดียวเหมือนกัน”

เขายิ้มเล็กๆ ให้ผมจนผมหน้าแดง

สาบานได้เลยว่าถ้าผมไม่ได้มาปราบปีศาจอะไรนั่น ผมคงจะไปกับคนๆ นี้แล้ว เอาเข้าจริงตอนนี้ในหัวผมแทบไม่มีเรื่องปราบปีศาจแล้วด้วยซ้ำ

“ผมชื่อครูซ”

ผมบอกชื่อเขาก่อนที่เขาจะถามผมอีก
   
“ครับ”
   
เขายิ้มมุมปากให้ผมแต่ไม่ยอมบอกชื่อจนผมรู้สึกเสียใจนิดหน่อย แต่ก็นะ ผมไม่โกรธหรอก
   
ผมยิ้มจนตาหยีและยื่นมือไปรับเครื่องดื่มจากเขาที่อุตส่าห์หยิบมาเผื่อผมด้วย ซึ่งในขณะที่ผมกำลังรับมา แสงไฟก็ส่องมาทางเขาพอดี
   
“!”   
   
เครื่องแบบแวมไพร์ ...เช็ค
   
;w;
   
นี่มันจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่าอ่ะ ไม่หรอกมั้ง เขาคงไม่ใช่แวมไพร์หรอก คงเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆ ที่แต่งตัวเป็นแวมไพร์เฉยๆ แหละ ผมคงไม่ซวยขนาดเจอแวมไพร์สุดโหดนั่นพอดีหรอก
   
“แต่งตัวเป็นอะไรเหรอครับ”
   
เขาถามผมแล้วขยับมายืนพิงผนังเข้าๆ ผมเพื่อที่จะได้ไม่เกะกะคนอื่น
   
“วาติกัน”
   
ผมตอบง่ายๆ แล้วแทะช็อกโกแลตที่เอามาด้วยแก้เครียด ขณะเดียวกันผมก็พยายามกวาดตามองหาสิ่งผิดปกติในงานต่อ
   
“ใส่แล้วน่ารักนะ”
   
“...แค่ก!”
   
ผมตกใจจนเกือบจะสำลักช็อกโกแลต ให้ตายเหอะ ก่อนจะเจอแวมไพร์ใจร้ายนั่น ผมคงจะช็อกโกแลตติดคอตายก่อนแล้วอ่ะ
   
เขาขยับตัวเข้ามาลูบหลังผมที่สำลักก่อนจะชะงักไปตอนที่แตะโดนคอผม
   
“...”
   
“...”
   
ผมกับมันจ้องหน้ากันนิ่ง
   
“ดิออน?”
   
ถึงผมจะเขินที่มันชมอยู่ แต่ผมก็ยังไม่ลืมว่าวันนี้ผมมาทำอะไร
   
มันไม่ตอบแต่ยิ้มให้ผม แน่นอนว่าผมตกใจมากแล้วก็รีบเตรียมอาวุธของตัวเองทันที ดีนะที่นอกจากบนคอผมจะมีรอยสักของวาติกันแล้วก็ยังมีสร้อยคอไม้กางเขนห้อยอยู่อีกเป็นสิบ ไหนจะน้ำมนต์กับกระเทียมที่ผมเตรียมมาอีก   
   
วันนี้ผมจะไม่ยอมตายเพราะดิออนหรอก!   
   
“ที่อื่นไหม”
   
มันถามผมนิ่งๆ นัยน์ตาสีเทาของเปลี่ยนเป็นสีแดงเรืองรอง ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าไม่ผิดตัวแน่ๆ แต่ขอด่าหน่อยเถอะ ไอ้คนที่สเก็ตรูปมันมีตาไหมเนี่ย ดิออนตัวจริงไม่เห็นจะเหมือนในรูปสเก็ตสักนิด
   
“ห้องน้ำ”
   
ถึงผมจะไม่รู้ก็เถอะว่าระหว่างมันกับผม ใครมีพลังมากกว่ากัน แต่ผมก็ไม่อยากทำลายงานวันเกิดนี่และตัวตนของวาติกันกับปีศาจในสังคมก็เป็นความลับด้วย
   
คือคนส่วนใหญ่ก็รู้แหละว่ามี แต่ไม่แน่ใจว่ามีจริงๆ ไหม
   
ผมกับดิออนแกล้งทำท่าเป็นคู่รักอย่างรวดเร็ว ผมขยับตัวเข้าไปหามันส่วนมันก็โอบเอวผมมอย่างสนิทสนม ให้ตายเหอะ ทำไมมันต้องเป็นแวมไพร์ด้วยเนี่ย
   
ผมลากมันเข้าไปในห้องน้ำของพวกวีไอพีแล้วก็จัดการล็อกห้องน้ำอย่างแน่นหนาโดยที่ไม่ลืมที่จะแขวนป้ายกำลังทำความสะอาดห้องน้ำหน้าห้องตามสเต็ป
   
ผมเงยหน้ามองดิออนที่ตอนนี้มันก็ยังคงอยู่ในร่างมนุษย์และมองผมยิ้มๆ
   
โอ๊ย หล่อชะมัดเลยอ่ะ
   
“นายเป็นแวมไพร์จริงอ่ะ”
   
คือรู้ว่าเป็นจริงแหละ แต่ก็เสียดายไง
   
ผมคิดเซ็งๆ แล้วหยิบกระเทียมขึ้นมากำไว้ เตรียมจะปาใส่มันถ้ามันเข้ามาใกล้ผมมากกว่านี้
   
มันมองผมแล้วหัวเราะก่อนจะเผยเขี้ยวของมันให้ผมเห็น
   
“!!!”
   
ผมถอยกรูดจนหลังไปชิดกับประตู
   
เขี้ยวมันยาวมาก!!
   
ถึงเขี้ยวมันจะยาวไม่ถึงครึ่งเมตรก็เถอะ แต่เขี้ยวมันก็ยาวกว่าแวมไพร์ทั่วไปอยู่ดี
   
น่ากลัวอ่ะ แงงงงง
   
“ฮึก นายไม่หล่อแล้ว! เอาเขี้ยวออกไปเลย”
   
ผมงอแงไม่พอแล้วปากระเทียมใส่มันเพื่อประท้วง แน่นอนว่าในหลักสูตรปราบแวมไพร์ที่ผมเรียนมาไม่ค่อยแนะนำให้ใช้กระเทียมเท่าไหร่ แต่ผมก็ใช้อยู่ดีเพื่อความอุ่นใจ
   
แปะ แปะ
   
ผมมองกระเทียมที่ไฟไหม้ก่อนถึงตัวมันตาค้าง
   
นี่มันเกินความยากระดับเอแล้ว นี่มันภารกิจระดับเอสเอสชัดๆ !!
   
“พ่อหลอกผมมาตายแน่ๆ เลย อ่ะ แงงงงง ทำไม ทำไมต้องเป็นผมต้องมาสู้กับนายด้วย”
   
ผมร้องไห้ไปโยนกระเทียมทีเหลือในกระเป๋าจนหมดก่อนจะหยิบกระบอกน้ำมนต์ขึ้นมาฉีดๆ ใส่อากาศ
   
“...”
   
แวมไพร์ตัวร้ายขมวดคิ้วใส่ผมเหมือนงงว่าผมกำลังทำอะไร แต่ให้ตายเถอะ นี่ผมกำลังฉีดน้ำมนต์อยู่นะ ทำไมมันถึงไม่เป็นอะไรเลยอ่ะ แวมไพร์ตัวก่อนๆ ที่ผมเคยเจอคือลงไปดิ้นพล่านบนพื้นเหมือนแมลงสาบแล้ว
   
“อย่าฆ่าผมเลยนะ ฮึก”
   
ผมกลัวจนตัวสั่นเพราะฉีดน้ำจนเกือบหมดกระบอกแล้ว มันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย หรือวันหลังผมควรเอาไบก้อนมาฉีดพวกแวมไพร์ดี
   
และที่แย่ที่สุดคือนอกจากมันจะไม่ฟังแล้ว มันยังเดินเข้ามาหาผมอีก
   
“ฮึก”
   
ผมสะอื้นจนหมดสภาพเพราะดูทรงแล้วผมไม่น่ารอดถึงพรุ่งนี้
   
“ปล่อยผมไปเถอะนะ ผมสัญญาเลยว่าจะไม่บอกใครว่าเจอนาย”
   
ผมกอดกระบอกน้ำแน่น ในนั้นมีน้ำมนต์มีนั้นเหลือนิดหน่อย ถ้าดิออนมันใจร้ายไม่ยอมปล่อยผมไป ผมก็กะจะฉีดมันอีกใส่หน้ามันสักฟืดแล้วค่อยสู้สุดชีวิต
   
“ใครบอกนายว่าฉันฆ่ามนุษย์”
   
ดิออนมันหยุดยืนตรงหน้าผมแล้วขมวดคิ้วมุ่น
   
“ก็นายอ่ะ เป็นแวมไพร์โรคจิตที่ชอบทรมานมนุษย์เล่นไม่ใช่เหรอ! ฮึก แถมยังฆ่าคนเป็นร้อยอีก อย่าเอาผมเข้าไปเป็นคนที่หนึ่งพันเลยนะ แงงงง”
   
น้องครูซก็ถอยจนไม่รู้จะถอยยังไงแล้ว
   
ใจดีกับวาติกันตัวน้อยๆ อย่างผมหน่อยเถอะ
   
“..ฮึก สงสารผมเถอะนะ ผมยังกินขนมไม่ครบทุกร้านเลย”
   
ผมช้อนตามองมันด้วยท่าทางน่าสงสาร นี่น่ะ เป็นท่าไม้ตายของผมที่แม้แต่พ่อผมที่ใจแข็งมากยังพ่ายแพ้เลยนะ!
   
“...”
   
มันชะงักตอนที่เห็นท่าทางของผม ซึ่งผมก็พยายามอย่างยิ่งไม่ให้ตัวเองน้ำตาไหลพรากออกมาด้วย เพราะมันคงจะทำให้ผมดูน่าสมเพชมากกว่าน่าสงสาร
   
เอาเข้าจริง ผมตอนนี้ไม่มีใจจะสู้แล้วซ้ำ
   
แค่มันฝังเขี้ยวใส่คอผม ผมก็คงช็อคตายแล้วอ่ะ
   
“..ให้ทำไม”
   
ดิออนถามผมตอนที่ผมยื่นกระบอกใส่น้ำมนต์ให้มันเพื่อแสดงว่าผมยอมแพ้มันจริงๆ
   
“น้ำมนต์ไง ผมยอมแพ้แล้ว อย่าฆ่าผมเลยนะ”
   
จริงๆ มีมีดเงินซ่อนอยู่ในชุดอีก แต่ผมไม่ให้มันหรอก ถ้ามันจะฆ่าผมจริง สู้ผมฆ่าตัวตายก่อนที่จะโดนมันทรมานยังดีกว่าเลย ผมน่ะ ทนเจ็บนานๆ ไม่ได้หรอกนะ
   
ดิออนมันขมวดคิ้วมุ่นและมองผมงงๆ
   
“..ไม่ใช่น้ำเปล่าเหรอ”
   
“...”
   
นี่ผมหยิบมาผิดอัน?
   
เพื่อคลายความสงสัยผมเผลอฉีดใส่หน้าดิออนอีกฟืดทันทีโดยไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำ
   
“!!!!”
   
พอได้สติผมก็แทบร้องไห้ออกมา
   
ผมหยิบมาผิดจริงๆ ด้วย!! แต่ที่แย่กว่านั้นคือผมไปยั่วประสาทมันอีก ตายแน่ๆ ตายแหง๋ๆ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต น้องครูซไม่น่ารอดถึงห้านาทีข้างหน้าด้วยซ้ำ แงงงงง
   
“อย่าร้อง”
   
มันโยนกระบอกน้ำที่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมตายทิ้งแล้วดึงมือผมที่ปิดหน้าอยู่ออก
   
แน่นอนสิ่งที่มันเห็นแน่ๆ คือสีหน้าสิ้นหวังของผมอ่ะ ผมร้องไห้จนน้ำตาจะท่วมห้องแล้วเนี่ย
   
“ไม่ร้องได้ไง ผมจะตายแล้วอ่ะ”
   
ผมสะอื้นด้วยความหวาดกลัว แต่ลึกๆ ก็แอบขำหน้าดิออนที่ชุ่มไปด้วยน้ำที่ผมฉีด
   
“ก็ไม่ได้จะฆ่าสักหน่อย”
   
“ถ้าไม่ฆ่า นายก็เก็บเขี้ยวสิ ผมกลัวจะแย่แล้ว”
   
ไม่ใช่อะไร เขี้ยวมันแทบจะทิ่มตาผมแล้วเนี่ย
   
“ก็ได้”
   
ดิออนมันขมวดคิ้วแต่ก็ยอมเก็บเขี้ยวแต่โดยดี จนมันกลับมาเหมือนมนุษย์ปกติอีกครั้ง ให้ตายเหอะ ผมว่าไอ้คนสเก็ตรูปคงไม่เว่อร์เกินไปแล้วแหละ ถ้าดิออนคืนร่างแวมไพร์เต็มตัว ผมคงวิ่งหนีคนแรกเลยมั้ง
   
ถึงมันอาจจะหล่อมากๆ แต่ถ้ามองแล้วตาย ผมก็ไม่เอาด้วยหรอกนะ
   
“นายคือดิออนคนนั้นจริงๆ เหรอ”
   
ผมเงยหน้ามองมันที่ดูยังไงก็ไม่เห็นมันจะโรคจิตตรงไหนเลย ก็ดูเป็นคนที่คุยรู้เรื่องอ่ะ
   
“ไม่รู้สิ” ดิออนไหวไหล่ใส่ผมยิ้มๆ “วาติกันก็ชอบใส่ร้ายปีศาจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
   
“ก็จริง”
   
เวลาจะเชื่ออะไรในภารกิจนี้บางทีต้องหารแปดหารสิบอ่ะ ถึงจะได้ความจริง แบบพวกที่มาปล่อยภารกิจต่อก็ชอบเขียนเว่อร์ๆ ให้กลัวไปก่อนอ่ะ ไม่รู้เป็นอะไรกัน
   
ส่วนผมเหรอปกติไม่ค่อยรับภารกิจหรอก ถ้าไม่ถูกบังคับอ่ะ
   
“นายอายุเท่าไหร่แล้วอ่ะ”
   
เพราะบรรยากาศในห้องที่ดูสบายๆ ขึ้น ผมเลยรู้สึกเกร็งน้อยลง ผมถามมันด้วยความอยากรู้ เอาเข้าจริง ผมอยากให้วาติกันเป็นมิตรกับปีศาจด้วยซ้ำ คือไม่ใช่ปีศาจทุกคนที่จะเลวร้ายอ่ะ
   
“จูบหนึ่งครั้งเท่ากับหนึ่งคำตอบ มนุษย์”
   
ดิออนจงใจตอบผมด้วยภาษาโบราณ แต่ให้ตายเหอะ มันทำให้ผมชอบมันมากกว่าเดิมอีก
   
ผมที่พอแน่ใจแล้วว่ามันไม่ฆ่าผมแน่ๆ ก็ใจกล้าขึ้นมาทันที ผมเขย่งเท้าและโน้มคอมันลงมาจูบ ปล่อยให้มันสัมผัสร่างกายผมตามอำเภอใจเพราะผมโคตรจะชอบมันเลย
   
จูบอยู่สักพักผมก็ดันมันออก
   
ผมหน้าแดงกว่าเดิมตอนที่เห็นมันเลียริมฝีปากเหมือนเสียดาย
   
“สามร้อยกว่าๆ ”
   
ดิออนตอบผมแล้วก้มมองคอผมที่ตอนนี้เสื้อเปิดจนเห็นทั้งไม้กางเขนกับรอยสัก
   
“เอาออกได้ไหม”
   
“สัญญาก่อนว่าจะไม่ฆ่าผม”
   
บอกตามตรงว่าสร้อยไม้กางเขนที่ผมห้อยอยู่นี่ ช่วยชีวิตผมมาหลายครั้งละ ปกติวาติกันห้อยกันอันเดียวแต่ผมห้อยเป็นสิบเหมือนคนห้อยพระเครื่องอ่ะ เวลาพวกปีศาจเห็นก็จะพยายามเลี่ยงผม
   
“อืม”
   
มันพยักหน้าเล็กๆ ให้ผม ซึ่งผมก็ยอมถอดออกอย่างว่าง่าย
   
คือผมก็รู้แหละว่าไม่ควรเชื่อใจดิออนขนาดนี้ แต่ผมก็ชอบมันอ่ะ มันดูไม่ใช่ปีศาจที่วาติกันกำลังล่าด้วย ฉะนั้นผมกับมันน่าจะแอบกุ๊กกิ๊กกันได้โดยที่ไม่มีใครรู้
   
ผมวางสร้อยคอไว้กับอ่างล่างหน้าใกล้ๆ แล้วกลับมาหามัน
   
“อยากรู้อะไรอีก มนุษย์”   
   
“อยากรู้ว่าเมื่อไหร่จะจูบผมอีก”
   
ผมหัวเราะตอนที่มันเหมือนอดใจไม่ไหวก้มลงมาจูบผม ผมหลับตาครางในลำคอตอนที่มันใช้ปลายนิ้วขยี้หัวนมแรงจนความเสียวซ่านแทบจะทำให้ผมยืนไม่ไหว
   
“เจ้าเป็นวาติกันจริงๆ หรือ”
   
ผมปรือตามองมันแล้วยิ้มบาง
   
“อยากชิมเลือดข้าไหมล่ะ ปีศาจ”
   
ให้ตายเหอะ ผมขอบคุณตัวเองในอดีตที่ไม่โดดเรียนวิชาภาษาโบราณ
   
ผมดันหน้ามันที่จะฝังเขี้ยวที่คอออกและยื่นแขนให้มันกัดเพราะน่าจะทำให้ผมกลัวน้อยที่สุดแล้ว
   
แน่นอนว่าถ้าพ่อผมรู้ว่าผมทำอะไรแบบนี้ พ่อต้องด่าผมแน่ๆ แต่ก็นะ ที่นี่ก็มีแค่ผมกับดิออนอ่ะ ถ้าผมกับมันไม่พูดซะอย่าง ก็ไม่มีใครรู้หรอก
   
ดิออนมันลูบแขนผมเบาๆ ก่อนที่จะจูบที่ข้อมือผมและฝังเขี้ยวใส่แขนผม
   
“ฮึก”
   
เจ็บ!!!
   
ผมน้ำตาแตกแต่ก็ยอมให้มันกินเลือด เพราะเคยได้ยินจากพวกแวมไพร์ที่ผมเคยจับได้บอกว่าเลือดวาติกันอร่อยมาก ซึ่งพวกมันก็ขอผมกินก่อนตายอ่ะ แต่แน่ล่ะ พอพวกคนในสำนักได้ยินแบบนั้น พวกแวมไพร์ก็กลายเป็นค้างคาวปิ้งในพริบตา
   
นี่เป็นครั้งแรกเลยอ่ะ ที่ผมสนิทสนมกับพวกปีศาจขนาดนี้
   
ผมสบตากับมันที่กลืนเลือดของผมอย่างใจเย็นและจ้องผมไปด้วย
   
“..พอแล้ว”
   
ผมบอกมันเบาๆ เพราะตัวผมก็แค่นี้อ่ะ เลือดไม่เยอะเท่าไหร่หรอก ถ้ามันกินเยอะกว่านี้ผมก็คงจะเป็นลม ซึ่งมันก็ยอมทำตามแต่โดยดี
   
เป็นรูเลยอ่ะ
   
ผมมองแขนตัวเองหงอยๆ แต่ก็ดีหน่อยที่เลือดหยุดไหลแล้ว เอาเข้าจริงถ้ามีคนบอกผมว่าแวมไพร์คือยุงที่ตัวใหญ่เฉยๆ ผมก็เชื่อนะ
   
ดิออนมันมองผมเหมือนเสียดายก่อนที่มันจะจูบผมหนักๆ อีกครั้ง
   
“ไว้เจอกัน มนุษย์”
   
ผมขมวดคิ้วกำลังจะถามมันว่าหมายถึงอะไร ประตูห้องน้ำก็มีเสียงไขกุญแจและทุบเพื่อที่พยายามจะเปิด
   
“อืม ไว้เจอกันอีกนะ”
   
ผมรีบจัดแจงสภาพตัวเองให้กลับมาเหมือนเดิม แต่ให้ตายเหอะ ผมยังอยากทำอะไรๆ กับมันต่ออ่ะ ทำไมต้องมีคนมาขัดจังหวะด้วย!!
   
ผมหันไปทางดิออนอีกครั้งก็ถึงเห็นว่าหายไปกับความมืดแล้ว
   
“นายน้อยเป็นอะไรรึเปล่าครับ!!”
   
“นายน้อย!”
   
“นายน้อยยังไม่ตายใช่ไหมครับ!!”
   
ลูกน้องคนสนิทของพ่อประมาณสิบคนกรูเข้ามาในห้องและแย่งกันถามถึงสวัสดิภาพของผมกันอย่างไม่น้อยหน้า จนทำให้ผมอารมณ์บูดยิ่งกว่าสิบเท่า
   
ผมก็บอกพ่อไปแล้วอ่ะว่าไม่ต้องส่งคนมาเฝ้าผม แต่พ่อก็ยังส่งมา ฉะนั้นไอ้ที่ผมอ่อยดิออนเมื่อกี้ก็อาจจะโดนเอาไปฟ้องพ่อแน่ๆ
   
“นายน้อย!!”
   
“ผมสบายดี แล้วฝากบอกพ่อด้วยว่าผมไม่ทำภารกิจล่าดิออนแล้ว หักค่าขนมผมไปเลย เดือนนี้ผมจะไม่ทำอะไรทั้งนั้นแล้วก็จะไม่กลับบ้านด้วย!”
   
ผมโวยวายแล้วเดินฝ่าออกไปเซ็งๆ
   
วันนี้เป็นวันที่แย่ที่สุดเลย!

-------------

ยัยน้องเป็นวาติกันก็ยังกากอยู่ดี 555555555555555555555
#ห้ามปิ้งค้างคาว
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ตอนพิเศษ - เป็นวาติกันนี่ยากจัง ;w;
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 16-06-2020 14:35:59
ความครูซนี้...... :ruready
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ตอนพิเศษ - เป็นวาติกันนี่ยากจัง ;w;
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 17-06-2020 18:53:05
ครูซก็ยังเป็นครูซ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ตอนพิเศษ - เป็นวาติกันนี่ยากจัง ;w;
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-06-2020 10:02:51
น่ารัก
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 24 28/6/63 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 28-06-2020 11:59:03
ตอนที่ 24

   
หลังจากที่ผมกับดิออนปรับความเข้าใจกันได้ วันต่อมาผมก็เลยแอบไปตรวจดูและพบว่าสัญชาตญาณความเป็นพ่อของดิออนมันแรงมาก
   
ผมท้องจริงๆ ด้วย!!!!!
   
ผมนั่งช็อคในห้องพยาบาลและติดสินบนกับพยาบาลไว้กับคนที่ตรวจผมว่าไม่ให้บอกใครว่าผมท้องอีกแล้ว เพราะถ้าทุกคนรู้ผมก็จะโดนกักบริเวณอีก ให้ตายเถอะ ถึงผมจะต้องการความรักแต่ก็ไม่ต้องการความรักมากเกินไปนี่นา
   
เชื้อของดิออนจะแรงเกินไปแล้ว นี่ใจคอมันจะให้สมาคมแวมไพร์มีสมาชิกเกินสองร้อยครั้งแรกในรอบสองพันปีเรอะถามจริง ที่ผ่านมาคือนานๆ ทีจะมีเด็กในสมาคมอ่ะ
   
ไม่ได้ ก่อนที่ทุกคนจะรู้ว่าผมท้อง ผมต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่นี่ให้คุ้มค่า!
   
ผมในร่างค้างคาวนั่งแทะลูกอมไปคิดไป แน่นอนว่ารอบนี้ผมต้องไปคนเดียว เพราะดิออนมันคงไม่ยอมให้ผมออกจากสมาคมแน่ๆ ฉะนั้นผมต้องไปหาอะไรสนุกๆ ทำที่น่าจะทำให้ผมมีความสุขที่สุด
   
ทำอะไรดี..
   
ใช่ การ์วิน!! ผมคิดถึงการ์วิน!!
   
ผมไม่ได้เจอลูกมาสองเดือนแล้วและผมก็คิดถึงลูกมาก ถึงจะได้เฟสไทม์คุยกันก็เหอะ แต่มันก็ไม่เหมือนกันนี่นา แถมช่วงนี้ก็ไม่มีงานอะไรที่ผู้ปกครองสามารถไปเยี่ยมได้ด้วย ผมเลยได้แต่นั่งเหี่ยวอยู่บ้าน
   
ผมหัวเราะคิกคักในร่างค้างคาว
   
ถ้าลูกมาหาผมไม่ได้ ผมก็ไปหาเองไง!


“นายมาจากโรงเรียน XXX เหรอ”
   
“อื้อ ยินดีที่ได้รู้จักนะ!”
   
ผมในร่างมนุษย์คุยกับเพื่อนใหม่ด้วยความกระตือรือร้น ให้ตายเหอะ ล่าสุดที่ผมใส่ชุดนักเรียนนี่หลายร้อยปีเลยนะ แล้วผมก็คิดถึงร่างผมตอนเด็กๆ มากด้วย
   
เป็นเด็กนี่ดีจัง
   
กว่าผมจะออกจากห้องน้ำได้คือเกือบครึ่งชั่วโมงเพราะมัวแต่ระลึกความหลังกับร่างตอนม.ปลายของตัวเอง ถึงผมจะเปลี่ยนสีผมกับสีตาก็เหอะ แต่หน้าตาผมก็ยังเหมือนเดิมแถมยังไม่มีรอยตีนกาด้วย!
   
“ยินดีต้อนรับนะ”
   
เด็กที่น่าจะหนึ่งในสภานักเรียนยิ้มให้ผมซึ่งผมก็ยิ้มตอบ จริงๆ อยากน้ำตาคลอด้วยความซาบซึ้งด้วยที่พาผมและคณะแลกเปลี่ยนจากโรงเรียนอื่นเดินชมรอบโรงเรียน
   
เอาเข้าจริง ผมว่าผมก็โชคดีมากๆ ที่เลือกมาโรงเรียนการ์วินช่วงที่เชิญให้นักเรียนโรงเรียนอื่นเข้ามาเรียนเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์กันเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์
   
แน่นอนว่าผมไม่ตั้งใจอยู่ครบหรอก สักวันสองวันก็พอ เพราะอีกไม่นานสมาคมต้องส่งใครสักคนมาตามล่าผมแน่ๆ ไม่น้องก็ผัวอ่ะ คนอื่นตามหาผมไม่ค่อยเจอเพราะเดี๋ยวนี้ผมปกปิดร่องรอยตัวเองได้แนบเนียนมาก
   
“นายชื่ออะไร?”
   
“ครู— แค่ก! คุณ เราชื่อคุณน่ะ”
   
ผมที่กำลังเพลิดเพลินกับความหรูหราอลังการของโรงเรียนแทบจะเผลอกัดลิ้นตัวเองตอนที่พูดชื่อ แล้วยิ้มกลบเกลื่อนความเลิ่กลั่กของตัวเอง
   
ให้ตายสิ ครูซ อายุขนาดนี้แล้วยังจะพลาดแบบโง่ๆ อีกเหรอ!!!
   
ผมคิดเซ็งๆ เพราะถ้าเกิดผมใช้ชื่อครูซไป ไอ้พวกนักเรียนวาติกันที่แฝงอยู่ในโรงเรียนคงระแวงผมกันน่าดู ถึงผมจะดูไม่มีพิษมีภัย แต่ใครจะไปรู้ว่าพวกวาติกันเดี๋ยวนี้อาจจะใจร้ายจับผมไปเค้นคอก็ได้
   
“เราชื่อยู”
   
“ยินดีได้รู้จักนะ ยู”
   
ผมที่เพิ่งจะสังเกตว่าไอ้เด็กที่คุยด้วยก็หล่อใช่ย่อยแถมยังสูงกว่าผมอีก แต่เดี๋ยวก่อน ตรงคอนั่นมันรอยสักของพวกวาติกันไม่ใช่เหรอ!!! แล้วโซ่ตรงเอวก็เหมือนจะเป็นเงินแท้อีก แค่นี้ยังเหมือนจะทำให้ผมตกใจไม่พอ เจ้าเด็กนี้มันยังมองผมไม่วางตาอีก
   
ผมพยายามเดินชมนกชมไม้เหมือนไม่รู้ว่าถูกมองแต่จริงๆ คือเหงื่อแตกพลั่ก
   
ไม่รู้ว่ามันมองผมเพราะผมน่ารักหรือว่าจำได้กันแน่ว่าผมคือแวมไพร์ตัวร้ายที่ทำให้วาติกันหันหลังให้กับพระเจ้า แต่ให้ตายเหอะ ผมแค่มาเยี่ยมลูกเอง อย่าเพิ่งทำอะไรผมเลย ผมเพิ่งเดินเข้ามาในรั้วโรงเรียนได้ไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำ
   
รู้ไหมกว่าผมจะทำเอกสารปลอมแปลงนู่นนี่นั่นได้ มันเหนื่อยขนาดไหน!!!
   
ระบบของโรงเรียนบ้านี่มันเข้มงวดมากจนผมแทบจะน้ำลายฟูมปาก คือถ้าผมพลาดนิดเดียว ผมจะโดนจับได้ทันทีอ่ะว่าเป็นใครก็ไม่ได้รู้ที่มาเนียนเรียนด้วย แล้วเทคโนโลยีของโรงเรียนนี้มันก็บ้ามากสมกับเป็นโรงเรียนชั้นนำที่พวกคนของรัฐบาลส่งมาเรียน
   
ฉะนั้นผมจะยอมให้ไอ้เด็กบ้านี่จับไม่ได้เด็ดขาด!
   
“นายได้เรียนห้องอะไร?”
   
“ห้องดี”
   
ผมหัวเราะแหะๆ ประกอบเพราะผมจงใจเลือกห้องบ๊วยให้ตัวเองเลย ถึงผมจะอยากอยู่ห้องเดียวกับลูกก็เหอะ แต่ผมว่าผมคงจะเครียดตายก่อนได้กลับสมาคมอ่ะ
   
“แล้วหอล่ะ”
   
ทำไมมันถามละเอียดจังเนี่ย
   
“ก็หอรวมอ่ะ”
   
เด็กต่างโรงเรียนอย่างผมก็ต้องนอนหอแยกอยู่แล้วสิ
   
“เหรอ”
   
ยูทำหน้าเสียดาย แต่ผมไม่รู้ว่ามันเสียดายที่ไม่ได้เจอผมหรือเพราะอะไรกันแน่ โอ๊ย ทำไมชีวิตผมถึงไม่สงบสุขอีกแล้วเนี่ย ผมก็แค่อยากมาเล่นกับลูกเท่านั้นเอง!
   
คิดไปคิดมาผมก็เริ่มหน้ามุ่ย
   
“คุณ”
   
“?”
   
ผมทำหน้างงเพราะอยู่ๆ ยูก็ทำหน้าจริงจังใส่ผม
   
“อยู่ที่นี่ก็ระวังตัวด้วย ที่นี่มีพวกอันตรายแฝงตัวอยู่”
   
“...”
   
บอกผมทีว่าพวกอันตรายไม่ใช่แวมไพร์
   
“นายอาจจะไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร แต่ก็ระวังตัวเถอะ ถึงที่นี่จะมีระบบรักษาความปลอดภัยเทียบเท่ากับรัฐสภา แต่ไอ้พวกสกปรกพวกนั้นก็แอบเข้ามาได้อยู่ดี”
   
“...อืม เราจะระวัง”
   
จริงๆ ผมอยากทำหน้าละเหี่ยใจใส่มาก แต่ก็ต้องทำท่ากลัวเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง
   
“จริงสิ ตอนบ่ายๆ วันนี้จะมีกิจกรรม ถ้านายอยากเข้าร่วมก็ร่วมได้นะ”
   
ผมทำหน้าตื่นเต้นมาก แต่จริงๆ รู้อยู่แล้วเพราะเคยดูตารางเรียนลูก
   
วันนี้เป็นวันศุกร์ ช่วงบ่ายโรงเรียนจะปล่อยให้ทำกิจกรรมหรือเข้าชมรมที่สนใจ ซึ่งถ้าเป็นกิจกรรมพิเศษต้อนรับพวกนักเรียนโรงเรียนอื่นก็คงจะเป็นแข่งขันอะไรสักอย่างหรือเกมแหละ
   
น่าสนุกจัง
   
ผมเริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาจริงๆ และได้แต่หวังว่าไอ้กิจกรรมที่จัดจะไม่ใช่แข่งตอบคำถาม คณิตคิดเร็ว หรืออะไรที่ต้องใช้สมองมากๆ เพราะผมไม่มีอะไรไปโชว์กับเขาหรอกนะ
   
ถ้าแข่งบินหนีหรือประลองกันก็ว่าไปอย่าง
   
“แล้วก็หลังจากนี้.. ถ้ามีอะไรก็เรียกเราได้นะ”
   
ยูที่หน้านิ่งมาตลอดยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร เพราะมันพาพวกผมชมรอบโรงเรียนครบทุกที่จนวนกลับมาที่แรกแล้ว
   
“…”
   
อะไรวะเนี่ย อย่าบอกนะว่ามันก็ชอบผมอ่ะ รสนิยมของวาติกันนี่มันยังไงกันฮึ หรือผมความจะตั้งคำถามกับหน้าตาตัวเองที่ชอบดึงดูดวาติกันเข้าหาตัวเหลือเกิน
   
เออ แต่ที่ผ่านมาผมก็เจอวาติกันบ่อยจริง ตั้งแต่ไอ้เสี่ยบ้านั่นละ ดิออนอีก แล้วก็อีกหลายๆ คนที่ผมเจอแล้วมาค้นพบทีหลังว่าเป็นวาติกัน ผมว่าพวกวาติกันมันต้องมีปมกับหน้าผมแน่ๆ
   
ผมน่ารักใช่ไหมล่ะ!
   
เห็นดิออนบอกว่าในสมาคมมีรูปผมตอนเด็กแขวนอยู่ด้วย สงสัยพวกวาติกันมองกันมากๆ คงจะชินแล้วเผลอชอบคนที่หน้าตาประมาณผม แต่ให้ตายเหอะ ถ้าชอบแล้วก็อย่าจับผมเผาได้ไหม  ช่วยทำตัวดีๆ กับผมหน่อยเถอะเพราะถ้าเทียบกับคนอื่นในสมาคม ผมน่ะใจดีและเป็นมิตรที่สุดแล้ว
   
“คุณ?”
   
“อื้อ! ขอบคุณนะ ยู”
   
ปลอมมากแต่ผมก็ต้องทำ แต่มันก็ไม่น่าเกลียดหรอกเพราะผมตอนนี้อยู่ในช่วงอายุที่ทำอะไรก็ดูน่ารัก ตอนผมอยู่ ม.ปลายในโรงเรียนมนุษย์ ผมก็ดื้อมาก อยู่ในกลุ่มที่ไม่ตั้งใจเรียนและขยันทำทุกอย่างที่ไม่ใช่เรียน พ่อผมเวลาโดนโรงเรียนเรียกมารับทราบพฤติกรรมก็จะดุผม ผมก็จะหงอยไปประมาณสามวันแล้วก็กลับมาดื้อใหม่อีกครั้ง
   
ทำไงได้ ถึงโรงเรียนมนุษย์ตอนเรียนวิชาการจะนรกแตกไปหน่อยแต่อย่างอื่นๆ มันก็สนุกอยู่นะ วิชาว่ายน้ำผมก็ชอบเพราะชอบเล่นน้ำ
   
“หิวข้าวไหม? ตอนนี้เที่ยงแล้ว กินเสร็จเดี๋ยวเราพาไปเล่นกิจกรรมต่อได้นะ”
   
เจ้าเด็กนี่ก็ดูถูกใจผมเหลือเกิน คือพวกที่มากับผมตอนนี้ก็แยกย้ายกันแล้วอ่ะ แบบใครจะทำอะไรก็ทำ ซึ่งผมก็อยากปฏิเสธมันอยู่หรอกแต่ผมจำทางไปไหนไม่ได้เลยเพราะมัวแต่ตื่นเต้น
   
“ก็ได้”
   
สุดท้ายผมก็ยอมเดินตามหลังยูต้อยๆ เหมือนลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ด แล้วพยายามองหาลูกไปด้วย ไม่รู้ว่าอยู่ในส่วนไหนของโรงเรียน เห็นตอนนั้นบอกผมอยู่ว่าอยู่กลุ่มอะไรสักอย่าง แต่การ์วินก็เหมือนดิออนอ่ะ ไม่ค่อยชอบทำตัวเด่น ผิดกับผมที่ไม่จะเด่นหรือไม่เด่นก็ได้ ผมไม่สนใจหรอก ผมอยากทำอะไรก็ต้องได้ทำ
   
“นายอยู่สภานักเรียนเหรอ”
   
เดินไปเดินมาผมก็เริ่มง่วงเลยชวนคุยเรื่อยเปื่อย
   
“อืม เป็นประธานนักเรียน”
   
“...”
   
ให้มันได้อย่างนี้สิ ครูซ ดวงบ้าอะไรเนี่ย! แต่จะว่าไปเดี๋ยวนี้พวกวาติกันก็เอาใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย สมัยผมพวกวาติกันเป็นองค์กรลับหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ค่อยให้คนรู้ ผิดกับตอนนี้ที่ค่อนข้างเปิดเผยมาก ถึงพวกมนุษย์ส่วนใหญ่จะยังไม่ค่อยเชื่อว่าปีศาจอย่างพวกผมมีจริงก็เถอะ แต่พวกมันก็ยังยืนยันที่จะบอกว่าพวกผมมีจริงอยู่ดี
   
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามผมก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ อ่ะว่าผมโคตรชอบเครื่องแบบกับการแต่งตัวของพวกวาติกันเลย คือมันเท่อ่ะ ต่อให้ไม่เป็นวาติกันแต่ใส่เป็นแฟชั่นก็เท่ เนี่ย แค่ห้อยโซ่อะไรไม่รู้ก็เท่แล้วอ่ะ
   
ถ้าไม่ติดว่าผมเป็นแวมไพร์นะ ผมจะแต่งตัวเป็นวาติกันบ้าง!
   
“ชอบรอยสักเหรอ?”
   
ยูเหลือบมองผมที่จ้องรอยสักที่คอของมัน
   
“อือ”
   
เปล่าหรอก มองไปมองมาผมก็แอบคิดถึงดิออนแหละ ไม่รู้รู้ยังว่าผมหนีออกมาจากสมาคมอีกแล้ว
   
“นายเชื่อไหมว่าปีศาจมีจริง?”
   
“...”
   
ให้ตายสิ ผมอยากคืนร่างแวมไพร์แล้วโชว์เขี้ยวชะมัดเลย พวกวาติกันนี่จริงๆ เลย พอเห็นมนุษย์อ่อนแอเข้าหน่อยก็จะหาเรื่องชวนเข้าสำนักกันอย่างเดียวเลย
   
แต่ก็เข้าใจได้แหละ ตอนนี้เทคโนโลยีกับวิทยาศาสตร์ของพวกมนุษย์มันก้าวหน้ามากจนคนที่เชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริงน้อยลงขึ้นทุกที ขืนยังทำตัวหยิ่งไม่ค่อยรับคนเข้าสำนักก็คงไม่เหลือคนมาสู้กับพวกแวมไพร์ที่ตายยากกว่าแมลงสาบกันพอดี
   
“ถ้านายเชื่อว่ามีจริงก็มาร่วมกับเราได้นะ วาติกันต้อนรับผู้ศรัทธารายใหม่เสมอ ไม่ว่านายจะเคยนับถืออะไรมาก่อน”
   
“..อืม”
   
ผมพยักหน้าแบบเชื่องๆ เชิงว่าจะเก็บไปคิดนะ แต่ความจริงคือไม่มีทาง เป็นแวมไพร์ก็ดีอยู่แล้ว ผมไม่เป็นอย่างอื่นหรอก ไม่สนุก
   
เดินต่ออีกได้สักพักก็ถึงโรงอาหารอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ก็เที่ยงพอดีคนเลยเต็มโรงอาหารมาก แต่ด้วยความเป็นโรงเรียนชั้นนำทำให้ไม่วุ่นวายเท่าที่ควร คือถ้าเป็นสมัยผม กลางโรงอาหารตอนนี้ต้องมีคนตีกันเรื่องแย่งที่นั่งแล้วอ่ะ แน่นอนว่าผมเป็นคนที่เข้าร่วมแย่งโต๊ะด้วยเพราะมันสนุกมาก
   
“ถ้าซื้อเสร็จแล้ว คุณ ไปนั่งโต๊ะนั้นได้เลยนะ”

ยูชี้ไปทางโต๊ะหนึ่งที่ดูเรียบร้อยกว่าโต๊ะอื่นอย่างเห็นได้ชัดแถมยังไม่มีคนนั่งเลยด้วย   
   
“โต๊ะนั้นเป็นของสภานักเรียน แต่นายก็มากับเราก็นั่งได้เลย ไม่เป็นไร”
   
ทำไมสมัยผมสภานักเรียนไม่เห็นได้อะไรแบบนี้เลย (แถมพวกนั้นยังต้องเป็นกรรมการให้กับพวกที่แย่งโต๊ะกันด้วย) แต่ถึงได้ผมก็ไม่เป็นหรอก ปวดหัวแถมยังต้องเข้าหาพวกผู้อำนวยการกับครูอีก
   
ผมน่ะแค่เข้าห้องปกครองก็เหนื่อยจะแย่แล้ว
   
“อือ”
   
ผมพยักหน้าอีกแล้วมองหาร้านขนมกิน คือจริงๆ ผมก็ไม่หิวหรอก แต่ก็แค่อยากหาอะไรหวานๆ กินแล้วก็เผื่อเจ้าตัวเล็กในท้องด้วย ผมน่ะยังไม่ลืมหรอกนะว่าตัวเองท้อง ขืนผมทำตัวย้วยๆ ไร้สาระ ไม่ใส่ใจตัวเอง ทั้งพ่อทั้งดิออน ไม่สิ ทั้งตระกูลได้จับผมขุนเป็นหมูแน่
   
ให้ตายสิ สามคนแล้วนะ ผมว่าผมควรพอแล้ว แต่พ่อก็ชอบบ่นใส่ผมว่าอยากได้หลานอีก

เอาจริงๆ นะ ผมว่าที่พ่อยอมรับดิออนไวกว่าที่ผมคิดเพราะพ่ออยากได้หลานเยอะๆ แน่เลย แล้วดิออนมันก็ขยันทำให้พ่อตาด้วย ไม่รู้ว่าขยันทำคะแนนหรืออะไร แต่พอเถอะ ปล่อยให้น้องครูซใช้ชีวิตไร้สาระอย่างมีความสุขบ้างเถอะนะ
ใช้เวลาไม่นานผมก็เจอร้านเบเกอรี่และเหมาคุกกี้กับขนมอะไรอีกนิดหน่อย เผื่อว่าผมจะเจอการ์วินระหว่างทางจะได้แบ่งให้เลย
ว่าแต่ ทำไมพอผมมานั่งข้างยูแล้วคนมองเยอะจัง

ผมแทะคุกกี้ไปได้สองอันก็เริ่มเครียด

“ยู”

ผมเรียกเจ้าเด็กประธานนักเรียนที่นั่งกินสเต็กและหั่นกินด้วยความบรรจงมาก คือถ้าผมกินแบบมันคงหมดพรุ่งนี้อ่ะ

“ครับ”

“รู้จักการ์วินไหม”

ก็รู้แหละว่าเสี่ยงโดนจับได้ แต่ผมก็อยากเจอลูกแล้วอ่ะ ขืนขนมอยู่กับผมนานกว่านี้ก็คงจะหมด แถมเสื้อผมตอนนี้ก็เริ่มเลอะจากเศษคุกกี้ด้วย

แล้วทำไมไอ้เด็กนี้มันยิ้มแต่ออร่ามันน่ากลัวจังวะ

อะไรกัน ไม่ชอบลูกผมเหรอ ไม่ได้นะ ห้ามไม่ชอบ เพราะลูกผมน่ะดีที่สุด!

“นั่นไงครับ”

“!”

ผมตาโตตอนที่เห็นกลุ่มนักเรียนที่เห็นได้ชัดว่าต่างจากนักเรียนทั่วไปเดินออกจากโรงอาหารด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง ไม่สุงสิงกับใคร เข้าถึงยาก แต่ที่สำคัญเลยคือผมสัมผัสได้เลยว่ากลุ่มนั้นไม่ใช่มนุษย์ทั่วไปอ่ะ แถมออร่ารอบตัวก็ไม่รับแขกสุดๆ โดยเฉพาะหน้าลูกผมที่ดุมาก คือไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอก็รู้ว่าลูกดิออน หน้าโหดเหมือนจะกัดหัวคนคุยด้วยเนี่ย

ให้ตายสิ ผมชักจะน้อยใจแล้วนะ ทำไมการ์วินถึงไม่ได้นิสัยจากผมบ้างเลย!

“นายไม่ชอบกลุ่มนั้นเหรอ”

ผมเริ่มแทะคุกกี้อันใหม่ไปคิดไปว่าจะเข้าหาลูกยังไงดีให้เนียนที่สุด แต่ผมก็อยากเซอร์ไพรส์ลูกด้วยอ่ะ เจอเฉยๆ มันไม่สนุกไง อุตส่าห์มาแบบเป็นนักเรียนด้วยกันทั้งที

“ไม่เชิงครับ แค่ไม่ถูกกันเท่าไหร่”

ยูพูดไปหั่นสเต็กไป ซึ่งผมก็เผลอขมวดคิ้วเพราะเจ้าประธานนักเรียนนี่มันหั่นสเต็กเหมือนกำลังจินตนาการว่าหั่นเนื้อกลุ่มลูกผมเมื่อกี้อยู่อ่ะ จะเกินไปแล้วนะ!!! นั่นลูกผมนะ ห้ามหั่นแรง! แล้วก็ห้ามไม่ชอบด้วย!!!

ผมหน้ามุ่ยเซ็งๆ

“เจ้าพวกนั้นคือสิ่งสกปรกของโรงเรียนเราครับ คุณ”

“...”

“..ถึงจะเกรดดี กีฬาเป็นเลิศ แต่สุดท้ายสิ่งปฏิกูลก็คือสิ่งปฏิกูลครับ ไม่มีวันจะเทียบเท่ากับเราได้”

แววตาของยูเย็นเยียบขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด พอๆ กับผมที่รู้สึกโกรธขึ้นมาเหมือนกัน

พวกวาติกันนี่นิสัยไม่ดีจริงๆ

ผมหน้าบูด คือถ้าประโยคเมื่อกี้คนที่ได้ยินเป็นน้องผม เจ้าเด็กนี้โดนซัดไปแล้ว แต่เพราะเป็นผม ผมเลยยังพอทนได้แล้วผมก็ไม่อยากมีปัญหาด้วย

อย่างไรก็ตามเพราะมนุษย์ไม่แน่ใจการมีอยู่ของปีศาจ ลูกของผมและปีศาจตัวอื่นๆ ที่แฝงมาเรียนด้วยกลุ่มนั้นเลยยังสามารถเรียนร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย ตราบใดที่ไม่มีใครถูกจับได้จังๆ หรือมีหลักฐาน เด็กกลุ่มนั้นก็ยังถือว่าเป็นมนุษย์อยู่และถูกคุ้มครองความเป็นมนุษย์ไว้อย่างเต็มเปี่ยมทัดเทียมกับคนอื่นๆ

ฉะนั้นที่ยูไม่พอใจในตัวลูกผมกับกลุ่มนั้นก็คงเพราะขัดใจที่เป็นวาติกันแต่ยังขยับตัวทำอะไรมากไม่ได้นั่นแหละ

แต่เป็นปีศาจแล้วยังไงล่ะ? ลูกผมยังไม่เคยทำร้ายใครสักหน่อย แถมที่มาเรียนก็เพราะเพื่อทำความเข้าใจสังคมมนุษย์ยุคใหม่กับหาทางรับมือกับวาติกันบ้าเลือดอย่างยูนั่นแหละ

เอาเข้าจริงสมาคมแวมไพร์ตอนนี้สมควรจะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพด้วยซ้ำ

“เดี๋ยวเราไปก่อนนะ ไว้เจอกัน”

ผมก้มหัวปลกๆ เพราะผมคงนั่งทนฟังมันด่าลูกผมต่อไม่ไหว แล้วหอบถุงขนมที่เหลือวิ่งตามหลังกลุ่มการ์วินไป ให้ตายเถอะ เจ้าเด็กนี่ทำผมเสียอารมณ์จริงๆ เลย

และผมก็ต้องขอบคุณความเว่อร์ของกลุ่มลูกผมที่ทำให้คนถอยกรูดเปิดทางให้เดินง่ายๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเจ้าพวกเด็กในโรงเรียนลืมไปรึเปล่าว่าลูกผมเพิ่ง ม.4 เองนะ แล้วคนในกลุ่มอีกสี่ห้าคนก็ดูอายุไล่เลี่ยกันอ่ะ ไม่รู้จะกลัวอะไรกันนักหนา

แต่เอาเหอะ ผมไม่ยุ่งกับการใช้ชีวิตในโรงเรียนของลูกหรอก แค่การ์วินไม่รังแกคนอื่น ผมก็พอใจแล้วในฐานะผู้ปกครองอ่ะ

“การ์วิน!”

สุดท้ายก็เป็นผมอีกที่อดใจไม่ไหว วิ่งไปขวางทางการ์วินก่อนที่จะเดินไปไกลกว่านี้ เพราะแค่นี้ผมก็เหนื่อยจะแย่แล้ว

การ์วินก้มมองผมงงๆ แต่ผมก็ไม่สนใจรีบยัดขนมเข้ามือลูกแล้วยิ้มจนตาหยี ซึ่งปฏิกิริยาของการ์วินก็คือคืนถุงขนมใส่ผมทันทีแถมยังทำหน้าโหดแบบพ่อมันอีก

คือถ้าผมไม่ชินหน้าโหดๆ ของดิออน ป่านนี้ผมวิ่งหนีลูกตัวเองแล้วอ่ะ จะดุอะไรนักหนา เป็นเพื่อนร่วมโลกกันก็ต้องเป็นมิตรต่อกันสิ!

“..คุณเป็นใคร?”

อะไรเนี่ย ร่างผมตอนม.ปลาย แม้แต่ลูกแท้ๆ ผมยังจำไม่ได้เลยเรอะ!! นี่มันจะเกินไปแล้วนะ!

ผมหน้ามุ่ยเพราะจะเฉลยตรงๆ ว่าเป็นแม่ก็ไม่ได้ คือผมก็ไม่รู้อ่ะว่าไว้ใจเพื่อนลูกได้แค่ไหน ฉะนั้นสมองน้อยๆ ของผมเลยต้องทำงานบ้างในช่วงที่มาไร้สาระที่นี่

“ครูซ”

ผมจ้องหน้าการ์วินแล้วพูดเสียงเบา

ให้ตายเหอะ ลูกผมสูงชะมัดเลย ทำไมผมถึงไม่สูงบ้าง!

“!!!”

การ์วินสะดุ้งเฮือกแล้วมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าใหม่อีกรอบอึ้งๆ

“..รีบกินขนมสิ อุตส่าห์เอามาให้”

ผมยัดขนมใส่ลูกอีกรอบแล้วกอดอกงอนๆ

“ไว้เจอกันที่สระนะ เดี๋ยวขอคุยกับเพื่อนก่อน”

การ์วินหันไปบอกเพื่อนตัวเองแล้วก็คว้าแขนผมลากผมให้ตามไปคุยในมุมอับ ก่อนที่จะการ์วินจะใช้ตัวเองบังผมจากสายตาคนอื่น

“แม่มาได้ไง ไม่สิ แม่มาที่นี่ทำไม”

สีหน้าการ์วินซีดมาก ดูไม่ดีใจสักนิดที่เจอผมจนผมเริ่มจะงอนมากกว่าเดิม

“ก็มาหาเฉยๆ ไง คิดถึงลูกอ่ะ แล้วก็อยากมาหาอะไรทำด้วย”

การ์วินก้มมองท้องผม

“..แต่พ่อทักมาบอกผมว่าแม่ท้องอยู่นะ”

“...”

ผมหน้าบูดเพราะนี่ยังไม่ถึงหนึ่งวันเลย ความก็แตกแล้วอ่ะว่าผมท้อง อะไรกัน ผมก็กำชับแล้วนะว่าอย่าเพิ่งบอกอ่ะ อีกสักสองสามวันค่อยบอก ถึงตอนนั้นผมก็น่าจะกลับสมาคมพอดี จะได้ไม่มีใครมาดุผมได้ว่าผมหนีเที่ยวช่วงกำลังท้อง

“..เดี๋ยวก็กลับแล้ว ห้ามบอกพ่อนะว่าแม่อยู่ที่นี่”

แล้วทำไมสีหน้าการ์วินยังซีดอยู่ล่ะ

“พ่อบอกว่าถ้าเจอแม่ ให้ผมโทรเรียกเลย ถ้าผมช่วยแม่ พ่อจะทำโทษผม”

“ฮึ่ย”

ผมหน้าบูดมาก
   
ผมไม่ยอมเหนื่อยฟรีหรอกนะ!! มาแล้วผมก็ต้องได้เที่ยวได้ซึมซับความเป็นนักเรียนบ้างสิ!!
   
“แม่กลับบ้านเถอะนะ ไว้ค่อยมาอีกรอบก็ได้ เดี๋ยวครั้งหน้าผมพาเที่ยวเอง”
   
การ์วินพยายามต่อรองกับผม
   
“พรุ่งนี้”
   
ผมยื่นคำขาด
   
เพราะครั้งหน้าที่ว่าน่ะไม่มีจริงหรอก กว่าลูกผมจะโต การ์วินก็เรียนจบม.ปลายแล้ว!
   
>:-(

หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 24 28/6/63 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 28-06-2020 18:25:38
ว่าที่คุณแม่จอมซน...นนนนนนนนนน    :m20:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 24 28/6/63 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-06-2020 14:02:47
ท้องอีกแล้ว~
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 25 17/7/63 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 17-07-2020 01:28:27
ตอนที่ 25

   
“โห สระว่ายน้ำใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ!”
   
ผมกระซิบกับลูกอย่างตื่นเต้นเพราะเมื่อกี้ยูไม่ได้พาเข้ามาดูในนี้ เหมือนข้างในกำลังจัดงานอะไรสักอย่างและวุ่นวายมาก ซึ่งพอผมเข้าไปก็ถึงรู้ว่ากำลังมีงานแข่งว่ายน้ำอยู่ แถมเจ้าพวกเด็กโรงเรียนอื่นบางคนที่ผมพอจะจำหน้าได้ตอนนี้ก็ไปเข้าคิวลงทะเบียนกันกันแล้ว
   
ผมมองรางวัลที่หนึ่งซึ่งเป็นถ้วยรางวัลกับกล่องของขวัญสีดำตาวาว
   
รางวัลนั่นต้องเป็นของผม!!!
   
“แม่ จะไปไหน”
   
พอเจออะไรสนุกๆ ผมก็ทิ้งลูกทันที แต่การ์วินก็คว้าแขนผมได้ทัน
   
“ก็ไปแข่งไง”
   
ผมหน้ามุ่ย
   
“แต่ผมก็จะลงแข่งนะ” การ์วินยังทำหน้ายุ่งใส่ผม “กลุ่มผมตั้งใจจะเอารางวัลปีนี้ให้ได้ทุกรางวัล”
   
“แต่แม่ก็อยากว่ายบ้างนี่นา! ลงแค่ฟรีสไตล์ก็ได้—”
   
ผมที่กำลังจะโวยวายใส่ลูกชะงักไปตอนที่มีเสียงฮือฮาดังมาจากฝั่งหนึ่งของสระ
   
“!!”
   
ผมเบิกตากว้างตอนที่เห็น ‘ยู’ ในชุดกางเกงว่ายน้ำขาสั้นสีดำเดินไปนั่งตรงเก้าอี้สำหรับรอการแข่งขันพร้อมกับกลุ่มคนที่น่าจะเป็นสภานักเรียนเหมือนกัน
   
“แม่”
   
ผมสะดุ้งตอนที่ถูกการ์วินจับไหล่แล้วหัวเราะแห้งๆ เพราะเพิ่งรู้ตัวว่าผมมองเจ้าเด็กนั่นมากเกินไป แต่ให้ตายเหอะ ผมไม่ได้ดูซิกแพคสักหน่อย ผมดูรอยสักของพวกวาติกันต่างหากล่ะ หลังจากผ่านมาหลายร้อยปี พวกนั้นก็เหมือนจะมีรอยสักตรงเอวเพิ่มขึ้นด้วย
   
และแน่นอนว่ามันเท่สุดๆ ไปเลย!
   
“...”
   
ผมยิ้มแห้งกว่าเดิมตอนที่ยูเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมแล้วขมวดคิ้ว ซึ่งมันก็ทำให้ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายูเกลียดการ์วินนี่นา แต่จะให้เฉลยว่าการ์วินเป็นลูกผม ยูคงจะจับผมปิ้งตรงนั้นแน่
   
“แม่อย่าไปยุ่งกับมันนะ ไอ้นั่นมันเป็นวาติกันแล้วยังโคตรน่ารำคาญเลย”
   
การ์วินพอเห็นว่าผมมองใครก็หน้าหงิกขึ้นมาทันที
   
“ผมทำอะไร มันก็ด่า แล้วก็ชอบมาหาเรื่องกลุ่มผมตลอดเลย”
   
“…”
   
ผมพยายามทำหน้านิ่งๆ ไม่หลุดขำเพราะไม่บ่อยเท่าไหร่ที่การ์วินจะหงุดหงิดขนาดนี้ คือดูทรงแล้วยูก็พอตัวอ่ะ
   
“อาทิตย์ก่อนผมสอบได้เต็มวิชาเคมี มันก็หาว่าผมโกงข้อสอบ ให้ตายเหอะ มันจะอะไรนักหนากับผมก็ไม่รู้ ผมพยายามจะไม่ยุ่งกับมันแล้ว แต่มันก็มาหาเรื่องผมตลอด”
   
“ใจเย็นๆ ”
   
คือถ้าผมสูงเท่าดิออนผมก็คงจะลูบหัวลูกได้ แต่ตอนนี้ผมตัวเล็กกว่าร่างจริงอีกเลยได้แต่ดึงมือลูกมาลูบๆ ให้ใจเย็น เพราะถ้าลูกผมไปตีเขา ผมคงจะห้ามไม่ไหวอ่ะ
   
“การ์วิน”
   
ผมเงยหน้าสบตากับลูกแล้วพูดเสียงจริงจัง
   
“ลูกต้องเป็นแวมไพร์ที่รักสันติเหมือนแม่นะ”
   
“…”
   
การ์วินหน้าบูดกว่าเดิม ดูยังไงก็ไม่อยากทำตามที่ผมสอนสักนิด ดูอยากเข้าไปซัดกันให้จบมากกว่า
   
“อย่าดื้อสิ”

ผมทำหน้าบูดบ้าง คือก็เข้าใจแหละว่าลูกผมตอนนี้ก็อยู่ในวัยต่อต้าน ถึงการ์วินจะค่อนข้างเชื่อฟังผมแต่ถ้าโดนยูมายั่วโมโหบ่อยๆ คงจะมีน็อตหลุดสักวันอ่ะ
   
“แต่มันน่ารำคาญจริงๆ นะ”
   
การ์วินบ่นอุบ
   
“อย่าไปตีเลย ไม่คุ้มหรอก พวกวาติกันยิ่งตีมันยิ่งได้ใจอ่ะ”
   
จริงๆ ผมก็แอบเซ็งเหมือนกันแหละ แต่ทำไงได้ ที่นี่มันถิ่นพวกมนุษย์นี่นา พวกไม่ใช่มนุษย์ก็ต้องปรับตัวกันไป
   
ผมลูบมือลูกอยู่สักพักก็คิดทางแก้ปัญหาให้ลูกออก
   
“การ์วิน”
   
“?”
   
ผมพยายามมากที่จะไม่หลุดหัวเราะตอนที่พูด
   
“ไปอยู่กลุ่มเดียวกับยูไหม”
   
“...”
   
“จริงจังนะ ลูกอ่ะเป็นลูกครึ่งมนุษย์นะ ยังพอใช้พลังของวาติกันได้อยู่”
   
คือตอนผมท้องการ์วิน ดิออนมันยังไม่ได้เป็นแวมไพร์เต็มตัวไง ซึ่งที่ผ่านมาการ์วินก็ไม่ได้สนใจศึกษาเรื่องพลังของพวกวาติกันเท่าไหร่ ฉะนั้นการเข้าร่วมกับทางนั้นก็น่าจะดีกว่าอยู่เฉยๆ ให้โดนกวนประสาทอยู่ฝ่ายเดียว
   
“ไม่เอา ผมเกลียดมัน”
   
ผมหัวเราะเพราะถึงการ์วินจะปฏิเสธแต่ก็ดูสนใจสิ่งที่ผมแนะนำอยู่ดี
   
“แม่อ่ะ อยากไปเล่นเป็นวาติกันบ้างยังเล่นไม่ได้เลย ไปลองดูสนุกๆ แก้เบื่อก็ได้”
   
แม้แต่ดิออนตอนนี้ก็ใช้พลังของวาติกันไม่ได้เพราะมันกลายเป็นแวมไพร์เต็มตัวไปแล้ว ในสมาคมตอนนี้ก็เลยเหลือแต่การ์วินที่ยังพอใช้พลังของวาติกันได้
   
“อืม”
   
การ์วินพยักหน้าแกนๆ แล้วขมวดคิ้วใส่ผม
   
“แล้วแม่ไปรู้จักมันได้ไง”
   
“ไม่ต้องสนใจหรอกน่า ไปๆ จะไปแข่งอะไรก็ไป แต่ห้ามลงฟรีสไตล์”
   
ผมไม่รอให้ลูกขัดขวางอีก รีบเดินเข้าไปในฝูงชนที่แห่กันเข้ามาเชียร์เยอะมาก ไม่รู้ว่ามาดูใครแข่งแต่ที่แน่ๆ รางวัลที่หนึ่งฟรีสไตล์ต้องเป็นของผม!
   
ผมพยายามมุดไปทางโต๊ะลงทะเบียนด้วยความยากลำบาก เพราะร่างผมตอนนี้ตัวเล็กมาก โดนเบียดซ้ายเบียดขวาจนแทบจะเป็นแวมไพร์อัดกระป๋อง คือถ้าผมอยู่ในร่างค้างคาวคงไม่วายถูกเหยียบจนแบนแต๊ดแต๋อ่ะ
   
ใช้เวลาเกือบห้านาทีกว่าผมจะพาตัวเองมาถึงโต๊ะลงทะเบียนได้ ซึ่งผมก็ลงทะเบียนในเวลาไม่ถึงสามนาทีเพราะระบบมันไฮเทคมาก จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกคนมันมามุงอะไรกันแถวนี้กันแน่
   
“เดี๋ยวไปเลือกชุดว่ายน้ำในนั้นได้เลยนะครับ ทางโรงเรียนแจกให้ฟรีครับสำหรับแขกที่มาร่วมสนุกด้วยวันนี้”
   
“ขอบคุณครับ”
   
ผมขอบคุณลวกๆ แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังร้านชุดว่ายน้ำที่ถูกจัดเป็นซุ้มๆ ให้เลือกมากมาย ให้ตายเหอะ ผมเริ่มคิดจริงๆ แล้วนะว่าจะมาเรียนกับการ์วินสักปี
   
ทำไมโรงเรียนนี้มีแต่เรื่องน่าสนุกให้ทำเนี่ย
   
ผมยิ้มจนตาหยีอย่างอารมณ์ดี ยื่นบัตรให้เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนตรวจก่อนจะถูกปล่อยให้เข้าไปเลือกชุดว่ายน้ำที่มีให้เลือกเป็นสิบแบบ ทั้งกางเกงขาสั้นธรรมดา กางเกงขายาว เสื้อแบบทั้งตัว จริงๆ ก็มีพวกบิกินี่ด้วย
   
แน่นอนว่าถ้าผมนึกสนุกใส่บิกินี่ ลูกผมได้โทรฟ้องดิออนมาลากคอผมกลับบ้านแน่ๆ
   
ผมกวาดตามองพยายามหาชุดที่น่าสนใจ จนกระทั่งไปสะดุดกับชุดว่ายน้ำกางเกงขาสั้นสีเหลืองลายเป็ดก็ตาลุกวาวทันที
คือถ้ามีเอฟเฟคแบบในหนังก็คือมีแสงฉายลงมาอ่ะ
   
ผมเลือกมันอย่างไม่ลังเลเพราะในร่างนี้ผมใส่อะไรก็น่ารัก ถึงอายุจริงจะเกือบพันแล้วแต่ตอนผมร่างนี้ก็ร้อยกว่าๆ เอง เป็นช่วงที่ผมซนที่สุดในชีวิตเลยมั้ง
   
ผมเลือกไซส์ที่ตัวเองใส่แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนชุด ดีหน่อยที่แถวห้องน้ำคนไม่ค่อยเยอะมากเท่าไหร่ ผมเลยเข้าไปเปลี่ยนชุดได้สบายๆ
   
ผมถอดชุดนักเรียนออกแล้วใส่ชุดว่ายน้ำ ซึ่งโรงเรียนนี้ก็ทำให้ผมประทับใจอีกครั้งตรงที่มันกระจกในห้องน้ำด้วย แต่พอผมมองตัวเองในกระจกก็เผลอสะดุ้งเฮือกทันที
   
“...”
   
ผมมองหน้าตัวเองที่แดงก่ำ
   
ให้ตายเหอะ ผมลืมไปได้ยังไงว่าดิออนมันทำรอยบนตัวผมไว้!
   
ตัวผมตอนนี้เหมือนโดนหนูแทะอ่ะ มีแต่รอยกัดโดยเฉพาะตรงหัวนมผมกับต้นขาที่รอยฟันชัดเป็นพิเศษ
   
“..ฮื่อ”
   
ผมลูบหัวหน้าตัวเองเขินๆ แล้วหยิบเลือดขวดเล็กที่เตรียมมาด้วยขึ้นมาจิบจนหมด ผ่านไปไม่ถึงนาทีร่องรอยบนตัวผมก็หายไปจนหมด ซึ่งก็เป็นผลมาจากผลิตภัณฑ์ใหม่ของสมาคมแวมไพร์ที่น้องผมพัฒนาขึ้นมา
   
แน่นอนว่าถ้าน้องรู้ว่าผมเอามากินทิ้งกินขว้างแบบนี้คงบ่นผมจนหูชา เพราะจริงๆ ผมควรจะใช้ตอนโดนพวกวาติกันรุมยำจนเละมากกว่า
   
แต่ก็นะ การแข่งว่ายน้ำฟรีสไตล์ก็สำคัญเหมือนกันนั่นแหละ ศักดิ์ศรีของสมาคมแวมไพร์ไง!
   
ผมหมุนตัวรอบกระจกเช็คความเรียบร้อยตัวเองอีกรอบ ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไปด้วยความมั่นใจ
   
“!”
   
ผมตาโตเพราะยังไม่ทันออกจากห้องน้ำก็เจอยูอีกแล้ว
   
“นายก็ลงแข่งว่ายน้ำเหรอ คุณ”
   
ช่วยด้วย ผมตาพร่า เจ้าเด็กนี้มันยิ้มแล้วมีออร่าวิ้งๆ ได้ไง ขี้โกง! ทำไมผมไม่เห็นมีบ้าง
   
“อือ เราลงฟรีสไตล์”
   
ผมพยักหน้าหงึกๆ
   
“บังเอิญจัง เราก็ลงฟรีสไตล์เหมือนกัน”
   
“ฮะๆ”
   
ผมหัวเราะแห้งๆ เพราะโดนยูจ้องเขม็งเลย ให้ตายเหอะ ผมว่าถ้าผมอยู่กับเจ้าเด็กนี้อีกสักชั่วโมงสองชั่วโมงคงโดนจับได้แน่เลยอ่ะว่าแฝงตัวมา
   
“คุณรู้จักกับการ์วินเหรอ”
   
“เป็นเพื่อนบ้านกันน่ะ”
   
 ยูขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อก่อนที่จะก้มมองชุดว่ายน้ำผม
   
“…”
   
ผมเกือบจะหลุดขำเพราะเห็นยูกระพริบตาถี่ๆ รอบนึงแล้วมองใหม่อีกรอบ
   
ทำไมล่ะ ก็ผมอยากใส่นี่นา ตอนอยู่สมาคมก็ได้ว่ายน้ำบ้างแต่ก็ใส่ชุดปกติ  แต่ให้ตายเหอะ ผมก็เพิ่งนึกออกว่าล่าสุดที่ผมว่ายน้ำจริงจังก็นานมากแล้วอ่ะ แล้วผมจะได้เป็นแชมป์ไหมเนี่ย
   
“รางวัลที่หนึ่งคืออะไรเหรอ”
   
ผมถามพร้อมกับเดินนำออกไปจากห้องน้ำเพราะเริ่มได้ยินเสียงพิธีกรเริ่มออกมาพูดดำเนินรายการแข่งขันแล้ว
   
“ถ้วยกับเงินรางวัล”
   
“…”
   
แล้วจะใส่กล่องให้คนตื่นเต้นทำไมเนี่ย คือถ้าเป็นเงินผมก็ไม่ค่อยสนใจแล้วอ่ะ ไม่รู้จะไปซื้ออะไร แต่ก็นะ อย่างน้อยได้ถ้วยรางวัลไปตั้งในห้องก็น่าจะอวดอลิซได้
   
ส่วนดิออนเหรอ น่าจะตีผมอ่ะ หนีออกจากสมาคมไม่บอกมันอีกแล้ว
   
ผมเดินไปนั่งรวมกับพวกนักกีฬาข้างสนามอย่างอารมณ์ดีโดยที่มีเจ้าประธานสภานักเรียนเดินตามหลังต้อยๆ ซึ่งคิวการแข่งฟรีสไตล์ของผมก็เป็นคิวหลังๆ เลย เพราะช่วงแรกจะจัดแข่งว่ายผลัดกันก่อน
   
“!!”
   
ผมตาโตเพราะพอจะรู้แล้วว่าคนฮือฮาอะไรกัน
   
นั่นมันกลุ่มลูกผมนี่นา!
   
ผมพยายามไม่หลุดขำออกมาเพราะทุกคนในกลุ่มลูกผมคือมันคุมธีมกันอ่ะ ใส่กางเกงว่ายน้ำสีทึมๆ แล้วมีออร่าไม่เป็นมิตรแผ่ออกมารอบๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากลุ่มนี้โคตรดูดีเลย ถึงจะดูแปลกๆ ไปหน่อยก็เถอะนะ
   
ทำไงได้ ก็เป็นกลุ่มรวมอมนุษย์นี่นา ที่ผมสัมผัสได้อีกสามคน คนนึงก็เหมือนจะเป็นหมาป่า อีกคนก็พ่อมด แล้วคนที่ตัวสูงที่สุดก็เป็นเซนทอร์ ให้ตายสิ ทำไมเจ้าพวกนี้มารวมกลุ่มกันแบบไม่กลัวโดนรวบทีเดียวเลยเนี่ย
   
ผมยิ้มให้ลูกเชิงให้กำลังใจเพราะทีมลูกผมคือลงแข่งรอบแรกเลย
   
“อย่าลืมเชียร์เราด้วยล่ะ”
   
“อื้อ”
   
ผมยิ้มแห้งให้ยูที่เดินไปประจำที่ข้างๆ กับการ์วิน ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ต่างไม่สนใจกัน แต่ไม่ว่าใครมองก็รู้อ่ะว่าไม่ถูกกัน เฮ้อ พวกวาติกันนี่มันจริงๆ เลย ดีนะที่สมัยผมเรียนไม่มีวาติกันมาเรียนด้วยให้กวนใจ
   
ผมมองนั่นมองนี้เรื่อยเปื่อย พยายามซึมซับบรรยากาศก่อนที่ผมจะโดนจับขุนอีกรอบ ให้ตายเถอะ ผมกินให้ตายก็ตัวเท่าเดิมอ่ะ ไม่อ้วนขึ้นหรอก
   
“!!!!”
   
ผมสะดุ้งเฮือกตอนที่มองไปในกลุ่มคนแล้วเหมือนเห็นดิออนรวมอยู่ด้วย ซึ่งพอมองดีๆ ก็ถึงรู้ว่าผมคิดไปเอง เพราะจริงๆ แล้วอีกฝ่ายแค่สูงพอๆ กับดิออนเท่านั้นเอง
   
“ตาฝาดแหละ”
   
ผมลูบอกและปลอบใจตัวเองที่ยังตกใจไม่หาย คือใจหายวาบเลยอ่ะ
   
[ การแข่งขันแรกจะเป็นว่ายผลัดนะครับ ปีนี้ทีมสภานักเรียนก็ลงเหมือนเดิมครับ! เอ้าขอเสียงให้กับสภานักเรียนของเราหน่อยเร้ววว ]
   
ผมหลุดหัวเราะออกมากับลีลาของพิธีกร แบบผมก็แอบคิดว่าโรงเรียนหรูแล้วเด็กพวกนี้จะมีมาดกันเยอะไง แต่จริงๆ เด็กพวกนี้ก็เป็นแค่เด็กธรรมดาเหมือนกันนั่นแหละ ซึ่งพวกเด็กที่มาเชียร์สภานักเรียนก็ส่งเสียงเชียร์กันเกรียวกราว
   
[ ต่อไปเป็นทีมท้าชิงทีมแรกครับ ชื่อทีมว่า.. ไม่ชอบสภานักเรียนครับ!!! ]
   
ผมขำจนตัวสั่นตอนที่พิธีกรผายมือไปทางกลุ่มการ์วิน คือตั้งชื่อได้ล่อตีนมากอ่ะ พวกสภานักเรียนหันไปมองพวกทีมของการ์วินตาขวางเลยอ่ะ
   
ให้ตายสิ ผมอยากอยู่เล่นที่นานกว่านี้จัง
   
ผมหน้ามุ่ยแล้วลูบท้องตัวเองที่ตอนนี้ยังแบนอยู่และดูไม่ออกว่ามีค้างคาวซ่อนอยู่ข้างในอีกแล้ว ซึ่งถ้าไม่ตรวจก็ไม่รู้อ่ะ รอบนี้ผมไม่แพ้ท้องไม่อะไรเลยสักอย่าง ปกติมาก มีแต่อารมณ์แหละที่สวิงนิดหน่อย
   
ผมมองพวกทีมที่เหลือผ่านๆ แล้วหาวหวอดเพราะเริ่มจะเบื่อ คือถึงบรรยากาศจะครึกครื้นมากๆ แต่ถ้าคิวแข่งผมคือชาติหน้าแบบนี้มันก็เริ่มน่าเบื่อแล้วอ่ะ
   
ผมสบตากับลูกกำลังจะโบกมือทักทายก็ชะงักตอนที่เพื่อนการ์วินอยู่ๆ ก็เป็นลมไปคนนึงซะงั้น
   
[ พยาบาล! ]
   
พิธีกรที่เห็นเจ้าพ่อมดเป็นลมไปก็เรียกหน่วยพยาบาลเข้ามาจัดการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทุกคนก็ดูเป็นมืออาชีพมาก จัดเพื่อนลูกผมใส่เปลแล้วก็พาไปซุ้มปฐมพยาบาลทันที   
   
การ์วินส่ายหน้าให้ผมเพราะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่
   
“แม่จะลง”
   
ผมขยับปากตอบลูกแบบไม่ขอความเห็นก่อนจะวิ่งเข้าไปร่วมวงทันที
   
“ไม่ลงได้ไหม” การ์วินดึงตัวผมมากระซิบด้วยสีหน้าจริงจัง “แม่ท้องอยู่นะ”
   
ผมหน้ามุ่ยแล้วกระซิบกลับ “ร่างกายแวมไพร์ไม่ได้อ่อนแอเหมือนพวกมนุษย์สักหน่อย”
   
การ์วินทำหน้าหงอยใส่ผมแต่ผมก็ไม่สนใจอยู่ดีแล้วหันไปพยักหน้าให้กับทีมงานเชิงว่าเดี๋ยวผมลงแทนเอง
   
“ยังเปลี่ยนใจทันนะ แม่”
   
“อย่าดูถูกเผ่าพันธุ์เรานักสิ สู้ตอนท้องก็สู้มาแล้ว แค่ว่ายน้ำเอง”
   
ผมขู่แง่งๆ กลับแล้วหลบไปนั่งผลัดที่สามแทนคนที่เป็นลมไปเมื่อกี้ ก่อนที่ผมจะวอร์มร่างกายอย่างกระตือรือร้น ให้ตายสิ ผมจะได้ว่ายน้ำในรอบกี่ปีก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ที่หนึ่งต้องเป็นของผม
   
[ ตอนนี้ทุกทีมก็พร้อมแล้วนะครับ เอ้า! ผลัดแรกประจำที่เลยครับ ]
   
เสียงดนตรีเบื้องหลังดังเกรียวกราว พวกนักเรียนที่มาเชียร์วันนี้ก็เฮก็ส่งเสียงเชียร์กันยกใหญ่จนผมรู้สึกสนุกไปด้วย จนเกือบจะลืมไปแล้วว่าจริงๆ ตัวเองอายุจะพันปี
   
ไม่สิ วันนี้ผมคือน้องคุณที่อายุแค่สิบห้าต่างหาก!
   
ปรี๊ด!
   
ตูม!
   
ผมอ้าปากหวอตอนที่เห็นลูกกระโดดลงไปในน้ำแทบจะพร้อมๆ กับยู ซึ่งทั้งสองคนก็ว่ายได้สูสีมาก และแน่นอนว่าผมต้องเชียร์ลูกผมอยู่แล้ว!
   
“ห้ามแพ้นะ!!!”
   
ผมป้องปากตะโกนเชียร์จริงๆ อยากเติมว่าจะหักค่าขนมด้วย แต่ก็กลัวโดนจับได้เลยตะโกนได้แค่นี้
   
“การ์วิน!!”
   
ผมตะโกนอีกเพราะลูกโดนยูแซงไปแล้วอ่ะ นี่มันอะไรกันเนี่ย นี่ผมต้องเป็นความหวังหมู่บ้านใช่ไหม ถึงจะอยู่ผลัดสามก็เหอะ แต่มันก็กดดันเหมือนกันนี่นา
   
ผมกลืนน้ำลายเอือกตอนที่ผลัดสองว่ายมาแล้วและทีมผมก็ดูจะช้ากว่าทีมอื่นนิดหน่อย
   
“คุณ!”
   
ผมยังไม่ทันหายตื่นเต้นผลัดสองก็มาแล้วเลยกระโจนลงน้ำไปเลย ก่อนที่ผมจะพยายามว่ายให้เร็วที่สุดในชีวิต ซึ่งผมก็เพิ่งมานึกได้อีกว่าร่างนี้มันทำให้ผมขาสั้นลงกว่าเดิมอีก!!!
   
ทำไมโลกต้องใจร้ายกับน้องครูซตลอดเลย!
   
ผมคิดทั้งน้ำตาแต่ก็สับแขนสับขาสุดชีวิต
   
ไม่รู้ล่ะ รางวัลที่หนึ่งต้องเป็นของผม!!
   
พอคิดได้ผมก็พยายามว่ายให้เร็วกว่าเดิมจนในที่สุดผมก็แซงทีมยูได้ แต่ยังไม่ทันได้ดีใจก็มีใครก็ไม่รู้อีกฝั่งที่ตีคู่ผมขึ้นมาได้ แถมยังตีน้ำแรงจนผมรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ ว่าไอ้คนที่ว่ายข้างๆ ผมมันเป็นฉลามรึเปล่า
   
ฮื่อ!
   
ผมกัดฟันกรอดตอนที่กำลังจะโดนแซง
   
ถ้ามันเป็นฉลามผมก็จะเป็นโลมาอ่ะวันนี้ ค้างคาวอะไร ผมไม่เป็นแล้ว
   
ผมพยายามทำความเร็วให้ได้มากกว่าเดิม แต่เพราะความขี้เกียจและไม่ชอบออกกำลังกายของผมก็ทำพิษ ว่ายสู้มันไปสักพักผมก็เริ่มล้าจนในที่สุดผมก็ความเร็วตกก่อนที่จะถึงผลัดที่สี่
   
ตูม!
   
ผมตะกายขึ้นไปนอนหอบหลังจากที่ถึงอีกฝั่งและรู้สึกเหนื่อยมาก จนผมเริ่มคิดว่าผมจะทรมานสังขารตัวเองทำไม ทำไมไม่ไปรอลงแข่งลีลาศหรืออะไรสักอย่างที่ไม่ต้องใช้แรงมากขนาดนี้
   
เหนื่อยมากเลยอ่ะ
   
ผมนอนหงายและหมดสภาพไปเลย คือถ้ามีวาติกันเอาไม้ตบแมลงวันมาตบผมในร่างค้างคาวตอนนี้ ผมก็คงตายแบบโง่ๆ เลย
   
ฮื่อ
   
ผมพ่นลมหายใจเซ็งๆ แล้วพยายามปรือตามองสาเหตุที่ทำให้ผมเหนื่อยขนาดนี้ คือถ้าไม่มีไอ้ฉลามเมื่อกี้ผมก็ไม่ต้องทุ่มทุนขนาดนี้อ่ะ
   
“...”
   
ผมไล่มองตั้งแต่ปลายเท้าและเริ่มรู้สึกขนลุกนิดๆ
   
ไม่ใช่มั้ง
   
ผมกลืนน้ำลายเอือกแล้วมองขึ้นไปอีกก็เห็นท่อนขาแข็งแรงและซิกแพคที่คุ้นตา
   
“...”
   
ผมเอามือปิดตาไม่กล้าดูต่อ
   
“กลับบ้านไหม”
   
“ฮึก”
   
ผมร้องออกมาเบาๆ ตอนที่โดนดึงมือออกเพื่อที่จะบังคับให้ผมมองหน้ามัน
   
“ยังไม่ถึงวันเลยนะ”
   
ผมพูดหงอยๆ
   
“รู้ตั้งแต่ตอนออกจากห้องแล้ว”
   
“...”
   
ได้ยินแบบนั้นผมก็ซึมกว่าเดิมอีก แล้วผมจะพยายามกลบเกลื่อนร่องรอยทำไมเนี่ย แต่ช่างเถอะ อย่างน้อยมันก็ใจดีพอที่จะให้ผมออกมาเล่นข้างนอกแหละ
   
ผมช้อนตามองมันพยายามทำหน้าน่าสงสาร แต่จะว่าไปดิออน ดิออนก็ใช้ร่างเด็กม.ปลายเหมือนกันนี่นา หล่อชะมัดเลย แง แต่จะหล่อกว่านี้ถ้าไม่ชวนผมกลับบ้าน
   
“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย”
   
ดิออนทำหน้าดุใส่ผมแล้วช่วยดึงมือผมให้ลุกขึ้น
   
“ก็ยังอยากอยู่นานกว่านี้อ่ะ”
   
ผมบ่นอุบเซ็งๆ และเซ็งยิ่งกว่าเดิมตอนที่ได้ยินเสียงเฮแล้วทีมที่ชนะเป็นทีมของยู ไม่ใช่ทีมผมหรือดิออนที่ว่ายกันแทบเป็นแทบตายเมื่อกี้
   
“อยู่นานกว่านี้ เดี๋ยวเด็กนั่นจะไม่รอด”
   
ดิออนทำหน้าดุกว่าเดิมตอนที่ยูหันมายิ้มให้ผม
   
“พวกวาติกันนี่จริงๆ เลย”
   
ผมหลุดหัวเราะเพราะไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมหน้าตาผมถึงได้ดึงดูดพวกวาติกันนัก เอาเข้าจริง ถ้าการ์วินหน้าตาเหมือนผมมากกว่านี้สักนิด ยูอาจจะไม่เกลียดขนาดนี้ก็ได้
   
“กลับบ้านไหม”
   
ดิออนก้มมองท้องผม
   
“กลับก็ได้ แต่ขอไปลาลูกก่อน”

ผมหน้ามุ่ยแล้วลากดิออนไปหาลูกที่นั่งพักอยู่อีกฝั่งคนเดียวด้วยสีหน้าเซ็งจัด แต่พอเห็นผมกับดิออนก็สะดุ้งเพราะคงไม่คิดว่าวันนี้จะเป็นวันครอบครัวขนาดนี้

“...”

การ์วินพอเห็นดิออนก็หงอยกว่าผมอีกเพราะกลัวโดนดุ

“ตั้งใจเรียนนะ”

ดิออนยิ้มเล็กๆ เชิงว่าไม่ได้ว่าอะไรและโอบเอวผม

“ปิดเทอมก็กลับมาช่วยดูแม่ด้วย”

“ครับ”

การ์วินรับคำก่อนที่จะทำหน้าเหนื่อยใส่ผม

“แม่ห้ามแอบมาอีกนะ ผมไม่อยากโดนพ่อลงโทษ”

“ฮื่อ”

ผมหน้าบูดเพราะนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมมาได้อ่ะ ขนาดมั่นใจมากๆ ว่าดิออนหลับสนิทแล้ว มันยังรู้เลยอ่ะว่าผมหนีออกมา หรือจริงๆ ผมควรจะจัดทริปกับดิออน

แต่ถ้าจัดทริปมันก็ไม่ตื่นเต้นนี่นา แอบออกมาตื่นเต้นกว่าเยอะเลย

“แม่กลับแล้ว อย่าลืมคิดถึงแม่ล่ะ!”

สุดท้ายผมก็อดใจไม่ไหวที่จะโผกอดการ์วิน ซึ่งเอาจริงตอนนี้ผมเหมือนน้องชายการ์วินมากเพราะผมตัวนิดเดียวเอง แต่ผมก็กอดลูกแน่นอยู่ดี

“ครับ”

ผมหัวเราะคิกคักเพราะพอถอยออกมาก็เห็นลูกน้ำตาซึมนิดๆ

“กลับบ้าน!”

ดิออนพูดเสียงเข้มตอนที่ผมแกล้งจะเดินไปลายูบ้างแล้วรีบลากผมไปห้องน้ำเลย แน่นอนว่าผมไม่ขัดขืน เพราะผมชอบตอนที่มันหึงผมที่สุดแล้ว

ผมยิ้มกับตัวเอง

หนีออกจากบ้านครั้งนี้ผมให้เป็นอีกครั้งที่สนุกที่สุดเลย

--------

อยากไปเที่ยวบ้าง  :z10:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 25 17/7/63 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 17-07-2020 21:37:32
ซนเสมอต้นเสมอปลายเลยอ่ะ ครูซ   :laugh:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 25 17/7/63 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-07-2020 14:35:38
ครูซลูกสามแล้วยังซนอยู่อีก
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 26 22/8/63 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 22-08-2020 23:38:00
ตอนที่ 26

   
“กลับบ้าน”
   
“ไม่กลับ!! ผมเปลี่ยนใจแล้ว”
   
ผมโวยวายหลังจากที่โดนดิออนหิ้วคอเสื้อจนผมห้อยโตงเตงเหมือนพวงตุ๊กตาท้ายรถสิบล้อ แน่นอนผมว่าพยายามตะเกียกตะกายสุดชีวิตจนในที่สุดก็รอดออกมาได้
   
ผมจัดคอเสื้อชุดนักเรียนตัวเองให้กลับมาดูน่ารักอีกครั้งแล้วมองดิออนด้วยสีหน้าที่งอนที่สุดในโลก
   
“ผมยังอยู่ได้ไม่ถึงวันเลย!”
   
“…”
   
ดิออนทำหน้าเหนื่อยใส่ผม
   
“ผมออกไปซื้อขนมยังนานกว่านี้เลย ขออยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอ สัญญาเลยว่าพอกลับบ้านผมจะทำตัวดีๆ ไม่งอแง”
   
อะไรกัน ทำไมดิออนมันทำหน้าเหนื่อยกว่าเดิมล่ะ!
   
“ผมเป็นเมียนายนะ ห้ามทำหน้าเหนื่อยใส่ผม”
   
ผมหน้าบูดเริ่มงอนจริง ผมจริงจังนะเนี่ยเรื่องที่จะไม่ดื้อตอนอยู่บ้านอ่ะ
   
“นายก็ดื้อตลอดนั่นแหละ”
   
ดิออนถอนหายใจแล้วลูบหัวผม
   
“อยู่ต่อก็ได้แต่ต้องกลับวันนี้นะ ไม่อย่างนั้นพ่อนายต้องด่าฉันแน่ๆ ”
   
ผมเกือบหลุดหัวเราะเพราะถึงแม้ลูกเขยกับพ่อตาจะสงบศึกกันแล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับผม พ่อก็จะโหดกับดิออนมากๆ อยู่ดี แต่จะว่าไปผมก็อายุจะพันปีแล้วนะ ทำไมพ่อถึงไม่เลิกห่วงผมอีกเนี่ย ไม่เห็นห่วงหลานบ้างเลย เห็นห่วงแต่ผมอ่ะ งง
   
“เย้”
   
ผมยิ้มจนตาหยีแล้วเขย่งเท้าพยายามจะจุ๊บดิออนก่อนที่ผมจะค้นพบว่าร่างสมัย ม.ปลาย ผมเตี้ยกว่าดิออนมาก เตี้ยขนาดที่ผมเขย่งจนสุดเท้าก็ยังไม่ถึงคางอ่ะ
   
ไม่สิ คนที่สูงเกินไปคือดิออนต่างหาก!
   
“นี่นายกินวัววันละตัวเหรอ”
   
ผมบ่นเซ็งๆ แล้วดึงเน็กไทให้มันโน้มคอลงมาหาผมแทน ผมมองหน้าหล่อๆ ของมันด้วยความชื่นชม เสียดายที่มันเกิดช้ากว่าผมไปหน่อย (?) ไม่อย่างนั้นสมัยตอนผมอยู่ ม.ปลาย ผมกับมันอาจจะได้เป็นแฟนกันตั้งแต่ตอนนั้นก็ได้ ใครจะไปรู้
   
คิดแล้วก็แอบเซ็ง ผมจะพันปีแล้วอ่ะ แก่ชะมัดเลย
   
ผมแกล้งกัดจมูกมันเบาๆ แล้วค่อยจูบมัน ปล่อยให้ความรู้สึกวาบครอบครองผม ทั้งๆ ที่ผมกับมันก็จูบกันมาเป็นร้อยเป็นพันครั้งแล้วแต่ผมก็ยังชอบจูบมันอยู่ดี
   
จูบอยู่สักพักผมก็ผละออกเพราะรู้ว่าถ้านานเกินไปจะไม่ใช่แค่จูบ
   
ผมสบตากับดิออนอีกรอบซึ่งรอบนี้แววตาของมันก็ลุกโชนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ดูอยากทำอะไรกับผมต่อ ทั้งๆ ที่เมื่อวานก็ทำไปตั้งเยอะแล้ว
   
“พอแล้ว”
   
ผมดึงมือมันที่พยายามล้วงเข้าไปในกางเกงผมขึ้นมากัดจนเป็นรอยฟัน
   
“ถ้าไม่ทำก็อย่าเริ่มสิ”
   
ดิออนมันบ่นเซ็งๆ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ ก่อนที่มันจะช่วยจัดเสื้อให้ผมที่ยับยู่ยี่อีกแล้ว
   
“แล้วก็อย่าลืมว่าห้ามไปยุ่งกับพวกวาติกัน”
   
“ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ก็เห็นมีแต่พวกวาติกันอ่ะมายุ่งกับผมเอง”
   
ผมหัวเราะคิกคักตอนที่เห็นดิออนทำหน้าไม่พอใจ
   
“รสนิยมพวกนายคงชอบแบบผมมั้ง”
   
นี่ถ้าการ์วินหน้าเหมือนผมอีกสักหน่อย ยูก็คงจะชอบกว่านี้ละ
   
“อย่าไปยุ่งกับมัน”
   
ดิออนก็ยังคงย้ำคำเดิม
   
“นายจะหึงผมจริงๆ อ่ะ “ ผมดึงมือมันมาแนบท้องผมแล้วหน้าแดง “สามคนแล้วนะ”
   
“...”
   
ดิออนดูหงุดหงิดน้อยลงแต่มันก็ยังหน้าบูดอยู่ดี
   
“จะเดินเล่นในโรงเรียนก็ให้ลูกพาเดินไป ไม่เห็นต้องให้มันพาเดินเลย”

“แต่ยูเป็นประธานนักเรียนเลยนะ! จริงสิ ตอนนายอยู่โรงเรียนนายได้เป็นประธานไหม”

ผมพูดไปแล้วก็ช่วยมันแต่งตัวบ้าง ดีที่ห้องน้ำสระว่ายน้ำที่นี่ใหญ่มาก ผมกับดิออนเลยไม่รู้สึกอึดอัดเท่าไหร่ ผมหยิบเน็กไทมาผูกให้อย่างคล่องแคล่วแล้วเขย่งอีกรอบเพื่อที่จะคล้องคอให้มัน

ฟอด

ผมหน้าแดงตอนที่มันก้มลงมาแล้วฉวยโอกาสหอมแก้มผมไปด้วย

“เป็น”

“นายไม่น่าเกิดช้าเลย”

ผมบ่นอุบเพราะอยากเห็นตอนมันเป็นประธานอ่ะว่าจะเท่ขนาดไหน เพราะตอนผมเรียนก็ไม่เห็นพวกประธานนักเรียนทำอะไรนอกจากเท่ไปวันๆ แล้วก็มาไล่จับพวกตัวป่วนโรงเรียนอย่างผมไปให้ครูด่า
เอาจริง ถ้ามันเกิดทันผม ผมอาจจะเกลียดมันก็ได้

ผมน่ะเกลียดการโดนด่าที่สุดแล้ว ถึงผมจะทำตัวน่าโดนด่าก็เถอะนะ

“หันหลังหน่อย”

“อือ”

ผมหันหลังให้ดิออนถึงจะไม่รู้ก็เถอะว่าให้หันทำไม

“!!!”

ผมสะดุ้งเกือบจะร้องออกมาตอนที่อยู่ๆ ก็ถูกมันกอดแน่นแล้วฟัดเหมือนมันเขี้ยว

แล้วแบบนี้ผมจะจัดชุดนักเรียนไปทำไมเนี่ย

“อย่ากัด”

ผมบ่นมันไม่จริงจังนักเพราะรู้แหละว่าร่างผมตอนนี้มันน่าทุบน่าบี้กว่าตอนปกติเป็นไหนๆ ตอนผมอายุเท่านี้ผมนั่งเฉยๆ ยังมีคนมาหาเรื่องอ่ะ จริงๆ ก็คุยกันดีๆ ก็ได้แต่คนพวกนั้นก็อยากแกล้งผมให้ร้องไห้อยู่ดี
   
ทำไงได้อ่ะ ตอนนั้นเป็นค้างคาวกากๆ เลยร้องไห้ตั้งแต่พวกนั้นขู่เลย พอมันงงว่าผมร้องไห้ทำไมผมก็เผ่น
   
“น่ารักจังวะ”
   
ดิออนสบถหลังจากฟัดผมเสร็จแล้วและหัวผมก็ยุ่งมาก
   
“เพิ่งรู้เหรอ”
   
ผมหัวเราะคิกคักแล้วจัดผมตัวเองใหม่
   
เอาจริงๆ ผมก็รู้สึกดีแหละที่ดิออนมันหลงผมแบบนี้ ก็ดีแหละที่ผมไม่แก่ตามอายุ ไม่เหมือนน้องผมที่แทบจะกลายเป็นพ่อคนที่สองของผมแล้ว ชอบบ่นผมที่หายใจไปวันๆ แล้วก็เล่นสนุกในสมาคม
   
ก็มันน่าเบื่ออ่ะ ชีวิตแวมไพร์มันยืนยาวจนผมไม่รู้จะทำอะไร ที่ทำบ่อยก็คือเรียกร้องความสนใจจากดิออนเนี่ยแหละ สนุกสุดแล้ว
   
“ดิออน”
   
ผมเรียกมันเบาๆ
   
“ว่า”
   
มันเหลือบมองผม
   
“นายจะอยู่กับผมตลอดไปใช่ไหม”
   
“อืม”
   
ผมรู้แหละว่ายังไงมันก็ตอบแบบนี้ แต่พอคิดว่าวันใดวันหนึ่งที่ไม่มีมันให้ผมอ้อนแล้วผมก็แอบกลัวอ่ะ ถึงแวมไพร์จะอายุยืนกว่ามนุษย์ก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้เป็นอมตะนี่นา
   
ถ้ามันหายไปก่อนผมคงทำใจไม่ได้แน่ๆ เลยอ่ะ
   
แค่คิดก็จะร้องไห้แล้วอ่ะ แงงง
   
“ยังไม่ตาย ไม่ต้องร้อง”
   
ดิออนหลังๆ ที่ไม่รู้ไปทำอะไรมา อ่านใจผมออกทุกรอบอ่ะ
   
ซึ่งมันก็ทำหน้าเหนื่อยใส่อีกแล้ว!
   
อะไรกัน ผมก็กลัวเป็นไหมอ่ะ ผมไม่อยากเป็นหม้ายนี่นา ถ้าใครจะตายก่อน ขอผมตายก่อนเถอะ ไม่งั้นผมคงร้องไห้จนน้ำตาท่วมสมาคมแน่ ขนาดตอนนั้นปู่ผมเสีย ผมยังร้องไห้เป็นเดือนเลย
   
“ถึงเวลานายก็ทำใจได้เอง”
   
“อือ”
   
ผมถอนหายใจหงอยๆ
   
ยังดีอ่ะที่มันเป็นแวมไพร์แล้ว ถ้ามันยังเป็นมนุษย์อยู่ป่านนี้กลายเป็นปุ๋ยไปแล้วอ่ะ คือถ้ามันตายจริง ผมว่าผมคงเป็นแวมไพร์ขรึมๆ แบบน้องอ่ะ ไม่มีอารมณ์มาไร้สาระไปวันๆ แบบนี้หรอก
   
“ไปเดินเล่นกัน”
   
ผมสลัดหัวไล่ความคิดไร้สาระออกเพราะตอนนี้มันยังไม่ตายสักหน่อย
   
ผมพาดิออนออกมาจากห้องน้ำแล้วลากมันให้วิ่งตามผมไปโซนบ้านผีสิงที่เพิ่งเปิดให้เข้าและแถวยังไม่ยาวเท่าไหร่ ผมเดินไปต่อคิวด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเพราะอยากรู้ว่าพวกมนุษย์ตอนนี้ตีความผีเป็นแบบไหน เอาจริงพวกผีไทยผมก็เคยเจอบ้างนะ ทางนั้นก็มีสมาคมเหมือนกันแต่ไม่ค่อยชอบฝั่งผมเท่าไหร่
   
หลายปีก่อนน้องผมอุตส่าห์ออกไปผูกมิตรกับทางนั้นก็แทบจะโดนน้ำสาดไล่กลับมา แล้วไล่ผมกลับสมาคมให้กลับไปอยู่ประเทศตัวเองเพราะบอกว่านี่เป็นถิ่นเขาอ่ะ คือผมก็อยากเถียงเหมือนกันว่าผมเกิดที่ไทยและพูดไทยชัดขนาดนี้ยังจะไล่ผมกลับประเทศอีกเหรอ
   
แน่นอนว่าผมไม่พอใจหรอกแต่ก็ไม่อยากมีเรื่องอ่ะ เลยกลับแบบเซ็งๆ
   
“ใส่ซะ”
   
“!”
   
ผมยังไม่ทันถามว่าใส่อะไร ดิออนก็คาดที่คาดผมค้างคาวที่เขาขายมาคาดให้ผมซึ่งฉากหลังก็มีเสียงขอบคุณๆๆ ของพวกนักเรียนที่ทำซุ้มบ้านผีสิง
   
ผมขยับตัวไปมองตัวเองในกระจกที่วางอยู่บนโต๊ะและคาดใหม่อีกรอบเพราะมันคาดแบบแกล้งผมอ่ะ ผมยุ่งไปหมดเลย ผมจัดผมแล้วคาดใหม่อีกรอบจนตอนนี้เหมือนมีค้างคาวจิ๋วเกาะอยู่บนหัวผมสองตัว เอาจริง มองไปมองมาก็แอบเหมือนลูกสมุนที่ผมชอบเรียกออกมาเล่นด้วยอ่ะ
   
ผมหันไปมองมันถึงเห็นว่ามันมองผมด้วยสีหน้านิ่งๆ
   
“…”
   
ผมพูดอะไรไม่ออกเพราะดูออกว่ามันอยากฟัดผมอีกรอบแน่ๆ เมื่อกี้ผมเห็นมันเลียเขี้ยวด้วย! แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ถึงคิวของผมกับดิออนพอดี
   
“บอกไว้ก่อนนะคะว่าบ้านผีสิงของเราน่ากลัวมาก”
   
นักเรียนคนนึงที่สวมชุดยมทูตสีดำบอกกับผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เคียวที่เหมือนจะใช้เก็บเกี่ยววิญญาณกั้นม่านประตูทางเข้าเอาไว้เหมือนพยายามปกป้องผมไม่ให้ไปหัวใจวายตายข้างในนั้น
   
ผมขมวดคิ้วเริ่มเครียด
   
แวมไพร์อย่างผมนี่นับเป็นผีไหมนะ
   
“ซุ้มบ้านผีสิงของเรามีคนเป็นลมข้างในทุกปี ตอนนี้ยังถอนตัวทันนะคะ”
   
ยมทูตอีกคนพยายามเตือนผมด้วยความหวังดี
   
“ไม่เป็นไรครับ ผมมากับแฟน”
   
ผมยิ้มจนตาหยีแล้วกอดแขนดิออน แบบถ้าข้างในมีวาติกันหรือผีอะไรมาไล่ตี ผมโยนดิออนไปจัดการก่อนเลย
   
“..งั้นก็เชิญเลยค่ะ”
   
ยมทูตดูเขินๆ ที่ผมเอาตัวซุกใส่ดิออนก่อนจะเปิดทางให้ผมกับดิออนได้เข้าไปในข้างในที่เย็นกว่าข้างนอกอย่างเห็นได้ชัดแถมยังมืดด้วย
   
“..ไม่น่ากลัวเลยอ่ะ”
   
ผมกระซิบบ่นกับดิออนเพราะไม่กี่วินาทีตาของผมก็ปรับสภาพได้ทันที คือผมจำได้แล้วว่าทำไมผมถึงไม่ชอบเล่นบ้านผีสิง แบบเข้ามาแปปเดียวประสาทสัมผัสผมก็รู้หมดแล้วอ่ะว่าในห้องนี้มีคนหลบอยู่ตรงไหน
   
ไม่ตื่นเต้นเลย!
   
ผมคิดเซ็งๆ ถ้าผมเป็นมนุษย์ปกติก็คงสนุกกับบ้านผีสิงกว่านี้แหละ
   
“ก็นายเป็นผี”
   
ดิออนมันหัวเราะเบาๆ ตอบผม
   
“ปีศาจต่างหาก ผมทะลุกำแพงไม่ได้หรอกนะ”
   
ผมเรียกร้องความเป็นธรรมให้เผ่าพันธุ์แวมไพร์ทันควัน คือถ้าผมเป็นผีจริงผมคงไม่โดนประตูหนีบในร่างค้างคาวบ่อยๆ หรอกนะ และในระหว่างที่ผมกำลังคุยเพลินๆ ก็..
   
แฮ่!!
   
“!!!!!”
   
ผมร้องลั่นตอนที่อยู่ๆ มีผีอะไรไม่รู้โผล่ออกมาข้างหน้าผมพร้อมผมกับเสียงเอฟเฟคดังลั่นที่ทำผมตกใจจนสติแตก ลืมแม้กระทั่งว่าตัวเองเป็นแวมไพร์ที่สามารถเอาชนะพวกวาติกันเกือบทั้งหมดได้ด้วยตัวคนเดียวแล้ววิ่งหนีออกมาสุดชีวิต
   
ผมวิ่งน้ำตาแตกอยู่สักพักก่อนจะพบว่าผมมาอยู่ที่ใหม่แล้ว แถมยังเป็นเขาวงกตห้องกระจกอีก!
   
“ฮื่อ”
   
ผมนวดขมับรู้สึกปวดหัวหน่อยๆ เพราะเห็นตัวเองประมาณสิบคนสะท้อนไปมาเต็มไปหมด
   “!”
   
ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นมีเงาดำๆ ผ่านผมไปรอบนึง จากที่กลัวอยู่แล้วก็กลัวกว่าเดิมอีก การมองเห็นในที่มืดได้ชัดเจนไม่ได้ทำให้ผมหายกลัวเลยสักนิด
   
“..ดิออนใช่ไหม”
   
ผมกระซิบถามทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ใช่ดิออน เพราะถ้าเป็นมันป่านนี้คงจะเข้ามาลูบหัวลูบหางผมแล้ว แต่เพราะไม่ใช่ผมเลยได้แต่กลืนน้ำลายเอือกแล้วเดินต่อ
   
แฮ่!!
   
“ว้ากกกก”
   
ผมตกใจจนล้มนั่งก้นจ้ำเบ้าแล้วนั่งร้องไห้น้ำตาแตก
   
แงงงงง
   
ผมกลัวจะแย่อยู่แล้ว ผัวผมอยู่ไหนเนี่ย! จะทิ้งผมอีกแล้วเหรอ ใจร้าย ใจร้ายที่สุดเลย!
   
“...เอ่อ ไหวไหมครับ”
   
ผีเลือดอาบที่หลอกผมเมื่อกี้ถามผมอย่างกระอักกระอ่วน
   
“ฮึก แล้วจะมาหลอกผมตั้งแต่แรกทำไมเล่า! แล้วห้องกระจกนี่จะยากเกินไปแล้วนะ”
   
ผมยังสะอื้นไม่หยุดมองผีที่มามุงเพิ่มอีกคนทั้งน้ำตา
   
ให้ตายสิ ไอ้บ้านผีสิงนี้มันมีผีกี่ตัวกันแน่เนี่ย ตอนผมเข้ามาก็สัมผัสได้ห้าหกคนเองนะ แต่ตอนนี้ประสาทผมรวนไปหมดเลย ไม่รู้ว่าเพราะมีอาคมอะไรด้วยรึเปล่า หรือผมแค่แพ้ท้องเฉยๆ
   
แต่ที่สำคัญที่สุดคือผัวผมอยู่ไหนก่อน แล้วถ้าดิออนเป็นลมไปแล้วผมจะทำยังไงดี ผมไม่มีปัญญาแบกมันหรอกนะ ตัวใหญ่ขนาดนั้น ขนาดร่างค้างคาวมันผมยังอุ้มไม่ค่อยไหวเลย
   
“ดิออน เห็นดิออนไหม”
   
ผมถามผีที่ตอนนี้นั่งลูบหลังผมไม่พอแล้วยังแกะลูกอมให้ผมกินด้วย
   
“คนที่ตัวสูงๆ หน้าดุๆ ใช่ไหมครับ”
   
ผีมัมมี่อีกคนเดินเข้ามาสบทบจนผมขึ้เกียจกลัวผีแล้ว
   
“อื้อ ที่หล่อๆ อ่ะ”
   
ผมเอาหลังมือเช็ดน้ำตาแล้วนั่งหน้างอ
   
“ออกไปได้แล้วนะครับ ได้รางวัลคนที่ออกเร็วที่สุดด้วย”
   
“...”
   
ไอ้บ้านผีสิงนี้มันคงจะมีหลายห้องเชื่อมกันแต่ผมดันซวยมาเจอห้องกระจกสินะ แล้วดิออนวิ่งตามผมยังไงให้ออกไปได้ก่อนเนี่ย
   
ไม่ยุติธรรม! ทำไมโลกต้องใจร้ายกับแวมไพร์ที่รักสันติที่สุดอย่างผมตลอดเลย
   
“จะเล่นต่อไหมครับหรือจะออกเลย”
   
“ออกเลยก็ได้”
   
ผมตอบหงอยๆ คือมาเล่นบ้านผีสิงก็อยากจะแกล้งผีกับจู๋จี๋กับดิออนไง สรุปคือผมกลัวผีเองซะงั้น เฮ้อ ก็ผีพวกนี้เล่นทีเผลออ่ะ แถมช่วงนี้ผมก็ดันท้องอยู่อีก พลังเลยไม่ค่อยเสถียรเท่าไหร่
   
“กลับบ้านไหม”
   
คนที่ผมคิดว่าจะรออยู่ข้างนอกตอนนี้กลับมานั่งยองๆ ตรงหน้าผม แถมยังถือตุ๊กตาผีแบบตัวก้อนๆ สีขาวตัวใหญ่มากมาด้วย
   
น่ารัก!!!
   
ไม่ต้องรอผมขอ มันก็ยื่นให้ผมกอดทันที
   
ผมเอาคางวางไว้บนหัวตุ๊กตาแล้วบ่นมัน
   
“นายอ่ะ ออกไม่รอผมเลย”
   
“ก็นึกว่าวิ่งหนีไปทางออก”
   
ผมเอื้อมมือไปจับมือดิออนให้มันดึงผมขึ้นแล้วไปซุกมันอีกรอบจนมันหัวเราะแล้วลูบหัวผม
   
“งั้นเดี๋ยวรบกวนพาออกไปด้วยนะครับ รอบต่อไปจะเข้าแล้ว”
   
“ครับ”
   
ดิออนรับคำแล้วมันก็พาผมออกไปข้างนอกด้วยทางที่มันใช้ออก ซึ่งผมก็ค้นพบว่าไอ้ห้องกระจกบ้านี้ไม่มีทางออกแล้วมันก็เหมือนเป็นกับดักให้คนมาติดเล่นๆ แล้วออกไม่ได้อ่ะ
   
“ร้องไห้เหรอ”
   
มันขมวดคิ้วมุ่นหลังจากที่ออกมาได้และน่าจะเห็นว่าผมตาแดงมาก
   
“ก็ตกใจอ่ะ”
   
มันถอนหายใจก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้าให้ผม ซึ่งนอกจากมันจะเช็ดให้ผมแล้วมันยังหยิกแก้มผมด้วย!!
   
“อิออน!”
   
“มากับผัวจะกลัวอะไรอีก”
   
ให้ตายเหอะ มันพูดแบบนี้แล้วโครตจั๊กจี้เลยอ่ะ
   
ผมเขินมันแต่ก็อยากอ้อนเลยไปซุกที่แขนให้มันลูบหัวลูบหางเอาใจผม แน่นอนว่ามันก็เอาใจผมเป็นอย่างดี ปล่อยให้ผมกอดแขนมันข้างนึงระหว่างหาทางกลับ ซึ่งจริงๆ ผมกับมันก็อยากหายไปเลยนั่นแหละ แต่เทคโนโลยีพวกมนุษย์เดี๋ยวนี้มันละเอียดมากเลยทำอะไรพิสดารมากไม่ได้
   
“คราวหลังถ้าอยากไปไหนก็บอกกันดีๆ ”
   
“นายด้วย ถ้าจับได้ตั้งแต่แรกก็บอก ผมจะไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ มันเหนื่อย”
   
รู้ทันตลอดแบบนี้ไม่สนุกเลย
   
“ก็เห็นอยากหนีก็เลยปล่อย”
   
“แกล้งๆ ไม่เห็นบ้างก็ได้นะ วันสองวันก็กลับแล้ว”
   
ไม่รู้ผมพูดขัดหูมันตรงไหน มันดูหงุดหงิดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
   
“ถ้าไม่ตามมาดูนายคงตกคนได้เป็นพรวนเลยมั้ง”
   
ผมหัวเราะคิกคักที่มันหึงผมอีกแล้ว เอาจริง ผมว่าถึงผมจะดวงซวยไปหน่อย แต่ดวงหน้าตาผมน่าจะของจริงแฮะ ขนาดดิออนเจอผมรอบเดียวยังรอผมตั้งนาน
   
มันถอนหายใจเซ็งๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก
   
“ไม่เห็นต้องหึงเลย ..ยังไงผมก็เป็นเมียนายคนเดียวอ่ะ”
   
เขินอ่ะ แต่ก็ต้องพูดเพราะมันเริ่มอารมณ์บูดแล้ว
   
“งั้นวันนี้เมียก็ช่วยทำหน้าที่เมียให้ด้วยนะ”
   
มันพูดยิ้มๆ แต่เล่นเอาผมหน้าซีดเลย
   
เมื่อวานก็เยอะมากแล้วนะ
   
;w;
   
สงสารค้างคาวที่เริ่มกระดูกไม่ค่อยดีอย่างผมบ้างเถอะ

   
   
   
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 26 22/8/63 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: GDNEE ที่ 23-08-2020 02:55:25
ไม่ได้อ่านนาน ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะเนี่ยย
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 26 22/8/63 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-08-2020 10:17:27
น่ารัก~
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 26 22/8/63 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-08-2020 20:07:25
เอ็นดูครูซผู้น่ารัก   :impress2:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; - ตอนพิเศษ หยุดแกล้งพี่สักที! (1)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 28-08-2020 22:59:17
ตอนพิเศษ : หยุดแกล้งผมสักที!!!! ;w; { นักเรียนดีเด่นห้อง A VS สารวัตรนักเรียนห้อง F }

   
“ต่อไปนี้เธอได้รับมอบหมายให้ดูแลเด็ก ม.4 ห้อง A ห้องที่ฉลาดและดูแลง่ายที่สุดในบรรดาทุกห้อง หวังว่าเธอจะไม่ทำให้ครูผิดหวังนะ ครูซ”
   
“ครับ ผมจะไม่ทำให้ครูผิดหวังแน่นอนครับ!”
   
พูดเสร็จผมก็ตะเบ๊ะรับด้วยความกระตือรือร้น
   
สาบานได้เลยว่าตั้งแต่อยู่ที่นี่มาเกือบสามปี ปีนี้เป็นปีแรกเลยที่ผมแต่งตัวเรียบร้อยที่สุด (แน่นอนว่าผมทำเองแล้วไม่ค่อยเรียบร้อย เลยต้องให้น้องช่วยแต่งตัวให้ก่อนมาโรงเรียน)
   
“ถ้าดูแลไม่ได้ คราวนี้ครูจะเรียกพ่อเธอมารับทราบพฤติกรรมเธอ”
   
“ดูแลได้ครับ ผมดูแลได้จริงๆ ผมจะตั้งใจทำงานที่สุด ตั้งใจกว่าทุกวิชาเลย ผมจะไม่ให้มีนักเรียนห้อง A คนไหนผิดระเบียบแน่ๆ ในฐานะรุ่นพี่ม.6 ผมจะตั้งใจดูแลน้องที่สุดครับ!”
   
ความซวยของผมคือถูกครูจับได้ว่าเอาต้มเล้งมากินในห้องตอนเรียน แน่นอนว่าถ้าพ่อรู้เรื่องนี้ บ้านระเบิดแน่แล้วผมก็จะซึมไปประมาณหนึ่งเดือน กว่าจะคืนสภาพมาตะแล๊ดแต๊ดแต๋ไปวันๆ เหมือนเดิม
   
“..ให้มันจริงเถอะ ครูซ”
   
ครูที่ปรึกษาผมพูดด้วยน้ำเสียงระอา
   
“จริงสิ ผมต้องดูแค่หนึ่งสัปดาห์ใช่ไหมครับ ครู”
   
“ใช่ แค่หนึ่งสัปดาห์ก็พอ เผื่อเธอจะซึบซับอะไรดีๆ จากพวกเด็กหัวกะทิได้บ้าง”
   
ผมหัวเราะแห้งๆ
   
ถ้าผมซึมซับความฉลาดจากพวกนี้ได้จะดีมาก เผื่อว่าเกรดพวกวิชาวิทย์ผมจะดีขึ้น คราวก่อนฟิสิกส์ เคมี เกรดหนึ่ง หน้าพ่อผมดำไปทั้งแถบเพราะน้องผมที่อยู่ ม.5 สายวิทย์ได้เกรดสี่วิชาวิทย์หมดเลย
   
ยังดีที่ผมเรียนสายศิลป์อ่ะ ถ้าไปเจอฟิสิกส์ เคมี ทุกวันผมได้ลาตายแน่นอน
   
“จริงสิ เอานี่ไปใส่ด้วย”
   
ผมตาโตตอนที่ครูยื่นปลอกแขนขอสารวัตรนักเรียนมาให้
   
โครตเท่เลย ไม่สิ เท่สุดๆ ไปเลย!!!!!!
   
ตอนผมรับมาถือถึงกับมือสั่น ไม่คิดว่าในชีวิตโรงเรียนจะได้มีโอกาสมาไล่จับผิดนักเรียนคนอื่นบ้าง เพราะปกติผมจะเป็นคนที่วิ่งหนีพวกสารวัตรนักเรียนไง เหมือนหมาเวลาเจอเทศกิจอ่ะ ผมแค่เห็นปลายรองเท้ามันวับก็วิ่งละ
   
จริงๆ ที่โดนครูจับได้เพราะกินเล้งนี่ก็พวกสารวัตรนักเรียนเอาไปฟ้องเหมือนกัน เอาจริงผมก็เคยพยายามผูกมิตรกับคนพวกนี้นะ แต่ไม่มีใครให้ความเอ็นดูผมสักคน หิ้วคอเสื้อโยนใส่ห้องปกครองอย่างเดียวเลย
   
หึ วันนี้แหละ ผมจะได้เป็นคนจับคนส่งเข้าห้องปกครองบ้าง!
   
“เอาเสื้อใส่ในกางเกงด้วย คุณสารวัตร”
   
ผมที่กำลังชื่นชมปลอกคอสีดำทองบนต้นแขนหัวเราะแห้งๆ แล้วเอาใส่อย่างว่าง่าย
   
“งั้นก็ไปได้แล้ว”
   
“ครับ!”
   
ทันทีที่ได้รับการอนุญาตผมก็เผ่นออกจากห้องครูที่ปรึกษาทันที
   
“อ๊ะ!”
   
ด้วยความที่รีบจัดหรืออะไรสักอย่างทำให้ผมชนเข้ากับใครก็ไม่รู้อย่างแรง
   
แต่ความแรงกว่าคือคนที่ล้มก้นจ้ำเบ้าคือผม!
   
“เจ็บชะมัด”
   
ผมบ่นอุบ ไม่แน่ใจว่าตัวเองชนคนหรือชนกำแพงโรงเรียนกันแน่  แต่พอผมเงยหน้าขึ้นไปมองว่าชนใครผมก็ตกใจยิ่งกว่าเดิม
   
นี่มันเด็กห้องเอในการดูแลของผมนี่นา!!!!!
   
ว่าแต่มันสูงและน่ากลัวขนาดนี้เลยเหรอ
   
;w;
   
ผมหดตัวและตัวสั่น
   
“...”
   
เจ้าเด็กที่โดนผมชนก้มมองผม สีหน้าของมันไม่เปลี่ยนสักนิดทั้งๆ ที่เพิ่งโดนผมชนและผมเจ็บแทบตาย แล้วชุดเครื่องแบบโรงเรียนที่มันใส่ก็โคตรเรียบร้อยเลย
   
นี่คือแบบอย่างที่ครูอยากให้ผมซึบซับเหรอ
   
ไม่เอาหรอก! ผมจะเป็นครูซคนเดิมที่ไร้สาระไปวันๆ ที่ตั้งใจสุดคือทำกิจกรรมแค่นั้นแหละนะ
   
“สารวัตรนักเรียน?”
   
“..ใช่”
   
ผมตอบเสียงเบา ไม่รู้ว่าตัวเองจะกลัวอะไรนักหนา
   
ผมเป็นพี่นะ! อายุมากกว่าตั้งสองปี แต่เอาจริงผมอยากรู้มากว่าทำไมเจ้าเด็กนี้ถึงได้ตัวใหญ่นัก คือถ้ามันล้มมาทับผม ผมคงแบนตายตรงนี้อ่ะ
   
“!!!!”
   
ผมตาโตเพราะอยู่ดีๆ ไอ้บุคคลที่ถือว่าเป็นนักเรียน ‘ตัวอย่าง’ ในรุ่นมันปลดกระดุมคอออกแถมยังรูดเนคไทลงด้วย
   
มันกำลังทำผิดระเบียบต่อหน้าผม!!!!
   
ทำทำไมอ่ะ ทั้งๆ ที่มันอ่ะโดนพวกครูชมบ่อยจะตายว่าดีอย่างงูนอย่างงี้ ขนาดผมที่ไม่ค่อยสนใจใครเท่าไหร่ ยังคุ้นๆ เลยว่าเห็นมันที่หน้าเสาธงบ่อยๆ แบบรับรางวัลเรียนดี เด็กดีประจำเดือนอะไรทำนองนั้น
   
ในฐานะสารวัตรนักเรียนผมต้องจัดการมัน!
   
ผมรีบลุกขึ้นยืนแล้วทำหน้าขึงขัง
   
“..ห้าม ห้ามทำผิดกฎนะ”
   
ทำไมเสียงผมเบาขนาดนี้อ่ะ
   
;w;
   
ถ้าเรื่องทำผิดกฎอ่ะ ผมถนัดอยู่แล้ว แต่พอต้องมาเป็นคนรักษากฎก็พบว่ามันยากเอาการเลย คือตอนแรกผมก็นึกว่าหวานหมูไง เพราะยังไงพวกเด็กห้องเอก็ต้องรักษาภาพลักษณ์รวมๆ ว่าเป็นเด็กเรียนใช่ไหมล่ะ
   
แล้วทำไม ทำไมมันถึงทำผิดกฎอ่ะ แงงงงงงง
   
ทำยังไงดีๆๆๆ ทำยังไงดี
   
จะหิ้วคอโยนใส่ห้องปกครองผมก็คงไม่มีปัญญา ร้องไห้เลยดีไหมเผื่อว่ามันจะเห็นใจผมบ้าง
   
“ผมผูกเน็กไทไม่เป็น พี่ผูกให้ผมใหม่หน่อย”
   
โกหก!!
   
ผมเคยเรียนคาบว่ายน้ำตรงกับห้องนักเรียนตัวอย่างนี่ แล้วเปลี่ยนชุดใกล้ๆ กันอ่ะ เห็นจะๆ ตาเลยว่ามันผูกเป็นแล้วก็ผูกเนี้ยบด้วย คนที่ผูกไม่เป็นคือผมต่างหาก!
   
ที่ใส่อยู่ตรงคอคือให้น้องผูกให้ตั้งแต่เปิดเทอมอ่ะ ไม่เคยแกะเลย
   
ผมมองเน็กไทที่มันให้มาอย่างจนปัญญา คือที่ผมผูกได้อย่างเดียวก็คือโบว์อ่ะซึ่งมันก็ไม่ได้ไง คิดอยู่สักพักผมก็ตัดสินใจถอดเน็กไทของตัวเองออกแล้วยื่นให้น้อง
   
“ติดกระดุมด้วย ไม่งั้นพี่จะหักคะแนน”
   
ผมพยายามเก๊กดุ แต่ก็รู้แหละว่ามันไม่น่ากลัว เพราะไอ้คนที่น่ากลัวคือคนที่ยืนหน้านิ่งๆ ตรงหน้าผมเนี่ยแหละ
   
“...”
   
น้องมันก้มมองเน็กไทในมือผมสักพักก่อนที่จะหยิบไปใส่ ซึ่งแน่นอนว่าตัวผมกับตัวมันยาวไม่เท่ากัน ผลออกมาคือพอมันใส่แล้วเน็กไทมันก็สั้นมาก ซึ่งมันก็ตลกมากจนผมเกือบจะหลุดขำออกมา
   
“พี่ผูกไม่เป็น?”
   
ไม่อยากยอมรับเลยอ่ะ แต่ผมก็ผูกไม่เป็นจริงๆ เคยลองพยายามแล้วแต่ไม่รอด แล้วผมกับน้องก็มาโรงเรียนด้วยกันทุกวันด้วย ปัญหาผูกเน็กไทไม่ได้เลยไม่มี
   
ผมหน้าบูดใส่มันไม่ตอบคำถาม
   
“ติดกระดุมด้วย”
   
“...หึ”
   
อยู่ๆ เจ้าเด็กนักเรียนตัวอย่างก็หลุดขำออกมาเบาๆ มันยิ้มแล้วถอดเน็กไทของผมออกก่อนที่จะผูกใหม่อีกรอบในเวลาไม่ถึงหนึ่งในนาทีด้วยซ้ำ
   
ผูกไวกว่าน้องผมอีก!
   
แล้วมันก็คงจะสงสารผมมั้ง หยิบเน็กไทของมันที่ให้ผมถือไปผูกให้ด้วยแล้วยื่นให้ผม แต่พอผมจะยื่นมือไปรับมันก็ชักกลับแล้วถามผมนิ่งๆ
   
“ผมชื่ออะไร”
   
“...”
   
ผมเม้มปากแน่นเพราะจำไม่ได้
   
คือสมองน้อยๆ ของผมวันๆ ก็คิดแต่ว่าจะทำอะไรดี ไม่มีเวลามานั่งจำคนในโรงเรียนทั้งหมดหรอกนะ ถึงตอนนี้ผมจะรับบทเป็นสารวัตรนักเรียนก็เถอะ แต่แค่สัปดาห์เดียวหลังจากนี้ผมก็คงลืมเด็กห้องเอพวกนี้หมดแล้ว
   
“ถ้านึกไม่ออก ผมก็ไม่คืน”
   
“แล้วนายจำชื่อพี่ได้รึไง”
   
ผมหน้ามุ่ยเถียงกลับ
   
“ครูซ บราวด์ ม.6 ห้องเอฟ  เด็กกิจกรรม อยู่ชมรมการแสดง ชอบโดดเรียนไปนอนในห้องสมุด”
   
ผมอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่ามันจะรู้เกี่ยวกับผมขนาดนี้
   
ให้ตายสิ ผมดังขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ไม่หรอกมั้ง วันวาเลนไทน์ปีนี้ไม่เห็นมีใครให้อะไรเลย ทั้งๆ ที่ปกติทุกปีจะมีคนเอาขนมมายัดให้ผมอ่ะ
   
ผมเงยหน้ามองหน้ามันแล้วพยายามนึก คือครูก็ให้นั่งดูสมุดพกแหละว่ามีใครใน ม.4 ห้อง A บ้าง ผมก็ดูผ่านๆ ตาไม่ค่อยสนใจเพราะอยากออกจากห้องเต็มทนแล้ว
   
“ไลอ้อน”
   
ผมเดาสุ่มเพราะคุ้นๆ ว่าอะไรออนๆ เนี่ยแหละ ดีแค่ไหนที่ผมไม่ทายว่าโดเรม่อนอ่ะ
   
“...”
   
ผิดสินะ
   
;w;
   
ทายผิดแค่นี้จำเป็นต้องทำหน้าโหดขนาดนี้เลยเหรอ ให้ตายเหอะ ทายถูกก็ไม่ได้เงินสักหน่อย
   
“ก็นายเป็นน้องอ่ะ พี่จะสนใจน้องทำไม”
   
ถึงหน้ามันจะอยู่ในสเป็คของผมก็เถอะ แต่อีกหนึ่งปีผมก็จบแล้ว ไปหาแฟนตอนอยู่มหาลัยน่าจะรุ่งกว่า
   
“ดิออน”
   
มันพูดเสียงเรียบ
   
“ดิออนก็ดิออน คืนเนคไทมาให้พี่ได้แล้ว”
   
อีกห้านาทีจะหมดเบรกแล้วไง และผมก็มีเรียนต่อคาบต่อไปด้วย โดดไม่ได้ ช่วงนี้อยู่ช่วงควบคุมพฤติกรรม ถ้าเกิดครูโทรไปฟ้องพ่อ ผมคงอดกินขนมเป็นเดือนอ่ะ
   
“ผมไม่ใช่สเป็คพี่เหรอ”
   
“...”
   
แล้วพูดเหมือนเป็นคำถามปกติอ่ะ
   
ผมหน้าแดงเพราะมองอีกรอบ มันก็หล่อจริงๆ นั่นแหละ ไม่แปลกเลยที่ผมคุ้นหน้ามันบ้าง
   
“ก็สเป็คแต่เดี๋ยวพี่ก็จบแล้วไหมอ่ะ พ่อพี่ก็ไม่ให้มีแฟนด้วย”
   
ลำพังแค่เรียนผมยังไม่เรียนเลย ถ้าพ่อรู้ว่าผมมีแฟน ผมโดนเชือดแน่นอน
   
“แอบมีก็ไม่ได้?”
   
“..นายชอบพี่เหรอ”
   
ผมถามเสียงเบา เริ่มสนใจเจ้า ‘นักเรียนตัวอย่าง’ นี่ขึ้นมาบ้าง
   
ก็ครูบอกให้ผมซึมซับ ถ้าได้เป็นแฟนกันผมคงจะได้ซึมซับมากกว่าแค่เดินตามต้อยๆ แน่อ่ะ แล้วมันก็อยู่ในสเป็คผมด้วย ลองคบดูสักอาทิตย์ก็คงไม่เสียหายอะไร
   
ยังไงซะ ปีหน้าผมก็อยู่มหาลัยอยู่แล้ว
   
“อืม”
   
“...”
   
ผมเขินอะไรวะ แต่เขินอ่ะ แงงงงงงง
   
ผมรู้สึกร้อนไปทั้งหน้าจนลามไปคอตอนที่มันคล้องเน็กไทให้ผมแล้วช่วยผูกให้จนกลับมาเป็นเนคไทที่ดีอีกครั้ง แถมยังดูเรียบร้อยกว่าที่น้องผูกให้ผมอีก
   
“..ติดกระดุมด้วย”
   
ผมพูดเสียงอ้อมแอ้ม
   
“พี่ไม่ชอบผม?”
   
เพิ่งเคยคุยกันวันแรกจะให้ชอบเลยเหรอ ถึงดิออนจะดูเท่มากๆๆ แต่ผมก็ไม่เคยคิดมาก่อนอ่ะว่าจะชอบผม ตอนวันวาเลนไทน์ก็เห็นมีผู้หญิงมาล้อมหน้าล้อมหลังอ่ะ
   
อย่างว่าแหละคนหล่อก็คนชอบเยอะ แต่ทำไมคนหล่อที่ว่าถึงมาชอบผมก่อน งง
   
“เพิ่งคุยกันไหมอ่ะ”
   
สุดท้ายผมก็ตัดสินใจดึงเน็กไทให้มันก้มลงมาเพื่อที่จะติดกระดุมให้มันเพราะพูดไปมันก็คงไม่ติดให้ผมอยู่ดี และถ้าผมปล่อยให้มันเดินไปแบบนี้แล้วครูมาเห็น ผมก็จะโดนลงโทษ
   
“ผมชอบพี่”
   
“รู้แล้ว ไม่ต้องพูดบ่อยๆ ได้ไหม ไม่งั้นพี่จะหักคะแนน”
   
เขินอ่ะ หยุดได้แล้ว หยุดเถอะ
   
มันหัวเราะเบาๆ เพราะข้ออ้างผมโคตรไร้สาระเลย
   
“ผมติวฟิสิกส์ให้พี่ได้นะ”
   
“…จริงอ่ะ”
   
ในบรรดาข้อดีของดิออน ผมสนใจข้อนี้สุดละ
   
มีคนจะติวฟิสิกส์ให้ผม!!!!
   
ผมตาเป็นประกายเพราะขนาดน้องยังยอมแพ้เลย
   
“โอเค เป็นแฟนเลย เย็นนี้เดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยงชาบูหน้าโรงเรียน”
   
อะไรนะ ใครพูดว่าผมใจง่าย ไม่จริงสักหน่อย บอกเลยว่าต่อให้พ่อจับได้ว่าผมคบกับดิออน ผมก็จะอ้างได้ว่าให้ติวฟิสิกส์ให้เฉยๆ เพราะเกรดฟิสิกส์ผมล่มสลายมาก
   
วิชาบ้าอะไรไม่รู้ แค่ผมเห็นโจทย์น้ำตาผมก็แตกเลย
   
“…”
   
“งงไรอ่ะ ไม่ดีใจเหรอ ได้เป็นแฟนกับรุ่นพี่เลยนะ! แถมยังเป็นสารวัตรนักเรียนอีก”
   
ผมหลุดขำเลยเพราะไอ้นักเรียนตัวอย่างมันนิ่งไปเลยอ่ะ
   
“ไปละ มีเรียน แล้วก็ห้ามทำผิดระเบียบอีกนะ ไม่งั้นพี่จะฟ้องครูจริงๆ ด้วย”
   
ผมยิ้มจนตาหยีให้มันและตัดสินใจแบ่งลูกอมช็อกโกแลตที่พกติดตัวไว้ตลอดให้เม็ดนึง
   
“เลิกเรียนเจอกันที่โรงอาหารนะ!”
   
ผมยัดลูกอมใส่มือมันแล้วรีบวิ่งแต๊กๆ กลับห้องเพราะจะถึงเวลาเรียนแล้ว
   
และแน่นอนสารวัตรนักเรียนอย่างน้องครูซนั้นไม่รู้จักคำว่า ‘โดดเรียน’ หรอกนะ!

--------
 :katai4:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; - ตอนพิเศษ หยุดแกล้งพี่สักที! (1)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 28-08-2020 23:10:38
ไอ้ต้าวครูซ...ซซซซซซซซซซซ   :hao7:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; - ตอนพิเศษ หยุดแกล้งพี่สักที! (1)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 29-08-2020 13:42:36
มีความรุ่นพี่จ้า
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; - ตอนพิเศษ หยุดแกล้งพี่สักที! (1)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 04-09-2020 12:53:30
ครูซก็ยังเป็นครูซ :hao7:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; - ตอนพิเศษ หยุดแกล้งพี่สักที! (1)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 05-09-2020 12:13:04
ต้างครูซ ยังหลอกง่ายเหมือนเดิมเลย ความครูซอ่ะเนอะ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; - ตอนพิเศษ หยุดแกล้งพี่สักที! (2)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 14-09-2020 21:40:48
ตอนพิเศษ - เด็กห้อง A (2)

   
“หมายความว่าไงที่พี่จะไปกินชาบูตอนเย็น”
   
“ก็ตามนั้นแหละ เซนกลับก่อนเลย พอดีพี่มีนัดพิเศษ”
   
ผมพูดไปยิ้มไปอารมณ์ดีมากเพราะรู้สึกว่ากำลังจะมีอะไรสนุกๆ ให้ทำ ซึ่งเป้าหมายของผมก็คือเจ้าเด็กห้องเอนั่นแหละนะ แล้วช่วงนี้ผมก็ไม่มีอะไรทำเป็นพิเศษด้วย
   
“…”
   
“อะไร”
   
ผมหน้ามุ่ยเพราะน้องมองผมด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจ
   
“พี่กินข้าวกับเพื่อนแปปเดียวก็กลับแล้ว”
   
“เพื่อนพี่กลับบ้านกันหมดแล้วไม่ใช่เหรอ ผมเห็นขึ้นรถกันไปแล้ว พี่นั่นแหละนัดกับใคร”
   
อะไรกัน นี่น้องหวงผมอีกแล้วเหรอ
   
“ความลับ”
   
ผมหัวเราะคิกคักเพราะเซนก็อยู่ห้องเดียวกับดิออนนั่นแหละนะ ผลัดๆ กันได้นักเรียนดีเด่นแหละ ส่วนผมก็ได้รับแต่พวกรางวัลกิจกรรม เสียดายที่ปีนี้ผมอยู่ ม.6 แล้ว โรงเรียนเลยไม่ปล่อยให้ทำกิจกรรมอะไรใหญ่ๆ เท่าไหร่ เพราะอยากให้ไปติวเข้ามหาลัยกันเองมากกว่า
   
แต่ผมติวไม่รอดหรอกจริง ซื้อคอร์สออนไลน์มาเรียนได้สิบนาทีผมก็หลับแล้วอ่ะ คงได้แต่หวังว่าพอร์ตผมจะพาผมเข้ามหาลัยได้สักที่นั่นแหละนะ
   
“..อย่ากลับดึกมากแล้วกัน ถ้ากลับไม่ถูกก็โทรเรียกผม เดี๋ยวผมไปรับ”
   
อีกนิดคือผมน้ำตาแตกแล้ว นี่ผมทำอะไรบาป (?) ด้วยอะไรนะถึงได้น้องที่ดีขนาดนี้มาเป็นน้อง
   
“อื้อ พี่กลับไม่เกินสามทุ่มหรอก ไม่ต้องห่วง”
   
ผมโผกอดน้องแน่นๆ รอบนึงด้วยความมันเขี้ยว แล้วคือผมสูงแค่ถึงปลายคางน้องอ่ะ จนคนส่วนใหญ่ชอบเข้าใจผิดว่าผมเป็นน้อง แต่ผมก็ชินแล้วเพราะน้องก็เหมือนพี่ผมจริงๆ นั่นแหละ
   
“อย่าให้ผมรู้นะว่าพี่แอบมีแฟน”
   
“ไม่มีหรอก ใครจะไปมี”
   
ผมพูดด้วยสีหน้าปกติเพราะจะเรียกว่าแฟนจริงๆ ก็คงยากอ่ะ แบบผมก็รับปากไปงั้น
   
“...”
   
“อะไรล่ะ ไปละๆ เดี๋ยวพี่สาย”
   
น้องผมก็ยังทำหน้าไม่เชื่อเหมือนเดิม แต่ผมไม่ยอมให้น้องมาขวางการรับบทเป็นแฟนดิออนหรอกนะ ผมต้องการคนติวฟิสิกส์ให้ผมและผมก็อยากหาอะไรทำแก้เครียดช่วงนี้ด้วย
   
มันใกล้สอบแล้วอ่ะ ซึ่งผมนอกจากร้องไห้แล้วก็ทำอะไรไม่เป็นอีกเลย
   
ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่โรงอาหารตามที่นัดน้องไว้ ระหว่างทางก็โบกมือทักคนรู้จักในชมรมที่ยังไม่กลับบ้าน เพื่อนในห้องบางคนก็ยังเล่นบาสเล่นวอลเล่ย์กันอยู่ จริงๆ ปกติถ้าผมเบื่อมากก็จะไปแจมกับพวกวอลเล่ย์บ้างเป็นบางครั้ง ถึงมันจะทำให้ผมแขนม่วงก็เถอะนะ
   
ผมที่กำลังวิ่งแต๊กๆ ถึงกับสะดุ้งตอนที่เห็นรองเท้าอาจารย์ที่ปรึกษาผมโผล่ออกมาจากมุมหนึ่งของตึก ด้วยสัญชาตญาณอันแรงกล้าที่หล่อหลอมผมมาตลอดหลายสิบปีนี้ทำให้ผมสามารถยัดชายเสื้อนักเรียนใส่ในกางเกงภายในเสี้ยววินาทีและทำตัวเรียบร้อยได้ในพริบตา
   
ผมเดินยืดอกทำเป็นตรวจตราความเรียบร้อยตอนที่อาจารย์หันมาทางผมและทำเป็นไม่เห็นอาจารย์ พออาจารย์เดินไปพ้นระยะสายตาแล้วผมก็เอาเสื้อออกแล้ววิ่งแต๊กๆ ต่อ
   
ทำไงได้อ่ะ ก็มันอึดอัดนี่นา
   
จริงๆ ผมก็ไม่ค่อยชอบพวกกฎระเบียบในโรงเรียนหรอก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะผู้บริหารโรงเรียนก็โดนพวกผู้ปกครองกดดันมาอีกที
   
“ดิออน!”
   
ผมยิ้มจนตาหยีตอนที่เห็นมันนั่งอ่านหนังสือรอผม แล้วหนังสือก็เป็นหนังสือสรุปฟิสิกส์ด้วย กลัวแล้ว นี่เดทแรกก็จะติวฟิสิกส์ให้ผมเลยเหรอ เกินไปแล้วนะ ไม่โรแมนติกเลย
   
“...”
   
ดิออนเงยหน้าขึ้นมามองผมแล้วพยักหน้าเบาๆ เชิงรับรู้ แล้วเก็บพวกชีทกับหนังสือเข้ากระเป๋าหนังสีดำของโรงเรียน ผิดกับผมที่ไม่พกอะไรมาเรียนเลยนอกจากกระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ แล้วก็พาวเวอร์แบงค์ ส่วนที่เหลืออยู่ในล็อคเกอร์
   
“เดี๋ยวพี่ช่วยเก็บนะ”
   
จริงๆ คือดิออนมันก็เก็บหมดแล้ว แต่ผมก็อยากช่วยเก็บ ต่อให้ไม่มีก็ต้องมี ผมหยิบกล่องดินสอเหล็กที่มันเอาใส่กระเป๋าไปแล้วขึ้นมาแล้วใส่อีกรอบ
   
“...ขอบคุณ?”
   
น้องมันมองผมงงๆ จนผมเผลอหลุดขำออกมา
   
น่ารักจัง ;w;
   
ผมมองดิออนด้วยความเอ็นดูเพราะดูเหมือนตอนอ่านหนังสือมันจะใส่แว่นด้วย แล้วพอใส่แว่นก็ยิ่งดูหล่อมากเดิมอีก
   
ให้ตายเหอะ น้องมันชอบผมจริงอ่ะ
   
ผมเงยหน้ามองดิออนที่ยืนเต็มความสูงอีกรอบแล้วปาดเหงื่อในใจ มันสูงมากเลยอ่ะ สูงกว่าน้องผมอีก ผมยืนเทียบกับมันตอนนี้คือหัวถึงอกเอง นี่ผมตอนเด็กๆ แอบคายนมที่พ่อให้บังคับให้ผมกินใช่ไหมเนี่ย
   
“พี่อยากกินชาบูเหรอ”
   
น้องหลุบตามองผม
   
“แล้วจะกินอะไรอ่ะ ถ้าไม่กินชาบู”
   
ผมชอบไปกินเพราะแอร์มันเย็นเฉยๆ แล้วมันก็ใกล้ด้วย นั่งรถจากโรงเรียนแปปเดียวก็ถึงแล้ว
   
“ที่ไหนก็ได้ ผมแค่อยากไปกับพี่”
   
“..อื้อ”
   
ผมหน้าแดงเพราะไม่คิดมาก่อนว่ามันจะพูดด้วยสีหน้าจริงจังขนาดนั้น
   
“แล้วจะไปยังไงอ่ะ”
   
“นั่งรถผมไปก็ได้”
   
“เอางั้นก็ได้”
   
ผมเดินตามหลังดิออนไปแล้วมองมือมันอย่างลังเล ไม่กล้าจับ ทั้งๆ ที่ตอนอยู่ชมรมคือผมก็แสดงมาหมดแล้วอ่ะ เป็นพระเอก ตัวร้าย ตัวประกอบ หรืออะไรก็ตาม
   
แต่แค่แสดงเป็น ‘แฟน’ ดิออนเอง ทำไมผมถึงไม่กล้าก็ไม่รู้
   
เขินอ่ะ แงงงง
   
แอ่ก!
   
ผมร้องออกมาตอนที่ชนหลังดิออนอีกแล้ว ดีที่รอบนี้ไม่แรงมากผมเลยไม่กระเด็นอีก ผมลูบจมูกน้อยๆ ของตัวเองด้วยความสงสาร เพราะไม่รู้มันจะยุบไหม
   
“...”
   
ดิออนขมวดคิ้วมองผมที่ชนแล้วชนอีก ซึ่งผมก็หัวเราะแห้งๆ แล้วขึ้นรถที่ดิออนเปิดประตูให้ ก่อนที่ผมจะไหว้คนขับรถที่ไม่รู้ว่าเป็นใครด้วยความเกรงใจ
   
“ลงที่ร้านชาบู XX ครับ”
   
“ครับ คุณหนู”
   
ดิออนขยับมานั่งใกล้ผมแล้วเอากระเป๋าวางไว้คั่นกลางเอาไว้ ส่วนผมที่ไม่มีอะไรทำก็นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์แก้เบื่อ จริงๆ ก็อยากชวนดิออนคุยแหละ แต่บรรยากาศในรถดูเคร่งเครียดมากจนผมแทบไม่กล้าหายใจด้วยซ้ำ
   
ให้ตายเหอะ ผมไม่แปลกใจเลยที่ดิออนมันจะเป็นเด็กเรียนดีอ่ะ ในเมื่อที่บ้านมันก็คงจะเป็นพวกนิยมความสมบูรณ์แบบอ่ะ ลูกเก่งที่สุดดีที่สุดทุกอย่าง อะไรทำนองนั้น ผิดกับบ้านผมที่พ่อไม่ค่อยอะไร แค่ผมเรียนจบได้ก็ดีใจแล้ว (แต่ถ้าผมตกเยอะๆ ก็จะโดนหักค่าขนม ;w;)
   
ฮื่อ
   
ผมพ่นลมหายใจเซ็งๆ เพราะเล่นเกมพับX แล้วแพ้ตั้งแต่ห้านาทีแรกเลยอ่ะ อะไรกัน นี่ผมจะกากยันในเกมเลยเหรอ ไม่ได้มั้ง ผมปิดเกมแล้วเปลี่ยนไปเล่นเกมเลี้ยงปลาทองแทน
   
“ห้ามกิน อย่ามากินปลาแพงๆ ได้ไหม”
   
ผมเลียเขี้ยวบ่นด้วยความหงุดหงิดเพราะไอ้ปีศาจที่โผล่มามันกินปลาที่ให้เงินเยอะๆ ไปหมดเลยอ่ะ เหลือแต่ตัวลูก แล้วคือขนาดผมยิงมันยิกๆ ขนาดนี้
 
มัน-ก็-ยัง-ไม่-ตาย-อีก!!!!!!!

จะหมดบ่อแล้วเนี่ย บ้าเอ๊ย แล้วปีไหนน้องครูซจะฟักไข่ได้

ผมแทบจะน้ำตาแตกตอนมันกำลังจะกินตัวสุดท้ายของบ่อไปด้วย จบสิ้นแล้ว ดีนะ ที่ผมเอาตัวที่เป็นแม่ปลามาด้วยอ่ะ ไม่งั้นได้ร้องไห้จริงแน่

“..อ๊ะ”

ผมหลุดเสียงร้องออกมาเบาๆ ตอนที่โดนแย่งมือถือไปเล่นต่อ ผมขยับตัวไปชิดกับดิออนแล้วชะเง้อมองมันเล่นด้วยความตื่นตาตื่นใจเพราะเล่นไม่ถึงห้าวิไอ้ปีศาจนิสัยไม่ดีก็ตาย

“นายเล่นต่อเลยๆ ”

ผมจ้องเกมปลาในมือดิออนที่พอเปลี่ยนมือแล้วเหมือนเล่นคนละเกม ดิออนมันเล่นง่ายมากจนผมงงว่า มันติวเล่นเกมด้วยรึเปล่าเนี่ย คือผมก็เล่นมาได้สักพักแล้วด่านหลังๆ มันก็เริ่มยากอ่ะ เล่นแล้วแพ้ก็หงุดหงิดอีก

“ถึงแล้วครับ”

ถึงไวจัง ว่าจะให้เล่นอีกด่านซะหน่อย

ผมไหว้ขอบคุณและวิ่งลงไปจองที่ให้ผมกับดิออน แน่นอนว่าหลังจากที่มากินเกินสิบรอบแล้ว ทำให้ผมรู้ว่ามุมไหนเป็นมุมที่เหมาะสำหรับการเดทมากที่สุด

“สองที่ครับ”

ผมยิ้มจนตาหยีให้ดิออนแล้วพาไปนั่งมุมข้างในของร้านที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวแล้วก็ไม่หนาวมากด้วย ผมนั่งก่อนที่ดิออนจะตามมานั่งตรงข้ามผม

“นายแพ้หรือไม่กินอะไรไหม อ้อ แล้วอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”

ผมถามดิออนระหว่างที่นั่งติ๊กช่องกุ้งกับลูกชิ้นชีส

“ผมกินได้หมดครับ พี่สั่งเลย”

“งั้นพี่สั่งเลยนะ”

แน่นอนว่าผมก็สั่งมาอย่างละนิดละหน่อยแหละ ตัวผมก็แค่นี้เอง ส่วนที่สั่งเผื่อดิออนส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเนื้ออ่ะ เพราะดิออนน่าจะเป็นสายเนื้อ ไม่งั้นคงจะไม่โตขนาดนี้

เอาจริง ผมก็กินทั้งเนื้อทั้งนมนะ ทำไมผมตัวแค่นี้ หรือเพราะผมกินขนมมากเกินไปอย่างที่พ่อพูดจริงๆ

“สั่งอาหารก็เครียดเหรอ”

ผมเผลอขมวดคิ้วอีกแล้วเหรอเนี่ย พอโดนทักผมก็รีบยิ้มให้น้องทันที

“ไม่มีอะไรหรอก อ่ะ อยากกินอะไรก็เขียนเพิ่มเลย”

ผมยื่นใบที่ติ๊กแล้วให้ดิออนติ๊กต่อซึ่งน้องก็ดูไม่ถึงห้าวิก็ยื่นให้พนักงานเลย ไม่รู้ว่าเพราะหิวหรือไว้ใจผมมากหรืออะไร แต่ก็ดีแล้วแหละ เพราะท้องน้อยๆ ของผมเริ่มหิวแล้ว

ผมเทน้ำจิ้มให้ดิออนแล้วทำหน้าเครียดอีกรอบเพราะวันนี้กลิ่นกระเทียมแรงมาก

;w;

ปกติตอนมากินกับเพื่อนกลิ่นมันไม่แรงขนาดนี้อ่ะ แล้วผมก็เป็นพวกกินแบบไม่จิ้มอะไรด้วย

“พี่ไม่ชอบกระเทียมเหรอ”

รอบนี้สีหน้าผมน่าจะชัดกว่าเมื่อกี้อีกมั้ง

“อือ”

ผมพยักหน้าหงอยๆ แล้วดันถ้วยน้ำจิ้มให้ดิออนจนสุดแขน แต่กลิ่นมันก็ยังแรงอยู่ดีจนผมหงอยกว่าเดิม ซึ่งดิออนก็ทำให้ผมประหลาดใจอีกครั้งด้วยการเรียกพนักงานมาเก็บถ้วยน้ำจิ้มไป

“นายไม่จิ้มเหรอ”

ผมถามงงๆ เพราะไม่ค่อยเห็นใครกินเปล่าๆ เหมือนผมอ่ะ

“ผมกินแบบไหนก็ได้ครับ ไม่ได้สนใจขนาดนั้น”

ดิออนตอบผมสบายๆ แต่นัยน์ตาสีเทาของมันกลับจ้องผมแปลกๆ

ผมกลืนน้ำลายเอือกเพราะมันดูเจ้าเล่ห์ขึ้นอ่ะ

ให้ตายสิ ผมเป็นพี่นะ! อายุมากกว่าตั้งสองปี อย่าเลิ่กลั่กสิ

ผมพยายามสะกดจิตตัวเอง แต่มือที่อยู่ใต้โต๊ะตอนนี้คือสั่นแล้วเพราะไม่ชินกับการโดนจ้องเหมือนรู้ความลับแบบนี้ แล้วคือผมก็มีความลับที่เพื่อนไม่รู้เยอะด้วยไง ประเด็น

“ผมเคยได้ยินมาว่าพี่ไม่ชอบกินกระเทียม”

“อื้อ มันฉุนอ่ะเลยไม่ชอบ”

ผมตอบทันทีตามสคริปต์ในหัวที่เคยคิดเอาไว้นานมาก แล้วตั้งเอาไว้เป็นคำตอบในหัวเลยเวลามีคนถาม

“พี่เป็นแวมไพร์ใช่ไหม”

“!!!!!”

ผมกำลังจะตอบใช่ก็สะดุ้งสุดตัวจนเกือบหลุดร้องออกมา

ความลับผมแตกเหรอ ไม่สิ มันรู้ได้ไงก่อน แล้วผมต้องทำยังไงดีอ่ะ ควรฟ้องพ่อไหมหรือโทรเรียกน้องดีอ่ะ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้คือผมจะร้องไห้แล้ว

“ไม่ ไม่ได้เป็นสักหน่อย”

ผมรู้เลยอ่ะว่าตอนนี้ตัวเองตาแดงมาก ใกล้น้ำตาแตกแล้ว ถ้าดิออนมันพูดจี้ผมอีกนิด ผมปล่อยโฮแน่

“อย่าร้อง ผมแค่ถามเฉยๆ ”

ดิออนขมวดคิ้วแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าสีดำในกระเป๋ามายื่นให้ผมเหมือนไว้ให้ผมเช็ด ถ้าเกิดผมน้ำตาแตกจริงๆ

;w;

ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ

ผมคิดอย่างหดหู่แต่ก็รับมาถือไว้

“..ไม่ได้เป็น น้อง น้องเซนก็ไม่ได้เป็นเหมือนกัน! แวม แวมไพร์อะไร ไม่มีจริงหรอก”

ผมว่าผมก็ซ้อมมาเยอะนะ ทำไมพอมาโดนจับได้จริงๆ เสียงของผมถึงได้สั่นขนาดนี้วะ

“เนี่ย นาย นายดูเขี้ยวผม ไม่เห็นยาวเลย!”

ผมแยกเขี้ยวให้มันดูแต่เพราะผมตกใจมากๆ เขี้ยวเลยยาวกว่าปกติจนเกือบจะเท่าเวลาที่ผมดูดเลือด ซึ่งมันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าจบสิ้นแล้ว ชีวิตน้องครูซ

“...”

“...ฮึก”

สุดท้ายผมก็ร้องไห้ในความอ่อนด๋อยของตัวเอง ให้ตายสิ นี่มันเดทแรกในชีวิตไม่ใช่เหรอ ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ได้นะ แล้วดิออนเป็นใครก่อนถึงพยายามมาจับแวมไพร์รักสันติอย่างผม

ผมไม่อยากอยู่แล้ว จะจับผมปิ้งก็เชิญ

ผมยอมแพ้แล้ว ลาก่อนโลกที่แสนสวยงาม แงงงงงงง ผม ผมจะไม่ได้เห็นมันต่อไปอีกแล้ว พวกวาติกันใจร้ายมันจะจับผมไปปิ้งกันเป็นค้างคาวปิ้งแน่นอน

“ฮืออออ”

ผมก้มหน้างุดน้ำตาแตก ไม่คิดว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้อยู่บนโลกใบนี้ ฮึก ถ้ารู้นะ ก่อนออกจากบ้านผมจะแอบเอาช็อกโกแลตของสมาคมมากินเยอะๆ เลย

“ก็บอกว่าอย่าร้องไง”

กว่าผมจะรู้ตัวว่าดิออนเปลี่ยนมานั่งข้างๆ ก็ตอนที่มันแย่งผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาให้ผม ซึ่งมันเช็ดยังไงก็ไม่หมดหรอก เพราะท่อน้ำตาผมแตกแล้ว

ผมร้องไห้จนแสบตาและสะอื้นจนตัวโยน

“นาย นายเป็นใครกันแน่ ฮึก”

ผมถามเสียงสั่น อย่างน้อยๆ ก่อนตายผมก็อยากรู้ไงว่าคนที่จะพาผมไปโดนปิ้งเป็นใคร

“แฟนพี่”

มันพูดหน้านิ่งๆ แล้วก็ยังพยายามเช็ดน้ำตาให้ผมที่ตอนนี้ชุ่มผ้าเช็ดหน้าจนมันเปลี่ยนเอาผืนใหม่ที่เป็นสีน้ำเงินมาซับให้ผมแทน

ให้ตายเหอะ มันตามสืบจนรู้เลยเหรอว่าผมร้องไห้เก่งมาก

เกินอ่ะ เกินไปแล้ว เกินไปจริงๆ ขนาดผมเป็นแวมไพร์ผมยังไม่เคยตามสืบหรือสนใจเลยนะว่าใครเป็นตัวอะไรบ้าง แบบชีวิตมัธยมมันไวจนผมขี้เกียจจำอ่ะ ลำพังแค่ลำดับญาติตัวเองผมยังจำไม่ค่อยได้เลย

“ฮึก จะ จับพี่ไปทำอะไร”

ผมตัวสั่นหงึกๆ ช้อนตามองมัน

“ผมแค่ถามเฉยๆ ไม่ได้จะทำอะไรเลย”

ดิออนขมวดคิ้วมองผม

“หยุดร้องได้แล้ว ผมไม่ฆ่าพี่หรอก”

“..นาย นายเป็นวาติกันเหรอ”
   
ผมสะดุ้งตอนที่มันแกะกระดุมคอเสื้อตัวเองแล้วเลิกออกให้เห็นรอยสักกับสร้อยคอไม้กางเขนของพวกวาติกัน ซึ่งมันก็ทำให้ผมตัวสั่นหนักกว่าเดิมอีก
   
ตายแน่ๆๆๆๆ
   
ผมสั่นจนฟันกระทบกันดังกึกๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่ผมได้เจอวาติกันในระยะไม่ถึงห้าเมตรแบบนี้ แล้ว แล้วไอ้รอยสักตรงอกเมื่อกี้อ่ะ มันเป็นของพวกวาติกันระดับสูงเลยไม่ใช่เหรอ
   
ผม ผมจะเป็นลมแล้ว
   
“กลัวอะไรนักหนา ผมไม่ได้จะมาจับพี่ ผมมาจีบพี่”
   
ดิออนดึงมือผมที่จับแล้วลูบเหมือนอยากให้ผมใจเย็นลง ซึ่งผมคงจะใจเย็นลงหรอก
   
วาติกันเชียวนะ! วาติกันที่ชอบจับแวมไพร์ไปทรมานเล่นอ่ะ ผมจะเอาปัญญาไหนไปรอดกัน
   
ผมสะอื้นมองหน้าดิออน
   
หล่ออ่ะ
   
;w;
   
ทำไมวาติกันหล่อจัง ไม่สิ คำถามคือผมจะเอาตัวรอดยังไงก่อนจากสถานการณ์นี้ สิ่งที่ผมต้องทำคือต้องโทรหาพ่อเหรอ แต่ถ้าพ่อมาพ่อก็รู้อ่ะว่าผมแอบมาเดทกับวาติกัน
   
แง เครียดอ่ะ แล้วผมก็หิวแล้วด้วย
   
ผมเลิกสะอื้นแล้วทำหน้าซึมใส่ดิออน ยอมแพ้โดยดุษณี
   
“..ก่อนตาย พี่ขอกินสักหน่อยนะ”
   
ผมพูดเสียงเบาช้อนตามองมันด้วยสีหน้าที่น่าสงสารที่สุดในชีวิต
   
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ทำอะไร”
   
แต่ดิออนก็ยังคงทำหน้ายักษ์ใส่ผมเหมือนเดิม แต่มันก็ยอมปล่อยมือผมไปลวกพวกเนื้อกับผักให้ (ซึ่งเขาเอามาเสิร์ฟตอนนี้ก็ไม่รู้นะ)
   
ผมนั่งห่อตัวตัวสั่น ไม่กล้าวางใจดิออน ถึงมันบอกว่ามาจีบผม แต่คำจีบกับจับก็ต่างกันแค่สระเท่านั้นเอง มันอาจจะจีบผมเพื่อจับก็ได้ แล้วถึงตอนนั้นผมก็จะกลายเป็นมื้อดึกให้กับพวกวาติกันใจร้าย
   
ดิออนคีบพวกเนื้อที่ลวกแล้วจนสุกแล้วไว้บนจานก่อนที่จะยื่นตะเกียบให้ผม
   
“นาย นายจะไม่บังคับให้พี่คืนร่างเป็นค้างคาวแล้วจับพี่มาทำเป็นชาบูใช่ไหม”
   
มือผมสั่นมากเพราะแค่คิดผมก็กลัวขึ้นสมองแล้ว
   
ช่วยด้วย ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยกลัวการกินชาบูขนาดนี้มาก่อนเลย แค่จินตนาการว่าผมโดนโยนใส่น้ำหมาล่าไม่ก็น้ำดำก็รู้สึกอร่อยแล้ว ไม่สิ กลัวแล้ว!!!
   
“เนื้อ เนื้อค้างคาวไม่อร่อยหรอกนะ ถ้า ถ้ากินเยอะๆ ก็ท้องเสียด้วย”
   
ท้องเสียหรือเปล่าไม่รู้ แต่ผมต้องทำตัวให้ดูเหมือนไม่อร่อยก่อน ดิออนจะได้ไม่อยากกินผม
   
“…”
   
แล้วทำไมผมยิ่งพูด ดิออนมันยิ่งทำหน้าเหนื่อยใส่ผมวะ
   
“ห้ามทำเหนื่อยใส่พี่นะ ถึงจะไม่อร่อยแต่ก็ห้ามทำหน้าแบบนี้”
   
ผมหน้ามุ่ยใส่มัน
   
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่กิน”
   
“สัญญาก่อน”
   
ผมยกนิ้วก้อยขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง
   
“อืม สัญญา”
   
แล้วมันชะงักไปสักพักแต่ก็ยอมเกี่ยวก้อยสัญญากับผม ซึ่งผมไม่รู้ว่าสัญญาใจนี่จะได้ผลจริงไหม แต่มือมันอุ่นชะมัดเลยอ่ะ
   
“…”
   
ผมหน้าแดงอีกรอบเพราะพอผมจะดึงมือออก มันก็ไม่ปล่อยและเปลี่ยนมากุมมือผมไว้หลอมๆ ซึ่งผมก็เงยหน้ามองมันงงๆ ไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้เท่าไหร่
   
“เชื่อผมเถอะ”
   
มันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
   
“ผมชอบพี่จริงๆ ”
   
“…อือ”
   
ผมก้มหน้างุดเริ่มรู้สึกว่าคิดผิดที่ไม่ยอมเป็นชาบูค้างคาวให้ดิออนกิน เพราะพอมันสารภาพว่าชอบผมอีก ผมก็เขินจนหน้าร้อนไปทั้งหน้าแล้วอ่ะ
   
ไหนจะเรื่องที่มันเป็นวาติกันอีก ถ้าพ่อรู้ว่าผมแอบมีแฟนเป็นวาติกัน ผมตายแน่
   
;w;
   
ทำไมชีวิตของผมต้องเจอแต่เรื่องเครียดๆ ตลอดเลยอ่ะ
   
แงงงงงงงงงง

---------
 :katai5:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; - ตอนพิเศษ หยุดแกล้งพี่สักที! (2)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-09-2020 21:08:10
ความครูซ..ซซซซซซซซว    :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; - ตอนพิเศษ หยุดแกล้งพี่สักที! (2)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-09-2020 08:14:15
ครูซน่ารัก
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; - ตอนพิเศษ หยุดแกล้งพี่สักที! (2)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 27-09-2020 20:28:00
น่ารักดีเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 27 14/12/20 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 14-12-2020 10:11:20
ตอนที่ 27

   
หลังจากผ่านประสบการณ์การแพ้ท้องมาสองรอบ
   
ผมให้รอบนี้เป็นรอบที่ผมแพ้ท้องหนักที่สุด
   
;w;

   

“ตั้งใจเรียนนะ!”
   
ผมโบกมือหยอยๆ ให้ลูกด้วยท่าทางปกติ ซึ่งพอผมแน่ใจแน่ๆ ว่าลูกไม่เห็นผมแล้ว ผมก็กลับเข้าสู่สภาวะที่ควรจะเป็น ขอบตาผมเริ่มร้อนผ่าวตอนที่หันไปหันมาแล้วไม่เห็นดิออนอีกแล้ว
   
ช่วยด้วย ผมจะร้องไห้อีกแล้ว แต่ผมก็ร้องไม่ได้เพราะผมยังอยู่ข้างนอกอยู่เลย แถมยังมีคนมองเต็มไปหมด ถ้าเกิดผมร้องไห้ขึ้นมาอีก ลูกจะต้องโดดเรียนมาเฝ้าผมอีกแน่เลยอ่ะ
   
แน่นอนว่าผมยอมให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้ เลยต้องพยายามฮึบเอาไว้ ทั้งๆ ที่น้ำตาผมจะแตกอยู่แล้ว ให้ตายเถอะ ถ้าเป็นผมอายุน้อยกว่านี้ ผมจะร้องไห้ตายไปเลย
   
คือปกติถ้าผมเศร้ามากๆ ผมจะกินอะไรหวานๆ ย้อมใจไง แต่รอบนี้ผมกินไม่ได้ ไม่ใช่เพราะโดนห้ามกินแต่เป็นเพราะผมกินไม่ได้เลย มันกินแล้วผะอืดผะอมอ่ะ งงมาก ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเป็นแบบนี้กับของหวานมาก่อน มันแย่ยิ่งกว่าเป็นค้างคาวแล้วโดนประตูหนีบอีก
   
ผมคิดถึงช็อกโกแลต คิดถึงขนม คิดถึงทุกๆ อย่างเลย!!
   
ผมคิดเศร้าๆ ระหว่างที่เดินต๊อกแต๊กกลับห้อง และผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าดิออนหายไปเพราะติดประชุมด่วนตั้งแต่เช้า  เหมือนช่วงนี้ใกล้จะเป็นช่วงที่ต้องอะไรสักอย่างเพื่อกระชับมิตรระหว่างสมาคม ถ้าไม่ติดว่าผมท้องอยู่ก็คงเป็นผมที่ต้องไปเข้าประชุมอ่ะ
   
และแน่นอนว่าผมเกลียดการประชุมที่ต้องใช้สมองที่สุด แล้วยิ่งต้องเจอคนนอกสมาคมก็ยิ่งมีแต่เรื่องให้ปวดหัวอ่ะ ถึงจะบอกว่าเป็นงานกระชับมิตรก็เหอะ แต่ก็อารมณ์เหมือนงานกีฬาสีอ่ะ ปากบอกเพื่อความปรองดองรักใคร่แต่จริงๆ คือแย่งชิงความเป็นที่หนึ่งกันเอง
   
แถมรอบนี้ก็เป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายร้อยปีด้วยมั้ง เชิญทั้งสมาคมแวมไพร์ หมาป่า เซนทอร์ นู่นนี่นั่นมาเต็มไปหมด เพราะเหมือนสมาคมผมจะมีเป็นสถานที่พบปะที่มาง่ายที่สุด แถมหลังๆ สมาคมก็รวยเอาๆ เพราะน้องผมเจาะตลาดพวกมนุษย์เก่งมากจนผมเริ่มสับสนแล้วว่านี่มันสมาคมแวมไพร์หรือบริษัทอะไรสักอย่างกันแน่
   
เฮ้อ แล้วช่วงนี้ผมก็รับภารกิจอะไรไม่ได้ด้วย ไม่มีอะไรให้ทำนอกจากร้องไห้ไปวันๆ ซึ่งผมก็ทำสิ่งนี้ได้ดีมากตอนอยู่ในห้องกับดิออนสองคน
   
“…”
   
ผมรีบเดินหลบเข้ามุมเพราะน้ำตาผมไหลอีกแล้ว!
   
;w;
   
ผมไม่น่านึกถึงดิออนเลยอ่ะ ผมเริ่มงอแงอีกแล้ว แถมตรงนี้ก็ไม่มีใครโอ๋ด้วยนอกจากผมที่ต้องโอ๋ตัวเอง แบบท้องรอบก่อนๆ ผมก็ไม่ขี้แยขนาดนี้อ่ะ ไม่รู้ทำไมรอบนี้ฮอร์โมนผมถึงแปรปรวนเป็นพิเศษ
   
ผมพยายามใช้หลังมือเช็ดน้ำตาออกแต่มันก็ไม่หยุดไหลสักที ช่วงนี้ผมก็นอนไม่ค่อยหลับด้วย ทั้งๆ ที่ปกติผมหัวถึงหมอนก็สลบแล้วอ่ะ
   
ทำยังไงดี
   
ผมคิดเศร้าๆ เพราะฮึบยังไงมันก็ไม่ยอมหยุดไหลอ่ะ จะโทรเรียกดิออนก็กลัวมันติดประชุม คือตอนนี้ยังไงผมก็ต้องหยุดร้องไห้ให้ได้ก่อน สภาพแบบนี้ยังไงก็กลับห้องไม่ได้
   
จะใช้พลังกลับห้องก็ไม่ได้อีก แบบท้องรอบนี้ผมแทบจะใช้พลังอะไรไม่ได้เลย เรียกเจ้าลูกสมุนมาให้ลูกผมเล่นยังไม่ได้ด้วยซ้ำ ที่ทำได้ก็คงจะมีแค่คืนเป็นร่างค้างคาวแล้วซ่อนตัวอยู่ที่แถวนี้จนกว่าดิออนจะมารับอ่ะ
   
ให้ตายสิ แค่หยุดร้องไห้เองทำไมมันยากจัง
   
ผมพยายามเช็ดจนรำคาญตัวเอง ไม่รู้ดิออนทนผมร้องไห้เกือบทุกเช้าได้ไง แต่ผมก็ยังร้องอยู่ดี แบบถ้าน้ำตาผมเป็นเลือดก็คงจะหมดตัวไปนานแล้วอ่ะ
   
และเพราะทำอะไรไม่ได้ ผมเลยต้องปลอบตัวเองเซ็งๆ
   
หยุดร้องได้แล้ว ครูซ ร้องตอนนี้ก็ไม่มีใครโอ๋หรอกนะ!
   
ไม่สิ ผมจะปลอบตัวเองแบบนี้ไม่ได้ เพราะมันทำให้เศร้ากว่าเดิมอีก ดิออนช่วยด้วย ผมไม่ไหวแล้ว ผมต้องการความรักจากมันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นผมคงได้ร้องไห้จนเป็นลมอ่ะ แงงงงงงง
   
;w;
   
ทำไมชีวิตผมถึงต้องมีแต่เรื่องซวยๆ ตลอดเลยนะ
   
“ครูซ!”
   
ผมไม่รู้ว่าตัวเองยืนร้องไห้นานแค่ไหนแล้ว แต่รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงดิออนจากข้างหลังแล้วโดนมันดึงไปกอด ซึ่งก็น่าจะมีคนโทรไปฟ้องน้องผมแหละว่าผมยืนอยู่ที่เดิมนานเกินไป น้องก็เลยส่งดิออนมาเก็บผมกลับห้อง
   
ให้ตายเหอะ ดิออนเหมือนรับไม้ต่อจากน้องอ่ะ ตามดูแลผมตลอด
   
“ไม่ร้องนะ”
   
ดิออนใช้ตัวใหญ่ๆ ของมันบังผมจากสายตาคนอื่น มันรีบหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้ผมซึ่งมันก็ชะงักไปสักพักตอนที่เห็นมือชุ่มน้ำตาของผม
   
“ประชุมเสร็จแล้วเหรอ”
   
ผมช้อนตามองมัน รู้สึกเจ็บตามาก
   
“อืม”
   
มันตอบในลำคอ สีหน้าดูกังวลที่สภาพผมแย่มาก แบบถ้าพ่อมาเห็นแล้วคิดว่าดิออนมันทำผมร้องไห้ มันได้โดนไล่ออกจากสมาคมวันนี้แน่นอน
   
“ร้องไห้ทำไม”
   
ดิออนดึงมือผมไปจูบพยายามปลอบผมที่ยังซึมไม่เลิก
   
“คิดถึงนายอ่ะ”
   
ผมงอแง ช่วงนี้ผมติดมันมาก ติดจนถ้าไม่เจอเกินสามชั่วโมงก็จะร้องไห้แบบนี้แหละ ไม่รู้ว่าจะติดอะไรกันนักหนา นอนด้วยกันทุกวันยังคิดถึงอีก
   
“ยืนตรงนี้มานานแค่ไหนแล้ว”   
   
“ไม่รู้อ่ะ ส่งลูกเสร็จผมก็มาหลบแถวนี้”
   
“...”
   
สีหน้ามันเครียดกว่าเดิมจนผมเริ่มเครียดตาม
   
อย่าเครียดสิ ให้คนที่งอแงมีแค่ผมก็พอแล้ว!
   
“ผมหยุดร้องแล้วน่า”
   
แค่เห็นหน้ามันผมก็เลิกซึมละ
   
“เดินกลับไหวไหม”
   
มันลูบหัวผมเบาๆ ซึ่งมันก็ถามได้รู้ใจผมมาก เพราะผมใช้พลังงานไปกับการร้องไห้หมดแล้ว
   
ผมไม่รอให้มันถามอะไรเพิ่ม คืนร่างค้างคาวแล้วให้มันเอาผมไปยัดในกระเป๋าเสื้อข้างใน ที่ประจำของผมเวลาไม่อยากเจอใครแต่ก็ยังอยากไปกับดิออน แล้วบางทีผมก็เผลอหลับไปนานจนดิออนมันก็ลืมว่าเอาผมไปด้วย คือตื่นมาอีกทีอยู่ในตะกร้าเสื้อผ้าแล้ว
   
ดีที่ปกติดิออนมันจะเช็คก่อนว่าผมอยู่ในตะกร้าไหม ไม่งั้นผมคงจะเป็นแวมไพร์ตัวแรกในประวัติศาสตร์ที่ตายเพราะเครื่องซักผ้าอ่ะ
   
กี้!
   
ผมร้องออกมาหลังจากโผล่หน้าจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมาถูหน้ากับนิ้วมัน
   
ให้ตายเหอะ มันใจดีชะมัดเลยอ่ะ
   
ผมจะร้องไห้อีกรอบแล้วเนี่ย
   
“หลับไปก่อน เดี๋ยวถึงห้องแล้วจะปลุก”
   
กี้!
   
ไม่บอกผมก็หลับอยู่แล้ว เหนื่อยจะแย่แล้วเนี่ย ผมเชื่อเลยว่าถ้าดิออนมาช้ากว่านี้อีกสักชั่วโมง ผมคงเป็นลมให้ใครสักคนหามไปห้องพยาบาลแน่นอน
   
ให้ตายเถอะ ผมอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมจะแย่แล้ว
   
เจ้าจิ๋วนี้จะเป็นจิ๋วสุดท้ายจากผมแน่นอน
   
ผมขี้เกียจแพ้ท้องแล้ว!

   

พอถึงห้องผมก็หลับไปนานมาก ตื่นมาอีกทีลูกก็นอนแล้ว เหลือแต่ดิออนนั่งอ่านเอกสารอะไรสักอย่างอยู่ ผมหาวหวอดง่วงๆ แล้วรีบคืนเป็นร่างมนุษย์ไปอ้อนมัน หลังจากที่ร้องไห้เพราะมันจนเหนื่อย
   
“ยังไม่หายง่วงอีกเหรอ”
   
ดิออนถามผมหลังจากที่ผมมุดไปนั่งตักมันแล้วเผลอหาวออกมาอีกรอบ
   
“อื้อ”
   
ผมดึงแขนข้างนึงของมันมากอดแล้วซุกกับแขนมันจนมันหัวเราะเบาๆ
   
“ดิออน”
   
“ว่า”
   
มันถามผมเสียงนุ่มจนผมเริ่มเขิน
   
“รอบนี้น้องผมให้นายทำอะไรเหรอ”
   
ถ้าให้ทำเยอะเกิน ผมเอ็ดน้องผมแน่!
   
“ถ้าวันจริงก็แค่ช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยในงานเฉยๆ แล้วก็อาจจะได้ลงประลองกับสมาคมอื่นบ้าง”
   
“ให้ตายสิ ทำไมต้องมาจัดตอนผมท้องด้วยนะ”
   
ผมบ่นอุบเพราะบางทีผมก็อยากเท่บ้าง แบบยังไงช่วงจัดงานลูกก็ต้องลามาร่วมงานอยู่แล้ว ผมที่ปกติทำตัวไร้สาระไปวันๆ ก็อยากให้ลูกรู้ว่าจริงๆ ผมก็ทำอย่างอื่นเป็น!
   
ถึงลูกจะรู้อยู่แล้วก็เหอะว่าผมเป็นยังไง แต่ผมก็อยากโชว์พลังบ้างอ่ะ ท้องแบบนี้ทำไรไม่ได้นอกจากนั่งให้กำลังใจดิออนอยู่ข้างสนามอ่ะ และต่อให้ผมอยากลงดิออนก็ไม่ยอมแน่นอน
   
“ถ้าอยากประลองก็ค่อยงานหน้าก็ได้ ให้น้องจัดแข่งเพื่อนายเลย”
   
ดิออนลูบหัวผมและอ่านใจผมออกเหมือนเดิม
   
“ขอดูหน้าหน่อย”
   
มันพึมพำพูดเสียงเบา วางเอกสารที่มันอ่านอยู่บนโต๊ะแล้วจับหน้าผมให้เงยหน้าสบตากับมัน ซึ่งพอมันเห็นหน้าผม มันก็ขมวดคิ้วเพราะตาผมบวมมาก
   
“เจ็บไหม”
   
“นิดหน่อย”
   
ผมงึมงำตอบเพราะจริงๆ ก็เจ็บอยู่อ่ะ วันนี้ผมร้องหนักเพราะมันกว่าจะเจอมันก็ปาไปตั้งหลายชั่วโมง ปกติผมร้องไห้โดนมันกอดปลอบแปปเดียวก็หยุดร้องแล้ว
   
ซึ่งสีหน้าดิออนก็ดูเครียดกว่าเดิมเพราะยังไงช่วงนี้มันก็น่าจะยุ่งกับเข้าไปประชุมอยู่แล้ว และอาจจะไม่ได้อยู่กับผมได้ตลอดเหมือนช่วงที่ผ่านมา คือตำแหน่งมันก็ค่อนสำคัญ จะหาคนอื่นมารับช่วงแทนก็ยาก แบบต่อให้วันจริงมันจะมีหน้าที่แค่รักษาความเรียบร้อยแต่ช่วงก่อนหน้านั้นก็ต้องมีคนช่วยน้องผมวางแผนจัดงานอยู่ดี
   
และคนที่วางแผนเก่งมากๆ ก็คือไอ้คนที่ทำหน้าดุจนผมจะร้องไห้อีกรอบคนนี้เนี่ยแหละนะ
   
“ผมจะร้องไห้แล้วนะ ถ้านายยังไม่เลิกทำหน้าแบบนี้”
   
คือดิออนมันยิ่งแก่ยิ่งหน้าดุอ่ะ พอๆ กับพ่อผมเลย ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นแฟนผม ผมก็ไม่กล้าคุยด้วยหรอกนะ
   
“ก็ช่วงนี้นายร้องไห้ทุกวันเลย”
   
“นายห้ามร้องตามนะ ไม่งั้นไม่มีใครปลอบให้ผมหยุดร้องได้แล้ว”
   
ผมดึงมือมันมาแนบกับแก้มแล้วช้อนตามองมันด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะเรื่องที่ผมจะพูดกับมันต่อจากนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก และผมไม่เคยคุยกับมันเรื่องนี้มาก่อนเลย
   
“ดิออน”
   
“ครับ”
   
มันตอบผมเสียงหวานจนผมเขินเกือบจะลืมว่าจะพูดว่าอะไร
   
“..คนนี้ผมให้เป็นคนสุดท้ายแล้วนะ”
   
“อืม”
   
ดิออนยิ้มบางๆ ให้ผม
   
“ฉันแล้วแต่นายอยู่แล้ว”
   
“แต่ยังไงแวมไพร์ก็มีลูกเกินสามคนไม่ได้อยู่แล้วอ่ะ แม่ผมบอกอยู่”
   
ถ้ามากกว่านี้ร่างกายผมน่าจะรับไม่ไหวแล้ว ไหนจะเรื่องที่ผมแก่แล้วอีก ให้ตายเถอะ ผมบ่นเรื่องตัวเองแก่กับแม่บ่อยกว่าที่แม่บ่นว่าแก่กับผมอีก
   
“ฉันก็ไม่อยากเห็นนายร้องไห้แล้ว”
   
ดิออนมันดึงมือมันคืนแล้วโน้มตัวลงมาจะจูบผม
   
ผมหัวเราะคิกคักแล้วหลับตาให้มันจูบ ที่ผิดคาดนิดหน่อยคือรอบนี้มันจูบเปลือกตาของผมก่อน
   
;w;
   
เขินอ่ะ
   
มันจูบทั้งสองข้างเบาๆ แล้วไล่พรมจูบจมูกผมจนถึงแก้ม ซึ่งยิ่งมันจูบผมก็ยิ่งหน้าร้อนขึ้นเรื่อยๆ
   
“พอแล้ว”
   
ผมดันหน้ามันออกแล้วก้มหน้างุด เขินม้วน ให้ตายเหอะ นี่ผมเขินเหมือนเพิ่งคบกับมันวันแรกอ่ะ ไม่สิ ตอนมันจูบผมครั้งแรกผมยังไม่เขินมันขนาดนี้เลยมั้ง
   
ทำไมมันยิ่งแก่ยิ่งฮ็อตอ่ะ ทีผมแก่แล้วมีเสียงกร็อบๆ แถมยังปวดหลังอีก งง
   
“ขี้โกง”
   
ผมบ่นมันที่วางคางอยู่บนไหล่ผมแล้วกอดผมหลวมๆ
   
“ขี้โกงอะไร”
   
มันกระซิบถามผม
   
“นายแก่แล้วเท่อ่ะ”
   
ส่วนผมเหรอแก่แล้วเหมือนเยลลี่ เหลวๆ ย้วยๆ ไปวันๆ
   
“เหรอ”
   
มันตอบผมกลั้วหัวเราะแล้วจูบคอผม
   
“นายก็น่ารักเหมือนเดิม”
   
“ไม่จริงสักหน่อย นายตอบเอาใจผมใช่ไหมล่ะ”
   
“ไม่เชื่อจริงๆ เหรอ”
   
ผมกำลังจะพูดต่อก็พูดไม่ได้เพราะมันแกล้งเอาตอหนวดแหลมๆ ที่ผมเพิ่งโกนให้มาถูใส่คอผมจนผมหัวเราะคิกคักออกมาเพราะมันจั๊กจี้มาก
   
“พอแล้ว เดี๋ยวผมหายใจไม่ทัน”
   
ผมพยายามดันหน้ามันออกซึ่งมันก็ยอมแต่ก็ไม่วายจูบคอผมหนักๆ ทิ้งท้ายอยู่ดี
   
“ผมน่ารักขนาดนั้นเลยเหรอ”
   
คนที่ยังชมผมว่าน่ารักตอนนี้ก็เหลือแค่ดิออนแล้วอ่ะ ไม่รู้ว่าโดนผมมอมหรือยังไง แบบคนอื่นก็เฉยๆ แล้วเพราะผมต้องเก๊กเพื่อรักษาภาพลักษณ์ไว้บ้าง (หรือไม่มีตั้งแต่แรกแล้วก็ไม่รู้)
   
“ก็น่ารัก”
   
“อิออน!”
   
แล้วก็ไม่รู้ว่ามันเขี้ยวอะไรผมอีก มันฟัดผมอีกแล้ว
   
“เชื่อแล้วๆ ”
   
พอแล้ว ตัวผมจะช้ำแล้ว ช่วยด้วย
   
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มีประชุมตอนเช้าอีก”
   
มันบ่นเซ็งๆ เพราะรู้ว่าคงจะปล่อยผมไว้คนเดียวไม่ได้
   
“น่าจะนานกว่าวันนี้อีก นายจะตื่นไปประชุมด้วยไหม”
   
“ผมตื่นเช้าๆ ไม่ไหวอ่ะ”
   
ท้องรอบนี้คือตารางเวลาร่างกายผมรวนมาก ขนาดนอนไปเยอะแล้วผมก็ยังง่วงอยู่ดี และผมก็เชื่อว่าพรุ่งนี้เช้าถ้าผมตื่นมาไม่เจอดิออน ผมก็น่าจะร้องไห้เหมือนเดิม
   
ให้ตายเถอะ ผมว่าถ้าเจ้าจิ๋วในท้องผมออกมาเมื่อไร คงมีคนมาท้าชิงตำแหน่งแวมไพร์ขี้แงที่สุดในสมาคมแน่นอน
   
“งั้นชดเชยไปก่อนได้ไหม”
   
“อือ”
   
ชดเชยไปยังไงพรุ่งนี้มันก็ต้องปลอบผมอยู่ดีแหละ แต่ก็คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ เพราะผมชอบโดนมันเอาใจที่สุด
   
“แค่จูบก็ได้ นายยังทำงานไม่เสร็จเลย”
   
ผมมองเอกสารอีกเป็นตั้งที่ดิออนน่าจะได้มาจากน้องแล้วรู้สึกปวดหัวแทน จริงๆ น้องผมก็น่าจะส่งเป็นไฟล์ให้แหละ แต่ดิออนก็น่าจะเหมือนผม ปวดตาเวลามองโทรศัพท์เยอะๆ
   
แง แก่แล้วไม่ดีเลย ขอย้อนกลับไปอายุสามร้อยเหมือนเดิมได้ไหม
   
“อืม”
   
มันรับคำอย่างว่าง่ายแล้วก้มลงจูบผมเบาๆ ไม่มากไปกว่านั้น
   
ผมหลับตาแล้วกอดคอมันหลวมๆ ไม่ยอมให้มันผละออก
   
รู้สึกดีชะมัดเลย ถึงตัวมันจะไม่อุ่นเหมือนตอนเป็นมนุษย์แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยมากเลยอ่ะ เหมือนกับว่ามันสามารถปกป้องผมจากทุกความเลวร้ายบนโลกได้ รวมถึงความซวยไม่หยุดของผมด้วย
   
ถึงโลกนี้จะชอบใจร้ายกับบ้าง แต่ส่งดิออนมาให้ผมก็คงไม่ใจร้ายเกินไปแหละนะ!
   
ผมยอมผละออกก่อนเพราะรู้ว่ามันก็คงตามใจผมอีก ถ้าผมอยากจูบไปเรื่อยๆ มันก็จะปล่อยให้ผมทำ แต่ผมก็ยังไม่ลืมไงว่ามันต้องทำงานเลยปล่อยมันกลับไปทำงาน แล้วมานั่งจัดตัวเองใหม่ให้นั่งพิงอกมันเพื่อหลับอีกรอบ
   
ผมไม่ยอมกลับไปนอนบนเตียงคนเดียวหรอก
   
ผมยิ้มออกมาตอนที่หาหลับที่สบายที่สุดบนตัวมันได้ แล้วปล่อยให้มันกอดผมหลวมๆ ทำงานต่อ
   
“นายก็อย่านอนดึกเกินไปนะ”
   
ผมพึมพำบอกมันทั้งๆ ที่ตัวเองตาปรือแล้วและคงจะสลบภายในห้านาที่ข้างหน้า
   
“ครับ”
   
ผมหลับตาหยีเพราะมันจูบหัวผมเบาๆ
   
“ฝันดีครับ”
   
มันกระซิบบอกผม ผมที่กำลังจะบอกฝันดีเหมือนกัน
   
ภาพก็ดันตัดไปก่อน
   
;w;
   
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 28 14/12/20 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 14-12-2020 10:17:14
ตอนที่ 28

   
“ยินดีต้อนรับครับ ขอให้สนุกกับงานนะครับ”
   
“…”
   
ผมที่ทำใจเดินเตร็ดเตร่อยู่ในงานคนเดียวไม่ได้ เลยเดินมาดูดิออนที่น่าจะกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงครอบครัว (?) แต่เหตุผลใหญ่ๆ ก็คงเป็นเพราะผมอยากเห็นหน้าดิออนแหละนะ
   
ผมแอบชะเง้อมองดิออนจากหลังเสาได้ยินเสียงยินดีต้อนรับเป็นพักๆ แต่ไม่ได้ยินเสียงมันสักคำ
   
“!!”
   
ผมสะดุ้งเพราะอยู่ๆ มันก็หันมาสบตากับผมพอดีเหมือนสัมผัสได้ว่าผมจะมา ผมยิ้มจนตาหยีให้มันที่ยืนคุมเชิงอยู่ข้างๆ กับคนคอยต้อนรับแขก ซึ่งหน้ามันก็ดุมากจนถ้าผมเป็นคนที่ตั้งใจจะมาก่อกวนคือร้องไห้แล้วหนีกลับบ้านอ่ะ
   
“ก็ได้ กลับไปนั่งก็ได้”
   
ผมบ่นอุบเพราะผมก็สัญญากับดิออนไว้แหละว่าจะนั่งเฉยๆ ในงาน ไม่ซน คือถ้าพลังผมเสถียรเหมือนท้องรอบอื่นๆ มันก็คงปล่อยผมวิ่งทั่วงานแหละแต่รอบนี้ไม่ไง มันเลยขมวดคิ้วใส่ผมดุๆ
   
ผมเดินกลับเซ็งๆ ไม่มีอะไรทำ ลูกผมก็ไปอยู่โซนเด็กกันหมด คืองานนี้คนนอกงานเยอะไง แล้วบางปีมันก็พวกชอบมาป่วนงานขโมยตัวเด็กๆ ฉะนั้นการจัดโซนแล้วคุ้มกันแน่นหนาก็น่าจะแก้ปัญหาได้ดีสุด แต่ผมว่าวิธีที่ดีกว่าคือไม่ต้องจัดงานที่มีคนมารวมตัวเยอะๆ แบบนี้อีก
   
ผมหยิบน้ำส้มที่มีคนถือถาดผ่านมาพอดีมาจิบแก้เซ็ง ผมไม่ชอบงานกระชับมิตรอะไรนี้เลยสักนิด รอบก่อนจัดไปงานก็เกือบล่มเพราะพวกหมาป่าตีกันกว่าจะไกล่เกลี่ยได้คือเละไปครึ่งงาน ทั้งพ่อกับน้องผมแทบจะเอาตีนก่ายหน้าผาก ดีหน่อยที่หลังจากนั้นก็ไม่มีเรื่องอะไรอีก จบงานไปได้อย่างสวยงามโดยที่ตั้งแต่ต้นจนจบผมไม่ได้ช่วยอะไรสักอย่างนอกจากให้กำลังใจ
   
“พิธีใกล้จะเริ่มแล้ว”
   
ผมยังไม่ทันเดินกลับไปนั่งเล่นที่เดิม น้องผมก็เดินหน้าเครียดดุ่มๆ มาหาผม
   
“พี่ไม่ต้องทำอะไรไม่ใช่เหรอ”
   
ผมพูดไปจิบน้ำส้มไปและเริ่มรู้สึกว่าน้ำส้มมันเปรี้ยวมาก
   
“ก็ใช่ แต่พี่ก็ต้องไปประจำที่ข้างๆ ผมไง”
   
ผมหน้ามุ่ย
   
“แค่หัวหน้าสมาคมเปิดงานก็พอแล้วไหมอ่ะ”
   
แค่ทุกวันนี้ตื่นมาร้องไห้ทุกวัน ผมก็เหนื่อยแล้วอ่ะ จะให้ไปยืนเก๊กหน้านิ่งอีกคงได้เป็นลม
   
“ไปเหอะน่า แฟนพี่บอกให้ผมเอาพี่ไปด้วย ผมจะได้ดูแลพี่ได้”
   
“ไม่มีใครสนใจพี่หรอกน่า”
   
ผมก็อายุขนาดนี้แล้วอ่ะ ยังมีคนสนใจผมอีกเหรอ แถมตลอดหลายร้อยปีมานี้ผมก็ใช้ชีวิตแบบสันติมาก เป็นมิตรกับทุกอย่างบนโลกใบนี้ ไม่หาเรื่องใครก่อนแต่ถ้าโดนหาเรื่องก็ทุบให้เรื่องจบตรงนั้นนั่นแหละนะ
   
“พี่ครูซ”
   
“ไม่”
   
ผมหน้าบูดกว่าเดิม
   
“พี่ยืนนานๆ ไม่ได้”
   
ถึงท้องผมจะไม่ค่อยนูนก็เหอะ แต่ผมก็ท้องจริงๆ นะ!! เจ้าจิ๋วในท้องผมรอบนี้ก็ทำร่างกายผมอ่อนแอลงมาก จนผมหลังๆ นอนทั้งวันเพราะไม่ค่อยมีแรง แล้วหลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้เป็นคนส่งลูกไปโรงเรียนอีก ได้แค่ช่วยถักเปียกับใส่ชุดนิดหน่อย
   
แล้วสภาพผมก็น่าจะน่าสงสารมาก ถึงขนาดอลิสเก็บเงินซื้อขนมให้ผมกินอ่ะแถมยังวาดการ์ดให้กำลังใจผมด้วย น้ำตาจะไหล ลูกวาดผมกับลูกเป็นค้างคาวแดดเดียว งงมาก ครูให้หัวข้อวาดรูปอะไรมา แต่ลูกวาดให้ผมก็ดีใจแหละ
   
“...”
   
น้องผมขมวดคิ้วกว่าเดิมเพราะก็เหมือนเพิ่งนึกได้ว่าผมยืนนานๆ ไม่ได้ เอาจริง วันนี้ผมควรจะไปอยู่โซนเด็กกับลูกๆ ด้วยซ้ำ แต่ผมก็ดื้อไม่ไปไง โซนนั้นเสียงดังจะตาย แขกที่เอาลูกมาก็ไปฝากไปไว้ที่นู้นหมด แล้วมันก็น่าจะมีโอกาสที่ผมจะได้เจอคนรู้จักเก่าๆ อีก ซึ่งจากประสบการณ์การเจอหลายครั้ง ผมก็พบว่าไม่เจอกันดีที่สุด
   
พวกคำถามชวนคุยมันน่าเบื่อนี่นา ผมเบื่อจะปั้นหน้าแล้ว แก่แล้ว
   
“..ก็ได้”
   
น้องผมถอนหายใจแต่ก็ยังขมวดคิ้วอยู่ แน่นอนว่าผมต้องรีบดักทางเลยก่อนที่น้องจะหาคนมาเฝ้าผม แล้วผมก็จะเดินเล่นทั่วงานไม่ได้
   
“พี่โตแล้วน่า ไม่ต้องเอาใครมาเฝ้านะ”
   
“ดูแลตัวเองด้วย”
   
น้องผมถอนหายใจอีกรอบเซ็งๆ แต่ก็ยอมปล่อยให้ผมไร้สาระต่อแต่โดยดี เพราะความปลอดภัยในงานก็เข้มงวดพอตัว แบบเซนน้องผมอีกคนก็โดนเกณฑ์ไปรักษาความปลอดภัยแบบดิออนอ่ะ เอาจริง ถ้าผมไม่ท้องผมก็ต้องไปเป็นคนประจำจุดต่างๆ เหมือนกัน
   
แต่ตอนนี้ผมค่อนข้างย้วยไง ไม่เผลอหลับตอนเดินก็ดีแค่ไหนแล้ว
   
ผมมองตามหลังน้องที่ใส่ชุดเครื่องแบบแวมไพร์แบบพิธีการไปด้วยความรู้สึกชื่นชม ชุดโบราณๆ เท่ๆ นั่นเคยเกือบจะเป็นของผม แบบถ้าพลังผมตื่นตั้งแต่แรกป่านนี้ผมคงจะเป็นหัวหน้าสมาคมแวมไพร์ไปแล้ว
   
คิดไปคิดมาผมช่วงนี้ก็เหมือนกับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนตอนที่ไม่มีพลังอ่ะ ทำอะไรไม่ค่อยได้นอกจากไร้สาระไปวันๆ แต่ก็ดีแล้วแหละ ถ้าผมไม่กากผมก็อาจจะไม่เจอดิออนก็ได้
   
ใครจะไปรู้ถ้าเกิดผมเป็นหัวหน้าสมาคมแวมไพร์ขึ้นมาผมคงได้ตีกับดิออนแน่ๆ แล้วคงไม่มีการมาประนีประนอมด้วยเพราะพ่อผมคงไม่ยอมให้ผมจีบดิออนอ่ะ และผมก็โคตรเชื่อเลยว่าไม่ว่าผมจะเจอดิออนแบบไหนผมก็คงจะชอบมันมากแน่ แต่ก่อนจะได้จีบก็คือคงได้ตีกันจนตายไปข้างนึงอ่ะ ไม่โรแมนติคเลยสักนิด
   
ร่างกายผมก็นะ เอาแน่เอานอนไม่ได้ พลังไม่เคยจะเสถียร ตอนเด็กก็ตื่นช้า พอตอนท้องก็เป็นแบบนี้อีก ให้ตายเถอะ ดีอยู่อย่างเดียวก็คือหน้าตาอ่ะ
   
ผมลูบหน้าตัวเองแล้วก้มมองชุดตัวเองที่คล้ายๆ ของน้องแต่เป็นชุดพิธีการทั่วไปของแวมไพร์ซึ่งของผมพอใส่ก็ค่อนข้างหลวมอารมณ์แบบชุดคลุมท้องมาก แต่ข้อดีคือใส่แล้วผมดูเป็นผู้เป็นคนมากและจะเท่กว่านี้ถ้าผมได้ลงแข่งประลองด้วย
   
เฮ้อ เสียดายก็เสียดายแหละ แต่เพื่อค้างคาวจิ๋วอีกตัวผมก็ต้องยอมแหละนะ อีกอย่างพ่อผมก็ซื้อของรับขวัญเตรียมเลี้ยงหลานตั้งแต่รู้ว่าผมท้องวันแรกแล้ว
   
ผมซดน้ำส้มที่เหลือที่หยิบมาจนหมดแล้วทิ้งใส่ถังขยะใกล้ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปร่วมงานในพิธีที่มีคนยืนรวมตัวกัน เพราะวงดนตรีเปลี่ยนไปเล่นเพลงพิธีการแล้ว
   
บรรยากาศสบายๆ เมื่อกี้จึงเปลี่ยนไปจริงจังทันตา ผมตัดสินใจนั่งเก้าอี้ใกล้ๆ แล้วแอบมองสำรวจแขกที่มาวันนี้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ แบบรอบนี้คนมาเยอะจริง ไม่รู้ว่าน้องผมส่งบัตรเชิญยังไงคนถึงได้มากันเยอะขนาดนี้ พวกหมาป่าอะไรงี้ก็ปกติไง แต่รอบนี้มีพวกปีศาจหายากมาด้วย พวกซัคคิวบัสยังมาเลย
   
คือแบบถ้าเป็นแบบพวกองค์กรของมนุษย์ก็อารมณ์แบบสหประชาชาติ แต่นี่เป็นพวกไม่ใช่มนุษย์ก็คงเป็นการรวมตัวกระชับมิตรกันเฉยๆ (กระชับมิตรที่หมายถึงตีกันเบ่งใส่กันด้วยงานประลอง) แล้วก็คงเป็นงานแอบขายของของน้องผมด้วย เนี่ยไอ้การ์ดเข้างานก็มีแถมตัวอย่างผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นชุดแจกอีก
   
สรุปแล้วไอ้งานนี้จริงๆ อาจจะเป็นการตลาดแบบเนียนๆ ที่จัดโดยน้องผมก็ได้ เน้นเจาะกลุ่มตลาดชาวไม่ใช่มนุษย์อะไรแบบนี้ ส่วนผลพลอยได้คือชาวไม่ใช่มนุษย์น่าจะรู้สึกรักกันมากขึ้น ถ้าไม่ตีกันตายคาสนามไปก่อนน่ะนะ
   
ผมเท้าคางกับโต๊ะมองประธานในพิธีซึ่งก็คือน้องผมยืนอยู่บนแท่น กำลังพูดเปิดงานด้วยน้ำเสียงสุขุมน่าฟัง ไม่แข็งกร้าวเกินไปและอ่อนน้อมเกินไป เป็นน้ำเสียงที่ให้เกียรติผู้ที่มาร่วมงานทุกคนที่ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนก็ตาม
   
[ ทางสมาคมไม่ได้ต้องการที่จะเป็นผู้นำหรือต้องการเป็นใหญ่อะไร เราเป็นเพียงตัวกลางในการจัดงานชุมนุมปีศาจครั้งนี้เท่านั้น หากมีข้อผิดพลาดประการใดผมในนามของประธานก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ]
   
น้องผมแอบพูดดีแฮะ แต่ก็จริงแหละ สมาคมแวมไพร์จะยิ่งใหญ่ไปทำไมในเมื่อวันๆ ขายแต่ครีมกันแดดอ่ะ แถมสมาชิกในสมาคมก็ไม่ได้เยอะอะไรด้วยพอเทียบกับกลุ่มอื่นๆ ที่มีสมาชิกกันเป็นพันเป็นหมื่น สมาคมแวมไพร์นี้แค่จะครบสี่ร้อยในรอบพันปีได้นี้ก็แทบจะน้ำตาไหลแล้ว
   
แบบแวมไพร์อายุยืนก็จริงแต่มันก็แลกมาด้วยการที่มีลูกยาก ส่วนคนที่ยังมีชีวิตอยู่บางทีก็เหมือนผมคือเบื่อเลยออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกบ้างและจบที่การถูกวาติกันหรืออะไรสักอย่างฆ่า
   
ฟังดูน่าเศร้า แต่ชีวิตที่ยืนยาวขนาดนี้มันก็เป็นอะไรที่น่าเบื่อ ผมว่าถ้าผมเป็นหัวหน้าสมาคมแวมไพร์ก็คงจะเป็นสายออกไปตีกับวาติกันอ่ะ อยู่นิ่งๆ มันน่าเบื่อ แล้วดิออนก็น่าจะเป็นอะไรที่ตีแล้วไม่ตายง่ายๆ ด้วย มันหล่อตรงสเป็คผมขนาดนี้ผมน่าจะขยันออกไปตีอยู่
   
แล้วผมก็คงกะจะตีไม่ตายด้วย ดิออนแพ้เมื่อไหร่ก็จับเป็นตัวประกันเลย แต่ถ้าผมแพ้เหรอ ก็ไม่รู้สิ อาจจะโดนดิออนจับปิ้งกินแล้วน้องผมก็ขึ้นเป็นหัวหน้าแทนผมมั้ง
   
เฮ้อ ว่าไปก็คิดถึงดิออนจัง ผมอยากจะอ้อนมันอีกแล้ว
   
ผมหาวหวอดง่วงๆ แล้วหยิบน้ำองุ่นที่มีคนถือถาดมาพอดีมาจิบต่อ
   
เปรี้ยวอีกแล้ว
   
ถ้าอยู่ห้องผมคงจะแลบลิ้นแล้ว แต่ไม่ได้อยู่ห้องก็ต้องเก๊กจิบต่อเซ็งๆ ไม่รู้ทำไมวันนี้กินน้ำอะไรก็เปรี้ยว ผมอยากได้อะไรหวานๆ มาย้อมใจอ่ะ แต่ท้องแล้วก็กินอะไรไม่ถูกปากสักอย่าง ให้ตายเหอะ
   
“ครูซ?”
   
“...”
   
โอ๊ย ผมว่าผมพยายามเนียนเป็นแขกแล้วนะ ก็ยังมีคนจำผมได้อีกเหรอเนี่ย
   
“ใครอ่ะ”
   
ผมยิ้มแห้ง รู้สึกแห้งมากที่จำคนทักไม่ได้ ผมอายุตั้งพันปีนะเจอคนตั้งเยอะตั้งแยะ ใครจะไปจำได้หมด
   
“นิคไง จำไม่ได้เหรอ”
   
“...”
   
ผมขมวดคิ้วแล้วมองผู้ชายตัวโตวัยกลางคนใส่ชุดลายสก็อตสีแดงปอนๆ ที่มีขนติดเต็มไปหมด ตามแขนมีรอยแผลเป็นใหญ่น่ากลัว ผมสีเทาตัดสั้นดูยุ่งๆ กับตาสีทองที่จ้องมาผมอย่างดุดัน
   
มันเป็นสายตาที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหยื่อที่กำลังถูกนักล่าหมายตาอยู่อ่ะ
   
ผมว่านี่ไม่น่าเรียกว่าทักคนรู้จักแล้วมั้ง บอกผมมาเลยดีกว่าผมเคยเหยียบตีนหรือทำอะไรไว้อ่ะ
   
“นิค นิโคลัส”
   
“มันมีหลายคนอ่ะ”
   
ผมตอบเสียงอ้อมแอ้มแล้วจิบน้ำองุ่นกลบเกลื่อนความกระอักกระอ่วน คือผมจำไม่ได้จริงว่าตัวเองเคยรู้จักคนๆ นี้ตอนไหน แต่ที่แน่ๆ คือยิ้มแล้วดูไม่น่าไว้ใจสักนิด
   
น่ากลัวอ่ะ ผมเคยรู้จักด้วยเหรอ
   
;w;
   
“นึกดีๆ สิ”
   
มันพูดแล้วยิ้มให้ผมมากกว่าเดิม
   
“แต่ต่อให้นึกออกรอบนี้ก็ไม่ใจดีด้วยแล้วนะ”
   
“!!!”
   
ผมเบิกตากว้างเพราะนึกออกแล้ว
   
พวกโกสต์!!!!
   
ไม่เจอกันตั้งนานยังจะจำกันได้อีก งงมาก
   
“กลิ่นนายไม่เหมือนเดิมแล้ว” นิคยิ้มให้ผมแล้วเลียริมฝีปาก “ไม่สิ กลิ่นของนายเปลี่ยนไปต่างหาก ทั้งตัวนายมีแต่กลิ่นไอ้เวรวาติกันนั่น”
   
“...”
   
อะไรอ่ะ เจอกันก็ต้องด่าผัวผมเลยเหรอ หยุดเดี๋ยวนี้เลย ผัวผม ผมด่าได้คนเดียว!
   
ผมหน้าบูด ถ้าไม่ติดว่าพลังผมไม่เสถียรคงได้บวกกันสักรอบแล้ว
   
“ต้องการอะไร”
   
แม่งโคตรคำถามพระเอกถามตัวร้ายเลย ให้ตายเถอะ แต่ผมทำดีกว่านี้ไม่ได้แล้วอ่ะ พลังผมมันแย่มาก จะแอบขอความช่วยเหลือจากดิออนยังทำไม่ได้เลย
   
“ไม่รู้สิ ได้อะไรก็เอามั้ง”
   
นิคหัวเราะและแย่งน้ำองุ่นที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วของผมไปกินต่อ
   
“...”
   
ผมหน้าบูดกว่าเดิม
   
พวกโกสต์นี่เข้าใจยากชะมัดเลย แล้วผมก็มั่นใจด้วยว่าน้องผมไม่น่าจะเชิญพวกตัวปัญหาอย่างโกสต์มาร่วมงานแน่ ผมไม่รู้หรอกว่าพวกนี้หลุดเข้ามาในงานได้ไง แต่พวกโกสต์ก็คงมีวิธีแบบพวกโกสต์อ่ะ
   
โคตรเซ็งเลย ถ้าพลังผมปกติผมจะจับมันโยนออกจากสมาคมไปเลย ผมยอมให้ใครมาล่มงานที่น้องผมตั้งใจจัดไม่ได้หรอกนะ ทุกคนในสมาคมอดหลับอดนอนเพื่องานนี้มาเท่าไหร่ โดยเฉพาะดิออนที่ต้องจากเมียรักอย่างผมไปทำงาน จนผมต้องตื่นมาจมน้ำตาทุกวันเนี่ย
   
ผมยอมไม่ได้หรอกนะ! แต่ถามว่ามีปัญญาทำอะไรไหมก็ไม่อีก
   
“ไม่พังงานนี้ได้ไหม”
   
ผมพูดทั้งๆ ที่รู้ว่าเปล่าประโยชน์แต่ก็อดไม่ได้
   
“ถ้าคิดว่าหยุดพวกเราได้ก็ลองดู”
   
ขนกันมากี่คนวะเนี่ย
   
ผมลูบหน้าตัวเองเครียดๆ และหวังมากว่ามันจะไม่พาดเวนมาด้วย แต่ผมรู้แหละว่ามันมาแน่ ทำไมผมถึงมั่นใจนักเหรอ ก็เพราะผมเป็นแวมไพร์ที่ดวงซวยที่สุดในเรื่องยังไงเล่า!   
   
ซวยซ้วยซวย ซวยเหลือเกิน ทำไมเกิดมาเป็นน้องครูซแล้วต้องซวยขนาดนี้ แล้วไอ้หมาป่านี่รอบนี้มันจะกัดผมไหมอ่ะ ตัวเท่าบ้านขนาดนี้งับผมรอบเดียว แขนผมขาดเลยมั้ง
   
แล้วคำถามคือทำไมผมต้องเป็นคนแรกที่รู้ว่ามีคนแทรกซึมในงานวะเนี่ย
   
“…เฮ้อ”
   
ผมถอนหายใจเซ็งๆ รอบก่อนน้องเอาตีนก่ายหน้าผาก รอบนี้เป็นผมแทนสินะ
   
“เอาน่า ไม่ต้องเครียดขนาดนั้น”

มันหัวเราะแล้วพยักพเยิดไปทางเวที
   
“ก็แค่ยืมเวทีนิดหน่อยเอง อย่างกไปหน่อยเลย”
   
ถ้ามาแบบปกติใครจะไปว่าอ่ะ แล้วพวกโกสต์มันไว้ใจได้ที่ไหนอ่ะ ไม่ขึ้นตรงต่อใครทั้งนั้น นึกอยากไปทุบใครก็ทุบ แล้ววันนี้ก็มาทุบหน้าสมาคมแวมไพร์ไง
   
ผมไม่ตอบแต่แยกเขี้ยวใส่
   
พวกนิสัยไม่ดี!
   
แน่นอนว่ามันไม่สนใจท่าทางไม่พอใจของผมแถมยังไหวไหล่ใส่ผมกวนๆ ก่อนที่ผมจะเห็นมันส่งซิกให้ใครก็ไม่รู้ ทำให้ผมรู้สึกเครียดขึ้นมาทันที
   
คือถ้ามากันเยอะ ผมไม่แน่ใจเลยว่าสมาคมแวมไพร์จะเอาอยู่อ่ะ เพราะพวกโกสต์ที่ปีกกล้าขาแข็งมาจนถึงทุกวันนี้ได้ก็ระดับนึงอ่ะ เป็นศูนย์รวมของพวกหัวกะทิที่ไม่อยากทำงานรับใช้ใครและทำทุกอย่างตามใจตัวเอง ขนาดดเวนแค่คนเดียวพวกวาติกันยังไม่กล้าเผชิญหน้าตรงๆ เลย
   
แล้วหวยมาลงที่ใครก็ลงที่สมาคมแวมไพร์ไง ขยันหาเรื่องเหลือเกิน แล้วก็ชอบมาเจอผมตอนออกไปเดินเล่นพอดี ไม่รู้จะซวยอะไรนักหนา
   
และในระหว่างที่นิคมันไม่สนใจผม ผมก็แอบลูบท้องตัวเองซึมๆ
   
ผมไม่อยากเครียดตอนท้องเลยอ่ะ แง
   
[ ผมในฐานะประธานจะขอเปิดงานชุมนุมปีศาจ ณ บัดนี้---- ]
   
เพลงพิธีการที่ควรจะบรรเลงหลังน้องผมพูดจบกลับกลายเป็นเสียงไมค์หอนยาวๆ ผมมองตรงเวทีถึงเห็นว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญได้ขึ้นไปบนเวทีแล้วเรียบร้อย
   
และแน่นอนไม่ใช่ใครที่ไหน
   
[ สวัสดีสหายทั้งหลาย ]
   
ภาษาโบราณที่เป็นภาษากลางของปีศาจดังขึ้น ซึ่งเป็นภาษาคนละภาษากับที่น้องผมใช้พูดเมื่อกี้ที่เป็นภาษากลางของปีศาจที่ถูกปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัย
   
แน่นอนว่าเพราะความเก่าแก่ของภาษา น้ำหนักการออกเสียง จังหวะการพูด ถ้อยคำในตอนที่พูดนั้นจึงให้บรรยากาศที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
   
“...”
   
ผมมองดเวนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับน้องผมบนเวที ชุดของมันเป็นแบบแวมไพร์ดั้งเดิมแบบเดียวกับที่หลายพันปีก่อนใช้กัน กลิ่นอายรอบตัวมันเต็มไปด้วยพลังความมืดที่ชวนให้สั่นประสาทอีกทั้งยังแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งจองหองของพวกเลือดบริสุทธิ์
   
ให้ตายเถอะ
   
ถึงผมจะเกิดไม่ทันช่วงหลายพันปีก่อนแต่ผมว่าบรรยากาศรวมตัวชุมนุมปีศาจของพวกเขาก็น่าจะเป็นแบบนี้ เสียงของดเวนดังกึกก้องไปทั่วทั้งโถงด้วยพลังของตัวมันเอง ก่อนที่มันจะกวาดตามองคนที่มาร่วมงานและหยุดที่ผม
   
เดี๋ยวก่อน
   
มันจ้องผมทำไม
   
[ สหายเอ๋ย ข้ามาวันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะมาทำร้ายพวกท่านแต่จะมาเชิญชวนพวกท่าน ]
   
“!”
   
ผมเบิกตากว้างเพราะเพิ่งจะรู้ตัวว่าหมาป่าเมื่อกี้มันย้ายมาอยู่ข้างหลังผมและใช้มีดเงินบริสุทธิ์จ่อหัวใจผมอยู่!!!
   
หัวใจผมแทบจะหยุดเต้น เป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปีที่ผมรู้สึกกลัวจนหายใจไม่ออก น้ำตาผมคลอเบ้าเพราะรู้แล้วทำไมน้องผมถึงไม่ทำอะไรกับเหตุการณ์นี้เลย
   
ผมถูกจับเป็นตัวประกัน!
   
ผมอยากจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ร้องไม่ออก และเอามือสั่นๆ ทั้งสองข้างกุมท้องตัวเอง
   
ใจเย็นๆ ครูซ ใจเย็นๆ
   
[ เป็นเวลากี่ศตวรรษแล้วที่เราตกเป็นรองพวกมนุษย์ เป็นเวลากี่ศตวรรษแล้วที่เราต้องใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ ในโลกที่บรรพบุรุษของเราเคยเป็นเจ้าของ สหายเอ๋ย มันถูกต้องแล้วหรือที่เราจะยอมให้มนุษย์อยู่เหนือเราเช่นนี้ ]
   
ผมสบตากับดเวน
   
สายตาที่มันมองผมนั้นเต็มไปด้วยความเหยียดหยามเพราะผมตกหลุมรักมนุษย์
   
[ สำหรับข้ามันไม่ถูกต้อง ]
   
นัยน์ตาของดเวนเปลี่ยนเป็นสีแดงเรืองรองและยังจับจ้องมาที่ผม ราวกับว่าทุกคำที่มันพูด มันกำลังพูดกับผมคนเดียว

[ มนุษย์ไม่มีวันเทียบชั้นกับเราได้ มีเพียงปีศาจเท่านั้นที่เป็นผู้ถือครองโลกใบนี้! สหายเอ๋ย จงเข้าร่วมกับข้า จงอุทิศพลังของท่านเพื่อเปลี่ยนแปลงความอัปลักษณ์นี้ เราจะไม่ยอมให้พวกมนุษย์เป็นใหญ่อีกต่อไป มีเพียงปีศาจเท่านั้นที่จะเป็นใหญ่ในโลกนี้! ]
   
ทุกคนเงียบไปสักพักก่อนที่จะมีใครสักคนส่งเสียงขึ้นมาก่อนที่ทุกคนจะส่งเสียงตามๆ กันเกรียวกราว ดูฮึกเหิมและให้ความสนใจต่อข้อเสนอของดเวนมาก
   
แน่นอนว่าจุดยืนของดเวนนั้นเป็นจุดยืนตรงกันข้ามของสมาคมแวมไพร์
   
ผมกลอกตาใส่ดเวน ไม่คิดจะสนใจข้อเสนอที่ดเวนยื่นให้กับผม เหมือนกับทุกครั้งที่มันพยายามชักชวนผม แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่ผมตอบตกลง
   
ดเวนสนใจผมเพราะอะไร ผมไม่รู้ แต่ที่ผมรู้คือผมไม่มีวันฆ่ามนุษย์หรือใครทั้งนั้น มีบทเรียนในประวัติศาสตร์หลายครั้งที่แวมไพร์พ่ายแพ้ให้กับมนุษย์ เอาจริงๆ ที่แวมไพร์เหลือจำนวนน้อยแค่นี้ก็เพราะชอบไปหาเรื่องมนุษย์ที่มีจำนวนมากกว่าตัวเองไม่รู้กี่พันกี่หมื่นเท่า
   
และที่สำคัญเลยคือต้นตระกูลผมตัดสินใจยอมรับความจริงว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจนั้นไม่สามารถเอาชนะมนุษย์ได้ เลยเลือกที่จะปรับตัวเพื่อที่จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อได้ อีกทั้งยังพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะกับมนุษย์มาตลอดอีก
   
การฆ่ากันไม่ใช่คำตอบหรอก
   
[ มีปัญหาอะไรกับข้อเรียกร้องของข้า! ครูซ!!! ]
   
ดเวนคำรามเสียงดังลั่นจนอากาศสั่นสะเทือน
   
“สมาคมแวมไพร์จะไม่มีวันสนับสนุนข้อเรียกร้องของท่าน”
   
ผมตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบและภาษาเดียวกับมัน
   
[ แวมไพร์หน้าไม่อายอย่างเจ้าควรจะตายไปตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ มีที่ไหนสมสู่กับพวกวาติกันแล้วยังนำพวกมันมาเป็นพรรคพวกอีก สายเลือดศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์แวมไพร์ต้องแปดเปื้อนเพราะความหน้าไม่อายของเจ้า! ทารกในท้องเจ้าจะนำพาซึ่งความอัปยศต่อเผ่าพันธุ์แวมไพร์!!! ]
   
โอ๊ย มาด่าตอนลูกสามเนี่ยนะ โดนด่าแบบนี้ผมหมั่นไส้อยากจะมีสักโหลให้มันอกแตกตายไปเลย (แค่คิดเล่นๆ นะ ไม่ทำจริง แค่นี้ร่างกายผมก็ไม่ไหวแล้ว ;w;)
   
แล้วอีกอย่างนะ ที่มันจับคนท้องอย่างผมเป็นตัวประกันมันทุเรศกว่าไหม
   
ถ้าผมไม่ท้อง ผมจะไปทุบมันเอง ไม่รู้จะชนะไหมแต่ขอให้ได้ทุบสักรอบเหอะ ไม่ไหวละ ทุกคนเลิกด่าผัวผมได้แล้ว ดิออนมันไม่ได้เป็นวาติกันมาเป็นชาติแล้วโว้ย แล้วดเวนมันลืมรึไงว่าบรรพบุรุษแวมไพร์จริงๆ ก็เป็นมนุษย์มาก่อนอ่ะ
   
ให้ตายเหอะ ผมโคตรเบื่ออะไรแบบนี้เลย ไม่สิ ผมเกลียดมากกว่าการที่มายกยอปอปั้นสายเลือดตัวเองว่าสูงส่งกว่าคนอื่น มันไม่ใช่เรื่องอ่ะ ไร้สาระ
   
“สมาคมแวมไพร์จะสนับสนุนการใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์อย่างสันติต่อไป ข้าเชื่อว่าสหายทุกท่านก็รู้เช่นกันว่าการฆ่ากันนั้นไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด มีแต่จะนำพามาซึ่งความสูญเสียทั้งสองฝ่าย ในอดีตบรรพบุรุษทั้งของข้าและท่านล้วนแล้วแต่ตายด้วยน้ำมือมนุษย์แต่มนุษย์ก็ตายด้วยน้ำมือเราเช่นกัน สหายเอ๋ย เราทั้งสองต่างสูญเสีย จะดีกว่าไหมถ้าหากเราจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติเช่นนี้ต่อไป”
   
ผมหยุดพักหายใจพักหนึ่งแล้วรีบพูดต่อก่อนที่ดเวนมันจะแย่งซีนผม
   
“เราอาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ในโลกดังเช่นอดีต แต่เราก็ยังมีชีวิตของเรา มีอิสระของเรา ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าถ้าหากเราพ่ายแพ้มนุษย์ครั้งนี้เราจะพบกับความสูญเสียมหาศาลเพียงใด เราอาจจะไม่ได้สันติสุขเช่นนี้กลับคืนมาอีก”
   
และอีกอย่างนะพวกมนุษย์ไฮเทคกันขนาดนั้น ถามจริงปีศาจจะเอาปัญญาไหนไปสู้ก่อน ลำพังแค่พลังกับแรงใจมันสู้กับลูกปืน จรวด รถถังอะไรแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ
   
แล้วสงครามอ่ะ เวลามันเริ่มมันจะจบตอนไหนก็ไม่รู้ คนก่อสงครามอาจจะตายไปก่อนแล้วก็ได้
   
[ สมาคมของเจ้าขี้ขลาดยังไงล่ะ ]
   
ดเวนแค่นเสียงหัวเราะ

[ เพราะครั้งนี้เราจะไม่แพ้พวกมัน! ]
   
คราวนี้เสียงโห่ที่เคยโห่ร้องร่วมกับมันหายไปเกินครึ่ง เพราะทุกคนก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าตอนนี้เผ่าพันธุ์ปีศาจตอนนี้ไม่อาจจะไล่ตามอารยธรรมมนุษย์ได้ทัน ต่อให้ปรับตัวเก่งแค่ไหนก็ยากที่จะรับมือกับกระแสความเปลี่ยนแปลงแทบจะตลอดเวลาของพวกมนุษย์
   
ยุคแห่งความรุ่งโรจน์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจนั้นได้จบสิ้นไปตั้งนานแล้ว สิ่งที่พวกเขาทำได้ตอนนี้ก็มีเพียงแค่พยายามปรับตัวและกลมกลืนไปกับพวกมนุษย์เท่านั้น
   
พวกเขาอาจจะเอาชนะวาติกันได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเอาชนะมนุษย์ทั้งหมดได้ พวกเขาไม่สามารถใช้ความหวาดกลัวในการควบคุมพวกมนุษย์แบบในอดีตได้อีกแล้ว
   
สีหน้าของดเวนโกรธขึ้งอย่างเห็นได้ชัด มันถลึงตามองผมและขบเคี้ยวฟัน
   
ผมมองมันอย่างเฉยชา ถึงแม้ว่าไอ้หมาบ้ามันจะกดมีดเงินใส่อกผมจนเลือดซึมออกมาจนเสื้อเชิ้ตสีขาวข้างในถูกย้อมไปด้วยเลือดและมีกลิ่นเหม็นไหม้ก็ตาม
   
ให้ตายเหอะ ผมเกลียดมีดเงินชะมัด
   
[ อย่าได้ใจให้มันมากไปนัก!! มาประลองกับข้า!! ถ้าเจ้าแพ้สมาคมแวมไพร์ต้องเข้าร่วมสงครามครั้งนี้ด้วย!!! ]
   
แล้วดเวนมันถูกใจผมอะไรนักหนา หรือมันแค้นที่ผมเลือกดิออนไม่เลือกมัน
   
“มาสู้กับข้า”
   
“!”
   
ผมเบิกตากว้างแทบจะน้ำตาแตกตอนที่เห็นใครเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับดเวน
   
ดิออน!!!

และน้ำตาผมก็แตกเรียบร้อย
   
เพราะดิออนโคตรเท่เลย
   
TwT
   
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 28 14/12/20 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 14-12-2020 18:57:10
ครูซเอ๋ย...ขอให้ปลอดภัย   :hao5:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 29 28/12/20 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 28-12-2020 01:09:59
ตอนที่ 29

   
“มาสู้กับข้า”
   
เสียงทุ้มในภาษาโบราณดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของผัวผม
   
แน่นอนว่าแค่เห็นหน้าดิออนผมก็น้ำตาไหลพรากแล้ว แฟนใครเนี่ยเท่ที่สุดเลย แบบถ้าแข่งด้านความเท่ ดเวนแพ้ยับแน่นอน (เพราะทั้งคนโหวตและคนตัดสินคือผม)
   
[ อย่าโอหังไปหน่อยเลย เศษสวะอย่างเจ้าน่ะ ]
   
ดเวนมองดิออนด้วยสายตาเหยียดหยามซึ่งมันก็น่าทุบมาก
   
ผมหน้าบูด ไม่พอใจมาก ไม่ว่าใครก็ห้ามมองแฟนผมแบบนี้!!
   
“ไปสู้กันที่ลานประลอง”
   
ดิออนพูดเสียงเรียบแล้วชักดาบออกมา
   
“!”
   
ผมตาโตเพราะไอ้ดาบที่ดิออนชักออกมาดันเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งแค่เห็นแวบแรกผมก็รู้ทันทีเลยว่ามันเป็นดาบเงินที่ดิออนใช้ตอนยังเป็นผู้นำตระกูลวาติกัน แต่ที่ผมสงสัยมากกว่าคือมันยังเก็บไว้อยู่อีกเหรอเนี่ย
   
คือผมก็เคยเห็นมันแขวนในห้องแหละ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะนึกว่าเป็นแค่ของสะสมธรรมดาเฉยๆ แบบผมไม่เห็นมันใช้ไอ้ดาบนี้มานานมาก เห็นพกไปนู่นไปนี้บ้างแต่ก็นึกว่าเป็นพร็อพเท่ๆ เฉยๆ ไง
   
แบบผมบางทีเวลาไปทำภารกิจก็ชอบเอาดาบไปแต่ไม่ใช้
   
[ มีของพรรค์นั้น เจ้ายังกล้าเรียกตัวเองว่าแวมไพร์อยู่อีกเหรอ ]
   
ดเวนมองดิออนเหยียดกว่าเดิมจนผมอยากตะโกนบอกให้มันว่าไม่พอใจอะไรให้ด่าผมแทนอย่าด่าผัวผม แต่ก็เกรงใจแขกที่มาร่วมงานวันนี้เลยทำได้แค่หน้างอกว่าเดิม
   
“ข้าเป็นคู่ของครูซ ข้าจะสู้แทนครูซเอง”
   
ดิออนไม่สนใจคำแดกดันของดเวนแถมยังเหลือบมามองผมด้วย
   
“ไม่เจ็บๆ ”
   
ผมยิ้มแห้งเพราะพอมันเห็นว่าเสื้อขาวของผมกลายเป็นสีแดงเข้มไปแล้วหน้ามันก็โหดขึ้นทันที มันใช้ดาบที่ยังคงแผ่ไอสีขาวแห่งความศักดิ์สิทธิ์ออกมาชี้หน้าดเวนแล้วตะโกนเสียงกร้าว
   
“ไปสู้กับข้า!!”
   
เห็นมันมีแรงสู้เพื่อเมียขนาดนี้ผมก็ซาบซึ้งแหละ แต่ผมก็อุตส่าห์พยายามบอกมันแล้วนะว่าแผลมันไม่เจ็บมากอ่ะ แน่นอนว่าผมโกหกเพราะจริงๆ โคตรเจ็บเลย แต่แบบถ้าผมไม่สนใจมันมันก็เจ็บน้อยลงไง ที่ผมเจ็บมากกว่าตอนนี้คือผัวโดนด่าแล้วผมด่ากลับไม่ได้เนี่ย
   
ถึงผมจะแบบนี้แต่ผมก็ไม่เคยยอมให้ใครมาว่าดิออนหรอกนะ อยู่ในสมาคมมาตั้งนานมันก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใครนอกจากผมอ่ะ แบบถ้าผมไม่ด่าใครจะด่าให้ล่ะ
   
[ ข้าจะฆ่ามันก่อน ]
   
ดเวนหันมามองผมแล้วยิ้มเย็น
   
[ หลังจากนั้นเจ้ากับสมาคมก็ต้องมาร่วมมือกับข้า ถ้าเจ้าไม่ยอมข้าก็จะฆ่าทุกคนที่มาร่วมงานวันนี้ ]
   
“...”
   
ผมตอนนี้รู้สึกอยากเอาตีนก่ายหัวมาก รู้สึกปวดประสาทที่ตัวเองเคยเผลอไปรู้จักกับดเวนเข้า ให้ตายเหอะ ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายดีที่มันชอบผมเนี่ย คือแบบเมื่อก่อนมันก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณของผมแหละ ชอบแวะมาช่วยผมเวลาที่ผมตกอยู่ในอันตราย แต่ตอนนี้ผมเอาตัวรอดเองได้แล้วไง แล้วทั้งผมทั้งมันก็โตๆ กันแล้วด้วย มันก็แก่กระดูกดังกร็อบๆ เหมือนกับผมแหละ
   
ให้ตายเหอะ มันจะยึดติดอะไรกับผมนักหนา
   
ผมหน้าบูดแล้วเดินตามหลังดเวนไปยังลานประลองที่อยู่ถัดจากห้องโถงไปไม่ไกล แน่นอนว่าตลอดทางผมก็คือโดนเอามีดเงินจี้อยู่ตลอด
   
“มันเจ็บนะ”
   
ผมบ่นอุบใส่นิโคลัสที่กลายเป็นหมาป่านิสัยเสียไปแล้ว แต่ก็นะ ผมจะไปคาดหวังอะไรกับพวกโกสต์ที่ไม่สนใจทั้งกฎเกณฑ์ทั้งศีลธรรมล่ะ
   
“ก็อย่าขัดขืน”
   
นิคไหวไหล่ผมแบบไม่ใส่ใจ มันยังคงอยู่ในร่างมนุษย์ปกติแต่ถ้าได้รับสัญญาณจากดเวน มันก็คงคืนร่างเป็นมนุษย์หมาป่าร่างยักษ์แล้วไล่ฆ่าคนในงานอ่ะ
   
ผมหน้างอจนกระทั่งมันพาผมไปนั่งตรงอัฒจันทร์ข้างสนามในมุมที่ดีที่สุด ผมก็ยังหน้างอเพราะไม่อยากมาดูคนตีผัวผม แล้วคืออะไร มันแค่เอาผมเข้ามาดูเป็นพยานอ่ะ ส่วนคนอื่นก็ไม่กล้าตามมาเพราะมีพวกโกสต์จับคนงานในเป็นตัวประกันอีกหลายคนนอกจากผม
   
เซ็งอ่ะ คือที่ผมเซ็งมากที่สุดคือสมาคมแวมไพร์เสียหน้ามากเนี่ยแหละ
   
แบบต่อให้ระบบรักษาความปลอดภัยดีขนาดไหน ถ้าต้องเจอพวกโกสต์บุกก็จบอ่ะ ผมไม่รู้ว่ามันไปหาพวกหัวกะทิมาจากไหนนักหนาแล้วมีผลประโยชน์อะไรร่วมกันถึงได้ยอมมาช่วยเหลือกันเองแบบนี้ หรือที่มาช่วยเพราะอยากมาหาอะไรสนุกๆ ทำเฉยๆ ก็ไม่รู้
   
โอ๊ย นี่ถ้าไม่ติดว่าผมท้องนะ ผมจะทุบๆๆ ไอ้พวกโกสต์พวกนี้ให้หมดเลย
   
ไม่รู้อ่ะ อย่างน้อยผมว่าผมตอนปกติผมก็จะน่าไล่ไปได้สักคนสองคนแหละ มันขนมากันหมดอย่างมากก็คงได้ไม่เกินสิบหรอก ผมว่า
   
[ ดูให้ดี ครูซ วันนี้คือวันที่ข้าจะล้างมลทินให้กับเจ้า ]
   
ดเวนปรายตามองผมแล้วหยิบบางอย่างจากในอากาศ พลังความมืดที่ถูกมันเรียกออกมาบีบอัดรุนแรงจนกลายเป็นดาบสีดำที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความชั่วร้ายและปะจุพลังรุนแรง ก่อนที่มันจะสะบัดดาบรอบนึงเหมือนลองดาบเล่นๆ
ซึ่งผลที่ได้คือพื้นสนามประลองเป็นรอยฟันขนาดใหญ่ลึกลงไปหลายสิบเซ็น
   
“...”
   
ตอนแรกผมไม่เครียด ตอนนี้ผมเริ่มเครียดละว่าดิออนจะไหวไหม
   
แบบดเวนมันเป็นพวกแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์อ่ะ ซึ่งเลือดผมก็ไม่เท่ามันไง ถึงมันจะถึงขั้นสามารถเปลี่ยนให้ดิออนเป็นแวมไพร์ได้ก็เหอะ แต่ผมก็ไม่มั่นใจอยู่ดีว่ามันจะทำให้ดิออนมีพลังเพียงพอที่จะสู้กับดเวนไหม
   
ที่ผ่านมาดิออนก็ใช้พลังแวมไพร์ได้คล่องแหละ แต่พอมาอยู่ต่อหน้าพวกเลือดบริสุทธิ์แบบนี้ ผมไม่มั่นใจเลย
   
“เจ้าอิจฉาข้า?”
   
และในระหว่างที่ผมกระวนกระวายจะร้องไห้ อยู่ๆ ดิออนก็เลิกคิ้วถามดเวนด้วยน้ำเสียงยียวน
   
ผมที่ตอนนี้ไม่โดนเอามีดจี้แล้วเอามือลูบหน้าตัวเองเครียดๆ
   
นี่มันเหมือนกับย้อนกลับไปวันที่ดเวนมาเจอผมอยู่กับดิออนเลยอ่ะ รอบนั้นไม่ได้ตีกันเพราะผมเคลียร์ได้ แต่รอบนี้ผมเหมือนจะเคลียร์ไม่ได้แล้ว และคงได้ตายกันไปข้างนึงอ่ะ
   
ทำไมผมถึงฮ๊อตขนาดนี้ งง
   
[ ข้าเนี่ยนะอิจฉาเจ้า? อย่าอวดดีไปหน่อยเลย วาติกัน!!! ]
   
ดเวนตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมกับระเบิดพลังออกมาจนพลังของมันกระจายไปทั่วบริเวณ ความมืดมิดปกคลุมไปทั่วจนมองอะไรแทบไม่เห็นมีเพียงดาบศักดิ์สิทธิ์ของดิออนเท่านั้นที่ยังสว่างไสวอยู่
   
ผมเอามือขยี้ตาเพราะพอมืดแบบนี้แล้วดาบดิออนเหมือนหลอดไฟมาก มิน่าล่ะพวกวาติกันชอบแพ้แวมไพร์ ก็เล่นใช้ดาบแบบนี้แล้วจะไปหลบพวกปีศาจที่มาสู้ด้วยยังไงเล่า
   
ถามว่าจิ้มแล้วได้ผลดีไหมก็ดีแหละ แต่ผมว่ามันไม่คุ้มอ่ะ ดาบที่บอกตำแหน่งคนใช้งี้ เป็นผม ผมไม่ใช้หรอก แต่ถ้าดิออนอยากใช้ก็ไม่เป็นไร ผัวผมถูกเสมอแหละนะ
   
อีกอย่างแวมไพร์ใช้ดาบวาติกันสู้ก็เท่ดีออก
   
“ดิออนห้ามแพ้นะ! ถ้าแพ้ผมจะฟ้องพ่อ!!”
   
ฟ้องทำไมไม่รู้แต่ผมจะฟ้อง อายุพันปีแล้วผมก็จะฟ้อง
   
[ มาถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังเลือกมันอีกเหรอ? ]
   
ผมสะดุ้งเฮือกเพราะอยู่ๆ ดเวนก็มาปรากฏตัวข้างหน้าผม นัยน์ตาสีแดงเรืองรองมองผมด้วยสายตาอ่านยาก แต่ผมก็กอดอกเชิดหน้าใส่มัน
   
“ผมไม่เคยคิดจะเลือกนายอยู่แล้ว!”
   
สวยมาก ผมยาว แค่ก ก็ดเวนไม่ใช่สเป็คผมอ่ะแล้วผมก็ไม่ชอบมันด้วย
   
คือหลายร้อยปีที่ผ่านมามันหาคนอื่นที่ถูกใจไม่ได้เลยเหรอ ถามจริง หน้าตาผมมันทำให้ลืมไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ หรือมันถูกใจที่ผมกากมากเลยอยากจะเก็บเอาไว้บี้เล่นตอนว่าง
   
แกร๊ง!!
   
ในช่วงที่ดเวนกำลังจะตอบผม ดิออนก็โผล่มาพร้อมกับเอาดาบฟันดเวน แน่นอนว่าดเวนใช้ดาบของมันรับได้ทันที ก่อนที่มันกับผัวผมจะโผล่ไปอีกที่แล้วก็ฟันกันอีกดังแกร๊งๆๆ ไม่หยุด
   
ซึ่งทุกครั้งที่ฟันกันเสียงก็เหมือนจะดังขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องเอามือปิดหู
   
[ ข้าเจอเขาก่อน!!! ]
   
ดเวนคำรามเสียงดังลั่น อากาศรอบๆ หนักขึ้นจนผมหายใจแทบไม่ออก พลังความมืดไหลทะลักออกจากร่างกายมันมากกว่าเดิมราวกับว่าเป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง
   
“ท่าไม่ดีแล้ว”
   
นิคที่นั่งข้างๆ ผมมาตลอดเอามีดที่จี้ผมออก
   
“ไปล่ะ ถือว่ารอบนี้นายโชคดีนะ”
   
ผมยังไม่ทันถามว่าหมายถึงอะไร มันก็สลายหายไปความมืดแล้ว
   
แน่นอนมันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นเลยสักนิด รู้สึกกลัวกว่าเดิมด้วยซ้ำ แบบขนาดพวกเดียวกันยังชิ่ง แล้วผมจะรอดไหมเนี่ย แต่ผมก็ไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ เพราะถ้ามันชอบผมขนาดนั้น มันก็คงไม่ฆ่าผมหรอก
   
“!!”
   
ผมเบิกตากว้างเพราะอยู่ๆ ไอ้พลังที่ไหลทะลักออกมาทั้งหมดก็ย้อนกลับเข้ามาหาตัวดเวน มันคำรามเสียงดังลั่นตอนที่กลุ่มก้อนพลังสีดำมหาศาลพุ่งเข้าหามันและกลายเป็นพายุรุนแรงโดยมีมันเป็นจุดศูนย์กลางของพายุ
   
กรรซ
   
ซวยแล้ว ซวยแล้วจริงๆ รอบนี้
   
ผมมองร่างของดเวนที่กำลังเปลี่ยนไปหวั่นๆ แล้วรีบมองหาผัวผมเลย
   
ดเวนมันกำลังจะคลุ้มคลั่งแล้ว!
   
หลังจากนี้ก็คงจะคุยกับมันด้วยเหตุผลไม่ได้อีก แถมร่างกายของมันก็เหมือนจะใหญ่ขึ้นด้วย นัยน์ตาสีแดงของมันยังคงเรืองรองท่ามกลางพายุอันบ้าคลั่งและจับจ้องมาที่ผมจนผมรู้สึกขนลุก
   
“ดิออน!!”
   
ผมเรียกมันด้วยความรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ คืออีกไม่นานก็น้ำตาแตกแล้วแหละ ดเวนมันคืนร่างเป็นแวมไพร์เต็มตัวแล้วมันน่าจะใช้พลังของมันได้คล่องกว่าเดิม ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าดิออนจะไหวไหม
   
คือมั่นใจก็มั่นใจระดับนึง แต่ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากให้ใครมาตีผัวผมไหมอ่ะ ผัวผมทั้งคนเลยนะ แค่เห็นมันเลือดออกผมก็ร้องไห้แล้ว
   
“ไม่ต้องห่วง”
   
ดิออนบอกผมเสียงเรียบก่อนที่มันจะคืนร่างแวมไพร์บ้าง ปีกคู่ใหญ่งอกออกมาจากแผ่นหลังของมันพร้อมๆ กับร่างของมันที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
   
[ ของข้า ]
   
“!!!!”
   
สัมผัสเย็นเฉียบแตะแก้มผมซึ่งมันก็ทำเอาผมตกใจน้ำตาคลอ
   
ใช่ อีกนิดเดียวผมร้องไห้แน่นอน
   
“ผมลูกสามแล้วนะ ไปชอบคนอื่นได้แล้ว!”
   
ผมพยายามทำใจดีสู้เสือ ถึงเสือตัวนี้มันจะคุยไม่รู้เรื่องมานานแล้วก็เหอะ
   
ฉึก!
   
ผมพูดยังไม่ทันจบก็เกิดแสงสว่างวาบเพราะดิออนพุ่งเข้ามาฟันดเวน ซึ่งสิ่งที่น่ากลัวรอบนี้คือมันไม่แม้แต่จะหลบด้วยซ้ำ ดาบเงินศักดิ์สิทธิ์สว่างไสวมากขึ้นเมื่อมันได้ลิ้มรสเลือดของปีศาจ ไอสีขาวปกคลุมมือของมันและทำปฏิกิริยาอย่างรุนแรงราวกับว่ายินดีที่มันจะได้ปราบปีศาจอีกครั้ง
   
“...”
   
ผมพูดอะไรไม่ออก เพราะดเวนมันใช้มือเปล่าอีกข้างคว้าดาบของดิออนและกำแน่น มันไม่แย่แสด้วยซ้ำว่ามือตัวเองกำลังถูกแผดเผาด้วยเพลิงสีเงินlสว่างที่เกิดจากการภาวนานับร้อยปีของพวกนักบวช กลิ่นเหม็นไหม้คละคลุ้งพอๆ กับอากาศที่หนักขึ้นทุกวินาที
   
[ เป็นข้าไม่ได้หรือ ]
   
“ไม่ได้!”
   
ผมขู่แง่ง อยากเอามือมันออกแต่ก็ทำไม่ได้เพราะถูกพลังความมืดของมันพันธนาการมือเอาไว้
   
[ วาติกันโสโครกนั่นไม่คู่ควรกับเจ้าเลยสักนิด ]
   
มันฝังใจอะไรกับผมนักหนาเนี่ย ผมเริ่มสงสัยจริงจังละ
   
“นายเจอผมครั้งแรกตอนไหน”
   
[ เจ้าเคยช่วยข้า ]
   
ดเวนยิ้มบางให้ผม
   
[ ปลดปล่อยข้าจากพวกวาติกัน ]
   
ผมเบิกตากว้าง
   
อย่าบอกนะว่าไอ้รอบที่ผมโดนวาติกันจับไปตอนเด็กๆ มันก็โดนจับไปด้วยอ่ะ แล้วคือความทรงจำของผมช่วงนั้นมันเลือนลางมาก แบบรู้แค่โดนจับแล้วรู้ตัวอีกทีก็ภาพตัดเป็นตัวเองกลับมาที่สมาคมได้แล้วอ่ะ
   
“...แต่ผมมีคู่แล้ว”
   
ให้ตาย มันประทับใจที่ผมบังเอิญช่วยมันออกมาได้เหรอ ผมสมัยเด็กก็มีโมเมนต์เท่ๆ กับเขาเหมือนกันนะเนี่ย
   
[ ข้าถึงต้องฆ่ามันไง ]
   
ดเวนหัวเราะในลำคอ
   
[ เจ้าจะได้เหลือเพียงข้า ]
   
กระบวนการคิดพังมาก ช่วยด้วย ถ้ามันชอบผมตั้งแต่ตอนนั้น ตอนเจอกันอีกทำไมไม่จีบผมล่ะ แต่ก็นะ ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้อยู่ดีแหละว่าผมจะชอบมันคืน เพราะผมค่อนข้างเรื่องมาก ถ้าไม่ถูกใจจริงๆ ก็ไม่คุยด้วยหรอก
   
แต่ที่แน่ๆ เลยคือห้ามฆ่าผัวผมโว้ย!!
   
“ไม่เอาผมไม่อยากเป็นหม้าย”
   
ผมหน้างอ แย่มาก แล้วคือดูจากความเกลียดดิออนของมัน มันก็คงตามไปฆ่าลูกผมด้วย
   
ฮึก
   
แย่ละ ผมกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกแล้ว ร้องไห้รอบที่ล้านในเดือนนี้
   
[ เดี๋ยวเจ้าก็ลืมมัน ครูซ ]
   
ดเวนแค่นเสียงหัวเราะก่อนที่มันหายไปจากตรงหน้าผม
   
ผมเอาหลังมือเช็ดน้ำตาแล้วพยายามกลั้นสะอื้นเพราะรอบนี้ตีกันแรงกว่าเดิมอีก ลานประลองที่ว่ามีอาคมแข็งแรงมากตอนนี้ยังสั่นน้อยๆ ทุกครั้งที่ดาบปะทะกัน
   
[ แล้วหลังจากนั้นข้าจะฆ่าพวกวาติกันให้หมด ..จะไม่มี ไม่มีใครมาทำร้ายข้าได้อีก!! ]
   
พูดจบมันก็หัวเราะเสียงดังลั่นซึ่งตอนนี้ผมมองตามไม่ทันแล้ว แบบแวบไปนู้นที่นี้ที  ก่อนท้องก็ทำได้แหละ ตอนนี้นอนย้วยได้อย่างเดียว
   
คือแบบผมก็เข้าใจความแค้นมันนะ ผมตอนเด็กๆ ก็เคืองแหละอยู่ดีๆ มาโดนจับไปทำอะไรไม่รู้อ่ะ แต่แบบไอ้คนที่ทำก็คงตายไปนานแล้ว ผมก็ไม่รู้จะไปแค้นพวกวาติกันรุ่นใหม่ๆ ทำไม ใช้ชีวิตสงบสุขน่าจะเหมาะกับผมกว่า
   
ฉึก!
   
“!!!!”
   
ร่างกายผมขยับตัวก่อนที่ผมจะรู้สึกตัวด้วยซ้ำ ผมกัดฟันกรอดพยายามไม่สนใจเลือดที่ยังไหลออกมาไม่หยุดจากมือของตัวเองและความทรมานที่เกิดจากการฝืนใช้พลัง
   
“ปล่อย”
   
ผมจ้องหน้าดเวนด้วยสีหน้าเย็นชากำดาบของมันที่เสียบอยู่กับไหล่ดิออนแน่น แน่นอนว่าถ้าผมช้าไปกว่านี้สักนิดก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง
   
[ แค่วาติกันอ่อนแอ เจ้าจะไปให้ค่าอะไรมันนัก ]
   
แรงกดดันมหาศาลกดทับตัวผมโดยตรงราวกับกำลังประกาศศักดาและความยิ่งใหญ่ของมันแต่น่าเสียดายที่ผมไม่สนใจ
   
ผมไม่ใช่แวมไพร์อ่อนแอที่ต้องรอให้มันมาสงเคราะห์ทุกรอบอีกแล้ว
   
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”
   
ผมพูดเสียงกร้าว รู้สึกโกรธจนออกแรงกำดาบแรงกว่าเดิมจนอยากจะให้มันแตกคามือ แต่ก็ปัญหาเดิม พลังผมไม่เสถียรเลยทำไรมากไม่ได้
   
[ ตัดใจซะ ]
   
ดเวนมองผมด้วยสายตาสมเพช
   
ฉึก!
   
“...”
   
ผมกระพริบตาปริบเพราะในระหว่างที่ผมกับดเวนกำลังจะวางมวยกันอีกสักยก ผัวผมก็อาศัยทีเผลอแทงดาบใส่ขาดเวนพร้อมกับสวดอะไรสักอย่างไปด้วยซึ่งไม่กี่วินาทีต่อมาไฟศักดิ์สิทธิ์สีเงินก็คลุมดเวนไปทั้งตัวและแผดเผาอย่างรุนแรง
   
แน่นอนว่าผมไม่รอให้ดเวนได้สติหรือระเบิดพลังออกมาอีกรอบ รีบใช้พลังพาดิออนมาหลบหายใจอีกมุมทันที
   
“นายยังใช้พลังวาติกันได้อีกเหรอ”
   
ผมถามพร้อมกับสำรวจแผลบนไหล่มันไปด้วย ดีที่ดาบจากพลังของดเวนโดนไฟไหม้เมื่อกี้ไหม้ไปแล้วตอนนี้เลยเห็นแผลมันค่อนข้างชัด ซึ่งมันก็ทำให้ผมโล่งใจนิดหน่อยเพราะไม่ลึกมาก
   
“นิดหน่อย”
   
มันตอบผมแล้วลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
   
“ขอโทษ”
   
ดิออนมองสภาพยับยู่ยี่ของผมแล้วพูดออกมาด้วยสีหน้าเศร้าๆ
   
โอ๊ย อย่าทำหน้าแบบนี้ ไม่งั้นไอ้น้ำตาที่ผมกลั้นไว้คือแตกแน่ แต่จะแตกตอนนี้ไม่ได้ ไม่ผมก็ดิออนก็ต้องหาทางจัดการดเวนก่อนที่มันจะทำอะไรไปมากกว่านี้
   
คือเอาจริงแค่นี้ผมก็ปวดหัวละ เมื่อไหร่มันจะไปสักทีเนี่ย
   
“ผมมีลูกแล้วตั้งสามคนแล้วนะ! สามคนแล้ว!!”
   
ผมป้องปากตะโกนใส่มันที่ยืนเฉยๆ จ้องผม ไฟที่เคยไหม้เมื่อกี้ดับไปหมดแล้ว แต่สภาพของมันที่ถูกไฟเผาก็ดูเยินกว่าเมื่อกี้นิดหน่อย มือของมันที่เคยจับดาบยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด
   
[ หมาลอบกัดอย่างมัน เจ้ารักลงจริงๆ งั้นเหรอ ]
   
นัยน์ตาสีแดงของดเวนเรืองรองแต่ขณะเดียวกันก็สั่นระริก
   
[ พวกวาติกันมันไว้ใจไม่ได้ ถ้าเราไม่ฆ่ามันก่อน มันก็จะฆ่าเรา ]
   
“...”
   
ผมพูดอะไรไม่ออกเพราะมันเป็นเรื่องจริง
   
วาติกันพร้อมจะฆ่าปีศาจเสมอขอเพียงแค่สบโอกาส ถ้าสามารถฆ่าได้ก็จะฆ่า ดีหน่อยที่สมัยนี้คนศรัทธาในศาสนากันน้อยลง อิทธิพลและความชอบธรรมในการฆ่าของพวกวาติกันเลยหายไปเยอะ ไม่งั้นผมก็คงไม่วางใจถึงขนาดปล่อยลูกไปเรียนในโรงเรียนที่มีทั้งวาติกันและรัฐบาลหรอกนะ
   
[ ถ้าเจ้ากับข้าร่วมมือกันแล้วฆ่าพวกมันทั้งหมด ปีศาจจะได้ไม่ต้องหวาดกลัวอีกต่อไปไง ครูซ ]
   
นี่มันไม่ฟังที่ผมพูดในห้องเมื่อกี้เลยนี่หว่า
   
ผมหน้าบูดเพราะต่อให้มันชวนผมกี่รอบคำตอบผมก็เหมือนเดิมอ่ะ
   
“ยอมแพ้เถอะ ดเวน”
   
ผมถอนหายใจ
   
“ต่อให้นายฆ่าดิออน ผมก็ไม่รักนายหรอก”


---------

ตอนหน้าไม่น่าทันปีใหม่ ขออวยพรตอนนี้ไปเลยแล้วกันค่ะ

สวัสดีปีใหม่นะคะ  :mc4:  ขอให้มีความสุขมากๆ นะคะ  :mew1:
   
   



   
   

   


   
   
   
   
   

 
   


   

   



หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 29 28/12/20 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-12-2020 09:53:26
มีคนมาตีกันแย่ง ทั้งที่ลูกสามแล้ว สวยมาก!
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 29 28/12/20 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 28-12-2020 21:23:37
ครูซต้องน่ารักขนาดไหน..มีแต่คนรุมรัก..กกกกกน้อง    :impress2:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 29 28/12/20 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: yumyai_fishery ที่ 08-01-2021 22:33:07
รอตอนใหม่ เป็นของขวัญวันปีใหม่อยู่นะคร้าบ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 30 9/1/21 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 09-01-2021 01:09:43
ตอนที่ 30


“ต่อให้นายฆ่าดิออน ผมก็ไม่รักนายหรอก”

คนพูดนี้ต้องสวยขนาดไหนถึงพูดประโยคนี้ได้เนี่ย

ผมคิดขำๆ ทั้งๆ ที่สถานการณ์ตอนนี้คือเลวร้ายมาก เลวร้ายจนผมอยากกัดลิ้นตายแต่ก็ยังตายไม่ได้เพราะลูกสามผัวหนึ่ง ฉะนั้นผมเลยต้องหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์ตอนนี้ให้ได้

[ … ]

ดเวนจ้องหน้าผมนิ่ง พลังและแรงกดดันมหาศาลยังคงแผ่ออกมากดดันผมไม่หยุด

ให้ตายเหอะ ถ้าผมเคลียร์ไม่ได้ มันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน ต่อให้ระดมคนมาทั้งสมาคมกว่าจะจัดการดเวนได้ก็คงจะต้องมีคนเจ็บมั้งอ่ะ พวกผู้อาวุโสงี้ พ่อผมงี้ ก็กระดูกลั่นกร็อบๆ กันหมดแล้ว จะให้ลงมาช่วยทุบดเวนก็เกรงว่าจะเป็นการทรมานสังขารกันเกินไป

ฉะนั้นน้องครูซจึงต้องจัดการให้จบตอนนี้เลย

“ไปชอบคนอื่นได้แล้ว”

ผมหน้าบูดและเริ่มปวดขาเพราะยืนนานเกินไป

“เออ แล้วเรื่องครองโลกอ่ะ ผมไม่เอาด้วยหรอกนะ นายไปชวนคนอื่นเหอะ”

วันๆ แค่เรื่องในสมาคมผมก็ปวดหัวเกินพอละ

[ ..ทำไมถึงได้ชอบมันนัก ]

ดเวนขมวดคิ้วมองผมด้วยสีหน้าเจ็บปวด

“ก็ชอบแบบนี้อ่ะ”

ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมไม่มีใครปลื้มใจที่ผมได้ดิออนเป็นผัวสักคน

“ทีนายยังมาชอบแวมไพร์กากๆ อย่างผมเลย”

แถมยังเป็นแวมไพร์ที่ไร้สาระแล้วก็ย้วยไปวันๆ อีก มีอะไรให้น่าแย่งตรงไหน ถึงผมจะน่ารักก็เถอะแต่ผมว่าผมก็เป็นค้างคาวที่น่าจับไปปิ้งอยู่ดี

[ ... ]

“คือถ้านายจะซึ้งเรื่องสมัยเด็ก ผมก็เข้าใจนะ แต่มันก็นานแล้วอ่ะ ผมลืมไปหมดแล้ว”

เอ๊ะ ถ้าผมเคยช่วยมันก็แปลว่าผมทวงบุญคุณมันได้สิ!!!

มาแล้วทางรอด ขอบคุณน้องครูซที่ช่วยน้องครูซ
   
“ไม่ๆ ถ้านายจะซึ้งอ่ะก็ถูกแล้วเพราะนายติดหนี้บุญคุณผม”
   
[ ....... ]
   
ดเวนมองผมงงๆ เหมือนไม่เข้าใจว่าผมกำลังพล่ามอะไร
   
ไม่รู้อ่ะ สู้ด้วยกำลังไม่ได้ก็ต้องสู้ด้วยเล่ห์ด้วยกล คุยได้รีบคุยก่อนที่มันจะคลุ้มคลั่งจนถึงจุดที่คุยไม่รู้เรื่องแล้วทำคฤหาสน์ของสมาคมแวมไพร์ถล่มเพราะพลังของมัน
   
คือไอ้หลังที่อยู่กันตอนนี้มันก็เป็นคฤหาสน์ไม่กี่แห่งที่ยังเหลือรอดจากการเผาของพวกวาติกันไง ถ้าพังเพราะอะไรไร้สาระแบบนี้คงน่าเสียดายแย่เลย แล้วผมก็ไม่อยากหาที่นอนใหม่ด้วย
   
“นายติดหนี้บุญคุณผม ดเวน ผมเคยช่วยชีวิตนาย ฉะนั้นรอบนี้นายต้องทำตามความต้องการของผมเป็นการตอบแทน”
   
[ ... ]
   
ผมมองมันที่ยังนิ่งไม่ตอบรับแล้วถอนหายใจเซ็งๆ แบบพอมันเอาแต่เงียบแบบนี้ผมก็รับมือไม่ถูกไง แต่มันอยู่นิ่งๆ แบบนี้ก็ดีจะได้ไม่เอาดาบจิ้มผัวผมอีก
   
“ถ้านายชอบผมจริงๆ นายจะเคารพการตัดสินใจของผมนะ ดเวน”
   
ผมขมวดคิ้ว ฮอร์โมนที่แปรปรวนทำให้อารมณ์ของผมขึ้นๆ ลงๆ ไวเป็นพิเศษ
   
“เรื่องตอนนั้นที่นายพยายามจะจับผมทำเมีย นายก็ยังไม่ขอโทษผมเลย นี่ยังจะมาฆ่าคนที่ผมเลือกอีก มันเกินไปรึเปล่า”
   
แน่นอนว่าผมไม่เคยบอกดิออนเรื่องนี้เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ารับรู้เท่าไหร่ คือผมตอนนั้นเอาตัวรอดออกมาได้ก็ไม่ได้อะไรแล้ว แต่ถามว่ายังเคืองไหมก็เคืองอ่ะ
   
[ ... ]

“เงียบทำไม นายก็อายุจะพันปีแล้ว ยังจะมาทำตัวเป็นเด็กไม่ได้ดั่งใจแบบนี้อีกเหรอ ผมไม่ใช่แม่นายนะถึงต้องมานั่งตามใจนายอ่ะ”
   
ได้ทีผมก็ขู่แง่ง พูดละอารมณ์ก็ขึ้น ถึงตอนนี้ไม่มีปัญญาใช้พลังทุบก็ขอปากดีไว้ก่อนแล้วกัน
   
“เลิกทำตัวเป็นเด็กสักที กับแค่ยอมรับความจริงมันยากตรงไหน”
   
ผมหน้าบูดมากขึ้นเพราะดเวนมันเหมือนจะไม่พอใจผม แรงกดดันที่มีอยู่แล้วดูจะมากกว่าเดิมคล้ายจะกดดันให้ผมหยุดพูด
   
“เอาสิ รับความจริงไม่ได้ก็ฆ่าผมเลย”
   
และในชั่วพริบตาที่ผมพูดจบปลายดาบก็จ่อที่คอผมทันที
   
ผมสบตากับนัยน์ตาสีแดงเรืองรองแล้วแค่นเสียงหัวเราะ
   
“ขี้ขลาด”
   
[ หุบปาก!! ]
   
ผมเหยียดยิ้มใส่มัน ไม่สนใจเลือดที่ค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากบาดแผลที่คอ
   
“ถ้าผมตายนายก็ต้องอยู่โลกห่วยๆ นี้คนเดียวนะ”
   
[ !! ]
   
มันเบิกตากว้างเหมือนเพิ่งสำเหนียกได้ว่าดาบของมันอาจจะทำให้ผมตายได้ก็กระวนกระวายรีบเก็บคืน
   
ผมเหลือบมองดิออนนิดหน่อยเพราะรู้ว่ามันน่าจะเป็นห่วงผมและรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องผมได้ ซึ่งพอผมสบตามันก็เป็นไปอย่างที่ผมคิดจริงๆ
   
โอ๊ย ผัวผมซึมมาก ช่วยด้วย
   
แต่ก็ดีหน่อยที่มันไว้ใจผม ปล่อยให้ผมเป็นกอบกู้สถานการณ์อันเลวร้ายนี้
   
เอาจริงคำว่าคอขาดบาดตายคือไม่เกินจริงเลยสำหรับเมื่อกี้ คือแบบคอผมเกือบขาดละ แต่ไม่ขาดหรอกเพราะผมไม่ปล่อยให้มันฆ่าผมได้หรอกนะ
   
ก็แบบว่าลูกสามผัวหนึ่งอ่ะ ใครจะไปยอมตายง่ายๆ กันล่ะ
   
ผมยกมือขึ้นกุมคอตัวเองพยายามห้ามเลือดแต่ก็ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ เพราะมือผมก็ยังเลือดทะลักอยู่ไปกุมคออีกก็คือชุ่มไปทั้งมือซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรสักนิดนอกจากความอุ่นใจที่ว่าได้พยายามทำอะไรสักอย่างแล้ว
   
ผมขมวดคิ้วเพราะถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ ผมเป็นลมหรือต้องเป็นอะไรสักอย่างแน่ เพราะร่างกายผมช่วงท้องคือย้วยเกินทน ใครจะไปรู้ว่าอีกห้านาทีผมอาจจะเป็นลมก็ได้
   
“พอได้แล้ว ดเวน อย่างน้อยๆ ถ้านายหยุดตอนนี้ผมจะยังยอมเป็นเพื่อนนายนะ”
   
คือตุบตับกันขนาดนี้ผมอยากจะไล่มันไกลๆ จากชีวิตแหละ แต่พอเห็นสีหน้าเหมือนโลกถล่มของมันก็ใจร้ายไม่ลง ไม่รู้ว่าช่วงชีวิตที่ผ่านมาของมันเป็นยังไง วัยเด็กของมันอาจจะเลวร้ายจนมีแค่ผมที่เคยดีกับมัน มันเลยฝังใจกับผมขนาดนี้อ่ะ
   
[ … ]
   
“นายอยากโดนผมเกลียดเหรอ”
   
คนที่โดนแวมไพร์ที่รักสันติที่สุดอย่างผมเกลียดนี่ควรพิจารณาตัวเองนะเอาจริง
   
“ผมมีคนรักแล้ว ดเวน”
   
ผมขยับเข้าไปให้หามันแล้วใช้มืออีกข้างที่ไม่เลอะเลือดลูบหัวมัน เพราะแววตาสั่นระริกของมันทำให้ผมแอบนึกถึงตัวเองตอนที่ยังไม่มีใครยอมรับพลัง
   
“นายไปชอบคนอื่นเถอะนะ”
   
ผมไม่รู้ว่ามันไปเข้าร่วมกับพวกโกสต์ได้ไง แต่มันก็คงมีเหตุผลของมันแหละ
   
[ …เป็นข้าไม่ได้จริงๆ เหรอ ]
   
“ถ้าได้ก็ได้ไปตั้งนานแล้วไหม ผมเจอนายก่อนดิออนอีก”
   
ผมพูดติดตลกเพราะถ้าตรงสเป็คเดี๋ยวผมก็ชอบเองแหละ แต่จะพัฒนาเป็นความสัมพันธ์ระยะยาวไหม ผมก็ไม่รู้ ถ้าตอนนั้นดิออนไม่รอผมแล้วตัดสินใจลืมไปผมจริงๆ ผมกับมันก็คงไม่ได้กลายเป็นแฟนกันอ่ะ
   
แบบผมก็ไม่เข้าใจรสนิยมตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงเลือกวาติกันมากกว่าแวมไพร์ด้วยกันเอง แต่เหตุผลใหญ่ๆ ก็คงเป็นเพราะดิออนหล่อแหละ ตอนนี้ก็ยังหล่ออยู่ ชอบมาก
   
“หรือจะเป็นน้องก็ได้นะ นายอายุพอๆ กับน้องผมเลย”
   
จะเป็นอะไรก็เป็นเถอะ อย่างเดียวที่ห้ามเป็นคือผัว
   
[ ... ]
   
ดเวนมันคอตกลงนิดหน่อยแต่ก็ยอมลงให้ผม มันสลายดาบของมันแต่โดยดีไปพร้อมๆ กับพลังมหาศาลของมันในห้องจนผมสามารถกลับมาหายใจหายคอได้เต็มปอดอีกครั้ง
   
“...เจ็บไหม”
   
ดเวนที่คืนเป็นร่างมนุษย์ปกติจ้องแผลของผมแล้วถามผมเสียงเบา
   
“นิดหน่อย”
   
แน่นอนว่าผมโกหก เลือดทะลักขนาดนี้ไม่เจ็บก็แย่ละ
   
ผมยิ้มแห้งๆ แล้วปล่อยให้ดิออนช่วยประคองผม คือสภาพมันยับพอกันแหละ แต่ผมเป็นยับแบบที่ว่าอาจจะเป็นลมตอนไหนก็ได้ไง
   
“ขอโทษ”
   
“...อื้อ”
   
ผมพยักหน้าเบาๆ ไม่ชินเท่าไหร่กับท่าทางรู้สึกผิดของมัน แบบปกติผมจะเจอดเวนแบบที่มันมั่นใจในตัวเองแล้วก็ทิฐิสูงเสียดฟ้าตลอดไง เอาจริง ผมก็แอบเผื่อใจแล้วด้วยซ้ำว่ามันอาจจะเผลอพลั้งมือฆ่าผมจริงๆ
   
“..ขอโทษสำหรับทุกเรื่องเลย”
   
ดเวนมองผมนิ่ง
   
“หลังจากนี้ฉันจะไม่ยุ่งกับนายแล้ว สบายใจได้”
   
“...”
   
เกินคาดแต่ก็ดีมาก ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากสร้างศัตรูเก่งๆ อย่างดเวนไว้หรอกนะ
   
“ส่วนแก”
   
ดเวนหันไปมองดิออนตาขวาง
   
“ถ้ายังไม่อยากตายก็อย่าทำให้ครูซร้องไห้อีก แล้วก็อย่าปล่อยให้หนีออกมาเที่ยวช่วงท้องด้วย โลกข้างนอกมันไม่ได้มีแค่โกสต์ที่ต้องระวังนะ”
   
ผมยิ้มแห้งเพราะรู้สึกเหมือนด่าผมมากกว่า แต่จะให้ทำได้ไงได้อ่ะ พอผมอารมณ์แปรปรวนมากๆ ผมก็ควบคุมตัวเองไม่ได้อ่ะ ล่าสุดก็เพิ่งหนีออกจากสมาคมไปนั่งร้องไห้แถวบ้านเพราะงอนดิออนด้วยเรื่องไร้สาระ
   
แต่ให้ตายเถอะ เรื่องที่ผมงี่เง่ามันดังไปถึงข้างนอกเลยเหรอวะ แต่หูตาของพวกโกสต์ก็เยอะแหละ ไม่งั้นคงไม่อยู่มานานขนาดนี้ได้หรอก
   
“…”
   
ดิออนไม่ตอบแต่หน้าบูดกว่าเดิม สีหน้ามันเหมือนอยากจะวางมวยกับดเวนอีกรอบ จนผมต้องกอดแขนมันไว้ไม่ให้มันวู่วาม คือถ้าทุบกันจริงผัวผมแพ้แน่นอน ไม่คุ้ม
   
แค่ซึมแค่นี้ก็เกินพอแล้วไหม จะไปหาเรื่องอีกทำไมเนี่ย
   
“รักษาตัวด้วย”
   
ดเวนมองผมนิ่งๆ ก่อนที่มันจะถอยหลังและปล่อยให้ความมืดในห้องกลืนกินไป และทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความปกติอีกครั้ง ไฟตรงลานประลองที่ดับไปติดๆ ดับๆ กลับมาสว่างเหมือนเดิม
   
“..รอดแล้ว”
   
น้ำตาผมจะไหล สมาคมไม่ถล่มแล้วยังเคลียร์จบอีก อย่างน้อยไอ้งานกระชับมิตรของสมาคมก็ไม่ล่มวะ ถึงจะไม่รู้ก็เหอะว่ายังมีอารมณ์เบ่งใส่กันอีกไหม แต่เอาเหอะ แค่ผัวผมไม่โดนตี ผมก็ดีใจจะแย่ละ
   
ผมยังไม่ทันจะคุยกับดิออน อยู่ๆ ก็มีอะไรไม่รู้ไวๆ สีดำๆ บินมาแปะใส่หน้าแถมยังมีตั้งสองอันด้วย!
   
กี้ๆๆๆ
   
“...”
   
ผมแกะออกมาดูก็พบว่าเป็นค้างคาวสองตัวที่กอดกันแล้วสะอื้นไม่หยุด
   
“แผลนิดหน่อยเอง ไม่เจ็บๆ”
   
โอ๊ย ขนาดการ์วินยังร้องไห้เลย ช่วยด้วย ว่าแต่ทำไมถึงไม่ยอมคืนร่างมนุษย์กันเนี่ย
   
“พี่!!”
   
รอบนี้เป็นน้องผมที่วิ่งหน้าตื่นตามเข้ามา พอเห็นมันสภาพเลือดทะลักของผมมันก็แตกตื่นกว่าเดิม
   
“ดูลูกให้พี่หน่อย”
   
ผมยัดก้อนค้างคาวสองตัวใส่น้อง
   
“พวกโกสต์ถอนตัวไปหมดแล้วใช่ไหม”
   
“ไปสักพักแล้ว มีแต่ลานประลองที่พี่อยู่ที่ผมเข้าไปไม่ได้”

น้องผมซึมลงนิดหน่อยแล้วยื่นขวดเลือดให้ผม ซึ่งผมก็รับมาซดทันทีเพราะตาเริ่มพร่าแล้ว พอผมกินจนหมดขวดแผลของผมถึงสมานและเลือดก็หยุดไหลสักที
   
นวัตกรรมแวมไพร์นี้มันสุดยอดไปเลย
   
ผมคิดด้วยความเบิกบาน แต่ก็ยังยืนไม่ไหวอยู่ดี แบบคือข้างนอกมันเหมือนหายนะแต่ข้างในมันก็ยังไม่ได้หายขนาดนั้นอ่ะ ต้องนอนพักฟื้นเยียวยาสักพักแหละ
   
“พี่ไหวไหม”
   
ทำไมทุกคนถึงทำหน้าเหมือนผมกำลังจะตายเนี่ย
   
“กลับไปดูแลแขกเถอะๆ พี่ไม่เป็นไร”
   
ผมสะบัดมือไล่ชิ่วๆ แล้วซุกกับตัวดิออน จริงๆ ก็อยากจะปลอบลูกอีกสองสามคำแหละ แต่ไม่ไหวละ ดิออนเอาผมไปเก็บที
   
“เดี๋ยวผมดูแลเอง”
   
ผมซุกหัวกับอกดิออนตอนที่ถูกมันอุ้ม ปฏิเสธที่จะรับรู้เรื่องอะไรอีก ซึ่งมันก็รู้ใจผมรีบพาผมกลับห้องแล้วถึงค่อยเรียกหมอตามมาดูที่ห้องทั้งอาการของผมกับมัน
   
และด้วยความเป็นแวมไพร์ที่อึดกว่าแมลงสาบ (แต่สามารถแห้งตายเพราะแดด) ทำให้ผลออกมาคือไม่เป็นอะไรมากเท่าไหร่ แค่ต้องซดเลือดสูตรเข้มข้นไปอีกสามสี่วันเพื่อกระตุ้นการสมานแผลของร่างกาย ส่วนผมก็ต้องกินยาบำรุงไปอีกหลายอาทิตย์เพราะเสียเลือดมากแถมร่างกายก็อ่อนแอด้วย
   
“ซวยชะมัดเลยเนอะ”
   
ผมบ่นงึมงำตอนที่หมอออกไปแล้วเหลือแค่ผมกับดิออนสองคน ซึ่งตอนนี้มันก็พาผมมาอาบน้ำแล้วสระผมให้ผมอยู่
   
“อืม”
   
ดิออนตอบเรียบๆ แล้วดึงแก้มผม
   
“ลูกสามคนแล้ว ยังจะหาคนมาแย่งได้อีกนะ”
   
ผมหัวเราะคิกคัก
   
“ก็ผมน่ารักอ่ะ ช่วยไม่ได้”
   
“...”
   
ดิออนหัวเราะในลำคอแล้วดึงมือผมไปจูบแล้วงับเบาๆ เหมือนมันเขี้ยว จริงๆ ผมว่ามันน่าจะอยากจับผมฟัดเลยแหละ แน่นอนว่าถ้ามันฟัดผม รอบนี้ผมได้ตายจริงแน่ แล้วมันก็อาจจะตายตามผมด้วยเพราะโดนพ่อผมทุบ
   
“ทำไมตอนนั้นนายถึงรอผมอ่ะ”
   
ผมถามมันด้วยความสงสัย แบบตอนนั้นมันยังเป็นมนุษย์อยู่ เวลาเป็นสิบปี นานขนาดนั้นเป็นผมคงรอไม่ไหวอ่ะ
   
“ก็อยากรอ”
   
“ตั้งหลายปีเลยนะ ถ้าเกิดผมไม่กลับมาล่ะ”
   
ผมดึงมือมันมางับบ้าง น่าเสียดายนิดหน่อยที่พอเป็นแวมไพร์แล้วมือมันก็ไม่อุ่นแล้ว แต่มือคู่นี้ก็ช่วยเช็ดน้ำตาผมมาตั้งหลายร้อยปีแหละนะ
   
“ก็รอไปเรื่อยๆ จนตายมั้ง”
   
ดิออนใช้มืออีกข้างลูบหัวผมเบาๆ (ที่ตอนนี้ฟองฟอดมาก)
   
“เพราะมีแค่นายเท่านั้นที่จะเอาฉันออกจากตรงนั้นได้”
   
“...”
   
โหย ฟังแล้วสงสารผัวเลยอ่ะ แต่ก็จริงของมัน ถ้าไม่ใช่ผม ใครจะเอามันออกจากตำแหน่งหัวหน้าตระกูลวาติกันได้อ่ะ ต่อให้มันไม่อยากเป็นแต่มันก็คงไม่มีทางหนีหูตาของพวกวาติกันพ้น แล้วอีกอย่างนะ แวมไพร์ที่เป็นมิตรกับทุกอย่างบนโลกใบนี้อย่างผมก็ไม่ได้หาได้ง่ายๆ ด้วย
   
“ดีแล้วที่นายยอมหนีตามผม”
   
ผมหัวเราะคิกคัก รู้สึกชอบประโยคนี้เป็นพิเศษ มันต้องขนาดไหนอ่ะถึงหนีตามกันได้ มันรู้จักผมไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ แต่ใจง่ายหนีตามผมแล้วอ่ะ
   
“ฉันก็คิดว่าตัดเองตัดสินใจไม่ผิดเหมือนกัน”
   
มันยิ้มแล้วทำท่าจะก้มลงมาจูบผมแต่ผมเอามือยันหน้ามันไว้เลย
   
“อาบน้ำเสร็จก่อนค่อยจูบ”
   
ไม่ใช่อะไร ฟองเข้าตาผมแล้ว แสบมาก
   
“...หึ”
มันหลุดหัวเราะออกมาแล้วส่ายหน้าเบาๆ เหมือนจนใจ
   
“ห้ามขำ”
   
ผมบ่นอุบงอนๆ แต่ก็ไม่ได้งอนอะไรมากมาย ปล่อยให้มันอาบน้ำผมต่อและเตรียมหลับคาอ่าง จริงๆ ก็อยากจูบมันแหละ แต่เลือดทะลักไปเยอะขนาดนั้นก็ปล่อยให้ผมพักเถอะ แค่ผมไม่เป็นลมจนถึงตอนนี้ก็ได้ดีแค่ไหนแล้ว
   
เฮ้อ
   
เกิดเป็นน้องครูซนี้มันลำบากจริงๆ เลย แต่ผัวดีขนาดนี้ก็ถือว่าคุ้มแหละนะ
   
----

สวัสดีปีใหม่นะคะ  :mc4: ช้าไปเก้าวัน 55555555

@yumyai_fishery  เม้นตอนกำลังจะอัพพอดีเลยค่ะ 55555

ปล. ตอนหน้าน่าจะจบแล้วค่ะ   :sad4:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 30 9/1/21 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: yumyai_fishery ที่ 09-01-2021 21:10:13
แล้วก็กลับมาอ่านตอน 3 ทุ่มค่ะ...รักที่สุดเลย สุขสันต์วันปีใหม่นะคะ :L1:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 30 9/1/21 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-01-2021 23:39:41
สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังค่า  :mc4:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 30 9/1/21 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-01-2021 09:35:19
ลูกสามแล้วยังเสน่ห์แรงอยู่เลยครูซ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 31 26/1/21 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 26-01-2021 00:51:01
ตอนที่ 31

   
‘ทุกความรักย่อมมีอุปสรรค’
   
ผ่านมาพันกว่าปีอยู่ๆ ผมก็นึกถึงไอ้ประโยคที่ผมสังเคราะห์ได้หลังจากอ่านนิยายประโลมโลกสมัยตอนที่ยังไม่มีลูกถึงสามคนที่ตอนนี้คนสุดท้องโตจนหนีเที่ยวแบบผมสมัยเด็กๆ ได้แล้ว
   
เฮ้อ ว่าไปเวลาก็ผ่านไปเร็วชะมัดเลย
   
ผมกางร่มนั่งคิดเรื่อยเปื่อยในสวนสาธารณะที่ตอนนี้ฝนยังตกไม่หยุดเพราะเข้าสู่ช่วงฤดูฝน แต่ข้อดีคือทำให้ในสวนสาธารณะใกล้ๆ สมาคมที่ปกติจะมีคนเดินเล่นกันพลุกพล่านตอนนี้ไม่มีคนเลยนอกจากผม
   
ผมมองแอ่งน้ำที่เม็ดฝนตกเติมน้ำไม่หยุดแล้วคิดอะไรไร้สาระต่อเพลินๆ
   
อุปสรรคของความรักของผมกับดิออนคืออะไรนะ?
   
อายุเหรอ ไม่น่าใช่ ตอนนี้ดิออนก็แก่พอๆ กับผมแหละ แต่แบบอุปสรรคจริงๆ ก็คงเป็นเรื่องที่ผมเป็นแวมไพร์ ใครจะไปคิดละว่าสักวันผมจะมีผัวเป็นวาติกันได้อ่ะ
   
วาติกันที่ชอบจับพวกค้างคาวปิ้งกินเชียวนะ!
   
ผมหัวเราะคิกคักเพราะจนถึงตอนนี้ผมก็ยังแอบเชื่ออยู่เลยอ่ะ แล้วลูกผมอีกสามคนก็เชื่อด้วยว่าเป็นเรื่องจริง งงมาก ดิออนก็บอกอยู่ว่าโดนผมหลอกๆ แต่ลูกก็เชื่อ ทั้งๆ ปกติผมเล่าอะไรก็ไม่เห็นจะเชื่อกันเลย ยกเว้นเรื่องวาติกันชอบจับแวมไพร์ไปทำค้างคาวแดดเดียวแล้วก็ปิ้ง คือเชื่อกันจริงจังมาก
   
ผมหลุดยิ้มเพราะพ่อผมก็ชอบยัดอะไรใส่หัวผมเหมือนกัน
   
‘พวกวาติกันน่ะไว้ใจไม่ได้’
   
พ่อผมบอกผมทุกวันตอนผมเด็กๆ แต่ผมก็ดื้อ ดื้อมากอยู่ดี เอาจริงถ้าผมเป็นพ่อแล้วลูกดื้อขนาดนี้ก็ปวดหัวเหมือนกันอ่ะ กากไม่พอยังชอบหนีไปหาอะไรให้มาจับตัวเองอีก
   
แต่วาติกันที่ชื่อดิออนก็หล่อมากเลยนี่นา ผมตอนนั้นใจนึงก็กลัวแต่อีกใจก็ชอบมาก นานๆ ทีจะมีคนที่ตรงสเป็คผมขนาดเข้ามาในชีวิตที่น่าเบื่อ
   
ก็แวมไพร์มันอายุยืนอ่ะ จีบวาติกันก็เป็นอะไรที่ท้าทายดีออก ถึงจะเสียวสันหลังวาบๆ ไปหน่อยก็เถอะ แต่ต่อให้ย้อนเวลาไปกี่รอบผมก็คงเลือกที่จะทำเหมือนเดิมอยู่ดี
   
ตอนนั้นผมอาจจะจะกากและอ่อนด๋อยไปบ้าง แต่ผมก็ค่อนข้างเชื่อในสัญชาตญาณตัวเอง คือมันก็ไม่มีอะไรรับประกันได้หรอกว่าผมจะไม่ถูกดิออนจับปิ้ง แต่ผมน่ารักจะตาย มันฆ่าไม่ลงหรอก แล้วผมก็เป็นแวมไพร์ที่รักสันติที่สุดในโลกด้วย ประวัติใสสะอาด ไม่เคยฆ่าใคร มีแต่พวกวาติกันใจร้ายนั่นแหละที่อยากฆ่าผมอ่ะ
   
อีกอย่างเป็นแวมไพร์สนุกจะตาย บินก็ได้ อายุก็ยืน ติดอยู่อย่างเดียวคือโดนพวกวาติกันเกลียดเข้าไส้เนี่ยแหละ ไม่รู้จะเกลียดอะไรนักหนา ขนาดโดนผมจับทำผัวแล้วคนนึงก็ยังไม่ชอบผมอีก งงมาก ปกติเวลาคู่อริแต่งงานกันมันต้องเป็นแต่งเชื่อมสัมพันธไมตรีไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้เกลียดผมกันกว่าเดิมอีกล่ะ
   
ผมน่ะถึงจะโดนพวกวาติกันทุบบ่อยแต่ก็ไม่เคยโกรธจริงจัง มันก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้อ่ะ ตื่นมาสวดภาวนาทุกวัน อ้อนวอนกับพระเจ้าทุกวัน จะไม่เกลียดพวกตัวร้ายในศาสนาอย่างผมก็ยังไงอยู่
   
แต่ต่อให้โดนเกลียดให้ตายยังไงผมก็ไม่มีวันเลิกยอมเป็นแวมไพร์หรอกนะ อยู่ขัดหูขัดตาพวกวาติกันก็สนุกดี ตอนนี้พลังผมกลับมาเสถียรแล้วก็ชอบไปแกล้งให้โกรธบ้างแก้เบื่อจากการว่างงานเกินไป
   
ก็ตอนนี้ผมเป็นผู้อาวุโสของสมาคมแล้วนี่นา รุ่นเดิมก็เสียไปหลายคนแล้ว บางคนกระดูกก็กร็อบๆ เกินไป อย่างพ่อกับแม่ผมหลังๆ ก็อยู่แต่บ้านแล้ว ถ้าไม่ใช่งานใหญ่หรืองานสำคัญก็จะไม่มาแสดงตัว
   
ทุกคนเริ่มแก่แล้ว ผมเองก็แก่แล้ว จะเล่นเป็นเด็กๆ เหมือนสมัยอายุสามร้อยก็ไม่ค่อยมีใครกล้าเล่นด้วยเท่าไหร่ เพราะสถานะผมเปลี่ยนไปแล้ว ผมเคยอยู่ในร่างค้างคาวแล้วเผลอหลับนอนแปะอยู่ในครัว พอมีคนมาเจอก็กระวีกระวายไปฟ้องดิออนให้มาเก็บผมไป ทั้งๆ ที่แต่ก่อนก็จะปล่อยให้ผมตรงนั้นแหละ ผมตื่นตอนไหนก็ตอนนั้นแถมบางทีก็มีคนเอาผ้าห่มมาห่มให้ผมด้วย
   
เป็นผู้ใหญ่ไม่สนุกเลยจริงๆ นั่นแหละ
   
ผมคิดหงอยๆ ที่ผมมานั่งเล่นในสวนสาธารณะตอนนี้ก็เพราะหาอะไรทำแก้เบื่อเหมือนกัน ผมมองฝนที่ยังตกไม่หยุดสักพักแล้วก็ตัดสินใจเก็บร่มแล้วก็ปล่อยให้ตัวเองเปียกฝน
   
คือถ้าเป็นเมื่อก่อนสมัยที่พวกมนุษย์ยังไม่ทันสมัยกันขนาดนี้ ผมคงไม่ลังเลที่จะคืนร่างเป็นค้างคาวแล้วเล่นน้ำฝนอ่ะ แต่ตอนนี้ทำไม่ได้ก็ทำได้แค่นี้แหละนะ
   
ผมหลับตาแล้วปล่อยให้น้ำฝนพรมตัวผมซึ่งผมก็เปียกซ่กในพริบตาเพราะไอ้ที่ตกวันนี้คือมรสุมอะไรไม่รู้ ดีที่ไม่มีฟ้าผ่าด้วยไม่งั้นผมคงได้กลายเป็นค้างคาวปิ้งกันจริงๆ ก็วันนี้
   
“...”
   
ความเงียบที่เพียงเสียงฝนกับตัวผมทำให้ผมนึกถึงตัวเองตอนนั้น

ตอนที่คิดว่าไม่อยากได้รักนิรันดร์แต่ตอนนี้กลับได้รักนิรันดร์ งงมาก เอาจริงตอนนั้นผมไม่ได้คาดหวังว่าดิออนมันจะรักผมตลอดไปหรอก ผมก็แค่อยากให้มันชอบผมบ้างเท่านั้นเอง
   
หลังจากนี้ผมกับมันก็คงอยู่ด้วยกันอีกนาน นานมากๆ จนผมไม่รู้ว่ามันจะเบื่อผมไหม แต่ผมน่ะไม่คิดจะเบื่อมันหรอกนะ
   
ทั้งๆ ที่ความจำผมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ผมกลับจำได้ว่าแดดวันนั้นแรงมากแต่มันก็สนุกมากเหมือนกัน ดิออนที่จนถึงตอนนี้ผมก็ไม่เคยเห็นมันสนใจเล่นสนุกอะไร วันนั้นมันกลับยอมมาเต้นแมงมุมโง่ๆ กับผม
   
เฮ้อ ก็ต้องขอบคุณที่โลกใบนี้ไม่ใจร้ายกับแวมไพร์ที่รักสันติที่สุดในโลกอย่างผมล่ะนะ
   
“…ตากฝนทำไม”
   
นึกถึงผัว ผัวก็มา งงมากถ้าปีนี้ดิออนไม่ได้รางวัลผัวประเสริฐจากผม
   
“ก็อยากตากเฉยๆ ”
   
ผมยิ้มจนตาหยีให้ดิออนที่โผล่มารับผมไวมาก ทั้งๆ ที่ผมเพิ่งส่งข้อความไปได้ไม่นาน ไม่รู้มันกลัวผมหายหรืออะไร แต่อายุขนาดนี้แล้วคงจะมีคนอยากขโมยผมอยู่หรอก
   
“เดี๋ยวก็เป็นหวัดอีก”
   
มันขมวดคิ้วแล้วล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าให้ผม
   
“เดี๋ยวก็หาย”
   
ผมไถแก้มใส่มือมันอ้อนๆ อย่างน้อยๆ ก็ขอให้ผมทำตัวเป็นเด็กได้กับสักคนเถอะ
   
“ทำไมตาแดง ร้องไห้เหรอ”
   
“...”
   
ตาผมแดงเหรอเนี่ย โอ๊ย แค่คิดถึงเรื่องเก่าๆ นิดหน่อย ผมจะร้องไห้เลยเหรอ ชักจะเกินไปละ
   
“ร้องไห้ทำไม”
   
ดิออนมันขมวดคิ้วมากกว่าเดิม
   
“กลัวฉันไม่รักอีกแล้วเหรอ”
   
“ก็นิดหน่อยอ่ะ”
   
ผัวรู้ใจหรือวันๆ ผมร้องไห้อยู่เรื่องเดียวก็ไม่รู้ แต่ให้ตายเถอะ ผมไม่ได้อยากร้องซะหน่อย ผมก็แค่ซาบซึ้งเท่านั้นแหละที่ได้ดิออนเป็นแฟนอ่ะ
   
“...”
   
ดิออนถอนหายใจแล้วมันก็ทิ้งร่มยอมเปียกกับผม
   
“เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
   
ผมพูดบ้างแล้วช่วยเกลี่ยผมปิดตามันออกให้ ดีหน่อยที่เดี๋ยวนี้ผมสูงขึ้นจากเดิม ไม่รู้ว่าเพิ่งโตหรือยังไงแต่ผมก็ยังเตี้ยกว่าดิออนอยู่ดี
   
“นายนั่นแหละที่ต้องระวัง”
   
ดิออนขมวดคิ้วแล้วดึงมือผมไปจูบ
   
“เลิกร้องไห้เรื่องนี้สักที ไม่รักนายแล้วฉันจะไปรักใครอีก”
   
“ก็กลัวนายเบื่ออ่ะ”
   
“ก็เคยบอกแล้วไงว่าไม่เบื่อ”
   
“...ก็กลัวเฉยๆ อ่ะ ไม่ได้เหรอ”
   
ทำใจผมว่างเกินไป ไม่มีอะไรทำก็เรียกร้องความสนใจจากดิออนอ่ะ ตอนนี้ลูกก็โตหมดแล้ว ผมก็เข้าใจความอยากสำรวจโลกของลูกก็เลยไม่ค่อยตามไปดูเท่าไหร่เพราะผมตอนอายุเท่าลูกคือไปทั่วกว่านี้มาก
   
“ก็แค่ไม่อยากให้ร้องไห้เฉยๆ ”
   
ดิออนยิ้มแล้วดึงผมไปฟัดจนผมหลุดหัวเราะด้วยความจั๊กจี้
   
ให้ตายเหอะ มันก็ทำตัวไม่ยอมโตเหมือนกับผมนั่นแหละ
   
เล่นกันอยู่สักพักอยู่ๆ ผมก็นึกสนุกขึ้นมา ผมดันมันออกจนมันทำหน้างงใส่
   
“พี่เขาให้เต้นแมงมุม”
   
ผมยิ้มโง่ๆ ให้มัน
   
“ผมเลยชวนพี่มาเต้นกับผม”
   
“...”
   
ดิออนเลิกคิ้วแล้วหัวเราะออกมา แววตาของมันดูสนุกขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเพราะมันก็น่าจะจำได้เหมือนกันว่าประโยคที่ผมพูดคือประโยคแรกที่ผมกับมันได้คุยกัน
   
“ได้”
   
มันตอบผมแล้วแกล้งถอดแว่นที่ไม่มีอยู่จริงเสียบใส่กระเป๋าเสื้อของมัน ซึ่งผมก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่หลุดขำออกมา เพราะดิออนจริงจังมากแถมตอนนี้มันก็ทำหน้านิ่งไร้อารมณ์เหมือนตอนนั้นด้วย
   
แอบเสียดายเลยอ่ะที่มันไม่พกแว่นมาด้วย ไม่งั้นคงจะเล่นกันสนุกกว่านี้
   
“ชื่ออะไร”
   
“ครูซ”
   
ผมยิ้มจนตาหยีให้มันก่อนที่จะถูกมันรวบไปกอด
   
“ดิออน”
   
มันกระซิบชื่อมันข้างหูผม
   
“เล่นอย่างอื่นไหม”
   
“แล้วจะเล่นไรอ่ะ”
   
แน่นอนว่าผมไม่ปฏิเสธเพราะถ้าจะเต้นแมงมุมกันด้วยอายุเท่านี้ก็เกรงกว่าจะเป็นการทรมานสังขารกันเกินไป ทุกวันนี้แค่ผมไม่เดินแล้วกร็อบๆ หรือปวดหลังก็ดีแค่ไหนแล้ว
   
“เล่นกลับบ้าน”
   
“ผมไม่เป็นหวัดง่ายขนาดนั้นหรอกน่า”
   
ผมบ่นอุบเพราะนี่จะชวนผมกลับบ้านอย่างเดียวเลย คือผมก็ให้มันมารับผมกลับบ้านแหละ แต่แบบก็อยากไร้สาระข้างนอกนานกว่านี้หน่อยอ่ะ
   
กลับสมาคมแล้วมันต้องเก๊กอ่ะ มันเมื่อยหน้าอ่ะ แงงงงงงงง
   
แล้วยิ่งเดี๋ยวนี้ผมเป็นผู้อาวุโสแล้วไง น้องผมก็บังคับให้ผมรักษาภาพลักษณ์น่าเกรงขามเอาไว้ ทั้งๆ ที่คนก็รู้กันทั้งสมาคมอ่ะว่าผมเป็นยังไง
   
ทำไมผมต้องเป็นครูซ บราวน์ สุดเท่และเก่งกาจด้วย ผมน่ะอยากเป็นน้องครูซที่กากไปวันๆ มากกว่า แงงงง โตแล้วไม่สนุกเลย ข้อจำกัดเยอะแยะไปหมด อยากทำอะไรก็โดนห้าม ดีนะที่ตอนผมเด็กๆ ผมทำไปหมดแล้วอ่ะ ไม่งั้นผมคงจะงอแงกว่านี้แน่
   
ฮัดชิ้ว!
   
ผมงอแงกับตัวเองได้ไม่นานก็หลุดจามออกมางงๆ
   
“...”
   
ผมยิ้มแห้งให้ดิออนที่ทำหน้าดุใส่ผมอีกแล้ว
   
“กลับบ้าน”
   
“ไม่เอา”
   
จามรอบเดียวผมไม่ตายหรอก
   
“แล้วจะทำอะไร”
   
“ไม่รู้แต่ไม่อยากกลับบ้านอ่ะ”
   
ให้ตายเหอะ ผมมานั่งเล่นตรงนี้ก็เพราะหนีออกจากสมาคมนะ ที่เรียกดิออนมาก็ให้มาเล่นกับผมเฉยๆ นั่งคนเดียวมันไม่สนุก อย่างน้อยๆ นั่งคุยเรื่อยเปื่อยกับมันตรงนี้ก็คงจะน่าเบื่อน้อยกว่าอยู่สมาคมอ่ะ
   
ดิออนถอนหายใจแล้วก้มลงไปหยิบร่มมากางให้ผมอีกรอบ
   
“เปียกหมดแล้ว”
   
มันเกลี่ยผมที่ปรกตาของผมออกเบาๆ
   
“รอฝนหยุดตกแล้วค่อยออกมาอีกรอบไหมครับ”
   
ร้าย ร้ายมาก มันเล่นบทสุภาพใส่ผม หยุดเดี๋ยวนี้เลยไม่งั้นผมใจอ่อนแน่
   
ผมหน้ามุ่ยเพราะดิออนมันรู้ว่าผมแพ้มากเวลามันพูดแบบนี้ใส่ผม
   
“ไม่เอา ถึงตอนนั้นนายก็ไม่ให้ผมออกมาแล้ว”
   
คือมันหลอกผมกลับบ้านได้ มันก็หลอกผมให้ไม่ออกมาได้อ่ะ เอาจริงๆ คนที่สามารถคุมผมได้นอกจากพ่อก็ดิออนอ่ะ มันรู้ว่าต้องทำยังไงถึงคุมผมได้
   
“ถ้ายอมกลับจะน่ารักกว่าเดิมนะ”
   
“...”
   
ผมอยากจะเถียงกลับว่าปกติผมไม่น่ารักเหรอ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมพอสบตากับมันก็พูดอะไรไม่ออกเลย
   
หล่ออ่ะ ;w;
   
ให้ตายเหอะแล้ววันนี้มันใส่เครื่องแบบใหม่ของแวมไพร์ด้วย เท่สุดๆ ไปเลย แบบชุดนี้น้องผมก็เพิ่งออกแบบเสร็จได้เดือนก่อนเอง (เดี๋ยวนี้น้องผมหันมาขายเสื้อผ้าให้พวกมนุษย์ด้วย งงมาก)
   
“จะรอดูรุ้งกินน้ำ”
   
แน่นอนว่าผมหาข้ออ้างไปงั้นๆ แหละ
   
“ไม่ดื้อนะครับ”
   
“...”
   
เครียด มันทำหน้าแบบนั้นอีกแล้ว หน้าเหมือนเสียใจมากที่ผมไม่น่ารักกับมัน เป็นอีกมิตินึงของหน้าเหนื่อยใจแต่เป็นสีหน้าเหนื่อยใจที่ทำให้ผมรู้สึกผิด
   
ไม่ยุติธรรม! ไม่ยุติธรรมเลยอ่ะ ทำไมต้องทำหน้าแบบนี้ด้วย
   
“ขี้โกง”
   
ผมหน้าบูดกว่าเดิม
   
“กลับก็ได้ เลิกทำหน้าเบื่อเมียได้แล้ว”
   
“รักเมียต่างหาก”
   
ผมหน้าแดงเพราะมันไม่พูดเปล่า มันยังก้มลงหอมแก้มผมด้วย ไม่รู้ว่ามันเขี้ยวอะไรผมนัก หรือว่ามันชอบเวลาที่ผมทำหน้าไม่ได้ดั่งใจแบบนี้ก็ไม่รู้
   
ชอบขัดใจกันจริงๆ เลย

>:-(
   
ฮัดชิ้ว!
   
พอผมดันหน้ามันออกผมก็จามอีก โอ๊ย นี่ผมจะเป็นหวัดจริงเหรอ โดนแดดไม่ตาย โดดวาติกันตีไม่ตาย แต่จะมาตายเพราะฝนตกใส่ไม่ถึงชั่วโมงเนี่ยนะ
   
“เป็นหวัดง่ายแล้วยังจะดื้ออีก”
   
มันบ่นแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าอีกผืนมาเช็ดหน้าให้ผมจนผมสงสัยว่ามันมีกี่ผืนกันแน่
   
“ก็อยู่ที่สมาคมมันน่าเบื่อนี่นา”
   
“ถ้าเบื่อก็ไปช่วยสอนสิ น้องนายก็หาคนไปสอนอยู่”
   
“ไม่เอา”
   
ถึงผมจะเบื่อแต่ก็ใช่ว่าผมจะอยากทำงานนี่นา แล้วเป็นครูนี่ผมคงต้องเก๊กระดับร้อย แค่ต้องทำตัวนิ่งๆ ในงานสำคัญผมก็เบื่อจะแย่ละ แต่แบบพอว่างเกินไปผมก็ชอบฟุ้งซ่านผัวไม่รักตลอดเลย งง
   
“ไม่เอาก็อย่าดื้อ”
   
“ก็มันเบื่ออ่ะ อื้อ!”
   
ดิออนมันฟัดผมอีกแล้ว ช่วยด้วย นี่ผัวหรือหมาเนี่ยขยันฟัดเหลือเกิน ผมพยายามดันหน้ามันออกก่อนที่แก้มผมจะช้ำ
   
ฮัดชิ่ว!
   
“...”
   
ผมมองดิออนนิ่งแล้วหลุดหัวเราะออกมาเพราะคนที่จามรอบนี้ไม่ใช่ผมแต่เป็นมัน
   
“แหยะ”
   
“แหยะอะไร นายจามตั้งสองรอบ ฉันยังไม่ว่าอะไรเลย”
   
แล้วไม่รู้ว่าผมกวนมันมากไปหรืออะไร มันฟัดผมจนหัวผมเลยยุ่งอ่ะ ให้ตายเหอะ
   
“กลับบ้านก็ได้ๆๆ  พอแล้ว”
   
ผมดันหน้ามันบอกยอมแพ้แต่โดยดี ถ้าไม่ติดว่าโดนมันกอดอยู่ผมคงวิ่งหนีแล้ว 
   
“น่ารักจังวะ”
   
“รู้”
   
ผมหัวเราะคิกคักไม่คิดจะปฏิเสธ คือที่มันชอบผมก็เพราะผมน่ารักก็ส่วนนึงไง ผมโตขนาดนี้แล้วมันยังมองผมน่ารักอยู่ผมก็พอใจละ
   
ผมเงยหน้ามองมัน อดีตหัวหน้าตระกูลวาติกันที่ตัวร้ายที่เคยจะจับผมไปเป็นสัตว์เลี้ยงแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าต้องมาเป็นผัวผมแทน
   
น่าสงสารจังเลยน้า
   
“รักผมไหม”
   
ผมสบตากับนัยน์ตาสีเทาเข้มที่เมื่อก่อนเป็นสีเทาอ่อน แต่เพราะผมมันถึงยอมละทิ้งความเป็นมนุษย์แล้วเข้าร่วมกับชีวิตอันเป็นนิรันดร์กับชาวแวมไพร์
   
แน่นอนว่ามันก็เป็นชีวิตที่ยาวนานและน่าเบื่อ ไม่ใช่วาติกันทุกคนหรอกที่จะสามารถละทิ้งพระเจ้าเพื่อปีศาจได้
   
“รักครับ”
   
“ลองตอบไม่รักสิ ผมจะร้องไห้ให้ดู”
   
ผมหัวเราะแล้วเขย่งขึ้นจูบมัน
   
คนที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กับผม คนที่คอยแก้ปัญหาให้กับแวมไพร์ไร้สาระทั้งเรื่องงี่เง่าและเรื่องจริงจัง ถ้าไม่ได้มันผมจินตนาการไม่ออกเลยว่าตัวเองจะใช้ชีวิตมาจนถึงตอนนี้ได้ยังไง
   
สำหรับผมดิออนสำคัญมากจริงๆ
   
“ผมก็รักนายเหมือนกัน”
   
ผมผละออกมาแล้วยิ้มกว้าง รู้สึกมีความสุขที่สุดในโลกเลยที่ผมได้เจอมัน ก็ต้องขอบคุณสเปคที่เลิศล้ำของผมแหละนะที่ทำให้ผมได้ผู้ชายที่หล่อและตรงใจผมขนาดนี้
   
“…”
   
ดิออนก้มมองผมแล้วเลียฝีปากเหมือนอยากจูบอีก ผมก็เลยจะจูบดิออนอีกรอบแต่ก็มีอะไรไม่รู้เกิดขึ้นอีกแล้ว
   
เปรี้ยง!
   
ผมสะดุ้งสุดตัวเพราะอยู่ๆ ฟ้าก็ผ่าลงมาแรงมาก
   
“กลับบ้านๆๆ อยากจูบก็ไปจูบที่บ้าน”
   
ไม่รู้ว่าพระเจ้าของพวกวาติกันโกรธหรือความบังเอิญอะไรที่บันดาลฟ้าผ่าให้มันมาผ่าใกล้ผมขนาดนี้ แต่ให้ตายเหอะ ถ้าจะปิ้งผมก็ควรจะปิ้งผมตั้งแต่วันที่จีบดิออนแล้วไหมเล่า
   
จากที่ดิออนพยายามจะพาผมกลับบ้าน ตอนนี้กลับกลายเป็นผมที่ลากดิออนกลับบ้านแทน
   
“ยังไงผมก็ไม่ยอมคืนดิออนให้หรอกนะ”
   
ผมบ่นงึมงำแล้วกอดแขนดิออนแน่น
   
มันเป็นของผมแล้ว
   
ต่อให้จับผมทำค้างคาวปิ้ง ผมก็ไม่คืนหรอกนะ!
   
XP
   
   
END

-------------

เป็นเรื่องที่เขียนมานานมากกกกก นับๆ ดูก็สามปีเลยค่ะ  ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ  :sad4:

ส่วนตอนพิเศษมีให้อ่านแน่นอนค่ะ ยังอยากเขียนน้องอยู่ค่ะ 5555

สุดท้ายนี้ก็แกล้งๆ ไปเล่นแท็ก #ห้ามปิ้งค้างคาว ในทวิตเตอร์ทิ้งท้ายกันได้นะคะ กี้!

:: TALK  :::

@ ืniyataan   ขอบคุณที่ติดตามนะคะ (แอบตกใจมากที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่ตอนแรกเลย ตอนนี้ก็เกือบสามปีแล้ว  :o8:) ดีใจที่ชอบน้องครูซนะคะ ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีเช่นกันค่ะ  :กอด1:

@yumyai_fishery   รักเหมือนกันนะคะ  :o8:   :L2:

@mystery Y     ขอบคุณที่ติดตามนะคะ  :hao5:

หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 31 26/1/21 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 26-01-2021 20:55:00
จบซะแน้ว..ววววว รออ่านตอนพิเศษฮัฟ  :pig4:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 31 26/1/21 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: yumyai_fishery ที่ 27-01-2021 23:12:58
อจะรอคอยตอนพิเศษนะคะ เป็นกำลังใจค่ะ...ขอตอนของบรรดาลูกๆ ด้วยนะคะ  :impress2:
ขอบคุณที่รักกัน  :mew1:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ### 31 26/1/21 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-01-2021 00:59:01
จบแล้ว ต้องคิดถึงน้องครูซแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ตอนพิเศษ - บุกรังวาติกัน กี้! (1) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 16-02-2021 01:54:45
ตอนพิเศษ : บุกรังวาติกัน กี้! (1)

   
และแล้ววันนี้ก็มาถึง

วันที่ครูซ บราวน์หรือผู้อาวุโสของสมาคมแวมไพร์อย่างผมต้องรับภารกิจที่ยากและโหดที่สุดของสมาคม ถ้าจับวัดระดับก็คงเป็นระดับ SSS ที่มีแค่ระดับผู้อาวุโสของสมาคม (ที่ยังไม่กร็อบๆ ) เท่านั้นที่สามารถรับภารกิจได้
ผมอ้าปากค้างตอนนั่งกินปังเย็นดูซี่รีย์ตอนที่กำลังจะเฉลยความจริงว่าใครเป็นฆาตกรแล้วเปลี่ยนเป็นภาพหน้าน้องผมที่ทำหน้าเคร่งเครียด

“ผมหารังพวกมันเจอแล้ว พี่ไปดูหน่อยว่าพวกมันทำอะไรกัน”

หัวหน้าสมาคมหน้าบูดบึ้งเพราะช่วงนี้พวกวาติกันเก่งขึ้นมากจนต้องให้พวกแวมไพร์ระวังตัวกันมากขึ้น สองสามเดือนมานี้มีสมาชิกในสมาคมแวมไพร์ก็โดนพวกวาติกันทำร้ายแทบปางตายไปหลายคนจนน้องผมเลือดขึ้นหน้า เกือบจะประกาศศึกกับพวกวาติกันอีกรอบ

แน่นอนว่าก็ได้แค่คิดเพราะยุคสมัยนี้แล้ว สงครามระหว่างเผ่าพันธ์แวมไพร์กับวาติกันมีแต่จะเป็นสิ่งที่ขวางหูขวางตาของรัฐบาลโลก เกิดพวกเราตีกันรุนแรงขึ้นมาคงไม่วายถูกจับได้ว่ามีอยู่จริงแล้วก็จับเอาไปเข้าพิพิธภัณฑ์ไม่ก็ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไปเลย
ทำไงได้ล่ะ ก็มนุษย์ตอนนี้โหยหาสันติที่สุดนี่นา

“ก็ได้”

ผมเท้าคางเบื่อๆ ไม่รู้ว่าช่วงนี้ชีวิตผมสงบสุขเกินไปหรือจู๋จี๋กับดิออนมากเกินไป ทุกอย่างถึงต้องกลับมามีเรื่องให้ผมซวยอีกแล้ว ให้ตายเหอะ พอเก่งแล้วก็ต้องทำหน้าที่ที่มีแต่คนเก่งทำได้อีก เฮ้อ

“รังพวกมันอยู่บนเกาะใต้ในเขตของพวกวาติกัน ฉะนั้นภารกิจรอบนี้พี่ต้องถูกจำกัดพลังไว้ชั่วคราวแล้วก็จะสามารถใช้พลังของวาติกันได้นิดหน่อย”

“ดเวนให้ของมาด้วยใช่ไหม”

ข้อมูลที่ได้มานี้ก็คงได้มาจากพวกโกสต์ เพราะพวกนั้นก็ได้รับผลกระทบจากวาติกันเหมือนกัน ช่วงนี้บ้าเลือดกันมาก ล่ากันโหดจนถึงขนาดทำให้สมาคมแวมไพร์กับโกสต์ยอมร่วมมือกันชั่วคราวเพื่อที่ไปกำจัดไอ้สิ่งที่ทำให้พวกวาติกันพวกนี้เก่งขึ้นซะ

“อืม ให้ฟรีด้วย”

“แล้วพี่ต้องไปวันไหนอ่ะ”

ผมหาวง่วงๆ เตรียมตัวจะไปนอนเอาแรง
   
“ตอนนี้เลย”
   
“…”

   

กลิ่นเค็มของทะเลเคล้ากับเสียงคลื่นดังลั่นท่ามกลางความมืดสลัวที่แทบจะมองอะไรไม่เห็น ผมขยับตัวเข้าหาดิออนแล้วแอบจับมือกันมันข้างหลังด้วยสีหน้านิ่งเฉยเช่นเดียวกับเหล่าวาติกันรุ่นเยาว์คนอื่นๆ ที่นั่งเรียงรายกันใต้ท้องเรือโดยที่ไม่มีใครเอ่ยปากพูดคุยกันเลยแม้แต่คนเดียว
   
มีเพียงเสียงพึมพำสวดมนต์ที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก เว้าวอนอ้อนวอนขอร้องต่อพระเจ้า พระองค์เจ้าโฟเทียสผู้มากไปด้วยเมตตาที่เคยสร้างโลกใบนี้ขึ้นมาและสร้างวาติกันด้วยความพิถีพิถันกว่าสิ่งมีชีวิตใดๆ ด้วยความรักเป็นที่สุด
   
ผมเหลือบมองเสี้ยวหน้าของดิออนที่ตอนนี้มันกลับไปใช้ร่างตอนที่ผมเคยเจอมันครั้งแรกแต่โครงหน้ากับรูปลักษณ์ภายนอกก็เปลี่ยนไป ผมของมันเป็นสีทองและตากลายเป็นสีฟ้าอีกทั้งยังมีผิวขาวจัดอันเป็นรูปลักษณ์ที่พวกวาติกันนอกรีตโปรดปรานเป็นที่สุดเพราะมันคล้ายคลึงกับเหล่าวาติกันรุ่นแรก
   
อย่าเพิ่งงงว่าวาติกันนอกรีตคืออะไร วาติกันนอกรีตก็เป็นพวกวาติกันที่แยกตัวออกจากวาติกันที่ดิออนเคยเป็นหัวหน้าตระกูล อีกทั้งยังเป็นกลุ่มวาติกันกลุ่มเดียวที่ปฏิเสธความมั่งคั่งทางปัญญาของมนุษย์ ไม่สนใจความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและหมกมุ่นกับประเพณีดั้งเดิมเก่าแก่ในกลุ่มของตัวเองบนเกาะใต้แห่งนั้น
   
เป็นกลุ่มวาติกันที่สมาคมแวมไพร์ไม่อยากสุงสิงที่สุดเพราะคุยไม่รู้เรื่อง ปกติถ้าไม่ได้เข้าไปในอาณาเขตของพวกวาติกันนอกรีตพวกนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ช่วงนี้พวกนี้อยู่ๆ ก็ให้ความช่วยวาติกันสาขาหลักในการปราบปีศาจ ตอนที่ผมรู้ว่าเกาะที่น้องผมพูดถึงคือเกาะเดียวของวาติกันพวกนี้ผมแทบน้ำตาแตก
   
ระดับ SSS จริง โลกไม่รักน้องครูซแล้ว ดีหน่อยที่ภารกิจรอบนี้หิ้วผัวผมมาด้วยได้ ไม่งั้นผมจะร้องไห้จนตายบนเกาะจนครบหนึ่งอาทิตย์นั่นแหละ
   
แล้วตอนนี้ผมก็ไม่เก่งแล้วด้วย กินน้ำยาอะไรไม่รู้ของพวกโกสต์ ขมมาก แถมยังโดนจับไปอาบน้ำชำระล้างกลิ่นอายปีศาจออกจากตัวจนผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้เกิดใหม่ในร่างน้องครูซที่ซวยกว่าเดิมและก็กากเหมือนเดิมด้วย โอ๊ย
   
ซึ่งร่างใหม่ของผมตอนนี้ก็ดันเป็นร่างที่ผมโคตรจะไม่ชินเลย
   
;w;
   
ตอนนี้ผมสูงกว่าดิออนอีก แถมยังมีรูปลักษณ์เป็นวาติกันฝั่งเอเชียธรรมดาทั่วไปผมสีดำตาสีดำ ใช้พลังวาติกันได้เล็กๆ น้อยๆ และที่แย่ที่สุดของภารกิจนี้คือผมกับดิออนห้ามทำตัวสนิทกันเกินไปอ่ะ เพราะทั้งผมทั้งมันต้องคีพลุคแบบที่วาติกันนอกรีตพวกนี้ชอบคือพูดน้อย เก็บตัว ดูสง่างาม ให้ตายเหอะ นี่ผมแข่งประกวดวาติกันเหรอ
   
ผมน่ะ อยากจะคืนร่างเดิมแล้วไปร้องกี้ๆ ใส่ดิออนจะตายอยู่แล้ว บรรยากาศอะไรกันเนี่ย น่ากลัวชะมัดเลย นั่งกันเต็มใต้ท้องเรือไม้แบบโบราณที่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ใช่เรือสมัยใหม่ที่เสียเวลาน้อยกว่าในการขนย้ายคนเข้าเกาะแถมยังปลอดภัยกว่าด้วย
   
แต่ก็นะ เข้าถ้ำเสือผมก็ต้องปลอมตัวเป็นเสือเพื่อเข้าอ่ะ แงงงงง
   
“เจ้ามาจากตระกูลไหน”
   
แล้วคืออะไร มีคนนั่งกันเป็นร้อย ทำไมถึงมาถามผมเนี่ย
   
ดวงน้องครูซนี่มันจริงๆ เลย ให้ตายเหอะ
   
“เบเกอร์ครับ”
   
ผมตอบนิ่งๆ ทำหน้านิ่ง ทั้งๆ ที่ในใจอยากร้องไห้ให้เรือแตกไปเลย ทำไมรุ่นก่อนๆ แค่ไปแฝงตัวสนุกๆ เองอ่ะ ทำไมมาตอนผม ผมต้องมาแฝงตัวกับพวกวาติกันนอกรีตน่ากลัวพวกนี้ด้วยอ่ะ
   
ไม่ยุติธรรมเลยอ่ะ แงงงงงง
   
แล้วคนที่ถามผมอ่ะ สวมชุดเครื่องแบบวาติกันโบราณแบบเดียวกับที่ผมเคยเห็นในหนังสือเลยอ่ะ ชุดสีดำขลับขลิบด้วยสีทอง ตามเนื้อตัวประดับด้วยโซ่เงินที่พร้อมจะใช้รัดคอแวมไพร์ ไหนจะมีดสองเล่มที่ห้อยไว้ตรงเอวอีก อะไรกันเนี่ย น่ากลัวที่สุด
   
ถ้ารู้ว่าผมเป็นแวมไพร์คงเอามีดพวกนี้จิ้มผมแน่เลยอ่ะ
   
“เด็กกำพร้าสินะ”
   
“ครับ”
   
ผมตอบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า สุขุมเหมือนเดิมเพราะรู้ว่าวาติกันนอกรีตพวกนี้ชอบบุคลิกแบบนี้ ฉะนั้นผมต้องแฝงตัวให้เนียนที่สุด
   
“ขอพระเจ้าจงอวยพร”
   
สิ่งที่ผิดคาดคืออยู่ๆ เจ้าวาติกันที่ดูน่ากลัวและโหดมากก็เอื้อมมือมาแตะหน้าผากผมแล้วอวยพรด้วยสีหน้าที่ดูใจดีขึ้น

ผมชักจะสงสัยจริงๆ แล้วว่าหน้าผมมันเป็นแบบที่พวกวาติกันมันถูกโฉลกเหรอ ตั้งแต่ตอนผมเด็กๆ ละ ตอนนั้นไปทัศนคติศึกษากันเป็นกลุ่ม วาติกันมันก็เลือกผมที่จะลักพาตัวผมไปคนเดียว ไหนจะดิออนอีกเห็นหน้าผมที่เดียวลืมไม่ลงแล้วก็ยอมเป็นผัวผมอีก
   
“อายุเท่าไหร่แล้ว”
   
“สิบแปดครับ”
   
ผมตอบกลับอย่างคล่องแคล่ว ทั้งๆ ที่จริงๆ ผมอยากตอบสิบแปดคูณสิบแปดแล้วก็บวกอีกเยอะๆ เพราะตอนนี้ผมพันกว่าแล้ว เป็นผู้อาวุโสที่เริ่มกร็อบๆ แต่พอได้กินนมแคลเซียมเสริมกระดูก (แน่นอนว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่น้องผมทำขาย) ตอนนี้ก็เลยไม่ค่อยกร็อบแล้ว
   
“เจ้าพูดภาษากลางของเราคล่องมาก”
   
ผมยิ้มเล็กๆ รับคำชม ไม่คล่องได้ไงอ่ะ ก็มันเป็นหลักสูตรแวมไพร์อ่ะ
   
“อีกไม่นานก็จะถึงอาณาจักรของเราแล้ว ถึงตอนนั้นข้าก็อยากให้เจ้าตั้งใจเพราะข้าเห็นศรัทธาที่มากกว่าใครในตัวเจ้า”
   
อีกนิดผมเคลิ้มละ ถ้าผมไม่ใช่แวมไพร์คงถวายชีวิตให้วาติกันนอกรีตนี้ แต่เพราะผมเป็นแวมไพร์ ผมเลยอยากจะคืนร่างเป็นค้างคาวแล้วร้องกี้ๆ โวยวายใส่มาก
   
เห็นศรัทธาอะไร งง ผมก็ทำตัวปกติ นั่งเมื่อยแล้วก็แอบเล่นมือดิออนเอง ถ้าศรัทธาก็คงศรัทธาในความหล่อของดิออนที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้หล่อขนาดนี้
   
“ขอพระเจ้าจงอวยพรท่านเช่นกันครับ”
   
ผมอวยพรกลับแล้วก็ยิ้มเล็กๆ อีกครั้งเพื่อกลบเกลื่อนว่าผมคิดเรื่องอื่นอยู่
   
ไม่ชินเลยแฮะ ปกติแวมไพร์หรือปีศาจทั่วไปก็ไม่ค่อยสนใจการมีอยู่ของพระเจ้าเท่าไหร่ แบบถ้าพระเจ้าโฟเทียสรักแต่พวกวาติกันจริงก็จะสร้างปีศาจด้วยทำไมอ่ะ แล้วทำไมถึงสามารถสร้างแวมไพร์ที่น่ารักและรักโลกแบบผมได้ด้วย
   
แต่ก็นะ ก็อาจจะคงเป็นการเล่นสนุกของพระเจ้าอีกแหละมั้งถึงได้สร้างวาติกันชั่วร้ายพวกนี้มาไล่ตามทุบเผ่าพันธุ์ผมเนี่ย หรือเพื่อควบคุมประชากรไม่ให้เยอะเกินไปก็ไม่รู้
   
“เด็กดี”
   
วาติกันคนเดิมลูบหัวผมและพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ซึ่งผมก็เพิ่งสังเกตว่ามันเป็นพวกวาติกันอาวุโสเลยนี่นา เพราะที่ข้อมือประดับด้วยสร้อยข้อมือไม้กางเขนที่ทำจากทองคำขาว
   
และมันก็แทบจะทิ่มตาผมอยู่แล้ว ช่วยด้วย
   
;w;
   
ผมร้องกี้ๆๆๆ ดังลั่นในใจ เพราะไม้กางเขนก็ของแสลงแวมไพร์อ่ะ ถึงตอนนี้ผมจะเก่งจนไม้กางเขนไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว แต่มาเจอใกล้ๆ แบบนี้ก็เสียวสันหลังวาบๆ อยู่ดี
   
ดิออนช่วยด้วย แงงงงง
   
ผมงอแงในใจสักพักวาติกันตัวร้ายที่น่าจะเด็กกว่าผมร้อยเท่าก็เดินไปทักทายวาติกันคนอื่นต่อ หรือก็คือพวกเด็กที่มาเข้าค่ายฝึกอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ จริงๆ กำหนดการคือหนึ่งเดือนแต่ภารกิจผมคืออยู่อาทิตย์เดียวพอเพราะยากลบกลิ่นอายใช้ได้อาทิตย์เดียว แล้วมันก็ให้มาแค่สองขวดอ่ะ ถ้าสองขวดสองอาทิตย์แล้วผมต้องมาคนเดียว ผมคงได้ร้องไห้ตลอดการทำภารกิจจริง
   
เพราะโลกข้างนอกชอบมีแต่คนใจร้ายกับผม มีแต่ดิออนเท่านั้นแหละที่รักผมที่สุด
   
“...”
   
ผมพยายามรักษาสีหน้าปกติเอาไว้ตอนที่ดิออนมันเอามือผมไปกุมอีกครั้งแล้วลูบเบาๆ เหมือนรู้ว่าผมน่าจะแตกตื่นมากกับเหตุการณ์สุดระทึกใจเมื่อกี้
   
คือผมไม่กลัวโดนจับได้หรอกเพราะผมเชี่ยวชาญด้านการทำตัวกากมาก แต่ผมไม่มั่นใจในดวงตัวเองไง รอบเมื่อกี้คือซวยครั้งที่หนึ่งและผมก็ไม่รู้ว่าความซวยของผมจะไปจบตรงไหน
   
แต่เอาจริงๆ ผมว่าภารกิจรอบนี้ผมคงซวยซ้ำซวยซ้อนซวยซ่อนเงื่อนเหมือนเดิมอ่ะ

ไอ้การที่โดนผู้อาวุโสวาติกันเอ็นดูเมื่อกี้ สัญชาตญาณลึกๆ ก็บอกผมว่าขึ้นเกาะไปแล้ว ผมต้องโดนจับไปทำอะไรสักอย่างแน่นอน ต่อให้ตอนนี้เป็นวาติกันแล้วก็กากมากแต่ผมก็ต้องโดนแน่ แงงงงงง

ทำไมอ่ะ ทำไมถึงไม่เป็นไปตามแผนที่น้องผมวางไว้อ่ะ คนที่วาติกันหมายตาควรเป็นดิออนสิ ทำไมถึงเป็นผมที่กะจะมาแฝงตัวกลมกลืนเป็นตัวประกอบธรรมดากันเล่า หรือว่าเพราะผมเป็นนายเอกของเรื่องนี้เลยถึงต้องโดนแบบนี้

ใจร้าย ใจร้ายที่สุดเลย!

ผมงอแงในใจแต่สายตาก็ยังมองตามหลังวาติกันเมื่อกี้ พยายามเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุดว่าวาติกันนอกรีตพวกนี้แอบทำอะไรกัน ทำไมอยู่ๆ ถึงได้มีพลังเยอะขึ้นจนสามารถไล่ทุบปีศาจจนยับเยินได้ขนาดนี้
บนเกาะคงไม่ใช่เกาะสวรรค์อย่างที่พวกวาติกันเรียกกันแน่นอน

“เจ้าอยู่ระดับอะไร”

นั่นไง ความซวยของผมเริ่มขึ้นแล้ว พอโดนผู้อาวุโสเอ็นดูแบบออกหน้าออกตาแบบนี้ ผมก็โดนจับตามองสิ กลายเป็นคู่แข่งในสายตาวาติกันพวกนี้เลยอ่ะ

“ทั่วไป”

ผมตอบวาติกันที่นั่งข้างๆ นิ่งๆ พยายามไม่สนใจหลายคู่ที่ยังจับจ้องมาที่ผม

พอแล้ว ผมแก่แล้วลูกสามแล้ว ไม่อยากฮ็อตแล้ว ปวดหัว

“เจ้าล่ะ”

ผมถามกลับทันทีแล้วสำรวจวาติกันที่นั่งข้างกันมาสามชั่วโมงไม่แม้แต่จะปรายตามอง ตอนนี้กลับมาให้ความสนใจผมซะงั้น

“สูงกว่าเจ้า”

“…”

เดี๋ยวผมก็แยกเขี้ยวโชว์เลย ให้ตายเหอะ ทำไมต้องมาข่มผมด้วยอ่ะ ก็น้องผมไม่อยากให้ผมเป็นที่สนใจมากก็เลยให้ผมเป็นพวกธรรมดาไม่โดดเด่นอะไรอ่ะ นู้น อยากได้คนตำแหน่งเก่งเทพไปคุยกับผัวผมสิ มันโดนน้องผมแต่งประวัติให้เป็นวาติกันจากตระกูลดังอะไรไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ พวกวาติกันได้ยินคือผงะไปบ้างแหละ
   
ผมหน้าบูดเซ็งๆ เพราะขี้เกียจเก๊กหน้าแล้ว
   
ไม่สนุกเลย ตอนแรกผมก็กะจะเปลี่ยนภารกิจเป็นทริปฮันนีมูนกับดิออนแหละ แต่สภาพนี้แค่ผมกับมันได้จับมือกันก็ดีแค่ไหนแล้วจริงๆ
   
ผมเหลือบมองดิออนที่ยังคงกุมมือผมอยู่ มือของมันตอนนี้อุ่นขึ้นนิดหน่อย ซึ่งผมก็บีบมือมันเคืองๆ เพราะพอสบตากับมัน ผมก็ดูออกอ่ะว่าเป็นขำที่ผมโดนวาติกันเวรนี่ข่ม
   
นิสัยไม่ดี!
   
ผมบ่นอุบในใจแล้วก็กลับมานั่งเหม่ออีกรอบเพราะไม่มีอะไรทำ พวกวาติกันนอกรีตพวกนี้ต่อต้านเทคโนโลยีมากถึงขนาดไม่ให้อนุญาตให้พกอะไรมาเลยนอกจากตัวเปล่าๆ อ่ะ
   
ผ่านไปสักพักจนผมเกือบหลับ ในที่สุดผมก็มาถึง ‘เกาะสวรรค์’ ของพวกวาติกัน
   
“…”
   
ผมหันไปสบตากับดิออนที่หันมามองหน้าผมเหมือนกัน ก่อนที่ผมจะยิ้มแห้ง แห้งมาก แห้งจนผมแทบจะน้ำตาแตกอีกรอบ
   
เกาะสวรรค์ก็แย่แล้ว!!
   
นี่มันโคตรน่ากลัวเลย!!!!!
   
น่ากลัวกว่าบ้านผีสิงของพวกโกสต์อีก!!!!!!
   
ผมเอามือสั่นๆ ซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกง พยายามไม่สนใจอาคมโบราณมากมายที่ถูกกางเอาไว้เต็มเกาะ คือผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไอ้เกาะนี้ทำไมถึงไม่มีปีศาจที่ไหนมาตีสักที
   
ก็มันเล่นเอากางอาณาเขตซะขนาดนี้อ่ะ นี่ถ้าผมไม่กินยามาคือโดนช็อตตายตั้งแต่ก้าวเข้าไปก้าวแรกอ่ะ แล้วอะไรคือเรียกเกาะสวรรค์แต่บรรยากาศเกาะน่ากลัวมาก ดูขมุกขมัวและทะมึนไปด้วยกลิ่นอายไม่เป็นมิตร แบบผมเชื่อจริงๆ เลยอ่ะว่าวาติกันนอกรีตพวกนี้อนุรักษ์ประเพณีและพิธีกรรมของวาติกันรุ่นบรรพบุรุษไว้จริง
   
ให้ตายเหอะ วาติกันพวกนี้ขี้โกงอ่ะ อนุรักษ์ของเก่าไว้ได้ ของแวมไพร์นี้เผาเอาๆ ไม่เหลือให้อนุรักษ์บ้างเลย ขี้งกจริงๆ
   
ผมเลียเขี้ยวในปากเซ็งๆ แต่ก็สนุกกับการมองนั้นมองนี้ แบบมันก็เป็นอะไรที่หาดูยากล่ะนะ พวกปราสาทอะไรงี้ก็มีพวกมอสกับไม้เลื้อยขึ้นเต็มไปหมด ไฟตามทางเป็นไฟแบบคบเพลิง แถมรูปปั้นตามทางยังทำจากเงินแล้วปั้นเป็นพวกวาติกันในท่าทางปราบปีศาจประเภทต่างๆ อีก
   
“น่ากลัวอ่ะ”
   
ผมเดินเข้าไปใกล้กับดิออนแล้วกระซิบ ที่นี่มันไม่โรแมนติกเลยสักนิด
   
“มีน่ากลัวกว่านี้อีก”
   
ดิออนตอบกลับผมนิ่งๆ ไม่เหลือบมองผม
   
“นายก็เคยมาที่นี่เหรอ”
   
“ไม่เคยแต่พอจะรู้ว่าที่นี่มีอะไรแปลกๆ เยอะ”
   
ผมกลืนน้ำลายเอือกตอนเดินผ่านรูปปั้นวาติกันปราบแวมไพร์เพราะมันมีเป็นเซ็ตเลย อะไรเนี่ย ขนาดปราบปีศาจยังปราบแบบลำเอียงอีกเหรอ จะจงเกลียดจงชังอะไรแวมไพร์ขนาดนั้นเล่า
   
คือแวมไพร์ก็โดนปราบเหมือนกันก็ไม่เห็นจะเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้อ่ะ รูปปั้นวาติกันไม่มีสักอัน มีแต่ข้าวของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น้องผมเอามากองๆ ไว้ในสมาคมเผื่อใครอยากจะลองทดลองใช้หรือเอาไปเล่น คือแม้แต่รูปวาติกันก็ยังไม่มีอ่ะ มากสุดที่เกี่ยวกับวาติกันก็คือที่เรียนกันในห้องเรียนนั่นแหละ
   
“...”
   
ผมเผลอกลั้นหายใจตอนเจอรูปปั้นสุดท้ายซึ่งตั้งหน้าปราสาท เป็นรูปปั้นแวมไพร์ที่โดนจับมัดกับเสาแล้วเผาด้วยไฟโดยที่รอบๆ มีวาติกันยืนล้อมด้วยสีหน้ายินดี
   
;w;
   
ชักจะน่ากลัวเกินไปละ
   
แง ถ้ามากกว่านี้ผมจะก้าวขาไม่ออกแล้วนะ น่ากลัวง่ะ วาติกันนอกรีตพวกนี้ป่าเถื่อนกันชะมัดเลย หัวใจแวมไพร์ที่รักสันติที่สุดอย่างผมเริ่มจะรับไม่ไหวแล้ว แงงงงง
   
คือถ้าดิออนไม่มาด้วย ผมคงได้แอบไปร้องไห้จริง มันน่ากลัวมากเลยอ่ะ
   
ผมพยายามฮึบๆ แล้วนึกถึงหน้าดิออน (แบบปกติ) เข้าไว้ อย่างน้อยนึกถึงหน้ามันก็ทำให้ผมรู้สึกกระชุ่มกระชวยจิตใจขึ้นมานิดหน่อย ผัวหล่อมาก
   
แต่ก็นะ ภารกิจครั้งนี้ต้องสำเร็จเท่านั้นเพื่อความสงบสุขของชาวปีศาจ ผมจะไม่ยอมให้รูปปั้นพวกนี้มาทำภารกิจล่มหรอกนะ อีกอย่างผมอายุตั้งขนาดนี้แล้ว มากลัวรูปปั้นแบบนี้ได้ไง ถ้าจะกลัวอะไรสู้กลัวดิออนไม่รักผมดีกว่า น่าเครียดกว่าเยอะ
   
พอรวบรวมกำลังใจได้ผมก็กลับมาเยือกเย็นอีกครั้ง ผมเดินเข้าไปรวมกับกลุ่มวาติกันระดับทั่วไป ซึ่งผมก็รู้สึกใจหายนิดหน่อยที่เห็นดิออนมันเดินแยกไปอีกทาง ให้ตายเหอะ โลกใจร้ายกับน้องครูซอีกแล้ว
   
ผมมองตามผัวผมตาละห้อย ไม่สนใจว่าจะถูกจับได้ไหม เพราะคนตรงนี้เยอะมากรวมๆ กันในโถงก็เกินสองสามร้อยอ่ะ แบบผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพวกวาติกันนอกรีตไปหาสมาชิกมาจากไหนนักหนา
   
เฮ้อ ผมชักจะคิดถึงชีวิตที่น่าเบื่อของผมละ กินแล้วก็นอน ไม่ทำอะไรนอกจากไร้สาระไปวันๆ พอต้องทำอะไรที่มีสาระก็ต้องมาทำภารกิจสุดโหดแบบนี้เลยอ่ะ แง
   
ทำไมความหวังของสมาคมแวมไพร์ถึงต้องเป็นผมกับดิออนกันเล่า
   
[ ข้าขอต้อนรับเหล่าเหล่าผู้ศรัทธารุ่นเยาว์ทุกท่าน ]
   
เสียงทุ้มต่ำดังกึกห้องทั่วห้องโถงก่อนที่จะวาติกันนอกรีตตำแหน่งสูงคนหนึ่งจะเดินขึ้นมาประจำที่โพเดียม 
   
ผมหาวหวอดง่วงๆ กับพิธีการที่น่าเบื่อ แบบก็กล่าวต้อนรับอะไรงี้ทั่วไปนั่นแหละ แล้วก็พูดถึงรายละเอียดค่ายอะไรไม่รู้อันนี้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งหลักๆ ก็คือฝึกพิเศษเกี่ยวกับพลังเอาไว้ทุบพวกปีศาจ ให้ตายเหอะ ทำไมถึงไม่อยากเป็นมิตรกับชาวปีศาจบ้าง ตีกันมากี่พันปีแล้ว ไม่เบื่อกันรึไง
   
ผมน่ะ เบื่อจะแย่แล้ว เอาจริง คนในสมาคมแวมไพร์ก็เบื่อที่จะทุบกับวาติกันแล้วเหมือนกัน ปัญหาเยอะเหลือเกิน แต่ก็นะ จะหวังให้วาติกันทุกคนรักผมเหมือนดิออนก็ยากแหละ
   
ถึงรสนิยมของพวกวาติกันพวกนี้จะแปลกๆ ก็เหอะ แต่ก็อย่ามารุมชอบผมนักเลย มันทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ มากกว่าว่าจะโดนจับไปปิ้งไหม
   
[ ในการฝึกหลักสูตรพิเศษนี้จะมีวาติกันเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ได้รับการเลือกให้เป็นวาติกันที่จะได้รับความรักจากพระเจ้ามากที่สุด ]
   
“...”
   
ผมรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันทีเพราะรู้สึกได้ว่าคนที่พูดอยู่ก็จับจ้องมาที่ผม
   
[ จะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะได้รับการโอบอ้อมจิตวิญญาณจากพระเจ้า ]
   
แม่งผมว่าไม่ใช่แล้วว่ะ
   
มันต้องมีอะไรแน่เลยอ่ะ ไอ้ตำแหน่งสุดพิเศษอะไรไม่รู้เนี่ย
   
[ สุดท้ายนี้ข้าก็ขอให้พวกเจ้าตั้งใจกับการฝึกครั้งนี้ เพราะหลังจากสิ้นสุดการฝึกพวกเจ้าทุกคนจะได้รับพรอันยิ่งใหญ่เพื่อจะกำจัดบาปอันชั่วร้ายของใบนี้ ]
   
ผมอึ้งไปนิดๆ กับแววตากระหายเลือดของคนพูด
   
ทั้งๆ ที่วาติกันมักจะพูดเสมอว่าตัวเองนั้นเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและศีลธรรม แต่กลับพูดเรื่องฆ่าคนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉยเพียงเพราะอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์เหมือนตัวเอง
   
[ เราจะนำพาโลกกลับสู่ความสงบสุขอีกครั้ง เมื่อเรากำจัดปีศาจได้หมดสิ้น พวกเราก็จะได้รับโอกาสให้ขึ้นไปยังสรวงสวรรค์อีก ]
   
“...”
   
ผมพูดอะไรไม่ออก ฆ่าปีศาจทุกตัวเพื่อขึ้นสวรรค์ วาติกันนอกรีตพวกนี้ชักจะน่ากลัวเกินไปละ คือพวกวาติกันแบบปกติว่าหนักแล้ว เจอแบบนี้ผมคืออยากหนีกลับบ้าน ผมไม่แปลกใจเลยอ่ะทำไมสมาคมแวมไพร์ถึงไม่อยากสุงสิงด้วยมากที่สุด วาติกันพวกนี้กลายเป็นพวกคลั่งศาสนาไปแล้ว แก้อะไรไม่ได้ทั้งนั้น ที่ผมทำได้มีแค่ร้องไห้ได้อย่างเดียว
   
เฮ้อ โคตรซวยเลย นี้มันภารกิจที่ยากที่สุดในรอบหลายร้อยปีเลยมั้ง
   
ผมฟังมันพูดต่ออีกสักพักเซ็งๆ จนกระทั่งมันปล่อยให้พักผ่อนตามอัธยาศัย ผมก็เดินแถ่ดๆ ไปหาดิออนทันที ไม่ไหวแล้ว ผมต้องการความรักจากผัวผม คีพลุคอะไร ผมไม่คีพแล้ว ถ้าพวกวาติกันจะหมายตาผมกันขนาดนี้
   
ผมพยายามชะเง้อหาดิออนอยู่สักพักแล้วก็เจออย่างรวดเร็ว เพราะดิออนร่างนี้ออร่ามาก แบบเป็นคนที่จะถูกมองเห็นครั้งแรกถ้าเข้ามาในห้องประชุมอ่ะ
   
ผมยิ้มแล้วรีบเดินเข้าไปหามันที่ยืนคุยกับวาติกันอีกคนอยู่ แต่อยู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างถูกยื่นมาขวางระหว่างผมกับดิออนซะก่อน
   
“เอาไปกินเร็ว ของว่างพิเศษสำหรับวาติกันรุ่นเยาว์อย่างพวกเจ้า”
   
“.......”
   
ผมกำลังจะขอบคุณแต่พอสังเกตดูชัดๆ ว่ามันคืออะไรก็ตาโตอย่างควบคุมไม่อยู่และเกือบจะหลุดเสียงร้องดังลั่นออกมา
   
ค้างคาวปิ้ง!!!!
   
วาติกันมันกินค้างคาวปิ้งกันจริงๆ!!!!!!
   
กี้!!!
   
T_T

--------

 :katai4:   
   
   
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ตอนพิเศษ - บุกรังวาติกัน กี้! (1) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 16-02-2021 19:00:07
คางคาวปิ้ง...งงงงงงง   :laugh:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ตอนพิเศษ - บุกรังวาติกัน กี้! (1) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-02-2021 14:17:44
ครูซสู้ๆ
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ตอนพิเศษ - บุกรังวาติกัน กี้! (1) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: yumyai_fishery ที่ 22-02-2021 13:35:50
น้องครูซโดนแล้วววววว...
ไม่ทราบว่าจะมีแผนเขียนของรุ่นลูกไหมคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ตอนพิเศษ - บุกรังวาติกัน กี้! (2) p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 22-04-2021 00:54:14
ตอนพิเศษ บุกรังวาติกัน กี้! (2) ;w;

   
“…”
   
ผมจ้องค้างค้าวปิ้งเสียบไม้ในมือที่จริงๆ แล้วคือขนมที่ถูกทำขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนน้ำตากำลังจะไหล ต่อให้มันจะเป็นแค่ขนมก็เถอะ แต่มันก็สร้างบาดแผลทางจิตใจให้กับผมมาก
   
;w;
   
มันน่ากินตรงไหนเนี่ย ให้ตายเหอะ ผมขอลาออกจากวงการขนมหวานชั่วคราว
   
ผมมองขนมในมือกลัวๆ แล้วรีบมองหาผัวผมเพื่อหาทางกำจัดขนมชั่วร้ายอันนี้ แต่น่าเสียดายที่ความจริงก็ใจร้ายเสมอเพราะพอเงยหน้าขึ้นมาดิออนก็หายไปแล้ว ก่อนที่ผมจะถูกพวกวาติกันรุ่นเยาว์ที่อายุประมาณ ม.ปลาย มายืนล้อมหน้าล้อมหลังผมสามคน บนไหล่มีเข็มกลัดของพวกระดับทั่วไปแบบที่ผมเพิ่งกลัดไปก่อนขึ้นเกาะ
   
“นายน่ะมาเข้ากลุ่มกับพวกเราไหม!”
   
“…”
   
ผมยิ้มเจื่อนและคิดปลอบใจตัวเองว่าเดี๋ยวคงเจอกันอีกแหละ ดิออนคงไม่หายไปไหนง่ายๆ หรอก
   
“อื้อ”
   
“ดีเลย! ทีนี้กลุ่มของพวกเราก็ครบสี่ตามกำหนดแล้ว”
   
วาติกันที่เอ่ยปากชวนผมพูดอย่างดีอกดีใจ ตาสีเขียวเป็นประกาย ดูกระตือรือร้นและดีใจสุดๆ ที่หาคนได้ครบสักที
   
“เจ้าชื่ออะไรเหรอ ข้าชื่อเอส ส่วนคนที่สูงๆ ชื่อเรย์ แล้วคนที่ยืนใส่แว่นชื่อเอ็ม”
   
“ครู- แค่ก คิน เราชื่อคิน”
   
เบื่ออ่ะ ผมต้องใช้แต่ชื่อปลอมอีกแล้ว ไม่รู้พวกวาติกันจะเกลียดผมอะไรนักหนา แค่ผมเอาดิออนมาเป็นผัวได้ คือแบนชื่อผมห้ามพวกวาติกันตั้งเป็นชื่อลูกเลยตลอดกาล แล้วยังบอกว่าเป็นชื่อต้องคำสาปด้วย หึ ต้องคำสาปอะไรกัน คำสาปความน่ารักเหรอ ดิออนถึงได้ชอบผมขนาดนี้
   
“ดีใจที่ได้รู้จักนะ! เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ”
   
เอสยิ้มตาหยีให้ผมซึ่งมันก็ทำให้ผมนึกถึงตัวเองตอนอายุเท่ากันมาก เมื่อก่อนผมก็ดีดประมาณนี้แหละ เป็นมิตรกับทุกคน ผูกมิตรชาวบ้านไปทั่ว
   
คิดถึงจังเลยแฮะ สมัยที่ผมยังไม่กร็อบๆ
   
“ว่าแต่นายอยากกินขนมไหม เราให้”
   
พอได้จังหวะผมก็หาทางกำจัดขนมในมือทันที ไม่รู้ล่ะ ยังไงผมก็ไม่มีวันกินมันแน่นอน สยองขวัญมาก คือถ้าเป็นรูปไม้กางเขนหรืออะไรอย่างอื่น ผมก็ยังพอทำใจแทะได้อยู่หรอก
   
“กินๆ ทำไมนายไม่กินอ่ะ เราว่ามันก็อร่อยดีออก ถึงหน้าตามันจะแปลกๆ ก็เหอะ”
   
เพื่อนใหม่ของผมรับไปกินอย่างว่าง่าย
   
“พอดีเราอิ่มแล้วอ่ะ”
   
ผมหัวเราะแห้งๆ แล้วพยายามมองหาดิออนของผมอีกรอบ แต่ก็ล้มเหลวเพราะคนเดินพลุกพล่านมากซึ่งก็น่าจะหากลุ่มกันนั้นแหละ เอาจริงเอสมาชวนผมเข้ากลุ่มก็ดีเหมือนกัน เมื่อกี้ตอนเขาประกาศต่อผมไม่ได้ฟังอะไรเลย มัวแต่ยืนหาว
   
“ปีนี้ตระกูลเบเกอร์ส่งมาแค่นายเหรอ”
   
คราวนี้เอ็มเป็นฝ่ายถามผมบ้างเพราะเอสกำลังอร่อยกับขนมอยู่
   
“ใช่”
   
ผมเบื่อๆ พร้อมกับเดินตามเอสที่พาเดินไปไหนไม่รู้
   
“นายรู้ตัวไหมว่านายโชคดีมากเลยนะที่ถูกผู้อาวุโสหมายตา”
   
“เหรอ”
   
ไม่เลยสักนิด รู้สึกเย็นสันหลังวูบๆ มากกว่า ผมไม่กลัวโดนจับได้ว่าเป็นแวมไพร์ปลอมตัวมาหรอก แต่กลัวมากกว่าว่าดวงของผมจะทำให้ผมเจออะไรซวยๆ กว่านี้
   
“ใช่ เพราะแต่ละปีจะมีไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าตาผู้อาวุโสและนายก็เป็นหนึ่งในคนพวกนั้นของปีนี้”
   
สุดยอดไปเลย แผนของน้องผมคือดิออนจะเป็นคนนั้นไง เพราะผัวผมน่าจะปลอมเนียนกว่า แต่หวยลงที่ใคร ลงที่น้องครูซคนเดิมนั่นเอง
   
แต่เอาจริงๆ ผมโดนก็ดีกว่าดิออนโดนแหละ ผมทนเห็นดิออนเป็นอะไรไปไม่ได้หรอกนะ ไม่งั้นใครจะเป็นคนปลอบผมเวลาผมน้ำตาแตกกันล่ะ
   
“แล้วนายพอจะรู้ไหมว่าถ้าโดนเลือกแล้วท่านผู้อาวุโสจะเอาไปทำอะไรต่อ”
   
แน่นอนว่าผมก็ยังไม่ลืมว่าตัวเองถ่อมาถึงนี้เพื่อทำอะไร ถึงผมจะอยากให้เป็นฮันนีมูนก็เหอะ แต่สภาพเกาะน่ากลัวงี้ก็โรแมนติกไม่ไหวอ่ะ
   
“ไม่รู้สิ เมื่อก่อนเหมือนจะได้รับอาวุธระดับสูง แต่ปีสองปีนี้เหมือนจะเป็นพิธีกรรมอะไรสักอย่างที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เอาเป็นว่ายังไงฉันก็อิจฉานายชะมัดเลย เพราะฉันว่านายมีโอกาสสูงมากที่จะได้รับเลือก”
   
“ผู้อาวุโสอาจจะแค่ทักตามมารยาทเฉยๆ ก็ได้”
   
ผมพยายามถ่อมตัวและแอบกลืนน้ำลาย
   
พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ในเกาะน่ากลัวแบบนี้น่ะเหรอ น่ากลัวอ่ะ ต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน ให้ตายเหอะ ผมสาบานเลยว่าจะเลิกบ่นเวลาที่ต้องไปตีจัดการพวกวาติกันในเมือง ใครจะไปรู้อ่ะว่าพวกนอกรีตพวกนี้จะน่ากลัวกว่าพวกนั้นเป็นร้อยเท่า
   
“ไม่หรอก นายก็คงมีอะไรน่าสนใจนั่นแหละ ท่านถึงได้สนใจ”
   
“คงงั้นมั้ง”
   
ผมพยักหน้าส่งๆ แล้วตาโตกับห้องที่เอสพาเข้ามา เพราะมันเป็นห้องโถงอีกห้องที่ใหญ่มากและถูกกั้นเป็นโซนแต่ละโซน มีโซนยิงเป้า ลานประลอง การใช้คาถาอาคม การเรียกสัตว์วิเศษ อะไรอีกหลายอย่างเต็มไปหมด แต่ที่เด่นที่สุดคือแต่ละโซนมีชื่อเขียนอยู่บนอากาศด้วยอาคมอะไรสักอย่างพร้อมกับคะแนนที่ทำได้
   
ผมหน้าซีดทันทีเพราะโซนแรกที่เอสพามาคือยิงปืน แล้วทักษะการยิงปืนของผมก็แย่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เอาเป็นว่าผมยิงไม่โดนตัวเองก็ดีแค่ไหนแล้วอ่ะจริงๆ
   
“เรามารีบทำคะแนนกันเถอะ ท่านผู้อาวุโสบอกว่ากลุ่มที่ทำคะแนนรวมได้เยอะที่สุดจะมีรางวัลพิเศษด้วย อย่างน้อยๆ ต่อให้ไม่ถูกเลือกแต่ได้ของฟรีกลับบ้านก็ยังดีนะ!”
   
“แต่ท่านอาวุโสให้เวลาตั้งหนึ่งอาทิตย์ไม่ใช่เหรอ ผมว่าเราไปพักกันก่อนไหม”
   
เรย์ที่เงียบมาตลอดทางอยู่ๆ ก็เสนอขึ้นมา ซึ่งถ้าให้เดาคงจะเวทนาผมที่หน้าเจื่อนมาก
   
“ทำคะแนนไว้ก่อนสักฐานก็ยังดี อย่างน้อยก็ถือว่าจะได้แอบสำรวจคู่แข่งด้วยว่าปีนี้มีใครที่น่ากลัวบ้าง”
   
“ก็ได้”
   
ฮึก จริงๆ ผมก็อยากจะแย้งนะ แต่แบบยิงรอบไหนมันก็คงห่วยเหมือนกัน ฉะนั้นก็ยิงๆ ไปเหอะ แต่ไม่รู้ว่าหลังจากยิงแล้วพวกเอสจะไล่ผมออกจากกลุ่มไหม เพราะคะแนนที่ผมทำได้น่าจะห่วยแตกมาก
   
คือแบบไอ้ตอนสอบเอาใบ ผมก็ยิงได้แหละแต่มันนานมากแล้ว ทุกวันนี้ใช้แต่พลังแวมไพร์ทุบคนอื่นอ่ะ เฮ้อ
   
“เอาไปๆ ยิงให้โดนค้างคาวสีแดงนะ เป็นแต้มสูงสุดจากทุกเป้าเลย ผู้อาวุโสบอกว่าตอนนี้ยังไม่มีใครยิงโดน ฉะนั้นกลุ่มเราต้องเป็นกลุ่มแรกที่ยิงโดน!”
   
เอ็มที่ผมไม่รู้ว่าหายไปเอาปืนตอนไหนกลับมาพร้อมปืนยาวแบบโบราณ อาคมแห่งแสงสว่างที่ลงไว้บนปืนส่องแสงสว่างออกมาจางๆ ดูทรงพลังและเปี่ยมไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์
   
ผมกลืนน้ำลายเอือกตอนที่รับมาถือแล้วสัมผัสได้ถึงพลังที่อาบอยู่บนปืน
   
“..?”
   
ผมขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกถึงพลังอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติจางๆ ซึ่งมันไม่ควรเป็นแบบนั้น เพราะตามหลักแล้วพลังของพวกวาติกันควรจะเป็นพลังบริสุทธิ์ที่ไม่มีอะไรแฝงอยู่ แต่สิ่งที่อยู่ในมือผมกลับแสดงชัดออกมาถึงอารมณ์ความโศกเศร้าเคล้ากับความเกลียดชังซ่อนอยู่
   
ถึงมันจะเบาบางมันจนแทบจะไม่รู้สึก แต่ผมก็สัมผัสมันได้ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง
   
อาจจะเพราะมันน่าจะใกล้เคียงกับ ‘ความชั่วร้าย’ ที่พวกวาติกันตราหน้าพวกแวมไพร์ล่ะมั้ง
   
ทำไมปืนของพวกวาติกันนอกรีตถึงมีอะไรแบบนี้อยู่?
   
แน่นอนว่าผมคงได้คำตอบแน่ แต่การได้มาซึ่งคำตอบก็คงจะไม่ง่ายเท่าไหร่ และผมก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่หนักหนาจนทำผมกับดิออนต้องบาดเจ็บอ่ะนะ
   
“ให้คนอื่นยิงก่อนไหม เรายิงปืนไม่เก่งอ่ะ”
   
ผมถามด้วยความหวังเล็กๆ ว่าจะมีคนอยากเปิดประเดิมก่อนผม
   
“ไม่ล่ะ นายก่อนเลย เอาคนที่น่าจะดวงดีที่สุดของวันนี้เปิดน่าจะดีที่สุด”
   
แต่น่าเสียดายที่เอ็มก็ตัดบทผมไวมากแล้วยัดกระสุนเงินสี่นัดใส่มือผม
   
“กติกาคือยิงให้โดนอะไรก็ได้ด้วยกระสุนสี่นัดนี้ในเวลาสามนาที ยิงได้คนละสี่นัด ยิงโดนค้างคาวแดงแต้มจะเยอะสุด ส่วนพวกปีศาจอื่นๆ จะรองลงมา ถ้าเป็นไปได้ก็ยิงให้โดนพวกแวมไพร์ละกัน คะแนนเยอะ แล้วก็ยิงให้ทันด้วยล่ะเพราะเราต้องยิงพร้อมกับทีมอื่นๆ ”
   
“...”
   
ลำพังแค่ยิงให้โดนยังยาก นี่ต้องมายิงแข่งกับคนอื่นอีกเหรอ ถามจริง แข่งยิงเป้าบินแบบหมู่เหรอ ให้ตายเหอะ นี่มันจะโหดร้ายกับน้องครูซเกินไปแล้ว
   
หัวใจผมต้องทำด้วยอะไรอ่ะ ถึงจะทำยิงเผ่าพันธุ์เดียวกันได้อ่ะ ใจร้าย ผมไม่ยิงหรอก! ผมไม่ได้ใจร้ายเหมือนพวกวาติกันนอกรีตซะหน่อย
   
ผมคิดเศร้าๆ แต่ก็เดินต็อกแต๊กไปประจำที่เพราะไร้ทางเลือก ก่อนที่ผมจะตาโตอีกรอบเพราะไอ้คนที่ยืนข้างผมมันก็คือไอ้คนที่ข่มผมบนเรือเมื่อกี้!
   
“แค่ท่านผู้อาวุโสคุยด้วย อย่าคิดว่าท่านจะเลือกจะเจ้า”
   
“อือ”
   
ผมพยักหน้าส่งๆ ขี้เกียจมีเรื่อง จะเกลียดผมหรืออะไรก็ช่างเหอะ แต่อย่าเอาปืนมายิงผมที่เป็นแวมไพร์ตัวจริงก็พอ
   
“ท่านจะต้องเลือกข้า จำไว้ คนระดับต่ำต้อยอย่างเจ้าไม่มีทางได้รับเกียรติแบบที่พวกข้าได้รับแน่”
   
“อือ”
   
ผมตอบในลำคอเชิงรับรู้พร้อมๆ กับเอากระสุนนัดแรกใส่กระบอก ซึ่งปืนยาวของพวกวาติกันนอกรีตก็ดูจะค่อนข้างพิเศษและแปลกตา กลไกของมันก็เป็นแบบที่ผมไม่เคยเห็นแต่ก็ไม่ได้ใช้ยากอะไร
   
[ สองนาทีสุดท้ายสำหรับการเตรียมตัว ]
   
ผมหรี่ตามองกระบอกปืนในมือพยายามทำความคุ้นเคยกับมัน มันยิงได้ทีละนัดและไม่มีอะไรลำกล้องหรืออะไรช่วยเล็ง ฉะนั้นการยิงคือต้องอาศัยสัญชาตญาณผมล้วนๆ และผมคงไม่มีปัญญายิงโดนอะไร
   
เอาเหอะ ยังไงผมก็ไม่ได้กะจะมาเอารางวัลอะไรอยู่แล้ว ผมมาเพื่อหยุดพวกวาติกันนอกรีตพวกนี้ที่ไม่รู้แอบทำอะไรกัน แต่ที่แน่ๆ มันคงทำให้ผมปวดหัวแน่นอน
   
[ 10 9 8 ]
   
ผมเอาปืนขึ้นมาตั้งท่าและพยายามมีสมาธิมองป่าจำลองข้างหน้าที่ถูกสร้างมาจากอาคมโบราณ ต้นไม้ใหญ่โต เถาวัลย์รกชัฏ ป้ายหินหลุมศพ และกลิ่นอายความชั่วร้ายที่ขจรขจายไปทั่วให้บรรยากาศราวกับว่าอยู่ในสถานที่จริง
   
[ เริ่ม! ]
   
สิ้นเสียงก็มีปีศาจจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นทันที มีทั้งพวกหมาป่า เซนทอร์ ยักษ์ ปีศาจทั่วไป แต่ที่เห็นจะเยอะที่สุดก็คงจะเป็นแวมไพร์
   
ปัง! ปัง! ปัง!
   
ผมกัดฟันแน่นมือสั่นท่ามกลางคนรอบตัวที่กระหน่ำยิงใส่พวกปีศาจไม่หยุด
   
คือต่อให้ผมยิงห่วยและปีศาจตรงหน้าเป็นของปลอมก็เหอะ แต่มันก็แบบ แง ผมยิงไม่ลงอ่ะ คือผมก็ได้ไปทุบปีศาจด้วยกันเองบ้าง แต่ก็ไม่เคยฆ่าใครอ่ะ มีปางตายบ้างแต่ก็ไม่ตายอ่ะ
   
;w;
   
แล้วผมก็ต้องตาโตตอนที่เห็นแวมไพร์ที่หน้าตาคล้ายผมโผล่ออกมา
   
ปัง!
   
ซึ่งมันก็ถูกยิงแทบจะทันที ดีหน่อยที่เวลาโดนยิงแล้วมันจะสลายกลายเป็นแต้มที่ได้ ไม่งั้นผมได้น้ำตาแตกแน่เพราะมันคงจะน่ากลัวมากกับการเห็นอะไรเลือดสาดตรงนี้
   
“ยิงสิ คิน! เดี๋ยวไม่ทันนะ!”
   
ใครไม่รู้ตะโกนเข้ามาทำให้ผมยอมกลั้นใจยิงอะไรสักอย่างไม่รู้ที่ขยับได้ไปนัดหนึ่งซึ่งก็ไม่โดนตามที่ผมคิด แต่ก็ดีแล้ว ผมไม่อยากยิงโดนอะไรหรอก แค่ทำเป็นเล็งให้ดูเหมือนพยายามแล้วแค่นั้นแหละ
   
ผมเอากระสุนใส่รังเพลิงแบบเร็วๆ แล้วเล็งอะไรไม่รู้แล้วก็ยิงมั่วอีกให้เสียกระสุนฟรี และใช่ผมทำได้ดีมาก ยิงไม่โดนอะไรเลย ขนาดจะยิงให้โดนต้นไม้ผมก็ยังยิงไปไหนก็ไม่รู้
   
คือถ้าผมเป็นวาติกันคนเดียวในเผ่าพันธุ์มนุษย์ ผมมั่นใจว่ามนุษย์คงสูญพันธุ์แน่นอน แต่อาจจะไม่สูญพันธุ์ก็ได้เพราะผมคงจะหาทางเปลี่ยนแวมไพร์ให้เป็นแฟนแหละ

ใช้กลยุทธ์แบบเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรไง เฉียบจะตายไป
   
“คิน!!! นัดสุดท้ายโดนหมาป่าสักตัวก็ยังดี!!!”
   
คราวนี้เป็นเอสที่ตะโกนมาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะร้องไห้จนผมสงสาร แต่ผมก็บอกแล้วไงเล่าว่าผมยิงได้กากมากก็ยังจะมาให้ผมประเดิมคนแรกให้เป็นความอับอายของกลุ่มอีก
   
แต่เอาจริงไม่ว่าจะโยนผมไปฐานไหน ผมก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละเพราะผมเป็นแวมไพร์โว้ย แบบทดสอบพวกนี้ไม่ได้มีเพื่อผม เข้าใจไหม แต่เอาจริงขนาดของแวมไพร์ผมยังเละเลยอ่ะ ฉะนั้นถ้าอยากได้คนเก่งๆ ก็ไปหาผัวผมนู่น
   
“ค้างคาว!!”
   
ผมกลืนน้ำลายหวาดๆ ตอนได้ยินเสียงคนตะโกนกู่ร้องถึงค้างคาวสีแดงกันไม่หยุดก่อนจะตามมาด้วยเสียงกระสุนปืนดังเป็นชุด แย่งกันยิงเจ้าค้างคาวสีแดงตัวจิ๋วที่ขนาดตัวพอๆ กับผมร่างค้างคาว
   
ปัง! ปัง! ปัง!
   
และค้างคาวตัวนั้นก็หลบพลิ้วมาก หลบได้กระสุนได้ทุกนัดสมกับเป็นเป้าที่แต้มสูงที่สุด มันบินแถ่ดๆ ไปมาแต่ก็ไม่มีกระสุนนัดไหนโดนตัวมันได้ จนวาติกันรุ่นเยาว์หลายคนที่ยิงจนกระสุนหมดแล้วสบถด่าหยาบคายกันออกมาไม่หยุด โดยเฉพาะคนข้างๆ ผมที่แทบจะแย่งกระสุนนัดสุดท้ายในมือผมไปใช้อยู่แล้ว
   
“ยิงสิ รออะไร มีกระสุนเหลือก็ยิงสิ แต่ยังไงเจ้าก็ยิงไม่โดนหรอก”
   
“อย่ามายุ่งได้ไหม”
   
ผมหน้าบูดเริ่มรำคาญและอยากฟ้องผัวผมให้มาทุบ คือปกติผมอยู่กับดิออนก็ไม่ค่อยมีใครมายุ่งไง เฮ้อ อยากกลับสมาคมแล้วอ่ะ อยากกลับไปใช้ชีวิตไปวันๆ เต็มทนแล้ว
   
ผมคิดเซ็งๆ แต่ก็ยัดกระสุนนัดสุดท้ายเข้ารังเพลิงแล้วก็เล็งเจ้าค้างคาวสีแดงนั่นบ้าง ถึงจะรู้ว่ายังไงผมก็ยิงไม่โดนก็เหอะ
   
ผมหรี่ตามองมันแต่ไม่ได้ใช้สมาธิอะไรในการยิง คือผมยังไม่เหี้ยมพอที่จะยิงค้างคาวหรอกนะ แบบถ้าไม่จวนตัวจริงผมก็คงไม่ทำอ่ะ
   
ปัง!
   
เจ้าค้างคาวสีแดงกลายเป็นแต้มหนึ่งหมื่นในพริบตา
   
และใช่ ไม่ใช่ผมที่ยิงโดนเพราะผมยิงโดนพวกยักษ์และแต้มแค่ร้อยเดียว
   
ผมมองตามเสียงฮือฮาดังลั่นและสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้ว่าคนที่ยิงโดนคือดิออน

ดีเลิศ สุดยอด ยอดเยี่ยม เยี่ยมยอด อันดับหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์ มหัศจรรย์ ที่สุด สุดเหวี่ยง เลิศที่สุด หนึ่งเดียว แค่ก พอก่อน เพราะดิออนก็เหมือนจะเห็นผมแล้วเหมือนกันเลยยิ้มให้ผม
   
“…”
   
ผมหน้าแดง ไม่รู้เหมือนกันว่าคบกันจนลูกสามแล้วยังจะเขินอะไรอีก แต่ก็ผมก็ยังเขินอยู่ดี
   
“เหอะ ก็แค่โชคดีเท่านั้นแหละ”
   
ไอ้ข้างๆ ผมก็ยังพูดแดกดันคนอื่นไม่เลิก แน่นอนว่าถ้าด่าผมผมไม่เคืองหรอกแต่ถ้าด่าผัวผมก็
   
“เก่งมากต่างหาก”
   
ผมแยกเขี้ยวใส่ ไม่พอใจมาก ว่าใครก็ว่าได้ แต่ห้ามว่าดิออนต่อหน้าผมเข้าใจไหม
   
“เหอะ หุบปาก ไอ้ร้อยแต้ม แต้มเจ้าต่ำที่สุดในรอบนี้เลยมั้ง”
   
“แล้วไง แต่เขาก็ได้แต้มเยอะกว่านายก็แล้วกัน!”
   
คะแนนของดิออนก็เหมือนคะแนนผมนั่นแหละ
   
“เหอะ รอดูคะแนนก็รวมแล้วกัน”
   
พอเถียงความจริงไม่ได้ มันก็ยักไหล่ใส่ผมกวนๆ แล้วก็เดินออกไป ซึ่งผมก็รีบเดินออกไปเหมือนกันเพราะอยากจะไปคุยกับดิออนสักสองสามคำ แต่ก็ล้มเหลวอีกเพราะดิออนโดนลากไปไหนก็ไม่รู้อีกแล้ว
   
ผมกอดปืนและเดินคอตกกลับไปหากลุ่ม
   
“ไม่เป็นไรหรอกน่า คิน มีเวลาตั้งหนึ่งอาทิตย์ ถึงตอนนั้นคะแนนของนายต้องดีกว่านี้แน่ๆ ”
   
“ใช่ๆ ยังพอมีเวลาแก้มืออยู่”
   
แล้วทุกคนก็มายืนปลอบผมจนผมต้องปั้นหน้ายิ้มเพื่อให้ทุกคนสบายใจ คือจะเฉลยทุกคนว่าติดผัวก็คงไม่ได้อ่ะ ผมยื่นปืนให้คนอื่นเอาไปยิงต่อแล้วขอตัวไปรอที่โซนพักผ่อนที่มีที่นั่งกินของว่างให้กินเล่น
   
แน่นอนว่าระหว่างทางก็พอจะมีคนแอบมองผมบ้างเพราะจำได้ว่าผมโดนผู้อาวุโสทัก ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เพราะถ้าเผลอไปสบตาใครเข้า ผมก็อาจจะซวยกว่านี้
   
ผมเลือกที่นั่งหลบมุมกับขนมปังอะไรสักอย่างที่หน้าตาดูอันตรายน้อยที่สุดมากินเล่น ซึ่งรสชาติคราวนี้ก็ไม่เลวเลย เป็นขนมปังไส้ช็อกโกแลตที่หวานแบบที่ผมชอบเลย
   
‘…ช่วยด้วย’
   
ผมกระพริบตาปริบเมื่อได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ สักอย่าง
   
‘..นี่’
   
“!!!!”
   
ผมตาโตเกือบจะหลุดเสียงร้องออกมาเมื่อขนมรูปกระต่ายที่ผมเอามาดันกระพริบตาได้
   
;w;
   
อะไรเนี่ย มีซอส XO ในขนมเหรอ แล้วที่ผมกลืนเข้าไปแล้วนี่มันใส่อย่างอื่นไว้ไหมเนี่ย
   
ผมคิดเครียดๆ หันหน้าเข้าหากำแพงและเอาหยิบเอาขนมที่น่าสงสัยมาวางไว้บนมือเพราะตอนนี้มันก็ยังจ้องผมไม่เลิกเลย
   
“นายเป็นผีขนมเหรอ”
   
ผมหน้าซีด แค่ขึ้นชื่อว่าผีผมก็กลัวแล้วอ่ะ คือแบบผมก็รู้แหละว่าผมก็ถือว่าเป็นผีในสายตาพวกมนุษย์เหมือนกัน แต่มันก็ไม่เหมือนกันนี่นา พวกผีที่ผมเคยเจอมีแต่น่ากลัวๆ ง่ะ ถึงจะนานๆ เจอก็เหอะ
   
“แต่นายเป็นขนมนะ เป็นขนมถ้าไม่โดนกินจะทำอะไรอ่ะ หรือนายเป็นเพื่อนของพวกคุกกี้ที่หนีออกจากเตาอบแม่มด แล้วจะมาแก้แค้นผมที่กินขนมเยอะเกินไป”
   
ผมฟูมฟายเพราะพันปีมานี้ผมกินขนมเกินพันชิ้นแน่นอน ความแค้นของเจ้าผีขนมนี้ต้องสูงเทียมฟ้าแน่ แบบถ้านับความผิดของผมที่กินขนมแล้วเขียนไว้บนกระดาษก็คงยาวจนพันรอบคฤหาสน์สมาคมได้สิบรอบ
   
‘…พูดอะไรของนาย’
   
“…”
   
ทั้งๆ ที่ไอ้ขนมรูปกระต่ายสีขาวในมือผมมีแค่ตา ไม่มีคิ้วหรือปากด้วยซ้ำ แต่ผมกลับสัมผัสได้ว่ามันกำลังกลอกตาใส่ผม!
   
ผมแยกเขี้ยวใส่กำลังจะโวยวายแต่ก็สัมผัสได้ถึงพลังจางๆ ที่เคลือบอยู่ซะก่อน
   
“นาย นายคือที่อยู่บนปืนเมื่อกี้เหรอ”
   
น่ากลัวอ่ะ สรุปแล้วเป็นผีจริงด้วย แล้วทำไมต้องมาสิงขนมที่น่ารักที่สุดที่ผมเอามาด้วยอ่ะ อดกินเลย
   
‘ใช่’
   
มันตอบผมเสียงเบาซึ่งถ้าให้ผมเดาก็คงดังจะสุดเท่าที่มันจะทำได้แล้ว
   
‘ผมตายไปตั้งนานแล้ว วิญญาณถูกฉีกกระชากตอนที่ถูกบูชายัญ ที่ยังคุยกับได้นายก็เป็นแค่เสี้ยวหนึ่งที่ยังเหลือของผมเท่านั้น’
   
บูชายัญ?
   
ผมหน้าซีด
   
‘พวกนั้นจะเลือกคนมาบูชายัญค่ายละคน และรอบนี้ดูเหมือนว่าไอ้พวกบ้านั้นจะถูกใจนาย’
   
เสียงของเจ้ากระต่ายดูเศร้ามาก
   
‘อีกไม่นานผมคงจะสลายไป แต่ผมก็อยากเตือนนายให้ระวัง ระวังไว้ให้ดีต่อให้นายจะไม่ใช่มนุษย์ก็เถอะ’
   
“ขอบคุณนะ”
   
ผมตอบด้วยความซาบซึ้ง น้ำตาจะไหล มิตรภาพใหม่ระหว่างแวมไพร์กับผีขนมนี่มันสุดยอดจริงๆ เพราะมันทำให้ผมไม่ต้องไปสืบหาแล้วว่าไอ้พวกวาติกันนอกรีตมันแอบทำบ้าอะไรกัน
   
แต่ก็แบบบูชายัญเลยนะ ให้ตายเหอะ นี่มันเหนือความคาดหมายมาก ที่น้องผมเดามาไม่ถูกสักอย่าง แต่ก็แบบใครจะไปคิดอ่ะพิธีกรรมที่หายสาบสูญในหมู่วาติกันไปแล้วจะมาโผล่กับพวกนอกรีตนี้ล่ะ
   
แล้วคือที่จัดๆ ค่ายกันก็คงจะหาจับเด็กไปบูชายัญเพื่อประกอบพิธีกรรมอ่ะ ให้ตายเหอะ แล้วพวกคนที่นับถือวาติกันนอกรีตส่วนใหญ่ก็จะค่อนข้างคลั่งไปเลย แบบผู้อาวุโสพูดอะไรก็เชื่อ ฉะนั้นชีวิตเด็กคนหนึ่งก็คงจะมีไม่สำคัญเท่าสิ่งที่ผู้อาวุโสต้องการ
   
ผมไม่เข้าใจเลยสักนิดเลยอ่ะ ว่าทำไมการขึ้นสวรรค์ถึงได้สำคัญถึงขนาดนั้น การกำจัดปีศาจอย่างผมและทุกๆ คนจนหมดมันจะทำให้พระเจ้าอย่างท่านโฟเทียสรับข้อเสนอแล้วพาขึ้นไปอยู่ด้วยเหรอ   
   
พระเจ้าเกลียดปีศาจจริงเหรอ?
   
ผมมีชีวิตอยู่มาพันกว่าปีนอกจากความซวยก็ไม่ได้มีอะไรที่ต้องน่ากังวลเป็นพิเศษ เอาเข้าจริงถ้าเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า ผมก็เชื่อเรื่องที่ท่านโฟเทียสทอดทิ้งโลกใบนี้ไปแล้วมากกว่า ไม่งั้นพวกวาติกันก็ไม่ต้องมานั่งบูชายัญกันแบบนี้หรอก ถ้าหากการสวดภาวนาสวดมนต์ต่างๆ นั้นสามารถสื่อสารกับพระเจ้าได้ผลจริงอ่ะ
   
‘..หยุดพวกมันที’
   
เสียงมันเบาลงมากจนผมรู้สึกใจหาย แต่ก็ไม่ได้แปลกใจเพราะพลังที่ผมสัมผัสได้จากมันทีแรกก็เจือจางมากอยู่แล้วลำพังแค่มันยังสามารถคุยกับผมได้โดยที่ไม่หายไปก่อนก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว
   
“อือ ผมสัญญา”
   
ผมยิ้มให้มัน รู้สึกเศร้านิดหน่อยที่มาที่นี่ช้าเกินไป ไม่งั้นผมก็อาจจะรักษาชีวิตน้อยๆ นี้เอาไว้ได้
   
‘...’
   
มันไม่ได้ตอบผมแล้วแต่ผมก็สัมผัสได้ว่ามันพอใจกับคำตอบของผม

ก่อนที่พลังงานน้อยนิดที่เคลือบขนมเอาไว้ก็จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย

---

 :katai4:   คิดถึงทุกคนนะคะๆ  :o8:

yumyai_fishery  :  ไม่มีแผนเลยค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ตอนพิเศษ - บุกรังวาติกัน กี้! (2) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: yumyai_fishery ที่ 22-04-2021 17:34:08
 :fire: ให้กับใจทั้งไรท์และครูซนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ตอนพิเศษ - บุกรังวาติกัน กี้! (3) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 09-05-2021 16:17:09
ตอนพิเศษ บุกรังวาติกัน (3)

   
“คิน มาอยู่ตรงนี้เอง หาตั้งนาน!”
   
ผมสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาหลังจากนั่งสัปหงกไปพักใหญ่และแน่นอนผมไม่กล้ากินขนมชิ้นสุดท้ายที่น่ารักที่สุด ผีขนมสิงไปแล้วอ่ะ ใครจะไปกล้ากินเล่า ถ้าเกิดผมกัดแล้วมันดันร้องแว้กขึ้นมา ผมคงได้ลาออกจากวงการขนมหวานตลอดชีวิต ตอนนี้น้องเลยได้ที่อยู่ใหม่เป็นกระเป๋าเสื้อผมแทน
   
ผมหัวเราะแหะๆ แทนคำตอบ
   
“นายหายเหนื่อยรึยัง! โซนสัตว์วิเศษเหมือนจะมีรางวัลใหญ่ล่ะ! ใครที่ชนะรอบนี้จะได้ห้องรับรองที่ดีที่สุดมีอาหารน้ำขนม—“
   
“ไป!!!”
   
ถึงจะเพิ่งกินไปเมื่อกี้แต่เพื่อขนมแล้ว น้องครูซมีแพชชั่นเสมอ!
   
แต่จะรอดไหม ผมไม่รู้ (และผมก็หวังว่าจะไม่เจอผีขนมอีก)
   
“..โอเค งั้นก็ไปเลย”
   
เอสดูงงๆ ที่อยู่ๆ ผมก็ดูกระตือรือร้นขึ้นมาผิดหูผิดตาแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร พาผมกับเพื่อนใหม่ไปโซนสัตว์วิเศษที่ว่าซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกันที่ถูกเขียนด้วยอักขระโบราณว่าสัตว์วิเศษติดอยู่บนอาคมสีดำขนาดยักษ์ที่สูงจนเหมือนกำแพงและน่าจะเอาไว้บังตาสิ่งที่เกิดขึ้นข้างในจนผมเริ่มแอบหวั่นใจ
   
ให้ตายเหอะ จะคุ้มไหมเนี่ย
   
ผมกลืนน้ำลายเอื้อกตอนมาหยุดยืนตรงข้างหน้าและเห็นว่าคนต่อแถวกันยาวมากสองแถว ซึ่งทั้งสองแถวก็มีผู้อาวุโสคอยควบคุมให้เข้าไปยืนในอาคมเพื่ออัญเชิญสัตว์วิเศษประจำตัวออกมา
   
“!”
   
ผมตาโตเพราะพอมองดีๆ ถึงเห็นว่าต้องใช้เลือดด้วย!!!
   
กี้!!!
   
;w;
   
โอ๊ย ถ้าเกิดผมเอาเลือดหยดใส่อาคมแล้วออกมาเป็นค้างคาวนี่วงแตกเลยนะ ยิ่งกว่าโป๊ะแตก แต่คงไม่หรอก ผมคงไม่ซวยขนาดนั้นหรอก ตอนนี้ผมอยากใช้พลังแวมไพร์ยังใช้ไม่ได้เลย
   
ฉะนั้นน้องครูซคงไม่ซวยขนาดนั้นหรอก ถึงผมจะซวยมาแล้วทั้งเรื่องแล้วก็เหอะ
   
ผมคิดอย่างมุ่งมั่นแล้วก็เดินไปเข้าแถวพร้อมกับกลุ่มผม
   
“กติการอบนี้คือคนที่สามารถจับปักษาสวรรค์ได้จะเป็นผู้ชนะ ซึ่งระหว่างนั้นนายก็สามารถกำจัดคู่แข่งไปด้วยได้ ถ้าสัตว์วิเศษประจำตัวตายก็จะถือว่าตกรอบแล้วโดนดีดออกมา”
   
เอสพูดถึงกฎด้วยตาเป็นประกาย ดูตื่นเต้นสุดๆ
   
แต่เดี๋ยวนะ กำจัดคู่แข่งไปด้วยได้????
   
แล้วผมจะรอดไหมเนี่ย คือถ้าแค่ตัวผมผมเผ่นได้แหละ เชี่ยวชาญมากด้วย แต่ถ้าสัตว์วิเศษประจำตัวผมเป็นแบบอะไรตัวใหญ่ๆ แบบม้าอะไรงี้ ผมก็อุ้มหนีไม่ไหวอ่ะ
   
ผมเหม่อคิดเรื่อยเปื่อยระหว่างที่รอให้ถึงคิวผมจนกระทั่งได้ยินเสียงฮืฮฮาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าใครเล่นใหญ่อะไรอีก ผมชะเง้อหน้ามองตามและตาโตตอนที่เห็นหมาป่าสีเงินเรืองรองขนาดยักษ์โผล่ออกมาจากอาคม ก่อนจะเห็นมันเดินไปหมอบลงตรงหน้าผัวผม
   
ใช่ ดิออนอีกแล้ว!
   
“หมาป่าศักดิ์สิทธิ์!!!”
   
คนรอบตัวผมคือฮือฮาไปทั้งแถบ จากที่ผัวผมได้รับความสนใจจากการชนะรอบที่แล้วตอนนี้ก็ได้รับความสนใจมากกว่าเดิมอีก ผู้อาวุโสหลายคนที่ยืนคุมเชิงอยู่ข้างนอกเริ่มกระซิบกระซาบอย่างสนใจ
   
ผมยกมือปิดปากไม่ให้ตัวเองเผลอยิ้มมากเกินไปจนผิดสังเกต
   
เก่งที่สุดเลย ผัวใครเนี่ย เฮ้อ แต่จะว่าไปดิออนยังอัญเชิญได้ ฉะนั้นผมก็น่าจะรอดแหละ ขอแค่ไม่มีฝูงค้างคาวบินออกมา จะเป็นตัวอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ถ้าจะให้ดีก็ขอตัวเก่งๆ ก็ดีนะ ผมจะได้ไม่ต้องใช้ความสามารถในการหลบหนีของตัวเองมาก
   
ผมเริ่มผ่อนคลายขึ้นมานิดหน่อยและมองตามหลังดิออนที่เดินเข้าไปข้างในแล้ว
   
เฮ้อ ไม่ชินเลยแฮะ ปกติผมก็อยู่กับมันตลอดอ่ะ
   
;w;
   
ผมอยากอ้อนมันอ่ะ อยากฟ้องมันว่ามีคนมาทำร้ายจิตใจผมอีกแล้ว พวกคนใจร้าย ไม่สิ ผมต้องบอกมันด้วยแหละว่าผมรู้เบื้องหลังวาติกันนอกรีตพวกนี้แล้ว ถึงจะไม่แน่ใจก็เหอะว่ามีแค่เรื่องบูชายัญไหม แต่ผมก็ต้องไปเตือนผัวผมแหละว่าระวังมากๆๆ เพราะวาติกันก็เหมือนจะสนใจมันเหมือนกัน
   
แต่เอาจริงคนที่สมควรจะระวังตัวที่สุดก็คือผมเนี่ยแหละ ไอ้พวกวาติกันนอกรีตพวกนี้มันจ้องจะจับวาติกันกากๆ อย่างผมไปบูชายัญอ่ะ แย่มาก นี่มันแย่กว่าการโดนปิ้งอีก!
   
ผมคิดแล้วฮึดฮัดอยู่คนเดียว
   
ให้ตายเถอะ ภาคกิจนี้มันชักจะน่ากลัวเกินไปแล้ว หัวใจของผมมันก็แค่นี้เอง ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องน่ากลัวขนาดนี้ด้วยเนี่ย เฮ้อ
   
“คนต่อไป!”
   
ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงตะคอกจากข้างๆ และพบว่าถึงคิวผมแล้ว
   
;w;
   
ตกใจหมดเลยอ่ะ แงงงงงงงงงงง
   
ดิออน ดิออนอยู่ไหน มาเอาผมไปด้วย ผมไม่อยากทำภารกิจแล้ว
   
ผมงอแงในใจซึมๆ แต่ก็รับมีดเงินมากรีดแขนตัวเองอย่างไม่ลังเลและปล่อยให้หยดเลือดของผมหยดลงบนอาคม ผมเผลอกลั้นหายใจลุ้นๆ แบบแอบหวังเล็กๆ ว่าผมจะได้ตัวเท่ๆ แบบดิออนบ้าง
   
ผมยืนลุ้นอยู่สักพักแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักทีจนผมหันไปให้ผู้อาวุโสข้างๆ ที่ทำหน้างงเหมือนกับผม
   
“..มันไม่เคยมีปัญหามาก่อน เจ้าลองอีกครั้งดู”
   
ผมหน้ามุ่ยแต่ก็ยอมทำอีกรอบ
   
ให้ตายเถอะ ตัวอะไรก็ได้แล้ว ตอนนี้อ่ะ อย่างน้อยได้เข้าไปแล้วคุยกับดิออนสักสองสามคำ ผมก็พอใจแล้ว ขนมอะไรแค่ผลพลอยได้ ตอนนี้ผมต้องการกำลังใจในการทำภารกิจต่อที่สุด
   
มาเถอะ อะไรก็ได้!
   
ผมหยดเลือดใส่อาคมอีกรอบ รอบนี้เริ่มมีปฏิกิริยาขึ้นมานิดหน่อยจนผมเริ่มใจชื้นก่อนที่จะหลุดเสียงร้องออกมาดังลั่นตอนที่อยู่ๆ ก็เกิดฟ้าผ่าลงมากลางอาคมของผม ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะสัญชาตญาณ ตอนนี้ผมก็คงกลายเป็นค้างคาวปิ้งไปแล้ว
   
ผมหน้าซีดเผือดมองผู้อาวุโสอีกรอบ แต่เรื่องที่ตลกกว่าคือทุกคนที่อยู่รอบตัวผมคือหน้าซีดกว่าผมอีก
   
อะไรกันเนี่ย สัตว์วิเศษของผมจะเปิดตัวเท่กว่าดิออนไม่ได้นะ ผัวผมต้องเท่ที่สุด
   
แอ๊ก!
   
“…”
   
เสียงอะไรวะ
   
ผมกระพริบตาปริบแล้วพยายามมองหาสัตว์วิเศษของผมในอาคมแต่ก็ไม่เห็นอะไรสักอย่าง
   
แอ๊ก!!!!!
   
“!!!!”
   
ผมเกือบจะร้องเสียงหลงออกมาอีกรอบตอนที่อยู่ๆ มีอะไรพุ่งออกมาจากอาคมแล้วเกาะบนหน้าผม ผมรีบดึงมันออกแล้วดูว่ามันคือตัวอะไรกัน ร้องได้โคตรไม่น่ากลัวเลย หนักกว่ากี้ๆ ของผมอีก
   
กี้!
   
“!!!!”
   
กี้มันก็ร้องได้ด้วย???? ตัวอะไรเนี่ย
   
ผมก้มมองไอ้ตัวสีขาวนุ่มฟูในมือ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไร หน้าตาเหมือนกระรอกบินแต่ร้องกี้ๆ กับแอ๊กๆ ได้ นี่มันใช่กระรอกแน่เหรอ แล้วมันก็ดูจะช่วยอะไรผมไม่ได้สักนิด
   
“เจ้า เจ้าอัญเชิญกระรอกในตำนานได้”
   
ผู้อาวุโสกระแอมขึ้นมาเมื่อเห็นผมยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก
   
“มันเป็นตำนานเพราะอ่อนแอมากจนสูญพันธุ์ไปเกือบหมดแล้ว เจ้าอัญเชิญจิตของมันมาได้ก็ถือว่าเป็นโชคดีของเพื่อนๆ เจ้าที่ได้เห็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์แบบนี้”
   
สรุปก็คือเป็นตัวกากอีกแล้ว โฮ แต่ไม่เป็นไร มันน่ารัก
   
ผมกอดมันแน่นเพราะมันนุ่มมากแถมยังจ้องผมตาแป๋ว ให้ตายเหอะ มองไปมองมาก็แอบคิดถึงลูกผมแหละนะ โตๆ กันหมดแล้ว ไม่มีใครมาเป็นค้างคาวจิ๋วให้ผมอุ้มเล่นแล้ว จะอุ้มดิออนก็ไม่ไหว หลังผมหักกันพอดี
   
กี้!
   
กระรอกอะไรร้องกี้ๆ ผมงงมาก
   
“เอาล่ะ เข้าไปรอในสนามได้แล้ว ถึงเวลาเจ้าจะรู้เองว่าต้องทำอะไร”
   
ผมพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปและหลุดเสียงออกร้องออกมาอีก เพราะเพิ่งรู้ว่าพอเข้าไปแล้วก็เจออาคมอีกแล้วมันก็กระชากตัวผมเพื่อที่จะพาไปส่งที่ไหนไม่รู้
   
ผมหลับตาหยีจนกระทั่งเท้าสัมผัสพื้นได้มั่นคงอีกครั้ง ถึงลืมตาขึ้นมาและเห็นว่าตัวเองถูกพามาอยู่ในบ้านไม้อะไรสักอย่างที่ข้างในไม่มีอะไรเลย พอผมไปชะเง้อตรงหน้าต่างถึงรู้ว่ามันเป็นบ้านต้นไม้ที่อยู่บนต้นไม้ที่สูงมาก
   
;w;
   
แล้วน้องครูซจะลงยังไงเนี่ย
   
และในระหว่างที่ผมอับจนหนทาง ผมได้ก็ยินเสียงคำรามต่ำๆ จากข้างหลัง ผมผวาเฮือกกอดเจ้ากระรอกในมือแน่นกว่าเดิมพยายามปกป้องมันสุดชีวิตด้วยอ้อมกอดสุดอบอุ่นของผม
   
ใช่ ผมมีแค่นั้นแหละ
   
ผมตัวสั่นแต่ก็หันไปมองว่าใครกันที่จะมาฆ่าผมตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มแข่ง
   
“!!!”
   
ดิออน!
   
น้ำตาผมแทบแตก โยนเจ้ากระรอกในมือทิ้งแล้ววิ่งไปหาผัวผมที่มาหาผมเองถึงที่
   
“ดิออน”
   
ผมแทบจะร้องไห้ออกมาตอนที่กอดมันแล้วฟ้องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผมทันที
   
“พวกวาติกันใจร้ายมันจะฆ่าผมอ่ะ! มันจะจับผมบูชายัญ แล้วเมื่อกี้ก็มีคนตะคอกใส่ผมด้วย”
   
ผมงอแงไม่หยุด
   
“แค่นี้ยังไม่พอ พวกมันยังจับเด็กๆ ไปบูชายัญด้วย โคตรใจร้ายเลย”
   
“บูชายัญ?”
   
ดิออนย้อนถามผมแล้วเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาให้ผมที่แตกเป็นที่เรียบร้อย
   
“อือ บูชายัญ”
   
ผมถอนหายใจซึมๆ
   
“ในแต่ละค่ายมันจะเลือกเด็กหนึ่งคนขึ้นมาบูชายัญ แล้วค่ายนี้มันก็เลือกผมอ่ะ”
   
จริงๆ เลือกผมก็ดีกว่าเลือกเด็กคนอื่นแหละ แต่ก็แบบ ก็นะ
   
“นายว่าทำไงดีอ่ะ”
   
“ตามน้ำไปก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยถอย”
   
ผมคอตกเพราะอยากถอยตอนนี้เลย เฮ้อ
   
“ผมกลัวมันมีอย่างอื่นด้วยอ่ะ กลัวมันจะไม่ใช่แค่บูชายัญอ่ะ”
   
“ไหนบอกว่ามากับผัวเจออะไรก็ไม่กลัวไง”
   
ดิออนหัวเราะในลำคอแล้วลูบหัวผม
   
“ก็ใช่ แต่ผมก็เครียดนี่นา”
   
ตอนนี้ผมกากมาก กากแบบโคตรกาก จริงๆ ก็มีแผนเผื่อกรณีฉุกเฉินแหละ แต่แบบถ้าผมทำก็คือความแตกเลย แล้วก็ไม่รู้ว่าอาคมโบราณที่กางเต็มเกาะนี้ช็อตผมตายไหม
   
ผมอุตส่าห์รอดมาตั้งพันกว่าปี ผมไม่ยอมมาเป้นค้างคางปิ้งที่เกาะนี้หรอก!
   
“อย่าเครียด”
   
มันดึงมือผมไปจูบ
   
“ไม่มีใครทำร้ายนายได้หรอก”
   
“ผมไม่อยากอยู่คนเดียวอ่ะ อยู่คนเดียวแล้วซวยตลอดเลย"
   
กี้!!
   
“โอ๊ย!!”
   
ผมหลุดเสียงร้องออกเมื่อจู่ๆ ก็มีอะไรมาแทะขาผม อะไรเนี่ย ให้ผัวผมหล่อสักหนึ่งนาทีก็ไม่ได้เหรอวะ พูดไม่ทันขาดคำผมก็เจ็บตัวเลยอ่ะ
   
ผมหน้าบูดใส่เจ้ากระบอกที่ผมไม่รู้ว่ามันทำไมถึงเปียกทั้งตัว ซึ่งพอผมหันไปก็ถึงเห็นว่าเจ้าหมาป่าศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นจ้องกระรอกในมือผมตาวาวแล้วเลียปากมัน
   
“…”
   
เจ้ากระรอกถลึงตามองหน้าผมเคืองๆ แล้วร้องกี้ๆ แอ๊กๆ โวยวายออกมาไม่หยุด
   
“ดิออน หมานายแอบชิมกระรอกผมอ่ะ”
   
ผมเอาชายเสื้อตัวเองเช็ดตัวให้มัน ไม่รู้ว่ามันโดนเจ้าหมามันกลืนเข้าไปแล้วรอดออกมาได้รึเปล่า แต่ให้ตายเถอะ ถ้าเกิดตายคือผมตกรอบเลย แล้วแบบตกรอบเพราะผัวตัวเองมันก็ไม่ได้ไหมเนี่ย
   
ดิออนหัวเราะ
   
“ไม่หรอก”
   
ผมกำลังจะเถียงต่อเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กระรอกของผม แต่ก็ต้องพับความคิดไปเพราะจู่ๆ ก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้นมาจากข้างนอก ผมเลยวิ่งออกไปชะเง้อตรงหน้าต่างอีกรอบ
   
กา! กา! กา!
   
ผมตาโตตอนที่เห็นอีกาเผือกบินอยู่บนอากาศ แสงสว่างสีทองเรืองรองแห่งความศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายออกมาจากตัวจนผมแสบตา
   
นี่ผมจะเอาปัญญาไหนไปจับเนี่ย
   
[ ปักษาสวรรค์ได้ปรากฏตัวออกมาแล้ว! พวกเจ้าสามารถร่วมมือกันเพื่อจับมัน! แต่จงจำเอาไว้ให้ดีว่าจะมีเพียงผู้เดียวที่จะเป็นผู้ชนะ! ]
   
เสียงของผู้อาวุโสดังกึกก้องไปทั้งสนามโดยมีเจ้าปักษาสวรรค์บินแถ่ดๆ ไปมาประกอบ
   
ผมขมวดคิ้วเพราะมันบินสูงมาก แบบต่อให้ผมใช้ธนูเป็น ผมก็ยิงไม่ถึงอ่ะ
   
“ดิออน หมานายบินได้ไหม”
   
ผมหันไปถามดิออนอย่างมีความหวัง อย่างน้อยมันใช้หมาหาผมเจอได้ก็น่าจะทำอะไรได้บ้างแหละ
   
“..ไม่ได้”
   
ผมคอตกแล้วก้มมอง ‘กระรอกบิน’ ในมือที่บินไม่ได้ ซึ่งตอนนี้มันก็จ้องผมตาแป๋ว
   
“แล้วนายอ่ะ บินไหมได้ไหม”
   
ผมถามมันทั้งๆ ที่รู้ว่ามันตอบไม่ได้ และผมก็อีกว่ากระรอกบินพวกนี้มันร่อนได้อย่างเดียว บินไม่ได้จริงๆ หรอก เฮ้อ
   
‘แต่นาย.. ใช้มันเป็นเหยื่อล่อได้นะ’
   
ผมสะดุ้งเฮือกเพราะอยู่ๆ ก็มีเสียงดังออกมาจากกระเป่าเสื้อผม และใช่ ผีขนมยังไม่ตาย! ดีนะที่ผมยังไม่กินเข้าไปอ่ะ ไม่งั้นผมได้ร้องไห้จริงๆ แน่นอน
   
ผมรีบเอาผีขนมออกมาให้ดิออนดู
   
“นายพูดว่าใช้กระรอกผมเป็นเหยื่อล่อเหรอ”
   
ผมเอากระรอกผมยัดใส่มือดิออนทันทีตอนที่มันทำท่าจะเขมือบผีขนมของผม
   
‘ใช่.. ปักษาสวรรค์ชอบกินกระรอกบิน’
   
“วิญญาณเด็ก?”
   
ผัวผมก็ฉลาดเหมือนเดิม เดาออกทันทีว่าอะไรสิงขนมของผมอยู่
   
“อื้อ”
   
ผมพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะเก็บขนมเข้าเหมือนเดิมตอนที่รู้สึกว่าพลังงานของมันหายไปแล้ว
   
“โอเค งั้นเดี๋ยวผมเอากระรอกผมล่อ ละนายก็ให้หมานายตะครุบตอนมันมานะ”
   
กี้!!!
   
เจ้ากระรอกแผดเสียดออกมาดังลั่น
   
“นี่นายฟังภาษามนุษย์ออกเหรอเนี่ย”
   
ดูเหมือนเจ้าขนฟูผมจะไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างที่คิดแฮะ แต่ให้ตายเถอะ ผมก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นไหมล่ะ
   
กี้!
   
มันถลึงตาใส่ผมแล้วร้องแอ๊กๆ ซึ่งน่าจะด่าผมที่ผมคิดจะเอามันไปเป็นตัวล่อ
   
“ผมก็จะไปล่อพร้อมนายอ่ะ นายตายผมก็ตกรอบอ่ะ ผมไม่ปล่อยให้นายตายหรอก ผมยังอยากกินขนมอยู่”
   
กี้!
   
เจ้ากระรอกตาวาวเมื่อได้ยินคำว่าขนม
   
“อะไร นายก็ชอบกินขนมเหรอ”
   
ผมตาวาวบ้าง
   
แอ๊ก!
   
“งั้นถ้านายล่ออีกานั่นได้แล้วเราชนะ ผมจะให้นายกินขนมจนพุงกางเลย เป็นไง สนใจไหม?”
   
ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนในชีวิตว่าผมจะได้มีโอกาสมายื่นข้อเสนอกับกระรอก เฮ้อ ชีวิตผมนี่มันต้องเจออะไรแปลกใหม่ตลอดเวลาเลยใช่ไหม ตั้งแต่ผีขนมละ
   
กี้!
   
เจ้ากระรอกกอดอกแล้วพยักหน้าให้ผมจนผมคิดอีกรอบว่านี่มันกระรอกแน่เรอะ แต่เอาเหอะ มันยอมตกลงก็ดีเพราะถ้ามันไม่ยอมผมก็ไม่รู้จะบังคับยังไงเหมือนกัน
   
“ดิออนว่าไงอ่ะ”
   
“ตามนั้น”
   
กี้!!!
   
“แล้วนายก็บอกหมานายด้วยว่าอย่ากินกระรอกผมอีก”
   
ผมเอาเจ้ากระรอกกลับมาอุ้มเหมือนเดิมซึ่งมันก็ซุกใส่ตัวผมแล้วขู่แอ๊กๆ ใส่หมาดิออนที่เดินมาหาไม่หยุด
   
และแน่นอน ใครจะรักผมเท่าดิออน ไม่มีหรอก
   
“อย่าแกล้งเขาอีก”
   
ดิออนหันไปสั่งหมาของมันอย่างว่าง่าย ทั้งๆ ที่เมื่อกี้บอกผมว่าหมามันไม่กินกระรอกผมหรอก แต่ก็นะ เมียขอร้องขนาดนี้ ดิออนจะใจแข็งได้ยังไงล่ะ
   
หงิง
   
เจ้าหมาร้องหงิงใส่หงอยๆ ดูเสียใจมากแต่ก็ยังไม่เลิกมองกระรอกผม
   
แอ๊ก!
   
เจ้ากระรอกผมโวยวายแล้วมุดเข้าไปหลบในเสื้อผมแล้วโผล่ออกมาแต่ตัว
   
“...พร้อมแล้วมั้ง”
   
ถึงจะดูแปลกๆ ไปหน่อย แต่ก็นะ ถึงเวลาที่ผมกับดิออนจะรวมพลังกันเพื่อที่จะชนะแล้ว!
   
มีผัวอยู่ด้วยไม่ว่าอะไร น้องครูซก็พร้อมลุยทั้งนั้น
   
กี้!
   
แล้วเจ้ากระรอกมาแย่งผมกี้ทำไมเนี่ย!

--------

 :katai4:   


   

   
   
   
   
   
   
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ตอนพิเศษ - บุกรังวาติกัน กี้! (3) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-05-2021 19:57:12
เอาใจช่วยทั้งน้องครูซและน้องกระรอก   :amen:
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; ตอนพิเศษ - บุกรังวาติกัน กี้! (3) p.10
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 09-06-2021 22:43:10
หึๆ น่ารักๆกันทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; แจ้งข่าวเปิดพรี 15 กุมภาพันธ์ - 21 มีนาคม
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 16-02-2023 20:12:18
​(https://sv1.picz.in.th/images/2023/02/16/LHde8S.jpg)


เปิดพรี 15 กุมภาพันธ์ - 21 มีนาคม 2566

เริ่มจัดส่ง 25 เมษายน 2566

ช่องทางสั่งซื้อ (ลด10%) - เหลือ 450 บาท

https://shop.line.me/@wolfbooks/product/1003910131

รายละเอียดเล่ม : เนื้อหาหลัก 31 ตอน + ตอนพิเศษ 11 ตอน ( ที่ไม่ได้ลงในเว็ป 4 ตอน)

จำนวนคำ / จำนวนหน้า : 155k+ คำ / 440+ หน้า

ของแถม : ที่คั่นหนังสือลายปก , โปสการ์ดลายปก , จิบิไดคัทน้องครูซแงๆ กับดิออนงง


ใจหายเหมือนกันที่เรื่องนี้จบแบบจริงๆ แล้ว แต่ก็อยากให้อุนแม่ๆ น้องครูซได้จับเล่มกันสักที

ขอบคุณที่ติดตามกันมาอย่างยาวนานและสนับสนุนมากๆ นะคะ ไม่ว่าใครก็ตามเลย 

ดีใจที่ทุกคนชอบน้องครูซกันนะคะ กี้!   :mew1:

 
หัวข้อ: Re: { เรื่องสั้น } VAMPIRE PROBLEM ;w; แจ้งข่าวเปิดพรี 15 กุมภาพันธ์ - 21 มีนาคม
เริ่มหัวข้อโดย: Sunset and Eeyore ที่ 14-03-2023 04:05:04
น้องน่ารักมากเลย เดี๋ยวจะไปจองเล่มนะคะ แต่แอบอยากให้ดิออนบทเยอะกว่านี้ ในเล่มจะมีเพิ่มมั้ยนะ