พิมพ์หน้านี้ - {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 20-09-2017 19:06:24

หัวข้อ: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 20-09-2017 19:06:24
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง





--------------

นิยายที่แต่งจบแล้ว
{{ King’s Club }} เพราะเสพติดเซ็กซ์  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47157.0)
{{ Knight's Hour }} เพราะเป็นเจ้านาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52388.0)
{{ Prince's Room }} ระวัง...เขตอันตราย!! [3P] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56382.0)
{{ I'm Not Him }} เขาให้ผมเป็นดารา  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60933.0)


Ongoing
{{ Just U,Not US }} เมื่อผมเป็นผู้จัดการดารา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66315.msg3795969#msg3795969)

(http://www.mx7.com/i/00a/hzfVwg.jpg) (http://www.mx7.com/view2/AneHaOZJdZEDblbg)



ใครเลยจะเชื่อว่าชีวิตหนึ่ง...จะสลับร่างไปเป็นคนอื่น และถูกคนคนนั้นใช้ร่างตัวเองเป็นดารา!

แม้ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะจิระได้สิทธิ์นั้น

เมื่อได้ร่างคืนมา ข่าวฉาวโฉ่ทั้งหลายก็ตามมาด้วย ดีจริงๆ เขาเองก็ไม่อยากจะเป็นดาราอยู่แล้ว ถือโอกาสทำตัวเงียบๆ หายไปจากวงการเลยแล้วกัน ยังไงซะ...เขาก็มีมรดกหลายล้าน สามารถใช้ชีวิตได้ไม่ลำบาก!!

แต่...

ใครเลยจะเชื่อว่าชีวิตหนึ่ง เขาจะถูกคนคนหนึ่งที่ไว้ใจโกงเอาหน้าด้านๆ! แถมยังฟ้องกลับไม่ได้ด้วย!

แล้วคนคนนั้นก็เสนอทางเลือกให้เขาเป็นดาราอีกครั้งเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง

คนอย่างจิระ มีดีแค่หน้าตา นิสัยไม่ได้เรื่องได้ราว เรียนก็ไม่จบ ทำงานอย่างอื่นก็ไม่เป็น จะทำยังไงได้นอกจาก...

เป็นก็เป็นสิวะไอ้บ้าเอ๊ย!!!



ขอฝากหนูจิคนนี้ด้วยนะคะ  :mew1:

เพจนักเขียนมาจะกล่าวบทไป (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
E-BOOK
He's Not Me -> https://goo.gl/2FxUo1
บันทึกคนมึน -> https://goo.gl/NCqrz9


สารบัญ
ตอนที่ 0 : จุดเริ่มต้นของเรื่องราว
ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3728132#msg3728132)
ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3733335#msg3733335)
ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส มิสเตอร์ซีเคร็ด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3734883#msg3734883)
ตอนที่ 4 : จิตริน ทองคำดี 50% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3736269#msg3736269)
ตอนที่ 4 : จิตริน ทองคำดี 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3737386#msg3737386)
ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรกกับการเปิดตัว 50% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3738551#msg3738551)
ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรกกับการเปิดตัว 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3739712#msg3739712)
ตอนที่ 6 : การสัมภาษณ์สุดอลหม่าน 50% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3742485#msg3742485)
ตอนที่ 6 : การสัมภาษณ์สุดอลหม่าน 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3743704#msg3743704)
ตอนที่ 7 : หิวรักฉบับโปกฮา 50% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3745809#msg3745809)
ตอนที่ 7 : หิวรักฉบับโปกฮา 100% (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3746236#msg3746236)
ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3746767#msg3746767)
ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรกของจิระ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3748090#msg3748090)
ตอนที่ 10 : เพลงแห่งมิตรภาพ (เหรอ?)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3749179#msg3749179)
ตอนที่ 11 : มุมมองของซีเคร็ท  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3750263#msg3750263)
ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอกสถานที่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3751456#msg3751456)
ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3752549#msg3752549)
ตอนที่ 14 : เทวดา VS ซาตาน  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3754245#msg3754245)
ตอนที่ 15 : ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3755617#msg3755617)
ตอนที่ 16 : เอาคืนหรือไม่เอาคืน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3756733#msg3756733)
ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.540)
ตอนที่ 18 : หนีตามกัน (!?)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3759343#msg3759343)
ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3760651#msg3760651)
ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วยได้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3762274#msg3762274)
ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3763630#msg3763630)
ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3764262#msg3764262)
ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3765114#msg3765114)
ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3765649#msg3765649)
ตอนที่ 25 : เปิดตัวมันซะเลย  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3766218#msg3766218)
ตอนที่ 26 : เปลี่ยนภาพลักษณ์  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3766879#msg3766879)
ตอนที่ 27 : เจอะเจอพระเอกชื่อดัง  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3767502#msg3767502)
ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3768178#msg3768178)
ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3769279#msg3769279)
ตอนที่ 30 : จมดิ่ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3770244#msg3770244)
ตอนที่ 31 : ปรับความเข้าใจ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3770817#msg3770817)
ตอนที่ 32 : สะสางไว้ใจฝอย  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3771483#msg3771483)
ตอนที่ 33 : งานประกาศรางวัล  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3772249#msg3772249)
ตอนส่งท้าย  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3773307#msg3773307)
ตอนพิเศษ : สลับร่าง (อีกแล้วเหรอ!?) - ตัวอย่าง - (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.1110)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 20-09-2017 19:08:21
ตอนที่ 0

จุดเริ่มต้นของเรื่องราว



“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องโทรมาอีก!”

(( แล้วทำไมผมต้องฟังคำสั่งของคุณเหรอครับ คุณจิระ ))

ผมเดาะลิ้น ขยี้หัวอย่างหงุดหงิดเมื่อไม่อาจโต้เถียงประโยคนั้น

ใช่สิ...ใครจะไปออกคำสั่งกับเลขาคนเก่งของท่านประธานบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ได้

ท่านประธานที่ถูกเรียกว่าเสี่ย และเป็น...อดีตคนรัก

ดวงตาสีอ่อนวูบไหวเมื่อนึกถึงความหลังแสนเจ็บปวด อดีตคนรักอะไรกันล่ะ เรียกว่าอดีตเด็กเลี้ยงถึงจะถูก! คนอย่างจิระยอมลดตัวไปเป็นเด็กเลี้ยงเพียงเพราะต้องการอยู่กับคนที่รัก ที่เห็นค่าในตัวตน แต่สุดท้ายก็ตกกระป๋องเพราะทำตัวเองแท้ๆ ทั้งติดยาแถมยังขับรถชนคน ก็สมควรแล้วที่สุดท้ายจะสลับร่างกับผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น

จิตริน ทองคำดี

ใช่ ผมสลับร่างกับจิตรินที่ออกมาซื้อลูกชิ้นปิ้งตอนห้าทุ่ม เขาอยู่ในร่างของผม กลายเป็นดาราดังในบทบาทของ ‘มิสเตอร์เอส’ จากซีรีส์เช็กเมท ขณะที่ตัวผมนอนเป็นผัก กลายเป็นเจ้าชายนิทราร่วมสี่เดือน

ตอนฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด จิตรินคบกับเสี่ย คบในฐานะคนรักไม่ใช่เด็กเลี้ยงที่ผมเคยเป็น ความก้าวกระโดดนี้คืออะไร แล้วร่างกายเก้งก้างหน้าตาไม่ได้ครึ่งของร่างเดิมคืออะไร ผมในตอนนั้นรับความจริงไม่ได้ และไม่แม้แต่อยากจะเข้าใจ จนสุดท้ายก็ทำอะไรโง่ๆ ขุดคุ้ยอดีตตัวเองมาแฉ หวังให้จิตรินตกต่ำในวงการ

แต่สุดท้าย...ก็ทำตัวเองล้วนๆ

ผมมองเงาในกระจกแล้วแค่นยิ้มเหยียดกับความโง่เขลาของตัวเอง จิระในตอนนี้...คือดาราที่มีข่าวฉาวเรื่องยาเสพติดจนถูกถอดบทจากซีรีส์ชื่อดัง ยากจะกลับเข้าวงการได้เหมือนเดิม

แต่ผมก็ไม่อยากเป็นดาราอยู่แล้ว

(( คุณจิระ คุณไม่รับงานนี้จริงๆ เหรอครับ เขาระบุชื่อคุณมาเลยนะ ))

แต่มีคนคะยั้นคะยอให้ผมเป็นอยู่ได้!

“ฉันไม่อยากเป็นดารา ไม่เข้าใจรึไง” ผมตอบปลายสายอย่างหงุดหงิด อุตส่าห์หนีจากชีวิตของเสี่ยและจิตริน ผมก็อยากอยู่สงบๆ แบบที่ควรจะเป็นมาเนิ่นนาน นึกแล้วก็ขำ ชีวิตของจิระนั้นไม่ได้ดีอย่างหน้าตาที่หลายคนชื่นชมเลยสักนิด รูปร่างที่ราวกับสวรรค์สรรสร้าง ใบหน้าที่สวยงามปานเทวดา ทุกอย่างล้วนเป็นเพียงเปลือกนอก!

เพราะตั้งแต่ลืมตาดูโลก ผม...ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากแม่ตัวเอง แม่ซึ่งเป็นดารามีชื่อเสียงในวงการด้วยหน้าตาที่สะสวย และไม่อาจให้ข่าวฉาวเรื่องเธอท้องกับชายซึ่งพบกันเพียงข้ามคืนมาทำลาย ทำให้ผมต้องอาศัยอยู่กับคุณยาย ใช้นามสกุลของท่าน ขณะที่แม่ผมเปลี่ยนชื่อและนามสกุลใหม่ทั้งหมด ตัดขาดราวกับว่าเราไม่รู้จักกัน

และผมก็เหมือนไม่รู้จักเธอจริงๆ

ด้วยตารางงานและต้องการปกปิดเรื่องลูก ทำให้แม่แทบไม่เคยมาพบผม ไม่เคยแสดงความรักอย่างที่มารดาควรกระทำต่อบุตร สิ่งที่ส่งมา...มีแต่เงินค่าเลี้ยงดู และในตอนที่ผมอายุสิบสี่ปี แม่ผมก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ คนทั้งประเทศต่างโศกเศร้ากับการตายของดาราผู้กำลังโด่งดังและเป็นที่รัก แต่ผม...ลูกชายแท้ๆ ของเธอ กลับไม่มีแม้แต่หยดน้ำตา

เมื่อไม่มีเงินส่งมาอีก ผมที่ยังเรียนไม่จบก็ได้รับการทาบทามจากคมสัน เลขาของเสี่ย หรือผู้จัดการดาราของบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ให้เป็นนักแสดง ตัวผมในตอนนั้น...อยากปฏิเสธแทบแย่ แต่เพราะต้องดูแลคุณยายที่เริ่มล้มป่วย จึงจำใจรับข้อเสนอนั้น

แล้วผมก็ไปเข้าตาเสี่ย

แทนที่จะเป็นดารา เลยกลายเป็นเด็กเลี้ยงซะงั้น

แต่ผมไม่ได้รังเกียจเขาหรอก คนที่ถูกแม่ทอดทิ้ง ต้องเก็บตัวมาตลอดอย่างผมเพราะกลัวถูกใครจำได้ว่าเป็นลูกดารา เมื่อเห็นคนให้ความสำคัญ ให้ความรัก ให้ความเอาใจใส่ ก็อดใจอ่อนไม่ได้ แม้จะโกรธเส้นสมองแทบแตกตอนคมสันมาสารภาพทีหลังว่าแม่ผมทำประกันชีวิต ทำให้ผมได้รับมรดกพ่วงประกันจากเธอเกือบสิบล้านก็ตาม

ที่แท้เขาก็หลอกล่อให้ผมเป็นดาราโดยงุบงิบความจริงข้อนั้น! ก่อนจะเฉลยเมื่อไม่เป็นตามแผน!

ยังไงก็ตาม ผมนำเงินส่วนหนึ่งไปฝากธนาคาร และอีกส่วนหนึ่งซื้อหุ้นเก็บไว้ ทำแผนเก็บออมอย่างดีตามคำแนะนำของคมสันที่ต้องการไถ่โทษ จนกระทั่ง...คุณยายของผมเสียด้วยโรคร้าย ผมเหมือนคนหลงทางถูกทิ้งกลางหลุมดำ เป็นเสี่ย...ที่ช่วยปลอบประโลม อยู่กับผมในวันที่เสียใจที่สุดในชีวิต บอกว่าจะช่วยดูแลตลอดไปแม้ผมจะไม่มีใครและไม่มีเงิน

ผมตกหลุมรักเขาตอนนั้น

รักทั้งที่ไม่ควรรักเพราะเป็นเพียงเด็กเลี้ยง แต่ก็อดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าเป็นคนโปรด เมื่อเห็นผมไม่อยากกลับบ้านเก่าที่ไร้คุณยาย เสี่ยก็ซื้อคอนโดให้ผมอยู่ ซื้อรถ ซื้อทุกอย่างที่ต้องการเพื่อหวังให้ผมคลายความเศร้า แม้จะเป็นการแก้ปัญหาด้วยเงิน แต่ผมก็ดีใจที่เขาให้ความสำคัญอย่างที่ไม่เคยทำกับเด็กเลี้ยงคนอื่น

...จบเรื่องเสี่ยก่อนดีกว่า นึกแล้วช้ำใจ และผมก็ตัดใจจากเขาได้แล้วเพราะมีคนที่คู่ควรยิ่งกว่า ผมรักเสี่ย แต่คงไม่รักเท่าที่จิตรินรักเสี่ย และเสี่ยเอง...ก็รักคนคนนั้น

ที่ยกประเด็นนี้มาพูดก็เพื่อจะเท้าความให้เข้าใจว่าทำไมผมไม่อยากเป็นดารา

(( แต่ครั้งนี้ผมอยากให้คุณพิจารณาอีกครั้งนะครับ ))

“ฉันบอกว่าไม่ก็ไม่ไง!”

อยากจะวางสายเป็นบ้า แต่ไม่กล้าพอเพราะรู้ว่าต้องถูกตามตื้อแน่นอน ถ้าปิดเครื่องก็ไม่วายโดนบุกมาหาถึงที่ แม้จะปิดบังเสี่ยและจิตรินว่าอยู่ที่ไหน แต่คนที่ช่วยดูแลจัดการเรื่องการเงินให้ผม ช่วยหาที่พักให้คนไร้ทางไปแก่ผม ก็คือคมสัน...เจ้าเก่าเจ้าเดิม เลขาเจ้าแผนการจอมเจ้าเล่ห์ ผู้สามารถทำได้ทุกอย่างเพียงเพื่อบรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการ มีอย่างที่ไหน ตอนผมตัดสินใจถอยออกมาเขาเล่นเตรียมห้องไว้พร้อมสรรพโดยไม่ยอมเสียเวลาให้อยู่กับเสี่ยต่อแม้วินาทีเดียว

คนคนนี้น่ากลัวขนาดไหน...ผมรู้ซึ้งที่สุด!

(( คุณควรตัดสินใจใหม่อีกครั้ง เพราะผมมีข่าวร้ายจะบอกคุณ ))

“อะไร”

ผมสังหรณ์ใจไม่ดี

(( หุ้นที่คุณซื้อไปกำลังขาดทุนหนัก ติดตัวแดงมาหลายปีซ้อนแล้วครับ ))

“ว่าไงนะ!”

(( ส่วนเงินในธนาคารของคุณที่ฝากไว้นั้น...ผมนำมาซื้อคอนโดที่คุณอยู่ตอนนี้จนเกือบหมดบัญชี ถ้าคุณไม่ทำงาน อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า คุณคงอดตาย ))

ไถ่โทษ...ช่วยดูแลด้านการเงินให้เด็กอายุสิบสี่ปีเพื่อไถ่โทษงั้นเหรอ

ไถ่บ้าอะไร นี่มันไถเงินกันชัดๆ!

“แล้วนายจะซื้อคอนโดให้ฉันทำบ้าอะไร!”

(( ผมไม่ได้ซื้อให้คุณ ผมใช้เงินของคุณซื้อให้คุณโดยผมเป็นผู้ลงชื่อต่างหาก และถ้าผมไม่ซื้อ คุณจะอยู่ที่ไหนล่ะครับ บ้านเก่าคุณยายของคุณก็ถูกขายไปนานแล้ว ส่วนเงินก็นำมาลงหุ้น และผมขอย้ำอีกครั้ง ตอนนี้พอร์ตกำลังติดตัวแดง ซึ่งผมไม่แนะนำให้คุณถอนเงินออกมาตอนนี้หรอกนะ ))

“งั้นนายเอาเงินฉันออกจากบัญชีเป็นล้านๆ ได้ยังไงวะ!”

ผมเดินไปดูสมุดเงินฝาก เอกสารทุกอย่างครบถ้วนดี คมสันเป็นพ่อมดรึไงถึงเสกเงินออกไปได้

“เช็คสิครับ...ผมเป็นคนพาคุณไปเปิดบัญชีเองนะ สมุดบัญชีคุณเก็บไว้ แต่สมุดเช็คผมเก็บเอง ตอนนั้นคุณยังเด็ก...คงจะจำไม่ได้ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ลายมือไก่เขี่ยของคุณ ผมปลอมแปลงได้ไม่ยากหรอก”

“นี่มันคดีอาญานะเฮ้ย!”

(( งั้นจะลองฟ้องผมมั้ยล่ะครับคุณจิระ ))

น้ำเสียงของคมสันนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว เชื่อว่าถ้าผมวิ่งโร่ไปฟ้องเขา...ชีวิตผมอาจปลิดปลิวไปก่อน

“เชี่ยเอ๊ย!” ผมทุบกำแพงอย่างเจ็บใจ หลงพลาดท่าเลขาคนนี้อีกแล้ว ทำไมนะทำไม ถึงได้เชื่อใจให้คมสันช่วยจัดการดูแลทุกอย่าง ช่างประมาทเลินเล่อแท้ๆ!!

(( ว่าไงครับคุณจิระ งานที่ระบุชื่อคุณมาหลังมีข่าวฉาวนี่หาไม่ง่ายเลยนะ แล้วเชื่อผมสิ ถ้าคุณรับงานนี้ คุณจะกลับมาผงาดในวงการอีกครั้งได้แน่นอน ))

“คนที่เคยอยู่ในวงการไม่ใช่ฉัน แต่เป็นจิตรินต่างหาก!” ผมย้ำ เพราะคมสันรู้เรื่องการสลับร่างกันอย่างดี แถมยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ชักใยให้จิตรินกับเสี่ยรักกันอีกด้วย

(( จริงอยู่ว่าคุณจิน่ะอัธยาศัยดี ใครเห็นใครก็เอ็นดู ทำให้ตอนเข้าวงการเป็นที่รักและสร้างชื่อเสียงไว้ดีมาก แต่คุณจิระ...คุณเองก็มีสิ่งที่คุณจิไม่มีนะครับ ))

“อะไร”

(( ทักษะการแสดง ))

“...”

(( ตอนคุณอยู่กับเสี่ย คุณแสดงเป็นเด็กยากจนไร้ที่พึ่งได้เก่งจนเสี่ยเชื่อหมดใจยอมจ่ายเงินให้คุณตั้งเยอะ คุณดึงทักษะนั้นมาใช้สิครับ ))

...ทำไมรู้สึกเหมือนโดนด่าว่าตอแหลวะ

(( ผมจะส่งรายละเอียดงานให้ คุณลองตัดสินใจอีกครั้งแล้วกัน ))

“เดี๋ยว!”

(( อะไรครับคุณจิระ ))

“ฉันต้องการสมุดเช็คหรืออะไรก็ตามที่เป็นของฉันคืนทั้งหมด รวมทั้งคอนโดนี้ด้วย”

(( เรื่องนั้น...ไว้คุยกันหลังจบงานนี้แล้วกันนะครับ ขอบคุณครับ ))

“เดี๋ยวๆๆ แสดงว่าฉันต้องรับงานอย่างเดียวไม่ใช่รึไง เฮ้! ฮัลโหล! ตอบสิวะ! ปัดโธ่เว้ย!”

ผมปาโทรศัพท์ทิ้งทันทีเมื่อได้ยินเสียงวางสาย คมสันนะคมสัน...มันน่าเจ็บใจเหลือเกินที่มาสำนึกตัวเอาตอนสายเกินไป แต่ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ แม่เสียชีวิตตอนผมอายุสิบสี่ คุณยายเองก็ป่วยหนัก ผมที่ไม่มีความรู้เรื่องการเงินและไม่รู้จะจัดการกับมรดกยังไงแถมยังต้องปกปิดตัวเองเป็นเด็กเสี่ยจึงจนทางตัน ผู้ที่เสนอตัวช่วยก็มีแต่คมสัน!!!

ตอนนั้นหลงคิดว่าเขาเป็นเทวดา แต่ตอนนี้บอกเลย...ผีห่าซาตานชัดๆ!

------------

สวัสดีค่ะ แวบมาเปิดเรื่องของจิระไว้ก่อน และคาดว่าคงใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ๆ กว่าจะมาต่อเพราะติดทำหนังสือหนูจิ สำหรับเรื่องของจิระ อารมณ์จะแตกต่างกับหนูจิโดยสิ้นเชิงเลย มีความเกรี้ยวกราดแฝงมานิดๆ เรื่องนั้นคุณสันว่าร้ายแล้ว มาเจอเรื่องนี้ คุณสันจะร้ายยิ่งกว่าค่ะ เพราะพอไร้เสี่ยแล้ว ก็เท่ากับปลดล็อกความดีทั้งหมดที่คุณสันมี ทำให้ออกมาเป็นตัวร้ายไร้จริยธรรมขนาดนี้ 5555

เรื่องราวยังคงวนเวียนในวงการบันเทิงเช่นเดิม แต่บรรยากาศจะต่างออกไป ของจิ เน้นปฏิสัมพันธ์กับผู้คนแบบเข้าถึงง่าย แต่ของจิระ จะหยิ่งและเน้นฝีมือล้วนๆ ค่ะ ถึงนางจะไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่ใช่คนไม่ดีนะ ความจริงแล้ว นางน่ารักออกค่ะ ค่อนไปทางหัวอ่อนด้วยซ้ำ เทียบกันแล้ว จิตรินเจนโลกกว่าเยอะค่ะ 555

มาเอาใจช่วยกับจิระกันด้วยนะคะ

ส่วนใครที่อยากอ่านเรื่องก่อนหน้านี้ ช่วงที่จิระกับจิตรินสลับร่างกัน ขอแนะนำเลยค่ะ เรื่องไม่มาม่า แต่ฮาไร้สติล้วนๆ

--> I’m Not Him เขาให้ผมเป็นดารา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60933.msg3663265#msg3663265)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-09-2017 19:22:16
มาเอาใจช่วยหนูจิกัน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 20-09-2017 19:26:34
จริงๆลาสบอสของเรื่องนี้ทั้งหมด คือ คุณคมสันใช่มั้ยเนี่ยยย 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 20-09-2017 19:35:16
นางก็แค่เด็กขี้วีนคนนึงถ้าตัดเรื่องนี้ไปก็เป็นแค่เด็กโง่ๆคนนึงนี่ละเราว่า สงสารนาง55555 แต่แอบโกรธที่นางทำร้ายตัวเอง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 20-09-2017 19:47:21
จิระสู้ๆ
ส่วนเสี่ยก็ปล่อยให้ไปอยู่ด้วยกันกับหนูจิตามประสาคนหน้าตาไม่ดี
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 20-09-2017 19:48:56
แสบที่สุดก็คมสันนี่แหละ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 20-09-2017 19:58:53
อ๊ายยยยน อยากอ่านต่อแล้ว ตั้งแต่อ่านบทนำข้างบนรู้เลยว่าฝีมือคุณสันแน่ๆ พออ่ารบท0 ใช่เลย ร้ายกาจมาก แต่ไม่เคยคิดจะโกรธคุณสันเลยไม่รู้ทำไม ยินดีด้วยที่จิระจะกลับเข้าวงการอีกครั้ง อยากรู้จักพระเอกของนาง ใครจะมาจัดการจิระ หรือจิระจะจัดการใคร ตอนจิเป็นจิระก็หว่านเสน่ห์ไว้เยอะ ไม่รู้มีใครหลงไหมน้อ รออยู่นะคะ ขอบคุณค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 20-09-2017 20:12:47
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-09-2017 20:25:38
ร้ายที่สุดก็คมสันนี่ละ  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 20-09-2017 21:24:40
น่าสนใจดี ตกลงคมสันคือพระเอกที่จะคู่กับจิระ 555 เราว่าก้อดีน่ะรู้เห็นกันทุกอย่าง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 20-09-2017 21:29:45
เชียร์ให้จิระเาชนะคุณเลขาคมสันได้ซักวันนะคะ 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: กฤตย ที่ 20-09-2017 22:06:38
 :really2: :really2: :really2: มาแล้ว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 20-09-2017 22:08:11
ตามมาดูน้องจิระ  :mew1:

คุณสันนี่ทำงานเก่งมากกกก  เดาว่าพระเอกของน้องจิระคงเป็นคนในกองถ่ายใครสักคนนี่แหละ  คุณสันคงไม่ใช่เพราะคุณสันเขามีพี่เบิ้มอยู่แล้วนี่นา 55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 20-09-2017 22:16:42
อ่ะอ่ะ ตามมาดูใจจิระหน่อย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-09-2017 22:25:12
ชิดจอรอดู ตามติดชีวิตหนูจิ  o18 o18
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 20-09-2017 22:33:44
นู๋จิมาแล้ว เอ็นดู
5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 20-09-2017 22:48:55
ฮ่าๆๆๆๆโอ้ยยยยยยคุณสันนี่มันพ่อบ้านปีศาจชัดๆไม่แปลกใจที่เสี่ยโตมาแล้วเป็นแบบนี้เลยจริงๆ เข้ามาให้กำลังใจหนูจิถึงหนูจิจะร้ายแต่เราก็เอ็นดูหนูจินะ เนี่ยถ้าเรื่องที่แล้วไม่มีเสี่ยนะก็กะเชียร์ให้พี่จิได้กะหนูจินี่แหละ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-09-2017 23:02:59
เอาใจช่วยน้องจิระให้ผ่านเงื้อมือคมสันไปให้ได้ ถึงน้องจะไม่ตลก หรือเป็นคนอารมณ์ดีคิดบวกแบบน้องจิ แต่น้องก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรมาก สู้ๆ นะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 20-09-2017 23:52:43
รอพระเอกของน้องจิ ขอให้มีบทเยอะกว่าเสี่ย555


จริงๆใครในโลกก็ล้วนมีบทเยอะกว่าเสี่ย :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 21-09-2017 00:15:00
รอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-09-2017 06:08:56
ใครเป็นพระเอกหว่าาา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 21-09-2017 08:57:23
โหแสดงว่าเรื่องนุ้นนี่เบาๆไปเลยซินะ คุณสันร้ายยย!!
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 21-09-2017 09:00:28
อ้าวนึกว่าคมสันจะคู่พี่เบิ้มซะอีก

ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Nekosama ที่ 21-09-2017 10:23:52
ถ้าน้องจิระสู้คมสันไม่ไหว ลองกลับไปสู่อ้อมอกกล้ามปูของน้องจิตรินได้นะ ..... เผื่อจะมีพรรคพวกเพิ่ม 5555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 21-09-2017 18:09:25
ตามมาจาม เอ๊ย เจิมหนูจิ  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: SanadaTwinev ที่ 22-09-2017 13:49:12
รอครอบครองเสี่ยขอเล่านะคะ
ชอบคมสันกับเบิ้ม...แลดูมีอะไรดี
อิ_อิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 22-09-2017 15:17:14
เอาใจช่วยนะลูก คุณสันร้ายมาก ทำกับน้องจิแบบนี้ได้ยังไง
ตัดทางเลือกของน้องหมดเลย คนใจร้ายยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 22-09-2017 17:25:41
สรุปทั้งเรื่องนี้และเรื่องของเสี่ยคุณสันคือตัวร้ายใช่ไหม5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-09-2017 19:05:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: faruay_pp ที่ 24-09-2017 12:51:25
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคนชื่อคมสันต์!
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Sistel2 ที่ 18-10-2017 19:19:47
คิดถึงจิ ๆ จิระจะคู่กับใครน๊าาาา ใช่พี่โสภีเปล่า? เพราะพี่แกแอบเหล่จิตรินในร่างจินะนีนา ถ้าใช่ก็ดีไม่ใช่ก็ไม่ใช่. อ่ะนะ  :hao3: แต่ก็ยังแอบเชียร์อ่ะเน้ออออ  :hao7:
รอติดตามอยู่เน้ออออ  o13
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 18-10-2017 20:07:20
รออ :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายมิวสิกวีดีโอ [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 30-10-2017 20:34:49

ตอนที่ 1

ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ

 

ไม่คิดเลยว่าต้องเข้ามาเหยียบบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์อีกครั้ง

ผมทั้งขยาดและแขยง ขยาด...กลัวจะเจอกับรักเก่า กับคนรู้จักจิตรินตอนเขาอยู่ในร่างของผม ส่วนแขยง...

“สวัสดีครับคุณจิระ”

ผมแขยงคมสันโคตรๆ!

“อ่านรายละเอียดงานแล้วใช่มั้ยครับ”

“เออ!” ผมกระแทกเสียงอย่างไม่พอใจ แม้คมสันอายุมากกว่าก็ไม่ยกมือไหว้ ทำตัวไม่น่าเคารพเองจะมารยาทดีทำไม ผมไม่มีวันยอมลงให้คนคนนี้หรอก!

แต่สายตาของคนในบริษัทกลับมองผมเหมือนเห็นผี แปลได้สองความหมายคือ อย่างแรก ไม่มีใครกล้าก้าวร้าวใส่คมสัน อย่างที่สอง จิระไม่ควรทำแบบนี้กับคมสัน เพราะตอนสลับร่างกัน จิตรินเอาร่างผมมาทำอาชีพดารา ต้องเดินเข้าเดินออกบริษัทแห่งนี้ประหนึ่งบ้านหลังที่สอง

“เชิญทางนี้ครับ” คมสันคลี่ยิ้มนุ่มนวล แต่ดันกรอบแว่นขึ้นจนเห็นดวงตาประกายวับวาวน่าสยอง ผมขนแขนลุกชัน ตัดสินใจไม่พูดไม่จา เดินตามหลังคมสันต้อยๆ อย่างว่าง่าย “ลูกค้าระบุชื่อคุณโดยเฉพาะ หวังว่าจะทำตัวดี ให้เกียรติลูกค้าด้วยนะครับ”

“ฉันรู้น่าว่าควรทำอะไร ไม่ต้องให้คนมาสอน”

“...ก็นึกว่าไม่มีคนสั่งสอน”

ผมหันขวับ ส่วนคมสันคลี่ยิ้มเย็น...เย็นจนผมก้มหน้าต่ำ กำมือแน่นอย่างระงับอารมณ์พลุ่งพล่าน

ท่องไว้จิระ จบงานนี้ ได้สิทธิ์ทุกอย่างคืนมาเมื่อไหร่ ผมจะสะบัดก้นหนีแล้วสมัครเข้าบริษัทคู่แข่งให้คมสันอกแตกตายไปเลย! อะไรนะ ทำไมผมถึงไม่หันหลังใส่วงการบันเทิงน่ะเหรอ เฮอะ เรื่องมันน่าเศร้าตรงที่แม้ผมไม่อยากเป็นดารา แต่ด้วยรูปร่างหน้าตา ช่างอำนวยไปสายงานทางนี้เหลือเกิน ที่สำคัญ...ผมดันเรียนไม่จบเพราะติดยาจนเสียคน นึกแล้วก็รันทดตัวเอง ทำไมตอนนั้นถึงสิ้นคิด เลือกทางเดินผิดได้วะ โง่ฉิบหายเลยจิระ

รายละเอียดงานครั้งนี้คือการถ่ายทำมิวสิกวีดีโอของนักร้องวัยรุ่นที่เพิ่งโด่งดัง แต่โทษที ผมไม่ชอบฟังเพลง ไม่ชอบดูหนัง แต่ชอบอ่านหนังสือเงียบๆ คนเดียว โลกส่วนตัวสูงก็อย่างนี้ เลยไม่รู้จัก ‘เตโช’ สักนิด และไม่อยากจะรู้จักด้วย ถ้าไม่ติดว่าคมสันเตรียมพร้อมอย่างดี ส่งรายละเอียดงานมาไม่พอ ยังส่งประวัติคร่าวๆ พร้อมคลิปของไอ้หนุ่มนี่ด้วย

ขนาดมองผ่านๆ ยังคล้ายจะเห็นออร่า ‘เท่โคตร’ ส่งผ่านภาพนิ่ง ยิ่งดูคลิปการเคลื่อนไหวก็อดชื่นชมไม่ได้ เตโชมีเสน่ห์ดึงดูดตอนเล่นกีตาร์และร้องเพลงเป็นพิเศษ สีหน้าแววตาเผยถึงความสุขและภาคภูมิใจอย่างเต็มเปี่ยม เรียกว่าเป็นคนที่น่าจับตามองที่สุดในตอนนี้ เขาตัดผมสั้นเกรียน ดวงตาตี่เล็ก แต่สูงโปร่งชะลูดถึง 190 ซม. อายุแค่ยี่สิบแต่ทำไมสูงขนาดนี้นะ เป็นเสาไฟฟ้ารึไง เฮอะ

ผมก้าวฉับๆ ตามหลังคมสันด้วยในใจที่สบถด่าไม่หยุด ก่อนจะกัดริมฝีปากล่างเมื่อมาถึงสตูดิโอชั้นหก ความจริงแล้วบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ไม่ยุ่งเรื่องนักร้อง แต่เมื่อค่ายเพลงต้องการดาราในสังกัด อีกทั้งยังขอเช่าพื้นที่ในการถ่ายทำ คมสันจึงมาจัดการด้วยตัวเอง หรือไม่...ก็ต้องการคุมความประพฤติผมไม่ให้แอบหนีหายไปซะก่อน

ชิ ผมรับปากแล้วก็ไม่พลิกลิ้นหรอกน่า ผมไม่ใช่จอมเจ้าเล่ห์อย่างเขานะ!

“เป็นอะไรครับคุณจิระ กลัวเหรอ”

“กลัวบ้าอะไร ทำไมฉันต้องกลัว” ผมถลึงตาใส่คุณเลขา คมสันดันแว่นอีกครั้ง พลางคลี่ยิ้มเหยียด

“ในนั้นมีทีมงานที่เคยร่วมงานกับคุณจิมาก่อน ผมหมายถึง...คุณจิตรินในร่างของคุณน่ะครับ”

“ไม่ต้องมาขู่กันหรอกน่า!” ผมเดินแทรกคมสันไปเปิดประตูเมื่ออีกฝ่ายดูจะสนุกสนานกับการกลั่นแกล้งรังแกจิตใจอันบอบบางของผมซะเหลือเกิน แต่พอพรวดพราดเข้าไปทีมงานซึ่งกำลังเตรียมฉากก็พากันชะงัก มองมาที่ผมเป็นตาเดียว

ผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อก

“ตายแล้วจิระ ออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อไหร่ หายดีแล้วเหรอจ๊ะ”

“ฉันยังไม่ตาย” อยากจะตบความปากไวของตัวเองเหลือเกิน ทำไมถึงแก้อาการประหม่าด้วยการสวนกลับแบบ ไม่ไว้หน้าทีมงานด้วยนะ ผมลอบด่าตัวเองในใจ ก่อนจะค่อยๆ เดินถอยหลัง หลบไปยืนเยื้องอยู่ข้างๆ คมสันเพื่อหาที่กำบัง

“คุณจิระออกจากโรงพยาบาลมาเกือบเดือนแล้วล่ะครับ แต่ทางเราปิดข่าวไว้เพราะตรงกับช่วงที่ซีรีส์ ‘เช็กเมท’ ฉายตอนจบพอดี”

“แบบนี้นี่เอง...” หลายคนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ข่าวฉาวของจิระเรื่องติดยาเสพติดถูกปล่อยมาในช่วงท้ายของซีรีส์เช็กเมทจนกระแสตกไปช่วงหนึ่ง ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย เพราะหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ถูกรถชนจนเข้าโรงพยาบาลไม่ได้สติ ทำให้เรื่องคาวๆ เริ่มซาลงบ้างและแทนที่ด้วยความเห็นอกเห็นใจ

แต่เห็นใจก็ส่วนเห็นใจ เพราะความจริงเรื่องที่จิระถูกถอดจากซีรีส์ในซีซันสองไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

ผมสะบัดหน้าหนีเมื่อหลายคนมองมาด้วยสายตาหลากหลาย ไม่รู้ว่าในนั้นมีกี่คนที่รู้จักตัวผมในช่วงสลับร่างกับจิตริน มันทำให้ผมทำตัวไม่ถูก แต่ก็ไม่คิดจะยิ้มเสแสร้งประจบประแจงเอาใจหรอกนะ

“ไปเตรียมตัวก่อนเถอะครับคุณจิระ จำบทได้แล้วใช่มั้ย”

“อ่านรอบเดียวก็จำได้แล้ว”

“ครับๆ งั้นเข้าไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยล่ะ ผมจะรอเตรียมงานตรงนี้”

อ้าว...ทิ้งกันอย่างนี้เลยเหรอ!

ผมมองคมสันแบบโกรธๆ เมื่อเขาไม่ยอมเข้าไปในห้องแต่งตัวด้วยกัน จะตามคุมก็ตามให้ถึงที่สุดสิ ปล่อยผมไว้คนเดียวมันใจไม่ดีนะเฮ้ย!

แต่ขืนพูดแบบนั้นออกไปได้เสียหน้ากันพอดี ผมรีบเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวอย่างมั่นใจ ก่อนจะกำลังใจหดหายเมื่อไม่มีใครอยู่ในห้องเลย แล้วจะให้ผมทำยังไงต่อล่ะ เอ...มีชุดวางตรงนั้น ดูจากขนาดแล้วน่าจะพอดีตัวผม งั้นแสดงว่าให้เปลี่ยนเป็นชุดนี้สินะ ผมแอบกังวล มองซ้ายมองขวาจนมั่นใจว่าคงหยิบไม่ผิดจึงเดินเข้าไปในม่านด้านหลัง ก่อนจะแอบสะดุ้งเมื่อมีคนเดินเข้าในห้อง

“เปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วมานั่งตรงนี้เลยจ้าจิ”

ที่แท้คนที่ทักผมตอนแรกก็เป็นช่างแต่งหน้าประจำสตูดิโอนี่เอง เขามาพร้อมกล่องอุปกรณ์ซึ่งมีลักษณะเหมือนหีบเหล็ก นั่นเครื่องสำอางหรืออุปกรณ์ทรมานกันแน่ ผมแอบจับหัวใจ รู้สึกหวาดๆ ไม่กล้าพาตัวเองไปนั่งตรงหน้าผู้ชายที่แต่งตัวฉูดฉาด มีจริตจะก้านเกินหญิง แถมยังคล้ายจะรู้จักจิระสมัยที่ผมสลับร่างกับจิตรินเป็นอย่างดี

เอ่อ...เงียบไว้ดีกว่า

ผมทำใจดีสู้เสือ เดินไปนั่งตรงหน้าช่างแต่งหน้าอย่างระวังปากตัวเองเต็มที่

“หน้าซีดเชียว...คงต้องเติมแป้งสักหน่อยแล้วล่ะ แต่จิเนี่ยผิวดีเหมือนเดิมเลยนะ ไม่สิ เหมือนจะนุ่มกว่าเดิมซะอีก หัดทาโลชั่นบ้างแล้วเหรอ ก่อนหน้านี้แนะนำอะไรก็ไม่ยอมทา เสียดายผิวสวยๆ จริงๆ” ช่างแต่งหน้าจับคางผมให้เงยขึ้นแถมยังเอียงไปเอียงมาเหมือนพิจารณาสภาพผิวหน้า ผมถึงกับตัวแข็งทื่อ ตาเบิกโพลง พยายามท่องว่าเพื่องาน เพราะถ้าไม่ใช่เพื่องาน ผมคงลุกพรวดพราดวิ่งไปหลบอยู่หลังประตูแล้ว

มันช่วยไม่ได้จริงๆ...ไอ้เราก็เก็บตัวมานาน เพราะสมัยเด็กหน้าเหมือนแม่ ทำให้ไม่กล้าไปไหนด้วยกลัวความแตกว่าเป็นลูกลับๆ ของดาราสาวชื่อดัง จนกลายเป็นไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับใคร หากไม่นับช่วงเสพยากับกลุ่มเพื่อนจนสติหลุด ผมจะไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ในระยะประชิดเด็ดขาด เอ่อ...ยกเว้นเสี่ยไว้คน แล้วก็จิตรินไว้อีกคนแล้วกัน

ผมหลับตาปี๋เมื่อถูกจับแต่งหน้า ไม่ชินเลยสักนิด เหมือนเอาปูนมาฉาบอีกชั้นอย่างนั้นล่ะ สรุปแล้วของในหีบเหล็กเป็นอุปกรณ์ทรมานจริงๆ ใช่มั้ย จิระอยากตาย

“เสร็จแล้วจ้ะจิ ลืมตาได้แล้ว ฮิฮิ”

มาฮงมาฮิอะไร! ผมลืมตาอย่างหงุดหงิดเมื่อถูกหัวเราะเยาะ เกือบจะปากไวแล้วเชียวถ้าไม่ติดว่าข้างๆ ช่างแต่งหน้ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งหน้ามึน แถมยังยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปผมด้วย

“ห้ามถ่ายนะ!”

“ว้า เสียดายจัง”

น้ำเสียงที่สุดแสนจะเรียบเฉย กับสีหน้าที่คล้ายไม่มีอารมณ์ร่วมเลยสักนิด ทำเอาเส้นเลือดขมับปูดโปนขึ้นมาอย่างฉุนเฉียว

“ลบเดี๋ยวนี้เลย”

“ทำไมต้องลบด้วยล่ะ” เด็กหนุ่มกะพริบตาปริบถามอย่างใสซื่อ เดี๋ยวนะ ไอ้หมอนี่มัน...

“นายคือ...เตโช?”

เตโชพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะตั้งกล้องโทรศัพท์ถ่ายรูปผมอีกครั้ง

“เฮ้ย! บอกว่าอย่าถ่ายไง!” ผมหมายจะคว้าโทรศัพท์ของเขา แต่เตโชเบี่ยงมือหลบอย่างไม่ยากเย็น แถมยังมองรูปบนจออย่างพออกพอใจด้วยการพยักหน้าหนึ่งทีแล้วรีบเก็บใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนกลัวโดนผมแย่ง

เห็นพี่ช่างแต่งหน้ายืนมองสลับระหว่างผมกับเตโชอย่างไม่รู้จะทำยังไงดีผมเลยได้แต่กัดปากอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ ยอมกลับมานั่งที่เหมือนเดิมอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แอบส่งสายตาคาดโทษให้ไอ้บ้านี่ด้วย เจอหน้ากันครั้งแรกก็ถ่ายรูปเอาถ่ายรูปเอา คิดจะแบล็กเมล์ผมรึไง!

“แหม เตโชล่ะก็ ขี้อายเหมือนเดิมเลยนะ พูดกับจิระดีๆ สิจ๊ะเดี๋ยวเขาก็เข้าใจเราผิดหรอก”

ผมแทบจะคอหักเมื่อหันขวับไปหาพี่ช่างแต่งหน้ารวดเร็วจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น บอกทีว่านี่คือท่าทางของคนขี้อาย!?

“ครับ” เตโชตอบรับเสียงเรียบไร้อารมณ์ อ้าปากคล้ายจะเอ่ยอะไรออกมา เล่นเอาซะผมลุ้นจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นการพะงาบๆ มีแต่ลมไม่มีเสียง เฮ้ย! จะพูดก็พูดสิ!

“ทำไมนายถึงเลือกฉัน” ช่างหัวเขาแล้ว! ผมเลิกรอ หันมากอดอกถามอย่างสงสัยเป็นล้นพ้นว่านักร้องหน้าใหม่อย่างเขาคิดพิเรนทร์อะไรถึงเลือกดาราตกอับอย่างผมมาเป็นพระเอกมิวสิกวีดีโอ

พลันเตโชจ้องตาผมไม่กะพริบ จริงจังซะจนผมเกือบลืมหายใจ

“เพราะฉันชอบนาย...”

ใจเผลอเต้นตึกตักไปวูบหนึ่ง

“ว้ายตายแล้ว” ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อช่างแต่งหน้าอุทานพร้อมกุมแก้มอย่างเขินอาย ผมรีบสะบัดศีรษะเพื่อเรียกสมาธิ สติ และปัญญากลับมาอีกครั้ง จู่ๆ ก็โดนสารภาพรักซึ่งหน้า ต่อให้เป็นผมมันก็ต้องเผลอหวั่นไหวบ้างล่ะน่า!! อย่ามาจับผิดกันเชียวนะ!

“แล้วนาย...”

นายชอบฉันตอนไหน

ผมตั้งใจจะถามแบบนั้น แต่ก็ต้องเก็บคำพูดแทบไม่ทันเมื่อเตโชหยิบสมุดจดเล่มเล็กออกมาพร้อมปากกาหนึ่งแท่ง เขาลังเลเล็กน้อย อ้าปากพะงาบอีกสามครั้ง ก่อนจะเอ่ยออกมาเต็มปากเต็มคำ

“ฉันชอบนายตอนแสดงเป็นมิสเตอร์เอสมากเลย ขอลายเซ็นหน่อยนะ”

“ว้ายตายแล้ว...” ช่างแต่งหน้ายกมือทาบอก น้ำเสียงอุทานแตกต่างกับเมื่อครู่ลิบลับ เช่นเดียวกับอารมณ์ของผมที่ถูกกระชากตกเหวกะทันหัน ไอ้บ้าเตโชนี่...หัดพูดให้มันเต็มประโยคจะตายรึไง อย่าทำคนอื่นเข้าใจผิดสิวะ!

“ที่มานั่งรอฉันแต่งหน้าก็เพราะจะขอลายเซ็นเหรอ” ผมมองมือที่ยื่นสมุดและปากกาด้วยสายตาว่างเปล่า

“ใช่แล้ว” เตโชพยักหน้ารับ ความประหม่าหายไป ตอบรับคำได้อย่างหนักแน่น แถมมุมปากยังยกยิ้มเล็กน้อย ท่าทางราวกับเจอดาราในดวงใจยังไงยังงั้น

คิ้วผมนี่กระตุกยิกๆ

“แล้วที่เลือกฉันมาเป็นพระเอกเอ็มวีก็เพื่อจะขอลายเซ็น?”

“ใช่...” เตโชพยักหน้ารับอีกครั้ง ก่อนจะอธิบายด้วยน้ำเสียงทื่อมะลื่อ “หลังจบซีรีส์ก็ตามข่าวไม่ได้เลย อยากเจอมาก ไม่รู้จะทำยังไง...”

ไม่รู้จะทำยังไง เลยเลือกผมมาเป็นพระเอกเพื่อขอลายเซ็นง่ายๆ? เออ...เจริญดี!

“จิเป็นอะไรไปจ๊ะ”

“ผมอยากเป็นลม”

“ว้ายตายแล้ว รอก่อนนะ พี่จะไปเอายาดมให้” พี่ช่างแต่งหน้าร้องอย่างตกใจก่อนจะรีบออกจากห้องแต่งตัวเพื่อไปขอยาดมให้ผมที่คลับคล้ายจะหน้ามืด ทำไมชีวิตจิระถึงได้บัดซบขนาดนี้ ทำร้ายตัวเองไม่พอ โดนหลอกใช้ไม่พอ ยังถูกคนหน้ามึนระบุตัวด้วยเหตุผลบ้าๆ อีก ถ้าเตโชไม่สร้างโอกาส คมสันก็บีบเค้นผมขนาดนี้ไม่ได้หรอก!

หมดสิ้นเรี่ยวแรงที่ทุ่มฝึกซ้อมมาเมื่อคืน...

อยากจะเป็นลมหนีความจริงไปเลย

“จิระ” น้ำเสียงไร้โทนสูงต่ำเอ่ยพร้อมนิ้วที่สะกิดแขนผมยิกๆ เขาคงจะเป็นห่วงเป็นใยผมมาก... “ลายเซ็นล่ะ”

เป็นห่วงเป็นใยตัวเองว่าจะไม่ได้ลายเซ็น! ปัดโธ่เว้ย!!! ใครก็ได้หยิบเตโชไปวางให้ห่างจากผมที!!!

 

------------


หลังพี่ช่างแต่งหน้าช่วยพาตัวเตโชไปแหมะไกลๆ สมใจ ผมก็เริ่มเรียกคืนสติตัวเองให้จดจ่อกับงานพร้อมดมยาดมไปด้วย โอ๊ย...ทำไมต้องมาเป็นพระเอกมิวสิกวีดีโอให้นักร้องที่บ้าๆ บวมๆ ด้วยวะเนี่ย ขอถอนตัวทันมั้ย แต่พอมองคมสันที่ยืนขยับแว่นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ผมก็กลืนประโยคนั้นลงคอแล้วเสียบหูฟังพร้อมหลับตาฟังเพลงในโทรศัพท์

 

เวลาไม่เคยหยุด แต่วันนั้นเหมือนโลกทั้งใบได้หยุดลง

เวลาไม่อาจย้อนคืน แต่ทำไมจนวันนี้ยังวนเวียนไม่จางหาย

นับตั้งแต่เสียเธอไป ตัวฉันก็เหมือนนาฬิกาตาย

เวลาของฉันไม่มีความหมาย

เมื่อไม่มีเธอ


 

ชื่อเพลงนี้คือ ‘เวลา’ ขับร้องโดยนายเตโชที่มีภาพลักษณ์สุดแสนจะหลอกลวงประชาชน คนหน้ามึนพูดเสียงโทนเดียวอย่างเขามีเสียงร้องร้าวลึกก้องกังวานจับหัวใจได้โคตรน่าเหลือเชื่อ ตอนฟังเพลงนี้ครั้งแรก ผมถึงขนาดน้ำตาซึมกับอารมณ์ที่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเจ็บปวด ส่วนตอนนี้น่ะเหรอ...

อย่าได้ฝัน

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเตโชเป็นแต่งเนื้อร้องและทำนองเองทั้งหมด ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถถีบตัวเองมาแข่งขันในวงการแสนโหดร้ายนี้ได้ ที่น่าสงสัย คือทำไมคนอย่างนั้นถึงได้มีแต่เพลงเศร้า อกหัก รักคุด หรือว่าเจ้าตัวจะโดนสาวทิ้งบ่อยเลยเอามาแต่งเป็นเพลงกันนะ

พอนึกถึงหน้ามึนๆ อึนๆ แล้วก็แอบนินทาในใจว่าสมควร

“พร้อมมั้ยจิระ”

“พร้อมครับ”

ถึงในใจจะคัดค้านอย่างไร แต่เมื่อหนีไม่ได้ก็มีแต่ต้องลุยให้ถึงที่สุดเท่านั้น! ผมเดินเข้าฉากเมื่อถูกผู้กำกับเรียก ก่อนจะนั่งแปะอยู่กลางพื้นขาว มิวสิกวีดีโอนี้มีงบน้อย เพราะเตโชเป็นนักร้องหน้าใหม่ และเพิ่งโด่งดังในเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น ถ้าให้พูดตรงๆ คือหน้าตาของเขายังถูกพูดถึงกว่าตัวเพลงซะอีก เอาเถอะ เพราะในเอ็มวีครั้งนี้หน้าตาของผมก็คงถูกพูดถึงเหมือนกัน

เป็นได้ทั้งในแง่ร้าย...ที่ให้โอกาสดาราตกกระป๋องซึ่งถูกเขี่ยทิ้งจากซีรีส์ชื่อดัง

และเป็นได้ทั้งในแง่ดี...หากผมถ่ายทอดในสิ่งที่เขาต้องการออกมา

“เราจะเริ่มถ่ายที่ฉากสุดท้ายก่อนนะ ต้องทวนสคริปท์มั้ยจิ”

“ไม่ต้องครับ” ผมยกมือเป็นสัญญาณช่างกล้องให้เริ่มการถ่ายทำได้เลย แม้สคริปท์จะไม่ลงรายละเอียดมาก เพราะเนื้อหาของมิวสิกวีดีโอนี้เน้นที่การแสดงอารมณ์มากกว่าคำพูด แต่ท่าทางมาดมั่นเกินเหตุนั้นทำให้ใครหลายคนอดจะขมวดคิ้วไม่ได้ เพราะผมเดินเข้ามาตัวเปล่า ไม่ยักจะทบทวนบทบาทการแสดงแม้แต่น้อย ขนาดเตโชที่ยืนหาวอยู่หลังจอมอนิเตอร์ยังเลิกคิ้วอย่างนึกประหลาดใจ

ผมลอบยิ้มเหยียดให้เขาหนึ่งครั้ง ก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อยเมื่อทุกคนพร้อมใจกันเงียบกริบ

“ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง แอคชั่น!”

เนื้อหาของเพลง คือชายที่สูญเสียคนที่รักอย่างกะทันหัน รวดเร็วเกินทำใจ จนจิตใจแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี

ผมนึกภาพของเตโช...ไม่ นึกหน้าเขามีแต่จะไม่สบอารมณ์เปล่าๆ

ผมนึกภาพของตัวเอง

เสียงสูดหายใจเข้าลึกดังแผ่วเบาจากรอบด้านเมื่อผมเงยหน้าขึ้นมาพร้อมแววตาเหม่อลอยว่างเปล่าไร้จุดหมาย

คล้ายกำลังมองหาใครคนหนึ่ง ทั้งที่รู้แก่ใจว่าคนคนนั้นไม่อยู่อีกแล้ว

เวลาไม่เคยหยุด แต่วันนั้นเหมือนโลกทั้งใบได้หยุดลง


ผมหลับตาลงช้าๆ สร้างภาพว่าข้างกายมีคนที่เคยรักที่สุด...

เสี่ย

ช่วงเวลาที่เคยใช้กับเสี่ย มีแต่ความสุขเมื่อถูกตามอกตามใจ เพียงนึก ผมก็เผลอหลุดยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มอย่างบริสุทธิ์ใจโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ผมรักเสี่ย ถึงขนาดยอมเป็นเด็กเลี้ยงเหลือแต่ตัว ทั้งที่มีมรดกมากมายมหาศาล ผมรักเสี่ย รักมาก...

แต่เราไม่มีวันกลับเป็นเหมือนเดิม

วินาทีนั้น รอยยิ้มที่แย้มออกมาเพียงครู่กลับกลายเป็นความขมขื่น ผมตัวสั่น ก้มหน้าลงเล็กน้อย

เวลาไม่อาจย้อนคืน แต่ทำไมจนวันนี้ถึงยังวนเวียนไม่จางหาย

คลับคล้ายจะจับอารมณ์ได้ แต่ยังไม่ตรงตามต้องการ เพราะเนื้อหาในมิวสิกวีดีโอนี้คือความรักที่ถูกพรากจากด้วยความตาย

พลันภาพตอนผมขับรถชนจิตรินปรากฏวาบ

วินาทีนั้น ผมคิดว่าผมกำลังจะตายจริงๆ

หากผมตายไป เสี่ยคงไม่รู้สึก แต่ตัวผมนั้นหวาดกลัวเหลือเกิน กลัวที่จะต้องแยกจากเขา กลัวที่จะไม่ได้รับความรัก แม้ในวินาทีสุดท้ายก่อนจะสิ้นสติ ก็คิดเพียงว่าเขาจะเป็นห่วงผมบ้างมั้ย

ผมค่อยๆ ทรุดตัวนอนตะแคง ราวไร้เรี่ยวแรงเมื่อนึกถึงความบางอย่างที่แสนเจ็บปวดใจเหลือเกิน ดวงตาคลอหยาดน้ำใส ทว่าไม่มีน้ำตาหลั่งริน ในลำคอคล้ายมีก้อนสะอื้นจุดตื้อขึ้นมาอย่างทรมาน แต่ก็ฝืนกล้ำกลืนเก็บกั้น

นับตั้งแต่เสียเธอไป ตัวฉันก็เหมือนนาฬิกาตาย

ก่อนจะเปลี่ยนเป็นพลิกตัวนอนหงาย ผมลืมตาช้าๆ แม้ห้องจะเป็นสีขาว แต่แววตากลับเหม่อมองไร้ประกายราวจมดิ่งในห้วงอารมณ์ที่มืดมิดกว่านั้น

เวลาของฉันไม่มีความหมาย

มือขวาค่อยๆ เอื้อมคว้าบางอย่าง ราวรอคอยให้มีใครสักคนจับมือข้างนี้อีกครั้ง

เมื่อไม่มีเธอ

ผมชักมือกลับ กำแน่น และสั่นสะท้านน้อยๆ ขณะใช้หลังมือทาบทับปิดดวงตา นึกภาพของคนที่รักสุดหัวใจแต่ไม่อาจครอบครอง

“ผม...”

ริมฝีปากเอ่ยคำหนึ่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เสียงนั้นช่างแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน ราวกับคำกระซิบกับตัวเอง หรือไม่...

“รัก...”

หน้าอกสะท้อนอย่างเจ็บปวด จนไม่สามารถพูดติดกันได้ โดยเฉพาะในคำสุดท้าย

“...คุณ”

“คัต!!!”

วินาทีนั้นผมสะดุ้งเฮือก ตัวกระตุกลุกจากพื้นแล้วเบิกตาโพลงมองรอบด้านพร้อมตัวหอบโยนและน้ำตาที่ร่วงเผาะลงมา ผมรีบใช้แขนเสื้อปาดทิ้ง กลัวจะมีใครเห็นเข้า

“เป็นยังไงครับ” ผมหันไปถามคมสันกึ่งตื่นตูม เกรงว่าสิ่งที่ทุ่มเทไปจะทำให้หลายคนผิดหวัง แม้ผมจะฝึกซ้อมมาหลายต่อหลายครั้งก่อนเข้าบริษัทเพื่อไม่ให้ใครกล้าครหาก็ตาม รับปากทั้งที จะให้โดนด่าได้ยังไง มีแต่ต้องชื่นชม มองผมด้วยความอึ้งให้มากๆ สิ!

“สะ...”

“สะ?”

“สุดยอด!!!” ผู้กำกับตะโกนลั่น รีบปราดเข้ามากอดผมยกใหญ่ “หายไปหนึ่งเดือน ทำไมแสดงได้ก้าวกระโดดแบบนี้ล่ะจิ สุดยอดไปเลย ฮึก เหมือนเห็นลูกชายเติบใหญ่...โบยบินกลายเป็นหงส์”

อะไรนะ ผู้กำกับคนนี้ก็เคยทำงานกับจิตรินในร่างผมงั้นเหรอ

ผมตัวแข็ง เกลียดการถูกแตะเนื้อต้องตัวกะทันหันมากที่สุด แต่จะผลักออกก็ไม่ได้ เลยหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือกับคมสันที่เดินเข้ามาร่วมวงด้วยสีหน้าพออกพอใจ

“ผมรู้อยู่แล้วว่าถ้าคุณคิดจะทำก็ทำได้”

“ทำมาเป็นพูดดี” ผมพึมพำขณะมองค้อนคมสัน โชคดีที่การมาของเขาทำให้ผู้กำกับยอมปล่อยผมสักที

“ไม่ต้องห่วงนะจิ ที่นี่ไม่มีใครใส่ใจเรื่องข่าวฉาวหรอก อดีตที่ผ่านมาแล้วก็ให้ผ่านไป อายุยังน้อยก็มีโอกาสแก้ตัวอีกเยอะ แถมฝีมือแบบนี้...จุ๊ๆ อย่างที่คุณสันบอกจริงๆ พออกหักจากเสี่ย จิระคนดีก็แข็งกร้าวขึ้น ฝึกฝนฝีมือเตรียมกลับเข้าวงการอย่างขะมักเขม้น ดีแล้วจิ อย่าใจอ่อนกับใครง่ายๆ เลย หน้าตาอย่างเรา ต้องเลือกให้เยอะๆ เพราะคนสมัยนี้น่ะดูหน้าไม่รู้ใจ หัดคิดในแง่ร้ายบ้าง จะได้ตามทันใครต่อใครเขา”

...พูดไม่ออกบอกไม่ถูก

อกหักจากเสี่ยน่ะเรื่องจริง แต่จิระคนดีที่แข็งกร้าวขึ้น แถมยังฝึกฝนฝีมือเตรียมกลับเข้าวงการคืออะไร!

พอหันไปทวงถามกับคมสัน ตำแหน่งที่ควรจะมีเขายืนอยู่ก็เหลือเพียงความว่างเปล่า

“คมสันล่ะ” ผมถามเตโชที่เดินเอื่อยๆ เข้าฉากเหมือนเพิ่งนึกได้ว่าควรเข้ามาชมเชย พอยืนใกล้กันแบบนี้ก็ยิ่งเปรียบเทียบว่าเขาสูงกว่าผมมาก

“ไปแล้ว”

“ไปไหน”

“นู้น” เตโชชี้ไปที่ประตูทางออก เฮ้ย! ไม่แน่จริงนี่หว่า มาหย่อนระเบิดแล้วชิ่งหนีซะเฉยๆ อย่างนี้ได้ยังไง เลขาใจยักษ์ใจมาร ใครอยากเป็นดาราในสังกัดเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์วะ โมเมที่สุด!

“คุณสันคงมีงานด่วนน่ะ ไปเติมหน้าใหม่เถอะจิ ผ่านช่วงที่ยากที่สุดของเอ็มวีมาแล้ว ที่เหลือก็เป็นของง่ายแล้วล่ะไอ้หนู!” ผู้กำกับตบบ่าผมอย่างเชื่อมั่น เล่นเอาตัวเซแท่ดๆ เกือบจะล้มก้นจ้ำเบ้าแล้วเชียว ไอ้คนที่ยืนข้างๆ ก็ไม่ช่วยประคองกันเลย เอาแต่ยืนหน้ามึนอยู่นั่นแหละ จะพูดก็ไม่พูด สรุปแล้วเดินเข้าฉากมาหาผมเพื่ออะไรกันแน่เนี่ย!

“ลายเซ็...”

“หุบปากไปเลย!” ผมขึ้นเสียงหงุดหงิด พอเห็นเตโชยอมเงียบตามก็นึกพิลึก ลองถามความเห็นด้วยอารมณ์กึ่งอวด “ฉันแสดงได้ดีใช่มั้ยล่ะ ความรู้สึกของคนที่สูญเสียคนรักจนเหมือนเวลาหยุดลงตามเนื้อเพลงของนายน่ะ”

เตโชมองผมอย่างลังเลว่าควรจะเปิดปากดีรึเปล่า

“ถ้าตอบแล้วฉันจะให้ลายเซ็น”

“จริงเหรอ” เตโชมองผมอย่างไม่มั่นใจ หรี่ตาจนแทบจะไม่เห็นลูกตาดำอยู่แล้ว

“เดี๋ยวเซ็นให้ครึ่งหนึ่งก่อนเป็นการมัดจำเลยเอ้า” ไม่ว่าเปล่า ผมที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้วก็คว้ากระดาษในมือเตโชมาเขียนชื่อตัวเองแค่คำว่า ‘จิ’ จบงานไปจะได้ไม่มีอะไรค้างคา ลาจากเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์กับเตโชไปสักที

“นายแสดงดีมาก”

ผมยืดอก รู้สึกภาคภูมิใจกับความทุ่มเทซ้อมของตัวเอง

“แสดงเหมือนเสียจิ้งจกไปจริงๆ เลย”

มือที่กำลังจรดคำว่า ‘ระ’ ชะงักกึก

“อะไรนะ”

“ผมแต่งเพลงนี้ตอนจิ้งจกที่เลี้ยงไว้ตาย ชื่อแชมปิญอง”

“...”

“นายแสดงเก่งมาก!”

เตโชช่างพยายามนัก อุตส่าห์เค้นพลังงานอันน้อยนิดในการเพิ่มน้ำหนักของน้ำเสียงช่วงท้ายประโยคเพื่อให้ผมมีอารมณ์ร่วมกับคำเยินยอสรรเสริญหวังลายเซ็น แต่โทษทีเถอะ ตั้งแต่ได้ยินคำว่าแชมปิญองผมก็เริ่มขยำกระดาษแล้ว พอเขาย้ำคำหนักแน่นก็เขวี้ยงก้อนขยะลงพื้นทันที เป็นปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติของร่างกายที่ทำไปแล้วถึงเพิ่งตั้งสติได้

“ลายเซ็...”

“ไปขอกับจิ้งจกเลยไป๊!” ผมหัวเสียและเกรี้ยวกราด เดินหนีโดยไม่สนใจเตโชที่ยืนหน้ามึนอย่างทำอะไรไม่ถูก คล้ายจะได้ยินเสียงซุบซิบนินทาถึงการกระทำของผม แต่ตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่านั้น...นั่นคือ...ผมจะแยกภาพของเสี่ยกับจิ้งจกออกจากกันได้ยังไงตอนถ่ายทำส่วนที่เหลือ

อุตส่าห์ทุ่มซ้อมมาตั้งนานจะทำพังเพราะแชมปิญองได้ยังไง ยาดม...ขอยาดมให้ผมที!!

-------

 

สวัสดีค่ะ กลับมาอัพต่อกันแล้วกับเรื่องราวของจิระ และเปิดตัวพระเอกของเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ขอเสียงปรบมือให้กับเตโชคนมึน และจิระผู้เกรี้ยวกราดกันด้วยนะคะ (แปะๆๆ) เริ่มต้นเส้นทางสายบันเทิงของหนูจิกันแบบพอหอมปากหอมคอ เราตั้งใจให้พระเอกในซีรีส์ชุดนี้ ( รวมเรื่อง I’M NOT HIM ด้วย ) ออกแนวเพ้อๆ มึนๆ อึนๆ ไม่ค่อยจะมีสติ ฉะนั้นอย่าได้คาดหวังเตโชมาก อย่างที่เคยเกิดกับเสี่ยมาแล้ว แต่ขอเอาชื่อเสียงเป็นประกัน! ว่าเตโชจะมีบทเยอะกว่าเสี่ย และน่ารักน่าเอ็นดูกว่าเสี่ยค่ะ! 555

สำหรับแทกเรื่องนี้เรานึกอะไรไม่ออกเลยนอกจาก #จิระผู้เกรี้ยวกราด

ขอฝากลูกชายที่ออกจะซึนๆ คนนี้ด้วยนะคะ

 เพจนักเขียนที่ส่งของขวัญเปิดเรื่องให้จิระเป็นยาดมหนึ่งกระเช้า (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)

ปล.ขอย้ำว่าคมสันมีคู่แล้ว อย่าโดนเคมีคู่นี้หลอกนะคะ อารมณ์ตอนแต่งคือแม่เลี้ยงใจร้ายกับจิเดอเรลล่าค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: SaNip015 ที่ 30-10-2017 20:48:44
เอ็นดูจิระจัง  5555555555555555555555555
เตโชคือคนตลก  o13 o13 :o8:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 30-10-2017 20:50:21
คิดถึงจิระจังเลยยย  :L1: เตโชมึนมากกก 55555 พระเอกของจิระสินะคะ จิระคงต้องปวดหัวแน่ๆ   :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-10-2017 21:56:02
แลดูน่ารัก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 30-10-2017 21:58:20
 :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: สาว801 ที่ 30-10-2017 22:47:29
 :m20: :m20: :m20: สวัสดีจ้า แชมปิญอง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 30-10-2017 23:00:30
แค่คมสันต์น้องก็จะตายแล้ว มาเจอเตโชอีกจิระต้องโดนเตโชป่วนขนาดไหนต่อไป ปวดหัวแทนน้องเลย อิตาเตโชก็จะเอาแต่ลายเซ็นต์555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-10-2017 23:05:20
คิดถึงจิระ หวังว่าเรื่องนี้นิสัยน่าจะดีกว่าเรื่องโน้นนะ  o18
สงสารเสี่ยจัง เรื่องโน้นก็โผล่มาประดุจนักแสดงตัวประกอบฝ่ายชายดีเด่น  ทั้งเรื่องน่าจะปรากฏชื่อไม่เกิน 3 ครั้ง มาเรื่องนี้มีคู่แข่งเป็นน้องจิ้งจกนามแชมปิญอง  :m20:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 31-10-2017 00:12:03
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
เสี่ย กลายเป็นจิ้งจกไปแล้ววว

นี้พระเอกดีเด่นเลยนะ เล่นได้ทุกบท
บทจิ้งจกก้ได้ 555

เตโชใช่ไม๊ พระเอกกกกเรื่องนี้
ดูมึนพอกับเสี่ยเลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 31-10-2017 00:38:30
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 31-10-2017 01:56:16
ฮ่าๆๆๆๆๆ ไอ่บ้าเอ้ยยยพระเอกเซ็ทนี้นี่มีใครปกติสักคนมั้ยเนี่ย หืม? โอ้ยยย สงสารนายเอก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-10-2017 02:17:08
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 31-10-2017 09:34:09
โอ้ยยยยย ชั้นจะทำยังไงกับแชมปิญองดี๊!!!!!!   

5555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 31-10-2017 12:30:20
 :m20:ตลกเตโชมากๆ จิ้งจกเนี่ยน่ะ ทำจิระเราน็อคไปเลย คมสันคู่ใคร อยากรู้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 31-10-2017 17:16:47
สู้ๆนะ จิระ ถ้ามีคุณเลขาอยู่ใกล้ๆ ชีวิตคงลุ่มๆดอนๆ ไปอีกนาน 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 31-10-2017 17:38:55
:m20:ตลกเตโชมากๆ จิ้งจกเนี่ยน่ะ ทำจิระเราน็อคไปเลย คมสันคู่ใคร อยากรู้
คุณสันคู่พี่เบิ้มค่ะ ในเรื่อง I'm not him  2คนนี้แอบมีซัมติงค่ะ อิอิ เห็นว่ามีพาร์ทของคุณสันกับพี่เบิ้มในรวมเล่มด้วยค่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fahdekkom ที่ 31-10-2017 23:15:32
โอ๊ยน่าสงสาร อุตส่าห์เค้นอารมณ์สุดฤทธิ์ดันเปรียบเหมือนจิ้งจก 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 01-11-2017 00:54:35
น่าร๊าก~~~
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 01-11-2017 08:17:17
เตโช คงรักจิ้งจกมากสินะ  อืมม..คงรักมาก  ใช่..ต้องรักมากแน่ :mew4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Velusia ที่ 01-11-2017 09:55:00
ใดๆในเรื่องนี้และเรื่องของจิตริน ลาสบอสที่แท้ทรูคือคุณสันครับ โอ้ย 555 งวดที่แล้วจิตรินกับทุ่งดอกไม้ของเขา งวดนี้จิระกับอะไรดี? จิ้งจกมั้-------//โดนตบ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 01-11-2017 11:01:22
น้องเตน่ารักจัง555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 01-11-2017 15:07:17
น่ารักมาก เกรี้ยวกราด 555
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 05-11-2017 13:10:11
อดได้ลายเซ็นเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซัน2 - [8/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 08-11-2017 21:10:56
ตอนที่ 2

เช็กเมทซีซันสอง


หลังการถ่ายมิวสิกวีดีโอจบลงด้วยดี เย็นวันนั้นคมสันก็พาผมไปทำเอกสารมอบคอนโดให้เป็นชื่อของผมตามสัญญา เห็นราคาซื้อขายเกือบแปดหลักแล้วแทบหน้ามืดขอยาดมอีกครั้ง ไม่แปลกใจว่าทำไมเงินเก็บของผมถึงหมดบัญชีในรวดเดียว

“ขายทิ้งซะดีมั้ยเนี่ย...” ผมพึมพำ นึกอยากขายห้องทิ้งไปซื้อที่อื่นที่ถูกกว่า

“เสียใจด้วยครับ เพราะที่นี่ต้องอาศัยอยู่อย่างน้อยหนึ่งปีจึงจะทำการซื้อขายได้ และด้วยกฎระเบียบของคอนโดที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัย ทำให้ไม่สามารถปล่อยเช่าได้ด้วย เพราะที่นี่มีดารานักแสดงอาศัยอยู่เยอะ ฉะนั้น...คุณคงต้องพับแผนการนั้นไปก่อนนะคุณจิระ”

ผมเกลียดคมสัน!

เกลียดน้ำเสียงราบเรียบของเขา เกลียดท่าดันแว่นของเขา เกลียด เกลียด เกลียด ไอ้บ้า คมสันบ้า!

แต่ก็ยังดี...เพราะเงินค่าตัวของผมถูกโอนเข้าบัญชีหลังจากนั้นสามวัน นับว่าคมสันยังไม่เล่นแง่ ดึงเงินเข้าช้าให้ผมอกแตกตาย

แล้วชีวิตผมก็กลับมาสุขสงบ ก่อนจะกลับมาวุ่นวายอีกครั้งเพราะ...

‘ช่วยบอกทางทีมิสเตอร์เอส!’

‘ทางนี้!’

ผมกำลังทำอะไรอยู่น่ะเหรอครับ

ก็ไล่ดูซีรีส์เช็กเมทอยู่น่ะสิ!

การดูร่างตัวเองวิ่งเล่นโดยที่รู้ดีว่าข้างในเป็นจิตรินนั้นช่างยากจะบรรยายความรู้สึกออกมาจริงๆ ผมต่อต้านมาตลอด ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมดูซีรีส์เช็กเมทเด็ดขาด แต่เพราะเหตุจำเป็นบางอย่างเลยลองเปิดตอนที่หนึ่งดู กะแค่ให้รู้ ไม่ได้ตั้งใจจะติดหรอกนะ

...แล้วตอนที่หนึ่งก็กลายเป็นตอนที่สิบเอ็ดซะงั้นอ่ะ!

คนเขียนบทเก่งเป็นบ้า ผมลืมไปเลยว่ากำลังดูจิตรินในร่างตัวเองเล่นละคร เพราะมัวแต่จมจ่อกับเนื้อเรื่องสุดเข้มข้นที่ไม่อยากพลาดแม้แต่ตอนเดียว มิสเตอร์เอสคือผู้ช่วยอัจฉริยะเก่งด้านการแฮกเกอร์ มักมีสีหน้านิ่งเรียบและท่าทางหน่ายเซ็ง แต่เมื่ออยู่หน้าคอมพิวเตอร์แล้วจะกระตือรือร้นในทันที นี่มัน...เตโชนี่หว่า!!

ผมชักเข้าใจว่าทำไมเขาถึงชอบมิสเตอร์เอสมากทั้งที่มีบทในแต่ละตอนน้อยนิดไม่ถึงสิบนาที

ยังไงก็ตาม การแสดงของจิตรินไม่นับว่าดีหรือแย่ เรียกว่าดังด้วยบุคลิกและใบหน้าดึงดูดล้วนๆ เพราะจุดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้คือตัวละครหญิงที่ถูกรับเชิญมาอย่างไม่ซ้ำหน้าในแต่ละตอน คล้ายกับหนังเรื่องเจมส์ บอนด์ที่ไม่มีนางเอกตายตัว สลับรับเชิญตามกระแสในตอนนั้นๆ ด้วยเหตุนี้ผู้รับบทมิสเตอร์เอสคู่หูของพระเอก จึงต้องมีหน้าตาทั้งหล่อทั้งสวยในคราวเดียว ที่ต้องเป็นผู้ชาย เพื่อไม่ให้จับคู่ล็อกเป้ากับพระเอกเกินไป และที่ต้องหน้าสวย ก็เพื่อให้เป็นอาหารตา!

โครกก

เสียงอะไรวะ

โครกกกก ครากกกก

เวรล่ะ! ติดซีรีส์จนลืมกินข้าวไปเลย!!

ผมจำใจต้องกดหยุดอย่างแสนเสียดาย แต่เพื่อสุขภาพที่ดีจึงต้องผละไปเข้าครัวเพื่อทำของกินง่ายๆ บรรเทาความหิวโหย คนอย่างจิระ ท่าทางเชิดหยิ่ง รักสบาย เกาะกินแต่กับเสี่ย ใครเลยจะรู้ว่าจริงๆ แล้วผมชอบทำอาหาร เมื่อก่อนตอนอยู่กับคุณยายสองคน ผมก็เป็นคนเข้าครัวตลอด เวลาหยิบจับอุปกรณ์ หั่นผักหั่นเนื้อแล้วรู้สึกจิตใจโล่งสบาย ประหนึ่งว่าเป็นการคลายเครียดอย่างหนึ่ง

ไม่นาน ข้าวสวยร้อนๆ ก็พร้อมเสิร์ฟพร้อมแกงจืดกะหล่ำปลียัดไส้หมูสับและไข่เจียวใส่แครอทสีสันน่ารับประทานเป็นที่สุด ผมลองชิมคำแรก...อืม...ไม่ได้ลองทำนาน รสมือยังไม่ตกแฮะ!

ตอนอยู่ต่อหน้าเสี่ย ผมไม่เคยได้เข้าครัวเลยเพราะสวมบทเด็กหนุ่มแสนอ่อนแอทำอะไรไม่เป็น อยากให้เขาปกป้องเป็นห่วงดูแลไม่ห่างหาย พาออกไปทานข้าวด้วยกันบ่อยๆ ด้วยกลัวว่าจะอดตาย ถือโอกาสได้เจอหน้าพัฒนาความสัมพันธ์

นึกแล้วก็ตลกตัวเองชะมัด ผมรักเสี่ย แต่เป็นการรักที่ไม่รักตัวเองแม้แต่น้อย ยอมเปลี่ยนแปลงหลายอย่างก็เพื่อเขา ยอมทำร้ายตัวเองเรียกร้องความสนใจบ้าๆ บอๆ ก็เพื่อเขา สุดท้ายคนที่รับกรรมก็ตัวเองล้วนๆ จิระขอสาบาน จะไม่กลับไปทำตัวน่ารังเกียจแบบนั้นอีกเด็ดขาด! โสดแล้วไงทำกับข้าวกินเองก็ได้โว้ย!!

แต่ก่อนอื่น ผมต้องวางแผนหาเงินให้ตัวเองโดยไม่พึ่งพาคมสัน

ชีวิตจิระแสนรันทด ถึงทำอาหารเป็น แต่ดันทำอย่างอื่นไม่ได้เลยจริงๆ หรือจะไปสมัครเป็นพ่อครัวดีนะ แค่นึก...ผมก็ย่นหน้า ไม่อยากหมกตัวทั้งวันอยู่ในห้องครัวด้วยสภาพมอมแมมดูไม่ได้ ยังไงซะ สิ่งที่ผมภาคภูมิใจที่สุดก็คือรูปร่างหน้าตา การทำอาหารน่ะคืองานอดิเรกคลายเครียด ให้ทำเป็นอาชีพไม่ไหวหรอก เสียของตายชัก ผมคือจิระเชียวนะ จิระ!!

นึกแล้วก็ถอนหายใจเฮือก เก็บจานล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนจะนั่งดูซีรีส์เช็กเมทจนจบซีซันหนึ่งเอาตอนตีห้า ความสนุกสนานนั้นทำเอาอารมณ์ผมฮึกเหิมสุดขีด ก่อนจะกลายเป็นห่อเหี่ยว...เมื่อเหลือบตาไปยังซองเอกสารที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะข้างโซฟา

เป็นของที่ได้รับจากคมสันตั้งแต่วันที่เขายกสิทธิ์ทุกอย่างคืนให้ผม

อย่า อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าผมโดนข่มขู่อะไรอีก เพราะนั่นคือบทของ ‘มิสเตอร์เอส’ ในซีซันสอง!

แม้จะถูกปลด แต่เมื่อเลขาของท่านประธานต้องการให้ผมเล่น มีหรือจะเขียนเพิ่มเข้าไปใหม่ไม่ได้ ถึงจะเปิดกล้องแล้ว และมีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าบทผู้ช่วยพระเอกที่เคยเป็นของมิสเตอร์เอสจะมีคนอื่นรับเล่นแทนก็ตาม

ผมกัดฟัน ก่อนจะเปิดซองหยิบบทขึ้นมาอ่าน เนื่องจากเป็นแค่พลอตคร่าวๆ ไม่กี่หน้า จึงอ่านจบอย่างรวดเร็ว แต่ที่นาน...คือผมอ่านแล้วคึก รีบหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเพิ่มเติมหวังเก็บรายละเอียดของซีรีส์นี้

...รู้ตัวอีกทีพระอาทิตย์ก็สาดส่องสว่างจ้าเกือบกลางหัว!!!

บ้าเอ๊ยจิระ นายจะอดหลับอดนอนทั้งที่ไม่สนใจไม่ได้นะ!


ผมด่าทอตัวเองในใจ ก่อนจะวางบทไว้ตรงหน้าขณะนั่งขัดสมาธิอย่างใช้สมอง

ทิศทางของซีซันสองนั้นทางโปรดิวเซอร์อยากให้การเสียชีวิตของมิสเตอร์เอสเป็นทางเลือกสุดท้าย ตอนประกาศเทจิตรินในร่างของผม จึงวางพลอตให้มิสเตอร์หายตัวอย่างปริศนา และคมสันก็หยิบยกตรงนี้มาสร้างโอกาส ถ่ายไปแล้วแล้วยังไง? มีคนเป็นผู้ช่วยพระเอกแทนแล้วยังไง? ในเมื่อมิสเตอร์คือตัวตนแสนลึกลับในซีรีส์เรื่องนี้อยู่แล้ว...ถ้าอย่างนั้น...ก็ให้มิสเตอร์เอสกลับมาเป็นตัวร้ายซะเลยสิ!!!

บทที่ผมได้รับ คือรายละเอียดคร่าวๆ ว่ามิสเตอร์ถูกทำร้ายจนความจำเสื่อม และโดนองค์กรที่เป็นศัตรูของพระเอกจับตัวไปล้างสมอง นับว่าการกลับมาของมิสเตอร์เอสครั้งนี้...จะกลับดีเป็นร้าย กลายเป็นศัตรูกับอดีตคู่หู! แถมยังเข้ากับภาพลักษณ์ของผมที่ถูกมองว่าเป็นเด็กเลี้ยงแกะของวงการอีกด้วย!

ถ้าเป็นซีรีส์ฉายจริงขึ้นมาจะสนุกขนาดไหนกันนะ

ไม่ไม่ไม่!

ผมส่ายศีรษะประคองสติตัวเองไม่ให้เผลอไผล ทำไมจู่ๆ ถึงนึกภาพตัวเองอยู่ในกองได้ล่ะ เพราะติดใจตอนเล่นมิวสิกวีดีโอของเตโชงั้นเหรอ ไม่ใช่! ผมไม่อยากเป็นดาราสักหน่อย ไม่อยากยอมรับอาชีพที่ทำให้แม่ทิ้งผมไปเด็ดขาด!!!

แต่...บทน่าสนุกชะมัด

ผมซุกหน้าหลับตากับโซฟา ก่อนจะแอบลืมตาข้างหนึ่งมองบทอย่างลังเลใจ

โอ๊ย อยากเล่นจัง แค่นึกฉากมิสเตอร์เอสเจอพระเอกอีกครั้งตอนความจำเสื่อมก็ตื่นเต้นแล้ว!


ผมรีบหลับตาหนี ไถหน้าไปกับโซฟาเพื่อห้ามสติของตัวเอง

คิดสิคิดจิระ ถ้านายตกปากรับคำ นายจะต้องเป็นนักแสดงอย่างเต็มตัว ไม่ใช่แค่การถ่ายเอ็มวีแบบวันเดียวจบแล้วนะ แล้วนายจะมองหน้าคนในกองยังไง พระเอกที่เล่นเรื่องนี้สนิทกับจิตรินมากไม่ใช่เหรอ ถ้าต้องเข้าฉากด้วยกัน นายต้องถูกเปรียบเทียบกับตอนที่ยังไม่สลับร่างหนักกว่าเมื่อวันก่อนเป็นไหนๆ ตอนจิตรินแสดงเป็นมิสเตอร์เอส ทุกคนล้วนชื่นชมสนับสนุน แล้วนายล่ะจิระ...ด้วยนิสัยที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า นายจะ...ทำตัวยังไง

ผมหมดแรงเมื่อคิดถึงตรงนี้ แต่เรื่องมันเศร้าตรงที่ถ้าไม่นับงานของเตโช ก็มีแต่ซีรีส์นี้เท่านั้นที่คมสันพอใช้เส้นสายให้ผมได้ ถ้าเกิดไม่รับแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงตัวเอง!

ผมถอนหายใจเฮือก ตัดสินใจลุกขึ้นมานั่งดีๆ ก่อนจะหยิบโน๊ตบุ๊คมาเปิดดูว่าใบสมัครงานที่ร่อนตามโมเดลลิ่งและบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์ต่างๆ ตั้งแต่สามวันก่อนมีผลยังไงบ้าง ขอแค่มีที่เดียวที่สนใจ ผมก็เป็นอิสระจากคมสัน ซีรีส์เช็กเมทก็ไม่ต้องรับ! ไม่ต้องเผชิญหน้ากับเลขาใจโหดอีกต่อไป!!

แต่...

ไม่มีที่ไหนตอบรับผมสักที่เดียว

เป็นไปไม่ได้ ถึงจิระจะมีข่าวฉาวมาก่อน แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาแสนเลิศเลอเพอร์เฟค อย่างน้อยก็ต้องมีสักที่สองที่ให้โอกาสสิ! ปฏิเสธทันทีหมดทุกที่มันเป็นไปได้ยังไง ผมไม่เชื่อ!!

ท้องเริ่มคำรามอีกครั้ง ผมเดินไปทำไข่คนกับขนมปังปิ้งประทังชีวิต พลันเสียงโทรศัพท์ดังแว่ว พอเห็นปลายสายก็ลังเลเล็กน้อยแต่จำใจต้องกดรับอย่างช่วยไม่ได้

(( ตัดสินใจรึยังครับคุณจิระ ))

“ยัง!” ผมไม่สิ้นความพยายาม ปากคาบขนมปังพลางเดินมาจ้องหน้าจอกดส่งใบสมัครให้พวกบริษัทเล็กๆ แทน มีเหยื่อแสนโอชะหน้าตางามเลิศมาหาถึงที่ ผมไม่เชื่อหรอกว่าพวกเขาจะไม่รับ

(( ยังร่อนใบสมัครงานอีกเหรอครับ ))

เอ๊ะ...

(( นี่คุณโง่หรือคุณโง่กันแน่ คิดว่าบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ประกาศจองตัวคุณ แล้วจะมีใครที่ไหนกล้ารับตัดหน้า เลิกเสียเวลากับเรื่องไร้สาระเถอะครับ อ่านบทแล้วให้คำตอบผมสักที ))

คมสัน...คมสัน

ผมกัดฟันแน่น พูดอะไรไม่ออกนอกจากเรียกชื่อนั้นในใจด้วยความเกรี้ยวกราด

“จองตัวแล้วยังไง ถ้าฉันไม่ตอบรับซะอย่างยังไงก็ต้องมีที่อื่นมาขอให้ไปทำงานด้วย!”

(( คุณโง่จริงๆ สินะ )) คมสันถอนหายใจเฮือก (( ไม่รู้รึไงว่าผมดันคุณได้ก็แบนคุณได้ ตอนนี้ยังนับเป็นโอกาส แต่ถ้าคุณปฏิเสธ ต่อไปจะเป็นอุปสรรคแล้วนะครับ ))

“นายจะทำอะไร”

(( ก็พวกข่าวฉาวๆ ของคุณทั้งหลายตั้งแต่สมัยเรื่อง คนที่ช่วยปิดก็ผมทั้งนั้นไม่ใช่หรือ อยากโดนขุดให้ลึกกว่าเดิมมั้ยล่ะครับ ))

ใจผมหล่นไปถึงตาตุ่ม ลืมซะสนิทว่าตั้งแต่คุณยายเสีย คนที่ช่วยจัดการดูแลทุกอย่างก็คือคมสัน เขาไม่ได้ดูแลเรื่องเงินอย่างเดียวเท่านั้น แต่ชีวิตประจำวันของผม การติดต่อที่เรียนให้ผม ที่อยู่ อาหารการกิน สังคม ทุกสิ่งทุกอย่างเขาล่วงรู้ทั้งหมด!!

“นายไม่มีทางให้ฉันเลือกอยู่แล้วนี่” ผมว่าอย่างเจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย

(( ในที่สุดก็เข้าใจสักทีนะครับ ))

ผมอยากจะกลายร่างเป็นก็อดซิล่าแล้วพ่นไฟทำลายล้างโลก

“เลวที่สุด!”

(( วันนี้อย่าลืมมาฟิตติ้งชุดที่บริษัทด้วยนะครับ ผมนัดทีมงานตอนสิบเอ็ดโมง ห้ามลาห้ามสาย))

“คมสันคนสารเลว!!!”

(( แต่งตัวให้ดี ฉีกยิ้มให้มาก แล้วเจอกันครับ ))

คมสันวางสายแล้ว แต่อารมณ์ผมยังลุกโหมอย่างเกรี้ยวกราด

ก่อนจะใจหายวูบเมื่อเหลือบไปเห็นนาฬิกาชี้บอกเวลาตอนสิบโมง

ผมมีเวลาแต่งตัวและไปที่บริษัทแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น! เรื่องอื่นช่างมันก่อน ผมรีบวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างเร่งรีบ พร้อมเลือกเสื้อตัวโปรดมาสวมใส่ บรรจงแต่งยิ่งกว่าตอนไปถ่ายมิวสิกวีดีโอของเตโชซะอีก

ที่ทำไปก็เพราะโดนคมสันบังคับล้วนๆ

ใช่ เพราะคมสันบังคับ ไม่ใช่ว่าอยากเล่นสักหน่อย!!

ผมในสภาพพร้อมลุยเปิดประตูพรวดพราด ก่อนจะชะงักเมื่อประตูห้องข้างขวาเปิดออกมาพร้อมกัน ผมคงไม่อ้าปากค้างจนยุงบินชุมหากไม่เพราะคนคนนั้นคือ...เตโช!!

“อรุณสวัสดิ์” เตโชหาวหวอด หน้าตาดูง่วงซึมมึนๆ ขณะทักทายผมด้วยเสียงโมโนโทน

“หลีกไป ฉันกำลังรีบ” ผมโบกมือไล่เขาที่ยืนเกะกะทางเดิน

“ไปด้วย”

“ฮะ นายจะไปกับฉันทำไม ฉันเข้าบริษัท”

“ไปด้วย” เตโชล้วงสองมือในกางเกงแล้วเดินนำเอื่อยๆ ไปที่ลิฟต์ ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีอะไรสักอย่างยกเว้นโทรศัพท์กับกระเป๋าเงินที่ยัดหลังกระเป๋ากางเกง “มีนัดที่บริษัทเอ็มเอชเอ็น”

“แล้วไง” เพราะกำลังรีบ ผมเลยยอมเข้าลิฟต์แม้อยากจะถีบไสไล่ส่งคนหน้ามึนใจจะขาด

“ไม่มีรถ”

“ก็ไปโบกแท็กซี่เอาสิ”

“ไปด้วย”

คุยกับเตโชแล้วเหนื่อยมาก

“ฉันไม่ใช่คนขับรถของนาย!” ผมหันไปเหวใส่ เมื่อก่อนเป็นเด็กเสี่ย ไม่ว่าอยากได้อะไรเสี่ยก็ประเคนมาให้ ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ยันนาฬิกาแบรนด์เนมที่กำลังสวมใส่ รถของผมก็เช่นกัน เสี่ยซื้อให้เป็นของขวัญฉลองตอนผมเข้ามหาวิทยาลัย แม้จะเป็นรถเจ้าปัญหาที่ผมขับไปชนจิตรินจนสลับร่างกันก็เถอะ

เตโชไม่หือไม่อือ แต่เขาเดินตามหลังผมต้อยๆ เหมือนขี้ปลาทอง ทั้งที่ผมซอยเท้ายิกๆ แต่เขาแค่ก้าวยาวๆ แสนจะเอื่อยเฉื่อยก็ตามทันแล้ว

พอถึงรถเตโชก็แทรกตัวไปที่นั่งข้างคนขับทันทีที่ผมเปิดประตู

“ขับให้” เตโชเงยหน้ามองผมตาปริบๆ พอเห็นผมยืนนิ่ง เขาก็เสริมอีกประโยคหวังผ่อนอารมณ์ขุ่นมัวให้เบาบางลง "มีน้ำใจ ช่วยเหลือกัน”

“น้ำใจบ้าบออะไร ฉันกำลังรีบโว้ย!” ผมกระชากตัวเตโชออกจากรถ ก่อนจะรีบขึ้นแทนที่ ปิดประตู สตาร์ทเครื่อง แล้วบึ่งออกไปทันที

“สู้ๆ”

...โดยผู้โดยสารแอบเนียนขึ้นที่นั่งด้านหลังด้วยสีหน้าเอาใจช่วยที่แทบไม่แสดงออก

ผมถลึงตาใส่เตโชผ่านกระจกรถ แต่เจ้าตัวไม่ทันสังเกต เพราะพอได้สิ่งที่ต้องการก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเพลง สวมหูฟัง แล้วนั่งพิงเบาะมองวิวข้างทางสบายใจเฉิบ

อะ...ไอ้แชมปิญอง!!!


 ------------

หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 08-11-2017 21:11:25




ผมมาถึงบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ตอนสิบโมงห้าสิบ

หลังหาที่จอดรถได้ก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบไปสตูดิโอชั้นสี่ทันทีโดยไม่สนใจเตโชว่าตามมารึเปล่า ปรากฏว่าเขามีธุระที่ชั้นหก เราเลยต่างคนต่างไป เพราะบริษัทแยกชั้นสำหรับสตูดิโอส่วนตัวสำหรับละครและสตูดิโอสำหรับปล่อยเช่า ซึ่งสถานที่สำหรับถ่ายทำเช็กเมทก็คือชั้นสี่นั่นเอง

ผมรีบจนลืมถามเตโชไปเลยว่าทำไมถึงเป็นเพื่อนบ้านข้างห้องกันได้ ไอ้สงสัยก็สงสัย แต่ความตื่นตกใจกลัวจะไปสายมันมีมากกว่า ผมยืนหอบอยู่หน้าประตู มองนาฬิกาที่ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งนาทีแล้วสูดหายใจเข้าลึก จัดแต่งทรงผมและเช็กเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนที่วิ่งจนเกือบล้มหน้าคะมำมีที่ไหนกัน ผมคือจิระผู้แสนจะเพอร์เฟคต่างหาก

แล้วใจผมก็สั่นสะเทือนสิบริกเตอร์

เพราะทุกสายตาในห้องสตูดิโอต่างจับจ้องมาที่ผมเป็นตาเดียว คนเยอะกว่าตอนถ่ายทำมิวสิกวีดีโอของเตโชเกือบสิบเท่า แถมทุกคนล้วนมีสายตาแฝงความนัย ทั้งตกใจทั้งเป็นห่วงทั้งคิดถึงจิระ แน่นอน...ว่าหมายถึงจิตรินในร่างจิระ

ตอนถ่ายทำซีรีส์เช็กเมทซีซันแรก จิตรินต้องมาทำงานที่นี่เกือบทุกวันเป็นเวลาหลายเดือน

ผม...ควรจะ...ทำตัวยังไงดี

“จิระ!!”

ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ ดาราหนุ่มหน้าใสก็วิ่งโผเข้าหาทำท่าจะกอด แต่พอเห็นผมเผลอก้าวถอยหลัง เขาก็ชะงักก่อนจะเปลี่ยนเป็นจับมือผมแล้วเขย่าแรงๆ

“นายหายดีแล้วสินะ ฉันคิดถึงนายมากเลย ทำไมถึงไม่ติดต่อมาเลยล่ะ หรือว่านายคิดว่าฉันไม่ใช่เพื่อน ใจร้ายจริงๆ ทั้งที่ฉันเป็นห่วงนายมากๆ เลยนะ!”

ผมอ้าปากค้าง หลังเช็กเมทจนจบซีซันในวันเดียวและหาข้อมูลเข้าหัว ทำให้จำได้ว่าคนคนนี้คือธนัท รับบทเป็นเพื่อนพระเอกในเรื่องเช็กเมท เพิ่งมาเริ่มแสดงในตอนที่สิบเป็นต้นไปด้วยถูกแทรกบทกะทันหัน สาเหตุก็เพราะ...เขาเคยเป็นเด็กเสี่ยมาก่อน

แม้ตอนนี้จะไม่ใช่แล้วเพราะเสี่ยบอกเลิกเด็กเลี้ยงทุกคน แต่ไหงเขาสนิทสนมกับจิตรินที่เคยเป็นเด็กเสี่ยเหมือนกันซะงั้น แถมยังเหมือนสนิทกันมาก ผมปรับตัวไม่ถูกโว้ย!

“จิ!”

มาอีกคนแล้ว...คนนี้ผมพอเตรียมใจไว้บ้าง เพราะเขาคืออัครเดช รับบทพระเอกของเรื่อง เป็นดาราที่ไม่มีข่าวเสียหายเลยสักครั้งด้วยการวางตัวดีและอัธยาศัยที่ดี คนแบบนี้จะสนิทสนมกับจิตรินก็ไม่แปลก แถมอัครเดชยังมีรูปร่างชวนฝันด้วยซิกแพคและกล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบ เมื่อบวกกับผิวคล้ำให้อารมณ์ดิบเถื่อนเหมาะกับบู๊แหลกลาญอย่างเรื่องนี้แล้ว จึงนับเป็นตัวละครชูโรงของซีรีส์เช็กเมท

แล้วนั่น...มีมาอีกคน เด็กคนนี้หน้าตาคล้ายผม รูปร่างคล้ายกัน จึงถูกรับเลือกให้มาเล่นเป็นมิสเตอร์เอสตัวปลอม หรือตัวร้ายที่ปลอมตัวเป็นมิสเตอร์เอส แต่หลังจากจิระถูกปลดในซีซันสอง พาย...หรือผู้เคยรับบทเป็นมิสเตอร์เอสตัวปลอมออกมาแค่สองตอนก็ถูกเสนอชื่อมาเป็นตัวละครหลักในซีซันนี้ โดยมาเติมเต็มในส่วนที่ขาดด้วยความสามารถในการแฮกเกอร์และเลียนเสียงได้

เขา...ควรจะไม่พอใจผม เพราะการที่ผมกลับมารับบทมิสเตอร์เอสอีกครั้งทำให้พายต้องถูกเปรียบเทียบ แม้ว่าเขาจะมีภาษีดีกว่าตรงที่ไม่เคยมีข่าวฉาวให้คนรังเกียจเดียดฉันท์ก็ตาม แต่การมีคนที่หน้าตาคล้ายกันแต่ดีกว่าอย่างผมอยู่ในกองด้วย แม้จะรับคนละบทบาทก็ต้องมีเคืองบ้างสิ!

แล้วไหงสายตาของพายถึงได้มองผมอย่างชื่นชมยินดีและแสนจะคาดหวัง

จิตรินโว้ย...นายเอาร่างฉันไปหว่านเสน่ห์ใส่คนทั้งกองไม่เว้นกระทั่งคนที่ควรจะเป็นศัตรูเลยรึไง!!!

“คุณจิระ” พลันพวกเราสะดุ้งพร้อมกันเมื่อคมสันเดินมารวมกลุ่มเงียบๆ ด้วยน้ำเสียงกดต่ำคล้ายไม่พอใจบางอย่าง “คุณมาสาย”

“สายที่ไหนกัน ฉันมาทันพอดีต่างหาก” ผมชี้นาฬิกาข้อมือให้ดูว่าตรงต่อเวลาขนาดไหน ไม่คลาดเคลื่อนแม้แต่วินาทีเดียว

“บริษัทนี้อ้างอิงนาฬิกาของผมเป็นหลักครับ” คมสันพูดพลางชี้นาฬิกาของเขาที่เข็มยาวเกินไปหนึ่งนาทีด้วยสีหน้าจริงจังเคร่งเครียด “เอาเถอะครับ คุณมากับผมก่อน เราต้องคุยเรื่องบทกับโปรดิวเซอร์และผู้กำกับ”

ผมเดินตามคมสันอย่างว่าง่าย ไม่ใช่อะไร เพราะเขามาช่วยชีวิตผมออกจากดงนักแสดงนำทั้งสามคนพอดิบพอดี!

ธนัท อัครเดช และพาย เมื่อเห็นผมโดนคุณเลขาตำหนิก็ไม่กล้าทักทายต่อด้วยเกรงว่าจะไปขัดเวลาอันมีค่าของคมสันเข้า ผมลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะแทบกลั้นใจเมื่อเห็นว่าผู้กำกับคือคนเดียวกับที่ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอของเตโช

“เจอกันอีกแล้วนะจิ!” ผู้กำกับตบไหล่ผมดังป้าบ “ที่จิระได้รับการยอมรับให้เข้ากองเช็กเมทอีกครั้งเพราะเลขาคมสันช่วยผลักดันก็จริง แต่หลายคนกลัวว่าเธอจะแสดงบทนี้ไม่ได้ ฉันเลยช่วยยืนยันอีกเสียง โปรดิวเซอร์จึงพอวางใจ และทำให้หลายๆ คนในกองต้อนรับการกลับมาของจิระโฉมใหม่ไฉไลกว่าเดิม!”

“หมอนี่ชมไม่หยุดว่าจิแสดงดีขึ้นมาก ถ้ารับบทตัวร้ายในซีซันนี้ผลตอบรับต้องดังกระฉูด” โปรดิวเซอร์เอ่ยอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก

“อีกสัปดาห์เดียวเอ็มวีของเตโชจะออกแล้ว ถึงตอนนั้นอย่ามาบอกว่าฉันขี้โม้ก็แล้วกัน!”

ผมเหลือบมองคมสันด้วยสายตาคลางแคลงใจ ทุกอย่างช่างประจวบเหมาะ ต่อยอดเป็นขั้นบันไดอย่างพอดิบพอดี เริ่มจากการถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ ต่อด้วยการเข้ากองซีรีส์เช็กเมท แสดงว่าคมสันวางแผนให้ผมดิ้นไม่หลุดในวงการนี้แต่แรกถึงได้สนับสนุนดุนหลังซะเหลือเกิน

นับเป็นเรื่องดี เพราะช่วยให้ผมประหม่าน้อยลง อย่างน้อย...การที่ตัวผู้กำกับซึ่งกุมอำนาจในการถ่ายทำทั้งหมดเห็นว่าผมเป็นจิระโฉมใหม่ไฉไลกว่าเดิม ก็ทำให้การเปรียบเทียบกับจิระคนเก่าลดน้อยลงมาก ความกังวลใจอันดับหนึ่งลดลงมากโข

“มองอะไรครับ” คมสันขยับกรอบแว่นหนึ่งครั้ง

“...ขอบใจ”

“อะไรนะครับ” คมสันคลี่ยิ้มให้ผม

“ไปไกลๆ เลยไป!”

ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์มองผมหน้าเหวอเมื่อจู่ๆ จิระแสนดีก็ขึ้นเสียงใส่คุณเลขาอย่างไม่เคยทำมาก่อน

“คุณจิระนั่งรอก่อนแล้วกันครับ คิวถ่ายวันนี้มีถึงบ่ายสามเพราะอัครเดชมีงานต่อ จากนั้นค่อยลองแสดงให้ผู้กำกับและคนเขียนบทดูโฉมใหม่ของมิสเตอร์เอส ส่วนผมขอตัวก่อน ฝากจิระด้วยนะครับ”

ประโยคหลังคมสันหันไปพูดกับผู้กำกับและโปรดิวเซอร์

“โอ๊ย ไม่ต้องห่วงเลยครับ พวกเราทำงานกันมานาน ทุกคนเอ็นดูจิระกันทั้งนั้น”

“ใช่ครับคุณสัน ไม่ต้องห่วงเลย เชิญครับๆ”

ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์พากันไปส่งคุณสันถึงหน้าประตูห้องสตูดิโอ ส่วนผมก็หาทำเลที่นั่งดีๆ ในการนั่งมองกองถ่ายอย่างตื่นตาตื่นใจ...แม้จะเคยผ่านการถ่ายมิวสิกวีดีโอมาแล้ว แต่นั่นเป็นแค่ฉากสีขาวแถมคนแสดงนำก็มีผมคนเดียว เทียบกับที่นี่แล้วแตกต่างโดยสิ้นเชิง! ฉากเซ็ทเป็นห้องๆ เสมือนจริง เครื่องเรือนถูกจัดแต่งไม่ต่างกับบ้านหนึ่งหลังแต่แบ่งเป็นสัดส่วน ผมดูคนเบื้องหลังที่ช่วยกันทำความสะอาด ดูแลนักแสดง ช่างแต่งหน้าที่วิ่งวุ่น ตรวจดูเครื่องแต่งกาย นักแสดงที่ท่องบทกันอย่างดุเดือดแล้วรู้สึกฮึกเหิมจนมือสั่น

ตอนแรกก็นึกโกรธคมสันหรอกนะว่าเขารีบเรียกผมมาที่นี่ทำไม คงจะ...ให้ปรับตัวกับกองถ่ายล่ะมั้ง

แม้คมสันจะร้ายกาจ แต่เขาก็เป็นคนร้ายกาจที่เห็นแก่ผลประโยชน์ของบริษัท

เพื่อให้ผมสามารถแสดงบทบาทของมิสเตอร์เอสได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขาพร้อมจะผลักดันทุกทางโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น!

ผมเก็บข้อมูลอย่างตั้งใจ ท่าทางของอัครเดช การแสดงของธนัท บทบาทแทนที่มิสเตอร์เอสอย่างพาย รวมทั้งจำชื่อคนในกองคนอื่นๆ ด้วยเพราะในประวัติที่ผมหามาก่อนหน้านี้มีแต่ชื่อนักแสดง ไม่มีชื่อคนเบื้องหลัง แต่สำหรับจิตริน เขาต้องรู้จักทุกคนแน่ๆ ฉะนั้นผมจึงถือโอกาสนี้สร้างความคุ้นเคยให้ตัวเอง ประหนึ่งเคยมาร่วมงานที่นี่แล้วหลายเดือน

ซีรีส์เช็กเมท คือซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนแนวใหม่ที่ทางบริษัทต้องการลองตลาด เน้นเนื้อเรื่องเข้มข้นผสมฉากบู๊นำโดยอัครเดชเป็นตัวหลัก มักพัวพันกับคดีฆาตกรรมจนไปขัดขาองค์กรมืดเข้า ทำให้ต้องคอยงัดข้อชิงไหวชิงพริบกันตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ บทผู้ช่วยของมิสเตอร์เอสจึงขาดไปไม่ได้เลย เพราะมิสเตอร์เอส คือตัวละครที่ประจำอยู่ที่บ้านพระเอกเสมอ มีคอมพิวเตอร์คู่ใจเป็นอาวุธ คอยแฮกกล้องวงจรปิด บอกเส้นทางหนีให้พระเอก หรือสืบค้นข้อมูลที่ไม่มีใครทำได้

ส่วนธนัท เขาเพิ่งเข้ามามีบทบาทในตอนที่สิบของซีรีส์ซีซันแรก รับบทเป็นเพื่อนของพระเอกที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ลักษณะนิสัยออกไปทางเพลย์บอย เจ้าสำราญ สามารถเล่นละครหยอกสาวตบตาใครต่อใครได้ แถมยังปล่อยมุกตลก และมีจุดเด่นที่สะเดาะกุญแจได้ทุกชนิด ทั้งสามคนอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน แต่มีบุคลิกที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

เมื่อขึ้นซีซันสอง มิสเตอร์เอสหายตัวอย่างเป็นปริศนา สิ่งที่พอจะคาดเดาเบาะแสได้ก็มีแต่พาย หรือตัวปลอมของมิสเตอร์เอสที่เคยออกมาในซีซันหนึ่งเท่านั้น อัครเดชกับธนัทหลังตามตัวพายพบ ก็ปักใจเชื่อว่าพายจะต้องพาไปหามิสเตอร์เอสได้ จึงกลายเป็นการจับตัวพายมาร่วมก๊วนด้วยไปโดยปริยาย

หลังจากดูพวกเขาแสดง ทำให้ผมพอจับลักษณะแต่ละคนได้ อัครเดช...มีนิสัยคล้ายกับตัวละครที่ได้รับคือเป็นคนรักเพื่อน อัธยาศัยดี มีเสน่ห์ และจริงใจคนหนึ่ง ส่วนธนัท คนนี้แตกต่างกับบทมาก เพราะเขาไม่ได้เพลย์บอย ไม่ได้เจ้าชู้ ช่างพูดช่างคุยนัก แต่ค่อนข้างซื่อตรงกับความรู้สึก รัก โกรธ เกลียด แสดงออกทางสีหน้าไม่ปิดบัง ทางด้านพาย เด็กคนนี้ค่อนข้างสงบปากสงบคำ อาจเพราะต้องมารับบทเด่นในซีซันสองกะทันหันโดยไม่ตั้งตัว จึงไม่กล้ามีปากเสียงในกอง

ผมตัดสินใจแล้ว...ในสามคนนี้เข้าหาทางพายน่าจะปลอดภัยที่สุด!

ซีรีส์เช็กเมทเป็นการถ่ายทำแบบถ่ายไปฉายไป โดยกำหนดการเปิดตัวซีซันสองคืออีกสามวันที่จะถึง ด้วยเหตุนี้ เหล่านักแสดงจึงตั้งใจทำงานมาก เพราะการผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้กำหนดการคลาดเคลื่อนได้ แม้จะมีการถ่ายตุนก่อนฉายจริงไปแล้วไม่ต่ำกว่าสี่ตอนก็ตาม

“จิระ” ผมสะดุ้งเมื่อถูกเรียก เงยหน้ามองชายหน้าตาธรรมดาที่ค่อนไปทางจืดจางอย่างงุนงง “ฉันดีใจนะที่จิกลับมาที่นี่อีกครั้ง คนที่คุยกับฉันแล้วรู้เรื่องก็มีแต่เรานั่นแหละ! อย่างบทของซีซันสองที่ให้มิสเตอร์เอสกลับมารับบทเป็นตัวร้ายเนี่ยสุดยอดจริงๆ ขนาดฉันยังคิดไม่ถึงเลย”

ใครวะ

ผมจ้องคนแปลกหน้าตาไม่กะพริบ ราวกับว่าทำแบบนี้จะมีป้ายชื่อผุดขึ้นมาจากบนหัวของอีกฝ่าย

“ทำไมเงียบจังล่ะ ปกติเราช่างจ้อไม่ใช่เหรอ”

“เอ่อ...” ผมเหงื่อตก จิตรินช่างจ้อแค่ไหนรู้ดีที่สุด เขาสามารถพูดได้น้ำไหลไฟดับ ขึ้นเหนือล่องใต้ไม่รู้จบ ขนาดคนกำลังดราม่ายังลากไปเรื่องของกินได้ แต่จิระทำไม่ได้! ให้ตายผมก็ทำแบบนั้นไม่ได้! “ผมเพิ่งอกหักครับ”

ผมยกข้ออ้างที่คมสันปูทางเป็นเกราะป้องกัน

“เรื่องเสี่ยสินะ” คนแปลกหน้ามองผมอย่างสงสาร “งั้นหลังเลิกกองแล้วค่อยมาคุยกันนะ ฉันเสียใจเรื่องเสี่ยด้วย แต่คนอย่างจิหาใหม่ได้ไม่ยากอยู่แล้ว ขอแค่เลือกดีๆ หน่อยก็แล้วกัน!”

“ครับ...” ผมยิ้มแห้งอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก จนกระทั่งคนคนนั้นลุกไปนั่งอยู่ข้างผู้กำกับ หยิบบทขึ้นมาทบทวนนั่นแหละถึงได้ปะติดปะต่อได้ว่าหลังจากนี้ผมมีนัดกับผู้กำกับและคนเขียนบท ในเมื่อเขาไม่ใช่ผู้กำกับ ก็แสดงว่าเขาคือคนเขียนบทนั่นเอง...

จิตริน...นายฝอยหนักขนาดทำให้คนเขียนบทติดนายได้เลยเหรอ!

ผมหยิบยาดมขึ้นมาจูนสติ เห็นทีการปรับตัวในกองถ่ายนี้จะไม่ง่ายอย่างที่คิด หลายคนแลจะคาดหวังผมแบบแปลกๆ ชอบกล

ว่าแต่เมื่อกี้คนเขียนบทบอกว่าผมเป็นคนเสนอเรื่องการรับบทตัวร้ายของมิสเตอร์เอสงั้นเหรอ จะเป็นไปได้ยังไง! คนที่ยัดเยียดคือคมสันต่างหาก ผมไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้แม้แต่น้อย หรือว่าคมสันจะเป็นคนต้นคิด? เออ...หน้าอย่างคุณเลขาแม้เก่งวางแผน แต่ให้เสนอไอเดียเรื่องละครไม่น่าจะรอดนะ

หรือว่าจะเป็น...จิตริน!?

ใจผมเต้นตึกตักด้วยความหวาดกลัวระคนหวั่นไหว ผมตัดสินใจถอยห่างจากเสี่ยและจิตริน...ไม่ทั้งโกรธแค้นหรือโกรธเคือง กลับกัน ผมมีความรู้สึกดีๆ ให้พวกเขา โดยเฉพาะกับจิตริน คนคนนั้นพร้อมจะช่วยเหลือผมอยู่เสมอ หากเขาเสนอบทเพื่อให้ผมกลับมารับบทมิสเตอร์เอสอีกครั้งก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลก

แต่นั่นหมายความว่าจิตรินรู้เรื่องผมกลับมาเป็นดาราแล้ว!

แย่ล่ะ ผมยังไม่พร้อมเผชิญหน้ากับเขา!!

 

-------------

คำบรรยายตอนนี้เยอะมาก อย่าเพิ่งเบื่อกันก่อนนะคะ เราภูมิใจนำเสนอเรื่องเช็กเมทมาก เพราะเป็นซีรีส์ที่อยากดู แต่งจากความอยากตัวเองล้วนๆ สำหรับท่านที่ตามมาจากเรื่องก่อน คงไม่ต้องเกริ่นกันเยอะ แต่สำหรับคนที่เพิ่งตาม ต้องอธิบายรายละเอียดกันสักเล็กน้อย โดยเฉพาะกับธนัท อัครเดช และพายที่ต่างมีประเด็นกับจิระเวอร์ชั่นจิตรินสิงร่างมาแล้ว รับรองว่าจะได้เห็นอีกมุมที่สนุกสนานกันแน่นอนในซีซันสองนี้ค่ะ ^0^

ปล.พาย คือชื่อของเด็กที่มารับบทมิสเตอร์เอสตัวปลอม เรื่องของจิตรินเราไม่ได้ใส่ชื่อเพราะคิดชื่อไม่ออกเลยเรียกเด็กคนนั้น แต่ในหนังสือแก้เป็นใส่ชื่อแล้วนะคะ ส่วนที่เอาชื่อพายเพราะวันนั้นเราซื้อพายทูน่าของS&Pลดราคาวันพุธมากินพอดี...เลยได้ชื่อนี้มาค่ะ 55555

แอบกระซิบว่านาฬิกาที่จิระใส่ก็เรือนเดียวกับที่คมสันจัดหามาตอนเรื่อง I’M NOT HIM นั่นแหละค่ะ เสี่ยมีหน้าที่แค่เปย์แล้วเอามาให้เด็ก คนไปติดต่อซื้อหามาก็คมสันทั้งนั้น 555 #จิระผู้เกรี้ยวกราด

 

เพจนักเขียนที่ชอบไปซื้อพายทุกวันพุธ  (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 08-11-2017 21:42:26
เค้ารอนะ..... :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-11-2017 21:57:41
จิตรินสร้างเรื่องไว้เยอะ จิระต้องสู้นะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 08-11-2017 22:01:44
สงสารจิระเหมือนกันนะ มาเปลี่ยนตัวกับจิตรินที่อัธยาศัยดีสุดยอดนี่ลำบากแน่
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 08-11-2017 22:37:57
จิระน่ารักกกกกก  หมั่นไส้คุณสันที่สุดดด โดยเฉพาะ  “บริษัทนี้อ้างอิงนาฬิกาของผมเป็นหลักครับ” 55555555  :ling1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 08-11-2017 23:04:08
แอบเอ็นดูจิระจังเลยค่ะ ความนั่งเถียงกับตัวเองนี้5555555
จิระต้องสู้หนาาา เจอแค่คมสันก็เหนื่อยแทนแล้วววว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-11-2017 23:10:42
คิดถึงเสี่ยกับจิตรินแฮะ  :กอด1:
ส่วนหลานจิสู้ ๆ นะ  :ped149:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-11-2017 23:29:18
 o13

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 08-11-2017 23:35:16
จิระต้องหัดฝอยบ้างแล้ว5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 08-11-2017 23:40:24
เราว่า จิ น่ารักนะ ที่ไม่รู้ตัวว่าจริงๆแล้วตัวเองมีสายเลือดนักแสดงเข้มข้นขนาดไหน ยิ่งได้จิตรินสนับสนุนด้วยการคิดบทแหวกแนวเข้ามาก็คงยิ่งส่งให้จิดังยิ่งขึ้น
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-11-2017 23:50:08
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 09-11-2017 00:24:40

:m20:ตลกเตโชมากๆ จิ้งจกเนี่ยน่ะ ทำจิระเราน็อคไปเลย คมสันคู่ใคร อยากรู้
คุณสันคู่พี่เบิ้มค่ะ ในเรื่อง I'm not him  2คนนี้แอบมีซัมติงค่ะ อิอิ เห็นว่ามีพาร์ทของคุณสันกับพี่เบิ้มในรวมเล่มด้วยค่ะ  :impress2:
ขอบคุณจ้ายังอ่านหนังสือไม่จบเลย 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 09-11-2017 07:55:49
สู้ๆ นะจิระ  :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 09-11-2017 11:25:17
ราชาเงาที่ร้ายกาจที่สุดในเรื่อง คมสันไงจะใครล่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Mod40 ที่ 09-11-2017 11:31:28
คมสันร้ายกาจจจจ ไม่ต้องเสียงลอนวิสลี่หรอกเสียงผมเองเนี่ยแหละครับ :a5:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 09-11-2017 11:43:08
ฉันสงสารหนูจิ นอกจากจะต้องมาเจอพระเอกมึนๆอึนๆแล้วยังต้องมาสู้รบกับแม่เลี้ยงใจร้ายอย่างคุณคมสันอีก จิเอ้ยยยชีวิตทำไมรันทดแบบนี้ละคะลูก ว่าแต่มากองถ่ายเช็คเมทคงได้รู้แล้วสินะคะว่าอิทธิฤทธ์การฝอยของพี่จิเนี่ยรุนแรงขนาดไหน ฮ่าๆๆ รอวันพี่จิกับหนูจิมาเจอกัน เรายังจิ้นคู่นี้อยู่นะ อิอิ

ปล. ดีใจที่มีเช็คเมทซีสอง อย่าว่าแต่นักเขียนเลยค่ะเราก็อยากดู
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: สาว801 ที่ 09-11-2017 12:41:11
พระเอกมีบทน้อยจุง :katai5:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 09-11-2017 15:14:26
สงสารน้องจิ ปรับตัวกันเยอะเลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mayohouang ที่ 09-11-2017 18:05:36
555  รอลุ้นกับมิสเตอร์เอสผู้ความจำเสื่อม  :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-11-2017 20:15:31
 :pig4: ปักหมุดติดตาม
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 09-11-2017 21:09:42
อ่านแล้วสงสารจิระชัย เข้าใจว่าต้องกดดันสุดๆ เพราะจินิสัยตรงข้ามกับจิระเลย นี่ก้อคงเป็นความท้าทายเนอะจิระ แต่ช่วงนี้คือจิยังไม่กลับมาคบกับ้เสี่ยรึเปล่าหรือว่ากลับมาคบกันแล้ว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 09-11-2017 21:54:24
จิระอาจจะต้องลำบากหน่อยนะ เพราะจิตรินฝอยเอาไว้เยอะ 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 09-11-2017 23:29:39
เฝ้ารอให้การแสดงของจิระทำให้คนในกองตะลึงงงงงงง
ขอให้เตโชทำลายเปลือกที่หุ้มจิระออกได้เร็วๆทีเถอะ
จิระตัวจริงออกจะน่ารักจิตใจดี ถึงจะปากร้ายไปหน่อยก็แค่เป็นการสร้างเกาะป้องกันตัวเองเท่านั้น
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 10-11-2017 17:55:52
น่ารักๆ
จิตรินฝอยไว้เยอะตกทั้งกองจริงๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 2 : เช็กเมทซีซันสอง - [08/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-11-2017 21:26:39
จิระน่ารักขึ้นนะ ถึงจะไม่เฮฮาแบบน้องจิแต่ความคิดก็เปลี่ยนไปเยอะเลย จากนี้ไปสู้ๆ นะจิระ :กอด1: รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 11-11-2017 15:44:28

ตอนที่ 3
มิสเตอร์เอส มิสเตอร์ซีเคร็ด

 
 

หลังเดินออกมาจากบ้านของเสี่ยเมื่อเดือนก่อน ผมก็ไม่ได้ตามข่าวคราวของจิตรินอีกเลย

แต่คนอย่างเสี่ยไม่มีวันยอมให้คนรักทำงานห่างตัวแน่นอน ฉะนั้นเปอร์เซ็นต์ที่จิตรินจะทำงานในบริษัทเอ็มเอชเอ็นมีสูงมาก สตั้นท์แมน? จิตรินเคยเป็นสตั้นท์แมนมาก่อนก็จริง แต่เสี่ยไม่น่าจะยอมให้เขารับงานอันตรายแบบนั้น เลขา? เสี่ยมีเลขาถึงสามคน ยัดเพิ่มมาอีกไม่น่าจะไหว แถมด้วยนิสัยของจิตรินให้เป็นเลขาคงไม่รอด ถ้างั้น...ยังเหลืออาชีพไหนที่เหมาะสมกับเขาอีกล่ะ

ผมคิดจนสมองแทบระเบิด มารู้ตัวอีกครั้งก็เลิกกองกันแล้ว โดนเรื่องของจิตรินแทรกกะทันหันทำเอาลืมเก็บข้อมูลเลยเชียว ผมลอบด่าตัวเองที่จัดเรียงความสำคัญผิดเพราะคงไม่มีโอกาสดีๆ อย่างนี้อีกแน่

“จิระ!” พอเลิกกอง ธนัทก็วิ่งโร่หาผม ราวกับว่าเมื่อก่อนเราสองคนสนิทสนมกันมาก “นายเลิกกับเสี่ยแล้วแสดงว่าไม่ต้องนั่งรถไปบ้านเสี่ยแล้วใช่มั้ย งั้นเราไปกินข้าวกันเถอะ ฉันเลี้ยงเอง!”

...ผมคิดไปเองรึเปล่านะว่าเพื่อนสนิทคนนี้แอบคิดไม่ซื่อ

“ฉันมีนัดกับผู้กำกับและคนเขียนบทต่อ...”

“งั้นฉันจะรอ!”

“อะไรกัน หนีไปกินข้าวกันสองคนได้ยังไง ชวนพี่บ้างสิ” อัครเดชเดินมาพาดแขนกับบ่าของธนัท ก่อนจะหันมาฉีกยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร “พี่มีถ่ายงานต่อที่สตูดิโอข้างๆ กันนี่เอง จิเองก็มีธุระต่อ เสร็จแล้วค่อยไปกินข้าวด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ ดีมั้ย”

“งั้นพี่อัคต้องเลี้ยงนะ พี่อัคอาวุโสสุด” ธนัทรีบโบ้ยทันทีเมื่อไม่เป็นตามแผน

“สบายมาก” อัครเดชรับปากอย่างว่าง่าย “งั้นพี่ไปทำงานต่อล่ะ เอ๊ะ จิเปลี่ยนเบอร์แล้วใช่มั้ย ขอเบอร์ใหม่หน่อยสิ”

“ใช่ๆ นายเปลี่ยนเบอร์ทำไมไม่บอกกันสักคำ เอาเบอร์มาเดี๋ยวนี้เลย”

ผมยกมือให้พวกเขาทั้งคู่เงียบก่อนจะหันไปหยิบยาดมมาสูดเฮือกใหญ่

“จิเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ จะเป็นลมเหรอ”

“อืม...คุยงานเสร็จแล้วคงอยู่ต่อไม่ไหว” ไหนๆ ก็ถูกเข้าใจผิดไปแล้ว ผมเลยทำทีเป็นกุมขมับคล้ายวิงเวียน โชคดีที่เมื่อคืนเพิ่งโต้รุ่งมา สีหน้าซูบซีดใต้ตาดำคล้ำอย่างอ่อนเพลียทำให้คำโกหกนี้น่าเชื่อถือหลายสิบเท่า โดยเฉพาะกับจิระ...ผู้มีหน้าตาเป็นอาวุธ

“งั้นจิคุยงานเสร็จแล้วรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ” อัครเดชว่าอย่างเป็นห่วง ลืมเรื่องขอเบอร์ซะสนิท

“นั้นสิ รีบพักผ่อนเถอะนะ ว่าแต่นายกลับยังไง ฉันไปส่งมั้ย วันนี้ฉันขับรถมา...”

ธนัทเป็นอดีตเด็กเลี้ยงเสี่ยหรือเป็นเด็กเลี้ยงจิตรินกันแน่วะเนี่ย!

“ฉันกลับเองได้ ขอบคุณนะ” ผมส่งยิ้มอ่อนแรงให้พวกเขาก่อนจะรีบขอตัวเดินไปหาผู้กำกับเป็นการตัดบท นึกขอบคุณตัวเองเหลือเกินที่เมื่อก่อนสำออยใส่เสี่ยบ่อยเลยสวมหน้ากากได้ไม่ยากเย็น ทำให้ทั้งธนัทและอัครเดชเชื่อหมดใจ ว่าแต่...พายที่ยืนอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ตรงมุมห้องนั้นต้องการอะไรจากผมรึเปล่านะถึงได้มองมาตาไม่กะพริบ

 รู้สึกขนหัวลุกอย่างบอกไม่ถูก ตอนแรกตั้งใจว่าถ้าต้องเล่นซีรีส์ด้วยกันผมจะไปเกาะพาย เพราะเขาพูดน้อย สงบเสงี่ยมเจียมตัวดี แต่พอเห็นสายตานั้นแล้วแอบสยองขวัญชอบกล

“จิ เดี๋ยวเรามาลองเล่นเป็นมิสเตอร์เอสดูนะ ถือว่าเป็นการแคสติ้งก็ได้ คนเขียนบทจะได้เขียนบทให้เข้ากับเรา”

“ครับ” ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“งั้นผมขอดูด้วยได้มั้ย!” ธนัทที่ว่างงานอาสาทันที “ผมเล่นคู่กับมิสเตอร์เอสได้นะครับ”

“ดีเลย พายเองก็มาด้วยสิ”

“คะ...ครับ” พายที่แอบอยู่ตรงมุมพอโดนเรียกก็เดินเข้าฉากอย่างลังเล สายตาที่เขามองผมนั้นค่อนข้างประหลาด ราวกับว่า...กำลังจับผิด

หรือพายจะรู้เรื่องผมกับจิตรินเป็นคนละคนกันแล้ว!?

ผมลอบกลืนน้ำลาย นึกอยากหยิบยาดมมาดมอีกรอบ แต่ติดที่ว่าคนเขียนบทเรียกให้ผมเข้าไปคุยถึงเนื้อเรื่องคร่าวๆ ที่อยากให้ลองแสดง

“บทของเราคือมิสเตอร์เอสที่ความจำเสื่อม ถูกล้างสมองว่าพระเอกคือศัตรูขององค์กร โชคดีที่ก่อนหน้านี้ฉันปูทางว่าองค์กรมีแฮกเกอร์คนใหม่ที่เก่งมาก เป็นเหตุผลให้พายถูกพวกพระเอกรั้งตัวให้มาช่วยเหลือพ่วงตามหามิสเตอร์เอส ในเมื่อต้องแก้ใหม่งั้นให้แฮกเกอร์คนนั้นคือจิเลยแล้วกัน เข้าใจนะ”

“เข้าใจครับ” ผมพยักหน้ารับ

“ฉากที่ฉันอยากให้ลองแสดงคือฉากที่มิสเตอร์เอสลอบเข้ามาในบ้านแล้วเห็นห้องทำงานนี้ จนเผลอเดินไปจับคอมพิวเตอร์และโซฟาตัวที่ใช้นอนเป็นประจำในซีซันหนึ่ง ในความรู้สึกของมิสเตอร์จะเต็มไปด้วยความซับซ้อนและไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงโหยหาและคุ้นเคยกับห้องนี้เหลือเกิน จากนั้นธนัทจะเข้ามา...ความจริงแล้วควรจะมาให้พร้อมหน้าพร้อมตากับอัครเดชด้วย แต่ไม่เป็นไร เอาเท่าที่มีก่อนแล้วกัน พวกเธอลองต่อบทกันสดๆ นะ เอาแค่สั้นๆ ก็พอ แต่ให้รู้ว่า มิสเตอร์เอสจำธนัทไม่ได้ และมีความรู้สึกเป็นปรปักษ์ ฉันอยากเห็นว่าจิระจะตีความยังไง”

“ได้ครับ”

“ตกลงครับ”

ผมกับธนัทขานรับพร้อมกัน

“ส่วนพาย เดี๋ยวเรารอฉากอื่นนะ ฉันอยากเห็นจิระแสดงในหลายๆ แบบ”

“ครับ” พายพยักหน้ารับ ก่อนจะหาที่นั่งดีๆ ในการเป็นผู้ชมชั้นเยี่ยม มาถึงตอนนี้ เหล่าพนักงานเบื้องหลังทั้งหลายที่เตรียมตัวกลับบ้านก็ตัดสินใจรอชมอย่างสนใจ ไม่เว้นกระทั่งพี่ช่างแต่งหน้าที่เอาใจช่วยผมไม่ใกล้ไม่ไกล เขาเป็นคนเดียวกับที่ช่วยแต่งตัวให้ผมตอนถ่ายทำมิวสิกวีดีโอของเตโช

“ถ้าพร้อมแล้วบอกนะจิ” ผู้กำกับกล่าวเมื่อเห็นผมหลับตาอย่างทำสมาธิอยู่กลางฉากซึ่งเป็นห้องทำงานของมิสเตอร์เอส ผมนับหนึ่งถึงสิบในใจ พยายามนึกถึงมิสเตอร์เอส นึกถึงสิ่งที่ดูจนตาแฉะมาตลอดคืน

มิสเตอร์เอส...เป็นคนเฉื่อยชาที่ไม่ชอบออกกำลังกาย ทำให้มักเดินหลังค่อมหน่อยๆ แม้จะโดนล้างสมอง แต่ใช่ว่าเขาจะเปลี่ยนนิสัยข้อนี้

ผมลืมตาขึ้น หันไปส่งสัญญาณมือให้ผู้กำกับ

กล้องเริ่มเดินทันที ทุกคนพร้อมใจกันเงียบกริบเมื่อผมเริ่มก้าวขาด้วยท่าทางห่อไหล่เล็กน้อยคล้ายประหม่า สำหรับมิสเตอร์เอส ห้องนี้เป็นห้องของศัตรู ฉะนั้นเขาต้องรู้สึกตื่นกลัวอยู่ไม่น้อยแต่ไม่แสดงออก จึงถ่ายทอดผ่านจังหวะการก้าวเดินที่เนิบช้าเป็นพิเศษอย่างระวังภัย คราแรก มิสเตอร์เอสมองสำรวจด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งบนโต๊ะกลางห้อง

มิสเตอร์เอสขมวดคิ้ว ก่อนจะลองเดินเข้าไปใกล้โดยไม่ละสายตาจากหน้าจอ ลองวางนิ้วทาบบนคีย์บอร์ด แม้สีหน้าจะปรากฏความรู้สึกใดๆ แต่ปลายนิ้วที่สัมผัสแป้นทีละนิ้วคล้ายโหยหานั้นทำให้ผู้พบเห็นราวถูกข่วนหัวใจเบาๆ

พลันมิสเตอร์ผงะคล้ายสำนึกได้ว่ามาที่นี่เพื่ออะไร แต่พอสะบัดหน้าหนีก็ไปปะทะกับโซฟาตัวนุ่มเสียนี่ มิสเตอร์เอสนิ่งงัน ไม่เข้าไปสัมผัสเหมือนที่เพิ่งทำเมื่อครู่ แต่เลือกที่จะยืนนิ่ง มองโซฟาด้วยสายตาเหม่อลอย ไม่ต้องเอ่ยคำใด ไม่ต้องแสดงออกให้มากมาย แต่บรรยากาศรอบตัวกลับเต็มไปด้วยความหน่วงหนึบ

ธนัทเปิดประตูพรวดเข้ามาในจังหวะนั้น

มิสเตอร์เอสสะดุ้งเฮือกทันที เขาไม่มีทักษะในการต่อสู้แม้แต่น้อย ที่ลอบเข้ามาได้ก็เพราะอาศัยการย่องเบาล้วนๆ จะหลบก็ไม่ทันแล้ว จึงได้แต่ยืนประจันหน้ากับธนัทอย่างมึนอึนทำอะไรไม่ถูก

“มิสเตอร์เอส!” ธนัทร้องเรียกอย่างดีใจ “ในที่สุดนายก็กลับมา! หายไปไหนมาน่ะ รู้มั้ยว่าพวกฉันตามหานานมาก ถึงขนาดคิดว่านายหนีตามสาวซะอีก! แหม หรือว่าจะเป็นเรื่องจริง มิสเตอร์เอสของเรามีความรักกับเขาบ้างแล้ว ไหนลองเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง สาวคนนั้นแจ่มมั้ยว่าไงเพื่อน”

แม้ธนัทจะหยอกแซวตามประสาหนุ่มเจ้าสำราญ แต่สายตาเต็มไปด้วยความคิดถึงและเป็นห่วง เขาตีบทแตกกระจุย

“มิสเตอร์เอส?” ธนัทเอ่ยเรียกอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นผมก้าวถอยหลัง ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ แม้มิสเตอร์เอสจะไม่ค่อยแสดงออกทางสีหน้า แต่ตอนนี้กลับดูนิ่งเสียจนน่าหวาดหวั่น

ธนัทรับรู้ถึงความผิดปกติทันที

“มิสเตอ...”

“ผมไม่ใช่มิสเตอร์เอส” ผมเอ่ยแทรกเสียงเรียบ สายตาที่มองธนัทแฝงความดูแคลน “โค้ดเนมของผมคือ ‘ซีเคร็ด(Secret)’  ศัตรูของพวกคุณ!”

“คัต!”

เปลือกตาผมกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของผู้กำกับ ก่อนจะรู้สึกหมดเรี่ยวแรงชอบกล การแสดงเป็นมิสเตอร์เอสในช่วงเวลาไม่ถึงห้านาที ทำให้สมองของผมต้องใช้งานหนักในการตีความและพยายามเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครอย่างยิ่งยวดจนใช้พลังงานเยอะกว่าที่คาดไว้หลายเท่า

“ทำไมประโยคสุดท้ายถึงบอกแบบนั้นล่ะ โค้ดเนมซีเคร็ดนั่นเราตั้งจากอะไร แล้วทำไมถึงมองธนัทแบบนั้น เย้ยหยันดูถูก? จิตีความมิสเตอร์เอสออกมายังไง” คนเขียนบทรีบปราดเข้าหาผมทันที เร็วกว่าธนัทซะอีก

“เพราะองค์กรไม่น่าจะให้มิสเตอร์เอสใช้ชื่อเดิม ผมเลยตัดสินใจเปลี่ยนชื่อเพื่อไม่ให้ตัวมิสเตอร์เอสที่ความจำเสื่อมสับสน ตัวละครตัวนี้มีจุดเด่นที่ลึกลับตั้งแต่ซีซันแรก จะตั้งชื่อใหม่ก็ไม่ควรให้แตกต่างกันเกินไป ตัวเอสมาแปลงเป็นซีเคร็ดได้พอดี มีความหมายเดียวกันและจดจำง่าย ได้ยินก็เข้าใจว่าหมายถึงใคร”

คนเขียนบทจดสิ่งที่ผมพูดลงในกระดาษยิกๆ

“พูดต่อสิ”

“ส่วนที่มองธนัทอย่างเย้ยหยันดูถูก ก็เพราะว่ามิสเตอร์เอสมีความเชื่อมั่นในฝีมือการแฮกเกอร์ของตัวเองมาก รูปลักษณ์ภายนอกของมิสเตอร์เอสอ่อนแอไม่สู้คน แต่เรื่องแฮกกิ้งเขาคืออันดับหนึ่ง ตามบทแล้ว พวกธนัทพยายามจะโค่นล้มแฮกเกอร์คนใหม่ขององค์กรโดยดึงพายมาร่วมด้วย พอเจอหน้ากัน ธนัทกลับเรียกชื่อมิสเตอร์เอส ชื่อของเพื่อนเก่าที่เคยเป็นแฮกเกอร์เหมือนกัน ก็ไม่แปลกที่จะอยากประกาศตัวโดยคิดว่าตัวเองเหนือกว่าเป็นไหนๆ”

พูดจบผมก็เหลือบมองคนเขียนบทอย่างประหม่าด้วยกลัวว่าจะตีความผิด อันที่จริงแล้ว...ไอ้ความภาคภูมิใจที่ว่านั่นก็แอบอิงมาจากเตโชล้วนๆ เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นกับตอนร้องเพลงน่ะเหมือนคนละคน ขนาดน้ำเสียงตอนพูดยังต่างกันเลย!

“อืม...ไอเดียเรื่องเปลี่ยนชื่อฉันไม่ทันคิดจริงๆ แต่จะให้เรียกมิสเตอร์เอสมันก็ไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ ซีเคร็ด เป็นตัวเลือกที่ดี ส่วนความรู้สึกว่าเหนือกว่าในฐานะแฮกเกอร์...ยอดมาก! เรื่องนี้ฉันนึกไม่ถึงเลย เวลาพูดถึงมิสเตอร์ตอนห่างจากคอมพิวเตอร์ ก็นึกแต่ภาพเด็กหนุ่มหน้านิ่งดูอ่อนแอบอบบางสถานเดียว ความคิดภาคภูมิใจอย่างนั้นไม่เคยใส่ในเรื่องสักครั้ง ไม่เลวๆ เก่งมากเลยนะจิ เราตีความมิสเตอร์เอสได้มีมิติขึ้นมากเลย!"

ผมยิ้มแห้ง เพราะบทของมิสเตอร์เอสในซีซันแรกนั้นค่อนข้างซ้ำซากจำเจอยู่ไม่น้อย ที่โด่งดังขึ้นมาได้ก็ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว ความลึกลับ และใบหน้าล้วนๆ

“งั้นให้จิเข้าฉากกับพายอีกมั้ย” ผู้กำกับถามอย่างนึกคึกคล้ายอยากเห็นผมผ่านกล้องไม่รู้หน่าย

“แน่นอนสิ!”

“เอ่อ...วันนี้จิไม่ค่อยสบายนะครับ” ธนัทที่หาจังหวะแทรกมานานเอ่ยพร้อมกับชี้มาที่ผม...ไอ้เราก็กำลังแอบควานหายาดมอยู่เลยเชียว “ในเมื่อเรื่องการแสดงที่หลายคนเป็นห่วงไม่มีปัญหางั้นให้จิกลับไปพักเถอะครับ”

ผู้กำกับกับคนเขียนบทคล้ายจะเพิ่งสังเกตว่าผมหน้าซีดผิดปกติ เลยยอมปล่อยตัวแต่โดยดี

ค่อยยังชั่ว...


“กลับด้วยกันนะจิ เดี๋ยวฉันไปส่ง”

...ซะที่ไหน!

ธนัทเข้ามาช่วยประคองผมประหนึ่งว่าจิระนั้นเปราะบางปานแก้วใส ผมที่ไม่ชอบให้ใครแตะตัวอยู่แล้วพยายามจะเขยิบหนี แต่เขาดันจับต้นแขนผมแน่นปานมือปลาหมึก อยากสะบัดทิ้งอยู่หรอก ถ้าไม่ติดว่าผมรู้สึกวิงเวียนคล้ายจะเป็นลมขึ้นมาจริงๆ

แสดงเป็นมิสเตอร์เอสเหนื่อยก็จริง แต่อาการคงไม่หนักขนาดนี้หรอกหากไม่นึกอุตริโต้รุ่งมามาดๆ!

ใช่แล้ว...ผมถ่างตาเพื่อเรื่องนี้ทั้งคืนเลยนะ ลากสังขารมาถึงกอง คิดนู่นทำนี่ แล้วยังต้องใช้สมองตีความหนักอีก จะรู้สึกหมดแรงอยากทิ้งตัวลงนอนเอาตอนนี้ก็ไม่แปลกหรอก!

ด้วยเหตุนี้ผมเลยยอมให้ธนัทประคองออกจากห้องอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ ขนาดบอกว่าวันนี้ผมขับรถมา ธนัทยังอาสาว่าจะขับรถผมไปส่งแล้วค่อยวกมาเอารถตัวเองที่บริษัท อะไรจะทุ่มทุนสร้างถึงขนาดนี้ แต่แล้วเราสองคนต่างก็ชะงักไปเมื่อเห็นเสาไฟฟ้าต้นหนึ่งยืนอยู่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างรถของผม

เสาไฟฟ้า...ไม่สิ...เตโช!

“กลับด้วย” พอเห็นผม เตโชก็พูดออกมาสองคำที่เต็มไปด้วยความหมายแสนลึกล้ำ

ผมงี้น้ำตาจะไหล ผู้ชายคนหนึ่งอยากไปส่งด้วยความหวังดีแต่ไม่บริสุทธิ์ใจ ส่วนอีกคนหวังติดรถประหยัดน้ำมันช่วยลดโลกร้อน จิระล่ะกลุ้ม

“ใครน่ะจิ เพื่อนเหรอ”

ดูเหมือนธนัทจะไม่รู้จักเตโช เขาคงไม่ค่อยฟังเพลงเท่าไหร่

“อืม...เพื่อน”

เพื่อน(เคย)ร่วมงานน่ะนะ

ผมขานตอบในใจ ให้เลือกระหว่างคนคิดไม่ซื่อกับคนซื่อไม่คิด ผมย่อมเลือกอย่างหลังแน่นอนที่สุด

“เตโช” ผมถือโอกาสผละตัวจากธนัทเดินเข้าหาเสาไฟฟ้ามีชีวิตแล้วยัดกุญแจรถใส่มือเขาทันที “ขามาฉันขับ ขากลับนายขับ”

“ได้” เตโชว่าง่ายสุดๆ พูดจบเขาก็เข้าประจำตำแหน่งทันที

“ฉันมีคนช่วยขับรถแล้ว นัทเองก็กลับดีๆ ล่ะ” ผมหันไปบอกกับธนัทด้วยรอยยิ้มหวานหยดก่อนจะรีบพาสารร่างตัวเองยัดเข้าไปในเบาะหลัง พอปิดประตูปุ๊บก็หมดแรง ตัวไถลนอนราบในทันที

“ถึงแล้วปลุกด้วยนะ” ผมพูดกับเตโช

“ได้”

ผมกลอกตาหนึ่งครั้ง แม้จะตงิดใจหน่อยๆ กับการการกระทำสุดประหลาดของเตโชแต่ง่วงจนเปลือกตาหนักไม่ไหวแล้ว

 

---------

รู้สึกตัวอีกครั้งผมก็ได้ยินเสียงเพลงกล่อมเบาๆ ชวนให้จิตใจเบาสบาย

พอลองลืมตาขึ้นมา ก็เห็นร่างของผู้ชายตัวโตที่นั่งหันหลังพิงขอบเตียง เกากีตาร์เป็นทำนองช้าคลอกับเสียงร้องที่คล้ายจะฮึมฮัมไม่ได้ศัพท์ แต่กลับชวนเคลิบเคลิ้มหลงละเมอในเสียงทุ้มนุ่มอย่างเป็นธรรมชาตินั้นเหลือเกิน

ผมหลับตาฟังอย่างเผลอไผลจนเกือบจะหลับไปอีกรอบ จนกระทั่งเสียงร้องนั้นหยุดลง

พอลืมตาอีกทีก็เจอกับเตโชที่จ้องกลับหน้ามึน

“รู้ได้ไงว่าฉันตื่นแล้ว”

“ไม่รู้”

“แล้วหยุดเล่นทำไม” ผมยันตัวนั่งดีๆ บนเตียง สำรวจห้องของเตโชที่อย่าหวังว่าจะได้เห็นสีวอลเปเปอร์ เพราะแปะโปสเตอร์ปนมั่วตั้งแต่วงดนตรีที่ชอบยันลายหมาแมวและต้นไม้ใบหญ้า แถมพื้นห้องยังเต็มไปด้วยหนังสือเพลง หนังสือกีตาร์ แผ่นซีดี และกระดาษจดเนื้อกระจัดกระจายไปทั่วทั้งที่แบบแผ่หรากับและแบบขยำทิ้งเป็นก้อนกลม รกชะมัด เล่นเอาผมไม่รู้จะก้าวลงเตียงยังไงเลย

“หิว”

ผมเกือบหลุดหัวเราะ ที่เขาว่ากันว่าฟังเพลงช่วยเยียวยาจิตใจคงจะจริง เพราะอารมณ์ผมที่แปรปรวนขึ้นลงไปมาเริ่มจะสงบนิ่ง ไม่ยักหงุดหงิดเมื่อเห็นหน้าอึนๆ ของเตโช

“สั่งอะไรขึ้นมากินสิ”

“เบื่อพิชช่า”

“เคเอฟซี?”

“เบื่อเคเอฟซี”

“แล้วจะกินอะไร”

“...”

เตโชมองผมคล้ายจะค้นหาคำตอบ แล้วผมต้องช่วยคิดให้เขาเหรอ มันใช่หน้าที่ของผมมั้ย!

แต่เอาวะ เขาสู้อุตส่าห์ลำบากพาผมขึ้นมานอนแถมยังเล่นกีต้าร์ฮัมเพลงให้ฟังอีกยอมแสดงฝีมือหน่อยก็ได้ เพราะผมเองก็หิวโซแล้วเหมือนกัน

กว่าจะเดินกระย่องกระแย่งออกจากห้องนอนของเตโชได้ก็เล่นเอาผมแทบหอบ พอหันไปมองอีกทีแทบเป็นลมเพราะเตโชกวาดกระดาษทั้งหมดกองตรงปลายเตียงอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินตามออกมาหน้าตาย ความพยายามเมื่อครู่ของผมช่างไร้ค่า!

“นายอยากกินอะไร” ผมถามน้ำตาซึม ไอ้เราอุตส่าห์มารยาทงามไม่กล้าแตะต้องแท้ๆ พอเดินออกมาจากห้องนอน...ผมนี่โอ้โหเลย ห้องหรือกองขยะโปรดบอกที ทำไมถึงมีแต่เศษกระดาษกระจายเต็มไปหมด กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า ถอดทิ้งเละเทะ ถุงขนมก็เกลื่อนกลาดไม่รู้จักเก็บ จิระถึงกับก้าวขาไม่ออก ต้องเหาะข้ามไปใช่มั้ยถึงจะพ้น หรือจับกองรวมๆ เหมือนที่เตโชทำดีนะ

“สตูเนื้อ”

“สตูเนื้อบ้านนายทำง่ายนักเหรอ ฉันหิวจนท้องร้องไปหมดใครจะไปรอจนเนื้อเปื่อยกันล่ะ เอาอย่างอื่น!”

เตโชกะพริบตาปริบเมื่อถูกขึ้นเสียงใส่ ก่อนจะทำหน้ามึนอึนราวกลัวว่าถ้าบอกไปแล้วจะโดนว่าอีก

ผมนวดหัวคิ้วอย่างระงับอารมณ์ เขาไม่ตอบ งั้นผมเลือกเองแล้วกัน!

เดินกระย่องกระแย่งไปเปิดตู้เย็นแล้วละเหี่ยใจเหลือเกิน ทั้งตู้มีแค่ไข่ไก่กับนมแล้วก็พวกขนมหวาน ผมเลยกวักมือเรียกเขาให้เดินเข้าห้องตัวเอง ชี้นิ้วบอกให้เตโชไปนั่งตรงโซฟา ก่อนจะหยิบผ้ากันเปื้อนลายตารางมาสวมแล้วเดินเข้าครัวอันเป็นอาณาจักรอันแสนสุข

พอได้ทำอาหารผมก็เหมือนได้รับการปลดปล่อย ระบายความตึงเครียดตลอดวันผ่านการจับมีดทำครัว

หลังจากนั้นเกือบครึ่งชั่วโมง ต้มยำกุ้ง หมูสับผสมข้าวโพดทอดกระเทียม และกะหล่ำปลีทอดน้ำปลาก็วางเรียงบนโต๊ะ ผมตักข้าวมาสองจานแล้วเริ่มรับประทานอาหารโดยไม่รอเตโชที่เพิ่งจะยันตัวลุกเอื่อยๆ จากโซฟา

“มองอะไร กินสิ” ผมบอกกับคนหน้ามึนที่พอนั่งปุ๊บก็เอาแต่จ้องผมตาปริบๆ ไม่ยักจะจับช้อนสักที

“บทเช็กเมท”

...เวรล่ะ! ผมเผลอทิ้งบทเช็กเมทซีซันสองไว้บนโซฟานี่หว่า!!


“นายอ่านรึยัง”

เตโชพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบสมุดจดและปากกายื่นให้ผม

“ลายเซ็น”

“...กินข้าวก่อนมั้ย ฉันไม่หนีไปไหนสักหน่อย”

เตโชพยักหน้ารับอีกรอบ ก่อนจะยอมจับช้อนส้อมสักที ผมแอบลุ้นในใจเมื่อเห็นเขาตักต้มยำชิมเป็นอย่างแรก

ลองบอกไม่อร่อยดูสิพ่อจะไล่กลับห้อง!


ปรากฏว่าเตโชไม่ตอบอะไรสักคำนอกจากเบิกตากว้างขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยประมาณศูนย์จุดศูนย์สองเซนติเมตร ก่อนจะลองชิมหมูสับผสมข้ามโพดทอดกระเทียมต่อ เขากินเข้าไปทั้งชิ้นแล้วกลืนลงคออย่างรวดเร็วจนน่าสงสัยว่าเคี้ยวละเอียดรึเปล่า จากนั้นก็จบท้ายที่กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา ดูจากการเคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ยไม่พูดไม่จาแล้ว...ผมถือว่าอร่อยก็คงได้สินะ

“ตอนอยู่ในรถฉันบอกให้ปลุกทำไมไม่ปลุกล่ะ” หลังพวกเราพากันกินไปครึ่งจานผมก็ชวนคุย

“ปลุกไม่ตื่น”

“นายปลุกยังไง”

เตโชตอบด้วยการเอื้อมมือมาจิ้มๆ แขนผม

...คงจะรู้สึกตัวหรอกนั่นน่ะ!

 “แล้วมีใครเห็นตอนนายอุ้มฉันขึ้นมารึเปล่า” ผมถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เกรงว่าไม่ทันจะดังประเดี๋ยวจะดับซะก่อน มิวสิกวีดีโอก็ยังไม่ทันเผยแพร่ ซีรีส์ก็ยังไม่ทันฉาย

เตโชส่ายหน้าเป็นคำตอบพร้อมกับแย่งชิงหมูทอดชิ้นสุดท้ายไปอย่างหน้าไม่อาย เฮ้ย! ผมอุตส่าห์เล็งไว้

“นายอยู่ที่นี่นานรึยัง” ผมข่มใจถามอย่างหงุดหงิด ส่วนเตโชซึ่งเคี้ยวหมูทอดสบายใจเฉิบชูนิ้วชี้ขึ้นมาหนึ่งนิ้ว

“หนึ่งอะไร”

“หนึ่งปี”

หนึ่งปีเลยเหรอ แสดงว่าหมอนี่ไม่ได้ย้ายตามมาสักหน่อย คิดมากไปเองสินะ

ผมค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังไม่หายสงสัยซะทีเดียว

“ทำไมนายไม่ตกใจเลยล่ะที่เห็นฉันอยู่ห้องข้างๆ ไหนบอกว่าอยากเจอมานานถึงขนาดระบุตัวไปถ่ายเอ็มวีไง”

“คมสันบอก” เตโชตอบพลางซดน้ำต้มยำจนเกือบหมดถ้วย

คมสัน...คมสันอีกแล้ว เขาคิดพิเรนทร์อะไรอีก!


“บอกตอนไหน”

“วันที่ถ่ายเอ็มวี” เตโชพูดพลางจัดการกะหล่ำปลีทอดน้ำปลาจนหมดจานตามสองอย่างแรกไปติดๆ... “คมสันบอกว่าจิระทำอาหารเก่ง ถ้าเจอให้ลองฝากท้อง หากอร่อยก็ไม่ต้องเกรงใจ”

คมสันโว้ย!!!

ผมรู้สึกเสียใจทันทีที่ลงมือทำอาหารให้เตโช พูดแบบนี้แสดงว่าคิดฝากท้องกับผมไปอีกหลายมื้อน่ะสิ!

“แล้วคมสันบอกอะไรอีก” ผมวางช้อนส้อม หมดอารมณ์จะแย่งชิงกับเด็กหนุ่มผู้หิวโหย

“บอกว่าจิระมีรถขับ เวลาไปทำงานก็ขอติดรถได้ จิระใจดี”

ผมอยากจะเอาหัวโขกโต๊ะตายไปซะ

...แต่ก็นึกได้ว่าชีวิตยังมีค่าเกินว่าจะมาตายโง่ๆ แบบนี้

“แล้วมีอะไรอีก” เส้นเลือดข้างขมับผมเต้นตุบๆ

“จิระชอบกินสตูเนื้อ ชอบนอนดึก ชอบทำอาหาร ชอบสะสมของแพงๆ แต่ไม่ชอบออกกำลังกาย ไม่ชอบไหว้คนอาวุโสกว่า ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่ชอ...”

“พอๆๆ!” ผมทนฟังต่อไม่ไหวแล้ว รีบยกมือห้ามเตโชก่อนจะลุกขึ้นมาอาละวาดพ่นไฟทำลายล้างเพื่อบรรเทาความเกรี้ยวกราด จุดประสงค์ของคมสันคืออะไร เขาคิดจะจับคู่กับเตโชเรอะ ใช้เล็บขบของหัวแม่เท้าคิดรึไง!

“ลายเซ็น”

...ให้ตายเถอะเตโช รู้ตัวบ้างมั้ยเนี่ยว่าโดนเลขาใจเหี้ยมคาดหวังอะไรบ้าง!


ผมถอนหายใจเฮือก เห็นเขามึนขนาดนี้จะยอมแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วกัน

“ฉันจะเซ็นให้ถ้านายรับปากว่าจะไม่ขอติดรถฉัน ไม่มาฝากท้องที่ห้องฉันอีก”

พลันเตโชผงะเล็กน้อย เงยมองผมอย่างอึกอัก

“จิระ...ไม่ใจดี?”

“เออ ฉันไม่ใช่จิระคนใจดี แล้วจะทำไม” ผมเชิดหน้าวางท่าหาเรื่องเต็มที่ แอบนึกกลัวเตโชอาละวาดอยู่เหมือนกัน แต่ปรากฏว่าเขาทำหน้าห่อเหี่ยว ปานเด็กน้อยที่ค้นพบว่าดาราในดวงใจไม่เป็นดังฝัน

“รับปากสิ!”

“อืม...”

จบเรื่องจบราวกันสักที ผมเซ็นชื่อให้เตโช ก่อนจะไล่เขาออกจากห้องด้วยความปลื้มปิติเป็นล้นพ้นที่หลุดจากกับดักของจอมวายร้าย

อย่าคิดว่าจะเป็นดังใจซะทุกเรื่องเลยคมสัน! ฉันคือจิระ จิระที่เป็นโสดและรักตัวเองที่สุดโว้ย!!

           

-------------

มาแล้วค่ะกับการพลิกบทบาทตัวจริงเสียงจริงของจิระ แฟนคลับมิสเตอร์เอสจากเรื่องก่อน มาติดตามกันต่อกับซีเคร็ดในภาคนี้นะคะ รับรองแซ่บสมเป็นจิระแน่นอน คนละคนแสดงก็ตีความไปคนละแบบเนอะ ส่วนเตโช....ก็ยังคงมึนอึนกันต่อไป คมสันวางแผนอะไรอยู่...ตอนหน้ามีเฉลยค่ะ! เพราะ #จิระผู้เกรี้ยวกราด ไม่ยอมอยู่เฉยแน่นอน!!

อ่านแล้วชอบขอคอมเม้นเป็นกำลังใจกันด้วยน้า เรื่องนี้คงอัพช้าหน่อยค่ะเพราะก่อนหน้านี้บ้าพลังไปนิด รีปริ้นคิงคลับแล้วแต่งจิตรินต่อรัวๆ ไม่พักเลยเพราะกลัวออกไม่ทันงานหนังสือ เลยรู้สึกเร่งเครื่องไม่ค่อยขึ้น  แต่รับประกันว่าจะไม่ทิ้งช่วงนานค่ะ  :mew1:


เพจนักเขียนที่โสดเลยอัพฉลองวันคนโสด  (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-11-2017 16:22:45
 o13
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 11-11-2017 16:48:27
คมสันต์คงคิดหาเพื่อนหรือหาคู่ให้จิระแน่ๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 11-11-2017 16:58:04
จิระใจร้ายกับเตโชได้ลงขอได้ไง
มาขอติดรถ ขอข้าวกินขนาดนี้ 555555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 11-11-2017 18:29:29
ฮ่าๆๆๆนับวันยิ่งสงสารหนูจินี่มันยิ่งกว่าโดนแม่เลี้ยงใจร้ายกลั่นแกล้งแล้วเนี่ย คุณคมสันคะเพลาๆหน่อยเถอะค่ะอย่าเจ้าเล่ห์นักเลยน้ำตาจะไหลกับหนูจิแค่ไม่กี่ตอนที่ผ่านมาก็ดมยาดมไปหลายปื๊ดแล้วเนี่ย
 ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 11-11-2017 18:42:44
 :mew1:เตโชน่ารัก อึนๆมึนๆดี คมสันวางแผนอีกแหละ สงสัยล่อหลอกเตโชมาเซ็นสัญญาโดยใช้มิสเตอร์เอสล่อแน่ๆเลย 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 11-11-2017 18:42:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 11-11-2017 18:43:43
ตายแล้ว จิระชอบทำอาหาร เตโชหลงเสน่ห์ืฝีมือปลายจวักแน่นอน แต่ยาดมมีบทพอๆกับเตโชเลย 55555 ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 11-11-2017 18:47:09
จิระมาถูกทางจริงๆ นางมีพรสวรรค์ทางการแสดง มีสายเลือดนักแสดงที่แท้ทรู
คุณสันนี่ร้ายกาจที่สุดดดดดดด 555 หมั่นไส้ค่ะ
ส่วนเตโช ทีมึนกว่านี้อีกมั้ยย สาบานว่าพระเอก 5555
เตโชเป็นพระเอกที่เหมือนจะออกมาเยอะกว่าเสี่ย แต่ความมึนงงของนางระดับสิบ แถมพูดน้อยซะ ปวดหัวแทนจิระจังเลยยย  :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-11-2017 18:48:16
อย่่าบอกนะว่าคนเขียนบทคนนั้นคือ จิตริน  :hao4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 11-11-2017 19:49:29
เจโชน่าจ๋งจ๋าน เหมือนแมวโดนไล่ออกจากห้องหลังจากให้อาหารเสร็จเลย 555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-11-2017 20:54:32
โธ่ จิระไม่สงสารเด็กน้อยหน้ามึนหน่อยเรอะ เราว่าเขาก็น่ารักดีนะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 11-11-2017 22:56:31
เม้นท์ส่งกำลังใจให้คนเขียนค่ะ อ่านเรื่องจิตรินจบก็มาต่อเรื่องนี้ทันที ชอบจิระเรื่องนี้มากกกกกกกก
ตัวตนจริงๆนางเข้าท่าดี สู้คน มีความสามารถ ทำอาหารได้ ดูแลตัวเองได้ คุณสมบัตินายเอกพร้อมพรัก
ใจอยากเห็นพระเอกกำยำมาดแมนสมชายขึ้นบ้าง ...คือนี่ยังแอบมึนกับเสี่ยสุดงอแงของหนูจิตฯอยู่เลย 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-11-2017 23:41:05
 o13

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 11-11-2017 23:58:35
คมสันต์อาจอยากให้ทั้งเตโช และ จิระ เติมเต็มในส่วนที่ขาดของกันและกันมั้ง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 12-11-2017 01:29:19
จิระก็เก่งในแบบของจิระนะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 12-11-2017 01:37:56
จิระ คนใจร้ายยยย

อยากอ่านตอนเจอจิตริน คิดถึงง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 12-11-2017 02:44:44
จิระคนเกรี้ยวกราดกับเตโชคนมึนๆ 55
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 12-11-2017 07:12:32
เห็นใจจิจัง 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: พันธุ์ไทย ที่ 12-11-2017 07:28:23
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 12-11-2017 13:27:10
เราว่าคุณคมสันอาจจะแค่อยากหาคนมาดูแลเตโช(...)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-11-2017 13:48:39
หิวเลยอ่านตอนนี้ เป็นกำลังใจให้จิระผ่านอุปสรรค(คมสัน)ไปได้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 12-11-2017 13:54:59
มาอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Velusia ที่ 12-11-2017 15:26:06
ขำท่อนนี้จริงจัง -อย่าคิดว่าจะเป็นดังใจซะทุกเรื่องเลยคมสัน! ฉันคือจิระ จิระที่เป็นโสดและรักตัวเองที่สุดโว้ย!!- ถถถถ จิระ~
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 12-11-2017 19:47:49
ลุงคมร้ายมากกกก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 12-11-2017 21:41:18
เตโชน่ารักดีนะ จิระไม่ใจดี
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Nekosama ที่ 13-11-2017 09:36:01
เราอยากดูซีรีย์เรื่องเช็กเมท  :hao4: ถ้าเป็นหนังจริงๆคงดี55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 13-11-2017 11:44:40
 o13 จิแกร่งกว่าที่คิดแฮะตอนอ่านของในเรื่องจิตรินดูปล่อยชีวิตน่าดู
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : 50%- P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 13-11-2017 20:34:59

ตอนที่ 4

จิตริน ทองคำดี

 

 

“นายคิดจะทำอะไรกันแน่!”

(( คิดจะปั้นคุณเป็นดาราน่ะสิครับ ))

ผมสูดยาดมเฮือกหนึ่ง คุยกับคมสันแล้วอารมณ์พลุ่งพล่านพร้อมเกรี้ยวกราดตลอดเวลาจนคลับคล้ายจะเป็นลมยามใช้เสียงดังเกินไป ผมคิดว่าถ้าไปไม่รอดด้านดารา ลองฝึกเป็นนักร้องก็ไม่เลว พลังเสียงดีขนาดนี้บอกเลยเตโชยังชิดซ้าย

“ฉันหมายถึง...นายคิดจะจับคู่ฉันกับเตโชทำไม!”

ณ จุดจุดนี้ ต่อให้ใช้พิมเสนช่วยก็ไม่อาจดับความรุ่มร้อนในอก แค่นึกภาพคนหน้ามึนมองผมอย่างตัดพ้อหาว่าแล้งน้ำใจก็เล่นเอาไมเกรนแทบขึ้น ผมไม่เข้าใจคมสันเลย ไม่เข้าใจสักนิด เขาทำแบบนี้เพื่ออะไร กีดกันผมไม่ให้เป็นมือที่สามระหว่างเสี่ยกับจิตรินเหรอ เฮอะ! ผมไม่คิดสั้นแบบนั้นหรอกน่า คนอย่างจิระ เมื่อเลือกเดินออกมาแล้วจะไม่ย้อนกลับ ไม่มีวันทำตัวไร้ค่าเรียกร้องความสนใจผิดๆ อีกแน่นอน!

(( ผมคิดจะปั้นคุณเป็นดารา แล้วผมจะจับคู่คุณกับเตโชให้มันเป็นข่าวฉาวเสื่อมเสียทำไมล่ะครับ เตโชไม่ใช่เสี่ย ไม่มีแบคหนุนหลังช่วยปิดข่าวสักหน่อย ))

...เออว่ะ

ผมถึงกับเอ๋อไปวูบหนึ่ง ความคิดที่เริ่มวิ่งเล่นไปไกลหวนคืนสู่ความเป็นจริง

“งั้นให้ฉันมาอยู่คอนโดนี้ทำไม แถมยังข้างห้องเตโชด้วย”

(( เพราะคุณออกจากบ้านเสี่ยช่วงเดียวกับที่เตโชติดต่ออยากให้คุณแสดงเอ็มวีพอดี ผมเลยลองสืบประวัติเขาว่ามีเบื้องลึกเบื้องหลังหรือไม่ ทำไมถึงระบุชื่อคุณทั้งที่เพิ่งมีข่าวฉาว ก่อนจะพบว่าเตโชเป็นแฟนคลับของมิสเตอร์เอส ไม่มีเจตนาร้ายแม้แต่น้อย สืบไปสืบมา ประจวบเหมาะกับข้างห้องเขาว่างพอดีเลยจับคุณยัดไปอยู่ในนั้น จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาที่อยู่ใหม่ให้ ))

“คมสัน ไอ้คนไร้ความรับผิดชอบ! นายคิดจะจับฉันยัดตรงไหนก็ยัดงั้นเหรอ!”

(( ครับ ผมถึงยัดคุณเข้าซีรีส์เช็กเมทได้ยังไงล่ะ ))

ถะ...เถียงไม่ออก


“งั้นนายไปบอกเตโชให้มาฝากท้องกับฉัน มาติดรถฉันทำไม”

(( เพราะเตโชไม่มีผู้จัดการส่วนตัว และจากประวัติที่ผมสืบมา พบว่าเขาดูแลตัวเองไม่เป็นเลย ถ้าไม่มีงานแล้ววันๆ เตโชจะหมกตัวอยู่แต่ในห้อง แต่งเพลงร้องเพลงจนบางทีลืมกินข้าวถึงขั้นเคยถูกหามเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว บางครั้งบางทีก็ออกจากบ้านโดยไม่ปลอมตัว ถูกคนรุมถ่ายรูปก็ปฏิเสธไม่เป็นจนเจ็บตัว และยังเกือบโดนลากเข้าโรงแรมอีกต่างหาก คุณจิระ...ถ้าคุณไปสืบเจออย่างนี้เข้าโดยบังเอิญ คุณจะไม่รู้สึกเป็นห่วงเขาหน่อยเหรอครับ ไหนๆ คุณก็เป็นเพื่อนข้างห้อง คนข้างเคียง และยังเคยร่วมงานกัน ผมจึงคิดว่าการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์นั้นคงไม่ลำบากอะไร ))

...แล้วไหงผมเสือกเข้าใจและคล้อยตามได้วะ เตโชแม่งอาการหนักมาก แค่ฟังก็ห่วงกลัวเขาจะทำตัวเองตายแล้ว!

(( จริงสิคุณจิระ ))

“อะไรอีก” ผมถามเสียงหงุดหงิด ทั้งที่เป็นฝ่ายโทรไปหาเรื่องคมสันเองแท้ๆ

(( ตอนนี้คุณถือเป็นดาราในสังกัดเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์เต็มตัวแล้ว คุณเองก็ต้องมีผู้จัดการช่วยติดต่องานและรับส่งดูแลเรื่องการแต่งตัว พรุ่งนี้เข้าบริษัทมาคุยกับผมแล้วกัน ให้คุณเลือกเองจะได้ไม่เป็นปัญหา ))

“อ้าว นายไม่ใช่ผู้จัดการฉันหรอ” ผมหลุดถามอย่างประหลาดใจ ก่อนจะรีบตบปากตัวเอง ให้ตายสิจิระ! พึ่งพาคมสันจนเคยชิน แบบนี้ไม่ยิ่งทำให้ทางนั้นได้ใจงั้นเหรอ! “ฉันไม่ต้องการผู้จัดการ ฉันขับรถไปเองได้ เรื่องการแต่งตัวฉันก็จัดการเองได้ ส่วนเรื่องงาน...”

(( ผมจะช่วยดูตารางงานให้แล้วกัน ))

“ฉันไม่ได้อยากให้นายช่วยหรอกนะ!” ผมรีบแย้งด้วยเกรงว่าจะถูกคมสันเข้าใจผิด

(( ครับๆ...ก่อนอื่นวันพรุ่งนี้ตอนสิบโมง คุณมีนัดลองชุดและถ่ายโปรโมทในส่วนของมิสเตอร์เอส ))

“ฉันรู้แล้วล่ะน่า” ผมรีบกดวางสายเพราะอับอาย แบบนี้เรียกว่ายังไม่เข็ด! โดนคมสันทั้งหลอกใช้ทั้งหลอกล่อสารพัดอย่างแล้วยังเกาะแข้งเกาะขาเขาอีก แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆ เทียบกับคนไม่รู้จักแล้ว...ผมยังวางใจคมสันว่าอย่างน้อยเขาก็ไม่เคยทำอะไรที่ผิดต่อบริษัท ฉะนั้นขอแค่ผมทำตัวดี เป็นนักแสดงอย่างที่คมสันต้องการ เขาก็จะดีกับผมเหมือนกัน

เดี๋ยวนะ ผมไม่อยากเป็นนักแสดง แล้วไหงตอนนี้ถึงยิ้มดีใจกันวะ

ผมรีบหุบยิ้มก่อนจะสูดยาดมอีกรอบเข้าเต็มปอด อา...ค่อยยังชั่วขึ้นหน่อย ถ้าไม่ได้เจ้าสิ่งนี้ อารมณ์พุ่งขึ้นพุ่งลงปานจรวดคงทำให้ตัวเองอกแตกตายไปแล้ว แต่พอนึกดูดีๆ ผมเลิกเสพยามาติดยาดมแทนใช่มั้ยเนี่ย

อนาถตัวเองจริงๆ จิระเอ๊ย!

 

----

เช้าวันต่อมาผมในสภาพพร้อมเข้าบริษัทยืนลังเลอยู่หน้าประตูห้องของเตโช

ในมือถือปิ่นโตสามชั้นสำหรับอาหารเช้าและเที่ยง ไม่ใช่ว่าเป็นห่วง แต่ผมกลัวเตโชอดข้าวตายในห้อง แล้วคนซวยคือใคร คือผมไงที่ต้องมานั่งกลัวผี! ฉะนั้นจิระคนดีจะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ช่วยขุนให้เตโชสุขภาพดี ไม่ต้องกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนมาหลอกหลอนสร้างความลำบากแก่เพื่อนบ้านข้างเคียง

เหตุผลนี้ไม่เลวเลย หลังทำใจยอมรับได้ผมก็กดกริ่งด้วยสีหน้าแช่มชื่น

รออยู่นานกว่าเตโชจะลุกมาเปิด...

“จิระไม่ใจดี มีอะไร”

แล้วดูเตโชเรียกผมสิ เอาปิ่นโตปาทิ้งดีมั้ยเนี่ย

“เอาไป” แต่พอนึกภาพตัวเองที่สู้อุตส่าห์ทำให้แล้วก็ทำไม่ลง ผมยัดปิ่นโตใส่มือเตโชที่ยังทำหน้ามึน สภาพเหมือนคนเพิ่งลุกจากเตียง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงน้ำท่าก็ไม่อาบ ซกมกซะไม่มี

“จิระ...ใจดี” เตโชที่แอบแง้มฝาปิ่นโตดูของข้างในมองผมด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความตื้นตัน

“วันนี้มีนัดที่เอ็มเอชเอ็นอีกรึเปล่า”

เตโชส่ายหน้า สองมือโอบกอดปิ่นโตด้วยความรักและหวงแหนผสมซาบซึ้งตรึงใจ เห็นอย่างนั้นผมก็ยิ้มออก ค่อยคุ้มกับที่ทำเผื่อหน่อย!

“งั้นฉันไปทำงานแล้วนะ” เห็นคนรับดีใจเกินจริงผมก็รู้สึกปลื้มปริ่มไปด้วย เลยไม่พูดกระโชกโฮกฮากเหมือนเคย

“จิระ”

“อะไร” ผมหันมาด้วยใบหน้าแต้มรอยยิ้มเริงร่า ทำบุญแต่เช้าอย่างนี้เชื่อสิว่าวันนี้ต้องเป็นวันที่ดีของผมแน่ๆ  ขนาดเตโชยังมองผมไม่วางตา สงสัยจะเห็นผมเปรียบดังพระเจ้าผู้มาโปรด

“แล้วข้าวเย็นล่ะ”

...เห็นผมเป็นเด็กส่งอาหารไปซะฉิบ! ผมยกนิ้วกลางใส่คนหน้ามึนก่อนจะเดินกระแทกเท้าลงลิฟต์  ควรบอกกับตัวเองได้แล้วจิระว่าอย่าไปคาดหวังอะไรกับผู้ชายที่ชื่อเตโช!!


-----


“จิระ มาพอดีเลย มาช่วยดูชุดหน่อยสิว่าเราชอบชุดไหน”

พี่ช่างแต่งหน้าผู้ควบตำแหน่งสไตลิสต์ดูแลเครื่องแต่งกายของนักแสดงถามผมทันทีที่เดินเข้ามาในห้องแต่งตัว เล่นเอาละลานตากับเสื้อสีดำสารพัดแบบที่เตรียมให้ลองเต็มราวแขวน

“ไม่ต้องตกใจหรอกจิ ก็มิสเตอร์เอสครั้งนี้กลับมาในฐานะของตัวร้าย เป็นสมาชิกขององค์กรใต้ดินเลยต้องใส่ชุดสีดำเพื่อให้คนดูแยกแยะง่ายๆ ไงจ๊ะ แต่ที่เป็นปัญหา คือตัวพี่กับคนเขียนบทยังหาแบบที่ตรงใจไม่ได้ มิสเตอร์เอสชอบใส่เสื้อย้วยๆ ใส่เสื้อซ้ำๆ ไม่ยอมซักไม่ยอมรีด แต่พอความจำเสื่อมจะแต่งตัวแบบนั้นเดินในองค์กรคงไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ พี่เลยเตรียมเสื้อมาเพียบ คงต้องลำบากจิค่อยๆ ลองแล้วล่ะ”

ผมกลืนน้ำลาย ก่อนจะสุ่มหยิบเสื้อชุดแรกมาลองเปลี่ยน เป็นเสื้อกั๊กสีดำ ดูน่ารักเข้ากับวัยสุดๆ แต่หลังแต่งหน้าทำผมปรกตาตามแบบฉบับมิสเตอร์เอสแล้วไม่เข้ากันอย่างร้ายกาจ คนเขียนบทขมวดคิ้ว ไล่ให้ผมกลับไปเปลี่ยนทันทีที่เดินออกมาหน้าเซ็ท จากนั้นก็เป็นแบบนี้วนลูปอีกนับสิบรอบ

ผมเปลี่ยนเป็นเสื้อลำลอง เสื้อโค้ทยาว เสื้อสูท เสื้อเชิ้ต และอีกสารพัดอย่าง แต่ดูเหมือนจะไม่มีชุดไหนตรงใจคนเขียนบทเลย

“ต่อไปลองตัวนี้แล้วกันนะจิ”

ผมมองชุดในมือช่างแต่งหน้าแล้วส่ายศีรษะ ก่อนจะเลือกเฟ้นเสื้อออกมาตัวหนึ่ง

“จะดีเหรอจิ...”

“ปัญหาของเราตอนนี้คืออะไรรู้มั้ยครับ” ผมหันมาพูดกับช่างแต่งหน้าระหว่างมองเสื้อในมืออย่างมั่นใจ “คือทุกคนคิดแต่จะแต่งตัวให้มิสเตอร์เอส ทั้งที่จริงๆ แล้ว...เขาคือซีเคร็ท ไม่ใช่มิสเตอร์เอส!”

หลังจากนั้นสิบนาที มิสเตอร์เอสโฉมใหม่ไฉไลกว่าเดิมที่ผู้กำกับตั้งฉายาให้ก็เป็นที่ประจักษ์

ทันทีที่ผมเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ทุกคนพากันมองมาตาค้าง คนเขียนบทถึงกับองค์ลงหากระดาษจดไอเดียวุ่นวายไปหมด เพราะนอกจากจะเปลี่ยนการแต่งกาย ผมยังกึ่งๆ แสดงเป็นซีเคร็ทด้วย

เสื้อคอเต่าสีดำและกางเกงสีเดียวกันอย่างพอดีตัวขับรูปร่างผอมบางและผิวขาวผ่องให้ปราดเปรียวทะมัดทะแมง ผมสีชาปรกใบหน้าแต่ไม่ปล่อยกระเซิงไร้การดูแล เป็นทรงผมที่เข้ากับซีเคร็ทซึ่งช่วยขับเน้นโครงหน้าให้โดดเด่นและดูลึกลับมีเสน่ห์อย่างประหลาด กลิ่นอายความซื่อบริสุทธิ์หายไป แทนที่ด้วยความเครียดขรึมเก็บกดเข้าแทรก เมื่อรวมกับสีหน้าเรียบเฉยทว่าดวงตาแฝงความรู้สึกอัดแน่นมากมายภายใน ทั้งความสับสนจากความทรงจำที่หายไป ทั้งความเย่อหยิ่งในฐานะแฮกเกอร์อันดับหนึ่งขององค์กร ทั้งการโดนล้างสมองให้คิดแค้นพวกพระเอก จึงทำให้ ‘ซีเคร็ท’ เป็นตัวละครที่มีอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลาย บุคลิกแข็งกร้าวทว่าแฝงความเปราะบาง ทั้งสุขุมและสวยงามในคราเดียวกัน

“พระเจ้าช่วย...” ขนาดช่างแต่งหน้าหลุดอุทานเมื่อเห็นผมยืนอยู่หน้าเซ็ทพร้อมถ่าย “จิระโตเป็นหนุ่มแล้ว!”

ผมขมวดคิ้ว งุนงงกับคำรำพันอย่างชื่นชม

“โอ๊ย  ฟีโรโมนพุ่งเหลือเกินจิจ๋า ปกติจิกับมิสเตอร์เอสน่ะน่ารักน่าเอ็นดู เหมือนน้องชายเหมือนคนในครอบครัว แต่ตอนนี้ออร่าจิล้นมาก ขนาดพี่ที่สนิทกับจิยังอดใจเต้นไม่ได้ มือสั่นไปหมดแล้วเนี่ย โอ๊ย ทั้งหล่อทั้งสวยเหลือเกินพ่อคุณ พี่ไม่กล้าเข้าใกล้เลยกลัวจะทำให้แปดเปื้อน...”

ผมหลุดยิ้มกับคำชมเกินจริง เรียกเสียงกรีดร้องจากพี่ช่างแต่งหน้าเข้าไปใหญ่

“จิอย่าฆ่าพี่ด้วยรอยยิ้มอย่างนั้นเลย พี่เห็นเราเป็นน้องมาตลอด อย่าให้พี่เปลี่ยนสถานะระหว่างเรานะ!”

“เงียบๆ หน่อย!”

พี่ช่างแต่งหน้ารีบปิดปากตัวเองเมื่อคนเขียนบทเอ่ยเสียงเครียดขณะที่มือจดยิกๆ ไม่ยอมหยุด

“จิระ”

“ครับ!?” ผมสะดุ้งเมื่อคนเขียนบทเอ่ยขึ้นมาโดยไม่ละสายตาไปจากสมุด

“เราเล่นบทบู๊เป็นมั้ย”

“ไม่เป็นครับ!” ผมรีบตอบทันทีด้วยใจที่หายวาบ ถ้าเป็นจิตรินคงไม่มีปัญหาเพราะเขาเป็นสตั้นท์แมนเก่า แต่ผมคือจิระคนที่เสพสุขกับการนั่งกินนอนกินกับเสี่ย จะไปวิ่งฝ่ากระสุนได้ยังไง ไม่ไหวหรอก!

“งั้นฉันให้เวลาไปฝึก”

“แต่...”

“จิระ” คนเขียนบทเงยหน้าสบตากับผมด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉันไม่ยอมให้ซีเคร็ทนั่งหน้าคอมอย่างเดียวเหมือนมิสเตอร์เอสในซีซันแรกแน่! ใครจำกัดความว่าแฮกเกอร์ต้องอยู่แต่ในห้องกัน ฉันจะสร้างซีเคร็ทให้เป็นแฮกเกอร์ที่ลงสนามจริง!”

แล้วทำไมต้องพูดใส่อารมณ์ขนาดนั้น ไอ้ผมที่อยากจะค้านถึงกับค้านไม่ออกเลย!

“จิระ เราไม่ต้องกังวลหรอก เอาแค่พอจับปืนเป็นและเอาตัวรอดได้ก็พอแล้ว” คนเขียนบทว่าอย่างมีเมตตา “รับรองว่าเรตติ้งจะต้องพุ่งจนภาคแรกเทียบไม่ติด!”

“แต่ข่าวฉาวของ...”

“จิระจ๋า” พี่ช่างแต่งตัดบทด้วยดวงตาที่ยังคลอน้ำใสอย่างปลาบปลื้มกับการเติบใหญ่ของผม ก่อนจะหยิบแว่นดำออกมาสวมบนหน้าผมเป็นอย่างสุดท้าย เมื่อหันไปมองกระจก ซีเคร็ทก็กลายเป็นสายลับน่าค้นหาที่มีกลิ่นอายเฉพาะตัวไปทันที “ข่าวฉาวน่ะปล่อยให้ฉาวไปเถอะ แต่เชื่อสิว่าไม่มีใครละสายตาไปจากจิตอนนี้ได้แน่ๆ! ไม่มีทาง!!”

“ไม่มีทาง!” คนเขียนบทเสริมด้วยประโยคเดียวกัน หลายคนที่เตรียมฉากจัดไฟก็พร้อมใจกันพยักหน้ารับอย่างขันแข็ง เห็นท่าทางมุ่งมั่นจนเกินเหตุแล้วผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากตอบว่า...

“ครับ”



----


เหนื่อยเป็นบ้า

กว่าผมจะลากสังขารตัวเองกลับคอนโดมาได้ก็ปาไปเกือบหนึ่งทุ่ม เพราะหลังลองชุดถ่ายโปรโมทสำหรับเตรียมโฆษณาของซีซันสองแล้ว ผมยังโดนคนเขียนบทดึงตัว ให้ลองแสดงหลายๆ ฉากเพื่อที่พี่ท่านจะได้เขียนกันสดๆ อีกด้วย แถมหลังจากนั้นยังโดนคมสันลากไปเรียนการแสดงเพิ่มอีกต่างหาก โดนติวเข้มยิงยาวมาตลอดวัน จิระอยากเป็นลม

ยังดีที่ขากลับแวะหาอะไรรองท้องมาแล้ว พอถึงห้องผมก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ นอนตายยันเช้าด้วยความอ่อนเปลี้ยเพลียแรง

ตื่นมาอีกครั้งก็ปาไปแปดโมงเช้า ผมอ้าปากหาว ถ้าไม่เพราะติดเรียนการต่อสู้เพิ่มเติมในช่วงสิบโมง เรียนการแสดงในช่วงบ่ายอย่าหวังเลยว่าจะยอมเข็นตัวเองลงจากเตียง ตารางชีวิตที่เต็มไปด้วยความยุ่งยากนี้คืออะไรกันนะ สมัยเป็นเด็กเลี้ยง ผมไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากนั่งรอนอนรอเสี่ย ขุดสารพัดกลวิธีเรียกร้องความสนใจ แต่น่าประหลาดมาก เพราะพอเทียบกันแล้ว เมื่อก่อนผมสบายก็จริงแต่เหนื่อยใจเป็นบ้า ขณะที่ตอนนี้แม้เหนื่อยกาย ผมกลับกระตือรือร้นที่จะมุ่งมั่นขวนขวาย

หลังจัดการตัวเองเรียบร้อยผมก็ยืนทำอาหารในครัวพร้อมคิดเมนูใหม่ๆ ไปด้วย วันนี้ทำข้าวต้มกระดูกหมูน่าจะดี ต้องขอบคุณเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้ผมสามารถสั่งของสดมาส่งถึงห้องได้เลยโดยไม่ต้องลงไปหาซื้อเอง ระหว่างรอน้ำเดือดก็ทำกระเทียมเจียวสำหรับโรยหน้า รับรองว่าอร่อยเหาะการันตีโดยจิระ พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่ ผมก็ตักแบ่งใส่ถุงสองถุง ก่อนจะเดินไปกดกริ่งหน้าห้องเตโช กินซ้ำสองมื้อคงไม่เป็นหรอกเนอะ

ปรากฏว่าไม่ยักมีปฏิกิริยาตอบสนองจากข้างใน หรือว่าเขามีธุระเลยออกไปก่อนแล้ว

ผมยักไหล่ ในเมื่อเตโชไม่อยู่ก็ถือว่าพลาดแล้วกัน แต่พอหันหลังเตรียมเดินกลับห้องตัวเองได้แค่สองก้าว ประตูห้องก็ถูกเปิดแง้มอย่างเชื่องช้า

ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นเตโชนั่งตัวไหลกับพื้นพิงประตูด้วยท่าทางไร้เรี่ยวแรง

“จิ...ระ...”

เสียงหลอนมาก ผมถึงกับเผลอก้าวถอยหลังอย่างหวาดหวั่น

“หิว...มาก...”

“ฉันไม่ใช่เด็กส่งอาหารนะเฮ้ย” ผมว่าเขาก่อนจะค่อยๆ ย่องส่งถุงข้าวต้มให้ “กินมั้ย”

“กิน...”

“งั้นก็ลุกขึ้นมาดีๆ สิ”

บอกว่าตัวเองไม่ใช่เด็กส่งอาหาร แต่การกระทำทำไมมันส่อไปทางนั้นจังวะ หลังมองจนมั่นใจว่าเตโชคงหมดสิ้นพลังกายจะยันตัวเองลุกขั้นมาแน่ๆ ผมก็กลับห้อง เดินไปเทข้าวต้มใส่ชาม โรยด้วยกระเทียมเจียวหอมๆ เหยาะพริกไทยอีกเล็กน้อย ก่อนจะถือมาล่อเตโช

ได้ผล คนตัวสูงที่ใกล้จะไหลตายค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นมาด้วยสภาพคลับคล้ายซอมบี้ในหนังสยองขวัญ เดินเอียงไปเซมาตามกลิ่นเข้าห้องของผม ก่อนจะนั่งแหมะกับเก้าอี้ แล้วจัดการโซ้ยข้าวต้มอย่างตะกละจะกลาม

ผมถึงกับถอนหายใจเฮือก ถามตัวเองว่าไยต้องลงทุนเอาชามข้าวต้มไปล่อตั้งแต่หน้าประตูด้วย แต่พอเห็นเขากินอย่างหิวโหย ก็เพิ่งนึกได้ว่าเมื่อวานตอนเย็นผมไม่ได้เอาอาหารไปส่งให้เขานี่หว่า

“เตโช” ผมตักส่วนของตัวเองมานั่งฝั่งตรงข้ามกับเขา “ถ้าฉันไม่อยู่นายก็หาอะไรกินเองสิ ร้านอาหารโทรสั่งก็มี ไม่ต้องมารอฉันหรอก!”

“จิระ...ทำอร่อย”

หัวใจพองฟู นานเหลือเกินที่ไม่มีคนชมรสมือของผม คงนับตั้งแต่คุณยายเสียไป...

“อร่อย ประหยัด สะอาด สุขภาพดี”

มาเป็นคำขวัญประจำจังหวัดกันเลยวุ้ย หัวใจผมเหี่ยวฟีบในพริบตา ถ้าไม่ติดว่าเขาตักข้าวต้มใส่ปากไม่หยุดก็อยากจะเอาชามตรงหน้าเทราดหัวคนหน้ามึนซะจริงๆ

“พูดเรื่องนี้ก็นึกได้ ทำไมฉันต้องเสียเงินทำกับข้าวให้นายทุกมื้อด้วย ขาดทุนชัดๆ” ว่าจบผมก็ดึงถุงข้าวต้มที่กะให้เขาเป็นมื้อเที่ยงเตรียมเก็บทันที แต่เตโชมือไวมาก คว้าหูหิ้วอีกข้างกระชากขาดจากมือผมไปไว้ฝั่งตัวเองอย่างรวดเร็วด้วยประกายตาปานสัตว์ป่าล่าเหยื่อ เฮ้! เป็นสล็อตมาตลอดจะกลายร่างเป็นเสือดาวเพราะข้าวต้มกระดูกหมูไม่ได้นะ!

“จิระใจดี มีน้ำใจ”

“คำชมไม่ช่วยให้มีเงินโว้ย!” ผมตบโต๊ะอย่างอารมณ์เสีย “เอาถุงนั้นคืนมานะ ฉันไม่ให้นายแล้ว”

เตโชรีบยกชามกระดกซดรวดเดียวหมด ก่อนจะประคองถุงข้าวต้มสำหรับมื้อเที่ยงด้วยความรักและทะนุถนอม วิ่งฉิวออกจากห้องผมไปเข้าห้องตัวเอง แถมยังปิดประตูใส่หน้า ล็อกกลอนด้วยอีกต่างหาก

“ไอ้เตโช! ไอ้ตัวเขมือบจอมงก!” ผมที่ตามออกมาไม่ทันได้แต่ยืนโวยวายอย่างโมโห “อย่าหวังเลยว่าฉันจะทำข้าวให้นายกินอีก!”

พลันประตูค่อยๆ เปิดแง้มพร้อมกับลูกตาข้างหนึ่งของเตโชที่มองผมอย่างจ๋อยๆ

“มองอะไร ฉันไม่ใจอ่อนหรอกนะ”

ปรากฏว่าเขาค่อยๆ ยื่นแบงค์พันออกมาให้ผมด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่คลับคล้ายจะแฝงความเสียดายสุดแสน

“หนึ่งพันต่ออาหารสามมื้อทั้งเดือนน่ะเหรอ” ผมถามเสียงห้วน

เตโชนิ่งไปอีกอึดใจ ก่อนจะค่อยๆ ยื่นแบงค์พันใบที่สองให้ผมพร้อมคำอธิบาย

“เงินเก็บน้อย ต้องส่งที่บ้าน หิวมาก จิระใจดี”

...รู้สึกเหมือนตัวเองอัจฉริยะก็ตอนแปลคำพูดเนี่ยล่ะ เตโชต้องการสื่อว่าเขามีเงินเก็บน้อยเลยต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด แถมยังต้องเจียดเงินส่งให้ที่บ้านอีก จะให้ออกไปหาอะไรกินเองก็ลำบาก หิวมากเกินทานทน เลยอยากฝากท้องกับจิระคนใจดี

จะว่าไป...ในประวัติที่คมสันส่งมาให้ผมก็มีเขียนเหมือนกันว่าเตโชเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เดินทางมาล่าฝันในเมืองกรุงด้วยตัวคนเดียว แม้ไม่ยากจนแต่ก็ไม่ถึงกับร่ำรวย หากไม่เพราะพรสวรรค์ในการแต่งเพลงเองคงไม่สามารถโด่งดังรวดเร็วขนาดนี้ แต่เตโชเป็นนักร้องหน้าใหม่ เพิ่งมีผลงานเพลงแค่มีกี่ซิงเกิ้ล ยอดขายในปัจจุบันก็เป็นอันรู้ๆ อยู่ว่าถูกการโหลดเถื่อนทำลายไปเยอะ ดีหน่อยที่เขาหน้าตาโอเค พอมีงานถ่ายแบบโชว์ตัวบ้าง แต่ด้วยทักษะการพูดติดลบ ทำให้หมดสิทธิ์ในการสัมภาษณ์สื่อหวังโปรโมท นับว่าชีวิตในเมืองหลวงคงจะเป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสไม่น้อย

แต่...

“ถ้านายไม่มีเงินแล้วอยู่คอนโดนี้ได้ยังไง ซื้อขายตั้งหลายล้าน ค่าเช่าก็ไม่ใช่น้อยๆ”

“บริษัทออกให้...แล้วค่อยหักเปอร์เซนต์” เตโชตอบตาปริบๆ ตัวโตขนาดนี้ทำแล้วน่ารักตายล่ะ

“บริษัทนายใจป้ำขนาดนั้นเลย เอ๊ะ...เออ...เจ้าของบริษัทนายก็เจ้าของคอนโดนี้นี่หว่า” ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ โชคดีอีกอย่างของเตโชคือเขาจับพลัดจับพลูได้ค่ายเพลงชื่อดัง มีที่อยู่ให้สำหรับนักร้องในสังกัดโดยเฉพาะ ใกล้ที่ทำงาน แถมผนังก็เป็นแบบกั้นเสียง ต่อให้ร้องจนคอแทบแตกก็ไม่เล็ดลอดสร้างความรำคาญแก่เพื่อนข้างห้อง แถมระบบรักษาความปลอดภัยก็ดีเลิศ ต้องแปะการ์ดกับเซนเซอร์ลิฟต์จึงจะกดชั้นได้ และไม่สามารถกดชั้นอื่นนอกจากของตัวเองได้ด้วย จึงเป็นที่หมายตาของเหล่าคนในวงการ เสียก็แต่...อาหารการกินแถวนี้ค่อนข้างแพงไปสักหน่อย สั่งทีตกจานละร้อยถึงสองร้อย กินพิซซ่าได้หนึ่งถาดเลยทีเดียว

ชักจะเห็นใจ ผมยอมรับสองพันจากเตโชมาอย่างจำยอม

“เย็นนี้ฉันคงกลับเร็วกว่าเมื่อวาน ถ้ายังไง...”

“เอาข้าวผัดหมูใส่คะน้าเยอะๆ”

“โว้ย ฉันไม่ใช่ร้านตามสั่ง!” ตอนแรกโวยวายให้เขาเปิดประตู แต่ตอนนี้ผมบังคับเขาให้ปิดประตูแล้วไสหัวไปซะ! ทำไมคนอย่างจิระต้องมาออกกำลังกายปอดแต่เช้าด้วย แล้วนี่...เวรล่ะ! จะเก้าโมงแล้ว! ผมรีบวิ่งกลับห้องไปล้างจานและอาบน้ำอีกรอบเพราะอาละวาดจนเหงื่อออกเต็มตัวไปหมด ก่อนจะรีบขับรถบึ่งไปที่ทำงาน ไปถึงก่อนเวลาสิบห้านาที

คมสันรอต้อนรับผมอยู่แล้วที่ห้องซ้อม ท่าทางมีลับลมคมนัยชอบกล

“ไหนล่ะคนที่จะมาสอนฉัน” ผมมองซ้ายมองขวาอย่างระงับความตื่นเต้น เป็นครั้งแรกเลยที่จะได้ลองจับปืน แม้จะเป็นปืนปลอมสำหรับเข้าฉากก็เถอะ

“กำลังจะมาถึงในอีกห้านาทีครับ”

“แล้วทำไมนายต้องมารอฉันด้วย ให้คนอื่นมาแทนไม่ได้รึไง”

“ก็ผมเป็นผู้จัดการของคุณนี่ครับ”

ผมลอบกลั้นยิ้ม ก่อนจะแสร้งเนียนเดินดูอุปกรณ์ทั้งพวกสลิงโหน เป้าซ้อมมือ และสารพัดอาวุธฆ่าเวลา

ไม่นานประตูห้องซ้อมก็เปิดออก ผมรีบวางมาดเตรียมเผชิญหน้ากับผู้มาเยือนทันที แต่แล้วก็ต้องชะงักค้าง...เมื่อเห็นร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาในห้องด้วยสภาพสวมเสื้อกล้ามอวดหุ่นได้สัดส่วนโชว์ผิวเข้มคล้ำสุขภาพดี

ไม่จริงน่า

“คุณจิระ นี่จิตริน ทองคำดี คนที่จะมาช่วยฝึกคุณตลอดสัปดาห์นี้”

บอกทีว่าไม่จริง

“ส่วนคุณจิตริน นี่จิระ ดาราที่ผมอยากให้คุณช่วยดูแลครับ”

--------------------

ตัดให้ขาดเลยฉับๆๆ

ในที่สุดหนูจิทั้งสองก็ได้เจอกัน แต่เป็นการเจอแบบไม่รู้ตัวล่วงหน้า เรียกว่างวดนี้โดนคมสันต้มทั้งคู่ค่ะ แต่จิตรินแฮปปี้มากแน่นอน ส่วนจิระนั้น...หึหึหึ

ขอมาแปะโป้งไว้ก่อนค่ะ จะพยายามเข็นออกมาน้า พยายามปัดฝุ่นตัวเองอยู่ค่ะ ฮึบๆ!
#จิระผู้เกรี้ยวกราด #ฝอยตกเสี่ยรีเทิร์น
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-11-2017 20:54:47
แป๋ววววว  นึกว่าจิตรินเป็นคนเขียนบทเสียที  :undecided:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 13-11-2017 20:59:50
สองจิเจอกันล้าวววว วุ้ยๆๆๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: falovekanda ที่ 13-11-2017 21:00:21
ไม่มมมมม จะตัดตอนนี้ไม่ได้ พ่อยอดขมองอิ่มจอมฝอยจิตรินของเรามาแล้ววววว :katai1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 13-11-2017 21:21:21
เฮ้นดูเตโชมากๆเลยค่ะ พูดน้อยแล้วยังเป็นคนมึนๆ น่ารังแกจังเลย ถ้าเป็นจิจะจับแกล้งทั้งวันทั้งคืน55555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 13-11-2017 21:25:48
คมสันต์ก็ยังคงแผนเยอะเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 13-11-2017 21:27:30
ย๊ากกกกกกกกกกกกกกส์ เอามาต่อเดี๋ยวเน้!!!!มาตงมาตัดอาร๊ายยยย   :angry2: :angry2: :angry2:


 :laugh: นี่ก็อินมากไป 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-11-2017 21:39:51
โอ้ยย ฉันเหนื่อยแทนหนูจิจริงๆต้องมาสู้รบกุบคมสันไม่พอ ยังมาเจอความมึนอย่างเตโชอีก และในที่สุดพี่จิและน้องจิก็ได้เจอกันแล้วคาดว่าตอนหน้่พี่จิอาจกระโดดกอดน้องจิเลยก็ได้ เตรียมรับมือกับความฝอยของพี่จิได้เลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-11-2017 21:41:07
 o13
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 13-11-2017 21:53:30
จิระก็น่ารักไปอีกแบบ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 13-11-2017 21:58:40
พยายามหาตั้งนานสุดท้ายก็เจอ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 13-11-2017 22:03:00
จิตริน กับ จิระ เจอกัน จิตรินคงดีใจมากๆที่จิระปรับตัวปรับใจได้ซักที
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 3 : มิสเตอร์เอส - P.3 - [11/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 13-11-2017 22:07:18
คมสันคงอยากหาเพื่อนให้มากกว่า
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 13-11-2017 22:29:49
ว้ายย เจอกันแล้ว เจอกันในมุมมองที่เป็นตัวของตัวเอง
สนุกมากกกก มาต่อไวไวนะคะ จิระน่ารัก จิตรินน่าเอ็นดู แพคคู่เลิฟๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-11-2017 22:34:50
 o13

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-11-2017 22:58:08
ค้างเด้ เจอกันซะที 2 จิ ถึงยังไม่อยากเจอยังงัยแต่พอหนูจิฝอยน้องจิก็ต้องยอม :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 13-11-2017 23:03:24
 :z3: ตอนต่อไปอยู่ไหน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 13-11-2017 23:51:36
ชีวิตอันยากลำบากของจิระ..
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 14-11-2017 08:01:17
อ่านแล้วขำทั้งจิระ ทั้งเตโช
คนนึงก้อซึนมากกกก อีกคนก้ออึนมากกกก 55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 14-11-2017 10:55:20
เอ็นดูเตโช 55555555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 14-11-2017 15:04:23
 :o8:เตโชน่ารัก ชอบจังเลย ในที่สุดสองจิก้อมาเจอกันแล้ว น้องจิต้องดีใขหางส่ายเลย แต่จิระคงมึนๆแน่เลยอ่ะ :mew4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: soul love ที่ 14-11-2017 17:44:47
จิกำลังสอง เรารอฉากนี้มาตลอดเลยนะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-11-2017 19:07:25
เตโช ก็น่ารักแบบเตโช

จิระ ทำอาหารอร่อย
เป็นที่พี่งให้เตโชได้สบายปาก สบายท้อง

จิตริน โผล่มาสูงโปร่ง  กล้ามสวย หุ่นดีเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 15-11-2017 12:45:10
ชอบช่วงถ่ายซีรีส์มากๆ
เวลคัมมิสเตอร์ซีเคร็ท  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 15-11-2017 14:32:46
 2 จิ เจอกันแล้วจ้าาา


เราชอบเรื่องนี้ ชอบทั้ง 2 จิเลย


พระเอก งั้นๆอะ


5555555  ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 15-11-2017 17:30:43
ตอนหน้าฮ่าชัวร์
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100%[15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 15-11-2017 19:05:04
ตอนที่ 4 : จิตริน ทองคำดี 100%


“คุณจิระ นี่จิตริน ทองคำดี คนที่จะมาช่วยฝึกคุณตลอดสัปดาห์นี้”

บอกทีว่าไม่จริง

“ส่วนคุณจิตริน นี่จิระ ดาราที่ผมอยากให้คุณช่วยดูแลครับ”

ท่ามกลางความนิ่งงันที่คล้ายกับว่าเราสองคนต่างเหยียบโดนกับดักของคมสันเข้าอย่างจังโดยไม่รู้ตัว ผมยืนนิ่งและภาวนาให้ธรณีช่วยสูบๆ ลงไปซะจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับคนคนนี้ แต่โลกช่างโหดร้าย เพราะหลังจากมองผมที มองคมสันที และมองผมอย่างสำรวจร่างกายว่าแข็งแรงสมบูรณ์ จิตรินก็โผกอดผมด้วยความรุนแรงประหนึ่งรถสิบล้อพุ่งชน เล่นเอาผมทรุดตายคาอ้อมอกเขา ขัดขืนไม่ได้ดิ้นหนีก็ไม่รอด

“จิระะะ!!!”

จิตรินเรียกชื่อผมอย่างดีใจ ทั้งกอดทั้งเขย่าจนผมเหมือนเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่ง แต่ถึงจะทำอะไรไม่ถูก ผมก็ยังไม่วายเหลือบตาไปทางคมสัน พร้อมขยับปากเบาๆ แบบไร้เสียง

‘Fuck you’

ช่างประจวบเหมาะกับคมสันที่ก้มหน้าเช็ดแว่นพอดีอะไรอย่างนี้ พอเงยหน้าอีกครั้งคุณเลขาใจโหดก็เช็ดหางตาราวกำลังซาบซึ้งกับการเจอหน้ากันอีกครั้งของผมและจิตริน ผู้เคยสลับร่างและร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเพราะผู้ชายคนหนึ่งที่มีนามว่าเสี่ย แน่นอนว่าไอ้ปฏิกิริยาทั้งหมดล้วนหลอกลวงทั้งเพ

...หักหลังกันได้นะจอมมาร!


 

หลังจากนั้น...

“แล้วก็นะจิระ หลังจากนั้นผมก็ไปหาเจ้าส้ม แมวที่เคยเล่าให้ฟังไง ตอนนี้เจ้าส้มตัวติดแจ เหมือนกลัวผมจะหายหน้าหายตาไปอีก แถมตอนนี้ยังตั้งท้อง! มีสามีเป็นแมวข้างบ้านผมด้วย!! ครอบครัวของผมตอนนี้เลยคุยกันว่าจะพาเจ้าส้มมาที่บ้านชั่วคราวจนกว่ามันจะคลอดปลอดภัย จิระอยากมาหาเจ้าส้มมั้ย ตอนนี้มันตัวอวบอ้วนน่ารักมาก กินก็เก่ง รับรองเจอแล้วจะหลงหัวปักหัวปำ จริงสิ จิระยังไม่เคยชิมฝีมือแม่ผมเลยนี่นา เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันเป็นอาทิตย์ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะให้แม่ทำข้าวกล่องมาเผื่อนะ เราจะได้กินด้วยกันไง!”

ผ่านมาหนึ่งชั่วโมง ผมก็ยังไม่ได้ฝึกซ้อมอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย

“แล้วนาย...” ผมถามอ้อมแอ้ม “แล้วนายไม่ไปกินกับเสี่ยเหรอ”

“กินกับเสี่ยมาหลายวันแล้ว กินกับจิระบ้างไม่เห็นเป็นไรเลย ผมคิดถึงจิระมากนะ เป็นห่วงว่าจะไปอยู่ที่ไหน ถ้ายังไง...ลองมาบ้านผมมั้ย ครอบครัวทองคำดียังต้อนรับจิระเสมอนะ เจ้าส้มก็ด้วย ลูกๆ ของเจ้าส้มก็เหมือนกัน นี่ผมแอบตั้งชื่อล่วงหน้าด้วยล่ะ ชื่อม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง เป็นสีรุ้งเลยเพราะมั้ย แต่ไม่รู้ว่าเจ้าส้มจะคลอดออกมากี่ตัวนี่สิ ถ้าไม่ครบเจ็ดตัวจะทำยังไงดี แล้วถ้าเกินจะเอาสีอะไรมาเพิ่มดีล่ะ สีขาวดีมั้ย ผมชอบสีนี้ แล้วจิระล่ะชอบสีไหน”

ผมหยิบยาดมมาสูดเฮือกใหญ่ พยายามเรียบเรียงประโยคของจิตรินอยู่นานจึงจะวกเข้าประเด็นหลักที่เพิ่งถามไป

“ไม่ต้องทำข้าวกล่องมาเผื่อฉันหรอก นายไปกินกับเสี่ยเถอะ” พูดไปก็ลอบมองคมสันไป รายนี้แอบคิ้วกระตุกตั้งแต่จิตรินบอกว่าจะทิ้งเสี่ยมาหาผมแล้ว คุณเลขาคนเก่งผู้หายใจเข้าออกเป็นบริษัทและเสี่ย...เชื่อเถอะว่าเขาสามารถทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางไม่ให้เสี่ยโดนเท และนั่นหมายถึงคราวซวยของผม

“จิระไม่อยากสนิทสนมกับผมเหรอ ผมอยากเป็นเพื่อนกับจิระนะ อยากเป็นพี่ เป็นน้อง เป็นครอบครัว ผมอยากให้จิระมีความสุข”

“ฉัน...” ผมยิ้มฝืนมองหน้าจิตรินอย่างพูดไม่ออก เข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายดี จิตรินเห็นว่าผมเป็นเด็กกำพร้า เลยอยากมอบสิ่งที่ขาดให้ ผมดีใจ แต่ถึงอย่างนั้น...ก็ไม่กล้ารับปากหรอก ผมจะกล้าได้ยังไง เทียบกับจิตรินแล้วผมเป็นเด็กเหลวไหล มาสร้างภาระให้คนอื่นชัดๆ

อีกอย่าง...

ผมก้มมองมือตัวเองที่บีบแน่นเข้าด้วยกันอย่างจุกหน่วงในอก ไม่กล้าสบตาจิตรินตรงๆ

ครับ ผมรู้สึกผิดที่เคยสร้างปัญหาให้เขา

แม้สุดท้ายจะต้องมารับกรรมเองก็เถอะ แต่ผมก็เข้าหน้าจิตรินไม่ติดอยู่ดี

“คุณจิครับ...”

ทั้งผมทั้งจิตรินเงยหน้าหาคมสันพร้อมกัน ชื่อเล่นเหมือนกันก็ชวนงงไปอีกแบบ เล่นเอาคุณเลขาหลุดยิ้มขันวูบหนึ่ง

“ผมหมายถึง...คุณจิตรินจะเริ่มฝึกคุณจิระได้รึยังครับ ตอนบ่ายคุณจิระมีนัดต่อนะ”

“จริงด้วย ผมลืมไปเลยว่ามาทำอะไร”

จิตรินจะฝอยจนลืมหน้าที่ไม่ได้!

“จิระตกลงรับเล่นซีรีส์เช็กเมทซีซันสองแล้วสินะ โชคดีจริงๆ ที่ผมเสนอพลอตขึ้นมาแล้วคุณคมสันเห็นด้วย จิระคิดว่าน่าสนุกรึเปล่า มิสเตอร์เอสที่กลับมาในบทบาทตัวร้ายน่ะน่าสนใจมากเลยใช่มั้ย ตอนนี้ผมเป็นนักเขียนบทฝึกหัดที่บริษัทเอ็มเอชเอ็นก็เลยมีโอกาสได้ศึกษาบทของเช็กเมทในซีซันนี้ด้วย เสนอไอเดียไปตั้งเยอะแหน่ะ พูดแล้วก็อยากเห็นตอนฉายจริงชะมัด และอยากเห็นตอนจิระแสดงมากๆ เลยด้วย คุณสัน ผมขอเข้ากองเช็กเมทได้มั้ย”

“ไม่ได้ครับ”

ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ถ้าจิตรินเข้ากองผมคงไม่มีสมาธิแน่ๆ นับว่าคมสันยังเห็นแก่บริษัทมากกว่าคนรักของเจ้านายตัวเอง

“คุณสัน...ผมสัญญาว่าจะปิดปากเงียบ ไม่ทำความแตกแน่ว่าเคยเป็นจิระและแสดงเป็นมิสเตอร์เอสในซีซันหนึ่ง นะนะนะ”

“คุณจิตรินทำไม่ได้หรอกครับ”

ผมพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อจิตรินเปลี่ยนเป้าหมาย หันมากุมมือผมแทน อันที่จริงด้วยรูปร่างหน้าตาของจิตริน การทำแบบนี้นับว่าชวนขนลุกไม่น้อย ยังดีที่เขาดูแลตัวเอง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำให้กล้ามเนื้อโครงร่างออกมาสวยงามสมบูรณ์แบบ ใบหน้าก็ค่อนไปทางคมเข้มตามประสาชายไทย เมื่อบวกกับนิสัยถึงเนื้อถึงตัว เข้ากับคนง่าย แถมยังเคยมีบุญคุณกันอีก สำหรับผมเรียกว่าตัวหายนะ!

“จิระ ผมอยากไปให้กำลังใจนายจัง อยากเห็นมิสเตอร์เอสในบทบาทใหม่ๆ ด้วย ตั้งแต่เสนอไอเดียไปคุณสันก็ไม่ยอมบอกอะไรเลย สรุปแล้วทิศทางของซีซันสองเป็นยังไง มิสเตอร์เอสจะเป็นตัวร้ายจริงๆ ใช่มั้ย จิระจะเริ่มแสดงตั้งแต่ตอนไหน ขอผมไปดูด้วยนะ”

“ฉัน...” ปากเก่งกับทุกคน แต่จิระพ่ายแพ้แก่จิตริน “ฉันรู้สึกเหมือนจะเป็นลม...”

ทักษะการแสดงถูกขุดใช้ ผมปิดเปลือกตาหงายหลังล้มตึงตัดปัญหา

“จิระ จิระ!”

แล้วการเรียนภาคเช้าก็ล่มไปโดยปริยาย เอวัง

 



วันนั้นทั้งวันผมเหนื่อยหนักแทบรากเลือด

เมื่อถึงห้องผมก็รีบพุ่งเข้าครัวเพื่อเยียวยาตัวเองทันที อา...นี่สิสวรรค์ สับคะน้าดังปักๆ ระบายความขุ่นมัวในใจ ตีไข่จนขึ้นฟองเพื่อบรรเทาความหนักอึ้งในอก ฟังเสียงหมูที่ร้องซู่ซ่ายามเทลงน้ำมันเดือด ก่อนจะตักข้าวลงไปผัดพร้อมใส่เกลือและซอสปรุงรสอีกเล็กน้อย เติมข้าวโพดที่เหลือเมื่อสองวันก่อนลงไปด้วย คลุกให้เข้ากันก่อนจะเว้นที่ราดไข่ลงไปผัดจนข้าวเหลืองสวยส่งกลิ่นหอม

และเพิ่งมาสำนึกได้ว่าไหงผมถึงทำข้าวผัดหมูใส่คะน้าเยอะๆ ตามข้อเรียกร้องของเตโชได้วะ!

แต่ทำไปแล้วจะเททิ้งก็ไม่ถูก ผมถอนหายใจเฮือก ก่อนจะเดินไปกดกริ่งเรียกเตโช ไม่นานคนหน้ามึนก็เปิดประตูพร้อมสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง

“ได้เวลาอาหารแล้วเจ้าตูบ”

เตโชพยักหน้าหงึกๆ ไม่สนใจคำค่อนแคะ เดินตามหลังต้อยๆ เข้าห้องผมอย่างคุ้นเคยประหนึ่งเป็นห้องของตัวเองยังไงยังงั้น ผมปลงแล้ว ก็เลยเลื่อนจานข้าวผัดไปตรงหน้าเตโชพร้อมมะนาวผ่าซีก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูระหว่างกินข้าวโดยไม่สนใจเพื่อนร่วมโต๊ะ

ตอนแรกของซีรีส์เช็กเมทซีซันสองจะเริ่มฉายในวันเสาร์-อาทิตย์นี้แล้ว การโปรโมทเลยเต็มโซเชียลพร้อมเสียงเรียกร้องจากแฟนๆ ที่รอดูอย่างใจจดใจจ่อ หลายคอมเม้นพูดถึงมิสเตอร์เอส ก่อนจะมีคนมาแทรกเรื่องจิระติดยา บางรายฟังแล้วหูทวนลม แต่บางรายหนักหน่อยก็ถึงขั้นขุดข่าวแปะลิ้งสมัยที่ผมโดนจับคากองถ่ายประจานกันโต้งๆ

ผมกัดปาก รู้สึกหนักใจชอบกล กลัวว่าการพลิกบทบาทของผมจะไม่ดีอย่างที่หลายคนคาดหวัง ในเมื่อข่าวฉาวยังตามหลอกหลอนพร้อมหลายคนที่รอซ้ำเติม

“จิ...ระ...”

ผมสะดุ้ง เงยหน้ามองเตโชที่ส่งเสียงในลำคอเอื่อยเฉื่อยแกมครวญครางเหมือนซอมบี้

“อะไร กินไม่อิ่มเหรอ”

“อร่อยมาก”

“แน่อยู่แล้วสิ” ผมตอบพลางมองเตโชงงๆ ที่จู่ๆ ก็ชมขึ้นมา ปกติแล้วเขาเอาแต่จ้วงข้าวเข้าปาก ถ้าไม่ถามก็อย่าหวังเลยว่าจะพูดออกมาเอง “เสร็จแล้วก็ไปล้างจานด้วย ฉันไม่ใช่คนใช้ของนาย ฉะนั้นต้องช่วยกันเข้าใจมั้ย”

เตโชพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะรวบจานไปที่ครัวอย่างว่าง่าย ผมแอบเดินตามไปดูว่าจะรอดมั้ย ปรากฏว่าเตโชทำดีมาก เขี่ยเศษอาหารลงถังขยะกันอุดตัน ล้างคราบสกปรกกับน้ำเปล่าก่อนหนึ่งรอบแล้วค่อยจัดการขัดถูๆ ด้วยท่วงท่าเชื่องช้าประหนึ่งสล็อตแต่สะอาดเอี่ยมทุกซอกทุกมุม เห็นแล้วก็นึกพิเรนทร์ ผมไปหยิบไม้กวาดกับไม้ถูพื้นจากตู้เก็บของมาวางไว้ข้างๆ เตโช

“เสร็จแล้วทำความสะอาดห้องให้ด้วยนะ”

เตโชพยักหน้าหงึกหงักอีกครั้ง หลังเช็ดจานเรียงเป็นระเบียบเสร็จก็หยิบไม้กวาดอย่างไม่อิดออด เริ่มกวาดไล่จากมุมห้องอย่างว่าง่ายเหลือเชื่อ เฮ้ย! นี่ผมเก็บของดีของเด่นได้นี่หว่า!!!

ผมชอบทำอาหารก็จริงแต่ไม่ชอบทำความสะอาดอย่างที่สุด ตอนแรกคิดว่าต้องจ้างแม่บ้านซะแล้ว แต่ตอนนี้เห็นทีจะไม่จำเป็น แค่เตโชคนเดียวก็เอาอยู่!

ผมนอนเลื้อยยกขาขึ้นพาดกับแขนโซฟาเพื่อให้เตโชกวาดถูอย่างเต็มที่ พลางนั่งอ่านข่าวซีรีส์เช็กเมทฆ่าเวลา เงยหน้ามาอีกทีก็ไม่เห็นเตโชแล้ว ผมนึกว่าเขาคงกลับห้อง ก็เลยถอดเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ แต่พอเดินเข้าไปเท่านั้นแหละ...

“เฮ้ย!” ผมสะดุ้งโหยง มองเตโชที่นั่งยองๆ อยู่ในห้องน้ำอย่างผวาสุดขีด นึกว่าเจอผีซะอีกไอ้บ้านี่ “นายทำอะไร”

“ขัดห้องน้ำ”

“ฉันยังไม่ได้บอกเลย”

“แถมพิเศษ”

แหม...เตโชคนมีน้ำใจ ผมนี่ถึงกับทำหน้าไปไม่เป็นเลย

“ไม่ต้องแล้ว ฉันจะอาบน้ำ นายก็กลับห้องไปเถอะ”

“อีกนิด...”

“ฉันจะอาบน้ำโว้ย”

“ขัดอีกนิด...”

ผมอยากร้องไห้ จริงจังแค่ไหนแค่ไหนเรียกจริงจัง ขัดห้องน้ำไม่ถามเจ้าของไม่พอยังมาไล่กันอีก ผมยอมสวมเสื้อเดินอย่างพ่ายแพ้ออกมา ก่อนจะตกตะลึงเมื่อเห็นว่าข้าวของในห้องถูกจัดเป็นระเบียบ ถ้าเขาทำงานบ้านเก่งขนาดนี้...แล้วทำไมห้องตัวเองรกอย่างกับกองขยะวะ นี่มันเรื่องพิศวงชัดๆ

ผมเปิดโทรทัศน์รอเตโช พอเห็นเขาออกมาก็กะจะชมเชยสักหน่อย แต่คนหน้ามึนดันพูดแทรกขึ้นมาก่อน

“มื้อเช้า ข้าวไข่ข้นกุ้ง มื้อเที่ยง หมี่ผัดกระเฉด มื้อเย็น แกงส้มชะอมไข่ ปลาทูทอด”

ชีวิตมีค่าต้องเดินหน้าด้วยของกินสินะ ผมกดปิดโทรทัศน์ ก่อนจะขว้างรีโมตใส่คนที่สั่งอาหารล่วงหน้าครบสามมื้อ น่าเสียดาย...เพราะมันวืด

“ฉันไม่ใช่ร้านตามสั่งโว้ย!”

วืดแล้วไง วืดแล้วก็ด่าได้ ผมตะโกนพร้อมชี้นิ้วให้เขาก้มเก็บรีโมต ด้วยกลัวความเกรี้ยวกราดหรือไม่ก็รู้ว่าถ้าเข้าใกล้ต้องโดนผมโบกกบาลแน่ เตโชจึงยอมทำตามโดยการ...เอามือจับรีโมตแล้วกลิ้งมาทางผมประหนึ่งไถรถของเล่น

ก่อนจรลีจากไปโดยไม่ลืมทิ้งท้ายอย่างหนักแน่นว่า

“ปลาทูต้องมีน้ำพริกกะปิด้วยนะ”

----------

จิระผู้ยังไม่เข็ดกับคมสัน #โดนหลอกวนไปค่ะ #จิระผู้เกรี้ยวกราด

ส่วนหนูจิตรินชินแล้ว วิ่งเต้นตามแผนคมสันอย่างดีใจสุดขีด อยากติดต่อกับจิระมานานก็ได้ทำสมใจอยาก เคมีสองคนนี้เริ่มมา แล้วเสี่ยกับเตโชจะทำยังไง!!

เตโช : งั่มๆ อร่อย //เอาแต่กินไม่สนใจ

เสี่ย : คมสัน เอาตัวจิกลับมา! //ออกคำสั่งเลขาส่วนตัวเองนั่งรออย่างเดียว

ค่ะ...อย่าคาดหวังอะไรกับพระเอกในซีรีส์ชุดนี้ 55555

 

เพจนักเขียนที่เริ่มสงสัยว่าจิระเป็นดาราหรือพ่อครัว  (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 15-11-2017 19:19:46
จิระ เตโช สายฮา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Velusia ที่ 15-11-2017 19:30:24
เหนื่อยแทนจิระ สู้ต่อไป 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 15-11-2017 19:39:03
รู้สึกสงสารจิระที่ต้องมาเจอกับจิตริน 555 ขี้หูเริงระบำเลยสินะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 15-11-2017 19:42:00
แต่ละคนที่จิระเจอช่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ  :mew4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 15-11-2017 19:46:14
จะได้เรียนไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 15-11-2017 19:46:31
เตโชจะลงเอยกับจิระยังไง จะไปตกหลุมรักกันอิท่าใหน คิดไม่ออกจริงๆๆๆๆ 5555 นางมึนมากกก แถมคิดแค่เรื่องของกิน สงสารจิระที่สุดในโลกกก
ปล.แอบอยากให้จิคู่จิ เคมีเข้ากั๊นเข้ากันน 55555
 แล้วถ้าเสี่ยคู่กับเตโชจะเป็นยังไงนะ ไม่กล้าคิดเลย ถ้าคนหื่นขี้มโนกับคนมึนๆงงๆมาคู่กันไม่รู้จะสงสารเตโชหรือสงสารเสี่ยดี 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 15-11-2017 19:47:27
แหม ถึงขนาดเป็นลมหนีจิตรินเลยนะจิระ  :hao3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-11-2017 19:52:00
 o13
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-11-2017 19:55:30
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 15-11-2017 19:55:49
คมสันมันร้ายยยยยยย

จิตรินนี่ยังไงยังงั้น555555555555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 15-11-2017 19:58:25
ฮ่าๆๆๆเฮ้ยยตอนนี้เตโชน่ารักนะ เรื่องกินนี่เรื่องใหญ่จริงๆสินะ งั้นหนูจิก็ให้เตโชทำงานบ้านแลกเปลี่ยนกับค่าอาหารไปเลยสิน่าจะเข้าท่านะ ส่วนเสี่ยนั้นโดนเทเรื่องตัวเองไม่พอยังจะมาโดนเทเรื่องนี้อีกเหรอ สงสาร ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-11-2017 21:13:22
จะมีใครมาล้มคมสันได้บ้าง พี่เบิ้มนี่ตัดไปเลย   :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 15-11-2017 21:35:30
เป็นพาร์ทที่สงสารจิระจังเลยค่ะ ฮือ5555555
เช้าต้องเจอจิตรินคนชอบพูด(มาก) จนต้องแกล้งเป็นลม เย็นยังมาเจอกับคนหน้ามึน เห็นแก่ของกินอีก
โอ้ยยย ช่วงนี้คงต้องเข้าวัดทำบุญแล้วนะจิระ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 15-11-2017 22:13:49
ชอบเตโชอ่าาา สลอตน้อยผู้ถูกล่อได้ด้วยของกิน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 15-11-2017 22:30:46
เป็นนิยายที่อย่าไปคาดหวังกับพระเอกจริงๆ คะ 555555555
ตั้งแต่เสี่ยยันเตโช
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 15-11-2017 22:34:54
สองจิอยู่ด้วยกัน น่าสงสารพระเอกทั้งสองเรื่องพิกล เคมีดันเข้ากันด้วยนะเนี่ย จิระผู้เกรี้ยวกราดแต่แพ้ทางจิตริน เตโชผู้หิวโหย เมนูแต่ละอย่าชวนหิว  :hao5: ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 15-11-2017 22:36:46
งานนี้จิระคงติดยาดมจริงๆ ซะแล้ว :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 15-11-2017 23:01:36
จิระ จริงๆนางน่ารักมากเลยนะ รู้ทันคนแต่หลงกลคมสันตลอด  5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 15-11-2017 23:23:01
เตโชซึนดี ชอบ น้องจิมาแล้วดีจังคิดถึง เสี่ยระวังโดนเทจริงๆ น้องจิฝอยแตกจริงๆ ส่วนจิระมุมทำกับข้าวน่ารัก ไม่คิดว่าเตโชจะเป็นแม่บ้านดี 555 ยังไงขอมุมเตโชด้วยน้า
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 16-11-2017 00:02:28
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-11-2017 07:02:51
น้านนนนงัย กะแล้วว่าหนูจิจะต้องฝอยแตกดีใจที่ได้เจอกับน้องจิจนไม่เป็นอันทำอะไร555555 เรื่องนี้พระเอกนายเอกคือหนูจิกับน้องจิใช่มะ เสี่ยกับเตโชยังจำเป็นอีกมั๊ย :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 16-11-2017 10:12:49
เตโชเป็นเด็กดีนะ ช่วยทำความสะอาดด้วย

ไหนๆก็ต้องทำอาหารอยู่แล้วทำเพื่อไปด้วย


แล้วแลกกัน ให้เค้าทำความสะอาดให้ วินวิน นะ จิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 16-11-2017 15:41:54
       ฉันรักนิยายเรื่องนี้จังค่ะ
ตอนแรกว่าจะไม่อ่านเพราะเห็นจำนวนตอนยังน้องอยู่อยากให้มีมากๆแล้วค่อยตามอ่านแต่กดมาดูทุกวัน555อดใจไม่ไหวเลยต้องอ่าน
แล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะสนุกมากอ่านที่เดียวหมด4ตอนเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 16-11-2017 21:08:04
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 16-11-2017 21:26:22
ดูปวดสมองดีแหะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 17-11-2017 12:08:15
อยากให้เตโชไปเจอจิตรินจังเลย จะคุยกันรู้เรื่องมั้ย แต่อย่างว่าแหละ จิตรินฝอยอยู่คนเดียวอยู่แล้ว 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 100% - P.5 - [15/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 17-11-2017 13:17:34
จิยังคงฝอยไม่เปลี่ยนแปลง เสี่ยติดไปคนหนึ่งละ เดี๋ยวจะรอดูว่าจิระจะติดกับไปอีกคนหรือเปล่า  :m20:
อย่างน้อยพระเอกเรื่องนี้ก็มีบทพูดเยอะพอสมควรนะ ถ้านับบทเสี่ยนิ   :hao3:
แต่ดูสภาพแล้วอิตาคมสันไปตกน้องมาอิท่าไหนน่อ พระเอก นายเอก ดูๆ ต่างที่มา แต่สภาพเดียวกันป่าวน่อ
เหยื่อตาคมสันทั้งนั้นเลยนะเนี้ย บอสตัวจริง แถบฆ่าไม่ตายด้วย  :ruready
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 50% -P.6- [17/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 17-11-2017 19:19:59


ตอนที่ 5

ซีรีส์ตอนแรกกับการเปิดตัว

 

เช้าวันต่อมา ผมต้องทนฟังจิตรินพล่ามอีกครึ่งชั่วโมงก่อนจะเริ่มเข้าสู่การฝึกซ้อมโดยมีบอดี้การ์ดหน้าโหดตามคุมเข้ม ถ้าจำไม่ผิด...เขาชื่อเบิ้ม เป็นเลขาอีกคนหนึ่งของเสี่ยผู้รับหน้าที่ดูแลความปลอดภัย

หลังคลายกล้ามเนื้อป้องกันอาการบาดเจ็บจิตรินก็ถือเป้าซ้อมให้ลองต่อยหมัดใส่เขา แต่ผมจะไปชกจิตรินลงได้ยังไง ชกไปชกมาเขาก็หัวเราะ เข้ามาจับแขนผมช่วยตั้งท่าอย่างถูกต้อง

...ผมถึงกับตัวแข็งทื่อไปเลย

“อ๊ะ ขอโทษนะ จิระไม่ชอบให้โดนตัวใช่มั้ย คุณสันเตือนผมแล้วแต่ชอบลืมทุกที...เฮ้อ ที่คุณสันเรียกผมมาช่วยสอนก็เพราะกลัวว่าจิระจะเกร็งน่ะ ก็การฝึกทักษะต่อสู้มันต้องโดนตัวเป็นเรื่องธรรมดานี่นา”

ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง...ยอมยกโทษให้คนสันอีกครั้งก็ได้ ชิ

หลังต่อยหมัดไม่รอด จิตรินก็ลองให้ผมลองจับปืน สตั้นท์แมนเก่าค่อนคุ้นเคยกับอาวุธพวกนี้ดีทีเดียว แถมยังอ้อมหลังผม เข้ามาช่วยประคองมือราวกับโอบกอดจากด้านหลังอีกต่างหาก...

“ตั้งท่าอย่างนี้นะ เวลาจะถอดกระสุนก็...” เสียงจิตรินดังข้างหู จั๊กจี้เหมือนถูกเป่าลมใส่เป็นระยะ

จิระโดนแช่แข็งอีกครั้ง

“อะแฮ่ม”

“อ๊ะ โทษที ผมลืมอีกแล้ว จิระอย่าโกรธกันนะ ผมขอโทษ ขอโทษๆ”

ดูจิตรินที่ยกมือไหว้ปลกๆ แล้วจะไปทำตาดุได้ยังไง ความอ่อยระดับสิบริกเตอร์นี้...ถ้าไม่เพราะมีชนักติดหลังผมคงเผลอใจเต้นกับคนคนนี้ไปแล้ว ดีนะที่เบิ้มมาช่วยคุมช่วยกระแอมไอเรียกสติคนไม่คิดอะไรมากอย่างจิตริน หารู้ไม่ว่าไอ้การกระทำหลายๆ อย่างเนี่ยช่างส่อให้คนอื่นเขาคิดซะเหลือเกิน

“จิระลองทำตามผมแล้วกัน”

จิตรินหยิบปืนอีกกระบอกแล้วทำเป็นตัวอย่างให้ผมเลียนแบบ

“คุณสันบอกว่าไม่ต้องเก่งแบบมืออาชีพมากก็ได้ แต่ต้องจับปืนเป็น วิ่งหนีได้ พอรับส่งบทกับสตั้นท์แมนได้ กระโดดสูงได้ เอ๊ะ จิระกลัวความสูงรึเปล่า ”

อยู่กับจิตรินโปรดอย่าหวังความสงบ

“ก็พอไหว...” ผมตอบ พยายามเพ่งสมาธิกับการฝึกถอดกระสุนปืนปลอมให้คล่องแคล่ว

“รู้มั้ยว่าจริงๆ แล้วอัครเดชกลัวความสูงล่ะ เวลาถ่ายฉากกระโดดสูงต้องใช้สตั้นท์แมนช่วยตลอด ผมเองก็เคยเป็นสตั้นท์แมนให้เขา ทั้งกระโดดทั้งปีนผาเลย แต่ตอนนี้ต่อให้อยากเป็นก็ทำไม่ได้เพราะกล้ามลีบหมดแล้ว เสียดายจังเนอะ อดเจอจิระในกองเลย”

ผมเพิ่งรู้ก็ตอนนี้เนี่ยแหละว่าอัครเดชกลัวความสูง

“แล้วจิระเจอนัทรึยัง ก่อนหน้านี้เขาเข้าใจผิดมาหาเรื่องผมด้วยล่ะ บอกว่าผมไปแย่งเสี่ยมาจากจิระเพื่อนสนิทของเขา พูดแล้วก็ปลื้ม ก่อนหน้านี้เขาเคยโกรธเกลียดผม แต่สุดท้ายก็ยอมรับผมเป็นเพื่อน เฮ้อ...นัทอารมณ์ร้อนไปหน่อยก็จริงแต่เป็นคนดีใช้ได้เลย แถมยังเคยบอกอีกต่างหากว่าถ้าผมไม่คบกับเสี่ยก่อนก็คงดี นัทคงอยากเห็นผมแต่งงานมีครอบครัวมีลูกน่ารักๆ ละมั้ง เห็นมั้ยว่าเขาเป็นคนดีขนาดไหน”

จิตรินโว้ย โดนคิดไม่ซื่อยังไม่รู้ตัวอีก!

ผมเผลอทำกระสุนตกพื้น ถึงคราวซวยต้องรับกรรมที่ตัวเองก่อไม่พอ ยังต้องมารับผลบุญที่จิตรินไปหว่านเสน่ห์ในร่างของผมอีก

“แล้วพายล่ะ นายไปทำอะไรเขา” ผมถามอย่างอดไม่ได้

“ผมเปล่าทำอะไรสักหน่อย”

“ทำครับ” เบิ้มที่เฝ้าอยู่ริมห้องเอ่ยแทรกขึ้นมา

“ผมเปล่านะ!”

“ทำครับ” เบิ้มยืนยันเสียงแข็ง ส่วนผมแสร้งทำเป็นก้มเก็บกระสุนปืน นึกในใจว่าต้องระวังพายหน่อยแล้ว เห็นหงิมๆ อย่างนั้นแต่ความจริงแอบคิดเคลมกันรึเปล่าก็ไม่รู้ ช่างน่ากลัวจริงๆ

“ผมไม่ได้ทำอะไรพายจริงๆ นะ นัทก็เปล่า เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น แต่ถ้าพูดถึงเรื่องนี้แล้วละก็ เมื่อก่อนอัครเดชเคยแอบชอบผมด้วยล่ะ”

“อะไรนะ!” ตกใจจนเผลอปัดกระสุนกลิ้งขลุกไปไกลกว่าเดิม จิตรินนายจะเหมายกกองไม่ได้เข้าใจมั้ย!

“แต่ตอนนั้นผมเป็นเด็กเสี่ย คบกับเสี่ยอยู่เขาเลยตัดใจ สุดท้ายเราก็ชนหมัดกันแบบแมนๆ ลูกผู้ชาย ฉะนั้นจิระไม่ต้องกังวลหรอกนะ”

แต่ตอนนี้ฉันไม่ใช่เด็กเสี่ย! และยังโสดด้วย!!

นึกถึงตอนเข้ากองซีรีส์เช็กเมทแล้วผมก็หนาวสั่นขึ้นมาทันที จิตริน ทองคำดี นายมันตัวหายนะ!

 
-----

เย็นนั้นผมกลับถึงห้องพร้อมหิ้วถุงน้ำพริกกะปิ...

อย่างอื่นน่ะทำเองได้ แต่น้ำพริกกะปิน่ะขอทีเถอะ ให้มานั่งตำครกโขลกน้ำพริกก็เกินไปหน่อยมั้ย ผมบ่นอุบอิบกับตัวเองในใจขณะทำอาหารตามใบสั่ง ก่อนจะไปกดกริ่งเรียกเตโชหลังทำอาหารตามเมนูที่เขาเรียกร้อง ไม่ใช่ว่าอยากเอาใจหรอกนะ แต่ผมขี้เกียจคิดไง เคยเป็นรึเปล่ากับการนั่งถามตัวเองว่าวันนี้จะกินอะไรดี นั่นแหละปัญหา ในเมื่อเตโชช่วยทำหน้าที่แทนเลยสบายเฮ เสียอย่างเดียว ท่าทางตอนเขาพูดมันน่าโมโหสุดๆ จนอดเกรี้ยวกราดไม่ได้

ยืนรอจนเริ่มเมื่อยเตโชก็ไม่เปิดประตูสักที ผมเลยเก็บอารมณ์ฟึดฟัดกลับห้อง นี่เขาออกไปข้างนอกโดยไม่บอกก่อนงั้นเหรอ ปล่อยให้ผมทำแกงส้มชะอมไข่กับปลาทูทอดเก้องั้นเหรอ ผมนั่งกินข้าวอย่างหงุดหงิด แต่กินคนเดียวไม่หมดเลยเก็บเข้าตู้เย็น พอดีกับผ้าที่ซักไว้เสร็จพอดี แม้จะปั่นแห้งแล้วแต่ยังเปียกหมาดๆ เลยต้องลากตะกร้าไปตากตรงระเบียง

ทันทีที่เปิดประตูบานเลื่อนออกก็ได้ยินเสียงร้องเพลงดังแว่ว

“ดูสิ ดูดวงจันทร์นั้นสิ เธอเห็นดวงเดียวกับฉันมั้ย

ดวงจันทร์นั้นอาจเป็นของใคร แต่ดวงใจฉันนี้มีแค่เธอ”


ผมหลุดหัวเราะพรืด เพลงอะไรทำไมเสี่ยวขนาดนี้ พอหันไปมองก็เจอกับเตโชที่นั่งดีดกีตาร์อยู่ระเบียงข้างๆ กัน เขาหยุดร้องทันทีเมื่อถูกขัดจังหวะ ก่อนจะเริ่มดีดเพลงใหม่ในทำนองเดิมแต่เปลี่ยนเนื้อร้อง

“หิวจังหิวเหลือเกิน ดวงจันทร์ดวงนั้นกินได้มั้ย จะเหมือนข้าวที่เธอทำรึเปล่า

รสชาติจะคล้ายแกงส้มชะอมไข่หรือไม่นะ แล้วมีปลาทูทอดมั้ย น้ำพริกกะปิล่ะมีรึเปล่า”


“พอได้แล้วเตโช ฉันหัวเราะจนเหนื่อยแล้ว” ผมหันไปเหวใส่เขา ปกติพูดเป็นคำๆ เรียบเรียงไม่เป็นประโยค พอร้องเพลงล่ะใส่เอาๆ เชียวนะ “เสียใจด้วย ฉันกดกริ่งเรียกนายตั้งนานไม่ได้ยินเลยกินมื้อเย็นคนเดียวหมดเกลี้ยง”

พลันเตโชทำหน้าคล้ายโลกถล่มดินทลาย

“แกงส้มใช่มั้ย ปลาทูทอดตัวนั้นใช่หรือเปล่า ที่เธอกินลงไปไม่แบ่งกัน หรือฉันไม่สำคัญ จึงไม่ได้นั่งกินด้วยกันกับเธอ”

“ไม่ได้ยินเองมาโทษกันได้ไงล่ะ” ผมว่าเขาขณะตากผ้าไปด้วย “อดไปซะเจ้าตูบ หมดเวลาอาหารเย็นแล้ว”

“กริ่งดังตอนไหน กริ่งดังเมื่อไหร่ กดแล้วทำไมไม่ได้ยิน หรือเพราะเสียงหัวใจสื่อไม่ถึงกัน หรือเพราะเรานั้นไม่รักกันมากพอ”

“เตโช นายแต่งแต่เพลงอกหักเพราะเป็นคนเพ้อแบบนี้ใช่มั้ย” ผมกลั้นขำจนตัวสั่นไปหมด ยิ้มแก้มปริแล้วเนี่ย

“เสียใจเหลือเกิน เสียใจเหลือเกิน ทำไมถึงถูกทิ้งซ้ำๆ ให้ทนหิวคนเดียว”

“น่าสงสารจริงจริ้ง” ผมแกล้งแซว เตโชเห็นผมไม่ยอมลงให้สักทีก็วางกีต้าร์ ก่อนจะเดินเอื่อยๆ มาเกาะหนึบอยู่ริมระเบียง จ้องหน้าผมไม่ละสายตา

“หิว”

“เหรอ”

“หิว”

“แล้วไง”

“หิว”

“แต่ฉันอิ่มมากเลย”

ตากผ้าเสร็จ ผมเตรียมเก็บตะกร้าเข้าห้อง แต่เตโชยังเกาะอยู่ที่เดิมทำหน้าตายแต่สายตาหงอยเหงาเศร้าซึม

“ถ้านายมาห้องฉันภายในห้านาทีฉันจะเนรมิตแกงส้มชะอมไข่ ปลาทูทอด กับน้ำพริกกะปิให้”

เตโชพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะทำท่าปีนระเบียง...

“ไอ้บ้า! เข้าทางประตูสิวะ ตกลงไปตายฉันไม่ไปงานศพนายหรอกนะ!”

เตโชที่หิวจนตาลายพยักหน้าหงึกหงักอีกครั้ง ก่อนจะเดินโซเซเข้าห้องโดยทิ้งกีต้าร์ตากน้ำค้างซะงั้น ผมส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ ก่อนจะเดินไปเวฟอาหารเตรียมให้เจ้าตูบผู้หิวโหย

แค่หนึ่งนาทีเท่านั้นเขาก็กดกริ่งเรียกผม พอเปิดประตูก็ไม่มองหน้าเจ้าของห้องกันเลย มองแต่โต๊ะที่ยังว่างเปล่าราวกับจะเสกอาหารออกมายังไงยังงั้น พอมั่นใจว่าไม่มีจริงๆ ก็หันมาส่งสายตาตัดพ้อใส่

“ยังไม่ครบห้านาทีเลย รอก่อนสิ”

ผมชี้นิ้วไล่เขาไปนั่งรอ เตโชไม่พูดไม่จาประหนึ่งใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายในการพาตัวเองมาห้องผม เพราะพอทิ้งตัวนั่งปุ๊บก็พังพาบไหลไปกับเก้าอี้ ทำตัวเหลวเหมือนคนไม่มีกระดูก

“แล้วเมื่อกี้ร้องเพลงได้ตั้งนานนะนาย” ผมแซะเขาอย่างหมั่นไส้พร้อมเอาเท้าเขี่ย ปรากฏเตโชไม่หือไม่อือไม่ตอบสนอง แต่พอได้ยินเสียงไมโครเวฟร้องเท่านั้นแหละ หูกระดิก มองผมเหมือนไล่ให้ไปยกกับข้าวมาเสิร์ฟ เฮ้ๆ ผมไม่ใช่ลูกน้องเขานะ

แต่เห็นเขาหิวจนหมดแรงก็สงสาร ยอมยกแกงส้มชะอมไข่ ปลาทูทอด กับน้ำพริกกะปิออกมา ส่วนข้าวยังเหลือในหม้อ ก็เลยตักออกมาให้เขากินได้ทันที

จากนั้นก็เตโชก็สวาปามคำโตเคี้ยวแก้มตุ่ย ขนาดปลาหายไปครึ่งตัวเพราะผมกินไปแล้วก็ไม่บ่น จัดการแทะซะสะอาดหมดจดจนแทบจะเลียจาน

“รอดูเช็กเมทด้วยกันมั้ย”

มองเขาที่เก็บจานชามเรียบร้อยอย่างรู้หน้าที่แล้วไม่รู้นึกพิเรนทร์อะไรถึงได้หาเพื่อนดูด้วยกัน

เตโชพยักหน้ารับ เขาเข้าไปล้างจานในครัว ส่วนผมไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พอออกมาก็นั่งกอดเข่าตรงโซฟา ชี้นิ้วให้เขานั่งห่างๆ เพราะผมเป็นคนขี้ร้อน

ฉากเปิดตัวของซีซันสองเริ่มจากการหายตัวไปของมิสเตอร์เอส

อัครเดชกับธนัทพยายามสุดความสามารถในการตามหาเพื่อนสนิทนับหลายเดือน แต่กลับถูกขัดขวางจากองค์กรใต้ดินที่เป็นศัตรูคู่แค้นกันมาก่อน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ถูกแฮกเกอร์ปริศนาตามดักทุกทาง สุดท้ายจึงไปลากตัวพายมาร่วมก๊วน บีบบังคับให้มาช่วยรับมือพ่วงตามหามิสเตอร์เอสที่หายไป

ฉากสุดท้ายคือพายที่พ่ายแพ้แฮกเกอร์คนนั้นยับเยินไม่เหลือมาด ทั้งที่ถูกลากมาอย่างไม่เต็มใจแท้ๆ แต่ตอนนี้รับปากเป็นมั่นเหมาะ หึ แพ้ราบคาบขนาดนี้จะชิ่งหนีได้ยังไง!

พายไม่สนใจมิสเตอร์เอส แต่อยากปะทะกับแฮกเกอร์ผู้เก่งกาจคนนี้อีกครั้ง!

และเรื่องราวในตอนที่หนึ่งก็จบลงด้วยการร่วมมือของสามหนุ่มสามมุม ดันบทของพายทดแทนบทมิสเตอร์เอสได้อย่างแนบเนียนไร้ข้อติติง

เมื่อขึ้นเพลงจบผมก็รีบดูผลตอบรับในโซเชียลทันที กระแสค่อนไปทางบวก ทุกคนชื่นชมที่การถอดบทของผมกลายเป็นปริศนาน่าติดตามในซีซันสอง และยินดีกับพายที่กลายเป็นนักแสดงหลัก แทบไม่มีใครฉุกใจคิดถึงแฮกเกอร์ปริศนาเลย

“มิสเตอร์เอส” ยกเว้นเตโช เขาชี้บอกว่าแฮกเกอร์คนนั้นเป็นมิสเตอร์เอสทันทีที่จบเรื่อง

“อย่ามาทำเป็นรู้ดี นายแอบอ่านบทฉันเถอะถึงรู้” ผมศอกใส่เอวคนหน้ามึนที่นั่งดูอย่างใจจดใจจ่อ “แล้วอย่าคาดหวังกับมิสเตอร์เอสมากนักล่ะ นายชอบเขาเพราะเหมือนนายใช่มั้ย แต่ซีซันนี้มิสเตอร์เอสจะเปลี่ยนโฉมใหม่ไฉไลกว่าเดิม ไม่ใช่คนที่นายปลื้มแน่”

“มิสเตอร์เอสที่ไม่ใช่...มิสเตอร์เอส?”

“ใช่” ผมยกยิ้มยั่วเขา ก่อนจะทาบนิ้วชี้บนริมฝีปาก “แต่ฉันไม่บอกหรอกนะ เพราะว่าเป็น...ความลับ (secret)”

 

 ------------------------

ในที่สุดซีรีส์เช็กเมทซีซันสองก็เริ่มฉาย อยากจะไปนั่งดูกับจิระและเตโชจังเลยน้า เรานี่ชูป้ายไฟมิสเตอร์เอสกับซีเคร็ทรัวๆ เลยค่า

แปะโป้งไว้ก่อนครึ่งนึง แล้วครึ่งหลังมาเข้ากองกันค่ะ สำหรับคู่ของเตโชกับจิระจะแนวเรื่อยๆ เอื่อยๆ เหมือนเสี่ยกับจิตริน เพราะคอนเซปของสองเรื่องนี้คือความสัมพันธ์แบบใกล้ชิด เจอหน้ากันบ่อยๆ จนสนิทสนม พูดคุยกันได้ทุกเรื่อง แล้วค่อยๆ กลายเป็นความรู้สึกรักค่ะ

อย่างน้อย...เตโชก็บทเยอะกว่าเสี่ยนะ!

#จิระผู้เกรี้ยวกราด
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 17-11-2017 19:38:14
กำลังจะบอกเลยว่าเตโชบทเยอะกว่าเสี่ยนะอย่างน้อยก็ออกมาเกือบทุกตอนอะ ฮ่าๆ และที่สำคัญเตโชน่ารักกว่าเสี่ยเยอะเลยค่ะดูเหมาะกับหนูจิดี ส่วนพี่จิที่รับเชิญมานั้นก็ยังฝอยเสมอต้นเสมอปลายหาใครเทียบเทียมไม่ได้จริงๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 17-11-2017 19:45:10
 :pig4: ก็หวังว่าโชจะไม่ค่าตัวแพงเหมือนเสี่ยนะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 17-11-2017 20:00:24
พระเอกเรื่องนี้ออกมาเฉพาะตอนหิวใช่มั้ยคะ5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 17-11-2017 20:02:27
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-11-2017 20:21:17
 :กอด1: รักเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 17-11-2017 20:33:43
เสี่ยมึนๆ อึนๆ เป็นหลัก น้องเตโชนิมาแบบหิวๆ เหม่อๆ พระเอกแต่ละคนหาความปกติไม่ได้จริงๆ  :m20:
ดีๆ ไม่เหมือนใคร  :katai2-1:  แต่หมั่นไส้อิลาสบอส(คมสัน) จริงๆ ตัวไม่ออกแต่ชื่อยังโผล่อ่ะ
แถมตัวไม่อยู่ยังส่งพี่เบิ้มมาคุ้มน้องฝอยซะด้วย
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 17-11-2017 20:36:35
อย่างน้อยเราก็จำชื่อเตโชได้นะ


ลาก่อนพระเอกที่ค่าตัวแพง แต่โค้ดเนมเสี่ย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 17-11-2017 21:18:37
ถ้าไม่มีเตโชนะ คงเห็นคมสันเป็นพระเอกไปแล้ว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: Velusia ที่ 17-11-2017 21:19:21
อะไรคือตัดพ้อความกินไม่แบ่งของจิระออกมาเป็นเพลงครับเตโช 555 ฮาเหลือทนกับความมึนของนาง ขำจนแทบจะกลิ้งตกเตียง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-11-2017 22:14:47
 :laugh:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-11-2017 22:25:17
ี่พี่เบิ้มมีบทออกแสดงแล้ว ดีใจจังเลย คิดถึงงงงงงง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 17-11-2017 22:43:50
เวลาเตโชอยู่หลังกีตาร์จะเป็นคนละคนเลย 555 น่ารักดี อยากดูซีเคร็ทเร็วๆจัง ชอบ อยากให้เมืองไทยมีซีรีส์แบบนี้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 17-11-2017 23:26:23
เตโชร้องเพลงน่ารักมากกก 5555 ถ้าจะหิวขนาดนี้  คิดถึงพี่เบิ้มคนเหล็กด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 18-11-2017 00:27:46
ตามมาให้กำลังจิระต่อค่ะ เราว่านางน่ารักนะ อาจจะปากเปราะไปหน่อยแต่อ่อนในมากจริงๆ เห็นได้จากการยอมทำอาหารให้เจ้าตูบชื่อเตโช 555 และดีใจกับเตโชด้วยที่ได้บทเยอะกว่าเสี่ยผู้ซึ่งโดนแขวะเรื่องค่าตัวแพงตลอดเวลา คึๆๆ เราว่าเรื่องก่อนคือจิตรินต้องตามแก้ปัญหาของจิระ ส่วนเรื่องนี้ก็กลับกันคือต้องมาดูจิระแก้ปัญหาความฝอยที่จิตรินทำไว้ ปล.เชื่อแล้วว่าลาสบอสคือคุณคมสัน ฮาาา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 18-11-2017 00:49:00
จิตรินก็คือจิตริน นะคะ หว่านเสน่ห์โดยไม่รู้ตัวแถมซื่อบื้อด้วย ถึงหน้าตาไม่ได้ดีมากเหมือนจิระ แต่ความเป็นคนดีกับความน่ารักไม่มีใครเกินเลย
ปล.เราว่า Secret นี่ล่ะ คือ ธาตุแท้ของจิระเลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 18-11-2017 01:27:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: Profeccso ที่ 18-11-2017 01:45:34
เราดีใจที่จำได้ว่าพระเอกเรื่องนี้ชื่อเตโช แต่กับเสี่ยน่ะ ชื่อ....อะไรนะ?  :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 18-11-2017 03:23:33
ชอบหนูจิระ ชอบเรื่องนี้ โมเม้นจิตรินจิระ ว้าวววว ให้ตายเถอะ ยูริจริงๆ
อยากดูตอนสองที่หนูจิระจะออกแล้วจิ ค้างนะ  :z3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 18-11-2017 12:33:01
เอาจริงนี่เราติดซีรี่ย์เช็กเมทมากกว่าตัวนิยายแล้วมั้งเนี่ย55555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 18-11-2017 20:14:49
งือออ เตโชชช :hao5:
ชอบจังพระเอกคาแร็กเตอร์หมาๆแบบนี้ เอ็นดู :hao6:
ตามมาทันสักที อยากอ่านทีละตอนแล้วเม้นท์มานานแล้ว 5555555555

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 19-11-2017 01:10:09
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 19-11-2017 08:14:07
เตโชร้องเพลงได้ทุกเนื้อเนอะ เนื้อเพลงฮามากตัดพ้อได้น่าสงสารหิวจนบ้าไปแล้ว55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 19-11-2017 09:11:01
 :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรก 50% - P.6 [17/11]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 19-11-2017 17:16:41
เพลงเตโชอย่างฮา 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 19-11-2017 20:17:30


ตอนที่ 5 : ซีรีส์ตอนแรกกับการเปิดตัว 100%



หลังจากนั้นสามวันก็ได้ฤกษ์เข้ากองของผม

เดิมที บทของซีเคร็ทถูกวางให้เริ่มแสดงตั้งแต่ตอนที่สิบเป็นต้นไป เพราะทางกองถ่ายทำตุนไว้แล้วถึงเจ็ดตอนสำหรับพร้อมฉาย แต่เนื่องจากคนเขียนบทขอแก้กะทันหัน สืบเนื่องจากนิมิตลงในวันที่ผมลองชุด ทำให้มีการระดมคนถ่ายใหม่โดยด่วนในตอนที่หก แต่จะเรียกว่าแก้ก็ไม่ถูก ควรเรียกว่าถ่ายเพิ่มอีกประมาณห้านาที เพิ่มความน่าตื่นเต้นและชวนติดตาม

“ว้าว...จิ เท่บาดใจมากเลย” อัครเดชเอ่ยชมทันทีที่ผมเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ด้วยสรีระผอมบางและผิวขาวซีด ทำให้การใส่เสื้อสีดำคอเต่าแขนยาวขับรูปร่างดูโดดเด่นสะโอดสะองเป็นที่สุด ผมสวมแว่นดำเตรียมเข้าฉาก ไม่วายแอบกระเถิบห่างจากพระเอกของเรื่อง

คำพูดของจิตรินยังวนเวียน อัครเดชเคยตัดใจ แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาจะหวนกลับมาหลงผิดอีกรึเปล่า!

ก็ยังดีที่วันนี้ไม่มีคิวของธนัท

เพราะนี่เป็นฉากเผชิญหน้ากันครั้งแรกของมิสเตอร์เอส...ไม่สิ ซีเคร็ทและพระเอก โลเคชั่นคือลานจอดรถในบริษัท กันพื้นที่ได้สะดวกสบาย

ส่วนบทของผมที่เพิ่มเข้ามานั้นจะแทรกในตอนจบของตอนที่หก กำหนดฉากคร่าวๆ คือเมื่อพระเอกคลี่คลายคดีเสร็จแล้วจึงรีบโทรบอกธนัทด้วยความดีใจ เดินคุยไปยิ้มไปที่สามารถเอาชนะองค์กรใต้ดินอีกครั้ง แต่ระหว่างเดินไปที่รถนั้น...เด็กหนุ่มในชุดสีดำลึกลับสวมแว่นปกปิดใบหน้าพลันเดินสวนเฉียดไหล่ แม้จะเกิดเพียงเสี้ยววินาที แต่พระเอกหยุดชะงักทันควัน รีบคว้าแขนของคนคนนั้น แต่กลับเอื้อมจับได้เพียงความว่างเปล่า

ซีเคร็ทเบี่ยงตัวหลบอย่างไม่ยากเย็นก่อนจะเดินทิ้งห่างไปด้วยจังหวะไม่ช้าไม่เร็ว

พระเอกเหม่อมองแผ่นหลังนั้นด้วยสายตาสับสน ก่อนธนัทจะเอ่ยเรียกผ่านโทรศัพท์จนได้สติ จึงเร่งฝีเท้าขึ้นรถโดยไม่ได้หันไปมองเด็กหนุ่มปริศนา แม้จะยังติดค้างในใจก็ตาม

ภาพสุดท้ายก่อนที่จะตัดจบ คือซีเคร็ทที่หยุดเดิน และเป็นฝ่ายหันกลับไปมองแผ่นหลังของพระเอก

แว่นตาสีดำที่ปกปิดแววตานั้นทำให้ยากคาดเดาอารมณ์ กล้องจงใจถ่ายแค่เสี้ยวหน้า ไม่ได้ซูมชัดทั้งตัวหวังให้ผู้ชมสับสนระคนสงสัย ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเอ่ยออกมาเสียงเบาปานกระซิบ โดยที่ไม่ละสายตาไปจากพระเอก

“เช็กเมท”

“คัต!”

ผมถอดแว่นตาทันทีด้วยความร้อน ลานจอดรถไม่มีพัดลมไม่มีแอร์ ทำเอาคนใส่เสื้อคอเต่าแขนยาวอย่างผมเหงื่อออกจนท่วมตัว เพราะกว่าจะได้ฉากที่ต้องการ ผมต้องเดินสวนกับอัครเดชเกือบสิบครั้งเพื่อให้ได้หลากหลายมุมมอง แม้ถูกตัดต่อแค่ห้านาที แต่พวกเราถ่ายทำกันร่วมชั่วโมง

“จิระ น้ำจ้า” พี่ช่างแต่งหน้ารีบส่งน้ำเย็นๆ ให้ผมทันควัน “หน้าแดงก่ำไปหมดเลย จิไม่ถูกกับอากาศร้อนสินะ”

ผมพยักหน้าหงึกๆ ขณะเจาะหลอดดูด ตอนเป็นจิตรินแสนสบาย ได้ถ่ายแต่ฉากที่เซ็ทไว้ในสตูดิโอ เพราะมิสเตอร์เอสตัวติดกับคอมพิวเตอร์ กลิ้งเล่นนอนเล่นอยู่ในห้อง แต่พอเป็นจิระดันถูกลากให้ออกกองนอกสถานที่ซะงั้น ยังดีที่เป็นที่ส่วนตัวของบริษัท ถ้าต้องถ่ายทำข้างนอกแล้วเจอแอนตี้แฟนขึ้นมาคงทำตัวไม่ถูก

ก็จิระคนนี้น่าจะมีแอนตี้แฟนเยอะกว่าแฟนคลับเนี่ยสิ!

แค่นึกผมก็เบะปากแล้ว ก่อนจะเดินไปดูจอมอนิเตอร์ว่าต้องเทคใหม่หรือไม่ ผลคือภาพออกมาสวยมาก บรรยากาศในลานจอดรถให้อารมณ์วังเวง แถมแสงไฟยังสลัวแลลึกลับ ทำให้การปรากฏตัวของซีเคร็ทมีมนตร์ขลังยากละสายตาอย่างน่าประหลาด บางมุมดูคล้ายมิสเตอร์เอส แต่ในบางมุมก็แฝงความเป็นตัวร้ายจนชวนไขว้เขว ถ้าตอนนี้ออกฉายเชื่อสิว่าต้องเป็นที่ถกเถียงกันมากแน่

ผมทั้งดีใจและหนักใจในคราวเดียวกัน หวิวๆ ในอกยังไงไม่รู้สิน่า

“จิ”

ผมสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ อัครเดชก็พาดแขนบ่าผมอย่างสนิทสนมกลมเกลียว แต๊ะอั๋งกันไม่พอยังลากให้ออกไปยืนหลบมุมสองต่อสอง ห่างจากทีมงานอีกต่างหาก

สังหรณ์ใจไม่ดีชอบกล

“เดี๋ยวจิมีถ่ายต่อใช่มั้ย”

“ใช่ เป็นฉากแทรกในตอนที่เจ็ด...” ผมเอ่ยแกมผวา พยายามผละห่างจากอัครเดช แต่พอเขยิบตัวหนี อัครเดชก็กระเทิบตามซะงั้น ไปๆ มาๆ แทบจะไล่กันจนไปชนกำแพงอยู่แล้ว ผมตัดสินใจหยุดยืนตรง ยังไม่อยากแสดงหนังอินเดียในลานจอดรถนะเฮ้ย

“เสียดายจัง วันนี้พี่กะจะเลี้ยงข้าวจิสักหน่อย พอพี่ว่างเราก็ไม่ว่าง คลาดกันตลอดเลยเนอะ”

ผมแสร้งมองพื้นพร้อมกับนับจำนวนมดที่เดินผ่านเป็นขบวนพาเหรดอย่างตั้งอกตั้งใจ

“จิเงียบจัง ไม่อยากคุยกับพี่เหรอ”

“ถ้าบอกว่าใช่ล่ะ” ผมถามลองเชิง ผลคือโดนอัครเดชถามกลับในทันที

“จิอกหักแล้วเปลี่ยนไปนะ”

“อกหักก็ต้องเปลี่ยนสิ จิระก็เป็นคนมีความรู้สึกนะ” ผมเชิดหน้าตอบอย่างหงุดหงิด เหล่มองหาตัวช่วยในกองถ่าย แต่ทุกคนชุลมุนกับการเก็บของเตรียมเปลี่ยนสถานที่ในการถ่ายทำฉากต่อไป

“พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แต่ที่เปลี่ยน คือจิเหมือนไม่ใช่คนเดิม”

ผมใจหายวาบ เพิ่งสำนึกว่าเมื่อครู่ชักสีหน้าใส่อัครเดช เป็นสิ่งที่จิตรินไม่เคยทำมาก่อน คนมองโลกในแง่ดีแถมยังฝอยน้ำลายแตกฟองคนนั้นถ้าเจอคำถามแบบนี้ต้องเล่นมุกชวนขำกลับแน่ๆ

งั้น...ผมควรจะตบมุกอะไรดีมั้ย แต่คิดไม่ออกเลยนี่สิ ไม่ใช่คนมีอารมณ์ขันก็ซวยแบบนี้

“คนอกหักก็ต้องเงียบขรึมขึ้น อารมณ์แปรปรวนไม่อยากปฏิสัมพันธ์กับใคร...ไม่ใช่เหรอพี่อัค” ผมพยายามทำใจดีสู้เสือ ยกข้ออ้างที่ใช้มาตลอดนับตั้งแต่เข้ากองหวังให้อีกฝ่ายเชื่อแถมยังเรียกชื่ออย่างสนิทสนมแบบที่จิตรินเคยเรียกอีกฝ่าย แต่อัครเดชเป็นคนฉลาด อย่างน้อยการที่เขาอยู่ในวงการได้นานขนาดนี้ก็บ่งบอกอย่างดีถึงการฉลาดพูด ฉลาดทำ ฉลาดวางตัว รวมทั้งฉลาดในการเข้าหาผู้คนด้วย

“เวลาพี่ชวนคุยเลยไม่ค่อยอยากตอบเหรอ”

“ใช่” ผมรีบพยักหน้ารับ

“หรือกลัวว่าพอจิโสดแล้วพี่จะตามจีบต่อ”

คนคนนี้...ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

“ใช่ครับ” ผมตอบสุภาพ นึกเกรงใจดารามากประสบการณ์ตรงหน้า

“โธ่ จิ พี่ไม่ตามจีบคนที่ไม่เล่นด้วยหรอกนะ เราชนหมัดกันแล้วจะมาระแวงอะไร มาจิ ชนหมัดกัน”

ผมได้แต่เออออยอมยกหมัดชนกับอัครเดช รู้สึกโล่งใจไม่น้อยที่เขาเป็นคนใจๆ กว่าที่คิด สงสัยที่ลากผมมาคุยสองต่อสองก็เพื่อปรับความเข้าใจ เวลาเข้าฉากด้วยกันจะได้ไม่ต้องมาเว้นระยะชวนอึดอัด มานึกดูดีๆ...เมื่อกี้ผมก็ทำท่าทางเสียมารยาทกับเขามากๆ เลยนะเนี่ย อัครเดชจะรู้สึกแย่ก็ไม่แปลก

“ว่าแต่จิไปอัพเกรดการแสดงจากที่ไหน ใช่กับครูชะม้อยที่เคยบอกพี่รึเปล่า แนะนำกันบ้างสิ”

“พี่อัคแสดงเก่งอยู่แล้วจะกลัวอะไรล่ะ” ผมแกล้งแซวเขา พอชนหมัดกันก็รู้สึกสนิทใจมากขึ้น “พี่อัค?”

อัครเดชสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มบาง

“ไม่มีอะไร จิไปเตรียมตัวเถอะ มีคนเรียกแล้วนั่น”

“ครับ...” ผมมองเขาอย่างสงสัย ท่าทางของอัครเดชดูคล้ายกำลังทดสอบอะไรผมอยู่อย่างนั้นล่ะ

หรือว่าเมื่อกี้ผมตอบอะไรผิดไป

หรือว่าจิตรินไม่เคยบอกเรื่องเรียนการแสดงกับอัครเดชมาก่อน!?

“พี่อัค ผมประสบอุบัติเหตุนอนเป็นเจ้าชายนิทรานับเดือน ความจำเลยออกจะเลอะเลือนไปบ้าง ถ้าผมพูดอะไรประหลาดไปพี่ก็อย่าถือสาเลยนะ” ผมรีบหันไปบอกอัครเดชทันที ตีหน้าราวคนป่วยหนักน่าสงสารที่แสนจะใสซื่อไร้พิษภัย สายตากึ่งจะออดอ้อนอยู่ในที

“นั่นสินะ” อัครเดชพยักหน้ารับ สีหน้าดูคลายกังวล ผมเลยพอหายใจโล่งขึ้นบ้าง “พี่ก็คิดว่าจิจะรู้จักครูชะม้อยได้ไง นั่นครูสอนการแสดงของพี่ต่างหาก”

ผมลอบกลืนน้ำลายดังเอื๊อก อย่าริทำตัวเป็นนักสืบตามรอยตัวละครที่รับบทในเรื่องเช็กเมทสิอัครเดช!

“พี่ไม่ถือสาจิ จิก็อย่าถือสาพี่เลย พี่ลืมไปว่าเรานอนเป็นเจ้าชายนิทราตั้งเดือน จะนิสัยเปลี่ยนไปบ้างก็ไม่แปลก เฮ้อ...ตั้งข้อสงสัยกับจิแบบนี้รู้สึกผิดชะมัด ไปเถอะ แล้ววันหลังมากินข้าวด้วยกันนะ พี่จะเลี้ยงฉลองออกจากโรงบาลให้เราย้อนหลังเอง”

“ครับ พี่อัค” ผมคลี่ยิ้มเด็กน้อยอย่างดีใจ พอลับหลังก็หุบยิ้มฉับ หัวใจเต้นรัวแรง

คนคนนี้...อันตรายที่สุดในกองเลยมั้งเนี่ย!

 -----

มิวสิกวีดีโอเพลง ‘เวลา’ เปิดตัวหนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้น

เพียงวันแรกยอดวิวก็แตะเลขเจ็ดหลักอย่างรวดเร็ว ยอดแชร์ยอดไลค์กระจายจนขึ้นเทรนอันดับหนึ่ง ไม่เพียงเนื้อเพลงซึ้งกินใจและเสียงร้องบาดอารมณ์ของเตโช แต่เพราะมีผม...จิระ ดาราตกอับที่ถูกถอดจากซีรีส์เพราะโดนข้อหาซื้อขายยาเสพติดมาก่อน แม้หลังจากนั้นจะมีข้อพิสูจน์ว่าผมเลิกยามานานแล้วแต่ภาพหลุดสมัยตอนเป็นวัยรุ่นทำตัวเหลวแหลกก็ทำให้เกิดภาพลักษณ์ในด้านลบ แถมยังถูกเรียกว่า ‘เด็กเลี้ยงแกะ’ จากการปฏิเสธเสียงแข็งในเรื่องนี้อีกต่างหาก แม้กระแสวิพากษ์วิจารณ์จะเริ่มซาลงหลังผมถูกรถชนจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรานานนับเดือน...หรือช่วงที่สลับร่างคืนกับจิตริน แต่เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งในวงการ แถมยังเป็นการนำแสดงด้วยตัวคนเดียว คุมอารมณ์คุมโทนในมิวสิกวีดีโอทั้งหมด กระแสด้านบวกก็เริ่มมากกว่าด้านลบ

หลายคนที่ไม่ได้ติดตามซีรีส์เช็กเมทและไม่รู้จักจิระ ถึงกับแคปภาพถามถึงผมอย่างใคร่รู้สงสัย ประวัติมากมายถูกขุดขึ้นมาทันที กลายเป็นที่ถกเถียงในโซเชียล แต่ข่าวฉาวก็ไม่อาจกลบการแสดงของผมได้ อย่างที่เคยบอกไปว่ามิวสิกวีดีโอของเตโชนั้นมีแค่ห้องสีขาว เน้นการซูมเข้าซูมออกบีบเค้นอารมณ์จากตัวนักแสดงหลัก ใบหน้าของจิระโดดเด่นสวยงามขนาดไหน เมื่อทำสีหน้าปานหัวใจสลายจึงไม่ต่างกับการขยี้หัวใจคนดูให้แหลกเหลวเช่นเดียวกัน ทุกการเคลื่อนไหวล้วนตรึงสายตาไม่อาจละจาก เข้ากับเสียงร้องของเตโชอย่างพอดิบพอดี ทั้งที่เป็นมิวสิกวีดีโอที่งบน้อยสุดขีด แต่กลับดึงอารมณ์ร่วมได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในท่อนสุดท้ายของเพลง...แทนที่จะเป็นทำนองคลอจนจบ เสียงดนตรีกลับหยุดลง

ภาพของชายคนหนึ่งที่ยกมือปิดตาและขยับริมฝีปากเชื่องช้า เสียงนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่ผู้ชมกลับคล้ายรู้สึกเหมือนได้ยินคำบอกรักสลักชัดในใจ อ่านริมฝีปากบางที่กระซิบแผ่วด้วยความรวดร้าวปานใจสลายราวผู้สูญเสียตามเนื้อเพลง

เพลง...ที่แต่งเพื่อไว้อาลัยแก่แชมปิญอง

แค่นึกอารมณ์ก็หดแล้ว เอาเป็นว่าแค่ภาพนั้นภาพเดียวของผมถูกแคปกระจายแพร่อย่างกับไวรัส ไม่ว่าจะเลื่อนไปทางไหน หนีเข้าเวปอะไรก็เจอแต่ภาพนี้เด้งขึ้นมาซ้ำๆ จนหลอน ข่าวด้านลบยังมีอยู่ แต่เสียงชื่นชมก็มาก แฟนคลับของเตโชเลือกที่จะสนับสนุนผมมากกว่าต่อต้าน เพราะพวกเขายินดีอย่างยิ่งที่ผมสามารถถ่ายทอดอารมณ์เพลงได้อย่างไร้ที่ติ แต่ถ้าลองอ่านคอมเม้นท์ดีๆ จะพบว่าพวกเธอหลงใหลในหน้าตาของผมเข้าอย่างจังจนพร้อมใจกันมองเมินเรื่องในอดีต

‘ข่าวฉาวน่ะปล่อยให้ฉาวไปเถอะ แต่เชื่อสิว่าไม่มีใครละสายตาไปจากจิตอนนี้ได้แน่ๆ! ไม่มีทาง!!’


ไอ้ที่ควรจะดีใจก็ดีใจไม่สุด ผมถอนหายใจเฮือก ยกมือลูบแก้มตัวเองก่อนจะเผยยิ้มจาง

หน้าตาที่ได้รับมาจากแม่คือสมบัติล้ำค่าที่แม้ผมจะเกลียดขนาดไหนก็มักทำให้พ้นรอดพ้นทุกข์ภัยราวปาฏิหาริย์

ว่ากันว่าคนหน้าตาดีทำอะไรก็ไม่ผิด

จิตรินเคยบอกว่าต่อให้ผมตดในที่สาธารณะก็ไม่มีใครกล้าว่าแถมยังถูกชมอีกต่างหาก

นี่สินะ...อิทธิพลของรูปลักษณ์ภายนอก ถ้าเปลี่ยนผมเป็นจิตริน ต่อให้เขาแสดงดีเท่าผม หรือแสดงได้ดีกว่าผม ผลลัพธ์ก็คงไม่ออกมาแบบนี้แน่นอน!

แต่ผมเกลียดใบหน้านี้ เพราะทำให้นึกถึงแม่ และเกลียดอาชีพดารา เพราะแม่เลือกสิ่งนั้นแล้วทิ้งผมไป

มือที่ลูบแก้มเปลี่ยนเป็นกำแน่น เกือบจะเผลอจิกเล็บจนเป็นการทำร้ายตัวเองเข้าซะแล้วหากไม่เพราะนึกถึงคำพูดของใครบางคนที่ช่วยเตือนสติมาตลอด ผมส่ายศีรษะ สลัดความคิดร้ายๆ ของตัวเองโยนทิ้งไป ก่อนหยิบยาดมมาสูดเฮือกใหญ่ อา...ค่อยยังชั่ว

เมื่ออารมณ์เริ่มกลับเป็นปกติผมก็มองยาดมในมือก่อนจะแค่นยิ้มหึหึ ปฏิญาณกับตัวเองว่าต่อให้ย่ำแย่แค่ไหนก็อย่าหวังว่าจะทำผิดเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีวัน!! ไม่มีทาง!! ฉะนั้น...ขอฝากชีวิตไว้กับเจ้านะเจ้ายาดม ฟืดดด...

พลันเสียงกริ่งดังขึ้น ผมวางยาดม ก่อนจะเดินไปเปิดประตู

“กลับมาแล้วเหรอเจ้าตูบ”

จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่เตโชในชุดไปรเวท สะพายกระเป๋ากีต้าร์เหมือนเพิ่งกลับจากทำงาน อาทิตย์นี้ผมวุ่นๆ กับกองเช็กเมท เตโชเองก็ถูกเรียกตัวเข้าบริษัทบ่อยครั้งเพื่อดูงานเรื่องมิวสิกวีดีโอก่อนจะถูกปล่อยออกมาในวันนี้ ทำให้ผมไม่ต้องทำข้าวเที่ยงเผื่อเขา ส่วนเรื่องรับส่ง...ก็ยังดีที่ทางค่ายเพลงรู้แล้วว่าการปล่อยเตโชออกท่องโลกกว้างคนเดียวนั้นอันตรายแค่ไหน จึงมีรถมารออยู่ด้านล่างตลอด ไม่ต้องลำบากผม เพราะบริษัทของเขากับของผมน่ะคนละที่กัน หลังมิวสิกวีดีโอตัดต่อเสร็จเตโชก็ไม่มีธุระกับเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์แล้ว

“เต้าหู้ทรงเครื่อง ไก่ทอดเกลือ ยำไข่ดาว...”

ดูเจ้าตูบนี่สิ เจอหน้ากันทักทายไม่เคยมี พูดแต่ชื่อเมนูอาหารอยู่นั่นแหละ

“ฉันทำแล้วน่า” ผมบ่นก่อนจะเปิดประตูเชื้อเชิญผู้หิวโหยที่แทบจะปราดไปนั่งประจำตรงโต๊ะอาหารทันที วันนี้ผมกลับบ้านเร็วหน่อยเลยเตรียมอาหารไว ผิดกับเตโชที่หลังจากนี้คงงานเข้า เพราะกระแสตอบรับออกมาดีเกินคาด งานโชว์ตัวงานดนตรีตามร้านต่างๆ ต้องดึงตัวเขาไปแน่ๆ

 “เล่าเรื่องแชมปิญองให้ฟังหน่อยสิ” ผมคงจะเสียสติไปแล้วที่ถามเรื่องนี้ขึ้นมา แต่มันก็ค้างคาในอกชะมัด ตอนแสดงน่ะไม่อยากฟังกลัวเสียอารมณ์ แต่ในเมื่องานออกมาดี ผมก็ชักอยากรู้เบื้องลึกเบื้องหลังการแต่งเพลงนี้ของเตโชเหมือนกัน

คนหน้ามึนที่เคี้ยวข้าวแก้มตุ่ยมองผมอย่างประหลาดใจ ก่อนจะหยิบสมุดจดสำหรับฉีกได้ขึ้นมาเขียนยุกยิก เตโชมักพกสมุดตลอดเวลา สำหรับจดเพลงและฉีกทิ้งทันทีหากไม่พอใจ และแน่นอน...ว่าลายเซ็นผมก็อยู่ในนั้นด้วย

“นี่แชมปิญอง” เตโชชี้วงรีเรียวเล็กเหมือนเม็ดข้าวที่มีเส้นแฉกขีดออกมาเหมือนขาสี่ขา ถ้าไม่รู้มาก่อนผมคงเดาไม่ออกว่านั่นคือ...จิ้งจก “นี่คือเข็มทอง”

ผมถึงกับหยิบยาดมมาถือเมื่อเห็นว่าข้างๆ แชมปิญองมีวงรีคล้ายๆ กันถูกวาดพร้อมกับรูปหัวใจระหว่างทั้งคู่

“แชมปิญองกับเข็มทองคือคู่รักกัน?”

เตโชพยักหน้ารับ ผมอยากจะถามออกไปชะมัดแล้วเขาไปรู้เรื่องความรักของจิ้งจกได้ยังไง แต่เตโชตั้งอกตั้งใจวาดอย่างมุ่งมั่นจนต้องกลืนความสงสัยลงคอ

“เข็มทองตาย?” ผมคาดคะเนจากภาพวาดที่จู่ๆ ข้างกายเข็มทองก็มีรูปไม้กางเขนเหมือนหลุมฝังศพ

“โดนเหยียบตาย”

“ใครเหยียบ”

เตโชชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง โด่ ไอ้ฆาตกร!!

“แล้วแชมปิญองล่ะ ตายเพราะอะไร” ผมถามเตโชเมื่อเขาก้มหน้าก้มตาวาดหลุมฝังศพข้างๆ แชมปิญอง นี่มันโศกนาฏกรรมความรักชัดๆ!

“ตรอมใจ” เตโชเอ่ยเสียงเรียบ แต่แววตาเผยประกายหม่นเศร้า

จิ้งจกตรอมใจตาย? เกิดมาผมไม่เคยได้ยิน...

“นายรู้สึกผิดที่เหยียบเข็มทองตาย จนแชมปิญองตรอมใจ ก็เลยแต่งเพลงนี้เป็นอนุสรณ์ความรักของทั้งคู่เหรอ”

“ใช่” เตโชพยักหน้ารับ ก่อนจะมองผมอย่างชื่นชมศรัทธา คาดว่านี่คงจะเป็นครั้งแรกที่มีคนเข้าใจความหมายแสนลึกซึ้งในเพลงของเขา...ถุย! ถ้าแฟนคลับรู้เข้าไม่ร้องไห้น้ำตานองเลยเหรอ เพ้อเป็นบ้าเลยเตโช แชมปิญองอาจจะหมดอายุขัยพอดีก็ได้ นายมโนเอาเองใช่มั้ยว่าสองตัวนี้รักกัน และแชมปิญองเศร้าจนตรอมใจน่ะ!

เห็นแก่ประเทศชาติ เห็นแก่พรสวรรค์ที่แต่งเพลงจนโด่งดังด้วยจิ้งจกสองตัว จิระคนดีจึงเลือกเก็บคำด่าทอไว้ในใจแม้จะรู้สึกสมเพชเวทนามากก็ตาม

“ส่วนเพลงก่อนหน้านี้...”

“โอ๊ย พอเถอะ ฉันขอรู้แค่เพลงนี้ก็พอแล้ว!” ผมรีบยกมือห้ามเตโชที่พลิกกระดาษเตรียมวาดต่อ เขาเองก็ว่าง่าย เก็บสมุดแล้วกินข้าวต่อจนหมดเกลี้ยงตามประสาเด็กหนุ่มผู้หิวโหย มองเตโชที่เก็บจานเข้าครัวไปผมก็ทรุดนั่งตรงโซฟา หมดเรี่ยวแรงราวพลังงานเหือดหาย

ก็ยังดีที่ช่วงเข้ากองในอาทิตย์ค่อนข้างราบรื่นมาก เพราะอัครเดชไม่ได้ติดใจสงสัยผมอีกตามที่พูด เขาเป็นคนที่ใจแมนมากคนหนึ่งสมแล้วที่จิตรินยกย่องนับถือ พูดจริงทำจริง ผมเลยพอหมดกังวลไปบ้าง จะติดก็แต่ธนัทที่ยังตามไล้ตามขื่ออย่างน่ากลัวอยู่ไม่น้อย แต่รายนี้ยังพอรับมือไหว ที่น่ากลัวน่ะคือพาย...ที่จนตอนนี้ผมก็ยังอ่านท่าทางเขาไม่ออก!

จิตรินทำอะไรพาย

แล้วพายคิดยังไงกับจิตรินในร่างของผมตอนนั้น

ปวดขมองชะมัด!

พลันเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมสูดหายใจเฮือกเมื่อเห็นชื่อปลายสาย รู้สึกได้ถึงลางวิบัติอยู่รำไร

“มีอะไร”

(( ยินดีด้วยครับคุณจิ เพลงของเตโชประสบความสำเร็จมาก มีรายการติดต่อขอสัมภาษณ์พวกคุณสองคนหลายรายการ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมต้องคัดพิเศษให้รายการของบริษัทเรามาก่อน ยิ่งเร็วยิ่งดี แต่พรุ่งนี้คิวเตโชกับคุณไม่ว่าง ถ้ายังไง มะรืนนี้.... ))

“ไม่รับ ฉันไม่รับ!” ผมโวยวาย ถูกเชิญไปนั่งคุยเรื่องแชมปิญองกับเข็มทองน่ะเหรอ ไม่เอาโว้ย!

(( ผมรับปากทางนั้นไปแล้ว ถ้าคุณอยากปฏิเสธ ก็โทรไปคุยกับรายการเองแล้วกันครับ ))

“งั้นเอาเบอร์มา” อย่าคิดว่าครั้งนี้ผมจะยอมถอยให้เขาง่ายๆ อย่าหวังเลยคมสัน!

(( หาเองสิครับ ))

ผมแทบหน้าทิ่มพื้น เดี๋ยวก่อน เล่นแบบนี้ก็ได้เหรอ!?

(( ถ้าทำไม่ได้ วันมะรืนนี้ตอนสิบโมงตรง คุณกับเตโชมาพร้อมกันที่เอ็มเอชเอ็นเลยแล้วกัน จริงสิ เตโชไม่เคยให้สัมภาษณ์มาก่อน คุณคงรู้ว่าเพราะอะไร ตอนแรกบริษัทของเตโชไม่ยอม แต่ผมยืนยันว่าคุณจะทำให้ทุกอย่างราบรื่นด้วยดี  ทางนั้นเลยไม่มีปัญหา  ))

“ฉันไง ฉันไงที่มีปัญหา!”

(( แล้วเจอกันครับคุณจิระ ))

ปลายสายวางไปแล้ว แต่สติผมยังรั้งกลับมาไม่ทัน นี่มันอะไรกัน มัดมือชกอีกแล้วใช่มั้ย ผมจะปฏิเสธก็ทำไม่ได้เหรอ ไม่สิ ทำได้ แต่ต้องไปหาเบอร์ติดต่อเองเนี่ยนะ ชื่อรายการอะไรก็ไม่บอก นี่มันจงใจโยนให้ผมงมเข็มในมหาสมุทรชัดๆ!

พ่ายแพ้ครั้งที่ N

ยาดมจ๋า ช่วยจิระด้วย

-------

คมสันลาสบอส คิลออลอีกเช่นเคยค่ะ #เมื่อไหร่จิระจะชนะ #จิระผู้เกรี้ยวกราด

ตอนหน้ามาเจอกับการสัมภาษณ์ที่วายป่วงที่สุดในปฐพี พร้อมแฮชแทค #เตโชจิระ ที่จะเกิดขึ้นจริง!

 

ปล.เบิ้มที่ออกมาในตอนนี้คือสามีทางพฤตินัยของคมสันค่ะ สองคนนี้คบกันลับๆ ไม่มีใครรู้ จิตรินก็ไม่รู้เสี่ยก็ไม่รู้ จะได้ไม่เข้าใจผิดว่าคมสันเป็นพระเอกค่ะ 555

 

เพจนักเขียนที่ขออุทิศตอนนี้ไว้อาลัยแก่แชมปิญองและเข็มทอง (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)

ขอให้ทุกคนร่วมยืนไว้อาลัยให้ความรักของทั้งคู่ เป็นเวลา 0.01 วินาทีค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-11-2017 20:49:24
ดมยาดมไปก่อนนะหนูจิ คมสันมันร้าย :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 19-11-2017 20:49:47
จิระไม่มีทางชนะคมสันได้ง่ายๆ แน่ค่ะ แต่จิระควรใช้ประโยชน์จากคมสันเพื่อหาเงินดีกว่านะคะ ^^
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 19-11-2017 20:50:23
อดใจรอการออกสัมภาษณ์ของทั้งคู่ไม่ไหวแล้วจ้า จะป่วงขนาดไหนน่อ แต่ที่มาของเพลงดังก็ เฮ้อ....  :m20:
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 19-11-2017 20:51:08
ตอนวัยรุ่นติดยาเพราะหลงผิด พอกลับตัวกลับใจวัยทำงานติดยาดม  :mew4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-11-2017 20:54:33
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-11-2017 21:18:18
 :m20: :jul3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 19-11-2017 21:32:17
55555 คมสันนี่แสบสุดล่ะมั้ง ไม่ว่าใครต่อใครก็อยู่ในกำมือเฮีย แม้กระทั่งเสี่ย 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 19-11-2017 21:55:49
ก็ยังคงความสงสารจิระไม่เปลี่ยน มาเจอเรื่องราวรักสุดเศร้าจากหมาหน้าซื่อเตโชแล้วยังจะมาเจอลาสบอสสุดโหด เมื่อไหร่จิจะชนะกันเล่าาาา555555 รอแฮชแท็กคู่ รอว่าจิระจะปวดหัวขนาดไหนเลยยยย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 19-11-2017 22:13:47
สงสารแชมปิญองงง  :z3:
คุณสันเป็นเคะหรอเนี่ย หึหึ คนร้ายกาจอย่างคุณสันยอมพี่เบิ้มคนเหล็กหรอเนี่ยย  ตอนแรกยังแอบสงสัยว่าพี่เบิ้มกับคุณสันใครกดใคร 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 19-11-2017 23:01:21
จิระคงต้องทำใจ ยังไงก็สู้คมสันไม่ได้ พึ่งยาดมต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 19-11-2017 23:25:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-11-2017 23:52:45
ขอร่วมไว้อาลัยให้กับเข็มทอง จิ้งจกที่ถูกเตโชเหยียบตาย ไปสู่สุขคตินะ  :amen:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 20-11-2017 00:23:05
โอ๊ย ตอนหน้าไม่รู้จะมันส์ขนาดไหน จิระจะฝึกเจ้าตูบได้ระดับที่พูดรู้เรื่องรึป่าวววนะ 5555
อยากอ่านๆๆๆ มาต่อไวไวนะคะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 20-11-2017 01:10:13
ชอบเจ้าตูบเตโชเป็นน้องหมาที่หิวโหยตลอดเวลามาก คมสันเป็นลาสบอสที่แข็งแกร่งมากค่ะไม่มีใครจะล้มฮีได้จริงๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 20-11-2017 01:35:45
สุดท้ายก็โดนจนได้...
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 20-11-2017 10:20:54
ใส่ตัว อินฟิตี้ เข้าไปด้วยดีไหมคะ

ผ่านแพ้แบบไม่สิ้นสุด 55555

หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 20-11-2017 17:38:36
 :m20:จิระนายอย่าคิดต่อกรกับคมสัน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 20-11-2017 18:14:25
ฮาาาาาาาาาาาาา จะเก่งมาจากไหนเอาตัวรอดมาได้ทั้งวัน มาเจอคุณคมสัน ที่เดียว จอด!!!
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: Mod40 ที่ 20-11-2017 18:40:14
เข็มทองอาจจะตั้งท้องอยู่ก็ได้นะคับเตโชฆาตกร!!! :m15:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 20-11-2017 20:26:33
แชมปิญองและเข็มทอง :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: ObliVioN69 ที่ 20-11-2017 21:27:30
คมสันที่ว่าร้ายกับระทวยให้พี่เบิ้มหรอนี้ อู้วววว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 20-11-2017 22:00:27
อยากให้เช็กเมททำเป็นซีรี่ส์จริงๆอ่ะ อยากดู  :ling1: :ling1: ฮืออออออ
จินี่ติดยาดมไปละ เอะอะสูดเอะอะสูด สปอนเซอร์อย่างเป็นทางการก็คือ ยาดมมมม

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: corn_rain ที่ 21-11-2017 08:33:18
เด๋วๆๆๆเรื่องเบิ้มกะคมสันนี่จิงป่ะเนี่ย
ตอนนี้ติดใจมากนะ :katai1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 22-11-2017 18:42:50
รอรอรอจ้า
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 22-11-2017 22:01:03
พ่อเตโช คนอ่อนไหววว
โถ่ เข็มทองไม่น่าเลย
คนบ้าอะไร เหยียบจิ้งจกตาย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 23-11-2017 06:10:23
ขาดยาดมน้องจิจะทำยังไงนิ สูดดังเฮือกเลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 24-11-2017 19:17:23

ตอนที่ 6

การสัมภาษณ์สุดอลหม่าน

 



ผมยืนตัวสั่นอยู่หลังฉาก เพราะเพิ่งรู้ตอนมาถึงบริษัทพร้อมเตโชว่ารายการที่ขอสัมภาษณ์คือรายการยอดนิยมของช่อง โชคดีพิธีกรสาวสวยนั้นค่อนข้างเป็นกันเอง พูดเรื่องผลงานทั้งของผมและเตโชได้อย่างถูกต้องแม่นยำ นับว่าทำการบ้านมาดีมาก ผิดกับเตโช...ไอ้คนที่ไม่รู้จักเตรียมตัวเตรียมการอะไรเลย!!

นึกแล้วแอบเคืองเล็กๆ หลังเปลี่ยนเสื้อแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จเตโชก็กลายเป็นหนุ่มหล่อพร้อมขึ้นไปเดินแบบทันที ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่งแท้ๆ ไอ้ตัวสล็อตที่ตื่นสายจนผมต้องกดกริ่งเรียกอยู่นานสองนานวิวัฒนาการเป็นผู้เป็นคนแล้ว แล้วดูนั่นสิ อิจฉาแขนขายาวๆ ของเขาชะมัด ไม่ว่าจะแต่งตัวยังไงก็ดูสูงชะลูดโดดเด่น เดินคู่กันแล้วนั้น...ผม...ซึ่งสูงเลยไหล่เขามากระจึ๋งนึงมีหวังถูกมองข้ามกันพอดี

“จำไว้นะ หน้าที่ของนายมีแค่เออออเท่านั้น อย่าพูดมากเกินจำเป็น เรื่องแชมปิญองก็ไม่ต้องเล่า!” หลังดมยาดมคู่ใจเรียกสมาธิแล้ว ผมก็หันไปกำชับเตโชที่พยักหน้าหงึกๆ อย่างว่าง่ายเกินคาด ไม่ใช่ว่าเขาเชื่อฟังดี แต่เพราะต่อมหิวโหยนั้นเชื่อมั่นต่อคำสัตย์ของผมว่าเย็นนี้จะทำสุกี้กินกันในห้อง เนื้อหมูเนื้อวัวไม่อั้นตามต้องการ

พลันผมสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงประกาศของพิธีกรที่เริ่มอัดรายการไปก่อนแล้วอันเป็นสัญญาณเปิดตัว

“ขอเสียงปรบมือต้อนรับ จิระและเตโชค่า!”

ผมรีบสะกิดเตโชก่อนจะเดินเข้าฉากด้วยรอยยิ้มนิดๆ แลน่ารักปานเทวดาตัวน้อยในทันที ภาพลักษณ์การออกสื่อครั้งแรกของจิระหลังโดนข่าวฉาวเล่นงานพ่วงนอนโรงพยาบาลนับเดือน คือเด็กหนุ่มท่าทางเจี๋ยมเจี้ยมน่าทะนุถนอม ชวนให้รู้สึกอยากอุปถัมภ์ค้ำชู ขนาดการแต่งกายยังเน้นสีขาว ทำให้ดูตัวเล็กบอบบาง ผิดกับบุคลิกแข็งทื่อของเตโชโดยสิ้นเชิง บางทีผมก็สงสัย ว่าเตโชเคยกลัวอะไรบ้างมั้ย ไม่สิ...มีความรู้สึกอะไรนอกจากความหิวโหยบ้างรึเปล่า เพราะเขาไม่ประหม่าสักนิด มองตอบแฟนคลับด้วยสีหน้ามึนอึน กึ่งๆ จะเข้าถึงง่ายพ่วงไม่แยแสต่อโลกและโชคชะตา ใครให้ทำอะไรก็ทำ คนอื่นจะคิดยังไงก็ไม่สน เป็นตัวของตัวเองได้ดีจนคนแสดงละครมาเกือบทั้งชีวิตอย่างผมนึกอยากต่อยเขาให้เปลี่ยนสีหน้าสักทีสองที

แต่ต่อให้อยากทำก็ทำไม่ได้ เพราะครั้งนี้ผมถูกเชิญมาออกรายการด้วยการพึ่งใบบุญบารมีของเตโชล้วนๆ บรรดาแฟนคลับที่ต้อนรับในห้องส่งก็ล้วนแต่เป็นสาวๆ ที่ชื่นชอบคลั่งไคล้เตโช แต่เดี๋ยวก่อน ‘เตโชxจิระ’ นั่นหมายความว่ายังไงน่ะ...ให้ผมกับเขาสู้กันเหรอ!? จริงๆ คือ ‘เตโชVSจิระ’ ใช่มั้ย!!

อย่า อย่ามองผมเหมือนคนอ่อนต่อโลกขนาดนั้น ผมก็แค่...กำลังหลอกตัวเอง

ตอนหาข่าวเช็กเมทซีซันแรก กระแส ‘อัครเดชxจิระxธนัท’ ก็มีไม่น้อย ผมเลยรู้สึกหน้ามืดเบาๆ เมื่อเจอกับตัวเอง

แต่มีคนรักย่อมดีกว่ามีคนเกลียด การหวนคืนสู่วงการครั้งนี้ยังนับว่าดี เพราะแฟนคลับเตโชสนับสนุนผมเสียส่วนใหญ่ แม้จะเพราะฝีมือการแสดงเป็นอันดับสอง หน้าตาน่าจิ้นเป็นอันดับหนึ่งก็ตาม ฉะนั้น...

ผมลอบกลั้นใจก่อนจะเอื้อมไปจับมือเตโช เขาถึงกับชะงัก มองผมงงๆ ด้วยหน้าตาใสซื่อไร้มลทิน ผมเลยกระซิบบอกเบาๆ ว่า ‘สุกี้’ เท่านั้นแหละ...คนหิวโหยพลิกมือจับหมับ กึ่งลากกึ่งจูงผมไปที่โซฟาสำหรับแขกรับเชิญทันที

“กรี๊ดดดดดด”

เห็นผลตอบรับออกมาดีเกินคาด ผมเลยก้มหน้ายิ้มเขิน ขณะที่ในใจด่ากราด ไอ้บ้าเตโช นายจะเล่นใหญ่ไปเพื่อ!?

พอหย่อนก้นปุ๊บพิธีกรก็ชงอย่างรู้งาน

“แหม เปิดตัวได้เร่าร้อนจริงๆ นะคะ ไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนจะสนิทกันขนาดนี้”

“ก็นิดหน่อยน่ะครับ” ผมยิ้มอายขณะรีบปล่อยมือเตโชคล้ายพยายามปกปิดความสัมพันธ์ชวนคิดลึก ก็ยังดีที่คนหน้ามึนไม่ทำอะไรพิเรนทร์ เพราะเราสองคนต่างพากันทิ้งตัวนั่งโดยเว้นช่องว่างเล็กน้อย การเซอร์วิสแฟนคลับไม่ควรจงใจเกินไป ถี่เกินไป เอาให้พอกระชุ่มกระชวยหัวใจกำลังพอดี

ใช่แล้วครับ ผมกำลังวางแผนปันแฟนคลับเตโชมาเป็นของตัวเอง!

เพราะนี่คือรากฐานสำคัญในการต่อยอดสู่เส้นทางดาราของผมในอนาคต!!

“เอ...เหมือนจะได้ข่าววงในมาว่าเตโชเป็นคนระบุตัวจิระมาแสดงเป็นพระเอกในเอ็มวีเพลง ‘เวลา’ เลยนี่นา ข่าวนี้เป็นความจริงรึเปล่าเอ่ย” พิธีกรสาวถามด้วยรอยยิ้มมีลับลมคมใน

“จริงครับ” ผมตอบพลางทัดผมที่เริ่มยาวของตัวเองไว้ข้างหู เผยให้เห็นใบหน้าหมดจดที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ งัดทุกมารยาไม่มีกั๊ก แม้ปกติผมจะเป็นพวกขวางโลกไม่ชอบปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น แต่ถ้ามีเป้าหมายแล้วล่ะก็...ผมพร้อมจะใช้รูปร่างหน้าตาให้เป็นข้อได้เปรียบ ในเมื่อผมมีข้อดีแค่ข้อนี้นี่นา ถ้าไม่ใช่ให้เกิดประโยชน์ก็ถือว่าพลาดแล้ว! “แต่ทุกคนอย่าเพิ่งคิดลึกเลยครับ เตโชน่ะเป็นแฟนคลับมิสเตอร์เอส ติดตามผลงานผมมาก่อน ส่วนสาเหตุที่เขาเลือกผมเป็นพระเอกเอ็มวีก็เพราะอยากจะเจอตัวแล้วขอลายเซ็นเท่านั้นเอง ไม่ใช่เพราะเคยรู้จักมาก่อนหรือแสดงดีอะไรหรอกครับ”

ผมหลุดหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงกระจ่างใสเป็นกันเอง จนคนฟังอดแก้ตัวแทนไม่ได้

“แต่จิระแสดงเก่งมากเลยนะ เพลงของเตโชว่าสะกดคนฟังแล้ว แต่สีหน้าท่าทางของจิระก็สะกดคนดูให้ยิ่งจมลึกทำให้ตอนนี้ยอดวิวพุ่งสูงหลักล้านทุกวัน ขนาดฉันยังน้ำตาซึมเลย โดยเฉพาะฉากสุดท้าย...มันบาดลึกมากจริงๆ”

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มรับอย่างตื้นตัน แต่ไม่วายหลุบตาเล็กน้อยอย่างไม่มั่นใจ

อืม...ผมชักจะเอียนตัวเองแล้ว

“โธ่ จิระ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เธอแสดงดีมากเลยนะ เตโชก็คิดเหมือนกันใช่มั้ย เป็นคนระบุตัวจิระเองแสดงว่าต้องปลาบปลื้มกับการแสดงครั้งนี้ของเขามากที่สุดสิ”

แม้นั่งเป็นไม้ประดับมานาน เตโชก็สามารถตอบคำถามนั้นได้อย่างว่องไว

“เปล่า”

ตอบ...ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และสีหน้ามึนอึน 

“หวังแค่ลายเซ็น”

ตอบ...แถมยังย้ำความจริงได้ไม่ดูจังหวะเอาซะเลย ผมคิ้วกระตุกเมื่อเกิดเดดแอร์ ยังดีที่พิธีกรสาวยิ้มขำ รีบตบมุกเตโชทันที

“นั่นสิเนอะ ถามคำถามนี้กับแฟนคลับของมิสเตอร์เอสคงเสียมารยาทมาก ตามขอลายเซ็นขนาดนี้จะไม่รู้ฝีมือการแสดงของจิระได้ยังไง แล้วจิระล่ะคะ ตอนได้รับเลือกให้เป็นพระเอกเอ็มวีของเตโชรู้สึกยังไงบ้าง”

“เป็นเกียรติมากครับ” ผมนึกชื่นชมพิธีกรสาวที่พลิกสถานการณ์อย่างยอดเยี่ยม เบี่ยงหัวข้อหันมาถามผมเพื่อหันเหความสนใจได้เป็นธรรมชาติมาก “อันที่จริงผมไม่ค่อยฟังเพลงเท่าไหร่ แต่ตอนได้ตัวอย่างเพลง ‘เวลา’ มา ผมก็ประทับใจในเนื้อหาและเสียงร้องของเตโชมากจนตกลงรับเล่นทันทีเลยล่ะครับ”

เสียงกรี๊ดดังเบาๆ จากกลุ่มแฟนคลับ นับว่าผมกับพิธีกรสามารถกอบกู้สถานการณ์สำเร็จ

เฮ้อ...ค่อยยังชั่ว

“จริงเหรอ” แต่เตโชดันหันมาถามเสียงเรียบอย่างสงสัยจริงๆ ซะงั้น

“จริงสิ ก็เพลงนี้น่ะ...เศร้าและสะเทือนใจมากเลยนี่นา” ผมเอ่ยกับเขาพลางขยิบตาใส่เป็นเชิงว่าอย่าหลุดเชียว เพราะตามสคริปท์แล้วคำถามต่อจากนี้ก็คือ...

“ถ้าพูดถึงเพลงเวลาทุกคนก็ต้องนึกถึงเนื้อหาที่เศร้าสะเทือนใจ ชายที่สูญเสียผู้เป็นที่รัก จนเวลาคล้ายจะหยุดลงตรงนั้น ทุกคนคงสงสัยกันใช่มั้ยคะว่าเตโชที่เพิ่งอายุยี่สิบปี แถมยังไม่เคยมีแฟนมาก่อน ทำไมถึงเขียนเพลงที่เศร้าขนาดนี้ได้ วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกัน!” พิธีกรเกริ่นหัวข้อที่ชวนให้ผมปวดหัวตุบๆ เสียดายชะมัดที่ห้ามพกยาดมเข้าฉาก “เตโชลองแง้มให้ฟังหน่อยสิว่าเพลง ‘เวลา’ ได้แรงบัลดาลใจมาจากไหน จากคนใกล้ตัว หรือตัวเองกันเอ่ย”

ผมขยิบตาใส่เตโชรัวๆ

อย่า...คิด...จะ....พูด...ถึง...แชม...ปิ...ญอง...เชียว...นะ....เฟ้ย!

“ผมเลี้ยงสัตว์สองตัว แต่ตัวแรกตาย” ค่อยยังชั่ว...เพราะเตโชตอบตามที่ซักซ้อมกันไว้ “หลังจากนั้นคู่ของมันก็ตรอมใจตายตาม”

ผมลอบถอนหายใจ เพิ่งรู้ตัวว่าเหงื่อซึมทั่วแผ่นหลังและฝ่ามือ อาการหนักแล้วจิระ จำเป็นต้องลุ้นขนาดนี้มั้ย!

แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ...

“ต้องแสดงความเสียใจกับสัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวของเตโชด้วยนะคะ แสดงว่าเวลาที่ ‘หยุดลง’ ตามเนื้อเพลง ไม่ใช่แค่ความเศร้าเสียใจ แต่เป็นเวลาของคนที่เหลืออยู่ซึ่งกำลังจะหยุดลงจนตรอมใจใช่มั้ยคะ เป็นเพลงที่ลึกซึ้งจริงๆ พอรู้แบบนี้แล้ว ตอนฟังเพลงฉันคงยิ่งสะเทือนใจ”

...เพื่อประชาชนทั้งประเทศที่อินกับเพลงนี้ ผมต้องปกป้องความจริงไว้ให้ได้!

“แสดงว่าสัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวนั้นเตโชต้องรักมากแน่ๆ ถึงแต่งเพลงให้เป็นพิเศษ”

ผมที่เพิ่งถอนหายใจไปหยกๆ เริ่มเกร็งตัวอีกครั้ง มือทั้งสองกุมแน่นอย่างหวาดหวั่น

อย่า...อย่าเชียวนะ อย่าถามคำนั้นออกมา!

“บอกพวกเราได้มั้ยเอ่ยว่าเลี้ยงตัวอะไร”

อ๊ากกกก!!

ในใจกรีดร้องโหยหวน แต่ในความเป็นจริงทุกอย่างคล้ายจะเชื่องช้าลงกะทันหัน ผมได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงอย่างชัดเจน ราวอยู่ในเหตุการณ์ที่ระเบิดเวลากำลังนับถอยหลัง เห็นเค้าลางความวิบัติอยู่ร่ำไร ดวงตาของผมเบิกกว้างเล็กน้อย จับจ้องริมฝีปากของเตโชที่ค่อยๆ ขยับเป็นคำตอบสุดสะพรึง

“จิ้ง...”

“เป็นหมาครับ! เขาเคยเอารูปให้ผมดูด้วย น่ารักมากๆ เลย”

“...จก” เตโชขมวดคิ้วเมื่อถูกแทรกประโยคกะทันหัน ฮึก...เป็นความผิดพลาดของผมเอง! ได้โปรดอย่าโทษผมเลยมวลมนุษย์ชาติ! ผมดันย้ำคำกับเตโชแค่ห้ามพูดชื่อแชมปิญอง แต่ไม่ได้ห้ามเขาพูดถึงสายพันธุ์ของมัน!

ทำไงดีล่ะจิระ นายจะกลบเกลื่อนยังไง จะให้ทุกคนนึกภาพจิ้งจกตอนฟังเพลงนี้ไม่ได้นะเข้าใจมั้ย

“หมาชื่อจิ้งจก กับจิ้งจอกครับ รสนิยมการตั้งชื่อของเขาแย่ใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆ” ผมแก้ตัวสุดความสามารถเท่าที่จะทำได้แล้ว เสียงหัวเราะก็แหบแห้งอย่างแสร้งทำสุดขีด หมดกันวิชาตอแหลที่คมสันยังนับถือ โคตรไม่น่าเชื่อเลยจิระ

“หืม” พิธีกรเลิกคิ้วสงสัย จับความผิดปกติของผมได้ แต่ถึงอย่างนั้น ก็จับความน่าสนใจของเรื่องนี้ได้เช่นกัน “แล้วจิ้งจกหรือจิ้งจอกที่ตายก่อนเอ่ย แล้วตายเพราะอะไรพอจะเปิดเผยได้มั้ยคะหนุ่มๆ”

“จิ้งจกโดนเหยีย...”

“ตัวที่ชื่อจิ้งจกโดนรถเหยียบตายน่ะครับ เป็นอุบัติเหตุที่น่าเศร้ามากๆ หลังจากนั้นตัวที่ชื่อจิ้งจอกก็ตรอมใจ เสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นาน ใช่มั้ยเตโช” ผมรีบเอาศอกถองใส่เอวคนหน้ามึนทันที นั่นเป็นแค่การดึงสายตาเท่านั้น เพราะขณะที่ทุกคนกำลังมองผมหยอกกับเตโชด้วยความปลื้มปิติอยู่นั้น...ผม...ก็แอบ...เหยียบเท้าเตโชใต้โต๊ะ! ทั้งบดทั้งขยี้นิ้วเท้าเขาซ้ำๆ ประหนึ่งการทารุณกรรม ยังดีที่เจ้าตัวไม่ร้องโอดโอยออกมา แต่ก็เปลี่ยนสีหน้าจนพิธีกรไม่กล้าเซ้าซี้ถามอีกเพราะกลัวว่าเตโชจะยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียสัตว์เลี้ยงแสนรักทั้งสองตัว

พระผู้เป็นเจ้าครับ จิระทำสำเร็จแล้ว

จิระช่วยชีวิตทุกคนได้แล้วครับ!!


ผมดื่มด่ำกับชัยชนะที่เล่นเอาหัวใจแทบวาย เตโชแอบมองผมเคืองๆ เล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าว่าอะไรเพราะตามสคริปท์แล้ว เขาจะถูกเชิญให้ออกไปร้องเพลงกลางรายการเพื่อปิดเบรกแรก

“ตอนนี้ทุกคนคงอยากฟังเพลงเวลากันแล้วใช่มั้ยคะ ถ้างั้นขอเสียงปรบมือดังๆ ให้กับเตโชด้วยค่า!”

เตโชเดินเอื่อยๆ ไปที่ฉากด้านข้างซึ่งมีทีมงานจัดเก้าอี้และตั้งขาไมค์ไว้เรียบร้อยแล้ว เขารับกีต้าร์คู่ใจมาสะพายก่อนจะจัดแจงท่านั่งให้เรียบร้อย หลังตรวจสอบเสียงเสร็จ นิ้วเรียวยาวของเขาก็ดีดสายกีต้าร์อย่างตั้งใจ

พริบตานั้นสีหน้าของเตโชเปลี่ยนเป็นคนละคน

เวลาไม่เคยหยุด แต่วันนั้นเหมือนโลกทั้งใบได้หยุดลง

น้ำเสียงยามขับขานบทเพลงเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก ราวกับชายผู้สูญเสียความรักไปตรงหน้า ราวกับเวลานั้นได้หยุดลงจริงๆ

เวลาไม่อาจย้อนคืน แต่ทำไมจนวันนี้ยังวนเวียนไม่จางหาย


ทุกการสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ล้วนถูกสลัดทิ้ง มีเพียงภาพเบื้องหน้าเท่านั้น...ที่สะกดสายตาทุกคนให้จมจ่อไปกับบทเพลง

นับตั้งแต่เสียเธอไป ตัวฉันก็เหมือนนาฬิกาตาย

หัวใจราวถูกบีบจนเจ็บแปลบ

เวลาของฉันไม่มีความหมาย

ผมคล้ายได้ยินเสียงสะอื้นจากคนในห้องส่ง

เมื่อไม่มีเธอ

เมื่อเพลงหยุดลง วินาทีนั้น ทุกคนคล้ายเพิ่งตระหนักรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ราวกับถูกช่วงชิงเวลาไปโดยสิ้นเชิง ไม่สิ...ราวกับถูกดึงดูดไปในห้วงเวลาของเตโช จนพากันนิ่งงันด้วยอารมณ์ที่ยังค้างคาแม้ดนตรีจะจบลงแล้วก็ตาม

แม้จะได้ยินเพลงนี้นับร้อยครั้งตอนถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ แม้จะเคยเห็นความแตกต่างและนึกชื่นชมกับเตโชยามร้องเพลง แต่เมื่อได้ฟังสดๆ ตรงหน้า ขนาดตัวผมเองยังไม่อาจห้ามใจไม่ให้เผลอไผลปล่อยความรู้สึกไปกับการแสดงครั้งนี้ น้ำเสียงของเขา สายตาของเขา สีหน้าของเขา อารมณ์เพลงที่ประทับในจิตใจของผู้ฟังจนรู้สึกเจ็บร้าวและจมดิ่ง เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ก่อนจะกลายเป็นดังขึ้นเรื่อยๆ จากกลุ่มแฟนคลับและตัวพิธีกรเอง

ทว่าเตโชกลับมีสีหน้านิ่งเรียบไม่สนโลกอีกครั้ง คล้ายไม่ยินดียินร้ายกับผลตอบรับใดๆ ราวกับจิตวิญญาณทั้งชีวิตของเขาทุ่มเทเพื่อการร้องเพลงเท่านั้น จนไม่อาจปันความสนใจหรือให้สำคัญกับเรื่องอื่นอีก หรือเพราะแบบนี้...ตอนเขาร้องเพลงถึงได้มีดึงดูดเหลือเกิน ความทุ่มเทนั้นส่งผ่านน้ำเสียงและจับหัวใจคนฟังอย่างร้ายกาจ

เสน่ห์ทุกอย่างในตัวเขาพร้อมทำให้ทุกคนตกหลุมรัก เหมือนที่เขาตกหลุมรักในเสียงเพลง

ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าผมก็ถูกน้ำเสียงนั้นสั่นคลอนจิตใจเช่นเดียวกัน

ให้ตายสิ ใจเต้นไม่หยุดเลย


---------

มาแปะโป้งก่อนสำหรับครึ่งแรกค่ะ สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ มีงานประดังประเดเข้ามาจนต้องเว้นช่วงอัพในสภาพหัวฟู แต่แต่งตอนนี้แล้วดีต่อใจนะคะ เตโชตอนร้องเพลงเนี่ยมีเสน่ห์จริงๆ #เราจะไม่พูดถึงเตโชผู้หิวโหย

นับว่าความพยายามของจิระไม่สูญเปล่า ในที่สุดน้องสามารถปกป้องโลกจากแชมปิญองและเข็มทองได้! ( แชมปิญองคือเห็ด เข็มทองมาจากเห็ดเข็มทอง จะหาว่าเตโชตั้งชื่อไม่คล้องกันไม่ได้นะคะ อย่างน้อยก็สายพันธุ์เดียวกัน )

#จิระผู้เกรี้ยวกราด


ปล.เห็นคนสนใจคู่เบิ้มxสัน คู่นี้มีเป็นตอนพิเศษในเล่มของเสี่ยกับจิตรินนะคะ คู่นี้เขาคบลับๆ เลยไม่มีในเรื่องหลักค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 24-11-2017 19:29:23
เตโช นายไม่ยอมรับมุก นายจะไม่ได้กินสุกี้!!!!! 55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-11-2017 19:36:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-11-2017 19:39:54
 o13

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-11-2017 19:42:55
ภารกิจปกป้องโลก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 24-11-2017 19:47:07
กลุ้มใจกับเตโชแทนจิระเลยจริงๆ  :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 24-11-2017 19:54:54
วงวารจิระ เหนื่อยไหมลูก  :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-11-2017 19:57:30
เอาตัวรอดไปจนได้ จิระเก่งมาก  :laugh: 

เตโชจะมึนไปถึงไหม จิระลำบากอีกนานแน่  :mew5:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 24-11-2017 20:28:49
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 24-11-2017 20:47:55
จิ้งจก จิ้งจอก จิระ ความเข้ากันของตระกูล จ 5555
จะมึนไปไหนเนี่ยย เตโช คนนี้พระเอกจริงๆนะะะะะะะ สงสารน้องจิ กว่าจะได้ครองรักกันไม่รู้ว่าน้องจะต้องหมดยาดมไปกี่โหล ซูดดดด เริ่มรู้สึกอยากดมตาม ไว้ไปหามาดมประกอบการอ่านตอนหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 24-11-2017 21:06:04
 :z3:  สงสารจิระที่สุดดดด 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 24-11-2017 21:24:16
 :mew6:าอดกินสุกี้แน่ๆนายเตโช
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-11-2017 21:44:54
โอ้ย.... เครียดกับเตโชจริงๆ เรื่องแชมฯ กับ เข็มฯ ผ่านไปแล้ว จะทำเรื่องไหนแตกอีกป่ะเนี่ย หลานจินึกเสียว่าเป็นกรรมที่ตามสนองจากเรื่องที่แล้วก็แล้วกันนะ เรื่องที่แล้วหนูก็ป่วนไว้เยอะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 24-11-2017 21:53:09
ดมยาดมจนจมูกพังแล้วมั้งจิ 55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 24-11-2017 22:11:48
ัมภาษณ์เสร็จเมื่อไหร่วานซื้อยาดมให้หนูจิสักลังนะคะ อยู่กับเตโชไม่น่าพอแค่หลอดเดียว แล้วอะไรคือการใจเต้นตอนท้ายคะหนูจิ หนูจะหลงก่อนไม่ได้นะคะลูกไม่งั้นหนูปวดหัวจี๊ดแน่ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 24-11-2017 22:26:05
เหนื่อยแทนจิระเลยค่ะ เหมือนจิระเป็นฮีโร่ผู้กอบกู้โลกเอาไว้ได้
เฮ้อออ เตโชเอ้ยยย อยากรู้ว่าสองคนนี้จะรักกันยังไงแล้ว จิระคงปวดหัวน่าดูเลย55555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 25-11-2017 03:09:56
สัมภาษณ์จบ ยาดมหลอดเดียวจะพอมั้ย เตโชคนซื่อ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 25-11-2017 06:04:21
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
จิเอ้ยยยย มันจะรอดมั๊ยนั่น
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 25-11-2017 09:07:53
เหนื่อยมั้ยจิระ5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 25-11-2017 09:24:19
จิระเป็นพี่เลี้ยงเด็กไปแล้ว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-11-2017 11:28:43
จะได้หม่ำสุกี้มะ55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 25-11-2017 15:17:26
งดสุกี้!! 5555555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 25-11-2017 21:49:41
โอ๊ย  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: taktooza ที่ 25-11-2017 22:17:47
ถ้าหนูจิตเจอเตโชคงฝอยจนเตโชหลับชัว555

//แอบอวยจิXจิต. มันดีย์อ่ะคุณ. น่าร้ากก//มองข้ามหัวเสี่ยไป
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 50% - P.8 - [24/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 25-11-2017 23:34:19
จากเนื้อไม่อั้น มีให้แค่ 3 ขีดพอ

เหอๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 26-11-2017 19:34:33

ตอนที่ 6

การสัมภาษณ์สุดอลหม่าน 100%




“เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการกันแล้ว เมื่อครู่ปิดเบรกกับเพลงของเตโช เป็นยังไงบ้างคะทุกคน”

“เพราะมากค่า!”

“น้ำตาไหลเลยค่า!”

“สะเทือนอารมณ์สุดๆ เลยค่า!”

“เตโชหล่อมากๆ ค่า!”

เหล่าแฟนคลับตะโกนตอบอย่างกระตือรือร้น ขณะคนถูกชมเพียงทำหน้ามึนอึนไม่หือไม่อือจนอดหมั่นไส้ไม่ได้...ผมเหลือบมองคนหน้าตายพลางพยักพเยิดให้เขาโบกมือตอบแฟนคลับบ้าง แต่เขาดันเลิกคิ้วถามอย่างงุนงงไม่เข้าใจ วะ ไอ้บ้านี่!

“นั่นสินะคะ เพราะตรงนี้ก็เหมือนมีใครคนหนึ่งที่เหมือนจะชอบมากเหมือนกัน ใช่มั้ยคะจิระ”

“เอ๊ะ เอ๊ะ” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ ก็โดนถามไม่ทันตั้งตัว เมื่อกี้พิธีกรพูดว่าอะไรนะ ผมไม่ทันฟัง

“อย่าทำไก๋เลยค่ะ เมื่อกี้กล้องของเราจับภาพหน้าจิระตอนฟังเพลงได้ ทั้งอินทั้งเคลิ้ม เอาล่ะ เอาขึ้นจอเลย!”

พลันภาพผมถูกเผยออกมา เรียกเสียงกรี๊ดถล่มทลายส่วนผมอยากจะมุดดินหนีไม่ก็สิ้นชีพตายไปซะตรงนี้ ทำไมถึงได้ทำหน้าซาบซึ้งตรึงใจขนาดนั้นวะ! แถมสายตายังจ้องตรงที่เตโชไม่กะพริบ ราวกำลังเคลิบเคลิ้มหลงใหล ตกอยู่ในเสียงสะกดของเขาอย่างไม่อาจถอนตัว ความจริงแล้วภาพนี้สวยมาก ราวกับภาพโปรโมทละครยังไงยังงั้น เพราะแสงไฟที่หรี่ลงเพื่อสาดสปอรต์ไลท์ไปทางเตโชทำให้ใบหน้าของผมต้องแสงสะท้อนสวยงามราวภาพฝัน ....ราวกับนางเอกที่หลงรักพระเอกหัวปักหัวปำ

“ต๊าย หน้าแดงก่ำเลย”

ผมรีบยกมือปิดหน้าเมื่อพิธีกรสาวชี้นิ้วล้อเลียน ก้มหน้างุดๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก หลักฐานคาขนาดนั้นจะแก้ตัวยังไง โอ๊ย หมดกันจิระ สติหลุดกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว

“ขอ...”

ใช่ๆ ยาดมอยู่ไหน ขอยาดมให้ผมที!

“ขอภาพนี้หน่อย” ผมเงยหน้าพรวดมองเตโชที่สะกิดพิธีกรขอรูปผมเอาหน้าด้านๆ เขาจะเก็บไว้แบล็กเมล์ผมใช่มั้ย อย่าให้เชียวนะ อย่า!

“เตโชขอมาทางเราก็จัดให้ค่ะ เดี๋ยวจะอัดกรอบส่งเป็นของขวัญถึงที่เลย”

ฮือ...โฮ...

“เอาล่ะ กลับมาที่คำถามของช่วงที่สองกันดีกว่า” ยังดีที่พิธีกรรีบกลับเข้าตามสคริปท์ เพราะขืนชงนานกว่านี้ ผมต้องหลั่งน้ำตาอย่างรันทดชีวิตตัวเองแน่ๆ “เห็นว่าเตโชกำลังทำซิงเกิ้ลที่สองอยู่ พอจะแง้มๆ ให้พวกเราฟังได้มั้ยคะว่าเป็นเพลงเกี่ยวกับอะไร อกหักรักคุดอีกรึเปล่า”

“เปล่า” เตโชส่ายหน้า “เป็นเพลงเกี่ยวกับอาหาร”

วินาทีนั้นทั้งห้องล้วนเงียบกริบ

ก่อนจะพากันหลุดหัวเราะพรวดอย่างพร้อมเพรียง ไม่เว้นกระทั่งผมด้วย

“เตโชแต่งเพลงเกี่ยวกับอาหารจริงๆ เหรอคะ”

เตโชพยักหน้ารับ แลงุนงงว่าทำไมทุกคนต้องมองมาด้วยสายตาตลกขบขันขนาดนั้น

“ช่วงนี้กินอาหารอร่อยเยอะ เยอะจนแต่งเป็นเพลงได้”

“ฮั่นแน่ แอบซุกสาวที่ไหนรึเปล่า”

“เปล่า แต่เป็น...”

ผมเหยียบเท้าเตโชไม่ออมแรงอีกครั้ง คราวนี้มาแบบไม่ส่งสัญญาณก่อน เล่นเอาเจ้าตัวสะดุ้งโหยง โชคดีที่มีโต๊ะกั้นขวางระหว่างเราแฟนคลับเลยไม่เห็น แม้ว่าพิธีกรสาวจะเห็นจังๆ ก็เถอะ...

“สองคนนี้แอบมีลับลมคมในกันรึเปล่าเนี่ย”

“จะไปมีได้ยังไงล่ะครับ” ผมยิ้มตอบอย่างไร้เดียงสา ใครกันที่ใช้ความรุนแรง ไม่มีสักหน่อย!

“เพลงนี้เตโชเล็งพระเอกเอ็มวีรึยัง พอจะเฉลยให้พวกเราฟังได้มั้ยคะ”

เตโชพยักหน้ารับ ก่อนจะชี้นิ้วมาด้านข้าง ไอ้เราก็มองเลยตัวเองไป มีดาราอีกคนแอบอยู่รึเปล่านะ เอ...ก็ไม่มีนี่หว่า

“จิระไม่ต้องมองหาหรอกคะ เตโชก็ชี้จิระนั่นแหละ!”

“จะขอลายเซ็นอีกแล้วเหรอ!?” ผมลุกพรวด เป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติที่ไม่ทันคิด แค่นึกภาพเขาจะตามไล่ขอลายเซ็นระหว่างถ่ายทำมิวสิกวีดีโออีกก็สยองแล้ว ขอเถอะอย่าได้เจอะได้เจอกันในที่ทำงานอีกเลย!

พลันทั้งห้องหัวเราะลั่นยิ่งกว่าตอนเตโชบอกว่าจะแต่งเพลงเกี่ยวกับอาหารซะอีก ผมได้สติ รีบทิ้งตัวนั่งอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวทันที...

ขนาดเตโชยังคล้ายจะอมยิ้มน้อยๆ

อา...ภาพลักษณ์น่ารักน่าทะนุถนอมที่เพียรสร้างให้คนสงสารในตอนแรก...ไม่เหลือกระทั่งเศษหน้าให้เก็บแล้ว

“แบบนี้เราจะได้เห็นจิระในชุดทำครัวรึเปล่าคะเนี่ย แค่นึกก็ใจสั่นแล้ว”

แต่ผมใจเสีย! ให้เป็นพระเอกมิวสิกวีดีโออกหักเกี่ยวกับอาหารงั้นเหรอ ทำไมผมสังหรณ์ใจชอบกลว่าไม่ใช่เรื่องดี...

ผมเหล่มองเตโช หาพิรุธจับผิด แต่เจ้าตัวจ้องกลับหน้ามึน เหมือนคิดไว้อยู่แล้วว่าเพลงนี้ยังไงผมก็ต้องเล่น!

...เพราะไอ้อาหารอร่อยที่ว่าคงไม่พ้นฝีมือของจิระคนนี้นี่เอง

“เรื่องชุดทำครัวผมไม่รู้หรอกครับ เพราะผมก็เพิ่งรู้วันนี้เองว่าโดนจองตัว” ผมตอบพิธีกร แอบหวั่นใจกลัวจะโดนหาว่าผูกสิทธิ์ขาดในการเป็นพระเอกมิกสิกวีดีโอของเขามั้ยเนี่ย

“ถ้าอย่างนั้นฝากผลงานล่วงหน้ากันหน่อยสิคะเตโช จิระ”

“ขอบคุณครับ” เตโชตัดบทเหมือนจะจบรายการแต่เพียงเท่านี้ ผมเหวอมาก รีบเสนอหน้าฝากเนื้อฝากตัวทันทีแม้ในใจลอบคัดค้าน

“ขอฝากผลงานมิวสิกวีดีโอเพลงใหม่ของเตโชด้วยนะครับ แล้วก็ฝากแทนหมอนี่ด้วย” ผมชี้นิ้วใส่เตโชที่พยักหน้าน้อยๆ เหมือนชมเชยว่าผมพูดแทนได้ดีมาก วะ ไอ้บ้านี่!

เรื่องลุ้นๆ ผ่านพ้นไป ความจริงถ้าไม่นับแชมปิญองกับเข็มทอง ก็ไม่มีอะไรมาสั่นคลอนความหวาดผวาของผมได้อีกแล้ว...ฉะนั้นแม้จะโดนถามเรื่องผลตอบรับที่ออกมาดีเกินคาด กับแฟนคลับที่ตามสนับสนุน เบื้องลึกเบื้องหลังการทำงาน ผมก็ตอบคำถามได้โดยไม่หลุดมาดอีก

จนกระทั่ง...

“จิระคิดยังไงกับกระแสคู่จิ้นคะ”

“ก็น่ารักดีนะครับ” ผมตอบเป็นกลาง ส่งยิ้มน้อยๆ ให้แฟนคลับของเตโช...ที่จงเป็นของผมซะดีๆ!

“แล้วเตโชล่ะคะ”

“ก็น่ารักดีนะครับ” เตโชลอกเลียนคำพูดผมหน้าตาเฉย แถมน้ำเสียงยังราบเรียบไร้ส่วนร่วม ทีงี้ล่ะกระตือรือร้นตอบเกินสองคำ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะช่วยพูดบ้างเลย!

“งั้นส่งท้ายรายการแบบเซอร์วิสแฟนคลับหน่อยสิคะ”

“แบบไหนดีล่ะครับ” สมองผมว่างเปล่า นี่มันนอกสคริปท์ชัดๆ ไอ้ที่เซอร์วิสก็ทำไปตั้งเยอะ จับมือเอย เหยียบเท้าเอย...

“แข่งจ้องตากันค่ะ!”

เป็นคำขอร้องที่ง่ายดายมาก ผมหันไปหาเตโช ด้วยความสูงที่ต่างกันทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ส่วนคนหน้ามึนก็ทำตามไม่อิดออด เชื่อเถอะว่าเขาเก่งเกมนี้มาก...มากขนาดที่ว่าผมไม่มั่นใจในตัวเองเลย!

ถ้าจ้องตาเฉยๆ ก็น่าเบื่อเกินไป เพราะคงหวังให้เตโชถอนตัวไปเองไม่ได้แน่ๆ ผมเลิกคิ้ว แลบลิ้น ถลึงตาใส่ แต่ทุกอย่างไหงเหมือนกับตอนเกรี้ยวกราดใส่เขาอยู่เป็นประจำซะงั้น ผมท้อแท้สุดขีด ขณะที่กำลังคิดว่าจะพูดยอมแพ้นั้นเองเตโชก็ค่อยๆ ยกมือขวาตั้งฉากบังหน้าตัวเองจากกล้อง

“...?”

ผมเอียงคอมองเขาอย่างงุนงง

เตโชไม่หือไม่อือ แต่เงยหน้าขึ้นเชื่องช้า เผยยิ้มบาง หรี่ตา แล้วทำหน้าอิ่มเอมเหมือนสล็อตกำลังยิ้ม

“อุบ!” ผมหลุดหัวเราะพรวด น้ำลายกระเด็นใส่คางเตโชที่เปลี่ยนมาทำหน้าตายได้ไวยิ่งกว่ารถเมล์สายแปด พิธีกรเข้ามาแทรกกลางระหว่างพวกเรา ดึงมือเตโชออกพร้อมกระทืบเบาๆ อย่างแสนเสียดาย

“อะไรกันคะ เมื่อกี้เตโชทำอะไร”

“ฮ่าๆๆ!” ผมเอาแต่หัวเราะจนไม่สามารถตอบคำถามได้ ผลสุดท้ายเลยกลายเป็นปริศนาประจำรายการ ให้ผู้ชมคาดเดาว่าทำไมผมถึงขำหนักขนาดนั้น

หลังถ่ายทำเสร็จ ผมซึ่งหัวเราะจนน้ำตาเล็ดก็ระลึกได้ว่าควรจะสะสางเรื่องงานที่ยังไม่ได้รับปาก

เค้นคอกับไอ้สล็อตคงไม่รอด ผมหยิบโทรศัพท์ที่ไม่ได้พกติดตัวเข้าฉากโทรหาคมสันทันที

(( มีอะไรหรือครับคุณจิระ ))

“นายรู้แต่แรกใช่มั้ยว่าเตโชให้ฉันเป็นพระเอกเอ็มวีเพลงต่อไป” ผมถามเสียงเบาเพราะกลัวใครได้ยิน เนื่องจากยังอยู่ในห้องแต่งตัว มีทีมงานเดินเข้าออกตลอดเวลา รวมทั้งตัวเตโชเองที่มาเปลี่ยนเสื้อจากชุดไปรเวทเป็นชุดนอน...

(( ใช่ครับ คุณเตโชติดต่อทางเราตั้งแต่สองวันก่อน ผมเลยตอบตกลงทันที ))

“ถึงนายเป็นผู้จัดการ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะตอบตกลงแทนฉันได้นะคมสัน!” ผมกัดฟันอย่างโมโหโกรธา เตโชไปติดสินบนคมสันเข้ารึไงเขาถึงได้ขยันส่งผมประเคนให้เหลือเกิน

(( แล้วถ้าผมบอกก่อน คุณจิจะรับมั้ยครับ ))

“ไม่!”

(( แล้วถ้าเป็นตอนนี้ล่ะครับ ))

“จะไปไม่...ได้ยังไงกันเล่าปัดโธ่!” ผมกุมขมับ นึกย้อนถึงการสัมภาษณ์เมื่อครู่ที่ฝากฝังผลงานล่วงหน้าซะดิบดี แฟนคลับรอชมกันขนาดนี้ขืนพลิกลิ้นมีหวังถูกรุมประณาม

(( คุณจิไม่ได้ตั้งใจเกาะกระแสของเตโชหรอกเหรอครับ ถ้าใช่ ผมเห็นด้วย และยินดีสนับสนุน แต่ถ้าไม่ใช่...คุณก็ควรพิจารณาดู ตอนนี้ซีรีส์เช็กเมทยังฉายไม่ถึงตอนของซีเคร็ท ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อคุณรับบทเป็นตัวร้ายจะออกมาเป็นยังไง ฉะนั้นการที่คุณสั่งสมความชื่นชอบตรงนี้จากกลุ่มแฟนคลับของเตโชนับว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะพวกเขาหรือเธอพร้อมจะเปิดใจรับคุณไม่ว่าจะในบทบาทไหนก็ตาม ขอเพียงคุณออกงานกับเตโชบ่อยๆ ก็พอ ))

คมสันพูดได้ตรงใจผมมาก

“ฉัน...คิดไว้อยู่แล้วล่ะน่า!”

(( แล้วทำไมคุณถึงไม่เห็นด้วยที่ผมตอบตกลงล่ะครับ )

“ก็...” ผมกลอกตา ก่อนจะเหลือบมองเตโชที่หลังเปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วก็นั่งรอผมกลับด้วยกันโดยการดีดกีต้าร์เล่นเพลงเพลงหนึ่ง


ดูสิ ดูดวงจันทร์นั้นสิ ดวงจันทร์ดวงนั้นกินได้มั้ย จะเหมือนข้าวที่เธอทำรึเปล่า

รสชาติจะคล้ายแกงส้มชะอมไข่หรือไม่นะ แล้วมีปลาทูทอดมั้ย น้ำพริกกะปิล่ะมีรึเปล่า

ดูสิ ดูโต๊ะที่ว่างเปล่าสิ มันเคยมีข้าวผัดหมูของเรา ไก่ทอดของเรา ไข่เจียวของเรา

ต้มยำกุ้งที่ฉันเคยชมว่าอร่อยนัก แกงจืดที่ฉันยกซดไม่ยอมแบ่ง กะหล่ำปลีทอดน้ำปลาที่ฉันติดใจ

แต่เธอเล่าหายไปไหน หรือฉันไม่สำคัญ จึงไม่ได้นั่งกินด้วยกันกับเธอ



ยัง...ยังไม่จบอีก

เมื่อเห็นว่าผมคุยธุระไม่เสร็จ เตโชก็ร้องท่อนแยกต่อในจังหวะช้าลงกึ่งโหยหวนปานใจจะขาด


วันที่ฉันล้า ใครจะเติมพลังงานให้มีกำลัง

วันที่ฉันไม่สบาย ใครจะทำข้าวต้มให้หายป่วย

วันที่ฉันเหงา ใครจะเรียกให้กินข้าวด้วยกัน

ขาดเธอคนดีนั้น ตัวฉันจะมีชีวิตอย่างไร โปรดตอบที


เพลงจบ แต่เตโชยังนิ่งงันราวจมอยู่ในเนื้อเพลง เขาเผยดวงตาสั่นไหวปานใจจะขาดจริงๆ

“ได้ยินมั้ยคมสัน” ผมถามเสียงห้วน แม้จะพอเดาได้ว่าเขาคงเอาเรื่องของผมมาแต่งเป็นเพลง แต่คิดไม่ถึงว่าจะยกทำนองและเนื้อร้องที่เคยร้องให้ฟังตอนเกือบชวดน้ำพริกกะปิมาเกือบทั้งดุ้น แถมยังออกมาเพราะติดหูอีกต่างหาก!

เป็นไปได้ยังไง! ทำไมปลาทูทอด น้ำพริกกะปิ ข้าวผัดหมู ไข่เจียว ข้าวต้ม ถึงกลายเป็นเพลงอกหักรักคุดสุดสะเทือนใจชวนท้องร้องได้!

(( ผมว่าเพลงนี้ดังแน่ครับคุณจิระ ดีแล้วที่ตกลงรับเล่น ))

“แต่...เพลงมันไม่เท่เลยนะ!”

(( ผมมีธุระกะทันหัน ขออนุญาตวางสายก่อนนะครับ ))

คมสันหนีไปแล้ว ทิ้งกันได้ลงคอ

ผมเก็บโทรศัพท์แล้วรู้สึกน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะเมื่อหันไปเห็นเตโชที่เริ่มร้องเพลงเดิมซ้ำไปซ้ำมา ย้ำเข้าไปสิ ตอกย้ำเข้าไป แล้วปฏิเสธได้มั้ย ก็ไม่ได้ไงล่ะปัดโธ่!

โอเค...ผมยอมรับเรื่องความคิดสร้างสรรค์ของเขา ชื่นชมในพรสวรรค์และเสียงร้อง แต่ถึงอย่างนั้น...ก็เห็นอนาคตเลยว่าเพลงนี้ต้องถูกนำมาดัดแปลงล้อเลียนอย่างสนุกปากในโซเชียลอย่างแน่นอน แล้วมีหรือพระเอกมิวสิกวีดีโออย่างผมจะไม่โดน อุตส่าห์เปิดตัวด้วยการฝีมือการแสดงและใบหน้าโดดเด่นจับตา สุดท้ายไม่วายถูกนำมาตัดต่อกับอาหารสารพัดชนิด!

และยิ่งวิบัติหากเพลงนี้ถูกปล่อยออกมาพร้อมซีรีส์เช็กเมทฉายตอนของซีเคร็ท...

ความเท่ ความลึกลับ ความลุ้นระทึกทั้งหมดคงถูกสารพัดเมนูบดขยี้ไม่มีชิ้นดี

เพียงนึกน้ำตาก็แทบไหล

อยากกระทืบเตโชเหลือเกิน!!

 ----------

เย็นวันนั้น ผมชี้นิ้วให้เตโชตั้งเตาไฟฟ้ากลางห้อง ก่อนจะหิ้วหม้อใส่น้ำเปล่าวางด้านบน

คนหน้ามึนขยันขันแข็งพร้อมเป็นลูกมือมาก แต่ก็แค่ชั่วครู่เท่านั้น เพราะทันทีที่เห็นผมถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาสองซอง เขาก็เผยสีหน้างุนงงและไม่เข้าใจ

“สุกี้?”

“ไม่มีหรอกเฟ้ย!” วันนี้ทำเรื่องไว้เยอะยังจะมีหน้ามาทวงสุกี้อีก ผมเกรี้ยวกราดหนักมาก ฉีกกระชากซองบะหมี่เทใส่น้ำต้มเดือดอย่างโมโหหิว ก่อนจะส่งให้เตโชบีบเครื่องปรุงแทนเพราะกลัวมือเลอะพริก

คนหน้ามึนไม่หือไม่อือ ไม่คัดค้านหรือทักท้วง ทำตามคำสั่งดีเยี่ยมจนน่าแปลก เป็นไปได้ว่าเขากลัวผมองค์ลง ลุกขึ้นตวาดชี้นิ้วไล่เขาออกจากห้อง จึงพลีกายเป็นข้าทาสในเรือนเบี้ยไม่ขัดขืน

ห้านาทีผ่านไป เส้นสุกกำลังดี ผมตักแบ่งกับเขาคนละครึ่ง พอหยิบช้อนส้อมเตรียมจ้วงก็มาสำนึกได้ว่า...เตโชอดสุกี้ ผมก็อดด้วยนี่หว่า!

แล้วยังต้องมากินอาหารสิ้นคิดด้วยกันอีก!

มันใช่เหรอจิระ มันใช่วิธีที่ถูกต้องเหรอ!!!

ผมรีบคว้ามือคนหน้ามึนก่อนที่เขาจะจัดการอาหารเย็นจนหมดชาม หยิบส่วนตัวเองและของอีกฝ่ายเทใส่หม้ออีกครั้ง เปิดไฟอ่อนๆ ก่อนจะลุกไปหยิบผัก เต้าหู้ ไข่ไก่ วัตถุดิบที่สุกง่ายกันเส้นอืดมาผสมรวมแล้วคนๆ อา...ค่อยยังชั่ว อย่างน้อยก็ไม่ขาดสารอาหารเกินไป

หลังตักแบ่งใหม่อีกครั้งผมก็ส่งชามให้เตโชด้วยสีหน้าพออกพอใจกับผลงาน

“ยิ้มอะไร อดสุกี้แล้วยังจะมายิ้มอีก!” ผมถามเตโชที่แอบอมยิ้มตอนรับชาม รู้แล้วว่าทำไมตอนแรกเขาถึงว่าง่าย ก็เพราะมัวแต่ขำอยู่ในใจน่ะสิว่าจิระคนนี้ช่างรู้ตัวช้าเหลือเกิน เกรี้ยวกราดใส่คนอื่นทั้งที่ตัวเองก็อดไปด้วย!

ผมสูดเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเสียงดังอย่างฉุนเฉียว แอบเหล่เล็กน้อยตอนเตโชแบ่งเต้าหู้กับไข่แดงส่วนของตัวเองให้ มาทำมีน้ำใจอะไรตอนนี้ คิดว่าผมจะยกโทษให้เขาที่พูดคำว่าจิ้งจกรึไง แล้วยังเพลงใหม่บ๊องบวมนั่นอีก ผมไม่ยอมยกโทษให้ง่ายๆ หรอก!!

คิดไปก็ซดน้ำซุปไป ก่อนจะได้ยินเสียงร้องเพลงดังแว่ว

“ฉันอยากกินสุกี้ เธออยากกินมาม่า ไม่เป็นไร ฉันจะตามใจเธอ”

“ตามใจบ้าบออะไรล่ะ ฉันไม่ได้อยากกินมาม่า!” ผมเหวใส่คนหน้ามึนที่ร้องเพลงเหมือนโบ้ยความผิดให้ผมซะงั้น

“ไม่เป็นไร มาม่าก็อร่อยเหมือนกัน อร่อยเพราะเธอทำ รสชาติเลิศล้ำที่สุดในปฐพี”


ผมเบะปาก อดพูดขัดออกไปไม่ได้

“ไม่ต้องมาชมเพราะอยากให้ฉันทำสุกี้ในวันพรุ่งนี้เลยนะ”

“เส้นนุ่มนิ่ม ผักกรุบกรอบ เต้าหู้เด้งดึ๋ง และไข่ไก่ที่ผสมรวมอย่างน่าทึ่ง อู้หู้ อร่อยจริงๆ”


ผมพยายามกลั้นยิ้ม

“อร่อยมากๆ อร่อยที่สุด อร่อยเหนือคำเปรียบเปรย”

“แล้วไงต่อ”

เตโชชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อผมถามหาท่อนต่อไป

“อร่อยนะ อร่อยจริงๆ อร่อยมากเลย อร้อยอร่อย”

ผมเห็นคนสมองตันกำลังใช้คำเดิมๆ วนไปเวียนมา ความจริงใจอยู่ไหนโปรดบอกที!!

“เออ พรุ่งนี้สุกี้ก็สุกี้ ไม่ได้ทำให้นายหรอกนะ แต่ฉันอยากกินเองต่างหาก!”

เห็นแก่ความพยายามของเตโชผมเลยยอมยกประโยชน์ให้จำเลย ไม่ใช่อะไร...ผมก็อยากกิน จะคิดมากไปไยในเมื่อสุดท้ายก็ต้องทำอยู่ดี

...ขอแค่อย่ามีเพลงใหม่งอกออกมาอีกแล้วกัน!

 

------------

 

เพลงใหม่เตโชน่ารักมั้ยคะ ฟังแล้วหิวเลยใช่มั้ย 555

เรียกว่าของเก่าเล่าใหม่เรียบเรียงให้เป็นเพลงกว่าเดิม เขียนไปท้องร้องไป อยากจะกินฝีมือจิระบ้างจัง ไม่รู้ว่าเทียบกับเสี่ยมโนแล้ว เตโชจะนับว่าเพ้อกว่าเสี่ยรึเปล่า เพราะถึงขนาดออกมาเป็นทำนองเนื้อร้องเลยทีเดียว สงสารแต่จิระที่ต้องรับกรรมกันต่อไป ไม่รู้ทำไมถึงย้อนโดนตัวเองตลอด โธ่ๆๆ

 

เพจนักเขียนที่สนุกสนานกับการแกล้งจิระมากๆ
 (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
#จิระผู้เกรี้ยวกราด
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-11-2017 20:03:07
 :laugh:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-11-2017 20:18:26
 :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 26-11-2017 20:31:47
หิว~~~
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 26-11-2017 20:49:55
โอยยยยยหิวเลย นึกว่าเพลงโฆษณาร้านอาหารซะอีก ฮ่าๆๆ แต่น่ารักนะ ฟรุ้งฟริ้งสุดๆ ขอบคุณมากค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 26-11-2017 21:07:30
ขำเพลงใหม่เตโชจริงๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 26-11-2017 21:08:57
เตโชติดอะไรอะไรจิระ แค่การแสดงกับฝีมือทำอาหารจริงๆเหรอ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 26-11-2017 21:27:13
นังเตโชชชช นังลูกหมาร้ายกาจจจจจ
เก่งมากเลยค่ะที่สามารถเอาชื่ออาหารมาผสมให้มันเป็นเพลงอกหักได้ 555555
จิระก็ใจอ่อนเหลือเกิน หนูต้องใจแข็งอย่าแพ้เพลงติ๊งต๊องของลูกหมาสิๆๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 26-11-2017 22:00:01
หิวข้าวว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-11-2017 22:15:15
ดีนะที่เตโชเป็นพระเอกเรื่องนี้ ถ้าเป็นหนูจิเรื่องโน้น นึกสภาพเตโชไม่ออก เพราะอาชีพหนูจิเรื่องโน้นเขาเป็นสตั้นแมน เตโชจะแต่งเพลงออกไหมอ่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 26-11-2017 22:40:07
แต่งซะอยากนั่งร่วมโต๊ะด้วยเลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 27-11-2017 00:34:45
 :m20:ขำเตโชมากๆเลยอ่ะ ฟังเพลงต้องหิวมากเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 27-11-2017 06:52:21
 :impress2 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 27-11-2017 07:03:31
สนุกไม่แพ้ I am not him เลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 27-11-2017 07:44:12
หิวข้าวขึ้นมาทันที ^^
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 27-11-2017 09:31:04
ขอบคุณจิระมากสำหรับการปกป้อง อันยิ่งใหญ่นี้


หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 27-11-2017 09:37:30
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: หิมะขาว ที่ 27-11-2017 09:51:18
 :m20: ยื่นยาดมให้จิระหนึ่งแพ็ค
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 27-11-2017 12:10:47
จะว่าไปก็อยากเห็นพาร์ทของเตโชบ้างน้า อยากรู้ว่านางคิดหรือรู้สึกอะไรบ้างกับความเป็นอยู่ของชีวิตในแต่ละวัน (นอกจากหิว)  :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 27-11-2017 15:05:47
เพลงอะไรกันนี้ ขำมาก 555555555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 27-11-2017 16:21:45
ฟังแล้วหิว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 28-11-2017 06:15:55
เตโชน่าเอ็นดูจังเลย 55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: สาว801 ที่ 28-11-2017 07:01:13
เตโชทำเพื่อสุกี้ :m20:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 28-11-2017 22:33:16
เตโช้!~~~~  :laugh: :laugh:
เพลงแรกเนื้อหาซึ้งกินใจ แรงบันดาลใจดันมาจากจิ้งจก
เพลงที่สองเป็นเพลงเกี่ยวกับอาหาร โอ๊ยย5555555555
สงสารจินิดๆนะ
รอคิดตามซีรี่ส์เช็ดเมทนะคะ  :mew1:

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 29-11-2017 00:18:01
อิ***(อุทานแรงมาก)  :laugh: :laugh: :m20: :jul3:
น้องเตค่ะลูกหนูเป็นสล็อตที่พี่อดใจกลั้นขำไม่อยู่แล้ว
ส่วนจิระทำดีมากเว่อแบบ Save เจ้าสล็อตน้อยตัวนี้ได้
คุณสันก็ Broken เหมือนเดิมไม่โดน nerf สักที   :hao7::hao7:
ส่วนจิฝอยแรงและดาเมจหนักเหมือนเดิมดีนะแค่รับเชิญไม่งั้นนี่หนูจิระตายไม่ได้เกิด  :m20:
วงวารเสี่ยและพี่เบิ้มบทน้อยมากเว่อเหมือนเดิม  :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 29-11-2017 18:20:26
น่ารักมากจ้า อ่านแล้วหิวมาก อยากเห็นเอ็มวี 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 29-11-2017 22:04:04
ตอนยิ้มหน้าสล็อตคงตลกมากจริงๆ ไม่งั้นน้องจิระคงไม่หลุดหัวเราะขนาดนั้น :m20:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 6 : 100% - P.9 - [26/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 29-11-2017 22:39:36
บางทีสกิลการแต่งเพลงมันก็ควรจะใช้กับอะไรที่เป็นประโยชน์มากกว่านี้นะคะเตโช....ฟืดดดดด//สูดยาดมเป็นเพื่อนหนูจิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : 50% - P.9 - [30/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 30-11-2017 21:44:45
ตอนที่ 7

หิวรักฉบับโปกฮา 50%

 

“จิระชอบเตโชเหรอ”

“หา?” ผมที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จอ้าปากค้างเมื่อจู่ๆ ธนัทก็เข้ามาประชิดตัวแล้วสอบถามด้วยสีหน้าเครียดขึง วันนี้พวกเรามีเข้าฉากด้วยกันในตอนที่สิบของเช็กเมท เป็นฉากเปิดตัวแบบเปิดเผยหน้าตาครั้งแรกของซีเคร็ท อีกทั้งยังเป็นการประกาศโค้ดเนมนี้ครั้งแรกของเรื่องอีกด้วย

“เตโชคือคนที่เคยขับรถให้นายวันนั้นใช่มั้ย ฉันจำได้ พวกนายนั่งรถกลับไปด้วยกัน ท่าทางสนิทสนมมากเลยนี่” ธนัทตามเซ้าซี้ไม่เลิก เปิดหน้าจอมือถือให้ผมดูรูปคู่จากรายการสัมภาษณ์ที่ผมกับเตโชดูมีเคมีด้วยกันมากจนน่าตกใจ

โดยเฉพาะภาพตอนผมมองเตโชร้องเพลงราวหลงละเมอเพ้อพกนั่น...เห็นแล้วอับอายเป็นบ้า!

“จะไปใช่ได้ยังไงล่ะ!” ผมตอบพร้อมแย่งโทรศัพท์ธนัทมาลบภาพทิ้งด้วยความอัปยศอดสู พอเห็นท่าทางเคียดแค้นเป็นจริงเป็นจังธนัทก็ถอนหายใจอย่างเชื่อมั่น

“ค่อยยังชั่ว”

ผมมองธนัทด้วยสายตาปลงตก คนคนนี้จะแสดงออกชัดเจนไปไหนกันนะ จริงอยู่ว่ารับมือค่อนข้างง่ายเพราะไม่ว่าเขาจะคิดอะไรก็ล่วงรู้ไปหมด แต่มันน่าลำบากใจอยู่เหมือนกัน ผมอยากบอกเขาชะมัดว่า ‘คนดีในโลกนี้มีเยอะแยะ นายจะตกบ่วงฝอยจนมาลามมาหลุมเกรี้ยวกราดไม่ได้นะ’ แต่ก็พูดออกไปไม่ได้

ได้แต่พยายามทำตัวน่ารังเกียจเผื่อว่าเขาจะตัดใจเร็วๆ

“จิระ รอก่อนสิ เฮ้!”

ผมเร่งฝีเท้าเดินออกจากห้องแต่งตัวโดยไม่สนใจเพื่อนร่วมงาน เมื่อนักแสดงพร้อมผู้กำกับก็ให้สัญญาณเตรียมถ่ายทำทันที

ฉากเปิดตัวของซีเคร็ทดัดแปลงมาจากตอนที่ผมลองแสดงต่อหน้าคนเขียนบท

แต่เพิ่มรายละเอียดเข้าไปโดยให้ผมต้องปีนป่ายเข้าไปทางหน้าต่างด้วยท่าทางคล่องแคล่วปานสายลับที่ถูกฝึกฝนอย่างดี การเคลื่อนไหวของซีเคร็ทค่อนข้างรวบรัดไม่เอื่อยเฉื่อยเท่ามิสเตอร์เอส แม้จะมีบางมุมที่เผลองอหลังยามไม่สบายใจหรือเครียดขึง อย่างฉากที่แอบบุกรุกบ้านของศัตรูเช่นตอนนี้ เป็นนิสัยที่ติดมาโดยที่ซีเคร็ทเองก็ไม่รู้ตัว

การปีนหน้าต่างราบรื่นกว่าที่คาด ซีเคร็ทซึ่งสวมแว่นตาสีดำแต่เป็นอุปกรณ์ไฮเทคสำหรับมองในความมืดกวาดตามองหาเบาะแสของพาย ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นคอมพิวเตอร์กลางห้อง คราแรก ซีเคร็ทนึกโล่งใจที่ทุกอย่างง่ายดายกว่าที่คาด ทว่าเมื่อเดินเข้าไปใกล้ การย่องเบากลับกลายเป็นการเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าคล้ายตกอยู่ในภวังค์ ไหล่ห่อเข้าหากันเล็กน้อยยามปลายนิ้วไล้ไปตามคีย์บอร์ดด้วยสีหน้ากึ่งเหม่อลอย

พลันประตูห้องถูกเปิดพรวดพร้อมธนัทที่ถือปืนจ่อมายังผู้บุกรุก

ซีเคร็ทรีบถดตัวหลบอยู่หลังคอมพิวเตอร์ ชักปืนออกมาโต้ตอบทันที แต่สายลับที่เพิ่งถูกฝึกฝนในเวลาไม่กี่เดือน เทียบกับธนัทที่บุกน้ำลุยไฟเคียงข้างพระเอกในซีซันหนึ่งย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ ปืนในมือซีเคร็ทถูกยิงทำลายในชั่วอึดใจ พอขยับตัวหมายหลบหนี ศีรษะพลันสะบัดตามแรงกระสุนที่ยิงถากใบหน้าไปอย่างฉิวเฉียด ธนัทไม่ได้ยิงพลาด แต่เขาจงใจยิงขาแว่นเพื่อทำลายอุปกรณ์ปกปิดใบหน้าของคนคนนี้ต่างหาก สังหรณ์ในใจบางอย่างบอกให้ธนัททำแบบนั้น เพราะ...

“มิสเตอร์เอส”

ธนัทเอ่ยเสียงเบาหวิว ปืนในมือลดระดับลงด้วยความตกตะลึงเมื่อซีเคร็ทค่อยๆ หันหน้ากลับมา แม้เส้นผมจะปรกดวงตาอยู่บ้างแต่ใบหน้านั้นเขาไม่มีวันลืมเลือน

“มิสเตอร์เอส!”

“ฉันไม่ใช่มิสเตอร์เอส” ซีเคร็ทเอ่ยเสียงเรียบ สีหน้านิ่งเรียบ ทว่าดวงตาแฝงความกรุ่นโกรธเมื่อถูกเอ่ยด้วยชื่อของแฮกเกอร์ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นตำนาน “ฉันคือซีเคร็ท”

สิ้นคำซีเคร็ทก็ฉวยจังหวะที่ธนัทยังตั้งตัวไม่ทันกระโดดลงจากหน้าต่างหนีหายไปกับความมืดในทันที

“คัต!”

ผมแทบจะสวดมนต์ขอบคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพราะแค่ฉากกระโดดหน้าต่างของผมก็กินยาวไปหลายสิบเทคจนเกือบจะเป็นลมอยู่แล้ว แม้เป็นแค่ฉากเซ็ทไว้และมีเบาะรองรับ ไม่ได้สูงสองชั้นจริงๆ ตามซีรีส์ แต่การทิ้งตัวกระโดดซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็เล่นเอาวิงเวียนแทบอ้วกอยู่เหมือนกัน

“ยาดมจ้ะจิระ”

“ขอบคุณครับ...” ผมรับยาดมมาจากพี่ช่างแต่งหน้าผู้ล่วงรู้ในการเสพติดแปลกๆ ของผมอย่างหมดเปลือกหลังเข้ากองด้วยกันหลายครั้ง วันนี้หมดคิวของผมแล้ว เพราะที่เหลือคือฉากของธนัทกับอัครเดชถกเถียงว่ามิสเตอร์เอสกลายเป็นซีเคร็ทได้อย่างไร โดยมีพายคอยค้นข้อมูลย้อนไปช่วงที่มิสเตอร์เอสหายตัวไปอย่างกระตือรือร้นหลังจากที่ตอนแรกแทบไม่สนใจตามหาเพราะมัวแต่มุ่งมั่นกับการตามจับแฮกเกอร์ขององค์กรใต้ดิน แต่ในเมื่อทั้งคู่กลายเป็นคนเดียวกัน จึงทำให้ธนัท อัครเดช และพาย ร่วมมือกันอย่างราบรื่นได้ในที่สุด

ซีรีส์เรื่องนี้สนุกชะมัด โชคดีจังที่รับเล่น!

“จิระ พี่ฝากขอลายเซ็นเตโชหน่อยสิ”

ผมมองพี่ช่างแต่งหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า เสื้อผ้าถูกเปลี่ยนเป็นชุดไปรเวทธรรมดาพร้อมออกกองทุกเมื่อ แต่ดันถูกสาวประเภทสองร่างยักษ์ขวางหน้าประตู ยื่นกระดาษแข็งให้แกมบังคับ

“ไม่ต้องน้อยใจนะจิ จะเซ็นคู่มากับเตโชเลยก็ได้ พี่ไม่ถือ”

“แล้วทำไมพี่ไม่ขอตั้งแต่วันที่ถ่ายเอ็มวีล่ะ” ผมถามอย่างงุนงงกับท่าทางบิดซ้ายบิดขวาชวนขนลุก

“ก็แหม ตอนนั้นพี่ชอบฟังเพลงเตโชเฉยๆ แต่ไม่ได้ชอบเขานี่นา ส่วนตอนนี้น่ะ...แฮชแทคเตโชจิระคือสุดยอด!”

“แฮชแทคอะไรนะ”

หนังตาขวางี้กระตุกยิกๆ

“ก็แฮชแทคเตโชจิระในทวิตเตอร์ไงจ๊ะ จิคงไม่รู้สินะว่ามีคนรอดูรายการเมื่อวานมากแค่ไหน เตโชไม่เคยออกสัมภาษณ์เลย แถมทางช่องยังตัดเทรลเลอร์ช่วงที่เขาร้องเพลงสดๆ มาโฆษณาอีก เลยเรียกเรตติ้งพุ่งแรงมากเชียวนะ! ตกเอาแฟนคลับของทางช่องไปได้เพียบ เตโชตอนร้องเพลงมีเสน่ห์ขนาดไหนจิระก็น่าจะรู้ดีนี่”

อย่ามาทำตาล้อเลียนนะ!

ผมกระทืบเท้าเบาๆ อยู่กับที่เมื่อถูกแซวด้วยภาพที่รู้ๆ กันอยู่ว่าป่านนี้คงถูกเผยแพร่ไปทั่วโซเซียล แค่นึกก็อยากจะแทรกแผ่นดินหนีแล้ว เพราะอย่างนี้ไงผมเลยไม่คิดดูตอนรายการฉาย ไม่แม้แต่จะเช็กเรตติ้งหรือไล่ดูคอมเม้นย้อนหลังเลยสักนิด!

“เตโชน่ะไม่ค่อยแสดงอารมณ์ คนที่ติดตามแต่ผลงานเพลงไม่สนใจเขาเลยมีเยอะ แต่พอเห็นเขาออกรายการคู่กับจิระก็เปลี่ยนความคิด เพราะทั้งคู่น่ะดูเป็นธรรมชาติและน่ารักมาก! จิระ...พี่เองก็โดนตกไปเหมือนกัน ฉะนั้นถ้าขอลายเซ็นเตโชได้แล้ว...พี่ขอ...รูปคู่เรากับเตโชด้วยนะ”

ถ้าผมตอบว่าได้เลยพี่แค่นี้สบายมากก็ไม่ใช่จิระผู้เกรี้ยวกราดแล้ว!

“เรื่องอะไรจะ...”

“ขอบคุณมากนะจิ แล้วพี่จะซื้อยาดมมาฝากนะ!”

พี่ช่างแต่งหน้าพูดจบก็ยัดกระดาษใส่มือผมแล้วรีบเปิดประตูชิ่งหนีทันที ผมได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ทำอะไรไม่ถูก ยังไม่ได้รับปากซะหน่อยจะมัดมือชกแบบนี้ไม่ได้นะ! ใครจะไปอยากเป็นคู่จิ้นกับไอ้คนหน้ามึนกัน แม้ว่า...ผมตั้งใจจะอาศัยกระแสนี้เบิกทางสำหรับเข้าวงการก็เถอะ

แต่มันทำใจยอมรับยากนี่หว่า!!

“คุณจิ”

นั่นปะไร ผมหันไปมองตัวชงนามว่าคมสันที่เดินมาตามแล้วนึกอยากจะระเหยเป็นอากาศไปซะเดี๋ยวนี้ ปกติรายการสัมภาษณ์ก็ได้ช่วงเวลาดีอยู่แล้ว แต่คมสันดันใช้สื่อโปรโมทหนักมาก ขยันยิงโฆษณาถี่ๆ หวังดึงเรตติ้งสุดขีด นี่สินะอิทธิพลของเด็กปั้น ต่อให้ไม่ทำอะไรก็มีคนประเคนงานแถมปูทางซะดิบดี ผมล่ะไม่อยากจะคาดเดาผลตอบรับเลย

“ไปกันเถอะครับ”

เอาวะ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด!

ผมเดินออกจากสตูดิโอพร้อมคมสัน ผลัดคิวกับอัครเดชและพายที่เดินเข้ามาในกองพอดิบพอดี อัครเดชยกนิ้วโป้งให้ ผมเลยโน้มศีรษะคลี่ยิ้มทักทายเป็นน้ำใจ ส่วนพายนั้นมองแบบแปลกๆ ชอบกล ตลอดการถ่ายทำในช่วงนี้ผมสนิทกับอัครเดชที่สุด รองลงมาคือธนัท ส่วนพายที่ตอนแรกตั้งใจจะไปเกาะติดด้วยเพราะเห็นเงียบดี ก็กลายเป็นคนนอกสายตาเพราะเขานิ่งจนชวนใจหวิวอย่างบอกไม่ถูก

“คุณจิไม่เปลี่ยนใจนะครับ”

“ต่อให้เปลี่ยนใจ...ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีไม่ใช่รึไง” ผมพูดประชดคมสันที่ดูจะอารมณ์ดีในการเดินนำผมไปยังห้องเซ็นสัญญาชั้นหกซะเหลือเกิน ใช่ครับ ผมกำลังไปพบตัวแทนจากค่ายเพลงและเตโช เพื่อรับบทพระเอกมิวสิกวีดีโอเพลง ‘หิวรัก’

เพลงหิวรักที่บังเกิดจากการคนแต่งหิวข้าว เอากับเตโชสิ!

แม้จะติดต่อล่วงหน้ามาแล้ว แต่กว่าจะได้เซ็นสัญญาจริงก็ทิ้งช่วงนานเป็นสัปดาห์เพื่อรอให้อัดเพลงเสร็จเรียบร้อยดีพร้อมสำหรับการถ่ายทำขั้นต่อไป ผมนั่งลงตรงข้ามกับเตโช ปล่อยให้คมสันอ่านสัญญาว่าจ้าง ซึ่งแน่นอนว่าทางค่ายเพลงขอเช่าห้องสตูดิโอที่บริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์อีกครั้ง

พอเห็นซีดีเพลงที่ทางนั้นส่งให้ฟังล่วงหน้าผมก็ขนลุกพรึ่บ ไม่เอาได้มั้ย...ผมฟังเตโชร้องตลอดอาทิตย์นี้จนเก็บไปฝันร้ายมาแล้ว หลอนแค่ไหนถามใจดู!

“สัญญาไม่มีปัญหาครับ”

คมสันเลื่อนเอกสารให้ผมกวาดตามองคร่าวๆ อีกครั้งก่อนจะลงมือเซ็นอย่างไม่อิดออดแม้จะนึกอยากฉีกทิ้งเอามากๆ ก็ตาม

“ส่วนนี่...เป็นสัญญาของทางเรา”

ผมเบิกตามองคมสันที่หยิบแฟ้มออกจากกระเป๋าเอกสารส่งให้ตัวแทนค่ายเพลงอย่างนอบน้อม เดี๋ยวนะ นี่พวกเขาไปตกลงอะไรกันลับหลังผมกัน

“ผมอยากให้คุณเตโชแต่งเพลงประกอบซีรีส์เช็กเมทครับ”

“แต่เช็กเมทก็มีเพลงประกอบเรื่องอยู่แล้วนี่”

“ใช่ครับ แต่หลังจากจบซีซันสอง เรามีแผนจะรวมอัลบั้มเพลงซีรีส์นี้วางขายรวมทั้งหมดหลายสิบเพลง และเพื่อเป็นการสมนาคุณลูกค้าที่ติดตามมาตลอด จึงมีการแต่งเพลงใหม่แทนตัวละครในเรื่องด้วย สำหรับมิสเตอร์เอสหรือซีเคร็ท ทางบริษัทเราเห็นว่าให้เตโชแต่งและร้องเพลงจะเหมาะสมที่สุด”

ชงกันเหลือเกินนะคมสัน!


ผมคิดด้วยในใจพลุ่งพล่านเพราะเห็นชัดเจนว่าเขาพยายามจะลากให้ผมกับเตโชผูกติดกันไปแม้จะจบซีรีส์แล้ว หวังคงกระแสคู่จิ้นให้ยาวนานจนกว่าจะมีผลงานเรื่องใหม่ป้องกันดังแล้วดับในชั่วพริบตา

“ทางเราไม่มีปัญหา” ตัวแทนค่ายเพลงที่คงจะคุยกับคมสันก่อนหน้านี้แล้วรับแฟ้มมาส่งให้เตโชทันที ใช่สิ ผมช่วยให้เตโชรับงานเพิ่มขึ้นไม่พอ ยังได้กลุ่มลูกค้าที่ตามซีรีส์เพิ่มมาอีก แถมเปอร์เซ็นต์จากงานของเขาก็เข้าต้นสังกัด นับว่าวิน-วินทั้งสองฝ่าย

“ผมก็ไม่มีปัญหา” เตโชตอบรับอย่างว่าง่าย ก้มหน้าเซ็นเอกสารโดยไม่อ่านทวน เห็นแล้วผมถึงกับเสียววาบ พวกเขาจะไว้ใจคมสันมากไปแล้ว ควรจะเอากลับไปกรองที่บ้านค่อยเซ็นถึงจะถูก ใครจะรู้ว่าเลขาคนนี้แอบมุบมิบร่างสัญญาหาข้อได้เปรียบอะไรบ้าง!

“ผมมีเวลาให้คุณเตโชหนึ่งเดือนสำหรับเนื้อเพลงและทำนอง ระหว่างนั้นจะอนุญาตให้คุณเข้าชมการถ่ายทำได้เพื่อหาแรงบันดาลใจ และจะให้ดูซีรีส์เช็กเมทล่วงหน้าก่อนออกฉายจริงเพื่อจับคาแรคเตอร์ของซีเคร็ทให้ได้มากที่สุด”

เตโชดูพอใจมาก แม้สีหน้าจะนิ่งเรียบ แต่ดวงตาเขาประกายระยับอย่างตื่นเต้น

เดี๋ยวนะ แล้วผมอ่านอารมณ์เขาทำเพื่อ!?

“ส่วนคุณจิระ นี่คือบทสำหรับการถ่ายทำเอ็มวีเพลงหิวรัก ครั้งนี้มีนักแสดงอื่นร่วมด้วย คุณต้องทำการบ้านให้ดี”

“ไม่ต้องให้นายมาเตือนหรอกน่า” ผมรับซองเอกสารมาเปิดออกอ่าน เพราะถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็สามารถสอบถามกับตัวแทนค่ายเพลงได้ทันที  ก่อนจะเบิกตากว้าง และขยี้ตาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อเห็นรายชื่อนักแสดง “นะ...นี่มัน...”

“ครับ เอ็มวีครั้งนี้คุณเตโชจะร่วมแสดงด้วย”

“ฉันไม่ได้ถามนาย” ผมหันไปเหวใส่คมสัน ก่อนจะชี้หน้าเตโชอย่างไม่เกรงใจตัวแทนค่ายเพลงด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดเกินยับยั้ง “แต่ฉันถามไอ้บ้าเตโชนี่ว่าเล่นละครเป็นด้วยเหรอ สีหน้ามึนๆ อึนๆ อย่างนี้เนี่ยนะ!”

เตโชเหลือบตามองผมที่ผุดลุกยืนตระหง่านอยู่คนเดียวในห้อง ก่อนเอ่ยประโยคเด็ด

“ไม่ต้องสวมบทบาท แค่หิวก็พอ”

“...”

มันใช่เหรอเตโช!!

 




มิวสิกวีดีโอเพลงหิวรัก พูดถึงคู่รักคู่หนึ่งที่เคยใช้ชีวิตร่วมกัน ก่อนจะแยกจากเพราะฝ่ายหนึ่งหมดใจ

ผม...เล่นเป็นชายอกหักรักคุดตามสไตล์เพลงของเตโชที่ไม่เคยสมหวัง ส่วนเจ้าของเพลง...เล่นเป็นแฟนใหม่ที่แย่งคนรักของผมไป เขาคงสนุกมากสินะกับการกลั่นแกล้งรังแกกันเนี่ย

“เปล่า” เตโชตอบระหว่างเราทั้งคู่รอดูเช็กเมทฉาย เป็นธรรมเนียมไปแล้วว่าทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ผมกับเตโชต้องยึดพื้นที่โซฟาคนละฝั่งหลังกินข้าวเย็นเสร็จ “แค่อยากมีส่วนร่วม”

“ริจะเปลี่ยนอาชีพรึไงนาย” ผมขว้างหมอนใส่เตโชที่ทำหน้ามึนอึนไม่รู้สา

“เปล่า” คนหน้าตายรับหมอนมากอด “แค่นึกสนุก”

“นี่หน้าสนุกแล้วเหรอ”

เตโชหันมาฉีกยิ้มทื่อมะลื่อเป็นคำตอบ โอเค ผมยอม

วันนี้เช็กเมทฉายถึงตอนที่เจ็ดแล้ว ผมแกะถุงขนมนั่งกินเมื่อเพลงไตเติ้ลดังเป็นสัญญาณที่รอคอย ในที่สุดซีเคร็ทก็ถึงเวลาเปิดตัวสักที ผมได้แต่ลุ้นระทึกเงียบๆ ในใจว่าจะมีคนเดาถูกมั้ยว่านักแสดงรับเชิญคนนี้คือใคร

“กินมั้ย” ผมแสดงน้ำใจกับเพื่อนข้างห้องโดยการส่งถุงขนมให้

“ไม่ดีต่อสุขภาพคอ” เตโชปฏิเสธเสียงเรียบ สายตาจดจ่อกับโทรทัศน์ จากนั้นเราสองคนต่างก็จมในความเงียบ ติดซีรีส์จนกลายเป็นนั่งใกล้กันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คงเพราะดูไปวิเคราะห์ไปเลยเขยิบเข้าหากันอัตโนมัติ แม้จะรู้เนื้อเรื่องล่วงหน้าแต่มือผมจับแขนเสื้อเตโชแน่นเมื่อถึงฉากสุดท้าย

ภาพของซีเคร็ทที่เดินผ่านพระเอกจนเกือบจะโดนคว้าตัวนั้นเล่นเอาลมหายใจสะดุด

“หายใจด้วย” เตโชตบศีรษะผมเบาๆ แต่ผมไม่ทันฟังเพราะมัวแต่จดจ่อกับแผ่นหลังของตัวเอง พอซีเคร็ทเอ่ยคำว่าเช็กเมทพร้อมเพลงจบและสปอนเซอร์ขึ้น ผมก็ถอนหายใจออกมาหมดปอด หันไปมองคนหน้าตายอีกทีก็เห็นว่าเขาแอบยกยิ้มมุมปาก

“ขำอะไร”

“เปล่า” เตโชตอบพลางส่งถุงขนมคืนให้ผม อ้าว แล้วไปอยู่ในมือเขาได้ไงวะ อ้อ...ผมเป็นคนยัดเยียดเองเพราะลุ้นจนกินไม่ลง “แค่น่ารักดี”

พลันปฏิกิริยาตอบสนองไปไวเกินห้ามไหว รู้ตัวอีกทีผมก็ถีบเตโชตกโซฟาดังโครม

“ขยะแขยงโว้ย!”

เตโชเกาะขอบโซฟาปีนขึ้นมาใหม่ แม้ไม่เอ่ยอะไรแต่จากสายตาบ่งบอกว่าเขางุนงงไม่น้อย

“ช่างเถอะ” ผมกินขนมแก้มตุ่ยแก้เก้อ รู้ดีว่าคนหน้ามึนไม่ได้คิดอะไรอกุศลชวนละเหี่ยใจ “ถ้านายไม่รู้มาก่อนจะเดาถูกรึเปล่าว่าคนคนนี้คือมิสเตอร์เอส”

เตโชพยักหน้ารับอย่างมุ่งมั่น ราวกับว่าผมไปดูถูกความเป็นแฟนคลับมิสเตอร์เอสเข้าให้

ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลสักหน่อย...ตอนแรกก็แอบอมยิ้มอยู่หรอก เพราะทุกคนดูจะตื่นเต้นกับการปรากฏตัวของซีเคร็ทมาก ก่อนจะชะงักเมื่อมีคนทักขึ้นมาว่าเหมือนมิสเตอร์เอส เท่านั้นแหละ...กระแสพุ่งไปทางเดียวกันหมดไม่มีใครคัดค้านสักคน!!

ถึงขนาดมีคนหารูปผมมาเปรียบเทียบรูปร่างและเค้าโครงใบหน้า!!!

ผมไม่เคยลงรูปมาก่อน เพราะไม่ชอบถ่ายภาพหน้าตัวเองที่เหมือนกับแม่ แต่! จิตรินเคยใช้ร่างของผมถ่ายแบบ แถมยังเป็นแนวเซ็กซี่แฝงดิบเถื่อนอีกต่างหาก เสื้อขาดเผยให้เห็นรูปร่างแบบบางวับๆ แวมๆ บางรูปโชว์แผ่นหลังเหลือกางเกงตัวเดียวและผ้าพันแผลไขว้ไปมา

จิตริน...นายใช้ร่างกายฉันเปลืองไปแล้วนะ!

ผมคุ้นๆ ว่าเขาเคยเอานิตยสารเล่มนี้ให้ดู แต่ตอนนั้นกำลังเกรี้ยวกราดเลยฉีกทิ้ง มาเห็นอีกทีก็ตอนถูกเปรียบเทียบกับซีเคร็ทซึ่งสวมชุดรัดรูป ผิดกับมิสเตอร์เอสที่ชอบใส่เสื้อหลวมๆ โดยสิ้นเชิง

ความเห็นนั้นคละกันไปอย่างที่พอเตรียมใจไว้แล้ว เพราะคนที่ต่อต้านนั้นเป็นแฟนคลับรุ่นเก่าตั้งแต่ซีซันหนึ่งที่รักและห่วงไม่อยากให้นักแสดงชุดนี้ต้องมัวหมองเพราะข่าวฉาวของจิระ กลัวจะเกิดเป็นเรื่องกลางกองขึ้นมาอีก ด่าผมคนเดียวไม่ว่า แต่ยังลามไปหาผู้กำกับว่ากลืนน้ำลายตัวเอง ไม่ถอดบทผมจริง หรือจะมีเบื้องลึกเบื้องหลัง มีการใช้เส้นเกิดขึ้นกันแน่

อุวะ เดาถูกด้วยโว้ย


ผมโคลงศีรษะ อ้าปากรับขนมจากเตโชก่อนจะชะงัก เฮ้  ไงเขามาป้อนขนมผมได้ล่ะ จะเนียนไปมั้ย

“อย่าเครียด”

เตโชที่ปีนขึ้นโซฟามานั่งข้างผมพยายามปลอบใจ เห็นหน้ามึนๆ ของเขาแล้วก็คล้ายจะบังเกิดไอเดีย เพราะกลุ่มคนที่สนับสนุนผมตอนนี้ส่วนใหญ่ติดตามมาจากผลงานมิวสิกวีดีโอของเตโช แบ่งเป็นกลุ่มหลงใหลในการแสดงที่โต้แย้งว่าควรให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่ไฟแรงอนาคตไกล และกลุ่มหลงใหลในรูปลักษณ์หน้าตาหมายจับคู่กับเตโช

“มานี่ซิ” ผมกระดิกนิ้วเรียกให้คนหน้ามึนขยับตัวเข้าใกล้ พอได้องศาพอเหมาะก็ถ่ายรูปคู่แล้วอัพเดตลงโซเชียลทันทีพร้อมเขียนข้อความสั้นๆ ได้ใจความว่า

‘นั่งดู #เช็กเมท ด้วยกัน ผลงานป้ายต่อไป #หิวรัก’

ไหนๆ ก็โดนขุดคุ้ย ขุดรูป ขุดข่าวขนาดนี้ จะมัวแต่จมความเครียดทำไม ถือโอกาสฝากผลงานเลยแล้วกัน!!!

 

--------

ในที่สุดซีรีส์ก็ฉายถึงตอนของซีเคร็ทสักที #ชูป้ายไฟรัวๆ

จะมิสเตอร์เอสหรือซีเคร็ท เราก็ถวายใจถวายชีวิตสุดใจขาดดิ้นค่ะ เหมือนที่รักและเอ็นดูหนูจิทั้งสอง จะพูดมากก็ดีก็จะซึนก็ดี พ้นสิ้นเดือนไปแล้วค่อยยังชั่วหน่อย เพราะเดือนธ.ค.นี้มีวันหยุดเยอะ เราจะพยายามคงความสม่ำเสมอเหมือนเดิม ( ถ้าไม่มีอะไรมาแทรก ) นะคะ เอาใจช่วยกันด้วยนะ!!

ครึ่งหลังมารอชมการถ่ายทำมิวสิกวีดีโอเพลงหิวรักกันค่ะ เตรียมผ้าซับน้ำตากับความฮาได้เลย 555

 

#จิระผู้เกรี้ยวกราด #เตโชจิระ

ปล.ถ้าเจอคำผิดหรือคำสลับบอกกันได้นะคะ ตอนรวมเล่มเรามีคนช่วยดูก็จริง แต่อาจมีตกหล่นกันได้ค่ะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 50% - P.9 - [30/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 30-11-2017 21:57:13
หนูจิผู้แสนเกรี้ยวกราด เหมือนองค์ก๊อดซิล่าประทับทรงตลอดเวลา ดุร้ายแบบแบ๊วๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 50% - P.9 - [30/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 30-11-2017 21:59:23
จากหิวข้าวก็กลายเป็นหิวรักได้วุ้ย5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 50% - P.9 - [30/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 30-11-2017 22:07:51
“ไม่ต้องสวมบทบาท แค่หิวก็พอ” ....ค่ะ เอาที่เตโชสบายใจเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 50% - P.9 - [30/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 30-11-2017 22:24:17
 :mew3:อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว อยากรู้ว่าจะหิวรักแบบไหน เตโชร่วมแสดงด้วยอ่ะ เตโชจับความรู้สึกคนเก่งน่ะสมเป็นนักแต่งเพลง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 50% - P.9 - [30/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-11-2017 22:45:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 50% - P.9 - [30/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-11-2017 22:52:55
ร่วมด้วยช่วยกันสร้างกระแสใหญ่เลยนะ ฮา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 50% - P.9 - [30/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 30-11-2017 23:14:31
555555555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 50% - P.9 - [30/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 30-11-2017 23:18:43
รอดูความวุ่นวาย 5555..
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 50% - P.9 - [30/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MNIMD ที่ 30-11-2017 23:30:10
คมสันเนียนจนอยากจะยกตำแหน่งพ่อสื่อให้ ชงจิกับเตโชจริงๆเลย อยากเห็นหนูจิถ่ายเอ็มวีหิวรักกกับเตโชแล้ว เป็นแฟนคลับมิสเตอร์เอสตัวจริงเสียงจริงเลยใช่มั้ยเตโช อีกหน่อยต้องเปลี่ยนเป็นแฟนครับแน่ๆ
ติดตามตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 50% - P.9 - [30/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 30-11-2017 23:32:39
ตอนหน้าเตรียมท้องไว้หิวกับ'หิวรัก'สินะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 50% - P.9 - [30/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 30-11-2017 23:43:06
มาแล้ววว  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 50% - P.9 - [30/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-12-2017 00:38:19
 o13

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 50% - P.9 - [30/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 01-12-2017 01:07:25
ขอตอนความเห็นชาวเน็ตเยอะๆค่าาาา    อยากอ่านความเห็นชาวเรือของคู่นี้  55555555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 50% - P.9 - [30/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-12-2017 01:45:33
หิวรักกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 50% - P.9 - [30/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 01-12-2017 06:46:02
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:  และแล้วกระแสจิ้นก็แรงกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 50% - P.9 - [30/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 01-12-2017 07:48:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 50% - P.9 - [30/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 01-12-2017 10:37:56
เย้ๆ ดีใจอย่างน้อยน้องเต ก็มีบทเยอะกว่าเสี่ย  :m20:
สงสารจิดีหรือเปล่า เจอแต่ละคนนิน่าปวดหมอง แต่สมกะผลกรรมละมั้ง
ทำคนอื่นป่วนไว้เยอะนิ เฮ้อ...สู้ๆ แล้วกันนะคะ และก็แนะนำให้จินั้น
เปิดโรงงานทำยาดมเป็นงานเสริมนะคะ จะได้เลือกกลิ่นที่ตัวเองชอบ
เพราะคาดว่าน้องคงจะอาศัยยาดมไปอีกนานนน  :katai3:

  o13  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 50% - P.9 - [30/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 01-12-2017 15:18:43
ชอบทั้งสองค่ะ ทั้งจิระสายฝ่อย และจิระสายเกี้ยวกาจ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : 100% - P.10 - [01/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 01-12-2017 17:49:39

ตอนที่ 7

หิวรักฉบับโปกฮา 100%



หลังจากนั้นไม่กี่วันผมก็ต้องลากเตโชมาบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์เพื่อถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ

“จิระ แล้วลายเซ็นเตโชของพี่ล่ะ!”

เหวอ ลืมไปเลย!

ผมยิ้มประจบเอาใจพี่ช่างแต่งหน้าที่ทำแก้มป่อง เพราะยังต้องพึ่งพาอาศัยกันอีกนานทั้งในกองถ่ายครั้งนี้และซีรีส์เช็กเมท ก่อนจะรีบเอากระดาษที่ติดกระเป๋าไว้ตลอดเดินไปขอลายเซ็นกับเตโชซึ่งนั่งทำหน้ามึนอึนอ่านบทราวด้วยสีหน้าคลับคล้ายจะว่างเปล่า...

“ไหวมั้ยนั่น” เห็นท่าทางของเขาแล้วอดถามไม่ได้จริงๆ ผมทิ้งตัวนั่งข้างเตโช ชะโงกหน้าดูบทของเขา

...คำบรรยายสามบรรทัดช่างง่ายดายเสียนี่กระไร เขาแค่ยิ้มแย้มกับแฟนสาวอย่างมีความสุข โดยผมต้องแอบมองห่างๆ ทุกข์ตรมบรมโศก คำพูดสักคำก็ไม่มี แต่ดูเหมือนจะไม่ง่ายสำหรับเตโช

“คิดยังไงถึงได้เสนอตัวเองเนี่ย” ผมถอนหายใจเฮือกอย่างกลัดกลุ้มแทน เพราะถ้าการถ่ายทำไม่ราบรื่น พระเอกมิวสิกวีดีโออย่างผมก็ไม่สบายใจ “เอ้า เซ็นก่อน แล้วฉันจะช่วยนายเอง”

เตโชมองกระดาษแข็งและปากกาด้วยสีหน้างงงวย

“งงอะไร คนที่ขอน่ะโน่น พี่ช่างแต่งหน้าประจำบริษัท” ผมชี้ไปที่หนุ่มร่างบึกในชุดกระโปรงสีขาวซึ่งโบกมือทักทายเตโช “คิดว่าฉันจะพิศวาสนายรึไง ฝันไปเถอะ”

เตโชไม่หือไม่อือ แต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาประจานรูปผมหน้าเคลิ้มในรายการสัมภาษณ์

“โว้ย ไอ้บ้านี่ เซฟเป็นรูปหน้าจอเลยเหรอ!” ผมรีบคว้าโทรศัพท์เขามากดลบ เห็นแล้วก็ขนลุกพรึ่บพรั่บไปหมดเพราะรายการนั้นพูดจริงทำจริง ตอนนี้ห้องของเตโชเลยมีรูปผมใส่กรอบแขวนอยู่กลางกองขยะ เคยคิดอยากจะเผาทิ้งอยู่หรอกถ้าไม่ติดว่านับจากวันนั้นไอ้หมาหิวโหยนี่ไม่ยอมให้ผมเข้าห้องราวรู้ทัน!

อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผมไม่ได้พิศวาสเตโช หมอนี่ก็ไม่ได้พิศวาสผมเหมือนกัน แต่เขาบ้าร้องเพลงไง พอเห็นผมทำหน้าหลงใหลได้ปลื้มขนาดนั้นก็อยากเก็บเป็นที่ระลึก ใช้เป็นเครื่องรางเพิ่มพูนขวัญกำลังใจ ถ้าให้เปรียบเปรย ก็คงเหมือนกับที่ผมชวนเขามานั่งดูเช็กเมทด้วยกัน เพราะเตโชจะตั้งใจมองมิสเตอร์เอสหรือซีเคร็ทมากเป็นพิเศษแม้จะมีบทน้อยนิด เห็นแล้วพลันรู้สึกว่าสิ่งที่ทุ่มเทไปนั้นมีคนเห็นค่า ไม่ต้องห่วงเรื่องข่าวฉาวหรือจับผิด จนจิตใจซาบซ่านกระชุ่มกระชวยกำลังดี

...แต่ผมอายไง! อายมากๆ เลยด้วย!!

“เซ็นเร็ว เดี๋ยวมีคนเห็นแล้วเข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นแฟนคลับนาย”

“แล้วไม่ใช่เหรอ”

เตโชไอ้คนเฉื่อยจอมถ่วงเวลา! จะชูกระดาษแข็งขึ้นสูงๆ เหมือนประกาศให้โลกรู้ทำไมหา!!

“ฉันไม่หน้ามืดขนาดเป็นแฟนคลับคนที่แต่งเพลงจากจิ้งจกสองตัวและกินอาหารอร่อยเยอะเกินไปหรอกนะ” ผมจับแขนเขาให้ลดระดับลงมา ก่อนจะยัดปากกาใส่อุ้งมือแกมบังคับ

“ก็แต่งเพราะอยากร้อง”

“ร้องเกี่ยวกับแชมปิญองและน้ำพริกกะปิน่ะเหรอ” ผมทำหน้าละเหี่ยใจใส่เขา

“เป็นคนพูดไม่เก่ง” เตโชชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เออ ก็รู้จักตัวเองดีนี่ “เลยเลือกร้องเพลงแทนเล่าเรื่อง”

เห็นสีหน้ามึนอึนแต่เชื่อมั่นในการร้องเพลงอย่างเต็มเปี่ยมแล้วผมคลับคล้ายจะโดนหมัดน็อกเบาๆ จนแทบจุก กับคนที่ปากบอกว่าเกลียดอาชีพดาราอย่างผม แต่ต้องอยู่ในวงการแถมยังใช้วิธีสกปรกปลุกปั้นตัวเองทั้งการใช้เส้นแล้วยังจับคู่กับคนตรงหน้าหวังแย่งกระแสนิยมจากแฟนคลับของเขา...ไม่มีสิทธิ์อะไรไปต่อว่าเตโชได้เลย ถึงเหตุผลจะประหลาดไปบ้าง แต่สิ่งที่เขาทำไม่ใช่เรื่องผิดอะไร

เอ่อ...อาจจะผิดปกตินิดนึงมั้ง

ทำไมจู่ๆ ตรรกะของผมถึงได้เป๋ๆ ไปชอบกล เห็นแชมปิญองกับน้ำพริกกะปิเป็นเรื่องถูกเรื่องควรซะอย่างนั้น! ไม่ ไม่ ไม่ จิระ ดึงสติตัวเองเดี๋ยวนี้นะ อย่าให้คนหน้ามึนครอบงำเด็ดขาด!

ผมหยิบยาดมขึ้นมาสูดเฮือกหนึ่ง ก่อนจะหันไปถองศอกใส่เตโช ชี้นิ้วให้เขาลงลายเซ็นสักที

คนหน้ามึนยอมทำตามคำสั่งจนได้ สงสัยพูดดีๆ ไม่ชอบต้องให้ใช้ความรุนแรงสินะ เอาเถอะ เห็นแก่มิตรภาพอันดี ผมขอปฏิญาณว่าจะไม่ดูถูกความมุ่งมั่นตั้งใจของใครอีก โดยเฉพาะกับเตโชที่แสนจะอินดี้และมีสไตล์เป็นของตัวเอง

“จิระ เตโช สวัสดีจ้ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ”

พลันเบื้องหน้าผมมีสาวสวยเข้ามาทักทายอย่างเป็นมิตร เธอคือนางเอกมิวสิกวีดีโอในครั้งนี้นั่นเอง

“สวัสดีครับ” ผมรีบสวมหน้ากากเด็กหนุ่มแสนสุภาพทันที แต่คนข้างกายดันก้มหน้าก้มตาเซ็นไม่สนใจโลกเอาซะเลยจนต้องก้มกระซิบเตือนข้างหู “เตโช มารยาทโว้ยมารยาท”

“ดีครับ” เตโชพยักหน้ารับ ท่าทางไร้อารมณ์สุดขีด แบบนี้จะเข้าฉากจู๋จี๋รอดเหรอเนี่ย

“เตโชเขาเป็นมือใหม่น่ะ อย่าถือสาเลย” ผมหันไปพูดกับสาวงาม “ส่วนนาย...ลุกมายืนดีๆ อย่าทำหลังค่อม นั่นแหละ หน้าก็ให้มันสดชื่นหน่อย แล้วควงแขนเป็นมั้ย ในฉากนายต้องเดินควงแขนกับเธอนะ!”

ผมทั้งตีหลัง ทั้งตบหัว แล้วยังกระชากแขนเตโชปานทารุณกรรม เล่นเอาดาราสาวเผลอผละห่างไปสามก้าว...

คล้ายจะโดนเข้าใจผิดว่าเป็นคนโฉดไปแล้ว ผมตีเบาจะตายทำไมต้องมองด้วยสายตาหวาดผวาขนาดนั้นด้วยนะ เตโชยังไม่เห็นจะสะทกสะท้านอะไรเลย ดูมือผมซะก่อน...แดงเถือกดูเจ็บหนักกว่าเขาอีก!

เพราะรับปากไปแล้วว่าจะช่วยเขาเตรียมบทก่อนเข้าฉาก ผมเลยยอมหน้าด้านหน้าทนทรมานเตโชต่อหน้าดาราสาว แต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่สามารถสลัดสีหน้ามึนอึนไร้อารมณ์รักใคร่สักที  จนกระทั่งผู้กำกับเรียกหมอนี่ไปลองเล่นหน้ากล้อง ความวิบัติก็บังเกิด

“คัต!”

“คัตต!!”

“คัตตตตต!!”

...แค่ฉากเดินควงแขนยังทำได้ไม่ครบสามก้าวเลย!

ผมมองจอมอนิเตอร์แล้วรู้สึกคล้ายเส้นสมองเต้นตุบๆ นี่มันเหมือนหญิงสาวที่กำลังหลงรักตุ๊กตาตัวโตแล้วลากมันมาเดินเล่นชัดๆ! ไหนกันความรักที่ทำให้ผมซึ่งอกหักรักคุดพร่ำเพ้อถึงอาหารสารพัดเมนูจนตรอมใจน้ำตาท่วม ผมแทบจะทึ้งศีรษะตัวเองเพราะปรับอารมณ์แสดงต่อจากพวกเขาไม่ทัน

“จิระ เราลองก่อนมั้ย” ผู้กำกับตัดใจจากเตโชแล้วหันมาหาผมหวังดึงบรรยากาศในกองถ่ายให้ราบรื่น

“ผม...” ผมถือยาดมเป็นคำตอบ สภาพจิตใจไม่พร้อมเพราะมัวกังวลกับเตโชจนรวบรวมสมาธิไม่ได้! ใครกันนะที่ยอมให้เขามาร่วมแสดงด้วย เป็นแอนตี้แฟนของผมรึเปล่า! นี่คือแผนล่มกองถ่ายของผู้ไม่หวังดีใช่มั้ย!

“ผมขอเปลี่ยนบทได้มั้ยครับ”

หลังได้กลิ่นพิมเสนช่วยดึงสติ ผมก็บังเกิดไอเดียขึ้นมา หลังกระซิบกระซาบกับผู้กำกับและได้รับอนุญาต ก็รีบวิ่งไปหยิบกีต้าร์คู่ใจของเตโชในห้องแต่งตัวออกมา ก่อนจะเสนอหน้าเข้าฉาก บอกให้ทั้งเตโชและดาราสาวนั่งบนเก้าอี้ ไม่ต้องควงแขนเดทหรอก แต่ร้องเพลงรักให้กันน่าจะรุ่งกว่า!

ได้ผล เพราะพอเตโชได้จับกีต้าร์ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที

ผู้กำกับสั่งเดินกล้องเมื่อชายหนุ่มเริ่มบรรเลง

ดูสิ ดูดวงจันทร์นั้นสิ ดวงจันทร์ดวงนั้นกินได้มั้ย จะเหมือนข้าวที่เธอทำรึเปล่า

รสชาติจะคล้ายแกงส้มชะอมไข่หรือไม่นะ แล้วมีปลาทูทอดมั้ย น้ำพริกกะปิล่ะมีรึเปล่า

ดูสิ ดูโต๊ะที่ว่างเปล่าสิ มันเคยมี...


“คัต!”

ผมรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ภาพออกมาดี ดาราสาวเองก็เคลิ้มไปกับเสียงทุ้มนุ่มของเตโชราวตกหลุมรัก เสียอย่างเดียว...หมอนี่ดันร้องเพลงอกหัก! สีหน้าท่าทางเลยออกมาจุกหน่วงไม่เข้ากับบทสักนิดเดียว!!

“เตโช ร้องเพลงรักสิ เพลงจีบสาวน่ะ” ไม่ต้องรอให้ผู้กำกับสั่ง ผมที่คล้ายจะเป็นพี่เลี้ยงเตโชไปแล้วก็ปราดไปปรับความเข้าใจคนหน้ามึนทันควัน

“ไม่เคยแต่ง”

“ร้องเพลงคนอื่นก็ได้!” อีกนิดจะยกมือไหว้เขาอยู่แล้ว “ขอร้องล่ะให้มันจบๆ ไปที!”

น้ำใสปริ่มขอบตา หาใช่มารยาแต่มาจากใจจริง เตโชเห็นสีหน้าโศกศัลย์ยิ่งกว่าอกหักของผมก็ยอมพยักหน้ารับ แต่ไม่รู้ว่าจะรุ่งหรือร่วง...

ไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครรับฟัง ไม่มีใครต้องการ

เริ่มประโยคแรกมาเห็นแววล่มอยู่ลิบๆ ผู้กำกับใกล้จะสั่งคัตอยู่แล้วถ้าไม่เพราะแววตาของเตโชเปลี่ยนไป

จากที่แฝงความร้าวลึกพลันเผยความนุ่มนวลอ่อนโยนขึ้นมา จากฤดูหนาวกลับกลายเป็นฤดูใบไม้ผลิ

แต่เมื่อมีเธอเข้ามา ข้างกายฉันไม่เคยเงียบเหงา

อยากมีเธอแบบนี้ทุกวัน เพื่อให้ตัวฉันมีชีวิตในแบบที่ไม่เคยเป็น

ฉันจะเข้าใจเธอ จะรับฟังเธอ จะต้องการเธอ

จะไม่แยกจาก และเคียงกันตลอดไป


“ค...คัต!”

ไม่มีคำบรรยายใดๆ นอกจากเสียงปรบมือจากคนในกองที่ชื่นชมในตัวเตโช ไม่...ไม่ใช่ว่าเขาแสดงดี แต่เสียงร้องของเขาราวกับขับกล่อมบรรยากาศให้นุ่มละมุนปานภาพฝัน แม้สุดท้ายต้องตัดออกไปเพราะเป็นเพียงฉากหนึ่งในมิวสิกวีดีโอ แต่สีหน้าท่าทางยามร้องเพลงนั้นไม่ต่างกับชายหนุ่มกำลังซึมซับความรู้สึกรักอย่างเชื่องช้าทว่ามั่นคง ชวนให้ผู้พบเห็นรู้สึกเชื่ออย่างหมดใจว่าคนคนนี้จะไม่มีวันทอดทิ้งอย่างแน่นอน

“สุดยอดเลยค่ะ” ขนาดคนดูนอกฉากยังหวั่นไหวขนาดนี้ ดาราสาวที่ถูกร้องเพลงรักต่อหน้าย่อมมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ใบหน้าของเธอแดงก่ำ ราวกับว่าเพิ่งถูกขอแต่งงานอย่างไรอย่างนั้น “ตั้งแต่วันนี้ไปฉันต้องผันตัวเป็นแฟนคลับของเตโชแน่ๆ”

“ขอบคุณครับ” เตโชที่กลับเป็นสีหน้ามึนอึนอีกครั้งตอบเสียงเรียบเป็นมารยาท ก่อนจะเดินเอื่อยๆ หาผม

“ไหนว่าแต่งเพลงรักไม่เป็นไง”

“ไม่ใช่เพลงรัก” เตโชส่ายหน้า “เพลงมิตรภาพ”

“หา...” ผมอ้าปากค้างอย่างงุนงงสุดขีด  เพลงมิตรภาพอะไรบอกว่าจะใช้ชีวิตด้วยกันตลอดไปวะ ไอ้หมอนี่มันอ่อนเรื่องความรักหรือไม่รู้จักความรักกันแน่

“พร้อมมั้ยจิระ” ไม่ทันได้ถามเพิ่มเติมผู้กำกับก็เรียกผมให้เตรียมเข้าฉากต่อไป

“ขอห้านาทีครับ!” ผมเดินสวนเตโชไปนั่งหลับตาทำสมาธิคนเดียวอยู่มุมห้อง ทุกครั้งก่อนถ่ายทำ ผมมักจะปลีกวิเวกอย่างนี้เสมอเพื่อทบทวนถึงตัวละครที่ต้องแสดง ดึงความรู้สึกจากภายในออกมา  แทนตัวเองเป็นคนในจินตนาการที่กำลังจะโลดแล่นผ่านจอ

“พร้อมแล้วครับ” ผมลืมตา ก่อนจะเดินเข้าฉากซึ่งเป็นระเบียงที่รอบด้านคลุมผ้าใบสีเขียวสำหรับใส่กราฟฟิก เพราะดวงจันทร์ที่ผมเห็นไม่ใช่ดวงจันทร์ธรรมดา แต่เป็น...

ดูสิ ดูดวงจันทร์นั้นสิ ดวงจันทร์ดวงนั้นกินได้มั้ย จะเหมือนข้าวที่เธอทำรึเปล่า

รสชาติจะคล้ายแกงส้มชะอมไข่หรือไม่นะ แล้วมีปลาทูทอดมั้ย น้ำพริกกะปิล่ะมีรึเปล่า

ดูสิ ดูโต๊ะที่ว่างเปล่าสิ มันเคยมีข้าวผัดหมูของเรา ไก่ทอดของเรา ไข่เจียวของเรา

ต้มยำกุ้งที่ฉันเคยชมว่าอร่อยนัก แกงจืดที่ฉันยกซดไม่ยอมแบ่ง กะหล่ำปลีทอดน้ำปลาที่ฉันติดใจ

แต่เธอเล่าหายไปไหน หรือฉันไม่สำคัญ จึงไม่ได้นั่งกินด้วยกันกับเธอ


...เป็นสารพัดเมนูอาหารที่จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามเนื้อร้อง!!!

แค่นึกก็ตลกแล้วใช่มั้ยล่ะครับ ทั้งที่เป็นเพลงอกหัก แต่ผู้กำกับและค่ายเพลงคิดเห็นตรงกันว่าควรถ่ายทำแบบเศร้าปนฮา แล้วความซวยมาตกที่ใคร ก็ตัวผมไงที่ต้องรับบทคนไม่เอาอ่าวที่ถูกผู้หญิงสลัดทิ้งไปหาผู้ชายคนใหม่ที่ดีกว่า จนนอนพังพาบอยู่ตรงระเบียง กุมท้องหิวข้าวทำตัวไหลเหมือนคนกำลังจะตาย

ตรอมใจตาย?

เปล่า หิวตาย!!

ผมต้องแสดงสีหน้าระทมทุกข์เมื่อคิดถึงคนรัก ขณะเดียวกันก็ต้องทำตัวให้ดูหิวโซมากที่สุด นี่มันยากกว่าแสดงเป็นซีเคร็ทซะอีก! ต้องดูน่าสงสารและขำไปด้วยในคราวเดียวกัน สำออยนิดๆ เล่นใหญ่หน่อยๆ แถมระหว่างเพลงยังมี...

โครกกก

มีเสียงท้องร้องแทรกอีกต่างหาก!

ตรงจุดนี้เพิ่มขึ้นมาเพื่อสร้างความขบขันในมิวสิกวีดีโอในช่วงจบท่อนฮุคแรกเท่านั้น โดยผมต้องทำเป็นตกใจแล้วพยายามลากตัวเองออกไปข้างนอกเพื่อหาอะไรทาน ไม่งั้นต้องหิวตายคาระเบียงอย่างแน่นอน แต่ระหว่างที่เดินตัวโซเซอย่างไร้จุดหมายนั้น...ผมก็ไปเห็นภาพบาดตาเข้า

ครับ ก็ภาพของเตโชที่ร้องเพลงรักให้ดาราสาวฟังยังไงล่ะ

วินาทีนั้นผมต้องทำหน้าใจสลาย วิ่งกลับห้องด้วยสภาพกระเซอะกระเซิงเหมือนคนเสียสติอยู่นิดๆ ร้องไห้คร่ำครวญพอเป็นพิธีจนกระทั่งในช่วงท้ายเพลง...ความหิวก็ทำให้ผมต้องสู้! ผมเดินเข้าห้องครัวที่ถูกเซ็ทเอาไว้ ไม่สามารถใช้ในการประกอบอาหารได้จริง แต่ก็มีอุปกรณ์สำหรับหยิบจับ สำหรับผมที่คุ้นเคยอยู่แล้วนั้นถนัดมือยิ่งกว่าถือปืนเข้าฉากเป็นไหนๆ จึงสวมผ้ากันเปื้อนก่อนจะทำหน้ามุ่งมั่น นับจากนี้จะไม่ง้อคนรักเก่าอีกต่อไป ผมจะทำอาหารด้วยตัวเอง!

แต่...ไม่รอด

วันที่ฉันล้า ใครจะเติมพลังงานให้มีกำลัง

วันที่ฉันไม่สบาย ใครจะทำข้าวต้มให้หายป่วย

วันที่ฉันเหงา ใครจะเรียกให้กินข้าวด้วยกัน

ขาดเธอคนดีนั้น ตัวฉันจะมีชีวิตอย่างไร โปรดตอบที

ฉากสุดท้ายคือภาพผมที่นั่งทรุดกอดเข่าอย่างหดหู่ โดยมีครัวพังพินาศเป็นฉากหลัง นี่มันไม่ใช่ความจริงสักนิด! ผมทำอาหารเก่งจะตายไม่มีวันทำลายครัวเด็ดขาด! แต่ในเมื่อผู้กำกับต้องการให้ผมเป็นพระเอกมิวสิกวีดีโอที่อ่อนแอ หิวโหย และห่วยแตกเรื่องการทำอาหาร ภาพจึงออกมาเศร้าปนฮาอย่างที่ตั้งใจไว้ หมดกัน...ภาพลักษณ์ที่ผมสั่งสมมา ฮึก!

ลาก่อนมิสเตอร์เอส ลาก่อนซีเคร็ท

“คัต! ทำได้ดีมากจิระ!!”

ผมแทบจะปั้นยิ้มไม่ออกเมื่อได้รับคำชม ยอมรับว่าเมื่อครู่ทุ่มเทเต็มที่ทั้งตัวและหัวใจ อย่าเข้าใจผิด ผมแค่ไม่อยากถูกเทคบ่อยๆ! ก็ดูหน้าคนในกองแต่ละคนสิ ยิ้มนิดยิ้มหน่อยกันใหญ่ เห็นแล้วใจไม่ดีเลย...

ขากลับผมรีบลากเตโชออกมาจากสตูดิโอ อับอายเกินกว่าจะสบตาคนอื่นไหว พร้อมส่งกุญแจให้คนหน้ามึนขับเพราะหมดสิ้นซึ่งพลังงานจะดำรงชีวิตต่อแล้วในวันนี้...

“สนุกเนอะ”

เปลือกตาผมกระตุกหนึ่งที ก่อนจะถลึงมองเตโชพร้อมเกรี้ยวกราด

“สนุกเหรอ นี่นายเห็นเป็นเรื่องสนุกเหรอ!”

เตโชพยักหน้า มองผมด้วยสายตาประหลาดใจ

“อย่าบอกนะที่นายเสนอตัวมาเล่นเอ็มวีด้วยเพราะคิดว่ามันน่าสนุกน่ะ”

“ก็จิระ...ดูสนุก”

“พูดอะไรของนาย” ผมแยกเขี้ยวใส่เขา “ฉันเกลียดการเป็นดารา”

“แต่จิระ...ไม่เคยบอกว่าเกลียดการแสดงนี่”

เหมือนมีค้อนทุบเข้าอย่างจัง ผมชะงักกึก เพิ่งรู้สึกถึงความย้อนแย้งของตัวเองเป็นครั้งแรก

ที่เตโชพูดมาเป็นความจริง ผมเกลียดการเป็นดารา แต่ไม่ได้เกลียดการแสดง

ออกจะ...ชอบซะด้วยซ้ำไป


“ผมชอบร้องเพลง จิระเข้าใจ” วันนี้เหมือนเตโชจะพูดมากผิดปกติ “จิระชอบการแสดง ผมเข้าใจ”

“พูดบ้าอะไรของนาย”

เตโชไม่ตอบ แต่หันไปตั้งหน้าตั้งตาขับรถ พร้อมฮัมเพลงออกมาเบาๆ

ให้ตายสิ เสียงของเขามันน่าอิจฉาจริงๆ ขนาดฮัมยังเพราะขนาดนี้ อารมณ์ฉุนเฉียวของผมเลยพลอยบรรเทาลงไปด้วย

แต่ทำนองมันคุ้นๆ เหมือนเพิ่งฟังชอบกลสิน่า

 

----------

ในที่สุดก็เริ่มเห็นความคืบหน้าของคู่นี้แล้วใช่มั้ยคะ!

การจะทำให้เตโชกับจิระมาลงเอยกันนั้นถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง เรานี่ลุ้นยิ่งกว่าให้ซีเคร็ทปรากฏตัวอีก 555

เริ่มเผยมุมมองในหลายๆ อย่างของเตโชค่ะ แรกเริ่มอาจจะเหมือนเด็กเอ๋อดูมึนๆ งงๆ แต่ความจริงแล้วเตโชก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ออกจะอินดี้และมีความเป็นตัวเองสูงไปสักนิด

มาลองเปรียบเทียบความต่างสุดขั้วของทั้งคู่กันดีกว่าค่ะ

เตโชนั้นรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร ชอบทำอะไร และทุ่มเทไปหมดใจจนไม่สนใจคนอื่นเพราะคิดว่าไม่มีเข้าใจ จนเป็นคนไม่พูด ไม่สื่อสารกับใคร ร้องเพลงอย่างเดียว ( กว่าจะมาถึงจุดนี้ เชื่อเถอะค่ะว่าไม่ได้มีแค่แชมปิญองกับน้ำพริกกะปิแน่นอน )

ส่วนจิระ ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร กำลังทำอะไร อยากทำอะไร ต้องมีคนคอยชักจูงนำทาง (ยกเครดิตให้คมสัน) เข้ากับคนอื่นไม่ได้เพราะขนาดตัวเองยังไม่เข้าใจตัวเองเลย

มาเอาใจช่วยทั้งสองหนุ่มด้วยกันนะคะ อย่างน้อย...เตโชก็มีอะไรดีกว่าเสี่ยที่มโนเก่งอย่างเดียวนะ 555

 

เพจนักเขียนที่คิดว่าถ้าด้านการแสดงไปไม่รอด เอาดีด้านตลกก็ได้นะลูกจิ
 (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
#แซะเพราะรัก #จิระผู้เกรี้ยวกราด
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 50% - P.9 - [30/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 01-12-2017 18:19:45
จิระน่ารัก เตโชเห็นมึนๆแต่ใส่ใจจิระดีมากเลยนะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 01-12-2017 18:24:08
 :กอด1: ชอบจิระ ปวดหัวได้น่ารักที่สุด ชอบเตโชมึนได้น่าหยิกมากกกกก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 01-12-2017 18:37:25
โอยย ฮาเพลงหิวรัก  :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-12-2017 18:45:13
 o13
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-12-2017 19:30:39
 :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-12-2017 19:37:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 01-12-2017 20:29:37
 :laugh: :laugh: :laugh:
เริ่มสงสารจิระแล้วหละ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-12-2017 20:41:49
อ่านแล้วขำทุกทีเลย ฮา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 01-12-2017 20:44:37
เตโชมีดีกว่าเสี่ยตรงที่เข้าใจและเข้าถึงจิระนี่ล่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 01-12-2017 22:18:32
กะว่าจะอ่านตอนแต่งจบทีเดียว แต่อดใจไม่ไหวจริงๆ เราจำได้ว่าเชียร์จิระมาตลอดตั้งแต่ตอนหนูจิ มาตอนนี้ไม่ผิดหวังจริงๆ เนื้อแท้แล้วจิระก็น่ารักจริงๆ  ส่วนเตโชเราคิดว่าแอบคล้ายเดอะทอย ในเรื่องบุคลิก มึนๆ อึนๆ 555555

ขอบคุณคับ จิระผู้ติดยาดม  :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 01-12-2017 23:20:33
ตลกแบบฮาไม่ออก น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 01-12-2017 23:30:11
อ่านเนื้อเพลงของเตโชทีไรแล้วอดขำไม่ได้เลยค่ะ เป็นการมิกซ์ที่สุดยอดมาก555555
เจ้าหมาน้อยอยากลองทำสิ่งที่เจ้าของชอบทำบ้าง เอ็นดูหน่อยๆ แต่ก็ไม่วายทำเรื่องให้เจ้าของปวดหัวอี๊กกก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-12-2017 00:12:43
อยากดูมิวสิคฯ เพลงหิวรัก เมื่อไหร่จะออกอากาศนะ  :m3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 02-12-2017 00:46:55
หลงรักเตโช แย่งซีนจิระไปซะแล้ว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 02-12-2017 00:50:23
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 02-12-2017 01:54:06
ปวดหัวแทนจิระจริงๆ  :really2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-12-2017 05:51:36
กว่าจะรักกัน คงหมดยาดมไปเป็นโหล 55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 02-12-2017 09:37:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 02-12-2017 10:18:09
หิวรัก สงสารจิระจังเลย 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Mod40 ที่ 02-12-2017 12:22:28
ผมว่าต้องตั้งโรงงานผลิตยาดมแล้วคับกว่าจะจบเรื่อง :m20:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 02-12-2017 12:27:05
แต่ละคนๆๆ มีแต่ความวุ่นวาย 5555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 7 : หิวรัก 100% - P.10 - [1/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 02-12-2017 12:53:30
สงสารจิระ เหมือนชีวิตติดกับเตโช 555555 แต่มีมุมน่ารักเยอะมาก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุม - P.11 - [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 02-12-2017 19:13:15
ตอนที่ 8

จับกุมซีเคร็ท

 

 

แล้วสิ่งที่ผมภาวนาก็ไม่เป็นจริง

เพราะวันที่มิวสิกวีดีโอเพลงหิวรักถูกปล่อย คือวันเดียวกับตอนที่สิบของเช็กเมทออกฉาย!

การประกาศตัวครั้งแรกของซีเคร็ท...แว่นตาที่ถูกทำลายเปิดเผยใบหน้าสมบูรณ์แบบน่าหลงใหล กำลังจะถูกลบเลือนไปด้วยภาพชายเสียสติที่หิวโหยครวญครางอยู่ตรงระเบียงโดยมีดวงจันทร์เป็นพยาน ไม่นะ! ไม่!!

“จิระ ผมเห็นเอ็มวีใหม่แล้ว ที่จิระใส่ผ้ากัน...จิระ?”

“อย่าพูด! อย่าพูด!!” ผมวิ่งหนีเมื่อเจอกับจิตรินโดยบังเอิญระหว่างเดินไปสตูดิโอชั้นสี่ หลังเรียนคอร์สเร่งรัดตลอดอาทิตย์กับเขาจบพวกเราก็ไม่ได้เจอกันอีก ใครเลยจะเชื่อว่าชะตาฟ้าลิขิตโคจรให้มาเจอะมาเจอในวันนี้ได้ จริงอยู่ว่าเขาชมอย่างจริงใจ แต่ตัวผมนั้นละอายแก่ใจเหลือเกิน

“คุณจิทั้งสองทำอะไรกันครับ”

โชคดีที่คมสันมาเป็นกรรมการทันท่วงที หรือไม่ก็เพราะบอดี้การ์ดประจำตัวจิตรินอย่างเบิ้มนั้นเป็นคนรายงาน คุณเลขาถึงได้ลงลิฟต์มาห้ามปรามการวิ่งไล่จับของพวกผมก่อนจะมีใครสะดุดล้มหัวทิ่มเข้า

“ผมเปล่าทำอะไรนะ ผมแค่อยากคุยกับจิระเท่านั้นเอง ก็เอ็มวีตัวใหม่น่ะน่ารักมากๆ เลย ผมชอบฉากที่จิระเดินสะโหลสะเหลไปเห็นแฟนเก่านั่งอยู่กับผู้ชายคนใหม่ แล้ววิ่งกระเซอะกระเซิงกลับห้องมากๆ  ขนาดเสี่ยยังหลุดขำไม่ยอมหยุด วนดูฉากนั้นต้องหลายรอบ ดูไปตบโต๊ะไป เป็นภาพหายากมากเลยนะครับคุณสัน!”

“นั่นสินะครับ” คมสันตอบเสียงเรียบแต่สายตาที่เหลือบมองผมนั้นเต็มไปด้วยความล้อเลียน

“ผมเอาไปเปิดให้ไอ้เจ น้องชายของผมกับที่บ้านดูด้วยล่ะ ทุกคนชอบมากช่วยกันนั่งปั่นวิวให้จิระจนตอนนี้ยอดทะลุสองล้านในเวลาแค่สองวันเท่านั้น! ขนาดผมเอาไปให้ไอ้ส้มดู มันกับลูกๆ ยังนั่งล้อมวงเหมือนรู้เรื่องด้วย จริงสิจิระ ผมลืมบอกไปเลยว่าไอ้ส้มคลอดลูกแล้ว มีเจ็ดตัวพอดีเลย ผมเลยไม่ต้องลำบากคิดชื่อเพิ่มล่ะ ดีจังเลยเนอะ!”

“คุณจิตรินครับ คุณมีนัดกับเสี่ยไม่ใช่เหรอ”

“จริงด้วยแฮะ” จิตรินเกาแก้มทำหน้าซื่อ “งั้นไว้เจอกันนะจิระ ไม่ต้องห่วง ผมจะช่วยปั่นวิวให้เอง! ผมและครอบครัวจะสนับสนุนผลงาน จะช่วยกันเผยแพร่เอ็มวีนี้ให้ขจรไกล!”

จิตริน...ความหวังดีของนายกำลังทำให้ฉันเป็นบ้า!


ลับหลังจิตรินเดินขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดซึ่งเป็นออฟฟิศของเสี่ย ตัวผมพลันทรุดฮวบขณะหันหน้าเข้าหากำแพง พร้อมยกมือปิดหน้าขดตัวไม่อยากขยับไปไหนทั้งสิ้น

“คุณจิระครับ”

“ฉันไม่ได้ชื่อจิระ ฉันคือก้อนหิน”

คมสันหลุดหัวเราะพรืด หน็อยแน่ ขนาดคนเข้มงวดอย่างหมอนี่ก็ยังหัวเราะเยาะผม ผมไม่มีหน้าจะเข้ากองเช็กเมทแล้ว!

“คุณอายทำไมครับ ผลตอบรับออกมาดีมากเลยนะ”

“ฉันคือก้อนหิน”

“แสดงว่าคุณไม่ได้ตามข่าวเลยสินะ” คมสันพูดเองเออเอง เขาเป็นจิตรินสองรึไงถึงได้ต่อประโยคเสร็จสรรพโดยไม่ต้องมีคู่สนทนา “ก่อนหน้านี้แฟนคลับกับแอนตี้แฟนของคุณแทบจะก่อสงครามในโซเชียลอยู่แล้ว”

“หืม” ก้อนหินเริ่มขยับ ผมไม่เห็นรู้เรื่องสงครามอะไรนั่นเลย

“ตอนนี้กลุ่มในโซเชียลแบ่งออกเป็นสี่กลุ่มครับ กลุ่มแรกคือแฟนคลับเช็กเมทที่ต่อต้านคุณ กลุ่มที่สองคือแอนตี้แฟนที่สักแต่ด่าคุณ กลุ่มที่สามคือคนที่ยอมรับฝีมือการแสดงของคุณ และกลุ่มสุดท้ายคือแฟนคลับของเตโชที่อวยคุณ” คมสันนั่งยองๆ ข้างตัวผมเพราะไม่กล้าพูดเสียงดังเกินไป “ตั้งแต่ซีเคร็ทเริ่มมีบทบาท กลุ่มแรกกับกลุ่มสองก็จับมือกันโจมตีเรื่องคุณใช้เส้นสาย ลามปามไปถึงข่าวที่คุณได้บทมิสเตอร์เอสตัดหน้าพายในซีซันแรก ก่อกระแสจนวุ่นวายยกใหญ่ แต่กลุ่มที่สามกับสี่ก็โต้กลับ บอกว่าตัวคุณในบทมิสเตอร์เอสนั้นทำได้ดีกว่าพาย ไม่ใช่เพราะเส้นสายแต่มาเพราะฝีมือ ขนาดเตโชยังยอมรับและดึงมาเป็นพระเอกเอ็มวี ขนาดเล่นคนเดียวยังดึงคนดูอยู่หมัด”

ก้อนหินนิ่ง แต่หูผึ่งหนักมาก

“จากนั้นกลุ่มแอนตี้แฟนก็เริ่มตั้งข้อสงสัยว่าคุณเป็นพวกวิปริตผิดเพศ สร้างความไม่พอใจให้แฟนคลับของเตโชจนสองกลุ่มนี้แทบจะถล่มกันในโซเชียลอยู่แล้ว โชคดี...ที่เอ็มวีหิวรักถูกปล่อยพร้อมกับตอนที่สิบของเช็กเมท ทำให้กลุ่มแรกหันมาสนับสนุนคุณเพราะยอมรับว่าการที่คุณมารับบทซีเคร็ทนั้นทำให้ซีรีส์สนุกและน่าติดตามมากขึ้นจนติดหนึบ ส่วนกลุ่มสามที่ชื่นชอบในฝีมือการแสดงของคุณอยู่แล้วไม่ต้องพูดถึง พอเห็นคุณเล่นบทอื่นได้โดยไม่ห่วงภาพลักษณ์ ก็รู้สึกเอ็นดูอยากเอาใจช่วย กลายเป็นตอนนี้สามกลุ่มกำลังรุมแอนตี้แฟนจนทำให้เรื่องสงครามนั้นเงียบไป แม้โซเชียลตอนนี้จะพากันล้อเลียนคุณ พูดถึงคุณในแง่ตลกขบขัน แต่ก็ทำให้ข่าวฉาวถูกกลบฝังดิน”

ก้อนหิน...ไม่สิ ผมค่อยๆ เงยมองคมสันด้วยสายตามีความหวัง

“ทำให้คนหัวเราะดีกว่ามีคนเกลียดนะครับ” คมสันกล่าวก่อนจะยันตัวลุกขึ้น คล้ายจะได้ยินเสียงกระดูกลั่นเบาๆ...เกือบลืมว่าคุณเลขาคนนี้อายุอานามก็ใกล้เลขสี่เต็มที “เข้ากองเถอะครับ ผมไปส่ง”

“ไม่ต้อง” ผมผุดลุกก่อนจะปัดขากางเกงแก้เก้อ รู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูกที่ต้องให้คมสันช่วยปลอบ “ฉันไปเองได้”

คมสันพยักหน้ารับอย่างพอใจ ก่อนจะเดินขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนตามรอยจิตริน

ส่วนผมหลังปรับอารมณ์เสียใหม่ก็เดินเข้าห้องสตูดิโอด้วยใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ

และทันทีที่เปิดประตูเข้าไป...

“ทุกคน ดูนั่นสิ น้ำพริกกะปิมาแล้ว!”

อ๊ากกก!!

ผมปิดประตูแล้ววิ่งหนีออกนอกห้องทันที ฮือ ไม่เอาแล้ว ผมอยากกลับบ้าน

“จิระ ฉันล้อเล่น กลับมาก่อน!” ธนัทวิ่งตามผมพร้อมเสียงหัวเราะดังลั่น ทำไมเดจาวูชอบกล เพิ่งโดนจิตรินไล่ตามแล้วยังต้องมาหนีธนัทอีกเหรอ นึกแล้วผมก็รู้สึกไม่เข้าท่า เลยยอมหยุดก่อนที่คมสันจะถูกลงมาห้ามทัพอีกครั้ง “จิระ นายนี่วิ่งเร็วจังนะ”

“...”

ผมหอบใส่เป็นคำตอบ

โอเค ผมยอมรับก็ได้ว่าที่หยุดไม่ใช่ว่ากลัวคมสัน แต่เพราะผมเหนื่อยจะแย่แล้ว! เป็นดาราใช่ว่าต้องร่างกายแข็งแรงนี่ ถ้าไม่เข้ากองผมก็นอนกินขนมอยู่กับห้องกลิ้งไปกลิ้งมา ไม่แปลกหรอกที่วิ่งแล้วจะยืนหอบเหงื่อออกขนาดนี้

“ถ้าเป็นกับข้าวฝีมือนาย ต่อให้ทำครัวพังฉันก็อยากกินนะ” ธนัทขยิบตาใส่ เล่นเอาผมขนลุกตั้งแต่ตาตุ่มยันหนังหัว

“กะ...กลับสตูดิโอกันเถอะ”

เจอมุกเสี่ยวเข้าไปผมถึงกับปลงตก ยอมเข้าสตูดิโอแต่โดยดี แม้จะคันยิบๆ ไปกับสายตายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของแต่ละคนก็ตาม

“จิ พี่ดูเอ็มวีเพลงหิวรักแล้วนะ จิแสดงได้...”

“ถ้าพี่อัคไม่อยากให้ผมวิ่งหนีก็ห้ามพูด” ผมถลึงตาใส่พระเอกคนดังที่ยกมือยอมแพ้อย่างว่าง่าย กับอัครเดชค่อนข้างสนิทใจดีเลยพูดออกมาตรงๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเสียมารยาท

“จิจะอายทำไม ทุกคนชอบออก” แต่ธนัทไม่สนใจ เขาสนุกสนานกับการแกล้งผมมาก

“อายก็คืออาย ห้ามอายได้ด้วยเหรอ” ผมหันไปทำหน้าโกรธใส่เขา หวังให้เลิกล้อเลียนกันสักที โชคดีที่พี่ช่างแต่งหน้าตามให้ผมไปเปลี่ยนเสื้อเตรียมถ่ายทำ เลยรอดพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้...แต่พายที่นั่งอยู่ไกลๆ นั่นน่ะ ผมเห็นนะว่าเขามองมาที่ผมแล้วแอบอมยิ้มด้วย!

วันนี้เป็นการถ่ายทำในตอนที่สิบห้า ผมต้องเข้าฉากพร้อมกับสามนักแสดงหลักเพราะเนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นทุกที หลังจากพวกพระเอกรู้ว่ามิสเตอร์เอสความจำเสื่อม ก็พยายามจะตามจับตัวซีเคร็ทมาปรับความเข้าใจไม่ให้โดนล้างสมองมากไปกว่านี้ แม้พายจะไม่สามารถเอาชนะซีเคร็ทได้ แต่การส่งข้อมูลปลอมโดยอาศัยจากตอนก่อนๆ ที่แอบล้วงความลับนั้นก็ทำได้ไม่ยาก ซีเคร็ทจึงหลงนึกว่าเป็นข้อความจากองค์กรและมาตามนัดหมายจนถูกล้อมจับกุม

“มิสเตอร์เอส”

“ฉันไม่ใช่...มิสเตอร์เอส!” ซีเคร็ทแค่นเสียงต่ำอย่างกรุ่นโกรธเมื่อรู้ว่าถูกหลอกเข้าเต็มเปา แถมยังเป็นฝีมือของพาย แฮกเกอร์ที่เคยเอาชนะมาตลอดอีกด้วย ถูกจับมัดคาเก้าอี้ไปไหนไม่ได้แล้วยังโดนยัดเยียดชื่อที่ไม่ใช่ตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าขนาดนี้ ต่อให้เป็นคนนิ่งเฉยก็รู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมาเหมือนกัน

“แล้วนายรู้เหรอว่ามิสเตอร์เอสคือใคร” ธนัทฉีกยิ้มยียวน คล้ายไม่สนใจบรรยากาศเครียดขึงในห้องยามพระเอกกับซีเคร็ทจ้องตากันไม่กะพริบ “องค์กรคงบอกแค่ว่าเขาคือแฮกเกอร์มือฉกาจ แต่ไม่มีรูปภาพหรือข้อมูลอื่นเลยสินะ เพราะมิสเตอร์เอสของเราน่ะ...เก็บตัวและปิดบังข้อมูลได้ดีสุดๆ!”

ซีเคร็ทไม่ตอบ ทว่าเป็นฝ่ายหลบสายตาจากอัครเดช

พายกดคีย์บอร์ดพร้อมภาพของมิสเตอร์เอสที่ถูกฉายบนโปรเจ็กต์เตอร์ ภาพนั้น...ต่อไม่อยากมองแค่ไหนก็ไม่ต่างกับการถูกบังคับให้ต้องจับจ้อง ซีเคร็ทเบิกตาค้าง ต่อให้ไม่รู้จักมิสเตอร์เอส แต่เขาย่อมรู้ใบหน้าตัวเองดี...

“นั่น...ไม่ใช่”

แม้บอกปฏิเสธ แต่ริมฝีปากกลับสั่นน้อยๆ ราวจิตใต้สำนึกกำลังตอบรับ แววตาของซีเคร็ทเผยความสับสนและไม่เข้าใจ ก่อนจะกรีดร้องออกมาเมื่อศีรษะปวดจนแทบระเบิด

“มิสเตอร์เอส!”

“คัต!”

สามหนุ่มสามมุมที่พุ่งเข้าหาซีเคร็ทช่วยกันประคองผมขึ้นจากพื้นเพราะเมื่อครู่ผมดิ้นแรงจนเก้าอี้คว่ำเลยทีเดียว

“ไม่เป็นอะไรนะจิ” อัครเดชค่อยๆ แก้มัดให้ผม ธนัทมองหาบาดแผล ขณะที่พายช่วยจับเก้าอี้ตั้งเสียใหม่

“ไม่เป็นไรครับ” ผมยิ้มตอบ พอเนื้อเรื่องใกล้ถึงจุดไคลแมกซ์  คนแสดงอย่างผมก็พลอยลุ้นไปด้วยว่าซีเคร็ทจะเป็นยังไงต่อไป เพราะคนเขียนบทจะส่งบทให้อ่านล่วงหน้าแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น เท่ากับว่าในที่นี้นอกจากผู้กำกับแล้วไม่มีใครรู้ตอนจบของซีซันสองเลย

ไม่สิ...ยังมีอีกคนหนึ่ง

ผมเดินไปหาเตโชที่นั่งเป็นตุ๊กตาประดับอยู่ริมสตูดิโอ ในมือถือสมุดจดคู่ใจ ส่วนข้างๆ เท้าคือกระดาษที่ถูกขยำทิ้งเต็มไปหมด...

เตโชมองหน้าผมแล้วก้มหน้าจดยิกๆ ไม่หยุด เกือบลืมบอกไปสินะว่าเมื่อเช้าผมมาพร้อมเตโช แต่แยกไปคนละทางเพราะเขาต้องไปประชุมพร้อมกับนักแต่งเพลงท่านอื่นๆ ที่คมสันชวนมาร่วมโปรเจ็กต์ จะว่าไปนอกจากคนหน้ามึนแล้วก็มีคนแปลกตาหลายคนที่เข้ามาก้มๆ เงยๆ ดูการถ่ายทำในวันนี้ ผมชักจะตื่นเต้นแล้วสิว่าเพลงประจำตัวจะออกมาแบบไหน

“แง้มตอนจบให้ฟังหน่อยสิ” ผมตีสนิทเตโช นั่งเบียดอยู่ข้างๆ เขาเพราะอัครเดช ธนัท กับพายมีคิวถ่ายทำต่อเพราะหลังจากซีเคร็ทล้มลง ทั้งสามคนก็ถกกันว่าควรจะให้มิสเตอร์เอสคืนความจำยังไง พอดีกับองค์กรใต้ดินบุกรุกเข้ามาตามสัญญาณติดตามตัวที่แอบฝังไว้ในตัวของซีเคร็ท ทำให้ต้องต่อสู้กันอย่างทุลักทุเลเนื่องจากเสียเปรียบเรื่องจำนวน และเมื่อการปะทะจบลง...ห้องที่ปิดล็อกอย่างดีก็เหลือเพียงความว่างเปล่า

ซีเคร็ทถูกองค์กรใต้ดินนำตัวกลับไปแล้ว!

ตอนที่สิบห้าจบลงด้วยความค้างคานี้ ถ้าเป็นคุณจะไม่ลงแดงเลยเหรอ!?

“คมสันไม่ให้บอก” เตโชตอบเสียงเรียบ การประชุมเมื่อเช้าคือการเปิดเผยเนื้อเรื่องทั้งหมดให้กับนักแต่งเพลง ทุกคนต้องเซ็นสัญญาว่าจะเก็บเป็นความลับไม่อย่างนั้นต้องจ่ายค่าปรับถึงหกหลัก แต่ถ้าไม่พูดซะอย่าง...ก็ไม่มีใครรู้หรอก

น่าเจ็บใจที่เตโชปากแข็งมาก แม้จะพยายามง้างให้สปอยตอนจบก็เหมือนเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง

ผมยอมแพ้

“คืนนี้กินอะไรดี” ผมถามพลางพิงตัวกับไหล่ของเขา หึหึหึ ดูถูกจิระเกินไปแล้ว ผมทำทีเป็นเปลี่ยนเรื่อง แต่ความจริงกำลังแอบเหล่ดูเนื้อเพลงที่เตโชกำลังเขียนอยู่ต่างหาก!

พลันโลกพลิกตลกกะทันหัน ผมกะพริบตาปริบๆ รู้ตัวอีกก็ตัวไหลตกเก้าอี้ซะงั้น

“ข้าวผัดแกงเขียวหวาน” เตโชตอบเสียงเรียบขณะช่วยจับตัวผมให้นั่งดีๆ ก็เพราะใครกันล่ะที่ลุกพรวดพราดไม่ให้สัญญาณกันเลย

“ฉันไม่ชอบกินมะเขือ”

“ข้าวผัดแกงเขียวหวานไม่ใส่มะเขือ”

“ดีล” ผมต่อยหมัดเบาๆ กับไหล่ของเตโชก่อนจะเดินเข้าห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อ หลังจากสนิทสนมกันครบหนึ่งเดือน ก็เริ่มเข้าใจตัวคนคนนี้หลายอย่าง และเริ่มเคยชินกับการนั่งกินข้าวด้วยกันไปแล้ว แม้จะไม่ทุกวันเพราะเตโชมีงานต้องเล่นดนตรีตามอีเว้นท์หรือร้านอาหารตอนกลางคืน แต่ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ช่วงทำเงินดีที่สุด เขาจะหยุดงานมานั่งดูเช็กเมทกับผม

เพื่อนสนิทคงจะเป็นแบบนี้สินะ

น่าเศร้าที่ชีวิตของจิระไม่เคยมีเพื่อนที่คบหากันอย่างสนิทใจมาก่อน ความจริงแล้วจิตรินนับเป็นเพื่อนแท้ได้อยู่ เสียแต่ผมยังมีชนักติดหลัง เลยไม่ค่อยกล้าเข้าหาเขาสักเท่าไหร่

 




หลายวันจากนั้นผมได้โทรศัพท์สายด่วนจากคมสัน

“ในที่สุดก็มีงานอื่นติดต่อเข้ามาแล้วครับ”

ปากคมสันนี่คมสมชื่อจริงๆ ผมรึแตกตื่นแทบตาย พอมาถึงกลับยื่นรายละเอียดงานให้พร้อมประโยคชวนระคายหู ราวกับว่าถ้าไม่มีเขาช่วยผลักดัน และไม่มีเตโชลากผมไปเป็นพระเอกมิวสิกวีดีโอถึงสองเพลงจะไม่มีใครคิดจ้างงานผมอย่างนั้นล่ะ

หึ ดูถูกกันเกินไปแล้ว ฝีมืออย่างจิระยังไงก็ต้องมีคนเห็นค่า! ฮ่าฮ่าฮ่า!

ผมน้ำตาตกใน รู้แก่ใจว่าที่ประชดไปทั้งหมดนั้นคือเรื่องจริง

“เป็นโฆษณาโทรศัพท์ที่คุณจิตรินในร่างของคุณเคยถ่ายคู่กับพาย เจ้าของคือหนึ่งในสปอนเซอร์ที่ลงทุนกับซีรีส์เช็กเมท” คมสันพูดพลางเปิดคลิปโฆษณาให้ผมดู ตัวผมที่ตอนนั้นเป็นจิตรินสวมเสื้อสีขาว ภาพลักษณ์ปานเทวดา ขณะที่พายซึ่งรับบทเป็นมิสเตอร์เอสตัวปลอมสวมชุดสีดำ แบ่งตามสีของโทรศัพท์

“ครั้งนี้จะให้พวกคุณสลับสีเสื้อกันครับ”

หมายความว่าให้ผม ซึ่งเป็นซีเคร็ทสวมเสื้อสีดำ และพาย...ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในตัวละครหลักสวมเสื้อสีขาวสินะ

อืม...น่าสนใจไม่เลว

“ฉันรับ”
 

------

แล้วมาต่อกันตอนหน้าค่ะ อนึ่ง จากนี้จะเปลี่ยนการอัพใหม่นะคะ จะแบ่งเป็นตอนๆ ไปเลยไม่ 50% / 100% แล้ว ฉะนั้นหนึ่งตอนจะสั้น/ยาวแล้วแต่การตัดฉากของเรื่องค่า เพราะบางที เราแต่งแล้วมันจบฉากก็อัพเลย  :mew1:

ว่าแล้วก็มาพูดถึงเนื้อเรื่องกันดีกว่า  ​เวลาแต่งนิยายชุดนี้เราจะสนุกกับการคิดฉากถ่ายซีรีส์ ถ่ายเอ็มวี ถ่ายโฆษณามากๆ เลยค่ะ เหมือนได้ดึงความติ่งตัวเองออกมา #เดี๋ยว ฉะนั้นส่วนใหญ่ จะอ้างอิงจากสิ่งที่เราอยากดูอยากเห็น และวาดหวังว่าทุกคนจะสนุกไปด้วยกันนะคะ

เพจนักเขียนที่อยากเอาก้อนหินจิระกลับบ้าน (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
ปล.แอบกระซิบว่าโฆษณาครั้งหน้า...โหด!!!
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-12-2017 19:25:05
ชอบจิระจัง จริงๆฮีเป็นคนตลกสินะ 55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 02-12-2017 19:53:52
ขนาดเสี่ยยังหลุดขำเลยคิดดู 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 02-12-2017 19:55:39
ขำนู๋จิระมีชื่อเล่นใหม่แล้วว่าน้ำพริกกะปิ 555 :mew4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 02-12-2017 20:07:12
เป็นก้อนหินที่น่าเอ็นดูซะจริง  :pandalaugh: :pandalaugh: :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-12-2017 20:16:29
 :m20:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 02-12-2017 20:27:40
จิระ น่ารักนะแถมรักการแสดงมาก มันคงเป็นไปตามสายเลือด
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ObliVioN69 ที่ 02-12-2017 21:42:36
ถ้าขนาดเสี่ยยังหลุดขำ มันต้องตลกเบอร์ไหนนนน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 02-12-2017 21:52:14
เอ็นดูจิระ ไม่ใช่คนเกรี้ยวกราดแล้วเนี่ย เป็นคนตลกกกก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-12-2017 21:53:52
จิระเป็นคนตลก
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: สาว801 ที่ 02-12-2017 22:12:18
มีความแอบเนียนพิงไหล่เตโชนะจ๊ะจิระ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 02-12-2017 22:12:38
เหมือนพอจิระเล่นเอ็มวีหิวรักแล้ว ทำให้คนดูเปลี่ยนมุมมอง เข้าถึงจิระมากขึ้น ไม่ใช่แบบเทวดาน้อยๆเอื้อมไม่ถึง แฟนๆเลยชอบ แต่จริงๆจิระเป็นคนตลก5555 น้องก้อนหิน :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 02-12-2017 22:39:11
จิระมีมุมน่ารักเยอะกว่าที่คิดอีกอ่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 03-12-2017 00:00:37
มีความแอบส่อง 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-12-2017 00:45:44
รอดูการถ่ายโฆษณาตอนหน้า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-12-2017 00:47:23
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: หิมะขาว ที่ 03-12-2017 01:22:07
ขนาดเสี่ยยังเปิดดูหลายรอบ :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 03-12-2017 01:39:34
จิตรินผู้ใสซื่อ สงสารจิระต้องแปลงร่างเป็นก้อนหิน 555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 03-12-2017 02:21:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 03-12-2017 04:37:22
           :mew1: :mew1:อยากดูMVเพลงหิวรัก :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 03-12-2017 08:27:05
 :laugh: :laugh: :m20: :m20: :m20:
ถึงกับเป็นก้อนหินเลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 03-12-2017 09:29:36
อยากเหนเสี่ยตอนตบโต๊ะ ขำมากอ่ะ 555555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 03-12-2017 12:07:45
จิระเริ่มเข้ามาอยู่ในใจเราแล้ว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-12-2017 20:44:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 04-12-2017 10:51:42
ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง นีเป็นแฟนคลับน้องพายด้วย  พอมาภาคนี้น้องพายดูเงียบๆไป เลยอยากรุ้เวลาอยุ่ด้วยกันจุง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: พันธุ์ไทย ที่ 04-12-2017 13:27:51
รอ :katai5: :katai4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: applecaramel ที่ 04-12-2017 15:26:35
ไม่รู้ทำไมเวลาอ่านเรื่องนี้ถึงต้องหยิบยาดมขึ้นมาดมตามน้องจิ  :katai5: ฟืดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 04-12-2017 15:36:12
จิระเป็น หิน เป็นน้ำพริกกะปิ แล้ว เป็นอะไรอีก 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 04-12-2017 17:05:40
เอ็นดูหนูจิจริงๆอายจนอยากจะเป็นก้อนหินเลยทีเดียว กับซีรี่ย์เช็กเมทนี่คนอ่านก็อยากดูเหมือนกันค่ะ จะมีใครใจดีๆทำเป็นอนิเมะให้ดูบ้างมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณา - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 04-12-2017 19:15:58
ตอนที่ 9
โฆษณาตัวแรกของจิระ



ไม่ง่ายที่จะได้ร่วมงานกับพาย เพราะในซีรีส์ผมจะได้เข้าฉากกับอัครเดชหรือธนัทมากกว่า ทำให้จนถึงตอนนี้ก็แทบไม่ได้คุยอะไรกับเขาเลย แต่สายตาที่มักมองตามเสมอนั้นมันชวนจั๊กจี้ชอบกล ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าพายคิดยังไงกับผม...และจิตรินเคยไปสร้างวีรกรรมอะไรเอาไว

แต่...

“นายมาทำไม!”

ครับ วันถ่ายโฆษณา เตโชที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลยติดรถผมมานั่งจ๋องอยู่ในสตูดิโอซะอย่างนั้น ช่วงนี้เขางดรับงานเพื่อทุ่มเทในการแต่งเพลงอย่างเต็มที่ จึงทำตัวเอื่อยเฉื่อยลอยไปลอยมาได้สุขเกษมเปรมปรีดิ์น่าอิจฉาเป็นที่สุด

“ให้กำลังใจ”

ผมทำตาปะหลับปะเหลือกใส่เขา คนอย่างจิระไม่ต้องมีสล็อตมาให้กำลังใจก็ได้โว้ย

“หนาวมั้ย”

เตโชชี้มาที่ชุดของผมซึ่งค่อนข้างอวดเรือนร่าง เป็นเสื้อแขนกุดครึ่งตัวเผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบเรียบ เพราะรู้ว่าต้องใส่ชุดนี้ผมเลยลงทุนไม่กินข้าวตั้งแต่เมื่อเย็นวานเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาว่าลงพุง แล้วดูไอ้คนหน้ามึนตรงหน้าสิ เปิดกล่องข้าวในกองกินกันต่อหน้า เห็นแล้วหิวน้ำลายแทบไหล นี่มันทรมานกันชัดๆ

“ไม่หนาว”

หิวมากกว่า


ผมเอ่ยต่อในใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่องใบหน้าที่ต่างไปจากเดิมอย่างสนใจ ขอบตาถูกกรีดซะคมกริบ เส้นผมเสยไปด้านหลังเปิดเผยโครงหน้าชัดเจนจนดูราววายร้ายอย่างบอกไม่ถูก แถมยังใช้สเปรย์ย้อมเป็นสีดำเข้ากับคอนเซปงานอีกต่างหาก เท่ากับว่าตอนนี้ถ้าไม่นับสีผิวแล้วผมโดนย้อมดำไปหมดทั้งตัว

ผมหมุนซ้ายหมุนขวา ข้อแตกต่างระหว่างเวอร์ชั่นจิตรินกับของผมคือเสื้อคลุมที่มีขนนกติดเพิ่มขึ้นมาเพื่อความหรูหรา ผมยืนสะบัดไปสะบัดมาดูขนนกที่สละชีพทีละเส้นแก้เบื่อระหว่างรอพายแต่งตัว เตโชคงรำคาญเลยจับแขนผมให้นั่งข้างๆ แล้วยกช้อนจ่อปาก

“ไม่กิน” ผมบ่ายหน้าหนีพร้อมกลืนน้ำลายด้วยความหิวโหย คล้ายจะได้ยินเสียงท้องร้องเป็นทำนองเพลงหิวรักชอบกล “ถ่ายเสร็จค่อยกิน”

“เดี๋ยวเป็นลม”

“ฉันไม่อ่อนแอขนาดนั้นหรอกน่า” ผมถลึงตาใส่เตโช ตอนนี้ก็แต่งตัวคล้ายจอมมารอยู่แล้ว พอทำหน้าดุเลยดูน่ากลัวกว่าเดิมหลายเท่า แต่คนหน้ามึนไม่สะทกสะท้านจนผมใจแป้ว หยิบโทรศัพท์มาส่องอีกครั้งว่าภาพลักษณ์สีดำแบบนี้ไม่ช่วยให้น่าเกรงขามบ้างเลยรึไง

“จิระ พายพร้อมแล้วจ้า”

ผมเข้าฉากเมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานเดินออกมาจากห้องแต่งตัว พายสวมชุดแบบเดียวกับผม ขนนกสีขาวนั้นทำให้เขาเปล่งประกายคล้ายจะโบยบินขึ้นสวรรค์ ใบหน้าก็แต่งในโทนสีอ่อน พร้อมจะล่องลอยไปในอวกาศให้คนไขว่คว้าอยากจับจอง

แล้วดูผมสิ

ก้มมองเล็บปลอมสีดำยาวแล้วรู้สึกเหมือนมาถ่ายหนังสยองขวัญมากกว่าโฆษณาโทรศัพท์

“ทั้งสองคนมาติดสลิงเร็วเข้า”

ผมกับพายต่างไม่พูดไม่จา ในเมื่อเขาไม่ทักก่อนผมก็ยินดีปิดปากเงียบแม้จะแอบเหลือบเป็นระยะจนตาเกือบเป็นตะคริวก็ตาม โฆษณาครั้งนี้ต้องการความตื่นตาจากเดิมเพราะโทรศัพท์รุ่นใหม่นี้แม้มีคุณสมบัติเพิ่มขึ้นแค่ไม่กี่อย่างแต่มีลวดลายพิเศษ นั่นคือเมื่อต้องแสงแล้วจะเกิดประกายคล้ายขนนก แม้จะเป็นลายเดียวกันแต่เมื่อแยกสีขาวกับสีดำกลับให้อารมณ์แตกต่างโดยสิ้นเชิง สินค้านี้มีจำนวนจำกัด ทำขึ้นมาในโอกาสครบรอบสิบปีของทางบริษัท เหมาะสำหรับนักสะสมโดยเฉพาะ

ความซวยของผมอยู่ที่ตอนเรียนกับจิตรินไม่มีการสอนเรื่องทรงตัวบนสลิง เพราะคนเขียนบทบอกว่าซีเคร็ทไม่จำเป็นต้องผาดโผนขนาดนั้น เมื่อโดนเกี่ยวสลิงที่กางเกงเลยรู้สึกพะวงอยู่ไม่น้อย ผิดกับพายที่ดูจะคล่องแคล่วคุ้นเคย ถ้าจำไม่ผิด พายเริ่มเข้าวงการจากบทตัวประกอบ ก่อนจะค่อยๆ ไต่เต้าจนกลายเป็นนักแสดงหลักในซีรีส์เช็กเมทซีซันสอง เทียบกันแล้วเขาผ่านประสบการณ์ทำงานมากกว่าผมหลายสิบเท่า

“จิหน้าซีดเชียว ไหวนะจ๊ะ”

“ไหวครับ”

ผมเริ่มแยกไม่ออกว่าตัวเองหน้าซีดเพราะหิวหรือเสียวกันแน่ เพราะดึงสลิงขึ้น ขาสองข้างห้อยต่องแต่ง ผมก็จับสายสลิงตัวเกร็งไปหมดเพราะกลัวตก โอ๊ย แค่โฆษณาโทรศัพท์ต้องเหาะเหินเดินอากาศขนาดนี้เลยเหรอ

“จิระอย่าหันไปหันมาสิจ๊ะ แล้วอย่าจับสายด้วย”

ไม่ให้จับด้วยเหรอ!?

ตัวผมหมุนไปหมุนมาในอากาศ เพราะพอเบี่ยงตัวไปทางซ้ายก็หมุนติ้ว พอเบี่ยงตัวไปทางขวาก็หมุนติ้วอีก ไม่ว่าจะขยับทางไหน ตัวผมก็โซไปเซมาพร้อมจะหมุนติ้วๆ อยู่เสมอ แล้วจะให้ผมปล่อยมือได้ยังไง แต่เถียงไปก็ไร้ค่า ในเมื่อพายสามารถทรงตัวอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ผมเลยจำใจต้องทำตามคำสั่งนั้น

นิ้วเรียวยาวค่อยๆ ละจากสายสลิงอย่างอาลัยอาวรณ์ประหนึ่งกำลังแยกจากของรัก ผมกลั้นใจ หลับตาปี๋ ตอนแรกยังดีอยู่หรอก แต่พอโน้มตัวไปข้างหน้าเท่านั้นแหละ...

“อ๊ากก!”

เสียงกรีดร้องดังลั่นเมื่อลำตัวพลิกตลบ เปลี่ยนให้ขาชี้ฟ้า หน้าชี้ดิ้น ผมดิ้นแด่วๆ อย่างตกใจเกินควบคุม มองไปมองมาคล้ายปลาติดเบ็ดที่กำลังขาดน้ำ ชักดิ้นชักงอกำลังพอดี

ทีมงานรีบเข้ามาช่วยจับตัวผมให้หยุดดิ้น ก่อนจะหย่อนสายสลิงลงมาเพื่อให้ปรับสมดุลร่างกายเสียใหม่ ผมลูบอก รู้สึกหน้ามืดคลับคล้ายจะเป็นลมเมื่อขาสัมผัสพื้นอีกครั้ง พอหันไปมองอีกฝั่งพายก็ถูกนำตัวลงมาพักชั่วคราว เพราะมีสิทธิ์ว่าต้องรอผมอีกนาน

“ไหวมั้ยจิ” พี่ช่างแต่งหน้าช่วยพัดและซับหน้าให้ผมอย่างเป็นห่วง เพราะเหงื่อเริ่มซึมตามใบหน้าและแผ่นหลังจากร่างกายที่เกร็งจนล้า

“ไหว...ครับ”

วินาทีไม่ไหวก็ต้องไหว! หลายคนมองผมอย่างลำบากใจ ปนด้วยความผิดหวังและเหนื่อยหน่าย อาจคิดว่าผมรับงานมาโดยไม่เตรียมตัวให้พร้อม แต่...ไม่เห็นมีใครบอกผมก่อนเลยว่าต้องไปห้อยโหนอยู่บนสลิงน่ะ!

ผมเงยมองความสูงแล้วกัดฟัน เอาวะ สู้ตายโว้ย!

หน้าท้องเริ่มวูบโหวงเมื่อถูกดึงขึ้นอีกครั้งด้วยความเชื่องช้าระดับเต่าคลานเพื่อให้ผมคลายความกลัว ครั้งนี้ค่อยดีขึ้นหน่อย ผมเลยลองปล่อยมืออีกครั้ง ไม่ทันได้ดีใจก็หลุดร้องลั่นซ้ำประวัติศาสตร์เดิมเพราะหน้าทิ่มอีกแล้ว!

“ว้าย จิระ”

ผมคร้านจะดิ้นกระแด่วๆ เยี่ยงปลาติดเบ็ดอีกครา แต่เลือกที่ร้องหายาดมจากพี่ช่างแต่งหน้าเมื่อถูกพาลงมานั่งพักเป็นครั้งที่สอง

“อย่าใจร้อนสิจิระ ทรงตัวดีๆ อย่าขยับเร็วเกินไป อย่าลน อย่ากลัว”

ผมยิ้มเจื่อน ถ้าง่ายอย่างปากพูดก็ดีสิ ผมมองทีมงานที่พากันหาที่นั่งรอ มองผู้กำกับที่มองนาฬิกาอย่างหวั่นใจแล้วก็พลอยลนลานตามไปด้วย ไม่มีเวลาให้พักหรือปรับตัวนานกว่านี้แล้ว ผมสูดยาดมเข้าเต็มปอด มุ่งมั่นว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ตีลังกาพลิกตลบ เพราะขืนนานกว่านี้...ผมเกรงว่าตัวเองจะไม่ไหว

ก็ท้องมันหิวสุดๆ!!

“จิระ อย่าหลุกหลิก!”

สติผมเริ่มจะลอยไกล ยิ่งหลายคนตะโกนให้คำแนะนำเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งมึนเบลอเท่านั้น ในอกหวิว หน้าท้องโหวง พอเป็นแบบนี้เลยยิ่งไม่กล้าปล่อยมือเข้าไปใหญ่

ทันใดนั้นเอง...

เธอ...ลอยในอากาศ

เบาๆ ก็ขาด...เบาๆ ก็ปลิว


“มาเบาๆ ขาดๆ เบาๆ ปลิวๆ อะไรตอนนี้หา!!” ผมตะโกนลั่น ชี้นิ้วด่าตามทิศทางเพลงอย่างลืมตัว ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนทุกคนพร้อมกันเงียบ ก่อนจะตั้งสติได้ว่ากองถ่ายครั้งนี้มีนักร้องหน้ามึนคนหนึ่งร่วมชมด้วย

วินาทีนั้นทุกคนพากันงง ไม่รู้ว่าจะปรามเตโชที่แทรกการถ่ายทำหรือท้วงผมว่าอย่าขึ้นเสียงก่อนดี

“อ้าว จิระ ปล่อยมือได้แล้วนี่นา”

ว่าไงนะ

ผมก้มมองตัวเองในท่าชี้นิ้วด่าเตโชแล้วพบว่าท่าตอนนี้กำลังสวยมากจนอยากให้ผู้กำกับยกกล้องถ่ายเดี๋ยวนี้เลย! เมื่อทำสำเร็จครั้งแรก ผมก็ค่อยๆ ขยับตัวอย่างใจเย็นขึ้นเพราะเริ่มมีกำลังใจ แม้จะดูทุลักทุเลอยู่บ้างแต่อยู่ในแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังถูกทิ้งให้ห้อยโหนอยู่บนสลิงจนพอปรับตัวและจับทริคได้ ทีมงานจึงเริ่มแยกย้ายกันไปเตรียมถ่ายทำ

ทันทีที่เท้าแตะพื้น ผมก็มองหาเตโชด้วยแววตาซาบซึ้งแกมขอบคุณ

แต่คนหน้ามึนดันหายหัวไปแล้ว!!

“เตโชหายไปไหนเหรอ” ผมกระซิบถามพี่ช่างแต่งหน้าระหว่างเดินออกจากฉาก เพราะทางผู้กำกับจะเริ่มถ่ายจากพายก่อนเพื่อเป็นไกด์ให้ผมกะจังหวะคร่าวๆ

“เอ...เมื่อกี้ยังอยู่เลยนะ ดูสิ กีต้าร์ก็ยังไม่เก็บ”

หรือจะไปเข้าห้องน้ำ


ผมตั้งข้อสงสัย เชื่อว่ายังไงเขาคงไม่หนีกลับก่อนแน่ๆ เพราะเป็นฝ่ายขอติดรถมาด้วยกันเองในตอนเช้า

“จิ จับคิวให้ดีๆ นะจ๊ะ”

“ครับ” ผมหันมาเงยหน้าจับจ้องพายที่เริ่มการถ่ายทำด้วยฉากเปิดตัวแรก นั่นคือการทำท่าลอยในอากาศพร้อมขนนกสีขาวที่ถูกโปรยลงมาจากเบื้องบน ขาวสะอาดตา งามสง่าและบริสุทธิ์ พายเอื้อมมือแตะขนนกอย่างอ่อนโยน เผยรอยยิ้มซุกซนเล็กๆ พลางขยับเปลี่ยนท่าทางราวกับไม่ได้ทรงตัวอยู่บนสลิงสองเส้นยังไงยังงั้น

“คัต!”

ผมกลืนน้ำลาย ไม่มั่นใจตัวเองเอาซะเลยว่าจะทำได้ดีอย่างพาย

“จิระ พร้อมมั้ย”

“พะ...พร้อมครับ!” ผมมองไปทางที่นั่งว่างเปล่าและกีต้าร์หนึ่งตัวอย่างกังวล เมื่อไม่เห็นวี่แววคนหน้ามึนจะกลับมาก็หลับตาทำสมาธิขณะถูกเกี่ยวสลิงเตรียมท่องนภา

ท่องไว้จิระ...เธอลอยในอากาศ เบาๆ ก็ขาด เบาๆ ก็ปลิว

ผมร้องเพลงซ้ำไปซ้ำมาเพื่อปลอบประโลมจิตใจไม่ให้ลุกลนจนเสียงาน

“แอคชั่น!”

ฉากของผมค่อนข้างคล้ายกับพาย นั่นคือการห้อยโหยอยู่บนสลิงขณะที่ขนนกสีดำถูกปล่อยลงมา แต่ผมต้องเหยียดยิ้มโฉด ใช้ดวงตาจิกกล้องอย่างมีพลังห้ามสั่นไหวหรือเผยความหวาดกลัวเด็ดขาด

โชคดีที่เป็นการถ่ายโฆษณาจำกัดเวลาแค่ไม่กี่นาที ภาพเปิดตัวสำหรับนักแสดงสองคนจึงกินเวลาแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น แม้ผมต้องถ่ายซ้ำหลายเทค แต่ก็ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาที

“คัต!”

แทบทุกคนในกองแทบถอนหายใจออกมาพร้อมกัน ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

แต่ไอ้บ้าเตโช...ยังไม่กลับมาเลย

ตกส้วมตายไปแล้วเรอะ


ผมคิดประชดอย่างหงุดหงิด ก่อนจะตบหน้าเรียกสติเพื่อเตรียมตัวสำหรับฉากต่อไป คราวนี้พายขึ้นมาลอยตัวอยู่ข้างๆ ผม พวกเราต้องต่อสู้กันโดยมีขนนกสีขาวและสีดำโปรยลงมาอย่างตระการตาพร้อมแสงสีเสียงที่ค่อนข้างโอเวอร์เกินจริง สำหรับท่าทางการปล่อยพลังนั้นมีการซ้อมคิวกันก่อนแล้วจึงค่อนข้างราบรื่น...รื่นอะไรล่ะ! วิบัติโคตรๆ!

คราวนี้ไม่ใช่แค่ผม แต่พายเองก็หวิดตีลังกาไปหลายตลบเพราะการสู้กันบนอากาศนั้นไม่ง่ายเลย พอเห็นเขาเองก็เสียการทรงตัว ผมเลยไม่กดดันตัวเองมากเพราะไม่มีข้อเปรียบเทียบอีกต่อไป

ฉากนี้กินเวลานานที่สุดร่วมสองชั่วโมง ผมสู้จนลิ้นห้อย จนหน้าซีด พายเองก็เหงื่อซึมทำท่าจะไม่ไหวแล้ว ผู้กำกับจึงได้ภาพที่พอใจ การต่อสู้ระหว่างสีขาวและสีดำนั้นไม่อาจตัดสินได้เด็ดขาด ฉากสุดท้ายจึงเป็นเราสองคนที่หันหลังชนกัน ถือสินค้าหันเข้าหากล่อง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันคนละขั้ว

“แล้วคุณล่ะ จะเลือกใคร”

ความน่าสนใจของโทรศัพท์รุ่นลิมิตเต็ดนี้คือการเผยยอดขายแบบคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ไลฟ์สดบนเพจ โดยแทนภาพสินค้าทั้งสองสีเป็นเราทั้งสองคนในท่าต่อสู้กัน ฉะนั้นคำพูดในตอนท้าย จึงกึ่งๆ ท้าทายว่ายอดขายของสีไหนจะดีกว่า เป็นการตลาดแบบแข่งขันโดยกำหนดระยะเวลาหนึ่งเดือน หลังจากนั้นจะมีการจัดงานเพื่อประกาศผล และจับรายชื่อผู้โชคดีที่ซื้อสินค้ามาเข้าร่วมงานมีตติ้งพิเศษของผมและพาย แต่ทางผู้ว่าจ้างได้กระซิบบอกพวกเราทั้งคู่แล้วว่าสุดท้ายจะตัดสินให้เสมอโดยไม่สนยอดแท้จริงเพื่อไม่ให้เป็นการหักหน้าพรีเซ็นเตอร์นั่นเอง

“คัต!”

ผมแทบจะหลั่งน้ำตาแห่งความปรีดาเมื่อจบงานสักที พอถอดสลิงออกไปได้ผมก็ชาไปทั้งตัว โดยเฉพาะช่วงง่ามขาและจิระน้อยที่เหมือนจะคอพับเสื่อมสมรรถภาพไปแล้ว

“ว้าย จิระ!”

“จิระ!!”

อ้าว ทุกคนร้องเรียกผมทำไม ผมก็ยังอยู่ดีไง...เอ...ทำภาพถึงพร่ามัวขนาดนี้ ท้องก็หวิวใจก็หวิว ผมเป็นอะไรนะ

“ยาดมอยู่นี่แล้วจิระ ยาดมลูกรักของจิระไง ตื่นมาดมมันเร็วเข้า!”

กลิ่นหอมแสนคุ้นเคยที่แทบจะยัดมาในรูจมูกทำให้ผมยกมือห้ามปราม แต่กลับเหนื่อยเหลือเกิน ทำไมมือมันหนักแบบนี้ ผมกะพริบตาปริบพยายามปรับภาพให้ชัด ก่อนจะเห็นเงารางเลือนของคนหลายคนที่เข้ามารุมล้อม

“อย่ารุมๆ เว้นที่ให้จิระหายใจหน่อย!”

...อย่าบอกนะว่าผมเป็นลม!!

สติเริ่มหวนคืนขึ้นมาทีละนิด ทำให้ผมตระหนักรู้ว่าตัวเองเป็นลมจริงๆ ซะด้วยสิ ก็เล่นตีลังกาคว่ำหงายขนาดนั้นไม่อ้วกก็บุญแค่ไหนแล้ว ผมหิวจนแสบท้องไปหมด กวาดตามองด้วยสภาพร่างกายที่ยังร่อแร่เพื่อมองหาใครบางคน...

“อ้าปาก” คนที่ควรจะตกส้วมแทรกวงเข้ามาอย่างเป็นปริศนา พร้อมส่งหลอดเข้าปากผมอย่างรู้ใจ อา...นี่มันน้ำเย็นนี่นา พอได้ดมยาดม ดื่มน้ำ ผมก็เริ่มค่อยยังชั่วขึ้นแม้จะยังมึนๆ งงๆ อยู่บ้าง เมื่อเห็นผมสบายดีแต่ละคนก็เริ่มแยกย้ายไปเก็บของ เหลือแค่พี่ช่างแต่งหน้ากับเตโชที่ช่วยกันหามผมเข้าห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนชุด

“นาย...หายไปไหนมา” ผมถามเตโชที่หายหัวจากสตูดิโอร่วมสองชั่วโมง คนหน้ามึนไม่ยอมตอบ เพราะทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ผมก็เจอกับ...สวรรค์!

ข้าวกะเพราหมูสับ ลูกชิ้นปิ้ง ไก่ทอด หมูฝอย ขนมเบื้อง นะ...นี่มัน...ของใครกัน!!

“ของจิระ” เตโชตอบพร้อมหิ้วปีกผมมาทิ้งตัวบนเก้าอี้หน้าโต๊ะแต่งตัวซึ่งมีอาหารวางเรียงละลานตา ผมเอื้อมมือที่ยังสั่นระริกลองแทะไก่ทอดเจ้าดังที่คุ้นๆ ว่าอยู่ไกลจากบริษัทเป็นอย่างแรก วินาทีที่กัดลงไป ความกรอบของหนังไก่ก็ทำให้ผมถึงกับบรรลุ แล้วยังเนื้อนุ่มๆ หมักรสอย่างดีนี่อีก ฮือ...ชีวิตนี้ไม่ต้องการอะไรแล้ว

“กินดีๆ” เตโชลูบศีรษะผมขณะนั่งจ้วงไม่สนใจใคร ทำไมลูกชิ้นปิ้งร้านนี้น้ำจิ้มถึงอร่อยขนาดนี้! แล้วไข่ดาวที่ยังเด้งดึ๋งนี่อีก จิ้มปุ๊บแตกปั๊บ คลุกข้าวกินกับกะเพราแล้วสุดยอดเกินบรรยาย ให้ตายสิ โชคดีชะมัดที่เขาตามมาด้วย

“จิระ”

“อั้นไอ่แอ่งออกอะ! ( ฉันไม่แบ่งหรอกนะ! )” ผมตะโกนลั่นเมื่อถูกขัดขวางความสุขกะทันหัน พอหันไปมองก็เจอพายที่ทำหน้าไปไม่เป็นในชุดไปรเวทเตรียมกลับบ้าน

“เอ่อ...ผมไม่ได้จะขอกิน” พายอธิบายด้วยรอยยิ้มเจื่อน “แต่ผมขอคุยกับจิระได้มั้ย”

“ออนอี้อ่ะออ ( ตอนนี้น่ะเหรอ) ” ผมถามแก้มตุ่ย รับน้ำจากพี่ช่างแต่งหน้ามาดื่มก่อนจะติดคอตายซะก่อน

“ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร” พายคงเกรงใจความหิวโหยของผมเลยยอมล่าถอย “ไว้เจอกันในกองเช็กเมทนะ”

ผมมองท่าเดินที่คงจะเจ็บง่ามไม่ต่างกันด้วยสายตางุนงงและประหลาดใจ

พายไม่เคยเป็นฝ่ายทักผมก่อน ไม่แม้แต่จะเข้ามาสอบถามหรือเข้าใกล้ แล้วทำไมจู่ๆ ถึงได้เรียกตัวไปคุยสองต่อสอง หรือว่าพอมาถ่ายโฆษณาด้วยกัน เขาก็หวนระลึกถึงสมัยที่จิตรินยังอยู่ร่างผมเลยอยากปรับความเข้าใจกันนะ

คิดไปก็ป่วยการเปล่า ผมกินต่อดีกว่า งั่มๆ!

-------------

หนูจิระกับการถ่ายโฆษณาหฤโหด 555

พอเป็นจิระ ทั้งบท ทั้งการถ่ายทำ ก็โหดขึ้นกว่าสมัยเป็นจิตรินหนึ่งเท่าตัว เรื่องอื่นจิตรินอาจทำไม่ได้ แต่ถ้าต้องมาห้อยโหนบนสลิงคิดว่าจิตรินก็คงฉิวกว่าจิระแน่นอนค่ะ ความถึกของหนูจิเราจะไม่พูดถึง เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่ได้เห็นฉากเป็นลมคอยมองหาเตโชของจิระสิเนอะ ^0^

เพจนักเขียนที่ทุ่มซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่เพราะอยากไปมีตติ้งกับจิระ (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)

#จิระผู้หิวโหย เอ๊ย #จิระผู้เกรี้ยวกราด
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-12-2017 19:28:57
สงสารรรร ฮา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 04-12-2017 19:45:21
นั่นมันเพลง หัวใจกระดาษ ใช่มั้ยยย 555 จิระทำไมฮาขนาดนี้ เตโชน่ารักไปอีกกก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-12-2017 19:57:02
โอ้ย น่าเอ็นดู
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 04-12-2017 20:30:23
จะกลายมาเป็นเพลงใหม่ของเตโชไหมเนี้ยะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 04-12-2017 21:08:45
จิทำตัวน่ารักขึ้นทุกวัน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 04-12-2017 21:27:11
จิระผู้หิวโหยเข้ากับตอนนี้มากกกกกกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 04-12-2017 21:39:51
เตโชนี่ เข้ามานั่งในใจจิระได้จริงๆนะ แถมยังใส่ใจจิระสุดๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 04-12-2017 21:41:51
ทำไมสั้น :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 04-12-2017 21:45:31
"ฉันไม่แบ่งใครหรอกนะ" น่ารักอ่ะประโยคนี้ ทำให้นึกถึงจิระเป็นลูกแมวตัวน้อยที่กำลังขู่ฟ่อๆ และแว๊ดขึ้นมาเพราะหวงของกิน 55555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-12-2017 21:58:35
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-12-2017 22:36:19
เก็บเงินวันละบาทไว้ซื้อโทรศัพท์เผื่อได้ไปมีตติ้งกับหนูจิระ :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 04-12-2017 22:53:27
เตโชชชช เพื่อนกันเขาทำกันแบบนี้หรอออ
ฮาโหลลลลลลลลล

เมื่อไหร่จิจะรู้ตัวววว

เตโชเป็นพระเอกที่มึนกว่าเสี่ยอีก โว้ยยย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-12-2017 23:05:05
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-12-2017 23:05:41
พายจะคุยอะไรกับหนูจินะ ไม่ใช่จะให้จิขอลายเซนต์เตโชให้นะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 05-12-2017 00:02:19
 :pig4:


หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 05-12-2017 05:32:42
โถ..หนูจิ ทั้งๆที่อยากคุยกับพายแท้ๆ ทำไมถึงปล่ยให้ของกินบังตาขนาดนี้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fahdekkom ที่ 05-12-2017 08:09:11
ขำอะไรแบบนี้ช่างเลือกเพลงได้เข้าเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 05-12-2017 09:51:45
คนเขียนเก่งมาก พลิกตัวละครนิสัยไม่ดีอยาง "จิระ" ในเรื่อง {{ I'm Not Him }} เขาให้ผมเป็นดารา ให้กลายเป็นตัวละครที่น่าเอ็นดู น่าเชียร์ไปได้ในเรื่องนี้ จากที่ตอนแรกไม่ชอบเลย ตอนนี้ชอบมาก  :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 05-12-2017 13:17:31
สงสารหนูจิจัง วันนี้เตโชเป็นฮีโร่เลยอ่ะ ชอบจังแต่เตโชไปยังไง 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 05-12-2017 14:08:20
555 จิระน่ารัก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 05-12-2017 14:25:43
ตอนนี้เหมือนสลับบทกัน ปกติจะเห็นแต่เตโชผู้หิวโหยมาตอนนี้กลับเป็นหนูจิผู้หิวโหยแทนน่าเอ็นดูจริงๆ ว่าแต่พายจะมาคุยอะไรกับหนูจิกันนะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 05-12-2017 15:04:49
สงสารจิระ แต่ขำหนักมาก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 06-12-2017 09:48:19
สองคนนี้เหมาะกันจริงๆ รู้ใจกันตลอด

จิระตื่นขึ้นมาดมยาดมลูกรักก่อนเร็ว 555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 06-12-2017 12:06:54
 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 9 : โฆษณาตัวแรก - P.12 [4/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 06-12-2017 14:57:51
 :m20: ยิ่งอ่านยิ่งฮาตกลงเรื่องนี้จิเป็นนายเอกหรือเป็นดาวตลก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 06-12-2017 20:03:33

ตอนที่ 10

เพลงแห่งมิตรภาพ (เหรอ?)

 

 

เมื่อเพลงหิวรักขึ้นอันดับหนึ่งทุกชาร์ต มีหรือผมจะรอดพ้น

ใช่ครับ ผมกับเตโชถูกติดต่อให้ออกรายการร่วมกันอีกแล้ว!

แถมยังเป็นรายการสัมภาษณ์เจ้าเก่าเวลาเดิม งวดก่อนยังเก็บเศษหน้ากลับมาไม่ครบแล้วมีหรือผมจะไประเบิดตัวเองตายในคราวนี้ หึหึหึ คมสันเอ๋ย คิดว่าใช้มุกเดิมเล่นงานผมได้รึไง คราวนี้เบอร์พร้อม โทรปฏิเสธง่ายดายสบายอุรา ผมกระหยิ่มยิ้มย่องก่อนจะกดโทรศัพท์เตรียมต่อสาย ถ้าไม่ติดว่า...เตโชสะกิดให้ผมตื่นจากฝันแล้วส่งโทรศัพท์ของเขาให้ดู

บนจอคือเพจของบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ที่มีการโปรโมทงานของดาราในสังกัตอย่างต่อเนื่อง และตอนนี้...โพสปักหมุดก็คือรายการสัมภาษณ์ที่เปิดเผยรายชื่อผมกับเตโช พร้อมประกาศรับสมัครแฟนคลับมาเข้าร่วมการถ่ายทำด้วยกันในวันศุกร์หน้า!!

ผมมองเตโชด้วยสายตาว่างเปล่า

คนหน้ามึนมองผมตอบไม่หือไม่อือ แต่ตบบ่าเบาๆ พร้อมหยิบโทรศัพท์ในมือผมมาถือเพราะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

“อ๊าก!”

จิระเกรี้ยวกราดแล้ว!

ผมขว้างหมอนบนโซฟาออกไปสุดแรง ได้ยินแรงตกกระทบกับกำแพงดังปุ แต่ครั้งเดียวไม่สาแก่ใจเอาซะเลย ผมมองหาของโชคร้ายชิ้นต่อไป ก่อนจะชะงักเมื่อเตโชเดินไปหยิบหมอนใบนั้นมาแล้วส่งให้ผมด้วยสีหน้าไร้อารมณ์...

ผมหยิบหมอนมาฆาตกรรมเป็นครั้งที่สอง คราวนี้ยืนมองเตโชเดินเอื่อยๆ ไปก้มเก็บด้วยความรู้สึกพิลึกพิลั่นอย่างประหลาด พอเขาส่งให้อีกครั้งก็จับหมอนเขวี้ยงออกไปทันทีโดยไม่ออมแรง ครั้งที่สี่ ที่ห้า...เหมือนจะลืมจุดประสงค์ยังไงชอบกล อารมณ์คุกรุ่นหายไปแล้ว เหลือเพียงความสงสัยว่าเขาจะตามเก็บได้นานแค่ไหน

สิบครั้งผ่านไป ผมยืนหอบ ส่วนเตโชถือหมอนส่งให้ไม่รู้สา พอมองหน้าเขาพลันรู้สึกคันยุบยิบในใจขึ้นมา

“ขอมือหน่อย”

คักยุบยิบเพราะคิดว่าเขาเป็นหม--- เอาเป็นว่าเตโชไม่ได้ทำตามคำนั้น แต่ยื่นหมอนให้ก่อนจะยืนเพ่งพิจารณา จนมั่นใจว่าผมไม่คิดจะเล่นขว้างลูกบอล เอ๊ย ขว้างหมอนต่อนั่นแหละ ถึงได้เดินไปหยิบไม้ถูพื้นมาปฏิบัติการทำความสะอาดห้องต่อตามประสาคนใช้แรงงานแลกอาหารประทังชีพ

ผมทิ้งตัวนอนเอนกับโซฟาพลางยกขาไขว้บนที่เท้าแขน อดยอมรับไม่ได้ว่าพักหลังมานี้ยามอยู่กับเตโชยาดมคู่ใจไม่ค่อยได้ออกโรงนัก เพราะเขามีวิธีระบายความกรุ่นโกรธของผมให้ลดเลือนลงอย่างน่าอัศจรรย์

“เตโช” หลังรอจนเขาถูพื้นเสร็จ ผมก็รีบเรียกเจ้าตูบก่อนที่เขาจะหนีไปขัดห้องน้ำ เตโชเป็นโรคจิตชอบขัดห้องน้ำ วันดีคืนดีจะฮัมเพลงออกมาด้วย คงเพราะห้องน้ำเสียงก้อง เวลาขัดพื้นก็มีจังหวะจะโคนเสริมสร้างจินตนาการในการแต่งเพลงดีเยี่ยม “มานี่ก่อน มาคุยกับฉันก่อน”

เตโชเดินเอื่อยๆ มาแทรกตัวบนโซฟาโดยที่ผมยังนอนเอกเขนกอย่างขี้เกียจและอ่อนเพลีย ต้องเข้ากองเกือบทุกวัน บางวันรับอีเวนต์วิ่งวุ่นชุลมุน พอมีโอกาสได้พักเลยนอนตัวเหลวไม่แคร์สายตาใคร

“ถ้าเดาไม่ผิด รายการต้องเชิญพวกเราไปพูดเรื่องเอ็มวีหิวรักแน่ๆ คมสันเก่งเรื่องการโปรโมทอยู่แล้ว ไม่ว่าจะให้ทำอะไร นายต้องมองหน้าฉันก่อนค่อยเออออไปกับเขานะ เพราะพิธีกรคงชงคู่เราสุดๆ สร้างกระแสระหว่างที่นายยังไม่มีเพลงใหม่”

“มีนะ”

“หืม นายกำลังทำเพลงเช็กเมทอยู่ไม่ใช่เหรอ อันนั้นต้องเก็บเป็นความลับสิ!”

เตโชไม่ตอบแต่มองซ้ายมองขวาหากีต้าร์คู่ใจ น่าเสียดายที่เป็นห้องของผมเลยเจอแต่ไม้ถูพื้นคู่บุญเท่านั้น

พลันเขากระแอมไอ ก่อนจะร้องออกมาสดๆ โดยไม่มีดนตรีคลอ

เมื่อมีเธอเข้ามา ข้างกายฉันไม่เคยเงียบเหงา

อยากมีเธอแบบนี้ทุกวัน เพื่อให้ตัวฉันมีชีวิตในแบบที่ไม่เคยเป็น


“นั่นมันเพลงที่นายร้องตอนถ่ายเอ็มวีหิวรักนี่ จะเอามาแต่งต่อเป็นเพลงใหม่เหรอ”

เตโชพยักหน้า ไม่อยากจะชมให้เขาได้ใจเลยว่าเวลาร้องโดยไม่มีดนตรีอย่างนี้ก็เพราะสะท้านทรวงทะลวงไส้ไปอีกแบบ โดยเฉพาะตอนร้องต่อหน้าผม อยู่บนโซฟานั่งเบียดอยู่ด้วยกันอย่างนี้ ผมได้ยินเสียงเขาชัดแจ๋วเหมือนมาร้องอยู่ข้างหูเลยทีเดียว

“จะโฆษณาในรายการเลยเหรอ” ผมลูบแก้มตัวเองกลบเกลื่อนเลือดที่สูบฉีดผิดปกติ

เตโชพยักหน้ารับ คล้ายจะเห็นหูหางกระดิกรางๆ เมื่อผลตอบรับจากผมออกมาดีกว่าที่คาดหวัง

“แล้วชื่อเพลงอะไร”

“มิตรภาพตราบฟ้าดินสลายมลายสิ้นทั้งอินทรีย์”

...ประโยคที่พูดยาวสุดในรอบเดือน ฟังจบสิ่งแรกที่ทำคือการปาหมอนใส่หน้าเตโช เขาช่วยให้ผมระบายความเครียดได้ก็จริง แต่ก็เป็นคนหนึ่งที่จุดชนวนอารมณ์ได้ดีเยี่ยม!

เตโชก้มเก็บหมอนที่ร่วงตกโซฟาส่งให้ผม ก่อนจะยกยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก

“เคียงใจ”

“อะไร”

“ชื่อเพลง”

ผมนิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนจะตระหนักได้ว่านั่นคือชื่อเพลงจริงๆ ส่วนไอ้ก่อนหน้านี้คือมุก

...คนหน้ามึนคิดจะเล่นตลกช่างดูยากเสียนี่กระไร

“แล้วจะเริ่มอัดตอนไหน ฉันได้เป็นพระเอกเอ็มวีอีกรึเปล่า”

“ยังแต่งไม่จบ” เตโชตอบ “ทำเช็กเมทก่อน”

“แล้วเรื่องพระเอกเอ็มวีล่ะ” ผมถามย้ำ แต่คนหน้ามึนกลับลุกจากโซฟาแล้วเดินไปขัดห้องน้ำซะงั้น ผมตามเขาต้อยๆ หมายจะเค้นคอ อารมณ์พร้อมปะทุเต็มที่ ก่อนจะถูกเสียงฮัมเพลงเบาๆ นั้นสูบหายไปอย่างรวดเร็ว

ฉันจะเข้าใจเธอ จะรับฟังเธอ จะต้องการเธอ

จะไม่แยกจาก และเคียงกันตลอดไป

 




“และแล้วก็มาพบกับสองหนุ่มอีกครั้ง ขอเสียงปรบมือต้อนรับให้จิระกับเตโชด้วยค่า!”

รายการเดิม คนเดิม แต่ผลตอบรับไม่เหมือนเดิม

ผมถึงกับยืนเหม่อเมื่อเห็นป้ายชื่อ ‘จิระ’ เป็นครั้งแรก ตอนอัดรายการคราวก่อนมีแต่แฟนคลับของเตโช ถ้าจะมีชื่อผม ก็มักเป็นป้ายไฟแบบจับคู่จิ้นมากกว่า ฉะนั้นแวบแรกที่เห็น ผมเลยรู้สึกเต็มตื้นไปหมดทั้งใจ เพราะนี่คือชื่อของผม...ตัวตนของผม ไม่ใช่จิตรินในร่างของผม

“จิระ”

ผมสะดุ้ง รีบเดินต่อเมื่อเตโชเอ่ยเรียกพร้อมจูงมือเดินนำเหมือนคราก่อน แต่ที่ผิดไปจากเดิมคือเขาเป็นฝ่ายเข้าหาผม เอื้อมมือจับอย่างแผ่วเบา แม้ไม่ประสานนิ้วแต่กำชับแน่นอย่างเป็นธรรมชาติไม่ใช่การสร้างภาพ

“คู่นี้ยังหวานกันเหมือนเดิมเลยนะคะเนี่ย เอ๊ะ หรือยิ่งกว่าเดิมเอ่ย”

“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละครับ” ผมบอกปัดตามธรรมเนียมขณะตบหลังมือเตโชเบาๆ เป็นเชิงว่าไม่เป็นอะไรและให้ปล่อยได้แล้ว พวกเรานั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน แยกคนละฝั่งเช่นเดิมแต่ไม่ได้เว้นช่องว่างมากนัก

“งั้นเราเปิดประเดิมรายการด้วยหัวข้อที่คนกำลังให้ความสนใจกันดีกว่า...เอ็มวีเพลงหิวรักเรียกได้ว่าพลิกคาแรคเตอร์ของจิระมากๆ ตอนเตโชบอกว่าจะแต่งเพลงเกี่ยวกับอาหาร พวกเรายังไม่ตกใจเท่าตอนเห็นจิระในเอ็มวี ตอนเห็นบทเป็นยังไงบ้างคะ ตกใจมั้ย”

“เอาตรงๆ มั้ยครับ ผมตกใจตั้งแต่ฟังเพลงแล้ว” ผมพูดติดตลก ลอบมองเตโชเคืองๆ มิวสิกวีดีโอเพลงหิวรักถือเป็นตราบาป จนถึงวันนี้ผมยังไม่กล้าเปิดดูเลย

“หลังจากนั้นก็กลายเป็นปลงตก แสดงอะไรออกไปจำไม่ได้แล้วครับ”

ผมนวดขมับเบาๆ เป็นเชิงว่าเพลงนี้ทำปวดหัวขนาดไหน เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากคนดู

“แต่ครั้งนี้มีเตโชร่วมแสดงด้วยนี่นา ในเอ็มวีเตโชดูอบอุ่นมากจนสาวๆ ใจละลายเลยล่ะค่ะ ใช่มั้ยคะ!”

“ใช่ค่า!”

สาวๆ ในสตูดิโอพร้อมใจตอบพร้อมชูป้ายไฟชื่อเตโชโบกไปมา

“เห็นว่ากว่าจะออกมาเป็นแบบนี้ได้เล่นเอาผู้กำกับหัวร้อนเลยทีเดียว จิระพอจะเผาเตโชให้พวกเราฟังได้มั้ยเอ่ย”

“แน่นอนสิครับ” ผมกระตือรือร้นทันที ขอแค่อย่าวกมาเผาตัวเองเป็นพอ ไอ้เรื่องการแสดงในมิวสิกวีดีโอเนี่ยขอล่ะอย่าได้เอื้อนได้เอ่ยอีกเลย “บทเดิมของเตโชคือต้องเดินควงแขนกับดาราสาวตัดหน้าผมที่ออกมาหาอะไรกินพอดี แต่เขากลับเทคเกือบยี่สิบครั้ง! ทุกครั้งเดินยังไม่ถึงสามก้าว!”

“เข้าใจแล้วทำไมผู้กำกับถึงหัวร้อน”

ทุกคนพร้อมใจกันหัวเราะขบขันกับท่าทางจริงจังของพิธีกร

“สุดท้ายผมเลยถูกเรียกให้ไปถ่ายก่อนทั้งที่ฉากของเตโชมีอยู่ในเอ็มวีไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ ดูหน้าเขาสิครับ ไม่มีอารมณ์ร่วมแม้แต่น้อย เห็นอย่างนั้นผมก็กังวลจนไม่มีสมาธิจะถ่ายส่วนของตัวเองเลย”

“จิระเป็นห่วงเตโชสินะคะ”

“ห่วงตัวเองกลัวเจ้าของเพลงทำพังครับ!”

เสียงหัวเราะดังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เจ้าของเพลงที่ว่าร่วมวงอมยิ้มกับเขาด้วย ผมเลยถองศอกใส่เตโช นึกแล้วยังเคืองไม่หายที่เขาเสนอตัวมาเล่นมิวสิกวีดีโออย่างไม่เจียมสังขาร

“ยิ้มอะไร นายทำฉันลำบากมากไม่รู้เหรอ”

เตโชไม่ตอบแต่วางมือบนหัวผมแล้วขยี้เบาๆ คล้ายมันเขี้ยว

คราวนี้ไม่ใช่แค่เสียงหัวเราะแล้ว มาเป็นเสียงกรี๊ดเลย

ผมปัดมือเขา ชี้นิ้วคาดโทษเพราะแอบสะดุ้งอยู่เหมือนกัน ไม่คิดว่าเตโชจะมาไม้นี้ เฮอะ สล็อตขยันติดเขี้ยวเล็บมากขึ้นนะเนี่ย รู้ด้วยว่าทำยังไงจะสร้างกระแสคู่จิ้นได้ดี น่าเหลือเชื่อชะมัด

“แล้วสุดท้ายจิระได้ถ่ายก่อนรึเปล่าคะ”

“เปล่าครับ” ผมตอบพิธีกร “ผมหยิบกีต้าร์ในห้องแต่งตัวแล้วยัดใส่มือเตโช กับคนหน้ามึนคนนี้ถ้าไม่ได้ร้องเพลงก็ไม่แสดงความรู้สึกออกมาหรอก แต่หมอนี่ดันมีแต่เพลงอกหัก ร้องแล้วก็อินไปกับเพลงด้วย ตอนร้องเพลงหิวรักออกมาเล่นเอาผู้กำกับหน้าเขียวเลย”

“พูดซะเห็นภาพเลยจิระ”

เห็นบรรยากาศในห้องอัดค่อนข้างครื้นเครงผมก็เริ่มคึก ไม่ใช่อะไร กำลังมันปากได้เผาเตโช

“จากนั้นผมก็เดินไปตบหัวเขา แล้วบังคับให้ร้องเพลงรักครับ”

“ทั้งคู่สนิทกันจริงๆ นะคะเนี่ย” พิธีกรสบโอกาสชงพวกผมทันที “ทั้งตบหัว ลูบหัว เดี๋ยวศอกใส่ เดี๋ยวจับมือ ปกติก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วหรือกะเอาใจแฟนคลับเอ่ย”

ผมยิ้มไม่ตอบคำ ของแบบนี้ต้องให้คิดกันเอาเอง

“พูดถึงเพลงรัก เตโชแต่งเพลงรักด้วยเหรอคะ”

เตโชพยักหน้ารับเมื่อพิธีกรเปลี่ยนหัวข้อเพื่อไม่ให้มีช่วงเซอร์วิสนานเกินไป

“ร้องให้พวกเราฟังได้มั้ย เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่จะได้ยินเตโชร้องเพลงอื่นนอกจากอกหัก ต้องอบอุ่นหัวใจมากแน่เลย เพราะขนาดเห็นในเอ็มวียังใจสั่น”

“ไม่ได้ครับ”

ทั้งผมทั้งพิธีกรหันขวับมองเตโชแทบไม่ทัน เขาตั้งใจมาโฆษณาผลงานใหม่ แต่ดันไม่ร้องโชว์เนี่ยนะ

“ยังแต่งไม่เสร็จ” เตโชหันมาตอบผมราวรู้ว่าคิดอะไรอยู่

“แต่งไม่เสร็จก็ร้องแค่ท่อนฮุคก็ได้”

“ไม่เอา” เตโชส่ายหน้า “ไม่เอาผลงานไม่สมบูรณ์...สู่ที่สาธารณะ”

“แล้วทีร้องให้ฉันฟังล่ะ”

“ตอนนั้นอยู่กันสองคน”

“ว้ายๆๆ ทั้งคู่คะ หันมาทางนี้หน่อย ตรงนี้ยังมีหญิงสาวที่โสดและไร้คู่นั่งหัวโด่อยู่นะคะ!” พิธีกรดีดนิ้วดึงสติผมกับเตโชที่เริ่มออกนอกเรื่องไปไกล ผมลูบแก้มแก้เก้อ ส่วนเตโชทำหน้ามึนอึนไม่รู้สา

“เพลงใหม่เตโชไม่ร้อง เราไม่บังคับ แต่เรื่องอยู่กันสองคนอันนี้ต้องตอบค่ะ ไม่งั้นไม่ยอมจริงๆ ด้วย!”

แฟนคลับตะโกนสนับสนุนทันที

“ผมพูดผิดครับ ผมหมายถึง...ตอนร้องให้ฟังช่วงที่ถ่ายเอ็มวีต่างหาก”

“เราไม่ได้ถามจิระค่ะ แต่เราถามเตโชต่างหาก!” พิธีกรมุ่งมั่นกับการรีดเค้นข้อมูลจากตัวสล็อตที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาซะเลย ซวยล่ะสิ...ผมไม่เคยเห็นเตโชโกหกมาก่อน และคาดว่าทุกคนในห้องอัดก็รู้ข้อนี้ดีว่าแม้เขาจะพูดน้อย แต่ไม่มีเรื่องปดสักนิดเดียว!

“เตโชคะ ช่วยขยายความเรื่องร้องเพลงให้ฟังสองคนหน่อยสิคะ”

ผมแอบเหยียบเท้าเตโชเป็นสัญญาณว่าห้ามหลุดปากเด็ดขาด แต่ยังช้ากว่าคนหน้ามึนที่ตอบออกไปทันทีด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ทุกข์ร้อน

“จิระพูดเรื่องรายการ บอกว่าจะมีเพลงใหม่...”

“แล้วไงต่อคะ!”

“จิระถามว่าเพลงอะไร เลยร้องให้ฟัง”

“ใช่ครับ นั่นเป็นตอนที่ผมบอกกับเขาเรื่องได้รับการติดต่อจากรายการ ตอนนั้นพวกเราคุยโทรศัพท์กัน ก็เลยได้ยินกันแค่สองคน” ผมรีบแก้ตัว ไม่อยากให้เรื่องที่เตโชเป็นเพื่อนบ้านแตกตอนนี้ด้วยกลัวว่ากระแสจะยิ่งเทไปไกลเกินควบคุม ผมยังไม่อยากโดนมองว่าเป็นรักร่วมเพศอย่างที่แอนตี้แฟนเคยหยิบยกมาโจมตีหรอกนะ

“ว้า ไม่สนุกเลย” พิธีกรพูดอย่างเสียดาย ยอมล่าถอยแต่โดยดี “ถ้าอย่างนั้นเพลงใหม่ชื่ออะไรคะ”

ผมแอบลุ้นว่าเขาจะเล่นมุกกลางรายการรึเปล่า แต่เตโชกลับมองหน้าผมซะอย่างนั้น

“อะไร”

“บอกชื่อเพลงไปแล้ว...ตอบแทนให้หน่อย”

“แหม มีอ้อนกันซะด้วย”

ผมแทบปั้นหน้าไม่ถูกเมื่อเจอมุมที่คาดไม่ถึงของเตโชอีกครั้ง เลยแอบกระทืบเท้าแก้แค้นหนึ่งทีก่อนจะตอบออกมา...

“เคียงใจครับ เพลงใหม่ของเตโชชื่อเคียงใจ”

“ชื่อโรแมนติกมากๆ แต่งให้ใครเป็นพิเศษรึเปล่าคะนี่”

“อันนี้ผมตอบแทนไม่ได้หรอกนะ” ผมรีบพูดดักเมื่อเตโชหันมามองหน้าอีกครั้ง สงสัยจะโดนทำร้ายร่างกายบ่อยจนชินที่เหยียบไปเลยไม่รู้สึก “เตโช”

เจ้าตัวหันมามองกล้องอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าหนึ่งที

ทุกคนพากันงงไปหมดว่าเขาต้องการสื่ออะไร

“...ครับ”

“อะไรนะคะ”

“อยากเข้าห้องน้ำ...ครับ”

ก็นั่นแหละครับท่านผู้ชม รายการถูกเบรกกะทันหันเพราะเตโชปวดเบา ซึ่งผมไม่คิดว่าเขาปวดเบาจริงหรอก แต่หาวิธีพูดเลี่ยงไม่ได้ก็เลยชิ่งหนีต่างหาก!

เห็นหน้ามึนๆ อึนๆ อย่างนี้แต่เตโชก็เป็นมนุษย์มีความรู้สึก แม้จะแฝงอยู่ลึกมากๆ ก็ตาม ฉะนั้นไอ้ลูกเล่นแบบนี้ตบตาผมไม่ได้หรอก!!

           





“เรื่องน่ารู้ประจำวันนี้คือ แม้ในเอ็มวีเพลงหัวรักจิระจะทำอาหารไม่ได้เรื่อง แต่ในความเป็นจริงแล้วจิระชอบทำอาหารมาก ใช่มั้ยคะ”

“ใช่แล้วครับ”

เข้าสู่เบรกที่สอง ผมซึ่งสวมผ้ากันเปื้อนลูกไม้สกรีนโลโก้ของรายการตอบอย่างมุ่งมั่น วันนี้แหละจะมาคลายความเข้าใจผิดให้ได้! เพราะภาพลักษณ์ในมิวสิกวีดีโอทำให้ทุกคนพาลคิดว่าผมเป็นไอ้ห่วยด้านการเข้าครัวไปโดยปริยาย ฉะนั้นตอนรายการติดต่อมาว่าอยากทำอะไรเป็นพิเศษมั้ย ผมเลยตอบทันทีว่าอยากโชว์การทำอาหาร

“แล้ววันนี้จิระจะทำอะไรให้พวกเราชิมคะ”

“ตามเพลงเลยครับ แกงส้มชะอมไข่”

“งั้นต้องเบิกตัวผู้ช่วยมาแล้วค่ะ ขอเสียงปรบมือให้กับผู้ช่วยเชฟ เตโชค่า!”

เสียงปรบมือดังยิ่งกว่าตอนผมเดินออกจากฉากสองเท่า แต่ผมไม่เคืองสักนิดเพราะมัวแต่หัวเราะใส่เสาไฟฟ้าหน้ามึนที่สวมผ้ากันเปื้อนลูกไม้ได้ไม่เข้ากันอย่างร้ายกาจ

แต่เตโชยังเป็นเตโช จะโดนล้อโดนขำแค่ไหนก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เดินมาหยุดข้างผม มองวัตถุดิบอาหาร หลับตาดมกลิ่น ก่อนจะเดาเมนูได้ทันที

“แกงส้ม เย้”

เป็นเย้ที่โคตรเนือย

“มาช่วยทำอาหารหรือมารอกิน” ผมถามพลาง ‘หยิบ’ หลังมือเขาออกห่างจากครัว นี่คืออาณาเขตของผมนะ!

“รอกิน เย้”

ผมมองเขาด้วยสายตาเอือมระอาสุดขีด แม้ว่าจะแอบกลั้นยิ้มก็เถอะ

“ยู้ฮู้ สนใจทางนี้บ้างค่ะหนุ่มๆ ปล่อยให้อยู่สองต่อสองไม่ได้เลยนะเนี่ย” พิธีกรรีบเข้ามาแทรกกลางด้วยสีหน้ากัดฟันอย่างอิจฉาตาร้อน “มามา มาเริ่มทำอาหารกันดีกว่า แกงส้มชะอมไข่ต้องเตรียมอะไรบ้างคะจิระ”

“ก่อนอื่นก็ต้องมีพริกแกงของแกงส้มครับ” ผมหยิบพริกแกงสำเร็จรูปเพราะรายการมีเวลาจำกัด จึงไม่สามารถแสดงฝีมือตั้งแต่ขั้นแรกได้ “และแน่นอนว่าต้องมีชะอม ไข่ไก่ กุ้งสด มะนาว มะขาม น้ำปลา...”

ผมพูดไปหยิบวัตถุดิบไป ส่วนเตโชเดินวนไปวนมา เหมือนจะสื่อให้ผมเร่งตั้งเตาเร็วๆ

“ขอโทษครับ ผมขอให้เบิกตัวเตโชออกไปก่อนได้รึเปล่า ผมกลัวเขาหยิบกุ้งสดกินก่อนทำเสร็จ”

ทุกคนหัวเราะออกมาทันที เพราะเสาไฟฟ้าที่ลุกลี้ลุกลนนั้นช่างเป็นส่วนเกินจริงๆ เตโชก้มเงยอยู่รอบหม้อด้วยสีหน้านิ่งเรียบแต่แฝงความหิวโหย เพราะเอาแต่จ้องน้ำต้มเดือดด้วยสายตาที่พร้อมจะเสกให้ออกมาเป็นแกงส้มภายในเวลาสิบวินาที

“จิระขอมาแบบนี้ก็ต้องจัดให้ค่ะ”

พิธีกรเรียกทีมงานให้ช่วยยกโต๊ะและเก้าอี้สำหรับเตโชโดยเฉพาะ โดยจัดให้ห่างออกไปจากผมเล็กน้อย บนนั้นมีผ้ารองจาน จานเปล่า ช้อนและส้อม พอเขานั่งลงจนเห็นผ้ากันเปื้อนแค่ครึ่งตัว ก็คลับคล้ายจะเป็นเด็กโข่งที่ผูกผ้าเช็ดปากรอกินอาหารอย่างใจจดใจจ่อ

พอตัวป่วนโดนกำจัด ผมก็เริ่มตั้งสมาธิกับการทำอาหารอย่างเต็มที่  มือขยับ ปากอธิบาย โดยเริ่มจากนำพริกแกงมาคนในหม้อจนเป็นสีส้มแสด ปรุงรสเล็กน้อย เติมความเปรี้ยวจากมะขามอีกหน่อย จากนั้นจึงปิดฝาเพื่อรอเดือด

“ต่อไปมาทำชะอมไข่ทอดกันนะครับ” ผมพูดอย่างเริงร่า อา...ฟังเสียงตีไข่นั่นสิ ช่างเสนาะหูเสียนี่กระไร ผมค่อยๆ แกะใบชะอมมาคลุกกับไข่ ก่อนจะหลุดยิ้มเมื่อเททั้งสองอย่างใส่กระทะแล้วได้ยินเสียงดังซู่

พอเห็นไข่เริ่มฟู หัวใจของผมก็ฟูตาม

“จิระดูเพลินกับการทำอาหารมากเลยนะคะเนี่ย”

“ผมชอบทำอาหาร” ผมตอบด้วยรอยยิ้มกว้างเมื่อทอดออกมาสีสวยน่ากิน คล้ายจะได้ยินเสียงกลืนน้ำลายจากเตโชดังไกลมาถึงนี่ ผมเลยยักคิ้วยั่วเขาขณะตัดไข่ชะอมเป็นก้อนสี่เหลี่ยมเล็กๆ เมื่อหันไปเปิดฝา ก็เจอกับน้ำเดือดปุดกำลังได้ที่เลยทีเดียว

พลันเตโชฮัมเพลงหิวรักออกมา

ทุกคนในห้องอัดก็พร้อมใจกันร้องคลอตามเขา

ผมอมยิ้ม เผลอโยกศีรษะตามทำนองเพลงอย่างเพลิดเพลิน ระหว่างนั้นก็ใส่กุ้งสดลงไป ตามด้วยไข่ชะอม ปรุงรสอีกเล็กน้อยเป็นอันพร้อมเสิร์ฟ!

ผมกอดอกมองผลงานตัวเองอย่างพอใจสุดขีด

“เสร็จแล้วครับ แกงส้มชะอมไข่!”

นักดนตรีตีกลองเป็นจังหวะถี่รัวเหมือนงานประกาศรางวัล พร้อมกันนั้นแสงสปอร์ตไลท์พลันสาดส่องไปยังเตโชซึ่งทันทีที่ได้กลิ่นหอม ก็ลุกจากที่นั่งปานต้องมนตร์สะกด เดินหน้าเหม่อลอยมายังหม้อต้มของผมพร้อมสวาปาม

“เตโชใจเย็นๆ ค่ะ อย่ายกไปทั้งหม้อ เราต้องแบ่งให้แฟนคลับลองชิมด้วยนะ!”

พิธีกรพยายามขัดขวางการโจมตีของซอมบี้เตโช ผมเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิง จะไปดึงแขนฉุดกระชากคนหน้ามึนก็ไม่เหมาะ เลยรีบไปขัดตาทัพยืนกางแขนเอาตัวบัง พร้อมตะโกนบอกให้พิธีกรรีบตักแกงส้มใส่ถ้วยแบ่งขนาดเล็กวางเรียงบนถาดให้เร็วที่สุด

“เร็วเข้า ผมจะต้านไม่ไหวแล้ว!”

ความจริงแล้วเตโชไม่ได้คลุ้มคลั่งจนหน้ามืดขนาดนั้น ผมว่าเขาคงจะแกล้งเล่นมากกว่า หมาน้อยผู้หิวโหยมีมุมขี้เล่นเล็กๆ ที่บางทีชวนเข้าใจผิดว่าเอาจริงเพราะหน้าตาไร้ความรู้สึกเกินไป กว่าผมจะเข้าใจนิสัยข้อนี้ก็ใช้เวลาอยู่นานโข

พิธีกรเห็นผมเร่งก็หลงคิดว่าเตโชจะอาละวาด รีบเรียกทีมงานมาช่วยตักแบ่งทันที แกงส้มถูกแจกจ่ายให้แฟนคลับในสตูดิโอเกินครึ่งหม้อ เมื่อเห็นว่าสถานการณ์สงบแล้วผมจึงลดแขนปล่อยเตโชไปยังที่ชอบๆ

ทันทีที่เห็นของโปรดเหลือเพียงเศษหนึ่งส่วนสี่ เตโชก็ไหล่ตก เงยมองผมอย่างตัดพ้อ

“เอาน่า ไว้ทำให้กินอีก”

ผมตบไหล่เขาเบาๆ เตโชถึงได้ยอมยกหม้อไปประจำที่นั่งอย่างหวงแหน ขนาดคนทำยังไม่ได้ชิมสักคำ!

“เดี๋ยวนะคะ เมื่อกี้ฉันหูฝาดรึเปล่า จิระบอกว่าจะทำให้กินอีก แสดงว่าเตโชเคยกินแกงส้มชะอมไข่ฝีมือจิระมาก่อน แล้วก็ชอบถึงขนาดแต่งเป็นเพลงใช่มั้ยคะ!”

ผมยิ้มค้าง

“ถ้าอย่างนั้น... ปลาทูทอด น้ำพริกกะปิ ข้าวผัดหมู ไก่ทอด ไข่เจียว ต้มยำกุ้ง แกงจืด กะหล่ำปลีทอดน้ำปลาในเพลงก็...”

คุณพิธีกรช่างเก็บตกครบทุกเม็ดจริงๆ ผมยังคงยืนค้าง สมองคิดหาทางรอด

“แกงส้มอร่อยมั้ยครับ”

โดยการหันไปคุยกับแฟนคลับแทน!

แต่ไม่มีใครตอบผมเลย ราวกับว่าแกงส้มสุดอร่อยของผมนั้นเป็นแค่เรื่องรอง ส่วนข้อสงสัยนั้นเป็นเรื่องหลัก!

“อย่าเปลี่ยนเรื่องเลยค่ะจิระ” พิธีกรไล่บี้ผม อาจเพราะเห็นว่าเตโชมัวแต่ซดน้ำแกงไม่สนใจใครราวกับว่าเขาไม่ใช่แขกรับเชิญ “ตอบมาซะดีๆ ว่าใช่ หรือไม่ใช่”

“ผม...” ผมกลอกตา พอมองหน้าเตโชก็เกิดไอเดีย “ผม...ขอเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ ขอบคุณครับ!”

ใช้มุกเดิมกับเขาซะเลย ไม่ได้จดลิขสิทธิ์สักหน่อย ไม่ผิดหรอกเนอะ!!

------------

เป็นอันเฉลยนิสัยติงต๊องของเตโชในตอนนี้

สรุปว่าตั้งแต่เริ่มเรื่องที่เตโชโอเวอร์เอคติ้ง โซไปเซมาเกาะประตู โหยหวนคลุ้มคลั่ง แย่งขึ้นรถแกล้งขัดห้องน้ำนาน ทั้งหมดเป็นนิสัยกวนๆ ของฮีค่ะ เพียงแต่ไม่แสดงออกทางสีหน้าจนชวนเข้าใจผิดไปสักนิดดดดด ( แต่บางทีก็มึนจริงนะ )

 

เพจนักเขียนที่อยากกินมือ เอ๊ย ฝีมือจิระบ้าง! (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)

#จิระผู้เกรี้ยวกราด
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 06-12-2017 20:30:45
 :m20: ขำบรรยากาศในห้องส่ง พิธีกรเก็บทุกเม็ดเลย  :m20:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ObliVioN69 ที่ 06-12-2017 20:37:08
อร้ายยยยย อยากเม้นแต่ไม่รู้จะเม้นไรดี555
ความมึนของหมาน้อยเตโชน่ารักดี
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iiamerror_ ที่ 06-12-2017 20:40:45
 แหม!! พิธีกรก็ช่างเก็บทุกเม็ด ส่วนหนูจิหนูก็ช่างหลุดนะคะ พ่อเตโชก็ช่างหน้ามึนแต่น่ารักอะ ชอบบบบบบบค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 06-12-2017 20:44:08
เก๊าหิวมาก เก๊าเป็นโรคกระเพาะ

ตอนนี้ต้องไปหาอะไรกินโดยพลัน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 06-12-2017 20:46:39
จิระกับเตโชมุมนี้มุ้งมิ้งมากกก
อยากจะกรี๊ส แล้วชูป้ายไฟ'จิระXเตโช'จัง :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 06-12-2017 20:55:44
เตโชน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-12-2017 21:12:32
จิ้นมาก เวลาอยู่ด้วยกันนี่ทั้งน่ารักทั้งตลก ฮา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 06-12-2017 21:36:09
อยากกินแกงส้มชะอมไข่
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 06-12-2017 21:38:35
ยิ่งอ่านยิ่งหลงเตโชหนักมาก คนอะไรมึนแล้วก็น่ารักอีกเหมาะกับหนูจิสุดๆ เวลาเขาอยู่กันสองคนนี่เหมือนคนเป็นแฟนกันเลยอะงุ้งงิ้งกันอยู่สองคน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 06-12-2017 21:43:40
ไม่ควรอ่านเรื่องนี้ตอนกลางคืน เพราะ หิวจริงจัง อยากกินแกงส้มชะอมไข่ ฮือออ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 06-12-2017 21:46:31
 :กอด1: ขอบคุณค่ะ สนุกมาก รักทุกตัวละครเลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 06-12-2017 21:47:58
เตโชกับจิระ นี่มันคู่ฮาชัดๆ โอย เอ็นดู  :-[
อยากชื่นชมนักเขียนมากๆเลยค่ะ เป็นนิยายที่สนุกมากๆ อ่านแล้วชอบมากเลย ไอเดียดีมากๆค่ะ พร็อตเรื่องสนุก น่าสนใจ ชวนติดตาม ชอบทุกตัวละครในเรื่องเลย คาแรคเตอร์แตกต่างกันแต่ทุกคนกลับมีสเน่ห์ในแบบของตัวเอง ติดใจทั้งเรื่องของจิตริน แล้วก็ตามมาเรื่องของจิระด้วยค่ะ  ใจอยากจะให้ทำภาคแยกของตัวละครทุกดัวในเรื่อง(เพื่อนๆดาราในกองถ่าย)เลยค่ะสนุกมากจริงๆ หลงรักนิยายชุดนี้จริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 06-12-2017 21:58:14
เตโชชชชชชผู้โหยหิว 55555 อยู่ด้วยกันแล้วจิ้นมากกก เป็นเราเป็นคนดูในห้องส่งก็กรี๊ดแตกเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-12-2017 22:05:42
 :jul3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 06-12-2017 22:18:10
น่ารัก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 06-12-2017 22:44:26
โอ้ยยยยยยย ฮามาก โดยเฉพาะคุณพิธีกรสาว 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 06-12-2017 22:48:03
แก้ตัวอย่างไรก็ไม่ทันแล้วจิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 06-12-2017 23:50:12
ตลก~~~
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-12-2017 01:26:35
หนูจิดีแต่ว่าเตโชจะทำหลุด  ที่หลุดออกมานะตัวเองทำทั้งนั้น  :m20:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MNIMD ที่ 07-12-2017 01:43:04
ความจริงเตโชนี่ร้ายนะคะหัวหน้า เสือซ่อนเล็บชัดๆ หนูจิเป็นแค่แมวจะเอาอะไรไปสู้คนที่ดูซื่อๆแต่ขี้แกล้งแบบนี้ได้คะ /กอดน้องจิ เขินมาก เตโชชอบน้องจิแล้วใช่มั้ยคะ มาเคียงจงเคียงใจอะไรกัน กะร้องเพลงนี้ตอนขอเป็นแฟนเลยใช่เปล่า ชอบเตโชชอบหนูจิชอบคนแต่งมากๆเลยค่ะ ติดตามตอนต่อไปนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 07-12-2017 02:34:08
แฟนคลับจิ้นไปถึงไหนต่อไหนแล้วนั่น 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 07-12-2017 03:08:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 07-12-2017 04:38:16
แหม๋ๆๆๆ หวานกันแบบมึนๆอึนๆ ซึนรับทานนะคะ เตโช
เหมือนเห็นเตโชแอบห่มหนังแกะนะเนี่ย ข้างในเป็นหมาป่าหรือป่าว รอให้จิระพิสูจน์เอง
เอ็นดูน้องจิระผู้เกรี้ยวกราด จิระน่ารักเกินไปแล้ววววว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-12-2017 06:07:58
หลุดตลอด แฟนคลับแบบเราก็จิ้นดิ น่ารัก :-[
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 07-12-2017 06:11:00
อ่านแล้วอารมณ์ดีจัง
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 07-12-2017 07:17:16
 :m20: :m20: สุดท้ายก็หลุดอีกแล้วววว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 07-12-2017 09:09:19
 :katai2-1:  มันเป็นธรรมชาติยามเขาอยู่ด้วยกัน ฟินไปสิค่ะเรา น้องจิจะเกรี้ยวกราดยังไงก็น่ารักไปหมดแระตอนนี้  :katai3:
ถึงเมื่อก่อนจะน่าตบก็ตามที ส่วนน้องเตโชที่นิ่งกะคนทั้งโลก แต่ยามมีน้องจิเคียงใจก็น่าหยิกไม่หยอก เป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุด

 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 07-12-2017 11:25:36
       เตโชน่ารักค่าาา
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 07-12-2017 11:26:36
โอ๊ยยยน่ารักมาก เราอยากเป็นแฟนคลับเข้าไปชมในรายการจัง จะกรี็ดให้ห้องส่งแตกไปเลย :impress2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 07-12-2017 12:05:31
โม้เม้นท์จิระเตโช นี่คือดีมากกกก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 07-12-2017 12:15:00
ไม่ทันแล้ว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 07-12-2017 12:41:08
 o13
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-12-2017 16:29:43
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-12-2017 17:32:58
ประแสคู่จิ้น จะต้องยิ่งขจรไกลหลังจบรายการนี้!!!
หวีดคร้าาาาา >\\\\\\\\\\< ❤️
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 08-12-2017 08:42:39
 o13บรรยายแบบหิวเลย อยากกินฝีมือจิระบ้างจังอิจเตโชแหละ ช่วงจิระทำอาหารนี่เป็นอะไรที่ฟินสุดๆ ถ้าสมัยก่อนจิระทำตัวแบบนี้เราว่าเสี่ยหลงแน่ๆ 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: obofe ที่ 08-12-2017 11:04:53
ตามมาจากจิตริน  พึ่งอ่านตอนที่1  แต่คมสัน  สิ่งที่นายทำมันเกินไปจริงๆนะ  นอกจากผิดกฎหมายแล้วยังผิดศีลธรรมด้วย

ตอนแรกเรานึกว่าคมสันเป็นแค่ตัวละครที่มีบทร้ายบ้าง

แต่สิ่งที่ทำทั้งหมดนิ่  มันถือว่าเลวร้ายเกินไปแล้ว  ผลักดันให้เด็กคนหนึ่งกลายเป็นเด็กขายตัวเพราะ คิดว่าตัวเองไม่มีเงิน

แถมตอนนี้ยังปล้นเงินคนอ่นไปจนหมดอีก  ชั่วเกินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 08-12-2017 11:26:39
ตามมาจากจิตริน  พึ่งอ่านตอนที่1  แต่คมสัน  สิ่งที่นายทำมันเกินไปจริงๆนะ  นอกจากผิดกฎหมายแล้วยังผิดศีลธรรมด้วย

ตอนแรกเรานึกว่าคมสันเป็นแค่ตัวละครที่มีบทร้ายบ้าง

แต่สิ่งที่ทำทั้งหมดนิ่  มันถือว่าเลวร้ายเกินไปแล้ว  ผลักดันให้เด็กคนหนึ่งกลายเป็นเด็กขายตัวเพราะ คิดว่าตัวเองไม่มีเงิน

แถมตอนนี้ยังปล้นเงินคนอ่นไปจนหมดอีก  ชั่วเกินไปแล้ว

ขอแก้ตัวให้คมสันหน่อยนะคะ
ความจริงแล้วคมสันเป็นคนที่เห็นความสามารถของจิระที่สุดน้า จุดประสงค์แรกเริ่มของคมสันจนถึงตอนนี้เหมือนเดิมตลอดคือ
"ผลักดันให้จิระเป็นดารา" ค่ะ
ในเรื่องเสี่ย คมสันเป็นคนบอกให้จิระมาสมัครเป็นดารา แต่กลัวจิระไม่มาเลยทำเหมือนว่าจิระไม่มีเงินเอามาเป็นข้อบังคับให้เข้าบริษัท ผลคือ จิระต้องตาเสี่ย + จิระไม่อยากเป็นดารา = จิระยอมเป็นเด็กเสี่ยเอง จากนั้นก็รักเสี่ย หลงเสี่ย จนเละเทะด้วยตัวเองค่ะ คมสันพยายามดันมาทางสายดาราตลอดแต่จิระไม่เอาด้วย

มาเรื่องนี้ คมสันใช้แผนเดิมคือทำว่าจิระไม่มีเงินเพื่อบังคับเข้าวงการ เพราะจิระเป็นคนมีพรสวรรค์ และรักการแสดงโดยที่เจ้าตัวไม่ยอมรับ ถ้าไม่มีคนบังคับก็ไม่ทำอะไรแน่นอน อันนี้อ่านไปจะเข้าใจค่ะว่าจิระรักการแสดงขนาดไหน แต่เพราะปมเรื่องแม่ ทำให้จิระปิดหูปิดตาตัวเองไม่เคยได้ลองสักครั้งค่ะ คมสันเป็นคนมอบโอกาสให้จิระเข้าใจในส่วนนี้

ขอบคุณค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: สาว801 ที่ 08-12-2017 13:11:31
เตโชนี่เหมาะสมกับจิระแล้วนะ นางมีวิธีปราบความเกรี้ยวกราดของจิระ //ทีมเตโชคนมึนค่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 10 : เพลง - P.13 - [6/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: obofe ที่ 08-12-2017 15:07:54
ตอนแรกโกรธคมสันมาก  เพราะหลอกเด็กให้ขายตัว

ตอนนี้ยังโกรธอยู่  แต่ลดลง  ดูแลจิดีๆ ล่ะ  และห้ามหลอก หรือไปกดดันเด็กที่ไหนให้ ขายตัว หรือไปเป็นเด็กเสี่ยอีกด้วยน่ะ!
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 08-12-2017 19:54:32


ตอนที่ 11

มุมมองของซีเคร็ท


 


อาทิตย์นี้ตารางของผมแน่นเอี๊ยด เทคิวให้กับเช็กเมทตอนสิบหกทั้งหมด

เพราะตอนนี้จะเล่าในมุมมองของซีเคร็ท!!

เดิมทีซีรีส์นี้เล่าผ่านมุมมองของอัครเดชเป็นแกนหลัก แต่เนื่องจากทิศทางของซีซันสองเจาะลึกไปยังองค์กร และปริศนาของมิสเตอร์เอส ทำให้คนเขียนบทออกไอเดียว่าถ้าเปลี่ยนมาในมุมของซีเคร็ทบ้างก็คงจะดี

ผลคือ...ผมได้ค่าตัวเพิ่ม!

แต่ต่อให้ไม่ได้ค่าตัวเพราะคิวถ่ายเพิ่มขึ้นจากเดิมด้วยการแบกบททั้งตอน ผมก็ยินดีรับงานเนื่องจากเป็นเรื่องราวต่อจากตอนสิบห้า จำได้รึเปล่าครับว่าตอนก่อนจบยังไง มา ผมจะช่วยเท้าความในสามบรรทัดเอง

ตอนสิบห้าซีเคร็ทถูกพวกพระเอกจับตัวมาเพื่อเปิดใบหน้าของมิสเตอร์เอส ทำให้เขากรีดร้องเสียงหลงปวดหัวแทบระเบิด ระหว่างนั้นองค์กรก็บุกเข้ามาโดยอาศัยจังหวะชุลมุนนั้นลักพาตัวซีเคร็ทกลับ!

ฉะนั้นฉากแรกในตอนสิบหก จึงเปิดมาด้วยตัวผม หรือซีเคร็ทที่นั่งอยู่บนเตียงในห้องส่วนตัวขององค์กร เสื้อผ้าถูกเปลี่ยนใหม่หมดราวชุดคนป่วย ใบหน้าซูบซีดโรยแรง คล้ายจะมีอาการปวดศีรษะเป็นระยะ แต่พยายามเก็บอาการเพราะเบื้องหน้าคือชายชุดดำที่พร้อมจะจับผิดและคาดคั้นความจริง

“ผมเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว” ซีเคร็ทเอ่ยเสียงเรียบ

“แน่ใจหรือว่าหมดแล้ว” ชายชุดดำถามย้ำ

“หมดแล้วครับ” ซีเคร็ทตอบ ก้มหน้าหลบสายตา เพราะชายตรงหน้าคือหนึ่งในสมาชิกหลักขององค์กรซึ่งมีอำนาจมากพอจะสั่งฆ่าได้ทันทีหากเผยพิรุธ “พวกเขาจับตัวผม และบอกว่าผมคือมิสเตอร์เอส เรื่องทั้งหมดมีแค่นั้นจริงๆ”

ความเงียบเข้าแทรกระหว่างทั้งคู่ ก่อนชายชุดดำจะเป็นฝ่ายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่ต่างกับการสอบสวนนักโทษ

“แล้วเธอคิดยังไง”

“ผมคิดว่า...เป็นเรื่องเหลวไหล” ซีเคร็ทตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ยากจับผิดว่าโกหกหรือพูดความจริง “ผมคือซีเคร็ท”

ความเงียบเข้าแทรกอีกครา หากสังเกตดีๆ จะพบว่าแผ่นหลังของซีเคร็ทนั้นชื้นไปด้วยเหงื่อที่หลั่งออกมาจากความประหม่า โชคดีที่เขาหันหน้าเข้าหาชายชุดดำจึงปกปิดปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายได้อย่างปาฏิหาริย์

“ดี” ชายชุดดำพยักหน้าอย่างพอใจ กวาดตามองแฮกเกอร์เบื้องหน้า ก่อนจะเอ่ยทิ้งท้าย “เธอเพิ่งถูกจับตัวไป คงจะตกใจมาก หัวหน้าสั่งให้งดปฏิบัติภารกิจชั่วคราว ระหว่างนี้ก็ถือโอกาสพักผ่อนและรักษาตัวให้ดี”

“ครับ”

แม้ตอบรับกับรางวัลปลอบโยน แต่ซีเคร็ทรู้ดี...

ประโยคนั้นไม่ต่างกับคำสั่งขังคุก ชายตรงหน้าไม่เชื่อใจเขา ไม่เชื่อว่าเขาจะยังเป็นซีเคร็ทที่จงรักภักดีต่อองค์กร

เด็กหนุ่มรอจนฝีเท้านั้นเดินจากไป ใบหน้านิ่งสงบอยู่เสมอจึงค่อยๆ เผยความรู้สึกออกมา

สองมือสั่นระริกค่อยๆ ทาบทับดวงตาเพื่อเก็บกลั้นความในใจ

เขา...ได้ความทรงจำคืนกลับมาแล้ว

นับตั้งแต่เห็นใบหน้าของมิสเตอร์เอส ภาพความทรงจำก็แล่นริ้วพุ่งเสียดเข้ามาจนเจ็บร้าว ก่อนจะทะลักล้นเสียจนยากปะติดปะต่อ แม้ตอนนั้นจะหลุดร้องออกมาด้วยความทรมาน แต่ยามนี้...เขากลับใช้คำว่าทรมานมาบรรยายไม่ได้

ความทรงจำที่หวนคืน มาพร้อมความรู้สึกที่ท่วมท้นในอก

เพียงนึก...สองมือพลันกำแน่น ซุกหน้านิ่ง อยากจะร้องไห้ ทว่าไม่มีน้ำตา

เพราะความจริงที่ปรากฏมานั้น...คือสิ่งที่เขาไม่ควรพูดออกไป!

ห้ามบอกใครเด็ดขาด

ห้ามบอกใคร...ว่าเขาคือมิสเตอร์เอส!

ถ้าพูด ตัวเองคงไม่พ้นถูกกำจัดทิ้ง ดีไม่ดี อาจจะถูกใช้เป็นตัวประกันเพื่อต่อรองกับสหาย เพราะจนถึงตอนนี้ สองคนนั้นก็พยายามจะควานหาตัวเขา ยอมเสี่ยงจนถูกองค์กรบุกบ้านหลังใหม่เสียจนราบเป็นหน้ากลอง

มันคุ้มแล้วหรือ...

ซีเคร็ท ไม่สิ มิสเตอร์เอสเผยยิ้มบางที่ขมขื่น เป็นยิ้มที่ควรเรียกว่าคือการแย้มยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่แฝงความประชดประชันตนเองและเผยความทุกข์ตรม หลังสงบสติอารมณ์ได้ เขาก็ลองนึกทบทวนไปยังจุดพลิกผันของเรื่องราวทั้งหมด ว่าทำไมตนถึงมาอยู่ในองค์กร ถูกปลูกฝังถึงคำสั่ง ถูกสั่งให้จงรักภักดี

เรื่องราวเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนไหน

น่าแปลก เพราะเขาไม่มีความทรงจำในช่วงนั้นเลย ไม่อาจรับรู้ว่าตนถูกพาตัวมาล้างสมองอย่างไร ราวกับว่าถูกสีขาวสาดเท ไม่เหลือร่องรอยให้สืบค้น

มิสเตอร์เอสจดข้อสงสัยไว้ในใจ ก่อนจะค่อยๆ ไล่เรียงเรื่องราวนับตั้งแต่ความจำเสื่อมอย่างเชื่องช้า

เริ่มจากอัครเดชและธนัท...สองเพื่อนซี้ที่ถูกตัวเขาตอนเป็นซีเคร็ทเล่นงานไม่น้อย จนสุดท้ายต้องลากพายมาช่วย ถึงอย่างนั้นก็ทุลักทุเลเกินทานทน ต้องพ่ายแพ้ไปหลายครั้ง หลบหนีหลายครา บาดเจ็บบ้างประปราย หนักสุดคือเกือบเอาชีวิตไปทิ้ง

ให้ตายเถอะ...

ส่วนลึกในใจอยากให้เพื่อนทั้งสองล้มเลิกการพาตัวเขากลับ แต่มิสเตอร์เอสรู้ดี ว่าหากเปลี่ยนเป็นอัครเดชหรือธนัทที่ถูกพาตัวไปล้างสมอง เขาก็ไม่มีวันอยู่เฉยเด็ดขาด

แต่ว่า...

มือขาวยกมือป้องตาจากแสงไฟในห้อง ใบหน้าเผยความกลัดกลุ้มจนรอยยิ้มบิดเบี้ยว

“เครื่องติดตามตัวบัดซบ”

นับตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาในฐานะของซีเคร็ท เขาไม่เคยได้รับความไว้ใจจากองค์กร เครื่องติดตามตัวถูกฝังในร่างโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่อาจรู้เลยว่าตำแหน่งใด และมีลูกเล่นซ่อนไว้หรือไม่ หากผ่าตัดออกมาไม่ถูกวิธี จะรับประกันได้หรือว่าตัวเขาจะปลอดภัย

มิสเตอร์เอสไม่กลัวความตาย

แต่ที่กลัว...คือการพาพวกพ้องตกตายตามกัน!

ตัวเขาในตอนนี้ไม่ต่างจากระเบิดเวลา

ไม่สามารถกลับไปที่แห่งนั้นอีกแล้ว

ในที่สุด มิสเตอร์เอสก็ตัดสินใจได้

หลังทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมด เข้าใจและรับรู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป มิสเตอร์เอสพลันกดปุ่มติดต่อภายในเพื่อขอคุยกับชายชุดดำ

“มีอะไร ซีเคร็ท”

เดิมทีมิสเตอร์เอสไม่ใช่คนชอบพูด แต่กับซีเคร็ทนั้นถูกสั่งให้ตอบทุกคำถาม และรายงานทุกอย่างแก่องค์กร

“ผมนึกเรื่องสำคัญออกครับ แฮกเกอร์ของฝ่ายนั้น ผมรู้ว่าเขาคือใคร”

จุดแข็งของพวกอัครเดชในตอนนี้คือพาย เพราะแม้จะเสียท่าให้ซีเคร็ทหลายครา แต่การมีแฮกเกอร์มือฉมังรวมกลุ่มด้วยย่อมทำให้เส้นทางการหลบหนีและขอความช่วยเหลือเป็นไปได้ง่ายดาย ทางองค์กรจึงพยายามจะเล่นงานพายหลายครั้ง ทุกครั้งฝ่ายนั้นมักไหวตัวทันและเป็นฝ่ายถอนตัวไปก่อน ประวัติความเป็นมาของพายลึกลับไม่ต่างกับมิสเตอร์เอส แฮกเกอร์ทั้งสองแฮกข้อมูลตัวเอง ลบรูป ลบตัวตน ลบทุกสิ่งทุกอย่างในโลกออนไลน์

ฉะนั้นการที่ซีเคร็ทพูดประโยคนี้ออกมา จึงไม่ต่างกับการหักหลังพวกพ้อง ทำลายข้อได้เปรียบนั้น

นี่คือการวัดใจ คือการเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนจากคนในองค์กร คือการขายคนเพื่อแลกกับอิสรภาพ

ชายชุดดำเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะบอกให้เตรียมตัว เพราะกำลังส่งคนไปรับมายังห้องประชุม

เสียงปลดล็อกดังขึ้น ประตูเปิดออกเชื่องช้า มิสเตอร์เอสค่อยๆ เงยหน้า มองเส้นทางที่เลือกเดินด้วยความมุ่งมั่นอย่างเตรียมใจ

คราวนี้ล่ะ...เขาจะ...

“คัต!”

ผมสะดุ้งเฮือกอย่างรุนแรงเมื่อถูกขัดอารมณ์กะทันหัน ต้องหลับตาทำสมาธิเสียใหม่จึงจะกลับเป็น ‘จิระ’ ไม่ใช่ ‘ซีเคร็ท’ แต่พอหันไปมองผู้กำกับ ผมก็ลอบผวาในใจ เพราะฉากเปิดตัวของตอนสิบหกนี้เทคใหม่เป็นรอบที่เจ็ดเข้าไปแล้ว โดยที่ยังไม่ได้ถ่ายฉากอื่นตามกำหนดการเลยด้วยซ้ำ

กับซีรีส์ที่ถ่ายไปฉายไปโดยมีตุนล่วงหน้าเพียงสี่ถึงห้าตอน การถ่ายทำล่าช้าคือความหายนะอย่างแท้จริง

“จิระ เราเผยแววตาพร้อมทรยศองค์กรมากเกินไปแล้ว ในฉากนี้ต้องเก็บสีหน้าแววตาให้ดีเพราะกำลังหลอกศัตรูอยู่นะ เราจะต้องเล่นเป็นซีเคร็ทเพื่อให้ได้รับความวางใจจนได้ปฏิบัติภารกิจอีกครั้ง ฉันหมายถึง เราต้องเล่นเป็นมิสเตอร์เอส ที่สวมหน้ากากของซีเคร็ทอีกชั้น เพื่อแอบเอาข้อมูลขององค์กรส่งให้เพื่อนๆ และแอบเปิดทางให้พวกเขาโจมตีองค์กร”

“ผมรู้ครับ...” ผมรับยาดมจากพี่ช่างแต่งหน้ามาดมเพื่อเสริมสร้างพลังใจ “แต่ฉากนี้มิสเตอร์เอสไม่มีคำพูดเลย ผมกลัวว่าหากไม่แสดงออกชัดเจนจะทำให้คนดูเข้าใจผิดว่ามิสเตอร์เอสคิดเข้าพวกกับองค์กรเพื่อเอาตัวรอด...”

“ตัวบทน่ะจงใจทำให้ดูสับสนแบบนั้นอยู่แล้ว แต่การกระทำหลังจากนั้นของมิสเตอร์เอสจะค่อยๆ ทำให้คนดูเข้าใจเอง เราไม่ต้องยัดเยียดคำตอบที่เป็นรูปธรรมลงไปมากนักหรอก ทำแบบนั้นไม่ต่างกับการแปะป้ายบนหน้าผากว่า ‘ฉันจะทรยศแล้วนะทุกคน’ คนดูเขาคิดเองได้”

“ครับ...”

“แล้วอย่าลืมใส่ความลำบากใจของมิสเตอร์เอสลงไปด้วย หนักแน่นแต่เปราะบาง ไม่เผยพิรุธแต่คนดูอยากเอาใจช่วย ใส่ความอ่อนแอลงไปแต่ไม่มาก ขมขื่นอยู่ในอก จุกปากแต่ไม่แสดงออกมา เป็นทั้งมิสเตอร์เอส และเป็นทั้งซีเคร็ท”

“...”

ใครเข้าใจคำพูดของผู้กำกับผมให้ล้านหนึ่งเลยเอ้า!!

ผมดมยาดมเพื่อบรรเทาอาการปวดตุบของขมับ ตั้งแต่เข้ากองมานี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมตีความไม่ตรงตามความต้องการของผู้กำกับจนต้องเทคใหม่หลายครา จะบอกว่าผมไม่เข้าใจในตัวซีเคร็ท...ก็ไม่ใช่ ต้องบอกว่าผมไม่เข้าใจในตัวมิสเตอร์เอสถึงจะถูกกว่า

ก็ซีซันแรกจิตรินเป็นคนแสดง

แล้วผมจะไปตีความได้ยังไงกันล่ะปัดโธ่!

ความจริงข้อนี้ไม่สามารถระบายออกมาให้ใครฟัง มองไปมองมาก็คล้ายกับสถานการณ์ของมิสเตอร์เอสในเรื่องไม่เลว เสียก็ตรงที่ผมต้องรับบทเป็นเขา แล้วเล่นเป็นซีเคร็ทอีกต่อ ซ้อนในซ้อน ซวยในซวย ผมล่ะกลุ้มแท้

“ลองอีกครั้งนะจิระ”

“ครับ!”

ผมเริ่มเล่นใหม่ตั้งแต่ตอนกดปุ่มติดต่อกับชายชุดดำ โดนคัตแล้วคัตอีก จะไม่ว่าเลยหากทั้งหมดเป็นเพราะผมเล่นไม่ดี แต่มันไม่ใช่ เพราะผู้กำกับบอกว่าผมเล่นดี แต่ไม่ลึกพอ!!

แล้วต้องให้ลึกขนาดไหน...ต้องดำน้ำชมปะการังเลยมั้ย ขนาดตัวเขาเองยังหาคำจำกัดความเหมาะๆ ไม่ได้เลย!!

“ผมนึกเรื่องสำคัญออกครับ แฮกเกอร์ของฝ่ายนั้น ผมรู้ว่าเขาคือใคร”

“ดีมากซีเคร็ท ฉันจะให้คนไปรับนายมาเดี๋ยวนี้”

เสียงปลดล็อกดังขึ้น ประตูเปิดออกเชื่องช้า มิสเตอร์เอสค่อยๆ เงยหน้า มองเส้นทางที่ทอดยาวด้วยความนิ่งสงบ ทว่าในใจกลับเต็มไปด้วยความอ้างว้างโดดเดี่ยว ไม่เห็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางที่เลือกเดิน...

“คัต!”

ทั้งกองพร้อมใจกันเงียบเพื่อดูปฏิกิริยาของผู้กำกับ

“ดีมากจิระ ผ่านแล้ว เตรียมฉากต่อไปได้เลย!”

“ครับ!” เสียงขานรับดังจากหลายทิศทาง ทั้งจากทีมงานเบื้องหลังรวมทั้งตัวนักแสดงอย่างผมซึ่งหลุดพ้นอาถรรพ์การเทคสักที ทุกคนในกองพากันวิ่งวุ่น เพราะกำหนดเวลานั้นเลยจากที่ควรจะเป็น ในเมื่อไม่มีใครได้พัก แม้ผมจะเหนื่อยล้าแสนสาหัสจากการเคี่ยวกรำจนหดหู่ไปทั้งใจ ก็ได้แต่นั่งท่องบทเพื่อเตรียมถ่ายต่อทันที

“ไหวนะ”

“ไม่ไหวก็ต้องไหว” ผมตอบเตโชที่สบโอกาสเข้ามานั่งใกล้ผมพร้อมยื่นช็อกโกแลตแท่งให้ สล็อตผู้หิวโหยนั้นนอกจากจะรู้ว่าตัวเองชอบกินอะไรแล้วยังเผื่อแผ่มาถึงผมด้วย เขามักจะซื้อของกินที่ชอบในช่วงเวลาที่ใช่เสมอ

เพราะตอนนี้ผมเครียดจนจุกไปหมด ให้กินข้าวคงไม่ไหว แต่ของหวานคือยอดเยี่ยม!

ความจริงแล้วกองเช็กเมทไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามา เพราะกลัวว่าจะมีการหลุดสปอยเข้า แต่เตโชถือสิทธิ์นักแต่งเพลงจากโปรเจ็กต์ใหญ่ของบริษัท อีกทั้งสงบปากสงบคำ เดินเอื่อยไปเฉื่อยมาเหมือนวิญญาณเร่ร่อนไร้ตัวตน ทุกคนจึงพยายามมองข้ามเวลาเขาชวนผมคุยทั้งที่เป็นช่วงซ้อมบท

เมื่อเห็นฉากใกล้พร้อม ผมก็รีบกินช็อกโกแลตแท่งจนหมดก่อนจะยิ้มยิงฟันให้เตโชดูว่ามีเศษขนมติดรึเปล่า คนหน้ามึนไม่ตอบอะไรนอกจากยกนิ้วโป้งให้ ผมเลยพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับคนอื่น

“พร้อมนะจิระ”

“พร้อมครับ”

การเผยข้อมูลของพายทำให้มิสเตอร์ได้รับความไว้วางใจอีกครั้ง

แม้จะไม่ได้รับภารกิจนอกสถานเหมือนเคย คล้ายยังต้องการคุมตัวให้อยู่ในสายตา แต่การให้แฮกเกอร์อยู่หน้าคอมพิวเตอร์นั้นถือเป็นโอกาสชั้นเยี่ยม เรื่องดำเนินไปโดยที่มิสเตอร์เอสพยายามสวมบทบาทของซีเคร็ทที่จงรักภักดีต่อองค์กร ไม่ว่าจะให้ทำอะไรก็ปฏิบัติตามคำสั่งไม่บกพร่อง แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าทุกครั้งที่มิสเตอร์เอสได้แตะคอมพิวเตอร์ในองค์กรนั้นแอบสร้างไวรัสที่ค่อยๆ แพร่กระจายในระบบอย่างเชื่องช้า

ทุกการกระทำไม่รีบร้อนและรีบเร่ง เพราะมิสเตอร์ไม่มีความคิดที่จะกลับไปหาพวกพ้องแม้แต่นิดเดียว

จนกระทั่ง...ได้รับภารกิจนอกสถานที่อีกครั้ง!

“คัต!”

การถ่ายทำในวันนี้จบลงจนได้ บทซีเคร็ทนั้นยังไม่สู้มิสเตอร์เอสที่วางกับดักใต้จมูกคนทั้งองค์กร บรรยากาศในตอนสิบหกจึงเต็มไปด้วยความลุ้นระทึกน่าหวาดหวั่น และไอ้ความตึงเครียดแสนหนักหน่วงนี้ย่อมส่งผลกระทบกับนักแสดงอย่างผมโดยตรงจนเหมือนเปื่อยไปทั้งตัวทั้งใจทั้งที่ไม่ได้เล่นบทบู๊ล้างผลาญอะไรเลย

ซีรีส์เช็กเมทเป็นแนวสืบสวนแอคชั่นแท้ๆ แต่ไหงพอผมรับบทนำถึงกลายเป็นแนวดราม่าระทึกขวัญซะได้!!

คำถามที่ไม่มีใครตอบ ผมได้แต่ลากสารร่างไปเปลี่ยนเสื้อเตรียมกลับห้องอันแสนสุข เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า รีบเข้ากองเพื่อถ่ายทำฉากเผชิญหน้ากับอัครเดช ธนัท และพาย

ก็หวังว่าการมีนักแสดงหลักมาร่วมด้วยจะทำให้ผมได้พักบ้างอะไรบ้าง

“เหนื่อยโคตร” ผมบอกกับเตโชทันทีที่เรานั่งอยู่ในรถ พอไม่ต้องระวังสายตาใครก็ทำตัวเปื่อยเหลว ไหลไปพิงกับไหล่ของเขาอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรงจะบังคับคอให้ตั้งตรง “ขอพักสายตาหน่อย”

เตโชนั่งนิ่งอย่างว่าง่าย แถมยังถดตัวลงจากเก้าอี้เล็กน้อยเพื่อให้ผมพิงสบายๆ แต่ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศและเสียงเครื่องยนต์ทำให้ผมไถศีรษะตัวเองบนบ่าเขาไปมาอย่างนึกรำคาญ

“ชวนคุยที”

“อยากกินทอดมันกุ้ง”

ผมลืมตาข้างหนึ่งเพื่อเหล่มองคนหน้ามึนโดยเฉพาะ

“เล่นมุก?”

“ทอดมันปลาก็ได้”

...บางทีก็ยากจะแยกแยะจริงๆ ว่าเตโชกำลังพูดเล่นหรือพูดจริง

“ชวนคุยเรื่องอื่นที่ไม่ใช่ของกินสิ” ผมหลับตา ขยับตัวขยุกขยิกอีกครั้งก่อนจะหาตำแหน่งเหมาะๆ ในการหนุน

เตโชตัวอุ่นมากๆ เลย

ผมเริ่มเคลิ้มกับความเงียบ กับความสบาย ก่อนจะสะดุ้งเมื่อจู่ๆ คนหน้ามึนพูดแทรกขึ้นมา

“แต่งเพลงไม่ออก”

แถมยังเป็นหัวข้อชวนหนักอก!

ผมผละจากไหล่เขา เงยมองเตโชว่าพูดจริงหรือโกหก

“พูดจริง” เตโชอ่านใจผมได้ดีเยี่ยมจนน่าขนลุก แต่ผมไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก เพราะที่กำลังอึ้งทึ่งอยู่นี้คือประโยคน่าตะลึงก่อนหน้านั้นต่างหาก

“ทำไมล่ะ ปกตินายแต่งเพลงเร็วจะตาย” ผมถามสงสัย ยังจำเรื่องราวสุดรันทดของแชมปิญองและเข็มทองได้แม่นไม่มีวันลืมชั่วชีวิต “เจออะไรก็แต่งได้ทันทีไม่ใช่เหรอ”

“นั่นอยากเล่า อยากร้อง”

“แล้วไม่อยากร้องเพลงของฉันรึไง”

ผมถลกแขนเสื้อขึ้นเตรียมลุย ก็ฟังที่เขาพูดสิ นี่มันหาเรื่องกันชัดๆ!

“เพราะอยากร้องถึงรับงาน” เตโชอธิบายเสียงเอื่อยไม่รู้สา ราวกับว่าอารมณ์เกรี้ยวกราดของผมเป็นเพียงลมพัดมาและผ่านไป

“แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหน” ผมถกแขนเสื้อลงเพราะเริ่มหนาว ก็เล่นจอดรถแช่นิ่งๆ ไม่ได้ขับไปไหนนี่หว่า

“แต่งเพลงตามคำสั่งไม่เป็น”

“แล้ว?” คุยกับเตโช ต้องคอยถามคอยจี้ประเด็นตลอดเขาถึงจะยอมเปิดปาก

“ค่ายเคยกำหนดหัวข้อให้ แต่ทำไม่ได้”

วินาทีนั้น ผมได้แต่มองเขาด้วยสายตาเวทนาอาดูร

โธ่...พ่อหนุ่มน้อย ความอินดี้ของนายทำพิษแล้วสินะ

“แล้วรับงานทำไม เพลงของฉันจะเสร็จมั้ยเนี่ย” เพิ่งมาตระหนักว่าความซวยมันตกที่ตัวเองนี่หว่า หากเตโชแต่งไม่เสร็จตามกำหนด เห็นทีโปรเจ็กต์นี้คงตัดเพลงของมิสเตอร์เอสออก...ไม่นะ!!!

“เสร็จสิ”

“งั้นเสร็จถึงไหนแล้ว” ผมถามสวนทันควัน ขมวดคิ้วเคร่งเครียด แถมกระชากคอเขาแกมขู่กรรโชกด้วย

“30%”

...มือที่ขยำคอเสื้อตกแผละกับตักของเตโช หมดสิ้นเรี่ยวแรงจะคาดหวัง

เดดไลน์ใกล้เข้ามาทุกที แต่หมอนี่กลับแต่งได้ไม่ถึงครึ่งเพลง

จบกัน!!

“เสร็จทันแน่” เตโชจับมือผมบังคับให้กำเป็นหมัดหลวมๆ “สู้”

“สู้อะไรของนาย” ผมมองเขาอย่างละเหี่ยใจ สิ้นหวังขนาดชวนต่อยกันเลยเหรอ ถ้าต่อยเขาฝ่ายเดียวน่ะยินดี แต่เตโชดันกำหมัดยื่นมาข้างหน้าด้วย ผมไม่อยากมีรอยช้ำบนหน้าตอนเข้ากองวันพรุ่งนี้นะ!

“สู้ด้วยกัน”

ผมมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ต้องพยายามตีความอยู่นานก่อนจะถึงบางอ้อ

สู้ด้วยกันของเตโชไม่ใช่การชวนไปต่อยตีหาเรื่อง แต่คือคำให้กำลังใจ เพราะผมกับเขาในตอนนี้...ต่างตกในสถานการณ์ชวนกระอักกระอ่วนที่มีเวลาบีบคั้น

มองหมัดที่ยกค้างของเตโช มองหมัดหลวมๆ ของตัวเอง ผมถอนหายใจเฮือก ก่อนจะชนหมัดเบาๆ พร้อมกล่าวในใจว่าสู้โว้ย

พอได้ทำอะไรบ้าๆ ความหนักอึ้งในใจคล้ายจะเบาลงชอบกล

เหมือนแบ่งให้เตโชแบกรับ ไม่สิ เหมือนพวกเราต่างช่วยกันประคับประคองต่างหาก

“ฉันน่ะไม่ใช่นักแสดงมืออาชีพ” ด้วยบรรยากาศพาไป ผมเลยถือโอกาสระบายความในใจซะเลย “ตอนแรกที่รับเล่นเรื่องนี้นึกว่าเป็นสายลับเท่ๆ แต่ไหงกลายเป็นแนวดราม่าหน่วงหนึบซะเฉย จะบ้ารึไง เปลี่ยนอารมณ์เรื่องไม่บอกกันก่อนเลย!”

“จิระเก่ง”

“ขอบใจที่ชม” ผมไม่ลืมที่จะยกยอตัวเอง เพราะพอได้พูด ทุกอย่างก็พรั่งพรูออกมาทันที “อารมณ์ของมิสเตอร์เอสมันลึกเกินไป ตีความหลายตลบจนฉันเองก็เริ่มงงว่าควรจะแสดงออกแบบไหน ตอนเล่นเอ็มวีของนายยังมีหัวข้อกำหนดมาว่า ‘คนอกหัก’ สามคำ เข้าใจง่าย และตรงประเด็น  แต่เรื่องนี้มัน...”

ผมยิ้มไม่ได้หัวเราะไม่ออกเมื่อกล่าวประโยคต่อไป

“ให้ตายสิ นายทำตามสั่งไม่ได้ ส่วนฉันดันอยากได้คำที่มันชี้ชัดแจ่มแจ้ง!”

ชักจะปวดหัวขึ้นมาตุบๆ พวกเราสองคนจะแตกต่างกันเกินไปมั้ย ถ้าพระเจ้าแบ่งความอินดี้ของเขาให้ผมสักหน่อย แล้วแบ่งความเอาจริงเอาจังของผมให้เตโชบ้าง พวกเราคงเป็นมนุษย์ที่สมประกอบกว่านี้

“จิระทำได้”

“ได้กับผีน่ะสิ” คำพูดพ่นออกจากปากก่อนความคิดซะอีก ผมถลึงตาใส่เตโช มองคนหน้ามึนที่ยกหมัดขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้คงไม่ได้จะท้าต่อยหรอกใช่มั้ย...

“ชนหมัดแล้ว ห้ามกลับคำพูด”

“รู้แล้วน่า” ผมดีดนิ้วใส่กำปั้นของเตโชเพราะหมั่นไส้ ผลคือทำเอง...เจ็บเอง...จนต้องกุมนิ้วน้ำตาซึม “สู้ให้ตายกันไปข้าง”

“ดีเลย ตายด้วยกัน”

“ใครจะไปอยากตายกับนาย ไอ้บ้า” ผมผลักไหล่เขา ก่อนจะคาดเข็มขัดให้เรียบร้อยจะได้รีบกลับห้อง เตรียมทำทอดมันให้ใครบางคนสักที

เห็นผมยุติบทสนทนากะทันหันด้วยความเกรี้ยวกราดเบาๆ เตโชเลยกลับไปตั้งใจกับการขับรถ บรรยากาศตกในความเงียบโดยที่ผมขยับตัวขยุกขยิกไม่ยอมหยุด

มันไม่ควรจะจบเอาดื้อๆ อย่างนี้สิ

สุดท้ายก็ทนความอัดอั้นใจของตัวเองไม่ไหว เอ่ยออกมาเสียงเบาหวิวปานกระซิบ

“สู้ๆ นะเตโช”

คนหน้ามึนเงยมองผมอย่างประหลาดใจ แต่แล้วไงผมไม่หันไปสบตาเขาซะอย่าง ดูข้างทางสิ ดูต้นไม้สิ ดูท้องฟ้าสิ อา...วันนี้อากาศดีจังเลย

คล้ายจะเห็นเงาสะท้อนจากกระจกรถว่าคนหน้ามึนกำลังคลี่ยิ้มจาง

“สู้ๆ จิระ”

ผมแสร้งเป็นไม่ได้ยิน

และแน่นอนว่าทำเป็นมองไม่เห็นรอยยิ้มของตัวเองบนกระจกด้วย

--------

          เตโชเป็นคนมึนที่น่ารักมั้ยคะ

            เราว่าถ้าเตโชไปอยู่กับจิตรินเนี่ยก็คงไม่รอด คงโดนแย่งพูดหมดจนถูกลดบทให้จืดจางเหมือนเสี่ย (ฮา) แต่พอมาอยู่กับจิระแล้ว ได้เถียงกัน โต้กัน เฮฮากันอย่างพอเหมาะพอดี ทั้งคู่มีส่วนที่ต่างกันมาก แต่เพราะอย่างนั้นถึงอยู่ด้วยกันได้ เราชอบความสัมพันธ์แบบค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้นะคะ มันซึมซาบทีละนิดดี ใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ

เพจนักเขียนที่รู้สึกกระชุ่มกระชวยเหมือนสิบสี่อีกครั้ง (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)

          #จิระผู้เกรี้ยวกราด
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 : มุมมอง - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 08-12-2017 20:44:30
ถถถถ เตโช ทำไมเหมือนหมาน้อยงี้อ่า 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 : มุมมอง - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-12-2017 20:47:26
 :กอด1: กอดให้กำลังใจ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 : มุมมอง - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 08-12-2017 22:08:05
ตัวติดกันเป็นคู่แฝดเชียว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 : มุมมอง - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 08-12-2017 22:15:48
ยิ่งอ่านยิ่งรักเตโช จิเขียนบทหรือเปล่าเนี่ยเล่นเอาจิระเหนื่อยเลย 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 : มุมมอง - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-12-2017 22:27:16
 o13

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 : มุมมอง - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 08-12-2017 22:50:16
มีออดอ้อน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 : มุมมอง - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 08-12-2017 22:56:04
น่ารักทั้งจิระ ทั้งเตโช เลยค่ะ ถ้าสุดท้ายแล้วจิระกับเตโชเกิดไม่ได้คู่กัน แต่ทั้งคู่คงเป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทที่สุดต่อกันได้นะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 : มุมมอง - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 08-12-2017 23:35:53
น่ารักกกก เตโชก็มึนๆ อึนๆ แต่ก็เข้ากับจิระผู้เกรี้ยวกราดุดๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 : มุมมอง - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 08-12-2017 23:40:35
ต่างฝ่ายต่างให้กำลังใจกัน น่ารักจริง ๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 : มุมมอง - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-12-2017 00:09:21
จิระอยู่ได้ถ้าไม่มีเตโช แต่เตโชคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีจิระ  :z3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 : มุมมอง - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 09-12-2017 04:01:32
กลับไปดูมิสเตอร์เอสที่จิระแสดงไว้สิเตโช นี่เป็นวิธีที่นักแสดงที่รับช่วงต่อเขาทำกันอะ คือกลับไปดูงานของคนเก่า แล้ววิเคราะห์บทวิเคราะห์มุมมอง

จริงๆนักเขียนเขียนหลวมหลายอย่าง เราเข้าใจนะว่าคุณไม่ใช่คนในวงการ แล้วคุณก็ต้องการรักษามุมมองที่ปฏิเสธ ไม่ต้องการ กละไม่ยอมรับของจิระไว้ แต่เราดูว่าน้องจริงจังกว่านี้ได้ เขาเป็นคนจริงจังกับสิ่งที่เขารับปากว่าจะทำหรือเปล่า? คุณเขียนจนเขาดูเป็นเด็กอมมือไม่มืออาชีพ ขายผ้าเอาหน้ารอดไปเลยนะหลายๆครั้ง

แบบที่ต้องขึ้นสลิงเนี่ย ไม่มีทางที่เขาจะไม่แจ้งผู้จัดการนักแสดงก่อนหรอกมั้ง จิระไม่ใช่นักแสดงตัวประกอบของบริษัทต๊อกต๋อยที่ทำอะไรด้วยก็ได้นะนะ ขึ้นสลิงก็ไม่ได้ปลอดภัยขนาดนั้น ยังมีข่าวคนเคยพลาดเลยค่ะ 

มันมีแค่คมสันจะไม่บอกจิระเอง หรือน้องสะเพร่าเอง แต่เราว่าทั้งคู่ไม่น่าสะเพร่าแบบนี้มั้ง? งั้นเป็นการพลาดของกองเหรอ? น้องกะคนดูแลน้องก็ไม่โวยรักษาสิทธิ์ตัวเองเลยอะ นี่ไม่ใช่การแข่งขัยแบบเดอะเฟซนะคะที่ต้องไม่รู้มาก่อนว่าแคมเปญคืออะไร นี่ถ่ายกันจริง เงินจริง งานจริง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 : มุมมอง - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 09-12-2017 06:48:01
อ่านไปยิ้มไป สงสารจิระไป ตะไมรู้สึกว่ามันสั้น!!!
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 : มุมมอง - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: LomaPakpao ที่ 09-12-2017 08:43:55
 :sad4: :sad4: :sad4:
ไม่ค่ะ..ถ้าเตโชไปอยู่กับจิตรินคงกลายเป็นตัวประกอบ
เพราะเสี่ยแกมีความมโนเป็นเลิศ(ฮา) ส่วนเตโชก๋..แบบที่จิระว่าแหล่ะค่ะ .. ไปหาแชมปิยองกับเข็มทองไปลูก!!!
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 : มุมมอง - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 09-12-2017 08:45:59
เอามาเปรียบกันไม่ได้หรอก 2 คู่นี้ แต่มีความมึนๆ อึนๆ เหมือนกัน แถมฮาได้อีก
บรรยากาศก็คนละแบบ ประมาณว่าน้องจิกะเตโชเขาเดินเรื่องไปด้วยกัน น่ารักน่าหยิก
กับความมึน ความติส ความเกรี้ยวกราด พร้อมกับยาดมคู่กายของน้องจิ  :m20:
คู่โน้นพี่จิแกฝอย จริงใจ จนตกเหยื่อได้เพียบ  :pigha2: ตาเสี่ยที่จนจะจบเรื่องเรายังจำชื่อไม่ได้เลย
รู้แต่ใครๆ เรียกเสี่ย ก็มึน มโน หื่น เราจะรอดูว่าเตโชว่าจะหื่นได้เสี่ยมาบ้างหรือเปล่า  :katai3:
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 : มุมมอง - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: LomaPakpao ที่ 09-12-2017 08:46:14
 :sad4: :sad4: :sad4:
ไม่ค่ะ..ถ้าเตโชไปอยู่กับจิตรินคงกลายเป็นตัวประกอบ
เพราะเสี่ยแกมีความมโนเป็นเลิศ(ฮา) ส่วนเตโชก๋..แบบที่จิระว่าแหล่ะค่ะ .. ไปหาแชมปิยองกับเข็มทองไปลูก!!!
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 : มุมมอง - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 09-12-2017 08:58:19
คิดถูกมากค่ะที่อ่านนิยายเรื่องนี้ตอนกลางวันเพราะจะได้ไม่หิวเวลาที่ีการเอ่ยถึงชื่ออาหาร555   :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 : มุมมอง - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-12-2017 12:46:04
สู้ๆ ด้วยกันนะ จิระแค่ไหลไปพิงไหล่เตโชถ้าแฟนคลับมาเห็นกรี๊ดแน่
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 : มุมมอง - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 09-12-2017 13:11:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 : มุมมอง - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: corn_rain ที่ 09-12-2017 14:12:10
มันดูเปนความสัมพันธ์แบบเพื่อนอ่ะ
นี่จะเอาอะไรไปตกหลุมรักเนี่ย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 11 : มุมมอง - P.14 - [8/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 10-12-2017 15:30:38
น่ารักกกก  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำ - P.15 [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 10-12-2017 20:17:24

ตอนที่ 12

ถ่ายทำนอกสถานที่


 

“จำคิวได้ใช่มั้ยจิระ”

“ได้ครับ”

“ดี งั้นมาลองซ้อมกันก่อน”

เมื่อวานหลังทำทอดมันคลายเครียดให้เตโช ผมก็เปิดเช็กเมทซีซันแรกเพื่อเก็บรายละเอียดมิสเตอร์เอส ก่อนรับเล่นซีรีส์เรื่องนี้ ผมเคยดูเช็กเมทมาราธอนหวังจับจุดและจดจำเอกลักษณ์ของตัวละครตัวนี้อยู่ก่อนแล้ว แต่เพราะหลังจากนั้นได้สร้างบทบาทของซีเคร็ทด้วยตัวเอง ผมเลยไม่กล้าย้อนกลับไปดูด้วยกลัวว่าจะรู้มากเกินไปในเมื่อซีเคร็ทความจำเสื่อม

อันที่จริงก่อนเข้ากองเมื่อวานผมก็นั่งทำการบ้านอย่างหนักหน่วง แต่ดันตีความผิด วิเคราะห์ระหว่างซีเคร็ทที่ความจำเสื่อม กับมิสเตอร์เอสของจิตรินด้วยการแสดงที่แตกต่างกัน อาจเพราะผมไม่ได้แสดงในซีซันแรก เลยกลัวว่าคนดูจะแยกแยะไม่ออกว่าผมเป็นซีเคร็ทหรือมิสเตอร์เอส ผลคือโดนผู้กำกับด่ายับ

แต่การเอามิสเตอร์เอสกับซีเคร็ทมาผสมรวมกันก็น่าปวดหัวเกินไป ผมจะแสดงเป็นมิสเตอร์เอสอย่างที่อิงจากจิตรินก็ถือว่าไม่ตอบโจทย์ จะเล่นเป็นซีเคร็ทในแบบตัวเองก็ไม่ใช่อีก สิ่งที่ผู้กำกับต้องการ คือการแสดงแบบให้คนดูตีความเองว่าตอนนี้ผมเป็นคนไหน คิดจะทรยศองค์กรหรือไม่ หรือคิดจะเข้าพวกกับอัครเดชรึเปล่า

ห้ามเจาะจง ห้ามชี้ชัด จงคลุมเครือ...และคลุมเครือ

เมื่อไม่สามารถอธิบายเป็นรูปธรรมได้ ผมเลยตัดสินใจเอาหนังสือจิตวิทยามาอ่าน เพราะการแสดงภายนอกของจิตรินนั้นศึกษาจนปรุโปร่งหมดแล้ว เหลือแต่ความคิดของมิสเตอร์เอสนั่นแหละ ความซวยอยู่ที่...บทบาทของมิสเตอร์เอสในซีซันแรกค่อนข้างไร้มิติ แถมการแสดงของจิตรินก็ไม่ได้แฝงอารมณ์ลึกซึ้งเพราะเขาไม่ใช่ดารา สุดท้ายผมก็ต้องมานั่งจินตนาการเอาเองว่าฉากนี้ควรคิดอะไรอยู่ ฉากนั้นควรจะรู้สึกยังไง

อา...คลุมเครือ คลุมเครือ

“ซ้อมคิวผ่านฉลุย งั้นมาลองถ่ายจริงเลยนะจิ!”

“ครับ”

กลับมาสู้กองถ่ายเช็กเมทกันก่อน

วันนี้ผมต้องเข้าฉากกับนักแสดงนำทั้งสามคน เมื่อเรื่องราวพลิกตลบเพราะองค์กรนำรูปของพายส่งให้ตำรวจ จนพายถูกประกาศจับเนื่องจากเคยมีคดีรับจ้างผิดกฎหมาย แถมเคยแฮกเข้าระบบของรัฐบาลอีกด้วย กลุ่มของอัครเดชในตอนนี้จึงถูกกดดันจากสามทาง หนึ่งคือองค์กร สองคือหน่วยงานรัฐ สามคือประชาชนที่หมายล่ารางวัลนำจับ

ทั้งสามหนุ่มระหกระเหินเปลี่ยนที่พักไปเรื่อยๆ แต่การแพร่ภาพของพายในที่สาธารณะทำให้การหลบหนีเป็นไปอย่างยากลำบาก จนในที่สุด องค์กรก็วางแผนไล่จับตามทันจนได้

มิสเตอร์เอสถูกเรียกให้ออกปฏิบัติภารกิจด้วยในครั้งนี้

นี่เป็นการเผชิญหน้าครั้งที่สามด้วยใบหน้าที่ไม่มีอะไรปกปิด ครั้งแรกคือตอนธนัทยิงแว่นในห้องทำงาน ครั้งที่สองคือตอนลักพาตัวซีเคร็ทเพื่อคืนความจำ ส่วนครั้งนี้...

“มิสเตอร์เอส!” ธนัทตะโกนอย่างดีใจเมื่อปลายทางที่หลบหนีนั้นมีชายหนุ่มสวมเสื้อตัวโคร่ง เดินหลังค่อมเล็กน้อยยืนขวางด้วยใบหน้าที่ก้มต่ำ นี่เป็นอีกการทดสอบความจงรักภักดีต่อองค์กร เพราะการส่งคนที่ไม่ได้เก่งกาจด้านการต่อสู้มาขวางผู้ชายสามคนนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

มิสเตอร์เอสที่ต้องเป็นซีเคร็ท แต่เป็นซีเคร็ทที่ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนทำทีเป็นมิสเตอร์เอสอีกครั้งเพื่อหลอกให้อีกฝ่ายตายใจค่อยๆ ยกปืนขึ้น ดวงตาสีอ่อนวูบไหวครู่หนึ่งเมื่อเล็งไปยังเป้าหมาย ก่อนจะลั่นไกอย่างไร้ความลังเล

กระสุนถากไปเมื่ออัครเดชกระชากแขนเพื่อนที่ยังตกตะลึงให้หลบทันฉิวเฉียด แต่มิสเตอร์เอสยังคงลั่นไกต่อเนื่องไม่เว้นช่วง อัครเดชกระโจนเข้าหามิสเตอร์เอสจนล้มลงทั้งคู่พร้อมปลดอาวุธ ตะโกนบอกให้ธนัทกับพายรีบหนี

ข้างหน้ามีคนขององค์กรดักอยู่ แต่เส้นสายของอัครเดชนั้นก็มีตำรวจใหญ่ในกรมที่ให้ความช่วยเหลือลับๆ เมื่อหน่วยงานรัฐยื่นมือเข้ามาคนขององค์กรจึงล่าถอย มิสเตอร์เอสพยายามสลัดอัครเดช แต่ทำได้เพียงดิ้นขลุกขลักกับพื้น

“ฉันรู้...ว่านายคือมิสเตอร์เอส” อัครเดชเอ่ยพลางจับจ้องใบหน้าของเพื่อนรักที่เก็บความรู้สึกได้ดีกว่าใคร “ก่อนจะยิงเขา...นายมองฉัน เหมือนส่งสัญญาณให้ฉันไปช่วย”

มิสเตอร์เอสไม่ตอบ

“กลับไปด้วยกันเถอะ”

สิ้นคำนั้น กระสุนปริศนาพลันยิงเข้าหาทั้งคู่ ราวกับว่าผู้ยิงไม่สนใจว่าจะโดนใคร อัครเดชรีบพลิกตัวหลบ ลากมิสเตอร์เอสติดมือมาด้วย เป็นโอกาสให้มิสเตอร์เอสสลัดหลุด แล้วรีบวิ่งหนีไปตามเส้นทางที่องค์กรตระเตรียมไว้แล้ว

อัครเดชไม่ไล่ตาม เพียงมองแผ่นหลังนั้นพร้อมกำหมัดแน่นอย่างเจ็บใจ

ส่วนในมุมของมิสเตอร์เอสนั้นคือการรายงานต่อชายชุดดำซึ่งนั่งอยู่ในรถตู้ และได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านเครื่องดักฟังขนาดเล็กที่ติดไว้กับปกเสื้อ

“อย่าไปฟังพวกนั้น นายคือซีเคร็ท ไม่ใช่มิสเตอร์เอส”

“ครับ” เขาตอบเสียงเรียบ “เพราะอย่างนั้นผมถึงกลับมา ผมคือซีเคร็ท”

“แม้งานครั้งนี้จะล้มเหลว แต่ฉันจะช่วยรายงานให้หัวหน้าเข้าใจ รับรองว่าเธอจะไม่ถูกลงโทษ”

“ขอบคุณครับ”

เรื่องลงโทษนั้นโกหกทั้งเพ เพราะแผนการทั้งหมดเพื่อทดสอบตัวเขา องค์กรรู้ดีอยู่แล้วว่าอัครเดชมีเส้นสาย เลยไม่คาดหวังว่าจะตามจับได้ง่ายๆ อาศัยกับแค่สายลับผอมแห้งคนหนึ่ง

“คัต!”

พี่ช่างแต่งหน้ารีบเข้ามาถกแขนเสื้อขึ้นเพื่อดูว่าผมมีรอยถลอกตรงไหน ผลคือหลังกับแขนเป็นรอยแดงยาวเพราะถูกอัครเดชกระโดดทับสามรอบถึงจะเป็นที่พอใจของผู้กำกับ นับว่าการถ่ายทำวันนี้ค่อนข้างราบรื่น เพราะมีนักแสดงนำหลายคนช่วยส่งอารมณ์ให้ไม่ต้องแบกรับเรื่องคนเดียวเหมือนเมื่อวาน

“โธ่ จิระ ผิวสวยๆ แดงหมดเลย” พี่ช่างแต่งหน้ายกมือทาบอกคล้ายหัวใจสลาย

“เห็นแบบนี้แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ผิวผมแดงง่าย” ผมตอบพลางถกแขนเสื้อลงเพราะไม่อยากให้คนอื่นนินทาลับหลังว่าอ่อนแอซะเหลือเกิน วันนี้เรายกกองมาถ่ายทำในซอยร้างแห่งหนึ่ง ด้วยพื้นที่ที่จำกัดทำให้แม้จะมีแฟนคลับมุงดูอยู่ห่างๆ แต่ก็ทำได้เพียงชะโงกมองจากที่ไกลๆ

“เป็นไงบ้างจิ ได้ข่าวว่าเมื่อวานหนักเลยนี่”

“ไม่หนักเท่าตัวพี่อัคหรอกครับ” ผมตอบทีเล่นทีจริง ก็ตอนโดนกระโจนล้มต้องแบกรับน้ำหนักพี่แกทั้งตัว บอกเลย...นึกว่าโดนช้างทับ!

“หนักกล้ามเนื้อหรอก!” อัครเดชหัวเราะ ก่อนจะชี้นิ้วมาที่เงาดำจางข้างตัวผม ครับ...เตโชไงจะใครล่ะ “แฟน?”

“จะไปใช่ได้ไงล่ะครับ! เขาเป็นนักร้องที่แต่งเพลงให้ผมในโปรเจ็กต์จบซีซันสองต่างหาก พี่อัคก็รู้เรื่องนี้นี่”

“พี่รู้ รู้ว่าเขาเป็นใครตั้งแต่ดูรายการสัมภาษณ์แล้ว แต่นักแต่งเพลงของพี่ไม่เห็นจะตามติดแบบนี้บ้างเลย คู่จิ้นหรือคู่จริงกันแน่เนี่ย”

“นัทบอกให้พี่มาหลอกถามผมเหรอ”

“รู้ทันนี่เรา” อัครเดชฉีกยิ้มยอมรับเอาโต้งๆ จะไม่รู้ได้ไงล่ะในเมื่อธนัทเหลือบมองมาทางนี้พักใหญ่แล้วแต่ไม่กล้าเข้ามาสักที ส่อพิรุธอยู่ชัดๆ ว่ากำลังรอจังหวะและเวลาที่เหมาะสมให้อัครเดชเค้นคอผม

แต่โทษที เพราะผมกับเตโชไม่มีอะไรในกอไผ่!

“พายล่ะพี่” ผมถามระหว่างยื่นหน้าให้เตโชช่วยพัด เพราะผมเป็นคนขี้ร้อน ตอนนี้เลยเหงื่อแตกพลั่ก

“เดินไปหลบแดดทางนู้นน่ะ” อัครเดชชี้ให้ดูอีกฝั่งของถนน พายกำลังนั่งอ่านบทอยู่ท้ายรถตู้ เห็นแล้วก็อดนึกถึงวันถ่ายโฆษณาไม่ได้...วันนั้นพายอยากคุยอะไรด้วยนะ

“พี่ไม่สนิทกับพายเหรอ” พูดพลางเตะเตโชที่พัดใส่ตัวเองมากกว่าพัดให้ผม

กวนตีนอีกแล้วไอ้คนหน้ามึนนี่!

“ไม่ใช่ว่าไม่สนิท แต่พี่ให้เกียรติโดยการเว้นระยะจากเขา พายค่อนข้างเกร็งๆ หลังจากกลับมารับบทนำในซีซันสองน่ะ จิต้องเข้าใจ...พายเคยโดนถอดบทมาก่อน ตอนนั้นถ่ายตอนแรกของซีซันหนึ่งไปแล้วด้วย พอได้โอกาสมาเล่นเป็นมิสเตอร์เอสตัวปลอมก็ทำเรื่องไว้จนผู้กำกับและคนในกองไม่ค่อยชอบใจนัก” อัครเดชอธิบาย “เจอทีมงานชุดเดิม ในกองถ่ายกองเดิม ก็ไม่แปลกที่จะวางตัวลำบากและเข้าหน้าไม่ค่อยติด ชวนคุยมากๆ จะอึดอัดใจกันเปล่าๆ”

ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก เพิ่งมาเข้าใจสถานการณ์ของพายเอาตอนใกล้จบซีรีส์

“แล้วจิรู้เรื่องเปิดกองรึยัง”

“ตอนที่ยี่สิบน่ะเหรอครับ คมสันบอกผมแล้ว”

อัครเดชทำหน้าเจื่อนเมื่อผมเรียกชื่อจริงคุณเลขาประจำบริษัทอย่างไม่กลัวเกรง

“หวังว่าครั้งนี้...จะราบรื่นนะ”

การเปิดกอง คือการให้สื่อมวลชนเข้ามาถ่ายรูปทำข่าวเป็นการโปรโมทซีรีส์ ซีซันแรกเองก็มีการเปิดกองในตอนสุดท้าย แต่โดนข่าวฉาวของจิระกลบมิดเพราะถูกตำรวจจับกลางกองข้อหาซื้อขายยาเสพติด นึกแล้วก็แอบปาดเหงื่อ เพราะไอ้ข่าวที่ว่านั่นก็ทำตัวเองล้วนๆ ผมไม่อยากให้จิตรินประสบความสำเร็จในร่างของผม เลยเตรียมแผนกะประจานให้อับอายขายหน้าแทบมุดแผ่นดินหนี

สุดท้ายแล้วคนที่อยากจะแทรกตัวหายไปกับพื้นปฐพีดันเป็นผมนี่!

“ราบรื่นสิ พวกเราเชื่อใจจินะ ข่าวครั้งก่อนก็ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าจิจะทำจริง”

ไม่เชื่อ...แต่ผลตอบรับของกระแสที่ตกลงช่วงหนึ่งของซีรีส์ก็คงไม่เป็นที่พอใจของนักแสดงและทีมงานคนอื่นๆ นัก

ผมพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้อัครเดชพร้อมภาวนาหมดหัวใจว่าอย่าได้มีอุปสรรคอะไรอีกเลย

“เตโช...นายจะพัดให้ตัวเองทำไม!” ก่อนจะทนไม่ไหวหันไปแย่งพัดมาถือเอง เตโชไม่หือไม่อือ หยิบพัดพับอีกอันขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงหน้าตาเฉย ก่อนจะส่งให้อัครเดช

“อา...ขอบใจ” พระเอกคนดังรับมาเป็นมารยาท “งั้นจิตามสบายนะ เดี๋ยวพี่ไปดูคนอื่นก่อน”

“ครับพี่อัค”

เนื่องจากการถ่ายทำภาคเช้าเสร็จไวกว่ากำหนด เลยมีเวลาพักให้กับนักแสดงและทีมงานได้เตรียมตัวก่อนถ่ายฉากต่อไป ไหนๆ ก็ออกกองนอกสถานที่แล้ว เลยถือโอกาสเก็บคิวงานอื่นๆ ล่วงหน้าไปถึงตอนสิบเจ็ดด้วย

แล้วพรุ่งนี้ผมก็ต้องผจญกับการแบกเรื่องในสตูดิโอต่อ

...แค่นึกก็เหนื่อยแล้ว

ผมยัดพัดใส่มือเตโชเมื่อรู้สึกโรยแรงกะทันหัน ก่อนจะลองตบๆ กระเป๋ากางเกงเขาหาว่ามีขนมกินเล่นรึเปล่า

“ลวนลามต้องจับข้างหน้าสิ”

“อย่ามาพูดจาสัปดนทั้งหน้าตายๆ แบบนี้ได้มั้ย!” ผมชักมือกลับทันที ขนลุกไปทั้งตัว “แล้วนั่นจะไปไหน”

“ซื้อขนม”

“ซื้อที่ไหน”

เตโชไม่ตอบ แต่ชี้นิ้วไปข้างหน้าให้เห็นป้ายเซเว่นอีเลเว่นตรงปากซอย

“ให้คนอื่นไปซื้อแทนมั้ย นายจะฝ่าแฟนคลับได้เหรอ” ผมมองเขาอย่างเป็นห่วง ไม่ใช่อะไร ยังจำได้ว่าเตโชเคยมึนขนาดตามแฟนคลับเข้าโรงแรม แต่เดี๋ยวก่อน... “มานั่งนี่สิ” ผมตบเก้าอี้ข้างกาย “นายเคยตามแฟนคลับเข้าโรงแรมจริงรึเปล่า”

เตโชเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อถูกถามกะทันหัน ช่วยไม่ได้นี่หว่า พอนึกแล้วก็สงสัย แม้เขาจะดูมึนๆ แต่ผมไม่คิดว่าจะมึนขนาดตามผู้หญิงเข้าโรงแรมหรอกนะ

“เอามาจากไหน”

“ก็จากคม...สัน” เสียงผมเบาหวิว เพิ่งรู้ตัวตอนนี้ว่าโดนเล่นแล้วไงจิระ!

ผมกดโทรหาคุณเลขาจอมมารทันที

(( มีอะไรครับคุณจิระ ))

“นายโกหกฉันอีกแล้วนะคมสัน เตโชไม่ได้ตามแฟนคลับเข้าโรงแรมสักหน่อย!”

(( ...โทรมาเรื่องนี้เองเหรอครับ ))

คล้ายจะได้ยินเสียงถอนหายใจดังแทรกเฮือกหนึ่ง

(( ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า...เตโชไม่ได้ตามแฟนคลับเข้าโรงแรม แต่เกือบถูกลากเข้าโรงแรมต่างหากครับ พูดผิดความหมายก็ผิดได้นะครับคุณจิระ ))

ผมหันไปถามคนหน้ามึนทันควัน

“นายเคยถูกลากเข้าโรงแรมเหรอ”

“เกือบ” เตโชแก้คำ ก่อนจะโคลงศีรษะเล็กน้อยอย่างไม่ใส่ใจ “แต่ปฏิเสธไป”

ฟังคำตอบแล้วผมก็นิ่ง เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ และงงตัวเองมากว่าจะสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านทำไมเนี่ย อ้อ จุดเริ่มต้นคือผมห่วงเขาจะฝ่าแฟนคลับไปแล้วกลับกองไม่ถูกนี่หว่า

(( มีอะไรอีกมั้ยครับคุณจิระ ))

“ไม่มีแล้ว” ผมตอบคมสัน วางสาย ก่อนจะโบกมือให้เตโชไปซื้อขนมเพื่อพิสูจน์ว่าเขาเอาตัวรอดได้จริงรึเปล่า

ผลคือคนหน้ามึนหยิบหมวกมาสวม ก่อนจะเดินแทรกกลุ่มแฟนคลับอย่างสบายๆ ใบหน้ามองตรง มุ่งมั่นกับการไปเซเว่น

มุ่งมั่น...มาก

“ว้าย นั่นเตโชนี่”

“ขอลายเซ็นหน่อยค่ะเตโช!

“ขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะ”

“ไม่ได้ ต้องไปเซเว่น”

มาก...จนผมกุมขมับ

ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของเขาทำให้แฟนคลับพากันแหวกทางเพื่อให้คนหน้ามึนไปถึงจุดหมายอย่างสวัสดิภาพเหมือนมองส่งลูกน้อยไปโรงเรียน ไม่ถึงสิบนาที เตโชเดินกลับมาพร้อมถุงพลาสติกที่เต็มไปด้วยของขบเคี้ยวและขนมหวาน ทิ้งตัวนั่งข้างผมราวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผมอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มเขาเบาๆ เตโชเหลือบมองเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าแกะถุงขนมวางบนตักผม ปล่อยให้จับแก้มจนแทบยืดไม่คิดปัดออก

หลังใคร่ครวญอยู่นาน ผมก็เอ่ยออกมาด้วยความสงสารแฟนคลับของเตโชสุดหัวใจ

“นายนี่ดังได้เพราะหน้าตาและเพลงจริงๆ”

“อืม” เตโชพยักหน้ารับ “จิระก็ดังเพราะหน้าตากับการแสดงเหมือนกัน”

ทะ...แทงใจดำ!

ผมปล่อยมือจากแก้มเตโชแล้วหยิบขนมใส่ปาก สรุปได้อย่างหนึ่งว่าคมสันไม่ได้โกหก เตโชดูแลตัวเองไม่เป็นจริงๆ เพราะจนถึงตอนนี้ห้องเขาก็ยังเป็นกองขยะ ถ้าวันไหนผมไม่บอกก่อนว่าติดธุระก็จะอดข้าวจนตัวแห้งเหี่ยว

ใช่ เขาดูแลตัวเองไม่เป็น แต่ดันดูแลผมดีมาก!

ย้อนแย้งแปลกๆ ชอบกลแฮะ

“เฮ้” ผมเอาไหล่สะกิดเตโช แบบว่ามือไม่ว่างไงเลยต้องใช้ไหล่สะกิดไหล่ “นายชอบฉันรึเปล่า”

“ชอบ”

“ไม่ใช่ชอบเพราะปลื้มมิสเตอร์เอสสิ ฉันหมายถึงชอบแบบคนรัก อยากจะมีสัมพันธ์กัน เอ่อ...แบบมีเซ็กซ์กันน่ะ”

เตโชมองหน้าผมนิ่ง จนกลายเป็นคนถามอย่างผมที่รู้สึกเขินอายขึ้นมาซะงั้น

“ตอบสิวะ” จิระเริ่มเกรี้ยวกราด

“ไม่” คนหน้ามึนเอ่ย “ชอบแบบนี้” ก่อนจะเอาไหล่สะกิดไหล่ผมกลับ

“แบบนี้อะไรของนาย” ผมขมวดคิ้ว บอกเลยว่าไม่สามารถตีความหมายของเขาได้ อยากสะกิดไหล่กันตลอดไป? จะบ้าเรอะ!!

“แบบนี้” เตโชช่วยขยายความเพิ่มด้วยการจับมือผมมาหยิกแก้มตัวเอง

“แบบไหนอีก”

“แบบนี้” เตโชหยิบพัดขึ้นมาพัดให้ผม แล้วก็พัดให้ตัวเอง พร้อมส่งสายตาให้ผมรีบด่าเขาไวๆ

แต่โทษเถอะ ตอนนี้พูดอะไรไม่ออกแล้วนอกจากส่งสายตาท้อแท้สิ้นหวังให้เขา!

ขอสรุปตรงนี้เลยแล้วกันว่า...นายเตโชคือคนโรคจิต!!

 

-----

มันก็จะแบบนี้ แบบนี้ และแบบนี้

ชอบมั้ยคะ น่ารักมั้ยเอ่ย แต่ไม่ว่าจะแบบนี้หรือแบบไหนเตโชก็โดนจิระมองเป็นคนโรคจิตไปแล้ว โธ่ๆๆ เอาน่าจิระ อย่าไปคาดหวังกับเตโชเลย มึนยังไงก็มึนยังงั้น มาเอาใจช่วยกับคู่นี้กันดีกว่าว่าจะไปพัฒนาความสัมพันธ์กันยังไง แต่เราชอบความสนิทสนมแบบวัยรุ่นหยอกเล่นกันไปมาของทั้งสองคนมากเลย เป็นความสดใหม่ที่เสี่ยทำให้ไม่ได้ เพราะเสี่ยแก่เกิน! 5555

#จิระผู้เกรี้ยวกราด

 

เพจนักเขียนที่ชอบชอตไหล่สะกิดไหล่มาก  (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-12-2017 20:45:09
 :jul3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 10-12-2017 20:50:58
เตโชนี่ทั้งมึนและทั้งมาโซหรือเปล่า ชอบให้จิระเกรี้ยวกราดใส่น่ะ 555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 10-12-2017 20:51:46
จิระพยายามมากๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 10-12-2017 20:52:45
เตโชผู้มีสกิลการใช้ชีวิตระดับต่ำกว่า0
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 10-12-2017 20:57:05
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: 177266 ที่ 10-12-2017 21:26:50
 :-[ :-[ โอ้ย คู่นี้น่ารักๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 10-12-2017 21:28:47
ชอบแบบนี้เหมือนกันอย่าเพิ่งแปรเปลี่ยนเลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Indy555 ที่ 10-12-2017 21:53:02
เห็นหนทางมิตรภาพมากกว่ารักเชิงคู่รัก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-12-2017 22:03:56
ก็ถูกของเตโชนะ ว่าชอบจิระ ถ้าหนูจิถามเรื่องเซ็กส์ ไว้เตโชอยากหรือไหร่ คงบอกหนูจินะ  :-[
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 10-12-2017 22:23:12
ขอสรุปนะคะ เตโชชอบให้ทำตังเหมือนคนจีบกันใช่มั้ย 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-12-2017 22:24:45
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 10-12-2017 22:27:41
เราเริ่มเข้าใจความรู้สึกของจิระแล้วหละว่าไอ้ที่ มึนๆ งงๆ ปวดหัวๆ มันเป็นยังไง :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 10-12-2017 22:28:19
 :sad5:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Keiji ที่ 10-12-2017 23:02:20
ถ้าจิระไม่รุกพ่อเตโชคนมึนคงจะไม่ได้กินหรอก นางมึนๆอึนๆขนาดนี้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 10-12-2017 23:13:38
ง่อออวววววววง เตโชชอบให้จิระเอ็นดู 55555 ประมาณว่าภาษาเตโชแปลโดยจิระ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 10-12-2017 23:57:03
จิระเก่งมากเลยนะเรื่องการแสดง ในบทบาทของซีเคร็ท/มิสเตอร์เอส เราว่ามันเป็นบทที่ยากมากๆเลยกับการแสดงความรู้สึกตัวละครที่ต้องสื่ออารมณ์ผ่านสายตาให้คนดูเข้าใจ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 11-12-2017 00:53:04
ชอบชะมัด ไอ่ความมึนไม่ค่อยจะรู้ตัวแล้วคุยกันอย่างสนิทใจเนี่ย
5555555555555555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: พันธุ์ไทย ที่ 11-12-2017 02:56:35
  :กอด1:   :กอด1:   :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 11-12-2017 03:39:55
หนูเป็นมาโซเหรอลูก...
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 11-12-2017 09:44:15
ชอบแบบอยากดูแลกันและกันตลอดไปใช่ป่ะเตโช ฮิ้วววววววววว เรื่องเซ็กซ์ค่อยว่ากันทีหลัง55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 11-12-2017 12:18:23
เตโช มึนแบบมึนจริงจัง มึนหนักมาก 5555
มึนแบบ น่ารักขี้อ้อนแบบไม่รู้ตัว
ชอบอ้อนจิระให้ทำอาหารให้แบบนิ่งๆ
จิระจะทนความมึนนี้ไหวไหมน้อออ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 11-12-2017 12:51:31
จะมีตอนไหนมั้ยที่เตโชจะไม่น่ารัก โอ้ยยย หลงแล้วหลงอีก หนูจิก็นะถามเตโชแบบนั้นคือหนูต้องการอะไรคะลูก หืมม
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 11-12-2017 12:58:31
น่าร๊าก~~~
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 11-12-2017 14:14:33
เตโชชอบจิระเกี้ยวกราดสินะ~~~~!!!!
เตเชเปนมาโซคิสสสสส
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Takamine ที่ 11-12-2017 19:55:43
จินตนาการว่าเตโชมี character คล้าย The Toys  :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 11-12-2017 23:35:49
โอ้ยยตายยคู่จิ้น หรือคู่จิงงง
ฮืออออ
เตโชๆๆๆๆ ชอบบบน่ารัก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 12 : ถ่ายทำนอก- P.15 - [10/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 12-12-2017 13:58:34
เป็นความสดใหม่ที่เสี่ยทำให้ไม่ได้ เพราะเสี่ยแก่เกิน! 5555


ขนาดมาเรื่องใหม่แล้วคุณนักเขียนก็ไม่วายไปกัดเสี่ยแกอีก555สงสารเสี่ยทั้งชื่อจริงของนางคนก็จำไม่ได้เสี่ยผู้น่าสงสารอิอิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน- P.16 - [11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 12-12-2017 19:17:15


ตอนที่ 13

ล้มกระดาน

 

 

ย้อนเวลากันชั่วครู่ เพราะระหว่างที่เร่งถ่ายตอนสิบหกอยู่นั้น โฆษณาโทรศัพท์ของผมกับพายก็ออกฉาย พร้อมทางเพจที่ปักมุกไลฟ์ยอดขายแบบอัพเดตตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง!

การตลาดแบบใหม่ดังเปรี้ยงเกินคาด เพราะมีการต่อแถวรอซื้อในวันแรกจนกลายเป็นที่พูดถึงในโซเชียล แถมยอดขายในไลฟ์ยังสูสี แม้ไม่ได้เป็นลูกค้าก็มีส่วนร่วมรับได้ เพราะทุกๆ เที่ยงคืน ทางเพจจะประกาศยอดขายที่แซงในวันนั้นแล้วสุ่มผู้โชคดีที่ทายถูกมารับรางวัลที่ระลึก

‘เลือกฉันสิ’

หลังโฆษณาออกฉายครบสามวัน ผมก็ปล่อยคลิปที่ถ่ายตั้งแต่วันถ่ายทำลงหน้าเฟซ เป็นสคริปท์ของทางทีมงานที่ต้องการให้ผมและพายบลัฟกันเองในโซเชียล ผมซึ่งแต่งตัวจัดเต็ม เขียนหางตาย้อมผมดำเหยียดยิ้มให้กล้อง กรีดนิ้วเชิญชวนให้ลุ่มหลงมัวเมา

‘เลือกฉัน แล้วจะไม่มีใครทำร้ายเธอได้ เพราะฉันจะปกป้องเธอเอง’

สามวันจากนั้นก็ถึงตาของพาย

‘ผมไม่ขอให้คุณเลือกผมหรอกครับ’ คลิปของพายเผยรอยยิ้มฝืนเชิญชวนให้อยากสนับสนุนค้ำชู ราวเทวดาที่ไม่ต้องการเห็นการแย่งชิง ‘เพราะต่อให้ไม่เลือกผม ผมก็จะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป’

ทั้งสองคลิปถูกแชร์และวิจารณ์อย่างสนุกปาก สร้างกระแสจนเกิดเป็นแฮชแทค #เทวดา และ #ซาตาน ผลคือยอดขายพุ่งกระฉูดทันที่เปิดตัวในอาทิตย์แรกอย่างน่าตะลึง และคาดว่าจะหมดสตอกก่อนครบกำหนดหนึ่งเดือน

เมื่อปล่อยข่าวเรื่องของที่กำลังหมดลง จึงยิ่งเกิดเป็นอุปาทานหมู่ คนที่ซื้อไปขายต่อกะโก่งราคาก็มี คนที่หาซื้อเพราะเป็นทาสการตลาดก็ใช่ เพราะคนส่วนใหญ่พอได้ยินว่าของมีจำกัด และไม่ผลิตเพิ่ม ก็มักรู้สึกว่าหากได้ครอบครองไว้ยังไงก็ไม่เสียหลาย

หลังโฆษณาออกฉายแค่สองสัปดาห์พร้อมสื่อที่ประโคมข่าวทั้งบนหนังสือพิมพ์และรายการโทรทัศน์ถึงปรากฏการณ์ครั้งนี้...ผมก็ได้รับการติดต่อว่าให้เตรียมตัวไปมีตติ้งขอบคุณกับผู้โชคดีจำนวนห้าสิบคนในอีกห้าวันข้างหน้า!!

“สุดยอด” ผมอึ้ง มองโทรศัพท์ที่เพิ่งวางสาย ก่อนจะมองหน้าเตโชที่นั่งเคี้ยวข้าวแก้มตุ่ย พร้อมเอ่ยวาจาอันศักดิ์สิทธิ์ว่า...

“หมูทอด”

“ยังไม่อิ่มอีกเรอะ!” ผมโวยวายเพราะเห็นว่าเขากินกับหมดแล้วแต่ยังเหลือข้าวเกือบครึ่งจาน นับวันหมอนี่ชักจะกินจุขึ้นทุกที แก้มเริ่มจะบวมหน่อยๆ เวลาหยิกทียืดเต็มไม้เต็มมือสุดๆ ขืนกินดีอยู่ดีอย่างนี้ ผมว่าอีกไม่กี่ปีเขาต้องกลายเป็นหมูแน่ๆ “ฉันทำผัดผักรวมแทนแล้วกัน”

เตโชไม่ปฏิเสธ

ผมเดินเข้าครัว เปิดตู้เย็นเอาผักมาล้างพร้อมคิดว่าควรจะให้เขาทำความสะอาดห้องให้บ่อยขึ้น จะได้ถือเป็นการออกกำลังกาย ไม่ใช่ว่าเป็นห่วง แต่ผมไม่อยากเห็นหมูร้องเพลงอกหัก...มันไม่น่าดูหรอกเชื่อสิ

หั่นผักไปผมก็ทวนตารางงานตัวเองไป...เพราะตอนนี้ซีรีส์เช็กเมทใกล้ถึงตอนจบแล้ว การถ่ายทำตอนที่ยี่สิบนั้นห่างจากมีตติ้งเพียงสองวัน เท่ากับว่าผมมีเวลาเตรียมตัวไม่ถึงอาทิตย์!

บทตอนจบเพิ่งได้รับมาสดๆ ร้อนๆ หลังเลิกกองในวันนี้ ผมตื่นเต้นสุดขีด ได้แต่ระงับความอยากรู้อยากเห็นเพราะไม่สามารถเปิดอ่านในที่สาธารณะได้ ตอนแรกตั้งใจจะอ่านพร้อมเตโช ยังไงซะคนหน้ามึนก็พอรู้พลอตคร่าวๆ เลยกะเสริมสร้างกำลังใจทั้งตัวผมและเขาเพื่อจะได้เข็นงานเพลงออกมาไวๆ แต่ดันมีสายเข้าจากตัวแทนบริษัทโทรศัพท์ที่ขอแทรกคิวกะทันหัน แถมคนหน้ามึนก็ดันไม่อิ่มสักที!

ยังดีที่หลังถ่ายตอนสิบหก บทบาทของมิสเตอร์เอสในเนื้อเรื่องหลักก็ออกแนวผลุบโผล่เหมือนวิญญาณหลอน สร้างความน่าสงสัยชวนสับสนให้พวกพระเอกและองค์กรจับจุดไม่ได้ว่าตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ คมสันจึงอนุมัติ วาดหวังว่าการมีตติ้งครั้งนี้จะทำให้การเปิดกองในตอนจบได้รับการสนับสนุนแบบถล่มทลายเหมือนยอดขายโทรศัพท์

เอาจริงๆ แล้วซีรีส์เช็กเมทแทบไม่มีการเดินสายโปรโมทเลย เพราะแค่ขอคิวถ่ายทำแทบทุกวันก็ยากอยู่แล้ว ในเมื่อนักแสดงแต่ละคนก็ไม่ได้รับงานแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว อย่างอัครเดชมีละครอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนธนัทก็เป็นพิธีกรในรายการวาไรตี้ชื่อดังของทางช่อง

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็มีอีเวนต์โชว์ตัวประปราย เดินแบบบ้าง ออกงานคู่กับเตโชบ้างช่วงมิวสิกวีดีโอถูกปล่อยใหม่ๆ นับนิ้วกันจริงๆ แล้วผมได้งานนอกจากคนหน้ามึนเยอะกว่าจากซีรีส์ซะอีก อาจเพราะพอพูดถึงมิสเตอร์เอสในเช็กเมทแล้ว คนยังติดภาพของนักแสดงติดยาจนกลายเป็นข่าวฉาวกลางกอง จึงเลือกสนับสนุนละครมากกว่าตัวบุคคล นับว่าผมคิดถูกแล้วที่เลือกเกาะเขา

นึกแล้วก็ใส่หมูลงไปในผักผัดสักหน่อย จะได้ไม่หาว่าจิระขี้เหนียว

กินเสร็จ เตโชเก็บกวาดเตรียมทำความสะอาดเช่นเดิม เป็นโอกาสให้ผมเปิดบทดูคร่าวๆ แบบหลับตาข้างหนึ่งเพราะยังไม่อยากโดนสปอย จนกระทั่งคนหน้ามึนล้างจานเสร็จ ก็ยกขาขึ้นชันเข่าบนโซฟา เว้นที่เล็กน้อยรอเขามานั่งข้างๆ

“จะเริ่มอ่านล่ะนะ!” ผมว่าอย่างฮึกเหิม เริ่มเปิดหน้าแรกด้วยความลุ้นระทึก เตโชพยักหน้าหงึกๆ พลางโน้มตัวมาเล็กน้อยจนเกือบเอาคางมาวางบนศีรษะของผม ความสูงที่ห่างกันนี่มัน...ชิชะ ไอ้เสาไฟฟ้านี่!

แอบบ่นพึมพำในใจก่อนจะจดจ่อกับการอ่านประหนึ่งเป็นแฟนคลับเช็กเมทมากกว่านักแสดง พวกเราต่างนิ่งงันเพราะจมกับเนื้อเรื่องสุดเข้มข้น

ก่อนที่ผมจะอ้าปากค้าง...และอ้ากว้างขึ้นเรื่อยๆ

“นี่มัน...”

ผมมองเตโช กะพริบตาปริบๆ อ้าปากพะงาบๆ แต่หาคำพูดตรงใจไม่ได้เลย

“ที่นายแต่งเพลงไม่จบสักทีเพราะเรื่องนี้รึเปล่า”

เตโชพยักหน้ารับ

“เชี่ยแล้วไง”ผมสบถพลางยกบทขึ้นมาจ่อตา ก่อนจะพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อ “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ ฉัน...”

ผมวางบท ลุกขึ้นยืน เงยหน้าขึ้น ก่อนจะตะโกนลั่น

“ฉันไม่เชื่อ!!!”

 



ไม่เชื่อแล้วไง ต่อให้ไม่เชื่อ ผมก็ต้องเข้ากองถ่ายอยู่ดี

“จิระ...จิระ!”

“ครับ!!” ผมสะดุ้งเฮือก เพราะมัวแต่มองเหม่อทำอะไรไม่ถูกนับตั้งแต่แต่งตัวเป็นซีเคร็ท ก็มันยังทำใจไม่ได้ ไอ้เราพยายามมองหาคนเขียนบทแต่เช้า ดันไม่เห็นแม้แต่เงาเหมือนจงใจหลบหน้า ผมเลยเดินไปหาผู้กำกับพร้อมส่งสายตาตัดพ้อ

“อะไรจิระ เราไม่มีเวลาแล้วนะ”

ไม่ได้รับการปลอบโยนใดๆ...ใช่สิ อีกไม่กี่วันต้องเปิดกองให้สื่อมวลชนเข้ามาเก็บภาพแล้ว ขืนยังชักช้าถ่วงเวลาคงเสร็จไม่ทันตามกำหนด ผมปาดน้ำตา นึกรันทดอยู่ในใจ

“ถ้าเกิด...วันนั้นผมเล่นไม่ได้ขึ้นมา...”

“ไม่ได้ก็ต้องได้!” ผู้กำกับหันขวับ บีบไหล่ผมแน่น “จิระ นายคือความหวังของเรา วันนั้นจะรุ่งจะร่วงก็อยู่ที่นายจะแบกบทไหวมั้ย ฉะนั้นต้องทำให้ได้ คนเขียนบทคาดหวังกับนายมาก ฉันเองก็ด้วย คุณคมสัน รวมทั้งทุกคนในกองก็ด้วย”

ผมกลืนน้ำลาย ความกดดันที่โหมใส่กะทันหันเล่นเอาอยากวิ่งหนีกลับบ้าน

“แต่วันนั้นเป็นการถ่ายทำท่ามกลางสื่อมวลชน แล้วยังเป็นมุมมองของมิสเตอร์เอส...”

ใช่แล้วครับ ตอนที่ยี่สิบซึ่งเป็นตอนจบของเรื่อง มุมมองกลับมาเป็นของมิสเตอร์เอสอีกครั้ง! ไม่สิ ให้ถูกคือ เป็นมุมมองของตัวพระเอกและมิสเตอร์เอสสลับกัน!

ลองนึกถึงภาพความอนาถของผมในตอนสิบหกสิ โดนเทคแล้วเทคอีก ถูกเคี่ยวกรำจนจิตใจยับเยิน หากต้องโดนแบบนั้นท่ามกลางสายตาของทุกสำนักข่าว ผมไม่กดดันตัวเองแย่จนยิ่งทำให้ชื่อเสียงฉาวโฉ่เข้าไปอีกเหรอ กลัวอะไรไม่กลัว กลัวจะกระทบกับฝีมือการแสดงที่เพิ่งถูกชมเชย ทำดีแทบตายแต่หากพลาดในวันเดียวก็ล้มได้ แล้วยังต้องแสดงเทียบกับอัครเดชอีก ผู้กำกับและคนเขียนบทโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!

“จิระ ไม่ต้องกังวลหรอก วันนั้นเรามีนัดเช้า ต้องซ้อมคิวกันก่อนเปิดกองอยู่แล้ว”

ผมเบะปาก ทำท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ประเด็นคือถ้าซ้อมไม่ทันล่ะ!!

“เอาน่า อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ ตอนนี้เราก็แสดงดีขึ้นตั้งเยอะ พอจับจุดได้แล้วไม่ใช่เหรอ”

ผมพยักหน้ารับอย่างไร้ปากเสียงเพราะกำลังถามตัวเองว่าดีแล้วใช่มั้ย ในเมื่อหลังจบตอนสิบหก มิสเตอร์เอสก็ออกมาน้อยแสนน้อย คิวถ่ายผมจึงน้อยตาม เลยไม่รู้ว่าสรุปมันดีจริงแน่หรือ

“ไป เข้าฉากได้แล้ว เราไม่มีเวลาแล้วนะ”

สุดท้ายก็วกกลับมาเรื่องเดิม ผมถอนหายใจเฮือกอย่างทำอะไรไม่ได้นอกจากเผชิญหน้ากับความเป็นจริง เรื่องวันเปิดกองเก็บไว้ก่อน เพราะตอนนี้ต้องตั้งสมาธิกับการถ่ายทำในตอนสิบเก้า นับเป็นโค้งสุดท้ายของซีซันสอง เรื่องซึ่งดำเนินมาอย่างกดดัน เผยภาพของพวกพระเอกที่เสียเปรียบมาตลอดเพราะถูกดักทุกเส้นทางจู่ๆ กลับพลิกตาลปัตรกะทันหัน

ด้วยฝีมือของมิสเตอร์เอส!

ครับ ตอนสิบเก้านั้นจะเน้นการหลบหนีของพวกอัครเดชที่ถูกองค์กรไล่ตามไม่ลดละ แต่ในช่วงสิบนาทีสุดท้าย มุมมองจะกลายเป็นของมิสเตอร์เอส เผยแผนที่เริ่มปะติดปะต่อเป็นรูปร่าง การปฏิบัติการที่เลือดเย็น การกระทำครั้งนี้ของแฮกเกอร์อัจฉริยะจะส่งผลต่อเนื่องไปยังตอนจบ นับเป็นจุดหักมุมสำคัญของเรื่อง

ผมหลับตาทำสมาธิ วันนี้เตโชไม่ได้เข้ากองด้วยเพราะมีประชุมรวมกับคมสันและนักแต่งเพลงท่านอื่นเพื่อให้เห็นว่าผลงานแต่ละคนคืบหน้ากันไปถึงไหนแล้ว ต่างฝ่ายต่างพยายามในแบบของตัวเอง ฉะนั้นผมจะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!

“ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง แอคชั่น!”

มุมมองของมิสเตอร์เอสเริ่มต้นด้วยใบหน้าหลับพริ้มบนเตียงนุ่มยามวิกาล

ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นการแสร้งหลับจึงจะถูก เปลือกตาของมิสเตอร์เอสกระตุกเล็กน้อย ราวกำลังเฝ้ารอการมาเยือนของใครบางคน

พลันเสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างเร่งร้อน เข้าใกล้ห้องพักขึ้นทุกที มิสเตอร์เอสพยายามบังคับลมหายใจสงบ ไม่แม้แต่จะขัดขืนเมื่อชายคนนั้นเข้ามาถึงก็กระชากเขาขึ้นจากเตียง

“รีบตามฉันมา”

ไม่เปิดโอกาสแม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อให้เรียบร้อย มิสเตอร์เอสในชุดนอนสีขาวตัวยาวเดินตามหลังอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย สวมบทเป็นซีเคร็ท ก้มหน้าก้มตารับคำสั่งอย่างไร้ข้อโต้แย้งแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาตีหนึ่งก็ตาม

ภายในองค์กรค่อนข้างเงียบ คาดว่าหลายคนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และต่อให้รู้...ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงไม่มีใครแจ้งข่าว เว้นแต่มิสเตอร์เอสหรือซีเคร็ทที่ถูกลากตัวมาโดยไม่มีการผ่อนผัน

เพราะคอมพิวเตอร์เมนหลักขององค์กรติดไวรัส!

“แก้ไขได้มั้ย”

“ได้ครับ” มิสเตอร์เอสตอบเสียงเรียบหลังถูกพาตัวมายังห้องซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีสายต่อระโยงไปยังหน้าจอนับร้อย นี่คือเครื่องหลักซึ่งควบคุมทุกระบบในองค์กร เก็บข้อมูลแสนสำคัญมากมายด้วยไฟล์เข้ารหัสนับพันนับหมื่น มิสเตอร์เอสไม่เคยเหยียบย่างเข้ามาที่นี่เนื่องจากเป็นเขตหวงห้าม อยู่ด้านในสุดของอาคาร

เมื่อมาถึง ภาพแรกที่เห็นคือสมาชิกองค์กรหลายคนพยายามจัดการกับไวรัส แต่กลับทำให้มันยิ่งแพร่กระจาย จนข้อมูลสำคัญไม่สามารถเปิดได้ คาดว่าก่อนจะตามตัวเขา ชายชุดดำคงพยายามเท่าที่ทำได้แล้ว และเมื่อไม่เป็นผล ก็มีแต่ต้องพึ่งพามิสเตอร์เอสอย่างจำยอม

เด็กหนุ่มพยายามเก็บความรู้สึกลิงโลดในใจให้มิดชิด ก่อนจะทิ้งตัวนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างสุขุม ทันทีที่นิ้วเรียวพรมบนคีย์บอร์ด ท่าทางเฉื่อยชาพลันกลายเป็นมีชีวิต เสียงเคาะนิ้วดังไม่หยุดในห้องที่ทุกคนต่างเงียบเสียงรอผลลัพธ์อย่างจดจ่อกึ่งจับผิด จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง หน้าจอสีแดงที่กะพริบถี่อย่างน่ากลัวของไวรัสก็กลายเป็นปกติ ชายชุดดำถอนหายใจอย่างโล่งอก

“รายงานผลซิ”

“ลบไวรัสสำเร็จแล้ว แต่ต้องใช้เวลากู้ข้อมูลครับ”

“กี่ชั่วโมง”

“ไวรัสทำลายข้อมูลเยอะมากเพราะมีคนแก้ไม่ถูกวิธี ถ้าต้องกู้ทั้งหมด คงใช้ประมาณสามชั่วโมงครับ”

ชายชุดดำพยักหน้ารับ ถ้าจะโทษก็มีแต่ต้องโทษที่คนของตัวเองไร้ฝีมือ ไวรัสตัวนี้ปรากฏยามดึก แอบแฝงผ่านระบบดักฟังขององค์กรที่ฝังตัวในหน่วยงานรัฐเพื่อรอให้มีพลเมืองแจ้งเบาะแสของพาย คาดว่าคนที่ทำ...ก็คงไม่พ้นพายที่กะตลบหลังนั่นเอง

ชายชุดดำให้ลูกน้องสองคนคอยเฝ้ามิสเตอร์เอสกู้ข้อมูล เพราะส่วนที่เสียหายนั้นเป็นไฟล์สำคัญที่ยิ่งรู้น้อยยิ่งดี ส่วนตัวเขาเองปลีกตัวไปรายงานผลแก่สมาชิกระดับสูง ทิ้งทั้งห้องให้ตกอยู่ในความเงียบยกเว้นเสียงเคาะนิ้วบนคีย์บอร์ดที่มาพร้อมโค้ดมากมายละลานตาบนหน้าจอ

สมาชิกแปลกหน้าสองคนซึ่งได้รับมอบหมายหน้าที่คล้ายถูกเสียงพรมนิ้วขับกล่อมให้ง่วงหาว ตอนนี้เป็นเวลาตีสองเกือบตีสามเข้าไปแล้ว จะคุยกันก็ไม่ได้เพราะกลัวทำลายสมาธิของแฮกเกอร์คนเก่ง ต่างคนจึงพยายามฝืนถ่างตา ไม่แม้แต่จะระวังตัว หรือไม่ก็ประมาทเพราะเห็นว่ามิสเตอร์เอสหรือซีเคร็ทนั้นเป็นเพียงสมาชิกผอมแห้งคนหนึ่ง

มิสเตอร์เอสลอบมองทั้งสองผ่านเงาสะท้อนบนหน้าจอมาสักพักแล้ว เมื่อสบโอกาสที่มีคนเผลอสัปหงก ก็กดปุ่มหนึ่งบนคีย์บอร์ด ทำให้ไฟในห้องนี้ดับพรึ่บ พร้อมลุกจากเก้าอี้เข้าจู่โจมคนที่ใกล้ที่สุด แย่งปืนจากข้างเอวคนนั้นขึ้นจ่อยิงในระยะประชิด

“นี่แก...!!”

และหันไปยิงอีกคนหนึ่งอย่างไร้ความลังเล ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที รวดเร็ว ฉับไว และหมดจดเยือกเย็น ราวกับเป็นซีเคร็ทที่ฆ่าคนตามใบสั่ง แม้ตอนนี้เขาจะเป็นมิสเตอร์เอสก็ตาม

เมื่อไม่มีเสียงความเคลื่อนไหวใดๆ ในความมืด มิสเตอร์เอสก็เดินไปกดปุ่มเปิดไฟ ทันทีที่เห็นศพทั้งสองนอนเบิกตาค้างอย่างตกตะลึงกึ่งเจ็บแค้น มิสเตอร์เอสพลันเบือนหน้าหนี ไม่อาจเย็นชาได้เท่าซีเคร็ท แต่ด้วยเส้นทางที่เลือกเดิน ทำให้ต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ดำเนินการตามแผนขั้นต่อไป

ไม่มีใครเข้ามาตรวจสอบถึงเสียงปืน เพราะเขตหวงห้ามนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยระดับสูง ประตูและกำแพงเก็บเสียง หนาทึบกันได้แม้กระทั่งระเบิด การจะเปิดเข้ามาได้ต้องอาศัยการสแกนรอยนิ้วและดวงตาของสมาชิกระดับสูงเท่านั้น แต่ตอนนี้...ต่อให้ใหญ่มาจากไหนก็เข้ามาไม่ได้ เพราะมิสเตอร์เอสได้ควบคุมระบบป้องกันของห้องนี้แล้ว

นับว่าแผนไวรัสของเขานั้นประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่!

ใช่แล้ว มิสเตอร์เอสคือผู้ฝังไวรัสตัวฉกาจในระบบเพื่อให้แพร่กระจายมายังเครื่องหลัก โดยแสร้งหลอกตาว่าติดมาจากภายนอกเพื่อให้ตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์

เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน มิสเตอร์เอสจึงเริ่มต้นแฮกข้อมูลที่เพิ่งกู้มาทันที แม้ตัวไฟล์มีการเข้ารหัสหลายชั้น แต่ไม่เป็นปัญหากับแฮกเกอร์มือฉมังที่มีเวลาเหลือเฟือพร้อมอุปกรณ์ที่พรั่งพร้อม หลังได้สิ่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นรายชื่อของสมาชิกในองค์กร แผนผังที่ตั้งอาคาร และภารกิจผิดกฎหมายต่างๆ มิสเตอร์เอสก็รวมไฟล์ทั้งหมดแล้วส่งเข้าอีเมลของพาย

...หวังว่าทางนั้นจะเข้าใจความหมาย

มิสเตอร์เอสเอนหลังพิงหนัก หลับตาลงเชื่องช้า เผยความอ่อนล้าออกมาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ตัดสินใจร่วมมือกับองค์กรหลังได้รับความทรงจำกลับคืน แม้เวลาจะผ่านไปไม่นาน แต่ตัวเขารู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกินกับการแฝงตัววางแผนลับหลังทั้งกับองค์กรและพวกพ้อง

เพราะเขาได้เลือกแล้ว

เลือกแฝงตัวเป็นสมาชิกในองค์กรเพื่อกำจัดแบบถอนรากถอนโคน!

มิสเตอร์เอสลืมตาเมื่อเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าการส่งไฟล์ลับให้พายนั้นเสร็จสมบูรณ์ เขาบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มต้นการแฮกระบบควบคุมภายในอาคารทั้งหมด ไม่ว่าระบบเป็นการจ่ายไฟ ระบบป้องกันภัย ระบบตัดน้ำ และทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถบังคับได้ผ่านคอมพิวเตอร์

กระทั่งคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ภายในอาคารที่เชื่อมต่อกับระบบหลักก็ถูกตัดสัญญาณไม่สามารถเชื่อมต่อได้อีก

ดวงตาสีอ่อนของมิสเตอร์เอสเผยความเยือกเย็นแสนเฉียบขาด หลังกวาดมองกล้องวงจรปิดนับร้อยเพื่อดูว่าสมาชิกส่วนใหญ่ยังคงนอนหลับไม่รู้เรื่อง เขาก็กดปุ่มหนึ่งบนคีย์บอร์ด พร้อมรอยยิ้มที่ยกขึ้นเล็กน้อย

ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อยามอรุณมาเยือน ทุกคนจะรับรู้ว่าถูกขังในห้องเสียแล้ว องค์กรนี้พึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปจนหน้าเศร้า ประตูทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นห้องหลักห้องรองเปิด-ปิดด้วยการสแกนบัตรประจำตัวของสมาชิก ฉะนั้นเมื่อมิสเตอร์เอสจัดการตัดเซนเซอร์ส่วนนั้นทิ้ง ทุกแห่งในอาคารจึงไม่ต่างกับห้องปิดตาย

ที่เหลือ...คือรอ

“เช็กเมท”

 

-----

ซีรีส์เช็กเมทเข้มข้นขึ้นทุกที คิดว่าหลายคนคงอยากวาร์ปไปวันเปิดกองกันแล้ว แต่ยังค่ะ ตอนหน้าขอยกยอดให้กับงานมีตติ้งก่อนนะ เพราะจิระกับพายยังมีประเด็นที่ต้องเคลียร์ก่อนไปงานเปิดกองกันค่า

เพจนักเขียนที่ใจละลายกับมิสเตอร์เอส  (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 12-12-2017 19:24:26
จิระเหมือนแมว ส่วนเตโชก็คนรักแมว ที่ไม่รุตัวว่ากำลังเลี้ยงแมว   :hao3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-12-2017 20:05:27
ตื่นเต้นจนตัวสั่น
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-12-2017 20:18:46
ซีรี่ย์เข้มข้นมากๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 12-12-2017 20:30:12
ลุ้นกับมิสเตอร์เอสจนลืมไปว่า นี่อจิระนะ 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 12-12-2017 20:57:43
 o13 ขอบคุณนักเขียน
 :mew1: ใจละลายกับจิระผู้เกรี้ยวกราด และ เตโชที่จะกลายเป็นหมู
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 12-12-2017 21:11:24
 :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 12-12-2017 21:12:33
อยากเห็นตอนจบแล้วววว งานนี้ฝีมือการแสดงและเสน่ห์ของจิระน่าจะทำให้ทุกคนมองข้ามความผิดพลาดในอดีตได้นะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 12-12-2017 21:17:47
มิสเตอร์เอสเก่งมากๆ   :katai4:
ปล.อยากเปย์มือถือที่จิระเป็นพีเซนเตอร์ me/โปรยเงินนน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 12-12-2017 21:31:11
ว้าว ลุ้นตามเชียว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 12-12-2017 21:32:53
อ่านเรื่องนี้คุ้มได้ดูซีรีส์ด้วย ดีจังเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: marshall ที่ 12-12-2017 21:33:20
ชอบความสัมพันธ์ระหว่างจิระกะเตโช เริ่มจากมิตรภาพที่ดี ค่อยๆเรียนรู้ ซึมซับความรู้สึกกันไป
ตอนนี้อยากรู้ตอบจบของเช็กเมทมากเลย  :ling1:

ต่อไปเตโชจะกลายเป็นอวบอ้วนหรือป่าวเนี่ย ดึงแก้มด้วยคน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 12-12-2017 21:35:13
แล้วตอนจบมันเป็นอย่างไรกันแน่ อยากรู้เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 12-12-2017 21:37:18
มิสเตอร์เอสส สงสาร
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-12-2017 21:54:03
 :hao7: o13 :hao7:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-12-2017 22:45:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: absolutepoison ที่ 12-12-2017 23:43:45
หืออออออออ นอกจากจะลุ้นเตโชกับจิระแล้ว ตอนนี้ยังลุ้นเช็กเมทด้วย อยากอ่านตอนต่อไปไม่ไหวแล้ว :katai5:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 13-12-2017 00:10:45
ลุ้น!!!
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 13-12-2017 00:18:17
รออออ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-12-2017 00:38:35
ซีรี่ย์เข้มข้นเราก็ลุ้นไปกับซีรี่ย์ด้วย ตอนหน้าไปงานมีตก็ดีค่ะเพราะยังไม่อยากให้ซีรี่ย์จบเลยและเราก็อยากรู้ด้วยว่าพายมีอะไรกับหนูจิกันแน่นะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 13-12-2017 01:57:16
ซีรี่ส์ลุ้นมากกก อยากรู้ตอนต่อไปแล้ว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-12-2017 02:28:18
สาเหตุอะไรที่ทำให้เตโชแต่งเพลงไม่จบหว่า โทษหนูจิเราอีกแล้วเนี่ย  o12
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 13-12-2017 06:55:26
นี่มัน He's not me หรือซีรี่ส์ Checkmate 
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai4: :katai4: :katai4:
ฮาาาาาาาาาา รอๆๆ มาต่อเลยได้มั๊ยยย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 13-12-2017 13:40:21
ปั๊ดโธ่! จบตอนอีกละ กำลังมันส์เลยคุณมาจะฯ
เลิฟ ๆ จิระ เลิฟ ๆ จิระ เลิฟ ๆ จิระ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 13-12-2017 15:14:32
อยากดูระครเรื่องนี้เลยค่ะ ต้องมันมากแน่ๆ

หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 13-12-2017 17:39:02
อย่างลุ้น
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MNIMD ที่ 13-12-2017 22:29:14
เตโชน่ารักจริงๆเลย อยากหยิกแก้มเตโชบ้าง เอะอะก็จะกินอย่างเดียว หมั่นเขี้ยว
ชอบและลุ้นไปกับบทมิสเตอร์เอสมากๆเลยค่ะ อยากเห็นตอนจิระคุยกับพายแล้ววว
ติดตามตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 13-12-2017 22:34:11
ลุ้นไปกับละครในนิยายเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 14-12-2017 01:16:38
เตโชเป็นลูกมากกก เข้ามากรี๊ดดด
จิระน่ารักในแบบของตัวเองมากเลย ก่อนหน้าคิดไม่ออกว่าถ้าไม่เป็นแบบจิตรินจะเป็นยังไง  :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 14-12-2017 10:48:47
ม่ายยยน้าาาาาา  :katai4: :katai4:
จะมีอะไรเกิดขึ้นกับมิสเตอร์เอส ทำไมจิกับเตโชต้องอึ้งกับตอนจบ โอ๊ย  :katai1:
ซีรี่ส์จะเข้มข้นเกินไปแล้ว  :hao7: อยากดู เอ๊ย! อยากอ่านต่อใจจะขาดแล้ววว

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 14-12-2017 19:00:44
ลุ้นมาก ชอบมิสเตอร์เอส  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: 177266 ที่ 14-12-2017 22:09:16
 :hao5:  :call:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 13 : ล้มกระดาน - P.16 - [12/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: พันธุ์ไทย ที่ 15-12-2017 08:08:23
:-[ :-[  :-[
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 14 : เทวดา - P.17 - [15/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 15-12-2017 19:40:23


ตอนที่ 14

เทวดา VS ซาตาน

 

 

ช่วงนี้ผมเหนื่อยหนักจะตายเอาให้ได้

อยากจะนอนแผ่บนเตียง กลิ้งไปกลิ้งมาไม่ทำอะไรทั้งนั้น แต่หน้าที่ความรับผิดชอบนั้นเร่งเร้า ต้องลุกมาซ้อมบท ทำการบ้านศึกษาตัวละคร ฝึกออกเสียงหน้ากระจก แล้วยังต้องตื่นแต่เช้า เพื่อมาสัปหงกให้ทีมช่างแต่งหน้าเนรมิตตัวเองกลายเป็นซาตาน!

ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกสะกิด พอเงยมองเงาสะท้อนในกระจก ก็พบกับเด็กหนุ่มผิวขาวที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีดำ ผมซึ่งถูกย้อมด้วยสีสเปรย์เสยไปด้านหลังเปิดเผยโครงหน้า ดวงตาถูกกรีดให้ดูร้าย ริมฝีปากถูกทาลิปสีคล้ำ เล็บถูกแต่งด้วยของปลอมที่ยาวเฟื้อย ผมลุกขึ้นยืน สวมเสื้อคลุมขนนกแล้วลองเดินบนบูทสูง

“สมบูรณ์แบบมากจ้ะจิ” พี่ช่างแต่งหน้ามองผลงานอย่างชื่นชม

ผมยิ้มอ่อน เพราะยังล้าจากเวลานอนที่ไม่เพียงพอ แต่ถึงจะอ่อนเพลียแค่ไหนผมไม่เคยขาดการเข้าครัว เพราะนั่นคืองานอดิเรกที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจเครียดขึงให้ผ่อนลง นึกแล้วกลิ่นหมูสับก็โชยมาเลย อา...อยากจะสับหมูปักๆ เอาให้เขียงกรีดร้อง เศษหมูกระเด็นกระดอน แค่นึกก็รู้สึกดีแล้ว

“ใครต้มมาม่ารสหมูสับเนี่ย”

พลันทีมงานเอ่ยทักขึ้นมา อ้าว ผมไม่ได้จินตนาการไปเองหรอกเหรอเนี่ย

“ผะ...ผมเองครับ” เป็นพายในชุดสีขาวที่ยกมือขึ้นมาอย่างเขินอาย “ผมยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย...”

“ตายแล้วพาย ทำไมไม่บอกทีมงานล่ะจะได้ไปซื้อข้าวกล่องมาให้”

“ไม่เป็นไรครับ ผมพกมาม่ากระป๋องมาด้วย ตรงนี้ก็มีน้ำร้อนพอดี” พายตอบอย่างเกรงอกเกรงใจ เขาค่อนข้างอ่อนน้อมถ่อมตน แต่บางทีก็ออกจะมากเกินไปสักหน่อย “กินมาม่าจะได้ไม่อ้วนไงครับ”

ทีมงานพยักหน้าอย่างเข้าใจ เพราะชุดที่สวมใส่ค่อยข้างเปิดเผยรูปร่าง หลังคลายข้อสงสัยแล้วก็มีการอธิบายเรื่องผู้โชคดีที่ได้รับการคัดเลือกทั้งหมดห้าสิบคนว่าจะแบ่งเป็นสีดำยี่สิบห้าคน สีขาวอีกยี่สิบห้าคน เท่าที่ฟังรายละเอียดคร่าวๆ เห็นว่าจะมีการรับฝากกระเป๋าเพื่อไม่ให้มีการถ่ายภาพใดๆ ในงานมีตติ้ง และป้องกันการพกอาวุธมาทำร้ายตัวดารา แม้จะมีการคัดกรองประวัติผู้เข้าร่วมงานส่วนหนึ่งจนมั่นใจว่าไม่มีแอนตี้แฟนแอบแฝง แต่ทีมงานทุกคนใส่ใจกับความปลอดภัยของผมและพายมาก เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมาคงไม่มีหน้าไปแก้ตัวกับคมสันและกองถ่ายเช็กเมท

“แล้วจิระกินข้าวรึยัง”

“ยังครับ แต่...”

ไม่ทันขาดคำคนหน้ามึนก็เดินเข้ามาพร้อมปิ่นโต

“ผมทำอาหารมาด้วยเลยให้เตโชไปอุ่นมาให้”

ไม่มีทางที่คนอย่างจิระจะเป็นลมอีกแน่นอน! แต่ให้พึ่งข้าวกล่องของทีมงานเห็นจะไม่สะดวกต่อการเก็บพุง งวดนี้ผมเลยเตรียมตัวมาดี ทำสลัดทูน่ามารองท้อง ส่วนของเตโชพิเศษหน่อย เป็นข้าวผัดทูน่าและไก่ทอดอีกหนึ่งชิ้น

“เตโชนี่ติดจิระเป็นเงาเลยนะ”

หนึ่งในทีมงานแซ็ว คงเพราะเห็นคนหน้ามึนเข้ามาช่วยดูแลเรื่องของกินให้ผมตั้งแต่ตอนถ่ายโฆษณา

“เขาติดอาหารผมหรอก”

“ไหน ขอพี่ลองชิมบ้างสิ”

เตโชยกส่วนของตัวเองหนีทันที เล่นเอาแต่ละคนหัวเราะร่วน

“หวงซะด้วย”

“เขาคงกลัวกินไม่อิ่มน่ะ อ่ะ ลองชิมของผมก็ได้ ถึงจะเป็นสลัดแต่ก็อร่อยนะ” พ่อครัวย่อมดีใจเมื่อมีคนรุมสลัดอย่างชื่นชม ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ นึกขอบคุณรายการสัมภาษณ์ที่ช่วยกู้ภาพลักษณ์ของผมจากมิวสิกวีดีโอหิวรักขึ้นมาได้

วุ่นวายสักพักหัวหน้างานก็เข้ามาตามคนเพื่อไปช่วยจัดแถวผู้โชคดีที่เริ่มทยอยมาลงทะเบียน ทิ้งให้ผม เตโช และพายต่างก้มหน้าก้มตากินหวังเสริมสร้างพลังงานก่อนออกศึกใหญ่

“วันนี้นายต้องเข้าบริษัทใช่มั้ย”

เตโชพยักหน้ารับขณะแบ่งไก่ทอดให้ผมครึ่งชิ้นเพราะสลัดถูกชิมจนเหลือแต่เศษผัก

“ขับรถฉันไปดีๆ แล้วกลับมารับด้วย งานฉันเลิกตอนสี่โมง อย่าลืมนะ”

“ไม่ลืม” เตโชตอบ “ยาดมล่ะ”

“พกแล้ว” ผมตอบพลางตบกระเป๋ากางเกง ตอนถ่ายโฆษณาต้องขึ้นไปห้อยโหนบนสลิง ก็เลยพกของจุกจิกติดตัวไม่ได้ ในงานมีตติ้งแม้จะห้ามพกโทรศัพท์ แต่กับแค่ยาดมไม่มีใครกล้าว่าอยู่แล้ว

“กินอีก” เตโชคะยั้นคะยอเมื่อผมกินไก่ทอดแค่สองคำ

“เดี๋ยวพุงออก”

“เดี๋ยวเป็นลม”

“มียาดมแล้วไง” เจ้าไก่ทอดเอ๋ย ชะตาชีวิตเจ้าช่างน่าอดสูนัก เพราะทั้งผมทั้งเตโชต่างไม่ต้องการ เอาส้อมจิ้มใส่ปิ่นโตของอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละจนพรุนไปทั้งชิ้น “กินๆ เข้าไปแล้วไสหัวไปซะ!”

ต้องให้เกรี้ยวกราดถึงจะยอมสินะ เตโชมองผมนิ่งๆ ก่อนจะยอมกินไก่ทอดชิ้นสุดท้าย ผมแกะน้ำดื่ม ส่วนเขาเก็บปิ่นโต จากนั้นจึงรับน้ำจากผมที่เพิ่งดื่มเสร็จไปกระดกขวด ปิดฝา ส่งขวดคืน แล้วหันมามองตาปริบๆ

“ไปเถอะน่า ฉันอยู่ได้สบายมาก”

เตโชถือปิ่นโตเดินหน้ามึนออกจากห้อง ถ้าเลือกได้เขาคงอยากอยู่กับผมมากกว่าเพราะวันนี้ต้องเจอกับแฟนคลับมากหน้าหลายตาแบบประชิดตัวครั้งแรก ผมเองก็ค่อนข้างตื่นคน เลยนั่งกระดิกขาไม่ก็เล่นขนนกอยู่ไม่สุขสักที ช่วยไม่ได้จริงๆ ครับ เพราะวันนี้เตโชถูกเรียกตัวด่วนให้เข้าไปปรึกษากับทางค่ายเพลงเรื่องเพลงเช็กเมทที่ไม่เสร็จสักที เพราะอีกไม่กี่วันจะได้เวลานัดส่งฉบับสมบูรณ์แล้ว

เมื่อปราศจากคนหน้ามึน ทั้งห้องก็เหลือแต่ผมกับพาย

“นี่ มีอะไรจะพูดรึเปล่า” ผมถามกึ่งหาเรื่อง เพราะพายลอบๆ มองๆ ผมกับเตโชอยู่นานแล้ว สีหน้าท่าทางค่อนไปทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อย่าบอกนะว่าคิดลึกไปถึงไหนต่อไหน

“ความจริงแล้วผมมีเรื่องจะปรึกษา...”

“จิระ พาย มาซ้อมคิวรอบสุดท้ายหน่อยจ้า!”

คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิดจริงๆ ผมกับพายเดินไปหาทีมงานที่นัดซ้อมคิวงานมีตติ้งอยู่หลังฉาก แอบชะโงกหน้าดูห้องกิจกรรมเล็กน้อยก่อนจะเป็นฝ่ายผงะซะเองเพราะที่นั่งถูกจับจองจนเกือบเต็ม ถึงตอนนี้หากบอกว่าไม่ตื่นเต้นก็คงโกหก ผมหยิบยาดมมาถือขณะฟังทีมงานทวนสคริปท์

“มีอะไรไม่เข้าใจมั้ยทั้งสองคน”

“ไม่มีครับ” ผมตอบพร้อมพาย ก่อนจะเก็บยาดมแล้วสูดหายใจเข้าลึก

“ถ้างั้นรอสัญญาณเลยนะ”

“ครับ”

เมื่อผู้โชคดีประจำที่ครบทุกคน ไฟในห้องก็ดับพรึ่บ ผมกับพายนับหนึ่งถึงสาม ก่อนจะเริ่มทำการแสดงสดๆ บนเวทีพร้อมเสียงกรีดร้องดังกระหึ่มหวังเชียร์ฝั่งที่ชื่นชอบ โห่ร้องเรียกชื่อซาตานและเทวดาไม่หยุด

“ซาตานเอ๋ย นายจงยอมแพ้ซะดีๆ” สปอร์ตไลท์ส่องพายที่ตั้งท่าพร้อมสู้ด้วยสีหน้าเปี่ยมเมตตาหวังเกลี้ยกล่อมให้ตัวร้ายกลับใจ ผมแค่นยิ้มดูแคลน มองราวกับว่าเทวดาคนนี้ช่างปัญญาอ่อนนัก เรื่องอะไรจะไปยอมแพ้ง่ายๆ กันล่ะ

“ไม่มีทางซะหรอก ทุกคนในห้องนี้ต้องเป็นของฉัน!”

ผมกวาดมือไปรอบห้อง หวังช่วงชิงหัวใจทุกคนอย่างโลภมาก

“ถ้าอย่างนั้น...คงต้องตัดสินกันแล้ว!”

“เข้ามาเลย!”

อย่า...อย่าเพิ่งคิดไกลว่าผมกับพายจะเตะต่อยกันกลางเวที แบบนั้นออกจะป่าเถื่อนไปสักหน่อยในเมื่อผู้โชคดีส่วนใหญ่นั้นเป็นผู้หญิง ส่วนน้อยคือผู้ชายใจหญิง ฉะนั้นภาพที่ออกมาคือเทวดาและซาตานที่ทำท่าปล่อยพลังใส่กันโดยมีแสงสีเสียงฉายบนหน้าจอด้านหลังอย่างตื่นตา ทุกอย่างตรงตามคิวซ้อมไม่มีผิดเพี้ยน

เสียงเชียร์ดังขึ้นเป็นระยะ ฝั่งสีดำ ซึ่งจัดให้นั่งครึ่งขวาของห้อง ตะโกนเชียร์ซาตาน ส่วนฝั่งสีขาว ซึ่งนั่งครึ่งซ้ายของห้องก็เอาใจช่วยเทวดาอย่างสุดใจ

การต่อสู้เป็นไปอย่างสูสี ทั้งผมทั้งพายต่างหอบเหนื่อย ในช่วงที่ใกล้จะทุ่มเทสุดตัวจนแทบจะพุ่งเข้าหากันนั้น... พิธีกรพลันพุ่งถลาเข้ามาแทรกกลางด้วยความว่องไวและเสียงตะโกนอันดังลั่น

“หยุดด หยุดก่อนค่ะทั้งสองคน จะสู้กันทำไมคะในเมื่อตอนนี้ยอดไลฟ์ออกมาแล้ว”

“ใครชนะ!” ผมถามเสียงเกรี้ยวกราด ชี้นิ้วที่ใส่เล็บปลอมสีดำยาวไปทางพิธีกรกึ่งคาดคั้น

“เรามาดูพร้อมกันดีกว่าค่ะ” พิธีกรเอ่ยพร้อมดีดนิ้ว พลันหน้าจอด้านหลังปรากฏยอดขายที่ไลฟ์สดมาตลอดทั้งเดือน “ผลคือ...ทั้งคู่เสมอกัน!”

“ไม่ ฉันรับไม่ได้” ผมตะโกนแทรกทันที ชักสีหน้าไม่ยอมแพ้ ก่อนจะหันไปท้าทายพายตามสคริปท์ “มาแข่งกันอีกครั้ง เทวดา”

“เอาแบบนี้มั้ยคะคุณซาตาน ตอนนี้มีกลุ่มคนที่สนับสนุนพวกคุณมารวมตัวกันพอดี เรามาแข่งกันอีกครั้งโดยให้พวกเขาเป็นตัวแทนของซาตานและเทวดากันดีกว่า!” พิธีกรพยายามหาทางลงที่ดีที่สุด

“ผมเห็นด้วยนะครับ” พายแย้มยิ้มอ่อนหวาน หันไปหากลุ่มคนฝั่งสีขาวพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน “แม้จะไม่อยากให้คุณต้องเหนื่อย แต่เมื่อซาตานอยากแข่งขันอีกครั้ง พวกคุณจะช่วยสู้ในนามของผมได้มั้ยครับ”

“ได้แน่นอนค่ะ!”

“พวกฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวังค่ะเทวดา!”

“หึ พรรคพวกของฉัน อย่าไปยอมแพ้พวกนั้นเด็ดขาด!” ผมหันปลุกใจฝั่งสีดำของตัวเองบ้าง

“แน่นอนค่ะท่านซาตาน!”

“พวกฉันจะคว้าชัยชนะมาให้ท่านซาตานให้ได้!”

บรรยากาศเต็มไปด้วยความฮึกเหิม ผู้โชคดีทุกคนพร้อมเล่นตามเกม พิธีกรจึงดีดนิ้วอีกครั้ง พลันหน้าจอด้านหลังเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์เครื่องหมายถูกและกากบาท

“ถ้าอย่างนั้นมาเริ่มกิจกรรมกันเลยค่ะ กับเกมใช่หรือไม่!”

การมีตติ้งนี้มีไลฟ์สดผ่านหน้าเพจของสินค้า นอกจากคนเข้ามาร่วมงานแล้ว ผู้ที่ดูสดผ่านโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ก็สามารถเล่นไปพร้อมๆ กันได้ ทีมงานเข้ามาช่วยเคลียร์พื้นที่ กันเก้าอี้ออกไปทางหลังห้องเพื่อเว้นด้านหน้าเวทีสำหรับการเล่นเกม

ส่วนวิธีการสังเกตว่าคนไหนเป็นคนของสีขาวหรือสีดำนั้นสามารถแยกแยะได้จากผ้าผูกข้อมือซึ่งเป็นของแจกที่ระลึก เพราะตอนนี้ทุกคนยืนรวมกันรอคอยคำถามข้อแรกอย่างใจจดใจจ่อ

“ในโฆษณาซาตานยิ้มทั้งหมดสามครั้งใช่หรือไม่ ถ้าใช่ให้ยืนทางขวา ไม่ใช่ให้ยืนทางซ้ายนะคะ”

 ความชุลมุนวุ่นวายบังเกิดเมื่อแต่ละคนไม่แน่ใจในคำตอบ ขนาดตัวผมเองยังไม่รู้เลย หลังทีมงานจับเวลาสิบวินาทีนับถอยหลัง กลุ่มทางซ้ายก็ถูกคัดตกออกไปรวมสิบคน มากกว่าครึ่งเป็นคนของฝั่งสีดำ

“อะไรกัน แค่นี้ก็ตอบไม่ได้หรือ” ผมกอดอก มองเหยียดเบื้องล่างอย่างไม่พอใจ

“ท่านซาตานโปรดยกโทษให้เราด้วย!”

“ทุกคนพยายามได้ดีมาก” พายหันไปชมเชยทุกคนอย่างเท่าเทียมด้วยรอยยิ้มเปี่ยมบุญ

“เราจะทำเพื่อท่านเทวดาค่ะ!”

สถานการณ์ในห้องค่อนข้างคึกคักเพราะผมกับพายคอยยุแหย่เป็นช่วงๆ ไม่ให้เงียบเหงา

“งั้นต่อไปจะเป็นคำถามของเทวดานะคะ ในโฆษณาเทวดากะพริบตาทั้งหมดสิบสามครั้งใช่หรือไม่!”

หลายคนโอดครวญทันทีกับคำถามที่ยากขึ้นเรื่อยๆ คอมเม้นท์ในเพจก็ออกแนวสนุกสนานและคาดเดากันไป ผลออกมาคือไม่ใช่อีกครั้ง คนของฝั่งสีขาวตกรอบถึงเจ็ดคน ขณะที่ฝั่งสีดำตกไปแค่สองคนเท่านั้น สถานการณ์พลิกกลับตาลปัตร จากตอนแรกเสียเปรียบกลายเป็นเหลือเยอะกว่าสีขาวซะงั้น

“ต้องอย่างนี้สิถึงจะได้ใจฉัน!” ผมพยักหน้าอย่างพอใจ

“ยกให้ทั้งตัวและหัวใจเลยค่าท่านซาตาน”

“อย่าเสียใจเลยครับ ผมจะอยู่เคียงข้างพวกคุณเสมอ” ส่วนพายหันไปปลอบโยนคนที่ตกรอบพร้อมทำท่าสวดภานา

“พวกฉันก็จะอยู่เคียงข้างคุณค่ะเทวดา”

การแข่งขันดำเนินต่อไป จากตอนแรกเป็นคำถามอิงจากโฆษณา ก็เริ่มจะเจาะลึกเกี่ยวกับสินค้าและตัวบริษัท นับเป็นเกมที่แฝงการตลาดอย่างแนบเนียน เพราะคนในงานมีตติ้งและคนที่ดูไลฟ์สดผ่านเพจพลอยจดจำคุณสมบัตินั้นๆ ไปได้โดยปริยาย

และแล้วก็ได้ตัวผู้ชนะ

เป็นคนของฝั่งสีดำ!

“ฉันทำได้แล้วค่ะคุณซาตาน!!” ผู้โชคดีถูกนำตัวขึ้นบนเวทีเพื่อถ่ายรูปร่วมกับผมโดยเฉพาะ แต่พิธีกรไม่ประกาศผลเป็นทางการ เพราะกล้องแพนให้เห็นกลุ่มสีขาวที่เผยสีหน้าโศกสลดกับความพ่ายแพ้

แม้จะเป็นแค่กิจกรรมหนึ่ง แต่ทุกคนย่อมรู้สึกเสียดาย

“ยินดีด้วยซาตาน นายชนะแล้ว” พายเดินเข้ามาอวยพรผมทั้งรอยยิ้มหวาน

“ช่างเถอะ ฉันไม่สนผลแพ้ชนะแล้ว”

“ทำไมล่ะ”

“หึ ก็บอกแต่แรกแล้วไงว่าทุกคนในห้องนี้คือของๆ ฉัน แล้วฉันจะทนเห็นฝั่งสีขาวทำหน้าเศร้าได้ยังไง เสมอกัน! ให้ผลออกมาเสมอกันนั่นแหละ เพราะฉันอยากเห็นรอยยิ้มของทุกคนมากกว่า” ผมพูดพลางเดินลงเวทีไปทางฝั่งซ้ายของห้อง เผยรอยยิ้มอ่อนโยนชั่ววูบหนึ่งก่อนจะรีบสะบัดหน้าหนีคล้ายเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดภาพที่ไม่เหมาะสมออกมา

“ฉันยอมคุณแล้วค่ะซาตาน!”

“เสมอก็เสมอค่ะซาตาน!”

บรรยากาศที่แตกแยกในตอนแรกกลายเป็นความกลมเกลียวสนิทสนมทันใด ต้องยกเครดิตให้คนเขียนสคริปท์ เพราะต่อให้ฝ่ายสีขาวชนะในตอนท้าย เทวดาก็จะมาเกลี้ยกล่อมทุกคนด้วยรอยยิ้มมีเมตตาให้ผลสุดท้ายออกมาเสมอกันอยู่ดีตามจุดประสงค์แรกของทางทีมงาน

“งั้นมาจับมือกันเถอะ” พายย่อตัวเล็กน้อย ส่งมือให้ผมจากบนเวที

“เชอะ” ผมชักหน้าหงุดหงิด แต่ก็เอื้อมไปจับแต่โดยดี ก่อนจะรั้งมือนั้นเพื่อดึงตัวเองปีนขึ้นไปยืนด้านบนเคียงข้างเทวดา

“เอาล่ะ ทุกคนเองก็อยากจับมือเทวดาและซาตานใช่มั้ยคะ งั้นจะรอช้าอยู่ทำไม เตรียมเข้าแถวที่ทีมงานจัดให้เลยค่า!”

ผมกับพายเดินไปประจำที่นั่งบนเวที รอให้ทางทีมงานปล่อยแถวเรียงหนึ่งเพื่อจับมือและขอลายเซ็น กว่าจะครบห้าสิบคนก็กินเวลาร่วมสองชั่วโมง นับว่ากิจกรรมวันนี้จบลงด้วยดีไม่มีเหตุร้ายอย่างที่กังวล

“เหนื่อยหน่อยนะจิระ พาย”

“ไม่หรอกครับ สนุกดี” ผมตอบตามความจริงกับทีมงานหลังเปลี่ยนชุดเรียบร้อยและนั่งรอเตโชมารับ ก่อนจะเหลือบมองด้านข้าง เพราะพายแอบตีเนียนมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกันในห้องรับรอง

“ผมมีเรื่องจะปรึกษาจิระครับ”

“วันหลังได้มั้ย เตโชมาถึงแล้ว”

พายหน้าเจื่อนนิดหน่อย แต่ด้วยความที่เป็นคนเกรงใจจึงยอมลงให้อย่างช่วยไม่ได้

“งั้นขอเบอร์จิระได้มั้ย”

...ซะที่ไหน

“ไว้เจอกันในกองถ่ายเช็กเมทก็ได้นี่”

“อีกสองวันจะเปิดกองแล้ว ผม...ไม่อยากพูดเรื่องนี้ในวันสำคัญ”

ผมมองพายอย่างลังเล เห็นเขาเผยสีหน้าเศร้าซึมเป็นล้นพ้นก็ยอมให้เบอร์ด้วยความใจอ่อน

“บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ใช่ที่ปรึกษาที่ดี” ผมย้ำคำ เพราะไม่อยากให้พายเข้าใจผิดว่าผมคือจิตรินคนใจดีคนนั้น

“ครับ ผมเข้าใจ”

เข้าใจ? เข้าใจอะไร


ผมทิ้งความสงสัยก่อนจะหยิบกระเป๋าเดินลงไปหาคนหน้ามึน ใจหนึ่งก็อยากรู้เรื่องพาย แต่อีกใจก็ไม่อยาก จะด่าว่าเป็นซาตานก็ได้ แต่ผมไม่ได้สนิทกับเขาสักหน่อย เกิดเป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวข้องกับเช็กเมทขึ้นมา ไม่ใช่ว่าหาเหาใส่หัวหาเรื่องใส่ตัวหรอกเหรอ

ผมไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยในงานเปิดตัวหรอกนะ!!

-------

 

เป็นไงบ้างคะงานมีตติ้งครั้งนี้ แน่นอน...ว่าเราก็แต่งจากความติ่งอีกเช่นเคย

ถ้าได้เล่นเกมโดยมีหัวหน้าทีมยืนเชียร์ให้กำลังใจใกล้ชิดขนาดนี้คงจะน่าสนุกเนอะคะ ได้ลุ้นของรางวัลไปพลาง ได้สนับสนุนผู้ชายที่ชอบไปพลาง แหม ฟินกำลังดีเลยจริงๆ  ส่วนเตโชกับจิระ ก็ยังคงเรื่อยๆ ไปตามธรรมชาติจะกำหนดค่ะ สองคนเขาไม่คิดอะไร แต่บอกเลย...คนรอบข้างแอบเหม็นความรัก! 555

 

เพจนักเขียนที่เชียร์ท่านซาตานสุดใจ  (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 14 : ซาตาน - P.17 - [15/12/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 15-12-2017 19:46:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 14 : ซาตาน - P.17 - [15/12/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 15-12-2017 19:49:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 14 : ซาตาน - P.17 - [15/12/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 15-12-2017 19:49:51
สนุกแฮะ

แต่พายนี่ มารเยอะนะ จะคุยกับจิก็มีเหตุโดนขัดตลอด
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 14 : ซาตาน - P.17 - [15/12/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 15-12-2017 19:54:16
อ่านบรรยายได้บรรยากาศสมจริงมากค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 14 : ซาตาน - P.17 - [15/12/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 15-12-2017 20:04:59
ถ้ามีคำถามงานมีตประมาณ เมนกระพริบตากี่ครั้ง หรือ ยิ้มกี่ครั้ง เราก็คงตกรอบแรกเช่นกันล่ะนะ โอ้ววววว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 14 : ซาตาน - P.17 - [15/12/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-12-2017 20:07:14
 o13
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 14 : ซาตาน - P.17 - [15/12/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-12-2017 20:47:52
 :katai1:  หนูจิจะได้คุยกับพายไหม อยากรู้เรื่องที่จะคุยแย่แล้ว  :ling1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 14 : ซาตาน - P.17 - [15/12/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 15-12-2017 20:58:16
บรรยากาศเตโชจิระนับวันยิ่งธรรมชาติขึ้นทุกที นี่ไม่ใช่คู่แต่งงานสิบปีใช่มั้ยพูด 55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 14 : ซาตาน - P.17 - [15/12/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 15-12-2017 21:25:26
แล้วหนูพายจะคุยอะไรกับจิระผู้เกรี้ยวกราดของเราล่ะเนี่ยยย อยากรู้แล้วนะ :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 14 : ซาตาน - P.17 - [15/12/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 15-12-2017 21:40:27
จะเป็นติ่งซาตานนน  :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 14 : ซาตาน - P.17 - [15/12/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 15-12-2017 22:01:43
      สนุกมากเลยค่ะเข้าใจอารมณ์ติ่งดีค่ะเพราะเราเป็นติ่งTVXQมาก่อนแต่เสียดานที่เค้าเเยกวงซะแล้ว  :hao5:
แต่ตอนนี้เตโชน่ารักเป็นพิเศษค่ะมีหวงของกินกบทีมงานแต่ใจดีแบ่งไก่ทอดให้จิระ  :mew1:  :mew1:  o13
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 14 : ซาตาน - P.17 - [15/12/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-12-2017 22:37:02
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 14 : ซาตาน - P.17 - [15/12/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 15-12-2017 22:45:03
ยอมแล้วท่านซาตาน 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 14 : ซาตาน - P.17 - [15/12/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 15-12-2017 22:51:30
มาม่านี้แหละตัวอ้วนเลยนะลูกกก  นอกจากแคลอรี่สูงแล้ว  ยังไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย  แถมยังทำให้บวมน้ำด้วยนะ  ตัวทำลายความมงามเลยนะลูกกกก  ออกกล้องที่นิอืดเป็นศพเลยนะลูกกกก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 14 : ซาตาน - P.17 - [15/12/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-12-2017 23:23:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 14 : ซาตาน - P.17 - [15/12/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 15-12-2017 23:27:33
นี่อยากรู้จริงๆแล้วนะว่าพายอยสดคุยอะไรกับหนูจิกันแน่ ฮึ่ยย มีแต่คนมาขัดจังหวะเต็มไปหมด
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 14 : ซาตาน - P.17 - [15/12/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 16-12-2017 11:30:00
น่าสนุกมาก รอต่อจ้า  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 14 : ซาตาน - P.17 - [15/12/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-12-2017 12:17:15
ยอมเป็นทาสซาตานน้องจิระ o18
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 14 : ซาตาน - P.17 - [15/12/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 17-12-2017 15:52:30
พายเป็นอะไรหรือเปล่านะ
อยากรู้ๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 17-12-2017 18:44:41

ตอนที่ 15

ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย



ผมนอนไม่หลับติดต่อกันหลายคืนแล้ว แต่ที่หนักสุด เห็นจะเป็นคืนล่าสุดเนี่ยล่ะ

เพราะวันนี้คือวันเปิดกองซีรีส์เช็กเมท!!

ขอย้ำอีกครั้ง...ว่าตอนซีซันหนึ่งก็มีการเปิดกองให้สื่อมวลชนเข้ามาเก็บภาพ แต่ทุกอย่างไม่ค่อยราบรื่นนักเพราะข่าวฉาวของผมมาแรงแซงทางโค้ง เบียดพื้นที่สื่อจนขึ้นหน้าหนึ่งเป็นที่กระฉ่อนเมือง...ดาราหนุ่มดาวรุ่งพุ่งแรงโดนจับคากองด้วยข้อหายาเสพติด ไม่ดังก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว ซึ่งครั้งนี้ผมจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมเด็ดขาด! จะให้ทุกคนเก็บภาพสวยๆ ของนายจิระจนลืมเรื่องครั้งก่อนให้หมด!!

แต่...

(( จิระ ช่วยผมด้วย ))

คนที่ขอเบอร์ผมไปเมื่อสองวันก่อน โทรมาขอคำปรึกษา...ไม่สิ ขอความช่วยเหลือตั้งแต่เช้าตรู่!

“เอ่อ...แล้วมีอะไรล่ะ” ผมถามอย่างไม่ใส่ใจขณะกดเปิดลำโพงแล้ววางบนเคาน์เตอร์เพราะกำลังทอดไข่ดาวสำหรับอาหารเช้าของตัวเองและเตโช ป่านนี้คนหน้ามึนคงยังไม่ตื่น เพระผมต้องรีบออกจากบ้านตั้งแต่หกโมงเช้า เพื่อเข้ากองไปซ้อมคิวก่อนที่พวกนักข่าวจะมา

(( ผม....ได้จดหมายขู่ครับ ))

ผมเลิกคิ้ว คาดไม่ถึงว่าพายจะโทรมาปรึกษาเรื่องนี้

(( จดหมายส่งมาตั้งแต่เมื่อวาน...เขียนว่าถ้าผมเข้ากองวันนี้ระวังจะไปไม่ถึง ผม...กลัวมากเลย ไม่กล้าขับรถของตัวเองเพราะไม่รู้ว่าจะถูกเล่นตุกติกรึเปล่า แต่ก็ไม่กล้าไปเรียกแท็กซี่คนเดียวด้วย ผมกลัวเจ้าของจดหมายดักทำร้ายผมครับ )) พายอธิบายรัวเร็วแทบไม่เว้นช่วงหายใจ ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเว้าวอน (( จิระ...มารับผมได้มั้ย ))

หากเป็นงานมีตติ้งเมื่อสองวันก่อน แฟนคลับเขาต้องกรีดร้องยอมถวายชีวิตเมื่อได้ยินน้ำเสียงนี้ แต่บอกเลย ผมไม่สะทกสะท้าน ถามกลับเสียงเรียบเฉยอย่างแล้งน้ำใจ

“แล้วทำไมต้องเป็นฉัน” ผมว่าพลางตักไข่ออกจากกระทะ ก่อนจะใส่ข้าว ลูกเกด มะเขือเทศสับ และซอสลงไปผัดรวมกัน ครับ ผมทำข้าวผัดอเมริกัน เป็นเมนูเรียกร้องจากเพื่อนข้างห้องที่ยังหลับอุตุ “นายไม่โทรหาคนอื่นล่ะ แจ้งตำรวจไปเลยก็ได้”

(( ผมไม่อยากให้งานเสีย...วันนี้เป็นวันเปิดกองโปรโมทเช็กเมท ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องไปให้ได้ แต่ผมก็กลัวว่าถ้าไปคนเดียวจะเกิดอะไรขึ้น ความจริงระหว่างถ่ายทำซีซันสองมีคนส่งจดหมายขู่มาเป็นประจำ แต่ครั้งนี้ถึงขนาดขู่ทำร้าย...จิระ ผมนึกถึงคนอื่นไม่ออกเลยจริงๆ คิดว่าอย่างน้อยถ้าไปกับนายก็คงดี ))

“แล้วปกติโดนขู่ว่าอะไรล่ะ” ผมถามราวกับไม่ใช่เรื่องของตัวเอง...ซึ่งก็เป็นความจริง

(( จดหมายขู่ให้ถอนตัวจากซีรีส์...แอนตี้แฟนที่ไม่พอใจเมื่อผมรับบทนักแสดงหลักแทนจิระน่ะครับ ))

...ซะที่ไหนกันล่ะ นี่มันเรื่องของผมชัดๆ!!

กลิ่นข้าวไหม้แตะจมูก ผมสะดุ้งรีบเทข้าวลงจานก่อนจะปิดเตา เพราะตระเตรียมไก่ทอด ไข่ดาว และไส้กรอกเสร็จหมดแล้ว พอมองควันที่พวยพุ่งจากเมนูอาหารรสเลิศพลันรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออก มันจุกหน่วงอยู่หน่อยๆ ในอกอย่างบอกไม่ถูก

หลงนึกว่าตัวเองมีแอนตี้แฟนอยู่คนเดียว ลืมไปเสียสนิทว่าพายน่ะซวยกว่าผมเยอะ!

เพราะคราของผมยังถือว่ากรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมสนอง แต่พายน่ะโดนผมแย่งบทตอนซีซันหนึ่งจนมิสเตอร์เอสที่ควรจะเป็นเขาโด่งดังทั่วบ้านทั่วเมือง เมื่อกลับมาแสดงนำในซีซันสองก็ถูกเปรียบเทียบด้วยบทบาทที่ทับซ้อนกัน ในกองวางตัวลำบากไม่พอ ชีวิตจริงถึงกับโดนข่มขู่ ผมกุมขมับ ทบทวนเรื่องราวทั้งหมดอย่างเชื่องช้า

แฟนคลับของมิสเตอร์เอสที่ปลาบปลื้มผมคงไม่พอใจเมื่อพายขึ้นมาเป็นตัวหลัก

ทั้งที่บทนั้นควรจะเป็นของเขาตั้งแต่ซีซันแรก!

ผมเริ่มเห็นใจพายตงิดๆ ทั้งที่ได้จดหมายขู่ประจำ แต่เขายังวางตัวเป็นปกติได้ดีเยี่ยม วันงานมีตติ้งก็เล่นกับแฟนคลับอย่างเต็มที่ ลังเลจะปรึกษาผมอยู่นานก็ไม่ได้โอกาส หากผมปฏิเสธเขาคงสารเลวไปสักหน่อย

“นายคิดว่าถ้าฉันไปรับเข้ากองด้วยกัน แอนตี้แฟนคนนั้นจะไม่กล้าลงมือสินะ”

เพราะคนคนนั้นคือแฟนคลับตัวยงของมิสเตอร์เอส ถ้ากล้าลงมือกับผมก็ผิดจรรยาบรรณเกินไป

(( ครับ...ขอโทษนะครับจิระ แต่ผมก็ไม่มีทางเลือก ))

พายเอ่ยเสียงสั่นเครือ ราวกับว่าเขาจนทางตันแล้วจริงๆ ถึงได้เลือกโทรหาผม

(( อีกนิดเราจะถ่ายทำเช็กเมทซีซันสองจบแล้ว ถึงตอนนั้นจดหมายขู่ก็คงจะหยุดไป ผมไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เลยไม่กล้าบอกใครทั้งกับคุณคมสันและตำรวจ คิดว่าเดี๋ยวทุกอย่างก็จบ... ))

ใจอ่อนยวบอย่างหยุดไม่อยู่ เขาซวยเพราะผมว่าหนักแล้ว มานึกดูดีๆ พายเป็นดาราตัวเล็กๆ ที่ไม่มีคนสนับสนุนดุนหลังในวงการ ถึงได้โดนปาดหน้าเค้กไปง่ายๆ โดยไม่มีใครช่วยประท้วง เรียกว่ามาถึงจุดนี้ด้วยความอดทนและพยายามของตัวเอง สิ่งที่หวาดกลัวที่สุดของดาราประเภทนี้ คือกลัวมีปัญหา เพราะรู้ดีว่าจะไม่มีคนช่วยแก้ต่างให้เลย

“ก็ได้ ฉันจะไปหานาย”

ใจอ่อนอีกจนได้จิระ แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ ผมคิดว่าตัวเองมีส่วนต้องรับผิดชอบ และกับแค่การไปรับแค่วันนี้วันเดียวก็ไม่นับเป็นเรื่องใหญ่อะไร ซีรีส์ดำเนินมาถึงตอนสุดท้ายแล้ว อีกไม่นานความวุ่นวายทั้งหลายก็จะจบลง “กินอะไรรึยัง ฉันกำลังทำข้าวเช้า เดี๋ยวจะทำเผื่อไปด้วย”

ผมเปิดตู้เย็นดูว่ายังมีไข่กับไก่เหลือหรือเปล่า

(( ไม่ต้องหรอกครับ แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่ ))

“ตามใจนาย”

ผมปิดตู้เย็นอย่างโล่งอก หลังกดวางสายก็แบ่งข้าวออกเป็นสองส่วน ของตัวเองใส่จานเตรียมกิน ของเตโชใส่ปิ่นโต

เงยมองเวลาแล้วผมก็นึกขอบใจตัวเองที่นอนไม่หลับจนตื่นเช้า เพราะกองมีนัดตอนแปดโมง เท่ากับว่าผมยังมีเวลาเหลือเฟือในการกินและไปรับพาย

แต่ไปถึงยิ่งเร็วก็ยิ่งดี หลังกินส่วนของตัวเองหมดผมก็รีบล็อกห้อง เดินไปแขวนถุงใส่ปิ่นโตกับกลอนประตูของเตโช ก่อนจะส่งข้อความหาพายเพื่อให้เขาส่งจีพีเอสมากันหลง

ที่พักของพายไม่ใช่คอนโดหรือหมู่บ้าน แต่เป็นบ้านเดี่ยวในซอยซึ่งอยู่ลึกเข้าไปท่ามกลางแมกไม้ ผมรู้สึกราวกำลังหลงป่า คิดว่าพายคงจะมีที่ดินสืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ แต่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรถึงได้ปล่อยให้ต้นไม้ขึ้นรก มองแล้วก็น่าสยองไม่น้อย เพราะมีที่ซ่อนแอบเยอะจนยากตามตัว เผลอๆ จะไม่ได้มีแค่คน แต่มี...ผี...ด้วย

เพียงนึก ผมก็กลืนน้ำลายแล้วส่ายหน้าถี่รัว จะบ้าเหรอจิระ ตั้งสติก่อนรถพุ่งเข้ากลางป่ากลางดงเถอะ!

และแล้วก็ถึงตัวบ้านที่ค่อนข้างเก่าโทรมคาดว่ามีอายุหลายปี ผมมองซ้ายมองขวา กลัวจะมีงูพุ่งออกมาจากข้างทาง เลยรีบเข้าไปกดกริ่งหน้าประตูไม่แม้แต่จะปลอมตัว เพราะถ้าไม่นับคนโรคจิตตามติดชีวิตคนอื่นแล้ว คงไม่มีคนสติดีที่ไหนคิดบุกรุกบ้านหลังนี้หรอก

“ขอบคุณนะครับจิระที่มารับผม”

“ไม่เป็นไร” ผมรีบเดินเบียดพายเข้ามาในบ้านแล้วปิดประตูทันที มันก็จะผวาหน่อยๆ เมื่อได้ยินเสียงนกร้องรับอรุณคลอคู่กับใบไม้เสียดสีกันยามเช้าตรู่ “ไหนล่ะจดหมายขู่ ขอดูหน่อย”

อย่าหาว่าสอดรู้เลย แต่ในเมื่อเกี่ยวพันกับตัวเองมาถึงขนาดนี้แล้วผมก็อยากเห็นกับตา พายยิ้มเจื่อน เดินไปหยิบกองจดหมายในถุงขยะให้คุ้ยเอาเอง ผมเลือกหยิบจดหมายที่วางอยู่ด้านบนและใหม่สุดขึ้นมาพิจารณา ความน่ากลัวของมันคือไม่ได้ติดแสตมป์หรือลงทะเบียนใดๆ เท่ากับว่า...คนคนนี้มาหย่อนจดหมายหน้าบ้านพายเองกับมือ!

โอ๊ย นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!

“บ้านนายไม่มีกล้องวงจรปิดเหรอ”

“มีครับ แต่ถึงมีก็ทำอะไรไม่ได้ ผมบอกจิระแล้ว...ผมไม่อยากแจ้งตำรวจ”

“แล้วนายเห็นคนร้ายรึเปล่า” ผมถามพลางเปิดจดหมายอ่าน ตัวอักษรเขียนด้วยหมึกสีแดงตวัดหางยาวน่าสยดสยอง ขู่ว่าหากคิดออกจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียวไปเข้ากองวันนี้ ระวังจะไปไม่ถึง

ขนาดไม่โดนเองผมยังขนลุกเฮือกๆ แล้วพายที่เผชิญเรื่องนี้มาตลอดการถ่ายทำแถมยังเก็บเป็นความลับได้ดีมาตลอดจะรู้สึกยังไง ผมชักนับถือเขา เข้มแข็งเป็นบ้าเลยว่ะนาย

“เห็นครับ แต่เขาสวมฮู้ด คาดหน้ากากอนามัยปิดหน้าครึ่งล่าง ใส่แว่นดำ ผมรู้แค่ส่วนสูงและรูปร่างคร่าวๆ เท่านั้น คิดว่าคงจะเป็นผู้ชาย...” พายเล่าขณะกำมือแน่น พยายามควบคุมไม่ให้น้ำเสียงสั่นเครือ “คนคนนี้รู้ตารางการถ่ายทำเช็กเมทด้วยครับจิระ ผมเลยยิ่งกลัว...กลัวว่าเขาจะเป็นคนใน ผมเลยไม่กล้าคุยกับใครในกอง ผมไม่อยากมีปัญหา ถ้าเขาเป็นคนของบริษัทขึ้นมา เป็นคนใหญ่คนโตในนั้น ผมก็คงทำอะไรไม่ได้”

เรียกว่าพายจนทางตันอย่างแท้จริง

ตัวคนเดียวในวงการก็น่าเศร้าแบบนี้ จะทำอะไรก็เกรงว่าจะไปเหยียบตาปลาเข้า โดยเฉพาะกับพายที่เคยมีประเด็นตั้งแต่ซีรีส์เช็กเมทซีซันหนึ่ง ตอนเขามารับบทเป็นมิสเตอร์เอสตัวปลอม...เห็นว่าเคยสร้างปัญหาในกองจนโดนผู้กำกับด่า

เมื่อได้โอกาสอีกครั้งจึงไม่กล้ามีปากเสียง

“ขอโทษนะที่ทำจิระเครียดไปด้วย กาแฟมั้ยครับ เมื่อคืนผมนอนไม่หลับเพราะกังวลเรื่องนี้เลยต้มน้ำไว้ชงกาแฟ ดื่มก่อนเข้ากองจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะเผลอสัปหงก”

“ก็ดี” ผมรับน้ำใจอย่างยินดียิ่ง “ของฉันน้ำตาลสองช้อน นมหนึ่งช้อนนะ”

“ครับ” พายยิ้มให้ผมอย่างอบอุ่น ความสัมพันธ์ระหว่างพายและจิตรินเป็นยังไงนั้นผมไม่ค่อยกระจ่างแจ้งแก่ใจนัก แต่ดูจากการกระทำของเขาตอนนี้ คิดว่าคงมีความรู้สึกดีๆ ในแง่มิตรภาพมากกว่าชู้สาว เพราะคนที่เสนอให้พายรับบทมิสเตอร์เอสตัวปลอม จนได้รับโอกาสแสดงบทนำในซีซันสองก็คือจิตริน พายย่อมซาบซึ้งบุญคุณไม่น้อย

เด็กหนุ่มออกมาอีกครั้งพร้อมกาแฟสองถ้วย ผมเอ่ยขอบคุณเบาๆ ก่อนจะรับมาดื่ม รสชาติติดขมนิดๆ แต่จะต่อว่าก็ทำไม่ได้เพราะแค่นี้จิตใจพายก็บอบช้ำมากพอแล้ว ผมยกดื่มหมดแก้ว ไม่หวังในรสชาติ แต่หวังในฤทธิ์ของคาเฟอีน

“จริงสิ จิระบอกใครเรื่องมารับผมรึเปล่าครับ” พายโพล่งถามขึ้นมาราวลูกกวางน้อยตื่นตูม

“เปล่า” ผมตอบอย่างเข้าใจพาย คนคนนี้หวาดระแวงไปหมดจนกลายเป็นคนประหม่าซะแล้ว “นายอยากปิดเป็นความลับไม่ใช่รึไง ฉันไม่ใช่คนปากเปราะ วางใจเถอะ”

“ดีจัง” พายคลี่ยิ้มปลอดโปร่ง “จิระ ผมมีเรื่องหนึ่งที่อยากถามคุณมานานแล้วครับ”

“ถามมาสิ” ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือ กะเวลาเตรียมตัวเข้ากอง

“ทำไมคุณถึงกลับมารับบทซีเคร็ทในซีซันสองล่ะ”

ผมเลิกคิ้ว มองพายที่ดวงตาหลุบต่ำปิดความรู้สึกแล้วคิดว่าเขาคงอยากรู้ว่าผมใช้เส้นสายอะไรในการแทรกตัวเองเข้ามากลางเรื่องได้

“คมสันเป็นคนยัดบทให้ฉัน ตอนแรกฉันปฏิเสธแล้ว แต่เขาบังคับให้รับ” ผมตอบตามความจริง เส้นก๋วยจั๊บยังสู้เส้นขนของจอมมารไม่ได้ เพียงโบกมือทุกคนล้วนต้องทำตาม เพียงปรายตาทุกคนต้องยอมสยบ นี่แหละหนาโฉมหน้าของเลขาสุดโหดแห่งบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์

“คุณเลิกกับเสี่ยแล้วไม่ใช่เหรอครับ”

“เลิกนานแล้ว แต่คมสันคงถูกใจหน้าตาฉันละมั้ง” ผมพูดทีเล่นทีจริง

“จิระรู้มั้ยครับ ว่าบทที่ผมได้รับมาตอนเซ็นสัญญาซีซันสองนั้นไม่ใช่อย่างที่ถ่ายทำกันในตอนนี้เลย”

“ก็ไม่แปลกนี่ เรื่องนี้ถ่ายไปฉายไปเพราะอิงกับคนเขียนบทที่ผีเข้าผีออกอยู่แล้ว” ผมหัวเราะเบาๆ แอบจิกกัดคนเขียนบทจอมโหดที่ตั้งแต่เห็นผมก็ชี้นิ้วไล่ให้ไปเรียนการต่อสู้ทันที

แต่พายไม่เข้าถึงอารมณ์ขันของผม

เขากล่าวต่อราวกับว่าประโยคเมื่อครู่เป็นเพียงเสียงนกเสียงกาไร้ค่าไร้ความหมาย

“ตอนแรกบทของซีซันสอง ผมเป็นตัวนำเรื่อง เป็นแฮกเกอร์ที่มาแทนมิสเตอร์เอส ผมต้องสู้กับแฮกเกอร์ปริศนาขององค์กร เอาชนะและลากตัวเขาออกมา คนเขียนบทจงใจเขียนเอื้อกับผมซึ่งต้องแสดงฝีมือทั้งด้านบู๊และบุ๋น เพื่อให้คนดูรู้สึกว่าเก่งกาจกว่ามิสเตอร์เอส สมแล้วที่เลือกมาแทนที่เขา...”

พายค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาสงบเยือกเย็นอย่างน่าประหลาด ความขลาดกลัวปานกวางน้อยเลือนหายจนหมดสิ้น

“แต่เมื่อคุณก้าวเข้ามาในกอง ทุกอย่างก็พลิกกลับตาลปัตร บทของผมถูกลด แต่กลับเพิ่มให้กับซีเคร็ท ผมที่ควรจะเอาชนะแฮกเกอร์ขององค์กร กลับพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า ต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน ไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือ ได้แสดงอย่างที่ต้องการแสดงเลย ซีซันสองนี้ควรจะเป็นเรื่องของสมาชิกใหม่อย่างผม ไม่ใช่เรื่องราวของมิสเตอร์เอสที่ความจำเสื่อมไม่ใช่เหรอครับ”

มาถึงตอนนี้ถ้ายังไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนด่าผมก็โง่เต็มทน

“พา...”

แต่พูดออกไปไม่ทันเต็มคำดี ผมที่ผุดลุกพรวดพราดก็หน้าคะมำกับพื้น ร่างกายหนักอึ้งอย่างประหลาด แต่ที่หนักกว่าคือหนังตาที่พยายามปิดลงไปอยู่ได้

ยื้อไว้สิหนังตา สู้เข้า ฝืนเข้าสิ!

“กาแฟใส่ยานอนหลับครับ” พายกล่าวกับผม ก่อนจะนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ช่วยปัดเส้นผมที่ปรกใบหน้าอย่างอ่อนโยน “ผมเคยเกลียดคุณ จากนั้นก็ชอบคุณ และก็กลายเป็นเกลียดคุณ”

จากเกลียดเป็นชอบสองประโยคแรก คิดว่าพายคงหมายถึงจิตริน

ฉะนั้นไอ้คำว่าเกลียดคำหลัง จึงเป็นตัวผมคนเดียวล้วนๆ เกลียดอย่างเดียวเพียวๆ ไม่มีอะไรเจือปน

“คุณกลับมาทำไมครับ คุณทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ทำไม ทั้งที่ผมอยากเป็นเพื่อนที่ดีกับคุณแท้ๆ”

...อย่ามาตีหน้าเศร้า ฉันไม่เคยเป็นเพื่อนกับนาย คนที่เป็นคือจิตรินโน่น!

ผมตะโกนแย้งในใจ

“คุณแย่งงานผมสองครั้งเลยนะครับจิระ” พายยังคงกล่าวกึ่งตัดพ้อ ทว่าน้ำเสียงกลับไร้อารมณ์ร่วม เหมือนเตโช...แต่เย็นชากว่าเตโชหลายเท่า “ครั้งแรก...คือเช็กเมทซีซันหนึ่ง ตอนนั้นผมแคสติ้งเข้ามารับบทมิสเตอร์เอส ได้รับเลือกจากผู้กำกับเองแท้ๆ แต่ในวันถ่ายทำคมสันกลับพาคุณมาแย่งบทนั้นไป ผมไม่ดีตรงไหนหรือครับ ผมแสดงได้ดีกว่าคุณ ได้บทนี้มาด้วยความสามารถของตัวเอง แต่ถูกเด็กใหม่ที่ใช้เส้นสายปาดหน้าเอาดื้อๆ แทนที่จะมีคนร้องเรียนเรื่องนี้ หรืออย่างน้อย...ก็บอกว่าผมเหมาะกับบทนั้นที่สุด กลับกลายเป็นว่าคุณผูกมิตรไปทั้งกอง จนทุกคนพากันลืมเลือนผม ลืมว่าใครกันแน่ที่ควรรับบทของมิสเตอร์เอส”

ผมกัดลิ้น ความเจ็บทำให้เรียกสติคืนได้ส่วนหนึ่ง ก่อนจะพยายามเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง แต่พายตาไว แย่งไปปิดเครื่องก่อนจะโยนทิ้งส่งๆ ไม่สนใจไยดี นั่นเครื่องเป็นหมื่นเลยนะ!

“อย่าซนสิครับ ผมไม่อยากทำร้ายคุณนะ กับคนที่เคยเป็นเด็กเสี่ย มีเลขาท่านประธานสนับสนุน มีใบหน้าที่ทำเงินมหาศาล ผมไม่คิดสั้นขนาดทำลายทรัพย์สินของบริษัทหรอกครับ”

ช่างจริงใจดีเหลือเกิน

ผมถลึงตามองพายอย่างเกรี้ยวกราด

“อย่ามองผมแบบนั้นสิ ผมวางยาคุณ เพราะไม่อยากให้คุณปรากฏตัวในกองวันนี้ จำได้มั้ยครับ ตอนซีซันหนึ่ง คุณทำให้การเปิดกองโปรโมทของเช็กเมทถูกกลบด้วยข่าวฉาว ครั้งนี้ผมจะทำให้เป็นแบบนั้นอีกครั้ง จิระที่จู่ๆ ก็หายตัวไปติดต่อไม่ได้ ช่างเป็นคนเหลวแหลก ไร้ความรับผิดชอบ เกินกว่าจะให้โอกาสครั้งที่สาม ผมต้องการแค่นี้...ขอแค่คุณไม่ไปกอง...แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคนที่มีข่าวฉาวติดตัวอย่างคุณ”

“แก...” ผมจิกนิ้วกับพื้นพรมอย่างโกรธแค้น ไอ้ที่เขาพูดมาผมยอมรับ ผมทำตัวเอง ทำลายอนาคตกับมือ แต่เพราะอย่างนี้ไงผมถึงอยากแก้ตัว! วันนี้เป็นวันที่ผมกลัวแสนกลัว กังวลจนนอนไม่หลับ ตื่นมาทำกับข้าวตั้งแต่ตีห้าก็เพราะหวังยิ่งกว่าใครให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่เหรอ!

ผมอยากให้ทุกคนมองผมใหม่ มองจิระคนนี้ มองฝีมือการแสดง หลงลืมเรื่องราวในอดีต

แต่พายกลับ...ใช้สิ่งนั้นกดให้ยิ่งตกต่ำ!

“ผมยังจำวันที่เห็นคุณในกองซีซันสองได้ดี วันที่คุณแย่งงานจากผมไปอีกครั้ง ตอนแรกผมดีใจ เพราะนับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุก็ติดต่อคุณไม่ได้อีกเลย แต่เมื่อเห็นคุณแสดงบทของซีเคร็ทได้ดีขนาดนั้น ผมก็หวั่นใจ...” พายตบไหล่ผมเบาๆ อย่างปลอบโยนให้เลิกพยายามตะเกียกตะกายอย่างไร้ค่าสักที “ผมรู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าคุณกลับมาเพื่อแย่งทุกอย่างไปจากผม ทำไมครับ ในที่สุดผมก็ได้รับบทนำ ได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงนำแล้วแท้ๆ แต่ทำไมทุกคนถึงพูดแต่มิสเตอร์เอส พูดถึงซีเคร็ท ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือเรื่องร้าย ทุกคนก็สนใจแต่คุณ แล้วผมล่ะ...ผมคือตัวอะไร!”

“ตัว...ขี้อิจฉาไง!!”

ถ้าคิดว่าผมจะปลอบใจเขาก็ฝันไปเถอะ ผมโมโหถึงขนาดรวบรวมพลังเสียงตวาดใส่เขาได้ แม้จะแลกกับลิ้นที่เจ็บแปลบจนเลือดไหลซิบก็ถือว่าคุ้มค่า

“ฉันจะบอกให้ชัดอีกครั้ง ฉันไม่ได้อยากเป็นดารา และฉันไม่ได้อยากแสดงในซีซันสองแต่แรก แต่ถูกยัดเยียดมาต่างหาก ถ้าจะโทษ ก็ไปโทษตัวต้นเรื่องโน่น!!!” ผมตะโกนสุดเสียง วาดหวังว่าความเกรี้ยวกราดจะฝืนให้ความง่วงซึมไม่เป็นผล “เรื่องบทที่เปลี่ยน ก็ไปโทษคนเขียนบท เรื่องที่นายไม่ถูกพูดถึง ก็โทษตัวเองซะ อย่ามาโทษฉันคนเดียว! เข้าใจมั้ย!!!”

โดนพลังเสียงของผมเข้าไป พายถึงกับผงะถอยไปด้านหลัง เบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง

“คุณ...เปลี่ยนไปนะ”

“หรือจะให้ฉันโอ๋นาย บอกว่าที่นายทำน่ะถูกแล้ว จะบ้ารึไง ฉันไม่ใช่จิระคนเดิมที่นายรู้จัก คนที่นายเคยให้อภัยก็ไม่ใช่ฉัน!”

ผมตวาดลั่น ยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งดัง เพราะเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นทุกที

“นายจะให้กองถ่ายวันนี้พังไม่ได้ ทุกคนทุ่มเทกันมานานแค่ไหนนายก็รู้ งบไม่ใช่น้อย แล้วยังชื่อเสียงของบริษัท...”

“ชื่อเสียงของคุณต่างหากครับ” พายไม่สนใจ “การถ่ายทำซีรีส์เช็กเมทจะจบพร้อมๆ กับเส้นทางในการเป็นดาราของคุณ คุณไม่ได้อยากเป็นอยู่แล้วนี่ งั้นคงเข้าทางเลยสิ”

ผมกัดลิ้นอีกครั้ง แต่ดันชามากกว่าเจ็บ ความง่วงงุนเริ่มเข้าแทรก แต่ผมพยายามฝืนถ่วงสุดความสามารถ

 “ตอนซีซันหนึ่ง คุณพูดดีเหลือเกิน ให้กำลังใจผม ตีสนิทผม ช่วยเหลือผม ดึงสติผม แต่ดูสภาพคุณตอนนี้สิ” พายมองผมราวมองคนแปลกหน้า

ก็บอกแล้วไงว่าคนนั้นไม่ใช่ฉัน!


พายุแห่งความเกรี้ยวกราดก่อตัวอีกครั้งเมื่อถูกเปรียบเทียบกับจิตริน

“เพื่อกลับเข้าวงการอีกครั้ง คุณที่ถูกเสี่ยทิ้งแล้วถึงกับยอมเกาะติดเตโช ดึงแฟนคลับของนักร้องคนนั้นมาช่วยสนับสนุน คุณมันน่ารังเกียจ จิระ”

“แล้ว...ไง” ผมยังฝืนทนเถียงกับพายไม่ลดละ “ฉันจงใจใช้แฟนคลับเตโชมาสนับสนุนตัวเองแล้วยังไง มันหนักหัวนายนักเหรอ ถ้าหนักมากก็เลียนแบบสิ ฉันไม่หวงและไม่จดลิขสิทธิ์หรอกนะ!”

ผมไม่เห็นว่าเขากำลังทำสีหน้าแบบไหน เพราะภาพเบื้องหน้ารางเลือนลงทุกที

“ผมไม่หน้าหนาอย่างคุณหรอก”

แต่น้ำเสียงเหยียดหยามนั้นได้ยินเต็มสองรูหู

“ราตรีสวัสดิ์ จิระ”

“เดี๋ยว! อย่าเพิ่งไป!! ฉัน...ฉัน...ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่!”

“อ้อ จดหมายขู่ผมเป็นคนทำเองทั้งหมดนะครับ หากคุณยังไม่รู้” พายพูดทิ้งท้ายอย่างเจ็บแสบ ก่อนจะเดินออกจากบ้านพร้อมล็อกประตูแน่นหนา

ถึงตอนนั้นผมซึ่งถูกทิ้งให้นอนตาหนักอยู่คนเดียวก็ไม่อาจฝืนได้อีก

สติถูกพรากไปอย่างรวดเร็ว ด้วยใจที่คับแค้นเกินบรรยาย

ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่พาย!!





“คุณจิระ”

ได้ยินเสียงเรียกดังแผ่วพร้อมกับมือที่ตบแก้มเป็นระยะ

ผมครางเบา ก่อนจะพลิกตัวหาท่าที่สบายในการหลับใหล

“คุณจิระ ตื่นสิครับ”

“ไม่ไหวหรอกสัน โดนยาไปขนาดนี้คงต้องรอเขาตื่นมาเองแล้วล่ะ”

“งั้นพาตัวไปก่อน”

“ไปไหน”

“บ้านเสี่ย”

----------

เรื่องนี้จะว่าผิดก็ผิดกันหมดนะคะ แต่ก็อย่างที่จิระบอก จะมายกยอดให้รับคนเดียวก็ไม่ถูก เพราะมันโยงกันมาตั้งแต่ตอนจิระสลับร่างกับจิตรินเลย ถ้าให้นับกันจริงๆ ต้องไปโทษคมสัน แต่คมสันก็มีเหตุผลที่ยัดจิระมาในกองนี้เหมือนกัน ต่างคนต่างมีความคิดของตัวเอง ส่วนหนูจิระ คนปากร้ายใจดี ก็มารับกรรมกันไป

เพจนักเขียนที่กัดผ้าเช็ดหน้าสงสารจิระ
 (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
ปล.เห็นโมเม้นเบิ้มสันบ้างมั้ยคะ 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-12-2017 19:03:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-12-2017 19:27:19
สงสัยตงิด ๆ ตั้งแต่ตอนอ่านบทนี้แรก ๆ ละ
นายน่าจะไปเขียนนิยายสืบสวนนะพาย วางแผนเป็นขั้นเป็นตอนขนาดนี้ ท่าจะรุ่ง
ฝั่งจิระจะแก้เกมยังไงล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 17-12-2017 19:30:26
ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี บทเรียนนี้สอนให้รู้ว่าอย่าไว้ใจคนนิ๋มๆหน้าซื่อๆเสียงสั่นๆ อย่างเช่นพาย เหอๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-12-2017 19:38:49
 :hao7: o13 :hao7:



 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-12-2017 19:39:14
 :fcuk: :fcuk:  2 ทีสำหรับพาย นึกว่ากลับตัวกลับใจได้แล้วเสียอีก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 17-12-2017 19:44:57
เป็นคนนี้ดีแล้วจะถูกปองร้ายอย่างนี้ สู้ทำเป็นไม่สนใจใครเหมือนเดิมจะดีกว่าละมั้งจิระ
แล.ลึกๆแล้วเราว่า จิระ กับ จิตริน น่ารักและใจดีเหมือนกันเลยนะคะ แค่แสดงออกต่างกันแค่นั้นเอง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-12-2017 20:27:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 17-12-2017 20:31:14
 :fire: อ๊ากกกก เกรี้ยวกราดดดดอยากจะพ่นไฟใส่พาย ไอ่เราก็นึกว่าเป็นคนดีที่ไหนได้ผูกใจเจ็บมาตั้งแต่ต้นเลยนี่ ตัวต้นเหตุมาจากคมสันแท้ๆทำไมคนซวยต้องเป็นหนูจิทุกทีละ สงสาร แต่ก็นะถ้าให้ไปไฝว้กับพญามารอย่างคมสันนี่คาดว่าพายคงหายหน้าไปจากวงการเลยแหละ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 17-12-2017 20:31:26
ใครไปเจอจิระหนออออ รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 17-12-2017 20:52:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 17-12-2017 22:12:34
พายก็ยังคงเป็นตัวร้ายเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 17-12-2017 22:22:15
พายตัวอิจฉาชัดๆ อยากจะสงสารอยากจะเห็นใจที่โดนแย่งบทนะ แต่จิตใจแย่ทำร้ายจิระขนาดนี้ ให้อภัยไม่ได้ หวังว่าพายจะได้รับผลที่ก่อนะ :katai4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 17-12-2017 22:32:10
 :hao7: ลุ้น
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 17-12-2017 22:36:38
พายนิสัยไม่น่ารักเลยคนแบบนี้ไม่น่ามีที่ยืนในสังคมนะค่ั :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 18-12-2017 09:54:12
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 18-12-2017 13:42:21
คราวที่แล้วรอด แต่ครั้งนี้น่าจะจบนะพาย หึหึ
ทำตัวไม่น่าเอ็นดูเล้ย   :z6:  จัดการซะให้เรียบร้อยนะบอส!!! (คมสัน)
 :3123:  :pig4:  :3123:

หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: obofe ที่ 18-12-2017 16:59:33
เตรียมป้ายเชียรจิตริน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: สาว801 ที่ 18-12-2017 17:49:14
กองละครจะล่มมั๊ย :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 19-12-2017 12:02:52
สนุกมากค่ะ
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 19-12-2017 12:28:07
น้องจิระทำบุญหญ่มั๊ยลูก งานเข้าหนักตลอด
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน- P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 19-12-2017 19:17:23

ตอนที่ 16

เอาคืนหรือไม่เอาคืน




ผมตื่นมาอีกครั้งด้วยสภาพงัวเงียและดวงตาที่เลื่อนลอย

ก่อนจะรีบลุกพรวดเมื่อเห็นเพดานไม่คุ้นเคย เกิดอะไรขึ้น ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ ห้องนี้คือที่ไหน!?

ผมสติแตกสุดขีด เดินลงจากเตียงพร้อมก้มมองนาฬิกาข้อมือเพื่อดูว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว ก่อนจะชะงักค้าง เพราะตอนนี้...เวลาสามทุ่มตรงเผงไม่มีขาดไม่มีเกิน

ขาค่อยๆ ทรุดลงไปนั่งกับพื้นอย่างสิ้นหวัง

น้ำตาคลอหน่วยขึ้นมาด้วยอารมณ์เจ็บจุก...โดนเอาคืนครั้งนี้เจ็บแสบแสนสาหัส ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนอย่างพายจะวางแผนเล่นงานผม แต่...กับตัวเขาเองที่กดดันตัวเองถึงขนาดนั้นก็คงจะถึงขีดสุดของความอดทนแล้วจริงๆ

...แต่มันใช่ความผิดผมซะที่ไหนล่ะ!

ทุกอย่างที่เขาเท้าความมาล้วนมีคมสันเป็นผู้ขับเคลื่อนให้บรรลุผลทั้งนั้น แถมไอ้คนที่ถูกพูดถึงยังไม่ใช่คนเดียวกัน แต่เป็นสองคน!

จิตรินในร่างของผมตอนแสดงซีรีส์เช็กเมทซีซันหนึ่ง และตัวผมตอนรับบทซีเคร็ทในซีซันสอง

ฉะนั้นจะเอาความผิดทั้งหมดมาโยนให้ผมรับคนเดียวไม่ได้!

ต้องโทษคมสัน! ใช่แล้ว...โทษคมสัน...คม...

“คมสัน!!” ผมตะโกนเสียงหลงเมื่อจู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดด้วยเจ้าของชื่อที่เลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นผมนั่งแหมะกับพื้นอย่างหมดสภาพ

“ครับ ผมคมสัน” คุณเลขารับมุกซะด้วยสิ เดี๋ยวก่อน...มันใช่เวลาเหรอ!

“ฉันมาที่นี่ได้ยังไง”

“เบิ้มเป็นคนอุ้มคุณมา”

“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น...ฉันหมายถึง...นายหาตัวฉันเจอได้ยังไง”

“เป็นความลับทางธุรกิจครับ”

ความลับทางธุรกิจตรงไหนวะ นี่มันคุกคามความเป็นส่วนตัวกันชัดๆ! ผิดกฎหมาย นี่มันผิดกฎหมาย!

“นาย...ฝังเครื่องติดตามตัวในร่างฉันเหรอ” ผมกอดตัวเองด้วยมือสั่นเทา ไม่รู้ทำไมถึงคิดพิเรนทร์โยงถึงบทบาทของมิสเตอร์เอสในซีซันสอง แต่เชื่อมั้ย...ผมว่าอย่างคมสันหากคิดจะทำก็ทำได้ว่ะ...

“คิดไกลไปแล้วครับ” คมสันถอนหายใจเฮือก ยอมเฉลยก่อนที่ผมจะเตลิดหนัก “ผมใส่เครื่องติดตามตัวในนาฬิกาของคุณต่างหาก”

“นาฬิกาเรือนนี้เสี่ยเป็นคนซื้อให้ฉัน” ผมแก้ต่าง ไม่ใช่ว่ายังรักยังหลงเสี่ย แต่ผมเสียดายมูลค่าของมันจึงสวมทุกวันไม่เคยห่างกาย

“เสี่ยสั่งให้ผมซื้อมาก่อนจะมอบให้คุณครับ”

สิ้นคำนั้นเป็นอันหมดข้อสงสัย เพราะผมเชื่อว่าคนอย่างเสี่ย...ไม่มีทางเดินเลือกนาฬิกาให้กับเด็กเลี้ยง เขาถนัดเรื่องชี้นิ้วสั่งที่สุด ถึงได้ถูกคมสันปิดหูปิดตา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างภายใต้การปกครองอย่างเผด็จการของเลขาคนนี้

“พายล่ะ”

“ผมยังไม่ทำอะไรเขา เพราะอยากรู้เรื่องทั้งหมดจากปากคุณก่อน”

“ฉันไม่มีอารมณ์จะเล่า”

“ไม่เป็นไรครับ ผมรู้ว่าตอนนี้คุณอารมณ์ไม่ดี ฉะนั้นจะให้อยู่คนเดียวสักครู่” คมสันว่าพลางหยิบของขึ้นมาวางเรียงบนโต๊ะข้างเตียง “นี่คือกุญแจรถของคุณ เบิ้มช่วยขับกลับมาให้ จอดอยู่ที่โรงรถของคฤหาสน์ ส่วนนี่โทรศัพท์ ผมเป็นคนเก็บมาเอง”

ผมมองของสองสิ่งด้วยแววตาสับสน

“ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็โทรมานะครับ”

คมสันจากไปแล้ว เขาเดินออกจากห้องด้วยความสุขุมเยือกเย็นจนน่าชื่นชม เป็นผมซะอีกที่ยังปรับตัวไม่ทัน เริ่มต้นไม่ถูกว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป

ก่อนอื่น...ก็เปิดโทรศัพท์สินะ


เสียงแจ้งเตือนดังระรัวทันทีจนสะดุ้ง ผมค่อยๆ ไล่ดูสายโทรเข้านับร้อย ส่วนใหญ่มาจากคมสัน เขาคงโทรหาผมก่อนจะใช้ยุทธวิธีตามตัวจากนาฬิกา ที่เหลือคือผู้กำกับ คนเขียนบท อัครเดช และธนัท

เพียงเห็นรายชื่อจากกองถ่ายเช็กเมท ผมก็เค้าเห็นลางแห่งความวิบัติอยู่รำไรจนไม่กล้าโทรกลับ ก่อนจะสะดุดตากับข้อความเข้าของคนคนหนึ่ง คนที่ไม่คิดจะโทรหา แต่เลือกส่งข้อความถามไถ่

‘เป็นอะไรมั้ย’

ข้อความสั้นๆ ประกอบด้วยคำสี่คำ จากชายที่ชื่อเตโช

ผมนิ่งไปครู่ใหญ่ ไม่รู้อะไรดลใจ รู้ตัวอีกทีก็กดโทรหาเขาแล้ว

(( ให้ไปรับมั้ย ))

ไม่ถามว่าผมอยู่ไหน หายตัวทั้งวันได้ยังไง หรือเกิดอะไรขึ้น

เตโชกลับถามว่าให้ไปรับมั้ย

วินาทีนั้นจิตใจที่เต้นรัวด้วยความเกรี้ยวกราดกึ่งหวาดหวั่นมาตลอดของผมพลันสงบลงอย่างเหลือเชื่อ

“อืม มารับหน่อย”




สี่ทุ่มตรง เตโชนั่งแท็กซี่มารอผมที่หน้าคฤหาสน์หลังโตของเสี่ย หลังได้รับข้อความจากเขาแล้วผมก็เริ่มปฏิบัติการหลบหนี นั่นคือการไต่บันไดเชือกลงมาจากหน้าต่างห้องของคมสันที่อยู่ชั้นสอง ต้องขอบคุณบทเรียนของจิตรินที่ทำให้ผมปีนป่ายได้คล่องแคล่ว และขอบคุณเลขาจอมมารที่มีรสนิยมในการเก็บสะสมของพิศดาร เพราะนอกจากบันไดเชือกแล้ว เขายังมีกุญแจมือ โซ่ แส้ และอีกสารพัดอย่างที่ผมไม่ขอกล่าวถึง

อดีตเด็กเลี้ยงที่เคยเข้าออกราวกับเป็นบ้านของตัวเองอย่างผม การไปโรงรถนั้นง่ายดายยิ่งกว่าปอกกล้วย โชคดีเหลือเกินที่มีคนลืมรีโมตไว้พอดี ผมเลยใช้มันเปิดประตูรั้วคฤหาสน์ ก่อนจะขับรถออกมาแวะรับเตโชซึ่งยืนหนาวสั่นอยู่ข้างนอกได้อย่างราบรื่น

เกือบลืมบอกไป ตอนนี้ข้อมือซ้ายผมว่างเปล่า เพราะวางนาฬิกาคืนบนเตียงของคมสัน แม้ครั้งนี้จะโชคดีได้ใช้ประโยชน์ แต่ให้อยู่ในสายตาจอมมารตลอดไปน่ะอย่าได้ฝัน!!

อารมณ์ที่เริ่มพวยพุ่งขึ้นมาอีกครั้งสงบลงทันทีเมื่อเตโชเปิดประตูฝั่งคนขับพลางก้มหน้าพยักพเยิดเป็นเชิงให้ผมไปนั่งอีกฝั่ง ด้วยความขี้เกียจ ผมที่ปีนลงชั้นสองมาแล้วเลยปีนข้ามฝากไปนั่งประจำข้างคนขับ ปล่อยให้เตโชกลายร่างเป็นสารถี ใช้แรงงานแลกค่าน้ำมัน เพราะปกติเวลาเขาขอติดรถมาด้วยก็มักรับตำแหน่งนี้เสมอ

เพิ่งสังเกตว่าเขามีของฝากติดมือมาด้วยก็ตอนที่ถุงพลาสติกถูกวางแหมะบนตัก

เป็นกล่องข้าวของเซเว่น ยังอุ่นๆ อยู่เลย

คล้ายจะได้ยินเสียงท้องตัวเองร้องขึ้นมาทันทีที่เปิดฝากล่อง ผมก้มหน้าเขินอาย มาสำนึกตัวเองได้ก็ตอนนี้ว่าไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้าแล้ว แม้จะนอนอย่างเดียวก็ต้องการพลังงานนะขอบอก

แม้รสชาติของข้าวกล่องอีซี่โกจะไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน แต่ด้วยความหิวโหยทำให้ผมกินหมดในเวลาอันรวดเร็ว พอท้องอิ่ม สติก็เริ่มมา ผมเงยมองหน้าเตโช สงสัยว่าเขาไม่คิดจะถามกันหน่อยเหรอ ทั้งเรื่องที่จู่ๆ ผมมาโผล่ในคฤหาสน์หลังยักษ์ ทั้งเรื่องที่ผมหายหัวไปทั้งวัน เขาทำหน้าราวว่าผมให้มารับก็มารับ พอได้ตัวคนแล้วก็สบายใจไม่คิดเซ้าซี้

ไอ้คนมึนคนนี้นี่...

ผมล่ะอ่อนอกอ่อนใจกับเขาเหลือเกิน แต่อีกใจ ก็รู้สึกโชคดีชะมัดที่มีคนอย่างเตโชในเวลาที่ไม่รู้จะหันเข้าหาใคร

“ขอบคุณ”

“มีอีกกล่องข้างหลัง”

“ฉันไม่ได้ขอบคุณเรื่องข้าว ฉันขอบคุณเรื่องที่มารับ และฉันอิ่มแล้ว ขอบคุณนะ”

เตโชเหลือบมองผมด้วยแววตาปนขบขัน เอ่อ...ผมบอกว่าไม่ได้ขอบคุณเขาเรื่องข้าว แต่ตบท้ายด้วยการขอบคุณเรื่องข้าว

ย้อนแย้งกว่าใครก็จิระนี่เอง


เมื่อเห็นกล่องข้าวถูกเก็บใส่ถุงเรียบร้อย เตโชก็วางโทรศัพท์ตัวเองแหมะบนตักผมเป็นลำดับต่อมา

ผมมองของสิ่งนั้นพร้อมย่นหน้า ไม่คิดจะเปิดดูสักนิด แต่พอหันไปมองเตโช เขาก็เอียงศีรษะส่งสัญญาณให้ผมเปิดให้ได้ เอาไงเอากันวะ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด อย่างน้อยผมก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

ตอนแรกคิดว่าจะเป็นข่าวเรื่องผมเบี้ยวนัดวันเปิดกอง ถูกด่าว่าเป็นดาราเนรคุณ ได้โอกาสแล้วยังทำให้ทีมงานเสียหาย นักข่าวรอเก้อ

แต่ไม่ใช่! เพราะสิ่งที่เตโชอยากให้ผมเห็นคือคลิปเสียงที่หลุดออกมา ข่าวที่ฉาวอยู่แล้วยิ่งฉาวหนัก ผมขมวดคิ้ว กดเปิดคลิปเสียงที่ว่าฟังทันที

‘ฉันจะบอกให้ชัดอีกครั้ง ฉันไม่ได้อยากเป็นดารา และฉันไม่ได้อยากแสดงในซีซันสองแต่แรก แต่ถูกยัดเยียดมาต่างหาก ถ้าจะโทษ ก็ไปโทษตัวต้นเรื่องโน่น!!!’


ผมอ่านรายละเอียดคลิปที่ถูกอัพโหลดลงยูทูป ผู้อัพอ้างว่าเป็นหนึ่งในทีมงานที่มาตามตัวจิระไปกองถ่ายในวันนี้ แต่กลับโดนปฏิเสธและถูกพูดอย่างนี้ใส่ จงใจป้ายสีว่าผมทำตัวเหลวแหลกไม่เอาอ่าว ไม่อยากรับบทซีเคร็ท เลยประท้วงไม่เข้ากอง

พายคงกะกระทืบผมจมดินเลยสินะ

ปวดหัวขึ้นมาชอบกล ผมกุมขมับ ส่งโทรศัพท์คืนเตโช แต่เขารับไปกดเปิดอีกคลิป ก่อนจะส่งให้ผมอีกครั้ง

‘ฉันจงใจใช้แฟนคลับเตโชมาสนับสนุนตัวเองแล้วยังไง มันหนักหัวนายนักเหรอ ถ้าหนักมากก็เลียนแบบสิ ฉันไม่หวงและไม่จดลิขสิทธิ์หรอกนะ!’

เทียบกับคลิปแรกแล้ว คลิปนี้น้ำเสียงเต็มไปด้วยความประชดประชันและดูแคลน ถ้าไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังมาก่อน ผมคงรังเกียจคนคนนี้สุดหัวใจ แต่ในเมื่อนั่นเป็นตัวผมเอง และไอ้สิ่งที่พูดกับที่ทำก็เป็นความจริง ผมเลยทำเพียง...เลิกคิ้วใส่เตโช

คนหน้ามึนไม่หือไม่อือ ไม่แม้แต่จะโกรธเกลียดถีบผมลงจากรถ ราวกับว่าการให้ผมฟังคลิปนั้นเป็นหน้าที่ เมื่อทำเสร็จแล้วก็เป็นอันเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง

“เดี๋ยว” ผมรั้งมือเขา ไหงเป็นตัวเองซะได้ที่หงุดหงิดอยากอาละวาดแทนคนหน้ามึน “นายไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ”

“รู้สึกสิ”

“รู้สึกอะไร”

“เป็นห่วง...” เตโชเก็บโทรศัพท์แล้วพลิกมือว่างเปล่ามากอบกุมประสานนิ้วกับผม “เป็นห่วงมาก”

“แต่ฉันใช้ประโยชน์จากนาย ตั้งใจสร้างกระแสคู่จิ้นเพื่อแย่งแฟนคลับนายนะ”

“ให้แย่ง” เตโชพูดเหมือนกำลังแบ่งลูกชิ้นกัน... “ยกให้หมดเลย”

“จะบ้าเรอะไง ของแบบนี้ยกให้ง่ายๆ ที่ไหน!” แล้วทำไมกลายเป็นผมที่ตวาดสั่งสอนถึงจริยธรรมที่มนุษย์พึงมีกันล่ะ ทั้งที่ตอนแรกอยากปิดหูปิดตาแท้ๆ แต่พอเห็นเตโชไม่ยี่หระ ผมเลยหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาเปิดเช็ก คาดไว้ไม่มีผิด ตอนนี้กระแสในโซเชียลพร้อมใจกันก่นด่าไม่มีชิ้นดี เดิมทีแฟนคลับของผมแบ่งเป็นสี่กลุ่ม กลุ่มแรก คือกลุ่มที่ติดตามซีรีส์เช็กเมท กลุ่มสองคือแอนตี้แฟน กลุ่มสามคือเพิ่งมาติดตามการแสดงของผมและเอาใจช่วย ส่วนกลุ่มสี่คือแฟนคลับของเตโช

ก่อนหน้านี้กลุ่มหนึ่ง สาม และสี่ ร่วมมือกันจนแอนตี้แฟนล่าถอย

แต่ตอนนี้...กลายเป็นทั้งสามกลุ่มนั้นว่าร้ายผมยิ่งหนักกว่าแอนตี้แฟนซะอีก ทั้งผิดหวังและโกรธเกลียด โดยเฉพาะกลุ่มของเตโชที่สร้างกระแสเก่งมากเพราะมักเป็นวัยรุ่น รุมด่าผมไปถึงครอบครัวลามปามจนเรื่องราวใหญ่โต

“เพราะเป็นจิระ” เตโชบีบมือผมที่นั่งซึมกระทือกับคำวิจารณ์แผ่วเบา เขาอาจคิดในใจก็ได้ว่าช่างไม่เจียมตัวเองเอาซะเลย ปากแข็งใจอ่อนอย่างนี้ยังริเปิดดูคำว่าร้ายเสียดสีอีก “เพราะเป็นจิระ ทุกคนเลยชอบ...จิระไม่ได้แย่ง พวกเขาชอบจิระ เลยสนับสนุน”

“แต่ตอนนี้...”

“ถ้าไม่ใช่จิระ ต่อให้ยกให้แต่แรก...ก็ไม่มีประโยชน์”

นานครั้งจะได้ยินเตโชพูดมีสาระกับเขาบ้าง ผมคล้ายจะถูกเขาเคาะเรียกสติแรงๆ ด้วยไม่กี่ประโยคจากน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยทว่าแฝงความจริงจังและจริงใจ

ต่อให้ผมใช้เส้น วางแผนดึงแฟนคลับจากเตโชมาแล้วยังไง ทุกอย่างคือความพยายามของผมไม่ใช่เหรอ ทุกผลตอบรับที่ออกมาดี ทุกคำชื่นชมต่อซีเคร็ท เพราะทุกคนยอมรับในตัวตนของผม ชื่นชมฝีมือการแสดงของผมไม่ใช่เหรอ

ดูกระแสที่ตีกลับราวลืมเลือนความจริงข้อนี้แล้ว ผมพลันรู้สึกคล้ายภาพเบื้องหน้าแตกพร่า

ต่อให้ทุกคนจะลืมเลือน แต่เตโชที่อยู่เคียงข้างผมมาตลอดนั้นไม่เคยลืม

เหมือนกับที่แม้ผมจะร้องไห้จนตัวโยน แต่ไออุ่นจากมือที่กอบกุมและบีบเบาๆ นั้นสัมผัสได้อย่างชัดเจน

เตโชขับรถมือเดียว ไม่คิดรั้งกลับ ไม่คิดเปิดปาก และไม่แม้แต่จะมองผมเพื่อไม่ให้รู้สึกอับอาย

ไม่รู้ว่าร้องไห้ไปนานแค่ไหน แต่ผมรู้สึกเหมือนตัวแห้งราวกับน้ำตาที่เก็บกลั้นมานานนับตั้งแต่สลับร่างกับจิตรินถูกปล่อยออกมาทั้งหมด ผมสะอื้นน้อยๆ ขณะใช้แขนเสื้อเช็ดหน้า ก่อนจะมองเตโชด้วยดวงตาแดงก่ำ ยอมปล่อยมือเขาให้ขับรถสบายๆ สักที

“จะไม่ถามหน่อยเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น”

“ถ้าเล่าก็จะฟัง”

ผมหลุดหัวเราะพรืด ไม่รู้ว่าทำไมถึงขำในสถานการณ์ที่ไม่ควรขำ แต่น้ำเสียงสุดเฉยชาของเขานั้นทำราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นช่างเล็กจ้อยขี้ปะติ๋วเสียเหลือเกิน

“กลับกันเถอะ...ฉันเหนื่อยแล้ว”

ผมนอนพิงเก้าอี้ด้วยความอ่อนล้า

“พอแล้ว...”





หลังกลับถึงห้องตัวเองที่คอนโด จัดการธุระส่วนตัวสวมชุดนอนเรียบร้อย ผมก็กลั้นใจโทรหาคมสัน

จอมมารกำลังรออยู่เลยเชียว

(( โชคดีนะครับที่โรงรถไม่ได้ล็อกประตู ))

และรู้ด้วยว่าผมแอบปีนหนีออกไปยังไง เอาเถอะ คนอย่างจอมมาร หากจะปล่อยคนก็ทำได้ง่าย ถ้าจะขังคนก็ทำได้สบายๆ เช่นกัน การที่เขาปล่อยให้ผมอยู่ในห้องคนเดียว ยื่นกุญแจรถคืนโทรศัพท์ให้ก็เป็นการบ่งบอกกลายๆ แล้วว่าอยากจะไปเลียแผลที่ไหนก็ไปซะ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยโทรมา

และตอนนี้ผมก็พร้อมแล้ว

เรื่องราวทุกอย่างถูกเล่าละเอียดยิบ นับตั้งแต่พายขอเบอร์ผมตอนงานมีตติ้ง และการขอร้องแกมพาดพิงของพายที่ทำให้ผมใจอ่อน กาแฟที่วางยานอนหลับ จดหมายปลอม และคลิปเสียงหลุดว่าผมพูดออกไปด้วยอารมณ์แบบไหน

คมสันไม่ว่าผมสักคำ แต่ร่วมด้วยช่วยกันแบ่งปันข้อมูล

(( ตอนเข้ากองวันนี้ พายบอกไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับคุณเลย เขาอ้างเรื่องที่ไม่ได้สนิทสนมกับใครในกองถ่ายทำให้หลุดจากเป็นผู้ต้องสงสัย อันที่จริง...ผมช่วยแก้ตัวว่าคุณจิระอาหารเป็นพิษ แต่พอมีคลิปเสียงออกมา ทุกอย่างเลยกลับตาลปัตร ))

กลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะอีกครั้ง

อ้างอีกอย่างแต่ผลออกมาอีกอย่าง สถานการณ์คุ้นๆ ชอบกลแฮะ ผมยิ้มขื่น เริ่มปลงตก

(( อยากเอาคืนมั้ย ))

ก่อนจะตัวสั่นเทาขึ้นมาเมื่อน้ำเสียงจอมมารพร้อมลุย

“เอาคืนยังไง”

(( ผมมีหลักฐาน )) คมสันเอ่ย (( ตอนไปรับตัวคุณมา ผมว่างมากเพราะปลุกยังไงคุณก็ไม่ตื่น และพายก็ยังอยู่ในกองถ่าย ผมเลยถือโอกาสสำรวจบ้านเขา เก็บจดหมายปลอมพวกนั้นมาด้วย ลองเทียบลายมือแล้วพบว่าเป็นลายมือของเขา พายคงกะให้คุณจิระเห็นคนเดียวเลยทำเองลวกๆ ไม่ได้ตัดแปะตัวอักษรกลบเกลื่อนลายมือให้แนบเนียน โชคดี ผมเงยไปเห็นกล้องวงจรปิด เลยลองเปิดคอมฯที่บ้านพาย และโชคดีมาก ที่เขาลงโปรแกรมกล้องไว้ในเครื่อง หลังลองเปิดส่วนของวันนี้ดูแล้วเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างชัดเจน แม้จะไม่มีเสียงก็เป็นหลักฐานชั้นเยี่ยม ผมเลยดึงไฟล์ส่งเข้าเมลตัวเองเรียบร้อยแล้วครับ ))

...กลัวแล้ว!!!


ผมกลืนน้ำลาย นึกขยาดจอมมารผู้เหี้ยมโหด

“ถ้ามีหลักฐานพร้อมขนาดนี้จะถามฉันทำไม ไม่จัดการไปเลยล่ะ”

(( เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันกับบริษัท นักแสดงสองคนมีเรื่องบาดหมางขนาดใส่ความกันเองจนเกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โต หากแฉออกมาเรตติ้งซีรีส์เช็กเมทซีซันสองคงมีแต่ลงกับลง ))

“อ้อ เพราะอยากปกป้องบริษัทสินะ” ผมว่าแกมประชด

(( แต่ถ้าอยากเอาคืน...ผมจะยอมยกประโยชน์ให้จำเลย ))

“เลขาใจโหดอย่างนายน่ะเหรอจะช่วยปกป้องฉันแทนที่จะปกป้องผลประโยชน์ของบริษัท” ผมถามกึ่งหาเรื่อง ไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างคมสันจะยอมทิ้งความเป็นเลขาหน้าเลือด

(( ก็คนอย่างผม...ที่ผลักดันคุณมาตั้งแต่เริ่มเนี่ยแหละครับ ))

รอยยิ้มผุดบางออกมาโดยไม่รู้ตัว

เพราะอย่างนี้ไง...ถึงจะกลัวจอมมารมากแค่ไหน แต่ผมก็ไม่เคยเข็ดกับเขาสักที

คมสันช่วยผมมามาก ทั้งผลักทั้งดัน ฉุดกระชากลากถูเพื่อให้เดินในเส้นทางที่ผมพยายามปฏิเสธมาตลอด ผมพูดได้เต็มปากเต็มคำ ถ้าไม่มีเขา ก็คงไม่มีดาราที่ชื่อจิระในวันนี้

“ขอบคุณ...ที่สนับสนุนคนไม่เอาไหนอย่างฉันมาตลอด”  ผมพูดเสียงเบาหวิว “แต่พอแล้วล่ะ ฉันไม่อยากให้เช็กเมทเสียไปกว่านี้ ตอนซีซันหนึ่ง คนที่ทำให้จิตรินถูกจับกลางกองก็คือฉัน คราวนี้เกิดกับตัวเองบ้าง ถือว่ากรรมตามสนองแล้วกัน”

คมสันเงียบไปนานจนผมชักหวั่น

(( โตขึ้นแล้วนะครับคุณจิระ ))

น้ำเสียงนั้นแฝงความภาคภูมิใจในตัวผมบ้างมั้ยนะ

“ฉันไม่ใช่เด็กที่ต้องให้นายมาคอยจี้ตลอดหรอกน่า!” ผมแสร้งตะโกนแก้เก้อ เพราะหากเป็นจิระคนเดิม คงไม่วายเลือกแฉพายเอาสะใจไว้ก่อนจนคนไม่เกี่ยวข้องเดือดร้อนวุ่นวายกันไปหมด “แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ปิดเป็นความลับรู้กันแค่วงใน พอเข้ากองอีกรอบฉันจะวิ่งไปกอดพาย กระซิบว่าเพื่อนรัก คมสันรู้ความจริงหมดแล้วนะ เอาให้เขาตกใจกลัวจนขาสั่นไปเลย!”

(( ผมเพิ่งชมคุณว่าโตขึ้นเองนะครับ ))

“โว๊ะ ไม่คุยด้วยแล้ว!” ผมวางสายจากคมสัน ก่อนจะฮัมเพลงระหว่างเป่าผมให้แห้งเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ น่าแปลกชะมัดที่เพิ่งเจอเหตุการณ์น่าโมโหมาแท้ๆ แต่ผมยังยิ้มออก

คงเพราะคนรอบตัวผมนั้นต่างเชื่อใจและเข้าใจ

พอเดินออกมาก็ปะกับเตโชที่นั่งจ๋องบนโซฟาหน้าตาเคร่งเครียด เขาเงยมองผม ไม่พูดอะไรแต่คล้ายจะเรียกให้เข้าใกล้ชอบกล

“มีอะไร”

จิระกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเตโชวิทยาไปแล้วเหรอ...

คนหน้ามึนไม่ตอบ แต่ส่งกระดาษสองแผ่นให้ผม

“เพลงของซีเคร็ท”

“ห้ามให้นักแสดงดูไม่ใช่รึไง” แม้จะแอบแย้งแต่ผมตาวาวมาก รีบทิ้งตัวนั่งข้างเตโชแล้วแกะเนื้อเพลงทีละท่อนด้วยความลุ้นระทึก

“ให้จิระดู”

แล้วจิระของนายไม่ใช่นักแสดงรึไง

“เอาเถอะ ฉันจะไม่บอกใครป้องกันไม่ให้นายโดนปรับแล้วกัน” ผมเอนตัวพิงไหล่เตโช ทั้งที่หลับไปทั้งวันแล้วแต่ยังรู้สึกเพลีย ตัวอ่อนเปลี้ยเรี่ยวแรงหดหาย ไม่รู้ว่าตัวอุ่นๆ ของเขามีเวทมนตร์ให้ผ่อนคลาย หรือเป็นผมเองที่อยากทำตัวเหลวทิ้งน้ำหนักใส่กันแน่

“ชอบมั้ย”

“ชอบ” ผมอมยิ้มพลางดึงแขนเสื้อเขาเบาๆ “ร้องให้ฟังหน่อยสิ”

คนหน้ามึนทำตามขอ เอียงศีรษะเข้าหาผม ฮัมเพลงออกมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยน ไม่เข้ากับเพลงของเช็กเมทแม้แต่น้อย

ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ทักท้วง เพราะรู้ว่าเขาไม่ได้ร้องถึงมิสเตอร์เอส แต่กำลังร้องให้ผม...จิระ

เป็นเพลงของผมคนเดียว

---------

น้ำตาจะปริ่มกับจิระที่โตขึ้นแล้ว เทียบกับเรื่องของเสี่ย เด็กน้อยที่ทำตามใจตัวเองไม่สนว่าใครจะเดือดร้อนยังไง กับจิระในตอนนี้แล้ว...คมสันก็คงจะภูมิใจมากๆ เลยนะคะ นับว่าการให้จิระกับเตโชมาเจอกันนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะการมีเตโชอยู่เคียงข้างในวันนี้...นับเป็นช่วงเวลาที่ล้ำค่าที่สุดของทั้งคู่จริงๆ

เพจนักเขียนที่มองจิระราวลูกสาวรอออกเรือน (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)

ปล.เรื่องเพิ่งจะครึ่งทาง อย่าเพิ่งตกใจคิดว่าเช็กเมทจบแล้วเรื่องจะจบน้า เรื่องราวของเตโชกับจิระเพิ่งเริ่มต้นในสายสีชมพูค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-12-2017 19:34:12
 :hao5:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 19-12-2017 19:34:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 19-12-2017 19:37:38
แล้วจะปล่อยให้พายลอยนวลไปแบบนี้น่ะเหรอ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 19-12-2017 19:46:51
แต่คิดว่าคมสันคงไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้หรอกจริงไหม
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-12-2017 19:55:17
อนาคตของนุ้งจิในวงการบันเทิงจะเป็นยังไงต่อนี่
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 19-12-2017 19:58:32
อย่าปล่อยพายไปนะ ทำผิดก็ต้องได้รับโทษ :katai1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 19-12-2017 20:02:55
 :sad4: จ๊งจ๊านนนน จิระ คมสันจัดการเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 19-12-2017 20:05:22
จิระกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะในสายตาแฟนคลับแล้วง่าาา :ling1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 19-12-2017 20:06:46
อืมนะ. เพราะคนรอบข้างเชื่อใจ เข้าใจ ต่อให้เรื่องไม่ดีมีเข้ามาก้อไม่ทุกข์ใจ

จิระโชคดีที่สุดละ. มีเตโชอยู่ข้างๆตลอด

พายน่าสงสารนะ เพราะกฎแห่งกรรมมันมีจริงนะจ้ะ

 :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:

..

..

หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 19-12-2017 20:09:48
แล้วจะแก้ข่าวยังไงอ่ะ ถึงจิจะยอมแต่ เชคเมทก็ต้องเดินหน้าถ่ายต่อนะ จะเจ๊งมั้ย ยังไงคมสันก็ต้องจัดการเรื่องนี้นะ 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-12-2017 20:21:50
 :m16:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: soul love ที่ 19-12-2017 20:36:40
คนสำคัญที่อยู่ข้างเราและเชื่อใจเรา คือสิ่งที่ดีที่สุด ^^
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 19-12-2017 20:50:52
 :katai1: คมสันเล่นบทปีศาจหน่อยเร็ววว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 19-12-2017 20:55:54
 :beat: ถึงน้องจิไม่เอาคืน แต่พายควรได้บทเรียนนะ ทำเกินไปล่ะ  :fire:
พอโตน้องจิก็น่ารักเลย มีเตโชคอยเคียงข้างสู้ๆ น๊าจ๊ะ
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 19-12-2017 21:49:54
เกลียดพายยยยยย ต้องเอาคืนนะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-12-2017 22:07:21
เรื่องนี้จิจะไม่ยุ่ง ใครจะเผือก ก็เผือกไป (ตามองไปที่คมสัน)  :o9:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 19-12-2017 22:10:43
เหมือนกรรมสนองจิระเลยนะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 19-12-2017 22:17:52
บริษัทนี้มีแค่คุณสันคนเดียวก็เอาอยู่ นางเก่งเว่อ  ทำงานเก่ง ฉลาด รอบคอบ ว่องไว  เป็นเลขาแต่เราคิดว่านางเป็นเจ้าของบริษัทไปแล้ว 5555 ขอให้พายโดนหนักๆ :katai4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 19-12-2017 22:29:25
โชคดีที่มีเตโชอยู่ข้างๆจิระ และโชคดีที่มีคสันเป็นพวกนะคะ เพราะถ้าเป็นศัตรูคงแย่แน่ๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ObliVioN69 ที่ 19-12-2017 22:31:15
ไม่รู้ทำไม ชอบอ่านคมสัน เป็นสังคมตลอด ตั้งแต่ภาคเสี่ยแล้ว 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Nekosama ที่ 19-12-2017 22:52:30
ได้เวลาสนุกแล้วสิ หึๆ คมสันมาเหนือ คราวหน้าอย่าทิ้งหลักฐานทิ้งไว้อีกนะพาย เอ๊ะ จะมีคราวหน้าด้วยหรอ?  :z2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 20-12-2017 03:38:10
ถ้าบอกพายไปแบบนั้นน่าจะสนุกนะ ฮ่าๆๆ

ตอนนี้ชอบเตโชมากๆๆ ชอบมากขึ้นทุกตอนเลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 20-12-2017 07:05:16
เข้าใจพายน่ะแต่นายประมาทคมสันไปน่ะ ดีที่จิระถอดร่างแล้ว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 20-12-2017 08:16:52
เชื่อความสามารถของคมสัน คาดว่าแก้สถานการณ์คลิปเสียงเป็นเรื่องโปรโมทได้ ไม่ยากกก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 20-12-2017 09:55:35
โฮ่ๆๆๆ อย่างคมสันที่มองว่าจิระเป็นของเกรด AAA สามารถผลักดันได้อีกมาก

เราว่าพายต้องหงายเงิบแน่นอน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 20-12-2017 11:34:47
ใครกันแน่เด็กเลี้ยงแกะ พายไม่ใช่รึไง
เป็นคนโง่ ไม่มีความพยายาม ไม่มีความฮึด พอทำไม่ได้ก็ชี้นิ้วด่าคนอื่น
โบ้ยให้จิรับกรรมซะงั้น ก็แค่ตนขี้อิจฉา แต่กลายเป็นคนริษยาตอนที่วางแผนป้ายสีจิ
ถามจริงไม่รังเกียจตัวเองรึไง
เก่งไม่ถึงครึ่งก็ทำตัวต่ำตม คนแบบนี้น่าจะโดนแบนไปซะ

ถ้าจิไม่เอาคืน หรือเปิดโปงปล่อยให้พายลอยนวล
สักวันถ้าไปอิจฉาคนอื่นอีก คงจะใช้วิธีการเดียวกันสินั
ไม่พัฒนาตัวเองก็อยู่อย่างคนขี้แพ้ไปเถอะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-12-2017 12:58:46
จิระโตขึ้นมากจริงๆ เหมือนมองดูลูกเติบโตขึ้นทีละนิด o18
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: obofe ที่ 20-12-2017 13:50:53
โตขึ้นแล้วจริงๆ  ซาบซึ้งใจ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 20-12-2017 16:21:46
ฮือออ เฮียคมสันขา หมั่นไส้เฮียมาตลอด แต่กรุณาแสดงความไร้เทียมทานกะอิพายให้สมน้ำสมเนื้อเป็นบุญตาหน่อยเถอะคราวนี้ โมโหเฟร้ยยย  :fire:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 20-12-2017 16:55:45
พายฉลาดนะ
ทำร้ายแบบไม่ให้สาวมาถึงตัวได้
เพราะถ้าไม่ใช่คมสันอาจไม่เก็บหลักฐานมามากขนาดนี้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 20-12-2017 22:04:02
ถึงจิระไม่เอาความแต่คิดว่าลาสบอสก็ไม่น่าจะปล่อยให้ลอยนวลนะ อาจจะแอบจัดการอะไรแบบเงียบๆก็ได้ ลาสบอสก็คือลาสบอสไม่มีทางปล่อยให้ใครมาทำให้บริษัทเสียหายแล้วปล่ิยให้เรื่องเงียบหรอก แต่สงสารหนูจินี่สิโดนเองคนเดียวเลย ไม่ยุติธรรม!!
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 21-12-2017 01:37:24
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 21-12-2017 10:20:00
เสียใจ เราริอุซ่าชอบพาย

คนใจร้าย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 21-12-2017 13:43:12
"โตขึ้นแล้วสินะทั้งสองคน พร้อมเป็นพระเอกนายเอก เข้าใกล้ความเป็นคู่กันมากขึ้นจริงๆแล้วนะ ดีใจจัง"
*กรุณาอ่านด้วยเสียงสอง ประมาณพากย์ไทยซีรี่ส์รอมคอมญี่ปุ่น

ปล.1 อีพาย เดี๋ยวเกลียดเดี๋ยวชอบ สับสนไร เล่นใหญ่เว่อร์ อีบ้า!
ปล.2 คมสันเริ่ดดด เคะราชินี!
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: marshall ที่ 21-12-2017 15:43:39
อ่านจนจบตอน เราโฟกัสที่ "จิระของนาย" อ่านเอง จิ้นเอง ฟินเอง 55
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉาก - P.19 - [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 21-12-2017 19:18:34


ตอนที่ 17

ฉากสุดท้าย

 


ไม่รู้ว่าเพราะเมื่อวานนอนไปเต็มอิ่มรึเปล่า วันนี้ผมเลยเข้ากองถ่ายด้วยสีหน้าสดใส ทั้งที่ไม่ควรจะแย้มยิ้มเริงร่าออกมาในสถานการณ์แบบนี้เลยสักนิด

“สวัสดีครับทุกคน ขอโทษเมื่อวานที่ทำให้ลำบาก ผมไม่ขอแก้ตัว แต่จะตั้งใจแสดงให้ดีที่สุด!”

ไม่มีทีมงานคนไหนขานรับ บรรยากาศค่อนไปทางกระอักกระอ่วน ซึ่งผมเตรียมใจไว้อยู่แล้ว หลังพูดความในใจเสร็จก็เตรียมตัวซ้อมบทกับอัครเดช ยังดีที่พระเอกคนดังผู้มีอัธยาศัยดีคนนี้ไม่ใช่คนปากมากช่างสงสัย และค่อนข้างให้เกียรติคนอื่น เมื่อเห็นผมตั้งอกตั้งใจมากจึงมุ่งมั่นกับการต่อบทจนกลายเป็นคร่ำเคร่ง

ธนัทเห็นอัครเดชปรับตัวได้เร็วก็เข้ามาร่วมวงซ้อมด้วย พายนั้นยังมองผมด้วยสายตาประหลาด แต่พอเห็นผมโบกมือยิ้มหน้าบานเหมือนคนบ้าไปแล้ว ก็จำใจต้องเข้าฉากเพราะนี่คือตอนสุดท้ายของซีรีส์เช็กเมท

สิบโมงตรง สื่อมวลชนค่อยๆ มารวมตัวตามเวลานัดหมาย

หลายคนกระเหี้ยนกระหือรืออยากขอสัมภาษณ์ผมซะเดี๋ยวนี้ แต่ถูกเส้นเหลืองกางกั้นห้ามส่งเสียงเพราะนักแสดงทุกคนกำลังทำสมาธิ การเก็บภาพและให้สัมภาษณ์นั้นจะเริ่มหลังจากถ่ายทำฉากนี้เสร็จ

ฉากสุดท้าย...ของมิสเตอร์เอส

“แอคชั่น!”

สิ่งที่มิสเตอร์เอสคาดเดาถูกต้องแล้ว

เพราะหลังยึดฐานทัพไม่นาน อัครเดชก็พาพรรคพวกบุกองค์กรทันที หน่วยงานรัฐที่ตอนแรกตามล่าพายก็เลือกที่จะสนับสนุนเพราะโอกาสตามจับผู้ก่อการร้ายถึงถิ่นมีไม่มาก ในไฟล์ที่มิสเตอร์เอสส่งให้ มีรายชื่อและใบหน้าสมาชิกเกือบทั้งหมด นับเป็นการเปิดโปงครั้งใหญ่ น่าเสียดาย...เพราะไม่มีส่วนของสมาชิกระดับสูง แต่ถึงอย่างนั้นก็นับเป็นผลงานที่ถ้าสำเร็จคงได้เลื่อนขั้นไม่รู้ต่อกี่ขั้น

ในตอนยี่สิบ มุมมองจะสลับระหว่างพระเอกและมิสเตอร์เอส แฮกเกอร์ซึ่งขังตัวเองในห้องควบคุมพร้อมศพที่เริ่มส่งกลิ่นเหม็นนั้นจับจ้องกล้องวงจรปิดไม่กะพริบ พร้อมอำนวยความสะดวก เพราะหลังแบ่งกลุ่มสำรวจรอบอาคาร  ไม่ว่าใครจะเดินไปทางไหน ไฟที่ดับอยู่จะติดพรึ่บ ประตูที่ถูกล็อกจะเปิดออก เป็นโอกาสให้จับกุมตัวสมาชิกในองค์กรซึ่งถูกขังอยู่แล้วอย่างง่ายดาย แม้มีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ แต่แทบไม่มีใครบาดเจ็บจากการบุกรุกครั้งนี้เลย

การกระทำของมิสเตอร์เอสทำให้เหล่าตำรวจต่างอึ้งทึ่ง ราวกับว่ากำลังเดินในสวนดอกไม้มากกว่าองค์กรใต้ดินที่ก่อเหตุร้ายแรงมาหลายสิบปี เพียงเขาพรมนิ้วมือบนคีย์บอร์ดก็ไม่ต่างกับการบังคับฟ้าบังคับฝน ราวกับพ่อมดผู้มีเวทมนตร์ สามารถควบคุมทุกสิ่งได้ดังใจ

ยกตัวอย่างเช่นตอนที่ฝ่ายอัครเดชกำลังพลาดท่า เพราะมีสมาชิกกลุ่มหนึ่งใช้ทางลับลอบจู่โจม จู่ๆ กลับมีสัญญาณไฟไหม้ดังลั่น พร้อมสปริงเกอร์ฉีดน้ำสาดลงมาเฉพาะตำแหน่งของสมาชิกองค์กร กระสุนจึงเบี่ยงเบนจากเป้าหมาย กลายเป็นฝ่ายถูกโจมตีกลับไม่เหลือสภาพ

บางครั้งบางที เมื่อมีระเบิดถูกโยนออกมา จู่ๆ ประตูเหล็กหนาสำหรับป้องกันภัยก็เลื่อนลงมาตัดกลางซะอย่างนั้น ขวางระหว่างผู้ขว้างกับตำรวจ เมื่อประตูถูกเลื่อนขึ้น ภาพของสมาชิกในองค์กรที่ถูกระเบิดตัวแหลกเหลวแต่ฝ่ายเดียวก็ปรากฏ ช่างเป็นการต่อสู้ที่มีแต่ได้เปรียบโดยแท้!

ความมั่นใจเพิ่มพูนมากขึ้น เหล่าตำรวจฮึกเหิม จับตัวประกันได้มาก แต่ก็มีบางส่วนที่ชิงฆ่าตัวตายเสียก่อน ส่วนตัวผู้นำขององค์กรที่หลบหนีไปได้นั้นมิสเตอร์เอสเองก็จนปัญญา เพราะในฐานข้อมูลไม่มีการเชื่อมโยงใดๆ ถึงคนคนนั้นเลย สมาชิกระดับสูงบางรายก็ปิดเป็นความลับ ขนาดห้องพักอยู่ตรงไหนยังไม่มีในแผนผัง ราวกับว่าลบหายจากระบบไปดื้อๆ แต่ยังไงก็ตาม...การลงมือครั้งนี้นับว่าประสบความสำเร็จ เพราะองค์กรแห่งนี้คงไม่สามารถผงาดขึ้นมาได้อีกหลายปี

เสียงปืนเริ่มเงียบลงเมื่อการตรวจค้นมาถึงจุดสิ้นสุด อัครเดชหยุดยืนหน้าห้องควบคุม โบกไม้โบกมือบอกให้มิสเตอร์เอสเปิดประตูมาเจอกันด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างดีใจที่เพื่อนสนิทไม่ได้ทรยศอย่างที่คาด

มิสเตอร์เอสเผยยิ้มบาง

เป็นยิ้มที่เต็มไปด้วยความอัดอั้นและขมขื่นมากกว่ายินดี

จบแล้วหรือ...

ในที่สุดก็ถึงตอนจบแล้วหรือ


มิสเตอร์เอสมองเหม่อข้อมูลเบื้องหน้า เขาจนปัญญากับการตามตัวระดับสูงขององค์กรอย่างไร ตอนนี้ก็รู้สึกหมดหวังเช่นนั้น บนหน้าจอคือรายละเอียดของเครื่องติดตามตัวที่ฝังในร่างกาย ในที่สุด...มิสเตอร์เอสก็รู้แล้วว่าทำไมองค์กรถึงยอมให้อิสระเขาอีกครั้ง ยอมให้ปฏิบัติภารกิจนอกสถานที่ครั้งแล้วครั้งเล่าทั้งที่นับเป็นบุคคลอันตราย

เพราะเครื่องติดตามตัวนั้นมีลูกเล่นน่าละอายอย่างที่เคยคาดการณ์ มันถูกฝังในหน้าอก ข้างหัวใจ เป็นอุปกรณ์ที่สามารถควบคุมผ่านรีโมต จับสัญญาณผ่านการเต้นของหัวใจ

และสาเหตุที่มิสเตอร์เอสยังคงมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ ก็เพราะนอกจากประตูของห้องควบคุมจะเก็บเสียง แข็งแกร่ง และยากทำลายแล้ว ยังปิดกั้นทุกสัญญาณจากภายนอกเว้นแต่จะส่งออกจากภายใน สมแล้วที่นับสถานที่ปลอดภัยอันดับหนึ่งในองค์กร

ใช่ หากออกไป มิสเตอร์เอสจะต้องตาย

หัวหน้าองค์กรไม่มีวันปล่อยเขา เครื่องติดตามตัวนั้นบ่งบอกตำแหน่งตลอดเวลา ทันทีที่ประตูเปิดออก รีโมตจะจับสัญญาณพร้อมทำงานได้ทันที เพียงกดปุ่ม เครื่องที่ฝังในร่างก็จะปล่อยกระแสไฟฟ้าเพื่อหยุดการทำงานของหัวใจ

แต่ถ้าไม่ออกไป เขาก็อดตาย หรืออาจจะติดเชื้อจากศพตายอยู่ดี

อัครเดชยังคงโบกมือผ่านกล้องวงจรปิดหน้าประตู ปากขยับโวยวายเรียกชื่อสหาย แม้จะไม่ได้ยินเสียง แต่มิสเตอร์เอสกลับหลุดยิ้ม ก่อนจะลุกขื้นช้าๆ

เขาเปิดประตู

“มิสเตอร์เอส!”

อัครเดชอ้าแขน แย้มยิ้มกว้าง เฝ้ารอให้สหายเดินเข้าไปใกล้ มิสเตอร์เอสทำตามประสงค์ เข้าไปหาเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันในฐานะสหายมาเนิ่นนาน ซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดนั้น

ก่อนจะนิ่วหน้า

นิ้วเรียวบางขยำเสื้อตำแหน่งหน้าอกข้างซ้าย ร่างกายกระตุกเบาๆ หนึ่งที

“มิสเตอร์เอส?”

ไม่มีเสียงตอบรับจากร่างที่ค่อยๆ ทรุดลงอย่างเชื่องช้า

“มิสเตอร์เอส!!”

ท่ามกลางความยินดี และสายตาชื่นชมจากกลุ่มตำรวจที่มองมิสเตอร์เอสไม่ต่างจากพ่อมดแห่งวงการแฮกเกอร์ กลับกลายเป็นความตกตะลึงเมื่ออัครเดชตะโกนลั่น ธนัทและพายซึ่งเพิ่งมารวมกลุ่มรีบวิ่งเข้าหา เผยสีหน้าร้อนรนและไม่อยากเชื่อ

“ทำไม...”

ไม่มีเสียงตอบรับ เพราะตอนนี้มิสเตอร์เอสไม่ได้ยินเสียงแม้อัครเดชจะเรียกชื่อไม่ยอมหยุด

เขาได้ยินเพียงเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นช้าลง...ช้าลง...

ท่ามกลางความแตกตื่น มีเพียงมิสเตอร์เอสที่สงบอย่างประหลาด

และเผยยิ้มอย่างภูมิใจในการตัดสินใจครั้งนี้

เมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น อัครเดชก็เข้าใจ

เลิกเรียกชื่ออย่างบ้าคลั่ง แต่ค่อยๆ โอบประคองร่างนั้นอย่างถนอม ก้มกระซิบเสียงแผ่วเบาเจือสะอื้น

“หลับให้สบายนะ ‘____’ ”

ภาพถูกฉายให้เห็นริมฝีปากที่ขยับทว่าไร้เสียง ปกปิดชื่อจริงของมิสเตอร์เอสแม้ในนาทีสุดท้าย

“คัต!”

เสียงของผู้กำกับชำแรกทุกโสตประสาทของทุกคนที่จับจ้องฉากทรงพลังเบื้องหน้า ก่อนเสียงปรบมือจะค่อยๆ ดังขึ้นจนกลายเป็นกึกก้องในสตูดิโอ โดยเฉพาะสื่อมวลชนที่ถูกเชิญมาเก็บภาพเป็นครั้งที่สอง แม้จะเพิ่งโดนเบี้ยวมาหมาดๆ แต่เมื่อถูกเชิญอีกครั้ง นักข่าวที่กระหายข่าวฉาวย่อมยินดีกระโจนเข้ามาเก็บเกี่ยวหวังเห็นภาพลักษณ์แย่ๆ ของจิระ แต่สิ่งที่ปรากฏตอนนี้ คือมิสเตอร์เอสที่ยอมเสียสละตัวเองเพื่อช่วยพวกพ้อง ช่วยชีวิตคนมากมายที่ถูกองค์กรคร่าไปอย่างไม่เต็มธรรม ร่างที่ค่อยๆ ทรุดลงโดยไม่ปริปากถึงความจริงอันเจ็บช้ำนั้นช่างสะเทือนอารมณ์จนบางคนถึงกับหลั่งน้ำตา ลืมเสียสนิทว่ามาวันนี้เพราะตั้งใจสัมภาษณ์เรื่องคลิปหลุด ไม่ใช่ชื่นชมยินดีกับการแสดงอันน่าทึ่ง

“สุดยอดเลยจิระ ฉันเหมือนถูกช็อตหัวใจไปด้วยเลยตอนคุณกระตุกตัวเบาๆ” นักข่าวประจำช่องของบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ที่ได้ประชิดตัวนักแสดงก่อนช่องอื่นๆ รีบปราดเข้าหาจิระทั้งน้ำตา “เทคเดียวผ่าน ไม่มีถ่ายแก้ไม่มีถ่ายซ่อม ฝีมือล้วนๆ เลยนะคะเนี่ย”

และคาดว่าคงโดนคมสันกำชับให้พูดถึงคุณงามความดีมากกว่าเรื่องเสื่อมเสีย

ผมเผยยิ้มบาง ดวงตาแฝงความขมขื่นเพราะยังจมกับอารมณ์ของมิสเตอร์เอส เมื่อครู่ทุ่มเทแสดงไปสุดตัวจนลืมไปว่าอยู่ท่ามกลางนักข่าวและสายตานับร้อยคู่ พอถูกถามถึงเพิ่งได้สติ จะปรับให้ฉีกยิ้มสดใสก็ทำไม่ทันแล้ว

ไม่รู้ว่าจะขอบคุณพายดีมั้ย เพราะตอนแรกผมกังวลกับการเปิดกองมาก กลัวทุกอย่างสารพัดจนเรียกได้ว่าตีตนไปก่อนไข้ แต่พอเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป ความกังวลทั้งหลายถูกสลัดทิ้ง สามารถตั้งสมาธิกับการถ่ายทำได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยทำงานมา

“โอ๊ย ดูเปราะบางจนไม่กล้าแตะเลยค่ะ ถ้าแตะแล้วจะแตกสลายมั้ย”

ผมหลุดหัวเราะ เริ่มกลับเป็นนายจิระคนเดิม เพิ่มเติมคือไม่เกรี้ยวกราด

“ไม่แตกหรอกครับ” ผมตอบ ก่อนจะหันไปมองอัครเดชที่รีบเช็ดน้ำตาเพื่อโผล่หน้ามาร่วมวงสัมภาษณ์ด้วย

“เห็นเด็กใหม่ดีกว่าผมตลอดเลยนะ” อัครเดชเอ่ยกึ่งงอน เพราะค่อนข้างสนิทสนมกับนักข่าวสายบันเทิงประจำช่องคนนี้ “ไม่ชมกันบ้างเลย”

“โธ่ อัครเดชน่ะดีอยู่แล้ว เนอะจิ เนอะนัท”

“ใช่ครับ พี่อัคแสดงดีมาก ตะโกนจนหูผมแทบแตก” ธนัทเดินตบบ้องหูเข้ามาร่วมวง “เสียดายมากเลยที่ฉากสุดท้ายเน้นที่ตัวพระเอกกับมิสเตอร์เอส ผมเองก็ยืนน้ำตาคลอเหมือนกันนะ แต่ไม่มีใครเห็นเลยล่ะสิ คนนอกสายตาก็แบบนี้”

“โธ่ นัทจ๋า อย่าน้อยใจไปเลยนะ” นักข่าวสาวรีบประจบทันที “เทียบกันแล้ว ระหว่างอัคร้องไห้ กับนัทร้องไห้ ภาพนัทร้องไห้ก็ต้องน่าดูกว่าอยู่แล้ว”

“อ้าว จู่ๆ ก็กลายเป็นคนนอกสายตาแทนนัทซะงั้น” อัครเดชพูดติดตลก

“เห็นทั้งสามคนยังสนิทกันแล้วดีงามเหลือเกิน ทำงานด้วยกันมาถึงซีซันสองแล้วรู้สึกยังไงบ้าง โดยเฉพาะกับจิระ ตอนซีซันหนึ่งทั้งคู่ชมไว้เยอะเลย ตอนนี้มีเปลี่ยนความคิดบ้างมั้ยคะ”

“มีสิครับ” อัครเดชทำหน้าจริงจัง “เพราะคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าจิแสดงเก่งขึ้นมาก”

“เขาเป็นนักแสดงยอดฝีมือครับ” ธนัทกล่าวเสริม “บทนักแสดงสมทบชายปีนี้ต้องเป็นของเขาแน่”

“อ้าว แล้วนัทไม่อยากได้เหรอคะ”

“ผมยอมให้เขาตั้งแต่ตอนทรุดตัวแล้ว แค่เห็นสีหน้านั้นน้ำตาร่วงก็ออกมาเองไม่ต้องบังคับเลย” ธนัทคล้องคอผม ก่อนจะยกนิ้วให้ “สุดยอดเลยจิ”

“ขอบคุณนะ” ผมพูดทั้งที่ยังตัวเกร็ง ไม่ชินเลยจริงๆ กับการถูกเนื้อต้องตัวแบบโจ่งครึ้มเนี่ย

“แล้วพายล่ะคะ”

“เขาไปเข้าห้องน้ำตั้งแต่ผู้กำกับสั่งคัตน่ะ นั่นไง มาแล้ว พาย!” ธนัทโบกมือเรียกนักแสดงหลักอีกคนให้มารวมกลุ่มเพื่อถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

“เหมือนพายจะไม่ค่อยสนิทกับทุกคนเท่าไหร่เลยนะคะเนี่ย”

“พายโลกส่วนตัวสูงน่ะครับ เราไม่สนิทกัน แต่ก็ไม่ได้ทะเลาะกันนะ” ธนัทอธิบาย

“แต่พายกับจิระคงสนิทกันใช่มั้ยคะ เพราะได้ถ่ายโฆษณาด้วยกันตั้งสองครั้ง แถมยังเคยไปงานมีตติ้งกันด้วย”

“ไม่รู้สิครับ ผมอยากสนิทกับเขานะ แต่คงต้องถามพายแล้วล่ะว่าเขาอยากสนิทกับผมมั้ย” ผมโยนขี้ให้คนที่ทำตัวลีบเหมือนดาวพระศุกร์ผู้ถูกกลั่นแกล้งรังแก

“ผมไม่กล้าตีสนิทจิระหรอกครับ ก็เขาเป็นคนของ...ขอโทษครับ เรื่องนั้นผมไม่ควรพูด”

แถมยังพยายามจะลากเข้าเรื่องใช้เส้นให้ได้

“จิเป็นของทุกคนไง” ธนัทช่วยกลบเกลื่อน “เนอะ”

“ไม่ใช่!” นักข่าวสาวคัดค้านสุดเสียงด้วยจริตเกินจริง “จิระ มิสเตอร์เอส และซีเคร็ท เป็นของฉันคนเดียวต่างหาก!”

เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางบรรยากาศที่ควรเต็มไปด้วยความเครียดขึงโกรธเคือง ผมกลับหัวเราะออกมาสุดเสียง

เพียงเท่านี้ก็ไม่กลัวอะไรแล้ว





หลังนักข่าวประจำบริษัทเก็บภาพของสี่นักแสดง ก็ถึงคิวของสื่อมวลชื่อช่องอื่นรุมสัมภาษณ์ อัครเดช ธนัท และพายพากันเว้นที่ให้อย่างรู้ดีอยู่แล้วว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น สองคนแรกมองผมอย่างเป็นห่วง ส่วนคนหลังมองผมอย่างชอบใจ

คราวนี้ผมเลือกที่จะหุบยิ้ม เผยใบหน้าหม่นเศร้าทันทีที่ไมค์จำนวนมากจ่อปากจนแทบจะยัดรูจมูก

“เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมจิระถึงไม่มากอง”

“ผมอาหารเป็นพิษครับ” ผมตอบตามที่ตระเตรียมกับคมสัน

“แล้วคลิปหลุดหมายความว่ายังไงเหรอคะ”

พลันไหล่ผมสั่น เลียนแบบพายที่ทำทีเหมือนถูกกลั่นแกล้ง

“เรื่องนั้น...” เปลือกตาผมสั่นระริก “เป็นเสียงของผมจริงๆ ครับ” ผมเอ่ยพลางห่อไหล่อย่างไม่มั่นใจว่าควรจะพูดดีรึเปล่า ท่าทางราวคนถูกรังแกนั้นทำให้เหล่านักข่าวยิ่งสาดคำถามไม่ยอมหยุด

“ผมไม่ขอเอ่ยถึงว่าทำไมถึงพูดประโยคพวกนั้นออกมา เพราะค่อนข้างซับซ้อน พวกคุณคงไม่คิดว่าผมจะพูดโพล่งออกมาดื้อๆ โดยไม่มีมูลเหตุใช่มั้ยล่ะครับ แต่ผมขอจบเรื่องตรงนั้นดีกว่า ผมไม่อยากพาดพิงใคร เอาเป็นว่าผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้อธิบายความจริงทั้งหมด”

ผมสูดหายใจเฮือก ก่อนจะเงยหน้าขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงติดสั่นเป็นระยะ

“ผมโดนบังคับจริงๆ พวกคุณก็รู้...ตอนซีซันแรกผมทำเรื่องไว้ยังไง ผมไม่กล้ากลับมารับงานในกองนี้อีกหรอกครับ ผมไม่อยาก...ให้ทุกคนถูกมองไม่ดี แต่ในเมื่อคนใหญ่คนโตเห็นว่าเหมาะสม และคนเขียนบทก็วางพลอตเรื่องมาแล้ว ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ การเดินเข้ากองทั้งที่เคยสร้างชื่อไว้เนี่ยไม่ใช่เรื่องน่าดีใจหรอกนะครับ”

ผมฝืนหัวเราะด้วยดวงตาหม่นเศร้า

“แต่ถึงอย่างนั้นผมก็พยายามทำให้ดีที่สุด ผมตั้งใจกว่าเดิมหลายเท่า ไม่อยากให้ทุกคนต้องผิดหวัง ไม่อยากให้ผู้ใหญ่และคนเขียนบทที่ให้โอกาสผมต้องเสียใจ ผมทุ่มเทกับการแสดงเป็นมิสเตอร์เอสและซีเคร็ทมากจริงๆ”

ไม่มีใครกล้าปฏิเสธในเมื่อภาพเมื่อครู่ยังติดตา

มิสเตอร์เอสที่น่าสงสารซ้อนทับกับจิระที่ดูเปราะบางเหลือทน

“แล้วคลิปหลุดเรื่องเตโชละคะ”

“เรื่องนั้น...” ผมเว้นช่วงเล็กน้อย ทำให้นักข่าวต่างลุ้นว่าจะแก้ตัวยังไง แต่ผมไม่คิดจะพูดถึงเนื้อหาในคลิปหรอก ผมแค่บอกเล่าความสัมพันธ์ทั้งหมดอย่างจริงใจก็เท่านั้น “ผมรู้จักกับเขาตั้งแต่ตอนถ่ายเอ็มวีเพลงเวลา เขามาขอลายเซ็นผม หลังจากนั้นก็เจอหน้ากันตลอด พวกเราอยู่ห้องติดกันครับ เตโชเป็นเพื่อนข้างห้องผม เขามักจะมาฝากท้องบ่อยๆ เพราะมัวแต่แต่งเพลงจนลืมกินข้าว ผมไม่อยากให้เขาหิวตายก็เลยต้องจำใจทำ แลกกับเงินแค่สองพันบาทต่อเดือน”

สิ่งที่ปกปิดมาตลอดถูกเอ่ยออกมาง่ายดาย โดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครคิดเห็นอย่างไร โดยเฉพาะกับเจ้าบ้าเตโชที่มีนาฬิกาก็เหมือนไม่มี เวลาเขาจดจ่อจะทำอะไรแล้วจะนั่งทำลืมวันลืมคืน นอนก็ไม่ยอมนอน ข้าวก็ไม่ยอมกิน

 “ไม่คุ้มเลยใช่มั้ยครับ ผมต้องซื้อวัตถุดิบ ทำอาหารให้เขาสามมื้อต่อวัน ถ้าวันไหนมีงานแล้วเขาอยู่ห้อง ก็ต้องทำเผื่อใส่ปิ่นโตไปแขวนไว้กับกลอนประตู ช่วงหลังมานี้เตโชกินจุมาก เขากินข้าวสองจานทุกครั้ง ทำให้รายจ่ายผมยิ่งมากไปใหญ่ ก็ยังดี ที่เขาเสนอตัวช่วยทำความสะอาดห้อง ล้างจาน ล้างห้องน้ำให้ผมเป็นการตอบแทน เตโชทำงานบ้านเนี้ยบมากนะครับ แต่ห้องตัวเองรกอย่างกับขยะ เศษกระดาษงี้เต็มไปหมด ผมเคยบอกให้เขาเก็บกวาดหลายครั้ง แต่เก็บได้ไม่นานก็กลับมารกใหม่ มันคงเป็นสไตล์ของเขา ผมเลยเลิกบ่นแล้ว” ใบหน้าที่เพิ่งสลดซึม ค่อยๆ เผยยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อบอกเล่าทุกอย่างแบบหมดเปลือก “เตโชชอบมิสเตอร์เอสมาก พวกเราเลยนั่งดูเช็กเมทด้วยกันทุกเสาร์-อาทิตย์ เพราะอย่างนี้เขาถึงไม่รับงานในช่วงวันหยุดตอนเย็นเลย จะไปก็ต่อเมื่อหลังสี่ทุ่ม”

ราวกับว่าการกล่าวถึงเรื่องราวเหล่านี้คือความสุขของผม ความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ กิจกรรมที่ทำร่วมกัน เพียงนึกถึงดวงตาของผมก็เปล่งประกาย

“อันที่จริงแล้วเพลงหิวรักก็เป็นเพลงที่เขาร้องตัดพ้อผมเพราะมัวแต่แต่งเพลงจนไม่ได้ยินเสียงกริ่ง ตอนนั้นผมนึกว่าเขาไม่อยู่ห้องเลยนั่งกินข้าวคนเดียว เล่นเอาเตโชเกือบชวดแกงส้มชะอมไข่ ปลาทูทอด น้ำพริกกะปิ ผมขำแทบตายตอนเขาร้องเพลงนี้เพราะนึกว่าจะอดกิน แต่ความจริงแล้วผมกินคนเดียวไม่หมดหรอก สุดท้ายเลยต้องไปอุ่นให้เขาใหม่ ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ เขาถึงเอามาแต่งเป็นเพลงยาวแถมยังลากผมไปเป็นพระเอกเอ็มวีด้วย”

นักข่าวบางคนหลุดหัวเราะ เพราะจนถึงปัจจุบันเพลงหิวรักก็ไม่ต่างจากไวรัสระบาด ถูกเอามาร้องแปลงเนื้อสนุกสนานตามร้านอาหาร เป็นที่ติดหูไม่ว่าใครก็ร้องตามได้ พอรู้ความเป็นมาบรรยากาศเครียดขึงกลับกลายเป็นสบายๆ เหมือนมาบอกเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันสุดแสนธรรมดา

“ผมว่า...เท่านี้น่าจะเพียงพอสำหรับการอธิบายแล้วนะครับ”

ไม่มีนักข่าวคนไหนกล้าถามเพิ่มเติม เพราะสิ่งที่เล่าออกมาทั้งหมด ไม่ได้เกี่ยวกับว่าผมจะแย่งแฟนคลับของเขา ไม่ได้เกี่ยวว่าผมจะเกาะเตโชดังเลยสักนิด มันคือเรื่องราวของเราสองคนที่คบหากันอย่างบริสุทธิ์ใจ

หลังตอบนักข่าวครบทุกคน ผมก็เดินไปหาคนหน้ามึนที่เพิ่งเข้ามาในสตูดิโอ วันนี้เขาต้องยื่นเนื้อเพลงฉบับเสร็จสมบูรณ์กับคมสันเป็นครั้งสุดท้าย

“ผ่านมั้ย” ผมถามอย่างกังวล เพราะเตโชดูเหม่อๆ เหมือนสติไม่ค่อยอยู่กับตัว

“ผ่าน”

“ผ่านแล้วทำไมตาลอยอย่างนี้ โดนว่าอะไรมาเหรอ”

“เปล่า” เตโชมองผม มองฉาก ก่อนจะยิ่งทำตาละห้อย “เสียใจอดเห็นจิระแสดง”

“ไว้ไปดูตอนฉายจริงสิ”

“อยากเห็น”

“อดใจไว้เจ้าตูบ”

“อยากเห็น”

“โว๊ะ ก็บอกว่าไว้รอดูด้วยกันไง!”

ไอ้บ้านี่ต้องเป็นโรคจิตแน่ มีที่ไหนกัน เห็นผมหัวเสียแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“กลับกัน”

“ยังกลับไม่ได้ เดี๋ยวมีถ่ายภาพรวม กับถ่ายฉากเก็บตกอีกนิด”

“รอดู เย้”

“หึ ไม่ได้ถ่ายเก็บฉากนั้นหรอก อย่าดีใจหน่อยเลย”

เตโชคอตก ผมเลยลูบหัวเขาอย่างปลอบแกมหยอก ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันทำให้ผมต้องเงยหน้าขณะที่เตโชก้มหัว พวกเราเลยสบตากันทั้งรอยยิ้มขบขัน

มารู้ตัวหลังจากนั้นก็ตอนรูปผมลูบหัวเตโชถูกเผยแพร่ในโซเชียล ไม่รู้ว่านักข่าวเจ้าไหนแอบถ่ายไว้ ด้วยข้อตกลงกับทางกองถ่าย ทำให้รายละเอียดเกี่ยวกับเช็กเมทถูกเก็บเป็นความลับ เผยแต่บทสัมภาษณ์บางส่วนของวันนี้

‘แฟนคลับ #เตโชจิระ ทั้งหลายคะ เดี๊ยนขอเตือนเลยว่าอย่าเชื่อกระแส อย่าหลงกลคลิปหลุด จงอ่านบทสัมภาษณ์แล้วกรีดร้องด้วยทั่วกัน!’

...ผมไม่ขอบอกว่าเกิดอะไรขึ้น

แต่เอาเป็นว่ากระแสคู่จิ้นกำลังจะถูกกลบด้วยคู่จริง เดี๋ยว! ทุกคนโปรดใจเย็นก่อน ผมกับเตโชไม่ได้คบในแง่นั้นสักหน่อย พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันเฉยๆ เพื่อนสนิทกันน่ะเข้าใจมั้ย!!!

--------

เช็กเมทยังมีต่ออีกนิดหน่อย แต่ก็ถือว่าใกล้ส่งท้ายกันแล้วนะคะ ขอบคุณที่ติดตามซีรีส์เรื่องนี้ เราดีใจมากที่มีหลายคนชอบและติดเช็กเมทเหมือนกัน แต่ถึงซีรีส์จะจบ เรื่องราวของจิระยังมีต่อค่ะ มาเอาใจช่วยคู่มึนกันด้วยนะคะ!

เพจนักเขียนที่ปลื้มใจกับการเติบโตของจิระมาก (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)


 ปล.เห็นหลายคนยังไม่ค่อยพอใจที่ปล่อยพายไป แต่เราเห็นว่า...เรื่องนี้ก็ผิดกันหลายฝ่าย และถ้าให้เอาคืนทวงความยุติธรรมให้จิระ ก็ต้องย้อนดูว่าพายเป็นคนโดนตัดหน้าไม่ได้รับความยุติธรรมก่อน และทุกอย่างจะไม่แย่ขนาดนี้ถ้าจิระไม่สร้างเรื่องตั้งแต่ซีซันแรก เรียกว่าปัจจัยหลายอย่างมารวมกันค่ะ เมื่อเป็นแบบนี้ เราเลยคิดว่าจะเอาคืนกันไปกันมาก็คงไม่ต่างกับที่พายทำ สะใจแต่เสียกันหมด เพราะแค่นี้เช็กเมทก็โดนมองว่าเอาเด็กเส้นมาเล่น มีปัญหากับนักแสดงแล้ว และถ้านักแสดงมีปัญหากันเอง จะเป็นอย่างคมสันบอกค่ะ คือแฉได้แต่เรตติ้งตกแน่ จิระเลยไม่เลือกแฉ แต่หันมาพยายามให้เต็มที่ แสดงความสามารถออกมาแม้จะยืดอกยอมรับว่าเป็นเด็กเส้น ทำในสิ่งที่พายทำไม่ได้ ตอกหน้านักข่าวด้วยฉากทิ้งทวนของมิสเตอร์เอส...เราว่านี่เป็นการเอาคืนอีกทางหนึ่งที่ดีกับทุกคนและตัวจิระเองค่ะ รวมทั้งเป็นหลักฐานว่าจิระได้เติบโตแล้วจริงๆ นะ ^ ^
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-12-2017 19:43:18
ดีใจที่ปัญหาได้รับการแก้ไขและผ่านไปด้วยดีและไม่กระทบกับทุกฝ่ายมากมายนัก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 21-12-2017 19:58:52
สงสารเจ้าตูบจังเลยค่ะ หูลู่หางลู่เชียวกับแค่ไม่ได้ดูจิแสดงงง
เอ็นดูเสียงเย้ ที่เอ่ยออกมาด้วยหน้ามึนๆนั่นเลย ฮ่าาาา
อำลามิสเตอร์เอสตอนจบ รู้สึกผูกพันธ์อยู่เหมือนกันนะคะเนี่ย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 21-12-2017 20:01:08
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nantarat ที่ 21-12-2017 20:16:35
 :o8: ชอบ รอว่าเมื่อไหร่จะเป็นคู่จริงจริง อิอิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 21-12-2017 20:24:51
checkmate จบแบสะเทือนไต T___T
แต่กระแสคู่จริงกำลังจะมา เย้ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 21-12-2017 20:27:28
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: soul love ที่ 21-12-2017 20:42:33
เป็นการจบฉากของซีเคร็ท มิสเตอร์เอส และพายที่ดีมากเลย เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรเน๊อะ รออ่านจ้า
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-12-2017 20:48:14
 :monkeysad: เสียดายซีเครท
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 21-12-2017 21:14:59
ชอบเวลาเตโช เย้ เหมือนเห็นลูกหมาได้ของเล่น  :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 21-12-2017 21:16:04
จิระค่อยๆโตขึ้นแล้ว คมสันคงภูมิใจที่ลูกน้อยโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-12-2017 22:02:03
ถ้าดิฉันอยู่ในเหตุการณ์ดิฉันก็จิ้นค่ะ (ฮา) แต่นี่แค่อ่านดังนั้นอยู่ในระดับฟินกับการจิ้นของคนอื่นไปละกัน ฮุฮุ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 21-12-2017 22:18:09
น้ำตาไหลค่ะฉากสุดท้ายของมิสเตอร์เอส   :hao5: มิสเตอร์เอสผู้เสียสละ

อิชั้นยังคงเกลียดพายเช่นเดิม 555 ฮึ่ยย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 21-12-2017 23:29:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 22-12-2017 00:17:48
 o13
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: absolutepoison ที่ 22-12-2017 00:20:03
เช็กเมทจะจบแล้ว ต่อไปเราจะได้ดูโมเมนต์จิระกับดตโชแล้วใช่ไหมคะ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 22-12-2017 00:35:53
การเอาคืนพายคงไม่ต้องไปทำร้ายตรงๆหรอกค่ะ แค่จิระแสดงให้เห็นถึงฝีมือที่แตกต่าง แค่นี้พายคงยอมจำนนด้วยฝีมือแล้วล่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 22-12-2017 09:38:40
โธ่ มิสเตอร์เอสเท่จนวินาทีสุดท้าย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 22-12-2017 09:47:01
เมื่อจิระไม่เกี้ยวกราดก็แบบเอิ่มมม
น่าร๊อกกกกกกอ่าาาา !!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 22-12-2017 12:53:57
 :pig4: :pig4: :pig4:น่ารักค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 22-12-2017 18:35:46
มีแนวโน้มที่ดี :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 22-12-2017 19:42:32
หุๆๆๆ ภาพมันฟ้องหมดแล้ววว จิเอ๋ยยย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-12-2017 21:19:26
แค่เพื่อนสนิทแน่หราจ๊ะจิระ เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อรึเปล่า :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 23-12-2017 12:20:22
เช็กเมทจบแล้ว ฮรือออออออออออออออ

เราว่าพายได้รับกรรมแล้วนะ
อกแตกตายแน่ๆหนึ่ง
คมสันก็รู้ความจริงนิ่หมดอนาคตชัวร์
คมสันโปรดอย่ามามีจิตเมตตาตอนนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 23-12-2017 17:49:20
แอบคิดไว้แล้วว่าตอนจบของมิสเตอร์เอสคงเป็นเเบบนี้ ตั้งแต่ตอนที่บอกว่าองค์กรติดเครื่องติดตามไว้แล้ว คิดว่าร้ายขนาดนั้นไม่น่าจะเป็นแค่เครื่องติดตาม ฮึก!  :o12: :o12: :o12: หลับให้สบายนะมิสเตอร์เอส ฮืออออออ
ตับฉับมาที่จิระ!  :z6:
จิระโตขึ้นแล้วจริงๆ อดภูมิใจแทนคมสันไม่ได้ //ฮาตอนที่จิบอกจะกระโดดกอดพายแล้วเรียกเพื่อนรัก555555555
เป็นการเอาคืนที่ดีที่สุดแล้ว ให้ทุกคนเห็นว่าการที่จิมาได้มาอยู่ในเช็กเมทเป็นเพราะเส้นจริง แต่สิ่งที่ทำให้จิได้อยู่ในซีรี่ส์นี้ต่อไปเป็นเพราะความสามารถของจิเอง
ส่วนในเรื่องคู่จิ้นกลายเป็นคู่จริงนั้นนนนนนน  :hao7: :hao7: :hao6: อิอิ ฟินนนนนน  :heaven :heaven
ชอบตรงสองคนนี้ที่บางครั้ง...อันที่จริงหลายๆครั้งเลยแหละ เค้าเหมือนรับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ เตโชนี่ในเวลาจิแย่ๆนี่เป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาจิก่อนที่จิจะเรียกหาซะอีก งืออออ  :hao5: :hao5:

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 23-12-2017 21:30:47
ฮือออ ช่างหัวพายมันเถอะค่ะ ขอลุ้นคู่จริงแทนเถอะ ฟินเกินไปแระ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: waiieiei ที่ 24-12-2017 00:13:28
จิระลาออกจากงานแล้วมาเลี้ยงดูลูกเตโชดีกว่า
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 17 : ฉากสุดท้าย - P.19 [21/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 24-12-2017 03:06:43
คมสันรู้ ถึงพายรอดครั้งนี้แต่หมดอนาคตแน่ๆ

แล้วจิระ เพื่อนสนิทเขาทำกันแบบนี้หรออ อิ้อิ้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตาม - P.20 [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 24-12-2017 12:32:59


ตอนที่ 18

หนีตามกัน(!?)



แม้กระแสทางบวกจะเริ่มมา แต่แอนตี้แฟนยังคงอยู่

เพราะแม้จะแก้ต่างเรื่องเตโชได้ แต่เหล่าคนที่ตามมาจากซีรีส์เช็กเมท โดยเฉพาะแฟนคลับกลุ่มแรกของผมซึ่งเคยช้ำใจกับการเปิดกองในซีซันหนึ่งนั้นยังโหนกระแสด่าทอไม่ลดละ ผมทำได้เพียงปิดหูปิดตาเลิกสนใจโซเชียลทุกอย่าง เพราะบางคอมเม้นท์ยิ่งพูดยิ่งเลยเถิดสนุกปากกันเหลือเกิน ถึงขั้นบอกว่าผมกับเตโชรวมหัวกันล่มงานเช็กเมท เอ่อ...ผมไม่ออกความเห็นใดๆ หันมาตั้งใจกับงานดีกว่า เพราะวันนี้เป็นการเข้ากองวันสุดท้ายของผมแล้ว

“ขอบคุณนะจิระ”

“ขอบคุณสำหรับการพยายามตลอดสองเดือนนะจิ”

“ขอบคุณที่แสดงเป็นมิสเตอร์เอสที่ยอดเยี่ยมนะ”

วันนี้เป็นการถ่ายเก็บรายละเอียดของผมจากตอนอื่นๆ ที่ฝ่ายตัดต่อขอเพิ่มเติมเป็นพิเศษ หลังเสร็จสิ้นเรียบร้อยดีผมก็ยกมือไหว้ขอบคุณทีมงาน ผู้กำกับ คนเขียนบท และโปรดิวเซอร์ตามธรรมเนียม แม้บางคนจะขุ่นเคืองที่ผมเบี้ยวนัดวันเปิดกอง แต่เมื่องานออกมาสมบูรณ์แบบ เสียงตอบรับค่อนไปทางบวก จึงยิ้มส่งผมอย่างเป็นมิตร

แม้บทบาทของมิสเตอร์เอสจะจบลงแล้ว แต่ผมยืนมองผู้กำกับที่เริ่มถ่ายต่อจากเมื่อวันก่อน เหตุการณ์หลังจากบุกถล่มองค์กร จับตัวประกัน เค้นข้อมูลหมายสืบค้นถึงหัวหน้า เป็นไปด้วยความยินดีระคนหน่วงหนึบ เพราะชัยชนะนั้นแลกมากับความสูญเสีย แม้ฝ่ายตำรวจจะได้หน้า ได้ชื่อเสียง แต่ตัวพระเอกอย่างอัครเดชกลับเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ขอมีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนี้แต่อย่างใด เป็นเพียงคนเบื้องหลังภายใต้ความสำเร็จ และพยายามไล่ตามสมาชิกในองค์กรที่หลบหนีไปอย่างหักโหม ทุกวันเขาแทบไม่ได้กินไม่ได้นอน จนพวกพ้องอย่างธนัทและพายนั้นอดกังวลไม่ได้

“ฉันรู้ว่านายเสียใจเรื่องมิสเตอร์เอส แต่ดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้เถอะนะ”

ธนัทเอ่ยอย่างเป็นห่วง กลัววันใดวันหนึ่งตัวพระเอกจะล้มป่วยเพราะยังทำใจกับการจากไปของเพื่อนสนิทไม่ได้ อัครเดชยอมฟังคำนั้น เพราะเขาไม่สามารถตายก่อนเป้าหมายจะบรรลุ

แม้จะกินอิ่ม นอนหลับ แต่ทุกคืนในช่วงที่ธนัทและพายนอนหลับแล้ว อัครเดชจะลุกขึ้นมานั่งอยู่หน้ากระดานหมากรุก ค่อยๆ เดินหมากอย่างเชื่องช้า จับจ้องขุนฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาแฝงความนัย

ราวเฝ้ารอที่จะเผด็จศึก

เฝ้ารอที่จะ ‘เช็กเมท’

“คัต!”

การถ่ายทำซีรีส์เช็กเมทในซีซันสองถือว่าสิ้นสุดแล้ว

เหลือเพียงฉากเก็บตกของแต่ละตัวละครยกเว้นผมซึ่งรีบมาเข้ากองแต่เช้าตรู่เพราะว่างงานผิดกับนักแสดงคนอื่นๆ เฮ้อ...แม้รู้ว่าวันนี้ต้องมาถึง แต่ในอกมันวูบโหวงชอบกล ใจหาย ใจหวิว ทั้งเสียดายและคิดถึง อย่างน้อยผมก็ผูกพันกับเช็กเมท แม้จะเพิ่งเข้ามาแทรกในตอนเจ็ด มีบทจริงจังในตอนที่สิบเป็นต้นไปก็ตาม

“จิ ขอคุยด้วยได้มั้ย” ธนัทเดินตามผมเข้ามาในห้องแต่งตัว

“ได้สิ” ผมตอบรับอย่างว่าง่าย ขนาดธนัทยังอึ้งทึ่ง

“ไม่หลบหน้ากันแล้วเหรอ”

“ก็...วันสุดท้ายแล้วนี่” ผมยักไหล่ แม้ตลอดการถ่ายทำธนัทจะตามจีบผม เทียวไล้เทียวขื่อคอยตีสนิทจนนึกรำคาญในบ้างครั้ง แอบสลัดทิ้งในบางที แต่ผมก็ไม่ได้รังเกียจเขาหรอกนะ เทียบกันแล้วดีกว่าประเภทหลบหน้าหลบตา...คิดลับหลังอย่างพายเป็นไหนๆ

“นั่นสิ วันสุดท้ายแล้ว ฉันเลยต้องคุยกับนายให้ได้”

จะสารภาพรัก?


ผมกำหมัดแน่น เตรียมรับมือเต็มที่หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน

“นายเปลี่ยนไปนะจิ” ธนัทมองผมในท่าป้องกันตัวเองแล้วลอบยิ้มขัน “แต่ก็ไม่ใช่ในทางที่แย่หรอกนะ เมื่อวานที่ฉันชมนาย เชียร์นายให้ได้รางวัลนักแสดงสมทบนั่นน่ะ...ฉันพูดจริง”

“ขอบใจ” ผมหรี่ตาจ้องเขาอย่างระวังภัย

“ฉันเคยชอบนาย” ธนัทหัวเราะอย่างสบายใจที่ได้พูดความในใจออกมาสักที แต่เดี๋ยวนะ...’เคย’ ชอบ? “ฉันเคยชอบนาย แต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกนั้นเปลี่ยนไป ฉันชื่นชมนาย จิ”

ผมนิ่งไปครู่ใหญ่ เพ่งพิศพิจารณาธนัทเต็มตาครั้งแรก เพิ่งสังเกตเอาก็ตอนนี้เองว่าสายตาที่เคยมองมาอย่างเสน่หานั้นกลายเป็นนับถือชื่นชมไปแล้ว

“พอนายอกหักก็ทุ่มเทกับการแสดงเต็มที่ ฉันถึงบอกว่าแม้นายจะเปลี่ยนไป แต่ก็ไม่ใช่ในทางที่เลวร้าย” ธนัทยังคงพูดต่อ “แม้ฉันจะรู้สึกเหงาๆ เพราะนายไม่ค่อยพูดก็เถอะ”

ผมยิ้มเจื่อน ให้จิระคนนี้ทำอะไรก็ทำได้ แต่อย่าให้ได้ฝอยอย่างจิตริน ทักษะจ้อน้ำไหลไฟดับนั้นมิอาจเอื้อมจริงๆ

“หวังว่าจะได้ร่วมงานกับนายอีกนะ” ธนัทเอ่ยทิ้งท้ายพร้อมยื่นมือมาข้างหน้า

“อืม...หวังว่าจะได้ร่วมงานกันอีก” ผมจับมือตอบพร้อมบีบเบาๆ ได้คุยอย่างเปิดอกแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบ ไม่มีอะไรต้องค้างคากัน แม้ปากจะคันยิบๆ อยากบอกธนัทเหลือเกินว่าอย่าประหลาดใจที่เลิกชอบง่ายเกินเหตุ เพราะคนที่เขาปลื้มน่ะคือจิตริน ไม่ใช่จิระสักหน่อย!

ตอนเดินออกจากห้องแต่งตัว ผมเจอกับอัครเดชซึ่งกำลังเตรียมตัวถ่ายทำฉากเก็บตกต่อยกนิ้วโป้งให้ เลยหันไปส่งยิ้ม พยักหน้าให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะมองซ้ายมองขวา หาคู่อริที่ยืนหลบมุม กอดอกปลีกวิเวกห่างจากห้องแต่งตัวหลายสิบก้าวเหมือนไม่อยากยุ่งเกี่ยวแกมกลัวความผิด

พายคงนอนหลับไม่เต็มตื่นนับตั้งแต่วันที่กลับบ้านไปแล้วไม่เจอผม ยิ่งรู้ว่าคนที่ช่วยผมออกมาคือคมสัน คาดว่าคงจะผวาทุกลมหายใจเข้าออก กลัววันใดวันหนึ่งจอมมารจะมาปลิดชีพ

ถ้าเป็นจิระคนเก่าคงสะใจมาก ไม่รอช้าจะเข้าไปทับถมเหยียบย่ำให้จมดิน แต่สำหรับผมในตอนนี้...ที่พอแล้ว...พอใจกับเช็กเมท ยินดีกับตัวเองที่เดินออกจากกองถ่ายอย่างภาคภูมิใจด้วยฉากสุดท้ายแสนตราตรึง เลือกเดินเข้าไปทักก่อนอย่างไม่ถือทิฐิใดๆ

“นี่...” ผมเริ่มเกริ่นแบบตะกุกตะกัก เพราะไม่รู้วิธีสานสัมพันธ์ฉันท์มิตร ผลคือ...พายแนบตัวชิดกำแพง พยายามถอยห่าง มองผมคล้ายสัตว์บาดเจ็บสุดก้าวร้าว “ฉันไม่เอาเรื่องนายหรอกน่า คมสันเองก็ด้วย”

พายทำหน้าไม่เชื่อถือสักนิด

“ฉันไม่อยากให้เช็กเมทเสีย คมสันก็ไม่อยากให้เงินลงทุนต้องมาจมกับข่าวฉาวๆ ของนักแสดง เช็กเมททุนสร้างตั้งเท่าไหร่นายก็รู้”

“นายได้บทเด่นก็พูดได้สิ นับจากนี้ไปทุกคนจะพูดถึงแต่มิสเตอร์เอส นักข่าวก็มองนายด้วยสายตาเปลี่ยนไป พลิกวิกฤตเป็นโอกาสอย่างนี้นายก็ต้องไม่อยากให้เช็กเมทเสียอยู่แล้ว”

“เออ ก็จริง” ผมยอมรับหน้าด้านๆ

“แต่ฉากสุดท้ายนั่น...ดีมากจริงๆ”

ผมเลิกคิ้วเมื่อพายเอ่ยเสียงเบายิ่งกว่ากระซิบซะอีก

“ขอบใจ” ผมโคลงศีรษะ “เอาเป็นว่าไม่ต้องระแวงฉัน ไม่ต้องคิดมาก แล้วฝากเช็กเมทซีซันสามด้วย ไม่ต้องห่วง ต่อให้คมสันเอาช้างมาลากฉันก็ไม่กลับมากองนี้อีกแน่ แต่ถ้าครั้งหน้านายก่อเรื่องอีกฉันไม่รับประกันความปลอดภัยของชีวิตหรอกนะ เพราะคมสันน่ะ...”

ผมเว้นช่วงให้ลุ้นระทึก ก่อนจะตบบ่าพายเบาๆ อย่างเห็นอกเห็นใจเล่นเอาอีกฝ่ายหน้าซีด

นึกแล้วก็น่าขัน ตอนรู้ว่ามิสเตอร์เอสต้องตาย ผมทั้งไม่ยอมรับและคัดค้าน อยากจะไปกระชากคอเสื้อคนเขียนบทให้แก้ใหม่ด้วยซ้ำ แต่มาตอนนี้ เมื่อยุติการแสดงด้วยการบทบาทสุดตราตรึงที่ทุ่มลงไปสุดตัว ผมกลับรู้สึกภาคภูมิใจยิ่งกว่าใคร

“โชคดี”

ผมเดินออกจากสตูดิโอ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความหนักแน่นไม่เสียดาย แม้จะใจหายแต่ผมก็โล่งใจ

ลาก่อน...เช็กเมท






หลังออกจากสตูดิโอผมมีนัดคุยกับคมสันที่ร้านกาแฟ คุณเลขาค่อนข้างโล่งอกเมื่อผมเล่าเรื่องธนัทกับพาย

“คุณจิระทำดีแล้วครับ ถ้าเป็นคุณจิตรินก็คงทำแบบนั้น”

“ฉันทำดีแบบจิตรินไม่ได้หรอก แต่ก็ดีสุดเท่าที่จะทำได้แล้ว” ผมถอนหายใจเฮือก เงยมองจอมมารที่จิบกาแฟสบายใจเฉิบแล้วคิ้วกระตุกเล็กๆ เชื่อสิว่าจุดจบของมิสเตอร์เอสนั้นคมสันต้องเป็นคนเสนอ เพราะคนเขียนบทต้องนำมาบอกกล่าวผู้ลงทุนก่อนอยู่แล้ว น่าสงสัยชะมัดว่าคนที่ใช้เส้นยัดผมเข้ากองอย่างเขา ทำไมถึงเลือกที่จะเขี่ยผมออกไป แม้สุดท้ายจะส่งผลดี แต่ตอนนั้น...พายยังไม่ก่อเรื่องสักหน่อย หรือคนคนนี้จะเห็นอนาคต!

...ทำไมถึงเผลอคิดว่าเป็นไปได้ขึ้นมานะ แม้คมสันจะจิตใจโหดเหี้ยมปานจอมมาร แต่เขายังเป็นมนุษย์!

จะไปเห็นอนาคตได้ยังไงจะบ้าเรอะ!

“ถามจริงเถอะ ทำไมนายถึงให้มิสเตอร์เอสตายตอนจบล่ะ”

คมสันเลิกคิ้ว วางแก้วกาแฟ ก่อนจะประสานบนมือโต๊ะอย่างสุภาพ อันเป็นท่าทางก่อนเริ่มเทศน์

“เพราะคุณไงครับ” คุณเลขาเอ่ย “ผมให้คุณจิระมาแสดงเช็กเมท ก็เพื่อให้คุณปรับตัวกับกองถ่ายละคร ทีมงานกองนี้มีความรู้สึกดีๆ ตั้งแต่ตอนคุณกับคุณจิตรินสลับร่างกัน ต่อให้คุณจะทำตัวประหลาด ปากร้ายอารมณ์เสียขนาดไหน ก็ไม่ค่อยเป็นปัญหาเพราะทุกคนต่างเป็นมืออาชีพ มีภาพลักษณ์ดีๆ สมัยซีซันแรกช่วยหนุน แต่การทำงานในกองถ่ายนี้เป็นเวลานานก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะสุดท้ายคุณกับคุณจิตรินก็เป็นคนละคนกัน ซีเคร็ทต้องกลับกลายเป็นมิสเตอร์เอส และผมคิดว่าคุณคงไม่ชอบใจที่ต้องแสดงบทนั้น”

ถูกต้องตรงเผง

ต้องยอมรับว่าความยากลำบากในการเข้ากองครั้งนี้ของผมคือการแสดงเป็นมิสเตอร์เอสจริงๆ แม้ช่วงหลังจะพอเนียนผ่านไปได้ แต่นั่นเป็นเพราะมิสเตอร์เอสกำลังสวมหน้ากากเป็นซีเคร็ท บทซ้อนบท และเผยอารมณ์ในแบบที่ไม่เคยเป็น หากมิสเตอร์เอสไม่ตายในซีซันสอง คงไม่แคล้วกลับไปหาพวกพระเอก กลายเป็นแฮกเกอร์แสนเอื่อยเฉื่อย เดินหลังค่อม ลอยไปลอยมา ถึงจะแสดงง่ายกว่าเป็นไหนๆ แต่ยังไงซะผมก็ไม่ใช่จิตริน ไม่มีทางแสดงเป็นมิสเตอร์เอสในแบบของเขาได้

“ผมหวังให้เรื่องเช็กเมทเป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าวงการของคุณ ให้คุณได้ปรับตัว และเป็นพื้นที่ให้คุณได้เปล่งประกาย”

“ขอบคุณนะ” ผมเอ่ยเสียงเบาหวิว ก้มหน้างุดๆ รู้ดีอยู่แล้วว่าคนฉลาดอย่างคมสันนั้นเมื่อทำอะไรไปย่อมมีจุดประสงค์ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเห็นแก่ผมมากมายขนาดนี้

“สนุกกับเช็กเมทมั้ยครับ”

“สนุกสิ”

“แล้วเหนื่อยมั้ยครับ”

“...ก็เหนื่อยหน่อยๆ”

“งั้นผมจะให้รางวัลเป็นการพักร้อน ตอนนี้คุณกลายเป็นคนว่างงานชั่วคราวครับคุณจิระ”

“ให้รางวัล หรืออยากให้ฉันเก็บเนื้อเก็บตัว กระแสข่าวจะได้ซาลงกันแน่” ผมเหน็บอย่างรู้ทัน

“เอาเป็นว่าผมจะให้เวลาคุณพักร้อนสองอาทิตย์ โชคดีครับคุณจิระ” คมสันวางเงินบนโต๊ะ ผู้อาวุโสกว่าย่อมเลี้ยงผู้น้อยเป็นเรื่องปกติ แถมยังมีเงินเหลือให้ผมเป็นค่าขนมอีกต่างหาก

ผมย่นคิ้ว นั่งคิดอย่างจริงจังว่าจะทำอะไรต่อไปเมื่อตารางที่แน่นขนัดตลอดสองเดือนว่างโล่งโจ้ง

แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกอ่ะ!







แล้วคนว่างงานก็ก้มหน้างุดๆ เดินเข้าบริษัทของเตโช

แม้จะเคยผ่านทางนี้เพื่อแวะหย่อนเขาหลายครั้งเวลาออกจากคอนโดพร้อมกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเข้ามาในค่ายเพลงของเตโช ความรู้สึกก็จะ...ขัดเขินนิดหน่อย ขนาดผมใส่หมวกใส่แว่นปลอมตัว ก็มีหลายคนจำได้ว่านี่คือจิระเจ้าของข่าวฉาวที่กำลังโด่งดังจากคลิปหลุด แล้วยังเป็นจิระ คนที่บอกเล่าเก้าสิบถึงชีวิตประจำวันกับนักร้องหนุ่มนามเตโชได้อย่างไม่อายปากจนสาวๆ ในโซเชียลฟินไปถึงไหนต่อไหน

“มารอเตโชเหรอคะ”

และหนึ่งในสาวที่ว่านั้นก็บังเอิญทำงานที่บริษัทนี้ซะด้วยสิ

“ครับ” ผมตอบเสียงเบาหวิว ไม่รู้ว่าทำไมถึงอายขึ้นมาดื้อๆ เมื่อถูกจับได้ แค่มาหาเพื่อนมันผิดตรงไหน เลิกหน้าแดงเดี๋ยวนี้นะจิระ!

“ทางนี้เลยค่ะ เตโชอัดเพลงอยู่ชั้นสาม ปกติไม่ให้คนนอกเข้าไปดูหรอกนะคะ แต่ถ้าเป็นจิระเนี่ย...เตโชคงดีใจ”

ผมไม่ตอบคำนอกจากจับปีกหมวกปิดบังใบหน้าตัวเองให้มากที่สุดเพราะสาวเจ้าเล่นจ้องเอาๆ ด้วยสายตาปลาบปลื้มเหมือนเห็นคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามันยังไงยังงั้น จะแก้ตัวก็ไม่อยากให้กระแสที่ดีเพียงหนึ่งเดียวตอนนี้หดหาย จึงได้แต่เอาความเงียบเข้าสู้

“ขออนุญาตนะคะ”

“อ้าว ใครน่ะ”

ผมประดักประเดิดทำอะไรไม่ถูกเมื่อผู้ชายแปลกหน้าสองคนในห้องอัดเสียงมองมาเป็นตาเดียวอย่างฉงนสงสัย

“แฟนเตโชไงคะ”

“อ้อ...คนที่เป็นข่าวเหรอ”

“เดี๋ยวๆ ผมไม่ใช่แฟนเตโช” อันนี้ไม่แก้คำไม่ได้แล้ว ผมรีบพูดขัดก่อนจะชะงักเมื่อคนหน้ามึนเดินออกมาจากห้องอัดซึ่งกั้นกระจกใส ทำให้เห็นว่ามีใครบุกรุกเข้ามาระหว่างการทำงาน

“จิระ” เตโชหยุดยืนหน้าผมด้วยสายตามึนงง

“งงอะไร ฉันมารอรับกลับด้วยกันมันแปลกเหรอ”

ผมคิดว่าแปลก แต่เตโชดันไม่ตอบว่าแปลก เพราะเขาเพียงลูบท้องพลางบอกผมเสียงเบาหวิวว่า...

“หิว”

ผมที่ตัวเกร็งนับตั้งแต่ก้าวเข้ามาในบริษัทพลันหลุดหัวเราะพรวด

“เดี๋ยววันนี้จะทำพะแนงหมู นายอยากกินมาตั้งแต่วันก่อนแล้วนี่”

“ผักบุ้งหมูกรอบด้วย”

“หมูกรอบหมด เอาหมูสับแทนแล้วกัน ทำไมไม่บอกตั้งแต่เมื่อคืนล่ะ”

“เพิ่งนึกได้”

“งั้นก็อดไปสิ” ผมยักคิ้วใส่เขา ก่อนจะมองซ้ายมองขวา หาที่ทางให้ตัวเอง “แล้วฉันมารอในห้องได้รึเปล่า จะรบกวนมั้ยเนี่ย”

เตโชจูงมือผมมานั่งตรงโซฟารับแขกด้านใน แม้จะห่างจากเครื่องปรับจูนเสียงเหมือนปลีกวิเวกเป็นส่วนตัว แต่ตำแหน่งหันหน้าตรงเข้าหากระจกพอดี หาที่นั่งให้ผมเรียบร้อยแล้วคนหน้ามึนก็เดินไปเปิดกระเป๋าเป้ ก่อนจะหยิบถุงขนมวางแหมะบนตักผม

“ซื้อมากินเองเหรอ” ปากถาม แต่มือแกะพร้อมรับประทานแล้ว

“ของแฟนคลับ”

“อ้าว แล้วฉันกินได้เหรอ” ผมชะงักในท่ากำลังจะกิน

“งั้นถามก่อน” เตโชพูดพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพผมลงทวิตพร้อมแคปชั่น #ให้จิระกินได้มั้ยครับ

“ไอ้บ้า ลบทิ้งเลยนะ” ผมแย่งมากดลบ ดีนะยังไม่ค่อยมีคนเห็น...ซะที่ไหนล่ะ คาตากันสามคนสามคู่เลยเนี่ย ผมค่อยๆ ยกมือมาเกาแก้มอย่างเก้อกระดาก เพิ่งรู้ตัวเอาตอนนี้ว่ามัวแต่คุยกับเตโชจนลืมคนอื่นไปซะสนิท

“อืม รักกันดีนะ” หนึ่งในนั้นเอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืนแกมเอือมระอา ขณะที่ตัวหญิงสาวกุมอกทำท่าเหมือนจะกระอักเลือดไปหลายตลบ ผมน่ะยังดีที่รู้ตัวแล้ว แต่เตโชที่พยายามจะถามแฟนคลับอีกครั้งอย่างไม่สนใจใครเนี่ยสมควรถูกตบกะโหลกสักที

“ทำงานได้แล้ว” ผมยั้งมือไม่ให้ประทุษร้ายศิลปินต่อหน้าต่อตาทีมงาน เปลี่ยนเป้าหมายเป็นแย่งโทรศัพท์เขามาถือเพื่อยุติการต่อล้อต่อเถียงอันไร้สิ้นสุด

“ขนม”

“รู้แล้วน่า กินก็กิน ไปทำงานเถอะ”

เตโชไม่ตอบแต่มองผมไม่ขยับ จนกระทั่งยอมหยิบขนมใส่ปากนั่นแหละเขาถึงได้พยักหน้าอย่างพอใจแล้วเดินเข้าห้องกระจกแต่โดยดี

“แฟนมาให้กำลังใจถึงที่อย่าทำให้เขาผิดหวังล่ะเตโช”

“ผมไม่ใ...”

“ครับ”

ผมถลึงตาใส่คนตีเนียนที่ทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่ทันได้ตวาดด่าก็เป็นอันต้องปิดปากเงียบเพราะเตโชเริ่มทำสมาธิก้มมองเนื้อเพลงพลางขยับปากคล้ายทบทวนทำนองให้ถูกต้อง ภาพสุดแสนจะหาได้ยากนั้นทำเอาผมจ้องตาไม่กะพริบ

และเมื่อเริ่มอัดเสียง ผมก็คล้ายถูกเขาพาจมลงไปในเนื้อเพลง

แม้ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมกำลังทำสีหน้ายังไง แต่คิดว่าคงไม่ต่างกับภาพใส่กรอบในห้องของเตโชที่ได้จากรายการสัมภาษณ์ละมั้ง






‘สาวๆ คะวันนี้เจ๊จะขอเม้าถึงเบื้องหลังการอัพทวิตและลบไปของเตโชในวันนี้

อย่างที่รู้ๆ กันว่าเจ๊เป็นหนึ่งในทีมงานของค่ายเพลง xxx  เลยได้เห็นกับตาว่าจิระมาให้กำลังใจเตโชถึงห้องอัด! แถมสองคนนั้นก็คุยกันกระหนุงกระหนิง จูงมือพากันไปนั่งเหมือนโลกนี้มีเพียงเราสอง เตโชเป็นคนเอาขนมวางบนตักจิระ แต่จิระไม่กล้ากินเพราะกลัวแฟนคลับเสียใจ เตโชถึงได้โพสถามเอาดื้อๆ จากนั้นทั้งคู่ก็แย่งโทรศัพท์กันเดี๋ยวลบเดี๋ยวโพสค่ะ! แค่คำพูดคงไม่พอ แต่เจ๊มีภาพมาพิสูจน์ อาจจะเบลอๆ หน่อยนะคะเพราะตอนถ่ายสติเจ๊ปลิวแล้ว’

‘โอ๊ย น่ารักมากเลยค่ะ’

‘อี๋ พวกกินกันเองเพราะกระแส’

‘ข้างบนถ้าไม่ชอบก็กดปิดนะคะ ไม่มีใครบังคับคุณมาอ่านค่ะ’

‘ผมก็ไม่ได้อยากจะอ่าน แต่มันเด้งขึ้นมา’

‘งั้นก็อยู่เงียบๆ นะคะ’

‘ชอบไปได้ยังไงผู้ชายรักกัน’

‘โอ๊ย ควายหลงมาค่ะ ใครก็ได้พาไปเก็บที!’

ผมกดปิดเฟซบุ้คก่อนจะหันไปตบกะโหลกเตโชที่เดินเอื่อยๆ ถือไม้ถูกพื้นผ่านหน้ามาพอดี คนหน้ามึนมองมาอย่างไม่เข้าใจ แน่นอนว่าผมไม่คิดอธิบาย ชี้นิ้วสั่งให้เขาทำความสะอาดบ้านให้เรียบร้อยขณะนอนเอกเขนกบนโซฟาตัวโปรด

หงุดหงิดชะมัด ผมไม่ชอบให้คนเอาเรื่องผมกับเตโชไปเล่า ถ้าอยากรู้สู้มาถามผมเองกับปากยังจะสบายใจกว่าอีก อย่างน้อยเวลาโดนด่าก็ยังพอเตรียมตัวเตรียมใจ แต่ในเมื่อระบายลงกับตัวต้นเรื่องอย่างเตโชแล้ว ผมก็หันมากลุ้มใจกับตัวเอง...ว่าหลังจากนี้จะทำอะไรดี

ให้นอนกลิ้งเล่นตลอดสองอาทิตย์ก็ไม่น่าไหวนะจิระ

“เตโช อาทิตย์นี้นายติดทำเพลงใช่มั้ย แล้วอาทิตย์หลังจากนั้นมีงานต่อรึเปล่า”

คนหน้ามึนพยักหน้ารับ ผมคงบ้าที่คิดว่าเขาจะนั่งว่างเป็นเพื่อน

“แล้วนายจะไปไหน ตอนนายเข้าบริษัทฉันยังพอไปนั่งดูได้ แต่ถ้าเกิด...”

พลันโปสเตอร์ใบหนึ่งถูกหย่อนมาตรงหน้า

“หือ อะไร” ผมรับมาอ่านอย่างสงสัย พบว่ามันคืองานดนตรีที่พัทยา กินเวลาสามวันเต็ม มีศิลปินรับเชิญหลายสิบกว่าชีวิต และหนึ่งในนั้นก็คือนายเตโช

“ฉันไปด้วยได้เหรอ” ผมลุกพรวดพราดขึ้นมานั่งดีๆ บนโซฟา เงยหน้าถามเตโชที่พยักหน้ารับเชื่องช้า “ไหนมาบอกให้ชัดๆ สิว่าอยากให้ฉันไปด้วย”

ผมฉีกยิ้มยียวนตั้งใจแกล้งเขาเล่น แต่คนหน้ามึนที่มีไม้ถูพื้นเป็นอาวุธกลับก้มหน้ามากระซิบแผ่วข้างหู พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มแสนเรียบเฉยแต่แฝงความออดอ้อนในทีว่า...

“ไปด้วยกันนะ”

รู้ตัวอีกผมก็เผลอขยำโปสเตอร์จนกลายเป็นก้อนขยะ ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดลำคอแทบแตก

“เออ!”

--------

          จบจริงๆ แล้วกับเช็กเมทและกองถ่ายกองนี้ค่ะ แม้มิสเตอร์เอสจะตายแล้ว แต่ซีรีส์ยังต้องดำเนินต่อไป ซีซันสามจิระคงไม่ได้ร่วมแสดงแล้วอย่างที่ประกาศกร้าวว่าเอาช้างมาฉุดก็ไม่มา ปล่อยให้มิสเตอร์เอสกลายเป็นตำนานจากการร่วมแสดงของทั้งสองคนจากสองซีซัน จิตรินและจิระ ลูกรักที่สุดในนิยายชุดนี้นะคะ

ว่าแล้วก็ขอโม้...เหม็นความรักจังเลยค่ะ ทำไมบรรยากาศสีชมพูมันฟุ้งๆ ไม่รู้ทำไมสองคนนั้นชอบคุยกันเองไม่สนใจคนอื่น เพราะเราไม่สำคัญหรือเพราะเขารักกันแต่ไม่ยอมรับค่ะ #กัดหมอน

แต่ไม่ต้องห่วง ออกต่างจังหวัดงวดนี้ไม่คืบหน้าไม่ได้แล้ว ถ้ายังไม่คืบหน้า จะเกรี้ยวกราดตามจิระแล้วค่ะ

#จิระผู้เกรี้ยวกราด

เพจนักเขียนที่พร้อมส่งลูกน้อยออกเรือน (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 24-12-2017 12:54:18
คมสันช่างล้ำลึก  และจิระยังเกรี้ยวกราดต่อไป  :mew4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 24-12-2017 13:03:30
ว้ายยยย ถ้าเค้ายอมกันเมื่อไหร่ก็คงหวานกว่านี่แน่
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-12-2017 13:05:32
 :bye2:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 24-12-2017 13:24:35
นี่ยังถือว่าไม่คืบหน้าอีกเหรอคะ โอ้โหหหห แค่นี้แฟนคลับคู่นี้อย่างเราก็ใจบางมากแล้วค่ะเขินไปกับเขาสองคนจริงๆ หนูจิก็น่ารักเตโชก็น่าเอ็นดู นับว่าเคมีสองคนนี้มันได้จริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-12-2017 13:57:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 24-12-2017 14:17:02
จิระเกรี้ยวกราดกลบเกลื่อนความเขิลล
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 24-12-2017 15:31:23
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 24-12-2017 15:38:20
เราว่าแบบนี้ดีแล้ว เราก้อสงสารพายน่ะ เขาก้อตั้งใจกับงานที่ทำมากๆ ต้องโทษเสี่ยเลยงานนี้น่ะ 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 24-12-2017 15:38:55
งืออออ เราจะได้กลับไปกองเช็กเมทอีกไหมนะ  :hao5: :hao5:
ถ้ามีคู่ต่อไปในเซ็ทซีรี่ส์นี้ก็อยากให้บรรยายถึงเช็กเมทอีกเหมือนกันนะ ในฐานะคนดูก็ได้ เพราะชอบเช็กเมทมาก :katai2-1:
ในด้านของจิระและเตโชกับบรรยากาศสีชมพูนั้น....
เหม็นฟามรัก ชิชิชิ  :hao6: :hao6:

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 24-12-2017 16:54:15
เคมีเข้ากันจริงๆสองคนนี้ ไม่แปลกที่ใครเห็นก็เข้าใจว่า เป็นแฟนกัน เพราะพออยู่ด้วยกันก็น่ารักกันขนาดนี้เลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 24-12-2017 17:04:43
ทำไมมันชมพูขนาดนี้หนอคนเรา ป้าอิจเหลือเกินค่ะคุณ :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 24-12-2017 19:04:26
ทำไมเคทีเขาเข้ากันอะไรขนาดนี้ ฟินนนน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 24-12-2017 19:39:51
กุ๊กกิ๊กงุ๊งงิ๊งกัน 2 คนไม่สนรอบข้างอย่างนี้แล้วยะไม่ให้คิดว่าเป็นแฟนกันได้งัยเนอะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: obofe ที่ 24-12-2017 20:19:48
พายก็น่าสงสาร  แต่วิธีการแก้นะมันผิด

เหมือนเจอเด็กเส้นเข้าโรงเรียน, ราชการ  หรือที่ทำงาน  ใครก็ไม่พอใจเป็นเรื่องปกติ  แต่เจอเส้นแล้วไปลักพาตัวเขานี่ค่อนข้างน่ากลัวมากๆ  ดีที่เจ้าตัวไม่ได้ทำร้ายร่างกายหรือก่อคดีอาญา 


ที่สำคัญจบแล้วเหรอ!! ทำไมจบห้วน  ยังงอยูเลย ว่าเตโชชอบหนูจิยัง?????
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-12-2017 20:20:16
เคลียร์เรื่องซีรี่ส์ไปแล้ว ตอนไปก็เรื่องของทั้งคู่ล้วน ๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 24-12-2017 20:32:32
ชอบ!!!!
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: 177266 ที่ 24-12-2017 21:26:34
 o13 จิระนี่น่ารักขึ้นทุกวัน รออออออออไปเที่ยวทะเลนะคะ :call:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: waiieiei ที่ 24-12-2017 21:31:52
อีเว้นทะเลมาล้าววววว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 24-12-2017 22:15:14
เดี๋ยวนี้ลูกหมาเตโชอ้อนเป็นแล้วนะคะ จากที่เคยทำแค่หน้านิ่งๆไม่มีความรู้สึกอะไร โถถถ เอ็นดูน้องงงง เขินจนอยากจะเกรี้ยวกราดแบบจิระ ขยำโทรศัพท์ให้เป็นก้อนแล้วปาทิ้ง ฮือ55555
บ้ายบายเช็คเมท อยู่ด้วยกันมาสองซีซั่นแล้วรู้สึกพันธ์พอๆกับเรื่องหลักเลย แต่พอรู้้หตุผลของคมสันแล้วก็พอเขาใจ จริงๆคมสันก็ไม่ได้ใจร้ายกับจิระมากสักหน่อย โธ่
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: absolutepoison ที่ 24-12-2017 23:02:09
คุณคะะะะะ จิระเขาบอกว่าจะไปนั่งดูเตโชที่บริษัท เขาไม่คิดว่าเป็นแฟนนั้นสิถึงจะว่าแปลก  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 24-12-2017 23:04:29
#เหม็นความรัก :m3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 24-12-2017 23:40:59
      จิระยิ่งมีนิสัยที่โตขึ้นและได้ใกล้ชิดกับเตโชมากขึ้นแค่ไหนยิ่งมีความน่ารักมากขึ้นมากไปอีกค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 25-12-2017 09:18:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 26-12-2017 10:44:07
น่ารักมากๆ ชอบความสร้างโลกส่วนตัวของสองคนนี้  :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 26-12-2017 19:05:06
สองวันผ่านไป
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 18 : หนีตามกัน - P.20 - [24/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-12-2017 19:23:37
มันคือความฟิน  :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 19 : ลอยคอ - P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 26-12-2017 20:48:58
ตอนที่ 19

ลอยคอในทะเล



ผมเปิดหน้าต่างรถ สูดกลิ่นเค็มของทะเลเข้าเต็มปอด

“ฮ้า สบายจัง” พูดไปก็บิดขี้เกียจไป เพราะตลอดการเดินทางนั้นหากไม่กินขนมผมก็นอนหลับ ปล่อยให้เตโชขับรถติดต่อกันนานเกือบสามชั่วโมง “นายชอบภูเขาหรือทะเลมากกว่ากัน”

ประโยคนี้คุ้นในความทรงจำ เพราะจิตรินเป็นคนถามผมก่อนเราจะสลับร่าง

“ทะเล”

ผมยิ้มให้เตโช

“ฉันก็ชอบทะเล” ผมพูดพลางหลับตารับสายลมแสงแดด ไอเย็นที่ปะทะใบหน้า กลิ่นอายของทะเล ทำให้รู้สึกเหมือนมาเที่ยวมากกว่ามาทำงาน ไม่สิ ถ้านับตามความจริง...ผมมาเที่ยวน่ะถูกแล้ว ส่วนเตโชต่างหากที่มาทำงาน “เมื่อก่อนเวลามีเรื่องทุกข์ ฉันชอบนั่งมองทะเล มองนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น ฟังเสียงคลื่น ดูความเวิ้งว้างไร้ที่สิ้นสุด แล้วใจจะสงบลง”

เตโชไม่ตอบอะไร แต่ผมรู้ว่าเขาฟังอยู่

“นามสกุลฉันคือนราสมุทร มีความหมายว่าน้ำทั้งสองคำ เพราะอย่างนี้มั้งฉัน

ถึงชอบทะเล”

“เตโชแปลว่าไฟ”

“นั่นสิ แล้วทำไมคนที่ชื่อไฟถึงได้หน้ามึนขนาดนี้ล่ะ” ผมหันไปเหน็บเขาพร้อมหยิกแก้มหวังให้แสดงสีหน้าออกมาบ้าง แน่นอน...ว่าไม่เป็นผล “นายควรจะชื่ออะไรสักอย่างที่แปลว่าน้ำมากกว่าอีก ฉันให้ยืมนามสกุลมั้ย เอาคำว่านรา หรือคำว่าสมุทรดีล่ะ”

“ชื่อน้ำ”

“มักง่ายไปแล้ว” ผมหัวเราะร่วน ก่อนจะหันไปมองเหม่อกับภาพของทะเลเบื้องหน้าอีกครั้ง งานดนตรีจะเริ่มจัดในวันพรุ่งนี้ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเต็มหาดพัทยา มองไปมองมาแล้วจะว่าสงบก็ไม่สงบ ควรจะบอกว่าวุ่นวายโคตรๆ ถึงจะถูก “แล้วนี่จองห้องยังไง”

“บริษัทจองให้”

“เตียงคู่?”

“ไม่รู้”

ฟังคำตอบนั้นแล้วผมสังหรณ์ใจชอบกล

 






แล้วก็เป็นจริงดังคาด

ผมกุมขมับขณะนั่งบน ‘เตียงเดี่ยว’ พลางเหล่มองคนหน้ามึนที่ไม่ได้กลัดกลุ้มอะไรเลย จะไปขอเปลี่ยนห้องก็ไม่ทัน เพราะด้วยงานดนตรีทำให้มีคนมากมายหลั่งไหลเข้าพัทยา ห้องเต็มจนไม่พอให้พักด้วยซ้ำไป

“คืนนี้นอนเตียงเดียวกับฉันนายโอเคใช่มั้ย”

เตโชพยักหน้ารับ ออกจะสงสัยด้วยซ้ำว่าทำไมผมต้องทำทีเป็นเดือดเป็นร้อน ก็เป็นผู้ชายด้วยกัน แถมยังเป็นเพื่อนสนิทกันอีก

“แต่ฉันไม่โอเค นายนอนกรนรึเปล่า นอนดิ้นมั้ย บอกไว้ก่อนว่าฉันเป็นคนขี้รำคาญมากๆ เลยนะ”

สายตาของเตโชคล้ายยอมรับคำด่าตัวเองของผมนั้นอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

“อย่าเงียบสิ”

“หิวแล้ว”

“งั้นไปกินอาหารทะเลกัน” ผมรีบลุกจากเตียง ไม่ได้กินอาหารทะเลสดๆ นานมาก แค่นึกก็น้ำลายจะไหล แต่ให้ลงไปทั้งสภาพนี้ก็ไม่ได้ ผมหยิบหมวกมาใส่ หยิบแว่นกันแดดมาสวม แน่นอนว่าเอามาเผื่อคนหน้ามึนด้วย เขาดูแลตัวเองเป็นที่ไหนกัน

สุดท้ายพวกเราก็จบปัญหาเรื่องเตียงด้วยของกิน

ตอนแรกที่เดินออกจากโรงแรม ผมลอบกังวลว่าปลอมตัวแค่นี้จะรอดรึเปล่า ปรากฏว่ารอดครับ เพราะนักท่องเที่ยวเยอะจริงๆ ไม่ได้มีแค่คนไทย แต่ยังมีชาวต่างชาติด้วย ส่วนสูงปานเสาไฟฟ้าของเตโชเลยดูกลืนไปซะอย่างนั้น นานแล้วที่ไม่ได้ออกมาเที่ยวเล่นกับเพื่อน หรือให้ถูกคือผมแทบจะไม่มีเพื่อนนับตั้งแต่เกิดมายี่สิบสองปี เลยค่อนข้างระรื่นชื่นบานขณะเดินเที่ยวรอบโรงแรม

“เอาร้านนั้นกัน” ผมกระตุกแขนเสื้อเตโชพลางชี้ร้านอาหารหน้าปากซอยที่มีคนต่อแถวยาวขดสามตลบ คนหน้ามึนย่นคิ้วคล้ายไม่เห็นด้วย แต่ผมข้ามถนนไปแล้ว แถมยังหันมากวักมือเรียกไม่ให้ปฏิเสธอีกต่างหาก

เขาว่ากันว่าคนยิ่งเยอะแสดงว่าร้านนั้นอร่อยเหาะ ในฐานะพ่อครัวมือฉมัง มาถึงพัทยาทั้งทีผมก็อยากจะกินอาหารอร่อยๆ นี่นา

ผ่านไปสิบห้านาที แถวเขยื้อนไปเล็กน้อย ผมก็เริ่มบ่น

“เมื่อยชะมัด”

เตโชมองผมด้วยสายตากะไว้แล้วเชียว...เป็นอันหมดข้อสงสัยว่าทำไมตอนแรกถึงได้คัดค้าน

เขาน่ะไม่มีปัญหา เพราะคนที่มีปัญหาคือผมต่างหาก!

“ร้อน” ผมจับเตโชยืนเป็นเสาบังแดด “ทำไมตรงนี้ไม่มีลมเลยนะ”

คำถามที่ไร้คำตอบ เตโชรู้ดีว่าควรจะหุบปากเงียบเข้าไว้ถ้าไม่อยากให้ผมพาลใส่ ก่อนจะถอดหมวกมาช่วยพัดให้ผมผสมพัดให้ตัวเองบ้าง เจอคนนิ่งผมก็นิ่งตาม แม้จะบ่นกระปอดกระแปดทุกหนึ่งนาที

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ผมหิวจนแสบไส้ ยืนจนเมื่อยไปหมด แต่พอได้นั่งโต๊ะพลังงานก็หวนกลับ รับเมนูมาสั่งอาหารทันที

“ปลากะพงนึ่งมะนาว กุ้งเผา หอยแครงลวก ปูผัดผงกะหรี่ แล้วก็ข้าวผัด!”

ไม่แม้แต่จะถามความเห็นเพื่อนร่วมทาง สั่งจบผมก็เหล่มองเตโชที่นั่งอย่างสงบ ไม่โวยวายคัดค้านใดๆ

“ไม่ต้องห่วงนะเจ้าตูบ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง”

“จิระใจดี เย้”

เห็นแก่เขาพามาเที่ยว ได้สิทธิ์ที่พักฟรี ผมเลยทำตัวป๋าสักหน่อย อยู่กับเตโชดีอย่างที่ไม่ต้องมานั่งเกรงใจ ผมจะเอาแต่ใจขนาดไหนก็ได้ เพราะรู้สันดาน...แคกๆ เอาเป็นว่ารู้นิสัยกันดีอยู่แล้วหลังรู้จักกันมาสองเดือนเต็ม ถ้าเป็นคนอื่นผมคงโดนด่าเพราะทนความเอาแต่ใจไม่ไหว แต่กับคนหน้ามึนนั้นหายห่วง เตโชเป็นพวกเรื่อยๆ เอื่อยๆ สบายๆ ค่อนข้างมักง่ายและมีความอะไรก็ได้สูงมาก

อย่า อย่าคิดว่าผมเอาเปรียบเขา เตโชก็มีนิสัยแย่ๆ ตรงเงียบเกินไป บางทีก็เหมือนจะไม่สนใจอะไรเลยโดยเฉพาะสิ่งรอบข้าง ผมเลยต้องคอยระวังให้ รีบจับเขาใส่หมวกเมื่อเห็นว่าโต๊ะข้างๆ แอบเหล่มองเราสองคนอย่างสงสัย

ถ้าเป็นดาราทั่วไปคงดีใจที่มีคนจำได้

แต่บอกเลย ดาราสุดฉาวอย่างผมนั้นไม่ดีใจสักนิด และไม่ชอบเวลาถูกขอถ่ายรูปด้วย ผมชอบการแสดง แต่เกลียดการเป็นดาราสุดจิตสุดใจ โดนนินทาลับหลังยิ่งแย่ใหญ่ อย่างข่าวลือเรื่องผมกับเตโชนั้นก็ขอเล่าด้วยตัวเองดีกว่ามาจากปากคนอื่น

“น้องๆ ของคนนี้เอาน้ำเปล่าไม่เอาน้ำแข็งนะ” ผมบอกพนักงานที่ลากรถเข็นมาเสิร์ฟน้ำ นักร้องอย่างเตโชต้องถนอมเส้นเสียง เลี่ยงได้ก็จะพยายามเลี่ยงน้ำเย็น ในฐานะพ่อครัวประจำตัวเขาผมย่อมจำเรื่องนี้ได้แม่น “ยิ้มอะไร”

“ดีใจ”

“ดีใจอะไร ดีใจที่ฉันเลี้ยงข้าวเหรอ”

เตโชไม่ตอบ เขาเพียงมองผมยิ้มๆ

หลังจากนั้นไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ อาจเพราะหิวมาก ผมกับเตโชเลยพากันก้มหน้ากินอย่างเดียว อาหารทะเลต้องมากินที่ทะเลจริงๆ เนื้อปลาสด เนื้อกุ้งแน่น หอยแครงลวกแบบพอดิบพอดี แม้ปูจะให้น้อยไปหน่อยแต่โดยรวมถือว่าสมราคา

“อิ่มชะมัด” ผมลูบพุง บนโต๊ะเต็มไปด้วยเศษกุ้งและเปลือกหอย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผมต้องคอยแกะกุ้งให้เตโชเพราะทนไม่ได้ที่เขาแกะไม่ถูกวิธีจนเหลือเนื้อตรงหาง หากมองจากภายนอก ผมอาจจะดูเหมือนคนกลัวสกปรก แต่อย่าลืมสิว่าผมชอบทำอาหาร พ่อครัวมือฉมังคนนี้เคยหมักหมู สับไก่ ทำหลายอย่างที่เลอะเทอะกว่านี้มาก

“จิระทำอร่อยกว่า”

“อย่ามาชมให้เหลิงหน่อยเลย ฉันเคยทำอาหารทะเลให้นายที่ไหน”

“งั้นทำสิ”

“นี่นายหลอกให้ฉันรับปากใช่มั้ยเตโช” ผมมองเขาอย่างรู้ทัน เห็นหน้ามึนแบบนี้แต่หมอนี่มีความกวนฝังในสูงมาก “กุ้งโลหนึ่งตั้งกี่บาท แพงจะตาย แต่ถ้านายซื้อวัตถุดิบฉันจะทำให้”

“ตกลง”

ท้องอิ่มพวกเราก็ไปเดินเล่นเลียบชายหาดส่วนของทางโรงแรมเพราะคนน้อยกว่าที่สาธารณะ ไหนๆ ก็ชอบทะเลเหมือนกันแล้วเลยไม่กลัวว่าอีกคนจะเบื่อ ผมเดินเตะทรายขณะหาทำเลเหมาะๆ วันนี้เตรียมลุยเต็มที่เลยสวมเสื้อยืดกางเกงสามส่วน ทางด้านเตโชก็สวมเสื้อกล้ามกับกางเกงลายทหาร ผมเลือกจุดที่คนน้อยแถวโขดหิน ก่อนจะหันมาชวนคนข้างกายด้วยสีหน้านึกสนุก

“เล่นน้ำกัน”

“เอาสิ”

“นายลงไปก่อน” ไม่พูดเปล่ายังผลักคนหน้ามึนด้วย แต่ที่ทำให้อ้าปากหวอคือเตโชเล่นใหญ่เกินไป ผมผลักเบาๆ เอาให้เซ แต่เขาดันกระโดดถอยหลังลงทะเลอย่างจำยอม ทิ้งน้ำหนักเต็มที่จนน้ำสาดกระจัดกระจาย

แล้วผมที่ยืนอ้าปากค้างจะไปหลบทันมั้ย

จะรอดเรอะ...เปียกโชกไปทั้งหน้าเลยเนี่ย!

ผมปาดคราบน้ำที่ไหลตามคางพลางหรี่ตามองเตโชที่นั่งจมในทะเลครึ่งตัว

“เล่นน้ำกัน” เขาพูดหน้าซื่อตาใส แต่มือที่ตีน้ำใส่ผมเนี่ยไม่เห็นจะซื่อใสตรงไหน

“เล่นนายเนี่ยแหละ อย่าหนีนะ!” ผมกระโจนเข้าหาเตโช ตั้งใจจะจับเขากดน้ำให้หายแค้น ผลคือโดนคนหน้ามึนกระชากแขนล้มโครมหน้าคะมำทิ่มทะเลเข้าอย่างจัง

ผมเงยหน้าพรวด ถุยน้ำออกจากปาก ถลึงตาอย่างเกรี้ยวกราด

“ไม่ได้หนี” เตโชแบมือสองข้างอย่างจำยอมราวกับผู้บริสุทธิ์

“นายแกล้งฉันชัดๆ”

“จิระเริ่มก่อน”

“ฉันแกล้งนายได้แต่นายอย่างแกล้งฉันสิ!” ผมตีน้ำใส่เขาอย่างกรุ่นโกรธ ผลคือเตโชตีน้ำกลับ ทำไมเราสองคนเล่นทะเลกันเหมือนเด็กสามขวบขนาดนี้ นึกแล้วรู้สึกมันไม่ใช่ เราไม่ควรนั่งตีน้ำใส่กันอยู่ริมหาด มันทุเรศเกินไป

“หยุด” ผมยกมือตั้งตรงสี่สิบห้าองศาเพื่อห้ามทัพ “ว่ายน้ำแข่งกัน เส้นชัยคือเสาวัดระดับน้ำตรงโน้น”

เตโชไม่แม้แต่จะพยักหน้าหรือขานรับ เพราะผมพูดจบปุ๊บเขาก็เอามือจ้วงน้ำทันที ว่ายฉิวนำไปไกลแล้ว!

“ไอ้บ้าเตโช ไอ้ขี้โกง!” ผมโวยวายก่อนจะรีบว่ายตามหลังอย่างเร่งร้อน แต่ช่วงแขนขานั้นสั้นกว่าเตโชฉันใด ความเร็วในการว่ายน้ำก็ช้ากว่าฉันนั้น แล้วยังไม่นับเรื่องคนหน้ามึนออกตัวนำโด่งอีก ผมแพ้ราบคาบ หอบแฮกๆ หมดเรี่ยวแรงจนต้องตะกายตัวอ้อมหลังไปล็อกคอเตโชแก้แค้น

“ตายซะเถอะ! ตายซะเถอะ!”

เตโชเล่นใหญ่พอเป็นพิธีโดยการดิ้นขลุกขลักสามครั้ง ผมทั้งขำทั้งเหนื่อย เปลี่ยนจากล็อกคอเป็นกอดคอเขาหลวมๆ แล้วสั่งให้เตโชว่ายวนรอบเสาวัดระดับน้ำเป็นการทำโทษ แล้วผมก็ค้นพบ...ความสบายที่ตามหามานาน

เล่นน้ำแต่ไม่ต้องว่ายเองมันดีอย่างนี้นี่เอง

จากนั้นผมก็เกาะเตโชไม่ปล่อยประหนึ่งเขาเป็นปลาโลมา

แต่คนหน้ามึนแรงดีแค่ช่วงแรกเท่านั้น ไม่ทันไรก็กลายร่างเป็นสล็อต ว่ายเอื่อยๆ วนไปวนมาอยู่กับที่ ตอนแรกกะจะต่อว่าสักหน่อย แต่พอมองกลุ่มนักท่องเที่ยวที่หัวเราะเฮฮาเต็มหาดแล้วก็คิดอยากอยู่อย่างนี้อีกสักพัก ปล่อยใจฟังเสียงคลื่น เสียงลม วุ่นวายกับการทำงานมานาน หลบมาพักร้อนทั้งทีทำอะไรให้มันช้าลงบ้างก็ดีไปอีกแบบ

“ร้องเพลงหน่อยสิ”

“เฮ...จับเอาเธอนั้นไปลอยทะเล...”

ผมตบกะโหลกเปรี้ยงเข้าให้เต็มฝ่ามือ

แต่เตโชยังไม่หยุด

“ก็กลัวเธอนั้นจะจมทะเล...ขาดเธอตัวฉันก็คงสิ้นหวัง และคงจมเห่”


ยังดีที่กลับตัวทันเอาท่อนหลัง ว่าแล้วก็ให้เครดิตกันสักหน่อยกับเพลง ‘ลอยทะเล’ เพลงเก่ามากจนผมยังร้องไม่รอด ได้แต่ส่ายศีรษะน้อยๆ พลางกอดคอเขาแน่นขึ้น

“เตโช”

“หืม” เขาขานรับในลำคอเบาๆ มุ่งมั่นกับการดำผุดดำว่ายด้วยความเชื่องช้าขนาดเต่ายังแซงหน้า

“ถ้าฉันทำอาหารไม่เป็น นายจะคบกับฉันรึเปล่า ยังอยากเป็นเพื่อนฉันมั้ย”

ไม่รู้ผีอะไรเข้าสิง อาจจะเป็นผีทะเลก็ได้...ถุย! ผมหมายถึง อาจจะเพราะมองฟ้า มองน้ำ รับอากาศเย็นๆ แล้วผมก็นึกอยากถามสิ่งที่ไม่กล้าพูดมาตลอด

“ฉันนิสัยไม่ดี ขี้หงุดหงิด ขี้โมโห”

ผมกอดคอเขาแน่นขึ้น เพราะหากพูดต่อหน้าคงขลาดเขลาไม่กล้าเอ่ย

“บางทีฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเอง แต่ฉันคิดว่าถ้าฉันเป็นใครสักคนที่ไม่ใช่จิระ ก็คงไม่อยากจะมายุ่งกับคนอย่างจิระ”

ก่อนจะกลั้นใจถามประโยคสำคัญ

“นายอยากสลัดฉันทิ้งไปไกลๆ บ้างรึเปล่า”

แต่เตโชไม่ตอบ

“บางทีฉันยังเหนื่อยตัวเองเลย ถ้าไม่มียาดมคงอกแตกตายไปแล้ว” ผมพูดติดตลก คลายมือออก ชะโงกหน้ามองเขา “นี่ พูดอะไรบ้างสิ”

เตโชดำน้ำซะงั้น ผมเลยพลอยโดนดึงลงไปด้วย พอผุดขึ้นเหนือน้ำอีกครั้งสติก็เหมือนไหลหายไปไหนก็ไม่รู้ ผมตีหลังเขาจนแดงก่ำ ไอ้บ้านี่เล่นไม่รู้จักเวล่ำเวลา

“จิระ”

“ว่าไง” ผมชักหน้าหงุดหงิด หมดอารมณ์จะถามต่อแล้ว

“ผมพูดไม่เก่ง”

“ก็รู้ตัวนี่” ผมโคลงศีรษะ

“ความรู้สึกช้า”

“นั่นก็ใช่” ผมพยักหน้าหงึกหงัก

“ไม่ดูแลตัวเอง”

“ยิ่งกว่าใช่เลย” ผมยกยกนิ้วโป้งให้เขา

“คุยกับคนอื่นไม่ค่อยเข้าใจ”

“เออ บางทีฉันก็ไม่เข้าใจนายเหมือนกัน” ผมหัวเราะขำ

“แต่จิระก็มาด้วยกัน”

“...”

“ทำไมถึงมาที่นี่ด้วยกัน”

ความเงียบเข้าแทรกกะทันหัน ผมนึกอยากให้เขาดำน้ำไปอีกรอบเราจะได้เปลี่ยนหัวข้อ แต่เพราะเตโชรอฟังอย่างตั้งใจเลยได้แต่ตอบออกมาทีเล่นทีจริง

“ก็ฉันว่าง อยากมาเที่ยว อยากมาดูนายร้องเพลง”

“จิระใจดี ใจอ่อน”

“อ่อนขนาดไหน”

เตโชวักน้ำทะเลขึ้นมาแล้วค่อยๆ ปล่อยมันไหลผ่านมือ

“นั่นเขาเรียกว่าเหลวแล้ว ไม่ใช่อ่อน!” ผมถีบเขาไม่เบาด้วยแรงโมโหโกรธา ผลคือโดนสลัดทิ้งจากแผ่นหลัง ทำเอาต้องลอยตัวตุบป่องอยู่กลางทะเลเผชิญหน้ากับเขา

“นี่...” ผมมองหน้าเขาอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ย้อนกลับมาหัวข้อเดิมที่ยังค้างคาใจ “ถ้านายทนฉันไม่ไหวต้องบอกนะ บางทีฉันอ่านนายไม่ออก กลัวจะระเบิดตูมแล้วหายหัวไปเลย”

“ไม่หรอก” เตโชตอบอย่างสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อน “เข้าใจจิระ”

“เข้าใจอะไร” ผมยักคิ้วท้าทาย

“เข้าใจว่าจิระนิสัยไม่ดี ขี้หงุดหงิด ขี้โมโห”

“...”

“มึนๆ งงๆ”

“นั่นมันนายแล้ว!” ผมถึงกับลงทุนว่ายเข้าไปตบหัวเตโชอีกหนึ่งที ก่อนจะถือโอกาสเหนี่ยวตัวเองขึ้นหลัง กอดคอเขาตามเดิมไม่ต่างจากลูกลิง “นี่...นายแต่งเพลงมิตรภาพตราบฟ้าดินสลายมลายสิ้นทั้งอินทรีย์ให้ฉันใช่มั้ย”

“อืม”

“นายชอบแต่งเพลงจากสิ่งที่อยากเล่าอยากบอก แสดงว่านั่นคือสิ่งที่นายอยากบอกฉันเหรอ”

“ใช่”

“ร้องให้ฟังอีกครั้งหน่อยสิ”

เตโชกระแอมไอเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มเปล่งเสียงออกมา แม้รอบข้างจะเต็มไปด้วยกลุ่มคนและความวุ่นวายผมกลับได้ยินเสียงเขาอย่างชัดเจน

“ไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครรับฟัง ไม่มีใครต้องการ”

แค่ประโยคขึ้นต้นก็ลอบสะท้านในอก ผมไม่เคยสังเกตเลยว่าเพลงนี้เหมือนกับเตโชมากแค่ไหน

“แต่เมื่อมีเธอเข้ามา ข้างกายฉันไม่เคยเงียบเหงา”


และบางที...ก็เหมือนตัวผมเองด้วย

“อยากมีเธอแบบนี้ทุกวัน เพื่อให้ตัวฉันมีชีวิตในแบบที่ไม่เคยเป็น”


ผมยิ้มบาง เพิ่งเข้าใจความหมายของคำถามของเขา เพราะถ้าไม่ใช่เตโช ต่อให้ผมว่างแค่ไหนก็คงไม่คิดจะตอบรับมาทะเลด้วยกัน แต่เพราะรู้ว่าเป็นเขา คนที่ยอมรับผมได้ คล้อยตามผมได้ อยู่ด้วยแล้วไม่อึดอัด เป็นตัวของตัวเอง ถึงได้ยอมตกลง

“ฉันจะเข้าใจเธอ จะรับฟังเธอ จะต้องการเธอ”


บางที...ต่อให้วันนี้ไม่ถามออกมา ผมก็รู้คำตอบนั้นอยู่แล้ว

“จะไม่แยกจาก และเคียงกันตลอดไป”

ผ่านเพลง ‘เคียงใจ’ นี้

 




กว่าจะขึ้นจากทะเล ผมกับเตโชตัวซีดมือเปื่อยไปหมด

พวกเราพลัดกันเข้าห้องน้ำ โดยผมเสียสละให้เตโชก่อนเพราะผมค่อนข้างอาบน้ำช้า ผิดกับเขาที่วิ่งผ่านฝักบัวด้วยความเร็วเสียง

“ฉันนอนตรงนี้” ผมชี้นิ้วทางเตียงฝั่งขวา “ส่วนนายนอนชิดริมเตียงไว้นะ ขอย้ำเลยว่าห้ามดิ้นมาโดน ห้ามเตะหรือป่ายมือมาโดน ถ้าฉันสะดุ้งตื่นเพราะนายจะเกรี้ยวกราดมาก”

“แล้วถ้าจิระ...” เตโชยกมือยกไม้ประกอบท่าทางสื่อความหมาย เขาคงหาคำอธิบายดีๆ ไม่ออก

โชคดีที่ผมสำเร็จวิชาเตโชวิทยาแล้ว

“ถ้าฉันเป็นฝ่ายดิ้นไปโดนนายถือว่าเจ๊ากัน”

เตโชพยักหน้ารับ หยิบหมอนขึ้นมาวางริมเตียงอย่างเจียมตัว

“เดี๋ยวก่อน สรุปนายเข้าใจว่าไง”

“ถ้าจิระรุกคือโอเค”

ผมปาหมอนใส่เขาทันที

“ไม่ใช่โว้ย!”








----------

เหมือนเขากำลังสารภาพรักกันยังไงชอบกล

แต่ในเมื่อจิระบอกว่าเพื่อนก็คือเพื่อนค่ะ เราจะไม่ฝืนใจคนเกรี้ยวกราด เพราะทั้งคู่เริ่มต้นจากคนแปลกหน้าแล้วกลายเป็นเพื่อน จะให้ข้ามขั้นคิดเป็นแฟนอาจจะยังไม่อยู่ในหัวแม้การกระทำจนบ่งบอกซะเหลือเกิน

ไม่ต้องห่วงค่ะ ขอกระซิบบอกเลยว่า...ใกล้แล้ว!!! #จิระผู้เกรี้ยวกราด

เพจนักเขียนที่ลุ้นสุดใจขาดดิ้น (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 26-12-2017 21:28:48
โอ๊ยยย ฟินจิกหมอนนน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 26-12-2017 21:31:41
ถ้าจิระรุกคือโอเค!! โอ้ยยยย ขำเตโช
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: 177266 ที่ 26-12-2017 21:34:08
 :-[ :-[ น่ารักกกกกกกก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-12-2017 21:37:24
ดอกไม้เบ่งบานมากค่ะตอนนี้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 26-12-2017 21:40:24
 :mew3:น่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 26-12-2017 21:43:39
จิระช่างน่าเอ็นดูจริงๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 26-12-2017 21:44:29
เตโชชชชชลูกกกก ยิ่งอ่านยิ่งเป็นลูก ทำไมน่ารักแบบนี้ นึกไม่ออกเลยว่าถ้าเตโชรุกจะเป็นยังไง คนรุกจีบคงเป็นจิระ  :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 26-12-2017 21:54:49
แบบนี้ยังเรียกว่าเพื่อนเหรอ ไม่ๆๆ หนูทั้งสองมาไกลแล้วถ้าไม่รู้ตัวอะนะ 55555
แล้วคือใกล้แล้วนี้ ใกล้อะไรคะ อร๊าย ลุ้น  :katai4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 26-12-2017 22:02:47
ทำไมเป็นบทสนทนาของเพื่อนที่ชวนเขินขนาดนี้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-12-2017 22:03:37
รอตอนเช้า เด๋วรู้ผลว่าใครนอนดิ้นกันแน่  :hao3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-12-2017 22:27:58
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MNIMD ที่ 26-12-2017 22:33:25
จิระกับเตโชมาซ้อมพรีฮันนีมูนป่ะคะบ้าจริง เรื่องที่คุยกันนี่เหมือนแฟนเปิดใจเกี่ยวกับนิสัยของกัยและกันเลย ทะเลจากเค็มก็กลายเป็นหวานซะงั้น   :impress2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 26-12-2017 23:28:30
ถ้าจิระรุกคือโอเค 55555555555 เตโชมันร้ายค่ะหัวหน้าา 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 27-12-2017 00:19:04
จิระรุกคือโอเค 555555555 ขำหนักมาก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 27-12-2017 00:55:19
รักจิระจัง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-12-2017 01:03:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 27-12-2017 02:44:51
      เตโชน่ารักจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 27-12-2017 03:11:43
ถ้าจิระรุกคือโอเค 55555 :m20: :m20:
ชอบบรรยากาศระหว่างสองคนนี้จัง เค้าดูเป็นตัวของตัวเองเวลาที่อยู่ด้วยกันแล้วก็ดูเข้าอกเข้าใจกันดี
มิตรภาพระหว่างเพื่อนก็งี้แหละ เพื่อนกันจริงจริ๊งงงง
ปล. ฮาชื่อเก่าของเพลงเคียงใจ 55555555

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 27-12-2017 03:12:46
แบบนี้เขาเรียกว่าเพื่อนกันนะค้าาา :z1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 27-12-2017 04:48:02
จริงๆ เรื่องนี้ก็อัพไวมากๆ อยู่แล้วหล่ะ... แต่คนอ่านกำลังร้อนใจอยากอ่านอีกนี่สิ 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 27-12-2017 06:17:42
ถ้าจิระรุกคือโอเค มันแปลเป็นคำนั้นได้งัยฟะ5555 เตโชมึนจริงจัง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 27-12-2017 07:39:15
รอวันที่จิระใจอ่อน...
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 27-12-2017 10:50:09
แก ถ้าอย่างนี้เขาเรียกเพื่อนกัน
โลกนี้คงไม่มีคำว่าแฟนอะ ฮือออออ
เขินมากเว่อ ขอคนอย่างเตโชซักคนได้ไหมอะ
ดูแลจิระดีเว่อออ (จริงๆหนูจิก็ดูแลเตโชดีอะ)
แถมยังคอยนั่งเงียบๆฟังเราบ่นอีกตะหาก
55555555
รอคอยวันคนขี้หงุดหงิดรู้ตัวรู้ใจ
นี่ว่าเตโชไม่น่าจะรู้ตัวก่อนอีกม้าง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 27-12-2017 11:30:33
เขาเป็น้พื่อนที่น่ารักกันจังง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 27-12-2017 13:56:37
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 27-12-2017 15:01:00
ถ้าจิระรุกคือโอเค


55555


แบบนี้ก็ได้หรอ

หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D ที่ 27-12-2017 21:41:28
ตามอ่านวันเดียวจนทันแล้วววว
สนุกมากๆๆๆ เตโชน่าเอ็นดูเหมาะกับจิระผู้เกรี้ยวกร้าดมากจริงๆ 5555 //อ่านไปก็แอบหิวเวลาทำอาหารด้วย 
ติดตามน้า
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 19 : ลอยคอในทะเล- P.21 - [26/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 28-12-2017 13:48:05
โอ๊ย นี่น้ำทะเลหรือน้ำตาลหก หวานไปโหม้ดดด  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 29-12-2017 19:18:45

ตอนที่ 20

คนมึนก็ป่วยได้





เตโชป่วย

ผมเพิ่งตระหนักรู้เอาตอนเช้าตรู่ ช่วงที่กำลังนอนสบายแล้วพลิกตัวป่ายมือฟาดไปโดนเขาดังป้าบ เตโชเพียงขยับตัวเล็กน้อย ส่วนผมสะดุ้งเฮือก เพราะอุณหภูมิที่ผิดปกตินั้นบ่งบอกว่าคนข้างตัวกำลังป่วยหนัก

ทั้งที่วันนี้เตโชต้องร้องเพลง!

ผมผุดลุกขึ้นมานั่งบนเตียง กระชากแขนคนป่วยให้พลิกตัวนอนหงาย ก่อนจะทาบมือกับหน้าผากเขา ชัดเลย...ร้อนขนาดนี้ไม่ต่ำกว่า 38 องศาแน่ๆ ผมกลืนน้ำลาย นึกโทษตัวเองที่เป็นฝ่ายเริ่มผลักเตโชลงทะเล แถมยังบังคับให้สล็อตว่ายน้ำเล่นอยู่นาน

“เตโช”

ผมปลุกเขา คิดว่าควรจะพาไปหาหมอสักหน่อย

“ไหวมั้ย ลุกขึ้นมาเร็ว”

เตโชครางอืออาในลำคอ ปรือตาน้อยๆ ก่อนจะหลับลงไปใหม่

“ตื่น! ตื่นโว้ย!” อย่าหวังความเมตตาจากจิระ ผมตบแก้มเขาจนแดงก่ำ คนป่วยหนักถึงได้ฤกษ์ลืมตาด้วยความงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น

“นายป่วย” ผมอธิบายให้คนหน้ามึนฟังด้วยสองคำสุดตรงประเด็น ”ลุกขึ้นมาเร็ว ฉันจะให้พนักงานโรงแรมช่วยเรียกแท็กซี่พาไปหาหมอด่วน ไม่งั้นคืนนี้ร้องเพลงไม่ไหวแน่”

เตโชคล้ายจะเพิ่งตระหนักถึงความร้ายแรงที่เกิดขึ้น คนเอื่อยเฉื่อยไม่สนใจตัวเองแต่รักการร้องเพลงอย่างเขาถึงได้ยอมพาสารร่างเดินตามผมลงจากห้องแต่โดยดี พวกเราขึ้นแท็กซี่ไปคลินิกใกล้ๆ ภาพพระอาทิตย์ขึ้นฉาบแสงสีแดงขนานกับน้ำทะเลนั้นสวยจับใจ แต่ผมกลับกระวนกระวายอยู่ไม่สุขเพราะไม่ใช่เวลามาชื่นชมกับวิวทิวทัศน์

พอถึงหน้าคลินิกผมก็จูงมือเตโชผลักประตูเข้าไปทันที ช่วงเวลาเช้าตรู่แต่กลับมีคนไข้รอเข้าคิวจำนวนไม่น้อย ส่วนใหญ่เมาค้างไม่ก็มีเรื่องชกต่อยกัน ผมพาเตโชไปนั่งรอ หยิบบัตรประชาชนของเขาไปแจ้งพยาบาลพร้อมกรอกข้อมูลคนไข้

“รอเรียกคิวอีกเจ็ดท่านนะคะ”

ผมได้แต่พยักหน้าอย่างร้อนใจ กลับไปนั่งข้างเตโชพลางทาบมือกับหน้าผากเขาเป็นระยะเพราะกลัวอีกฝ่ายไข้ขึ้นหนัก จนสุดท้ายกลายเป็นคนหน้ามึนที่จับมือผมให้อยู่นิ่งๆ

“เป็นอะไร ปวดหัวเหรอ” ผมตีความท่าทางเขาไปอีกอย่างหนึ่ง

เตโชมองผมตาเยิ้มเพราะอาการป่วย พลางส่ายหน้าน้อยๆ

“ไม่ต้องห่วง แคกๆ”

แย่ล่ะ เขาเริ่มไอแล้ว!

“ไม่ห่วงได้ไง นายเป็นนักร้องนะ ไออย่างนี้จะขึ้นเวทีไหวได้ยังไง” ผมลุกพรวด ตั้งใจจะไปถามพยาบาลว่าเหลืออีกกี่คิวแล้ว แต่เตโชดันจับมือไม่ยอมปล่อย แถมยังรั้งน้อยๆ ให้กลับมานั่งเคียงข้างกัน

“ปล่อยสิเตโช ฉันจะ...”

ผมอ้าปากค้าง ตัวแข็งเกร็งขึ้นมาทันทีเพราะจู่ๆ คนหน้ามึนก็เอียงศีรษะพิงซบลงมาบนไหล่ อย่าลืมว่าผมไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องตัวแบบแนบชิด ขนาดถ่ายซีรีส์ในกองผมยังไม่ชินเลย แต่ถ้าผมเป็นฝ่ายเริ่มก่อนนั้นไม่นับ ฉะนั้นอย่ายกเรื่องที่ผมเคยพิงเขา กอดเขาขึ้นมาถกเถียงเลยเชียว

ตรรกะของนายจิระก็ประหลาดอย่างนี้

สรุปแล้วผมนั่งตัวเกร็งจนกระทั่งพยาบาลเรียกชื่อเตโช เลยสะกิดเรียกเขาเบาๆ

“เตโช ถึงคิวนายแล้ว”

เจ้าของชื่อขยับตัวน้อยๆ ก่อนจะปรือตามองผมเหมือนถามความเห็นอะไรสักอย่าง ด้วยความที่สำเร็จวิชาเตโชวิทยา ผมเลยจูงมือเขาเดินเข้าห้องตรวจไปด้วยกันแม้ว่าจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย ญาติรึก็ไม่ใช่ เป็นแค่เพื่อนกันแท้ๆ

สรุปแล้วหมอนี่ไข้ขึ้น 39 องศา!

ผมถึงกับหยิบยาดมมาสูดเฮือกใหญ่เมื่อรู้ว่าคนข้างตัวอาการหนักขนาดไหน

“คือว่า...เขาต้องร้องเพลงคืนนี้ตอนสามทุ่ม คุณหมอคิดว่าเขาจะร้องไหวมั้ยครับ”

“ร้องทั้งหมดกี่เพลงเหรอครับ เพลงช้าหรือเพลงเร็ว”

“สามเพลงครับ เป็นเพลงช้าทั้งหมด”

“อ้อ...เจ้าของเพลงหิวรักใช่มั้ย ถึงว่าหน้าคุ้นๆ”

ขนาดคุณหมอวัยห้าสิบกว่าปียังรู้จัก ไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ไหนเลย!

“ใช่ครับ” ผมตอบเสียงเบาอย่างอับอายที่โดนมองด้วยสายตาเหมือนเพิ่งจำได้ว่าผมคือคนอกหักในมิวสิกวีดีโอสุดโด่งดัง

“ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวหมอจะให้ยาแรง กินแล้วก็นอนพักยาวไปถึงตอนกลางคืนเลยนะ แล้วหมั่นจิบน้ำอุ่นก่อนขึ้นเวที  น่าจะพอขึ้นไหวอยู่ ถ้ากังวลหมอจะสั่งยาพ่นให้ด้วย ฉีดคอก่อนร้องเพลงจะได้ไม่ไอ”

“ขอบคุณมากครับคุณหมอ”

“ไม่เป็นไร พอดีลูกสาวหมอกลับจากกรุงเทพมาพัทยาเพราะอยากดูเราเนี่ยแหละ”

ผมยิ้มเจื่อนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกกับรอยยิ้มมีเลศนัยของคุณหมอ

“กินข้าวก่อนกินยานะ ไม่งั้นจะกัดกระเพาะ”

“ครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”

ผมจูงมือเตโชออกไปนั่งรอรับยา ค่าใช้จ่ายทั้งหมดผมยินดีออกให้เพราะถือว่า

เป็นคนก่อเรื่อง นึกแล้วยังรู้สึกผิดไม่หาย เลยจับเตโชให้นอนพิงไหล่ คราวนี้ไม่นั่งเกร็งแล้วเพราะเป็นฝ่ายจับเขาซบลงมาเอง

ลมหายใจร้อนผ่าวรดต้นคอผมเป็นระยะทำเอานั่งเครียดถือยาดมจ่อจมูก

“ไม่ต้องห่ว...แคก”

“นายน่ะเงียบไปเลย!” ผมหันไปตบศีรษะเขาเบาๆ เพื่อให้นอนนิ่งอย่าหาเรื่องพูดมาก ไม่อย่างนั้นจิระจะเกรี้ยวกราดให้ดู

หลังจากนั้นไม่นานพยาบาลก็เรียกผมไปรับยา ตอนแรกกะให้เขานั่งรอจะได้ไม่ต้องฝืน ปรากฏว่าเตโชไม่ยอมปล่อยมือผมเลยต้องจูงติดมาด้วย จ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยผมก็โทรเรียกแท็กซี่คันเดิมให้มารับกลับโรงแรม

ถึงห้องปุ๊บผมก็โทรสั่งข้าวต้มทันที ก่อนจะหาผ้าขนหนูผืนเล็กมาชุบน้ำเพื่อเช็ดตัวให้คนป่วยที่นอนขดบนเตียง เตโชปรือตามองผมเมื่อถูกดึงผ้าห่มออก ก่อนจะยิ่งขมวดคิ้วมุ่นเมื่อโดนจับแก้ผ้า

“จ้องอะไร อายรึไง”

เตโชไม่ตอบแต่ชี้กางเกงในที่ไม่ถูกแตะต้องเป็นเชิงถาม

“ตรงนั้นเช็ดเองสิวะ!” ผมปาผ้าใส่หน้าเขา ก่อนจะนึกได้ว่าไม่ควรทารุณกรรมคนป่วย โดยเฉพาะคนที่โดนผมกอดคอบังคับให้ลอยในทะเลอยู่นานสองนาน เลยหยิบมาเช็ดต่อพลางบ่นพึมพำไม่หยุดว่าป่วยแล้วยังไม่เจียมตัว หาเรื่องกวนกันอยู่ได้

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ข้าวต้มคงมาแล้ว ผมหยิบเสื้อชุดใหม่โยนให้เตโชสวมก่อนจะเดินไปรับถาดอาหารเข้ามาในห้อง พอดีกับคนหน้ามึนที่ลุกมานั่งบนเตียงพลางยื่นมือสองข้างมาข้างหน้าราวกับเด็กๆ

ทั้งที่เตโชไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางอะไรเลยนะ แต่ไม่รู้ทำไมถึงคลับคล้ายว่าเขากำลังปั่นประสาทผมยังไงชอบกล

เอาเถอะ อย่าไปถือสาคนบ้า อย่าว่าคนป่วย

ผมช่วยฉุดเขาแต่โดยดี ก่อนจะจูงมือพามานั่งที่โต๊ะ นี่ผมกำลังเลี้ยงเด็กรึเปล่านะ คิดแล้วขำๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ผมนั่งกินข้าวต้มพลางจ้องจับผิดเตโชไปด้วยว่าจะงอแงอะไรรึเปล่า ยังดี...ที่เตโชกินหมดชาม และรับยาจากผมกลืนตามลงไปอย่างว่าง่าย

ก่อนจะยกมือสองข้างขึ้นอีกครั้ง

“นายเป็นเด็กหรือไงเนี่ย” ผมทั้งฉุนทั้งขัน คราวนี้พอฉุดเขาขึ้นจากเก้าอี้ก็นึกพิเรนทร์แกล้งปล่อยมือ...ผลคือเตโชค่อยๆ ทรุดตัวลงไปนอนไหลกับพื้น นี่คนหรือของเหลวช่วยบอกที

“ลุกมาเดินดีๆ สิ” ผมเอ็ดเข้าให้ทั้งรอยยิ้มฉีกกว้าง ช่วยประคองของเหลวไปนอนบนเตียง ก่อนจะห่มผ้าให้เขา จับหมอนให้ดี ตรวจสอบทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วจึงยืนกอดอกถามกึ่งหาเรื่องด้วยสีหน้ายียวนกวนประสาท “จะเอาอะไรอีกมั้ยเด็กน้อยเตโช”

เด็กน้อยยื่นมือออกมาวางหงายนอกผ้าห่ม เดี๋ยวกำเดี๋ยวแบอย่างสื่อความหมาย

“ทำไมฉันต้องกุมมือนายจนหลับด้วย ไม่เอาหรอก ตัวก็ร้อน ถ้าฉันติดขึ้นมาจะทำยังไง”

เตโชไม่ตอบ แต่ทำตาปรอยใส่ผมอย่างน่าสงสาร

ผมกลั้นขำแทบแย่

“โอ๋ๆ เด็กน้อย ฉันจะดูแลนายเอง” ผมลูบหน้าผากปลอบโยน ก่อนจะยอมจับมือเขาแต่โดยดี ยังไงเตโชก็เด็กกว่าผมสองปี เรียกว่าเด็กน้อยก็ถูกแล้ว “นอนพักเยอะๆ แล้วหายไวๆ นะ เย็นนี้จะได้ร้องเพลงให้ฉันฟัง”

ผมนอนพิงหัวเตียงอยู่ข้างเขา ก้มบอกเสียงกระซิบ

“ฉันอยากเห็นนายขึ้นเวทีนะเตโช”






ผมเผลอหลับในสภาพนั่งคอหักอยู่ตรงหัวเตียง

แต่พอตื่นมาอีกทีไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นนอนห่มผ้าเรียบร้อยก็ไม่รู้ ผมส่ายศีรษะด้วยความมึนเบลอ มองหาคนป่วยที่ไม่รู้หายหัวไปไหน

“เตโช?”

เจ้าของชื่อโผล่หน้ามาจากห้องน้ำด้วยสภาพเปียกโชกไปทั้งตัว

“เฮ้ย! นายอาบน้ำเหรอ” ผมลุกพรวดไปกระชากประตูห้องน้ำทันที คนหน้ามึนสะดุ้งเฮือก รีบเอามือปิดของสงวนเพราะกำลังแก้ผ้าตัวเปล่าเปลือย “อาบน้ำทำไมเดี๋ยวไข้ก็ขึ้นอีกหรอก!”

ผมตวาดใส่เขาแล้วรีบเอามือทาบหน้าผากทันที ลืมซะสนิทว่าอีกฝ่ายอยู่ในสภาพไหนเพราะมัวแต่ห่วงคนไม่รู้จักดูแลตัวเองเนี่ย

“อ้าว...ไข้ลดแล้วเหรอ”

“เหงื่อออกเยอะ” เตโชอธิบาย เขาคงตั้งใจบอกว่านอนจนเหงื่อออก ไข้ลด ก็เลยอยากอาบน้ำให้สดชื่น

“ถึงยังไงก็ยังมีไข้อยู่นะ ไม่เอาฉันไม่ให้อาบ เช็ดตัวสิเช็ดตัว” ผมกระชากแขนเขาออกจากห้องน้ำทันที ไม่คิดจะฟังคำทักท้วงอะไรทั้งนั้น

“จิระ...” เตโชเรียกผมเสียงอ่อน

“อะไร จะเถียงฉันเหรอ ใครที่ปลุกนายไปหาหมอฮะ สำนึกกันบ้างสิ”

“...หนาว”

เตโชอาจไม่สำนึก แต่ผมสำนึกแล้ว

มองคนหน้ามึนที่โชว์ของลับก็เข้าใจ ผมอ้าปากพะงาบ พูดอะไรไม่ออก รีบปล่อยมือราวโดนของร้อน หันหลังหนีก่อนจะรีบปีนขึ้นเตียงมุดอยู่ใต้ผ้าห่ม ไม่วายเปิดช่องแง้มเล็กน้อยเพื่อตะโกนด่า

“ชีเปลือย!”

เตโชมองผมด้วยสายตาพราวระยับ

“ภาพติดตาฉันแล้ว อ๊าก ฉันจะเป็นตากุ้งยิงมั้ย!”

เตโชเดินเข้ามาใกล้ผม เผยของสงวนเด่นหราไร้ยางอาย

“จะเดินมาทางนี้ทำไม กลับเข้าห้องน้ำไป แล้วเช็ดตัวด้วยห้ามอาบน้ำ เข้าใจมั้ย! ถ้าเข้าใจก็ขานรับฉันด้วย!”

“เข้าใจ” เตโชตอบจนได้ ผมถอนหายใจเมื่อเห็นร่างชีเปลือยยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี ก่อนจะเอาหน้าซุกเตียง ไม่ได้ป่วยแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้หน้าร้อนขนาดนี้นะ ผู้ชายด้วยกันจะเขินอะไร...เอ้อ นั่นสิจะเขินอะไร ของของเขาก็เหมือนของของผมไม่ใช่เรอะ

แต่มันอุจาดตาไง!

ผมให้เหตุผลกับตัวเอง

มันกะทันหันเกินไปด้วย เตรียมตัวเตรียมใจไม่ทัน!

ผมลูบหน้าลูบอก กล่อมจิตใจให้สงบเยือกเย็น รอจนเตโชเดินออกจากห้องน้ำด้วยสภาพสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยถึงค่อยเดินไปเตะหนึ่งทีอย่างระบายความเกรี้ยวราด เตโชไม่หลบ เขายอมให้ผมประทุษร้ายด้วยสายตาแฝงความขบขัน

เห็นแบบนี้แล้วยิ่งฉุนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ผมเตรียมจะตวาดด่า แต่ดันถูกเสียงเคาะประตูขัดจังหวะซะก่อน...ผมหันไปเลิกคิ้วถามเขา เตโชเลยเดินไปเปิดประตูพร้อมถือถาดอาหารเข้ามาวางบนโต๊ะ

ที่แท้...เตโชก็ตื่นมาสั่งข้าวเที่ยงเพื่อกินยาตามเวลานี่เอง

ไม่น่าเชื่อ โลกกำลังจะแตกใช่มั้ยคนหน้ามึนถึงรู้จักรับผิดชอบตัวเองกินข้าวกินยาตรงเวลาโดยไม่ต้องออกคำสั่ง แต่พอนั่งเก้าอี้ ดูอาหารที่เจ้าตัวสั่งมาผมก็ถึงบางอ้อ...สตูเนื้อของโปรดผม ที่แท้เตโชไม่ได้ตื่นมาเพื่อดูแลตัวเอง แต่ตื่นมาเพราะกลัวผมอดข้าวเที่ยงต่างหาก

จะซาบซึ้งใจดีมั้ยเนี่ย


ผมถอนหายใจเฮือก ทิ้งตัวนั่งข้างเขาเพราะคนป่วยสั่งสตูเนื้อมาสองที่แทนที่จะสั่งอาหารย่อยง่ายกว่านี้สักหน่อย แต่จะว่าเขาก็พูดไม่ออกในเมื่อตัวเองดันนอนเพลินจนเกือบเลยเวลาอาหาร

ละเลยคนป่วยไม่พอยังให้เขามาดูแลตัวเองอีก รู้สึกผิดยังไงชอบกล

ผมเลยยอมยกโทษเรื่องชีเปลือยก็แล้วกัน

แม้ภาพจะยังติดตาจนขนลุกขนพองไปทั้งตัวก็เถอะ เฮ้อ!

“อร่อยแฮะ” คำแรกที่ตักสตูเนื้อเข้าปาก ผมก็หลับตาพริ้มกับรสชาติของเนื้อต้มเปื่อยจนแทบละลาย อาหารจานโปรดที่ไม่เคยทำเองเพราะต้องใช้เวลาในการเคี่ยวยาวนานหลายชั่วโมง คิดไม่ถึงว่าเตโชยังจำได้

ว่าแต่...เขาชอบกินอะไรกันนะ

ข้อสงสัยที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมากะทันหัน ทั้งที่ไม่เคยคิดสังเกตมาก่อนแต่พอเห็นเขาใส่ใจกับทุกอย่างของผมก็อดอยากรู้ขึ้นมาไม่ได้

“นี่” ผมใช้เท้าสะกิดคนหน้ามึนผ่านใต้โต๊ะ “นายชอบกินอะ...”

ฟ้าฝนคงไม่เป็นใจให้จิระทำความดี เพราะพูดไม่ทันจบประโยคเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น วินาทีแรกคิดว่าเกิดเรื่องแล้ว เพราะคนเดียวที่โทรหาผมเป็นประจำคือคมสัน ซึ่งจอมมารผู้นั้นไม่เคยชักนำเรื่องดีๆ มาให้

ปรากฏว่าไม่ใช่ของผม

แต่เป็นของเตโช

คนหน้ามึนแอบตั้งริงโทนเสียงเดียวกับผมตั้งแต่เมื่อไหร่นะ...หรือไม่ก็เป็นผมเองที่เปลี่ยนเป็นเพลงหิวรัก ปากบอกว่าหลอนเหลือเกิน แต่มือดันตั้งเป็นริงโทนซะงั้น อย่าถามเชียวว่าคิดพิเรนทร์อะไร แค่ว่ามันติดหู ติดปาก ก็เลยตั้งส่งๆ ไปแค่นั้นเอง!

“ครับ”

ผมเหลือบมองเตโช คาดคะเนว่าปลายสายคือใคร เพราะถ้าเทียบกับผมที่มีแต่คมสันโทรหาแล้ว...เตโชก็เพื่อนน้อยพอกันนั่นแหละ! ถ้าไม่นับผู้จัดการโทรมาก็เป็นคนในบริษัทที่ติดต่อสอบถามความคืบหน้าเรื่องเพลง การคุยเล่นน่ะตัดไปได้เลย สนทนากับคนมึนคือสิ่งที่เหนื่อยที่สุดในชีวิต ไหนจะต้องตีความกับการพูดคำตอบคำ ไหนจะต้องอดทนกับเสียงเนือยๆ เหมือนไร้ความรู้สึกนั่นอีก แล้วยังจะ...

“ขอบคุณครับ”

เฮ้ย! วางสายเร็วไปแล้ว ผมยังนินทาไม่จบเลย!

“ใครน่ะ” ที่ถามเนี่ยไม่ได้อยากรู้หรอกนะ เชื่อผมสิ

“พี่สาว” เตโชตอบเสียงเบาพร้อมหลบตา แปลกมาก! ท่าทางส่อพิรุธแบบ

นี้กระตุ้นสัญชาตญาณนักสืบกันชัดๆ ผมคล้ายจะจับจุดอะไรบางอย่างได้ เลยนั่งเท้าคางพลางเหล่มองคนตรงหน้าไม่กะพริบ

“นายมีพี่น้องกี่คน บอกฉันได้รึเปล่า” ที่ถามแกมบังคับเนี่ยก็ไม่ได้สงสัยหรอกนะว่าเขาโตมาในครอบครัวแบบไหนกันแน่ ไม่ได้สงสัยเลยจริงๆ

คนหน้ามึนชะงักเล็กน้อย ดวงตาเผยความลำบากใจ แต่อย่าคิดว่าคนอย่างจิระจะถอยง่ายๆ เมื่อเดินหน้าแล้วก็ต้องไปต่อให้สุด!

“พี่ชายสองคน พี่สาวหนึ่งคน”

โอ้ เป็นน้องชายคนเล็กของบ้านซะด้วย!

“แล้วไม่มีใครมาดูนายขึ้นเวทีวันนี้เลยเหรอ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่นายจะได้ขึ้นเวทีใหญ่ร่วมกับศิลปินดังระดับประเทศน่ะ!”

เตโชส่ายหน้าเชื่องช้า ก้มกินสตูเนื้อด้วยท่วงท่าเอื่อยเฉื่อย สีหน้าขาดความมั่นใจอย่างประหลาด ผมไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้มาก่อนเลย

“ครอบครัวนายไม่สนับสนุนการร้องเพลงใช่มั้ย” เลยพอจะเดาสาเหตุรางๆ ได้...ดูจากความขาวของเขา และดวงตาตี่เล็ก ผมว่าเขาคงจะเป็นลูกคนจีน

“ครอบครัวนายเข้มงวดมากเหรอ”

เตโชมองผมด้วยแววตาตกตะลึง แสดงว่าผมมาถูกทางแล้ว

“เพราะนายแต่งเพลงประหลาด ครอบครัวนายเห็นว่าไร้สาระก็เลยไม่สนับสนุน กลายเป็นลูกคนเล็กที่ไม่เอาอ่าวของบ้าน ไม่มีใครสนใจ อยากจะทำอะไรก็ทำ ผิดกับพี่ชายและพี่สาวของนายที่ทำตามความหวังของครอบครัวได้ใช่รึเปล่า”

“จิระ...” เตโชมองผมอย่างเลื่อมใสศรัทธา “สุดยอดเลย”

“ไม่ต้องมาชม ฉันกำลังเสือกเรื่องนายอยู่นะ” โอเค ผมยอมรับเต็มปากเต็มคำก็ได้ว่ากำลังสอดรู้สอดเห็นอยู่ มาถึงขั้นนี้แล้วจะมาทำเป็นเหนียมอายก็ใช่เรื่อง “แต่ตอนนี้นายดังแล้ว ไม่มีใครติดต่อมาแสดงความยินดีกับนายบ้างเหรอ”

“มีพี่สาว...” เตโชเอ่ยเสียงเบาปานกระซิบ ราววาดหวังว่าจะมีคนเห็นค่ามากกว่านี้

“ทุกคนคงคิดว่านายจะเป็นนักร้องได้ไม่นานล่ะสิ ประสบความสำเร็จตอนนี้ใช่ว่าจะเอาตัวรอดได้ตลอด วงการบันเทิงกับศิลปินน่ะคล้ายกัน มีขึ้นมีลงตลอดเวลา จะดับหรือร่วงตอนไหนก็ไม่รู้ ถ้ามองจากสายตาคนภายนอกแล้ว โดยเฉพาะกับครอบครัวที่เข้มงวด คงเห็นว่าเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง จะทำได้นานแค่ไหนกันเชียว แถมพอแก่ตัวไปก็หางานลำบาก สู้พนักงานกินเงินเดือนหรือข้าราชการที่มีเงินเกษียนก็ไม่ได้”

เตโชเบิกตากว้าง มองผมอย่างตื่นตะลึงอีกครั้ง

“เรียกฉันว่าท่านจิระผู้ยิ่งใหญ่เร็วเข้า”

“ท่านจิระผู้ยิ่งใหญ่”

“ดีมาก ในเมื่อฉันเป็นผู้ยิ่งใหญ่ นายก็ต้องยิ่งใหญ่ตามฉันมาด้วย เราสองคนจะดังระเบิด เป็นดาราและนักร้องที่มีชื่อเสียงแห่งยุค!” ผมตั้งปณิธานอย่างแรงกล้า สารภาพตามตรงว่าไอ้ที่เดาๆ ไปนั้นมาจากละครภาคค่ำที่เคยดูมาทั้งนั้น จับแพะผสมแกะแล้วดันออกมาตรงเผงเฉยเลย “นายพูดเองไม่ใช่เหรอว่าจะสู้ด้วยกัน”

“อืม สู้ด้วยกัน ตายด้วยกัน”

“ฉันจะไม่สู้ถึงตาย แต่จะสู้กับนายแน่ๆ” ผมฉีกยิ้มให้เตโช “ฉะนั้นสิ่งแรกที่ควรทำคือกินสตูให้หมดแล้วรีบๆ กินยาได้แล้ว!”

เป็นอันจบการรำลึกความหลังสุดซาบซึ้งกินใจเพียงเท่านี้ จะว่าไปผมก็คาดไม่ถึง...ว่าเตโชจะมีความหลังอันน่าหดหู่ไม่น้อย แต่นิสัยไม่พูดไม่จา เป็นตัวของตัวเองสูง ไล่ตามความฝันไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมอย่างเขา จะถูกตัดหางปล่อยวัดก็ไม่แปลก

ชักจะเห็นใจขึ้นมาตงิดๆ คราวนี้ผมเลยจูงมือเขาไปนอนบนเตียงอย่างตั้งอกตั้งใจไม่คิดกลั่นแกล้งเหมือนเคย ไม่ลืมตั้งนาฬิกาปลุกด้วย เพราะคาดว่านั่งเฝ้าไปไม่นานคงได้เผลอหลับอีกแน่ ก็ไอ้มือที่จับไม่ปล่อยเนี่ยสิ ทำให้ผมทำอะไรอย่างอื่นฆ่าเวลานอกจากนอนไม่ได้เลย

“จิระ”

“อะไร”

“ร้องเพลงหน่อย”

เห็นใจดีก็หวังได้คืบจะเอาศอกเชียวนะ นอกจากจะเรียกร้องในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้วยังมองอย่างคาดหวังอย่างกับเด็กน้อยแสนซื่ออีกต่างหาก ผมเบะปาก อยากถามนักว่าคิดดีแล้วเหรอที่ให้จิระร้องเพลงเนี่ย

“ไม่เอา เอาอย่างอื่น”

เตโชที่หลับตาลงไปแล้วปรือขึ้นทันควันเมื่อได้ยินเสียงกึ่งเกรี้ยวกราดของผม

“ร้องเพลง”

“ไม่เอา” ผมเตรียมตัวชิ่งหนี แต่คนป่วยดันกุมมือแน่นอย่างกับคีมเหล็ก ไปเอาแรงฮึดมาจากไหนเนี่ย ป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ!

“ร้องเพลง”

“นายจะให้ฉันร้องให้ได้ใช่มั้ย” ผมถามกึ่งโอดครวญ กรีดร้องในใจเมื่อเตโชพยักหน้ารับช้าๆ ด้วยสีหน้ามุ่งมั่นตั้งใจไม่ให้หลบเลี่ยง เพราะเขาสังเกตเห็นแล้วว่าผมนั้นลนลานขนาดไหน...เหมือนกับที่ผมจับจุดเขาได้ เตโชก็รู้จุดอ่อนของผมแล้วเหมือนกัน!

มาถึงขั้นนี้บ่ายเบี่ยงไปก็ไร้ค่า

ผมยอมรับตรงๆ แบบแมนๆ เลยก็ได้ว่าคนที่หน้าตาดี ทำอาหารเก่ง การแสดงยอดนั้น...ร้องเพลงห่วยแตกสุดๆ!

ห่วยขนาดไหนน่ะเหรอ

“ดูสิ ดูดวงจันทร์น้านสิ~” ผมหลับตาร้องเพลง ส่วนเตโชถึงกับเอาหมอนปิดหน้าตัวเองด้วยตัวสั่นระริก ไอ้การหลุดขำอย่างมีมารยาทไม่อยากให้คนร้องเสียน้ำใจที่ชวนคิ้วกระตุกนี้คืออะไร มันน่าโมโหกว่าเดิมซะอีก!

“ฉันไม่ร้องแล้ว!” ผมสะบัดมือคนป่วยทิ้งทันที

เตโชรีบพลิกมือประสานนิ้วแนบแน่น กึ่งรั้งกึ่งบังคับไม่ให้หนีไปไหน

“ฉันก็ร้องเพลงห่วยพอๆ กับการแสดงของนายนั่นแหละ!” ผมตวาดใส่เขา แก้ตัวทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ทันวิจารณ์อะไรเลยแท้ๆ เอาน่า...ต่อให้ไม่พูดผมก็รู้ตัวเองดีว่ามันแย่เกินทานทน

“จิระ”

“ไม่ร้องเพลงแล้วนะ!” รีบสวนขึ้นทันที ไม่งั้นผมจะร้องไห้แทนแล้วเนี่ย

“ดีจังนะ”

“ดีตรงไหน ไม่เห็นจะดีเลย!” ผมเถียงเขาเสียงห้วน เกรี้ยวกราดแล้วเกรี้ยวกราดอีก

“ดีจัง...” เตโชไม่ตอบ ไม่ขยายความ แต่หลับตาลงเชื่องช้าก่อนจะหลับใหล คาดว่ายาแรงของคุณหมอจะออกฤทธิ์จึงฝืนทนต่อไม่รอด

โชคดีแล้วจิระ

ผมลูบอกตัวเองเมื่อรอดพ้นจากวิกฤตการณ์สุดสยองไปได้ ก่อนจะตั้งสติ พยายามตีความโดยอาศัยวิชาเตโชวิทยาที่ศึกษาอย่างแตกฉาน

ดีจังของเตโชคืออะไรนะ

ผมมองมือที่กุมแน่น มองใบหน้าผ่อนคลายที่กำลังหลับพริ้ม มองพวกเราสองคนที่อยู่บนเตียงเดียวกันแล้วคาดเดาว่าคงเป็นความรู้สึกเดียวกับตอนผมเจอพายหลอกวางยา

ดีจังที่มีคนอยู่เคียงข้างในวันที่เคยโดดเดี่ยว

ดีจังนะเตโช




--------------

แต่งคู่นี้แล้วจะมีฉากที่เดจาวูค่อนข้างเยอะค่ะ เพราะเราอยากให้สองคนนี้ค่อยๆ เรียนรู้กัน ค่อยๆ ผ่านเรื่องราวมาด้วยกัน เดี๋ยวเตโชผู้หิวโหย ก็เปลี่ยนเป็นจิระผู้หิวโหยบ้าง เตโชให้กำลังใจจิระ จิระก็มาให้กำลังใจเตโช มุ้งมิ้งเหลือเกินค่ะคู่นี้ แต่งไปก็ยิ้มไป ถ้าคนอ่านอ่านแล้วยิ้มไปด้วยลุ้นไปด้วยเราก็ดีใจค่ะ

#จิระผู้เกรี้ยวกราด #เกรี้ยวกราดแล้วเกรี้ยวกราดอีก

เพจนักเขียนที่อยากอัดเสียงจิระร้องเพลง (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)

ปล.สำหรับเรื่องอาชีพอันนี้แอบอิงมาจากตัวเองด้วยค่ะ เขียนนิยายก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ผู้ใหญ่มักมองว่าไม่ใช่อาชีพ แต่เป็นงานอดิเรก เพราะไม่มั่นคง มีรายได้ไม่แน่นอน ไม่รู้จะทำได้นานแค่ไหน จะขายได้อีกนานเท่าไหร่ ฉะนั้นเราก็ต้องสู้ๆ เหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะทำให้ได้นานที่สุด!
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 29-12-2017 19:58:14
เตโช มีพยาบาลส่วนตัวคอยดูแลดีขนาดนี้ หายไข้ไวแน่นอน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 29-12-2017 20:28:55
ทั้งเตโชทั้งจิระเนี่ยดีจังเลยนะ ที่มีคนคอยอยู่ข้างๆแบบนี้ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: 177266 ที่ 29-12-2017 20:57:42
 :-[ o13 สู้ๆจ้าาาา รักเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 29-12-2017 21:11:34
คนมึนไม่สบายได้น่ารักมาก งืออออออ
แล้วไหนบอกเพื่อนไง ชีเปลือยใส่กันซะแล้ว555555555 :m20: เตโชก็มีการเดินออกมาโชว์ด้วยนะ โอ๊ย :hao7: :hao6:
ฮาตรงจิระที่จบเตโชวิทยามา แค่เตโชกำๆแบๆมือก็เข้าใจอีกว่าแปลว่าอะไร 5555555
ฮาตรงเดาประวัติเตโชแล้วถูกแล้วเจ้าตัวถึงกับตาโต ขอซูฮกจิระผู้ยิ่งใหญ่ด้วยคน

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: yanaanay ที่ 29-12-2017 21:23:21
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกถึงความอบอุ่นใจ เหมือนที่เตโชว่า ดีจัง~  :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-12-2017 21:36:18
มีความน่าเอ็นดู
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 29-12-2017 21:48:43
ขำเตโช แอบอ้อยเบาๆด้วยนะ
จิระเก่งมากที่เข้าใจภาษาเตโช  :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 29-12-2017 21:55:34
จิระสุดยอด เตโชพูดแค่ครับกับขอบคุณครับ แค่นี้จิระยังสามารถตีเป็นเรื่องราวรันทดแสนดราม่าได้ ท่านจิระผู้ยิ่งใหญ่หรือมั่วเก่งกันแน่ 555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 29-12-2017 22:09:03
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-12-2017 22:44:12
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: absolutepoison ที่ 29-12-2017 23:09:04
เวลาเขาอยู่ด้วยกัน มันดีจังเลยนะ ดีจัง โอ้ยย น่าเอ็นดูทั้งคู่เลย  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 29-12-2017 23:40:09
ฮือออ ตอนนี้น่ารักมากแบบสุดดด
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-12-2017 23:55:12
รู้สึกว่าตอนป่วยเตโชจะคุยรู้เรื่องมากกว่าตอนปกตินะ หรือเราคิดไปเองนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 30-12-2017 00:01:26
คู่นี้คือแบบดี ~~~~~~~~~ ชอบความค่อยๆเรียนรู้ดูแลกัไป เป็นส่วนหนึ่งในแผนของคมสันรึเปล่า ชายผู้อยู่เบื้องหล้งทุกสิ่งอย่าง 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: marshall ที่ 30-12-2017 00:33:52
ชอบความเตโชตอนป่วย
ชอบความจิระตอนเขินชีเปลือย

น่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 30-12-2017 07:14:17
หลงรักพยาบาล อิอิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 30-12-2017 07:47:22
จิระเกนี้ยวกราดแบบนร้ล่ะดีแช้ว อย่าร้องเพลงเลย สงสารเตโช 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 30-12-2017 08:14:59
อ้อนจังเลยน้าเตโช
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 30-12-2017 08:36:51
ท่านจิระผู้ยิ่งใหญ่ ให้สู้ไปด้วยกันคือจะบอกว่าให้อยู่ด้วยกันตลอดไปใช่ป่ะ
จิระ - มันแปลเป็นงั้นไปได้งัยฟ่ะ #มโนชนะเลิศ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 30-12-2017 08:57:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 30-12-2017 12:16:21
เตโชน่ารักจังเลยลูกแม่  :hao5:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 30-12-2017 18:17:15
“ท่านจิระผู้ยิ่งใหญ่” ยิ่งใหญ่จริงๆเรื่องความมโนได้ใกล้เคียงความเป็นจริงนี่น่ะ 555
 เราว่าที่ยิ่งใหญ่จริงๆ คงจะเป็นเรื่องความเข้าใจเตโชอย่างที่ไม่ต้องพูดก็เข้าใจนี่ล่ะ 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Mod40 ที่ 30-12-2017 23:11:40
ดีนะคับสพเร็จวิชาเตโชวิทยาเรียบร้อยจิระเลยไม่ลำบากมาก :m20:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 30-12-2017 23:14:14
เจ้าตูบอย่างเนียนอ่ะ หุๆๆๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 30-12-2017 23:24:53
เพลงที่เหมาะกับเตโช
https://www.youtube.com/watch?v=6MFjSOwIkH4 (https://www.youtube.com/watch?v=6MFjSOwIkH4)


http://www.youtube.com/v/6MFjSOwIkH4
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 30-12-2017 23:33:02
ชอบ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 31-12-2017 00:57:45
จิระไปเป็นนักสืบเหอะ 555 ชีวิตเตโชช่างน้ำเน่า คู่นี้น่ารักซึนๆดีชอบ ผิดกับคู่เสี่ยเลยน่ะ ยิ่งอ่านยิ่งรัก เราก้อหวังจะได้อ่านงานของไรท์ไปนานๆจ้ะ และขอให้ทำเงินได้ตลอดไปน่ะจ้ะ แต่ดูหลายเวปแหละนิยายติดอันดับแทบทุกที่เลยน่ะสุดยอดมากๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 31-12-2017 02:07:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 31-12-2017 09:38:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 31-12-2017 14:39:54
คู่นี้ยิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งน่ารักยิ่งซึมซับนิสัยของกันและกันมากขึ้น อย่างจิระที่เมื่อก่อนไม่เอาใครเลยเห็นแต่ตัวเอง ใจร้อน ขี้หงุดหงิดโวยวาย และถึงแม้ตอนนี้จะมีเกรี้ยวกราดบ้างแต่เราก็คิดว่าเพราะเตโชนะถึงทำให้จิระเปลี่ยนไปน่ะทั้งเห็นใจคนอื่นมากขึ้น ขี้หงุดหงิดน้อยลงและปิดตัวเองน้อยลง คือถ้าไม่ใช่เตโชคงไม่ทำให้จิระเผยมุมนี้ออกมาแน่ๆ ส่วนเตโชก็เหมือนกันเพราะมีจิระเตโชเลยมีทั้งมุมเจ้าเล่ห์ ขี้แกล้ง ให้ได้เห็นบ้างนอกจากการทำหน้ามึนๆเป็นสล็อตอย่างทุกที นี่นับวันรอเขาจะเป็นแฟนกันแล้วนะส่วนเรื่องแบบนั้นคาดว่าอาจเป็นหนูจิชวนเตโชเองก็ได้ ฮ่าๆๆๆ


ปล.เป็นกำลังใจให้คุณมาจะกล่าวฯนะคะ เราก็จะติดตามผลงานคุณต่อไปเรื่อยๆเช่นกันค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 20 : คนมึนก็ป่วย- P.22 - [30/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 31-12-2017 20:25:05
น่ารักมากๆ เลย ท่านจิระผู้ยิ่งใหญ่  :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาล - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 01-01-2018 10:18:28

ตอนที่ 21

เทศกาลดนตรี




ยาแรงของคุณหมอนับว่าดีจริง

เพราะเตโชไข้ลดลงมาก เสียอย่างเดียว...

“แคกๆ”

เขายังไออยู่เลย!

ตัดภาพมาที่หลังเวที ท่ามกลางแสดงสีเสียงและเสียงกรีดร้องอย่างสนุกสนานของเหล่านักท่องเที่ยวนับหมื่นที่มาร่วมงานเทศการดนตรีในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ แม้จะมีการแบ่งเวทีออกเป็นสามส่วนอิงจากแนวเพลง กระจายตามชายหาดพัทยาเพื่อไม่ให้แออัด ถึงอย่างนั้นทุกเวทีก็แน่นขนัดแทบไม่มีที่ยืน งานเริ่มตั้งแต่หกโมง แต่เสียงด้านนอกยังคึกคักและมีวี่แววว่าคนจะมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมพาเตโชนั่งหลบมุม เพราะทีมงานทุกคนกำลังวุ่นวายเนื่องจากมีศิลปินรับเชิญหลายสิบชีวิต ทั้งที่รอขึ้นแสดงและที่แสดงเสร็จแล้ว

นี่เป็นบรรยากาศที่ผมไม่เคยเผชิญมาก่อน...เพราะนักแสดงนั้นมักถ่ายทำแต่ในสตูดิโอ ถูกจัดแสงจัดฉากต่อหน้าผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ แต่นักร้องต้องร้องเพลงสดๆ ต่อหน้าคนนับพันนับหมื่น หากผิดพลาดจะไม่มีการเทคครั้งที่สองที่สาม มองคนป่วยที่สีหน้าดีขึ้นแล้วผมก็กังวลหนัก จับมือเขาแน่นพลางถามย้ำเป็นรอบที่เก้าสิบแปด

“นายไหวแน่นะ”

เตโชคงคร้านจะตอบ เลยใช้มือข้างที่ว่างลูบหัวผมเบาๆ ให้สงบจิตสงบใจ

เพราะคนขึ้นเวทีอย่างเขาน่ะไม่ยักจะตื่นเต้นเลยสักนิด! คนหน้ามึน หน้าตาย หน้าไร้อารมณ์เป็นยังไงก็เป็นยังไงแม้จะได้รับโอกาสขึ้นแสดงบนเวทีใหญ่ก็ตาม ไม่รู้ว่าเพราะไม่คาดหวัง เพราะคนที่อยากให้เห็นอย่างครอบครัวไม่คิดมาดูความสำเร็จ หรือเพราะรักการร้องเพลง เชื่อมั่นในน้ำเสียงของตัวเองจนไม่ประหม่ากันแน่

ผมก็อยากจะเชื่อตามเขาหรอกนะ...แต่กลัวร่างกายจะไม่ไหวนี่สิ!

คิวการแสดงของเตโชคือตอนสามทุ่ม ร้องทั้งหมดสามเพลง เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ต้องขึ้นเวทีแล้ว แต่คนหน้ามึนยังไอคอกแคกไม่ยอมหยุด

“ทำไมถึงอ่อนแอแบบนี้หา”

ดูหน้าแดงๆ ตาโรยๆ นั่นแล้วผมปวดหนึบในอกอย่างบอกไม่ถูก วันนี้ควรเป็นวันที่เขามีความสุข ดีใจกับการขึ้นเวทีใหญ่ครั้งแรกในชีวิตสิ ต้องร้องเพลงออกไปสุดเสียง แสดงความสามารถออกไปสุดตัว แต่กลับ...

 “ขนาดฉันกุมมือนายทั้งวัน นอนอยู่ข้างๆ กันยังไม่ป่วยเลย ทำไมถึงอ่อนแอขนาดนี้” ผมพูดด้วยความกังวลไม่ใช่ก่นด่า เตโชเองก็เข้าใจ ถึงได้หลับตาพริ้ม ถือโอกาสซบหน้ากับไหล่ผมหวังปลอบอารมณ์พลุ่งพล่าน

“อย่าเพิ่งหลับ” ผมตบแก้มเขาเบาๆ “ฉันว่าเพราะนายนอนไม่เป็นเวลาแน่ๆ บางวันนั่งแต่งเพลงทั้งคืนไม่ยอมหลับยอมนอนเลยไม่ใช่เหรอ ไม่ได้แล้วนะ กลับไปต้องปรับเวลานอนให้ดี มีที่ไหนกัน นายเด็กกว่าฉันแต่ดันอ่อนแอกว่าฉันอีก ฟังอยู่มั้ยเนี่ยเตโช”

คนหน้ามึนพยักหน้ารับเชื่องช้า ก่อนจะนอนหนุนด้วยใบหน้าหลับพริ้มแสนสบายจนไม่กล้าขัด ผมถอนหายใจเฮือก บ่นต่อไม่ออก เลยหยิบยาดมขึ้นมาสูดเป็นระยะเพื่อไม่ให้เครียดจนอกแตกตาย

“เตโชเป็นอะไรน่ะ” ทีมงานที่กำลังเดินไล่ดูความพร้อมของศิลปินชะงักเมื่อเห็นเตโชนั่งตัวเหลวละลายคาไหล่

“ไม่สบายนิดหน่อยครับ” ผมตอบแทนคนหน้ามึนที่ไม่กระดิกตัว

“ไหวใช่มั้ย อีกสิบห้านาทีต้องสแตนด์บายแล้วนะ”

“ไหวครับไหว” ผมพยักหน้าหงึกหงัก ฉีกยิ้มสดใสทดแทนส่วนของคนหน้ามึนเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจแก่ทีมงาน แม้ลับหลังจะรีบก้มกระซิบข้างหู ถามเตโชรอบที่เก้าสิบเก้าอย่างกลัดกลุ้มเหลือหลาย “นายไหวแน่นะ”

เตโชชูสองนิ้วเป็นคำตอบ

สิบนาทีผ่านไป ผมทนนั่งเฉยไม่ไหวแล้ว ตัดสินใจสะกิดปลุกเขาเพื่อให้เตรียมตัวก่อนทีมงานจะเดินมาตาม

คนหน้ามึนปรือตาเชื่องช้า สีหน้าดูเซื่องซึมอย่างบอกไม่ถูก แล้วยังนวดขมับเบาๆ...ผมคิดว่าคงเพราะที่นี่เสียงดังเกินไป เขาเลยปวดหัว อาการไข้ที่เริ่มดีขึ้นเย็นจึงกำเริบหนัก

และก็ใช่อย่างที่คิดจริงๆ ผมกังวลแทบบ้าเมื่อลองแตะหน้าผากเขาแล้วพบว่าอุณหภูมินั้นพุ่งสูงกว่าเดิม

“เตโช...นายไม่เป็นไรนะ” ผมถามเสียงเบาหวิว ประคองใบหน้านั้นด้วยสองมือ รู้ดีกว่าใครว่ายังไงคนตรงหน้าต้องฝืนตัวเอง เพราะไม่มีทางที่จะปล่อยโอกาสแสนล้ำค่านี้อย่างแน่นอน หากเป็นผมที่ไม่สบายวันเปิดกอง ต่อให้ตายยังไงก็ต้องลากสังขารไปให้ได้เหมือนกัน

แต่ถึงอย่างนั้น...ผมก็ห่วงเขาจับใจ

สองมือโอบประคองใบหน้านั้นอย่างทะนุถนอมเหมือนกลัวเขาจะเป็นอะไรไป สบสายตาจ้องไม่กะพริบเพื่อดูอาการ เตโชจ้องผมกลับ คล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะค่อยๆ โน้มศีรษะลงมาเชื่องช้า

เปลือกตาผมกระตุกเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนในระยะประชิด

รู้ตัวอีกทีริมฝีปากผมก็ถูกช่วงชิงไปแล้ว

ผมเบิกตาค้าง เวลาคล้ายถูกหยุดลงกะทันหัน ทั้งที่เป็นเพียงการสัมผัสเบาๆ ไม่ถึงหนึ่งวินาที แต่การกระทำของเตโชทำให้ความกลัดกลุ้มทั้งหลายของผมกระเด็นปลิวไปถึงดาวอังคาร

เพราะที่เหลือในสมองตอนนี้มีเพียงสีขาวโพลน

“ตะ...ตะ...”

ผมอ้าปากพะงาบๆ ตัวแข็งค้างขยับเขยื้อนไม่ได้

“เตโช รีบมาสแตนด์บายได้แล้วค่า!”

เสียงของทีมงานช่วยเรียกสติให้หวนคืน ผมไม่กล้ากระโตกกระตาก เพราะเหตุการณ์เมื่อครู่เกิดขึ้นเร็วมาก และเตโชก็เนียนเกินไป เขาถือโอกาสที่ผมประคองหน้าสบตาในระยะใกล้โน้มศีรษะเพียงเล็กน้อยและผละห่าง ไม่มีใครสังเกตเห็น มีเพียงผมที่รู้ดีแก่ใจว่าโดน ‘จูบ’ เข้าแล้ว

แต่ไอ้การแตะเบาๆ เพียงเสี้ยววินั่นจะเรียกว่าจูบก็ยังไม่แน่ใจ

“ไม่ต้องห่วง”

“หะ...ห่วงอะไร” สมองผมยังประมวลผลไม่เสร็จ

“ได้พลังงานแล้ว” เตโชพยักหน้าหงึกหงัก สีหน้าดูดีกว่าเดิมราวได้ยาวิเศษ เขาสะพายกีต้าร์ขึ้นหลัง ก่อนจะเดินตรงไปทางเวทีอย่างมาดมั่นผิดกับสล็อตที่ตัวเหลวมาตลอดวันโดยสิ้นเชิง

ตอนนั้นเองที่ผมเริ่มเรียกสติของตัวเองคืนมาแบบเต็มร้อย สลัดเรื่องเมื่อครู่ทิ้งแล้วรีบไปจับจองที่นั่งหน้าจอมอนิเตอร์สำหรับถ่ายทอดสดซึ่งตั้งอยู่กลางห้องท่ามกลางความวุ่นวายหลังเวที 

เพียงเห็นใบหน้ามึนนั้นปรากฏบนจอ ผมก็หลุดยิ้มอย่างหายห่วง

เพราะนั่นคือเตโช

นักร้องที่พร้อมจะเปล่งเสียงขับกล่อมทุกคนภายใต้บทเพลงที่เขาแต่งขึ้นเพื่อบอกเล่าเรื่องราวในชีวิต บทเพลงที่มาจากหัวใจ และร้องออกมาจากเบื้องลึกในจิตใจ

ภาพของเขาที่ปรากฏบนจอนั้นไม่แม้แต่จะตื่นเวที เพราะเจ้าตัวปรับขาตั้งไมค์อย่างเชื่องช้า วางกีต้าร์บนตัก ก่อนจะหลับตาเมื่อทำนองเริ่มบรรเลงเพื่อเตรียมตัวเปล่งเสียงร้องออกมา

เพลง ‘เวลา’

เวลาไม่เคยหยุด แต่วันนั้นเหมือนโลกทั้งใบได้หยุดลง

เวลาไม่อาจย้อนคืน แต่ทำไมจนวันนี้ยังวนเวียนไม่จางหาย

นับตั้งแต่เสียเธอไป ตัวฉันก็เหมือนนาฬิกาตาย

เวลาของฉันไม่มีความหมาย

เมื่อไม่มีเธอ


ความสนุกสนานครึกครื้นของแสงสีเสียงแห่งเมืองพัทยา คล้ายถูกห้วงเวลาอันแสนเศร้าของเตโชดูดเข้าไปในโลกของเขา สปอร์ตไลท์ที่สาดส่องลงมาเผยให้เห็นใบหน้าแฝงความเจ็บลึกตามเนื้อเพลง น้ำเสียงที่ก้องกังวาน เว้าวอน ร้าวรานนั้นชำแรกในใจคนฟังจนพากันโบกมือตามทำนองเชื่องช้า บางคนถึงกับหลับตาเพื่อซึมซาบกับอารมณ์ของเพลงอย่างเต็มที่

ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

ลืมเสียสนิทว่าเตโชกำลังป่วย จนกระทั่งช่วงท่อนสุดท้ายที่เตโชเผลอหลุดไอออกมาเบาๆ แต่เขาแก้สถานการณ์ได้ดีโดยทำทีเป็นฮัมเพลงในลำคอแทนการร้องจึงพอกลบเกลื่อนไปได้

ผมถึงกับหยิบยาดมมาสูดเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ดูการแสดงของเขาด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ โดยเฉพาะเมื่อเพลงที่สองคือเพลง ‘หิวรัก’

แต่ผมคงคิดมากเกินไป

เพราะเพียงทำนองขึ้นมาบรรยากาศของผู้ชมก็เริ่มสนุกสนานเฮฮาทันทีทั้งที่เป็นเพลงอกหัก เตโชเองก็โยกศีรษะอย่างเพลิดเพลินไปด้วย และเมื่อถึงท่อนฮุคทุกคนก็พร้อมใจกันร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียง

ดูสิ ดูดวงจันทร์นั้นสิ ดวงจันทร์ดวงนั้นกินได้มั้ย จะเหมือนข้าวที่เธอทำรึเปล่า

รสชาติจะคล้ายแกงส้มชะอมไข่หรือไม่นะ แล้วมีปลาทูทอดมั้ย น้ำพริกกะปิล่ะมีรึเปล่า

ดูสิ ดูโต๊ะที่ว่างเปล่าสิ มันเคยมีข้าวผัดหมูของเรา ไก่ทอดของเรา ไข่เจียวของเรา

ต้มยำกุ้งที่ฉันเคยชมว่าอร่อยนัก แกงจืดที่ฉันยกซดไม่ยอมแบ่ง กะหล่ำปลีทอดน้ำปลาที่ฉันติดใจ

แต่เธอเล่าหายไปไหน หรือฉันไม่สำคัญ จึงไม่ได้นั่งกินด้วยกันกับเธอ

ผมไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีที่มีคนชอบเพลงหิวรักมากขนาดนี้

แม่นทุกท่อนจนน้ำตาซึม!!

เอาเถอะ ผมถือว่าเป็นเรื่องดีไปเพราะพอมีคนช่วยร้อง เตโชก็แอบก้มหน้าไอเบาๆ ระหว่างเพลงได้โดยไม่ผิดสังเกต จนกระทั่งถึงเพลงที่สาม...

“เพลงนี้ผมไม่เคยร้องที่ไหน” เตโชเอ่ยด้วยใบหน้าสุดแสนไร้อารมณ์ แต่ผมเห็น...เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาหน้าซีดกว่าตอนก่อนขึ้นเวทีจนน่าเป็นห่วง “ผมอยากให้ทุกคนได้ฟัง...เพลง ‘เคียงใจ’”

เพลงสุดท้ายสำหรับการแสดงในงานพัทยาคือเพลงรัก

คนที่ร้องเพลงอกหักมาตลอด กลับเผยยิ้มบางออกมาอย่างมีความสุขเมื่อดีดกีต้าร์ออกมาเป็นทำนองแว่วหวาน ราวกำลังตกหลุมรักใครสักคนจริงๆ

ไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครรับฟัง ไม่มีใครต้องการ

แต่เมื่อมีเธอเข้ามา ข้างกายฉันไม่เคยเงียบเหงา

อยากมีเธอแบบนี้ทุกวัน เพื่อให้ตัวฉันมีชีวิตในแบบที่ไม่เคยเป็น

ฉันจะเข้าใจเธอ จะรับฟังเธอ จะต้องการเธอ

จะไม่แยกจาก และเคียงกันตลอดไป

น้ำเสียงของเตโชที่ร้องในเพลงนี้นั้นทุ้มนุ่ม และมั่นคง ราวกำลังให้คำสัญญามากกว่าขอความรัก เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกแสนอบอุ่นไปทั้งหัวใจ เพียงได้ยินก็เชื่อแต่โดยดีว่าคนคนนี้พร้อมจะอยู่เคียงกันไปชั่วชีวิต

สีหน้าของคนฟังโดยเฉพาะหญิงสาวนั้นพากันเคลิบเคลิ้ม ก่อนทุกคนจะเผยสีหน้าตกใจเมื่อเตโชไอหนักไม่หยุด

ทำหน้าที่จบแล้ว แถมยังอาการทรุดหนัก เตโชลุกพรวดพราดออกจากเก้าอี้เดินลงจากเวทีโดยไม่คิดล่ำลาใดๆ

เห็นอย่างนั้นผมก็ผละจากจอมอนิเตอร์ เก็บยาดม ก่อนจะเดินไปรอรับเขาข้างเวทีโดยไม่ลืมถือน้ำอุ่นติดมือมาด้วย

“นายไหวแน่นะ” คำถามรอบที่หนึ่งร้อยของวัน

เตโชชูสองนิ้วเป็นคำตอบ แต่ครั้งนี้โดนผมปัดทิ้งอย่างเกรี้ยวกราด

“ไหวบ้าอะไร ไอหนักขนาดนี้ หน้าก็ซีดขนาดนี้ มานี่เลย มานั่งตรงนี้เลย” ผมรีบจูงเขาไปนั่งพัก ร้อนใจเมื่อคนหน้ามึนตาเยิ้มหนักกว่าทุกที ไอ้รอยยิ้มหวานๆ เมื่อกี้คงไม่ใช่ว่าเพ้อเพราะพิษไข้หรอกนะ

ผมทาบมือกับหน้าผากเขา ย่นคิ้วทันทีเมื่ออุณหภูมิแทบจะเทียบเท่ากับตอนเช้าอยู่รอมร่อ

“กลับกันเถอะ ฉันจะไปลาทีมงานให้”

เตโชหยักหน้าหงึกหงักอย่างว่าง่าย คงฝืนตัวเองมากกว่านี้ไม่ไหวแล้วเพราะเขาเริ่มตาลอย พร้อมจะทิ้งตัวนอนทุกเมื่อทุกเวลา

ต้องขอบคุณผู้จัดงานที่เข้าใจ จึงให้รถตู้พาผมกับเตโชไปส่งผมที่โรงแรมก่อนงานเลิกทั้งที่ในช่วงท้ายควรจะขึ้นไปร้องเพลงรวมกับศิลปินท่านอื่นด้วย แต่จะให้ตัวแพร่เชื้ออยู่หลังเวทีก็ไม่ถูก เกิดมีใครติดขึ้นมารับรองยุ่งยากกว่าเดิมแน่

ผมหิ้วปีกเตโชขึ้นห้อง กว่าจะโยนเขาให้นอนแผ่บนเตียงได้ก็เมื่อยตัวไปหมดเพราะไอ้เราเองก็ใช่ว่าจะแรงเยอะปานช้างสาร สงสัยจบงานนี้ต้องหันไปออกกำลังกายบ้างแล้ว

“ไปหาหมอมั้ย” ผมนั่งริมเตียงพลางถามเสียงค่อย

“ไม่...” เตโชจับมือผมไปกุมแน่นอย่างที่ทำมาตลอดวัน เสียงเขาเริ่มเปลี่ยนแล้ว ผมกระวนกระวายจนแทบอยู่ไม่สุข

“ไปหาหมอกันเถอะ” ผมพยายามเกลี้ยกล่อมเด็กไม่ยอมโต

“ไม่เอา...” เตโชซุกหน้ากับมือผม ดึงผ้าห่มคลุมตัวจนมิดลำคอ

“เตโช” ผมเริ่มดุ แต่คนหน้ามึนไม่รับฟัง คราวนี้คลุมผ้าไปทั้งหัว เห็นแล้วก็อ่อนอกอ่อนใจจนยอมลดความเกรี้ยวกราดลงเพราะกลัวเขาจะหายใจไม่ออกตายซะก่อน

“ไม่เอาก็ไม่เอา” ผมตบหลังเขาเบาๆ “ปล่อยมือก่อนสิ ฉันจะไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้”

เตโชส่งเสียงประท้วงเล็กน้อย แต่ครั้งนี้ผมไม่ยอมให้ปฏิเสธ

“จะปล่อยดีๆ หรือจะให้ฉันเปลี่ยนจากตบหลังเป็นตบหัวนาย”

คนป่วยยอมปล่อยอย่างสุดแสนเสียดายเป็นล้นพ้น ยอมลดผ้าห่มลงมาเป็นระดับคอเพื่อปรือตามองผมอย่างตัดพ้ออย่างกับลูกหมาจนอดสงสารไม่ได้ ผมรีบเข้าเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวเขา จับแก้ผ้าเพื่อเปลี่ยนเสื้อชุดใหม่ ก่อนจะถือโอกาสอาบน้ำทำธุระส่วนของตัวเองให้เรียบร้อยเพื่อมานอนจับมือเคียงข้างกัน

เตโชหลับไปแล้ว เขาหลับลึกด้วยความอ่อนเพลียและฤทธิ์ยาอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมนอนตาค้างมองเพดานด้วยความค้างคาในใจ

ค้างคาเพราะลืมถามเรื่อง...เอ่อ...จูบซะสนิท!!!

มานึกได้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว

ผมถอนหายใจเฮือก พลิกตัวหันมองเตโช สงสัยชะมัดว่าตอนนั้นเขาคิดอะไรอยู่...หรือว่าไม่ได้คิดอะไรเลย

นึกแล้วขมองก็ปวดตุบๆ ตามรอยคนป่วย ผมหลับตา ตัดสินใจนอนเอาแรงเพื่อตุนพลังงานไปสู้รบปรบมือกับสล็อตสำหรับการเค้นคอถามในวันพรุ่งนี้ดีกว่า

หวังว่าเขาจะให้คำตอบที่น่าพอใจนะ

“ราตรีสวัสดิ์ ไอ้บ้าเตโช”

-----------


สุขสันต์วันปีใหม่ 2018 ค่ะ!!! คิดว่าคงไม่มีของขวัญอะไรดีไปกว่าความคืบหน้าของคู่นี้ ><

ขอให้ทุกคนอ่านแล้วเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มีความสุขต้อนรับปีใหม่ปีนี้นะคะ เราเองก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยอีกปีนะคะ สำหรับเรื่องนี้...เรียกว่าเป็นครั้งแรกของเราเลยก็ได้....ที่แต่งนิยายหื่นๆ มาตลอดแล้วมาแต่งเรื่องนี้ที่ผ่านไปยี่สิบตอนแล้วพระนายเพิ่งได้จูบกัน! แถมยังเป็นจูบแบบแตะๆ อีกต่างหาก แต่ถึงจะแค่แตะไวๆ ก็ฟินไปถึงหัวใจนะคะ

#จิระผู้เกรี้ยวกราด

เพจนักเขียนที่เขินตัวแตก (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)

ปล.หนังสือเรื่องนี้เปิดPre-orderเเล้วนะคะ แต่เนื่องจากยังลงไม่จบเลยไม่สามารถลงรายละเอียดได้ตามกฎของเล้า ถ้าใครที่สนใจสามารถเข้าไปลองส่องได้ที่เพจของเราค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 01-01-2018 10:29:35
แหม จิระ นัวเนียพัวพันกันขนาดนี้ แค่จูบยังต้องถามอีก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 01-01-2018 11:03:31
งื้ออออ ดีกับใจต้อนรับปีใหม่มากค่ะ เตโชคนมึนตอนนี้พอป่วยก็อ้อนหนูจิผู้เกรี้ยวกราดใหญ่เลยนะแต่เราไม่หมั่นไส้หรอกเราชอบ ก็เตโชน่ารักนี่นา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-01-2018 11:19:20
ฟินมาก แต่ทำไมแอบรู้สึกว่าเหมือนแม่ลูก(?) ฮา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-01-2018 11:54:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 01-01-2018 12:06:36
นี่หวานแล้วใช่มั้ย ลักจุ๊บนี่สมกับเป็นเตโชจริงๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 01-01-2018 13:43:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 01-01-2018 14:02:46
เจ้าตูบเนียนจูบจิระได้แล้ววววววววว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 01-01-2018 15:12:03
เอาจิงๆนะ เค้าชอบนิยายแบบนี้มากกว่า :katai2-1: :katai2-1:
แบบหื่นๆที่ผ่านมาของไรท์เค้าว่ามันโหดไป(มือทาบอก) :try2: :try2:
แต่ก้ขอบคุณที่แต่งให้อ่านนะคะ  :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ:
ปล.เค้าสั่งหนูจิไปเรียบร้อยแล้วค่า :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 01-01-2018 15:32:59
จุ๊บกันแล้ววววว ฮือ เขินยังไงไม่รู้
อยากให้จุ๊บกันอีก
เตโชตอนป่วยนี่น่าเอ็นดูจริงๆ
ขี้อ้อนชะมัด ชอบเวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกัน
รออ่านตอนต่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 01-01-2018 15:35:51
จูบกันแล้วๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 01-01-2018 15:36:48
 :laugh: :m20: โอ้ยยยย ขำจิระอ่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 01-01-2018 15:48:59
เตโชฉวยโอกาสแบบมึนๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-01-2018 17:03:56
 :katai2-1: o13 :katai2-1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 01-01-2018 17:16:38
 :mew1:สวัสดีปีใหม่ 2018 เป็นของขวัญที่ดีมากๆจ้ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-01-2018 17:25:11
สวัสดีปีใหม่ค่ะ เตโชไม่สบายน่าสงสารจัง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 01-01-2018 17:39:52
น่ารักอ่ะ ชอบตอนจิระเคลิ้มไปตอนเตโชร้องเพลง อิอิอิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: สาว801 ที่ 01-01-2018 18:32:45
รอนายเตโชคนมึนตื่นขึ้นมาแล้วจิระต้องจู่โจมเอ๊ยต้องซักถามเตโชให้รู้เรื่องนะ จุ๊บๆหนูจิทำไม  :hao3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 01-01-2018 19:13:22
แค่จูบแบบแตะเบาๆสั้นๆก็ทำเอาเราฟินจนลอยไปอีกกาแลคซี่แล้ว :heaven :heaven อ่าห์ห์ห์ห์

สวัสดีปีใหม่ค่ะ  :mew1:

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 01-01-2018 20:27:17
เตโชเนียนเลยนะ :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-01-2018 20:44:08
เนียนนะเตโช สงสัยจิระติดหวัดแน่ ๆ เลย  :hao3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-01-2018 20:55:40
เตโชเริ่มมีความรุกนิดๆหน่อยๆให้แม่ชื่นใจ จิระจะต้องใจบางในเร็ววัน  :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 01-01-2018 21:40:53
 :pig4: :pig4: :pig4: น่ารักไปอีกค่ะ   :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 01-01-2018 22:53:47
ขอพลังงานกันแบบน้ :-[ ก็ได้หรา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 21 : เทศกาลดนตรี - P.23 - [1/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 02-01-2018 10:52:12
เขาจูบกันแล้ววววว
HNY ย้อนหลังค่า
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -ตอนที่ 22 : เปลี่ยน - P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 02-01-2018 12:10:03

ตอนที่ 22

เปลี่ยนสถานะ



สุดท้ายผมก็ต้องปลุกเตโชกลางดึกเพื่อไปหาหมอจนได้

เพราะเขาเล่นนอนละเมอดิ้นซ้ายปัดขวาอาละวาดจนผมทนไม่ไหว ใช้มาตรการขู่บังคับจนเจ้าตัวยอมไปหาหมอคนเดิมเพิ่มเติมคือถูกฉีดยา ผมถึงกับหัวเราะก๊ากตอนเขาลูบแก้มก้นปอยๆ ด้วยสีหน้าเหมือนกินยาขมหลังเดินออกจากคลินิก

“ไม่ยักรู้ว่านายกลัวเข็ม” ผมอารมณ์ดีมาก เลยแกล้งแซ็วคนป่วยที่สีหน้าดีขึ้นจมหลังเจอยาแรง แต่คนหน้ามึนแสร้งเป็นไม่รู้สา เปลี่ยนหัวข้อด้วยการจูงมือผมข้างถนนเพื่อแวะกินข้าวต้มกุ๊ยริมฟุตบาท

เช้าตรู่แบบนี้ แถมยังเป็นช่วงหลังจัดงานคอนเสิร์ตใหญ่วันแรก คนเลยโหรงเหรงจนพัทยากลายเป็นเมืองร้างสุดเงียบเหงา ทั้งร้านมีแค่เราสองคนนั่งจ๋องโดยไม่คิดปลอมตัว

ผมเป็นคนสั่งอาหารเหมือนเดิมโดยไม่คิดถามความเห็นคนหน้ามึน แปลกดีเหมือนกัน เพราะตอนผมเป็นฝ่ายเข้าครัว เตโชจะคอยคนคิดเมนูตลอด แต่พอไปกินข้าวข้างนอกทีไร ผมมักสั่งตามใจปากตัวเองเสมอ

แล้วเราก็ไม่เคยทะเลาะกันเรื่องของกินด้วยนะ

เทียบกับเตโชที่อะไรก็ได้ขอแค่อร่อยเป็นพอแล้วผมจะจุกจิกกว่ามาก แต่ปัญหานั้นจะตกไปเมื่อผมเป็นคนทำ เพราะเลือกวัตถุดิบและใส่แต่สิ่งที่อยากกินได้เอง ฉะนั้นเราจึงไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้กันเลย

พอเห็นเขาสีหน้าดีขึ้นก็ครึ้มอกครึ้มใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนบรรยากาศแสนสุขจะถูกขัดด้วยเสียงโทรศัพท์

คราวนี้เป็นของผมเอง

“ว่าไงคมสัน” ผมรับสายโดยแทบไม่ดูชื่อคนโทรด้วยซ้ำ

(( คุณเตโชไม่สบายเหรอครับ ))

“ใช่ แต่ฉันเพิ่งพาไปฉีดยามานี่เอง จะคุยกับเขามั้ยล่ะ” พูดจบผมก็ส่งโทรศัพท์ให้เตโช อยากรู้ว่าเวลาจอมมารคุยกับจอมมึนจะเป็นยังไง แต่เตโชดันติดสายส่วนตัวซะนี่ เพราะผู้จัดการของเขาโทรมาสอบถามอาการ คาดว่าจะเห็นจากการแสดงเมื่อคืนที่ไอหนักจนรีบเดินลงเวที

(( ตอนนี้ทุกคนเป็นห่วงอาการเตโชมาก มีนักข่าวอยากขอสัมภาษณ์เรื่องนี้ด้วยครับ ))

“คนป่วยยังจะขอสัมภาษณ์อีก มีความเกรงใจบ้างรึเปล่า” ผมด่าเข้าให้ “นายไปตกลงกับค่ายเพลงของเตโชเอาแล้วกันว่าจะบอกนักข่าวยังไง แต่ฉันจะช่วยสรุปให้ว่าเขาไม่สบายเพราะเล่นทะเล ไข้ขึ้นตั้งแต่ตอนเช้าเมื่อวาน ก่อนจะยิ่งอาการหนักตอนขึ้นเวทีเพราะเสียงดังเกินไปจนได้อาการปวดหัวแถมมาด้วย เมื่อคืนก็อาละวาดเตะผ้าห่มไข้ขึ้นสูง จนฉันต้องลากมาฉีดยาเนี่ย”

(( ละเอียดยิบขนาดนี้คือสรุปแล้วเหรอครับ... ))

“ฉันวางสายล่ะนะ” ผมหมดอารมณ์จะคุยต่อทันควัน

(( เดี๋ยวก่อนคุณจิระ ค่ารักษาทั้งหมดอย่าลืมเอามาเบิกกับบริษัทของเตโชนะครับ เขามีประกันสุขภาพให้ศิลปิน คุณไม่จำเป็นต้องออกเองหรอก ))

“แย่ล่ะ เมื่อวานฉันลืมเก็บใบเสร็จ” ผมกัดฟันอย่างเจ็บใจ เรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่เข้าใครออกใคร แม้ตอนแรกคิดจะช่วยจ่ายให้แต่ในเมื่อเบิกได้ใครจะยอมเสียฟรีกันล่ะ

(( แล้วอย่าลืมลงรูปเตโชในโซเชียลด้วยนะครับ อัพเดตว่าตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว กับนักข่าวน่ะผมจัดการได้ แต่กับแฟนคลับของเขานั้น... ))

“ฉันเข้าใจแล้ว” ผมกดวางสาย พอดีกับเตโชที่คุยกับผู้จัดการเสร็จพอดี

“จิระ ถ่ายรูปให้หน่อย”

สงสัยทางนั้นจะโทรมาด้วยจุดประสงค์เดียวกัน

ผมรับโทรศัพท์มาจากเตโชแล้วช่วยจัดท่าทางให้เขาถือถุงยาพร้อมชูสองนิ้ว ก่อนจะโพสว่าไปหาหมอมาแล้วทุกคนไม่ต้องห่วง

“ขนาดมาพักร้อนยังไม่พ้นเรื่องพวกนี้อีก” ผมบ่นอุบ ส่งโทรศัพท์คืนให้เตโช “แต่นายก็น่าทึ่งนะ ทั้งที่เวลาออกงานไม่เคยคุยอะไรกับใคร ไม่เคยแม้แต่จะโบกมือทักทายหรือฉีกยิ้มเลยแท้ๆ แต่ก็มีแฟนคลับที่เหนียวแน่นคอยเป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้”

“ทำในสิ่งที่ชอบ ไม่ใช่ให้คนมาชอบ”

“คำพูดของนายมันทั้งน่าชื่นชมและน่าหมั่นไส้สุดๆ ” ผมเท้าค้างอย่างสุดเซ็งกับความเป็นของตัวเองอย่างสุดโต่งของเตโช แม้ผมจะเกลียดการเป็นดารา แต่เวลาออกงานก็ต้องปั้นหน้าฉีกยิ้มเพื่อสร้างสายสัมพันธ์อันดีแก่แฟนคลับและผู้หลักผู้ใหญ่

“นายมันบ้า” ผมด่าเขา “ยิ้มอะไร โดนด่าแล้วชอบใจเหรอ”

เตโชพยักหน้ารับ หมอนี่มันบ้าจริงๆ ด้วยแฮะ

ผมมองเขาด้วยสายตาอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนจะชะงักเมื่อจุดรวมสายตามาบรรจบกันตรงริมฝีปากคนหน้ามึน พลันภาพเมื่อวานปรากฏวาบ ระลึกได้ทันทีว่ามีสิ่งหนึ่งที่ต้องถามให้หายคาใจให้ได้!

 “เตโช นายต้องตอบฉัน ห้ามบ่ายเบี่ยงเด็ดขาดนะ” ผมดักทางกันเขาแสร้งทำเป็นบื้อใบ้ “เมื่อวานทำไมถึง...”

“ข้าวต้มร้อนๆ มาแล้วจ้า!” โดนขัดด้วยเสียงของคุณป้าเจ้าของร้านซะงั้น สติผมกระเจิดกระเจิงไปไกลจนรีบหุบปากฉับ รอจนคุณป้าค่อยๆ เรียงชามบนโต๊ะเสร็จจึงค่อยๆ รวบรวมสมาธิกลับมาอีกครั้ง

“เตโช”

เจ้าของชื่อเอียงศีรษะเล็กน้อยอย่างรอฟัง

“สรุปเราเป็นอะไรกัน”

“เพื่อน”

คำตอบที่พูดทันทีโดยไม่ทันคิดนั้นทำให้ผมเกรี้ยวกราดจนได้

“เพื่อนบ้านใครเขาจูบกันวะ!”

“งั้นแฟน”

ผมชะงักค้างในท่าลุกขึ้นตบโต๊ะอย่างกรุ่นโกรธ

“แฟนเหรอ...” เผลอพึมพำออกมาเหมือนยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

“อืม เป็นแฟน” เตโชพยักหน้าย้ำคำ ก่อนจะเริ่มกินข้าวต้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนผมชักไม่แน่ใจตัวเองว่าเมื่อกี้หูฝาดรึเปล่า

ไม่มีแม้แต่คำว่า ‘เป็นแฟนกันนะ’ หรือ ‘เป็นแฟนกับผมนะ’

คนหน้ามึนพูดออกมาทื่อๆ ด้วยประโยคบอกเล่าไม่ใช่ประโยคคำถาม

ไม่เปิดโอกาสให้ผมตอบรับหรือปฏิเสธสักนิดเดียว

รู้ตัวอีกที...สถานะก็เปลี่ยนจากเพื่อนมาเป็นแฟนด้วยความไวเสียง ณ ร้านข้าวต้มกุ้ยริมฟุตบาท

ผมค่อยๆ ทรุดตัวนั่งอย่างเชื่องช้าด้วยความมึนเบลอ

...จู่ๆ ก็มีแฟนเฉยเลยว่ะ





ผมมาได้สติอีกทีก็ตอนที่พวกเรากลับมาถึงโรงแรม และกำลังนั่งเช็ดตัวให้เตโชในห้องน้ำ

เอ๊ะ สรุปเราเป็นแฟนกันแล้วใช่มั้ย

แล้วทำไมผมต้องแฟนกับเขาด้วยล่ะ

แล้วเขาอยากเป็นแฟนกับผมแน่เหรอ

คำถามมากมายผุดขึ้นอย่างกับดอกเห็ด ทวีมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมเผลอลงแรงถูแผ่นหลังขาวๆ นั้นประหนึ่งขัดกระเบื้อง ทำเอาคนหน้ามึนหลุดร้องโอดโอย

“โทษที” ผมรีบชุบน้ำใหม่แล้วเปลี่ยนมาเช็ดตัวด้านหน้า ไล่ตั้งแต่ลำคอมาที่ต้นแขน เดี๋ยวก่อน แล้วทำไมผมต้องเช็ดตัวให้เขาด้วยในเมื่อเจ้าตัวอาการดีขึ้นจนจ้องหน้าผมเอา จ้องหน้าผมเอาเนี่ย

“เช็ดเองเลย” ผมยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้คนหน้ามึนทันที

“ไม่เอา” เตโชส่ายศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะรีบทำหน้าเซื่องซึมเหมือนคนป่วยหนัก...มันทันมั้ยไอ้บ้านี่

เห็นความพยายามในการแสดงที่ห่วยแตกนั่นแล้วผมก็ยอมเช็ดต่อไปเพราะคร้านจะโต้เถียงในเมื่อมีเรื่องสำคัญกว่านั้น

“เตโช” ผมก้มหน้างุด จ้องอยู่กับแผ่นอกของเขาที่สะท้อนขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ “นายชอบฉันเหรอ”

“ชอบ” ตอบชัดถ้อยชัดคำไม่แม้แต่จะหยุดคิดสักเสี้ยวนาที

ผมขมวดคิ้ว ถามย้ำอีกครั้งด้วยความสับสันสุดขีด

“ชอบแบบไหน ชอบแบบชื่นชม ชอบแบบเพื่อน หรือชอบแบบคนรัก ฉันหมายถึง...นายอยากมีเซ็กซ์กับฉันเหรอ”

คุ้นๆ ชอบกลนะว่ามั้ย

ผมเคยถามด้วยประโยคใกล้เคียงกันนี้กับเขามาก่อน ตอนนั้นเตโชตอบทันทีว่าไม่ เขาอยากจะสะกิดไหล่ อยากให้ผมหยิกแก้ม อยากให้ผมด่ามากกว่า แต่เมื่อผ่านจุดนั้นมา ผ่านเหตุการณ์หลายๆ อย่างร่วมกันมา ความรู้สึกบางอย่างก็คล้ายจะพัฒนาขึ้น

ทั้งที่สนิทกับเขามากอยู่แล้ว แต่ผมเหมือนจะสนิทสนมกับเขามากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ วัน จนทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ กังวลในเรื่องที่ไม่เคยคิด ห่วงใยอย่างที่ไม่เคยเป็น

เขาจะรู้สึกเหมือนกับผมรึเปล่านะ

“มีก็ได้ไม่มีก็ได้”

ผมปาผ้าเช็ดตัวลงพื้นทันที

“ไอ้เลว!” ก่อนจะด่ากราดด้วยความโกรธเกรี้ยวโกรธา “นายขอคนอื่นเป็นแฟนแล้วมาตอบคลุมเครือแบบนี้ไม่ได้ ทิ้งความคลุมเครือกับซีรีส์เช็กเมทก็พอแล้ว พูดมาให้ชัดๆ เอาให้เข้าใจตรงนี้เลยว่านายชอบฉันแบบไหนกันแน่ แล้วห้ามมาบอกแบบนี้ แบบนี้ แบบนี้อีกนะ!!”

ระบายออกไปหมดใจ...ผมก็เก็บกดกับเขามาเยอะเหมือนกันนะเนี่ย

ปรากฏว่าเตโชนิ่งไปครู่ใหญ่อย่างครุ่นคิด

ก่อนจะตอบเสียงราบเรียบด้วยสีหน้ามึนอึนว่า “งั้นแบบไหนก็ได้”

ผมเตะเข้าเปรี้ยงเข้าให้เต็มฝ่าเท้า เห็นคนหน้ามึนหงายหลังหมดสภาพแล้วเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย

...ซะที่ไหน!

เฮอะ เขาเห็นเรื่องการคบหาแบบคนรักเป็นการละเล่นอย่างหนึ่งรึไง!!

“แล้วจิระล่ะ” เตโชลูบอกปอยๆ ด้วยสายตาไม่ยักจะโกรธเคืองหรือตัดพ้อต่อว่า ออกไปทางงุนงงและชอบใจมากกว่าที่เห็นผมอาละวาดเป็นช้างตกมันอยู่ในห้องน้ำ

“ฉันทำไม”

“จิระรู้สึกแบบไหน” เตโชยันตัวขึ้นนั่งพลางหยิบผ้ามายัดใส่มือผม “แบบนี้ แบบนั้น หรือแบบโน้น”

“แล้วไอ้สารพัดแบบของนายมันคืออะไรล่ะ” ผมมองเขาด้วยความปวดหัวเป็นอย่างมาก

“ไม่รู้” เตโชตอบชัดถ้อยชัดคำ จนผมอยากจะซัดเปรี้ยงออกไปอีกครั้ง “รู้สึกทุกแบบ”

“...”

“กับจิระ รู้สึกทุกอย่าง อธิบายไม่ถูก แต่เป็นทุกอย่าง”

ผมเงยมองเขาเพื่อพิสูจน์ความจริงใจในประโยคนั้น

“เป็นคนที่ชื่นชม เป็นเพื่อน เป็นแฟน เป็นได้ทุกอย่างเลย”

“ฟังดูสาธารณะประโยชน์ดีเนอะ” ผมตอบเสียงเรียบ พยายามกัดปากไม่ให้หลุดยิ้ม มือก็ถือผ้าถูๆ ไถๆ บนตัวเขาแก้เก้อ...บ้าเอ๊ย จะหน้าแดงทำไมจิระ กับไอ้ประโยคที่ไม่เห็นจะโรแมนติกเลยสักนิด!

 “อยากอยู่ด้วย...” เตโชจับมือผมให้หยุดประทุษร้ายร่างกายเขาสักที แต่การกระทำนั้นกลับทำให้ผมชะงัก คราวนี้แดงก่ำไปทั้งตัว รู้สึกร้อนๆ เหมือนจะเป็นไข้ตามรอยคนตรงหน้า “ตอนแรกชื่นชม ต่อมาชื่นชอบ อยากอยู่ด้วยทุกวัน จิระบอกไม่เป็นเพื่อน งั้นก็เป็นแฟน”

“เออ มักง่ายดี” ผมแอบด่า แม้จะก้มหน้างุดๆ จนเสียงเหมือนลูกแมวคำราม จะสลัดมือเขาก็ทำไม่ได้เพราะรู้สึกเรี่ยวแรงไม่ค่อยจะมี

พลันเตโชกระแอมไอเล็กน้อย ก่อนจะร้องเพลงออกมา

“ไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครรับฟัง ไม่มีใครต้องการ”

ทำนองที่เขาร้องต่างจากเดิมเหมือนคนละเพลง

“แต่เมื่อมีเธอเข้ามา ข้างกายฉันไม่เคยเงียบเหงา”

เพราะมันเชื่องช้ากว่าเก่า

“อยากมีเธอแบบนี้ทุกวัน เพื่อให้ตัวฉันมีชีวิตในแบบที่ไม่เคยเป็น”

แว่วหวานกว่าเก่า

“ฉันจะเข้าใจเธอ จะรับฟังเธอ จะต้องการเธอ”


ใช้น้ำเสียงที่แผ่วเบาปานกำลังกระซิบบอกมากกว่าการขับร้อง

“จะไม่แยกจาก และเคียงกันตลอดไป”

ค่อยๆ สลักลึกในใจเหมือนพยายามสื่อความหมายในแต่ละคำอย่างช้าชัดแต่มั่นคง

“จิระ” เพราะถูกเรียก ผมเลยยอมเงยหน้าขึ้นสบตา ปะทะเข้ากับรอยยิ้มจางของคนหน้ามึนเข้าอย่างจัง เป็นรอยยิ้มเดียวกับที่เขาเผยบนเวทีตอนร้องเพลงนี้ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข

เคียงใจกันนะ”

...และความรัก

ทั้งที่เคยฟังเพลงนี้หลายต่อหลายครั้ง แต่ทุกครั้งกลับให้ความรู้สึกต่างออกไป ครั้งแรกตอนเตโชร้องในมิวสิกวีดีโอเพลงหิวรัก ผมคิดว่าเป็นเพลงร้องจีบสาว ครั้งที่สองตอนเขาร้องช่วงเล่นทะเล ผมคิดว่าเป็นเพลงมิตรภาพยามเปิดใจ ครั้งที่สามตอนเขาร้องบนเวที ผมคิดว่าเขากำลังตกหลุมรักใครบางคน

และครั้งนี้...

“โอ๊ย พอแล้ว ฉันรู้แล้ว!”

เขากำลังร้องขอความรักจากคนคนนั้น

หนึ่งเพลง แต่กลับมีหลากหลายความหมายในแต่ละช่วงเวลา ทั้งที่เนื้อร้องแบบเดิม คนร้องคนเดิม แต่ทำไมถึงให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันมากขนาดนี้นะ

คงเหมือนกับผมและเขา เริ่มต้นจากความสม่ำเสมอ เหมือนเดิมในทุกๆ วัน แต่สิ่งที่มีให้กันนั้น กลับซึมลึกมากขึ้นทุกที

อยากอยู่ด้วยกันงั้นเหรอ

ผมเป็นคนบอกกับเขาเองว่าห้ามทิ้งแม้จะงี่เง่าขนาดไหน

อยากให้เข้าใจกันงั้นเหรอ

เตโชอ่านใจผมเก่งมาก ส่วนผมก็สำเร็จวิชาเตโชวิทยาไปแล้ว

อยากต้องการกันและกันงั้นเหรอ

ผม....

“แล้วจิระล่ะ”

“ฉันทำไมอีก” ผมถามเสียงเบายิ่งกว่าลูกแมวหิวนม เบาจนผมคิดว่าอาจจะกำลังลอยอยู่ก็ได้

“จิระรู้สึกแบบไหน”

“ฉัน...ไม่รู้” มันน่าตลกเมื่อผมกลายเป็นคนหน้ามึนไม่ต่างจากเขา เพราะพอลองถามตัวเองแล้วกลับหาคำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ ผมเคยมีความรัก รู้จักดีว่าเป็นยังไง ผมรักเสี่ย จนเรียกได้ว่าหลง ถึงขนาดยอมเปลี่ยนตัวเอง ยอมทำอะไรลงไปมากมายจนกลายเป็นความผิดพลาด

ผมพูดได้เต็มปากเต็มคำจนถึงตอนนี้ ว่าผมเคยรักเสี่ย รักมาก

แต่สำหรับเตโช...

ความรู้สึกผมไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น ผมไม่ได้อยากทำอะไรเพื่อเขามากมายเท่าที่เคยทำให้เสี่ย ไม่ได้กลัวที่จะเสียอีกฝ่ายไปจนร้องไห้ฟูมฟายจะเป็นจะตาย แต่น่าแปลก เพราะสิ่งที่ทำให้เตโชในทุกวันนี้ก็ไม่เคยคิดจะทำให้เสี่ย ผมไม่เคยเป็นตัวของตัวเอง พูดเท่าที่อยากพูด เกรี้ยวกราด หัวเราะ และร้องไห้อย่างเต็มที่ต่อหน้าใครเท่านี้มาก่อน

และนั่นทำให้ผมนึกภาพที่ไม่มีเตโชอยู่เคียงข้างกันไม่ออก

เพราะอย่างนั้นถึงได้กลัวว่าสักวันจะโดนทิ้ง

ถ้าเกิดขึ้นจริงผมคงใจหาย ไม่ได้เศร้าโศกเป็นบ้าเป็นบอ แต่คงซึมกระทือและรู้สึกวูบโหวงเหมือนขาดอะไรไป เพราะเท่ากับว่าผมจะไม่ใช่จิระ อย่างน้อยก็ไม่ใช่จิระอย่างที่เป็นในตอนนี้

เพียงนึกก็หน่วงหนึบจนพูดไม่ออก ผมกุมมือเตโชแน่นขึ้น ชักเข้าใจว่าทำไมถึงอธิบายไม่ได้ว่านี่คือรักหรือไม่ เพราะจะบอกว่าเพื่อนก็ไม่เต็มปาก จะบอกว่าคนรักก็แอบจั๊กจี้ยังไงชอบกล

แต่ผมไม่รังเกียจเขา ไม่สักนิดเดียว

วินาทีแรกที่เตโชบอกว่าเราเป็นแฟนกัน ผมอึ้ง ผมงง และสับสน แต่ไม่มีความคิดปฏิเสธเลย เหมือนว่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามทำนองคลองธรรม เขาพูดแบบนี้หลังจากจูบกันถือเป็นเรื่องยอมรับได้

‘จิระบอกไม่เป็นเพื่อน งั้นก็เป็นแฟน’

คำพูดสุดมักง่ายของเตโชกลับกลายเป็นคำตอบที่เข้าใจง่ายที่สุด

มาถึงขนาดนี้แล้ว ในเมื่อไม่ใช่เพื่อน งั้นเป็นแฟนกันนั่นแหละ ไม่งั้นจะให้เป็นอะไรได้อีก

เออ แล้วจะเป็นอะไรได้อีกล่ะวะ

พอคิดถึงตรงนี้ผมก็หลุดขำ หัวเราะดังลั่นใส่หน้าเตโช

“จิระ...”

“โอเค ฉันยอมแพ้” ผมโคลงศีรษะ เลิกซักไซ้คนหน้ามึนในเมื่อตัวเองยังหาคำจำกัดความดีๆ ไม่ได้เลย “ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือแฟน ฉันกับนายก็คงทำตัวเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอยู่แล้...”

ผมชะงักค้างเมื่อจู่ๆ เตโชก็ก้มหน้าจูบปากแผ่วเบา

แนบนานกว่าเมื่อวานสิบวินาที แถมคนทำยังจ้องตาแป๋วเหมือนรอคำชม

แล้วผมจะทำอะไรได้นอกจากหลบตาพร้อมพูดอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง

“เอ่อ...เปลี่ยนนิดหน่อยก็ได้”

--------

อย่าคาดหวังกับฉากขอเป็นแฟนของพระเอกในนิยายชุดนี้ค่ะ

เสี่ยมโนยังไงเตโชก็มึนอย่างนั้น หนูจิทั้งสองต้องทำใจกับการมัดมือชกนะลูกนะ ของเสี่ยว่าพีคแล้วมาเจอไม้นี้บอกเลยว่าเนียนมาก! เนียนจนถ้าเผลออ่านข้ามขึ้นมาคงมองผ่านไปโดยไม่รู้ว่าเขาคบกันแล้ว 555

สำหรับฉากปรับความเข้าใจ ขอสารภาพเลยว่าเราไม่เคยแต่งอะไรแบบนี้ แต่ได้แรงบันดาลใจจากเพลง เพราะพอคิดให้พระเอกเป็นนักร้อง ก็ปิ๊งไอเดียอยากลองแต่งประมาณนี้ดูค่ะ ถ้าให้อธิบาย...ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เหมือนกับเพลงๆ หนึ่ง เนื้อเหมือนเดิม ทำนองเหมือนเดิม คนคนเดิม แต่กลับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เมื่อได้ฟัง ครั้งแรกฟังอาจจะไม่เพราะ ต่อมาอาจจะเริ่มชิน จากนั้นก็กลายเป็นติด รู้ตัวอีกทีก็ฟังบ่อยๆ จนกลายเป็นเพลงโปรดซะแล้ว

เอาเป็นว่าจูนสติกันทั้งหมด ทั้งจิระ เตโช คนเขียนและคนอ่านกันนะคะ สุดท้ายแล้วก็ได้แต่ให้บริบทเรื่องนำไปแล้วกันเนอะ  555 #จิระผู้เกรี้ยวกราด

เพจนักเขียนที่อยากป่าวประกาศว่าเขาคบกันแล้วเจ้าค่าเอ๊ย (https://www.facebook.com/MajaYnaja)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 02-01-2018 12:24:24
ไม่ค่ะ จะว่าเราลำเอียงก็ได้แต่การขอเป็นแฟนขอเตโชน่ารักกว่าของเสี่ยสิบเท่าค่ะ อย่างน้อยเตโชก็ทำอะไรๆให้จิระบ้าง ไม่เหมือนเสี่ยรับฝ่ายเดียวเลยเสี่ยถึงน่าหมั่นไส้มากกว่าเตโชไงคะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 02-01-2018 12:43:40
อยากได้เตโชมาตั้งไว้ที่บ้านนน งื้ออ น่ารัก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 02-01-2018 13:06:16
จิระน่าร๊ากกกก เตโชคนมึนมึนจนได้แฟน 5555
เข้าใจการคบของคู่นี้นะ คือค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์
จนถึงจุดๆ หนึ่งที่รู้ตัวแล้วว่าเราขาดเค้าไม่ได้
ก็เลยลงตัวที่ความรู้สึกนี้

ไม่ต้องรีบในการเริ่มต้น แต่คบกันได้นาน เพราะรู้นิสัยกันแล้ว
เป็นตัวของตัวเอง และรับข้อเสียอีกฝ่ายได้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: marshall ที่ 02-01-2018 13:17:02
เปื่อยๆ มึนๆ จนได้แฟน อิจฉาจริงๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-01-2018 13:19:25
55555 ความมึนระดับ max
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 02-01-2018 14:32:58
 :laugh: :laugh: :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-01-2018 14:38:33
เขาเป็นแฟนกันแบบมึนๆ เนอะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 02-01-2018 14:54:09
เค้าคบกันแล้ว :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 02-01-2018 15:24:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 02-01-2018 15:42:16
 เตโชมึนมากอ่า
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 02-01-2018 15:47:02
เปนแฟนกันแบบมึนๆ  :mew4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 02-01-2018 15:59:45
เค้าเป็นแฟนกันแล้ว เป็นแบบมึนๆกันอีกต่างหาก 55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 02-01-2018 16:57:12
กรี๊ดดดดด สมเป็นเตโช 55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 02-01-2018 17:44:17
โอ๊ยยย เขิน นี่เพลงขอเป็นแฟนใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 02-01-2018 18:45:30
ดีค่ะ ไม่เป็นเพื่อน งั้นก็เป็นแฟน ชีวิตอย่าทำให้มันยากค่ะ 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: 177266 ที่ 02-01-2018 20:24:59
 :-[ :-[ คู่มึนที่น่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-01-2018 21:07:35
 :mc4:  :mc4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 02-01-2018 21:15:38
ตายตาหลับ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 02-01-2018 21:48:56
อ่านไปก็ อ๋อ เอ่ออ..อ   อ่อออ  อื้มมม เออๆๆ ออ เคเค้าเป็นแฟนกันละ 555555555555555  มึนไปพร้อมๆกัน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 02-01-2018 22:33:34
การคบกันของคนมึนกับคนโวยก็เป็นเช่นนี้แล  :m20:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 02-01-2018 22:47:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-01-2018 23:40:22
สมกับเป็นเตโชคนมึน คุยด้วยจะไม่รู้เรื่อง ถ้าจะให้รู้เรื่องต้องเล่าเป็นเพลง ยอมใจหลานเลย เตโช  :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-01-2018 00:25:58
 :katai2-1: :mc4: :katai2-1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-01-2018 00:52:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 03-01-2018 03:50:02
เป็นแฟนกันแล้ววว
เย้ๆๆๆๆๆๆ
ในที่สุดดดดดด
ต่อไปก่ ขึ้นเตียงได้
อยากรู้จิงๆหน้ามึนๆ อยู่บนเตียงจะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 03-01-2018 07:00:12
ชอบ น่ารักมากๆ :mew3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 03-01-2018 09:40:16
5555555 ถ้าเราหาแฟนได้ง่ายแบบจิระก็ดีดิคงไม่ต้องขึ้นคานแบบนี้ เอ้าแซะตัวเองทำไมวะ แต่ก็เป็นสไตล์ของเตโชอ่ะนะ มีแฟนแบบมึนๆแต่ไม่แน่นะพอจิระตอบตกลงมีการจูบด้วย :-[
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 03-01-2018 12:50:48
เนียนมาก เนียนมากจริงๆ แต่สมเป็นเตโช
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 03-01-2018 13:29:12
อ่าว จู่ๆก็มีแฟนเฉยอ่ะแกร :hao7: :hao7: อ๊ายยยย
เป็นอะไรกับจิระก็ได้ จะเป็นเพื่อนหรือเป็นแฟนได้ทั้งนั้น แหมมม เป็นทุกอย่างให้เธอแล้วววว~
เขินตอนเตโชร้องเพลงเคียงใจ งือ :hao5: แค่อ่านก็เขินตามจิระแล้ว เคียงใจกันไหม อ๊ายยยยย :-[ :impress2: Me::พยักหน้าแรง //อ๊ะ! เค้าไม่ได้ถามเรานี่หว่า

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 22 : เปลี่ยนสถานะ- P.24 - [2/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 03-01-2018 15:53:02
จูบเอาจูบเอาเลยนะ

พอเห็นจิระไม่ว่านี่เอาใหญ่

เตโชนายมันร้ายนัก

เสือซ้อนเล็บใช่ไหม
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโช - P.25 - [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 03-01-2018 19:39:51

ตอนที่ 23

เตโชผู้หิวโหย




ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นแฟน ถึงจะจูบกันแล้วสองครั้ง แต่สุดท้ายผมกับเตโชก็ทำตัวเหมือนเดิมกับสมัยเป็นเพื่อนกัน นั่งคือการนั่งดูซีรีส์เช็กเมททุกเสาร์-อาทิตย์ด้วยความลุ้นระทึก ที่ต่างจากเดิม คือพวกเรานั่งดูกันบนเตียงเพราะโทรทัศน์ของโรงแรมหันหน้าเข้าหาเตียงไม่ใช่โซฟา

เช็กเมทตอนที่สิบห้า กับการจับตัวซีเคร็ทเพื่อคืนความทรงจำ

ตอนแสดงว่าสนุกมากๆ แล้ว พอมาดูฉบับตัดต่อฉายจริงผมกับเตโชนั้นแทบไม่กะพริบตา จับจ้องเรื่องราวตรงหน้าราวกับว่าเป็นผู้ชมมากกว่าเป็นนักแสดง

“จบค้างชะมัด” ผมพูดเมื่อเพลงจบขึ้นหลังพวกพระเอกพบว่าซีเคร็ทถูกองค์กรพาตัวกลับไป “แต่พรุ่งนี้สนุกแน่”

เพราะตอนที่สิบหก จะเป็นตอนแห่งความทุ่มเท การระเบิดพลังการแสดงของนายจิระคนนี้ซึ่งต้องปวดหัวกับการแบกบททั้งตอนด้วยความคลุมเครือและคลุมเครือ

“พรุ่งนี้ดูจบแล้วแวะไปงานดนตรีกันมั้ย” ผมก้มถามเตโชที่นอนอยู่ข้างกัน เนื่องจากเขายังไม่หายไข้ดีเลยโดนบังคับให้นอนติดเตียง “ฉันบังคับให้นายต้องหาย มาพัทยาแต่ได้เล่นทะเลแค่วันเดียว แถมมีงานคอนเสิร์ตตั้งสามวันจะไม่ไปเลยสักวันได้ยังไง ฉะนั้นนายต้องหาย จะได้ไปฟังเพลงกับฉันเข้าใจมั้ยเตโช”

“เดตเหรอ” คนหน้ามึนถามมึนๆ อย่างไม่คิดอะไรแต่เล่นเอาผมแทบกระอักเลือด

“แค่ชวนไปเที่ยวเล่นเฉยๆ แต่จะว่าเป็นเดต...ก็คงเดตมั้ง”

“เดต เย้”

“เย้บ้าเย้บออะไร เอาให้หายดีก่อนเถอะค่อยมาเย้” ผมดีดหน้าผากเขา ก่อนจะเปิดโทรศัพท์เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวทางโซเชียล มาพักร้อนแบบนี้ผมไม่อยากจะจมไปกับความวุ่นวายของวงการบันเทิงหรอกนะ ไม่อยากอารมณ์เสียเพราะโดนด่า แต่ในเมื่อเช็กเมทกำลังสนุกก็อดดูผลตอบรับไม่ได้

และแน่นอนว่าเสียงส่วนใหญ่ค่อนไปทางด่าทอผม ไม่ยอมรับกับการเอานักแสดงใช้เส้นมาเล่นในซีรีส์ ยิ่งผมมีบทเด่นแค่ไหน ก็ยิ่งจุดชนวนความอคติว่าผมได้มันมาด้วยเส้นสายไม่ใช่ความสามารถ

กลัวก็แต่พอถึงฉากสุดท้าย คนจะสาปแช่งยินดีที่มิสเตอร์เอสตายมากกว่าชื่นชมปรบมือเนี่ยสิ

ผมปิดโทรศัพท์ด้วยความหน่ายเซ็งทันควัน คมสันยัดผมมาในกองจริง...แต่หลังจากนั้นคนเขียนบทเป็นคนเพิ่มมาเองหลังเห็นผมสร้างคาแรคเตอร์แบบใหม่อย่างซีเคร็ทขึ้นมาหรอก กองถ่ายเช็กเมทน่ะยังยึดติดกับภาพลักษณ์ของมิสเตอร์เอสที่จิตรินแสดงในซีซันหนึ่ง ฉะนั้นการที่ทิศทางเรื่องมาไกลขนาดนี้ควรจะให้เครดิตผมบ้างสิ

ความพยายามไม่ถูกเห็นค่า ความทุ่มเทโดนโยนทิ้งขยะ ผมตัวไหลลงไปนอนซบกับอกเตโช ไม่กล้าคิดว่าถ้าพรุ่งนี้ฉายตอนที่สิบหกผลตอบรับจะออกมารุนแรงขนาดไหน

“จิระจะรุกเหรอ”

“รุกอะไรล่ะ ฉันแค่ขอพักใจ ขอพักใจ!” ผมเงยหน้าตวาดใส่เขา ก่อนจะลงไปนอนซบตามเดิมเพราะหมดเรี่ยวหมดแรง โดยมีนิ้วด้านๆ จากการดีดกีต้าร์ช่วยลูบหน้าลูบตาเป็นระยะ “ลูบตรงไหนของนาย...”

ผมคิ้วกระตุก เพราะมือสากของเตโชลูบหัวผม ลูบหน้าผม ก่อนจะไล่มาแถวลำคอและไหปลาร้า

“จิระผอมจัง” น้ำเสียงของคนมึนคล้ายกำลังรำพัน เหมือนเพิ่งมองผมในอีกแง่หนึ่งเป็นครั้งแรก สายตาก็วับๆ วาวๆ ชอบกล

“ก็เพราะมัวแต่ดูแลใครก็ไม่รู้สองวันเต็มๆ ไงล่ะ” ผมโบ้ยความผิดให้เขา ตัดสินใจกระเถิบห่างเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย

“แฟนไปไหน”

“ไปให้ไกลจากนายไง ทำไมจู่ๆ ทำตัวน่าขนลุกแบบนี้เนี่ย!” ผมยืนกอดตัวเองอยู่ข้างเตียงด้วยความรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก สายตานั่น แล้วยังมาเรียกแฟนอีก สยองไปหมดแล้ว

“อ้อนแฟน”

ขนลุกขึ้นอีกสิบระดับ สงสัยเขาจะไข้ขึ้นหนักอีกแล้ว

“จิระ” เตโชเรียกผมพร้อมแบมือออกมาวางแหมะข้างตัว กำแล้วแบสลับไปมาเหมือนเรียกหาบางสิ่งบางอย่าง

ผมมองเขาอย่างอ่อนใจ ก่อนจะยอมปีนขึ้นเตียงไปนั่งจับมือแต่โดยดี

มีแฟนโรคจิตก็เป็นแบบนี้ ในเมื่อเตโชชอบเห็นผมอาละวาดมากกว่าการนั่งหงอยเหงาเศร้าซึมเลยมักมีวิธีพิสดารในการปลอบโยน

“สองวันนี้ฉันนอนเป็นเพื่อนนายจนตาบวมหมดแล้ว” ผมลูบใต้ตาที่อุดมสมบูรณ์จากการนอนนานเกินไป เพราะใครบางคนป่วยแล้วเรียกร้องหาการจับมือตลอดเวลา “นอนเยอะที่สุดในที่ชีวิตเลย ไม่ใช่สิ ตอนฉันเป็นเจ้าชายนิทราก็หลับยาวตั้งสี่เดือน”

“สี่เดือน?” เตโชขมวดคิ้ว เพราะช่วงเวลาที่ผมพูดนั้นคือการนอนหลับในร่างของจิตริน ไม่ใช่จิระ

...เล่าดีมั้ยหว่า

ผมมองเขาอย่างลังเล เรื่องราวสุดแฟนตาซีนี้ออกจะเหลือเชื่อเกินไปสักหน่อย แต่ถ้าไม่เล่า ก็รู้สึกเหมือนปกปิดเรื่องสำคัญยังไงชอบกล ในเมื่อมิสเตอร์เอสที่เตโชปลื้มแรกเริ่มสุดเลยนั้น...คือจิตรินในร่างของผม

จู่ๆ ก็ชักฉุนขึ้นมา

ผมพลิกมือเตโชขึ้นมากัดอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะเริ่มเล่าออกไปตามตรง

“ฉันรู้ว่านายอาจจะไม่เชื่อ แต่เมื่อครึ่งปีก่อน...ตอนที่จิระเริ่มเข้าวงการครั้งแรก คนคนนั้นไม่ใช่ฉัน” ผมลูบรอยฟันบนมือเขาแก้เก้อ “ฉันสลับร่างกับจิตริน ทองคำดี จิระคนที่แสดงเป็นมิสเตอร์เอสคือจิตริน ส่วนฉันในตอนนั้นก็นอนเป็นเจ้าชายในร่างของเขาสี่เดือนเต็ม”

เตโชมองผมเหมือนแฟนเสียสติไปแล้ว

“ฉันพูดจริง” ผมถลึงตาใส่คนป่วย “ข่าวฉาวตอนเปิดกองในซีซันแรกก็เป็นฉันที่ขุดอดีตมาแฉ ประจานตัวเองเพราะกลัวจิตรินจะประสบความสำเร็จ ใช้ร่างกายฉันในอาชีพที่ฉันไม่อยากทำ โอเค ฉันยอมรับว่าฉันอิจฉาเขาด้วย ก็ตอนนั้นจิตรินคบกับเสี่ยเลยฟุ้งซ่านนิดหน่อย...”

“เสี่ย?”

“กิ๊กเก่า” ผมยักไหล่ กับเสี่ยจะเรียกว่าแฟนยังไม่ได้เลย ในเมื่อพวกเราตกลงคบกันในฐานะเด็กเลี้ยงไม่ใช่คนรัก “สรุปแล้วฉันอยากจะบอกนายว่า...มิสเตอร์เอสที่นายเคยปลื้มนักปลื้มหนาน่ะคือจิตรินในร่างของฉัน ไม่ใช่ฉันโว้ย ไอ้บ้าเตโช”

ผมยิ่งโมโหหนัก เพราะหลงนึกไปว่าถ้าเตโชเจอจิตรินในร่างของผม เขาจะชอบ จะแต่งเพลงเคียงใจ จะเรียกแฟนเต็มปากเต็มคำเหมือนที่ทำกับผมมั้ย คนน่ารักอย่างจิตริน ใครอยู่ใกล้ก็หลงรักทั้งนั้น ขนาดผมยังเผลอหวั่นไหวเลย

“โอ๊ย!” ผมร้องลั่นเพราะคราวนี้เตโชพลิกมือผมไปกัดจมเขี้ยว “นายเป็นหมาเหรอ! ขนาดฉันยังแค่งับ แต่นายกัดเต็มๆ เลยนะ!!”

“หึง”

“ฉันไม่ได้หึง!” ผมร้องลั่นเสียงหลง เรื่องอะไรจะหึงเตโชกับจิตริน สองคนนี้ยังไม่เคยเจอหน้ากันด้วยซ้ำ!

พลันเตโชมองผมด้วยสายตาล้อเลียนสุดขีดเท่าที่คนหน้ามึนจะทำได้

ผมตระหนักได้ตอนนั้นเองว่าเขากำลังจะบอกว่าหึงผมกับเสี่ย ไม่ใช่กล่าวหาว่าผมหึงเขากับจิตริน

ปล่อยไก่ตัวเบอเริ้มเลยจิระเอ๊ย

ผมลูบหน้าลูบตา ลูบรอยฟันบนมือเขาและมือตัวเอง ก่อนจะทิ้งตัวนอนแสร้งหลับตัดปัญหา

“จิระ”

“ฉันนอนแล้ว”

“ชอบจิระ”

“รู้น่า”

“ชอบจิระ...ที่เป็นจิระ”

“นั่นฉันก็รู้แล้ว นอนเถอะ...นอนสิโว้ย! ไม่ต้องกระเถิบตัวมาทางนี้เลย นอนริมเตียงไป นอนขดไปเลย!!”





วันต่อมาอาการไข้ของเตโชแทบหายเป็นปลิดทิ้ง

แต่ผมยังขังเขาอยู่แต่ในห้อง ใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่ต้องเสียสละเวลาพักผ่อนคอยเฝ้าไข้เขาไม่ห่างเพื่อการพักฟื้นอย่างเต็มที่ เย็นวันนั้น เรานั่งดูเช็กเมทตอนสิบหกด้วยกัน การแสดงสุดแสนคลุมเครือนั้นช่างประทับใจจนผมเกือบหลั่งน้ำตาเมื่อระลึกถึงช่วงเวลาแสนกดดันตอนเข้ากอง คราวนี้ไม่คิดหาเรื่องใส่ตัว หาเหาใส่หัวเปิดโทรศัพท์อีก หลังเช็กเมทจบผมก็ลากเตโชออกจากห้อง มุ่งสู่เทศกาลดนตรีวันสุดท้าย

“คนเยอะฉิบ” ผมบ่นเมื่อปลายแถวห่างจากเวทีหลายกิโลเมตรจนเห็นแค่แท่งไม้ขีดกระโดดโหยงเหยงอยู่ไกลๆ งานเริ่มตั้งแต่หกโมง แต่พวกเราดันออกจากโรงแรมตอนสามทุ่ม ก็ไม่แปลกที่จะอยู่ซะท้ายแถวห่างไกลราวคนละขอบฟ้า

ผมกับเตโชจับมือกันแน่นเพราะกลัวหลง คนเยอะมาก เบียดซ้ายเบียดขวาจนเดินเป๋ไหลตามกระแสมวลชน วันนี้พวกเราใส่หมวกคนละใบเป็นการปลอมตัว หลังโดนดันโดนแซงจนทนไม่ไหว ผมที่เหงื่อแตกพลั่กด้วยความร้อนและแออัดก็กระตุกมือเตโชให้เขาหาทางออก

มาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เดินออก

ช่างมีความอดทนดีจริงๆ เลยนายจิระ

สุดท้ายพวกเราก็ตัดสินใจนั่งในร้านอาหารห่างจากชายหาดพัทยาเพราะที่ใกล้ๆ ถูกจองเต็มหมดแล้ว ถึงจะไกลหน่อยแต่เสียงดนตรียังดังมาถึง แม้จะปนกันสามเวทีจนฟังไม่ค่อยได้ศัพท์ก็เถอะ เอาวะ อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่ามาร่วมงาน โยกหัวยิ้มร่ากับความครื้นเครงของเทศกาลดนตรี

“เอ้า ดื่ม!!”

งานปาร์ตี้จะขาดของมึนเมาได้ยังไง ผมยกแก้วชนกับเตโชแบบถึงไหนถึงกัน นึกแล้วก็น่าขัน เมื่อก่อนผมทำตัวเหลวแหลกออกไปเที่ยวแทบทุกคืนเพราะเสี่ยไม่ยอมมาหา เลยได้ชื่อว่าจิระคอทองแดง ดื่มเท่าไหร่ก็บ่หยั่น แต่ตอนนี้...

ทำไมดื่มแค่ขวดเดียวก็เริ่มมึนแล้ววะ

“จิระ?” เตโชที่ดื่มเป็นเพื่อนผมแค่แก้วเดียวหรี่ตามองอย่างฉงนสงสัย

“ไม่ ฉันยังไม่เมา เอามาอีก! เอาเหล้ามาอีก!” ผมไม่เชื่อว่าตัวเองจะอ่อนด้อยขนาดขวดเดียวจอด บางทีอาจจะยังไม่ชิน ถ้าดื่มไปเรื่อยๆ ร่างกายก็ปรับตัวได้เอง

ขวดที่สองผ่านไป สติผมรางเลือนเต็มทน

รู้ตัวอีกทีก็ขี่หลังเตโชกลับโรงแรมแล้ว

...เป็นไปได้ยังไง! จิระคอทองแดงหายไปไหน!!

อ้อ โดนจิตรินคนดีชุบร่างกายจนเป็นเด็กอนามัยแล้วสินะ เพราะตอนสลับร่างกัน จิตรินดูแลสุขภาพผมดีมาก ทั้งวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า ทั้งกินอาหารครบห้าหมู่ ทั้งนอนเร็วตื่นเช้า ไม่แตะแอลกอฮอล์ทุกชนิด

ผมซุกหน้ากับไหล่เตโช ครางอืออาประท้วงตัวเอง

“ฉัน...ดื่มไหว เอา...เหล้ามา...เอามา...”

เตโชได้แต่บอกให้ผมจับเขาดีๆ เพราะกลัวตก กว่าจะถึงห้องไหล่ของเขาก็เปียกชุ่มเพราะโดนผมจับอมด้วยความกระหายหิว

ผมว่าผมไม่เมา เพราะสติยังอยู่ครบ แค่ร่างกายมันอ่อนระโหยไปสักหน่อยก็เท่านั้น เลยรู้สึกตัวทุกอย่างตอนเตโชหอบร่างผมไปนั่งบนชักโครก แล้วจับแก้ผ้าเช็ดตัวให้เพื่อเปลี่ยนเป็นชุดนอนจะได้หลับสบายๆ

“ไม่เช็ดตัว จะอาบน้ำ” ผมบอกเขาเสียงยานคาน คนขี้หงุดหงิดอย่างผมถ้านอนโดยไม่อาบน้ำต้องครั่นเนื้อครั่นตัวตลอดคืนแน่ๆ

เตโชพยักหน้าหงึกหงักอย่างว่าง่าย หันไปเปิดน้ำอุ่นใส่อ่าง ก่อนจะลากผมไปแปรงฟันตรงอ่างล้างหน้าโดยยืนประกบหลังช่วยประคองเอวไม่ให้ตัวไหลไปกองกับพื้น

ผมยืนโงนเงน ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็เริ่มสดชื่นขึ้น เลยถอดกางเกงในที่เหลือบนตัวเพียงชิ้นเดียวโยนส่งๆ กับพื้น ก่อนจะปีนลงไปแช่อ่างแล้วหลับตาพริ้มอย่างแสนสบาย

“สระผมมั้ย” เตโชนั่งริมขอบอ่าง ชูแชมพูของโรงแรมขึ้นเป็นเชิงถาม

“สระสิ” ผมตอบทันที

ทำไมเหมือนมาอาบ อบ นวดชอบกล อีหนูของผมบริการดีมาก ค่อยๆ วักน้ำอุ่นราดตามแนวเส้นผมจนเปียกชุ่ม ก่อนจะเทแชมพู นวดศีรษะ คลึงแถวขมับอย่างเอาใจใส่

“อือ...” ผมครางแผ่วเมื่อสระผมเสร็จเตโชก็ก้มลงจุ๊บเหม่ง ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูกางแผ่ตรงหน้า ผมปีนลงจากอ่าง เดินสะโหลสะเหลเข้าไปในอ้อมกอดของเขาที่คลุมผ้าให้รอบตัว

“เตโช...” ผมซุกหน้าถูไถกับลาดไหล่อีกฝ่าย แต่เตโชคงเข้าใจผิด คิดว่าผมงัวเงียใกล้เฝ้าพระอินทร์เต็มทน เลยรีบเช็ดตัวแล้วกึ่งอุ้มกึ่งลากผมไปนั่งจ๋องบนเตียง

ผมมองเขาที่หันไปเปิดกระเป๋าหาชุดนอนด้วยอารมณ์คุกรุ่น

นี่เขามึนหรือบื้อกันแน่ถึงไม่รู้ว่าผมกำลังให้ท่า!

ทั้งกินเหล้า แช่น้ำอุ่น แล้วยังโดนสัมผัสแนบชิดละมุนอ่อนหวานขนาดนั้น

ไม่มีอารมณ์ก็บ้าแล้ว!

จิระน้อยเริ่มแข็ง แต่เตโชดันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหลือบมองสักแวบรึไม่มี...ช่างหยามน้ำหน้าชายชาตรีอกสามศอกกันเหลือเกิน!

นั่น เขาหาชุดนอนผมเจอแล้ว รีบกระดิกหางหาผมอย่างดีใจกับเรื่องเล็กน้อยจนชวนทดท้อระทมทรวง

“เตโช” ผมกำผ้าเช็ดตัวแน่น ไม่ยอมให้เขาใส่ชุดนอนง่ายๆ “จูบหน่อย”

เตโชก้มหน้าแนบริมฝีปากกับผมทันที คล้ายเห็นเขาหูหางกระดิกไปหมด ชอบที่เห็นผมออดอ้อนสินะ แล้วทำไมถึงไม่รู้ว่ากำลังอ่อยอยู่วะ จิระไม่เข้าใจ

“นี่ไม่ใช่จูบ” พอเตโชถอนริมฝีปากออก ผมก็กระชากคอเสื้อเขาให้เข้าใกล้อีกครั้ง “นี่ต่างหากที่เรียกว่าจูบ” ก่อนจะประกบปากตัวเองลงไปพร้อมแทรกเรียวลิ้นเข้ารุกราน

เตโชตัวแข็งทื่อ ผิดกับผมที่กระเหี้ยนกระหือรือมาก จูบเอาจูบเอาประหนึ่งคนเก็บกด ก็จิระน้อยจะทนไม่ไหวแล้ว ขืนทำตัวใสซื่อหน้ามึนอย่างเขามีหวังไม่ได้กินสักที

ผมกระชากเตโชขึ้นเตียงโดยที่ริมฝีปากยังพัวพันกับการจูบอย่างดูดดื่ม ทั้งดูดทั้งเลีย รุกล้ำรุกคืบอย่างได้ใจเมื่ออีกฝ่ายไม่ขัดขืน ก่อนจะคร่อมตัวขึ้นนั่ง กระชากผ้าเช็ดตัวโยนทิ้งข้างเตียง

กดสะโพกเปลือยเปล่าลงเล็กน้อย บดเบียดส่วนอ่อนไหวกับของแข็งที่เริ่มนูนในกางเกง นิ้วเรียวค่อยๆ ไต่จากแผ่นอกมายังกลางลำตัว ผมรูดซิปกางเกงเขา ปากยังคงกดจูบไม่ยอมหยุดขณะปลดปล่อยสัตว์ร้ายจากคุกจองจำ

ที่เรียกว่าสัตว์ร้ายเพราะส่วนนั้นของเตโชทั้งแข็งทั้งฉ่ำน้ำ ดูจะอดกลั้นยิ่งกว่าจิระน้อยของผมซะอีก ผมเงยมองเขา ละจูบชั่วคราว ก่อนจะแทบร้องลั่นเมื่อจู่ๆ สถานการณ์ก็พลิกกลับตาลปัตร ถูกเตโชจับคร่อมพร้อมแนบจูบเร่าร้อนจนแทบละลาย

เตโชจูบผมไป ถอดเสื้อไป ถอดกางเกงไป ไม่นานก็ตัวเปลือยเปล่าแทรกขาใต้ร่างผม ทำให้สะโพกยกขึ้นอัตโนมัติ ส่วนนั้นของเราทั้งคู่แนบชิดสนิทสนมกันอย่างกลมเกลียว แรงเสียดสีชวนเสียวกระสันนั้นทำให้ผมครางอยู่ในลำคอ ก่อนจะสะท้านเฮือกเมื่อแตะขอบฟ้าก่อนเตโช

“ฉัน...” ผมหน้าแดงก่ำ พยายามแก้ตัวที่เสร็จไวชนิดนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ “เพราะฤทธิ์เหล้า! เพราะฤทธิ์เหล้าแ...อื้อ!”

เตโชไม่ฟังสักนิด แม้จะชะงักไปครู่หนึ่งเพราะผมเสร็จก่อน แต่พอได้ยินเสียงร้องประท้วงก็ก้มจูบอย่างดุดันคล้ายสำเร็จโทษ ผมนอนตัวเหลว อารมณ์ถูกปลุกไวยิ่งกว่าสี่จี ได้แต่เหลือบตามองอย่างลุ้นระทึกเมื่อคนหน้ามึนใช้นิ้วป้ายของเหลวที่เปรอะเปื้อนหน้าท้องผมมาถูๆ ไถๆ แถวช่องทางด้านหลังที่ร้างรากิจกรรมบนเตียงมาเนิ่นนาน

ผมสูดหายใจเข้าลึก จิกเล็บกับบ่าเตโชเมื่อรู้สึกถึงปลายนิ้วชำแรกเข้ามาในร่าง นิ้วสากด้านจากการดีดกีต้าร์นั้นขยับไหวราวมีชีวิต ทั้งซุกซนและอยู่ไม่สุข สำรวจถ้ำแปลกใหม่ได้ไม่นานก็เรียกพวกเข้ามาเป็นนิ้วที่สอง...นิ้วที่สาม

ผมอึดอัดจนนิ่วหน้า หอบครางอยู่กับหมอนขณะปรือตามองเตโช

“ช้า...ช้าหน่อย”

จิระน้อยแข็งโป๊กเมื่อถูกสัมผัสจุดกระสันเป็นระยะ ผมกลัวชะมัดว่าจะแตะขอบฟ้าเป็นครั้งที่สองโดยที่อีกฝ่ายยังไม่เสร็จสักรอบเลยพยายามบอกให้เตโชช้าลง

“อยากกิน” แต่คนหน้ามึนดันพูดไปคนละเรื่อง เขาเลียปากบวมแดงของผม ขบเม้มเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนมากระซิบข้างหู พูดไปก็เลียไป ดูเอร็ดอร่อยเหมือนกำลังรับประทานอาหาร “ขอกินนะ”

เสียงนั้นหวานมาก เหมือนเสียงเขาตอนร้องเพลง ผมถูกกล่อมเคลิ้มจนเผลอตอบออกไปโดยไม่ทันคิด

“เออ กินเลย”

เสร็จโจรสิครับจะเหลือเหรอ

พอได้รับอนุญาต สามนิ้วสำรวจถ้ำก็ถูกเรียกตัวกลับ ก่อนจะแทรกด้วยบอสใหญ่ที่เก่งฉกาจกว่ามาก ทั้งย้ำทั้งกระแทก ตัวผมแอ่นสะท้านเป็นระยะ ตกใจกับความหิวโหยของเตโชจนสมองวิ้ง ร้องครางลั่นไม่หยุด

เตียงโยกไหว ศีรษะสั่นคลอน สะโพกถูกสวนเข้าออกพร้อมเสียงน่าอายที่ดังขึ้นตามการกระทั้นถี่ ผมหอบหายใจหนัก วินาทีนั้นนึกถึงยาดมลูกรักจับขั้วหัวใจ

แล้วจิระก็แตะขอบฟ้าไปอย่างมึนๆ งงๆ

“ยะ...ยาดม” รอจนเตโชเสร็จกิจ ผมก็เรียกหาของรักเป็นอย่างแรกเพราะรู้สึกคลับคล้ายจะเป็นลม ก่อนจะเขินหน้าแดงก่ำเมื่อส่วนนั้นของเขาค่อยๆ ถอนออกจากถ้ำสวาท ทิ้งน้ำคาวอุ่นร้อนคั่งค้างอยู่ภายใน

ระลึกได้ตอนนั้นเองว่าผมกับเขามีเซ็กซ์กันแล้ว

หลังตกลงคบกันเป็นแฟนแค่วันเดียวด้วย

ไวไฟฉิบหายเลย


ผมรับยาดมจากเตโช รู้สึกจะหน้ามืดอีกรอบเพราะคิดได้ว่าคนเริ่มก่อนก็ตัวเองนี่หว่า เพราะฤทธิ์เหล้าหรอก! เพราะฤทธิ์เหล้า!!

เจอเซ็กซ์อันเหลือเชื่อ อาการเมาก็เริ่มสร่าง ร่างกายเบาสบายอิ่มเอมกับความสุข ผมเตรียมนอนหลับด้วยความเพลียเกินจะต้านทาน แต่เตโชดันสะกิดยิกๆ

“อะไรอีก”

“ขอกินนะ”

“ไม่ให้กินแล้ว ฉันจะนอน!” ผมยกขาถีบเตโช แต่ดันโดนคว้าจับจนตัวไถลลงจากหมอน มานอนตาปริบๆ แนบชิดกันในระยะน่าหวาดเสียว “ฉันบอกว่า...อื้อ!”

“ของดีต้องกินให้ครบสามมื้อ”

อย่ามาพูดหน้าตายๆ ทั้งที่ยัดส่วนนั้นเข้ามาแล้วได้มั้ย!

“นี่นายจะบอกว่าขอทำสามครั้งงั้นเหรอ ใครจะยอมวะ อา...ก็บอกว่าไม่เอา อะ...อ๊า!”

คืนนี้ไม่รอดแน่แล้ว สงสัยจะถูกรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัว

ถ้าอย่างนั้น...

แพนกล้องไปที่หัวเตียงเดี๋ยวนี้ ผมบอกให้แพนกล้องไปที่หัวเตียงเดี๋ยวนี้!


--------------

จิระจะเขินทำไมล่ะลูก โธ่ อดเห็นโดนกินครั้งที่สองที่สามเลย

ฉากสวาทมาแล้วนะคะ ใครรออยู่เอ่ย รู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งบอกอยู่แหม่บๆ ว่าเรื่องนี้ใสๆ ใสไม่ทันไรพอคบกันปุ๊บก็มุดโปงแล้ว อา...เราก็เก็บกดเหมือนกันค่ะ ถึงขีดสุดแล้ว ขอหื่นสักนิดเถอะนะ สำหรับคู่นี้หลายคนเดาถูกว่าจิระต้องเริ่มรุกก่อนไม่งั้นเตโชคงไม่กินสักที แต่ถ้าได้กินก็ตะกละตามประสา #เตโชผู้หิวโหย

ก็จิระอ่อยหนักขนาดนั้นนี้เนอะ ไม่กินได้ยังไง 5555 #จิระผู้เกรี้ยวกราด

เพจนักเขียนที่หัวเราะอย่างสะใจกับการได้แต่งฉากหื่นสักที วะฮ่าๆ! (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)

ปล.เมื่อวานเราลงรูปภาพร่างประกอบขาว-ดำในเล่มหนังสือลงเพจ แต่เผื่อมีคนไม่เห็นเลยแอบมาลงในนี้อีกรอบค่า โพสิชั่นจริงๆ คือจิระนั่งบนโซฟาแล้วชะโงกมาดูเตโชที่นั่งพื้นพิงหลังกับโซฟาถืออะไรบางอย่างอยู่ค่ะ ทั้งสองคนคุยกันมุ้งมิ้งๆ แต่เพราะตัดมาเลยดูเป็นระนาบเดียวกัน ความจริงคือนิ้วในภาพเตโชคือจิระ ส่วนเสี้ยวหัวเกรียนๆ ในภาพจิระคือเหม่งเตโชค่ะ 5555

(https://www.picz.in.th/images/2018/01/03/Untitleddca7b334494f4d18.jpg)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-01-2018 19:55:14
 :haun4: กินแบบตละตะกลามมากเลยเตโช
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 03-01-2018 19:56:12
555555 จับกินให้ครบ 3 มื้อเลยจ้าาา
ปล. จิระต้องรับยาดมมาจากเตโชใช่มั้ยคะ ไม่ใช่เตโชรับยาดมจากเตโช
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 03-01-2018 20:05:39
 :laugh: :laugh: :laugh:  ตกลงใครมึนกันแน่วะ 5555555555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 03-01-2018 20:16:42
โอ้ยยยย ฉันว่าแล้วว่าคนรุกต้องเป็นหนูจิแน่ๆ แล้วเป็นไงละลูก ถึงกับร้องหายาดมกันเลยทีเดียวแต่แบบ..เขินความหื่นของคนมึนมากค่ะ กร๊าวใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 03-01-2018 20:18:28
เตโชมันร้ายยยย  :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโช - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 03-01-2018 20:25:16
555555 จับกินให้ครบ 3 มื้อเลยจ้าาา
ปล. จิระต้องรับยาดมมาจากเตโชใช่มั้ยคะ ไม่ใช่เตโชรับยาดมจากเตโช

จิระรับยาดมจากเตโชค่า เราโดนคนมึนสิง แก้ไขแล้วค่า ^ ^
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 03-01-2018 20:50:07
ทำไมอ่าน NC ของจิระกับเตโชแล้วขำล่ะ 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fahdekkom ที่ 03-01-2018 20:51:46
รุกเขาก่อนแต่พอเขารุกกลับก็นะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-01-2018 20:59:05
 :hao6:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 03-01-2018 21:21:44
ถูกกินซะแล้ว :mew4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 03-01-2018 21:23:50
เข้ามาเอ็นดูความลูกหมาของเตโช ทำไมต้องกระดิกหางอ้อนแฟนระริกระรี้ขนาดนี้เจ้าลูกหมาาา
ไม่คิดว่าจะเจอฉากบนเตียงของคู่นี้เลยค่ะ555555 จิระแจกอ้อยขนาดนี้แล้วยังไงก็ต้องยอมให้ลูกหมาหิวโซเขากินให้ครบสามมื้อนะหนู  :-[
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 03-01-2018 21:59:17
รุกอยู่แป๊บนึง เสร็จคนมึนไปได้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-01-2018 22:28:24
ชอบเตโชตอนหาชุดนอนเจอ น่ารักและเป็นลูกมากค่าาาา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 03-01-2018 22:36:15
ทำไมอ่านฉาก nc ตอนนี้แล้วเราขำ :laugh: :laugh:
โอ๊ย เตโช ไอ้เราก็อุตส่าห์เห็นเป็นคนมึนๆเงียบๆสุดท้ายฟาดเรียบเลยนะยะ
มีการกินให้ครบสามมื้อด้วยนะ โอ๊ยยย แกมันร้ายยย :hao7:

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 03-01-2018 23:12:49
อะไรเนี๊ยเตโช อ๊ายยเขินนน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-01-2018 23:16:07
ว้าย จิระโดนแตโชกินเรียบร้อยแล้ว  :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 03-01-2018 23:16:57
สงสัยเตโชจะเจริญอาหารละคราวนี้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-01-2018 23:32:30
 :m22:  อยากรู้ อยากเห็นคะ  ที่กินให้ครบ 3 มื้อเนี่ย มื้อละกี่จานคะ มีเบิ้ลไหม  :impress2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 04-01-2018 00:39:30
จิระผู้เกรี้ยวกราด กับเตโชผู้โหยหิว 555555555 ขำตอนยาดม
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 04-01-2018 01:24:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: absolutepoison ที่ 04-01-2018 01:51:11
คุณคะะะ เขากินกันแล้ว  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 04-01-2018 07:08:30
 :z1:ดีใจหื่นสักที
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 04-01-2018 13:05:07
สมเป็นเจ้าตูบ ขนาดเปลี่ยนสถานะยังใช้ความมึนเข้าช่วย 555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 04-01-2018 13:21:22
คนมึนนี่ไฟติดง่ายเกิ๊นนนนน แถมติดแล้วดับยากอีกกกก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 04-01-2018 13:59:14
       เตโชคนมึนหายไปแล้วเหลือเเต่เตโชคนหื่นกินกลางตลอดตัวเลยค่ะงานนี้หนูจิจะว่าไค่ะไหนๆๆๆๆกล้องตัดมาที่หนูจิซิค่ะ555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: marshall ที่ 04-01-2018 14:59:27
ป่วย เป็นแฟนกัน หายป่วย แล้วกินกลางตลอดตัว
สเต็ปจิระเตโชช่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 04-01-2018 15:36:17
ขำจิระ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 04-01-2018 17:44:37
รวดเร็วว่องไวกินกลางตลอดตัว ทำดีมากเตโช  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลา - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 04-01-2018 19:35:50
ตอนที่ 24

หมดเวลาพัก



แล้วผมก็ป่วยจนได้

ทั้งที่นอนเต็มอิ่มตลอดสองวัน พักผ่อนหย่อนใจแสนสบายท่ามกลางท้องฟ้า สายลม แสงแดดและน้ำทะเล แต่โดนจับกินวันเดียว...สามมื้อรวดติดต่อกัน ผมก็นอนพังพาบ ไข้ขึ้นหมดสภาพบนเตียงให้เตโชประคบประหงม

“นายมันหมาป่า” ผมชี้นิ้วด่าเขา พอยกมือก็พลอยเห็นรอยจ้ำแดงที่ไล่ตามแขนหายเข้าในตัวเสื้อ บอกเลย...โดนกินทุกตารางนิ้วและหนักกว่าที่หลายคนคาดคิด “ไอ้หมาป่า หมาบ้า หมาคลั่ง”

เตโชงับนิ้วผมเข้าให้ ทำหน้ามึนเป็นผู้บริสุทธิ์ถูกกล่าวหา

“หมาตะกละ” ผมชักนิ้วกลับแล้วเปลี่ยนเป็นตบหัวเขาอย่างไม่ออมแรง “ไหนบอกมีเซ็กซ์หรือไม่มีก็ได้ไง แล้วทำไมเมื่อคืนกินเอาๆ ไม่ยั้ง ฉันบอกให้หยุดก็จะกินอยู่ได้”

“จิระอร่อย”

“คนนะไม่ใช่อาหาร!” มอบมะเหงกให้อีกลูก ก่อนจะหันหลังหนีเตโชมาซบยาดมลูกรักด้วยความโศกสลด โลกนี้ไม่มีใครดีกับผมแล้วนอกจากนาย...ยาดมเอ๋ย

ปรากฏเตโชลงทุนเดินอ้อมเตียง ก่อนจะหันหลังแล้วถกเสื้อขึ้นให้ผมเห็นอะไรบางอย่าง

เห็น...รอยเล็บที่ข่วนเต็มหลังอย่างน่าสยองจนเลือดซิบ!

ผมรีบวางลูกรักกับหัวเตียง แล้วค่อยๆ ถอดเสื้อเตโชเพื่อมองแผลให้ชัด

อืม...ใครหนักกว่ากันชักไม่แน่ใจ


“ทำไมไม่ทายา” ผมลูบรอยแดงแผ่วเบาด้วยกลัวว่าเขาจะเจ็บ

“ทาไม่ถึง”

“แล้วทำไมไม่บอก” ผมเอ็ด ชี้นิ้วสั่งให้เตโชไปหยิบยา เพราะเมื่อเช้าตอนผมนอนป่วยพะงาบๆ เตโชก็รีบลงไปซื้อยามาให้กิน ก็ยังดี...ที่ผมไม่อาการหนักถึงขั้นต้องหาหมอ ไม่งั้นอายตายชัก

“นั่งดีๆ สิจะสะดุ้งทำไม” ผมว่าเพราะพอแตะนิ้วบนแผลทีเตโชก็สะดุ้งโหยงที

“แสบ”

...อันที่จริงผมก็ยังแสบแถวช่องทาง แต่หลังนอนพักแล้วใช้งานเขาไม่ยอมหยุด ตอนนี้ก็ขอยกยอดให้เตโชอาการหนักกว่าแล้วกัน

เล่นด่าไปเยอะว่าหมาบ้า หมาคลั่ง แล้วอย่างผมล่ะควรจะเรียกว่าอะไร

สงบปากสงบคำดีกว่าเดี๋ยวเข้าตัว

บรรยากาศดำเนินไปด้วยความเงียบ เพราะปกติก็มีแต่ผมนั่นแหละที่โวยวายอยู่คนเดียวโดยมีเตโชเป็นลูกคู่ถามตอบเป็นระยะ พอคนจ้อนิ่ง ทุกอย่างเลยสงบ หลังทายาเสร็จเตโชก็สวมเสื้อ จับผมนอนดีๆ แล้วก้มหน้าจุ๊บเหม่ง จบท้ายด้วยแนบริมฝีปากแผ่วเบาประมาณสามวินาที

...กลับมาเป็นคนหน้ามึนไม่หิวโหยแล้ว

ผมกลอกตา รู้สึกเหมือนได้เพื่อน ได้หมา และได้แฟนในเวลาเดียวกัน

“พรุ่งนี้ต้องกลับกรุงเทพแล้วสินะ”

“อืม” เตโชจับมือผม ประสานนิ้วทีละนิ้วอย่างบรรจง

“ไม่อยากกลับเลย...”

เวลาพักร้อนของผมจบลงแล้ว

แม้จะไม่มีงานใหม่รอจ่อ แต่ผมยังต้องกลับไปถ่ายทำมิวสิกวีดีโอเพลงประจำตัวของมิสเตอร์เอสเพื่อเตรียมตัวโปรโมททันทีหลังซีรีส์เช็กเมทฉายจบ

และนั่นจะเป็นครั้งสุดท้าย...ที่เราได้ร่วมงานกันในโปรเจ็กต์นี้






ทันทีที่กลับมากรุงเทพ ข่าวคราวทั้งหลายที่ผมพยายามเลี่ยงมาตลอดก็โหมเข้าใส่ เพราะมีคนจับภาพผมเมาแอ๋อยู่กับเตโชที่ร้านอาหาร อาละวาดให้เอาเหล้ามาอีก กลายเป็นไอ้ขี้เมาอารมณ์ร้อน ขณะที่เตโชกลายเป็นดาวพระศุกร์ ต้องยอมเป็นม้าให้ขี่หลังกลับโรงแรมอย่างน่าสงสาร

ผมกุมขมับ คำเหน็บแนมการแสดงในซีรีส์เช็กเมทถูกแทนที่ด้วยคำถามว่าผมแอบหนีไปหาเตโชเพื่อจิกหัวทรมานเขาใช่มั้ย ที่เตโชไม่สบายก่อนขึ้นแสดงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปรากฏตัวของผมรึเปล่า เตโชซื่อขนาดไหนจะตามเกมเด็กเลี้ยงแกะอย่างผมทันหรือ

เอ่อ...ยอมรับว่าเรื่องไม่สบายน่ะใช่ แต่ไอ้ดาวพระศุกร์ข้างบนน่ะไม่! คนที่โดนกินตลอดตัวอย่างผมต่างหากที่ถูกทารุณน่าสงสาร!!

“สรุปคุณจิระคบกับเตโชแล้ว?”

รู้ข่าวทั้งหมดปุ๊บผมก็รีบมาเจอคมสันที่บริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ ก่อนหน้านี้น่ะเป็นแค่คู่จิ้น จะปฏิเสธ จะให้สัมภาษณ์ยังไงก็ค่อนไปทางทีเล่นทีจริง แต่ในเมื่อกลายเป็นคู่จริงขึ้นมาผมก็ต้องปรึกษากับผู้จัดการส่วนตัว

“ใช่” ผมยอมรับ ลอบสังเกตสีหน้าของคมสันว่าเขาจะด่ารึเปล่า อยู่ดีไม่ว่าดีดันหาเรื่องปวดหัวเพิ่ม ข่าวฉาวเก่ายังไม่ทันเงียบก็มีข่าวใหม่ซะแล้ว

“ยินดีด้วยครับคุณจิระ”

“นายไม่ด่าฉันเหรอ” ผมมองคมสันอึ้งๆ

“ผมจะด่าทำไม ผมสนับสนุนคุณด้วยซ้ำ ไม่งั้นจะให้เตโชเดินเข้าเดินออกกองถ่ายตามใจชอบเหรอครับ”

“นายจับคู่จิตรินกับเสี่ยแล้วยังคิดจะจับคู่ฉันกับเตโชอีกรึไง คู่นั้นน่ะช่างเถอะ แต่คู่ฉันเนี่ยนายเสียประโยชน์ไม่ใช่เหรอ คู่จิ้นเกาะกระแสยังว่าไปอย่าง แต่ถ้าคบกัน

จริงๆ ขึ้นมาพวกแอนตี้แฟนคงเล่นงานฉันกับหมอนั่นพอดี”

“ผมไม่เคยจับคู่ใคร จริงอยู่ว่ากรณีเสี่ยกับจิตรินผมช่วยให้พวกเขาสองคนเจอหน้ากันบ่อยขึ้น สนิทสนมกันมากขึ้น แต่สุดท้ายพวกเขาสองคนต่างตัดสินใจจะคบหากันด้วยตัวเอง” คมสันพูดอย่างตรงไปตรงมา “กรณีของคุณเองก็เช่นกัน ผมไม่สามารถบังคับจิตใจใครได้นะครับ แต่เห็นว่าด้วยนิสัยที่เป็นปัญหาของคุณจิระ ถ้ามีเพื่อนบ้านพูดน้อย ชื่นชอบในบทบาทมิสเตอร์เอสก็คงจะดี”

“แล้วที่บอกว่าฉันชอบกินสตูเนื้อ งานอดิเรกฉันคืออะไรเหมือนโฆษณาขายของนั่นล่ะ” ผมมองคมสันตาเขียว

“ผมแค่เสนอแนะ แต่ถ้าเตโชไม่คิดสนใจคำพูดนั้นของผมก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ”

“นายจะบอกว่าเตโชชอบฉัน?”

“อย่างน้อยเขาก็สนใจคุณ เตโชเป็นคนยังไงคุณจิระก็เห็น ถ้าไม่ใช่เรื่องเพลงแล้วอะไรก็ไม่เอา ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายติดต่อผม อยากให้คุณเล่นเป็นพระเอกเอ็มวี แล้วยังเชื่อฟังผม ไปลองชิมอาหารฝีมือคุณจนติดใจแถมติดแจ และคุณจิระเองก็ไม่รังเกียจ ผมที่เป็นคนนอกก็ได้แต่เฝ้ามองห่างๆ อย่างห่วงๆ ครับ”

ไอ้คำว่า ‘เฝ้ามองห่างๆ อย่างห่วงๆ’ ของคมสันเนี่ยแหละที่น่าผวาที่สุด!

“ช่างเรื่องนั้นเถอะ สรุปว่านายจะให้ฉันทำยังไง จะให้โกหกว่าเป็นแค่คู่จิ้น หรือจะให้สารภาพออกมาว่าเป็นคู่จริง”

“ถ้าเป็นคุณเมื่อก่อนคงไม่ถามผมแบบนี้แน่”

“ก็ฉันเป็นคนใหม่ไฉไลกว่าเดิมอย่างที่นายอยากให้เป็นแล้วไม่ใช่รึไง เรื่องนี้มีผลต่อภาพลักษณ์การทำงาน ฉันก็ต้องเคารพการตัดสินใจของทางบริษัทก่อนอยู่แล้ว” ผมถลึงตามองเขา คำพูดเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลานยังไงก็ฟังไม่ชิน อย่างคมสันน่ะต้องชั่วช้าให้มากถึงจะถูก

“ตั้งแต่อยู่กับเตโชคุณใจเย็นขึ้นเยอะ”

“เข้าเรื่องได้แล้ว!” ผมตบโต๊ะอย่างทนไม่ไหว คมสันจงใจหาเรื่องให้ผมอาละวาดใช่มั้ย เขากับเตโชเป็นพวกชอบเห็นผมโวยวายถึงจะชอบใจสินะ

“คุณอยากตอบว่าอะไรล่ะครับ”

“ก็ต้องพูดความจริงสิ กับแค่การคบกันมันผิดตรงไหน นี่มันยุคไหนแล้ว คนอื่นก็เดินจับมือกันเยอะแยะไป แค่เพราะฉันเป็นดาราเลยห้ามมีแฟนเป็นผู้ชายเหรอ ต้องคู่กับคนที่เอื้อประโยชน์อย่างเดียวรึไง ฉันเองก็มีชีวิตของฉันเหมือนกัน ทำไมต้องปวดหัวว่าคนอื่นจะคิดยังไงด้วย แค่เรื่องตัวเองก็เหนื่อยจะแย่แล้ว!”

คมสันรับฟังอย่างสงบ แต่อาจคิดนินทาในใจว่าถามประโยคเดียว ดันสวนกลับมาเกือบสิบประโยค

“งั้นก็ตอบตามนั้นไป”

“แต่...”

“ความสัมพันธ์ของคุณกับเตโช จะปิดยังไงก็ปิดไม่ได้หรอกครับ อย่าลืมว่าต่อให้คุณโกหกได้ แต่เตโชน่ะโกหกไม่ได้”

...ลืมเรื่องนี้ซะสนิท

“ตอนนี้คุณเตโชก็ถูกเรียกตัวเข้าบริษัทสินะครับ”

“ใช่ คงจะคุยเรื่องเดียวกับที่ฉันคุยกับนายนั่นแหละ”

“แล้วคุณคิดว่าถ้าทางนั้นบอกให้เขาเลิกติดต่อคุณ เลิกคบกับคุณ บอกว่าเป็นแค่คู่จิ้น เขาจะตอบยังไง”

“ไม่ตอบอะไรเลยแล้วเดินออกมา” ผมเอ่ยเสียงกึ่งละเมอ เพราะรู้สึกรันทดกับแฟนตัวเองที่ช่างเป็นตัวของตัวเองได้ดีจนน่าปวดหัว วงการบันเทิงวุ่นวายขนาดไหนก็ช่าง สนใจแต่ในสิ่งที่ชอบ มุ่งมั่นแต่ในสิ่งที่ต้องการ แน่วแน่จนน่าอิจฉาแต่ถึงอย่างนั้นก็ชวนเหนื่อยใจ

หมายถึงคนรอบข้างนะที่เหนื่อย

“คนที่แต่งเพลงเอง ทำเพลงเองได้อย่างเขา ต่อให้ไม่มีสังกัดก็โด่งดังได้ไม่ยาก ที่สำคัญเขามีกลุ่มแฟนคลับที่เหนียวแน่นมาก ทุกคนต่างเข้าใจนิสัยของคุณเตโชดีอยู่แล้ว ถ้าจู่ๆ จะบอกว่าคบกับผู้ชาย ลาออกจากค่ายเพลง แล้วไปดีดกีตาร์อยู่ข้างทางก็ไม่มีใครประหลาดใจสักนิด แถมยังช่วยสนับสนุนอีกด้วย คนมีพรสวรรค์อย่างนี้จะไปที่ไหนก็มีแต่คนอ้าแขนเปิดรับ เพราะไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าเสียงของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกเหมือนมนตร์สะกดจริงๆ”

“นั่นน่ะสิ” ผมมองเหม่อ แอบคิดในใจว่าฟ้าช่างไม่ยุติธรรมกันเลย เพราะถ้าเป็นผมที่พูดว่าคบผู้ชาย ลาออกจากบริษัท วินาทีนั้นคงกลายเป็นคนหมดค่า มีแต่คนพร้อมใจกันเหยียบย่ำซ้ำเติมก่นด่าไม่มีชิ้นดี แสดงเก่งแค่ไหน ทุ่มเทมากเท่าไหร่ ก็ไม่วายถูกอคติบดบังเพราะฉาวแล้วฉาวอีก

ลองไล่เรียงมาแต่ละข่าว...ทั้งปาดหน้าเค้กคนอื่น โดนจับข้อหายาเสพติด เป็นเด็กเลี้ยงแกะ ใช้เส้นมาร่วมแสดงในซีซันสอง เบี้ยวนัดไม่มากองในวันสำคัญ มีคลิปหลุด แล้วยังไปเมาเละอยู่ที่พัทยาอีก...โคตรสิ้นหวังเลย

“ต้องมีสักวันที่มีคนเห็นความสามารถของคุณครับ”

“ไม่ต้องมาปลอบหรอกน่า” ผมลอบเช็ดหางตา ทำไมหนทางข้างหน้ามันริบหรี่จังวะ ใครจะบ้าเลือกดาราที่มีแต่เรื่องเสียหายไปร่วมแสดงด้วยอีก

พลันคมสันยื่นแฟ้มเอกสารมาตรงหน้า

“อะไรน่ะ” ผมมองเขาอย่างหวาดระแวง

“บทหนังเรื่องใหม่ครับ”

“นายใช้เส้นให้ฉันอีกแล้วเหรอ ยังไม่เข็ดอีกรึไง”

“ผมไม่เคยเข็ดกับคุณหรอกครับ เพราะผมเป็นคนเห็นพรสวรรค์ของคุณ ถึงได้อยากให้มาเป็นดาราแต่แรก และไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่เห็นความจริงข้อนั้น เพราะครั้งนี้ผมไม่ได้ใช้เส้น แต่มีคนระบุตัวคุณอยากให้แสดงหนังจริงๆ”

“หนัง...หมายถึง...ภาพยนตร์น่ะเหรอ” เป็นตัวประกอบในซีรีส์อยู่ดีๆ ก็โดดไปเป็นพระเอกภาพยนตร์ ออกจะเหลือเชื่อไปหน่อยมั้ย

“ลองเปิดดูชื่อคนเขียนบทสิครับ”

ผมทำตามคำนั้น ทันทีที่เห็นชื่อคุ้นเคยปรากฏ ก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดทันที

“จิตริน ทองคำดี...เขาได้เขียนบทภาพยนตร์แล้วเหรอ!”

จากเด็กฝึกมาเป็นคนเขียนบท ก้าวกระโดดไปหน่อยมั้ยแม้ว่าเขาจะเก่งเรื่องการจินตนาการมากก็ตาม จิตรินชอบคิดในสิ่งที่คนอื่นไม่ทันฉุกใจ อย่างการนำมิสเตอร์เอสกลับมาแสดงเป็นบทตัวร้าย เป็นศัตรูกับพระเอกก็เป็นไอเดียของเขา

แต่สำนวนน้ำท่วมทุ่งอันเป็นอภิมหาจุดอ่อนนั้น...

“นี่เป็นการร่วมเขียนบทกับทีมงานของบริษัทเราครับ คุณจิตรินเป็นหัวหอกสำคัญ แต่งพลอตเรื่องทั้งหมดโดยมีคนอื่นช่วยเกลาอีกต่อ ถือเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ เพราะนานครั้งทางเอ็มเอ็ชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนตร์จะลงทุนกับภาพยนตร์ ฉะนั้นเราต้องคำนวณต้นทุนและกำไรให้ดีว่าคุ้มหรือไม่”

“แล้วจะเปิดกองเมื่อไหร่”

“อีกสองอาทิตย์ข้างหน้า ทางเราติดต่อนักแสดงคนอื่นหมดแล้ว เหลือแต่คุณจิระที่คุณจิตรินไม่ยอมให้ปฏิเสธครับ”

พอได้ยินชื่อนั้นผมก็ใจอ่อนยวบ จะกล้าบอกปัดได้ยังไงกันล่ะ

“ฉันตกลง”

“ดีครับ งั้นมาคุยตารางงานหลังจากนี้กันต่อ การถ่ายทำมิวสิกวีดีโอของมิสเตอร์เอสจะเริ่มในอีกห้าวันข้างหน้า เพราะต้องรอคิวของอัครเดช ระหว่างนี้คุณนำบทกลับไปศึกษาก่อน ถ้ามีอะไรสงสัยสอบถามผมได้ทุกเมื่อ ส่วนเรื่องการเปิดตัวคุณกับเตโช...ผมติดต่อรายการสัมภาษณ์ไว้แล้ว หากคุณพร้อมก็สามารถขอคิวถ่ายบันทึกเทปได้ทันที ยิ่งเร็วยิ่งดี เพราะตอนนี้กำลังมีกระแส หากตัดต่อเสร็จสามารถแทรกคิวฉายได้ภายในอาทิตย์นี้เลย”

“รายการเดิมใช่มั้ย”

“กระแสของคุณกับเตโชเกิดที่นั่น ก็ต้องเปิดตัวที่นั่นอยู่แล้วสิครับ”

“แล้วค่ายเพลงของเตโชล่ะ”

“ก่อนพวกคุณจะกลับมา ผมเจรจากับทางนั้นแล้ว ด้วยโปรเจ็กต์ภาพยนตร์ที่มีคุณแสดงนำ ทำให้ทางนั้นยอมตกลงเพราะอย่างน้อยคุณก็ไม่ใช่ดาราตกอับเกาะศิลปินของทางนั้นกิน”

พูดซะเจ็บแสบเชียวนะคมสัน

“มีคำถามอะไรอีกมั้ยครับ”

“มี” พูดจบผมก็ชี้นิ้วลงบนเอกสารที่ระบุรายชื่อบุคคลสำคัญต่างๆ ตั้งแต่ทีมงานยันนักแสดง “ชื่อของบุคลากรพิเศษคนนี้ฉันคุ้นๆ ชอบกล กิจภัทรเนี่ยใครเหรอ ฉันรู้จักเขาใช่มั้ย เขาคือใครน่ะ”

คมสันดันแว่นก่อนตอบด้วยน้ำเสียงสุดชาชิน

“...คือเสี่ยไงครับ”

-------------

จิระ หนูเคยเป็นเด็กเสี่ย หนูจะลืมชื่อเสี่ยตามรอยคนอื่นไม่ได้นะคะลูก 5555555555

อะแฮ่ม กลับมาสู่ช่วงท้ายเรื่องกันค่ะ เส้นทางการแสดงของจิระจะเป็นยังไง การร่วมงานกับจิตรินจะบันเทิงขนาดไหน เสี่ยจะมาเดินเต๊ะจุ๊ยด้วยหรือไม่...ยังเป็นเรื่องราวในอนาคต มารอดูเอ็มวีของมิสเตอร์เอสกับรายการสัมภาษณ์กันก่อนนะคะ!

เพจนักเขียนที่เพิ่งจำชื่อเสี่ยได้ (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 04-01-2018 19:53:49
เสี่ยผู้ถูกลืม มีบทน้อย พูดน้อย ยังมาถูกลืมอีก ถถถถถ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 04-01-2018 20:08:44
เสี่ยชื่อ กิจภัทร เหรอ? โอ้วว้าววว เพิ่งรู้พร้อมจิระนี่แหละ 555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 04-01-2018 20:12:22
สงสารปนขำกับการมีชื่อไม่เป็นที่จดจำของเสี่ย :mew4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-01-2018 20:21:30
กิจภัทร กิจภัทร กิจภัทร ท่องจำให้ขึ้นใจว่านี้คือชื่อของเสี่ย 55555 แม้แต่จิระยังจำไม่ได้หรือเนี่ย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 04-01-2018 20:53:19
ห๊ะ! อะไร คือ ช่วงท้ายของเรื่อง? อะไรคือจะจบแล้ว?
ก็เข้าใจว่า มันกำลังพอดี ที่จะจบช่วงนี้... แต่ ยังอยากอ่านต่อ แฮะๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-01-2018 21:02:55
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-01-2018 21:07:39
จิระจะลืมชื่อเสี่ยแบบนี้ไม่ได้ ถึงแม้ว่าเราก็ลืมเหมือรกัน 55555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 04-01-2018 21:26:06
โถ่ ทั้ง2 เรื่องนี้ คนที่น่าสงสารที่สุดคือเสี่ยซินะ5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 04-01-2018 21:31:47
สงสารเสี่ย อยู่เรื่องตัวเองคนก็ลืมว่าเป็นพระเอก มาตอนนี้กิ๊กเก่าก็ยังหลงลืมอย่างรวดเร็ว 55555
คิดถึงจิตริน จะมีบทออกมามั่งใช่มั้ย รอดูงานแถลงข่าวด้วย วีดวิ้วว  :z2: 
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-01-2018 22:02:27
เราก็งงว่ากิจภัทรคือใคร นึกว่าตัวละครใหม่ เอ้า ชื่อเสี่ยนี่เอง 555555555555555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 04-01-2018 22:11:20
เสี่ยผู้ถูกลืมมม ไม่ว่าจะเรื่องไหน โธ่
ความสัมพันธ์ของจิระกับเตโชพอจะก้าวหน้าก็ไวไฟกันละเกินนนน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 04-01-2018 22:16:37
เสี่ยยยย สงสารอะ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 04-01-2018 22:22:29
คือตั้งแต่เรื่องเก่าแหละ เสี่ยนี่คือไม่มีบท :hao7:อะไรเลย แบบคนเขียนจ้างแพงไม่ได้ ฮ่าฮา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: MNIMD ที่ 04-01-2018 22:54:16
กิจภัทรคือใครกันนะ !! โธ่ เสี่ยช่างน่าสงสารเหลือเกิน ขนาดอดีตเด็กเสี่ยยังไม่รู้ชื่อเลย เป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในเรื่องแล้ว น้องจิโดนเตโชกินทั้งคืนจนป่วยเลย เตโชต้องกินจุขนาดไหนกัน
สงสารจิแต่การกระทำจิในอดีตมันส่งผลมาหาตัวเองหมดเลย แต่ไม่เป็นไรนะลูกหนูยังมีเตโชคมสันจิตรินคอยอยู่เคียงข้างเสมอ อยากเห็นจิเจอเสี่ยแล้ว เตโชตอนหึงจะเป็นยังไงกัน  :impress2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 04-01-2018 23:01:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-01-2018 23:24:41
ในที่สุด ชื่อเสี่ยก็ปรากฏในเรื่องนี้เป็นครั้งแรก แต่ยังไงก็แพ้น้องแชมป์ฯ อยู่ดี  :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 04-01-2018 23:39:54
555555555โถเสี่ย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 05-01-2018 06:19:11
ในที่สุดก็ได้รู้ชื่อเสีย...น้ำตาจะไหล
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 05-01-2018 06:53:22
 :laugh: :laugh: :m20: เสี่ยยยย!!!!! โธ่! ไม่แค่จิระหรอกนะ คนอ่านก็ลืม 55555+++ บทน้อยเกิ๊นนนน
คมสันลาสบอสตัวจริง เอิ๊กๆๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 05-01-2018 07:00:10
เป็นแฟนกันแล้ว ดีจัง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-01-2018 09:24:20
ลีลาสายรุก5555หัวเราะอย่างสะใจเช่นกันค่ะ ตบบ่าเตโช อิ่มล่ะสิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 05-01-2018 11:43:45
น้องงวงวารเสี่ยจังเลยค่ะ แม้แต่จิระยังจำชื่อเสี่ยไม่ได้ 55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 05-01-2018 11:52:11
55555555 สงสารเสี่ยอ่ะ นี่ขนาดอดีตเด็กเสี่ยที่เคยรักเสี่ยยังจำชื่อไม่ได้ เปลี่ยนชื่อเป็นเสี่ยมะจำง่ายดี เปิดตัวๆๆๆ

ปล. ว่าแล้วเตโชต้องกินจิระแบบแซ่บๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 05-01-2018 12:21:03
กิจภัทร? เสี่ย? ใครอะ ตัวประกอบตัวใหม่หรอ  :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 05-01-2018 12:26:40
ไม่ใช่แค่จิระลืม ท่าทางคนเขียนก็ลืม.....ลืมเอ่ยถึง
คนอ่านเลยลืมด้วย เรียกกันแค่ ...เสี่ย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: absolutepoison ที่ 05-01-2018 18:19:26
สงสารเสี่ยจัง มีใครจำชื่อเสี่ยได้บ้างเนี่ย  :laugh:
รอดูเขาเปิดตัว กับรอหนังเรื่องใหม่นะคะน่าจะน่าลุ้นยิ่งกว่าเช็กเมทแน่ๆ เลย  :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 05-01-2018 19:02:28
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: โอ้ยยยยอยากจะหัวเราะให้ลั่นทุ่ง อะไรคือการที่แม้แต่อดีตเด็กเสี่ยอย่างหนูจิก็ลืมชื่อเสี่ยคะ นี่ไม่รู้ว่าจะขำหรือจะสงสารก่อนดีแล้วการตอบคำถามสุดชาชินของคมสันนี่คือโดนถามมาแบบนี้บ่อยแล้วใช่ไหมคะคุณพ่อเลขา ฮ่าๆ เตรียมลุ้นตอนหน้านะคะว่าเปิดตัวแล้วจะเป็นยังไงต่อไปแต่เราจะอยู่ทีมหนูจิและเตโชไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ClioNe ที่ 05-01-2018 19:27:10
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: meeoldly ที่ 05-01-2018 20:05:03
 :laugh: :laugh:
โธ่ๆๆๆ  เสี่ยผู้น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 24 : หมดเวลาพัก - P.26 - [4/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 05-01-2018 20:11:46
 :laugh: อย่าว่าแต่หนูจิเลยเราเองยังจำชื่อเสี่ยไม่ได้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว- P.27 - [5/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 05-01-2018 20:39:29
ตอนที่ 25

เปิดตัวมันซะเลย



“นี่ก็เป็นครั้งที่สามกันแล้วนะคะที่เตโชกับจิระมานั่งอยู่ในรายการของเรา ตั้งแต่วันแรกที่จิระได้เป็นพระเอกเอ็มวีเพลงเวลา จนมาถึงการโปรโมตเพลงหิวรัก ฉันเชื่อว่าทุกคนได้เห็นกับตาว่าทั้งคู่เวลาอยู่ด้วยกันนั้นน่ารักขนาดไหน ครั้งนี้เราจะไม่พูดอะไรมากค่ะ แต่จะเปิดรายการด้วยเพลงใหม่ของเตโชที่ร้องในงานคอนเสิร์ตพัทยาเป็นครั้งแรก”

พิธีกรสาวเจ้าเก่าเจ้าเดิมเกริ่นเปิดรายการด้วยสีหน้าตื่นเต้นและตื้นตัน

“ขอเสียงปรบมือให้กับเพลง ‘เคียงใจ’ ด้วยค่า!”

สปอร์ตไลท์สาดส่องไปที่เตโช แต่ครั้งนี้แตกต่างจากเดิมคือมีผม นายจิระที่ถูกจัดให้นั่งเคียงข้างคนหน้ามึนด้วยความเก้อเขินอย่างประหลาด

ปกติเวลาเตโชร้องเพลง เขาจะเหมือนหลุดไปในโลกของเขา ซึ่งนั่นเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้รับชมถูกดึงดูดไปกับความรักที่เขามีต่อเสียงเพลง แต่ครั้งนี้ เตโชหันเอียงมาทางผมสี่สิบห้าองศา เหลือบตามองเล็กน้อยก่อนจะเริ่มดีดกีตาร์เกิดเป็นเสียงกระจ่างใสก้องกังวาน

ไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครรับฟัง ไม่มีใครต้องการ


เพียงเริ่มร้องท่อนฮุกแรก เสียงร้องกึ่งตัดพ้อนั้นก็ไม่ต่างกับการเว้าวอน

แต่เมื่อมีเธอเข้ามา ข้างกายฉันไม่เคยเงียบเหงา


สีหน้าเตโชเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มจากหัวใจ ราวกับดอกไม้เหี่ยวเฉาค่อยๆ ผลิบาน

อยากมีเธอแบบนี้ทุกวัน เพื่อให้ตัวฉันมีชีวิตในแบบที่ไม่เคยเป็น


เตโชจ้องตรงมาที่ผม ราวกับว่าในสายตาของเขาตอนนี้มีเพียงผมเท่านั้น ราวกับว่าเราไม่ได้อยู่ในสตูดิโอถ่ายทำรายการ แต่อยู่กันสองคนในห้องและกำลังเย้าหยอกกัน

ฉันจะเข้าใจเธอ จะรับฟังเธอ จะต้องการเธอ

ดวงตาของเตโชพราวระยับ ผมว่าเขาคงกำลังชอบใจที่เห็นผมอายม้วนทำอะไรไม่ถูก ก็โดนจัดที่นั่งให้ฟังเพลงระยะประชิดขนาดนี้ แถมยังถูกสั่งว่าห้ามหันหน้าหนี ห้ามลุกจากเก้าอี้ ผมเลยพยายามหลุบตาหลบสุดชีวิตและยกมือยกไม้แก้เหงา เดี๋ยวก็ปัดผมทัดหู เดี๋ยวก็จับเสื้อ ดึงกางเกง ขยับตัวขยุกขยิกไม่หยุด

จะไม่แยกจาก และเคียงกันตลอดไป


กว่าเพลงจะจบ ผมก็แทบจะขาดใจตายอยู่รอมร่อ

ครับ ฟังเพลงเคียงใจครั้งที่ห้า ผมคล้ายถูกจับมาเชือดกลางรายการ โดยมีเตโชเป็นเพชฌฆาตหน้ามึนที่มีกีตาร์และเสียงร้องเป็นอาวุธ

เสียงปรบมือและเป่าปากดังหวีดหวิวไปทั่ว ผมยิ่งเขินหนัก จะตบหัวเตโชระบายอารมณ์ก็ไม่ได้เพราะกลัวพรุ่งนี้จะมีข่าวฉาวใหม่ เช่น จิระคลุ้มคลั่งอาละวาด ตบตีนักร้องชื่อดังจนน่วมอะไรประมาณนั้น

ไม่รู้ทำไมถึงมีแต่คนสงสารเตโชประหนึ่งผู้ถูกกระทำ

แน่จริงให้ถอดเสื้อโชว์ดูสิ รอยแดงช้ำจากการไปเดตกันที่พัทยายังอยู่เลย!

เอ่อ...รวมถึง...รอยข่วนของผมบนหลังเขาด้วย

อย่าถอดเสื้อเลยดีกว่าเพราะดูไปดูมาเห็นทีจะเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง

“มานั่งตรงนี้เลยค่ะเตโช จิระ” พิธีกรสาวเข้ามาในฉาก เชื้อเชิญให้ผมกับเตโชเดินลงจากเวทีมายังโซฟาซึ่งจัดให้สำหรับแขกรับเชิญ “ก่อนจะเข้าเรื่องสำคัญที่เป็นประเด็นกันอยู่ตอนนี้ ฉันต้องขอถามตามธรรมเนียมก่อนนะคะว่า...เพลงเคียงใจของเตโชนั้นได้แรงบันดาลใจจากอะไร”

“จากจิระ”

เสียงกรี๊ดดังขึ้นทันควัน ผมอยากจะวิ่งหนีออกจากห้องเต็มแก่แล้ว แต่ทำไม่ได้เพราะความรับผิดชอบค้ำคอ เลยได้แต่บอกกับตัวเองในใจว่าตอนนี้ผมคือก้อนหิน ใช่แล้ว ผมคือก้อนหิน ก้อนหินจิระ

“อะแฮ่ม เรามาเท้าความไล่ลำดับเวลากันก่อนดีกว่า” พิธีกรเรียกความสงบมาสู่ห้องอัด “ทั้งคู่รู้จักกันครั้งแรกจากการถ่ายเอ็มวีเพลงเวลาใช่มั้ยคะ”

เตโชพยักหน้าหงึกหงัก ส่วนผมนั้นคือก้อนหิน

“ถ้าอิงจากคำสัมภาษณ์ของจิระที่เคยลงข่าวไป...แสดงว่าทั้งคู่มาเจอกันอีกครั้งในฐานะของเพื่อนข้างห้อง ถูกต้องมั้ยคะ”

เตโชพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนจะแอบเอานิ้วสะกิดไหล่ผม คงสงสัยว่าทำไมถึงแข็งค้างไปแล้ว

“จากนั้นจิระก็ทำอาหารให้เตโชกินแทบทุกมื้อ กลายเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงหิวรัก และทุกวันเสาร์-อาทิตย์ตอนเย็นก็จะนั่งดูเช็กเมทด้วยกัน แถมช่วงหลังมานี้เตโชยังไปเฝ้าจิระถึงกองถ่ายด้วย”

เตโชพยักหน้าตอบไม่มีปฏิเสธแม้แต่นิดเดียว

“หลังถ่ายทำซีรีส์เช็กเมทจบ จิระก็ไปเฝ้าเตโชอัดเพลง...จากนั้นทั้งคู่ก็ไปพัทยาด้วยกัน ทุกอย่างถูกต้องนะคะ”

คราวนี้เตโชไม่ตอบ แต่สะกิดผมยิกๆ ไม่หยุด

ทนไม่ไหวแล้ว ก้อนหินตบะแตก ผมหันไปจ้องเตโชตาถลึง แยกเขี้ยวใส่เขาว่ามันใช่เวลามากวนประสาทกันมั้ย

“ถือว่าถูกต้องนะคะ งั้นมาที่ข้อสงสัยข้อแรกกันก่อนดีกว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเตโชมีคิวขึ้นคอนเสิร์ตตอนสามทุ่ม แต่เขาป่วยหนักมากจนหลุดไอบนเวที จิระพอจะตอบได้มั้ยคะว่าเพราะอะไร”

ผมสะดุ้งโหยงเมื่อถูกโยนคำถามให้ซะงั้น

“เอ่อ...เพราะผมกับเขาเล่นน้ำทะเลกันเพลินไปหน่อยครับ” ผมตอบเสียงอ่อน

แอบเติมในใจว่าผม ‘บังคับ’ ให้เขาว่ายน้ำอยู่ฝ่ายเดียวส่วนตัวเองกอดคอสบายใจเฉิบ “เตโชไม่ค่อยดูแลตัวเอง ถ้าผมไม่ทำอาหารให้ทานก็จะกินไม่ตรงเวลา ตอนแต่งเพลงช่วงกลางคืนบางวันก็ไม่หลับไม่นอน เห็นอย่างนี้แต่ผมแข็งแรงกว่าเขาอีก ขนาดนอนจับมือเฝ้าไข้ตลอดสองวันยังไม่ติดไข้เลย”

“อุ๊บ นอนจับมือกันด้วย”

ผมยกมือปิดหน้าพลางครางระโหยในใจ ตั้งใจจะอวดว่าแข็งแรงแต่ดันกลายเป็นประจานตัวเองซะงั้น

หลุดปากอีกแล้วนะจิระ!

ก่อนมาออกรายการผมกำชับเตโชนักหนาว่าอย่าพูดอะไรแปลกๆ อย่าตอบอะไรที่ผมไม่อนุญาต แต่ทุกครั้งที่ย้ำเตือนเขา มักจะเป็นตัวผมเองที่หลุดตลอดจนน่าเศร้าใจ

“เห็นว่าจิระเป็นคนขอให้เตโชกลับก่อนเพราะเขาไข้ขึ้นหนักใช่มั้ยคะ”

“ใช่ครับ ปกติแล้วเตโชเป็นคนไม่ค่อยพูดเลยไม่ค่อยไอ แต่พอร้องเพลงแล้วอาการก็ทรุดหนัก หน้าซีดไปหมด ผมกลัวเขาจะแพร่เชื้อโรคใส่ศิลปินท่านอื่นเลยขอพาเตโชกลับก่อน”

“งั้นรูปถ่ายที่เตโชอัพลงโซเชียลในวันต่อมาจิระก็เป็นคนถ่ายใช่มั้ยคะ”

“ครับ ความจริงแล้วคืนนั้นเตโชอาละวาดถีบผ้าห่มจนผมนอนไม่หลับ ก็เลยลากเขาไปฉีดยา ผลคืออาการดีขึ้นมาก ผมเลยถ่ายรูปเขาให้บอกแฟนคลับว่าอาการดีขึ้นแล้ว”

“ใส่ใจกันจังเลยนะคะ”

เป็นเพราะคมสันบอกให้ทำหรอก!

ผมเถียงในใจ

“งั้นมาถึงภาพที่กำลังเป็นที่พูดถึงในขณะนี้ จิระคะ”

“ครับ” ผมกลืนน้ำลาย

“จิระเมาอาละวาด บังคับขี่หลังเตโชเหรอคะ” ไม่พูดเปล่า แต่ภาพผมตอนเมา

เละตุ้มเป๊ะยังถูกแสดงขึ้นหน้าจออีกด้วย กลายร่างเป็นก้อนหินคงไม่เพียงพอ ผมล่ะอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเหลือเกิน

“เรื่องนั้น...” ผมมองสภาพทุเรศของตัวเองแล้วก็สงสัยว่าเตโชกินลงได้ยังไงวะ “หลังดูเช็กเมทจบพวกเราก็ไปเดินเที่ยวเทศกาลดนตรีเพราะเห็นว่าเป็นวันสุดท้าย แต่คนเยอะมาก เลยตัดสินใจนั่งฟังเพลงที่ร้านอาหารแถวนั้น แต่ผมคงคึกจัดไปหน่อยก็เลยดื่มเยอะไปนิด...”

“แสดงว่าจิระเมาอาละวาดใช่มั้ยคะ”

“คงงั้น...มั้งครับ” ผมหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือใส่เตโชที่นั่งนิ่งให้ผมตอบคนเดียวอยู่ได้

“จิระไม่ได้เมาอาละวาด” ในที่สุดคนหน้ามึนก็เปิดปากสักที “จิระเมาแล้วอ้อน”

เสียงกรี๊ดดังกระหึ่ม ผมกุมขมับ คิดผิดหรือถูกวะเนี่ยที่ส่งสัญญาณเอสโอเอสให้คนหน้ามึน

“งั้นเตโชจะบอกว่า...จิระอ้อนขอขี่หลังเหรอคะ”

เจ้าของชื่อพยักหน้ารับหงึกหงัก เรียกเสียงกรีดร้องดังขึ้นไปอีก

“งั้นมาถึงคำถามสำคัญที่สุดในวันนี้...” พิธีกรเว้นจังหวะเล็กน้อยให้บรรยากาศรุ่มร้อนปานเชียร์บอลนั้นยิ่งฮึกเหิมขึ้นไปอีก “เตโชกับจิระ เป็นคู่จิ้นหรือคู่จริงคะ”

ผมเหงื่อแตกพลั่ก ตอนอยู่กับคมสันล่ะปากดีว่าจะประกาศกร้าว แต่พออยู่ต่อหน้ากลุ่มคนดันกลายเป็นคนขี้ขลาดซะงั้น

“คู่...” เตโชลากเสียงยาว ยิ่งทำให้แต่ละคนลุ้นระทึกขึ้นไปอีก “คู่จิ้นคืออะไร”

คล้ายมีคนเอาน้ำเย็นมาสาด

คำถามด้วยสีหน้ามึนงงของเตโชทำเอาทุกคนพากันอ้าปากค้าง

“นี่นายไม่รู้จักคู่จิ้นเหรอ!” ผมอึ้งทึ่งพอกัน “คู่จิ้นก็คือ...”

“ไม่ต้องอธิบายค่ะจิระ เพราะฉันจับใจความสำคัญได้แล้ว” พิธีกรรีบยกมือห้ามผมที่เกือบจะเกรี้ยวกราดพอดี “ในเมื่อเตไชไม่รู้จักคู่จิ้น งั้นแสดงว่าทั้งคู่ก็เป็นคู่จริงแต่แรกใช่มั้ยคะ”

คนหน้ามึนพยักหน้ารับทันควัน

วินาทีนั้น...บรรยากาศที่ช็อกค้างก็กลายเป็นร้อนระอุอย่างรวดเร็ว

“กรี๊ดด!!”

เสียงกรีดร้องดังกระหึ่มทำเอานึกว่าผมหลุดมาอยู่ในคอนเสิร์ตพัทยาอีกครั้ง

“จิระมีอะไรจะอธิบายมั้ยคะ”

“ก็...ตามนั้นแหละครับ” ผมยิ้มเจื่อนตอบอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก ก็มันแปลกที่ต้องมาป่าวประกาศเรื่องส่วนตัวในที่สาธารณะนี่หว่า! ผมคงไม่ชินกับการเป็นดาราไปตลอดชีวิตนั่นแหละ

“งั้นที่เตโชแต่งเพลงเคียงใจ แสดงว่าเตโชเป็นฝ่ายชอบจิระก่อนเหรอคะ”

เตโชไม่ตอบ แต่หันมามองผมพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“มองทำไม ฉันจะไปรู้นายเหรอ!”

“แล้วจิระล่ะคะ รู้สึกชอบเตโชตอนไหน”

“เรื่องนั้น...” ผมหันไปมองเตโชบ้าง ผลคือโดนเขายกยิ้มใส่อย่างขำขัน “อย่าหัวเราะสิ!”

“ยู้ฮู ทั้งคู่คะช่วยสนใจพิธีกรด้วย”

สรุปแล้วการสัมภาษณ์วันนั้นจบลงด้วยดี...รึเปล่านะ แต่อย่างน้อยก็เป็นวันที่ผมเปิดใจพูดความจริงออกไปทุกอย่าง ไม่มีการเสแสร้งอย่างที่เคยทำ กระทั่งความผิดพลาดในอดีตก็ถูกชี้แจงแถลงไขทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น

“ที่จิระติดยาเป็นเรื่องจริงรึเปล่าคะ”

“นั่นเป็นเรื่องในอดีตก่อนที่ผมจะเข้าวงการครับ” ผมตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“แล้วตอนนี้จิระติดอะไรเหรอคะ”

“ติดยา...” เตโชพูดแทรกขึ้นมา สร้างความตื่นตะลึงไปทั้งห้องอัดรายการ “ยาดม”

ตึงโปะ!


รายการสัมภาษณ์ถูกตัดต่ออย่างรวดเร็วและแทรกคิวฉายทันตามที่คมสันต้องการ เกาะกระแสคำถามที่กำลังเป็นที่ถกเถียงในขณะนี้ ผลตอบรับเป็นไปทั้งในแง่ดีและแง่ลบ เพราะคนที่แอนตี้ผมก็ยังคงต่อต้านสุดกำลัง ทางแฟนคลับเช็กเมทเองก็ไม่ได้ชอบใจการคบหาผู้ชายของนักแสดงที่กำลังเป็นข่าวฉาว จะมีก็แต่แฟนคลับของเตโชที่ยืนหยัดเคียงข้าง และบางกลุ่มที่เริ่มติดตามจากการแสดงของผมและนึกเอาใจช่วย

“สุดท้ายก็แฟนสินะ”

“ถ้าพี่อัคจะแซ็วกันละก็บอกเลยว่าอาทิตย์นี้ผมโดนมาเยอะจนชาชินไปหมดแล้ว” ผมพูดดักพระเอกชื่อดังของช่องขณะซักซ้อมบทเพื่อเตรียมถ่ายทำมิวสิกวีดีโอเพลงประจำตัวของมิสเตอร์เอส

“โดนชมหรือโดนด่าล่ะ”

“ก็ต้องอย่างหลังสิพี่ คำชมน่ะอยู่ห่างๆ แต่เรื่องด่าล่ะกราดใส่กันไม่ยั้งกันเลย” ผมถอนหายใจเฮือก เพราะหลายวันมานี้ต้องทนรับกับกระแสด้านลบจนแทบทนไม่ไหว ต้องขอบคุณเตโช...ที่ไม่สะทกสะท้านหรือสนใจกับความเป็นไปของโลก ทุกครั้งที่อยู่กับเขา ผมเลยมักรู้สึกสงบ จากนั้นก็กลายเป็นปลงตก

เพราะไอ้กระแสด้านลบมันพุ่งมาที่ผมมากกว่าเตโชนี่สิ!

ดูหัวข้อข่าวจ่าหัวแต่ละฉบับซะก่อน ‘จิระประกาศคบหากับนักร้องหนุ่มชื่อดัง’ บ้างล่ะ ‘ดาราสุดฉาวเปิดใจว่าเป็นเกย์’ บ้างล่ะ ไม่มีใครพูดถึงเตโชในด้านเสียๆ หายๆ บ้างเลย ราวกับว่าการหาเรื่องโยนใส่คนมึนนั้นไม่น่าสนใจมากพอ ขายไม่ออกเท่าใช้ชื่อผมนำ

ไม่ยักจะมีใครพาดหัวว่า ‘แสดงความยินดีกับความรักเคียงใจของจิระและเตโช’ เถือกนี้กันสักคน ขยันใช้คำขยี้รุนแรงให้ยิ่งฉาวโฉ่ จนผมอดห่วงเรตติ้งของเช็กเมทไม่ได้

“ไม่ต้องห่วงหรอกจิระ ตอนนี้เรตติ้งเช็กเมทดีมากนะ”

“จริงเหรอครับ” ผมค่อนข้างกังวลเพราะตอนล่าสุดที่เพิ่งฉายไปนั้นเป็นตอนสิบหก...มุมมองของมิสเตอร์เอสที่ต้องแบกรับความกดดันทั้งตอน

“จริงสิ โดยเฉพาะตอนล่าสุดน่ะพุ่งสูงมาก ข่าวฉาวบางทีก็ไม่ได้หมายถึงการฉุดเรตติ้งอย่างเดียวหรอก ตอนนี้น่ะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่จิระ จิระ พอนายได้แสดงนำในตอนสิบหก คนเลยรอดูกันทั้งบ้านทั้งเมืองตั้งใจจับผิดเอามาด่าต่อจะได้ทันกระแสไง”

เป็นคำพูดที่น่าชื่นใจชะมัด

“แต่ก็ไม่มีใครด่าเพิ่มนะ ผลตอบรับตอนที่สิบหกดีมาก ทุกคนเชื่อหมดใจว่านั่นคือมิสเตอร์เอส ไม่ใช่จิระ”

“ถือว่าเป็นข่าวดี...”

“ใช่ เป็นข่าวดีแล้วจิ ตอบสิบหกนับเป็นจุดพลิกผันของซีรีส์ ไม่ว่าใครหลงมาดูก็ต้องติดหนึบ ทางผู้ใหญ่คาดเดาว่าเรตติ้งจะพุ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีตก โดยเฉพาะในตอนจบที่มีเสียงชื่นชมจากสื่อมวลชนเยอะมากทั้งที่โดนนายเบี้ยวนัด เชื่อสิว่าต้องมีแต่คนรอดูหน้าจอว่าทำไมจิระ ดาราสุดฉาวในตอนนี้ถึงไม่โดนด่า”

“พี่อัคกำลังปลอบผมใช่มั้ย”

“จะได้มีแรงแสดงเอ็มวีต่อไง เตโชแต่งเพลงนี้ดีมากเลยนะ”

“ครับ...ผมก็ชอบมากเลย”

อารมณ์เปลี่ยนทันควันเมื่อหัวข้อเปลี่ยนมาเป็นเนื้อเพลง เพียงนึกก็หลุดยิ้ม เพราะเตโชเคยร้องให้ผมฟังในวันที่รู้สึกท้อกับซีรีส์เช็กเมท ตอนนั้นเขาเองก็ประสบปัญหา แต่งเพลงไม่ออกเพราะตัวละครที่ชอบอย่างมิสเตอร์เอสตาย แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์วันนั้นมาด้วยกัน เตโชและผม ต่างก็นำประสบการณ์ที่พวกเราจับมือข้ามผ่านมาเรียนรู้และปรับใช้

ตอนนั้นเป็นเพลงของผม

แต่ตอนนี้เป็นเพลงของมิสเตอร์เอส

‘เบื้องหลัง’

เพราะไม่ใช่เพลงรัก อีกทั้งยังไม่ใช่เพลงอกหัก น้ำเสียงที่เตโชใช้ร้องจึงแตกต่างจากเพลงอื่นของเขา ไม่ใช่ความปวดร้าวเจ็บลึก ไม่ใช่ความอบอุ่นแว่วหวาน แต่มันคือคำสัญญาและการตัดสินใจ

ความหมายของคำว่าเบื้องหลังนั้น ย่อมหมายถึงตัวมิสเตอร์เอสที่คอยช่วยเหลือพระเอกอยู่เสมอ ทั้งในซีซันแรก ที่คอยเฝ้าบ้านนั่งแฮกแผนที่บอกทางหนีทีไล่ มักช่วยพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในยามคับขัน และในซีซันสอง ที่จำต้องฝืนทนแบกรับความกดดัน เป็นฝ่ายไล่ต้อนพระเอก เป็นศัตรูกัน

แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ให้ความช่วยเหลืออยู่ลับหลัง ไม่มีแม้แต่เสี้ยวนาทีที่จะคิดทรยศพวกพ้อง

การถ่ายทำมิวสิกวีดีโอนี้ ผมต้องแต่งตัวเป็นทั้งซีเคร็ทและมิสเตอร์เอส เผยมุมที่ไม่เคยปรากฏในซีรีส์ช่วงหลังตอนที่สิบหกซึ่งในเรื่องหลักได้แต่ผลุบๆ โผล่ๆ สร้างความสับสนให้กับตัวพระเอกและคนดู

สีหน้ามากมายที่ต้องเก็บกลั้นไว้ในเรื่องปรากฏชัดเจนผ่านเนื้อเพลง

ทั้งใบหน้าโล่งใจตอนลอบปล่อยไวรัสสำเร็จแล้วกลับมาที่ห้องพัก ใบหน้ากลัดกลุ้มหลังเผชิญกับพระเอก จนต้องกุมมือภาวนาให้พวกพ้องปลอดภัยยามอยู่คนเดียว ความกังวลสับสนตอนถูกชายชุดดำเรียก และความเหนื่อยล้าเมื่อต้องแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้โดยไม่อาจบอกใคร

มิวสิกวีดีโอดำเนินผ่านการแสดงของผมในฉากที่หลากหลาย

เบื้องหลังของเธอนั้น ยังมีฉันอยู่เสมอ


มักเป็นมุมมองของมิสเตอร์เอสซึ่งเป็นฝ่ายมองอัครเดชอยู่ห่างๆ ทุกครั้งที่มองไปยังแผ่นหลังของสหาย ความกังวลเหนื่อยล้าทั้งหลายก็แปรเปลี่ยนเป็นความมุ่งมั่น

แม้เส้นทางจะเต็มไปด้วยความมืดมิด จนเหมือนอยู่ตามลำพังอย่างเหนื่อยล้า

แต่ฉันยังอยู่ตรงนั้น

ภาพความสำเร็จจากการร่วมมือของทั้งคู่ตั้งแต่ซีซันหนึ่งและสองถูกตัดต่อลงไปในบทเพลง

แม้เธอมองไม่เห็น แต่โปรดจงเชื่อมั่น

เพราะฉันคือหนึ่งในกำลังสำคัญ

ที่พร้อมจะก้าวเดินไปด้วยกันกับเธอ


เกือบตลอดทั้งเพลง มิสเตอร์เอสคือฝ่ายเฝ้ามองแผ่นหลังของพระเอก

เพราะนี่คือความในใจของเขา คือตัวตนของเขา

จนกระทั่ง...อัครเดชหันหลังกลับมา

ช่วงจังหวะนั้น เสียงดนตรีพลันช้าลงจนชวนใจหาย  ร้องวนท่อนฮุคอีกครั้งแต่มุมมองกลับแตกต่างออกไป

เบื้องหลังของเธอนั้น ยังมีฉันอยู่เสมอ


ยามอัครเดชหันมา ร่างของมิสเตอร์เอสที่เฝ้ามองมาตลอดพลันค่อยๆ แตกสลาย

แม้เส้นทางจะเต็มไปด้วยความมืดมิด จนเหมือนอยู่ตามลำพังอย่างเหนื่อยล้า

กลายเป็นละอองดาวกระจัดกระจาย ค่อยๆ ลอยหายไปบนฟากฟ้า

แต่ฉันยังอยู่ตรงนั้น

อัครเดชเอื้อมคว้าเศษเสี้ยวนั้นพลางกำแน่น หลับตาซบกับมือด้วยใบหน้าแฝงความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสูญเสีย

แม้มองไม่เห็น แต่โปรดจงเชื่อมั่น


อัครเดชแบมือ เผยความว่างเปล่าที่ไม่อาจคว้าอะไรได้ ทว่า...

เพราะฉันคือหนึ่งในกำลังสำคัญ

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นเชื่องช้า ค่อยๆ ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า

ที่พร้อมจะก้าวเดินไปด้วยกันกับเธอ

มิวสิกวีดีโอจบลงด้วยภาพแผ่นหลังของอัครเดชที่เดินตรงไปยังเส้นทางมืดมิด แต่มีดวงดาวส่องนำทาง แม้แผ่นหลังจะดูอ้างว้างโดดเดี่ยว แต่ประกายดาวนั้นคล้ายจะโอบกอดปลอบประโลม

มุมมองที่ปรับเปลี่ยนกะทันหันแทนการตายของมิสเตอร์เอสนั่นเอง

“คัต!”

การถ่ายทำมิวสิกวีดีโอจบลงด้วยดีและราบรื่น คมสันเดินเข้ามาตามผมเพราะหลังจากนี้เรามีนัดต่อ

“เดี๋ยวก่อนจิ วันนั้นพี่ยังไม่ได้อวยพรเราเลย” อัครเดชคงหมายถึงวันที่ผมหมดคิวในฐานะของมิสเตอร์เอสและซีเคร็ท วันที่ผมเปิดใจกับธนัทและพาย ขณะที่พระเอกชื่อดังติดถ่ายทำฉากเก็บตก “ขอให้โชคดีกับการแสดงนะ!”

มองพี่ชายแสนใจดีให้กำลังใจแล้วผมก็ซาบซึ้งและฮึกเหิมขึ้นมา

“ขอบคุณมากครับ พี่อัค”



-----------------

และแล้วจิระก็ถูกแฉจนได้ว่าของรักของหวงนั้นคืออะไร...ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นยาดมสุดที่รัก!!!!

เส้นทางการทำงานของจิระยังคงไปทางลุ่มๆ ดอนๆ มีทั้งคนชื่นชมและคัดค้านตามเดิมค่ะ แต่ชีวิตยังต้องมุ่งมั่นต่อไป!! ทำวันนี้ให้ดีที่สุดตามความฝัน!! ตอนแรกเราจะแบ่งเป็นสองตอนค่ะ แต่พอเเต่งช่วงถ่ายเอ็มวีแล้วสั้นกว่าที่คิดเลยจับรวบไปเลยดีกว่า กลายเป็นตอนที่มีอารมณ์ต่างขั้ว ทั้งฟินทั้งคิดถึงมิสเตอร์เอสในคราวเดียว ครั้งนี้ส่งท้ายกันอย่างจริงจังแล้วค่ะ ตอนหน้าจะเริ่มเข้าสู่ภาพยนตร์และบทบาทใหม่ของจิระกันแล้ว!!


เพจนักเขียนที่อยากกวาดซื้อยาดมทั้งโลกมอบแด่จิระ (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)


หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 05-01-2018 21:00:58
ทำไมอ่านฉากในเอ็มวีแล้วจะร้องไห้ อินกับบทบาทมิสเตอร์เอสมากเลยค่ะ ชิปกับพระเอกแรงมาก ตัวจริงน้องก็เป็นของเตโชไปนะ 555555555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 05-01-2018 21:03:30
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-01-2018 21:05:11
ปลื้มใจ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 05-01-2018 21:09:11
เอาใจช่วยจิระ ผู้เกรี้ยวกราว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 05-01-2018 21:39:02
ดีงาม  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 05-01-2018 21:53:13
ส่งยาดมให้นุ้งจิ เป็นของขวัญปีใหม่ 5555 คงปลื้มน่าดู
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-01-2018 22:04:37
จิระผู้เกรี้ยวกราดกับเตโชคนมึนนี่น่ารักดีค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 05-01-2018 22:07:31
นึกถึงฉากจบมิสเตอร์เอสตายแล้วน้ำตาไหลทุกที  :o12:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 05-01-2018 22:12:59
ยกให้เป็นการประกาศเป็นแฟนที่มึนที่สุดเลยค่ะ ฮ่าาา
อินเพลงสุดๆ ต้องคิดถึงมิสเตอร์เอสมากแน่ๆ รอคอยผลงานใหม่ของจิระ :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 05-01-2018 22:16:17
กิจภัทรคือใคร :m20: :m20: :m20: เสี่ยเอ๊ยเสี่ย
ขำลั่นเลย มีการบอกว่าชื่อคุ้นๆด้วยนะ โอ๊ยย
บทเสี่ยออกน้อยแต่ออกทีดาเมทกระจาย คอมเม้นท์มีแต่คนพูดถึงเสี่ย
อยากเห็นบทละครของจิตรินจัง บทจะเป็นแบบไหนนะ บทพูดนี่คงยาวประมาณหนึ่งหน้ากระดาษเป็นแน่

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-01-2018 22:19:34
 o13

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 05-01-2018 22:20:32
จิระสู้ๆ มีเตโชถือยาดมคอยส่งให้เป็นกำลังใจ สู้ต่อไปนะ จิระ  :mew4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 05-01-2018 22:24:25
เสี่ยผู้น่าสงสาร 555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-01-2018 22:34:04
อยากจะใช้บ้างจังเลย บอกหน่อยจิ ใช้ยี่ห้ออะไรอ่ะ มีขายที่ 7-11 ไหม จะได้วิ่งไปซื้อมาใช้บ้าง  :hao3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: absolutepoison ที่ 05-01-2018 22:35:18
ยิ่งอ่านตอนถ่ายเอ็มวียิ่งอินกับเช็กเมท ไว้จิระจัดมีทติ้งเราจะซื้อยาดมยกโหลไปฝากนะคะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 05-01-2018 22:39:07
ยาดมคือสุดที่รักของจิระอย่างแท้จริง!!!!
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 05-01-2018 23:12:38
อย่าว่าแต่ระจำชื่อเสี่ยไม่ได้ คนอ่านก็จำไม่ได้เหมือนกันค่ะ 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 05-01-2018 23:23:46
อ่านบทพูดเตโชแล้วลุ้นมากกก ตัดภาพไปที่จิตริน อันนั้นก็ยาวเกินอ่านจนเหนื่อย คนอะไรจะพูดไฟแลบขนาดนั้น 55555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 05-01-2018 23:24:10
เราก็เชื่อเหมือนคมสันนะว่า ถึงจิระจะชอบเกรี้ยวกราด แต่การแสดงของจิระเป็นของริงสมควรสนับสนุน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 05-01-2018 23:44:56
เป็นการเปิดตัวการเป็นแฟนกันที่ชวนยิ้มจริงๆ ขำเตโชไม่รู้จักคู่จิ้นนี่แสดงว่าพี่แกคิดจีบจิระแต่ต้นเลยสินะแล้วเนียนเข้ามาตามคำบอกของคมสัน เราว่าคนมึนก็น่าจะร้ายไม่เบานะคะเนี่ย ในส่วนของเอ็มวีคิดภาพตามแล้วจะร้องไห้มันให้ความรู้สึกเหงาๆยังไงไม่รู้สิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-01-2018 23:47:43
อินกับฉากบรรยายตอนถ่ายเอ็มวีมากๆเลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 06-01-2018 00:30:24
จะตรงกันไปไหนน
คบกันไม่กี่วัน เปิดตัวแล้ว
คมสันใช่ไม๊
55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 06-01-2018 01:02:06
เริศ รอตอนต่อไป!!!
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 06-01-2018 01:39:34
 :pigha2: คู่จิ้น? คำถามจากนายเตโช
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 06-01-2018 10:46:52
ถ้าจิระต้องทำงานร่วมกับจิ บวกเสี่ยที่คงมานั่งเฝ้าจิแล้วคาดว่าจิระคงต้องซื้อยาดมไว้เยอะๆ เดี๋ยวไม่พอใช้ 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-01-2018 12:34:26
น้ำตาซึมกับเอ็มวีนี้จัง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 06-01-2018 13:21:55
ยังคงแอบน้ำตาซึมกับการตายของมิสเตอร์

หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 06-01-2018 13:55:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 06-01-2018 14:20:17
 :mew2:อ่านฉากมิวสิคแล้วน้ำตาคลอเลยอ่ะอินสุดๆ ไรท์แต่งได้ดีมาก ยอดเนี่ยมสุดๆ  o13 อยากดูซีรีส์เช็กเมทมาก อินจัด ตอนสัมภาษณ์ฟินมาก เรื่องจริงน่าจะมีแบบนี้บ้าง 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 25 : เปิดตัว - P.27 - [5/1/61] UP!
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 06-01-2018 15:55:25
ชอบเอ็มวีกับยาดมมาก ขอบคุณค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 26 : เปลียน - P.28 - [6/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 06-01-2018 20:39:40


ตอนที่ 26

เปลี่ยนภาพลักษณ์



เมื่อเดินออกจากห้องสตูดิโอ คมสันก็พาผมไปลานจอดรถ แถมยังเปิดประตูให้นั่งข้างหลังอีกต่างหาก มองไปมองมาก็คล้ายกับฉากในหนังที่บอดี้การ์ดช่วยบริการคุณหนู แต่ในความเป็นจริง...ผมเหมือนตัวประกันที่กำลังโดนลวงมาฆ่า

เพราะพอหย่อนก้นนั่งปุ๊บ ผมก็เห็นทันทีว่าคนขับคือใคร

เบิ้ม...บอดี้การ์ดของเสี่ยที่มีรูปร่างบึกบึนแข็งแรงเยี่ยงโคถึก หน้าบากข้างหนึ่งประหนึ่งผ่านการศึกอย่างโชกโชน

“พวกคุณจะพาผมไปไหน”

ผมลังเลว่าควรจะร้องขอชีวิต หรือจะสวดมนต์พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนดี

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่พาคุณจิระไปฆ่าหรอก” แล้วดูจอมมารตอบสิ...ช่วยให้ใจชื้นดีมากเลย...ผมประชดนะครับ

“คุณจิระบอกคุณเตโชรึยังครับ”

“บอกแล้วว่าวันนี้จะกลับช้า ให้เขาซื้อข้าวไปกินก่อนได้เลย”

“ดีครับ”

คำพูดส่อไปทางสุ่มเสี่ยงต่อชีวิตมาก คืนนี้ผมจะได้กลับห้องอย่างปลอดภัยมั้ย ทุกคนได้โปรดเอาใจช่วยด้วยนะครับ หรือถ้าผมไม่มีโอกาสได้ล่ำลาเตโช ก็ช่วยหาคนไปบอกเขาด้วยว่าผมนั้นไปดีแล้ว นับจากนี้ให้หาพ่อครัวคนใหม่ อย่าอดตายคาห้องเป็นอันขาด

“วันนี้คุณจิระขับรถมารึเปล่าครับ”

“เตโชขับมาส่งแล้วก็วกกลับไปบริษัทเขา ตอนนี้คงขับกลับคอนโดไปแล้ว”

“ดีครับ”

ฮือ...ผมกำลังจะตายจริงๆ ใช่มั้ย

“หลับตาทำไมครับ”

“ฉันกำลังคิดว่าจะเขียนพินัยกรรมยังไงดี”

“แค่ตัดผมถึงกับต้องเขียนพินัยกรรมเลยเหรอครับ”

“ใช่...แค่ตัดผมก็ต้อง...เดี๋ยวนะ ตัดผม!?” ผมลืมตาโพลง เงยมองคมสันที่คลี่ยิ้มขบขันกับท่าทางหวาดกลัวเกินจริงของดาราในสังกัด ขณะที่เบิ้มนั่งทำหน้าปลงตกอยู่ข้างๆ อย่างระอา

“ตอนนี้งานด้านเช็กเมทเสร็จหมดแล้ว และภาพยนตร์จะเริ่มเปิดกองอาทิตย์หน้า บทที่คุณได้รับในเรื่องนี้...จะต้องเป็นเด็กหนุ่มร่าเริงสดใสที่ค่อนไปทางแก่นเซี้ยว จะให้ไว้ทรงผมปรกหน้าปรกตาแบบมิสเตอร์เอสหรือซีเคร็ทไม่ได้หรอกครับ”

ผมกะพริบตาปริบๆ

“สรุปว่านายจะพาฉันไปตัดผม”

“ใช่ครับ คุณคงไม่มีปัญหาเรื่องนี้ใช่มั้ย”

นิ้วเรียวจับเส้นผมนุ่มละเอียดยาวปรกบ่าแล้วอดตื่นเต้นไม่ได้ว่าการปรับภาพลักษณ์ครั้งนี้จะเป็นยังไง

“ไม่มีปัญหา!”

 





“จิระ...”

เตโชชะงักค้างอยู่หน้าประตูพร้อมเหม่อมองผมด้วยความอึ้งตะลึงสุดขีด เริ่มจากเปลือกตาที่เบิกกว้าง ริมฝีปากที่อ้าเป็นหลุมดำ ใบหน้าที่แข็งค้าง ทุกอย่างดูตลกมากจนอดฉีกยิ้มกว้างไม่ได้

“ทำไม ฉันตัดผมแล้วดูไม่ดีเหรอ”

ขอนำเสนอจิระกับทรงผมใหม่ที่โล่งคอเบาสบายมากๆ เดิมทีเส้นผมของผมค่อนข้างหยักศกนิดๆ ย้อมสีชายาวปรกบ่าปรกตาจนต้องคอยปัดเสยไม่ก็ทัดหูอยู่บ่อยๆ แต่ตอนนี้ถูกเล็มสั้นระต้นคอและหน้าม้าสั้นเผยให้เห็นโครงหน้าทั้งหมดจนกลายเป็นเด็กหนุ่มแสนสดใสแกมซุกซนที่พร้อมจะเข้าหาทุกคนด้วยรอยยิ้มเจิดจ้า

“ดู...เด็ก”

“ใช่ ก็ในบทฉันต้องเป็นเด็กวัยรุ่นนี่” ผมเดินเข้าไปใช้ไหล่สะกิดไหล่เบาๆ พร้อมยักคิ้วยิ้มยั่ว “อายุยี่สิบเท่านายตอนนี้เลย”

แล้วเตโชก็กอดผมทั้งตัว

ผมหัวเราะร่าเพราะเขาดันจั๊กจี้แถมมาด้วย

“โอ๊ย ไอ้บ้า จะจี้ฉันทำไม พอ พอได้แล้ว!” ผมตบเกรียนป้าบเข้าให้ “แล้วกินอะไรรึยัง”

“ยัง...” เตโชตอบเสียงเอื่อย

“ฉันบอกให้ซื้อข้าวมากินเลยไม่ใช่เหรอ” ผมขมวดคิ้วมุ่นทันควัน ก่อนจะลากแขนเตโชกลับห้องตัวเอง “นายนี่พูดไม่ฟังเลย แต่เอาเถอะ ดีนะที่ฉันรู้แกว เลยซื้อราดหน้าเจ้าดังแถวร้านตัดผมมาฝากด้วย มากินกัน!”

เตโชพลิกข้อมือเปลี่ยนเป็นฝ่ายเกาะกุมประสานนิ้วกับผมแล้วพยักหน้าหงึกหงัก

“นายจะกินเส้นใหญ่หรือบะหมี่กรอบ”

“จิระเลือก”

“ฉันอยากกินสองอย่างเลยเลือกไม่ถูก งั้นแบ่งกันกินแล้วกันเนอะ”

เตโชพยักหน้าหงึกหงักอีกครั้ง ก่อนจะก้มหอมแก้มผมดังฟอด

“อะไรของนายเนี่ย” ผมลูบแก้มปนขำผสมเขิน ก็จู่ๆ คนหน้ามึนเล่นทำหวานไม่บอกกล่าวเอาตอนท้องร้องหิวข้าว จะไม่ให้งงได้ยังไง

“จิระตัดผมแล้วดูเด็ก”

“นายพูดไปแล้ว”

“ดูสดใสขึ้น”

“แน่นอนสิ” พอผมสั้นแล้วก็เบาหัว เปลี่ยนภาพลักษณ์ไปอีกแบบหนึ่ง

“น่ารักขึ้น”

“...”

“น่าหอม”

“ไปรอที่โต๊ะเลยไป๊!” ผมสะบัดมือไล่เตโชแล้วเข้าครัวแกะถุงราดหน้าใส่จานเพื่อตัดบท ก็ดูสายตาเขาสิ จ้องเอาจ้องเอาอยู่ได้ คนที่พอใจกับจิระในทรงผมใหม่ที่สุดเห็นทีจะไม่ใช่คมสัน แต่เป็นเจ้าตูบที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หูหางกระดิก ชอบอกชอบใจเวลาเห็นหน้าผมชัดขึ้น จะก้มมาหอมมาทำอะไรก็ไม่ต้องกลัวเส้นผมเข้าปาก

“คมสันบอกว่าเอ็มวีเบื้องหลังกว่าจะได้เปิดตัวคงจะเป็นช่วงที่เช็กเมทฉายจบ ถ้านายอยากเห็นฉันจะแอบเอาฉบับตัดต่อมาให้ แต่คิดว่าทางบริษัทนายก็น่าจะได้ตัวอย่างคลิปก่อนเผยแพร่นะ”

“อยากดูกับจิระ” เตโชพูดพร้อมเลื่อนจานให้ผมจ้วงบะหมี่กรอบได้ง่ายๆ หลังเขาตักเข้าปากไปคำโตจนแก้มบวมตุ่ยอยู่ข้างเดียว

“งั้นถ้าฉันขอจากคมสันได้แล้วเรามาดูด้วยกัน” ผมระงับความรู้สึกอยากหยิกแก้มคนตรงหน้าก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “แล้ววันนี้นายเป็นยังไงบ้าง”

“คุยเรื่องเอ็มวี”

“เพลงเคียงใจน่ะเหรอ”

เตโชพยักหน้ารับ ก่อนจะเอื้อมมือมาตักเส้นใหญ่ราดหน้าของผมบ้าง

“เฮ้ๆ อย่าทำหกสิ”

เตโชรีบดึงทิชชูมาเช็ดคราบเปื้อนที่ทำหกทันควัน

“นายไม่ระวังเลยนี่หว่า เฮ้อ...หันหน้ามานี่” ผมตัดเส้นให้พอดีคำก่อนจะยื่นช้อนจ่อปากอีกฝ่าย พร้อมคุยเรื่องที่ยังค้างกันอยู่ “สรุปแล้วนายไม่ให้ฉันเป็นพระเอกเอ็มวีเพลงเคียงใจจริงๆ เหรอ นายแต่งให้ฉันนี้ ทำไมฉันถึงไม่ได้เล่นล่ะ”

เตโชอ้าปากกินอย่างว่าง่าย เคี้ยวหงุบๆ สามครั้งก่อนจะตอบเสียงเอื่อย

“ผู้จัดการไม่อนุญาต”

“ทำไม!” จิระเกรี้ยวกราดแล้ว

“จิระเยอะเกินไป”

“อะไรเยอะเกินไป เรื่องเยอะเหรอ ฉันออกจะเรียบร้อยน่ารักเวลาทำงาน” ผมเถียงกลับอย่างโมโห พาลวางช้อนหมดอารมณ์จะกิน เตโชเลยก้มหน้าก้มตาตักบะหมี่กรอบแล้วเป็นฝ่ายป้อนผมบ้าง

“เอ็มวีมีจิระเยอะเกินไป”

ผมชักหน้าเซ็งขณะเคี้ยวบะหมี่กรอบดังกรุบๆ หาคำโต้เถียงไม่ออกในเมื่อมิวสิกวีดีโอของเตโชก็มีผมเยอะเกินไปจริงๆ เพลงเวลาก็หนึ่ง เพลงหิวรักก็หนึ่ง ถ้ายังมีเพลงเคียงใจอีก...ผมว่าคนทั่วไปอาจจะเข้าใจผิดว่าผมเป็นนักร้องไม่ใช่นักแสดง เพราะเล่นกินขาดทุกผลงานของเตโชจนเกินหน้าเกินตา

“ฉัน...ยอมรับก็ได้” ผมตอบหลังเคี้ยวเสร็จ ก่อนจะชี้นิ้วไปที่จานเขาอย่างเอาแต่ใจ “ตักหมูให้บ้างสิ ฉันกินหมูของตัวเองหมดแล้ว”

เตโชป้อนผมอย่างว่าง่าย ช่วยดับอารมณ์คุกรุ่นให้กลายเป็นปกติ

“แล้วใครจะมาแสดงเอ็มวีเคียงใจแทนฉันล่ะ”

คนหน้ามึนชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เล่นเอาผมแทบจะสำลักราดหน้า

“นายเนี่ยนะ!?”

โทษเถอะ ผมยังจำวันที่เขาแสดงในมิวสิกวีดีโอเพลงหิวรักได้อยู่เลย แค่ฉาก

เดียว...กับแค่การเดินควงแขน ล่อไปหลายสิบเทคจนผู้กำกับหัวร้อน!

“ผู้จัดการนายก็เห็นด้วยงั้นเหรอ”

เตโชพยักหน้ารับขณะช่วยส่งน้ำให้ ผมบอกขอบคุณเขาเบาๆ ก่อนถามต่อ

“แล้วนายจะแสดงยังไง ไม่สิ ให้ถูกคือ...นายจะแสดงได้เหรอเตโช”

ผมไม่ได้ดูถูกเขาหรอกนะ แต่ว่า...ในเมื่อโลกให้คนคนหนึ่งมีพรสวรรค์เรื่องการร้องเพลง โลกก็ยุติธรรมพอจะไม่ให้เขาเชี่ยวชาญด้านการแสดง เข้าใจความหมายใช่มั้ยว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแบกทั้งมิวสิกวีดีโอน่ะ!!

“นายถ่ายทำวันไหน”

ไม่ได้การ ผมห่วงมากจนอยากไปนั่งเฝ้าคอยกำกับแทน ไม่งั้นเตโชต้องโดนทีมงานฆ่าตายด้วยความเกรี้ยวกราดหลังผ่านไปร้อยเทคแน่ๆ

“อาทิตย์หน้า”

เหี่ยวในทันดล

“ฉันติดเข้ากองภาพยนตร์...” ผมเอ่ยเสียงอ่อนอย่างสุดเสียดาย จะขอเลื่อนก็ไม่ได้ในเมื่อขอคิวนักแสดงคนอื่นหมดแล้ว "ถ้ามีเวลาฉันจะโทรหา นายก็คอยรายงานสถานการณ์ด้วยนะว่าเป็นยังไง”

“ได้” เตโชรับปากถึงค่อยวางใจ เพราะคนคนนี้ไม่เคยโกหก

“เดี๋ยวฉันจะซ้อมท่องบทหลังกินเสร็จ นายล้างจานแล้วกลับห้องได้เลยนะ”

“...”

“หรือจะไปเอากีตาร์มาเล่นรอก็ได้ เพราะฉันท่องบทในห้องน้ำอยู่หน้ากระจก ไว้ง่วงแล้วจะมาตาม อ้อ นายก็ไปอาบน้ำห้องตัวเองให้เรียบร้อยด้วยล่ะ”

“อืม” เตโชตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนจาง แต่ผมแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เพราะตั้งแต่กลับมาจากพัทยาคนหน้ามึนก็มักหาโอกาสมานอนกอดผมเสมอ ขอย้ำว่ากอด ที่หมายถึงสองมือโอบกอด ไม่ใช่การทำอะไรใต้ร่มผ้าแต่อย่างใดเพราะพวกเราสองคนต่างมีงานรอจ่อทุกวันจนหมดแรงจะทำเรื่องสิบแปดบวก

แต่คนขี้หงุดหงิดอย่างผม ถ้าไม่เป็นฝ่ายเข้าไปซุกๆ กับอกเขาก่อนเตโชย่อม

กอดผมไม่ได้ บางวันเลยตื่นมาด้วยสภาพต่างคนต่างนอนคนละฝั่ง หมิ่นเหม่จะตกเตียงด้วยผ้าห่มคนละผืน

แต่จะเป็นแบบไหนผมก็ชอบทั้งนั้น

เพราะเราต่างมีชีวิตเป็นของตัวเองเหมือนสมัยยังเป็นเพื่อน กินข้าวด้วยกัน ดูเช็กเมทด้วยกัน พูดคุยเล่าเรื่องในแต่ละวัน สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือการสัมผัสแบบกอดจูบ และแววตาตอนมองกันที่สื่อความหมายลึกซึ้งกว่าเดิม

เป็นความรักสุดราบเรียบแต่แสนราบรื่น

ต้องขอบคุณเตโชสินะที่ทำให้ผมมีความสุขขนาดนี้

 

-------------

อย่าแปลกใจทำไมตอนนี้มันสั้นๆ ค่ะ แบบว่ามันดันจบฉากพอดี OTL

ส่วนตอนหน้าได้เข้ากองภาพยนตร์กันแล้วค่ะ ใครคิดถึงจิตริน เตรียมป้ายไฟฝอยรอได้เลย น้องฝอยจะมาพร้อมกับตัวละครใหม่ที่จะมาร่วมแสดงกับจิระค่ะ หลังจากนี้จะยิงยาวยันจบแล้วน้า ฉะนั้นเก็บบรรยากาศละมุนๆ สบายๆ ในตอนนี้ไว้นะคะ เพราะจิระกับเตโชจะเริ่มเข้าสู่ชีวิตการทำงานที่ไม่มีคมสันช่วยผลักช่วยดัน ภาพที่ต่างคนต่างไปนั่งเฝ้าว่างงาน แบบนั้นจะไม่มีแล้วค่ะ กลับสู่ชีวิตจริงไม่มีจอมมารหนุนหลัง!!


เพจนักเขียนที่เตรียมป้ายไฟรอน้องฝอย (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 26 : เปลี่ยน - P.28 - [6/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-01-2018 20:53:35
เตรียมป้ายไฟรอ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 26 : เปลี่ยน - P.28 - [6/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 06-01-2018 21:00:52
อยากให้จิระกับจิตรินมาเจอกันเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 26 : เปลี่ยน - P.28 - [6/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 06-01-2018 21:09:45
บรรยากาศพลัดกันป้อนราดหน้าน่ารัก :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 26 : เปลี่ยน - P.28 - [6/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 06-01-2018 21:11:08
อ่านจบมาถึงทอล์ก แล้วเลื่อนขึ้นไปนับบรรทัดดู เออ.. สั้นจริงๆ 55555555555
ยังไงก็รอดูคนหน้ามึนแสดง MV นะคะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 26 : เปลี่ยน - P.28 - [6/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 06-01-2018 21:16:32
เป็นห่วงเตโชค่ะ จะรอไหมมมม  :hao5:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 26 : เปลี่ยน - P.28 - [6/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 06-01-2018 21:20:59
เฝ้ารอ~~~
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 26 : เปลี่ยน - P.28 - [6/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-01-2018 22:46:35
น่ารัก อย่ารู้ว่าเตโชไปถ่ายเอ็มวีแล้วจะออกมายังไง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 26 : เปลี่ยน - P.28 - [6/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 06-01-2018 23:22:53
 :o8: :o8: :o8: :o8:

น่าร๊ากกก ดูค่อยเป็นค่อยไป
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 26 : เปลี่ยน - P.28 - [6/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 06-01-2018 23:40:31
เตโชทำจิระเขินนนนน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 26 : เปลี่ยน - P.28 - [6/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 06-01-2018 23:50:28
ตอนหน้าขออนุญาตเตโชจิ้นพี่จิกับหนูจินะคะ ฮาา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 26 : เปลี่ยน - P.28 - [6/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 07-01-2018 00:18:30
คิดถึงจิตรินจังเลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 26 : เปลี่ยน - P.28 - [6/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 07-01-2018 00:48:17
       โดยส่วนตัวเเล้วเวลาอ่านนิยายจะรู้สึกรักตัวละครไปด้วยโดยเฉพาะถ้าเรื่องไหนที่อ่านแล้วคือใช่จะรักตัวละครมากเป็นพิเศษเลยค่ะ
        และเรื่องนี้ก็เหมือนกันค่ะจากการอ่านในเรื่องของจิตรินตอนเรื่องแรกนั้นหนูจิที่มีนิสัยแย่จะคิดว่าเกลียดตัวละครตัวนี้แต่พอมาอ่านเรื่องนี้กลายเป็นรักและส่งสารแทน เหมือนเราเมีลูกเลยค่ะจากเด็กเกเรไม่ตั้งเรียนไม่เอาอ่าวทั้งนั้นสร้างแต่ปัญหาแต่ตอนนี้หนูจิกำลังเติบโตและกำลังเข้าสู้วัยทำงาน
       จากเด็กไม่น่ารักจนวันนี้วันที่หนูจิเปลี่ยนแปลงตัวเองมาจนถึงจุดนี้อ่านไปย้อนดูพัฒนาการของหนูจิเเล้วดีใจกับหนูจิค่ะ :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 26 : เปลี่ยน - P.28 - [6/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: absolutepoison ที่ 07-01-2018 01:14:38
อ่านละเขินอะ เตโชชอบหอมแก้มจิระด้วย งุ้ยยยยย  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 26 : เปลี่ยน - P.28 - [6/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-01-2018 04:06:54
ตอนหน้า 2 หนูจิจะเจอกันแล้ว มันต้องมีเสี่ยแวบ ๆ ตามมาด้วยแน่ ๆ  o18
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 26 : เปลี่ยน - P.28 - [6/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 07-01-2018 12:31:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 26 : เปลี่ยน - P.28 - [6/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 07-01-2018 14:42:41
เตรียมยาดมให้จิระ สักแพ็คหนึ่ง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 26 : เปลี่ยน - P.28 - [6/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 07-01-2018 15:44:34
 :L2: รอชมผลงานของพระเอกmvเคียงใจ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 26 : เปลี่ยน - P.28 - [6/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 07-01-2018 17:49:14
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอก - P.29 - [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 07-01-2018 19:34:29


ตอนที่ 27

เจอะเจอพระเอกชื่อดัง



“ใครก็ได้!! ใครก็ได้ช่วยดาวด้วย ได้โปรด...เธอกำลังจะตาย เธอกำลังจะตาย!! ใครก็ได้ไปช่วยเธอที ขอร้องล่ะ แค่เรียกรถพยาบาลก็ได้ ช่วยชีวิตเธอ...ช่วยชีวิตคนรักของผมด้วย!!”

ผมวิ่งตะโกนด้วยความร้อนใจและสิ้นหวังกลางสี่แยกไฟแดงที่เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากเดินขวักไขว่พลุกพล่าน แต่คนเหล่านั้นกลับพากันเดินผ่านผม...ทะลุตัวผมไป ไม่มีใครได้ยินเสียงของผมสักคนเดียว

ในใจร้อนรุ่มแทบคลุ้มคลั่ง หยาดน้ำตาหลั่งไหลออกมาไม่หยุดด้วยความเจ็บช้ำที่ไม่สามารถช่วยคนรักได้ในช่วงเวลาความเป็นตาย แต่นี่ไม่ใช่เวลาอ่อนแอ ผมปาดน้ำตาที่รินไหลพร้อมวิ่งตะโกนแม้เสียงแหบแห้งอย่างไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

“มีใครได้ยินผมบ้างมั้ย ช่วยด้วย! ช่วยคนรักของผมด้วย! เธอฆ่าตัวตาย...เธอกำลังจะตาย!!”

“มีคนฆ่าตัวตายเหรอ”

ในที่สุดก็มีคนได้ยิน

ผมแทบจะลงไปทรุดกับพื้นด้วยความเหนื่อยล้า เสียงที่ไม่อาจส่งถึงสุดท้ายก็มีคนรับฟัง ผมรีบปราดเข้าหาคนคนนั้น ชายหนุ่มในมาดนักธุรกิจที่เงยมองผม ‘ลอย’ ข้ามหัวคนอื่นเข้ามาด้วยความไวเสียง

“คนรักของผมกรีดข้อมือฆ่าตัวตาย ได้โปรดโทรเรียกรถโรงพยาบาลทีครับ ที่อยู่ของเธอคือ...”

Love After Death หรือ ‘ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน’ คือชื่อภาพยนตร์ที่ผมกำลังแสดง เรื่องราวเริ่มต้นจากความตายของ ‘กันย์’ เด็กหนุ่มร่าเริงที่มักมีรอยยิ้มสดใสประดับบนใบหน้าราวไม่ทุกข์ร้อนกับสิ่งใด มักสร้างความสุขให้คนรอบข้างเสมอ เขาถูกรถชนตายขณะไปหาแฟนสาว ในงานศพ ‘ดาว’ หรือแฟนสาวของเขาจึงเสียใจมาก โทษตัวเองว่าเป็นคนทำให้กันย์ตาย หลังจากนั้นไม่กี่วันก็คิดสั้นกรีดข้อมือตัวเองในห้องน้ำหวังตายตามคนรัก

ทั้งที่...วิญญาณของ ‘กันย์’ ยังวนเวียนรอบตัวเธอ!

ผม...นายจิระซึ่งรับบทของกันย์ วิญญาณที่มองแฟนสาวร้องไห้แทบจะขาดใจในงานศพด้วยสายตาหม่นเศร้าแต่พยายามยิ้มเข้มแข็งนั้นคอยปลอบดาวตลอด

“อย่าร้องไห้เลยนะ"

"อย่าเสียใจเลย”

“ไม่ใช่ความผิดของดาวหรอก”


ทว่าเสียงนั้นไม่เคยส่งไปถึง

แม้กระทั่งตอนที่ดาวกำลังจะกรีดข้อมือ ผมก็พยายามที่จะบอกห้ามหลายครั้ง ยื่นมือพยายามแย่งมีด แต่กลับทะลุผ่านตัวคนรักไปอย่างน่าเศร้า

ความสิ้นหวังเกาะกุมจิตใจ ทั้งต้องยอมรับความตายของตัวเอง แล้วยังต้องมาเห็นแฟนสาวตายต่อหน้า แรงผลักดันนั้นทำให้กันย์ตัดสินใจวิ่งโร่ร้องขอความช่วยเหลือแม้รู้ดีแก่ใจว่าไม่มีใครได้ยิน น้ำตาหลั่งรินจนตาบวมแดง เสียงตะโกนที่ขาดห้วงเพราะเปล่งเสียงมากเกินไป ดูน่าสงสารแทบขาดใจจนกระทั่งได้พบกับ ‘ตุลย์’

ตุลย์ได้ยินเสียงวิญญาณ ทันทีที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็รีบโทรเรียกรถพยาบาล แล้วตามกันย์ไปช่วยดาวที่หมดสติอยู่ในห้องน้ำ พลเมืองดีคนนี้ช่วยติดต่อญาติของหญิงสาว แถมยังยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องฉุกเฉินทั้งที่จะจากไปก็ทำได้

ในเมื่อพวกเขาไม่เคยรู้จักกัน

“ขอบคุณนะครับ” ผมเอ่ยกับตุลย์ หรือ ‘นิฌาน’ นักแสดงในวัยยี่สิบแปดปี นิฌานมักแสดงภาพยนตร์มากกว่าละครเย็น โด่งดังด้วยการแสดงอันโดดเด่นตั้งแต่อายุแปดขวบ ครับ เขาทำงานในวงการถึงยี่สิบปีเต็ม ทุกคนล้วนรู้จัก ‘นิฌาน ชาญชัย’ แม้ในช่วงปีหลังมานี้จะเห็นผลงานเขาน้อยจนแทบนับนิ้วได้ เกิดเป็นข่าวลือว่าดาราเด็กที่เคยโด่งดังคนนั้นคงถึงช่วงขาลงแล้ว...

“ไม่เป็นไร เห็นคนลำบากตรงหน้าก็ต้องช่วยเหลืออยู่แล้ว” นิฌานมีรูปร่างสูงโปร่งหุ่นนายแบบ นั่นคือไม่ได้มีกล้ามเนื้อมากเกินหรือน้อยเกินไป ผมแสกกลางดูมีภูมิฐาน ใบหน้าหล่อใสสะอาดสะอ้านราวสุภาพบุรุษ

“แต่ผมไม่ใช่คน...”

“ดูก็รู้ ขาลอยเหนือพื้นขนาดนี้”

“ทำไมคุณไม่แปลกใจเลย”

“ก็ฉันเห็นมาเยอะ” นิฌานหรือตุลย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มอบอุ่นให้กันย์ ปลอบประโลมความกังวลใจถึงคนรักที่ยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน “ดาวจะไม่เป็นอะไร”

“ขอบคุณครับ...ขอบคุณจริงๆ”

“ขอบคุณตัวเองเถอะที่ตะโกนดังขนาดนั้น ฉันจะทำเป็นไม่เห็นก็ไม่ได้จริงๆ นายพยายามได้ดีมากนะกันย์”

ดวงตาของผมรื้นน้ำตาขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดว่าสาเหตุที่ดาวฆ่าตัวตายนั้นมาจากความเข้าใจผิด

“ช่วย...ดูแลดาวได้มั้ยครับ” กันย์ขอร้อง “ช่วย...ดูจนกว่าเธอจะไม่เป็นอะไรจริงๆ”

แน่นอนว่าผมหมายถึงทั้งร่างกายและจิตใจ

“ก็ต้องดูว่าเธอจะยอมให้ฉันดูแลมั้ย”

“ผมจะช่วยคุณเอง”

“คัต!”

ทันทีที่สิ้นเสียงผู้กำกับผมก็ซุกหน้ากับฝ่ามือทันที ปวดกระบอกตาไปหมดแล้วกับการร้องไห้หนัก อยากจะได้น้ำแข็งมาประคบเหลือเกินแต่กองถ่ายนี้ไม่มีใครเอาใจ ไม่มีทีมงานที่รู้จักผมในฐานะมิสเตอร์เอสผู้อัธยาศัยดีจากซีซันหนึ่ง ไม่มีพี่ช่างแต่งหน้าที่คอยถือยาดมส่งให้ไม่ห่าง ไม่มีอัครเดชหรือธนัทที่ชวนคุยอย่างสนิทสนม และไม่มี...เตโช

การทำงานครั้งนี้คือประสบการณ์จริงที่ผมควรเจอ ไม่ใช่เส้นทางโรยกลีบกุหลาบที่คมสันปูมาให้ ทุกคนล้วนแปลกหน้าสำหรับผม เพราะทีมงานสำหรับการถ่ายทำละครกับภาพยนตร์นั้นย่อมแบ่งเป็นคนละส่วนอยู่แล้ว ดีนะที่ทำการบ้านมาเยอะ ผู้กำกับเลยค่อนข้างพอใจกับภาพที่ออกมา เพราะถ้าไม่นับผมแล้ว นิฌานมีประสบการณ์สูงมาก ส่วน ‘แสงดาว’ หรือนักแสดงหญิงที่แสดงเป็น ‘ดาว’ นั้นก็ผ่านงานแสดงภาพยนตร์มาก่อน

“สุดยอดเลยจิระ”

เกือบลืมไป แม้ผมจะไม่รู้จักใครสักคนในที่นี้ แต่ยังมีจิตรินจอมฝอยที่ปลาบปลื้มดีใจเมื่อผลงานถูกสร้างเป็นรูปร่างด้วยนักแสดงมากฝีมือ

“นายก็สุดยอด” ผมเงยหน้ามองเขา บอกขอบคุณเมื่อฝ่ายนั้นส่งขวดน้ำเย็นมาให้ อา...เอามาแนบตาได้พอดีเลย “ฉันไม่เคยเห็นใครคิดพลอตแบบนี้มาก่อน”

“ก็ผมฝึกงานมานาน อ่านบทมาเยอะ เลยเกิดไอเดียขึ้นมาว่าทำไมทุกเรื่องต้องมีแค่พระเอกกับนางเอกด้วย คิดไปคิดมาก็ปิ๊งออกมาเป็นเรื่องนี้นั่นแหละ! ตัวละครนำที่เป็นวิญญาณ...ช่วยให้พระเอกมาเจอกับนางเอกแล้วรักกัน เรื่องราวมองผ่านมุมมองของกันย์ ไม่ใช่ตัวของตุลย์หรือดาว คงได้ภาพแตกต่างจากหนังรักทั่วไปเนอะว่ามั้ย ตอนผมเอาไปเสนอเสี่ยโดนเขามองแรงจนใจเสียเลย ดีนะที่คุณสันเห็นคุณค่า บอกว่าน่าลงทุน แม้เสี่ยจะคัดค้านไม่ยอมให้ผมลงงานเองแต่สุดท้ายก็แพ้ลูกตื๊อผมล่ะ”

ลูกตื๊อหรือลูกฝอย


ผมคิดในใจเพราะชมไปแค่ประโยคเดียว อีกฝ่ายดันพล่ามเล่ายาวจนไม่ต้องถามให้เมื่อยปาก

“ผมดีใจนะที่จิระรับเล่นเรื่องนี้”

“ก็อย่างที่คมสันว่านั่นแหละ มันแปลกใหม่ น่าลงทุน และฉันก็อยากท้าทายตัวเองอยู่แล้ว ได้ปรับลุค ปรับคาแรคเตอร์จากมิสเตอร์เอสบ้างก็ดี ถือโอกาสหาความก้าวหน้าด้วย”

ยากนักที่จะได้เป็น ‘ตัวละครนำ’ ซึ่งโดดเด่นกว่าพระเอกและนางเอก

ต่อให้คมสันไม่อ้างชื่อจิตริน ถ้าผมอ่านบทจบก็คงตกลงรับเล่นเรื่องนี้อยู่ดี

“แล้วทำไมนายถึงเลือกฉัน เทียบกับนิฌานหรือแสงดาวแล้วฉันเป็นแค่นักแสดงที่เพิ่งผ่านงานละครมาแค่เรื่องเดียวเองนะ แถมไม่ใช่นักแสดงหลักด้วย”

“ก็จิระทำให้ผมเชื่อสุดใจว่าคุณคือตัวละครนั้นๆ ทุกครั้ง ตอนเอ็มวีเพลงเวลา คุณก็ทำให้ผมเศร้าจนคิดว่าผู้ชายคนนี้เพิ่งเสียคนรัก ตอนเอ็มวีเพลงหิวรัก คุณก็ทำให้ทุกคนทั้งเห็นใจและหัวเราะได้โดยลืมภาพจิระไปเลย และล่าสุด...ซีรีส์เช็กเมท” จิตรินคลี่ยิ้มมีเลศนัย กระแซะเข้าใกล้ผมก่อนก้มกระซิบ “คมสันแอบเอาตอนสุดท้ายมาให้ผมดูแล้วเพราะทนเสียงรบเร้าไม่ไหว ฉากที่คุณค่อยๆ ทรุดลงไปน่ะบีบหัวใจผมมากเลย ทั้งที่มิสเตอร์เอสยอมรับความตายและตัดสินใจเดินเข้าหาพระเอกโดยไม่มีแม้แต่น้ำตาแท้ๆ แต่กลับทำผมร้องห่มร้องไห้จนเสี่ยยังตกใจ จิระ คุณมันสุดยอดจริงๆ ไม่ผิดหรอกที่คมสันจะพูดอยู่บ่อยๆ ว่าอยากให้คุณเป็นดารา”

ไอ้ความรู้สึกหัวใจพองฟูนี้คืออะไรนะ ผมหลุดยิ้มออกมาไม่รู้ตัว และนั่นก็ทำให้จิตรินกุมหัวใจตัวเองเหมือนถูกจู่โจมด้วยพลังที่มองไม่เห็น

“ผมอยากให้รอยยิ้มเมื่อกี้ปรากฏในหนังมากเลย รับรองว่าใครเห็นก็ต้องละลาย กลับบ้านไปก็นอนหลับฝันดีแน่ๆ”

“นายก็พูดเกินไป” ผมพูดอ้อมแอ้ม “ว่าแต่เมื่อกี้ฉันยิ้มยังไงนะ”

“ยิ้มแบบขัดเขินแฝงความยินดี เหมือนกับเจ้าส้มของผมตอนดูลูกน้อยทั้งเจ็ดรุมดูดนม มันก็ครางหวิวๆ ด้วยสีหน้าปลื้มปริ่มเหมือนจิระเมื่อกี้เลย เอ๊ะ จิระยังไม่เคยเห็นม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดงใช่มั้ย พวกมันน่ารักมากๆ เลย! ผมเอามาเลี้ยงที่บ้านเสี่ยด้วยสองตัวคือครามกับน้ำเงิน ผมมีรูปเสี่ยตอนทะเลาะกับแมวเพราะโดนมันแย่งที่นอนด้วยล่ะจิระอยากดูมั้ย”

“แล้วเสี่ย...ไม่มากองเหรอ” ผมถามพลางสอดส่ายสายตาหาชายร่างสูงในชุดสูทที่มักแต่งตัวเนี้ยบจัดเปล่งรัศมีข้าคือประธาน ทุกคนจงเชื่อฟังข้าด้วยความรู้สึกจะอยากเจอก็ไม่ใช่ อยากคุยด้วยก็ไม่เชิง

“เมื่อเช้าเสี่ยงอนตุบป่อง ไม่อยากให้ผมเข้ากองเพราะกลัวจะแบ่งเวลาให้เขาไม่พอ  สงสัยป่านนี้คงนั่งกินข้าวคนเดียวแล้วมั้ง...อ้าว...นั่นเสี่ยนี่!” จิตรินโบกมือให้คนที่เพิ่งเดินเข้ากองในมาดน่ายำเกรง ด้วยกลัวว่าจะทำให้ทีมงานแตกตื่น ผู้ออกทุนเลยหยุดยืนด้านนอกพลางเหล่สายตามองมาด้วยสีหน้าบึ้งตึงไม่พอใจ

ตั้งแต่ตัดสินใจเดินออกจากบ้านเสี่ยในวันนั้น....ผมก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย น่าแปลก ทั้งที่เคยหลบหน้าแทบเป็นแทบตาย ช้ำรักจนปวดกระดองใจไม่กล้าเจอะเจอ ตอนนี้ผมกลับมองจิตรินเดินเข้าหาเสี่ย ง้องอนคนขี้หวงด้วยความรู้สึกขบขันมากกว่าขมขื่น

แถมยังพาลคิดถึงใครอีกคน...

“เตโช นายเป็นยังไงบ้าง” ผมคอลวีดีโอหาคนรักทันที ปลายสายรับเร็วจนน่าตกใจ ไม่ใช่ว่าโดนสั่งเลิกกองไปแล้วเพราะทนตัวนักร้องที่ริอาจเป็นนักแสดงไม่ไหวหรอกนะ

(( ก็ดี )) เตโชตอบคลุมเครือ สีหน้าไม่ทุกข์ร้อน

“ดีของนายมันดีกับทุกคนรึเปล่า ไหนหันกล้องให้ฉันดูรอบๆ หน่อยสิ”

คนหน้ามึนทำตามคำสั่ง หันกล้องให้ดูสตูดิโอถ่ายทำซึ่งยังอยู่ดีไม่มีใครลากลับก่อนหรือคิดล้มเลิกสัญญาณจ้าง

(( จิระ...ตาบวม ))

“อ้อ ฉันร้องไห้ตามบทไง เมื่อคืนนายก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ” เรื่องของเรื่องคือตอนผมเดินออกจากห้องน้ำไปตามเขาซึ่งกำลังนั่งเล่นกีตาร์อยู่ตรงโซฟาเพื่อมานอนด้วยกัน เตโชตกใจจัดที่เห็นผมตาแดงก่ำ รีบลงไปซื้อเจลเย็นช่วยประคบให้ตลอดคืน “กินข้าวเที่ยงรึยัง”

เตโชพยักหน้าหงึกหงัก อย่างน้อยเวลาเขาไปทำงานก็พอวางใจว่ามีผู้จัดการช่วยดูแลคอยเตือนไม่ให้ลืมกินข้าว

“แล้ว...”

“จิระ”

“คุณนิฌาน” ผมเงยหน้ามองพระเอกคนดังที่แทรกตัวนั่งเบียดอยู่ข้างๆ อย่างไร้ความเกรงใจทั้งที่ผมกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ แถมยังโบกมือให้กล้อง ทักทายเตโชอย่างกับรู้จักกันอย่างนั้นล่ะ

“คุณอะไรกันห่างเหินไปมั้ย เรียกฉันว่าฌานเถอะ แล้วนี่...แฟนจิสินะ”

“ครับ” ผมตอบเสียงห้วน เผยความขุ่นเคืองไม่ปิดบัง แม้ต้องร่วมแสดงด้วยกันอีกนานแต่เขาเล่นคุกคามความเป็นส่วนตัวขนาดนี้หากไม่แสดงออกให้ชัดนานไปจะยิ่งร้าวฉาน

“ฉันชื่นชมนายนะที่เปิดตัวเรื่องนี้ไม่คบแบบหลบๆ ซ่อนๆ เหมือนดาราคนอื่น”

ผมเบี่ยงโทรศัพท์ไปอีกทางเพราะไม่อยากให้เตโชคุยกับนิฌาน

“นายกล้ามาก และก็เก่งมาก”

“ครับ”

“ฉันหมายถึงทั้งตัวนายเองและการแสดงด้วยนะ ความจริงแล้วการแสดงภาพยนตร์กับละครน่ะมีความแตกต่างกันนิดหน่อย แต่นายทำได้ดีเลยล่ะ”

“แตกต่างกันยังไงเหรอครับ” ผมชักสนใจขึ้นมา

“การแสดงภาพยนตร์เน้นที่ความเป็นธรรมชาติ เผยสีหน้า ท่าทางให้สมจริงที่สุด เพราะเวลาฉายในโรงแล้วจะเห็นนักแสดงหน้าใหญ่เต็มจอ ถ้าเล่นเยอะเกินไปคนดูจะไม่อิน” นิฌานกอดอกทำหน้าเคร่งขรึม “ส่วนการแสดงละครน่ะจะเน้นที่คำพูดและสีหน้าท่าทางที่ต้องแสดงให้ชัดและมากกว่าปกติหนึ่งถึงสองเท่า เพราะการฉายโทรทัศน์ไม่สามารถทำให้คนดูจดจ่อได้ตลอดเวลาเหมือนตอนตีตั๋วเข้าชมในโรง เลยต้องอาศัยปัจจัยนี้ในการสร้างอารมณ์ร่วม”

ความรู้ใหม่ผมเลยนะเนี่ย

“แต่จิทำได้ดีแล้ว เพราะบทของมิสเตอร์เอสไม่ค่อยแสดงออกอย่างชัดเจน พอมาถ่ายหนังเลยไม่โดนผู้กำกับด่า”

“คุณก็โดนเหรอ”

“ของฉันเป็นกรณีกลับกันนะ เพราะฉันเริ่มต้นจากการแสดงหนัง พอถูกดึงไปแสดงละครของทางช่องก็โดนด่าว่าเล่นไม่ถึงอารมณ์ สุดท้ายเลยกลับมาตายรัง ขอเล่นหนังดีกว่าเข็ดแล้วกับละครเย็น” นิฌานลูบหน้าเมื่อนึกถึงความทรงจำยากจะลืม “เมื่อกี้เรียกว่าคุณอีกแล้วเหรอ ขอเถอะจิ  ฉันน่ะอยู่วงการมานาน ถูกเรียกคุณจนนึกว่าตัวเองอายุสามสิบกว่าทั้งที่ยังยี่สิบปลายๆ อยู่เลย เรียกฌานหรือพี่ฌานเถอะ”

ความเป็นกันเองของเขาทำให้ผมยอมลดเกราะ ดูแล้วนิฌานไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แถมยังชวนเตโชคุยอีกต่างหาก

“กลับไปแล้วอย่าลืมหาอะไรประคบตาแฟนด้วยล่ะ” นิฌานชะโงกหน้ามาพูดกับโทรศัพท์ของผม “คำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ เอาถุงชาแช่เย็นแล้วประคบตาจะดีที่สุด นอกจากส่วนที่บวมจะยุบลงแล้วสมุนไพรยังช่วยให้ดวงตาสดใสเปล่งประกายด้วย”

เตโชพยักหน้าหงึกหงักอย่างเชื่อฟัง

“งั้นขอตัวก่อนล่ะ จิคุยกับแฟนไปเถอะถ้าถึงคิวแล้วจะมาเรียก”

“ขอบคุณครับพี่ฌาน”

นิฌานยิ้มรับเมื่อผมยอมเรียกชื่อย่อเขาสักที ก่อนจะเดินไปทักทายนักแสดงคนอื่นในกองต่อ ส่วนผมหลังจากคุยกับเตโชเสร็จก็โทรรายงานคมสัน เพราะผู้จัดการของผมไม่ว่างมาดูการถ่ายทำวันแรกเนื่องจากท่านประธานอู้งานมาเฝ้าแฟน

(( ราบรื่นดีมั้ยครับคุณจิ ))

“ฉันซะอย่างมีไม่ราบรื่นด้วยเหรอ” ผมพูดข่มอย่างได้ใจหลังได้รับคำชมจากทั้งจิตรินและนิฌาน

(( แล้ว...กับนิฌานล่ะครับ ))

“ก็เข้ากันดี ทำไม นายกลัวฉันจะหาเรื่องคนอื่นงั้นสิ ฉันไม่ทำอะไรอย่างนั้นหรอกน่า”

(( ผมอยากให้คุณระวังตัวต่างหาก นิฌานเจ้าชู้มากนะ ))

“พี่เขาไม่เห็นจะดูเป็นแบบนั้นเลย” ผมเลิกคิ้ว

(( คุณจิระหลงกลแล้วครับ )) คมสันถอนหายใจเฮือก เหมือนกะไว้แล้วเชียวว่าแกะน้อยอย่างผมต้องโดนหลอก (( นิฌานทำงานในวงการมายี่สิบปี แต่ที่ไม่มีข่าวฉาวมาก่อนไม่ใช่ว่าเขาเข้มงวดกับตัวเองเหมือนอัครเดช แต่เพราะเขาอัธยาศัยดีจนเกินไป คนนอกอาจไม่รู้ แต่วงในน่ะรู้กันดีว่าเขาเจ้าชู้ตัวพ่อ เข้ากองไหนก็ต้องหาเรื่องจีบนักแสดงสักคนไม่เกี่ยงทั้งชายทั้งหญิง เจ้าคารมจนหลายคนคล้อยตามง่ายๆ รู้ตัวอีกทีก็เสร็จเขาแล้ว ))

“แต่...ผมมีเตโชแล้วนะ”

(( ผมพูดตกไป นิฌานไม่เกี่ยงทั้งชายและหญิง รวมทั้งไม่เกี่ยงเรื่องคนคนนั้นมีเจ้าของแล้วหรือไม่ด้วย นิสัยข้อนี้ของเขาทำให้งานในวงการบันเทิงช่วงหลังมานี้ลดน้อยลง คุณจิระไม่แปลกใจเหรอครับที่คนนิสัยดี พูดเก่ง ประสบการณ์เยอะอย่างเขาทำไมถึงอยู่ในช่วงขาลงได้ ))

“...”

(( แม้นักแสดงที่เคยคบกันนิฌานจะไม่เอาเรื่องเพราะเขามักหาเหตุผลมาอ้างให้เห็นใจในการบอกเลิกอย่างแนบเนียน แต่ผู้กำกับหลายคนก็ขยาด ไม่อยากให้เขามาหาเหยื่อในกองหรอกครับ ))

“แล้วจิตริน...ให้นิฌานมาแสดงเรื่องนี้ทำไม” ผมกลืนน้ำลาย คิดไม่ถึงว่าคนหน้ายิ้มชวนคุยอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อครู่จะร้ายกว่าที่เห็น

(( คุณจิตรินคัดคนที่ฝีมือการแสดง เคยรู้ข่าวฉาวเบื้องหลังซะที่ไหนล่ะครับ ))

ผมกุมขมับ ทำไมเข้ากองไหนเป็นต้องมีเรื่องน่าปวดหัวทุกที

(( คุณจิระเองก็อย่าเผลอแล้วกัน ))

 “ไม่มีทางหรอกน่า”

(( ผมรู้ว่าคุณไม่หวั่นไหวกับนิฌาน แต่ให้ระวังอย่าเผลอ...มีข่าวฉาวขึ้นมาอีกก็พอครับ! ))

--------

มาแล้วกับสองตัวละครใหม่ นิฌานกับแสงดาว กับหนังเรื่องใหม่ที่ต้องขอฝากตัวฝากใจด้วยนะคะ

LAD ( Love After Death ) เป็นพลอตที่เราเคยคิดจะเขียนเมื่อนานมากๆๆๆๆๆๆ แล้ว สมัยยังเป็นวัยรุ่นเอ๊าะๆ ด้วยแนวคิดเดียวกับจิตริน คือหากมีตัวละครนำเรื่องที่ไม่ใช่พระเอกกับนางเอกจะเป็นยังไงนะ แต่เพราะเรื่องค่อนข้างไปทางดราม่า แถมตัวนำเรื่องยังเป็นคนอื่นอีก คิดว่าคงไม่เป็นนิยมนัก ( และเราก็ถนัดแต่งแนวหื่นฮามากกว่า ) เลยดองมาตลอดจนได้ฤกษ์ปัดฝุ่นมาให้จิระแสดงค่ะ หวังว่าทุกคนจะชอบกับบทบาทใหม่ของจิระกับบท ‘กันย์’ ด้วยนะคะ

ปล.เห็นเสี่ยแวบๆ มั้ยคะ ตัวประกอบก็จะออกมาแค่นี้แหละค่ะ 555

เพจนักเขียนที่อยากจะพลีกายประคบตาให้หนูจิ (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-01-2018 19:47:24
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 07-01-2018 20:00:25
อยู่กองไหนก็ต้องมีคนเข้าหาจิระตลอดเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-01-2018 20:05:12
ต้องมีเรื้องทุกทีสิน่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-01-2018 20:08:06
เป็นอย่างนี่คาดไว้จริง ลองหนูจิของเสี่ยโผล่หน้ามา เสี่ยก็ต้องโผล่มาเหมือนกัน หนูจินะห่างเสี่ยได้ แต่เสี่ยห่างหนูจิไม่ได้หรอก  o18
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: absolutepoison ที่ 07-01-2018 20:21:39
ตัวสร้างความวุ่นวายโผล่มาอีกแล้ว ตอนนี้มีเสี่ยมาเป็นตัวประกอบด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-01-2018 20:37:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-01-2018 20:58:52
งานเข้า เห็นทีจิระจะมีข่าวฉาวเพราะโดนเต๊าะไม่รู้ตัวหรือเปล่านี่ อยู่กับเตโชมากจนมึนไปตามกันใช่ไหม ฮา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 07-01-2018 21:10:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 07-01-2018 21:14:01
ความท้าทายครั้งใหม่ของนู๋จิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 07-01-2018 21:16:50
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-01-2018 21:29:51
มีคนมาชอบได้ แต่อย่าฉาวอีกนะจิระ สงสารลูกหมาที่รอกินข้าววว 5555555555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 07-01-2018 21:30:27
อยากจะตามเป็นแฟนคลับจิจัง มีชื่อแฟนคลับหรืออะไรรึยังอยากจะไปยืนโบกป้ายไฟให้น้อง เขียนดีมากเลย แบบว่าอินมาก /-\
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 07-01-2018 21:35:00
อยู่กองไหนก็มีแต่คนจีบ 5555 นุ้งจิ ระวังหน่อยนะลูก เดี๋ยวเตโชหึงโหดล่ะ โดนกินทั้งตัวแน่
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 07-01-2018 22:22:39
เปรยมาขนาดนี้แล้ว คิดว่าหนูจิต้องมีข่าวฉาวอีกแน่ๆ ซึ่งไม่อยากให้มีเลย สงสารน้อง น้องเจออะไรมาเยอะแล้ว น้องตั้งใจทำงานทำการมีผัวดีย์ขนาดนี้เลย ขอให้น้องอยู่แบบแฮปปี้ไรราคีมากล้ำกลายด้วยเถิด สาธุ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 07-01-2018 22:47:00
มีลางว่างานเข้า
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 07-01-2018 22:47:32
เสียบทน้อยเหลือเกินค่ะ สงสารร จิระก็สู้ๆ เอาความร้ายของคมสันเป็นแบบอย่างสิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 07-01-2018 22:49:21
จิระแสนซื่ออออ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 07-01-2018 23:12:46
เสี่ยคะ ปลากรอบมากค่ะ ออกมา 0.002วิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 07-01-2018 23:25:49
โถ่หนูจิมากองใหม่แล้วแทนที่จะสบายกลับต้องมาคอยระวังข่าวฉาวอีก เฮ้ออ เหนื่อยแทนหนูจิจริงๆ และกับตอนนี้ขอโบกป้ายไฟ #พี่จิหนูจิ ก่อนนะคะ คู่นี้อยู่ด้วยกันแล้วดีงามมากเลยค่ะไม่งั้นเสี่ยคงไม่ตามมาดูเพราะความขี้หึงหรอก ว่าแต่เสี่ยคะออกมาแค่นี้นี่ถ้าเทียบกับละครทีวีมันก็คือการเดินผ่านกล้องดีๆนี่เอง สมกับเป็นตัวประกอบจริงๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: iiizo ที่ 08-01-2018 02:00:38
ปีชงของจิระสินะ :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 08-01-2018 03:12:55
โอยยย มีแววว่างานจะเข้าจิระอีกแล้วว  สงสารรรร กลัวคนอื่นจะมาก่อเรื่องให้มีข่าวเสียหายอีก กลัวคนแอนตี้จิระเพิ่ม งื้อออ ไรท์อย่าใจร้ายกับจิระน้าาา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-01-2018 11:23:59
จิระสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 08-01-2018 13:08:37
สู้ๆ นะหนูจิ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 08-01-2018 13:42:44
มีสักที่ไหมทีืหนูจิไปแล้วจะไม่เกิดปัญหา  :hao3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 08-01-2018 14:01:05
ุ้ถ้าซีรีส์นี้ฉาย เราคงชิป อัคเอส แน่นอนนนนนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 08-01-2018 16:12:59
รู้สึกตัวเองเป็นติ่งจิระเลย ชอบเวลาเล่นหนัง และชอบเวลาส่วนตัวด้วย

จิระเป็นคนเกี้ยวกาจแบบน่าเอ็นดูอะ เวลาทำใส่เตโช มันรู้สึกน่ารักอ่ะ


หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 27 : พระเอกชื่อดัง - P.29 [7/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 08-01-2018 19:10:04
อยู่กองไหนก็มีเรื่องสินะ  ชีวิตดาราช่างยากเย็น//ถึงจิระจะไม่อยากเป็นก็เหอะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 08-01-2018 20:34:55

ตอนที่ 28

คนเจ้าคารม





เข้ากองวันที่สอง

“อย่ามายุ่งกับฉัน!”

ตุลย์ล่าถอยออกมาจากห้องผู้ป่วยแทบไม่ทันเมื่อถูกปาหมอนเข้าเต็มหน้า อาการของดาวหลังฟื้นขึ้นมามีแต่แย่กับแย่ เธอพร่ำบอกแต่จะตายตามคนรัก โดยที่กันย์คอยยื่นมองห่างๆ อย่างห่วงๆ ไม่สามารถสื่อความในใจถึงเธอได้เลย

มีแต่ต้องพึ่งตุลย์เท่านั้น

“ผมเข้าใกล้เธอไม่ได้” ตุลย์เอ่ยอย่างลำบากใจ ส่วนหนึ่งยอมเฝ้าดาวเพราะรับปากกับวิญญาณตรงหน้าไปแล้ว อีกส่วนคือกลัวว่าเธอจะฆ่าตัวตาย ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่สามารถติดต่อสื่อสารกับวิญญาณ หากมีทางช่วยได้ก็ไม่อยากเห็นคนตายต่อหน้า

“ไม่ต้องห่วง” ผมคลี่ยิ้มสดใส กันย์มักทำให้คนรอบข้างสบายใจเสมอแม้ในยามตัวเองเป็นทุกข์ “ทำตามที่ผมบอกนะ”

ไม่นาน ตุลย์ก็เข้ามาในห้องผู้ป่วยใหม่พร้อมตุ๊กตาหมี หนุ่มวัยใกล้สามสิบอย่างเขาต้องจับแขนนุ่มนิ่มสองข้างของมันขึ้นมา ดัดเสียงเล็กพลางพูดปลอบหญิงสาวตามคำบอกเล่าของวิญญาณ

“พี่ดาวครับ ผมเหงามากเลย พี่ดาวจะให้ผมเข้าไปใกล้ได้รึเปล่าครับ”

นี่เป็นวิธีที่กันย์เคยง้อหญิงสาวสมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่

“พี่ดาวร้องไห้ทำไม อย่าร้องสิครับ ถ้าจะร้อง...ก็อย่าร้องคนเดียว ร้องกับอกของผมเถอะนะครับพี่ดาว”

ได้ผล ดาวเลิกโวยวาย แต่รับตุ๊กตาหมีมากอดแนบอกพร้อมสะอื้นไห้ด้วยความคิดถึงคนรักสุดหัวใจ

คนรัก...ที่ยืนมองตุลย์ช่วยลูบหัวแฟนสาวอย่างปลอบโยน ภาพแสนอบอุ่นนั้นทำให้ผมเผลอเอื้อมมือออกไปข้างหน้า อยากแทนที่ของตุลย์ อยากลูบศีรษะดาว แต่มือกลับทะลุผ่านทั้งคู่ ลมเย็นหวิวที่พัดผ่านอย่างผิดปกตินั้นทำให้ตุลย์เหลือบมอง

กันย์เปลี่ยนสีหน้าทันควัน ชักมือกลับเปลี่ยนเป็นยกนิ้วโป้งพร้อมฉีกยิ้มกว้างอย่างชมเชยว่าทำดี

“คัต!”

หยาดน้ำตาหลั่งรินอาบแก้มทันทีที่ผู้กำกับสั่งคัต เป็นผลจากการที่ต้องแสดงเป็นกันย์ เด็กหนุ่มที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อคนรักแม้ว่าตัวเองจะกล้ำกลืนความรู้สึกอยู่ก็ตาม

ภายใต้รอยยิ้มสุดท้ายที่ยิ้มจนตาหยีนั้นแท้จริงแล้วพยายามฝืนน้ำตาไม่ให้ไหล พอจบฉากผมเลยกลั้นไม่อยู่ สะอึกสะอื้นอย่างกับเด็กน้อยไม่แพ้แสงดาว

แต่ร้องไห้ได้น่าสงสารกว่าหลายเท่า

ทีมงานไม่กล้าเข้าใกล้เนื่องจากกลัวนักแสดงจะปรับอารมณ์ไม่ทัน มีเพียงนิฌานกับแสงดาวที่เข้ามาช่วยปลอบผม บอกให้ค่อยๆ คลายความเป็นตัวละครนั้นเพื่อกลับเป็นจิระคนเดิม

โชคดีชะมัดที่วันนี้จิตรินไม่ได้เข้ากอง

“ขอโทษครับ ผมไม่เคยเล่นบทแบบนี้มาก่อน” ผมเอ่ยกับทั้งคู่หลังสงบจิตสงบใจลงมาก เทียบกับมิสเตอร์เอสที่ลึกกว่า ซับซ้อนกว่า บทของกันย์แสดงง่ายกว่ามากเพราะเผยความเศร้าโศกจากการตายและการลาจากคนรักอย่างชัดเจน และก็เพราะความรู้สึกที่ฉายชัดของเขานั่นแหละที่ทำให้ยิ่งจมดิ่ง

“ไม่เป็นไร คนเราก็ต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้น” นิฌานเอ่ยเสียงอ่อนโยนราวผู้คร่ำวอดในวงการที่พร้อมช่วยเหลือนักแสดงตัวเล็กๆ อย่างผม “จิน้ำตาสั่งได้แบบนี้อนาคตไกลแน่นอน ดูอย่างดาวสิ กว่าจะเข้าฉากต้องยืนถ่างตาตั้งนาน”

“เดี่ยวเถอะพี่ฌาน ประจานดาวแบบนั้นได้ยังไง” นักแสดงสาวประท้วง เธออายุเท่ากับผม อนาคตกำลังสดใสด้วยรูปร่างหน้าตาที่ค่อนไปทางน่ารัก แถมยังตัวเล็กกะทัดรัดน่าเอ็นดู ขนาดยืนเทียบกับผมยังสูงเลยบ่ามานิดเดียวเอง “ดาวเป็นผู้หญิงนะ จะร้องไห้ก็ต้องให้มั่นใจว่าออกมาสวยด้วยสิ”

“จ้าจ้า” นิฌานหัวเราะร่วน แต่หันมาแฉกับผมต่อ “จิรู้มั้ยว่าวิธีทำให้น้ำตาไหลน่ะมีเยอะมากนะ อย่างดาวใช้วิธีไม่ยอมกะพริบตานานๆ แต่นั่นน่ะเห็นผลช้าเกิน ถ้าให้เร็วหน่อยต้องเอายาหม่องทาเปลือกตา”

“แสบตายชัก” ผมบ่นอุบ

“ใช่ แสบมาก พี่เคยทำตอนเด็กๆ ปรากฏว่าร้องไห้จ้าจนถ่ายต่อไม่ได้เลย”

ทั้งผมทั้งแสงดาวหัวเราะตามพระเอกดังที่แบ่งปันประสบการณ์ไม่มีกั๊ก นิฌานคุยเก่งมาก สามารถเล่าเรื่องราวของวงการตลอดยี่สิบปีมานี้อย่างออกรส ถ้าไม่เพราะคมสันเตือนมาก่อนผมก็คงยังมองไม่ออกว่าคนคนนี้เจ้าชู้ประตูดินขนาดไหน

“เมื่อเช้าแฟนจิมาส่งเหรอ พี่เห็นเราลงจากรถตรงหน้าบริษัทพอดี”

แถมยังช่างสังเกต

“ใช่ครับ”

“จิอยู่ที่คอนโด xxx รึเปล่า”

“...ใช่”

“ว่าแล้วเคยเห็นรถคนนั้นบ่อยๆ จิอยู่คอนโดเดียวกับพี่เลย!”

ผมระแวดระวังนิฌานสุดขีด เขามาไม้นี้แสดงว่าต้องเนียนถามเบอร์ห้องแน่

“โชคดีจัง แบบนี้ถ้าวันไหนเราไม่เข้าใจก็ลองมาถามพี่ได้นะ อยากให้ช่วยซ้อมบทต่อบทก็ไม่ต้องเกรงใจ พี่อยู่ชั้นสิบเจ็ด ห้องหนึ่งเจ็ดสามสอง อันนี้นามบัตรพี่ เราโทรมาถามก่อนแล้วกันว่าพี่อยู่รึเปล่า ส่วนดาว เรามีเบอร์พี่อยู่แล้วนี่ คงไม่ต้องแจกซ้ำหรอกใช่มั้ย”

ผิดคาด เขาไม่ได้รุกโจ่งแจ้งแต่ใช้วิธีให้ผมติดต่อเขาเองตามความสะดวกใจ

“พี่ฌานแจกนามบัตรให้กับดารากันเองเยอะกว่าพวกนักข่าวอีกนะคะ”

“แซ็วกันเหรอดาว เดี๋ยวเถอะ เย็นนี้พี่จะเบี้ยวนัดไม่เลี้ยงอาหารญี่ปุ่นที่ดาวชอบแล้ว”

“พี่ฌานอย่าทำแบบนั้นสิ รับปากดาวก็ห้ามกลับคำสิคะ”

“พี่แค่ล้อเล่น โทรจองร้านตั้งแต่เมื่อวานจะไปยกเลิกได้ยังไง ต่อให้ดาวจะแซ็วจะล้อพี่แค่ไหนก็ต้องทน เอาให้เต็มที่เลยน้องสาว พี่ชายคนนี้จะเป็นที่ระบายอารมณ์ให้เธอเอง”

“พี่ฌาน!”

ผมมองสองหนุ่มสาวหยอกล้อกันตรงหน้าแล้วชักไม่แน่ใจ

บางทีนิฌานอาจจะจีบแสงดาว...ใช่มั้ยนะ

 






“ใช่ พี่กำลังจีบดาว”

ผมเงยมองนิฌานที่ยืดอกยอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำหลังเราถ่ายทำกันต่อจนจบคิวของวันนี้ ผมรอเตโชมารับ ส่วนพระเอกคนดังก็รอแสงดาวเปลี่ยนเสื้อเพื่อเตรียมไปดินเนอร์ด้วยกัน

“จิอย่าบอกดาวล่ะ เพราะกว่าพี่จะชวนให้ไปกินข้าวด้วยกันก็แทบแย่ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป พี่ไม่รีบร้อนเพราะเรายังต้องถ่ายทำกันอีกนาน”

“แต่พี่เพิ่งเจอดาวแค่ไม่กี่ครั้งเองนะ” ผมล่ะสงสัยมาเขาเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน เจอหน้าไม่กี่ครั้งก็ล็อกเป้าจีบ บ้าไปแล้ว!

“โธ่ จิ ความประทับใจแรกพบเป็นสิ่งสำคัญ ตอนพี่เจอหน้าดาวก็สนใจเขาแล้ว และในเมื่อสนใจ...จะเข้าไปทำความรู้จัก ชวนไปกินข้าว ดูหนัง พูดคุยกันมันผิดตรงไหน จิอาจได้ยินเรื่องไม่ดีของพี่มาเยอะ พี่ยอมรับ พี่เป็นประเภทตกหลุมรักคนง่าย แต่ที่เป็นแบบนี้เพราะพี่อกหักบ่อยจนกลายเป็นคนโหยหาความรัก ทุกครั้งที่คบกัน พี่เป็นฝ่ายถูกบอกเลิกตลอดเลยนะ”

“งั้นพี่ควรพิจารณาตัวเองได้แล้ว”

“จิก็พูดตรงเกินไป” นิฌานลูบแก้มแก้เก้อ “พี่อาจจะนิสัยไม่ดีก็จริง แต่ทุกครั้งที่คบกับใครพี่จะคบแค่คนเดียวมาตลอด พอเลิกก็ช้ำหนักจนต้องหาคนใหม่ดามใจ กลายเป็นวังวนไม่รู้จบที่รู้ตัวอีกทีก็โดนหาว่าเจ้าชู้แล้ว”

งั้นผมควรจะตอบอะไรเป็นการรักษาน้ำใจเขาดีล่ะเนี่ย

“ที่พี่บอกไม่ได้อยากให้จิเข้าใจ แต่แค่อยากให้จิไม่กีดกันการจีบครั้งนี้ของพี่”

“ผมไม่ขวางหรอก อยากทำอะไรก็เรื่องของพี่”

“ดีมากน้องรัก” นิฌานโอบไหล่ผมรวดเร็วเป็นการขอบคุณ ไม่ทันจะขยาดเขาก็ปล่อยมือแล้ว “อวยพรให้พี่โชคดีด้วยนะ ถ้ารักครั้งนี้สมหวัง คบแล้วไม่โดนบอกเลิกก็ดี พี่จะได้เลิกเป็นคนเจ้าชู้สักที”

ผมโบกมือไล่เขาส่งๆ ทั้งรอยยิ้ม อดคิดไม่ได้ว่านิฌานก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าที่คมสันปรามาส ยังไงซะ...ข่าวฉาวๆ ของคนในวงการบันเทิงก็มักจะใส่สีตีไข่จากเดิมอยู่แล้ว ผมควรจะรู้ซึ้งแก่ใจดี

“นายอยู่ไหนแล้วเนี่ยเตโช!” ก่อนจะโทรไปเกรี้ยวกราดใส่คนหน้ามึนที่ป่านนี้ยังมาไม่ถึงบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์อีก

(( ร้านชา ))

“ไปทำอะไรตรงนั้น!” ผมถามอย่างโมโห ก่อนจะนึกได้ว่าเมื่อวานนิฌานพูดอะไรไว้ “นายจะซื้อมาประคบตาฉันเหรอ”

(( อืม ))

ช่วงนี้เราสองคนต่างยุ่งเรื่องงาน จะหาเวลาว่างไปซื้อของจุกจิกก็ทำได้ยาก เตโชคงสบโอกาสที่วันนี้เลิกงานเร็วเลยแวะไปซื้อถุงชาให้ผม

“ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ ฉันว่าถุงชาก็ไม่ได้ดีไปกว่าเจลเย็นหรอก”

(( ลองดู ))

ทุกครั้งที่เห็นผมร้องไห้จนตาแดงก่ำ คนหน้ามึนจะเอานิ้วจิ้มๆ แล้วทำหน้าเหมือนลูกหมาถูกงดข้าวสามมื้อก็ไม่ปาน

“งั้นมาเร็วๆ ล่ะ ฉันจะรอ”

(( ครับแฟน ))

 




กล่องชาสีแดงประทับตราสีทองตรงหน้าหรูจนน่าประหลาดใจ

ผมแทบจะไม่กล้าแกะและแทบร้องจ๊ากกับราคาที่แพงกว่าที่คิดหลายเท่า จะด่าก็ด่าไม่ออกในเมื่อเตโชตั้งใจซื้อให้ผม เลยลองชงกินพิสูจน์รสชาติเอาตอนหนึ่งทุ่มเป็นการล้างปากหลังกินข้าวเสร็จ ลองจิบแล้วก็พบว่ารสชาติหอมหวานตลบอบอวล สมแล้วที่เป็นชาดี

“นายรู้จักร้านพวกนี้ด้วยเหรอ” ชงเสร็จผมก็เก็บที่เหลือใส่กล่องให้เรียบร้อย ของแพงต้องถนอมหน่อย

“พี่ฌานแนะนำมา”

ผมหันขวับจนคอแทบหัก เกือบทำกล่องชาตกพื้น

ทำไมคนหน้ามึนถึงเรียกนิฌานว่าพี่ฌานทั้งที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน!

“นายไปรู้จักเขาได้ยังไง”

“เมื่อวาน....พี่ฌานโทรมา” เตโชตอบเสียงเรียบเรื่อยแม้จะเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นผมเดินดุ่มๆ เข้ามาด้วยสีหน้ากึ่งหาเรื่อง

“แล้วเขารู้เบอร์นายได้ยังไง”

“ไม่รู้” คนหน้ามึนมองผมงุนงงว่าทำอะไรผิด ก่อนจะจับมือให้นั่งเคียงข้างกัน เพราะวันนี้เช็กเมทฉายตอนที่สิบเจ็ดแล้ว เท่ากับว่าอีกอาทิตย์เดียวก็จะถึงตอนอวสานที่หลายคนรอคอย

แต่ผมกลับไม่มีสมาธิดูแม้แต่น้อย สงสัยว่าทำไมนิฌานต้องไปหาเบอร์เตโชเพื่อแนะนำร้านชาด้วย มันดูจงใจไปรึเปล่า หรือว่าเขาจะจีบเตโช...แต่จีบประสาอะไรถึงให้คนหน้ามึนไปซื้อถุงชามาประคบตาผมกันล่ะ

เว้นแต่ว่านิฌานจะหวังดีจริงๆ

ไม่เชื่อ ผมไม่เชื่อ!!

“เตโช” ปกติเวลาดูเช็กเมท พวกเราจะนั่งตัวติดกันอย่างตั้งใจ หนักหน่อยก็เป็นผมที่กระตุกแขนเสื้อเขาเบาๆ ทุกครั้งเมื่อถึงฉากลุ้นระทึก “วันหลังถ้าพี่ฌานโทรมาอีกต้องบอกฉันนะ”

แต่งวดนี้ผมปีนขึ้นไปนั่งตักคนหน้ามึน หันหลังให้โทรทัศน์ แล้วกระชากคอเสื้อให้สนใจแฟนมากกว่ามิสเตอร์เอส

“พี่ฌานแนะนำ บอกว่าช่วงนี้จิระต้องร้องไห้บ่อย ให้ซื้อถุงชามาตุน”

“ไมได้! แนะนำดีแค่ไหนก็ไม่ได้!! เลิกเรียกว่าพี่ฌานอะไรนั่นด้วย เขาเจ้าชู้มากนะนายรู้บ้างมั้ย เขากำลังจะจีบนาย เขากำลังจะจีบนาย!!”

เตโชมองผมเหมือนแฟนเสียสติอีกแล้ว ทำไมแฟนถึงสติหลุดบ่อยจังนะ น่ารักจังเลย

“มันแปลกออกที่จู่ๆ โทรหานาย ถ้าจะแนะนำร้านชาบอกผ่านฉันก็ได้นี่ แถมยังทำให้นายเรียกพี่ฌานได้อีก เขาต้องจีบนายแน่ๆ! เตโชฟังฉันนะ นายต้องบล็อ...”

ผมเบิกตาค้างเมื่อคนหน้ามึนก้มหน้าพลางแนบปากนาบบนริมฝีปากผม

นิ่งไปครู่ใหญ่กว่าจะตั้งสติได้ ผมหันมากระชากคอเสื้อเตโชอีกครั้ง

“ฉันบอกว่านายต้อง...อื้อ!”

โดนจูบอีกแล้ว แถมยังบดเบียดหนัก งวดนี้ค้างนานกว่าเดิมหนึ่งนาที

ผมหอบหายใจหน้าแดงก่ำ ยังไม่ลดละความพยายาม

“พี่ฌานไว้ใจไม่ได้ นายห้าม...เฮ้ย!” เผลอร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ คนหน้ามึนก็พลิกตัวจับผมกดบนโซฟา ซีรีส์เช็กเมทดำเนินไปอย่างเข้มข้น ส่วนตัวผมนั้นกำลังจะโดนเผด็จศึกไม่ต่างกัน

“พรุ่งนี้ฉันต้องเข้ากองตอนเช้า...” ผมพูดเบาราวกระซิบเมื่อเตโชก้มหน้าจูบไม่ยอมหยุด เดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบาสลับกันไปจนตัวอ่อนยวบยาบ “เฮ้ย แล้วนั่นนายจะลุกไปไหน!”

“ช่วยตัวเอง”

“ช่วยตัวเองทำไมฉันนั่งหัวโด่อยู่นี่!”

“จิระต้องเข้ากองตอนเช้า”

ผมอยากจะเอาหัวโหม่งโซฟาตายชะมัด ไม่สิ จับหัวเตโชโขกเต้าหู้น่าจะดีกว่า เผื่อสารอาหารจะซึมซับให้เขาหายมึนสักที

“ฉันเตือนให้นายทำเบาๆ ห้ามทำรอย ไม่ได้ห้ามไม่ให้เอาโว้ย!”

พูดออกมาตรงแด่วด้วยเสียงอันเกรี้ยวกราด

ตะโกนจบก็เพิ่งมาเห็นว่าเตโชยืนมองผมด้วยรอยยิ้มมุมปากที่กวนประสาทขนาดไหน

เล่นใหญ่อีกแล้ว....โดนเตโชเล่นใหญ่หลอกอีกแล้ว!

ผมหันหลังหนีนั่งขดตัวซุกขอบโซฟาอย่างโมโห ก่อนจะร้องโวยวายเมื่อถูกอุ้มเข้าห้องนอน

ยังจะรออะไรกันอีก แพนกล้อง! แพนกล้อง!!





“ติดสินบนไง”

วันต่อมา ด้วยสภาพถูกจับกินไปสองยก ผมก็พาสารร่างอันทรุดโทรมของตัวเองมาไขข้อสงสัยกับนิฌานที่ยิ้มร่ามีความสุขเพราะดินเนอร์เมื่อวานราบรื่นด้วยดี

“ติดสินบนเตโชให้ทำดีกับจิ จิจะได้ไม่ขวางพี่”

“ทำเรื่องให้มันยุ่งยากนะพี่ฌาน” ผมเอ่ยเคืองๆ พลางนวดขมับเพราะเมื่อคืนนอนน้อย...อย่าถามเชียวว่าเพราะอะไร

“แล้วได้ผลรึเปล่าล่ะ”

“ได้ผลอะไร” ผมสะดุ้ง เพราะการติดสินบนของพี่แกทำให้เสียตัวแบบงงๆ

“พี่หมายถึงถุงชา จิคิดอะไรเนี่ย”

“เปล่า...” รีบปฏิเสธก่อนความแตก ก่อนจะลองแตะเปลือกตาเพื่อพิสูจน์สรรพคุณ “ผมว่าได้ผลนะ วันนี้ตาหายบวมแถมรู้สึกสดชื่นขึ้นด้วย”

ต้องยกความดีให้เตโชที่หลังเสร็จกิจก็ประคองผมไปอาบน้ำล้างตัว โดยไม่ลืมนำถุงชาในช่องแช่เย็นมาประคบให้ตอนนอน

“เพราะกลิ่นชาไง” นิฌานคลี่ยิ้มอย่างพอใจ “ชาชื่อดังจะมีกลิ่นหอมๆ ออกมา ประคบตาแล้วยังนอนหลับสนิทอีกต่างหาก เยี่ยมเลยใช่มั้ยล่ะ”

“ขอบคุณครับพี่ฌาน”

เป็นอันหมดข้อสงสัยในตัวผู้ชายคนนี้โดยสิ้นเชิง


--------------------

และแล้วหนูจิก็โดนกินเป็นครั้งที่สองหลังจากกลับจากพัทยาเพราะหึงนิณานกับเตโช(?)

จิระความจริงแล้วเป็นคนหัวอ่อนที่ค่อนข้างคิดมากคิดเยอะนะคะ และก็เพราะความคิดมากถึงได้มีนิิสัยเกรี้ยวกราดขี้หงุดหงิด ขนาดเตโชกับนิณานยังโยงกันได้อีก ก็ไม่แปลกที่เตโชที่ไม่เคยจะคิดอะไรเลยสัญชาตญาณดิบกำเริบ นึกอยากกินตับขึ้นมา ก็จิระตอนโวยวายเนี่ยน่ารักจังเลยสิน้าาาา

ส่วนนิณานมาดีมาร้าย...มาลองเดากันเถอะค่ะ จากชื่อก็บ่งบอกแล้วว่าเราตั้งใจตั้งขนาดไหน 555

เพจนักเขียนที่เพิ่งสังเกตว่าเรื่องนี้ไม่มีคนชื่อสมเลย (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-01-2018 20:48:30
เป็นแผนหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 08-01-2018 20:56:28
น้องจิ~~~~
กลัวขว้างงูไม่พ้นคอน่ะซิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 08-01-2018 21:10:08
 :z6: :z6: ไอ้นิทานนนนน เอ้ยยย ณิชาณนนน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 08-01-2018 21:21:03
จริงด้วยเป็นตัวละครที่เพิ่มมาแล้วไม่ใช่ตระกูล “สม”
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 08-01-2018 21:28:43
โดนเตโชจับกินอีกแล้วว เอ๊ะ ไม่ใช่สิ จิเต็มใจมากกกกกกๆ นี่นา  :hao6:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 08-01-2018 21:29:42
ดูกันไปยาวๆ :mew4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 08-01-2018 21:37:11
ปกติ เราระแวงคนที่พึ่งรู้จักแล้วเข้ามาพูดดีทำดีมากๆนะคะ มันรู้สึกว่า มากเกินไป อย่างกรณีนิฌาณ ก็อาจมาดีก็ได้ แต่ที่แน่ๆตอนนี้นางจีบแสงดาว แต่ก็เหมือนหว่านสเน่ห์ใส่จิระด้วย ถ้าไม่รู้มาก่อนว่า นิฌาณหญิงก็ได้ชายก็ได้ เราก็คิดว่า น่าจะเป็นคนดีพอสมควรนะ แต่ก็นั่นล่ะกัยคนเขียนแล้ว เราว่าก็ต้องดูกันต่อไป
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 08-01-2018 21:49:33
เตโชจะมึนไปน่ารักไปไม่ด้ายยยยยย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-01-2018 22:05:47
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 08-01-2018 22:18:26
ถูกหึงถูกหวง อารมณ์ดีเลยล่ะสิเตโช
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 08-01-2018 22:35:05
ใจสั้นกับความเจ้าเล่ห์ของเตโช ชอบเวลาหมาน้อยกลายร่างเป็นหมาป่าคือถึงจะดูมึนๆแต่ความหื่นนี่้ต็มร้อยนะครับ ส่วนพี่ฌานนี่คิดว่าอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับหนูจิหรือเตโชจริง แต่กลัวว่าถ้าทีหลังมีปัญหาจะมาโบ้ยให้หนูจินี่สิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-01-2018 22:43:11
ยังไงนิฌานก็ยังดูไม่น่าไว้ใจ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 08-01-2018 22:47:26
นิฌานหลอกให้จิระตายใจหรือเปล่า เนียน ๆ ไป ทำให้จิระไม่คิดอะไร
ต่อไปจะทำยังไง ก็จะง่ายขึ้น และเหมือนหลอกเตโชไปในตัวว่าที่ตัวเองเข้าใกล้จิระไม่ได้มีอะไรจริง ๆ แค่พี่ชายอะไรแบบนี้เปล่า
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 08-01-2018 23:01:23
เราว่าเขาจะจีบทั้งสองคน เผลอๆสาม รวมเตโช 5555555555555555  :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 08-01-2018 23:05:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 08-01-2018 23:11:23
นิฌานไม่น่าไว้ใจเลย กลัวจะมาร้ายจัง คนเขียนตั้งใจตั้งชื่อด้วย ต้องระวังคนนี้ให้มากๆนะจิระิ :hao5:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: soul love ที่ 08-01-2018 23:12:02
จีบเตโช คนหน้ามึน ชัวร์ 5555+
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mizuamechang ที่ 08-01-2018 23:33:45
นิฌานมาไงไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ เตโชเจ้าเล่ห์มากง่ะ
โอ้ย นังคนผีทะเล อยู่ๆจับเค้ากดเฉย  :katai5:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 08-01-2018 23:47:23
ไม่ได้เข้ามาอ่านไม่กี่วัน เข้ามาเจออัพไปสองสามตอนแล้ว
อ่านเพลินเลยสิเรา สะใจอิช้อยนัก!!!
ก้มหน้าอ่านไปแปปๆ อ่ะ! หมดแล้ว o22 :z3: :z3:

“เฮ้ย แล้วนั่นนายจะลุกไปไหน!”

“ช่วยตัวเอง” Me// :a5: :a5: :a5:

โว๊ย5555555 โอ๊ยยย เต่โช้!!!! 5555555
แหม ตั้งแต่กลับมาจากพัทยาชั้นก็เห็นแล้วย่ะ ว่าภายใต้ความมึนของเธอมีหมาป่าแสนเจ้าเล่ห์ที่แอบมึนนิดๆ(?)ซ่อนไว้อยู่
ปล. เกลียดการหันมายิ้มมุมปากก่อนอุ้มเข้าห้อง :hao7: :hao7:

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 08-01-2018 23:51:31
รู้สึกติดเชื้อจิระมาส่านิฌานนี่ไม่ไว้ใจเอาเสียเลยยยย
เดี๋ยวนี้ลูกหมาหัดเจ้าเล่ห์​นะคะ โอ้โหเล่นเบอร์​ใหญ่​เพื่อจะได้กินเขาาา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 09-01-2018 01:08:31
บอกตรงๆไม่ไว้ใจเลย เรามันคนขี้ระแวง555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-01-2018 01:49:38
โฮกกกกกกกก เอะอะ เอะอะ ก็แพนกล้อง ๆ ตกลงทั้งห้องนอนเตโช ห้องนอนจิระ ห้องกินข้าว ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องแต่งตัว ห้องน้ำ ห้องเก็บของ ระเบียงห้อง มันมีกล้องกี่ตัวฟะ ช่วยเอาออกไปให้หมดได้ปะ เสียรมณ์เวลาอ่าน  :o211: o12
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-01-2018 06:15:59
เตโชนี่ทำมึนๆแต่เล่นไปสองยก555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 09-01-2018 11:22:12
รู้สึกตัวเองเป็นโรคหวาดระแวงหลังจากเจอเรื่องที่โดนหลอกครั้งที่แล้ว

รู้สึกอะไรก็ไว้ใจไม่ได้ และพี่ณานอะไรเนี่ย แกคุกวงในเร็วมาก ทั้งจิ ทั้ง เตโชเลย

ยิ่งหลอน  ระวังตัวไว้หน่อยแล้วกัน



เตโช เรามั่นไส้หนักมาก หลังๆร้ายนะยะ แรกๆทำมาเป็นใสๆ 55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-01-2018 13:18:43
แผน แผนแน่ๆ ต้องเป็นแผนแน่ๆ เลยอิพี่ฌาณ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 09-01-2018 15:16:38
เหมือนจะกินรวบ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 09-01-2018 19:16:40
บางครั้งเตโช อาจแกล้งบื้อก็เป็นได้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: marshall ที่ 09-01-2018 19:24:14
จิระเกรี้ยวกราดน่ารัก อยากเป็นเตโชจะจุ๊บสักที
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 09-01-2018 20:26:47
เตโชเป็นคนไสยๆ แอบความเจ้าเล่ห์ไว้ภายใต้ความมึน หนูจิถึงโดนหลอก เอ๊ย ติดกับบ่อยๆ 555 เราคงจะเห็นพัฒนาการด้านการแสดงออกของเตโชมากขึ้นแน่ๆ ส่วนนิฌานนั้น...ขอรอดูต่อไปก่อนนะคะ แต่ไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่โดยเฉพาะเมื่อคมสันถึงกับเอ่ยเตือนเองเลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 09-01-2018 20:54:49
คนเฟรนลี่ต่างกะคนเจ้าชู้นะ นี่เฟรนลี่ภาษาอะไรอยู่ๆโทรหาแฟนคนอื่นทั้งที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน เจ้าชู้ของแท้! คิดไม่ซื่อ! ทำดีบังหน้า! แน่นอน!
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-01-2018 22:16:55
จะมาดีมาร้าย มันต้องดูกันยาวๆ เนอะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 28 : คนเจ้าคารม - P.30 - [8/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 10-01-2018 12:24:17
นิณาน ชื่อดี ไม่มีสม 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วย - P.31 [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 10-01-2018 21:09:56


ตอนที่ 29

อยู่ด้วยกัน



วันนี้เตโชมาเฝ้าผมที่กองถ่าย

เห็นว่าอยากมาเจอนิฌานสักครั้ง แต่พอมาถึงไม่ทันได้แนะนำตัวหรือทักทายใคร ก็โดนนายจิตริน ทองคำดีลากไปฝอยใส่ไม่ยอมหยุดเพราะเห็นว่าเขาเป็นแฟนผม ทั้งซักทั้งถามทั้งโม้ จนผมถ่ายจบไปสามฉากจิตรินยังพูดจ้ออยู่เลย

“จิตริน ฉันขอแฟนคืนได้มั้ย” ผมถามเขาอย่างสุภาพในช่วงพักกองเพราะเห็นเตโชเริ่มตาลอย

“ได้สิ” จิตรินยิ้มหวาน ดีอกดีใจเมื่อเห็นผมมีความรักที่สมหวัง “แต่แฟนจิระเงียบไปหน่อยนะ ต้องชวนเขาคุยให้มากๆ เข้าล่ะ!”

อา...ไม่รู้จะตอบอะไรเลย


หลังช่วยชีวิตเตโชมาได้ผมก็กระซิบถามเบาๆ ด้วยความอยากรู้สุดขีด

“นายคุยอะไรกับจิตรินตั้งนานสองนานเนี่ย”

“ไม่รู้”

“อ้าว ทำไมถึงไม่รู้ได้ล่ะ”

“หูดับ”

ผมหลุดหัวเราะพรืด จิตรินฝอยหนักขนาดคนหน้ามึนหูดับได้ สุดยอดเกินบรรยายเลยทีเดียว

“นั่นน่ะอดีตมิสเตอร์เอสที่นายเคยชอบนะ” ผมใช้ไหล่สะกิดไหล่เขาพลางกระเซ้าเย้าแหย่ “นายทำกับคนที่เคยปลื้มอย่างนั้นได้ยังไง”

ตอนสารภาพความลับสุดแฟนตาซี ผมหึงเตโชกับจิตริน ส่วนเตโชหึงผมกับเสี่ย นึกแล้วก็ตลกชะมัด

“วันนี้ไม่ร้องไห้?”

“อืม วันนี้ไม่มีฉากร้องไห้ ถ้าต้องเสียน้ำตาทุกวันในกองมีหวังตัวแห้งกันพอดี ขอเวลาให้ร่างกายฉันผลิตน้ำบ้างเถอะ” ผมแตะเปลือกตาที่ดีขึ้นมากหลังได้ถุงชาประคบก่อนนอน “ดีจังที่วันนี้นายมาด้วย”

เตโชลูบศีรษะผมเบาๆ เมื่อได้ยินคำนั้น

“ฉันยังปรับตัวกับกองถ่ายนี้ไม่ชินเลย อยู่กับจิตรินแล้วสบายใจก็จริงแต่ไม่มีใครทำให้ฉันรู้สึกดีเท่าอยู่กับนายอีกแล้ว”

เตโชเปลี่ยนจากลูบหัวเป็นโอบกอดผมเบาๆ ก่อนจะรีบปล่อยแล้วเปลี่ยนมาเป็นจับมือ เกาะเกี่ยวปลายนิ้วหากันกึ่งเล่นกึ่งหยอกเย้า เนื่องจากอยู่ในห้องสตูดิโอท่ามกลางทีมงานหลายชีวิตเลยไม่กล้าทำอะไรโจ่งแจ้งนัก

อาจเพราะบทของกันย์ค่อนข้างสะเทือนอารมณ์ ทำให้ช่วงนี้ผมพลอยเป็นพวกหวั่นไหวง่าย หากเป็นแต่ก่อนอย่าหวังเลยว่าจะพูดอะไรหวานๆ ต่อหน้าเตโช แต่เพราะเพิ่งถ่ายฉากที่กันย์ยืนมองตุลย์ขอดูแลดาวหลังออกจากโรงพยาบาล โดยมีพ่อแม่ทั้งของกันย์และของดาวสนับสนุนยินดี ผมถึงได้รู้สึกวูบโหวง ติดความอ้างว้างของวิญญาณแสนโดดเดี่ยวที่ไม่อาจพูดความในใจกับใครได้นั้นเกาะกินจิตใจจนหน่วงหนึบ

อยากให้คนสำคัญรับรู้ถึงตัวตน

ไม่อยากถูกทิ้งให้ต้องยิ้มส่งกับความรักที่เคยเป็นเจ้าของ

ผมเอนตัวพิงกับเตโช กำปลายนิ้วของเขาแน่น สูดกลิ่นอายที่คุ้นเคย สัมผัสไออุ่นที่ซึมซาบเข้ามา

“จิ มาซ้อมบทกันหน่อยมั้ย ใกล้เวลาเข้าฉากต่อไปแล้วนะ” นิฌานวิ่งเยาะๆ มาตามผม ก่อนจะยกมือขอโทษขอโพยเมื่อเห็นผมกับเตโชยืนอิงแอบแนบชิดกันอยู่ “พี่มาขัดจังหวะพวกเรารึเปล่าเนี่ย”

“ไม่หรอกพี่ฌาน” ผมปล่อยมือเตโช หันไปกำชับเขา “นายห้ามไปไหนนะ จะเข้าห้องน้ำก็รีบไปตอนนี้เลย แต่ถ้าฉันเข้าฉาก นายต้องยืนดูข้างๆ จะเล่นโทรศัพท์ก็ไม่ได้ ต้องมองฉันคนเดียวเท่านั้น”

“โหดจัง” นิฌานพึมพำกับคำสั่งเฉียบขาดของผม

แต่เตโชเพียงพยักหน้ารับ ก่อนจะลูบหัวผมเบาๆ

แฟนใครน่ารักจริงเชียว





“ทำไมพี่ต้องบังคับดาวด้วย! เราไม่รู้จักกันสักหน่อย ทำไมพี่ต้องมายุ่งกับดาว!”

“เพราะพี่ไม่อยากให้ดาวตาย!”

หลังตุลย์พาดาวกลับบ้าน และตัดสินใจเข้ามาดูแลดาวโดยการเก็บข้าวของมาร่วมอาศัย ทั้งสองคนก็ทะเลาะหนักเพราะดาวไม่คิดเปิดใจ ตุลย์ถึงขนาดขอลางานหนึ่งเดือนเพื่อดูแลผู้หญิงคนนี้อย่างใกล้ชิด จนกว่าจะมั่นใจว่าเธอจะไม่ฆ่าตัวตายอีก

“อย่ามาสงสารดาว!”

“พี่ไม่ได้สงสารดาว แต่พี่อยาก...ให้ดาวยิ้ม ให้ดาวหัวเราะ ให้ดาวมีชีวิตที่ดี”

“ดาวจะยิ้มและหัวเราะได้ยังไงในเมื่อกันย์ต้องตายเพราะดาว”

“ไม่...ผมไม่ได้ตายเพราะดาว” ผมค่อยๆ โอบกอดหญิงสาวที่ซุกตัวร้องไห้สะอึกสะอื้น “ผมไม่ได้ตายเพราะดาว ผมอยากให้ดาวยิ้ม อยากให้ดาวหัวเราะ อยากให้ดาวมีความสุข...”

“พี่มองเห็นวิญญาณ พี่มองเห็นกันย์” ตุลย์ตัดสินใจสารภาพความจริงเมื่อเห็นภาพสะเทือนใจตรงหน้า มือโปร่งแสงที่แม้จะพยายามกอดแค่ไหนก็ทำได้เพียงทะลุผ่าน

“อะไรนะ”

“ดาวคิดว่าพี่ช่วยดาวได้ยังไงทั้งที่เราไม่รู้จักกัน พี่รู้เพราะกันย์เป็นคนบอก เขาเป็นคนขอร้องให้พี่เรียกรถพยาบาล บอกชื่อจริงของดาว บอกที่อยู่ของดาว พี่ถึงเข้าไปช่วยดาวได้!”

“ไม่...ไม่จริง”

“จนถึงตอนนี้กันย์ก็ยังอยู่ข้างดาว! เขาอยากให้ดาวยิ้ม อยากให้ดาวหัวเราะ อยากให้ดาวมีความสุข เพราะอย่างนี้พี่ถึงมาดูแลดาว เพราะกันย์บอกให้พี่อยู่กับดาวจนกว่าจะมั่นใจว่าดาวจะมีชีวิตของตัวเอง” ตุลย์เอ่ยเสียงเครือ “ชีวิต...ที่ไม่มีกันย์อีกแล้ว”

“ดาวทำไม่ได้!”

“ดาวต้องทำให้ได้ เพราะกันย์เอง...ก็พยายามอยู่เหมือนกัน” ตุลย์เงยมองผมที่ยืนนิ่งไม่ตอบคำ “ใช่มั้ยกันย์”

“ใช่” ผมพยายามฝืนยิ้ม สร้างความมั่นใจว่าตุลย์ทำถูกต้องแล้ว “ดาวต้องมีชีวิตอยู่ให้ได้ ชีวิตที่...ไม่มีผม”

“มาพยายามด้วยกันเถอะนะดาว เราสามคน พี่ ดาว และกันย์” ตุลย์นั่งคุกเข่าตรงหน้าหญิงสาว พร้อมยื่นมือออกมาด้านหน้าด้วยแววตาสั่นไหว “พยายามด้วยกันเถอะ”

ผมค่อยๆ หลุบตาลงเมื่อเห็นดาวเอื้อมมือไปหาตุลย์อย่างเชื่องช้ากึ่งลังเล

ฉากในวันนี้จบที่ตรงนั้น ตรงที่ภาพกลายเป็นสีดำเมื่อกันย์หลับตา ได้ยินเพียงคำตอบรับของดาวซึ่งบอกเป็นนัยว่าเธอยอมจับมือกับตุลย์

“ดาวจะลองดู...เพื่อกันย์”

“คัต!”

ผมพุ่งไปหาเตโชทันทีที่สิ้นเสียงของผู้กำกับ ตรงดิ่งเข้าไปกอดเขา จนมั่นใจว่าสองมือไม่ได้ทะลุผ่าน ผมยังสัมผัสคนรักได้ รับรู้ถึงมือของเตโชที่ค่อยๆ โอบตอบแผ่วเบาอย่างทะนุถนอมถึงพอวางใจ

“ถ้าเป็นแบบนี้จะแย่เอานะครับคุณจิระ”

ผมสะดุ้งเฮือก เงยมองเลขาจอมมารที่ไม่รู้ว่าเข้ากองมาได้ยังไงในเมื่อช่วงเช้ายังไม่เห็นเลย

“คุณจิตรินเป็นคนตามผมมา เห็นว่าคุณจิระดูอาการไม่ค่อยดี”

“ฉันสบายดี” ผมพูดแม้จะยังกอดเตโชไม่ปล่อย คนหน้ามึนนั้นค่อนข้างอินดี้และเก็บตัว เลยเลือกยืนอยู่ริมสตูดิโอไม่เกะกะขวางทางคนอื่น คอยลูบหัวลูบไหล่ปลอบเป็นระยะ

“จิระอาการไม่ดี”

ผมเงยมองคนหน้ามึนที่พูดแทรกทันควัน ก่อนจะก้มหน้ากัดปาก เพราะพอรู้ตัวเองว่าก็ไม่ได้ดีอย่างที่เห็น

ความจริงอาการนี้เคยปรากฏมาก่อนตอนผมแสดงเป็นมิสเตอร์เอสในตอนที่สิบหกและตอนที่ยี่สิบ เมื่อมุมมองเรื่องถูกเปลี่ยนเป็นตัวละครนั้นๆ เมื่อไหร่ ผมจะทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจจนกลายเป็นคนคนนั้นทันที เมื่อได้ยินเสียงคัต อารมณ์จะยังคั่งค้างยากปรับให้เป็นปกติ โชคดีที่ตอนแสดงเช็กเมทมีแค่สองตอนเท่านั้น เมื่อจบกองก็เป็นอันจบลง

แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ ผมต้องเข้ากองในทุกวัน ทำให้ไม่กล้าสลัดความรู้สึกหน่วงหนึบของกันย์ออกทั้งหมด หรือให้ถูกคือพยายามทิ้งความเป็นกันย์ไว้แม้จะจบฉากไปแล้ว จนบางทีก็เผลอเอามาปะปนกับชีวิตจริง

“ก็แค่ช่วงนี้เท่านั้นแหละ” ผมเกาะเตโชเป็นขี้ปลาทอง “ถ้าถ่ายจบก็หาย และจะอาการหนักแค่ช่วงเพิ่งถ่ายเสร็จใหม่ๆ ด้วย กลับบ้านฉันก็เป็นคนเดิม เนอะเตโช”

เตโชไม่ตอบ เอ่อ...ผมอาจจะเอาแต่ใจและเรียกร้องความรักจากเขามากขึ้นหน่อยละมั้ง...

“ใกล้จะสิ้นเดือนแล้ว คุณเตโชยกเลิกสัญญาเช่าแล้วย้ายไปอยู่กับคุณจิระสิครับ” คมสันสรุปวิธีแก้ปัญหาให้ “คุณจิระจ่ายสดซื้อห้องไปแล้ว ถ้าคุณสองคนอยู่ด้วยกัน คุณเตโชเองก็ไม่ต้องถูกหักเปอร์เซ็นต์จากทางบริษัทในเรื่องนี้ด้วย แถมยังได้อยู่ใกล้ชิดดูแลกันมากขึ้น ไม่ดีเหรอครับ”

“ทำตัวเป็นพ่อสื่ออีกแล้ว” ผมบ่นอุบ

“เรื่องขนของพวกคุณคงทำกันเองได้ใช่มั้ย งั้นรีบจัดการซะนะครับ เพราะห้องของคุณเตโชจะประกาศขายต่อ เวลามีคนมาขอดูห้องจะได้ไม่เป็นปัญหา”

“ขอบคุณ” เตโชเอ่ยเสียงราบเรียบ

“ไปขอบคุณจอมมารทำไม วันนี้ฉันก็ตั้งใจจะชวนนายมาอยู่ด้วยกันอยู่แล้วนะ คมสันตัดหน้ากันชัดๆ เลย!” ผมพูดจริงไม่ได้ล้อเล่น เพราะไหนๆ ช่วงนี้เตโชก็มาขลุกกับผมบ่อยๆ แล้วจะแยกห้องเขาห้องเราทำไม สู้มาอยู่ด้วยกันเลยดีกว่า ไม่ใช่ว่าตอนกลางคืนผมเผลอสะดุ้งตื่นบ่อยๆ เพราะหลงนึกว่าตัวเองกลายเป็นวิญญาณจนไปซุกอกเขาหรอกนะ เชื่อสิ

“หืม คุณจิระเรียกผมว่าอะไรนะครับ”

เชี่ยแล้วไง!

เบลอหนักขนาดพูดฉายาในความคิดต่อหน้าคมสันเลยเหรอเนี่ย! กล้ามากจิระ! วอนตายมาก!!

ผมมองซ้ายมองขวา ก่อนจะตัดสินใจชิ่งหนีเข้าห้องน้ำ แต่พอเดินไปได้สามก้าวก็วกกลับ จับมือเตโชลากไปด้วยกันเพราะยังรู้สึกหวิวๆ ไม่กล้าอยู่คนเดียว

คนหน้ามึนมองผมยิ้มๆ คงขำที่โตป่านนี้ยังต้องหาคนไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อน

“มาตกลงกันก่อนว่าถ้าย้ายมาอยู่ห้องฉันแล้วห้ามทำรกนะ”

เตโชพยักหน้าหงึกหงัก

“ฉันยกห้องนั่งเล่นให้นาย แต่ห้ามขยายอาณาจักรขยะกระดาษของนายมาที่ห้องนอนเด็ดขาด แล้วก็ห้ามทิ้งซี้ซั้วเกลื่อนพื้น ต้องเหลือทางเดินให้ฉันบ้าง”

เตโชพยักหน้ารับคำเป็นระยะ

“ตอนฉันซ้อมบทอยู่ในห้องน้ำ ถ้านายปวดเบาหรือปวดหนักขึ้นมาห้ามเปิดพรวดพราด ให้เคาะประตูบอกก่อน” ผมไล่นิ้วข้อควรจำ เพราะปกติแล้วเวลาทำงาน ผมกับเตโชจะแยกย้ายไปห้องใครห้องมัน เลยไม่มีปัญหาเรื่องขยะกระดาษหรือการเข้าห้องน้ำ “ตอนนายต้องการสมาธิแต่งเพลง ฉันก็จะเก็บตัวอยู่ในห้องนอนไม่กวน ถ้าจะออกไปข้างนอกก็จะเคาะประตูก่อนเหมือนกัน ดีมั้ย”

“ดี”

“ตู้เสื้อผ้าในห้องฉันเต็มแล้ว...คงต้องให้นายขนตู้ที่ห้องตัวเองมาด้วย พวกโปสเตอร์วงดนตรีโปรดของนาย ฉันอนุญาตให้ติดกำแพงห้องครึ่งหนึ่ง หนังสือเพลงกับหนังสือการ์ตูนของนายก็ไปไว้ที่ห้องนั่งเล่นข้างนอก...ฉันว่าเราไปซื้อชั้นสูงๆ มาเลยดีกว่าจะได้ไม่รกห้อง แล้วมีอะไรอีกนะ...”

“รูปจิระ”

“เอ่อ...รูปของฉัน” ผมหายใจสะดุดเล็กน้อยเมื่อนึกถึงรูปสุดเคลิ้มของตัวเองที่รายการสัมภาษณ์อัดใส่กรอบให้เตโชเป็นของขวัญ “ติดไว้ตรงโซฟาละกัน นายจะได้มีกำลังใจทำงาน”

นับนิ้วแล้วข้อตกลงที่ควรมีก่อนอยู่ด้วยกันก็น่าจะครบถ้วนสมบูรณ์ดี ผมเหลือบมองคนข้างกายเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกมาอ้อมแอ้มเสียงเบาหวิว

“ฝากตัวด้วยนะ”

เตโชมองผมด้วยสีหน้ามึนงง ก่อนจะเผยยิ้มจางออกมา

“ฝากตัวด้วย...ครับ”


-----------

และแล้วสองคนนี้ก็อยู่ด้วยกัน(สักที)ค่ะ 5555 ปกติเวลากลับก็ตัวติดกันอยู่แล้วเนอะ ทดแทนในช่วงเวลาทำงานกัน แต่ในเมื่อย้านสำมะโนครัวเป็นทางการแล้ว แสดงว่าก็เป็นสามีภรรยาทางพฤตินัยแล้วใช่มั้ยคะ ( เอ๊ะ หรือเป็นมานานแล้ว 5555 )

เหลืออีกไม่กี่ตอนเรื่องนี้จะจบแล้วนะคะ ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ติดตามกันมา เวลาถึงช่วงท้ายทีไรเราก็ใจหายทุกที เพราะผูกพันกับตัวละคร เพราะกลัวว่าจะแต่งไม่ดี อยากให้ทุกคนอ่านกันด้วยความรักและสนุกสนาน เอาใจช่วยจิระกับเตโชกันด้วยนะคะ ^ ^


เพจนักเขียนที่พร้อมส่งทั้งคู่เข้าเรือนหอ (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)

หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 10-01-2018 21:19:53
คมสันไม่รู้ฉายาตัวเองได้ไง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 10-01-2018 21:21:41
นอกจากจะอินกับชีวิตนอกจอของจิระแล้ว ยังชอบบทละครที่จิแสดงด้วยจังเลยค่ะ อยากติดตามต่อไปเรื่อยๆว่าจะเป็นยังไงเหมือนเช็คเมทเลย
คุณจอมมารนี่ทำหน้าที่พ่อสื่อได้ดีจริงๆเลยนะคะ ฮ่าาา ชอบกฎการอยู่ร่วมกันของทั้งคู่ ทำให้เห็นว่าแม้จะเป็นแฟนย้ายมาอยู่ร่วมกันแล้วเราก็ยังต้องให้เกียรติซึ่งกันและกันอยู่นะ เราแชร์โลกร่วมกันแต่เรายังต้องมีสเปซของตัวเองอยู่บ้าง
เตโชดูโตขึ้นเป็นจากลูกหมาตัวเล็กกลายเป็นโกลเด้นตัวใหญ่ปกป้องเจ้านายได้แล้ว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 10-01-2018 21:34:58
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 10-01-2018 21:35:53
สนุกมาก ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 10-01-2018 21:36:56
จอมมารคมสัน อุ้ย!! หลุดปาก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 10-01-2018 21:40:54
ใจหายด้วยยยยยยย  ไม่อยากให้จบเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 10-01-2018 21:47:15
จิระดิ่งกับตัวละครเกินไปรึเปล่า
เราว่าต้องหาวิธีที่ทำให้หลุดจากตัวละครเร็วๆให้ได้นะ
ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปจะแย่เอาน่ะสิ
อารมณ์สวิงแบบนี้จะน่ากลัวนะ
จิระต้องหาวิธีฮีลตัวเอง เตโชช่วยด้วยก็ได้
ส่วนนิฌาน เรายังไม่วางใจนะคะ
ยังต้องมีอะไรแน่ๆเลย
ตั้งใจเข้ามาขัดจังหวะชัวร์
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-01-2018 22:02:21
ตลกตอนเตโชเจอจิตรินค่ะ เหมือนไม่ได้ใส่ถ่านมา สงสารรรรรร 555555555555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-01-2018 22:10:04
ยิ้ม~~~
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 10-01-2018 22:24:15
รอหนังจิระ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-01-2018 22:44:08
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 10-01-2018 22:58:25
ในที่สุดก็มาอยู่ด้วยกันซักที
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 10-01-2018 23:26:26
ถ้าจะมีอะไรเหลือนอกเหนือจากนี้อีกก็คงเป็นการจดทะเบียนแล้วล่ะ หวังว่าจะไม่ต้มมาม่าให้กินส่งท้ายหรอกนะคะ อย่าเลยนะ พลีส
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-01-2018 23:28:42
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-01-2018 23:39:26
จะเริ่มใช้ชีวิตคู่แบบจริงจังแล้วซินะ โต ๆ กันแล้วซินะทั้งหนูจิ และเตโช  :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-01-2018 23:55:23
เหมือนคู่รักกำลังย้ายเข้าเรือนหอ 5555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 11-01-2018 01:53:52
สงสารตอนเตโชเจอจิ 55555 ถึงกับหูดับ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 11-01-2018 11:07:45
ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 11-01-2018 12:45:10
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 11-01-2018 12:50:32
เตโชดูแลจิระหน่อยช่วงนี้ จะย้ายไปอยู่ด้วยกันแล้วนิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-01-2018 13:00:08
ก่อนหน้านี้ยังมีพื้นที่่ของตัวเอง ย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วจะตีกันไหมนี่
ใกล้จบแล้วเหรอ ยังอยากอ่านต่ออีกหลาย ๆ ตอนเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 11-01-2018 13:39:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 11-01-2018 13:49:00
 :impress2: :impress2: เค้าอยู่ด้วยกันล้าวววววว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: สาว801 ที่ 11-01-2018 14:07:56
แต่งงานเข้าเรือนหอกันแล้ว :-[
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 11-01-2018 14:20:13
ฉากขอแต่งงานชัดๆ อร๊ายยยยยย >\\\\<
ส่วนท่านจอมมาร ก้อได้รู้ฉายาตัวเองวันนี้ 55555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 11-01-2018 14:52:37
สงสารเตโช ปกติก็มึนๆไม่ค่อยพูดอยู่แล้วเจอสกิลฝอยขั้นเทพของนายจิตริน ทองคำดีเข้าไปถึงกับหูดับ :m20: :m20:
แล้วมีการมาบอกว่าคนอื่นพูดน้อยอีก เธอนั่นแหละช่างฝอยหนักไปจิตริน!!!
ตอนนี้ก็ได้มาอยู่ด้วยกันจริงๆแล้วสินะ ไม่ต้องเทียวกินข้าวไปมาอีกแล้ว

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 11-01-2018 16:38:55
 :hao7: :hao7: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 11-01-2018 17:41:43
ว่าจะรอให้จบก่อนแล้วค่อยมาอ่านเพราะไม่อยากค้างคา แต่ทนไม่ไหวแล้ว 555555 รักในความเกรี้ยวกราดของจิระ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 11-01-2018 22:08:19
อยู่ด้วยกันแล้วว  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 11-01-2018 23:04:08
ฝากตัวด้วยนะ แหมๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: marshall ที่ 11-01-2018 23:51:20
จิระออกเรือนแล้วว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 12-01-2018 00:12:25
งื้อออ อยู่ด้วยกันนนน ดีจัง ต้องน่ารักมากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 29 : อยู่ด้วยกัน - P.31 - [10/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: PKeng ที่ 12-01-2018 18:32:22
มาอยู่ด้วยกันแล้ว 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 12-01-2018 19:17:59


ตอนที่ 30

จมดิ่ง



หลังย้ายมาอยู่ด้วยกัน ผมก็ตัวติดกับเตโชหนึบเป็นตังเม ถ้าไม่นับเรื่องนี้แล้วก็ถือว่าไม่มีปัญหา เพราะพวกเราต่างค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากันอยู่แล้วนับตั้งแต่กลับจากพัทยา อารมณ์คล้ายกับตอนเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนเป็นแฟน คือทุกอย่างคงเดิม เพิ่มเติมคือใกล้ชิดกันมากขึ้น

อย่างตอนนี้ ตอนที่ผมนอนเอกเขนกกับโซฟาโดยมีถุงชาประคบตา เตโชก็นั่งเล่นกีตาร์เบาๆ อยู่กับพื้นพลางเอนตัวพิงเข้าหา วิธีแก้สภาพจิตใจจมดิ่งของผมหลังถ่ายหนังเสร็จที่ดีที่สุดตอนนี้คือดนตรี ซึ่งการอยู่ด้วยกันครั้งนี้ก็มีโอกาสได้ฟังเตโชเล่นกีตาร์มากขึ้นเพราะเขาขนลูกรักมากองไว้ในห้องผมหมด

กีตาร์สามตัววางเรียงอยู่ตรงกระจกริมระเบียง ข้างๆ กันนั้นคือขยะกระดาษที่เขาขยำส่งๆ เดี๋ยวคลี่มาแก้ เดี๋ยวก็โยนทิ้ง วางกองเป็นภูเขาขนาดย่อม ไม่กระจัดกระจายตามพื้นอย่างที่ตกลงกันไว้

ห้องซึ่งตกแต่งอย่างเรียบง่ายก็มีของประดับมากขึ้น ทั้งโปสเตอร์ ทั้งรูปภาพของผม เครื่องเรือนที่เพิ่มขึ้นมาคือชั้นหนังสือและตู้เสื้อผ้าของเตโช ทำให้ดูคับแคบขึ้นมาทันที

แต่ก็อบอุ่นใจไม่น้อย

ผมนอนหลับอย่างแสนสบายเคลิ้มไปกับเสียงเพลงของเตโช ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อมีสายเข้ากะทันหัน

“พี่ฌาน โทรมาอะไรตอนดึกๆ ดื่นๆ เนี่ย”

(( พี่คบกับดาวแล้ว! ))

เสียงตะโกนอย่างดีใจเล่นเอาหูแทบแตก ผมกดเปิดลำโพงเพื่อให้เตโชฟังด้วยกันจะได้ไม่ต้องมานั่งอธิบายหลังคุยเสร็จว่าทำไมนักแสดงชายถึงโทรหาผมเอาตอนห้าทุ่ม

(( ดาวเพิ่งตกลงคบกับพี่เมื่อกี้เอง คิดถูกจริงๆ ที่พามาดินเนอร์ใต้แสงเทียน...ท่ามกลางวิวกรุงเทพยามดึกที่ตึกใบหยก พี่ขอคบด้วยการเขียนบนหน้าเค้กแล้วให้พนักงานยกมาเซอร์ไพรส์ ตอนเห็นดาวถึงกับยิ้มกว้างเลยล่ะ ))

“ไม่ต้องเล่าละเอียดมากก็ได้พี่ฌาน” ผมนวดขมับเพราะถูกปลุกกะทันหันตอนกำลังหลับสบาย เตโชเห็นอย่างนั้นเลยส่งยาดมให้อย่างรู้ใจ “ยินดีด้วยแล้วกัน คบกันให้นานๆ อย่าโดนหักอกอีกนะพี่”

(( ปากเสียนะจิ ))

นิฌานเอ็ดอย่างไม่จริงจังนัก คาดว่าเขากำลังมีความสุขมากฟังจากน้ำเสียงที่เริงร่าซะเหลือเกิน

(( ที่พี่โทรมาไม่ใช่แค่ให้เราแสดงความยินดีอย่างเดียวหรอกนะ แต่พี่อยากให้เราปิดเป็นความลับด้วย ดาวยังไม่อยากเปิดตัว จิก็รู้ใช่มั้ยว่าชื่อเสียงพี่ไม่ค่อยดี และดาวก็ยังเด็ก มีอนาคตไกล ถ้าเกิดไปกันไม่รอดก็จบลงที่คนสองคน แต่ถ้าเป็นข่าวขึ้นมาแล้วเลิกกัน...คนที่ถูกมองไม่ดีน่ะคือดาว ))

“ผมเข้าใจ ดาวไม่อยากเปิดตัวเพราะกลัวข่าวเจ้าชู้ของพี่น่ะสิ”

(( เฮ้อ...พี่ก็ต้องพยายามต่อไป จนกว่าดาวจะยอมรับและยอมเปิดตัวว่าคบกัน พี่จริงจังนะจิ พี่อายุก็มากแล้ว ทำงานวงการมานับยี่สิบปี พี่อยากเจอคนที่จริงใจ คนที่จะก้าวไปด้วยกันเหมือนจิกับเตโช ))

ผมสบตากับคนหน้ามึนพร้อมส่งยิ้มให้กัน

“ของอย่างนี้อยู่ที่บุญและวาสนา”

(( เอาเถอะ พี่ไม่กวนเราแล้ว เอาเป็นว่าอย่ากระโตกกระตาก แล้วอย่าบอกดาวว่าเรารู้ด้วยล่ะ ที่พี่บอกเพราะอยากอวด แต่ดาวเขาอยากปิด เข้าใจใช่มั้ย ))

“เข้าใจน่าพี่ฌาน ไม่ต้องย้ำมากหรอก”

(( ดีมากน้องรัก แล้วพรุ่งนี้เจอกันที่กองนะจิ ))

“ครับ แล้วเจอกัน” ผมวางสายก่อนจะขยับตัวให้เตโชขึ้นมานั่งบนโซฟา “พรุ่งนี้นายไม่ไปด้วยจริงๆ เหรอ”

“ปฏิเสธผู้จัดการไม่ได้”

“อืม...ฉันรู้” ผมเอียงตัวซบไหล่เขา รู้สึกจุกหน่วงอย่างบอกไม่ถูกเมื่อหลังจากนี้เตโชต้องเตรียมเดินทางโปรโมตอัลบั้มหลังปล่อยซิงเกิ้ลมาหลายเพลง โดยมีเพลงเคียงใจเป็นซิงเกิ้ลสุดท้าย และจะเผยมิวสิกวีดีโอพร้อมประกาศข่าวดีในวันพรุ่งนี้

ผมรั้งเขาอยู่กับตัวเองทุกวันไม่ได้ เพราะพวกเราต่างมีความฝันที่ต้องทำให้สำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใจหวิวแปลกๆ ในเมื่อยิ่งถ่ายทำ บทบาทของกันย์ก็ยิ่งชอกช้ำหนักขึ้นทุกที

สู้สิจิระ สู้โว้ย!

 




“ดาว คบกับพี่เถอะนะ”

“ดาวยังไม่พร้อมค่ะ ดาวยัง...ลืมกันย์ไม่ได้”

“พี่ไม่ได้บอกให้เราลืมกันย์ เพราะพี่รู้ว่ากันย์จะเป็นรักแรกของดาวตลอดไป แต่พี่อยากเป็นรักสุดท้ายของเรา ให้โอกาสพี่เถอะนะดาว”

ตลอดหนึ่งเดือนภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของตุลย์ ทำให้ดาวเริ่มยิ้มมากขึ้น หัวเราะมากขึ้น กล้าออกไปข้างนอก ไปดูหนัง กินข้าว ฟังเพลงอย่างที่เคยเป็น แต่ตุลย์ต้องกลับไปทำงานที่ขอลาไว้ ไม่สามารถดูแลหญิงสาวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงได้อีกต่อไป เพราะอย่างนั้นถึงต้องการความมั่นใจ ขอดาวคบเป็นแฟนหลังได้รับความเห็นชอบจากกันย์

“กันย์...กันย์ยังอยู่ตรงนี้ใช่มั้ยคะตุลย์”

“ครับ กันย์อยู่ตรงนี้ มองเราสองคนเสมอ เขายิ้มไปกับดาว หัวเราะไปกับดาว และเขาก็เป็นคนให้พี่ขอดาวคบด้วย ฉะนั้นดาวไม่ต้องรู้สึกผิด คิดว่าการคบกับพี่เป็นการทรยศกันย์หรอกนะ” ตุลย์มองวิญญาณที่ยืนตรงกลางระหว่างพวกเขาด้วยคำขอบคุณที่คอยแนะนำหลายๆ อย่างว่าควรเข้าหาหญิงสาวอย่างไรให้เธอเปิดใจ “ถ้าดาวมีความสุข กันย์ก็จะมีความสุขด้วยนะ”

“ใช่แล้วดาว ตอบรับไปเถอะ ไม่ต้องห่วงผม” ผมเอ่ยแม้รู้ดีว่าคนรักจะไม่ได้ยิน ก่อนจะเผยยิ้มสดใส กระตุ้นให้ตุลย์บอกรักดาว “คุณก็ชักช้าอยู่ได้ พูดคำนั้นออกไปสักทีสิ!”

“พี่โดนกันย์เอ็ดเข้าแล้ว” ตุลย์หัวเราะ “ดาว พี่รักดาวนะ ไม่ใช่ว่าสงสารหรือเห็นใจ ถ้าความรู้สึกแค่นั้นพี่คงไม่ยอมทิ้งงานเพื่อมาอยู่กับดาว ถ้าสิ่งนั้นทำให้ดาวไม่มั่นใจ นึกระแวงพี่ พี่ก็จะบอกตรงนี้ว่าพี่รักดาว”

“ให้มันได้แบบนี้ถึงจะเป็นลูกผู้ชาย” ผมยกนิ้วอย่างชอบใจ

“คบกับพี่นะครับ”

ดาวลังเลเล็กน้อย มองความว่างเปล่าข้างตัวที่ผมยืนอยู่ตรงนั้น

“ผมรู้ว่าดาวรักผม และรู้ว่าดาวรักตุลย์...” ผมเอ่ยกับคนรักทั้งรอยยิ้มสดใสแกมซุกซน “ฉะนั้นดาวอย่าฝืนใจตัวเองเลย ผมน่ะเป็นผีไปแล้วนะ ดาวยังจะคิดมากอะไรอีก วู้!”

ตุลย์หลุดหัวเราะกับความพยายามของวิญญาณที่ลุ้นกับเหตุการณ์ตรงหน้ายิ่งกว่าใคร

“กันย์เอ็ดคุณแทนแล้วนะดาว เขาบอกว่าคุณคิดมากเกินไป”

“กันย์...” ดาวยิ้มบางเมื่อนึกถึงคนรักเก่า “ดาวขอโทษนะ”

“ขอโทษผมทำไม ดาวเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองก็ถูกต้องแล้ว โดยเฉพาะเมื่อสิ่งที่ดีที่สุดของดาวผมเป็นคนคัดเองกับมือ” ผมยังพูดติดตลก แม้เปลือกตาจะสั่นไหวเมื่อรู้ว่าจะอะไรเกิดขึ้น

“ดาวตกลงคบกับคุณค่ะตุลย์”

“จริงๆ นะครับ”

“จริงค่ะ”

“เย้!” ผู้ชายวัยยี่สิบตอนปลายชูมืออย่างดีใจก่อนจะรีบกอดหญิงสาวด้วยความรักและหวงแหน “กันย์ นายเห็นมั้ย ฉันกับดาวคบกันแล้วนะ”

“เห็นสิวะ โอ๊ย เหม็นความรัก” ผมยกมือปัดๆ ตรงหน้าเหมือนปัดแมลงวัน “ไม่ขัดจังหวะคู่รักใหม่แล้ว ดูแลดาวให้ดีด้วยล่ะ ไม่งั้นฉันจะมาหลอกนายให้หัวโกร๋นเลยคอยดู”

“ฉันสัญญา ฉันจะดูแลดาวให้ดีที่สุด”

“ดี!” ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก ก่อนจะรีบลอยหนี เมื่อพ้นสายตาของตุลย์กับดาวแล้วถึงค่อยๆ ทรุดตัวนั่ง ซบหน้ากับเข่าของตัวเอง

“ดีแล้วดาว...”

เสียงนั้นสั่นเครือ เต็มไปด้วยความสุขและความทุกข์ปะปนกันไป

“ดีแล้ว...”

“คัต!”

ผมรีบปาดน้ำตาทันที วันนี้ไม่ได้จมจ่อกับอารมณ์นานเหมือนทุกวัน เพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ

“จิ ทำอะไรน่ะ!” นิฌานวิ่งตามเยาะๆ เมื่อผมรีบถลาไปหยิบโทรศัพท์ที่ฝากกับทีมงานขึ้นมาเปิดอย่างเร่งร้อน

“วันนี้เอ็มวีเคียงใจออก!” พูดจบผมก็รีบหามิวสิกวีดีโอของเตโชทันที พบว่าแม้จะเพิ่งอัพลงยูทูปแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่ยอดวิวขึ้นหลักแสนอย่างรวดเร็ว อยากรู้ชะมัดว่าเขาแสดงเก่งขึ้นหรือแย่ลงถึงได้ผลตอบรับดีขนาดนี้

นิฌานร่วมด้วยช่วยกันมุง แสงดาวเองก็ทนความสงสัยไม่ได้จับกลุ่มดูด้วย

“ว้าย...” เพียงเริ่มมิวสิกวีดีโอไม่ถึงหนึ่งนาที แสงดาวก็ยกมือปิดปากอุทานด้วยน้ำเสียงเขินอาย...ส่วนผมนั้นหน้าแดงก่ำ จะกดปิดก็ไม่ทันแล้วในเมื่อสองนักแสดงนำประกบซ้ายขวา

ไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครรับฟัง ไม่มีใครต้องการ

มิวสิกวีดีโอนี้เขาแสดงนำจริงๆ แต่เป็นการร้องเพลงในห้องดำมืด ที่ค่อยๆ มีแสงสว่างส่องเข้ามา คล้ายกับว่าโลกของเขาถูกรุกรานด้วยใครบางคน

แต่เมื่อมีเธอเข้ามา ข้างกายฉันไม่เคยเงียบเหงา

และคนคนนั้นก็คือผม ...ตัวผมที่เป็นตุ๊กตายัดนุ่นตัวกลมบ็อกขนาดเท่าครึ่งหนึ่งของคนปกติตกแหมะอยู่ตรงหน้าเตโชพอดิบพอดี แม้จะดูออกอยากเพราะไม่เหมือนตัวจริงมากนัก แต่สำหรับแฟนคลับของเขา หรือคนที่ตามข่าวจิระ จะรู้ทันทีว่าตุ๊กตานั้นคือใคร

เป็นมิวสิกวีดีโอที่ติงต๊องชะมัด!

ผมพูดอะไรไม่ออกเมื่อดูจบ เพราะเตโชนั่งร้องเพลงให้ตุ๊กตาฟังทั้งเพลง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลัง ที่เตโชลงทุนลุกขึ้นมาเดินวนรอบตุ๊กตาด้วยสีหน้าจริงจังเหมือนกำลังขอความรักจากสิ่งไม่มีชีวิต บางทีก็คุกเข่า บางทีก็เข้าไปนั่งเบียดจนตุ๊กตาล้มกลิ้งขลุกๆ รีบวิ่งตามไปจับตั้งแทบไม่ทัน

ภาพที่ตัดสลับไปมาระหว่างหน้าตุ๊กตาฉบับซูม กับสีหน้ามึนอึนของเขานั้นก็ทั้งตลกทั้งน่ารัก ในตอนสุดท้ายที่เตโชหลับใหลอย่างผ่อนคลายแสนสบายไปพร้อมกับตุ๊กตาตัวนั้น ก็เป็นภาพแสนอบอุ่นจนคนดูอดยิ้มตามไม่ได้

มิน่าล่ะยอดวิวถึงพุ่งเอาๆ ขนาดนี้!

อย่าว่าแต่ใครเลย ขนาดผมเองยังอึ้งกับการทุ่มเทสุดตัวของคนหน้ามึนที่ไม่เคยออกอาการบ้าบอหนักท่ามกลางสาธารณะชนขนาดนี้ ตอนทำไปจะนึกเขินบ้างมั้ยนะ เพราะตอนนี้ผมทั้งเขินทั้งอายแดงก่ำไปถึงหู

“เตโชกับจิระเวลาอยู่ด้วยกันแล้วน่ารักมากเลยนะ” แสงดาวออกความเห็น “ขนาดเป็นจิระเวอร์ชั่นตุ๊กตา ยังน่ารักมากๆ เลย”

“นั่นสิ รักกันมากจนน่าอิจฉาเลยนะเนี่ย”

“ก็บอกแล้วว่าของแบบนี้ขึ้นอยู่กับวาสนาด้วย...” ผมเผลอปากไวกับคำค่อนแคะแบบทีเล่นทีจริงของนิฌาน ก่อนจะแอบเหล่ตามองเขากับแสงดาวด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย

“เดี๋ยวเถอะจิ” นิฌานรู้ทัน รีบขยิบตาบอกให้ผมอย่าพูด

“อะไรกันเนี่ยสองคนนี้” แสงดาวมองพวกเราทั้งคู่อย่างงุนงง

“ไม่มีอะไรหรอกดาว” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกเมื่อหันมาเห็นภาพเตโชในมิวสิกวีดีโอแล้วอดคิดถึงเขาไม่ได้

“ช่วงนี้เตโชติดงานล่ะสิ”

“ใช่ พี่รู้ได้ไง” ผมมองนิฌานอย่างสงสัย

“ก็วันนี้เห็นเตโชไม่มากอง พี่เลยลองโทรถามตอนจิแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อเมื่อเช้าไง เขาบอกว่าช่วงนี้จะยุ่งๆ หน่อย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้พี่ช่วยดูจิด้วย”

“เตโชไม่พูดมากขนาดนั้นหรอก” ผมย่นหน้า

“โอเค พี่ยอมรับว่าแอบเติมเองนิดหน่อย แต่เรื่องยุ่งคงจริงสินะ”

“พี่เลิกโทรหาเตโชของผมเลยนะ” หงุดหงิดชอบกลเมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าแอบติดต่อคนหน้ามึนลับหลัง นอกจากจะหวงตัวแล้วผมยังหวงคนรักด้วย “ช่วงนี้เขาคงไม่มาเฝ้าผมที่กองแล้ว จนถ่ายเสร็จนั่นแหละ”

“คิดถึงก็โทรหาสิ”

“ผมส่งข้อความไปแล้ว แต่เขาไม่อ่านไม่ตอบ แสดงว่าตอนนี้ไม่ว่าง” ผมยักไหล่ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าฝากไว้กับทีมงานอีกครั้งเพื่อเตรียมตัวถ่ายฉากต่อไป ในเมื่อเตรียมใจแล้วจะมัวงอแงได้ยังไง “สู้โว้ย!”

 




และแล้วซีรีส์เช็กเมทก็มาถึงตอนจบ

ผมนั่งกอดตุ๊กตาจิระที่เตโชเอากลับมาจากบริษัทหลังเปิดตัวมิวสิกวีดีโอเพลงเคียงใจตั้งแต่หลายวันก่อน กลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความเหงาที่ใกล้เกรี้ยวกราด

“นายอยู่ไหน” ผมโทรหาคนหน้ามึน

(( ในงาน... ))

“ซีรีส์เช็กเมทฉายจะจบแล้วนะ วันนี้เป็นตอนสุดท้ายด้วย”

(( ขอโทษ ))

น้ำเสียงเรียบเฉยที่ปกติจับความรู้สึกแฝงได้นั้นวันนี้กลับฟังเย็นชาเหลือเกิน อาจเพราะอคติบดบัง อาจเพราะผมกำลังผิดหวัง เลยกดปิดโทรศัพท์ทันทีด้วยความโมโห ปามันลงโซฟาด้วยกลัวแตก ก่อนจะปาตุ๊กตาจิระทิ้ง อีกนิดก็เกือบจะปาตัวเองออกไปด้วยเว้นแต่ทำไม่ได้

สงบใจไว้จิระ นายก็รู้ว่าวันนี้เตโชมีงานเปิดตัวสำคัญที่ปฏิเสธไม่ได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเอาใจนายมากแค่ไหนก็รู้ ยอมปัดงานตั้งเยอะเพื่อนาย แต่วันนี้มันวันอาทิตย์สิ้นเดือน ทางบริษัทเป็นคนกำหนดให้อัลบั้มเริ่มวางขายวันนี้ เตโชต้องไปร้องเพลงโชว์สดๆ เพื่อกระตุ้นยอด นายจะงี่เง่าไม่ได้นะ ยุบหนอ...พองหนอ...

ผมหยิบยาดมมาถือเปรียบเสมือนเป็นเครื่องรางอันศักดิ์สิทธิ์ หลังสูดดมหลายครั้งเข้าก็เริ่มสงบใจ

แต่พอเห็นมิสเตอร์เอสค่อยๆ ล้มลง แทนที่จะชื่นชมกับฝีมือการแสดงของตัวเอง ภาพนั้นกลับซ้อนทับกับความตายของกันย์

วินาทีนั้นความโดดเดี่ยวอ้างว้างค่อยๆ เกาะกินจิตใจโดยไม่ทันตั้งตัว ผมผุดลุกขึ้นทันที มือเย็นเฉียบทั้งที่เหงื่อหลั่งรินเต็มแผ่นหลัง คำสบถพรุสวาทออกมาไม่หยุด หากปล่อยไว้แบบนี้ต้องแย่แน่ ไม่ได้การ ผมต้องออกไปข้างนอก!

ไปที่ไหนก็ได้ขอแค่ไม่ต้องอยู่คนเดียว!

ผมรีบหยิบหมวกปลอมตัวที่มักวางไว้บนตู้รองเท้าข้างประตูขึ้นมาสวมก่อนจะรีบเดินออกจากห้องทันทีโดยไม่แม้แต่จะปิดโทรทัศน์หรือปิดไฟ ผมก้าวฉับๆ ลงลิฟต์ หายใจหอบหนักเมื่ออยู่ในห้องเล็กแคบแสนน่ากลัว

กลัว...นี่ผมกำลังกลัวเหรอ

 ในหัวเผลอคิดว่าถ้าลิฟต์ตกขึ้นมาผมคงตายอยู่ในลิฟต์เพียงลำพัง จากนั้นก็จะกลายเป็นวิญญาณ...ไม่สามารถติดต่อสัมผัสใคร ผมต้องถูกทิ้ง โดนทิ้งเหมือนกันย์

โว้ย สติ สติ!

ผมตบหน้าตัวเองเมื่อชักฟุ้งซ่านหนัก พอลิฟต์เปิดก็รีบสวมหมวกแล้วเดินออกไปทันทีอย่างไร้จุดหมาย ขอแค่มีคนพลุกพล่าน ได้ยินเสียงหัวเราะเฮฮาชวนผ่อนคลายจิตใจก็พอแล้ว

“ไม่จริง มิสเตอร์เอส!”

เสียงร้องอย่างตระหนกทำให้ผมเงยมอง พบว่าร้านอาหารแห่งหนึ่งกำลังฉายเช็กเมทตอนจบ ทุกคนต่างใจจดใจจ่อเฝ้าดูกันอย่างตั้งใจ

“ไม่อยากเชื่อเลยว่ามิสเตอร์เอสจะตาย ฮึก”

“แต่จบดีมากเลยนะ”

“ใช่ และจิระก็แสดงดีมากจริงๆ แสดงดีจนไม่คิดเลยว่าฉันจะร้องไห้กับการแสดงของเขา”

ผมอมยิ้มกับคำชื่นชมสมความทุ่นเท ในที่สุด...ความสามารถของผมก็เหนือกว่าข่าวฉาวแล้วใช่มั้ย

แต่พอหันไปมองโทรทัศน์ภายในร้านอาหาร ภาพของมิสเตอร์เอสที่ล้มลงในอ้อมกอดของอัครเดชกลับทำให้ผมปวดหนึบไปทั้งอก อดย้อนถามตัวเองไม่ได้ว่าตอนนั้นผมแสดงด้วยความรู้สึกอย่างไหนกันนะ ทำไมถึงจดจำไม่ได้เลย เพราะตอนนี้...ผมรู้แค่เพียงว่าความตายอย่างเสียสละนั้นเหมาะสมแล้วแน่หรือ แล้วกันย์ที่เสียสละคนรักให้คนอื่นดูแลล่ะ...เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ

คำถามที่ไร้คำตอบ เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่ากำลังยืนเพ้อทำบ้าอะไรอยู่ ขณะที่ยังสับสนนั้นเองเสียงโครมดังสนั่นพลันดังขึ้นจากด้านหลัง ผมสะดุ้งวาบ รีบหันมองทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

แล้วก็พบกับ...ร่างคนที่นอนนิ่ง กับรถที่จอดเกยฟุตบาทพร้อมรอยบุบ

“คนถูกรถชน!”

วินาทีนั้นความหนาวยะเยือกพลันแล่นปลาบขึ้นมากะทันหัน

ถ้าให้เปรียบเปรยคงไม่ต่างกับการถูกไฟช็อต ผมค่อยๆ ก้าวถอยหลัง รู้ตัวอีกทีก็วิ่งเตลิดสุดฝีเท้า เหงื่อหลั่งรินตามใบหน้าและแผ่นหลัง สองมือสั่นระริกอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่

ผมเข้าใจแล้ว

ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงได้กลัวนักหนา ทำไมถึงได้สะเทือนใจและจมดิ่งยากถอดถอนทุกครั้งที่รับบทกันย์

เพราะกันย์ถูกรถชน...และแม่ของผมเองก็ถูกรถชนตาย

กันย์ถูกทอดทิ้ง ขณะที่ผมเองก็ถูกแม่ทอดทิ้ง

ความทรงจำที่ยากจะลืม ความรู้สึกที่เคยฝังกลบ ถูกดึงขึ้นมาในรูปแบบของกันย์ ทุกครั้งที่รับบทนั้น ตะกอนในใจก็ถูกกวนขึ้นมาช้าๆ เพราะผมกลัว...กลัวการถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ขณะที่แม่เจิดจรัสเป็นดาราอย่างแสนสุข

ความเจ็บปวดตอนนั้น ความร้าวรานตอนนั้น เพียงนึกก็ระลึกได้ทันที ดวงตาสีอ่อนกะพริบถี่เมื่อนึกถึงวันที่คนสำคัญค่อยๆ จากไปทีละคนโดยไม่อาจทำอะไรได้ เพราะอย่างนั้นตอนคมสันบอกให้เป็นดารา ผมที่ยังเกลียดแม่จับใจจึงเลือกหันหน้าเข้าหาเสี่ย ยินยอมเป็นเด็กเลี้ยงหวังเศษเสี้ยวความรักจากเขา เพื่อจะได้ไม่เหงา ไม่ต้องทนอยู่เดียว

เกือบลืมความรู้สึกนี้แล้วเชียว...เพราะผมเข้มแข็งขึ้น แข็งแกร่งขึ้น เลือกที่จะเดินออกมาจากชีวิตของจิตรินและเสี่ย หันหน้าเข้าสู่เส้นทางที่เคยปฏิเสธมาตลอดอย่างมุ่งมั่น จนเกือบจะลืมไปแล้ว...ว่าผมนั้นเคยโดดเดี่ยวและอ้างว้างขนาดไหน

เคยถึงกระทั่งหลงผิด ใช้ยาเสพติดเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดใจ

ใช่แล้ว ไม่เพียงจมกับบทของกันย์

แต่ผมจมกับอดีตของตัวเอง

ดวงตากะพริบถี่เมื่อความจริงข้อนี้กระแทกเข้ากลางใจ ผมพยายามไล่หยาดน้ำใสที่เริ่มคลอหน่วยเพื่อบอกกับตัวเองว่าผ่านมาแล้ว

ใช่! ผมก้าวผ่านมันมาได้แล้ว ผมจะไม่เดินถอยหลังเด็ดขาด ผมจะ...

“จิระ!”

“พี่ฌาน...”


--------------------


ตัดฉับกันก่อนกับจิระที่กำลังเตลิดไกล อันนี้ได้แรงบันดาลใจจากการสัมภาษณ์นักแสดงบางเรื่องที่มีอาการจมดิ่งหลังถ่ายทำเสร็จ จนบางทีต้องเข้าวัดกันก็มี หรือเผลอเเสดงเป็นตัวละครนั้นๆ ทั้งที่เข้ากองถ่ายเรื่องอื่นไปแล้ว เรื่องนี้ดันพอดีกับตะกอนเก่าในใจของจิระ เพราะความร้ายกาจของน้องในเรื่องเสี่ยนั้นก็มาจากปมในใจข้อนี้ ฉะนั้นเราจะมาเคลียร์กันค่ะ!

ปล. ตอนหน้าใครอยากเห็นเตโชเกรี้ยวกราดบ้างได้รับชมแน่ๆ  :hao7:


เพจนักเขียนที่อยากปลอบหนูจิ (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 12-01-2018 20:00:40
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 12-01-2018 20:08:39
ยกมือด้วยคน. อยากเห็นจิระเกรี้ยวกราดสักครั้ง แทนการมึนอึน


 o13   o13   o13   o13   o13   o13


....

..
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-01-2018 20:14:59
ขอเดา 2 ทาง
1. เตโชรีบกลับห้องแล้วไม่เจอจิระ เลยเกรี้ยวกราดด้วยความเป็นห่วง (หรืออาจจะมาเจอพี่ฌานอยู่กับจิระ)
2. เตโชกับจิระเข้าใจผิดกันเพราะแผนพี่ฌาน (พี่ฌานวางแผนเข้าหาทั้งคู่โดยกุเรื่องเป็นแฟนดาว...มโนขั้นสุด)
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 12-01-2018 20:15:20
รอดูเตโชเกรี้ยวกราดค่ะ  ตอนนี้เริ่มคิดนิดๆว่า นิฌานน่าจะเป็นคนดีละมั้ง แต่ถ้าเตโชเกรี้ยวกราดอาจไม่ดีละมั้ง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-01-2018 20:27:32
 :hao7: o13 :hao7:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 12-01-2018 20:36:56
แอบสงสัย แสงดาวกับนิฌานเป็นเรื่องจริง หรือเป็นเรืองเมคเพื่อเข้าใกล้จิกันแน่
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 12-01-2018 20:58:15
รอดูหมาโกลเด้นกลายร่างเป็น
ร็อตไวเลอร์  :z1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-01-2018 21:14:11
พี่ฌาณนี่แปลกๆ นะ  บอกคบกับดาวแต่ไม่ให้ถามดาวด้วย แล้วดาวก็เหมือนไม่รู้อะไรด้วยเลย แล้วพี่ฌาณมาทำอะไรแถวคอนโดจิระ น่าสงสัย - -?
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 12-01-2018 22:13:27
เดาไม่ถูกเลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 12-01-2018 22:19:54
อยากเห็นคนมึนเกรี้ยวกราดด
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-01-2018 22:25:56
เตโชจะเกรี้ยวกราดแล้วหรอ สงสารจิระจังเลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 12-01-2018 22:39:52
อยากอ่านตอนหน้าแล้วว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-01-2018 23:09:29
จิระแย่แล้ว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 12-01-2018 23:15:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 13-01-2018 00:27:47
       เดานะค่ะ  เตโชโทรกลับมาหาจิแต่จิไม่รับเพราะออกไปข้างนอกและลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้องเลยรีบกลับมาหาจิที่้องแต่ไม่เจอเลยออกตามหาและเจิจิกับฌาณอยู่ด้วยกัน--อิอิเดาเอานะค่ะ
      รอดูคนหน้ามึนค่ะ   :katai2-1:  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 13-01-2018 00:32:22
รอดูเตโชเกรี้ยวกราดด
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 13-01-2018 00:59:12
คิดว่าพี่ฌานแกหลอกจิว่าคบกับดาวแล้ว แล้วแอบมาหลอกหนุจิให้ตายใจ เดี๋ยวเจอเตโชบทเกรี้ยวกราดแล้วจะหนาว 5555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-01-2018 02:13:35
เอาแล้วไงหนูจิอินกับบทอีกแล้ว เข้าทางตาฌานแน่ ๆ เลย แล้วเตโชต้องมาเห็นภาพที่บาดตาทำให้ทนไม่ได้จนระเบิดออกมาแน่ ๆ  o3
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 13-01-2018 02:26:14
อิฌานนี่ตัวปัญหาแน่นอน ใครจะไปกล้าโทรคุยกับสามีชาวบ้านเอง โดยไม่ถามเมียเขาสักคำ?
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Indy555 ที่ 13-01-2018 04:55:36
อยากเห็นคนมึนเกรี๊ยวกราดดดด :ling1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 13-01-2018 06:02:59
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 13-01-2018 07:01:08
สงสารจิระ :hao5:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 13-01-2018 11:58:21
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-01-2018 12:54:16
อ่านรวบตอน 29-30 ขำความฝอยของพี่จิที่ทำให้เตโชหูดับได้ และเราก็อินกับบทของหนูจิอีกแล้ว อ่านตอนที่จิแสดงแล้วจะร้องไห้ตามเหมือนกำลังอ่านนิยายดราม่าอยู่เลย ส่วนพี่ฌานนี่ยังไม่วางใจการโผล่มาของพี่แกไม่น่าจะออกมาแค่มีบทเป็นนักแสดงหรอกพี่แกต้องสร้างเรื่องสักอย่างแน่ๆ ตอนหน้ารอดูความเกรี้ยวกราดของคนมึน ต้องแซ่บแน่ๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 13-01-2018 19:40:08


ตอนที่ 31

ปรับความเข้าใจ

 



ผมรีบปาดน้ำตาอย่างเร่งร้อนก่อนจะเงยมองคนตรงหน้าด้วยความงุนงงว่าทำไมพระเอกชื่อดังถึงได้ยืนควงกับหญิงสาวไม่คุ้นหน้าเหมือนกำลังเตรียมพากลับคอนโด

นิฌานหันไปก้มบอกกับหญิงสาวคนนั้นด้วยใบหน้าเป็นกังวล ถ้าฟังไม่ผิดเหมือนว่าเจอเพื่อนร่วมงานท่าทางไม่ค่อยดีให้เธอกลับไปก่อน หญิงสาวคนนั้นคงรู้จักผมอยู่แล้ว พอได้ยินชื่อจิระก็ยอมเรียกแท็กซี่กลับโดยมีนิฌานคอยมองส่ง

“คนเมื่อกี้คือแฟนเก่าพี่เอง” นิฌานบอกอย่างไม่ปิดบัง “พวกเราไปดื่มกันนิดหน่อยเพราะ....เฮ้อ พูดไปแล้วจิอาจจะไม่เชื่อ แต่พี่โดนดาวหักอกแล้วล่ะ”

ผมมองเขาด้วยความอึ้งตะลึง

“เห็นมั้ยว่าจิไม่เชื่อจริงๆ ด้วย แต่พี่พูดจริงนะ ดาวไม่เชื่อพี่ว่าจะรักดาวคนเดียว หลังคบกันได้ไม่กี่วันก็บอกเลิกเพราะมีคนอื่นมาจีบ คนที่เธอเชื่อว่าจะรักดาวได้มากกว่าคนเจ้าชู้อย่างพี่ พี่เสียใจมาก และก็เหงามากด้วย เลยออกมาดื่มกับแฟนเก่า อย่างน้อยมีเพื่อนสักคนก็ดีกว่าอยู่คนเดียวใช่มั้ยล่ะ”

ผมเผลอพยักหน้ารับ

“จิกลับคอนโดเลยมั้ย จะได้เดินไปด้วยกันเลย”

“เอ่อ ก็ดีครับ” แม้จะรู้สึกแปลกๆ ว่าหน้าเขาไม่เห็นเศร้าหนักเหมือนคนอกหัก แต่ผมก็ยอมพยักหน้ารับเพราะการมีคนอยู่ด้วยย่อมดีกว่าปล่อยให้ตัวเองสติแตกแล้ววิ่งเตลิดไปถึงไหนต่อไหน “แต่พอถึงคอนโดแล้วพี่เข้าไปก่อนนะ ผมไม่อยากเป็นข่าวว่าเดินเข้าคอนโดพร้อมกับนิฌาน”

คำเตือนของคมสันยังจำได้ไม่ลืม

“ได้สิ” นิฌานตอบรับอย่างว่าง่าย “งั้นเดี๋ยวถึงปากซอยตรงนั้นแล้วแยกกันเดิน ค่อยไปเจอกันที่ลิฟต์ โอเคมั้ย”

“ดีครับ” ผมพยักหน้า พอเดินถึงปากซอยก็แยกทางกับนิฌาน ต่างคนต่างเดินเข้าคอนโด ก่อนจะไปเจอกันในลิฟต์

“ดื่มกันหน่อยมั้ยจิ” นิฌานชูถุง เพิ่งสังเกตว่าที่แยกกันเมื่อครู่เขาแวะไปซื้อเหล้ามาด้วย

ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือ ป่านนี้เตโชคงใกล้เสร็จงานแล้ว แต่ให้อยู่ห้องคนเดียวก็ไม่รู้ว่าจะเป็นบ้าอะไรอีก ช่วงนี้สภาพจิตใจผมไม่ค่อยปกตินัก เลยยอมพยักหน้ารับโดยไม่ลืมยื่นข้อเสนอเซฟตัวเอง เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้นเตโชก็ยังมาช่วยทัน

“ดื่มที่ห้องผมแล้วกัน”

“ตกลง”

ผมแตะการ์ดเพื่อกดลิฟต์ไปชั้นตัวเอง เนื่องจากระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่บังคับให้กดชั้นตามห้องที่อาศัย ก่อนจะส่งข้อความหาเตโชว่าผมอารมณ์ไม่ค่อยดี ส่วนนิฌานอกหัก เลยชวนกันมาดื่มย้อมใจกันที่ห้องของเรา

เปิดประตูเข้ามาโทรทัศน์กับไฟยังอยู่ในสภาพเดิมก่อนผมเดินออกไป รวมทั้งตุ๊กตาจิระที่ล้มกลิ้ง นิฌานผิวปากเมื่อเห็นภาพใส่กรอบของผมแขวนตรงโซฟา

ตอนผมก้มเก็บตุ๊กตาจิระ ซีรีส์เช็กเมทก็จบพอดี เพลงปิดท้ายถูกเปลี่ยนเป็นมิวสิกวีดีโอเพลงเบื้องหลัง ภาพของมิสเตอร์เอสที่ค่อยๆ เลือนหายกลายเป็นละอองดาวในช่วงท้ายนั้นทำให้ผมรู้สึกราวหัวใจถูกบีบ

“โอ้ โปรเจ็กต์ใหญ่เลยนะเนี่ย” นิฌานชวนคุยเมื่อเห็นมีการประกาศโปรเจ็กต์เพลงของเช็กเมทหลังเปิดตัวอย่างเพลงของมิสเตอร์เอสให้รับชม “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะจิ”

“ดื่มกันเถอะครับ” ผมตัดบทเพราะไม่อยากพูดถึง นิฌานเองก็ไม่เซ้าซี้ เปิดเหล้าขณะที่ผมเดินไปหยิบแก้ว “ไม่ต้องเทเยอะขนาดนั้นหรอกพี่”

ตอนไปพัทยาพิสูจน์อย่างดีว่าผมไม่ได้คอแข็งเท่าเมื่อก่อน เลยพยายามห้ามไม่ให้นิฌานเทเต็มแก้ว ผมแค่อยากดื่มปรับอารมณ์แปรปรวนของตัวเอง ไม่ได้ตั้งใจจะดื่มให้เมา

“งั้นพี่ขอซัดเต็มที่เลยนะ” นิฌานเห็นผมดื่มไม่เยอะก็เหมือนจะได้ใจ ซดแก้วแล้วแก้วเล่าก่อนจะเริ่มสะอื้น ผมตกใจ คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ พระเอกคนดังจะร้องไห้ออกมา “พี่ไม่ดีตรงไหนเหรอจิ ดาวถึงทิ้งพี่ไปหาอีกคน ถึงพี่จะโดนหาว่าเจ้าชู้ แต่พี่ก็จริงใจกับทุกคนที่คบ ดาวยังไม่ได้ลองกันให้ถึงที่สุดเลย ยังไม่ได้ศึกษาดูใจกับพี่ให้มากพอเลย แล้วทำไมดาวถึงบอกเลิกพี่”

ผมถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่อจู่ๆ นิฌานก็ฟูมฟายคร่ำครวญไม่หยุด

“พี่เองก็อยากมีรักแท้ที่สมหวังบ้าง เหมือนเตโชกับจิ” นิฌานพูดไปก็กระดกแก้วไป จนกลายเป็นผมที่ต้องคอยรินเหล้าให้เขาทั้งที่เพิ่งดื่มไปแค่จิบเดียว “ดาว...ฮึก ดาว ทำไมถึงทำกับพี่แบบนี้ ถ้าเราคบกันจนรู้ถึงข้อเสียของกันและกัน พี่จะไม่ว่าเลย แต่นี่ยังคบไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ ฮึก ดาว...”

ไอ้เราก็ปลอบใจใครไม่เป็นซะด้วยสิ

“พี่ฌานดื่มช้าๆ หน่อย เหล้าจะหมดแล้วนะ”

“ดาว...” คนเมาไม่ฟังกันเลย ผมเลยยอมเสียสละ ให้คนช้ำรักดื่มจนพอใจทั้งที่ตัวเองมีอยู่แค่ครึ่งแก้ว จนกระทั่งนิฌานร้องไห้จนหมดแรง ลงไปฟุบกับพื้นนั่นแหละผมถึงได้ฤกษ์ดื่มบ้าง

พอทุกอย่างเงียบกะทันหันแล้วใจหวิวอย่างบอกไม่ถูก ผมหันไปสะกิดปลุก

นิฌาน ก่อนจะโดนเขาจับข้อมือแน่น กระชากให้ลงไปนอนราบกับพื้นพร้อมร่างสูงที่คร่อมทับ

“ดาว...”

“เดี๋ยวก่อนพี่ฌาน ผมไม่ใช่ดาว!” ผมตกใจจัดเมื่อร่างนั้นก้มหน้าลงมาด้วยท่าทางมึนเมา ผมถีบเขา แต่เพราะข้อมือโดนจับอยู่เลยถูกกระชากกลับลงไปใหม่ คราวนี้ผมต่อยบ่านิฌาน ก่อนจะกลายเป็นโดนจับยึดทั้งสองมือ “ผมไม่ใช่ดาว ผมคือจิระ!”

ตะโกนลั่นอย่างสิ้นหวังก่อนจะถูกจูบร้อนแรงบดเบียดลงมา กลิ่นของเหล้าชวนให้มึนงงอยู่ไม่น้อย แถมนิฌานเองก็มีเทคนิคสมกับเป็นผู้ผ่านประสบการณ์อย่างโชกโชน หากเหยื่อเข้าปากแล้วเป็นต้องสิ้นท่า เคลิบเคลิ้มหลงใหลตามการชักนำ

ซะที่ไหนล่ะ!

โอเค ผมยอมรับว่าเขาจูบเก่ง แต่ผมขยะแขยงมากกว่ามาชื่นชม! และทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตูอะดรีนาลีนก็หลั่งกะทันหัน ถีบนิฌานเต็มแรงพร้อมยันตัวลุก เงยมาสบตากับเตโชที่เห็นภาพน่าเข้าใจผิดพอดิบพอดี

คนหน้ามึนนิ่งมาก นิ่งจนผมใจหาย

“ฉัน...”

“ดาว...ดาว...” นิฌานตามมาคลอเคลียกอดหอมกันไม่เลิก ผมโมโหจัด ไม่ทันจะหันไปตวาดคนหน้ามึนก็ก้าวฉับๆ เข้ามากระชากคอเสื้อดาราหนุ่มขึ้นพร้อมเงื้อหมัด

“อย่านะเตโช! อย่าต่อยหน้านักแสดง!!”

บอกเลยที่พูดเนี่ยเพราะห่วงเขา ห่วงตัวเอง และห่วงนิฌานด้วย ข่าวฉาวของดาราและนักร้องทะเลาะกันเพราะเรื่องเข้าใจผิดเนี่ยไม่น่าดูนักหรอก ต่อให้นิฌานจะไม่เอาเรื่อง แต่หน้าช้ำๆ ตอนเข้ากองถ่ายวันพรุ่งนี้ยังไงก็ไม่พ้นมีเรื่องซุบซิบอยู่ดี

“ไม่ห้ามต่อยหน้านิฌาน?” เตโชหันมาถามผมเสียงเรียบ ผมว่าเขากำลังโกรธจัด...แต่พยายามกดข่มภายใต้ความสงบนิ่งจนน่ากลัว

ขนาดพี่ฌานยังกลายเป็นนิฌานไปแล้ว

“ไม่ห้ามต่อยหน้านิฌาน แต่ห้ามต่อยหน้านักแสดง” ผมยืนยันเพื่อไม่ให้โดนเข้าใจผิดว่าปกป้องนิฌาน แต่ปกป้องอาชีพของเขาที่ส่งผลกระทบต่อพวกเราทั้งหมด “เขาเมามาก เข้าใจผิดว่าฉันคือดาว ฉันก็ส่งข้อความบอกนายแล้วไงว่าพี่ฌานอกหักเลยชวนมานั่งกินเหล้าด้วยกัน เอ่อ...เอาอย่างนี้แล้วกัน”

ผมลุกขึ้น จัดเสื้อให้เรียบร้อย ก่อนจะเปิดน้ำใส่อ่างล้างหน้าจนเต็ม

“จับกดเลย” ผมหันไปให้สัญญาณกับเตโช คนหน้ามึนเลยลากร่างเมาแอ้ของพระเอกชื่อดังมาจ่อตรงอ่างล้างหน้า ก่อนจะกดลงไปอย่างไร้ความปรานีจนคล้ายจะได้ยินเสียงหัวโขกกับก๊อกน้ำ

หายสร่างแน่นอนร้อยเปอร์เซนต์!

“เตโช...จิ...เกิดอะไรขึ้น” นิฌานที่โดนกดน้ำไปสองยกจนดิ้นปัดป่ายเสยผมตัวเองพร้อมมองพวกเราสองคนด้วยความงุนงง

“ไม่มีอะไรหรอก แต่เตโชกลับมาแล้ว พี่เองก็ตัวเปียกไปหมด รีบกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อเถอะเดี๋ยวจะเป็นหวัด” ผมรีบไล่ส่วนเกินทันที ความรู้สึกด้านลบทั้งหลายหายเกลี้ยงเมื่อเห็นหน้าตายๆ ของเตโช แม้ว่าตอนนี้เขากำลังโกรธผมมากก็ตาม

“อืม...งั้น พี่ไปแล้วนะ”

“โชคดีพี่” ผมเดินไปล็อกประตูไล่หลังนิฌานที่รีบออกจากห้องด้วยท่าเดินตรงแน่วไม่เหมือนคนเมาสักนิดอย่างสงสัยเล็กน้อย ก่อนจะปัดเรื่องไร้สาระทิ้งเมื่อถูกรั้งเอวเข้าไปกอดพร้อมจูบที่ประทับลงมาอย่างหนักหน่วง

ผมตบแก้มเขาเบาๆ หวังปลอบโยนอารมณ์ขุ่นมัว

“เล่า” หลังจูบจนพอใจเตโชก็ลากผมไปนั่งบนโซฟา จับกอดให้นั่งทับบนตักไม่ยอมปล่อยพร้อมเอ่ยเสียงเข้มคล้ายออกคำสั่งครั้งแรก ผมฟังแล้วรู้สึกใจอ่อนยวบ บางทีลึกๆ ในใจอาจจะชอบแบบนี้ก็ได้นะเนี่ยถึงได้อารมณ์ดีเหลือเกินตอนเขาโมโห

“ความจริงแล้วมันเป็นความผิดของฉันเอง” ผมเกาแก้มแก้เก้อ “พอดีฉันเกิดประสาทเสียขึ้นมาก็เลยเดินเตลิดไปเจอพี่ฌาน แล้วก็อย่างที่เห็น เราชวนกันมานั่งดื่มย้อมใจที่ห้องจนนายกลับมาเห็น”

เหมือนย้อนภาพบาดตาเข้าให้ เตโชเลยจับผมจูบอีกครั้ง แถมด้วยขบกัดเบาๆ อย่างมันเขี้ยว

“ขอโทษ” เตโชเอ่ยเสียงแผ่ว ความโกรธเกรี้ยวหายไปแล้ว เสียดายจัง

“ไม่ต้องขอโทษ บอกแล้วไงว่าฉันประสาทเสียเอง” ผมลูบอกเขาปลอบโยน เตโชคงรู้สึกผิดที่ไม่อยู่ในช่วงเวลาที่ผมต้องการ ถึงได้ทำหน้าสลด หงอยเป็นหมาน้อยหูตกหางลู่ “นายรู้จักสมศรีมณีฉายรึเปล่า”

เตโชส่ายหน้าทันควัน

“นายนี่มัน...เฮ้อ เอาเป็นว่าสมศรีมณีฉายคือดาราที่ดังมาก เธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตอนยังสาว และเธอก็เป็น...แม่ของฉัน” ผมหลุบตาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความเจ็บช้ำใจ “แม่ที่ไม่เคยยอมรับว่าฉันเป็นลูกเพราะจะทำให้ชื่อเสียงในวงการเธอเสียหาย ฉันเลยเกลียดการเป็นดารา เกลียดมาก...แม้จะชอบการแสดงก็ตาม”

เตโชจูบผมแผ่วเบา นุ่มนวล อ่อนหวาน

“อืม...ฟังให้จบก่อนสิ เพราะแม่ไม่เลี้ยงฉัน ฉันเลยอาศัยอยู่กับยาย จนกระทั่งยายป่วยด้วยโรคร้าย ฉันก็มาอยู่กับ...เอ่อ กิ๊กเก่า แต่นั่นไม่ใช่ความรัก อย่างน้อย...ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้รักฉัน แม้จะมีคนดูแลแต่ก็ไม่ต่างจากอยู่ตัวคนเดียวหรอก”

เตโชมองผมด้วยสายตาเกรี้ยวกราดอีกครั้ง อา...เห็นแล้วกระชุ่มกระชวย

“สรุปแล้วฉันโดนทิ้งมาตลอดจนกลัวการอยู่คนเดียว ถึงได้ออกไปรวมกลุ่มเสพยาหวังคลายเหงา ฉันรู้ว่ามันบ้ามาก แต่เรื่องมันผ่านไปนานมากแล้ว และ...บทของกันย์ก็ทำให้หวนนึกถึงความรู้สึกในตอนนั้นโดยที่ฉันไม่รู้ตัว เลยอาการหนัก ไม่อยาก...โดนทิ้งไว้ข้างหลัง ไม่อยาก...เห็นคนอื่นมีความสุขทั้งที่ตัวเองเจ็บช้ำแทบขาดใจ”

ผมซุกหน้ากับอกเตโช

“ถ้าฉันเป็นกันย์ ฉันจะไม่มีวันให้ตุลย์กับดาวคบกันเด็ดขาด”

ผมเผยความในใจไม่ปิดบัง แม้นั่นจะเป็นความเห็นแก่ตัวก็ตาม

“โดยเฉพาะถ้าคนคนนั้นคือนาย...” เพียงนึกว่าคนหน้ามึนจะหันไปยิ้มแย้มให้คนอื่น ผมก็แทบคลุ้มคลั่ง ความรู้สึกนั้น...คงจะเป็น...

“ฉันรักนาย เตโช”

แขนที่โอบรัดผมหลวมๆ กอดแน่นขึ้น และแน่นขึ้นจนแทบได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน เพิ่งรับรู้ว่าการที่เขาอยู่เคียงข้างผมในทุกวันสำคัญแค่ไหน

“จิระ...”

ผมสูดหายใจเข้าลึก รอฟังคำตอบอย่างคาดหวัง

ไม่บอกก็รู้ว่าเตโชต้องตอบว่ารักผมมากเหมือนกัน รักที่สุดในปฐพี

“จิระไม่สบาย?”

“ไม่สบายเชี่ยไรล่ะ มันใช่เวลามาเล่นเหรอเตโช!” ผมผลักอกอีกฝ่ายออกทันทีอย่างเกรี้ยวกราด จนถึงตอนนี้เตโชยังไม่ทิ้งลาย ให้ผมอาละวาดโวยวายยันหยดสุดท้ายทั้งที่บรรยากาศพาซึ้ง

“ขอโทษ” เตโชรีบดึงผมให้กลับไปนั่งบนตัก ก้มกระซิบแผ่วด้วยท่าทางอ้อยอิ่งอ่อนหวาน “ขอโทษนะ”

ต้องขอบคุณวิชาเตโชวิทยา ที่ทำให้รู้ว่าเขากำลังขอโทษเรื่องกลับมาดูเช็กเมทไม่ทันทั้งที่เคยสัญญาไว้ ทั้งที่รอคอยมากกว่าใคร ทั้งที่ไม่เคยทิ้งให้ผมอยู่คนเดียวในวันที่ต้องการมากขนาดนี้มาก่อน

“ขอโทษขอโพยอะไรของนาย” ผมว่าเสียงดุ “ตอนนี้ควรพูดคำอื่นมากกว่าไม่ใช่รึไง หรือว่าต้องให้ฉันพูดใหม่ ฉันไม่พูดหรอกนะของดีมีครั้งเดียว!”

พลันเตโชคลี่ยิ้ม จุ๊บเหม่งผมเบาๆ ก่อนเอ่ย

“รักจิระ”

ผมพยักหน้าอย่างพอใจ สะกิดอกให้เขาพูดซ้ำอีก

“รักจิระ”

“รักมากแค่ไหน”

“รักมากๆ”

“มากๆ เลยเหรอ”

“มากๆๆ”

เหมือนกำลังเล่นต่อคำชอบกล ผมมองเขาเคืองๆ ก่อนจะยอมยกโทษเมื่อถูกประคองใบหน้าเพื่อประกบจูบ แต่จูบไปจูบมาเปลือกตาผมก็กระตุกถี่ เพราะไอ้ความอ่อนหวานชวนละลายนี้ไม่เพียงพอกับการเติมเต็มความแหว่งเว้าในใจ รู้ตัวอีกทีผมก็เผลอเอื้อมมือไปขยำท้ายทอยเตโช บังคับให้เขาแทรกลิ้นลึกล้ำ

คล้ายไปกดสวิตซ์บางอย่างเข้า เพราะวินาทีนั้นทุกอย่างพลันถูกเร่งจังหวะกว่าปกติ เตโชล้วงมือข้างหนึ่งเข้ามาในเสื้อผม เดี๋ยวบีบเดี๋ยวคลึงสลับหนักเบา ขณะที่อีกข้างกระชากกางเกงผมออกอย่างเร่งร้อน แต่ไม่เร็วสู้ผมที่แทบจะดึงทึ้งเข็มขัดของเขาจนแทบขาด

ส่วนอ่อนไหวสัมผัสกันและกันทันทีที่ต่างปลดเปลื้องเสื้อผ้า ผมรุกจูบเขา เตโชรุกจูบผม พยายามยื้อแย่งการนำจูบอย่างไม่ยอมใคร ยิ่งสัมผัสก็ยิ่งหลงใหล หัวใจเต้นรัวจนใจแทบขาด ผมครางเบาๆ เมื่อเตโชครอบปากบนยอดอก ดูดดุนอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนผมก็ปลุกปั้นเตโชที่ไม่น้อย สีหน้าท่าทางคงจะยั่วน่าดู คนหน้ามึนถึงได้สอดนิ้วเข้ามาในโพรงปาก ให้ผมเลียจนชุ่ม

ผมบิดตัวเมื่อถูกเตโชก้มกัดตามลำคอ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อนิ้วที่เพิ่งดูดเลียสอดแทรกเข้าในร่างกาย พวกเราจูบกันอีกครั้ง ผมกระดกเอวขึ้นเล็กน้อย ให้เขาจัดการเบิกทางสวรรค์ชั้นเจ็ดให้สะดวก จนเมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ผมก็ปัดมือเขาออก ก่อนจะเป็นฝ่ายทิ้งตัวลงบนแท่งแข็งที่ดุนหน้าท้องผมไปหลายรอบ

“อืม...”

พวกเราครางออกมาพร้อมกัน รู้สึกถึงความอุ่นร้อนที่เชื่อมประสาน พร้อมกับความเสียดเสียวชวนให้ใจเต้นเร็ว เตโชช่วยประคองสะโพกผม บังคับให้ทิ้งน้ำหนักลงจนกลืนกินเขาทีละน้อยจนหมดจด ผมเลียริมฝีปาก ก้มลงจูบเขาอีกครั้งอย่างอดไม่ไหว คราวนี้ดูดดุนรุนแรงกว่าเดิมหลายเท่า พร้อมกับตัวที่เริ่มเคลื่อนโขยก เตโชกระทุ้งกระแทกสวนขึ้นมาขณะจับตัวผมกึ่งบังคับให้กดสะโพกลงไป

“อืม...อา...อ๊ะ อ๊า”

เสียงหมูสับดังเป็นระยะ พร้อมกับตัวผมที่เห่อแดงเหมือนกุ้งต้มสุก โดยเฉพาะสะโพกที่ถูกเตโชขยำขยี้เป็นรอยนิ้ว เราสองคนต่างควบคุมจังหวะให้ขับเคลื่อนไปพร้อมกัน แต่มันก็เหลื่อมล้ำกันนิดหน่อย ผมขมวดคิ้วขัดใจ ส่วนเตโชยังทำหน้าตาย ผละจากริมฝีปากของผมมากัดเบาๆ ที่ข้างลำคอและยอดอก ก่อนจะยันตัวลุก ผลักตัวผมให้เป็นฝ่ายนอนหงาย ส่วนเขาขึ้นคร่อม

ภาพของเตโชที่เหงื่อไหลตามโครงหน้าไล่ลงมายันกล้ามเนื้อนั้นเซ็กซี่อย่างร้ายกาจ เขาก้มกัดริมฝีปาก กัดข้างลำคออีกข้าง กัดบนหน้าอก ก่อนจะเริ่มสวนเอวหนักหน่วงจนผมเผลอไขว้ขารอบเอวเขาตามสัญชาตญาณ สะโพกที่ถูกยกสูงกระแทกกับโซฟาเป็นระยะตามแรงกดย้ำ ผมผวากอดเตโช ระบายความเสียวซ่านกับแผ่นหลังของเขา ร้องครางเสียงผะแผ่วเหมือนคนจะขาดใจ

“เต...เต...โช” ความอุ่นร้อนที่เสียดสีจนไฟแทบลุกทำให้ผมหลุดเรียกเขาเพื่อบอกว่า ‘จะไปแล้วนะโว้ย’ ยังดีที่เตโชเข้าใจ เลยรีบเร่งจังหวะ กระแทกกระทั้นตัวคลอนจนโซฟาสะเทือน ลามไปถึงรูปภาพที่แขวนด้านบนจนเกิดเสียงแกว่งไกวเป็นระยะ

ผมหลั่งออกมาเต็มหน้าท้อง ก่อนจะหอบหายใจเหนื่อยหนักเมื่อเตโชโอบสะโพกผมให้ขึ้นนั่งบนตักเขา โดยที่ส่วนนั้นของเรายังประสานแนบแน่น

“อีกรอบนะ”

ในตัวผมรับรู้ถึงของเหลวอุ่นๆ ยามฉีดพุ่ง แต่ถึงอย่างนั้นส่วนแข็งแรงที่ยังปึ๋งปั๋งนั้นก็ส่งสัญญาณพร้อมบุกหนัก ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากจับเขาจูบเป็นการตอบรับ ไล่เม้มไปรอบริมฝีปาก ขบลิ้นเขาเบาๆ เสริมสร้างความเร้าใจ ก่อนจะเป็นฝ่ายผวากอดรอบลำคอเขาแน่นเมื่อช่วงล่างถูกรุกรานอย่างดุดัน

“อีกรอบนะ”

จบอีกยกก็เริ่มอีกยกจนผมชักตาลาย คราวนี้ไม่ทันพยักหน้าตอบเตโชก็จับผมนอนคว่ำแล้วจับควบ โดนจุดกระสันอย่างจังจนผมตัวเหลวยอมให้กระทำตามใจชอบ เตโชคอยรั้งสะโพกผมไว้ กระแทกกระทั้นถนัดถนี่น่าดู ถึงได้สวนโครมสวนโครมจนตัวสะท้านสั่นระริกอย่างน่าสงสาร ผมจิกนิ้วกับโซฟาจนขึ้นข้อขาว ใบหน้าไถไปไถมาตามแรงโยกคลอนจนเส้นผมยุ่งกระเซิง

“อีกรอ...”

“พอแล้วโว้ย!”

พูดจบก็ยกเท้าถีบคนหื่นกามตกโซฟา ผมขดตัวด้วยความเจ็บร้าว โดยเฉพาะตรงช่องทางที่แสบๆ คันๆ แบบว่ามันๆ กำลังดี เอ๊ย ไม่ใช่! เอาเป็นว่าพอถีบเสร็จผมก็ชะโงกมองเตโชที่ล้มไม่เป็นท่า คนหน้ามึนลูบหลังปอยๆ มองผมอย่างตัดพ้อจนต้องถลึงตาใส่ว่าลองขออีกสิพ่อจะถีบของรักของหวงให้โงไม่ขึ้น!

เฮอะ ยอมเข้าหน่อยก็ยิงยาวเชียวนะ เปิดช่องว่างไม่ได้เลยจริงๆ

ยังดีที่คนหน้ามึนรู้ลิมิตกลัวผมเข้ากองพรุ่งนี้ไม่ไหว หรือไม่ก็กลัวว่าตัวเองจะสูญพันธ์ เลยอุ้มผมเข้าห้องน้ำ ช่วยทำความสะอาดให้อย่างดีก่อนจะโอบประคองเข้าห้องนอน ห่มผ้าให้เรียบร้อย

“ทำอะไรน่ะ” ผมเงยมองเขางงๆ เมื่อจู่ๆ เตโชก็ลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น

“ลงโทษตัวเอง”

“ลงโทษทำไม” ผมจะขำก็ขำไม่ออกเพราะอยากให้คนหน้ามึนมานอนกุมมือกันมากกว่านั่งเป็นเงาตะคุ่มข้างเตียงอย่างนี้ มันน่ากลัวโว้ยไอ้บ้า!

“ลงโทษที่ทิ้งจิระไว้คนเดียว”

ผมหลุดหัวเราะพรืด ทั้งที่เป็นหัวข้อน่าหนักใจ แต่พอเห็นเขาจริงจังขนาดนี้ก็อดขำไม่ได้จริงๆ

“เมื่อกี้นายก็ขอโทษแล้วไง พอเถอะ มานี่ มานอนบนเตียงด้วยกัน”

เตโชส่ายหน้า มุ่งมั่นกับการทำโทษตัวเองมาก

“เจ้าตูบ ฉันสั่งให้มานอนก็นอน เดี๋ยวปั๊ดเกรี้ยวกราดใส่เลยนี่!”

เจอผมตวาดเข้าให้คนหน้ามึนเลยยอมปีนขึ้นเตียงแบบหงอยๆ ไอ้ความร้อนแรงเมื่อครู่คืออะไรกัน พริบตาเดียวคนข้างตัวผมก็เป็นตัวสล็อตเอื่อยเฉื่อยที่นอนตัวเหลวอยู่ข้างๆ

“มือล่ะมือ”

ผมแบมือวางหงายบนเตียง เดี๋ยวกำเดี๋ยวแบ เลียนแบบท่าทางคนหน้ามึนตอนป่วย และเขาเองก็คงจำได้ถึงมองผมด้วยสายตาลึกซึ้ง

“รักจิระ”

“รู้แล้วน่า” ผมเอ่ยเขินๆ ขณะประสานนิ้วแนบแน่นกับคนที่นอนตะแคงข้างเข้าหา สบสายตาด้วยความรู้สึกอบอวลชวนอุ่นวาบไปทั้งใจ “เช็กเมทจบแล้ว หลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรอยากดูอีก งั้นหลังเสร็จงานเมื่อไหร่ฉันไปเฝ้านายดีกว่า จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน”

เตโชเหมือนปาฏิหาริย์สำหรับผม

อย่าเพิ่งอ้วก เพราะผมก็อยากอ้วกเหมือนกัน แต่ไม่น่าเชื่อว่าแค่เห็นหน้ามึนๆ ของเขา เรื่องใหญ่จะกลายเป็นเรื่องเล็กทันที ความบ้าบอหนักอกหนักใจก็พลอยผ่อนลงด้วย

เพราะผมน่ะคิดมาก

เลยต้องอยู่คู่กับคนคิดน้อยอย่างเขานี่แหละถึงจะเหมาะสมกันที่สุด

“จิระจะเหนื่อย”

“ฉันขับรถไป นายขับรถกลับ พลัดกันเหนื่อย ค่อยๆ แบ่งเบากันไป ดีมั้ย”

“ดี” เตโชบีบมือผมเบาๆ “ดีมาก”

“ถ้านายว่างก็ต้องมาหาฉันที่กองนะ”

“ครับแฟน”

“อย่ามาเรียกแฟน มันจั๊กจี้!” ผมกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงเพราะขนลุกซู่ “แล้วจะกระเถิบเข้ามาทำไม ฉันไม่ได้ให้นายมาจั๊กจี้ ไอ้บ้า! ถอยออกไปเลย!!”

สรุปแล้วคืนนั้นผมเล่นเตะถีบกับเตโชอีกยก ก่อนจะต่างคนต่างเพลีย นอนจับมือซบกันยันเช้าตรู่

อย่า...อย่าเพิ่งคิดว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดี

เพราะยังมีเรื่องสุดหักมุมต่อจากนั้นอีก

เรื่องราวเริ่มต้นในสองวันต่อมา เมื่อผมไปถามดาวว่าทำไมเธอถึงบอกเลิกกับนิฌานด้วยความหวังดีว่าจะช่วยเป็นกาวใจ แต่คำตอบของเธอกลับ...

“พูดอะไรน่ะจิ ดาวกับพี่ฌานไม่เคยคบกันนะ”

“แต่...ตอนนั้นไปดินเนอร์ด้วยกันนี่”

“ใช่ ดาวเคยไปกินข้าวกับพี่ฌาน แต่แค่ครั้งสองครั้งเอง”

“งั้น...เรื่องที่ตึกใบหยกก็...”

“ตึกใบหยกอะไรน่ะจิ ดาวไม่รู้เรื่อง”

ทุกอย่างเป็นอันเฉลย ผมเพิ่งเข้าใจถ่องแท้ถึงคำว่า ‘เจ้าคารม’ ผู้มีฝีปากคมคาย พลิกลิ้นว่องไวจากผิดเป็นถูก จากใช่เป็นไม่ใช่ จากเรื่องหนึ่งเป็นอีกเรื่องได้แจ่มแจ้งชัดเจนก็วันนี้

คำพูดที่คมสันเคยบอกผมดังแว่วขึ้นมาทันที

‘คุณจิระหลงกลแล้วครับ’


...นิฌาน...พี่ฌาน

ไอ้ฌาน!!!!


-------------------------

เฉลยกันแล้วค่ะ เป็นไปอย่างที่หลายคนสงสัย นิณานแสร้งหลอกให้ตายใจกะจับกินเนียนๆ จากนิณานก็เป็นไอ้ณานกันเลย แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เพราะงวดนี้หนูจิมีแผนแก้เผ็ดที่ดีกว่านั้น เพราะ....

คนอย่างนิฌาน ชาญชัย ต้องเจอกับจิตริน ทองคำดี!!



เพจนักเขียนที่เอ็นดูเตโชเวอร์ชั่นเกรี้ยวกราดและจบท้ายด้วยการคุกเข่าทำโทษตัวเอง (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)


หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 30 : จมดิ่ง - P.32 - [12/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 13-01-2018 19:42:25
สกิลความเนียนเข้าหาเหยื่อแล้วให้หลงตายใจของพี่ฌานนี่ร้ายอย่างที่พญามาร(?)ได้บอกจิไว้จริงๆ ส่วนเรื่องคบกับดาวนี่ คิดว่าดาวไม่น่าจะรู้เรื่อง เตโชต้องเลิกมึนได้แล้วนะ ต้องเกรี้ยวกราดมากขึ้นเพื่อเมียนะ o13
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-01-2018 20:04:40
 o13  o13  o13
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-01-2018 20:38:42
เอาคืนให้หนักเลยจิระ นิสัยแบบนี้นี่เองสินะเลยไม่เป็นที่ต้อนรับ หึ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 13-01-2018 20:42:36
นิฌานหาเรื่องแท้ๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 13-01-2018 21:20:00
เอ็นดูเจ้าตูบนั่งคุกเข่าลงโทษตัวเองงง โถลูกกก อยากเห็นเตโชเกรี้ยวกราดบ่อยๆจังเลยค่ะ ชอบความเข้าขาของทั้งคู่กับการจับไอ้ฌานกดน้ำ ฮ่าาาา
รอดูจิตรินแก้เผ็ดให้ จะฝอยๆๆแซ่บๆๆๆขนาดไหนนะ55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 13-01-2018 21:28:24
ก็สงสัยตั้งแต่นิฌานบอกจิระว่าคบกับดาว แต่ไม่ให้ไปทักดาวแล้วล่ะ แล้วพอมาถึงตอนนี้ที่จิระมาเจอ นิฌานมากับสาวก็อ๋อเลย ว่าที่บอกมาทั้งหมดมันลวงชัดๆ และสะใจมากตอนถูกจับกดน้ำนี่ล่ะ 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: marshall ที่ 13-01-2018 21:49:39
นี่สงสัยตั้งแต่เข้าหาเตโช จนโทรเช็คเตโชว่า ไม่มารอจิระจริงๆ รอลุ้นวิธีเอาคืนเลย ขอแสบๆ นะ  :z6:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 13-01-2018 21:55:23
ไอ้บ้าฌาณ ไอ้ขี้มโน 55555 หักมุมจนหัวทิ่มจริงๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: 177266 ที่ 13-01-2018 22:00:31
 :-[ :call:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: สาว801 ที่ 13-01-2018 22:07:13
เจ้าตูบน่ารักไม่เคยเปลี่ยน :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 13-01-2018 22:36:25
หื่นกว่าเสี่ยก็เตโชนี่แหละ 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-01-2018 22:55:01
 :katai2-1: o13 :katai2-1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 13-01-2018 22:59:44
แก้เผ็ดแบบแสบๆไปเลยจิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 13-01-2018 23:00:29
มอบโล่สะตอทองคำเลย แต่ขำอะ 55555 จัดการอย่างมีสติ แปลว่าแกล้งเมาด้วยใช่มะ น่าจะกดน้ำอีกสักรอบสองรอบนะ 55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 13-01-2018 23:18:45
ชอบความเกรี้ยวกราดของเจ้าตูบ 55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 13-01-2018 23:25:15
ออหอออ นิณาน ไอ้ณาน เดี๋ยวเจอฤทธิ์ฝอยของนายจิตริน ทองคำดีแน่ :angry2: :angry2: อย่าลืมซัดอัลติใส่มันด้วยนะจิ เอาให้หูดับหาทางกลับบ้านไม่ได้เลย ฝอยใส่ให้ยับ เผื่อความขี้เนียนจะลดๆลงบ้าง
กลับมาทางด้านคู่หลัก งือออ ขออยู่ทีม #เตโชผู้เกรี้ยวกราด ด้วยคน คนนี้โกรธแล้วดี เชื่อแม่สิลูก //ซับเลือดกำดาว
แต่เกรี้ยวกราดได้แปปๆกลับมามึนอีกละ ชอบตรงจิระเลียนแบบภาษาเตโช กำแปกำแป
แล้วมีการเรียกจิระแฟน “ครับแฟน” ด้วยนะ ออหอออ ชีวิตคอมพลีทท :heaven :heaven
เตโชคือคุณค่าที่จิระคู่ควรจริงๆนั่นแหละค่ะ
ปล.แอบฮาตรงแท็กทีมจับณานกดน้ำ :laugh: ถ้าจะทำงานร่วมกันดีขนาดนี้ล่ะก็นะ

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-01-2018 23:58:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-01-2018 00:03:50
ชอบจังเลย นาน ๆ จะได้เห็นหนูจิอินเลิฟ   :-[

ส่วนฌาน ถ้าไปเกาะแกะหนูจิละก็ เตรียมตัวรับมือเสี่ยได้เลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 14-01-2018 01:06:24
       หนูจิถึงกับเรียก ไอ้ฌาน!!!! กันเลยทีเดียว
แล้วจิตริน ทองคำดี เกี่ยวอารายยยยค่าาา :hao6:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 14-01-2018 01:58:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 14-01-2018 08:02:27
พี่ฌานอย่างเนียน

เตโชน่ารัก เกี้ยวกราดแป๊ปเดียวเอง

หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 14-01-2018 11:07:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 14-01-2018 11:24:38
ก็ว่าไอ้พี่ฌานมันแปลกๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 14-01-2018 12:11:02
มดแดงแฝงพวงมะม่วงผลงามชัดๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 14-01-2018 14:37:30
ตอนแรกก็มองว่าฌานอาจไม่คิดอะไรแต่คงทำเรื่องให้จิสักวัน แต่พอมาอ่านตอนนี้ช่วงต้นเริ่มคิดว่าไม่ใช่ละ แล้วก็เลวจริงๆ ฮึ่ยยย มันน่าให้เตโชจับกดน้ำซะให้เข็ด จะได้เลิกยุ่งกับจิสักที แล้วก็ขอบคุณที่ทั้งจิและเตโชไม่งี่เง่ากับเรื่องแบบนี้แล้วทำให้เข้าใจผิดกัน ตอนหน้าจะรอดูการแก้แค้นของจิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 14-01-2018 14:46:20
ไม่ต้องขึ้นไฟล์ชกก็รู้แล้วว่าใครจะแพ้...เหอเหอเหอ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 14-01-2018 15:14:40
เจ้าตูบน่ารัก กลัวจิระเกรี้ยวกราดใส่รีบมานอนเลย55555
ไอ้พี่ฌาณเดี๋ยวเจอดีแน่ :m16:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 14-01-2018 15:22:55
เตโชนี่จะกลัวเมียก็พูดไม่เต็มปาก เรียกได้ว่าฟังเมียแต่ก็ท่าทางดูไม่ค่อยรุ้เรื่องมากกว่าเพราะอึน 555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 14-01-2018 17:31:17
เจอสล๊อตใส่ถ่านหนึ่งอัตรา :z1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 14-01-2018 18:23:15
โอ๊ย น่ารักก  :ling1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 31 : ปรับ - P.33 - [13/1/61] Up!!!!
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 14-01-2018 18:27:36
เร้าร้อนได้อีกกกก เตโชคนซื่อที่ไม่ซื่อ 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 14-01-2018 19:34:55


ตอนที่ 32

สะสางไว้ใจฝอย



เมื่อรู้ความจริง ผมก็คิดแผนเอาคืน

ไม่ ผมไม่ประจานเขาหรอก บทเรียนของพายยังจำไม่ลืม การสร้างข่าวฉาวมีแต่เสียกับเสีย ในเมื่อผมให้อภัยพายได้ ทำไมจะยอมยกโทษให้นิฌานไม่ได้ แต่กับคนคนนี้จะปล่อยไปเฉยๆ ก็ใช่เรื่อง อย่างน้อยต้องให้เขาสำนึก ไล่ไปไกลๆ จากผมและเตโชถึงจะดี

ผมนั่งคิดอยู่หลายวันว่าจะจัดการกับนิฌานยังไง เพราะพอทบทวนเรื่องราวทั้งหมด ก็พบว่าเขาลื่นเป็นปลาไหล จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แต่งเรื่องเก่งยิ่งกว่าจิตรินซะอีก ดูน่าเชื่อถือ น่าคล้อยตาม จนเผลอคิดว่าเขาช่างแสนดี ทั้งที่ทุกอย่างเป็นเรื่องโป้ปดมดเท็จ ถึงว่า...ไม่มีคู่ควงของเขาคนไหนมีเรื่องมีราวกันมาก่อน ผมเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่าตอนเลิกรากัน นิฌานก็คงจะบอกเล่าเก้าสิบ อ้างเหตุผลสารพัดอย่างจนแยกจากกันด้วยดี คมสันพูดถูกทุกอย่าง จอมมารช่างสายตากว้างไกลนัก

ผมขยะแขยงคนประเภทนี้มาก แม้จะเข้าใจว่าในวงการบันเทิงหาความจริงใจยาก แต่นิฌานก็เกินไปหน่อยมั้ย กับคนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง ย่อมไม่อยากร่วมงานกับปลาไหลตัวพ่ออย่างเขา มิน่าล่ะถึงอยู่ในช่วงขาลง

สมน้ำหน้า!

หากเค้นคอเอาตามตรงไม่มีทางสารภาพแน่ วิธีเดียวที่จะจัดการกับนิฌานได้ คือการเรียกตัวช่วยที่ฝอยเก่งกว่าอีกฝ่ายหลายเท่าอย่างจิตริน

ใช่ คนอย่างนิฌาน ชาญชัย ต้องเจอกับจิตริน ทองคำดี!!

“อะไรนะ เกิดเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอจิระ!?” ผู้รักความยุติธรรมอย่างจิตรินถึงกับกำหมัดเมื่อได้ยินผมฟ้อง...เอ่อ เล่าเรื่องราวทั้งหมดว่ามีปัญหากับพระเอกคนดังของกองอย่างไร ความจริงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคนเขียนบทแม้แต่น้อย ควรจะบอกโปรดิวเซอร์ไม่ก็ผู้จัดการส่วนตัวถึงจะถูก แต่ผมไม่อยากทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เลยเลือกมาพึ่งพาใบบุญของจิตริน

เมื่อฟังจบ จิตรินกับผมก็พร้อมใจกันเดินไปหานิฌานที่เพิ่งมาถึงกอง ตอนแรกผมกลัวว่าจิตรินจะต่อยพระเอกชื่อดังซะอีก เตรียมร้องห้ามแล้วเชียว แต่ผมคิดผิด เพราะแม้จิตรินจะโกรธแค้นแทนผมยังไงก็ยังคงความมารยาทงาม เดินดุ่มๆ ไปหยุดยืนตรงหน้าพร้อมยกมือไหว้ โค้งตัวสี่สิบห้าองศาเป๊ะๆ

“สวัสดีครับ”

“เอ่อ...สวัสดีครับ” นิฌานงงเป็นไก่ตาแตกว่าทำไมคนเขียนบทถึงได้ดูคุกคามขนาดนี้ ถ้ามีเรื่องกันขึ้นมาจริงๆ คาดว่าจิตรินชนะขาด เพราะเขาเคยเป็นสตั้นท์แมนเก่า แถมหมัดหนักมากๆ ด้วย

แต่จอมฝอยไม่เคยใช้กำลังในการแก้ปัญหา

หลังยกมือไหว้เป็นพิธี จิตรินก็รีบเอ่ยเข้าเรื่องไม่คิดถ่วงเวลา

“ผมกับจิระต้องการคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว” คำพูดคล้ายนักเลงชวนไปท้าต่อยนั้นทำให้นิฌานเลิกคิ้วฉงน แต่เมื่อหันมาเห็นผมยืนยิ้มกริ่ม เขาก็คล้ายจะเข้าใจว่าหน้ากากคนดีนั้นแตกเพล้งเสียแล้ว

“ได้สิ” พระเอกคนดังย่อมไม่อยากเปิดเผยตัวกลางกองถ่าย จึงตกลงรับคำแล้วเดินตามหลังจิตรินที่เชี่ยวชาญทั่วทุกแห่งในบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ตามประสาคนรักของท่านประธาน เขาพาผมกับนิฌานไปสตูดิโอเล็กๆ ห้องหนึ่งที่ไม่มีคนใช้งาน ก่อนจะล็อกประตูป้องกันไม่ให้มีคนนอกขัดจังหวะ รอบคอบอย่างน่าชื่นชม

จากนั้นการสืบสวนก็เริ่มต้นขึ้น

“ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ นิฌาน”

เจ้าของชื่อเลิกคิ้ว คงคาดไม่ถึงว่าจิตรินจะเปิดด้วยประโยคสุดเบสิกอย่างการกล่าวโทษซึ่งหน้าทั้งที่เจ้าตัวยังไม่ทันยอมรับการกระทำน่ารังเกียจของตัวเองด้วยซ้ำ หึหึหึ อย่าเพิ่งได้ใจเลยนิฌาน ของจริงเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

“ทำไมครับ ทำไมถึงโกหกจิระว่าคบกับแสงดาวด้วย ทำแบบนี้ไม่ให้เกียรติผู้หญิงเลยนะครับ เธอจะรู้สึกยังไงหากมารู้ว่าคุณพูดลับหลัง แต่งเรื่องเสร็จสรรพว่าเธอตกลงขอคบด้วยที่ตึกใบหยก ถึงที่นั่นจะสวยจริงก็เถอะ โดยเฉพาะชั้นบนสุดที่หากนั่งติดหน้าต่างตอนกลางคืนจะเห็นไฟสวยมาก แต่โดยส่วนตัวผมว่าห้องทำงานเสี่ยสวยกว่าอีก เป็นห้องกระจกปิดล้อมเหมือนกัน แถมยังกว้างกว่าโล่งกว่า สวยขนาดเคยเป็นฉากสุดโรแมนติกในหนังรางวัลเมื่อปีก่อนเชียวนะ คุณเคยดูรึเปล่า”

นิฌานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง

“เอ่อ...เคยดูสิ”

กว่าจะหาเสียงเจอถึงกับติดอ่างเลยทีเดียว พระเอกคนดังคงยังประมวลผมไม่เสร็จว่าไอ้ประโยคต่อว่าเมื่อครู่นั้นไปเกี่ยวข้องกับห้องทำงานของเสี่ยตรงไหน แต่ได้ชื่อว่าเจ้าคารม ย่อมหาทางไกล่เกลี่ยได้อย่างสบายๆ

“พี่อธิบายเรื่องดาวได้นะ ถ้าไม่อ้างชื่อเธอ จิระก็คงไม่วางใจใช่มั้ยล่ะ ก็ชื่อเสียงด้านเจ้าชู้ของพี่มันไม่ดี แต่ในเมื่อสนใจจิ อยากรู้จักกับจิ เลยต้องกุเรื่องเพื่อตีสนิทเรา...”

“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ถูกต้องอยู่ดี คุณทำให้จิระเข้าใจผิด คิดว่าแสงดาวทิ้งคุณไปหาผู้ชายคนอื่นได้ยังไงครับ ต่อให้อ้างเรื่องอยากสนิทสนมกับจิระ แต่ทำไมต้องลากต้องดึงชื่อเสียงของนักแสดงหญิงให้แปดเปื้อนด้วย คบกับคุณว่าแย่แล้ว แต่มาบอกเลิกเพราะมีผู้ชายคนใหม่มาจีบหมายความว่ายังไง คุณไม่คิดถึงใจของแสงดาวบ้างเหรอครับ ถ้ารู้เรื่องขึ้นมารับรองมองหน้ากันไม่ติดแน่ๆ แล้วบรรยากาศในกองถ่ายจะเป็นยังไง แล้วดาวกับตุลย์ล่ะจะคบกันต่อรึเปล่า ทั้งที่กันย์พยายามให้พวกคุณสองคนรักกันยาวนานจะได้ไปสู่สุคติอย่างวางใจทั้งที่ลอบกล้ำกลืนในอก แต่คุณก็หักหลังพวกเรา หักหลังตุลย์!”

“ใจเย็นๆ ก่อนนะ” นิฌานพยายามตั้งสติ อธิบายอย่างมีเหตุมีผลเมื่อจิตริน ทองคำดียิ่งพูดก็ยิ่งเลยเถิด ออกนอกเรื่องไปไกลแล้วยังอุตส่าห์วกกลับมาปะปนกับภาพยนตร์ได้อย่างเหลือเชื่อ ในโลกนี้คงมีจิตรินคนเดียวที่ทำได้ “พี่พยายามปิดเรื่องนี้เป็นความลับแล้วไง ดาวจะไม่รู้เรื่องนี้ และไม่มีใครเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น ใช่มั้ย เพื่อกองถ่าย เพื่อภาพลักษณ์ของคู่พระเอกนางเอกที่ไม่ควรมีเรื่องบาดหมางกัน”

“คุณกำลังข่มขู่ไม่ให้ผมกับจิระเอาเรื่องนี้ไปแฉเหรอครับ ไม่ต้องห่วงหรอก จิระบอกผมแล้วว่าให้รู้กันเอง เพราะมันเป็นเรื่องไร้สาระ! ทุกอย่างมันก็แค่ลมปากคน และเขาก็เผอเรอเองที่หลงเชื่อ เห็นอย่างนี้แต่จิระน่ะหัวอ่อนกว่าผมเยอะ แถมยังใจดี น่ารัก น่าเอ็นดู...”

“จิตริน” ผมกระแอมไอเมื่อคนตรงหน้าเริ่มเป๋ไปในทางไม่ถูกไม่ควร

“คุณไม่ควรหลอกจิระ! ต่อให้บอกว่าทำไปเพื่อเข้าใกล้เขา หวังใกล้ชิดสนิทสนมก็ไม่ควรอยู่ดี ใครจะหลงรักคนที่พูดโกหกตลอดเวลาลงกันล่ะ ถ้าแน่จริงก็แสดงความจริงใจออกมาสิครับ จะเดินหน้าจีบใครก็ทำตัวให้สมเป็นลูกผู้ชายหน่อย ควักหัวใจออกมา เอาออกมาพิสูจน์ เพราะแค่เพียงคำพูดไม่พอ!”

นั่นจิตรินกำลังร้องเพลงใช่มั้ย


ผมลอบกุมขมับ ส่วนนิฌานนั้นต่อให้อยากกุมขมับแค่ไหนก็ไม่กล้าพอเนื่องจากยังมีชนักติดหลังและแทบไม่ได้แก้ต่างอะไรเลย

“เรามาพูดกันดีๆ เถอะนะ อย่าใช้อารมณ์เลย จิระมีแฟนอยู่แล้ว พี่รู้เรื่องนั้นดีเลยไม่กล้าเข้าหาอย่างเปิดเผย ได้แต่ใช้ข้ออ้างต่างๆ เพื่ออย่างน้อยก็ได้คุยกับเขาอย่างสนิทสนม เป็นแค่เพื่อนกันก็ยังดี...”

“เพื่อนกันก็ห้ามโกหกกัน เจตนาแรกของคุณมันไม่บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ส่อพิรุธไปหมด สารภาพดีกว่าว่าคืนนั้นคุณไม่ได้เมา จริงๆ แล้วคุณหลอกปล้ำจิระ ตั้งใจฟันแล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องใช่มั้ยครับ คุณรู้ว่าเตโชจะกลับมา ก็เลยเผด็จศึกหมายให้ทั้งสองคนทะเลาะกัน พอพวกเขาเลิกก็จะได้ถือโอกาสเสียบ ผมรู้ ผมเห็น ผมสัมผัสได้!”

“พี่เมาจริงๆ...”

ผมไม่เคยเห็นใครตั้งใจคุยกับจิตรินด้วยท่าทางเป็นจริงเป็นจังได้นานขนาดนี้มาก่อนเลย ต้องชื่นชมนิฌานเลยนะเนี่ย

“ลองคิดดูสิ ถ้าพี่อยากให้จิระกับเตโชเลิกกัน ทำไมต้องหาเบอร์โทรศัพท์เตโชเพื่อแนะนำร้านชาด้วยล่ะ จริงมั้ย”

แถมยังหาข้อแก้ตัวได้สมบูรณ์แบบ

“ถ้าเมาแล้วทำไมถึงเรียกชื่อดาวเพื่อไม่ให้จิระสงสัยตอนถูกคุณจู่โจมล่ะครับ ถ้าเมาจริง ต้องเรียกชื่อจิระที่แอบชอบถึงจะถูก ทั้งหมดที่คุณทำมันคือการแสดงเพื่อให้เข้าใจผิดและไม่เอาความชัดๆ อ้างคนอื่นมาปั้นเรื่องโยงหาเหตุผลเพื่อให้รอดตัว คุณมันชั่วช้าสามานย์! ตัวแทนแห่งความยุติธรรมจะลงทัณฑ์คุณเอง!”

“สติ สติ” ไม่แน่ใจว่านิฌานกำลังบอกให้จิตรินตั้งสติ หรือบอกกับตัวเองให้มีสติกันแน่ “พี่หมายถึง...ที่เรียกชื่อดาวมันมีเหตุผลอยู่ เพราะตอนนั้นพี่เมาแต่ยังพอมีสตินิดหน่อย แม้จะห้ามใจไม่ไหวเผลอจูบแต่ก็ยังไม่ลืมว่าอ้างอะไรไว้เลยรีบเรียกชื่อดาวเพื่อไม่ให้จิระรังเกียจพี่ ตอนนั้นพี่ไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินเราเลยนะ หลังจูบเสร็จพี่ก็เริ่มสร่างแล้ว”

เชื่อก็ควายน่ะสิ!

“แค่จูบเหรอครับ แล้วนี่คืออะไรกัน” จิตรินถกเสื้อผมลงเผยให้เห็นรอยจูบที่กระจายเต็มตัวอย่างตะกละตะกลาม เอ่อ....เข้าใจผิดแล้ว นี่คือฝีมือเตโชต่างหาก “อย่า! อย่าแก้ตัวเลย ผมผิดหวังในตัวคุณมากครับ แม้ผมจะเป็นคนเขียนบทตัวเล็กๆ ที่อาจจะไม่เล็กเพราะตัวสูงเท่าคุณ แต่ผมคนนี้เป็นคนเลือกนักแสดงเองกับมือ นิฌาน ที่ผมเลือกคุณก็เพราะชื่นชมกับบทบาทของเด็กสู้ชีวิตเมื่อยี่สิบปีก่อน ภาพยนตร์เรื่องนั้นเพียงนึกน้ำตาก็แทบไหล เด็กชายตัวน้อย ถูกทิ้งให้อยู่ในสลัม ต้องขอเศษเงินและคุ้ยหาอาหารตามถังขยะ” จิตรินพูดพลางปาดน้ำตา “ร่างบอบบาง แขนผอมแห้ง เดินโซซัดโซเซหาบ้าน ดูเลื่อนลอยไร้จุดหมาย ฮึก นิฌาน คุณช่างน่าสงสาร”

 “หยุด!” พระเอกชื่อดังเอ่ยเสียงเข้ม เส้นเลือดปูดโปนข้างขมับอย่างโกรธจัด แม้จะพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกนั้นไว้จนมือสั่นระริกก็ตาม ราวกับว่าไปจี้ใจดำเข้าอย่างจังจนทนสวมหน้ากากต่อไม่ไหว “สรุปแล้วเราจะเอายังไงกับพี่ บอกมาเลยดีกว่า”

ความอดทนของนิฌานมาถึงจุดสิ้นสุดจนได้

ผมแค่นยิ้ม ก่อนจะแตะไหล่จิตรินให้เบี่ยงหลบ เพื่อให้ผมได้เผชิญหน้ากับพระเอกชื่อดังที่ไหลลื่นยิ่งกว่าน้ำมันเครื่อง

“พี่ต้องเลิกคิดเคลมผม และเลิกโทรหาแฟนผมสักที”

“ตกลง” นิฌานยกมือยอมแพ้อย่างว่าง่าย “แล้วพี่ต้องเซ็นสัญญาอะไรมั้ย ต้องอัดเสียงรึเปล่า เราไม่เชื่อคำพี่แล้วไม่ใช่รึไง”

“ไม่ต้องหรอกครับ เพราะตรงนี้มีพยานอีกหนึ่งคน” ผมหันไปยิ้มให้จอมฝอย “เนอะจิตริน”

“ถ้าจิระอยากให้จบตรงนี้ผมก็จะจบ” จิตรินถอนหายใจเฮือกอย่างจำยอม ทั้งที่คนที่อยากจะถอนหายใจอย่างโล่งอกยิ่งกว่าใครน่ะคือนิฌานต่างหาก “อย่าคิดเคลมจิระอีกนะครับ สาเหตุอีกอย่างที่ผมเลือกคุณมาแสดงเป็นตุลย์ ก็เพราะประทับใจหนังเมื่อสามปีก่อน ตอนนั้นคุณเล่นเป็นผู้ชายอบอุ่นที่เห็นคนรักสำคัญเป็นที่หนึ่ง ตามจีบทุกวันไม่ลดละความพยายามจนทุกคนพากันสงสารเห็นใจ พูดแล้วก็นึกถึงฉากนั้น ฉากที่คุณวิ่งไล่ตามรถเมล์เพราะหญิงสาวคนรักทำกระเป๋าเงินตก ความห่วงใยว่าเธอจะไม่มีเงินจ่ายค่าตั๋วรถจนวิ่งฝ่าฝนประทับใจตราตรึงผมมาก น่าเสียดายจริงๆ ที่ชวดรางวัลไ...”

“จบเถอะ พี่ขอร้อง” นิฌานถึงกับยกมือไหว้แม้แก่กว่า ทำหน้าเหมือนกินยาขม จนจิตรินคนมารยาทงามไหว้ตอบแทบไม่ทัน “ให้ถือซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วกัน พี่จะลบเบอร์เรากับเตโชทิ้ง สบายใจแล้วนะ”

พระเอกคนดังทำตามคำพูดด้วยการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาลบเบอร์แล้วหันหน้าจอให้ผมตรวจสอบ

“ขอบคุณครับ”

ผมฉีกยิ้มร่าเมื่อนิฌานรีบเดินหนีอย่างหัวเสีย คิดถูกจริงๆ ว่าการให้คนเจ้าคารมจอมสร้างเรื่องมาเจอกับคนฝอยออกทะเลนั้นต้องได้ผลแสนสุดยอด

“ขอบคุณนะจิตริน”

“ถ้ามีอะไรก็เรียกใช้บริการไอ้จิได้เลย!” จิตริน ทองคำดี ตบอกตัวเองอย่างภาคภูมิใจด้วยใบหน้าร่าเริงสดใสไร้ความทุกข์ร้อนแม้จะทำให้ใครบางคนทุกข์ระทมจนคาดว่าอาจจะเก็บไปฝันร้าย

ผมขำก๊าก ตบบ่าจิตรินอย่างชมเชย ไม่ลืมโทรบอกเตโชว่าสะสางปัญหานี้ยังไง เพียงคนหน้ามึนได้ยินว่านิฌานเจอจอมฝอย ความกรุ่นโกรธก็เลือนหายแทนที่ด้วยความเห็นใจ

(( เขาหูดับมั้ย ))

“ไม่หูดับหรอก แต่ถ้าเจออีกครั้งคงอยากดับชีวิตตัวเองเลยล่ะ!”

อานุภาพของจิตริน ทองคำดีนี้นั้นช่างหาใดเปรียบ

ทำให้คนอารมณ์ดีได้ และก็ทำให้คนอยากตายได้เช่นเดียวกัน!

 





นับว่านิฌานทำตามคำพูด หรือไม่ก็ขยาดจอมฝอยที่จ้องเขม็งเหมือนจับผิดหากเข้าใกล้ผม เลยไม่กล้าคุยเล่นหรือโทรหาเตโชอีกเลย แสงดาวเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เริ่มคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้นเลยเดินมาตบไหล่ผมพร้อมกล่าวว่า...

“ครั้งนี้พี่ฌานเล็งจิระนี่เอง”

โทษเถอะครับ เรื่องนี้มีนักแสดงกันแค่สามคนถ้าไม่นับตัวประกอบฉาก ไม่ให้เล็งผมแล้วจะไปเล็งหมาเล็งแมวที่ไหน!

แต่จะว่าแสงดาวก็ไม่ถูก เธอคงคาดไม่ถึงเพราะโดนคารมของนิฌานหลอกตาเช่นเดียวกัน คนที่คุยกับแฟนผม บอกว่าอิจฉาความรักของผมกับเตโช แต่ดันเข้ามาแทรกกลางหน้าด้านๆ เนี่ย...เฮ้อ เอาเป็นว่าเลิกคุยถึงเรื่องนี้ดีกว่า แค่นึกก็ขนลุกเกรียวไปหมด อยากเอาปากไปล้างกับแอลกอฮอล์ สงสารตัวเองจับใจ

การถ่ายทำดำเนินไปด้วยดีอย่างราบรื่นและรวดเร็ว เพราะเดิมที Love After Death นั้นเน้นที่อารมณ์รับส่งของนักแสดงมากกว่าลปัจจัยภายนอกอื่นๆ ส่วนใหญ่จึงมักถ่ายทำในสตูดิโอได้เลย ส่วนงบการลงทุนหลักล้านนั้นก็มาลงกับการทำกราฟฟิกให้ตัวผมโปร่งแสงเป็นวิญญาณตลอดทั้งเรื่อง

ยกเว้นแต่ฉากสุดท้ายซึ่งทุ่มทุนสร้าง เพราะเป็นงานแต่งงานของตุลย์และดาวจัดกลางสวนดอกไม้ ตกแต่งงดงามราวภาพฝัน ประดับด้วยรูปภาพของคู่บ่าวสาวที่ร่วมฟันฝ่าอุปสรรคกันมาตลอดจนกระทั่งครองคู่กัน

ฉากนี้รวมนักแสดงเยอะที่สุด ทั้งพ่อแม่ของดาว พ่อแม่ของตุลย์ พ่อแม่ของกันย์ แล้วยังบรรดาเพื่อนๆ และแขกร่วมงานอีกนับน้อยชีวิต

บรรยากาศเป็นไปด้วยความวุ่นวายครู่ใหญ่กว่าจะเรียกความสงบได้ เพราะนื่เป็นฉากสำคัญ คือการลาจากอย่างแท้จริงของกันย์

...ลาจาก...ตลอดกาล

“ตื่นเต้นเหรอดาว”

ผมแซ็วหญิงสาวในชุดราตรีสีขาวกระโปรงยาวฟูฟ่อง ดาวเกล้าผมขึ้นทัดด้วยดอกไม้ ดูงดงามอ่อนหวานไม่ต่างจากเจ้าหญิง

“กันย์ถามว่าคุณตื่นเต้นหรือ” ตุลย์ช่วยแปลภาษาวิญญาณให้อีกต่อ

“ตื่นเต้นสิคะ ก็นี่เป็นงานแต่งงานแรกของดาวนี่นา” ดาวเอ่ยด้วยสีหน้าลนลาน  สองมือกำแน่นกับเจ้าบ่าว รอพิธีกรเรียกชื่อทั้งคู่เพื่อเดินไปหยุดยืนตรงกลางระหว่างบาทหลวง “กันย์จะร่วมอวยพรด้วยใช่มั้ย”

“แน่นอนสิ” ผมตอบทั้งรอยยิ้ม เอื้อมมือช่วยเกี่ยวเส้นผมที่ร่วงลงมาปรกหน้าของดาว ตุลย์เห็นความพยายามอันสูญค่าของผมแล้วก็ช่วยทำแทน ดาวชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขอบคุณกับความเอาใจใส่นั้นด้วยรอยยิ้มหวาน

รอยยิ้ม...ที่ไม่ได้มอบให้ผม

“ดาวมีความสุขมั้ย”

“กันย์ถามว่าดาวมีความสุขมั้ย” ตุลย์ช่วยแปล

“มีความสุข...มีความสุขอย่างที่ไม่คิดว่าจะมีได้หลังจากเสียกันย์ไป” หญิงสาวเอ่ยเสียงเครือเมื่อนึกถึงช่วงเวลาแห่งความสูญเสีย “แต่กันย์ยังอยู่ในใจดาวเสมอนะ”

“ดีเลย ได้ยินอย่างนี้ก็วางใจ ผมจะได้ไปสู่สุคติสักที”

“กันย์!” ตุลย์อุทานอย่างตกใจ

“ทำไมล่ะ วิญญาณเร่ร่อนอย่างผมควรไปเกิดใหม่นานแล้ว ยังจะรั้งกันอีกเหรอ หรือว่านายจะดูแลดาวไม่ดี ถ้าอย่างนั้นผมอยู่ต่อก็ได้นะ”

“ไม่...ไม่หรอกกันย์ ฉันแค่รู้สึกใจหาย” ตุลย์เอ่ยก่อนจะหันไปกระซิบบอกดาวว่าผมพูดอะไรออกมา หญิงสาวตาเบิกกว้าง น้ำใสคลอหน่วยเมื่อรู้ว่าอดีตคนรักที่เฝ้ามองและฟูมฟักความรักครั้งใหม่นี้ของเธอมาตลอดจะจากไป

“ไม่เอา อย่าร้องไห้สิดาว” ผมพยายามซับน้ำตา แต่ทำได้เพียงสัมผัสความว่างเปล่าเพราะเป็นเพียงวิญญาณโปร่งแสง “อวยพรสิ อวยพรให้ผมไปที่ชอบๆ ไม่แน่นะ ผมอาจจะเกิดใหม่เป็นลูกของดาวกับตุลย์ก็ได้”

“ถ้าได้ก็ดี” ตุลย์พูดทีเล่นทีจริง ช่วยส่งผ้าเช็ดหน้าให้เจ้าสาวที่เริ่มสะอื้นไห้ “ยิ้มส่งกันย์เถอะดาว อย่าให้เขาต้องห่วงพวกเราอีกเลย”

“กันย์...” ดาวเอ่ยเสียงเครือ “ดาวรักกันย์นะ”

“ผมรู้”

“กันย์จะอยู่ในความทรงจำของพวกเราตลอดไป”

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มหวาน มองส่งทั้งคู่เดินลอดซุ้มตรงไปยังแท่นพิธี พร้อมน้ำตาที่ค่อยๆ หลั่งรินลงมา “ฮะฮะ เพิ่งบอกดาวไม่ให้ร้องไห้แท้ๆ แต่ดันขี้แยเองซะได้”

กันย์พยายามเช็ดน้ำตา แต่ยิ่งเช็ดหยดน้ำก็ยิ่งหลั่งรินจนเลิกการกระทำแสนไร้ค่า แล้วเงยมองภาพแสนสวยงามนั้น มองภาพของสองหนุ่มสาวที่ยิ้มให้กัน แลกแหวนกัน และจุมพิตกัน

 “จะจดจำผมไว้ตลอดไปงั้นเหรอ” ร่างของกันย์ค่อยๆ เลือนหายอย่างเชื่องช้า “แล้วผมควรจะทำยังไง ถึงจะจดจำทั้งคู่ได้บ้างนะ”

คนเป็นยังคงอยู่ แต่คนตายคงเหลือเพียงความว่างเปล่า

ร่างของกันย์ค่อยๆ จางหายอย่างเงียบเหงาท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงชื่นชมยินดีของผู้มาร่วมงาน ไม่มีใครสังเกตสักคนว่ามีวิญญาณดวงหนึ่งกำลังสิ้นสูญ และเมื่อเสร็จสิ้นพิธี ยามตุลย์เดินจูงมือดาวมายังตำแหน่งเดิม ชายหนุ่มก็พบว่าวิญญาณที่เฝ้ามองพวกเขาทั้งคู่มาตลอดนั้นได้จากไปแล้ว

“เคยมีคนบอกว่า...ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ” ตุลย์เอ่ยกับคนรักด้วยความรู้สึกหน่วงหนึบในใจ “ผมควรขอบคุณกันย์ที่ทำให้ผมได้เจอกับคุณ”

ดาวยิ้มรับทั้งน้ำตา รู้ทันทีว่าไม่อาจพูดคุยกับกันย์ได้อีกแล้ว

สองบ่าวสาวกอดกันท่ามกลางสายลมหนาว ไอเย็นที่พัดผ่านเข้ามานั้นเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนฤดูกาล

จากหน้าฝนเป็นหน้าหนาว

...จากเดือนกันยายนเป็นเดือนตุลาคม

 




ทันทีที่เครดิตขึ้นพร้อมเพลงประกอบ ทุกคนในโรงพร้อมใจกันนั่งนิ่งราวตกอยู่ในภวังค์ ผมจับมือเตโช กังวลว่าผลตอบรับจะออกมาไม่ดี เพราะนี่คือคือรอบปฐมทัศน์ที่เชิญสื่อมวลชนและคนดังจากสื่อโซเชียลมาร่วมรับชมเพื่อวิจารณ์ติติง ความพยายามตลอดสองเดือนของผม และการตัดต่อรอคิวเข้าฉายอีกสี่เดือน ถ้าทุกอย่างล้มไม่เป็นท่าในวันนี้...ผมคงร้องไห้โฮๆ ไม่ต่างกับกันย์

พลันเสียงปรบมือดังขึ้น

และค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมเสียงสะอื้นไห้

ที่แท้...ทุกคนต่างนั่งนิ่งเพราะน้ำตาร่วงด้วยความซาบซึ้งอยู่นี่เอง

ผมโล่งอก ก่อนจะหันไปหาเตโชแล้วหลุดยิ้มขำ เพราะใบหน้าของเขากำลังชุ่มด้วยน้ำตา อินจัดไม่ต่างกับผู้ชมคนอื่นๆ เลย

“ผ้าเช็ดหน้ามั้ย” ดีนะที่ผมเตรียมพร้อมตลอด

“ขอบคุณ” เตโชรีบรับไปซับ ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเงยหน้าหันมาบอกผมด้วยสีหน้าจริงจังเท่าที่ทำได้ว่า “ซึ้งมาก”

“แค่เห็นฉันก็รู้แล้ว” ผมแย่งผ้าเช็ดหน้ามาช่วยเช็ดคราบน้ำตาที่ยังเหลือตรงข้างแก้มเขาให้

“จิระเล่นดี”

“แน่นอนสิ ฉันคือใคร ฉันคือจิระ นราสมุทรนะ”

“ท่านจิระผู้ยิ่งใหญ่”

ผมแย้มยิ้มกับคำเยินยอนั้น ก่อนจะเดินไปรวมกลุ่มกับนักแสดงนำ เพื่อยืนส่งสื่อมวลชนและแขกท่านอื่นๆ ให้กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ

หลังจากนั้นไม่ถึงชั่วโมง คำวิจารณ์แรกก็ถูกโพสลงโซเชียล

พาดหัวด้วย ‘หนังรักที่สุขสมหวังแต่คลอเคล้าด้วยน้ำตา’ พร้อมคำแนะนำว่า ‘ทิชชูม้วนเดียวไม่พอ ขอแนะนำให้พกติดตัวสองม้วนขึ้นไป’

คืนนั้นผมแทบไม่หลับไม่นอนเพราะมัวแต่นั่งยิ้มกับคำชมที่ค่อนไปทางบวกทั้งหมด นอกจากชื่นชมนักแสดงแล้วยังชื่นชมคนเขียนบทที่กล้านำเสนอความรักในรูปแบบใหม่ ที่มีทั้งความเสียสละของกันย์ การเริ่มต้นใหม่ของดาว และการพร้อมที่จะประคับประคองช่วยเหลือของตุลย์

ทุกคนต่างหลงรักตัวละครทั้งสามคนนี้

โดยเฉพาะกันย์ ที่แม้จะไม่ใช่พระเอก แต่กลับตราตรึงในใจจนเป็นที่พูดถึงมากที่สุด และกลายเป็นหัวข้อในการถกเถียง ว่าถ้าคุณเป็นกันย์ คุณจะเลือกทำอย่างไร

“จิระ นอน”

นานครั้งเตโชจะเป็นฝ่ายตามผมเข้านอน เพราะคนหน้ามึนมักแต่งเพลงเพลินจนโดนผมไล่มากกว่า ก็อารมณ์อินดี้ของเขาชอบมาตอนแสงจันทร์สาดส่อง สงสัยจะมีเลือดกึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์หมาป่า ถึงได้คึกคักตอนกลางคืน

“ขออีกนิดน่า”

นานครั้งที่ผมจะได้คำชื่นชมไม่มีก่นด่าแทรกแซง เลยอดที่จะนั่งอ่านความเห็นอย่างเบิกบานไม่ได้ หลายเดือนผ่านไป ความมุ่งมั่นตั้งใจของผมก็เริ่มบังเกิดผล แม้จะมีคนขุดข่าวคอยย้ำเตือนอยู่บ้าง แต่เมื่อได้รางวัลแรกมา คำวิจารณ์ด้านลบก็เริ่มน้อยลงไปโดยอัตโนมัติ

ครับ ผมได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากซีรีส์เช็กเมท

ดูตู้ที่เพิ่งซื้อมาตั้งอยู่ข้างกีตาร์สามตัวของเตโชนั่นสิ มีถ้วยรางวัลอยู่สามถ้วย โดดเด่นเป็นสง่า หันไปมองทีไรก็ชวนยิ้มกว้างทุกที

อย่าเพิ่งสงสัยว่าอีกสองถ้วยนั้นมาจากไหน ก็มาจากคนหน้ามึนที่พยายามจะแย่งโทรศัพท์ผมนี่ไง เตโชได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมประจำปี และได้รับรางวัลเพลงยอดนิยมประจำปีจากเพลงหิวรักที่จนป่านนี้ก็ยังร้องได้ทั่วบ้านทั่วเมือง นับว่าเราสองคนทำตามความฝันสำเร็จ แต่ก็ใช่ว่าจะหยุดอยู่ที่ตรงนี้

รอก่อนเถอะเตโช ฉันจะตีตื้นให้ได้!


ผมเฝ้าคอยและวาดหวังว่าภาพยนตร์ที่เพิ่งนำแสดงไปนั้นจะต้องคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมมาให้ได้ มีคนละสองถ้วยกำลังดี แล้วปีหน้าค่อยมาลุ้นใหม่อีกครั้ง

“แฟน” เตโชเริ่มใช้ไม้ตาย โดยการเรียกผมด้วยคำที่ฟังทีไรก็สยิวทุกรอบ “แฟนครับ”

“รู้แล้วๆ ฉันวางโทรศัพท์ก็ได้” ผมยอมแพ้ ไม่วายหันไปยักคิ้วยิ้มยั่วใส่คนหน้ามึน “นายว่าฉันจะได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมรึเปล่า”

“นอน”

เตโชไม่คึกตามผมเลย

“โอเค นอนก็นอน” เห็นว่าใกล้จะตีสองแล้วหรอกนะถึงยอมนอน ช่วงนี้ถ้าไม่นับการเดินสายโปรโมตภาพยนตร์แล้ว ผมก็ไม่มีงานแสดงเป็นชิ้นเป็นอันเลย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าตลอดหกเดือนที่ผ่านมานี้ผมมีละครเพิ่มมาหนึ่งเรื่อง โฆษณาหนึ่งตัว และมิวสิกวีดีโอสองเพลงของนักร้องคนอื่นที่ไม่ใช่เตโช ฟังดูน้อยใช่มั้ยล่ะ แต่ผลงานทุกอย่างถูกคัดผ่านคมสัน คุณเลขาจอมมารที่มีสายตากว้างไกลว่าทำแล้วดี ทำแล้วดัง งานที่ออกมาจึงได้ผลตอบรับน่าพอใจ

ข้อดีของคมสันคือเขาเข้าใจผม คัดงานแต่คุณภาพเน้นๆ เพื่อให้ผมมีเวลาว่างในการพักผ่อนและอยู่กับเตโช เพราะทุกครั้งที่รับบทนำเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็นอันต้องจมกับบทบาทนั้นทุกที เลยพยายามรับแสดงทีละเรื่องเพื่อฟื้นฟูสุขภาพจิตและสุขภาพใจ

“แฟนครับ”

“ไปแล้วๆ นายนี่เร่งกันจัง” ผมทิ้งตัวนอนข้างเตโช เขยิบตัวเข้าไปซบกับต้นแขนอุ่นๆ ของเขา ก่อนจะไถศีรษะไปมาเพื่อหาตำแหน่งที่สบายที่สุด “นอนแล้วนะ”

“ราตรีสวัสดิ์” เตโชก้มกระซิบ ก่อนจะจูบเปลือกตาผมเบาๆ จบท้ายที่หอมเหม่งดังฟอด หมั่นไส้ชะมัด ผมแอบเตะเขาหนึ่งทีพร้อมกระซิบตอบ

“ราตรีสวัสดิ์ ไอ้แฟนบ้า”


-----------------

ตอนนี้หลังจากน้องฝอยสะสางกับนิฌาน ก็ไทม์สคิปกันไปหกเดือนตอนหนังเข้าโรงฉายนะคะ

อารมณ์ก็จะแตกต่างกันหน่อยระหว่างครึ่งบนกับครึ่งล่าง แต่เราชอบบรรยากาศหลายๆ อย่างในตอนนี้มาก ทั้งตอนนิฌานโดนน้องฝอยไล่ต้อนจนหลุดมาด ทั้งตอนจบระหว่างกันย์ ดาว และตุลย์ รวมถึงฉากเตโชที่ไล่จิระไปนอนกับความสำเร็จของทั้งคู่

ตอนหน้ามางานประกาศรางวัลกันค่ะ! นับเป็นการทิ้งท้ายกันจริงจังแล้ว!!


เพจนักเขียนที่รู้สึกผูกพันกับทุกตัวละครทั้งจิระ มิสเตอร์เอส และกันย์ (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 14-01-2018 19:46:19
โอ้ย...ใกล้จบแล้วเหรอเนี่ย...  สนุกมาก ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆให้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-01-2018 19:53:21
โธ่จะจบแล้วเหรอ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-01-2018 19:59:26
ปรบมือรัวๆ  :katai2-1:  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 14-01-2018 20:13:45
ฮืออออ จิตริน คำว่าสติๆๆนั่นสมควรมอบให้นายจริง ๆ คนอ่านยังมึนตามอะ 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-01-2018 20:17:40
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 14-01-2018 20:25:22
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 14-01-2018 20:44:21
ทุกอย่างล้วนพ่ายแพ้ที่จิตริน  :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 14-01-2018 20:54:46
สนุกมากกกก :ling1: :ling1:
มาต่อไวๆน้าา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 14-01-2018 21:23:15
ตอนจิตรินร้องเพลงควักหัวใจออกมา เอาออกมาพิสูจน์
สติหลุดชั่วขณะแล้วนึกย้อนความหลังไปถึงเรื่อง I’m not him
นึกไปถึงตอนที่จิตรินโดนกรีดมือแล้วไปร้องเพลงลูกเสือให้เสี่ยฟัง o22 o22
สติ สติลูกสติ โอยยยยยย
เตโชถึงกับสงสารนิณานจับใจ ถึงกับมีการไถ่ถามอาการว่าหูดับไหม :m20:
ถ้านี่เป็นเกม พูดเลยจิตรินเนี่ยแหละบอส (และลาสบอสจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณคมสัน)

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 14-01-2018 22:05:04
โอ้ยยยย
น่ารักกกกกก จิตรินยังน่ารักเหมือนเดิมมม
แต่ว่า นี้คิวเสี่ยแน่นมากเลยหรออ
ไม่ออกมาเรื่องนี้หน่อยหรอ
เริ่มคิดถึงเสี่ยแล้วนะ
อิอิ

ไม่อยากให้จิระเจออะไรไม่ดีอีกแล้ว ขอให้เจอแต่เรื่องดีๆๆๆๆๆๆ
มีเตโชข้างๆไปเรื่อยๆ เย้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 14-01-2018 22:07:35
                                             :3123: :3123: :3123:
             เป็นตอนที่น่ารักอีกตอนมากๆเลยค่ะ
เป็นตอนที่รวมหลายๆช่วงเวลสมาไว้ในตอนเดียวกันแต่อ่านแล้วลื่นไหลดีค่ะ
รออ่านตอนที่จิไปรับรางวัลนะค่ะ
       :mew1:    :mew1:   :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 14-01-2018 23:15:05
จะจบแล้วหรอเนี๊ย แต่งนิยายสนุกมากเลย ยังอยากอ่านตอนต่อไปเรื่อยๆนะคะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: marshall ที่ 14-01-2018 23:41:39
ความเชื่อมโยงเรื่อง นั้น มี 100 ให้ 1000 เลยจิตริน 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 14-01-2018 23:47:26
 :katai2-1: o13 :katai2-1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-01-2018 23:57:02
จิตรินนี่สุดยอดจริงๆ 5555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 14-01-2018 23:59:50
ไม่อยากให้จบเลยค่ะ คงคิดถึงจิระ
อยากให้เขียนเรื่องของคมสันเป็นเรื่องยาวบ้างจัง 555555 อยากเห็นมุมมองจอมมารกับพี่เบิ้มค่ะ 555
ปล.จิฮามากก ทั้งควักหัวใจ ทั้งสัมผัสได้ ทั้งสโลแกนเซเลอร์มูน 555 ฝอยหนักมากก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 15-01-2018 00:09:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 15-01-2018 00:57:44
เงิ้ว ตอนหน้าแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 15-01-2018 01:26:15
จิตรินไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยยย555555 ยอมแล้วววว ไม่ใช่นิฌานยังรู้สึกเหมือนหูดับ ฮ่าาาา
ทั้งสองคนกำลังก้าวขึ้นไปคนละก้าวแล้ว เหมือนเห็นูกได้ประสบความสำเร็จเลยค่ะ ฮ่าา ครอบครัวของเตโชจะยอมรับเรื่องอาชีพกับความสำเร็จนี้ยังน้า
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-01-2018 02:01:27
ตอนแรกถึงว่าตาฌานจะร้ายจนหนูจิของเสี่ยจัดการได้ไม่เรียบร้อย ต้องให้เสี่ยจัดการต่อ ที่ไหนได้ตาฌานอ่อนมาก ๆ เสร็จคารมหนูจิของเสี่ย  o13
ส่วนหมาน้อยเตโชหลัง ๆ นี่มีการปฏิวัติตัวเอง มีสั่งแฟนตัวเองให้นอนได้สำเร็จ เด็ดจริง ๆ เลยหมาน้อยของหนูจิ  o13
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 15-01-2018 02:05:23
ถ้าไม่นับคมสันต์ จิตรินก็เจ๋งที่สุดในเรืรองล่ะ 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 15-01-2018 09:52:10
เราขำหนักมากกก

เราเป็นณานเราคงคิดว่านี่กำลังโดนด่าอยู่ หรือกำลังคุยกับคนบ้า


5555555

ณานคงไม่อยากให้มีปัญหาแหละ พอคนจับได้ ก็ให้เรื่องมันจบๆไป ไม่งั้นคงแย่ ผู้กำกับเส้นใหญ่หนักมากเสียด้วย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-01-2018 10:23:31
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 15-01-2018 11:12:04
ฮ่าๆๆๆ สมน้ำหน้าอิตาฌานเป็นไงละเจอพี่จิจอมฝอยเข้าไปถึงกับพูดไม่ออกเลยละเซ่ หนูจิเขามีแบ็คดีเพราะงั้นคราวหน้าก็อย่ามาแหยมอีกละ หุหุ กับตอนจบของหนังที่หนูจิเล่นนี่ชวนเศร้าปนเหงาจริงๆ ยิ่งประโยคที่กันย์พูดว่า "ตุลย์กับดาวจำกันย์ไว้ในความทรงจำแล้วกันย์เองละจะจำได้รึเปล่า สุดท้ายกันย์ก็เหลือเพียงความว่างเปล่า" อื้อหืออ อ่านถึงตรงนี้น้ำตาจะไหล
ปล.1 ดีใจกับหนูจิและเตโชด้วยนะสำหรับรางวัลที่ได้
ปล.2 เรื่องนี้ใกล้จบแล้วเหรอคะ ไม่นะ!! เรายังหวานกับหนูจิและคนมึนไม่พอเลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 15-01-2018 13:10:55
โอ๊ย ขำจนจะสำลัก สงสารตัวร้ายเขานะคะ 55555555555555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 15-01-2018 15:03:09
จิตริน ทองคำดี เรารักคู๊ณณณ 555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 15-01-2018 19:32:31
ถึงมือหนูจิช่างฝอยแล้วเชื่อมือได้เลย ทุกอย่างเรียบร้อย ตลกตรงเตโชถามหูดับมั๊ย :laugh:

ยินดีกับจิระที่ผลตอบรับมาในทางที่ดี :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : รางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 15-01-2018 20:35:00

ตอนที่ 33

งานประกาศรางวัล




งานพรมแดงปีนี้นับเป็นช่วงที่หลายคนรอคอย หนึ่งในนั้นคือตัวผมเอง ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าจะได้รับเชิญให้มาร่วมงานแสนทรงเกียรตินี้ด้วยดีกรีผู้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง Love After Death

คมสันตามตัวผมแต่เช้าไปเสริมหล่อ ใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงในการแต่งองค์ทรงเครื่อง ผมสีอ่อนที่เริ่มยาวขึ้นนับตั้งแต่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้จบถูกเสยขึ้นข้างหนึ่งเผยให้เห็นโครงหน้าสมบูรณ์แบบ ขณะที่อีกข้างปล่อยให้ส่วนหยักศกน้อยๆ นั้นปรกตา ทำให้ภาพลักษณ์ของออกมาทรงเสน่ห์เต็มเปี่ยมด้วยฟีโรโมน ผมสวมเสื้อสูทแฟชั่นสีขาวปกดำ ผูกหูกระต่ายสีเดียวกันเข้าคู่กับรองเท้าหนังสุดหรู ทันทีที่ก้าวลงจากรถของบริษัท แสงแฟลชจำนวนมากก็พากันเก็บภาพดาราชายที่ถูกพูดถึงมาที่สุดในปีนี้

ใช่ โดนพูดถึงครบถ้วนทั้งข่าวฉาวและไม่ฉาว แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต่างยอมรับคือฝีมือการแสดงของนายจิระ นราสมุทรคือของแท้ สามารถดึงดูดให้คนลืมเลือนเสียสนิทว่าเคยสร้างเรื่องอะไรไว้ แล้วจมจ่อกับตัวละครในบทบาทนั้นๆ ราวมีอยู่จริง

ยามย่างเท้าบนพรมแดง ในใจผมลอบประหม่า แต่ถึงอย่างนั้นก็แฝงซึ่งความภาคภูมิ ผมโบกมือทักทายนักข่าว ทักทายแฟนคลับที่มายืนรอหน้างาน ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน รวมตัวกับนักแสดงคนอื่นๆ อย่างนิฌานและแสงดาว

ภาพรวมของเราสามคนนั้นได้รับความสนใจมาก เพราะครั้งนี้รางวัลนักแสดงนำชายจากภาพยนตร์เรื่องเดียวกันได้รับการเข้าชิงถึงสองชื่อ นั่นคือตัวผมกับนิฌานนั่นเอง

แสงดาวซึ่งรับบทหนักต้องร้องไห้จนตาบวมเกือบทั้งเรื่องก็ถูกเสนอชื่อในรางวัลนักแสดงนำหญิงเช่นเดียวกัน จึงไม่แปลกที่ทุกสื่อจะจับตาพวกเราสามคนมากเป็นพิเศษ

เมื่อเข้างาน ผมก็เดินไปนั่งลงข้างจิตรินซึ่งถือเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ ผู้กำกับ และทีมงานคนอื่นๆ ต่างรอลุ้นกับงานประกาศผลที่กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า

ป่านนี้เจ้าตูบคงดูการถ่ายทอดสดอยู่แน่ๆ

ผมคิดในใจด้วยความเสียดาย เพราะแม้อยากให้เตโชมาอยู่ด้วยกันในวันนี้ก็ทำไม่ได้ในเมื่อสายงานของพวกเราสองคนแตกต่างกัน

“วันนี้จิระหล่อมาก” จิตรินยิ้มกว้างชมเชย วันนี้เขาสวมเสื้อสูทสีดำสนิท ผมที่มักปล่อยกระเซิงถูกจัดแต่งให้เป็นทรง ดูคมเข้มคมคายในแบบที่ไม่เคยเห็น

“นายก็ดูดี” ผมเอ่ยตามความจริง ก่อนจะเหล่มองพระเอกชื่อดังซึ่งนั่งถัดออกไปสามช่วงอย่างจงใจเว้นระยะห่างจากเราสองคนด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “จิตรินคิดว่าผมจะเอาชนะนิฌานได้รึเปล่า”

“มันแน่อยู่แล้ว จิระของผมเก่งที่สุด!”

“แต่นายเป็นคนเลือกเขาเป็นพระเอกนะ”

“ได้ชื่อว่าเป็นพระเอก ได้นางเอกไปครอง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นผู้ชนะตลอดไปนี่” จิตรินหยักคิ้วหลิ่วตาอย่างขี้เล่น “จิระเองก็มั่นใจมากไม่ใช่เหรอ”

“มั่นใจรึเปล่าไม่รู้ แต่ที่รู้คือยังไงก็ต้องตีเสมอกับเตโชให้ได้!” ผมเอ่ยอย่างมุ่งมั่น พอดีกับไฟที่ดับลงเป็นสัญญาณว่างานประกาศรางวัลได้เริ่มขึ้นแล้ว

การแสดงเปิดตัวเป็นไปอย่างน่าตื่นตา แต่ไม่ทำให้ผมตื่นเต้นเท่าการมอบรางวัลที่เริ่มไล่จากการแต่งหน้ายอดเยี่ยม เครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม เพลงนำประกอบละครยอดเยี่ยม บันทึกและผสมเสียงยอดเยี่ยม ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลล้วนชวดหมดอย่างน่าเสียดาย

จนกระทั่ง...

“และขอแสดงความยินดีกับบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเรื่อง... Love After Death ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน คุณจิตริน ทองคำดีค่า!”

คนข้างตัวผมนั่งอึ้ง แม้จะมีแสงไฟสาดส่องก็ยังไม่ขยับตัวเหมือนไม่อยากเชื่อ

“ทุกคนต้องยอมรับกับบทภาพยนตร์ที่แปลกใหม่ในเรื่องนี้นะคะ ความรักสามรูปแบบที่เรียกน้ำตาจากคนทั้งประเทศด้วยการนำเสนอผ่านตัวละครนำเรื่องของวิญญาณ ทุกลำดับเหตุการณ์ร้อยเรียงให้หลงรักทุกตัวละคร ทั้งสุข ทั้งเศร้า ทั้งหน่วง ทั้งซึ้ง ต้องยกให้เรื่องนี้จริงๆ ค่ะ!”

“พิธีกรบิ้วจนแทบจะหมดมุกแล้ว ออกไปสักทีสิจิตริน” ผมสะกิดบอกคนข้างตัวที่กว่าจะลุกจากที่นั่งได้ก็เกือบสะดุดขาตัวเองล้มคะมำ เรียกเสียงหัวเราะเฮฮาจากคนร่วมงานเป็นอย่างดี

ภาพของจอมฝอยที่ขึ้นไปรับรางวัลอย่างเก้ๆ กังๆ นั้นทำเอาผมยิ้มกว้าง

“ก่อนอื่น..ผมต้องบอกว่าบทภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากการร่วมแรงร่วมใจของคนหลายคน ผมอยากให้ทุกคนปรบมืออีกครั้งให้กับทีมงานเขียนบทที่นั่งหลังขดหลังแข็งช่วยตัดช่วยเกลาจนออกมาสมบูรณ์ในวันนี้ ขอบคุณครับ!”

จิตรินถือถ้วยรางวัลมานั่งข้างผม ก่อนจะหันมาถามด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย

“นี่ผมฝันอยู่รึเปล่า โอ๊ย จิระ”

“ร้องขนาดนี้คงไม่ใช่ฝันแล้วล่ะจิตริน” ผมตอบเขาหลังช่วยคลายข้อสงสัยโดยการเหยียบเท้าลงไปเต็มแรง

“อยากให้เสี่ยอยู่ด้วยจัง...”

“ฉันเข้าใจความรู้สึกนาย” ผมโคลงศีรษะเล็กน้อย หันมาใจจดใจจ่อกับการประกาศรางวัลนักแสดงสมทบทั้งชายและหญิง และแน่นอนที่สุดว่า นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในปีนี้แสงดาวได้ไปครองอย่างใสสะอาด

“เรื่องนี้ทำให้ฉันเสียน้ำตาทั้งชีวิตไปเลยค่ะ” แสงดาวเอ่ยติดตลกขณะชูถ้วยรางวัลพร้อมรอยยิ้มกว้าง “บางคนอาจคิดว่าฉากที่ยากที่สุดคือฉากที่ฉันฆ่าตัวตายในห้องน้ำ แต่ฉันขอบอกตรงนี้เลยว่าฉากที่ยากที่สุดสำหรับดาวคือตอนแต่งงานกับตุลย์แล้วพบว่ากันย์กำลังจะจากไปตลอดกาล ความรู้สึกในตอนนั้นให้บรรยายออกมาฉันก็บรรยายไม่ได้ ต้องขอบคุณทีมงานและนักแสดงทุกคน ที่ทำให้แสงดาวได้รู้จักความรักที่แสนสวยงามผ่านดาว เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ามากจริงๆ ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เสียงปรบมือดังขึ้นกึกก้อง ทุกคนต่างรับรู้ถึงความจริงใจที่ส่งผ่านคำพูดของเธอ

“สำหรับรางวัลต่อไป ไม่พูดถึงคงไม่ได้เพราะมีการเสนอชื่อนักแสดงนำชายจากเรื่องเดียวกันถึงสองคน ซึ่งคงไม่มีใครคัดค้านใช่มั้ยคะในเมื่อทั้งคู่ต่างแสดงในบทบาทของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม เรามาร่วมลุ้นกันเถอะค่ะว่ารางวัลทรงคุ้นค่านี้จะตกเป็นของใคร...”

ผมบีบมือตัวเองเมื่อภาพของกันย์ถูกฉายบนหน้าจอเป็นคนแรก จากนั้นจึงไล่เป็นนิฌานในบทของตุลย์ และนักแสดงอีกสามท่านจากภาพยนตร์เรื่องอื่น

“ขอแสดงความยินดีกับ...จิระ นราสมุทรค่ะ!!”

แม้จะเชื่อมั่นว่าตัวเองต้องได้ แม้จะพูดย้ำกับเตโชหลายครั้งว่าจะเอาถ้วยรางวัลกลับมาฝาก แต่เมื่อได้ยินชื่อตัวเองถูกประกาศ วินาทีนั้นผมคล้ายกับภาพตรงหน้ามึนเบลอกะทันหันจนต้องถามตัวเองว่ากำลังฝันอยู่รึเปล่านะ

“ไม่ได้ฝันหรอกจิระ ไปสิ” เป็นจิตรินที่ช่วยเรียกสติ ยังดีที่ครั้งนี้เขาไม่เหยียบเท้าผมเป็นการเอาคืน

ผมแอบล้วงมือกำยาดมในกระเป๋าเสื้อเพื่อเสริมสร้างกำลังใจ ก่อนจะลุกขึ้นด้วยท่วงท่างามสง่าและก้าวเท้าขึ้นเวทีพร้อมอารมณ์ที่สงบเกินคาด

“ตอนได้อ่านบทเรื่องนี้ครั้งแรก ผมก็บอกตัวเองทันทีว่าต้องคว้าไว้ให้ได้ ไม่มีใครกล้าปฏิเสธใช่มั้ยล่ะครับว่าบทของตัวละครนำที่โดดเด่นกว่าพระเอกและนางเอกนั้นหายากแค่ไหน เมื่อได้รับโอกาสนี้ ผมจึงมุ่งมั่นตั้งใจแสดงออกมาให้ดีที่สุด” ผมเอ่ยทั้งรอยยิ้มภาคภูมิใจ ก่อนสายตาจะเปลี่ยนไปเมื่อเห็นสีหน้ายิ้มฝืนของนิฌาน

เกือบลืมเสียสนิท...ว่าพระเอกชื่อดังที่เป็นแนวหน้าในวงการภาพยนตร์คนนี้นั้น นับตั้งแต่ประสบความสำเร็จกับบทบาทในวัยเด็กเมื่อยี่สิบปีก่อนที่โด่งดังเป็นพลุแตกแถมกวาดรางวัลไปมากมาย นิฌานซึ่งถูกเสนอชื่อเขาชิงแทบทุกปีก็ไม่เคยได้แตะถ้วยเกียรติยศในฐานะนักแสดงนำชายอีกเลย

“แต่ลองคิดกลับกันนะครับ ถึงเรื่องนี้จะเล่าผ่านมุมมองของกันย์ แต่เรื่องราวจะดำเนินต่อไปไม่ได้เลยหากขาดตุลย์...หรือนิฌานที่คอยเป็นล่ามแปลภาษาวิญญาณตลอดทั้งเรื่อง”

สปอร์ตไลท์สาดใส่พระเอกเมื่อถูกพูดถึง สีหน้าของนิฌานเต็มไปด้วยความประหลาดใจเมื่อจู่ๆ ผมก็เปลี่ยนคำพูดกะทันหัน แม้พวกเราจะเคยชิงชัยกัน แต่ถึงอย่างนั้น...พวกเราต่างก็เป็นนักแสดง

และผมยอมรับนับถือเขาด้วยใจ

 “หากขาดกันย์ ตุลย์คงไม่ได้รักกับดาว และถ้าขาดตุลย์ กันย์ก็คงช่วยชีวิตดาวไว้ไม่ได้ สำหรับผม...รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมปีนี้มาจากบทบาทของกันย์และตุลย์ที่ไม่สามารถขาดใครคนใดคนหนึ่ง ผมเลยอยากเชิญนิฌานขึ้นมารับรางวัลด้วยกันครับ”

เสียงปรบมือดังกึกก้องยาวนานเมื่อพระเอกชื่อดังเดินขึ้นบนเวทีมาถือถ้วยรางวัลเคียงข้างผม เหล่านักข่าวพร้อมใจกันรุมถ่ายภาพยิ่งกว่าครั้งไหน

“หมากตานี้เดินได้ดี คิดจะให้ฉันกับนายขึ้นหน้าหนึ่งพร้อมกันสินะ” นิฌานเอ่ยขณะหันไปฉีกยิ้มให้กับสื่อมวลชนที่พากันให้ความสนใจกับรางวัลอันทรงเกียรติซึ่งได้รับการเข้าชิงจากภาพยนตร์เรื่องเดียวกันถึงสองคนไม่พอ นักแสดงนำชายคนนั้นยังเรียกอีกคนให้ขึ้นมารับรางวัลด้วย

“ผมไม่คิดไกลถึงขั้นนั้นหรอก แต่คิดว่าคุณสมควรจะได้แตะถ้วยนี้ด้วยก็เท่านั้น” ผมเอ่ยตอบ ก่อนจะแย่งถ้วยมาถือไว้เองตอนเดินลงบันได “ผมให้คุณแตะแค่นั้นแหละ บอกไว้ก่อนว่าผมเอาถ้วยกลับนะ”

นิฌานถึงกับทำหน้าไปไม่เป็น ก่อนส่ายศีรษะน้อยๆ พร้อมเอ่ยออกมาเสียงกลั้วหัวเราะคล้ายสมเพชตัวเอง

“ฉันยอมแพ้ แพ้ทั้งนายและจิตรินนั่นแหละ”

“ต่อให้คุณไม่ยอม คุณก็ต้องแพ้อยู่ดี” ผมเชิดหน้าเอ่ยข่มอย่างไม่เจียมตัวเองทั้งที่เพิ่งจะใจอ่อนยวบยาบกับสีหน้าของนิฌาน “ผมไม่อยากร่วมงานกับคุณอีก แต่หวังว่าจะเจอกันอีกครั้งในรอบเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมปีหน้านะ”

“ฉันจะไม่ทำให้นายผิดหวัง” นิฌานคลี่ยิ้มบาง ก่อนที่พวกเราต่างแยกย้ายกันไปนั่งประจำที่เพื่อรอฟังผลประกาศรางวัลต่อไป

รางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี

ผมกับจิตรินซึ่งถือถ้วยรางวัลคนละถ้วยต่างลุ้นกันจนใจแทบกระดอนออกจากอก ก่อนพวกเราจะร้องลั่นดีใจกอดกันกลมดิ๊กเมื่อพิธีกรประกาศออกมาว่า...

“รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปีคือ...Love After Death ครั้งหนึ่งเราเคยรักกันค่า!”

จิตรินถึงกับน้ำตาเล็ดเมื่อความคิดริเริ่มอย่างไม่จริงจังของเขากลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นด้วยแรงสนับสนุนของคมสันจนกลายเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่น่าเหลือเชื่อในวันนี้

เห็นคนตัวโตที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นผมก็พลอยน้ำตาคลอไปด้วย ก่อนจะผลัก

นิฌานที่นับว่าอาวุโสที่สุดเป็นคนรับรางวัลและกล่าวขอบคุณ

“ผมไม่รู้จะพูดอะไรถึงจะแทนความรู้สึกของพวกเราในตอนนี้ได้ เพราะคิดว่าท่าทางของพวกเราคงบอกทุกอย่างหมดแล้ว สิ่งเดียวที่พูดได้ตอนนี้คือคำว่าขอบคุณเท่านั้น ขอบคุณ...ขอบคุณครับ!”

ในช่วงท้ายนั้นเสียงของนิฌานสั่นเครือ เขาเองก็พยายามจะกลั้นน้ำตาอย่างสุดความสามารถ ส่วนคนร้องไห้หนักสุดคือแสงดาว ทำเอาทุกคนต้องช่วยกันปลอบโยนทั้งรอยยิ้มผสมน้ำตา

รางวัลอันน่าภาคภูมิใจนี้ย่อมไปประดับเป็นเกียรติยศที่บริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ ทางทีมงานจึงให้จิตรินเป็นคนถือเพราะคงไม่มีใครใกล้ชิดท่านประธานได้เท่าเขาอีกแล้ว

งานประกาศจบลงเมื่อการแสดงสุดท้ายสิ้นสุด พวกเราชูถ้วยรางวัลให้นักข่าวเก็บภาพอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปด้านหลังของโรงแรมเพื่อเตรียมแยกย้ายกลับบ้าน

แต่ระหว่างทางนั้นกลับมีชายคนหนึ่งยืนรออยู่แล้ว

“เสี่ย!” จิตรินแทบจะทิ้งถ้วยในมือเพื่อวิ่งถลาเข้าไปกอดชายคนรักซึ่งยืนเก๊กอยู่ข้างเสาด้วยหลังเหยียดตรงมาดผู้ดี ในมือของเสี่ยถือช่อดอกไม้สีขาว คงตั้งใจมาเซอร์ไพรส์นั่นเอง

“เสี่ย เสี่ยเห็นผมมั้ย เมื่อกี้ผมขึ้นไปรับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย แถมยังเกือบสะดุดหัวทิ่มอีก นี่ เมื่อกี้ผมทำหน้าตลกรึเปล่า ผมไม่ได้ทำอะไรน่าอายออกไปใช่มั้ย ผม...ผม...”

“ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูด” เสี่ยรับถ้วยรางวัลมาถือ แล้วยัดช่อดอกไม้ที่เตรียมมาใส่มือจิตริน “ฉันฟังเธอได้ทั้งวันอยู่แล้ว”

“เสี่ย!”

เห็นคนสองคนพลอดรักกันตรงหน้า ผมชักอิจฉาอย่างไรชอบกล ก่อนจะใจเต้นรัวเมื่อมีช่อดอกไม้ถูกยื่นให้ แต่พอเงยหน้ามอง...

“คมสัน”

ดันเป็นคุณเลขาจอมมารซะงั้น!

“ยินดีด้วยนะครับคุณจิระ อันที่จริงผมอยากบอกประโยคนี้กับคุณจิตรินด้วย แต่คงยังไม่เหมาะ” ไม่บอกก็รู้ว่ายังไม่อยากขัดจังหวะการฝอยน้ำไหลไฟดับของคู่รักติงต๊องนั่นเอง

“ช่อดอกไม้คุ้นๆ นะ” ผมรับมาถือเป็นน้ำใจ

“ช่อเดียวกับที่เสี่ยให้จิตรินนั่นแหละครับ ในเมื่อผมเป็นคนหาซื้อตามคำสั่งของท่าน”

“...”

“ยินดีด้วยนะครับคุณจิระ”

“ฉันรู้แล้ว”

“ผมบอกแล้วไงครับว่าต้องมีสักวันที่มีคนเห็นความสามารถของคุณ”

“นั่นฉัน...ก็รู้แล้ว” น้ำเสียงยามตอบกลับนั้นสั่นเครืออย่างประหลาด รู้ตัวอีกทีผมก็หาญกล้าเข้ากอดจอมมาร ซุกหน้ากับบ่าอันอบอุ่นไม่ต่างกับเด็กน้อยคนหนึ่ง

แม้ผมจะไม่เคยเห็นหน้าพ่อ ไม่เคยกอดแม่

แต่ผมคิดว่าความรู้สึกนั้นคงไม่ต่างกับที่ผมเป็นในตอนนี้

“ขอบคุณนะที่อดทนกับฉันมาตลอด”

“เทียบกับเสี่ยแล้ว...ผมก็ไม่นับว่าอดทนกับคุณมากหรอกครับ เสี่ยยังหาเรื่องปวดหัวให้ผมเยอะกว่ามาก โชคดีที่มีคุณจิตรินช่วยแบ่งเบา”

“แต่นายก็เหมือนจะช่วยเลี้ยงจิตรินอยู่นะ”

“ครับ ตอนนี้ผมเลี้ยงเด็กอยู่สามคน สนุกมากครับ”

ผมมองคมสันด้วยสายตากระอักกระอ่วน จอมมารมีงานอดิเรกคือการเลี้ยงเด็ก แถมยังเป็นวิธีเลี้ยงที่ผิดมหันต์ คนหนึ่งก็ตามใจจนเสียคน อีกคนก็หลอกล่อสารพัด ส่วนคนสุดท้าย...ก็ถูกขู่จนขวัญหนีดีฝ่อหลายครั้งหลายครา

“ฉันขอเอาคำขอบคุณเมื่อกี้คืนจะทันมั้ย”

“ไม่ทันแล้วครับ และยินดีด้วยนะครับกับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประจำปีนี้ หวังว่าปีหน้าจะไม่มีข่าวฉาว หรือทำเรื่องเสื่อมเสียอีกนะครับ”

“ไม่มีแล้ว ไม่มีอีกแล้ว!”

จิระคนใหม่ไฉไลกว่าเดิมไม่มีทางซ้ำประวัติศาสตร์เดิมแน่ เอ่อ...คิดว่านะ

“เย็นนี้ผมขอเชิญคุณไปเลี้ยงฉลองกันที่คฤหาสน์ของเสี่ย รวมถึงคุณเตโชด้วยนะครับ”

พอได้ยินชื่อของคนที่คิดถึงผมก็ส่ายหน้าทันควัน

“วันอื่นได้มั้ย”

“ทำไมหรือครับคุณจิระ”

“ก็วันนี้ฉันติดฉลองกับเตโชกันสองต่อสองแล้วน่ะสิ!"


-----------------

ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกคน ที่ร่วมติดตามกันมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะท่านที่ตามกันมาตั้งแต่เรื่องของเสี่ยกับจิตริน ในตอนนี้ ถือว่าเป็นบทจบสวยๆ สำหรับหนูจิทั้งสอง ทั้งจิระและจิตรินกับการสานฝันสำเร็จค่ะ รู้สึกเหมือนมองลูกน้อยกำลังเดิบใหญ่ก็ไม่ปาน ยิ่งกับจิระที่เทียบกับเรื่องก่อนแล้ว...มีการพัฒนาทางอารมณ์ละความคิดขึ้นมาก อยู่กับเตโชก็น่ารักน่าเอ็นดู แม้เรื่องราวจะจบลง แต่เส้นทางของทุกคนในเรื่องนี้ยังดำเนินต่อ อยากให้นักอ่านทุกท่านรักและเอาใจช่วยกันด้วยนะคะ ^ ^

ปล.ยังมีบทส่งท้ายอีกตอนน้า


เพจนักเขียนที่ปลื้มใจกับงานนี้เหมือนเห็นลูกขึ้นไปรับรางวัล (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 15-01-2018 20:42:11
น่าปลื้มใจแทนลูกๆ? ของคมสันที่โตขึ้นมาขนาดนี้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 15-01-2018 20:48:45
ยังไม่อยากให้จบเลยยยยยย  :a5:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mayongc. ที่ 15-01-2018 21:01:10
คุณพ่อคมสันดูอบอุ่นจังเลยค่ะวันนี้ ได้มองลูกๆเติบโตไปอีกก้าวแล้วนะคะคุณพ่ออออ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fahdekkom ที่ 15-01-2018 21:08:56
ไม่อยากให้จบเลยจริงๆ รอบบทส่งท้ายด้วยน้ำตาปริ่มๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-01-2018 21:09:44
 :katai2-1: o13 o13 o13 :katai2-1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 15-01-2018 21:11:10
แหม่คุณพ่อเลี้ยงดีขนาดนี้อยากเห็นคุณแม่เลยค่ะ55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-01-2018 21:23:05
เหมือนจะเห็นคุณพ่อคมสันน้ำตาไหลด้วยความปลื้มปริมยามเห็นความสำเร็จของลูกๆทั้งสาม 55555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 15-01-2018 21:23:29
จบแล้วเหรอ อยากต่ออีกหน่อย ยังสนุกอยู่เลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 15-01-2018 21:25:33
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หากเรื่องนี้ไม่มีจอมมาร คงไม่สนุก ฮาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 15-01-2018 21:28:19
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 15-01-2018 21:29:06
อยากอ่านไปยาวๆ จัง รักเรื่องนี้ /ฮากับคู่รักติงต๊อง 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 15-01-2018 21:30:58
ปลื้มใจกับตอขนี้มากมาย :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 15-01-2018 21:53:25
มีเสี่ยมาตบท้ายเบาๆพอกรุบกริบด้วย “ฉันฟังเธอได้ทุกวันอยู่แล้ว” ออหอออ เสี่ยยย เอาใจไปเลยค่ะ :-[
ยินดีกับจิตรินแล้วก็จิระด้วย ได้เห็นว่าทั้งสองคนประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองชอบก็รู้สึกดีใจไปด้วยเลย
คุณคมสันคงภูมิใจ ลูกๆ(?)แต่ละคนเติบโตและประสบความสำเร็จกันถ้วนหน้า
ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะที่แต่งนิยายสนุกๆเรื่องนี้มาให้ทุกคนได้อ่าน แถมหลังๆนี่อัพวันต่อวันเลยทีเดียว คงเหนื่อยแย่ ขอบคุณมากนะคะ //โค้ง :กอด1:
จะติดตามผลงานต่อไปค่ะ :bye2:

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 15-01-2018 22:00:00
"จอมมารมีงานอดิเรกคือการเลี้ยงเด็ก แถมยังเป็นวิธีเลี้ยงที่ผิดมหันต์ คนหนึ่งก็ตามใจจนเสียคน อีกคนก็หลอกล่อสารพัด ส่วนคนสุดท้าย...ก็ถูกขู่จนขวัญหนีดีฝ่อหลายครั้งหลายครา" ตลกดี แต่มันใช่อ่ะ
รอบทส่งท้ายค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 15-01-2018 22:13:33
คุณแด๊ดดี้คมสันคงภูมิใจน่าดูนะคะกับลูกชายคนสุดท้องที่อุตส่าห์ฉุดดึงเคี่ยวเข็ญข่มขู่จนโตมาประสบความสำเร็จได้แบบนี้ เราว่าคุณคมสันเลี้ยงมาดีนะคะแต่แค่สองคนเท่านั้นแหละ อีกคนนี่ควรดัดนิสัยมากกว่าค่ะ ฮ่าๆๆ ดีใจกับหนูจิและพี่จิด้วยนะสำเร็จแล้วความฝันที่ตั้งไว้ และดีใจกับเสี่ยด้วยนะคะที่มีบทพูดแล้วถึงจะแค่น้อยนิดก็เถอะ ฮาา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-01-2018 22:16:45
ยินดีกับความสำเร็จของจิระและจิตรินนะ ยังไม่อยากให้จบเลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 15-01-2018 22:25:23
ทุกคนสมควรได้รางวัลค่ะ โดยเฉพาะคมสันต์ถ้ามีรางวัลคนสนับสนุนเบื้องหลังยอดเยี่ยมก็คงต้องให้เค้าล่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-01-2018 22:33:24
ยินดีกับความสำเร็จของ 2 หนูจิ  :mc4:
ตอนหน้าที่จะจบของรวมมิตรทุกคู่เลยนะ หลานคนแต่ง โดยเฉพาะคู่เบิ้มกับคมสัน  :hao3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 15-01-2018 22:45:07
                                                                :pig4: :pig4: :pig4:
       มากกว่ารัก คือ รักนิยายเรื่องนี้มากเลยค่ะ
จริงอย่างที่ไรต์ได้พูดไว้ค่ะว่าเหมือนเราดูการเติบโตของลูกๆเราเลยค่ะจากเด็กดื้อๆไม่น่ารักในวันวานตอนนี้เค้าโตมากพอที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและเป็นคู้ชีวิตที่ดีของอีกคนแล้วค่ะ
      รักที่สุดเลยค่ะนิยายเรื่องนี้ :mew1:  :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 15-01-2018 22:53:52
ลาสบอสท์ออกโรงตายซะนิธาน

ส่วนบอสลับ(คมสัน)ก็ยังคงอยู่เบี้องหลังตลอดกาล
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 15-01-2018 22:55:16
จะจบแล้วหรอ? ต้องคิดถึงหนูจิทั้งสองมากแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 15-01-2018 23:53:52
คมสันต์ผู้คอยเลี้ยงดูเด็กน้อยทั้ง 3 คน คงปวดหัวน่าดู
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: marshall ที่ 16-01-2018 00:14:29
ปริ่ม จิระมีที่ยืนสำหรับตัวเองแล้ว
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 16-01-2018 00:21:06
เด็กๆโตหมดแล้วล่ะคมสัน น่าภูมิใจเนอะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 16-01-2018 00:29:35
นิยายดีงามแห่งปีทั้ง 2 เรื่องเลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 16-01-2018 00:39:43
อ่านแล้วมันประทับใจจจจเหลืออออออเกินนนนนนน
ฮือน้องจิระ ยินดีด้วยนะะะคะะะะะะ
รอฉากสวีทตอนหน้า
คาดหวังรางวัลจากเตโชอยู่นะ จะเอาตัวเองผูกโบว์มั้ยนะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 16-01-2018 01:09:33
นึกว่าเตโช จะมาเซอไพรส์ซะอีกกก
โถ่

อยากรู้เลย ฉลองอะไรกันที่ห้อง 2 ต่อ2
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 16-01-2018 01:41:58
คมสันนี่แหละคือพระเอกของเรื่องทั้งหมด  :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 16-01-2018 05:31:34
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 16-01-2018 06:16:49
โอ้ยยย ลาสบอสคมสันนี่ สุดยอดดดดด
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-01-2018 06:18:43
ปลื้มปริ่มยินดีกับความสำเร็จของจิระและหนูจิ มีความสุขเหมือนมองลูกประสบความสำเร็จ แบบคมสันที่เลี้ยงลูก 3 คน555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 16-01-2018 08:31:41
โหวววว เอ็นดูจิระ กว่าจะ happy end ต้องเจอข่าวฉาวมามาก
แต่ยังดีที่มีเตโชคนหน้ามึนมาคอยอยู่ข้างๆ
พอสองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วละมุนนนน

พอรู้ว่าใกล้จะจบ ใจหายเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-01-2018 09:25:13
เจอสารพัดข่าวฉาวขนาดนั้นยังตั้งหลักกลับตัวกลับใจได้ต้องขอบคุณคมสันจริงๆ ที่เคี่ยวเข็ญจิระ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: apple32 ที่ 16-01-2018 09:44:08
วิธีเลี้ยงเด็กของจอมมารนี่ช่าง... :ling1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 16-01-2018 13:43:02
ทั้งขำทั้งซึ้งทั้งฮา กับตัวละครทุกตัวชอบมาก ไม่ได้ตามมาอาทิตย์นี่เข้ามาทีสะใจไปเลย  :mew3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 16-01-2018 14:09:26
วิธีการลี้ยงลูกของคมสันช่างสุดยอดดดดดด :ruready
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 16-01-2018 19:09:06
ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับนิยายเรื่องนี้ ชอบจิระมากๆ ปลื้มใจที่เห็นน้องเติบโต รอบทส่งท้ายเน้อ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-01-2018 19:50:37
คมสันต์เลี้ยงเด็กจริงๆค่ะ ยอมรับ 555555555555555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-01-2018 19:52:38
จอมมารกับเด็กน้อยทั้ง 3  :hao7:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: สาว801 ที่ 16-01-2018 19:57:27
จอมมารยังไงก็คือลาสบอส :ling1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 17-01-2018 03:59:05
เราไม่อินคมสันเท่าไหร่ แต่ก็ยินดีด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 17-01-2018 09:39:52
คมสันเลี้ยงลูกได้ดีนะคะ ถึงแม้คนนี้กว่าจะเป็นผู้เป็นคนได้ เหลวไหลไปตั้งนาน


หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 33 : งานรางวัล - P.35 - [15/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 17-01-2018 10:13:44
คมสันคือผู้บงการ ลาสบอสที่แท้ทรู   :laugh:  น่ารักอะ ซื้อดอกไม้เผื่อจิระด้วย อยากแคปซีนนี้เก็บไว้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 17-01-2018 21:10:29


ตอนส่งท้าย


ผมหยุดยืนหน้าห้องด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ ชั่งใจระหว่างจะเปิดเข้าไปเลยดีมั้ย หรือจะเรียกเตโชมาเปิดประตูให้ดี

สุดท้ายก็เลือกอย่างแรก ผมเปิดประตูพรวดพราดเข้าไปไม่คิดบอกเตือน ปะทะกับภาพของคนหน้ามึนที่กำลังปักเค้กอย่างมุ่งมั่นบนพื้น

“นายทำอะไรน่ะเตโช”

คนหน้ามึนกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะยกเค้กที่ยังปักไม่เสร็จมาตรงหน้าผมพร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้มมุมปากว่า... “เซอร์ไพรส์”

ไม่รู้ว่าใครเซอร์ไพรส์ใครกันแน่ แต่ผมอารมณ์ดีจนยอมเล่นกับเขาด้วยการทำท่าเป่าเทียนที่มีอยู่โหรงเหรงแถมยังไม่ได้จุดไฟ ก่อนจะชูถ้วยรางวัลอวดอย่างทนรอไม่ไหว

“ฉันมีสองถ้วยเท่ากับนายแล้วนะ”

เตโชปรบมือเปาะแปะแสดงความยินดี

“ไอ้บ้านี่ นายแกล้งมึนใช่มั้ย” ผมล็อกคอเขา ก่อนจะร้องอุทานเมื่อความเกรี้ยวกราดนั้นส่งผลให้เค้ก...ตกพื้น

วินาทีนั้นพวกเราสองคนพากันนิ่ง ก่อนจะสบตากันแล้วเริ่มคาดโทษทันที

“ความผิดนายนั่นแหละ”

“ความผิดจิระ”

“ความผิดนายต่างหาก!”

“ความผิดแฟน”

เถียงไปเถียงมาก็วนเวียนกันอยู่แค่ไม่กี่ประโยค เตโชยุติบทสนทนาด้วยการเอามือป้ายเค้กส่วนที่ยังไม่โดนพื้นยัดเข้าปากผม

“อร่อยจัง”

“งั้นสั่งใหม่”

เตโชกดโทรศัพท์สั่งเค้กทันควัน ส่วนผมเดินไปวางถ้วยรางวัลในตู้กระจกพร้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข มองภาพนี้ได้ทั้งวันไม่มีเบื่อเลย

 “จิระเก่ง” คนหน้ามึนเดินมานั่งยองๆ ข้างผม แต่เขาไม่มองถ้วยรางวัล เอาแต่จ้องแฟนอยู่นั่นแหละ

“มีรางวัลมั้ย”

“มีเค้ก”

“ฉันอยากได้อย่างอื่นด้วย”

เตโชจุ๊บเหม่งผมเป็นคำตอบ

“เอาตรงอื่นสิ!”

เตโชหอมแก้มผมดังฟอด

“ไม่ใช่ตรงนั้น!”

ก่อนจะมาจบที่ริมฝีปาก แนบเบาๆ และผละจากอย่างรวดเร็ว

ผมชักหน้าเซ็งเกินจะบรรยาย

“ทำไมต้องให้ฉันรุกก่อนทุกที ฉันกำลังอ่อยนายอยู่นะ รุกฉันก่อนบ้างสิวะไอ้สล็อตบ้า!”

“แล้วเค้กล่ะ”

“นายจะกินฉันก่อนหรือจะกินเค้กก่อน”

เตโชหยุดคิดชั่วครู่ เล่นเอาผมเกรี้ยวกราดจนแทบจะจกหัวเขากินแทน

“จิระ”

“อะไร”

“กินจิระ” เตโชตอบชัดถ้อยชัดคำ คบกันมาหลายเดือน แต่นิสัยขี้แกล้งหน้าตายชอบให้ผมโวยวายไม่เคยเปลี่ยนสักนิด

“รับประทานแล้วนะครับ”

แล้วผมก็ถูกปอกเปลือกอย่างคล่องแคล่วว่องไว ตัวสะท้านเป็นระยะเมื่อเตโชรวบเอวผมให้แนบชิดกับส่วนอุ่นร้อนที่โลดแล่นเหนือขอบกางเกง ถูไปไถมาจนส่วนปลายเริ่มชุ่มน้ำ เขาก็ค่อยๆ ดันตัวเองเข้ามาอย่างเชื่องช้าซึ่งเป็นไปอย่างจุกหน่วงเนื่องจากไม่มีการเบิกทางก่อน

ความอึดอัดยามถูกชำแรกทีละนิดละหน่อยนั้นเล่นเอาผมนิ่วหน้าสูดปากอย่างพูดไม่ออก ได้แต่ยกมือค้ำยันกับชั้นกระจกที่มีถ้วยรางวัลสี่ถ้วยเป็นพยานรักต่อหน้าต่อตา ผมเขย่งเท้าสุดชีวิตเนื่องจากพวกเราทำกันในท่ายืนหันหลัง และน่าเศร้าที่ความยาวขาของผมนั้นสั้นกว่าเตโชหลายเซนติเมตร การจะสอดประสานเข้าหากันในองศาที่ใช่นั้นจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก

ก่อนผมจะร้องลั่นเมื่อคนหน้ามึนทนไม่ไหว รวบเอวผมขึ้นจนขาลอยเหนือพื้น พร้อมกับกระแทกตัวเข้ามาจนสุด ลึกล้ำ ซาบซ่าน เสียดเสียว ผมหลับตาแน่นเพื่อรับสัมผัสที่แสนอิ่มเอมนั่น ตัวสั่นระริกในอ้อมกอดของเขา

จากนั้นเสียงหมูสับก็ดังขึ้น อีกนิดก็ต้มน้ำพร้อมทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้เลย...ซะที่ไหนล่ะ!

หากเปรียบเป็นมาม่า ก็คงเป็นมาม่ารสต้นยำมะนาวเพราะทั้งเผ็ดซี๊ดและจี๊ดจ๊าด ศีรษะผมโยกคลอนตามแรงกระทุ้งสวน นิ้วมือจิกเกร็งกับตู้กระจก ครางเป็นระยะเมื่อเตโชก้มเลียสลับจูบที่บ่าและแผ่นหลังของผมอย่างหิวโหย ก่อนที่คนหน้ามึนจะทนไม่ไหว รวบเอวเปลี่ยนเป็นยกขาผมขึ้นข้างหนึ่งเพื่อแทรกตัวให้แนบชิดมากขึ้น เล่นเอาผมยืนหันเอียงสี่สิบห้าองศา หันหน้าออกไปทางระเบียงจนเห็นเงาการร่วมรักแสนเร่าร้อนสะท้อนกับประตูกระจกอยู่ไหวๆ ชวนวาบหวิว

“อะ...อ๊า!”

จบจากต้มยำมะนาว เตโชก็พร้อมต่อด้วยต้มโคล้ง เพราะตัวผมโคลงไปเคลงมาจากการถูกเปลี่ยนท่าจากหันหลังเป็นหันหน้าเข้าหา สองขาถูกช้อนขึ้นพาดกับศอกของเตโช สองมือโอบกอดเกี่ยวลำคออีกฝ่ายไว้ ขณะที่แผ่นหลังแนบชิดกับชั้นรางวัลจนถ้าถ้วยทั้งสี่กรีดร้องได้คงบอกให้ผมกับเตโชไปร่วมรักไกลๆ หน่อย

เสียงโทรศัพท์ดังแทรก คาดว่าร้านส่งเค้กคงโทรมาตามให้ลงไปรับของ แต่อารมณ์ของเรากำลังไต่ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด อีกนิดก็จะเสร็จสมอยู่รอมร่อ เตโชเร่งจังหวะขึ้นสองเท่าเพื่อทำเวลา ส่วนผมนั้นตาพร่าไปหมดด้วยความเสียวซ่านแทบขาดใจ

จนเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังเป็นครั้งสอง พวกเราก็พากันนอนพังพาบเกยกับชั้นรางวัลในสภาพสิ้นเรี่ยวแรง ผมหอบพะงาบๆ โดยมีเตโชกอดเอวหน้าซุกอก ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งคนหน้ามึนถึงจะยันตัวลุก หยิบกางเกงและเสื้อขึ้นมาสวมก่อนจะเดินไปรับโทรศัพท์แล้วเปิดประตูลงไปชั้นล่าง

ผมถือโอกาสนั้นสำรวจตัวเองและสภาพแวดล้อม

เอ่อ...เสื้อถูกถอดกระจัดกระจายโยนอยู่ใกล้กับภูเขากระดาษของเตโช ส่วนถ้วยรางวัลที่ควรตั้งเป็นเกียรติเป็นศรีอยู่ในชั้นนั้นก็ถูกแรงกระแทกกระทั้นสั่นสะเทือนสิบริกเตอร์จนพากันล้มหายตายจาก หกคะเมนตีลังกาไม่เหลือสภาพ

ผมยิ้มแห้ง สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะยันตัวเองขึ้นมานั่งจัดเรียงถ้วยรางวัลให้ดี ก่อนจะไปล้างเนื้อล้างตัว พอเดินออกมาเตโชก็ถือเค้กที่ปักเทียนจุดไฟเรียบร้อยรอยืนอยู่หน้าประตู

“ยินดีด้วย”

“ขอเสียงให้มีพลังกว่านี้หน่อยสิ”

“ยินดีด้วยครับแฟน!”

“ดีมาก” ผมยิ้มร่าอย่างชอบใจกับการขึ้นเสียงของเตโชที่แม้จะเทียบกับตอนผมเกรี้ยวกราดไม่ได้แต่ก็ชวนกระชุ่มกระชวยหัวใจ “ฉันต้องอธิษฐานมั้ยเนี่ย”

ก่อนจะทำตัวไม่ถูกกับเค้กอวยพรทั้งที่ไม่ใช่วันเกิด

“อธิษฐานสิ”

“งั้นฉันอธิษฐาน...ให้เราสองคนประสบความสำเร็จในอาชีพการงานที่รักที่ชอบไปตลอดชีวิต”

ผมก้มหน้าเป่าเทียน พอเงยขึ้นไม่ทันกล่าวขอบคุณก็โดนคนหน้ามึนเอานิ้วจุ่มเค้กมาป้ายแก้มซ้าย

“...”

ต่อด้วยแก้มขวา

“นายหาเรื่องกันใช่มั้ย!” จิระเกรี้ยวกราดแล้ว ความซึ้งอยู่ตรงไหน ผมอาละวาดแย่งเค้กเตโชมาถือ ก่อนจะวิ่งไล่ป้ายเค้กใส่หน้าเขาไม่ยอมแพ้ เสียงโวยวายสอดแทรกพร้อมเสียงหัวเราะขบขันเมื่อทั้งผมและเขาต่างหน้าเปื้อนเค้กแทบดูไม่ได้ นักแสดงสุดหล่อในงานรับรางวัลเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนคือใครกัน มีเพียงเด็กซนๆ สองคนพากันนั่งหมดแรงตรงโซฟาพลางกินเค้กที่เหลือเพียงน้อยนิดอย่างแสนเสียดาย

“ฉันเกลียดการเป็นดาราเพราะไม่อยากเป็นเหมือนแม่” เมื่อท้องอิ่ม หนังตาก็เริ่มหย่อน ผมนอนซบไหล่เตโชอยู่ข้างโซฟา สายตามองเหม่อไปยังถ้วยรางวัลที่เพิ่งได้มาด้วยความรู้สึกอุ่นอวลเต็มตื้นอย่างประหลาด “แต่ตอนนี้ฉันจะเปลี่ยนความคิดใหม่ ถึงจะยังไม่ค่อยชินกับวงการบันเทิง ไม่ชอบข่าวซุบซิบนินทา แต่ฉันจะเป็นดารา และจะเป็นให้ดีกว่าแม่”

ผมจับมือเขา เอ่ยเสียงเบาพร้อมหลับตาลงพร้อมหลับใหล

“นายจะอยู่กับฉันจนถึงวันนั้นใช่มั้ยเตโช”

คนหน้ามึนไม่ตอบคำ แต่บีบมือผมเบาๆ พร้อมร้องเพลงออกมา



ฉันจะเข้าใจเธอ จะรับฟังเธอ จะต้องการเธอ

จะไม่แยกจาก และเคียงกันตลอดไป




---------------------------------------------

Happy Ending กันแล้วนะคะสำหรับคู่เตโชและจิระ เราชอบบรรยากาศละมุนของสองคนนี้เวลาอยู่ด้วยกัน มีความเป็นธรรมชาติของเพื่อน สัตว์เลี้ยง(?) พี่ น้อง แฟนครบทุกอย่าง ชอบการอยู่เคียงข้างกันในวันที่ต้องการ ชอบความพยายามไล่ตามความฝันของทั้งคู่ การแต่งเรื่องนี้ให้ความรู้สึกสดใหม่สำหรับเรามาก และหวังว่าทุกคนจะชื่นชอบ และรักทุกตัวละครในเรื่องนะคะ ^ ^

ปล.ส่วนเรื่องใหม่นั้น...นิณานจะเป็นตัวเอกในเรื่องต่อไปคู่กับเจตรินน้องชายของจิตรินค่ะ เราชอบคาแรคเตอร์ของเจมากเลยนะ แต่ยังหาคนคู่ไม่เจอ จนกระทั่งมาได้ไอเดียจากพ่อปลาไหลเนี่ยแหละค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวล่วงหน้ากับคนเจ้าคารมและเด็กฉลาดมองโลกในแง่ร้ายอย่างเจด้วยนะคะ!! ( แต่คาดว่าคงอีกพักใหญ่ๆ เลยกว่าจะได้ฤกษ์แต่งเพราะต้องทำหนังสือจิระก่อน )

แต่...เดี๋ยวก่อน!!! ตอนนี้หนังสือยังเปิดพรีออเดอร์อยู่นะคะ ในเรื่องจะมีตอนพิเศษอีก 4 ตอน มีช่วงสลับร่างกันด้วย และที่สำคัญ!! มีแถมเล่มเล็กของคนมึน ใครอยากอ่านว่าคนมึนผันตัวเป็นนักร้องได้ยังไง ออกจากบ้านมายังไง ต้องติดตาม!!


(https://www.picz.in.th/images/2018/01/18/22656670_10213416073412551_979270923_n.jpg) (https://www.picz.in.th/image/0n0wm9)


รายละเอียดตอนพิเศษในเล่ม (ไม่ลงเวป)

1.ครอบครัวสุขสันต์

หลังจบงานรับรางวัล และฉลองกับเตโชไปแล้ว จิระก็รับคำเชิญจากจิตรินเพื่อมากินข้าวที่บ้านเสี่ยแบบพร้อมหน้าพร้อมตาพร้อม...พร้อมอะไรล่ะโต๊ะว่างเปล่าเนี่ย!
“คมสันบอกว่าจิระทำอาหารเก่งมาก”
โดนหักหลังกันจนได้ ถูกเชิญมาที่บ้าน แต่โดนบังคับให้กลายเป็นเชฟ! ดีเหมือนกัน จิระจะโชว์ฝีมือยอดเชฟแห่งยุคให้ดูโดยมีผู้ช่วยเป็นเตโชคนหน้ามึน กับสาเหตุที่ไม่อยากรอข้างนอกเพราะกลัวหูดับ...


2.สลับร่าง (อีกแล้วเหรอ!?)
เมื่อจิตรินกับจิระตกบันได ทำให้สลับร่างกันโดยไม่ตั้งใจ ทั้งเสี่ยและเตโชก็ออกอาการตื่นตะลึงทันที จิตรินในร่างจิระต้องใช้ชีวิตกับเสี่ย ส่วนจิระในร่างจิตรินก็ต้องใช้ชีวิตกับเตโช ด้วยสัญญาผูกมัด 'ห้ามจูบหรือมีอะไรกันระหว่างนี้เป็นอัดขาด!! '
แล้วเสี่ยจะอดใจไหวเหรอ จิระเองที่ชอบรุกก่อน ก็เห็นท่าจะไม่รอดเหมือนกันเพราะเตโชดันหึงเขาในร่างจิตรินซะงั้น เรื่องราวชุลมุนจะเป็นยังไงต่อไป เตรียมอ่านจุใจเกือบ 20 หน้า!


3.โฆษณายาดม
“นายคัดตั้งนานเพื่อให้ฉันเล่นโฆษณานี้เนี่ยนะ”
“แต่ถ้ารับเล่น คุณจิระจะได้ยาดมฟรีสำหรับหนึ่งปีด้วยนะครับ”
“ตกลง!”
เรื่องเริ่มต้นด้วยสามประโยคนี้ เตโชเองก็กระตือรือร้นจะมาดูจิระถ่ายโฆษณา แต่...ทำไมโฆษณายาดมถึงมีฉากแก้ผ้าอาบน้ำกันละ ไม่ได้ คนหน้ามึนไม่ยอม!!!


4.เกมทดสอบความกล้า
รายการบ้านผีสิงสำหรับคู่รักเชิญเตโชจิระมาเป็นแขกรับเชิญคู่รักชายคู่แรก แต่จิระพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อจะบอกปัด แต่ไม่ว่าจะขอกับคมสัน อ้อนเตโช พยายามต่อรองกับรายการก็ไม่เป็นผล เพราะทุกคนพร้อมใจกันกลั่นแกล้งเขา! ใช่สิ...ไม่กลัวผีอย่างจิระไม่เข้าใจหรอก!!! ภาพลักษณ์ที่สั่งสมมาจะพังทลายก็ในรายการนี้นั่นแหละ!!

รายละเอียดPre-order หนังสือ [วันนี้--31 มกราคม ]
-> จิ้ม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65443.0)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 17-01-2018 21:47:24
เป็นตอนจบที่ดีกับใจมากจริงๆค่ะ ชอบในพัฒนาการของทั้งคู่ การปรับเปลี่ยนนิสัยเวลาอยู่ด้วยกันซึ่งมันน่ารักมาก อ่านถึงตอนจบนี่ก็ให้ได้รู้ว่าคนมึนนี่ก็หื่นใช่ย่อยนะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ ปกติหลงหนูจิอยู่แล้วมาเรื่องตัวเองยิ่งหลงไปอีก เป็นเอฟซีเตโชด้วย อย่างน้อยคนมึนก็มีบทมากกว่าเสี่ยอะนะ ฮ่าๆๆๆ

ปล. เห็นแพลนคู่ใหม่ในเรื่องใหม่แล้วเซอร์ไพรส์หนักมากค่ะถึงกับอ้าปากหวอเลย โอ้ยยย รอแทบไม่ไหว คนอย่างนิฌานนี่สมควรเจอแบบน้องเจจริงๆนั่นล่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-01-2018 21:56:20
 :katai2-1: o13 o13 o13 :katai2-1:



 :กอด1: :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 17-01-2018 21:59:33
ขอบคุณคนแต่งมากๆค่ะ เรื่องนี้สนุกจริงๆ
หลงรักเตโชกับจิระ เข้าเต็มเปา พ่อคนหน้ามึนกับจิระที่เกรี้ยวกราด
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 17-01-2018 22:01:22
ขอบคุณที่แต่งเรื่องน่ารักๆแบบนี้มาให้อ่านกันนะคะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-01-2018 22:07:16
 :pig4:  :pig4:  o13  o13
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-01-2018 22:07:53
ยินดีกับชีวิตคู่ที่จะดำเนินต่อไป  :กอด1:
ส่วนเรื่องใหม่ คิดหนักแฮะ พฤติกรรมของตาฌาน รับไม่ค่อยนะได้ ทั้งลื่น ทั้งแหล แล้วจะให้คู่กับเจตริน เด็กดีของครอบครัว  :serius2:
สงสัยต้องให้หนูจิเทรนหนูเจเรื่องศิลปป้องกันตัวแบบฟูลคอร์ทแล้วล่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 17-01-2018 22:10:40
 :mew1: :mew1: :mew1: o13 เห็นชื่อตอนพิเศษแล้วอยากอ่านมากๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 17-01-2018 22:16:55
เริ่มเห็นแววน่าสงสารของนิฌาน 555555 ต้องได้เจอกับจอมฝอยบ่อยๆแน่ หูดับมั้ยถามใจดู 55555 อยากเห็นเหมือนกันว่าน้องชายจิจะปราบพระเอกปลาไหลนี่ยังไง  :hao6:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 17-01-2018 22:20:31
 :hao7: :hao7: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 17-01-2018 22:39:47
เราชอบน้องชายของจิตริน   รอค่าาาา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: เมียงู ที่ 17-01-2018 22:56:23
อ่านรวดเดียวจบเลยเพราะมาช้า5555 ทั้งจิระทั้งเตโชน่ารักมากกก

ขอบคุณคนเขียนด้วยค่า
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 17-01-2018 23:41:59
จบแล้ววว :katai4: :katai4:
ไม่รู้ว่าต้องเขียนอีกกี่รอบถึงจะเพียงพอที่จะบอกว่าชอบความสัมพันธ์ของคู่นี้
เริ่มจากเจอกันอย่างงงๆ ขยับสถานะไปเป็นเพื่อน แล้วก็เปลี่ยนไปเป็นแฟนอย่างงงๆ ตามลำดับ
ชอบเวลาที่สองคนนี้อยู่ด้วยกัน เวลามีปัญหาอะไรก็เข้าใจกันและกัน
นึกถึงตอนที่จิระโดนวางยา ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ไม่ทันงานแล้ว
ตอนโทรคุยกับเตโช เตโชพูดแค่ว่าให้ไปรับไหม โอ้โห คือฉากนั้นอิมแพ็คต่อเราพอสมควร ชอบซีนนั้นมาก มันแสดงให้เห็นว่าทั้งคู่เข้าใจกันขนาดไหน
ยังไม่นับจิระที่สำเร็จหลักสูตรเตโชศาสตร์ มีการเดาภูมิหลัง อีกทั้งภาษามือกำแปๆอีก :laugh:
แฮปปี้ไปอีกหนึ่งคู่ สถานีต่อไปนิณาน+เจตริน ออหอออออ
ถ้าเจเป็นไรไปนี่นิณาณเตรียมหูดับไว้ได้เลยนะ ปรจารย์ด้านการฝอยอย่างจิตรินอยู่นี่แล้ว!!!
ขอขอบคุณนักเขียนอีกรอบนะคะ ที่เขียนนิยายสนุกๆเรื่องนี้มาให้ทุกคนได้อ่านกัน จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะคะ

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: ละอองฝน ที่ 17-01-2018 23:54:38

อ่านเรื่องนี้แล้วยิ้มทุกตอน
เราชอบทั้งเนื้อเรื่อง ไปยันซีรีส์กับหนังที่จิระเล่นเลยค่ะ
เขียนสนุกมากจริงๆ ตอนนี้อดใจรอเล่มไม่ไหวแล้ว
อยากอ่านตอนพิเศษมากๆ เลย โดยเฉพาะบันทึกคนมึน!
ขอบคุณที่เขียนเรื่องราวสนุกๆ ให้ได้อ่านนะคะ
เราจะติดตามต่อในเรื่องถัดไปแน่นอนค่ะ
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 18-01-2018 00:26:50
เราชอบจิระกับเตโชมาก ถือได้ว่าเป็นคู่บุญคู่กรรมกันเลย เวลาอยู่ด้วยกันก็ดูลงตัว ไม่แพ้คู่เสี่ยกับจิตรินเลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 18-01-2018 02:03:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 18-01-2018 02:06:15
ขอบคุณคนแต่งและรอหนังสือค่า
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 18-01-2018 04:17:31
คนเขียนเก่งมาก
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-01-2018 06:15:54
ชอบที่จิระเกรี้ยวกราดแม้กระทั่งตอนจบ "จะกินฉันก่อนหรือจะกินเค้ก"  :laugh:

ขอบคุณนะคะสนุกมาก เคียงกันตลอดไปมีความสุขกับเรื่องนี้ เห็นตอนพิเศษแล้วอยากอ่านมาก รอเรื่องต่อไปค่ะท่าทางจะสนุกพี่ฌาณกับเจ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 18-01-2018 06:17:47
อ้าว จบแล้ว ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ ตอนแรกก็หวั่นๆนะกลัวจะดราม่าเพราะจิระเรื่องนู้นมีความน่าจะดราม่าสูงมาก แต่ๆๆ สนุกมากเลย สบายใจ ดีใจที่จิระได้เจอเตโช
รออ่านน้องเจกับนิฌานค่ะ รอดูการจับผิดคนตอแหล อิอิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: Sistel2 ที่ 18-01-2018 08:43:29
ชอบบบบบ รอเล่ม ๆ. อยากอ่านเรื่องของเจด้วย  :z2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-01-2018 09:18:08
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 18-01-2018 13:40:30
ขอบคุณมากนะคะ

หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 18-01-2018 16:32:51
สนุกมว้ากกกกก เรื่องจิตรินว่าสนุกแล้ว เรื่องนี้ขั้นกว่าแถมอบอุ่นด้วยพ่อหมีใหญ่อีก
ขอบคุณนะฮะที่แต่งเรื่องสนุกๆให้ได้อ่าน ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆ
รออ่านเรื่องต่อไปนะฮะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 18-01-2018 16:43:27
สนุกมากๆค่ะ จะติดตามต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 18-01-2018 19:13:49
 :pig4: :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 18-01-2018 19:18:56
       ในที่สุดก็มาถึงตอนส่งท้ายของเรื่องนะค่ะยินดีกับไรต์ด้วยนะค่ะ  :mew1:
และคงจะคิดถึงจิระกับเตโชอีกมากๆเลยค่ะ
เพราะพวกเค้าคือตัวละครที่สร้างสีสันให้วันเทาๆของเราได้มากเลยค่ะ
อ่านไปขำไปอ่านไปสงสารไป
ในบางตอนและแอบหื่นตามจิระไปบางตอนด้วยเช่นกัน555  :mc4: :mc4:
       ขนาดตอนส่งท้ายยังเผ็ดเลยค่ะอิอิ :hao6:
รออ่านผลงานการเขียนเรื่องต่อไปนะค่ะและของให้ยอดหนังสือมีคนสั่งซื้อเยอะๆนะค่ะ
                                       :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: waiieiei ที่ 18-01-2018 19:54:53
ชอบมากเลยค่า แฮปปี้เอนดิ้ง เรื่องนี้จบก็รอเรื่องน้องเจยาวๆเลย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: AkaneSama ที่ 18-01-2018 20:50:30
พระเอกหน้ามึนนี้มันดีจริงๆ!  :impress2:ขอบคุณที่แต่งให้อ่านนะคะจะติดตามต่อไป
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-01-2018 23:40:11
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 18-01-2018 23:46:28
เห็นด้วยมากค่ะว่าจิระกับเตโชเป็นส่วนผสมที่ลงตัว แคแรกเตอร์ต่างกันก็จริงแต่ก็ส่งเสริมกันและกันเป็นอย่างดี น่ารักมากกกกก รักกันนานๆ ปล.เสี่ยโผล่ออกมาแว๊บนึงแต่เรียกคะแนนน่าหมั่นไส้ไปเต็มๆ 5555 จิตรินนี่สุดยอดจริงๆเลยนะคะ ปล2.อยากอ่านคู่คุณจอมมาร เอ๊ย คุณคมสันกับพี่เบิ้มมากค่ะ มโนภาพว่าคุณผู้จัดการต้องเป็นราชินีเคะแน่ๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 18-01-2018 23:51:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 19-01-2018 11:21:31
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-01-2018 19:17:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 19-01-2018 21:34:33
อ่านจบแล้ว สนุกมากค่ะ

มีเป็นe-booksไหมค่ะ สนใจค่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 20-01-2018 00:10:23
จบแล้ววว อ่านแล้วอยากดูหนังทุกเรื่องที่จิระแสดงเลย หนังสดด้วยนะ อุ้ปส์  :-[
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: marshall ที่ 20-01-2018 02:21:35
จบแล้ว รักเตโชจิระมากมาย รักตัวละครอื่นๆ ด้วยเทาๆ ดำๆ ก็ผูกพันนะ รักคนเขียน

รอพี่ฌาน จริงๆ เราแอบชอบความเป็นพี่ฌานนะ ชอบที่ถอยเมื่อควรถอย แม้จะแอบเคืองมากกว่าก็ตาม 55
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 20-01-2018 17:57:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 21-01-2018 23:31:13
จบสมกับคู่นี้ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 22-01-2018 20:35:04
ขอบคุณค่า  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: wetter ที่ 23-01-2018 01:07:08
ชอบมากกก ประทับใจตั้งแต่เรื่องเสี่ยกับจิตริน พอมาอ่านจิระเรื่องนี้คือนางน่ารักมากกก
จิระคนไม่น่าคบคนนั้นคือใคร เจอแต่จิระที่อ๊องๆ เอ็นดู5555555
เตโชพูดน้อยแต่กวนมาก เขินทุกทีที่เรียกแฟน :o8:

อ่านแล้วอินเหมือนทุกอย่างคือเรื่องจริงเลย เราชื่นชมคนเขียนหลายอย่างเลยทั้งนิยายเรื่องนี้ ทั้งบทเช็คเมท ทั้งบทหนัง คือบทซ้อนบท ซึ่งคนเขียนทำได้ดีมากๆในทุกแบบ ประทับใจมากจริงๆ จนแอบคิดว่าถ้าหนังหรือซีรีย์พวกนี้ถูกสร้างขึ้นมาจริงๆคงจะดีมากๆ ทุกอย่างดีเกินไปจนเราแอบเสียดายที่จะเป็นแค่ส่วนหนึ่งของนิยาย แต่มันก็ดีมากๆทำให้นิยายเรื่องนี้สมบูรณ์แบบ ชื่นชมจากวจจริงเลยค่ะ งานคุณภาพแท้ๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษ - P.38 - [23/1/61] ตัวอย่าง
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 23-01-2018 19:09:53


ตอนพิเศษ

สลับร่าง (อีกแล้วเหรอ!?)

-ตัวอย่าง-


สิ่งแรกที่ผมเห็นยามลืมตา คือใบหน้าของเสี่ยซึ่งนั่งกุมมืออย่างเคร่งเครียดเป็นกังวล และเมื่อเห็นผมได้สติ เสี่ยก็ยิ้มดีใจ ช่วยเกลี่ยเส้นผมให้พลางถามว่า...

“เจ็บมากมั้ย จิตริน”

เดี๋ยวนะ

ผมว่ามันมีอะไรผิดปกติ

“เสี่ย...” น้ำเสียงของผมเปลี่ยนไป แถมมือที่เสี่ยกุมอยู่นั้นก็ไม่ได้เนียนนุ่มขาวใสอย่างที่จิระควรจะมี สถานการณ์นี้ช่างคุ้นเคยเหมือนประสบพบเจอมาก่อน และเป็นเหตุการณ์สุดแฟนตาซีที่ไม่คิดว่าจะหวนมาเจอกับตัวอีกครั้ง “เสี่ย ผมไม่ใช่จิตริน”

“จิระ?” ยังดีที่คนขี้มโนพอจับจุดอะไรได้

ไม่ทันพยักหน้ารับ ประตู้ห้องของเสี่ยก็ถูกเปิดพรวดพร้อมคนหน้ามึนที่พุ่งถลามาหาผมพร้อมกับร่างของ ‘จิระ’ ที่โผกอดเสี่ย

“เสี่ย ผมอยู่นี่ ผมอยู่ตรงนี้ เสี่ยจำผมได้รึเปล่า ไม่รู้ทำไมพอตื่นมาก็อยู่ในร่างนี้แล้ว ผมสับสนไปหมด นึกสาเหตุไม่ออกเลย หรือว่าเจ้าครามจะเป็นแม่มดจำแลง เพราะมันทำให้ผมตกบันไดไปพร้อมจิระ ถ้าอย่างนั้นลองไปถามเจ้าครามอีกครั้งดีมั้ย เอ๊ะ แต่เจ้าครามมันเป็นตัวผู้ งั้นต้องเรียกว่าพ่อมดสิ แต่มันเป็นแมว งั้นก็ต้องเรียกว่าพ่อแมว...อา สับสนจัง”

“หัวเธอคงกระแทกแรงเกินไปสมองเลยกระทบกระเทือน” เสี่ยช่วยนวดศีรษะจิตรินในร่างของผมแผ่วเบาอย่างทะนุถนอม “แต่อยู่ในร่างนี้ก็ดี เจริญหูเจริญตาดี”

“เสี่ย!!”

“ฉันล้อเล่น” เสี่ยรีบแก้ตัวเมื่อทั้งผมและจิตรินตะโกนออกมาพร้อมกัน เอาล่ะ หันมามองคนหน้ามึนบ้างดีกว่า เตโชดูจะสับสนและไปไม่เป็นเมื่อเจอเหตุการณ์สุดเหลือเชื่อตรงหน้า ผิดกับผม จิตริน และเสี่ย ที่ค่อนข้างตั้งสติได้เร็ว

“เตโช...” ผมเอื้อมมือออกไป คนหน้ามึนลังเลเล็กน้อย ก่อนจะยอมจับตอบ “นายไม่รักฉันแล้วเหรอ”

คนหน้ามึนส่ายหน้าพลางอธิบายเสียงเนือย

“ไม่ชิน”

“งั้นก็ทำให้ชิน” เพราะไม่รู้ว่าผมจะอยู่ร่างนี้อีกนานแค่ไหน “นายรักฉันที่หน้าตาหรือที่จิตใจกันแน่หา!”

“ไม่รู้”

“หน็อยแน่ ลองโดนตบกะโหลกสักเปรี้ยงมั้ย” ไม่พูดเปล่าผมยังสะบัดมือตบผลัวะ ผลคือ....เตโชถึงกับหน้าทิ่มหัวกระแทกขอบเตียงดังโป๊ก ผมตกใจมาก รีบประคองหน้ามึนๆ นั้นขึ้นมาดูว่าเลือดออกรึเปล่า

ลืมซะสนิทว่าร่างของจิตรินนั้นมีทั้งกล้ามเนื้อและพละกำลัง

ขนาดเสี่ยยังหวาดเขาในบางทีระแวงในบางครั้งเลย

“ฉันขอโทษ”

“อย่าโกรธเตโชเลยนะจิระ เขารู้ทันทีว่าผมไม่ใช่จิระตั้งแต่ตอนลืมตาเลย คุยสักพักก็เริ่มคิ้วขมวด บอกแต่ว่าให้เอาแฟนคืนมา จนสุดท้ายต้องพามาที่ห้องเสี่ยเนี่ยล่ะ!” จิตรินช่วยอธิบาย “เตโชรู้ตั้งแต่แรก ส่วนเสี่ยไม่รู้ว่าแยกผมกับจิระออกบ้างรึเปล่า”

“รู้สิ” เสี่ยรีบประจบเอาใจคนรักทันควัน

“แล้วถ้าผมกับจิระไม่พูดทั้งคู่ เสี่ยจะแยกออกมั้ยครับ ถ้าผมไม่ฝอยเยอะๆ จนเสี่ยจำได้ เสี่ยจะแยกแยะออกรึเปล่า”

“เอ่อ...”

“ผมรู้อยู่แล้วว่าเสี่ยจำไม่ได้”

“นายรู้ว่าไม่ใช่ฉันตั้งแต่ตอนลืมตาเลยเหรอ” ผมมองคนหน้ามึนอย่างอึ้งทึ่ง

“จิระตอนตื่น จะขยี้ตางัวเงีย น่ารักมาก”

“แล้วเมื่อกี้จิตรินตื่นยังไง”

“ลืมตาโพล่ง น่ากลัวมาก”

ผมไม่รู้จะตอบออกไปยังไงนอกจากบีบมือเตโชอย่างให้กำลังใจหนึ่งที

ขวัญเอ๊ยขวัญมานะเด็กน้อย

“แล้วทีนี้เราจะทำยังไงดี วันพรุ่งนี้ฉันมีงานต้องไปให้สัมภาษณ์เรื่องรางวัลด้วย” ผมกุมขมับ

“ผมเองก็ต้องเข้าบริษัทเหมือนกัน แต่เรื่องนี้คุณสันน่าจะช่วยได้นะครับ”

เรียกถึงจอมมาร จอมมารก็มา

“สลับร่างกันอีกแล้วเหรอครับ” ท่าทางของจอมมารจะว่าประหลาดใจก็ไม่ใช่ จะเฉยเมยก็ไม่เชิง “พรุ่งนี้คุณจิระมีให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างช่อง แต่ไม่ต้องห่วงครับ ตอนสลับร่างครั้งก่อน ผมช่วยเขียนสคริปท์ให้คุณจิตรินท่องก็พอไหวอยู่”

“ค่อยยังชั่ว” ผมถอนหายใจโล่งอก

“ส่วนคุณจิตริน...มีเข้าบริษัทกับเสี่ย แต่ไม่นับเป็นเรื่องสำคัญอะไร คุณจิระพักผ่อนที่คอนโดกับคุณเตโชเถอะครับ จะได้ค่อยๆ ปรับตัวกัน เพราะไม่รู้ว่าครั้งนี้จะสลับร่างนานแค่ไหน”

ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะขอคมสันให้ช่วยหยิบกระดาษมาสองแผ่นพร้อมปากกา

“เอามาทำอะไรเหรอจิระ” จิตรินถามผมด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็นอย่างน่ารัก ท่าทางใสๆ ของเขาในร่างของผมนี่ช่างเข้ากันดีจริงๆ ก็ไม่แปลกหรอกที่ตอนนั้นเสี่ยจะตกหลุมรักเข้าอย่างจัง

“เราต้องตกลงกันก่อน” ผมพูดพลางร่างสัญญาโดยเว้นให้เสี่ย จิตริน ตัวผมเอง และเตโชลงชื่อรับทราบ “ว่าระหว่างที่สลับร่างกัน ห้ามมีอะไรกันกับคนรักเด็ดขาด!”

เหมือนมีฟ้าผ่าเปรี้ยงเข้าให้กลางหัวเสี่ยจอมหื่น

“ได้ยังไง!”

“ต้องได้สิครับ หรือเสี่ยจะยอมให้ผมใช้ร่างจิตรินไปมีเซ็กซ์กับเตโช”

“เรื่องนั้น...” เสี่ยกล้ำกลืนฝืนทน คนได้คืบจะเอาศอกอย่างเขาที่หลงรักจิตรินในร่างจิระมาก่อน แล้วค่อยมาลงเอยกับจิตรินในร่างนี้ย่อมคิดฉกฉวยโอกาสรำลึกความหลัง แต่เรื่องอะไรผมจะยอม และแน่นอนว่าเตโชก็ไม่มีวันยอมด้วย “เฮ้อ...ตกลง”

“จูบก็ห้าม”

“นี่มันมากไปแล้ว!” เสี่ยเต้นผ่าง ในฐานะอดีตเด็กเลี้ยงผมรู้ดีว่าเขาหื่นกามแค่ไหน เลยหันไปประคองหน้าเตโชหมายจะจับจูบนั่นแหละ ท่านประธานถึงได้รีบกระโจนเข้าขวางโดยใช้มือมาปกปิดริมฝีปากคนรักอย่างปกป้อง

“เห็นเสี่ยอุทิศแรงกายโดยไม่สนวัยตัวเองขนาดนี้ไอ้จิล่ะปลื้มเหลือเกิน” จิตรินถึงกับประสานมือกลางอก “ไม่ต้องห่วงนะจิระ ผมจะปกป้องร่างกายนี้อย่างดี จะไม่ให้เสี่ยถือโอกาสลวนลามหาเศษหาเลย ส่วนจิระ...ผมไม่ห่วง เพราะผมเชื่อว่าจิระก็จะดูแลร่างผมอย่างดีมากๆ เหมือนกัน แต่ถ้ามีปัญหา เกิดคนรักของใครอดใจทำตามข้อตกลงไม่ได้ขึ้นมา เราสองคนมาอยู่ด้วยกันเลยดีกว่า เอาอย่างนี้แล้วกัน จิระมาอยู่ที่บ้านของผม มาเล่นกับเจ้าส้มแล้วก็ลูกๆ ของมัน ถือโอกาสนี้หลอกที่บ้านผมด้วย ดูซิว่าไอ้เจจะจำพี่ชายมันได้มั้ย”

ข้อเสนอของจิตรินดีมากจนหลงเคลิ้ม

“งั้นเปลี่ยนแปลงสัญญา...”

“ไม่เอา!”


-----ตัดฉับ-----

ที่เหลือขอสงวนไว้ในหนังสือนะคะ ปกติเราจะนำตัวอย่างตอนพิเศษตอนแรกมาลง แต่ด้วยความพิศวาสส่วนตัว เลยข้ามเอาตอนพิเศษสองมาลงแทน ชอบเวลาเตโชเห็นจิระในร่างจิตริน ชอบความเสี่ยที่จำจิตรินไม่ได้ ชอบโมเมนต์จิตรินจิระด้วยค่ะ ชอบหมดเลย ตอนนี้ยาวมากๆ เกือบ 20 หน้า อ่านกันจุใจแน่นอนค่ะ 55555555


ขอฝากหนังสือด้วยน้า เหลืออีกไม่กี่วันจะปิดพรีออเดอร์แล้วค่ะ ไม่อยากให้พลาดบันทึกคนมึนกัน ^ ^

[PRE-ORDER] HE'S NOT ME ผมไม่อยากเป็นดารา
(https://www.picz.in.th/images/2018/01/24/20731115_10212838934984451_517463377_n.jpg) (https://www.picz.in.th/image/0GRJwQ)

ตอนพิเศษประกอบด้วย
1.ครอบครัวสุขสันต์
หลังจบงานรับรางวัล และฉลองกับเตโชไปแล้ว จิระก็รับคำเชิญจากจิตรินเพื่อมากินข้าวที่บ้านเสี่ยแบบพร้อมหน้าพร้อมตาพร้อม...พร้อมอะไรล่ะโต๊ะว่างเปล่าเนี่ย!
“คมสันบอกว่าจิระทำอาหารเก่งมาก”
โดนหักหลังกันจนได้ ถูกเชิญมาที่บ้าน แต่โดนบังคับให้กลายเป็นเชฟ! ดีเหมือนกัน จิระจะโชว์ฝีมือยอดเชฟแห่งยุคให้ดูโดยมีผู้ช่วยเป็นเตโชคนหน้ามึน กับสาเหตุที่ไม่อยากรอข้างนอกเพราะกลัวหูดับ...


2.สลับร่าง (อีกแล้วเหรอ!?)
เมื่อจิตรินกับจิระตกบันได ทำให้สลับร่างกันโดยไม่ตั้งใจ ทั้งเสี่ยและเตโชก็ออกอาการตื่นตะลึงทันที จิตรินในร่างจิระต้องใช้ชีวิตกับเสี่ย ส่วนจิระในร่างจิตรินก็ต้องใช้ชีวิตกับเตโช ด้วยสัญญาผูกมัด 'ห้ามจูบหรือมีอะไรกันระหว่างนี้เป็นอัดขาด!!'
แล้วเสี่ยจะอดใจไหวเหรอ จิระเองที่ชอบรุกก่อน ก็เห็นท่าจะไม่รอดเหมือนกันเพราะเตโชดันหึงเขาในร่างจิตรินซะงั้น เรื่องราวชุลมุนจะเป็นยังไงต่อไป เตรียมอ่านจุใจเกือบ 20 หน้า!

3.โฆษณายาดม
“นายคัดตั้งนานเพื่อให้ฉันเล่นโฆษณานี้เนี่ยนะ”
“แต่ถ้ารับเล่น คุณจิระจะได้ยาดมฟรีสำหรับหนึ่งปีด้วยนะครับ”
“ตกลง!”
เรื่องเริ่มต้นด้วยสามประโยคนี้ เตโชเองก็กระตือรือร้นจะมาดูจิระถ่ายโฆษณา แต่...ทำไมโฆษณายาดมถึงมีฉากแก้ผ้าอาบน้ำกันละ ไม่ได้ คนหน้ามึนไม่ยอม!!!


4.เกมทดสอบความกล้า
รายการวาไรตี้สำหรับคู่เชิญเตโชจิระมาเป็นแขกรับเชิญคู่รักชายคู่แรก แต่จิระพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อจะบอกปัด แต่ไม่ว่าจะขอกับคมสัน อ้อนเตโช พยายามต่อรองกับรายการก็ไม่เป็นผล เพราะทุกคนพร้อมใจกันกลั่นแกล้งเขา! ใช่สิ...ไม่กลัวผีอย่างจิระไม่เข้าใจหรอก!!! ภาพลักษณ์ที่สั่งสมมาจะพังทลายก็ในรายการนี้นั่นแหละ!!

รายละเอียดPre-order หนังสือ [วันนี้--31 มกราคม ] -> จิ้ม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65443.0)
เพจนักเขียน -> มาจะกล่าวบทไป (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษ - P.38 - [23/1/61] ( ตัวอย่าง )
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 23-01-2018 19:39:16
 o13
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษ - P.38 - [23/1/61] ( ตัวอย่าง )
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-01-2018 20:03:20
 :m20:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษ - P.38 - [23/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 24-01-2018 21:54:47
สงสารเตโช โธ่ๆๆๆ ขวัญเอ๊ยขวัญมา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - UP! จุดเริ่มต้นของเรื่องราว - [20/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-01-2018 10:22:23
 :sad4: เออ คุณสันเขาด่าเอ็งว่าตอแหลน่ะแหละจิระ :m20:

แหมมมม คุณคมสันนี่ร้ายโคตรๆเลยนะคะ หูย ขนลุกเลย

ป.ล. สวัสดีค่ะ เราตามมาจากจิสายฝอย เป็นการอ่านมาราธอนมาก

อ่านมาตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ได้นอนเลย :hao5:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 1 : ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ - [30/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-01-2018 10:37:08
ขออนุญาตหยาบคายได้ไหมคะ มอด คือแบบ

อหหหหห  :m20: :m20: :z3:

เตโช อิบ้า แต่งเพลงนี้เพราะจิ้งจกที่เลี้ยงตาย  :ling1:

ว่าจิหนักแล้วนะ เจอเตโชเข้าไปนี่ต้องถามตัวเองอีกรอบว่าจิคือใครวะ

จิระเอ้ย เจองานหนัก งานหนักคู่ด้วย 555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษ - P.38 - [23/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 25-01-2018 18:21:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
น่ารักมากค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 4 : จิตริน 50% - P.4 - [13/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-01-2018 22:48:51
 :serius2: น้องจิสองจิของพี่ คิดถึงจัง หอมหัว อิอิ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 5 : 100% - P.7 - [19/11/60] Up!
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-01-2018 23:13:46
 :laugh: :laugh: ว้อยยย เตโช 5555 จะบ้าตาย เหยียบจิ้งจกตาย

5555 ขำดังมาก แกมโนไหมเนี่ย ไปรู้ได้ไงว่าจิ้งจกมันคู่กัน

แถมยังรู้ว่าแชมปิญองตรอมใจตายอีก โอ๊ย  :ling1:

ถถถถ  ว่าจิตรินไม่ไหสแล้ว เจอเตโชนี่เรานั่งเอ๋อเลย

โอ๊ะ! ลาสบอสมีฝามี กรี๊ดดด ตายละ มารร้ายยไม่อนากนึกภาพเลย :z3:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 8 : จับกุมซีเคร็ท - P.11 [2/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-01-2018 00:28:46
เราไม่รู้จะทำตัวแบบไหนดี ฮือ เหมือนจะเป็นไบโพล่าในไม่ช้า

จะหัวเราะกับจิระ หรือจะปวดหัวกับความมึนของเตโชดี

ใครก็ได้ ช่วยเราที :katai1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 15 : ซ้ำรอย - P.17 - [17/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-01-2018 01:34:07
นั่นไง ว่าแล้วว่าพายต้องร้ายแน่ๆ :z6:


แก้ไขเพิ่มเติม

เดี๋ยวนะ นาฬิกาเรือนนั้นเหมือนผ่านตาแว้บๆว่ายังอยู่ที่จิระใช่ไหม

ที่คุณสันหาจิระเจอเพราะนาฬิกามะ?  หรือเพราะอย่างอื่น

หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 16 : เอาคืน - P.18 - [19/12/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-01-2018 01:50:46
คุณ..... คุณสันคะ  :serius2: ดิฉันไม่สามารถดึงตัวเองให้กลับไปที่จิระได้เลยค่ะ


หลังจากอ่านเจอตรงนี้   และขอบคุณเลขาจอมมารที่มีรสนิยมในการเก็บสะสมของพิศดาร เพราะนอกจากบันไดเชือกแล้ว เขายังมีกุญแจมือ โซ่ แส้ และอีกสารพัด

อกอีแป้นแตก  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 23 : เตโชผู้หิวโหย - P.25 [3/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-01-2018 03:05:06
 :serius2: :pighaun: :jul1:  :laugh:

แหมะ เตโชเล่นสามมื้อนังกะกินข้าวเลยว้อย
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนที่ 32 : สะสาง - P.34 - [14/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-01-2018 04:08:36
ขำที่เตโชถามว่าเขาหูดับไหมครับ  :laugh: :m20:

555555555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนส่งท้าย - P.36 - [17/1/61] END
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-01-2018 04:21:34
 :katai2-1:  :haun4: ขอบคุณมากค่ะ ฮือ สนุกมากๆ

ติดงอมองมตั้งแต่จิจิตริน มาจนถึงจิจิระเลย

ฮามาก ขำเตียงสั่น ชอบมากๆค่ะ ไม่รู้จะบอกยังไงดี

แต่ที่แน่ๆติดตามผู้เขียนต่อแน่นอนค่ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษ - P.38 - [23/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 27-01-2018 00:49:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษ - P.38 - [23/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 27-01-2018 13:02:36
แค่ตัวอย่างก็ฮาล่ะ รอรับหนังสือจ้าาาาา
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษ - P.38 - [23/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 28-01-2018 15:15:39
สรุปตอนพิเศษสลับร่างกันอีกหรอ
จะป่วนกันขนสดไหนน้อ
ว่าแต่อยากอ่านเรื่องของน้องเจคงสนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษ - P.38 - [23/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 06-02-2018 12:54:22
สนุกมากๆ ค่ะ  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษ - P.38 - [23/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Pui5264 ที่ 06-02-2018 18:01:29
อยากได้ ebook อ่า
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษ - P.38 - [23/1/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 18-02-2018 20:22:56
จบแล้วอยากอ่านตอนพิเศษเลย จะมีพรีอีกไหมเอ่ย ebook ก็ได้
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษ - P.38 - E-BOOK -
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 19-02-2018 10:52:08

มาแจ้งข่าวอีบุุ้คค่า ตอนนี้อีบุ้ควางจำหน่ายครบทั้งหนังสือเล่มหลักและเล่มเล็กแล้วนะคะ

ท่านไหนที่สะสมอีบุ้คสามารถตามเก็บกันได้ตามลิ้งเลยค่า ขอบคุณนะคะ ^ ^ ( ความจริงอีบุ้คลงมาสักพักแล้ว แต่เราลืมแจ้งเองค่ะจนเห็นเม้นสอบถาม แคกๆ )

He's Not Me -> https://goo.gl/2FxUo1
บันทึกคนมึน -> https://goo.gl/NCqrz9

หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษ - P.38 - [ เพิ่ม E-BOOK ]
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 23-02-2018 12:39:17
สนุกมาก o13
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษ - P.38 - [ เพิ่ม E-BOOK ]
เริ่มหัวข้อโดย: sunsetime ที่ 28-02-2018 07:46:06
 :serius2:

สนุกมากกกกก เลยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษ - P.38 - [ เพิ่ม E-BOOK ]
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 01-03-2018 09:25:56
ชอบตั้งแต่คู่เสี่ย กับจอมฝอยแล้วค่ะ
มาถึงจิระกับจอมมึน ยิ่งชอบขึ้นไปอีก
 
รอติดตามอ่านน้องเจ กับจอมปลาไหล นะคะ
มั่นใจว่าจะฮากับน้องเจ คนคิดเยอะ

ขอบคุณค่ะที่เขียนเรื่องดี ๆ ให้อ่าน
และลงจนจบเสมอ ๆ ทุกเรื่อง
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษ - P.38 - [ เพิ่ม E-BOOK ]
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 10-05-2018 22:30:18
โถๆๆๆๆ ทั้งสงสารทั้งขำ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษ - P.38 - [ เพิ่ม E-BOOK ]
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 12-05-2018 16:04:28
เอ็นดูเตโช 555555555 น่าจะขยาดกับจิตรินมากนะ กลัวหูดับ
หลงรักจิระสายเกรี้ยวกราด
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษ - P.38 - [ เพิ่ม E-BOOK ]
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 13-07-2018 14:53:56
เป็นอีกเรื่องที่ขำหนักมาก หัวเราะจนน้ำตาไหล เจอเข้าแต่ละมุขนี่ต้้องตั้งสติกันพอสมควรไม่งั้นจะหยุดหัวเราะไม่ได้
สนุกมากกกกกกกกกกก
ขอบคุณนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.38 - [12/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 12-08-2018 19:35:34

ตอนพิเศษสั้นๆ ในวันแม่


สวัสดีครับ ผมจิระ ไม่เจอกันนานเลย คิดถึงกันรึเปล่า

ชีวิตคู่ของผมกับเตโชก็ปกติกันดีครับ แต่ที่ไม่ปกติ คือวันนี้เป็นวันแม่...

ผมไม่มีแม่ให้กราบ เลยคะยั้นคะยอให้เตโชกลับบ้านสักที เห็นเขาเงียบๆ ตอนแรกนึกว่ามีปัญหากับที่บ้าน ไม่อยากกลับไปเห็นหน้า แต่ใครเลยจะคิด ว่าหลังผมพูดกรอกหูเขามาสามวันสามคืน ในวันแม่แห่งชาติ เตโชก็จูงมือผมขึ้นรถ แล้วขับออกมาด้วยสีหน้าปลาตาย...

“จะไปไหนน่ะ!”

“กลับบ้าน” เตโชตอบพลางโคลงศีรษะเล็กน้อย มองผมอย่างงุนงง ประหนึ่งถามว่าบอกให้กลับบ้านก็กลับบ้านไง ทำไมจึงไม่เข้าใจล่ะจิระ

จิระเลยงงมาก

ในความคิดของผม ครอบครัวของเตโชค่อนข้างเข้มงวด ไม่เห็นด้วยกับการเป็นศิลปิน เป็นเหตุให้เขาออกจากบ้านอย่างยาวนานและไม่เคยกลับไปสักครั้ง ฉะนั้นตอนพูดเรื่องนี้ ผมต้องคอยสังเกตอารมณ์ ดูสีหน้า เพื่อไม่ให้เขาได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจ

เห็นเขาไม่หือไม่อือไม่ตอบอะไร ก็นึกว่าไม่สำเร็จซะแล้ว

แต่ความจริงคือเตโชตอบรับ(ในใจ)แต่แรก ไม่มีท่าทีไม่พอใจแม้แต่น้อย!

“นาย...ไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับการกลับบ้านใช่มั้ย” ผมถามอย่างหวาดๆ ไม่อยากให้คนรักรู้สึกแย่

“เปล่านี่” เตโชโคลงศีรษะไปอีกทาง น้ำเสียงเรียบเรื่อย ไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ...ทั้งดีใจ เสียใจ หรือน้อยใจ เตโชไม่รู้สึกอะไรเลย...

“แล้วทำไมนายไม่กลับบ้าน” เมื่อจับอารมณ์โคตรนิ่งของเขาได้ ผมก็โพล่งถามอย่างหงุดหงิด

แต่เตโชนิ่งไปนานมาก

นานจนผมกลัวว่าไปจี้ใจดำเข้ารึเปล่า

ก่อนที่คนหน้ามึนจะพูดออกมาด้วยคำๆ เดียวแสนทรงอานุภาพ

“ลืม”

ครับ เตโชบอกว่าลืม

ลืมกลับบ้าน? ลืมคิดว่าต้องกลับบ้าน? ลืมว่าควรจะกลับตั้งแต่ได้รางวัลถ้วยแรก?

ไม่ว่าจะลืมอย่างไหน แต่ความจริงที่ปรากฏก็คือ...เตโชลืม ลืมใช้สมองประมวลความคิด เพราะในหัวเขามีแต่เรื่องดนตรี วันๆ คิดแต่จะทำเพลง ร้องเพลง แล้วก็กินอาหารฝีมือผม...

แฟนใครติสโคตรๆ

อย่างไรก็ตาม ในที่สุดเตโชก็ได้กลับบ้าน

ผมวาดฝันถึงภาพการพบกันแสนตราตรึงใจ ครอบครัวและลูกชายที่ความเห็นแตกต่าง เมื่อเจอกันอีกครั้งกับความสำเร็จของเตโช ครอบครัวจะต้องอ้าแขนต้อนรับ ชื่นชมภูมิใจ สนับสนุนค้ำชู

นั่นคือในความคิด แต่ในความเป็นจริงนั้น...

“เตโช! กะ...กลับบ้านมาได้ยังไง!”

...ทำไมครอบครัวเตโชถึงต้อนรับลูกชายด้วยประโยคสุดสะพรึงแบบนี้ ไม่ใช่แค่น้ำเสียงที่สะพรึง สีหน้า ท่าทาง ก็สะพรึงเตโชกันหมด ราวตกลงปลงใจกันแล้วว่าเมื่อลูกชายเลือกเดินตามความฝัน ก็ไม่คิดกลับมาอีกแน่นอน...เหมือนนกตัวน้อยที่เป็นอิสระ โผบินไม่เหลียวมองเบื้องหลัง

จะว่าไป...พี่สาวของเขาก็มักเป็นฝ่ายโทรก่อนเสมอ เตโชไม่เคยต่อสายก่อนเลยสักครั้ง

พวกพี่ชายที่เคยแวะเวียนมาดูหน้าผม ก็เป็นฝ่ายนัดแนะกับผมเองโดยไม่คิดรอให้เตโชแนะนำตัวแฟน

สรุปแล้วครอบครัวเขาน่ะไม่มีปัญหา แต่ไอ้ที่เป็นปัญหาคือนิสัยมึนๆ งงๆ ของหมอนี่เนี่ยแหละ!

นึกแล้วก็เหล่คนข้างตัว อยากรู้นักว่าจะสำนึกผิดบ้างมั้ยที่ทำให้ครอบครัวตะลึงกันขนาดนี้ ผลคือ...

“จิระบอกให้กลับ” เตโชชี้นิ้วโบ้ยกันซะงั้น ความกตัญญูอยู่ไหน! จริงอยู่ว่าผมบอกให้เขากลับเพราะผมไม่มีบ้านให้กลับ แต่ก็ไม่ควรจะพูดออกไปโต้งๆ ต่อหน้าพ่อกับแม่มั้ย ถ้าพวกท่านได้ยินจะเสียใจน้ำตาไหลรึเปล่า! ไอ้คนไม่รู้จักกาลเทศะเอ๊ย! เกรี้ยวกราด เกรี้ยวกราดแล้ว!

“อ้อ แบบนี้นี่เอง”

ความเกรี้ยวกราดฟีบในทันใดเมื่อครอบครัวเตโชพร้อมใจกันถอนหายใจดังเฮือก

...เตโชเป็นลูกพวกคุณใช่มั้ยครับ

ผมอยากปราดไปกระชากคอเสื้อแล้วเขย่าๆ ถาม แต่มโนธรรมบอกให้ยับยั้งตัวเองไว้ นั่นคนแก่นะจิระ

“นายออกจากบ้านยังไงเนี่ย” เห็นปฏิกิริยาของครอบครัวสุดพิลึกตรงหน้า ผมก็ดึงๆ เสื้อเตโชให้ก้มตัวมาเล็กน้อยแล้วกระซิบข้างหู

“โดนไล่”

...เดี๋ยวนะ สรุปเตโชไม่ได้ออกจากบ้านเพื่อทำตามความฝัน แต่โดนไล่หรอกเหรอ!?

“ร้องเพลงให้ฟัง แล้วโดนไล่”

“...”

ผมไม่เข้าใจ เตโชร้องเพลงเพราะจะตาย แล้วไหงพอร้องแล้วถึงโดนไล่ หรือว่าร้องเพราะมากจนไล่ให้ไปทำตามความฝัน? แต่เท่าที่เคยคุยกันคือครอบครัวเขาไม่อยากให้เตโชเป็นศิลปินไม่ใช่เหรอ งง ผมงงมาก งงจนหัวหมุนติ้วไปหมดแล้ว!

“จิระหิว”

อ้อ...ไม่ได้งงจนหัวหมุนติ้ว แต่หิวจนหน้ามืดตาลาย

“หิวเหรอจ๊ะ งั้นมากินข้าวกันเถอะ”

เมื่อครอบครัวเตโชได้ยินก็รีบเชื้อเชิญผมเข้าบ้านทันที พวกเรายืนตะลึงกันหน้าประตูเกือบสิบนาที...เป็นการพบหน้ากันครั้งแรกที่ชวนปวดหัวเหลือเกิน

ผมมองคนหน้ามึนข้างตัวที่โอบไหล่ผมเข้าบ้านเหมือนกลัวหิวจนเป็นลมด้วยสีหน้ามึนๆ อย่างแสนเป็นกันเอง ไม่มีท่าทีเคอะเขิน กระดาก หรือประหม่าเฉกเช่นคนไม่เคยกลับบ้านมาหลายปีแล้วก็กุมขมับ

ยอมเดินเข้าบ้านไปด้วยความสงสัยจุกอกโดยไม่ทันสังเกตแม้แต่น้อยว่าวินาทีที่เท้าของคนรักเหยียบเข้ามาในบ้าน ริมฝีปากของคนหน้าตายก็ยกยิ้มขึ้นจางๆ...

กลับมาแล้วครับ

----------------

 

สวัสดีค่ะ เป็นตอนพิเศษสั้นๆ ที่นึกขึ้นมาได้แบบมึนๆ เบลอๆ พอๆ กับเตโชว่า เอ๊ะ เรื่องจิระเตโชยังไม่กลับบ้านเลยนี่หว่า ก็เลยออกมาเป็นตอนนี้ที่โคตรจะมึนสมเป็นเตโชค่ะ ส่วนความเป็นมาตอนเตโชออกจากบ้านที่จิระงงโคตรๆ นั้น...อยู่ในตอนพิเศษเล่มเล็กที่แถมไปในรอบพรีค่ะ เหตุการณ์ก็คือ...เตโชร้องเพลงกวนตีนขณะที่ทุกคนในบ้านกำลังทะเลาะกันเรื่องเตโชจะไปเรียนต่อหรือจะไปเป็นศิลปิน โปรดนึกภาพตาม พ่อแม่คัดค้าน พี่สาวเห็นด้วย ตัวต้นเหตุไม่พูดไม่จา แต่หยิบกีต้าร์มาร้องเพลง...
พ่อแม่เถียงกัน เตโชก็ร้องเพลง...
พี่สาวช่วยพูดให้ เตโชก็ร้องเพลง...
ไม่ว่าใครจะทำอะไร เตโชก็ร้องเพลง แถมเนื้อเพลงกวนตีนมากๆ ด้วย
สุดท้ายทุกคนเลยโมโห ไล่เตโชออกจากบ้านไปไกลๆ ค่ะ แถมพี่ชายยังเป็นคนขับรถมาส่งด้วย 555555555
ปล.เตโชมีพี่ชายสองคน พี่สาวหนึ่งคน


สุขสันต์วันแม่นะคะ <3
เพจนักเขียนมาจะกล่าวบทไปถึงผู้ชาย(หลายคน)ที่เขารักกัน (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-08-2018 19:57:09
อย่างนี้ก็ได้หรือ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 12-08-2018 20:09:24
เตโชโคตรมึน 5555
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 12-08-2018 23:30:30
เตโชนายมึนขนาดนี้เลยเรอะ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-08-2018 10:17:15
 :laugh:



 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-08-2018 13:10:19
ก็สมเป็นเตโชดี :laugh: :laugh: :laugh: คิดถึงความเกรี้ยวกราดของจิระ :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 15-08-2018 12:21:48
โอยยย มึนแล้วมึนอีก มึน มึน มึน  :laugh:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 15-08-2018 20:54:27
55555 :mew1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-08-2018 03:14:27
 :กอด1: คิดถึงจ้า คิดถึงมาก ๆ เลยทั้งคู่  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าอ้วงงง ที่ 30-11-2018 00:35:34
ส่วนตัวนี่เกลียดคนนิสัยแบบคมสัน นางควรได้บทเรียนบ้างว่าไม่ใช่จะบงการชีวิตคนอื่นได้ตลอด
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 07-05-2019 23:18:45
หลังจากเมื่อวานเราได้อ่านเสี่ยกับจิสายฝอยไป วันนี้! เราก็ได้อ่านจิผู้เกรี้ยวกราดและเตโชสายมึน 55555 เราชอบค่ะ ติดงอมแงมเลย วันๆไม่ทำอะไรแล้วเนี่ย อ่านจนตาดำหมดแล้ว เดี๋ยวจะตามไปอ่านเรื่องต่อไปนะคะ เยิฟฟฟฟ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: songsa1234 ที่ 16-05-2019 10:59:31
ฮื่ออออ น่ารักมากกกกก
เจ้าเตโชก็มึนๆอึนๆทั้งเรื่อง เอ็นดู~~~
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 17-05-2019 09:23:26
สนุกมากเลยค่ะ รักจิระผู้เกรี้ยวกราด  :L1:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 17-02-2020 17:33:43
อ่านจบแล้วจ้า อาดรวดเดียวจบเลย สนุก ๆ
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 13:54:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 17-05-2020 08:16:12
เอาจริงๆคือเคยจะเข้ามาอ่านสองสามรอบแล้วค่ะ5555555555
เค้ากลัวดราม่า แงงงง
แต่ตอนหลังตัดสินใจ เอาวะ อ่านก็อ่าน
สรุปคือสนุกมากค่าาาาาา
ชอบที่สุดด :katai2-1: :กอด1: :impress2: :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Goplayz ที่ 13-10-2021 12:44:43
เอ่อ....ไม่ขออะไรมาก...ขอตอนพิเศษให้ลาสบอสโดนเอาคืนจากสองจิ...โดยมีพี่เบิ้มเป็นผู้ช่วย....ช่วยสยบลาสบอสที.....ไหว้ล่ะ....หึๆ