พิมพ์หน้านี้ - What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: mod-cup ที่ 15-07-2018 23:38:06

หัวข้อ: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 15-07-2018 23:38:06
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

สวัสดีค่ะ เรื่อง what the hell รักร้าย เคยลงในเล้าไปเมื่อหลายปีก่อน แล้วนักเขียนลบออกเนื่องจากปัญหาบางประการ ตอนนี้ได้เคลียร์ปัญหาทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว เลยกลับมาลงให้คนอ่านอีกรอบค่ะ
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite)
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 15-07-2018 23:40:57

บทนำ
[/b]


“เฮ้ย!! เหี้ยปายมีเรื่องแล้วมึง”

เสียงตะโกนปนหอบที่ดังมาด้านหลัง ทำให้ผมที่กำลังจะเดินขึ้นบันไดคณะหันกลับไปมอง

“เรื่องเหี้ยไรวะ” ไม่ตื่นเต้นหรอกครับ แม่งกูเห็นมีเรื่องได้ทุกวัน กูชินละ

“เหี้ยแคนจะต่อยกับไอ้พี่ซิ่งแล้วมึง”

“สัดเอ๊ย!!!” ไอ้คิงที่หยุดหอบก้มลงเอามือท้าวเข่าตัวเองบอกกับผม ก่อนจะตาลีตาเหลือกวิ่งตามผมมาทั้งๆที่มันยังไม่หยุดหอบด้วยซ้ำ

อย่าสงสัยทำไมเมื่อกี้เห็นผมบอกว่าไม่ตื่นเต้น กูชินแล้ว ทฤษฎีนี้ใช้ไม่ได้กับสัดแคนตอนมีเรื่องกับเหี้ยซิ่งน่ะสิ

เปิดเรื่องมาก็วุ่นวายเลยเนอะ มาๆรู้จักกับผม ผมชื่อปาย เรียนอยู่ ปี.2 คณะวิทยาศาตร์เคมี สายเรียนที่สูดสารเคมีมาแทบทุกชนิด ไม่รู้ว่าแม่งจะเป็นมะเร็งตายวันไหน มีเพื่อนชะตาเดียวกันหกคน ไอ้แปง ไอ้ซาวน์ ไอ้วิน ไอ้บอล ไอ้คิงที่วิ่งหอบตามผมมา และไอ้แเคนที่ยืนกำหมัดแน่นโดนเพื่อนๆขึงไว้ไม่ให้กระโจนใส่อีกฝ่ายอยู่ตรง หน้าผมเนี่ย

ควายเผือกเอ๊ย!!!

“มีเรื่องไรกันวะมึง” หึ กูก็ถามมันได้เนอะ ก็คงเรื่องเดิมๆ

“มึงไม่มีสิทธิ์มาห้ามไม่ให้กูกับโซ่คบกัน!!!!!!!”

นั่นไงกูว่าแล้ว

“หึ ได้ไม่ได้ก็คอยดู ติดต่อน้องกูได้มั้ยล่ะ” สัดซิ่งมึงมันเลว!!!

ใช่ครับ...ไอ้คนที่ยืนประชันหน้าเหยียดยิ้มเลวใส่เพื่อนผมอยู่มันชื่อซิ่ง อยู่ ปี.3 ดีกรีนักศึกษาแพทย์แต่นิสัยแม่งโคตรเลวไม่บอกไม่รู้หรอกครับว่าแม่งเรียนหมอ ผมทรงสกินเฮด เจาะหู บวกกับคิ้วเข้มๆหน้าหล่อแบบเลวๆกับผิวสีแทนกับส่วนสูง 185 ซม.แม่งโคตรเหมือนพวกช่างกลมากกว่าหมอนะสัด!! มันไม่ต้องมีเพื่อนคอยล็อคคอไว้เหมือนเพื่อนผม แม่งยืนล้วงกระเป๋าเต๊ะท่าชะมัด
สัดกูปล่อยเหี้ยเคนไปกระทืบแม่งดีมั้ย

มันกับไอ้แคนมีเรื่องกันบ่อยส่วนมากไอ้แคนจะยอมเพราะถือว่าเป็นพี่ชายของซอโซ่แฟนมัน ใช่ครับ!! มันเป็นพี่ชายของซอโซ่เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม น่ารัก เด็กเภสัชหมอยาสุดสวยที่ไอ้แคนแม่งรักเทิดทูนดูแลประหนึ่งคนท้องอ่อนๆ ซอโซ่เป็นแฟนไอ้แคนคบกันมาตั้งแต่มัธยมปลายๆพอๆกับมีเรื่องกับเหี้ยซิ่งตั้งแต่มัธยมนั่นแหละ

แม่งไม่รู้จะหวงน้องไว้ทำซากอะไร!!! ก็ใช่ว่าเพื่อนผมจะดูแลไม่ดีสักหน่อย!!! คบกันมา 4 ปีแล้วมั้ง ให้เหตุผลว่าน้องมันยังเด็ก ถุ๊ย!! เมนมานี่ไม่เด็กแล้วมึง

ถามว่าทำไมผมต้องเดือดประหนึ่งโดนเอง ก็ผมรักเพื่อนไงและไม่เห็นว่ามันจะผิดอะไร ออกจะเห็นแม่งรักกันแบบโคตรๆ แค่เนี้ย พอมั้ย!!

“กูไม่เข้าใจกูทำผิดเหี้ยไร มึงมันพี่เอาแต่ได้ ไม่คิดถึงใจน้องมึงบ้าง ทำไมกูคบกันไม่ได้วะ!!!” ไอ้แคนตะคอกด่าตาแดงกล่ำด้วยความโกรธ คราวนี้มันแลโกรธมากกว่าทุกครั้งเพราะทุกทีโกรธยังไงมันก็จะเรียกไอ้ซิ่งว่าพี่ ความจริงมันเป็นคนร่าเริง ยิ้มง่าย แต่อย่าให้เป็นเรื่องของซอโซ่นะ เหอๆ แล้วครั้งนี้ดูเหมือนไอ้ซิ่งจะใช้อำนาจมืดอะไรสักอย่างที่กูมั่นใจว่าต้องชั่วช้าต่ำทรามเพราะเห็นไอ้แคนองค์ลงมาหลายวันแล้วว่าติดต่อซ่อโซ่ไม่ได้ ไปดักรอหน้าคณะก็ไม่เจอ

“กูไม่ชอบมึง ชัดมั้ย” มันพูดตอบกลับมาเสียงเรียบๆ แววตาเย็นๆ เป็ดเอ๊ย!! ว่าที่หมออย่างมึงคิดได้แค่เนี้ย

“สัด” ผมสบถออกไปอย่างทนไม่ได้ คราวนี้มันเลยมองมาที่ผมแทน แล้วไง คิดว่ากูกลัวหรอ กูไม่ได้อ่อนเหมือนสัดแคนเหอะ ขอร้อง

“มองเหี้ยไร” จัดไปอีกดอกครับมึง ดวงตามันดูโกรธขึ้นมาเลย หึ อย่าคิดว่ากูจะสนถึงกูจะสูง 178 แต่กูก็มาตรฐานชายไทย ไม่กลัวเปรตควายดำอย่างมึงหรอก (ที่จริงสีผิวมันแทนหน่อยๆเท่านั้นแหละ แต่กูเกลียดมันไง) จะว่าไปนอกจากไอ้แคนก็ผมเนี่ยแหละที่มีเรื่องกับมันตลอด แต่เชื่อเหอะไอ้เคนไม่เคยได้ต่อยหน้ามันมาแล้วเหมือนกูหรอก

ใช่ครับ ผมเคยต่อยมัน ถามว่าทำไม...หมั่นไส้ส่วนตัว =_=

ผมเคยชกหน้ามันสมัย ม.5 มันอยู่ ม.6 (ผมแคนเรียนที่เดียวกับมันและซอโซ่) แม่งคงหมั่นไส้ผมที่เป็นเพื่อนกับไอแคนที่ตอนนั้นตามจีบน้องมันอยู่ มันเป็นรุ่นพี่คุมเชียร์ไง ส่วนผมเป็นสวัสดิการแล้วเสือกได้อยู่สีเดียวกัน แม่งโคตรระยำ ใช้ผมตั้งแต่ตัดกระดาษเพจยันทำแสตนด์ ยกน้ำ ยกข้าว ขัดพื้นที่น้องจะนั่ง อีกสารพัดที่สมองเกรียนๆของมันจะคิดได้ แล้วพอทำเสร็จแม่งก็จะมามองๆแล้วบอกใช้ไม่ได้ ห่วยแตก ผมก็ขึ้นดิ กูสวัสดิการนะโว้ยยย ไม่ใช่ฝ่ายสถานที่ใช้กูทำเกินหน้าที่ไม่เท่าไหร่ แม่งมาด่าดู ผมที่กำลังขนไม้จะเอาไปแต่งหน้าแสตนด์โยนทิ้งพุ่งชกแม่งเลย ได้ไปหมัดสะใจโคตรอ่ะ มันอึ้งไปพักทำท่าจะสวนแต่เพื่อนมันมาจับมันไว้ก่อน

กูแม่งโคตรสะใจอ่ะ หึ

แต่อยู่ๆหน้านิ่งๆของมันที่จ้องผมอยู่ก็เหยียดยิ้มขึ้นมา ยิ้มเหี้ยไร อย่ายิ้มชั่วอย่างนี้นะมึง สัด กูบอกว่าอย่ายิ้มอย่างนี้ไง

“มึงอยากคบกับน้องกูต่อมั้ย” มันหันไปถามไอ้แคน

“เออ!!!” เหี้ยนี่ก็ตอบไวมาก แต่ เอ๊ะ!! มันถามเหมือนจะยอม เหี้ยนี่อ่ะนะจะยอม ฝันเหอะ

“กูมีข้อเสนอ...” มันพูดเสียงนิ่งๆแต่เหี้ยเคนดูกระตือรือร้นเป็นหมาขี้เรื้อนเจอซากกระดูกเน่าขึ้นมาทันที แล้วมันก็มองมาทางผมค่อยๆเหยียดยิ้มอีกครั้ง เป็นเหมือนลางร้ายที่ทำเอาผมขนสันหลังขนกูตั้งเลยสัด  มองกูทำไม อย่านะมึง...

“เอาเพื่อนมึงมาแลกสิ”

“พ่องมึงสิ!!!!!!!!!!!!”
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 1<<
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 15-07-2018 23:46:10

รักร้าย 1


‘เอาเพื่อนมึงมาแลกดิ’


สัด!!! ประโยคนี้ยังตามหลอกหลอนกูอยู่เลย ไม่ต้องบอกใช่มั้ยว่าเพื่อนของไอ้แคนคนไหน แม่งจ้องกูซะขนาดนั้น
ตั้งแต่ประโยคระคายตีนของมันวันนั้น นี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้วครับ แล้วถามว่าผมยอมหรือเปล่าน่ะเหรอ หึหึ...ยอมครับ

ยอมพ่องมึงสิ!!!!

ไอ้แคนอย่างอึ้งหันมามองหน้าผมสลับหน้ามันตาปริบๆเหมือนสมองไม่สั่งงานชั่วขณะ แต่กูสมองสั่งงานหนักแม่งปรี๊ดขึ้นสมองกูเลย ไม่ต้องรอให้ไอ้แคนตอบว่าจะเอายังไงผมก็จัดการชูนิ้วกลางให้มันแล้วตะโกนด่าเลยครับไม่รู้ว่าด่าอะไรออกไปบ้างแต่นึกอะไรได้ก็ออกพ่นออกไปหมด ณ จุดนั้นพวกเพื่อนมันต้องปล่อยตัวไอ้แคนแล้วมารั้งตัวผมไว้แทนเพราะนอกจากปากจะทำงาน มือและเท้าก็เริ่มออกสเตปตามครับ ส่วนมันน่ะหรอยืนยิ้มกวนตีนไม่สนใจผมหันไปหาไอ้แคนก่อนบอกคำที่ผมอยากจะเอาตีนไปประทับหน้ามัน

‘คิดดีๆนะมึง กูไม่รีบแต่มึงต้องรีบหน่อยนะ หึ’

แล้วมันก็เดินหันหลังกลับไป ท่าเดินแม่งสบายใจไปมั้ย หยามกูขนาดนี้มึงจะไปไหน ไอ้พวกเหี้ยนี่ก็ดึงกูไว้อยู่ได้

“เฮ้ย! ไอ้ปายไม่ต้องคิดมากนะเว้ยย กูแก้ปัญหาได้” ไอ้แคนเดินมาตบบ่าผมปุๆ

อยากจะบอกมึงเหลือเกินว่ากูไม่ได้คิดมากสักนิดเพราะยังไงกูก็ไม่ยอมไปอยู่ใต้เท้ามันอยู่แล้ว แต่กูกำลังโกรธต่างหาก สัด กูไม่ใช่อีหนูนะที่จะไปเป็นของมึง แม่ง คิดแล้วขึ้น

“ติดต่อโซ่ได้ยังมึง” ผมถามมันที่นั่งลงตรงข้ามผม

“อืม ได้เจอกันแปปนึงเมื่อวานนี้”

ผมกำลังจะบอกว่างั้นก็ดีแล้ว แต่ดูจากสายตาของมันบอกได้เลยว่าโคตรจะไม่ดี ตอนมันพูดมันหลบตาผมก่อนได้เหม่อมองไปยังไอ้แปง ไอ้คิง ไอ้ซาวน์ ที่กำลังเต้นเพลงะแมงมุมให้น้องดูอยู่ ตอนนี้ผมอยู่ที่ใต้โถงคณะครับ มีการ homeroom ของน้องปี 1 ระหว่างที่รอน้องๆมากันครบไอ้แปงก็โชว์สเตปเทพดึงไอ้คิงไปเต้นแมงมุมด้วยกัน ท่าตอนแม่งขยุ้มกันอุบาทว์ฉิบหาย คิดดูดิตอนไอ้คิงมันคร่อมตัวไอ้แปงแล้วทำท่าขยุ้มๆไอ้แปงเสือกทำหน้าเคลิ้มร้องเสียงออกมาแม่งโคตรเสื่อมอ่ะ ไอ้ซาวน์นี่คงคิดเหมือนผมเลยตบหัวไอ้แปงไปที ส่วนน้องแม่งเสือกปรบมือตีเข่าหัวเราะชอบใจกันใหญ่

น้องกูส่อโคตร =_=

ก่อนที่ไอ้ซาวน์จะทำเท่เกินหน้าเกินตาโดยการเต้นบีบอยให้น้องดู ไอ้นี่มันเต้นเก่งครับจะเอาท่าไหนขอให้บอก จะหมุนซ้ายหมุนขวาตีลังกาสิบตลบแม่งทำได้หมด สาวๆกรี๊ดกันตรึม หล่อแล้วเสือกเท่อีกอย่าพูดไปนะครับไอ้ซาวน์นี่แหละเดือนคณะปีผมเลยนะ แม่งหล่อขาวคิ้วเข้มสูงปราดเปรียว 180 อัพนะครับ แถมชนะใสๆด้วยสเตปเทพของมันอีกแต่อย่าไปหลงหน้าตามันนะนิสัยนี่โคตรเลวคลำเจอนมเอาหมด =_=

ส่วนผมน่ะเหรอ ไม่มีอะไรก็แค่มีหน้าที่เป็นพี่ว๊ากอย่างเดียว =_= แต่อย่าพูดไปผมก็หล่อไม่แพ้มันนะครับ

“มีไรหรือเปล่ามึง เจอกันแต่หน้าตายังกะโซ่มันแอบเล่นชู้” ผมตัดสินใจถามออกไปหลังปล่อยให้เกิดความเงียบมานาน

“สัด ไม่มีไรหรอก” เงียบ...พูดจบแม่งก็เงียบอีก กูอึดอัดนะโว้ยยยยยยยยย

“แม่งเอ๊ย! มึงมีอะไรก็บอกกูดิวะ อมพะนำไปมาเดี๋ยวกูถีบแม่ง มองหน้ากูทำไม มึงจะบอกมั้ย ถ้าไม่บอกก็อย่ามาทำหน้าตาเหมือนจะตายให้กูเห็น  หงุดหงิด”

มันมองหน้าผมแบบขำๆ เออ อารมณ์นี้ยังจะมาขำ กูรู้อยู่ว่ากูเป็นยังไง เห็นผมอย่างนี้เรื่องเพื่อนไม่ได้นะครับ ผมแคร์หมด มีอะไรช่วยเหลือกันตลอด มาทำหน้าเหมือนหมาตายแต่ไม่พูดอะไรให้กูเห็นนี่กูกระโดดถีบขาคู่นะครับ

“เอ่อ...กูไม่รู้จะพูดยังไงว่ะ...ถ้าพูดไปก็เหมือนกดดันมึง..คือ...ยังไงดีวะ..เออๆพูดแล้ว” ผมยกตีนขึ้นเลยครับ บอกให้รู้ว่าถ้ามันยังลีลาอีกคำเดียวเจอตีนกูแน่!!

“โซ่จะไปอิตาลีว่ะ” มันพูดเสียงอ่อยๆ

“ห๊ะ!! ไปทำไม ไปตอนไหน ไปกี่วัน แล้ว...”

“มึงคิดไรกับแฟนกูป่ะเนี่ย” ก่อนที่ผมจะถามอะไรไปมากกว่านี้ ไอ้ห่าแคนก็เหล่ตาถามขัดขึ้น สัดเหอะ ถึงเมียมึงจะน่ารักแต่กูก็ไม่เน้นบริโภคของเพื่อน กูแค่ตกใจโว้ยยยย

“ตีนเหอะ แล้วตกลงมันยังไงวะ”

“ก็ไม่ใช่ว่าไปอยู่ถาวรหรอก ไปปีนึงแบบโครงการแลกเปลี่ยนอะไรนี่แหละ เห็นว่าจะไปหลังสอบมิดเทอมเสร็จ” ตอนพูดหน้ามันโคตรหงอยอ่ะ

“อย่าคิดมากดิวะ แค่ปีเดียวมันเป็นสิ่งที่เมียมึงเลือก หรือมึงจะห้าม” ผมถามมัน แต่กูว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ถ้าเป็นความต้องการของซอโซ่สุดที่รักของพี่แคนแล้วล่ะก็แม่งยอมตลอดแหละ

“ถ้าโซ่เลือกกูจะไม่มานั่งเครียดอยู่นี่หรอกอย่างมากก็แค่ใจหาย แต่นี่ไม่ใช่อ่ะดิ” มันพูดหน้าเครียด อะไรของมันวะกูงง

“อ้าว อาจารย์บังคับไปหรอวะ” ผมถามแต่มันก็แค่ส่ายหัวเซ็งๆก่อนที่ผมจะสะดุดความคิดอะไรบางอย่าง เรื่องแบบนี้มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ

“ไอ้เหี้ยซิ่ง!!!!”

“เฮ้ย! ปายมึงจะไปไหน” ไอ้แคนถามทันทีที่ผมฮึดฮัดลุกขึ้น

“เออ เดี๋ยวกูมา!!!”

ผมบอกมันก่อนจะออกตัววิ่งไปที่ลานจอดรถควบฟีโน่คู่ใจตรงไปยังคณะแพทย์ที่มีตัวเหี้ยๆที่ผมเริ่มแน่ใจว่าแม่งจับฉลากเข้ามาเรียนหมอแน่นอน!!!

ส้นตีนมากไปแล้วเหอะ!!!!!


ตอนนี้ผมมายืนคว้างอยู่หน้าคณะที่มีนักศึกษาที่มีระดับมันสมองที่คาดว่าคงกินสมองลิงเป็นอาหาร หน้าตาแต่ละคนเด็กเรียนออร่าแพทย์จับโคตร ไม่เหมือนไอ้ซิ่ง มึงมันอีกาในฝูงหงส์จริงๆ(แต่แม่งเป็นกาที่หน้าตาเด่นกว่าพวกหงส์ =_=)

แล้วถามผมว่ามายืนอะไรตรงนี้ไหนว่ามาจัดการมัน เหอะๆ ผมจะไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอกถ้าผมรู้ว่า...มันสิงอยู่เสาต้นไหนของตึกใหญ่เชี่ยๆนี่ หรือป่านนี้มันรับจ็อบเป็นอาจารย์ใหญ่จำเป็นอยู่

กูรีบมาเพื่อมายืนมองตึกใหญ่ๆเนี่ยอ่ะนะ แถมยังมายืนให้ยามแก่ประจำคณะจ้องกูอีก

มองทำไมรู้ว่ากูหล่อเหมือนมาริโอ้แต่ไม่ต้องมองกูไม่ใช่ดารา!!!

แต่ก่อนที่ผมจะกระโจนเข้าไปหายามเหี่ยวๆข้อหาจ้องหน้ากูนานเกินไป ผมก็เหลือบไปเห็นไอ้ตัวสกินเฮดหัวเกรียนๆเดินสูงเป็นเปรตท่ามกลางหมู่เพื่อนฝูงที่ดูแล้วยังไงมึงก็กลายพันธ์มาชัดๆ

“กูมีเรื่องจะคุยด้วย!!” ผมวิ่งไปดักหน้ามันก็จะบอกมันแบบให้รู้ไปเลยว่ากูชิงชังมึงสุดๆ

“เอาสิ เฮ้ย..กูไปก่อนนะเจอกันโว้ยย” มันหันไปบอกเพื่อนก่อนจะเดินนำผมแยกไปทางจอดรถ  มึงจะทำตัวสบายไปมั้ย คันตีนว่ะ!
……………………………………………

“มึงจะเอายังไงกับเพื่อนกู!!!” พอมันหยุดเดินปุ๊ปผมก็ฉะทันที กูเป็นคนรออะไรนานๆไม่ได้หรอกนะ แม่งเดี๋ยวอกระเบิด

“หึ ก็ไม่มีอะไรมาก ถ้ามึงยอมเป็นของกู กูก็จะยอมให้น้องกูคบกับเพื่อนมึงต่อไป” ผมกำมือแน่นในขณะที่มันยืนเหยียดยิ้มแบบไม่แคร์อะไร เหี้ย! กูเกลียดสถานการณ์เป็นรองที่สุด

“แล้วเรื่องไปอิตาลี...”

“ก็อยู่กับการตัดสินใจของน้องกู หึ อยู่ที่มึงแล้วนะ”

ทำไมต้องเป็นกูด้วยวะ รู้ว่าจุดอ่อนของกูคืออะไรก็เล่นตรงจุดซะกูจนมุม ถ้าจะปล่อยให้ไอ้แคนหาทางอื่นเองก็คงไม่ทัน อีกไม่เท่าไหร่ก็จะสอบมิดเทอมแล้ว ทำเป็นไม่สนใจกูก็ทำใจปล่อยไปไม่ได้

ผมหันไปจ้องหน้ามันอีกทีแบบถ้าลูกตามันถลนออกมาได้มันคงกระแทกไปที่หน้าไอ้ซิ่งแล้ว หึ เป็นของมันความหมายก็ไม่ต่างจากทาสของมันนั่นแหละ!! มันคงไม่เอาผมไปเลี้ยงดูอย่างดีเหมือนไอ้แคนหรอก ยิ่งหน้าชั่วๆมันตอนนี้บอกได้เลยว่าถ้าผมยอมตกลงแล้วจะเจอกับอะไร

“ตกลง!! กูก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามึงจะทำอะไรกูได้!!!”

“หึ ปากดีไปเถอะ แล้วมึงจะปากดีไม่ออก ฟังข้อตกลงกันก่อนมั้ย” มันยักคิ้วยิ้มเลวให้ผม

“ข้อตกลงอะไรอีก!!”

“จะไม่เอาก็ได้นะ” กวนตีนกูเหรอ

“มีไรก็ว่ามา อย่าทำเป็นเล่นลิ้นกูไม่ชอบ!!!”

“มันมีข้อเดียวเท่านั้นแหละกูไม่ชอบตั้งกฎอะไรมากมาย” มันแสยะยิ้มที่ผมอยากจะเอาตีนไปนาบมากที่สุด ก่อนจะพูดประโยคต่อมาที่ทำเอาผมสั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธ

“เวลาเรียนของมึง นอกนั้นของกู...”

“สัดเหอะ!!!!”

“หึ มึงมีสิทธิ์โต้แย้งหรือไง มึงมีทางเลือกแค่เอาหรือไม่เอาเท่านั้นแหละ” แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะถึงแม้จะอยากทำแค่ไหนก็เหอะ

“มึงมันนรก!!!”

ได้!!! อย่าคิดว่าได้แค่นี้แล้วจะชนะกู ถึงมึงจะเป็นนรกขุมไหนก็เหอะ อย่าหวังว่ากูจะยอม!!..(ถึงกูจะยังมองไม่เห็นทางที่จะเอาคืนมันก็เถอะ T^T)


ผมไม่กลับไปที่คณะต่อแล้วครับตรงดิ่งกลับบ้านเลย ไอ้แคนก็โทรมาหาผมบอกว่าไม่เป็นไร ยังไหว แต่จริงๆกูโคตรไม่ไหวเลย มันใช่เรื่องมั้ยล่ะเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่นี่ถูกเลี้ยงดูอย่างดีถึงจะไม่ใช่ลูกคุณหนูคุณชายอะไรแต่ก็ไม่เคยต้องมารับคำสั่งใครอย่างนี้นะโว้ยยย ตอนนี้กูอยากมีเรียนทั้งวันแบบไม่มีวันหยุดกูก็จะไม่ปริปากบ่นสักนิด เฮ้อออ ชีวิตกูซวยได้อีก มึงได้ไฟเขียวจากบ้านซอโซ่เมื่อไหร่มึงเอาธูปเทียนมาไหว้กูเลยนะ ผู้มีพระคุณมึงเลยเนี่ย

Tru~ tru~

ใครแม่งโทรมาตอนนี้วะเนี่ย

ปิ๊บ

“ไอ้ปาย!!!!!!!”

เฮ้ย!!! ผมแทบเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูไม่ทัน ไอ้พวกเวรตะโกนมาได้นะพวกมึง

“มึงจะตะโกนกันทำไมเนี่ย” ผมว่าด้วยเสียงให้รู้ว่ากูไม่พอใจ แต่แทนที่ไอ้พวกรวมหัวประชุมสายมาก่อกวนผมจะสำนึกผิดมันดันหัวเราะเอิ๊กอ๊ากกันใหญ่

“ไปมีเรื่องกับหมอขาโหดมาหรอมึง เป็นไงบ้าง” ดัดเสียงกวนตีนขนาดนี้ไอ้แปงชัวร์

“ถามกูไม รีดจากไอ้แคนหมดแล้วไม่ใช่หรอพวกมึง”

“อะไร ใครถามไม่มี๊ มึงเล่ามาเลย” ไอ้บอล

“ใช่ๆ กูโทรมาถามด้วยความอยากรู้ เอ๊ย เป็นห่วงนะมึง” ไม่ทันละไอ้วิน มึงหลุดมาแล้ว

“กูคงเชื่อหรอกว่าพวกมึงไม่รู้เรื่อง อย่ามาแอ๊บสัด” พวกมันเงียบกันไปสักพักก่อนจะปล่อยก๊ากออกมาพร้อมกัน

“แหม รู้ทันตลอดอ่ะ” ทีงี้ประสานเสียงกันเชียวนะมึง

นั่นไง กูว่าแล้ว อย่างมันน่ะหรอจะไม่ไปเค้นกับไอ้แคน ถามว่าทำไมผมถึงรู้ เพราะผมก็เป็นไงเรื่องคนอื่นกูไม่ยุ่งแต่เรื่องพวกมันนี่ไม่รู้ไม่ได้ สิวขึ้นที่ก้นนี่ยังรู้ครับ แบบว่าเสือกกันจริงอะไรจริง แล้วที่โทรมาเนี่ยห่วงกูหรือจะซ้ำเติมกูวะ

“แล้วไอ้แคนไปไหน” ผมถามถึงตัวต้นเรื่อง

“คนเค้ามีเมีย เค้าก็คุยกับเมียเค้าสิ” นั่นไง กูว่าแล้ว เบาตัวแล้วนิมึง สบายแล้วสิทิ้งกูไปหาเมียเลยนะ ควาย

“นี่ๆพรุ่งนี้เลิกเรียนไปแดกเหล้ากัน”

“ไปๆร้านไหนดีมึง” เร็วเชียวนะไอ้คิง กูเห็นหุบปากมาตั้งนานนึกว่าไม่ได้อยู่ในสายพอเรื่องเหล้านี่รีบง้างปากออกมาเลยนะมึง

“แดกเนื่องในโอกาสไรวะมึง” เสียงไอ้แปงถาม อ้าว เดี๋ยวนี้มึงจะแดกต้องมีไรด้วยหรอวะ ทุกทีเห็นแดกในโอกาสอยากจะแดกตลอด

“อ้าว มึงไม่รู้หรอว่าพรุ่งนี้กูกับผองเพื่อนจะทำพิธีมอบโล่เพื่อนดีเด่นแห่งปีให้กับไอ้ปาย”

“สัด เกี่ยวไรกับกู” ผมว่าแล้ว แม่งเตี๋ยมกันมาแน่ๆ เห็นความเดือดร้อนกูเป็นเรื่องตลก แม่ง

“อ้าวมึงไม่รู้หรอ ตอนนี้มึงได้เลื่อนขั้นเป็นเพื่อนอุปถัมภ์ของไอ้แคนแล้วนะโว้ยยย กูเห็นถึงคุณงามความดีพวกกูก็ต้องมอบโล่ดิ
หรือว่ามึงอยากได้ใบประกาศเกียรติคุณด้วยกูก็ไม่ขัดข้องนะ”

“ก๊ากกกกกกกกกกกกกกก”

“พ่องมึงสิ!!!”

เป็นลูกคู่ลูกรับกันดีจังนะพวกมึง

ผมด่าพวกมันไปอีกสองสามยกโดยมีเสียงหัวเราะแบบไม่มีความสำนึกผิดตอบกลับมาเป็นระยะๆก่อนจะวางสายไป สรุปแม่งไม่ได้เป็นห่วงกูจริงๆด้วย ซ้ำเติมกูตลอด ถึงจะรู้ว่าที่มันทำอย่างนี้เพราะห่วง (เอ๊ะ!! ยังไง) แต่ก็เอาเถอะกูให้อภัย(แต่ไว้เอาคืนทีหลัง) ประเด็นหลักคือพรุ่งนี้คือกูจะได้แดกเหล้าเคล้าหญิงแล้วโว้ยยยยย

ส่วนโล่ถ้าพวกมันเอามาผมจะปาใส่หัวแม่งเรียงตัว

ผมเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนออกมาปั่นรายงาน หึ ทุกวันกูกับรายงานเนี่ย กูคิดผิดคิดถูกที่เลือกเรียนเคมี แม่งชีวิตวนเวียนอยู่เรียน สอบ ทำแลป ปั่นรายงาน แล้วก็โดนหักคะแนน แล้วไหนตอนนี้ยังมีเรื่องไอ้หมอหมาปัญญาควายนั่นอีก

กูควรไปรดน้ำมนต์เพิ่มสิริมงคลให้กับชีวิตดีมั้ยเนี่ยยยยยย

ติ๊ดๆ

เสียงข้อความที่กูมั่นใจว่าต้องเป็นพวกดูดวง เลขเด็ด คลิปเด็ด ถ้ากูโทรกลับไปได้อยากจะบอกมันเหลือเกินว่าไม่ต้องหวังดีส่งมาให้กู กไม่เล่นหวยส่วนคลิปกูมีเยอะแล้วโว้ยยยยยยยยย

ปิ๊ป


‘พรุ่งนี้เรียนเสร็จมาหากูที่คณะด้วย หน้าตึกปราบฯ อย่าช้า!!’
                                             08x-6806xxx


ไม่ใช่นี่หว่า เบอร์ใครวะ แต่ถ้าใครกูเดา...

มันแน่ๆ!!!!!
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 2<<
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 15-07-2018 23:51:45

รักร้าย2


“มาช้านะมึง”

“กูทำแลปอยู่มั้งสัด”

“อ๊ากกกกก แลปกำลังจะฆ่ากู ฮืออออ”

ผมกับไอ้แปงที่เดินเข้ามาในร้านนั่งเล่นที่นัดกันไว้ นั่งปุ๊บไอ้คิงก็ด่าผมปั๊บ มาช้านิดช้าหน่อยไม่ได้เลยนะมึง ผมกับไอ้คิงรีบที่สุดแล้วครับวันนี้มีชั่วโมงแลปได้เตรียมสารใหม่ตั้งสามครั้งไม่รู้เครื่องมันเป็นห่าไรพีคเสือกไม่ขึ้น อาจารย์ก็หาว่าผมเตรียมสารไม่ดีให้ไปเตรียมใหม่ ผมกับไอ้แปงที่อยู่กลุ่มเดียวกันก็ตายสิจะดูกลุ่มอื่นก็ไม่ได้เสือกเป็นแลปเวียน สุดท้ายเป็นไงไลท์ซอสผิดจะวิเคราะห์แคลเซียมดันเจ้าหน้าที่ดันเอาแมกนีเซียมมาใส่ไว้  มันคงเห็นหรอกพีคอ่ะ เจริญ

ส่วนไอ้แคน ไอ้บอล ไอ้วิน ไอ้ซาวน์ ไอ้คิง อยู่เซคอื่น รอดตัวไปมึง

“ไอ้แคนกับไอ้วินอ่ะ” ผมถามเมื่อไม่เห็นมันสองคน  ตอนนี้เห็นมีแค่ไอ้คิง ไอ้บอล ไอ้เซียนนั่งกระดกเหล้าอยู่

“ไอ้แคนไปส่งซอโซ่ ส่วนไอ้วินรอไอ้แคนไปรับอยู่”

ผมพยักหน้ารับ ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ก่อนจะหันไปมองไอ้แปงที่ตอนนี้ไปนั่งกระแซะๆให้ไอ้คิงชงเหล้าให้ ส่วนมันก็เปิดเมนูสั่งของกินอย่างบ้าคลั่ง เห็นมันบ่นมาตั้งแต่บ่ายละว่าหิวแทบเขมือบควายได้ แต่มึงสั่งขนาดนี้มึงจะกินเผื่อชาติหน้าหรือไง

“แค่นี้ครับ ขอเร็วๆนะพี่ผมหิว”

“สมควรจะพอได้ตั้งนานแล้วมึง สั่งเหมือนห่าลง”

“เงียบปากไปไอ้คิง มึงไม่เข้าใจกูหรอกกูเหนื่อยกูล้ากูหิว ไหนเหล้ากูอ่ะ” ไม่ต้องรอให้ไอ้คิงหยิบให้มันหันไปคว้าแก้วไอ้คิงมากินเลย มึงมาผิดเวลาแล้วไอ้คิง มึงก็รู้ว่ามันพวกผีเจาะปากมาพูด หิวแล้วองค์ลง แม่งหน้าเหวอเลยครับก่อนจะตบหัวไอ้แปงไปฉาดข้อหาหมั่นไส้

ผมเอนหลังไปบนโซฟากวาดตามองบรรยากาศของร้านพลางจิบเหล้าไป วันนี้คนเยอะแต่หัววันเลยว่ะเพิ่งทุ่มกว่าๆเองอย่างว่าแหละวันนี้วันศุกร์คนก็ออกมาปล่อยผีกันเป็นธรรมดา

“หึ” ผมหลุดขำออกมาเมื่อเห็นไอ้บอลกับไอ้ซาวน์กำลังออกล่าเหยื่อ ตอนนี้ทางร้านเปิดเพลงสากลที่มีจังหวะพอโยกได้ครับ ไปกันตอนไหนวะถึงว่าทำไมได้ยินแต่เสียงด่ากันแต่ของไอ้คิงไอ้แปง สองตัวนี้มันขอให้ได้สีครับได้กลับไปแดกหรือเปล่าอีกเรื่องนึง

 ไอ้ซาวน์นี่ไม่ยากแต่ไอ้บอลมึงต้องพยายามหน่อยนะ ฮ่า

“เฮ้ย มึงทางนี้”แล้วผมก็เหลือบไปเห็นไอ้แคนกับไอ้วินที่เดินเข้ามาทางหน้าร้านผมโบกมือเรียกมัน มึงเห็นกูป่ะวะเนี่ยคนก็จะเยอะไปไหนวะ

มันหันมาก่อนจะยกมือทักตอบให้รู้ว่า เออ กูเห็นมึงแล้ว

“ไง”

“เออ” ไอ้แคนชกเบาๆที่ต้นแขนผมเบาๆก่อนจะทรุดนั่งข้างๆไอ้วินนี่คว้าแก้วเหล้ากระโจนไปสีกับพวกไอ้บอลไอ้ซาวน์แล้วครับ หื่นไปมั้ยพวกวมึงเนี่ย เฮ้ออ

“หน้าบานเชียวนะมึง มีความสุขจริงเพื่อนมึงเนี่ย” ขอสักดอกครับ แม่งหน้าตามีความสุขเกิน หมั่นไส้

“เอ้า คนเค้ากำลังโลกเป็นสีชมพู หึหึ” มันยักคิ้วกวนประสาทก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปาก แหม เมื่อวานมึงยังบอกว่ากูขอโทษที่ทำให้มึงเดือดร้อนอย่างนั้นอย่างนี้วันนี้แม่งเสือกกวนตีน

“ใครจะไปโลกมืดมนอย่างมึงอ่ะปาย”

“สัด แดกไปเลยมึงไอ้แปงไม่ต้องว่างเลยปากมึงอ่ะ ไอ้คิงจัดการดิ๊”

“จัดไป” แค่นั้นแหละมันตักยำวุ้นเส้นยัดปากไอ้แปงมันดิ้นใหญ่เลยครับ สมน้ำหน้ามึงกวนตีนกูดีนัก

“เหี้ยคิงปล่อยกู อื้อออออ แค่กๆกูสำลัก!!”

“หึหึ แล้วมึงอ่ะ พี่มันทำไรป่าว” ไอ้แคนที่กำลังชงเหล้ากันมาถาม

“อย่างมันหรอจะกล้าทำไรกู อ่อนว่ะ” ผมยักไหลไม่สนใจ พูดเรื่องมันไมวะเสียบรรยากาศ

“พี่มันไม่กล้าหรือมันยังไม่ได้ทำ”

“ถึงทำกูก็ไม่กลัว ชัดมั้ย!” แม่งพูดทำไมเนี่ย มึงจะบอกว่ามันเก่งกูอ่อนรึไง ถีบแม่ง

“อ้าว ถีบกูไมเนี่ย กูหวังดีหรอกมึงก็รู้ว่าพี่ซิ่งมันเป็นยังไงแล้วที่มันบอกว่าแลกมึงกับโซ่นี่แลกแบบไหน มึงไม่คิดบ้างหรอว่ามันจะเอามึงไปทำอะไร”

“ทำไร ก็คงหาเรื่องแก้แค้นมั้ง กูไม่เห็นสนใจ” ผมยักไหล่ มันก็คงอยากเห็นผมแพ้มันทำตามคำสั่งมันเอาสะใจมั้ง ผมก็ทำกับมันไว้น้อยซะเมื่อไหร่ ป่านนี้มันก็คงโมโหขึ้นหัวอยากฆ่าผมแน่ๆ ยังจำข้อความเมื่อคืนกันได้มั้ยครับ หึหึ อย่างที่คิดผมไม่ไป เรื่องไรผมจะต้องไปเบอร์ใครก็ไม่รู้ผมไม่ได้เมมไว้ อาจจะไม่ใช่มันก็ได้ ผมไม่ผิดนิ หึ

“ถ้าไม่แค่นั้นล่ะ”

“หมายความว่าไงมึง”ผมถามกลับอยู่ๆมันก็พูดขึ้นมาแถมทำสายตาซะจริงจัง มึงอย่าจ้องกูขนลุก!! มันเงียบไปสักพักก่อนถอนหายใจออกมา

“เฮ้ออออ ไม่มีไรกูคงคิดมากไปเอง” อ้าว เหี้ย มาทำให้อยากรู้แล้วมึงก็ไม่พูดเนี่ยนะ แต่แล้วเสียงนรกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นครับ

“มึงกำลังจะบอกว่าไอ้เสน่ห์ดึงดูดเพศผู้ของไอ้ปายไปกระแทกเป้าไอ้พี่ซิ่งใช่ป่ะ”

ห๊ะ! มึงว่าไงนะไอ้คิง!!!

ผมหันไปมองไอ้คิงก่อนหันไปมองไอ้แคนอีกทีว่ามันพูดอะไรกัน แต่หน้าไอ้แคนมันสื่อว่ามันคิดอย่างที่ไอ้คิงพูดจริงๆ ไอ้เวร!!! กูเป็นผู้ชายดึงดูดเพศผู้พ่องมึงสิ

“พูดอะไรกันวะพวกมึง เสื่อม!!!”ถึงผมจะรู้แต่ไม่อยากจะยอมรับก็เถอะว่านอกจากผู้หญิงแล้วผู้ชายแม่งมาจีบก็มี ไม่รู้เหมือนกันว่าแค่กูตาโตขาวจัดมันผิดตรงไหน กูก็ว่ากูออกจะหล่อรูปร่างก็มาตรฐานถึงไม่สูงเป็นเปรตแต่กูก็ไม่เตี้ยนะครับ 178 อย่าลืมๆ  คิดว่าผมจะทำยังไงซัดมันกลับไปสิครับ ใครกล้าจีบผมก็กล้ากระทืบอ่ะ

“อ้าว คิงมันพูดจริงก็ไปว่ามัน หน้าสวยผิวก็ขาวตาโตอีกนี่ถ้าเสียงมึงไม่แตกหนุ่มไม่มีลูกกระเดือกนะ หือออ กูจีบคนแรกอ่ะ”

“เหี้ย”

“ฮ่าๆ”ผมปาน้ำแข็งใส่ไอ้แปง แม่งพูดจากวนตีนกูหล่อมั้งเหอะพวกมึงมันตาบอดสีมองภาพบิดเบือน

“เสียอยู่ก็หมาที่ปากและเหี้ยมากไปหน่อย”

“หึหึ”

“ขำไรไอ้คิงไอ้แคน กูผู้ชายโว้ยปี้หญิงแล้วกัน”

“แล้วไง แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีใครอยากปี้มึงนี่”

สัดคิง กูจะฆ่ามึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง


“อืม” ตอนนี้ก็กำลังกึ่มได้ที่ครับ ไอ้พวกเพื่อนทั้งหลายออกไปวาดลวดลายเรียบร้อยครับไอ้คิงกับไอ้แคนนี่ถึงขั้นต้องกันไอ้แปงออกจากคนอื่น แม่งเมาแล้วรั่วเต้นกางแขนกางขาให้มั่วไปหมด กลัวมือจะไปฟาดหน้าคนอื่นเค้าให้มากระทืบมันเล่นตายแต่ที่ฮาที่สุดนี่คือมันตั้งการ์ดครับ แล้วมันก็ตะโกนหรีดพร้อมๆสามสี่ แล้วเต้นต่อ กร๊ากกกก ไอ้พวกที่เหลือนี่ถึงขั้นกุมขมับรวมทั้งผมด้วย

ถามว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่หรอครับกำลังดูดนม เอ้ย!!  ดูดปากสานสัมพันธ์กับสาวสวยอยู่ครับแบบไม่อายใครมาเที่ยวที่แบบนี้ไม่มีใครมาสนใจหรอกครับ แล้วถามอีกว่าเธอมาได้ยังไงคว้าเอาแถวๆนี้แหละครับ หึหึ ล้อเล่นครับ พลอยเด็กผมเนี่ยแหละเซ็กซี่มากมาที่นี่ทีไรก็เจอตลอด ผมชอบครับพลอยไม่งี่เง่าไม่เรียกร้อง สนุกกันแล้วก็จบวินวิน ไม่คิดมาก

“อืม อื้อ ปาย พลอย อื้อ หายใจไม่ทัน” ผมพักช่วงให้ออยล์หายใจก่อนจะฉกเข้าไปจูบปากแดงๆนั่นอีกครั้ง ตอนนี้นัวเนียกันมากครับทั้งปากทั้งมือป่ายไปทั่วตัวนิ่มๆแบบไม่ไหวแล้วครับเครื่องเริ่มร้อน เธอก็ใช่จะยั่วเบาๆซะเมื่อไหร่มือปัดป่ายไปทั่วอกผมแล้วเนี่ย

“ปาย เพื่อนมา” พลอยดันผมออกพร้อมบอก แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร มันมาแล้วไงวะ! ขัดอารมณ์กูจริงโว้ยยย

“ไอ้...!!!” ผมที่หันไปด่าหุบปากเลยครับ ไม่ใช่เพราะไอ้แคนที่มันยืนอยู่ตรงหน้าแต่เป็นเพราะไอ้คนด้านหลังมันต่างหาก เออ มันนั่นแหละครับยืนกัดกรามแน่นจ้องหน้าผมอยู่เนี่ย มันมาได้ไงวะ ผมอึ้งไปพักนึงก่อนจะปรับสีหน้าให้ปกติ ไอ้ซิ่งมันทำหน้าจะกระโจนเข้ามาหาผมแต่เพื่อนมันรั้งไว้ก่อน พร้อมกับเพื่อนผมที่มันกรูกันกลับมาที่โต๊ะแล้ว

“อะ อ้าว พี่เท่หวัดดีคร๊าบบบบบบ” ไอ้แปงที่ถูกไอ้คิงหิ้วปีกคอพับคออ่อนมันเพ่งมองพอเห็นว่าเป็นพี่เท่พี่รหัสไอ้แคนแม่งก็ไหว้ซะนอบน้อมกราบลงไปที่อกพี่มันอ่ะครับคิดดู มึงเมามึงก็ไปนั่งเฉยๆดีกว่ามั้ย

“เอ่อ เออ นั่งด้วยกันมั้ยพี่ ” ไอ้บอลเอ่ยชวน หน้าตามึงเหมือนปวดขี้มากกว่านะมึง พี่เท่หันไปพี่โจพี่เก่งพี่เอกที่มาด้วยกันก่อนจะหันไปมองไอ้ซิ่งประมาณว่าเอาไง

ปัง!!

เหี้ย มึงจะถีบเก้าอี้ทำไม!

“เอาสิ” เสียงมันเรียบมากครับ ขนาดตอนตอบพี่เท่มันยังเอาแต่จ้องหน้าผมอย่างเดียว ก่อนที่พวกพี่ๆรวมทั้งมันจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่พนักงานเอามาเพิ่มให้ เพิ่มแก้ว เพิ่มเหล้าเพิ่มกับแกล้ม ซึ่งผ่านกระบวนการทั้งหมดนี้ไปมันก็ยังไม่เลิกจ้องหน้าผม อยากจ้องก็จ้องไปกูไม่สนใจหรอกชิวๆว่ะแต่คนอื่นกูเห็นนั่งเกร็งมาพักนึงแล้ว

“ปายคะ งั้นพลอยกลับก่อนนะ” พลอยที่นั่งอยู่คงรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆเลยขอตัวกลับ

“ครับ”ผมยิ้มตอบก่อนจะหอมแก้มออยล์ไปทีซึ่งพลอยก็จุ๊บแก้มผมกลับเหมือนกัน

บอกแล้วเธอเป็นเด็กดีไม่เซ้าซี้แถมฉลาดด้วย

“เอ่อ พวกพี่ไปไงมาไงเนี่ย” ไอ้คิงเปิดประเด็นขึ้นหลังจากที่ออยล์ลุกไปและถีบไอ้แปงที่มานัวเนียมันปซบโซฟาอีกด้านแล้ว

“อ้อ พอดีว่างตรงกันเลยนัดมาเจอกันเดี๋ยวจะลืมหน้ากันซะ 555” ผมว่าเสียงหัวเราะพี่ฝืดไปนะไอ้พี่โจ้

“งั้นก็ฤกษ์ดีอ่ะดิเด็กศิษย์เก่าโรงเรียน xxx มาเจอกันทั้งทีต้องฉลอง มาๆชนแก้ว เฮ้!!” มึงกู้สถานการณ์ได้แย่มากไอ้ซาวน์ หน้าตาพวกมึงดิคงดีใจจัดทำหน้าแม่งอย่างกับจะร้องไห้

ไอ้พวกพี่พวกนี้เป็นรุ่นพี่จากโรงเรียนเก่าครับ พี่โจ้ พี่เอกเรียนวิดวะ พี่เท่นี่เรียนวิดยาเอกคอมเป็นพี่รหัสไอ้แคนมันด้วย ส่วนอีกคนผมคงไม่ต้องบอกนะ ไม่อยากพูดถึง

“เอ้า ไอ้ซิ่งชนแก้วสิวะ น้องยื่นแก้วรอแล้ว” พี่เก่งสะกิดเพื่อนยิกๆซึ่งมันก็ยอมครับ มือมันก็ชนแก้วแต่ตาก็ยังจ้องผมเหมือนเดิม

จ้องไรนักหนาวะ จากไม่สนใจกูเริ่มอึดอัดแล้วนะ กูไม่ชอบ มึงไม่พอใจต่อยกูยังดีกว่ามาจ้องหน้ากูเลย สัด

“ไอ้ปายมึงไปทำอะไรไว้หรือเปล่าวะทำไมพี่มันจ้องขนาดนั้น” ไอ้แคนเอี้ยวตัวมากระซิบถามซึ่งผมก็บอกไม่ว่าไม่ได้ทำอะไรมันทำหน้าตาไม่เชื่อ ช่างหัวมัน ก็ผมไม่ได้โกหกนั่งเฉยๆเนี่ยยังไม่ได้ทำอะไรจริงๆนี่

ไอ้แคนเวลานี้มันก็นอบน้อมกับไอ้ซิ่งดีครับมันบอกว่าอยากให้พี่ชายโซ่ยอมรับมัน แต่ที่เห็นๆแทบจะต่อยกันเนี่ยก็เฉพาะเวลาไอ้ซิ่งไม่ให้มันเจอโซ่ ซึ่งของมันจะขึ้นทันทีไม่ได้ครับพี่แคนเจริญเติบโตด้วยซอโซ่ถ้าไม่ได้เห็นสักวันนี่มันจะลงแดงตาย เนื้อตัวจะแห้งเหี่ยวหัวใจวายเฉียบพลัน ควาย

นั่งกับไปได้สักพักมีมีเสียงหัวเราะให้ไอ้คิงที่มันพยายามจะสร้างบรรยากาศให้ดูครึกครื้น เสียงด่ากันขนแก้วกันหึ ไม่ช่วยไรหรอกมึง กูก็ไม่เข้าใจมันจะอะไรกับกูนักหนา ถึงมึงจ้องเหมือนจะฆ่ากูแต่มึงก็ทำอะไรไม่ได้หรอกนะ ควาย

“เฮ้ย กูนึกได้ว่าพรุ่งนี้มีเรียนเช้ากลับกันเหอะมึง” ไอ้วินแทรกขึ้น พวกผมมองหน้ากันงง

“พรุ่งนี้วันเสาร์เหอะ ควาย” ผมด่านิ่งๆ

“กะ ก็อาจารย์นัดเรียนเพิ่มไง มึงลืมอ่ะดิ” ผมแอบเห็นมันสะกิดขาไอ้บอลยิกๆ

“อะ เออ ใช่ๆมีเรียนแปดโมงเลยนะมึง พี่งั้นพวกผมกลับก่อนนะ” มันหันไปบอกพี่โจ้

“อะ...”

“เฮ้ย!!!!”

“ทำไร ปล่อยกู!!!!!” ยังไม่ทันที่พี่โจ้จะตอบหรือพวกผมจะกลับ อยู่ๆไอ้ซิ่งที่นั่งขบกรามจนผมคิดว่าฟันคุดมันหลุดแล้วก็ลุกพรวดจับแขนผมแน่น จับแรงขนาดนี้มึงบีบให้แตกเลยมั้ยสัด

“ปล่อย!!!”

“เฮ้ยพี่ทำไร”

“พวกมึงไม่ต้องตามมา กูจะจัดการคนของกู!!!!”มันไม่ฟังผม หันไปห้ามเพื่อนมันและเพื่อนผมที่ทำท่าจะก้าวตามมา ก่อนจะลากผมออกไป

หมดแล้วสินะความอดทนของมึง


“ปล่อยกูนะ โอ๊ยยย ” มันลากผมมาที่ลานจอดรถก่อนจะเหวี่ยงผมกระแทกไปที่ด้านข้างรถมันอย่างจัง  สัด กูเจ็บนะ ผมตวัดตาไปจ้องมันอย่างโคตรจะเกลียดซึ่งมันก็จ้องผมเหมือนจะฆ่าแต่ก่อนที่ผมจะได้ด่าอะไรออกไปมันก็พุ่งเข้ามาบีบคางผมไว้ แม่ง กูเจ็บ!

“ไอ้เหี้ยปล่อย!! ” ผมพยายามสะบัดจับมือมันออกจากหน้าผมแต่ดูเหมือนยิ่งพยายามมันยิ่งเพิ่มแรงบีบแน่น Kเจ็บเหมือนกรามจะหัก แรงมันเยอะมากผมที่ว่าแข็งแรงยังต้านแรงมันไม่ได้

“ทำไมวันนี้มึงไม่ไป...” มันถามเสียงเย็นอย่างโกรธจัด

“...” ผมเงียบเอาแต่จ้องหน้ามันกลับอย่างเดียว

“ตอบ!!!!!!!!!” มันตะคอกอย่างเดือดดาลทำเอาผมสะดุ้งอย่างตกใจ ผมไม่เคยรู้สึกว่ามันน่ากลัวเท่าวันนี้มาก่อนเลย

“ไปไหน!! กูไม่รู้เรื่อง!!!”

“อย่ามาตอแหลกูส่งข้อความไปบอกแล้ว มึงจะลองดีใช่มั้ย!!!!!!!”

“แล้วกูจะรู้มั้ยว่าเป็นมึง!”

ปั้ก!!

“โอ้ย..”

“อย่ามาทำเป็นโง่มึงกำลังปั่นประสาทกู” มันเลื่อนไปจับไหล่ทั้งสองข้างก่อนอัดผมเข้ากับรถอีกครั้ง ”ขัดคำสั่งมานั่งแดกเหล้าแล้วยังไปเอากับอีนั่นมึงลืมแล้วหรือไงว่ามึงเป็นของใคร!!!”

“กูไม่ได้เอากับใครแล้วกูก็ไม่ได้เป็นของใครด้วย!!”

“อย่าคิดว่ากูยอมให้เพื่อนมึงกับน้องกูคบกันแล้วทุกอย่างจะจบ เพราะต่อไปนี้มันคือเรื่องของมึงกับกู แล้วถ้ามึงสมองเสื่อมจำไม่ได้ว่าเป็นของกู กูนี่แหละจะทำให้มึงจำไปจนตายเลย!!! ”

ผมเบิกตากว้างเมื่อมันพูดจบก็เอื้อมมือข้างนึงมาล็อคคอผมส่วนมืออีกข้างก็เช็ดปากผมอย่างแรง ไม่สิ! มันทั้งขยำขยี้เลยผมก็ดิ้นตบฟาดไปทั่วหน้าผมพยายามหันหน้าหนีแต่มันก็ล็อคไว้แน่นตั้งหน้าตั้งตาขยี้ปากผมต่อผมแสบปากไปหมดแล้วผมว่ามันแตกเพราะรู้สึกว่าเลือดมันไหล

“อื้อ อื้อ!”

“อย่าดิ้น! แล้วจำไว้ใครไม่มีสิทธิ์แตะมึง ของกูก็คือของกูคนเดียว! แล้วอย่าคิดจะขัดกูอีกมึงโดนหนักกว่านี้แน่!” มันพูดไปมือยังไม่หยุดขยี้ลามไปที่แก้ม ก่อนจะมันจะเปิดประตูแล้วเหวี่ยงผมเข้าไปในรถฝั่งคนขับก่อนมันจะตามเข้ามาแล้วผลักผมไปฝั่งข้างคนขับปิดประตูก่อนจะกระชากรถออกไปอย่างแรง

ผมกำลังจะหันกลับไปด่าแต่ก็ต้องกลับมานั่งเงียบที่เดิมตอนนี้รู้สึกเจ็บไปหมดโดยเฉพาะหลังและหน้า ที่สำคัญหน้าตามันตอนนี้น่ากลัวมากผมขอนั่งสงบๆไม่หาเรื่องเจ็บตัวเพิ่มอีก ผมไม่คิดว่ามันจะโมโหร้ายได้ขนาดนี้ถ้านั่งเงียบเก็บกดแล้วมาระเบิดอารมณ์กับกูขนาดนี้คราวหลังมึงก็ด่ากูตั้งแต่เริ่มเหอะ สัด ตอนนี้ไม่ไหวละล้าไปหมด ไว้กูหายมึงเจอกู

หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 3<<
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 15-07-2018 23:56:40

รักร้าย 3


[Cing]

“กูจะกลับบ้าน”

“ลงมา”

“ไม่!! กูบอกว่าจะกลับบ้านกู!!!!”

ผมไม่พูดอะไรกระชากแขนมันลงมาเลยขี้เกียจเถียงให้เปลืองน้ำลาย ก็รู้นะว่าวันนี้มันเจ็บมากแล้วแต่แม่งก็ดื้อน้อยซะเมื่อไหร่ล่ะ

“โอ๊ย ไอ้เหี้ย” มันตวัดตาโตๆด่าผมปากมันก็ไวตลอด ผมก็ตีหน้านิ่งจัดการล๊อครถก่อนจะลากมันเข้าไปในคอนโดมันทั้งดิ้นทั้งถีบทั้งทุบ เอาเหอะมึงอยากทำอะไรที่คิดว่ามึงทำแล้วสบายใจมึงทำเหอะ ผมผลักมันเข้าไปในลิฟท์กดขึ้นไปชั้น 6 ห้องของผม เมื่อเสียงติ๊งดังขึ้นก่อนจะลากมันออกลิฟท์แล้วก็ลาก ลาก ลากมันมาหน้าห้องไขกุญแจแล้วก็เหวี่ยงมันเข้าไป

วันนี้ผมเหวี่ยงมันกี่รอบแล้ววะ

กริ๊ก

ผมกดล๊อคประตูมองหน้ามันเชิงขู่ว่าอย่าคิดจะไปไหนก่อนจะเดินเงียบๆเข้าห้องน้ำไป

ซ่า

ผมเปิดน้ำล้างหน้าตัวเองให้สดชื่นขึ้น อยากจะสงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยกลัวจะฆ่ามันตายคามือซะก่อน วันนี้ผมโกรธมากรู้สึกหงุดหงิดที่สอบย่อยเนื้อเยื่อเสร็จลงมาแล้วไม่เจอมันถึงคิดไว้แล้วว่ามันจะไม่มาก็เถอะ แล้วมันก็ไม่มาจริงๆพอดีไอ้โจ้โทรมาชวนไปแดกเหล้าเลยตกลงไป เดินเข้าไปในร้านแจ๊คพอตสิครับเจอไอ้เหี้ยแคนคนที่ผมไม่อยากจะยอมรับว่าเป็นแฟนน้องผม(แม่งทำใจไม่ได้) ผมเข้าไปถามหาไอ้ตัวดีทันทีมันอึกอักนิดหน่อยแต่พอเจอผมขู่เรื่องโซ่ไปมันก็ยอมพาผมไป ถึงโต๊ะเท่านั้นแหละแจ๊กพอตแตกเลยครับ แตกจริงๆเส้นประสาทกูขาดผึงเลย รู้ว่าตอนนั้นแม่งโกรธมากๆแทบจะฆ่าคนได้กำลังจะเข้าไปจัดการแต่พวกมันก็ขัดไว้ก่อน ผมก็ได้แต่นั่งนิ่งๆไงไม่อยากให้มีเรื่องนานๆจะว่างได้มากินเหล้ากับพวกไอ้โจ้สักทีแต่ข้างในนี่แทบจะระเบิด แต่พอเพื่อนมันบอกว่าจะกลับเท่านั้นแหละผมเข้าชาร์ตเลย

กูทนมามากแล้วพร้อมจะระเบิดแล้ว!!!

แล้วก็อย่างที่ทุกคนเห็น เจ็บตัวกันไปนี่คือผลของการทำให้กูโกรธ

ผมเป็นคนโมโหร้ายครับและก็หวงของมากๆ ถามว่าผมหึงมันมั้ยตอบเลยว่า ไม่!!! ผมไม่ได้รักมันนี่ แต่ถามว่าหวงมั้ย มาก!!! มันเป็นของผมแล้วเป็นสมบัติของผม อะไรที่ขึ้นชื่อว่าเป็นของผมนั่นคือต้องเป็นของผมคนเดียว!!

“หลับไปแล้วหรอมึง หึ”ผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นมันหลับคาโซฟาไปแล้ว แดกเหล้าไปเท่าไหร่ล่ะมึงยังมาโดนกูเล่นงานอีก ผมเดินเข้าไปใกล้ๆเอาตีนเขี่ยขามันที่ล่วงมาจากโซฟาลองถีบเบาๆเออ หลับจริงวุ้ยเมื่อกี้ยังดีดดิ้นจะกลับบ้านท่าเดียว หึ เด็กน้อยชัดๆมึงเนี่ยทำห้าวไปงั้นแหละ

ผมเดินเข้าไปในห้องหยิบผ้าห่มมาโยนคลุมตัวมันไว้ ปล่อยมันนอนเน่าอยู่ตรงนี้แหละ ปลุกมันขึ้นมาก็ปวดหัวเปล่าๆอารมณ์ผมก็ยังไม่เข้าที่ดีดื้อแพ่งกับผมมากๆเดี๋ยวได้เจ็บตัวเพิ่มอีก

ผมเข้าห้องนอนไปอีกรอบอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวก่อน พอออกมาหันไปมองนาฬิกาก็เที่ยงคืนกว่าแล้วนั่งอ่านหนังสือได้ชั่วโมงกว่าก็เริ่มง่วง ผมเดินออกไปกินน้ำแวะไปดูไอ้ตัวซากบนโซฟาอีกรอบ ตอนนี้ปากมันโคตรเด่นทั้งแดงทั้งบวม มุมปากมีเลือดที่แห้งแล้วเกาะอยู่ กูมือหนักขนาดนี้เลยหรอวะเนี่ยผิดที่มันนั่นแหละ ผมยืนมองมันก่อนจะเหยียดยิ้มออกมาเพราะนึกอะไรดีๆออก

หึหึ

ผมก้มดูดปากมันก่อนจะหยิบมือถือมาถ่ายรูปไว้เอาแบบเห็นชัดๆเน้นๆ ก่อนจะกดโหมดอัดวีดิโอแล้วก้มลงจูบปากมันอีกรอบก่อนลากริมฝีปากไปที่ซอกคอทั้งดูดทั้งขบให้มันขึ้นรอย มันครางอื้ออย่างรำคาญบิดตัวหนีแต่ก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมา

ขี้เซาจังนะมึงนอนสบายไปเถอะมึงพรุ่งนี้เตรียมมาอยู่ในกำมือกูซะดีๆ

ผมล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงนักศึกษาหยิบแอนดรอยด์มันขึ้นมาส่งรูปเข้าเครื่องมันก่อนจะเอาภาพดูดปากผมกับมันขึ้นหน้าจอ แล้วจัดการเมมเบอร์ผมลงไปให้ด้วยมันจะได้ไม่อ้างอีกว่าไม่รู้ว่าเบอร์ใคร สัด กูคงเชื่อมึงหรอก

คราวนี้แหละมันจะได้ไม่กล้าหือกับผมอีก คนอวดดีอย่างมันคงไม่อยากให้ใครมาเห็นภาพอะไรพวกนี้หรอก

ถึงมึงจะถอนตัวก็ไม่ทันแล้วล่ะ หึ


[PAI]

พลั่ก!!

“ไอ้เหี้ย”

ตอนนี้ผมโมโหมาก โมโหถึงขนาดตามล่าหาไอ้ตัวต้นเหตุจนมาเจอมันนอนหลับสบายอยู่บนเตียงในห้องนอนมันผมไม่รอช้าครับเข้าไปถีบมันอย่างแรงจนตกเตียง พุ่งเข้าไปต่อยมันอีกรอบแต่มันรับหมัดผมไว้ทันก่อนจะดึงผมล้มลงแล้วรัดตัวไว้

“มึงมาถีบกูทำไม” มันถามพร้อมเอาขาหนีบตัวผมมันยังมึนๆเพราะเพิ่งตื่น ผมหยุดดิ้นก่อนมองหน้ามันแบบเดือดดาลสุดๆ

“ไอ้สัดแล้วมึงทำอะไรไว้!” ผมตบไปที่หน้ามันไม่เชิงตบหรอกเพราะผมกำมือด้วย ตอนแรกกะต่อยมันรัดตัวไว้ไม่ถนัด มันนิ่งไปสักพักเหมือนนึกแล้วก็เหยียดยิ้มออกมา

“เห็นแล้วหรอ”

“ไอ้เหี้ย มึงลบออกเลยนะมีที่ไหนอีกลบให้หมด!!!” ผมตะคอกแล้วกระชากคอเสื้อมัน ผมเชื่อว่ารูปเหี้ยๆที่มันอยู่บนหน้าจอมือถือผมไม่ได้มีแค่นี้แน่!

“หึ แค่นี้ร้อนแล้วหรอมึง นั่นน่ะเด็กๆดูนี่” มันเอื้อมไปคว้าไอโฟนบนโต๊ะหัวเตียงมันก่อนจะกดเปิดไฟล์วิดีโอ มันจับผมนั่งหันหลังพิงกับอกมันรวบตัวผมไว้ตอนนี้ผมไม่ดิ้นไม่ขัดขืนสักนิดไม่ใช่ว่าผมยอมแต่ผมกำลังอึ้งกับภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอนั่น มะ มันจูบผมไซร้คอและก็ทิ้งรอยไว้ด้วย!!! ระยำเอ๊ย!! ตอนนี้ตัวผมสั่นไปหมดผมคว้าไปที่ไอโฟนแต่มันชักมือหลบ

“อย่าคิดจะทำถ้ามึงคิดว่ามึงลบในมือถือกูได้แล้วจบแสดงว่ามึงรู้จักกูน้อยเกินไป” มันกระซิบเสียงเย้ยข้างหูผม ผมเม้มริมฝีปากกำมือแน่น ชีวิตกูมันเหี้ยโดนผู้ชายแบล็คเมล์ทั้งๆที่กูก็ผู้ชาย!!!

“กูเกลียดมึง!!”

“เรื่องของมึง กูไม่แคร์แค่จะเตือนว่าจะขัดคำสั่งกูก็คิดดีๆแล้วกันไม่งั้นภาพพวกนี้ไม่ได้มีแค่มึงกับกูที่ได้เห็นแน่!”

“อย่านะสัด!”ผมหันหน้าไปตะคอกใส่มัน

“อยู่ที่มึงแล้วล่ะ หึ”


“เฮ้ย! ไอ้ปายไม่กลับหอพร้อมกูหรอวะ”ไอ้คิงถาม มันอยู่หอเดียวกับผมครับ

“ไม่ว่ะ กูมีธุระ”

“เดี๋ยวนี้กลับดึกนะมึงบางคืนก็ไม่กลับไปอยู่ไหนวะ”ไอ้บอลเดินมาตบหัวเบาๆ

“มันจะไปอยู่ไหนโดนหนุ่มคณะแพทย์เอาไปกกมึงไม่รู้หรอ” สัดแปง ปากหมา

“หุบปากไปเลยไอ้แปง เดี๋ยวกูให้ไอ้คิงจัดการ” มันหันมาแลบลิ้นทำหน้างอนใส่ผม น่ารักตายแหละมึงทุเรศ.

“ไหวมั้ยมึง”ไอ้แคนเดินมาตบบ่าถามผมเบาๆ

“สบายมากมึง แล้วเลิกทำหน้าเหมือนตัวเองไปฆ่าคนตายมาสักที เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมึงแล้ว ต่อให้มึงเลิกกับโซ่มันก็ไม่เลิกรังควานกูเพราะฉะนั้นเลิกทำหน้าเป็นส้นตีนได้แล้ว” ผมตบหัวมันไปก่อนจะสะพายกระเป๋าออกจากห้องเรียนมา แท็กมือลาพวกมันก่อนจะควบฟีโน่ไปที่ที่ผมต้องไปทุกวันตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เออ คอนโดเหี้ยนั่นแหละ ตั้งแต่วันนั้นผมก็ต้องโทรปลุกมันทุกเช้าและต้องมาหามันที่ห้องทุกเย็นวันไหนมันเลิกเรียนช้ากว่าผมก็ต้องไปนั่งตบยุงรอมันที่คณะ บัดซบไปละชีวิตกู

ผมจอดรถไว้ใต้คอนโดแม่งมีแต่รถสี่ล้อหรูๆน้องโน่กูดับไปเลย มาช่วงแรกยามมันไม่ให้ผมขึ้นไปจนไอ้ซิ่งต้องมายืนยันว่าผมเป็นเพื่อนมันทำไมวะหน้ากูดูจนขนาดนั้นเลยรึไง มาถึงหน้าห้องผมก็หยุดยืนทำใจแป๊ปสูดหายใจเข้าลึกๆเตรียมรบก่อนจะทุบประตู

มันเสียงดังมีกริ่งแต่กูไม่อยากใช้ ใครจะทำไม สักพักประตูก็เปิดออก

“นี่ไม่ใช่สลัมบ้านมึงนะ ทุบทำเหี้ยไร”

“พอใจ” ผมผลักมันให้พ้นทางขว้างกระเป๋าไปบนโซฟาก่อนจะเดินเข้าไปครัวเปิดตู้เย็นหาน้ำกิน แม่งแดดร้อนฉิบหาย ร้อน!เหนื่อย!

“มานี่ดิ๊!” ผมเดินออกมามันก็เรียกผมไปหามันที่โซฟาหน้าทีวีทันที

“ทำไม”

“อย่าลีลาให้กูโมโหมาเร็วๆ”มันใช้สายตาขู่บังคับว่าถ้าขัดคำสั่งมันจะโดนอะไร ผมเดินกระทืบส้นตีนเข้าไปหามัน

“อื้ม!”

เพี้ยะ

ผมเดินไปถึงมันก็กระชากผมนั่งลงใกล้มันก็จะฉกจูบลงมา ผมก็ตบหัวมันอย่างเหมือนเป็นปฏิกิริยาตอบโต้อัตโนมัติ นี่เป็นอีกเรื่องที่ผมโคตรเกลียด ทุกครั้งที่ผมมาถึงห้องมันผมจะต้องโดนลากไปจูบทุกครั้ง ช่วงแรกผมไม่ยอมสู้สุดชีวิตแต่สุดท้ายก็สู้ไม่ได้เจ็บตัวอีก มันแรงควายมาก แถมถ้าผมขัดขืนมากๆมันจะทิ้งรอยไว้บนคอในตำแหน่งที่โคตรจะเด่นผมถึงขั้นหยุดเรียนเพื่อไม่ให้ใครเห็นรอยบ้าๆนี่โดยเฉพาะไอ้พวกปากแมวเพื่อนผมมันต้องโห่แซวไปอีกสามชาติ

สรุปว่าผมต้องจำใจมาอยู่กับมันทุกเย็นและโดนมันจูบทุกครั้งโดยขอเอาตบมันคืนบ้าง ไม่งั้นผมต้องอกแตกตายแน่ที่โดนมันกระทำอยู่ฝ่ายเดียว

“มึงนี่ยิ่งจูบยิ่งหวานนะ”มันพูดชิดปากผม หวานห่าอะไรกูเพิ่งแดกส้มตำมา!

“สัด อื้อ!” มันจูบลงมาอีกคราวนี้สอดลิ้นเข้ามาด้วย เหี้ยเอ๊ย! อยากจะกัดลิ้นมึงให้ขาดจริงๆ ในเมื่อผมสู้ไม่ได้ผมก็จะอยู่เฉยๆไม่ตอบสนองอะไรทั้งสิ้นผมหลับตาลงไม่อยากเห็นหน้ามัน มันต้อนลิ้นเข้ามากวาดไปทั่วกดเน้นสลับดูดลิ้นผมเป็นอย่างนี้ไปประมาณสิบนาทีมันก็ถอนปากออก ส่วนผมหอบแดกไปแล้ว

“วันนี้วันเกิดไอ้โจ้มันจัดงานที่บ้านเดี๋ยวกูไปส่งมึงให้ไปแต่งตัวที่หอแล้วไปพร้อมกัน” มันบอก

“กูไม่ไป” ผมตอบทันที เพื่อนมึงเกี่ยวไรกับกู

“นี่คือประโยคคำสั่งไม่ใช่คำถาม ชัดนะ เพื่อนมึงก็ไป”

“มึงรู้ได้ไง”ผมหันไปถาม พวกมันไม่เห็นบอกอะไรเลย
“กูโทรบอกมันเมื่อกี้ก่อนมึงมา ตามนี้”

“งั้นเดี๋ยวกูไปเอง ขากลับกูจะได้กลับหอเลยไม่ต้องแวะกลับมาเอารถอีก”ผมบอกมัน ดูแล้วยังไงกูก็ต้องไป ไปเองดีกว่า

“เดี๋ยวคืนนี้มึงนอนกับกู”

“ไม่เอา พรุ่งนี้กูมีเรียน”

“กูมีเรียนเก้าโมงเหมือนมึงแหละ เดี๋ยวกูไปส่งเอารถมึงจอดไว้นี่แหละ ตอนไปส่งแต่งตัวเอาชุดนักศึกษามาไว้ที่รถกูด้วย หุบปากตกลงตามนี้ ” มันชี้หน้าสั่งแล้วหอมแก้มผมก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำ ผมเอาหลังมือเช็ดปากเช็ดแก้มอย่างขัดใจ เมื่อไหร่มันจะออกไปจากชีวิตกูสักทีวะ กูเบื่อ กูเซ็ง ทุกวันนี้ถ้ามันเอาผมหนีบใต้รักแร้มันไว้ได้มันคงทำมันปริ๊นตารางเรียนผมไว้ หายไปนี่ไม่ได้เลยครับอยู่กับมันนี่ก็ใช่ว่าจะได้ทำอะไร กูอุตส่าห์จินตนาการไปว่าจะต้องโดนมันใช้ยังกะทาสหาทางแกล้งกูสารพัดเหมือนละครหลังข่าว แต่ไม่เลยครับมันแค่ให้ผมมาอยู่ด้วยเฉยๆมานั่งทำงานทำการบ้าน ถึงเวลาก็มีข้าวให้กินมีขนมพร้อมเสร็จสรรพ พาไปเดินห้างซื้อของบ้าง ถ้าไม่นับเรื่องชอบขู่ชอบบังคับนี่กูเทวดาเลยนะ แต่สำหรับผมอะไรที่เกี่ยวกับมันก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ

พอผมถามมันก็บอกว่า ‘ทำไมต้องใช้มึงแม่บ้านกูก็มีแค่ให้มึงมาอยู่กับกูทุกวันแค่นี้ก็ทรมานมึงแล้ว ถ้าใช้มึงทำนู่นนี่มึงก็เหนื่อยไม่มีเวลามาคิดอะไรอ่ะดิ อย่างนี้แหละไม่ทรมานกายแต่ทรมานใจ สะใจกู’

กวนตีนมั้ยล่ะ
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 4<<
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 16-07-2018 00:00:16

รักร้าย4


“หยิบกล่องของขวัญหลังรถไปด้วย”

ไอ้ซิ่งมันหันมาสั่งผม ผมทำท่าฮึดฮัดก่อนจะเอื้อมไปหยิบกล่องที่มันว่า ตอนนี้ผมกับมันมาถึงบ้านพี่โจ้แล้ว เสียงเพลงดังลั่นเสียดหูกูเลยขนาดยังไม่เข้าไปในงานนะพอดีไอ้ซิ่งมันจอดรถเลยหน้าบ้านพี่โจ้ไปหน่อย มันบอกไม่อยากขับเข้าไปในบ้านไม่อยากเด่น มันก็คงไม่เด่นหรอกมั้ง Alfa Romeo 4C Concept สีทูโทนดำ-ส้ม ถุย ไม่อยากทำตัวเด่นมึงซื้อมาทำไม

“ห้ามหนีกลับก่อนนะมึง” มันชี้หน้าขู่เดินอ้อมรถเดินนำผมเข้าไปในบ้านพี่โจ้ ผมเบะปากใส่

“เฮ้ย”ผมตะโกนมันหันหลังกลับมาผมโยนกล่องของขวัญใส่มันทันที มันตาลีตาเหลือกคว้าไว้เกือบไม่ทัน

“มึงนี่มัน...” ผมยักคิ้วกวนตีนก่อนเดินผ่านหน้ามันไป แต่ผ่านไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกมันดึงคือเสื้อกลับมากำลังจะหันไปด่าก็โดนมันกัดปากให้ซะก่อน

“เหี้ย กูเจ็บ!” ผมกำมือตบไปที่หน้ามันที มองซ้ายมองขวาว่ามีใครมาเห็นหรือเปล่า

“ก็มึงมันแสบ หมั่นเขี้ยว” มันยีหัวผม สัดผมกูเสียทรงหมดก่อนจะเดินแยกไปทางสระว่ายน้ำที่มีคนอยู่เยอะมากคงเป็นทั้งเพื่อนเก่าสมัยมัธยมและก็เพื่อนที่มหา’ลัย เห็นว่าเป็นปาร์ตี้สระว่ายน้ำ แล้วกูจะไปไหนดีพวกไอ้คิงมันอยู่ไหนวะ

“มึงอยู่ไหน” ผมโทรหาไอ้คิง

“กูอยู่ในบ้านพี่โจ้เข้ามึงมาถึงแล้วใช่มั้ยมาเลยๆ” เสียงโหวกเหวกที่ดังเข้ามาในสายรู้เลยว่าแม่งกำลังกึ่มกันแน่ๆ ครวยแดกไม่รอกู

“เออกูไป” ผมวางสายก่อนเดินเลี่ยงไปอีกฝั่งของสระว่ายน้ำก็มันบอกอยู่ในบ้านก็ต้องเข้าประตูหน้าบ้านดิ แต่เออมันไปทำไรในบ้านวะงานจัดที่สระว่ายน้ำนี่ โอ๊ย ไปก็รู้เองแหละกูเนี่ย

“ไอ้ปายทางนี๊” ไอ้แปงมันโบกรักแร้เย้วๆพวกมันที่นั่งล้อมวงกันอยู่ตรงโต๊ะเตี้ยที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องรับแขกหันมามอง สังเกตดูแล้วมีแต่พวกผมนี่หว่า

“ช้านะมึง” ไอ้คิงตบหัวผมตอนผมลงนั่งข้างมัน เหี้ยทำไมวันนี้มีแต่คนยุ่งกับหัวกูวะ

“ดีกว่าไม่มามั้ยล่ะ แล้วพวกมึงมาทำไรกันในบ้านงานจัดข้างนอกไม่ใช่หรอวะ” ผมถามพร้อมหันไปรับแก้วเหล้าจากไอ้วิน

“คนแม่งเยอะกูเลยขอพี่โจ้หอบเหล้าเข้ามาแดกข้างในกะว่ารอคนซากูก็จะยกทัพกันออกไปแล้วก็จะถูกพวกเราครอบครองแต่เพียงผู้เดียว ฮ่าๆๆๆ” ไอ้แปงมันทำท่ากางแขนทั้งสองข้างออกเหมือนจะได้ครอบครองโลก

“ปัญญาอ่อน” พวกผมด่าแถมยังรมตบหัวมัน บ้าได้ตลอดแหละไอ้เหี้ยนี่อ่ะ

“พวกมึงแกล้งกู พี่แคนขาดูพวกมันสิรุมรังแกนน้องโซ่พี่แคนต้องจัดการให้เค้านะ” กร๊ากกกก มันเข้าไปกอดแขนเอาหัวถูกับไหล่ไอ้แคน ไม่ได้น่ารักเลยมึง

“สัด”

“ฮ่าๆๆ”

“มึงอย่าไปฟังไอ้แปงมัน พวกกูกะว่าจะออกไปตอนเค้าเป่าเค้กกัน” เค้กหรอ อื้มม

“พูดถึงเค้กไม่ได้เลยนะสัดตาเยิ้มเชียว” ไอ้วินมึงรู้ดีไปแล้ว

“พี่ซิ่งอ่ะ” ไอ้แคนหันมาถามผม

“กูจะรู้มั้ย”

“อ้าว มาด้วยกันไม่ใช่หรอ”

“มาด้วยกันแต่เจี๊ยวไม่ได้ติดกันนี่ถึงจะรู้ว่ามันไปไหน” ผมว่าเซ็งๆ

“อ้าวหรอ กูนึกว่าติดกันแล้วซะอีก” ไอ้คิงยิ้มกรุ่มกริ่ม ผมปาหมอนใส่หน้ามัน

“ ติดกันพ่อมึงสิ”

“ฮ่าๆ กูล้อเล่นทำไมต้องหน้าแดงด้วยวะ เขินหรอ”

“เขินเชี่ยไร หุบปากเลยมึง” หน้ากูแดงหรอวะ แก้มกูอมชมพูอยู่แล้วมั้งสัด แต่ก่อนที่ผมจะโดนต้อนไปมากกว่านี้เสียงไอ้ซาวน์ก็ช่วยชีวิตไว้ทัน

“เฮ้ยๆเล่นไพ่กัน” ไอ้ซาวน์ที่มุดรื้อของในตู้ข้างโต๊ะที่ตั้งชุดโฮมเทียเตอร์เงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้างให้กับของที่อยู่ในมือมัน เออกูกำลังคันมือ พวกผมมองหน้าเป็นอันรู้กันช่วยกันกวาดซากบนโต๊ะลงไปให้หมดก่อนไอ้บอลที่ไปเอาผ้าจากไหนมาไม่รู้ปูทับ เอาล่ะเว้ยเฮ้ย ตอนนี้งานวันเกิดใครกูไม่รู้บ้านใครกูไม่สนตอนนี้พวกกูขอสุมหัวกันบริหารมือก่อน เล่นกันไปแรกๆมันก็ดีครับเล่นไปแดกเหล้าไปสุขหรรษาแต่เล่นกันไปได้สักพักนี่สิ

“สัดแคนแอบดูไพ่กู” ไอ้คิงถีบไอ้แคนที่กำลังชะเง้อไปดูไพ่มันตอนมันกำลังกระดกเหล้า

“ไอ้บอลมึงแอบเปลี่ยนไพ่หรอ”ไอ้ซาวน์ชี้หน้าไอ้แบงค์ มันรีบทิ้งไพ่ยกมือขึ้นสองข้างส่วยหัวรัว

“กูเปล่า”

อย่างนี้แหละครับไม่โกงก็ไม่ใช่พวกมัน จัญไรกันจริงๆ

“ไอ้ปาย เงินกู!”

“อ้าวหรอ นึกว่าของกู”

“มั่วสัด” ไอ้แปงมันรีบเก็บเงินใส่กระเป๋าเสื้อมันทันทีมองผมตาเขียวซะ หวงหรอ งกกับกูหรอ ผมจับหัวมันเข้าใต้วงแขนล๊อคคอแม่งเลยอย่างนี้ต้องขันชะเนาะ
“ไอ้ปายไอ้เหี้ยปล่อยกู อ๊ากกกกก

“ทำไรกันพวกมึง” ผมหยุดแรงหันไปมองคนที่เดินเข้ามาใหม่ไอ้แปงรีบมุดออกจากแขนผมทันทีมันหันมาทำแก้มพองตาเขียวใส่ผม ตุ๊ดมากมึง

“เล่นไพ่ด้วยกันมั้ยพี่โจ้ พี่ซิ่ง” เข้ามาทำไมวะอยู่ข้างนอกก็ดีอยู่แล้ว แต่จะดีกว่าถ้ามึงกระโดดน้ำตายไปเลย

“เล่นไพ่ไรกันวะกูได้ยินเสียงโวยวายไปข้างนอก” พี่โจ้ตบหัวไอ้แปงเบาๆออกแนวแหย่เล่นมากกว่าก็ไอ้แปงมันเสนอหน้าเข้าไปกอดแขนอ้อนพี่มัน ไอ้นี่ชอบทำตัวงุ้งงิ้งๆใครก็เอ็นดู

“ไอ้ปายดิแกล้งเค้า” มันทำตาปริบๆใส่ไอ้พี่โจ้กูหมั่นไส้โว้ยยยย

“ก็มึงงก”

“เหมือนมึงแหละควาย”

“เอ้าๆงานวันเกิดพี่มาทะเลาะกันซะนี่ ปายยังไม่ได้อวยพรพี่เลยนะ”เอ้า หันมาเล่นงานกูซะงั้นแต่จะว่าไปตั้งแต่มากูยังไม่ได้ไปเจอเจ้าของงานเลยเหมือนมาแดกของฟรีเค้าอย่างเดียว

“สุขสันต์วันเกิดพี่มีความสุขมากๆ”

“เออ ขอบใจ กูจะเข้ามาบอกว่าจะเป่าเค้กแล้วออกไปกันได้แล้วมึง” พี่มันพยักหน้ารับคำผมก่อนบอก จะเที่ยงคืนแล้วหรอวะ
“อ้าว แล้วอีกคนมาทำไมอ่ะพี่” ไอ้เคนเหล่ตาไปที่ไอ้คนที่ยืนข้างพี่โจ้อย่างเจ้าเล่ห์ คนอื่นนี่ยิ้มกรุ่มกริ่มตามกัน เมื่อก่อนกัดกันแทบตายมึงไปญาติดีกันตอนไหน แล้วทำไมกูต้องร้อนตัวด้วยวะไม่เกี่ยวอะไรกับกูซะหน่อย

“มึงก็ไม่น่าถาม รู้ๆกันอยู่” รู้อะไร กูไม่รู้แล้วก็ไม่ต้องมามองกูด้วย กูไม่เกี่ยว

“ละ ละ แล่วววววว ร้อนหรอมึงหน้าแดงเชียว” ไอ้คิงไอ้สัดจิ้มแก้มกูหาพ่อมึงหรอ

“เอ๊ะ หรือเขิน”

“ฮิ้ววววววววว”

“ไอ้เหี้ยกูไม่ได้เขิน!” ผมไล่เตะพวกมันพวกมันก็โห่แซวใหญ่พากันวิ่งหนีออกไปข้างนอกหมด ผมหยุดหอบมองหน้าไอ้คนที่ทำให้เป็นประเด็นอย่างโกรธ เพราะมึงกูถึงโดนพวกมันล้อหน้าอายฉิบหายโดนล้อเรื่องผู้ชาย

“หึหึ ไปได้แล้วมึง” มันยิ้มเดินเข้ามาผลักหันผมเบาๆก่อนกอดคอผมออกไปในงาน ผมพยายามดึงแขนออกคราวนี้มันรัดแน่นเลยครับหน้าผมนี่แทบจะซุกไปในซอกคอมัน

“เขินอะไรนักหนาวะพวกมันแค่แซวเล่น”

“กูไม่ได้เขิน” ผมตอบหน้าหงิก

“โอเคไม่เขินก็ไม่เขินไปได้แล้วคนอื่นเค้ารออยู่”

“ปล่อยกูก่อนดิ อื้อออ” มันไม่สนใจลากคอผมไปเลยครับคราวนี้ อ๊ากกกก กูหายใจไม่ออกกกกกก


~ Happy birthday to you ~ Happy birthday to you  Happy birthday Happy birthday Happy birthday to you  ~ ~
“ฟู่ววว”

แปะ แปะ

ไฟบริเวณสระว่ายน้ำสว่างขึ้นอีกครั้งทันทีที่แสงเทียนดับลงพร้อมเสียงปรบมือยินดีกับเจ้าของวันเกิดที่อายุเพิ่มอีกปี แก่ขึ้นนี่มันน่ายินดีหรอวะ  ผู้หญิงตัวเล็กน่าตาน่ารักเห็นว่าเป็นน้องสาวพี่โจ้ยิ้มกว้างเข้าไปกอดพี่ชาย อื้อหือออ กูอยากเป็นพี่ชายน้องขึ้นมาทันทีผู้หญิงอะไรน่ากอดน่าฟัดฉิบหาย

“มีความสุขมากๆนะคะพี่โจ้”

“ครับ” พี่โจ้ลูบหัวน้องมันเบาๆอย่างเอ็นดู ก่อนที่คนในงานจะเข้าไปรุมอวยพรพี่มันกันใหญ่ก็เพื่อนๆกันนั่นแหละครับ พี่มันหัวเราะรับคำอย่างมีความสุข เออเนอะ พวกมึงจะอวยพรกันเสร็จหรือยังถ้ายังไม่เสร็จนี่เอาไปทบไว้ปีหน้าได้ป่ะ กูอยากกินเค้กลอยยั่วอยู่ตรงหน้ากูเนี่ย

“มองตาเยิ้มเลยนะมึง” ผมตวัดไปมองไอ้คิงอย่างเคืองๆรู้ดีนะมึง กลุ่มเพื่อนผมมันรู้ดีครับว่าผมชอบกินเค้กมากถึงมากที่สุดจะเป็นแบบไหนรสชาติไหนผมฟาดเรียบ

“ชอบหรอมึง” ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครที่ยืนอยู่ด้านซ้ายผมถามขึ้น

“เรื่องของกู”

“ก็เห็นมองซะตาเป็นมัน”

“กูเปล่าเหอะ”


“พี่ซิ่งคะเค้กค่ะ”

“ขอบคุณครับน้องแจง”

ไรอ่ะ! กูจ้องของกูมาตั้งนานทำไมมันได้ก่อนอ่ะ น้องไอ้พี่โจ้มันโคตรลำเอียงยืนหัวโด่เป็นสิบเอามาให้มันแค่คนเดียว เชอรี่ลูกนี้กูเล็งไว้นะแย่งกูไปได้ไง

“อ่ะ” มันยื่นเค้กในจานมาให้ผม ผมยิ้มออกมากำลังจะหยิบจานแต่นึกขึ้นมาได้เลยกลับมาเก๊กหน้านิ่ง ถ้ากูรับกูก็ยอมมันดิ (ทำอย่างกับทุกวันนี้ไม่ยอม)

“ไม่เอา กูไม่ชอบกินเค้ก”

“หรา” ไอ้พวกเวรมึงจะส่งเสียงกันทำไม

“หึ น้องแจงพี่ขอให้รุ่นน้องพี่ด้วยได้มั้ยครับ” พูดเพราะเชียวนะมึงแล้วกูเป็นรุ่นน้องมึงตอนไหนกูไม่นับมึงเป็นพี่โว้ย

“ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวแจงไปหยิบให้นะคะ”

“เอ่อ ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวพวกพี่ไปเอากันเอง ป่ะพวกมึง” พวกผมเดินไปตรงโต๊ะที่มีจานเค้กที่แม่บ้านกำลังจัดแจงอยู่ปล่อยให้ไอ้ซิ่งกับน้องจุ๊บแจงยืนยิ้มตาหวานใส่กัน เออ ไม่ต้องแดกเองแล้วเค้กให้มดแดกเหอะ

“ป้าครับ ผมขอสามชิ้นนะครับ” ป้าแม่บ้านที่ก้มหน้าก้มตาตัดเค้กใส่จานเงยหน้ามายิ้มให้ผมก่อนจะหันไปหยิบจานใบใหญ่

“เอาชิ้นนี้ครับ” ผมชี้ไปที่ชิ้นที่มีลูกเชอรี่ลูกใหญ่ ป้าแกยิ้มขำผมนิดหน่อยแต่ ณ วินาทีด้านครับความอยากมีมากกว่าความอาย

“มึงขอป้าเค้าห่อใส่กล่องกลับบ้านเลยมั้ยสัด”

“ได้หรอมึง” ผมถามกลับไอ้บอลนี่ผลักหัวผมทิ่มเลย สัด ถ้าเค้กกูหล่นนะมึงโดน

ระหว่างรอพวกมันหยิบจานเค้กผมก็จิ้มเค้กกินไป โอ๊ย สุขโคตรอ่ะ ชีวิตกูสุขกว่านี้ไม่มีอีกแล้วอย่างนี้ต้องหลับตารับรสความหอมนุ่มให้ไปถึงโคนลิ้น แต่พอลืมตามาเท่านั้นแหละ กูเลี่ยนขึ้นมาทันทีเลยไม่ได้เลี่ยนเค้กหรอกนะเค้กกูอร่อยเหมือนเดิมแต่จะอ้วกก็เพราะไอ้ภาพตรงหน้านี่แหละ

“อร่อยมั้ยคะพี่ซิ่ง”

“อร่อยครับ ไอ้โจ้บอกว่าแจงทำเองหรอครับ”

“ค่ะ แจงทำแบบไม่ค่อยหวานเพราะรู้ว่าพี่ซิ่งไม่ชอบหวานค่ะ ”

“อ้าว วันเกิดไอ้โจ้แต่ทำไมมาเอาใจพี่ซะล่ะ”

“ก็แจง...อุ้ย แก้มพี่เลอะเค้ก..”

“ไหนครับ”

“ไม่ใช่ตรงนั้นค่ะ ดะ เดี๋ยวแจงเช็ดให้นะคะ”

“ขอบคุณครับ ^^”

แหวะ กูเลี่ยนจะอ้วก
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite)
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 16-07-2018 00:02:47
เย่ๆๆๆๆคิดถึงซิ่งปายมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite)
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 16-07-2018 00:04:18
รักร้าย5

กริ้ก

ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออกโดยฝีมือของไอ้ตัวใหญ่ใจยักษ์ผมก็เดินลิ่วเข้ามาในห้องนอนทิ้งตัวลงบนเตียงทันที กูไม่ไหวแล้วกูอยากนอนมากมายตอนนี้ กว่าจะออกจากบ้านพี่โจ้ก็ตีหนึ่งกว่าจะถึงคอนโดไอ้ซิ่งก็เกือบตีสองพรุ่งนี้กูมีเรียนเช้าอีก ไม่ไหวกูขอลาตาย

“ปายลุกไปอาบน้ำ”

“…”

“ไอ้ปาย”

“ไม่อาบกูจะนอน”

“เหม็นเหล้า กูไม่นอนกับคนไม่อาบน้ำหรอกนะ” มันยืนอยู่ข้างเตียงใช้เท้าถีบเอวผม
 
“โว๊ะ ทำอย่างกับกูอยากนอนกับมึงนักนิ” ผมลุกขึ้นมองมันตาขวางก่อนลงจากเตียง เออ กูไปนอนโซฟาก็ได้วะ

“มึงอย่ามาดื้อกับกูนะ” มันรั้งแขนผมไว้จับผมหันมาจ้องหน้านิ่งให้รู้ว่ามันเอาจริง

“อะไรของมึงห๊ะ ก็มึงเหม็นกูไม่ใช่หรอกูก็จะไปนอนโซฟาไง มึงจะได้นอนอย่างสบายรูจมูก”

“กูบอกหรอว่าให้มึงไปนอนโซฟา” มันขึ้นเสียง

“ก็มึงบอกว่าเหม็น!”

“กูแค่อยากให้มึงไปอาบน้ำ!”

“แต่กูขี้เกียจ!” ผมสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของมันหันหลังเตรียมเดินออกไปแต่ก็ถูกมันลากไปทางห้องน้ำก่อนที่มันจะพูดประโยคที่ทำให้ผมตาสว่างหายง่วงรั้งขอบประตูห้องน้ำไว้แทบไม่ทัน

 “ขี้เกียจนักก็มาอาบพร้อมกูเดี๋ยวกูจะอาบให้!” ไอ้เหี้ยกูไม่ใช่เด็กนะไม่ต้องมาอาบให้กู “เอามือออกจากประตู” มันหันมาสั่งแต่ผมยิ่งล๊อคแน่นกว่าเดิมส่ายหน้าหวือ

“ไม่ โอเคกูจะอาบน้ำ อาบเองเพราะฉะนั้นมึงนั่นแหละปล่อยกู”ผมบอกมันแต่ดูเหมือนมันจะไม่ฟัง

“ไม่ทันแล้วล่ะมึง กูให้โอกาสมึงแล้ว” มันจัดการกระชากผมอย่างแรงจนตัวผมหลุดออกจากบานประตูพุ่งเข้าไปหามันที่ยืนอยู่ในห้องน้ำก่อนมันจะจัดการลงกลอนหันมาไล่ปล้ำถอดเสื้อผ้าให้ผม

“ไอ้เหี้ยปล่อยกูนะ อย่าถอดนะไอ้สัด” ผมดิ้นถีบมันมั่วไปหมดเมื่อมันถอดเสื้อกับกางเกงผมออกได้แล้วและกำลังจะถอดบ็อกเซอร์ผม แต่มันไม่ฟังผมเลยพอผมดิ้นแรงเข้ามันก็จับหน้าและลำตัวท่อนบนของผมกดลงกับอ่างล้างหน้ามือมันก็รูดบ็อกเซอร์กับกางเกงในผมออกสำเร็จ

“ไอ้เหี้ย!” ผมด่ามันก่อนจะวิ่งไปหลังม่านที่กั้นโซนห้องอาบน้ำเอาไว้ถึงมันจะปิดไม่มิดเพราะมันเป็นม่านพลาสติกสีใสขุ่นๆแต่ก็ยังดีกว่ายืนล่อนจ้อนต่อหน้ามัน ผมได้ยินเสียงมันหัวเราะหึในลำคอก่อนจะเห็นมันถอดเสื้อผ้าตัวเองผ่านม่าน ผมรีบหันหลังให้กับภาพอุจาด แม่ง ผมก็ไม่ได้เหนียมอายเป็นผู้หญิงอะไรหรอกนะ ผมก็แก้ผ้าอาบน้ำกับพวกไอ้คิวออกจะบ่อยแต่มันใช่เรื่องป่ะที่มาแก้ผ้าอาบน้ำกับคนที่จ้องแต่จะลากกูไปจูบเนี่ย

“อาบน้ำมึงหรือจะต้องให้กูอาบให้จริงๆ”

เฮือก มึงเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

“เออ เดี๋ยวกูอาบ อะ เอง” คำหลังนี่เกือบเค้นพูดไม่ออกเลยครับ ก็หันไปหามันแต่เสือกเจอควายเปลือยไง แม่งใจเย็นๆดิกูจะตื่นเต้นทำไมก็ผู้ชายเหมือนกัน เหมือนกับตอนอาบน้ำกับพวกไอ้คิวไอ้ป๊อดไง

“มองอะไรสัด” ผมถาม แม่งจ้องอะไรกูนักหนาจ้องแล้วก็ยิ้มแปลกๆขนลุกสัด

“มึงนี่ผอมกว่าที่กูคิดไว้อีกนะ ขาวมากด้วย”

“มึงก็ดำเหมือนที่กูคิดไว้เลย” ผมย้อนก่อนจะถีบมันให้หันหลังไป ส่วนผมก็หันหลังให้มันหยิบฝักบัวเปิดน้ำมาราดตัวก่อนจะส่งให้มันต่างคนต่างอาบน้ำกันไปเงียบๆ รีบอาบดีกว่ากูรู้สึกเสียวหลังยังไงไม่รู้

“ไอ้ปายถูหลังให้กูหน่อย” เสียงมันดังขึ้นขณะที่ผมกำลังเอาแชมพูขยี้หัวอยู่

“ถูเองดิสัด” มาให้กูถูทำไมทุกวันมึงก็อาบเองหรือว่าทุกทีที่มึงอาบน้ำเอาหลังถูเสา

“เร็วๆกูสั่ง” ไหนบอกจะไม่ใช้อะไรกูไงเหี้ย

“เออๆส่งฟองน้ำมาดิ” มันส่งมาให้ตามที่ผมบอก ผมหันหลังกลับไปแม่งหลังกว้างฉิบหายสีแทนดูเป็นผู้ชายชอบออกกำลังกายไม่ดำเหมือนที่ผมด่าตรงท่อนแขนมีมัดกล้ามนิดๆแลดูแข็งแรงถึงว่าทำไมผู้หญิงถึงกรี๊ดมันนัก แล้วนี่กูบ้าไปแล้วหรือไงมายืนชมผู้ชายด้วยกันเองเนี่ย

“โอ๊ย เบาๆดิมึงจะเอาให้เอาหนังถลอกออกมาเลยรึไง”มันท้วงเมื่อผมถูหลังมันอย่างแรง

“อ้าว กูเห็นดำๆนึกว่าขี้ไคลจะเอาออกให้”

“กวนตีน” มันด่าพร้อมเอาฝักบัวที่เปิดน้ำไว้ยกขึ้นสูงราดมาบนหัวผมทั้งๆที่มันหันหลังให้ผมนั่นแหละ เหี้ยเล่นไรวะ

“สัดน้ำเข้าตากู แสบ!” ผมปาฟองน้ำใส่หัวมันพลางหลับตาปี๋ ก็แค่น้ำมันไม่เท่าไหร่หรอกแต่นี่หัวผมยังไม่ได้ล้างแชมพูออกเลยพอมันโดนน้ำก็ไหลเอาตากูอ่ะดิ

“ฮ่าๆอยากแกล้งกูก่อน เอ้าๆ” มันส่งฝักบัวยัดใส่มือผมรีบเอามาล้างหน้าล้างตาทันที แม่ง แสบเว้ยตากูจะบอดมั้ยเนี่ย เล่นเหี้ยได้ใจกูจริงๆพอมันเริ่มเบาแสบแล้วผมเลยล้างฟองบนหัวออกเลยพอเสร็จก็ขว้างฝักบัวใส่มัน

โดนเต็มๆกบาลเลยครับ

สม อยากแกล้งกู

“อย่าเอามือขยี้ตา” มันปัดมือผมออก ตอนนี้มันหันหน้ามาแล้วครับ

“ก็กูเคืองตา” ผมยกมือจะไปขยี้ตาอีก มันก็ปัดออกอีก ไม่ยุ่งกับกูสักเรื่องจะตายมั้ย

“มานี่กูจัดการให้” มันบอกพร้อมลากผมไปที่อ่างล้างหน้า เอาน้ำใส่กะละมังก่อนจะให้ผมลืมตาในน้ำ ผมทำตามอย่างว่าง่ายก็มันยังเคืองตาอยู่นี่หว่า พอเงยหน้าขึ้นมาลูบน้ำออกจากหน้าก็เห็นมันยืนมองผมผ่านกระจกอยู่ข้างหลัง (ที่อ่างล้างหน้ามีกระจกอยู่ครับ) เหมือนมันไปล้างตัวมาแล้ว สายตาที่มองมาทำให้ผมตะหนักได้ว่าควรออกไปได้แล้ว มายืนแก้ผ้าใส่กันอยู่ได้

“กูเสร็จแล้วผ้าเช็ดตัวยะ...อ่ะ” ผมร้องอย่างตกใจ ผมยังพูดไม่จบมันก็จับผมพลิกตัวกลับมาพร้อมกดจูบลงมา ผมรีบยกมือยันอกมันไว้อย่างอัตโนมัติ อันตรายเกินไป สภาพนี้มันอันตรายเกินไปแล้ว

ผมผลักมันออกสลับทุบที่หน้าอกมัน มันถอนจูบออกพลางจ้องหน้าผมก่อนถาม “หายแสบตาแล้วใช่มั้ย”

ผมพยักหน้ารัวๆวินาทีนี้ไม่กวนตีนอะไรทั้งสิ้นหวังให้มันปล่อยผมเร็วๆ

“อืมดี” มันพูดแค่นั้นแล้วจูบลงมาอีกคราวนี้มันพยายามแทรกลิ้นเข้ามาด้วยผมเม้มปากไว้แน่นไม่ให้มันลุกล้ำเข้ามาได้พลางทุบหลังมันอย่างแรงแต่ก็อยากที่ทุกคนรู้มันไม่สะเทือนหรอกครับ ถึกอย่างกับควาย

มันบีบก้นผมอย่างแรงจนสะดุ้งแล้วอาศัยจังหวะจ้วงลิ้นเข้ามากวาดต้อนไปทั่วโพลงปาก ผมล่นลิ้นหนีไม่ใช่ว่าผมไม่ประสาเรื่องแบบนี้ ผมไม่ใช่คนอ่อนประสบการณ์ขนาดนั้น แต่ทุกครั้งที่ผ่านมามันเกิดกับผู้หญิงและผมเป็นฝ่ายคุมเกม

“อื้อ ปะปล่อยกู...สะ สัด” ผมร้องท้วงเมื่อมือมันเริ่มลูบไปตามร่างกายผมพร้อมรสจูบที่เริ่มรุนแรงเร่าร้อนขึ้นจนผมจะควบคุมสติตัวเองไม่ได้แล้ว ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องรู้สึกดีกับสัมผัสที่มันมอบให้

ทั้งๆที่สมองสั่งห้ามแต่ร่างกายไม่ฟังเลย

ผมถูกมันยกตัวขึ้นมาบนแท่นหินอ่อนตรงอ่างล้างหน้า ถูกจับขาอ้าออกก่อนมันจะแทรกตัวเข้ามาอยู่ตรงกลางทุกการกระทำมันยังเฝ้าย้ำจูบผมไม่ปล่อย

ตอนนี้สมองผมคิดอะไรไม่ออกแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจูบตอบละเลงลิ้นกับมันไปตอนไหน เอาขาไปโอบเอวมันไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถูกมันอุ้มมาที่เตียงถูกคร่อมทับตอนไหน รู้แค่ว่าทุกสิ่งที่เคยห้ามเคยต่อต้านมันพังลงหมดแล้ว มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีบางอย่างลุกล้ำเข้ามาทางรูด้านหลัง

“อื้ออ เจ็บ” ผมถดตัวหนีไปหัวเตียง แต่ก็ถูกมันจับขาไว้

“ครั้งแรกก็งี้แหละ ทนหน่อยมึง” พ่องมึงสิ ลองมาเป็นกูมั้ยสัด

“หยุดเหอะมึง”

“เสียใจ มึงยั่วกูขนาดนี้” มันบอกหน้าหื่นก่อนกระชากขาผมลงมาอยู่ที่เดิม

“กูไปยั่วมึงตอนไหน” ผมเถียงพลางพยายามหุบขาที่มันกำลังจับอ้าออก

“ทุกตอนแหละมึง อยู่เฉยๆ”

“สัด อื้อออ” มันก้มลงมากัดปากผมให้หยุดพูดก่อนจะดันนิ้วเข้ามาทางช่องด้านหลังชักเข้าออกมืออีกข้างก็จับน้องชายผมรูดขึ้นลงจนมันกระดกหัวขึ้นมาชี้หน้าไอ้คนทำ

“น้องมึงตื่นแล้ว” มันยิ้มล้อเลียนให้ผมถีบมันไปทีอย่างหมั่นไส้ แต่ก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกเสียดทางรูด้านหลัง สัดจะเพิ่มนิ้วก็บอกกูบ้าง!

มันควานนิ้วก่อนจะกดลงที่จุดหนึ่งที่ทำเอาผมกระตุกร้องเสียงหลง มันเหยียดยิ้มพอใจก่อนจะกดย้ำๆทำเอาผมครางหลังไม่ติดที่นอน

“กูขอนะ” ทันมั้ยสัดมาขอกูตอนนี้เนี่ย

“ไม่ให้!”

“เรื่องของมึงกูจะเอา” มันพูดก่อนจะเอานิ้วออกก่อนจะเสียบของจริงที่ใหญ่กว่านิ้วมันหลายเท่าเข้ามา เหี้ย ทีเดียวมิดด้ามเลยมึงสงสารกูบ้างเหอะ ครั้งแรกกูนะ

“อ๊า เหี้ย กูเจ็บ อะเอาออก”

“แน่นมากมึง อย่าบีบกูแน่นเดี๋ยวกูแตกก่อน” สัด ใช่เรื่องที่ต้องพูดมั้ยมึง กูอาย

“ยะ อย่าเพิ่งขยับ” ผมร้องบอกตอนที่รู้สึกว่ามันเริ่มจะขยับตัว มันหยุดมองผมที่หลับตากัดปากแน่น เจ็บ ผมบอกได้เลยว่ามันโคตรเจ็บ รู้ซึ้งเลยตอนกูเปิดซิงสาว มันคงรู้เลยก้มลงใช้ปากละเลงหน้าอกมือก็ขยี้หน้าอกอีกข้างช่วยผ่อนคลายให้ผม
หรือเพิ่มอารมณ์ให้มันวะ

มือที่ลูบวนตรงหน้าท้องแผ่วทำเอาผมหดเกร็งที่หน้าท้อง โคตรเสียว

ผ่านไปสักพักมันก็เริ่มขยับตัวก่อนจะค่อยเพิ่มแรงโหมลงมาที่ตัวผม ผมกดหน้าลงกับหมอนไม่ให้หลุดเสียงครางออกมา แต่หูก็ยังได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันไหนจะเสียงครางสุขสมของไอ้เหี้ยนี่อีก ผมเสร็จมันไปกี่รอบไม่รู้แต่ที่แน่ๆมันรีดน้ำไปจากกูเยอะมาก



“เดี๋ยวเย็นนี้กูมารับให้หยุดก็ไม่หยุด”

“กูมีแลปขาดไม่ได้”ผมพูดโดยไม่มองหน้ามัน ตอนนี้มันมาส่งผมที่หน้าคณะ ถ้าผมไม่ได้คิดไปเองมันมองผมอย่างเป็นห่วง แน่สิ เมื่อเช้ากูส่องกระจกหน้ากูซีดมาก

“ไหวแน่นะมึง” มันรั้งแขนผมไว้ตอนผมหันจะไปเปิดประตูรถ

“ไหว กูไม่ได้อ่อน” ผมว่าเสียงรำคาญ ได้ยินเสียงมันถอนหายใจ

“มีไรโทรหากูนะ”

“น่ารำคาญว่ะมึง” ผมชักสีหน้าใส่ก่อนลงรถปิดประตูเสียงดัง เดินไปที่คณะสักพักมันก็ขับรถออกไป

ถามว่าทำไมผมต้องอารมณ์เสียหงุดหงิด ลองมาเป็นผมดูมั้ยล่ะโดนผู้ชายเอาแถมยังเป็นคนที่เกลียดขี้หน้าฉิบหายแล้วผมเสือกยอมมันด้วยนี่สิ ตื่นเช้าขึ้นมาก็ระบมเจ็บโคตรมันยังมาทำเป็นประคบประหงมอย่างกับกูเป็นผู้หญิงอ่อนแอที่เสียสาวครั้งแรกให้กูหงุดหงิด ถึงจะไม่ได้พูดเพราะนิ่มนวลจ๊ะจ๋าแต่มันก็ดีกับผมเกินไปเข้าใจมั้ยวะ โว้ยยย ถามว่าดีมั้ยคนอื่นอาจมองว่าดีแต่ไม่ใช่กับผมแน่ ผมไม่ต้องการให้มันมาดูแลมาเอาใจใส่อยากให้มันทำตัวเหี้ยใส่บอกว่าเรื่องเมื่อคืนกูเมารังเกียจผมไล่ผมอะไรก็ได้ แบบอยากให้เรื่องมันจบไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ใช่แบบนี้ มันทำให้ผมรำคาญ

รำคาญที่มันมาทำดีกับผม

ที่สำคัญรำคาญตัวเองที่เสือกรู้สึกดีที่มันมาทำดีด้วย

กูรำคาญ!


“ไอ้ปายมึงหยุดเลยนั่งลงวันนี้มึงเฝ้าโต๊ะเดี๋ยวกูไปซื้อข้าวให้เอง”ไอ้แปงบอก

“เออ”

ไม่ขัดศรัทธาครับ วันนี้หมดแรงจริงๆพวกมันคงเห็นสภาพผมที่ย่ำแย่เลยให้ผมนั่งเฝ้าโต๊ะ พักเที่ยงวันนี้พวกผมมากินกันที่โรงอาหารตึกฟิสิกส์คนเยอะมากเสียงก็โคตรดังแต่ไม่เข้าโสตประสาทผมเลยครับตอนนี้ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ตอนนี้มันรู้สึกแย่จริงๆระบมมากกว่าเมื่อเช้าอีก

ปึง

เสียงเหมือนใครวางกระแทกบนโต๊ะพอเงยหน้าขึ้นมาดูถึงเห็นไอ้คิงวางถ้วยก๋วยเตี๋ยวบนโต๊ะตรงหน้าผม

“อ้าว ไอ้แปงอ่ะ”

“ไปซื้อน้ำ”

“อื้ม” ผมรับคำก่อนจะลงมือจ้วงหมี่เหลืองเข้าปาก ตอนนี้กูกำลังขาดพลังงานต้องเพิ่มคาร์โบไฮเดรตให้ร่างกาย
“มึงจะบอกพวกกูได้หรือยังว่าไปทำอะไรมาสภาพถึงเป็นศพอย่างนี้” ไอ้บอลที่มาถึงเป็นคนสุดท้ายถาม ไอ้พวกที่เหลือก็พยักหน้าเห็นด้วยมองมาด้วยสายตาคาดคั้น

กูว่าแล้วต้องเจอพวกมันเค้นทำไมต้องมีแลปวันนี้ด้วยวะ

“กะ กูบอกพวกมึงไปแล้วไงว่ากูแฮงค์เหล้าเมื่อคืน” ผมว่าพยายามไม่หลบสายตาทำตัวให้ปกติสุดยอดเดี๋ยวพวกมันสงสัย จมูกมันยิ่งไวกันอยู่

“เห็นพวกกูโง่? สภาพอย่างกับโดนหมาฟัดแดกเหล้าสิบลังยังไม่แย่เท่ามึงเลย”ความนิ่งกูไม่เป็นผล T^T ไอ้คิงไอ้สัดรู้ดีเกินไปแล้วมึง

“ก็กูแฮงค์แล้วเสือกไม่สบายด้วยไง ปวดหัวปวดตัวสงสัยไข้จะแดก”

“นั่นสิเนอะ ถึงขนาดทำบิวเรตแตกในห้องทดลองถ้าไข้จะสูงมาก” เสียงมึงจริงใจมากสัดแปง

“คงปวดหัวหนักถึงเดินท่าเป๋ไปมา สงสัยแบคทีเรียไปอุดรูตูดมึงนะถึงเดินขาถ่างเชียว” สัดวิน

“จะบอกพวกกูได้หรือยัง ใครวะที่มันเคยบอกว่าเพื่อนกันห้ามมีอะไรปิดบังกันไม่อย่างนั้นไม่ต้องมาเห็นกันเป็นเพื่อน” เออ กูพูด มึงจะมาทำให้กูรู้สึกไม่ดีทำไมว๊า สงสารกูบ้างดินี่แหละชอบบีบคนอื่นเจอกับตัวเลยกู T^T

“ไม่ใช่กูไม่อยากบอกพวกมึงนะ แต่...เอ่อ..กูไม่รู้จะเริ่มยังไง”

“เริ่มจากรอยบนคอมึงก่อนก็ได้” ไอ้ซาวน์ชี้มาที่คอ ผมรีบยกมือปิดทันที ห๊ะ มีหรอวะ

“มึงคงไม่บอกว่ามดกัดหรอกนะ”

“ไม่ใช่มึง คือ...เอ่อ...”

“น่ารำคาญว่ะสัดปาย” ไอ้ซาวน์มึ๊งงงงงงง

“งั้นกูถามคำถามเดียว” ไอ้แคนแทรกถาม ทุกคนเงียบลงรอว่ามันจะถามอะไรผม ส่วนกูนี่นั่งไม่ติดที่แล้วครับก็มันฉลาดจะตาย “รอยนั่นน่ะ....”

แค่ขึ้นต้นประโยคก็บรรลัยแล้วไง

“...ใครทำ”

เอาดดดดดดดด คำถามมึงเหี้ยมากสัดเคนครอบคลุมทุกอย่างมัดกูทุกทางเลยนะ

พวกมึงไม่ต้องหันมาจ้องกูอย่างพร้อมเพรียงอย่างนี้ก็ได้ ฮือออออ กูอยากป่วยตายไปซะตอนนี้




วันนี้ขอลงห้าตอนก่อนนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อให้อีกห้าตอนค่า
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 5<<
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 16-07-2018 00:51:57
เข้ามาเพราะความคิดถึง อ้ากกก ซิ่งปาย ขอบคุณที่กลับมาลงใหม่นะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 5<<
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 16-07-2018 01:30:15
 :mew1: คิดถึงเรื่องนี้มากกกกก ปายอย่างน่ารัก ซิงอย่างแซบ  :hao6:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 5<<
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 16-07-2018 18:11:17
รอปายจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 5<<
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 17-07-2018 00:04:37
เย้ๆ อ่านเรื่องนี้หลายรอบมาก
เห็นมาลงใหม่ก็ดีใจ 
สู้ๆนนะคะ
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 6<<
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 17-07-2018 00:43:09

รักร้าย6

หกโมงเย็น

ตอนนี้ผมกำลังนอนตายอยู่บนแสตนด์ตรงสนามบอลตึกวิดยา ได้ยินเสียงโวยวายของไอ้พวกในสนามที่เล่นบอลกันอยู่ กลุ่มผมก็มีไอ้คิง ไอ้แปง ไอ้บอล ไอ้แคน แล้วก็เพื่อนในสาขาที่มักจะมาเล่นบอลด้วยกันประจำทุกทีจะต้องมีผมร่วมแจมด้วยแต่วันนี้ไม่ไหวเจ็บระบมไปหมดขอนอนนิ่งๆดีกว่า ที่เหลือแม่งก็ติดภารกิจไปรับเมียบ้าง หลีสาวตามสันดานพวกมัน ปล่อยมันไปครับ

“ไอ้คิง มึงขี้โกง” เสียงไอ้แปงโวยวายขึ้นแต่ผมก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นไปมอง

“อะไรล่ะ มึงเอาขามาให้กูเตะเองนะ” เสียงไอ้คิงเถียง

“ควายเหอะ มึงแกล้งขัดขากู!” เสียงไอ้แปงเถียงแบบไม่ยอม ผมลืมตาหันไปมองเห็นไอ้แปงนั่งลงกลางสนามทำแก้มพองลมให้รู้ว่ามันกำลังไม่พอใจมากโดยมีไอ้คิงยืนท้าวเอวมองมันอย่างเซ็งๆ

ส่วนพวกที่เหลือกลับไปเตะบอลกันเหมือนเดิมแล้วครับ ไม่ได้สนใจมันสองตัว

เล่นกันทั้งๆที่ไอ้แปงมันนั่งอยู่กลางสนามนั่นแหละ

“อย่ามาทำงอน ไม่ได้น่ารักเลยเหอะมึง” ไอ้คิงผลักหัวอย่างหมั่นไส้ ไอ้แปงคงจี๊ดจัดมันประท้วงนอนลงไปเลยครับ

นอนจริงๆแบบนอนหงายเอามือกอดหน้าอก สะบัดหน้าไปด้านข้างให้รู้ว่ามันกำลังไม่พอใจมาก

ไอ้คิงส่ายหัวเซ็งๆกับความบ้าของมัน ก่อนจะเตะขามันไปป้าปหนึ่งแล้วเดินหนีออกมาข้างสนามเลยครับ

“มึงจะทิ้งให้มันนอนบ้าอย่างนั้นหรอวะ เดี๋ยวพวกมันก็เตะบอลอัดหน้ามันหรอก” ผมถามไอ้คิงที่มันเดินมานั่งแสตนด์ขั้นต่ำกว่าที่ผมนอนอยู่ขั้นหนึ่ง

“ช่างแม่งมัน งี่เง่า” มันว่าเซ็งยกขวดน้ำขึ้นดื่มก่อนจะเอาราดหัวสะบัดไปมาเหมือนมาบางแก้ว

ห่า น้ำกระเด็นโดนกู

“มึงก็ชอบไปแกล้งมัน รู้ว่ามันขี้งอน” ใช่ครับ ในบรรดาเพื่อนในกลุ่มไอ้แปงนิสัยเด็กสุดทั้งขี้งอน ขี้น้อยใจ ขี้นอยด์ ดีนะที่หน้าตามันน่ารักไม่งั้นนะคงทุเรศลูกตามาก

“ห่า มันกระชากเสื้อกูก่อนเหอะ พอกูเอาคืนก็โกรธปัญญาอ่อน”

“ก็มันแคร์มึงมากมันก็งอนมึงมากดิ”

“เกี่ยวไรกัน” มันพูดแค่นั้นแล้วก็ถอดเสื้อบอลที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อออก เดินไปรื้อๆกระเป๋าเอาเสื้อนักศึกษาของมันออกมาใส่ ทำเป็นไม่สนใจไปอย่างนั้นแหละครับผมรู้ว่ามันก็คิด

ไอ้แปงมันติดไอ้คิงที่สุดในกลุ่ม เรื่องงอนเรื่องน้อยใจเนี่ยเป็นกับไอ้คิงบ่อยสุด พวกผมคบกันมานานทำไมจะมองไม่ออกว่ามันปฏิบัติกับไอ้คิวต่างจากเพื่อนคนอื่น

ถ้าให้เดาผมว่าไอ้แปงมันชอบไอ้คิง แต่ไอ้คิงนี่ผมไม่แน่ใจ

ไอ้พวกนั้นผมว่ามันก็คิดเหมือนผมแต่แค่ไม่มีใครพูด ของอย่างนี้มันต้องรอดูกันไป

เดี๋ยวไก่ตื่น

ส่วนเรื่องเมื่อกลางวันที่พวกมันแทบจะเอาขวานมางัดปากผมให้พูด คำถามของไอ้แคนนี่เหมือนเอาซุงมากระทุ้งที่กลางใจ(เสี่ยวมากกู) สายตาที่มองมาถ้ามันเป็นปืนคงสาดกระสุนใส่ผมตายไปแล้ว ตอนแรกผมก็คิดว่าจะเอายังไงดี มันน่าอายนะครับไม่ใช่เรื่องที่จะพูดง่ายๆแบบ เฮ้ย กูตกควายมา จะบ้าเหรอ สุดท้ายผมก็ตีหน้าเศร้าให้มันสงสารครับ

‘กูยังไม่พร้อมจะบอกพวกมึงจริงๆ ขอโทษนะ รอกูพร้อมแล้วกูสัญญาว่าจะบอกพวกมึง’

พวกมันเห็นหน้าตาเศร้าสร้อยเป็นหมาหงอยของผมมันก็ยอมครับถึงจะทำท่าฮึดฮัดเหมือนขัดใจก็เถอะ ส่วนผมถึงหน้าจะเศร้าแต่นิ้วชี้กับนิ้วกลางไขว้กันไว้ใต้โต๊ะเรียบร้อย

แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกพวกมันนะ ผมพร้อมแล้วจะบอกพวกมันจริงๆ ติดอยู่ที่ว่าผมจะพร้อมตอนไหนเท่านั้นแหละ 555

ปั่ก

ห่า ได้เรื่องแล้วไง

“สัดเอ๊ย!” ผมเห็นไอ้คิงมันสบถก่อนจะวิ่งลงไปกลางสนามผมก็รีบลุกขึ้นวิ่งตามมันไป ต้องค่อยๆวิ่งครับ เจ็บอยู่

ผมพูดผิดซะที่ไหนล่ะ ไอ้เจท(เพื่อนในสาขา)มันกำลังยืนขอโทษผงกหัวปรกๆให้ไอ้แปงที่ตอนนี้โดนไอ้คิงจับแหงนหน้าเอาผ้าอุดจมูกมันอยู่

เวรกรรม งอนซะได้เรื่องเลยมึง กูว่าแล้วต้องโดนบอลเตะอัดหน้านอนแม่งซะกลางสนามขนาดนั้น ทำไมกูซื้อหวยไม่ถูกอย่างนี้บ้างว๊า

“ฮืออ กูเจ็บ”

“ไม่ต้องมาร้อง เป็นไง งอนจนได้เรื่อง”

“เพราะใครล่ะ”

“เพราะตัวมึงเองนั่นแหละ”

ไอ้คิงมันเอาผ้ากดไปที่จมูกไอ้แปงแรงๆจนมันมองตาเขียว

“พามันไปนอนข้างสนามก่อนป่ะ” ไอ้แคนบอกก่อนที่ไอ้คิงมันจะพยักหน้าจับไอ้แปงขึ้นหลังแบกออกไป

“นอนเฉยๆเลยมึง แล้วไม่ต้องมามองกูตาขวาง แหงนหน้าขึ้นไป!” ไอ้คิงเสียงดังใส่ไอ้แปงอย่างหงุดหงิด

ไอ้คิงมันจัดการหาน้ำแข็งมาประคบให้เลือดกำเดาหยุดไหล ส่วนไอ้แคนมันก็ทายาแก้มไอ้แปงที่มีรอยแดงเป็นปื้ดจากการโดนบอลเตะอัดใส่หน้า

“มีอะไรกันหรอ”

เสียงหวานที่ผมแน่ใจว่าไม่ใช่ไอ้พวกถึกที่ยืนอยู่กันแน่ๆจึงหันไปมองทางต้นเสียง แล้วก็ได้ความกระจ่างว่าไม่ใช่ใครที่ไหน

ซอโซ่ แฟนสุดที่รักปานดวงใจของไอ้แคนนั่นเอง

ผมมองไอ้แคนที่ตอนนี้มันยัดหลอดยาใส่มือไอ้บอลระริกระรี้ไปหาแฟนมันอย่างหมั่นไส้

ทิ้งเพื่อนเลยนะมึง

“โซ่ ทำไมมาที่นี่ล่ะ แคนบอกว่าจะไปรับไงครับ ”มันถามแฟนมัน โห พูดแม่งโคตรเพราะ กูจะอ้วก

“พอดีอาจารย์เค้ายกเลิกคลาสน่ะ โซ่โทรหาแคนไม่มีคนรับสายเลยมาหา ว่าแล้วแคนต้องอยู่ที่นี่”

วันนี้แฟนมันมีเรียนเพิ่มครับถึงทุ่มนึงนู่น นี่เพิ่งหกโมงกว่าๆ

“ไอ้ปาย มึงทำไมไม่บอกกูว่าโซ่โทรมา” มันหันมาด่าผมครับ

“ห่า กูจะไปรู้มั้ยล่ะ ไม่ได้ยินเสียงเหี้ยไรสักแอะ มึงตั้งสั่นไว้ป่าวเหอะ สัดโทษกู”

“เออว่ะ สงสัยกูลืมเปิดเสียง” มันหันไปยิ้มแหะๆใส่แฟนมัน โซ่ก็ยิ้มหวานตอบรับแบบไม่เป็นไร

โคตรน่ารักเหอะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นน้องของไอ้เวรตะไลไส้เป็ด =_=

“งั้นป่ะ เดี๋ยวแคนไปส่งบ้าน” มันทำท่าจะไปหยิบกระเป๋าแต่โซ่รั้งข้อมือมันไว้ก่อน ไอ้แคนหันมาเลิกคิ้วถามว่ามีอะไร

“วันนี้โซ่ต้องกลับกับพี่ซิ่งน่ะ”

“ทำไมอ่ะ” ไอ้เคนถาม ไม่ใช่แค่มันครับที่สงสัยผมก็สงสัย ก็ตั้งแต่ที่ตกลงกันวันนั้นมันก็ยอมให้ไอ้เคนไปรับ-ส่งโซ่แล้วนี่

หรือมันจะตุกติก

“พอดีวันนี้พี่ซิ่งนัดติวหนังสือให้น้องแจง น้องแจงน้องพี่โจ้อ่ะจำได้มั้ย ปีนี้น้องเค้าจะสอบเข้ามหา’ลัยแล้ว นั่นแหละพี่ซิ่งเลยให้โซ่กลับพร้อมกัน”

ผมได้ยินอย่างนี้ก็ชะงักเลยครับ ไม่แน่ใจว่าไอ้ที่มันตีขึ้นมาในอกมันคืออะไร

“โห่ งั้นวันนี้ก็ไม่ได้อยู่กับโซ่น่ะสิ” ไอ้แคนทำหน้าหงอยๆ

“อย่าทำหน้าอย่างนี้สิแคน พรุ่งนี้แคนก็ไปรับโซ่ที่บ้านเหมือนเดิมแล้ว”

“เฮ้อ แล้วพี่ซิ่งมารับโซ่ก็โมง”

“คงสักอีกครึ่งชั่วโมงแหละ เพราะพี่ซิ่งต้องไปรับน้องแจงที่โรงเรียนแล้วพาไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านอีกเห็นว่าคืนนี้จะค้างน่ะ นี่ก็เห็นว่าออกไปรับตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้วคงใกล้แล้วล่ะ”

ไอ้แคนทำหน้าหมาหงอยยิ่งกว่าเก่า บอกว่าจะไปรอเป็นเพื่อนโซ่ที่หน้ามอ ส่วนผมตอนนี้ยืนนิ่งกำหมัดแน่นพูดอะไรไม่ออก ออกไปรับตั้งแต่ห้าโมงเย็นงั้นเหรอ แล้วให้กูรอเพื่ออะไร หึ กูสินะที่โง่ไปเชื่อมันรอมันตั้งแต่สี่โมงเย็นทั้งๆที่กูเจ็บไปหมดทั้งตัว อยากนอนพักแทบตาย กำชับว่าห้ามกูหนีกลับก่อน สุดท้ายเป็นไง มันจำที่บอกกับกูได้หรือเปล่าเหอะ

ควายเอ๊ย! จะมีใครควายเท่ากูอีกมั้ย

“ไอ้คิงเมื่อบ่ายมึงบอกว่าเย็นนี้จะไปสนามใช่มั้ย” ผมหันไปถามไอ้คิงที่ง่วนอยู่กับไอ้ดื้อแปง

“เออ” มันตอบกลับไม่ได้หันมามอง

“งั้นกูไปด้วย!!”


ตอนนี้ผมกับไอ้คิง ไอ้วิน(ที่มันตามมาทีหลัง) อยู่กันที่สนามแข่งรถ ไอ้คิงมันเป็นพวกชอบความเร็วมันแข่งรถมาตั้งแต่สมัย ม.ปลายพ่อมันก็ไม่ได้ห้ามบอกแค่ว่าอยากทำอะไรก็ทำไปชีวิตเป็นของมันเป็นอะไรขึ้นมาเดี๋ยวมาลากศพกลับไปเอง

เออ พ่อแบบนี้ก็ดีวุ้ย

ส่วนผมกับไอ้วินแค่มาดูมันแข่งเท่านั้นแหละครับ มีบ้างเป็นครั้งคราวที่ผมจะลงแข่งแต่ไม่บ่อยเล่นเอามันเฉยๆสู้ระดับเซียนอย่างไอ้คิงมันไม่ได้หรอก

ส่วนไอ้แปงมันไปส่งที่หอก่อนจะมาสนามแล้ว

ตอนแรกไอ้แปงมันจะมาด้วยแต่ไอ้คิวไม่ให้มา มันบอกว่ามันเจ็บอยู่ให้พักอยู่หอ

แต่ทุกครั้งผมก็ไม่เห็นว่ามันจะยอมให้ไอ้แปงมาสักที ไม่รู้ว่าทำไม

“มึงลงแข่งกี่โมงวะ” ผมหันไปถามมันที่กำลังเช็คเครื่องรถอยู่

“วันนี้ไม่ว่ะ พอดีไอ้ซาวน์มันยืมรถกูเลยต้องตามมาคุมเดี๋ยวรถกูพัง” มันว่าก่อนจะปิดฝากระโปรงรถ ไอ้นี่มันหวงรถเท่าชีวิตครับสร้างหิ้งไว้จอดรถได้คงทำไปแล้ว

“อ้าว แล้วเชี่ยซาวน์ไปไหน นึกยังไงถึงลงแข่งวะ” ถามได้ตรงใจกูมากเพื่อนวิน

“มันไปตกลงกับคู่แข่งมันอยู่” ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจมันเลยชี้แจงแถลงไขต่อ “มันกับไอ้ปอนด์วิดวะเสือกชอบสาวคนเดียวกันเลยท้ากันแข่งรถ ใครแพ้ต้องถอยให้อีกฝ่าย”

“ควาย กูนึกว่าเรื่องอะไร ถุย แย่งกันไปเหอะสุดท้ายแม่งฟันแล้วก็ทิ้งหมด”

“หึหึ” ไอ้คิงไอ้วินหัวเราะพร้อมกัน ก็มันสันดานเดียวกันนี่

รวมทั้งผมด้วย หึหึ

“ปายจ๋า” เสียงนรกดังลอยมาพร้อมได้ตัวสูงโย่งๆที่ผมโคตรเกลียดขี้หน้าวิ่งตรงดิ่งมา

“ผัวมึงวิ่งหน้าตั้งมาโน่นแล้ว ฮ่าๆ”

“ผัวมึงสิ สัดคิง” ผมหันไปด่ามันก็จะหันกลับมามองไอ้ตัวสูงตรงหน้าผมเซ็งๆ

“วันนี้ตัวจะมาทำไมไม่บอกเค้าล่ะ เค้าจะได้มาหาตัวเร็วๆเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมาที่สนามเค้าคิดถึงตัวนะ”

“ตัวพ่อมึงสิ”

“จ่ะ” ด่าไปก็ไม่สะทกสะท้านครับยืนฉีกยิ้มกว้างรับคำด่า

มันชื่อไอ้โน่ครับเป็นเจ้าของสนามแข่งรถที่นี่ มันเป็นเหตุผลหลักที่ผมทำให้ผมไม่อยากมาสนามแข่ง เจอหน้าผมนี่กระโจนเข้ามาหาตลอดมันบอกผมเป็นรักแรกพบสบตาแล้วใช่เหี้ยอะไรของมันก็ไม่รู้ มันเป็นตัวที่ผมขยาดที่สุดสลัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุด เจอฝ่าตีนฝ่ามือสารพัดก็ไม่หวั่นโคตรถึก

โชคดีที่อยู่คนละมหา’ลัยไม่งั้นผมคงกัดลิ้นตายไปแล้ว

“ว่าไงไอ้โน่ ไม่ทักพวกกูเลยนะมึง” ไอ้คิงบอกยียวน มันหันไปทำหน้าบูดใส่ก่อนตอบ

“มึงไม่สวยเหมือนที่รักกู กูเลยไม่ทัก อยากให้เวลาทุกนาทีอยู่กับที่รักให้มากที่สุด” ประโยคหลังมันทำตาหวานใส่ผม ผมเลยจัดนิ้วกลางให้มันไปหนึ่งดอก

“ว๊อนท์หรอจ๊ะที่รักถึงชูให้เค้าขนาดนี้ ป่ะ เดี๋ยวเค้าจัดให้ถึงใจ” มันทำท่าจะเข้ามาลากผมไปผมเหวอไปกับความหน้าด้านของมันก่อนตั้งท่าถีบเลยครับ

เอาสิ มึงเข้ามากูถีบกระเด็นจริงด้วย

ไอ้คิงไอ้วินไอ้พวกเวรหัวเราะกูนะสัด

“ชิ ที่รักใจร้ายแค่เค้าไม่โกรธตัวหรอก ไหนๆวันนี้ตัวก็มาแล้วมาแข่งกับเค้าเอามะ” มันทำหน้างอนแล้วก็เปลี่ยนเป็นยิ้มร่าอย่างเร็ว มึงอารมณ์ไหนวะ

“แข่งไรของมึง” ผมถามกลับอย่างระแวง

“แข่งรถไง ใครชนะได้ของเดิมพันไป” มันยิ้มอย่างใสซื่อเหมือนเป็นการชวนธรรมดาแต่สายตาโคตรแพรวพราวเลยสัด

“พ่อมึงสิ ดูยังไงเพื่อนกูก็แพ้” ไอ้คิงแทรกขึ้น ผมนี่หันไปมองตาขวางเลยครับ ดูถูกกูมากสัด ถึงจะเป็นเรื่องจริงมึงก็ไม่ควรพูด

ก็ไอ้โน่เห็นมันปัญญาอ่อนบ้าบออย่างนี้มันเป็นมือหนึ่งของที่นี่นะครับ

อย่างว่ามันเป็นเจ้าของสนามแข่งรถเห็นว่าพ่อมันจับให้ขับรถแข่งตั้งแต่ตีนเหยียบคันเร่งถึง

ส่วนผมเพิ่งเริ่มแข่งเมื่อปีสองปีนี่เอง ไอ้คิงมันสอน

“ตัวไม่กล้าหรอ” หืออออ ท้ากูหรอสัด

“มึงอย่านะไอ้ปาย” ไอ้วินว่า ไอ้โน่ก็ยืนยิ้มกวนประสาทเยาะเย้ยผม

แล้วอย่างนี้จะให้กูยอมหรอ ถึงในใจจะบอกว่าไม่ แต่ต่อมศักดิ์ศรีกูทำงานไปแล้ว

“อย่ามาท้า รอบไหนว่ามาเลยสัด” ปากกูไวมากตอบตกลงมันไปทันที ไอ้โน่ยิ้มพรายตาวิบวับให้ผม

ใครๆก็รู้ว่าคนอย่างผมน่ะห้ามท้า! เพราะผมจะไม่มีวันถอย

มันเสียหน้าโว้ยยยย

“รอบสุดท้ายแล้วกัน”

“ของเดิมพันคืออะไร” ไอ้ซาวน์ที่โผล่มาจากด้านหลังผมถามขึ้น มันมาตั้งแต่ตอนไหนวะแต่คงรู้เรื่องแล้วมันถึงถาม

“ถ้าตัวชนะจะเอาอะไรก็ได้เลือกเอา แต่ถ้าฝ่ายเค้าชนะ...” มันยิ้มโรคจิตกวาดมองทั่วร่างผม “เค้าจะเอาตัว”

โอ้วววว โลกจะถล่มเลยครับ ไอ้พวกเพื่อนผมสบถด่าไอ้โน่กันเป็นแถวแต่ผมนี่นิ่งเลยครับไม่คิดว่ามันจะมาไม้นี้

แล้ว ‘เอา’ ของมันนี่คือแบบไหน เอากูไปทำอะไร

“คนอื่นลงแข่งแทนได้มั้ย”

 ผมกำลังจะหันไปด่าไอ้คิงที่ถามออกไป

 แม่งพูดงี้ก็หาว่ากูแพ้ชัวร์ดิ ศักดิ์ศรีกูนะโว้ย

 แต่พวกมันสามตัวก็พร้อมใจกันส่งสายตาชิ้งมาประมาณว่ามึงหุบปากซะ ไม่งั้นโดนดีแน่

เหี้ย ข่มกูเข้าไป

“มึงจะลงแข่งแทนหรอ เอาสิ ถ้าคิดว่าจะชนะกูได้” ถึงปากจะยิ้มแต่สายตามันโคตรปีศาจสุดๆ

 มึงจะมั่นใจเกินไปแล้ว

จะเท่าไหร่กันวะ ก็แค่เจ้าของสนาม ก็แค่มือหนึ่ง โด่วววว

“มึงจะลงแข่งแทนไอ้ปายหรอวะ” ไอ้วินถามไอ้คิงที่นั่งหน้าเครียดคิ้วขมวดหลังจากที่ไอ้โน่มันเดินไปที่เต้นกลางแล้ว

ตอนนี้ไอ้ซาวน์ไปเตรียมตัวแล้วเพราะรอบต่อไปมันต้องลงแข่ง

“คงงั้น แต่กูไม่มีทางยอมให้ไอ้ปายมันแข่งเองแน่ๆ” มันย้ำชัดทุกถ้อยคำ ปรายตามองผมเหมือนเป็นไส้เดือน ห่านี่!

แถมหันมาด่าทางสายตาว่าผมสร้างเรื่อง ก็มันท้ากูอ่ะ

“ไม่เป็นไร กูลงได้” ผมบอก

“หุบปากไปเลยมึง ธรรมดาโอกาสชนะก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว นี่เดี้ยงอย่างนี้ปล่อยมึงแข่งก็เหมือนส่งมึงไปตาย หรืออยากไปเป็นเมียมัน”

“สัดเหอะ มันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะเอากูไปทำเมีย” ผมเถียง มันสองตัวตบหัวผมเต็มรักเลยครับ

“อย่ามาทำตัวโง่มึง มันจ้องมึงตาวาวขนาดนั้น มันคงไม่เอามึงไปนั่งเล่นหมากเก็บเป็นเพื่อนมันหรอก”

เออจริง แล้วมึงจะพูดทำไมว๊า

“มึงมีโอกาสจะชนะมั้ยคิง” ไอ้วินหันไปถาม

“เจ็ดสิบสามสิบว่ะ”

“มึงเจ็ดสิบ?”

“เหี้ยเหอะ มันไม่ใช่กู กูเคยแข่งกับมันสามครั้ง กูชนะมันแค่ครั้งเดียว แล้วที่ชนะตอนนั้นเพราะรถมันมีปัญหาด้วย”

ซวยแล้วไง ไอ้คิงมันยังแพ้แล้วกูจะไปเหลืออะไร

ไม่น่าเลยไอ้นิสัยไม่ยอมคนของกูเนี่ย

มาแบบชั่ววูบตลอด

แต่ซวยไปทั้งชีวิต

“แต่มีคนหนึ่งที่เอาชนะไอ้โน่ได้”

“ใครวะ!” ผมกับไอ้วินถามพร้อมกัน

“เอาน่า เดี๋ยวกูมา ถ้าเค้ายอมช่วยเราเดี๋ยวมึงก็รู้”
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 7<<
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 17-07-2018 00:49:52
รักร้าย7

สี่ทุ่ม (โดยประมาณ)

ถ้านับแล้วตั้งแต่ที่ไอ้คิงบอกว่าจะไปทาบทามคนที่จะมาลงแข่งรถให้ผมจนถึงตอนนี้ก็สองชั่วโมงแล้วครับ แต่ก็ยังไม่เห็นคนที่มันบอกสักนิดมีแต่เห็นมันคุยโทรศัพท์เป็นระยะๆเท่านั้น ถามไรแม่งก็บอกว่าเดี๋ยวก็รู้เอง

แล้วเมื่อไหร่ล่ะวะ เดี๋ยวของมึงนี่สองชั่วโมงแล้วนะโว้ยยย

“อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาแล้วนะเว้ย” เสียงไอ้ซาวน์ว่าอย่างร้อนรน มันแข่งเสร็จแล้วครับแล้วผลก็คือ...แพ้

สรุป มันก็ต้องทำตามข้อตกลง ให้ไอ้ปอนด์เดินเครื่องจีบผู้หญิงคนนั้น

แต่มันก็ไม่ได้เสียใจอะไรนะออกจะชิวๆ แค่รู้สึกเสียหน้านิดหน่อย

มันบอกว่าเจอผมทำเรื่องเข้าไป เรื่องมันสิวไปเลย

“นั่นดิไอ้คิว ตกลงไอ้คนที่มึงบอกมันจะมาช่วยเรามั้ยวะ” ไอ้วินตีหน้ายุ่งถาม

ไอ้คิงที่มันนั่งเล่นเกมกดเงยหน้ามองมันแว้บเดียวก่อนจะไปสนใจเกมแมลงยิงของมันต่อ

“ใจเย็นมึง พี่เค้ารับปากแล้ว มาแน่นอน”

“พี่??” ผมถาม

“เออพี่ เดี๋ยวเจอมึงก็รู้” มันยักคิ้วกวนๆให้

ใครวะ

“มึงดูสบายใจมากเลยนะไอ้คิง แน่ใจว่าพี่ที่มึงว่าจะชนะแน่หรอวะ” ไอ้บอล(ที่เพิ่งตามมาสมทบ)

“หึ แน่ไม่แน่กูไม่รู้ กูรู้แค่มือหนึ่งทุกสนาม” มันยิ้มยืดอกอย่างมั่นใจมาก ยิ่งทำให้พวกผมอยากรู้เข้าไปใหญ่

“มือหนึ่ง? แล้วทำไมพวกกูไม่เคยเห็นวะ”

“พี่มันแขวนพวงมาลัยไปตั้งแต่จบ ม.ปลายแล้ว”

“เอ้า แล้วทำไมถึงยอมมาลงแข่งให้เราง่ายๆวะ มึงจ้างเค้ามาเหรอ” ไอ้วิน มึงสงสัยได้ตรงใจกูมาก

ไอ้คิงยักคิ้วให้ไอ้วินก่อนจะหันมามองผมอย่างล้อเลียน “ไม่ต้องจ้างอะไรหรอกมึงแค่เอ่ยชื่อไอ้ปายขี้คร้านจะเหาะมาถึงที่ หึหึ”

ผมขมวดคิ้วหนักเข้าไปอีก

เกี่ยวไรกับกูวะ

ถามอะไรก็อมพะนำนะมึงจะพูดจะตอบให้กระจ่างก็ไม่ได้

กูคงไม่หนีเสือปะจระเข้นะ เฮ้ออออ


“ถึงแล้วหรอพี่ ครับ อยู่ตรงเต๊นท์ลาน4 พี่ เออ อยู่ตรงข้ามซุ้มน้ำเลย”

ไอ้คิงที่คุยโทรศัพท์อยู่กดตัดสายก่อนจะหันมายักคิ้วให้พวกผม

 “ถึงแล้วมึงซุปเปอร์ฮีโร่ ”


[Cing]

“ไอ้โจ้ เดี๋ยวมึงไปที่เต็นท์เลยนะ”

“อ้าว แล้วมึงไม่ไปด้วยกันหรอวะ”

“ไม่ว่ะกูจะลงไปที่สนามเลย”

ผมบอกไอ้โจ้มันก็พยักหน้าตกลงตบบ่าเชิงว่าโชคดีก่อนจะเดินไปที่เต็นท์ที่มีไอ้พวกตัวก่อความวุ่นวายรออยู่

ผมเดินเลี้ยวไปอีกทางที่เป็นสนามเตรียมลงแข่ง มุ่งหน้าไปที่ lamborghini aventador 700-4 คันเก่งที่ผมห่างหายจากมันไป 3 ปีตั้งแต่เลิกแข่งรถแต่ผมก็ดูแลตรวจสภาพมันอย่างดีจนตอนนี้มันต้องถูกขุดออกมาใช้งานอีกครั้ง

นึกถึงแล้วก็อยากไปบีบคอตัวต้นเหตุให้ตายนัก

ตอนที่ไอ้โจ้โทรมาบอกว่ามีคนโทรมาขอร้องให้ช่วยลงแข่งคืนนี้ให้หน่อยผมกำลังจะตอบปฏิเสธไปอยู่แล้วเพราะผมรับปากกับแม่ไว้แล้วว่าถ้าเข้ามหา’ลัยเมื่อไหร่จะเลิก(สมัย ม.ปลายผมเกเรมากครับ ถึงขั้นเลวเลยแหละ)

แม่ไม่ชอบให้ผมแข่งรถ ท่านห่วง มันอันตราย ผมเลยทำให้ท่านสบายใจ

แต่เรื่องทะเลาะวิวาทท่านก็ขอนะครับ แต่ผมรับปากไม่ได้ เพราะถ้ามีคนมาหาเรื่องผม ผมก็ต้องสวนกลับ(มากกว่าร้อยเท่า)เป็นธรรมดา

แต่แล้วผมก็ต้องกลืนคำปฏิเสธลงคอซ้ำยังต้องผิดคำพูดกับแม่เพราะแค่ไอ้โจ้ประชุมสายไอ้คิงให้คุยกับผมเล่าถึงสาเหตุที่มันต้องพึ่งพาผมเท่านั้นแหละ ผมรีบทิ้งหนังสือทิ้งน้องแจงที่กำลังตั้งใจเรียนบึ่งรถมาที่หมายทันที

ตลอดทางผมเหยียบคันเร่งตามแรงอารมณ์ที่สูงพุ่งติดเพดาน

ทั้งโมโหจนสติจะแตก ทั้งโกรธจนแทบฆ่าคนได้ ผสมปนเปไปหมด

 แต่สิ่งที่แน่ชัดที่สุดคือ...หวง

หวงมาก...ยิ่งตอนนี้ผมมีสิทธิ์ในตัวมันมากขึ้น

ความหวง ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมันยิ่งรุนแรงขึ้น

แล้วมันมีสิทธิ์อะไรเอาของของผมไปเป็นของพนันวะ!

จบเรื่องเมื่อไหร่มึงโดนหนักแน่

ผมปิดประตูรถเพื่อเช็คเครื่องทำความคุ้นเคยเตรียมพร้อมแข่ง ใส่ชุดเซฟทุกอย่าง ผมกำพวงมาลัยรถแน่นมองตรงไปข้างหน้าทำสมาธิให้มั่นคงที่สุดกับเหตุการณ์ที่จะเจอในอีกไม่ถึงยี่สิบนาทีข้างหน้า

นื่คืออีกเหตุผลที่ผมไม่ไปเจอมัน

ผมรู้ว่าถ้าผมเจอหน้ามันอารมณ์มันจะขึ้นมากกว่าเดิม

ซึ่งผมจะไม่ลงแข่งด้วยอารมณ์แบบนั้นแน่ๆ

วู้วววววว

เสียงเฮดังเซ็งแซ่มาจากรอบทิศทางทันทีที่รถสองคันเคลื่อนลงมายังสนามที่พร้อมใช้แข่งหนึ่งในนั้นคือ lamborghini aventador 700-4 ของผม ผมหันไปมองรถที่จอดเลียบอยู่ข้างๆอีกฝ่ายเปิดกระจกรถลงซึ่งผมก็เปิดตามเมื่อเห็นอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไร

ไอ้นี่หรอวะที่จะเอาเมียกู

เอ๊ะ ผมว่าผมจำมันได้นะ...หึ ไอ้เหี้ยโน่นี่เอง

“เฮ้ ลงแข่งแทนที่รักกูหรอมึง”

ที่รัก? มันหมายถึงไอ้ปายหรอ

ที่รักเหี้ยมึงสิ

ผมไม่ตอบใช้เพียงสายตาภายใต้หมวกกันน็อกที่สวมอยู่มองมันนิ่งๆ

“สู้ๆนะไอ้น้อง ถ้าฉันตีห่างมากไปจะออมมือให้ แต่คงยอมไม่ได้พอดีว่าที่เมียรออยู่ว่ะ ฮ่าๆ” พูดจบมันก็เลื่อนกระจกขึ้นทิ้งให้ผมนั่งกัดฟันกรอดบีบพวงมาลัยแน่น

ผมมั่นใจว่าถ้ามันเห็นหน้าผมมันจะไม่พูดคำนี้แน่

ว่าที่เมียหรอ สัด! คิดจะแอ้มเมียกู

ช้าไปสิบปีแล้วโว้ยยย

ผมหันกลับมามองตรงไปข้างหน้า พยายามควบคุมลมหายใจตัวเอง ระงับความโกรธ สายตามองตรงไปยังผู้หญิงชุดหนังดำที่ยืนถือผ้าสีเชียวอยู่

เอาล่ะ เต็มที่ไอ้ซิ่ง

ให้ไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแต่เสือกกระแดะอยากแดกน้ำเมียกูให้มันหน้าหงายไปเลย!

3...

2...

1...

GO!!!

บรื้นนนนนนนนนน

เสียงเครื่องยนต์ดังสนั่นดังลั่นทั่วสนามพร้อมเสียงเชียร์หวีดร้องดังลั่นทันทีที่รถกระชากตัวออกไม่ทำให้ผมสนใจได้เท่าเส้นชัยที่รออยู่ข้างหน้า รถเฟอรารี่สีแดงเพลิงที่ขับตีคู่กับผมมาได้ครึ่งสนามเร่งเครื่องปาดหน้าผมไป ซึ่งผมแค่คลี่ยิ้มเหยียดอย่างนึกสนุก

ข้อตกลงคือสามรอบสนาม

เหลืออีกเยอะ

กูให้มึงเล่นสนุกไปก่อนแล้วกัน

ผ่านไป 15 นาที
การแข่งขันใกล้เสร็จสิ้นแล้วเมื่อรถวิ่งเข้าสู่รอบที่สาม ผมมองไปยังท้ายรถที่ผมปล่อยให้นำมาสองรอบเต็มๆ ผมว่ามันเป็นนักแข่งรถที่ฝีมือดีคนหนึ่งเลยล่ะ แต่...ยังห่างไกลจากผมนัก!!!

ผมสับเกียร์เหยียบคันเร่งขณะที่อีกฝ่ายผ่อนแรงเครื่องเมื่อเข้าสู่ทางโค้งของสนามแต่ผมกลับเร่งเครื่องสุดกำลังปาดขึ้นมาแซง มันคงคิดไม่ถึงว่าผมจะเล่นไม่นี้

แน่สิ ในเมื่อคนที่แข่งรู้ดีว่านี่มันคือโค้งมรณะ ให้เจ๋งแค่ไหนก็ยากที่จะตีผ่านโค้งนี้ไปได้ถ้าไม่ลดกำลังเครื่อง

แม้แต่เจ้าของสนามเอง

แต่ผมผ่านมาได้

ก็อย่างที่บอก ผมน่ะมันยิ่งกว่าเจ๋ง!!!


เฮ!!!!!!!!!!!

เสียงเฮดังลั่นทันทีที่ lamborghini aventador 700-4 วิ่งเข้าสู่เส้นชัย ผมผ่อนความเร็วลงค่อยๆชะลอรถจนหยุดนิ่งในที่สุด

มีเสียงฮือฮาเกิดขึ้นทันทีที่บุคคลปริศนาอย่างผมสามารถเอาชนะมือหนึ่งของสนามนี้ได้

ปัง

“เฮ้ย มึงเป็นใครวะ”

เสียงปิดประตูรถอย่างแรงพร้อมฝีเท้าของอีกฝ่ายมุ่งตรงมายังผมที่กำลังก้าวลงจากรถ

“ไม่เจอกันนานเลยนะ ไอ้โน่” เจ้าของฝีเท้าที่หยุดประชันหน้ากับผมขมวดคิ้วกับประโยคที่เหมือนรู้จักมันดี

“โห พี่โคตรเจ๋งอ่ะ”

“สุดยอดเลยมึง”

แต่ก่อนที่มันจะถามอะไรต่อก็มีเสียงของบุคคลที่มาใหม่ดังขัดขึ้น

ผมหันไปมองคนที่วิ่งลงมาในสนามตบบ่าตบไหล่ผมอย่างยินดี

ไอ้คิง ไอ้โจ้

ด้านหลังพวกมันสองตัวเป็นไอ้บอล ไอ้วิน

และที่ยืนอยู่ข้างกัน...

เมียกูเอง =_=

ตอนนี้ผมถูกจับจ้องด้วยสายตาหลายร้อยคู่ทั้งจากบุคคลที่อยู่รอบสนามและที่ยืนอยู่ ณ ที่นี้

แต่รังสีแผ่ชัดเจนออกมาจากสายตาสองคู่

 สายตาที่จ้องมาด้วยความหงุดหงิด หัวเสียอยากรู้ว่าใครที่เอาชนะมันที่อวดเบ่งเหลือเกินได้

และสายตาที่มีแววดีใจปนเคลือบแคลง

แน่ล่ะ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ถอดหมวกกันน็อกออก

“เฮ้ย! ไอ้ปายจ้องพี่เค้าอยู่ได้ ขอบคุณพี่เค้าสิมึงเค้าช่วยมึงนะ” ไอ้บอลกระทุ้งสีข้างเพื่อนมันที่ตั้งแต่ลงสนามมาก็เอาแต่จ้องหน้าผม

“เอ่อ..ขอบคุณครับพี่” ดูเหมือนมันก็เพิ่งได้สติ กระพริบตาปริบๆพูดอย่างมึนๆ

ผมพยักหน้าส่งๆก่อนจะหันมาหาไอ้คนที่เสียงดังใส่ผม

“เฮ้ย กูถามเนี่ย มึงเป็นใคร” ผมมองมันด้วยสายตาไม่ชอบใจ

เสียงดังใส่กูทำพ่อมึงหรอ

ผมเริ่มหัวเสียเนื่องด้วยนิสัยไม่ชอบให้ใครตะคอกใส่ เลยเอื้อมมือไปถอดหมวกกันน็อกออก

เสียงที่เงียบไปฮือฮาขึ้นอีกครั้งรอบสนาม

แน่ล่ะ เจ้าป่าคืนถิ่นนิ

ไอ้โน่มองผมตาค้างอ้าปากหวอก่อนครางเรียกชื่อผมอย่างตกใจ “พี่ซิ่ง...”

“เออ กูเอง หมดข้อสงสัยแล้วใช่มั้ย ไปกลับ!” ผมหันไปคว้าข้อมือคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเมียที่กำลังยืนตะลึงงันเมื่อรู้ว่าคนช่วยมันคือผม แอบเห็นมันตบปากตัวเองด้วย

คงเจ็บใจที่คนที่มันขอบคุณเมื่อกี้เป็นผม

“ดะ เดี๋ยว!” ไอ้โน่ที่สติกลับมาแล้วเรียกผมไว้

ผมหันกลับไปมองมันเขม็งว่ามีอะไร

“นะ นั่นแฟนผม!”

ผมตีหน้าขมวดมองไปที่เจ้าของข้อมือที่กำลังสะบัดมือผมออกแล้วมองเลยข้ามไหล่มันไปที่พวกเพื่อนไอ้ปาย

พวกมันโบกไม้โบกมือส่ายหัวว่าไม่ใช่

“หรอ กูเพิ่งรู้นะว่าแฟนมึง นึกว่าเมียกูซะอีก”

“…!!!”

ผมพูดแค่นั้นแล้วหันกลับเดินไปที่รถจับร่างที่ขัดขืนยัดใส่รถก่อนขับรถออกจากสนามไปอย่างไม่สนใจว่าคนที่เหลือทำหน้ายังไงเมื่อผมพูดคำว่า ‘เมีย’ ออกไป


ภายในรถตอนนี้เงียบกริบมีเพียงเสียงแอร์ที่เล็ดลอดออกมา ผมไม่แม้แต่จะเอื้อมือไปเปิดเพลงเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลายลงด้วยซ้ำ ให้มันอึดอัดมันอย่างนี้แหละ

ผมเหลือบตาไปมองคนข้างๆที่นั่งเงียบหันหน้ามองวิวข้างทางที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความมืดที่มีเพียงแสงไฟจากหลอดนีออนข้างถนนที่สาดส่องมาเป็นระยะเท่านั้น

หลังจากที่มันโวยวายในช่วงแรกและคงสำนึกได้ว่าโวยวายไปก็เท่านั้นมันเลยเงียบ

เงียบเหมือนว่าผมเป็นคนผิด ทั้งๆที่ผมเป็นคนไปช่วยมันจากเรื่องที่มันก่อไว้

มันต่างหากที่ผิด

“สร้างเรื่องนักนะมึง” ผมพูดฝ่าความเงียบ

มันยังคงนิ่งเหมือนไม่ได้ยิน มีเพียงริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันให้ผมได้รู้ว่ามันรับรู้

“หึ หนีกูกลับมาก่อนไม่พอยังจะไปเสนอตัวให้เค้าถึงที่” คราวนี้มันหันสายตาโกรธจ้องมาที่ผม ซึ่งผมก็ยังพูดต่อไป “ระริกระรี้อยากไปกับมันสินะ รู้ว่าต้องแพ้แต่ยังไปรับคำท้า”

มือที่วางนิ่งจิกลงไปในเบาะนั่ง

“แต่เสียใจด้วยนะ ที่กูมาขัดความร่านของมึง”

พลั่ก

หน้าผมชาวูบพร้อมความเจ็บที่แล่นพล่านขึ้นมาซีกหน้าซ้ายจากแรงปะทะจากหมัด ผมตบไฟเลี้ยวเข้าจอดเลียบข้างทางทันทีก่อนจะหันไปขึงมือทั้งสองข้างของมันไว้กับเบาะ โน้มตัวลงไปกดทับมันไว้อย่างเดือดจัด

“กล้าต่อยกูหรอฮะ!!” ผมเพิ่มแรงบีบข้อมือจ้องหน้ามันซึ่งมันก็จ้องผมกลับอย่างไม่ยอมแพ้เหมือนกัน

“เออ! ไอ้สัดถ้ากูเอาตีนเหยียบหน้ามึงได้กูทำไปแล้ว”

“กล้าพูดอย่างนี้กับกูหรอ มึงเป็นคนก่อเรื่องไม่ใช่หรือไง” ผมตะคอกใส่หน้ามันให้สำนึก

แต่ไม่เลยสักนิด นอกจากจะไม่สำนึกแล้วดวงตามันยังวาวโรจน์ขึ้นกว่าเดิมพยายามจะสู้แต่ถูกผมล็อกไว้ทุกทิศทาง

“มันมาท้ากู!”

“แล้วมึงก็โง่รับคำท้า ทั้งๆที่รู้ว่าต้องแพ้ อยากไปนอนอ้าขาให้มันนักหรือไง!”

“ต่ำ! มึงก็คิดได้แต่เรื่องต่ำๆ”

“ยังไงก็ผัวมึง”

“ไม่ใช่!”

“ปากดีไปเถอะมึง คนที่มึงนอนให้เอาทั้งคืนไม่เรียกว่าผัวแล้วเรียกว่าอะไร...พ่องั้นสิ!”

“สัด ถ้าคนที่เอากูเรียกว่าผัว กูคงมีผัวเป็นสิบแล้ว!”

ชะงัก

ประโยคเมื่อกี้ทำให้สมองผมอื้อชั่วขณะแต่มันก็แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น

ผมรู้ว่ามันโกหก ไม่ใช่ว่าผมเชื่อใจมัน

แต่เมื่อคืนผมได้พิสูจน์แล้วต่างหาก

มันอาจจะไม่ใช่คนที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ดูก็รู้ว่าผ่านเรื่องอย่างว่ามาไม่ใช่น้อย

 แต่ผมมั่นใจว่ามันผ่านมาแต่กับผู้หญิง

แล้วก็มั่นใจว่าผมเป็นผู้ชายคนแรกของมัน

แต่ถึงที่เรื่องมันพูดจะเป็นเรื่องจริง ผมก็ไม่แคร์

ถึงไม่ใช่คนแรก แต่ผม...ผัวคนสุดท้ายของมันโว้ยยยย

“ถ้าอย่างนั้นจำใส่กะโหลกทึบๆของมึงเลยว่ากูนี่แหละ...ผัวมึง!”

จบคำผมจัดการก้มลงชิดร่างมันเพื่อยืนยันคำว่า ‘ผัว’ ให้มันจำลึกเข้าไปในเซลล์สมองว่ามันน่ะ...

‘เมียกู’

ส่วนกูน่ะ

‘ผัวมึง’


“ต้องให้กูขึ้นไปส่งมั้ย”

“ไม่ต้อง”

ผมจูบปากมันแรงๆสักทีอย่างหมั่นไส้ก่อนจะปล่อยให้มันเปิดประตูรถเดินเข้าหอไปอย่างไม่มีท่าทีว่าจะเหลียวหลังกลับมามอง

มันเดินเป๋นิดหน่อยเหมือนคนทรงตัวไม่ค่อยอยู่ แน่ล่ะ เจอผมยืนยันสถานะ ‘ผัว’ ในรถไปสองรอบเน้นๆ

จะเพลียหนักก็เป็นเรื่องธรรมดา

เมื่อเห็นมันเดินขึ้นบันไดของหอพักจนลับตาไปแล้วผมจึงออกรถ เอื้อมมือเปิดเพลงร้องคลอเบาๆไปอย่างอารมณ์ดีผิดกับเมื่อขามาลิบลับ

ในใจลึกๆก็พะวงกับมัน แม่ง จะเดินถึงห้องหรือเปล่าวะคงไม่ขาสั่นล้มพับกลางทางหรอกนะ

ไม่มั้ง เห็นอวดดีจะตาย

ใจผมก็อยากจะอยู่ค้างกับมันหรอกนะ แต่พรุ่งนี้เช้าผมรับปากกับน้องแจงไว้ว่าจะไปส่งที่โรงเรียน วันนี้เบี้ยวเรื่องติวหนังสือน้องเค้าไปแล้วเลยไม่อยากผิดคำพูดอีก
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 8<<
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 17-07-2018 00:55:02
รักร้าย8


“อ๊ากกกกกกกกก สุขขีสุขขัง กูสอบเสร็จแล้วโว้ยยยยยยยยย”

เสียงไอ้วินแหกปากลั่นตึกชั้นสองของคณะทำเอานักศึกษาที่อยู่ตามทางเดินหันมามองกันให้พรึบ เอ่อ เข้าใจเพื่อนผมหน่อยนะครับ มันอดหลับอดนอนโดนไอ้แปงจิกมาอ่านหนังสือ เหล่ตามองคำตอบโต๊ะข้างๆจนตามันจะเขเป็นสัปดาห์ กว่าจะหลุดพ้นวิบากกรรมอันแสนโหดร้ายมาได้

ตอนนี้ผมอยู่หน้าห้อง sc รอไอ้แปงกับไอ้ซาวน์ที่ยังไม่เสด็จออกมา สอบอินออร์ตัวสุดท้ายแล้วครับ

อย่างไอ้แปงนี่เข้าใจครับมันเก่งมันทำได้ ใช้เวลาคำนวณกดเครื่องคิดเลขดุลสมการห่าเหวนานหน่อย

แต่ไอ้ซาวน์กูไม่เข้าใจมึงว่ะ กูเห็นเข้าไปอ่านโจทย์ไม่ถึงห้านาทีมึงก็ฟุบหลับ มาทำเอาตอนชั่วโมงสุดท้าย(สอบสามชั่วโมงครับ) มึงถวายตัวเป็นศิษย์ไอ้วินใช้วิชามารเหล่ตามองเหมือนมันใช่มั้ย

รอสักพักพวกมันสองตัวก็ออกมา

“เสด็จกันออกมาได้นะมึง กูนึกว่าจะอยู่รอช่วยอาจารย์ตรวจข้อสอบ” ไอ้บอลกัดทันทีที่พวกมันเสนอหน้าผ่านพ้นประตูมา

“อ้าว กูสองคนมันเทพ มึงเคยได้ยินช้าๆได้พร้าเล่มงาม” ไอ้ซาวน์ยิ้มอย่างมั่นใจ

“ถุย อย่ามาปากดีไอ้ควาย อย่างมึงน่ะนะรอลอกไอ้แปงดิมึง”

“ใคร? ใครลอก ไม่มีเหอะ เค้าเรียกว่าตรวจทานคำตอบโว้ยย”

“หรา”

“สัด”

“ฮ่าๆ” ไอ้แปงหัวเราะที่ไอ้ซาวน์ลูกแถมันถูกสกัดดาวรุ่งก่อนมันจะมองซ้ายมองขวา “คิงอ่ะ”

แหม ออกมาก็ถามหากันเลยนะมึง

“โอ๊ย มันสอบเสร็จก็เปิดตูดแน่บไปรับสาวบัญชี ป่านนี้ไปถอดสแควร์รูทยกกำลังกันถึงไหนต่อไหนแล้ว”

ป้าป!

เต็มๆครับ ไอ้วินพูดจบก็เจอฝ่ามือพิฆาตของผมกับไอ้บอลกลางกบาลเน้นๆ

มองมันคาดโทษไปที มันก็ยกมือไหว้ปรกๆอย่างสำนึกผิด

“กูขอโต๊ดดดดดดด กูลืมตัวหมาในปากมันไปเอ๊งงงงงงงง”

หันไปมองไอ้แปง ซึมครับ จากที่หัวเราะร่าเมื่อกี้อยู่ตอนนี้หงอยสนิท

สักพักมันก็ปรับสีหน้ามาปกติเหมือนเดิม

“หรอ...เอ่อ...อื้ม! วันนี้หกโมงเย็นอย่าลืมนะพวกมึง พี่ปี4 นัดประชุมเรื่องเคมทริป ห้ามสายห้ามขาดห้ามป่วยห้ามตาย!..บอกมันด้วยล่ะ.”

ปลายเสียงจะแผ่วไปมั้ยมึง

แล้วพวกผมก็พากันเดินออกมาที่หน้าคณะนี่เพิ่งจะบ่ายโมง ตกลงกันว่าจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนเพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาโคตรลากเลือดตายกันระนาว ของีบสักหน่อย หกโมงต้องลากสังขารอันน่าสังเวชมาประชุมอีก

เฮ้ออออ เยอะเนอะชีวิตกู


ผมควบฟีโน่สุดโก้คันเดิมของผม(ให้ไอ้คิงพาไปเอากลับมาจากคอนโดไอ้เวรตั้งแต่สองอาทิตย์ที่แล้ว)ตรงกลับหอพัก โชคดีที่หอผมอยู่ใกล้มอ หลังมอนี่แหละ พอดีคณะผมมันอยู่หลังสุดของมหา’ลัย ผมเลยหาหอที่อยู่หลังมอ จะได้ไปมาสะดวก(ไม่ต้องตื่นเช้าด้วย แฮ่)

แอ๊ดดดดดดดด

พอไขประตูเปิดเข้ามาผมก็จัดการปิดประตูลงกลอนถอดรองเท้าเหวี่ยงกระเป๋าและกระโดดขึ้นเตียงทันที

ไม่ไหวละ กูจะตาย

=_= Zzzz


ตื้ดๆ

ผมสะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งเอาไว้ งืม ห้าโมงแล้วหรอวะ กูนอนไปกี่ชั่วโมงวะทำไมมันเหมือนนอนไม่เต็มอิ่ม ผมยกมือคลึงขมับทั้งสองข้างเผื่อไอ้ที่รู้สึกมึนๆมันจะดีขึ้น กำลังจะลุกไปล้างหน้าล้างตาแต่พอเด้งตัวขึ้นมากลับล้มลงไปนอนอยู่ที่เดิม

อะไรวะ

มันเหมือนมีอะไรหนักๆมารัดตัวอยู่ทำให้ลุกไม่ขึ้น

ผมมองต่ำไปยังกลางลำตัวของตัวเองก่อนจะตาสว่างหายง่วงทันทีเมื่อเห็นวงแขนของใครสักคนวางทาบอยู่บนตัว

ขวับ

“อ๊ะ...” ผมหันไปข้างตัวอย่างอัตโนมัติก่อนจะผงะออกมาอย่างตกใจเมื่อปลายจมูกผมชนเข้ากับแผงอกกว้างของอีกคนที่นอนร่วมเตียงอยู่กับผม

ผมละหน้าจากแผงอกแหงนขึ้นไปมองใบหน้าเจ้าของอ้อมกอดที่โอบรัดผมอยู่

ใบหน้าคมคิ้วเข้ม เจ้าของผมสกินเฮดที่หายไปจากชีวิตผมร่วมสองสัปดาห์

ผมขมวดคิ้วมุ่นคำถามแรกที่ผุดขึ้นมาคือ...

...มันเข้ามาในห้องผมได้ยังไง

...แล้วมันมาทำไม

...มีเหตุผลอะไร ทำไมต้องมานอนกอดผม

และอีกหลายความสงสัยที่ผุดขึ้นตามมาอีกมากมาย

...ออกไปจากชีวิตกูแล้วกลับมาทำไม...

ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกอย่างไร ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเพราะอะไรทำไมหัวใจถึงเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆที่ได้เห็นหน้ามันอีกครั้ง ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นที่สนามวันนั้น วันที่มันเอาผมในรถสองรอบเกือบสองชั่วโมง วันที่มันมาส่งผมที่หอพักแล้วก็หายหัวไปเลย นี่เป็นครั้งแรกในรอบสองสัปดาห์กับอีกสองวันที่มันโผล่หัวมา

ตอนนี้มันนอนหลับตาพริ้มลมหายใจสม่ำเสมอ เอาคางเกยไว้บนหัวผม มือแขนข้างหนึ่งสอดเข้ามารองหัวผมไว้ อีกข้างพาดอยู่ที่เอว

ผมกวาดสายตามองไปทั่วไปหน้ามันอย่างสำรวจ เป็นครั้งแรกที่ผมได้มองมันใกล้ขนาดนี้(ทุกทีก็ใกล้แต่ไม่เคยมอง) หน้าตามันดูอิดโรยดูโทรมไปเยอะ ขอบใต้ตาคมดำคล้ำยังกับหมีแพนด้า หนวดก็เริ่มขึ้นเหมือนเจ้าของไม่ใส่ใจที่จะจัดการกับมัน ผมก็เริ่มยาวเคลียหลังหูมันแล้ว

“...อืม” เสียงครางในลำคอของคนที่ขยับตัวทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ กระพริบตาปริบๆตั้งสติให้กับตัวเอง

แล้วกูจะมานอนจ้องหน้ามันทำไมวะ

ผมขยับตัวออกห่างมันให้เบาที่สุด กลัวมันตื่นตอนนี้ยังไม่พร้อมจะทำศึกสงครามด้วยจริงๆครับ ใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งค่อยๆคีบแขนมันออกจากเอว จากนั้นก็กระดึ๊บๆตัวเองออกมา มันขยับตัวนิดหน่อยเหมือนคนโดนกวนเวลานอน

ในที่สุดผมก็หลุดออกมายืนอยู่ข้างเตียงได้สำเร็จ ถอนหายใจโล่งอกที่เห็นไอ้ตัวโตบนเตียงยังไม่รู้สึกตัว ผมเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นเตรียมตัวออกไปประชุม หยิบกระเป๋าตัง โทรศัพท์ กุญแจรถ ก่อนจะออกจากห้องก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่เตียงก็ไม่เห็นมีทีท่าว่ามันจะตื่น

มึงหลับหรือตายวะ

ผมเปิดประตูก่อนจะปิดประตูโดยล็อคจากข้างในไม่ได้คล้องแม่กุญแจข้างนอก

หวังว่ามันตื่นมาแล้วกลับคอนโดมันไปก่อนที่ผมจะกลับมานะ


ตอนนี้ผมอยู่ในห้องประชุมของภาควิชากำลังนั่งฟังพี่ปี4กับเพื่อนชั้นร่วม ชั้นปีของผมที่เป็นประธานงานรับน้องนอกสถานที่ฟาดฟันกันอย่างเมามัน อย่างที่รู้กันครับ ในภาควิชาของเราจะมีค่ายตอนปิดเทอมแรกเพื่อเป็นการพาน้องปี 1 ที่เพิ่งเข้าใหม่ไปรับน้องทำกิจกรรมร่วมกัน(เหมือนมีรับน้องสองรอบ)ซึ่งสถาน ที่จัดการของทุกปีคือทะเล  ซึ่งงานนี้เป็นธรรมเนียมว่าปี 2 ต้องรับผิดชอบ น้องปีหนึ่งจะโดนบังคับไปทุกคนแต่พี่ปีสามกับปีสี่นี่แล้วแต่ศรัทธาใครอยาก ไปไม่ไปก็ได้

ส่วนปี2ต้องไปอยู่แล้วครับ เจ้าภาพจัดงานนี่นา

กลุ่มผมก็ไม่ได้วุ่นวายอะไรหรอกครับไม่มีงานรับผิดชอบหลัก สั่งอะไรก็ทำรอรับคำสั่งจากไอ้วิว(ประธานชั้นปี)อีกที

จะมีก็แต่ไอ้เป็ดขี้เหร่อีกาในหมู่ราชสีห์??อย่างไอ้แปงที่เสนอหน้าไปเป็นเฮดฝ่ายกิจกรรมลูกมือขวาของไอ้วิวมัน

ไอ้นี่มันไฮเปอร์ครับชอบทำนั่นนู่นนี่เยอะแยะไปหมด แถมยังเป็นโรคใจอ่อนใครขอให้ช่วยอะไรก็ทำให้หมด

ผมก้มปิดมือถือที่สั่นมาเกือบครึ่งชั่วโมงจากเบอร์เดียวที่โทรเข้า แล้วผมก็ไม่คิดจะกดรับจนรำคาญมากๆปิดเครื่องแม่งเลย

สัด! หน้าด้าน กูไม่รับก็โทรมาอยู่นั่นแหละ

เสียงเครียดของไอ้วิวดึงให้ผมเลิกสนใจไอ้เครื่องสี่เหลี่ยม

“ผมว่าไปอ่าวไข่ดีกว่าครับ คนไม่พลุกพล่านส่วนตัวดี” ไอ้วิวเสนอ


   “แต่พี่อยากลงใต้ ได้ไปทั้งทีก็ไปที่มันดีๆสิ”อันนี้พี่หมี่ประธานปีสี่ครับ



   “แล้ว อ่าวไข่ไม่ดีตรงไหนครับ หาดสวยเหมือนกันนั่นแหละ ประหยัดเวลาด้วยจะได้มีเวลาทำกิจกรรมมากขึ้น” ผมเห็นนะไอ้วิวมันพยายามพูดจาสุภาพกับพี่มากที่สุดทั้งๆที่มันก็เริ่มมี อารมณ์แล้วเหมือนกัน


   “ก็พี่เคยไปแล้ว เลยอยากลงไปเที่ยวทะเลทางใต้บ้าง ไปได้ทุกปีทะเลแถวนั้น เบื่อ!”พี่ต้องพี่อีกคนที่นั่งข้างๆพี่หมี่พูดขึ้น


   “แต่วัตถุประสงค์หลักของค่ายคือพาน้องปีหนึ่งไปรับน้องไม่ใช่หรอครับ ถ้าพี่อยากไปเที่ยวก็ไปกันเองก็ได้นะครับ เบื่อแล้วไม่ต้องไปทริปนี้ก็ได้” เอาล่ะเว้ยเฮ้ย! เสียงยังคงความสุภาพแต่วาจามึงเชือดเฉือนมากสัดวิว กลุ่มพี่หมี่นี่ถลึงตาใส่แทบจะลุกกรี๊ดแล้วมั้งนั่น


   ความจริงพี่ๆเค้าก็ไม่ได้เลือกมากอะไรหรอกครับออกจะพูดง่ายซะด้วยซ้ำเพราะเค้าเห็นน้องๆทำงานกันเหนื่อยแล้ว


   มีปัญหาอยู่กลุ่มเดียวเนี่ยแหละ“เอ่อ...ผมว่าเอาอย่างนี้มั้ยครับ” ไอ้แปงมือปืนขวาของไอ้วิวยกมือเสนอขึ้นมาก่อนที่พี่หมี่จะแว๊ดขึ้นมาอีกรอบ “ผมว่าเราก็ไปอ่าวไข่กันเหมือนเดิมเพราะจะได้ตัดปัญหาเรื่องเวลาในการเดินทาง หลังจบกิจกรรมจะได้มีเวลาเล่นน้ำกันนานขึ้นด้วย”

“เอ่อ...ผมว่าเอาอย่างนี้มั้ยครับ” ไอ้แปงมือปืนขวาของไอ้วิวยกมือเสนอขึ้นมาก่อนที่พี่หมี่จะแว๊ดขึ้นมาอีกรอบ “ผมว่าเราก็ไปอ่าวไข่กันเหมือนเดิมเพราะจะได้ตัดปัญหาเรื่องเวลาในการเดิน ทาง หลังจบกิจกรรมจะได้มีเวลาเล่นน้ำกันนานขึ้นด้วย”


   พี่แฟง(กลุ่มเดียวกับอีพี่หมี่นั่นแหละ)ทำท่าจะค้านแต่ก็ถูกไอ้วิวขัดซะก่อน


   “กรุณาฟังเพื่อนผมพูดให้จบก่อนครับ” ไอ้แปงหันไปมองเป็นเชิงขอบใจก่อนจะพูดต่อ


   “เรา ไปอ่าวไข่เหมือนเดิม แต่ขากลับเราก็เอาเวลาที่เหลือแวะเที่ยวที่อื่นซึ่งเป็นสถานที่ที่ผ่านดี มั้ยครับ อย่างเช่นตลาดน้ำอัมพวา สวนผลไม้...”


   มันเสนอที่ทำให้ กลุ่มพี่หมี่มีท่าทียอมลงให้นิดหน่อย พี่ๆคนอื่นรวมทั้งเพื่อนในชั้นปียิ้มให้กับไหวพริบในการแก้ปัญหาของมัน พี่อาร์มปีสามนี่โพล่งออกมาเลยครับ


   “น้องแปงของพี่นี่นอกจากน่ารักแล้วยังฉลาดอีก ไม่เสียแรงที่พี่ชอบน้องมานาน”


   “เฮ้ย อาร์ม อย่าม่อ! กูจองแล้ว”


   “ฮิ้ววววววววววว”


   เสียง แซวเสียงโห่เรียกให้บรรยากาศกลับมามีสีสันอีกครั้งหลังจากที่ก่อนหน้านี้มัน กลายเป็นสงครามเย็นกันไปพักหนึ่ง ไอ้แปงนี่นั่งหน้าแดงแปร๊ดเลยครับเอาหน้าซุกไหล่ไอ้วิวแทบไม่ทัน น่ารักอ่ะเพื่อนกู ยิ่งวันนี้มันมัดจุกข้างหน้าทำผมทรงน้ำพุยิ่งโคตรน่ารัก


   แต่ก็มีอีกคนหนึ่งครับที่ทำตัวแปลกแยกนั่งหน้าเป็นตูดอยู่ข้างผม ริดสีดวงแตกหรอมึงสัดคิง!


แล้วในที่สุดการประชุมก็เสร็จสิ้น ผลการลงสมติและตัดสินจากคณะกรรมการทั้งหลาย(เว่อร์)ว่าฝ่ายโจทย์(ไอ้วิว)ได้ชนะฝ่ายจำเลย(แค้น)อย่างชอบธรรม

ตอนนี้ถึงเวลาที่ผมและผองเพื่อนจะไปหาอาหารให้พยาธิที่มันร้องประท้วงโครกครากสักที

“แปง!”

หืม? พวกผมหยุดเดินก่อนจะหันกลับไปมองตามเสียงที่ดังมาด้านหลัง ไอ้วิว...

“มีไรหรอมึง” ไอ้แปงถามงงๆ

“ขอบใจเรื่องวันนี้นะโว้ย” ไอ้แปงฉีกยิ้มกว้างรับ มันพยักหน้ารับเบาๆ “สบายมาก ^^”

“งั้น กูไปนะ จุ๊บ!” มันพูดจบก็ก้มลงหอมแก้มไอ้แปงก่อนจะรีบวิ่งออกไปอย่างเร็ว มีหันกลับมายิ้มโบกมือด้วย

พวกผมหันไปมองหน้าไอ้แปงที่ตอนนี้แดงแปร๊ดอย่างอึ้งๆ ไอ้บอลนี่ชี้ไม้ชี้มือมั่วไปหมด

“นี่มึง...กับมัน...”

“ไม่มีไรสักหน่อย >///<”

“โห่ มึงมีไรปิดบัง อร๊ายยยยย กูมองแล้วเขินแทน โลกแม่งเป็นสีชมพูอมม่วงเลยมึ๊งงงงงง” ไอ้วินครับเอาฝ่ามือทั้งสองแนบแก้มบิดไปมาทำท่าเขิน สติหลุดไปแล้วมึง ทำยังกับโดนหอมเอง

“แม่งคนนี้มาวินโว้ยยยยยยยยย”

“กูไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้น เพื่อนกัน >//<”

“แต่ถ้ามันชอบมึงหรือมึงชอบมันกูสนับสนุนนะ มันนิสัยดี มีความเป็นผู้นำ หล่อ ที่สำคัญแคร์มึงและไม่ทำให้เสียใจเหมือนใครบางคน” ผมจงใจเน้นตรงคำว่า ‘ใครบางคน’ กระแทกใส่หน้าไอ้คิงที่มันทำหน้านิ่งสุดๆ

แต่โทษเหอะมึง ขบกรามจนมันขึ้นเป็นสันแล้วมึง

ไอ้แปงเหลือบตามองไอ้คิงนิดหน่อยก่อนจะก้มหน้าหลบสายตา

เฮ้อ คอยดูนะกูจะจับไอ้แปงใส่หิ้งยกให้ไอ้วิวมัน ท่ามากนักสัดคิง!

“เฮ้ย ไอ้ปาย” ก่อนที่ผมจะกระโดดงาบหัวไอ้คิงด้วยความหมั่นไส้ ไอ้แคนก็สะกิดผมก่อนจะพยักเพยิดหน้าไปทางลานจอดรถที่มีผู้ชายตัวโตหน้ายักษ์ยืนพิงรถ Alfa Romeo 4C Concept สีทูโทนดำ-ส้ม คันคุ้นตาอยู่ที่จอดข้างๆฟีโน่ของผม

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ แม่ง ตามกูมาจนได้สิน่า

ทันทีที่มันเห็นผมก็ยืดตัวขึ้นตีหน้านิ่งแล้วเดิมเข้ามาหาทันที

“กูโทรมาทำไมไม่รับสาย”

“เหรอ กูไม่เห็นรู้เรื่อง”

“อย่ามารวน ตอนแรกสายยังว่างอย่าให้กูรู้ว่ามึงจงใจปิดเครื่องหนีกู แล้วนี่จะไปไหน” มันเข้ามาจับข้อมือผมไว้เมื่อผมทำท่าจะเดินหนี

“แดกข้าว เฮ้ย พวกมึงจะแดกมั้ยข้าวอ่ะยืนนิ่งอยู่ทำเหี้ยไร” ประโยคหลังผมหันไปด่าพวกมันที่ทำเป็นยืนเกาหัวเกาหูเหมือนไม่รู้ไม่เห็น

หอยเม่นสัด! กูเพื่อนมึงนะ

“กูไปด้วย”

“เกี่ยวไรกับมึง”

“เกี่ยวแน่ อย่าลืม...มึงมีคดีติดตัว ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกกู”

“ห๊ะ...” เสียงไอ้พวกตัวอุทานมาเบาๆอย่างตกใจแต่ผมก็ได้ยินอยู่ดี มันส่งสายตามาประมาณว่าพี่มันนอนอยู่กับมึงหรอ ซึ่งผมก็ทำเป็นไม่เข้าใจ ไอ้ซาวน์มันเลยด่าแบบไม่มีเสียงจับความได้ว่า ‘สัด’

ไอ้คิงบอกว่าเดี๋ยวไปรอที่ร้าน ก่อนที่พวกมันจะพากันเดินออกไป

ตอนนี้เลยเหลือแค่ผมกับมัน

“ว่าไง กูถามว่าทำไมไม่ปลุกกู ออกไปไหนก็ไม่บอกถ้ากูไม่โทรถามโซ่กูจะรู้มั้ย” มันถามเสียงหาเรื่อง

“แล้วมันเรื่องของมึงรึไงล่ะ ชีวิตกูตัวกู จะไปไหนทำไมต้องรายงานมึง” ผมขึ้นเสียงใส่มันอย่างหงุดหงิด

“ก็มึงเป็น...”

“หุบปากเลยมึง ไม่ต้องพูดออกมา” ผมชี้หน้ามันรู้ว่ามันจะพูดว่าอะไร มันยกมือขึ้นมาจับนิ้วผมลง

“ทำไมกูจะพูด มึงน่ะเป็นเมียกู” ตรงคำว่าเมียมันเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นด้วย

“ไอ้...!!!” ผมแทบจะฉีกเนื้อมันทิ้ง หันมองซ้ายขวาดูว่ามีคนมาได้ยินรึเปล่า ถึงจะมืดแล้วไม่ค่อยมีนักศึกษาแต่ก็มียามอยู่นะ!

ผมลากแขนมันมาที่ลานจอดรถ

“กูไม่ใช่เมียมึง” พอเห็นว่าปลอดคนผมก็สะบัดแขนมันทิ้งก่อนจะเผชิญหน้ากัดฟันพูด มันยกยิ้มมุมปากดันผมติดกับประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับก่อนเอาแขนมาคร่อมผมไว้

“พูดใหม่ซิ”

“กู! ไม่! ใช่! เมีย! มึง!”

“ว่าไงนะ” มันตีหน้ารวนก่อนก้มลงมาชิดผมมากขึ้น ทำให้ผมเริ่มเข้าใจบางอย่าง

ถ้าผมพูดว่าผมไม่ใช่เมียมันอีก

มันได้จูบผมตรงนี้แน่ สายตามันฟ้องว่าอย่างนั้น

ผมรู้ว่ามันกล้า มันหน้าด้านจะตาย

คราวนี้ผมเลยเลือกที่จะไม่ตอบอะไร เม้มปากแน่นจ้องหน้ามันอย่างเคียดแค้น มันทำหน้าพอใจก้มหน้ามาอีกนิดเหมือนแกล้งให้ผมหดคอหนีมัน

“หะหะ กูไม่ทำหรอกน่า แล้วเลิกพูดสักทีว่าไม่ใช่เมีย มึงรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร แต่ถ้ามึงยังคิดว่าไม่ใช่เดี๋ยวคืนนี้กูสนองเอง อยากอยู่พอดี”

ประโยคที่มันพูดทำเอาผมปรี๊ดขึ้นสมอง ผลักมันออกเต็มแรง มันกระเด็นหลุดเซถอยหลังไม่สองสามก้าวมองผมอย่างไม่เหมือนคำพูดมันไปสะกิดต่อมบางอย่างที่อยู่ข้างในให้มันระเบิดออกจนตวาดออกไปสุดเสียง

“เมียหรอ! เลิกเรียกกูอย่างนี้สักที! ที่มึงทำน่ะ...ก็แค่คู่นอน ว่าไงนะ...อยากอยู่พอดีหรอ สัด! เงี่ยนก็มาหากูเอาเสร็จแล้วก็หายหัวไป มึงจะเอายังไง!  แล้วที่กลับมาคราวนี้ก็เงี่ยนอีกสิ ไปเลยมั้ยกูจะได้แก้ผ้าให้เอาจะได้จบๆไป มึงจะได้ไปสักที!! ”

ผมไม่ได้พิศวาสมันถึงขนาดมันหายหัวไปแล้วผมจะลงแดงหรอกนะ แค่รู้สึกโหวงๆนิดหน่อยแต่ก็คิดว่าโอเคอย่างนี้ก็ดีจะได้จบไป ต่างคนต่างอยู่ แต่อยู่ดีๆมันก็โผล่หัวมาหลังจากที่หายไปเป็นชาติ

มาบอกว่าอยาก แล้วจะให้ผมคิดยังไง

“ปาย...” มันครางเรียกผมอึ้งๆก่อนจะเข้ามาจับตัวผมไว้แต่ผมสะบัดออก

“ไม่ต้องมาจับกู!!”

มันเข้ามารวบตัวผมอีกครั้งคราวนี้มันกอดไว้ทั้งตัว ผมทุบหลังมันอย่างแรงเพื่อให้มันปล่อยแต่ยิ่งทำให้มันรัดตัวผมแน่นขึ้น

มันจับหัวผมกดลงไปที่ไหล่มันก่อนจะลูบหัวผมเบาๆ

ผมไม่ได้ร้องไห้นะ น้ำตาไม่มีสักหยด มันแค่รู้สึกแน่นๆในอกหน่วงยังไงก็ไม่รู้

“ไปกันใหญ่แล้วมึง เฮ้อ ที่กูหายไปน่ะ...”

“เรื่องของมึง!” ผมกระแทกเสียงขัดมัน

“เอ๊ะ! ฟังกูก่อนสิ” มันดุก่อนจะเริ่มเคลื่อนฝ่ามือที่หยุดลูบหัวผมต่อ

“กูติดสอบ มึงก็รู้ว่าหมอเรียนหนักสอบโหดแค่ไหน กูนอนวันหนึ่งไม่ถึงสามชั่วโมงด้วยซ้ำ มึงดูหนังหน้ากูสิโทรมขนาดไหน ที่ไม่มาหามึงไม่ใช่ไม่อยากมา แต่เห็นหน้ามึงกูไม่มีสมาธิอ่านหนังสือหรอกเชื่อสิ...อยากทำอย่างอื่นมากกว่า”

ประโยคหลังมันก้มมากระซิบข้างหูก่อนเป่าลมเข้ามา

“สัด” ร้อนหน้าฉิบหายเลยมึง

ผมด่ามันก็จะฝืนตัวออกมาจากกอดของมัน มันยอมคลายออกเลื่อนมือจากกลางหลังลงมาโอบเอวผมไว้หลวมๆ

“นี่ใช่มั้ยมึงเลยหนีกูออกมา ไม่ยอมปลุกกู ไม่รับโทรศัพท์” มันมองด้วยสายตาคาดคั้น

“ไม่ใช่สักหน่อย” แล้วเสียงกูเป็นไรถึงเบาอย่างนี้วะ

“กูสอบเสร็จก็รีบมาหาเลยนะ แต่เมียแม่งเชี่ยไปไหนไม่บอกกูสักคำ”

“มึงสิเหี้ย”

“ยอมรับแล้วสิว่าเป็นเมียกู ฮ่าๆ”

คxย กูโดนมันหลอกหรอเนี่ย

“ไอ้ควาย ไอ้หูดหงอนไก่ ไอ้เหี้ย”

“ฮ่าๆ ด่ากูกลบกลื่นดิ กร๊ากกกก โอ๊ย อย่าทุบดิมึงเจ็บ ไม่ล้อแล้ว” ผมหยุดมือที่ทุบแขนมัน มันลูบแขนเบาๆตรงที่ถูกทุบก่อนมองผมด้วยสายตาล้อเลียน

“แต่ว่ากูเพิ่งรู้นะว่าเมียกูมีอารมณ์น้อยใจอย่างคนอื่นเค้าด้วย”

“กูไม่ได้น้อยใจ!” ผมแก้ กูไม่ได้นิสัยแต๋วขนาดมานั่งน้อยใจหรอกนะ! แล้วไม่ต้องมาทำสายตาเป็นไม่เชื่อด้วย!

“จริง??”

“เออ ไอ้สัด! กูไม่ได้น้อยใจมึงนะ!”

“ฮ่าๆเอาเหอะๆ แต่เคลียร์แล้วนะ ไปกินข้าวได้แล้วหิวไม่ใช่หรอมึง ป่านนี้เพื่อนมึงรอกระเพาะแห้งแล้วมั้ง”

“เออ ไปดิ แต่กูไม่ได้น้อยใจมึงนะ!”

“คร้าบๆๆ”

ถึงปากมันพูดแต่หน้าตามึงไม่ได้เชื่อตามที่กูพูดเลยเหอะ

มันปลดล็อกรถก่อนจะดันตัวผมเข้าไปแต่ผมขืนไว้

“แล้วรถกูอ่ะ” ผมมองไปยังฟีโน่คู่ใจลูกรักของผม

“จอดไว้นี่แหละ ไม่มีใครเค้ามาขโมยหรอกเศษเหล็กสองล้อมึงเนี่ย” ผมตวัดตาไปมองมัน มันตีหน้ามึนกดหัวผมให้เข้าไปในรถก่อนจะปิดประตูอ้อมไปฝั่งคนขับ

กูเคืองนะไอ้สัด ด่ากูกูยังไม่เคืองเท่าว่าลูกรักกูเลย

ไอ้สัดหัวเห็บ!!

ผมเหลือบสายตามองมันแว๊บหนึ่งตอนที่มันสอดตัวเข้ามาในรถก่อนจะหันหน้าออกไปข้างทาง

เอาเข้าจริงๆผมก็ไม่ได้โล่งใจไปซะทีเดียว มันยังมีบางเรื่องที่ยังค้างใจอยู่

แต่คิดว่าผมจะถามไปให้ได้อะไร รักชอบกันรึก็เปล่าซอกแซกถามเดี๋ยวก็โดนมันย้อนมาจะทำให้เจ็บใจเปล่าๆ

หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 9<<
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 17-07-2018 00:59:45

รักร้าย9

หลังจากที่ผมกินข้าวเสร็จจนอิ่มหมีพลีมันก็แยกย้ายทางใครทางมัน ไอ้บอลไอ้วินไอ้ซาวน์จะไปล่าเหยื่อกันต่อ ไอ้แคนรีบกลับไปสไกป์กับน้องโซ่ของมัน(จะบอกว่าเจอไอ้พี่ชายตัวดีมองตาขวางเลยครับตอนมันพูด) ไอ้คิงกลับหอโดยมีไอ้แปงกระโดดเกาะตามหลังไปด้วย

ส่วนผม ก็ต้องกลับกับคนที่คุณก็รู้ว่าใคร

“กูจะกลับหอกู” ผมบอกมันในขณะที่อยู่บนรถ มันหันมามองผมแว๊บหนึ่งก่อนจะหันกลับไปตั้งใจมองทางข้างหน้า

“กูไม่นอนหอมึงหรอกนะ ร้อน! แคบด้วย” 

“กูก็ไม่ได้บอกว่าให้มึงไปนอนด้วยสักหน่อย กูกลับคนเดียว ถ้าไม่ไปส่งก็จอด กูกลับเอง”

“อย่ามามึน วันนี้มึงต้องค้างกับกู แล้วที่คอนโดกูด้วย” มันพูดเสียงบังคับ ผมตวัดตาไปมองมันทันที

“ไม่ กูจะกลับหอ ใครอยากไปค้างกับมึง”

“กูไม่ได้ถามว่ามึงอยากรึเปล่า ถ้ามึงไม่โง่ก็น่าจะรู้ว่ากูบังคับ”

“แต่กู...”

“อย่าให้กูอารมณ์เสียนะ มึงก็รู้ว่าดื้อกับกูไปก็เหนื่อยเปล่า นั่งเงียบๆไปเลยมึง รำคาญ” มันมองผมด้วยหางตา แต่เห็นแค่นี้ก็รู้ละว่าแม่งโคตรขู่ ผมทุบไหล่มันไปทีอย่างหมั่นไส้ มันชี้หน้าผมอย่างคาดโทษ

แต่ใครจะสน ผมปรับเบาะเอนตัวลงนอนหลับตา ไม่อยากเห็นหน้ามัน เกลียด!!


“ไอ้ปาย ไปอาบน้ำ”

“...”

“มึงเป็นโรคอะไรถึงไม่ชอบอาบน้ำ ยัง ยังไม่ลุก อย่าให้กูพูดซ้ำนะ ไม่อย่างนั้นโดนอย่างครั้งที่แล้วแน่”

ผมเด้งตัวลุกจากโซฟาที่ผมล้มตัวนอนตั้งแต่เข้าห้องมา หันไปมองไอ้คนชอบขู่ที่มันเดินเข้าไปในครัว ผมทำหน้าบึ้งก่อนจะเดินกระทืบเท้าเข้าห้องนอน เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าเช็ดตัว คุ้ยหาเสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่ผมใส่ประจำเวลามาค้างที่นี่

ผมจัดการกับตัวเองอาบน้ำแต่งตัวรวมกันไม่ถึงสิบนาที ตอนผมเดินออกจากห้องน้ำมาก็เห็นไอ้หมอนั่งตัวดำอยู่บนเตียง มันนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเตรียมตัวอาบน้ำต่อจากผม มันเลิกคิ้วมองผมสักพักก็ทำหน้าเอือมๆ

“มึงวิ่งผ่านน้ำหรอวะ เร็วเว่อร์ ซกมกไม่มีใครเกินเลยนะมึง”

ผมทำเป็นลอยหน้าลอยตาไม่สนใจมัน เหมือนเมื่อกี้ผมไม่ได้ยิน เสียงหมาเสียงควายไม่สนใจหรอก ระคายหู

“กวนตีน” มันลุกจากเตียงเดินเข้ามาผลักหัวผมอย่างหมั่นไส้ก่อนจะเดินผ่านเข้าห้องน้ำไป ผมขว้างกระป๋องแป้งเย็นที่คว้าได้ใส่หลังมัน

มันหันกลับมาชี้หน้า ก่อนก้มหยิบกระป๋องแป้งแล้วเขวี้ยงกลับมา สัด ล่อหัวกูเลยนะมึง ดีนะกูหลบทัน

ผมล้มตัวลงบนเตียง ตอนแรกว่าจะไปนอนโซฟาแต่เดี๋ยวไอ้ฮิตเลอร์มันก็ไปลากผมเข้ามา นอนนี่แหละกูขี้เกียจตื่นสองรอบ ผมคว้าหมอนข้างเข้ามากอดเอาหน้าซุกหมอนห่มผ้า สักพักก็เริ่มรู้สึกเบลอแล้วผล็อยหลับไป

ลาก่อนวันแสนวุ่นวาย ขอกูพักเหอะ


“อืม...อย่ากวน กูจะนอน” ผมพลิกตัวหนีสัมผัสที่มายุกยิกแถวซอกคอ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนลูบสะโพกอยู่

โอ๊ยยยยยยยยยย กูจะนอน

ผมหยีตาหันกลับมามองไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมนอนไม่เป็นสุขอย่างไม่พอใจ ผมเป็นคนหลับง่ายก็จริงแต่ก็เป็นคนตื่นง่าย มันไม่ได้สนใจว่าผมกำลังรำคาญแค่ไหน จับผมพลิกนอนหงายก่อนจะกดมือที่ผมใช้ผลักมันลงบนเตียง ก้มหน้าซุกคอผมต่อ

“ไม่เอาโว้ย วันนี้กูเหนื่อยมาทั้งวัน อื้ออออออ” เหมือนเสียงผมไปทำให้มันรำคาญเลยก้มลงมาปิดปากผม กดริมฝีปากลงมาย้ำๆก่อนจะค่อยๆดูดริมฝีปากบนผมก่อนจะลงไปริมฝีปากล่าง ย้ำครับว่าดูดจริงๆถ้ามันหลุดได้คงติดเข้าไปในปากมันแล้ว ในขณะที่มันกำลังจะย้ายขึ้นมาดูดริมฝีปากบนอีกครั้งผมก็งับเข้าที่ริมฝีปากล่างมันก่อนจะกัดหวังให้มันเจ็บแล้วปล่อยแต่ไม่ครับ มันกัดผมคืน แรงกว่าด้วย T^T

ผมเลยจำต้องปล่อยไม่อย่างนั้นได้เลือดแน่ๆ มันถอนหน้าออกมายักคิ้วให้ผมอย่างกวนตีนก่อนจะก้มลงจูบผมต่อ คราวนี้ไม่หยอกล้ออย่างที่แล้วมา มันประกบปากผมแน่นแล้วสอดลิ้นเข้ามาตวัดลิ้นไปรอบๆเหมือนโกยน้ำบ่อน้อยในโพลงปากผมไปเชยชิมก่อนเกี่ยวกระหวัดลิ้นอย่างหนักหน่วง

ตอนนี้ผมเริ่มนอนไม่ติดที่แล้ว มือสากที่ล้วงเข้ามาในเสื้อบดขยี้หัวนมผมอย่างมันมือ จมูกที่ลากผ่านแก้มลงไปซุกที่ซอกคอสลับ ได้ยินเสียงลมหายใจที่หอบหนักขึ้นของร่างที่คร่อมทับตัวผมไว้

“อื้อ... อย่า ทะ ทำรอย...นะมึง” ผมบอกมันเสียงกระเส่าเมื่อรู้สึกถึงเจ็บบริเวณซอกคอ ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นเมื่อเข่าของมันบดเข้าที่กลางลำตัวจุดอ่อนไหวของผม

มันยืดตัวขึ้นเอาลิ้นชอนเข้าไปในรูหูสลับกับเลียเบาๆทำเอาผมสะท้านไปทั้งร่าง

“ห่ะ..อื้อ ” มันยกตัวถอดเสื้อผมออกแล้วปลดกางเกงลงไปที่ข้อเท้าก่อนจะใช้เท้าถีบมันออกไป ผมที่ตอนนี้ไร้แรงขัดขืน มือข้างหนึ่งจิกผ้าปูที่นอนอีกข้างหนึ่งดันไหล่แกร่งระบายอารมณ์ที่ตอนนี้เจ้าของมันกำลังละเลงลิ้นตุ่มไตสีน้ำตาลอ่อนที่หน้าอกทั้งสองข้างของผมสลับกัน มือก็ลูบไล้เคล้นคลึงตั้งแต่เอวลงไปที่สะโพกก่อนจะอ้อมไปแก้มก้นด้านหลัง

“อ๊ะ เหี้ย อิ๊ กะ แกล้งกู ” ผมตบไปที่หัวมันเท่าที่แรงจะมี ไอ้ห่า บีบมาได้ไข่กูนะ มันหัวเราะหึๆในลำคอก่อนจะลดแรงบีบเป็นจับคลึงพวงไข่เบาๆก่อนไล้มือมาที่แท่งร้อนกลางลำตัวพร้อมรูดขึ้นลง ทำเอาผมร้องครางออกมา สัด! โคตรเสียว

ผมบี้หน้าลงกับหมอนเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มครางเสียงดังทั้งกระเส่ามากขึ้นทุกที

“อย่าเก็บเสียง ครางออกมากูชอบฟัง” มันจับหน้าผมหันกลับมาตรงๆก่อนมันจะเคลื่อนเข้ามาจูบปากผมอีกครั้ง ผมรั้งคอมันจูบแลกลิ้นกลับไป อารมณ์ร่วมที่มันพยายามปลุกปั้นจนตอนนี้ผมตอบสนองทุกสัมผัสที่มันปรนเปรอให้
“อ๊ะ...กูเจ็บ” ผมทุบหลังมันทันทีที่รู้สึกถึงนิ้วที่สอดเข้าไป มันกดลึกพลางหมุนควงไปรอบๆก่อนจะกดเน้นย้ำจุดที่ทำเอาผมสะท้านครางถี่ออกมา
ผมปรือตามองร่างใหญ่เปลือยเปล่าที่ไม่รู้ว่ามันไปถอดเสื้อผ้าออกตอนไหนกำลังวุ่นวายอยู่กับหน้าท้องผม ลิ้นชื้นที่เลียไปรอบฐานสะดือทำให้ผมกำมือที่จิกผ้าปูที่นอนแน่นพลางคลายออกแล้วกำแน่นระบายอารมณ์ พอเห็นผมเริ่มหลงอยู่กับสัมผัสที่ปลายลิ้นมันก็สอดนิ้วที่สองและสามเพิ่มเข้ามาพร้อมกันทำเอาผมสะดุ้ง

“อ๊า หะ เหี้ย อิ๊ ซี๊ด”

“แม่งบีบนิ้วกู อืม” มันครางต่ำชิดหน้าท้องหลับตาพริ้มเพิ่มแรงรูดรั้งที่น้องชายผม

ก่อนร่างที่ทาบทับจะเคลื่อนตัวลงกดจูบที่ต้นขาด้านในลูบไล้ด้วยปลายลิ้นเบาๆ มืออีกข้างที่ไม่ได้ทำหน้าที่สอดใส่นิ้ว ลูบต้นขาอีกข้างพลางรั้งให้อ้าออกกว้างขึ้น

ผมเชิดหน้าขึ้นสูงกัดปากแน่น  ช่องท้องวูบโหวงเมื่อนิ้วถูกถอนออก ก่อนจะเบิกตาโพลงเด้งตัวขึ้นกอดหมับที่ร่างใหญ่จิกเล็บลงแผ่นหลังกว้างเมื่อสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วหลายเท่าถูกสอดใส่เข้ามา

“จะ เจ็บ อึก กะ กูเจ็บ...”ผมซบหน้าชื้นเหงื่อกับบ่าแกร่งก่อนจะกัดมันจมเขี้ยว

“โอ๊ย อย่าเกร็งสิ...นอนนะ อย่างนี้กูใส่ไม่ถนัด เดี๋ยวมึงเจ็บกว่าเดิม” มันเอนตัวลงทำให้ร่างผมที่กอดมันไว้เอนหลังตามไปด้วย เมื่อหลังผมสัมผัสเตียงอีกครั้งก็พยายามผ่อนลมหายใจช้าๆ ทำตัวให้ผ่อนคลายที่สุด

“ขะ เข้ามาทีเดียว อึก ขยักขย่อน กะ กู อื้อ เจ็บ ”

จบคำมันก็ดันต้นขาผมเข้ามาหาตัวจนสุดก่อนจะกดตัวลงมาทีเดียวจนสุดเล่นเอาน้ำตาไหลเลยเหอะ เจ็บโคตร มันแช่เอาไว้ก่อนก้มลงมาจูบผมพลางนวดสะโพกพอเริ่มคุ้นชินผมก็พยักหน้าว่าพร้อมแล้ว

มันค่อยๆขยับตัวเชื่องช้า ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าแต่ผมรู้สึกว่าครั้งนี้มันค่อยเป็นค่อยไปไม่รุนแรงเป็นหมาบ้าเหมือนที่ผ่านมา 

“อะ อะ อา นะ แน่นฉิบหาย ซี๊ดดด” มันเชิดหน้าขึ้นเพิ่มจังหวะสอดใส่รุนแรงขึ้น หน้าตาแม่งโคตรได้อารมณ์อ่ะ

“ระ แรงไปแล้ว อึก” ผมที่นอนหลับตาแน่นตัวโยกตามแรงโถมปรือตาบอกมัน แต่เหมือนจะไม่เป็นผลเพราะดูเหมือนมันเข้าไปในห้วงอารมณ์แบบกู่ไม่กลับ มีแต่จะเพิ่มจังหวะมากขึ้น

มากขึ้น และมากขึ้น

“อะ อะ อี๊ อิ๊ อื้อ อ๊า”

“อา อืม อา”

ฟุบ

ร่างใหญ่ฟุบลงทับตัวผมหลังจากที่ผมรู้สึกว่าน้ำอุ่นถูกฉีดเข้ามาจนแน่นเต็มทางช่องด้านหลัง ลมหายใจอุ่นเป่ารดต้นคอผมเคล้าเสียงหอบที่มาจากเราสองคน มือหนาลูบเบาๆอย่างเพลินมือที่หัวไหลกลมมนของผม

“ละ ลงไป กูจะไปล้างตัว” ผมบอกเมื่อเริ่มควบคุมลมหายใจตัวเองได้

“เดี๋ยวดิ” มันบอกก่อนซุกหน้าหอมซอกคอผม

“กูหนัก ลงไป สันดานเสียมึงอ่ะ ”

“ด่ากูไมเนี่ย” มันว่า เอาจมูกคลอเคลียซอกคอไปมาให้ผมหดคออย่างจั๊กจี้

“แล้วมึงปล่อยในทำไม ถุงยางก็ไม่ใส่ ห่า” ผมกระชากหัวมันออกอย่างแรง ก่อนจะผลักล้มลงไปด้านข้าง อึดอัดที่ช่องทางด้านหลังชะมัด

ผมที่จะลุกขึ้นล้มลงหงายหลังไปที่เดิมด้วยเท้า ฟังไม่ผิดหรอกครับ มันเอาหลังเท้าเกี่ยวเอวผมลงไปนอนที่เดิมแล้วก็คร่อมตัวทาบทับลงมาอีกรอบ

“เหี้ยไรของมึง กูเจ็บนะ” ปลวก! กูยิ่งเจ็บๆกระโพกอยู่

“มึงไม่ต้องรีบไปล้างออกหรอกเดี๋ยวก็เลอะอีก” มันยิ้มหื่น ผมกระถดตัวหนีอย่างหวาดระแวงแต่ก็ถูกมันล็อคตัวไว้

“มะ ไม่เอานะมึง กูเจ็บ พอแล้ว” ผมพยายามต่อรอง

“กูอดตั้งสองอาทิตย์ มึงอย่าหวังว่าคืนนี้มึงจะได้นอนง่ายๆ”

ม่ายยยยยยยยยยยย ไอ้ปลวก ไอ้ดอก ไอ้ควายเหล็กกกกกกกกกกกกกกกกก


เช้านี้เป็นเช้าที่ไม่สดใสเอาซะเลย ไม่เลยจริงๆ T^T

ตอนนี้สิบโมงกว่าแล้วครับ ผมที่ลุกมาอาบน้ำตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า(เมื่อคืนไม่มีแรงลุกจริงๆตีสามอ่ะครับ)เพราะทนเหนียวตัวอึดอัด เอ่อ...ตรงนั้นไม่ไหว ขณะนี้กระผมกำลังนอนแอ้งแม้งบนโซฟาโซนห้องรับแขก ดูโคนันช่องการ์ตูนเน็ตเวิร์ค กอดหมอนข้างที่ลากออกมาจากห้องนอน

ส่วนไอ้ควายเหล็กที่ทำให้ผมสภาพนี้มันอยู่ในครัวครับ

ทำอะไรน่ะเหรอ???

รับผิดชอบไง มันทำผมเดินขาถ่างไม่เป็นผู้เป็นคนมันต้องรับผิดชอบ

“อ่ะ แดกได้แล้วมึง” มันเสือกชามที่มีเส้นมาม่าขึ้นอืดมาให้ผม นี่นะ รับผิดชอบของมึง บอกจะทำกับข้าวให้กูแดก ได้มาม่าเส้นอืดเป็นหนังคางคกมาเนี่ยนะ ควาย

“อะไรของมึงเนี่ย กูไม่แดก” ผมดันออกก่อนจะหันไปสนใจการ์ตูนในจอสี่เหลี่ยมต่อ

ไม่ใช่ว่าผมเรื่องมากอะไรหรอกนะ แต่ผมไม่กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จะว่าผมกระแดะก็ได้นะ แต่ผมแพ้

เออ กูนี่แหละแพ้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เป็นอาหารหลักของนักศึกษาทุกคนในช่วงปลายเดือน

กินเข้าไปทีไรจะเวียนศีรษะโลกหมุนเลยล่ะครับ หนักมากๆอาเจียนเลยก็มี

“อย่าเรื่องมากมึง ในตู้เย็นไม่มีของสด เหลือมาม่าอยู่ห่อเดียว” มันกระชากหมอนข้างออกก่อนจะนั่งลงตรงที่ว่างทำหน้ายุ่งใส่ผม

“งั้นมึงก็กินไป กูไปหาอย่างอื่นกินเองข้างนอกก็ได้” ผมผลักมันจนหล่นปุกไปบนพื้นพรม ขยับตัวลุกขึ้นอย่างลำบาก แต่ยังไม่ทันไปไหนก็โดนมันเอามือยันหน้าผากนอนผึงไปที่เดิม

“สัด” ผมด่ามันตาขวาง ดีนะที่โซฟามันนุ่มเลยไม่เจ็บมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เจ็บนี่

“กูอุตส่าห์ทำมาให้ ทำไมไม่แดกฮะ อย่าเรื่องมาก” มันขึ้นเสียงใส่เหมือนมันจะเริ่มหงุดหงิดแล้ว ผมไม่โต้อะไรหันหน้าหนีเม้มปากแน่น

“โอ๊ย เหี้ย กูเจ็บ” ผมร้องเมื่อมันบีบต้นแขนผมแน่น

“มึงจะกินเองดีๆหรือจะให้กูกรอกปาก” มันมองด้วยสายตาเค้นบังคับ

“กูไม่กิน!”

“มึงจะทำให้กูโมโหจริงๆใช่มั้ย กูถามเป็นครั้งสุดท้าย...” มันเค้นถามรอดไรฟันอย่างข่มอารมณ์ที่สุด “จะกินหรือมะ...”

“กูกินไม่ได้! กูแพ้!!” ผมหลับตาปี๋ตอบมัน หน้าอายฉิบหาย

“ห๊ะ!!”

“กูบอกว่ากูแพ้! กูกินไม่ได้เวียนหัว!! อ้วกด้วย!!”

มันทำหน้าอึ้งไปพักมองผมสลับกับชามมาม่าก่อนจะปล่อยระเบิดหัวเราะออกมา

“ฮ่าๆๆๆๆ มึงแพ้มาม่า โหย โคตรดาราอ่ะแพ้ของแปลก สัด! เมียกูแพ้มาม่า กร๊ากกกกกกกกกก”

เออ ดอหมา! ขำกันเข้าไปตั้งแต่เพื่อนยัน ผะ...เอ๊ย! ไอ้หมอ กูห้ามได้มั้ยล่ะ กูจะบอกให้เอาบุญ จะมาม่า ยำยำ ไวไว กูแพ้หมดแหละ ครวยยยยย

“ขำพอยัง” ผมจิกตาถามมัน มันเม้มปากพยายามกลั้นขำก่อนเข้ามากอดมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่

“ฟอด ป่ะ เดี๋ยวกูพาไปหาไรกิน ใกล้ๆคอนโดมีซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่”


ผมออกจากคอนโดด้วยเสื้อยืดสีเหลืองกางเกงขาสั้นเท่าเข่าสีขาว ชุดที่ผมใส่เมื่อกี้แหละไม่ได้เปลี่ยนอะไร ขี้เกียจ ส่วนไอ้เข้ม (ผมเรียกตามสีผิวมัน เห็นพี่ป๋อ ณัฐวุฒิ ป่ะนั่นแหละสีผิวมัน แถมชื่อนี้เหมือนหมาดี) ใส่กางเกงสามส่วนสีขี้ม้ากับเสื้อยืดสีดำ สบายๆกันทั้งคู่ ลากแตะมาถึงซุปเปอร์มาเก็ตขนาดไม่ใหญ่แต่มีของครบครัน มันเป็นคนเข็นรถเข็น แน่ล่ะ กูเดี้ยงขนาดนี้ใช้กูมีด่าอ่ะ

“อะไรของมึงเนี่ย วันเกิดใคร” มันเลิกคิ้วถามผมพลางมองเค้กช็อกโกแลตสองปอนด์ที่ผมเดินไปหยิบมา ตอนนี้เราได้ของสดและบรรดาขนม นม เนย อาหารแช่แข็งมาพอสมควรครับ

ผมที่เห็นมุมข้างร้านขายหนังสือมีร้านเบเกอรี่ผมก็รีบปรี่เข้าไป ได้เค้กช็อกโกแลตมาหนึ่งก้อนใหญ่และเค้กส้มอีกสองชิ้น

“วันเกิดอยากจะแดก ทำไม มีไรป่ะ” ผมยักคิ้วกวนๆพลางค่อยๆวางเค้กลงในรถเข็น

“กูก็ไม่คิดว่ามึงเกิดอยากจะแดกเยอะขนาดนี้ไง ซื้อไปแดกให้หมดนะ ดูวันหมดอายุหรือยัง จะได้รู้ว่ามันเสียวันไหน” พูดมากวุ้ย

“ดูทำไมยังไงมันก็หมดวันนี้” ผมพูดเดินจับหน้ารถเข็นที่มันเข็นอยู่เพื่อไปจ่ายเงินค่าของ

“มึงกินคนเดียวหมด??”

“คอยดูละกัน”

ผมยักคิ้วให้มันอีกที เรื่องเค้กนี่อย่ามาท้ากูมีเท่าไหร่กูฟาดหมดแหละ ไม่เคยเหลือ แล้วมึงจะอึ้งในตัวกู

พอกลับมาถึงคอนโดขนของขึ้นห้องเสร็จ เอาของสดเข้าตู้เย็น เวฟข้าวกล่อง มื้อนี้ไม่ทำแล้วครับ ขี้เกียจ จะหวังพึ่งไอ้เข้ม(เหมือนหมาเลยว่ะ ฮ่า) ก็ไม่ได้ มันทำกับข้าวไม่เป็น

แล้วเมื่อเช้าใครบอกจะทำกับข้าวให้กูกินวะ

มื้อเช้าควบเที่ยงเลยฝากท้องไว้กับอาหารแช่แข็งครับ ถึงรสชาติไม่ดีมากแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร

พอกินข้าวเสร็จผมก็มาดูหนังที่โซฟาตัวเดิมหอบเค้กก้อนโตที่ซื้อมาเมื่อเช้าพร้อมอาวุธครบมือ(ส้อม) เมื่อกี้ไอ้ซาวน์โทรมาบอกว่าวันนี้มีนัดทำป้ายให้น้องปีหนึ่งที่ตึกภาควิชา ปลวก กูเพิ่งสอบเสร็จเมื่อวานไม่คิดจะให้กูพักเลย

ส่วนไอ้เข้มมันเข้าไปอาบน้ำเพราะตั้งแต่เช้ามันแปรงฟังล้างหน้าอย่างเดียว =_=

เหอะ ว่าแต่กูซกมก

“ปาย” เสียงเรียกดังมาจากห้องน้ำ ผมนิ่ง

 “ไอ้ปาย...” ผมยังเฉย เสียงลมอะไรผ่านหู กูไม่ได้ยิน

“ถ้าให้กูเรียกอีกที มึงได้นอนซมแน่”

ชิ ไอ้สัด เก่งจังเรื่องขู่กูเนี่ย

ผมเดินปึงปังไปที่ห้องน้ำที่ตอนนี้มันเปิดอ้าออก

ไอ้คนด้านในมันไม่ได้โป๊ครับ มันนุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่ บนตัวมีหยดน้ำเกาะพราวแสดงว่ามันอาบน้ำเสร็จแล้ว

“มีอะไร” ผมถามเสียงห้วน

“กวนหนวดให้กูหน่อย”

“ตีนเหอะ” ผมด่ามัน เรียกกูมาโกนหนวดเนี่ยนะ ธุระอะไรของกูวะ

“เข้ามาเร็วๆอย่าให้ต้องพูดซ้ำ”

มึงไม่ต้องพูดซ้ำหรอก ลากกูเข้ามาขนาดนี้

“เกี่ยวอะไรกับกูวะ”

“มึงบอกเองว่าหนวดมันตำหน้ามึง คราวนี้เกี่ยวรึยัง”

จริง เมื่อเช้าผมตื่นขึ้นมาตามแก้มตามคอมีรอยข่วนแดงเป็นเส้นๆเต็มเลย หนวดมันอย่างแข็ง กูนึกว่าลวด สัด

“มึงก็โกนเองดิ ตัวมึง” ผมทำท่าจะเดินออกแต่มันก็จัดการจับเอวทั้งสองข้างผมก่อนยกขึ้นวางบนแท่นตรงอ่างล้างหน้า

“กูถามอีกที มึงจะโกนมั้ย ตัวกูไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว มีหนวดไม่มีหนวดกูก็หล่อ ก็ดีนะเอาไว้บดหน้ามึงให้เจ็บเล่น ทรมานมึงกูชอบอยู่แล้ว”

ซาดิสหรอมึง ชอบเห็นกูเจ็บ ชาติหมา

มันกระหยิ่มยิ้มย่อง ผมได้แต่เข่นเขี้ยวในใจก่อนจะจำใจหยิบโฟมขึ้นมาบีบทาบริเวณที่หนวดขึ้น

สัด กูเห็นแก่แก้มอันอ่อนนุ่มของกูหรอกนะ

มันยิ้มบางเมื่อเห็นว่าผมยอมอ่อนให้

มึงยิ้มทำไม มึงเห็นสายตากูมั้ยว่ามันขุ่นแค่ไหน มึงดูไม่ออกหรอว่ากูไม่พอใจ

อ้อ ลืมไป บังคับกูได้ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งของมึง

“เมื่อกี้ใครโทรมา” มันถามขึ้นขณะที่ผมกำลังใช้ใบมีดโกนหนวดให้อยู่

ควายดำ เดี๋ยวก็โดนบาดหรอกมึง

“ไอ้ซาวน์” ผมตอบตั้งใจโกนหนวดไม่ได้เงยหน้าสบตามัน

“โทรมาว่า??”

มึงจะต้องรู้ทุกเรื่องเลยใช่ป่ะ พากูไปฝังชิปเลยมะ

“เย็นนี้นัดทำป้ายน้อง”

“ที่ไหน“

“ตึกภาค”

“กี่โมง”

“ห้าโมงเย็น”

“แล้วกลับกี่โมง”

ดวกเอ๊ย! มึงถามขนาดนี้มาสมัครเป็นแฟนพันธุ์แท้กูเลย

“ไม่รู้ เสร็จเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ” มันเงียบไปพัก ผมนึกว่ามันจะหุบปากแล้วปล่อยให้ผมจัดการกับหนวดมันดีๆแต่ผมคิดผิด

“เดี๋ยวกูไปส่ง เสร็จแล้วโทรมากูจะไปรับ”

“ไม่ต้อง ดึก กูกลับเอง รถกูก็จอดอยู่นั่น” ผมยังไม่ได้ไปเอารถกลับมาเลยครับ ไม่รู้ป่านนี้มีใครถอดล้อไปขายของเก่าหรือยัง

“กูจะไปรับ” มันยืนยันเสียงแข็ง

“ไหนพรุ่งนี้มึงบอกว่ามีสอบแลปกริ๊งแต่เช้าไม่ใช่หรือไง” ผมเงยหน้ามามองมัน กูไม่โกนแม่งละ คุยให้เสร็จก่อน แม่งไม่อยู่เฉยเลย พูดอยู่ได้

“ถ้ากูทำป้ายเสร็จตอนตีสี่ มึงมารับกูแล้วจะตื่นไปสอบไหวมั้ย” ผมพูดบอกมัน อันนี้พูดจริงครับไม่ได้โกหก ผมทำงานกันทีไรเช้าตลอด

มันบอกผมว่าสอบข้อเขียนเสร็จแล้วเหลือแลปกริ๊งกับเคสฯคนไข้ แต่พรุ่งนี้มีสอบแลปกริ๊งถึงเที่ยง

มันทำท่าคิดก่อนจะบอกผม

“กูให้มึงค้างก็ได้ สอบเสร็จแล้วจะไปรับ”

แสรดดดดดดดดดดด ที่มึงพูดน่ะหอกูนะ ทำอย่างกับกูไปค้างนอกบ้านงั้นแหละ

“ถ้าจะขนาดนี้ ย้ายของมาอยู่นี่เลยมั้ยสัด” ผมพูดอย่างเซ็งอารมณ์

“ก็ดีนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเอารถไปขน”

“กูประชด ควาย”
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 10<<
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 17-07-2018 01:04:32

รักร้าย10


“พรุ่งนี้กูมารับนะ”

“เออ”

ผมตอบรับ หันไปเปิดประตูแต่มันเปิดไม่ออก ปลวก!! อะไรของมึงอีกวะ

“ปลดล็อกดิ” ผมหันกลับไปบอกมันเซ็งๆแต่แทนที่มันจะปลดล็อกรถให้ผมแม่งเสือกหันมามองผมนิ่งๆงั้นแหละ

มึงได้ยินที่กูพูดมั้ย เกิดขี้หูอุดตันเฉียบพลันขึ้นมาหรือไงวะ

“กูโทรมาให้รับ”

“เออ”

“กลับถึงหอแล้วโทรมาด้วย”

“เออ!”

“แล้ว...”

“เออ เออ เออ!!!  ปลดล็อกเร็วๆสายแล้วมึง”

มันไม่ตอบอะไรมองหน้าผมเซ็งๆ ก่อนจะดึงผมเข้าไปจูบแรงแบบแทบหมดลมหายใจ ผมมองมันตาขวางมันยักไหล่ไม่ใส่ใจกัดปากผมแรงๆอีกทีก่อนปลดล็อกให้ผม(สักที)

“เหี้ย” ผมฝากรักไปให้มันทีก่อนจะเปิดประตูลงไปเดินเข้าตึกภาคพร้อมรถนิสสันมาร์ชสีขาว(รถแม่มัน)ที่แล่นออกไป

ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงสิบห้านาทีตามที่นัดกันไว้ว่าจะมาทำงาน ถึงผมจะเลทไปสิบห้านาทีก็เถอะ แต่ไม่ใช่ความผิดผมแน่นอนเพราะไอ้เข้มไอ้หมากระสอบต่างหาก (อย่างมันแค่หมากระเป๋าคงไม่พอ)

แม่งลีลาท่ามาก

“โว้วๆๆๆ ใครมาส่งวะมึง ไม่ใช่รถพี่ซิ่งนี่หว่า เดี๋ยวนี้เล่นชู้หรอ” ไอ้สัดคิงครับ ไอ้เหี้ยปากหมา

ผมมองมันตาขวางยกนิ้วกลางให้มันอย่างสุดรักก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าไปหาไอ้วิวที่มันกำลังแจกงานให้เพื่อนเป็นฝ่ายๆ

“ให้กูทำไรวะ”

“กูแจงงานให้พวกมึงไปแล้ว ไปหาไอ้ซาวน์นู่นมันรับงานไปแล้ว สายนะมึง” แน่ะ มีเหน็บกูนะมึง

ผมทำเป็นยกมือไหว้ท่วมหัวสำนึกผิดกวนตีน มันทำท่ามะเหงกใส่ผมแต่พอผมจะเดินไปมันกลับเรียกรั้งผมไว้

“ปาย มึงเห็นแปงป่ะ ปกติมันไม่เคยมาสาย” ผมทำหน้าล้อเลียนมัน มันถลึงตาใส่แต่กูเห็นนะมึงแอบหน้าแดง ฮ่าๆ

“ไม่อ่ะ กูเพิ่งมา ยังไม่มาหรอวะ”

“อืม...”

“เสียงอ่อยเลยเว้ยเฮ้ย หงอยเป็นหมาเลย ฮ่าๆ”

“สัด ไปเลยมึง”

“เพื่อนกูฟีโรโมนแรงโว้ยยยยยยยย” พูดจบผมก็ต้องวิ่งหนีตีนไอ้วิวมัน จ๊ากกกกกกกกก เขินแรงนะสัด

“สัดซาวน์ไอ้แปงอ่ะ” มันที่กำลังนั่งตัดเชือกเงยหน้ามาบุ้ยปากผมไปหาไอ้คนที่นั่งเล่นไอแพดอยู่

สัด เค้าให้มาทำงานไม่ใช่หรอมึง

“ไอ้คิง”

“กูไม่รู้ มันออกมาตั้งแต่เช้าแล้ว” มันบอกสายตามันยังไม่ละจากจอสี่เหลี่ยม แต่ฟังจากเสียงขุ่นๆแล้วทะเลาะกันชัวร์

“ทะเลาะกันหรอมึง” ผมเหล่ตาถามพลางนั่งลงรวมกลุ่ม รับเชือกจากไอ้ซาวน์มาคล้องใส่ป้ายขนาด F5 ที่จะให้น้องปีหนึ่งมันคล้องคอตอนไปงานเคมทริป ไอ้บอลกับไอ้วินเจาะรูป้าย ส่วนไอ้แคนเห็นไอ้วินบอกมีรุ่นน้องคณะถาปัดมาหา

ไอ้แคนมันกว้างขวางครับ รู้จักคนไปทั่ว

“เปล่า”

“ปากบอกเปล่า แต่หน้าตาส้นตีนมากมึง” มันปาลูกปิงปองใส่กลางกบาลผมเลยครับ สัด กูเจ็บ มึงไปเอามาจากไหนวะ พ่อมึงตายหรอ หัวกูปูดมั้ยมึง(เว่อร์)

พวกผมนั่งทำงานไปกัดกันไป ไปแกล้งพวกอีปอ(กระเทยประจำชั้นปีครับ) ที่มันนั่งทาสีป้ายกันอยู่กับลูกสมุนทั้งเจ็ด แทบจะเอากระป๋องสีราดรดหัวครับ แม่ม กูแค่เผลอทำสีดำเลอะผ้าดิบที่พวกมึงกำลังบรรจงวาดเองนะสัด

“เดี๋ยวกูจะจับมึงทำผัวแล้วนะไอ้เชี่ยปาย สัดบอล มึงจะมากวนพวกกู๊ทำม๊ายยยย เมื่อไหร่จะเสร็จ สองทุ่มแล้วนะมึ๊งงงง”

“พวกกูอยากช่วยหรอก =3=”

“ช่วยให้เละกว่าเดิมสิ หอยหลอด กลับไปสิงที่หลุมมึงเลยนะ ไป๊” มันเอาแปรงทาสีชี้หน้าผม ผมกับไอ้บอลมองหน้าอย่างรู้กันก่อนที่ไอ้บอลจะเข้าชาร์ตล็อคตัวอีปอไว้แล้วผมก็พุ่งเข้าไปดันมือข้างที่มันถือแปรงทาสีที่มันเอาชี้หน้าผมติดหน้ามัน

แล้วก็โกยตีนหนีมา

“อร๊ายยยยยย ไอ้ด้วง! กูขอให้พวกมึงสังคังขึ้น ขี้ไม่ออก ท้องผูก ฮือออ หนังหน้ากู ถ้าสิวกูขึ้นนะกูจะเอาน้ำกรดสาดหน้าพวกมึ๊งงงงง กรี๊ดดดดดดด”

 “บรัชออนใหม่ไงมึงสีสวยนะ แดงเลือดสาด เอ๊ย เลือดนก”

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

“พวกมึง”

เสียงเข้มของไอ้แคนที่เดินหน้าเครียดเข้ามาทำเอาพวกผมหัวเราะค้าง ขมวดคิ้วมองหน้ามันอย่างสงสัย ไม่บ่อยหรอกนะที่มันจะทำหน้าตาจริงจังขนาดนี้ ไหนจะแววตานิ่งเย็นแต่แฝงความเดือดดาลนั่นอีก

สัด หนังตาขวากูกระตุกยิกๆเลยไง

“มีไรวะ โซ่มีชู้หรอ”

อุ่ย...ไม่รับมุกกูไม่ว่า มาทำหน้าโหดใส่กูทำม๊ายยยยยยยยย

“ไอ้แปงโดนรุม”

“ห๊ะ!!” พวกผมอุทาน กรูกันเข้าไปหาไอ้แคนอย่างตกใจ เพื่อนๆที่ทำงานอยู่รอบหันมามองพวกผมงงๆ ไอ้วินโบกมือทำนองว่าไม่มีอะไร ก่อนจะกลับมาทำหน้าเครียด

ไม่สิ ต้องบอกว่าตอนนี้เครียดกันทั้งกลุ่ม

ถ้าเป็นคนอื่นในกลุ่มพวกผมคงไม่ห่วงกันเท่าไหร่ แต่นี่เป็นไอ้แปงหนุ่มน้อยน่ารัก ผู้มองโลกในแง่ดี ทุกครั้งที่พวกผมมีเรื่องชกต่อย พวกเราจะกันไอ้แปงออกไป มันจะมีหน้าที่แค่คอยทำแผลให้เราเท่านั้น แต่นี่...

เหี้ย พวกมึงมันเล่นสกปรก

“พวกมันเป็นใคร แล้วเรื่องมันเป็นยังไงทำไมมันถึงโดนรุม แล้วรุมยังไง มันอยู่ไหน...”

“หุบปากก่อนได้มั้ยสัดวิน!!!!!” เสียงไอ้คิงตวาดลั่น มันดูหัวเสียมาก กำหมัดแน่นเนื้อตัวสั่นไปด้วยความโกรธจัด

“พวกไอ้สัดอ้น ตอนนี้ไอ้แปงอยู่ที่ห้องเพื่อนกู ไอ้แจ๊คไปช่วยมา กูไม่รู้มากไปกว่านี้ว่ามาบอกแล้วจะชวนพวกมึงไปดูมันพร้อมกัน” ไอ้แคนว่าเสียงเครียด พวกผมพยักหน้ารับรู้แล้วไอ้ซาวน์ก็ตะโกนบอกไอ้วิว

“เฮ้ย วิว เดี๋ยวพวกกูมานะ!!” วิวมันคงรู้สึกถึงบรรยากาศมาคุจึงเดินเข้ามาหาพวกเรา ไอ้คิงเดินนำลิ่วออกไปแล้วครับ

“เฮ้ย คิง! คิง! รอกูด้วย” ไอ้แคนวิ่งตามออกไป

“มีเรื่องอะไรกันวะ”

“เอาไว้ก่อนวิว กูไปก่อนนะ” ไอ้บอล ไอ้ซาวน์ ไอ้วิน วิ่งออกไปแล้วผมกำลังจะตามไปแต่ถูกดึงมือไว้ก่อน

“เกี่ยวกับแปงป่าววะ” มันถามเสียงร้อนรน

“ไม่ต้องห่วงนะมึง เดี๋ยวพวกกูจัดการเอง” ผมพยักหน้าให้มันวางใจ มันปล่อยข้อมือผม ผมก็รีบวิ่งตามพวกมันออกมากระโดดขึ้นรถไอ้ซาวน์ที่ติดเครื่องรอไว้

ส่วนไอ้คิง ไอ้แคนนำหน้ากันไปแล้วครับ

สัด!! กูจะรู้ทางมั้ย

“ไอ้ซาวน์เร่งเลยมึงเดี๋ยวตามไอ้คิงไม่ทัน มันเหาะแล้วมึง”

กูว่าถ้ามันหายตัวไปได้มันคงทำแล้ว


ปัง!!!

ประตูห้องถูกเปิดอย่างแรงตามใจที่มันร้อนรน ทันทีที่ประตูเปิดออกพวกเราก็รีบพุ่งเข้าไปหาไอ้แปงที่นอนอยู่บนโซฟาทันที แต่คงช้าว่าบางคน

ไอ้คิงที่ตอนนี้มันเข้าไปดึงไอ้แปงเข้ามากอดเต็มแรง ไอ้แปงที่ตอนแรกนอนนิ่งปล่อยโฮออกมากอดตอบไอ้คิงแน่น

สภาพมันตอนนี้ดูไม่ได้เลยว่ะ  ปากแตก ที่แก้มซ้ายมีรอยช้ำที่ผมว่าพรุ่งนี้มันต้องเขียว ข้อศอกขวามีรอยถลอกเลือดซิบเหมือนรอยล้ม

ดีที่ทำแผลแล้ว คงเป็นไอ้แจ็คอีกแหละ

แต่ที่สุดมันคงไม่เท่ารอยที่คอ ที่ต่อให้ควายแค่ไหนมันก็ดูออกว่าเป็นรอยดูด

ระยำเอ๊ย!!! กูเอาพวกมึงตายแน่!!

“ตอนที่กูเข้าไปช่วยมันมีกันสามคน แต่ฝ่ายกูมีสิบมันเลยถอย” ไอ้แจ๊คที่มันช่วยไอ้แปงยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่บอก

“กะ กูไม่เป็นไร ยะ อย่ามีเรื่องนะ” ถุย ไม่เป็นเหี้ยไร ถ้าเป็นนี่ต้องรอให้มึงตายคาตีนพวกมันก่อนมั้ย

“มันไม่เกี่ยวหรอกว่ามึงเป็นอะไรมั้ย พวกมันทำอย่างนี้แสดงว่ามันประกาศสงครามกับพวกเรา ไม่ว่าพวกกูจะมีอริสักกี่คนพวกมันจะรู้ว่ามึงเป็นคนในกลุ่มที่เหี้ยหน้าไหนก็ห้ามแตะ พวกมันทำอย่างนี้ยิ่งกว่าเอาตีนมาขยี้หน้าพวกกู...”

ไอ้วินวันนี้มึงพูดถูกใจกูมาก ไอ้คิงลูบหัวไอ้แปงเมื่อมันมีสีหน้ากังวล กูนี่อยากจะแหวกกระแสดราม่าถามมันจริงๆว่าจะห่วงเชี่ยอะไร พวกกูก็มีเรื่องต่อยตีกันออกบ่อย ถึงนี่จะเป็นการโดนลอบกัดครั้งแรกก็เถอะ

พวกผมมักจะซึ่งๆหน้ากันเสมอ อีกฝ่ายก็เช่นกันเราจะสู้กันให้รู้ไปเลยว่าใครแพ้ชนะ วินวิน ถ้าไม่พอใจก็นัดซัดกันอีกรอบ

พวกไอ้เหี้ยอ้นมันเคยมีเรื่องกับไอ้บอลที่ไปจีบเมียมัน แต่ไอ้บอลมันบอกว่าไม่รู้ว่าแม่งมีผัวแล้ว แต่ไอ้อ้นดูเหมือนจะกัดไม่ปล่อยยกพวกมารุม พวกผมจะอยู่ให้มันกระทืบหรอครับตีนมือกูก็มี แล้วไงแลกไปคนละหมัดสองหมัดนึกว่าจบไปแล้ว

มึงเก็บความแค้นไว้แทงข้างหลังหรอมึง เดี๋ยวเจอพวกกู

“ขอบใจมึงมากนะเว้ยที่ช่วยเพื่อนกู เดี๋ยวกูพามันกลับห้องเอง” ไอ้แจ๊คพยักหน้า พวกผมยิ้มขอบคุณมันอีกทีก่อนจะแหวกทางให้ไอ้คิงที่แบกไอ้แปงขึ้นหลังไป


ณ หอแสงพรหมแลนด์2 หอพักชาย (ที่มีบราแขวนอยู่ =_=)

“ขอโทษนะ ถ้ากูไม่ชวนมึงทะเลาะมึงก็คงไม่โดนอะไรแบบนี้”

มือที่กำลังจะเปิดประตูห้องเข้าไปชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียงเข้มเอ่ยเสียงอ่อยอย่างสำนึกผิด ไอ้คิงเอ้ยยยยยยย กูล่ะอยากจะเห็นหนังหน้ามึงตอนนี้จริง หงอยสนิทเลยสิมึง

“มึงไม่รู้สักหน่อยว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น อย่าโทษตัวเองสิ” นางเอกหลังข่าวน้ำเน่าคละคลุ้งตลอดอ่ะสัดแปง

แล้วเสียงก็เงียบไป ผมเลยมองลอดประตูห้องที่เปิดแง้มไว้ อื้อหืออออ กอดกันแน่นเชียวมึง ส่วนมากเป็นไอ้แปงมากกว่าที่กอดไอ้คิงแค่ประคองแล้วลูบผมปลอบ ถ้ากูไม่เห็นว่ามึงเจ็บอยู่นะ กูว่ามึงต้องล่อลวงไอ้คิงไปปล้ำแน่ๆ

“คิง ลบรอยนี่ให้กูหน่อยสิ” นั่นไง จะเจ็บตัวเพียงไหนไอ้แปงก็หยอดไอ้คิงได้ตลอด

“รังเกียจหรอ...”

แล้วเสียงก็เงียบไปอีกครั้ง คราวนี้ผมเบิกตากว้างเลยครับที่เห็นไอ้คิงกดจูบไปที่ซอกคอขาวในตำแหน่งที่ผมจำได้ว่ามันมีรอยอยู่ แล่ว แล่ว แล่ววววววววววว

“ทำไรมึง”

“อุ่ย ญาญ่า”

“ญาญ่าเชี่ยไร อย่างกูต้องณเดช มึงมายึกๆยักๆไรหน้าประตูห้องวะ” ไอ้บอลเลิกย่นคิ้วสงสัยผมตะครุบปากมันไว้ เอามืออีกข้างค่อยๆปิดประตู

“ชู่ววววว มึงจะเสียงดังทำไม ข้างในเค้ากำลังปลอบใจกันอยู่”

“อะไรของมึงวะ หนีดิ กูจะเข้าไปดูไอ้แปง” มันผลักผมออก เอามือจับลูกบิด แต่ผมไวกว่าล็อคคอมันลากออกมาตามทางเดินหอพัก ก่อนเหวี่ยงมันเข้าไปในห้อง 3306

“อ๊ากกกก ผีเข้าหรอมึง แอ่ก กูหายใจไม่ออกกกกกกก” ผมปล่อยมันเข้าไปในห้องของไอ้วินที่พวกมันกำลังนั่งล้อมลงเล่นไพ่กันอยู่กลางห้อง

เจริญ เมื่อชั่วโมงที่แล้วใครมันจะเป็นตายห่วงเพื่อนกันวะ สันดาน

“มึงจะเข้าไปทำไม มันสองคนกำลังสวีทกัน” ผมพูดเซ็งๆ

“สวีท?? ไอ้คิง ไอ้แปงน่ะเหรอ”

“แล้วในห้องนั้นมีหมาตัวไหนอีกมั้ยล่ะ”

“ไอ้คิงรู้ว่ามึงคิดงี้มึงตายแน่” มันชี้หน้าขู่ แล้วไง คิดว่ากูสน

“กูไม่กลัวหรอกไอ้พวกปากแข็งเนี่ย ตอนนี้น้องแปงกูกำลังสำออย เอ๊ย! เรียกคะแนนความสงสาร ห้ามหมาตัวไหนรบกวน!!”

คราวนี้ผมประกาศกร้าวทั่วห้อง ไอ้พวกที่นั่งล้อมวงจั่วไพ่อยู่เงยหน้าขึ้นมามองนิ่งๆก่อนจะหยิบบรรดาหมอนเอย ลูกอมเอย เด็ดสุดเม็ดถั่วลิสง อูฐ!! ปามาหาพ่องมึงหรอ!!!


เช้าวันใหม่

บอยแบนด์หกคนอันได้แก่ ไอ้หน้าเลวคิง ไอ้หน้าหล่อซาวน์ ไอ้หน้าป่วยบอล ไอ้หน้าหนอนวิน ไอ้หน้ามึนแคน และผม...ไอ้หน้ามาริโอ้ กร๊ากกกกก

อย่าถามว่าผมมาทำเสี่ยวอะไรแต่เช้า มายืนเรียงพิงกำแพงเก๊กกันอยู่หน้าวิทยาลัยช่าง xxx ทำไม สาวๆที่ผ่านมาคงจะกรี๊ดกร๊าดกันมากกว่านี้ถ้าแม่งไม่ยืนแคะขี้ตา สั่งขี้มูก แกะขี้เล็บ และยืนเกาก้น =_=

มึงช่วยทำตัวเป็นบอยแบนด์อย่างที่กูบรรยายสรรพคุณกันได้มั้ย เสื่อมสัด

“เฮ้ย นู่น...” ไอ้แคนที่ชะงักมือแคะขี้มูก ยืดตัวเอามือล้วงกระเป๋าอย่างเท่พยักพเยิดหน้าไปทางผู้มาใหม่

ที่ผมรอให้มันอัญเชิญมาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ในที่สุดมันก็โผล่มาในเวลาแปดโมงยี่สิบนาที ห่า

“เฮ้...หวัดดีเพื่อนฝูง” ไอ้วินยิ้มหน้าระรื่นตามสไตล์มัน แต่ถ้าใครได้เห็นสายตามันล่ะก็ บรึ๊ยยยยยย...มันเดินเข้าไปทักแขกวีไอพีที่ตอนนี้หน้าซีดเผือด ก้าวถอยหลังอย่างตกใจ

“พะ พวกมึงกล้าบุกถึงถิ่นกูเลยหรอวะ!” เสียงเสียงดังเข้าสู้ ยังมาทำเป็นเก่งอีกนะมึง

“ถิ่นใครกูไม่สนหรอก รู้แค่ว่าวันนี้จะมากระทืบพวกหมาขี้เรื้อน!” ไอ้คิงที่แค่เห็นหน้าไอ้อ้นตาก็รุกวาวเข้าไปกระชากคอเสื้อมันทันที

“เรียกพวกมึงมา!!! เก่งไม่ใช่หรอมึงหมาหมู่เนี่ย!! มีกี่คนเรียกมาให้หมด เร็วสิวะ!!!”  มันกำคอเสื้อแน่นเหมือนจะให้ปกเสื้อรัดคอไอ้อ้นตาย ห่า เดี๋ยวแม่งก็ตายจริงหรอกมึง ตอนนี้พวกบรรดาเด็กช่างทั้งชาย-หญิงเริ่มมองมาทางนี้กันแล้ว

เด่นแล้วไงกู

ผมเลยให้พวกมันลากไอ้อ้นไปตึกร้างหลังวิทยาลัยช่าง มันเป็นตึกหอพักที่ทุบทิ้ง พวกผมมักจะนัดมีเรื่องชกต่อยกันที่นี่บ่อยๆ

ตอนนี้ไอ้หมาขี้เรื้อนที่ถูกลากมาเหงื่อโทรมกาย แต่ก็ยังไม่วายอวดดี ทำเป็นเบ่งว่ากูโทรเรียกพวกกูมาแล้วมึงเตรียมตัวตายได้ มึงโดนแน่ๆ

แล้วเป็นไง เจอฝ่าตีนไอ้คิงเสยคางไปด้วยความรัก

มันอยากกระทืบมึงตั้งแต่เมื่อวานมาพูดจายั่วประสาทมันก็เจอสิครับ ว่าจะรอจัดการพร้อมกันทีเดียวไอ้ของกำนัลก่อนใครเพื่อนเลยมึง

แล้วสักพักผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามา หันไปดูทางหน้าตึก ชัดเจน!! เมื่อวานไอ้แจ็คบอกมีสามคนไงวะวันนี้แม่งแยกร่างกันได้หรือไงวะ คะเนจากสายตาคร่าวๆนี่สิบกว่าคนเลยนะ

แต่ก็เป็นไปตามที่คิด หมาขี้เรื้อนหมู่อย่างมันคงไม่เรียกเพื่อนมาให้พวกผมกระทืบเล่นๆหรอก

แต่ขอโทษเหอะ กูก็ไม่ใช่คนดีที่ลอบกัดไม่เป็นว่ะ!!!


สามชั่วโมงผ่านไป

พวกผมกระโดดขึ้นรถสองคันคันแรกเป็นมาสด้าสามสีขาวของไอ้คิงที่แน่นอนต้องมีเจ้าของรถ ไอ้แคน ไอ้บอล ไอ้วิน และผม

ส่วนอีกคันเป็นรถกะบะวีโก้ที่มีไอ้ซาวน์ ไอ้แจ็ค ที่โยนซากไอ้อ้นกับเพื่อนมันอีกสองคนขึ้นรถเพื่อพาไปส่งโรง’บาล ส่วนไอ้พวกตัวที่เหลือมันไม่เป็นอะไรมากครับ แค่ปากแตกคิ้วแตก ไปตามประสา

มันไม่ใช่เป้าหมายผมไม่เน้น

แต่ไอ้สามตัวที่มันทำไอ้แปงเมื่อวานเรียกได้ว่าคงต้องลาหยุดเรียนเป็นเดือนอยู่ เรียกได้ว่าสลบคาตีน ส่วนเรื่องแจ้งความไม่ต้องห่วงครับมันไม่กล้าหรอก คดีมันเยอะไม่ค่อยกล้ายุ่งกับตำรวจเท่าไหร่ หึ

แล้วอย่าคิดว่าผมเป็นคนดีมากมายอะไร ไม่ได้อยากแบกพวกมันไปโรง’บาลสักนิด(กูตั้งใจมากระทืบมันโยนถ่วงน้ำด้วยซ้ำ) แต่ไอ้เชี่ยซาวน์อ่ะดิแม่งเสือกอยากหล่ออยากเท่บอกทำเสร็จต้องรับผิดชอบ ทำให้มันเจ็บตัวแต่อย่าให้เดือดร้อนถึงพ่อแม่เค้าเรื่องค่ารักษาพยาบาลต้องรับใช้

ควาย แค่ลูกเค้าเจ็บก็เดือดร้อนแล้วมึง

ผมมึนไปกับความคิดประหลาดของมันไปพักใหญ่ ยังไงกูก็ไม่เข้าใจเจตนาของมึงหรือกูเข้าถึงจิตใจอันดีงามของมึงไม่ได้วะ เอาเหอะ ถ้าพี่ท่านคิดว่าถูกว่าควรก็ทำไป ตามสบายเลยมึ๊งงงงงงง

“ไปโรง’บาลมั้ยมึง” ไอ้วินที่ทำหน้าที่สารถีคนขับหันมาถามผม(ไอ้เจ้าของรถมันคุยโทรศัพท์กับเพื่อนชายควบว่าที่เมียอยู่)

“ไม่อ่ะ กูไม่ใช่คนดีที่จะไปดูใจไอ้ขี้หอกเหมือนไอ้ซาวน์” ผมที่นั่งข้างหลังกับไอ้บอลไอ้แคนพิงเบาะอย่างเซ็งๆ

“กูไม่ได้หมายถึงมัน กูหมายถึงมึง ไหล่มึงอ่ะเป็นไงบ้าง” ผมยกมือจับไหล่ที่มันแสดงอาการปวดมาสักพักแล้ว เชี่ยแรกๆชาอยู่ก็ไม่เท่าไหร่ ตอนนี้โคตรปวดเลย

“ไม่อ่ะ กูขี้เกียจ”

“ไปดูสักหน่อยก็ดีนะมึง กูเห็นมีเลือดซึมออกมาด้วย”

ห๊ะ!! ผมร้องอย่างตกใจ มีเลือดด้วยหรอวะ กูแค่โดนไม้หน้าสามฟาดนะ

ถ้าไอ้ขี้เรื้อนตัวที่สองไม่เล่นข้างหลังในขณะที่ผมกำลังอัดไอ้ตัวที่หนึ่งผมคงไม่เป็นอย่างนี้หรอก เก่งจริงแทงข้างหลัง สัดหมา

คงคิดว่าผมเก่งสิบห้าคน(ผมนับตอนมันกองกับพื้น)รุมหกแล้วพวกผมซัดมันหมอบได้ ไม่ใช่หรอกครับ

ผมล้อมไอ้อ้น

พวกไอ้อ้นที่มีประมาณสิบห้าคนคนล้อมผม

ส่วนไอ้แจ๊ค(ที่มันบอกจะช่วย)ก็พาพวกมาล้อมพวกมันอีกที

หึ ก็อย่างที่บอก พวกกูไม่ได้โง่โว้ยยยยย

แต่เหตุผลจริงๆที่ผมเจ็บตัวเลย คือขณะที่พวกไอ้แจ็คคุมพวกเด็กช่างไม่ให้เข้าไปช่วยเพื่อนมันสามตัว(ที่รุมไอ้แปงเมื่อวาน)ที่กำลังสังเวยบาทา หมัด ศอก ของพวกผมคนละทีสองที เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ไอ้เข้มโทรมาครับ จะไม่รับก็ไม่ได้มันย้ำนักย้ำหนา ผมเลยเลี่ยงเดินออกมาด้านหน้าของตึกเพื่อไม่ให้เสียงด้านในเล็ดลอดเข้าไปในสาย

มันบอกว่าคงมารับผมเย็นหน่อยเพราะมันต้องเข้าเคสต่อ ผมก็เออออ แน่สิ ผมอยู่ให้มันมารับซะที่ไหนล่ะ

แต่ตอนผมลดโทรศัพท์มือถือในมือลงจะเข้าไปด้านในอยู่ๆก็มีไอ้หมาสองตัวที่มันเพิ่งมาใหม่คงเห็นว่าผมไม่ได้ใส่ยูนิฟอร์มเด็กช่างกระโดดถีบเข้าที่กลางหลังผม บอกว่าผมใช่มั้ยที่จับตัวเพื่อนมันมา ไม่รู้หรอว่ามันเป็นใคร (มึงยังไม่รู้สถานการณ์ข้างในตอนนี้สินะ) ผมก็เลือดขึ้นหน้าสิครับซัดมันกลับไปต่อยกันนัวเนียสักพักผมเป็นต่ออยู่เยอะ แต่ก็รู้สึกถึงแรงของแข็งอะไรสักอย่างที่ฟาดลงมา ทรุดเลยครับ ดีที่ไอ้โก้(เพื่อนไอ้แจ๊ค) ออกมาสูบบุหรี่เห็นเข้าก่อนเลยมาช่วยผมไว้ทัน

เพิ่งมารู้ที่หลังว่ามันมากันสองคน คนที่เข้ามาหาเรื่อง ส่วนไอ้คนที่เอาไม้ฟาดผมมันซุ่มดูสถานการณ์ถ้าเพื่อนมันไม่ไหวก็จะเข้ามาช่วย

ชาติหมามาก

“ถอดเสื้อออกดิ๊ กูดูให้” ไอ้แคนบอกก่อนจะที่ผมจะค่อยๆปลดกระดุมเสื้อ ไอ้บอลช่วยจับเสื้อออกให้เพราะตอนนี้มันเริ่มปวดไหล่มากๆ

แต่พอเสื้อหลุดออกจากตัว พวกมันก็นิ่งทันทีทำหน้าอึ้งๆเหวอๆ

ไอ้คิงที่นั่งอยู่ข้างคนขับหยุดบทสนทนากับปลายสายแทบจะกระโจนเข้ามาหาผมด้านหลัง

ไอ้วินที่ขับรถอยู่มองผ่านกระจกหลังมาเหยียบเบรกหัวทิ่มเลยครับ

มึงจะพาพวกกูไปตายหรือไงไอ้สัดหอยเม่น!!!

“อะไรของมึงวะเชี่ยวิน! กูเจ็บอยู่มึงไม่เห็นหรอห๊ะ!!”

“ท่าทางมึงจะแพ้ไม่หน้าสามว่ะ =O=” ไอ้บอลพูดลอยๆสายตายังจ้องอยู่บนตัวผม

ผมขมวดคิ้วงง มึงเพ้ออะไรวะ แพ้ไม่หน้าสาม?? พ่องงงงงงง

“เออ กูก็ว่างั้น” ไอ้แคนกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ

“ร้องแรงมากสัด” ไอ้คิง


“ยังกะตุ๊กแกเลยมึ๊งงงงงงง”

ผมขมวดคิ้วอย่างเริ่มที่จะหงุดหงิด อะไรของพวกมึงวะ ยิ่งปวดไหล่อยู่ ห่า กูปวดไหล่มองหน้าอกกูหาเลขเด็ดหรอมึง

ผมมองหน้าพวกมันอย่างขอคำตอบ

ไอ้แคนใช้นิ้วจิ้มไปตามร่างกายผมเป็นจุดๆผมก้มลงมองตามที่นิ้วมันชี้ เท่านั้นแหละ

ชะเรี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

“รอยเพียบขนาดนี้ เมื่อคืนหนักสิมึง”

“เหี้ย เอาเสื้อกูมา!!!!!!!!”

“กร๊ากกกกกกกกกกก ไม่ทันแล้วมึง เต็มตากูขนาดนี้”

ไอ้ควายดำ ไอ้หอยเม่น ไอ้หื่น ควาย!!! กูบอกไม่ให้มึงทำรอยที่คอ แต่ที่อื่นมึง...มึง...มึงจัดเต็มมาก!!!!

กูจะฆ่ามึง!!!!
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 6-10 << 17.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 17-07-2018 12:16:10
มาแล้ว มาล้าววว จิ้มๆ  :z13:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 11 <<
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 17-07-2018 23:33:12

รักร้าย11


เมื่อกี้ก่อนถึงหอไอ้แคนให้แวะจอดป้ายรถเมล์หน้ามอ มันบอกว่าธุระด่วน จะมีเรื่องอะไร ไปอ้อนเมียน่ะสิ พูดให้ดูดีไปเถอะไอ้ลูกหมา กูรู้ทันมึงหรอก

ทันทีที่รถจอดที่ลานจอดรถหน้าหอพักผมก็จัดการยันไอ้บอลออกก่อนก้าวลงจากรถ กำลังจะเดินเข้าหอ ก็มีเสียงหมาเห่าหมาหอนตามหลังมา

“ไอ้ปาย มึงจะไม่ไปหาหมอจริงๆหรอวะ เดี๋ยวแผลมันลามนะโว้ย”

“กูโดนไม่หน้าสามไม่ได้เป็นเริม ลามแป๊ะมึงสิ” ผมหยุดฝีเท้าหันกลับไปบอกพวกมันที่เดินเข้ามาใกล้

“อ้าว กูจะไปรู้หรอ เห็นโดนตีไม่กี่ชั่วโมงลามเต็มตัวแล้ว ฮ่าๆๆๆ”

“นั่นดิ พรุ่งนี้มันอาจจะลามขึ้นคอก็ได้นะโว้ย”

“พ่องสิ จะจบได้ยังประเด็นนี้นะฮะ”

ผมทำหน้าจริงจังกลบเกลื่อน แต่แม่งไม่เห็นมีใครสำนึกสักนิด ล้อกันอยู่ได้ ล้อจนกูด้านเลิกอายแล้วเนี่ย!!!

“แหม อย่าทำหน้าโหดใส่เพื่อนสิคนสวยใจมาร มึงต้องภูมิใจนะ มึงเป็นคนแรกเลยนะที่โดนพูดถึงประเด็นนี้ เพื่อนคนอื่นยังไม่เคยโดนล้อประเด็นนี้กันเลยนะโว้ยยยย” ไอ้คิงเข้ามากอดคอผมข้างขวา ไอ้บอลข้างซ้ายที่มีไอ้แว็คมากอดคอมันอีกต่อ

ไม่ต้องเลยพวกมึง ตบหัวแล้วลูบหางกูนะ สัด

“หุบปากเลยพวกมึง กวนตีน ฮึบ”

ผมสะบัดพวกมันออกก่อนจะกระโดดขึ้นหลังไอ้บอล “เฮ้ย กูหนัก”

“อย่าสะบัดกูลงนะมึง แบกไป เร็วดิ” ผมเอามือข้างหนึ่งรัดคอ อีกข้างใช้ตบก้นมัน ไอ้สองตัวที่เหลือหัวเราะสมน้ำหน้า

หึ ขำไปเหอะ กูหมายหัวพวกมึงไว้แล้ว


พวกเราขึ้นบันไดมาที่ชั้น3 ผมเป็นคนบังคับไม่ให้มันใช้ลิฟท์เองแหละ ช่วยชาติประหยัดพลังงาน (ผมไม่ได้เป็นคนเดินเองนี่ ฮ่า) เดินตามทางมาหยุดที่หน้าห้องไอ้คิง ส่วนห้องผมน่ะอยู่ชั้น 4 แต่ก่อนที่เจ้าของห้องจะเปิดประตูเข้าไปเสียงเหมือนคนคุยกันก็ลอดผ่านประตูไม้สักออกมา ทำให้มือที่จะหมุนลูกบิดหยุดชะงัก

“เช็ดตัวมั้ย”

เสียงผู้ชายที่ไหนวะคุ้นๆ

“ไม่เป็นไรแค่นี้ก็กวนมึงจะแย่แล้ว”

อันนี้เสียงไอ้แปงไม่ต้องเดา ไม่ต้องสงสัยครับ ไอ้คิงมันให้ไอ้แปงมาพักที่ห้องมันชั่วคราว ขืนกลับบ้านไปสภาพนี้ป๊าม๊ามันเป็นลมตายพอดี

“แค่ป้อนข้าวป้อนยาไม่ถือว่ารบกวนหรอกนะ” เสียงที่ผมยิ่งฟังยิ่งคุ้นหูดังลอดออกมาอีก

ประโยคที่มึงพูดพาเพื่อนคิงกูหน้าเครียดเลยว่ะ

“เอ่อ...สงสัยเพื่อนมาเยี่ยมมันมั้ง แหะๆ ” ไอ้บอลที่ค่อยๆวางผมลงอย่างกลัวว่าแรงสั่นสะเทือนจะไปกระทบโสตประสาทไอ้คนที่ยืนหน้ายุ่งคิ้วขมวดให้พิโรธไปมากกว่านี้

“มะ มึงจะทำอะไร”

เสียงตะกุกตะกักของไอ้แปงที่ฟังแล้วส่อแววหวิวดึงอารมณ์ให้ไอ้เจ้าของห้องกระชากประตูเปิดออกอย่างแรง เสียงประตูที่กระแทกกับผนังห้องทำเอาพวกผมและคนในห้องสะดุ้งเฮือกไปตามๆกัน

ห่า เดี๋ยวข้างห้องเค้าก็เอาระเบิดมาปาหรอกมึง

ผมเดินผ่านไอ้คิงที่ยืนนิ่งกำมือแน่นอยู่หน้าห้องเข้าไปข้างใน

แล้วก็พบกับเจ้าของเสียงปริศนาที่ไม่ใช่ใครที่ไหน...

พ่อประธานชั้นปีสุดหล่อ...ไอ้วิวนั่นเอง

มือไอ้วิวค้างไว้ที่กระดุมเสื้อบนร่างของไอ้แปงที่สองเม็ดบนถูกปลดออกไปก่อนหน้านั้นแล้ว ไอ้แปงกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียงโดยมีไอ้วิวนั่งข้างเตียงเอี้ยวตัวเพื่อปลดเสื้อคนเจ็บออก

“เอ่อ...วิวแค่จะเช็ดตัวให้น่ะ” เสียงไอ้แปงเหมือนชี้แจงพวกผมที่ใช้ตาแปดคู่จ้องมันอยู่ แต่มันกลับมองไปที่สายตาเพียงคู่เดียว

สายตาที่ประกายความเดือดดาลแต่แวบเดียวก็นิ่งเฉยเย็นชา

“กูไปหาแปงที่บ้าน ม๊าบอกว่ามันอยู่ที่นี่กูเลยมาหา เห็นมันป่วยแล้วไม่มีใครอยู่กูเลยช่วยดูแล” มันละมือจากเสื้อหันมายิ้มกว้างบอกพวกผม ไม่ได้รับรู้ถึงรังสีร้อนระอุเลยนะมึง

สายตาที่จ้องเขม็งที่ไอ้แปงเบนมามองร่างสูงอีกร่างที่นั่งข้างกันบนเตียงอย่างเฉยชา

“ก็ดี มีคนดูแลแล้วก็ดี...ฝากด้วยนะมึง กูจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายให้เป็นภาระ แฟนกูโทรนัดไปดูหนังพอดี” ประโยคหลังมันหันไปบอกไอ้วิวที่ยิ้มค้างทำหน้ามึนเมื่อพอไอ้คิงพูดจบก็หันหลังเดินออกจากห้องไปเลย

ผมมองตามหลังมันไป เสียงไอ้วินและไอ้บอลตะโกนเรียก มันทำท่าจะวิ่งตามและผมรั้งมันไว้

“ไม่ต้องตาม มันจะไปดูหนังดูเอ็นก็ปล่อยแม่งไป กากเอ๊ย!!”

คำหลังผมตะโกนด่าตามหลัง ไม่รู้หรอกว่ามันจะได้ยินหรือเปล่า ยิ่งพอหันไปเห็นใบหน้าหงอยๆกับขอบตาแดงก่ำที่มองไปที่ประตูยิ่งทำให้ผมอยากจะไปกระชากหนังหัวมันแรงๆ

“เอ่อ...แปง เป็นอะไร ปวดแผลหรอ” ไอ้วิวผู้ซึ่งยังโง่ไม่รู้เรื่องอะไรกับเค้าเลยเอ่ยถามคนบนเตียงอย่างร้อนรนเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“อะ อืม นิดหน่อยน่ะ ขอนอนพักนะ” ว่าจบร่างบนเตียงก็นอนราบ ตะแคงหันหลังโดยมีไอ้วิวประคบประหงมเอาผ้าห่มมาคลุมร่างให้ ยืนทอดมองคนที่หลับตาลงเหมือนอยากพักผ่อนด้วยสายตาเจือความห่วงใย ผมมองไอ้วิวที่ลูบผมคนป่วยเบาๆสองสามทีก่อนลุกจากเตียง

“ถ้าคิงมันลำบากใจ กูให้แปงไปพักกับกูก็ได้นะ” ไอ้วิวหันมาบอกผม ไอ้วินทึ้งหัวตัวเองก่อนเดินออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียง ไอ้บอลขอตัวไปจัดการกับเส้นประสาทที่ห้อง เมื่อเห็นไอ้วิวมันเข้าใจไปคนละเรื่อง

“ไม่หรอก ไอ้คิงมันก็ปากหมาอย่างนั้น มันห่วงไอ้แปงจะตาย”

“หรอ อืม เห็นมันทำท่าทีเหมือนไม่เต็มใจให้แปงมาอยู่ด้วย” สะอึกเลยกู กูคันปากอยากจะบอกเหลือเกินว่าจริงๆแล้วมันไม่พอใจมึงมากกว่า

“อ่อ ฮ่าๆ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ขอบใจมึงมากนะ เดี๋ยวพวกกูดูแลมันต่อเอง มึงไปพักผ่อนเหอะเมื่อคืนก็ทำงานแทนพวกกู” จริงๆครับ เพราะเกิดเรื่องไอ้วิวเลยรับอาสาทำแทนในส่วนของพวกผม ซึ้งใจจริงๆ
มันหันไปมองร่างบนเตียงด้วยสายตาเป็นอาลัยอาวรณ์ แต่สภาพมันก็ไม่ไหวเนื่องด้วยอดนอนมาทั้งคืน มันเลยถอดใจหันมาพยักหน้ากับผมเบาๆ

“อืม งั้นกูกลับก่อนนะ” มันหันไปหยิบกระเป๋าก่อนจะเดินออกจากห้องมันหันมาบอกผม “อ้อ จัดการรอยช้ำที่หน้ากับสภาพมึงด้วย เดี๋ยวผัวมาเห็นแล้วจะเป็นเรื่อง”

แล้วมันก็เดินออกห้องไป ไม่ลืมที่จะปิดประตูให้ ปล่อยให้ผมยืนตาค้างอ้าปากพะงาบๆ

ปลวก! มันรู้เรื่องนี้ได้ไงวะ

“แปง หลับแล้วหรอมึง” ผมเดินไปข้างเตียงถามมัน มันเงียบไม่ตอบอะไร ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนบอกมันที่ไม่รู้ว่าจะได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่า

“กูกลับห้องแปปนะ มีอะไรโทรหากูนะโว้ย เบอร์ภายในก็ได้”

ผมยืนมองมันอีกสักพัก เห็นว่าร่างบนเตียงยังนอนนิ่งผมเลยเดินมาที่ประตู ค่อยๆเปิดและปิดประตูเบาๆ

 เฮ้อ วันๆมีแต่เรื่องวุ๊ย

 ผมเข้าห้องมาก็ตรงดิ่งไปที่หน้ากระจกสำรวจสภาพใบหน้าและร่างกาย ตรงแก้มซ้ายมีรอยช้ำคาดว่าพรุ่งนี้น่าจะเขียว ลองยกมือขึ้นไปแตะเบาๆ ซี๊ดดดดด เจ็บฉิบหาย พอปลดกระดุมเสื้อออกหันหลังให้กระจกเอี้ยวหน้ามาดู แม่งรอยแดงเป็นทางยาวยังกับฟุตบาทตามข้างถนน เหมือนตรงหัวไหล่จะมีรอยถลอกแถมมีเลือดแห้งๆเกาะอยู่ นี่สินะที่มาของเลือด กูนึกว่าทำไมโดนตีเลือดถึงออก รอยเหมือนโดนของแหลมๆทิ่มแต่แค่เฉี่ยวๆ คงเป็นตะปูที่ตอกพับกับไม้แต่ไม่สนิท

เวร กูจะเป็นบาดทะยักตายห่ามั้ยวะ

ไอ้พวกเวร เล่นทีเผลอ ส้นตีนจริงๆ

ผมถอดเสื้อที่เห็นรอบส้นทีนลางๆ(วันนี้ผมใส่เสื้อสีเหลือง)โยนลงตะกร้าก่อนจะถามด้วยกางเกงและบ๊อกเซอร์ ไม่ไหวละ ขออาบน้ำอาบท่าหน่อยเหนียวตัวมากมาย

ผมเดินเข้าไปยืนใต้ฝักบัว ให้สายน้ำเย็นๆชำระร่างกายให้สะอาดสดชื่น วันนี้ผมอาบน้ำเกือบครึ่งชั่วโมงได้เป็นการอาบน้ำที่นานที่สุดเท่าที่เคยอาบมา ทุกทีสิบนาทีเต็มที่ที่สุดแล้ว

แล้วอย่าคิดนะว่าผมนึกพิศวาสอยากจะเป็นพระเอกเอ็มวีท่ามกลางสายน้ำ เหอะ กูถูสบู่ไม่ถนัดเหอะ ปวดหลัง!!!

แอ๊ดดดดด

“เฮ้ย!! มึง!!”

ผมที่เปิดประตูห้องน้ำเดินโทงๆออกมาวิ่งกลับเข้าไปในห้องน้ำแทบไม่ทัน จะอะไรซะอีกล่ะ!!! ควายมานั่งอยู่บนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จำได้ว่าล็อคห้องแล้วนะ บรรลัยแล้วไง!! มันเอากุญแจห้องกูไปปั๊มไว้นี่หว่า

ผมค่อยๆโผล่หน้าพ้นประตูห้องน้ำออกมา ไอ้ซิ่งนั่งอมยิ้มขำอยู่บนเตียง จั๊ดง่าว!!!

“หยิบผ้าเช็ดตัวมาดิ๊!!!” ผมบอกมันแต่มันก็ยังกวนส้นได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย

“ออกมาเอาเองดิ” มันยักคิ้ว

“กูจะออกไปได้ไงเล่า!! เร็วๆอย่าลีลา!!”

“เมื่อกี้ยังออกมาได้เลย”

“ไอ้ซิ่ง!!!!!!!!”

“ฮ่าๆ อายไรวะ กูเคยเห็นมาหมดแล้ว” มันพูดแต่ก็ลุกมาหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่ตรงราวข้างตู้เสื้อผ้ามาส่งให้ ผมกระชากผ้าเช็ดตัวมาก่อนจะผลุบเอาไปในห้องน้ำเอาผ้าพันเอว ออกมาเสยหัวเหม่งมันไปที

มันมองผมตาขวางเลยครับ

“เดี๊ยๆกูเป็นพี่มึงนะ”มันผลักหัวผมคืน

“หรอ นึกว่าผัว”

เยดดดดดดดดดดดดดดดดด เข้!!! กูพูดอะไรออกไป สาบานได้ว่าแค่อยากพูดเอาชนะ ดูหน้ามันดิเหวอไปเลย ขอโทษเหอะสัด กูเหวอกว่ามึงอีก!!!!

“ฮะ ฮะ ทำกูไปไม่เป็นเลยมึง” มันหัวเราะแก้เก้อ ซึ่งผมก็ตีหน้ามึนๆกลบอาการหน้าร้อนไปยืนทาครีมหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

แอบชำเลืองมองมันที่เดินไปนั่งบนเตียงก่อนจะนอนราบลงไป เอาแขนตัวเองหนุนต่างหมอน เห็นนะ!! มันแอบอมยิ้มด้วย!!!

“กูชอบนะ”

หือ???

ผมขมวดคิ้วผ่านกระจกมองมัน

“ที่มึงพูดเมื่อกี้น่ะ...” มันดีดตัวลุกขึ้นนั่งพลางจ้องตาผมผ่านกระจก “...กูชอบ”


“ปาย”

“อะไร”

“หลังไปโดนอะไรมา”

งานเข้าแล้วไงกู!! ผมที่กำลังรื้อหากางเกงบอลในตู้เสื้อผ้าชะงักกึก ตาดีจริงมึง แล้วทำไมต้องทำเสียงเข้มใส่กูวะ แค่หน้ามึงเข้มไม่พอรึไง >.<

“ไปกระทืบเด็กช่างมา” ผมตอบไปน้ำเสียงปกติ ชีวิตกูนี่!! จะทำอะไรมันก็เรื่องของกู ถามมาก็ตอบไปแค่นั้น

“ว่าไงนะ มึงไปมีเรื่องมาหรอ!!” ไอ้เข้มลุกพรวดจากเตียงเข้ามาประชิดตัว ผมที่ใส่กางเกงบอลได้ขาเดียวแทบหงายหลังเข้าไปในตู้เสื้อผ้า

พายุโซนร้อนเข้าสิงหรือไงมึงเนี่ย

“เออ พวกมันเสือกมาทำเพื่อนกูก่อนทำไมล่ะ”

“แล้วไง มึงเลยกลัวน้อยหน้าเพื่อนมึงไปให้เค้ากระทืบอีกคน” มันขึ้นเสียงใส่ผม

“เชี่ยเหอะ กูบอกว่าไปกระทืบมันไม่ใช่มันกระทืบกู!” ผมเสียงดังบ้างก่อนจะผลักไหล่มัน เดินมานั่งปลายเตียงหยิบรีโมตเปิดทีวีดู

ไม่ใส่แม่งละเสื้อน่ะ ใส่กางเกงมันตัวเดียวนี่แหละ รำคาญหมาบ้า!

พูดถึงหมา หมาก็มาตามกระชากรีโมตไปกดปิด

“สภาพนี้หรอไปหาเรื่องคนอื่น หลังแดงเถือกอย่างกับโดนสิบล้อทับ แก้มช้ำๆนี่ก็ด้วยใช่มั้ย!”

“เออ!! แล้วมึงจะเอายังไง ยุ่งอะไรด้วย มันชีวิตกูนะ!” ผมลุกพรวดผลักอกมันออกอย่างรำคาญใจ เอะอะด่า เอะอะตะคอก เป็นพ่อกูหรือไง

“มึงพูดกับกูอย่างนี้หรอ เรื่องนี้มึงผิดนะ บอกกูว่าจะไปทำงาน ตอแหล!” มันขว้างรีโมตลงพื้นอย่างแรง แยกร่างซากกระจายแอ้งแม้งอยู่ที่พื้น ควาย! สันดานเลว ชอบทำลายข้าวของ

“มึงสิจัญไร! มาด่ากูฉอดๆ มาโมโหใส่กู มีสิทธิ์อะไร!!”

“ต้องให้กูย้ำใช่มั้ยว่าสิทธิ์อะไร!!!” มันกระชากข้อมือผมไปบีบแน่น เจ็บมาก แต่ผมไม่ร้องหรอก

“ถ้าสิทธิ์ที่มึงเรียกร้องบ่อยๆ กูบอกไว้ตอนนี้เลยว่าไม่ใช่!! แล้วอย่าถามกูว่าทำไม เพราะมึงเองก็รู้อยู่แก่ใจ!!” ผมสะบัดข้อมือมันสุดแรง แต่อย่าคิดว่ามันจะหลุดง่ายเหมือนอย่างนางเอกในนิยาย

เพราะเชี่ยนี่มันแรงควาย!!!

“กูไม่รู้! กูรู้แค่ว่าไม่ชอบให้มึงมีไปเรื่อง”

“มึงประสาทกลับหรอ ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง กูบอกว่านี่มันชีวิตกู!”

“ใช่ไงชีวิตมึง มึงอยากจะไปต่อยตีที่ไหนก็ไป เดินไปให้เขาเป่ากะโหลกมึงเล่นกูก็ไม่ว่า แต่ห้ามเอาร่างกายนี้ไปด้วย!!”

พูดห่าอะไรของมึงวะ ไปได้ แต่ห้ามเอาร่างกายไป??

ได้ที่ไหนล่ะ ห่าเอ๊ย!!

“ประสาท! พูดห่าไร จะให้กูถอดจิตหรอสัด!”

“ได้ก็ดี จะถอด จะแยกร่างไปตายห่าที่ไหนก็ไป แต่สำหรับร่างกายนี้...” มันพูดเสียงเข้ม จิ้มมาที่หน้าอกผม “ห้ามเด็ดขาด เพราะกูไม่อยากเห็นมันเจ็บ แม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้!! ”

“….!!!!!”

หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 12 <<
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 17-07-2018 23:34:33

รักร้าย12


“ใช่ไงชีวิตมึง มึงอยากจะไปต่อยตีที่ไหนก็ไป เดินไปให้เขาเป่ากะโหลกมึงเล่นกูก็ไม่ว่า แต่ห้ามเอาร่างกายนี้ไปด้วย!!”

พูดห่าอะไรของมึงวะ ไปได้ แต่ห้ามเอาร่างกายไป??

ได้ที่ไหนล่ะ ห่าเอ๊ย!!

“ประสาท! พูดห่าไร จะให้กูถอดจิตหรอสัด!”

“ได้ก็ดี จะถอด จะแยกร่างไปตายห่าที่ไหนก็ไป แต่สำหรับร่างกายนี้...” มันพูดเสียงเข้ม จิ้มมาที่หน้าอกผม “ห้ามเด็ดขาด เพราะกูไม่อยากเห็นมันเจ็บ แม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้!! ”

“….!!!!!”

“มาทำเป็นยืนอึ้ง ที่กูพูดเข้าใจมั้ย!”

ผมกระพริบตาปริบๆสมองรวนไปชั่วขณะ จ้องมองไปยังดวงตาที่ยังฉายแววคุกรุ่น  เม้มปากแน่นอย่างไม่เข้าใจความหมายที่มันต้องการจะสื่อ

ไม่สิ ไม่อยากจะเข้าใจต่างหาก

ไม่อยากตีความเข้าข้างตัวเองว่ามัน...เป็นห่วง

เมื่อมันเห็นผมยืนนิ่งไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ มันก็หลับตาลงอย่างข่มอารมณ์ก่อนลืมตาพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เฮ้อออออ เอาเหอะ บังคับไปเด็กดื้ออย่างมึงก็ไม่ฟัง แต่กูไม่ได้แค่ขู่หรอกนะบอกไว้ก่อน ปวดกบาลกับมึงจริงๆเหอะให้ตาย เจอเคสคนป่วยสิบรายยังไม่อยากตายเท่าเจอมึง  ไหนหันหลังมาดูดิ๊”

มันก็บ่นๆไปก่อนจับให้ผมหันหลัง  ผมหน้ามุ่ยฮึดฮัดแต่มันก็ส่งสายตาดุมาให้ก่อน ทำท่าจะฟาดมือลงบนหลังผมด้วยถ้าผมยังดื้ออยู่

รู้สึกถึงสัมผัสเบาๆที่ค่อยๆไล้รอยแดงที่รู้สึกเจ็บแปลบด้านหลัง

“อักเสบแน่มึง อย่ามาโอดครวญให้กูได้ยินนะ กูไม่ทายาให้หรอก ปล่อยให้แม่งปวดให้ตาย ซ่าดีนัก” มันด่าแต่ก็ยังสำรวจรอยที่หลังผมอย่างตั้งใจ

“กูสนนักนี่ ไม่ได้ง้อเหอะ” ผมเบ้ปากใส่

“ช่างมึง กูชินละที่มึงไม่สนกู เพราะถ้าสนใจสักนิด คงไม่แอบกูไปฟัดกับหมามาขนาดนี้” มันผลักไหล่ผม ก่อนจะเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวอีกผืนที่แขวนตรงราวมุมห้องเข้าห้องน้ำไป

ควายเอ๊ย!!!!!!!!!!!!! ผลักหาป๊ามึงหรอ กูเจ็บนะ หอยหลอด!!!

กุกกักๆ

“ไอ้ดื้อ มีกางเกงบอลตัวใหญ่ๆบ้างเปล่าวะ”

เสียงเหมือนใครค้นอะไรบางอย่างในตู้เสื้อผ้ากับเสียงพูดที่ดังแว่วๆเข้ามาในโสตประสาทผมแต่ตอนนี้ไม่รับรู้อะไรแล้วครับ ต้องพูดว่าตั้งแต่หัวถึงหมอนผมก็ตัดทุกอย่างออกจากชีวิต นอนคว่ำหน้ากอดหมอนข้างสบายอุราไม่สนใจเสียงหมาเสียงควายให้ระเคืองหู

ผมบอกไปหรือยังว่า...เพลียมากกกกกกกกกก อยากนอนเป็นที่สุด

เสียงเงียบไปแล้ว ตอนนี้ผมเริ่มได้กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่คละคลุ้งกลิ่นกายที่ผมคุ้นเคยค่อยๆชัดเจนขึ้น

สักพักก็รู้สึกว่าเตียงยวบลง

รู้สึกถึงเจลเย็นๆกับสัมผัสบางเบาที่ไล้ไปตามแนวไหล่ไล่ลงไปกลางหลัง ก่อนจะได้กลิ่นฉุนๆที่กลบกลิ่นหอมอ่อนๆไปเสียหมด


[ Cing ]

“อืม”

ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา นอนลืมตานิ่งสักพักก่อนจะมองไปที่ระเบียงที่เปิดประตูกระจกทิ้งไว้เหลือแต่ส่วนที่เป็นมุ้งลวดที่ปิดกันยุงกันแมลงเข้า

หืม มืดแล้วหรอวะ

ท้องฟ้ามืดสนิทเลยครับ มีเพียงแสงจากหลอดนีออนที่เปิดจากหอพักตรงข้ามกับตามถนนที่เปิดเป็นจุดๆ ผมหันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างกัน เหอะ ยังนิ่งไม่ไหวติง ตายไปแล้วมั้งน่ะ

หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ทุ่มนึงแล้ว

พอผมจัดการอาบน้ำ ทายาที่หลังให้มันเสร็จ(ทั้งๆที่เพิ่งอกมันไปว่าจะไม่ทา เฮ้อ) ผมก็กะว่าจะงีบแป๊ปนึงเพราะเมื่อคืนอ่านหนังสือดึกตื่นไปสอบแต่เช้าอีก ไม่ได้ไปมีเรื่องจนเพลียแบบหมาดื้อบางตัวหรอกนะ

ผมตะแคงนอนมองร่างที่นอนคว่ำหันหน้ามาทางผม เสี้ยวหนึ่งของหน้าบี้จมหายไปกับหมอน หึ ปกติมันเป็นคนชอบนอนตะแคงกับนอนหงายนะ มันบอกนอนคว่ำอึดอัดหายใจไม่ออก แต่ตอนนี้มันเลือกไม่ได้ครับ  นอนคว่ำได้ท่าเดียว

สมน้ำหน้า อยากแรดไปให้เค้าตีดีนัก

“มึงจะทำให้กูเป็นห่วงไปถึงไหนวะ หืม ไอ้ดื้อ” ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะหยิกแก้มอูมๆของมันอย่างหมั่นเขี้ยว

ตอนที่ผมรู้ว่ามันไปมีเรื่องมาผมโกรธมากนะ ไม่รู้สิ ทั้งที่มันพูดก็ถูก...ไม่ใช่เรื่องของผม

แต่...ยังไงดีล่ะ ผมกลับรู้สึกว่ามันเกี่ยวกับผม...มากๆด้วย

ยิ่งพอเห็นแผลที่หลังมันนะ ใจหายวาบเลย มันเป็นคนขาว ขนาดเป็นคนสกปรกไม่ชอบอาบน้ำและไม่ค่อยดูแลตัวเอง แต่ผิวมันขาวละเอียดเลยนะ พอโดนอะไรเข้าหน่อยก็เห็นเป็นรอยแดงแล้ว แล้วนี่โดนไม้หน้าสามฟาดมาขนาดนี้รอยช้ำชัดเจนมากเหอะ

พอผมพูดผมบอกผมเตือนก็เถียงคอเป็นเอ็น ผมถึงไม่มีอารมณ์จะพูดดีๆกับมันไง ขนาดบังคับมันยังไม่ค่อยจะเชื่อกันเลย

ดื้อฉิบหาย

ผมลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาบ้วนปากให้สดชื่น ก่อนจะเดินไปที่เตียงที่มีซากหมานอนตายอยู่

“ปาย...ปาย...”

“ไอ้ดื้อ มืดแล้ว ตื่น ไปกินข้าวกันค่อยมานอนต่อ” ผมเขย่าตัวมันเบาๆมันเป็นคนตื่นง่ายครับ

แต่คงไม่ใช่ครั้งนี้

“ไอ้ปาย!!!” ผมตะโกน มันสะดุ้งนะผมเห็น แต่แม่งไม่ยอมลุก

“อยากจะนอนมากใช่มั้ยมึง เดี๋ยวกูจะทำให้นอนแบบลุกไม่ขึ้นเลย เอามั้ย”

พรวด!!!

คราวนี้เด้งตัวขึ้นอย่างกับเตียงติดสปริงเกอร์ไว้ ต้องให้กูขู่ตลอด แล้วไม่ต้องมาทำตาขวางใส่กูด้วย

“ไปล้างหน้า ใส่เสื้อดีๆไปกินข้าวกัน” ผมยืนท้าวเอวบอกมัน

“กูไม่หิว” มันกระชากเสียงบอก ทำท่าจะนอนลงไปต่อ แต่ผมถลึงตาใส่ให้รู้ว่าถ้านอนลงไปอีกคราวนี้มึงไม่ได้ลุกแน่ๆ

“คนกระเพาะครากอย่างมึงนะจะไม่หิว เร็วๆ กูหิวแล้วด้วย”

มันทำหน้าขัดใจ ปาหมอนใส่หน้าผมก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป สันดานเสียจริงๆเลยมึงเนี่ย

“ทำไรอ่ะ”

ไอ้ดื้อที่เอาผ้าขนหนูซับหน้าอยู่เดินขมวดคิ้วออกมาจากห้องน้ำมองผมที่กำลังยัดเสื้อผ้าบางส่วนใส่กระเป๋าเป้ ผมเงยหน้าขึ้นมองก่อนตอบ

“เก็บของ ขี้เกียจวนกลับมาใหม่ กินข้าวเสร็จจะได้เลยไปคอนโดกูเลย”

“เก็บไม เสื้อผ้ากูห้องมึงก็มี”

“กูยังไม่ได้ส่งซัก” มันเงียบไปอึดใจยืนมองผมที่ก้มลงไปจัดการกับเสื้อผ้ามันต่อ เอ๊ะ เอากางเกงยีนส์ติดไปด้วยดีกว่าเผื่อพามันออกไปเที่ยว กางเกงในอยู่ไหนวะ

“วันนี้กูไม่ไปนะ จะไปนอนเป็นเพื่อนไอ้แปง ห่าคิงไม่อยู่”

กึก

ผมชะงักมือที่จะยัดเสื้อยืดสีขาวลงกระเป๋า ชักสีหน้ามอง

“มันมีมึงเป็นเพื่อนคนเดียวหรือไง”

“ควาย ก็กูห่วงเพื่อน”

“ให้คนอื่นมาเฝ้าแทน ถ้าไม่มีเดี๋ยวกูให้ไอ้แคนมาเฝ้า เพื่อนมันเหมือนกัน” มันทำท่าไม่ยอมจะอ้าปากเถียง แต่ผมก็ชี้หน้าชิงพูดก่อน

“กูบอกมึงตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าจะมารับ อย่ามาโยกโย้ ถ้ามึงจะนอนเฝ้าเพื่อนมึงกูจะมานอนด้วย เอามั้ยล่ะ”

มันหน้าบึ้งขึ้นมาทันที ผมรู้ว่าตอนมันอยู่กับเพื่อนมันไม่ชอบให้ผมอยู่ด้วย ไม่รู้ว่าอายหรืออะไร แต่ก็ถือว่ามันเป็นไม้เด็ดปราบเด็กหัวแข็งได้ล่ะนะ

“เอากระเป๋ามึงไป” ผมรูดซิบปิดกระเป๋าโยนให้มัน แต่มันไม่รับปล่อยตกลงพื้นซ้ำยังเตะกลับมาให้ผมอีก ไอ้...

“กูไม่ถือ” มันพูดหน้ามุ่ย

“แต่ของมึง” ผมว่าเสียงเข้ม

“แล้วไง ของกูก็เอาเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้ากูดิ”

“ปาย...อย่าดื้อแพ่งกับกูนะ”

“...”

“มึง...”

“…”

“จะเล่นสงครามประสาทกับกูใช่มะ ได้...”

จบคำผมก็จู่โจมเข้ารัดร่างมัน ไอ้ปายตาเหลือกอย่างตกใจถอยหลังกรูหนีผม แต่ไม่ทันแล้วล่ะ บัดนี้มันได้มาอยู่ในอ้อมแขนผมอย่างสมบูรณ์แล้ว หึ

และไม่รอให้มันอ้าปากด่าผมก็ฉกวูบลงที่ริมฝีปากบาง มันเม้มปากแน่นส่ายหน้าหนีผมเป็นพัลวัน ผมเปลี่ยนเป้าหมายมากัดริมฝีปากมันแรงๆ แล้วเลื่อนริมฝีปากตัวเองกัดจมูก กัดแก้ม  กัดคางมันไปทั่ว มันก็ร้องจ๊ากดิ้นใหญ่เลย หึ ผมกัดเบาๆสักที่ไหนล่ะ

“โอ๊ยๆๆ กูเจ็บๆ อ๊าก อย่ากัดหูกู”

คิดว่าผมจะหยุดมั้ยล่ะ งั่มๆๆๆๆ

“โอ๊ยๆ โอเคๆยอมแล้วๆๆๆ ว๊ากก บอกว่ายอมแล้วไง”

ผมหยุดปากที่กำลังจะฝังเขี้ยวไปบนคิ้วมัน ถอนหน้าจ้องมองยกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะลูบผมมันเบาๆ อย่าคิดว่ามันจะอ่อนโยนอะไรนะ ออกจะ...กวนตีน

“ดีมาก ต้องให้กูใช้กำลังตลอด”

“โรคจิต แหวะ น้ำลายเต็มหน้ากูเลย ยี้ๆ”

“ฮ่าๆ ทำเป็นรังเกียจนะมึง ไปๆหาไรแดก”

ผมหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาอีกรอบจับยัดใส่มือมัน อย่าๆอย่าคิดว่าผมจะถือให้ แค่เก็บให้ก็ทำหน้าที่ผัวที่ดีจะตายห่าอยู่ละ อ้อ แล้วก็ไม่ต้องส่งสายตาประหลำประเหลือกใส่กูด้วย


“แค่นี้ก่อนครับ ขอบคุณครับ”’

ผมส่งออร์เดอร์อาหารคืนให้กับพนักงาน ผมพามันมากินอาหารที่ร้านอาหารข้างมอ ถึงจะไม่ใช่ร้านข้างทางแต่ก็ไม่ได้หรูหราอะไรมากเป็นร้านกระจกติดแอร์ธรรมดา อาหารอร่อยครับไม่แพงมากด้วย พอดีไอ้คนที่นั่งตรงข้ามกับผมมันไม่ชอบร้านอาหารไฮโซ มันบอกแพงก็แพงใหญ่แต่จานอาหารมีแค่แมวดม

เอากับมันเถอะครับ

“ร้านนี้มีเค้กด้วยนะ” ผมเปรย แล้วได้ผลครับ ไอ้หน้าที่ขุ่นมัวตาเป็นประกายวาววับขึ้นมาทันที

“ไหนอ่ะ”

“กินข้าวให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกิน”

“ไม่ใช่ยานะที่จะต้องกินหลังอาหาร! กินรอข้าวมาก็ได้นี่!”

“อย่างอแง” ผมเอื้อมมือไปหยิกจมูกที่กระเง้ากระงอดอย่างหมั่นเขี้ยว เดี๋ยวนี้งอแงใส่ผมตลอดอ่ะ แต่ไม่ต่อต้านผมเหมือนแรกๆแล้วนะ แต่ความดื้อนี่สุดๆอ่ะ

มันคงไม่รู้ตัวว่ามีปฏิกิริยากับผมต่างไป

แต่ผมไม่บอกหรอก อย่างนี้แหละดีแล้ว น่ารัก

อืม ผมไม่ได้เผลอหรอก ผมคิดว่ามันน่ารักจริงๆ

“ไปค่ายวันไหน” ผมถาม

“อีกห้าวัน” มันตอบเสียงขุ่นๆ งอนเรื่องเค้กอยู่ล่ะสิ เด็กจริงๆ

“แล้วหลังจากกลับมาล่ะ” ผมถามต่อ ที่ถามเพราะว่าตอนนี้ก็ปิดเทอมแล้ว ไม่รู้ว่ากลับจากค่ายแล้วมันจะกลับบ้านหรือเปล่า ช่วงนี้มหา’ลัยเงียบๆเพราะว่านักศึกษาหลายคนกลับบ้านกัน เหลือแต่พวกผมนี่แหละที่เรียนที่สอบไม่เป็นเวล่ำเวลาแล้วก็พวกมีกิจกรรมเช่นมัน

“กลับมาก็นอนดิ เหนื่อยจะตาย”

“นอนที่ไหน”

“ห้องกูดิ ถามโง่ๆ” ผมเอื้อมมือเอาช้อนตีปากมัน มันจิ๊ปาก สมควร

“แล้วไม่กลับบ้าน??”

จบคำมันก็เงียบไป ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่ามันดูนิ่งไปทันทีแถมหลบตาผมวูบอีกต่างหาก

“ไม่อ่ะ ขี้เกียจกลับ”

“บ้านไกลหรอ”

“อืม”

แล้วมันก็เงียบไป ผมเลยไม่กล้าถามอะไรอีก แม่ง มาโหมดนี้กูกลัวนะ

สักพักอาหารก็มา แล้ววิญญาณของไอ้ดื้อก็กลับมาด้วย มันตื่นตัวทันทีที่ผัดผงกระหรี่กุ้ง ต้มยำทะเล และปลาทับทิมนึ่งมะนาววางลงตรงหน้า ไม่มีทีท่าให้มากความมันใช้ช้อนเลาะหนังปลาออกแล้วจ้วงเนื้อปลาสีขาวหายไปซีกหนึ่งเลยครับ

เอากับมันเหอะ

ผมเคยบอกหรือยังว่านอกจากซกมกแล้ว มันยังตะกละโคตรๆ

“ค่อยๆกิน เดี๋ยวก้างก็ทิ่มคอตายหรอก”

“เอื้อง อ๋อง อู” แหยะ ข้าวกระเด็นออกจากปากมันเม็ดหนึ่งด้วย ทุเรศไม่มีใครเกินอ่ะเมียกู

“อ่ะ กูรู้มึงชอบ” มันเอื้อมมือข้ามฝั่งใส่กุ้งในจานข้าวผม ผมเงยหน้ามองมันที่ปั้นหน้ายิ้มแฉ่ง

“กูชอบหรือมึงไม่กินหัวกุ้ง” ครับ หัวกุ้ง ส่วนเนื้อมันก็เคี้ยวตุ้ยๆอยู่นั่นไง

“หัวกุ้งมีประโยชน์นะ สมองกุ้งอ่ะ มึงกินสมองเลยนะ ฉลาดตายโหงเชื่อกู” แถได้โคตรควายมากครับคุณภรรเมียกูล่ะละเหี่ยใจกับคุณมึงจริงๆ

“ได้ข่าวว่าหัวกุ้งมีขี้”

“ปุ๋ยชีวภาพไงมึง 555”

“ตลกแดก”

ต่อจากนั้นก็กินกันไปกัดกันไปล่ะครับ ถ้ากินกันปกติก็ไม่ใช่ผมกับมันแน่ๆพอจัดการกับอาหารตรงหน้าหมดยังไม่ทันที่หลอดลมจะขย้อนอาหารลงกระเพาะ ไอ้ดื้อตรงข้ามก็ตะโกนเรียกพนักงานสั่งเค้กทันที

ผมต้องพามันไปลดละเลิกที่ถ้ำกระบอกป่ะ 

มันสั่งมาแบบอลังการมากครับ เค้กส้ม ช็อกฯหน้านวล สตอเบอรี่นมสด

เหมือนอดอยากมาแรมปี แต่ขอโทษเหอะ มันเพิ่งแดกข้าวไปสามจาน

“แดกอย่างกับห่าลง ถ้าปวดท้องอย่ามาบ่นนะมึง” ผมส่งสายตาคาดโทษ แต่คิดว่าไอ้ตัวแดกมันจะสนใจผมมั้ย ลอยหน้าลอยตา ได้เค้กไปมันก็ไม่สนใจโลกแล้วครับ

ไม่ได้กินทีละชิ้นนะ มันเค้กสี่ชิ้นสี่รสเอามาวางเรียงกันแล้วก็จิ้มชิ้นนี้คำชิ้นนั้นคำ

แลมีความสุขมาก

“ปาย ปายใช่ป่ะ...”

ผมเงยหน้าขึ้นมองพร้อมๆกับเจ้าของชื่อที่มองทั้งที่ส้อมยังคาอยู่ในปาก ผู้หญิงตัวเล็กในชุดเดรสสีฟ้าอ่อนผมสีน้ำตาลลอนยาวประบ่ายืนฉีกยิ้มหวานมองมา

น่ารักดี

“อ้าว ฝ้าย” มันฉีกยิ้มทักตอบ

“ปายจริงๆด้วย เรานึกว่าทักคนผิดซะอีก”

“แหม หล่อลากขนาดนี้มีคนเดียว เออ นั่งก่อนสิ” ไอ้ปายเขยิบตัวไปอีกด้านของเก้าอี้ ร้านนี้เก้าอี้เป็นแบบยาวนั่งได้สองคน ผู้หญิงชื่อฝ้ายทำท่าเกรงใจ หันมาฉีกยิ้มขออนุญาตกับผม ซึ่งผมก็ยิ้มบางตอบกลับไปให้เธอนั่งลง

ไม่รู้สิ ผู้หญิงคนนี้ดูต่างจากผู้หญิงของไอ้ปายที่ผมเคยเห็นมา

“ขอบคุณค่ะ แล้ว...” เธอมองมาที่ผม

“อ่อ นี่พี่ซิ่ง รุ่นพี่ที่มหา’ลัย ” หืม พี่หรอ มันเรียกผมว่าพี่ ฟังแล้วรู้สึกดีว่ะ

“สวัสดีค่ะ ฝ้ายนะคะ เพื่อนสมัยมัธยมของปาย”

“สวัสดีครับ ทำตัวตามสบายเถอะครับ คนกันเอง”

“ค่ะ ฝ้ายดีใจนะเนี่ยที่เจอปาย ไม่ได้เจอกันมากี่ปีแล้วเนี่ย” เธอหันไปพูดกับปายที่จิ้มเค้กกินต่อ ผมเลยกลับมาสนใจกับนิตยสารตรงหน้าที่หยิบขึ้นมาอ่านรอเวลา

“ก็ตั้งแต่ที่ฝ้ายปฏิเสธปายแหละ”

กึก

ชะงักเลยครับ ผมเงยหน้ามาจากตัวหนังสือ แต่สองคนที่คุยกันไม่ได้สังเกตว่าผมมองอยู่

“ขอโทษนะ แต่ฝ้ายไม่อยากจะเป็นแฟนกับปายนี่ ปายเจ้าชู้อ่ะ” เธอทำหน้าหงอยอย่างรู้สึกผิด อ้าว สรุปแฟนเก่ามันหรอ ไม่ดิ จีบไม่ติดก็ยังไม่ใช่แฟน

ผมมองหน้ามันนิ่งเลยครับ กูไม่อ่านละนิตยสารห่าเหวไรเนี่ย

มันเงียบไปสักพักก่อนจะ...

“ฮ่าๆ ดูหน้าฝ้ายดิ ปายล้อเล่น เรื่องมันผ่านมาตั้งสองปีแล้ว ปายลืมไปหมดแล้ว”

“แต่ตั้งแต่วันนั้นปายเราไม่เจอปายเลยนะ ฝ้ายนึกว่า...”

“อย่าคิดมากสิ ปายบอกชอบฝ้ายวันปัจฉิมเราก็ไม่ได้เจอกันน่ะสิ มาๆมากินเค้กกันดีกว่า” มันผลักจานเค้กไปตรงหน้าฝ้าย

“ปายยังชอบกินเค้กเหมือนเดิมนะ”

“แต่เค้กกับฝ้าย เราชอบฝ้ายมากกว่านะ โอ๊ย” มันพูดจบก็ร้องออกมาดังลั่น แน่สิ โดนผมเหยียบเท้าใต้โต๊ะเต็มแรงซะขนาดนั้น

มันหันมามองผมตาขวาง ผมด่ามันไม่ออกเสียง ‘เยอะไป’

“เป็นไรอ่ะปาย”

“มะ ไม่เป็นไร มดง่ามมันกัดน่ะ อย่าไปสนใจ”

“ฮ่าๆ งั้นฝ้ายไปก่อนนะ พอดีนัดเพื่อนเอาไว้ได้เวลาแล้วล่ะ”

“เพื่อนหรือแฟนครับ หืม...ดูๆหน้าแดงด้วย”

“เพื่อน ...ปายอ่ะ อย่าแซวสิ ฝ้ายไปนะ”

“ครับ เดี๋ยวปายไปส่งหน้าร้าน” มันทำท่าจะลุกแต่ถูกห้ามไว้ก่อน

“ไม่เป็นไรๆรถเพื่อนฝ้ายมาถึงพอดี ไปก่อนนะคะพี่ซิ่ง ฝากดูแลเพื่อนฝ้ายด้วยนะคะ” เธอยิ้มกว้างก่อนขยิบตาให้ผม  ผมยิ้มบางตอบกลับไป ร่างบางลุกออกไปจากโต๊ะก่อนผลักประตูออกไปเธอหันมาโบกมือลา

ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไอ้ดื้อถึงเคยชอบผู้หญิงคนนี้

“มองขนาดนี้เอาแว่นส่องทางไกลเลยมั้ย” ผมแขวะไอ้ตัวที่มองตามไปเหลียวหลัง มันกลับมายู่หน้าใส่ผมก็จะสวาปามเค้กตรงหน้าต่อ

มันตักเค้กเข้าปากไปเงยหน้ามองผมไปเหมือนกับมีบางอย่างอยากจะถามแต่ก็ไม่พูดออกมา

“มีอะไร” ผมถาม

“เปล่า”

“อย่ามาตอบเป็นนางเอกนิยายหวานแหวว มีอะไรก็พูดมา” ผมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะกอดอกมองหน้ามัน

มันมองหน้าผมอย่างชั่งใจกลืนเค้กในปากลงคอ ยกแก้วจิบน้ำก่อนพูดออกมา

ลีลาจริง

“เอ่อ...วันนี้ไม่หวงหรอ...” มันงึมงำเสียงเบา

“ห๊ะ ว่าไงนะ” พูดไรวะ

“วันนี้ไม่หวงกูหรือไง” มันพูดเสียงดังขึ้นมาหน่อยแต่ก็ยังเบาอยู่ดี ถึงจะพอได้ยินแหละว่ามันถามว่าอะไร

แกล้งสักหน่อยดีกว่า

“ทำไมต้องหวงอ่ะ” ผมตีหน้ามึนใส่

“ก็...เห็นทุกที...” มันหลุบตามองจานเค้กที่มันจิ้มเล่น

“ทุกทีอะไร กูเคยหวงมึงด้วยหรอ ไม่มีม๊างงงง  มึงมีไรต้องหวงอ่ะ”

“ก็...เออ ช่างมันเถอะ กูบ้าเองแหละ” มันวางส้อมอย่างหงุดหงิดก่อนลุกเดินออกไปเลย

อ้าว รอกูด้วยสิ

“น้องครับ เก็บเงิน!”


แอดด

ปัง

เสียงปิดประตูห้องตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เดินเข้าไปในห้องนอนพร้อมเป้หนึ่งใบ ผมหย่อนก้นนั่งบนโซฟาพลางมองตามหลังร่างที่เดินหายไปในห้อง

ได้ยินเสียงจังหวะฝีเท้ามึงก็รู้ว่ายังงอนกูอยู่

แต๋วขึ้นนะมึง รู้ตัวบ้างป่ะเนี่ย

ผมนั่งดูรายการสารคดีสัตว์โลกสักพักก็ปิดทีวีก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนเห็นไอ้ก้อนกลมๆที่ขดอยู่ในผ้าห่มโผล่แต่หัวทุยๆออกมา ผมเดินเข้าไปใกล้ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่แสดงว่ามันอาบน้ำแล้ว ดีวุ้ย งอนแล้วทำตัวสะอาดไม่ต้องมาคอยจ้ำจี้จ้ำไช

“อย่าเพิ่งหลับ ลุกขึ้นมากินยาแก้อักเสบก่อน” ผมปลุกมัน แต่อย่าคิดว่ามันจะทำตามที่ผมบอกง่ายๆ

“ลุกมากินยาแล้วค่อยงอนต่อ” ผมเสยผมหน้าม้ามันขึ้นก่อนจะตบเหม่งมันฉาดใหญ่

“กูไม่ได้งอน!”

ฟึ่บ

โอ๊ย มันจำเป็นต้องเอาหมอนฟาดหน้ากูมั้ย

“คิดว่ากูจะเจ็บป่ะ ลุกขึ้น” ผมดึงแขนมันให้ลุกนั่ง พอตั้งตัวได้มันก็สะบัดออกมองผมตาเขียวปั๊ดทันที ผมก็จัดการยัดยาเข้าปากมันทันทีก่อนยื่นแก้วน้ำให้ ยกนิ้วชี้หน้ามัน

เอาสิ ถ้ามึงคายกูตบปากฉีกแน่

มันรับแก้วน้ำจากมือไปกรอกเข้าปาก วางกระแทกลงบนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะสะบัดผ้านวมคลุมโปงต่อ

มาเร็ว เคลมเร็ว ท่าจะตายเร็วด้วยนะมึง ฮึ่ม

ผมดึงผ้าห่มที่มันใช้คลุมร่างออก มันทำท่าจะมาแย่งคืน แต่ก็ถูกผมยันให้นอนคว่ำหน้าลงซะก่อน อาศัยจังหวะที่เผลอถลกเสื้อมันออก

“มึงจะดิ้นทำไมวะ”

“มึงก็ปล่อยกูเซ่!!”

“เออ กูปล่อยแน่ แต่ช่วยอยู่เฉยๆให้กูทายาก่อนได้มั้ยวะครับ” กูเริ่มหงุดหงิดแล้วนะโว้ยยยยย มึงจะดื้อไปถึงโลกหน้าเลยหรือไงวะ เดี๋ยวกูก็ไม่ทาแม่งหรอกยาน่ะ ถีบแม่งให้ตกเตียงเลยสันดาน

“...”

เฮ้อ

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่เห็นมันนอนสงบนิ่งได้สักที ผมเอื้อมไปหยิบยาในลิ้นชักหัวเตียง(ผมจะมีสารพัดยาติดห้องไว้ตลอด)บีบลงบนหลังที่มีรอยแดงที่เริ่มช้ำก่อนค่อยๆใช้มือคลึงเบาๆ

“เมื่อกลางวันมึงเป็นคนทายาให้กูใช่ป่ะ”

“อืม” ผมตอบรับในลำคอขณะที่มือยังทำหน้าที่ต่อ

“กูถึงว่าทำไมมีกลิ่นฉุนๆติดตัวกู”มันงึมงำ

“หึ”

ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าเพราะไอ้กลิ่นฉุนๆนี่แหละที่ทำให้มันซ่ากับผมได้ ไม่อย่างนั้นป่านนี้มันปวดไปถึงกระดูกดำแล้ว

“อ่ะ เสร็จแล้ว อย่าเพิ่งใส่เสื้อนะ รอให้ยามันแห้งก่อน”

ผมปิดฝาหลอดยาก่อนวางมันไว้ที่เดิมก่อนลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป


[[ Pai ]]

ตึกตัก ตึกตัก

ไม่รู้เหมือนกันว่าแค่ไอ้หน้าเข้มๆตัวใหญ่ๆทรงผมสกินเฮดมันทายาให้แค่นี้ทำไมไอ้ก้อนเนื้อเลวที่อยู่ในอกข้างซ้ายมันต้องเต้นแรงด้วย ยิ่งผมนอนคว่ำเอาหน้าแนบหมอนอย่างนี้ยิ่งได้ยินเสียงจังหวะเต้นถี่รัวชัดเจนเข้าไปใหญ่

ทั้งๆที่ปากมันบอกว่าจะไม่สนใจ

แต่ก็มันอีกนั่นแหละที่หายามาให้กิน ให้ทา

ทั้งๆที่ปากมันด่าผมปาวๆแต่ก็อีกนั่นแหละ ปลายนิ้วที่นวดคลึงให้ผมช่างอ่อนโยน

แม่ง ทำกูหน้าร้อนไปหมด

ผมนอนคว่ำหันหน้าไปที่ประตูห้องน้ำ นอนมองมันอยู่อย่างนั้นทั้งๆที่มันก็แค่บานไม้สี่เหลี่ยมธรรมดาไม่ได้น่าสนใจอะไร แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาผมไว้อาจเป็นคนที่อยู่ในนั้นก็ได้

ไม่รู้สิ ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

ไม่เข้าใจตั้งแต่ความรู้สึกตัวเองที่ไม่พอใจเพียงเพราะแค่ว่ามันบอกว่า ‘ไม่เห็นมีอะไรให้หวง’

ไม่ได้อยากจะให้มันมาหวงอะไรไร้สาระหรอกนะ เพราะผมกับฝ้ายก็ไม่มีอะไรจริงๆ มันก็แค่เคยชอบตอนนี้ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ

แค่สงสัยว่าทำไมมันนิ่งทั้งที่ทุกทีใครที่ไม่ใช่ไอ้พวกเวรเพื่อนผมเข้ามาใกล้มันวิญญาณหมาบ้าขี้หวงจะเข้าสิงตลอด

วันนี้มันนิ่ง นิ่งแบบไม่มีรังสีระอุ เฉยๆธรรมดามาก มันก็ดีหรอกนะ ก็ไม่ได้อยากให้มาหวงสักหน่อย แต่ก็นั่นแหละ แค่คิดว่ามันคงไม่ได้รู้สึกอะไร อารมณ์ไม่ชอบใจมันก็เกิดขึ้นมาเอง

แต่ไม่ได้งอนนะ!!


แอด

ฟึ่บ

เสียงเปิดประตูห้องน้ำที่ผมจ้องมองอยู่เปิดออกผมก็ปิดเปลือกตาลงทันที วันนี้อาบน้ำไววุ้ย หรือกูมัวแต่เหม่อวะ ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กๆสักพักก่อนจะได้ยินเสียงปิดสวิตซ์ไฟ เสี้ยวนาทีต่อมาเตียงก็ยวบลง มันคงจะไม่มีอะไรถ้าไม่มีมือผีมาดึงร่างผมเข้าไปประชิดร่างควายซะก่อน

จุ๊บ

“อืม!” ผมประท้วงในลำคอทันทีที่อยู่ดีๆตัวเองก็ถูกดึงมาจูบ ร่างผมที่ประชิดร่างใหญ่อีกร่างโดนโอบรัดแน่น ให้ตายเหอะ มึงคิดบ้างป่ะว่ากูจะเจ็บแผลมั้ย สัด แต่ก็บ่นได้พักเดียวนั่นแหละ เมื่อลิ้นสากสอดเข้ามาในโพลงปากผมก็หยุดการขัดขืนทุกรูปแบบค่อยๆหลับตาลงบีบต้นแขนมันแน่นก่อนจะจูบตอบกลับไป

ทำสงครามน้ำลายกันอยู่สักพัก มือซุกซนก็เลื้อยเข้ามาในเสื้อ(ผมใส่เสื้อแล้ว)ค่อยๆลูบหน้าท้อง เอว สะโพก ไล่เลื้อยมาตามแนวซี่โครงก่อนจะหยุดขยี้เล่นที่จุกชมพูตรงเนื้อเนินอก

“อืม” ผมหลุดเสียงครางอย่างน่าอายก่อนจะโดนร่างที่ใหญ่กว่าดันให้นอนหงายแล้วคร่อมตัวทาบทับลงมา

“โอ๊ย!”

“เฮ้ย..ปะ เป็นอะไร”

เสียงร้องของผมทำเอาทุกอย่างแตกกระเจิง

“เจ็บหลัง...” ผมว่าเสียงแผ่ว โอ๊ย กูทำอะไรลงไป สมยอมมันหรอ อายฉิบหายวายป่วง

“เออ กูก็ลืมไปว่ามึงเจ็บอยู่ กะจะแค่จูบ สติแตกตลอดกู ยิ่งมายั่วอย่างนี้กูก็ยิ่งคลั่งดิ เฮ้อ” มันผละตัวออกลุกนั่งขัดสะมาท ขยี้หัวเกรียนๆอย่างหัวเสีย

“ใครยั่วมึง ควาย” ผมถีบเอวมันเต็มแรง พูดซะกูเสียหาย ห่า

“มึงจูบตอบกู ไม่ขัดขืนกู ก็ยั่วกูสุดๆแล้ว ” มันกระโจนเข้ามาคร่อมผมไว้อีกรอบ แต่คราวนี้ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักตัวลงมาทับแค่คร่อมไว้เฉยๆ

“คะ ใครไม่ขัดขืน กูห้ามแล้วมั้ง มึงไม่ปล่อยกูเอง”

“หรา แล้วเรื่องจูบตอบละ”

“ก็ เอ่อ..กูจะด่าต่างหากปากมันเลยขยับไม่ได้จูบตอบบ้าบออะไรสักหน่อย” ผมแถ พยายามจ้องหน้าสู้ไม่หลบตาเดี๋ยวจะหาว่าผมโกหก

ถึงผมจะโกหกจริงๆก็เถอะ T^T

“ถลอกแล้วมั้งสีข้างมึงน่ะ แต่ไม่เป็นไรแก้มแดงน่ารักกูให้อภัย”

“เฮ้ย”

พูดจบยังไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัวมันก็จัดการพลิกร่างผมขึ้นไปเกยบนตัวมันที่เปลี่ยนเป็นนอนหงาย แขนข้างหนึ่งอ้อมมารัดต้นคอผมไว้อีกข้างโอบไว้ที่สะโพก พอผมดิ้นทำท่าจะลงมันก็ผงกหัวขึ้นมาจุ๊บปาก

“อยู่เฉยๆดิ อย่างนี้จะได้ไม่เจ็บหลังไง เนอะ”

ฉ่า

ชะเรี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยย มึงไม่ต้องมาโชว์ยิ้มสวยฟันขาวเลยนะ ฮืออออ มึงจะเต้นแร๊ฟหรือไงไอ้ใจบ้าเดี๋ยวกูควักทิ้งเลยนี่

“ปะ ปล่อยเหอะ กูจะนอน ง่วงแล้ว” ผมพยายามพูดกับมันดีๆ

“นอนดิ” มันกดหัวผมซบลงบนอกมัน

“เฮ้ย ไม่เอางี้ดิ”

“นอนน่า เดี๋ยวจะไม่ได้นอนนะ”

กร๊าซซซซซซซซซซซ มึงเลิกพูดเสียงนุ่มใส่กูได้ป่ะ ด่ากูสิ ตะคอกกูสิ  งือออ อย่างนี้กูไม่คุ้น กูแพ้ทาง T^T

“ไอ้ดื้อ...”มันเรียกเสียงแผ่ว

“กูไม่ได้ดื้อ”ผมเถียงอู้อี้ หนังตาเริ่มหรี่ปรือ

“หึ ไอ้ปาย...”

“อะไร”

“เมื่อกลางวันน่ะ...” มันลูบศีรษะกล่อมผมแผ่วเบา “ไม่ใช่ไม่หวง แต่กูรู้ว่ามันไม่มีอะไรต่างหาก”

มันเงียบไปอึดใจก่อนพูดต่อ

“ยังไงสำหรับมึง กูก็หวงที่สุดอยู่ดี...”
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 13 <<
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 17-07-2018 23:38:22

รักร้าย13



“อืม”

สติที่เลือนรางค่อยๆชัดเจนขึ้น  ผมค่อยๆขยับตัวพร้อมเปลือกตาที่ค่อยลืมขึ้น สิ่งแรกที่ผมเห็นคือแผ่นอกหนาที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้าที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอบ่งบอกว่าคนข้างกายที่ให้ความอบอุ่นผมทั้งคืนยังหลับใหลในห้วงนิทรา

 แสงแดดสลัวที่ส่องผ่านผ้าม่านเรียกสติให้สายตาผมเหลือบไปมองเข็มนาฬิกา

หกโมงเช้า

โห วันนี้ตื่นได้เช้ามากอ่ะ

ทุกทีเช้าสุดของผมเนี่ยไม่ต่ำกว่าเก้าโมง

สงสัยเมื่อวานนอนทั้งวัน แถมเมื่อคืนก็หลับสนิททั้งคืน

อย่าคิดว่าเราจะหวานแหววโลกเป็นสีชมพูให้ผมนอนซบอกบนตัวมันทั้งคืน หึ ทำอย่างนั้นมีหวังมันตะคริวแดกแน่ ผมตัวเล็กซะที่ไหน

เมื่อคืนพอนอนไปได้สักสองชั่วโมงมันก็เกิดอาการเหน็บแดกตะคริวจะถามหา เลยล่องผมลงมานอนบนเตียงแต่โดยดี

แต่ก็นั่นแหละ ยังลากผมมาเป็นหมอนข้างส่วนตัว =_=

ผมเอามือจับแขนหนาที่พาดเอวอยู่ออก ก่อนจะผละตัวเองออกมา ลุกนั่งบิดขี้เกียจซ้ายขวาก่อนจะลุกจากเตียงเดินออกจากห้องนอนมุ่งไปส่วนที่เป็นครัวเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่ม

ขณะที่กำลังดื่มน้ำไปก็ใช้สายตาสำรวจไปว่าในตู้เย็นมีอะไรพอที่จะทำอาหารเช้าได้บ้าง

อืม มีหมูสด ไก่สด แล้วก็ผักนิดหน่อย

ทำไรกินดีหว่า

ผมเป็นคนประเภทตื่นปุ๊ปจะหิวปั๊ป  แล้วตอนนี้ก็เริ่มหิวแล้วด้วย

ผมวางแก้วลงแต่ก่อนที่จะได้หยิบอะไรออกมาทำก็นึกขึ้นได้ ไอ้เจ้าของห้องมันเคยบอกไว้ว่าเช้าๆข้างคอนโดมีหมู่บ้านเล็กๆแถวนั้นจะมีตลาดที่เอาไว้หยิบจับซื้อของกัน ในช่วงเช้า ห่างจากนี่ไม่เกินร้อยเมตร อาทิตย์ก่อนผมเดินผ่านไปเห็นแม่ค้ากำลังเก็บร้านพอดี(มันสายแล้วอ่ะ)

น่าสนแฮะ

นานๆจะตื่นเช้าแบบนี้ ออกไปเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าดีกว่า

ผมยกยิ้มให้กับความคิดอันแสนโคดตะระเลิศหรู ซอยเท้าเข้าไปห้องนอนเดินผ่านไปยังห้องน้ำ แน่ะแน่ อย่าคิดว่าผมจะเข้าไปอาบน้ำ เมินซะเถอะ แค่เข้ามาแปรงฟันกันแม่ค้าเป็นลมเท่านั้นแหละ อาบน้ำตอนเช้าตรู่แบบนี้  บรื๊อออ แค่คิดก็หนาวจับขั้วไส้ติ่ง ถึงจะมีเครื่องทำน้ำอุ่นผมก็ทำใจมิได้ T^T

ผมเอาผ้าซับหน้าไปเดินหากระเป๋าสตางค์ อืม จำได้ว่าวางไว้บนโต๊ะหัวเตียงนี่หว่า อ๊ะ! เจอแล้ว

“อืม หืม...จะไปไหนน่ะ”

กึก

มันมาแล้วไง มารคอหอยกู มันแหกขี้ตาขึ้นมาแล้ว

“ไปตลาด”

“ข้างคอนโดน่ะหรอ”มันขยี้ตายันตัวขึ้นนั่ง

“อืม”

“รอก่อน กูไปด้วย” มันเคลื่อนตัวลงจากเตียง เดินมาดีดหน้าผากผม ก่อนเดินผ่านเข้าห้องน้ำไป ผมมองตาขวางก่อนทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง เฮ้อ กูต้องรออีก กูหิวนะโว้ย เดี๋ยวแดกหัวแม่งเลย คอยดูนะผมต้องรอมันไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงอ่ะ ไหนต้องแปรงฟัน อาบน้ำ ทาครีม แบบต้องสะอาดตั้งแต่หัวจรดตีน สกปรกเดินออกไปข้างนอกนี่มิด๊ายยยย เดี๋ยวเชื้อรามันจะทำงานแล้วจะคันในร่มผ้า แหวะ

ผมหยิบโทรศัพท์มาเล่นฆ่าเวลา แล้วก็จริงๆครับครึ่งชั่วโมงเดินตัวหอมฉุยออกมาเลย

เหี้ย ตลาดวายหมดแล้วมั้ง

มันยักคิ้วกวนตีนให้ผมเลยโดนผมแจกตีนไปหนึ่งที ผมลุกขึ้นเดินออกไปใส่รองเท้าหน้าประตูโดยมีมันเดินตามหลังมาติดๆ ควาย ใส่เสื้อบอลกางเกงบอลแม่งยังหล่อเลย กูก็ใส่เหมือนมึงต่างกันแค่มันใส่สีน้ำเงินผมใส่สีเหลือง ทำไมกูถึงดูสะถุนวะ

“เฮ้ย ไปไหน” ผมทักเมื่อเห็นมันเดินเลี้ยวไปอีกทาง ตอนนี้ผมสองคนอยู่หน้าคอนโดแล้ว

“รอตรงนี้นะ เดี๋ยวมา” มันยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนวิ่งเหยาะหายไปตรงป้อมยาม

ห่าไรอีกวะ วุ้ย ลีลาจริง

ตลาดมันมีแค่ช่วงเช้านะโว้ยยยยย ฮ่วย

สักพักมันก็โผล่มาพร้อมกับ...จักรยานเก่าๆแบบคุณยายชอบขี่กัน =_=

“อะไรของมึง”

“นกแอร์เอเชียมั้งสัด ก็เห็นอยู่” มันมองผมด้วยสายตาว่าโคตรโง่เต็มประดา เหี้ย กูเห็นแล้วว่าเป็นจักรยาน กูอยากรู้ว่ามึงเอามาทำอะร๊ายยยย

“ขึ้นมาดิ หิวไม่ใช่หรอมึง” อ้าว ขึ้นไปคร่อมบนจักรยานเมื่อไหร่วะ ตอนนี้มันอยู่ตำแหน่งคนปั่น สายตามันเหล่ไปที่เบาะด้านหลังก่อนมองผมส่งสัญญาณว่าให้ขึ้นไปซ้อน

“ทำอะไรปรึกษากูบ้างอะไรบ้าง”

ปากก็บ่นไปงั้นแหละแต่ก็ขึ้นนั่งซ้อน ไม่รู้จะเล่นตัวไปทำไม นั่งสบายๆไม่ต้องเดินให้เมื่อย แถมที่นั่งก็เป็นเบาะนั่งนุ่มสบายไม่ได้เป็นเหล็กดัดให้เมื่อยก้น ครึ

“ไปเอามาจากไหนวะ” ผมถามเพราะมั่นใจว่าไม่ใช่ของมันแน่ๆ

“ไปยืมยามมา”

“มึงซี้กับยามขนาดไปยืมจักยานได้เลย??”

“หึ ไม่รู้หรอกูไปนั่งแดกเหล้ากับเค้าบ่อยๆ”

ควาย เลว ชวนยามแดกเหล้า คอนโดมึงนี่ระบบรักษาความปลอดภัยจะยอดแย่เพราะมีผู้อาศัยอย่างมึงนี่แหละ


จ้อกแจ้กๆ

เสียงผู้คนจอแจทั้งแม่ค้าผู้มาจับจ่ายใช้สอย ทางเดินถนนธรรมดา ด้านหลังของแผงขายของเป็นตึกแถวสองชั้นที่ติดกันเรียงรายชั้นล่างเป็นปูนชั้นสองสร้างด้วยไม้ ของขายทั้งของสดของคาวของหวานที่วางอยู่บนโต๊ะไม้บ้างในหาบบ้างตามพื้นที่ปูรองด้วยผ้าใบ พร้อมด้วยบรรยากาศสดชื่นยามเช้า โหย โคตรได้บรรยากาศอ่ะ ผมว่าความรู้สึกดีกว่าไปเดินในซุปเปอร์มาร์เก็ตเย็นๆที่มีพนักงานสวยๆอีก อย่างน้อยยายที่กำลังทำน้ำเต้าหู้ควันหอมฉุยกระตุกต่อมน้ำลายยั่วผมอยู่เนี่ยก็ชนะขาดแล้ว

“ป่ะ”

ผมหันไปมองเจ้าของมือที่ดุนหลังผมเบาๆให้ออกเดิน ไอ้ซิ่งนั่นแหละครับ เมื่อกี้มันเอาจักรยานไปจอดไว้ที่ใต้ร่มไม้ให้ผมก็ยืนรอมันอยู่

ทำไมผมต้องเป็นฝ่ายรอทุกทีเลยวะ แม่งงง

“กินไรดีอ่ะ” มันถาม

“ดูก่อนดิ”ผมตอบ

ไอ้ดูก่อนดิของผมเนี่ยไม่ได้ดูอะไรนานหรอกครับ เพราะพอผมพูดจบผมก็จัดการลากแขนมันเข้าร้านโจ๊กทันที ถ้าทุกคนยังจำกันได้จะรู้ว่าผมหิวมากขนาดไหน ไอ้เดินเล่นก็อยากเดินอยู่หรอกแต่ก็ขอหาอะไรใส่ท้องก่อนละกัน

“ป้าโจ๊กหมูใส่ไข่พิเศษเครื่องในหนึ่งชามครับ มึงเอาไร”ผมสั่งเสร็จก็หันไปถาม

“โจ๊กหมูเห็ดหอม”

“ตามนั้นครับป้า”

“จ้า รอแปปนึงนะ”

ผมยิ้มกว้างตอบรับป้าแกไป ส่วนไอ้คนที่นั่งตรงข้ามผมมันลุกไปตักน้ำ ที่นี่น้ำฟรีบริการตัวเอง ผมนั่งเคาะโต๊ะเป็นจังหวะรอไปฮัมเพลงไป ไม่รู้สิ ทุกทีผมตื่นเช้านี่จะหงุดหงิดเอาง่ายๆนะ แต่เช้านี้สงสัยคงเป็นเพราะได้นอนเต็มอิ่มแล้วก็บรรยากาศดีๆด้วยมั้งเลยทำให้ผมอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

“ได้แล้วจ้า”

“ขอบคุณครับ” ผมกับไอ้ซิ่งพูดพร้อมกัน หลังจากนั้นเราก็เงียบกริบเพราะต่างคนต่างโซ้ยโจ๊กของตัวเอง ฟู่วๆร้อนวุ้ยแต่อร่อยสุดยอดอ่ะ

เอิ๊ก

สักพักโจ๊กในชามจนหมดเกลี้ยงไม่เหลือทิ้งให้เสียของ ของมันก็หมดตามมาติดๆ กินช้านะมึง ของกูชามใหญ่กว่าตั้งเยอะยังกินหมดก่อนเลย ผมพิงหลังกับพนักเก้าอี้พลาสติกสีแดงข้างหลัง พลางปล่อยเสียงกังวานที่มันจุกที่คอออกมาดัง เอิ้ก

สัด ไม่ต้องมองกูอย่างรังเกียจเดียดฉันท์มันเป็นเรื่องธรรมชาติโว้ย เหมือนมึงต้องขี้นั่นแหละ

“ป้าคิดเงินครับ”

“ห้าสิบห้าบาทจ้า”

ผมควักกระเป๋าเตรียมจ่ายแต่ก็ถูกมือดีตัดหน้าไปซะก่อน  เออ ตามสบายมึงประหยัดตังค์กู

“อย่าเพิ่งไปกินนี่ก่อน”

ผมที่กำลังจะลุกจากเก้าอี้ถูกรั้งไว้ มองไปยังฝ่ามือที่แบออกยื่นมาตรงหน้าผม มีบางอย่างอยู่ในนั้น

เยดดดดดดดดดดดดด มึงพกยามาด้วยหรอเนี่ย แหมมาแค่เนี่ยมึงต้องพกมาด้วยยยย กูไม่ชอบแดกยา ฮืออออ

แต่จะทำอะไรได้ครับ เคยขัดมันได้หรอ ก็ต้องรับมากระเดือกลงคอไปอย่างฝืนใจ ดีนะวันนี้เหลือแค่แคปซูลที่เป็นยาแก้อักเสบ ไม่ต้องกินยาแก้ปวดเพราะไม่ปวดแล้ว

ไม่อย่างนั้น ขมขึ้นคออ่ะ T^T

“ไปได้ยัง”

“เชิญ”

“มึงจะแดกหมดตลาดเลยหรือไง”

“อะไรกูกินไปนิดเดียวเอง”

“อ๋อ กูเพิ่งจะรู้นะว่าขนมครก หม้อแกง ทองหยอด ลูกชิ้น น้ำแข็งใส บัวลอย ลอดช่อง หมูปิ้งของมึงนี่เรียกว่านิดเดียว” มันมองผมด้วยสายตาเหยียดๆ

“มันเป็นของย่อยง่ายมั้งมึง อีกอย่างมึงก็แดกกับกูทุกอย่าง อย่ามากวนตีน”

“เพราะกูกินเป็นเพื่อนมึงไงถึงแน่นท้องไปหมดแบบนี้”

“กระแดะ” คราวนี้มันถลึงตาใส่ผมเลยครับ

“หึ กูกระแดะหรือมึงตะกละกันแน่ อย่าเถียง ดูที่มือกูนี่” มันชูถุงในมือขึ้นระดับสายตา อะไร ก็แค่ไม่กี่ถุงเอง เอ่อ แต่ทำไมมันเต็มมือขนาดนั้นวะ ตอนซื้อก็ว่าไม่มีอะไรมากนี่หว่า แหะๆ สงสัยเพลินไปหน่อย ช่วยไม่ได้มันอยากน่ากินไปหมด

นี่คือสาเหตุว่ามันทำไมถึงถลึงตาใส่ผมเพราะมันไม่มีมือมาประทุษร้ายร่างกายผมได้ วะฮ่าๆ

แล้วอย่าคิดด่าว่าผมใจร้ายให้มันหิ้วของอยู่คนเดียว เพราะมือผมก็ไม่ว่างเหมือนกัน

...กำลังถือด้วยไอติมกะทิอยู่ จะบอกว่าเจ้านี้อร่อยโคตรอ่ะ ให้นมให้ถั่วอย่างเยอะ

“อย่าบ่นได้ป่ะ ทำไม หรือจะเอาเงินคืน กูจ่ายได้นะ” ผมชักสีหน้าใส่  ของทั้งหมดมันซื้อครับ ผมจะจ่ายเองนะแต่มันเจ้าหน้าเจ้าตาไง อยากจะอวดว่าตัวเองรวย ชิ

“อย่ามาทำท่าทางอย่างนี้ใส่กูเดี๋ยวจะโดน ที่กูบ่นเพราะกลัวจะปวดท้องตาย เมียคนเดียวทำไมกูจะเลี้ยงไม่ได้ กูได้จากมึงมากกว่านี้อีก”

มันยกถุงน้ำเต้าฮวยร้อนๆจี้แขนผมก่อนเดินผ่านหน้าไปที่รถจักรยานเมื่อเดินมาถึงใต้ร่มไม้ที่จอดไว้พอดี สัด ถ้าแขนกูพองนะ กูจะบีบน้ำพองกรอกปากมึง ชาติหมา

มันเอาของของทั้งหมดวางลงในตะกร้าหน้ารถก่อนจูงมาหยุดอยู่ข้างผม มันขึ้นไปนั่งตรงเบาะด้านหลังที่เป็นที่ซ้อนท้ายแล้วเอาขายาวๆของมันค้ำรถไว้ไม่ให้ล้ม

อะไรของมันวะ???

“เอ้า ยืนทำหน้าหมางง ขี่ดิ”

“ห๊ะ!” ผมตาโตใส่ ให้กูขี่เนี่ยนะ ควายเหอะ ปกติกูก็ขี่ได้นะ แต่มีควายป่าหน้าดำอย่างมึงมาถ่วงท้ายแถมตอนนี้ยังแดกเข้าไปจนเต็มกระเพาะ กูคงปั่นไปโก่งคออ้วกไปอ่ะนะ

“เร็วๆ กูปวดขี้แล้วอยากกลับคอนโด” มันเร่ง

“ไม่เอา กูไม่มีทางแบกควายอย่างมึงแน่ๆ” มีหวังน่องกูปูดแน่

มันมองหน้าผมนิ่งอยู่สักพัก ก่อนจะ...

“เฮ้อ ไม่เป็นไรๆเดี๋ยวกูขี่เองลืมไปมึงมันเอวบางร่างน้อย เหมาะกับไปเป็นตุ๊กตาหน้ารถคงไม่มีแรงจะปั่นจักรยานหรอก กูเข้าใจๆ”

ปากบอกเข้าใจ แต่หน้ามึงกวนส้น...มากกกกกกกกกกกก

“เชี่ย!! มึงไม่ต้อง กูขี่เอง” ผมกระโจนขึ้นไปนั่งจับแฮนด์รถอย่างมุ่งมันระคนแค้นใจ ก่อนหันไปยกยิ้มเยาะมัน “จับแน่นๆล่ะ รถมันแรง!!!”


“อ่ะ”

ผมดันร่างที่พิงโซฟาขึ้นมารับแก้วน้ำจากมันมาดื่ม ตอนนี้เข้ามาตากแอร์เย็นๆในห้องแล้วครับ

แฮก เหนื่อยฉิบหาย

อย่าคิดว่าผมเป็นพวกร่างกายปวกเปียกอ่อนแออะไรแบบนั้นนะ

ผมก็ผู้ชายแข็งแรงคนหนึ่งเลยแหละ

แต่ที่ทำให้สภาพดูทุเรศทุรังขนาดนี้ เพราะไอ้ตัวบักควายตรงหน้า แถมทางกลับยังโคตรจัญไร มันเป็นทางลาดชันขึ้น นี่คือเหตุผลว่าทำไมขาไปมันถึงโล่งกายสบายตัวขี่คล่อง มันลงเนินไง กูนี่!!! กูครับ!!  ลูกผู้ชายตัวจริงกระทิงดอง!!!

“หายเหนื่อยแล้วก็ไปอาบน้ำ เหงื่อเต็มตัว แหวะ เหม็น”

“เพราะหมาที่ไหนล่ะ เหม็นมากใช่มั้ย ควาย” ผมจัดการถอดเสื้อปั้นเป็นก้อนๆเอาไปถูตามเนื้อตัวจบลงด้วยที่รักแร้เน้นๆแล้วเอาไปขยี้ที่หน้ามันแรงๆ ก่อนโยนคลุมหัวแล้ววิ่งหนีเข้าห้องนอน จัดการล็อกประตู

“ไอ้ดื้อ สันดานเลวอุบาศก์ มึงอย่าหนี เปิดประตูนะมึง ปังๆๆๆ กูฆ่ามึงตายแน่ ปังๆๆๆ”

“ฮ่าๆๆๆ เปิดกูก็ควายดิ”

ผมเดินไปแก้ผ้าหยิบผ้าขนหนูอย่างสบายอุรา มีความสุขจริงโว้ยยยยยยย ได้เอาคืนบ้างกูจะได้ไม่ดูเสียเปรียบเกินไป กร๊ากกกก ป่านนี้คงนั่งขมคออยู่ แน่ล่ะ น้ำกูยังไม่ได้อาบ กลิ่นตัวคง อื้อหือออออ เยื่อบุจมูกอักเสบอ่ะมึง หึ

ติ๊ดๆ

ผมเดินโทงๆลั้ลลาไปรับโทรศัพท์ที่แผดเสียงร้อง

“ฮัลโหล”

“ฮึก ปาย...ปะ ปายคะ”

ผมนิ่งไปพัก ถอนโทรศัพท์มาดูหน้าจอว่าใครโทรมา

“มิน...”

“อะ อืม”

“มิน...เป็นอะไรครับ ร้องไห้ทำไม” ผมถามอย่างตกใจ ผมกับมินเคยคบกันอยู่สักพัก แต่เลิกติดต่อกันไปสี่เดือนแล้ว

“ปะ ปาย มิน...มิน ฮืออออออ”

“มินครับ ใจเย็นๆนะ หยุดร้องไห้ก่อน ตอนนี้มินอยู่ไหน”

“นะ หน้าห้อง ฮึก ของปาย”

“โอเค เดี๋ยวผมรีบไปหา”

“ระ เร็วๆนะ ฮึก”

“ครับ”
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 14 <<
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 17-07-2018 23:41:05

รักร้าย14



“มิน!!”

“ปะ ปาย ฮือ!!”

ทันทีที่ผมส่งเสียงเรียกร่างบางของมินที่นั่งกอดขาเอาหน้าซบกับเข่าก็โผเข้ากอดผมทันที ร่างผมเซเล็กน้อยแต่พอตั้งหลักได้ก็กอดเธอกลับไว้เต็มตัวอย่างปลอบโยน

“ใจเย็นๆนะ เข้าไปในห้องก่อนป่ะ”

ผมเปลี่ยนจากโอบกอดเป็นประคองร่างมินไว้ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงพาร่างบางที่สะอื้นตัวโยนเข้าไปในห้องปิดประตูก่อนประคองร่างของเธอนั่งลงบนปลายเตียง

หมับ

ทันทีที่ผมนั่งลงเคียงข้างสองแขนเรียวก็กอดหมับเข้าที่ตัวผมที่ท่าเดิม ผมก็ไม่ได้พูดหรือถามถึงสาเหตุอะไรได้แต่กอดปลอบกลับให้มินรู้สึกดีขึ้นให้มากที่สุด ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแต่ตอนนี้เสียงสะอึกสะอื้นเปลี่ยนเป็นเสียงหายใจสม่ำเสมอบอกให้รู้ว่าได้หลับไปแล้ว

เฮ้อ ร้องไห้จนเพลียหลับไปเลยล่ะสิ

ผมค่อยๆช้องร่างเพรียวขึ้นเดินอ้อมเตียงก่อนวางลงบนเตีงอีกครั้งเพื่อให้มินได้นอนอย่างสบาย ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่าง ดูสิ ตาบวมตู่ แก้มช้ำ จมูกแดงแจ๋ หมดสวยแล้ว หึๆ ผมก็อยากรู้นะว่าอะไรที่ทำให้ผู้หญิงร่างเริง ยิ้มเก่ง มองโลกในแง่ดีอย่างมินเสียน้ำตาได้ขนาดนี้ ตื่มาค่อยถามแล้วกัน ปล่อยให้พักผ่อนไปก่อน

ติ๊ดๆ

นั่นไง เสร็จจากงานราษฎร์ก็เจองานหลวงเลยไง

ผมเดินออกมาที่ระเบียง เพื่อไม่ให้เสียงรบกวนคนที่นอนหลับอยู่

“ว่าไง”

“อยู่ไหน”

ต้องบอกมั้ยว่ามันเป็นผู้ใด

“อยู่ห้องดิ ก็บอกว่าจะมาห้อง”

“เคยเชื่อได้หรอ”

“แล้วแต่มึงจะคิด”

ผมกรอกตาอย่างเบื่อหน่าย ให้ตายเถอะ กว่ากูจะออกจากห้องมาได้ก็แทบจะถอดจิตมา ยังจะมาโทรมาจับผิดกันอีก เชื่อป่ะ พอผมบอกมันว่าจะกลับหอแม่งส่งสายตาชิ้งประหนึ่งดาบซามูไรที่พร้อมจะกระซวกไส้ผมออกมาทำต้มเลือดหมู พอผมอ้างว่าเพื่อนมีปัญหามีเรื่องเดือดร้อนกำลังว๊อนท์ความช่วยเหลือจากผมมากมันก็จะตามมาด้วย ดีนะ ที่เพื่อนมันโทรมาเรียกไปทำบอร์ดพรีเซนต์ก่อน ผมถึงรอด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังยืนยันว่าจะมาส่ง

เฮ้ออออ ไม่รู้ว่าจะตามติดตูดกูอะไรนักหนา

“แล้วเพื่อนมึงเป็นไงบ้าง”

“ก็ เอ่อ...ก็ยังไม่ดีเท่าไหร่ ตอนนี้เพลียจนหลับไปแล้ว”

“มันไปหามเสาแบกปูนมาหรือไงถึงขนาดเพลียจนหลับเป็นผู้ชายห่าอะไร ตุ๊ดว่ะ”

ตุ๊ดพ่อง!! เขาเป็นผู้หญิงโว้ยยยยย

แต่ต้องปล่อยให้เข้าใจไป ก็ไม่ได้ตั้งใจจะโกหกหรอกนะ แค่พูดไม่หมด ก็รู้ๆนิสัยมันอยู่

“กะ ก็ เอ่อ มันอกหักมาไง เลยกินไม่ได้นอนไม่หลับ ตอนนี้เลยแย่ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ ใกล้ตายแล้วตอนนี้อ่ะ”

ขอโทษนะครับมิน ผมต้องทำเพื่อความอยู่รอด T^T

“ปัญญาอ่อน แล้วจะกลับคอนโดเมื่อไหร่”

ควาย มันเป็นคำถามในแบล็คลิสต์ที่ต้องถามทุกครั้งรองจาก ‘อยู่ไหน’ เลยล่ะ

“วันนี้คงไม่กลับ”

“ทำไม”

เออ แล้วมึงทำไมกับชีวิตกูนักหนาห๊ะ!!

“ก็ตามที่ตกลงกันไว้คือกูจะไปค้างกับมึงเมื่อวาน แต่คืนนี้ พรุ่งนี้และวันต่อๆไปกูจะอยู่ห้องกู”

“หรอ ถ้าไม่ได้เป็นโรคเส้นประสาทเสื่อมคงจะจำได้ว่ากูเคยบอกมึงว่านอกจากเวลาเรียนทั้งหมดเป็นของกู แล้วถ้าคิดจะมาเล่นแง่กับกู กูจะเอารถไปขนของมาไว้คอนโดกูให้หมด อยู่กับกูถาวรเลยเป็นไง”

=[]=!!!! ชะเรี่ยยยยยยยยยยยยยยย

อึ้งตะลึงแดกกับความเอาแต่ใจของมัน พูดไม่ออกเลยกู

ถ้าไม่ยอม แม่งต้องบุกมาที่ห้องแน่ เอาไงดีวะ

“เงียบเลยสิ หึ อย่าขัดใจกู ให้เวลาถึงห้าโมงเย็นจะไปรับ” มันพูดจบก็ทำท่าจะวางสายไป

“ดะ เดี๋ยวสิ”

“อะไรอีก”
ไม่อะไรหรอกโว้ยยยย ก็แค่ถ้ามึงมารับกูจะซวยอ่ะดิ

ผมรีบระดมความคิดอย่างเร่งด่วน เกิดมากูยังไม่เคยต้องมาแถไปแถมาอย่างนี้เลยนะโว้ย ทำไมต้องกลัวว่ามึงจะโกรธ จนต้องมาทำสิ่งที่ไม่ใช่ตัวกูอย่างนี้ด้วยวะ อย่างกูต้องวิ่งเข้าชนอย่างไม่แคร์อะไรสิ!!

มึงมันเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย

“ตกลงว่าไง มีอะไรอีก กูจะวางสายแล้ว มีงานต้องทำ”

สัด กวนตีนท่ามาก

“คือ...วันนี้กูขอนอนห้องได้มั้ย”

เอาวะ ไม้แข็งไม่ได้ก็ต้องไม้อ่อน

“ทุกทีมึงนอนใต้สะพานลอยหรอ” สัด!! ควาย ข่มใจไว้ข่มใจ

“ไม่ใช่งั้นสิ...วันนี้กูอยากอยู่ดูแลมะ เอ่อ ไอ้บอลน่ะ มันอาการแย่มากๆเลยนะ แล้วช่วงนี้มันยิ่งหาว่ากูทิ้งมันอยู่ กูเลยอยากให้เวลากับมันบ้าง มันทั้งซึม ทั้งเศร้า กินไม่ได้ ขี้ไม่ออก ลิ้นไก่ห่อ คอหอยสั้น กูเลยอยากอยู่ดูใจ เอ๊ย ดูแล...นะ”  กูให้เหตุผลทราน่าสงสารที่สุดแล้วนะ?? มันเงียบไปสักพักอย่างชั่งใจ

น่าจะใช่นะ

“เฮ้ออออออ ก็ได้”

ผมยิ้มกว้างอย่างดีใจ

“แต่...” เชี่ยไรอีกล่ะ “ห้ามก่อเรื่องเด็ดขาด”

สั่งอย่างกับกูเป็นเด็กอนุบาลงั้นแหละ แต่กูจะทำอะไรได้นอกจาก...

“ขอรับบบบบบบ”

“หึ”


บ่ายสองแล้ว

มินก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นแล้วผมก็ไม่อยากจะรบกวน แต่ผมก็ไม่ได้ใจเย็นพอที่จะให้นั่งรอเฉยๆ เฮ้อ ลงไปห้องไอ้คิงดีกว่า เผื่อไอ้แปงยังอยู่จะได้ดูด้วยว่ามันดีขึ้นหรือยัง

ก๊อกๆ

ผมรอสักพักประตูไม้ก็เปิดออก เป็นไอ้คิงที่มาเปิดประตูห้องให้ ผมมันฟูไม่เป็นทรงหน้าตาดูยุ่งเหยิงบ่งบอกได้ว่าผมมารบกวนเวลานอนมันให้อารมณ์เสียสายตาที่มองมาช่วยตอกย้ำได้เป็นอย่างดีว่ามันอยากกระโดดถีบผมขนาดไหน

ควาย กูไม่ได้ผิดนะ มึงนั่นแหละนอนแดกบ้านแดกเมือง

“สัด มาไม หนีผัวมาหรอ”

“เหี้ย ปากหมา”

ผมจิกหัวมันให้หลบทาง แอบออกแรงเกินจำเป็นข้อหาหมั่นไส้ส่วนตัว มันร้องโอดโอยด่าผมอุบอิบ ช่วยไม่ได้ปากมึงพาซวยเอง

“ไอ้แปงอ่ะ” ผมกวาดตามองทั่วห้องแต่ไม่เห็น

“กลับบ้านไปแล้ว”

“มึงไล่??”

“เปล่า มันอยากกลับเอง”

คราวนี้ผมหันไปจ้องหน้ามันเขม็ง หรี่ตาลงอย่างจับผิด

กูไม่เชื่อหรอกนะว่ามันจะอยากกลับเองถ้าไม่มีเหตุ ปกติแม่งอยากจะสิงมึงจะตาย

“เฮ้ยๆ อย่ามองกูอย่างนั้นนะโว้ย กูไม่ได้ทำอะไร” มันโวยวาย

“กูไม่เชื่อ”

“น้อยๆหน่อยเชี่ยปาย กูก็เพื่อนมึงนะ เข้าข้างกูบ้างๆ”

“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง มึงไปทำร้ายจิตใจมันอีกใช่มั้ย”ผมเดินเข้าประชิดตัว ชี้หน้าอย่างคาดคั้น

“ควาย เปล่าเลยเหอะ พ่อแม่มันเป็นห่วงบอกให้กลับบ้าน มันเลยจะกลับเอง” มันอธิบาย

“ง่ายๆ??”

“ก็...เปล่า”

“...”

“เฮ้ย อย่าจ้องกูงั้นดิ เออๆยอมแล้ว กูเห็นว่าไหนๆพ่อแม่มันก็รู้เรื่องแล้วกูเลยให้มันกลับบ้าน มันอิดออด แม่มันเลยขอร้องให้กูไปอยู่ดูแลช่วงที่มันป่วย แล้วจะให้กูทำไงผู้ใหญ่มาขอขนาดนี้ นี่ก็ไปเฝ้ามาเพิ่งกลับมาตอนเที่ยงได้นอนไม่ถึงสองชั่วโมงหมาก็มาป่วนแถมยังตั้งท่าจะกัดกูอีก”

“สัด หลอกด่ากู”

“กูว่ากูด่าตรงๆนะ”

ผมทำท่าจะมะเหงกใส่ ไอ้คิงตั้งท่าหลบแต่ผมก็ยิ้มกริ่มขึ้นมาก่อน เล่นเอามันทำหน้าเหรอหรา

“ยิ้มเชี่ยไร”

“ก็...เปล๊า”

“อย่ามาทำเสียงสูงดัดจริตนะมึง มีไรพูดมาๆ”

“ก็แค่คิดว่า...” ผมทำหน้ากรุ่มกริ่มยั่วมันเข้าไปอีก “พัฒนา”

“อะไร พัฒนาเชี่ยไร มีผัวเป็นหมอแล้วมาทำพูดกำกวมหรอ”

“สัด เลิกพูดเรื่องผัวๆเมียๆก่อนที่กูจะเลาะฟันมึงมารองขาโต๊ะ” มันทำท่าจะอ้าปากด่าแต่เสียงสวรรค์(หรือนรก)ดังขึ้นซะก่อน

“ฮัลโหล อะไร งอแงเหี้ยไรเนี่ย กูกลับมาได้สองชั่วโมงเองนะ เออๆเดี๋ยวเย็นๆกูไป ตอนนี้!! ห่า ให้กูพักบ้างเถอะ อย่ามาปากดีอยู่กับมึงกูคงได้พักหรอก (&(*%#%$#”

แล้วมันก็เดินบ่นงุ๊งงิ๊งออกไปที่ระเบียง ควาย แล้วบอกไม่มีอะไร ตอนกูไม่อยู่ต้องมีอะไรดีๆเกิดขึ้นแน่ๆ

“มัวมายุ่งเรื่องไอ้คิง ของตัวเองเรียบร้อยแล้วรึไง”

ผมสะดุ้งหันไปมองทางต้นเสียง ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก ห่า สัดแคน มึงไปหาของกินในห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ ตกใจหมดนึกว่าผีหลอก ชาติหมา

“วันนี้ไม่ไปป้อนข้าวป้อนน้ำเอามือรองเยี่ยวให้น้องโซ่สุดที่รักหรอมึง”

“ไม่อ่ะ พอดีรอมาเก็บศพเพื่อนที่คาดว่าชะตาจะขาดอีกไม่ช้า” มันเดินไปเช็ดมือที่ผ้าเช็ดหน้าไอ้คิงที่แขวนไว้ตรงมุมห้อง

สัด สันดาน เอามือไปล้างตูดมาป่ะมึง

“ศพใคร?? ไอ้คิง?” มันส่ายหน้า “กู??” มันยิ้ม

หมายถึงกูสินะ

“เอาผู้หญิงเข้าห้องถ้าพี่ซิ่งรู้นะ...”

“เฮ้ย รู้ได้ไง  อย่าปากมากนะสัด” ผมพุ่งไปหามันเลยทีนี้ หูไวตาไวตลอด

“เหอะ แล้วที่ลงมาเนี่ยไม่ได้จะมาปรึกษาว่างั้น??” มันนั่งลงปลายเตียงมองผมอย่างรู้ทัน

“เออว่ะ แล้วเอาไงดีวะ”

ผมก็เครียดๆเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

“กูมาเอากุญแจสำรองห้องห่าคิงจะไปเอารองเท้าห้องมึง แต่เห็นนางผีพรายนั่งอยู่หน้าห้องมึงซะก่อน”

“ว่าซะเสีย ยังไงก็ผู้หญิงนะสัด”

“ไอ้ปาย กูถามจริง ปล่อยให้เขาไปอยู่ห้องอย่างนั้นไม่กลัวมีเรื่องหรอ”

“ทำไมต้องกลัว กูไม่แหยเหอะ” ผมยักไหล่

“เออ ไอ้คนเก่ง เจ๋งสัด รีบๆเคลียร์จะพาคนอื่นเขาโดนสะเก็ดระเบิดไปด้วย พี่แกโทรมาหากูว่าไอ้บอลเป็นไงบ้าง กูงงตาแตกเกือบบอกไปว่ามันนอนตีพุงเอาหญิงอยู่ห้อง ดีนะที่กูฉลาด”

เห้ย!!! เอาแม่ม!!! มันแผ่ความห่วงใยมาถึงเพื่อนผม หรือจับผิดผมวะ

“แล้วมันสงสัยไรป่ะ”

“ร้อนรนไปนะ เอาเหอะ เอาเป็นว่ามึงรอดตัว แต่ถ้าไม่รีบจัดการจะไม่รอด”

“เออๆ ขอบใจว่ะ งั้นกูไปก่อน เดี๋ยวมินตื่นมาไม่เจอใครจะตกใจ” ผมว่าพลางลุกขึ้น

“ไอ้ปาย...”

“หืม”

ผมเหลียวหลังกลับตามเสียงเรียก

“แคร์เขาสินะ”

“อะไร”

“ก็ที่กังวลอยู่เนี่ย...ไม่ใช่เพราะแคร์พี่เขาหรอกหรอ”

“....”

ผมชะงักไปนิด ไม่ได้ตอบอะไรออกไป เดินหนีออกมาจากห้องเลย

ถ้ามันยังเป็นเพื่อนที่รู้ใจผมเหมือนเดิม มันคงรู้ว่าท่าทางแบบนี้ของผม...หมายความว่ายังไง


พอกลับขึ้นมาบนห้องมินก็ตื่นแล้ว เธอดูสงบมากขึ้น ผมเลยไปหานมอุ่นๆให้กินเพื่อให้ผ่อนคลายขึ้นเพราะสีหน้ายังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สักพักมินก็ยอมเปิดปากเล่าว่าทะเลาะกับที่บ้านมา พ่อแม่จะส่งเธอไปเรียนเมืองนอกเพราะว่า...เอ่อ...ไปเห็นเธอนอนกับ เอิ่ม ทอม เลยรับไม่ได้ คือครอบครัวมินค่อนข้างจะมีหน้ามีตาในสังคมอ่ะครับไม่ถึงขนาดรวยเป็นนักธุรกิจพันล้าน แต่ก็เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ แต่มินไม่ยอมเลยหนีออกมา

คราวนี้ใครซวยล่ะ...กูเอง =_=

“ปาย ปายให้มินอยู่ด้วยสักพักนะ มินไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้วจริงๆ”

แล้วผัวทอมมึงอ่ะ T^T

ก็ได้แต่คิดในใจเท่านั้นแหละ

“เอ่อ ปายว่าคงไม่เหมาะ ถ้าแฟนมินรู้คงไม่ดีไหนจะพ่อแม่อีก”

“ไม่หรอก มินกับอิ๋งเราไม่ได้ติดต่อกันแล้ว ปาย..ปายต้องช่วยมินนะ”

น้ำตามินคลอขึ้นมาอีกครั้งทำเอาผมอยากจะเอาทึ้งหัวตัวเอง โว้ยยยย คิดไม่ตก

ออดดดดดดด

“ครับ อะ อ้าว”

ไอ้ซิ่งมันทำหน้างงๆที่เปิดประตูออกมาก็เจอผมยืนอยู่หน้าห้อง มันเบี่ยงตัวให้ผมเดินแทรกเข้ามาในห้อง จัดการถอดรองเท้าก่อนเดินไปนั่งฟุบบนโซฟา

.”ไหนบอกคืนนี้จะไม่กลับไง”

มันนั่งลงข้างๆ

“ไม่ดีหรือไง”ผมบอกมันด้วยเสียงเหนื่อยๆ เหลือบสายตาไปมองก็เห็นมันขมวดคิ้วจ้องอยู่

“อะไร มองกูทำไม”

“ทำตัวดีผิดปกติ”

“ควาย อะไรของมึงเนี่ย เออ กูกลับหอก็ได้” ผมทำท่าจะลุกแต่มือมันก็รั้งต้นแขนผมไว้ก่อน

“สัด อย่ามาทำตุ๊ด ไปอาบน้ำไป”

ควาย ผมไม่เข้าใจ เจอหน้าทีไรแม่งไล่ผมไปอาบน้ำทุกที

ก็รู้ว่าผมไม่ช๊อบบบบบบบบ น้ำมันเย็นเดี๋ยวตัดขั้วหัวใจกู๊!!!

“ไม่!! กูหิว แดกข้าวก่อน”

“ตามใจ หาแดกเอง ของสดในตู้เย็น” มันพูดเซ็งๆก่อนจะถอดแว่นสายตากรอบสีแดงของมันออกก่อนจะเดินนวดขมับ

กลับไปที่โต๊ะหน้าคอมฯ

เออ ผมก็เพิ่งสังเกตว่ามันใส่แว่นอยู่ อย่างนี้กำลังอ่านหนังสืออยู่แน่

ไม่ได้เข้ากับหนังหน้ามึงเล๊ยยยยยย หนังสือเนี่ย ต้องหน้าเด็กเนิร์ดเรียบร้อยอย่างกูนี่

แต่อย่างว่าไม่สอบอย่าหวังว่ากูจะแตะ

“กูคงพึ่งมึงได้หรอก”

ผมเดินบุ่ยปากเข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นเห็นมีผักคะน้ากับหมูอยู่ เออ จำได้ว่าซื้อเส้นหมี่สำเร็จรูปมาทิ้งไว้นี่หว่า อยู่ไหนวะ อ้อ อยู่ในตู้เหนือหัวนี่เอง อืม ทำผัดซีอิ๋วดีกว่า

คิดได้อย่างนั้นผมก็จัดการล้างมือ เอาเส้นหมี่สำเร็จรูปยี่ห้อเร่งรีบ หึหึ จัดการแกะห่อแช่น้ำ ก่อนจะไปหั่นหมูหั่นผักสับกระเทียว มาดูทางนี้เส้นหมี่ก็นิ่มพอดีเอาขึ้นผึ่งให้เสด็จน้ำคลุกด้วยซีอิ๊วดำให้เส้นมีสีน้ำตาลน่ารับประแดกเป็นทีสุด เอาล่ะ เปิดแก๊สผัดเลยโว้ยยยยย หิวไม่ไหวจะเคลียร์

อืม ทำเผื่อมันด้วยดีกว่า เผื่อจะหิวตอนอ่านหนังสือ

ฝึดๆ (เสียงผัด)

แก๊กๆ (เสียงเคาะตะหลิว)

ฉึกๆ(ใส่รสดีรสหมู)

ครืดดดดดดดด (ขูดหมี่ติดก้นกะทะ)

ฟึบ!!! (ตักใส่จาน)

เป็นอันเสร็จพิธี  ฟู่วววววว

“มึง กินป่าว” ผมเดินถือจานผัดซีอิ๊วไปหามันที่ถือหนังสือที่มีรูปกระเพาะ ตับไตไส้ติ่งเข้าฌานไปอีกรอบ มันเงยหน้ามาเลิกคิ้วแปลกใจ

“หืม ผีคนดีเข้าสิง??”

“สัด ไม่ต้องแดก”

“เฮ้ยๆ เดี๋ยวดิ แม่งแค่นี้ทำงอน”

ผมตวัดตาใส่มัน ควาย กูไม่ได้งอนโว้ยยยย แต่ยังไม่ทันที่ผมจะพ่นไฟใส่หัว มันก็จัดการปิดหนังสือดุนหลังผมให้กลับไปที่โซฟาหน้าทีวีที่ผมเปลี่ยนให้เป็นโต๊ะกินข้าวชั่วคราว

มุมนี้เป็นทุกอย่างครับ จะกิน จะนอน จะทำการบ้าน จะปี้ เอ่อ อันหลังไม่เกี่ยว ผมชอบมาทำที่ตรงนี้

“ป้อนดิ”

ทำยื่นหน้าอ้าปากทำหน้าออดอ้อนใส่ผม

อี๋!!! กูขนลุก!!!

“เอาตีนคีบใส่ปากน่ะพอทน”

“หึ”

มันเอาช้อนเคาะหัวผม ก่อนจะสนใจกับผัดซีอิ๊วตรงหน้า ผมไม่ถามไม่ลุ้นว่ามันจะอร่อยมั้ย กินได้หรือเปล่า ช่างหัวมัน แดกไม่ได้เดี๋ยวมันก็เททิ้งเอง แต่กูแดกได้ จบ!

แต่ก็เห็นมันนั่งกินหน้าชื่นตาบานนะ โอเค ถือว่าพอกินได้

แล้วกูจะยิ้มทำไมเนี่ย!!!

“แล้วคิดไงกลับมาฮึ ทุกทีถ้ากูไม่ไปลากนี่ไม่กลับ” มันกลืนเส้นหมี่ดำๆเข้าปากแล้วหันมาถาม หน้าตามันยังคงความสงสัยอยู่เต็มเปี่ยม ห่า

“อยากมา”

ผมยักไหล่ตอบง่ายๆ แต่ในใจกูนี่...

มาอยู่กันหมาไปหาโว้ยยยยยย

กูไม่โลภ ไม่อยากได้โบนัสตอนนี้!!!

“มึง...”

ผมเรียก มันหันมามองตาขวาง แต่ผมไม่สนใจ

“ช่วงนี้ เอ่อ...”

มันเลิกทำตาขวางเลิกคิ้วสงสัยแทน

“เอิ่ม มาอยู่ด้วยนะ”

มันนิ่งไปพักหนึ่ง แววตาบอกเลยว่าสงสัยในตัวกูมากกกกกกกกกกก ก็สักพักมันก็เปลี่ยนเป็นยกยิ้มเบาๆ วางส้อมในมือลงก่อนมาลูบหัวผมเบาๆ

เย้ย มือมึงเลอะป่าวเนี่ย

“ไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่า ไอ้ดื้อ”

สะดุ้งครับ

ขนาดมันถามเสียงปกติ กูยังสะดุ้ง

“ปะ เปล่า อะไร แค่อยากอยู่ด้วยไม่ได้หรอ”

มันช็อกไปสักพักกับคำพูดผม หน้าตาตลกชะมัด แล้วก็หัวเราะแบบเหลือเชื่อ

“หะหะ มึงนี่ชอบทำอะไรเหนือความคาดหมายอยู่เรื่อย”

“แล้วปิดเทอมแล้ว ไม่กลับบ้านหรอ”

ผมไม่สนใจเสียงอุทานแบบหลอกด่า ถามมันกลับไม่ใช่อะไร กูจะได้ไปลั้ลลาเกรียนไปวันๆอยู่หอไอ้คิง ไม่ต้องมานั่งระแวงเรื่องมินด้วย

“ไม่อ่ะ บ้านกูอยู่กรุงเทพฯห่างคอนโดไปไม่ถึงสิบโล อย่างมากก็แวะไปหา คงไม่ไปอยู่ บ้านใหญ่คนเยอะวุ่นวาย”

มันยักไหล่

แต่กูอยากจะชักตาย แงงงงงงงงงง

“ยิ่งมีมึงมาอยู่ด้วยแบบนี้ หึหึ...”

หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 15 <<
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 17-07-2018 23:42:27

รักร้าย15



“ไอ้ดื้อ กูหิว”


ผมแทบอยากจะเอาตะหลิวลอยเคว้งไปหาไอ้ตัวที่มันตะโกนข้ามห้องนั่งเล่นเข้ามาในครัว เออ กูรู้ว่าหิว กูก็หิวไอ้ควาย ไม่ช่วยแล้วยังจะมาเร่ง เดี๋ยวกูต้มมาม่าให้แดกเลยแม่ง สามนาทีเร็วทันใจ

แต่จะว่าไม่ช่วยคงไม่ถูกเพราะมันก็เข้ามาช่วย ช่วยยุ่งน่ะสิ!!! เพิ่งถูกผมไล่ออกไปเมื่อกี้ ห่าเหวอะไรก็ไม่รู้อยากแดกฉู่ฉี่ปลาดุก พ่อง!! ปลาช่อนมั้งมึง ถามนู่นจับนี่มั่วไปหมด กูปวดหัว

“ดื้อ เร็วดิ”

“ดื้อ“

“...”

“ดื้อ”

“…”

“ดะ...”

“โว้ยยยยยยยย มึงจะแหกปากเรียกอะไรนักหนา มือกูเป็นระวิงแล้วเนี่ย แล้วแม่งกูไปอำเภอเปลี่ยนชื่อเมื่อไหร่ เรียกอยู่ได้ ดื้อๆ ชื่อน้องพ่อมึงหรอฮะ”

ผมโยนกระแทกจานผัดเปรี้ยวหวานที่เพิ่งตักขึ้นมาจากกระทะเมื่อกี้อย่างจิตหลุด เชี่ย ไส้หมา กูไม่ไหวจะทน สามวันมานี้ได้ยินแต่ ดื้อๆๆๆๆๆๆ จนกูหลอนไปหมดแล้ว แล้วมึงโรคจิตหรือไงพอกูโวยวายกลับเสือกนั่งกระดิกตีนยิ้มรับเหมือนพอใจ พ่อมึงถูกล๊อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งหรอ สัด

“อะไร เมนมาหรอ เรียกนิดเรียดหน่อยไม่ได้ งั่ม”

“โอ๊ย สัด นั่งลงแดกซะ กินให้หมดนะเหลือแตงกวาสักชิ้นกูจะแพ่นกบาล” ผมเบี่ยงตัวหลบปากมันที่งับแก้มก่อนกดมันลงบนเก้าอี้ คดข้าวใส่จานวางกระแทกลงบนโต๊ะตรงหน้าใจจริงอยากกระแทกใส่หน้ามันมากกว่า

“เมียดุว่ะ”

“เหี้ย”

ผมโบกกระบานมันไปทีก่อนจะบอกให้มันไปหยิบน้ำในตู้เย็น ส่วนผมทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้

คงสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่องค์ลงที่มันพูดคำว่า ‘เมีย’ เหตุผลง่ายๆคือ ‘ชิน’ เพราะแม่งเรียกตลอด ถ้ากูเต้นตามมันเหมือนเมื่อก่อนนะมีหวังประสาทแดกหัวกูตาย ยิ่งสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี่นะ แม่งมีอยู่สองคำ ไม่ ‘ดื้อ’ ก็ ‘เมีย’

ส่วนกูน่ะหรอ เรียกมัน ‘ไอ้เหี้ย’ ประจำอ่ะ เหมาะกับมันดีทั้งทางพฤตินัยและนิตินัย

แต่จะว่าไปก็เริ่มรู้สึกชินกับการอยู่กับมันและมีมันอยู่ด้วยนะ ไม่รู้ดิ รู้สึกไม่ได้อึดอัดหรืออยากหนีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่อยากจะคิดอะไรที่มันซับซ้อนหรอกนะ เลยคิดว่าคงเป็นเพราะเดี๋ยวนี้มันไม่โวยวาย เจ้าอารมณ์ และ เอ่อ...ยอมผมพอสมควร กูเลยชอบ เพราะกูชอบคนตามใจ ครึ

“ไปดูหนังกัน” มันที่ตักผัดผักรวมเข้าปากหันมาบอกผม 

“เรื่องไร”

“รักจับใจ”

ฮะ!!!!!!!!!! หน้าอย่างเลวจะดูรักจับใจ กากกกกกกกกกกก ไม่เข้ากับหนังหน้ามึงเลยเหอะ

“ทำไม อย่ามามองกูด้วยสายตาอย่างนี้ เดี๊ยๆ” มันเอาช้อนขึ้นชี้หน้า เลิกคิ้วมองมัน

“มึงชอบบี้???”

“ป่าว กูชอบพี่อู๊ด เป็นต่อ”

มันตอบหน้าตาย เล่นเอาผมจะขำหรือจะอึ้งไปไม่เป็นเลย สรุปมึงชอบจริงๆหรืออำกู??? ฝลัด

ตอนนี้ผมกับไอ้ตัวดำหน้าเหี้ยก็มายืนหน้าสลอนอยู่ในโรงหนังชั้นดาวดึงส์ หึ  ตลกแดก ชั้นสามของห้างที่ใกล้คอนโดมากที่สุด ขี้เกียจขับรถไปไกล ถึงกูจะนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถก็เถอะ แต่แค่กูเห็นรถที่มันติดไหนจะแดดที่ร้อนระอุกูก็เพลียละ พอมาถึงห้างหาที่จอดรถเสร็จสรรพ ผมก็ถูกลากขึ้นมาชั้นเมเจอร์ได้ตั๋วหนังแถว A มาสองใบ เอาไงล่ะ อีกชั่วโมงนึงกว่าหนังจะเข้า กูบอกแล้วว่าก่อนออกมาให้เช็ครอบหนังก่อน ห่า

“ไปร้านหนังสือกัน” มันทำเมินไม่สนใจตาผมที่มองแบบจะกินหัวมัน ลากผมไปร้านหนังสือที่อยู่ชั้นสอง ระหว่างที่ยืนบนบันไดเลื่อนผมก็สะกิดมันให้หันมา

“หืม”

“เดี๋ยวแยกกันนะ อีกชั่วโมงเจอกันหน้าโรงหนัง”

“มึงจะไปไหน” สัด จะเสียงเข้มตาขวางใส่กูเพื่อ??

“เปล่า กูจะไปเดินเล่นดูเกมส์ กูไม่ถูกกับร้านหนังสือมึงก็รู้” ครับ อย่างที่บอกให้ผมไปอยู่ร้านหนังสือเป็นชั่วโมง กลิ่นหนังสือพากูอ้วกแน่ คือถ้าไม่สอบหรือจำเป็นต้องอ่านจริงๆผมไม่ค่อยแตะหรอกครับหนังสืออ่ะ หมึกดำๆมันพาผมเวียนหัว ไม่ว่าจะเป็นหนังสือประเภทไหนก็เถอะ แหวะ

ผิดกับไอ้ตัวโตข้างๆผม ถึงมันจะหน้าเหี้ย ดูเลว นักเลง แต่มันก็ชอบอ่านหนังสือมากกกกก แค่เรียนหมอมันก็อ่านหนังสือหนักอยู่แล้วเรียกว่าอ่านได้ทุกวัน ถ้ามันเบื่อๆเครียดๆสมองตึงกับตำราเรียนมันก็จะชอบหยิบหนังสือที่มันเรียกว่าคลายสมองมาอ่าน

อย่างพวกหนังสือจิตวิทยา ตรรกะ ปรัขญาฯ บลาๆ  สัด คลายสมองตรงไหนวะ แค่ฟังกูเส้นประสาทไขสันหลังกูก็ตึงละ

“เดี๋ยวดูหนังจบกูพาไป ไปร้านหนังสือกับกูก่อน” มันก้าวลงจากบันไดเลื่อนเมื่อมันมาถึงล่างสุด แล้วหันมาบอกผม ซึ่งแน่นอน ผมหน้ามุ่ยลงทันที

“ไม่ มึงก็ไปของมึงดิ Kไม่ได้ติดกันซะหน่อย” เหวี่ยงครับกูเริ่มเหวี่ยง ทำไมชอบมาบังคับให้ทำในสิ่งที่กูไม่ชอบด้วยวะ


มันหยุดเดินหันมามองหน้าผมนิ่งๆ แต่ตานี่บอกให้รู้ว่าเริ่มหงุดหงิด

“ถ้ายังไม่รู้เรื่อง Kกูนี่แหละจะติดกับตูดมึง”

สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 มันหันมาทำเสียงเข้มหน้านิ่งใส่ แบบที่รู้กันว่าไม่ใช่แค่ขู่กูเอาจริง ซึ่งจากประสบการณ์ที่เจ็บตัวเจ็บตูดมาอย่างโชกโชนทำให้กูที่จะอ้างปากค้าน หุบปากฉับลงทันใด

ไอ้เหี้ยๆๆๆๆๆๆ ไอ้ปลวก ไอ้ควาย

ผมที่ทำหน้ามุ่ย ฮึดฮัดขัดใจ ต่างจากไอ้เลวที่พอมันได้ดั่งใจก็ทำหน้าระรื่นรัดคอผมลากมาที่ร้านทันที ซึ่งพอมาถึงหน้าร้านทำให้ผมถึงกับยิ้มออกทันที

ไม่ใช่เป็นเพราะว่ามันตามใจผมพามาร้านเกมส์หรอกครับ

ร้านหนังสือนั่นแหละ

แต่แค่...

...มันเป็นร้านหนังสือที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเค้กคละคลุ้งกลิ่นไอกาแฟ

เหอะ ถูกใจกว่าร้านเกมส์มากมาย

ใช่ครับ มันเป็นร้านหนังสือที่มีเบเกอรี่ขายในตัว ยังไงดีอ่ะ คือแบบ โซนหน้าก็จะเป็นพวกโต๊ะนั่งสีขาวกับเคาท์เตอร์ที่สั่งกาแฟแล้วก็ตู้กระจกที่อัดแน่นไปด้วยเค้กเรียกน้ำลายจากผมมาก ส่วนมองลึกเข้าไปด้านหลังก็จะเป็นชั้นหนังสือที่ทำจากไม้ แล้วก็พวกหนังสือเยอะแยะเลยอ่ะ

“แหยะ น้ำลายไหลแล้วมึง”


ผมตะครุบปากตัวเอง ก่อนจะหันไปทำตาขวางใส่มันที่ยิ้มมุมปาดอยู่ สัด ไม่มีสักหน่อย กูไม่ได้ตะกละขนาดนั้น ผมสะบัดตัวให้หลุดจากมันเดินนำเข้าไปด้านในร้านทันที

แม่ง ปล่อยให้กูดิ้นกูโมโหตั้งนาน เสียพลังงานไปฟรีๆ บอกกูว่าพามากินเค้กง่ายกว่ามั้ย กูจะไม่ต่อต้านขัดขืนสักกระบวนท่าเดียว ห่า แกล้งกูสนุกล่ะสิ

“อ้วน”

มันพูดหลังจากที่ผมสั่งเค้กเสร็จแล้วพนักงานก็เดินออกไป

“กูกินเบาๆเหอะ ขอร้อง”

“หึ”

สัด หัวเราะแบบนี้หมายความว่าไง ก็เรื่องจริงกูกินเบาๆอ่ะ แค่เค้กมะพร้ามอ่อนใบเตย สตอเบอรรี่เจนัว ช็อกโกแลตกล้วย ชาเขียวนมสดปั่น เห็นมะ หน่อยเดียว ไม่พอยากระเพาะกูหรอก ควาย

“กูไปดูหนังสือนะ” มันบอกหลังจากดื่มเอสเพรสโซ่ไปได้สองอึก

“เออ” ส่วนผมก็หาได้สนใจไม่ นอกจากเค้กที่ลอยเด่น หอมหวานอยู่ตรงหน้า คือเอาทองมาล่อตอนนี้ก็ก็ไม่สนอ่ะครับ

“หึ ไม่สนใจกูเลยนะ อย่าไปไหน หันมาให้เจอ” มันผลักหัวเบาๆก่อนเดินไปโซนหนังสือ แต่ก็ไม่วายให้กูด่าตามหลัง

“ควาย พูดมาก”

“หวัดดี”

ผมที่ก้มหน้าก้มตามีความสุขจ้วงเค้กสามรสสลับกันเข้าปากเงยหน้ามองบุคคลที่ทิ้งร่างลงนั่งซ้อนทับที่นั่งของไอ้ซิ่งที่นั่งอยู่เมื่อกี้ พอผมเงยหน้าขึ้นไปเห็นหน้ามันเท่านั้นแหละ หน้าตึงเผลอกำช้อนในมือแน่นทันที

“ไอ้ไวน์” มันยกยิ้มมุมปากกวนส้นตีนทันที

“ดีใจนะที่เพื่อนยังจำกันได้” มันเน้นคำว่าเพื่อน ยิ่งทำให้ผมโกรธขึ้นอีกเป็นเท่าตัวกัดกรามแน่นจนสะเทือนไปถึงฟันคุดแล้ว

“ไปไกลๆส้นตีนกูก่อนที่มันจะขึ้นไปอยู่บนหน้ามึง” ผมเค้นเสียงรอดไรฟัน พยายามระงับอารมณ์ยังไงที่นี่ก็เป็นร้านหนังสือ

“จุ๊ๆ ไม่เอาสิ ไม่เจอกันตั้งสองปี ไม่คิดถึงเพื่อนสนิทคนนี้เลยหรือไง”

“มึงไม่ใช่เพื่อนกู!!!” ผมเค้นเสียงเข้ม อีกนิด...อีกนิดเดียว ผมใกล้ระเบิดแล้ว ยิ่งเห็นมันยิ้มเยาะเหมือนถูกใจที่ปั่นประสาทผมได้

“เฮ้อ...กูเสียใจนะมึงพูดแบบนี้เนี่ย ก็ผ่านมาเห็นคุ้นๆเลยเข้ามาทัก หึ แล้วก็มึงจริงๆ ก็แค่อยากอยากบอกว่ากูกลับมาอยู่ไทยแล้วนะ...อยู่ถาวร”

กึก

มันกลับมา...

แล้วเขาล่ะ...

กลับมาหรือเปล่า...

“เฮ้อ กูไปละ เด็กรอ” มันบุ้ยหน้าไปทางด้านนอก มองผ่านกระจกไปนอกร้านก็เห็นผู้หญิงลูกครึ่งสาวสวยอยู่

“สัด มึงมากับผู้หญิงคนนั้นได้ไง” ผมถามอย่างใส่อารมณ์ เส้นประสาทเต้นตุบๆยิ่งกว่าเมื่อกี้อีก แค่เห็นมันมากับผู้หญิงคนอื่นผมก็อยากจะลุกไปซัดหน้ามันแล้ว

“ทำไมจะไม่ได้ ก็สวยถูกใจ”

“เหี้ย!!!” คราวนี้ไม่ทนแล้วครับ ลุกขึ้นกระชากคอเสื้อมันเลย ยิ่งมันทำหน้าไม่สนใจไม่แยแสผมยิ่งโกรธเลือดขึ้นหน้า คนที่นั่งอยู่แถวนั้นมองผมอย่างตกใจ

“มึงไม่มีสิทธิ์มากับใครหน้าไหนไม่ว่ามันจะสวยจะน่ารักแค่ไหน!!!!! คนเดียว...คนเดียวที่มีสิทธิ์นั้นคือนิ่ม!!!!”

“หึ”

พลั่ก!!!!!

คราวนี้เส้นประสาทขาดแล้วครับ หมดแล้วซึ่งความยับยั้งชั่งใจ ผมปล่อยหมัดออกไปเต็มๆกำลังจะเข้าไปกระทืบซ้ำแต่ร่างก็ลอยหวือ แขนถูกรัดแน่นจากแขนใหญ่ที่รอดมาใต้รักแร้พร้อมดึงออกห่าง

“หยุดนะดื้อ มีเรื่องอะไร!!”

“สัด มึงมันเหี้ย!!! หน้าตัวเมีย จำคำกูไว้นะกูจะไม่ปล่อยมึง!! ถ้ามึงทำนิ่มเสียใจต่อให้มึงอยู่นอกโลกกูก็จะตามไปฆ่ามึง!!!” ผมไม่สนใจคำถามคนที่จับตัวผมอยู่ ดิ้นเร่าๆจะเข้าไปกระทืบมันซ้ำให้ได้ ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นที่ยืนอยู่หน้าร้านเข้ามากระวีกระวาดประคองร่างไอ้ตัวเหี้ยที่เอามือปาดเลือดมุมปากออกขึ้น เธอหันมามองผมอย่างไม่พอใจ

“หึ หมัดยังหนักเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ” มันพูดแค่นั้นก่อนจะโอบเอวผู้หญิงคนนั้นออกไป ผมจะตามไปแต่ก็ถูกจับตัวไว้แน่นกว่าคีมเหล็กก่อนจะถูกผลักกระแทกลงกับเก้าอี้

“อย่าลุกขึ้นมานะ!!!” มันชี้หน้าผมที่ทำท่าจะลุกขึ้น ก่อนจะควักแบงค์ห้าร้อยมากระแทกไว้บนโต๊ะแล้วกระชากแขนผมออกนอกร้านไป

“ดีจริงๆ ก่อเรื่องได้ทุกวัน ขนาดกูกูห่างไปไม่ถึงสิบเมตร สัด”

มันพาผมมาที่รถ ก่อนจะดันเข้าไปนั่งแล้วมันก็เดินอ้อมเข้ามานั่งตาม ติดเครื่องยนต์ให้เครื่องปรับอากาศในรถทำงานแต่ยังไม่ขับออกไป มันมองผมนิ่งๆที่พยามสงบสติอารมณ์อยู่ แต่มันไม่ง่ายสักนิดในเมื่อความร้อนในอกผมตอนนี้สูงติดเพดาน

“ใคร” มันถามขึ้นหลังจากที่ปล่อยให้ในรถเงียบมาครึ่งชั่วโมง  คงรอให้ผมใจเย็นลง

“คนเหี้ยๆ”

“ไม่ใช่” มันแทรกขึ้นมา ผมหันไปมองหน้างงๆ “นิ่มน่ะ...ใคร”

มันถามเสียงเย็นขึ้นมากกว่าเดิม และไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสียงเย็นชาของมันหรือชื่อที่ออกมาจากปากที่ทำให้ตัวผมแข็งทื่อขึ้นมาได้ขนาดนี้

“...” ผมเงียบไปไม่ตอบอะไร

ภายในรถเกิดความเงียบขึ้นอีกครั้งเป็นสิบนาที ผมเอนหลังพิงเบาะที่นั่งหลับตาลง มันคงรับรู้ได้ว่าผมจะไม่ตอบอะไรมันก็กระชากรถขับออกไปทันที ความเร็วของรถทำให้ผมรับรู้ทันทีว่ามันกำลังไม่พอใจมาก

โกรธทำไม จะให้ผมตอบว่าอะไร ให้ตอบว่าเขาคือ ‘คนที่ผมรักมาก’ อย่างนั้นหรอ

พูดไปมันก็จะบ้าอาละวาดไม่พอใจ ที่สำคัญ

...มันจะสะกิดแผลที่ตกสะเก็ดของผมขึ้นมาใหม่ล่ะสิ
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 11-15 << 18.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-07-2018 03:47:14
รีรัน
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 11-15 << 18.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: 19august ที่ 20-07-2018 12:40:01
โดนพี่ซิ่งคนบ่นแน่ปาย อิอิ
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 11-15 << 18.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: chompoo1997 ที่ 24-07-2018 14:53:06
รอนะคะชอบมากก :กอด1:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 11-15 << 18.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-07-2018 08:16:20
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 11-15 << 18.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 27-07-2018 15:38:40
เหมือนจะเคยไปแล้วแต่ไม่แน่ใจว่าจบรึเปล่า แต่พอเห็นว่ารีไรท์เลยขอเข้ามาอ่านใหม่อีกรอบ
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 11-15 << 18.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: jpjiraporn ที่ 27-07-2018 17:55:44
เราคิดถึงพี่ซิ่งน้องปายมากๆ :กอด1: :กอด1: :L2: :L2: :pig4: ขอบคุณที่กลับมา  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 31-07-2018 19:28:54


รักร้าย16

พอกลับมาถึงห้องต่างคนก็ต่างแยกย้าย ห้องที่เคยมีเสียงด่าเสียงหัวเราะกวนตีนผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงมันกลับต่างกันลิบลับ ตอนนี้มันมีแต่เพียงความเงียบและความอึดอัดเหมือนอยู่ในที่ที่มีแก็สพิษจะสูดอากาศเข้าให้เต็มปอดก็ไม่ได้ หายใจออกก็ไม่สุด ตอนนี้มันหายเข้าไปในห้องนอนส่วนผมอยู่โซฟาห้องนั่งเล่น ผมรู้ว่ามันกำลังระงับอารมณ์มันรู้ตัวเองเองว่าถ้ามันเปิดประเด็นตอนนี้ในช่วงเวลาแบบนี้มันจะต้องระเบิดออกมาแน่ๆ ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะหึงหรือเปล่าเพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ที่รู้ๆหวงมากแน่ มันเป็นคนขี้หวง


แต่ผมก็ไม่พร้อมจะอธิบายอะไร ความจริงไม่ต้องอธิบายด้วยซ้ำมันจะคิดอะไรก็ช่างหัวมันสิ


ในหัวผมตอนนี้มีแต่เรื่องของไอ้ไวน์กับนิ่ม ทั้งๆที่ผมคิดว่าลืมไปแล้ว แต่พอมาวันนี้มันทำให้ผมรู้ว่า


ผมหยุดเป็นห่วงนิ่มไม่ได้จริงๆ


“อ๊ะ...”


ความคิดผมเป็นอันต้องสะดุดลงเมื่อรู้สึกถึงแรงยวบของโซฟาพร้อมมือผมที่ถูกกระชากไป ผมกำลังจะอ้าปากถามแต่ก็ต้องร้องซี๊ดออกมาแทนเมื่อมันเอายามาป้ายที่หลังมือผม


มันสังเกตเห็นด้วยหรอ...


เห็นแผลที่ผมได้มาจากการอาละวาดแล้วหลังมือเผลอไปโดนสันโต๊ะ


“มะ มึง...”


“หุบปาก ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่ต้องส่งเสียงอะไรออกมาเพราะถ้าพูดก็ต้องพูดให้หมด”


พอมันพูดอย่างนั้นผมก็ได้แต่เม้มปากแน่น


ถึงมันจะทำแผลทำให้ผมอย่างเบามือ แต่สายตามันกลับโคตรแข็งกร้าว สีหน้าก็นิ่งเรียบสนิท


“ไปอาบน้ำแล้วกินยาแก้ปวดกันไว้ อย่าให้แผลโดนน้ำ”


มันพูดนิ่งๆ ก่อนจะลุกออกไปแต่ผมก็จับชายเสื้อมันไว้ก่อน ไม่รู้ทำไม แต่ไม่ชอบเลย


“อย่าทำให้กูหมดความอดทน กูไม่อยากเค้นหรือบังคับ กูไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้ว่าถ้ามึงพูดมึงเจ็บ” มันไม่หันมามองหน้าผมสักนิด


“...”


“หรือแม้กระทั่งที่เจ็บเพราะใคร สำคัญขนาดไหนกับมึง”


จบคำมันก็ปัดมือผมที่จับชายเสื้อมันอยู่ทิ้งและเดินเข้าห้องนอนปิดประตูดังปัง เหี้ยอ๊ย!!! มึงจะให้เวลากูบ้างไม่ได้ใช่มั้ย ทำไมต้องมาบีบกูด้วย สัด


ผมไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงนั้นนานขนาดไหน กี่ชั่วโมง แต่ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มเป็นสีส้มให้รู้ว่าเย็นมากแล้ว ทุกทีถ้ามันสั่งให้ผมทำอะไร อย่างไปอาบน้ำกินยาอะไรแบบนี้ ถ้าผมไม่เชื่อมันก็จะออกมาด่าแล้วก็จี้ๆๆๆจนผมรำคาญ แล้วไม้ตายคือถีบผมจนตกโซฟาจนผมต้องทำตามที่มันสั่งจนได้


แต่ตอนนี้ไม่มี ไม่มีเลยสักนิด เงียบ เงียบมากๆ มันหายไปในห้องเหมือนผมที่นั่งอยู่ตรงนี้


ที่นั่งที่เดิมแต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือความคิดของผมที่ตอนแรกพะวงอยู่แต่กับเรื่องของนิ่ม


ตอนนี้มันเปลี่ยนไปอยู่ที่อีกคนแล้ว


สัดเอ๊ยยยยยย กูไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ให้ตายเหอะ


ผมปัดความฟุ้งซ่านตัดสินใจไปอาบน้ำ หยุดยืนทำใจอยู่หน้าประตูก่อนบิดลูกบิดเข้าไป ทั้งที่ทำใจมาแล้วว่าเปิดมาคงเห็นมันนั่งหน้าเครียด จ้องมองกดดันผม ที่ไหนได้ ห่า เสือกนอนหลับเอาหนังสือปิดหน้าหลับสบาย ทำไมถึงรู้ว่ามันหลับน่ะเหรอ ก็หน้าอกกระเพื่อมเป็นจังหวะขึ้นลงซะขนาดนั้น


ผมถอนหายใจก่อนเดินเข้าไปใกล้เตียงตัดสินใจหย่อนก้นนั่งขอบเตียงค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบหนังสืออกจากหน้ามัน ไม่ใช่อะไรแต่กลัวมันจะหายใจไม่สะดวกตายห่าไปซะก่อน


“เฮ้ย!” แล้วผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อจับหนังสือพ้นหน้าก็เจอสายตาคมดุจ้อง ห่า ไม่ได้หลับนิ!!


“อ๊ะ!!”


ยังไม่ได้ทำอะไรหรือคิดคำด่าได้ มันก็วาดวงแขนใหญ่ดึงผมขึ้นไปนอนทับมันบนเตียง ก่อนจะผงกหัวขึ้นมากดริมฝีปากลงกับปากผมอย่างแรงอย่างที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว แล้วเสี้ยววินาทีต่อมามันก็พลิกร่างผมให้แทนที่ส่วนมันขึ้นคร่อมทับพร้อมลิ้นร้อนแหวกผ่านเข้ามาดึงดูดรัดรึงลิ้นของผม กว่าจะรู้ตัวตั้งสติได้ก็ไม่ทันแล้วครับ เพราะตอนนี้เสื้อผ้าผมได้หลุดออกไปหมดพร้อมขาที่ถูกจับให้แยกออกกว้าง แล้วหลังจากนั้นผมก็ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรได้อีก นอกจากผวาไปกับสัมผัสร้อนและกลั้นเสียงครางอย่างเดียว


“…”


“…”



หลังจากมีอะไรกันเสร็จก็เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง ทุกครั้งจะมีเสียงด่าทอของผมตลอดและก็เสียงบ่นรำคาญของมันว่าผมเล่นตัวบ้างล่ะสะดีดสะดิ้งบ้างล่ะหรือไม่ก็หลับเป็นตายทั้งคู่ไปเลย แต่วันนี้ไม่เลย ผมนอนหงายเอามือวางพาดประสานกันบนหน้าท้องส่วนมันก็นอนตะแคงมือข้างหนึ่งสอดมารองใต้คอผมอีกข้างก็กอดผมไว้เป็นอย่างนี้มาสักพักใหญ่ๆแล้ว ผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่เพราะเดี๋ยวแรงกอดก็แน่นสักพักก็คลายออกแล้วอีกพักก็โดนกอดรัดแน่นๆอีก


ผมกัดริมฝีปากสลับเม้มแน่น  เหี้ย กลุ้มๆๆๆๆ กูไม่เคยคิดว่าจะมีบรรยากาศชวนอึดอัดเหมือนผัวจับได้ว่าเมียมีชู้อย่างนี้เลยนะโว้ยยยยยย


สัด จะโวยวายแหกปากอาละวาดก็ไม่ทำออกมาสักอย่าง อย่างนี้กูทำตัวไม่ถูก ไอ้หอยชะมดอักเสบ


ฟึ่บ


ด้วยความที่ผมทนความอึดอัดอะไรมากๆไม่ได้พอดีความอดทนด้านนี้มันต่ำเลยจัดการพลิกตัวเข้าหามันเอาหัวซุกอกมันไว้


มันชอบจัดท่านี้ให้ผมตอนนอนกับมัน เหตุผลง่ายๆคือ...ถนัดดี


แต่วันนี้แม่งเสือกไม่ทำ เออ กูทำเองก็ได้วะ ไม่ได้พิศวาสอะไรก็แค่มันนอนท่านี้จนชินแล้วเท่านั้นเอง


พอผมซุกมันปุ๊ปมันก็ยกขาพาดตัวผมปั๊บ ควาย รออยู่ล่ะสิ


“เป็นแฟนกัน”


=[]=!!!!


ผมจะผละตัวออกมาแต่มันก็กดศีรษะผมไว้ที่อกมันแน่นทันที


“ต่อไปนี้สถานะมึงคือ...แฟนกู”


“ไม่เอา”


“กูขอความเห็นหรอ ถ้าไม่โง่น่าจะรู้นะว่ากูสั่ง”


มันพูดเสียงเรียบมาก สาดดดดดดดดด มึงขอคนเขาเป็นแฟนอย่างนี้หรอ สมกับเป็นมึงจริงๆ


“มึงไม่มีสิทธิ์มาบังคับกูเรื่องนี้”


“อย่าเรื่องมาก พูดไรให้ฟัง อย่าขัด”


“ไม่ๆๆๆๆๆๆๆ” ผมเริ่มดิ้น แต่มันก็ล็อกไว้เลยครับ เอามือบีบท้ายทอยผมด้วยง่ะ ห่ากูเจ็บนะ แล้วหน้ากูเนี่ยจะหายเข้าไปในซี่โครงมึงแล้ว


“อย่ามาดื้อกับกูเรื่องนี้ มึงทำของมึงเอง ตอนนี้สถานะมึงคือมีแฟนแล้ว มีผัวเป็นตัวเป็นตนอย่างเป็นทางการแล้ว อย่าแรดอีก”


“กูเคยไปแรดที่ไหนล่ะ”


“ไม่พูดไม่ใช่ไม่รู้”


อึก


สะอึกเลยครับ ห่า มึงรู้อะไรบ้างเนี่ย กูมีหลายเรื่องนะ จะน่ากลัวเกินไปแล้ว


“เรื่องวันนี้จะไม่ถามอีก แต่ถ้าไม่คิดจะบอกก็ปิดให้ตลอดแล้วอย่ามีการสานต่อใดๆทั้งสิ้น กูจะไม่นิ่งอย่างนี้อีกจำไว้”


พูดจบมันก็เพิ่มแรงบีบท้ายทอยอย่างแรงก่อนคลายออก ห่าเอ๊ย เจ็บนะโว้ย ใจจริงมึงอยากให้กูตายคามือเลยใช่มั้ย แล้วจะมาทำตัวฉลาดไปไหน เถียงสิ โวยวายสิ ไม่ยอมสิ กูนิ่งทำเชี่ยไร ครวยยยยยย


“แต่เรื่องเป็นแฟนกูขอค้าน แค่คู่นอนอย่างนี้พอแล้ว”


“มึงคิดอย่างนั้น?? จะอ้าขาให้กูเอาอย่างนี้ไปเรื่อยๆไม่ต้องเป็นอะไรก็ได้ หึ ง่ายดีว่ะ” คราวนี้ผมปรี๊ดเลยครับออกแรงผลักอกมันเต็มแรงจนหลุดออกมาได้ลุกขึ้นนั่งจ้องตามันเขม็ง สัด ด่ากูง่าย ดูถูกเหี้ย


“มึงมันสารเลว สัด ว่ากูง่ายหรอ อ้าขารอมึงหรอ ที่กูไม่อยากเป็นอะไรกับมึงเพราะมึงไม่ใช่หรือไง ไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกันจะคบกันได้ยังไง สัดนรก!!!” ผมฟาดกระหน่ำไปที่หน้าอก จิกไปตามไหล่กว้างตามคอเต็มแรง อยากจะข่วนหน้าแรงๆสักที


มันไม่ได้ปัดป้องแค่ปล่อยผมตีไปด่าไปสักพักมันก็ลุกพรวดขึ้นนั่งแล้วยันหน้าผากผมจนหงายหลัง


“สัด จะข่วนให้ถึงผิวหนังชั้นในเลยมั้ย  กูไม่ขอใครเป็นแฟนถ้าไม่ชอบหรอกนะ!!!”


กึก


วันนี้มันทำกูอึ้งมากี่ครั้งแล้ววะ


มะ ไม่ขอเป็นแฟน...ถ้าไม่ชอบ...


ถ้างั้น....มันขอผมแสดงว่า...


ไม่สิ! มันสั่งแกมบังคับต่างหาก!!


“มึงไม่ได้ขอมึงบังคับ!!!”


“โง่!! มันก็เหมือนกันแหละห่า!!”


แปร๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด >////<


“หึหึ หน้าแดงน่ารักนะมึง”


“สัด”


มันอมยิ้มมองล้อเลียนผมก่อนจะลากผมเข้าไปนอนกอดเหมือนเดิม


“เคลียร์แล้วนะ ตกลงตามนี้”


“กูยังไม่ได้ตอบตกลงไรสักหน่อย” แล้วผมจะทำอะไรได้นอกจากมุดอกซ่อนหน้าแดงๆ เหี้ย อย่างกับสาวน้อยเลยกู ทุเรศตัวเองฉิบหาย


“อย่าเล่นตัว อย่างที่กูบอก ‘สั่ง’ ไม่ต้องการคำตอบหรือความเห็น นอกจากปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด”


“นรกแตก”


“หึ”


“หิว” ผมโพล่งออกมา แต่กูหิวจริงนะรู้สึกว่าใช้พลังงานไปเยอะมาก


“หือ”


“กูบอกว่าหิว!!!!” ผมตะโกนอู้อี้อย่างหงุดหงิด


“หึ หิวก็ลุกไปอาบน้ำ เดี๋ยวพาไปหาอะไรกิน” มันคลายอ้อมกอดออกก่อนจะใช้เท้ายันเอวผมไปขอบเตียง ห่า กูจะล่วง สัด


 “เหี้ย”


“ด่ากูบ่อยนะวันนี้ ลุก!!!” มันดูผมเมื่อเห็นว่าผมหมุนตัวกลับมานอนคว่ำกลางเตียงอีกครั้ง


“ไม่เอา กูเหนื่อย” ผมเอาหน้าบี้หมอน


“ไหนบอกว่าหิว”


“หิวด้วย แต่ไม่ลุก ไม่ออกไปข้างนอกด้วย ร้อน!!!”


“อย่าบอกนะว่าให้กูทำให้กิน” ผมพลิกหน้ามองมันที่เลิกคิ้วบอกผม


“ถุย คงแดกได้หรอก”


“แล้ว??”


“มึงก็ออกไปซื้อมาสิ!!!”


คราวนี้ผมหยิบหมอนอีกใบข้างตัวขว้างใส่มัน ทีเรื่องอื่นฉลาดนักเรื่องนี้ทำเป็นโง่






 



หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 31-07-2018 19:29:52


รักร้าย17



“มาแล้ว คู่รักสดๆร้อนๆมาแล้วโว้ยยยยย”


“ฮิ้วววววววววววววววว”


“สัด”


ผมด่าก่อนตบหัวพวกมันเรียงตัว ก่อนจะถูกมือดีที่เดินมาด้วยกันนี่แหละดึงให้นั่งข้างกัน ตอนนี้ผมอยู่ที่ร้านเหล้าส่วนในโอกาสอะไรนั้นกระดากปากมากที่จะพูดถึง


“เต็มที่ๆวันนี้พี่ซิ่งเลี้ยงฉลองที่คบกับเพื่อนกู โว้ววววววว”


นั่นแหละประเด็น เหตุผลที่ทุกคนมารวมตัวกันนั่งเห่าหอนอยู่ ณ ที่นี้ แค่ฟังกูก็รู้สึกขนลุกละ


ไอ้ตัวที่ร่วมเป็นสักขีพยาน(พ่องมึงสิ) คืนนี้ก็มีไอ้เหล่าเดอะแกงค์ผมที่มากันครบองค์ประชุม แล้วก็พี่โจ้ พี่เท่ เพื่อนไอ้ซิ่งมัน =_=


“เดี๋ยวเพื่อนบอลจะชงเหล้าให้นะคะคุณนายหมอ” มันหันมายิ้มล้อเลียนผมพร้อมกับเอาแก้วไปชงเหล้าให้


“สัด” ผมเลยขว้างที่คีบน้ำแข็งใส่แม่งเลย


“เชี่ย เต็มๆหัวกูเจ็บนะสัด พี่ซิ่งผมว่าพี่คิดใหม่ป่ะ คบไอ้เหี้ยปายพี่ต้องซื้อยาแก้ไมเกรนติดตัวเลยนะ” มันหันไปมองไอ้ซิ่งที่ร้องหึไม่ออกความเห็นอะไร


แต่หน้าแม่งเลวสุดอ่ะ คิดอะไรไม่ดีอยู่แน่ๆเลยแม่ง


“กูอยากคบนักนิ ชิ” ผมหันไปแบะปากใส่มันผลที่ได้เลยถูกมันบีบปากกลับมา


ชาติหมา กูเจ็บ!!!


“ไปไงมาไงวะ กัดกันแทบตายสุดท้ายได้กันเนี่ย” พี่เท่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลิกคิ้วถามเพื่อนมันที่ตั้งแต่มาก็กระดกเหล้าอย่างเดียว อ้อ โอบเอวกูด้วย ชิ


“ก็เด็กมันน่ารัก”


“ฮิ้วววววววววววววว”


ง่ะ คอหอยมึงอักเสบหรอฮิ้วทำเหี้ยไร ส่วนมึงเนี่ยน่ารักบ้านมึงสิ กูหล่อโว้ย หล่อ!!!


“เจ๋งว่ะพี่ ทำคนหน้าด้านอย่างมันอายได้”


“หุบปากไอ้เชี่ยคิง ใครอาย ไม่ใช่กูเหอะ”


“หรา ที่แดงๆนี่รับจ้างเป็นไฟจราจรจำเป็นว่างั้น” ไอ้เชี่ยวิน =_=


“อยากตายใต้ตีนกูมั้ย”


“กลัวตายล่ะ แบร่”


ผมจากที่โกรธหลุดขำออกมาเลยครับ ใครใช้ให้เชี่ยวินแลบลิ้นใส่ผมอ่ะ แหมมึง แอบน่ารักเหมือนกันนะ ฮ่าๆ


แล้วคืนนั้นผมก็นั่งดื่มกันไปด่ากันไป จะคุยดีๆก็ตอนที่เพื่อนไอ้ซิ่งถาม ก็นะเขาเป็นรุ่งนพี่นิจะพูดหยาบก็ยังไงอยู่ ยิ่งดึกยิ่งคึกครับจากที่ตอนแรกก็ดื่มเฉยๆเริ่มมีดวลเหล้าไอ้แปงที่คออ่อนสุดก็น๊อคไปแล้วเริ่มอ้อแอ้ออกสเตปเกรียน รู้ใช่มั้ยครับเวลามันเมามันจะเกรียนวอนโดนตีนขนาดไหนภาระเลยตกไปอยู่ที่ไอ้คิงที่จับมันมานั่งหว่างขาแล้วล็อคตัวมันไว้ อืม กูว่าสองคนนี้ต้องมีอะไรที่กูยังไม่รู้ แม่ง ดูเหมือนผัวเมียกันเลย


ส่วนเพื่อนคนอื่นๆและก็พวกเพื่อนไอ้ซิ่งก็เริ่มออกลายกลายร่างเป็นเครื่องครัวทำตัวเป็นหม้อสแตนเลสหูดำเริ่มออกไปสีไปนัวเนียสงสัยคืนนี้จะหาคนลากกลับไปกกที่ห้อง คงเว้นแค่ไอ้แคนที่ได้แต่นั่งดื่มอย่างเดียวไม่มีสิทธิ์สีกับใครไม่อย่างนั้นมันคงจะได้สีแดงเลือดหัวมันออก


อีกคนคงเป็นพี่โจ้ที่ไม่ลุกไปไหนนั่งดื่มของแกนิ่งๆไม่รู้ดิ แต่ผมว่ามันนิ่งไปป่ะ นิ่งแปลกๆ นิ่งโคตรๆ ผิดปกติว่ะ


แน่ะๆส่วนผมคงคิดว่าโดนไอ้ซิ่งกักบริเวณนั่งคลอเคลียหวีดหวานกันอยู่ที่โต๊ะใช่มั้ย ถ้าคิดอย่างนั้นผมขอให้คุณลบมันออกไปจากจินตนาการคุณซะ เพราะตอนนี้ผมกำลังดิ้นแดนซ์มันกระจายสุดเหวี่ยงอยู่กับไอ้วินไอ้บอลท่ามกลางเหล่าสาวๆที่สีกันมัน อ้อ ที่ว่าสีน่ะสีมันสองตัวนะเพราะผมถูกมันสองตัวประกบห้ามบุคคลใดเลื่อมล้ำย่างกรายมาโดนร่างอันเหม็นเน่าเพราะเหงื่อโทรมตัวจากคำบัญชาของไอ้ควายที่นั่งมองมาทางผมตลอด


สัด คิดว่าผมจะได้ออกมาเต้นง่ายๆหรือไง กูน่ะอยากแดนซ์จนไส้จะขาดสีให้มันแบบให้กางเกงถลอกกันไปข้าง แต่ก็อย่างที่บอก อยากเต้นต้องปฎิบัติตามด้านบน


เหอะ กูสีเพื่อนตัวเองก็ได้ =3=


ไม่รู้ดิ ผมว่าตั้งแต่ที่ตกลงเป็นแฟนกัน(แบบที่กูถูกบังคับ) เลเวลความขี้หวงของมันก็พุ่งกระฉูดแบบเข้าใกล้ใครไม่ได้เลยครับไม่ว่าจะเป็นเพศไหนแค่ใช้ออกซิเจนร่วมหายใจกันในระยะร้อยเมตรแม่งยังหวง เหอะ ดีนะที่มันยกเว้นเพื่อนผมไว้กลุ่มนึง ไม่งั้นกูต้องกัดลิ้นตัวเองตายแน่ๆกับความประสาทของมัน


เลิกคิดๆเต้นดีกว่า เอาให้สุดเหวี่ยง โว้วๆๆๆๆๆๆ


“มึงๆ” ไอ้วินที่เต้นข้างๆกันหันมาสะกิดเรียกให้ผมเอียงหูเข้าไปใกล้เพราะเสียงดังมาก


“มัวมาเต้นดูผัวสุดหล่อมึงนู่น”


ผมด่ามันไปคำกับสรรพนามที่ใช้เรียกก่อนหันไปตามที่มันบอก


ชัดเจน ผู้หญิง =_=


ที่กูหมดอารมณ์เต้น รู้สึกหงุดหงิดนี่ไม่ได้อะไรนะ แค่ไม่ชอบใจที่ทำไมกูไม่ได้หญิงบ้าง (หรา)


“เหนื่อย!! น้ำหน่อย!!!”


ผมเดินกระแทกส้นเท้าไปก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างมันอย่างแรง ทำทีเป็นไม่เห็นไม่มองผู้หญิงที่อยู่ข้างๆมัน ซึ่งพอผมลงนั่งมันก็เขยิบเข้ามาหาและรั้งเอวผมเข้าหาตัวมันทันที


“เต้นเอง อย่ามาบ่นเหนื่อยนะ”


มันมะเหงกหัวผมเบาๆที่ไปงี่เง่าใส่มันแล้วก็ส่งแก้วน้ำเปล่ามาให้ อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยที่มันสนใจผมมากกว่า อ๊ะ ไม่ใช่สิ ที่มันไม่ได้หญิงเพราะผมไม่ได้มันก็ไม่ได้ บู่ววว


“เขาเข้ามาทักเอง กูไม่ได้เล่นด้วย” มันก้มมากระซิบให้ได้ยินกันสองคน


“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”


“หึ”


“ปาย...”


อึก น้ำติดคอกูเลย


ผมหันขวับไปตามเสียงเรียกทันที มันก็ด้วย


“อ้าว มิน” ผมทักเสียงปกติแต่ในใจนี่ตกใจไปหลายริกเตอร์แล้วครับ ห่า ผู้หญิงที่มานั่งหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋อคือมินหรอวะ จำได้มั้ยครับ ที่เธอขอมาอยู่หอผมสักพักไง


ถ้ากูรู้นะ ขอเต้นลืมตายคาฟลอร์ไม่มาเสี่ยงชีวิตหรอก แม่งเอ๊ย!!!


ผมที่หันไปมองไอ้แคนซึ่งมันก็ทำหน้าที่เพื่อนที่แสนดีส่งยิ้มสมน้ำหน้ามาให้ผมอย่างเดียว


“ปายรู้จักพี่รูปหล่อนี่ด้วยหรอ” มินที่ส่งยิ้มยั่วให้ไอ้ซิ่งที่ตอนนี้นั่งขมวดคิ้วฉับ ผมได้แต่ยิ้มแหยๆกลับไป


“อืม รุ่นพี่น่ะ” โอ้ย!! ผมต้องพูดไปกัดฟันแน่นเพราะแม่งจิกเข้ามาที่เอวผมอย่างแรง!! โรคจิตหรอมึงชอบทำให้กูเจ็บตัวเนี่ย!!!


“ท่าทางจะสนิทกันมากนะ อืม บอกรุ่นพี่ปายให้หน่อยสิคุยกับเราหน่อยหยิ่งจังน๊า...อยากรู้จักไม่รู้หรอ” มินยื่นหน้าไปใกล้เอาหลังมือไล้โครงหน้ามันซึ่งมันก็นั่งเฉยไม่เบี่ยงตัวหนีแต่อย่างใด


“ไม่ถือนะคะ มินกับปายเป็นแค่แฟนเก่าแต่ตอนนี้อยากเป็นแฟนใหม่กับพี่”


ขวับ!!!


เห็บแดกหัวกูมั้ยล่ะ ไปบอกมันทำไม มันไม่ได้ถามมมมมมมมมมมมมมมมมมม


“มินเก่งน๊าเรื่องนั้นอ่ะ ไม่เชื่อถามปายสิ”


ฟึ่บ!!!


คราวนี้ไม่นิ่งแล้วครับ มันปัดมือมินออกอย่างแรงทำเอาเธอตกใจอ้าปากค้าง หน้าที่ยั่วๆตอนนี้อึ้งกิมกี่ไปแล้ว ส่วนผมที่ถูกมันหันมาจ้องเขม็งบีบเอวแน่นพยายามทำหน้าให้นิ่งที่สุดแต่ในใจนี่เต้นตุบๆแล้ว ไม่รู้ว่าเอามันมามีอิทธิพลขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อก่อนไม่ได้กลัวมันขนาดนี้นะ


“มินครับ เหมือนเพื่อนจะเรียกแล้วมั้งครับ” ไอ้แคนที่นั่งนิ่งเป็นสากกะเบือได้ตั้งนานพูดขึ้น สาดดดด ไม่ปล่อยให้กูโดนขยุ้มตายก่อนล่ะ เธอหันไปมองหน้าไอ้แคนที่เหมือนจะไล่กรายๆ แล้วบุคคลที่เธอสนใจแต่ไม่สนใจเธอสักนิด ก่อนชักสีหน้าแล้วยอมในที่สุด


“ก็ได้ค่ะ คนหล่อนี่ใจร้ายทุกคนเลยนะ“ มินบอกเสียงห้วนก่อนจะยอมลุกไป แต่ไม่วายทิ้งระเบิดลูกใหญ่อีกหนึ่งลูก


“อ้อ เกือบลืม นี่ค่ะกุญแจห้องปาย ขอบคุณนะคะสำหรับที่พักใจ” เธอยิ้มก่อนขยิบตาแล้วเดินนวดนายกลับไปยังโต๊ะที่มีเพื่อนสาวเธอรออยู่แล้ว


เอาสิ งานนี้เตรียมกระเพราะปลากับข้าวต้มไว้งานศพกูเลยม๊ายยยยยยยยยยยยยยยย


“เหี้ยเอ๊ย!!!!!!!!!!!!” มันจ้องหน้าผมขบกรามแน่นข้างขมับมีเส้นประสาทที่เต้นตุบๆแบบที่รู้ว่ามันโมโหแค่ไหน ผมที่กำลังรับหมัดหนักๆก็ต้องแปลกใจเมื่อมันลุกหนีออกไป


“หึ ยาวแน่มึงงานนี้” ไอ้คิงที่ดูสถานการณ์มาตั้งแต่ต้นว่าขึ้น


“โกรธกูเรื่องไรอ่ะ นานแล้วเหอะใช่ว่ากูไปปี้กับมินเมื่อกี้ซะเมื่อไหร่ ทำอย่างกับมันไม่เคย” ผมพูดอย่างถือดีทำเป็นไม่สนใจทั้งที่ขากูนี่แทบจะวิ่งตามออกไปแล้ว


“ก็ไม่เคยน่ะสิ” ไอ้แคนพูดขึ้น ผมหันไปมองหน้ามัน “เห็นอย่างนั้นนี่เขาไม่เคยเจ้าชู้นะมึง คบใครก็คบเป็นคนๆไป เป็นตัวเป็นตนแบบเรียกว่าแฟนเลยเหอะ ถ้าไปกันไม่ได้ก็เลิก ไม่ได้ฟันแล้วทิ้งมั่วเป็นวันๆเหมือนมึง” ผมอึ้งไปแล้ว หน้าอย่างมันเนี่ยนะ


“ไม่จริงอ่ะ”


“หึ จริง เห็นหล่อเลวแบบนั้นก็เถอะ ครอบครัวเขาปลูกฝังมาดีนะโว้ยยย พ่อพี่ซิ่งเขารักแม่พี่ซิ่งมากเรียกแบบว่าไม่เคยวอกแวกเลยล่ะ ดูแลครอบครัวอย่างดี พี่เขาก็เลยถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก คึ ตอนโซ่เล่าให้กูฟังนะดูภูมิใจในตัวพ่อและพี่ชายตัวเองมาก”


สายตาของไอ้แคนตอนเล่าบอกผมว่ามันไม่ได้โกหกทำเอาหัวใจผมกระตุกวูบ รู้ตัวอีกทีก็ลุกวิ่งออกไปแล้ว


ปัง!!!


“แฮกๆ” ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถก็หอบแดก ฮ่วย!! เหนื่อยฉิบหาย


ผมวิ่งออกมาในใจคิดว่าป่านนี้มันคงไปแล้ว ไม่ทันแล้ว กะว่าจะขึ้นแท็กซี่ตามไปแต่พอออกมาที่ลานจอดรถก็เห็นรถมันยังจอดอยู่ รีบบึ่งขึ้นรถมาเลย ส่วนไอ้ควายที่คิดว่ากลับไปอาละวาดทำงายข้าวของที่คอนโดแล้วมันกำลังเอนเบาะนอนเอาแขนปิดตาไว้


“ตามมาทำไม” มันถามทั้งที่ยังนอนท่าเดิมไม่ไหวติง


“ตามหมาขี้หวงมา”


“กูนึกว่าจะบอกว่าไม่ได้ตามกูมาซะอีก”


“กูปากตรงกับใจเหอะ”


“กล้าพูด”


เหมือนมันจะพูดหยอกเล่นกับผมใช่มั้ย ไม่เลย มันยังเสียงแข็งโป๊กเหมือนเดิม
ผมหมั่นไส้เลยจัดการปัดแขนที่พากปิดตามันออกก่อนจะก้มลงประกบปากจูบซะเลย แบบไม่ได้ลึกซึ้งอะไรนะ คือไงวะ ไม่เรียกว่าจูบอ่ะ ผมกระแทกปากใส่มันมากกว่าถอนออกแล้วกระแทกเข้าไปใหม่ เอาให้เจ็บไปเลย อูย แต่กูก็เจ็บนะ


เหมือนมันจะเริ่มเจ็บเหมือนกันเลยคว้าท้ายทอยผมก่อนจะรั้งเข้าไปจูบแบบดุดันโคตรอ่ะ ลิ้นแม่งแทบจะจุกคอกู มือผมจิกไปที่คอมันแน่น หือ มึงจะอารมณ์รุนแรงอะไรขนาดนี้วะ


“แฮกๆ สัด กูหายใจไม่ออก”


ผมด่ามันทันทีที่มันถอนปากออกมา แต่แม่งก็ยังนิ่งแบบจ้องผมเหมือนกูไปฆ่าญาติมันอ่ะผมเลยก้มหน้าพิงไหล่มันก่อนจะกัดคอมันแรงๆอย่างหมั่นไส้


“กูจะไม่ขอโทษเรื่องที่เคยนอนกับมินหรอกนะเพราะมันนานมาแล้วกูไม่ผิด แต่กูขอโทษเรื่องที่ให้เขาไปนอนที่ห้องโดยที่ไม่ได้บอกมึง เขามีปัญหาแล้วมันไม่มีอะไรด้วยไม่ได้นอนกับเขาตอนเขามาอยู่หอกู กูก็ไปอยู่กับมึง”


ผมอธิบายทุกอย่างออกมา คราวนี้ถ้ายังไม่หายกูก็จะโกรธบ้างแล้วนะ งี่เง่าไม่เข้าเรื่อง


“เยอะจังนะผู้หญิงมึงน่ะ มีมาทุกวัน” มันตบมาที่หลังผมอย่างแรง


“ก็นะ คนมันฮอต”


“หึ ระวังคนฮอตจะตายคาตีนกูนะ”


บู่ววววววววววววว ขู่กูตลอดดดดดดดดดดด


“ลุกออกไป”


“ไร กูบอกไปหมดแล้วนะ!!!” ผมโวยวายกอดคอมันแน่น


“กูจะกลับห้องหรือมึงไม่กลับ” มันยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์


สัด แล้วก็ไม่บอกกูให้เร็วกว่านี้ ชอบมั้ยเห็นกูปล่อยเหี้ย(ยิ่งกว่าไก่)
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 31-07-2018 19:31:14


รักร้าย18


หลังจากผ่านเหตุการณ์คืนหวีดสยองไปก็ไม่มีใครเลือดตกยางออกสักคนทุกอย่างจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งเพราะสมองอันเลิศล้ำของผมที่รู้ที่ว่าเวลาไหนควรรบเวลาไหนควรรับ


และไอ้เวลารับเนี่ยแหละถึงทำให้ผมนอนเดี้ยงลุกไม่ขึ้นอยู่นี่ไง


แม่ง เห็นพูดจาดีพากูกลับห้องนึกว่าหายโกรธหายโมโหแล้ว


แต่พอลากกูขึ้นเตียงเท่านั้นแหละ เชี่ย ทำให้รู้เลยว่ามันยังหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย


พอเช้ามามันก็ซักใหญ่ว่ารู้จักกันมานานหรือยัง ให้มินไปนอนที่ห้องเมื่อไหร่ ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงไม่มีหรือไงถึงต้องมาขอความช่วยเหลือจากผม บลาๆ เท่าที่สมองควายๆอย่างมันจะคิดได้ ถามแม้กระทั่งเคยนอนกันมากี่ครั้ง สัด


ผมก็ตอบไปเท่าสมองปลาๆของผมจะแถ เอ๊ย คิดได้


“มึงเคยมีแฟนมากี่คน”


ห่า คิดไงถามคำถามนี้วะ


ผมกับมันกำลังนั่งโซ้ยข้าวต้มปลาอภินันทนาการจากฝีมือผม(ลากสังขารลุกมาทำเลยเหอะ)


“อืม ไม่เคยอ่ะ” ถ้าไม่นับมันอ่ะนะ ถูกป่ะล่ะ มันบอกเองว่าผมเป็นแฟน


“ห๊ะ”


“ก็กูไม่เคยคบใครถึงขั้นแฟน แค่สนุกๆ” มันมองผมแบบผู้ชายอย่างมึงเลวจริงๆอะไรประมาณนั้น ใครจะไปแสนดีอย่างมึงล่ะห่า เจี๊ยวเหี่ยวพอดี


“แล้วผ่านผู้หญิงมากี่คน”


“ถามเหี้ยไรเนี่ย ไม่รู้เว้ย ไม่เคยนับ” ผมโวยวาย


“แสดงว่าเยอะ”




“มากกกกกกกกกกกกกก”


ผมถือช้อนคาไว้หันไปจ้องหน้าแล้วลากเสียงใส่มันให้รู้ไปเลยว่ากูน่ะผ่านมาเยอะแต่เจ็บไม่เยอะ เจ็บเพราะมันคนเดียว


“ผู้ชายอ่ะ”


อ่อก!!! ข้าวที่ตักใส่ปากแทบพุ่ง


“สัด กูไม่ใช่เกย์”


“ตอบ”


“คนเดียว” ผมว่าเสียงหงุดหงิด ซักไซ้จังโว้ยยยยย


“ใคร”


“มึงไง” คราวนี้ผมหลบตามองถ้วยข้าวต้มก่อนตอบเสียงอ้อมแอ้ม มันที่ทำหน้าดุใส่ผ่อนลงแล้วอมยิ้มพอใจทันที ควาย ทีนี้ทำเป็นอารมณ์ดีเมื่อกี้แทบจะแดกหัวกู


“ต่อไปห้ามนะรู้มั้ย” มันพูดเสียงนุ่มแบบที่ผมฟังแล้วเหวอไปชั่วขณะ เป็นไร เมื่อคืนหนักไปหรอ เป็นบ้าไปแล้ว ผมขอน้ำมนต์ด่วน


“อะ อะไร”


“มีแค่กูคนเดียวพอ กูจะถือว่ากูคือแฟนคนแรกของมึง เพราะฉะนั้นรักษากูดีๆอย่าทิ้งขว้างเหมือนคนอื่นล่ะ”


เยดดดดดดดดดดดดดด ยิ้มให้กูแบบนี้ทำไม มองกูแบบเอ็นดูทำไม เหี้ย ใจกูสั่นนนนนนนนนนนนนนนน




“ปาย ไปว่ายน้ำกัน”


หลังจากที่มันทิ้งระเบิดลูกโตให้ผมใจสั่นคล้ายจะเป็นลมจนหายาหอมแทบไม่ทัน มันก็ผลุบหายเข้าไปในห้องนอนร่วมสิบห้านาทีก่อนจะเดินออกมาชวนผมไปว่ายน้ำเนี่ยแหละ อ้อ สระว่ายน้ำคอนโดแหละครับ มีสองสระ สระว่ายน้ำในร่มติดกับฟิตเนสกับสระว่ายน้ำกลางแจ้ง


“แปดโมงเช้าเนี่ยนะ ไม่เอา กูง่วงจะนอนต่อ”


“อย่าเหอะ กูเห็นมึงนอนเล่นเกม ลุก ไปเป็นเพื่อนหน่อย”


สุดท้ายผมก็ต้องลงมากับมันจนได้ มันเลือกว่ายน้ำกลางแจ้งรับวิตามินดีให้กับผิวหนังกำพร้าของมัน มันบอกว่าชอบเช้าๆน้ำเย็นดี เอาเหอะ จะโดนแดดจัดกว่านี้ผิวมันคงไม่เข้มไปมากกว่านี้หรอก แต่จะว่าไปวันนี้อากาศดีครับแปดโมงแล้วแดดยังออกแค่อ่อนๆลมเย็นๆพัดสดชื่นดี


แต่ผมไม่ได้ลงไปว่ายน้ำกับมันหรอกนอนเล่นอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบข้างสระนี่แหละ ให้ไปกรรเชียงผีเสื้อฟรีสไตล์ไม่ไหวหรอกครับแค่เดินขายังล้าเลยตอนนี้ =_= ไม่ต้องบอกมั้งเพราะอะไร


ดีนะมีมือถือเล่นเกม เลยไม่เบื่อ


“ดื้อ ผ้าหน่อย”


ไอ้ซิ่งว่ายน้ำได้ประมาณชั่วโมงกว่าๆก็ขึ้นจากสระ ผมหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางพาดเก้าอี้ตัวข้างๆไปให้ไอ้คนที่เดินโชว์หุ่นกับกางเกงว่ายน้ำสีดำตัวเดียว กล้ามท้องที่เรียงตัวสวย มัดกล้ามแน่นๆที่แขนกับผิวสีแทนของมันทำให้มันดูเป็นพวกสปอร์ตแมน ไอ้ทรงผมสกินเฮดอีกไม่บอกไม่เห็นกับตาไม่น่าเชื่อนะว่านี่น่ะว่าที่นายแพทย์ สัด จะเท่ไปไหน


“รอแปป กูไปล้างตัวก่อน”


“สัด มือถือ!!!”


ผมรีบเอามือถือที่ใช้เล่นเกมหนีตัวเปียกๆของมันที่ก้มลงมาหอมแก้มผมอย่างกลัวว่าหยดน้ำจากตัวมันจะหยดใส่


“แคร์ไร ของกู”


มันพูดจบก็ยักคิ้วข้างเดียวเดินเข้าไปทางห้องล้างตัว สัด คิดว่าเท่ไง ของมึงใช่มั้ยถ้ากูไม่คิดว่าแพงนะกูจะเขวี้ยงหัวมึงให้ ควายยยยยยยย



“มึง”


“หื้ม”


ผมสะกิดเรียกมันที่มานั่งดูหนังหลังจากที่ขึ้นจากสระอาบน้ำล้างตัวเสร็จมันก็ไปลื้อหนังแผ่นที่ซื้อมาแต่ยังไม่ได้ดูมาเปิดดู


“เพื่อนกูชวนไปทะเล” มันละจากหน้าจอทีวีมาสนใจผม


“วันไหน”


“มะรืน เห็นว่าสัปดาห์หน้าจะเปิดเทอมเลยจะไปเที่ยวกัน”


“กี่วันอ่ะ”


“สามวัน”


“ไปดิ” มันบอกก่อนเอามือท้าวพนักพิงโซฟา ยกแขนตั้งฉากกับศอกเอามือมาลูบหัวผมเล่นเบาๆก่อนหันกลับไปสนใจจอทีวีต่อ


“มีอะไรเปล่า” มันหันกลับมามองผมลดแขนลงมาโอบไหล่ผมไว้เมื่อเห็นผมทำท่าทีอึกอัก


“คือ...พวกมันฝากมาชวนมึง” มันเลิกคิ้วมองผมก่อนยิ้มแบบเจ้าเล่ห์


“แล้วมึงอยากให้กูไปป่ะ”


“ก็...เห็นไอ้แคนว่าน้องมึงก็ไป แล้ว...”


“กูถามมึง ว่าอยากให้กูไปมั้ย” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ทำเอาผมต้องหดคอหนีตบหน้าผากมันไปที


“ไม่รู้ แล้วแต่มึง อยากไปก็ไปไม่อยากไปก็นอนเน่าตายอยู่หอนี่แหละ”


“กูไปไม่ไปก็ไม่มีผลอะไรว่างั้น??”


“เออ ไม่ไปก็ดี!!!” ผมปัดมือมันออกก่อนเดินเข้าห้องนอนไป หงุดหงิดโว้ยยยยยย เสือกมาเล่นตัวเหี้ยไร


‘ไม่ไปก็ดี แต่ถ้าไป...จะดีกว่า’




“ปายมานั่งนี่”


“ไม่เอา”


“หนึ่ง”


“นับทำไม โตเป็นควายยังมานั่งหัดนับเลข ไอ้วินถ้ามึงลุกกูตบหัวหลุดนะ!” ผมหันไปทำตาขวางใส่ไอ้คนที่นั่งทำหน้าเข้มอยู่เบาะแถวที่สองของรถ ส่วนผมนั่งอยู่เบาะหลังสุด


ตอนนี้เป็นเวลาตีสี่ครับ พวกเรามารวมพลกันที่บ้านไอ้แปงเราตกลงกันว่าไปเที่ยวทะเลครั้งนี้จะเอารถตู้พ่อมันไป นั่งได้ 15 คนรวมที่นั่งคนขับด้วยซึ่งจะผลัดกัน แล้วคนขับคนแรกก็คือไอ้คิงโดยมีไอ้แปงเป็นตุ๊กตาหน้ารถนั่งอยู่ข้างๆแบบตำแหน่งนี้ใครก็แย่งมันไปมิได้

ส่วนที่นั่งแถวแรกมีเบาะติดกันสามที่จับจองโดยโซ่ อิ๋วและติ๋ว เพื่อนสนิทฝาแฝดของโซ่

แถวที่สองฝั่งขวาเป็นเบาะสองที่ติดกันมีพี่โจ้ พี่เท่ ฝั่งซ้ายเบาะเดี่ยวเป็นไอ้แคน(คงอยากนั่งใกล้แฟนมันที่สุด)

แถวสามจัดเบาะเหมือนแถวสอง ซาวน์นั่งเดี่ยว ส่วนเบาะคู่ก็มีไอ้ซิ่งที่ส่งรังสีกระแสจิตมาให้ผมที่นั่งอยู่หลังสุดกับกับไอ้วินไอ้บอล (หลังสุดเบาะสี่แต่นั่งสามโคตรสบาย)




“เชี่ยปาย มึงไปนั่งกับพี่เขาดีเหอะว๊า ไอ้คิงไม่กล้าสตาร์ทเครื่องเพราะมึงเนี่ย” ไอ้บอลที่นั่งประกบผมอีกข้าง (ผมนั่งกลาง ไอ้วิน ผม ไอ้บอล)


“มึงไปนั่งเองดิสัด” ผมหันไปเหวี่ยงใส่


“มึงโกรธอะไรพี่ซิ่งวะ” ไอ้วินถามกล้าๆกลัวๆ ก็สายตามันจ้องเขม็งมาทางพวกผม ไอ้สองตัวเลยร้อนๆหนาวๆ ส่วนผมน่ะเหรอ ไม่แคร์


“เปล่า เฮ้ย ไอ้คิงถ้ามึงจะนั่งเฉยๆลงมากูขับเอง” ผมตอบแบบไม่ใส่ใจก่อนตะโกนบอกไอ้คิงที่นั่งกำพวงมาลัยรถแต่ไม่ออกรถสักที มันส่งสายตาชิ๊งด่าผมทางกระจกส่องหลังก่อนจะออกรถ


เอาจริงๆผมก็ไม่ถึงกับโกรธหรอกครับแค่เคืองๆ สัด ทำเป็นเล่นตัวทำทีว่าไม่ไป ไม่สนใจ ไม่แคร์ ให้ผมหงุดหงิดหนึ่งวันกับหนึ่งคืนเต็มๆ พอมาเช้าของวันที่ไปเสือกสะพายกระเป๋า(ที่ไม่รู้ว่าไปแอบเก็บของตอนไหน) เดินตามผมออกมา จัดการแย่งกระเป๋าไปถือเสร็จสรรพโยนกระเป๋าไว้ท้ายรถ จับผมยัดใส่รถ แล้วก็บึ่งมาบ้านไอ้แปงบอกให้รู้ว่ามันรู้กำหนดการสถานที่และเวลาเป็นอย่างดี เหี้ย แค่บอกกูว่าจะไปด้วยหนอนในปากมันจะร่วงหรือไง


นั่นแหละ ไม่รู้ล่ะ


กูเคือง!!!!!


“ไร้สาระว่ะดื้อ” มันจ้องหน้าผมแบบบังคับไปสักพัก พอเห็นว่าผมไม่สนใจมันก็ส่ายหน้าอย่างระอาก่อนหันหลับไปนั่งที่มันดีๆไม่สนใจผมอีก


เออ!!! มึงมีสาระมากงั้นสิ หลอกกูเนี่ย!!!!


“พี่ซิ่ง โซ่ไปนั่งเป็นเพื่อนมั้ย” น้องสาวมันชะโงกหน้ายิ้มหวานถาม ไอ้แคนมองตาละห้อยเลยครับ อยากนั่งกับแฟนแต่พี่ชายแฟนมาด้วยเลยโดนสั่งห้าม


“ไม่เป็นไร เรานั่งกับเพื่อนไปเถอะ” มันบอกน้อง พอน้องมันพยักหน้าเข้าใจ มันก็เอาหมอนรองคอที่เตรียมมาสวมที่คอเสียบหูฟังเปิดไอแพดฟังเพลงเอนหัวพิงเบาะแล้วหลับตา


ถามว่าทำไมถึงเห็น ก็กูมองอยู่อ่ะ!!!!


“สมน้ำหน้า งี่เง่าดีนัก”


“เออ เล่นตัวสัด”


“ไม่แคร์เหอะ ไม่สนสักหน่อย”


ผมบอกก่อนจะเอนหัวเอนตัวพิงเบาะด้านหลังให้พวกมันรู้ไปเลยว่ากูจะหลับ ห้ามกวน!!! พอขับผ่านพ้นเขตกรุงเทพไปก็เริ่มเกิดปัญหาครับ


รู้ใช่ป่ะว่าเบาะหลังสุดมันจะกระโดดเด้งดึ๋งดั๋งเสมือนนั่งรถอีแต๋น นั่นแหละครับพวกผมสามคนหัวสั่นหัวคลอน มันสองตัวก็ยังหลับดีไม่มีอะไรแต่ผมนี่สิ เวียนหัวครับมันมึนๆเหมือนจะอ้วก


 ง่ะ ผมเป็นโรคเมารถตอนเด็กๆโตมาไปโน่นมานี่บ่อยก็เลยเริ่มหายไม่เมามากเหมือนเมื่อก่อน แต่พอเจอแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ


“มึงๆ” ผมสะกิดเรียกมันสองคน


“งือ อะไร”


“กูเวียนหัว จะอ้วก” คราวนี้มันสองคนลืมตาโพลงเลยครับ ก็เป็นเพื่อนกันมานานนี่หว่ารู้แหละว่าผมพูดอย่างนี้แสดงว่าถ้าไม่จัดการให้เรียบร้อยผมปล่อยโจ๊กกระเพาะออกมาแน่


“แปง มึงเอายาแก้เมารถมามั้ย” ไอ้บอลตะโกนไปหน้ารถ ไม่ต้องห่วงครับ ไม่รบกวนใครเพราะสามสาวยังมีเสียงคุยกันงุ๊งงิ๊ง พวกพี่ๆก็ยังนั่งเล่นเกมในไอแพด นอกนั้นไม่มีหรอกจะเกรงใจ ทำไมอ่ะเพื่อนกู


“ไอ้ปายเอาอีกแล้วหรอวะ” ไอ้คิงตะโกนกลับมา


“เชี่ย รู้ว่าเมารถกระแดะไปนั่งหลังนะมึง” ไอ้เชี่ยซาวน์เดี๋ยวกูอ้วกใส่หน้าแม่ง


“คิงๆแวะปั๊มหน้าด้วยมึง กูลืมเอายามา ควาย รู้ว่าจะเมาเสือกไม่เตรียมมาเองกูก็ลืมบ้างอะไรบ้าง” ผมถึงกับเซ็งเลยครับ เชี่ย กูเคยเอามาหรอ ไม่เคยเตรียมเหอะเพราะกูแย่งนั่งหน้าตลอด ไม่เคยนั่งหลังไง ไม่รู้ด้วยว่าด้านหลังรถมันจะโดดบรรลัยขนาดนี้


“ไม่ต้องแวะหรอก พี่จัดการเอง” แล้วไอ้คนที่ผมนึกว่ามันจะไม่สนใจแล้ว ก็เห็นมันเอาแต่หลับตาฟังเพลงสบายใจซะกูคิดว่าไหลตายไปแล้วพูดขึ้น


มันขยับตัวลุกก่อนเอื้อมมือกระชากผมจากเบาะหลังไปนั่งที่ว่างข้างมัน ผมขืนตัวนิดหน่อย ออกฤทธิ์มากไม่ได้ครับรู้สึกมึนมากจริงๆยิ่งมันมาดึงแรงๆอย่างนี้อีก


“โซ่ หยิบกล่องปฐมพยาบาลที่มีวางไว้ข้างหน้าให้หน่อย” มันหันไปบอกน้องมันก่อนกล่องสี่เหลี่ยมถูกส่งมาให้พี่โจ้แล้วส่งมาถึงมือมัน


“โหพี่ เตรียมพร้อมมากอ่ะ” ไอ้แคนว่า


“ว่าที่คุณหมอนะมึง เตรียมพร้องตลอดแหละ ไปเที่ยวกันเป็นอะไรนะไม่ต้องไปโรงบาลหรอก มีมันคนเดียว สบาย” พี่เท่พูดยิ้มๆแบบภูมิใจในเพื่อนตัวเองมากมาย


มันเปิดกล่องก้มลงไปคุ้ยๆก่อนหยิบถุงยาที่ข้างในมียาเม็ดสีเหลืองๆอยู่ มันจัดการหยิบออกมาหนึ่งเม็ดแล้วยัดใส่ปากผมทันทีก่อนจะเปิดน้ำในขวดส่งมาให้ผม


ผมรีบรับมาดื่มเพราะยาโดนลิ้นผมแล้วครับ


“สัด ขม!!!!”


“นอนลงไป อย่าดื้อนะกูตบจริงๆด้วย” มันชี้หน้าขู่ให้ผมนอนลงไป ชิ ไอ้ขี้ขู่ที่กูยอมเพราะกูเวียนหัวหรอกนะ ไม่ได้กลัว


มันหยิบหมอนรองสีเขียวคออีกใบที่เหน็บอยู่ข้างตัวมันขึ้นมารองคอให้ผม ของมันเป็นสีน้ำเงิน แสดงว่ามันเอามาเผื่อผมอ่ะดิ ของโซ่ก็มีครับเป็นสีชมพู ก่อนมันจะปรับเบาะผมเอนลงให้นอนสบายขึ้น


แล้วมันก็หันกลับไปคุ้ยของในกระเป๋าเป้มันเห็นหยิบผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กออกมา เปิดกระจกรถตู้ (มันนั่งติดกระจก) หยิบขวดน้ำที่ผมดื่มเมื่อกี้ยื่นออกไปนอกรถเทราดบนผ้าขนหนู ก่อนเอามือเข้ามาพร้อมผ้าพร้อมขวดน้ำปิดกระจก


ตอนแรกผมก็งงว่ามันจะทำอะไร มากระจ่างก็ตอนที่มันเอามาเช็ดตามหน้าตามคอผมแหละครับ ทำเอาผมอึ้งไปเลยรู้สึกหน้าร้อนวาบทันที


“จ้องหน้าทำไม หลับตาตื่นมาจะได้หาย”


มันบอกก่อนจะเอาผ้าไปตากตรงที่วางแก้วที่ติดกับด้านหลังของเบาะคนข้างหน้า หยิบเสื้อแขนยาวมาคลุมตัวให้


อยากบอกว่าก่อนหลับตาผมเห็นพวกเพื่อนผมกับพวกพี่มันแอบยิ้มด้วยอ่ะ


แต่ผมไม่รู้ว่าหูฝาดหรือเปล่าตอนหลับตาผมเหมือนได้ยินเสียงสามสาวกรี๊ดด้วย


เฮอะ ช่างเหอะ หลับดีกว่า กูมึน ง่วงด้วย ยาออกฤทธิ์แล้วแหง
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 31-07-2018 19:32:22


รักร้าย19



“มึงเอาโออิชิข้าวญี่ปุ่นด้วย”


“เหมาทั้งเซเว่นเลยมั้ย”


ผมไม่สนใจคำประชดประชันของมัน เดินเลือกขนมต่อ ส่วนมันก็บ่นไปงั้นแหละกลัวน้ำลายบูดสุดท้ายก็หันกลับไปหยิบอยู่ดี


ตอนนี้เราหยุดพักรถกันที่ปั๊มที่สมุทรสงคราม ผมที่ได้ยาไปเม็ดนอนหลับไปหนึ่งชั่วโมงกว่าๆตื่นก็อาการดีขึ้น เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาก็รู้สึกหิวมากกกกกกกกเลยลากไอ้ซิ่งเข้าเซเว่นทันที(ลากคนอื่นเสียตังเอง ลกมันมาฟรีตลอดงาน หึ) เข้ามาผมก็หยิบแหลกครับเพราะคิดว่าพวกมันคงไม่แวะไหนอีกแน่ๆ


“ดื้อกินนี่มั้ย” มันชูเค้กกล้วยหอมของเลอแปงขึ้นมา


“เอาๆๆๆๆ” อะไรที่ขึ้นต้นด้วยเค้กผมก็ตาวาวได้ทั้งนั้นแหละ


เมื่อได้ของกินสารพัดจนพอใจผมก็เดินไปดูหมวกที่แขวนขายอยู่ เห็นใบนึงลายสวยถูกใจ พอหันไปหาไอ้ซิ่งก็เห็นมันกำลังยืนมองน้องสาวกับไอ้แคนที่ยืนเลือกของด้วยกันอยู่ เมื่อเห็นมันจะเดินตรงไปหาผมก็เข้าชาร์ตทันที


“ไปๆไปจ่ายเงินกัน กูหิวแล้วจะได้ไปนั่งกินด้านนอก”


“เดี๋ยว เอาโซ่ไปด้วย” มันทำท่าจะส่งเสียงเรียกผมรีบอุดปากทันที


“มึงนี่เนอะปล่อยมันสองคนบ้างเถอะ ก็เห็นอยู่ว่าไม่ได้ทำอะไรเสียหาย” พูดจบมันก็ดึงมือที่ปิดปากออก


“แต่มันจับมือน้องกู”


“โห ควาย เขาเป็นแฟนกันจับมือกันก็ธรรมดา มึงต้องให้มันยืนห่างกันห้าร้อยเมตรเลยมั้ย”


“ได้ก็ดี” มันยักไหล่ตอบ


“เกรียนสัด”


ว่าจบผมก็จัดการลากมันมาจ่ายค่าของก่อนลากมันออกมานอกเซเว่นพาไปนั่งตรงโต๊ะหินอ่อนใต้ร่มไม้ตรงสวนใกล้ที่รถจอดอยู่


“มึงพวกมันเป็นแฟนกัน ก็ต้องการเวลาที่จะอยู่ด้วยกันบ้าง มันมาเที่ยวด้วยกันมันก็อยากอยู่ด้วยกันมึงจะคอยไปกันท่าทำไม ไหนรับปากแล้วไงว่าจะยอมให้มันคบกัน”


ผมเปิดประเด็นถามมันทันทีมือก็เปิดขวดโออิชิไป พูดจบก็กระดกโออิชิเข้าปากตามด้วยไส้กรอกรมควัน


“ก็ให้คบกันไม่ได้ให้ถึงเนื้อถึงตัวกัน”


“ขี้หวงเว่อร์” ผมเบะปากใส่มันอย่างหมั่นไส้พอดีกับพี่เท่ตะโกนเรียกขึ้นรถ ผมเลยหอบถุงขนมลุกขึ้นเดินไปรวมกันที่รถ


“ถ้าไม่ใช่คนสำคัญก็ไม่หวงหรอก” มันเดินตามมาผลักหัวผมก่อนเดินเลยขึ้นรถไปก่อน


เมื่อกี้มึงพูดอะไรวะ กูไม่ได้ยิน อะไรคันๆ เป็นขี้เรื้อนหรอวะ


“ขึ้นรถครบแล้วใช่มั้ย ไม่มีแวะเก็บข้างทางนะค๊าบบบบบบบบ” ไอ้บอลแหกปากกวนตีนก่อนออกรถ ตอนนี้มันเป็นคนขับแทนไอ้คิง ส่วนที่ไอ้แปงไอ้วินไปนั่งแทนแล้ว ส่วนไอ้คิงกับไอ้แปงก็งุ๊งงิ๊งกันอยู่เบาะด้านหลังผมเนี่ย


“คิง มึงไปนั่งริมสุดดิกูจะนอนตักมึง”


“อะไร ไม่เอาหัวมึงหนัก”


“ขัดใจกูหรอ มึงสัญญาแล้วนะ!!” เสียงเริ่มนิ่งแล้วครับ ผมเดาหน้ามันนะต้องเอาแต่ใจสุดๆอ่ะ


“เฮ้อ แป๊งงงง ”


แล้วเสียงก็เงียบไปผมเลยแอบมองไปตรงช่องระหว่างเบาะที่นั่งผมกับไอ้ซิ่ง ชัดเจนเลย ไอ้แปงนอนยิ้มหน้าบานอยู่บนตักไอ้คิงเรียบร้อย ไอ้คิงเอื้อมมือไปบิดจมูกไอ้คนบนตักอย่างหมั่นเขี้ยวด้วยอ่ะ เฮ้ย มึงไปมีโมเมนต์แบบนี้กันตั้งแต่เมื่อไหร่


“หึ เหมือนบางคนไม่มีผิด” ไอ้แคนว่าลอยๆแต่ตาเหล่มองผม ถ้าจะมองขนาดนี้ด่าแบบออกชื่อกูตรงๆเลยเถอะ กูขี้เกียจแปล!!!


“หึ”


“ขำไร แดกเงียบๆไปเลย” ผมจับมือมันที่ถือแซนวิชไว้ขึ้นยัดเข้าไปในปากคนข้างๆทันที สัด รุมกูกันเข้าไป เดี๋ยวกูเหวี่ยงบ้างเหอะ


ผ่านไปสักพักในรถก็เริ่มเงียบอย่างจริงจังเพราะเริ่มหนีหลับกันไปหมด ไอ้ผมที่นอนมาตลอดทางก็ไม่มีวี่แววที่จะง่วงสักนิดกินขนมหมดถุงแล้วคราวนี้ไม่มีอะไรทำสิ เริ่มเบื่อดิ ผมหันซ้ายหันขวาก่อนไปเจอไอแพดวางบนตักไอ้คนข้างๆ แล่วๆๆๆ มีอะไรทำแล้วโว้ยยยยยย


แต่ก่อนที่มือผมจะเอื้อมไปหยิบถึงก็มีมือดีจับมือผมไว้ สายตาภายใต้เปลือกตาบางจ้องมองผมก่อนที่ผมจะอ้าปากพูดมันก็จัดการดึงหูฟังข้างซ้ายที่อยู่ที่หูมันมาใส่หูข้างขวาให้


“ฟังเพลงไป”


“แต่กู...”


“เล่นเกมเดี๋ยวเวียนหัวอีก” ผมทำหน้าบู่วใส่กับความแสนรู้ของมันทำท่าจะแย้งแต่ก็โดนมือใหญ่ทาบเต็มหน้าก่อนออกแรงดันหน้าผมให้นอนพิงไปกับเบาะ


อ๊ากกกกก รุนแรงกับกูตลอดดดดดดดด


ลิ้นกูโดนมือฝ่ามือมึงด้วย แหวะ เค็ม!!!




เดินทางกันมาถึงประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงทะเล ผมบอกไปหรือยังว่าเราไปทะเลที่ไหนกัน ไม่ได้ลงไปถึงภาคใต้อะไรกันมากมายหรอกครับ พวกผมมาที่จังหวัดเพชรบุรี


ใช่แล้วครับ ชะอำนี่แหละ


หาดขาว ทะเลสวย  ลมพัดเย็น


พอมาถึงพวกผมก็ทยอยลงจากรถบิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสายหลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่บนรถร่วมสองชั่วโมง ออกจากกรุงเทพฯตีสี่นี่ก็ประมาณเจ็ดโมงเช้าพวกผมช่วยกันขนสัมภาระลงจากกระเป๋าหลังรถมุ่งหน้าตรงไปที่บ้านพักกัน


ครับ บ้านพัก


พวกผมไม่ชอบพักโรงแรมหรือบังกะโลกัน ชอบมาหาบ้านหลังพอเหมาะที่เขาเปิดให้เช่ากันมากกว่าส่วนมากก็เป็นคนในพื้นที่เปิดเป็นกิจการเล็กๆ ถึงมันจะไม่สะดวกสบายเหมือนโรงแรมหรูแต่พวกผมชอบ ไม่รู้สิมันดูอบอุ่นดี ตอนมาเที่ยวกับพวกเดอะแกงค์พวกผมสะพายแค่เป้มาคนละใบมาเดินหาที่พักกันเองเพราะถ้าหาตามเว็บไซต์ส่วนมากจะเป็นพวกโรงแรมหรือบังกะโลหรูซะมากกว่า


“ถึงกันแต่เช้าเลยนะพ่อหนุ่ม นี่จ๊ะกุญแจบ้าน” ป้าท่าทางอายุสักสี่สิบที่นั่งอยู่โต๊ะหินหน้าบ้านเหมือนรอพวกผมอยู่ก่อนแล้วเอ่ยทัก มารู้ที่หลังว่าชื่อป้าอรครับ


“มาถึงแต่เช้าจะได้มีเวลาเที่ยวเยอะๆไงครับ” พวกผมยกมือไหว้ก่อนที่ไอ้คิงจะตอบคำป้าแกไป


ป้าอรไม่ได้เป็นพนักงานหรือแม่บ้านแต่แกเป็นเจ้าของบ้าน แกเป็นคนในพื้นที่เห็นบอกว่านี่เป็นบ้านลูกชายแต่ตอนนี้ไปทำงานที่ต่างประเทศได้เมียที่นั่นคงตั้งหลักปักฐานใหม่ที่ญี่ปุ่น แกเลยเอาบ้านมาดัดแปลงภายในเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพัก ไม่ได้หวังขยายเพิ่มหรือเปิดเป็นกิจการใหญ่โตแค่เสียดายถ้าจะปล่อยทิ้งไว้เฉยๆอย่างน้อยก็ได้รายได้เสริมมาไว้ซื้อเครื่องสำอางค์ช่วยแบ่งเบาภาระสามีไปอีกทาง 5555


บ้านที่พวกผมอยู่เป็นบ้านสองชั้นโทนเขียวขาว ตั้งโดดอยู่หลังเดียวบ้านหลังถัดไปก็บ้านป้าอรที่แกอาศัยอยู่แต่ห่างกันห้าร้อยเมตรเห็นจะได้เลยดูส่วนตัวดี ผมชอบตรงหน้าบ้านมีสนามหญ้าขนาดประมาณสนามวอลเล่ย์บอลก่อนจะมีทางลงเป็นบันไดสองสามขั้น พอลงบันไดมาเท้าก็จะสัมผัสทรายสีขาวยืนอยู่บนหาดสวยเดินไปอีกไม่ถึงยี่สิบเก้าเท้าก็สัมผัสคลื่นน้ำทะเลที่ซัดเซาะ


“ตามสบายนะจ๊ะ บ้านป้าอยู่ถัดไปนี่เองมีอะไรเรียกได้ แต่เดินก็ไกลอยู่ หนูมีเบอร์ป้าใช่มั้ย ” ป้าอรหันไปถามไอ้แปง มันเป็นคนติดต่อเรื่องสถานที่


“ครับ ”


“ขอบคุณคร้าบบบบบบ ป้าอรไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมจัดการกันต่อเอง”


“จ่ะ ป้าก็กะว่าจะแวะไปร้านทำผมซะหน่อย ฮิฮิ”


พอป้าแกไปพวกผมก็ขนกระเป๋าเข้ามาภายในบ้าน เป็นบ้านสองชั้น ชั้นล่างเป็นโถงห้องนั่งเล่นห้องน้ำหนึ่งห้อง และก็ส่วนของห้องครัว พวดกเราเดินผ่านโถงขึ้นไปชั้นสองมีห้องอยู่ฝั่งซ้ายและฝั่งขวา เราตกลงกันว่าจะให้ผู้หญิงนอนห้องฝั่งซ้ายเพราะเป็นห้องเล็ก ส่วนพวกผมนอนห้องฝั่งขวา


พอเปิดประตูเข้าไปก็ยิ้มเลยครับ ห้องกว้างมากกกกกกก เตียงก็ตั้งอยู่เต็มห้องละลานตาไปหมดแต่ก็ยังมีพื้นที่ว่างดูไม่อึดอัด


 ไอ้ซิ่งพอเห็นสภาพห้องหันมามองหน้าผมประมาณว่า ‘นอนรวมกัน’


ผมก็พยักหน้าว่า ‘ช่ายยยยยยยยย’ กลับไป


“กูนอนเตียงนี้!!!” ไอ้แปงกระโดดขึ้นไปบบนเตียงขนาดห้าฟุตที่ตั้งอยู่แนวกำแพงฝั่งขวา เท้าชี้ไปทางขอบประตู


ผมเดินเอากระเป้ไปโยนไว้บนเตียงห้าฟุตสองชั้น โดยผมนอนที่ชั้นสอง ไอ้ซิ่งมองหน้าผมนิดหน่อยก่อนเดินเอากระเป๋ามาวางไว้บนเตียงเดียวกันอย่างไม่ค้านอะไร แต่ผมนี่ดิกำลังจะค้านว่าให้ไปไปนอนเตียงอื่นแต่ไม่เอาดีกว่าอายเพื่อนเปล่าๆยังไงก็ต้องมีคนนอนกับผมคนนึงอยู่แล้วดูจากจำนวนเตียง


พี่โจ้กับพี่เท่นอนกันที่เตียงเดียวกับผมแต่เป็นชั้นล่าง


คราวนี้ก็เหลือเตียงใหญ่อยู่หนึ่งเตียงกับเตียงเดี่ยวหนึ่งเตียงกับไอ้พวกเพื่อนผมอีกสี่ตัว


มันมองหน้ากันก่อนยิ้มแล้วช่วยกันลากเตียงมาติดกันอยู่อีกฝั่งตรงข้ามกับเตียงผมกับไอ้แปง


สรุปพวกมันสี่ตัวนอนด้วยกันสองเตียง
“”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””




พอเลือกเตียงกันได้เสร็จสรรพ โยนกระเป๋าจองพื้นที่ยังไม่มีการเก็บของอะไรกันทั้งสิ้น เหลือบมองนาฬิกาผนังห้องอีกสิบห้านาทีแปดโมง พวกผม(หมายถึงเฉพาะพวกผมเจ็ดคนนะไม่รวมพี่โจ้พี่เท่ไอ้ซิ่ง) ก็มองหน้าอย่างรู้กันกระโดดลงจากเตียงใครเตียงมันที่นั่งเล่นกันอยู่มาตรงกลางที่ว่างของห้อง


แล้วเสียง ‘เฮ้ย’ อย่างตกใจจากพวกพี่ๆก็ดังขึ้นเมื่อพวกผมพร้อมใจกันถอดเสื้อแล้วโยนทิ้งแบบไม่สนว่ามันจะไปตกตรงไหนแล้ววิ่งออกนอกห้องอย่างเร็ว ตอนแย่งกันออกประตูโคตรชุลมุน


ผมแอบเห็นไอ้ซิ่งตาโตค้างเติ่งแบบงงสุดๆ แต่วินาทีนี้กูไม่สนใจแล้วโว้ยยยยยยยยย


พวกเราวิ่งลงบันไดผ่านโถงออกประตูผ่านสนามหญ้าหน้าบ้านก่อนกระโดดลงพื้นที่ต่างระดับ(ไม่มีใครใช้ไอ้บันไดสสามขั้นสักคน)วิ่งลงไปที่ชายหาดห่อนจะเอามือกอดคอกันเป็นวงกลมเอาหัวชนกันแล้วหมุนๆไปรอบๆพร้อมส่งเสียงร้องกันไปด้วย
“เฮ้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”


พอหมุนกันได้พอมึนพวกผมก็เปลี่ยนจากกอดคอวงกลมมาเป็นกอดคอเรียงแถวตรงหันหลังให้ทะเลก่อนจะก้าวเท้าถอยหลังวิ่งลงทะเลกัน



โอ้ทะเลแสนงาม ท้องฟ้าสีครามสดใส~
มองเห็นเรือใบ แล่นอยู่ในทะเล~
หาดทรายงามเห็นปู ดูซิดูหมู่ปลา~
กุ้งหอยนานา อยู่ในท้องทะเล ทะเล็ ทะเล~ เฮ้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



สิ้นเสียงเฮ้ผมก็กระโดดลอยตัวแอ่นหลังทิ้งตัวลงทะเล ทันทีที่ทั้งเดจ็ดแผ่นหลังกระทบผืนน้ำทะเลพร้อมกันเสียงน้ำกระเซ็นก็ดังก้องเสี้ยววินาทีต่อมาผมก็รู้สึกว่าร่างจมลงไปใต้น้ำให้รู้สึกแสบผิวก่อนที่ผมจะเด้งตัวขึ้นมาจากผิวน้ำเอามือลูบน้ำรสเค็มปร่ากับความเย็นของน้ำจากอากาศยามเช้า


“สดชื่นเว้ยยยยยยยยยยยย!!!!!”


พอโผล่หัวขึ้นมาจากน้ำได้พวกผมก็แหกปากตะโกนพร้อมกัน หันมามองหน้ากันก่อนจะระเบิดหัวเราะใส่กันแล้วลงมือปฏิบัติการกดหัวเพื่อนลงน้ำ กระโดดขี่คอตีลังกากลับหลัง


คงคิดว่าไอ้พวกบ้าพวกนี้มันเป็นอะไรกันเหมือนพวกที่ยืนมองบนหาดอยู่ล่ะสิ พวกเราก็มีเหตุผลนะครับ


จำกันได้มั้ยครับภาควิชาผมจะมีจัดทริปรับน้องปีหนึ่งกันที่ทะเล ตอนปีหนึ่งพวกผมไปจัดทริปกันที่หาดนางรำ ก็เป็นเด็กปีหนึ่งผู้ใสซื่อเชื่อฟังรุ่นพี่ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ตอนมาถึงค่ายปุ๊ปพี่ก็เรียกรวมพลแต่ปรากฏว่าตอนเช็คชื่อไอ้แปงมันหายไป หากันให้วุ่นสรุปมันหนีไปนอนในห้องพักครับ พี่เลยลงโทษให้มันปั่นจิ้งหรีดยี่สิบรอบแล้ววิ่งหันหลังลงทะเล(ไม่ลึกไม่อันตรายครับไม่ต้องห่วง) ตอนนั้นผมจำได้ว่าไอ้แปงน้ำตาคลอเลยครับ พวกผมที่ไม่ยอมอยู่แล้วเลยขอรับโทษกับมันด้วย ถ้าพี่ถามมันสักนิดนะจะรู้ว่าที่มันไปนอนเพราะไม่สบายมันปวดหัวมันถึงหลบไปนอนแล้วไม่ได้ตั้งใจนอนนานด้วย


พอรับโทษกันเสร็จไอ้แปงปล่อยโฮหนักเลย มันไม่คิดว่าพวกผมที่เพิ่งมารู้จักกัน เป็นเพื่อนร่วมสาขากันแค่สามเดือน(ไม่นับรวมไอ้คิงนะที่รู้จักกันก่อนเข้ามหา’ลัย) จะมายอมรับโทษกับมันทั้งที่ตอนนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันป่วย


เพราะเรื่องนี้ด้วยมั้งทำให้เราสนิทกันมากขนาดนี้


ตั้งแต่นั้นมาถ้าเราไปเที่ยวทะเลกันก็จะหวนความหลังแบบนี้กันตลอด


มันรู้สึกดีนะกับการที่เราได้ทำอะไรเก่าๆกับเพื่อนคนเดิมๆที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา


คอยย้ำว่าเราเป็นเพื่อนที่รักกันขนาดไหน


กลิ่นบรรยากาศเก่ามันสบายจมูกชะมัด


พวกเราเล่นน้ำกันไปสักพักจนรู้สึกว่าตัวเริ่มเปื่อยเริ่มสั่นแดดเริ่มแรง(ถ้าไม่ลืมกันว่าผมเล่นน้ำกันตอนเกือบแปดโมงเช้า)ก็เลยขึ้น


เท่านั้นนแหละผมก็เห็นพระวัดแจ้งยืนเท้าเอวที่ชายหาดมองตรงมา ผมเดินกอดอกตัวสั่นเดินตรงไปหามันที่ถือผ้าเช็ดตัวอ้าแขนไว้


พอผมไปยืนใกล้พอมันก็ห่อผ้าเช็ดตัวคลุมร่างผมทันที


“โอ๊ยยยยยย อยากได้ผ้าอุ่นๆบ้าง หนาวๆๆๆๆ” เสียงโหยหวนของไอ้วินดังลอยมาให้ผมหันไปเตะทรายใส่มัน


“เรามันต้องดูแลตัวเอง มาๆมากอดกันร่างกายเราจะได้อบอุ่นบ้าง กระซิกๆ” ไอ้บอลเดินไปกอดกับไอ้วินก่อนจะเอาหัวชนกันทำท่ากระซิกๆแต่ตาแพรวพราวมาก สัด


“หุบปาก เล่นไรกันพวกมึง สมองไม่เต็มกันไง” มันกวาดมองถามก่อนมาหยุดสายตาที่ผม


“โหพี่ ระลึกความหลังเหอะ” ไอ้ซาวน์ที่ขี่หลังไอ้แคนอยู่พูดขึ้น


“พวกกูไม่เห็นมีอย่างนี้” พี่โจ้ที่กอดคอพี่เท่เลิกคิ้วมองพวกผมแบบอีเดียดสุดๆ


“ก็พวกพี่ไม่อินดี้ เนอะ” ไอ้แปงยิ้มกว้างก่อนหันไปพยักหน้าขอความเห็นจากไอ้คิง


“ครับ ไอ้พวกอินดี้ แต่ถ้ายังยืนโชว์หัวนมเปื่อยๆอีกสักพักพวกคุณๆจะได้ไปนอนอินดี้คาบปรอทวัดไข้แน่”


เสียงไอ้ว่าที่คุณหมอหนึ่งเดียวในทริปนี้ว่าเสียงนิ่งส่งสายตาเหมือนผู้ใหญ่ดุเด็กทำเอาพวกผมกลืนน้ำลาย โดยเฉพาะผมเนี่ยอยู่ใกล้สุด โดนเยอะสุด


สุดท้ายผมก็วิ่งปรู๊ดเข้าบ้านเพื่อไปอาบน้ำ


“จะไปไหน”


“อาบน้ำไง”


“กับพวกนั้น”


“ช่ายยยยยยย หลังเล่นน้ำพวกกูก็อาบน้ำด้วยกันตลอด”


“กูไม่....”


“ไอ้คิงไอ้แปงรอกูด้วยยยยยยยยยย”


ก่อนที่มันจะพูดอะไรที่เป็นการส่อว่าผมจะไม่ได้ไปอาบน้ำตีโป่งใต้ฝักบัวกับเพื่อนต่อ ผมก็อาศัยความไววิ่งเข้าบ้าน


ไม่ทันกูร๊อกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 31-07-2018 19:33:21


รักร้าย20




หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชำระเอาคราบโซเดียม(เกลือนั่นแหละพูดให้งงทำไม -*-) พวกเราก็เคลื่อนขบวนพลกันขึ้นรถ ว่าเที่ยงนี้จะออกไปหาอะไรกินตามร้านอาหารขี้เกียจทำหิวมากแล้วด้วยไม่มีอารมณ์มายืนชิวทำอาหารหรอกเดี๋ยวมื้อเย็นค่อยจัดเต็มทีเดียว


แอบนินทาว่าเมื่อตอนอาบน้ำแอบเห็นรอยแดงตามต้นคอตามไหล่ไอ้แปงด้วยครับ


หึหึ  ผมหันขวับไปมองหน้าไอ้คิงเลยแม่งเสือกลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้ อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะว่ามึงทำ


ส่วนตามตัวผมก็มีรอยจางๆบ้างประปราย แต่แล้วไง กูเทพแล้ว ล้อให้ปากเปื่อยกูก็ไม่อาย


พวกผมเลือกร้านอาหารร้านหนึ่งที่ไม่ใหญ่มากแต่คนเยอะมาก ตอนแรกผมค้านอยากเปลี่ยนร้านเพราะดูท่าว่าจะรอนาน ไม่ไหวกูหิว แต่ติ๋วกับอิ๋วยืนยันว่าร้านนี้อร่อยจริงเคยมาทานกับครอบครัวพวกผมก็เลยตกลง


จะให้เถียงผู้หญิงหน้าตาน่ารักก็ไม่ดีใช่มั้ยล่ะครับ


“โหๆๆๆ น่ากินมากกกกก” ไอ้บอลที่ทำเสียงแอคติ้งโอเว่อร์มากทันทีที่เห็นเมนูอาหารที่มีภาพประกอบ


พนักงานนี่มึนครับจดไม่ทันเพราะแย่งกันสั่งแย่งกันพูด ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นแหละ แหะๆ


“พี่ซิ่งไม่หิวหรอ โซ่ไม่เห็นพี่สั่งอะไรเลย”


พอทุกคนสั่งอาหารกันเสร็จก็หันมามองหนึ่งเดียวที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ถ้าพูดให้ถูกมันไม่พูด(กับผม)มาตั้งแต่ผมอาบน้ำเสร็จแล้วแหละ ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างเดียว


“ก็สั่งกันไปเยอะแล้ว พี่กินนั่นแหละ” พูดจบพนักงานที่รอจดเมนูก็เดินไปเมื่อเห็นว่าไม่เอาอะไรเพิ่มแล้ว


“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วไปหาซื้อของทะเลไปไว้ทำอาหารเย็นนี้กัน”เสียงพี่โจ้พูดขึ้น


“ว่าแต่ใครจะเป็นคนทำอ่ะ เห็นสวยๆอย่างนี้สามสาวทำไม่เป็นนะ!!”ยัยติ๋วออกตัวทำเอาพวกผมยิ้ม เสียงไอ้แปงพรวดขึ้นทันที


“ไม่ต้องห่วง พ่อครัวของเรานั่งอยู่นี่แล้ว” ไอ้แปงชี้มาที่ผมกับไอ้คิงที่ทำหน้าปลงรับชะตา งานไหนงานนั้นครับไม่มีหรอกที่จะนั่งรอกินอย่างเดียว เข้าครัวหน้าเยิ้มตลอดทุกงาน ดีนะไอ้คิงทำอาหารเป็นไม่งั้นผมตายแน่ทำอาหารให้สิบกว่าชีวิตกินเนี่ย


“หือ คิงกับปายทำอาหารเป็นหรอ ไม่น่าเชื่อ ฮ่าๆ” สาวๆครับสาวๆ


“เห็นหน้าอย่างนี้ก็พ่อครัวนะคร๊าบบบบบ เชฟกระทะเหล็กยังถูกเบียดตกขอบ ขอบอกๆ” ไอ้วินอวดอ้างสรรพคุณพวกผมเต็มที่ แน่ล่ะมันติดใจรสมือผมจะตาย


“ก็ดูสิ คิงก็หน้าดุ ส่วนปายถึงจะหน้าออกสวยๆแต่ก็นะอย่างที่เห็นนิสัยแมนมากกกกกกกก” อิ๋วลากเสียงยาววววว ทำเอาโซ่กับคนอื่นๆหัวเราะครืน ขนาดไอ้คนที่นั่งเก๊กขรึมข้างผมยังมีหลุด


แต่ไอ้ที่หน้าสวยนี่ยังไงผมออกจะหล่อคม เดี๋ยวมีเคลียร์


นั่งคุยเล่นกันสักพักอาหารก็มาทั้งหน้าตาทั้งกลิ่นบวกกับตอนนี้หิวมากๆทำเอาแต่ละคนโซ้ยแหลกเลยครับ ปิดบทสนทนาเอาไว้เพียงเท่านั้นวินาทีนี้กุ้งตัวโตกับปูเนื้อแน่นสำคัญกว่า


ผมกำลังกินแต่ก็อดยิ้มไม่ได้ที่เห็นไอ้แคนที่นั่งข้างโซ่ดูแลแฟนมันดีมาก ตักนู่นแกะนี่ให้กินตลอด โซ่กินกุ้งมั้ยแคนแกะให้ ตักอะไรไม่ถึงบอกนะเดี๋ยวแคนตักให้ ค่อยๆกินสิเดี๋ยวติดคอ โอ๊ย สารพัดจะเอาใจ


ดูไอ้คุณพี่ชายก็คงคิดเหมือนผมเห็นมันนั่งมองแต่ก็ไม่ว่าไม่ค้านอะไรหันกินข้าวปกติ แน่สิ เห็นความดีในตัวเพื่อนผมได้แล้ว มันคบกันมาตั้งหลายปีเสมอต้นเสมอปลายตลอด ถ้าเป็นร้านค้าก็คงเจ๊งเพราะช่วงโปรโมชั่นนานเกินเผลอๆอาจตลอดไปด้วยซ้ำ ฮา


พอหันไปอีกด้านก็เห็นไอ้แปงแง้วๆให้ไอ้คิงตักโน่นตักนี่ให้กิน ไอ้นี่ก็อีกคนสารพัดจะออดอ้อน ไอ้คิงถึงจะทำหน้าเหม็นเบื่อแต่ก็ยอมทำตามคำขอ หึ ใจไม่แข็งพออ่ะดิ


นอกนั้นก็ตัวใครตัวมันดูแลกันเองครับ


รวมผมด้วยนี่แหละ ควาย ไม่รู้จะโกรธอะไรนักหนาแค่อาบน้ำกับเพื่อนเนี่ย ไม่ได้แก้ผ้าล่อนจ้อนซะหน่อยใส่บ๊อกเซอร์เหอะขอบอก


ขนาดเมื่อกี้ผมแกะปูไม่ได้นะมันยังไม่สนใจเลยทั้งที่ทุกทีผมแทบไม่ต้องมานั่งแกะ มันทำให้ทุกอย่างด้วยซ้ำอ้าปากกินอย่างเดียว =3= นี่อะไรนั่งแงะกระดองปูจนเล็บจะฉีกยังไม่แม้แต่ชำเลือง


พอกินเสร็จจากตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะแวะไปซื้อของทะเลกันก่อนเป็นอันต้องพับโครงการไว้ก่อนแล้วตรงดิ่งกลับบ้านพักกัน สาเหตุมาจากไอ้ลาโง่วินมันเสือกไม่ดูตาม้าตาเรือแดกหอยแมลงภู่เข้าไป ไม่ต้องรอให้ผื่นขึ้นหรือหนักสุดคือหายใจไม่ออกก็ต้องรีบเช็คบิลบึ่งรถกลับมากินยาก่อนที่อาการแพ้จะกำเริบ


ดีนะที่มันยังเอายาติดแก้แพ้ติดมาไม่งั้นได้มีเหตุการณ์หามหมาเข้าโรงพยาบาลคนแน่


พอเบาใจได้ว่ามันกินยาแล้วก็ตกลงกันว่าให้ไอ้วินมันไปนอนเพราะยาออกฤทธิ์มันต้องง่วงแน่ๆ ไอ้ยาแก้แพ้มันก็ยานอนหลับดีๆนี่แหละ เดี๋ยวตอนแย็นค่อยออกไปซื้อแล้วเอามาทำอาหารได้แบบสดกว่าด้วย




“จะเยี่ยวจะแดกเยี่ยวกูหรอ” ไอ้ซิ่งมันหันมาถามหน้านิ่ง ควาย เก็บไว้แดกยามตอแห้งเองเถอะ


ผมเดินตามมันเข้ามาในห้องน้ำ เห็นมันเข้ามาเลยเข้ามาด้วยว่าจะมาคุยกับมันให้รู้เรื่อง กูอึดอัดนะอย่างนี้อ่ะ ยิ่งเมินใส่กูอย่างนี้อีกกูยิ่งไม่ยอม มึงต้องสนใจกูสิ


“เยี่ยวไปดิ ใครห้าม” ผมปิดประตูห้องน้ำตีหน้ามึนใส่ ก่อนกระโดดขึ้นไปนั่งตรงแท่นอ่างล้างหน้า


 มันถอนหายใจเซ็งๆก่อนหันกลับไปเยี่ยวตามวัตถุประสงค์เดิม ผมเบือนหน้าหนีไปทางอื่นตอนมันรูดซิบกางเกงลง


“แค่นี้ทำเป็นมองไม่ได้ทีแก้ผ้าอาบน้ำดันเสือกทำได้” ผมหันไปมองไอ้คนขี้ประชด มันทำธุระเสร็จแล้วกำลังเก็บน้องมันอยู่


“ขี้หวง =3=” ผมว่าแล้วทำปากจู๋ใส่ มันหันมามองตาขวาง


“เออ!!!”


“ไปไหน” ผมเอาขาทั้งสองข้างที่ห้อยลงมาเกี่ยวเอวมันไว้ตอนที่มันจะเดินผ่านหน้าผมไป ลากมันเข้ามายืนระหว่างขาทั้งสองข้างซึ่งมันก็ไม่ได้ขืนตัวยอมมาตามแรงดึง


“มีไร” มันถามเสียงห้วน


“กล้าเมินกูหรอ” ผมถาม เอาขาสองข้างรัดเอวมันแน่นไขว้ข้อเท้าทั้งสองข้างไว้ด้วยกันตรงหลังมัน


“เป็นพ่อกูหรอถึงต้องไม่กล้า” มีถลึงตาใส่กูด้วยเว้ยเฮ้ย ฮ่าๆ


“โกรธไรกูอ่ะ” ที่จริงรู้แหละ ถามกวนประสาทมัน  หึหึ


ก็ตั้งแต่เป็นแฟนกันมันไม่เคยรุนแรงกับผมเลยนะ โกรธโมโหแค่ไหนก็ไม่ทำ ลองเป็นเมื่อก่อนดิได้วางมวยกันไปแล้ว


“ไม่ได้โกรธ แค่ไม่ชอบ” แน่ะ เสียงห้วนอีกละ


“ไม่ชอบเรื่อง??”


“ปล่อยกูเลย สัด!!!” มันคงหัวเสียที่โดนผมกวนแม่งเอามือมาแกะขาผมออก แต่มีหรอจะยอมขืนขาไว้สุดแรงเอื้อมมือไปกอดคอด้วย


คราวนี้มึงจะรอดไปไหนได้


“ขี้งอนจังวะ นั่นเพื่อนกูนะ”


“มึงถอดเสื้อวิ่งลงทะเลคนเยอะแยะ” มันจ้องหน้าผมนิ่งๆแล้วเค้นเสียงเข้ม


“แถวนี้ค่อยไม่มีคนมันเป็นบ้านพักส่วนตัว แล้วกูก็เล่นกันแบบนี้ทุกครั้งมึงจะห้ามกูหรอ”


“มึงอาบน้ำกับพวกนั้น”


“เพื่อนกูทั้งนั้น อีกอย่างใส่บ๊อกเซอร์เหอะไม่ได้แก้ผ้าล่อนจ้อน”


“จะยังไงกูก็ไม่ชอบ!!!”


มันขึ้นเสียงใส่ทำเอาผมหงุดหงิดกับความขี้หวงไม่เข้าเรื่องของมันขึ้นมาบ้าง จะอะไรกันนักหนาวะผมก็เป็นของผมแบบนี้มาตั้งนาน ผมปล่อยขาที่ไขว้ออกมานั่งห้อยขาปกติแล้วคลายมืออก


แล้วต่างคนก็ต่างจ้องตากันและกัน ไม่ได้หวานหยดย้อยและมันทั้งดุดันและอยากเอาชนะ


“เฮ้อ” สุดท้ายก็เป็นมันที่เบือนหน้าหนีหลบตาก่อน


“...”


“กูเข้าใจและก็ไม่ได้ห้ามด้วยไอ้ที่มึงไปเล่นน้ำน่ะกูรู้ว่ามันเป็นกิจกรรมของเพื่อนถึงจะไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่มึงไปถอดเสื้อโชว์กลางแจ้งแบบนั้น แต่ไอ้ที่ต้องอาบน้ำด้วยกันกูไม่เข้าใจไม่ชอบใจมากๆด้วยเมื่อก่อนทำแล้วไงตอนนี้มึงมีผัวแล้วนะ”


“...!!!///” ฉ่า!!!!


“มึงก็รู้กูขี้หวง ยิ่งเดี๋ยวนี้กูหวงมากหวงโคตรๆ  ถ้าเป็นเมื่อก่อนมึงโดนตบไปแล้วตอนนี้ก็อยากมากแต่ตบไม่ลง ทำไม่ได้ รู้ว่ากูทำรุนแรงกับมึงไม่ได้พูดดีๆก็ขอให้ฟังกันบ้างเชื่อกันบ้าง อยากให้กูบ้าตายหรือไง”


พูดจบมันก็จ้องตาผมด้วยแววตาอ่อนแสงลงเชิงขอมากกว่าสั่ง เหมือนมันดูเหนื่อยใจและรำคาญตัวเองที่ไม่กล้าจะทำอะไรผม


ผมก้มหน้าลงซบไหล่มันก่อนจะบี้หน้าลงไปแรงๆ รู้สึกดีอ่ะทำให้มันเหนื่อยใจขนาดนี้แต่ผมก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่เป็นแฟนกันไม่สิ ก่อนหน้านั้นอีกดูมันดีกับผมมากๆ ถึงจะพูดจาไม่ค่อยเข้าหูติดจะห้วนจะขี้สั่งไปหน่อยแต่มันก็เจือไปด้วยความเป็นห่วง


เหมือนกับพฤติกรรมแบบนี้มันคือตัวตนของมันจริงๆแล้วผมก็ชอบ ไอ้ซิ่งคนที่ผมคิดว่าทั้งเลวทั้งชั่วตอนนี้ไม่เหลือเค้าของคนนั้นด้วยซ้ำคงเพราะตอนนั้นมันเกลียดผมด้วยมั้ง


แล้วตอนนี้ล่ะ...


“นั่นเพื่อนกูทั้งนั้นนะ มันไม่คิดอะไรหรอก” ผมอู้อี้บอกเริ่มขบบ่ามันเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว


“กูรู้ แต่มันอดไม่ได้กูจะพยายามทำใจเรื่องเพื่อนมึงแล้วกัน แต่ถ้าทำอย่างนี้เรี่ยราดกูตบนะ คราวนี้โดนจริงๆแน่”


“แหวะ ขี้ขู่ตลอดอ่ะ” ผมเงยขึ้นมายู่หน้าใส่มัน ทำตัวน่ารักเอาใจมันหน่อย ควายแก่มันจะได้หายงอน


“ลองทำดูสิจะได้รู้ว่ากูไม่ได้มีดีแค่ขู่” พูดจบมันก็เอามือสอดเข้าไปในเสื้อก่อนใช้นิ้วโป้งไล้หลังผมเล่น


“เอาออกไปเลยสอดเข้ามาทำมะ อ๊ะ!” แล้วผมก็ต้องกลืนคำพูดลงคอเมื่อมันโน้มหน้าลงมาประกบปากจูบดูดดึงแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนขบเล่นเบาๆ ค่อยๆเอาลิ้นไล้ระหว่างรอยแยกริมฝีปากก่อนจะค่อยๆสอดลิ้นเข้ามา


ผมรับลิ้นมันเข้ามาอย่างเต็มใจก่อนจะจูบตอบกลับ เราจูบนัวเนียกันไปสักพักจูบของมันก็รุนแรงโหมรันมากขึ้นมือก็เริ่มอยู่ไม่สุขลูบตามร่างกายผมไปทั่ว


“อะ อืม ไม่เอา” ผมดันมือที่จะปลดกางเกงผมออกจับมือที่กำลังซนของมันมาวางที่แก้มก่อนกดจูบหนักเข้าหากันอีก


“แน่ะ บอกว่าอย่าไง” ผมถอนจูบออกจ้องหน้ามันดุ


“เฉยๆสิ” มันขยับมือที่วางที่ขาอ่อนแล้วจะก้มลงมาจูบต่อ แต่ผมดันหน้ามันออกซะก่อนจับมือไว้แน่นด้วย


“ไม่ทำได้มั้ย”


“ไม่ได้กูอยาก” มันพูดก็ก้มลงกัดซอกคอผมหนึ่งทีแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะเปลี่ยนพรมจูบแล้วเริ่มกดจูบหนักๆผมว่าอีกเดี๋ยวมันต้องขึ้นรอยแน่


“กะ กูทำให้มึงแทนได้มั้ย” ผมบอกมันเสียงสั่น ก็ตอนนี้มันเลิกเสื้อเล่นลิ้นลงหน้าอกผมแล้วมือก็ลูบจากขาอ่อนขึ้นไปกดเน้นที่น้องผม


กูเสียววววว


มันเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้า แต่มือมันยังกดเน้นส่วนกลางสลับปลดกางเกงผมอยู่ มันจะทำหน้าที่ดีเกินไปแล้วนะมือมึงอ่ะ


“กะ ก็ อ๊ะ กูไม่อยากนอนซม อื้อ เรามาเที่ยวนะ”


“หึ”


มันยกยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปากดึงเสื้อออกจากตัวแล้วก้มลงมาดูดปาก เฮ้ย แบบนี้หมายความว่าไงวะ ตกลงจะทำกูใช่ม้ายยยยยยยยย


มันไล้จมูกผ่านแก้มลงไปคลอเคลียที่ซอกคอ ลาดไหล่ก่อนลงไปละเลงตุ่มไตที่ขึ้นแข็งขืนที่หน้าอกอีกครั้ง มือผมจิกบ่ามันแน่นกับสิ่งที่มันปรนเปรอให้ รู้สึกถึงฝ่ามือที่เค้นคลึงช่วงเอวไล่ลงไปบั้นท้ายที่ตอนนี้ไม่มีเนื้อผ้าสักชิ้นบดบัง ผมรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วตัว


ขาทั้งสองข้างถูกดันอ้าออกชันเข่าขึ้นวางเท้าบนแท่นอ่างล้างหน้าผมสะดุ้งนิดๆเมื่อหลังทาบกระจกเย็นเฉียบ แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกสุดตัวเมื่อรู้สึกถึงความอุ่นและลิ้นหยุ่นๆที่ครอบครองลงตรงส่วนกลางลำตัว


“อ๊า อุ๊บ!!” ผมส่งเสียงออกมาอย่างห้ามไม่ได้เมื่อมันขยับปากขึ้นลงเบาๆผมเกร็งขาเท้าจิกหินอ่อนแน่น ปากเม้มกลั้นเสียงอย่างกลัวว่าจะรอดออกไปด้านนอก มันขยับปากชักรูดสักพักก็ถึงจุดสิ้นสุดผมกระตุกตัวเกร็งพยายามดันหน้ามันออกแต่ก็ขืนตัวไว้ผมทนไม่ไหวปล่อยเข้าไปเต็มปากมัน
มันก็ทำหน้าที่ได้ดีเก็บทุกเม็ดทุกหยดราวกับของอร่อย ขนาดผมเห็นมันกินของผมผมยังแหวะเลย
   
“แฮกๆๆ” ผม เอนตัวพิงกระจกด้านหลังเหนื่อยอ่อนปล่อยขาทั้งสองข้างที่ชันไว้ลงอย่างหมดแรง เสียงหอบเบาๆของผมดังไปทั่วห้อแต่ก็เบาพอที่จะไม่รอดออกไป


ยังไม่ทันที่จะหายเหนื่อยดีผมก็ถูกมันดึงให้ไปยืนแทนที่มันส่วนมันไปนั่งแทนผม


ดีนะที่มันยังกอดเอวผมหลวมๆประคองไว้ไม่งั้นร่วงแน่ เกร็งขาจนชาไปหมด   


“อะไรของมึง ”


“จะทำไม่ใช่หรอ” มันส่งสายตาเจ้าเล่ห์ถาม เหลือบตามองไปยังจุดที่บอกว่าหมายถึงอะไร


“ไม่เอาแล้ว มึงทำกูแล้วนี่ เหนื่อยแล้ว!!” ผมเหวี่ยงคนโลภมาก ทำกูขนาดนี้ยังมีหน้ามาทวงคำพูด กินกูไปทั้งตัวถึงจะไม่สุดแต่กูก็ถือว่ากินไปแล้วโว้ย


“อย่ามา  กูช่วยมึงเหอะ ถ้าไม่ทำกูกินต่อหมดจานเลยนะ” ผมเม้มปากกับความไม่พอของมัน


“...”


“จ้องหน้าไม กูปวดเนี่ย ปวดมากกกกกกกก” มันเอามือข้างที่ไม่ได้กอดเอวผมจับมือลงไปจับส่วนที่มันฟ้องว่าปวดแค่ไหน


แน่สิ ดันกางเกงขึ้นมาตุงขนาดนี้


ผมมองหน้ามันที่ก้มลงจุ๊บปากผมเบาๆก่อนค่อยเลื่อนตัวลงไปแล้วรูดกางเกงอีกฝ่ายลงแล้วดึงกางเกงยีนพร้อมชั้นในมันลงเผยให้เห็นไอ้สิ่งที่มันเด้งชี้หน้าผมแข็งขืนชูชันขึ้นเด่นออร่าเต็มสองตา ก่อนจะค่อยๆก้มลงชิมลางโดยการเอาลิ้นแตะลงไปเบาๆก่อน เสียงครางฮืมของมันเรียกผมที่เอามือจับส่วนโคนแล้วก้มดูดส่วนปลายตวัดตามองมันให้กลั้นเสียง


สัด เดี๋ยวข้างนอกได้ยิน


แล้วหลังจากนั้นผมก็ปฏิบัติหน้าที่ของผมอย่างดีให้สมกับที่มันทำให้ผมมีความสุขเช่นกัน แต่จะหงุดหงิดก็ตรงที่พอผมจะถอนปากออกมันเสือกกดศีรษะผมไว้แล้วปล่อยมาเต็มนี่แหละ


แล้วผมมีทางเลือกหรอก็ต้องกลืนลงไปน่ะสิ


ห่า ลำลักด้วย


พอเสร็จมันก็จับผมมาฟัดจูบฟัดหอมไปหมด เล่นเอาผมตบมันตอบแทนไปหลายฉาด แม่ง ไม่พอจริงๆ แต่ดีหน่อยที่มันทำตามที่ผมขอ ไม่งั้นนะนอนซมดมกลิ่นทะเลแน่ๆดูจากซีนอารมณ์มันแล้ว


หื่นเหี้ยๆ


“พอแล้ว ไปล้างตัว!!!”




“จะยืนเกาะประตูเป็นจิ้กจกอีกนานป่ะ”


ผมหันไปมองตาขวางใส่มันก็จะหันไปแอบมองสอดส่องด้านนอกผ่านประตูห้องน้ำที่แง้มเอาไว้ต่อ กลัวคนอื่นเห็นนี่หว่า ไม่รู้ว่าได้ยินอะไรกันบ้างหรือเปล่า แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจในห้องมีแค่ไอ้วิน ไอ้ซาวน์ ไอ้บอลที่นอนหลับอยู่


ส่วนพี่โจ้พี่เท่ก่อนแยกเห็นว่าจะลงไปเช็คของในครัวว่าขาดอะไรบ้างคงยังไม่เสร็จ


ไอ้แปงไอ้คิงไม่รู้ไปไหน


เฮ้อ โล่ง


“ออกไปได้ยัง กูง่วงแล้วอยากนอนพัก” สัด ทีทำไม่มีเหนื่อยทีอย่างนี้มาทำเพลีย หน้าเตะยอดหน้าฉิบหาย


มันจับประตูเปิดอ้ากว้างออกก่อนจะผลักผมออกไปแล้วมันก็เดินตามมา ลากผมขึ้นบันไดไปชั้นสองของเตียง แล้วลากผมไปล้มลงนอนดึงผมเข้ากอดเหมือนผมเป็นหมอนข้างประจำตัวมัน


“อื้อ กูหายใจไม่ออก” ผมดิ้น แต่มันก็กอดไว้แน่น แต่ไอ้ที่ทำผมนิ่งน่ะ...


“จุ๊บ นอนนะครับ”


อ๊ากกกกกกกก ไอ้สัมผัสอุ่นที่หน้าผากกับเสียงนุ่มๆนี่คือเหี้ยไร


อย่ามาพูดเสียงแบบนี้กับกูนะ กูสั่น T^T

หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 31-07-2018 19:34:39


รักร้าย 21




ตกเย็นสักสี่โมงเย็นพวกเราก็มารวมกันที่โถงเพื่อไปหาซื้อของสดที่เมื่อเที่ยงชวดไม่ได้ไปซื้อตามที่นัดไว้กัน แต่ครั้งนี้ไม่ได้ยกโขยงกันไปทุกคนหรอกครับก็มีผม ไอ้คิง (คนที่เลือกซื้อของสดได้เข้าท่าที่สุด) ไอ้ซาวน์ (ไอ้เวรนี่บอกจะไปหาซื้อเหล้าซื้อเบียร์ ยาดองและของมึนเมาทุกชนิด สัด) พี่เท่ (เห็นพี่แกบอกว่าพอเลือกเป็นและจะไปช่วยหิ้วของ) และก็สามสาวครับอยากจะไปเดินเที่ยวอวดความสวยกัน


ที่เหลืออยู่จัดสถานที่กันที่บ้าน


วันนี้เราจะจัดปาร์ตี้ที่สนามหญ้าหน้าบ้านกัน


“อืมไปตลาดสดดีกว่าพี่ สะพานปลาเย็นป่านนี้ไม่มีไรหรอกต้องไปหาซื้อแต่เช้า” ผมบอกพี่เท่ที่อาสาขับรถ แกถามว่าจะไปซื้อสะพานปลาดีมั้ยเผื่อได้ของสดซึ่งผมก็ค้านไปเพราะถ้าจะไปสะพานปลาไปตอนเช้าดีกว่าตอนนี้คงไม่มีอะไรแล้ว


ตลาดสดเทศบาลเมืองฯนี่แหละเวิร์คสุด มีวัตถุดิบที่อยากได้ทุกอย่างแน่นอน


“โอเค”


แล้วพี่แกก็หักพวงมาลัยไปยังจุดหมาย ผมที่นั่งข้างไอ้คิงหันไปมองมันที่นั่งเล่นไลน์อยู่ นึกว่าคุยกับใครพอชะโงกหน้าเข้าไปดูหน้าจอมัน


“ควายเหอะ ห่างกันแค่นี้ต้องคุยไลน์กัน ถุย” ผมแหวะมันที่เห็นมันคุยกับไอ้แปง


“มึงด่ากูนี่บอกมันดีกว่าป่ะ เหี้ย เอาแต่ใจสุดๆ” มันว่าหงุดหงิดแต่มือก็กดพิมพ์ยิกๆตอบ


“มึงเอามันมาด้วยก็สิ้นเรื่อง”


“ไม่อ่ะ เคยตัว”


ไอ้แปงมันร้องมาด้วยนะ แต่ไอ้คิงไม่ยอมมันเลยงอนตุ๊บป่องมองไอ้คิงตาขวางแทบจะตีกันตายกว่าจะได้มา


ประเด็นคือตอนที่ผมหลับพักผ่อน มันลากไอ้คิงดอดไปเล่นน้ำทะเลอีกรอบ ไอ้คิงไม่ได้เล่นด้วยหรอกนะแค่ไปนั่งเป็นเพื่อน แล้วพอผมไปเรียกไอ้คิงไปซื้อของมันก็ร้องตามแต่มันเปียกซกเลยไง ไอ้คิงไม่ยอมให้มาด้วยไล่ไปอาบน้ำ


หึ ไอ้คิงมันก็อยากตามใจแต่ก็กลัวเด็กน้อยมันไม่สบาย พอไม่สบายมันจะงี่เง่า


แล้วพองี่เง่าก็เดือดร้อนใคร มันไง


ต้องข่มอารมณ์ไม่ฆ่าไอ้แปงตายตามือ หึ


แล้วในขณะที่ผมกำลังนั่งคุยกับไอ้คิงที่ทำสงครามประสาทผ่านเครื่องมือสื่อสารก็รู้สึกเหมือนตัวเองโดนจ้องอยู่พอหันไปก็จริงๆโซ่กับสองสาวที่นั่งเบาะหลังผมที่คุยกันอยู่องมาที่ผมยิ้มๆและถ้าผมคิดไม่ผิดเหมือนผมจะโดนจ้องมาสักพัก


“ไรอ่ะโซ่จ้องปายทำไม” ผมถามงงๆ ผมกับโซ่ก็สนิทกันระดับหนึ่งอย่างว่าคบกับไอ้แคนมากี่ปีล่ะ ก็ต้องมีสนิทกันบ้าง


“ก็...ปายน่ารักดี” โซ่พูดยิ้มๆ


“เฮ้ย อยู่ๆมาชมงี้ เลิกกับไอ้แคนมาคบกันเลยดีกว่า” ผมยักคิ้วกวนๆไปให้


“ไม่อ่ะ กลัวตาย” โซ่ทำหน้าแหยๆ


“โห่ กลัวไมไอ้แคนด๋อยจะตาย” ผมยังยิ้มเล่นต่อ


“ใครบอกว่ากลัวแคนล่ะ กลัวพี่ซิ่งต่างหาก ยุ่งกับของรักนี่ตายได้เลยนะ”


“ฮ่าๆ”


จบคำพร้อมกับสีหน้าเจ้าเล่ห์ของโซ่ (ที่ผมเพิ่งกระจ่างว่าทำไมสาวน้อยน่ารักถึงไปเป็นน้องสาวไอ้ซิ่งได้) เสียงระเบิดหัวเราะก็ดังลั่นรถ รวมถึงพี่เท่ที่ขับรถก็ต้องละมือจากพวงมาลัยรถข้างหนึ่งเอาหลังมือปิดปากกลั้นขำ


ทำเอาผมที่หน้าด้านไม่ค่อนอายอะไร ทำหน้าไม่ถูก


“ใช่ที่ไหนเล่า เกี่ยวไรกับปายมันจะหวงโซ่ซะมากกว่า” ผมหันกลับมานั่งท่าเดิมดีๆพลางตอบอ้อมแอ้มแต่มีเหวี่ยงหางเสียงนิดๆ


ก็จริงอ่ะ มันหวงน้องมันจะตาย ผมมากกว่าที่จะโดนมันหักคอตายข้อหาไปยุ่งกับน้องมันโดยที่ยังไม่อนุมัติ


“ไม่หรอก เดี๋ยวนี้ลดความหวงโซ่ไปเยอะเพราะต้องเอาเวลาไปหวงแฟนซะมากกว่า ดูจากเมื่อเช้าสิ”


เล่นตรงจุดทำเอาผมจุกพูดไรไม่ออก


จากประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนผมว่าอย่าไปคิดเถียงกับคนบ้านนี้เลยดีกว่า


เข้าตัวเองตลอด


แต่พอผมกลับมานั่งเงียบมองทางไปเรื่อยเปื่อย คนที่นั่งข้างหลังก็เอี้ยวตัวมาชิดเบาะที่ผมนั่งพลางกระซิบที่ผมได้ยินเต็มหู


“ตัวสำคัญกับพี่นะอย่าทิ้งพี่ชายโซ่ล่ะ”


แล้วผมจะพูดอะไรได้ล่ะ นอกจากนั่งนิ่งไม่ตอบรับไม่หือไม่อือ


ไม่ได้หยิ่ง แต่หน้ากูร้อนไปหมดแล้ววววววววว หยุดเถ๊อะ!!!!!!!!!!!!!!!!!


พอมาถึงตลาดได้ที่จอดรถพวกผมก็เดินข้ามถนนมาเพื่อเข้าไปซื้อของในตลาดชะอำกัน ร้านค้าเยอะมากแต่คนก็เยอะรถก็เยอะพอกันอย่างว่าสถานที่ท่องเที่ยวนี่เนอะ


แบ่งเป็นโซนๆดีครับ ผมตกลงแยกกันสาวๆไปอีกทาง ไอ้ซาวน์กับพี่เท่ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตแถวนั้นไปซื้อของเหลวเพื่อสุขภาพ??


ส่วนผมกับไอ้คิงไปซื้อของสดเข้าไปก็ตรงไปแผงร้านขายของทะเลสดๆมีให้เลือกหลายร้านมากได้กุ้งตัวใหญ่ ปูก้ามโต บรรดาหอย ปลาทะเลก็ช่วยกันเลือกแบบสดสุดๆ


ต่อไปก็ไปหาซื้อผักที่เป็นวัตถุดิบเสริม ตอนขากลับผมแวะซื้อขนมถ้วยกับข้าวเกรียบปากหม้อติดมือมาด้วย


มีขนมแปลกๆที่ผมไม่เคยกินด้วยเห็นเขาเรียกว่าโดนัทตี้ ปาท่องโก๋สเปน เขาจะบีบแป้งออกมาเป็นแท่งๆก่อนจะเอาลงไปทอด เนื้อข้างนอกจะกรอบๆข้างในจะนุ่มๆดี จิ้มกินกับสังขยาอร่อยดี


พอกลับมาถึงรถเห็นไอ้ซาวน์นี่แทบตกใจแม่งมึงเหมาลังมาเลยหรอวะ กะจัดเต็มเลยดิมึง บอกผมด่าแม่งก็บอกผมนั่นแหละตัวแดก ควายเหอะ


พูดเรื่องจริงทำไม กร๊ากๆ


ส่วนสาวๆก็ได้พวกผลไม้ แต่ส่วนมากเป็นขนมมากกว่ามาเต็มมือกินไม่ห่วงอ้วนกันเลยทีเดียว


พอกลับมาถึงบ้านพักพวกที่อยู่ก็ทำหน้าที่กันดีกำลังเอาเสื่อมาปู ยกเตาย่าง โต๊ะวางของกันออกมา ผมก็หิ้วของตรงเข้าครัวเลย ห้าโมงเย็นแล้วกว่าจะเตรียมจะทำเสร็จคงค่ำๆพอดี


ไอ้คิงที่พักเรื่องง้อไอ้แปงไว้ก่อนมันบอก ‘ช่างหันมัน’ ควาย ทำเป็นไม่ง้อ กูเห็นซื้อขนมมาเซ่นเพียบ


ส่วนไอ้คนงอนก็นั่งหน้าบึ้งอยู่ที่โต๊ะในครัวแดกขนมที่เขาซื้อมาให้จนแก้มสองข้างป่องไปหมด


ห่า ความจริงคนงอนเขาต้องไปไกลๆไม่มาให้เห็นหน้า


แล้วก็หยิ่งไม่กินของที่ซื้อมาให้ไม่ใช่หรอวะ


แต่มึงนี่มานั่งเสนอหน้าแดกทุกอย่าง


มึงมึนไรเปล่า โอ๊ย ปวดหัวกับพวกมึง


ผมเลิกสนใจพวกมันหันกลับมาสนใจทำของสดตรงหน้าให้เป็นของสุกที่จะกระเดือกลงคอกันไปได้


กุ้งนี่ไม่มีอะไรล้างให้สะอาดเฉยๆเพราะจะเผากินกัน ส่วนมากที่ทำก็อาหารทะเลเผาทั้งนั้น ให้ไอ้คิงมันทำน้ำจิ้มซีฟู๊ด มันทำอร่อยมากโคตรแซ่บ


ผมตัดสินใจทำกับข้าวเพิ่มสักสองสามอย่างก็คือ ผัดหอยลาย ผัดผงกระหรี่ปู แล้วก็ต้มยำทะเล ก่อนทำกับข้าวผมหุงข้าวไว้แล้วเผื่อใครหิวอยากกิน


แต่ส่วนมากก็ไม่หรอกครับ เหล้ากับกับแกล้มกันซะมากกว่า


“หุงข้าวป่ะ”


มันมาแล้วไอ้คนที่คุณอยากรู้ว่าทำไมไม่มีบทมันสักที มันมาแล้วครับ เหงื่อซกมาเลยใส่เสื้อกล้ามสีขาว ยืนซ้อนหลังชะโงกหน้ามาถามผมที่หั่นปลาหมึกอยู่ 


คงเพิ่งยกโต๊ะเสร็จเห็นผ่านครัวแว๊บๆไปเมื่อกี้


เห็นไอ้คิงเหล่มองแต่มันก็ไม่ได้สนใจอะไรหันกลับไปตำน้ำพริกต่อ


“หุงแล้ว ทำกับข้าวอยู่เนี่ย”


ผมบอกแต่ไม่ได้เงยหน้าไปมองมัน อ้าว ก็หั่นปลาหมึกอยู่ ร้อนแล้วด้วยอยากเสร็จเร็วๆ


“หึ น่ารักว่ะ รู้ด้วย” มันยิ้ม (เห็นทางหางตา) ก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มผมเบาๆแล้วเดินออกไป มันบอกว่าจะไปอาบน้ำเหนียวตัว


แอบเห็นไอ้คิงกับไอ้แปงหันมาอ้วกใส่แต่ก็ไม่อะไร กูด้านแล้วไง ทำอายมันก็ล้อกันสนุกปากสิ


ไม่ต้องงที่มันบอกว่า ‘รู้ด้วย’ หรอกนะ ก็รู้สิอยู่ด้วยกันมาสองกว่าจะสามเดือนแล้วมั้ง มันต้องกินข้าวครบทุกมื้อ ถ้าไม่ใช่ยุ่งจริงๆจนไม่มีเวลามันจะกินทุกมื้อจริงๆ ต่อให้ไปกินนู่นนี่นั่นอะไรก็แล้วแต่จนอิ่มแต่กลับมาถึงห้องยังไงก็ต้องกินข้าว แล้วก็เป็นผมที่โดนบังคับให้มาทำให้มันกิน


วันนี้ก็อีกต่อให้แดกเหล้ากุ้งเผาเป็นสิบปูอีกเน้นๆ หอยปลาอะไรก็ช่างเถอะ ยังไงก็ต้องมีข้าว!!!


“กินนะ”


ผมที่กำลังวุ่นวายกับไอ้คิงที่กำลังลวกหอยแครงอยู่หันไปมองไอ้คนที่หายไปอาบน้ำพักใหญ่ ตอนนี้มายืนใส่เสื้อกล้ามสีฟ้ากับยีนตัดขาพอดีเข่าชูถุงที่ผมจำได้ว่าเป็นขนมถ้วยที่ผมซื้อมาให้ดู ผมก็พยักหน้าตอบไป


มันก็กินไปด้วยบางทีก็เอามาป้อนผมบ้าง (อยากกินเองนะแต่มือมันไม่ว่าง) พอกินเสร็จก็มีมาช่วยผมล้างผัก (มันเคยให้ผมสอนตอนอยู่คอนโด) ผมไล่มันให้ไปช่วยข้างนอกมันบอกเสร็จแล้ว


กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็ทุ่มกว่าๆพอดี ไม่มีพิธีรีตองอะไรมากจัดการเทเหล้านั่งกินลมชมวิวคุยกัน เราใช้โต๊ะเพื่อนวางของต่างๆแต่เลือกที่จะนั่งกันที่เสื่อ สบายดีไม่ยุ่งยาก


ผมจิบเบียร์นิดหน่อยก่อนแยกออกมาอาบน้ำ ตอนแรกก็กะล้างตัวเฉยๆขี้เกียจอาบแต่ขี้เกียจมาเถียงกับหมาบางตัวให้เสียบรรยากาศเลยยอมอาบน้ำแต่โดยดี


อาบเสร็จออกมาข้างนอกก็เริ่มกึ่มๆกันแล้ว เสียงหัวเราะลั่นจากเรื่องเล่าของติ๋วกับอิ๋วที่ขยันหาเรื่องตลกมาเล่าให้ฟังกันคลอไปกับเสียงเพลงสบายๆเหมาะกับการมาเที่ยวทะเล ป้าอรเขาเอาเครื่องเสียงชุดเล็กมาให้ยืม


 มองไปชายหาดผ่านความมืดเห็นไอ้แคนกับโซ่ไปเดินเล่นกัน มีจับมือกันด้วย


เออเว้ย! พี่มันปล่อยไปด้วยอ่ะ


หรือมันปลงแล้ว หึ


ผมนั่งลงบนเสื่อที่ถูกแหวกที่ให้นั่งไม่ต้องบอกมั้งว่านั่งข้างใคร ก็ไอ้คนที่มันมีจานข้าวอยู่ตรงหน้าพร้อมกับข้าวที่วางไว้กลางวง ข้างๆมีแก้วเหล้าสีชากับแก้วน้ำเปล่าวางคู่กัน


“กินมั้ย” มันถาม


“ไม่อ่ะ กูจะกินกุ้งกินปูเล่น” ผมไม่ใช่พวกติดข้าวแบบมัน มีกุ้งเผา ปลาหมึกย่าง หอยแครงลวกแล้วอีกสารพัดอย่างจะมานั่งแดกข้าวเปล่าให้เปลืองพื้นที่กระเพาะทำไม


วันนี้มันมีไว้เก็บอาหารอร่อยเหาะกับแอลกอฮอล์เท่านั้นโว้ยยยยยยยยยยยยย


“ไอ้ปายๆๆๆเล่นนี่กัน”


ไอ้แปงที่ไม่รู้ไปเอากระดานหมากรุกมาจากไหน วิ่งเข้ามาใช้เท้าเขี่ยไอ้วินที่นั่งข้างๆผมให้เขยิบออกก่อนมันจะแทรกวางกระดานหมากรุกลงระหว่างผมกับมันก่อนส่งยิ้มแฉ่ง


“อะไร ไม่เอากูแดกก่อน ไปชวนไอ้บอลไอ้คิงนู่น” ผมบอกปัด ห่า กูลงนั่งก้นยังไม่ทันอุ่นยังไม่ได้แดกอะไรเลย


“กินไปเล่นไปดิ ไอ้พวกนั้นไม่เล่นกับกูหรอก” มันหันไปมองค้อนไอ้พวกนั้น


“ทำไมจะไม่เล่น ไอ้ซาวน์นี่แชมป์นะมึง แล้วจะเล่นเหี้ยอะไรไม่เห็นมีหมากเดินสักตัว”


ผมเห็นแต่กระดานที่มันถือมาอย่างเดียว ไม่เห็นหมากเดินเล่นไงวะ เข้าไปเดินเองเลยมั้ย สาดดดดดดดดดด


“ไม่เอา กูไม่ได้จะเล่นหมากรุก”


“แล้วมึงจะเล่นไร” ผมถาม


“กูจะเล่นหมากรถไฟ”


“ห๊ะ!!!!”


“กูชวนคนอื่นแล้วมันไม่ยอมเล่นกับกู” มันทำหน้างอน


ส่วนผมนี่ทำหน้าเหวอไปแล้ว


หมากรถไฟ ที่เป่ายิงฉุบใครชนะได้เดินน่ะนะ ควายยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไอ้หอยโข่งเอ้ย!!!!





เป่า ยิ้ง ฉุบ!!!


“ฮ่า เสร็จกู!!!!” ผมร้องเสียงดังอย่างดีใจพลางโบกหัวไอ้แปงที่นั่งหน้ามุ่ยไปสักที ผมชนะมันอีกแล้ว เล่นกันมาสามตราแล้วไม่เคยชนะผมเลย


คนละชั้นเว้ย!!!


ทุกครั้งที่แพ้จะโดนทำโทษ รอบแรกผมจัดหนักจัดเต็มให้มันซัดเบียร์ไปคนเดียวหนึ่งขวดไอ้คิงทำท่าจะช่วยดื่มด้วยแต่ผมรู้ทันให้ไอ้บอลดักทางไว้


แพ้ครั้งที่สองอันนี้กร๊ากมากจริงๆผมสั่งมันว่าให้มันเดินไปบอกรักติ๋วกับอิ๋วทำยังไงก็ได้ให้สองคนนั้นรับรักมันพร้อมกัน แม่งทำหน้าอย่างกับหมาป่วย ติ๋วกับอิ๋วดูดี๊ด๊ากันใหญ่บอกว่าเคยมีแต่ผู้ชายหล่อไม่เคยมีผู้ชายหน้าตาน่ารักหน้าหยิกอย่างมันมาจีบ ฮ่าๆ


ขออยู่นานพวกผมกลั้นขำแทบแย่ พวกพี่โจ้พี่เท่กับมันน้ำต้มยำนี่แทบพุ่งเถอะครับ


‘คุณสุดสวยทั้งสอง อย่าทำร้ายลูแปงเลยนะ มุนินทร์มุตตาจะใจร้ายกับเค้าหรอ รับรักเค้าเต๊อะ!!!!’


“ฮ่าๆ”


แล้วสองสาวแรงเงา(จำเป็น)ก็ยอมครับ แหมะ มีหอมแก้มไอ้แปงคนละข้างด้วยนะ อย่างว่ามันน่ารักนิ ไอ้คิงนี่ตาเหลือกเลยจะว่าอะไรก็ไมได้ผู้หญิง


ส่วนครั้งล่าสุดที่มันแพ้ผมไม่ได้แกล้งอะไรมันแล้วแต่ผมถามแทน


“มึงกับไอ้คิงเป็นอะไรกัน”


คราวนี้อ้าปากพะงาบๆทั้งคนถูกถามทั้งผู้ถูกพาดพิง หึหึ


“พอเลยๆสัดปายมึงมากับกูนี่ เหี้ย อย่างมึงต้องเจอกู” ไอ้คิงมันชี้หน้าเข้ามานั่ง


“ไม่เล่นกับมึงหรอก  ไอ้แปงไม่ตอบออนเดอะร๊อคเพียวๆนะ”


“สาดดดดดดดด จะฆ่ากูหรอ” มันครางหงิงๆไม่ต้องเลยลูกอ้อนมึงเอาชนะความอยากรู้ของกูไม่ได้


“หึ ขี้เสือก” ไอ้คนที่มันฟาดข้าวหมดคนเดียวหนึ่งโถแล้วนั่งจิบเหล้าคุยกับเพื่อนหันมากระซิบให้ได้ยินกันสองคน ผมเลยเอาศอกกระทุ้งท้องมันไปที


ไม่สนใจกูได้ตั้งนาน พอมาก็ด่ากูเลยมึง


“เล่นกับกูเลย ถ้าแพ้มึงโดนกูแน่ถ้าชนะกูจะตอบ โอเค๊” ไอ้คิงมันท้า


ไอ้แปงนี่วิ่งดิ๊กมาเกาะแขนผมเลยเขย่าๆบอกเล่นเลยๆสั่งให้ผมต้องชนะให้ได้ด้วย


ตอนแรกผมก็งง ถึงบางอ้อตอนมันย่นจมูกใส่แล้วบอก


‘กูก็อยากรู้ว่ากูกับมันเป็นอะไรกัน’


สาดดดดดดดดดดดด ตกลงมึงสองตัวยังไม่ชัดเจน แต่รอยบนตัวชัดไปนะสัด


“โอ้ย คืนนี้พวกมึงจะรู้ผลม๊ายยยยยยยยย” เสียงไอ้วินโอดครวญ


ผมกับไอ้คิงเป่ายิงฉุบกันจนมือหงิกแล้วแต่แม่งกินกันไม่ลง อย่างว่าไอ้แปงมันอ่อนเล่นเป็นอย่างเดียวไม่รู้กลลวง แต่ผมกับไอ้คิงเซียนทั้งคู่ เซียนด้านโกงด้านหลอกด้านเลว


เหี้ย เอาเสือมาปะทะเสือ ควาย


สองสาวฝาแฝดถึงขั้นรอไม่ไหวขอไปนอนก่อนบอกพรุ่งนี้จะมาถามว่าใครชนะ


ไอ้แคนที่ไปส่งโซ่เข้านอนก็มานั่งดูพวกผม


สรุปตอนนี้ทุกคนแม่งวางแก้ววางส้อมมานั่งลุ้นผลยังกับบัวขาวขึ้นชก


“ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะคงได้หรอก ดูดิ๊เล่นมาครึ่งชั่วโมงยังไม่มีทีท่าว่ารถไฟแม่งจะชนกัน สัด เอานิสัยสับรางเก่งมาใช้ป่ะพวกมึง”


ไอ้บอลไอ้เลววววววววววววววววว


“เอางี้ เสมอสิ” พี่เท่เสนอ


“ไม่ ถ้าจะให้เสมอมันต้องตอบคำถามก่อนเพราะไอ้แปงค้างไว้ตาที่แล้ว”


“ถามมันดิงั้นอ่ะ กูก็เมื่อยขี้เกียจแล้วเหมือนกัน” มันทำหน้าเซ็งๆ


“เชี่ยเหอะ มันก็เกาะแขนกัดปากอยากรู้อยู่ข้างๆกูเนี่ย ตอบมาอย่าลีลา”


“มึงไม่ได้ชนะอย่ามาสั่งกู!!!!” มันเอานิ้วมาจิ้มหน้าผากผมจนหน้าหงายผมเลยจับนิ้วชี้มันมาหักซะเลย


หึ ร้องลั่นเลยมึง


“เอ้อ เอางี้ดิเสมอก็ผลัดกันถามผลัดกันตอบ” ไอ้แคนที่นั่งแงะหอยแมลงภู่เสนอ


ตอนแรกผมจะค้านว่าไม่ แต่พอเห็นหน้าหงอยๆปนอยากรู้ของไอ้แปงผมก็ทำไม่ลง


รู้ใช่ป่ะว่าผมสปอยล์มันโคตรๆ แค่มันทำหน้าอ้อนหน้าหงอยผมก็ใจอ่อนแล้ว


“เออ!!! เอางั้น!!! อย่าลีลาไอ้คิงตอบมา!!!!” ผมลุกขึ้นเข้าไปยืนประจันหน้ามัน ไม่ได้ทะเลาะกันนะ กึ่มๆเข้าขั้นเมาครับนิสัยนักเลงเลยออกจะคุยกันงี้แหละ


“ถ้ากูถามมึงกล้าตอบนะกูจะบอกให้เลย!!!!” มันตะโกนกลับมา ตอนแรกพี่ๆก็หน้าเหรอหรานึกว่าผมจะทะเลาะกัน แต่พอไอ้ซาวน์อธิบายก็มองยิ้มๆแทน


“ถามมาดิ!! กูกล้าตอบอยู่แล้ว อ่ะโด่”


“ให้จริง!!! มึงกับพี่ซิ่งได้กันกี่ครั้ง ตอบ!!!!”


ไม่รู้ไปเอาความกล้ามาจากไหนไม่เพราะแอลกอฮอล์ก็คงเพราะความอยากช่วยไอ้แปง มันถามมาปุ๊ปผมเลยโพล่งตอบไปทันที


“หลายครั้ง!!! มึงตอบ!!!!”


“กูรักไอ้แปง!!! หลาบครั้งบ่อยแค่ไหน ตอบ!!!”


“แทบทุกวัน!! แล้วสถานะมึงกับมันคืออะไร ตอบ!!!!”


“แฟนโว้ยยยยยยยยยย!!!! มึงอ่ะชอบพี่มันมั้ย ตอบ!!!”


“ไม่ชอบแล้วจะให้เอารึไง!! ถามเหี้ยๆ!!!”


“ฮิ้วววววววววววววววววววววววว”


พอเสียงโห่เสียงแซวดังขึ้นให้สะดุ้งพอตื่นตัวสติผมก็กลับมา ไอ้คิงก็เช่นกัน ผมสองคนกระพริบตาถี่ก่อนสบตากัน....


กูพลาดแล้ว.....
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 31-07-2018 19:36:41


รักร้าย22




“ไม่ชอบแล้วจะให้เอารึไง!! ถามเหี้ยๆ!!!”


“ฮิ้วววววววววววววววววววววววว”


พอเสียงโห่เสียงแซวดังขึ้นให้สะดุ้งพอตื่นตัวสติผมก็กลับมา ไอ้คิงก็เช่นกัน ผมสองคนกระพริบตาถี่ก่อนสบตากัน....



กูพลาดแล้ว.....



แล้วผมก็กระเด้งตัวหนีห่างจากแผ่นหลังที่ผมโผเข้าไปซบซ่อนความอายแทบจะทันทีเมื่อเสียงบางเบาแต่ผมกลับได้ยินชัดเจนดังขึ้น


“หึหึ เช่าบังกะโลกันเหอะคืนนี้”


“คะ ควายเหอะ ไปคนเดียวเหอะมึง” ผมยังไม่ทันถอยร่างห่างแผ่นหลังกว้างก็ถูกแขนใหญ่เกี่ยวเอวดึงชิดตัวมัน ยิ่งเรียกเสียงแซวดังขึ้นไปอีก


“คะ ควาย เฮ้ยๆเลิกล้อๆ ใครยังไม่หยุดเห่าเทอมหน้าติดเอฟนะสัด” ผมทำกร่างกลบอาการหน้าร้อน ยิ่งเจอสายตาล้อเลียนผมก็เริ่มรับความขาดสติของตัวเองไม่ได้


แทบสร่างเมาเลยกู


“โห่มึง เล่นของสูงใช่เรื่องเอามาแช่งมั้ยเชี่ยปาย” ไอ้วินปาถั่วลิสงคั่วใส่ผม แต่พลาดไปโดนไอ้คนที่รัดเอวผมอยู่ ไอ้วินแม่งยกมือไหว้ปรกๆขอโทษแทบไม่ทัน มันดูขำมากกว่าตั้งใจจะขอโทษนะผมว่า


“ไอ้เวรปายมันเลวเขินแล้วโวยวาย มึงดูอีกตัวนู่นเรียบร้อยเหี้ยๆยืนหน้าแดงบิดอย่างเดียว เอ้าๆจะไหลลงทะเลแล้วมึง” พวกผมหันไปตามเสียงไอ้บอลก็เห็นไอ้ตัวที่อยากรู้สถานะเหลือเกินยืนหน้าแดงก่ำม้วนตัว สัด รักแร้เชี่ยคิงมันมีกลิ่นลาเวนเดอร์หรอมุดอยู่ได้


ส่วนไอ้คิงแม่งยิ้มหน้าบาน ใช่ซี่!!!! เปิดตัวเมียอย่างเป็นทางการแล้วนิ


“ปล่อยเรื่องผัวเมียเขาไปโว้ยยยยยย แดกต่ออออออออออออออออออ” พี่โจ้ที่จิบเหล้าอมยิ้มล้อเลียนอยู่นานชูแก้วเหล้าขึ้นสุดแขน แล้วเรื่องไฉนจะสำคัญเท่าของเหลวสีชาในแก้ว ไม่มีท๊างงงงงงงง เจอเหล้าเข้าไปต่อให้กูท้องแม่งก็ไม่สนใจ


แล้วความสนใจก็กลับเข้าไปที่การนั่งจิบเหล้าเคล้าเพลงเหมือนเดิมหลังจากที่ออกนอกประเด็นมานาน ไอ้ผมก็เป็นพวกเข้าตาหลิ่วหลิ่วตาตามตีเนียนๆตามเขาไป


“นี่ จะขนาดนี้เข้าท้องกูเลย สิงกูเลยสิ” ผมโคตรอยากเอาแก้วเหล้าฟาดไอ้มือปลาหมึกผสมเหล็กคีบมากๆ ไม่รู้มันจะดึงจะรั้งให้ตัวมันอิงแอบแนบบบบบบบบบบบบบชิดดดดดดดดดอีกขนาดไหน ไหล่ผมเกยอยู่บนอกมันเรียบร้อยแต่มันก็ยังไม่หยุดรัด ห่าให้กูขึ้นไปนั่งบนตักเลยมั้ยหรือไม่ก็กระเดือกกูลงท้องไปเลย แม่ง มีมือเดียว (อีกมือถือแก้ว) ก็ยังหาเศษหาเลยกับกูได้


“ได้หรอ งั้นกูขอกินเลยนะ” มันก้มมายิ้มแพรวพราวใส่มือก็เลื่อนมาวางบนหน้าท้องก่อนลูบวนนิ้วเบาๆให้ผมอดเกร็งไม่ได้จนผมเกือบยั้งมือไม่อยู่เอาแก้วฟาดปากมัน


“หยุดหื่น ทำหน้าเหมือนตาแก่ลามก แดกขี้เลยสัด” ผมตักน้ำแกงกะหรี่ที่เป็นสีเหลืองคล้ายอุนจิหมายัดใส่ปากมันก่อนที่จะพ่นประโยคที่เอนเอียงไปทางว่ากูจะเสียตัว


“โว้วๆๆๆ ท่าทางทะเลวันนี้จะผลิตน้ำตาลแทนเกลือโว้ยยยย หวานซ้า!!!!!” ไอ้ซาวน์กับไอ้แคนแท็กมือกันก่อนจะเหล่มองผมแล้วไอ้คู่รักล่าสุด


ไอ้แปงที่กำลังตะกายขึ้นตึก เอ๊ย ตักหันมาฉีกยิ้มแฉ่งตาเยิ้มแบบเต็มใจสุดๆแต่กูน่ะช่วยดูหนังหน้ากูหน่อยได้ป่ะ ถ้ามึงมองข้ามกลากเกลื้อนบนหน้ากูแล้วมองสักนิดมึงจะมองหาความหวานแม้แต่ตามหลืบไรก็ไม่เจอ เหี้ย





“ปาย ขึ้นมานอน”


“...”


“ไอ้ปาย ไอ้ดื้อ!!!”


“สัดปายขึ้นไปนอนที่ดิ มาเบียดกูทำเพื่อ??”


ผมดึงหมอนมาปิดหูกันเสียงรำคาญทั้งจากที่สูงและที่ต่ำ (หมายถึงระดับเตียงอ่ะนะ) ไอ้ซาวน์ก็เอาตีนสะกิดไล่กูยิกๆไอ้คนที่นั่งหน้ายักษ์อยู่บนเตียงชั้นสองก็เรียกจิกไม่หยุด คือเข้าใจกูป่ะ เข้าใจกูหน่อยเหอะกูเมากูมึนกูง่วงกูปีนขึ้นเตียงไม่ไหว ใครเสือกเลือกเตียงข้างบนกลัวมองหางจิ้กจกไม่ชัดหรอสัด (ได้ข่าวว่ากูเลือก)


นี่ก็เป็นเวลาตีสองครึ่งหลังจากปาร์ตี้สนามหญ้าจบประมาณตีสองผมก็เดินเข้าห้องทิ้งตัวดิ่งลงบนเตียงทันที ถ้าสมองกูไม่เบลอมากไปก็จำได้ว่าเป็นเตียงไอ้สี่ตัว แต่กูไม่เข้าใจ!!! จะถีบไล่กูทำม๊ายยยยยย กูเพื่อนมึงนะ


“สัด เมาแล้วเรื้อน เอาไงพี่”


แจ๊บๆเสียงครายวะมาหึ่งๆข้างหูกู จะว่าไปคล้ายเสียงไอ้เชี่ยแคนนะ


“เฮ้อ ปล่อยมัน ฝากพวกมึงคืนนึงแล้วกัน สัด ดื้อได้ตลอดปวดหัวฉิบหาย”


เสียงคุ้น เดี๋ยวนะๆกูจำเสียงนี้ได้ บ่นไรวะช่างมันเหอะกูง่วงมากกกกกกกกก ขอหลับก่อน


“เหี้ยปายเหยิบหน่อยกูนอนด้วย ตัวควายๆสี่ตัวนอนด้วยกันคงอุ่นดีพิลึก”


“เฮ้อ บอกชอบพี่มันแต่ฤทธิ์มึงไม่ได้เบาบางลงเลย หึ กูล่ะเชื่อเลย”



ครอก~ ~ ฟี้~ ~ งืมๆ




แล้วเช้าวันนั้นผมตื่นมาเกือบเที่ยงแน่ะ โคตรปวดหัวเลยไอ้ซิ่งก็บ่นกระปอดกระแปดไม่หยุด แม่ง ทำไมมันขี้บ่นจังวะฮอร์โมนมึงผิดปกติหรอหรือสันดานมันขี้บ่นอยู่แล้ว


แล้วไอ้ที่กะว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นก็เป็นหมันไปครับ ไม่ไหวหัวหนักเหลือเกินเลยเลื่อนมาดูวันสุดท้ายก่อนกลับกัน พี่โจ้ปลุกตั้งแต่ตีห้านั่งเป็นหนุ่มหล่อเรียงแถวกลางชายหาดชื่นชมดาวเคราะห์ดวงสีส้มที่ค่อยๆโผล่พ้นทะเล โห สวยว่ะ


พอดูพระอาทิตย์ขึ้นกันเสร็จ ผมกับไอ้คิงก็เข้าไปทำข้าวต้มกุ้งกินรองท้องกันก่อนที่จะกลับกรุงเทพฯ เฮ้อ อีกสองวันก็เปิดเทอมปลายภาคแล้วบอกตรงๆกูยังไม่พร้อม T^T


จัดการเก็บข้าวของยัดใส่รถกันเรียบร้อยก็คืนกุญแจบอกลาป้าอรพร้อมจ่ายค่าที่พักอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ


ตกลงกันว่าจะแวะไปซื้อของฝากกันที่ร้านแม่กิมลั้งแล้วก็จะตรงดิ่งกลับกรุงเทพกันเลย แต่ก่อนกลับขอเถอะ


ขอลงทะเลอีกรอบโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


ฮ่าๆ ผมได้ยินเสียงไอ้ซิ่งด่าตามหลังอีกละ มึงจะด่าเพื่อ?? น่าจะชินกับความอินดี้ของกูได้ละ







“อ้วกกกกกกกกกกกกกก ฆ่ากูเถอะ เชือดคอกูที กูไม่ไหวจะเคลียร์”


ไอ้วินนั่งลงบนเก้าอี้หินอ่อนอย่างคนหมดแรงผิดกับผมที่คอพับคออ่อนฟุบลงกับโต๊ะไปแล้ว ไม่ไหวครับเปิดเทอมก็เหมือนเปิดประตูนรก พวกผมเปิดเทอมแล้วนะเปิดมาได้ 5 วันแล้วนี่ก็วันศุกร์พอดี แล้วที่สภาพแต่ละคนเยี่ยงนี้ก็ไม่ต้องสงสัย


คือพวกผมโดนแลปสูบพลังชีวิตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตต


คือเทอมแรกก็ว่าหนักแล้ว แต่นี่โคตรของโคตรเทอมนี้มีแลปสามตัวจากปกติคือสอง แล้วไอ้ตัวที่เพิ่มมาก็เป็นแลปชีวเคมีทางสายสุขภาพไงคือแดกเหี้ยไรดูดซึมแล้วเก็บสะสมที่ไหนขาดแล้วจะเป็นโรคอะไร บลาๆ คือกูไม่รู้ครับไม่เข้าเซลล์สมองด้วย


กูถนัดแต่ตกตะกอน กลั่น สกัดแล้วก็ส่งรีพอร์ทเขียนกลไกแล้วจบ แค่นี้ก็ก็ขี้แตกแล้ว นี่ให้กูมาทำไรเนี่ย แดกขี้กูขอรับรู้แค่นี้ไม่ได้หรอสัด


แล้วอีกห้าตัวก็วิชาเอกเลือกทั้งนั้น ไม่ตายตอนนี้จะตายตอนไหนวะ


“เชี่ยคิงทำไรสัด”


ผมตะแคงหน้ามองไปตามเสียงไอ้ซาวน์ก็เห็นเชี่ยบักคิวแม่งนั่งยองอยู่กลางถนนทางเดิน ดีนะเย็นแล้วไม่ค่อยมีคนมาเรียนแล้วใต้ตึกภาควิชาเลยมีแค่พวกผมและรุ่นน้องรุ่นพี่เอกเดียวกันไม่กี่คน ไม่งั้นโดนยันแน่สัดไปนั่งขวางทางขนาดนั้น


“กูหมดแรง” จบคำแท่งก็นั่งกระแทกก้นลงไปเลย ควาย อีกสามก้าวมึงก็จะถึงโต๊ะมึงบ้าป่ะ ชาร์ตไฟเอาหรอสัดหมดปุ๊บหยุดปั๊บ


แต่ก็น่าสงสารมันทำแลปเสร็จอาจารย์ก็ถามโน่นนี่มัน แล้วมันจะไปรู้อะไรแม่งผสมสารตามที่คู่มือปฏิบัติการบอกอย่างเดียว ไอ้เกิดสารอะไร ทำไมถึงเป็นสีนั้นสีนี้อย่าไปถามเล๊ยยยยยยยยย ดีนะไอ้แปงส่งซิกบอกไม่งั้นตายห่าไปแล้ว


“ประสาท” ผมด่า


“ไอ้แปงอ่ะ” ไอ้บอลถามคงเห็นเชี่ยคิงแต่ไม่เห็นเงาไอ้แปงกุมารทองตามติดตัวมัน


“ประชุมสภา” มันพูดหน้างอ


“ไปกับไอ้วิวอ่ะดิ ฮ่าๆ” หน้าเป็นส้นตีนเลยครับคราวนี้แสดงว่าจริง หึ



~ ~ จะดีจะร้ายขอให้สมายด์ไว้ก่อน  ชีวิตอีสโกอิ้งออน~ ~


“กูฟันธง ผัวชัวร์”


“สัดหมา...เออว่าไง” ผมด่าไอ้วินก่อนรับสาย


‘เรียนเสร็จยัง’


“เสร็จแล้ว”


‘มาหาที่หอสมุดดิ๊ ‘ มันพูดมาตามสายได้ยินเสียงฟึ่บๆเหมือนพลิกกระดาษอยู่


“ไม่ กูเหนื่อยจะกลับห้อง” ผมว่าหน้ามุ่ยเสียงขุ่นไอ้บอลขยับปากไม่มีเสียงว่า ‘แรด’ สัด


‘ก็ทำงานเสร็จจะพาไปกินเค้กไง ทำงานแป๊ปนึง’ ผมนิ่งคิด


“ตู้เย็นในห้องก็มี”


‘เข้าห้องได้ว่างั้น’ มันถามให้ผมนิ่งคิดอีกรอบ เออ กุญแจคอนโดอยู่ที่มันนี่หว่า ชิ คิดว่าข่มกูได้หรอ


ตอนนี้ทันให้ผมไปอยู่กับมันเลยครับ ไม่มีมานอนสองวันสามวันแล้ว ตอนแรกผมก็ไม่ยอมมันก็ไม่ได้พูดอะไรอีกแต่คืนนั้นมันจัดเต็มผมยันเช้ากว่าจะฟื้นก็เล่นเอาบ่ายพอพยุงตัวไปอาบน้ำมาเปิดตู้เสื้อผ้าเท่านั้นแหละ


เสื้อผ้าของผมทั้งหมดที่เคยอยู่ที่หอมาแขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าตรงหน้าเล่นเอาอึ้งไปสักพัก พอออกไปข้างนอกจะถามคนที่น่าจะรู้เรื่องทั้งหมดก็ไม่ต้องถามครับงานนี้


ข้าวของที่เหลือที่ยังไม่ได้จัดทั้งหมดนอนแอ้งแม๊งอยู่ในกระเป๋าที่เปิดอ้าทิ้งไว้ แล้วประโยคเด็ดก็ดังมาจากในครัว


กูไปขนของมาให้ที่เหลือไม่รู้จะไว้ไหนจัดเองแล้วกัน


“กูกลับห้องกูก็ได้”


‘อย่าดื้อดิ เร็วๆอยากเจอหน้า’


แล้วมันก็วางสายไปปล่อยให้ผมนั่งอ้าปากค้างกับประโยคเมื่อกี้ของมัน


เร็วๆอยากเจอหน้า


สัด อะไรของมึงเมารึไง


“อมยิ้มหน้าแดง ตุ๊ดว่ะสัดปาย”


“ตุ๊ดพ่อง ยุ่งไรสัด”



ผมแยกตัวจากไอ้พวกนั้นก่อนเดินไปหอสมุดที่อยู่ใกล้อาคารเอนกประสงค์ขึ้นไปที่ชั้นสามชั้นนี้จะเป็นหนังสือต่างประเทศทั้งหมดครับ ซึ่งนานครั้งมากที่ผมจะเยี่ยงกรายเฉียดเข้ามาชั้นนี้ส่วนมากก็ขึ้นมาแค่ที่ชั้นสองเพราะเป็นหนังสือที่เป็นภาษาไทยบ้านเกิดเมืองนอนของผม


อ่านแล้วสบายใจกว่าเยอะ


ผมกวาดมองไปทั่วไม่นานก็เจอเพราะมันสูงหน้าตาก็เอ่อ..งั้นๆแหละแต่มองหาง่ายไง โต๊ะที่มันนั่งอยู่ใกล้กับชั้นหนังสือ ผมล้วงกระเป๋ากางเกงก่อนเดินไปทางโต๊ะนั้นเห็นมันก้มหน้าขมวดคิ้วอ่านหนังสืออะไรก็ไม่รู้กับเพื่อนมันอีกสามคน โคตรหนามองไกลๆยังเห็น วางบนหัวกูนี่คอหักเลยนะ


ครืด


ผมเลื่อนเก้าอี้ที่ว่างข้างมันก็ทิ้งตัวนั่งลงเพื่อนมันสามคนที่นั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผมเหมือนทักทายผมก็ยิ้มตอบไปพร้อมกับมันที่เงยหน้ามองผมพอดี


“ปายเรียนเสร็จแล้วหรอครับ” เพื่อนมันที่ใส่แว่นตี๋ๆท่าทางเรียบร้อยมากในกลุ่มถามผม อืม น่าจะชื่อกานต์นะผมจำได้


“อืม ไม่ต้องพูดครับกับผมก็ได้พี่มันแปลกๆ” ผมยิ้มแหยๆไป ผมพอรู้จักเพื่อนสนิทที่คณะไอ้ซิ่งบ้างเพราะมันเคยให้มานั่งรอมันทำงานสองสามครั้ง


“ใช่ อย่างไอ้ปายไม่ต้องไปพูดเพราะกับมันหรอก ห่ามจะตายเหี้ยเนี่ย”


“เหมือนพี่ไง” ผมสวนไอ้พี่อาร์มไป ไอ้นี่เป็นพี่ที่โรงเรียนมัธยมสนิทกันเพราะอยู่สีเดียวกันตลอดสามปีชีวิตมอปลาย ทำงานด้วยกันก็เลยสนิทกัน


พูดง่ายๆก็เพื่อนเก่าไอ้ซิ่งมันด้วยแหละ กลุ่มเดียวกันพี่โจ้พี่เท่อีก ตอนมันรู้ว่าผมคบกับไอ้ซิ่งนะมันอึ้งไปพัก


กูเห็นตีกันจะตายแอบไปได้กันตอนไหนวะ


ตอนที่มึงไม่รู้ไง อยากตอบเหลือเกิน สัด


“ลามปามนะๆ” พี่อาร์มมันเอาดินสอชี้หน้าผมแต่ถามแคร์มั้ย โนวววววว


“รอแป๊ป หิวยัง” ไอ้คนข้างๆมันหันมาถามผมหลังจากเห็นว่าผมลับฝีปากทักทายแบบเบาๆกับเพื่อนมันเสร็จ


อ้อ ส่วนอีกคนที่ไม่พูดถึงคือไม่รู้จะพูดไงครับ เพราะเพื่อมันอีกคนชื่อพี่ส้ม ส้มนี่ผู้ชายนะอย่าเข้าใจผิด ชื่อออกจะน่ารักแต่นิ่งมากเงียบมาก คือผมว่าไอ้ซิ่งหน้าคมดุแล้วนะแล้วถ้ามันสนิทกับใครก็เป็นคนพูดพอสมควร


 แต่พี่ส้มนี่ไม่เลย นิ่ง หน้าดุ เงียบโคตรรรรรรรรรรร แต่หล่อลากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ขนาดไอ้ซิ่งที่เขาว่ากันว่าหล่อมากเท่มากอะไรเทือกนั้นกูยังมองว่าไม่หล่อ แต่นี่กูเห็นยังอดชื่นชมไม่ได้อ่ะคิดดูเถอะ


เมื่อกี้ยังแค่เงยมามองหน้าผมแล้วก้มอ่านหนังสือต่อเลย บรื้ออออออ กูยังกลัวคิดดูดิ


“ยังไม่หิว ทำงานมึงไปเถอะ”  ผมบอกมันก็พยักหน้ารับผมที่เหนื่อยๆอยู่เลยค้นไอพอดพร้อมหูฟังในกระเป๋ามันเปิดเพลงฟังก่อนฟุบหลับไปบนโต๊ะ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มันปลุกแหละ


“ปาย ตื่นเสร็จแล้ว”


“อื้อ”


ผมลุกขึ้นมึนๆรู้สึกเจ็บหน้าผากนิดๆคาดว่าน่าจะเป็นรอยแดงจากที่นอนทับเมื่อกี้ ผมหันไปมองมันก็เห็นมันเก็บของเรียบร้อยแล้ว เพื่อนมันก็กลับไปหมดแล้วผมเลยลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเดินตามมันไป


“กี่โมงแล้ววะ”


“ทุ่มนึง เดี๋ยวพาไปกินข้าว”


“อืม” ผมยังอึนๆอยู่นิดหน่อยเลยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป


“ร้านเดิมใช่มั้ย” มันถามขณะที่เราเดินลงบันได


“อืม”


ผมตอบ มันหลุดขำเบาๆก่อนเอามือมาขยี้หัว ผมปัดออกทันที ไรวะสัด เดี๋ยวผมยุ่งหมด


แล้วมันก็พาผมไปกินข้าวร้านเดิมที่เรากินประจำ ไอ้ร้านเดิมมันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากหรอกครับก็แค่ร้านที่มีข้าวกับเค้กขายเท่านั้นเอง ผมเลยร้องมากินร้านนี้บ่อยๆมันเลยกลายเป็นร้านประจำของเราไป


กินกันเสร็จก็กลับคอนโดกัน ผมจะซื้อเค้กกลับมาด้วยแต่มันไม่ให้ มันบอกที่ห้องยังเหลือกินให้หมดก่อน ชิ ทำเป็นรู้ดีถ้ากูกินหมดแล้วอยากกินอีกแล้วไม่มีนะกูจะโวยวายให้ห้องแตก สันดาน


“อย่านะๆ ไปอาบน้ำก่อน” มันชี้หน้าขู่เมื่อเห็นว่าผมจะกระโดดขึ้นเตียง


“อะไร ตัวกูไม่สกปรกหรอก” ผมเถียง


“ไม่สกปรกก็ไม่ได้ ลองได้นอนแล้วชอบงอแงไม่อยากลุก ไปอาบน้ำแล้วมาทำงานให้เสร็จก่อนชอบหมักหมมไว้แล้วมาโอดครวญทีหลัง”


ยาวๆบ่นยาวเลยทีนี้ เฮ้อ ไอ้พวกที่กรี๊ดกร๊าดมันจะรู้ป่ะไอ้หน้านิ่งๆหล่อหล่อๆเท่แบบเลวๆที่คลั่งไคล้กันนักจริงๆแล้วก็แค่ตาแก่ขี้บ่น


ผมกรอกตาขึ้นฟ้าก่อนล่าถอยจากเตียงนุ่มตรงหน้าเดินไปห้องน้ำ


ไม่ได้ๆถ้าให้มันพูดต่ออีกนิด มันจะขุดเรื่องมาบ่นผมอีกมากมายหลายประเด็น เชื่อสิ


“ดื้อ!!! ใส่ตะกร้าดีๆทำไมถอดทิ้งไปทั่วอย่างนั้น!!”


นั่นไง กูว่าแล้ว เพลียหัวใจโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 31-07-2018 19:37:34


รักร้าย23




“มึงกูไปดูเสื้อตรงนู้นแป๊บนะ”


ผมสะกิดบอกไอ้ซิ่ง มันเงยหน้ามองไปโซนเสื้อผ้าที่ผมชี้ก่อนพยักหน้ารับรู้แล้วก้มลงไปอ่านหนังสือในมือต่อ ส่วนผมก็เดินออกจากร้านหนังสือที่ยืนมาร่วมครึ่งชั่วโมง


วันนี้เรามาดูหนังกันที่ห้างหลังจากที่วันนั้นแห้วไป(วันที่มีเรื่องกับไอ้เหี้ยไวน์แหละ) วันนี้เลยมาดูชดเชยตอนนี้ก็รอเวลารอบหนังที่ซื้อตั๋วกันไว้ หวังว่าคงไม่มีเหตุการณ์อะไรมาขัดขวางอีกนะ ตั๋วหนังแพงนะเว้ยยยยยย


ผมเดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้ายี่ห้อแบรนด์ดังร้านหนึ่ง พอดีมีเสื้อเชิร์ตตัวนึงสะดุดตาผมเลยเข้ามาดู แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อหรอกครับเพราะราคามันเท่ากับค่าขนมผมหลายวันเลยทีเดียวเลยเดินดูไปเรื่อยๆเพลินดี ดีกว่าอยู่ในร้านที่มองไปทางไหนก็เจอแต่ไอ้เล่มหนาๆทรงสี่เหลี่ยมแหละว่ะ


แล้วผมก็ไปเจอกางเกงสามส่วนสีน้ำเงินเข้มตัวนึงที่ดูแล้วมันไม่เหมาะกับผมหรอก แต่มันเหมาะมากกับไอ้ตัวที่ก้มหน้าเป็นหนอนแดกหนังสือในร้านอีกมุมหนึ่งนู่น


ทำไมกูต้องไปนึกถึงมันด้วยวะ เอาล่ะสิ อยากซื้อยิ่งกว่าเสื้อที่กูเล็งไว้อีก


ผมตัดสินใจอยู่นานสุดท้ายก็ยอมควักเงินซื้อทั้งเสื้อทั้งกางเกง ไม่ได้กะจะเอาไปให้มันหรอกนะแค่จะซื้อเสื้อตัวเองแล้วซื้อกางเกงที่เหมาะกับมันติดมือมาด้วยก็เท่านั้น


ถือหลายถุงมันจะได้ไม่โล่งมือ (หรา)


เฮ้อ ความจริงคืออยากซื้อให้มันแหละครับ ก็มันเหมาะจริงๆนี่แล้วไอ้ซิ่งมันก็ชอบใส่สามส่วนด้วยมันบอกว่าชอบเน้นแบบใส่สบายๆมากกว่าใส่แล้วหล่อ  ชิ กูเห็นใส่เหี้ยอะไรก็ดูดีทั้งนั้นแหละ ย้ำ แค่ดูดีไม่ได้หล่อ โปรดอย่าเข้าใจผิดแล้วฟินกันไป


ส่วนที่ซื้อเสื้อมาด้วยคือหนึ่งผมอยากได้ และสองผมไม่อยากให้มันแซวจะได้มีเหตุผลอ้างได้ว่าของมันแค่ซื้อติดมาด้วยเฉยๆ


เหอๆจะอะไรก็แล้วแต่ตอนจ่ายเงินแม่งหน้ามืดเลย


“ซื้อไรมา”


“เสื้อ”


ผมตอบสั้นๆ มันก็ไม่ได้สนใจหรือถามอะไรต่อหันกลับไปจ่ายค่าหนังสือที่พนักงานกำลังห่อปกให้ มีหนังสืออะไรไม่รู้เป็นภาษาอังกฤษผมอ่านไม่ออกแต่น่าจะเป็นหนังสือเฉพาะทางแพทย์เพราะมีรูปสมองเล่มหนาเหี้ยๆอ่ะ ส่วนอีกสองเล่มเป็นหนังสือการ์ตูน


“ทั้งหมดหนึ่งพันแปดร้อยสี่สิบเก้าบาทค่ะ” มันควักเงินส่งให้พนักงาน


อ้อ อีกเรื่องคือมันไม่พกบัตรเครดิตนะครับ ถามว่ามีมั้ยมันก็มีพ่อมันทำไว้ให้แต่ผมไม่เคยเห็นมันพกออกมาใช้เลย สถานที่เก็บของมันเลยเป็นลิ้นชักในตู้ไปโดยปริยายนานๆที่มันจะจำเป็นจะซื้อของที่แพงจริงๆถึงจะเอาออกมาใช้ เห็นอย่างมากสุดก็เป็นบัตร ATM ที่มันพกแล้วก็เงินสด


มันบอกว่ามันไม่ชอบเพราะชีวิตไม่ได้ผูกติดกับการเข้าร้านหรูๆที่มีเครื่องรูดบัตรพวกนี้ สู้เงินสดดีกว่าเข้าร้านอะไรระดับไหนก็ใช้ได้จ่ายคล่อง ตั้งแต่ร้านข้าวแกงข้างถนนยันร้านเพชร ไม่พอก็กดตู้เอา


“หนังสือได้แล้วค่ะ”


“ขอบคุณครับ”


มันรับหนังสือก่อนพากันเดินออกมานอกร้าน อีกสิบนาทีหนังจะฉายแล้วผมเลยมาเข้าห้องน้ำไอ้ซิ่งมันรออยู่หน้าโรงหนังรอฉีกบัตรเข้าไปพร้อมกัน


ผมฉี่บ่อยครับโดนอากาศเย็นๆหน่อยก็ปวดละ เลยเข้าห้องน้ำกันไว้ก่อนเดี๋ยวไปปวดตอนหนังกำลังสนุกจะเซ็งเอา ไอ้น้ำเป๊ปซี่ที่ซื้อเข้าไปกินในโรงหนังกันของต้องห้ามของผมครับถ้ากินเมื่อไหร่เป็นเรื่องต้องดูหนังขาดช่วงแน่ๆเพราะต้องลุกมาฉี่ เพราะงั้นส่วนมากจะซื้อป๊อบคอร์นอย่างเดียว


“ซื้อเป็นชุดมาเลยเดี๋ยวกูกินน้ำเอง” มันบอกตอนที่ผมเดินขมวดคิ้วมาหามันเมื่อเห็นแก้วน้ำอยู่ในมือมันอีกข้างถือถังป๊อบคอร์นรสเค็มรสโปรดของผม


ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนพากันเดินเข้าไปในโรงหนัง


มาทันเพลงสรรเสริญพระบารมีด้วย


ผมชอบฟังเวอร์ชั่นในโรงหนังนะ เป็นเสียงเด็กร้องผมว่ามันเพราะดี


แต่เอาจริงๆไม่ว่าเวอร์ชั่นไหนผมว่าก็เพราะทั้งนั้นแหละ เพราะที่เนื้อหาของเพลง


กว่าจะดูหนังจบก็สองทุ่มแล้ว หิวมากที่สุดตอนนี้ป๊อบคอร์นไปอยู่ส่วนไหนของติ่งกระเพาะแล้วก็ไม่รู้ เราเลยพากันเข้าร้านฮาจิบัง ราเมง ก่อนกลับคอนโด


แอบกระซิบว่าทาโกยากิร้านนี้อร่อยมาก


ส่วนหนังก็สนุกดีครับ เป็นหนังตลกฮาสุดๆผมนี่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาลั่นโรง ขนาดไอ้คนเส้นลึกข้างๆมันยังหัวเราะออกมาเลยถึงจะแค่ในลำคอก็เหอะ


“นี่ พรุ่งนี้ไม่มีเรียนใช่ป่ะ” ผมที่นั่งอยู่บนเตียงหลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วถามไอ้คนตัวดำ(ผิวสีแทนเฟ้ย)ที่นั่งเช็คเมลล์ตรงโต๊ะคอมฯ


“อืม แต่นัดทำงานที่ใต้ตึกคณะกัน”มันส่งเสียงตอบมาแต่สายตายังจ้องที่หน้าจอ


แต่เป็นอย่างที่ผมคาดไว้จริงๆว่ามันต้องไปทำงาน ไม่มีวันหยุดหรอกมันอ่ะ


“หรอ” แล้วผมก็เงียบไปไม่พูดอะไรอีก


“มีอะไรหรือเปล่า” 


“เปล่า แล้วจะใส่ชุดไรไป” ผมถาม


“หือ คงชุดไปรเวทแหละ ไม่ได้เข้าพบอาจารย์”มันมองผมอย่างสงสัยแต่ก็ยอมตอบ


“หรอ” แล้วผมก็เงียบอีก


“หือ??”


“อะไร มองหน้าทำไมทำงานไปดิ นอนแล้ว” ผมว่าเสียงห้วนก่อนจะนอนตะแคงหันหลังให้มันที่นั่งหมุนเก้าอี้จ้องหน้าผมอยู่ ตวัดผ้าห่มคลุมทั้งตัวทั้งหัวแต่แหวกตรงใบหน้าเอาไว้ เดี๋ยวหายใจไม่ออก


“พรุ่งนี้ใส่กางเกงสามส่วนสีน้ำเงินไปก็ดีนะ” ผมพูดแค่นั้น ไม่ได้เสียงดังมากแต่ก็รู้ว่ามันได้ยิน ผมไม่ได้หันไปมองหน้ามันแต่หลับตาหนีไปเลย


ผมที่กำลังเคลิ้มๆก็ต้องขมวดคิ้วฉับร้องอื้ออย่างรำคาญเมื่อโดนก่อกวน ถึงสติจะยังล่องลอยแต่ก็พอรู้ตัวต้นเหตุ


“อื้อ กูง่วง” ผมเอามือดันหน้าที่คลอเคลียตามแก้มตามไหล่ผมออก ไหนจะยังไอ้แรงโอบรัดรอบตัวนี่อีก อ๊ากกกกก กูหายใจไม่ออก อึดอัดโว้ย


“ขอบคุณครับ”


ฟอด!!!


“อะไรของมึง” ผมพลิกตัวนอนหงายหยีตาขึ้นมองมันที่กำลังยิ้มกว้าง  ไอ้สัด ยิ้มซะเห็นเขี้ยวเลยน่ารักไปป่ะมึง


“กางเกง”


แค่นั้นแหละผมก็รู้สึกเหมือนใครเอาไฟมารนหน้าทันที แสดงว่ามันไปเปิดตู้เสื้อผ้าดูแล้วอ่ะดิ ก็นะ กูแขวนไว้ตำแหน่งที่โคตรเด่นเลย


“กะ ก็ทางร้านเขาแถม” เสียงกูจะสั่นทำไมวะ


“แถมกางเกงตัวเป็นพันเลยเนี่ยนะ” มันเลิกคิ้วถามเสียงสูง


“ก็...เออ!!! ซื้อหนึ่งแถมหนึ่งไง ช่วงโปรโมชั่นอ่ะ” ผมว่าก่อนจะพลิกตัวหนีมัน ได้ยินเสียงมันหัวเราะในลำคอก่อนจะโน้มตัวลงนอนมากอดผมไว้ทั้งตัว


“ของแถมก็ของแถม แต่...ถูกใจมากเลยนะ ชอบมาก” แล้วมันก็กดจูบที่หลังหูผมอีกที เหี้ยเอ้ยยยยยยยย หน้ากูร้อนจนจะระเบิดแล้วววววววววววววววว


เมื่อยหน้าเพราะต้องกลั้นยิ้มอีก แม่งเหอะ


“เออ นอนได้แล้ว กูง่วง!!!” ผมเหวี่ยงกลบอาการหน้าร้อนที่ดูท่าว่าอุณหภูมิมันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่รีบจบบทสนทนานี้โดยเร็ว หน้าผมต้องบึ้ม!! กลายเป็นโกโก้ครั้นซ์


“เออ นอนก็นอน ดุเป็นหมาเลยมึง จะเขินออกมาตรงๆก็ไม่มีใครเค้าว่าหรอกนะ”


ปึก


จบเสียงเข้มๆของมันผมก็หันไปทุบอกมันดังอั่ก ไม่มาแบบทุบเบาๆพอระคายเคืองมือแบบนางเอกในนิยายหรอกนะ กูปล่อยสุดแรงเลย


จะล้อกูทำพ่อมึงหรอ


มันหน้าเหยไปแต่ก็ไม่ได้อะไรมากมาย ตกลงมึงเจ็บจริงหรือแกล้งเจ็บ ห่า  กวนตีนกูให้ได้ตลอดสิพับผ่า


“นอนๆๆ ง่วงไม่ใช่หรอ จ้องจนตาจะถลนออกมานอกเบ้าแล้วมึง”


มันเอามือมาลูบๆต้นแขนที่โผล่ออกนอกผ้าห่ม พอผมตั้งท่าจะทุบอีกรอบมันก็รวบข้อมือผมไว้ก่อนกระชากเข้าหาตัว อ้อมแขนกวาดเข้ามารวบร่างผมแล้วก้มลงมาหอมแก้มฟอดใหญ่


ฟอด!


“ฝันดีครับ”





เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นให้ผมต้องงัดตัวเองออกจากที่นอน ฮ่วย ง่วงโว้ยยยยย วันนี้แม่งเสือกมีเรียนตั้งแต่แปดโมงเช้า กูเลยต้องลุกตั้งแต่เจ็ดโมง มันใช่เวลามั้ย มันใช่ม้ายยยยยย


ผมเดินสะลึมสะลือเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวให้หายจากอาการเซื่องซึม ก่อนที่จะออกไปเรียนผมอาหารเช้าง่ายๆอย่างข้าวต้มหมูสับไว้ให้มัน ตื่นมาจะได้อุ่นแล้วกินได้เลยก็อย่างที่บอกมันต้องกินอาหารให้ครบสามมื้อ แต่จะให้มันทำเองมีแต่เละกับเละ


อย่าคิดว่าผมจะเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนทำอะไรให้มันทุกอย่างหรอกนะ เพราะก็แค่มีเรื่องอาหารเท่านั้นที่ผมทำ


นอกนั้นมันจะเป็นคนจัดการเองหมด อย่างเสื้อผ้านี่มันก็เป็นคนรีดให้ผม ผมก็รีดได้นะแต่ไม่เนี๊ยบกลีบโค้งเท่ามัน


ผมลงลิฟท์มาชั้นล่างของคอนโดก่อนเดินไปลานจอดรถตรงที่สำหรับเอาไว้จอดมอเตอร์ไซค์วันนี้ผมขับลูกรักผมไปเรียนเอง ยังจำฟี่โน่ลูกรักผมที่จอดทิ้งไว้จนเกือบขึ้นสนิมคันนี้ได้มั้ย จำได้หรือเปล่า ขนาดผมยังเกือบลืมเลย ฮ่าๆ นั่งออดี้ซะนาน


ตอนแรกมันจะไปส่ง แต่ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องมันนัดกับเพื่อนไว้ตั้งตอนเที่ยงตรงส่วนผมมีเรียนแปดโมงเช้า ผมขี่รถไปเองดีกว่า ไม่อยากทรมานคนแก่


“โว้วๆ วันนี้ผัวไม่ตามมาคุมหรอจ๊ะ” ไอ้เหี้ยบอลมึงจำเป็นมั้ยต้องตะโกนให้คนอื่นได้ยิน ไอ้สัด


“ไม่มา พอดีเมื่อคืนเสียน้ำเยอะ ลุกไม่ไหว!” ผมเดินเข้าไปหาพวกมันที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่ระหว่างรออาจารย์เข้าสอน มือโยนเป้ใส่หน้าไอ้บอลเต็มๆ


แย้งไปก็ยิ่งโดนเล่นกับมันไปเลย


“เดี๋ยวนี้ออกตัวแรงนะสัด” ไอ้คิงที่หน้าเหวอไปสักพักยันมาที่หัวผมจนเซไปอีกข้าง


“แล้วขี่รถมาเองอย่างนี้ตอนคร่อมรถไม่เจ็บก้นหรอ หืมมมมมม” ยังๆมันยังไม่เลิก


“ไม่อ่ะ พอดีเมื่อคืนกูเป็นคนจิ้ม” ผมพูดหน้าตายพลางล้วงหยิบแซนด์วิชที่หยิบติดกระเป๋าออกมากิน


“จริงหรอ!! เมื่อคืนนี้มึงเป็นคน...” ไอ้แคนมันว่าอย่างตกใจกระเถิบเข้ามาหาผม พลางทำหน้าตื่นๆตลกว่ะ ฮ่าๆ


“โว๊ะ! มึงนี่เนอะไปเชื่อมัน มึงว่าน้ำหน้าอย่างมันกดพี่ซิ่งเค้าได้ป่ะล่ะ” ไอ้ซาวน์บอกอย่างสมเพชความไม่รู้ของไอ้แคน


อย่างมันจะรู้อะไรนอกจากเรื่องซอโซ่


แต่เอ๊ะ! เชี่ยซาวน์มึงหลอกด่ากูไม่มีน้ำยาใช่ป่ะ


“ไอ้สัด หลอกด่ากูหรอ”ผมเขวี้ยงแซนด์วิชที่เหลือใส่มัน แต่ไอ้เชี่ยซาวน์มันคว้าไว้ได้แถมเอาขึ้นมากินต่ออีก


โคตรแม่ง หล่อสกปรกจริงๆมึงเนี่ย


“หึหึ กูควรจะขำเชี่ยแคนหรือเชี่ยปายก่อนดี กร๊ากกกกกก” ผมอยากเอาตีนอุดปากไอ้บอลซะเหลือเกิน เชี่ยแม่ง


“เออ ไอ้แปงล่ะ” ผมถาม ทำไมเดี๋ยวนี้ไอ้แปงมันหายตัวบ่อยจังวะ


“นู่น” ไอ้วินเพยิดหน้าไปอีกทางผมมองตามไปก็เห็นไอ้แปงกำลังคุยกับไอ้วิวอยู่ คงเป็นเรื่องงานเพราะมีกุ๊กรองประธานชั้นปีอยู่ด้วย


หันมามองหน้าไอ้คิง โห บูดเป็นเต้าหู้เน่าเลยเว้ย


“หึงอ่ะดิ”


“เออดิ แม่ง! เอาเมียกูไปกกหลายวันเกินละ” เสียงแม่งโคตรเหวี่ยง หึหึ แต่มันคงแค่แบบหวงๆตามประสาเท่านั้น ไม่ได้หึงมากถึงขนาดอยากฆ่าใครเพราะไอ้วิวมันรู้แล้วว่าไอ้คิงกับไอ้แปงคบกัน


มันดูไม่ตกใจเลยเหมือนคาดว่าต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว มันก็ยินดีด้วยนะส่งยิ้มแบบโคตรแมนให้ แต่ตานี่โคตรเศร้า ผมเห็นมันซึมไปหลายวันเลยล่ะ


กูดีใจนะที่มึงรับรักแปงสักที ดูแลหัวใจของกูให้ดีๆล่ะ รอยยิ้มของแปงคือสิ่งที่กูต้องการที่สุด


แม่งโคตรพระเอกเหอะ!!!


จากนั้นมันก็ไม่ได้หยอดคำหวานใส่ไอ้แปงสักเท่าไหร่ ส่วนมากก็คุยกันเรื่องงานแล้วถามสารทุกข์ในฐานะเพื่อนมากกว่า


เล่นกันได้พักเดียวอาจารย์ก็เข้าสอน เอาแล้วไง อาจารย์เปิดสไลด์ปุ๊บกูก็ง่วงทันที เอาเหอะชีวิตกู ถือซะว่าเข้ามาเช็คชื่อแล้วกัน ฮ้าววววววว





ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อเห็นไอ้คนที่เดินมาหาผมที่คณะฯกับกางเกงสามส่วนสีน้ำเงินเข้ม แสดงว่าผมกะไซส์ใช้ได้เพราะมันใส่ได้พอดีสมส่วนมากเลยล่ะยิ่งใส่คู่กับเสื้อยืดคอวีสีขาวอย่างนี้นะ โคตรดูดีอ่ะสัด


“หวัดดีคร้าบบบบพี่” มันพยักหน้ารับไหว้ก่อนหย่อนตัวนั่งบนโต๊ะหินตัวเดียวกัน


“ทำงานเสร็จแล้วไง” ผมหันไปถาม มันก็พยักหน้ารับ


“อืม เหลือให้ไอ้ส้มไปแก้นิดหน่อย มันเอากลับไปทำต่อที่บ้านแล้ว” มันพูดก่อนส่งโกโก้ปั่นของโปรดผมที่มันซื้อติดมือมาให้


“งั้นก็กลับไปดิ วันนี้กูเอารถมา”


“จอดไว้ไม่งั้นก็ฝากเพื่อนกลับไป”


“ทำไม” ผมถามเสียงห้วนเลยทีนี้ ถึงมันจะมีแค่สองล้อไม่มีหลังคาแต่กูก็รักของกูนะเว้ย ให้มาทิ้งๆขว้างๆได้ไง


“มึงมีธุระ” มันตอบง่าย ยิ่งเรียกอาการขมวดคิ้วฉับ


“ธุระไร กูไม่มี”


“แต่กูมีและมึงก็มี วินพี่ฝากรถมันด้วยนะ”


“ตามบรรชาครับผม!!!”


แล้วมันก็ลากผมอออกไปทันที ไอ้เหี้ย ไอ้ควาย นรกแตก มึงจะบอกกูให้รู้ตัวสักคำได้มั้ย ลากกูเป็นวัวเป็นควายกูก็ต้องการรู้จุดมุ่งหมายเหมือนกันนะเฟ้ยยยยยยยยยย





“พากูมาที่ไหนเนี่ย” ผมกวาดตามองไปรอบตัว มันพาผมมาที่บ้านหลังใหญ่ตัวบ้านเป็นสีโทนน้ำตาลรอบบ้านถูกตกแต่งด้วยต้นไม่นานาพันธุ์ หน้าบ้านมีลานน้ำพุด้วย และถึงต้นไม้จะเยอะแต่ก็ไม่ดูเป็นป่าดงดิบออกไปทางร่มรื่นสบายตามากกว่า


แต่พามาบ้านโดยไม่บอกไม่กล่าวอย่างนี้ ตามหลักนิยายทั่วไปแล้วกูว่า....


“บ้านกูเอง”


เยดดดดดดดดดดดดดดดดดด มึงจะเดินเรื่องตามพล็อตนิยายที่มีวางขายตามท้องตลาดทั่วไปเกินไปแล้วสัด


กูไม่ชอบอะไรซ้ำๆเปลี่ยนเป็นบ้านเพื่อน บ้านหมาข้างบ้านก็ได้ มึงพากูมาบ้านมึงทำม๊ายยยยยยยยย


“ลงมาดิ”


“พามาทำไม”


“แม่เรียกมากินข้าวเย็นด้วยกัน”  แล้วมันก็ทำการปลดเข็มขัดนิรภัยลากผมออกจากตัวรถ ส่วนผมก็ขืนไว้สุดตีน


“เขาเรียกมึงแล้วลากกูมาด้วยทำไม” บอกตรงๆนะไม่ว่าวันนี้จะมาด้วยฐานะอะไร แม้แต่รุ่นน้องผมก็ไม่พร้อมอ่ะ


เรารู้อยู่แก่ใจใช่ป่ะล่ะ


“แม่ชวนเราสองคน” คราวนี้ผมเบิ่งตากว้างตกใจหนักเข้าไปอีก ตั้งสติได้ว่าจะค้านแต่รู้ตัวอีกทีก็ถูกลากจนขาข้างหนึ่งก้าวเข้ามาในตัวบ้านแล้ว


“อ้าว ตาซิ่งมาแล้วหรอ แม่จัดโต๊ะเสร็จพอดี”


แล้วขาอีกข้างก็ก้าวเข้ามาเคียงกันจนได้ ฮือออออ ไม่ทันแล้วอ่ะ


ผมยกมือไหว้ท่านอย่างเกร็งๆ จะว่าไปแม่ไอ้ซิ่งสวยมากขาวเนียนเลยล่ะ ซอโซ่นี่ถอดแบบแม่มาเปี๊ยบ แสดงว่าไอ้ซิ่งต้องเหมือนพ่อ


“อ้าว ตาหนูนี่...”


“รุ่นน้อง ไอ้...เอ่อ พี่ซิ่งครับ” ผมแย่งตอบก่อนที่มันจะพ่นคำที่ไม่สมควรออกไป


“หือ อย่างนั้นหรอตาซิ่ง” หันไปถามลูกชาย


“อย่างที่เคยบอกแม่ไปครับ” มันว่าทำเอาแม่มันหันมามองผมอีกทีก่อนจะฉีกยิ้มออกมา


“น่ารักดีนี่” แล้วแม่มันก็เข้ามาลูบหัวผมเบๆอย่างเอ็นดูทำเอาผมตัวแข็งทื่อเกร็งหนักกว่าเดิม


ไอ้เชี่ย มึงไปบอกอะไรแม่มึงไว้วะ!! หวังว่าคงไม่ใช่...


“อ้าว ไอ้ลูกชายตัวดี พาเมียแกมาแล้วรึ” ผมหันหน้าไปมองคนที่เดินลงบันไดมาอย่างตกใจ พ่อไอ้ซิ่งแน่ๆจากรูปประโยคและรูปร่างหน้าตาที่ถอดแบบกันมาเป๊ะ


“พ่อ ไม่เอาสิ ตาหนูหน้าเหวอหมดแล้ว” แม่ไอ้ซิ่งหันไปดุ พอดีกับพ่อไอ้ซิ่งที่เดินมาหยุดตรงหน้าผมข้างๆแม่พอดี


“เออๆแฟนก็ได้วะ แต่หาได้ดีนี่หว่าหน้าตาดีเชียว นึกว่าทำไมถึงมีแฟนเป็นผู้ชายหน้าสวยอย่างนี้นี่เอง เป็นกูก็เอาวะ ฮ่าๆ”


“พ่อ!!!” คราวนี้แม่มันตีไปที่แขนดังเพี้ยะก่อนจะหันมายิ้มหวานใส่ผมที่จิตหลุดไปแล้ว


“อย่าไปถือพ่อเขาเลยเนอะ ว่าแต่ลูกอีกคนของแม่ชื่ออะไรเอ่ย”


ฉ่า


คราวนี้หน้าผมร้อนขึ้นมาเลย


“เอ่อ ปะ ปายครับ” ผมก้มหน้าตอบ รู้สึกเขินมากๆเลยตอนนี้ที่ต้องมาโดนผู้ใหญ่สองจ้องมองด้วยสายตาแบบ...นี่แหละลูกสะใภ้กู ฮือออออออ


“ชื่อน่ารักเชียว ไปๆแม่เตรียมอาหารไว้แล้ว นี่โซ่กำลังเตรียมน้ำใบเตยสดในครัว แม่ว่าหนูปายต้องชอบแน่ๆ” แม่พูดก่อนจะเดินนำไป 




ผมที่สติยังไม่ครบยกมือไหว้พ่อไอ้ซิ่งที่ยืนมองด้วยสายตาที่ผมว่าเจ้าเล่ห์ชอบกล นึกได้ว่าตั้งแต่เจอหน้าท่านยังไม่ได้สวัสดีเลย


“สวัสดีครับคุณลุง”


“หืม...ลุงเลิงอะไร เรียกพ่อสิส่วนนั่นก็แม่ โอเคมั้ย”


“เอ่อ...ครับ คะ คุณพ่อ”


“เออ!! ต้องอย่างนี้สิ ฮ่าๆ ไปๆพ่อหิวข้าวแล้ว”


แล้วท่านก็เดินนำเข้าไปข้างในอีกคน ผมที่เหมือนฟื้นคืนชีพอีกครั้งหันไปมองไอ้บุคคลต้นเหตุที่ไปปากเปราะตอนไหนไม่รู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ


มันไม่ได้สนใจสายตาพิฆาตของผมสักนิดเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างเดียว ผมเลยเหวี่ยงกำปั้นไปที่ท้องมันอย่างแรง


“โอ๊ย อะไรเนี่ยทุบกูทำไม ฮ่าๆ โอเคๆเดี๋ยวค่อยคุยกันนะ ไปกินข้าวก่อนให้ผู้ใหญ่รอนานไม่ดี ป่ะๆ”
 

หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 31-07-2018 19:39:13


รักร้าย 24



หลังจากทานข้าวเย็นกันเสร็จแล้ว ก็พากันไปนั่งคุยเล่นกันในห้องนั่งเล่นผมไม่ค่อยได้คุยอะไร แหม ผมก็เกร็งเป็นนะครับ เกร็งมากด้วยถึงพ่อแม่มันจะดูไม่ติดใจอะไรที่ลูกชายเขามีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกันและดูเหมือนจะชอบผมมากเหมือนกันก็เถอะ


แต่ก็ยังรู้สึกเกร็งมากอยู่ดี


ไอ้ซิ่งมันคงรู้เลยพาผมขึ้นมาบนห้องนอนชั้นบนปล่อยให้พ่อแม่และลูกสาวเขาลั้ลลากับละครภาคค่ำกันไป ห้องนอนไอ้ซิ่งตกแต่งโทนสีเบจเหมือนกับที่คอนโดในห้องมีพวกเหรียญเรียนดีสมัยมัธยมกับพวกโมเดลรถเต็มไปหมด


ผมหยุดดูก็ทำให้นึกถึงตอนมัธยมทุกปีในวันครูจะมีการมอบเกียรติบัตรเหรียญเรียนดีอะไรพวกนี้ให้พวกที่มีผลการเรียนยอดเยี่ยม แล้วผมก็ต้องเห็นมันเสนอหน้ามารับได้ทุกปี สาวๆนี่กรี๊ดกันตรึม ผมโคตรหมั่นไส้อ่ะ


ส่วนกูน่ะเหรอ มีหน้าที่แค่นั่งตบมือให้คนแรกกับคนสุดท้ายไม่มีโอกาสได้รับกับเขาหรอก ไม่ติดศูนย์ติด ร. ก็บุญแล้ว


“อื้อ อะไร” ผมเบี่ยงตัวเอี้ยวหน้ามองไอ้คนที่เข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลัง


“ดีใจมั้ย” แววตามันดูประกายความสุขมากตอนพูด


“ดีใจเรื่องอะไร” ผมถาม แต่ก็พอรู้อ่ะนะว่าเรื่องอะไร


“ก็ที่พ่อแม่กูเขาชอบมึง”


ผมนิ่งไป ถึงจะพอรู้แต่ก็อดนิ่งคิดไม่ได้ ก็รู้สึกดีนะที่ท่านทั้งสองไม่ได้รังเกียจอะไรดูจะเข้าใจมากๆด้วย


“เขารู้นานแล้วหรอ” ผมไม่ได้ตอบแต่ถามกลับ มันคลายแรงกอดแล้วพาผมไปนั่งบนปลายเตียง


“ก็สักพักแล้ว” มันว่าด้วยท่าทีสบายๆมีลงมานอนหนุนตักด้วยนะ


“แล้วท่านไม่ว่าอะไรเลยหรอ” ผมว่ามันจะดูแปลกๆไปนะ ถ้าการที่ลูกชายเดินมาบอกว่ามีแฟนเป็นผู้ชายแล้วพ่อแม่จะเห็นดีเห็นงามยิ้มรับแบบไม่รู้สึกอะไรเลย


“น้อยไปสิ แม่กูนี่หัวใจจะวาย ส่วนพ่อชกกูซะปากแตกนี่มึงทักเมื่อตอนนั้นไง” ไอ้รอยที่ผมถามมันเมื่อสองอาทิตย์ก่อนใช่ป่ะ ก็เห็นมันปากแตกกลับห้องมาพอถามมันก็บอกมีเรื่องกับเด็กวิดวะนิดหน่อย


ก็ว่าอยู่ว่ามันไม่ค่อยมีเรื่องชกต่อยเวลาอยู่ในมหา’ลัยหรือขณะที่อยู่ในชุดนักศึกษา แต่วันนั้นนึกว่ามันเหลืออดจริงๆทีไหนได้...ฝีมือพ่อมันล้วนๆ


แต่ผมก็อึ้งนะ มันไม่ค่อยพูดเรื่องแบบนี้ แต่มันกลับทำอะไรหลายอย่างที่แสดงความเชื่อมั่นให้กับผม


“แล้วทำไมท่านสองคนดู...”


“พ่อแม่กูเป็นคนมีเหตุผลนะ ถึงช่วงแรกท่านจะดูรับไม่ได้แต่สุดท้ายท่านก็จะฟังเหตุผลลูกก่อนเสมอ และกูก็ว่ากูมีเหตุผลพอ”


มันพูดพลางจับมือผมมาคลึงนิ้วเล่น


“กูไม่ได้ทำอะไรผิดนะ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน กูแค่มีแฟนเป็นผู้ชาย แล้วทำไมพ่อแม่กูถึงจะไม่เข้าใจล่ะในเมื่อท่านเป็นคนสอนกูเองว่า ให้ทำในสิ่งที่คิดว่ามีความสุขโดยไม่เดือดร้อนใคร” มันจ้องตาผมพลางเลื่อนมือมารั้งต้นคอผมให้สบตากับมันที่นอนหนุนตักอยู่ ก่อนมันจะคลี่ยิ้มที่ทำใจผมใจเต้นแรง


อ่อนโยน...รอยยิ้มและแววตาของมันอ่อนโยน


“และตอนนี้กูก็กำลังมีความสุข”


ตึกตัก ตึกตัก




“อื้อ อ๊ะ ไม่เอา อื้อ พ่อแม่มึงอยู่ข้างล่าง!!” ผมดันมันที่เริ่มสติหลุดซุกไซ้ไปทั่วตัวจากที่ตอนแรกแค่จูบกันเฉยๆ


“อืม ไม่ได้ยินหรอกน่า” มันว่าพลางกัดจุกนมจนผมสะดุ้ง รีบเอามือทาบแก้มดึงหน้ามันขึ้นมาทันที


“ไม่เอา หยุดเลยนะ กูไม่ชอบ” ผมว่าเสียงขุ่นหน้างอง้ำ ต้องแข็งไว้ครับไม่ได้หรอก ผมเพิ่งมาที่บ้านมันครั้งแรกแล้วจะมาทำเรื่องอย่างว่า มันไม่น่าปลื้มหรอกนะครับมาทำเรื่องแบบนี้ในบ้านที่มีผู้ใหญ่นั่งหัวโด่อยู่ข้างล่าง


“ชิ” ผมถอนหายใจที่สุดท้ายมันยอมลุกไปจากตัวผม


“พากลับห้องได้แล้ว” ผมที่ลุกมาจัดเสื้อผ้าให้มิดชิด ไม่ได้หรอกครับเปิดนิดโผล่หน่อยมันก็หาว่าผมยั่วแล้ว เหี้ยนี่หื่นจะตาย


“ค้างนี่ดิ”


“ไม่เอา พรุ่งนี้มีเรียนเสื้อผ้าไม่ได้เตรียมมา”


“ของกูไง”


“ไม่เอา ชุดมึงตัวใหญ่กูไม่อยากนุ่งโสร่งไปเรียน”


ผมบอกก่อนจะลุกขึ้นหยิบกระเป๋า ที่ว่านั่นก็เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งครับ แต่จริงๆคือเกร็งมากกว่า ยังไม่พร้อมขนาดมาค้างแล้วไปนั่งหน้าเจี่ยมเจี้ยมกินข้าวเช้าในฐานะลูกชายอีกคนหรอกนะ


ขอทำใจก่อน ยิ่งพ่อมันนะแต่ละประโยค ข้าวผมจะพุ่งออกจากปากทุกที T^T





วันนี้เป็นอีกวันที่กูโดนโห่โดนแซวจากไอ้พวกตัวเงินตัวทองที่อยู่บ้านน่าจะพิการชั่วคราวด้านการใช้เสียงตอนมาเรียนแม่งถึงต้องรีบใช้กัน


วันนี้ไอ้ซิ่งมารับผมที่คณะเพื่อนไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน ผมก็งงเพราะทุกทีเราไม่ค่อยจะกินด้วยกันสักเท่าไหร่ส่วนมากจะเจอกันตอนเช้าก่อนมาเรียนแล้วก็ตอนเย็นหลังเรียนเสร็จทีเดียวเลย


วันนี้อยากกินข้าวด้วยเลยมารับ


นี่ครับเหตุผลมัน สัด ไม่ได้ทำให้กูกระจ่างขึ้นเลย


แต่เอาเถอะครับของฟรีแดกๆไปเหอะ มีคนเลี้ยงดูนั่งร้านแอร์เย็นๆสบายดีกว่าไปเบียดในโรงอาหารใต้ตึกคณะล่ะวะ


“กินไร” มันถามเมื่อเรามานั่งกันอยู่ในร้านอาหารข้างมอ


“จะเอาเป็นอาหารจานเดียวหรือแยกข้าวแยกกับ” ผมถามกลับ


“แล้วแต่มึงดิ”


เออ สัดอะไรๆก็แล้วแต่กู เรียนมันใช้สมองหนักไปหรอถึงไม่ช่วยกูคิดเชี่ยไรเลยเนี่ย เดี๋ยวกูก็เล่นให้กระเป๋าฉีกเลยนิ


พูดไปงั้นแหละไม่ทำจริงหรอกครับ ผมสั่งกับข้าวไปสองสามอย่างกับข้าวหนึ่งโถ แล้วก็น้ำเป๊ปซี่ของผมน้ำเปล่าของมัน โดนดุด้วยแต่กูหาแคร์ไม่ กูชอบความซู่ซ่าไม่ได้จืดชืดเหมือนมึง


“เอิ้ก โคตรอิ่มอ่ะ” ผมเอามือลูบท้องพิงตัวไปกับพนักเก้าอี้


“ทุเรศ เรอเหม็นด้วยสัด” มันทำท่าแขยงผมเต็มที่


“ตอแหลสัด ไม่ได้ขนาดนั้นซะหน่อย” ถึงผมจะเรอมีเสียงดังไปนิดแต่ก็ไม่ถึงขนาดมีกลิ่นหรอกครับ มันเว่อร์


“หึๆ ด่ากูเดี๋ยวโดนๆ” ผมย่นจมูกใส่มันก่อนจะคว้าแก้วเป๊บซี่มากินรอมันที่บอกจะไปเข้าห้องน้ำ


ผมดูดเป๊บซี่ไปก็นั่งมองนู่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะสะดุดสายตาเข้ากับคนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุด



...ไอ้ไวน์...



มันยืนอยู่อีกฟากถนนหน้าเครียด ตรงข้ามมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมไม่เห็นหน้าเพราะยืนหันหลังให้ผมอยู่เหมือนกำลังคุยอะไรกันอยู่แต่คงไม่ใช่เรื่องดีนัก แต่ประเด็นอยู่ที่มันใส่ชุดนักศึกษาของมอผมผู้หญิงคนนั้นก็ด้วย มันเรียนที่นี่หรอวะ


สัด ผมนึกว่ามันกลับไปญี่ปุ่นแล้วซะอีก


มันย้ายไปเรียนต่อญี่ปุ่นตอนจบ ม.6 นอกนั้นขอไม่เล่าไม่สบอารมณ์จะเล่าเรื่องมันจริงๆ


แต่ในจังหวะที่ผมกำลังจะเบือนสายตาไปที่อื่นเพราะไม่อยากเห็นหน้ามัน ไอ้เชี่ยนั่นก็สะบัดมือผู้หญิงคนนั้นอย่างแรงจนหลุดทันทีแล้วมันก็เดินหนีมาผู้หญิงคนนั้นหมุนตัวเพื่อนวิ่งตาม

ทันทีที่ผมเห็นใบหน้านวลขาวที่นองไปด้วยน้ำตาตัวผมก็แข็งทื่อขึ้นมาทันที มือที่ถือแก้วก็หมดแรงลงไปดื้อๆ



...นิ่ม...



มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ต้องอยู่ที่ญี่ปุ่นนี่ก็ตามไอ้เชี่ยนั่นไปไม่ใช่หรอ หรือว่า...


ตามกลับมาอยู่กับมัน...


ผมนั่งมองเธอที่ยืนละล้าละลังมองรถที่วิ่งผ่านไปมาให้เธอข้ามถนนตามใครอีกคนมาไม่ได้ ภาพผู้หญิงที่ยืนปาดน้ำตาถูกบดบังด้วยรถที่วิ่งผ่านเป็นระยะๆทำให้หัวใจผมเย็นเยียบจับขั้วหัวใจ


ปิ๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน


สัดเอ๊ย!!!!


ผมกระแทกแก้วลงบนโต๊ะวิ่งออกไปนอกร้านทันที ผมไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรหรือคิดอะไรอยู่ ผมรู้แค่ว่าผมไม่สามารถที่จะทิ้งผู้หญิงที่ล้มพับอยู่ข้างทางเพราะผงะตกใจกับเสียงแตรที่บีบไล่เธอตอนกำลังจะข้ามถนน


ผมวิ่งข้ามถนนไปก่อนหยุดมองผู้หญิงที่นั่งกัดปากก้มหน้าน้ำตาไหลด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย


ทำไมถึงเป็นอย่างนี้กันนะ รอยยิ้ม...ที่ผมยอมปล่อยเธอไปเพราะต้องการเห็นเธอมีความสุขนะ


แล้วทำไมกัน...


ใบหน้าซีดเงยหน้าขึ้นมองผมผ่านม่านน้ำตาช้าๆเมื่อผมยื่นมือไปตรงหน้าเธอ


ดูนิ่มจะตกใจมากเหมือนกันเมื่อเห็นว่าเป็นผม แต่ผมเพียงแค่ส่งยิ้มบางๆให้เธอวางใจ


นิ่มชะงักไปมองมือผมที่ยื่นไปอย่างไม่แน่ใจเหมือนครุ่นคิดบางอย่างอยู่


“มาเถอะ นั่งอย่างนี้อายคนอื่นเค้าตายเลย”


แค่นั้น เธอก็ยอมส่งมือมาจับมือผมให้ช่วยประคองเธอขึ้นมา


ผมไม่ได้จับมือนี้มากี่ปีแล้วนะ....


สามปีแล้วสิ


ผมประคองพาเธอมาที่สวนสาธารณะแถวนั้นให้นิ่มนั่งลงบนโต๊ะหินอ่อนพลางโทรหาไอ้คิงว่าให้มารับหน่อยเพราะดูเหมือนนิ่มจะขาแพลงเดินไม่ไหว


ผัวมึงไปไหนล่ะ


คำถามนี้ทำให้ผมชะงักไป นั่นสิ ผมลืมมันไปเลยป่านนี้คงรู้แล้วว่าผมหายไป


ครืดดดดดดดดด


ไม่ทันขาดคำมือถือผมที่ตั้งสั่นไว้ก็สั่นขึ้น ผมหันไปมองหน้านิ่มที่นั่งก้มหน้าไม่พูดจาตั้งแต่เจอหน้า ผมกลับมามองหน้าจออีกครั้งเป็นมันจริงๆด้วย มองชั่งใจอยู่สักพักก่อนตัดสินใจตัดสายทิ้งแล้วส่งข้อความไปแทน


มีธุระด่วน กลับไปเรียนก่อนเลย


ผมกดส่งไปแต่มันก็ยังไม่ยอมหยุดโทรเข้ามาอีกสองสามรอบผมเลยติดสินใจปิดเครื่อง มันคงไม่มาตามหาผมหรอกนะเพราะบ่ายมันมีเรียนแล้วมันก็ไม่ชอบขาดเรียนด้วย


“นิ่ม” ผมส่งเสียงเรียกผู้หญิงที่นั่งข้างๆยังไม่หยุดร้องไห้เลย


“...”


“ย้ายกลับมาเรียนที่นี่แล้วหรอ” ผมถามต่อเมื่ออีกฝ่ายยังเงียบ


“อ่ะ” แล้วก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อผมเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้


“ตาบวมหมดแล้ว”


“อึก ปะ ปายยยยย”


ผมผงะไปด้านหลังเมื่อนิ่มโผร่างเข้ามากอดผมพร้อมพรั่งพรูน้ำตาออกมาอีกรอบ


“อึก วะ ไวน์ ฮืออ ทำไม ทะ ทำไมถึงไม่รักเรา ทำไม ฮือออ” ผมไม่รู้จะพูดอะไร ออกแนวพูดไม่ออกมากกว่าได้แต่ลูบหลังปลอบใจ ผ่านไปสักพักถึงเริ่มสงบ


“ทะเลาะกันหรอ” ผมถามเมื่อเห็นว่านิ่มเริ่มพูดจารู้เรื่องบ้างแล้ว


“...” ใบหน้าเรียวส่ายไปมา


“อ้าว”


“ไม่ได้ทะเลาะกันหรอก มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว ที่เราต้องวิ่งตามแบบนี้น่ะ” นิ่มเงยหน้าขึ้นมามองผม


“เราไม่สวยไม่น่ารักตรงไหนหรอ เราไม่ดีตรงไหน เราสู้...” แล้วนิ่มก็ชะงักไป “คนๆนั้นไม่ได้เลยใช่มั้ย”


ผมไม่รู้หรอกว่าเรื่องระหว่างนิ่มกับไอ้ไวน์เป็นยังไง แต่ตอนนี้ที่ผมเห็นคือสายตาเธอเจ็บปวดมาก


“ไม่หรอกนิ่มน่ะดีที่สุดแล้ว ที่สุดเลยล่ะ...” เธอช้อนตาขึ้นมองผม ก่อนจะหัวเราะเศร้าๆ


“ถ้าไวน์คิดอย่างนี้ก็คงดี” ผมมองท่าทีเศร้าๆอย่างอดจะเศร้าตามไปด้วยไม่ได้เลยยื่นมือขึ้นไปลูบหัวทุยอย่างปลอบโยน


“ถ้ามันเหนื่อยมากนักก็พักบ้างเถอะ” ผมว่าเสียงนุ่ม


“อืม เราก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” เสียงเล็กว่าก่อนจะพูดประโยคต่อมาเสียงเบาเหมือนพูดกับตัวเอง แต่ผมกลับได้ยินชัดเจน


“คงมีแต่ปายนี่แหละ ถ้าเรารักปายก็คงดีสิเนอะ”


กึก


จบประโยคนั้นก็เหมือนมีน้ำแข็งเย็นจัดสาดใส่เราสองคนให้ร่างกายชาไปทั้งแถบ


“เอ่อ...เราขอโทษ”


“ไม่เป็นไรหรอก” แต่เจ็บจี๊ดที่ใจเลยกู


แล้วบรรยากาศตรงนั้นก็เงียบไปอีก ก่อนที่อีกฝ่ายจะทำงายความเงียบลง


“ปาย”


“หืม”


“ยังจำที่ปายบอกเคบอกกับเราได้มั้ย”


“...” ผมเงียบมองเธอว่าจะพูดอะไรต่อ


“ถ้าวันไหนที่เรารู้สึกว่าที่ที่ยืนอยู่มันไม่มีความสุขให้กลับมา”


“...!”


“ปายจะรออยู่ที่เดิมเพื่อทำทุกอย่างให้เราได้ความสุขนั้นคืนมา”


“...!!!”


“ยังยืนยันคำนั้นอยู่รึเปล่า”


“...!!!!”

หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 31-07-2018 19:40:15


รักร้าย25





“นิ่ม แน่ใจหรอว่าเราจะรักกันได้”


ผมพูดขึ้นหลังจากที่เงียบมานานด้วยเสียงไม่แน่ใจ สายตาอีกฝ่ายไหววูบไปนิดก่อนจะส่งยิ้มให้ผม


“อืม เราเชื่อว่าปายจะทำให้เรารักปายได้เหมือนที่ปายรักเรา ปายยังรักเราเหมือนเดิมใช่มั้ย??”


ผมเงียบไปสักพัก ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงมีคำตอบที่มั่นใจมากกว่านี้ แต่ตอนนี้เหมือนมีอะไรบางอย่างฉุดความคิดผมไว้


แต่ผมก็ยังเป็นผม เชื่อมั่นในความคิดตัวเองมาตลอด


ในเมื่อผมรอโอกาสนี้มาตลอด ผมก็จะไม่ปล่อยมันหลุดลอยไป


“รัก...ต้องรักสิ”ผมว่าเสียงเบา


“งั้นเราลองคบกันดูมั้ย”


ผมจ้องตาเธอนิ่ง ดูแววตานี้ไม่ได้มีความยินดีในคำที่ขออกมาเลย แล้วแววตาผมล่ะเป็นแบบไหน


อาจจะประกายยินดีมากก็ได้ ในเมื่อผมรอเวลานี้มาตลอดนี่นา


“อืม เอาสิ”


ผมตอบไปแล้ว ตัดสินใจไปแล้ว....





ผมกลับมาถึงคอนโดก็ช่วงค่ำๆแล้วหลังจากที่พานิ่มไปกินข้าวเย็นก่อนจะไปส่งเธอที่คอนโดอีกที่หนึ่งซึ่งอยู่ไกลจากมหา’ลัยพอสมควร ไอ้คิงที่มารับมองผมสองคนด้วยสายตาที่มีคำถามมากมายแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไร แต่คาดว่าพรุ่งนี้คงไม่รอดที่จะถูกเค้นแน่ๆ


แกร๊ก


ผมเปิดประตูออกมาก็ต้องสะดุ้งนิดๆเมื่อเห็นคนตัวโตยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมจ้องเขม็ง มันยังอยู่ในชุดนักศึกษาปล่อยชายหลุดลุ่ย ท่าทางดูก็รู้ว่ากำลังโกรธมากพอสมควร


“ไปไหนมา”


ผมไม่ตอบอะไรเดินเบี่ยงไปนั่งลงที่โซฟา ทั้งๆที่ตั้งใจแล้วว่าจะกลับมาเคลียร์เรื่องมันให้จบไป แต่พอเห็นหน้าความตั้งใจก็หายไปหมดทันที มีแต่ความสั่นกลัวที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนเข้าครอบคลุม ผมจะทำได้ยังไง


“กูถามว่าไปไหนมา ติดต่อก็ไม่ได้” มันถามเสียงเข้มขึ้น


ผมเงยหน้าแต่พอจะอ้าปากพูดก็ต้องก้มหน้าไปอีก


“เงียบทำไม” มันดุอีกแต่เหมือนมันจะสังเกตว่าท่าทางผมไม่ปกติเลยค่อยๆเลื่อนมาจับข้อมือทั้งสองข้างดึงเบาๆเข้าหาตัว


“เป็นอะไร เกิดเรื่องอะไรขึ้น” เสียงนุ่มๆทอความห่วงใยทำเอาผมกระบอกตาร้อนผ่าว


“เปล่า...มึง...” ผมส่ายหน้าพลางส่งเสียงเรียกมัน


“หืม???”


“...”


“ว่าไงมีไรก็พูดมาดิ อ้ำๆอึ้งๆไม่สมเป็นมึงเลยนะ” มันพูดอีก ดูมันจะอารมณ์เย็นขึ้นผมเลยมองหน้ามันนิ่ง มันขมวดคิ้วเมื่อเห็นท่าทีจริงจังของผม


“เป็นไรกันแน่เนี่ย หรือว่าหิวงั้นเดี๋ยวกู...”


“เลิกกันเหอะ” ผมพูดแทรก มันนิ่งอึ้งไปเหมือนกำลังประมวลผลก่อนแววตาจะประกายกร้าวด้วยความโกรธ


“อะไร เล่นบ้าอะไรของมึง!” มันบีบข้อมือแน่น


“กูพูดจริง เลิกกัน!!!” คราวนี้มันบีบแน่นขึ้นจนผมหน้าเหยเก ทั้งดวงตาทั้งสันกรามที่ขบกันแน่นทำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่พูดออกมาอันตรายแค่ไหน


“ทำไม!! ใครมาพูดอะไรกับมึง!! หรือไข้บ้าขึ้นสมอง!!!”


ผมเงียบ ก้มหน้ากัดปากแน่น ไอ้ซิ่งคนเดิมที่ผมเจอแรกๆกลับมาอีกแล้ว ผมไม่ชอบเลยแต่ก็เพราะผมไม่ใช่หรอที่ทำให้มันเป็นแบบนี้


“ฮึก...”


“อย่ามาสำออยทำร้องไห้!! กูเจ็บกว่ามึงอีก!! กูถามว่าจะเลิกทำไมก็พูดมาสิวะ!!!” มันจับคางงัดหน้าผมที่นั่งก้มหน้าอยู่ขึ้น ผมไม่ได้อยากร้องนะ กูไม่ชอบความอ่อนแอแต่อยู่ดีๆมันก็รู้สึกทนไม่ได้


“คนที่กูรักเขากลับมาแล้ว” ผมว่าเสียงสั่น รู้สึกถึงแรงบีบคางที่คลายออกเหมือนหมดแรงแต่สักพักมันก็บีบอีก เหมือนแรงกว่าเดิมด้วย


“...!!!!”


ฟึ่บ!!!


“อ๊ะ มะมึง กูเจ็บ” ผมตกใจเมื่อมันผลักผมหงายหลังไปกับโซฟาแล้วมันก็ขึ้นมาคร่อมตัวเอามือยันโซฟาอีกข้างกดเข้าที่คอผม


ไม่แน่นถึงขนาดหายใจไม่ออกแต่ก็รู้สึกเจ็บ


“หึ คนที่รักงั้นหรอ กล้าพูดคำนี้ออกมา มึงกล้าเกินไปแล้ว” เสียงมันรอดไรฟันอย่างโกรธจัดดวงตาแดงก่ำ


“อึก แค่กๆ ซิ่งกูเจ็บ” พอผมสะอื้นไปไอไปจนหน้าตาแดงก่ำเหมือนเรียกสติมันให้กลับมา มือมันคลายออกเปลี่ยนเป็นลูบเบาๆตรงรอยแดงจากการบีบที่คอ มันมองไปที่รอยช้ำด้วยสายตารู้สึกผิดระคนเหม่อลอย


“ทำไมมึงทำแบบนี้กับกูวะห๊ะ” มันโน้มตัวลงมานอนทับก่อนกดจูบตรงรอยช้ำที่ลำคอที่มันลูบอยู่ก่อนหน้าก่อนซบเข้าตรงซอกคอผม เสียงพูดแหบพร่าขาดๆหายๆ


“ฮึก กูขอโทษ” ผมกำชายเสื้อมันแน่นพลางพูดเสียงสะอื้น


“นานหรือยังแอบคบกันมานานหรือยัง” มันถามหน้าซบอยู่ที่เดิม เพราะอยู่ใกล้กันมากผมถึงได้ยินเสียงมันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ


“วันนี้...กูเพิ่งเจอนิ่มวันนี้”

มันนิ่งไปก่อนที่ผมจะเห็นมันกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากแล้วเค้นเสียงออกมา


“เลยรีบมาบอกเลิกกูสินะ ดีจังเนอะกูเป็นผู้หญิงคนนั้นคงดีใจตาย” ผมอยากจะปล่อยโฮออกมาดังๆกับเสียงแหบพร่าเจือเจ็บปวดนั่น


“ฮึก กูขอโทษ” ผมพร่ำพูดอีกครั้งตอนนี้ทั้งร่างผมสั่นไปหมด ข้างในก็เหมือนโดนบีบด้วยมือที่มองไม่เห็น


“มึงรักกูบ้างหรือเปล่าวะ” อยู่ๆมันก็เงยหน้าใช้ดวงตาแดงก่ำจ้องผมก่อนถามเสียงเบา ขณะที่นิ้วก็เกลี่ยแก้มผมไปมา


.”...” ผมเงียบกัดปากแน่น ตอนนี้หน้ามันเริ่มมัวขึ้นจากม่านน้ำตาที่มาบดบัง


“หึ แค่ชอบสินะ สู้คนที่มึงรักมาตลอดไม่ได้หรอกจริงมั้ย” มันหัวเราะในลำคอเหมือนตลกแต่สายตามันไม่ใช่อย่างนั้นเลย


มันกำลังเสียใจ



“กูไม่เลิกหรอกนะ” มันบอกผมหลังจากที่ปล่อยความเงียบไปนาน ตามันตอนนี้แดงมาก “ถ้ามึงอยากจะคบกับเค้าก็คบไป กูจะห่างให้ชั่วคราว แต่ถ้าถึงเวลานั้นมึงยังยืนยันคำเดิมกูก็จะเลิกให้”


“ตะ แต่...”


“ขอกูเลือกบ้างเถอะ สัญญาว่าระหว่างนี้จะไม่ไปก้าวก่ายไม่มาให้เห็นหน้า กูยอมสุดๆแล้วนะ ดูไม่ใช่กูใช่มั้ยล่ะ หึ” มันพูดด้วยเสียงเหมือนสมเพชตัวเอง


ทำไมวะ ทำไมกูต้องเป็นคนแบบนี้!!!


ทั้งๆที่กูเลือกนิ่มแล้ว แต่ทำไมยังต้องรู้สึกดีใจที่มันบอกว่าไม่เลิกด้วย!!!


“เพราะสำหรับกูถ้าบอกว่าเลิกแล้วต่อให้รักแทบตายกูก็จะไม่กลับมา” มันเน้นบอกด้วยสายตาจริงจัง


เหมือนมันตั้งใจบอกผมว่าถ้ามันยอมเลิกตอนนี้ต่อให้สุดท้ายผมกลับมาขอคบกับมัน มันก็จะไม่กลับมาเหมือนเดิม


หรืออีกความหมายคือ ถ้ามันเป็นผมมันจะไม่กลับไป...


ไม่ทำให้ใครต้องเจ็บเหมือนที่ผมทำ...


“กูขอโทษ”


“เลิกพูดคำนี้สักทีมันไม่ได้ทำให้กูรู้สึกดีขึ้นหรอกนะ!! ถึงกูไม่เคยพูดว่ารักมึงแต่รู้ใช่มั้ยว่ากูรู้สึกยังไงแล้วตอนนี้กูเจ็บแค่ไหน!!” มันว่าเสียงหงุดหงิดอีกครั้ง


“ฮึก ขอโทษ”


“หยุดเหอะขอร้อง อย่าร้องไห้ด้วยสัดเป็นตุ๊ดหรือไงเอะอะร้องไห้” มันยื่นมือมาปาดน้ำตาให้ผมลวกๆทำเอารู้สึกแสบที่ผิวแก้มนิดๆ ก่อนจะก้มหน้ามาจูบผม


มันเป็นจูบที่ยาวนานโหยหา ไม่ว่าผมจะหายใจไม่ทันยังไงมันก็ไม่ถอนจูบออกอย่างกับกลัวว่าต่อไปจะไม่ได้จูบกันแบบนี้อีก


“กูดีใจลึกๆนะที่ยังไม่ได้บอกรักมึง” มันพูดเสียงเบาริมฝีปากยังเคลียกันอยู่ ก่อนจะเอาหน้าผากมาแนบกับหน้าผากผมแล้วหลับตาลงเหมือนข่มความรู้สึกบางอย่างอยู่ ผมจ้องมองใบหน้าคมนิ่ง


“เพราะบอกไปมันก็คงเป็นคำรักที่ไม่มีค่าอะไรเลย...”






“จะไปไหน”


“กลับหอ” ผมบอกออกไป มันที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำมองมายังกระเป๋าเสื้อผ้าที่ผมถือไว้ก่อนเดินเข้ามากระชากมันออกจากมือไปถือไว้เอง


“บอกเลิกสัญญาเช่าไปแล้วไม่ใช่หรือไง เขาคงให้มึงเข้าไปซุกหัวนอนหรอกอยู่นี่แหละเดี๋ยวกูไปเอง” มันบอกก่อนเดินเข้าไปในห้องนอน ผมที่ยืนอยู่หน้าห้องเหมือนโดนตอกเท้าไว้ มันมึนไม่รู้จะต้องเดินไปทางไหน


สักพักมันก็เดินออกมาในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงสามส่วนที่มันชอบใส่ เป้สะพายหลังหนึ่งใบพร้อมกับกุญแจรถ


“กูไปละ นี่กุญแจห้อง” มันวางกุญแจไว้บนโต๊ะหน้าทีวี 


“...”


“กูขออย่างเดียวนะ อย่าพากันขึ้นมาที่ห้องของเรา” มันพูดขึ้นพลางใส่รองเท้า ผมเดินเข้าไปเตะรองเท้าอีกข้างที่ยังไม่ได้ใส่ให้ไปอีกทาง มันเงยขึ้นมามองหน้า


“มึงไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวกูไปเองนี่ห้องมึงนะ” ผมพูด มันแค่มองหน้าแล้วเดินไปหยิบรองเท้าที่ผมเตะไปอีกข้างมาใส่


“ไม่มีมึงกูก็ไม่รู้จะอยู่ที่นี่ไปทำไม กลับไปอยู่บ้านกูดีกว่าส่วนมึงถ้าไม่อยู่นี่จะไปอยู่ที่ไหน”


“กะ กู”


“ไม่ต้องเถียง ถือซะว่าเป็นอีกเรื่องที่กูขอ” ผมเม้มปากแน่นอย่างเถียงไม่ออก ได้แต่มองมันที่ใส่รองเท้าเช็คของก่อนที่จะเปิดประตูก้าวออกไป


หมับ


“หืม” มันหันกลับมามองมือผมที่คว้าจับชายเสื้อมันไว้แน่น พอเห็นว่ามันจะไปจริงๆก็รู้สึกโหวงๆเหมือนใจมันวูบแปลกๆ


“หึ ดื้อเป็นคนเลือกเองนะ” มันเอามือมาลูบหัวผมเบาๆก่อนจะกดจูบที่แก้มอีกฟอดใหญ่ แล้วค่อยๆเดินออกจากห้องไปหยุดที่หน้าลิฟท์ ผมจ้องมองแผ่นหลังกว้างน้ำตาที่แห้งไปเริ่มคลอหน่วงอีกครั้ง


ติ๊ง!!


น้ำตาที่คลอหน่วงไหลอาบแก้มและยิ่งสะอื้นหนักเมื่อก่อนที่ประตูลิฟท์จะปิดสนิทลงมันได้ส่งรอยยิ้มบางๆกับบางคำที่ถึงแม้ไม่ได้ยินแต่ผมก็อ่านปากที่ขยับได้



...อย่าร้องไห้....




สัด ไม่ให้กูร้องแล้วน้ำตามึงไหลทำไม






วันนี้ผมมาเรียนด้วยหน้าที่โคตรโทรม บอกตรงๆเมื่อคืนนอนไม่หลับรู้สึกห้องมันโล่งๆกว้างๆไปหมด เช้ามาผมก็ถอยมอเตอร์ไซค์ออกไปรับนิ่ม เธอดูหน้าแหยนิดๆที่ต้องนั่งลูกรักของผมแต่สุดท้ายก็ยอมขึ้นมา ผมก็รู้สึกละอายใจนิดๆที่ต้องทำให้ผมที่ดัดมาซะสวยกระเซิงไปหมดแต่ทำไงได้ดีกว่าโหนรถเมล์ล่ะนะ เอาไว้ผมจะซื้อหวีให้แล้วกัน


“เย็นนี้เลิกเรียนกี่โมง” ผมถามเมื่อมาจอดที่หน้าคณะบริหาร


“บ่ายสาม”


“อืม เดี๋ยวปายมารับนะ”


“จ๊ะ” นิ่มยิ้มรับแต่ในขณะที่หมุนตัวจะเข้าตึกอยู่ดีๆเธอก็กระโดดขึ้นมาหอมแก้มผมเล่นเอาผมที่จะติดเครื่องรถตกใจหมด


“ขอบใจนะ” แล้วร่างเล็กนั่นก็วิ่งหายเข้าไปในตึก


อะไรวะ ชอบทำอะไรให้ตกใจไม่เปลี่ยนเลยนะ หึ


แต่พอผมเลี้ยวรถกลับไปก็เจอกับบางคนที่ผมทำเป็นไม่เห็นขับรถผ่านไปแต่ความจริงแล้วมันกับอยู่ในกรอบสายตาตลอด...


ไอ้ไวน์...


หึ เมื่อกี้ที่นิ่มวิ่งกระโดดมาหอมแก้มผมเพราะอย่างนี้สินะ




“ไอ้เชี่ยปายมานี่เลยสัด!” ไอ้คิงที่พอเจอหน้าปุ๊บก็แทบจะหิ้วผมลอยไปที่ที่พวกมันนั่งอยู่


“อะไร เบาๆกูเจ็บเหี้ย” แม่งมาบีบข้อมือรอยที่ไอ้ซิ่งทำช้ำไว้เมื่อวานเลย


“มึงกำลังทำอะไรไม่ใช่ที่กูคิดใช่มั้ย” พวกมันเค้นถาม แม่งห้าคนสิบตาจ้องมาทางกูหมด


“ไม่ทันแล้วมึง” ยังไม่ทันที่ผมจะตอบไอ้อีกตัวที่ขาดก็เดินมาพอดี มันลงนั่งข้างๆไอ้บอลที่ตรงข้ามกับผมพอดี


หกคนสิบสองตาพอดีสินะ


“มันทำในสิ่งที่พวกมึงคิดไว้แล้ว” ทันทีที่ไอ้แคนพูดจบพวกมันทั้งหกตัวก็จ้องพรึบมาที่ผมพร้อมกัน ดูสายตาก็รู้ว่าอยากฆ่ากูกันขนาดไหน


เชี่ยแคนก็ข่าวไวเกิ๊น อย่างว่าแฟนเขาเป็นวงในนี่นะ


“มึงทำจริงๆหรอไอ้ปาย สัด มึงทำได้ไงวะ!!!” ไอ้คิงที่ดูจะฉุนจัด


“ก็กูรักของกู” ผมเถียงบ้าง แม่ง ทำไมไม่เข้าใจกูบ้างวะ


“แล้วไง จะบอกว่ามึงไม่รักพี่ซิ่งเลยว่างั้น” มันกระชากเสียงถามอีก คำนี้เล่นเอาผมสะอึก ก็อยากตอบนะ


...ก็แค่ชอบ...


แต่พอนึกถึงความรู้สึกเมื่อวานที่ต้องอยู่ห้องคนเดียว นอนคนเดียว ไม่ต้องลุกมาทำอาหารเช้าให้ใครกิน มันก็พูดไม่ออกซะงั้น


เพราะมันคงไม่ใช่แค่นั้น...


“ใจเย็นไอ้คิง มึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นมึงไม่เข้าใจมันหรอก ให้เวลามันบ้าง” ไอ้แคนพูดแทนเพื่อให้สถานการณ์คลายลง


ใช่ ไอ้แคนมันรู้เรื่องทุกอย่างเพราะตอน ม.ปลายมันสนิทกับนิ่มและก็ผม  รวมทั้งไอ้เชี่ยนั่นด้วย


“ฮึ่ย กูไม่เข้าใจเลยจริงๆ” ไอ้คิงมันสบถหัวเสียก่อนเดินขึ้นตึกเรียนไปเลย ไอ้แปงรีบวิ่งตามไปส่วนไอ้พวกที่เหลือก็แค่เข้ามาตบไหล่ผมปุๆอย่างให้กำลังใจ


“อย่าคิดมากมันก็บ้างั้นแหละ มึงก็รู้มันมีพี่ซิ่งเป็นไอดอล เอาที่ใจมึงอยากทำกูอยู่ข้างมึงเสมอ” ไอ้แคนเข้ามากอดไหล่พาผมเดินเข้าตึกไปด้วยกัน


เฮ้อ มันก็น่าโมโหอยู่หรอกกับสิ่งที่ผมทำ ไอ้คิงมันชื่นชมไอ้ซิ่งจะตายด้วยอะไรหลายๆอย่างถึงขนาดยกให้เป็นไอดอล นี่ถ้ามันรู้นะว่าผมยังไม่ได้เลิกกับไอ้ซิ่งอย่างจริงๆจังๆแต่มาคบกับนิ่มอีกแบบนี้มันคงถีบยอดหน้าผมเป็นแน่แท้






ผ่านไปสองอาทิตย์แล้วที่ผมคบกับนิ่มทุกอย่างดูราบรื่น ทุกอย่างดีไปหมดเราไม่เคยทะเลาะกัน ไม่เคยเถียงกัน นิ่มว่ายังไงผมก็ว่าตามนั้น ในขณะเดียวกันผมว่ายังไงนิ่มก็ตามใจเช่นกัน


มันก็ดีนะที่เราเข้าใจกันทุกอย่าง แต่ผมก็รู้สึกว่ามันขาดบางอย่างไป


ครืดดดดดดดด


“ครับ”


“ติวเสร็จกี่โมง” เสียงนิ่มถามมาตามสาย


“อืม สักสองทุ่มมั้ง รุ่นพี่ที่จะติวให้นัดหกโมงเย็นน่ะ” พอดีอีกสองวันผมจะสอบเก็บคะแนนวิชาไบโอเคมแต่มันเป็นเกี่ยวกับพวกสารดีเอ็นเอกลไกในร่างกายไรงี้ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกผมไม่ถนัดและจากประวัติเด็กเคมีส่วนใหญ่จะไม่ผ่านกันเลยขอให้รุ่นพี่มาติวให้


ก็ติวกันทั้งชั้นปีครับแต่ไม่บังคับนะใครอยากมาก็มา แต่ส่วนใหญ่ก็อยู่ติวกันแหละ


“งั้นเรียนเสร็จไปหานะ เข้าไปได้หรือเปล่า” เสียงถามอย่างไม่แน่ใจ คงกลัวว่าจะโดนเพื่อนในชั้นปีผมว่าเอา


“มาดิๆมานั่งด้วยได้เพราะมีแต่รุ่นพี่รุ่นน้องกันเองทั้งนั้น จะได้อวดด้วยว่าแฟนปายน่ะสวย” ผมหยอดเบาๆออกแนวแซวๆมากกว่า ได้ยินเสียงหัวเราะมาตามสาย


“จ้า งั้นนิ่มเข้าไปประมาณห้าโมงครึ่งนะ หาของกินไปให้กินก่อนติวสมองจะได้แล่นๆยังไม่ได้กินข้าวกลางวันใช่ป่ะ”


“เออดิ มัวแต่ทำแลป ” ผมบอกไป เมื่อกลางวันผมโทรไปบ่นกับนิ่มเองแหละ


“งั้นแค่นี้นะ เดี๋ยวเจอกัน”


“ครับ”



หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 26
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 31-07-2018 19:41:53


รักร้าย26



ครืด


เสียงประตูบานเลื่อนที่เปิดออกคงเรียกความสนใจไปจากผมไม่ได้ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงที่ถือถุงที่มีโลโก้เซเว่นมาเต็มสองมือจนผมก็ลุกไปช่วย


“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ” ผมเอาของมาวางลงบนโต๊ะ ตอนนี้คนยังไม่ค่อยเยอะเพราะอีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาติวมีแต่พวกกลุ่มผมที่เลิกเรียนแล้วไม่รู้จะไปไหนกันต่อ เลยมานั่งรออาบแอร์ในห้องติวเลย


มันก็คือห้องเรียนธรรมดานี่แหละครับแต่ทำเรื่องขอเจ้าหน้าที่เปิดนอกเวลา


“ก็ของกินของปายกับเพื่อนๆแหละ” พอรู้ว่าพวกมันก็มีส่วนเกี่ยวข้องมันก็รีบกระถัดเก้าอี้เข้ามารุมล้อมทันที


ตะกละตลอดพวกมึง


“นี่ของปาย” นิ่มเลิกสนใจไอ้พวกแร้งที่มันกำลังแหกถุงเซเว่นส่งของผมมาให้


“เอ่อ...” ผมมองมาม่าคัพอย่างกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก


ถ้ากูกินเข้าไปนี่ไม่ได้ติวแน่รับรอง ไม่ไปนอนแดกยาตายที่หอก็โรงบาลแน่ๆ


รู้ใช่มั้ยครับว่าผมแพ้


“อุ้ย ไอ้ปายกูอยากกินมาม่าพอดีเลย หิ๊วหิวขอกูได้ป่ะ” ไอ้แปงมันคงเห็นแล้วว่าอะไรที่นิ่มซื้อมาให้ผมรองท้องเลยออกหน้ามาช่วย


“อะไรอ่ะแปง นิ่มซื้อขนมปังมาให้แล้ว อย่ามาแย่งปายสิ” นิ่มออกแนวพูดแซวๆไม่ได้ซีเรียสอะไรมากกว่า แต่ผมเนี่ยแหละเริ่มเครียดแล้ว


ถ้าไม่กินก็จะเสียน้ำใจใช่มั้ยล่ะ


“กินเร็วปายเดี๋ยวมันจะอืด คนแถวนี้จะแย่งด้วย” นิ่มย่นจมูกใส่ไอ้แปงอย่างน่ารัก


“เอ่อ อืม เอามาดิหอมเชียวเนอะ”


“แน่นอนสิ รสหมูสับต้มยำเลยนะ”


ปึก


โครม


“อ๊ะ”


แล้วถ้วยมาม่าที่ผมกำลังจะยื่นมือไปรับก็ถูกชนอย่างแรงจนมันหลุดจากมือนิ่มตกลงไปเลอะเทอะบนพื้น


“ขอโทษ พอดีมองไม่เห็นน่ะ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นเหนือหัว (ผมนั่งอยู่) ทำให้ผมรีบเงยหน้ามองคนพูดเพราะมันเป็นเสียงคุ้นเคยที่ผมไม่ได้ยินมาสองอาทิตย์แล้ว


“อ่อ ไม่เป็นไรค่ะ” นิ่มพูดงงๆคงแปลกใจแหละ ก็ในส่วนที่ผมนั่งไม่ใช่ทางเดินที่ใครจะมาซุ่มซ่ามชนกันได้


“พี่ซิ่ง มาด้วยหรอพี่” เสียงไอ้แคนตะโกนทัก


“อืม พอดีไอ้กานต์ให้ช่วยจัดเนื้อหา แล้วก็มาเป็น TA ช่วยสอน ยังไม่มาอีกหรอวะ” มันพูด กวาดตามองหา โดยสายตานั้นไม่ได้มองผมอีกเลยหลังจากที่สบตากันในแวบแรกเท่านั้น


“คงใกล้แล้วอ่ะ ผมว่าพี่ไปล้างเท้าก่อนดีกว่า ดูดิน้ำมาม่ากระเด็นเลอะรองเท้าหมดแล้ว” ผมก้มไปมองตามที่ไอ้บอลพูด เลอะจริงๆด้วยดีนะที่น้ำร้อนๆโดนแค่รองเท้าไม่โดนผิวเนื้อด้านในไม่อย่างนั้นพองแน่ๆ


“เออ งั้นกูฝากชีสแป๊บ เดี๋ยวกูไปเปลี่ยนรองเท้าในรถเลย อ้อ ฝากตามแม่บ้านมาเก็บกวาดด้วย” มันส่งชีสปึกใหญ่ มาให้ ก่อนที่จะเดินออกนอกห้องไปมันก็หันมามองผม พร้อมยื่นถุงที่มีโลโก้ร้านแฮมเบอเกอร์โปรดของผม


“พี่ทำของน้องหล่น เอาของพี่ไปแทนแล้วกัน”


มันพูดแค่นั้นแล้ววางไว้บนโต๊ะที่ผมนั่งก่อนเดินออกไป ผมมองตามแผ่นหลังมันจนหายไปกับบานประตูที่ปิดลงแล้วหันกลับมาสนใจถุงเบอเกอร์ตรงหน้า


ผมเปิดถุงเบอเกอร์หยิบไอ้ก้อนกลมๆที่ห่อด้วยกระดาษยี่ห้อเดียวกับถุงหิ้วขึ้นมาแล้วค่อยๆแกะกระดาษออก พอเห็นเนื้อเบอเกอร์กระบอกตาผมก็ร้อนขึ้นมาดื้อๆ


ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่ของมัน...ของผมต่างหาก


เพราะถ้าเป็นของมันต้องใส่ซอสมะเขือเทศไม่ใส่แตงกวา


แต่เบอเกอร์ชิ้นนี้ราดซอสพริกไม่ใส่หอมใหญ่


...ผมชอบกินซอสพริก เกลียดหอมใหญ่


“ปาย เป็นอะไรหรือเปล่า เห็นนั่งจ้องชิ้นเบอเกอร์นานแล้ว” เสียงนิ่มถามออกมาแต่ผมไม่ได้สนใจจะหันไปมองหน้าเธอสักนิดเอาแต่จ้องก้อนกลมในมือ


“เปล่าหรอก แค่ดีใจน่ะ ที่พี่เขากินเบอเกอร์แบบเดียวกับปาย”


ตลอดเวลาที่เริ่มติวมาได้ร่วมชั่วโมงผมก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ส่วนใหญ่จะไม่รู้เรื่องมากกว่าเพราะไม่ค่อยมีสมาธิสักเท่าไหร่ ก็สายตามันชอบเอาแต่หันไปมองเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดที่คอยจัดแจงเนื้อหาและอธิบายเพิ่มเติมจากที่พี่โจ้สอน บอกตรงๆผมคิดถึงมันว่ะ


ก็คิดถึงมาตลอดแต่พอวันนี้ได้เจอตัวเป็นๆทำให้รู้เลยว่าโคตรคิดถึงมันขนาดไหน




“ปาย ปาย!!”


“หะ หื้อ ว่าไงนิ่ม”


“เป็นอะไร นิ่มเห็นปายเหม่อมาตั้งแต่ห้องติวแล้วนะ”


ผมได้แต่ส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไรพลางส่งยิ้มบางๆไปให้ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้องของนิ่ม มาส่งแล้วนิ่มชวนขึ้นมานั่งเล่น นิ่มก็บ่นๆว่าทำไมผมไม่เคยพาไปนั่งเล่นที่ห้องบ้างซ่อนสาวเอาไว้หรือเปล่าผมก็ยิ้มๆตอบไป


ก็มีคนสั่งไว้ว่าห้ามพาไปนี่หว่าแล้วอีกอย่าง...


ผมก็ไม่อยากพาคนอื่นขึ้นไปบนห้อง ‘ของเรา’ ด้วย


“ปายว่าเราคบกันราบรื่นไปมั้ย” นิ่มที่ทิ้งตัวนั่งข้างๆผมถามขึ้น ผมหันไปมองหน้าแล้วหัวเราะเบาๆ


“แล้วไม่ดีหรือไง  อยากทะเลาะกันว่างั้น”


“ก็ เปล่า แต่แค่รู้สึกว่าดูนิ่งๆไงไม่รู้ ไม่เหมือนคนรักทั่วไปเขาทำกัน ตั้งแต่คบกันเรายังไม่เคยแม้แต่จะจูบกัน” นิ่มว่าออกมา ทำให้ผมนึกย้อนทบทวนไป นั่นสิ ผมไม่เคยล่วงเกินอะไรนิ่มมากไปกว่าจับมือมากสุดก็หอมแก้ม


ไม่รู้ดิ ผมไม่รู้สึกอยากทำ คงอยากให้เกียรติล่ะมั้ง


“ปายให้เกียรตินิ่มไม่ดีหรือไง” ผมลูบหัวทุยเบาๆอย่างเอ็นดู


“ปายคิดงั้นหรอ อย่างปายเนี่ยนะ มือไวใจเร็วจะตาย” ก็จริง เมื่อก่อนตอนที่ผมคบกับนิ่มถึงจะไม่เคยเรื่องอย่างว่า แต่เรื่องชอบนัวเนียลวนลามเนี่ยที่หนึ่งเหอะ


“พูดงี้อยากโดนว่างั้น” ผมหยอก


“อืม อยากลอง”


“เฮ้ย!!!” ผมตกใจตาโต อยากลอง ลองอะไร ใครทำนิ่มน้อยให้กร้านโลกเปลี่ยนไปขนาดนี้วะ


“บ้า คิดอะไรปายแค่อยากลองจูบ”


“อ่อ” ฟู่ว ค่อยโล่งใจหน่อย


“เอาดิ”


ผมนิ่งคิดไปก่อนบอก เอื้อมมือไปรั้งเอวนิ่มเข้ามาใกล้ จ้องหน้านิ่มอยู่พักก่อนจะค่อยๆโน้มตัวเข้าไปหาจนริมฝีปากเราแตะกัน


ผมแตะปากไว้เฉยๆไม่ได้ขยับต่อพลางกระพริบตาปริบๆ พอจะเริ่มจูบจริงๆมันก็ทำไม่ได้เลยแช่ริมฝีปากไว้แค่นั้น


เหมือนเยลลี่นิ่มๆแต่หมดความหวานไปแล้ว


นิ่มที่หลับตาพริ้มลืมตาขึ้นมองเมื่อเห็นผมไม่ทำอะไรมากไปกว่านั้น เราจ้องตากันในระยะประชิดก่อนจะหัวเราะพรืดออกมา


“เฮ้อ จืดชืดชะมัด”


“นั่นดิ”


เราสองคนถอนปากออกก่อนหัวเราะใส่กันทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องตลกสักนิด


“โกรธปายป่ะ” ผมถามนิ่มที่นั่งกอดเข่าพิงพนักวางแขนขอบโซฟาอีกด้านหันหน้าเข้าหาผม


“ไม่อ่ะ สบายใจมากกว่า” ผมเลิกคิ้วเธอเลยพูดต่อ


“ที่ได้เพื่อนดีๆอย่างปายกลับมาไง”


ผมยิ้ม นั่นดิ ผมก็รู้สึกว่ามันโล่งโปร่งสบายใจขึ้นมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงเสียใจเมื่อได้ยินคำว่าเพื่อนจากปากผู้หญิงคนนี้  แต่ตอนนี้มันรู้สึกดีอย่างประหลาด


อาจเป็นเพราะผมมีคนของผมในใจอยู่แล้วล่ะมั้ง


“นิ่มขอโทษปายนะที่มาคบกับปายเพราะ...” เธอเม้มปากเงียบไป ผมเลยต่อให้


“ประชดไอ้ไวน์อ่ะดิ ปายรู้ตั้งแต่แรกแล้ว” เธอก้มหน้านิ่ง ก่อนพูดเสียงแผ่วอย่างรู้สึกผิด


“ขอโทษนะ”


“ช่างมันเหอะ ปายไม่ได้เสียใจอะไรหรอก” ผมว่ายิ้มๆให้เธอสบายใจ ซึ่งมันก็ได้ผลนิ่มยิ้มส่งมา


“ใช่สิ เดี๋ยวนี้ไปหลงสาวอื่นแล้วนี่ ว่าแต่ใครน้าที่ทำให้ปายรักได้ขนาดนี้เนี่ย” นิ่มเข้าประชิดตัวผม เหอๆไม่วายแซวนะ


“ไม่มีสักหน่อย” ผมไม่ได้โกหกนะไม่มีผู้หญิงจริงๆนี่หว่า ผู้ชายต่างหาก เหอะๆ


“ชิ ปิดบังกันนะ แต่...ปาย” ผมที่ยิ้มๆเลิกคิ้วสูงเมื่อเธอเรียกเสียงจริงจัง


“หืม อะไรหรอ”


“เรื่องไวน์น่ะ” ผมหุบยิ้มทันที แต่นิ่มเข้ามาจับมือผมไว้เลยหยุดฟัง “ไวน์ไม่ผิดอะไรเลยนะ อย่าโกรธอย่าเกลียดไวน์เลยนะ ถ้าจะผิดก็ผิดที่นิ่มเอง”


“ปายรู้นะว่านิ่มรักมันแต่ไม่ต้องมาออกรับแทนมันเลย”


ถึงตอนนี้ผมกับนิ่มเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่เรื่องที่ไอ้ไวน์มันทรยศผมมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง


มันเป็นเพื่อนที่ผมสนิทที่สุด รักมากที่สุด แต่มันกลับทำเรื่องที่สารเลวที่สุด


“ไวน์รักปายมากนะ ปายยังเป็นเพื่อนที่ไวน์รัก เรื่องวันนั้น..”


“นิ่ม” ผมเรียกเสียงเข้ม


“ฟังนิ่มนะปาย นะ ขอร้อง”


ผมกลับมาถึงคอนโดด้วยหัวสมองที่ขบคิดเรื่องบางอย่างมาตลอดทางกลับห้อง เรื่องวันนั้นนิ่มบอกว่าเป็นฝ่ายเริ่มเองเป็นคนไปจูบไอ้ไวน์ก่อนเองจนผมเข้ามาเห็นพอดีโดยที่มันไม่ได้เต็มใจ นิ่มบอกว่าตอนนั้นเธอเห็นแก่ตัวไม่ได้บอกพอดีกับที่ไอ้ไวน์บินไปเรียนที่ญี่ปุ่นแล้วเธอก็ตามไป


ที่นิ่มมาคบผมตอนนั้นก็เพราะชอบไวน์อยากใกล้ชิดกับมัน เห็นผมไปบอกชอบเธอเลยคบด้วย


ตลอดเวลาไอ้ไวน์ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับนิ่ม มีแต่เธอที่วิ่งตามอยู่ฝ่ายเดียว


ผมก็ตกใจพอสมควรเพราะตอนนั้นไม่คิดจะฟังไอ้ไวน์เลย เอาแต่โกรธแค้นมัน แต่จะให้กลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมมันก็ทำไม่ได้


ทิฐิในใจมันสูงเกินไป


ผมสลัดเรื่องนี้ออกไปลุกขึ้นไปอาบน้ำให้หัวมันโล่ง ลงมานั่งทวนเนื้อหาที่จะสอบก่อนปิดไฟล้มตัวลงนอน


ถ้าไม่นับเรื่องไอ้ไวน์ คืนนี้เป็นคืนแรกในรอบสองอาทิตย์ที่นอนหลับสนิทที่สุด


พรุ่งนี้กูจะไปรับผิดนะ เตรียมใจไว้เลย


ผมคิดแล้วก็ยิ้มออกมาในความมืด กอดรัดหมอนข้างแรงๆให้สมกับที่ผมจะนอนกอดมันเป็นคืนสุดท้าย





“วันนี้ไอ้ซิ่งไม่ได้มาเรียน” พี่กานต์บอกผม หลังจากที่เรียนเสร็จผมก็บึ่งรถมาที่คณะแพทย์แต่กลับต้องผิดหวัง


ทำไมไม่มาเรียนล่ะ มันไม่ชอบขาดเรียนนี่


“ลองไปหาที่บ้านดูสิ ตรอมใจตายไปแล้วมั้งเห็นแฟนนั่งกับสาวอื่น” พี่อาร์มพูดลอยๆแต่โคตรแทงใจกูเลยแม่ง


“สัด อย่าไปเหน็บน้องดิ หุบปากเลย” พี่กานต์หันป่าก่อนจะยิ้มให้กำลังใจผม


ส่วนพี่ส้มได้แต่ยืนนิ่งๆไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาที่มองมาดุไปนะ T^T


“งั้นผมไปก่อนนะ”


“โชคดีไอ้น้อง”


ผมมาถึงบ้านไอ้ซิ่งก็รู้สึกเกร็งนิดๆนะ เพิ่งมาบ้านนี้ครั้งที่สองเองแล้วครั้งนี้ยังมาคนเดียวอีก ผมกดกริ่งหน้าบ้านสักพักก็มีแม่บ้านมาเปิดประตูให้ แม่บ้านดูแปลกใจว่าผมเป็นใครแต่สักพักก็ยิ้มออกมารีบเชิญผมเข้าบ้าน


สงสัยจำหน้าผมได้


“อ้าว หนูปายนี่เอง มาหาตาซิ่งหรอนอนซมอยู่ด้านบนน่ะ” ผมเข้ามาก็เจอแม่ไอ้ซิ่งรีบยกมือไหว้ทันที


“สวัสดีครับ ซิ่งเป็นอะไรหรอครับ”


“ตายจริงซิ่งไม่ได้บอกหรอลูกสงสัยไม่อยากให้หนูปายเป็นห่วง ไม่สบายน่ะ เมื่อวานลงไปช่วยเด็กที่โดนรถชนเห็นว่าฝนตกด้วย สงสัยตากฝนนานไปเลยเป็นไข้” เมื่อวานช่วงสองทุ่มฝนตกจริงๆด้วย ไม่รู้ว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า


“แล้วไปหาหมอหรือยังครับ”


“ไม่ได้ไปหรอกจ่ะพักอยู่ด้านบน โชคดีหน่อยที่มีพ่อเป็นหมอเมื่อเช้าเลยมาดูอาการให้แล้วก่อนไปทำงาน”


จริงสิพ่อมันเป็นหมอนี่นาแถมยังเป็นเจ้าของโรงพยาบาลด้วย เจริญตามรอยพ่อเลยสินะ ลูกชายเป็นหมอคนลูกสาวเป็นหมอยา


“งั้นผมขอตัวขึ้นไปนะครับ”


“ตามสบายเลยลูก ตาซิ่งคงดีใจที่แฟนมาหา” คุณแม่ยิ้มใจดีมาให้ ถ้ารู้ว่าผมทำอะไรไว้กับลูกชายแกบ้างจะยังใจดีกับผมอย่างนี้อยู่มั้ยนะ ผมเดินมาถึงหน้าห้องที่เคยมาครั้งที่แล้วก่อนจะลองปิดลูกบิดประตูเบาๆ


ไม่ได้ล็อค


แกร๊ก


ผมเปิดประตูเข้าไป พอประตูเปิดออกคนในห้องก็สะดุ้ง


“ทำไรอ่ะ”


คนป่วยอะไรลุกขึ้นมาเดินเพ่นพล่านอย่างนี้วะ มันใส่แค่กางเกงขายาวสีเทาไม่ได้ใส่เสื้อ ในมือมีกะละมังใบเล็กกับผ้าขนหนูผืนเล็กพาดบ่า


มันแค่ยืนมองผมนิ่งสักพักก่อนจะทำเมินเดินไปที่เตียง วางกะละมังไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง


“จะเช็ดตัวทำไมไม่เรียกคนมาช่วยล่ะ” ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆมันก่อนแย่งผ้ามาถือไว้เอง พอทำอย่างนั้นมันก็ขึ้นไปนอนบนเตียงห่มผ้ามิดคอแล้วหันหลังให้ผม


เป็นการปฏิเสธความช่วยเหลือทางอ้อม


มันไม่พูด ไม่ถามหรืออะไรทั้งสิ้น เหมือนผมไม่มีตัวตน


เจ็บว่ะ...แต่คงไม่เท่ามัน


“ไม่ต้อง” มันปัดมือผมทิ้งเมื่อทำท่าจะเลิกผ้าห่มออกเพื่อนเช็ดตัวให้  ผมละมือออกมาก่อนเม้มปากแน่น


“ทำไมทำงี้วะ ไหนบอกจะไม่เลิกแล้วเมินกันทำไม” ผมถามออกไป รู้ว่างี่เง่ามากที่ทำมันเจ็บขนาดนี้แล้วยังมาเรียกร้อง แต่ผมก็กลับมาแล้วไง


กลับมารับผิดทุกอย่างทำไมไม่สนใจกันบ้าง


“ใครไปบอกล่ะถึงมา แค่ไม่สบายไม่ตายหรอกนะ” นี่เป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่เริ่มพูดกับผม


ผมกัดปากกับน้ำเสียงน้อยใจก่อนตัดสินใจข้ามตัวมันไปอีกด้านของเตียง เพื่อมองหน้ามัน และอยากให้มันมองหน้าผม


“มาเอง กลับมาเอง” ผมพูดเสียงหนักแน่น ผมรู้ว่ามันรู้ถึงความหมายที่แฝงมา


“แล้วแฟนนายล่ะ” มันถามเสียงนิ่ง สายตามันว่างเปล่าไม่แสดงความรู้สึกอะไร


“ก็นอนป่วยอยู่นี่ไง”


“...” มันยังจ้องหน้าผมนิ่ง กูกดดันนะ


“ก็จริง กูมีแฟนอยู่คนเดียวแล้วกำลังนอนป่วยอยู่” ผมพูดเสียงเบา ก้มหน้าบีบมือแน่นเป็นคนมีความผิดติดตัว


“โดนทิ้งมา??”


“ไม่ใช่สักหน่อยไม่ได้รักกันก็ต้องเลิกสิ” ผมขึ้นเสียงนิดๆ ย้ำว่านิดจริงๆ


“เขาไม่ได้รักมึง??”


“กูก็ไม่ได้รักเขาโว้ยยย” ผมตะโกนใส่หน้ามันแต่พอโดนทำตาดุใส่ก็ต้องกลับมานั่งหงอท่าเดิม


“อืม ไม่ได้รักกันก็ต้องเลิกกันสิเนอะ” มันพูดเบาๆแค่นั้นแล้วหลับตาลง อะไร พูดแบบนี้หมายความว่าไง หรือมันจะไม่รักผมเกลียดผมไปแล้ว


ผมไม่รู้ว่ายังไงเพราะมันก็ไม่เคยบอกรักผมจริงจังสักทีแต่ผมรู้ได้จากการกระทำมาตลอด แล้วตอนนี้ล่ะผมห่างกับมันไปตั้งนานความรู้สึกมันจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า


ผมนั่งก้มหน้าบีบมือตัวเองแน่น กัดปากอย่างคิดไม่ตก ถ้ามันจะจบก็คงเป็นเพราะผมเอง ผมที่ดื้อไม่ยอมรับตัวเองอยากพิสูจน์ความรู้สึกบ้าๆยึดติดกับเรื่องเก่าๆแล้วเป็นไง เสียคนที่รักไปแล้ว


แล้วยังหน้าด้านมาหาเขาอีกนะ


“เฮ้อ ไม่ได้ไม่ดีก็ร้องไห้ ความแมนความห่ามหายไปไหนหมดแล้ววะ” เสียงแหบเพราะพิษไข้ดังขึ้น ผมรีบปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ สัด คิดว่ากูอยากร้องหรอแต่พอเป็นเรื่องของมึงกูห้ามไม่ได้นี่


“ฮึก”


“ปวดหัวเพราะไข้ยังต้องมาปวดหัวเพราะมึงอีก เหนียวตัวฉิบหายเช็ดดิ๊” มันพลิกตัวไปหยิบผ้าขนหนูก่อนโยนให้ผม ผมก็รีบรับมากระตือรือร้นเช็ดตัวให้


ถึงจะทำเสียงหงุดหงิดใส่แต่ผมก็รู้สึกดีขึ้นมาก แค่มันไม่นิ่งใส่ก็โอเคแล้ว


ผมเอาผ้าชุบน้ำอุ่นบิดพอหมาดแล้วค่อยๆเอามาเช็ดตัวมันเริ่มจากแขน


“เช็ดขึ้นสิรูขุมขนจะได้เปิด” มันบอกผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย เช็ดไปถึงใบหน้ามือมันก็ขัดๆพิกล ก็มันเล่นนอนมองหน้านิ่งๆผมก็ทำตัวไม่ถูกสิ


“มองไม”


“มานี่มา” มันพูดเสียงนุ่มต่างจากก่อนหน้านี้ลิบลับ ขยับตัวนั่งพิงหัวเตียงก่อนดึงตัวผมถลาขึ้นไปเกยบนตัวอุ่นๆของมันแล้วโดนกอดเอวไว้ ผ้าที่มือหลุดไปอยู่บนเตียง


อีกอย่างผมไม่ได้ตัวเล็กเหมือนไอ้แปงนะถึงได้มากอดท่านี้ แต่ก็ไม่ดิ้นนะ แฮ่


“รักกูมั้ย” คำถามนี้ทำเอาผมเกร็งตัวขึ้นมาทันที


“อยู่ดีๆมาถามไรวะ”


“ถามก็ตอบมาอย่าลีลา” มันว่าเสียงติดหงุดหงิดนิดหน่อย ผมที่หน้าซบอยู่บนอกมันเลยเงยหน้าขึ้นมอง


“....”


“ทีกับคนอื่นมึงพูดได้เต็มปากว่ารัก แต่กับกูมันพูดยากมากหรือไง หรือไม่ได้รัก”


“ทำไมจะไม่รัก” ผมรีบเถียงออกมา ผมไม่อยากให้มันเข้าใจผิด ไม่อยากให้มันคิดว่าผมรักคนอื่น


“พูดดีๆ”


“กูรักมึง” ผมบอกจ้องตามันอย่างหนักแน่น


“พี่”


ห๊ะ!!!


“เรียกกูว่าพี่”


ผมทำหน้างอ แต่ก็ยอมพูด ตอนนี้ผมไม่มีสิทธิ์ค้านนี่นา ทำผิดไว้เยอะ


“ปายรักพี่ซิ่งนะ”


พูดจบผมก็รีบก้มหน้าทันที อายนี่หว่าถ้าไม่ได้อยู่ต่อหน้ารุ่นพี่หรือคนที่ไม่รู้จักก็ไม่ค่อยเรียกมันว่าพี่หรอก ยิ่งมาบอกรักอะไรแบบนี้ด้วย ฮือ น่าอายสุดๆขอบอก


“หึ” มันยิ้มพอใจก่อนดึงผมให้ใบหน้าเสมอกันกดศีรษะผมให้ซุกกับซอกคอมัน ส่วนมันก็โน้มหน้ามาใกล้ๆใบหูผม


“รักกูคนเดียวแล้วใช่มั้ย” ผมพยักหน้าแอบกดจมูกเข้ากับซอกคอมัน คิดถึงชะมัด


“อืม กูก็รักมึงเหมือนกัน” ใจผมเต้นระรัวกับคำบอกรักของมันก่อนแทนที่ด้วยความรู้สึกผิดกับประโยคต่อมา


“ครั้งนี้จะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่จะอภัยให้มึงง่ายๆแบบนี้ ต่อไปจะไม่มีอีกกูจะถือว่าเป็นการนอกใจแล้วเราจะจบกันจริงๆ”


ผมวูบโหวงกับคำว่า ‘จบกัน’ เลยวาดแขนกอดมันไว้แน่น


“สัญญา”


มันดันตัวผมออกก่อนจะเอาฝ่ามือประคองแก้มผมไว้ทั้งสองข้างแล้วโน้มใบหน้าลงมาใกล้


แต่สุดท้ายก็ชะงักค้างไว้แค่นั้น


ทำเอาผมทั้งตกใจและเสียขวัญไปพร้อมๆกัน


ทำไม หรือว่ามันรังเกียจที่ผมไปจูบกับคนอื่นมา สัมผัสกันคนอื่นมา


“อย่าร้องนะ กูแค่กลัวมึงติดไข้” มันปล่อยมือออกนอนลงไปที่เดิมก่อนชี้หน้าขู่ผม อะไรหน้ากูเหมือนคนจะร้องไห้หรอวะ ทำไมกูอ่อนไหวเป็นไผ่ลู่ลมเลยสัด มึงแหละทำให้กูกลัวไปหมด


“ไม่ต้องห่วงกูขอพักก่อน แล้วมึงจะโดนจัดเต็มจัดหนักกับวีรกรรมสองอาทิตย์ของมึงแน่” มันพูดก่อนหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน คงเพราะฝืนตัวเองเมื่อกี้ทั้งที่ตัวเองป่วยขนาดนั้น ผมจัดผ่าห่มให้มันดีๆก่อนนั่งมองหน้ามันสักพักแล้วยิ้มออกมา


ขอบใจนะ ขอบใจที่มึงให้อภัยกับความผิดที่กูทำ กูสัญญาว่ากูจะไม่ทำให้มึงเสียใจกับเรื่องความโลเลของกูอีก


กูจะทำให้มึงเชื่อมั่นในตัวกูให้เหมือนที่กูเชื่อในตัวมึง










หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 31-07-2018 19:42:56
รักร้าย27





Cing


ฟอด!!!


ผมกดจมูกลงบนแก้มของไอ้ตัวดื้อที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงก่อนจะลุกเดินเข้าไปในครัว


ใช่ครับ ผมซิ่งนะ ไม่ใช่ปายอย่างทุกตอน วันนี้ผมขอเล่าบ้าง


ตอนนี้ไข้ผมเกือบหายดีแล้วครับเหลือเจ็บคอนิดหน่อย พอดีสี่วันก่อนระหว่างที่กำลังขับรถกลับบ้านเกิดอุบัติเหตุขึ้นพอดีเป็นเด็กผู้ชายที่เดินขายดอกกุหลาบช่วงกลางคืนโดนรถชนระหว่างข้ามถนน เวลานั้นฝนตกด้วยผมที่ผ่านไปพอดียังไม่เห็นรถพยาบาลหรือว่าใครจะโทรแจ้งให้ความช่วยเหลือเลยอุ้มเด็กขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาล


ไม่ต้องห่วงครับผมพอมีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลอยู่ เพราะเรียนหมอก็เป็นส่วนหนึ่งแต่ที่มากกว่านั้นคือการเรียนรู้ประสบการณ์ผ่านพ่อของผม


พ่อของผมก็เป็นหมอ ผมเลยอยู่กับการช่วยเหลือชีวิตคนมาตั้งแต่เกิดและพ่อก็ปลูกฝังเรื่องนี้กับผมทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้ผมอยากจะเป็นหมอที่ช่วยเหลือชีวิตคนเหมือนท่าน


ผมว่ามันน่ามหัศจรรย์นะครับ เราเกิดมามีแค่ชีวิตเดียวแต่กลับช่วยให้อีกหลายชีวิตมีความสุขบนโลกใบนี้ต่อไปได้


ฮ่าๆคงสงสัยว่าหน้าอย่างผมคิดอย่างนี้ได้ด้วยหรอ ถึงใบหน้าจะเลวแต่จิตใจดีนะครับ (ยิ้มหวาน)


แต่พับเรื่องช่วยคนอื่นไว้ก่อนตอนนี้เอาตัวเองให้รอดดีกว่า ยังไอค่อกแค่กอยู่เลย แย่เนอะ


ผมกลับมาอยู่คอนโดได้สองวันแล้ว สบายพอๆกับอยู่บ้านนะเพราะถึงแม้จะไม่มีแม่บ้านหรือแม่ผมคอยดูแลเหมือนที่บ้านแต่ก็มีไอ้ดื้ออยู่ ช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงสำนึกผิดดูแลผมโคตรจะดีซึ่งผมก็ชอบนะ


แต่ตอนนี้ไหงคนดูแลมันหนีหลับไปแล้วก็ไม่รู้ ไม่ได้เรื่องเลยเหอะ


แต่ให้อภัยได้เพราะมันทำโจ๊กหมูใส่ไข่ฟองโตพร้อมกับเตรียมยาใส่ถ้วยน้อยไว้ให้ผมเรียบร้อย แบบเดินเข้ามาในครัวก็เห็นจัดไว้ให้แล้ว ปลื้มใจ


ถามว่าอย่างนี้ดีมั้ย ก็ดีมีคนดูแลอย่างนี้ใครก็ดีใจยิ่งเป็นแฟนเราแล้วด้วย อีกอย่างเชื่อฟังผมไม่ปวดหัวดี


แต่เอาจริงๆผมก็ชอบให้มันกวนประสาทเหมือนเดิมมากกว่า ถึงจะปวดหัวไปหน่อยแต่เห็นมันยิ้มก็โอเค


สองวันมานี้ที่เรากลับมาอยู่ด้วยกัน ถามว่ามีความสุขมั้ย มันก็มี แต่มันไม่เต็มที่เพราะคนของผมมันยังไม่มีความสุขเต็มร้อย


ถึงมันจะยังคงความดื้อด้านได้เสมือนเกลือรักษาความเค็ม แต่ก็มีบางอย่างต่างไป


ทุกวันนี้เวลาเผลอๆมันชอบเหม่อมองหน้าผม แววตามันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด พอผมทักมันก็จะไม่พูดอะไรนอกจากคำว่า ‘ขอโทษ’


กลางคืนก็ชอบมานอนกอดผมแน่นๆก่อนจะรู้สึกแฉะๆที่หน้าอกให้รู้ว่ามันร้องไห้ ผมก็ได้แต่กอดตอบมันแน่นๆเท่านั้นเพื่อปลอบใจว่าผมไม่เป็นไรไม่ต้องคิดอะไรแล้ว มันก็สะดุ้งนะเพราะคิดว่าผมหลับไปแล้ว


แล้วอย่างนี้จะให้ผมโกรธมันลงได้ยังไง


ผมแพ้น้ำตามัน ยิ่งกว่าไอ้ดื้อแพ้มาม่าซะอีก


มันเป็นคนห่ามขนาดไหนก็รู้กันใช่มั้ยครับ หยิ่งก็ที่หนึ่ง ใจร้อนขี้โวยวาย มีเรื่องให้เจ็บตัวมาให้ผมปวดกบาลตลอด เห็นมันขี้แยอย่างนั้นแต่สังเกตมั้ยมันจะขี้แยเรื่องเกี่ยวกับผม


หรือผมคิดไปเอง???


ถามว่าเรื่องที่มันทำให้ผมอยู่แบบเจ็บๆมาตลอดสองอาทิตย์มานี้ผมโกรธมันบ้างมั้ย ยอมรับครับว่าวูบแรกที่รู้โกรธมาก แต่มันก็แค่แป๊บเดียวมาคิดๆดูแล้ว ผมไม่มีสิทธิ์ไปโกรธอะไรมันด้วยซ้ำกลับเข้าใจซะมากกว่า


จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ไม่ได้เกิดจากความรักเลย ผมใช้เรื่องน้องสาวบีบมันให้ยอมผม บังคับให้มาเป็นแฟนมามีอะไรด้วย สุดท้ายยังบังคับให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน


โดยที่มันยังสับสนอยู่เลยว่าจริงๆแล้วรู้สึกยังไงกันแน่ ไม่เหมือนกับผู้หญิงคนนั้นหรอกที่มันรู้สึกมาตลอดว่ารัก


ส่วนผมมารู้ตัวอีกทีก็ ‘รัก’ ไปแล้ว


ผมเลยไม่อยากจะบังคับอีก ผมเชื่อถ้าวันหนึ่งคุณรักใครจนถึงจุดที่มากที่สุด คุณอยากจะให้เขาคนนั้นอยู่กับคุณด้วย ‘ใจ’ ไม่ใช่การ ‘บังคับ’


ผมก็เช่นกัน ผมถึงยอมปล่อยไป แต่ก็ไม่ที่สุดเพราะผมไม่ยอมเลิกเพื่อตัวมันและผม


ผมไม่มั่นใจหรอกนะว่าสุดท้ายมันจะเลือกผม


ถ้าเลือกผู้หญิงคนนั้นผมก็จะเห็นคนที่ผมรักมีความสุขกับคนที่มันรัก


แต่ถ้าเลือกผม ผมก็จะมีความสุขกับคนที่ผมรัก


ก็แค่นั้น แค่เดิมพันด้วยใจ


เชื่อเหอะ ผมเป็นคนที่สามารถร้ายที่สุดได้กับคนทุกคน แต่ไม่ใช่คนที่ผมรัก


เพราะถ้าได้เลื่อนขั้นเป็นคนสำคัญของใจเมื่อไหร่ นั่นคือคนที่ผมพร้อมจะดูแลไปตลอดชีวิต


ส่วนเรื่องนี้ผมจะให้มันจบไปทิ้งไปพร้อมกับการให้อภัยของผม


จะต้องโกรธต้องแก้แค้นอะไรอีก ในเมื่อความรู้สึกผิดที่เกาะกุมหัวใจไอ้ดื้อในเวลานี้ มันก็คือบทลงโทษที่หนักมากพออยู่แล้ว


หวังแค่ว่ามันจะจำและไม่ทำอีกก็พอ


ผมนั่งลงกินโจ๊กไปได้สองคำ ไอ้ตัวดื้อที่เดินผมยุ่งตาปรือเหมือนคนยังไม่ตื่นนอนเต็มที่มานั่งเก้าอี้ข้างผม ไม่พูดไม่จามันก็ยื่นหลังมือมาแตะหน้าผากแตะคอผมเบาๆ แล้วก็ลุกเดินไปไหนก็ไม่รู้


อ้าว อะไรของมันวะ


“ยกแขน” ผมทำตามที่มันสั่งก่อนจะถึงบางอ้อว่ามันเมื่อกี้มันเดินไปเอาปรอทวัดไข้มาก่อนเสียบเข้าที่ใต้รักแร้ผมแล้วจับแขนผมลงหนีบไว้


แล้วมันก็เดินกลับเข้าห้องนอนไปแบบมึนๆ


ห๊ะ!! มึงละเมอรึเปล่าเนี่ย


หายไปได้ไม่ถึงห้านาทีมันก็เดินออกมาใหม่คราวนี้ไฉไลกว่าเดิมดูเป็นผู้คนมากขึ้น เข้าไปล้างหน้าล้างตาสินะเพราะไรผมยังมีหยดน้ำเกาะอยู่


“ไม่อร่อยหรอ”


“หืม??”


“ก็ไม่เห็นแหว่งเลย”


ผมถึงบางอ้อเมื่อสายตามันมองไปที่ชามโจ๊ก ไอ้ ‘แหว่ง’ นี่ภาษามันครับจะเอาไว้พูดตอนที่อาหารยังเหลืออยู่เต็มอยู่เยอะ ความหมายเดียวกับยังไม่ ’พร่อง’ นั่นแหละ


ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน เหอๆ


“อ้อ ก็เพิ่งกิน เมื่อกี้ละเมอ???” ผมถามพลางลงมือตักโจ๊กกินอีกครั้ง


“ตีนดิ ไหนดูดิ๊” มันแยกเขี้ยวใส่ผมก่อนจะดึงปรอทที่ผมหนีบไว้ใต้แขนออกมาดู เห็นมันยกยิ้มพอใจนิดๆ


“ไม่มีไข้แล้ว”


“ก็บอกแล้ว เหลือแค่เจ็บคอนิดหน่อย”


“ชิ”


“ไม่ต้องมาทำตาขวาง คืนนี้ทำโทษมึงได้สบายๆ”


แล้วจากหน้าบึ้งตาขวางก็มีอ๊อฟชั่นเสริมเป็นหน้าแดงๆ หึหึ น่ารักว่ะ


แต่มันก็เปลี่ยนเป็นแววตาอ่อนลงให้ผมใจกระตุกเล่น


“ก็ดี” ผมขมวดคิ้ววางช้อนลงแล้วมองตาอีกฝ่าย


“อะไร”


“ก็ถ้าถูกทำโทษ ความผิดก็จะน้อยลงใช่มั้ยล่ะ” ผมชะงักไปก่อนถอนหายใจยาวออกมา


“เฮ้อ มานี่มา” ผมลุกจากเก้าอี้พลางดึงแขนมันขึ้น


“เดี๋ยว กินยาก่อน” มันขืนตัวไว้พร้อมมองไปยังยาที่วางเตรียมไว้ให้ ผมใช้มือข้างที่ไม่ได้จับแขนมันไว้หยิบขึ้นมาเทใส่ปากแล้วกรอกน้ำตาม


ปุ!


ฟุบ!


ผมดันตัวมันให้นั่งลงบนโซฟาส่วนผมนั่งขัดสมาธิบนพื้นตรงหน้ามันพอดี


“เราต้องตกลงกัน” ผมเริ่มเปิดประเด็น ผมว่ามันต้องเปิดใจคุยกันเหมือนทุกครั้งที่มีปัญหา อย่างนี้ผมอึดอัดตายแน่


“เรื่องอะไร” มันก้มหน้าถามเอาเท้าเขี่ยๆเข่าผมเล่นอีกแน่ะ

   
“เรื่องต่อมสำนึกผิดมึงทำงานมากเกินไป” ผมมองมันตาดุ


“อะไรเล่า!! ของอย่างนี้มันห้ามกันได้หรอ” มันเถียงกลับมา แน่ะๆทีงี้ล่ะขึ้นเสียงใส่กู


“ได้ดิ มึงก็หยุดคิดถึงมันสักทีกูอึดอัด จะขอบคุณมากถ้าลืมมันไป” 


“จะให้กูลืมยังไงในเมื่อกูทำกับมึงขนาดนี้” มันพูดพร้อมก้มหน้าลงต่ำบีบมือเล่นอย่างกดความรู้สึก


ผมเลยเอื้อมมือไปจับมือมันที่บีบแน่นให้คลายออกมากุมไว้เอง พลางพูดกับมันด้วยเสียงที่จริงจังแต่ไม่แข็งกระด้าง


“เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรอมึง อะไรที่มันผิดพลาดไปแล้วมึงก็เก็บไว้เป็นบทเรียนสิ อย่าทำอีกอย่าทำให้กูเสียใจอีก มึงจมกับมันอย่างนี้กูไม่สบายใจนะ ไม่อยากให้เรามีความสุขหรอ” จบคำมันก็ส่ายหน้าเป็นพัลวันจนผมยุ่งไปหมด


“ไม่ใช่...ก็ เฮ้อ มึงก็เป็นซะแบบเนี้ย”


“อะไร กูทำไร” ผมถามมันงงๆอะไรวะ กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย


“ก็...” มันเงียบไปจ้องหน้าผมอย่างหน่ายเหนื่อยใจแล้วพูดต่อ “เพราะมึงให้อภัยกูง่ายๆไม่แม้แต่จะด่าจะว่ากูด้วยซ้ำ มึงเคยป่ะถ้าเราทำผิดอะไรแล้วโดนลงโทษมันก็เหมือนได้ไถ่โทษ แต่ถ้าทำผิดแล้วยิ่งมาทำดีด้วยมันจะยิ่งรู้สึกผิด มึงเข้าใจมั้ยเข้าใจป่ะ”มันทำเสียงงอแงเหมือนเด็กๆจนผมอดขำไม่ได้


“หัวเราะเชี่ยไร กูเครียดนะ!” มันโวยวายๆ


“หึๆอยากโดนกูทำโทษว่างั้น??” ผมเลิกคิ้วถามมันเสียงสูง อีกฝ่ายเม้มปากแน่น


“ก็แล้วแต่” เสียงแผ่วอย่างนี้ไม่ได้อยากโดนหรอกผมว่าแค่คิดว่าถ้าโดนทำอะไรคืนบ้างคงรู้สึกดีขึ้น


เด็กน้อยชะมัด


“กูไม่ทำหรอกนะ ทำไปก็ไม่ใช่การลงโทษมึงอยู่ดี”


“...” มันมองหน้ารอว่าผมจะพูดอะไรต่อ


“ทรมานกูทางอ้อมล่ะสิไม่ว่า”


แปร๊ด!!!


แค่นั้นแหละครับหน้ามันก็ขึ้นริ้วแดงๆทันที


ผมอดใจกับความน่ารักของมันไม่ได้เลยกระตุกมือมันที่จับอยู่เป็นผลให้มันไถลตัวลงจากโซฟามาอยู่บนตักผมที่นั่งขัดสมาธิที่พื้น


“กูเคยเจ็บมากูรู้ว่ามันทรมานแค่ไหน กูไม่อยากให้มึงต้องมาทรมานเหมือนกู” แค่นั้นแหละครับมันก็มุดหน้าซบไหล่ ผมเลยต้องพูดดักทางไว้ก่อน


“ซึ้งได้แต่น้ำตาห้ามไหล”


“ไอ้ควาย” มันอู้อี้ด่า


“แต่ถ้าอยากไถ่โทษกูมีวิธีนะ เจ็บแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หาย บทลงโทษที่กูคาดโทษไว้ไง” มันเงยหน้าขึ้นมามองผมที่จ้องมันแพรวพราวอยู่ก่อนแล้ว พอมันเห็นแววตากับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เท่านั้นแหละตบหน้าผากผมอย่างแรง


“ทะลึ่ง!!”


“ยอมรับ ลองมาเป็นกูมั้ยล่ะ สองอาทิตย์เลยนะโว้ย” ผมแกล้งโวยวายแต่อยากจริงๆ สองอาทิตย์เลยนะที่ไม่ได้ปลดปล่อยแม้แต่ช่วยตัวเองยังไม่เคย


แหมะ แฟนตัวเองไปอี๋อ๋อกับคนอื่นใครจะมีอารมณ์มาเงี่ยนล่ะครับ


“มึงป่วยอยู่” มันพูดอ้อมแอ้ม


“หายแล้ว”


“มึงบอกเจ็บคอ!!” เถียงต่อ


“กูไม่ได้ใช้เสียงเยอะเหมือนมึง”


ปึก!!


กำปั้นเต็มๆหลังกูเลย


“นะ ไหนบอกอยากไถ่โทษไง”


“ไม่ได้หมายความอย่างนี้สักหน่อย”


“เหมือนกันนั่นแหละ เหอะนะ กูอยาก” ผมส่งสายตาอ้อนมัน ไอ้เรื่องไถ่โทษอ่ะข้ออ้าง ประเด็นหลักเลยคือกูอยากมากๆ


“อาบน้ำก่อน” เสียงเบาหวิวเลยทีนี้ อย่างนี้คือตกลงแล้วใช่ป่ะ


“เสร็จแล้วค่อยอาบทีเดียว อาบไปก็เลอะอยู่ดี”


พูดจบผมก็จัดการลากมันเข้าห้องนอนทันทีไม่ให้ได้แย้งอะไรอีก ผมล้มลงบนเตียงก่อนจะดึงร่างมันขึ้นมาทาบทับ


“อีแบบนี้กูต้องทำเองใช่ป่ะ” มันถาม ซึ่งผมก็ยิ้มรับว่าสิ่งที่มันคิดถูกต้อง


“ทำโทษไง”


พูดจบผมก็รั้งคอมันให้โน้มหน้าเอามาใกล้มันก็เอาฝ่ามือทั้งสองข้างแนบแก้มผมไว้ก่อนจะค่อยๆก้มลงมาจูบ ทันทีที่ริมฝีปากเราแตะกันผมก็ให้อีกฝ่ายเป็นคนนำแล้วผมคอยตาม มันไม่ได้ใสซื่อไม่ประสาตรงข้ามมันกลับทำได้ดีด้วยซ้ำ


เราผละออกจากกันเพื่อปลดเปลื้องเสื้อผ้าของกันและกัน ก่อนที่ผมจะดึงร่างมันขึ้นมาทาบบนร่างผมอีกครั้งและเริ่มจูบนัวเนียกันต่อ


มือผมที่กอดเอวมันไว้ก็ค่อยลูบคลึงบริเวณเอวก่อนลากต่ำลงไปที่สะโพกและแก้มก้นเผลอบีบขยำอย่างพอใจเมื่อลิ้นที่และเล็มชิมริมฝีปากสอดแทรกเข้ามาเกี่ยวพันลิ้นสากของผม เราแลกเปลี่ยนเอนไซม์กันสักพักมันก็ร้องครางอื้อเมื่อผมใช้นิ้วโป้งขยี้เข้าที่ยอดอกสีชมพูของมัน ปายตีมือผมก่อนจับไปวางไว้บนสะโพกมันเหมือนเดิมและเป็นคนบนร่างผมที่เลื่อนตัวลงต่ำไปครอบครองยอดอกสีน้ำตาลของผมด้วยโพรงปากสวย


“ฮืม”


ผมอดที่จะครางไม่ได้เมื่อมันใช้ฟันขูดบริเวณหน้าอกสลับกับใช้ลิ้นรัวที่ยอดอกของผม มือมันก็ซุกซนลูบลงต่ำจากหน้าท้องลงไปเรื่อยๆ


แล้วผมก็ปริ่มสุขอีกครั้งเมื่อมือฝ่ามือนุ่มค่อยๆลูบลงที่น้องชายผมแผ่วเบาก่อนจะเพิ่งแรงกดและจับมันไว้ในกำมือค่อยๆรูดรั้งจนมันค่อยๆขยับขยายขนาดขึ้น


แม่งโคตรร้อนแรงเหอะเมียใครวะ


ผมใช้มือนวดคลึงไปทั้งร่างกาย ร่างกายนุ่มนิ่มที่ไม่ได้สัมผัสมาสองอาทิตย์ทำให้ผมต้องการแทบบ้า อยากจะดึงมันลงมาใต้ร่างแล้วกระแทกใส่แรงๆให้สมกับที่ห่างหายไป แต่ติดที่ว่าตอนนี้มันกำลังไถ่โทษเลยต้องปล่อยให้คนด้านบนเขาทำไป


“อ๊ะ อื้ม อย่าสิ” มันเบี่ยงสะโพกหนีเมื่อผมลูบไปที่ร่องสะโพกก่อนจะกดนิ้วเข้าไป ไรอ่ะ กูอยากเข้าไปแล้ว


มันเงยหน้าขึ้นมองผมตาเขียวเมื่อผมพยายามจะสอดนิ้วเข้าไปให้ได้ แต่ผมสิไม่ได้สนใจสายตามันเลยเอาแต่จ้องอยู่ที่ปากสีแดงสดฉ่ำไปด้วยน้ำลายเสริมให้ดูแวววาว


เซ็กซี่โคตรอ่ะ


ผมอดใจไม่ไหวเลยกระชากตัวมันขึ้นมาจูบแลกลิ้นอีกรอบ ทั้งดูดทั้งขบอย่างที่รู้สึกอยากจะเก็บความหวานของริมฝีปากนี้ไว้ให้มากที่สุด


“อ่ะ อืม พอแล้ว”


เสียงห้ามกระเส่าของอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้ผมหยุด แต่การกระทำของมันต่อจากนี้มากกว่าที่ทำให้ผมเกร็งไปทั้งร่างแต่ความร้อนภายในกลับพุ่งพล่าน


มันดันร่างที่นอนทาบผมขึ้นไปนั่งตัวตรงทับอยู่ที่ช่วงเอวของผม สายตามองมาที่ผมเต็มไปด้วยความยั่วยวนแต่สิ่งที่ทำให้ผมร้อนไปทั้งร่างคือ ริมฝีปากแดงช้ำจากการโดนจูบหนักๆกำลังค่อยๆส่งนิ้วมือเข้าไปในโพรงปากตัวเองช้าๆก่อนจะค่อยๆดูดดุนและโลมเลียเสียงจ๊วบจ๊าบที่เล็ดออกมาทำผมกลืนน้ำลายฝืดคอ


ค่อยๆส่งเข้าไปจากหนึ่งนิ้ว


สองนิ้ว


และสามนิ้ว


นิ้วมือที่ถูกดูดผลุบเข้าออกในโพรงปากเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายก่อนที่อีกฝ่ายจะยกสะโพกลอยขึ้นนิดหน่อยแล้วค่อยๆกดนิ้วที่ชุ่มโชกไปที่ช่องทางด้านหลังก่อนนิ้วทั้งสามจะผลุบหายเข้าไปในนั้น


“อ๊ะ อา” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่สะบัดขึ้นจนเห็นลำคอขาวอย่างชัดเจน จมูกที่เชิดรั้น ดวงตาที่หลับลงกับคิ้วเรียวที่ขมวดหากัน เสียงครางเบาๆกับนิ้วมือด้านหลังที่ดึงเข้าออกเป็นการเบิกทางเรียกอาการลมหายใจติดขัด


ร่างกายเริ่มรู้สึกว่าทนไม่ไหว


ฝ่ามือเรียวอีกข้างกดหน้าอกผมไว้เมื่อผมทำท่าจะพลิกร่างอีกฝ่ายลงด้านล่าง มันลืมตาขึ้นก่อนจะใช้ดวงตาหยาดเยิ้มคู่นั้นมองผม


อึก มันจะยั่วกันเกินไปแล้ว


“อย่าใจร้อนสิ”


มันพูดเสียงพร่าแค่นั้นก่อนจะกระตุกยิ้มที่ผมมองยังไงก็โคตรยั่ว ฝ่ามือทั้งสองข้างที่วางไว้บนสะโพกบางทั้งสองข้างบีบขึ้นอย่างไม่รู้ตัวและก็ต้องรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งร่างเมื่อคนช่างยั่วใช้ลิ้นแตะที่เหนือสะดือแล้วลากตรงผ่านหน้าท้องมายังหน้าอกลำคอปลายคางและจบด้วยริมฝีปาก


ใช้ปลายลิ้นดุนตรงรอยแยกที่ริมฝีปากพอผมจะฉกจูบอีกฝ่ายก็ถอนตัวออกไปนั่งตรงอย่างรวดเร็ว หนอย!!


พอแกล้งผมจนสะใจเด็กดื้อที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นคนช่างยั่ว(สุดๆ)ก็ถอนนิ้วออกจากช่องทางด้านหลังของตัวเองก่อนเอามาประคองแก่นกายร้อนของผมที่มันขยับขยายอย่างเต็มกำลังตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายอมนิ้วตัวเองแล้ว


ผมช่วยประคองสะโพกที่ยกขึ้นจ่อทางเข้าให้ตรงกับปืนพร้อมรบที่ตั้งตรงตระหง่าน


เมื่อรู้สึกถึงช่องทางร้อนๆที่ตอดรัดเข้าครอบคลุมพื้นที่ปืนใหญ่ผมก็แทบจะปลดปล่อยออกมาเสียให้ได้ อดทนไม่ให้มันแตกไปก่อนหน้านี้ก็นับว่าผมเก่งแล้วภาพเมื่อกี้มันชวนแตกมาก


“อ๊ะ อื้อ อย่าสิกูขยับเอง”


“อ้าขากว้างอีกหน่อย”


“อ๊ะ อื้อ อิ๊”


“ฮืมม อา”


แล้วสติของทั้งเราทั้งคู่ก็กระเจิง พูดจากันไม่รู้เรื่องแล้วครับเมื่อร่างด้านบนที่เอามือยันหน้าอกผมไว้ขย่มตัวเต็มที่ ขณะที่ผมก็กระแทกกายสวนขึ้นรับเช่นกัน รู้สึกว่าเมคเลิฟของเราวันนี้มันร้อนแรงกว่าทุกครั้ง อาจเป็นเพราะเราห่างหายกันไปนานหรือไม่ก็ลูกยั่วเมื่อกี้ของมันล้วนๆ


ผมพลิกตัวอีกฝ่ายลงมาใต้ร่างเมื่อเห็นมันผ่อนแรงไม่ไหวก่อนจัดการเดินเครื่องเต็มที่ ร่างอีกฝ่ายที่โยกตามแรงกระแทกจนหัวสั่นหัวคลอนกับเสียงครางกระเส่าที่ดังไปทั่วห้องทำให้รู้ว่าผมใส่แรงไปมากแค่ไหน


แต่ตอนนี้มันหยุดไม่ได้จริงๆ


“อ๊า!!!!!!!!” เสียงครางสุดเสียงมาพร้อมน้ำรักที่ฉีดเปรอะเปื้อนเต็มหน้าท้องของเราทั้งสองคน อีกฝ่ายคอพับอย่างหมดแรง ผมกระแทกอีกสองสามทีก็ปล่อยน้ำด้านในตามไปติดๆ


“แฮกๆ”


ผมฟุบลงทับร่างมันกดจูบเข้าที่ซอกคอหอมก่อนจะร่วมด้วยช่วยกันหอบสักพัก มันก็ขยับตัวอย่างอึดอัด


“อื้อ ลุกจะไปล้างตัว”


“ล้างทำไมเสียเวลา หึๆ”


มันมองผมอย่างหวาดระแวง


“ไม่เอาแล้วนะ”


“ปล่อยกูเข้าศีลตั้งนานคิดว่ารอบเดียวจะพอหรือไง หึ”


หึ ผมเคยบอกหรือยังว่าผมน่ะ...พวกมีความต้องการสูง 





หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 28
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 31-07-2018 19:45:11


รักร้าย28





ซ่า!!!!


เฮ้อ!!!


ให้ตายเถอะ วันนี้กูจะกลับถึงห้องมั้ยวะ


ผมสบถอย่างหัวเสียให้กับสภาพอากาศที่โคตรจะไม่เป็นใจ ก็ไอ้ฝนห่าที่มันกระหน่ำเทลงมาเหมือนเขื่อนบนฟ้าแตกรองรับน้ำไว้ไม่ไหวมันถึงตกลงมาหนักขนาดนี้


ผมจะไม่เซ็งขนาดนี้ถ้าวันนี้ผมนั่งอยู่บนออดี้สีส้มที่ผมนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถเป็นประจำ


แต่วันนี้มันไม่ใช่น่ะสิ!!


ไอ้ห่าซิ่งดันมีสอบ สอบวิชาบ้าอะไรของมันก็ไม่รู้ตั้งแต่หกโมงเย็นถึงสามทุ่มเมื่อเช้าเลยให้ผมเอาฟี่โน่ลูกรักมาเองเพื่อที่ตอนเย็นจะไล่ผมกลับมาก่อนเหตุเพราะกลัวผมจะมานั่งตบแปะกับเพื่อนฝูงชาวยุงบินชุม =_=


แล้วยังไงล่ะ!!


ตอนนี้มันเป็นยังไง!!! ขับรถมาได้ครึ่งทางฝนห่าก็เล่นงานผมจนเปียกชุ่มไปถึงกางเกงในตอนแรกกะจะฝืนขี่ต่อให้ถึงคอนโด แต่ไม่ไหวฝนตกหนักมากขึ้นเรื่อยๆยิ่งตอนเย็นอย่างนี้ด้วยรถยิ่งติด อันตรายชัดๆ


เลยตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางมาหลบที่ป้ายรถเมล์ เฮ้อ หนาวว่ะ ตัวก็เปียกโชกไปหมดไข่กูจะขึ้นรามั้ยวะ


ดีนะที่กระเป๋าเป็นแบบกันน้ำเลยไม่เปียกเอกสารประกอบการเรียนและงานทั้งหลายแหล่ของกู


ไม่งั้นกูได้ขึ้นลิฟท์กดชั้นดาวดึงส์ไปฆ่าปาดคอเทวดาแน่ๆ


~ ~ จะดีจะร้ายขอให้สมายด์ไว้ก่อน ~


ติ้ด!!!


“ถึงห้องยัง”


แหมะ พูดทันทีที่กูกดรับแบบไม่มีฮัลหลงฮัลโหลแบบนี้มีอยู่คนเดียว


“ยัง ติดฝนอยู่”


“ว่าแล้ว”


เสียงปลายสายตอบรับ เหมือนกับเหตุการณ์นี้มันคาดไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรในเมื่อมันรู้ตารางเรียนของผมก็ย่อมรู้ว่าผมจะกลับถึงคอนโดประมาณกี่โมง


และถ้าไม่มีไอ้เม็ดโตๆที่พยายามจะสาดใส่กูแม้จะยืนตัวลีบแทบจะติดป้ายโฆษณาป่านนี้กูถึงห้องแล้ว!!!


ไม่มายืนสั่นแบบนี้หรอก


“บอกแล้วว่าให้เอารถไปเดี๋ยวกูขี่มอไซค์กลับเอง” มันบ่นมาตามสาย


“แล้วกูจะรู้มั้ยว่าฝนมันจะตก” ผมเถียงได้ยินเสียงอีกฝั่งถอนหายใจ


“มึงดื้อ”


“พ่องมึงสิ แล้วจะสอบยัง” ผมเบี่ยงประเด็นไม่อย่างนั้นได้เถียงกันเปลืองน้ำลายอีกนานแน่ๆ ไม่มีอารมณ์มาต่อปากต่อคำกับมันเพราะปากกำลังทำหน้าที่สั่นให้ฟันล่างมันกระทบฟันบนอยู่


“อีกสิบนาที” เสียงมันตอบกลับมาได้ยินเสียงเพื่อนๆมันด้วย เหมือนกำลังติวหลักสูตรเร่งรัดก่อนเข้าสอบกันอยู่


แล้วมันมามัวโทรเถียงกับผมเนี่ยนะ!!!


“แล้วโทรมาทำไม ไปทำสมาธิก่อนเข้าสอบสิ” ผมว่าบ้างพลางขยับตัวนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกที่ว่างเนื่องจากคนที่นั่งอยู่ตามป้ายรถเมล์กรูกันขึ้นรถโดยสารที่เข้ามาจอดเทียบท่ากันไปเกือบหมด


“ห่วงมึงนั่นแหละ...ไอ้ซิ่งอาจารย์เรียกเข้าห้องสอบแล้ว...เออๆไปแล้วๆ” เสียงพี่อาร์มเรียกนี่หว่า “รอให้ฝนหยุดก่อนนะห้ามฝ่าฝนไปเด็ดขาด ไม่งั้นก็โทรเรียกเพื่อนมึงมารับรู้มั้ย”


ยังไม่วายหันมาสั่งกูอีก ให้ตายเถอะ เดี๋ยวอาจารย์ก็ไม่ให้เข้าสอบหรอก


“เออๆรู้แล้ว ไปได้แล้วเดี๋ยวเข้าสอบไม่ทัน”


“อืม กูบอกอะไรฟังนะ อย่าดื้อ เสร็จแล้วจะรีบกลับ”


“คร้าบบบบบบบบบบบบบ” ผมลากเสียงยาวกวนประสาทมัน ตัวก็เบี่ยงหนีละอองฝนไปด้วย ลำบากเนอะเกิดมาเป็นไอ้ปาย


“หึ กวนตีน อย่าลืมสปาเก็ตตี้ผัดขี้เมา”


“เออๆห่วงแดกจริง เดี๋ยวจะทำไว้รอเลย ไปได้แล้วห่าเดี๋ยวไม่ได้สอบจริงๆหรอกมึง”


มันตอบรับก่อนวางสายไป


ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ให้สมกับพลังงานที่สูญเสียไปก่อนเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าตามเดิม คุยกับมันแล้วเหนื่อยแต่ก็ไม่เข้าใจทำไมถึงยิ้มได้ กูบ้าไปแล้วไอ้หอก!!!


อย่างนี้แหละครับถึงจะรู้ว่าต่างคนต่างใจตรงกันแต่มันก็ปากแบบนั้นส่วนไอ้ผมก็นิสัยอย่างนี้จะให้มากุ๊กกิ๊กหวานแหววกันบอกเลยว่ายาก!!! เชื่อไหมตั้งแต่ที่เราบอกรักกันคราวนั้นก็แทบไม่ได้พูดคำรักใส่กันอีกเลย


ให้มาพูดบ่อยๆกูอ้วกแตกแน่ แค่รู้ว่ารู้สึกยังไงกันก็พอแล้ว


ผมนั่งไปอีกสักประมาณยี่สิบนาทีฝนก็เริ่มซาลงเหลือแค่ละอองฝนเบาๆเลยลุกขึ้น โหย ขาแข้งก็สั่นไปหมดแล้วหนาวฉิบหายเลยโว้ย ตัวก็เปียกชื้นไปหมดรีบกลับไปอาบน้ำกินยาแก้ไข้กันไว้ดีกว่า ถ้าป่วยขึ้นมาเดี๋ยวจะยุ่ง


รับรองกูเป็นโรคหูชาแทรกไข้แน่ๆ


พลั่ก!!


ตุบ!!


“ไอ้สัด อัดมัน!!!”


ขาที่กำลังจะก้าวไปที่ฟี่โน่คู่ใจชะงักลง ผมมองเลยไปที่ซอกตึกที่อยู่หลังป้ายรถเมล์เหตุของเสียงเมื่อครู่ เห็นผู้ชายกลุ่มใหญ่ใส่ช็อปของเด็กเทคนิค แต่ที่น่าสนใจคือไอ้ตัวขาวๆส่วนสูงประมาณผมใส่ชุดนักศึกษาสถาบันเดียวกับผมที่โดนเตะเข้าที่ชายโครงจนติดผนังกำแพงนั่น


ผมจะไม่ก้าวขาเปลี่ยนทิศมุ่งเป้าหมายไปที่เกิดเหตุเลย ถ้าผมไม่รู้จักกับมันดี


...ไอ้ไวน์...


ผมกดส่งข้อความไปหาไอ้คิง ก่อนจะเบิกตากว้างรีบวิ่งไปกระโดดถีบเข้าที่กลางหลังไอ้หน้าตัวหนอนที่มันกำลังจะเอาไม้ฟาดไปที่ร่างไอ้ไวน์ที่ฟุบลงนั่งตัวงออยู่


“เฮ้ย ใครวะ!!!”


ไอ้หน้าตัวหนอนมันหันหน้ากลับมามองอย่างบรรดารโทสะ แม่งสัดเห็นหน้าชัดๆอย่างนี้ไม่หนอนอย่างเดียวแล้วมึง หนอนไชตามขยะเน่าๆเลย เหี้ย!!!


“อะ ไอ้ปาย...”


“ยังไม่ต้องมามองกูด้วยสายตาซาบซึ้ง กูจะโดนกระทืบแทนมึงเนี่ย มาช่วยกันเด้!!!” ผมที่ถูกต้อนเข้าไปกลางวงล้อมหันไปตวาดใส่มันพลางพยุงร่างมันขึ้นยืน


สัดหมา โดนมากี่ตีนแล้ววะถึงได้เละเป็นขี้โดนล้อเหยียบแบบนี้


“โง่หรอ ถึงเข้ามารับตีนแทนกู” ปากดีสัด ถ้าไม่เห็นว่าต้องระวังตัวจากไอ้สัดนรกพวกนี้กูจะต่อยฝากรอยอีกสักหมัด เอาให้ปากไม่มีพื้นที่พอให้เลือดกลบ


“เออ กูโง่ โง่มากด้วย เฮ้ย”


พลั่ก!!


ผมที่หันไปพูดกับมันถีบไอ้ตัวหนอนหมายเลขหนึ่งที่มันพุ่งเข้ามาแทบไม่ทัน ดีนะกูมีเรื่องบ่อยเลยมีปฏิกิริยาตอบโต้อัตโนมัติ ไอ้ไวน์ที่เหมือนมีแรงฮึดก็เริ่มปล่อยหมัดวางมวยบ้างแต่ก็แลดูอ่อนแรงลงไปเยอะ แล้วเหตุการณ์ตีนตะลุมบอนก็เริ่มขึ้นอีกยก


ที่มันว่าผมโง่ เห็นจะจริง


ทำไมกูไม่หยิบไม้ มีด อีโต้ติดมือมาบ้างวะ


แค่หมัดกับตีนหนักๆของกูกับมันจะไปทำอะไรไอ้หนอนควายนับสิบได้ล่ะ


แล้วกูจะไปสู้ไม้หน้าสามที่มันฟาดกูได้ยังไง!!!


เหี้ย!! อย่าฟาดโดนหน้ากูนะ ถุย!! เลือดกูนี่มันเฝื่อนคอฉิบหาย!!!




…………………………………………………………………………………………..




“เฮ้ย ฟื้นแล้วโว้ย”


ผมกระพริบตาก่อนหรี่ลงเมื่อรู้สึกแสบตาเพราะแสงที่แยงมาปรับสภาพอยู่สักพักก็ค่อยๆลืมตาขึ้น


เอิ่ม...ทำไมไอ้หน้าเหียกๆของเพื่อนกูมันต้องมารุมล้อมจ้องกูกันขนาดนี้


ซี๊ด ขยับตัวทีก็ปวดฉิบหาย เจ็บไปทั้งตัวเลยเหี้ยเอ๊ย!!


แล้วสายห่าอะไรโยงยางเต็มแขนกูเลยวะ ชุดห่านี่ก็ทำอย่างกับชุดคนไข้โรงพยาบาล เตียงนี่อีกสามฟุตครึ่งพอดีเป๊ะ แต่เดี๋ยวนะ...


หะ ห่ะ ห้ะ ห๊ะ หา!!!!!!!!!!


โรงพยาบาล!!!! ใช่ดิ!!! กูโดนกระทืบมานี่หว่า!!!


“ใครพากูมา” พอเรียบเรียงเรื่องได้ผมก็หันไปถามพวกมันที่ยืนล้อมเตียงผมอยู่


“มึงส่งข้อความบอกใครล่ะ” ไอ้บอลมันกวนตีน แต่...อืม...


“ไอ้คิงหรอ”


“เออ สัด กูไปเห็นนะหัวใจแทบวายแม่งกำลังยกตีนจะกระทืบมึงเลย ถ้าพวกกูไปช้าอีกนิดรับรองมึงได้ไปนอนในโรงศพแทนบนเตียงคนไข้แน่”


พอได้ทีแม่งบ่นกันใหญ่ แล้วดูสายตาพวกมึงสิถ้าจะจิกตามองกูตาขวางใส่กูขนาดนี้ลากกูไปกระทืบซ้ำดีกว่าป่ะ


“มีเรื่องทำไมไม่บอกพวกกูวะ” ไอ้ซาวน์พูดเสียงหงุดหงิด ห้วนได้อีก


“มันกะทันหันโว้ย กูก็ส่งข้อความแล้วไง ขืนรอไอ้ไวน์ได้...เออ ไอ้ไวน์ล่ะ มันเป็นยังไงบ้าง” ผมหันไปถามพวกมัน ผมยังเจ็บขนาดนี้มันจะเป็นขนาดไหนวะอาการมันรุนแรงกว่าผมอีกนะ


ถ้ากูเป็นเละเป็นขี้ มันก็ขี้ท้องเสียดีๆนี่เอง


“แหมะๆห่วงกันออกนอกหน้านอกตาเลยโว้ย ไปญาติดีกันตอนไหนเนี่ย” ไอ้แปงมันแหย่ กวนบาทากูว่ะ


“เดี๋ยวมึงจะโดนปากดีไอ้สัด”


“กิ้วๆโหดกลบเกลื่อนหรอมึง ” ยังๆมันยังไม่เลิก ไอ้คิงเก็บเมียมึงด่วนก่อนมึงจะเป็นหม้ายเมียตายคาตีนกู


“พอเลยไอ้ควาย แล้วตกลงมันเป็นไงบ้าง”


“ดูเองแล้วกัน”


ไอ้บอลกับไอ้แคนที่ยืนฝั่งเตียงข้างขวาเบี่ยงตัวออก ผมมองไปทางที่มันหลีกทางให้ก็เจอเข้ากับบุคคลที่ร้องถาม ควาย มันนอนอยู่เตียงข้างๆกูหรอเนี่ย เละเป็นขี้อย่างที่คาดไว้จริงๆ


ตามตัวมีรอยฟกช้ำเต็มไปหมด ใส่เฝือกที่แขนข้างขวากับขาข้างซ้ายด้วย โอ๊ะ!! หัวแตกด้วยนี่แถมหน้ายังซีดเป็นไก่ต้มเลยมึง


ไอ้ไวน์ยังไม่ฟื้นนอนคอพับคออ่อน แน่ล่ะ ฟื้นมาจ้อได้ก็มนุษย์เหล็กเกินไปละโดนไปหลายสิบตีนขนาดนั้น


“กูขี้เกียจแยกห้องไม่ต้องย้ายไปเยี่ยมคนนู้นทีคนนี้ที เลยให้เขาจัดเตียงแฝดให้เลย เจ๋งมั้ยล่ะ” ไอ้คิงยักคิ้วกวนๆน่าหมั่นไส้มากมายควายทอง


“ช่าย อย่างน้อยมันก็เป็นเพื่อนมึงกับไอ้แคนก็ถือว่าเป็นเพื่อนพวกกูไปด้วย” ไอ้วินว่าเสียงร่าเริงจนน่าถีบ


“อืม มันเป็นเพื่อนกู...แล้ว...มันเป็นเพื่อนมึงด้วยใช่มั้ย???” ไอ้แคนว่าออกมาเสียงนิ่งมองผมด้วยสายตาคาดหวัง ผมมองไปยังร่างที่ยังนอนนิ่ง


ภาพเมื่อก่อนตอนเราร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาไหล่บ่าเข้ามาในหัวจนกระทั่งเกิดเรื่องนั้นขึ้น...


“อืม มันเป็นเพื่อนกู” ผมพูดออกมาในที่สุดพร้อมยกยิ้มบางๆซึ่งแค่นี้ก็เรียกรอยยิ้มกว้างจากคนในห้องได้


คิดแล้วผมก็นึกโกรธตัวเอง ถ้าเมื่อหลายปีก่อนผมไม่ให้ความโกรธแค้นมาอยู่เหนือความเป็นเพื่อนตายที่มีให้กัน ยอมรับฟังคำอธิบายของมันตามที่มันร้องขอ ผมคงไม่เข้าใจผิดมันมาจนถึงป่านนี้ ทุกวันนี้ผมคงมีความสุขที่มีเพื่อนรักอีกคนเคียงข้าง


แอด!!!


ทุกการเคลื่อนไหวทุกการสนทนาในห้องหยุดก่อนหันไปมองบุคคลที่เปิดประตูเข้ามา สายตาดุขวางที่ถูกส่งมาตั้งแต่ระยะประตูห้องจนตอนนี้เจ้าของสายตาได้มาหยุดยืนชิดริมเตียง


ห่า สายตาที่ไอ้ซิ่งส่งมาเหมือนโดนมีดสปาตาร์ฟันเลยเหอะ


โหดไปมั้ยค๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ


“ขยันสร้างเรื่องจริงๆ”


ขอบใจ ประโยคแรกที่กูได้ฟังจากปากมึงหลังเจ็บปางตายมันประทับใจมาก กูโคตรซาบซึ้งเลย =_=


“ไม่ต้องมาทำปากชิดจมูกเลย” มันเอานิ้วมาดีดปากผม แต่ไหนๆก็ทำท่าน่ารักใส่กูแล้วหยุดทำตาแข็งใส่กูด้วยได้ป่ะ


ผมก็รู้นะว่ามันไม่ชอบไม่พอใจที่ผมมีเรื่องเจ็บตัว แต่ทำไงได้วะมันเป็นเหตุสุดวิสัย ถ้าเป็นมันก็ทำแบบเดียวกันนี่แหละ


“เอาล่ะ ผัว เอ้ย! แฟนมาแล้วงั้นพวกกูกลับนะสี่ทุ่มแล้ว” ไอ้คิง


“อ๊าก พรุ่งนี้กูมีส่งรายงานของอาจารย์แม่” ไอ้วินที่เพิ่งสำเหนียกได้ตาเหลือกขึ้น ฮ่าๆ สมน้ำหน้า


“จริงด้วย แว๊ก พี่ซิ่งผมกลับก่อนนะ หวัดดีค๊าบ”


“เออๆกูฝากลาเรียนให้มันด้วย” เอ่อ มันที่ว่าคือกูใช่ป่ะ


“ไปนะโว้ยไอ้ปาย รุ่งนี้พวกกูมาเยี่ยม”


“เออ! ขับรถดีๆมึง”


พอทุกคนทยอยออกไปหมดเหลือแค่ผม ไอ้ซิ่ง และไอ้ตัวที่นอนแน่นิ่งอีกคน


“หึ หน้าตาทุเรศอยู่แล้วมาโดนกระทืบอย่างนี้โคตรอุบาทก์เลยว่ะ” มันว่าพลางยกยิ้มมุมปาก หอยเม่น!! กูทุเรศแต่หมาแถวนี้ก็เอากูล่ะวะ


“ปากจัญไรจริงๆ”


“ไม่ต้องมาทำปากดีใส่กู กูยังไม่หายโกรธหรอกนะ” อ้าว ไรวะ ทำหน้าดุอีกละ


“โกรธเรื่องไรอ่ะ เป็นมึงจะยอมเห็นคนโดนกระทืบป่ะล่ะ ยิ่งคนนั้นเป็นเพื่อนมึงอ่ะ” ผมเถียงๆเรื่องนี้ผมไม่ผิดนะเออ


“แต่กูมั่นใจว่ากูไม่โง่ถึงขนาดเดินไปให้คนอื่นกระทืบเหมือนมึง แบบนี้เขาไม่เรียกว่าเข้าไปช่วยเขาเรียกว่าเข้าไปโดนกระทืบเป็นเพื่อนกัน”


โห พูดจาซะเขาบนหัวกูงอกเลย


ก็ตอนนั้นไม่มีเวลามาคิดนี่หว่า


“ชิ ก็มันคิดไม่ทันนี่” ผมอุบอิบอย่างเถียงไม่ขึ้นก่อนช้อนตาขึ้นมองหน้ามัน “แต่กูเจ็บขนาดนี้โกรธกูลงหรอ” ผมพูดเสียงติดจะอ้อนนิดๆนี่ถ้าไม่ติดว่าแม้แต่หายใจยังเจ็บไปถึงลิ้นปี่กูจะยอมถวายตัวเพื่อง้อเลย


“เฮ้อ”


มันถอนหายใจหนักก่อนนั่งลงบนเก้าอี้เลื่อนมาใกล้ผม


“กูตกใจมากเลยนะตอนไอ้แคนโทรมาบอกน่ะ” มันพูดพลางจับสำรวจไปทั่วร่างผม มันลงแรงที่มือเบามากเหมือนกลัวว่าผมจะเจ็บ


ท่าทางอ่อนโยนที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆทำเอาผมอดยิ้มบางๆไม่ได้


“ไม่เชิงว่าโกรธหรอกนะ แต่มึงเข้าใจอารมณ์ป่ะกูดูแลของกูมา บางครั้งที่มึงดื้อจนกูอยากบีบคอกูยังทำไม่ได้เลยแล้วเหี้ยมันเป็นใครมากระทืบเมียกู”


คำว่าเมียที่ถ้าเป็นเวลาอื่นผมคงเคืองมันไม่น้อย แต่พอเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดพูดด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงๆแบบนี้ผมงอนไม่ลง นอกจากไม่งอนแล้วยังกลั้นยิ้มจนเมื่อยแก้มไปหมด


ก็มันแสดงออกว่าห่วงว่าหวงผมขนาดนี้นี่เนอะ


“คราวหลังอย่าบ้าแบบนี้อีกนะ”


ผมพยักหน้ายิ้มๆอย่างไม่รู้จะพูดอะไร คนกำลังตื้นตันจะให้พูดอะไรล่ะ มันถอนหายใจเหนื่อยๆก่อนยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆ


“ไอ้ดื้อเอ๊ย”


แอ๊ด!!!


เสียงเปิดประตูห้องบ่งบอกว่ามีคนมาทำเอาผมผลักใบหน้าของคนที่กำลังจะเอาจมูกมาจรดแก้มผมให้ออกห่าง ไอ้ซิ่งแค่เหลือบสายตาไปมองพอเห็นว่าเป็นใครมันก็กลับมาฟัดแก้มผมจนได้


ฟอดใหญ่เชียวมึง ไอ้ควาย อายเค้าบ้างเถอะ!!!


แต่ผมก็ไม่ได้หันกลับไปด่ามันอย่างที่ควรจะเป็น เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ประกายความหล่อที่เข้ากระแทกตา นี่ต่างหากที่ผมสนใจ


พี่ ’ส้ม’ มาทำไมวะ


หรือว่ามาเยี่ยมผม??


ไม่ใช่ม้างงงงงงงงง เย็นยะเยือกอย่างนี้อ่ะนะจะมีใจเมตตามาเยี่ยมกู เอ๊ะ!! หรือมาเยี่ยมเพราะว่ากูเป็นแฟนไอ้ซิ่ง แบบถือคติแบบแฟนเพื่อนก็เหมือนแฟนกู


กูว่ากูเริ่มเพ้อเจ้อละ


แต่ถ้าไม่ใช่แล้วมาทำไม สี่ทุ่มกว่าแล้วนะ!!!


“ตามมาช้านะมึง”


“อืม”


ห๊ะ!!! คุยกันแค่เนี้ย สั้นๆแบบนี้เลย กูไม่กระจ่างเลยสักนิด แล้วนั่นๆๆๆๆเดินเลยเตียงกูไปไหนกูอยู่ทางนี้นั่นมันเตียงไอ้ไวน์


เอ๊ะ!!! เตียงไอ้ไวน์!!!!


“คืนนี้ค้างนี่ป่ะ” ไอ้ซิ่งถาม ดูมันไม่ได้ตกใจเหมือนผมเลย


“อืม” อีกฝ่ายตอบไม่ได้มองหน้าคู่สนทนาเลยเอาแต่มองหน้าไอ้ไวน์ที่หลับไม่รู้เรื่องอะไร


“งั้นมึงนอนโซฟาโน้นแล้วกันกูนอนโซฟานี้เอง” ไอ้ซิ่งบอกอีกฝ่ายที่พยักหน้ารับรู้อย่างเดียวก่อนฟุบนั่งลงเก้าอี้ข้างเตียงไอ้ไวน์


เฮ้ย!!! ยะฮู้วววววว!!! ทักกูบ้างก็ได้ กูก็คนเจ็บโว้ยยยยยยย


“ไปอาบน้ำก่อนนะ” มันบอกก่อนที่ผมจะคว้าข้อมือมันไว้ มันยกยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมาให้


“เอาไว้ถามเพื่อนเองนะ พี่เล่าไม่ได้” มันส่งยิ้มละไมที่ผมคิดว่ากระตุ้นต่อมเสือกกูฉิบหาย แล้วมันก็คว้ากระเป๋าที่ผมเห็นมันถือติดมือมาด้วยตั้งแต่แรกเข้าห้องน้ำไป


อะไรวะ!! กูสงสัยนะเนี่ย!!! ไอ้ไวน์ไปรู้จักไอ้พี่ส้มหน้านิ่งนี่ได้ไง ดูแล้วไม่น่าจะรู้จักกันธรรมดาซะด้วย


เฮ้ยๆๆๆๆมีลูบแก้มด้วยอ่ะ


อ๊ากกกก กูอยากรู้!!!!


แต่ที่แน่ๆรู้ได้เลยว่าคนที่พี่มันมาเยี่ยมไม่ใช่กูแน่นอน!!!!








หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 31-07-2018 19:46:09


รักร้าย29





เรียกกูสิ...


ขอให้กูช่วยสิ...


บอกกูสิ....


เฮ้ย!!!


หันมาสิโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย


ผมกำลังนั่งส่งกระแสจิตไปที่เตียงข้างๆ ถามว่าส่งไปทำไม ก็ไอ้ตัวที่มันนอนหายใจรวยรินมันฟื้นมาได้สองงวันแล้วแต่ไม่สามารถลุกไปไหนได้เพราะอย่างที่บอกแค่หายใจมันยังเจ็บเนื้อตัวอย่างกับมัมมี่ แต่ตอนนี้สิมันกำลังกินข้าวต้มที่ทางโรงพยาบาลจัดให้แล้วที่จะได้กินยาต่อซึ่งผมก็เช่นกัน


แต่ผมอ่ะแดกได้ปกติเพราะไม่มีกระดูกส่วนไหนที่แตกจะมีก็แค่รอยฟกช้ำดำเขียว


แต่ไอ้อวดดีเพื่อนข้างเตียงแม่งต้องใช้มือซ้าย จำได้มั้ยแขนข้างขวามันหัก!!ใส่เฝือกอยู่!!!


แล้วไงล่ะ!!! กูเห็นเหี้ยจะตักข้าวใส่ปากแต่ยัดเลยไปถึงกกหู!!


หันมาขอกูสิโว้ยยยยยยยยยยยยยยย


“สัด กูไม่แดกละ”


เสียงควายมันสบถหงุดหงิดก่อนจะดันโต๊ะเลื่อนออกให้พ้นเตียงก่อนจะทิ้งตัวใส่เตียงคนไข้ที่หมุนหัวเตียงขึ้นให้อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนอย่างหัวเสีย


ไอ้ควายยยยยยยยยยย ขอให้กูช่วยเด้!!!!


ไอ้เม่นไอ้หยิ่งไอ้จองหองกูรอให้มึงพูดกับกูอยู่นะ กูช่วยมึงไว้ขอบคุณสักคำยังไม่มีแล้วยังหน้าด้านมาเมินใส่กูเรอะ!!! สองวันที่มันฟื้นขึ้นมายังไม่คุยกับผมเลย!!!! ทำคุณบูชาโทษโปรดสัตว์ได้เหี้ย แม่ง!!!


“กูหิว!! แม่ง!!”มันโวยวายอยู่คนเดียวบนเตียง ผมที่กินข้าวกินยาเรียบร้อยก็แกล้งนั่งกระดิกเท้าดูทีวีอยู่เหลือบตามองมันนิดหน่อย หึหึ หมดความอดทนแล้วสิมึง หยิ่งไม่เคยได้ตลอดรอดฝั่งทำตัวเหมือนเด็กสามขวบ นิสัยเหมือนใครวะ


แต่...แต่สุดท้ายมันก็ไม่ขอความช่วยเหลือผม


แล้วคิดว่ากูจะเสนอหน้าไปช่วยมึงหรือไง


ฝันไปเถอะ!!!!


“ฮัลโหล” ผมหันหน้าไปมองมันทันที มันก็แกล้งทำไม่สนใจสายตาของผมพล่ามของมันต่อไป


“พี่ส้มเรียนเสร็จยังอ่ะ องุ่นหิว กินข้าวไม่ได้...ก็มันไม่ถนัด...ไม่ได้สำออยแต่กินไม่ได้จริงๆ...ไม่เอา มาเร็วๆนะ ครับ ตั้งใจเรียนนะ”


แล้วมันก็วางสายพร้อมฉีกยิ้มกว้าง


แหวะ


สัด ทำเป็นอ้อนองุ่นอย่างนั้นองุ่นอย่างนี้ ขากถุย!!! น่ารักตายล่ะ!!!


คงสงสัยเหมือนผมว่าทำไมไอ้เหี้ยไวน์ที่ถึงตัวไม่ได้ล่ำบึกแต่ก็ไม่ได้เล็กกะทัดรัดน่ารักน่ากอดถึงได้แทนตัวเองว่าองุ่นกับพี่ส้ม คือผมก็งงครับ ถามไอ้ซิ่งมันก็แค่ตอบว่า


ก็เห็นเรียกแทนตัวเองแบบนี้มานานแล้ว ไอ้ส้มก็เรียกไวน์ว่าองุ่นเหมือนกัน


กูนี่ตะลึงไปเลยครับ อะไรมันจะน่ารักขนาดนั้นไม่ได้เหมาะกับหนังหน้าพวกมึงเลย


แต่จะว่าไปเห็นไอ้ไวน์โทรหาพี่ส้มก็อดเหลือบมองนาฬิกาไม่ได้ เฮ้อ อีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าไอ้ซิ่งจะเรียนเสร็จ


ไม่ได้คิดถึงมันนะ อยากกินเค้กที่ให้มันซื้อมาให้ต่างหาก บู่ว


แกร๊ก


เสียงประตูห้องดังขึ้นไม่น่าจะใช่ไอ้คนที่ผมบ่นถึงพอหันไปดูว่าเป็นใครจึงส่งยิ้มบางๆให้


“เป็นไงบ้าง” เสียงของนิ่มที่ถามหลังจากที่ส่งยิ้มกลับมา


แต่อ่ะแน่ะ ถามผมแต่ตามองเลยไปเตียงข้างๆทำไมวะครับ


“ก็โอเค แล้วมาไงเนี่ย” ผมชวนคุยต่อเพราะดูเหมือนไอ้คนเจ็บอีกคนที่พอรู้ว่าเป็นใครมาเยี่ยมมันก็นอนหลับตาไปเลย แบบจงใจให้รู้เลยอ่ะว่าไม่อยากคุยด้วย แม่งโคตรเลว


นิ่มหน้าหงอยไปเลย น่าสงสารว่ะ


แต่ อ๊ะๆผมไม่ได้คิดอะไรนะ แค่สงสารในฐานะเพื่อนเฉยๆ


“ก็เพิ่งรู้ข่าว ใจร้ายจังเลยนะไม่คิดจะบอกกันบ้าง”


“เอ่อ...” หน้าหงอยเลยว่ะ ก็อยากจะตอบนะแต่สายตากับน้ำเสียงดูก็รู้ว่ากำลังน้อยใจมาก


“เอ่อ..อ้อ ไอ้ไวน์ยังไม่ได้กินข้าวเลย แขนมันหัก” นิ่มหันขวับไปมองที่เตียงข้างผมด้วยสายตาเป็นห่วงทันที ผมก็รู้สึกตงิดๆนะ


ถ้าไม่รับรู้เรื่องไอ้ไวน์กับพี่ส้มคงจะช่วยนิ่มได้มากกว่านี้ เฮ้อ


คิดแล้วก็ลำบากใจจนปวดเยี่ยว ไปเข้าห้องน้ำดีกว่า





“ผมขอร้อง อย่ามายุ่งได้มั้ย!!!”


ผมที่เดินย๊องแย๊งอย่างลำบากออกมาจากห้องน้ำหลังไปทำธุระส่วนตัวเบิกตากว้างให้สองคนในห้องที่อีกคนเป็นไอ้ผู้ชายร่างมัมมี่ที่มีสีหน้ากรุ่นโกรธกับผู้หญิงตัวเล็กที่ยืนก้มหน้าบีบมือตัวเองแน่น


แต่ถึงจะก้มหน้าจนชิดคางขนาดไหนผมก็เห็นน้ำตาของเธอ


อะไรกันวะ กูไปเยี่ยวไม่ถึงห้านาทีเลยนะโว้ย


“ผมขอร้องกลับไปซะ แล้วไม่ต้องมาอีกเลยยิ่งดี” มันพูดเสียงเข้มให้นิ่มตัวสั่นกว่าเดิม


“เฮ้ย พูดกับผู้หญิงดีๆหน่อยสิวะ” ผมสบถบอก


“หึ ปกป้องไม่เกรงใจผัวเลยนะ”


อ้าว ไอ้สัดนี่ปากดี!!!


“ยะ อย่าทะเลาะกันเลยนะ ฮึก นะ นิ่มเพิ่งนึกได้ว่า อึก ว่ามีธุระพอดี นิ่มซื้อเค้กมาฝากปายด้วยนะนั่งสิ เดี๋ยวนิ่มจัดใส่จานให้”


นิ่มใช้หลังมือปาดน้ำตาออกลวกๆก่อนจะเดินก้มหน้าไปที่ถุงขนมบนโต๊ะแล้วลนลานเอาไปจัดใส่จานให้


เฮ้อ น่าสงสารว่ะ ไอ้เหี้ยนี่ก็เลวเกิ๊น แถมปากแกว่งตีนฉิบหายกูไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงโดนรุมกระทืบ ดีนะเมื่อกี้นิ่มเสียใจอยู่ไม่งั้นคงถามกูแน่


แน่ดิ กูผู้ชายนะ!! จะมีผัวได้ไง!!! (ถึงจะมีไปแล้วก็เถอะ)


เดี๋ยวตายช็อกตายตาตั้งกันพอดี


“ไอ้เลว” ผมหันไปด่ามันเบาๆแต่เสียงหนักเมื่อนิ่มหายไปในส่วนห้องรับรองแขก


“ดีกว่าใจอ่อนแล้วมีปัญหาทีหลัง แบบนั้นเค้าเรียกว่าโง่!!”


ไอ้เป็ด! โง่เต็มหน้ากูเลย เขางอกแล้วมั้งสัด เค้าเรียกว่าคนจิตใตดีเว้ย


ยังไม่ทันได้ด่ากลับนิ่มก็เดินถือจานเค้กมาพอดี


“ขอบใจนะ” ผมยิ้มขอบใจนิ่มที่ยิ้มตอบผมมาแบบโคตรจะฝืน ผมหยิบส้อมจิ้มเค้กสตรอเบอรี่เจนัวเข้าปากก่อนเอ่ยปากชมให้อีกฝ่ายรู้สึกดีบ้าง


“อืม เราซื้อมาสองชิ้นนะ ไวน์...”


“ผมไม่กิน” ไอ้คนที่นอนหลับตาแทรกขัดขึ้นเสียงเข้ม


นิ่มยังไม่ทันได้ยิ้มเต็มปากกับคำชมของกูก็ต้องร้องไห้แทนกับคำตัดรอนของมึงแล้ว


ไอ้ห่านี่แม่ง...ถึงกูจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับนิ่มแล้วแต่ยังไงก็ผู้หญิงนะโว้ย กูไม่อยากเห็นผู้หญิงร้องไห้!!!! แต่ไม่แดกก็ดี กูจะได้กินเองของโปรดกูเลยเหอะ


“ปะ ปายปากเลอะน่ะ อย่าป้ายสิเดี๋ยวนิ่มเช็ดให้” นิ่มที่ดูมือสั่นตัวสั่นเหมือนสะกดความเจ็บปวดเต็มที่ดึงความสนใจกลับมาที่ผม


เหมือนหาบางอย่างทำเพื่อข่มไม่ให้ตัวเองร้องไห้


เป็นการกระทำที่ผมไม่ได้คิดว่าจะนำพาความซวยมาตกที่ผมทีหลัง


แกร๊ก


“ไอ้ปะ ปาย...” เสียงไอ้บอลที่เปิดประตูผลั่วะออกก่อนตะโกนเข้ามาทักแผ่วปลายลง


ด้านหลังมีไอ้คิงกับไอ้แปง


แล้วที่ขาดไม่ได้...ไอ้ซิ่ง


ที่ขนาดมีร่างไอ้บอลบังผมยังเห็นสันกรามที่ขบกันแน่นอย่างชัดเจน


ซวยแล้วมั้ยล่ะกู


ปัง!!


เสียงประตู่ที่ปิดลงด้วยฝีมือไอ้ซิ่งดังสนั่นอย่างกลัวพยาบาลจะมาด่า ไอ้พวกเพื่อนผมแม่งพร้อมใจกันนั่งตัวลีบกันบนโซฟารองรับแขกอย่างเรียบร้อย


ไอ้สัด!! เมื่อกี้ยังตะโกนทักกูเพราะความคิดถึงอยู่เลย มาช่วยกูก่อนเลย!!!


ผมรีบผละใบหน้าให้ออกห่างมือนิ่มที่มองมาอย่างงงๆ


“ขะ ขอบใจนะนิ่มที่ช่วยเช็ดให้ แหะๆ” ผมส่งยิ้มแห้งๆแล้วพยายามส่งสายตาอ้อนให้ไอ้ซิ่งให้รู้ว่าไม่มีอะไร


แต่เหมือนตัวรับสัญญาณมันจะหยุดทำงานชั่วขณะเพราะตอนนี้มันกำมือแน่นแล้ว ฮือออออ


“เอ่อ นิ่มกลับก่อนดีกว่า” นิ่มที่ดูประหม่ากับจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้นพร้อมทั้งบรรยากาศมาคุแปลกๆเอ่ยขอตัว


“กลับก่อนนะปาย กลับก่อนนะ...ไวน์” ชื่อหลังนี่ดูอาลัยมากเนอะ “เรากลับก่อนนะ” แล้วก็หันไปบอกลาเพื่อนผมพร้อมกับไอ้ซิ่งที่มองนิ่มอย่างโคตรไม่เป็นมิตรเลย


ใจเย็นๆอย่าต่อยผู้หญิงนะมึง


ปัง


ฟึ่บ!!!


ทันทีที่เสียงประตูปิดลงสายคมดุก็ตวัดฉับมามองผมทันที


“เอ่อ...เค้าแค่มาเยี่ยมน่ะ ไม่มีอะไรจริงๆ” ผมรีบพูดแต่ดูเหมือนไม่มีอะไรดีขึ้นเลย


“จริงๆนะ กูกินเค้กแล้วเปื้อนก็แค่เช็ดให้แค่นั้น ไม่เชื่อถาม...” ผมหันไปทางไอ้ตัวเตียงข้างๆ แต่ให้ตายเถอะ! กูเห็นหน้ามึงแล้วหมั่นไส้ ขอความช่วยเหลือมันก่อนเสียหน้าแย่ ไม่เอาโว้ยยยยย


ผมเลยหลุบตาต่ำเพราะรู้สึกกลัวกับสายตาที่มองมาไปปะทะกับถุงที่มันถืออยู่


“นั่นเค้กกูใช่มั้ย กูกำลังอยากกินเลย” ผมทำใจกล้าสบตาพลางยิ้มกว้างใส่หวังให้มันอารมณ์เย็นขึ้น
ฟึ่บ!!


แล้วผมก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อมันโยนถุงเค้กในมือทิ้งลงถังขยะอย่างแรง


“เค้กช็อกโกแลตขมๆมันคงอร่อยสู้เค้กสตรอเบอรี่ไม่ได้หรอก อย่าไปกินให้เสียปากเลย!!” มันตวาดลั่นจนผมสะดุ้ง


“แต่กูอยากกินนะ”ผมว่าอย่างพยายามข่มเสียงที่กำลังสั่น


“หรอ ไม่มั้งเพราะถ้าอยากกินจริงคงไม่กินของคนอื่น!” เสียงเย้ยๆทำเอาผมรู้สึกโมโหขึ้นมาบ้าง


“แต่นั่นมันของกูนะมึงไม่มีสิทธิ์โยนทิ้ง!!!” ผมตะคอกรู้สึกเหมือนกระบอกตาร้อนขึ้นมา ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้


“มึงก็ไม่มีสิทธิ์ไปประเคนตัวเองให้ใครเหมือนกัน!!!” มันตะคอกแล้วทำท่าเหมือนจะเข้ามาตีผมแต่ไอ้บอลรั้งตัวเอาไว้


“กูไม่ได้ทำ! มึงนั่นแหละคิดเองเออเอง ปัญญาอ่อน!!”


ตอนนี้น้ำตาผมรื้นขึ้นมาเต็มหน่วยตาแล้ว มันจะตีผมอ่ะ! ผมเจ็บอยู่นะ!


ผมรู้ว่ามันขี้หึงขี้หวงขนาดไหน ผมรู้ว่าผมเคยทำผิด แต่ทำไมต้องตัดสินว่าผมไม่ดีด้วย ทำไมไม่ฟังกันบ้าง


 “หุบปาก! ไม่ต้องมาแก้ตัวแล้วที่กูเห็นคืออะไรถ้าเข้ามาไม่ทันป่านนี้คงใช้ลิ้นเช็ดปากกันแทนมือไปแล้ว! ทำไมวะ ทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนี้!!”


จึก


มันดูถูกผมเกินไป เกินไปแล้วจริงๆ


“ไอ้สัด!!ออกไป ออกไปให้พ้นหน้ากู!!!” ผมหยิบหมอนและสารพัดของใกล้ตัวขว้างใส่มันอย่างแรง ไอ้คิงกับไอ้แปงเข้ามาห้ามแต่ผมไม่สนใจแล้ว ไม่สนใจแล้วว่าถ้าขยับตัวแรงมันจะเจ็บแผลมากแค่ไหนรู้แค่ว่าตอนนี้ไม่อยากเห็นหน้ามัน ไม่อยากฟังคำพูดร้ายกาจที่ทำร้ายหัวใจผม


“หยุดบ้านะ!! กูไม่ไป ทำไม คิดจะทำอะไรลับหลังกู”


แหมะ


ไม่ไหวแล้ว กลั้นไว้ไม่ไหวแล้ว สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมา


ทำไมกันนะ กับบางเรื่องมันก็เข้าใจอะไรง่ายๆใจดีจนน่าใจหาย แต่กับบางเรื่องมันก็ไม่เข้าใจไม่รับฟังอะไรเลย ร้ายกาจจนใจผมเจ็บไปหมด


ทุกอย่างนิ่งเงียบ มีเพียงน้ำตาและเสียงสะอื้นของผมและเสียงหายใจหอบด้วยความโกรธของมัน ไอ้คิงไอ้แปงส่งสายตามาอย่างเป็นห่วงแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่ง


“มึงไม่เคยเชื่อใจกูเลยสินะ” ผมว่าเสียงแผ่วมองมันอย่างตัดพ้อก่อนนอนตะแคงข้างหันหลังหลับตาลง ไม่อยากอ่อนแอให้ใครเห็น อยากจะเข้มแข็งอย่างลูกผู้ชาย แต่คำพูดจาร้ายกาจมันก็เสียดแทงใจผมเกินไป


“มีเรื่องอะไรกัน” เสียงทุ้มใหญ่ที่ผมจำได้ดีว่าเป็นเสียงของพ่อไอ้ซิ่งทำให้ผมรีบปาดน้ำตาแล้วหันกลับไปยกมือไหว้


ท่านอยู่ในชุดกาวน์ของหมอประจำโรงพยาบาล ท่านเป็นเจ้าของโรงพยาบาลนี้น่ะครับ แล้วก็เป็นหมอใหญ่ของที่นี่ด้วย


“ปายร้องไห้ทำไมลูก ซิ่งมึงทำอะไรน้อง” ท่านร้องถามผมเสียงนุ่มก่อนตวัดสายตาไปถามลูกชายตัวเองเสียงเข้ม


“ถามลูกรักพ่อดูสิ” มันตวัดเสียงตอบก่อนเดินไปนอกระเบียงอย่างระงับอารมณ์ เสียงพ่อมันว่าตามหลัง


“จะโวยวายอะไรกันก็เกรงใจบ้าง ที่นี่โรงพยาบาล”


“ขอโทษครับ” ผมเอ่ยอย่างรู้สึกผิดเพราะเมื่อกี้ผมก็เสียงดังไม่น้อยไปกว่ามัน


“แล้วตกลงมีเรื่องอะไรกัน เจ็บกันอยู่ก็ยังทะเลาะกันได้เนาะแทนที่จะดูแลกัน” คำของพ่อทำเอาผมหน้าหงอย ท่าทางของผมเรียกเสียงขบขันจากท่านได้


ขำอะไรครับคุณพ่อ!! ผมเครียดอยู่นะ!!


“ถ้าให้เดาเรื่องหึงหวงสินะ”


ขวับ


ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าท่านทันที หมอรักษาคนอาชีพรองหมอดูนี่อาชีพหลักใช่มั้ย แม่นเกินไปแล้วครับ!!!


“หึหึ ไม่ต้องมองแบบนั้นเลยเจ้าแสบ ที่พ่อรู้เพราะมันได้เลือดพ่อมาเต็มๆมีไม่กี่เรื่องหรอกที่ทำให้โกรธขึ้นสมองขนาดนั้น”


บ้าเหอะ!! แสดงว่าตอนคุณพ่อหนุ่มๆก็อารมณ์รุนแรงไม่ใช่เล่นนะ


“แต่พ่อจะบอกอะไรไว้อย่างนะ...”


“...”


“ผู้ชายบ้านนี้น่ะ เพราะรักมากหรอกนะถึงได้หวงจนเป็นบ้าแบบนี้”


…………………………………………………………………………………….



ด้วยฤทธิ์ของยาที่กินเข้าไปทำให้ผมหลับไปมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เหมือนมีผ้าเย็นๆมาลูบไล้ตามเนื้อตัว พอค่อยๆลืมตาขึ้นภาพตรงหน้าผมก็ทำเอาผมขมวดคิ้วฉับ


“ไม่ต้องมาโดนตัวกู”


“...”


มันไม่พูดอะไรแค่กดไหล่ผมไว้ไม่ให้ดิ้นแล้วค่อยๆเช็ดตัวอย่างเบามืออย่างกลัวจะไปสะเทือนแผล


ทีเมื่อตอนบ่ายยังจะตีกูอยู่เลย!


แล้วถ้าจะอ่อนโยนก็ทำให้ครบสูตรสิวะ จะทำหน้านิ่งหาเตี่ยมึงหรอ!


ท่าทางแบบนี้แหละที่ทำให้ผมหงุดหงิด!


ฟึ่บ


ผมปัดผ้าที่เช็ดคออยู่ออกจนมันล่วงลงข้างเตียง


มันใช้สายตามองผมอย่างเย็นชาก่อนจะก้มลงไปหยิบขึ้นมาแล้วลงมือเช็ดตัวอีกรอบ


“ไอ้สัด ผ้ามันสกปรก!!! ”


“มึงทำตัวเอง” มันตอบกลับมาเสียงแข็งพานจะให้น้ำตาผมไหลอีกรอบ แต่มันดูไม่สนใจเลยเช็ดไปเรื่อยๆอย่างที่มันเคยทำ


ความจริงเป็นหน้าที่ของพยาบาลที่ต้องทำ แต่ว่ามันเป็นบ้า ขี้หวงขึ้นสมองเลยเป็นคนเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมแทน


กลัวว่าพยาบาลจะมาเห็นขี้สะดือกูหรือไงก็ไม่รู้


ผมรีบพลิกตัวนอนคว่ำเมื่อมันดึงรูดกางเกงผ้าบางออกเมื่อเช็ดส่วนบนเสร็จแล้ว


ไม่ได้ใส่ชั้นในนี่หว่า ถึงชีวิตจะดราม่าแต่ก็อายโว้ย


“กูใส่เองได้” ผมร้องค้านเมื่อมันไปหยิบชุดผู้ป่วยสีชมพูที่วางไว้ปลายเตียงขึ้นมาเมื่อเช็ดตัวให้ผมเสร็จแล้ว


“ตามใจ” มันว่าแค่นั้นก่อนจะหยิบกะละมังใบเล็กพร้อมผ้าเช็ดตัวเดินแหวกม่านที่รูดปิดไว้ออกไป ผมเม้มปากแน่น


ทุกครั้งที่มันเช็ดตัวให้ผมเสร็จ ผมก็แย้งว่าจะเปลี่ยนเองทุกครั้งแต่มันก็บังคับเปลี่ยนให้ผมตลอด เพราะกลัวผมขยับตัวมากแล้วจะระบมแผล แต่เมื่อกี้...


ไอ้สัด! ไอ้ตัวเหี้ยในคลองแสนแสบ!!


“ฮึก...” มึงทำกูร้องไห้ แล้วเหี้ยตัวไหนบอกไม่ชอบเห็นน้ำตากูวะ!


“ทำไมยังไม่ใส่เสื้อผ้าอีก ไหนว่าจะใส่เอง” เสียงเข้มที่ดังขึ้นไม่ได้ทำให้ผมสนใจที่จะโผล่หัวออกมาจากผ้าห่มผืนบางที่คลุมไปทั้งร่างกายที่ล่อนจ้อนอยู่


“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจหนักที่ดังขึ้นทำให้ผมกัดริมฝีปากล่างตัวเองแน่นขึ้นไปอีก ก่อนจะรีบออกแรงรั้งผ้าห่มไว้เมื่อถูกมืออีกคนตวัดออก


กูจะดื้อ!! ดื้อให้ถึงที่สุดเลย!!!


“อ๊ะ...” แต่ยังไม่ทันได้ปฏิบัติการดื้ออย่างเต็มที่อย่างที่ตัวเองคิดไว้ มือใหญ่ของไอ้ซิ่งก็ออกแรงกระชากผ้าห่มอีกทีจนมันปลิวติดมือไปทำให้ผมขดร่างคุดคู้อัตโนมัติ


แล้วผมก็โดนจับพลิกร่างแล้วปล้ำใส่ชุดให้ แต่ผมก็ไม่ได้ดิ้นได้อย่างที่ใจคิดนักเพราะเจ็บแผล ฮึ่ยๆๆๆๆเจ็บใจ


ปั่ก!


ผมทุบแก้มซ้ายมันไปทีอย่างขัดใจมันหันขวับมาจ้องหน้าผม เอามือสองข้างแนบแก้มก่อนจะฉกหน้าเข้ามาใกล้


แต่ยังไม่ทันที่ปากจะขยี้ลงมาบนริมฝีปากอย่างที่ผมคาดไว้(ทุกทีตอนผมทำมันเจ็บตัวมันก็ชอบมาจูบผมแรงๆจนเจ็บปาก)หน้าอีกฝ่ายก็หยุดชะงักลงในตำแหน่งที่ปลายจมูกเสียดแตะกันแผ่วๆ


แล้วสุดท้ายมันก็ปล่อยมือที่แนบแก้มออกแล้วถอนหน้ายืดตัวขึ้นตรง การกระทำที่ทำเอาใจผมแกว่ง แต่เชื่อเถอะมันไม่เท่าประโยคสุดท้ายที่มันพูดหรอก


“กูไม่อยากทับรอยผู้หญิงคนนั้น แม้จะเป็นแค่นิ้วที่เค้าโดนปากมึงก็ตาม”


แล้วมันก็รูดม่านเปิดออกให้ผมเห็นพี่ส้มที่นั่งป้อนมะละกอสุกไอ้ไวน์อยู่เตียงข้างๆ ไอ้ซิ่งเดินไปพูดอะไรกับพี่ส้มไม่รู้แต่เห็นพี่ส้มเหลือบตามามองผมแวบนึงแล้วพยักหน้ารับ


แล้วไอ้ซิ่งเดินออกจากห้องไป


ผมตีหน้านิ่งใส่ไอ้ไวน์ที่หันมามองหน้าผม


ก่อนทำเป็นหลับตาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมไม่รู้หรอกว่าสองคนนั้นได้ยินอะไรบ้าง ที่รู้ตอนนี้


แม่งโคตรเจ็บเลยสัด!!!





หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 30
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 31-07-2018 19:48:13
รักร้าย30




[ Cing talk ]




“จะตีมันจริงๆหรอพี่”


ผมหันไปมองไอ้คิงที่ทิ้งตัวหันหลังพิงราวระเบียงที่ผมยืนรับลมอยู่ ผมหันกลับไปมองบุคคลดื้อด้านที่โดนกล่าวถึง หึ นอนคุมโปงท่าประจำเวลางอนหรือไม่ได้ดั่งใจนั่นแหละ


ผมหันกลับมาทอดสายตาเอาหน้าโกรกลมเย็นที่มาปะทะใบหน้าพลางกระตุกยิ้ม


“คิดว่าไงล่ะ” ผมพูดหันไปมองมันที่ยักไหล่ตอบ


“ไม่รู้ดิเดาไม่ถูก ตอนนั้นพี่น่ากลัวจริงๆเหมือนจะฆ่ามันให้ตาย”


“หึ เมียทั้งคนใครจะฆ่า” ผมหันไปแสยะยิ้มใส่มันก่อนพูดต่อ “มึงก็รู้นิสัยเพื่อนมึงนิ ถ้าไม่แข็งบ้างก็จะทำตามใจไปเรื่อย”


“พี่ไม่เชื่อใจมัน??” มันกอดอกเลิกคิ้วถาม


“คนละเรื่องกัน กูเชื่อใจแต่กูไม่ชอบ ยิ่งเป็นผู้หญิงคนนี้นะกูโคตรไม่ชอบ!” พูดแล้วก็หงุดหงิด ไอ้คิงมันยิ้มแหยะๆเมื่อเห็นว่าหน้าผมดุขึ้นมาอีกรอบ


“อย่านะ ผมไม่เกี่ยว รู้แล้วว่าไม่ชอบหน้าโหดซะขนาดนั้น” มันทำท่าขนลุกใส่ผมก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง


คงได้คำตอบที่สมใจแล้ว


เฮ้อ...ก็อยากที่บอกผมเชื่อใจมัน ไอ้ดื้อจะเป็นคนตรงไปตรงมาเสมอ ในเมื่อมันบอกว่าจบกันไปแล้วเป็นแค่เพื่อนกันแล้วมันก็คือแบบนั้น แต่ โถ่เว้ย! เข้าใจผมป่ะ ผมไม่ชอบผู้หญิงคนนี้!!! ไม่ชอบเลยจริงๆไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนก็ตาม!!


ไม่อยากเห็นหน้า!!


ไม่ชอบให้เข้ามาใกล้!!


มาแตะเนื้อต้องตัว!!


ปกติผมก็เป็นคนขี้หึงขี้หวงมากอยู่แล้ว อันนี้ผมยอมรับ แต่ให้ตายเถอะ พอเป็นผู้หญิงคนนี้ความหึงความหวงผมกลับเพิ่มเป็นทวีคูณ


คงเป็นเพราะเธอเคยอยู่ในหัวใจของคนที่ผมรักมาก่อน


แต่ก็นั่นแหละ...ผมไม่ชอบ ไม่ชอบมากๆ ถ้าเป็นผู้ชายนะ ฮึ่ม!! โดนผมซัดหน้าคว่ำไปแล้ว


แต่พออารมณ์เริ่มสงบลงก็รู้สึกไม่ค่อยดีแฮะ...ก็ทำให้ดื้อมันร้องไห้นี่หว่า


แถมเมื่อกี้ก็ทำเหมือนรังเกียจที่จะจูบมันอีก


เฮ้อ...ไม่ได้รังเกียจก็แค่...หมั่นไส้


อยากให้มันสำเหนียกบ้างว่าผมไม่พอใจมาก คราวหลังจะได้ระวังตัว มันน่ามั้ยล่ะ ใครคนอื่นมาโดนตัวสุ่มสี่สุ่มห้า


ชอบพูดว่าผู้ชายไม่เสียหาย ไม่เสียห่าไรล่ะ มีเจ้าของแล้วนะโว้ยยยยยยย (พูดว่ามีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วจะถูกกว่า)


“มึง คุณลุงจะคุยด้วย” ไอ้ส้มมันเปิดระเบียงมาบอกแล้วก็เดินกลับเข้าไป


อะไรของมันวะ


“ครับพ่อ” ผมเดินออกมานั่งคุยกับพ่อตรงส่วนของที่รับรองแขก แต่ก็อยู่ในห้องผู้ป่วยนั่นแหละ


“น้องออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว จะให้อยู่ต่อหรือเอากลับบ้าน”


ผมนิ่งคิด อืม เอาไงหว่า กลับคอนโดตอนผมไปเรียนใครจะดูแล


แต่ถ้าอยู่ต่อมันคงไม่ยอมแน่


“แม่แกอยากให้เอาน้องกลับไปบ้าน”


“หืม??”


“คงห่วงลูกสะใภ้ไม่มีคนดูแล หัวแก้วหัวแหวนเลยคนนี้” พ่อผมพูดยิ้มๆเวลาพูดถึงแม่ทีไรตามีประกายสุขตลอด


“ยังไม่รู้อิทธิฤทธิ์ล่ะสิ แสบจะตาย”ผมพึมพำ แม่ชอบบอกว่าน้องน่ารักบ้างล่ะ ยิ้มสวยบ้างล่ะ


อยากจะให้เจอด้านมืดของมันจริงๆ


“หึ แต่มึงก็ชอบ หึงจนโรงพยาบาลแทบแตกนิได้ข่าว”


“เหมือนใครล่ะ” ผมยักคิ้วกวนๆให้พ่อที่ตบหัวผมฉาดใหญ่


“อย่ามาๆเดี๋ยวแม่มึงหาว่ากูเสี้ยมอีก ไปคุยกับเมียให้รู้เรื่องว่าจะพักที่ไหน แต่เมียกูเตรียมห้องไว้แล้ว” พ่อพูดพลางลุกขึ้นจัดเสื้อกาวน์ให้เข้าที่เข้าทาง


มาดหมอใหญ่มาอีกละ


“พูดขนาดนี้ บังคับทางอ้อมป่ะเนี่ย”


 “แล้วแต่จะตีความ ทำยังไงก็ได้ให้เมียกูพอใจที่สุดก็พอ” พี่แกเล่นยิ้มหล่อแล้วเดินออกนอกห้องไป คร๊าบบบบ คุณสามีดีเด่นแห่งปี มาบอกว่าให้พามันไปพักฟื้นที่บ้านเลยง่ายกว่ามั้ย


ทำเป็นมามีทางให้เลือก


บังคับกันชัดๆ


แต่นี่แหละข้อดีอีกข้อที่ผมได้จากพ่อมาเต็มๆ


...รักเดียวใจเดียว...






“กลับแล้วหรอ กูอยู่คนเดียวผีหลอกแน่เลยว่ะ”  ไอ้ดื้อที่ติดกระดุมเสื้อเชิร์ตที่ผมเตรียมมาให้หันไปมองคนพูดตาขวาง


ผมรู้ละว่าทำไมเมื่อก่อนมันถึงเป็นเพื่อนสนิทกันได้


กวนตีนเหมือนกันเป๊ะ


ผมว่าตอนนี้มันก็ไม่ได้เกลียดขี้หน้าเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันเหมือนที่ผมเจอมันตีกันในห้างเมื่อครั้งที่แล้วแล้วล่ะ


ผมว่า..มันไม่รู้จะเริ่มต้นคุยกันดีๆยังไงมากกว่า


ก็นะ นิสัยเหมือนกัน ทิฐิเยอะเหมือนกัน ไม่มีใครยอมใครก่อน


“เออ ไอ้สัด ให้ผีหักคอมึงตาย” ไอ้คนของผมก็ปากดีซะด้วยสิ


ระวังเหอะ ไปแช่งไอ้น้ององุ่นของพี่ส้ม ระวังจะโดนไอ้หน้านิ่งมันหักคอซะก่อน


ถ้าเป็นไอ้ส้ม พี่ก็ช่วยน้องไม่ได้นะจ๊ะบอกไว้ก่อน


ความร้อนแรงของผมสู้ความเย็นยะเยือกของมันไม่ได้จริงๆ


“กูมีขา เดินเองได้” ไอ้ดื้อที่ผันตัวไปเป็นไอ้ขี้งอน เดินผ่านเมินรถเข็นที่ผมเข็นมาใกล้


ไม่คุยกับผมตั้งแต่เมื่อกี้ละ ตอนส่งชุดลำลองไปให้เปลี่ยนก็กระชากไปจนแทบขาด


ผมขับรถพาคนป่วยกลับบ้าน ระหว่างเดินมาที่รถจอดรออยู่ผมเห็นมันเบ้หน้าด้วยแหละ คงยังเจ็บอยู่ แต่ผมทำเป็นไม่เห็นไม่สนใจอวดเก่งดีนักให้เดินเองซะให้เข็ด


หึ ระหว่างทางกลับบ้านนั่งเมินหน้าออกทางหน้าต่างเม้มปากแน่นเชียว ท่าทางจะแค้นจัด


พอมาถึงบ้านแม่ผมโคตรโอ๋อ่ะ หมั่นไส้ โซ่ถึงขั้นแซวว่าว่าที่ลูกเขยอย่างไอ้แคนคงตกกระป๋อง


แน่ล่ะ ลูกสะใภ้น่ารักกว่าไอ้หน้าแคนหนองอีเหลาตั้งเยอะ


แต่เรื่องมันเกิดที่ตรงนี้ครับ


“ปล่อย! กูเดินเอง” มันสะบัดผมที่เข้าไปประคองมันออก กำลังจะพามันขึ้นไปพักผ่อนด้านบนตามคำสั่งของคุณแม่สุดที่รัก ตอนนี้แม่กับโซ่ออกไปทำธุระกันข้างนอกเห็นว่านัดแม่ไอ้แคนไว้ว่าจะร่วมหุ้นทำร้านอาหารกันสักอย่างนี่แหละ


ไอ้ดื้อมันเลยเริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์อีกรอบ =_=


“อย่ามาสะดีดสะดิ้ง ไม่งั้นจะได้นอนใต้บันได” ผมชี้หน้ามันแค่นั้นล่ะตาแข็งคอตั้งขึ้นมาทันที


ปุ


คิดว่าเสียงอะไร


ไอ้เกรียน!! มันนั่งเลย นั่งขัดสมาธิตรงบันไดขั้นแรกนั่นแหละ!! บ้าเอ๊ย!! ตัวอะไรทำไมถึงได้แสบขนาดนี้วะ


ผมมองไอ้คนนั่งขัดสมาธิกอดอกอย่างหน่ายใจ ดูก็รู้ว่านั่งท่านี้แล้วเจ็บแผลแต่เพราะความดื้อของมันนั่นแหละ แต่ที่ทำเอาผมใจอ่อนถอนหายใจออกมาคือไอ้น้ำใสๆที่คลออยู่ในตานั่นต่างหาก


ถึงมันแสดงออกว่ากำลังหัวแข็งต่อต้านผมอยู่ แต่ไอ้ดวงตาสั่นไหวฟ้องได้ว่ามันกำลังน้อยใจ


ส่วนกูที่เก๊กทำตัวโหดเหี้ยมไม่สนใจ แต่พอเห็นน้ำตาเมียเท่านั้นล่ะ...


“เฮ้อ...อึบ!”


“อ๊ะ ปล่อยนะโว้ย” มันดิ้นมองเลิ่กลั่กว่าใครเห็นที่ผมอุ้มมันหรือเปล่า


ท่าเจ้าสาวเลยนะ แอบหนักด้วยแฮะ


“ไม่เอามึงดื้อ เฮ้!! อย่าดิ้นสิเดี๋ยวก็ตกหรอก กูเดินขึ้นบันไดอยู่นะ!” มันคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงร่างเล็กนักหรือไงวะ


“ก็ปล่อยสิ”


“ไม่ปล่อย คล้องคอกูไว้สิ เดี๋ยวตกนะ คราวนี้รับรองเลยกูไม่ตามเก็บแน่”


“ฮึก ไอ้ควาย”


อ้าว เฮ้ย ร้องทำไมวะ กูแค่ให้เอามือคล้องคอกูไว้กันตกนะ แล้วมันก็ไม่ได้ฟังเลยวางมือทาบอกผมไว้เฉยๆ


“เฮ้อ...เป็นห่วงหรอกกลัวจะตกบันได ขอโทษที่พูดจาไม่ดี”


“ฮึก” มันไม่ได้ตอบหรือว่าอะไร แค่มุดหน้าเข้าอกแล้วค่อยๆเลื่อนมือมาโอบรอบคอผม


หึ


ต้องพูดจาดีๆสินะถึงจะว่าง่าย


ฟุ่บ


ผมวางร่างไอ้ดื้อลงบนเตียง โอย ปวดแขนไปหมด คราวหน้าต้องเปลี่ยนเป็นให้ขี่คอแล้วล่ะ


แต่พอผมจะผละตัวขึ้นแขนที่โอบคอผมอยู่ก็รัดแน่นจนร่างผมล้มลงตาม ต้องเอาแขนท้าวไว้กับเตียงกันล้มลงไปทับมันรอยช้ำยิ่งเต็มตัวไปหมด


“เป็นไรของมึงวะครับ หืม” ผมถามเสียงเบาพลางก้มลงจุ๊บแก้มมันซ้ำๆ


“เจ็บ” มันว่าเสียงอู้อี้เพราะบี้หน้าลงบนไหล่ผม


“เจ็บ?? เจ็บแผลหรอ ตรงไหน” ผมถามลนลาน ไอ้ห่ากูเผลอเล่นแรงไปหรอวะ พยายามดึงมือที่รัดคอออกจะได้สำรวจได้อย่างถนัดแต่มันไม่ยอม


“...” หน้าที่วางบนไหล่ส่ายหน้า


“หือ อะไรตกลงเจ็บหรือไม่เจ็บ”


“เจ็บ...”


“เจ็บก็ปล่อยสิ กูจะได้...”


“เจ็บที่มึงระแวงกู” มันว่าเสียงเบามากก่อนจะเพิ่มแรงบี้หน้าลงไปอีก แต่ก็นะ...ถึงจะเบามากเหมือนเป่าลมออกจากปากผมก็ได้ยินประโยคนั้นชัดเจนเลยล่ะ


จะหาว่าผมเลวก็ได้...แต่ผมดีใจที่มันเป็นกังวลเรื่องความรู้สึกผม


แต่อีกใจก็รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่แฮะ


คราวนี้ผมเลยเพิ่มแรงดึงแขนที่โอบรอบคอผมจนหลุดออก แล้วมือนั้นก็คว้าหมับที่ชายเสื้อผมแทน


เหมือนกลัวว่าผมจะหนีไปไหน


การกระทำน่ารักที่ผมอดไม่ได้จะรวบมันขึ้นนั่งบนตัก ส่วนผมก็นั่งหลังพิงหัวเตียงอยู่


“กู...กับนิ่มไม่มีอะไรกันจริงๆนะ” ประโยคที่ผมอดไม่ได้จะยิ้มออกมา


ความจริงผมคิดว่ามันโกรธผมนะออกจะต่อต้านผมขนาดนั้น เหลือเชื่อมากที่มันง้อทั้งที่ผมกำลังจะง้อเหมือนกัน


โดนตัดหน้าซะได้


“อืม”


“นิ่มกำลังเสียใจเรื่องไอ้ไวน์ กูก็แค่ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้น” มันพูดต่อคว้าข้อมือผมไปจับพร้อมจิกแน่น เอิ่ม...กูเจ็บ


“อืม”


“เรื่องเค้กน่ะ...” มันเงียบไปพักเหมือนรวบรวมกำลังใจที่จะพูด ซึ่งประโยคนั้นก็ทำเอาใจผมพองฟู


“...กูชอบช็อกโกแลตมากกว่านะ”


ผมหลุดยิ้ม 


กูชอบช็อกโกแลตมากกว่านะ


คำนี้มันน่ารักน้อยซะเมื่อไหร่ล่ะ


แต่มันไม่เห็นหรอกว่าผมยิ้มอยู่ ก็นั่งหันหลังไม่พอยังเอาแต่ก้มหน้ามองมือผมที่มันจิกอยู่นั่นแหละ


 “อืม” แต่ยังไงผมก็ยังทำเข้มอยู่ล่ะนะ


แล้วดูเหมือนไอ้การวางมาดนิ่งของผมนี่แหละไปกระตุ้นต่อมมันเข้า พลิกตัวมามองผมตาวาวเลยเว้ยเฮ้ย


“ไอ้ควาย!! เอาแต่ อืมๆ อยู่ได้หลอดลมพันคอมึงอยู่หรือไง กูพูดไปตั้งเยอะเข้าใจมั้ยห๊ะ!! ”


“โมโหไรเนี่ย” ผมแกล้งตีหน้ามึน


“ก็มึง...ฮึ่ย!!”


มันสะบัดตัวออกอย่างรู้ว่าเริ่มจะฟิวขาดจริงๆ จนผมต้องรีบคว้าตัวเอาไว้


“ความอดทนต่ำจริงนะ”


“ก็มึงทำเหมือนไม่สนใจ” มันตวัดเสียงพูด


“ใครบอก กูฟังทุกคำนั่นแหละ”


“งั้นก็ฟังแต่ไม่ใส่ใจ” คิ้วมันเริ่มคลายลงบ้างก็น้ำเสียงยังฉุนอยู่


เลิกเล่นตัวแล้วดีกว่ากู ไม่งั้นคราวนี้ได้เป็นฝ่ายง้อเองยาวแน่ๆ


“ถ้าเป็นมึงกูใส่ใจตลอดแหละ ทั้งใส่ใจสนใจแคร์ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับมึงเลย” อ่ะแน่ะ สีหน้าเริ่มดีขึ้นมาหน่อยละ หูแดงด้วยน่ารักเว้ย


“แต่มึงก็ไม่เชื่อใจกู” มันจ้องหน้ากัดปากอย่างน้อยใจจนผมอดไม่ได้ก้มลงจูบต้นคอมันไปที


“ไม่ใช่ไม่เชื่อใจกูแค่หวง”


“หวงจวกอะไรก็บอกแล้วไม่มีอะไร” ถึงจะด่าอย่างนั้นแต่มันก็เอียงคอเปิดพื้นที่ให้ผมพรมจูบคอขาวๆของมันได้ถนัดขึ้น


“อืม แฟนเก่ากูชวนไปกินข้าวนะ” ผมพึมพำชิดซอกคอมัน แล้วก็ต้องร้องโอ๊ยเหมือนหนังหัวจะหลุดเมื่อมันจิกผมกระชากให้เงยหน้ามาจ้องหน้ากับมัน


อื้อหือ!! กะฆ่ากูให้ตายด้วยสายตาเลยมั้งน่ะ


“อะไร ตอนนี้เป็นแค่เพื่อนกันแล้ว”


“...” มันไม่พูดอะไรแค่กัดฟันเพิ่มแรงจิกผมที่มือมากขึ้น โอ๊ย...หนังหัวกู


“พรุ่งนี้ตอนเที่ยงไม่ต้องรอกูนะ กินข้าวไปเลย” ผมพูดต่อเหมือนที่โดนจิกอยู่เป็นแค่ขี้เล็บไม่ได้เจ็บอะไร มันจ้องเหมือนจะกินหัวผมสักพักก่อนจะปล่อยมือที่จิกหนังหัว แต่แม่งปล่อยหรือผลักวะหัวกูชนขอบเตียงดังโป๊กเลย กะโหลกกูร้าวแน่ๆ


อารมณ์รุนแรงจริงให้ตายเถอะ


“เออ!! อยากไปไหนก็ไป!!”


มันตะคอกก่อนลงจากตักลงไปนอนที่ว่างบนเตียงและตามสเตปเดิม...คลุมโปง


“อย่ามายุ่งกูจะนอน!!!” มันสะบัดตัวหนีเมื่อผมโน้มลงไปกอดมัน


กูเลวเนอะ เมียกำลังงอนแต่กูยิ้มปากจะฉีกถึงหู


“กูล้อเล่น” ผมพูดแค่นั่นตัวมันใต้ผ้านวมก็นิ่งไปทันทีและวินาทีต่อมาผมก็รู้สึกเหมือนค้อนทุบมาที่กกหู เล่นเอามึนเลยล่ะ
แต่ไม่ใช่ค้อนที่ไหนหรอกกำปั้นเมียกูเอง =_=


“ไปตายซะ!!”


คราวนี้ดูเหมือนมันจะโกรธจริงๆเพราะใบหน้าที่โผล่ออกมาจากผ้านวมแดงก่ำอย่างโมโหจัด แต่ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเล่นแรงไปคงเป็นตาแดงๆที่มองก็รู้ว่าไม่ได้กำลังโกรธอย่างเดียว


ไอ้ห่า อย่าร้องนะ...


“กูขอโทษ” ผมรีบปรี่เข้าไปกอดมันแต่โดนสะบัดออกแต่ผมก็พยายามกอดตัวมันให้ได้แม้จะโดนทุบหน้าทุบไหล่


“เห็นป่ะ แค่กูบอกจะไปเจอแฟนเก่าแถมกูยังแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการบอกมึงก่อนด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ชอบใช่มั้ยล่ะ”


มันนิ่งไป ผมกระชับกอดขึ้น


“กูรู้ว่ามึงก็เชื่อใจอยู่ถูกต้องมั้ย แต่มึงก็ไม่อยากให้กูไป ”


“ไม่ใช่ซะหน่อย” ยัง ยังไม่ยอมรับ


“จริงอ่ะ เมื่อกี้ไม่ได้หึงสักนิด แค่ทักทายปกติว่างั้น” ผมถามเสียงสูงจี้ใจดำ


“เออ!!!” แต่คนปากแข็งให้เอาอะไรมาง้างมันก็ยังแข็งล่ะนะ


“เออ กูเป็นคนเดียวก็ได้ งั้นก็รู้ไว้ซะว่ากูขี้หวง”


“ที่สุดอ่ะมึง”


แหมะ!! ไอ้จวกไส้ มึงก็ไม่ได้ขี้หวงน้อยไปกว่ากูเลย!!


แต่ที่ไม่ค่อยเห็นมันแสดงอาการเพราะว่าผมไม่เคยไปวอแวใครแล้วก็ระวังตัวไม่ให้ใครมาวอแวน่ะสิ


ดูอย่างเมื่อกี้ดิ กูแค่พูดเล่นเอากูเกือบตาย


“อย่า ไม่ต้องมากอดเรื่องเมื่อกี้กูยังไม่ลืมนะ” มันเอี้ยวตัวมามองตาเขียวเมื่อผมโน้มตัวไปกอดมัน ชิ ว่าจะนอนกอดหลับพักผ่อนสักตื่น ผมเลยจัดไปหนึ่งดอกเบา


“อยากกอดตายล่ะ น้ำก็ไม่อาบไอ้เน่าเอ้ย!”


ว่าแล้วก็เอาตีนเขี่ยแม่งเลย


แน่นอน โดนซัดกลับมาหนึ่งปึ้ก


โอ๊ยยยยยยยยยยย



End  talk





ในที่สุดผมก็หายไม่มีแม้แต่รอยแผลเป็นเพราะมันขึ้นไปอยู่บนตัวไอ้ซิ่งแทนสามารถกลับไปเรียนได้อย่างปกติสุข ไม่ใช่ว่าไปเล่นของใช้คาถาแบบเสกแผลกูไปอยู่บนตัวมันหรอกนะแต่เพราะมันงี่เง่าอ่ะดิ


จำไอ้โน่ได้มั้ยที่มันชอบผมน่ะ หยึย!! พูดคำนี้แล้วกูขนลุก คิดว่ามันจะตายไปตั้งแต่วันที่แข่งรถแพ้ผมวันนั้น (ถึงไอ้ซิ่งเป็นคนแข่งแต่ก็ลงแข่งในนามผมล่ะวะ) ผมก็ไม่รู้ว่ามันโผล่มาที่มหา’ลัยได้ไงแต่พอมันเห็นผมเท่านั้นแหละก็กระโจนมากอดเลย ผมนี่ตาเหลือกโคตรตกใจกำลังจะถีบมันออกแต่ก็ช้ากว่าไอ้หมอสมองหมาที่มันมารับผมที่คณะจัดการงัดแถมโยนให้เรียบร้อย


แต่เรื่องมันไม่จบแค่นั้นสิ


แม่งมาโมโหผมหาว่ายืนให้มันกอดอยู่ได้ชอบรึไงบ้าบอคอแตก กูตกใจน่ะเข้าใจมั้ยว่ากูตกใจโว้ย!!


นอกจากมึงที่กูคิดสั้นหลงกลไปแล้ว กูก็ไม่มีจิตใจเสน่หาเพศผู้ตัวไหนอีกหรอก เฮอะ! ปัญญาอ่อน!!


แต่มันไม่ฟังถึงคอนโดก็จัดการผม...เอ่อ...แบบนั้นแหละ


แต่ไอ้ควาย!! มันจับผมกดลงพื้นแล้วก็ทำอย่างว่าห้ารอบ


คิดดู!! ห้ารอบนะ!! ยังไม่นับความแรงและความถี่ และพื้นแข็งจะตาย!!


ถ้าเป็นเตียงกูจะไม่ว่าเลย!!


เพิ่งหายจากแผลที่โดนตีมาโดนเรื่องจัญไรแบบนี้!! ระบมสิครับ!! หลังนี่ปวดเหมือนกระดูกแตก ร้าวไปทั้งตัว


พอทำเสร็จคงสำเหนียกได้ทำมาอุ้มไปอาบน้ำวางบนเตียงห่มผ้าอย่างดี ไอ้สัด! ช่วยได้นักนี่


ผมนอนเอาแรงถึงเช้าเท่านั้นแหละจัดการสำเร็จโทษฟาดด้วยไม้เบสบอล หัวแตกเลยเย็บตั้งหลายเข็ม


แผลเป็นเห็นโคตรชัดอย่างว่ามันตัดผมทรงสกินเฮดด้วยอ่ะนะ


พอเห็นเลือดก็ตกใจนิดหน่อยแต่ไม่รู้สึกผิดหรอกนะ เหอะ สมน้ำหน้า


แต่ก็นั่นแหละเรื่องมันผ่านมาตั้งอาทิตย์กว่าๆแล้วมันก็ขอโทษและโดนลงโทษในความขี้หวงทะลุโลกของมันไปแล้ว


แค่หวังว่าครั้งต่อไปมันจะไม่บ้าดีเดือดอีก


เพราะมันจะโดนกูที่บ้าดีเดือดระเหยกว่ามันเป็นสิบเท่าจัดการ เฮอะ


ตอนนี้เลยกลับมาแฮปปี้ ที่ว่าแฮปปี้นี่ก็ไม่ได้สวีทไรกันนะ หมายถึงสามวันดีสี่วันทะเลาะเหมือนเดิม =_=


“อ่ะ”


“ไร”


ผมที่นอนเหยียดดูการ์ตูนอยู่บนโซฟาหน้าทีวีเหล่ตาไปมองหนังสือที่มันส่งมาให้


“หนังสือ เห็นว่าจะสอบวิชานี้” มันพูดพลางยกหัวผมขึ้นแล้วนั่งแทรกตัวบนโซฟาแล้ววางหัวผมลงบนตักมัน กลายเป็นว่าตอนนี้ผมนอนหนุนตักมันอยู่


“นี่มันหนังสือการ์ตูนนี่” ผมดูหนังสือในมือที่หยิบมา หน้าปกมันเป็นการ์ตูนแบบเด็กๆมีสีสันน่ารักดี ลองเปิดดูด้านในก็แบ่งเป็นช่องๆมีข้อความ รูปภาพเหมือนพวกหนังสือการ์ตูนทั่วไป


“มันเป็นเนื้อหาชีวเคมีฉบับการ์ตูน เห็นไอ้แคนมาบอกว่าคะแนนมึงวิชานี้ครั้งที่ผ่านมาตกต่ำเรี่ยดินมากนิ”


“ก็เว่อร์ไป กูผ่านเหอะ” ผมเบะปาก


“คะแนนเท่ามีนไม่ได้หมายความว่าผ่านนะ” ไอ้ห่า เสียงเข้มใส่กูอีกละ


“ชิ ก็เนื้อหามันเยอะหนังสือเป็นเล่มใครจะไปจำหมดเล่า” ผมเถียง มันเลยจัดการดีดหน้าผากผมหนึ่งที ไอ้ควาย กูเจ็บ


“กูถึงหาหนังสือที่อ่านง่ายๆมาให้นี่ไง”


“การ์ตูนแบบนี้เนื้อหาจะครอบคลุมหรอ ที่กูเรียนมันก็ลงลึกเหมือนกันนะ”


ลึกซะจนกูขุดหาไม่เจอ แล้วนี่จันทร์หน้าก็จะสอบเก็บคะแนนอีก กูล่ะเพลีย


“ครอบคลุมสิ ไม่ใช่เรื่องพื้นฐานตามร้านหนังสือที่เขาทำไว้ให้เด็กอ่านหรอก เพื่อนที่คณะสหเวชฯทำส่งอาจารย์ กูว่ามันเก๋ดีเหมะกับคนโง่แต่ขี้เกียจอ่านหนังสืออย่างมึงเลยให้มันทำเผื่อเล่มนึง”


กูก็อยากจะขอบคุณหรอกนะ แต่ไอ้ประโยคหลังกูมิปลื้ม เหมือนโดนหลอกด่า


ไอ้ฝัด!!


อย่างนั้นก็เถอะ ผมดีใจนะที่มันเอาใจใส่ ถึงมันจะไม่ค่อยได้พูดอะไรหวานเลี่ยน (ผมด้วยล่ะ) แต่มันก็ดูแลและเอาใจใส่ผมเสมอ


ผมเลยจุ๊บปากให้รางวัลมันหนึ่งที ทำเอายิ้มหน้าบานจนเห็นเขี้ยว


“อืม ขอบใจแต่เอาไว้ก่อน ทไวไลท์กำลังสนุก สอบมันเป็นเรื่องของจันทร์หน้า” ว่าแล้วก็จัดการวางไว้บนโต๊ะกระจก ถือนานๆรู้สึกคันมือมีอาการแพ้เบาๆ


“ไม่ต้องเลย ดูแผ่นนี้จบก็มาอ่านซะแล้วอย่างนี้จะได้คะแนนดีได้ไง”


“ไม่โว้ยยยยยยยยย”


“ไอ้ดื้อ!!!”


“ทำไมคร้าบบบบบบบ คุณผู้ปกครอง อื้อ...”


อ๊ากกกกกกกกกกก ฉกลิ้นเข้ามาในปากกูอีกแล้วววววววววววว




“ซิ่ง...”


“หะ หืม”


“รักกูป่ะ”


“ถามทำไมรู้อยู่แล้วนี่”


“ตอบมาเหอะน่า”


“รักดิ”


“อืม เหมือนกัน”


ไม่ใช่อะไรหรอก อยู่ๆก็อยากบอกรักมันขึ้นมา ด้วยวิธีของผมเท่านั้นเอง...


ถ้าจะให้พูดคำว่า ‘รัก’ ตรงๆเหมือนมันก็คงยาก


ก็หวังว่าคนฉลาดอย่างมันจะเข้าใจคำว่า ‘เหมือนกัน’ ของผมล่ะนะ



THE END







หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16-30 << 31.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 31-07-2018 20:32:47
กรี๊ดดดดดดดด อยากกรีดร้อง
นึกว่าจะไม่ได้อ่านอีกแล้ว
ขอบคุณมากค่ะ ที่เอามาลงใหม่
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16-30 << 31.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 31-07-2018 20:50:39
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16-30 << 31.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-08-2018 07:05:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16-30 << 31.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-08-2018 14:28:09
 o13 อ่านกี่รอบก็จัดจ้านเช่นเคย
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16-30 << 31.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 01-08-2018 20:09:14
โอ๊ะจบแล้ว บางทีก็สงสารปายนะแต่บางทีก็หมั่นไส้ อยากอ่านตอนพิเศษจะมีมั้ยคะ
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 26
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 01-08-2018 22:34:48
ตอนแรกเห็นชื่อเรื่องละกลัวม่ามาก อ่านถึงตอนก่อนหน้านี้

กำลังจะว่าเลยว่าเรื่องนี้ไม่มีม่าเลยเนอะ นึกว่าจะม่า

ที่ไหนได้ พอมาตอนนี้แทบจะถอนคำคืนไม่ทัน ฮือออออ

ปายโว้ยย ทำอะไรของเอ็งวะ สงสารซิ่งเลย
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 01-08-2018 22:41:54
ใจหายใจคว่ำหมดเล้ย
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 01-08-2018 22:51:43
 :a5: ห๊ะ อะไรนะ ส้มไวน์มีซัมติง หวายๆ แล่วๆ
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16-30 << 31.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 01-08-2018 23:17:49
กรี๊ดดดดดดดด จบแล้วจริงดิ กำลังสนุกเลย


ฮือ ขอบคุณนะคะ สนุกมาก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16-30 << 31.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 02-08-2018 11:22:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16-30 << 31.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-08-2018 11:57:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16-30 << 31.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Fasai25448 ที่ 05-08-2018 22:57:28
สนุกค่ะ รอตอนพิเศษนะคะ จะมีไหมอ่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16-30 << 31.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 06-08-2018 10:04:08
กรี๊ดดดดดด เค้าคิดถึงเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16-30 << 31.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Falah ที่ 08-08-2018 19:12:34
ได้แฟนแบบพี่ซิ่ง จะกราบเช้ากราบเย็นเลย
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16-30 << 31.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 10-08-2018 22:35:18
สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16-30 << 31.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 16-08-2018 00:03:14
อดใจไม่ไหว มาอ่านอีกรอบล่ะ ^^
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16-30 << 31.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: airjang ที่ 17-08-2018 15:57:22
สนุกมาก อารมณ์ขึ้นลงตามเนื้อเรื่อง (หวาน เศร้า เหงา... หื่น มีหมด)เหมือนเกาะติดอยู่ข้างๆ

เขียนล้ำกว่านักเขียนอีกหลายท่านที่คนอ่านหลายๆคนชื่นชมซะอีก
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16-30 << 31.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 17-08-2018 22:04:50
ขอบคุณนะคะที่เอามาลง  :mew1:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16-30 << 31.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: ์ำNeFuji ที่ 18-08-2018 13:10:10
ชอบบบ มากกกกก ดีใจที่กลับมาอัพ
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16-30 << 31.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: nikon ที่ 23-08-2018 14:32:50
คิดถึงพี่ซิ่งน้องปาย ขอบคุณที่กลับมาลงใหม่  :hao5:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16-30 << 31.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 25-08-2018 20:24:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16-30 << 31.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: pmxphii ที่ 26-08-2018 01:32:59
ตอนที่เห็นคนแนะนำเรื่องนี้แต่บอกว่าลบไปแล้ว นี่แทบร้องงง
แต่พอมาหาๆดู ไรท์เอามาลงให้ใหม่แล้วววววววว เยยยย้ ขอบคุณมากค่ะ
อ่านเพลินมากๆๆๆๆๆ รวดเดียวจบ ชอบบบบบพี่ซิ่งงงงง พี่คือพระเอกในดวงใจ
เราชอบคนขี้หวงงขี้หึงมากๆๆๆ แต่ก็ยังเป็นคนมีเหตุผลอยู่
ตอนนี้ปายมาบอกเลิก แต่พี่ซิ่งไม่ยอมเลิก แถมยังยอมปายอีก คือพ่อพระไปอี๊กกกก
แต่ประโยคที่เราชอบที่สุดคือ

 " กูดูแลของกูมา บางครั้งที่มึงดื้อจนกูอยากบีบคอมึงกูยังทำไม่ได้เลยแล้วเหี้ยมันเป็นใครมากระทืบเมียกู "
โอ้ยยยยยยเอาใจไป้ลยยย ชอบบมากกกกกก ขอบคุณที่เอามาลงให้ได้อ่านนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16-30 << 31.07.2018
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 26-08-2018 18:17:36
สนุกค่ะะ อ่านยาวๆตาแฉะไปเล้ยยยย~~~
ปายคือ ผช.หน้าสวยืที่นิสัยแมนมากกกกๆๆๆ ละแบบหญิงเยอะจีงงง กราบความเถื่อน ความขี้บังคับ ความรุนแรงของิอิพี่ซิ่งจ้า ถึงจะโหดกับน้องแค่ไหน แต่พอเห็นน้ำตาเมียละอิพี่ใจอ่อนจ้า 555555555555555. อ่านช่วงแรกคือแบบ โอ้ย แรงๆกันทั้งคู่อะ ดีที่สุดท้ายที่อิพี่ทำไปคือรักจริง ส่วนคนน้องพอรู้ว่าชอบก็อ่อนๆลงให้
ชอบตรงที่ปมไม่ซับซ้อน ไม่ดราม่าเยอะ น้องปากแข็งแต่พอรู้ตัวว่าผิดก็พยายามง้อในแบบของตัวเองจนอิพี่ใจอ่อน คือดีย์~~~~~~~~
สนุก มีทุกรสชาติ มิตรภาพของเพื่อน คนรัก ครอบครัว ตอนแรกนึกว่าจะมีปมเรื่องครอบครัวปายอะ ไม่พูดถึงเลย.....  o13
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 26-08-2018 22:53:21

รักร้ายพิเศษ 1


“ถ้ามึงจะเรียกกูมานั่งจ้องหน้ากับมึงกลับบ้านไปเลยไป๊”

“ง่ะ มึงอ่ะ ก็กูไม่รู้จะพูดยังไงนี่หว่า >///<”

“โอ๊ย ถ้ามึงไม่รู้จะง้างปากยังไง นู่น!! ประตู!! ปลุกกูมาแต่เช้าเพื่อนมานั่งบิดไปบิดมาเนี่ยนะ ไอ้กระรอก!!”

“งือ ใจร้าย”

ผมแทบจะถลาไปตบกะโหลกไอ้คนที่ทำหน้าหงอยสลับแดงอยู่มุมโซฟาตัวโปรด

แต่...แต่!!! มันเป็นไอ้แปงไง! กูถึงทำไม่ลง กูแพ้ของน่ารัก!! เลยได้แต่มาขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด

คิดดู! คิดดู๊ๆๆๆๆๆๆๆๆ มันมากดกริ่งที่คอนโดตั้งแต่ 6 โมงเช้า ผมยันให้ไอ้ซิ่งลุกมาเปิดประตูแต่สุดท้ายแม่งเดินมาถีบผมแทบตกเตียงเพราะคนที่มาเป็นเพื่อนผม

กูก็ตกใจคิดว่ามีเรื่องด่วน แต่ห่า!! สองชั่วโมงแล้วนะ! สองชั่วโมงที่มึงเอาแต่นั่งบิดตัวไปกัดปากมา! ให้กูแหกขี้ตามาแค่นี้น่ะนะ!!

เมื่อคืนกูโดนหมาดำก่อกวน!! วันนี้ต้องการพักผ่อนโว้ย!! อ๊ากกกกกกกกก

“ถ้าไม่พูดกูไปนอนแล้วนะ!”

“ง่า อย่านะ! ช่วยกูก่อนดิ” มันรั้งแขนผมไว้ ซึ่งทำให้ผมหันขวับกลับไปหามันอย่างไม่รีรอ

กูจะพ่นไฟใส่หน้ามึง!!

“กูจะวีน ถ้ามึงไม่พูดกูจะวีนแล้วนะ!!” เสียงว๊ากทำเอามันตกใจเผลอปล่อยแขนผมแล้วกระถดตัวไปนั่งมุมโซฟา

“แงงงง อย่าแปลงร่างนะ ก็กูไม่รู้จะพูดยังไง มันอายนะ!!” มันเอาหลังมือมาถูๆแก้มตัวเอง น่ารักอ่ะ! แต่ไม่ได้ถ้ากูใจอ่อนอีกกูต้องมาดูมันนั่งทำท่าปัญญาอ่อนอีกหลายชั่วโมงแน่ๆ

“ถ้าอายที่จะเล่าให้กูฟัง โน่น!! ไปหาผัวมึงหรือไม่ก็ไอ้สี่ตัวที่เหลือ!!”

“ไม่ได้! เรื่องนี้ต้องมึงคนเดียว ไม่งั้นกูจะถ่อมาทำไมล่ะ!” มันโก่งคอเถียงซึ่งท่าทางนั้นเรียกให้ผมหรี่ตาลงจนเป็นเส้นตรง

“ไอ้แปง...ถ้ามึงยังไม่พูดนะ กูฆ่ามึงหมกถุงดำแน่ๆ” ผมพูดเสียงเย็นหน้าเหี้ยมพลางก้าวเข้าไปหามันช้าๆ

หึๆ บีบมันเข้าไป มันจิตตก

“หรือไม่...กูจะเอามึงเข้าเครื่องบดหมูแล้วเอามาทำลูกชิ้นใส่ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ!!!”

“ว๊ากกกกกกก อย่าเข้ามานะๆ อ๊ากกกกกก” มันกระโดดหนีตอนผมทำท่าจะบีบคอมัน แต่ยังไม่ได้แกล้งมันต่อเสียงจากห้องนอนก็ดังขึ้นซะก่อน

“โว้ยยยยยยย เบาๆโว้ย คนจะนอน!”

คราวนี้หน้าแหยๆจริงๆโว้ย ฮ่าๆอย่างว่าไอ้แปงมันกลัวไอ้ซิ่ง มันบอกว่าไอ้ซิ่งน่ากลัวชอบทำตาดุ

ตรงไหนวะ

“ว่าไง”

“เออๆกูบอกแล้ว กู...เอ่อ..กะ กู”

“ไอ้แปง!!”

“ว๊าก! กูจะมาปรึกษามึงเรื่องเซ็กส์”

“ห๊ะ!!”

เมื่อกี้ผมฟังผิดใช่ป่ะ  มันพูดว่าเค้กใช่มั้ย??

“มะ มึง”

“กูมีปัญหาเรื่องบนเตียงนิดหน่อย” มันพูดเสียงเบาหวิว

อ๊ากกกกกกกกกก สรุปมันพูดว่าเซ็กส์!! ผมไม่ได้ฟังผิด!! ใครมาล้างประสาทเพื่อนผู้แสนน่ารักของกูวะ!!

ฟุ่บ!!

“หนะ ไหนมึงว่ามาซิ”ผมนั่งลงบนโซฟาหลังจากที่รวบรวมสติได้แล้ว

“เอ่อ...คืองี้นะ คือกูกับคิง ยัง เอ่อ...ไม่ได้มีอะไรกันเลย” ท้ายประโยคเบาหวิว แต่ชัดเจน!!

“เหลือเชื่อ!! แล้วรอยที่ตัวล่ะ” จริงนะ ผมเห็นตลอด แล้วคนอย่างไอ้คิงเนี่ยนะจะปล่อยหลุดมือมา ไม่มีทาง

“ก็ ก็แค่จูบแล้วทำรอยแค่นั้น ยังไม่ถึงขั้น...เอ่อ...” หน้าที่แดงแปร๊ดนั่นเป็นคำตอบอย่างดีว่ามันไม่ได้โกหก

“โอ้ววววว มายบุดดา มึงเล่นของใช่มั้ยถึงรอดมาได้”

“ง่ะ ปายอ่ะ กูเครียดนะ”

“ทำไมแล้วมันจะบังคับมึงหรอ” ผมเลิกคิ้วถาม ไม่มีก็ดีแล้วนี่ แล้วมันจะมาเครียดอะไร

“ก็เพราะว่าไม่น่ะสิ” โอ้ว แรงงงง แต่พอฟังประโยคต่อมาถึงกับบางอ้อ “เมื่อวันก่อนกูได้ยินเสียงมันช่วยตัวเองในห้องน้ำแล้ว เอ่อ...ครางเป็นชื่อกูด้วยง่ะ”

เอ่อ...เอาซะกูหน้าแดงตามไปด้วยเลย

“แล้ว...”

“ปาย! แบบนี้หมายความว่ามันต้องการกอดกูมากใช่มั้ย ทำไงดีอ่ะ ถ้าวันนึงมันทนไม่ไหวขึ้นมาแล้วไปมีอะไรกับคนอื่นล่ะ”

โว๊ะ ไอ้นี่ เดี๋ยวทำหน้าเขิน หน้าอายสุดขีด แล้วก็กลับมาทำหน้าตาตื่นตกใจ กูปรับอารมณ์ตามไม่ทันโว้ย

“มึงก็ยอมมีอะไรกับมันซะสิ”

“กูถึงมาปรึกษามึงนี่ไง!” เฮ้ย เอาจริงดิ กูประชดนะนั่นน่ะ

“สาระ??”

“ปายยยยยยย มึงเป็นคนเดียวที่ช่วยกูได้นะ ปายยยยย” โว้ยยยยยย มึงจะร้องโหยหวนทำไม แล้วไอ้คำที่บอกว่ากูช่วยได้คนเดียวห่าไรน่ะกูไม่ดีใจหรอกนะ

“เออๆ ถ้าอยากเสียตัวนักเดี๋ยวกูจัดให้!!!”


กุกกักๆ

“ทำไร”

“หาของ โทษทีๆนอนต่อเหอะ” ผมหันไปบอกไอ้หมีควายที่มันงัวเงียตื่น สงสัยเสียงดังไปหน่อย แต่แทนที่มันจะนอนต่อตามผมบอกขยี้ขี้ตามองมาทางผม

“หาไร”

“ยา...ที่เพื่อนมึงให้มาแล้วกูให้เอาไปทิ้ง มึงทิ้งหรือยัง” แต่ผมว่าหน้าอย่างมันไม่ทิ้งหรอก เอาไปซ่อนไว้ตรงไหนนี่แหละ สันดานอ่ะ

“จะเอาไปทำอะไร” คราวนี้ตื่นเต็มตาเลยเว้ย ลุกขึ้นมาจ้องหน้ากูเขม็งเสียงงี้เข้มเชียว

“เหอะน่า ไม่ได้มาใช้เองละกัน อยู่ไหนๆๆๆ”

ปึก

เหวออออ O_o

“ถ้าไม่บอกกูไม่ให้นะ” มันเอาไม้เกาหลังเกี่ยวจนผมล้มไปบนเตียง ขาข้างหนึ่งพาดมาบนอกอีกข้างก็รองศีรษะผมไว้

ห่าไรมึงเนี่ย!!

“ไม่เชื่อใจกูรึไง”

“แน่นอน ต้องเล่นอะไรพิเรนทร์อีกแน่”

บู่วววววววว

ผมทำหน้ายู่ให้มันพลางทุบขามันไปที ไอ้หอกหักพูดอะไรไม่ถนอมน้ำใจกูเลย

“ตกลงว่าไงจ๊ะน้องดื้อ” ชิ พูดจาดีแต่สีหน้าต้องปรับปรุงนะสัด

“เอาไปให้ไอ้แปง” แล้วผมก็เล่าเรื่องให้มันฟัง เอ ไอ้แปงคงจะไม่ว่าหรอกนะก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังนี่เนอะ เพราะถ้ามันโดนจับกดเมื่อไหร่ก็รู้กันทั้งบางอยู่แล้ว หรือเปล่าวะ?? ส่วนไอ้บุคคลที่โดนกล่าวถึงผมไล่มันกลับไปแล้ว เย็นนี้ค่อยเจอตามที่นัดกันไว้

“มึงก็เลยจะเอาไปใช้กับมัน” แน่สิ! ของงี้มันต้องมีตัวกระตุ้น ไอ้ห่าซิ่งยังเคยคิดจะเอามาเล่นกับผมเลยดีนะจับได้ไล่ทันซะก่อนขนาดธรรมดาไม่มีอะไรกระตุ้นกูยังนอนซมครึ่งค่อนวัน บอกขนาดนี้รู้กันแล้วใช่มั้ยว่ายาอะไร

“เออ นัดกันไว้แล้วด้วย”

“แล้วมันรู้รึเปล่าว่ามึงจะใช้วิธีนี้”

“ฮื่อออ ไม่รู้อ่ะ กูแค่บอกว่ามีวิธี ฮ่าๆ เสร็จโจร” มันทำหน้าละเหี่ยใจประมาณว่า กูว่าแล้ว ทำไมอ่ะวิธีกูออกจะเลิศ ถ้าไม่ได้กันวิธีนี้จะไปได้กันวิธีไหน เจ๋งสุดแล้ว รวดเร็วเห็นผลทันตาจึ๊กจั๊กๆ

“กูขอสั่งห้าม ยังไงก็ไม่ได้ถ้ามันจะล่อกันก็ให้มันเปลี่ยวกันเอง แล้วมึงนัดเจอกันที่ไหน ร้านเหล้าใช่มั้ย ยิ่งไม่ได้ใหญ่วันนี้กูติดธุระ”  จบคำผมก็ปัดหามันออกลุกขึ้นนั่งประจันหน้าทันที

“ไม่!! กูจะทำมึงมาหาว่ามันไม่ดีมึงมีวิธีที่ดีกว่านี้ไหมล่ะ แล้วก็ไม่มีอะไรเสียหายมันเป็นแฟนกันแล้ว กูไม่ได้ใช้มากด้วยแค่พอรู้สึก!! แล้วธุระที่มึงติดคือไปส่งน้องแจงก็ไปสิ! ไม่ได้ห้ามแล้วก็ไม่ได้ขอให้มึงไปกับกูด้วยยังไงกูก็ผู้ชายไม่จำเป็นต้องให้ใครมาคอยห่วง!!”

โมโห พูดเรื่องนี้แล้วกูขึ้น กูฉุนขาด! ทำเป็นมาห่วงมาห้าม เออ! กูทำอะไรก็ผิดก็ไม่ดี ทีมึงมาบอกกูจะไปส่งน้องแจงสอบกูยังไม่ว่าสักคำเลย!!

ฮึ่มๆ กูอุตส่าห์พยายามไม่คิดไม่พูดไม่โวยวายแล้วนะ!!!

“โกรธกูเรื่องจะไปส่งน้องแจง?? กูบอกแล้วไงว่าแค่น้อง ไอ้โจ้มันไม่ว่าง”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ไม่ได้โกรธด้วย แต่อย่ามาห้ามกูสิ”

“เอาคืนกู??”

“เปล่า ทำไมต้องเอาคืนปัญญาอ่อนเหอะ ปล่อยเลยๆ อ่อก!” ผมหยิกแขนมันที่รัดคอแม่งไม่ปล่อยไม่พอยังรัดๆเขย่าๆอีก อ่อก!! กูหายใจไม่ออก!!

“ไม่ปล่อย ทำไมมึงถึงได้ดื้อด้าน ขี้หึง ไม่ฟังใครอย่างนี้นะ นี่แน่ะๆๆๆ”

“อ๊ากกกกกกกกกก ไอ้ควายยยยยยยย”



ในที่สุดมันก็ยอมให้ผมมา แต่ขอแก้หนึ่งข่าวครับ ผมไม่ได้ขี้หึง!! แค่ไม่พอใจ!! มันไม่คิดอะไรแต่ใช่ว่าอีกฝ่ายไม่คิดอะไรนี่เจอกันทีตาเยิ้มใส่ตลอด ไม่มีใครอยากให้คนอื่นมามองแฟนเราด้วยสายตาแบบนั้นหรอกจริงมั้ยถึงมันจะหล่อน้อยกว่าผมก็เถอะ แต่ก็นั่นแหละผมเชื่อใจมันเลยยอมปล่อยไป เฮ้อ

“เฮ้ยๆทางนี้” ผมโบกมือเรียกไอ้สี่ตัว วันนี้มากันไม่ครบองค์ขาดไอ้แคนกับไอ้บอล ไอ้พวกติดแฟน!!

เลยมีแค่ผม ไอ้แปง ไอ้คิง (แน่นอนสองคนนี้ขาดไม่ได้) ไอ้ซาวน์และไอ้วิน

“ไงมึง วันนี้ซ่าหรอชวนกูมาแดกเหล้าเนี่ย”

“แน่นอน” ผมยักไหล่ไขว่ห้างวาดมือวางพนักโซฟา ให้มันรู้ว่ากูน่ะป๋าปาย

“เสี่ยหรอไอ้สัด วันนี้เสี่ยจะเลี้ยงหรอครับ”

“แน่นอนว่าหารกันออก” ไอ้พวกกรูปรีมึงเอาน้ำแข็งมาปาทำไมเนี่ย แดกด้วยกันแล้วเรื่องห่าไรกูต้องจ่ายคนเดียวฟะ อิบ้า
พอเริ่มได้ที่ได้ทางก็กินกันไปเบาๆ เหมือนมานั่งจิบเหล้าผ่อนคลายมากกว่าเพราะผมเลือกร้านสบายๆเป็นแบบ out door มีวงดนตรีร้องสดไม่ใช่ผับใช่บาร์

แน่ใครจะรู้ว่ากูมีแผน ครึครึ

หันไปมองไอ้แปงแม่งก็นั่งหน้าแดงเชียวแค่กูบอกว่ามีแผนแต่ยังไม่ได้บอกว่าแผนอะไรนะเนี่ย แหมะ แสดงว่าเตรียมใจมาอย่างดี

ตอนนี้ยังไม่เริ่มแผนการครับปล่อยให้กินเหล้าเคล้ากับแกล้มกันอย่างสบายอุรากันไปก่อน วันนี้งดหญิงแน่นอนไอ้คิงมีเมียตามมาอดแน่นอน ไอ้วินกับไอ้ซาวน์บอกวันนี้ขอนั่งแดกเหล้าเฉยๆงดใช้ลูกชายสักพักกันสังคังแดก ส่วนผมถึงไม่มีคนมาคุมแต่ก็เหมือนมีรังสีดำแผ่ออกมาให้เสียวเล่น

เพราะฉะนั้นอย่าไปลองของเลยเนอะ

“ไอ้แปง อย่าโชว์พาว นั่งลงๆ” ไอ้คิงจับแฟนมันมานั่งหว่างขาแล้วกอดเอวไว้ มันไม่ได้พิศวาสขาดใจห่าเหวอะไรหรอก ไอ้แปงที่เคยเป็นหนุ่มน้อยหน้าแดงเหมือนสาวน้อยดอกไม้ผลิบานบัดนี้ได้เมาแล้วเริ่มออกสันดารหมาๆด้วยการจะไปเต้นกับกลุ่มคนที่โยกๆอยู่หน้าเวที

อย่าคิดว่าไอ้คิงจะหวง ไม่เลยนั่นเป็นแค่เหตุผลรองเหตุผลหลักจริงๆคือถ้าทุกคนไม่ลืมจะรู้ว่ามันเมาแล้วเรื้อนขนาดไหนอย่างที่เคยเล่าให้ฟังถึงขนาดเคยตั้งการ์ดตะโกนหลีดพร้อมๆเพราะฉะนั้นอย่าปล่อยไปดีที่สุด จับมันไว้แน่นๆนะมึง

บัดนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มโดยประมาณกระผมว่าสมควรแก่เวลาแล้วที่จะดำเนินแผนการไม่เช่นนั้นไอ้แปงจะเสียเลือดแทนเสียตัวเพราะแม่งเริ่มเรื้อนขึ้นๆ ไอ้ควาย!! มึงลืมแล้วใช่มั้ยว่าเป้าหมายของเราคืออะไร!!

ผมเลยบอกพวกมันว่าจะไปสั่งเหล้าที่เคาท์เตอร์ แม่งบอกทำไมไม่เรียกพนักงาน

“กูอยากเดินย่อยเหล้าแดกไปเยอะแน่นท้องจบป่ะ!!”

ต้องจบแล้วล่ะ ถ้าไม่จบกูเตะมึงแน่ไอ้หมาวิน

“พี่ 40 ดีกรีสองก๊ง”

กร๊ากกกกกกก อย่าคิดว่าทำไมกูถึงสั่งสี่สิบดีกรีเหตุเพราะไอ้ห่าคิงชอบเห็นหน้ามันหล่อแบบนั้นเนี่ยแหละถ้ามียาดองกูก็จะสั่งยาดองอ่ะ แล้วอีกแก้วผมจะให้ไอ้แปงกินเรื้อนขนาดนี้ส่งอะไรให้มันก็แดกหมด

เมื่อได้ของตามที่สั่ง แหมะ กลิ่นโคตรยั่วน้ำลายกูมาก ไม่ได้ๆอย่าเคลิ้มแค่นี้กูก็เมาเยิ้มมากละ ฮา ควักยาออกมาไหนว๊าๆไอ้ซิ่งส่งให้ผมเองเลยนะ หึๆ บอกแล้วผมเอาจริงมันไม่กล้าหือหรอก นี่ไงเจอแล้ว ใส่เลยสิๆ แต่เอ๊ะ!...เดี๋ยวนะ!!

ทำไมเปิดมาถึงเป็นเม็ดกลมๆล่ะ เดี๋ยวนี้เค้าทำเป็นเม็ดกันแล้วหรอ กูจำเป็นต้องยืมครกกับสากกะเบือของร้านมาตำให้ละเอียดก่อนมั้ย แต่พอเพ่งดีๆ ไอ้สัด!! ชัดเลย!!

พาราเซตามอลห้าร้อยมิลลิกรัม!!!!

ไอ้ซิ่งมึงไอ้เหี้ย ไอ้หอยชะมดอักเสบขอให้หูรูดมึงบรรลัย ไอ้ควายยยยยยยยย แล้ววันนี้ที่กูอุตส่าห์วางแผนมาเพื่อนอารายยยยยยย กูจะกลับไปฆ่ามึง!!

กูขอยาปลุกเสือกเอาพารามาให้กู!!! จะเอาไปแก้เงี่ยนให้เชี่ยคิงโว้ยไม่ใช่ลดไข้!!!

“สวัสดีครับคนสวย”

 ขวับ!!

กูหันไปมองหน้ามันทันทีเลยเหอะ ไอ้สัดเมื่อเช้าไม่ได้แคะขี้ตาหรือจอตามึงเสื่อมสภาพถึงมาเรียกกูคนสวย ไม่เห็นลูกกะเดือกกูหรอ หน้าอกกูนูนเป็นไตกระแทกตามึงหรือก็ไม่ใช่!!!

ผมเลยแค่หันไปมองหน้าแล้วคว้าแก้วเหล้าที่ถึงไม่ได้ใช้ประโยชน์ตามที่คาดแต่ก็เอาไปแดกให้ร้อนคอเล่นก็ได้วะ ส่วนไอ้เหี้ยหน้าหอยกูจะปล่อยมันไปไม่อยากมีเรื่องไม่อยากถือคนเมา

“เดี๋ยวสิคนสวยหยิ่งหรอ” มันจับข้อมือผมไว้ เหี้ย!! เดี๋ยวสี่สิบดีกรีกูหก!!

“ปล่อย เมาแล้วกลับบ้านไปซะ”

“กลับกับพี่สิ รับรองคนสวยจะรู้ถึงสวรรค์ของคนเมา” มันทำตาเยิ้มใส่ ไอ้สัด ถ้าทนได้ก็ไม่ใช่กูแล้ว

เพล้ง!

ซ่า!!

“คนสวยบ้านพ่อมึงสิ! เก็บปากไว้ดูดนมเมียเหอะแล้วอีกอย่างกูเป็นผู้ชายโว้ยยย” ผมสะบัดมืออกอย่างแรงจนแก้วเหล้าหลุดมือตกแตก แต่อีกข้างยังอยู่และไม่พลาดที่จะสาดใส่หน้ามัน ไอ้ชาติหมาใน!! อีกทีมึงโดนน้ำมะพร้าวล้างหน้าแน่

“เฮ้ย ด่าพ่อกูหรอ!กูพูดด้วยดีๆนะ เดี๋ยวก็โดนจับกระแทกหรอกปากดี!!” มันหันมาตะโกนด่าอย่างฉุนๆ หึ โดนเหล้าขาวกูเข้าหน่อยลูกกะเดือกมึงกลับด้านเชียวนะ

ตอนนี้คนในร้านเริ่มหันมามอง อย่างที่บอกมันเป็นร้านเหล้าไม่ใหญ่มากมีเรื่องทีก็ได้ยินกันทั้งร้าน

พนักงานเริ่มตั้งท่า เพื่อนกูเข้ามาประกบ เพื่อนไอ้หน้าเหียกสันดานเหี้ยก็เช่นกัน

“เอาตีนกูกระแทกปากมึงก่อนเป็นไง” จบคำผมก็พุ่งเข้าใส่ทันทีแต่ก่อนที่คอนเวิร์สจะประทับบนหน้าไอ้เหียกก็มีคนมาห้ามคว้าขอเท้าผมไว้ซะก่อน

ห่าเอ๊ย!! ใครวะ!!!



 


หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 2
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 26-08-2018 22:54:25

รักร้ายพิเศษ 2


ห่าเอ๊ย!! ใครวะ!!

“ขอโทษครับคุณชาย ให้ผมจัดการดีกว่าครับ”

ผมลดเท้าลง ชั่ววินาทีแรกรู้สึกตกใจแต่พอตั้งสติประมวลผลรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็หน้านิ่งตึงทันที

ชายชุดดำสองคนที่ล๊อคตัวไอ้เหียก อีกสามคนยืนคลุมเชิงทำให้เพื่อนมันไม่กล้าหือมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แน่ล่ะ ตัวทั้งใหญ่กว่าพวกมันสองเท่าหน้าดุอย่างกับเพิ่งออกจากคุกใส่แว่นกันแดดสีดำทั้งที่ไม่มีแดดสักนิดเพื่อเสริมความน่ากลัวเข้าไปอีก ส่วนอีกคนยืนเข้มพร้อมก้มหัวให้ผมนิดหน่อย


อืม ก็โอเคอ่ะนะแต่ชุดที่ใส่นี่เชยไปหน่อยนะ เปลี่ยนมาใส่เสื้อเชิร์ตเซ็ตผมหล่อแบบนำสมัยดีกว่าป่ะ ไอ้สูทชุดดำนี่เผาทิ้งไปเหอะ

“ให้ผมจัดการยังไงดีครับ” ผมนิ่งมองไปยังคนพูด รู้สึกโกรธขึ้นมาแต่ยังไงคนตรงหน้าก็ไม่เกี่ยวถ้าจะโทษก็คงต้องโทษคนออกคำสั่ง

“ปล่อยมันไป”

“แต่…”

“นี่คือคำสั่ง”

“ครับ” ร่างสูงใหญ่ก้มรับคำผมก่อนหันไปพยักหน้าให้คนที่คาดว่าน่าจะเป็นลูกน้องอีกที พอไอ้หน้าเหียกโดนปล่อยมันก็รีบสะบัดตัวหนีไปทันทีพร้อมเหล่าฝูงหมาเพื่อนมัน

พอมองไอ้พวกนั้นหายลับไปกับกรอบสายตาอย่างสมเพชผมก็ตวัดสายตามาที่ไอ้พวกคนชุดดำร่างบึกที่พาเอาคนในร้านกลัวกันไปหมดแล้ว

“ไปข้างนอก”

ผมออกคำสั่งก่อนเดินนำออกไป ไอ้พวกเพื่อนมองอย่างเป็นห่วงแต่ผมพยักหน้าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ผมรู้ว่าพวกมันเข้าใจ พอออกมาถึงนอกร้านตรงลานจอดรถผมก็หันไปเผชิญหน้าอีกฝ่ายที่ยืนนิ่งก้มหัวนิดอย่างเคารพนอบน้อมพร้อมถวายชีวิต

“ตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“คอนโดครับ” คำตอบเด็ดขาดอย่างไม่คิดโกหกของหัวหน้าคนชุดดำทำเอาผมชักสีหน้าอย่างไม่พอใจเท่าไหร่(มาก)

“แล้วคิดจะสะกดรอยตามไปถึงเมื่อไหร่ครับคุณนพดล” ผมว่าเสียงเข้มขึ้นนิด เรียกชื่อหัวหน้าคนชุดดำอย่างให้รู้ว่าผมไม่พอใจมากแค่ไหน

“ขอโทษครับ ผมทำตามสั่งคุณท่าน ถ้าเป็นไปได้คุณท่านอยากพบคุณชายครับ”

“ถ้าผมบอกว่าไม่ล่ะ”

“ผมคงต้องตามต่อไปครับเพราะผมคงบังคับคุณชายไม่ได้” สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความจริงจังในคำพูดเจือความเคารพ

หึ ตามต่อไปงั้นหรอ คิดจะทำอะไรของคุณกันแน่

“ไปสิ ผมจะไป”

“ขอบคุณครับ”

แล้วคนชุดดำก็กรูกันไปเปิดประตูรถสีดำขลับคันหรู ผมสอดตัวเข้าไปในประตูด้านหลังของรถที่ถูกเปิดรอก่อนจะถูกปิดมีผู้ชายร่างใหญ่นั่งไปด้านหน้าสองคนรวมคนขับ ส่วนที่เหลือไปขึ้นรถอีกคันที่ขับตามมาด้านหลัง

ผมเอนหลังพิงเบาะอย่างรู้สึกเหนื่อยหัวใจแต่อีกใจก็กำลังรวบรวมแรงใจกับการต้องเผชิญหน้ากับใครอีกคนที่ผมไม่อยากเจอสักนิด เฮ้อออ หายเมาเลยไงกู


“กลิ่นเหล้าหึ่งเลยนะ หึ”

“กำลังดี มีอะไรก็รีบๆพูดมาดีกว่า”

ผมเข้ามาในบ้านหลังโตที่ถ้าไม่เคยมาผมรับรองว่าต้องหลงและห้องทำงานกว้างๆที่บรรจุคนได้เกือบร้อยได้ห้านาทีแล้วถือเป็นโชคดีมากมาแล้วได้เจอหน้ากันเลยจะได้รีบๆพูดแล้วรีบๆไป หวังว่าคงจะไม่ท่ามากพูดอ้อมไปอ้อมมาหรอกนะ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจะน่ารำคาญมาก

“แกพูดกับคนเป็นพ่อแบบนี้หรอ”

“คุณคงจะเข้าใจอะไรผิด ผมไม่เคยคิดว่าคุณเป็นพ่อ ถ้ามีเรื่องจะพูดแค่นี้ผมขอตัว” ผมว่าแค่นั้นก่อนจะหมุนตัวกลับแต่ขาที่จะก้าวออกถูกยึดไว้ด้วยประโยคต่อมา

“เลิกซะ”

“??”

“ไอ้สิ่งที่แกทำอยู่เลิกซะ”

จะว่าอะไรมั้ยถ้าจะบอกว่าไอ้น้ำเสียงนิ่งกับสายตาจริงจังไม่มีผลอะไรกับผมเลยสักนิด

“เท่าที่จำได้ผมไม่เคยทำอะไรผิดถึงจำเป็นต้องเลิก”

“กินเหล้าเมาเหมือนหมามีเรื่องเหมือนนักเลงสลัมแถมยังไปคบผู้ชายแบบคนรักยังไม่ผิดใช่มั้ย!! ใครมาเห็นเข้าฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!!”

“เอาไว้บนคอคุณนั่นแหละคุณนักธุรกิจใหญ่ เราไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน อย่าเอาสิทธิ์ที่คุณไม่ควรได้รับมาอ้างเพราะถ้าผมสามารถเอาเลือดครึ่งหนึ่งของคุณในตัวออกได้ผมทำไปแล้ว!!!” ผมว่าอย่างเหลืออด

ปัง!!

“ไอ้คนอวดดี!ยังไงแกก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้สืบทอดของสว่างนิรันดร์!!” เสียงตบโต๊ะพร้อมเสียงห้าวดังใหญ่ของชายวัยห้าสิบ เสียงที่มีอำนาจใครๆก็ยำเกรงแต่ไม่ใช่กับผม

...คนที่เจ็บปวดกับผู้ชายคนนี้มามากเหลือเกิน

“ขอบคุณกับตำแหน่งทายาทผู้ยิ่งใหญ่แต่ผมไม่ต้องการ ตรงข้ามผมกลับรังเกียจมันด้วยซ้ำ”

“ถึงจะแกจะปฏิเสธยังไงก็เถอะ ฉันขอยื่นคำขาดเลิกซะและย้ายกลับมาอยู่ที่นี่สักที” คำพูดที่แสดงความเห็นแก่ตัวนั่นเรียกให้เลือดในกายมันปั่นป่วนมือสองข้างกำแน่นอย่างสะกดอารมณ์

“กลับมา?? เหอะ ใช้คำผิดหรือเปล่าครับผมแทบไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับบ้านหลังนี้สักนิด จะกรุณามากถ้าเลิกยุ่งกับชีวิตผมสักทีอย่าให้คนมาตามแบบนี้อีก!!” ผมตะคอกอย่างเหลืออด ไม่ไหวแล้ว ผู้ชายคนนี้เกินไปแล้วจริงๆเห็นผมเป็นอะไร เป็นตัวอะไรกัน!!!

“ก็ลองดู!! ถ้าแกอยากให้ครอบครัวของมันเดือดร้อน!!”

กึก

ขู่หรอ! เล่นแบบนี้ใช่มั้ย!! ได้!!

“อย่าเอาวิธีบทละครเก่าๆที่คนอื่นเขาโละทิ้งกันไปหมดแล้วมาใช้สิครับ ถ้าคิดว่าผมจะเป็นคนดียอมทุกข์ทรมานเหมือนตกนรกเพื่อให้คนรักไม่เดือดร้อนล่ะก็..มองผมผิดไปแล้ว!!!”

“หรือแกจะยอมให้คนอื่นเขาบรรลัยเพราะแก!!”

“ถ้าบอกว่าใช่ล่ะครับ”

หึ ดูหัวเสียมากเลยสินะที่จัดการอะไรไม่ได้อย่างที่ใจคิด

“อ้อ...อีกอย่างถ้าใครจะบรรลัยก็เป็นเพราะคุณนั่นแหละ!!!”

ผมว่าแค่นั้นก่อนจะหมุนตัวเดินออกมาไม่ฟังเสียงตะโกนที่ไล่ตามหลังมา แค่รู้สึกเสียดายน้ำลายถ้าจะต้องพูดอะไรออกไปอีก กับผู้ชายคนนี้แม้แต่ประโยคเดียวผมว่ามันยังมากเกินไปด้วยซ้ำ

แล้วไม่ทันจะก้าวออกจากเขตบ้านอย่างใจหวังก็เจอผู้หญิงในชุดนอนผ้าแพรที่แค่เห็นหน้าก็สะอิดสะเอียนดักหน้าไว้

“ยังก้าวร้าวไม่เปลี่ยนเลยนะ”

“ถ้าไม่รู้จักผมดีก็อย่ามาเสล่อปากมาก”

อะไรกันนักหนาวะชีวิตกูหนีงูเห่าตัวพ่อมาได้ยังมาเจอนังหอยเม่นพิษนี่อีก ซวยเช็ดเลย!

แล้วกรุณาอย่าถลนตาใส่กู กูกลัว...

กลัวอดใจไม่ได้ที่จะควักออกมากระทืบ!

“ฉันเป็นน้าแกนะ เป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้ด้วย” ให้ตายเถอะเสียงแว๊ดแสบแก้วหูชะมัด แล้วประโยคเมื่อกี้ว่ามันอะไรนะ...

“บอกผมทีว่าประโยคเมื่อกี้น่าภูมิใจ หึ มันน่าละอายมากกว่าป่ะ”

“อีเด็กนี่”

“หุบปาก ถ้าไม่อยากโดนกูต่อย” ผมว่าเสียงเข้มเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม ทิ้งสายตาเหยียดๆไว้ก่อนจะเดินกระแทกไหล่ออกมา อย่าคิดว่ากูจะเป็นสุภาพบุรุษไม่ต่อยผู้หญิงนะ

ใครทำกูเจ็บกูก็สนองความเลวให้ได้ทั้งนั้นแหละ

“ไม่ต้องกลับเองและหวังว่าจะไม่เจอกันใหม่ บาย”

ผมเดินออกจากตัวบ้านหลังนั้นมาตามพื้นปูนหินอ่อนที่ทอดยาวเพื่อไปยังรั้วบ้าน มือโบกลาเหล่าคนชุดดำสองสามคนที่มองตามผมด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความซื่อสัตย์และพร้อมที่จะรับใช้ ผมรู้ว่าพวกเขายังภักดีพร้อมถวายชีวิตที่จะปกป้องดูแลผม

เพราะผมคือลูกชายของคุณแม่...ผู้หญิงที่ชุบเลี้ยงพวกเขาให้มีชีวิตที่ดีแบบนี้

แต่ผมไม่ต้องการ ผมอยากใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา ไม่ใช่ ’สว่างนิรันดร์’ ที่ผมเกลียด

และผมก็จะเป็นแบบนั้นให้ได้!!!


เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ...

ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆที่วันนี้อะไรๆก็ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ ขนาดเรื่องไอ้ซิ่งก็ยังปิ้วอ่ะคิดดู

ตอนนี้ผมอยู่บนรถแท็กซี่กำลังโทรหาไอ้คนที่ผมคิดว่าป่านนี้มันคงงุ่นง่านอยู่แน่ที่ผมไม่กลับห้องสักทีหรืออาจจะรู้แล้วเรื่องแล้วจากไอ้พวกนั้นและกำลังเป็นห่วงผมอยู่

แต่ไม่เลย ไม่มีสักมิสคอล แถมโทรไปยังปิดเครื่องอีก!!!

ธุระเรื่องน้องแจงยังไม่เสร็จสินะ!!

“เฮ้อ” แต่จะทำอะไรได้ล่ะ ผมให้คนขับมาส่งผมที่แม่น้ำแห่งหนึ่งผมจะมาประจำเวลารู้สึกไม่ดี วางถุงโลโก้เซเว่นบรรจุกระป๋องเบียร์ลงก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงตาม ตรงที่ผมนั่งเป็นสวนสาธารณะปูไปด้วยหญ้าญี่ปุ่นสีเขียว มีต้นไม้ใหญ่โดยรอบและเก้าอี้สีขาวเครื่องออกกำลังกายที่ตั้งตามจุดต่างๆที่ถ้าเป็นเวลาย่ำเย็นคงมีผู้คนมาพักผ่อนหลังจากการเรียนหรือทำงาน

แต่นี่เวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว เลยเหลือผมแค่คนเดียวน่ะสิ!!!

ยังดีนะที่มีไฟเปิดตามเสาไฟเลยทำให้ยังมองเห็นทาง

เฮ้อ..ชีวิตกูมากกว่านี้มีอีกมั้ย

ป๊อก!!

ผมนั่งชันขาเอนหลังพิงต้นไม้ใกล้ริมตลิ่งแม่น้ำเปิดกระป๋องเบียร์ก่อนจะกระดกเข้าปากหวังว่าบางทีมันจะช่วยทำให้ตะกอนที่ถูกปั่นกวนขึ้นมาตกตะกอนนอนลงไปที่ก้นหัวใจเหมือนเดิมได้

“เฮ้อ ซิ่งเวลาแบบนี้มึงไปอยู่ที่ไหนวะ”

ผมหลับตาลงแต่มือยังไม่หยุดส่งของเหลวขมเข้าสู่โพรงปาก เชี่ยเอ๊ย!! ไอ้กระบอกตาฉิบหายมึงจะร้อนขึ้นมาทำไมแล้วไอ้ห่าน้ำตามึงอย่าไหลออกมานะ!!

ผมปาดไอ้น้ำเหลวใสออกจากใบหน้าลวกๆไม่อยากให้มันเป็นสัญลักษณ์ประจานความอ่อนแอในใจของผม


เพราะยิ่งใจผมอ่อนแรงมากเท่าไหร่ก็เป็นสัญญาณว่าผู้ชายคนนั้นมีอิทธิพลกับผมมากเท่านั้น

ผู้ชายที่ผมสะอิดสะเอียนทุกครั้งที่เขาแทนตัวเองว่าพ่อ

ผู้ชายที่ฆ่าแม่ที่ผมรักทั้งเป็นห้าปีเต็มก่อนที่ท่านจะปลดปล่อยพันธนาการอันแสนเจ็บปวดไปมีความสุขบนสวรรค์

ผู้ชายคนนี้ที่แต่งงานกับแม่ผมเพียงเพราะเป็นลูกสาวคนโตของนักธุรกิจพันล้านที่มีกิจการทั่วเอเชียและกำลังตีตลาดฝั่งยุโรปในขณะนั้น

แต่งงานกับคนโตเพื่อหวังฮุบสมบัติก็ว่าน่าเกลียดพออยู่แล้ว กลับเอาลูกสาวคนเล็กของบ้านหรือเรียกง่ายๆก็คือน้องสาวแม่ผมมาทำเมียพูดเต็มปากเต็มคำว่ารักกัน ถ้ารักกันแล้วมาแต่งงานกับแม่กูทำไมวะ!!!

มาทำให้แม่กูเสียใจทำไม!! รู้มั้ยว่าเขาเจ็บปวดปวดกับความมักง่ายของพวกคุณขนาดไหน!! ในใจท่านระทมทุกข์จนต้องหอบลูกวัยสามขวบหนีขึ้นเหนือไปอยู่กับคุณยายและตรอมใจตายขณะที่ลูกชายอายุได้แค่ห้าขวบ!!

ท่านถูกคนที่รักมากทั้งสองทำลายชีวิตจนไม่เหลือชิ้นดี!!!

แค่นั้นยังไม่หนำใจสินะถึงจะมาบงการหวังทำลายชีวิตผมเพื่อรักษาหน้ากากอันโสมมในสังคม อย่าคิดว่าผมจะยอม ไม่มีทาง!!!

จะไม่ยอมให้คนไร้หัวใจพรรค์นั้นมาพรากความสุขไปจากผม!!

ทายาทบ้าบออะไรนั่นผมไม่ต้องการ!!

ยิ่งดึกลมยิ่งหนาวผมห่อตัวโต้ลมหนาวที่พัดผ่านร่าง ยังดีที่ยังมีเบียร์ช่วยเพิ่มการสูบฉีดของเลือดให้ความอบอุ่นกับร่างกาย ถึงมันจะช่วยไม่ได้มากแต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรช่วยเลย

มือวางกระป๋องเบียร์เปล่ากระป๋องที่ห้าลงกับพื้นหญ้านุ่มล้วงมือถือที่ปิดเครื่องไปตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วออกมาจัดการให้มันทำหน้าที่ติดต่อได้อีกครั้ง

ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง

ทันทีที่เปิดออกบรรดาข้อความและโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ผมเล่นก็ส่งสัญญาณถล่มทลายเข้ามา และยังไม่ทันที่ผมจะเปิดดูข้อมูลของคนที่ติดต่อเข้ามาไอ้เครื่องสี่เหลียมสีดำในมือก็สั่นขึ้นเมื่อมีสายโทรเข้า

เหมือนว่าอีกฝั่งสายเฝ้าจ้องหน้าจอตลอดเพื่อที่จะติดต่อผม

“ปาย ไอ้ปาย”

“...”

“ไอ้เหี้ยปายได้ยินกูมั้ย!!!”

“เออ! มึงจะตะโกนทำห่าไร” ผมตอบรับเสียงแหบกลับไป เสียงไอ้แปงที่ลอดมาตามสายฟังดูเป็นกังวลแต่ถ้ามึงจะตะโกนเสียงดังขนาดนี้กูแนะนำให้ไปเป็นโฆษกในงานวิ่งควาย

น้ำในหูกูเอียง!!!

“มึงอยู่ไหน เป็นยังไงบ้าง ปิดเครื่องทำเตี่ยมึงหรอคนอื่นเค้าเป็นห่วงติดต่อก็ไม่ได้นี่มึง...”

“เอ่อ...ถ้าจะเยอะขนาดนี้อัดเทปแล้วส่งมาให้กูนะ เดี๋ยวรอฟังแค่นี้แหละ” ผมว่าด้วยน้ำเสียงเพลียๆ เพลียกับความตื่นตูมของมันน่ะนะ

“เฮ้ยๆๆอย่าวางนะ ..เอามานี่ไอ้แปงกูพูดเอง ฮัลโหล”

“เออ ว่าไง” ผมขานรับเสียงที่ตอนแรกแทรกขึ้นแต่ตอนนี้คงมาเป็นผู้ถือสายควบคุมคุยกับผมเอง เสียงพูดถามแทรกของปลายสายหลายโทนเสียงทำให้รู้ว่าอยู่กันครบองค์ทำเอาผมปวดหัวแต่เป็นการปวดหัวที่ผมเต็มใจน้อมรับ

เพราะมันบรรเทาความปวดหนึบในใจเมื่อรู้ว่าอย่างน้อยชีวิตผมก็ยังมีค่ากับอีกหลายๆคน

“มึงอยู่ไหน” เสียงไอ้แคน

“สักที่ ไม่ต้องห่วงถ้ากูสบายใจแล้วจะกลับไปหาพวกมึงอย่างครบสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ” ผมตอบกวนๆไปเลยได้คำสบถด่ากลับมา

“ให้พวกกูไปหามั้ย แล้วมึงเป็นไงบ้างเขาทำอะไรมึงหรือเปล่า แม่งสัด อย่าลีลาบอกมาอยู่ไหน” ประโยคแรกมันก็ฟังดูเหมือนถามความเห็นกูนะแต่ประโยคหลังแบบหัวเสียงบังคับมาก

“น่า กูอยู่ได้”

“อยู่ได้เชี่ยไร รู้รึเปล่าว่าพี่ซิ่งมันจะเป็นบ้าเพราะมึงแล้วติดต่อก็ไม่ได้ ไม่รู้ป่านนี้ตามหามึงไปถึงอ่าวไหน” คราวนี้ไอ้แคนรัวออกมาเป็น M16 แบบปล่อยหมดรังปืน แต่มันคงสำคัญไม่เท่าหัวใจที่เต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้กับสิ่งที่ได้ยิน

“มันรู้แล้วหรอ” ผมถามเสียงแผ่ว ถึงจะพอคาดการณ์ได้ว่ามันจะต้องรู้แต่เอาเข้าจริงๆก็อดรู้สึกแปลกๆไม่ได้

มันจะโกรธมั้ยที่ผมโกหกมัน

“เออดิ พี่แกแวะมาหามึงที่ร้านคลาดกันไปนิดเดียว พอมาไม่เจอก็เค้นถามตอนนั้นเห็นหน้าเสียๆของพวกกูพี่แกก็สติแตกไปไกลแล้ว ถ้าไม่เล่านี่มีโดนตีนอ่ะ”

“อ่อ...ไปหากูหรอ...นึกว่ายังอยู่กับน้องแจงซะอีก” ประโยคหลังผมพูดเบาๆกับตัวเอง แสดงว่ามันเสร็จธุระก็รีบดิ่งมาเฝ้ากูเลยสินะควรจะดีใจใช่มั้ยวะแลดูมึงไว้ใจกูมาก

“แล้วทำไมต้องไปอยู่กับน้องเขาด้วยล่ะ”

“ก็...”

กึก

ผมชะงักเสียงเมื่อรู้สึกว่าคำถามเมื่อกี้ไม่ได้ดังมาจากปลายสายแต่มันใกล้เหมือน...เหมือนดังมาจาก...

ขวับ!

“อ๊ะ”

“กูเจอมันแล้ว” ไอ้เจ้าของคำถามที่ยืนร่างใหญ่หน้าถมึงทึงอยู่ด้านหลังผมที่พอหมุนตัวกลับไปเจอมือใหญ่ก็จัดการคว้าโทรศัพท์ที่แนบหูอยู่ไป ก่อนจะกรอกเสียงที่ฟังแล้วเย็นเยียบมากแล้วกดตัดสายทิ้งไปซึ่งเดาได้เลยว่าอีกฝ่ายยังไม่ทันได้พูดอะไรกลับมาแน่นอน...

อีกแล้ว หน้าแบดไม่พอน้ำเสียงยังดาร์กอีก

“ซิ่ง...” 

ผมมองไอ้คนร่างสูงสีผิวแทนที่ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการมองเห็น แววตาที่ประกายกล้าสะท้อนความมืดทำเอาผมเกร็งตัวอย่างเกรงๆ

อย่าว่าแต่มึงเลยที่มีหลายอารมณ์เหมือนอีโมชั่นกูก็เหมือนกันแหละ

ทั้งเจ็บปวดเสียใจสับสน ดีใจที่มึงมาหา หรือแม้แต่...กลัวท่าทีของมึงที่กำลังเผชิญอยู่





หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 3
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 26-08-2018 22:56:00

รักร้ายพิเศษ3


“จะโกรธจะเกลียดกูก็ได้ แต่อย่าเพิ่งตอนนี้เลยนะ” ผมสบตาบอกคนที่ยืนนิ่งเสียงแผ่ว สื่อสายตาอย่างเว้าวอนก่อนจะก้าวเข้าไปสวมกอดเอวสอบเอาไว้แน่นแนบแก้มลงบนอกอบอุ่นที่ไม่ใช่แค่ร่างกายแต่แผ่ซ่านไปถึงหัวใจให้สงบนิ่ง

ท่าทางนิ่งไม่ไหวติงตอบสนองทำเอาผมเกือบใจเสียแค่สุดท้ายก็ต้องระบายยิ้มบางเมื่อวงแขนใหญ่ยกขึ้นวาดกอดตอบรวบร่างผมให้จมไปกับอกอุ่นยิ่งขึ้น

เฮ้อ อย่างน้อยก็รู้ล่ะนะว่ามันไม่ได้เกลียด แต่จะโกรธหรือเปล่าคงต้องรอดูต่อไป

“กูขอสั่ง...อย่า...อย่าหายไป...อย่าเผชิญกับปัญหาและความเจ็บปวดคนเดียวอีก” เสียงเข้มออกคำสั่งแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าน้ำเสียงมันช่างอ้อนวอนและขอร้อง อ้อมกอดที่เพิ่มแรงรัดแน่นถึงมันจะเจ็บอย่างกลัวว่ากระดูกจะหักหรือแม้แต่หายใจไม่สะดวก แต่ผมไม่คิดจะต่อต้านเพราะมันช่างอบอุ่นและปลอดภัยเหลือเกิน

ถ้าผมจะอ่อนแอบ้างคงไม่เป็นไรใช่ไหม

“กลับบ้านเรากันนะ”

“อะ อืม”

บ้าน ‘ของเรา’ อย่างนั้นหรอ

“ซิ่ง...” ผมส่งเสียงเรียกคนที่เดินจูงมือผมอยู่

“หืม...”

“ไม่อยากเดิน” ผมทำตาปริบใส่

“อ้าว ไหงงั้นล่ะครับมึง”

“ขี้เกียจ” มันหรี่ตามองผมที่ยู่หน้าอ้อนก่อนจะถอนหายใจคลายมือที่จับออกแล้วนั่งชันเข่าลงตรงหน้า

ท่าทางที่ทำเอาผมยิ้มกว้าง

“อ้าว มัวโชว์ฟันขาวอวดใคร ขึ้นมาสิครับที่รัก” ผมยู่หน้าใส่ ไอ้บ้า กูยิ้มก็แขวะกูเดี๋ยวพ่อก็กัดหูให้ซะนี่ ได้แต่บ่นในใจไปอย่างนั้นล่ะการกระทำก็ได้แต่ย่อตัวลงเอามือกอดคอทิ้งน้ำหนักตัวลงบนแผ่นหลังกว้าง ฮ้า สบายจัง

“ฮึบ หืม หนักว่ะ แดกควายมาก่อนป่ะ” มันว่าแล้วยึดขาผมแน่นกันหล่นพลางออกเดิน

“ไอ้ห่า กูจะแดกหัวมึงแทนนี่แหละ แฟนมึงนะ”

จุ๊บ

ผมด่าก่อนจะชะโงกหน้าไปหอมแก้มสาก ไอ้ซิ่งที่ทำท่าจะสวนกลับมาเป็นอันต้องเงียบไป หุหุ เขินอ่ะดิ หูแดงเลยเว้ยยยย แน่ะๆกลั้นยิ้มแก้มจะแตกแล้ว แอบเคะนะเนี่ย กร๊ากกกกกกกกกก

“ไอ้บ้า”

 ว๊ากกกกกกกกกกกกกก โดนหอมไปทีเดียวถึงกับสาวออก ‘ไอ้บ้า’ เสียงน่ารักไปนะ กิ๊วๆ



[Cing]

พอมาถึงคอนโดไอ้ลูกหมาน่าสงสารของผมมันก็ทำนิสัยเดิมๆคือสะบัดหาง เอ๊ย สะบัดขาเกือกข้างซ้ายไปทางขวาไปทางแบบถ้าปกติผมคงอยากจะตัดส้นตีนมันทิ้งให้หมาด้านล่างคอนโดกิน

เดินไปได้สองก้าวมันสะบัดเสื้อออกจากตัว

อีกก้าวเป็นกางเกงยีนเดฟที่บัดนี้ห้อยต่องแต่งอยู่ขอบเตียง

มึงคิดว่าเตี่ยมึงพาไปทิ้งในป่าหรือไงวะ ถึงต้องทำสัญลักษณ์ไว้กลับบ้าน

ไอ้ฟายยยยยยยย กูไงที่ต้องตามเก็บ!! ไอ้ห่า!! ขนาดซึมเศร้าอยู่มึงก็ยังเกรียนได้ ให้ตายสิ!

เวลานี้ทั้งตัวมันเหลือเสื้อกล้ามสีขาวบ๊อกเซอร์ย้วยๆสีเทากับถุงเท้าเน่าอีกคู่ติดตัว แต่แม่งก็หาได้แคร์ไม่ล้มตัวนอนลงตายซากคว่ำหน้าบนเตียงแล้ว

เล่นเอาผมแทบยกมือขึ้นกุมขมับ

“ปาย ลุกขึ้นมาอาบน้ำก่อน”

“อื้ออ ไม่เอากูง่วง” มันบี้หน้ากับหมอนพลางเบี่ยงตัวหนีมือผมที่เข้าไปเขย่าตัวมัน

“ไม่ได้ ตัวเหม็นกลิ่นเหล้ากินบุหรี่หึ่งขนาดนี้กูไม่นอนด้วยหรอกนะ” ผมว่า แต่จริงๆนี่ครับถึงจะรักมันแค่ไหนแค่ถ้ากลิ่นกายอุบาทว์ขนาดนี้ผมก็รับไม่ไหวเหอะ

“อื้ออออ”

“อย่างอแงเร็วๆลุก!!”

ฟึ่บ

“ซิ่งปายง่วง...ขอนอนนะ” 

อย่าๆอย่ามาทำหน้าอ้อนตาใสเสียงหวานใส่กูนะ เดี๋ยวกูยอม TT

“ไม่ได้” น้ำเสียงเริ่มอ่อนลงมาห้าสิบเปอเซ็นต์

“นะ...นะครับ” โอเค กูยอม

“ตลอดๆ เออๆนอนไปเลย”

แล้วสุดท้ายผมก็ใจอ่อนจนได้ เฮ้ออออ พี่เพลีย

แล้วมันก็ยิ้มแฉ่งค่อยๆปรือตาแล้วหลับไปท่านั้นแหละแต่ผมเห็นนะว่ารอยยิ้มมันเหนื่อยล้าแค่ไหน เฮ้อ เห็นแบบนี้แล้วปวดใจว่ะ

ผมยืนมองร่างบนเตียงแล้วอดไม่ได้ที่จะจูบเหม่งมันเบาๆ เมื่อกี้ตอนกลับคอนโดบนรถมันก็เอาแต่นอน ผมรู้ว่ามันไม่ได้หลับ ตลอดทางขึ้นมาห้องอยู่ในลิฟท์มันก็เกาะแขนพิงไหล่ผมตลอด ไม่บ่อยหรอกนะเรียกว่าแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำที่ไอ้ดื้อของผมจะทำท่าอ่อนแรงขนาดนี้

ผมก็ยังไม่รู้อะไรมากมายหรอกแค่รู้คร่าวๆว่ามันกับพ่อไม่ถูกกันถึงขั้นเกลียดด้วยซ้ำ แต่ผมว่านะไม่มีลูกคนไหนเกลียดพ่อตัวเองได้ลงหรอก

แต่ที่น่าตกใจคงเป็นไอ้ดื้อสุดเกรียนของผมเป็น ‘คุณชาย’ ของ ‘สว่างนิรันดร์’ เล่นเอาผมมึนไปพักเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก ใครจะไปรู้ล่ะ ก็เห็นขี่ไอ้รถกระป๋องสองล้อลูกรักมันถ้ามันขับบีเอ็มผมคงเฉลียวใจกว่านี้

ผมลูบหัวทุยสองสามทีก่อนเดินเข้าไปเอากะละมังใบเล็กใส่น้ำกับผ้าขนหนูอีกผืนในห้องน้ำก่อนเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง จัดการวางกะละมังไว้บนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะจับร่างเกือบเปลือยแก้ผ้า เริ่มจากการจับถอดถุงเท้าเสื้อกล้ามและตามด้วยบ๊อกเซอร์พร้อมกางเกงในเป็นอย่างสุดท้ายก่อนจะเริ่มลงมือเช็ดตัวให้

มันครางอือเมื่อถูกรบกวน ผมจับมันพลิกตัวเพื่อที่จะได้เช็ดด้านหลังมันได้ถนัด เริ่มไล่เช็ดตั้งแต่ใบหน้า ลำคอ ลาดไหล่ ลำตัว แขน ขาอ่อนขาแข็ง แผ่นหลัง แก้มก้น แม้แต่น้องชายมันก็ไม่เว้น

ไม่ได้หรอกครับอับมาทั้งวัน เดี๋ยวโรคผิวหนังแดกไข่ =_=

เมื่อจับมันใส่เสื้อผ้าชุดใหม่เสร็จ (แค่กางเกงบอลตัวเดียว) ผมก็เข้าไปจัดการธุระส่วนตัวบ้าง อาบน้ำอาบท่าพอสดชื่นเดินออกไปดื่มน้ำเหลือบมองนาฬิกาก็เป็นเวลาตีสามแล้ว

พอเห็นเวลาก็หาวเลยกู

ฟุ่บ

ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงข้างคนที่ผมคิดว่าหลับไปตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว แต่พอแผ่นหลังสัมผัสเตียงนุ่มร่างข้างๆก็ขยับเข้ามาซุกกอดทันที อดให้ผมดึงมันเข้ามากอดตอบไม่ได้

“ยังไม่หลับอีก”

“หลับไปแล้ว แต่ตื่นมาไม่เจอ” มันซุกแนบชิดขึ้น

“ขอโทษครับ นอนเถอะดึกแล้ว” ผมกระซิบเสียงแผ่วกดจูบที่กระหม่อมบางพลางลูบหลังกล่อมคนในอ้อมกอด

คืนนี้ผมรู้สึกว่าไอ้ดื้อที่สุดแสนจะแมนและเกรียนมันช่างบอบบางเสียเหลือเกิน

“ซิ่ง...”

“หืม” ยังไงมันก็ยังเป็นเด็กดื้อล่ะนะ ตาปรือขนาดนี้ยังไม่ยอมหลับอีก

“ไม่มีอะไรถามกูหรอ”

หึหึ นี่สินะเหตุผลที่ยังไม่หลับไม่นอน

“มี แต่วันนี้มึงเหนื่อย พรุ่งนี้เจอฟอกจนขาวแน่เตรียมใจไว้เลย” ผมว่าเสียงขู่แต่มันกลับอมยิ้มซะงั้น

“อืม”

“เข้าใจก็หลับได้แล้ว” วันนี้กูสั่งให้มันหลับกี่รอบแล้ววะ

“ซิ่ง”

“อะไรอีกค๊าบบบบบ”

“ไม่โกรธกูนะ” พูดแล้วเอาหน้าถูเข้าที่อกผม เฮ้อ อ้อนกูเป็นแมวแบบนี้ใครจะโกรธลง

“จะว่าโกรธก็มีบ้างแต่เข้าใจมากกว่า โอนะ”

“แล้ว...”

“ถ้าไม่หลับเดี๋ยวนี้จะไม่ได้หลับแล้วนะ ”

“ไหนให้กูพัก กูเหนื่อย”

“งั้นก็พักสิ”

“เออ หลับแล้ว แม่ง”

……………………………………………………………………………………………………

[Pai]

“ปาย ปาย ดื้อ ไอ้ดื้อ!!”

“อื้ออออ” ผมพลิกตัวหนีไม่ต้องเดาเลยว่าใครมาเรียกตอนเช้าๆแบบนี้

“อย่านะๆวันนี้มีเรียนสิบเอ็ดโมง นี่เก้าโมงครึ่งแล้วสายแล้วลุกเลย”

เอ่อ สงสัยเช้าของผมกับของมันคนละเวลากัน แต่มันจะเป็นแบบนี้ตลอด มันจะต้องปลุกผมหรือแม้แต่ตัวมันเองก็จะตื่นก่อนมีเรียนหนึ่งชั่วโมงครึ่งเพื่อเตรียมตัว

“ไม่เอา ปวดหัววันนี้หยุดหนึ่งวัน” ผมตอบเสียงแหบแล้วม้วนตัวหลบเข้าผ้าห่ม

“ไหนมาดูสิ ปวดมากไหม”

“ไม่เอา นอนพักก็หาย” ผมดึงผ้าห่มคลุมตัวแน่นไม่ให้มันสัมผัสโดน เดี๋ยวมันจับได้ว่าผมโกหก

ถึงเมื่อคืนผมจะดื่มเยอะแต่แค่นั้นก็ไม่มีผลต่อการดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดให้ผมแฮงค์แน่นอน

“เฮ้อ เอาเหอะ กูจะทำเป็นไม่รู้ว่ามึงปวดหัวการเมืองก็แล้วกัน ไม่ไปก็ไม่ไป แต่กูให้เวลานอนถึงแค่เที่ยงนะแล้วต้องลุกขึ้นมากินข้าว แล้วอาบน้ำด้วยนะเมื่อคืนก็ไม่ได้อาบ”

จบเสียงบ่นก็รู้สึกถึงสัมผัสหนักๆที่กดทับผ่านผ้านวมผืนหน้าลงมา ไอ้ห่าซิ่งมันหอมแก้มผมผ่านผ้านวมแล้วผมก็เคลิ้มหลับอีกรอบเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินออกไปให้รู้ว่ามันคงไปนั่งหาที่ทำงานที่โคตรจะเยอะด้านนอก

ผมสะดุ้งตื่นอีกครั้งก็ตอนที่ไอ้ซิ่งมาปลุกเที่ยงพอดีเป๊ะมันช่างเป็นคนที่ตรงต่อเวลาจริงๆ แต่เอาเหอะผมก็นอนเต็มอิ่มแล้วเหมือนกันเลยเดินเข้าไปในห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นส่วนน้ำยังไม่อาบเพราะตอนนี้หิวมากอยากหาอะไรยัดใส่ปากเป็นที่สุด คนป่วยไม่ได้อาบน้ำตั้งหลายวันยังไม่เป็นไรเลยแค่เมื่อคืนเบาๆชิวๆ มันก็เช็ดตัวให้แล้วด้วยไหนจะอยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำแถมไม่ได้ออกไปไหน เห็นมะ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องอาบน้ำสักนิด

ฟอด

ผมสะดุ้งที่อยู่ๆก็ถูกหอมซอกคอหนึ่งฟอดใหญ่เต็มๆแบบสูดเข้าปอดเต็มที่อ่ะ

ดูทำหน้าเข้า ฮ่าๆ หอมไหมล่ะมึง

“ทำไมไม่อาบน้ำเนี่ย แหวะ เหม็น”

“อย่ามาเว่อร์ ถึงไม่หอมก็ไม่เหม็นเหอะ” ผมผลักหัวมันโคลงไปอีกทางอย่างหมั่นไส้ ก่อนเดินออกมาด้านนอกพอไปถึงโต๊ะกินข้าวในครัวก็เห็นข้าวผัดกุ้งสองจาน ไข่เจียวหมูสับแล้วก็ต้มจืดวางอยู่บนโต๊ะแล้ว

บอกตรงๆโคตรรอเมซิ่งอ่ะ

“มึงทำหรอ” ผมหันขวับกลับมาถามคนที่เดินตามหลังมาทันที อย่างที่บอกถึงมันจะดูแลผมดีแค่ไหนแต่นั่นไม่นับเรื่องเข้าครัว

“เปล่า ลงไปซื้อมา”

เฮ้อ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีนะที่แฟนผมรู้ว่าตัวเองถนัดควรทำอะไรและไม่ควรแตะเรื่องอะไรเพราะถ้ามันเกิดเป็นแฟนที่ดีลุกขึ้นมาหัดทำกับข้าวเองเพื่อให้ผมรู้สึกซึ้งใจล่ะก็ผมคงจะตาย

“หึ โล่งใจขนาดนั้น” มันหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางของผม มีแอบเขกหัวก่อนเดินไปนั่งเก้าอี้ สันดาน

“เออ” แล้วผมก็เป็นแฟนที่โคตรดี ตอบไปจากใจจริง เพราะตอนนี้กูหิวมากกกก ต้องการอาหารอร่อยๆถูกปากไม่อยากมานั่งหวาดผวากับรสชาติอาหารกับพ่อครัวฝึกหัด

แต่ไอ้ซิ่งมันทำพวกของทอดได้นะ

กินข้าวเสร็จเราก็พากันมานั่งดูหนังแผ่นหน้าทีวี พูดให้ถูกคือผมดูคนเดียวมากกว่า ส่วนไอ้ซิ่งมันนั่งอยู่บนพรมหน้าโซฟาด้านหน้ามีหนังสือและเหล่าสารพัดกระดาษรายงานเต็มโต๊ะกระจกก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรก็ไม่รู้ของมัน ตอนแรกผมกะเข้าไปดูในห้องจะได้ไม่กวนแต่มันบอกไม่เป็นไรให้อยู่ด้วย เลยได้เค้กมาหนึ่งก้อนนั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟาตาดูหนัง โคตรเปรม

“เอิ้กกกกกก” เอิ่ม...โล่ง

“ทุเรศ” มันหันมาทำหน้าแขยงใส่ ถามว่ากูแคร์??

“พอใจ”

มันผลักหน้าผากผมจนหงายหลังไปกระแทกพนักโซฟาแล้วมันก็หันหน้ากลับไปทำงานต่อ ไม่รู้อะไรดลใจที่ทำให้ความสนใจผมละจากหนังบนจอสี่เหลี่ยมมาสนใจแผ่นหลังกว้างที่แค่มองก็รู้สึกอบอุ่น หยึย กูก็คิดอะไรแบบนี้ได้เนอะ

แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วจริงๆ ผมพิงหัวกับพนังโซฟาด้านหลังพลางเอียงศีรษะมองแผ่นหลังกว้าง เสี้ยวหน้าคม ท่อนแขนขยับไหวเบาๆเนื่องจากมือที่ขีดเขียน และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมย้ายตัวไถลลงไปนั่งซ้อนหลัง ขาอ้าออกชันขึ้นขนาบข้างซ้ายขวาเป็นผลให้เหมือนมันนั่งอยู่หว่างขาผมก่อนสอดมือสองข้างเข้าไปโอบรัดเอวหนาแน่น ใบหน้าก็ซบพลางบดลงบนแผ่นหลังกว้างที่อุ่นอย่างที่คิดจริงๆ

“หืมมม” มันร้องครางในลำคออย่างแปลกใจ ก่อนจะวางปากกาลงเอามือวางทาบบนหลังมือผมที่กอดมันอยู่แล้วเกลี่ยด้วยนิ้วโป้งเบาๆ

“ถ้าเราต้องเลิกกันล่ะ” ผมพูดเสียงเบาแต่ระยะที่ใกล้ขนาดนี้ผมรู้ว่ามันได้ยิน

“จะไม่มีวันนั้น” มันจับข้อมือผมออกก่อนจะหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้าแล้วเอาฝ่ามือทั้งสองประคองแก้มผมไว้

“แต่...”

“ถ้าเราจะเลิกกันต้องเป็นเพราะคนใดคนหนึ่งหมดรักกันแล้ว ไม่ใช่เพราะคนอื่น” มันพูดเสียงหนักแน่นจริงจังจนผมอดไม่ได้ระบายยิ้มออกมา

“นั่นสิเนอะ เราต้องผ่านไปได้สิแค่ไอ้แก่บ้าอำนาจทั้งที่ไม่มีสิทธิ์สักนิดคนเดียว” ผมพูดพลางกลืนน้ำลายหนืดๆเมื่อพูดถึงผู้ชายคนนั้น

“ไม่เอา อย่าว่าพ่อแบบนั้นสิ”

“มันไม่ใช่พ่อ!!!” ผมตวาด มือจิกต้นขาไอ้ซิ่งแน่น

“ไม่เอานะดื้อ อย่าพูดแบบนั้นไม่ว่าเขาจะทำไม่ดียังไงสุดท้ายก็หนีความจริงที่ว่าเขาคือพ่อคือผู้ให้กำเนิดไม่ได้ มันบาปนะรู้ไหม” มันพยายามพูดด้วยเหตุผลอย่างใจเย็น แต่ผมไม่

“มึงก็พูดได้สิ มึงไม่รู้นี่ว่ากูต้องเจออะไรบ้าง!!” ผมเผลอขึ้นเสียงใส่มันก่อนจะรู้สึกตัวว่าตัวเองทำเกินไป “ขอโทษ”

“อืม เล่าให้กูฟังสิ”

“...”

“ถ้าบอกว่ากูไม่รู้ มึงก็บอกกูสิ” มันพูดเสียงนุ่มแววตาที่มองมามีแต่ความเข้าใจไม่มีความโกรธเคืองสักนิด ไหนจะจูบแผ่วนุ่มละมุนนี่อีก

ผมค่อยๆเล่าทุกอย่างให้มันฟัง ไอ้ซิ่งที่พอจะรู้จากปากไอ้พวกเพื่อนผมมาบ้างก็ฟังอย่างตั้งใจ มีจูบผมบ้างลูบหัวลูบหลังปลอบใจบ้าง แต่ไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไรตราบใดที่ยังมีมันผมจะไม่กลัวอะไร

พอเล่าถึงเรื่องแม่เสียงผมก็ยิ่งสั่น มันบอกให้ผมหยุด แต่ไม่ ผมต้องเผชิญให้ได้ ผมอยากถ่ายทอดแชร์เรื่องผมให้คนที่ผมรักฟัง

“มึงยังมีกูนะดื้อ กูจะไม่ทิ้งมึง”

“ถึงมึงจะทิ้งกูก็ไม่ยอมหรอก” ผมบอกเสียงเบาซุกหน้าเข้าอก ตอนนี้เราขึ้นมานอนกอดกันบนโซฟาแล้ว

“เอ่อ เอิ่ม...แล้วยายมึงล่ะ มึงบอกว่าแม่ขึ้นไปอยู่น่านกับยายแล้วยายมึงล่ะตอนนี้ท่านเป็นไงบ้าง” มันถามพลางลูบแผ่นหลังผมเล่น

“ท่านเสียแล้วล่ะ” มือที่ลูบหลังผมชะงักไปก่อนเอ่ยคำ

“กูขอโทษ”

“อืม ไม่เป็นไร ยายกูท่านเสียตอนกูอายุได้สิบขวบ” แม่ผมเสียตอนผมอายุได้ห้าขวบหลังจากนั้นยายก็เป็นคนดูแลผมแทนจนสิบขวบท่านก็จากผมไปอีกคน

“หลังจากนั้นเพื่อนสนิทแม่กูเขาก็รับกูไปดูแล แต่กูเกรงใจเขาน่ะเพราะเขาก็มีครอบครัวที่ต้องดูแลกูไม่อยากเป็นภาระเลยออกมาอยู่คนเดียวตอนอายุสิบห้า” นึกถึงช่วงเวลานั้นแล้วโคตรทรมาน

ป๊า เอ่อ เพื่อนสนิทแม่ผมที่รับผมไปดูแลน่ะผมเรียกเขาว่าป๊า

ป๊าและครอบครัวเขาดีกับผมมากๆเลยเหมือนผมเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวคนหนึ่ง แต่ผมก็เกรงใจเลยขอย้ายออกมาอยู่ด้วยตัวเองด้วยเงินเก็บของแม่และสมบัติของยายอีกจำนวนหนึ่ง มันมากพอที่จะทำให้ผมอยู่ด้วยตัวเองได้สบายๆไปจนเรียนจบหรืออาจมากกว่านั้นแต่ก็ไม่ได้มากขนาดที่จะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมือเติบได้

ยังไงทรัพย์สินเงินทองต่อให้มากขนาดไหนแต่ถ้าใช้อย่างไม่ระวังมันก็มีวันหมด ผมถึงขี้งกระดับปานกลางถึงมากที่สุด

“ชีวิตมึงนี่เข้มข้นยิ่งกว่าละครน้ำเน่า” มันพูดติดตลกแต่ผมรู้มันสะเทือนใจกับเรื่องของผมไม่น้อย

“เหม็นหึ่งเลยล่ะ” ผมหัวเราะเยาะชีวิตตัวเองก่อนจะไม่มีเสียงอะไรออกมาเมื่ออีกฝ่ายก้มลงมาจูบปิดปาก จูบที่ปลอบโยนเร่งเร้านุ่มนวล จะว่าไปเราไม่ค่อยมีโมเม้นต์หวานๆแบบนี้เท่าไหร่นัก จูบกันทีดูดกันจนริมฝีปากแทบหลุดไม่งั้นก็มีปากแตกกันไปข้าง แต่จูบนี้ไม่ใช่มันเหมือนให้ผมล่องลอยอบอุ่นและสบาย

เราขยับตัวเปลี่ยนท่าร่างผมลงมาอยู่ด้านล่างในขณะที่ร่างของมันขยับขึ้นคร่อมด้านบนมือสากร้อนเริ่มเลื้อยเข้าไปในเสื้อแต่ก่อนที่จะไล้ไปถึงหน้าอกผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้ซะก่อน

“เดี๋ยว”

“อื้อออ” มันร้องขัดใจที่ผมขัด แต่ถามว่ามันหยุดไหม ฝันไปเถอะลากปากมาดูดคอกูอยู่เนี่ย

“เมื่อคืนมึงตามกูไปถูกได้ไง” ผมสงสัยจริงนะไอ้พวกลูกหมาพวกนั้นยังไม่รู้เลยเหอะ

“มีคนบอก ลองนึกดิว่าใคร” คือช่วยเงยหน้ามาพูดกับกูดีๆได้ป่ะ อร่อยป่ะไหปลาร้ากูอ่ะเลียอยู่นั่น แล้วขาอ่ะช่วยหยุดสีแป๊บนึงก็ได้มั้ง

แต่บ่นไปงั้นเพราะกำลังจดจ่อกับการนึกตามที่มันบอก ใครจะรู้วะว่ากูชอบไปที่นั่นไอ้พวกเพื่อนตัวดีผมก็ไม่เคยบอกมันจะมีก็แค่คนเดียว

หืม?? คนเดียว...

“ไอ้ไวน์หรอ” ผมถามมันเสียงหลงซึ่งมันก็ไม่มีทีท่าจะตื่นเต้นตามผมสักนิดเพราะตอนนี้แม่งกำลังวุ่นวายอยู่กับการถอดเสื้อผม

“อืม รู้ใจกันดีจังนะมีซัมติงอะไรกันรึเปล่ากูเริ่มระแวงแล้วนะ” มันเงยหน้าขึ้นมาทำตาแพรวพราวใส่ก่อนจะก้มลงไปกัดหัวนมผมอย่างแรง

“โอ๊ย เสม็ดเหอะ ควาย หาเรื่องให้พี่ส้มกระทืบกู” ผมทุบหลังมันคืน

“ไม่กลัวกูเลยว่างั้น??”

“กลัวทำไม อ่อนจะตาย” ผมเบ้หน้า มันเลยบีบไข่ผมกลับอย่างหมั่นเขี้ยว ไอ้หอยเม่นเล่นกูแต่ละอย่าง แต่โมโหได้ไม่นานก็เริ่มระแวงแม่งทำหน้าเจ้าเล่ห์ฉิบหาย

“อะ อะไร”

“ก็จะพิสูจน์ให้มึงเห็นไงว่ากูไม่ได้อ่อน ออกจะ ‘แข็ง’ ด้วยซ้ำ” ว่าจบมันก็ไม่ยอมให้ผมได้ค้านอะไรต่อก้มลงจูบปิดปากก่อนจะทำการล่วงเกินร่างกายผมอย่างที่ห้ามไม่ทัน

ใจจริงก็ไม่ได้อยากห้ามด้วยและยอมไปแล้วครึ่งหนึ่ง

แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไอ้ซิ่งก็ต้องละจากหน้าท้องผมสบถออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อเสียงออดหน้าห้องดังขึ้น

“เหี้ยเอ๊ย!! หมาตัวไหนวะ!!”

ผมหลุดหัวเราะกับท่าทางหัวเสียอย่างมากของมันก่อนดันตัวขึ้นเพื่อมาจัดสภาพตัวเองให้เรียบร้อยปล่อยให้ไอ้ซิ่งมันเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปเปิดประตู

“โหยๆทำไรกันอยู่วะ เพื่อนอุตส่าห์เป็นห่วงมาจู๋จี๋จุ๊กกรู้วกันหรอ หาๆๆๆๆๆ” เสียงไอ้บอลนำมาก่อนเลย ห่าแม่ง

“ตีนเหอะ” ผมด่ามันกลับแก้เก้อ ไอ้ตัวผมไม่เท่าไหร่หรอกครับแค่ปากบวมเจ่อหน่อยๆจากฤทธิ์จูบแต่อย่างอื่นจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่อีกฝ่ายที่ยืนเป็นยักษ์วัดแจ้งอยู่นี่สิ...

มึงไปหาเสื้อใส่สักหน่อยป่ะ =///=   ยืนโชว์อยู่นั่นแหละ

“แหมะๆ เพื่อนกูหน้าแดงโว้ยยยยยย” ไอ้วินเห่าหาบรพบุรุษมึงหรอ

“แรด ทำเป็นหน้าแดงเรื่องอื่นหน้าด้านจะตาย” ไอ้ซาวน์มึงโดนแน่ และไวเท่าความคิดผมปาหมอนใส่หน้ามันแม่งเลย

“มาทำไม” ผมที่เหลือบไปเห็นคนที่เดินตามเข้ามาสุดท้ายเอ่ยถามอย่างกวนตีนที่สุด พี่ส้มเดินแยกเข้าครัวไปกับไอ้ซิ่งแล้ว

“มาดูหมาว่าตายหรือยัง นึกว่าตกน้ำตายห่าไปแล้ว” ปากดีไอ้สัดไวน์

“เฮ้ยๆอย่ากัดกัน นี่ถ้าไม่ติดว่ามีผัวเป็นตัวเป็นตนกันไปแล้วกูคิดว่าพวกมึงสองตัวกำลังเล่นบทเข้าพระเข้านางกันอยู่นะ ห่า ปากไวกันเหลือเกิน”

คราวนี้ผมสองคนหยุดเถียงมองหน้ากันก่อนที่หมอนหนึ่งใบกับกล่องใส่กระดาษทิชชู่จะลอยสู่หัวไอ้แคนพร้อมกัน

“โอ๊ย ไอ้สัด ทีงี้ล่ะร่วมมือกันดีจริง กูเจ็บนะโว้ย”

“สม พูดจาวอนตาย/ สม พูดจาวอนตาย” ผมกับไอ้ไวน์พูดขึ้นพร้อมกันแล้วก็หันมามองหน้ากันทันที ส่วนไอ้พวกตัวที่เหลือมันก็มองมาที่ผมสองคนก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“ฮ่าๆสมกับที่เป็นเพื่อนรักกันมาจริงๆ ใจตรงกัน สันดานคล้ายกัน กวนตีนเหมือนกัน ไหนจะมีผัวเรียนหมอหล่อขั้นเทพเหมือนกันอีก กร๊ากกกกก”

ประโยคที่ฟังก็โคตรจะเจ็บใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ไม่อย่างนั้นจะเข้าตัวเองไปมากกว่านี้ เลยได้แต่เบือนหน้าหนีไปคนละทาง ปล่อยพวกมันไปเดี๋ยวหายบ้าก็เลิกกันไปเอง

“เออ ไอ้คิงไอ้แปงล่ะ” ผมถามในขณะที่พวกเรากำลังนั่งเล่นไพ่กันอยู่ เมื่อกี้ไอ้พวกเลวแม่งแซวผมได้อยู่เกือบสิบนาทีดีที่ไอ้ไวน์เสนอไอเดียดีไอเดียเด็ดมานั่งฝึกสมองกับข้าวหลามตัดซะก่อน

ไม่งั้นอีกนิดพวกมันได้แดกตีนแทนข้าวแน่

“พวกมันมาไม่ได้” ไอ้ซาวน์ตอบ หน้าตากรุ่มกริ่มไปนะ

“ทำไมวะ ติดธุระ??” ผมถาม ทุกทีไอ้แปงไม่มีพลาดนะจะต้องโหยหวนกระเสือกกระสนมาหาผมก่อนใคร เพราะในกลุ่มมันตื่นตูมที่สุดแล้ว

“หึหึ“ พวกมันไม่ตอบเอาแต่หัวเราะชั่วร้ายในลำคอกัน ไหนจะหน้าตาชั่วร้ายเหมือนรู้อะไรดีๆแต่ไม่ยอมบอกกันอีก

สุดท้ายมันก็อมพะนำไม่ยอมบอกแต่หน้าตาแบบนี้ผมก็พอเดาออกขอให้เป็นอย่างที่กูคิดเถอะจะถวายไข่ต้มสองร้อยฟองเลยมึง ก็นะลูกสาวออกเรือน หึ

พวกมันนั่งเล่นนอนเล่นกันจนถึงเย็น อ่ะนะ แดกตังกูไปสองร้อย เสียโว้ยๆวันนี้มือไม่ขึ้น เซ็ง กว่าจะกลับกันก็ปาไปเกือบสี่โมงเย็น ถึงผมจะด่ากันเถียงกันกวนตีนกันเหมือนรำคาญกันแต่ผมรู้ว่าพวกหมาๆมันห่วงผม

พอส่งแขกประตูห้องปิดปุ๊บยังไม่ทันที่คลื่นเสียงประตูจะหายไปไอ้คนตัวโตมันก็ลากผมเข้าห้องทันที ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้ผมได้เตรียมใจก็จัดการผลักผมลงเตียงขึ้นคร่อมจับแก้ผ้าพร้อมขย่มทันที

อื้อหือ มึงเก็บกดจากเมื่อบ่ายใช่ป่ะเนี่ย กูนึกว่าอารมณ์มึงมอดไปแล้วนะ ช่างหื่นได้อย่างยาวนานจริงๆ

หลังจากเสร็จกิจเสียน้ำไปคนละสองรอบ มันก็บังคับให้ผมอาบน้ำแต่ถึงไม่บอกยังไงผมก็ต้องอาบอยู่ดีก็ไอ้น้ำที่มันปล่อยออกมาโดยไม่มีถุงรองรับมันเหนียวเหนาะเต็มไปหมด

ไอ้ควาย ไอ้หน้าเงือกปลาหมอ มึงบังคับกูทางอ้อมเห็นๆ

ผมเลยขู่เข็ญให้มันมาสระผมให้ซะเลย ส่วนตัวเองก็นอนแช่ในอ่างเล่นฟองสบู่มีคนนวดหัวให้ สบายยยยยย

“อ่อ เออ กูว่าจะถามนานละ ทำไมเมื่อคืนกูโทรไปไม่ติด” ผมหยุดเป่าฟองสบู่หันหน้าไปถามมันแต่ก็ถูกขืนไว้ทำให้หันไม่ได้

“โทรศัพท์กูหาย ไม่รู้ทำตกไว้ที่ไหนสงสัยคนเก็บได้แม่งมีน้ำใจถอยเครื่องเข้าโรงรับจำนำไปแล้ว” มันว่าน้ำเสียงเซ็งๆแต่เพิ่มแรงขยี้ทำไมมิทราบใช้ยาสระผมสิบพลังซักหรอมึง ไม่ใช่ละ กูออกอ่าวทะเลตลอด

“เดี๋ยวไปห้างกัน ไปซื้อโทรศัพท์” ผมบอกซึ่งมันก็เห็นดีด้วย

“เอาดิ อยากได้หนังสือเล่มใหม่พอดี”

ควายย ตลอดดดดดดดดด ดีนะมีเค้กแก้เบื่อให้กู

ผมยู่หน้าใส่แต่มันไม่เห็นหรอกเพราะนั่งหันหลังให้อยู่ สักพักผมก็ให้มันขัดหลังให้ต่อไอ้ซิ่งก็บริการดีเหลือเกินแน่ล่ะค้ากำไรกับกูไปมากพอควรเพราะฉะนั้นมาเป็นทาสเบี้ยให้กูซะดีๆ

แต่อยู่ดีๆมันก็ร้องเพลงคลอขึ้นมา เหมือนจะร้องเล่นๆให้รู้สึกเพลินๆไม่ได้บอกว่าจะร้องให้ผมหรือมอบให้ใคร แถมเสียงมันก็ไม่ได้เพราะพริ้งอะไรด้วยซ้ำแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงกับน้ำตาคลอและยิ้มให้กับเสียงทุ้มที่ได้ยิน

ไม่ต้องมีดนตรีหรือเมโลดี้สวยหรูแค่เสียงทุ้มที่ดังก้องกังวานทั่วห้องสี่เหลี่ยมสะท้อนเข้ามาในหัวใจผม พอแล้ว พอแล้วจริงๆ

ฉันไม่เคยยอมให้ใครทั้งนั้น
ฉันไม่เคยทำอะไรให้ใคร
มาแพ้ให้เธอทั้งหัวใจ
เหตุผลมันคืออะไร

ฉันที่หลายคนบอกดูเข้มแข็ง
ฉันไม่มีแรงขัดใจเธอสักที
คงเพราะหัวใจที่เธอมี
ดีกว่าคนไหนไหน

ต่อไปนี้ นี่คือคนของเธอ
จากนี้ ถ้ามีอะไรโหดร้ายกระเทือนถึงจิตใจ
ขอเพียงแค่เธอบอก เพียงเธอกอดฉัน

สัญญา ถ้าฉันยังมีลมหายใจ
ฉันจะไม่ยอม ให้ใครมาทำน้ำตาเธอรินหลั่งไหล
ฉันสัญญา ว่าฉันจะไม่ไปไกลไกลที่ไหน
ฉันจะรักเธอ รักเธอคนเดียว
เรื่อยไปจนวันสุดท้าย ด้วยหัวใจ

ต่อไปนี้ นี่คือคนของเธอ
จากนี้ ถ้ามีอะไรโหดร้ายกระเทือนถึงจิตใจ
ขอเพียงแค่เธอบอก เพียงเธอกอดฉัน

สัญญา ถ้าฉันยังมีลมหายใจ
ฉันจะไม่ยอม ให้ใครมาทำน้ำตาเธอรินหลั่งไหล
ฉันสัญญา ว่าฉันจะไม่ไปไกลไกลที่ไหน
ฉันจะรักเธอ รักเธอคนเดียว
เรื่อยไปจนวันสุดท้าย ด้วยหัวใจ

ฉันสัญญา ฉันจะรักเธอ รักเธอคนเดียว
เรื่อยไปจนวันสุดท้าย ด้วยหัวใจ

แม่ครับ ชีวิตผมไม่โดดเดี่ยวแล้วนะครับ ผมเจอเขาคนนั้นแล้ว






หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 4
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 26-08-2018 22:57:02

รักร้ายพิเศษ4



ผมเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนใต้ร่มไม้ที่ประจำมีไอ้บอลกับไอ้วินนั่งอยู่ก่อนแล้ว ไม่สิ เรียกว่าฟุบหลับกันอยู่ดีกว่า

“เฮ้ย!!!” ผมส่งเสียงพร้อมวางกระเป๋าเป้อย่างแรงลงกลางโต๊ะ

“ไอ้เชี่ย เสียงดัง”

ไอ้วินสะดุ้งผงกหัวขึ้นมาด่าแบบเซ็งๆก่อนจะฟุบลงไปใหม่ ส่วนไอ้บอลนี่ตายไปแล้วอย่างสมบูรณ์แบบเสียงแค่นี้ทำอะไรเขาไม่ได้จริงๆ

“ไปทำไรกันมาวะหน้าตาอิดโรยชิบ” ผมนั่งลงเบียดกับไอ้วิน

“ปาดั๊บปากันมา” มันตอบเสียงแผ่ว

“กับไอ้บอลหรือใครอีก” ผมถามเพราะดูแล้วงานนี้ไอ้ซาวน์ไม่น่าพลาด

“สองคน ไอ้ซาวน์เฝ้าเด็ก” ผิดคาดเว้ยเฮ้ย แต่...เด็กที่ไหนวะทำให้ไอ้ซาวน์ไปเฝ้าได้ ทุกทีเห็นแต่เด็กมานั่งเฝ้ามัน

“แข่งกันใช่ป่ะเนี่ย ซีดเชียวมึง”

“ยันเช้าอ่ะมึง ฟ้าเหลืองอ่ะ” มันว่าเสียงโคตรเพลีย ขนาดพวกมึงยังขนาดนี้กูไม่อยากคิดสภาพผู้หญิง เมื่อก่อนผมก็ทำครับ แต่เลิกมาสักพักไม่ได้อยากเลิกอะไรหรอก สถานการณ์มันบังคับ

ลองทำดิ หัวขาด

“สม กลับจากหากูก็ต่อกันเลยอ่ะดิ” มันพยักหน้าทั้งยังฟุบอยู่ แต่ก่อนจะถามมันต่อเหยื่อรายต่อไปก็มาพอดี

คึ ท่าเดินมาวินมากมึง

“ไอ้แปง!!” ผมแกล้งตะโกนเรียกมันดังๆ ฮ่าๆ สะดุ้งเลยเว้ย

“เชี่ยไร” มันเดินหน้ามุ่ยเข้ามาตบหัวผม

“ขี้ไม่สุดหรอ ขาถ่างนะ” ผมอมยิ้มเจ้าเล่ห์ แกล้งมันไปงั้นแหละดูก็รู้แล้วว่าไปโดนอะไรมา

“เหมือนมึงช่วงก่อนหน้านี้ไง แต่สงสัยเดี๋ยวนี้โดนบ่อยเลยชิน” ไอ้สัดคิง กวนตีน ปกป้องเมียแต่เสือกกัดกูแทน

“พอๆอย่าดิ มึงก็รู้ว่ากูโดนไรมา อย่าล้อดิกูอาย” มันว่าหน้าแดงมากอ่ะ สงสัยโดนจัดเต็มแบบเนื้อๆ แหมๆทำมาองมาอาย เมื่อวันก่อนยังมาปรึกษาก็ไอ้เรื่องอยากได้ผัว ถุย

“เออ มึงอ่ะโอเคยัง” ไอ้คิงถาม ไอ้แปงเหมือนนึกได้ตาเหลือกเข้ามาเขย่าแขนผมทันที โอ้ย

“ใช่ๆๆมึงเป็นไงบ้างอ่ะ ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม แล้วๆ”

“พอๆกูสบายดี อย่าให้พูดเลยเหอะ เปลี่ยนเรื่องๆเสีย’รมณ์” ผมโบกมือปัดผ่านให้พวกมันรู้ว่าผมเบื่อที่จะพูดถึงเรื่องนั้นแล้ว อย่างที่บอกทำไรผมไม่ได้หรอก กำลังใจกูเยอะ

นั่งคุยกันสักพักก็ได้เวลาขึ้นเรียนผมแทบจะต้องหิ้วปีกไอ้หมาวินกับไอ้หมาบอลขึ้นตึก ส่วนไอ้คิงให้ดูแลเมียมันเถอะแค่เสียตัวทำยังกับเมียมันท้อง แหวะ ไอ้ซิ่งไม่เห็นดูแลกูอย่างนี้บ้าง (หรา)

นั่งเรียนไปหาวไปได้ครึ่งชั่วโมงไอ้ซาวน์ก็เปิดปะตูพรวดเข้ามาเรียกสายตาคนทั้งคลาสได้อย่างดีรวมถึงอาจารย์ผู้สอนด้วย ดีนะ ที่รายวิชานี้อาจารย์ใจดีถ้าเจอเรือโทนะมึงม่องเท่งแน่

ไอ้ซาวน์ก็ซีดไปนะแต่ถ้าไม่สังเกตก็จะไม่เห็น รัศมีความหล่อมันกลบหมด ให้โทรมให้ซีดหรือเหี่ยวยังไงหน้ามันก็ยังเนียนใสเด้งตลอด อย่างว่าต้องใช้หน้าตาทำมาหากิน

พักเที่ยงนี้ผมชวนไอ้พวกเวรมากินข้าวที่ตึกคณะแพทย์ มีส่งเสียงแซวกันนิดหน่อยแต่ช่างเสียงเปรตเสียงแรดกูหน้าด้าน สีทนได้ยังแพ้

“โหยๆไรอ่ะๆของพวกผมล่ะ โห่”

“อย่ากวนตีน ดื้อมานั่งนี่” ไอ้ซิ่งที่นั่งจองโต๊ะยาวสองตัวติดกันหันไปชี้หน้าไอ้บอลที่เห่าไม่เลิก ก็ไม่อะไรหรอกนะแค่ผมเดินมาถึงโต๊ะก็มีก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กลูกชิ้นเนื้อน้ำตกกับข้าวมันไก่อีกจานที่ผมบ่นว่าอยากกินเมื่อเช้าวางอยู่แล้วข้างๆมีจานข้าวมันไก่อีกจานที่คาดว่าน่าจะเป็นของไอ้ซิ่ง

คึ อิจฉากูอ่ะดิ อย่างนี้แหละคนมีบุญได้แฟนดี

“มึงมาด้วย??” ผมหันไปทักไอ้คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามระหว่างรอไอ้พวกเพื่อนมันไปซื้ออาหารข้างกันมีผู้ชายหน้าตายนั่งอยู่ด้วย

เออ ไอ้ไวน์นั่นแหละ

แม่ง ช่วงนี้เจอตลอด เบื่อขี้หน้า

“แน่สิ แฟนกูอยู่นี่” มันว่าก่อนจะเข้าไปกอดแขนซบหน้าอ้อนพี่ส้มที่นั่งนิ่งไม่ว่าอะไร หน้าด้าน คนเยอะแยะมานั่งอี๋อ๋อผู้ชาย แหวะ

เอิ่ม...คำด่ากูนี่แรดขึ้ทุกวัน

ผมเบะปากใส่ก่อนจะเลิกสนใจแม่ง ข้าวมันไก่กับก๋วยเตี๋ยวกูน่าสนใจกว่าเยอะเลยเหอะ

“ซู๊ดดด แหวะ ทำไมมันจืดงี้อ่ะ มึงไม่ได้ปรุงให้กูหรอ” ผมหันไปโวยใส่ไอ้คนข้างๆที่กำลังจะเอาข้าวมันไก่เข้าปาก มันรู้นิว่าผมต้องเติมน้ำตาลสองน้ำส้มหนึ่งน้ำปลาสามจอกพริกอีกหนึ่งช้อนพูน แล้วนี่อะไรวะ รสออริจินัลเลย!!!

“กินแบบนี้แหละช่วงนี้ท้องไส้ไม่ค่อยดี” มันพูดนิ่งๆเหมือนไม่ได้เดือดร้อนตามผมเลยอ่ะ

“ไม่เอา ไม่อร่อย!” ผมโวยวาย ไอ้ซาวน์ไอ้คิงที่มาถึงส่ายหัวเบื่อหน่าย ทำไมวะ

“งั้นเติมนิดเดียว” มันต่อรอง

“ไม่!!”

“ดื้อ”


“ไม่ๆๆๆๆ”

“โอเค อยากปรุงนักเชิญเลย” มันว่าพร้อมกับยกเถาเครื่องปรุงมาให้ ทำเอาผมยิ้มกริ่มที่ตัวเองชนะ “แต่งดเค้กไปหนึ่งอาทิตย์”

ง่ะ หุบยิ้มฉับเลยกู วางช้อนตักพริกแทบไม่ทัน

“เอาไง” ผมหน้ามุ่ยทันทีที่มันยักคิ้วถามแบบเหนือกว่า ไอ้ควาย ไอ้ชาติหมาแหงน กูอดเค้กกูก็เฉาตายสิ เออ ยกนี้มึงชนะ

ผมมองมันตาขวางอย่างเครียดแค้นก่อนกระชากชามก๋วยเตี๋ยวกลับมาก่อนจะใช่ตะเกียบแทงลูกชิ้นจนชามตาไก่แทบร้าว งั่มๆ อย่าให้ถึงทีกูบ้างนะ  แง่มๆ

“ฮ่าๆๆๆ พี่แม่งสุดยอดว่ะ อย่างนี้แหละถึงเอาไอ้ปายอยู่” ไอ้วินปล่อยกร๊ากออกมาพร้อมหมาในปากมันผมเลยเตะขามันใต้โต๊ะจนร้องโอ๊ย สมน้ำหน้า!!

ส่วนไอ้แคนมันไม่แหกปากพูดอะไรแค่ยกมือสองข้างขึ้นมาชูนิ้วโป้งเป็นเชิงกดไลค์สองทีเน้นๆ ไอ้เชี่ย ขอให้โซ่มีชู้!!

กินก๋วยเตี๋ยว(จืดๆ)กับข้าวมันไก่หมดจานผมก็ตบท้ายด้วยไอติมกะทิกับลอดช่องสิงคโปร์อีกอย่างละถ้วยเล่นเอาอิ่มแปล้ลุกไม่ไหว ส่วนไอ้ซิ่งผมหายโกรธตั้งแต่มันเดินไปซื้อไอติมมาง้อแล้ว อย่าถามว่านี่วิธีง้อหรอ นี่แหละวิธีง้อของมันเอาของกินเข้าล่อตลอด และมันก็เสือกได้ผลทุกครั้งด้วยไง

“พากันกลับดีๆห้ามแวะมีเรื่องกลางทาง” มันกำชับ วันนี้ไอ้แคนไปส่งที่คอนโดเพราะมีเรียนแค่เที่ยง นี่ก็แค่มากินข้าวด้วยแล้วจะกลับห้องเลยแบบหนังท้องตึงหนังตาเริ่มหย่อน ส่วนไอ้ซิ่งวันนี้มันขึ้นวอร์ดตรวจคนไข้กับอาจารย์หมอกว่าจะเสร็จก็นู่นหกโมงเย็นผมเลยไม่รอขอกลับก่อน ซึ่งมันก็โอเค

“เชื่อมือผม” ไอ้แคนรับปากอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ไอ้ซิ่งทำหน้าแหยอย่างไม่เชื่อถือ

“เชื่อมึงทีไรกูปวดหัวทีหลังทุกที”

“ไปๆกูง่วงจะล่ำลากันอีกนานป่ะ” ผมยืนล้วงกระเป๋าดุนปากทำหน้ากวนตีนเลยโดนดันหน้าผากจนหงายหลังจากไอ้ควายดำ ไอ้เชี่ย!!

“มาๆหอมแก้มทีดิ๊” ไอ้ซิ่งทำท่าจะเดินเข้ามาหอมอย่างที่พูดจริงๆ

“เฮ้ย” ผมรีบก้าวถอยหลัง ไอ้ห่านิ มึงไม่ได้คิดจะทำจริงๆใช่ไหมกลางโถงคณะแพทย์เลยนะโว้ยยยยยยยยยย

ถ้าทำจริง มึงดังอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ แค่นี้เขาก็สงสัยกันจะแย่ว่าเด็กวิทย์อย่างกูข้ามมาเสนอหน้าอะไรที่คณะแพทย์บ่อยๆ

“ฮ่าๆกูไม่ทำหรอก เอาไว้ทบยอดทีเดียว”

ไอ้สัดหมา!!!!

ผมให้ไอ้แคนพาแวะที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตก่อนกลับคอนโดว่าจะหาซื้อของสดไปทำกับข้าวไว้ ตอนเย็นไอ้ซิ่งกลับมาจะได้กินไม่ต้องพากันออกไปข้างนอกอีก บอกตรงๆอากาศร้อนแบบนี้ขี้เกียจโคตรถึงจะกลางคืนแต่ความร้อนแม่งไม่ได้ลดลงเลยเหอะ

“ขอบใจโว้ย ไปไหนต่อนิ” ผมถามไอ้แคนพลางปลดเข็มขัดนิรภัยเมื่อรถมาจอดที่หน้าคอนโค

“รับโซ่วันนี้นัดกันไว้จะไปดูหนัง” มันพูดพลางยิ้มตาหยีหน้าตาแลมีความสุข

“เออ กูไปละ”

“ให้กูช่วยถือของป่ะ”

“ไม่ต้อง ของนิดเดียว ไปละโว้ยยย” ผมเอื้อมไปหยิบของที่เบาะหลังปิดประตูก่อนโบกมือลาไอ้แคนที่ค่อยๆเคลื่อนรถออกไปแล้วตรงดิ่งขึ้นห้องจัดการยัดของใส่ตู้เย็น เอาไว้ค่อยทำเย็นๆใกล้ไอ้ซิ่งจะกลับแล้วกันตอนนี้ขออาบน้ำปะแป้งเย็นก่อนอากาศร้อนนรกเหอะ

ผมหลับไปตื่นมาอีกทีก็สี่โมงเย็นแล้วเลยเริ่มทำกับข้าว เอิ่ม จะว่าไปทำหวานเย็นแช่ตู้ด้วยดีกว่าเอาไว้กินเล่นตอนดูหนังกลางคืน

หลังจากทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็ห้าโมงครึ่งพอดีก็ไปล้างเนื้อล้างตัวเอากลิ่นคาวออก นั่งเล่นเกมสักพักก็หกโมงเย็น เอาล่ะไม่น่าเกินหกโมงครึ่งไอ้ซิ่งคงถึงห้อง

“ถึงไหนแล้ว”

เสียงแข็งไปไหนกู ตอนแรกก็ไม่อะไรหรอก แต่ทุ่มนึงแล้วยังไม่ถึงห้องนี่ไม่ไหวจะรอจริงๆ แวะไปไหนวะ

“พอดีมีธุระน่ะ  แต่ใกล้เสร็จแล้วล่ะ” เสียงปลายสายตอบกลับมา ผมพยายามฟังเสียงรอบข้างของอีกฝั่งสายแต่ก็เงียบมากๆไม่ได้ยินอะไรเลย แม่ง มึงไปโบสถ์หรอ

“ธุระอะไรไม่เห็นบอกกูเลย” ผมยังถามต่อ ก็ทุกทีมันไปไหนจะบอกผมทุกทีนี่หว่าไม่ใช่นึกอยากจะไปก็ไป

“ธุระส่วนตัวน่ะ”

อึก สะอึกเลยกู

“เออ!!!”

ผมพูดแค่นั้นก่อนจะตัดสายทิ้งไปเลย หนอย ธุระส่วนตัว!! ใช่สิ!! มันเป็นเรื่องส่วนตัวกูไม่ควรไปเสือกใช่มั้ย!! แม่งพูดจาหมาๆกูโคตรน้อยใจเลย

ผมเม้มปากมองอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะ นั่นสิ!! เรื่องของมึงกูไม่ควรไปเสือกนี่!! งั้นมึงจะหิวตายก็ไม่เกี่ยวกับกูสิเนอะ!!

ไม่ต้องแดกแม่งละ!!

พอคิดได้ผมก็จัดการเทอาหารทั้งหมดรวมกันเปิดถังขยะและทิ้งลงไปทันที

โมโหๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กูอยากฆ่าคนโว้ยยยยย


ติ๊ด

เสียงสแกนคีย์การ์ดก่อนประตูห้องจะเปิดขึ้น ร่างที่ก้าวเข้ามาทำเอาผมที่นั่งดูทีวีอยู่ลุกขึ้นเข้าห้องก่อนปิดประตูอย่างแรง

ปัง!!!!

เอาให้มันรู้ไปเลยว่ากูไม่พอใจแค่ไหน

กูมันพวกแสดงออกไม่เก็บไว้ให้ร้อนอกแตกตายหรอก ถ้าวันนี้ไม่มีคำอธิบายที่ดีมึงนอนนอกห้องแน่!!

ก๊อก ก๊อก

“ดื้อ เปิดประตูให้กูหน่อยดิ”

นิ่ง อย่าคิดว่ากูสน

“ดื้อครับ”

เฉย อย่าคิดว่าพูดเพราะแล้วกูจะคล้อยตาม

“ดื้อ พี่จะไขประตูเข้าไปแล้วนะ”

ก็ลองดู กูโกรธมากกว่าเดิมแน่

“เฮ้อออออ ดื้อครับ ถ้าไม่เปิดพี่จะอธิบายยังไงอ่ะ”

ควาย อย่าคิดว่าพูดเสียงอ้อนแล้วกูจะใจอ่อน ฝันไปเหอะ

“ไม่เปิด ไม่อยากรู้ เรื่องส่วนตัวนิเอามาบอกคนอื่นไม่ดีหรอก” ผมตะโกนออกไป ได้ยินเสียงมันถอนหายใจผ่านบานประตูเข้ามา

“ขอโทษครับที่พูดจาไม่ดี แต่พี่อธิบายได้จริงๆนะ”

“...” เงียบ ไม่ตอบ แม่งเป็นแบบนี้ตลอดทำมาเป็นพูดดีเสียงอ่อนเสียงหวาน ทีตอนพูดจาทำร้ายจิตใจกูไม่คิดก่อนจะพูดออกมา

“ดื้อ”

“...” คราวนี้เสียงมันอ่อนลงกว่าเดิมมาก


“กูไปเจอพ่อมึงมา”
ฟึ่บ!!

ผลั่วะ!!

“ทำไม!! เขาจับหรือว่าบังคับมึง ละ แล้ว เจ็บตัวตรงไหนหรือเปล่า!!” ผมเปิดประตูออกมาก่อนจะรีบสำรวจความผิดปกติของร่างกายมัน ใจผมเต้นแรงมาก มือไม้ที่จับตัวมันสั่นไปหมด

“ไม่ครับๆ พี่ไม่เป็นไร ออกมาหากูสักทีนะ”

มันพูดยิ้มๆก่อนจะรวบตัวผมเข้าไปกอด ในมือยังถือกุญแจห้องอยู่เลยแสดงว่าคิดจะไขแต่ไม่กล้า

“นี่ปล่อย อย่าเพิ่งมากอดนะ” ผมว่าเสียงขุ่นแล้วดันตัวมันออกห่าง ใช่เวลามายิ้มไหมวะ!! กูร้อนใจจะบ้าตายอยู่แล้ว

“ขออาบน้ำก่อนนะ แล้วจะเล่าให้ฟัง” ผมที่กำลังจะอ้าปากถามถูกขัดขึ้นก่อนจะถูกดันตัวเบี่ยงหลบทางแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

โอ๊ย!!! ใช่เรื่องมาสะอาดตอนนี้หรอวะ กูเป็นคนใจเย็นมากสินะ ฮ่วย!! กูให้ห้านาทีไม่ออกมากูพังห้องน้ำแน่

ไอ้แก่คนนั้นเรียกไอ้ซิ่งไปทำไมนะ ไม่ใช่สิ มันชัดเจนอยู่แล้วนี่ ต้องคิดว่าเรียกไปบ้าอำนาจอะไรใส่มันให้ต้องเลิกกับผมมากกว่า มันเกินไปหรือเปล่า ยุ่งกับผมคนเดียวไม่พอยังมาวุ่นวายกับคนของผมอีก แล้ววันข้างหน้าเขาจะลากใครเข้ามาเกี่ยวข้องอีกถ้ามันถึงครอบครัวพ่อแม่น้องสาวของไอ้ซิ่งถ้าทำพวกเขาเดือดร้อนล่ะ

โอ๊ยยยยย สมองกูวิ่งจู๊ดๆเลย

“คิดอะไรอยู่ หืม หน้าเครียดเชียว”

ฟอด

มันเข้ามากอดด้านหลังก่อนก้มลงกระซิบข้างหู  ตอนนี้ผมยืนอยู่ที่ระเบียงด้านนอก

ห่า รู้ว่ากูคิดมากเรื่องอะไรยังจะมาถามอีก กวนตีนว่ะ

“อย่าลีลา เล่ามา!!!!”

“กินข้าวยัง” มันถามคงเห็นกับข้าวที่ผมเททิ้งในถังขยะ

“ยัง” ผมกระชากเสียงตอบเพราะมึงไม่ใช่หรอที่ทำให้กูหิวอยู่แบบนี้

“งั้นเดี๋ยวไปกินข้างนอกกันนะ กูเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวมาเปิดใหม่ใกล้ๆคอนโด” มันก้มลงมาหอมแก้มเอาใจ

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน จะลีลาอีกนานไหม!”

“หึหึ อย่าคิดมากสิ เขาก็แค่ให้คนมารับกูที่คณะ หึ แต่คนมารับนี่ถึกไปหน่อยนะ” มันพูดติดตลกแต่กูเครียด =_=

“กลัวรึไง”

“กลัวดิ กลัวไม่ได้กลับมาเจอมึง” แหวะ ขอโทษทีพอดีกูไม่ซึ้ง แต่อมยิ้มทำไมวะกู

“เอาดีๆดิ”

“หึๆ เขาก็แค่ให้กูเลิกกับมึง” ว่าแล้วแพทเทิร์นเดิมๆ

“...” ผมยืนฟังนิ่ง แต่ใจกูสั่นมาก ทั้งโกรธทั้งกลัว

“แต่กูไม่เลิกหรอกนะเลยบอกเขาไป แต่เขาไม่ฟังเลยว่ะสุดท้ายกูเลยทนไม่ไหวขึ้นเสียงใส่นิดหน่อย แต่นิดเดียวนะ กูยั้งตัวทัน” มันบอกเหมือนพยายามแก้ตัวกับผม

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร”

“แล้วพอสุดท้ายเขาเลยเสนอเงินให้กู สุดๆเลยว่ะ คนรวยเขาทำงี้กันทุกคนป่ะวะ” มันพูดเสียงขำๆ สรุปมึงเครียดบ้างป่ะเนี่ยกูล่ะกลัวจะตายห่า

ไม่ได้กลัวเขา แต่กลัวว่าสุดท้ายผมจะไม่มีมัน

“กูขอเดาจำนวนเงินคงมหาศาลน่าดู”

“อืม กูตาค้างเลยล่ะ”

“แล้วไม่สนหรอ??” ผมแกล้งถามทั้งที่พอจะรู้คำตอบอยู่แล้ว

“ไม่อ่ะ พอดีที่มีอยู่ก็เยอะจนไม่มีที่จะเก็บ”

“แหวะ ขี้โม้ฉิบหาย”

“หึๆ โม้ไม่โม้ก็มีเงินเลี้ยงเมียได้ทั้งชีวิตล่ะวะ”

ฉ่า ทำไมชอบพูดผัวๆเมียๆวะ

“แล้วยังไงต่อ มึงไม่รับเงินเขาพิโรธความดันขึ้นเลยมั้งน่ะ” ผมถามอย่างรู้จักผู้ชายบ้าอำนาจคนนี้ดี

“อืม หลังจากนั้นก็ไล่กูออกมาเสียงสักสามร้อยเดซิเบลได้เล่นเอากระดูกค้อนแทบแตก แล้วก็ถูกโยนออกมาจากบ้านเกือบเป็นคนเร่ร่อนข้างถนนแล้วกู”

มันขำ แต่ผมไม่นะ!!!

“นั่นแหละคือเขา ใจร้ายใจดำ!!”

“ไม่เอาบอกแล้วไงว่าไม่ให้ว่าพ่อ” ผมหมุนตัวเตรียมเหวี่ยง

“จุ๊ๆไม่เอาไม่ด่าครับ กูหวังดีนะ”

“ชิ”

“ไม่เอาอย่างอนดิกูขี้เกียจง้อ” 

“ไอ้...!!” ผมหันขวับเตรียมฟาดแต่มันเร็ววิ่งหลบเข้าไปในห้องก่อน แต่ผมยังตาดีเห็นมันยืนขำคิกผ่านประตูกระจก ไอ้เวร กูไม่น่าห่วงมึงเลย!!!

พอผมทำฟึดฟัดเดินเข้ามาในห้องแกล้งปิดประตูกระจกแรงๆก่อนจะเดินเชิดผ่านมันมาไอ้ควายซิ่งมันเลยแกล้งกลับด้วยการถีบก้นผมเบาๆ ไอ้สัด หน้ากูทิ่ม


“ฮ่าๆโอ๋ๆอย่ามองกูด้วยสายตาเชือดเฉือนแบบนั้นดิ กูแค่ไม่อยากให้งอน มึงไม่ได้ตัวเล็กหน้าแบวเหมือนไอ้แปงเพื่อนมึงนะที่ทำออกมาแล้วมันจะน่ารักน่าชัง เจียมตัวๆ” มันยกนิ้วชี้ขึ้นมาส่ายพลางทำหน้าตารับไม่ได้

ไอ้หน้าเมือกปลาหมอไอ้ขี้ปลาทู!!! มึง!!!















หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 5
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 26-08-2018 22:58:08

รักร้ายพิเศษ5



“ฝันดีครับ”

ไอ้ซิ่งจุ๊บลงที่เหม่งผมก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วหลับลง แต่ผมไม่ สองสามวันมานี้มันเหมือนจะปกติแต่ก็ไม่ปกติ ไอ้ซิ่งพยายามจะทำตัวให้เหมือนเดิม ย้ำ!! พยายามทำ!! นั่นหมายความว่ามันไม่ปกติ ไม่ปกติอย่างแรง

ทำไมน่ะหรอ!!!

ต่อหน้ากูก็ลั้ลลา แต่ลับหลังผมเห็นว่ามันจะหน้าตาเครียดเหมือนมีปัญหาหนักอกหนักใจเสียมากมาย

แต่พอถามดันบอกว่าไม่มีอะไร กูคิดมาก ควาย!!! คิดมากกับผีสิ!! มึงสิมีห่าไรไม่เคยบอก!!

แล้วสิ่งที่ทำให้ผมโคตรจะรู้สึกแย่มากๆเลยตอนนี้คือ...มันหายไป

สิ่งสุดท้ายที่มันฝากไว้คือ...รอยจูบ เช้าก่อนที่มันจะไร้การติดต่อมันจูบผมบ่อยมากจูบจนปากเจ่อแก้มช้ำซอกคอเจ็บไปหมดซ้ำยังกอดผมบ่อยมากกว่าจะไปเรียนได้ ตอนเย็นไอ้คิงก็มาส่งแทนแล้วหลังจากนั้นผมก็ไม่เห็นหัวมันอีก มีโน๊ตแปะอยู่ที่รูปคู่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงว่า

 ‘กูไปทำธุระเพื่อเรา...รักมึงนะ’

เพื่อเรา...แล้วทำไมถึงเผชิญคนเดียววะ!! กูเป็นห่วงๆๆๆๆๆห่วงจนจะบ้า!!!

ตั้งแต่คืนนั้นก็สี่วันแล้วสี่วันที่ผมไม่แม้แต่จะเห็นหน้ามัน ไม่ได้ยินเสียง มีเพียงสิ่งเดียวที่ผมรู้ว่ามันยังสบายดีคือข้อความที่จะส่งเข้ามาในไลน์ทุกวัน ข้อความที่ส่งซ้ำเดิมๆเหมือนทุกที

‘คิดถึงนะ’

คิดถึงก็ติดต่อมาบ้างเซ่ไอ้โง่!! หรือที่กูพยายามติดต่อมึงทุกทางก็หัดให้ความสำคัญกับมันบ้าง!! เอาแต่ส่งมาแบบนี้กูไม่รับรู้หรอกนะ!! มาให้เห็นหน้าไม่ได้โทรมาก็ยังดี หรือจะส่งข้อความเมลล์ไลน์ทวิตเฟสหรือเหี้ยอะไรก็ได้ที่ทำให้กูได้รู้บ้างว่ามึงอยู่ที่ไหนเป็นยังไงและมีเหตุผลหมาๆอะไรที่หายไปแบบนี้!!!

กูจะบ้าตายแล้วนะไอ้สัดหมา!! เจอหน้าเมื่อไหร่มึงตายคาส้นตีนกูแน่ ฮึ่ม!!

ออดดดดด

“มึงกูมารับไปเรียน”

ผมเปิดประตูห้องออกมาไอ้ซาวน์ก็มายืนหน้าหล่อหน้าเป๊ะในชุดนักศึกษาสุดเนี๊ยบ อย่างนี้แหละตั้งแต่ไอ้ว่าที่หมอมันไม่อยู่ไอ้พวกเพื่อนก็จะมาเวียนรับผมไปเรียนและมาส่งตอนเย็น ผมที่จะขี่รถ(ฟีโน่ลูกรัก)ไปเองพวกมันก็ไม่ยอมเอาแต่บอกว่าสภาพจิตใจชอบเหม่อลอยของผมตอนนี้ถึงจะขี่แค่จักรยานก็มีสิทธิ์ตายได้

ในสายตาคนอื่นกูเป็นขนาดนั้นเลยหรอวะ

“เข้ามาก่อนดิ กูจัดตารางเรียนแป๊บแล้วเรียนอะไรบ้างวะ” ผมเริ่มหงุดหงิดเมื่อชีทที่จะใช้มั่วไปหมดจนไม่รู้ว่าต้องหยิบอันไหนใส่กระเป๋าเป้บ้าง

“วันนี้มีแอดออร์กับพอลิเมอร์” ไอ้ซาวน์ช่วยบอกผมเลยรื้อหาชีทอยู่ไหนวะทำไมมันปนกันมั่วไปหมด โอ๊ย ไอ้คนจัดคนเก็บมึงกลับมาสักทีสิโว้ยยยยยย

“หลีกๆเลย กูช่วยเอง ให้มึงทำมีหวังได้ฉีกชีทเละไม่มีเรียนแน่” ไอ้ซาวน์ที่นั่งบนเก้าอี้มุมห้องเดินมาดันตัวผมออกก่อนขยับเข้ามาแทนที่แล้วไม่ถึงหนึ่งนาทีมันก็ส่งกระเป๋าที่พร้อมเรียนมาให้

“อ่ะ ไปได้แล้วไอ้ห่า ไม่ซึมเศร้าก็ชอบเหม่อหมดจากเหม่อก็โวยวายอาละวาดผัวแค่หายไม่ได้ตายนะโว้ย”

“ไอ้ซาวน์!!!!!”

“โอเค กูผิดกูขอโทษ” มันยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้

……………………………………………………………………………………………………..

“วันนี้จะแวะไปป่ะ”

“ไปดิ”

ไอ้บอลพยักหน้าเข้าใจ(ตอนเย็นไอ้ซาวน์ไม่ว่างไปรับแดดดี้มันที่สนามบินหน้าที่สารถีเลยเป็นของไอ้บอลแทนก่อนเลี้ยวนิสสันมาร์ชสีขาวเข้าไปในเขตของคณะแพทย์ที่ผมจะมาทุกครั้งหลังหมดชั่วโมงเรียน บางวันพักเที่ยงฟุ้งซ่านมากเกินก็ยืมจักรยานน้ายามหน้าตึกปั่นมาเอง

ก็แค่หวัง...หวังว่าจะเจอ แม้จะ 0.001 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นไปได้ผมก็อย่างลอง

“จะลงไปป่ะ”

“ไม่อ่ะ นั่งในรถก็พอ”

หลังจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาอะไรอีก ไอ้บอลมันก็เข้าใจเลยปล่อยให้ผมอยู่เงียบๆ ไม่อยากพูดตอนนี้เอาแต่เหม่อมองเข้าไปยังโถงคณะแพทย์อย่างหวังจะเห็นไอ้ร่างใหญ่หน้าเลวที่ผมเคยว่ามันไม่เหมาะกับสิ่งที่มันเรียนอยู่สักนิดแต่พอผมรู้จักมันจริงๆไอ้ซิ่งเป็นบุคคลที่สมควรจะเป็นหมอที่สุด ไม่ใช่เพราะว่ามันเก่งมันฉลาดแต่มันรักในสิ่งที่เรียนอย่างจริงใจรักที่จะช่วยเหลือชีวิตคนอื่น

อีกแล้ว คิดถึงอีกแล้ว...ร้อนๆที่กระบอกตาด้วย ไม่เอานะกูอายเพื่อน

“กลับเถอะ” ผมหันไปบอกไอ้บอลที่นั่งเล่นเกมมือถือรอ ผมมาตั้งแต่สี่โมงนี่ก็หกโมงเย็นพอดี ไม่เจอ...วันนี้ก็คงไม่เจอเหมือนทุกวัน

ไอ้บอลพยักหน้าตบบ่าผมสองทีเบาๆเป็นเชิงปลอบใจก่อนปรับเบาะสตาร์ทรถแล้วเคลื่อนตัวออกจากบริเวณคณะแพทย์

“คอนโดเลยป่ะ”

“อืม เดี๋ยว!!!!!!!!”

เอี๊ยดดดดดดดดด

ปั่ก!!

“โอ๊ย อะไรวะตะโกนเสียงดังกูตกใจหมด” ไอ้คนที่มันตกใจจนเหยียบเบรกหัวทิ่มโขกพวงมาลัยรถหันมาถามผมอย่างหัวเสีย

“อย่าเพิ่งพูดมากตามรถคันหน้าไป” ผมพูดแต่ตามองไปยังเบนซ์สีดำขลับข้างหน้าอย่างกลัวจะคลาดสายตา

“อะไรวะ”

“ตามไปเหอะน่า เร็วดิวะ!!!”

“อะ เออๆ ไรวะ กูล่ะอยากจะบ้าตาย”

เราขับรถตามมาจนเบนซ์สีดำที่ว่าเลี้ยวเข้าไปที่ประตูรั้วไม้สักมุ่งสู่ตัวบ้านหลังใหญ่ หึ เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด ผมหันไปสั่งให้ไอ้บอลเลี้ยวตามเข้าไปทันที

“เฮ้ย บ้านใครก็ไม่รู้จะเข้าไปยังไงวะ บ้านใหญ่ขนาดนี้มหาเศรษฐีเลยนะ”

“เหอะน่า กูจัดการเอง”

“แต่...”

“ไอ้บอล”

“เออๆกูโทรบอกป๊าให้เตรียมเงินมาประกันตัวข้อหาบุกรุกไว้ล่วงหน้าเลยดีมั้ยวะ” มันบ่นงึมงำแต่ก็ยอมเลี้ยวเข้าไปตามที่ผมสั่งแต่ติดยามเฝ้าประตูที่รีบเข้ามาดักรถแปลกปลอมไว้ซึ่งผมก็กดเลื่อนเปิดกระจกรถทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา

“ผมเอง” ผมพูดขึ้นก่อนที่ยามจะได้พูดอะไรซึ่งพอเห็นว่าใครก็หน้าตาตื่นรีบตะเบ๊ะทำความเคารพทันควัน

“คุณชาย เชิญครับ!!!”

“อะไอ้ปาย นะ นี่มึง...”

“เออ บ้านเขานั่นแหละ ขับเข้าไปก่อนเสร็จกิจแล้วค่อยอึ้งต่อแล้วจะซักอะไรเต็มที่เลยเพื่อน” ผมว่าอย่างร้อนใจแต่สุดท้ายมันก็ยอมทำตามที่ผมขอ

“เดี๋ยวกูมา” ผมหันไปบอกมันพลางเปิดประตูรถ

“เฮ้ย กูไปเป็นเพื่อน”

“อย่าเลยกูไม่อยากให้มึงเห็นสิ่งบั่นทอนจิตใจ”

“กูไม่สน ให้กูนั่งอยู่ในรถโดยที่ไม่รู้ว่าเพื่อนกูเป็นยังไงบ้างนั่นแหละจะบั่นทอนจิตใจกู” มันมองอย่างจริงจัง เออเว้ยเฮ้ย นึกว่ามันจะปัญญาอ่อนเป็นอย่างเดียว

“อืม”
 



“ลมอะไรหอบมาล่ะ ถึงมาถึงนี่ได้” นั่งหัวหงอกวางมาดคิดว่าตัวเองแน่มากนักหรอ

“ไม่ต้องมาท่ามาก บอกมา!! คุณทำอะไรแฟนผม!!!” ผมตะคอกแทบจะกระโดดข้ามโต๊ะทำงานกระโจนเข้าไปบีบคอคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะ

“ทุเรศ!! เรียกออกมาได้เต็มปากเต็มคำว่าแฟน วิปริต!!”

“คุณสิวิปริตโรคจิต!! ผมจะเรียกมากกว่านี้ยังได้เลย!! ว่าไง!! ตกลงทำอะไรผัวผม!!!” เอาให้ตาเหลือกตายกันไปข้างเลย!!!

“หุบปากซะ!! แล้วอย่ามากล่าวหาอะไรมั่วซั่วถ้าไม่มีหลักฐาน”

“มั่วซั่วงั้นหรอ ใช่สินักธุรกิจอย่างคุณมันต้องมีเอกสารหลักฐานชัดเจนจนดิ้นไม่หลุดสินะ แล้วไอ้คนของคุณที่ไปโผล่ที่มหา’ลัยนั่นคืออะไร!!” ผมเดินเข้าไปชิดโต๊ะเพื่อนมองคนอีกด้านอย่างท้าทาย ไอ้บอลยืนนิ่งอยู่หน้าห้องเข้ามาไม่ได้เพราะโดนการ์ดคุมตัวไว้

“หึ คิดอะไรของแกกัน แค่ส่งคนไปจัดการเรื่องเด็กในมูลนิธินี่มันผิดมากเลยสินะ” ว่าด้วยสายตาเยาะเย้ยที่เรียกเลือดในตัวให้เดือดพล่าน

“งั้นมันคงเป็นเรื่องบังเอิญมากกกกกกที่เด็กมูลนิธิเสือกอยู่คณะแพทย์ด้วย!!!” ให้ตายสิ กูโง่มากหรอที่จะไม่รู้ว่าเด็กในมูลนิธิจะเป็นเด็กคณะบริหารฯเท่านั้นเพราะต้องมาทำงานในเครือบริษัทเพื่อใช้ทุน

“ก็ตามนั้น เด็กในปกครองของฉันจะเรียนอะไรไม่จำเป็นต้องรายงานแกแต่ถ้าอยากรู้ก็มารับช่วงต่อจากฉันสิ”

“ไม่มีทาง!!!” ผมตอบทันควันให้อีกฝ่ายชักสีหน้าอย่างหงุดหงิด

“แกหนีความจริงข้อนี้ไปไม่ได้สักวันแกต้องมารับช่วงต่อ ฉันไม่มีทางปล่อยธุรกิจในเครือสว่างนิรันดร์กรุ๊ปสิ้นสลายในรุ่นของฉัน!!”

“นั่นมันเรื่องของคุณ สมบัติของคุณ ผมไม่เกี่ยวข้องด้วยสักนิดผมไม่ได้โตมาด้วยเงินของสว่างนิรันดร์ผมไม่สนใจ!! แล้วที่ผมมาวันนี้ไม่ใช่จะมาพูดเรื่องส้นตีนพวกนี้ผมมาถามหาคนของผม คนรักของผม!!”

“หยาบคาย!! แกคือสายเลือดโดยตรง ทายาทที่ฉันหมายมั่นปั้นมือไว้ส่วนไอ้คนที่จะพาชีวิตแกล่มจมฉันไม่รู้เรื่อง!!”

“ซิ่งไม่เคยทำชีวิตผมล่มจมมันทำให้ผมมีความสุขแต่พูดไปคนใจแคบอย่างคุณคงไม่เข้าใจ ได้!! จะไม่ยอมรับก็ได้แต่อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าต้นเหตุมันมาจากคุณ แต่ที่ผมไม่มาตั้งแต่แรกเพราะไม่มีหลักฐานแต่ถึงมีคนหน้าด้านหน้าทนอย่างคุณก็ไม่ยอมรับ แต่ขอบอกให้รู้ไว้ คุณไม่มีทางแยกเราออกจากกันได้!!!” ผมพูดประโยคสุดท้ายด้วยเสียงที่หอบเล็กน้อยเพราะหายใจไม่ทันก่อนจะกวาดทุกอย่างบนโต๊ะทำงานลงมากระจัดกระจายบนพื้นแต่คนที่นั่งหลังโต๊ะทำงานก็เย็นชาเกินกว่าจะรู้สึกอะไร

เดินออกพาโดยไม่ลืมที่จะลากไอ้บอลที่ยืนอึ้งปากค้างออกมาด้วย

ไอ้เหี้ย!! กูโกรธมาก!! ร้อนขึ้นหัวเลยไอ้สัด!!

“มันรุนแรงขนาดนี้เลยหรอวะ”

ไอ้บอลถามแต่ผมไม่พูดอะไรได้แต่ปรับเบาะให้เอนลง กูขอสงบสติก่อนตอนนี้เหมือนมีลมตีขึ้นไปบนหัว มันตื้อมันอื้อไปหมด

“ไปบ้านไอ้ซิ่ง”

“จะค้างที่นั่นหรอ”

“ไม่อ่ะ มึงไปส่งก็พอเดี๋ยวกูให้ไอ้แคนไปส่งคอนโด” มันทำหน้าสงสัย

“พ่อโซ่ไม่อยู่ ไอ้แคนเลยไม่อยู่เป็นเพื่อนแม่กับโซ่สามสี่ทุ่มถึงกลับ” จริงครับเห็นแม่บอกว่าพ่อมีธุระที่อังกฤษเลยบินไปได้ประมาณอาทิตย์กว่าๆแล้วนี่ถ้าหายไปพร้อมไอ้ซิ่งผมคงคิดว่าหนีตามกันไป

ช่วงแรกไอ้ซิ่งกับผมก็ไปนอนที่บ้านเป็นเพื่อน ไอ้แคนมานั่งเล่นด้วยช่วงค่ำๆ แต่พอไอ้ซิ่งหายไปผมก็เทียวไปเทียวมาไม่กล้านอนบ้านเพราะกลัวมันกลับไปคอนโดแล้วก็ไม่กล้าอยู่คอนโดตลอดเพราะกลัวมันแวะมาบ้าน ถามคนในบ้านก็บอกไม่รู้ไอ้ซิ่งหายไปไหนแต่เชื่อว่าซิ่งมีเหตุผลพอ

ใจนึงก็อยากโทรไปถามพ่อไอ้ซิ่งนะแต่กลัวไปรบกวนเวลาทำงาน

โว้ยยยย นั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้โน่นก็ไม่ได้ มึงหายไปไหนวะ

“อ้าวปาย บอลมาทันข้าวเย็นพอดี มาๆเข้าบ้านก่อนลูก” แม่ที่กำลังตัดดอกกุหลาบที่สวนหน้าบ้านคาดว่าคงเอาไปเปลี่ยนที่แจกันบนโต๊ะอาหารหันมาทักทายด้วยรอยยิ้มแย้ม

แม่ครับลูกชายหายไปช่วยเครียดเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ

ผมทานข้าวเย็นกันเสร็จไอ้บอลก็ขอตัวกลับผมกับไอ้แคนนั่งเล่นกันถึงสามทุ่มครึ่งก็จะขอตัวกลับบ้างแต่แม่กับโซ่ขอให้ค้าง ตอนแรกผมก็ไม่ยอมสุดท้ายก็ใจอ่อน

“ปายแม่ให้เอานมมาให้” โซ่ที่ใส่ชุดนอนลายการ์ตูนที่ฟ้าเดินเข้ามาพร้อมแก้วนมอุ่นๆผมที่นั่งเช็ดผมอยู่ปลายเตียงวางผ้าแล้วเอื้อมมือไปรับ

“ขอบใจนะ” โซ่ยิ้มรับก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

“มานั่งในห้องชายหนุ่มหล่อลากแบบนี้ไม่กลัวหรอ” ผมถามล้อๆโซ่ยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ตอบกลับมา

“ไม่อ่ะ กลัวอะไรกับพี่สะใภ้ตัวเอง” หืออออ!!!! โรคขี้แกล้งนี่มันติดกันทางสายเลือดแน่ๆ เชื่อเขาเลย ฮึ่ย!! “นี่...”

“อะไร”

“ซูบไปนะดูดิขอบตาดำเชียวดูแลตัวเองหน่อยสิพี่ซิ่งกลับมาเดี๋ยวโซ่ก็โดนด่ากันพอดี”

“โซ่พูดแบบนี้รู้หรอว่ามันอยู่ไหน!!!” ผมถามอย่างตื่นเต้นโซ่หน้าตื่นขึ้นทันที

“ไม่รู้ รู้ก็บอกแล้วดิ ฮู้!! ไม่เอาละไปนอนดีกว่า” ว่าแล้วคุณเธอก็รีบออกจากห้องไปเลย ผมว่าโซ่ต้องรู้แน่ๆอยากจะไปเค้นนะแต่ดูท่าทางแล้วคงเค้นไม่ขึ้น

โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย ตกลงมันมีอะไรกันแน่ฟะ!!! กูจะปล่อยระเบิดๆสาดๆๆๆๆๆๆๆ

ว่าอย่างหงุดหงิด เปิดคอมเล่นดีกว่าเผื่อบางคนจะเช็คอิน กูก็คิดไปเรื่อยมันโง่ซะเมื่อไหร่แต่ก็เอาเถอะดีกว่านั่งฟุ้งซ่าน จะว่าไปก็เล่นเกมดีกว่า แผ่นเกมเก็บไว้ไหนวะจำได้ว่าเล่นครั้งสุดท้ายก็เอาไว้แถวนี้นี่หว่า แต่เอ๊ะ!! อะไรในลิ้นชักโต๊ะคอมฯวะ กระดาษอะไรอ่ะ ทุกทีเอกสารสำคัญๆมันจะเก็บไว้ที่ลิ้นชักตู้หนังสือนี่หว่า

ผมลองหยิบมาดูเมื่อกวาดสายตาอ่านคร่าวๆก่อนจะตัวแข็งทื่อสมองมึนงงเหมือนโดนค้อนทุบเข้าที่กลางหัว

ผมยังรอ ทุกวันยังมีความหวัง ไม่ว่ามันจะหายไปเพราะอะไรแต่ผมเชื่อว่ามันจะไม่มีวันปล่อยมือผม

แต่เวลานี้ ผมยังเชื่อได้อยู่ไหม ยังเชื่อแบบนั้นได้อยู่รึเปล่า??

บางที...ผมรู้สาเหตุที่ไอ้ซิ่งมันหายไปแล้ว


หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 6
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 26-08-2018 22:59:16

รักร้ายพิเศษ6


ปังๆๆๆๆๆ

“โอ๊ยๆๆๆเบาๆมาแล้วววว โหย ไรอ่ะปายทำไมมาทุบเหมือนพังประตูห้องคนอื่นตอนห้าทุ่มเนี่ย” โซ่เปิดประตูหัวฟูออกมา แต่กูใจร้อนมากต่อให้ตีสามกูก็ไม่สนใจ

“นี่หมายความว่าไงโซ่” ผมส่งเอกสารที่ผมเจอในห้องให้ ไอ้เหี้ยถ้าเป็นอย่างที่กูคิดนะจะบินไปแหกอกมึงถึงที่เลย

“ไรอ่ะ” โซ่รับไปมึนๆก่อนจะก้มลงอ่าน ก่อนจะเบิ่งตาโต “ทำไมเป็นงี้อ่ะ พะพี่ซิ่งไปเรียนต่อที่อังกฤษหรอ แต่พี่บอกว่าจะไปทำธุระเดี๋ยวก็กลับมาแล้วนี่” โซ่ทำเสียงตกใจแบบไม่รู้เรื่องจริงๆ

“คงโดนมันหลอกแล้วล่ะ...รวมทั้งปายด้วย” ประโยคหลังผมพูดคนเดียวเบาๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ยิ่งโมโหก็ยิ่งร้อนหัว อยากร้องไห้แม่ง

มึงตัดสินใจไปเรียนต่ออังกฤษโดยไม่บอกกูสักคำ ถ้ากูไม่เห็นเอกสารกำหนดการของทางมหาวิทยาลัยก็ก็ไม่รู้ใช่มั้ย มึงคิดจะบอกกูเมื่อไหร่ มึงไปสามปีนะไอ้เหี้ย!!ไม่ใช่สามวัน!! ถึงจะบอกกูตอนกลับมาก็ได้น่ะ!!!

หรืออยากไปจากกูไม่อยากเห็นหน้ากูแล้ว เดินมาบอกกูเลยป่ะกูแมนพอเลิกให้อยู่แล้ว!!

“ปาย ใจเย็นๆนะอย่าร้องไห้ดิ โซ่ตกใจนะ”

ผมร้องไห้ให้คนอื่นเห็นจนได้สินะพยายามกลั้นแล้วแต่มันไหลออกมาเอง เจ็บสัดๆ

แล้วก็โคตรเกลียดตัวเองเลยที่มันทำกับผมแบบนี้ลึกๆยังหวังว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด

นี่กูเชื่อใจมึงมากไปใช่ไหม???

“ปายไม่เป็นไร ขอไปนอนพักก่อนนะ” แล้วผมก็เดินกลับห้องเงียบๆ โซ่ไม่รู้เรื่องนี้สินะ

ถึงกูจะโกรธมึงแค่ไหนก็ยังรอคำอธิบายนะ




“ไอ้ปาย มึงไหวป่ะวะ”

“อืม”

ผมตอบรับไอ้พวกเพื่อนที่มองมาทางผมอย่างเป็นห่วง ผมพยายามฝืนตัวเองทำตัวปกติแล้วแต่มันทำไม่ได้ เมื่อสามวันก่อนกูแค่ซึม เหม่อ อึดอัดมากๆก็โวยวาย แต่ตอนนี้ไม่ใช่ไม่รู้ว่าอาการหนักแค่ไหนแค่รู้สึกว่าไม่อยากทำอะไรเหมือนไม่มีแรงใต้ตาผมก็เปลี่ยนจากคล้ำเป็นบวมแดงก่ำแทบลืมตาไม่ขึ้น

แค่นี้เอง อย่าห่วงกูเลย =_=

“มึงจะไปบินไปอังกฤษเมื่อไหร่” ไอ้ซาวน์ถาม

“เมื่อวีซ่าผ่าน” ผมกะไว้แล้วว่าจะไปถามให้รู้เรื่องจะได้ไม่ต้องมานั่งสับสน ถ้าจะเจ็บก็ให้มันเจ็บม้วนเดียวจบ

“ให้ไปเป็นเพื่อนมั้ย??” ไอ้คิง

“ไม่ต้องอ่ะ กูไปคนเดียวได้แม่(หมายถึงแม่ไอ้ซิ่ง)จะให้คนไปรอรับ” พูดตามตรงว่าเกรงใจถึงจะเป็นเพื่อนสนิทกันแค่ไหนแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะให้มันมาเดือดร้อนเรื่องของผมมากจนเกินไป

“พวกกูเป็นห่วง”

“อืม ถ้ากูไม่ไหวสัญญาจะบอกทันที”

“คืนนี้กูกับไอ้แปงจะไปค้างด้วย” คืนนี้ผมนอนที่คอนโด

“ไม่เป็นไร กูอยู่คนเดียวได้”

“มึงห้ามเมียกูไม่ได้หรอก เชื่อเหอะ” ไอ้คิงพูดทำหน้าเซ็งเบื่อเมียมันมาก ยังดี มึงจะมีคนให้กวนให้เบื่อ ไม่เหมือนกู โอ๊ยยยยย ผมหาดราม่ามาให้ชีวิตตัวเองอีกแล้ว

“เออ แต่ก่อนกลับกูมีเรื่องต้องทำ” ผมกัดฟันพูด ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าเรื่องนี้ไม่มีเบื้องหลัง กูต้องรู้ให้ได้ก่อนไปอังกฤษ!!

“มึงจะไปที่นั่นอีกหรอ” ไอ้บอลถามหวาดๆ

“แน่นอน” เชื่อเหอะ เชื้อบ้ากูยังมีอีกเยอะ


ปัง!!!

“ยังมีอะไรจะอธิบายอีกไหม!!”

ผมโยนเอกสารปึกใหญ่ลงบนโต๊ะทำงานในห้องทำงานเดิมๆที่กูเอียนมากเวลามา แล้วก็ไอ้หน้าตานิ่งๆสายตาเหยียดๆนี่อีกคือพูดจริงๆว่าถ้าไม่ได้เป็นคนทำให้กูเกิดมากูไม่เอาไว้อ่ะ

“แล้วอย่ามาปฎิเสธอีกนะ เป็นผู้ใหญ่หน่อย” คำพูดที่ทำให้คนอายุมากกว่ายิ้มเหยียดอย่างสบายๆ

“แล้วไง โอเค ฝีมือฉัน แล้วไง สุดท้ายมันก็สำเร็จ” ผมแค่นหัวเราะ

“อย่าคิดว่าจะห้ามผมได้ ขอบอกให้รู้ไว้คุณทำให้มันไปจากผมได้แต่ผมนี่แหละจะไปลากมันกลับมาเอง ผมไม่มีวันปล่อยความรักของผมไป!!”

“มันก็แค่ความหลงความใคร่ มันไม่ถูกต้อง!!!”

“แล้วความถูกต้องคืออะไร ทำแบบคุณสินะคว้าเอาน้องเมียมาทำเมีย แล้วทิ้งเมียให้ตรอมใจตาย!!” เบื่อแล้ว เบื่อที่จะต้องมาเถียงมาลับฝีปากเรื่องซ้ำซาก

มาแค่เพื่อต้องการคำตอบ ได้คำตอบแล้วกลับดีกว่า เส้นประสาทจะได้ไม่เสื่อมไปมากกว่านี้

“ฉันไม่อนุญาต!!” ผมชะงักขาที่จะก้าวออก ยกยิ้มสมเพชก่อนออกเดินต่อ

ห้ามกูได้ก็ลองดู



“ปาย มึงคงต้องเลื่อนไฟล์ทว่ะ”

“ทำไม”

“อาจารย์แอ๋วนัดสอบวัสดุ” ผมเซ็งขึ้นมาทันที กูร้อนใจมากอยากจะไปให้ได้เดี๋ยวนี้ อุตส่าห์ได้เที่ยวบินพรุ่งนี้แล้วเชียวมีห่าเหวอะไรเข้ามาอีกวะ!!!

ติ๊ดๆ

‘คิดถึงนะ’

เสียงไลน์เข้าพอเปิดเข้าไปดูก็เป็นข้อความที่ได้รับทุกวัน

อาจเป็นสิ่งนี้ก็ได้ที่เป็นกำลังใจให้ผมสู้ต่อ ให้ร่างกายที่โคตรห่อเหี่ยวกับหัวใจที่เจ็บปวดยังมีหวัง ถ้ายังมีข้อความนี้เข้ามาทุกวันแสดงว่าผมก็ยังเป็น ‘คนที่มันรัก’ และนี่คือเหตุผลที่ผมไม่ยอมปล่อย

‘ถ้าเราจะเลิกกันต้องเป็นเพราะคนใดคนหนึ่งหมดรักกันแล้ว ไม่ใช่เพราะคนอื่น’

มึงยังจำได้ใช่ไหม???

ผมพยายามรวบรวมสมาธิทั้งหมดเพื่อนอ่านสอบวิชาวัสดุที่อาจารย์นัดสอบนอกรอบ ไอ้แปงที่มานอนค้างด้วยก็ช่วยติวให้ผมกับไอ้คิงสุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี ผมรีบจัดกระเป๋าเตรียมเดินทางทันที กำหนดวันที่เดินทางคือพรุ่งนี้ค่ำๆ

แม่ไอ้ซิ่งให้คนส่งเบอร์ติดต่อคนที่จะมารับผมและก็ที่อยู่ที่พ่อไอ้ซิ่งพักอยู่มาให้ผมด้วย แม่บอกแม่ก็ยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมากมายคงต้องถามพ่อเพราะเขาจัดการเงียบๆกันอยู่สองคน

วันเดินทางมาถึงทุกคนมาส่งผมกันครบทีมไม่เว้นแม้แต่ โซ่ พี่ส้ม พี่โจ และไอ้ไวน์

“มีไรรีบติดต่อมานะ”

“เออ กลับไปได้แล้วพวกมึงยกโขยงมายังกับกูไปเป็นปี” ผมรู้ว่าพวกมันเป็นห่วงแต่ไม่อยากให้เสียบรรยากาศไปมากกว่านี้

“แม่ง กูห่วง”

“เอาน่า รับรองกูกระดูกแข็งจะตาย พวกมึงกลับไปได้ละกูว่าจะไปซื้อของสักหน่อย” ผมมองเวลาเหลือเวลาอีกนิดหน่อย ว่าจะไปหาซื้อหมากฝรั่งผมติดชอบเคี้ยวตอนอยู่บนเครื่อง

ตอนแรกพวกมันตื้อจะรอส่งเข้าเกทแต่ผมไล่พวกมันกลับไป ไม่ชอบเวลาล่ำลา

พอผมซื้อของเสร็จก็เลี้ยวเข้าห้องน้ำขี้เกียจไปเข้าบนเครื่องแต่พอออกมาก็โดนปิดปากปิดตาลากไปตกใจวินาทีแรกจากนั้นก็พยายามตั้งสติเพราะรู้ว่ายังไงคนพวกนี้ก็ไม่ทำอันตรายผมแน่นอน

แต่ผมจะขึ้นเครื่องไม่ทันแน่ถ้าให้คนพวกนี้ลากผมไปเรื่อยๆ

“อื้อออ ปล่อยฉัน!!” ผมตวาดลั่นเมื่อกัดมือมันจนหลุดออกมา พอจะเข้ามาจับตัวผมอีกผมก็ถลึงตาใส่!!

“คือผม...”

“ไม่ต้องลากฉันเดินเองได้ นำไปสิ” ไอ้ตัวใหญ่สองสามคนทำท่าลังเลแต่พอเห็นท่าทางโอนอ่อนของผมก็ยอมทำตามคำสั่ง

ผมเดินช้าๆเพื่อสังเกตการณ์มีคนเดินนำหน้าหนึ่งคุมหลังสอง กูจะหลุดไปยังไงวะ โอ๊ยยยย อีกสิบห้านาทีเครื่องจะออกแล้ว ชีวิตกูไม่ใช้แม่ปลาบู่นะอุปสรรคเยอะชิบ

แต่สุดท้ายก็เหมือนสวรรค์พอจะมีใจให้ผมบ้างให้ช่วงทางออกของประตูมีคนเดินสวนมาสี่ห้าคน ผมเลยอาศัยวิชาลิงลมแทรกตัดหน้าประมาณคนที่สามที่เดินสวนมาก่อนจะใส่เกียร์หมาโกยอ้าว

“ขอโทษนะครับขอแทรกหน่อย”

“เฮ้ย ตามเร็ว”

ผมวิ่งสุดตีนอย่างไม่ลดละเพราะรู้ว่าไอ้ยักษ์ชุดดำด้านหลังมันก็สุดแรงเหมือนกัน กูรู้ว่ามึงทำตามหน้าที่แต่มันจะเคร่งครัดรักในอาชีพขนาดนั้น กูเหนื่อยแล้วนะ

แล้วเหมือนว่าสวรรค์จะเห็นใจผมรอบสองที่สะกดใจให้ รปภ.แถวนั้นหันมาเห็นความวุ่นวายนี้ได้

เอาล่ะ กูมีทางรอดละ

ว่าแล้วผมก็โบกมือร้องเรียกให้โวยวายที่สุด

“ช่วยด้วยครับช่วยด้วย แจ้งตำรวจให้ทีครับผมโดนมาเฟียตามฆ่า!!!” ขอโทษนะที่ทำให้พวกมึงเป็นยากูซ่าไปแล้ว แต่กูจำเป็น

“คุณชายครับหยุดเถอะ! คุณชาย!!”

แฮกๆ

ผมรู้สึกเหมือนปอดเริ่มขยายออกซิเจนไม่เพียงพอ วิ่งจนเจ็บตับเจ็บม้ามไปหมด แล้วอยู่ดีๆผมก็รู้สึกว่าขาที่วิ่งอยู่ลอยขึ้น แรงกระแทกอย่างแรงตรงสีข้างทำให้ผมกระเด็นล้มลง

พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นผู้ชายร่างไม่บึกบึนแต่ตัวสูงกล้ามเนื้อแน่นสมส่วนแต่มาแปลกคนนี้ไม่ได้ใส่สูทสีดำแต่เป็นกางเกงยีนขายาวธรรมดากับเสื้อยืดสีดำ เอ่อ...มึงก็ยังไม่ทิ้งคอนเซ็ปเสื้อดำเนอะ (ใช่เวลาป่ะ)

อะ โอ้ย!! นี่พวกมึงกล้ากระโดดถีบกูเชียวหรอ

แต่ผมก็ยังไม่ยอมแพ้เด้งตัวลุกขึ้นเตรียมวิ่งหนีต่อแต่ก็ถูกยึดตัวเอาไว้ ผมไม่รอช้าเขย่งกัดหูไอ้คนที่เข้ามารวบตัวสุดแรงจนมันร้องโอ๊ยเผลอปล่อยตัวผม

แล้วกูจะรอช้าทำไมล่ะ

ผมรีบกระโดดข้ามราวเหล็กระดับเอวไปอีกด้านแต่ก็ต้องตกใจเมื่อมีคนมาจับข้อเท้าด้านหลังเอาไว้เป็นผลให้หน้าผมทิ่มลงไปยังอีกฟากที่เป็นถนน และมันจะไม่เป็นอะไรเลยถ้าไม่มีรถอีกคันวิ่งมาด้วยความเร็วสูง เสียล้อรถครูดกับถนนของคนขับที่เหยียบเบรกกะทันหัน ผมไม่รู้สาเหตุว่าทำไมเขาต้องขับเร็วขนาดนั้นในเมื่อมันอยู่ในเขตสนามบินแล้ว

แต่ที่รู้คือแรงเหยียบเบรกของเขาไม่เป็นผลเพราะด้านหน้าตัวรถกระแทกเข้าที่ร่างผมอย่างจังให้ร่างผมกระเด็นลอยขึ้นไปและตกลงมาตามแรงโน้มถ่วง

ชา...มันชาไปหมด เหมือนร่างกายทุกส่วนได้หมดอายุเพราะมันไม่สามารถขยับได้เลย

ไม่ไหว รู้สึกสายตาฝ้าฟางอยากหลับตาลงหนีความเจ็บปวดที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาหา

เลือนราง...เสียงกรีดร้องวุ่นวายที่ได้ยินมันช่างอื้ออึงเหลือเกิน

ก่อนหลับตาผมเห็น...เห็นเขาคนนั้นเลือนราง...รู้สึกถึงน้ำตาที่ไหลสู่หางตาของตัวเอง

แม่ครับ...ผมควรจะสู้หรือทิ้งทุกอย่างไป

แม่ครับ..มารับผมไปอยู่ด้วยที




[Cing]

ผมรีบกระโดดขึ้นรถที่มาจอดรอท่าก่อนที่จะทะยานออกไปทันที ผมที่ได้รับสายจากอาหมอที่ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลอีกแห่งในเครือของพ่อว่าปายประสบอุบติเหตุโดนรถชนอาการสาหัส ใจผมเหมือนหยุดเต้นก่อนที่มันจะเต้นระรัวเร็วอย่างรู้สึกกลัว

ผมรีบจองตั๋วเที่ยวบินที่เร็วที่สุดจากเชียงรายลงมาที่กรุงเทพฯให้ไอ้ส้มมารอรับ ตอนนี้ไวน์และเพื่อนทุกคนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว

ผมไม่ได้ไปอังกฤษ ผมอยู่เชียงรายอีกไม่เกินสามวันก็จะกลับมาหามันแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นซะก่อน

ส่วนเรื่องเป็นยังไงตอนนี้ผมไม่มีสติจะเล่าจริงๆ

“พี่ซิ่ง” ทุกสายตาหันมามองผมที่วิ่งกระหืดกระหอบมาถึงผมไม่ได้ทักใครวิ่งไปที่ประตูห้องไอซียู อยากจะผลักประตูเข้าไปดูว่ามันเป็นยังไงบ้างแต่จิตใต้สำนึกบอกว่าทำไม่ได้ เข้าไปก็ช่วยอะไรไม่ได้นอกจากทำให้วุ่นวายขึ้นแต่ให้ผมรออยู่เฉยๆแบบนี้มันก็เหมือนฆ่ากันทั้งเป็น

“ปายมันอยู่ในนั้นสามชั่วโมงแล้วพี่ ผมเชื่อว่ามันต้องไม่เป็นอะไร” ไอ้แคนเดินมาหาผม เสียงมันฟังดูแหบแห้งถึงมันจะพูดแบบนั้นแต่แววตาแสดงออกชัดเจนว่ามันก็กลัว

ปั้ก!!!

“เฮ้ย!!”

หน้าผมสะบัดไปตามแรงหมัดหันกลับมาก็เห็นไอ้ส้มจับตัวแฟนมันที่ยืนกำหมัดแน่นตาแดงก่ำเอาไว้ ไอ้ไวน์มองผมอย่างโกรธมาก

“หายไปไหนมา!! ถ้าพี่ไม่หายไปเพื่อนผมจะเป็นแบบนี้ไหม!! ทำไมไม่อยู่ปกป้องมัน!!” มันตวาดเสียงสั่นเครือก่อนจะนั่งฟุบลงแล้วร้องไห้อย่างหนักอย่างสุดกลั้น

ผมที่ตอนนี้ตาแดงก่ำไม่ต่างจากอีกฝ่ายกำหมัดแน่น นั่นสิ...กูมัวทำอะไรอยู่

ไอ้ส้มก้มลงไปประคองคนของมันลุกขึ้นมาก่อนจะพาเดินไปอีกมุมหนึ่ง มันมองผมเป็นเชิงขอโทษแทนซึ่งผมก็ส่ายหน้าว่าไม่เป็นไร

“มะ หมอออกมาแล้ว”

คำที่ทำให้ทุกคนกรูกันไปสนใจบุคคลชุดขาวที่เดินออกมาจากห้องไอซียู

“แฟนผมเป็นไงบ้างครับอาหมอ”

“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้ว แต่ต้องดูอาการกันต่อไปเพราะกระดูกหักหลายจุดศีรษะด้านหลังมีรอยช้ำ”

เป็นหนักขนาดนี้เลยหรอ

“แล้วจะมีอาการแทรกซ้อนไหมครับ” ผมถาม

“อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ คงต้องดูกันแต่อาจะพยายามอย่างที่สุดนะ” ผมขอบคุณอาหมออีกครั้ง ให้คนที่เหลือเข้าไปหาปายก่อนส่วนตัวเองก็ไปสอบถามอาการกับคุณอาหมออย่างละเอียดอีกครั้ง

หลังจากคุยกับคุณอาหมอได้ประมาณครึ่งชั่วโมงผมก็ขึ้นไปยังชั้นห้าของโรงพยาบาลเหลือบตาอ่านป้ายชื่อหน้าห้องให้รู้ว่าไม่ผิดห้องแน่ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป

“อ้าวพี่ มาแล้วหรอ”

ผมไม่ได้ตอบอะไรเดินแทรกไอ้คนที่ยืนกระจายอยู่ทั่วห้องเข้าไปประชิดเตียงเพื่อนมองร่างที่นอนอยู่บนฟูกชัดๆ

สายออกซิเจนสายน้ำเกลือไหนจะสายยางให้เลือดที่ระโยงรยางค์เต็มตัวไปหมด หน้าตาซีดเหลืองตามเนื้อตัวมีแต่รอยช้ำรอยถลอก แต่ที่เด่นที่สุดคงเป็นผ้าขาวที่พันอยู่รอบศีรษะเห็นอาหมอบอกว่าผมด้านหลังถูกโกนออกด้วยรับรองเจ้าตัวรู้ต้องโวยวายห้องแตกแน่

ตื่นมาโวยวายเร็วๆนะกูรออยู่

ผมอยากจะกอดอยากสัมผัสแต่ผมไม่กล้าแตะเลยกลัวทำมันเจ็บ ยิ่งตรงแผลยิ่งไม่กล้า ในที่ที่ไม่มีแผลก็ไม่รู้ว่าด้านในจะช้ำไหม

ปวดใจ...เห็นแบบนี้แล้วผมปวดใจจริงๆ

ยังพอเบาใจได้เรื่องที่อาหมอบอกว่าหายกลับมาเป็นปกติได้อย่างแน่นอน

“พี่ หมอบอกไหมว่ามันจะฟื้นเมื่อไหร่” ไอ้บอลถาม ผมก้มลงกดจูบที่ปลายจมูกคนบนเตียงแผ่วเบาก่อนตอบ

“อีกวันสองวันน่ะ”

“โห นานจัง” ไอ้แปงว่าเสียงแผ่ว มองเพื่อนมันอย่างสงสาร

“เดี๋ยวกูเฝ้าเองนะ พวกมึงกลับไปพักผ่อนเถอะ” ผมบอก เมื่อกี้ก่อนขึ้นมาโทรไปบอกคนที่บ้านให้เอาเสื้อผ้ากับของใช้จำเป็นมาให้แล้ว

“พวกผมเฝ้าเองก็ได้นะพี่ พี่เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ น่าจะ...”

“กลับไปกูก็นอนไม่หลับหรอกกูเป็นห่วง กูเฝ้าเองน่ะดีที่สุดแล้ว”พวกมันมองหน้ากันก่อนสุดท้ายจะยอมพยักหน้า

“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พวกผมมาใหม่” แล้วมันก็เดินเข้ามาดูปายอีกรอบก่อนจะค่อยๆทยอยเดินออกไป เหลือไอ้ส้มกับไวน์ที่ยังอยู่ในห้อง

“กูไม่เป็นไร” ผมพูดอย่างเข้าใจ ไอ้ส้มมันไม่ค่อยพูดแต่สายตาที่ส่งมาก็รู้ว่ามันเป็นห่วงมาก

“พี่...” เสียงไอ้ตัวแสบของไอ้ไวน์เรียกผมเสียงแผ่ว ผมหันหน้าไปมอง

“เรื่องเมื่อกี้...ผมขอโทษ ผมใจร้อนเพราะเป็นห่วงมัน” พูดเสียงแผ่วอย่างรู้สึกผิดก่อนจะหันไปมองร่างปายบนเตียงในดวงตามีน้ำใสรื้นขึ้นมา

ผมรู้ว่ามันห่วงมากถึงจะปากเสียใส่กันแค่ไหนแต่ในใจมันก็รักกันมาก

“อืม กูเข้าใจไม่โกรธหรอก” คุยกันสักพักสองคนก็กลับไปทั้งห้องเลยเหลือแค่ผมกับปาย

ผมเดินมาลากเก้าอี้เข้าไปนั่งใกล้เตียงจับมือที่วางนิ่งขึ้นมาลูบเบาๆก่อนจะจรดหน้าผากลงแนบกับฝ่ามือนั้น น้ำตาที่พยายามกักเก็บไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่และไม่คิดจะห้าม

ต้องการ....ต้องการ ‘ไอ้ดื้อ’ กลับมา

อย่าไปไหนนะ กลับมา...กลับมาหากู สัญญาว่าจะไม่หายไปไหนอีก

 
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 7
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 26-08-2018 23:00:58

รักร้ายพิเศษ7


แอดดดดด

เสียงเปิดประตูเรียกให้ร่างตัวเองกลับมานั่งตัวตรงอีกครั้งจัดการหน้าตาให้เข้าที่พร้อมหันไปมองผู้มาใหม่พอเห็นว่าเป็นใครหน้าผมก็นิ่งทันที

“ออกไปฉันจะดูแลลูกชายฉันเอง”

เหอะ นี่คือคำพูดแรกของผู้ชายคนนี้ เชื่อเขาเลย

“ผมคงทำตามไม่ได้แต่ถ้าคุณจะดูอาการปาย เชิญครับ” ผมเบี่ยงตัวหลบเปิดทางให้แต่เหมือนจะไม่เป็นผลเมื่อร่างของผู้ชายสูงวัยแต่นิสัยโคตรเด็กยังนิ่งอยู่ที่เดิม

“จะออกไปเองหรือต้องให้คนมาลากออกไป” เสียงทุ้มใหญ่เอ่ยน่าเกรงขามแต่ผมกลับไม่รู้สึกเกรงกลัวตรงข้ามกูปรี๊ดขึ้นหัวทันที

ถ้ากูจะเสียมารยาทกับพ่อตาคงไม่บาปมากไปหรอกนะ แต่ถึงจะบาปกูก็ไม่สนแล้วเหอะ!!!

“ก่อนออกคำสั่งน่าจะคิดสักนิดนะครับว่าคนที่ทำให้ปายเป็นแบบนี้เพราะใคร” กูว่าจะทำเป็นไม่สนประเด็นนี้แล้วนะ ทำเป็นปล่อยไปทั้งที่ถ้าเป็นคนอื่นกูฆ่าทิ้งไปแล้ว!!

ขับรถชนลูกตัวเองไม่สำนึกผิดไม่ว่ายังจะมาไล่กูอีก ควรให้เกียรติมั้ยวะแบบนี้!!

“ฉันไม่ได้ตั้งใจ!!”

“ผมว่าเราควรคุยกันให้รู้เรื่อง เรื่องแรกเรื่องเรียนต่อที่อังกฤษ” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆขจัดความคิดไม่ดีและข่มอารมณ์ร้ายที่แสดงออกเมื่อครู่ คนที่บ้าอำนาจไม่ฟังใครยิ่งเอาอารมณ์เข้าสู้ไม่มีผลดีอะไรเกิดขึ้น

“นายเปลี่ยนแปลงไม่ได้เพราะเป็นคำสั่งจากมหาวิทยาลัย”

“แต่เบื้องลึกเบื้องหลังไม่ใช่แค่นั้นไม่ใช่หรอครับ” อีกฝ่ายหน้าตึงขึ้นทันที ผมผายมือเป็นเชิงเชิญไปที่มุมโซฟารับแขกเพื่อจะได้ไม่รบกวนคนป่วยซึ่งยังเป็นโชคดีของผมที่เขายังยอมทำตาม

คุณนริศนั่งโซฟาตัวยาวส่วนผมนั่งโซฟาเดี่ยว

“ผมไม่อ้อมค้อมนะครับ ผมจะไม่ไปเรียนต่ออังกฤษแล้วตอนนี้ผมก็จัดการถอนชื่อได้แล้วและที่สำคัญผมไม่มีทางเลิกกับดื้อ เอ่อ ผมหมายถึงปายน่ะครับ”

“มันไม่มีทางเป็นไปได้ เด็กคนนั้นคือทายาทคนเดียวของสว่างนิรันดร์ต้องรับภาระมากมายและมีคู่ครองที่คู่ควร” ท่าทางอ่อนลงแต่ก็ยังมีท่าทีนิ่งขรึมหัวรั้นเหมือนเดิม

พ่อลูกคู่นี้เหมือนกันอยู่หนึ่งอย่าง ถ้าพูดด้วยเหตุผลก็พร้อมจะฟังด้วยเหตุผล แต่ตรงข้ามถ้าเริ่มด้วยอารมณ์ก็พายุใต้ฝุ่นดีๆนี่เอง

“ถามปายหรือยังครับ”

“ทำไมต้องถาม มันเป็นสิ่งที่เขาต้องรับรู้และยอมรับมาตั้งแต่ต้น”

“แต่คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า...ปายไม่ได้ถูกอบรมเลี้ยงดูเพื่อเติบโตมาเป็นสิ่งที่คุณต้องการและที่สำคัญคุณไม่ได้เลี้ยงเขามาหรือให้ความรักมากพอที่ปายจะเชื่อฟังและเคารพกับสิ่งที่คุณยัดเยียดให้”

 เขาดูอึ้งไปกับสิ่งที่ผมพูดแววตาสับสนนั่นบอกเป็นอย่างดีว่าสิ่งที่ผมพูดคงกระทบจิตใจเขาไม่น้อย แต่อีกนัยก็ดื้อดึงไม่ยอมรับซะทีเดียว

“ปายเป็นลูกชายฉัน”

“ใช่ ปายมีสายเลือดของคุณแต่อย่าลืมคุณก็ได้สร้างรอยแผลใหญ่ไว้ให้เขาเช่นกัน”

“หึ เล่าให้ฟังหมดเลยสินะ”

“ครับ เพราะผมคือคนรักของเขาและพร้อมที่จะเป็นที่พักพิงให้เขาได้ทุกเวลา” ผมมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายอยากให้รู้ถึงความนัยที่ผมสื่อ อยากให้รับรู้ เข้าใจและยอมรับ

“ผมขอพูดตรงๆว่าถ้าคุณยังไม่หยุดบังคับปายและทำร้ายเราอีกผมก็จำเป็นที่จะต้องตอบโต้คุณเหมือนกัน”

“ขู่??”

“ผมคงไม่กล้าขนาดนั้นแค่อยากบอกไว้...ผมรู้คุณสืบมาหมดแล้วว่าครอบครัวผมเป็นยังไงถึงได้ใช้อำนาจบีบผมให้ไปอยู่ที่ไกลๆเพราะแค่เจ้าของโรงพยาบาลอย่างพ่อผมคงทำอะไรไม่ได้ แค่คนที่คุณให้สืบเรื่องของผมคงปฏิบัติหน้าที่ไม่ดีพอถึงไม่ได้หาข้อมูลอย่างละเอียดว่า...”

ผมจ้องกลับด้วยสายตาเข้มขึ้น ไม่ได้อยากก้าวร้าวเพราะเขาคือบุพการีของคนที่ผมรักแต่ผมก็ไม่อาจปล่อยให้เขารังแกฝ่ายเดียวได้

“...ปู่ของผมคือใคร”

เขาขมวดคิ้วเป็นปมก่อนจะเบิกตาโพลงขึ้น

“นะนี่...อย่าบอกนะ...”

“ตอนนี้หุ้นบริษัทของคุณอาจจะแค่ตกต่ำมากที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา แต่ผมไม่รับประกันว่าถ้าคุณยังไม่หยุดจะเป็นยังไง”

“นี่...!!”

“ผมไม่ได้ขู่ และจะไม่ห้ามถ้าปายยอมที่จะรับช่วงต่อแต่นั่นคือการที่เขาเต็มใจจริงๆไม่ใช่มาบีบเขาแบบนี้และอีกเรื่อง...”

“...”

“คุณไม่มีทางแยกเราสองคนออกจากกันได้ ผมบ้ามากพอที่จะยอมเอาทุกอย่างเข้าแลกเพื่อรักษาคนรักของผมไว้เพราะปายคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผมเหมือนครอบครัวของผม ”

“....!!!”

“ผมหวังว่าคุณคงเข้าใจ”

เขานิ่งอึ้งไม่พูดอะไรต่ออีกแต่มือกำหมัดแน่นอย่างที่ผมพอจะเดาได้ว่าเขาเสียศูนย์ไปไม่น้อยที่เด็กอย่างผมสามารถตอบโต้เขาได้ขนาดนี้

ถ้าพูดให้ถูกไม่ใช่ผมหรอก...พ่อ...ไม่สิ ปู่ของผมต่างหาก

ผมขึ้นไปเชียงรายเพื่อไปหาปู่...ใช่...ปู่ผมอยู่ที่นั่น

ไม่ต้องรู้หรอกว่าปู่ผมเป็นใครแค่รู้ว่าท่านมีอำนาจมากพอที่จะจัดการเรื่องยุ่งยากให้ผมได้

ผมไม่โง่ที่จะมานั่งแก้ปัญหาเองจนเรื่องมันบานปลายใหญ่โตจนแก้ไม่ได้ และพ่อก็ไม่อยากเอาโรงพยาบาลที่ท่านรักมาเสี่ยงเพราะฉะนั้นพ่อจึงส่งเรื่องให้คุณปู่ที่เรามั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าท่านช่วยได้แน่ๆ(พ่อผมไปติดต่อเรื่องที่ผมถูกส่งตัวไปที่อังกฤษเลยไปเชียงรายกับผมไม่ได้)

และก็จริง...ท่านช่วยได้...ได้ดีซะด้วย

“ฉันจะกลับ!!” เสียงเข้มที่ตวาดขึ้นพร้อมร่างที่ผุดลุกยืนตรงทำให้ผมลุกขึ้นยืนตามก่อนจะยกมือไหว้เพื่อลา

แต่ก่อนที่จะเปิดประตูออกไปเสียงพูดก็ดังขึ้นทั้งยังหันหลังให้อยู่อย่างนั้น

“พรุ่งนี้ฉันจะมาเยี่ยมลูกชายฉัน...บอกเขาว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“...”

“ฉันก็เสียใจที่เป็นคนทำให้ลูกชายคนเดียวมีสภาพอย่างนี้...รู้สึกไม่ดีที่เป็นต้นเหตุในอุบัติเหตุครั้งนี้เหมือนกัน”

ถึงผมจะไม่เห็นหน้า แต่ผมก็รู้ว่าเขาเสียใจอย่างที่บอกจริงๆ

“ครับ”

 

“ปวดหัว...”

ผมที่กำลังนั่งเขียนรายงานอยู่ใกล้เตียงใช้โต๊ะวางของเยี่ยมแทนโต๊ะหนังสือชะงักแรงกดปากกาทันทีหันไปมองไอ้คนที่นอนบ่นอยู่บนเตียงแล้วก็นึกอยากจะเอาปากกาเคาะหัวแรงๆสักที

“ปวดก็พอ นอนได้แล้วดูอยู่นั่นแหละบอลไม่เจียมสังขาร” บ่นปุ๊บหน้างอทันที เลยต้องเลื่อนเก้าอี้ลุกไปหา ป่วยแล้วโคตรเด็กอ่ะห่า

“นอนๆๆๆๆๆกูนอนจนตะคริวจะกินตูดละ”

“ก็มึงป่วย”

“หายแล้ว”

กล้าพูด!! หายแล้วบ้านมึงสิตัวยังพันผ้าก๊อตอย่างกับมัมมี่แผลที่หัวก็ยังไม่แห้งสนิทดี ร่างกายยังไม่พร้อมแต่ใจนี่สู้ตายจริงๆ ด้านความดื้อด้านอ่ะนะ

อ่อ ขอพูดถึงเรื่องที่ทำเอาผมอยากฮาแต่ก็ฮาไม่ออก เรื่องหัวมันที่โดนกล้อนนั่นแหละครับ ทำเอาคุณชายท่านน้ำตาซึมโหยหวนที่รู้ว่าบัดนี้ผมที่ยาวประบ่าที่ภูมิใจนักหนาว่าขับให้ตัวเองดูดีได้โดนตัดทิ้งไปแล้ว และทรงเดียวที่สามารถทำได้คือ
...สกินเฮด

ไม่งั้นก็ต้องทรงลานบินเป็นเด็กหัวเกรียนสมัยมัธยม ฮ่าๆ

“ถ้ามึงยังดื้อแบบนี้มึงจะไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล ชอบหรือไงนอนดมกลิ่นยาเนี่ย”

“ไม่เอา!!”

“ไม่เอาก็นอนซะ”

ทำหน้าปลาบู่ใส่นี่อย่าคิดว่ายอมนะครับ มันไม่ยอมหรอก ผมส่ายหัวอย่างระอาแต่ก็เดินไปหยิบยามาให้มันกินปล่อยปวดหัวมากๆไม่ดีต้องคอยควบคุมตลอด

“แหวะ ขม” ทำหน้าพะอืดพะอมทุกทีโชคดีหน่อยที่เดี๋ยวนี้กินยาง่ายกว่าเมื่อก่อน สงสัยชินเพราะต้องกินยาหลายเม็ดหลายชนิดมาก

ไอ้ดื้อมันฟื้นคืนชีพเมื่อสองวันที่แล้วและอาการก็ดีขึ้นตามลำดับ(ผมขู่มันว่าถ้าดื้อไม่กินยาตามหมอสั่งจะต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเดือน) คุณอาหมอบอกว่าถ้าสัปดาห์นี้ไม่มีอาการอะไรแทรกซ้อนและดีขึ้นเรื่อยๆแบบนี้ก็กลับไปพักผ่อนต่อที่บ้านได้

“ดื้อ...หลับตาซะ”

“บอลยังไม่จบ”

ปิ๊บ!!

“นี่ไงจบแล้ว”

“มึงปิดทำไม” มันโวยวายทันทีที่ผมกดปุ่มปิดทีวี

“นอนซะ ห้าทุ่มแล้ว ความจริงควรจะนอนตั้งนานแล้วเห็นไหมปวดหัวเลย” ผมพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มที่สุด ไม่ได้ครับยิ่งป่วยแม่งยิ่งบ้าแถมยังเคืองๆผมอยู่อีกต่างหาก

ไอ้เรื่องที่หายไปนั่นแหละ แต่ผมบอกเล่าเก้าสิบไปหมดแล้วนะ เพราะมันเล่นเค้นคอถามผมทันทีที่ลืมตาตื่น


‘กูไม่อยากให้มึงต้องมากังวลใจ รู้ว่าห่วงแต่กะว่ากลับมาจะอธิบายให้ฟัง’

‘ถ้าคิดว่าทำคนเดียวแล้วอะไรๆมันจะดี ชีวิตมึงก็ไม่ต้องมีกู’

‘...ขอโทษ...’

‘ถ้าคราวหน้ามีอีก คิดเองทำเองตัดสินใจเอง เราคงไม่ต้องมีกัน! ’

แล้วก็จบด้วยประโยคที่บอกเป็นนัยให้ผมไว้คิด ต่อไปคงไม่กล้าอีกแล้ว...


“รีบหายจะได้กลับบ้านเราไง ไม่ดีหรอ”

“...” มันนิ่งมีท่าทีอ่อนลง เฮ้อ กูล่ะเสียวฉิบหาย

“ดีมั้ย??”

“เออๆนอนก็ได้”

ผมยิ้มอย่างโล่งอกเพราะถ้ามันดื้ออีกนิดผมต้องดุมันแน่ๆ ซึ่งผมไม่อยากทำ ขี้เกียจมานั่งง้อเด็กน้อยทีหลัง

ผมจับผ้าห่มผืนบางของโรงพยาบาลขึ้นมาคลุมตัวให้ “หลับซะ”

ไอ้ดื้อหลับตาลง ผมยิ้มก่อนก้มลงไปจูบหน้าผากแทนการบอกฝันดี

“เดี๋ยว”

“หืมไร” ลืมตาขึ้นมาทำไมเนี่ย

“ก้มลงมา”

“อะไร”

“เร็วๆ”

ผมงงๆแต่ก็ก้มลงไปตามที่มันบอก

จุ๊บ

“ทำงานเสร็จก็รีบๆนอน กูไม่อยากเห็นคนตาย”

มันพูดรัวมากอ่ะแล้วหนีหลับตาไปเลย หึๆ แต่ผมได้ยินชัดทุกคำนะ น่ารักว่ะ ห่วงผมก็เป็นนี่หว่า

แต่ก็จริงอย่างที่มันว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาผมไม่ค่อยได้พักผ่อน กลางวันถ้ามีเรียนก็ต้องไปเรียน เรียนเสร็จก็รีบกลับมาเฝ้ามันมีแวะไปเอาข้าวของที่จำเป็นหรือเสื้อผ้ามาไว้เปลี่ยน ไหนจะงาน ผมเรียนหมอนะครับทั้งงานทั้งสอบเยอะแยะไปหมด แม่บอกให้กลับไปพักผ่อนบ้างส่วนไอ้ดื้อก็ไล่ผมจริงจัง แต่ผมห่วงมันนิอยากให้มันอยู่ในสายตาตลอด เพราะงั้นเหนื่อยแค่นี้...ผมทนได้


เดินไปปิดไฟกลางห้องเพื่อไม่ให้รบกวนคนป่วย แล้วเดินมาเปิดโคมไฟบนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาที่มุมเยี่ยมไข้(ขนมาจากคอนโดจะได้ไม่กวนคนป่วยตอนกลางคืน)ก่อนเดินมาขนบรรดางานที่นั่งทำใกล้เตียงก่อนหน้านี้ย้ายมาไว้ที่ทำการใหม่

หวังว่าผมจะสามารถทำให้เสร็จได้ก่อนเช้า ถึงพรุ่งนี้จะมีเรียนบ่ายแต่ตอนกลางวันก็ไม่อยากทิ้งให้มันนอนหง่าวคนเดียว



Pai

ผมคัมแบคกลับมาแล้วก๊าฟฟฟฟฟ ไอ้เชี่ยซิ่งแม่งจองพื้นที่ไปนาน โอ๊ยอยู่โรงพยาบาลแม่งน่าเบื่อเนอะวันหนึ่งชีวิตวนเวียนเป็นวัฏจักรยุง นอน กินข้าว กินยา ทำกายภาพ และก็กลับมานอน ฮ่วย!! เมื่อไหร่จะได้ออกไปสักทีวะ

“ชู่ว! อย่าเสียงดังมันหลับอยู่เห็นไหม” ผมหันไปสั่งไอ้พวกลิงทโมนที่มันโผล่เข้ามาในห้องก็พร้อมจะโหยหวน แล้วมันก็หันไปตามสายตาที่ผมมองอยู่

“เฮ้ย ไรวะ มาเฝ้าไข้หรือมาให้คนไข้เฝ้าวะ”

ปากดีสัดคิง ไม่อยากจะบอกว่ามันเพิ่งเอาข้าวเช้าและยามาให้กินเมื่อตอนเจ็ดโมง แล้วเผลอหลับไปเมื่อกี้เองท่าทางยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน

เฮ้อออ บอกให้กลับไปพักที่บ้านก็ไม่เอา พยาบาลหมอก็อยู่เยอะแยะไม่รู้จะห่วงไรนักหนา

“แหมะๆว่าไม่ได้เลยนะผัวมึงเนี่ย มองตาขวางขนาดนี้แดกหัวกูเลยมั้ยครับ”

“กูบอกอย่าเสียงดัง”

“เออ วุ้ย”

แล้วพวกมันก็เงียบลง บุคคลในห้องตอนนี้ก็มีไอ้บอล ไอ้ซาวน์ ไอ้คิง เอ๊ะ!! บุคคลที่เจี๊ยวติดไอ้คิงไปไหนวะ

“ไอ้แปงอ่ะ”

“ติดชู้”

ไอ้คิงว่าหน้างอหน้าหักเต็มที่ ผมเลยหันไปขอคำตอบจากไอ้บอลแทน ส่งสายตาประมาณว่า มีเหี้ยไรกันอีก

“ไปติดต่อเรื่องงานกีฬาสัมพันธ์กับไอ้วิวที่มอ...”

“แค่เนี้ย มึงงี่เง่าว่ะคิง” หึงไม่เข้าเรื่องอ่ะ ควาย

“ลองเป็นมึงดิ ถ้าไปกับคนอื่นกูจะไม่ว่าเลยแต่นี่...!!”

“กูบอกอย่าเสียงดัง!”

“เออ! นั่นแหละ มึงก็รู้ว่าไอ้วิวชอบไอ้แปง” ยิ่งพูดก็ยิ่งหน้างอหน้าย่นเหมือนมาพันธุ์ปั๊ก!

“มึงต้องไว้ใจไอ้แปงดิ อย่าลืมมันรักมึงข้างเดียวมากี่ปี ส่วนไอ้วิวมันก็ไว้ใจได้ พูดถึงมันเป็นคนดีกว่ามึงซะอีก ไม่รู้ไอ้แปงแม่งมาตาบอดรักมึงได้ไง” ไอ้ซาวน์กูขอกดไลค์ใช่เลย ถ้าไม่ติดว่ากูเดี้ยงอยู่คงลุกไปขำตบเข่าฉาดใหญ่

“ไอ้ควาย อย่าคิดว่าหล่อแล้วกูจะไม่กล้ากระทืบมึง”

“ฮ่าๆๆๆ” คราวนี้ขำกันใหญ่ แต่เอ๊ะ!! ตั้งแต่พวกมันมาผมยังไม่ได้เสียงบุคคลที่พูดมากพูดไร้สาระพูดไม่มีหยุด แต่วันนี้เงียบมากเหมือนถึงเวลาจำศีล

ขวับ!!!

“ไอ้เชี่ยบอล! นั่นผลไม้เยี่ยมไข้กู!!!”

คือมึงสับสนอะไรหรือเปล่า ตะกร้าผลไม้นั่นมึงเป็นคนถือมาเองเพื่อมาเยี่ยมไข้กูไม่ใช่หรอวะ แล้วอะไรคือเอามาเองแล้วแกะแดกเองเต็มปากแบบนั้นวะ!!

“ชู่วววววว ไหนว่าอย่าเสียงดัง เอาน่า ก็กูหิวยังไม่ได้กินข้าวเลยตั้งแต่เช้า...เออ ว่าแต่ ข้าวนี่ไม่มีใครกินแล้วใช่ป่ะ กูขอนะ”


ไม่ต้องรอคำตอบมันก็เลื่อนปิ่นโตที่ผมจำได้ว่าโซ่เอามาให้เมื่อเช้ามาเปิดกินหน้าตาเฉย เหมือนเล็งไว้นานแล้ว
ไอ้หมาตะกละ!! นั่นของผัวกู!!!

“เอาน่า ปล่อยมันไปเถอะ เมื่อเช้ามันไปทำแลปให้อาจารย์นิวแต่เช้า” ฮึ่ย...มันน่าโมโห

“เออ...แล้ว...พ่อ เอ่อ เขามาเยี่ยมบ้างป่ะวะ”

กึก

ผมชะงักไปนิดก่อนส่ายหน้าช้าๆ

“ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่...มีแต่กระเช้าเยี่ยม แต่ก็ดีแล้ว”

พูดแล้วก็อดนึกไปถึงเหตุการณ์วันนั้นไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรคงเป็นเพราะทุกอย่างได้สะสางหมดแล้ว

จำได้ว่าพอผมฟื้นได้วันเดียวเขาก็มาเยี่ยมพร้อมภรรยา


วันนั้น

“เป็นไงบ้าง”

“...”

“เจ็บมากไหมปวดหัวหรือเปล่า”

“...”

“อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”

“...”

“เฮ้อ”

“ปาย...” เสียงไอ้ซิ่งปรามตอนท้ายแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมสนใจหรือคิดจะโต้ตอบคำถามของคนที่ยืนชิดข้างเตียงมาร่วมครึ่งชั่วโมง ผมเอาแต่เหม่อมองตรงไปด้านหน้าไม่โฟกัสไปที่ไหนทั้งสิ้น

แต่แอบชำเลืองเห็นอีคุณภรรยาหน้าเงินยืนทำหน้าตาเบื่อหน่ายอยู่

“ผมว่าคุณกลับไปก่อนไหมครับ” เสียงไอ้ซิ่งแต่ผมไม่ได้หันกลับไปมอง

“เฮ้ออออ ฟังพ่อนะ...” คำนั้นทำให้ผมตัวแข็งทื่อ...พูด...พูดคำนั้นทำไม ไม่คู่ควร...สักนิด

ฉันกับแก...คุณกับผม ก็ดีอยู่แล้ว...

“...พ่อขอโทษเรื่องที่ขับรถชนลูก แต่พ่อไม่ได้ตั้งใจอยู่ๆลูกก็ล้มลงมากะทันหัน พ่อแค่...แค่ตั้งใจจะดักหน้าไว้เท่านั้น” เขาพยายามอธิบายแต่ผมก็ยังเงียบแต่รู้สึกได้ว่าภายในเต้นรัวแค่ไหน บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ากำลังรู้สึกยังไง

“พ่อขอโทษ...แต่พ่อ...พ่อยอมให้ลูกกับ...กับ เอ่อ...คบกันแล้วนะ”

“หยุดพูดคำว่า ‘พ่อ’ และเรียกผมว่า ‘ลูก’ สักที!! ผมไม่รู้ว่าใครไปเป่ากระหม่อมให้คุณคิดได้หรือวางแผนอะไรอยู่แต่ผมไม่ชอบ!!!”

“...!!!”

เขานิ่งอึ้งไปที่อยู่ๆผมที่นอนเหม่ออาละวาดขึ้นมาเหมือนคนสติแตก ไอ้ซิ่งรีบเข้ามาจับมือไว้ ส่วนคุณผู้หญิงเหมือนจะอ้าปากเน่าๆวีนอะไรสักอย่างแต่เขายกมือห้ามไว้

“แล้วผมไม่จำเป็นต้องรอให้คุณอนุญาตเราถึงจะคบกันได้...ไม่จำเป็นสักนิด” ประโยคนี้ผมไม่ได้ตวาดตะคอกแต่กัดฟันพูดลอดไรฟัน

แม่ง เริ่มปวดหัวอีกละ

ไอ้เรื่องที่ไอ้ซิ่งมีรายชื่อไปโผล่ที่อังกฤษเรื่องที่หายตัวไปมันเล่าให้ผมฟังหมดแล้ว และมันก็โดนผมอาละวาดใส่ไปแล้วเรียบร้อย แบบโดนประเดิมผมฟื้นคนแรกเลย

“คือ...พ่อ...”

“บอกว่าอย่าพูดคำนี้ไง!!!” ผมตวาดอีกครั้งก่อนเบือนหน้าหนี

“ปาย...ไม่เอาสิ พ่อเขาอ่อนลงให้แล้วนะ”

“มึงเงียบไปเลย!!!”

“ผมขอ...ขอร้องละ” เสียงผมสั่นขึ้นมา กูจะมาอารมณ์ไหนวะ! เมื่อกี้ตะคอกด่าคราวนี้มาขอร้องโปรดเข้าใจผมแทนผมด้วย เพราะผมยังไม่เข้าใจตัวเอง

“...ปะ ปาย...”

“อย่ายุ่งกับผม...แค่ชีวิตแม่ผมไม่พอใช่มั้ย อึก” ผมห้ามตัวเองไม่ได้ พอคิดถึงแม่กระบอกตาก็ร้อนขึ้นมาทันที “อย่าทวงบุญคุณที่ให้กำเนิดผมมา...ไม่ใช่เพราะคุณไม่ได้เลี้ยงดูผม...” ผมกลืนก้อนสะอื้นที่ตีตื้นขึ้นมาลงคอ

“...แต่เพราะผมได้ตอบแทนคุณไปหมดแล้ว...ด้วยชีวิตของแม่ผม..”

“...!!!”

“ไม่พอหรอ...” คราวนี้ผมที่หันหน้ากลับมาจ้องตาเขาตรงๆ ผมเห็นแววสั่นไหว แววตาเจ็บปวดของผู้ชายตรงหน้า สายตาที่ผมไม่เคยเห็นเพราะทุกครั้งที่เจอกันมันมีแววตาวาวโรจน์

“พะ พ่อ...ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้”

“แล้วตั้งใจให้เป็นแบบไหนหรอครับ....ว่าไงครับคุณภรรยาช่วยสามีคุณคิดหน่อยสิว่าสิ่งที่พวกคุณตั้งใจคืออะไร”

ผมปรายตาเย้ยไปที่ผู้หญิงที่ยืนข้างๆเขา เธอกำหมัดแน่นเม้มปากสีแดงจัดจนเป็นเส้นตรง ใบหน้าสวยจัดตามที่ใครๆกล่าวขานบัดนี้บิดเบี้ยว หึ

“ทำยังไงแกถึงจะให้อภัยพ่อ”เขาถามเสียงอ่อนลงผมมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

เขายอม...ยอมที่จะอ่อนให้ผม

ผมหันไปมองไอ้ซิ่งด้วยแววตาไม่แน่ใจ มันยิ้มบางและพยักหน้ามาให้ ผมหันกลับมามองหน้าเขาอีกครั้ง...

ขมวดคิ้วอดสงสัยไม่ได้ทำไมคนบ้าอำนาจไม่ยอมใครทำไมมาคราวนี้ถึงยอมได้ง่ายๆแบบนี้

หรือเพราะเขาคือต้นเหตุที่ทำให้ผมเกือบตาย

มาเห็นคุณค่าของผมเอาตอนนี้น่ะหรอ เหอะ น่าสมเพชตัวเองชะมัด

“ผมคงไม่บอกว่าผมไม่โกรธเพราะสิ่งที่คุณทำมันมากมายเหลือเกิน...และสิ่งที่ผมจะขอให้คุณทำคงพูดไม่ได้ว่าให้อภัย...แต่มันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันไม่แย่ลงไปกว่านี้”

ผมสูดหายใจเข้าลึกจับมือไอ้ซิ่งภายใต้ผ้าห่มผืนบางแน่น

“ต่างคนต่างอยู่...คุณอยู่ในที่ของคุณส่วนผมก็อยู่ในที่ของผม อย่าเกี่ยวข้องอะไรกันอีกเลย”

“ไม่...พ่อ..”

“เงินในบัญชีที่คุณโอนมาให้ผมทุกเดือนผมไม่เคยใช้และโอนต่อเข้าไปบัญชีลูกสาวของพวกคุณทันทีที่เงินเข้า ทุกบาททุกสตางค์ ส่วนเรื่องสว่างนิรันดร์กรุ๊ปผมไม่ขอยุ่งเกี่ยวคุณจะทำอะไรก็เชิญหรือจะหาใครมาบริหารต่อจากคุณก็แล้วแต่เพราะนั่นคือสมบัติของคุณกับเมีย...ไม่ใช่ผม...ไม่ใช่ของครอบครัวผม”

ลูกสาวที่พูดถึงคือ ลูกสาวของเขากับผู้หญิงข้างๆ ตอนนี้น่าจะอายุสิบหกเรียนอยู่ที่อังกฤษ

“แต่...”

“ผมคิดว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุดและสิ่งเดียวที่คุณจะทำให้ผมได้”

ทุกคนอาจจะมองว่าผมเป็นลูกอกตัญญู...ผมไม่เถียง

แต่จะให้ผมให้อภัยเขาภายในข้ามคืนคงเป็นไปไม่ได้....ความรู้สึกผมมันไม่ได้เยี่ยวยาได้รวดเร็วขนาดนั้น

และผมก็ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะสามารถเรียกเขาด้วย ‘คำนั้น’ ได้ไหม

ทุกอย่างคงต้องให้เวลาเป็นตัวตัดสิน...

อาจจะมีวันที่ผมเปิดใจ...หรืออาจจะไม่เลย...

 




หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 8
เริ่มหัวข้อโดย: mod-cup ที่ 26-08-2018 23:02:00

รักร้ายพิเศษ8



ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ...


ผมเพิ่งสัมผัสความหมายของมันจริงๆก็วันนี้...วันที่ผมหลุดจากความมัวหมองทั้งหมด

แม้ทุกอย่างระหว่างผมกับ ‘เขา’ จะไม่ดีขึ้น แต่มันก็กระจ่างว่าเราควรอยู่ตรงจุดไหนที่ไม่ล้ำเส้นในชีวิตของกันและกัน


ฟอดดดด!!!!!


"อ๊ะ กูเจ็บนะ"


"ตื่นเช้าจัง ตกใจหมดนึกว่าโดนใครหิ้วไปเมียกูยิ่งสวยอยู่"


"ตอแหล สาบานว่ามึงคิดงั้น"


"เอิ่ม...ก็แต่งเรื่องนิดหน่อย แต่สวยอ่ะเรื่องจริง" มันหัวเราะเหมือนกระดากปากที่ชมผมแบบนั้น แน่ล่ะ ถึงใครๆจะบอกว่าหน้าผมสวยแต่ซิ่งมันไม่เคยพูดชมด้วยคำนี้


"หึ ไอ้ควาย เข้าบ้านเหอะหิวข้าวแล้ว"


'บ้าน'ที่ว่าคือบ้านพักที่จังหวัดนครนายก หลังจากที่ผมหายดีร่างกายแข็งแรงเราก็ตกลงที่จะมาพักผ่อนกันแล้วจบลงที่จังหวัดนี้สาเหตุเพราะผมอยากมาเที่ยวน้ำตกก็ตั้งแต่คบกันเราเคยไปแต่ทะเลเลยอยากเปลี่ยนบรรยากาศเปลี่ยนสถานที่สวีท??บ้าง


ครั้งนี้เรามากันสองคนไม่มีเพื่อนฝูงที่มักติดเป็นหลืบไรมาด้วย ผมชวนมันแล้วนะแต่ไม่มากันเอง แถมมาทำหน้าแซวใส่กูอีก


กวนตีน =_=


"บ้าป่ะแดกส้มตำแต่เช้าเนี่ย" คือแม่งเอ่ยปากด่าทันทีที่เห็นอาหารที่ผมสั่งมาบนโต๊ะอาหาร


"กูอยาก" ผมยักไหล่ชิวพลางทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ อย่าได้แคร์ เอาความจริงคือกูเตรียมใจตั้งแต่คิดจะสั่งละว่าต้องโดนด่า


แต่เมื่อวานที่ไปเดินเล่นบนเขื่อนแล้วเห็นตำปูปลาร้า ซุปหน่อไม้ ลาบน้ำตกหมู กับไก่ย่างหอมฉุยที่ลอยมาจากร้านแผงลอยข้างทางก็แทบทนไม่ไหว รอมาได้หนึ่งคืนก็ถือว่าอดทนสุดๆละ


วันนี้เลยจัดเต็มรายการที่ร่ายมาทั้งหมด อ้อ มีต้มแซ่บกับเมี่ยงปลาเผาเพิ่ม


"ให้หมดนะมึง จัดเต็มตั้งแต่มื้อเช้า" ไอ้ซิ่งมองหน้าเชิงข่มขู่หลังจากที่รู้ว่าคงห้ามไม่ได้ มีสมทบตบท้ายด้วย


"ถ้าปวดท้องแล้วมาโอดโอยทีหลังจะไม่แยแสเลย"


เฮอะ!! กูปวดจริงคนแถวนี้มีรึจะไม่สน กูเห็นเต้นเป็นเจ้าเข้ารีบหายาแทบไม่ทัน


ผมเลิกสนใจหันมาจกข้าวเหนียวในกระติ๊บปั้นเป็นก้อนพอดีคำก่อนจิ้มลงชิมน้ำส้มตำ อื้อหือ!! อร่อยเหาะ!!! แซ่บหลาย!!!


"ซิ่งๆลองๆ" ผมยื่นช้อนที่เต็มไปด้วยซุปหน่อไม้ไปจ่อที่ปากมันส่วนเจ้าตัวก็อ้ารับเข้าปากอย่างว่าง่ายแล้วผมก็เอาข้าวเหนียวที่ปั้นไว้ป้อนตามเข้าไป


"อร่อยดี"


"แน่ล่ะ กูป้อนเชียวนะ" ห่าเอ๊ย!!! พูดเองก็เขินเอง หึๆ แรดมากไปแล้วกู


แล้วก็ต้องหยุดความเขินที่แวบเข้ามาเพียงไม่กี่วินาที(สันดานเดิมกูหน้าด้าน)มายื่นหน้าอ้าปากรับเมี่ยงปลาที่ถูกห่อเป็นก้อนพอดีคำแบบเท่ากำปั้นช้าง อึก ติดเข้าไปถึงคอหอยแต่ห้ามคายเสียดายของ


"แค่กๆ จะฆ่ากูหรอ" กว่าจะกลืนลงคอแม่งเล่นเอาตาเหลือก ไอ้ซิ่งทั้งอึ้งทั้งขำ


"กะแกล้งไม่คิดว่าจะอ้าปากแดกเข้าไปจริงๆ กูจงใจห่อแบบใหญ่มากเลยนะนั่นน่ะ" พูดไปลูบหลังไป เฮ้อ โล่ง


"ไม่กินก็เสียดายของดิ แพงนะ"


"ตะกละมากกว่า"


"น้อมรับ"


"หึ กวนตีน"



พอหนังท้องตึงก็มีแรงออกรบ เราออกเดินทางด้วยการโดยสารไปกับรถชาวบ้านที่ติดต่อไว้เมื่อวาน ลืมบอกว่าการมาเยือนนครนายกครั้งนี้มันช่างแอดเวนเจอร์ท้าทายที่สุดเพราะเรามารถไฟมีแค่เป้สะพายหลังคนละใบ อยากมานานถามไอ้ซิ่งเห็นด้วยก็โอเค


โชคดีอีกอย่างที่ไอ้แคนรู้จักกับเจ้าของโฮมสเตรย์ที่นี่พอดี ผมเลยไม่ต้องติดต่ออะไรเพราะมันจัดการให้หมด


ไม่ใช่ว่าไอ้แคนมีน้ำใจช่วยผมหรอกนะมันทำคะแนนกับว่าที่พี่เขยมันต่างหาก ถุย



"อ้าวพ่อหนุ่ม เออๆหวัดดีๆขึ้นกระบะหลังรถนะด้านหน้าให้ยายแกกับหลานๆนั่งร้อนหน่อยไหวมั้ย"


"สบายมากครับ" มันยิ้มตอบลุงก่อนควักหมวกสองใบในกระเป๋าเป้เล็ก(เป้เล็กที่ยัดมาในเป้ใหญ่)มาสวมให้ผมและตัวเอง


"ดีมาก นึกว่าจะตากแดดซะแล้ว"


"ใครจะหยิบแต่ของกินเหมือนมึง"


"ชิ ด่ากู"


กระโดดขึ้นไปบนกระบะหลังและนั่งบนกองหญ้าแห้งเห็นว่าจะเอาไปขายให้คนเลี้ยงแกะอีกหมู่บ้านซึ่งเป็นทางผ่านน้ำตกที่เราจะไปพอดี


ตอนเย็นจะมีรถอีกคันมารับซึ่งก็คืออีกสี่ชั่วโมง


"ดื้อ"


"ไร"


"อยากมีความทรงจำที่ดีในทริปนี้กลับไปป่ะ" มันยิ้มกรุ่มกริ่มบอกตรงๆไม่ไว้ใจอย่างแรงเหี้ยนี่ช่วงนี้ยิ่งชอบทำไรแปลกๆอยู่


"กูมีเยอะแล้วความทรงจำที่ดีน่ะ" ทำเป็นไม่เห็นสายตาแพรวพราวแต่ก้นแอบเขยิบชิดลูกกรงรถด้านที่นั่งอยู่ สัดจั๊ดง่าว ทำกูลน


"ลองจูบกัน"


"ไอ้เหี้ย!! อย่าเข้ามาใกล้นะ!!"


คิดว่าจะฟังไหม มันจะฟังผมไหม!! หน้าหื่นเข้าประชิดตัวสองมือจับลูกกรงมีผมอยู่ตรงกลางระหว่างแขนทั้งสอง อ๊ากกก ไอ้หน้าหมาดำหื่น!!


"อย่านะ มึงทำกูโกรธ" ขู่ไว้ เสียงแข็งไว้


"เดี๋ยวง้อ"อย่าก้มหน้าลงมานะ!! กูจิ้มตาแตก


"ไอ้สัด อายเขา!!"


'เขา'ที่ว่านี่หลายคนนะ ลุงยายไหนจะบรรดาหลานๆของแกที่นั่งอยู่ด้านหน้ามองกลับมาเห็นชัวร์ รถที่ขับผ่านสวนไปมาอีก ที่สำคัญ...เราเป็นผู้ชายทั้งคู่นะโว้ยยยยย
เมื่อก่อนไว้ผมประบ่ามองไกลๆยังเหมือนผู้หญิงกับผู้ชายบ้าง แต่ตอนนี้ทรงผมกูแนวมาก สกินเฮดเลยนะครับพี่น้องงงงงง สั้นกว่าไอ้ซิ่งอีก ฮือออออออออ


"มึงแคร์คนอื่น??"


"เออ!!"


"มากกว่ากู??"


"อะ..."


ไอ้ส้นพระตรีน!! เล่นมุกนี้กับกูหรอ ห่า กูก็พูดไม่ออกดิ


"กูอาย" ลองเล่นไม้อ่อนบ้าง


"อายไมวะ ใช่ว่าจะรู้จักหรือเจอกันอีกนี่หว่า"


"มึงพูดได้ดิ หน้าด้านนี่หว่า" ใจกูเริ่มยอมไปละครึ่งหนึ่ง ฮืออออ ไอ้ควาย เล่นคุณไสยใส่กูหรออออออ


"คืนนี้ได้ไหม กูให้มากกว่าจูบเลย" ลองต่อรองอีกรอบ


"อย่ามั่ว ยังไงคืนนี้มึงก็ต้องให้กู" มันว่าจบก็ก้มลงจูบปิดปากไม่ให้ท้วงอะไรได้อีก


ไอ้เลวววว รู้ดีตลอดว่าคืนนี้ยังไงมันต้องได้ สรุปจะขึ้นจะล่องกูก็โดนตลอดใช่ม๊ายยยยยยย


"อะอืม พอแล้ว" ผมรีบผละออกเมื่อเห็นว่ามีรถสวนมา ไอ้ซิ่งทำเสียงฮึดฮัดขัดใจเพราะมันได้จูบแป๊บเดียว


"อย่าดิดื้อเอามือออก" มันดึงมือที่ผมเอื้อมไปปิดปากมันออกแล้วทำท่าจะก้มลงมาใหม่ ไอ้เหี้ย เป็นบ้าหรอ!!


"ไม่เอา" ผมว่าเสียงลน คือ...ตอนแรกกูคิดว่าไหว แต่ไม่ไหวว่ะผมไม่ได้เมานะถึงจะทำอะไรไม่สนสายตาใคร


"เฮ้อ" ไอ้สัด!! ผมมองตาเขียว ไม่ชอบ! ไม่ชอบให้มันมาถอนหายใจใส่


"..." ผมเบือนหน้าออกไปมองข้างทาง


"ขอโทษ ไม่ได้ถอนหายใจใส่มึงนะ" มันเอนหัวซบลงที่ไหล่ ไม่ผลักออกแต่ก็ไม่แสดงท่าทีสนใจ "กูแค่เบื่อตัวเองที่อยากสัมผัสมึงตลอดเวลา"


ห่าเอ้ย!!! พูดงี้แล้วกูจะโกรธต่อได้ไงเล่า!!!!


"แบบนี้...โอเคป่ะ???" ผมพูดเสียงเบา แต่มันยิ้มกริ่ม


ก็ไม่อะไรแค่เอาเสื้อแขนยาวมาคลุมหัวเราสองคนเท่านั้นเอง คราวนี้อยากจะจูบสักแค่ไหนก็ตามใจเลยขอแค่อย่าเตลิดเอากูบนรถเป็นพอ


"น่ารัก"


พอได้ล่ะยิ้มกริ่มเชียวเมื่อกี้ใครหน้างอใส่กูวะ ก็ได้แค่บ่นล่ะวะสุดท้ายก็ต้องยอมมันอยู่ดี เฮ้ออออ กูไปตาบอดรักมันได้ไง คิดผิดตลอดชีวิต


"อื้ม หยะ อย่าล้วง" ตีมือซนที่ล้วงเข้าไปลูบหน้าท้องขณะปลายจมูกและปากวนเวียนอยู่แถวซอกคอก่อนจิกออกให้มาโอบเอวไว้เฉยๆ


"อ่ะ อืม" มันครางเสียงต่ำเมื่อผมโต้ลิ้นกลับไปเมื่อมันเลื่อนหน้าขึ้นมาประกบจูบอีกครั้ง มันขบปากกัดลิ้นซ้ำยังดูดดึงก่อนจะกลับมาหยอกเย้าอ่อนโยนเมื่อแกล้งผมได้สมใจ จนผมอดไม่ได้ที่จะตอบโต้ให้สะใจกลับไปบ้าง


กูไม่อ่อนนะโว้ยยย มีประสบการณ์มากพอไม่ได้จะให้มึงตามแกล้งอย่างเดียว


"อ่ะ พะ พอ อื้ม เดี๋ยวเหอะ!!! " ผมพยายามเบี่ยงหน้าหลบแล้วผลักมันออก "รถจอดแล้ว แฮก"


เมื่อดึงผ้าคลุมหัวออกก็อย่างที่รู้สึกได้จริงๆรถหยุดตรงหน้าทางเข้าน้ำตกมีป้ายชื่อขนาดใหญ่ตั้งอยู่มีนักท่องเที่ยวถ่ายรูปประปราย


มึงอ่ะไอ้ควาย!! มัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาลวนลามกู!


"เดี๋ยวประมาณห้าโมงเย็นลูกชายลุงที่ไปทำธุระในเมืองจะมารับนะ" ลุงเปิดกระจกชะโงกหน้ามาบอกเราที่กระโดดลงจากกระบะหลัง


"ครับ ขอบคุณที่มาส่งนะครับเดี๋ยวเราเที่ยวเผื่อ"ผมพูดทะเล้น


"ตามสบายเหอะลุงอยู่ที่นี่มาห้าสิบปีเอียนแล้วลูกเอ๊ย!!"


"ฮ่าๆขับรถดีๆนะครับ"



พอรถกระบะที่อาศัยมาเคลื่อนออกไปแล้วเราก็พากันเดินเข้าไปในเขตสถานที่ท่องเที่ยว เข้าไปแล้วก็ได้ยินเสียงน้ำตกกระทบโขดหินมีกลิ่นน้ำ โห แค่นี้กูก็รู้สึกสดชื่นละ


"เอามะ" ไอ้ซิ่งชี้ไปที่ร้านค้าที่เราเดินผ่าน


"ยังอ่ะ อยากเล่นน้ำมากกว่า"


มันพยักหน้าตกลงก่อนเราจะเดินไปตามทางเดิน รอบๆมีที่นั่งพักผ่อนที่ปลูกเป็นเพลิงมุงหลังคาด้วยหญ้าแฝกขนาดประมาณเสื่อสองผืนปูต่อ


"ตรงนี้มะ"


"อืม ใกล้น้ำตกดี"


พอตกลงกันได้ก็จัดการวางข้าวของบนเพลิงหมาแหงนที่อยู่ใกล้น้ำตกที่สุดจัดการปูเสื่อบนพื้นไม้ซีก ความจริงมีอีกสองเพลิงที่ใกล้กว่าแต่มีคนนั่งอยู่


แต่จะเรียกว่าอยู่เพลิงไหนก็สัมผัสความเย็นของสายน้ำได้เพราะปลูกเพลิงตามแนวลำธารของน้ำที่ไหลไปแต่ที่ว่าใกล้คือใกล้ชั้นหินของน้ำตกมากกว่า


"ห้าม"


ผมหน้างอทันที ไรวะ!! กูจะเล่นน้ำ!! ทำเป็นไม่สนใจจะถอดเสื้อที่ถกขึ้นมาเหนือเอวต่อแต่สายตาเข้มขึ้นที่มองมาก็ทำเอาดื้อดึงต่อไม่ได้


"มึงยังถอดกูทำไมถอดไม่ไดั" โวยวายแม่งเลย เชี่ย!!!


"กูไม่ถอดและมึงก็ห้ามถอดเหมือนกัน" และมันก็หยิบเสื้อกล้ามสีดำมาสวมแทนเสื้อยืดที่ถอดออก


มันแค่จะเปลี่ยนเสื้อ


"กูเป็นผู้ชายไม่มีไรเสียหาย" ยังไม่ยอมๆ


"แต่มึงเป็นเมียกู กูไม่ชอบกูหวง ของๆกูทำไมต้องให้ใครมามอง"


มาเต็ม!! จัดเต็มจริงๆทั้งสีหน้าและน้ำเสียง เออ!! กูยอมก็ได้วะ


"เล่นแถวนี้นะอย่าไปไกลเดี๋ยวของหาย"


ผมลงมาเล่นน้ำก่อนปล่อยให้ไอ้ซิ่งจัดการเรื่องอาหารกับป้าที่เดินเอาเมนูมายื่นให้ถึงที่ คงจะรู้เล่นน้ำกันเสร็จต้องหิวโซแน่นอน


"เสร็จยังลงมาเล่นเป็นเพื่อนกูได้แล้ว" ผมตะโกนเรียก ไอ้หมอโอ้เอ้ไม่ลงมาสักที


"เออๆแป๊บนึง"


ตูม!!!


ไอ้หมาไร้หางพ่องมึงกระโดดเชี่ยไรน้ำเข้าปากเข้าจมูกกู แค่กๆ


"แกล้งกู!!"


"ม่ายยยย" มันส่ายหน้าลากเสียงยาวได้กวนตรีนมาก "มึงโง่เองก็รู้อยู่ว่ากูต้องกระโดดลงมาตรงนี้"


สัด!!! ไอ้เวรตะไลไส้หมูเน่า!! มึงโทษกูหรอ!! อย่าคิดว่ากูจะยอมให้มึงรังแกฝ่ายเดียว!!


ตู้ม!!


จ๋อม!!


"แค่กๆบุ๋มๆอื้ออออ อ่อก"


ฮ่าๆมึงตายแน่ ผมแสดงความรักกับมันด้วยการจับกดน้ำ คือกูไม่ได้คับแค้นไม่ได้ฝังใจเลยนะ หึ


จ๋อมๆๆๆ


"ไม่ต้องมาแกล้ง กูรู้ทัน" ผมปล่อยมือที่จิกหัวมันออก ไอ้มารยา!! ทำเป็นนิ่งกูคงไม่ได้บ้าถึงขนาดทำแฟนตัวเองจมน้ำหรอกนะ ไม่ได้ลงแรงมากขนาดนั้น!!


ไม่โผล่หัวขึ้นมาใช่ไหม...ได้เล่นกับเขาหน่อย


ถ้าอยากจมน้ำนัก ผมจะเป็นพระเอกขี่ม้าน้ำไปช่วยชีวิตเอง!!!!


จ๋อม...


ผมดำน้ำลงไป หึ หลับตาพริ้มเชียว ก่อนจะค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เอามือรั้งคอก่อนเลื่อนหน้าเข้าไปใช้ริมฝีปากดันปลายคางไอ้ตัวแกล้งตายให้เงยหน้าให้ได้องศาแล้วประกบปากลงไป


หึ ผายปอดใต้น้ำก็ได้อารมณ์อีกแบบ


ไอ้คนแกล้งตายนิ่งสักพักก่อนจะยิ้มออกมาแล้วเล่นกับผมด้วย เราจูบเล่นกันบ้างเป่าลมใส่ปากกัน สำลักน้ำขาดอากาศจนต้องเด้งตัวโผล่พ้นผิวน้ำเพื่อหายใจ แต่ไอ้บ้าซิ่งเหมือนติดใจมันกดหัวผมลงไปเล่นผายปอดกันใต้น้ำต่อ


กว่าจะเลิกเล่นกันก็กินน้ำกันไปหลายอึก


เล่นน้ำได้สักชั่วโมงก็เริ่มเปื่อยเลยขึ้นกัน เริ่มหิวแล้วด้วย


เมื่อกี้แอบปีนไปเล่นตรงชั้นน้ำตกด้วย สนุกมากกระโดดจากชั้นสองลงมาไอ้ซิ่งหันมาเห็นพอดีโดนด่าแก้วหูแทบทะลุ น่ารำคาญ


"เดี๋ยวมึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วไปที่เพลิงก่อนเลยนะ หิวแล้ว"


"อืมๆ"


มันพยักหน้าก่อนเดินเข้าห้องอาบน้ำไปเพราะห้องที่มันต่อคิวเปิดประตูออกมาพอดีแต่ของผมยัง เซ็ง


แอด


ผมเดินสวนเข้าไปอาบน้ำเมื่อคนด้านในออกมา


หือ มือเท้าเหี่ยวไปหมดเลยอ่ะ อ๊ะ ลืมผ้าเช็ดตัว


"ซิ่ง" ผมกระซิบพลางเคาะผนังฝั่งห้องที่ไอ้ซิ่งอยู่


"หืม"


"ลืมผ้าเช็ดตัว เสร็จยัง ส่งของมึงมาหน่อย"


"อืมๆเสร็จแล้ว แป๊บนะ"


ได้ยินเสียงกุกกักๆก่อนที่ใบหน้าถึงช่วงไหล่มันจะโผล่มาจากช่องว่างด้านบน


"เฮ้ย!! ไอ้ควาย! อย่ามองนะ!!"


"อายอะไรเห็นหมดแล้ว เอ้า จะเอาไหมผ้าอ่ะ" มันชะโงกหน้ามามากขึ้น อ๊าก กูจะเด็ดหัวมึงหมกท่อระบายน้ำ


ถึงเคยเห็นก็อาย!!!


"ส่งมาเด้!!!"


"มาหยิบดิ"


ฮึ่ยๆไอ้เหี้ย กูคงจะหยิบได้ไปแล้วถ้ามึงปล่อยชายผ้าเช็ดตัวลงมา ไม่ใช่ม้วนเป็นก้อนถือไว้ในมือแบบนั้นเฟ้ย!!


แล้วกูคงกระโจนหยิบแล้วถ้าไม่ต้องปีนแท่นปูนที่ยกสูง


"ไอ้ซิ่งด้านนอกเขารอต่อใช้ห้องอยู่นะ!!"


"งั้นเมียก็รีบมาสิค๊าบ"


หน้าตาเจ้าเล่ห์ปนขบขันนั่นมันคือเชี่ยไร เออ!!อยากเห็นกูแหกขามากใช่มั้ย ห่าเอ๊ย อย่ามาว่ากูหน้าด้านแล้วกัน!!


คิดได้ดังนั้นผมก็ยกขาก้าวยาวขึ้นไปบนแท่นปูนก่อนกดน้ำหนักเพื่อยกขาอีกข้างขึ้นตาม รีบกระชากผ้าออกมาจากมือแต่ก็ไม่วายเห็นสายตาแวววาวของมันซะก่อน


"สัด"


"จุ๊บ รีบเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้านะที่รัก เค้าไปเตรียมของกินรอ"



ไอ้ควายยยยย กูบอกกี่ครั้งว่าไม่ให้จูบหน้าผาก


มันอ่อนโยนเกินไปและจะทำให้กูเขินมากกกกกกกก >///<




หึ


ทิ้งไว้ไกลหูไกลตาไม่ได้เลยสินะ เนื้อหอมตลอดดดดดด ผู้หญิงเดี๋ยวนี้เขาไม่ได้ชอบขาวตี๋เกาหลีบอยแบนด์หรอวะ เขาเปลี่ยนมานิยมดำหน้าโหดโฉดเถื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่


คือ...แล้วพื้นที่มีตั้งกว้างป่ะ ถึงมันจะเป็นแค่เพลิงหมาแหงนแต่ก็ไม่ถึงขนาดต้องนั่งกระแซะกันขนาดนั้นก็ได้


แล้วแม่คุณก็เนื้อตัวเปียกปอนเสื้อสีฟ้าอ่อน แบบอ่อนมากๆก็ไม่ได้ช่วยบิดบังอะไรแนบไปทุกสัดส่วน นมเป็นนม เอวเป็นเอว


มือเป็น....เฮ้ย!!! มือน่ะไปจับแก้มมันทำไม!! ไม่เห็นมีเศษเหี้ยอะไรสักนิดติดหน้า


จะล้างคราบดำออกเรอะ!!!


"อะ แฮ่ม!!"


กูยืนดูมาสักพักละ อีกนิดเดียวไอ้ซิ่งได้เมียน้อยกลับไปแน่


"อ้าว ดื้อ มาแล้วก็มานั่งดิ" ไอ้ซิ่งเงยหน้ามามองตามเสียงแล้วกวักมือเรียกผมไปนั่ง ควายชาติหมา ไม่ต้องมาส่งยิ้มเลย กูไม่เคลิ้ม!!!!


"น้องหรอคะชื่อแปลกดีนะ" คุณปลาทองหงอนแดงยิ้มทักทายเมื่อผมนั่งขัดสมาธิตรงข้ามเธอกับไอ้ซิ่ง(มันสองตัวนั่งคู่กัน เหอะ)


แล้วขอโทษโครโมโซมคู่ไหนบนหนังหน้าที่บ่งบอกว่ากูเป็นสปีชีส์พี่น้องเดียวกับมันวะ แค่ตัดผมทรงเดียวกันเอามาตัดสินได้เรอะ!


"ไม่ใช่หรอกครับ"


"งั้นก็เพื่อน"


"เราใช่เพื่อนกันป่ะ??" ไม่ต้องมาทำเป็นย้อนหน้าทะเล้นถามกู!!


ผมตวัดหางตามองแต่ไม่ตอบหยิบส้อมจิ้มมะละกอในจานส้มตำจนถั่วลิสงกระเด็นหกเลอะเสื่อที่นั่ง


"หึๆ" ขำหาแป๊ะหรอ แต่ยอมลดโทษให้กึ่งหนึ่งที่รีบย้ายก้นมานั่งข้างกู


ฟอด!!!


"ไม่ได้เป็นเพื่อนกันครับ ^_______^"


อ๊ากกกกกกก แต่ไม่ได้ให้มึงทำแบบเน้!!!!


คงไม่ต้องมีคำอธิบายเพิ่มเติมในเมื่ออาการอ้าปากตาค้างบอกเป็นอย่างดีว่าแม่ปลาทองหงอนแดงเข้าใจทุกอย่างแล้ว

 
จมูกจมแก้มกูขนาดนี้กรุณาเข้าใจเถอะ ถ้ามากกว่านี้กูได้เป็นหม้ายเพราะฆ่าผัวตัวเอง


"นะนี่..." ชี้ไม่ชี้มือมั่วไปหมด


"ถ้าเป็นเพื่อนอย่างที่คุณขอก็โอเคครับ แต่ถ้ามากกว่านั้นคงไม่ได้..."


ปากว่ามือถึงจริงๆเลื้อยเข้ามากอดเอวกูแน่นเลย


ไม่ได้ร้ายนะแต่แค่ขี้เกียจห้าม


"พอดีแฟนผมดุ^_^"


แค่ก!! เชี่ยเอ๊ยซุปหน่อไม้ติดคอ!!!
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-08-2018 08:17:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-08-2018 14:12:28
เพลิน
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-08-2018 15:43:01
ปาย  เป็นที่รักที่สุดของซิ่ง   :กอด1:
ไอ้ที่เคยหวงโซ่ มาหวงปายแทนแล้ว 
หรือเพราะมีแคนดูแลโซ่ แบบดีที่สุดแล้ว เลยวางมือจากโซ่   :mew1:

ซิ่ง  ปาย    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 27-08-2018 18:42:07
เย้ๆๆๆๆ
.

.
.
.
อ่าน รวดเดียวจบ

.
.
.

สนุกมาก
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Dezzerr ที่ 27-08-2018 21:10:34
คิดถึงปายกับพี่ซิ่งมากๆ ค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เราอ่าน ทำให้เรารู้จักเล้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Dezzerr ที่ 27-08-2018 21:10:53
คิดถึงปายกับพี่ซิ่งมากๆ ค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เราอ่าน ทำให้เรารู้จักเล้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 27-08-2018 22:46:22
คิดถึงมากกกก คิดถึงปาย ไอซ์ซิ่ง คือตามหานานแล้วอยากอ่านอีกรอบ ดีใจมากๆที่กลับมาลงอีกครั้งคะ 
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 29-08-2018 03:04:14
อ่านทีเดียวจบเลยยย  สนุกมากกก
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 30-08-2018 17:22:53
สนุกมากเลยค่ะ ชอบ อยากได้พี่ซิ่งเปงแฟนนนนนน งื้อออออ
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 30-08-2018 21:32:39
ขอบคุณที่มีตอนพิเศษเรื่องครอบครัวค่ะ เพิ่งเคยอ่านครั้งแรกด้วยไม่รู้แนวของเรื่องเลย  :mew6:
ถือว่าเป็นนิยายฟีลกู้ดนะคะ? รึเปล่า 5555555555555 นี่ว่าเนื้อเรื่องไม่ดราม่าเคล้าน้ำตามาก โฟกัสความสัมพันธ์ของตัวละครดีมากๆ รู้สึกได้เลยว่าพระ นาย อยู่ด้วยกันแล้วไม่เบื่อ มีทุกอารมณ์ไม่หวานเกินไป ไม่เถื่อนเกิน อบอุ่นค่ะ   o13
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 01-09-2018 18:52:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: mameaw.omg ที่ 02-09-2018 01:35:43
พี่ซิ่งแซ่บมากเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 02-09-2018 07:14:43
ตอนพิเศษมาแล้ว เย้ๆ
น่ารักตลอดคู่นี้
คิดถึงซิ่งกับปายมากๆๆๆๆ จะมีตอนพิเศษอีกไหมคะ ^^
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 05-09-2018 18:44:39
 :z1:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Gottomon ที่ 16-09-2018 02:51:44
เคยซื้อเล่มมานานมากแล้วค่ะโดยที่ไม่รู้รีวิว ไม่ทราบใดๆเลย แต่ตามมาจาก รักเล่(ห์)ร่อนของชายจรจัด
ตี๋ใหญ่กับเล็ก เห็นชื่อคนเขียนรีบสั่งซื้อเลย พอเห็นเล่มแอบหมดแรง 5555 กะจะอ่านในเว็ป นข.ก็ลบไปซะก่อน
จนกลับมารีไรท์ทำให้ได้อ่าน รวดเดียวจบค่ะ 2 วันพูดเลย สนุกมากกกกก ดื้อสุดติ่ง พี่ซิ่งก็ผัวสุดตรีนมากกก(ดีงาม) เลิฟๆ
เดี๋ยวตามอ่านตอนพิเศษในเล่มต่อ ขอบคุณมากกนะคะ สนุกมากๆค่ะ
ปล.แอบชอบส้มไวน์ มานิดๆแต่ได้ใจจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 04-10-2018 17:58:24
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 10-10-2018 00:25:01
เห้อออจบด้วยดี แต่สงสารนิ่ม
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 28-10-2018 02:42:09
คิดถึงมาอ่านอีกแล้ว ^^
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 05-12-2018 20:43:05
เพิ่งเห็นว่าเรื่องนี้rewrite โคตรดีใจ ได้กลับมาอ่านอีกครั้ง
คิดถึงซิ่งปาย 555555555 ขอบคุณมากนะครับผมมมม
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 25-12-2018 20:09:32
มาอ่านอีกแล้วๆๆๆๆๆ บ้าบอจริงเรา 555
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 05-01-2019 10:54:39
เหมือนได้ย้อนวันวานตอนที่มาลงครั้งก่อน แล้วคอยลุ้นทีละตอนๆ จำได้ว่าเราลุ้นตามและอินไปด้วยสุดๆ

เรารักชอบผู้ชายแบบพี่ซิ่งมากกกกกกก แต่อาจจะน้อยกว่าปาย ฮา~~~~

สุดท้ายขอบคุณที่นำเรื่องนี้กลับมาลงให้อ่านกัน

ติดตามผลงานของคุณตลอดนะคะ. ไปตามอิเจ้ต่อแล้ว :hao7: :กอด1:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 11-03-2019 07:06:27
คิดถึงๆก็มาอ่าน ^^
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: ஓMaRiShiTenSM ที่ 01-09-2019 07:23:46
คิดถึงซิ่งปาย กลับมาอ่านอีกแล้วววววว~
 :กอด1: :mew1:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 06-04-2020 09:31:29
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 01-02-2022 20:45:13
หายไปนาน กลับมาอ่านอีกแล้วจ้าาา