พิมพ์หน้านี้ - หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: memew ที่ 23-04-2017 14:42:46

หัวข้อ: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 23-04-2017 14:42:46
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0)

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com)  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


*****************************************************************************************

หงส์ซาน
___________________________
ถูกบังคับให้แต่งงานก็แย่พออยู่แล้ว นี่ยังต้องมาแต่งกับผู้ชายอีก!!

เถียงไม่ได้ ห้ามไม่อยู่ สู้ไม่ไหว งานนี้ตายเป็นตายก็ต้องรักษาเอกราช 'บั้นท้าย' และ 'หัวใจ' ให้มั่นคง

"ทำอะไร" ผมถามเหมือนคนโง่
เอ้อ หรือว่าผมจะโง่วะ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าโดนจูบ

“ผัวเมียเขาทำอะไรกันก็กำลังจะทำแบบนั้นแหละ”

ถ้าคิดว่าคนอย่าง 'หงส์ซาน' จะยอมให้ 'เฮียไป่หลง' กดง่ายๆก็ฝันไปเถอะ!!!



สารบัญ
01 ตี๋เล็ก (https://goo.gl/hSajMV)
02 ชีวิตพลิกผัน (https://goo.gl/34fWAb)
03 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (https://goo.gl/877Jmc)
04 ช็อกซินีม่า 1 (https://goo.gl/KJqhFF)
04 ช็อกซินีม่า 2  (https://goo.gl/GM5eQD)
05 คืนเสียตัว  (https://goo.gl/tq3hu7)
06 ฟื้นตัว (https://goo.gl/db25NN)
07 ดูแล (https://goo.gl/aiWfIf) 
08 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ (https://goo.gl/2XTa7e)
09 คอนโทรล (https://goo.gl/LpMGJq)
10 เป็นเมียบ๊วยต้องสตรอง! (https://goo.gl/ETBMEe)
11 ปั่นหัว (https://goo.gl/2t6NMV)
12 หวานหยดจนมดต่อย (https://goo.gl/aHCeGe)
13 คุณหมอจอมป่วน (https://goo.gl/RGm1Cj)
14 ภูเขาไฟระเบิด (https://goo.gl/yS91uy)
15 แพ้ราบคาบแก้ว (https://goo.gl/OgZFRi)
16 รวนไปหมด (https://goo.gl/5JGcEy) (16 รวนไปหมด 2) (https://goo.gl/xBtSMn)
17 จูบผ่านทาง (https://goo.gl/h5o6Fu)
18 หมดความอดทน (https://goo.gl/2ZiNjg)
19 ไม่ได้งอนจริง ๆ (1) (https://goo.gl/pdeiXm)
19 ไม่ได้งอนจริง ๆ (2) (https://goo.gl/79PSmJ)
20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ  (https://goo.gl/UkQ5bW)
21 กุญแจหัวใจ (https://goo.gl/SDjyby)
22 วิกฤติ (https://goo.gl/i4LEpz)
23 ช่วยเหลือ (https://goo.gl/Sa3kCC)
24 ปรนนิบัติพัดวี (https://goo.gl/rcpZCZ)
25 บอดี้การ์ด & หมอ (https://goo.gl/oiMevZ)
26 บอดี้กินหมอ (https://goo.gl/faUfkF)
27 The end (ตอนจบ)  (https://goo.gl/Nq3NLF)

ผลงานเรื่องอื่นๆ ในเล้า : https://goo.gl/WbWxt8 (https://goo.gl/WbWxt8)

(https://upic.me/i/4y/kb600.jpg)
จองนิยายเรื่องนี้ ดูรายละเอียดได้ที่นี่ค่ะ https://goo.gl/WbWxt8
หัวข้อ: หงส์ซาน #1 ตี๋เล็ก
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 23-04-2017 14:49:25
#1 ตี๋เล็ก
________________________________


ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากวันนั้น
 
“ป๊า!! อั๊วเป็นผู้ชาย จะให้ไปแต่งงานกับผู้ชายได้ยังไงกัน”
 
“ได้ไม่ได้ลื้อก็ต้องแต่ง เพื่อครอบครัว เพื่อธุรกิจของเรา”
ผมส่ายหัวไปมา
 
“ไม่ใช่เพื่อครอบครัว ไม่ใช่เพื่อธุรกิจ แต่เป็นเพื่อตัวป๊าเองต่างหาก อั๊วไม่แต่ง!!”

“ยังไงลื้อก็ต้องแต่ง!!”

ผมคิดว่าทุกอย่างคงจบลงแล้ว ตั้งแต่วันที่เจ้าสาวผมหนีการแต่งงานไป

แต่ผมมันโชคร้ายเองที่เกิดมาในตระกูลนี้

ผมถูกบังคับให้แต่งงานอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ในฐานะเจ้าบ่าว แต่เป็นเจ้าสาวต่างหากเล่าโว้ย!!!!!
...
...
...
...
...
...

“หงส์ซาน”
ได้ยินเสียงเรียกดังมาจากทางด้านหลัง ผมที่กำลังฉีกยิ้มเฮฮาท่ามกลางผู้คนที่มางานเลี้ยงวันเกิดหันไปมอง

“เฮียหยก!!”
ผมเบิกตากว้างทันทีที่รู้ว่าเป็นใคร รีบวิ่งถลาเข้าไปหา สวมกอดคนตัวสูงแน่น เฮียหยกกอดตอบแน่นไม่ต่าง

“สุขสันต์วันเกิดอายุครบ 40 นะ”

“20 เหอะ”
ผมถอนตัวออกมาค้านงอนๆ

“อ้าวเหรอ เห็นหน้าแก่ขึ้น”

“ถ้าอั๊วหน้าแก่ เฮียก็คงจะใกล้เข้าโลงแล้วแน่ๆ”

เฮียหยกหัวเราะร่วน ก้มดูหน้าผมดีๆ อีกที จับคางผมเขย่าเบาๆ

“สงสัยว่าเฮียจะเมาเครื่องบินแฮะ นั่นน่ะสิ หงส์ของเฮียออกจะหน้าละอ่อนเหมือนเด็กสามขวบแบบนี้”

“นั่นก็เด็กเกินไป”
เราสองคนพากันหัวเราะครึกครื้น

“ไหนบอกว่ามาไม่ได้”

“เซอร์ไพรส์ไง”

“เซอร์ไพรส์มากกกก”
ผมลากเสียงยาว กอดเฮียหยกอีกรอบโยกตัวไปมาอย่างสุดแสนคิดถึง

เฮียหยกเป็นพี่ชายคนโตของผมเอง เป็นคนที่ผมรักและสนิทด้วยที่สุด แต่ตอนนี้แกไม่ได้อยู่เมืองไทยหรอก ถูกป๊าส่งให้ไปดูแลธุรกิจของครอบครัวเราที่สิงคโปร์ ผมเคยร้องขอตามไปอยู่ด้วย แต่ป๊าไม่ยอม 

เฮียหยกดันผมออกมองอีกรอบ

“หล่อขึ้นหรือเปล่าเนี่ย”

“แน่นอนสิ น้องใครให้มันรู้ซะบ้าง”

เฮียหยกหัวเราะ ขยี้หัวผมแรง หันไปพูดจาทักทายพี่น้องคนอื่นต่อ

สิงคโปร์อยู่ใกล้ไทยก็จริง แต่เฮียไม่ค่อยว่างบินมาเท่าไหร่หรอก งานเยอะ

“เฮีย แล้วของขวัญอั๊วล่ะ”
ผมทวงอย่างนึกขึ้นได้ ไม่เห็นแกหิ้วอะไรติดตัวมาสักอย่าง

เฮียหยกหน้าตื่น

“เออ! เฮียลืมไปเลยตี๋น้อย”

ผมหน้าบูด

“อะไรวะ มางานได้ แต่ลืมเอาของขวัญมาให้เนี่ยนะ”

“ใช่”

ผมหน้าบึ้งยิ่งกว่าเดิม

“เฮียลืมว่าต้องเอาของขวัญชิ้นเล็กๆ มาให้ พอดีมันใหญ่จนเอาเข้าบ้านไม่ได้น่ะ ตอนนี้อยู่หน้าบ้านแน่ะ”

ผมตาโต รีบวิ่งถลาออกไปนอกบ้านทันที

“ว้าว”
ผมเบิกตากว้างไปกับสิ่งที่เห็น

มันคือรถมอเตอร์ไซค์ครับ ดูคาติสีแดงเพลิง ตัวที่ผมร่ำร้องอยากได้นักหนา

อย่างเท่เลย

แต่มันจะมาหลุดเท่ก็ตรงริบบิ้นติดโบว์สีชมพูแปร๋นแหล๋นให้รู้ว่าเป็นของขวัญรอบรถนี่แหละ

ผมพยายามมองข้ามสีแปร๋นๆ ของโบว์วิ่งถลาเข้าไปลูบๆ คลำๆ

ป๊าผมรวยก็จริง แต่ก็เค็มเหมือนเกลือ การจะให้ของขวัญมีราคาแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เกิดเป็นลูกคนจีน น้องสุดท้องเป็นยิ่งกว่าหมาหัวเน่า เพราะส่วนใหญ่ ป๊าจะเอาอกเอาใจพวกพี่ๆ มากกว่า

ผมรีบกระชากโบว์ออกทันที ขยับขึ้นคร่อม

“เดี๋ยวๆ เฮียไม่ได้ซื้อรถให้ลื้อ เฮียซื้อไอ้นั่นให้ต่างหาก”
เฮียแกชี้ไปยังริบบิ้นที่ผมดึงทิ้งเมื่อกี้

ผมหัวเราะ รู้หรอกว่าเฮียแกแกล้งเล่น

“อั๊วไม่อยากได้ไอ้นั่น แต่อยากได้ไอ้นี่มากกว่า”
ผมยกขาตั้งขึ้น ทดลองสตาร์ทเครื่อง เสียงมันดังกระหึ่มฟังแล้วหัวใจเต้นตูมตาม

เท่จริงๆ

“เดี๋ยวๆ จะไปไหนอาหงส์ เจ้าของวันเกิดจะขี่มอไซค์หนีได้ไง ลงมาก่อน วันหลังค่อยไปขี่”
เฮียหยกรีบรั้งผมลง

“ขอสักรอบก่อนไม่ได้เหรอเฮีย”

“จะกี่รอบก็ได้ แต่ตอนนี้เข้าไปในงานก่อน”
ผมจำต้องบอกลาน้องดูคาติสีถูกใจ ก้าวลงจากรถไปสวมกอดเฮียหยกแน่นอีกรอบ

ผมเคยแง้วๆ ขอรถคันนี้กับป๊าหลายรอบ แต่ป๊าไม่ให้โดยให้เหตุผลว่ามันอันตรายเกินไป

“รักเฮียที่สุดเลย บุญนี้ขอให้เฮียอย่ามีตีนกามากล้ำกราย โรคภัยไข้เจ็บวิ่งหนีหางจุกตูด”

“อวยพรเฮียดีๆ หน่อยอาหงส์ ฟังไม่รื่นหูเลย ไปๆ”
เฮียแกรั้งคอผมให้ก้าวเข้าไปภายในด้วยกัน

งานวันเกิดผมถูกจัดขึ้นอย่างอลังการระดับหนึ่ง แต่คงไม่ใช่เพื่อผมโดยตรงหรอก ป๊าคงหาทางพบปะเครือข่ายหุ้นส่วนของป๊ามากกว่า ผู้ใหญ่แยกไปคุยกลุ่มหนึ่ง รุ่นๆ ผมอีกกลุ่ม เด็กเล็กๆ วิ่งไล่ดึงผมเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวกันอีกกลุ่ม

“ว่าแต่ลื้อเคยเห็นว่าที่เจ้าสาวลื้อรึยัง”
เฮียหยกหันมาถามหลังจิบเครื่องดื่มไปหนึ่งอึกใหญ่

“ยังไม่เคยเจอตัวจริงเลยเฮีย แต่เคยเห็นรูปแล้ว สวยดีนะ”

เฮียหยกหัวเราะ ชี้นิ้วที่ถือแก้วเครื่องดื่มอยู่ใส่หน้าผม

“ป๊าเลือกให้ซะอย่าง รับรองได้ว่าครบถ้วนสมบูรณ์แบบแน่ๆ เหมือนอาซ้อลื้อไง”

ผมพยักหน้าเห็นด้วย

“แล้วทำไมอาซ้อกับอาเล่ยไม่มาด้วยล่ะ”

“อาเล่ยติดสอบ”

ผมพยักหน้าเข้าใจ

“เสียดาย อดเจอหลานเลย”

“เดี๋ยวพามาทีเดียววันแต่งลื้อเลย”

ผมยิ้มดีใจ

“นี่อาซ้อยังไม่ท้องอีกเหรอ หลายปีแล้วนะ อาเล่ยคงเหงาแย่”

เฮียหยกยักไหล่

“สงสัยน้ำยาเฮียจะบูด”

ผมหัวเราะร่วน
“ทำงานหนักไปน่ะสิ”

เฮียไม่ค้าน หันไปพูดจาเฮฮากับคนอื่นที่เวียนกันเข้ามาทักทายไม่ขาดสาย

ผมเป็นลูกคนที่ 8 เป็นน้องคนสุดท้องของบ้าน เป็นตี๋เล็กของพี่ๆ ถ้าเป็นคนไทยแท้ๆ ลูกคนเล็กคงได้รับการเอาอกเอาใจสารพัด แต่ครอบครัวคนจีนนี่ตรงข้ามเลย ผมน่าจะเป็นลูกที่ป๊าม้าให้ความสำคัญด้วยน้อยที่สุด

“เฮียจะอยู่กี่วัน”

เฮียหยกเปลี่ยนสีหน้า ลูบหัวผมเบาๆ

“พรุ่งนี้เฮียก็กลับแล้ว”

ผมหน้าสลด รู้อยู่หรอกว่างานยุ่ง แค่ปลีกตัวมางานวันเกิดผมได้นี่ก็เก่งแล้ว

“อย่าทำหน้าเป็นหมาหงอยแบบนี้สิ เฮียใจไม่ดี ลื้อต้องเข้าใจเฮียนะ”

“อั๊วอยากไปอยู่กับเฮีย”

“ลองขอป๊าสิ”

ผมยิ้มแค่น

“คงได้หรอก ป๊ากลัวอั๊วไปกวนเฮียจะตาย”

เฮียลูบหัวผมอีกรอบเบาๆ

“ลื้อ 20 แล้วนะหงส์ อีกไม่นานก็ต้องแต่งงาน มีลูกมีเมีย มีหน้าที่ในฐานะหัวหน้าครอบครัวต้องรับผิดชอบ โตเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว”

“บางทีอั๊วก็ไม่อยากโตเลย”

“ถ้าลื้อทำได้ เฮียก็ไม่อยากแก่เหมือนกัน”

ผมหัวเราะออกมาเสียงดัง

“นั่นน่ะสิ อั๊วต้องทำใจใช่ไหม”

“ใช่”
เฮียตอบรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ผมหัวเราะอีกรอบ พยายามใช้เวลาที่มีน้อยนิดอยู่กับพี่ชายคนโปรดให้มากที่สุด





 
วันเวลาผันผ่าน เมืองไทยมีหลายฤดู แต่กรุงเทพมีแค่ฤดูเดียวคือฤดูร้อน(จัดมาก)

มันตอกบัตรเข้าทำงานทุกวันอย่างขยันขันแข็ง ผมนั่งลิ้นห้อย แหวกคอเสื้อออกกว้างหวังให้ลมเป่า จริงๆ เข้าไปนั่งในบ้านจะเย็นกว่า แต่ผมชอบนั่งเล่นในสวนข้างบ่อปลามากกว่า

“คิดว่าหมาที่ไหนมานั่งหอบอยู่ตรงนี้”

ผมหันไปมองคนพูด

เจ้หลิน พี่สาวคนที่ 2 ของผมเดินถือถาดสีแดงเข้ามาใกล้ ภายในบรรจุจานผลไม้สดกับกาน้ำชาลายดอกหลิวสีน้ำเงินปนขาว

“หมาบ้านเจ้หล่อขนาดนี้เลยเหรอ”

เจ้หลินหัวเราะ วางถาดผลไม้ไว้ข้างๆ

“โตแล้วนะอาหงส์ อีกไม่กี่เดือนก็แต่งงานแล้ว ทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่หน่อย”

ผมถอนหายใจเบาๆ

เอาตามจริงแล้วผมยังไม่พร้อมที่จะสร้างครอบครัวกับใครเลย ผมว่าอายุ 20 มันยังเร็วไป น่าจะสัก 25 หรือ 30 ก็ยังดี

แต่ก็นั่นแหละ แต่งงานการเมือง รอนานขนาดนั้นมันอาจช้าเกินไปก็ได้

สำหรับครอบครัวผม ลูกคนไหนอายุครบ 20 จะถูกจับแต่งงานหมด โดยคนเลือกคู่ครองให้คือป๊ากับม้า ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนในตระกูลมีชื่อที่เกี่ยวข้องกันทางธุรกิจนั่นแหละ

“เจ้รู้สึกยังไงที่ต้องแต่งงานไปกับคนที่เราไม่ได้รักหรือไม่ได้เลือกเอง”

เจ้หลินมองหน้าผม ถอนหายใจแรง ลูบหัวผมเบาๆ

รองจากเฮียหยกก็เจ้หลินนี่แหละที่เอ็นดูผมเหมือนแม่

“แรกๆ เจ้ก็กลัวนะ กลัวไปหมดทุกอย่าง แต่พอแต่งงานกันจริงๆ มันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด”

“แล้วเจ้หลินรักเฮียซ้งไหม”

เจ้หลินยิ้มละมุน

“รักสิ รักมากด้วย รักมากจนเจ้รู้สึกว่าโชคดีแล้วที่ได้แต่งงานกับเขา เจ้ยังไม่รู้เลยว่าถ้าเจ้เลือกเอง เจ้จะได้คนดีๆ แบบนี้มาเป็นสามีหรือเปล่า”

“เนอะ หาเองคงได้ประเภทหน้าขี้ริ้วนิสัยขี้เหร่แน่ๆ”

“อาหงส์!!!”
จากการลูบหัวแบบเอ็นดู กลับกลายมาเป็นผลักหัวผมแรงจนผมเซล้มทั้งนั่ง

“แอบโหดว่ะเจ้” 

“ปากหมาทำไมล่ะ อั๊วชักสงสารอาเหมยแล้วที่ต้องมาแต่งงานกับคนไม่เต็มอย่างลื้อ”

“ไม่เต็มตรงไหน อั๊วออกจะหน้าตาดี มีใบเพ็ดดีกรีพร้อม”

เจ้หลินหัวเราะ ส่ายหัวไปมา

“เจ้กลับละ ต้องรีบไปรับเด็กๆ ที่โรงเรียน ถ้าเหงาก็ไปนั่งเล่นที่บ้านได้ เด็กๆ บ่นคิดถึง”

ผมพยักหน้า

เจ้หลินลุกยืน ผมลุกตามเดินไปส่งที่รถ คนขับรีบวิ่งเข้ามาเปิดประตูให้ เจ้หลินยังไม่นั่ง หันมาเผชิญหน้ากับผมอีกรอบ

“จำไว้นะอาหงส์ หลังจากแต่งงานแล้ว ชีวิตไม่ได้เป็นของเราเพียงคนเดียว แต่มันจะเป็นของคู่ครองเราด้วย เพราะงั้นทำอะไรคิดให้ดีก่อนทำ และที่สำคัญ…”

ผมนิ่งฟังอย่างตั้งใจ 

“ห้ามนอกใจเด็ดขาด”

ผมมองตาคนพูด

“คิดว่าจะให้อั๊วเลิกติ๊งต๊องซะอีก”

พี่สาวผมพ่นลมหายใจแรง บอกลาด้วยน้ำเสียงระอิดระอา

“เจ้กลับล่ะ”

ผมหัวเราะ ยกมือบ๊ายบาย

“ฝากบอกเด็กๆ ด้วยนะว่าอั๊วคิดถึง”

พี่สาวผมพยักหน้า ขยับขึ้นไปนั่ง คนขับปิดประตูให้ วิ่งอ้อมไปยังฝั่งตัวเอง ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเสียงเครื่องยนต์ก็ดังกระหึ่ม พี่สาวหันมามองหน้าผมอีกรอบ ยิ้มหวาน

แล้วรถคันนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนที่ออกจากลานจอดรถไป 

ผมเดินย้อนกลับไปนั่งข้างบ่อปลาตามเดิม หยิบชมพู่ทับทิมที่ถูกหั่นชิ้นเรียบร้อยกัดกินดังกรวบ

มันหอมหวานและกรอบอร่อย รสชาติกำลังดีเลย ผมจ้องมองธรรมชาติที่ถูกรังสรรค์โดยคนสวนตรงหน้า ปลากำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำ ผมมองพวกมันยิ้มๆ

ก่อนละสายตาจากปลาเงยหน้าขึ้นมองทิวไม้ประดับที่กำลังถูกสายลมพัดไหว อีกสองวันผมจะได้เจอตัวจริงของเหมยแล้ว เราคงเข้ากันได้ดีเพราะเป็นน้องเล็กด้วยกันทั้งคู่

สายลมพัดไหวแรงขึ้นให้รู้สึกเย็นผิวกาย ผมหลับตา สูดลมหายใจเอาไอดินกลิ่นน้ำเข้าปอด ลองนึกวาดภาพถึงชีวิตหลังแต่งงานกับเหมยคร่าวๆ

เขาบอกไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิต 

แต่ทำไมไม่มีใครบอกผมบ้าง! ว่าแทนที่ผมจะได้เป็นเจ้าบ่าวให้เจ้าสาวแสนสวยอย่างอาเหมย กลับกลายต้องไปเป็นเจ้าสาวให้เจ้าบ่าวซังกะบ๊วยคนนั้นแทน!!!

#หงส์ซาน
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 23-04-2017 15:12:15
ชอบๆๆๆ รอออ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-04-2017 16:12:28
น่าสงสารนะ ทำใจยอมแต่งได้ แต่อีกฝ่ายคงไม่ยอมสินะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #2 ชีวิตพลิกผัน
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 23-04-2017 19:13:30
________________________________________________
ตอนที่ 2 ชีวิตพลิกผัน

 
“สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ”
ผมยิ้มให้ว่าที่เจ้าสาวของผมตรงหน้า รูปถ่ายว่าสวยแล้ว ตัวจริงสวยกว่าอีก ม้าผมนี่ยิ้มจนแก้มแทบฉีกถึงรูหู

“อาเหมยนี่สวยกว่าในรูปอีกนะ”

“ขอบคุณค่ะ หน้าตาเหมยธรรมดาออก”
แน่ะ มีถ่อมตัวด้วย

บนโต๊ะกลมสลักลายมังกรตอนนี้มีป๊าม้าผม ป๊าม้าของอาเหมย ผมและอาเหมย ผมยิ้มให้เธอ เหมยน่ารักและมีเสน่ห์มากจริงๆ

“อาหงส์ก็หล่อ หล่อไม่แพ้พวกพี่ๆ เลย”

ผมยิ้มแหยง

อย่าเอาผมไปเปรียบกับพวกเฮียๆ เขาเลย เดี๋ยวพวกนั้นจะพลอยพากันด่างพร้อยกันเสียเปล่าๆ เพราะในบรรดาพี่น้อง ผมว่าผมหน้าจืดที่สุดละ ความหล่อมันคงจืดจางลงตามลำดับการเกิดนั่นแหละ

ผมนั่งคุยกับเหมยในขณะที่ม้าคุยสนุกอยู่กับม้าของเหมยด้วยภาษาไทยลิ้นจีน ส่วนป๊ากำลังรัวภาษาจีนกับป๊าของเหมย (มารุ่นลูกอย่างพวกผมพูดไทยกันชัดแจ๋วแล้วละครับ)

“ตอนนี้เหลืออาเหมยคนเดียวแล้วใช่ไหมที่ยังไม่ได้แต่งงาน”
ม้าผมถามม้าของเหมย

“เปล่า ยังเหลือพี่ชายของอาเหมยอีกคน รายนั้นบังคับยาก แต่ก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักของครอบครัวเรา”

ผมฟังบทสนทนาของผู้ใหญ่แบบเข้าหูซ้ายย้ายไปหูขวา เพราะตอนนี้สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือเหมยตรงหน้าต่างหาก

แม่น่ารักขนาดนี้ ลูกเราจะน่ารักขนาดไหน

เราคุยกันถูกคออย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ บรรดาป๊าม้าจึงพลอยพากันมีความสุขตามไปด้วย ผมชักอยากแต่งงานกับเธอเร็วๆ ซะแล้ว

ฤกษ์ดีของเราคืออีกสองเดือนข้างหน้า ยิ่งคุยผมยิ่งอยากให้วันแต่งงานมาถึงเร็วๆ
..........
.....
...
.






และแล้ว วันที่ผมรอคอยก็มาถึง

ผมตื่นขึ้นมาเตรียมตัวแต่งหน้าแต่งตัวตั้งแต่ตีสี่ (ถึงเป็นผู้ชายก็ต้องแต่งหน้าครับ เพื่อเวลาถ่ายรูปจะได้ขึ้นกล้อง) เราแต่งแบบสากลแล้วค่อยไปยกน้ำชากันทีหลัง จัดงานกันในโรงแรม หนึ่งในธุรกิจของครอบครัวผมเองนี่แหละ (พี่ชายคนที่ 5 ของผมดูแลอยู่)

ผมหันซ้ายหันขวามองตัวเองในกระจก น่าจะหล่อมากพอให้เหมยรู้สึกภูมิใจได้แล้วนะ

ผมนั่งรอฤกษ์เข้าพิธีอยู่ในห้องรับรอง แยกกันคนละห้องกับของเหมย อีกไม่เกิน 30 นาทีเท่านั้น (เราปิดโรงแรมกันเลยครับ) ผมเฝ้ารอเวลาด้วยความตื่นเต้น อยากเห็นเหมยในชุดเจ้าสาวจะแย่แล้ว

ได้ยินเสียงโวยวายดังขึ้นด้านนอก ผมหันไปมอง 

นี่มันวันมงคลผมนะ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึไง

ผมลุกจากเก้าอี้ เดินออกจากห้องไปทางต้นเสียง (จริงๆ เขายังไม่อนุญาตให้เจ้าสาวหรือเจ้าบ่าวออกไปเดินเพ่นพ่านครับ) ในห้องพิธีที่ถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงาม เห็นผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาละม้ายคล้ายเหมยแต่อายุมากกว่ายืนหน้าตื่นอยู่ท่ามกลางผู้คน ป๊าม้าของเหมยก็อยู่

“เหมยหนีไปแล้วม้า!”
คำนั้นทำเอาผมก้าวขาไม่ออก ยืนนิ่งอยู่กับที่

“อะไรนะ!”
ป๊าเหมยถามคำเดียวกับสิ่งที่ผมกำลังคิดตอนนี้ 

“อาเหมย อาเหมยหนีไปแล้วป๊า อีทิ้งจดหมายนี่ไว้”
จดหมายถูกยื่นให้ป๊าเหมย ป๊าเหมยรีบก้มอ่าน พอๆ กับม้าเหมยและคนอื่นๆ ที่เข้าไปรุมอ่านจดหมายแผ่นเดียวกัน ก่อนมันจะถูกใครอีกหลายคนดึงไปเวียนอ่าน

ผมขยับขาอีกครั้ง เดินหน้าชาเข้าไปขออ่านบ้าง มันเป็นเพียงกระดาษโน้ตสีขาว เขียนด้วยลายมือเป็นระเบียบเรียบร้อย

‘ป๊าม้า เหมยขอโทษ แต่เหมยแต่งงานกับหงส์ซานไม่ได้จริงๆ เหมยมีคนที่เหมยรักแล้ว เหมยจะไปใช้ชีวิตกับเขา เหมยขออกตัญญูขอไปตามเส้นทางของเหมยเอง ไม่ต้องตามหานะคะ ฝากขอโทษหงส์ซานกับทุกคนแทนเหมยด้วย
เหมยขอโทษ
เหมย’

จดหมายร่วงผล็อยจากมือผมลงพื้น

เจ้าสาวหนีกลางงานแต่ง จะมีอะไรน่าขายหน้ามากไปกว่านี้อีก







หลังเหตุการณ์เจ้าสาวหนีกลางงานวันนั้น ผมไม่รู้ว่าสองครอบครัวแก้ไขปัญหานี้กันยังไง รู้แค่ว่าป๊าโกรธมาก ฝ่ายนั้นบอกว่าจะรับผิดชอบ ซึ่งผมไม่ได้ตามข่าวว่ารับผิดชอบยังไง

ผมทั้งอาย ทั้งช็อก เสียใจด้วย เพราะผมชอบเหมยจริงๆ (ยังไม่ถึงกับรักครับ แค่ชอบพอถูกใจ)

ปกติการแต่งงาน เป็นช่องทางการเชื่อมต่อที่ดีที่สุด ป๊าหมายมั่นปั้นมือกับตระกูลหยางมาก เพราะเป็นตระกูลใหญ่ (อันดับต้นๆ ของเมืองไทยเลย ใหญ่กว่าตระกูลผมอีก) พอเหมยหนีไป ไอ้ที่ป๊าแพลนไว้จึงโดนผลกระทบหมด ทางนั้นไม่เหลือลูกสาวให้จับแต่งงานแล้วด้วย

สำหรับตัวผมเอง หลังจากนี้ป๊าคงหาเจ้าสาวคนใหม่ให้ ไม่รู้ว่าจะออกมาสวยและนิสัยเข้ากันได้แบบเหมยหรือเปล่า

เหมยเองก็เก่งนะ ยอมทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง แล้วไปตามหัวใจตัวเองแบบนั้น ผมไม่ได้โกรธเหมยเลย เพราะถ้าผมเป็นเหมย มีคนที่รักมากอยู่แล้วผมคงทำแบบเดียวกัน ต่อให้การยกเลิกจะมีผลกระทบต่อธุรกิจครอบครัวก็เถอะ มันก็แค่กระทบ ไม่ถึงกับทำให้ล่มสลายหรือยากจนลงสักหน่อย

ผมพ่นลมหายใจใส่อากาศ แต่เหมยน่าจะหนีไปก่อนจัดงาน ไม่ใช่หนีไปกลางงานแบบนี้
 
ดูสิ ชีวิตหลังแต่งงานที่ผมวาดฝันไว้ พังทลายลงไม่เป็นท่าเลย

เฮ้อ~~

..........

.....

....

.






พวกคุณเคยโดนฟ้าผ่าไหมครับ

ฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ ไร้เมฆไร้ฝนไร้พายุใดๆ ทั้งสิ้น มันผ่าลงในบ้านของผม ตรงตำแหน่งที่ผมยืนอยู่พอดิบพอดี และคนที่แปลงร่างเป็นรามสูรมาผ่าคือป๊าผมเอง

“อะไรนะป๊า!!”
ผมถามทวนอีกรอบ เผื่อเมื่อกี้ผมจะฟังผิด

“อั๊วจะให้ลื้อแต่งงาน”

“กับใคร”

“ไป่หลง”

“จะบ้ารึไงป๊า เขาเป็นผู้ชายนะ”

“อั๊วรู้”

“ป๊า!! อั๊วเป็นผู้ชาย จะให้ไปแต่งงานกับผู้ชายได้ยังไงกัน”

“ได้ไม่ได้ลื้อก็ต้องแต่ง เพื่อครอบครัว เพื่อธุรกิจของเรา”

ผมส่ายหัวไปมา

“ไม่ใช่เพื่อครอบครัว ไม่ใช่เพื่อธุรกิจ แต่เป็นเพื่อตัวป๊าเองต่างหาก อั๊วไม่แต่ง!!”

“ยังไงลื้อก็ต้องแต่ง!!”

“ไม่!! หัวเด็ดตีนขาดอั๊วก็ไม่แต่ง!”

“ไปเตรียมตัวได้แล้ว ฤกษ์ดีคือกลางเดือนหน้า”
พูดจบป๊าก็เดินออกไป ผมพยายามจะตามไปค้าน แต่ป๊าเดินขึ้นรถไปแล้ว

“ป๊า ป๊าต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ ม้า ม้าต้องพูดกับป๊านะ”
ผมรีบหันไปพึ่งบุพการีหนึ่งเดียวทันที ม้ามีสีหน้าลำบากใจ

“ขอโทษนะอาหงส์ แต่มันจำเป็นจริงๆ”

“ม้า ป๊ากำลังจะขายลูกกิน ศักดิ์ศรีของครอบครัวเราอยู่ไหน ให้อั๊วไปแต่งงานกับผู้ชายเนี่ยนะ ป๊าไม่อายรึไง เขายอมรึไง”
ผมโวยวายลั่น

“มันจำเป็นลูก เราสองครอบครัวคุยกันแล้ว เราจำเป็นต้องมีทะเบียนสมรสระหว่างสองครอบครัว”

“แต่อั๊วเป็นผู้ชาย จะจดทะเบียนกับผู้ชายได้ยังไงกัน”

“จดได้สิ เรามีวิธี”

“ม้า!! อั๊วไม่ยอม ยังไงอั๊วก็ไม่ยอม!!”

..........

.....

...


.

แล้วคุณคิดว่าระหว่างผมกับป๊า ใครมีสิทธิ์มีเสียงมากกว่ากัน ไม่มีใครคัดค้านความคิดของป๊ากันสักคน (หรือพูดให้ถูกคือทุกคนค้านกันไม่ได้ต่างหาก) ผมพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะพูดให้ป๊าเปลี่ยนใจ แต่พูดยังไงป๊าก็ยังยืนยันจะให้ผมแต่งงานอยู่ดี

เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวเท่านั้นด้วย

แล้วผมควรจะทำยังไงดี

หลังจากทะเลาะกับป๊าอีกรอบเพื่อให้ป๊ายกเลิกการแต่งงาน (แน่นอนว่าผมแพ้ไปตามระเบียบ) ผมก็กลับเข้าห้องมานั่งหาหนทางใหม่

พูดกับป๊าก็ไม่รู้เรื่อง ม้าก็ช่วยอะไรไม่ได้ พี่ๆ ยิ่งไม่ได้ใหญ่ (เพราะทุกคนโดนบังคับมากันครบถ้วนทั่วหน้าแล้ว)

แต่ของคนอื่นมันก็แค่บังคับแต่ง ไม่ได้เดือดร้อนแบบผมที่ต้องแต่งกับผู้ชายนี่

หรือว่าจะหนีออกจากบ้านดี

หนี...

ใช่!
หนีไง ทำแบบเดียวกับเหมย จะอยู่ทำไมให้โง่

ผมรีบตรงดิ่งไปยังตู้เสื้อผ้า ดึงเอากระเป๋าลากมาวางบนเตียง กวาดเอาเสื้อผ้ามายัดใส่กระเป๋าพร้อมของใช้จำเป็นสำหรับการเดินทางแบบฉุกเฉิน รูดซิปปิด 

ผมลากกระเป๋าตรงไปยังหน้าประตู เปิดออกอย่างรวดเร็วแล้วก้าวพรวดออกไป 

ก่อนร่างทั้งร่างจะชนเข้ากับอะไรบางอย่างจนเด้งกลับไปนั่งหงายหลังก้นจ้ำเบ้าที่พื้น กระเป๋าหลุดจากมือไปอีกทาง

ผมเงยหน้าขึ้นมองต้นเหตุทันที

มันเป็นสิ่งมีชีวิตครับ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์

แต่เป็นมนุษย์ที่ตัวโตมาก รูปร่างหน้าตาคือฝรั่งแท้ๆ หน้าเข้ม ตาสีฟ้า อากาศร้อนจะตายแต่ดันใส่สูทมา รองเท้าหนังมันปราบ


ผมยังนั่งก้นจิ้มพื้นอยู่ที่เดิม ขมวดคิ้วมอง

“นายเป็นใคร”

คนตรงหน้าไม่พูดอะไร ขยับเข้ามาจับกระเป๋าผม เดินเลยเข้ามาภายใน

“เดี๋ยวๆ นี่นายเป็นใคร!”
ผมรีบดีดตัวลุก เดินไปแย่งกระเป๋าคืน แต่มันไม่ตอบ วางกระเป๋าไว้บนเตียงตามเดิม รูดซิป เปิดกระเป๋า ดึงเอาเสื้อผ้าที่ผมพับไว้อย่างดีกลับเข้าตู้ตามเดิม แถมยังเก็บได้ตรงจนน่าตกใจ

“จะทำอะไร อย่ามารุ่มร่ามกับข้าวของฉัน ฉันต้องรีบไป”

“คุณไม่มีสิทธิ์ไปไหนทั้งนั้น”
น้ำเสียงนั้นทุ้มลึก สำเนียงแบบคนต่างชาติอยู่ไทยมานาน

“นายเป็นใคร เข้ามาได้ไง” ผมถามเสียงขุ่น “นี่บอกว่าอย่ามายุ่งกับเสื้อผ้าฉัน”

มันเก็บเรียบร้อยแม้กระทั่งกระเป๋า หันกลับมามองผมตรง ๆ ยืนกางขาออกนิดๆ สีหน้านิ่งเรียบ ไขว้มือไว้ด้านหลัง

“ผมชื่อหมิงเซียน”
อื้อหือ หน้าฝรั่งจ๋าแต่ดันชื่อหมิงเซียนเนี่ยนะ

“นั่นชื่อจีนที่เจ้านายตั้งให้ จะเรียกว่าซันไรส์ก็ได้”

“ซันไลท์? น้ำยาล้างจานน่ะเหรอ”
ผมกวนกลับ

“ซันไรส์ครับ แปลว่าพระอาทิตย์ขึ้น”
มันตอบมาอย่างนอบน้อม ผมฉุนกึก

“นี่นายน้ำยาล้างจาน กรุณาออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้”

“ผมได้รับมอบหมายให้มาทำหน้าที่ดูแลคุ้มครองคุณหงส์ครับ”

ผมขมวดคิ้ว

“ดูแล? คุ้มครอง? คุ้มครองทำไม แล้วใครสั่งมา”

“คุณไป่หลงครับ”

ผมอ้าปากค้าง

“ไม่จำเป็น ฉันไม่ได้ต้องการการคุ้มครอง”
ผมจะเดินไปหยิบกระเป๋าต่อ แต่ถูกมือใหญ่กางขวางไว้

“อย่าให้ผมต้องมัดนะครับ คุณหงส์”

ผมอ้าปากค้างอีกรอบ

“นี่จะมาคุ้มครองหรือมาคุมขังกันแน่!!!” ผมโวยวายเสียงดัง “แล้วทำไมต้องทำแบบนี้”

“เพราะท่านเดาเอาว่าคนอย่างคุณหงส์ต้องคิดหนีแบบคุณเหมยแน่ๆ”

ใช่เลย

“ท่านจึงสั่งให้ผมมาคุ้มครองครับ”

“แถวบ้านฉันเรียกสิ่งที่นายกำลังทำว่าควบคุมไม่ใช่คุ้มครอง ยังไงฉันก็ไม่แต่ง!”

คนตรงหน้าถอนหายใจแรง ล้วงหยิบบางสิ่งออกมาจากอกเสื้อด้านใน

มันคือด้ายครับ
ด้ายไนล่อนสีขาว เส้นเล็กๆ ผมจ้องมองสิ่งนั้นอย่างหวาดระแวง

มันจะเอามาทำอะไร

“จะทำอะไร”
ผมจ้องมองสองมือใหญ่ที่กำลังคลี่ด้ายไนล่อนจนตึง

“ถ้าคุณหงส์ดื้อ ผมก็ต้องมัด”

“บ้ารึไง! ใครเขามัดคนด้วยด้ายไนลอนเส้นเท่านี้กัน ไม่ใช่สิ เรื่องอะไรต้องมามัดฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจ”

คนตรงหน้ายกยิ้ม

“มันไม่ใช่ด้ายไนล่อนหรอกครับ สบายใจได้ แต่มันคือเชือกที่ถูกทำขึ้นเป็นพิเศษ แข็งแรงกว่าไนล่อนหลายพันเท่า เส้นเล็ก ง่ายต่อการพกพา ใช้งานได้หลายอย่างด้วย ทั้งมัด...”
มันพันเชือกเส้นนั้นรอบนิ้วตัวเอง รัดจนแน่น

ผมกลืนน้ำลาย ถ้านิ้วนั่นคือคอผม มันคงขาดเป็นสองท่อนในเวลาอันรวดเร็วแน่ๆ

“ทั้งฆ่า”
มันกระชากดึงจนตึงอีกรอบ ทำหน้าดุ ผมสะดุ้งโหยงถอยหลังกรูด ผมรีบล้วงหยิบมือถือขึ้นมากด แต่ถูกยึดจับข้อมือไว้ มันดึงมือถือไป

“ดึกแล้ว คุณหงส์นอนเถอะครับ”
มันบอกมาด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“ฉันไม่นอน เอามือถือคืนมา”
ผมยื้อแย่ง มันไม่พูดต่อ ผลักผมล้มโครมลงไปบนเตียง กระชากดึงขาผมปรับให้นอนดีๆ ดึงผ้าห่มมาคลุมจนมิดหัวเหมือนคลุมศพคนตาย

“ไอ้บ้า!!”
ผมรีบถลกผ้าห่มลง จะลุกนั่ง แต่ถูกกดอกไว้ มันขยับลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ เตียง ใช้ฝ่ามือเดียวกดหน้าอกผมไว้

“นี่ ปล่อย ใครก็ได้ช่วยด้วย!!”
ผมตะโกนแหกปากสุดเสียง พยายามดันตัวขึ้น

“อย่าเสียงดังไปเลยครับ ทุกคนหลับกันหมดแล้ว คุณหงส์ก็ต้องนอนด้วยเหมือนกัน เดี๋ยวผิวไม่สวย”

“ฉันเป็นผู้ชาย”
ผมบอกเสียงขุ่น มันถอนหายใจแรง

“คนเป็นเจ้าสาวต้องสวยเข้าไว้นี่ครับ”

ผมเบิกตากว้าง

“ใครเป็นเจ้าสาว ฉันไม่มีทางแต่งงานกับผู้ชายแน่ๆ ที่สำคัญไม่ยอมเป็นเมียใครด้วย”

“ตามข้อตกลงของสองตระกูล คุณหงส์ต้องแต่งเข้าบ้านคุณไป่หลงครับ”

ผมอ้าปากค้าง

“บ้าไปแล้ว ปล่อย!!”
ผมเลิกดิ้นลงกึกเมื่อไอ้น้ำยาล้างจานมันเอาเชือกบ้านั่นมาขึงพาดกลางลำคอผม แนบติดจนผมแทบกลืนน้ำลายไม่ได้ หัวใจหล่นวูบ

นี่ผมกำลังจะถูกฆ่าเหรอ

“ว่าง่ายๆ แล้วนอนดีกว่านะครับ ผมใจเย็นกว่าไฟนิดเดียว”

ไฟบ้านเตี่ยมึงดิเย็น!!
ผมด่ามันทางสายตา มันมองผมนิ่งๆ แล้วเชือกเส้นนั้นก็ถูกดึงออกไป มันตบหน้าอกผมเบาๆ

“นอนหลับฝันดีนะครับ ผมจะนั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้จนกว่าคุณหงส์จะหลับ”

“โอ๊ย!”
ผมร้องโอ๊ยออกมาเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกอะไรสักอย่างปักลงบนหลังคอ ผมรีบกุมมันไว้

“ทำอะไร”
ผมมองสิ่งที่อยู่ในมือมันตรงหน้า รูปร่างคล้ายๆ ปืนแต่ส่วนปลายคล้ายเข็มฉีดยา มันเก็บเข้าอกเสื้อด้านในหน้าตาเฉย 

“GPS ครับ จะได้รู้ว่าคุณหงส์อยู่ตรงไหน”

ผมตาโต

“บ้ารึไง ฉันไม่ใช่หมาไม่ใช่แมวนะ จะได้ใส่ด็อกแท็กแบบนี้!!”

“ฝันดีครับ อีกห้านาทีถ้าคุณหงส์ไม่นอน ผมคงต้องฉีดยานอนหลับเข้าเส้นเลือดให้ แต่ผมไม่ใช่หมอ ไม่รู้ว่าจะเผลอฉีดเยอะจนเกินขนาดหรือเปล่า”
แล้วเจ้าตัวก็ยกนาฬิกาขึ้นมาจับเวลา

ผมตาโต รีบหลับตาปี๋เพราะไม่อยากเสี่ยง

ไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา ทั้งโดนเชือกกดคอ โดนฝัง GPS ผมยังไม่อยากหลับไม่ตื่นอีกนะ

ได้กลิ่นอะไรหอมจางๆ ตรงหน้า ผมลืมตามอง ไอ้น้ำยาล้างจานยิ้มเย็น

“ผมเพิ่งนึกได้ว่ามีวิธีที่นุ่มนวลกว่าฉีดยานอนหลับ”

ผมมองสิ่งที่มันถืออยู่ ลักษณะคล้ายขวดสเปรย์ดิโคโลญนจ์ แต่มีขนาดเล็กกว่า

“อะไร”
ผมถามด้วยน้ำเสียงยานคาง รู้สึกง่วงอย่างบอกไม่ถูก

“ยานอนหลับแบบพ่นครับ”
อยากพูดอะไรสักคำ แต่สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้คือปิดเปลือกตาลง ผมไม่ได้ทำเอง มันตกลงมาเองพอๆ กับสติผม
..........

.....

...

.





ผมสะดุ้งตื่นอีกทีเมื่อตะวันทอแสง กวาดมองไปรอบๆ

เมื่อคืน ฝันเหรอ

ผมเลิกผ้าห่มออกจากตัว โดดลงจากเตียง มองไปรอบๆ

ทุกอย่างก็ดูปกติดี
ผมเกาหัว

สงสัยจะฝันจริงๆ นั่นแหละ ฝันเป็นตุเป็นตะดีแฮะ

ผมเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแต่งตัว แต่งด้วยชุดทะมัดทะแมง วันนี้ผมจะหนีออกจากบ้าน ผมไม่อยู่เพื่อแต่งงานกับใครแน่ๆ พออาบเสร็จก็ออกไปดึงกระเป๋ามาวางบนเตียง รวบเอาเสื้อผ้าที่ผมฝันว่าพับมันไปรอบหนึ่งแล้วมาพับอีก กวาดมองไปรอบๆ

รู้สึกมึนหัวยังไงพิกล

ผมตรวจสอบกระเป๋าอีกรอบ พอเห็นว่าเรียบร้อยดีถึงได้รูดซิป ยกลงจากเตียงมาตั้งที่พื้น เดินลิ่วๆ ไปเปิดประตู

เพื่อไปพบกับร่างสูงใหญ่ของคนที่ผมฝันเห็นเมื่อคืน

ผมอ้าปากค้าง

“มื้อเช้าครับ ผมทำเองกับมือเลย”

ผมปิดประตูใส่หน้ามันดังปัง หัวใจเต้นแรง

ไม่ใช่ความฝัน!!

ทำไงดี!

ผมหันรีหันขวาง
ออกทางประตูตอนนี้ไม่ได้แน่ๆ

มองไปทางหน้าต่าง (บ้านผมชั้นเดียวครับ แต่พื้นที่กว้างมาก) ผมรีบลากกระเป๋าไปทางนั้นทันที เปิดมันออก ได้ยินเสียงกริ๊กเหมือนประตูถูกไข ผมหันไปมอง เห็นไอ้น้ำยาล้างจานมันก้าวเข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร ผมไม่อยู่รอให้เสียเวลา ยกกระเป๋าทิ้งนำออกไปก่อน สองมือจับขอบหน้าต่างแน่น เตรียมจะเหวี่ยงตัวขึ้น

แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างใจคิดก็ถูกยึดจับคอเสื้อแน่น มันลากผมถลาออกห่างหน้าต่าง ก้มหยิบกระเป๋าที่ผมโยนทิ้งเมื่อกี้เข้ามาภายใน

“ปล่อยกูนะเว้ย!!”
ผมโวยวาย พยายามดิ้นหนี

“พูดจาให้เรียบร้อยด้วยครับ”

“กูไม่พูดดีกับมึง ปล่อย!”

“พูดหยาบอีกคำ โดนไอ้นี่จิ้มตานะครับ”

ผมชะงักกึกมองปลายมีดที่อยู่ห่างดวงตาไปแค่มิลเดียว

มันยกยิ้มมุมปากนิดหนึ่ง ค่อยๆ ดึงมีดออกห่าง

“มาทานข้าวกันดีกว่าครับ”

“...ไม่กิน”
กำลังจะพูดว่า 'กูไม่กิน' แต่ผมกลืนคำแรกทิ้งไปเหลือไว้แค่สองคำหลังเท่านั้น

“ทานเถอะครับ อย่าให้ผมต้องป้อน”

ผมกลืนน้ำลายคงคอ ปากบอกป้อน แต่นัยน์ตานี่เหมือนอยากยัดอาหารใส่ปากผมมากกว่า มันจับผมดันไปทางเก้าอี้หน้าโต๊ะอ่านหนังสือ จับสองไหล่ผมกดให้นั่งเบามือ ผมมองมันตาขวาง แต่ไม่กล้าขัดขืน ไม่รู้ว่าภายใต้เสื้อสูทตัวนั้นมีอะไรซุกซ่อนอยู่อีกบ้าง เมื่อวานเจอทั้งเครื่องยิง GPS ยานอนหลับแบบพ่น เชือกสังหาร วันนี้เจอมีด ผมว่าหนึ่งในนั้นต้องมีปืนด้วยแน่ๆ

“เชิญครับ”
มันเลื่อนถาดอาหารมาวางไว้ตรงหน้าผมด้วยท่าทางสุภาพ

“ถ้าดื้อไม่ทานเอง เดี๋ยวผมจะป้อน”
มันทำท่าจะจับช้อน ผมรีบคว้าจับเอาไว้ก่อนทันที ถ้าปล่อยให้มันป้อน มีหวังข้าวคงติดคอผมตาย

ผมมองอาหารตรงหน้า เป็นอาหารไทยง่ายๆ สองอย่าง ที่สำคัญ ของโปรดผมทั้งนั้น พร้อมข้าวเปล่าหนึ่งจาน ผมเม้มปาก จำใจตักกิน

อื้อหือ อร่อย

“อร่อยใช่ไหมครับ” มันถามมาเสียงเรียบ

“ก็งั้นๆ”
ผมไม่ยอมรับ มันหัวเราะหึๆ ในลำคอ ไม่พูดอะไร ขยับห่างออกไปหนึ่งก้าว ยืนไพล่หลังด้วยท่าทีสำรวม ตาจ้องนิ่งมาที่ผม

ผมรีบตักกินให้มันหมดๆ ไป (คือ จริงๆ แล้วมันอร่อยมาก อร่อยกว่าแม่บ้านผมทำอีก) ใช้เวลาไม่นานอาหารก็เกลี้ยงฉาด มันขยับมายกถาดเปล่าถือไว้ในมือ หันหลังจะเดินออกจากห้อง ผมรอจังหวะ ถ้ามันออกไป ผมจะได้หนีอีกรอบ

ผมเตรียมจะลุก แต่มันหยุดเท้าลงแถวๆ หน้าประตู หันกลับมามอง พยักหน้าไปทางหน้าต่าง

“อย่าคิดหนีนะครับ เพราะผมรู้หมดว่าคุณหงส์อยู่ไหน”
มันจิ้มนิ้วที่หลังคอตัวเองให้ผมดูตำแหน่ง ผมรีบตะครุบหมับ รู้สึกเจ็บตรงนั้นด้วย

“และอย่าคิดกรีดออกเองนะครับ ผมฝังไว้ในตำแหน่งค่อนข้างอันตราย สุ่มสี่สุ่มห้ากรีดออกเอง มีสิทธิ์เลือดพุ่งจนหมดตัวตายได้นะครับ”

ผมกลืนน้ำลายลงคอ แล้วมันก็เปิดประตูเดินออกไป ผมหันรีหันขวาง

เอาไงดี จะเสี่ยงหนีไปอีกรอบดีไหม ผมกุมหลังคอตัวเอง แล้วนี่คนในบ้านรู้หรือเปล่าว่าผมถูกคุมตัวอยู่ อย่างน้อยหนีไปขอความช่วยเหลือคนในบ้านก็ได้

กำลังจะก้าว แต่ต้องเบรกกึก คิ้วขมวด ขนาดว่ามันสามารถไปทำอาหารในครัวได้ ถ้าไม่ใช่ว่าคนในบ้านโดนคุมตัวไว้ ก็แปลว่าเขารู้กันหมดแล้วน่ะสิ

ผมกุมหัว เอาไงดีวะ!!!

ยังไม่ทันได้ตัดสินใจทำอะไร ประตูก็เปิดออกอีกครั้ง พร้อมไอ้ตัวเดิมนั่นแหละ มันเดินหน้านิ่งผ่านผมไปหยิบกระเป๋าผมที่พื้น เดินเอาไปเปิดดึงเสื้อผ้าออกมาจัดเก็บตามเดิม

ผมอ้าปากค้าง พอเสร็จมันก็กลับมายืนตัวตรงมอง

“อยากไปไหนหรือทำอะไรก็ได้ตามสบายนะครับ ใช้ชีวิตปกติได้เลย เพียงแต่ผมจะติดตามไปด้วยเท่านั้น”

“มันจะไปปกติได้ไง โดนตามหนักขนาดนี้”

“ถ้าคุณหงส์ไม่คิดจะหนีก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ”

ผมนิ่งคิด สมองกำลังหาทางออก

“ก็ได้ ฉันรับปากว่าจะไม่หนี นายกลับไปได้แล้ว”

“พอดีผมเชื่อคนยากครับ ผมจะออกไปรอหน้าห้อง GPS บนตัวคุณจะส่งสัญญาณทันทีที่คุณหงส์ออกห่างผมเกินระยะที่กำหนด เพราะงั้น อย่าคิดหนีเด็ดขาด มีอะไรเรียกใช้ได้ตลอด ถ้าผมทำได้ก็จะทำ ทำไม่ได้หรือไม่อยากทำก็จะไม่ทำ”
พูดจบมันก็เดินนิ่งๆ ออกไปเลย

ผมยืนอ้าปากค้าง

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตผมกันวะ!!!!



#หงส์ซาน
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #2 ชีวิตพลิกผัน
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 23-04-2017 20:47:56
นี่จะแต่งงานหรือนักโทษประหารรร
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #2 ชีวิตพลิกผัน
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-04-2017 21:19:11
 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #2 ชีวิตพลิกผัน
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-04-2017 21:36:46
ลูกน้องยังขนาดนี้... ชักอยากเห็นหน้าเจ้านายขึ้นมาตงิด ๆ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #2 ชีวิตพลิกผัน
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 23-04-2017 22:11:55
 :hao3: โดนตามคุมขนาดนี้จะทำไงต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #2 ชีวิตพลิกผัน
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-04-2017 22:14:28
รบกวนไรท์ ลงวันที่เวลาอัพตอนใหม่
คือคนอ่านสับสนไม่รู้ว่าเก่าหรือใหม่
แบบ   หงส์ซาน #2 ชีวิตพลิกผัน@@@@P.1@@@@23/04/2560

ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ว่าแต่ใครนะ จะเป็นเจ้าบ่าวของหงส์ซาน
อยากรู้ๆ  :ling1: :ling1: :ling1:
      :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #2 ชีวิตพลิกผัน
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-04-2017 22:19:43
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #2 ชีวิตพลิกผัน
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-04-2017 23:23:02
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #2 ชีวิตพลิกผัน
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 23-04-2017 23:30:54
ถึงกับติด gps กับตัวนี้ก็เกินไป๊ แต่ชอบเนื้อเรื่อง รีบมาต่อเถิดดด อยากเจอพระเอกละจ้า
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #2 ชีวิตพลิกผัน
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 23-04-2017 23:45:31
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #2 ชีวิตพลิกผัน
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-04-2017 00:51:33
 o13
หัวข้อ: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (100%) [P.1][27-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 24-04-2017 20:49:47

ตอนที่ 3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!!
________________________________________________


ผมฝัน!!

ใช่ ผมฝัน ผมฝันอยู่
ผมพร่ำบอกตัวเองเป็นรอบที่ร้อย แต่ความฝันผมมันเหมือนจริงเหลือเกิน โดยเฉพาะคนที่อยู่ในความฝันผมตอนนี้

ผมจ้องมองผู้คุม (เจ้หลินเรียกว่าบอดี้การ์ด แต่ผมยังยืนยันที่จะเรียกผู้คุม หรืออีกชื่อของมันคือไอ้น้ำยาล้างจาน) มันกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยภาษาเยอรมัน แต่มันไม่ได้เป็นคนเยอรมันหรอก และผมไม่รู้ด้วยว่ามันเป็นคนชาติไหน เพราะตั้งแต่อยู่ร่วมกันมาสามวัน หมอนี่พูดไปแล้วมากกว่าเจ็ดภาษา ขนาดพม่าไอ้น้ำยาล้างจานมันยังพูดได้

“พูดได้กี่ภาษา” ผมถามอย่างเสือกรู้

“ได้ทุกภาษาที่มีในโลก”

ผมตาโต

“พูดจริงหรือเปล่า อัจฉริยะเกินไปแล้วนะ!”
ผมถามอย่างตื่นเต้น

“พูดได้ทุกภาษาในโลก แต่แค่คำว่าสวัสดีกับลาก่อน ถ้าเอาให้คล่องก็แค่สิบสองภาษา”

‘กวนตีน’ ผมด่ามันอยู่ในใจ

“ขอบคุณสำหรับคำชม”

ผมขมวดคิ้ว
“ใครชม ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ”

“กวนตีน เมื่อกี้พูดคำนี้ในใจหรือเปล่าล่ะครับ”

ผมตาโต อ้าปากค้าง
“นะ นี่นายอ่านใจคนได้!!”

มันส่ายหัว
“ผมไม่ได้เก่งขนาดนั้น แต่คุณหงส์อ่านง่ายเกินไป”

ผมหุบปากลงฉับ

“ความสามารถมากขนาดนี้มาทำงานเป็นขี้ข้าคนได้ไง”
ผมจงใจใช้คำให้ต่ำที่สุด

“มีอาชีพไหนที่ได้ควบคุมคน ได้ทำหลากหลายอย่างโดยที่เงินเดือนสูงลิ่วกว่าวิศวกรทำมาทั้งปีอีก”

“โรคจิต”

มันไม่ตอบอะไร เพียงแค่ยิ้ม
แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนคนเป็นโรคจิตจริงๆ

ผมยังไม่ได้ล้มเลิกการหาทางหนีหรอกนะ แต่ลองมาแล้วทุกทางจนผมชักท้อ

“นี่ มีรูปว่าที่เจ้าบ่าวฉันไหม”
ผมถามเนือยๆ

“ยังไม่เคยเห็นเหรอครับ”

“ถ้าเห็นจะถามไหม”
ผมตอบหงุดหงิด มันล้วงหยิบมือถือขึ้นมากดยิกๆ แล้วยื่นให้ ผมก้มมอง ภายในเป็นรูปภาพของชายหนุ่มคนหนึ่ง หน้าตาดีมาก ดีแบบดีโคตรๆ เค้าหน้าไม่เห็นเหมือนเหมยเลย แววตานี่โหดยิ่งกว่าไอ้น้ำยาล้างจานตรงหน้าผมอีก

“หน้าตางั้นๆ”

“ถ้าคุณไป่หลงหน้าตางั้นๆ คุณหงส์ก็สุดยอดของความขี้เหร่”

อ๊ากกกกกก

มันว่าผมครับท่านผู้โชม

มันว่าผม!!!!!

ผมอ้าปากพะงาบๆ ตาโต มือชี้หน้า

“ไอ้น้ำยาล้างจาน!!”

มันไม่สนใจผม กดรับสายที่โทรเข้ามานิ่งๆ

“ครับ อ๋อได้ครับ ไม่มีปัญหาครับ เป็นเด็กดีมาก”
ตอนพูดมันเหลือบมองผมด้วย

“ครับ คุณหงส์ชมว่าคุณไป่หลงหล่อมาก และดีใจเหลือเกินที่จะได้แต่งงานกับท่าน”
ไอ้ตอแหล ไอ้ปากปีจอ พูดไม่เป็นความจริง

“ครับ รับทราบครับ”
แล้วมันก็กดวางสายไป

“ใครไปชมว่าหมอนั่นหล่อ ใครดีใจที่ได้แต่งงาน!!”
ผมแหว มันถอนหายใจแรง

“คนโชคร้ายที่สุดคือเจ้านายผม ไม่ใช่คุณหงส์ เพราะงั้นอย่าทำตัวให้ท่านลำบากใจเลยครับ”

อยากลุกขึ้นมางิ้วข่วนหน้ามันจริงๆ เสียแต่เล็บยาวไม่พอ ไม่แข็งแรงเท่ามันด้วย

“จะแช่งให้คอหักตาย”

มันยกยิ้ม

“ไม่เคยได้ยินเหรอครับ คำแช่งมักคืนไปสู่คนแช่งเสมอ”
มันบอกพร้อมไล้ปลายนิ้วลงบนลำคอผมเบาๆ จนขนลุกเกรียว
“ทำตัวดีๆ นะครับ ผมมีธุระต้องออกไปทำข้างนอก”

ผมตาวาว สบโอกาสหนี

“แล้วอย่าคิดหนีล่ะ ไม่งั้นโดนจับมัดแน่ๆ”

ผมหัวเราะหึๆ ไม่ได้รับปาก มันลุกขึ้นยืน ขยับปรับสูทสุดเท่ให้เข้าที่เข้าทาง รูปร่างหน้าตาน่าจะไปเป็นนายแบบมากกว่า

“ขอบคุณที่ชมครับ”

“ใครชม!”

มันยกยิ้ม

“รู้สึกเหมือนเมื่อกี้คุณหงส์เพิ่งชมผมในใจไปหยกๆ ว่าผมดูดี”
นี่มึงอ่านใจกูได้ใช่ไหม มึงเป็นผี มึงเป็นพ่อมด มึงไม่ใช่คน!!

“ผมบอกแล้วว่าหน้าคุณหงส์อ่านง่าย ผมขอตัว เป็นเด็กดีนะครับ แล้วผมจะซื้อขนมมาฝาก”

“ฉันไม่ใช่เด็ก!!”
ผมแหวตามหลัง มันไม่สนใจ เดินลิ่วๆ เปิดประตูออกไป ผมนั่งฮึดฮัดชกลมชกฟ้า แล้วนั่งรอเวลา กะว่ามันไปแล้วแน่ๆ ถึงได้รีบวิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้า คว้าข้าวของทุกอย่างยัดลงกระเป๋าเหมือนที่เคยทำอย่างสองครั้งแรก

ผมยิ้มกริ่ม วิ่งลิ่วไปเปิดประตูออกผ่าง

เพื่อไปพบกับ…

ใครก็ไม่รู้ครับ

แต่ไม่ใช่ไอ้น้ำยาล้างจาน

มันสูงพอๆ กัน รูปร่างหน้าตาคล้ายกัน ดวงตาสีเดียวกันเด๊ะ

“จะออกไปเดินเล่นเหรอครับ เดี๋ยวผมจะเดินไปเป็นเพื่อน”

ผมอ้าปากค้าง น้ำเสียงยังคล้ายเลย!!!

“ผมวิกเซอร์ครับ เป็นน้องของซันไรส์ จะมาดูแลคุณหงส์ระหว่างเขาออกไปทำธุระ”

“วิกซอล เอ้อดี พี่เป็นน้ำยาล้างจาน น้องเป็นน้ำยาขัดส้วม”
ผมปิดประตูกระแทกหน้ามันดังปั้ง เข้ามาวนเป็นหนูติดจั่น กัดเล็บแรง

ทำไงให้หนีได้ดี

ได้ยินเสียงกริ๊ก ผมหันขวับไปมอง ไอ้น้ำยาขัดส้วมเดินหน้านิ่งเข้ามา

“เข้ามาก่อนได้รับอนุญาตได้ไง เคาะสิ มีมารยาทไหม แล้วเอากุญแจที่ไหนมาใช้”

“ไม่จำเป็นครับ ผมไขได้ทุกห้องโดยไม่จำเป็นต้องใช้กุญแจสำรอง”

เอ้อ มึงมันพวกอัจฉริยะ
ผมประชดในใจ

“ขอบคุณสำหรับคำชมครับ”

ผมอ้าปากค้าง
มันเป็นพี่น้องกัน มันต้องเป็นพวกอ่านใจคนได้เหมือนกันแน่ๆ แล้วมันก็เดินหน้านิ่งแบบเดียวกันมาหยิบกระเป๋าจากมือผม เดินดุ่ยๆ ไปเก็บ แต่มันไม่เป๊ะเท่าคนพี่หรอก ผมมองตามตาขวาง ทำอะไรไม่ได้ก็เดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงดังตุบ

“สรุปฉันกลายเป็นนักโทษ”

“เปล่าครับ ว่าที่เจ้าสาวคุณไป่หลงต่างหาก”

“เหอะ แล้วมีใครที่ไหนปฏิบัติกับว่าที่เจ้าสาวแบบนี้บ้าง”

“ถ้าคุณหงส์ไม่คิดหนีก็ไม่จำเป็นครับ”

“ใครไม่อยากหนีวะ ไปเป็นเจ้าสาวผู้ชายเนี่ยนะ ใช้อะไรคิด!!” ผมตะโกนลั่น “นี่จะบังคับให้ฉันท้องให้คนตระกูลหยางด้วยไหม!!”

“ผมดีใจนะครับที่คุณหงส์ท้องไม่ได้”

“ทำไม!”
ผมกระชากเสียงถาม

มันเก็บของเสร็จแล้ว หันมามองพอดี
“ไม่อยากให้ทายาทของคนตระกูลหยางสติไม่เต็มแบบแม่”

ผมอ้าปากค้างจนแมลงวันแทบบินเข้ามาวางไข่
มือชี้หน้าวิญญาณหลุดออกจากร่างไปงิ้วใส่มันเป็นอันเรียบร้อย ข่วนแควกๆ
มันยกยิ้มมุมปากนิดหนึ่ง ผมข่วนหน้ามันอีกรอบเสียงดัง (แน่นอน ว่าแค่ในความคิด)

“เจ้านายแกยอมได้ไง ชื่อเสียง อนาคต หมดกันพอดี”

“เพื่อธุรกิจท่านทำได้ครับ”

“หึ แล้วเจ้านายแกไม่อยากมีทายาทรึไง”

“วิธีสร้างทายาทไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ มีหลายวิธีให้ได้ลูก ถ้าคุณไป่หลงท่านเป็นห่วงเรื่องนี้จริงคงแต่งงานไปนานแล้ว แต่ท่านไม่ค่อยสนใจเรื่องครอบครัวหรือคู่ครองเท่าไหร่”

ผมเบ้ปาก นิ่งคิด ปกติการแต่งงานระหว่างสองครอบครัว หลักๆ แล้วคือนำใบสมรสและความสัมพันธ์มาเป็นข้อตกลงทางธุรกิจ ถ้าเป็นผู้หญิงก็ดูแลสามี มีบุตรสืบทายาท แต่ผู้ชายอย่างผม…

ผมนิ่งคิดทบทวนอีกรอบ

“นี่ เจ้านายแกเป็นเกย์หรือเปล่า คือแบบว่าชอบคนเพศเดียวกันอะไรงี้”
ครองตัวโสดมาได้ขนาดนี้ อาจเป็นเกย์ก็ได้

มันส่ายหัว

“เปล่าครับ ท่านปกติดี นอนกับผู้หญิงได้ตามปกติ”

“แล้วเขาเคยนอนกับผู้ชายไหม”

“ไม่ครับ”

ผมยิ้มออกมาได้ทันที

โธ่ มันก็แค่การแต่งงานฉาบหน้าเพื่อเอาใบสมรสเท่านั้นนี่หว่า

“แต่เห็นคุณไป่หลงเปรยๆ ไว้ว่าอยากลองดูเหมือนกัน”

ผมร้องจ๊ากในใจ

“นี่วิกซอล”
ผมเรียกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“วิกเซอร์ครับ”

“จะอะไรก็ช่าง ไปบอกเจ้านายแก การนอนกับผู้ชายไม่ใช่ความคิดที่ดี ผู้หญิงมีนม ไปบอกเจ้านายแกอย่างนี้”

มันยกยิ้ม

“ครับ ผมจะบอกท่านให้”
แล้วมันก็หยิบมือถือขึ้นมากดยิกๆ พอเรียบร้อยก็เก็บใส่กระเป๋าเสื้อด้านในตามเดิม

แผล็บเดียวก็ได้ยินเสียงเมสเสจดัง มันล้วงหยิบขึ้นมาอ่าน ผมชะเง้อคอมองอย่างอยากรู้ มันยกยิ้ม มองตาผม

“ผมบอกท่านให้แล้วเรื่องที่คุณหงส์ฝากไว้ ท่านตอบกลับมาว่า ผู้ชายก็มีนมเหมือนกัน แต่ไม่ต้องห่วง ท่านไม่สนใจนมพร่องคุณภาพของคุณหงส์หรอกครับ”

ผมอ้าปากค้าง
ผมจะจารึกไว้ว่าคนตระกูลหยางปากหมา เห็นเหมยพูดจาดี๊ดีไม่คิดว่าจะมีพี่ชายปากหมา แถมยังมีฝูงบริวารปากหมามากกว่าอีก

“เขาคงไม่ได้คิดจะแต่งงานกับฉันตลอดชีวิตใช่ไหม เจรจาธุรกิจเสร็จก็เซ็นใบหย่า”

“อันนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของสองครอบครัวครับ”

ผมอยากทึ้งหัวตัวเอง

เอาเถอะ! แต่งแค่ในนาม พอการเจรจาทุกอย่างครบ ผมจะได้เป็นอิสระ ทนๆ เอาหน่อย คงไม่นานเท่าไหร่




(35%)

ผมยืนเป็นพระเอกมิวสิกอยู่หน้าบ่อเลี้ยงปลารูปเลขแปดตรงหน้า
ปลาคาร์ปหลากหลายสีว่ายวน ราคาของมันแพงหูฉี่ ปลาบางตัวซื้อรถได้เป็นคัน อย่างที่บอก ป๊าผมรวย รวยมากด้วย มีธุรกิจในเครือหลายอย่าง แต่ป๊าไม่เคยให้ผมเข้าไปแตะแม้แต่นิดเดียว ไม่เหมือนพวกพี่ๆ ที่ได้ดูแลกันคนหนึ่งหลายอย่าง เอาตามจริงผมแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าป๊าทำอะไรกันบ้าง เกิดเป็นลูกคนเล็กก็หมาหัวเน่าอย่างนี้แหละ

ผมโยนอาหารปลาลงไปหนึ่งช้อน พวกมันรุมเข้ามากิน

“มึงอย่าตะกละไอ้ขาว”
ผมบอกไอ้ขาว ปลาคาร์ปที่ตัวใหญ่กว่าเพื่อน กินเก่ง อ้วนตุบ

แล้วผมก็โยนอาหารปลาลงไปอีก

“ได้เวลาทานข้าวแล้วครับ”
ไอ้น้ำยาล้างจานเดินหน้านิ่งเข้ามาหา ผมลุกจากบ่อปลา เดินไปยัดกล่องอาหารปลาใส่มือมัน

“เอ้า หิวก็กินได้”
แล้วผมก็เดินลิ่วๆ เข้าบ้านไป ม้าผมนั่งรอแล้ว ผมไม่พูดกับม้าสักคำ นั่งได้ก็หยิบตะเกียบมาคีบตักข้าวกินรัวๆ ใช้เวลากินไม่ถึงห้านาทีก็ลุกพรวด

“อาหงส์”
ม้าเรียกไว้ ผมเบรกเท้าลงกึก ผมไม่คุยกับป๊าอีกเลยตั้งแต่ผมพยายามร้องขอครั้งล่าสุด กับม้าจะพูดด้วยก็ตอนที่ถูกถามเท่านั้น

“เข้าใจป๊าเขานะลูก”

ผมไม่ตอบ หันหลังเดินจากมา

ผมกลับไปที่บ่อปลา มองหากล่องอาหารปลา ซันไรส์เดินนิ่งๆ เข้ามาหา ยื่นกล่องอาหารปลาให้

“กินไม่อิ่มเหรอครับ เอานี่ เอาไปกินต่อ”

ผมมองหน้ามัน คว้าหมับมาถือ ตักเทใส่บ่อปลาแก้เบื่อ
 


“วันพรุ่งนี้คุณไป่หลงจะมาหานะครับ”

ผมขมวดคิ้ว เข้าใจอยู่หรอกว่าตามธรรมเนียม เราจะมีการนัดเจอกันก่อนอย่างน้อยครั้งหรือสองครั้ง แต่ปกติจะนัดไปเจอกันข้างนอก อย่างห้องอาหารอะไรทำนองนี้

อยากเห็นหน้าชัดๆ เหมือนกัน หัวหน้าฝูงหมาป่าพวกนี้ คอยดูเถอะ แต่งงานไปผมจะป่วนประสาทจนมันอยากเซ็นใบหย่าให้ผมวันละสิบรอบเลยทีเดียว





 
รุ่งขึ้น

วันนี้ป๊าม้ากับอาเฮียบางคนอยู่บ้าน เพราะจะมีแขกพิเศษมาเยี่ยม

ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก แต่เป็นว่าที่เจ้าบ่าวผมนี่แหละ (ไม่ได้มาสู่ขอหรอกครับ เพราะขั้นตอนนั้นผู้ใหญ่ทำกันเรียบร้อยแล้ว) ผมถูกจับใส่สูทตั้งแต่เช้ามืดทั้งที่จริงๆ หมอนั่นมาตอนเย็น

จะให้ผมแต่งตัวรอทำไม
หมอนี่น่าจะเป็นพวกบ้าอำนาจสุดๆ ใครได้เป็นผัว นรกจริงๆ

อ้าว กูเองนี่หว่า

ผมนั่งๆ นอนๆ คอย กระทั่งมีรถหรูวิ่งเข้ามาจอดภายในรั้วบ้าน ผมถูกต้อนให้ออกไปยืนรับ ทั้งป๊าทั้งม้าผมก็ออกมายืนด้วย

หมอนี่เป็นใคร
แค่ลูกชายคนตระกูลหยาง ทำเป็นใหญ่

ผมยืนหน้าหงิกทั้งที่ม้าสะกิดเตือนให้ทำหน้านิ่งๆ หรือยิ้มแย้มหน่อย

พอรถจอดสนิท ซันไรส์ที่เตรียมตัวไว้แล้วก็เดินไปเปิดประตูออก ชั่วอึดใจหนึ่ง หัวดำๆ ก็โผล่ออกมาก่อน ตามติดด้วยใบหน้านิ่งเรียบดุจรูปปั้นในชุดสูทสีเข้ม 

อื้อหือ หล่อฟัดโลก
ออร่าความหล่อมันพุ่งกระแทกตาจนอยากกลับไปเกิดใหม่เป็นลิง

ตัวสูงชะลูด แต่สมส่วน กล้ามเนื้อแน่นหนัด ผมยาวระต้นคอ สันจมูกตรง แต่ไม่ได้เป็นแท่ง มีสโลปนิดๆ ดูมีมิติ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มไปทางดำ อกผาย ไหล่ผึ่ง บุคลิกโคตรดี

ซันไรส์โค้งคำนับ มันพยักหน้านิดหนึ่งให้ ป๊ากับม้าเดินเข้าไปหาด้วยตัวเอง จับมือทักทายสไตล์สากล ผมยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองมันตาขวาง

เอาไปเลย ความประทับใจแรก

ป๊ากับม้าพูดคุยกับมันโฉงเฉง สักพักม้าก็หันมาทางผม

“เข้ามาสิอาหงส์ นี่ว่าที่เจ้าบ่าวลื้อ”

ผมไม่เข้าไป ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

“อาหงส์”
ม้าเรียกมาอีกรอบ ผมยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

“โทษทีม้า ยืนรอนาน รากอั๊วงอก”

ป๊ากับม้าอ้าปากค้าง

มันยกยิ้มครับ! มันยกยิ้ม มุมปาก นิดหนึ่ง

มึงกล้ายิ้มเยาะกู!!
ผมฝังรากลึกยิ่งกว่าเดิม

“อาหงส์!!”
ป๊าปรี๊ดแตกใส่ผมเสียงดัง

“ไม่เป็นไรครับ”
มันว่า เป็นฝ่ายก้าวเข้ามาหาผมแทน

เหอะ เดินบนหญ้าไม่ใช่พรมแดง ไม่ต้องเก็กหล่อขนาดนั้นก็ได้
มันเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม

ไอ้เปรต จะสูงไปไหน
อยากไว้อาลัยในความเตี้ยตัวเองจัง

มันก้มหน้าลงมา ริมฝีปากใกล้หู   

“เตี้ยจัง”

ผมอ้าปากค้าง กูรู้ว่ากูเตี้ย ไม่ได้สูงเท่าบรรดาพี่ชาย ก็ทำไมอ่ะ น้องคนสุดท้องนี่ ความฉลาด ความหล่อ ความสูง มันหมดไปตั้งแต่พี่ฮันแล้ว เหลือมาให้กูได้ภูมิใจแค่นี้ก็ดีถมถืด

“เปรต”
ผมต่อว่ากลับสั้นๆ มันเลิกคิ้วสูง หัวเราะหึๆ

อ๊ากกก อยากสกายคิก กลับหลังหันแล้วตบด้วยหลังเท้า

“เชิญๆ อาหลง ม้าเขาลงมือทำอาหารเองเลย”

“ครับ”
มันรับปาก แล้วป๊ากับม้าก็พามันเดินเข้าบ้าน ทิ้งให้ผมเดินตามหลัง

ผมมองตาม ที่เจ็บใจสุด แม้แต่ท้ายทอยมันยังดูหล่อ
มันหันกลับมามองผมนิดหนึ่ง ผมรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นตาขวางใส่ทันที มันยกยิ้มมุมปาก หันกลับไปสนใจป๊ากับม้าต่อ

ผมว่าโปรเจคที่ป๊าวางไว้ต้องใหญ่มากแน่ๆ ป๊ากับม้าถึงได้พะเน้าพะนอขนาดนี้ แล้วมันคิดยังไงถึงได้ยอมเสียชื่อเสียงมาแต่งงานกับผู้ชายอย่างผม บอกให้ม้าปั๊มน้องให้ตอนนี้จะโตทันมันแก่ไหมฮึ

ม้ากระวีกระวาดดูแลว่าที่ลูกเขยอย่างออกหน้าออกตา เชิญให้มันนั่ง เฮียฮันพี่ชายคนที่ 6 กับเจ้หมวยพี่สาวคนที่ 7 ของผมอยู่ด้วย ผมไม่สนใจใคร กำลังจะทิ้งตัวลงนั่งยังเก้าอี้ตัวเอง แต่ม้าเรียกไว้

“มานั่งนี่อาหงส์ นั่งกับว่าที่เจ้าบ่าวลื้อ”

“ไม่เอา นี่มันเก้าอี้อั๊ว”
ผมเถียงม้ากลับ

“อย่าดื้อ มานั่งนี่”
ป๊าสั่งมาเสียงดุ ผมหน้ามุ่ย ยอมสละเก้าอี้ประจำกลายร่างจากคนเป็นม้าหมากรุกเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ มัน

อื้อหือ มึงอาบน้ำหอมมาเหรอ แล้วกูจะได้กลิ่นอาหารไหม
ผมไม่สนใจมองหนังหน้ามัน พอแม่บ้านตักอาหารให้เรียบร้อย ผมก็ก้มหน้าก้มตากิน

ป๊ากับม้าก็ชวนมันคุย ส่วนใหญ่ก็เรื่องธุรกิจนั่นแหละ แน่นอนสิ การแต่งงานมันทำเพื่อผลประโยชน์ไม่ได้เกิดจากความรัก ไม่งั้นหัวข้อจะกลายเป็นเรื่องสัพเพเหระแทน

“อาหงส์อย่าเอาแต่กินสิ คีบอาหารให้อาหลงบ้าง หัดทำหน้าที่ได้แล้ว”

ผมชะงักตะเกียบใกล้ปาก จ้องหน้าม้า หันไปมองใครอีกคนข้างกาย มันทำหน้านิ่ง

“ได้สิ”
ผมหัวเราะในใจ ยัดปลายตะเกียบเข้าปากให้น้ำลายติดมาเยอะๆ แล้วเอาไปคีบอาหารให้

พริกล้วนๆ มึง กินไปเลย
แล้วเอาไปวางไว้บนจานมัน ยิ้มหวาน

กินได้มึงก็เหนือมนุษย์แล้ว

“รู้ได้ไงว่าเฮียชอบพริก…แสนรู้จัง”
คำแรกมันพูดให้ทุกคนได้ยิน แต่คำหลังมันกระซิบให้ผมได้ยินคนเดียว ริมฝีปากที่ห่างผิวแก้มไปไม่เกินองคุลีสร้างความร้อนผ่าวให้พื้นที่ตรงนั้น มันร้อนวูบแปลกๆ

แต่เดี๋ยวนะ

แสนรู้!!

ผมหันขวับไปมองมันตาขวาง แต่รายนั้นไม่สนใจ คีบพริกที่ผมวางไว้ให้เข้าปากกินเฉย

อ๊ากกกกก

ด้วยความหมั่นไส้แกมโมโห ผมกระทืบตีนมันไปครั้งหนึ่ง มันชะงัก หันมามอง ใบหน้าเย็นชาขึ้น ตะเกียบถือค้าง ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“อยากได้อีกเหรอ เดี๋ยวอั๊วคีบให้”
แล้วผมก็เอาปลายตะเกียบจุ่มน้ำลายอีกรอบ คีบพริกไปวางไว้บนจานมัน ส่งยิ้มละลายตายายไปให้ มันยกยิ้มนิดหนึ่ง

ขนบนหลังคอผมลุกซู่

“เฮียป้อนหงส์ด้วยดีกว่า”
ว่าแล้วมันก็จุ่มปลายตะเกียบเข้าปาก มองกับข้าว ผมขนลุกเกรียว ยังดีที่มันไม่ได้คีบพริกหรืออะไรแปลกๆ มาให้ แค่ผักครับ

แต่แทนที่มันจะเอามาวางไว้บนจานผม มันกลับเอามาจ่อไว้ใกล้ปาก รองด้วยทิชชู่ในมือ

“เฮียป้อน”

(70%)

ผมอ้าปากค้าง

“ไม่กิน ไม่ชอบกินผัก”

“กินแล้วแข็งแรงนะ กินเถอะ เฮียอุตส่าห์ป้อน”

ผมมองตาขวาง

“อย่าเสียมารยาทอาหงส์”
ป๊าปรามมา ผมกัดกราม มองมันตาขวางยิ่งกว่าเดิม อ้าปากงับสิ่งนั้น พยายามไม่ให้ถูกตะเกียบ อยากคายทิ้ง แต่จำใจต้องเคี้ยวๆ กลืน

ฝืดคอชิบ น้ำลายมันเชียว

ผมรีบยกน้ำดื่มตาม แก้แค้นบนโต๊ะไม่ได้ก็เตะขามันไปป้าบใหญ่ มันหันมามอง และก่อนที่มันจะคีบอาหารมาป้อนอีก ผมชิ่งวางตะเกียบก่อน

“อิ่มแล้ว”

“ทำไมอิ่มเร็วจัง” ม้าถาม

“อั๊วกินขนมก่อนกินข้าวน่ะม้า”

“สอนไม่เคยจำเด็กคนนี้”

ผมยักไหล่ คนข้างตัวผมหัวเราะหึๆ อยากลุกจากโต๊ะเหมือนกัน แต่ทุกคนคุยกันอยู่ ผมจึงนั่งคอย

ผมสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งที่ต้นขา ผมก้มมอง เห็นมือปริศนามาวางไว้ ผมอ้าปากค้าง เจ้าของมือยังนั่งยิ้มละมุนพูดคุยกับป๊าม้า มือขวาคีบอาหารเข้าปาก แต่มือซ้ายมันกำลังไต่ระอยู่บนต้นขาผม

ขนแขนสแตนอัพลามไปทั่วทั้งร่าง
หรือว่ามันจะแก้แค้นที่ผมเตะมัน มันจะหักขาผมงั้นเหรอ

ผมรีบลดมือลงไปดันมือมันออก แต่มันยึดจับขาผมแน่น ผมเตะขามันไปอีกรอบเพื่อแก้แค้นและหวังให้มันปล่อย สีหน้ามันไม่สะทกสะท้าน แยกร่างพูดคุย ท่อนบนอยู่กับคนบนโต๊ะ ท่อนล่างต่อสู้อยู่กับผม ผมจิกปลายเล็บลงบนหลังมือมันแรง

ได้เลือดกลับไปกูไม่รับผิดชอบนะ

มันหันมามองช้าๆ ยิ้มหวาน

หูย ขนกูลุกเกรียวไปทั่วทั้งตัว

“อาหงส์นี่น่ารักกว่าภาพถ่ายนะครับ ถึงเป็นผู้ชายก็เถอะ”

ผมชะงักมองหน้ามัน

“หน้ามันหมวย ตอนท้องคิดว่าเป็นผู้หญิง ยิ่งไปอัลตราซาวด์ หมอบอกว่าเป็นผู้หญิง ไม่รู้ตอนอยู่ในท้องหนีบไว้ท่าไหนเขาถึงมองไม่ออก คลอดออกมาตะลึงกันหมด เพราะเป็นน้องเล็ก ลูกโดดด้วย เลยดื้อสะบัด ยังไงก็ฝากน้องด้วย” ม้าไล่ยาว

“เดี๋ยวนะม้า ใครหน้าหมวย อั๊วหล่อจะตาย”
ผมเลิกจิกมือมันมาเถียงม้า แต่มือผมยังอยู่บนมือมัน

“หล่อไม่เท่าพวกเฮียลื้อ”
ผมหน้ามุ่ย เอาความจริงมาพูดกันทำไมวะ

ป๊าปัดมือไปมาให้ผมเลิกเถียงแล้วหันมาคุยกับคนข้างตัวผมต่อ

ผมหันกลับมาสนใจสภาวะเดิมตัวเองต่อเหมือนกัน ก็เพิ่งเห็นว่าตอนนี้คดีพลิก

พลิกไปไกลมาก
เพราะตอนนี้มือผมไปวางอยู่บนหน้าขามัน มือผมอยู่ล่าง มือมันอยู่บน ผมอ้าปากค้าง จะดึงมือกลับ แต่มันยึดจับแน่น จะดิ้นมากก็ทำไม่ได้เพราะเดี๋ยวคนอื่นรู้

ไอ้บ้า
ได้ อยากได้มือกูดีนักใช่ไหม

ผมจิกหน้าขามันแรง เสียดายที่มันไม่ใช่ผิวเนื้อ ไม่งั้นมีเหวอะแน่ๆ มันหยุดมือผมไว้ บีบมาแรงๆ ผมเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด กัดฟันพยายามไม่แสดงอาการอะไรออกมา

เจ็บครับ
ผมหันไปมองหน้ามัน แต่มันไม่สนใจผม ผมพยายามจะดึงมือกลับ แต่มันไม่หลุด

และก่อนที่นิ้วผมจะหัก มันก็คลายแรงบีบลง มือผมสั่นริก เจ็บจริงนะครับ คิดว่ามือจะหักซะแล้ว ผมพยายามจะดึงมือกลับอีกรอบ แต่มันไม่ยอมปล่อย

“อั๊วจะไปเข้าห้องน้ำ”
ผมหาทางเลี่ยงด้วยการดันตัวลุก มันคลายปล่อยมือผมออกทันที เพราะขืนจับไว้คนคงเห็น

โหย กูน่าจะใช้วิธีนี้ตั้งนานแล้ว
ผมไม่รอให้ใครอนุญาต ก้าวออกมาทันที ระหว่างทางก็ยกมือขึ้นดู

บีบมาได้ซะแรง แดงเลย
ผมเป่าฟู่ๆ เล่นกับมันแรงๆ มีหวังไม่ตายดีแน่ แต่หมั่นไส้นี่ครับ และอีกอย่าง ผมอยากทำให้มันรำคาญผมเยอะๆ ด้วย มันจะได้ยกเลิกการแต่งครั้งนี้

ผมเดินเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัว พอเรียบร้อยก็เปิดประตูออกไป ผมชะงักเพราะมีใครบางคนมายืนอยู่แถวๆ อ่างล้างหน้า มันสบตาผม ยกยิ้มนิดหนึ่ง

ผมขนลุกเกรียว

“เล่นอะไรเป็นเด็กไปได้อาหงส์”

ผมเชิดคอขึ้น
“งั้นก็ยกเลิกงานแต่งซะสิ”

“นายก็รู้ว่ามันทำไม่ได้ กะจะแกล้งให้ฉันรำคาญรึไง”
เดี๋ยวนะ สรรพนามแทนตัวนี่มันหมายความว่ายังไง

“ใช่”
ผมยอมรับตรงๆ

คนตรงหน้าส่ายหัวไปมา
“เด็ก ฉันไม่ได้พิศวาสอะไรนายหรอกนะ ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ล้วนๆ ทำตัวดีๆ หน่อย”

“ไม่”
ผมปฏิเสธทันที
ยื้อได้ยื้อ ขวางได้ขวาง มันถอนหายใจแรง ยกยิ้มนิดหนึ่ง

“รู้อะไรไหม”

“ไม่รู้”
ผมปฏิเสธทันทีอีกรอบ

“ฉันชอบเลี้ยงเด็ก”
ผมขมวดคิ้วมองงงๆ

“โดยเฉพาะเด็กดื้อๆ”
คิ้วผมขมวดยิ่งกว่าเดิม

“เพราะเวลาปราบมันสนุกดี”
มันยกยิ้ม ทาบมือหนึ่งกับกำแพงข้างไหล่ขวาผม อีกข้างใกล้ไหล่ซ้าย ผมมองซ้ายทีขวาที

ทำไม จะต่อยเหรอ กล้าต่อยก็เอาดิ ผมก็ไม่ใช่หมูๆ ถ้ามันต่อยมา ผมจะต่อยกลับเหมือนกัน ผมจ้องมันเขม็ง ประกาศด้วยสายตาว่าถ้ามันทำอะไรมา ผมสู้แน่

มันยกยิ้ม
“ฉันเคยปราบเด็กดื้อมาเยอะนะ”
จะอวดว่าตัวเองเก่งงั้นสิ ลาออกไปเป็นครูเลยไป๊

“แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กตัวเล็กๆ อายุไม่เกิน 12-13”

แล้วไง

“แต่ไม่เคยปราบเด็กโตมาก่อน”
โด่ พวกไม่มีความสามารถ

“คิดว่าใช้สูตรปราบเด็กแบบปกติไม่น่าจะเชื่อง”

เดี๋ยวนะมึง เชื่องนี่มันใช้กับหมาไม่ใช่เหรอ!

“อาจต้องใช้วิธีอื่น”
ขนาดม้ายังระอา มึงจะทำอะไรกูได้

ผมทำสีหน้าเยาะเย้ยท้าทาย

ก่อนที่มันจะ….


(100%)
__________________________________

จะ... เดากันออกไหมว่าเกิดอะไรขึ้น = =;
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (35%) [P.1][24-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 24-04-2017 21:08:10
 :katai4:เอาอีกๆ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (35%) [P.1][24-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 24-04-2017 21:39:34
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (35%) [P.1][24-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-04-2017 22:55:33
 :m20:
 
 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (35%) [P.1][24-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-04-2017 03:07:39
 :z13:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (35%) [P.1][24-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-04-2017 09:22:02
ค่าตัวแพงจริงนะไป่หลงเนี่ย เมื่อไหร่จะโผล่มา
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (35%) [P.1][24-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 25-04-2017 11:29:00
รอตอนต่อไปป
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (70%) [P.1][26-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 26-04-2017 08:15:29
55555 ชอบไป่หลง
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (70%) [P.1][26-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 26-04-2017 09:36:26
อยากไปแอบใต้เตียงของเฮียหลงกับน้องหงส์คืนวันแต่งงานแล้วสิ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (70%) [P.1][26-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 26-04-2017 10:07:10
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (70%) [P.1][26-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 26-04-2017 10:09:49
น่าร้ากกก เฮียไปอีกก
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (70%) [P.1][26-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 26-04-2017 10:25:17
 :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (70%) [P.1][26-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 26-04-2017 12:09:34
ยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยกอีกคู่นี้ :oo1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (70%) [P.1][26-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 26-04-2017 13:12:24
 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (70%) [P.1][26-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 26-04-2017 17:19:46
ชอบบบบ ฮามากกก :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (70%) [P.1][26-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-04-2017 17:21:00
ดูท่า เฮียไป่ เป็นดาวข่มหงส์ ซะแล้ว
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (70%) [P.1][26-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-04-2017 22:59:13
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (70%) [P.1][26-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-04-2017 23:38:11
 :m20:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (100%) [P.1][27-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-04-2017 02:39:18
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (100%) [P.1][27-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: aunszMT ที่ 28-04-2017 12:19:59
รอคนพี่ไป่หลงมาปราบเด็กดื้อ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (100%) [P.1][27-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 28-04-2017 13:52:01
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (100%) [P.1][27-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Banarot ที่ 28-04-2017 17:41:41
สนุกมาก ตอนแทนตัวเองว่าเฮียก็น่ารัก
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!! (100%) [P.1][27-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-04-2017 17:44:59
เฮียกับลูกน้องนี่พอกันเล้ย...

ปล. เราอยากอ่านแบบเต็มตอนหรือไม่ก็ทีละครึ่งก็ยังดีนะคะคนเขียน หั่นมากเกินความรู้สึกไม่ค่อยปะติดปะต่อ
หัวข้อ: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า (120%) [P.2][1-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 28-04-2017 20:37:57
หงส์ซาน #4 ช็อคซินีม่า


ผมยืนตะลึง ตัวแข็งทื่อ ตาเบิกกว้าง

มันไม่ได้หักแขนผม

มันไม่ได้ต่อยผม

มันไม่ได้กระทืบเท้าผมแก้แค้นคืน

แต่มันกำลัง

“อึก...”

จูบผมอยู่ครับ!!

สองมือมันยังกักผมไว้กับกำแพง ก้มเพียงหน้าลงมาจูบ จูบไม่จูบเปล่า มันยังแทรกลิ้นเข้ามาเกี่ยวลิ้นผมด้วย ผมยืนช็อก พอตั้งสติได้ก็รีบผลักมันออก แต่มันไม่ขยับ จะหนีมันก็ใช้แขนกั้นผมไว้ทั้งสองข้างซ้ายขวา ผมพยายามทึ้งดึงมันออก แต่ทำยังไงมันก็ไม่สะทกสะท้าน ผมเปลี่ยนจากการดิ้นรนเป็นจิกมันแทน

ไม่รู้ว่ามันรำคาญหรือเจ็บกันแน่ มันรั้งสองข้อมือผมไปกดติดกำแพงด้านหลัง

ให้ตาย ผมน่าจะเรียนวิชาขัดขืนลิ้นคนมาด้วยจะได้รู้วิธีต่อต้าน และต้องเรียนวิธีต่อสู้เวลาถูกจับขึงพรืดแบบนี้ด้วย

แล้วก็ให้ตายอีกรอบ!!

มันจูบเก่งมาก!!

ปลายลิ้นเลาะอัดลิ้นผมภายในจนน่วมระบมอ่อนล้าไร้แรงขัดขืน หน้าผมแหงนไปตามแรงกด รู้สึกระทวยจากปากลามมาที่คอ พุ่งตรงมาที่อก ต่ำลงไปที่หน้าท้องพ่วงแขนขาให้ชาดิกแล้วก็โรยแรง ขาผมอ่อนยวบทันที กำลังจะร่วงแต่มันขยับเข้ามาใช้ลำตัวกดผมติดกำแพง มวลมากมายบิดเกลียวไปทั่วทั้งท้องน้อยจนตัวผมสั่นริก สมองเหมือนโดนสาดด้วยสีขาว น้ำตาคลอเบ้า

ผมไม่ได้กำลังเสียใจ

ไม่ได้กำลังโกรธด้วย

แต่ท้องไส้มันปั่นป่วนแปลกๆ จนต้องหาทางระบายออกทางดวงตา ภาพตรงหน้าพร่าเลือนไปหมด ผมพยายามครางท้วง แต่เรี่ยวแรงถูกสูบหายไป เสียงท้วงผมถึงได้เครือครางจางอยู่แค่ในลำคอ มันบดขยี้กลีบปากผมแรง ลิ้นภายในก็รุกเร้าไม่หยุด

แล้วมันก็ถอนปากออก ผมอ้าปากค้าง พยายามกอบโกยเอาอากาศเข้าปอด น้ำลายบางส่วนไหลตกมาที่มุมปาก สมองยังขาวโพลน ภาพตรงหน้ายังพร่าเลือน เรี่ยวแรงยังไม่กลับเข้าอู่ ขาแข้งแม่งเหมือนเป็นอัมพาต ยืนอยู่ได้ตอนนี้เพราะมันกดตัวผมติดกำแพงนี่แหละ

“ทำไมไม่พยศต่อล่ะ”

“ไอ้…”
ผมพยายามเค้นหาคำพูด แต่คิดไม่ออกครับ

“หวานกว่าที่คิด”
มันก้มลงมาเลียน้ำลายตรงมุมปากผมเบาๆ ทิ้งมือผมเปลี่ยนมาเป็นโอบรอบเอวผมไว้แทน

โห แขนผมร่วงผล็อยเหมือนหุ้นตกเลยครับ ตัวผมร่วงตามลงไปด้วยเซซบเข้ากับแผงอกกว้าง

น่าขายหน้าสุดๆ!!

ผมพยายามรวบรวมกำลังกลับคืน 

แต่พระเจ้า มันดูดพลังผมไปหมดเลย แรงจะยืนยังแทบไม่มี มันงับติ่งหูผมเบาๆ ผมรีบเอียงหน้าหลบ

“ทำตัวดีๆ”

“เชื่อก็บ้าแล้ว”
ผมกอบกู้พลังเป็นครั้งสุดท้ายผลักตัวเองออก เช็ดคราบน้ำลายที่ปากแรงๆ มองกลับตาขวาง

“จะฟ้องป๊า”

“ฟ้องว่าอะไร”

ผมชะงัก
นั่นสิ ฟ้องว่าอะไร ฟ้องว่าโดนจูบงั้นเหรอ

หูย ศักดิ์ศรีกู

ผมกำหมัดแน่น เหวี่ยงกำปั้นใส่มันสุดแรง กะเอาให้หน้าหล่อๆ ของมันเบี้ยวไปข้าง แต่มันเร็วกว่ารับไว้ได้ ผมปล่อยอีกหมัดตามไปติดๆ แม้พลังข้างซ้ายจะน้อยกว่าข้างขวาก็ตาม แต่ถ้าโดนเต็มๆ ก็ตาแตกได้เหมือนกัน

มันเร็วกว่ารับไว้ได้อีก จับหมัดผมไปรวมกันไว้ด้านหลัง

มือไม่ว่างเท้ายังมี ผมจะกระทืบตีนมัน แต่มันก็ขยับหนีไปได้อีก ผมยกเข่าหวังกระแทกกล่องดวงใจมัน มันก็ยังเร็วกว่าใช้เข่ากั้นไว้ได้อีกเช่นกัน

มือไม่ได้ เท้าไม่ถูก เข่าไม่ถึง งั้นมึงก็เอาลูกโหม่งไปกินเลย!

มันหยุดผมไว้อีกครั้งด้วยการดึงข้อมือผมด้านหลังจนต่ำ โหม่งได้เพียงอากาศเท่านั้น ผมจ้องมันตาขวางอย่างนึกเจ็บใจ

“แน่จริงตัวๆ ดิวะ”

“ชอบเหรอ แบบตัวต่อตัว”

“ใช่”

มันยกยิ้ม

“ได้สิ แต่ที่นี่คงไม่เหมาะ ไว้ให้ลับตาคนกว่านี้สักหน่อยก่อน”

“ได้เลย เราจะได้เห็นดีกัน”

“นั่นน่ะสิ ฉันอาจจะได้เห็นอะไรดีๆ มากกว่าที่คิดก็ได้”
มันหัวเราะหึๆ จับผมพลิกหันหลังชนอกมัน คีบคางผมไว้กันดิ้นรน ผมพยายามฝืนดึงหน้าออก แต่มันไม่หลุด

“ปล่อยดิวะ!”

“พูดจาให้เรียบร้อย ฉันชอบคนพูดเพราะๆ”

“ปล่อยกู!!”
เป็นไง เพราะพอไหม ผมหัวเราะหึๆ

มันจิ๊ปาก

“ดื้ออย่างที่เขาล่ำลือกันจริงๆ เด็กดื้อต้องถูกทำโทษ”

“มึงไม่ใช่แม่กู ปล่อย”

“พูดเพราะๆ อาหงส์”

“ไม่”
ผมกะยั่วให้มันแลกหมัดกันตัวต่อตัว มันจับผมพลิกหันไปเผชิญหน้าอีกรอบ ผมเตรียมสวนหมัดกลับ

แต่ไม่ทันครับ TT

มันสวนกลับมาก่อน แต่ไม่ใช่ด้วยหมัด

เป็นปากมันเอง

อ้ากกกก สองรอบแล้วนะ มึงจูบกูสองรอบแล้วนะ!!!

ผมครางท้วงอู้อี้ในลำคอ พยายามผลักมันออก แต่มันไม่ขยับสักนิด รสจูบของมันค่อยๆ พรากเรี่ยวแรงผมไป มือที่พยายามผลักไสแปรเปลี่ยนมาเป็นหาที่ยึดเหนี่ยว เสียงท้วงฮึดฮัดเปลี่ยนเป็นเสียงท้วงเบาๆ

ไม่ใช่ท้วงสิ

นี่มันครางชัดๆ!!!

ความรู้สึกต่อมาคือมือมันที่บั้นท้ายผม มันบีบเบาๆ จนผมเผลอครางตามแรงบีบนั้น

มะ มึง มึง มึง มึงบีบก้นกู!

มันถอนปากออก

“นี่คือบทลงโทษสำหรับลื้อนะอาหงส์ เชื่อฟังเฮียดีๆ”
แล้วมันก็ปล่อยผมให้เป็นอิสระ ร่างที่ไม่มีอะไรรองรับทรุดฮวบลงไปนั่งขาพับที่พื้นทันที มันขยับปรับสูท หันไปมองกระจกเพื่อเช็กความเรียบร้อย หันหลัง เดินหล่อๆ ออกไป

ผมยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม สมองเหมือนถูกกระชากแบตออกกะทันหัน

มึง มึง มึง มึ๊ง!!!!




สองนาทีหลังมันเดินออกไป ผมเปิดน้ำทิ้งไว้ บ้วนปากเป็นรอบที่สิบ เช็ดๆ ถูๆ ริมฝีปาก ล้างจนเสื้อเปียกหัวเปียกไปหมด

ล้างรอยจูบที่มันทำ

เจ็บใจครับ มันแกล้งผม มันต้องการย่ำยีศักดิ์ศรีผม

ที่เจ็บใจคือ ผมตื่น!!

แต่ผมไม่ได้ช่วยตัวเองหรอก นับหนึ่งถึงสิบมันก็สงบแล้ว ร่างกายชายหนุ่มวัยยี่สิบ มันตื่นง่ายก็เรื่องปกติ แต่เจ็บใจที่มันตื่นเพราะถูกผู้ชายจูบนี่แหละ

“คิดว่าตกส้วมตายซะอีก เข้าห้องน้ำอะไรของลื้อนานจริงๆ อาหงส์”

ผมเงยหน้ามองเฮียฮันที่ยืนกอดอกอยู่หน้าประตู

“ล้างทำไมหน้า เปียกหมดแล้ว เปื้อนอะไรมาถึงได้ถูจนปากแดงเจ่อขนาดนั้น”

ตอนเฮียฮันทักผมยังถูอยู่ ผมเงยหน้ามองตัวเองในกระจก ปากเจ่อแดง สงสัยจะถูแรงไปจริงๆ เส้นผมเปียกมะล่อก ผมถอดสูทออกก่อนหน้านั้นแล้ว ตอนนี้เสื้อเชิ้ตเปียกไปครึ่งตัว ดวงตาลุกวาวเหมือนเสือแม่ลูกอ่อน

“เยินหมดแล้วอาหงส์ รีบออกไปเร็ว อาหลงจะกลับแล้ว ไปส่งแขกหน่อย”

“ไม่ไป จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”

“เสียมารยาท ออกไปส่งก่อน แล้วค่อยเข้าห้องทีเดียว ป๊าสั่งมา อย่าดื้อ เดี๋ยวโดนตัดค่าขนมหรอก”

ผมเม้มปากแน่น จำต้องคว้าเสื้อสูทมาถือ แต่ไม่ใส่หรอก ไปแบบไม่เรียบร้อยนี่แหละ

ผมเดินหน้าหงิกออกไป

“ไปทำอะไรมาอาหงส์ ตัวเปียกเชียว”

ผมไม่สนใจเสียงทักของม้า มองแขกบ้านแขกเรือนตาขวาง มันคงอ่านออกว่าผมกำลังไล่มันออกจากบ้านอย่างเอาเป็นเอาตาย มันมองตาผม เลื่อนต่ำลงไปที่ริมฝีปาก

กูล้างมาไม่ต้องมอง

ต่ำลงไปแถวๆ ลำคอ และเสื้อ
แน่นอน มันเปียกมะล่อกราวกับอาบน้ำมา ชอบความเรียบร้อย ผมก็ทำตัวไม่เรียบร้อยใส่มันซะเลย

เป็นไงล่ะ มารยาทมีไว้สำหรับทุกคนยกเว้นมึง

มันเลื่อนสายตามาสบตาผมอีกรอบ หันไปทางป๊า

“งั้นผมขอลาล่ะครับ”
มันล่ำลาป๊า ขยับเดินเข้ามาใกล้ผม ก้มหอมแก้มเบาๆ ผมตัวแข็งทื่อ

“เจอกันวันแต่ง”
ผมมองมันตาขวาง มันหัวเราะ หันไปพูดอะไรกับป๊าและม้าเสียงเบา ป๊ากับม้าตาโต สักพักมันก็เดินขึ้นรถไป โดยคนเปิดประตูให้คือซันไรส์คนเดิม ประตูปิดลง ไม่กี่วิหลังจากนั้น รถคันหรูก็เคลื่อนออกจากบ้านไปช้าๆ
 
พอรถหายลับ ป๊าก็หันมามอง เดินมาตบไหล่ผม ทำหน้าภูมิใจ

“อั๊วดีใจที่มีลูกอย่างลื้อ”
แล้วป๊าก็เดินจากไป ม้ายืนยิ้มกรุ้มกริ่ม ผมมองม้าด้วยสีหน้างุนงง ม้าเดินมาลูบหัวผมเบาๆ

“ตอนท้อง ซินแสบอกว่าลื้อจะเป็นลูกสาวที่นำความโชคดีมาสู่บ้านเรา แต่พอเป็นผู้ชาย ป๊าก็ไม่ใช้บริการซินแสคนนั้นอีก เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าต่อให้เป็นผู้ชาย ลื้อก็ยังทำหน้าที่ได้ดี”

ผมอ้าปากค้าง

“เมื่อกี้หมอนั่นบอกว่าอะไร”

“พูดไปลื้อก็ไม่รู้เรื่องหรอก เอาเป็นว่า ผลดีตกกับครอบครัวเราละกัน”
แล้วม้าก็เดินอารมณ์ดีเข้าบ้านไป

ผมโดนน็อกดาวน์พาวเวอร์อยู่กับที่ ซันไรส์เดินเข้ามาใกล้ ดึงเสื้อสูทไปจากมือผม กลัดกระดุมให้ ผมยังยืนช็อกไม่หาย มันถอนหายใจแรง

“ไม่น่าเชื่อว่าเจ้านายจะมาหลงเสน่ห์คนขี้เหร่แบบนี้ได้”

ผมอ้าปากค้าง

“ยั่วเก่งเหมือนกันนี่ครับ”

คะ ใครไปยั่วอะไรใครตอนไหน!!!

“ไปอาบน้ำพักผ่อนได้แล้วครับ ผิวจะได้สวยๆ”

อ้ากกกกกกกก กูจะฆ่าพวกเมิงงงงงงงง
 





ซินแสที่ป๊าไม่ใช้บริการอีกเลยหลังจากผมคลอดย่างกรายเข้ามาในบ้านเราอีกครั้ง หนวดแบบอาแปะแท้ ตาเป็นขีด เคยสงสัยมาตลอดว่าเขามองเห็นด้วยเหรอ คิดว่าซินแสคนนี้ตาบอดซะอีก ผมเคยเห็นเขาบ้าง เพราะค่อนข้างมีชื่อ แต่ก็อย่างที่บอก ป๊าม้าไม่เคยเรียกใช้อีกเลยหลังจากผมคลอด เพิ่งเห็นเขาโผล่มาที่บ้าน ไม่รู้เรียกมาคุยเรื่องอะไร ได้ยินเสียงหัวเราะร่วนเลย

“คุณหงส์ซาน เชิญด้านในค่ะ”

ผมลุกจากบ่อปลาเดินหน้าหงิกเข้าไปหา ทำความเคารพเล็กน้อย เพราะไงก็เด็กกว่า

“หน้าตาน่ารักเชียว”
เขาพูดด้วยภาษาไทยลิ้นแบบคนจีน ผมมองตาขวาง เกลียดสุดเวลาถูกมองว่าน่ารักนี่แหละ

หล่อสิเว้ยหล่อ

“หึๆ”
อ้ากกก ผมเกลียดพวกชอบหัวเราะแบบนี้ด้วย!!

ร่างหลักผมยังยืนนิ่งอยู่กับที่ แต่ภายในวิ่งไปเอาปากกามาวาดหนวดแมวใส่มันเรียบร้อย

“หาฤกษ์ให้อีหน่อย ซินแสจางให้มาแล้ว ถามลื้ออีกรอบว่าฤกษ์เดียวกันไหม หรือต้องเอาฤกษ์ใหม่”

“ล่ายๆ”
เขารับปาก จัดการดึงอุปกรณ์มากมายออกมาจากกระเป๋า นั่งหลับตา (จริงๆ คงพยายามลืมตาแล้ว แต่ลืมได้แค่นั้น)

ผมยืนกอดอกมอง
ความเงียบปกคลุมไปทั่ว ผมชักเมื่อยไปหาเก้าอี้นั่ง แคะขี้เล็บคอย หาไปทำไม ไงก็ต้องหย่า เห็นอาป๊าพูดจาซุบซิบ ผมนึกอะไรขึ้นได้

“เออ ซินแส เป็นไปได้หาฤกษ์ที่ทำให้หย่าให้เร็วที่สุดนะ”
ซินแส ป๊าม้าเงยหน้ามองผมพร้อมกัน ป๊าคิ้วขมวดแต่ไม่พูดอะไร ก้มลงไปมองซินแสต่อ ผมนั่งหงุดหงิดคอย

“ฤกษ์เดียวกับอาซินแสจางนั่นแหละ ดวงอาไป่หลงแรง แต่ดวงอาหงส์แรงกว่า สองคนนี้เขาเกิดมาเพื่อกันและกัน ดวงอาหงส์มันดวงเสริมสามี”
เดี๋ยวนะ ได้ข่าวว่าผมเป็นผู้ชาย

“อยู่ด้วยกันแล้วร่มเย็นเป็นสุข”
สุขตรงไหน เมื่อกี้จะต่อยกันตายในห้องน้ำแล้ว

“มีทายาทสองคน”
เดี๋ยวๆ ได้ข่าวว่าผมไม่มีรังไข่ จะท้องได้ไง

“ทายาท?” อาป๊ากับอาม้าทำหน้างง “ได้ไง อาหงส์เป็นผู้ชาย”
นั่นน่ะสิ ป๊าถามได้ดีมาก

“วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ นี่ ดวงมีลูกสืบสกุลแน่ๆ ลูกชาย สองคน”
ผมอ้าปากค้าง ม้ากับป๊าทำหน้าดีใจ ผมดีดตัวลุก

“ไร้สาระ อั๊วไม่คิดจะใช้ชีวิตกับผู้ชายยันแก่ยันเฒ่ามีลูกมีหลานหรอกนะ”

“อาหงส์ ลื้อนั่งอยู่เฉยๆ” ป๊าปราม

“ป๊า!”

“เงียบ!!”
ผมจำต้องหุบปากลงฉับ

“ดวงอาหงส์เกื้อหนุนครอบครัว ในบรรดาพี่น้อง ดวงอับเรื่องงานที่สุด”
ผมอ้าปากค้างยิ่งกว่าเดิม

“ดีแล้วที่ลื้อไม่ให้อีแตะงาน ไม่งั้นเจ๊ง!”
มิน่า ป๊าถึงไม่ยอมให้ผมทำงานเลย

“แต่ดวงอีเสริมสามี เสริมครอบครัว ให้อยู่เฉยๆ น่ะดีแล้ว”

“เฮ้ย!!” ผมโวยลั่น

“อาหงส์ หุบปาก!!”
ผมหุบปากลงฉับตามคำป๊า นั่งควันออกหู ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ดังมาจากแถวๆ ประตู ผมหันขวับไปมอง เห็นซันไรส์ยืนหน้านิ่ง

มันต้องหัวเราะผมอยู่แน่ๆ

“อีเป็นผู้ชาย แล้วจะให้อีแต่งตัวแบบไหนวันแต่ง”

“แต่งแบบเจ้าสาวเต็มยศเลย แต่งหน้าให้สวยๆ นะ ยิ่งสวยยิ่งดี เฮง เฮง เฮง”
ผมแทบกรีดร้องออกมาเป็นภาษาตุรกี ไปบริจาคเอาเลือดจีนออกตอนนี้สภากาชาดจะรับไหมครับ

“อั๊วไม่ยอม!!” ผมค้านลั่น

“ได้” ม้าไม่สนใจคำค้านผมเลย

“สองคนนี้เขาเป็นเนื้อคู่กัน”
ตรงไหนวะ!!! ไอ้ซินมั่ว!!

“ป๊า ศักดิ์ศรีบ้านเราอยู่ตรงไหน อั๊วเป็นผู้ชาย ป๊าไม่อายรึไง จับลูกชายแต่งหญิง เขาจะว่าลูกป๊าเป็นตุ๊ดนะ”

ป๊าปัดมือไปมากลางอากาศ
“ถ้าลื้อเป็นตุ๊ดแล้วทำให้ครอบครัวเราเฮง ป๊ายอม”

อ๊ากกกกกกกกกกก

ผมสะบัดตูดออกไปจากตรงนั้นทันที เดินกระฟัดกระเฟียดเข้าห้องปิดประตูดังปัง กระโดดเทคตัวแรงหน้าทิ่มหมอน ทุบปักๆ อย่างเจ็บใจ

ทำไมผมไม่เกิดมาเป็นผู้หญิงจริงๆ เลยนะ จะได้ตัดปัญหาเรื่องต่างๆ ออกไป ผมนอนทอดอาลัยตายอยาก กระทั่งหลับไป



ผมพยายามยื้อเวลาเอาไว้สุดฤทธิ์สุดเดช
ถ้าเวลาคือคนผมก็คงจับแขน เบรกด้วยส้นเท้าจนดินตรงนั้นครูดหายไปเป็นทาง แต่เวลามันไม่เคยหยุดเดิน ไม่เคยมูนวอร์กแบบพี่ไมเคิล แจ็กสันด้วย เพราะงั้นผมฉุดรั้งมันไว้แค่ไหน สุดท้าย ผมก็ต้องพลิกปฏิทินใบเก่าทิ้ง วันมหาวิบัติกับชีวิตของผมก็มาถึง

และวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้อยู่บ้านตัวเอง บอกลาพี่หมีที่อาเฮียหยกเคยซื้อให้ (ตอนแรกผมจะเอาไปด้วย แต่ม๊าสั่งห้าม) ไม่เป็นไร มาขนเอาวันหลังก็ได้

ผมไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะบ้านเราจัดงานกันหลายรอบจนหลับตาผมก็บอกได้ว่าต้องทำอะไรยังไงก่อน แต่ผิดกันตรงที่ผมต้องแต่งเข้าบ้านเขาไม่ใช่รับเจ้าสาวเข้าบ้านแบบที่วางแผนไว้แต่แรก (มารอบนี้ผู้ใหญ่ให้จัดแบบจีนแท้ครับ เพื่อความเป็นสิริมงคลตามที่ซินแสแนะนำ)

ผมถูกซันไรส์ปลุกตั้งแต่ตีสี่เพื่อแต่งหน้า ผมตื่นขึ้นมาแบบไม่เต็มใจสุดๆ เบ้หน้าเมื่อเห็นชุดสีแดงสด ตั้งแต่กิ๊บติดผมยันรองเท้า ม๊าเรียกช่างแต่งหน้ามือดีมาสองคน คนหนึ่งแต่งหน้า อีกคนทำผม ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการเป็นเจ้าสาวต้องอดทนนั่งเอาสารพัดครีมสารพัดแป้งพอกกันหนาเตอะขนาดนี้

ดีแต่ว่าบรรดาอาเจ้ผมเคยมีประสบการณ์พอกหน้ากันมาก่อน จึงแนะนำว่าควรจะโบ๊ะบางๆ เพราะเดี๋ยวหนักหน้าเปล่าๆ ผมนั่งเบื่อให้คนไถลคิ้ว กรีดตา วาดกรอบปาก ลงรองพื้นปาก ลงสีลิปติก หลังจากนั้นช่างก็มาทำผมต่อ ต่อให้ผมสั้นเขาก็จัดแต่งออกมาได้ หลังจากผมก็ตามด้วยชุด เขาให้ผมยืน แล้วจัดการสวมใส่ให้ทีละชิ้น ยิ่งแต่งศักดิ์ศรีแห่งความเป็นชายตลอดยี่สิบปียิ่งถดถอยลงเรื่อยๆ และก่อนที่มันจะต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ผมรีบฉุดมันขึ้นมาครองอกอีกรอบ

ไม่ได้ แค่แต่งตัวเป็นผู้หญิง แค่ต้องแต่งงานในฐานะผู้หญิง ไม่ได้ทำให้ศักดิ์ศรีหรือค่าแห่งความเป็นชายของผมหายไปสักหน่อย ไอ้คนบังคับให้ผมต้องทำหน้าที่นี้ต่างหาก (ไม่รวมป๊าม๊านะครับ มันบาป)

ผมยืดตัวตรงหลังชุดแต่งงานมาอยู่บนตัวครบ

“อาหงส์...”

ผมละสายตาจากที่มองเหม่อไปมองอาเจ้หมวยคนเรียก เจ้หมวยยืนทำหน้าตะลึง

เหอะ ก็น่าจะตะลึงอยู่หรอก อุตริจับผู้ชายมาแต่งหญิง ขายหน้าขึ้นมาผมไม่รับผิดชอบเด็ดขาด

“ลื้อรู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองสวยขนาดไหน เหมือนเห็นตัวเองส่องกระจกเลย”

อ้าว

ผมรีบหันไปมองกระจกทันที

แล้วยืนนิ่งไป

เพราะคนที่ยืนอยู่หน้ากระจกตอนนี้ ไม่ใช่ผมหรอก มันคือเจ้หมวย พี่สาวคนสวยของผมชัดๆ ใบหน้าเรียวได้รูป ดวงตาเฉี่ยว ใบหน้าหวานขึ้นเป็นกอง ชุดก็ออกแบบมาให้เข้าทรง ไม่ใช่แบบจีนแท้ที่จะตัวใหญ่เทอะทะเกินไป

อื้อหือ

โห

ขนาดนี้เลยเหรอ

“ว้าว สวยจัง”
ม้าเดินมาจากไหนไม่รู้ ถลาเข้ามาจับผมพลิกซ้ายพลิกขวาดู แล้วบรรดาพี่ป้าน้าอาก็เข้ามามะรุมมะตุ้มรุมดูผมเป็นการใหญ่(เฉพาะผู้หญิงครับ) แล้วหลังจากนั้นพวกเขาก็จับผมมานั่งรอเวลาให้เจ้าบ่าวยกขันหมากมาสู่ขอ

ผมนั่งถอนหายใจแรงใส่อากาศ จริงๆ วันนี้เป็นวันมงคล ไม่ควรถอนหายใจผลาญปอดตัวเองแบบนี้ แต่ผมไม่อยากให้มันมงคลไง อะไรที่อัปมงคลผมก็อยากจะทำ

“สวยดี”

ผมหันไปมองคนพูด เบ้หน้า

“ไม่ชมจะดีใจมากเลย ไม่ไปอยู่กับเจ้านายนายรึไง”

“ผมมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยคุณหงส์ทุกฝีก้าว”

“ไม่เข้ามาขี้ด้วยเลยล่ะ”
ผมว่าฉุนๆ มันยกยิ้ม แต่ไม่พูดอะไร
 


“เจ้าบ่าวมาแล้ว เจ้าสาวเตรียมตัวนะคะ”
ใครสักคนตะโกนบอก หัวใจที่เต้นด้วยจังหวะเบื่อหน่ายขยับถี่เร็วขึ้น เพราะไม่กี่นาทีหลังจากนี้ ศักดิ์ศรีที่ผมหวงแหนนักหนา กำลังจะถูกพรากจากไป

จากมันนั่นแหละ

ไอ้เจ้าบ่าวซังกะบ้วย!!!



เนื่องจากฤกษ์ดี(มาก)มีแค่วันเดียว เพราะงั้นเราจึงจัดพิธีทั้งหมดภายในวันเดียว ม้าเดินเข้ามาหา แตะแก้มผมแผ่วเบา ใจหายยังไงบอกไม่ถูก อารมณ์พวกเจ้าสาวแต่งออกเป็นงี้ใช่ไหม ม้าเป็นคนจูงมือผมออกไป

โคตรอาย

ผมเป็นผู้ชายนะคุณ มาแต่งตัวด้วยชุดผู้หญิงแบบนี้ ผมนี่ไม่กล้ากระโดกกระเดกเพราะเกรงใจชุดสุดๆ ที่สำคัญมันเป็นกระโปรงด้วย กะเล่อกะล่ามีหวังหน้าทิ่มให้อายแขกเหรื่อที่มา

ผมเดินก้มหน้าออกมาตลอดทาง ไม่มองหน้าใครทั้งนั้น อายครับ คนเขารู้กันหมดว่าผมเป็นผู้ชาย แต่ต้องแต่งงานในฐานะผู้หญิง รู้ถึงไหน อายถึงนั่น ดีว่าผมไม่ใช่คนของสังคมมาก (พูดง่ายๆ คือถูกเลี้ยงดูให้เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน งานการพ่อก็ไม่ยอมให้ทำอย่างที่บอก)

ตอนแรกผมเข้าใจว่าหลังแต่งงาน พ่อจะไว้ใจให้ผมทำงานสักงาน หรือผมสามารถออกไปหางานทำเองได้ ที่ไหนได้ เขาเลี้ยงผมแบบไม่ให้แตะงานนี่เอง

ได้ยินเสียงซุบซิบมาให้ได้ยินตลอดทางว่าเจ้าสาวสวยมาก

อยากล้องห้ายยยย เอาศักดิ์ศรีกูคืนมา T^T

ผมเงยหน้ามองนิดหนึ่ง ปลายทางเดินมีเจ้าบ่าวผมยืนอยู่ ขนาดใส่ชุดเจ้าบ่าวแบบจีน มันยังหล่ออย่างกับพระเอกหนังจีนหลุดมา มันมองผมนิ่งๆ สายตาไม่ได้บ่งบอกว่ากำลังชื่นชมหรือเยาะเย้ยที่เห็นผมในสภาพนี้ ผมเผลอเม้มปากเน้น ก่อนรีบคลายปล่อย

ลืมไปว่าทาลิปติกมา เดี๋ยวเลอะ

ผมเดินไปหยุดอยู่ใกล้ๆ มันเพื่อเริ่มพิธี

ความรู้สึกของผมตอนนี้ เหมือนกำลังจะเดินเข้าสู่แดนประหาร เจ้าบ่าวมอบสินสอดทองหมั้นให้กับพ่อแม่ฝ่ายผม เงินทองเพชรนิลจินดา ป๊ากับม๊าเรียกค่าสินสอดเยอะเอาการอยู่เหมือนกัน

พิธีกรสั่งให้ทำอะไร ผมก็ทำ กระทั่งมาถึงพิธีสวมแหวน เราแต่งกันแบบจีนแท้ แต่เป็นจีนแท้สมัยใหม่ไม่ใช่แบบโบราณที่ขั้นตอนจุกจิกจะเยอะกว่า

ผมนั่งอยู่บนพื้นพรมตรงหน้ามัน ตลอดเวลาผมเฝ้าภาวนาให้เกิดแผ่นดินไหว สึนามิเข้า เหตุด่วนเหตุร้าย อิรักทิ้งระเบิดที่ไทย พิธีการบ้าๆ นี้จะได้พังลง

แต่ความหวังของผมมันริบหรี่เต็มทนเมื่อไอ้บ้าตรงหน้าจับมือผมขึ้นไปถือครอง หยิบแหวนบนพาน แล้วบรรจงสวมลงมาช้าๆ ผมกลืนน้ำลายลงคอ อยากกระชากมือออก แต่ผมรู้ว่าไม่ควรทำ ขาผมก้าวลงขุมนรกมาได้เกินครึ่งทางแล้ว

เขาสั่งให้ผมสวมให้เจ้าบ่าวด้วย ผมทำตามอย่างขัดใจ

หลังจากจบพิธีหมั้น เจ้าบ่าวก็ออกไป เพื่อกลับมาใหม่แล้วเข้าสู่พิธีแต่ง ผมยืนคอยอยู่ในห้องโถงเดิม ได้ยินเสียงล้งเล้งอย่างสนุกสนาน กระทั่งผมเห็นเจ้าบ่าวตัวเองอีกรอบ ในมือถือช่อดอกไม้สีแดงสด เดินตรงเข้ามาหา เขายื่นให้ ผมรับมาถือไว้ ในใจอยากจับฟาดหน้ามันแรงๆ แต่ก็ทำได้แค่ในจินตนาการเท่านั้น แล้วก็พากันไป

หลังจากนั้นก็เป็นพิธีคำนับฟ้าดิน เรายืนอยู่เคียงกัน หันไปคำนับฟ้าดินตรงจุดที่เขาเตรียมไว้ หันกลับมาคำนับพ่อแม่ แล้วจึงหันหน้าเข้าหากันและคำนับซึ่งกันและกัน ผมกัดปากแน่น ตาคลอ คนอื่นคงคิดว่าผมกำลังซาบซึ้งที่ได้แต่งงาน แต่ผมกำลังเสียใจต่างหาก คิดในใจ ไปอยู่ด้วยกันเมื่อไหร่ ผมจะป่วนให้มันอยากเลิกกับผมเร็วๆ

หลังจากนั้นก็ถึงพิธีถีบตูดผมออกจากบ้าน ผมไม่มีน้องชายจึงให้หลานชายเป็นผู้ถือโคมไฟนำหน้า พากันออกจากบ้านไปขึ้นรถ รถขบวนของเรามีจำนวนสิบกว่าคัน คันที่ผมจะนั่งถูกประดับด้วยผ้าสีแดงสด ออกไปคนก็เห็นกันหมด

ป๊าเป็นคนจูงมือผมออกไปที่รถ อวยพรยาวยืด พรมน้ำมนต์ให้ด้วย ผมกลืนบางสิ่งลงคอ ม๊าจับแก้มผมไว้เบาๆ นัยน์ดูเศร้านิดๆ แล้วบรรดาเพื่อนมีตังค์ของป๊ามารับหน้าที่ต่อ คนแรกเปิดประตูออกให้ คนที่สองจูงขึ้นรถ คนที่สามร่ายกลอนที่ไม่เข้าหูผม พอประตูปิดลงคนที่สี่ก็พรมน้ำมนต์มารอบรถ เรามีรถนำขบวนหนึ่งคัน โดยมีอาฮงหลานชายผมเป็นคนถือโคมนำหน้า

จะนำไปทำไม ท้องเองก็ไม่ได้

รถเคลื่อนขบวนช้าๆ ใจผมหายวูบ เพราะหลังจากนี้ผมต้องไปนอนบนเตียงบ้านหมอนี่ ไปอยู่กับพ่อแม่คนอื่น และหวังว่ามันจะแยกห้องกับผมนะ

ในรถส่งตัวเขาไม่ให้เจ้าบ่าวพูดกับเจ้าสาว ผมไม่อยากพูดกับมัน แต่อยากด่าเลยละ อยากหายตัวได้ หรืออย่างน้อยอยากให้เวลายืดออกไปอีกสักหน่อย แต่เวลาไม่เคยเข้าข้างผม ไม่นานรถก็ขับมาถึง

เอิ่ม…

ราชวังน่าจะถูกกว่า บ้านผมว่าใหญ่แล้ว มาเจอบ้านหมอนี่ อลังการมาก

พอรถจอด มีคนมาเปิดประตูให้ เจ้าบ่าวก้าวออกไปก่อน ผมก้าวตามลงไป เพื่อเข้าสู่พิธียกน้ำชา ผมกับมันต้องพากันไหว้ฟ้าดิน ไหว้เจ้าที่ ไหว้บรรพบุรุษกันก่อนเพื่อขออนุญาตมาอาศัยอยู่กับเขา แต่ผมอธิษฐานในใจว่าขอให้ทุกท่านช่วยถีบผมส่งออกจากบ้านเร็วๆ ด้วยเถอะ เพราะผมไม่อยากอยู่จริงๆ หลังจากนั้นก็เป็นพิธียกน้ำชาให้พวกท่านดื่ม

นับจากวินาทีที่เรารินน้ำชากลับลงกา ผมได้กลายเป็นเมียผู้ชายโดยสมบูรณ์แบบแล้วครับ
 

หลังจากนั้นก็เป็นพิธีส่งตัวเข้าหอ (แบบพอเป็นพิธีครับ เพราะเดี๋ยวต้องออกไปกินเลี้ยงและดูแลแขกกันต่อ) ผู้ใหญ่ที่รออยู่แล้วเข้าไปจัดการปูที่นอนให้ พาผมกับเจ้าบ่าว(ซังกะบ้วย)เข้าไปนั่งริมเตียง ผมขนลุกซู่ ตัวร้อนผ่าว ไม่ได้เกิดอารมณ์ แต่แหยงครับ เพราะนี่คือเตียงหอ

ผมไม่ยอมนอนกับมันจริงๆ แน่ๆ

มีใครสักคนบอกให้เจ้าบ่าวหอมแก้มผม ผมตาโต รีบส่ายหัว ใช้สายตาปรามบอกไม่ให้มันทำ แต่มันทำเป็นตาบอด ก้มหน้าลงมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ผมนั่งกัดลิ้น

มึง.. มึง.. มึงจำไว้ เสร็จงานเมื่อไหร่ หน้าแหกแน่

พอเป็นพิธีสำหรับการส่งตัวเข้าหอ เราพากันออกไปด้านนอกเพื่อร่วมงานเลี้ยงและดูแลแขกเหรื่อ

“เจ้าสาวลื้อสวยมาก”
อากงชมเปราะ

กง ผมเป็นผู้ชาย ผมเป็นผู้ชาย!

คนเชื้อสายจีนค่อนข้างเชื่อถือเรื่องดวงกันมาก พอซินแสบอกว่าผมกับมันคือเนื้อคู่กันเท่านั้นก็พากันรับได้กันหมด

ค้านกันสักคนก็ได้นะครับ ผมจะได้ไม่เดือดร้อน T^T

ไม่ว่าจะแต่งแบบจีนหรือไทย เจ้าบ่าวหรือเจ้าสาว ผมว่าเหนื่อยเหมือนกันหมดแหละ ผมต้องปั้นหน้ายิ้มรับแขกคนนู้นคนนี้ เพราะเรากินเลี้ยงกันที่บ้านเจ้าบ่าวเป็นหลัก (บ้านผมกินเลี้ยงแบบพอเป็นพิธี)

กว่าจะพากันเดินถ่ายรูปกับแขก กว่าจะต้อนแขกกลับบ้านกันหมดก็ปาเข้าไปตีสอง เหนื่อยมาก ขาผมนี่ล้าจนต้องนั่งแล้วนั่งอีก

“ไปพักได้แล้ว เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไป”
อาม้าของมันตบต้นแขนผมเบาๆ บอก ผมรอเวลานี้มานาน รีบบอกลาทุกคน ไม่สนใจเจ้าบ่าววิ่งลิ่วกลับขึ้นห้องก่อน ข้าวของผมอยู่ในห้องนั้นหมดแล้ว ขออาบน้ำล้างหน้าก่อนเถอะครับ หนักหน้ามาก เหนื่อยมาก อยากนอน

ไม่มีใครเตือนผมบ้างว่าเครื่องสำอางล้างยาก กว่าจะถูเอาไปที่โบ๊ะๆ อยู่ออกใช้เวลาเกือบชั่วโมง ผมหยิบชุดนอนตัวเก่งมาสวม ออกไปเห็นเตียงพิธีแล้วขนลุก น่าจะมีโซฟาสักอัน ไม่มีทางเลือกครับ ผมรีบกระโดดขึ้นเตียงทันที มุดหน้ากับหมอน แล้วหลับไปเลย


มีต่อ >>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59579.msg3626600#msg3626600  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59579.msg3626600#msg3626600)
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า (35%) [P.2][28-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 28-04-2017 20:43:22
เฮียเริ่มติดใจน้องแล้วใช่ป่าว  :ruready
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า (35%) [P.2][28-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 28-04-2017 20:50:03
เอะอะๆจูบงี้ ต้องรีบมาขอนะเฮีย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า (35%) [P.2][28-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-04-2017 22:01:49
 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า (70%) [P.2][29-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: empty102153 ที่ 29-04-2017 20:04:05
รอวันแต่งงานอาหงส์ไม่ไหวเเล้ว :oo1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า (70%) [P.2][29-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 29-04-2017 21:20:25
 :hao7: :hao7: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า (70%) [P.2][29-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 29-04-2017 21:32:33
อยากเห็นเจ้าสาว 5555
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า (70%) [P.2][29-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-04-2017 00:00:05
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า (70%) [P.2][29-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 30-04-2017 01:02:00
ปราบพยศเจ้าสาว ทีมอาเฮียฮะ :hao6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า (70%) [P.2][29-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-04-2017 01:06:07
 :L1: :3123: :pig4: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า (70%) [P.2][29-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 30-04-2017 08:08:12
อร้ายยยย ชอบบบบบอิโรติกฝุด
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า (70%) [P.2][29-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 30-04-2017 09:05:12
นายเอก ทำไรไม่ได้เลย ยอมอย่างเดียว ยอมๆไปเถอะ จะได้จบๆๆ ไปเพราะไหนๆๆ ก้อได้คิด แต่ทำไรไม่ได้นิ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า (70%) [P.2][29-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 30-04-2017 09:38:04
เอาจริงๆรู้สึกสงสารอาหงส์ เหมือนทางบ้านขายลูกเพื่อธุรกิจอ่ะ แต่คุณคนแต่งเขียนให้มันดูตลกเลยไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่ไม่ค่อยชอบที่ครอบครัวอาหงส์ไม่ใส่ใจความรู้สึกของอาหงส์เท่าไหร่  สงสารอาหงส์จริงๆ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า (100%) [P.2][30-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 30-04-2017 19:51:30
เดาว่าเดี๋ยวเฮียต้องเข้ามาเผด็จศึก
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า (100%) [P.2][30-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 30-04-2017 20:21:22
คิดว่าเฮียจะได้ฉลองคืนแต่งงานไหม 5555
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า (100%) [P.2][30-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 30-04-2017 20:32:04
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า (100%) [P.2][30-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 30-04-2017 21:26:24
 :3123: :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า [P.2][30-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 01-05-2017 10:25:42
(ต่อค่ะ)
หงส์ซาน : 04 ช็อกซินีม่า





เอ๋ ผมว่าผมนอนนะ แต่ทำไมรู้สึกได้กลิ่นเหล้า

“อือ…”
ผมครางในลำคอ พยายามเบี่ยงหน้าหนีกลิ่นเหล้าและบางสิ่งคล้ายๆ กับโดนอะไรอุดปาก ผมปรือตามอง ใบหน้าขยับไปตามแรงกด ก่อนเบิกตากว้างเพราะรู้ที่มาของกลิ่นเหล้าแล้ว

ผมรีบผลักคนที่มาขโมยจูบผมออกทันทีแรง

ย้ำว่าแรง!

แต่แม่ง มันเป็นไอร่อนแมนรึไง ตัวไม่ขยับสักนิด

โอเค ผมเหนื่อย ความเหนื่อยทำให้เรี่ยวแรงหดหาย

มันยังโหมจูบผมอยู่ ผมรวบรวมกำลังอีกรอบ ผลักมันออกแรง คราวนี้ได้ผลครับ ตัวมันเด้งออก ผมอาศัยจังหวะนั้น ขยับลุก กระเถิบขึ้นไปนั่งติดหัวเตียง

เจ้าบ่าวผมอาบน้ำแล้วเรียบร้อย ใส่ชุดนอนแบบมีกระดุมหน้าผ้าเรียบลื่น ก่อนนอนผมปิดไฟ ตอนนี้มันสว่างจ้าจนเห็นชัดทุกรูขุมขน มันเป็นผู้ชายที่ซ่อนกล้ามนี่หว่า เป็นลอนเชียว (แต่ไม่บึกนะครับ)

“ทำอะไร!!”
ผมถามเหมือนคนโง่

เอ้อ หรือว่าผมจะโง่วะ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าโดนจูบ

“ผัวเมียเขาทำอะไรกันก็กำลังจะทำแบบนั้นแหละ”

ผมตาโต

“นี่อาเฮียหลง บอกไว้ก่อนเลยนะ อั๊วยอมเข้าพิธีแต่งงาน ยอมจดทะเบียนสมรสด้วยก็เพื่อธุรกิจล้วนๆ มากกว่านั้นไม่ยอมแน่ๆ”
ผมบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ตามันมองผมครับ แต่มือมันกำลัง…

แม่ง!!!!

มันไม่ฟังผมเลย มันกำลังคลี่ปลดกระดุมเสื้อออกช้าๆ เผยกล้ามเนื้อที่ซ่อนอยู่ภายใน เป็นลอนสวยๆ ไม่ได้ลูกใหญ่ แต่สมส่วนน่ามอง

“พูดภาษาคนไม่เข้าใจรึไงวะ!!” ผมโวยวาย “มึงเลิกถอดเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้” ผมสั่งอย่างร้อนรน พยายามคิดถึงท่าต่อสู้แบบตัวต่อตัว แต่ต้องไม่ใช่บนเตียงแบบนี้

“พูดเพราะๆ อาหงส์”

ผมไม่ฟัง รีบก้าวลงจากเตียง แต่มันรวบจับเอวผมไว้ กดให้นอนลงที่เดิม

“ปล่อย!!!”

มันยกยิ้ม ขยับมากระซิบข้างหู

“ฉันเคยเตือนแล้วใช่ไหมอาหงส์”

เตือนอะไร ไม่รู้เว้ย เหนื่อย ง่วง เป็นอัลไซเมอร์ชั่วคราว ผมเริ่มต้นดิ้น พลิกตัวหมุนร่างคว่ำลงแล้วมุดๆ ไปที่ปลายเตียง กำลังจะพ้นขอบเตียงแล้วเชียว ถ้าไม่ถูกตะครุบเอวไว้

“ฉันชอบปราบเด็กดื้อ”

งั้นมึงก็รู้ว่ากูดื้อไม่ธรรมดา
ผมรีบหันไปเหวี่ยงหมัดเท่าที่แรงจะมีใส่คนตรงหน้า แต่มันก็เร็วชะมัด รับหมัดผมไว้ได้

หมัดขวาถูกยึด หมัดซ้ายยังมี มันจับเอาไว้ได้อีก ผมจะออกอุบายเดิมคือโหม่ง แต่มันเล่นงานผมก่อนด้วยการจับผมนอนหงายกดสองแขนขึงพรืดกับเตียง

ผมจ้องมันตาขวาง

“ปล่อย”
กัดฟันขู่ฟ่อ มันยกยิ้ม ละสายตาจากหน้าผมก้มสำรวจต่ำลงไปด้านล่าง แล้วหยุดสายตาไว้แถวๆ หน้าอก

ให้ตายเถอะ

ผมกลืนน้ำลายลงคอ

สวัสดิภาพผมชักไม่ปลอดภัยซะแล้ว มันเหลือบขึ้นมาสบตาผมนิดหนึ่ง ยกยิ้ม แล้วก้มหน้าลงต่ำ
 
 
 To be Con....


ก็ฤกษ์ดีมันมีวันเดียวไง เมคเลิฟในคืนเข้าหอจึงต้องทำภายในวัน (ซินแสไม่ได้กล่าว อิไรท์กล่าว ฮ่าๆ)

ชื่อตอนต่อไป : 05 คืนเสียตัว (จากชื่อตอน หงส์ไม่น่าจะรอด = =)
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า 120% [P.2][30-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: osehun ที่ 01-05-2017 11:34:07
ชอบมากค่ะ ตอนเลื่อนผ่านไปหลายรอบ เพราะคิดว่าต้องดราม่าแน่ๆ พระเอกร้ายไรงี้อะ แต่พอได้อ่าน อยากบอกว่ารักเลยค่ะ

รีบๆมาต่อตอนต่อไปเร็วๆนะ อยากอ่านตอนหงส์เสียตัว
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า 120% [P.2][30-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-05-2017 11:44:52
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า 120% [P.2][30-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 01-05-2017 11:52:51
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า 120% [P.2][30-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 01-05-2017 11:56:09
มาอย่างละหน่อย จงใจทรมานกันทางอ้อมเรอะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า 120% [P.2][30-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 01-05-2017 15:02:55
อ่านไปแค่4 ตอนเองนะ แต่ติดหนึบแล้วอ่ะ รอตอนต่อไปอยู่นะค้าาาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า 120% [P.2][30-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ์ำNeFuji ที่ 01-05-2017 19:14:16
 :pig4:

สนุกมากเลย แอบลุ้น
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #4 ช็อกซินีม่า 120% [P.2][30-4-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-05-2017 23:00:02
 :hao6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว [P.3][4-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 03-05-2017 19:23:44
#05 คืนเสียตัว
____________________________________________

ผมรู้ว่าการแต่งงาน มันมาพร้อมกับเรื่องอย่างงั้นๆ ตอนเจอเหมยครั้งแรก ผมยังนึกจินตนาการอยู่เลยว่าจะทำรักกับเธอแบบไหนให้เธอพอใจ และไม่รู้สึกผิดหวังที่ได้แต่งงานกับผู้ชายอย่างผม

แต่ทำไมตอนนี้ชีวิตผมถึงได้พลิกผันขนาดนี้

ใช่ พลิกมาก

พลิกจากคนที่ต้องอยู่ด้านบนลงมาอยู่ด้านล่างแบบนี้

ผมกลายร่างเป็นปลาที่ถูกช็อตด้วยไฟฟ้าในน้ำ อ้าปากพะงาบๆ ตาเบิกโพลง

เปล่า ผมไม่ได้โดนใครจ้วงไส้ไหล ไม่ได้ดูหนังสยองขวัญในคืนวันแต่งงานด้วย แต่สิ่งที่ผมกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ มันยิ่งกว่าหนังสยองขวัญเรื่องไหนในโลกที่ผมเคยดูมาอีก

เหยื่อที่ถูกหลอกหลอนคือผม ตัวร้าย ปีศาจ เดวิล หรือนักฆ่า คือมัน เจ้าบ่าวผมเมื่อตอนกลางวัน สามีผมเมื่อตอนเย็น และตอนนี้ มันกำลังจะทำให้ผมกลายร่างเป็นเมียของมันโดยสมบูรณ์แบบ

“อ๊ะ!”
กูส่งเสียงอะไรออกปายยยยยยย

“อ๊า~”
ยังอีก ยังไม่หยุดอีก

“อ๊า อย่า”
ดีมาก ต้องอย่างนั้น ห้ามสิห้าม ปากมีไว้ให้ห้ามไม่ได้มีไว้ให้คราง

สมองผมเริ่มทำงานอีกครั้งหลังจากช็อคค้างเพราะถูกฉกนมไปเมื่อครู่ เจ้างูบ้านั่นมันใช้ฟันงับหัวนมผมผ่านเสื้อ เม้มด้วยริมฝีปาก ตวัดปลายลิ้นออกมาไล้วน จนนมที่นอนอยู่ของผมตื่นขึ้นมานั่งแข็งทื่อไม่ต่างกับผมตอนนี้

“อย่า”
แล้วนี่กูเป็นอะไร หัวนมเป็นสวิตซ์เปิดปิดการทำงานของร่างกายรึไง พลังงานถึงได้ลดฮวบลงเร็วยิ่งกว่ามือถือไอโฟนแบบนี้

ด่า ใช่ ต้องด่ามัน

“ไอ้…”
ผมพยายามควานหาคำด่าเจ็บๆ ที่จะทำให้มันรู้สึกแย่ รู้สึกหมดอารมณ์จนอยากมูนวอร์กหายไปจากหัวนมผม แต่สมองยังโล่งอยู่

มันถอนปากจากนมซ้ายย้ายไปทำแบบเดียวกันที่หัวนมขวา ผมเผลอแอ่นอกขึ้นจนหลังลอย มวลท้องไปหมด ผมจิกปลายเท้ากับที่นอน ตาคลอขึ้นมาดื้อๆ

“อื้อ อย่า ปล่อย อ๊า อาเฮีย”
ผมร้องขอมันเสียงพร่า น้ำตาร่วงเป็นทาง รู้สึกเหมือนมีมังกรเป็นสิบตัววิ่งวนอยู่ในท้องน้อย มวลมุ่นวุ่นวายไปหมด

“เดาถูกจริงๆ ว่าจุดอ่อนน่าจะอยู่ตรงนี้”
มันยกหน้าขึ้นมาพูดยิ้มๆ ผมกำหมัดแน่น มองกลับด้วยดวงตาไม่ยอมแพ้

อย่าให้มือกูหลุดไปได้นะ มึงหน้าแหกแน่

มันยกมือขวาผมไปรวบติดกับมือซ้ายเหนือหัว ตรึงแน่นด้วยมือเดียวของมัน อีกข้างที่ว่างมุดผ่านชายเสื้อเข้ามาภายใน ไต่สูงขึ้นมายังยอดอก ผมตาโต สะดุ้งเฮือกอีกรอบเมื่อมือนั้นสัมผัสเข้ากับหัวนมผมแบบไร้อะไรกั้น มันคลึงเบาๆ

“อื้อ”
ผมคราง อยากยกขาเตะ แต่ทำไม่ถนัด มันบีบบี้อยู่อย่างนั้นจนผมหมดแรง

ไม่นะ นี่ผมกำลังจะเสร็จมันเหรอ

ไม่ๆ ผมไม่ยอมเด็ดขาด

ผมยังไม่หยุดดิ้น แม้แบตเตอรี่ในร่างกายจะลดต่ำลงเรื่อยๆ ก็ตาม มันปล่อยมือผมให้เป็นอิสระ ตอนนี้อย่าว่าแต่ยกมาต่อยเลยครับ แค่ขยับยังทำไม่ได้ มันเลิกเสื้อผมขึ้นสูง แล้วใช้ปากครอบครองยอดอกผมไว้อีกรอบ

น็อกดาวน์พาวเวอร์

หูผมตอนนี้มันอื้ออึงไปด้วยเสียงครางของตัวเอง

ครางได้ทุเรศมาก

ครางได้น่าอายมาก

ซ้ำยังร้องไห้อีกต่างหาก

จะร้องหาอะไร ร้องเรียกให้ใครมาช่วย?

เปล่า ผมไม่ได้ร้องเพราะเสียใจหรือเพราะโกรธ แต่เพราะมันหวิวต่างหาก

มันเลื่อนปากมาซุกซอกคอ ฝ่ามือนั้นเริ่มไต่ระสำรวจร่างกายผม ผิวเนื้อหน้าท้อง แผ่นหลัง ปลีน่อง เรียวขา

โอ้ ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมถูกจับกร้อนขนไปก่อนเข้าพิธีแล้ว และถูกสั่งให้กร้อนขนบ่อยๆ หลังจากนี้ด้วย พอมือมันลูบไปก็ลื่นปรื้ดน่ะสิ   

มันถอดเสื้อออกจากตัวมันก่อน มองตาผม แล้วก้มหน้าลงมาจูบ ผมยังจำรสจูบของมันได้ หมอนี่มันนักสูบพลังชัดๆ มันจัดการสูบเอาเรี่ยวแรง เอาสติที่เหลืออยู่อันน้อยนิดของผมออกไปอีก

ไม่ยอมแพ้ พยายามรวบรวมกำลังกลับคืน

เย้ ดีใจด้วย มือมีแรงแล้ว

แต่ความเสียวซ่านที่ได้รับทำให้ผมหมดหนทางที่จะกำหมัดต่อย ทำได้แค่บีบต้นแขนมันไว้ มันถอนปากออก จับผมถอดเสื้อ

ไม่นะ!!

เดาออกไหมครับ ว่าอะไรเป็นชิ้นต่อไป ติ๊กต็อกๆ

กางเกง ใช่แล้ว กางเกง

แล้วกางเกงของใคร

ดูไม่ทันครับ เพราะรู้ตัวอีกที ผมก็ล่อนจ้อนแล้ว ของมันเช่นกัน ผมรู้เพราะสัมผัสอันไร้อะไรกั้นนั้น

ที่สำคัญ

อยากล้องห้ายยย (ได้ข่าวว่าก็ร้องอยู่ = =)

ไอ้นั่น…

ของมัน…

กำลังทิ่มหน้าขาผมอยู่

อ๊ากกกก

และที่อยากวิ่งเอาหัวไปโหม่งประตู

ของผมเองก็เต็มที่แล้วครับ

ผมเข้าใจคำว่าฟันดาบขึ้นมาในบัดดล ไม่ได้ตั้งใจฟันครับ บางจังหวะมันฟันกันเอง

“อย่า อาเฮีย”
ผมครางห้าม ถึงรู้ว่าตัวเองลงไปนอนในโลงแล้วเรียบร้อย แต่ตราบใดที่ฝาโลงยังไม่ปิด ผมมีสิทธิ์วอนขอชีวิตได้

มันเป็นเจ้าบ่าวที่ใจดีครับ มันทำตามที่ผมขอ ยกหน้าขึ้น ตามองหน้า แต่มือมัน...

จับขาผมแยกกว้าง!!

ไม่มีแรงจะต่อยแล้ว อย่างน้อยขอให้ได้สู้ ผมกางเล็บ ข่วนหน้ามันแรง

ย้ำ ว่าแรงมาก!!

แต่แรงเท่ามดไต่นะ = =

แทนที่จะทำให้หน้ามันเป็นรอย มือผมแปะอยู่ที่หน้ามันเฉยๆ แล้วมันก็เสือกตวัดลิ้นออกมาเลียมือผม อมเข้าไปนิ้วหนึ่งด้วย ผมรีบดึงออกทันที มันหัวเราะหึๆ เลื่อนไปหยิบอะไรสักอย่างมาดีดเป๊าะ เปิดด้วยนิ้วโป้ง เทใส่มือจนชุ่ม ปิดฝา ทำทุกอย่างด้วยมือเดียว

ผมตาโต

แล้วมันก็นำสิ่งนั้นมาแตะด้านล่างของผม ผมสะดุ้งเฮือก ตาเบิกกว้าง

นิ้วแรกผ่านเข้ามาแล้ว ผมร้องห้ามอย่างตระหนก มันรับขวัญผมด้วยการส่งนิ้วที่สองเข้ามา หมุนคว้างลึกขึ้น

โธ่ พรหมจรรย์บั้นท้ายผม T^T

“อ๊ะ”
ผมผวาเฮือกเมื่อมันควานไปถูกบางจุดภายใน

อะไร?

“อ๊า”
ผมครางรัวเลยเมื่อมันกดย้ำอยู่ตรงจุดนั้น ผมแยกขากว้างขึ้น จิกมือกับผิวเนื้อมัน

สามนิ้วแล้ว มันขยับเคลื่อนไหวเข้าออก หมุนวน แยกขยาย ทำทุกอย่างเป็นจังหวะ

โอ๊ยพระเจ้า เจ็บ อึดอัด และเสียวมาก ผมครางจนลั่นห้อง ปากวอนขอให้มันหยุด มันหยิบเจลขวดนั้นขึ้นมาอีก เปิดฝาด้วยมืออีกข้างที่ว่าง เทชโลมลงบนลำท่อนที่แข็งเป็นท่อนไม้ ถูวนไปรอบๆ

ไม่นะ ไม่ ไม่ ไม่!!!

ผมกรีดร้องอยู่ในใจ มันถอนนิ้วออก จับขาผมแยกกว้างขึ้น แล้วจับบางสิ่งแทรกเข้ามา

อึดอัด เจ็บ จุก

โอ๊ย ผมต้องตายแน่ๆ แหกแน่ๆ มึง ก้นกู

ส่วนหัวมันเข้ามาแล้วครับ

รู้สึกเหมือนช่วงล่างกำลังร้าว

ครึ่งทางแล้วครับ

ความร้าวนั้นกินสูงขึ้นมาถึงเอว   

มันเข้ามาได้จนสุดแล้วครับ

เหมือนร่างกายถูกแยกออกเป็นเสี่ยงๆ ได้ยินเสียงหอบหายใจของมันแรง

และแล้วการรวมร่างระหว่างผมกับมันก็สำเร็จเสร็จสิ้น

พรหมจรรย์ผม ศักดิ์ศรีผม หายวับไปกับตา

ผมครางออกมาอีกรอบเมื่อมันเริ่มต้นขยับ ร่างใหญ่ๆ อยู่เหนือผมขึ้นไป มันมีอารมณ์กับผมได้ไง

แล้วผมมีอารมณ์กับมันได้ไง

“อือ”
ได้ยินเสียงมันครางทุ้ม

น้ำตาที่ไหลของผมตอนนี้มันไม่ใช่แค่ความหวิวอย่างเดียว มันมาจากความเจ็บและความจุกด้วย

มันจับข้อพับผมแยกกว้าง สอดใส่เข้ามาเป็นสเต็ป

“อื้อ คับดีจัง”
มึงไม่ต้องพากย์ มันต้องคับอยู่แล้ว เพราะกูไม่เคยสวนก้นล้างพิษด้วยกากกาแฟมาก่อน

พออยู่ตัว มันก็เพิ่มจังหวะเร็วขึ้น แต่ไม่ได้เร็วมาก เป็นไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า ผมทำได้แค่คราง น้ำตาไหลเป็นก๊อกรั่ว ผมเผลอบีบรัดมันแน่น มันครางทุ้มใส่

“ใช่ เด็กดี รัดเฮียแรงๆ”
ไม่ๆ กูไม่ได้เป็นเด็กดี ไม่ได้รัดตามคำขอมึงด้วย แต่ร่างกายมันบีบรัดของมันเองต่างหาก

“อ๊า อย่างนั้น” มันครางแข่งกับผม “เยี่ยม อืม”

ผมหลับตาลง

เอาล่ะครับ วันนี้ผมยอมให้มันหนึ่งวัน (จริงๆ แล้วคือสู้ไม่ได้) แต่ครั้งหน้า อย่างหวัง!!



(40%)



“ไม่ไหวหรอกม้า เมื่อคืนอั๊วหนักไปหน่อย ดีไม่ดีอาจลุกไม่ขึ้นไปสามสี่วันด้วยซ้ำ ร่างกายผู้ชายมันต่างจากผู้หญิง”
ได้ยินเสียงแว่วๆ มาเข้าหู

ได้ยินเสียงจิ๊ปากจากผู้หญิง

“แล้วทำไมลื้อไม่อดทนหน่อย รอให้ครบสามวันค่อยทำ แล้วนี่ใครจะมาทำพิธีเตรียมน้ำล้างหน้าให้ป๊ากับม้า”

“ไม่เป็นไรหรอก ไงหงส์ก็เป็นลูกสะใภ้ม้าแล้ว ทำให้เดินไม่ได้น่ะดีแล้ว ไม่งั้นเด็กนี่ตื่นขึ้นมาแล้วหนีออกจากบ้านเราแน่ๆ”

“เสียดายนะ อีดันเป็นผู้ชาย ถ้าอีเป็นผู้หญิง หลานอั๊วต้องน่าเอ็นดูแน่ๆ”

“หน้าลิงแบบนี้น่าเอ็นดูตรงไหน”

“เหอะ ว่าเขาหน้าลิง แล้วมนุษย์หน้าไหนที่ฟัดจนลิงหมดสภาพแบบนี้”

“ดื้อดี อั๊วชอบปราบ” 

“เออๆ ไม่เป็นไร ลื้อจะไปทำงานหรือจะหยุดล่ะวันนี้”

“ทำงาน แต่นิดเดียว จะได้อยู่ดูลิงนี่ด้วย ระหว่างไม่อยู่ให้ซันไรส์ดูแล”

“ม้าดูแลให้”

“ไม่รู้สึกแย่ใช่ไหม กับเรื่องที่เกิดขึ้น”
น้ำเสียงคนถามเปลี่ยนไปนิดๆ ผมสั่งตาให้ลืมมอง แต่ลืมไม่ขึ้นครับ

“อั๊วคิดว่าชาตินี้ทั้งชาติ ลื้อจะไม่แต่งงานด้วยซ้ำ คนนั้นลื้อก็ไม่เลือก คนนี้ลื้อก็ไม่แต่ง ดันมาตกลงแต่งกับผู้ชายได้ นี่ถ้าไม่คิดว่ามันดีต่อธุรกิจที่กำลังจะทำ ม้าคงค้านหัวชนฝา แต่อาซินแสบอกว่าเมียลื้ออีมาช่วยเสริมสามี เสริมครอบครัว ก็หยวนๆ น้องลื้อนี่ก็น้า ไม่น่าหนีออกจากบ้านไปเลย อย่างน้อยอาหงส์แต่งกับอีก็ยังมีทายาทได้ หนีไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ม้าล่ะเป็นห่วง”

“เลิกห่วงได้เลยสำหรับเด็กนั่น เอาตัวรอดเก่ง”

แล้วเสียงพวกเขาก็เลือนรางหายไป



 
ผมรู้สึกตัวตื่นอีกรอบเพราะกลิ่นหอมคล้ายข้าวต้ม ผมลืมตามอง ภาพตรงหน้าสว่างโร่เลย

“อ้าว ตื่นพอดี”

ผมกะพริบตาปริบๆ มอง คนที่นั่งอยู่ข้างเตียงใกล้ๆ เอวผมตอนนี้ไม่ใช่ไอ้งูยักษ์ที่ฉกกินผมทั้งตัวเมื่อคืน แต่น่าจะเป็นหมอ เพราะเห็นใส่หูฟังคล้องไว้ที่คอ

เขาเป็นผู้ชาย อายุราวๆ ไอ้งูบ้านั่นแหละ ผมยาวระต้นคอสีน้ำตาลอ่อน ใส่เสื้อสีฟ้าพาสเทลกางเกงสแล็ก หน้าตาดีสุดๆ ไปเลย

“ตื่นมาทานข้าวได้แล้วครับ น้องหงส์”

ผมพยายามประมวลผล

“แกนี่น้า ไม่น่าจะหนักขนาดนี้ตั้งแต่คืนแรกเลย”

“ช่วยไม่ได้ เด็กมันยั่ว”

“จริงเหรอวะ”

“พูดมากน่า ตรวจเสร็จก็ออกไปได้แล้ว”

“แหม ตรงนั้นของน้องเขาสวยดีนะ สีชมพูเชียว ดีว่ามันไม่ฉีกกับขนาดของแก แต่ระบมเพราะใช้งานหนักนี่แหละ”

“ถ้าทำเป็นก็ไม่ฉีก”

“แกเคยนอนกับคนอื่นมาก่อนเหรอ”

“เปล่า ศึกษาก่อนทำ”

“เออ พ่อคนเก่ง…น้องหงส์ครับ ได้ยินเสียงพี่หมอไหม”
เสียงหมอดังเหมือนโทรศัพท์สัญญาณไม่ดี ชัดบ้าง ขาดหายบ้าง ผมขยับนิดหนึ่ง ก่อนครางโอ๊ยออกมาเพราะความระบมไปทั้งร่าง ปวดเอว เจ็บตรงนั้น

ที่สำคัญ เจ็บคอด้วย

“กี่ยกกันวะเนี่ย…อ้าปากหน่อยสิครับน้องหงส์”

พี่ถามผมใช่ไหม ผมไม่รู้ครับ ไม่ได้นับ รู้แค่ว่ามันซัดผมไม่เลี้ยง ไม่สนว่าเป็นครั้งแรก ไม่สนว่าผมจะเหนื่อย ไม่สนว่าผมจะง่วงขนาดไหนด้วย

“สี่”
ไอ้บ้านั่นยังมีกะจิตกะใจตอบ ในขณะที่พี่หมอกำลังจับคางผม ขยับอ้าปากเหมือนผู้ใหญ่ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ผมทำตามอย่างว่าง่าย ภาพตรงหน้าเริ่มชัดเจนขึ้น ไอ้ซังกะบ๊วยยืนกอดอกอยู่ด้านหลัง แถวๆ หน้าประตูมีซันไรส์ยืนนิ่งเป็นหุ่นอยู่ มันมองผมมาด้วยสายตานิ่งๆ

มึงก็กล้ามาคุยเรื่องทำนองนี้ทั้งที่คนอยู่กันเยอะแยะเนี่ยนะ!!!

“คออักเสบ คงกินยาลำบาก เดี๋ยวพี่หมอจะฉีดยาให้นะครับน้องหงส์จะได้หายเร็วๆ”
ว่าแล้วก็หันไปหยิบเข็มฉีดยา จิ้มใส่ขวดยาดูดปรื้ด ผมหลับตาลง รอคอยความเจ็บที่จะตามมา หมอมือเบามาก แทบไม่รู้สึกอะไรเลย
 
“ลุกไหวไหมครับ มะพี่หมอช่วย”
พูดจบเขาก็ทำท่าจะขยับมาประคองร่างผม แต่ถูกไอ้ซังกะบ๊วยรั้งจับคอเสื้อไว้

“ฉันจัดการเอง” มันประคองผมลุกนั่ง พี่หมอขยับมาดึงหมอนประคองหลังให้ผมนั่งดีๆ น้ำตาแทบเล็ดครับ เจ็บฉิบหาย

มันทิ้งตัวลงนั่งตรงหน้าผม ผมจึงอาศัยจังหวะนั้น ตบหน้ามันไปฉาดใหญ่

สะใจฉิบหาย

ตะลึงกันดิครับ ผมจะตบอีกรอบ แต่มันคว้าจับข้อมือผมไว้ ผมรีบยกมืออีกข้างจะตบอีก มันก็จับเอาไว้อีก นัยน์ตามันฉายแสงไม่พอใจมากขึ้น

ผมพุ่งหน้าเข้าหาต้นแขนมัน โหม่งมันก็คงจะรับเอาไว้ได้ทัน อาศัยจังหวะที่มันจับมือผมไว้นี่แหละ ฝังเขี้ยวลงไปเลย กัดจนได้กลิ่นคาวเลือด ผมไม่ยอมแพ้ ฝังเขี้ยวลึกลงไปอีก

“เฮ้ย น้องหงส์!!”
พี่หมอคงเพิ่งได้สติ ในขณะที่ซันไรส์พุ่งเข้ามากระชากท้ายทอยผม มือหนึ่งบีบปากผมแรงจนผมต้องปล่อยเพราะความเจ็บ แต่เหยื่อผมกลับยังนั่งนิ่ง ผมจ้องมันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ

ไม่ใช่สิ กินอยู่ต่างหาก เลือดมันเต็มปากผมเลย ผมตวัดเข้าปาก กลืนลงคอ ทำให้ดูเลยว่าผมกินเลือดมันจริงๆ

ว่าแต่เลือดมันสะอาดหรือเปล่าวะ

“ไป่หลง!”
พี่หมอขยับมาเอาผ้าก็อตซับเลือด แต่เจ้าตัวดูจะไม่เดือดร้อน ตาจ้องผมเขม็ง ผมขยับไม่ได้เพราะซันไรส์ขยุ้มจับท้ายทอยผมอยู่ แต่มันปล่อยปากผมลงแล้ว

“เชี่ย”
ผมขยับปากด่าให้มันได้ยินเบาๆ มันจ้องหน้าผม แล้วยกยิ้ม

ขนผมลุกเกรียว มันละสายตาจากผมมองซันไรส์ พยักหน้านิดหนึ่งเป็นเชิงว่าให้ปล่อย พี่หมอยังง่วนอยู่กับการทำแผลให้ไอ้มนุษย์เหล็กกัดไม่เจ็บฆ่าไม่ตายตรงหน้า ผมพยายามคิดว่าจะทำร้ายร่างกายมันต่อยังไงดี เอาแบบซันไรส์ช่วยไม่ทัน

“น้องหงส์อย่าทำเพื่อนพี่แบบนี้อีกนะครับ ดูสิ เนื้อเหวอะเลย”

“ครับ”
ผมรับปากเสียงแหบ พุ่งหน้าเข้าหาแขนอีกข้าง แต่ครั้งนี้มันรู้ทันคว้าจับคางผมไว้ ดันให้ผมแหงนหน้าขึ้น แล้วก้มลงมา ตวัดเลียบางสิ่งรอบปาก สงสัยจะเป็นเลือดมันเอง

ดีเนอะ กินเลือดตัวเองเนี่ย (ผมเองก็บ้า กินเลือดมันเหมือนกัน = =)

แทนที่มันจะหยุดอยู่แค่กินเลือด มันกลับทาบปิดปากผมไว้ สอดลิ้นเข้ามา

เดี๋ยวสิ!!

เดี๋ยว!!

เดี๋ยวนะเว้ย ไอ้บ้า!!

พี่หมอก็อยู่ ซันไรส์ก็อยู่ ผมดิ้นขลุกขลัก (แค่ท่อนบนครับ เพราะท่อนล่างเจ็บมาก) แต่พักเดียวผมก็ระทวย เพราะงูเล็กๆ ภายในปากที่วงการวิทยาศาสตร์ภาษาไทยตั้งชื่อให้มันว่าลิ้น

มันฉกไปมา ตวัดเกี่ยวกับลิ้นผม โหมรุกจนผมครางอื้อออกมาผ่านลำคอ แน่นอนมันพ่นพิษใส่ร่างผมมีผลให้ร่างกายโรยแรงลงเรื่อยๆ

แล้วมันก็ถอนจูบออก ร่างกายผมเหมือนมนุษย์ไร้กระดูก ตัวอ่อนยวบยาบ มองมันตาปรอย

“น่ารักจริงๆ”
เสียงพี่หมอดังมาให้ได้ยิน

“เอ้าเสร็จแล้ว”
พี่หมอทำแผลให้มันจนเสร็จ แค่แผลถูกกัด ไม่เห็นต้องทำเป็นเรื่องใหญ่โต ผมโดนหนักกว่าอีก
“แกออกไปก่อน เดี๋ยวฉันดูแลน้องหงส์เอง”
พี่หมอดันเพื่อนออก มันมองหน้าผม สีหน้านิ่งเรียบสุดๆ แต่ก็ยอมถอยห่าง ผมมองตามอย่างอาฆาตแค้น มันลุกยืน รอบแขนมีพร็อพเสริมเป็นผ้าพันแผล

“น้องหงส์กล้ามากนะครับที่กัดมัน ถ้าเป็นคนอื่น ป่านนี้คงเป็นศพลอยอืดในทะเล ดีว่าน้องหงส์เป็นเมียมัน แต่อย่าทำอีกดีกว่า พี่กลัวว่ามันจะไม่ใจเย็นพอ ฆ่าน้องหงส์ทิ้งทะเลเอา”

ผมไม่ได้ละสายตาไปจากดวงตามัน มันรังแกผมก่อน ต่อให้หลังจากนั้นผมเลิกขัดขืนเพราะกำลังมีอารมณ์ก็เถอะ ช่วยไม่ได้ นั่นไม่นับ

“ไม่เอาครับ น้องหงส์ มองพี่หมอสิ”
พี่หมอปัดมือตรงหน้า จับคางผมดึงเบาๆ ให้หันไปสบตา

“กินข้าวมะ พี่หมอป้อน”
พี่หมอยกชามขึ้นมาตักจ่อใกล้ปาก ผมตวัดสายตากลับไปมองคนตัวสูง มันยังกอดอกมองผมอยู่ พี่หมอเรียกผมกลับมามองตัวเองอีกรอบ ผมอ้าปากรับ เพราะจริงๆ ก็หิวข้าวมาก

“ผมกินเองก็ได้”

“ได้สิ”
พี่หมอไม่ว่าอะไร วางถาดข้าวต้มลงบนตัก ผมตักกิน

“พี่ชื่อกันต์ เรียกพี่หมอ หรือพี่กันต์ก็ได้ เป็นหมอประจำตระกูลหยาง เป็นมาตั้งแต่รุ่นทวดของทวดของทวดของทวดแล้ว เป็นเพื่อนสนิทมันด้วย”
พี่หมอชี้นิ้วโป้งไปยังคนที่ยืนทำหน้าเป็นปูนปั้นอยู่ด้านหลัง

“เป็นมาตั้งแต่รุ่นทวด ไม่เบื่อบ้างเหรอครับ”
ผมถามเสียงแหบ หาเรื่องคุยไปงั้นเอง ไม่งั้นจะเผลอยิงเลเซอร์ใส่ไอ้คนด้านหลังอีก พี่หมอยิ้มกว้าง

“เลือดข้นกว่าน้ำ อุแว้มาก็แทบจะอยากจับคนฉีดยา”

ผมกลืนน้ำลายลงคอดังเฮือก โรคจิตเปล่าวะ

เสียงมือถือดังขึ้นเบาๆ ผมมองที่มา เป็นมือถือไอ้บ้านั่นครับ มันล้วงหยิบขึ้นกดรับ หันข้างเพื่อคุย ผมอาศัยจังหวะนั้น ดึงถาดออกจากชามข้าวต้ม เหวี่ยงเป็นจานบินใส่หลังมันดังปัก มันชะงักกึก หยุดเสียงพูดคุยลง ซันไรส์ปรี่เข้ามาจะตบผม แต่พี่หมอจับข้อมือไว้ เสียงถาดกลมๆ ที่ตกลงในลักษณะขอบทิ่มพื้นค่อยๆ พลิกคลึกๆ แล้วสงบเสียงลง สงบพอๆ กับเสียงคุยโทรศัพท์

“ร้ายจริงน้องหงส์ ไป่หลงออกไปรอข้างนอกไป น้องเขากำลังเครียด”

“แค่นี้ก่อน จะโทรกลับ” มันบอกเสียงเบา “ซันไรส์ออกไป แกด้วยไอ้หมอ”

“เฮ้ย แกนั่นแหละ ออกไป น้องเขากำลังกินข้าว”

“อาหงส์คงอิ่มแล้ว”
มันพูดเสียงเย็น

“ไป่หลง น้องเขากำลังเครียด แกออกไปก่อน”

“อย่าให้ต้องพูดซ้ำสอง ซันไรส์ ลากไอ้หมอออกไป”
พอมันพูดจบ ซันไรส์ก็จับพี่หมอออกไปจริงๆ

“เดี๋ยวๆ เฮ้ย ไป่หลงใจเย็นๆ น้องเขายังเจ็บอยู่นะเว้ย”

ผมขนลุกเกรียว บีบชามข้าวต้มแน่น กะว่าถ้ามันเข้ามาใกล้ จะเขวี้ยงชามข้าวต้มใส่หน้ามัน ยังไม่ทันที่ผมจะทำได้อย่างใจ มันคว้าจับชามข้าวต้มผมไว้ ดึงไปวางไว้ห่างมือ ผมมองตาม ก่อนหันกลับมามองมันตาขวาง กลืนน้ำลาย รสข้าวต้มยังติดปากอยู่เลย

(80%)

“กะว่าจะไม่ทำอะไรแล้วเชียวเพราะเห็นว่ายังระบมอยู่ แต่ลื้อดื้อเองนะอาหงส์”
มันทึ้งผ้าห่มทิ้งลงพื้น จับผมปอกเปลือก ผมตาโต มือพยายามหยุดมืออีกคน ผมมั่นใจว่าเขาไม่ฆ่าผมแน่ เพราะถ้าทำจริงคนตระกูลผมคงไม่ยอม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำให้ผมบาดเจ็บไม่ได้ ร่างผมเปลือยเปล่าอีกครั้ง ดิ้นจนเจ็บไปหมด

มันก้มลงมาซุกซอกคอ ขบติ่งหู มือหนึ่งก็ขยับท่อนล่างของตัวเองเพื่อกระตุ้นอารมณ์ ก่อนผมจะกรีดร้องออกมาเสียงดังเมื่อเขาจับเสียบเข้ามาแบบไม่ได้เตรียมพร้อมก่อน

เมื่อคืนดีกว่าเยอะเลย

ผมอ้าปากค้าง

“นี่คือผลของการดื้อกับเฮียนะหงส์”
มันขยับเพื่อทำโทษ ผมร้องโอ๊ยออกมาทุกจังหวะที่ขยับ น้ำตาร่วงริน มันไม่ได้รู้สึกดีเลย มีแต่เจ็บและเจ็บมาก

“เจ็บ...”
ผมร้องไห้ออกมา มันเจ็บจริงๆ ครับ

“สัญญากับเฮียสิ ว่าจะไม่ทำร้ายเฮียอีก”

ผมพยักหน้าหงึกๆ จังหวะรุนแรงจึงหยุดลง มันค่อยๆ ถอนร่างออก จูบซับมาที่แก้มอย่างอ่อนโยน

“เฮียไม่อยากให้หงส์ขัดใจ รู้ไหม”

แล้วเรื่องอะไรกูต้องทำตามใจมึง

อันนี้ผมเถียงอยู่ในใจ มันเลื่อนปากต่ำลงไปที่ลำคอ การเคลื่อนไหวที่นุ่มนวลทำเอาผมรู้สึกหวิว มันเลื่อนปากลงมาจูบ จับมือผมไปกุมสิ่งนั้นไว้ มันแข็งสุดๆ

“เฮียไม่อยากทำร้ายหงส์ ช่วยเฮียหน่อย”

ใจผมอยากบีบไอ้นั่นให้แหลกคามือ แต่ขืนทำอย่างนั้นมันเสียบผมแน่ ผมจึงต้องทำตาม ขยับหวังให้มันเสร็จๆ ไป ทำไม่ยากครับ ผิดกันแค่คนละไซส์และคนละมุมเท่านั้น ไม่นานมันก็เสร็จ

“กินข้าวซะ เฮียไปทำงานก่อน เป็นเด็กดี ไม่ต้องไปเตรียมน้ำล้างหน้าให้ป๊ากับม้าหรอก นอนพักไป เย็นๆ เฮียจะมาหา”
มันจูบหน้าผากผมอีกรอบ ลุกขึ้นเดินออกไป ทันทีที่ออกไป พี่หมอก็โผล่พรวดเข้ามา

“ไอ้บ้าเอ๊ย”

ผมรีบรั้งเอาผ้าห่มมาคลุมปกปิด หน้าร้อนผ่าว

“ขอพี่หมอดูหน่อยน้องหงส์”

“ไม่เป็นไร”

“ไม่ได้ ได้ยินเสียงหงส์ร้องขนาดนั้น อาจฉีก”

ผมเม้มปากแน่น

“ผมอาย”

“ไม่ต้องอายหมอ พี่หมอส่องมานักต่อนักแล้ว”

ผมเม้มปากแน่น

“ขอใส่เสื้อก่อนได้ไหม”

พี่หมอพยักหน้า หยิบเสื้อให้ ผมสวมใส่ มองตาพี่หมออีกรอบ

“เร็ว”

ผมค่อยๆ ดึงผ้าห่มออก พี่หมอมุดดูทันที โคตรอายเลย

“ฉีกจริงๆ ด้วย เลือดออกเลย น้องหงส์ไม่น่าหาเรื่องเลย เมื่อคืนมันก็อุตส่าห์ทะนุถนอม”

ผมอยากเถียงใจจะขาด ทะนุถนอมประสาอะไร ระบมไปทั่วทั้งร่างแบบนี้

“พี่หมอจะทำความสะอาดและทายานะ แสบหน่อยทนเอา จะได้หายเร็วๆ”

ผมพยักหน้า สะดุ้งเฮือกตอนพี่หมอเช็ดทำความสะอาด น้ำตาเล็ดเลย

พอเรียบร้อยพี่แกก็หยิบกางเกงมาสวมให้เบามือ ลูบหัวผมเบาๆ

“เคยได้ยินมาว่าเราเป็นเด็กดื้อ ไม่ยอมคน แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้”

“มันรังแกผมก่อน”

พี่หมอถอนหายใจแรง

“มันชอบหงส์นะรู้ไหม”

เหอะ ชอบตรงไหน

“นอนเถอะ เดี๋ยวพี่หมอฉีดยาแก้ปวดให้”

ผมพยักหน้าเพราะเจ็บจริงๆ หลังจากนั้นผมกินข้าวต้มต่อจนหมด แล้วก็หลับไป
 


ผมตื่นอีกรอบเพราะพี่หมอเช็ดตัวให้

“พี่หมอไม่ไปโรงพยาบาลเหรอ”

พี่หมอยิ้ม ส่ายหัว

“พี่เป็นหมอประจำตระกูลหยาง แค่วิ่งวุ่นรักษาคนในตระกูลนี่ก็แทบจะไม่มีเวลาแล้ว”

“ใหญ่เหรอ”

“ขนาดหรือว่าจำนวน”
พี่หมอยกยิ้ม สายตาเจ้าเล่ห์ ผมหน้าร้อนผ่าว

“จำนวนสิ พี่หมอทะลึ่ง”

พี่หมอหัวเราะร่วน

“สองร้อยกว่า”

ผมตาโต ใหญ่กว่าครอบครัวผมอีก แต่ก็นั่นแหละ คนจีนลูกดก แล้วคนตระกูลนี้มีลูกชายเป็นส่วนใหญ่ด้วย ผู้หญิงน้อย

 
ผมเลิกอายพี่หมอแล้ว เพราะเล่นเห็นไปทุกสัดส่วน เห็นพี่หมอบอกว่าจะดูแลผมจนกว่าจะดีขึ้น ถ้าไม่ถูกซ้ำสามวันก็หายดีแล้ว

ตกเย็นม้ากับป๊าก็เข้ามาเยี่ยม รวมถึงพี่น้องบางคนของมันด้วย ผมนี่อายแสนอาย เพราะทุกคนรู้หมดว่าผมสลบเหมือดเพราะคืนเข้าหอ แถมพี่หมอก็ช่างเป็นหมอที่เปิดเผยสุดๆ เล่าแม้กระทั่งผมโดนทำโทษเพราะปีนเกลียวไอ้ซังกะบ๊วย

ผมหลับไปอีกรอบ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็รู้สึกถึงวงแขนที่โอบอยู่รอบเอว แผงอกกว้างทาบอยู่กับหลัง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ผมพลิกหันไปมอง มันกลับมาแล้วครับ ใส่ชุดนอนเรียบร้อย รอบด้านมืดสนิท

ไม่รู้กี่โมงแล้ว

พอผมขยับ มันก็ตื่น

“เป็นไงบ้าง”

“เป็นคน”
ผมแทบกัดลิ้นหลังตอบ

“อาหงส์ เฮียสอนว่าไงเมื่อเช้า”

“เจ็บ”
ผมตอบสั้นๆ มันลูบหัวผมเบาๆ

แทงตูดแล้วลูบหัว กูไม่ยอมเว้ย!!

“นอนเถอะ พักเยอะๆ จะได้หายเร็วๆ”

“กี่โมงแล้ว”
ผมถามขึ้น มันขยับยกตัวขึ้นหยิบมือถือข้างหัวเตียงดูเวลา ท่ามกลางความมืด แสงนั้นจ้าสาดหน้ามัน

“เที่ยงคืน”

ตื่นขึ้นมาทำไมเวลานี้วะ

อ๋อ ปวดฉี่ ผมขยับ

“จะทำอะไร”

“เข้าห้องน้ำ”
ผมตอบพยายามให้เป็นปกติ มันเปิดไฟหัวเตียง ผมขยับอย่างปวดร้าว มันกดร่างผมไว้ ลงจากเตียง แล้วโฉบอุ้มแนบอก

“จะทำอะไร!” ผมโวยลั่น

“เดินยังแทบจะไม่ไหว จะพาไปเข้าห้องน้ำ”

“ไม่ต้อง เดินเองได้”

“ถ้าดื้อ จะจับใส่แพมเพิร์ส”

ผมสงบปากลง มันอุ้มพาผมเดินตรงเข้าห้องน้ำไป

“จะยืนหรือจะนั่ง”

“ยืน เฮียออกไปก่อน”

“ยืนไหวรึไง เดี๋ยวเฮียช่วย”

“ไม่ต้อง”

“อย่าดื้อ อาหงส์”

ผมจิ๊ปาก มันค่อยๆ วางผมลง โชคดีมากที่มันอยู่ช่วย เพราะแข้งขาผมแทบไม่มีแรง ผมประคองร่างยืน มองหน้าคนตัวสูง

“หันหน้าไปสิ จะฉี่”

“อายอะไร สำรวจไปถึงไส้ขดในแล้ว”

“อั๊วไม่ได้หน้าด้านแบบเฮีย”

มันถอนหายใจแรง หันหน้าไปทางอื่น ผมรีบล้วงน้องออกมายืนฉี่โดยมีคนตัวสูงประคองเอวไว้ หน้าร้อนผ่าว กระทั่งฉี่เสร็จเก็บสำรับเข้าที่ กดน้ำ มันหันมามอง โฉบอุ้มผมไว้ในอ้อมแขนอีกรอบ

มึง กูยังไม่ได้ล้างมือ!!

ขี้เกียจท้วงครับ แอบป้ายเช็ดเสื้อมันเอา มันพาผมเดินกลับไปที่เตียง

“เฮียขอโทษที่ทำหงส์เจ็บ”

แต่ผมไม่ขอโทษมันหรอกที่ทำมันเจ็บ แก้แค้นไง

“จะนอนแล้ว”
ผมว่าแค่นั้น ขยับก้นร้าวๆ ตะแคงข้าง ดึงผ้าห่มมาห่มถึงคอ ปิดตาลง มันทิ้งตัวลงนอน ขยับมากอดผมไว้ท่าเดิม ไออุ่นจากร่างมันแผ่ซ่านเข้ามาในอก ผมพยายามไม่ใส่ใจ รู้สึกถึงหัวที่ถูกจูบซับ

ผมแกล้งทำเป็นไม่รับรู้ สั่งตัวเองให้หลับไปอีกรอบ


to be con...
:กอด1:

ข่าวดี เรื่องนี้มีอีบุ๊คให้โหลดแล้วนะคะ ที่ Meb. เลยจ้าา เดี๋ยวว่างๆ จะมาลงลิงค์ที่ Thaiboy ให้ ตอนนี้ง่วงมากกก อยากเอน....
 
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 40% [P.3][3-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: lovetogether ที่ 03-05-2017 20:11:35
นี่เรียกว่ายอมหรือสู้ไม่ได้จ้ะ อาหงส์ หึหึ :jul1: :haun4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 40% [P.3][3-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 03-05-2017 20:25:53
เสร็จจนได้
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 40% [P.3][3-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 03-05-2017 20:28:35
 :pighaun: 40% นี่เบาอีก 60 จะหนักกว่านี้ใช่มั๊ย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 40% [P.3][3-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-05-2017 21:24:04
 :กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 40% [P.3][3-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-05-2017 21:45:27
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 40% [P.3][3-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 03-05-2017 22:17:12
 :impress2: :impress2: :impress2: สนุกมากค่ะเพิ่งเข้ามาอ่านยาวเลย รีบมาต่อนะค่ะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 40% [P.3][3-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 03-05-2017 22:25:47
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 40% [P.3][3-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 03-05-2017 22:47:26
เสร็จเฮียจนได้
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 40% [P.3][3-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-05-2017 22:58:57
 :hao6:


ลูกดกแน่นอนนน
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 40% [P.3][3-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 03-05-2017 23:07:29
อ่านละหงุดหงิดครอบครัวหงส์
คงไม่มีคนคิดแบบเราหรอก
แต่แบบ โห ขายลูกกินที่แท้ทรูมาก
ขอให้ธุรกิจตัวเองเจริญ ลูกจะไปแต่งใครก็ช่างแม่งงี้หรอ
ดีที่เป็นนิยายนะ ลูกที่โดนจับแต่งเลยเจอแต่คนดีๆ ลองเจอคนเหี้ยๆสิ หง่างเลย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 40% [P.3][3-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 03-05-2017 23:26:28
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 40% [P.3][3-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ์ำNeFuji ที่ 03-05-2017 23:42:22
นี่ไป่หลงต้องไปแอบรู้จักหงมาก่อนหน้านี้แน่ๆเลย ดูจะไม่ปล่อยให้รอดไปได้
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 40% [P.3][3-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 04-05-2017 03:21:08
มาปูเสื่อ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 40% [P.3][3-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 04-05-2017 04:24:57
นี่เป็นแค่ฉากเบาๆจริงเหรอคะไรท์ แต่ที่แน่ๆน้องหงส์เสียเหงื่อหมดแรง ส่วนรี้ดอย่างเราก็เสียเลือดไง
 :jul1:

เฮียหลงแซ่บมาก ลูกน้องอย่างซันไรส์กับวิกเซอร์อีก เรื่องนี้ไรท์จัดเต็มมากอ่ะ ชอบบบบบ! 5555
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 40% [P.3][3-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 04-05-2017 09:14:50
หงเคยได้ยินไหมว่า มีครั้งที่หนึ่ง ก็ต้องมีครั้งที่สอง พอมีครั้งที่สอง สาม สี่ ห้า หก จะตามมาเรื่อยๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 80% [P.3][4-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-05-2017 00:17:33
 :katai2-1:


ดื้อจริงๆ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 80% [P.3][4-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 05-05-2017 08:34:43
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 80% [P.3][4-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 05-05-2017 09:45:13
 :fire: :fire: อาหงอย่ายอมเจ็บก็อย่าเฉย มันจะได้ใจให้รู้บ้างว่าไม่ใช่ตุ๊กตาที่มะมีความรุ้สึกไม่มีหัวใจ สู้มัน  :fire:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 80% [P.3][4-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 05-05-2017 10:28:11
เด็กดื้อต้องโดนกำหราบ :hao7: :hao6: :hao6: :ruready
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 80% [P.3][4-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-05-2017 10:43:31
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 80% [P.3][4-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 05-05-2017 11:50:23
ยอมรับเลยนะว่าเข้าข้างอาหงส์ ไหนจะแม่ของพระเอกที่ยังมาพูดเรื่องเสริมบารมีอะไรนั้นอีก ดีที่อาหงส์นางเบลอๆ คือทุกคนทำเหมือนอาหงส์มีค่าแค่เพื่อธุรกิจอ่ะ สงสารนาง
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 80% [P.3][4-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: owlseason ที่ 05-05-2017 12:51:58
กลัวแทนน้องหงส์ แต่คุณน้ำยาล้างจานนี่จะมาตบน้องจริงอะ ใจร้ายไปล้ะนะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 80% [P.3][4-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 05-05-2017 13:22:27
เฮียยย จะทำไรอะไรรร
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 80% [P.3][4-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 05-05-2017 16:18:41
 o13
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #5 คืนเสียตัว 100% [P.3][6-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 07-05-2017 07:14:48
 :m20: อยากบอกไรท์ว่าชอบมาก "แทงตูดแล้วลูบหัว" ช่างสรรหาคำ อาหง...ซิกๆ รันทดเพราะผัวโหเจริมๆ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว [P.3][10-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 07-05-2017 07:38:40
Hongzan : หงส์ซาน
ตอนที่ 6 ฟื้นตัว
...
...
...
สามวันผ่านไปไวเหมือนนาฬิกาตาย น่าเบื่อมากกก กับการนั่งๆ นอนๆ โดยทำอะไรไม่ได้แบบนี้ ผมได้รับการยกเว้นไม่ต้องไปเตรียมน้ำล้างหน้าให้ป๊ากับม้ามันตามประเพณี แต่ผมว่าไปเตรียมน้ำล้างหน้าน่าจะดีกว่าต้องมานอนเป็นลิงป่วยอยู่แบบนี้นะ

พี่หมอกันต์ก็ดีแสนดี อยู่โยงเฝ้าตลอด ไม่รู้ว่าแกเป็นหมอที่ขยันหรือขี้เกียจที่สุดในโลกกันแน่

“ฮ่าๆๆ โง่บรม”

ผมกลอกตาขึ้นฟ้า มองคนที่นั่งอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นแล้วหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ยังเก้าอี้ในสวน หลังจากมานี่ได้สามวัน (ไม่นับวันแต่ง) นี่เป็นวันแรกที่ผมได้ก้าวออกจากห้อง ย้ายก้นเจ็บๆ จากเตียงมานั่งแหมะอยู่ในสวนริมบ่อ มีปลาคาร์ปฝูงใหญ่เป็นเพื่อน เพราะพี่หมอแกอ่านการ์ตูนเพลินไปแล้ว

เป็นหมอภาษาอะไร ชอบอ่านการ์ตูน ผมว่าคนตระกูลหยางต้องคิดให้ดีกว่านี้นะเนี่ย ที่ยอมให้พี่หมอมาเป็นหมอประจำตระกูล รักษาผิดขึ้นมาทำไง

ผมเลิกสนใจพี่หมอหันกลับมาสนใจปลาคาร์ปตรงหน้าต่อ บ้านไอ้(ผัว)ซังกะบ๊วยมันใหญ่กว่าบ้านผมประมาณเท่าหนึ่ง แต่อยู่กันแค่ในหมู่พี่น้องมันเท่านั้น พื้นที่ของแต่ละครอบครัวค่อนข้างกว้างขวาง ได้ทั้งความเป็นส่วนตัวและส่วนรวม ผมให้อาหารจนปลาคาร์ปอิ่ม ทิ้งอาหารผมให้ลอยตุ๊บป่อง

ผมมองไปทางซันไรส์ รายนั้นกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่เหมือนกัน แต่เป็นหนังสือวิชาการนะ ผมมองไปทางพี่หมออีกที

ผมว่าสองคนนี้น่าจะสลับหนังสือกันอ่านนะ = =;

ซันไรส์ไม่ได้อยู่เพื่อเป็นบอดี้การ์ดผมหรอกครับ แต่อยู่เพื่อควบคุมไม่ให้ผมหนีมากกว่า ซึ่งถ้าซันไรส์เผลอ ผมจะหนีจริงๆ

“พี่หมอ”
ผมเรียกคนที่กำลังนั่งอ่านการ์ตูนอยู่                       

“ฮ่าๆ ไอ้บ้าเอ๊ย ทำไมแกโง่งี้วะ”

“เอ่อ พี่หมอครับ”
ผมเรียกอีกรอบ

“ฮ่าๆ หะ น้องหงส์เรียกพี่หมอเหรอครับ”

ผมคันปากยิบๆ

“ไม่ต้องเรียกผมน้องหงส์ก็ได้ เรียกหงส์เฉยๆ ก็พอ”

พี่หมอโบกมือไหวๆ

“เรียกแบบนี้แหละ พี่หมอชอบ มีอะไร”

ผมขยับ แต่พี่หมอรีบดีดตัวเข้ามาหาก่อน

“ผมเดินได้แล้ว ให้ผมไปหาก็ได้”

“ไม่เป็นไร พี่หมอเป็นหมอใจดี”
เอ่อ มีใครเขาชมตัวเองกันบ้างวะ = =;

“คือพี่หมอช่วยอะไรผมอย่างได้ไหม”

“ยกเว้นให้พาหนีออกจากบ้าน พี่หมอช่วยได้ทุกเรื่อง”

ผมอ้าปากค้าง มองอีกคนตาโต พี่หมอหัวเราะ บุ้ยปากไปยังคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ เพิ่งสังเกตเห็นว่าหนังสือที่ซันไรส์อ่านเป็นหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์

“ถ้ามีหมอนั่นคุม ต่อให้หายตัวได้ก็ถูกจับกลับมาอยู่ดี พี่ว่าน้องหงส์อย่าคิดหนีดีกว่า อยู่กับไป่หลงไปนั่นแหละดีแล้ว สบายออก งานก็ไม่ต้องทำ เงินก็มีให้ใช้ พี่หมอยังต้องทำงานเลย”

ผมหน้าบูด

“ถ้าพี่หมอมาใช้ชีวิตโดยไม่ได้ทำงาน พี่หมอจะไม่พูดแบบนี้เลย ผมอยากทำงาน อยากทำหน้าที่ลูกผู้ชาย อยากให้อาป๊าอาม้าภูมิใจ ในฐานะลูกชาย ไม่ใช่….”
ผมเม้มปากแน่น รู้สึกขอบตาร้อนผ่าว ผมหันหน้าหนี พี่หมอลูบหัวผมเบาๆ

“ในโลกนี้ไม่มีใครได้ทุกสิ่งที่ต้องการหรอกนะ แต่ขอให้มีความสุขกับสิ่งที่มีก็พอ ไม่ว่าน้องหงส์จะอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร น้องหงส์ก็ทำให้ป๊าม้าดีใจไม่ใช่เหรอ”

ผมปิดปากเงียบ

ผมรู้ แต่ผมจะดีใจมากถ้าได้ทำหน้าที่การงานแบบลูกผู้ชาย ไม่ใช่ดีใจบนศักดิ์ศรีอันล่มสลายของตัวเองแบบนี้

“อยากทำงานจริงๆ เหรอ”
พี่หมอก้มถาม มือยังไม่ละไปจากหัวผม ผมมองตาวาว พี่หมอยิ้มกว้าง

“ดูแลไป่หลงก็เป็นงานอย่างหนึ่งนะ”

ผมถอนหายใจแรง

“พี่หมอกลับไปอ่านการ์ตูนปัญญาอ่อนของพี่หมอต่อเถอะ”

“อ้าว หาเรื่องละเด็กนี่” พี่หมอโยกหัวผมแรง “นี่น่ะคลายเครียดนะ ลองอ่านไหม”

ผมเบ้ปาก พี่หมอหัวเราะ

“หนังสือคือคลังปัญญานะ ไม่ว่าจะแนวไหน อ่านแล้วจะฉลาด ถ้าไม่ฉลาดก็จะรอบรู้”

ผมโบกมือไหวๆ

“ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ ผมขอไปเดินเล่นหน่อยละกัน”

“เดินไหวเหรอ”

“ไหว”

“ม่ะ เดี๋ยวพี่หมอไปเป็นเพื่อน”

“ไม่ต้องหรอก ผมอยากเดินคนเดียวเงียบๆ”

“งั้นไปกับซันไรส์”

ซันไรส์เงยหน้าจากหนังสือ ปิดลง ลุกยืน

“ไม่ต้องไปด้วยหรอก เห็นไหมว่าฉันเดี้ยง จะเอาแรงที่ไหนมาหนี”

“ผมมีหน้าที่ดูแลคุณหงส์ทุกฝีก้าว”

ผมจิ๊ปาก จำใจลุก รู้สึกเคล็ดขัดยอกเล็กน้อย ผมเดินเป๋ๆ ไปตามทางเดินในสวน ซันไรส์เดินตามมาห่างๆ เย็นมากแล้ว คงใกล้เวลาที่หมอนั่นจะกลับบ้านแล้ว

ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วัน แต่เป็นช่วงเวลาที่หัวใจผมทำงานหนักมาก หลังจากคืนแรกที่มันฟัดผมจนเยิน ทำโทษต่อตอนเช้า หลังจากนั้นมันก็ไม่มาแตะต้องอะไรผมอีกเลย ถือว่าเป็นพระคุณละนะ แต่มันจะต้องลากผมไปนอนกอดด้วยทุกคืน

ผมไม่ชิน และไม่ชอบด้วย ถ้ามันเป็นเหมยก็ว่าไปอย่าง

เสียงฝีเท้าของซันไรส์เบากริบ ตามมาก็เหมือนไม่ตาม ในเวลาไม่กวนประสาทผม ซันไรส์ก็เงียบ แต่อย่าให้เปิดปากนะ เห่าแบบหมาผู้ดี กัดนิ่มๆ แต่เลือดเจิ่งนอง

ผมเดินเล่นต่อไม่สนใจคนด้านหลัง กระทั่งเดินมาถึงขอบกำแพงสูงลิบพร้อมระบบป้องกันภัยระดับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกายังอาย ผมมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจ เผื่อมีช่องทางหลบหนี ยกเว้นกำแพงสูงๆ กับกล้องถี่ยิบ ถัดมาคือต้นไม้หลากหลายชนิด บ้านร่มรื่นเพราะต้นไม้เยอะนี่แหละ

ได้ยินเสียงฝีเท้าดังเบาๆ ผมไม่ได้หันไปมองเพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร แต่แปลกใจนิดหน่อยตรงที่ซันไรส์ทำเสียงนี่แหละ สงสัยจะเผลอล่ะมั้ง

“น่าจะปลูกต้นสนหรือยูคาลิปตัสนะ จะได้ปีนแล้วโหนดีดออกไปนอกรั้วได้”
ผมพูดขำๆ ถ้ามีจริงผมยังไม่รู้เลยว่ามันจะปีนขึ้นไปโหนได้จริงๆ หรือเปล่า ดีไม่ดียังไม่ทันถึงยอดกิ่งอาจหักลงมาก่อนก็ได้ 

“ฝันไปเถอะว่าจะหนีพ้น”

ผมสะดุ้งเฮือกกับเสียงกระซิบนั้น รีบหันไปมอง 

ไอ้บ๊วยครับ

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เมื่อกี้”

ผมมองไปด้านหลัง ซันไรส์อันตรธานหายไปแล้ว ผมไม่พูดกับมันอีก เบี่ยงหลบหวังเดินกลับไปหาพี่หมอตามเดิม

ไม่อยากอยู่ใกล้มันครับ

แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวมันก็คว้าผมเซกลับไปเผชิญหน้าตามเดิม ผมเงยหน้า มองกลับตาขวาง

“เมื่อไหร่จะเลิกดื้อกับเฮียสักที”

“ความดื้อกับผู้ชายเป็นของคู่กัน”

มันส่ายหัว

“ดีขึ้นรึยัง”

“จะแย่เพราะแรงฉุดเมื่อกี้นี่แหละ ปล่อย”

มันไม่ปล่อย ซ้ำยังรวบจับเอวผมแน่นขึ้นดึงเข้าไปไว้ในอ้อมแขน ก้มหอมแก้มผมฟอดใหญ่ คลอเคลียไปมา ผมหดคอหนี

“ทำอะไรประเจิดประเจ้อ”

“หอมแก้มเมียตัวเองผิดตรงไหน”

“อั๊วไม่ใช่เมียเฮีย”
ถึงจะเข้าพิธีแต่งงาน ถึงจะจดทะเบียนสมรสแล้ว ถึงจะโดนสวนทวารแล้วก็เถอะ

มันขมวดคิ้วไม่พอใจใส่ แต่แค่เดี๋ยวเดียวก็กลับมาสงบนิ่งตามเดิม

“พรุ่งนี้เฮียว่าง จะพาไปเที่ยว อยากไปไหนหรือเปล่า”

ผมตาวาว อยากออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างเหมือนกัน ก่อนนิ่งคิด แต่ไปกับมันเนี่ยนะ

“อั๊วอยากไปเที่ยว แต่ขอไปคนเดียว”

มันส่ายหัว

“อยากไปไหน จะพาไปทุกที่ แต่เฮียต้องไปด้วย”

“นี่!!” ผมถามฉุนๆ “ถามจริงเหอะ ทำไมต้องมาตามตอแยอั๊วด้วย เราแต่งงานกันเพราะเหตุจำเป็น ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้กับอั๊วก็ได้ เสร็จเรื่องแล้วเราก็ต้องหย่ากันอยู่ดี”

“ฟังเฮียให้ดีนะอาหงส์”

ผมนิ่งฟังอย่างตั้งใจ

“เฮียไม่มีทางหย่ากับลื้อเด็ดขาด”

ผมตาโต

“จะเก็บอั๊วไว้ทำไม เฮียจะได้แต่งงานใหม่ มีทายาทสืบสกุลไง”

มันจ้องผมตาเขม็ง มองแบบมองจริงๆ

“หงส์ดูไม่ออกจริงๆ เหรอว่าเฮียคิดไงกับหงส์”

“คิดว่าไง คิดว่าเป็นตัวนำโชคไง แต่งงานเพราะผลประโยชน์ล้วนๆ”

ใบหน้านั้นนิ่งขรึมลง นิ่งแบบนิ่งจริงๆ

“ไปเตรียมตัวกินข้าว เฮียไปอาบน้ำก่อน”
แล้วมันก็หันหลัง เดินกลับเข้าบ้านไป ผมยืนหงุดหงิดอยู่กับที่ พอมันหายไปไอ้น้ำยาล้างจานก็โผล่เข้ามา วิกเซอร์จะตามติดบ๊วยมันมากกว่า

ซันไรส์เดินเข้ามาใกล้ มองตาผม พ่นลมหายใจใส่

มึงมาพ่นของเสียตรงนี้ เดี๋ยวเกิดภาวะเรือนกระจกจนแสงทำร้ายกูขึ้นมาทำไง

“ขี้เหร่แล้วยังโง่อีก”

ผมบอกแล้วว่าอย่าให้มันเปิดปาก มันเป็นหมาที่เห่าและกัดอย่างผู้ดี ฟังแล้วเจ็บลึก

“นายมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน”

“เจ้านายก็ตาต่ำ”
มันส่ายหัวไปมา ขยับออกไปยืนห่างๆ

อ๊ากกกก ไอ้บ้า!!

มาด่าแล้วจากไปเนี่ยนะ



พี่หมอกันต์มาตามให้ไปอาบน้ำเพื่อกินข้าว มื้อนี้จะเป็นมื้อแรกที่ผมจะร่วมโต๊ะกับทุกคนในครอบครัวหลังจากนอนเดี้ยงมาหลายวัน เข้าห้องไปก็ไม่เห็นไอ้บ๊วยอยู่ในห้องแล้ว ก็ดี เพราะผมไม่อยากเห็นหน้ามันนักหรอก

ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดอยู่บ้านตามปกติ พยายามเดินให้เป็นปกติที่สุดไปยังโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ภายในบ้าน พี่น้องมันมากันบ้างแล้ว ส่วนมันยืนคุยโทรศัพท์อยู่ พอเห็นผมมันก็กดวางสาย เดินเข้ามาหา จับมือผมจูงไปนั่งข้างๆ มัน

ตอนแรกผมว่าจะเลือกนั่งห่างๆ มันหน่อย แต่โดนบังคับแบบนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้ว 

ผมนั่งกินข้าวเงียบๆ พูดคุยแบบถามคำตอบคำ ผมไม่อยากสร้างสัมพันธ์ใดๆ กับใครทั้งสิ้น เพราะเวลาแยกจากจะได้ไม่เสียใจ จริงๆ ตามประเพณีวันพรุ่งนี้ผมกลับบ้านได้

ผมชะงัก หันขวับไปมองคนตัวสูง

หรือว่ามันจงใจหยุดเพื่อให้โอกาสผมได้กลับบ้าน

ทุกคนคงรู้ว่าผมยังไม่ชิน และคิดว่าผมยังไม่หายดี หลังกินมื้อเย็นจึงปล่อยให้ผมกลับไปพักผ่อน ผมรีบตรงไปหาไอ้บ๊วยมันทันที

“เฮีย อั๊วอยากกลับบ้าน พรุ่งนี้กลับได้แล้วไม่ใช่เหรอ”

“กลับไปเยี่ยม ไม่ใช่กลับบ้าน”

ผมหน้าบูด แต่ก็ยังดี

“ได้ใช่ไหม”

มันพยักหน้า

“ตั้งใจจะพาไปอยู่แล้ว ถ้าอยากไปเที่ยวไหนก็บอก”

“สภาพนี้ จะมีอารมณ์ไปเที่ยวที่ไหนได้ กลับบ้านไปให้อาหารปลาคาร์ป พวกมันคงคิดถึงอั๊วแย่”

“ไป่หลง น้องหงส์ที่รัก”
ยังไม่ทันที่บ๊วยมันจะขยับปากพูดอะไร เสียงพี่หมอก็ดังแทรกเข้ามาก่อน ผมว่าคำเรียกมันชักจะยาวกว่าเดิมละ “พี่หมอกลับก่อนนะครับ เราดีขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องการหมอแล้ว”

ง่ะ ไม่มีพี่หมออยู่เป็นเพื่อน ผมคงเหงาน่าดู

“อย่าทำหน้าเศร้าแบบนี้สิ เหงาเหรอ ซันไรส์ไง อยู่เป็นเพื่อน”

ผมเบ้ปาก พี่หมอหัวเราะหึๆ แล้วไอ้ซังกะบ๊วยก็หันไปกระซิบกระซาบถามอะไรสักอย่าง ผมฟังไม่ออก

“เบาๆ หน่อยละกัน เตรียมพร้อมเยอะๆ จะได้ไม่ระบม”

อะไรบมๆ

มันถามต่ออีก

“อะไรวะ แค่รอบเดียวก็พอมั้ง หลายรอบเดี๋ยวได้เดี้ยงอีก ฉันรู้ว่าแกเป็นพวกติดลมบนแล้วลงยาก แต่นึกสงสารเด็กมันหน่อย”

พูดเรื่องอะไรกัน

‘สงสารเด็ก’?

ผมรู้เลาๆ มาว่าไอ้ซังกะบ๊วยมันรักเด็กครับ เป็นพ่ออุปถัมภ์ให้เด็กหลายคนเลย ตอนนี้ที่ส่งเสียอยู่ก็เกือบสามสิบรายแล้ว

เหอะ แต่ผมไม่เชื่อหรอก มันคงทำเพื่อหวังถ่ายรูปลงนิตยสารสังคมไฮโซมากกว่า

“กลับละ ถ้าทนไม่ไหวก็ลุกขึ้นไปเตะบอล”
แล้วพี่หมอก็หัวเราะร่วนในขณะที่ไอ้บ๊วยทำหน้าหงิก

พูดไรกันให้กูได้ยินบ้าง

สงสัยจะเรื่องเด็กในอุปถัมภ์จริงๆ




ผมเดินเข้าห้องก่อน ดีใจที่พรุ่งนี้จะได้กลับบ้าน โดดขึ้นเตียง ดึงเอาผ้าห่มมากอด ได้ยินเสียงเปิดประตูตามด้วยปิด ผมปิดเปลือกตาลง ได้ยินเสียงเดินมุ่งตรงมาที่เตียง สติผมค่อยๆ ด่ำดิ่ง รู้สึกถึงแรงยุบที่เตียง ผมสาวสติตัวเองลึกลงไปอีก

สติผมถูกดึงกลับมานิดๆ เพราะคนตัวโตมาทิ้งตัวลงนอนข้างๆ เดี๋ยวมันก็ต้องกอดผม ซึ่งผมไม่แยแสสัมผัสจากมันหรอก พยายามดับสวิตซ์ตัวเองอีกรอบ แผงอกมันทาบลงมากับแผ่นหลัง

หลับสิวะหลับ

ลมหายใจมันอยู่เหนือขึ้นไป

พุธโธ ธัมโม สังโฆ

มือมันกระชับกอดผมแน่นยิ่งกว่าเดิม

อิติปิโสภะคะวา

“หลับแล้วเหรอ”
มันกระซิบถาม ผมแกล้งหลับเสีย หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ไม่อยากเสวนากับมัน ก่อนสะดุ้งเฮือกเพราะมือที่ลูบอยู่แถวๆ หน้าท้อง แต่ยังทำเป็นนอนนิ่ง สะดุ้งมากขึ้นเมื่อปากมันเริ่มสำรวจซอกคอผมเบาๆ

หลับซะลูกเอย จงหลับๆ ผมสั่งตัวเอง ขนบนตัวเริ่มพากันลุกเกลียว

“หลับแล้วจริงๆ เหรอ”

ใช่ หลับแล้ว เห็นไหม กรนฟี้ๆ เลย

ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ แล้วมือที่หน้าท้องก็เลื่อนสูงขึ้นมาอีก

อย่านะ!

อย่านะ!!

ผมตาโตในจินตนาการ พอมือมันสัมผัสหัวนมผมเท่านั้นแหละ ไฟฟ้าช็อตขั้นรุนแรง ตัวผมเกร็งไปหมด

ไอ้บ๊วยมันเกิดอารมณ์เต็มร้อยแล้วล่ะครับ น้องมันชนอยู่ด้านหลัง

“เบาๆ หน่อยละกัน เตรียมพร้อมเยอะๆ จะได้ไม่ระบม”

ดะ เดี๋ยวนะ

“อะไรวะ แค่รอบเดียวก็พอมั้ง หลายรอบเดียวได้เดี้ยงอีก ฉันรู้ว่าแกเป็นพวกติดลมบนแล้วลงยาก แต่นึกสงสารเด็กมันหน่อย”

เดี๋ยวๆ!

ผมนึกย้อนถึงคำพูดของพี่หมอ อะไรเบาๆ อะไรเตรียมความพร้อมเยอะๆ แล้วอะไรจะได้ไม่ระบม คำพูดของพี่หมอจะไม่ย้อนกลับมาเลย ถ้าไอ้นั่นของคนด้านหลังจะไม่แข็งปั๋งจนชนบั้นท้ายผมอยู่แบบนี้

“แค่รอบเดียวก็พอมั้ง หลายรอบเดียวได้เดี้ยงอีก ฉันรู้ว่าแกเป็นพวกติดลมบนแล้วลงยาก แต่นึกสงสารเด็กมันหน่อย”

เด็กที่ว่าหมายถึงผมสินะ!!

ตายละ! ขืนนอนนิ่งอยู่แบบนี้ พรุ่งนี้ได้ระบมไปพบป๊าม้าไม่ได้แน่ๆ ผมรีบกลายร่างเป็นจอมยุทธในหนังจีนกำลังภายในกระโจนพรวดเดียวลงไปยืนอยู่ข้างเตียง

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ”

คือกูยังไม่ได้หลับ จึงยังไม่ตื่น แต่ของมึงอ่ะ ตื่นแล้ว ตื่นจนตั้งโด่เลย

มันมองหน้าผม ก่อนก้มมองด้านล่างของตัวเอง มันตุงจนเห็นเป็นแท่งตั้งตรงคล้ายเวลาที่เราเอาผ้าคลุมของสูงๆ ยิ่งชุดนอนหลวมๆ ยิ่งเห็นเด่นชัด

ผมหันรีหันขวาง อยู่ในห้องไม่รอดแน่ๆ จะวิ่งออกนอกประตู รับรองได้ว่ากว่าจะถึงหน้าประตู มันต้องจับผมได้ก่อนแน่ๆ แหล่งหลบภัยที่ใกล้ที่สุดตอนนี้ก็คือ...

ผมกระโจนอีกพรวดวิ่งเข้าหาตู้เสื้อผ้าทันที

ครับ ตู้เสื้อผ้าจริงๆ = =

พอเปิดได้ก็มุดตัวเข้าไป ดึงประตูปิด ลงกลอน จริงๆ อยากเข้าห้องน้ำ แต่ไกลไป ไกลพอๆ กับประตูนั่นแหละ

ได้ยินเสียงหัวเราะขบขันจากคนด้านนอก ผมผลักๆ เสื้อผ้าไปไว้มุมๆ แล้วยัดตัวเองลึกขึ้นไปอีก

เสียงหัวเราะเงียบไปแล้ว

ยอมแพ้หรือเปล่า ผมพยายามเงี่ยหูฟัง

ข้างนอกเงียบสนิท ผมขยับไปด้านหน้า หารูแล้วเพ่งมอง บนเตียงว่างเปล่า ผมพยายามมองไปรอบๆ

สงสัยจะออกไปแล้ว

ผมขยับไปยืนอยู่ตรงจุดเดิม ยืนนิ่ง คิดว่าจะเอายังไงดี นอนในนี้เลยไหม อบอุ่นปลอดภัยดี เสื้อผ้าหอมดีด้วย น่าจะทำให้หลับสบายขึ้น

ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงไขกุญแจดังกริ๊ก แล้วไอ้ล็อคที่ผมเห็นราง ๆ ผ่านความมืดก็ถูกขยับเคลื่อน ประตูตู้เสื้อผ้าที่ผมใช้เป็นหลุมหลบภัยชั่วคราวถูกเปิดออกดังผ่าง คนเปิดยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า ถ้าเป็นสมัยเด็ก ผมคงกรีดร้องโวยวายด้วยความสนุกสนานจากการเล่นซ่อนแอบกับพวกพี่ๆ หรือพี่เลี้ยง ตู้เสื้อผ้าคือหลุมหลบภัยที่ผมชอบเข้าไปหลบเป็นประจำ

แต่ผมเป็นเด็กที่ไม่รู้จักจำจริงๆ เพราะเล่นทีไร โดนจับได้ทุกที

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน

คนจับได้ยืนยิ้มขบขัน ผมรีบจับบานประตูไว้ ยื้อจะปิด แต่มันจับไว้เหมือนกัน ดึงไว้ไม่ให้ผมปิด

“ปล่อยสิวะ จะเปลี่ยนบรรยากาศมานอนในตู้เสื้อผ้า”

มันโครงหัวไปมา จับข้อมือผมดึงออกจากตู้ ปิดประตู ดันหลังผมติดกับตู้ ใช้ร่างตัวเองทาบทับ ผมพยายามดันมันออก

“ปล่อย!”

“อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาเป็นหน้าตู้เสื้อผ้าไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวเฮียจัดให้”


ผมตาโต

“ไม่ใช่ๆ!! อั๊วจะนอนที่นี่ นอนคนเดียว เฮียกลับไปนอนที่เตียงเลย กลับไป กลับไป!!”
ผมไล่มันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่มันหาได้สนใจไม่ กระแซะใกล้เข้ามาอีก

“หงส์”
มันเรียกผมเสียงแผ่ว เสียงเรียกนุ่มนวลแบบนั้นหยุดการดิ้นรนผมลง ผมเงยหน้ามอง มันมองตาผม ไม่พูดอะไร ยกมือขึ้นเกลี่ยผิวแก้ม สัมผัสนั้นร้อนวูบ พุ่งดิ่งเป็นธนูไฟปักลงกลางใจดังปัก ฤทธิ์ของธนูไฟมีผลทำให้หัวใจผมไหวด้วยจังหวะแปลกๆ

พี่หมอกันต์…

พี่หมอครับ ผมคงเป็นโรคหัวใจ มันถึงได้เต้นในจังหวะแปลกๆ แบบนี้

พี่หมอช่วยผมด้วย!!

“นอนกับเฮียมันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นนะ”

มึงลองมาเป็นกูดูไหม เดี้ยงไปสามวัน กูนอนกับมึงวันนี้ ไม่ต้องนอนให้พี่หมอหยอดข้าวต้มไปอีกสามวันรึไง

“อภิมหาโลกาวินาศของโลกเชียวละ ปล่อย!”
ผมพยายามดันมันออก

“ลื้อนี่ชอบดื้อกับเฮียจริงๆ นะอาหงส์”

ใช่ กูเป็นเด็กดื้อ เป็นเด็กไม่ดี เพราะงั้นส่งกูไปอยู่บ้านเมตตา บ้านเด็กกำพร้า หรือส่งกลับบ้านเกิดไปเลยก็ได้!!

“แต่หงส์คงไม่ลืมนะที่เฮียเคยบอกไว้”

จำอะไร จำไม่ได้ ความจำถดถอย อากาศเมืองไทยไม่ค่อยดี

“ว่าเฮียชอบปราบเด็กดื้อ”
พูดจบมันก็ก้มลงเก็บแต้ม ทาบปากแนบปาก รุกด้วยปลายลิ้น ผมพยายามขัดขืน แต่นับหนึ่งไม่ถึงสามสิบวิ อาวุธลับภายในที่กำลังฉกกัด ริมฝีปากร้อนที่เคลื่อนไหวไปมาบดขยี้กลีบปากผม ทำให้ผมสิ้นไร้เรี่ยวแรง

“อืม...” ผมครางในลำคอ

“อ๊า…”
และยิ่งครางสะท้านเมื่อมือมันเริ่มสำรวจตรวจตรามาบนหน้าท้อง ไต่สูงขึ้นมาที่อก มันถอนปากออก ก้มลงไปซุกซอกคอ สองมือแทรกเข้าไปช่วยกันหมุนเปลี่ยนคลื่นวิทยุที่หัวนมผม ร่างกายผมเปลี่ยนคลื่นความถี่ทางลมหายใจ มันหอบแรงขึ้น สัญญาณเสียงดังออกมาเป็นเสียงครางแบบไร้จังหวะ มันมีทั้งฮิปฮอป ป็อบร็อก บางครั้งก็โอเปร่า กรีดแหลมเป็นงิ้วหลงโรงก็มี

น้องมันตุงขึ้นมาอีกแล้ว ได้ยินเสียงครางทุ้มในลำคอเมื่อของมันชนหน้าขาผม มือมันยังไม่หยุดหมุนปรับคลื่น ปากก็ยังสำรวจมาทั่วทั้งคอ หู และปากของผม

“อือ อาหงส์”
มันครางพร่า ล้วงมือผ่านกางเกงนอนยืดๆ ของผมไปด้านหลัง บีบขนมปังข้างขวาของผมเบาๆ ผมผวาเฮือก มันดึงมือขึ้นมาจุ่มน้ำลายตัวเอง แล้วสอดกลับไปใหม่ ผมตาโต ยืนแบบนี้ไม่ถนัดหรอกครับ ผมไม่ยอมให้มันทำง่ายๆ แน่ บีบรัดแน่นป้องกันการล่าอาณานิคม

“เปิดทางให้เฮียหน่อยหงส์”

“ไม่”
ผมตอบปฏิเสธเสียงแข็ง

“เด็กดื้อ”
เฮียแกดึงมือกลับ จับผมพลิกคว่ำ กระชากกางเกงผมลงไปกองไว้ที่เข่า ผมตาโต ปากมันยังไม่หยุดจูบคอ มือหนึ่งยังบีบบี้หัวนมผมเล่น ในขณะมือที่เหลือกำลังหาทางล่าอาณานิคมไม่หยุด

แล้วมันก็ทำได้สำเร็จ

ท่านี้รัดลำบากครับ มันแทรกนิ้วเข้ามาทีละนิ้ว จากหนึ่งเป็นสองจากสองเป็นสาม กดย้ำอยู่ตรงจุดไวสัมผัสเพื่อย้ำให้ผมรู้ว่าได้ตกเป็นของผู้ล่าไปแล้วเรียบร้อย ผมอาศัยได้ตู้เสื้อผ้าเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและร่างกาย แล้วหลังจากนั้นไม่กี่วิบางสิ่งที่ใหญ่กว่า ร้อนกว่า และแข็งกว่าก็ค่อยๆ แทรกเข้ามา

“อื้อ อาหงส์”
มันครางพร่า สอดใส่เข้ามาอย่างใจเย็น ผมครางตามทุกการเคลื่อนไหว ขยับกางขาออกกว้าง แอ่นสะโพกเยอะๆ

ไม่ได้อยากทำ แต่มันต้องทำ เพราะท่านี้มันคลายความอึดอัดได้ ยิ่งไอ้งูเหลือมด้านหลังมันใหญ่เท่าไหร่ ผมยิ่งต้องปรับสภาพร่างกายให้ดีเมื่อถูกรุกราน ไม่งั้นเครื่องพัง

มันปักธงเป็นผู้ครอบครองผมได้อีกครั้ง ทำการสั่งสอนตอกย้ำให้ผมรู้สึกเสียวซ่านต่ำต้อยยิ่งขึ้น

“หงส์”
มันครางเรียกชื่อผมไม่หยุดให้ขนลุกเกรียว ร่างกายก็ดี๊ดีรู้จักปรับสภาพให้ไม่รู้สึกเจ็บหรืออึดอัดแบบครั้งแรกๆ แต่ให้ตาย แบบนี้มันเสียวเกินไป ผมครางลั่นห้องผสานไปกับเสียงครางทุ้มๆ ของคนตัวสูง เสียงเนื้อกระทบเนื้อ และเสียงครึกๆ ของบานประตูกระทบกันจากแรงโยกของคนด้านหลัง

ตู้เสื้อผ้ามึงพังมา กูไม่รับผิดชอบนะ

“อื้อ ทำไมลื้อยั่วเฮียขนาดนี้”

กูไปยั่วมึงตรงไหน ตรงไหน ตรงไหน!! ตอบมา!!

มันหยุดขยับ ถอดกางเกงที่ค้างเข่าผมทิ้ง เลิกถอดเสื้อจนตัวผมล่อนจ้อน แล้วมันก็ทำการชำแรกเสื้อผ้าตัวเองทิ้งไม่ไยดี

อ๋อ จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเหรอ เดี๋ยวกูหยิบให้ จะเอาตัวไหน บอกมา

แต่ดูท่ามันจะไม่ได้อยากได้เสื้อผ้าใหม่ เพราะพอมันสลัดเสื้อผ้าทิ้งได้ก็จับผมพลิกหันเข้าหาตัวเอง ยกขาผมข้างหนึ่งขึ้นสูง ขยับ

“อือ”
ทำไมผมต้องมาอยู่ในสภาพน่าอายแบบนี้ มันจับผมยกขึ้นเหนือพื้นทั้งที่ร่างเรายังแทรกผสาน

โอ๊ย แน่นชิบโป้ง

“อ๊า สุดยอด”
มันครางชม หลังผมแนบติดประตูตู้เสื้อผ้า ผมจำต้องคล้องสองแขนไว้รอบคอมันกันตก รับรู้ทุกการเข้าออกที่ลึกล้ำ ท่านี้มันลึกและอึดอัดสุดๆ จริงๆ

ผมกับมันเหมือนกันอยู่อย่าง

คืออึดด้วยกันทั้งคู่

เพราะงั้นทำครั้งหนึ่งจะใช้เวลายาวนานสุดๆ มันจะดีมากถ้าเราทำกันแค่รอบเดียวแล้วจบ

แต่ชีวิตผมมันไม่ง่ายขนาดนั้น

หน้าตามันหล่อ แต่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ทำย้ำๆ อยู่อย่างนั้นจนผมน็อกไปแล้วเรียบร้อยโรงเรียนจีน


(มีต่อค่ะ >>) http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59579.msg3632687#msg3632687 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59579.msg3632687#msg3632687)
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 40% [P.3][7-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 07-05-2017 07:55:19
น้องหงส์ พี่สงสารหนู55555
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 40% [P.3][7-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 07-05-2017 08:56:25
รู้สึกลูกน้องแต่ละคนนิสัยแย่มากยังไงหงส์ก็เปรียบเสมือนเจ้านายอีกคนแต่เท่าที่เห็นนอกจากไม่เคารพยังจะว่าแขวะอยู่ตลอดอบรมเรื่องมารยาทให้ลูกน้องบ้างก็ดีนะยิ่งจะตบอาหงส์ตัวเองก็แค่ลูกน้องนั่นเขาผัวเมียกันรู้สึกมันเกินขอบเขตไปปะ :m16:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 40% [P.3][7-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 07-05-2017 09:16:07
เขาใจนะว่าคนเขียนพยามให้มันออกมาตลก แต่อ่านแล้วไม่ค่อยตลกอะ ลูกน้งพระเอกคือ นิสัยอะไร ทำไมถึงได้ทำกิริยา แบบนี้กับเมียเจ้านายเหรอ คืออะไร แล้วก้อครอบครัวหงส์อีก แบบ ขายลูกกินเหรอ ไม่สงสารลูกบ้างเหรอ เขาใจนะว่านิยาย แล้วคนเขียนพยามสื่ออกมาแนว ขำขัน แต่บางเรื่องก้อไม่ขำ อย่างเช่นลูกน้องพระเอก เกลียดนิสัยมาก
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 40% [P.3][7-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 07-05-2017 10:00:19
 o13 ชอบมากกค่ะ...น่ารัก+ฮามากกก....เมื่อไหร่จะLoad (ซื้อ) e- bookได้ค่ะ?  เมี่อกี้ลองเข้วweb ไปดูยังไม่มีหนังสือเลย... :katai1: รบกวนช่วยบอกหน่อยนะค่ะ.... :ling1: อยากได้มากเพราะไม่สะดวกซื้อเป็นเล่มจริงๆ..... รบกวนด้วยค่ะ...จะรอนะค่ะ...ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 40% [P.3][7-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 07-05-2017 10:04:42
เฮ้ออาหงส์ ขอให้หนูมีความสุขจริงๆสักที เราชอบเรื่องนี้ที่ใช้คำแบบ อั๊ว เฮีย ไรงี้ คือมันดูจีนจริงๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 40% [P.3][7-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 07-05-2017 10:39:27
 เกลียดทั้งเจ้านายทั้งอีน้ำยาล้างจานเลย
มีสิทธิ์อะไรมาว่าหงส์อะ เป็นแค่คนใต้บังคับบัญชา
สันดานจริงๆอยากให้หงส์เชิ่ดๆเริ่ดๆไม่ต้องสนใจพวกนี้
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 40% [P.3][7-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ์ำNeFuji ที่ 07-05-2017 11:22:25
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 40% [P.3][7-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 07-05-2017 11:23:42
 :z10: :z10: สงสารหงส์ รู้สึกถึงความหดหู่ในใจน้อง แต่ไรท์พยายามเขียนให้น้องบรรยายสภาพตัวเองออกแนวขำๆ เพื่อให้ดูว่าน้องยังเข้มแข็ง เป็นการบรรยายที่เจ็บปวดแต่ผืนหัวเราะเหมือนมันเป็นเรื่องเล็ก ดูเหมือนตรงกันข้ามแต่เ็ปนความรู้สึกปดชดโลก...เราเข้าใจถูกมั้ย แต่เอาความรุ้สึกคนละขั่วมารวมกัน เลยอาจทำให้นักอ่านบางท่านเข้าใจผิดว่าไรท์เห็นความรู้สึกน้องเป็นเรื่อวตลกก็เป็นได้ ส่วนเรื่องน้ำยาล้างจานกับน้ำยาล้างส้วม...การที่ลูกน้องระดับนี้ยอมรับเจ้านายแต่ไม่ยอมรับเมียเจ้านายมันปกติ อันนี้ก็เป็นความสามารถของหงส์แล้วว่าจะทำให้พ่อน้ำยาทั้งสองยอมรับตนในฐานะนายอีกคนได้มั้ย?
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 40% [P.3][7-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 07-05-2017 11:47:52
 หงส์น่าสงสารอะ   :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 40% [P.3][7-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 07-05-2017 15:56:44
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 40% [P.3][7-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-05-2017 16:15:51
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 40% [P.3][7-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 07-05-2017 16:34:45
 :z13:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 40% [P.3][7-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 07-05-2017 17:11:41
เราเป็นหงส์ เราก็เกลียดไป่หลงนะ
ถึงมาบอกว่าชอบ เราก็ไม่เชื่ออยู่ดี ชอบบ้าอะไร ทำเหมือนคนที่ชอบเป็นสัตว์เลี้ยง
ก็เข้าใจว่ากลัวหนี แต่ไป่หลงเป็นฝ่ายทำร้ายหงส์ก่อน
สงสารหงส์มาก ต้องอยู่กับคนที่เกลียดจนไม่อยากเห็นหน้า
เขาอยากจับพลิกไปทางไหนก็ได้ เขาอยากทำอะไรก็ทำ ไม่คิดถึงใจเราเลย
แต่งกับผู้ชายก็หนักหนาแล้ว สำหรับผู้ชายแท้ๆ ยังมาบังคับเข้าหอตั้งแต่วันแรกอีก
น่าอึดอัดมาก อยู่บ้านเขา ที่ของเขา ไม่ใช่ของเรา
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 40% [P.3][7-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 07-05-2017 19:17:16
 :o8:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 40% [P.3][7-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-05-2017 20:44:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 40% [P.3][7-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-05-2017 22:46:04
 :hao6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 40% [P.3][7-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 07-05-2017 23:27:37
ชอบๆๆๆ มาต่ออีกเถอะ พลีสสสส

เราก็สงสารหงส์นะ แต่อย่างที่รู้เรื่องนี้ทั้งคู่มีเชื้อสายจีนอะ ซึ่งเราว่าจับคุมถุงชน มีซินแสมาดูดวงมาทำนายต่างๆมันก็ไม่แปลกนะ คือมันก็มีความแตกต่างกันนะแต่ละบ้านแต่ละเชื้อชาติ อย่าว่าแต่เชื้อจีนเลยจับคุมถุง ไทยเรายังมีเลย  :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 40% [P.3][7-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 08-05-2017 08:05:35
อ่านแล้วแบบขัดใจ๊  ขายลูกกินจริงๆ ถ้าเราเป็นหงส์ก็คงไม่ต่างจากเหมยอ่ะ หนีออกจากบ้าน ไม่มีความเห็นใจลูกเลยพ่อแม่คู่นี้ เผลอๆจะทำร้ายตัวเองโชว์เลยด้วย แม่งขัดใจชิหัย....
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 40% [P.3][7-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 08-05-2017 11:54:01
ฮาหงษ์มาก ชอบซันไร ด่าแบบนิ่มๆแต่เจ็บถึงทรวง
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 80% [P.3][8-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-05-2017 21:29:15
 :hao6:


ว้าวววว
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 80% [P.3][8-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 08-05-2017 22:00:49
รอจ้า
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 80% [P.3][8-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 08-05-2017 22:10:02
 :hao6: :hao6: :hao6: เห่อๆๆๆๆ อาหงส์เสร็จเฮียอีกแล้ววววว แล้วจะได้กลับไปเยี่ยมบ้านมัยเนียะ  :really2: :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 80% [P.3][8-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-05-2017 22:14:52
สงสารอาหงส์จัง อิอิ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 80% [P.3][8-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 08-05-2017 22:52:23
คือนายเอกเราเป็นแค่อีตัว ว่างั้น?
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 80% [P.3][8-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 09-05-2017 06:55:01
ชอบไป่หลง ดุทรงแล้วน่าจะมีอิทธิพลสุดในบ้าน แต่ลูกน้องสันดานเสียมาก แค่ลูกน้องปะ นี่กล้าลามปรามด่าเจ้านาย กับเมียเจ้านาย คือถือดีขนาดไหน ถ้าโหดจริง ควรสั่งสอนดิ เอาให้ปากใช้การไม่ได้ไปเลยคือแย่มาก


ส่วนหงส์ เข้าใจเลย ครอบครัวคนจีนอะ เอาไรมาก เหมือนขายลูกกิน แต่จริง ๆ ถ้า คนแต่งงานด้วยแย่ เขาก็ไม่ให้แต่งหรอก เพราะป๊าคงรักหงส์พอตัว แต่อยากรู้ ไม่ไปเรียนหรอ มิน่าไม่ค่อยฉลาดทันคน หมายถึงหงส์นะ ดูไม่ฉลาดเท่าไหร่ ถึงปล่อยให้หมาเลียปาก ลามปรามได้ตั้งหลายรอบ สงสารตรงนี้แหละ

แต่ตลกดี รอวันที่หงส์เชื่อใจหลงละกัน คนแบบนี้ไม่รักไม่แต่งหรอก ดูถือตัวอะ ดูมีดีให้ทะนง แต่ยังไงก็ รู้สึกอยากให้ลงโทษ ซันไรท์อะ ทุเรศเกิน คือ ไม่ติดเป็นลูกน้องนี่นึกว่ามันอยากเป็นผัวหลงอีกคน
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 80% [P.3][8-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 09-05-2017 08:05:37
เราไม่ต้องดูอิมเมจ ก็มโนเองได้ :laugh: ถึงจะดูอิมเมจตัวละคร แต่เอาจริงๆก็ลืมอยู่ดี :laugh: เพราะงั้นแล้วแต่คนเขียนเลยว่าอยากแปะหรือเปล่า ทำตามที่ใจเรียกร้องเถอะ(?) รู้สึกมีคอมเม้นดราม่าเรื่องลูกน้องเยอะแฮะ ตามความเห็นเราคิดว่าหงส์น่าจะมีโมเม้นงอนป๊าม๊าอีกนิด โดนจับแต่งงี้เป็นใครก็ต้องขึ้นใช่มะ(!!?) คนเขียนสู้ๆ ขาดรายละเอียดเล็กน้อยนิยายก็เพอร์เฟ็คแล้ว :hao7: หรือถ้าคนเขียนอยากจะให้ออกแนวขำขัน ขอแนวซนๆ แก้แค้นบอร์ดี้การ์ดของพระเอกแบบเผ็ดๆ 55555
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 80% [P.3][8-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 09-05-2017 09:24:33
โอ้ยยย ฮาหงษ์มาก เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเสมอ55555
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 80% [P.3][8-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-05-2017 10:40:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 80% [P.3][8-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 09-05-2017 11:58:42
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 80% [P.3][8-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ์ำNeFuji ที่ 09-05-2017 16:27:19
นี่ไม่รู้จะสงสาใครดี สงสารหงส์ที่อีดเกิน สงสารกันต์ที่ต้องมารักษา เฮ้ออออ :hao3:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว 80% [P.3][8-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 09-05-2017 22:12:34
โดนไปอีกดอก
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว [P.3][10-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 10-05-2017 19:56:11
(http://upic.me/i/ru/5y-300.png)

(ต่อค่ะ)


เป็นไปตามคาดครับ

พี่หมอถูกเรียกตัวกลับมาด่วน รายนั้นโวยวายใหญ่ที่มันไม่ยอมบันยะบันยังกับผมบ้าง ดีแต่ว่าร่างกายผมเริ่มปรับสภาพได้ และตรงนั้นขยายยืดหยุ่นมากพอ มันจึงไม่ฉีก แต่ระบมจนเดินไม่ได้จริงๆ

“อย่าบ่นน่า เด็กมันยั่ว”

“ยั่วตอนไหน!!”
ผมแหวเสียงขุ่น เขวี้ยงหมอนข้างตัวใส่ เจ้าตัวรับไว้ได้ วางลงที่เดิม

“กี่รอบ”
พี่หมอก็ช่างกล้าถาม = [ ] =

“หนึ่งหน้าตู้เสื้อผ้า อีกหนึ่งริมกำแพง อีกสองที่เตียง พอดีสลบก่อนเลยอดต่อรอบห้า”
ไอ้บ้านี่ก็กล้าตอบ

ครับ นั่นแหละคือสกอร์ที่มันเก็บ และทำให้ผมไม่อาจลุกขึ้นได้จนมันต้องโทรตามพี่หมอกลับมาหาผมด่วน

“เครื่องน้องเขาพังกันพอดี”

มันจิ๊ปาก

“รักษาไป จะลงไปเอาสมุนไพรมาให้”

พี่หมอส่ายหัว หันกลับมามองผม หันไปหยิบยามาเตรียมฉีด

“ยาบำรุง จะได้หายเร็วๆ”

ผมถอนหายใจแรง

“ผมจะฟ้องหย่า”

พี่หมอชะงักมือที่กำลังจะฉีดเข้าแขนผม

“ใจเย็นๆ ละกันน้องหงส์ มันกำลังหลงน้องหงส์”

“หลงบ้าหลงบอ มันทำรุนแรงกับผม”

“เราไม่มีอารมณ์ร่วมเลยเหรอ”

ผมหน้าร้อนผ่าวไปกับคำถามนั้น พี่หมอยิ้ม

“ไป่หลงมันพรานหญิง สาวๆ นี่ศิโรราบคาบแก้วมาแล้วนักต่อนัก พี่ว่ามันทำให้น้องหงส์มีความสุขได้แน่ๆ เพียงแต่ช่วงแรกๆ ร่างกายน้องหงส์ยังไม่ชิน ทำไปนานๆ ความเจ็บจะลดลงและหายไปในที่สุด อดทนเอาหน่อย”

“ไม่”
ผมค้านหัวชนฝา

พี่หมอไม่พูดอะไร ขยับเข็มฉีดยาในมืออีกรอบ

“อยู่นิ่งๆ ขอพี่หมอฉีดยาก่อน”
ผมยอมให้พี่หมอฉีดยาดีๆ พี่หมอเคยมือเบาแค่ไหน ตอนนี้ก็ยังเสมอต้นเสมอปลาย พอเรียบร้อยก็ถอดหัวเข็มฉีดยาโยนลงถังขยะ เก็บสำรับสำหรับฉีด หยิบยาทามาวางแทนที่

“ต่อไปก็ทายา”
พี่หมอจับผ้าห่มไว้ทำท่าจะดึงออก ผมรีบยึดไว้ทันที

“ผมทาเองได้”

“ให้พี่หมอทาดีกว่า พี่หมอเป็นหมอ ทาได้ดีกว่า เรานอนนิ่งๆ ไป”

ผมหน้าร้อนผ่าว แต่ก็ยอมนอนนิ่งๆ ดึงผ้าห่มสูงขึ้นมาปิดหน้า อายจนไม่รู้ว่าอายอะไรมากไปกว่านี้แล้ว

“เอาล่ะ เรียบร้อย สองวันก็หาย”

ผมรีบดึงกางเกงขึ้นมาสวมตามเดิม

“จริงๆ เล้ย ไป่หลงนี่”
พี่หมอบ่นใส่เพื่อนตัวเองหงุมหงิม ถอดถุงมือออก เก็บยาเข้ากระเป๋า นำมันวางไว้ที่พื้นห่างๆ

มือพี่หมอสวยดี ยาวเป็นลำเทียนเลย มือหมอเป็นแบบนี้ทุกคนไหมฮึ

ผมขยับปรับท่านอนดีๆ เสียดายครับ อดกลับบ้านเลย

“พี่หมอไม่มีแฟนเหรอ”
ผมหาเรื่องคุย พี่หมอฉีกยิ้มกว้าง ผสานมือรองต้นคอ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ในท่าสบายๆ

“ยังไม่เจอคนถูกใจเลย”

“ครอบครัวพี่หมอเป็นคนจีนหรือเปล่า ปกติถูกผู้ใหญ่จับคู่ให้นี่ ไม่มีเหรอ”

“ไม่ บรรพบุรุษพี่เป็นฝรั่งเศส”

ผมตาโต

“เราเป็นหมอฝรั่ง แต่คงกลายพันธุ์หมดแล้ว ผสมไทยมั่ง จีนมั่ง อเมริกัน แขก ญี่ปุ่น มั่วไปหมด มารุ่นพี่เอาเลือดไปตรวจ น่าจะเจอมากกว่าสิบสัญชาติ”

ผมหัวเราะ

“ถ้าขี้เกียจหาเอง ทำไมไม่ให้ผู้ใหญ่หาให้”
ผมว่าผู้ใหญ่ก็ตาถึงนะ ยกเว้นเคสผม เพราะเหมยหนีไป

“พี่หมอเป็นคนของประชาชน เกิดพี่แต่งงานไป ใครจะอยู่ดูแลสาวๆ ที่กำลังเปล่าเปลี่ยวล่ะ”

ผมหัวเราะ ผมชอบอยู่กับพี่หมอก็งี้แหละ ยกเว้นเวลาแกสิงการ์ตูน ลืมผมประจำ

“วันนี้ไม่พกการ์ตูนมารึไง”

“พกสิ ซันไรส์กำลังหิ้วมาให้”

พูดถึงซันไรส์ รู้สึกคันปากยิบๆ

“เออ พี่หมอ พี่หมอรู้หรือเปล่าว่าน้ำยาล้างจานมีแฟนหรือเปล่า”

“น้ำยาล้างจาน ใคร?”

“ซันไรส์ไง ชื่อคล้ายน้ำยาล้างจานซันไลท์ วิกเซอร์คนน้องผมเรียกน้ำยาขัดส้วมเพราะชื่อคล้ายวิกซอล”

พี่หมอหัวเราะเสียงดังจนน้ำตาเล็ด

“เข้าใจเปรียบนะ แล้วฉายาไป่หลงล่ะ”

“ซังกะบ๊วย”
ผมตอบทันที ก่อนรีบตะครุบปากแน่น พี่หมอหัวเราะเสียงดังกว่าเดิมลงไปทุบที่นอนตุบๆ


“ถ้ามันได้ยินคงปรี๊ดแตก”

ผมเบ้ปาก ไม่สน รู้ก็รู้ไปดิ ไม่เรียกมันไอ้บรมห่วยแตกก็ดีเท่าไหร่แล้ว

“แล้วของพี่หมอล่ะ มีไหม”

ผมส่ายหัว

“ไม่มี” ก่อนชะงัก “แต่มีแอบนินทาในใจนิดหน่อย”

“อะไร”

“หมอปัญญาอ่อน”

พี่หมออ้าปากขำก๊าก ซันไรส์หิ้วถุงการ์ตูนเดินเข้ามาภายใน พี่หมอหยุดหัวเราะลงกึกหันไปมอง มันวางถุงการ์ตูนไว้ข้างๆ พี่หมอ ยื่นบิลให้

“ครั้งหน้าไปซื้อเองนะ ใช้อะไรไร้สาระ”

พี่หมอยักไหล่
“เวลาผู้ชายตัวโตๆ มาดเท่ๆ ใส่สูทเต็มยศไปยืนเลือกการ์ตูนญี่ปุ่นในร้านท่ามกลางสาวๆ นักเรียนมอปลาย พี่ว่ามันน่าดูพิลึกนะว่าไหม”

ผมนึกภาพตาม ยิ้มแหยง
“มั้ง”

ว่าแต่ที่ถามค้างไว้เมื่อกี้พี่หมอยังไม่ได้ตอบเลย แต่คงตอบไม่ได้แล้วล่ะ เพราะซันไรส์อยู่ รายนั้นซื้อหนังสือมาด้วยเหมือนกัน แต่ไม่ได้อ่าน หยิบมือถือมากดอะไรยิกๆ เสียบหูฟังใส่หู แล้วนั่งนิ่งไขว่ห้าง เข้าสู่โหมดโลกส่วนตัวไป ผมเคยสงสัยว่าซันไรส์ฟังอะไร สงสัยจะเพลง

พอซันไรส์เข้าภวังค์ ผมก็สะกิดพี่หมอ

“พี่หมอยังไม่ได้ตอบผมเลย”

“ตอบอะไร”
อ้าว เป็นโรคความจำเสื่อมรึไง

“ก็เรื่องที่ผมถามเมื่อกี้”

“เรื่องไหน”
พี่แกขมวดคิ้ว นี่ลืมจริงๆ เหรอเนี่ย

“เรื่อง…”
ผมเหลือบมองซันไรส์ พอเห็นว่ารายนั้นไม่ได้เอะใจอะไรก็หันกลับมามองพี่หมอต่อ พยักหน้าบุ้ยปากนูนๆ ไปทางเป้าหมาย

“นั่นน่ะ มีแฟนรึยัง”

พี่หมอทำปากอ๋อ แต่ไม่มีเสียง ขยับหน้าเข้ามาใกล้

“อยากรู้ไปทำไม”

“แค่อยากรู้เฉยๆ อาชีพนี้ต้องอยู่ดูแลเจ้านายตลอด มีเวลาพักผ่อนบ้างไหม เอาเวลาไหนไปหาแฟน ถ้ามีเมีย เมียคงน้อยใจแย่”
ผมกระซิบกระซาบ พี่หมอหัวเราะ

“ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านเหรอเรา”

ผมส่ายหัว
“อยากรู้เฉพาะบางคน”

พี่หมอหัวเราะร่วน
“ไม่มีหรอก”

ผมพยักหน้าหงึกๆ

“เบื่อหรือเปล่า อ่านสักเล่มสิ”
พี่หมอหยิบหนึ่งในการ์ตูนออกใหม่ให้ ผมรับมาพลิกดูปกหน้าปกหลัง ใช่ว่าผมจะไม่เคย เด็กๆ ก็ชอบอ่านอยู่หรอก โตมาก็เลิกๆ เพราะมีอย่างอื่นน่าสนใจมากกว่า

ผมแกะพลาสติกออก เปิดอ่านหวังฆ่าเวลา อ่านไปอ่านมาชักเพลินแฮะ

เสียงมือถือดังเบาๆ ผมหันไปมอง ไกลครับ ซันไรส์ที่นั่งฟังมือถืออยู่หันมามอง เป็นฝ่ายลุกขึ้นเดินไปหยิบมาให้ ผมรับมามองเบอร์ กดรับ

“อาหงส์ ไม่กลับมาเยี่ยมบ้านเหรอลูก”
ม้าผมเองครับ

“อยากกลับเหมือนกันม้า แต่เอ่อ…อั๊วป่วย เป็นไข้ หมอยังไม่ให้ออกจากบ้าน”

“เป็นอะไรมากไหม เดี๋ยวม้าไปหา”

“ไม่ต้องหรอกม้า อั๊วได้หมอดูแลแบบใกล้ชิดแล้ว อั๊วคิดถึงป๊ากับม้า หายดีแล้วจะรีบกลับไปเยี่ยม ตอนแรกว่าจะกลับวันนี้แหละ มาป่วยเสียก่อน”
แต่ผมไม่ได้บอกสาเหตุที่ป่วยไปหรอก

“บ้านอีดูแลลื้อดีไหมอาหงส์”

ผมยิ้ม อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ ว่าน้องคนสุดท้องมักไม่ได้รับการใส่ใจเท่ากับพวกพี่ๆ แต่หลังจากผมได้แต่งเป็นสะใภ้ตระกูลดังม้าก็ใส่ใจผมมากขึ้น

น้อยใจนะ แต่ก็เข้าใจป๊ากับม้า สำหรับคนจีน เรื่องงานเป็นสิ่งสำคัญ เพราะงานคือครอบครัวและครอบครัวคืองาน แยกกันไม่ค่อยออกหรอก กงสีล้วนๆ

“แล้วอาหลงไปไหน”

“อยู่บ้านนี่แหละม้า”
ไม่ต้องไปถามหามันหรอกม้า ก็เพราะมันนั่นแหละทำให้ผมไม่ได้กลับบ้านแบบนี้

“หายแล้วกลับมาเยี่ยมบ้านมั้งนะ ม้าคิดถึง”

ผมยิ้มออกมาทันที

“ครับ”

ประตูห้องนอนเปิดออก ตัวต้นเหตุเดินหน้านิ่งเข้ามา

“แค่นี้ก่อนนะม้า อั๊วอยากพักผ่อน”
ผมกดวางสาย เมินหลบคนที่มองมา ในมือมันยกถาดที่มีกากับถ้วยชาเข้ามาด้วย คงเป็นสมุนไพรจีนอย่างที่มันบอก

พี่หมอลุกจากผมไปนั่งข้างๆ ซันไรส์ ผมว่าสองคนนี้สลับกันนิดหน่อยนะ พี่หมอที่น่าจะเรียบร้อยกลับนั่งกางขาอ่านการ์ตูน ท่าทางดูห่ามนิดๆ ในขณะที่ซันไรส์นั่งไขว่ห้างเปิดเพลงฟังด้วยท่าทีเรียบร้อย

ผมเคยสงสัยว่ามันไม่เบื่อบ้างรึไง นั่งเฉยๆ ได้ตั้งนานสองนาน

ผมละสายตาจากสองคนนั้นมามองคนที่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เปลี่ยนสายตาเป็นจิกกัดขวางเขวี้ยงทันที


To be Con...

  :z13: จะสมน้ำหน้าหรือสงสารซันไรส์ โดนด่าจัง = = ;


ปล. มีอีบุ๊คที่ Meb แล้วคร้าบบ   
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว [P.3][10-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 10-05-2017 20:39:42
 :L2: :L2: :L2: สนุกมากค่ะ น้องหงส์เป็นคนรักครอบครัวมากแล้วก็เข้มแข็ง เข้าใจที่บ้านดี  :o12: :o12: :o12: ไม่เป็นไรนะอาหงส์เราจะปลอบใจหงส์เอง หงส์ต้องเข็มแข็งแบบนี้ตลอดไปนะ เป็นกำลังใจให้นักเขียนค่ะ :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว [P.3][10-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-05-2017 21:05:49
เหมือนว่าน้องหงส์ของเฮียจะเริ่มปรับตัวได้ (นิดหนึ่ง)
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว [P.3][10-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 10-05-2017 21:26:48
พี่หมอมีคู่รึเปล่าคะเนี่ย. ไม่เอาน้ำยาล้านจานนะ นิสัยไม่ดี ชอบว่าน้องหงส์ของเรา
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว [P.3][10-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-05-2017 21:54:13
 :เฮ้อ:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว [P.3][10-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 10-05-2017 22:02:10
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว [P.3][10-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 10-05-2017 22:03:34
เกิดเป็นหงส์นี่แย่เนาะไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรเลยเป็นแค่สินค้าให้ครอบครัวตัวเองขายกินละก็เป็นตุ๊กตายางให้ผช.ไม่ดี :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว [P.3][10-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 10-05-2017 22:41:11
เหอ ๆ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว [P.3][10-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 10-05-2017 23:08:24
หนักมาก ให้อาหงส์พักก๊อนนน
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว [P.3][10-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-05-2017 23:46:33
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว [P.3][10-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 11-05-2017 00:22:06
รอวันที่อาหงส์เป็นไทสักที
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว [P.3][10-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 11-05-2017 07:40:36
 :hao3: จะได้กลับบ้านเหรอเฮียแกเล่นจัดเต็มทุกที
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว [P.3][10-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 11-05-2017 21:19:38
 o13
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][13-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 11-05-2017 21:51:05
Hongzan : หงส์ซาน
ตอนที่ 7 ดูแล
...
...
...
มันหยิบกาขึ้น รินสมุนไพรใส่ถ้วยชาใบเล็ก ควันขาวจางๆ ลอยคลุ้งขึ้นมา มันยกมาให้ตรงหน้า

“อะ ดื่ม ดีกว่ายาฝรั่ง”

“ไม่กิน”
ผมดื้อแพ่ง มันขมวดคิ้ว

“กิน จะได้หายเร็วๆ”

“แล้วใครทำให้อั๊วเป็นแบบนี้”
ผมว่ากลับตาขวาง

“เฮียขอโทษ”
ผมไม่สนใจคำมัน เมินอ่านการ์ตูนเสีย มันดึงเอาการ์ตูนออก ยื่นถ้วยยาให้

“กินก่อน”

“ไม่กิน”

“อย่าให้เฮียต้องป้อนด้วยตัวเอง”

ผมเบ้ปากใส่ ขยับจะทิ้งตัวลงนอน แต่มันดึงไว้

“อยากให้เฮียป้อนจริงๆ ใช่ไหม”

“ไม่กิน ไม่ต้องป้อนด้วย ไม่ใช่เด็ก”

มันยกยิ้ม จับคางผมบีบแน่น ผมตาโต นึกภาพมันจับยากรอกปากออกเลย ผมดิ้นขลุกขลัก

โอ๊ย กูเจ็บอยู่นะโว้ย ให้ดิ้นมากๆ เป็นการทำร้ายคนทางอ้อมไม่รู้รึไง!

มันยกถ้วยยาขึ้น ผมตาโตยิ่งกว่าเดิม พยายามจับมือมันออก

แต่มันไม่ได้กรอกปากผมอย่างที่กลัวครับ มันจับปากผมก็จริง แต่ยกถ้วยยาใส่ปากตัวเอง ผมมองงงๆ มันยกยิ้มนิดหนึ่งทั้งที่ยังอมยา จับผมประกบปากทันที

มะ มึง มึง มึงมันไอ้ตัวกินไก่!!

ผมจำต้องกลืนสิ่งที่มันส่งมาลงคอ มันขยับปากรุก ผมหายใจแทบไม่ออก กำอกเสื้อมันแน่น มันถอนปากออก เทยาอีกถ้วย ยกกรอกปากตัวเอง แล้วนำมาป้อนผมแบบเสิร์ฟถึงปาก แต่ละถ้วยมีเล็มเล็กเล็มน้อย ยาถ้วยที่สาม เป็นถ้วยที่ผมพ่ายแพ้ราบคาบ มันบริการเลียเช็ดน้ำที่หยดไหลตามมุมปาก ลากลงไปถึงคอ

ผมเดาเอาว่ายาน่าจะเลอะไปถึงซอกคอด้วย มันถึงได้ตามไปเช็ด ตามไปเลียทำความสะอาดให้แบบนั้น ผมขยุ้มจับหัวมันไว้ ครางในลำคอ

“อะแฮ่ม ซันไรส์ เราควรจะออกไปจากห้องเพื่อปล่อยให้ผัวเมียเขาได้สวีทหวานแหววกัน หรือว่าจะอยู่ต่อเพื่อห้ามปราม เพราะน้องหงส์ยังระบมอยู่”

เท่านั้นแหละ ไอ้ซังกะบ๊วยก็หยุดปากลงกึกให้ผมได้หายใจหายคอ มือผมลดต่ำลงไปขยุ้มเสื้อด้านหลังมันไว้แทน ภาพตรงหน้าพร่าเลือนนิดๆ

“ไม่แปลกใจว่าทำไมแกหลงน้องเขานักหนา น้องเขายั่วเก่งจริงๆ นั่นแหละ”

ยะ ยั่วตรงไหน!!

ผมไม่ได้หันไปสนใจคนพูด มองคนตรงหน้าปรามด้วยสายตาให้มันหยุด มันพ่นลมหายใจออกแรง ลูบหัวผมเบาๆ ประคองให้นอนลง

“นอนซะ ตื่นแล้วเฮียจะพาไปนั่งเล่นในสวน”

ถึงจะโมโหที่มันบังอาจมาลวนลามผมเมื่อกี้ แต่ผมก็เลือกจะนอนนิ่งๆ มากกว่า กลัวโดนมันรุกเอาอีก

เหลือบมองไปทางพี่หมอ

เอ่อ…ผมว่าพี่จะเนียนไปไหมครับ เพราะตอนนี้พี่หมอเอนตัวพิงต้นแขนซันไรส์ ซึ่งรายนั้นก็ไม่ว่าอะไร ไม่ห้ามไม่ปราม นั่งนิ่งให้พี่หมอใช้เป็นพนักเฉย ซันไรส์ไม่ได้สนใจผม ในขณะที่พี่หมอ มองผมตาแป๋ว

ผมหันกลับมามองคนตรงหน้าอีกครั้ง มันเกลี่ยเส้นผมแถวหน้าผากผมเบาๆ ก้มลงจุมพิต ลุกขึ้นยืน 

“ออกไปกันเถอะ ปล่อยให้หงส์ได้พักผ่อน”

สองคนนั้นลุกพรึบพร้อมกัน

“ตื่นแล้วเจอกันครับน้องหงส์”
พี่หมอหันมาลา ทำเสมือนว่าผมจะหลับเป็นตายไปเป็นสิบปี เดินไปกอดคอเพื่อนก้าวนำไปก่อน ตามติดด้วยซันไรส์ที่ก้าวตามไปเงียบๆ

ซันไรส์เป็นคนปิดประตูให้ผมอย่างเบากริบ แล้วความเงียบก็กลับคืนมาอีกครั้ง ผมเลื่อนมือใต้ผ้าห่มขึ้นมากุมหน้าอกตัวเองเบาๆ ตรงตำแหน่งหัวใจ อีกมือจับหน้าผากตัวเองตรงตำแหน่งที่ถูกฝังจูบเมื่อกี้

บ้าเอ๊ย ทำไมต้องใจเต้นด้วย

ผมดึงมือกลับมาวางไว้ตำแหน่งเดิม ปิดเปลือกตาลง

พักผ่อนๆ จะได้หายเร็วๆ
 



ผมตื่นอีกทีเกือบเที่ยงแน่ะ อาหารเลิศรสถูกนำมาเสิร์ฟถึงเตียง ม๊ามันเดินเข้ามาหา ถอนหายใจแรงเมื่อเห็นสภาพผม

“ลื้อน่าจะเกิดมาเป็นผู้หญิงนะหงส์ซาน อั๊วจะได้มีหลานไว้อุ้มอีกคน”

ไม่เป็นน่ะดีแล้ว ห่วงผูกคอเปล่าๆ ท้องมาก็เลิกกับมันไม่ได้กันพอดี

แล้วบรรดาพี่สาวพี่ชายมันก็แวะเวียนมาเยี่ยม

กูอายครับ ไม่ต้องพากันมาเยี่ยมก็ได้

ผมสังเกตว่าอาหารผมดูจะเยอะกว่าปกติ กินคนเดียว แต่มีข้าวเปล่าตั้งสองถ้วยแน่ะ

“กินแค่คนเดียว ทำไมเตรียมอาหารมาตั้งเยอะตั้งแยะ”
ผมหันไปถามสาวใช้ที่ยกอาหารมาให้

“คุณไป่หลงจะมาทานด้วยค่ะ ตอนนี้ท่านติดสายอยู่”

ผมเบ้หน้า พอสาวใช้เดินออกไป บ๊วยมันก็เปิดประตูเดินเข้ามา ผมไม่สนใจ ขยับนั่งหย่อนขาข้างเตียง

ปวดฉิบ

มันลากเก้าอี้มานั่งฝั่งตรงข้ามผม

“มากินด้วยทำไม ได้กินข้าวกับเฮีย รสชาติอาหารกร่อยลงไปถนัดตา”

มันมองหน้าผม ไม่พูดอะไร ยกถ้วยข้าว หยิบตะเกียบ คีบกินตุ้ยๆ

มันใช้ตะเกียบหยิบเห็ดทอดสมุนไพรขึ้น ยื่นมาจ่อไว้ใกล้ปากผม ผมมองงงๆ

“อะไร”

“เฮียป้อน”

“กินเองได้”

“ผู้ใหญ่ให้ของ เป็นเด็กก็รับไว้สิ”

“พอดีถูกสอนมาว่าไม่ให้รับของจากคนหน้าแปลก”

มันยกยิ้มมุมปาก

“คำนี้เฮียจะป้อนด้วยตะเกียบ ถ้าไม่กิน คำต่อไปเฮียจะป้อนด้วยปาก”

ผมหน้าร้อนผ่าว มองกลับอย่างเขวี้ยง ไม่รับเข้าปากตรงๆ หรอก แต่ใช้ตะเกียบตัวเองคีบเอามาคลุกๆ ในข้าวแล้วกิน

มันคีบอีกชิ้น มาจ่อไว้ใกล้ปากผมตามเดิม

“จะกินเอง”

มันไม่พูดอะไร มองมานิ่งๆ ผมจิ๊ปาก จะใช้ตะเกียบคีบเหมือนเดิม แต่มันเบี่ยงหลบ เอามาจ่อใกล้ปากอีก

“มันต้องกินกับข้าวถึงจะอร่อย”

“ตักข้าวตามไปทีหลัง”

“จะกินเอง”

“หงส์ซาน”

ผมเม้มปากแน่น จำใจต้องอ้าปากรับ ผมแกล้งมันด้วยการดึงตะเกียบไว้ งับแรงแล้วทิ้งลงพื้น ยักคิ้ว ยกยิ้มมุมปาก

เป็นไงมึง ไม่มีตะเกียบจะกินข้าวล่ะสิ

มันก้มมองตะเกียบตัวเอง ผมยกยิ้มใส่อีกรอบ มันไม่ก้มหยิบ ไม่ออกไปเอาอันใหม่ ไม่โทรบอกใครให้หยิบมาให้ด้วย นั่งนิ่งๆ วางข้อศอกราบท้องแขนกับโต๊ะ มองตรงแล้วอ้าปาก

มาอ้าปากอะไรตรงนี้

ผมมองงงๆ

“ไม่อยากให้เฮียกินเองไม่ใช่เหรอ ป้อนมาสิ”

ผมอ้าปากค้าง ความดันเลือดอยู่ๆ ก็พุ่งสูงอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“เรื่อง! เอาอันใหม่มากินเองดิ”
ผมไม่สนใจ คีบอาหาร กำลังจะเอาเข้าปาก แต่มันคว้าจับข้อมือผมไว้ บังคับให้นิ่ง แล้วมันก็แย่งอาหารผมกินต่อหน้าต่อตา

“อร่อย”

ผมควันออกหู

“จะเอาตะเกียบอันใหม่ให้”
ผมรีบหยิบมือถือ แต่มันแย่งคืน วางไว้ห่างๆ

“ป้อนจนกว่าเฮียจะอิ่ม ทำโทษที่ทิ้งตะเกียบเฮีย”

“ไม่ป้อน!!”

“หรือจะให้เฮียเป็นฝ่ายป้อน แต่กว่าจะอิ่มนี่ปากเราคงบวมน่าดู”

ผมรู้ว่ามันจะป้อนแบบไหน

“เอ้า เอาไป ไม่กินแล้ว”
ผมยื่นตะเกียบของตัวเองให้ มันส่ายหน้า

“ป้อนเฮียมา อาหงส์”

ผมเม้มปากแน่น มองมันตาขวาง คีบเห็ดทอดสมุนไพรใส่ปาก ตามด้วยข้าว

“กินเองบ้างสิ ป้อนแต่เฮีย เดี๋ยวก็ไม่หายหรอก”

“อิ่มแล้ว”

“อิ่มได้ไง กินยังไม่ถึงครึ่งถ้วย กิน!!”
อยากเถียงว่าไม่ แต่ดูจากแววตาดุๆ นั้นแล้วถ้าผมไม่ทำคงมีการบังคับกันแบบถึงเนื้อถึงตัวแน่ๆ ผมจำต้องคีบอาหารเข้าปากตัวเองบ้างสลับกับป้อนคนตรงหน้า

มันกินไปมองหน้าผมไปให้รู้สึกแปลกๆ กับสายตานั้น ผมเมินหลบเสีย พยายามสนใจเฉพาะอาหารตรงหน้า กระทั่งข้าวในถ้วยผมหมด มันขยับเลื่อนข้าวของตัวเองมาให้ผมป้อนต่อ

อาหารเปื้อนปาก มันหยิบทิชชู่มาเช็ดให้เบามือ

“ลื้อโตแล้วนะอาหงส์”
มันว่าเสียงนุ่ม

ผมเมินหลบเสีย มันบีบจมูกผมเบาๆ

“ทั้งดื้อทั้งรั้น ถ้าไม่ติดว่าก้นเจ็บอยู่ จะตีให้ก้นลาย”

“ลองตีสิ จะต่อยปากแตก”

มันหัวเราะหึๆ

“มีแรงต่อยก็ลองทำดูสิ”

เจ็บใจครับ ตอนนี้มีปัญญาทำได้แค่ฆ่ามันทางสายตาเท่านั้น

“พุทราเชื่อมเจ้านี้อร่อย เฮียให้คนไปซื้อมาให้หงส์โดยเฉพาะเลย” มันหยิบพุทราเชื่อมด้วยมือ ยื่นมาใกล้ปาก

ผมเบี่ยงหน้าหนี

“อย่าให้เฮียต้องป้อนด้วยปากอาหงส์”
ผมเม้มปาก ก่อนอ้าปากรับ มันหวานกลมกล่อม อร่อยกำลังดีจริงๆ นั่นแหละ มันหยิบอีกชิ้น เอาเข้าปาก แต่ตามองผม ผมเมินหลบเสีย ผิวแก้มร้อนผ่าวแบบไม่ทราบสาเหตุ

สงสัยอากาศจะร้อน


(https://upic.me/i/ru/5y-300.png)
(40%)


“เดินไหวไหม หรือจะให้เฮียอุ้มออกไป” มันถามหลังกินอิ่ม

“เดิน”
ผมตอบกลับทันที

“ไหวรึไง”

ไหวไม่ไหวก็จะไม่ยอมให้มันอุ้มเด็ดขาด ผมขยับลุกจากเตียง เบ้หน้า

“เฮียว่าเฮียพาไปดีกว่า”

“ไม่ต้อง!!”
คิดว่ามันจะฟังผมหรือเปล่า

ไม่เลย

ผมรีบตวัดวงแขนรอบลำคอแกร่ง มันก้มมอง แก้มผมร้อนวูบวาบ

สงสัยจะเป็นไข้

“ปล่อย”
ผมขู่ฟ่อ มันยกยิ้มนิดหนึ่ง ก้มหอมหน้าผากผมแผ่วเบา

“ปลาคาร์ปรอหงส์ไปให้อาหารอยู่นะ”
มันเอาปลามาล่อครับ ซึ่งก็ได้ผล เพราะผมอยากให้อาหารปลาจริงๆ ผมยอมให้มันอุ้มเดินตรงไปตามทาง ไม่รู้ว่าผมตัวเบา หรือมันแข็งแรงเกินมนุษย์กันแน่ เดินเหมือนตัวผมเบาเป็นนุ่น

“ไม่หนักรึไง”
ไม่ได้เป็นห่วง แค่อยากรู้

“เบาอย่างกับลูกหมา”
ผมแยกเขี้ยวใส่ทันที จิกหลังคอมันแรงแก้แค้นที่โดนด่า มันหยุดเท้าลงกึก

“ถ้าไม่อยากปากบวมก็เลิกทำร้ายร่างกายเฮียได้แล้ว”

ผมเม้มปากแน่น มันก้มหน้าลงมาทำท่าจะทำผมปากบวมจริงๆ ผมรีบคลายแรงจิกลง มันยกยิ้ม พาผมเดินตรงไปยังบ่อปลาคาร์ป ปลาหลากหลายสีสันแหวกว่ายไปมาล้อแสงแดดที่กำลังสาดส่อง บนนั้นมีผ้าปูรองไว้รอแล้ว ซันไรส์คอยอยู่ ไร้ร่างของพี่หมอกันต์

“พี่หมอล่ะ” ผมถามซันไรส์

“พี่หมออยู่นี่ครับ” พี่หมอเดินร่าเริงเข้ามาหา “น้องหงส์คิดถึงพี่หมอเหรอ” ผมว่าบางทีพี่หมอก็ร่าเริงไปนะ “พี่หมอไปเข้าห้องน้ำมา” ไม่ต้องบอกก็ได้ครับพี่

ไอ้ซังกะบ๊วยวางผมลงบนผ้าเบามือ ผมหน้าเบี้ยว แต่ก็พยายามอดทน มันยื่นกล่องอาหารปลาคาร์ปให้ ผมห้อยขาข้างบ่อ เปิดฝากล่อง หยิบด้วยมือ โปรยลงไป ความสุขมันอยู่ตรงเราค่อยๆ โปรยอาหารเม็ดเล็กๆ ลงไปทีละนิด ปล่อยให้พวกมันว่ายมากิน

ผมเคยไปเที่ยวตามเขตวัดแล้วเขามีการให้อาหารปลา มันไม่เหมือนปลาในบ่อที่ได้กินอิ่มแทบจะตลอดเวลา ผมว่าปลาในวัดจำนวนมันเยอะ โอกาสได้กินอาหารก็น้อย เวลาให้ที ถึงได้อ้าปากงับอย่างตะกละตระกรามขนาดนั้น

แต่ผมก็ชอบดูนะ

“อยากไปให้อาหารปลา”

“ก็ให้อยู่นี่ไง”
บ๊วยมันว่า ผมหันไปมอง

“หมายถึงปลาตามวัดหรือท่าเรือ ที่เยอะๆ ตัวใหญ่ๆ เวลากิน เหมือนได้ดูหนังสงคราม”

“มีด้วยเหรอ”
ไอ้นี่ สงสัยจะไม่เคยเข้าวัดเข้าวา

“มีสิ”

มันพยักหน้า

“ไว้หายดีแล้วจะพาไป”

“ชิ ไม่ใช่ว่าดีขึ้นหน่อยก็ซ้ำให้นอนซมหรอกนะ”
ผมบ่นหงุมหงิม

“เมื่อกี้ว่าอะไร”

“เปล๊า สัญญาแล้วนะ”

มันพยักหน้า ผมเลิกสนใจมันหันมาโปรยอาหารปลาต่อ

“สนุกตรงไหน ให้ทีละหยิบมือแบบนี้ สาดลงไปทั้งกล่องให้มันอิ่มไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ”

ผมเงยหน้ามองพี่หมอคนถาม

“มันเป็นศิลปะและความบันเทิงอย่างหนึ่งครับพี่หมอ เวลาที่เราค่อยๆ โปรยอาหารเม็ดลงบนผิวน้ำดูดีออก เวลาปลามันว่ายขึ้นมางับกินก็เพลินดี”

“พี่ไม่ถนัดเลี้ยงปลา เลี้ยงแต่หมา”

ผมตาวาว

“พี่เลี้ยงหมาด้วยเหรอ”

“อือ พี่ชอบเลี้ยงหมาพันธุ์น่ารักๆ นิสัยเชื่องๆ ร่าเริงๆ”

“อะไร”
ต้องเป็นพวกชิสุ พุดเดิ้ล หรือไม่ก็โกลเด้นท์รีทรีฟเวอร์แน่ๆ

พี่หมอฉีกยิ้มกว้าง

“โดเบอร์แมน พิทบลู ร็อตไวเลอร์ เยอรมันเชฟเฟิร์ด แต่ละตัวน่ารักๆ ทั้งน้าน”

ผมอ้าปากค้าง พยายามนึกภาพหาความน่ารักในร็อตไวเลอร์หรือพิทบูล

“พวกมันน่ารักตรงไหน” ผมขมวดคิ้วถาม “ผมว่าอย่างพี่หมอน่าจะเหมาะกับพวกโกลเด้นท์รีทรีฟเวอร์มากกว่า ไซบีเรียนก็ได้ หล่อดี”

“พี่ว่าพวกนั้นปัญญาอ่อน ที่บ้านพี่มีสี่ตัว น่ารักทั้งนั้นเลย นี่ไง”
แล้วพี่แกก็รีบเปิดมือถือ เลื่อนสไลด์หาภาพ แล้วยื่นให้ผมดู

อื้อหือ แต่ละตัวพาเอาผมกลืนน้ำลายลงคอดังอึกเลย






“อะเอ่อ ชื่ออะไรกันบ้างครับ”
ไม่ได้อยากรู้ แต่รู้สึกเกรงใจ

“ตัวนี้ชื่อไวเลอร์ ย่อมาจากร็อตไวเลอร์ แต่บางทีพี่ก็เรียกมันว่าไวไว”
พี่แกชี้ไปที่เจ้าร็อตไวเลอร์

“ตัวนี้ชื่อเชฟเฟิร์ด ย่อมาจากเยอรมันเชฟเฟิร์ด แต่พี่ชอบเรียกมันว่าพี่เชฟ เพราะดูสุขุมสุด” พี่แกชี้ต่อไปที่เยอรมันเชฟเฟิร์ด

“ตัวนี้ชื่อบลู ย่อมาจากพิทบลู เป็นตัวแรกที่ได้มา ส่วนนี่แมน หลายคนเข้าใจว่าย่อมาจากโดเบอร์แมน แต่จริงๆ แล้วหน้าแมนเหมือนแบทแมน พี่เลยเรียกแมน”
อ่า ตั้งชื่อสมกับเป็นพี่หมอดี
 
“ทำไมชอบแต่หมาดุๆ”

“น่ารักดี”

“น่ารักตรงไหน เป็นหมาที่ขึ้นทำเนียบหมาดุทั้งนั้น”

“เหรอ พอดีพี่ไม่เคยศึกษาเรื่องสายพันธุ์ก่อนซื้อ เห็นตอนเด็กๆ พวกมันน่ารักดี ยิ่งโตยิ่งน่ารัก”

ตรงไหนวะ

ผมทำหน้าแหยงใส่

“เดาได้เลยว่าบ้านพี่หมอต้องไม่มีโจรขึ้นแน่ๆ”

“มีสิ ทำไมจะไม่มี”

ผมตาโต

“แล้วหมาพี่ไม่ทำอะไรเลยเหรอ เลี้ยงไว้ทำไมให้เปลืองอาหาร”

พี่หมอหัวเราะร่วน

“พี่หมอรีบกลับบ้านเพราะสัญญาณเตือนภัยว่ามีคนบุกรุกเข้าบ้าน ไม่ได้ห่วงข้าวของหรอก เป็นห่วงเด็กๆ น่ะ แต่พอไปถึง พวกเด็กๆ ไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลย เห็นนอนกันยิ้มแฉ่ง” 

“พวกมันไม่ทำอะไรโจรเลยเหรอ”

“ฮ่าๆ ไม่รู้ทำอะไร แต่บนสนามหญ้าใกล้กำแพง มีร่างของชายไม่ทราบอายุมานอนหมดสภาพ เนื้อตัวรุ่งริ่ง ลมหายใจแผ่วๆ เลือดสาดกระจายเต็มพื้น ดีที่ไม่ตาย แค่อาการสาหัส”


ผมอ้าปากค้าง

เอ่อ พี่พูดได้หน้าตาเฉยเลยเหรอ สีหน้าพี่หมอดูยิ้มแย้ม ปลื้มอกปลื้มใจในความโหดของหมาตัวเอง

“ไม่กลัวเหรอพี่ เกิดมันบ้าขึ้นมา ข่าวก็มีออกบ่อย”

พี่หมอส่ายหัว ผมทำหน้าแหยง ผมชอบปลามากกว่าหมาแมว เพราะพวกมันไม่ได้มายุ่งวุ่นวายเลียหน้าเลียตา เห่าหอนหรืออ้อนให้รำคาญ

ถึงเวลาให้อาหาร มันก็ว่ายมากิน อิ่มก็ไป แค่นั้นพอ

“กินหน่อยไหมพี่หมอ”
ผมแกล้งยื่นอาหารปลาให้พี่หมอ รายนั้นหัวเราะร่วนพาเอาผมหัวเราะตามไปด้วย เหลือบมองใครบางที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ห่างมอง มองเฉยๆ ไม่ได้ร่วมวงสนทนาอะไรด้วย 

“มองไรนักหนา หาเรื่องเหรอ”
ผมถามฉุนๆ เพราะมันชักจะมองมากไปละ มันเลิกคิ้วสูง แต่ไม่ตอบ

พี่หมอหัวเราะหึๆ ได้ยินเสียงเปรยเบาๆ
‘งี้แหละน้าคนเรา กำลังรักกำลังหลง แค่มองเขายิ้มเขาหัวเราะก็มีความสุขแล้ว’

“มองหน้าหาเรื่อง”
ผมนี่แหละที่จะหาเรื่องมัน

มันไม่ตอบ กระดิกเท้าที่ไขว่ห้างไปมา สักพักวิกเซอร์ก็เดินเข้ามาพร้อมยื่นมือถือให้ ผมหูผึ่ง มันคุยด้วยภาษาฝรั่งเศส รัวเร็วเป็นปืนกลเลย ผมยังไม่รู้เลยว่ามันทำธุรกิจอะไรบ้าง มันเอาเอกสารมาให้ผมเซ็นในฐานะคู่สมรสสองใบแล้ว ช่วงนั้นกำลังซม (เพราะโดนมันเอานั่นแหละ) พอเห็นตัวหนังสือยาวเป็นแพผมจึงไม่ได้อ่านรายละเอียด เซ็นๆ ไปให้มันจบ

มาดเวลาทำงานของมันดูดีครับ วิกเซอร์เดินกลับเข้าบ้านไปหยิบโน๊ตบุ๊กมายื่นให้ มันใส่บลูทูธแล้วกดอะไรต๊อกแต๊กบนเครื่อง มันนั่งไขว่ห้างทำหน้านิ่งๆ เริ่มต้นคุย เดาเอาว่าน่าจะประชุมนั่นแหละ เทคโนโลยีสมัยนี้ก็ดีอย่าง อยู่ตรงไหนของโลกก็เจอกันได้ตลอด

แม่บ้านเอาของว่างมาวางไว้ให้ ผมหยิบกิน หูเปิดอ้าฟังเสียงนุ่มๆ ของมัน ไม่ใช่แค่ภาษาฝรั่งเศส มีเยอรมันสลับกับอังกฤษด้วย

“เขาพูดได้กี่ภาษา”
ผมกระซิบถามพี่หมอ

“ราวๆ 9 ภาษา”

ผมเบ้ปาก พวกอัจฉริยะ

เสียงมือถือของพี่หมอดังขึ้น พี่หมอกดรับ

“โอเค มีเคสด่วน พี่ต้องไปก่อน เย็นๆ หรือไม่ก็พรุ่งนี้พี่หมอจะมาหานะครับ”
แล้วพี่แกก็ดีดตัวลุก วิ่งลิ่วๆ จากไป

พอไม่มีพี่หมอก็เหมือนคนหัวเดียวกระเทียมลีบ ผมหันมาพูดคุยกับปลาแทน

“กินเยอะๆ จะได้ตัวอ้วนๆ”

รู้สึกถึงแรงกอดเบาๆ จากทางด้านหลัง ผมหันไปมอง ตาโตเมื่อคนที่นั่งประชุมอยู่เมื่อกี้มานั่งด้านหลังแล้ว

“กอดทำไมเนี่ย”

“กอดเมียผิดตรงไหนอาหงส์”
ตรงที่กูไม่เต็มใจเป็นเมียมึงไง

“หน้าด้าน”

มันยกยิ้มรับ

“อ่ะ รู้ว่าหิว”
ผมยื่นกล่องใส่อาหารเม็ดให้ มันจ้องหน้าผม

“ถ้าหงส์กินได้เฮียจะกินตาม”

ผมจิ๊ปาก พยายามขยับดันมันออก แต่มันไม่ปล่อย

“นี่ ถามจริงเถอะ จะมายุ่งวุ่นวายอะไรนักหนา งานการมีก็ไปทำสิ”

มันถอนหายใจแรงมองหน้าผม

“บางทีเฮียอาจต้องหาปลาทองมาไว้ให้หงส์เลี้ยง”

“ทำไม”
ผมถามงงๆ มงคลก็จริง แต่ผมชอบปลาคาร์ปมากกว่า สีสวยดี

“เป็นเพื่อนหงส์ไง ความจำสั้นพอกัน บอกไปหลายรอบแล้วยังไม่จำ”

“บอกไร”

“จากคำถามหงส์เมื่อกี้ไง”

คำถามไหนวะ ที่ว่ามาวุ่นวายอะไรนักหนางั้นเหรอ

“ตอบว่าไง”
ผมถาม เพราะไม่รู้จริงๆ มันถอนหายใจแรง

“ข้อแรก หงส์เป็นเมียเฮีย ข้อสอง เฮียชอบเด็กดื้อ”

“หย่ากับอั๊ว แล้วไปแต่งงานกับซันไรส์ป่ะ ถ้าชอบเด็กมากไปรับเด็กซนๆ สักคนมาเลี้ยงที่บ้าน เอากันให้วุ่นไปเลย”
ผมแนะ มันมองหน้าผม กรอกตาขึ้นฟ้าราวกับเอือมระอาสุดขีด

“แต่งกับซันไรส์หรือหาเด็กมาเลี้ยงทำแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ”
พูดจบมันก็ก้มลงปิดปากผมทันที ผมตาค้าง มันจับคางผม เสยดันขึ้นให้แหงนหน้า

กูรู้ว่ามึงเป็นพวกไม่มียางอาย แต่ทำไมชอบจูบกูในที่สาธารณะจังวะ

ผมครางทักท้วง รสจูบมันล้างสมองผมภายในเวลาไม่กี่วินาที แรงจะขัดขืนแทบไม่มีเพราะความระบม ตอนนี้ผมจึงนั่งให้มันดูดอากาศนิ่งๆ จนหนำใจมันถึงได้ถอนปากออก

“หน้าด้าน”
ผมว่ามันเสียงเบา ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ดังอยู่ข้างหู มันเลื่อนปากมางับใบหูผมเบาๆ จนต้องหดคอหนี

“อย่ายั่วเฮียมากอาหงส์ ลื้อยังไม่หายดีนะ”

“ยั่วตรงไหน”
ผมถามกลับฉุนๆ มันไม่ตอบ ใช้คางคลอเคลียไหล่ผมไปมา

“เป็นหมารึไง ดมอยู่ได้”
ผมต่อว่าเสียงเบา

“มั้ง”
มันฝังปลายจมูกลงบนแก้ม ขมับ ลำคอ ปลายจมูกโด่งๆ นั้นสร้างได้ทั้งความจั๊กจี้และอบอุ่นในเวลาเดียวกัน

“หิวก็ไปกินขี้ไป”
ผมไล่

“กำลังจะกินอยู่นี่ไง”

ผมอ้าปากค้าง มาหาว่าผมเป็นขี้เนี่ยนะ!! มันฝังปลายจมูกลงมาหนักขึ้น ผมทั้งหดทั้งเอียงหน้าหนี มันก็ตามมาฝังตลอด

“โอ๊ย รำคาญ จะไปไหนก็ไปเลยไป!!”

มันไม่สนใจคำไล่ผม ดมอยู่นั่นแหละ ก่อนไล่ปากกลับมาปิดปากผมใหม่ ผมครางอื้อ การจูบกับมันเป็นอะไรที่ทำให้พลังงานในตัวผมลดต่ำลงมากที่สุด มันสอดมือเข้ามาทักทายยอดอก ผมครางอู้อี้ห้ามปราม

มันถอนปากออก ผมหอบจนอกไหว มันไม่ได้จูบต่อ ไม่ได้ซุกซอกคอ แต่มองหน้าผมนิ่งๆ ในขณะที่มือมันเกลี่ยเขี่ยยอดอกผมเล่น ผมจับมือนั้นไว้หวังหยุด

“อย่า”

“พูดกับเฮียคำหนึ่งได้ไหม”

“อะไร!”
ผมกระชากเสียงถาม ตัวสั่นหงึก เพราะมันยังไม่หยุดรังแกจุดอ่อนของผม
“ปล่อย”

“หงส์รักเฮีย”

ผมตาโต มองหน้าคนพูด ทำหน้าจริงจัง ส่ายหัวพรืด

“ไม่มีทาง”

“เฮียอยากฟัง นะ”

“ไม่ อั๊วไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น จะพูดได้ไง”

“พูดๆ ไปเดี๋ยวก็รู้สึกเอง”

ผมอ้าปากค้าง ทฤษฎีไหนของมันวะ

“ไม่ หัวเด็ดตีนขาดอั๊วก็ไม่พูด”

มันยกยิ้ม บีบหัวนมผมแรงขึ้น ทาบพาผมล้มตัวลงนอน ผมตาโต

“จะทำอะไร นี่มันในสวน พวกซันไรส์ก็อยู่”

“พวกนั้นไม่สนใจหรอก”

“เดี๋ยวคนในบ้านมาเห็น”

“พวกนั้นเขากันไว้ได้”

“ไม่นะ!! ปล่อย ปล่อย!! อย่าคิดอะไรบ้าๆ ยังไม่หายระบมเลย”

“ถ้าพูดแล้วเฮียจะหยุด”

“ไอ้บ้า คำพูดที่ไม่ได้ออกมาจากใจ มันจะไปมีค่าอะไร”

“พูดทุกวัน เดี๋ยวก็รู้สึกตามเอง”

โอ๊ย ไอ้ซังกะบ๊วย ไอ้พวกดันทุรังสูง ผมมองตาขวาง บอกด้วยสายตาว่าไม่มีทาง

ร่างมันอยู่เหนือผมขึ้นไป ก้มลงมาแนบปากประสาน มือยังไม่หยุดเค้นคลึงทับทิมของผม ร่างกายตื่นตัว ให้พูดก็เอามีดมาจ้วงกันเลยเหอะ ให้ยอมตรงนี้ก็ทุเรศเกินไป

“พูดสิหงส์ หรือจะยอมเป็นของเฮียตรงนี้ก็ตามใจนะ” มันบังคับมาเสียงนุ่ม สอดมือเข้าไปในกางเกง ผมครางในลำคอเมื่อมือนั้นลากไล้หมุนวนไปทั่วรอบเป้ากางเกงใน

ยอมให้มันเอา เจ็บก้น ระบมไปอีกหลายวัน หรือพูดไปให้จบๆ กันดี และก่อนที่มันจะล้วงมือเข้าไปทำการอุกอาจกลางที่แจ้ง ผมรีบเบรกมันไว้ทันที

“พูดก็ได้!”

มันชะงักมือลงกึก ดึงมือออก ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก แล้วนิ่งเงียบ

“พูดสิ”

“อั๊ว”

“หงส์”
มันแก้คำแทนตัวให้ผมใหม่ ผมมองตาขวาง

“หงส์ เอ่อ…เฮีย”

“ไม่ได้ยินเลย”

“พูดไปแล้ว ไม่ได้ยินก็จบ”

“พูดใหม่ เอาให้เสียงดังฟังชัด”

“พูดไปแล้ว”

“อาหงส์”
คำขู่มาพร้อมมือที่จับอยู่ที่ลอนตะโพก

“หงส์”
ผมเริ่มต้นใหม่ กลืนน้ำลายลงคอ

“รักเฮีย”
อ๊ากกกกก ทำไมต้องให้กูมาพูดเรื่องอะไรทำร้ายจิตใจตัวเองแบบนี้ TT

“อีกครั้งสิ”

“ไม่ รอบเดียวพอ”

“อีกครั้งหงส์ เฮียอยากฟังอีก”

“หงส์รักเฮีย”
ผมรัวปากบอก

“อืม…อีกทีสิ”
มันร้องขอเสียงเบา ปากคลอเคลียอยู่ที่แก้ม น้ำเสียงนั้นนุ่มนวลสุดๆ

“หงส์รักเฮีย”
มันจับมือผมไปวางไว้ตรงตำแหน่งหัวใจตัวเอง ยกจูบ

“หงส์รักเฮียหลง”
มันกระซิบนำให้ยาวขึ้น ผมกลืนน้ำลายลงคอ ทำไมเวลาพูดผมถึงได้รู้สึกแปลกๆ ยังไงบอกไม่ถูก

“หงส์รักเฮียหลง”

ผมพูดตาม มันจูบซับหน้าผากผมเบาๆ

“อีกทีสิ”

“หงส์รักเฮียหลง”

มันมองตาผม ก้มลงมาจูบเบาๆ

“เด็กดีของเฮีย”
รสจูบนั้นกระชากดึงผมจากผืนดินขึ้นไปเหาะเหินเดินอากาศอยู่บนท้องฟ้า มันเบา มันนุ่มนวล และรู้สึกสุขใจลึกๆ รสจูบของมันไม่ใช่รสจูบกระตุ้นอารมณ์ แต่มันอ่อนหวานและอบอุ่นมากกว่าที่คิด
 
 
To be Con...
ตัวละลายกลายเป็นน้ำแล้ว อ๋อยยยย


...
...
แจ้งข่าว : เปิดจองหนังสือหงส์ซานแล้วค่า รายละเอียด >> https://goo.gl/WbWxt8 (https://goo.gl/WbWxt8)
(เข้าไปดาวน์โหลด e-book ได้ในลิงค์เดียวกันค่ะ)
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][11-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 11-05-2017 22:08:46
หงส์ก็ดื้อเนอะ รู้ว่าดื้อแล้วจะถูกทำโทษก็ยังทำ
เอ....หรือว่าจะชอบนะ 5555
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][11-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 11-05-2017 22:22:49
 :impress2: :impress2: :impress2: อาหงส์ก็ไม่เข็ดแต่แบบนี้ก็ดีนะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][11-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 11-05-2017 22:53:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][11-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 11-05-2017 23:11:34
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][11-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-05-2017 23:19:51
 :pig4: :pig4: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][11-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-05-2017 23:27:38
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][11-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-05-2017 23:33:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][11-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 11-05-2017 23:43:40
ดื้อมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][11-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 12-05-2017 01:32:36
หมั่นไส้อาเฮียยย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][11-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-05-2017 09:20:53
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][13-5-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 13-05-2017 12:06:43
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][13-5-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 13-05-2017 12:07:05
 สงสารน้องหงส์ เฮียหื่นอะ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][13-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 13-05-2017 20:25:41
 :katai1: โอยยยยย มันมั้น...มันอึ๋ย...มันโว้ยยยยมัน...มันอยากกรีดร้องดั้งๆมันหลายอารมณ์!!! :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][13-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 13-05-2017 22:36:43
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][13-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 14-05-2017 00:08:41
 :hao3: เข้าใจสะกดจิตเน้อ พูดทุกวันเดี๋ยวก็เป็นจริง
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][13-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 14-05-2017 00:56:08
ยังรู้สึกว่าอาหงส์ไม่ได้รักเฮียหรอก อาจจะมีเคลิ้มๆบ้าง แต่ยังไม่รักแน่ๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][13-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 14-05-2017 04:49:02
เฮียสะกดจิตหงส์ อิอิ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][13-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: owlseason ที่ 14-05-2017 06:28:06
 :hao7:
หวานจนใจละลายแล้วเด้ออออออ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][13-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 14-05-2017 08:31:32
เอาเลาเข้าช่องฟรีซที ละลายล้าวววววววว//หงส์บอกเฮียหลงไม่ได้บอกมึง :z6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][13-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 14-05-2017 08:42:21
ตามๆๆๆ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][13-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 14-05-2017 09:27:21
เฮียไป่ แก หลง น้องจริงจังมากกกกก
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][13-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 14-05-2017 10:31:19
 o13
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #7 ดูแล [P.5][13-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 14-05-2017 16:00:49
อาเฮียแกหลงเมียเด็กน่าดูเลย 5555
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #8 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ [P.6][17-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 14-05-2017 21:10:59
หงส์ซาน #8 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ


 
‘หงส์รักเฮียหลง’

อ้ากกกกกก

ไอ้สมองบ้า ไอ้สมองระยำ ไอ้สมองเจ้ากรรม จะไปคิดถึงคำพูดนั้นทำไมกัน!!

ผมในจินตนาการกำลังพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะใช้ยางลบแท่งใหญ่ๆ ลบคำพูดเมื่อกี้ออกจากหัว

มันต้องเป็นนักสะกดจิตแน่ๆ แล้วเป็นบ้าอะไรมาสะกดจิตให้ผมรักมัน ต้องการอะไรจากผม!!

ไม่รู้ว่ายาจีนที่มันป้อนดีหรือว่าเพราะร่างกายผมปรับสภาพได้แล้ว สองวันผมก็เดินได้คล่อง เคล็ดขัดยอกนิดหน่อยเท่านั้น ผมบอกมันว่าจะกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ มันบอกจะพาไป แต่ขอเคลียร์งานก่อน จะพาไปกินข้าวเย็นกับคนที่บ้าน

“เจ็กหงส์!”

ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงเรียก ฉีกยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าเป็นใคร

อาฮง
หลานผมเองครับ คงจะมาทำหน้าที่พาผมกลับบ้านตามธรรมเนียม ผมรีบเดินเข้าไปกอดคอหลานแน่นทันที ห่างกันแค่อาทิตย์เดียวก็คิดถึงได้เหมือนกัน

“ได้ข่าวว่าป่วยเหรอเจ็ก”

ผมแก้มร้อนผ่าวกับคำถามนั้น ไม่กล้าบอกว่าโดนเอาจนนอนซม

“นิดหน่อย ผิดที่”

หลานผมพยักหน้ารับหงึกๆ

“มาไง”

“ตอนแรกอากงจะให้คนที่บ้านมาส่ง แต่อั๊วแวะไปทำธุระจึงนั่งแท็กซี่มาเอง”

ผมพยักหน้ารับทราบ หลานผมกวาดมองไปรอบๆ

“บ้านโคตรใหญ่ กว้างกว่าบ้านเราอีก”

ผมแอบเบ้หน้า ไม่ได้ออกความเห็นอะไร

“ดีนะที่มีปลาคาร์ปให้เจ็กไม่เหงา”

“มาเล่นกับเจ็กบ่อยๆ สิ”

“เรียนแทบจะไม่ได้โงหัวโงหาง”

ผมหน้าบูดใส่ พี่ๆ ผมรวมถึงหลานๆ ทุกคนได้เรียนกันในโรงเรียนดีๆ ทั้งนั้น ยกเว้นผมนี่แหละที่อาป๊าให้เรียนที่บ้านตั้งแต่จำความได้ เพราะงี้แหละผมถึงได้ชอบแผลงฤทธิ์

ประมาณสี่โมงครึ่ง รถของไอ้บ๊วยก็วนเข้ามาจอดภายในรั้วบ้าน วิกเซอร์วิ่งอ้อมมาเปิดประตูให้ ผมไม่ได้ขยับ เพียงแต่มองตามเท่านั้น หลานผมรีบยกมือไหว้คนตัวสูงทันที

“มานานแล้วเหรอ”

“ครับ อาเตี๋ยหลง”

“เจ็กหลง”
ผมรีบแก้ให้หลานเปลี่ยนคำพูดทันที (อธิบายกันนิดนะครับ สำหรับคนที่ไม่รู้ อาเตี๋ยที่ฮงเรียกคือพี่เขยครับ นั่นหมายถึงผมจะอยู่ในฐานะเมียมันทันที ซึ่งผมไม่ยอม) 

“อ่า..ก็เขาเป็น”

“เจ็ก”
ผมบอกสั้นๆ เสียงขุ่น

“เรียกเจ็กก็ได้ฮง รอก่อนนะขอเจ็กไปอาบน้ำก่อน”

“ครับ”

“มานี่สิอาหงส์”

ผมมองตามคนเรียกงงๆ

“ไปทำไม”

“มาก่อน เรามีเรื่องต้องคุยกันก่อนออกเดินทาง”

ผมนิ่งคิด บางทีอาจมีเรื่องต้องคุยกันจริงๆ ก็ได้ ผมพยักหน้า เดินตามไปติดๆ พอเข้าห้อง มันก็ดึงผมเข้าไปกอดทันที กดจูบลงมา จูบไม่จูบเปล่า สอดลิ้นเข้ามาด้วย ผมครางอื้อในลำคอ สมองกำลังประมวลผลกับสิ่งที่เกิดขึ้น

นี่มันหลอกผมเข้ามาจูบเหรอ!!

พอสาแก่ใจมันก็ค่อยๆ คลายปล่อย ปากชาช้ำไปหมด มันใช้ปลายจมูกเกลี่ยริมฝีปากผมไปมา

“อยู่บ้านคิดถึงเฮียบ้างรึเปล่า”

“ไม่”
เป็นคำตอบที่หนักแน่น มั่นคงและรวดเร็วจนผมยังทึ่ง ผมน่าจะไปเล่นเกมชิงรางวัลนะเนี่ย น่าจะชนะ

“เหรอ ไม่ได้คิดสักนิดเลยเหรอ”

“ไม่”
ผมตอบกลับรวดเร็วและน้ำเสียงโทนเดิม มันหัวเราะหึๆ

มึงจะดมอะไรกูหนักหนา

“แต่เฮียคิดถึงหงส์นะ คิดถึงคำพูดที่หงส์บอกรักเฮียด้วย”

อ้ากกกกก กูไม่ได้ตั้งใจจะพูดกับมึง มึงบังคับให้กูพูดเองต่างหาก มึงบังคับให้กูรู้สึก นี่กูอุตส่าห์ลืมมันไปแล้วแท้ๆ มาพูดทำไมให้กูได้ย้อนเวลาไปหาจิ๋นซี

ผมร้อนไปทั่วทั้งหน้าลามไปถึงหู

“หน้าแดงเชียว เขินเฮียเหรอ”

เปล่า กูกำลังโกรธมึงอยู่ต่างหาก!

ผมมองมันตาขุ่นขวาง ชี้มาที่ปากตัวเอง

“เฮียอ่านปากหงส์นะ”

มันจ้องปากผมตาม สีหน้าดูลุ้นนิดๆ

“หงส์..รัก..เฮีย”

ตามันมีแววดีใจนิดๆ

“นั่นเป็นคำพูดที่หงส์ไม่ได้รู้สึก แต่ถ้าเอาตามความรู้สึกคือ อ่านปากนะ อ่านปาก”
ผมจิ้มให้ดูชัดๆ

“หงส์ เกลียด เฮีย ชัดยัง!!”

มันนิ่งไป นิ่งแบบนิ่งจริงๆ นัยน์ตาดีใจก่อนหน้าเรียบสงบลง

“ออกไปรอเฮียข้างนอกก่อนก็ได้ เดี๋ยวเฮียอาบน้ำก่อน”
มันพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ คลายปล่อยผมออกจากอ้อมแขน เดินเข้าห้องน้ำไป

ผมยืนเคว้ง

คือเอาตามจริง ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยพูดว่าเกลียดใครสักคน เพราะไม่เคยมีคนทำให้ผมรู้สึกเกลียดมาก่อน

และถามว่าผมเกลียดมันจริงๆ ไหม ก็เกลียดนะ เพราะมันบังคับผมทุกอย่าง ทำให้ผมเจ็บตัว ทำให้ผมระบม ทำให้ผมหมดศักดิ์ศรี ทำให้ผมเป็นของมัน

และตอนนี้ มันกำลังทำให้ผมคิดถึงแต่เรื่องของมัน

ใช่ ผมเกลียดมัน…
เพราะมันทำตัวอยู่เหนือชีวิตผม

ผมเกลียดมัน…
เพราะตอนนี้ในหัวผมมีแต่เรื่องของมัน ภาพมัน

ผมยืนนิ่ง มองผ่านบานประตูห้องน้ำที่ปิดสนิท ได้ยินเสียงน้ำดังซู่ คาดเดาเอาว่าคนด้านหลังบานประตูคงกำลังอาบน้ำอยู่

ผมหันหลังทันทีเพื่อออกไปให้ห่างที่สุด

นี่คือสิ่งที่ผมอยากให้เกิดไม่ใช่เหรอ ให้เขารู้สึกไม่พอใจ รู้สึกไม่ดี โกรธ หรืออะไรก็ตาม เพื่อให้เขายอมหย่ากับผมเร็วๆ

แต่เมื่อกี้ รู้สึกว่าบ๊วยมันกำลังเสียใจ

มันเป็นสิ่งที่ผมไม่ได้วางแผนไว้แต่ต้น ผมถนัดทำให้คนโกรธแล้วแลกหมัด แต่ไม่ถนัดทำให้คนเสียใจ เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ลูกผู้ชาย

แล้วมันจะมาเสียใจกับผมเรื่องอะไร เราแต่งงานกันเพื่อผลประโยชน์ล้วนๆ สิ่งที่มันต้องการ มีเพียงลายเซ็นผมเพื่อใช้ในสัญญาธุรกิจเท่านั้น

ส่วนเรื่องบนเตียง อาจเพราะอารมณ์พาไป ได้ลองของใหม่ ขนาดผมที่ขยะแขยงเรื่องพวกนี้ยังมีอารมณ์ง่ายๆ มันก็ผู้ชาย จะสนุกสนานรื่นเริงหลงใหลก็ไม่แปลก



“เจ็ก!!”
ผมสะดุ้งเฮือกตอนถูกเรียก เบรกกึก ตรงหน้าอีกแค่ครึ่งก้าวคือต้นไม้ขนาดใหญ่ ผมมองตะลึง นี่ถ้าไม่มีเสียงของอาฮง ผมคงได้เดินชนต้นไม้แน่ๆ 

หลานผมรีบเดินเข้ามาหา จับผมไปอังหน้าผากเบาๆ

“เหม่ออะไรขนาดนั้นเจ็ก ยังไม่หายป่วยเหรอ”

ผมพยายามปรับอารมณ์ พยักหน้าใส่นิดๆ

“คงงั้น”

ผมมองหน้าหลานชายคนโตของบ้าน มันหล่อเอาการ เป็นความหล่อที่ถูกผสานกันมาได้อย่างลงตัวจากทั้งพ่อและแม่ ของผมได้พ่อมาแค่อย่างเดียวคือคิ้วที่เรียงกันเป็นทางดูชัดกว่าแม่ที่คิ้วบาง จมูกไม่ได้โด่งอย่างพ่อ แต่เชิดงอนนิดๆ เหมือนเหล่าม๊า

ครับ ผมได้จมูกคุณทวดมาแทนที่จะเป็นจมูกพ่อหรือแม่ ผ่าไปไกลมาก ป๊าเคยบอกว่าเป็นจมูกของเด็กดื้อ

ผมดื้อตรงไหน ก็แค่มีความคิดเป็นของตัวเองเท่านั้น

เพราะป๊ากลัวผมเกเรถ้าขืนส่งไปเรียนที่อื่น จึงเลือกที่จะหาครูดีๆ มาสอนผมที่บ้านมากกว่า

แต่มันก็ได้ผลนะ ขนาดสอนอยู่บ้าน ผมยังปีนกำแพงรั้วหนีมาแล้วนักต่อนัก ขืนไปเรียนที่โรงเรียนด้านนอกจริง ผมคงเป็นหัวหน้า หรือไม่ก็ลูกน้องแก๊งเด็กเลวที่ไหนสักแห่งแน่ๆ

เหล้า ป๊าก็ไม่ให้ดื่ม บุหรี่ ม๊าก็ไม่ให้แตะ ถูกเลี้ยงดูเหมือนหงส์สมชื่อนั่นแหละ

ริมฝีปากผมได้เหล่ากง เวลาปกติมันก็ดูเหมือนยิ้ม แต่เวลาอารมณ์เสียมันก็คว่ำได้ใจ ซันไรส์บอกผมเป็นคนอ่านง่าย แต่ผมว่าพวกนั้นอัจฉริยะมากกว่า

ผมมีผมสีเดียวกับม๊า ผิวขาวเป็นเรื่องปกติของคนไทยเชื้อสายจีน ตัวไม่ยืดอีกเลยตั้งแต่อายุ 16

ทำไมผมไม่เก่งแบบเฮียหยก ทำไมผมไม่หล่อเท่าเหล่าอาเฮีย ทำไมผมไม่ได้รับการไว้วางใจแบบคนอื่นบ้าง

“เป็นไรเจ็ก อยู่ๆ ก็ทำหน้าเศร้า ไหวไหม พักก่อนก็ได้นะ กลับวันหลังก็ได้ พวกอาม๊าอากงเข้าใจ”

ผมหันไปยิ้มใส่หลานชาย ลูบหัวเบาๆ

“มีเรื่องให้เจ็กคิดน่ะ เหนื่อยไหมอาฮง”

“เรื่องเรียนเหรอ เหนื่อยมากเจ็ก ต้องตื่นแต่ตีห้า อ่านหนังสือ ไปโรงเรียน ทำกิจกรรม กลับมาทำการบ้าน แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน นี่แค่มอต้นนะ มอปลายจะขนาดไหน มหา’ลัยอีก”

ผมจับหัวหลานโยกเบาๆ ฮงเป็นเด็กเรียนดี เชื่อฟังผู้ใหญ่ อาจจะเพราะเป็นพี่คนโตของบ้านด้วยล่ะมั้ง หน้าที่ความรับผิดชอบต่อครอบครัวค่อนข้างสูง บางครั้งผมก็รู้สึกโชคดีที่ไม่ได้เกิดเป็นพี่คนโต เพราะเห็นแล้วเหนื่อยแทน เหนื่อยจนแทบขาดใจ แต่มันก็ได้ความภาคภูมิใจกลับคืน ผมว่าเฮียหยกคงถูกหล่อเลี้ยงให้มีชีวิตอยู่ได้ด้วยความภาคภูมิใจนี่แหละ

ภูมิใจที่ทำให้ครอบครัวก้าวหน้าต่อไป ภูมิใจที่ได้ดูแลธุรกิจ ภูมิใจที่ทำให้พ่อแม่ปู่ย่าตายายภูมิใจด้วย

“ลื้อโชคดีมากรู้ไหมฮง”

เด็กมันมองหน้าผมงงๆ

ผมแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แสงสว่างอันร้อนแรงยามบายโรยลงบ้างแล้ว

“ยังมีอีกหลายคนที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เรียนกอไก่ถึงฮอนกฮูก เรียนจบแค่ชั้นปอสี่ หรือไม่ก็ไม่ได้เรียนเพราะไม่มีเงินมีทอง หรือมี แต่ไม่ได้เรียนหลักสูตรปกติแบบคนอื่นเขา”

“อย่างเจ็กใช่ไหม”
เด็กมันต่อให้ ผมไม่ตอบ แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอยู่อย่างนั้น

“กงของลื้อมีเหตุผล”
ผมสอนหลานไปงั้น แต่เอาตามจริงลึกๆ แล้วผมก็ยังเสียใจที่ไม่ได้ไปเรียนแบบคนอื่น

“อาป๊าเคยบอกเหตุผลที่ไม่ให้เจ็กไปเรียนข้างนอกแล้ว”

ผมพยักหน้า เลื่อนมือจากหัวลงไปพาดรอบบ่า

“โตขึ้นเยอะเลยนะเรา อีกหน่อยคงโตแซงเจ็กไปไกล”

อาฮงหัวเราะร่วน

“ฮงชอบออกกำลังกายเจ็ก เหนื่อยขนาดไหนก็ลงไปเล่นบาส ป๊าชอบลากฮงไปตีเทนนิสด้วย”

“เออ เนอะ ไม่ได้ตีนานละ อยากตีเหมือนกัน วันไหนว่างๆ โทรหาเจ็กนะ เราไปตีเทนนิสกัน”

“เอาสิ”
ฮงบอกด้วยน้ำเสียงดีใจ

ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากทางด้านหลัง ผมหุบยิ้มลงเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาแต่นิ่งเรียบของคนที่เดินมา ผมว่าหน้ามันบูดยิ่งกว่าตอนก่อนอาบน้ำอีก

ผมเดินเข้าไปใกล้ พูดกับมันไม่ให้ฮงได้ยิน

“ถ้าไม่อยากไปขนาดนั้นยกเลิกก็ได้”

มันจ้องตาผม ไม่พูดอะไร โอบไหล่ผมไว้ พยักหน้าใส่ฮง

“ป่ะ”

ฮงยิ้มร่า เดินไปที่รถ ผมพยายามจะดึงตัวออก แต่มันยึดจับแน่น

“ตอนนี้เรากำลังแสดงบทผัวเมียกันนะ ในระยะเวลานี้ กรุณาทำตัวให้เหมือนด้วย”

ผมนิ่งไป เงยหน้ามอง

พูดแบบนี้แปลว่าจะมีวันที่มันจะปล่อยให้ผมเป็นอิสระใช่ไหม

ไม่มีเวลาและโอกาสได้ถาม ซันไรส์เปิดประตูให้ อาฮงนั่งเบาะหน้าคู่กับวิกเซอร์คนขับ ส่วนผมนั่งหลังกับมัน ซันไรส์ขับตามมาด้วยรถอีกคัน

ผมนั่งตื่นเต้น คุยน้ำลายแตกฟองกับฮง ไม่พูดกับบ๊วยมันสักคำ ในขณะที่มัน นั่งหน้าเครียดมาตลอดทาง

คงเกร็งที่ต้องกลับบ้านไปพบพ่อแม่ผม
 

พอรถจอดสนิท อาฮงลงไปก่อน ผมรีบถลาตามลงไปทันที วิ่งเข้าไปกอดม้า ส่วนป๊าไม่กอดหรอก กอดเฮียฮันด้วย ไอ้บ๊วยให้ลูกน้องมันนำของเยี่ยมของฝากตามธรรมเนียมมาให้ป๊ากับม้าเพียบ อาฮงนี่ได้อังเปาซองอย่างหนา

ลาภปากเด็กไป

“ไปทำอีท่าไหนมาถึงไม่สบาย หายแล้วรึยังลูก” ม้าลูบหัวผมเบาๆ ถาม ผมหน้าร้อนผ่าว อยากบอกม้าเหลือเกินว่าหลายท่ามาก แต่ไม่เอาครับ เดี๋ยวแม่ช็อก

“หายแล้ว คงเป็นไข้เพราะแปลกที่”

“ไม่ได้ไปดื้อกับอาเฮียเขาใช่ไหม”

“อั๊วเคยดื้อด้วยเหรอ”

“มีด้วยเหรอที่ลื้อจะไม่ดื้อ อาหงส์”
เฮียฮันสวนมาทันที ผมหน้าบูด

“อาหงส์ดื้อกับลื้อมากไหมอาหลง”
อาป๊าถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด คงกลัวว่าผมทำให้ไม่พอใจมากๆ แล้วมีผลกับธุรกิจล่ะมั้ง

“ไม่มากครับ ผมเอาอยู่”
เหมือนโดนระเบิดหล่นใส่หัว มีผลทำให้ตัวผมไหม้ในบัดดล

ใช่ เอาอยู่มาก

เอาจนสะโพกคราก นอนซมไปสองสามวันต่อครั้งเลย

“ไปๆ เข้าไปกินข้าว นี่ม้าลงมือทำเองเลยนะ ของโปรดลื้อทั้งนั้น”
ม้าพาผมเข้าบ้าน ผมฉีกยิ้ม ก้าวตามไปติดๆ ไอ้บ๊วยเดินตาม รั้งท้ายด้วยบรรดาลูกน้องของมัน แต่ไม่ได้มานั่งร่วมโต๊ะด้วยหรอก ยืนอยู่แถวๆ หน้าประตูนั่นแหละ

ผมคุยน้ำไหลไฟดับกับคนที่บ้าน ส่วนมันก็ถูกถามไถ่พอประมาณ ที่เหลือก็คุยกับป๊าเรื่องงาน

อยากอยู่นานๆ แต่เผลอแผล็บเดียวก็สามทุ่มแล้ว ป๊าบอกให้กลับเพราะเกรงใจไอ้บ๊วย ผมอิดออดได้ไม่นานก็ต้องกลับตาม บอกลาทุกคน เดินหน้ามุ่ยขึ้นรถ

พอรถเคลื่อนที่ ผมหันกลับไปมองด้านหลัง เหมือนเด็กน้อยสักคนที่กำลังจะจากไปแดนไกล พอลับตาผมก็หันกลับมาที่เดิม ไอ้บ๊วยยังนั่งหน้านิ่ง

“เหนื่อยเหรอ”
ผมเดาเอาจากความเงียบของมัน

“ห่วงด้วยเหรอว่าจะรู้สึกยังไง”

“ถามตามมารยาทไปงั้น”
แล้วผมก็นิ่งไป ไม่อยากยุ่งด้วยอยู่แล้ว

“หงส์”

“หือ?”
ผมหันไปขานรับ ก่อนร้องเหวอ เพราะถูกดึงขึ้นไปนั่งคร่อมบนตักกว้าง

“ทำบ้าอะไรเนี่ย!!”

“นั่งอยู่เฉยๆ น่า”

“จะบ้ารึไง ให้นั่งเฉยๆ ในท่าทุเรศแบบนี้เนี่ยนะ อายวิกเซอร์บ้าง!!”

“อายทำไม วิกเซอร์ขับรถ”

“ปล่อยสิโว้ย ไอ้หน้าด้าน”
ผมพยายามดิ้นขลุกขลัก รถมันก็เบาะกว๊างกว้าง

“นั่งนิ่งๆ”
มันสั่งต่อ โอบรอบลำตัวผมไว้จนเนื้อตัวแนบประสาน สภาพตอนนี้เหมือนตัวเองเป็นตุ๊กตาหมีที่ถูกเด็กน้อยสักคนกอดแน่น

“ที่นั่งตั้งกว้าง ต่างคนต่างนั่งไปดิ”
ผมยังไม่หยุดยื้อ มันไม่พูดอะไร โอบกอดผมไว้จนรอบ รู้สึกถึงริมฝีปากที่กดลงมาบนหัว ยิ่งกอด หัวใจผมยิ่งแนบประสานเข้ากับหัวใจมัน

พอสู้ไม่ได้ยกนี้ผมจึงต้องยอมแพ้ไปตามระเบียบ ยอมนั่งนิ่งๆ ให้มันโอบกอดไว้แบบนั้น

“บ้า โรคจิต ประสาท วิปริต”
ผมด่ามันไปให้ได้ยินเบาๆ เสียงผมมันคงดังหึ่งๆ เป็นยุงตอมหู

“อย่าให้เฮียเกิดอารมณ์ในรถอาหงส์”

“นั่นแหละที่ว่าบ้า โรคจิต วิปริต ชอบเกิดอารมณ์ในที่สาธารณะ ปล่อยสิเว้ย”

“ด่าเฮียอีกคำเดียว จะเมคเลิฟตรงนี้ให้วิกเซอร์ดู”

ผมหุบปากลงฉับ นั่งนิ่งให้มันกอดเพียงอย่างเดียว ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ

เปล่าครับ ไม่ใช่จากไอ้บ๊วย แต่มาจากคนขับต่างหาก

ไอ้วิกเซอร์ ขอร้องล่ะ ถึงรู้ว่าเป็นพี่น้องซันไรส์ แต่อย่าได้หัวเราะเย้ยหยันกูแบบพี่มึงได้ไหม!!

ผมพลิกเอียงหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ดูวิวข้างทาง กลิ่นตัวมันลอยคลุ้ง มันเป็นกลิ่นเท่ๆ แต่นุ่มนวล วงแขนมันคล้ายปีกนก โอบกอดผมไว้จนแน่น ได้ยินเสียงหัวใจกำลังเต้น ผมขมวดคิ้ว

แล้วที่ได้ยินตอนนี้ เป็นเสียงหัวใจของใครกันแน่

ผมนิ่งฟัง มันมีทั้งหัวใจของมันและหัวใจของตัวผมเอง ยิ่งเอียงหน้าแนบแบบนี้ยิ่งได้ยินเสียงชัด มันกระชับกอดผมแน่นขึ้นไปอีก ปากจูบซับบนหัวผมครั้งแล้วครั้งเล่า

“ได้ยินเสียงหัวใจเฮียหรือเปล่าอาหงส์”

“ไม่ได้ยิน”
ผมปฏิเสธ ทั้งๆ ที่ได้ยินชัดเลย

“ฟังสิ ฟังเสียงหัวใจเฮีย ฟังว่ามันเต้นยังไง เต้นในจังหวะของใคร”

“ทำไมต้องฟัง ไม่ฟัง”
ผมงัดหัวตัวเองขึ้น แต่ถูกกดจนหูแนบตำแหน่งหัวใจมันตามเดิม

“นี่ ถ้าอยากตรวจหัวใจตัวเองขนาดนั้น โทรเรียกพี่หมอมาเลย รับรองรู้อาการ เผื่อเป็นโรคหัวใจจะได้รีบผ่าตัดเอามันออก”

“เลิกดื้อ แล้วฟังเงียบๆ อาหงส์” มันสั่งเสียงเฉียบ ผมดิ้นขลุกขลัก แต่ก็ไม่อาจเอาชนะเจ้าของวงแขนแกร่งนั้นได้ สุดท้ายผมต้องยอมฟังเสียงมันเต้นอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้มันเต้นยังไง ตอนนี้ก็ยังเต้นเหมือนเดิม ฟังไปฟังมาก็ชักเพลินแฮะ

เปลือกตาผมค่อยๆ ปิดลงช้าๆ

“ได้ยินเสียงไหมอาหงส์”
ได้ยินเสียงถามลอยละล่องมาตามลม คำสุดท้ายที่ได้ยินแว่วๆ ปิดท้ายสวิตซ์ที่กำลังจะดับของผมคือ...

“อ้าว”
แค่นั้นแหละ


(80%)
(https://upic.me/i/ru/5y-300.png)



“หงส์”

อืม…
อะไร แผ่นดินไหวในเมืองไทยเหรอ

“หงส์ตื่น”

ผมค่อยๆ ปรือตาขึ้นมอง

“อืม…”

“ถึงบ้านแล้ว ไปอาบน้ำนอนป่ะ”

“ไม่อาบไม่ได้เหรอ ง่วง” ผมงอแง

“ไปอาบก่อน จะได้สบายตัว”

ผมพยักหน้า ขยับ รู้สึกแปลกๆ ผมตาโตเมื่อเห็นว่าตัวเองยังนั่งคร่อมอยู่บนตักกว้างเหมือนเดิม

นี่อย่าบอกนะว่าผมนั่งท่านี้มาตลอดทาง

คนที่เดินมาเปิดประตูให้คือซันไรส์ ผมรีบขยับจากตักมันลงจากรถไปยืนที่พื้นทันที ซันไรส์มองมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่นัยน์ตาดูเอือมระอา

เฮ้ย! ทำไมมึงต้องมองกูด้วยสายตาแบบนี้ด้วยวะ ไงกูก็เป็นเมียเจ้านายมึงนะ เวลาปฏิบัติกับเจ้านายล่ะดี๊ดี กับกูล่ะเหยียดหยามกันเข้าไป

“มองหน้าหาเรื่อง”
ผมถามมันไปฉุนๆ

“รีบไปอาบน้ำดีกว่าครับ หน้ายับจนขี้เหร่ยิ่งกว่าเดิมแล้ว”

อ้ากกกกกกกกกกก

ไอ้น้ำยาล้างจาน ปากมึงมีไว้กัดกูอย่างเดียวใช่ไหม!!

ผมรำงิ้วถวายแหวนใส่มันทันที (แน่นอน ว่าเป็นแค่ความคิดเท่านั้น เพราะในชีวิตจริง ผมไม่กล้าหือกับมันหรอก ขืนทำจริง คงเป็นผมนี่แหละ ที่จะกลิ้งหลุนๆ เป็นลูกขนุนไปติดรั้วแทน)

“เร็วเข้าเถอะ”
ไอ้บ๊วยมันประคองเอวผมเบาๆ ให้เดิน ผมดีดตัวหนีทันที เดินลิ่วๆ นำมาก่อน

ผมเข้าอาบน้ำก่อนเป็นคนแรก ออกไปก็เห็นสามี(ทั้งทางพฤตินัยและนิตินัย) นั่งอ่านหนังสืออยู่ ผมไม่สนใจคนตัวสูง โดดขึ้นเตียง มุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ปิดตาลง

ผมสะดุ้งโหยงรีบลืมตาโพลงเพราะแรงยุบข้างๆ

ระแวงครับ เกิดมันเฮี้ยนอยากทดสอบความอึดของผมขึ้นมาคงยุ่ง

“มีอะไร”
ผมกำผ้าห่มแนบอกแน่น มองแบบไม่ไว้ใจ มันมองหน้าผม เกลี่ยเส้นผมผมแผ่วเบา

“ทำไมไม่เช็ดหัว เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”

“เย็นดี รีบไปอาบน้ำสิ จะได้มานอน”

มันยกยิ้ม

“เป็นห่วงเฮียเหรอ”

“เปล่า จะได้ปิดไฟเร็วๆ แสงแยงตา เวลาหลับเขาไม่ให้มีแสงภายในห้องไม่รู้รึไง”

มันพ่นลมหายใจแรง ดีดมะกอกมาหนึ่งเปรี้ยง ผมร้องโอ๊ย ขยับลุกนั่งถลกแขนเสื้อขึ้นสูง จ้องมันตาขวาง 

“หาเรื่อง!”

มันหัวเราะหึๆ

“อยากไปฮันนีมูนไหม”

ผมขมวดคิ้วมองงงๆ

ฮันนีมูน?

นั่นมันกิจกรรมสำหรับคู่แต่งงานใหม่ไม่ใช่เหรอ

ผมเบรกความคิดลงกึก ผมกับมันก็เพิ่งแต่งงานกันนี่หว่า

แต่ผมไม่ได้เต็มใจนี่ ถ้าจะไปฮันนีมูนกับใครสักคน เราต้องไปกับคนที่เรารักสิ

“มัลดีฟ อยากไปไหม หรือมีที่ไหนอยากไปเป็นพิเศษหรือเปล่า”

ผมตาโต ชีวิตที่ถูกจำกัดอยู่แต่ในบ้านทำให้ไม่ค่อยได้เห็นโลกกว้างเท่าไหร่

“พูดจริงหรือเปล่า ไปวันไหน!”

“ขอเคลียร์งานสักวีคละกัน”

ผมเลิกผ้าห่มทิ้ง

“ได้ดำน้ำด้วยหรือเปล่า”

มันพยักหน้ารับ

“พายเรือ”

มันพยักหน้าอีก

“ให้อาหารปลา”

มันพยักหน้าอีกรอบ ผมฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ

มันมองผมอึ้งๆ

“ไป!”
ผมอยากไปมัลดีฟ จริงๆ ก็อยากไปทุกที่แหละ แต่ไม่มีใครพาไป จะไปเองป๊ากับม้าก็ไม่ยอมให้ไป บอกรอให้เฮียๆ ว่างแล้วพาผมไป

เหอะ จนแต่งงานมีลูกโตกันหมดแล้วยังไม่เห็นมีใครว่างพาผมไปกันสักคน (ขนาดเจ้าดูคาติที่เฮียหยกซื้อให้ ผมยังทำได้แค่บิดเล่นภายในสวนเท่านั้นเอง ปล.ผมไม่ได้เอามาครับ ป๊ายังไม่อนุญาต) ได้แต่นั่งตาละห้อยดูในเว็บไซต์หรือทีวีเท่านั้น

“หายง่วงแล้วเหรอ”
มันถามผมยิ้มๆ

“แพ็คเสื้อผ้าตอนนี้เลยจะดูเห่อเกินไปรึเปล่า”

มันหัวเราะเสียงดัง

“ไว้ใกล้ๆ ก่อนละกัน เสื้อผ้าน่ะจัดไม่เกินชั่วโมงก็เสร็จแล้ว”

ผมจิ๊ปาก หัวใจเต้นแรง อยากไป อยากไป อยากไป

“ขอรางวัลนำเที่ยวล่วงหน้าได้ไหม”

ผมมองมันงงๆ

“อะไร รางวัลนำเที่ยว”

มันมองหน้าผม นิ่งคิด แล้วจิ้มแก้มตัวเองเบาๆ

“ตรงนี้ หนึ่งที”

“อยากโดนต่อยเหรอ”

“อาหงส์ เฮียว่าลื้อไม่โง่นะ”

แต่กูไม่อยากฉลาดตอนนี้ว่ะ รู้หรอกว่ามันต้องการอะไร แต่เรื่องอะไรผมจะทำ

“ราตรีสวัสดิ์”
ผมปฏิเสธดื้อๆ ทิ้งตัวมุดเข้าไปในผ้าห่ม ตะแคงหันหลังให้ ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดถึงตา

“เด็กดื้อ!!”
มันกอดผมไว้ทั้งผ้าห่ม พลิกผมเข้าหาตัวเอง ผมเบิกตากว้าง กอดผ้าห่มแน่นขึ้นป้องกันการล่าอาณานิคม

มันหัวเราะหึๆ

“ปล่อย!!”
ผมพูดอู้อี้ผ่านผ้าห่มที่ปิดไว้เกือบคลุมหัว ขยับดิ้นดุ๊กดิ๊กเป็นดักแด้ภายใน

“หอมแก้มเฮียก่อน แล้วเฮียจะยอมให้นอน”

ผมจะโหม่งหน้าผากมัน แต่มันเบนหัวหนี

“หอมสิ”

“อยู่ในครัว”

มันทำหน้างุงงง ก่อนหัวเราะออกมาอีกรอบ

“ตั้งแต่นอนกับผู้หญิงมา ลื้อเป็นคนที่พูดยากที่สุดเลยนะหงส์”

ตาผมเป็นประกาย ยอมดึงผ้าห่มลงจนปากเป็นอิสระ

“พอดีอั๊วไม่ใช่ผู้หญิง และที่สำคัญ ไม่ได้เต็มใจจะนอนกับเฮียด้วย”

มันยกยิ้ม

รู้สึกเหมือนตัวเองทำอะไรพลาดไปอย่างแฮะ

ใช่แล้ว

ผ้าห่มหลุดปาก

แล้วคาดเดากันออกไหมครับ ว่าระหว่างผมยกผ้าห่มขึ้นมาปิดปากอีกรอบ กับนักล่าอาณานิคม ใครจะเร็วกว่ากัน

แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ผมแน่ๆ

“อื้อ…”
ผมครางท้วงในลำคอเมื่อโดนสูบปากอย่างรุนแรงชนิดปลิงยังอาย หนำช้ำมันยังส่งงูเข้ามาฉกลิ้นผมด้วย มันบดเบียดแนบชิดชนิดพรากไปหมด ทั้งสติและลมหายใจผม กว่ามันจะปล่อยปากผมก็ชาช้ำไปหมด

ผมหอบแฮก จ้องมันตาขวาง แทนที่มันจะหวาดเกรงสายตาผมบ้าง กลับมองมาตาวาว เลียริมฝีปากตัวเองเบาๆ

“ขอบใจสำหรับจูบหวานๆ”

ไอ้บ้าเอ๊ย ใครไปให้มันวะ มันบังคับเอาเองต่างหาก ผมด่าทอมันด้วยสายตา ปากยังคงหอบแฮก

“อย่ายั่วเฮียหงส์”

กูไปยั่วมึงตรงไหน!!

ผมรีบดิ้นอีกรอบ มารอบนี้มันยอมปล่อยผมออกดีๆ ก่อนปล่อยยังไม่วายฉกแก้มผมไปฟอดใหญ่

มันจะอะไรนักหนากับร่างกายผมวะ!

แล้วมันก็เดินดุ่มๆ เข้าห้องน้ำไป ผมรีบฝังร่างกับที่นอนอีกรอบ หวังว่ามันจะไม่เฮี้ยนทำอะไรผมอีกนะ

ผมพยายามข่มใจให้หลับ เวลาเกือบ 15 นาทีที่มันอาบน้ำแต่งตัว เป็นเวลานานมากพอให้ผมหลับได้ แต่เพราะรสจูบเร่าร้อนเมื่อกี้ทำให้หัวใจผมทำงานผิดปกติ กว่ามันจะสงบแรงเต้นลงมาให้เป็นปกติและพร้อมสำหรับการหลับได้ ไอ้บ๊วยก็เดินออกมาแล้ว ผมแกล้งหลับเฝ้าฟังเสียงที่เกิดขึ้นภายในห้อง

แม้จะปิดตา แต่ก็เห็นแสงไฟในห้องได้ไรๆ พอมันปิดไฟทุกอย่างก็มืดสนิท

มันเดินขึ้นเตียง ณ ฟากของมัน ขยับยกผ้าห่มขึ้น แทรกตัวเข้ามา ขยับร่างเข้ามาชิด ยิ่งทำหัวใจผมยิ่งไหวแรง

ให้ตาย สงบเดี๋ยวนี้เจ้าหัวใจบ้า

มันแนบหน้าอกลงกับแผ่นหลังผม

ตามด้วยวงแขนที่โอบมารอบเอว

ตามด้วยริมฝีปากที่หัว

หัวใจผมยังคงไหวแรง

ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเหนือขึ้นไป มันเบาจนผมไม่แน่ใจว่าคนพูดจงใจให้ผมได้ยิน หรือไม่ต้องการให้ผมได้ยินกันแน่

“ราตรีสวัสดิ์ อาหงส์ของเฮีย”

ใครเป็นของมึงกัน!

ผมได้แต่เถียงอยู่ในใจ ไม่อยากให้มันแนบหัวใจลงมาติดมาก ไม่งั้นมันคงได้ยินเสียงหัวใจผมที่เต้นในจังหวะผิดปกตินี้แน่ๆ 

แม้ดวงตาจะปิด แต่สติไม่ได้ปิดตามไปด้วย

หลังสิ้นคำพูดของมันไม่กี่วินาที ก็ได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอแล้ว

ใจอยากขยับหนีไปจากอ้อมแขนมัน เพราะรู้สึกจั๊กจี้หัวใจยังไงพิกล

แต่มันก็รู้สึกอบอุ่นจนคิดว่าน่าจะนอนได้แล้ว

ง่วงแล้ว

ตาผมปิด เพียงไม่นาน สติผมก็ดับตามลงไปด้วยช้าๆ




to be Con..

ตอนหน้าสำหรับคู่รอง
...
...
...
(มีหนังสือและ e-book เรื่องหงส์ซานให้จองและดาวน์โหลดอ่านกันได้แล้วค่ะ ที่นี่>> https://goo.gl/WbWxt8 (https://goo.gl/WbWxt8))
(เข้าไปดาวน์โหลด e-book ได้ในลิงค์เดียวกันค่ะ)
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #8 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ [P.6][14-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 14-05-2017 21:26:47
เฮียหลงอย่าโกรธน้องเลย ต้องให้เวลาน้องหงส์หน่อยนะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #8 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ [P.6][14-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: pearlypear ที่ 14-05-2017 21:38:55
เมื่อบังคับให้รักให้ยอม ก็ต้องรับให้ได้ในสิ่งที่ได้มาโดยไม่ถูกต้อง  :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #8 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ [P.6][14-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 14-05-2017 21:53:49
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #8 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ [P.6][14-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 14-05-2017 21:56:07
เอาน่ะเฮีย บังคับน้องมาก ๆ ก็ไม่เวิร์คนะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #8 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ [P.6][14-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 14-05-2017 23:08:04
ของอย่างนี้มันต้องใช้เวลาอะเนาะ ยังอยู่กันไม่เท่าไหร่เองงง
แล้วยิ่งน้องหงส์ไม่ได้ชอบผู้ชายแต่ถูกบังคับให้มาเป็นเมียผู้ชาย
ไม่ได้ถูกจับคลุมถุงชนธรรมดา มันก็ทำใจลำบากนะ
ว่าแต่อาเฮียรู้สึกยังไงกับหงส์นะ ถึงมีอาการ  :hao4: :hao3:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #8 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ [P.6][14-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-05-2017 00:18:54
 :hao4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #8 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ [P.6][14-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 15-05-2017 00:25:38
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #8 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ [P.6][14-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 15-05-2017 03:37:59
เฮียหลงคงน้อยใจเมียอ่าาา
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #8 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ [P.6][14-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 15-05-2017 08:42:01
 ทำไมเป็นคนเดียวที่ให้เรียนที่บ้านไม่ได้ออกไปไหน ไม่ให้ทำอะไร มีความสงสัยมาก :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #8 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ [P.6][14-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-05-2017 10:51:32
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #8 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ [P.6][17-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 17-05-2017 22:20:05
 หงส์น่ารัก  :mew1:   :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #8 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ [P.6][17-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 17-05-2017 23:40:44
 :mew1: :mew1: เหมือนเฮียอ่อนลงเยอะเลยอะ หงส์ก็ดูเหมือนเลี้ยงง่ายนะถึงดูดื้อไปหนอ่ย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #8 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ [P.6][17-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 18-05-2017 06:54:09
เฮียหลงอย่าน้อยใจน้องหงส์เลยนะ ค่อยๆเรียนรู้กันไป อยากไปทะเลรักหวานฉ่ำแล้วววว
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #8 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ [P.6][17-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 18-05-2017 07:15:38
ต้องใช้เวลา เพราะเริ่มต้นก็มาจากแต่งเพราะธุรกิจ ไม่ได้ความรัก
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #8 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ [P.6][17-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 18-05-2017 11:38:23
รักเฮีย หลงเฮีย  :impress2:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #8 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ [P.6][17-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 18-05-2017 14:15:46
ก็ดูรักมาก แล้วตอนเจอปากหมาใส่ วันเข้าหอก็ข่มขืน


เราอยากได้เหตุผลที่เฉลยแล้ว เอออออออออ เข้าท่า
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #8 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ [P.6][17-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 18-05-2017 16:54:55
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #8 หัวใจไหวไม่เป็นจังหวะ [P.6][17-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 18-05-2017 18:22:07
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #9 คอนโทรล [P.6][22-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 19-05-2017 20:15:19
09
คอนโทรล
...
...
...
#ซันไรส์

เสียงมือถือผมดังขึ้นเบาๆ ผมล้วงหยิบจากกระเป๋าเสื้อสูทออกมอง พ่นลมหายใจแรงเมื่อมันโชว์เบอร์ของคนที่ผมไม่อยากรับสาย ผมกดรับอย่างจำใจ ยกแนบหู
 
“ว่างไหม ไปซื้อการ์ตูนของสัปดาห์นี้ให้หน่อย”
 
“ไม่ว่าง” ผมตอบกลับทันทีด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
 
“เอาทุกเรื่องเลยนะ”
 
“ผมไม่ว่าง”
 
“ขอบใจ หิ้วไปที่บ้านไป่หลงได้เลย เดี๋ยวจะแวะไป”
 
“ผมไม่ว่างครับคุณหมอ”
 
“ขอบใจ”
แล้วปลายสายก็ตัดไปแค่นั้น
 
ผมขมวดคิ้ว ทำไมชีวิตผมต้องมาเจอแต่คนดื้อๆ แบบนี้นะ ผมมองไปยังคนที่ยังคงนั่งยิ้มใส่ปลาคาร์ป สีหน้าหงส์ซานตอนนี้ดูบริสุทธิ์ไร้พิษสง แต่อย่าให้เปิดปากพูดเชียว
 
หมาดื้อดีๆ นี่เอง
 
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายถึงมาหลงเสน่ห์ลิงหน้าจืดแบบนี้ได้ ผู้หญิงสวยๆ ทรวดทรงดีๆ ดีกรีการศึกษาสูงๆ หรือคนที่มีความพรั่งพร้อมด้านการสืบพันธุ์ให้เลือกมากมาย ท่านก็ไม่เอา

หงส์ซานหยิบอาหารเม็ดมาโปรยให้ปลาในบ่อกินต่อ

“กินเยอะๆ นะ จะได้อ้วนๆ”
 
ผมกรอกตาขึ้นมา
มีมนุษย์หน้าไหนคุยกับปลากันบ้าง = =
 
แต่เพราะลิงปัญญาอ่อนตรงหน้าผมนี่แหละ ถึงทำให้เจ้านายมีรอยยิ้มมากขึ้นจากงานหนักๆ ที่ทำ หงส์ซานไม่มีทางรู้หรอกว่าแต่ละวันเจ้านายผมต้องต่อสู้กับอะไรบ้าง
 
และดูเหมือนตอนนี้ความสุขของท่าน คือการได้กลับบ้าน กลับมาโอบกอดหงส์ซานไว้
 
ได้ยินเสียงรถวนเข้ามาจอด ผมหันไปมองตาม ยกนาฬิกาขึ้นดู
 
ทำไมวันนี้เจ้านายกลับเร็วจัง
 
หงส์ซานมองสิ่งเดียวกับผมอยู่เหมือนกัน แต่จ้างให้ร้อยล้านหงส์ซานก็ไม่ขยับไปรับเจ้านายผมอย่างคนเป็นเมียที่ดีควรทำหรอก
 
ผมเดินเข้าไปหา พอรถจอดสนิทวิกเซอร์ก็วิ่งมาเปิดประตูให้แล้ว เจ้านายขยับออกมายืนอย่างสง่างามอยู่ข้างตัวรถ
 
“หงส์ซานล่ะ”
มันแทบจะเป็นคำถามแรกของทุกครั้งที่เจ้านายผมกลับถึงบ้าน
 
“ให้อาหารปลาอยู่ครับ”
 
เจ้านายผมส่ายหัว
 
“ถ้าวันไหนหงส์ซานจับปลาขึ้นมาใส่ปลอกคอฉันจะไม่แปลกใจเลย”
 
ผมหัวเราะในลำคอพอๆ กับวิกเซอร์
 
ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ แต่เชื่อว่าหงส์ซานอาจทำจริงๆ ต่างหาก
 
“เออ เมื่อกี้ไอ้หมอเมสเสจมาบอกว่าปล่อยนายให้ไปซื้อการ์ตูนให้มันหน่อย ไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปดูลิงให้อาหารปลาก่อน”
 
ผมทำหน้าเหนื่อยใส่ ค้อมหัวให้เจ้านาย วิกเซอร์พยักหน้ามาทางผม เดินตามเจ้านายไป ผมถอนหายใจออกมาทำลายโลกอีกรอบ เดินตรงไปที่โรงรถ คว้าเอารถสีดำประจำตำแหน่ง ค่อยๆ ขับถอยออก
 
อาชีพผมเป็นอาชีพที่มีเกียรติ สิ่งสำคัญคือความรักและความซื่อสัตย์ต่อเจ้านาย ซึ่งผมไม่ต้องใช้ความพยายามเลย มันอยู่ในกมลสันดาน มันสืบสายเลือดมาตั้งแต่รุ่นทวดของทวดของทวดของทวดแล้ว ลากเส้นไปไม่ถูกว่าใครคือคนแรกที่มารับหน้าที่บอร์ดี้การ์ดให้กับตระกูลหยางผู้ยิ่งใหญ่

ผมเป็นบอดี้การ์ดประจำตระกูล ในขณะที่หมอกันต์เป็นหมอประจำตระกูล เรามีอาชีพต่างกัน แต่ความรับผิดชอบเหมือนกันคือรักและซื่อสัตย์ต่อทุกสายเลือดในตระกูลนี้

ผมพารถออกนอกรั้ว วิ่งไปบนถนนที่รถเริ่มจะพากันติด ผมขับอย่างใจเย็น วิ่งตรงไปยังสยามเซ็นเตอร์ ห้างสรรพสินค้าที่มีร้านการ์ตูนญี่ปุ่นขนาดใหญ่ซ่อนตัวอยู่ ใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีกว่าผมจะหาที่จอดได้

และนี่คงเป็นสาเหตุให้หมอชอบโทรหาผมมากกว่า

ผมกลายเป็นเป้าสายตาทันทีที่ก้าวลงจากรถ ผมไม่สนใจใคร กดล็อก กระชับเสื้อสูทให้เข้าที่เข้าทาง เดินนิ่งๆ เข้าประตูไป

ยิ่งเดินคนยิ่งมอง พอผมมองกลับบ้าง พวกนั้นก็พากันสะดุ้งถอยกรูดกันเป็นทิวแถว

ผมมุ่งตรงไปกระทั่งถึงที่หมาย ผมไม่สนสายตาใครก็จริง แต่ก็ไม่เคยชินสักครั้งกับการต้องมายืนอยู่ในร้านสำหรับวัยรุ่นแบบนี้ เด็กๆ มองกันใหญ่ เขยิบหนีเมื่อผมส่งสายตาเย็นชาใส่ ผมเดินไปดูแผงการ์ตูนออกใหม่สำหรับสัปดาห์นี้ ยกมือถือขึ้นมาดูเมสเสจรายชื่อการ์ตูนนอกเหนือจากหนังสือออกใหม่ที่เจ้าตัวส่งมาให้

พนักงานดูจะยุ่งวุ่นวายยิ่งกว่าเดิมเมื่อผมก้าวเข้าไปภายใน แค่มาซื้อการ์ตูน ไม่ได้จะมาฆ่าใครแถวนี้

ผมหยิบตะกร้า เลือกการ์ตูนใส่ลงไป เห็นหน้าปกแต่ละเรื่องก็ได้แต่ทอดถอนใจ ผมเคยสงสัยว่าคนเรียนจบสูงๆ มาอ่านหนังสือปัญญาอ่อนแบบนี้ได้ยังไงกัน

และนี่คือสาเหตุที่ผมไม่ยอมป่วยเป็นอะไรกับเขาเลย

กลัวครับ กลัวจะโดนหมอกันต์รักษา และผมก็เป็นคนเดียวที่ยังไม่เคยผ่านมือเขาเลย

ผมเดินเข้าไปด้านในเมื่อหนังสือด้านนอกที่ต้องซื้อหมด วนหยิบทีละล็อกก่อนชะงัก มองคนที่ยืนถือหนังสือเล่มที่ผมกำลังต้องการอยู่พอดี

เจ้าตัวพลิกส่องดูสภาพ ทำให้จังหวะนั้นเห็นผมเข้าพอดี เขาลดหนังสือลง ฉีกยิ้มกว้าง

“มาแล้วเหรอ”

ผมขมวดคิ้วมุ่น ถ้ามาเองได้ แล้วจะให้ผมมาทำไม
 
“คิดว่าติดตรวจซะอีก”
 
“ตรวจเสร็จแล้ว”
 
“ทำไมไม่โทรบอก ผมจะได้ไม่ต้องออกมา”
 
หมอไม่ตอบ ฉีกยิ้มกว้าง วางการ์ตูนเล่มนั้นใส่ตะกร้าที่ผมถืออยู่
 
“เหลือเรื่องอะไรบ้าง”
 
ผมถอนหายใจแรง
 
“หมอกันต์ ผมไม่ได้ว่างเป็นเบ๊ให้คุณได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอกนะ”
 
“เหลือเรื่องอะไรบ้าง”
 
ผมถอนหายใจแรงอีกรอบ ร่ายรายชื่อเรื่องที่ยังขาด
 
“ทางนู้น”
แล้วเจ้าตัวก็เดินนำ ผมจำต้องเดินตามไปติดๆ มาคนเดียวว่าโดนมองหนักแล้ว มากับหมอยิ่งโดนมองมากกว่าเดิมอีก
 
ในสายตาคนไทยหรือคนเอเชีย คนอย่างหมอคงเข้าข่ายว่าหล่อมาก ต่างกับหงส์ซานที่ถูกมองว่าน่ารัก แต่สำหรับผม ผมว่าทั้งหมอกันต์ทั้งหงส์ซานหน้าจืดไปหน่อย ผมไม่ชอบคนเอเชีย คนเอเชียหล่อๆ ในสายตาผมมีแค่เจ้านายผมเท่านั้น นอกนั้นหน้าจืดหมด
 
คนมองหมอแล้วพากันกรี๊ดกร้าดตื่นเต้น พอผมปราดสายตามองก็พากันสะดุ้ง หลบถอยกันเป็นทิวแถว
 
เจ้าตัวเดินไปหยิบการ์ตูนมาลงตะกร้าอีกสองสามเล่ม
 
“อยากได้หนังสือโป๊สักเล่มไหม”
 
ผมมองคนถาม
 
“ไม่ ถามทำไม”
 
“เห็นทำหน้าดุ คิดว่าเก็บกด”
 
ผมถอนหายใจแรง นี่ถ้าหมอไม่ใช่หมอประจำตระกูลหยางและไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทเจ้านายผมจับถ่วงน้ำไปนานแล้ว
 
“เรียบร้อยแล้วก็กลับ”
 
“เรียบร้อย”
แล้วเจ้าตัวก็เดินนำ ผมเดินตามไปติดๆ มีคนต่อคิวอยู่สามสี่ราย ผมเดินตามไปเข้าแถวรอด้วย เพราะพื้นที่มีจำกัดทำให้ตัวเราต้องขยับมาชิดกัน ได้กลิ่นน้ำหอมจางๆ จากคนด้านหน้า หมอกันต์ตัวเล็กกว่าผม แต่ก็โตกว่าหงส์ซาน รายนั้นเหมือนลูกลิงซนๆ ตัวหนึ่งมากกว่า

ยิ่งเย็นเด็กๆ ยิ่งเลิกเรียนมาซื้อของ คนตรงหน้าต้องขยับจนแผ่นหลังแนบติดกับอกผม หัวเขาอยู่ใกล้จมูกผมนิดๆ ที่มาของกลิ่นจางๆ คือหัวเขาสินะ

มีเด็กคนหนึ่งวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามา ทำให้คนแถวนั้นถอยกันเป็นแถบๆ ไม่ต่างกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม ผมจับเอวเขาไว้เบาๆ รับร่าง

“ขอโทษค่ะ” น้องคนนั้นรีบขอโทษขอโพย ผมมองด้วยสายตาไม่พอใจ เด็กนั่นเบะหน้าทำท่าจะร้องไห้ รีบรับของที่จ่ายเงินเสร็จพอดี วิ่งลิ่วหายไป

“อยู่ข้างนอก ไม่ต้องทำหน้าดุก็ได้ เด็กๆ กลัวกันหมดแล้ว”

“ก็ปกติ”
ผมตอบกลับราบเรียบ

“ดุเป็นปกติน่ะสิ”
เจ้าตัวยกตัวขึ้นปรับสภาพเนื้อตัวดีๆ ถึงคิวพอดี ผมวางหนังสือเขาลงบนเคาน์เตอร์ พนักงานรีบลนลานคิดเงิน แจ้งราคา

หมอยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ หยิบเงินมาจ่าย (หลายเล่มก็จริง แต่ราคาไม่แพง) พนักงานทวนยอดเงิน นำไปคีย์เข้าเครื่อง ผมรับถุงมาหิ้วเองทั้งหมด เดินลิ่วออกไปก่อน

“เดี๋ยว ยังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่ไหม”
หมอวิ่งตามมาติดๆ

“จะกลับไปกินที่บ้าน”

“เข้าร้านนั้นกันดีกว่า”
เขาจับแขนผมลากให้เดินตาม ผมถอนหายใจอีกรอบ เถียงไปก็ไม่ชนะ จำต้องหิ้วถุงการ์ตูนเดินตามเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นไป

(40%)

พนักงานสาวสวยเชื้อชาติสัญชาติไทยแต่หน้าคล้ายคนญี่ปุ่นในชุดกิโมโนถูกระเบียบเดินออกมาต้อนรับ พาเราสองคนไปนั่งยังโต๊ะที่ยังว่างอยู่

ผมไม่ชอบอาหารญี่ปุ่น ผมชอบอาหารฝรังเศสหรือรัสเซียอาหารบ้านเกิดผมเองมากกว่า (ผมเป็นลูกเสี้ยวเหมือนหมอนั่นแหละ แต่เสี้ยวทางฝั่งยุโรปเป็นส่วนใหญ่)

พนักงานสาวสวยคนเดิมยื่นเมนูให้ หมอพลิกเปิดรัวสั่งทันที ดีหน่อยตรงที่ร้านนี้มีอาหารนานาชาติด้วย ผมสั่งเมนูโปรดไป เพราะชักจะหิวเหมือนกัน พนักงานยิ้มหวานอีกรอบ ค้อมให้สไตล์คนญี่ปุ่นก้าวเดินจากไป

หมอหยิบการ์ตูนออกมาจากถุงทั้งกอง แกะพลาสติกออก กรีดดูเร็วๆ คงจะตรวจสอบสภาพหนังสือนั่นแหละ เสียมาจะได้เปลี่ยนเลย ถ้าไปเจอที่บ้านก็จะนำมาเปลี่ยนทีหลัง ดีว่าล็อตนี้ไม่มีเสียสักเล่ม หมอเอาหนังสือทั้งหมดยัดใส่ถุงตามเดิม หยิบออกมาเพียงเล่มเดียวเพื่อเปิดอ่าน

ผมไม่เคยชินสักทีกับคนเป็นหมอที่มาอ่านการ์ตูนปัญญาอ่อนแบบนี้

ดวงตานั้นจ้องเป๋งอยู่บนหน้ากระดาษ ปากวาดรอยยิ้มกว้างเมื่อเรื่องราวไปชนเรื่องขบขัน คงรู้ว่าผมมองอยู่ถึงได้เหลือบตามอง

“มองไร”

“มองหมอปัญญาอ่อน”

คนตรงหน้ายกยิ้ม ตรงนี้แหละที่เหมือนเจ้านายผม

“คิดว่ามองเพราะฉันหล่อซะอีก”

ผมส่ายหัวไปมา แต่ไม่ตอบ อาหารมาพอดี คิวเยอะ เลยรอนานนิด ผมตั้งหน้าตั้งตากินอาหารของตัวเอง คนตรงหน้าใช้ตะเกียบคีบกินอย่างไม่รีบร้อน ผมกินค่อนข้างเยอะถ้าเทียบกับอีกคน กระทั่งอิ่มก็เรียกคิดเงิน

“795 บาทค่ะ”
พนักงานสาวส่งยิ้มหวานจ๋อยมาให้หมอ รายนั้นวางบัตรลง พนักงานเดินจากไป หมอหันกลับมาอ่านการ์ตูนต่อ ผมพยายามมองหาเสน่ห์ของคนตรงหน้า ไปไหนมาไหนด้วยกันมีแต่ผู้หญิงชอบ

พนักงานเดินกลับมาอีกครั้ง เขารับบัตรคืน สาวนางยิ้มประหม่า เม้มปากนิดๆ ชี้ให้ดูใบเสร็จ

“เบอร์น้ำค่ะ”

หมอก้มมองตาม บนนั้นมีเบอร์โทรที่เขียนด้วยปากกาสีน้ำเงินชัดเจน หมอฉีกยิ้มหวานหล่อเหลาพาเอาสาวเจ้าแทบระทวยลงกับพื้น

“พอดีบ้านผมมีเครื่องกรองน้ำแล้วครับ ขอบคุณสำหรับอาหาร ไว้โอกาสหน้าผมจะมาทานใหม่”
พูดจบเจ้าตัวก็ลุก ผมลุกตาม คว้าถุงการ์ตูนมาถือ พนักงานสาวอ้าปากค้าง สีหน้าเงิบๆ งงๆ

ผมหัวเราะหึๆ

“หัวเราะอะไร” เขาหันมาถาม

“เปล่า” ผมตอบรับนิ่งๆ “สวยออก ปฏิเสธทำไม”

หมอยักไหล่

“พอดีไม่ชอบพันธุ์น่ารักๆ พันธุ์ดุเร้าใจกว่า”

ผมขมวดคิ้ว มองคนพูดงงๆ

“จริงสิ อาหารของเด็กๆ ที่บ้านใกล้หมดแล้ว เราไปซื้อกันเถอะ”

“ผมจะกลับแล้ว คุณไปซื้อคนเดียวเถอะ”

“ป่ะ”

ผมถอนหายใจแรงอีกรอบ ชวนไม่ชวนเปล่า เจ้าตัวยังคล้องแขนผมกันหนีอีกด้วย ผมจำต้องเดินตาม ตรงไปมาร์ทชั้นล่างสุด เขาดึงรถเข็นออก ผมวางหนังสือลงไป ทำหน้าที่เข็น เจ้าตัวพาผมเดินตรงไปยังโซนอาหารสัตว์เลี้ยง ขนซื้ออาหารเม็ดกระสอบใหญ่ สำหรับสุนัขโต ส่วนใหญ่เป็นอาหารนำเข้าที่ราคาค่อนข้างแพง ขนมสำหรับหมา แชมพู และหวีอันใหม่

“ซื้อปลอกคออันใหม่ดีไหมน้า”

“อันเก่าเพิ่งซื้อนี่”

“พวกมันคงเบื่อแล้ว”

“หมาไม่ขี้เบื่อเหมือนคนหรอก”

“รู้ได้ไง”

“เดาเอา”

“เหรอ คิดว่าเป็นอยู่เลยรู้ดีซะอีก”

นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนสนิทเจ้านาย ผมคงซัดด้วยหลังมือให้คอหักตายแน่ๆ เจ้าตัวคนพูดยิ้มหวาน หันไปหยิบปลอกคอมาเลือกลาย สามอันแรกเลือกได้อย่างง่ายๆ แต่อันสุดท้ายเลือกไม่ได้สักทีว่าจะเอาแบบไหน เห็นยืนชั่งใจอยู่นาน

“อันไหนสวย”
เจ้าตัวหันมาถาม ผมมองของตรงหน้า ชี้ไปยังสีดำลายเท่ๆ ทางขวา แล้วเขาก็วางอันนั้นลง

ผมถอนหายใจแรง ถามแล้วไม่เลือกจะถามทำไม เจ้าตัวทำท่าจะเดินออกไปจากจุดนั้น แต่เปลี่ยนใจ หยิบอันที่ผมเลือกใส่ตะกร้าอีกชิ้น

“เอามาทำไมตั้งห้าอัน ที่บ้านมีแค่สี่”

หมอไม่ตอบ เพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้น แทนที่จะกลับเลย กลับพาวนไปซื้อไวน์ ทิชชู่ ครีมอาบน้ำ น้ำยาโกนหนวด กระทั่งของเต็มรถเข็น

“นานๆ มีคนช่วยหิ้ว”
ผมถอนหายใจเป็นรอบที่พัน กระทั่งไม่มีที่จะวางในรถเข็นนั่นแหละ เจ้าตัวถึงยอมหยุด พาไปจ่ายเงิน

“จอดรถไว้ชั้นไหน” ผมถาม จะได้หิ้วของไปให้ถูก

“ไม่ได้เอารถมา”
ผมหันไปมองงงๆ

“แล้วมายังไง รถไปจอดไว้ที่ไหน”

“มันขี้เกียจวิ่ง เลยจอดไว้ที่บ้าน นั่ง BTS มา”

สภาพของเยอะแบบนี้ ผมคงต้องไปส่งอย่างเสียไม่ได้แน่ๆ ผมไม่พูดอะไร พอเขาจ่ายเงินผมก็เข็นรถตรงไปยังลานจอด มุ่งตรงไปยังรถตัวเอง เปิดฝากระโปรงรถ นำของทุกอย่างเข้าไปไว้ภายใน บางส่วนวางไว้เบาะหลัง พอเรียบร้อยก็นำรถเข็นไปแอบๆ ไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาเก็บ

เจ้าของของทั้งหมดเปิดประตูขึ้นไปนั่งประจำตำแหน่งเรียบร้อย ผมก้าวขึ้นไปนั่งประจำ สตาร์ทเครื่อง ขับเคลื่อนตัวรถออกไป เขาเอื้อมกดเปิดเพลงฟังเบาๆ ฮัมตาม

“เห็นว่าวันนี้จะไปบ้านเจ้านาย”

“ใช่ แต่เดี๋ยวเอาของไปเก็บที่บ้านก่อน”

ผมพยักหน้า นั่งอยู่บนท้องถนนรถติดๆ อีกเกือบชั่วโมงก็พารถมาถึงบ้านหมอได้สำเร็จ บ้านหลังใหญ่พอประมาณ แต่ทั้งหลัง มีเขาอาศัยอยู่กับหมาเพียง 4 ตัวเท่านั้น

ลูกๆ ของหมอพากันออกมายืนรอกันเป็นทิวแถว ส่งเสียงร้องงี๊ดง๊าด ส่ายหางกันเป็นพัลวัน (หมอไม่นิยมตัดหางหมา) บ้างกระโดดเกาะรั้ว บ้างยื่นปลายจมูกออกมาทักทาย บ้างก็ยื่นขาหน้าออกมารอรับ

หมอกดลดกระจกลงส่งเสียงทักทาย พวกนั้นยิ่งดีใจอย่างบ้าคลั่งทำเหมือนไม่ได้เจอกันมาเป็นชาติ หมอกดเปิดประตูรั้วด้วยรีโมต พอมันสุด ผมก็ขับรถเข้าไปจอด พวกเด็กๆ วิ่งวนมารอฝั่งที่หมอนั่ง หมอเปิดประตูลงไปหา

“ไงเด็กๆ วันนี้พ่อมีปลอกคอใหม่มาให้ด้วยนะ”

ผมดึงเบรกมือ ดับเครื่อง เปิดประตูก้าวตามลงไปด้วย ไม่สนใจว่าหมอจะทำอะไร เดินไปเปิดฝากระโปรงรถนำของทุกอย่างออกมาถือ

“มาเลยเด็กๆ มาช่วยกันหิ้วของหน่อย”
หมอเรียก หมาที่มีไอคิวค่อนข้างสูงกว่าหมาทั่วไปเดินมาล้อมหน้าล้อมหลัง หมอเปิดประตูด้านหลังของรถออก หยิบเอาเฉพาะถุงที่หมาน่าจะหิ้วได้ใส่ปากพวกมันทีละตัว

พวกนั้นสะบัดหางดีใจใหญ่ เดินไปรอแถวๆ ประตูเข้าบ้านอย่างรู้งาน หมอกันต์ถือเองอีกหลายถุง เดินไปไขประตู ลำเลียงกันเข้าไปทั้งคนทั้งหมา ผมหิ้วเยอะสุด นำมันไปวางไว้บนโต๊ะ (จริงๆ หมาของหมอสามารถเข้านอกออกในเองได้ตลอดเวลาเพราะมีประตูหมาไว้ให้สำหรับพวกมันโดยเฉพาะ มันใหญ่ชนิดเด็กหรือคนตัวเล็กๆ สามารถมุดเข้าไปได้สบายๆ แต่อยู่ในมุมที่คนไม่เห็นเลยไม่รู้ว่ามี)

ผมรื้อนำของทุกอย่างออกมาจัดให้เข้าที่ก่อนเจ้าตัวจะออกคำสั่ง รายนั้นสาละวนกับการเอาปลอกคอมาเปลี่ยนให้หมาตัวเอง ใช้เวลาไม่นานผมก็จัดของเสร็จ รวบถุงขยะทั้งหมดยัดลงถัง

ได้ยินเสียงหัวเราะสดใสดังมาจากห้องรับแขก ผมเดินนิ่งๆ ออกไป

“เรียบร้อยแล้ว ผมขอตัว”

“เดี๋ยว ไปด้วยสิ”

“เอารถตัวเองไปสิ”

“รถเสีย”

ผมถอนหายใจแรง ไม่พูดอะไร

“ไปก่อนนะเด็กๆ เฝ้าบ้านดีๆ”
พวกนั้นพากันเห่าโฮ่งเสียงดัง หมอหันมามอง กวักมือเรียกผมเบาๆ ผมเดินนิ่งๆ เข้าไปหา เจ้าตัวหยิบปลอกคอที่ผมเลือกขึ้นมาถือ อมยิ้ม ปลดล็อกแล้วเอามาใส่คอทันที ผมรีบจับมือเขาไว้ด้วยสัญชาตญาณป้องกันภัย ทำให้มือผมกุมมือเขาไว้แน่น

“จะทำอะไร”

“ชอบไม่ใช่เหรอ ฉันให้”

“ผมไม่ใช่หมา”

“เห็นทำหน้าดุตลอดคิดว่าใช่ เอาไปสิ ฉันให้ พี่เชฟไม่ชอบ”

“ไม่เอา”
ผมจ้องด้วยดวงตาดุๆ คนตรงหน้าฉีกยิ้ม ผมกระชากมือนั้นออก พอๆ กับปลอกคอ ก้าวนำออกไป คนด้านหลังบอกลาหมาตัวเองอีกรอบ วิ่งตามผมมาติดๆ ผมก้าวขึ้นรถ สตาร์ทเครื่องทันทีที่เขานั่งประจำที่ได้

ดึกแล้ว รถจึงไม่ติดมาก พอลงรถได้ เขาก็วิ่งร่าไปหาหงส์ซานทันที รายนั้นก็ฉีกยิ้มกว้างรับ

คนปัญญาอ่อนเข้ากันได้ดีกับคนปัญญาอ่อนจริงๆ


(http://upic.me/i/p6/1z2-3.jpg)


“ไปไหนมาพี่”

“หมอกันต์ให้ไปซื้อการ์ตูน”

วิกเซอร์หัวเราะ แต่ผมหัวเราะไม่ออก

“เจ้านายล่ะ”

“อาบน้ำ”

ผมพยักหน้าเข้าใจ สลับกับน้องไปทำหน้าที่คอยดูแลคนที่นั่งดูทีวีอยู่ เวลานายใหญ่ไม่อยู่หงส์ซานจะอยู่ข้างล่างนี่ประจำ แต่เวลาอยู่จะไม่สุงสิงกับใครหรอก

หงส์ซานเป็นเหมือนนกน้อยที่พร้อมจะบินออกจากกรงได้เสมอถ้าเผลอเปิดกรงทิ้งไว้ นั่นทำให้เจ้านายผมต้องคอยจับตามองตลอด

“น้องหงส์ ได้ข่าวว่าจะไปฮันนีมูนเหรอ”

“แค่ไปเที่ยวพี่หมอ ไม่ได้ไปฮันนีมูน” หงส์ซานค้าน ทั้งที่ความเป็นจริงยังไงก็หนีไม่พ้น

“ไปไหน”

“มัลดีฟ”

หมอกันต์ตาวาว

แล้วสองคนนั้นก็พูดคุยกันจนเจ้านายผมเดินหล่อลงมา เขามองผมนิดหนึ่ง ไม่พูดอะไร เดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ หงส์ซาน ดึงลิงนั่นไปนั่งบนตัก
 
“ชักอิจฉาคนมีเมียซะแล้วว้า”
 
“อยากมีก็หาสิ หน้าตาฐานะก็ใช่จะขี้ริ้ว” เจ้านายผมตอบ
 
“กำลังจะจับใส่ปลอกคอ ช่วงนี้กำลังดุได้ที่”
 
“คนหรือหมา”
หมอกันต์ไม่ตอบ หัวเราะหึๆ เหลือบมองมาทางผม ผมขมวดคิ้วมอง ทำหน้านิ่งๆ ไม่ได้สนใจอะไรอีก
 
เวลาที่เจ้านายเข้านอน คือเวลาพักผ่อนผมเช่นกัน (ผมทำงาน 24 ชั่วโมง แต่สามารถแวบไปทำธุระส่วนตัวของตัวเองได้เมื่อเจอช่วงเวลาเหมาะๆ และเห็นว่าเจ้านายมีคนช่วยดูและมีความปลอดภัยพอควร) พอรายการทางทีวีที่หงส์ซานดูอยู่จบ เจ้านายผมก็กดปิดทีวี ไล่ให้เพื่อนกลับบ้าน
 
ดูจากท่าทางเจ้านายวันนี้ ผมว่าพรุ่งนี้หมอกันต์ต้องวิ่งโร่มารักษาหงส์ซานอีกแน่ๆ
 
หมอกันต์อ้าปากหาว
 
“คืนนี้ขอนอนนี่ละกัน ขี้เกียจกลับ พรุ่งนี้ไม่มีงาน”
 
“ตามใจ ก็ดี เผื่ออาจต้องใช้บริการหมออีก”
เป็นไปตามที่ผมคิดไหมล่ะ
 
หมอหัวเราะหึๆ อย่างรู้กัน ยกเว้นเหยื่อที่ดูจะไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร
 
พอเจ้านายไป ผมก็เดินกลับเข้าห้องตัวเองบ้าง ผมใช้เวลาชำระล้างร่างกายไม่นานก็เรียบร้อย ทิ้งตัวลงนอน หัวไม่ทันจะถึงหมอนก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ผมลุกจากเตียง เดินตรงไปเปิดประตู เห็นหมอกันต์มายืนยิ้มแฉ่งตรงหน้า
 
“กลัวผี ขอนอนด้วยคนสิ”
 
ผมขมวดคิ้ว เจ้าตัวไม่รอให้ผมอนุญาต สอดตัวเข้ามาภายใน เดินดุ่มๆ ขึ้นไปบนเตียง รื้อผ้าห่มคลุมตัว
 
จะไล่ก็คงไม่ไป ผมเลิกสนใจ ปิดไฟอีกรอบ ทิ้งตัวลงนอนนิ่งๆ แล้วผมก็หลับไปแค่นั้น
 
หลับไปได้สักพัก ผมต้องลืมตาพรึบด้วยสัญชาตญาณที่ถูกฝึกมาอย่างดี ผมก้มมอง มือของคนที่นอนข้างๆ พาดมากอดบนเอว ผมหันไปมอง เจ้าตัวยังนอนนิ่ง
 
สงสัยจะละเมอ ผมค่อยๆ จับมือนั้นออก พักหนึ่งมันก็ตวัดกลับมาพาดอีก ผมขมวดคิ้ว
 
จับออกอีก
 
นี่ละเมอ หรือว่าหมอยังไม่หลับ
 
“หมอ” ผมเรียก
 
คนด้านข้างเงียบ
 
“หลับหรือตื่นอยู่”
ปกติผมจะเก่งเรื่องจับความรู้สึกคน แต่หมอกับเจ้านาย คือสองบุคคลที่ผมยากจะจับความรู้สึกได้ ยกเว้นบางเวลาจริงๆ แต่หมอนี่เดาไม่ออก เพราะเอาจริงกับเล่นแทบแยกกันไม่ออก
 
ตอนนี้ก็เหมือนกัน สภาพทางกายภาพ หมอหลับแน่ๆ แต่มือที่กอดผมอยู่นี่ทำให้ผมไม่แน่ใจ
 
“หมอ”
ผมเรียกอีกรอบ
 
เขายังเงียบอยู่ ผมจับมือเขายกออกอีกรอบ คราวนี้มันกลับมากอดใหม่
 
ผมว่าหมอตื่นแล้วแน่ๆ
 
“หมอ อย่าล้อเล่น ดึกแล้ว”
ผมบอกเสียงเย็น ถ้าเป็นคนอื่น คงกลัวจนขนลุก ยกเว้นอยู่สามคนนี่แหละ ที่ไม่ค่อยเกรงกลัวกับออร่าสังหารที่ผมส่งไป เจ้านายน่ะยกเว้นไว้เถอะ สองคนที่เหลือก็หมอกับลิงปัญญาอ่อนอย่างหงส์ซานนั่นแหละ ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ผมปล่อยให้เขากอดไว้อย่างนั้น ไม่รู้จะเล่นพิเรนทร์อะไรอีก
 
ผมสะดุ้งเฮือก เมื่อมือนั้นเลื่อนต่ำลงไปที่หน้าท้อง ผมขมวดคิ้ว เริ่มรู้สึกไม่ไว้ใจ แล้วมือนั้นก็ต่ำลงไปอีก และก่อนที่มันจะแตะลงบนส่วนสงวนผม ผมรีบตะครุบจับมือนั้นไว้ทันที
 
“หมอ!!”



To be Con..
โบราณว่าไว้ อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจหมอ ....
.
.
.
.
.

(มีหนังสือและ e-book เรื่องหงส์ซานให้จองและดาวน์โหลดอ่านกันได้แล้วค่ะ ที่นี่>> https://goo.gl/WbWxt8 (https://goo.gl/WbWxt8))
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #9 คอนโทรล [P.6][19-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 19-05-2017 21:36:33
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #9 คอนโทรล [P.6][19-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 19-05-2017 22:16:07
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #9 คอนโทรล [P.6][19-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 19-05-2017 23:55:05
คู่รองรึ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #9 คอนโทรล [P.6][19-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-05-2017 23:56:35
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #9 คอนโทรล [P.6][19-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 20-05-2017 00:50:39
  :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #9 คอนโทรล [P.6][19-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 20-05-2017 02:45:42
น้ำยาล้างจานแกมันคนหลงตัวเองงงงงงง
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #9 คอนโทรล [P.6][19-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-05-2017 04:22:36
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #9 คอนโทรล [P.6][19-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 20-05-2017 06:05:47
หมอกันต์ต้องแอบชอบน้ำยาล้างจานแน่เลย อิอิ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #9 คอนโทรล [P.6][19-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 20-05-2017 09:49:14
 :impress2: ซันไลคือเหยื่อรายต่อไป :laugh:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #9 คอนโทรล [P.6][20-5-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 20-05-2017 21:47:07
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #9 คอนโทรล [P.6][20-5-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 20-05-2017 22:19:06
โดนเต้าะแต่ไม่รุ้ตัว พอกันกับไอ่ลิงน่ะแหละ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #9 คอนโทรล [P.6][20-5-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 21-05-2017 11:26:28
อ่านแบบเวอร์ชั่นสำหรับมือถือ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #9 คอนโทรล [P.6][20-5-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 21-05-2017 21:17:53
ระวังจะหลงคนปัญญาอ่อนก็แล้วกัน
ลองปรึกษาเฮียหลงดูสิ 555
 :mew3:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #9 คอนโทรล [P.6][20-5-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 21-05-2017 21:43:22
ชอบอ่านในคอมค่ะ ถ้าไปข้างนอกอ่านในไอแพด มือถืออ่านไม่ค่อยสะดวก เล็กเกิน
อยากให้ซันไลท์โดนกด หยิ่งเหลือเกิน หมั่นไส้นาง
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #9 คอนโทรล [P.6][20-5-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 22-05-2017 20:12:39
 :z1: :z1: แหมหมอ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #9 คอนโทรล [P.6][20-5-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 22-05-2017 23:29:12
รอหมอ :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #9 คอนโทรล [P.6][20-5-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 23-05-2017 14:07:02
หมั่นไส้ซ้นไรส์ ขี้เต๊ะ เจ้านายยังไม่ขนาดนี้เลย :beat:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][25-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 23-05-2017 20:20:28
หงส์ซาน 10 เป็นเมียบ๊วยต้องสตรอง!!

#หงส์ซาน
วันนี้ผมคุยกับพี่หมอน้ำลายแทบหมดคลัง ตอนนี้ผมตื่นเต้นสุดๆ ที่จะได้ไปเที่ยว อยากดูทีวีต่อ แต่ไอ้เจ้าบ้านมันลากผมขึ้นนอนซะงั้น
 
เฮ้อ~
 มาพรากความสุขผมจริง
 
อยากให้มันเคลียร์งานเร็วๆ จะได้ไป แต่ก็เข้าใจครับ ดูท่างานนี้พี่หมออาจไปด้วย ดีเลย ให้เที่ยวกับไอ้บ๊วย ผมว่าคงไม่สนุกเท่าไหร่ มีพี่หมอกันต์นี่น่าจะสนุกขึ้น ผมเข้าห้องน้ำก่อนเป็นอันดับแรก พอออกไป มันก็เข้าต่อ ผมรีบโดดขึ้นเตียง มันเล่นเปิดแอร์ซะหนาว แต่ทำให้หลับสบายดีครับ
 
ได้ยินเสียงเปิดประตูเบาๆ ผมไม่สนใจ พยายามหลับนำร่องไปก่อน เตียงอีกฝั่งยุบยวบ ผมไม่สนใจเหมือนเดิม มันขยับเข้ามาชิด แนบแผงอกกับหลังผมเหมือนเคย จูบหัวผมเหมือนเคย
 
ถ้าผมเป็นผู้หญิง ผมจะคิดว่ามันเป็นผู้ชายที่อบอุ่นดีนะ ถ้าผมแต่งงานกับเหมย ผมจะทำแบบนี้กับเหมยหรือเปล่าก็ไม่รู้
 
ปากนั้นไม่ได้หยุดอยู่ที่หัวผมอย่างเดียว แต่เลื่อนมาจูบที่ใบหู เลื่อนลงมาที่ลำคอ ผมลืมตาโพลง มันซุกปากกับซอกคอผมมากขึ้น
 
วี้หว่อๆ!!
สัญญาณอันตรายดังขึ้น!!
 
ผมรีบพลิกตัวหันไปผลักมันออก
 
“จะทำอะไร!”
 
“ทำเรื่องที่ผัวเมียเขาทำกันไง”
 
“ไม่ทำ”
ผมรีบกระชับผ้าห่มมากอดแน่น มันถอนหายใจทำหน้าระอา กระชากดึงผ้าห่มออกจากตัวผมจนร่างกายเย็นวูบจากแอร์ที่หล่นปะทะ
 
“ทำอะไรของเฮียวะ เอาผ้าห่มคืนมา”
 
“พูดจาให้เรียบร้อยหงส์”
 
“ไม่ เอาผ้าห่มคืนมา”
ผมรีบขยับไปหวังเอาผ้าห่มคืน แต่มันรวบจับเอวผมไว้ พลิกลงไปนอนกับเตียง ไม่เปิดโอกาสให้พูดให้ถาม ปิดปากลงมา ผมดิ้นขลุกขลัก สองมือสองไม้ผลักคนด้านบนออกเป็นพัลวัน
 
มันจับสองมือผมขึ้นไปตรึงไว้เหนือหัว อีกมือสอดเข้ามาควานหายอดอกเม็ดเล็กภายใน ผมสะดุ้งเฮือก
 
“ไอ้บ้า อั๊วไม่อยากระบมเดินไม่ได้ไปสามวันอีกนะ”
ผมร้องบอกหอบๆ เงยหน้ามอง สีหน้ามันเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงอารมณ์
 
“เฮียจะเบาๆ”
อื้อหือ เสียงมึงจะแหบปนเซ็กซี่ไปไหน กูจะเชื่อได้ใช่ไหม กูจะถามความเห็นใครดี น้องมันก็คงไม่ให้คำตอบที่ดีเท่าไหร่

“ไม่ ไม่ทำจะดีที่สุด ปะ ปล่อย อ๊ะ”
ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อมันกุมยุทธศาสตร์ของผมไว้ กระตุ้นเบาๆ จนผมตื่น มันปล่อยมือผมลงแล้วใช้มือข้างนั้นบดขยี้หน้าอกผม
 
แล้วผมจะเอาพลังที่ไหนไปสู้มัน
 
ปากมันกำลังดูดพลังออกไปจากปากผม มือมันกำลังบีบคลึงหน้าอกตัดกำลัง แถมด้านล่างยัง…
 
ผมครางสะท้าน แอ่นอกเข้าหา
 
ถ้าไม่ติดศักดิ์ศรีว่าผมเป็นผู้ชายและมันก็เป็นผู้ชาย ผมอยากบอกว่ามันรู้สึกดีสุดๆ ไอ้หื่นกามตรงหน้ารีบร่นเสื้อผมสูงขึ้น คงไม่สะใจมันถึงได้ถลกเสื้อออกจากหัวผมเลย ตามไปติดๆ ด้วยกางเกง ส่วนเสื้อผ้าบนตัวมันผมเรียกว่าเสกครับ เสกให้หายไปในพริบตา
 
ความสามารถในการถอดเสื้อผ้ามึงเลิศมากไอ้บ๊วย
 
น้องผมถูกกระตุ้นจนแทบทนไม่ไหว อยากปลดปล่อยสุดๆ ได้ยินเสียงลมหายใจแรงของมัน มันถอนมือจากตรงหน้าผมไปยังช่องทางด้านหลังทันที
 
“อาหงส์”
อื้อหือ เสียงมันโคตรเซ็กซี่เลย ผมเผลอตัวกดหัวมันให้ซุกซอกคอเมื่ออารมณ์ถูกชักนำไปยากจะดึงกลับ มาถึงตรงนี้ขัดขืนไปก็ไม่ได้อะไรกลับมา
 
แล้วไม่กี่นาทีหลังจากนั้น มันก็ทำให้ผมเป็นหนึ่งเดียวกับมันได้สำเร็จ ผมบีบรัดน้องมันแน่น มันคำรามในลำคอ

“อืม เมียเฮียน่ารักที่สุด อืม ดีหงส์ รัดเฮียแรงๆ”
มันกระตุ้นเร้า และผมก็บ้าทำตาม บีบรัดมันแน่น ต้องยอมรับว่าลีลาสะบัดสะโพกมันดีจริงๆ แต่ละครั้งที่กดลงมาถึงอกถึงใจสุดๆ ไม่หนักไม่เบาจนเกินไป เห็นสวรรค์อยู่รำไร ผมตวัดขารอบสะโพกมันเบาๆ ทำให้มันต้องเปลี่ยนจากสาวเข้าออกยาวๆ มาเป็นกดลึกแบบสั้นๆ แต่บดขยี้จุดเร้าให้ผมต้องคำรามในลำคอตามไปด้วยอย่างถึงอกถึงใจ ยิ่งผมรัดขารอบเอวมันแรงเท่าไหร่ มันยิ่งบดแน่นจนผมจะไปเอาให้ได้ แต่อย่างที่บอก เราเป็นพวกอึดด้วยกันทั้งคู่ มันผ่อนจังหวะลง จับผมพลิกขึ้นไปนั่งด้านบน
 
“เฮียเป็นม้าของลื้อ หงส์ ควบไปเลย”
มันบอกเสียงพร่า อารมณ์ที่ถูกกระตุ้นไม่ได้ทำให้ผมปฏิเสธ พอฐานได้ที่ผมก็ขยับเอวทันที ขนาดที่ไม่เล็กมากทำให้ผมจุกพอควร อึดอัดทรมาน แต่อารมณ์ที่อยากจะเสร็จบังคับให้ผมต้องอดทนต่อความอึดอัดนั้น ควบไหวคนด้านล่าง

“ดีมาก หงส์ ลื้อเก่งมาก”
มันชม มันให้ผมควบเองอยู่สักพักก็เป็นฝ่ายขึ้นไปควบเองบ้าง มาคราวนี้มันคงใกล้จะถึงแล้วถึงได้เร่งจังหวะเร็วขึ้น แรงขนาดนั้น ไม่ต้องเดาเลยครับว่าพรุ่งนี้ผมจะระบมขนาดไหน




เป็นไปตามคาด ผมนอนเป็นผักเหี่ยวอยู่บนที่นอน ข้าวเช้าต้องเสิร์ฟกันถึงเตียงโดยมีพี่หมอเป็นคนทำหน้าที่ พี่หมอมีใบหน้าแจ่มใส แต่ซันไรส์หน้าบูดๆ ผมไม่ได้สนใจอะไรคนทั้งคู่ พอกินข้าวอิ่มก็กินยา
 
“โดนไปกี่รอบ”
 
“ไม่รู้พี่ จำไม่ได้”
ผมตอบตามจริง พี่หมอหัวเราะร่วน อยู่ด้วยไม่ถึงครึ่งวันก็กลับ

พักเที่ยง คนยกอาหารมาให้คือซันไรส์ เสียงมือถือมันดังเบาๆ มันหยิบจากอกเสื้อขึ้นกดรับ ในขณะที่ผมเริ่มลงมือกินอาหาร สักพักซันไรส์ก็ยื่นมือถือมาให้ ผมมองงงๆ เมื่อกี้ไม่ได้ฟังว่ามันคุยกับใคร ผมรับมาแนบหู
 
“เป็นไงบ้าง ลุกไหวไหม”
อ๋อ ไอ้มนุษย์ที่ทำให้ผมเดี้ยงนี่เอง
 
“วันหน้าลองให้ซันไรส์สวนก้นดูนะ แล้วจะรู้ความรู้สึก”
ผมตอบกลับฉุนๆ เจ้าของมือถือหน้าหงิกทันที นี่ถ้ามันไม่เกรงใจว่าผมเป็นเมียเจ้านาย ป่านนี้มันคงจับหัวผมกระแทกกำแพงสมองเละไปแล้ว
 
ไอ้บ๊วยหัวเราะหึๆ
 
“อยากกินอะไรเพิ่มเติมก็บอกซันไรส์นะ ไอ้หมอก็ได้ เดี๋ยวมันซื้อมาให้”
 
“ไม่ได้เห็นแก่กิน”
 
“วันนี้เลิกดึก หลับก่อนได้เลย”
 
“ไม่คิดจะรออยู่แล้ว”
 
ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ จากปลายสาย
 
“พักผ่อนเถอะ เฮียแค่อยากได้ยินเสียงหงส์”
มันพูดแค่นั้นแล้วกดวางสาย
 
แอร์ในห้องมันเย็น แต่ตอนนี้หน้าผมกำลังร้อนผ่าวเพราะคำพูดของมันเมื่อกี้

มาอยากได้ยินสงได้ยินเสียงอะไรกันตอนนี้เล่า!!

ผมยื่นมือถือคืนเจ้าของโดยไม่มองหน้า หยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวกินเงียบๆ โดยมีคำว่า 'อยากได้ยินเสียงหงส์' ของมันลอยอยู่เต็มหัว 



หลังจากนอนซมเพราะความระบมอยู่วันกว่าๆ วันรุ่งขึ้นผมก็ได้รับข่าวดีถึงกำหนดการเรื่องการไปมัลดีฟ ผมนั่งๆ นอนๆ ดูภาพที่คนเอามาแชร์อย่างมีความสุข วางโปรแกรมไว้เลยว่าจะทำอะไรบ้าง เห็นมันบอกว่ามีคนรู้จักเป็นเจ้าของรีสอร์ตที่หนึ่งในเกาะ คงไปพักที่นั่น
 
ช่วงหลายวันมานี้มันก็ไม่มาอะจิ๊อะจ๊ะอะไรให้ผมต้องเอวเคล็ดอีก
 
กระทั่งวันเดินทางมาถึง

….
โชคมันไม่ตกเป็นของน้องคนสุดท้องอย่างผม ทริปที่ว่าจะไปมัลดีฟถูกยกเลิกกะทันหันเพราะงานเข้าไอ้บ๊วยพอดี ต้องบินลงใต้ไปเคลียร์งาน ผมนี่นั่งร้องไห้เลย แต่มันก็ยังใจดีหอบผมมาด้วยเพราะกลัวผมเหงา หนำซ้ำยังใจดีหิ้วพี่หมอติดตัวมาด้วย เอาไว้เป็นเพื่อนผม
 
ผมนี่นั่งหน้าบูดมาตลอดทาง ตั้งแต่ออกจากบ้าน ขึ้นเครื่อง มาอารมณ์ดีขึ้นตอนลงจากเครื่องแล้วเห็นวิวทิวทัศน์ของจังหวัดสุราษฏร์ธานีนี่แหละ
 
เราจะไปเขื่อนเชี่ยวหลานกันครับ
 
เรานั่งรถตรงไปยังท่าเรือ ผมเริ่มตื่นตาตื่นใจ กระทั่งลงเรือไปยังที่พัก เป็นบ้านพักแบบแพ ซันไรส์บอกที่พักค่อนข้างจองยาก นี่ใช้วิธีหักคอเจ้าของที่พักมานะ

โหย ใครเป็นเจ้าของห้องที่แท้จริง ผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจริงๆ นะครับ ไงเดี๋ยวผมจะล้างบาปด้วยการเที่ยวให้สนุกสุดเหวี่ยงเป็นการตอบแทนละกัน 

ซันไรส์กับวิกเซอร์เป็นคนหิ้วกระเป๋าเข้ามาไว้ในห้องพักให้ เราได้กันสองแพ เพราะหักคอมาได้แค่นี้ ตอนแรกไอ้บ๊วยจะให้เพื่อนตัวเองมานอนด้วยกันกับแพหลังตัวเอง แต่พี่หมอบอกว่าไม่อยากเป็นกอขอคองอจอ ทั้งที่ผมนั้นทั้งขอร้องทั้งอ้อนวอนจนแทบจะก้มลงไปกราบกรานที่ง่ามตีน แต่พี่หมอก็ไม่ใจอ่อน หิ้วกระเป๋าไปแพข้างๆ เฉย

“เล่นน้ำไปก่อนนะ ทำงานเสร็จเฮียจะรีบกลับมาหา”
 
ไม่ต้องรีบก็ได้ กูไม่ได้คิดถึงมึง
 
มันดึงผมไปจุ๊บหัวเบาๆ ผมว่าผมต้องเป็นโรคภูมิแพ้สัมผัสมันแน่ๆ เวลาที่มันแตะเนื้อต้องตัวถึงได้ร้อนผ่าวไปหมดแบบนี้
 
พอมันออกไป ผมก็รีบกลับมารื้อกระเป๋าออก คุ้ยหาเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสำหรับใส่เล่นน้ำมาเตรียมพร้อมทันที เดินออกไปที่ชานแพ
 
“พี่หมอ เล่นน้ำกัน!!”
ผมตะโกนเรียกไปทางแพข้างๆ
 
ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
 
หรือว่าพี่หมอไม่อยู่?

เพราะแพมันสร้างในลักษณะเชื่อมถึงกันได้ ผมจึงกระโดดหย่องไปยังแพนั้นเพื่อเข้าไปดู ซันไรส์หายไปไหนก็ไม่รู้ พี่หมอเองก็เงียบ ไม่รู้แอบไปเดินเล่นที่ไหนโดยไม่ได้ชวนผมหรือเปล่า

“พี่หมอ”
 
ได้ยินเสียงเหมือนอะไรล้มโครมภายในห้อง ผมชักร้อนใจ เรียกไม่ตอบ แต่ได้ยินเสียงจากภายใน บางทีพี่หมออาจอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วงก็ได้
 
“พี่หมอ!”
ผมตัดสินใจหมุนเปิดประตูเข้าไปทันที
 
เพื่อไปพบกับ….
...
...
...

พี่หมอในสภาพลงไปนอนหงายแอ้งแม้งที่พื้น สาบเสื้อเปิดแยกนิดๆ ส่วนซันไรส์ยืนห่างออกไปอีกด้าน สีหน้าดูบูด
 
“เป็นไรครับพี่หมอ ล้มเหรอ”
ผมรีบเดินเข้าไปหา พยุงเขาลุก พี่หมอหัวเราะ
 
“ไม่มีอะไร จะเล่นน้ำเลยเหรอ”
 
“น้องน้ำกวักมือเรียกไหวๆ จะอดใจรอไงไหว”
 
พี่หมอหัวเราะร่วน
 
“งั้นรอพี่หมอเปลี่ยนชุดสักห้านาที นั่งเล่นรอก่อน”
 
ผมพยักหน้า หันไปทางซันไรส์ว่าจะชวนไปเล่นด้วยกัน
 
“อ้าว ซันไรส์หายไปไหนแล้ว”
 
พี่หมอหัวเราะหึๆ
 
“คงกลัวโดนปล้ำ”
 
“หะ เมื่อกี้พี่หมอว่าอะไรนะครับ”
 
“เปล่า ทาครีมกันแดดรึยัง”
 
“ต้องทาด้วยเหรอ”
 
“พี่หมอไม่ได้กลัวน้องหงส์จะดำหรอกนะครับ แต่พี่หมอเป็นห่วง รังสียูวีมันแรง ทาไว้ก่อน”
แล้วพี่หมอก็คุ้ยได้ครีมกันแดดหลอดสีส้มกับน้ำเงินมาโยนให้ อันหนึ่ง SP 30 อีกกัน 50 ผมหยิบเอาอันห้าสิบมา บีบแล้วทาไปทั่วทั้งแขนขา
 
“ทาหน้าด้วย”
 
ผมทำตาม บีบเทใส่มือทาหน้า พี่หมอแต่งตัวเรียบร้อย ใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นแบบผม
 
อื้อหือ เพิ่งเคยเห็นพี่หมอในชุดแบบสบายๆ
 
หุ่นโคตรดี หล่อก็หล่อ
 
“พี่หมอหล่อจัง”
 
พี่หมอหันมามอง
 
“ไม่หล่อเท่าสามีน้องหงส์หรอกครับ”
 
ผมเบ้หน้า
 
“หล่อตรงไหน พี่หมอหล่อกว่าอีก”
 
พี่หมอหัวเราะอีกรอบ
 
“เรียบร้อย”
ผมลูบหน้าอันมันเยิ้มของตัวเองหลังโบ๊ะครีมกันแดดเสร็จ พี่หมอหัวเราะ หยิบหลอดครีมกันแดดเก็บ
 
“อ้าว พี่หมอไม่ทาเหรอ”
 
“พี่ทาแล้ว”
 
ผมพยักหน้าหงึกๆ ก้าวนำออกไปนอกแพ
 
“พี่หมอว่ายน้ำเป็นไหม”
 
“เป็นสิ”
 
“งั้นเรามาแข่งว่ายน้ำกัน”
 
“เอาสิ”
แล้วพี่หมอก็ยกมือพนม ไหว้น้ำตรงหน้าอย่างสง่างาม ผมอ้าปากค้าง
 
พี่หมอหัวเราะเสียงดัง
 
“นั่นมุกหรือเปลือกหอยพี่”
 
“พี่หมอล้อเล่นครับ แล้วแข่งว่ายไปถึงไหน”
 
“ไปถึงทุ่นเลย แล้วว่ายกลับ ใครแตะขอบแพได้ก่อน ชนะ คนแพ้ต้องเลี้ยงมื้อเที่ยง”
 
“โห ได้เลย”
 
ผมหัวเราะหึๆ
 
“มะเตรียมตัว”
ผมกับพี่หมอตั้งท่าในท่าเดียวกัน เรามองตากันนิดหนึ่ง ถ้าดูจากช่วงแขนขา ผมคงจ้วงไม่สู้พี่หมอแน่ๆ แต่พี่หมอคงไม่รู้ว่าถึงตัวผมจะเตี้ยแต่เรียนว่ายน้ำมา เรื่องว่ายแข่ง ผมไม่แพ้แน่ๆ
 
“ไป!”
พอพี่หมอพูด ผมก็วิ่งตุบๆ ไปกระโดดลงน้ำทันที ผมไม่ได้ดูว่าใครเทคตัวก่อน เพราะพอลงน้ำได้ ผมก็จ้วงมืออย่างรวดเร็ว น้ำเย็นแต่ชื่นใจสุดๆ

ผมว่ายอย่างรวดเร็ว พลิกหันไปมองคนข้างๆ พี่หมอจ้วงตามมาอย่างรวดเร็ว ผมเร่งสปีดขึ้นอีก ระยะทางแค่นี้จิ๊บๆ พอปลายนิ้วแตะทุ่นปุ๊บ ผมรีบกลับตัว ว่ายต่อด้วยสปีดที่เร็วกว่าเดิม

ในที่สุด ผมก็แตะขอบแพได้สำเร็จ พลิกหันไปมองคนที่แตะตามมาติดๆ ผมยักคิ้วใส่คนตัวสูงกว่า
 
“จะกินให้บ้านพี่หมอจนเลย”
 
พี่หมอหัวเราะ พี่แกทิ้งตัวนอนหงาย ปล่อยให้สายน้ำเป็นเบาะธรรมชาติ  พระอาทิตย์อยู่เหนือหัวเราไปอีกด้าน จึงไม่ได้สะท้อนดวงตา ผมทำตาม ดีดตัวให้ร่างนอนหงายบนผืนน้ำ
 
ผมชอบนะ มันสบายดี ปล่อยตัวสบายๆ
 
สักพักก็ได้ยินเสียงพลิกตัว ผมหันไปมอง เห็นพี่หมอเปลี่ยนเป็นว่ายน้ำ ผมจึงเปลี่ยนท่าตามบ้าง
 
“น่าจะมีห่วงยางนะ ห่วงเป็ดก็ยังดี”
 
ผมหัวเราะ ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของแพริมสุด ผมหันไปมอง เด็กๆ วัยรุ่นน่าจะพอๆ กับผมนี่แหละ กำลังกระโดดลงแพกันด้วยท่าต่างๆ ผมนึกสนุก ปีนขึ้นแพ ยืนหันหลัง แล้วดีดตัวลงน้ำอย่างเขาบ้าง
 
พี่หมอปรบมือ ผมว่ายวนไปรอบๆ ปีนขึ้นแพไปโดดใหม่ กระทั่งเหนื่อยถึงได้ลงไปลอยตัวเกาะแพอยู่ในน้ำเฉยๆ
 
เห็นซันไรส์เดินออกมานอกห้อง ในมือถือเครื่องดื่มกับหนังสือเล่มหนึ่ง
 
“ซันไรส์ มาเล่นน้ำกัน”
 
ซันไรส์เงยหน้ามอง สีหน้านิ่งเรียบตามเดิม
 
“ตามสบายครับ ผมไม่ชอบเล่นน้ำ”


 
       
#ซันไรส์
“ตามสบายครับ ผมไม่ชอบเล่นน้ำ”
ผมตอบรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบเป็นปกติ ยกขาขึ้นไขว้ ยกกาแฟจิบ ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
 
แหมะ...
 
เสียงน้ำจากร่างกายของใครสักคนหยดลงบนพื้น
 
ผมค่อยๆ ไล่สายตามอง จากฝ่าเท้าเปลือยเปล่าเปียกชื้น ขึ้นมาถึงช่วงขา กางเกงขาสั้น เสื้อยืด กระทั่งใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มแฉ่ง เสื้อยืดสีขาวนั้นเปียกลู่จนแนบเนื้อ เห็นไปถึงไหนต่อไหน กางเกงเล่นสายสีเข้ม มันจึงไม่ได้โชว์บางสัดส่วนที่ผมเองก็ไม่ได้อยากเห็นเลยแม้แต่น้อย
 
“ไปเล่นน้ำกัน”
 
“ผมไม่ชอบเล่นน้ำหรือทำให้ตัวเปียก”
 
คนตรงหน้ากอดอก เอียงคอ ใบหน้านั้นฉาบรอยยิ้มเอาไว้เป็นเอกลักษณ์ที่ผมเห็นเป็นประจำ
 
ผมเมินหลบเสีย ก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อ
 
นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ผมอยากจับคนตรงหน้าทุ่มลงน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า
 
….
 

 
..
 
ผมยึดจับมือที่กำลังจะแตะถูกบางสิ่งของผมเข้า
 
“จะทำอะไรของคุณ”
 
“เล่นปูไต่ไง”
 
“เลิกล้อเล่นเถอะครับ”
ผมวางมือเขาข้างลำตัวตามเดิม พอชักมือกลับ มือนั้นก็กลับมาตะปบลงบนกลางลำตัวของผมใหม่ เขาขยุ้มมันไว้แน่น
 
ยอมรับว่าผมเป็นบอร์ดี้การ์ดที่ถูกฝึกมาให้ว่องไวต่อทุกอันตราย แต่การกระทำของหมอมันเรียกว่าอันตรายไหม ผมยึดจับข้อมือเขาไว้ เขาบีบแน่นจนผมเผลอคำรามในลำคอเบาๆ
 
“อย่าล้อผมเล่น คุณหมอ”

“ใครว่าฉันล้อเล่น ฉันเอาจริง”
เขาพูดพร้อมขยับมือบีบมันเบาๆ น้องผมกระตุกวูบ ผมจับข้อมือนั้น บีบแรงหวังดึงออก แต่มือนั้นยึดน้องผมไว้เป็นตัวประกัน แน่นอนว่าถ้าผมกระชาก นั่นหมายถึงการทำร้ายตัวเองชัดๆ และผมก็ยังไม่อยากเป็นไอ้ด้วนหรือมนุษย์ไร้สมรรถภาพ หมอไม่ใช่คนอ่อนแอ และแรงมือหมอก็ไม่ใช่เบาๆ เขารู้เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์รวมถึงจุดอ่อนเป็นอย่างดีด้วย
 
“ผ่อนคลายหน่อย ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก”
 
“ที่คุณทำอยู่เขาเรียกว่าทำครับคุณหมอ”
 
“อ้าวเหรอ”
แล้วเจ้าตัวก็หัวเราะ
 
“เห็นเครียดๆ เดี๋ยวฉันช่วยรักษาโรคเครียดให้”
 
“ผมสบายดี และกรุณาปล่อยด้วยครับ ผมไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น”
 
“ฉันก็ไม่มี”

“แล้วคุณทำทำไม”
ผมถามตรงๆ รู้สึกสะอึกในลำคอเมื่อมือหมอเริ่มขยับ ใจหนึ่งก็อยากรู้อยากลองว่าหมอจะทำอะไร อีกใจก็ไม่ ในขณะที่อีกใจ เหมือนร่างกายก็ต้องการปลดปล่อยจากสัญชาตญาณบางอย่างตามปกติวิสัย
 
เขายักไหล่
 
“บางอย่างก็หาเหตุผลไม่ได้”
 
“คุณเป็นหมอนะ ทุกอย่างต้องมีเหตุมีผลสิ”
 
“พอดีฉันเป็นหมอปัญญาอ่อน”
 
รู้ตัวด้วย

เขานวดคลึงมือกับน้องผมเบาๆ จนผมต้องยอมคลายปล่อย ดูว่าเขาจะทำอะไรต่อ ผมมั่นใจว่าเขาคงไม่คิดจะทำอะไรเกินเลยจริงๆ หรอก อาจแค่ต้องการเล่นพิเรนทร์หรือทำอะไรปัญญาอ่อนตามประสาหมอนั่นแหละ
 
“ไม่ขัดขืนแล้วเหรอ”
 
ผมไม่ตอบ นอนนิ่งๆ
 
“ว้า น่าเบื่อ”
แล้วเจ้าตัวก็ชักมือกลับ

ผมลอบถอนหายใจเบาๆ กับอารมณ์ที่เอาแน่เอานอนของคนข้างๆ ไม่ได้ นึกปลอบใจน้องตัวเองที่ไม่ถูกรังแก ระบายลมหายใจอีกรอบ หลับตาหวังนอนหลับ ก่อนลืมตาโพลงเมื่อรู้สึกถึงแรงขยับลุกนั่งของคนข้างๆ เป็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วฉับไวมาก
 
ใช่
หมอเป็นคนรวดเร็วกว่าที่ผมคิดมาก
 
จากคนที่นอนอยู่เฉยๆ ตอนนี้เขาเปลี่ยนมานั่งทับหน้าขาผมไว้ สองมือยึดอยู่ที่ขอบกางเกง แสงสว่างจากช่องแสงเหนือหน้าต่างฉายให้เห็นใบหน้านั้นรางๆ
 
“จะทำอะไร”
ผมถาม ยึดจับสองข้อมือเขาไว้
 
“Cock Massage”
 
ผมเบิกตาขึ้น เขากระชากจับขอบกางเกงผมดึงลง มันลงไปพร้อมๆ กับกางเกงชั้นในจนบางสิ่งของผมโผล่ออกมา
 
“หมอ หยุดเล่นอะไรพิเรนทร์ดีกว่า”
 
“นอนอยู่เฉยๆ”
เขาสั่งแค่นั้น แล้วใช้สองมือประคองจับของผมไว้เบาๆ ผมครางหือ ร่างกายผมมันไม่ได้ผิดปกติอะไร ถูกกระตุ้นก็ตื่นง่ายเป็นธรรมดา แต่มันไม่ธรรมดาตรงที่ผมถูกกระตุ้นด้วยผู้ชายนี่แหละ แถมผู้ชายคนนั้นยังเป็นหมอ(ปัญญาอ่อน)อีกต่างหาก
 
และเขาก็ทำในสิ่งที่ทำให้ผมช็อกยิ่งกว่า
 
“หมอ!”
ผมเรียกอย่างตกใจ

เขาประคองจับน้องผมตั้งตรง มันยังตื่นไม่เต็มที่หรอก แต่ก็ขึ้นมาแล้วครึ่งทาง หมอก้มหน้าใช้ปลายลิ้นกระตุ้นแตะ มันไม่ได้สว่างจนผมเห็นได้ทุกรายละเอียด ผมรีบเด้งตัวลุก คว้าจับคอคนด้านล่างไว้ ใจสั่งให้บีบคอนั้นซะเพื่อให้เขาหยุดกระทำ แต่ปากอันร้อนผ่าวที่ครอบลงมาครึ่งทางทำเอาผมทำสิ่งที่ตรงกันข้าม เปลี่ยนจากจะบีบเป็นขยำอย่างรู้สึกดีในอารมณ์แทน

หมอถอนปากออก ลากไล้ ดูดเม้มปลายยอด ผมครางในลำคอ เลื่อนมือขึ้นมาขยุ้มหัวหมอ หมอจับน้องผมตั้งตรง ลากปลายลิ้น ดิ่งต่ำลงไปหาพวงดวงใจผมสองลูกด้านล่าง ผมครางอย่างพอใจ หมอเอาอกเอาใจยิ่งขึ้นเมื่อรู้ว่าผมชื่นชอบ อมเข้าไปทั้งสองลูก
 
ทำเก่งกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก ผมครางพร่าในลำคอ เขาเร่งจังหวะ กระทั่งผมทนไม่ไหว ปลดปล่อยออกมาเต็มๆ
 
แทนที่เขาจะดึงหน้าออก กลับรับมันไว้ในปาก ตวัดกลืนกิน ผมหอบแฮกจนหน้าท้องกระเพื่อม เขาเลาะเล็มทำความสะอาด ก่อนถอนปากออก เงยหน้าขึ้น ผมเห็นเรียวปากได้รูปเผยรอยยิ้มกว้างออกมา
 
“ราตรีสวัสดิ์”
เขาพูดแค่นั้น ขยับไปทิ้งตัวลงนอน
 
ผมนั่งงงๆ
 
อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาทำให้ผมเนี่ยนะ เพื่ออะไร
 
ผมไม่ได้สนใจ ดึงกางเกงขึ้นมาปิดดีๆ ล้มตัวลงนอนอีกรอบ ใจอยากถามว่าเขาคิดอะไร แต่ผมไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด แล้วผมก็หลับสนิทไปหลังจากนั้น
 

เช้าวันรุ่งขึ้น คนที่นอนอยู่ข้างๆ ผมก็หายไปแล้ว ผมไม่ได้สนใจอะไร ลุกขึ้นแต่งตัวไปทำงานเหมือนเดิม ข้าวเช้าถูกเตรียมไว้จากแม่บ้าน วันนี้คุณท่านกับนายหญิงอยู่ทานด้วย ผมลงไปทำหน้าที่ เหลือบมองใครบางคนที่ขอมาหลบนอนกับผมเมื่อคืน เขามองหน้าผม ขยิบตาให้นิดหนึ่ง ผมเมินหลบเสีย

สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวนเวียนอยู่ในความคิด หมอคือพวกอยากรู้อยากลอง เขาเป็นเพื่อนสนิทของเจ้านาย คงแปลกใจที่เสือผู้หญิงอย่างเจ้านายมาหลงเสน่ห์ผู้ชายด้วยกันเองอย่างหงส์ซาน จึงอยากลองดูบ้าง

แต่ผมแปลกใจตรงที่เป้าหมายของหมอดันเป็นผมแทนที่จะเป็นคนน่ารักๆ อย่างหงส์ซาน
 
ผมชะงัก
 
นึกย้อนไปถึงสาวๆ ที่หมอชอบควง ส่วนมากจะเป็นแม่สาวพันธุ์ดุทั้งนั้น
 
ผมเป็นเป้าหมายของหมองั้นเหรอ
 
อาจใช่ หรืออาจไม่ใช่ก็ได้ ผมเดาใจเขาไม่ออกเลยจริงๆ
 
ตลอดอาหารมื้อนั้น ผมเห็นสายตาหมอที่มองมาสบบ่อยๆ และทุกครั้ง ถ้าเขาไม่ขยิบตาให้ ก็จะยิ้มให้ ผมหลบเสียอย่างไม่คิดจะใส่ใจ กระทั่งหมอกินอิ่ม
 
“ไปส่งหน่อยสิ”
 
“ผมต้องทำงาน และหน้าที่ผมคือดูแลคุณหงส์ซาน”
 
“ไปกลับไม่ถึงชั่วโมงหรอก ฉันขอไป่หลงให้แล้ว”
 
“ไม่ครับ”
 
“หลง เด็กแกไม่ว่างว่ะ”
เขาหันไปตะโกนบอกเพื่อน เจ้านายผมหันมามอง
 
“ไปส่งไอ้หมอหน่อยซันไรส์ สองชั่วโมงนี้ฉันไม่ได้ออกไปไหน”
 
ผมหันกลับมามองคนตรงหน้า เขายักคิ้วอย่างผู้มีชัย ผมมองตามนิ่งๆ
 
“ครับ งั้นเชิญ”
ผมผายมือเชิญ ให้เขาก้าวนำไปก่อน พอไปถึงรถ ผมก็เปิดประตูให้ เขาขึ้นไปนั่ง ผมปิดประตูลง เดินด้วยสีหน้านิ่งๆ ไปนั่งประจำที่
 
“ให้ไปส่งที่ไหนครับ”
 
“บ้านคุณเหลียง”
 
ผมพยักหน้า สตาร์ทเครื่อง เคลื่อนตัวรถออกไป กระทั่งรถเข้ามาจอดสนิท ณ บ้านคุณเหลียง
 
“ซันไรส์”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้เปิดประตูเพื่อก้าวลงจากรถ คนข้างๆ ก็เรียกขึ้น ผมหันไปมอง เขายิ้ม ขยุ้มจับคอเสื้อผม กระชากเข้าไปใกล้ แนบปากลงมา
 
ผมนั่งนิ่งด้วยความตกใจ แต่แค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น ก่อนดันอีกคนออก
 
“เล่นอะไรคุณหมอ”

“ตั้งใจทำงานนะ แล้วเจอกัน”
เขาบอกพร้อมรอยยิ้ม เปิดประตูก้าวลงจากรถไปเอง ผมมองตามงงๆ
รู้สึกเหมือนโดนปั่นหัวยังไงพิกล
 
 
 
 
ระยะนี้ดูหงส์ซานจะมีความสุขมากเป็นพิเศษเพราะเจ้านายผมจะพาไปฮันนีมูนที่มัลดีฟ
 
ตรงข้ามกับผม…
 
“ไง”
 
ถ้าเป็นคนอื่น คงมีสะดุ้งเมื่ออีกคนโผล่เข้ามาแบบไร้เสียงแบบนี้ ผมว่าบางทีหมอเหมาะกับการเป็นบอดี้การ์ดมากกว่าหมอนะ เก่งทั้งการต่อสู้ ลำข้อดี เงียบกริบ เสียแต่สติไม่ค่อยสมประกอบนี่แหละ
 
ผมจ้องหน้าอีกคนนิ่งๆ

“ถ้าไม่อยากคอหักโดยไม่รู้ตัวกรุณาอย่าโผล่มาข้างหลังผมเงียบๆ แบบนี้อีก”
 
“ถ้าฉันเป็นศัตรู ป่านนี้นายตายไปนานแล้วเหมือนกัน ฝีมือตกรึไง”
 
ผมไม่เถียงอะไร เพราะเถียงไปก็เถียงไม่ชนะอยู่ดี เลือกที่จะเงียบเสีย
 
“ฉันสั่งให้แม่บ้านทำบัวลอยน้ำขิงมาฝาก มีของวิกเซอร์ ป๊าม๊า และของทุกคน แต่ของนายพิเศษหน่อย”

ผมมองตาแทนคำถามจากปากว่ามันพิเศษยังไง เขามองกลับ ยกยิ้มนิดๆ
 
“ฉันใส่ใจลงไปด้วย”
 
ผมอึ้งฟัง เขายกยิ้ม ผมขมวดคิ้ว พยายามมองหาสิ่งที่แฝงเร้นอยู่ภายใต้สีหน้าที่ประดับรอยยิ้มเอาไว้ตลอดเวลานั้น
 
“พอดีผมไม่ชอบกินหัวใจ ตับอร่อยกว่า”
 
เขาหัวเราะหึๆ ขยับเข้ามาชิด ผมเผลอก้าวถอยไปด้านหลัง เพราะกลัวจะโดนจู่โจมแบบคาดไม่ถึงอย่างคราวก่อนอีก
 
เจ้าตัวยกยิ้มนิดหนึ่ง ขยับเข้ามาชิดอีก พอรู้ตัวว่าเผลอแสดงความหวั่นวิตกออกมา ผมก็เปลี่ยนสีหน้าใหม่ แปลงความรู้สึกเป็นนิ่งเรียบแทน
 
การถูกผู้ชายด้วยกันจู่โจม มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นซันไรส์
 
“วันไหนพร้อมๆ ฉันจะยอมให้นายกินตับ”
คำพูดมาพร้อมตาที่ขยิบให้อย่างหยอกเย้า ผมนิ่งไป
 
“ขอโทษ พอดีผมไม่ชอบกินตับผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ชายที่เป็นหมอ แถมยังสติไม่เต็มเต็งอีกต่างหาก”
 
“ปากจัดหน้านิ่งเสมอเลยนะ ฮ่าๆ เอาเป็นว่าทำมาให้กินแล้ว ชิมหน่อยอย่าให้เสียน้ำใจ วันนี้อยู่นานไม่ได้ แวะมาบอกแค่นี้แหละ”
เขายกมือให้นิดหนึ่ง หันหลังเดินไปทางรถที่จอดอยู่ วิกเซอร์เดินเข้ามาหา
 
“ซันไรส์ ไปกินบัวลอยน้ำขิงกัน อร่อยดี”
 
ผมอ้าปากว่าจะปฏิเสธ แต่เปลี่ยนใจก้าวตามน้องชายไปติดๆ ทุกคนกำลังนั่งกินกันอยู่ วิกเซอร์เลื่อนมาให้ เวลาที่นายใหญ่ไม่อยู่ เจ้านายมักให้ลูกน้องคนสนิทอย่างผมกับวิกเซอร์นั่งกินด้วยเสมอ
 
“อร่อย”
หงส์ซานชมเปาะ เจ้านายผมตักแบ่งส่วนหนึ่งของตัวเองให้
 
“ไม่ต้องแบ่ง นี่ก็เยอะแล้ว”
 
“กินไป มันดีต่อสุขภาพ”
 
“สุขภาพอั๊วดีอยู่แล้ว”
 
“เหรอ เอาให้ดีกว่าเดิม ครั้งหน้าจะได้ไม่นอนซมอีก”
คนพูดพูดด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่คนฟังแก้มแดงจนเห็นได้ชัด
 
ผมถอนหายใจแรง ผมเคยภาวนาให้หงส์ซานไม่ตกหลุมเสน่ห์เจ้านายผมนะ แต่ดูท่าคำภาวนาผมจะไม่เป็นจริง ลิงนั่นหวั่นไหวกับเจ้านายผมแล้ว ไม่มากก็น้อย
 
“คุณหมอบอกว่าของนายพิเศษหน่อย มันพิเศษตรงไหน”
วิกเซอร์หันมาถามอย่างอยากรู้ ผมก้มมองของตัวเอง ตักกินแต่น้ำขิงยังไม่ได้สำรวจอย่างอื่นเลย
 
รสชาติก็เป็นน้ำขิงปกติ

“ก็ปกติ”
ผมบอกน้องไปงั้น น้องผมไม่เซ้าซี้ ผมใช้ปลายช้อนเขี่ยวน แล้วตักบัวลอยขึ้นมา ผมชะงัก เพราะมีบัวลอยน้ำขิงลูกหนึ่ง แทนที่จะเป็นรูปกลมๆ แบบลูกอื่นๆ มันกลับมีรูปร่างคล้ายคลึงกับ…
 
หัวใจ






To be Con...
 :z13:





(แจ้งข่าว : https://goo.gl/WbWxt8)
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][23-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-05-2017 20:53:07
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][23-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 23-05-2017 21:06:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][23-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 23-05-2017 21:47:42
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][23-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-05-2017 22:18:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][23-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 23-05-2017 22:54:53
 o13
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][23-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 24-05-2017 12:26:51
ตัดฉับได้ใจร้ายมาก :katai1:

เลือกข้อ ก 5555
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][23-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 24-05-2017 13:21:06
เห็นคนปล้ำกัน !!! 5555
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][23-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 24-05-2017 13:35:01
 :z3: :z3: :z3: เห็นน้ำยาล้างจานโดนขึงพี่หมอคร่อม..ชะอุ้ยยย :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][23-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 24-05-2017 15:13:30
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ


17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

*****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][23-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 24-05-2017 20:12:18
 :hao4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][24-5-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-05-2017 22:58:54
 :hao7: :z1:
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][24-5-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-05-2017 01:20:30
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][24-5-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 25-05-2017 07:23:23
 :z1: น้องหงส์เขาเจออะไรน้า  ส่วนเฮียหลงจัดน้องเบาๆหนรอยน้า เห็นเป็นจับกินตลอด55
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][24-5-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 25-05-2017 11:45:15
 :haun4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][25-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-05-2017 20:24:00
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][25-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 25-05-2017 23:22:56
สนุกมากเลยค่ะ แค่ขอแนะนำนิดนึงงง
เวลามาต่อนิยายอ่ะค่ะ ถ้าลงค้างไว้ เวลาลงต่อลงกระทู้ใหม่เลยดีกว่าเนอะ แบบนี้อ่านยากมากเลย
แต่ถ้าตอนที่ตัดมามันสั้นจนขึ้นกระทู้ใหม่แล้วมันกุด แนะนำให้รวบรวมเป็นตอนแล้วลงทีเดียวดีกว่า
อ่า แนะนำเฉยๆ เน้ออ ไม่ได้ติอะไร  :mew3:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][25-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 26-05-2017 06:53:45
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][25-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 26-05-2017 09:41:36
ใส่ใจกันแบบนี้เลยเรอะ 5555
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][25-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 26-05-2017 12:45:12
เบื่อหงส์ซานเมื่อไหร่จะหายซึนสะที สงสารอาเฮียหลง
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][25-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: kokuzen ที่ 26-05-2017 20:04:10
ขุ่นหมออออออออออออออ ชอบสไตล์ความรุก <3 :hao6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][25-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: tamaya ที่ 26-05-2017 23:00:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ๊วย ต้องสตรอง!! [P.7][25-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 27-05-2017 06:05:54
คู่รองนี่ คุณหมอรุกหนักมาก
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][30-5-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 27-05-2017 09:55:36
หงส์ซาน 11 ปั่นหัว
 
“ตูม!!!”
เสียงโดดน้ำดังตูมของหงส์ซานดึงภวังค์ที่กำลังคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา ย้อนกลับมาตรงหน้าอีกครั้ง ผมเหลือบมอง เห็นรายนั้นกำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในน้ำ ก่อนกลับมามองคนที่ยังยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า น้ำบางส่วนหยดติ๋งลงพื้น
 
“ไปเล่นน้ำกัน”
เขาชวนอีกรอบ ราวกับไม่ได้ยินคำปฏิเสธของผมก่อนหน้า
 
“ผมไม่ชอบเล่นน้ำ การลงน้ำสำหรับผมมีความหมายเพียงช่วยชีวิตคนเท่านั้น”
 
“หมายถึง ถ้ามีใครสักคนจมน้ำป๋อมแป๋มขึ้นมา นายจะยอมลงไปในน้ำใช่ไหม”
 
ผมไม่ตอบด้วยคำพูด แต่ตอบด้วยสายตาว่า ‘ใช่’
 
เขายิ้ม ไม่พูดอะไร เคลื่อนตัวถอยไปด้านหลังช้าๆ หงส์ซานว่ายน้ำไปโน่นแล้ว คงจะว่ายไปสำรวจเล่นแถวๆ นี้ ผมหันกลับมามองคนตรงหน้าอีกครั้ง เห็นมุมปากได้รูปยกยิ้ม
 
หวังว่าเขาคงจะไม่แกล้งตกน้ำเพื่อให้ผมลงไปช่วยหรอกนะ ถ้าเป็นงั้น ผมจะนั่งมองเฉยๆ เพราะเขาว่ายน้ำเก่ง
 
หมอทิ้งตัวลงน้ำในลักษณะหงายหลังลง ร่างกายสมส่วนจมดิ่งลงไปใต้น้ำ ผมมองตามนิ่งๆ ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร
 
และบอกกับตัวเองไว้ว่าผมจะไม่วิ่งเต้นไปกับการป่วนของเขาเด็ดขาด แค่วันนี้ในห้อง ก็ทำให้ผมปวดหัวหนึบแล้ว
...
   
..
.
หลังจากผมหิ้วกระเป๋าเข้ามาเก็บไว้ในห้อง วิกเซอร์เลือกที่นอนด้านในสุดติดกับกำแพงด้านขึ้นฝั่ง ผมต้องเลือกระหว่างนอนกลางกับนอนริม แต่ไม่ว่าจะทางไหน ผมก็ต้องนอนติดใครอีกคนที่ผมชักไม่อยากเข้าใกล้เขาเท่าไหร่แล้วตอนนี้
 
พอวางกระเป๋าเรียบร้อยวิกเซอร์ก็ออกไปทันทีเพราะต้องพาเจ้านายนั่งเรือไปทำธุระเรื่องงานต่อ ปล่อยหน้าที่ดูแลหงส์ซานให้กับผมเพียงคนเดียว ใจจริงผมอยากสลับหน้าที่กับวิกเซอร์ แต่เจ้านายเลือกเขา ผมก็ต้องรับหน้าที่คุ้มกันหงส์ซานแทน
 
‘นายเก่งกว่าวิกเซอร์นะ ซันไรส์’
ครั้งหนึ่งเจ้านายผมเคยพูดเมื่อผมขอเลือกสลับหน้าที่กับวิกเซอร์
 
‘ฉันอยากให้นายดูแลคนสำคัญของฉัน’
 
ผมจำต้องจำนนต่อเหตุผล
 
ความรักทำให้คนตาบอด ผมเห็นจริงด้วย
 
ยังไม่ทันที่ผมจะถามหมอว่าอยากเลือกเตียงไหน หมอก็วางกระเป๋าลงบนเตียงด้านที่ติดกับระเบียงทางออกไปแพน้ำ ปล่อยพื้นที่ว่างตรงกลางสุดให้กับผม
 
ผมวางกระเป๋าลงโดยไม่พูดอะไร
 
“ซันไรส์”
 
ผมหันไปมองคนเรียก หมอลุกเดินเข้ามาใกล้ หน้าผมยังนิ่ง แต่คิ้วขมวดมองด้วยสายตาปรามว่าให้เขาเลิกล้อเล่น ไม่ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรอยู่ก็ตาม
 
“กลัวฉันเหรอ”
 
“ไม่มีอะไรทำให้ผมกลัว แม้แต่ความตาย”
 
“เยี่ยม”
เขาขยับเข้ามาใกล้อีกนิด
 
ใช่ ผมไม่ได้ ‘กลัว’ เขา แต่ ‘ไม่ชอบ’ ให้เขามาล้อเล่นแบบนี้ เขาขยับเข้ามายืนจนชิด ตวัดวงแขนโอบรอบลำคอผม ส่วนสูงเราไม่ได้ต่างกันมาก หัวเขาอยู่ที่ปากผม แต่ถึงอย่างนั้น ระยะใกล้แบบนี้เขาก็ต้องแหงนหน้าสบตาผม และผมก็ต้องก้มหน้าลงมองตอบเขา ผมยังยืนนิ่งไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่เขากำลังจะทำ
 
เขาเลื่อนมือมาเกลี่ยริมฝีปากผมแผ่วเบา ดวงตานั้นจ้องนิ่งมา ผมจับมือนั้นไว้ บังคับให้หยุดนิ่ง
 
“ไหนว่าไม่กลัว แล้วห้ามทำไม”
 
“ไม่กลัว แต่ไม่ชอบ”
 
เขายกยิ้ม
 
“เหรอ”
แล้วดึงมือออก ตะปบท้ายทอยผม กดหัวผมลงไปกดจูบแน่น
 
สองครั้งแล้ว…
 
สองครั้งที่ผมพลาดท่าให้เขาทำแบบนี้ได้ ถ้าเป็นคนอื่น ผมคงจับหักคอจริงๆ แต่เพราะเขาคือเพื่อนสนิทของเจ้านาย คือทายาทแพทย์ประจำตระกูล การฆ่าเขาไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด
 
แต่ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่ยอมให้เขาทำแบบนี้
 
ได้ยินเสียงเรียกของหงส์ซานดังมาจากแพข้างๆ หมอไม่สนใจเสียงเรียกนั้น บดปากบังคับให้ผมเปิดแยกกลีบปาก ผมขืน
 
แรงขยับอย่างมีเทคนิคนั้นทำเอาผมเผลอตัวเปิดปากขึ้น ลิ้นอุ่นร้อนฉกเข้ามาทันที ตวัดเกี่ยวพันลิ้นผมไป
 
ใช่ ผมน่าจะรังเกียจ
 
แต่ตรงกันข้าม ลิ้นเชี่ยวชาญนั้นกำลังทำให้ผมเคลิบเคลิ้ม
 
เสื้อที่เราทั้งคู่ใส่มาเป็นเสื้อเชิ้ต มือหนึ่งของหมอยังกดแน่นอยู่ที่ท้ายทอยผม อีกข้างกำลังเลาะปลดกระดุมเสื้อผม
 
และให้ตาย!!
ผมกำลังทำสิ่งเดียวกัน!!
 
“พี่หมอ”
ได้ยินเสียงเรียกดังใกล้เข้ามาอีก ฟังเหมือนอยู่ระเบียงแพ หมอดูท่าจะไม่สนใจอะไร กดปากผมแน่นขึ้น
 
ได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา
 
การให้หงส์ซานมาเห็นเราในสภาพแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่
 
ผมรีบผลักหมอออกแรงจนร่างนั้นล้มโครมลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้น ตามมาติดๆ ด้วยประตูที่เปิดออกดังผลัวะ หงส์ซานมองมาด้วยสีหน้าตระหนก
 
“เป็นไรครับพี่หมอ ล้มเหรอ”
หงส์ซานรีบเข้ามาพยุงหมอลุก เขาหัวเราะ
 
“ไม่มีอะไร จะเล่นน้ำเลยเหรอ”
เรื่องเนียนเปลี่ยนเรื่องนี่ขอให้บอก
 
“น้องน้ำกวักมือเรียกไหวๆ จะอดใจรอไงไหว”
ถ้าหงส์ซานจะสังเกตสักนิด คงเห็นบางสิ่งที่ฟ้องว่าหมอกำลังมีอารมณ์ ไม่ต่างกับผมตอนนี้ ผมเลือกที่จะเดินออกมาเงียบๆ ก่อนหงส์ซานจะสังเกตเห็น
 
จูบเมื่อกี้มันปั่นป่วนอารมณ์ผมสุดๆ และเป็นครั้งแรกที่ผมถูกกระตุ้นจากผู้ชายจนต้องเข้าไปช่วยตัวเองในห้องน้ำอย่างแสนทุเรศ (ห้องน้ำหงส์ซาน รายนั้นไม่กลับเข้ามาอีกแน่ๆ)
 
ถึงงั้น ผมก็ยังรู้สึกไม่คลี่คลาย
 
แม้กระทั่งตอนนี้...
 
ผมมองลงไปในน้ำที่เริ่มนิ่งสงบลงจากแรงกระเพื่อมเมื่อกี้
 
หงส์ซานกำลังสนุกอยู่กับการมองวัยรุ่นแพอื่นกระโดดน้ำด้วยท่าพิสดาร รายนั้นลอยคอมองอยู่ไม่ห่าง สีหน้าดูชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด หันกลับมามองหน้าแพตัวเอง ผืนน้ำยังคงนิ่งเรียบ ผมยกนาฬิกามอง เริ่มจับเวลา
 
หนึ่งนาทีผ่านไป...
 
สองนาทีผ่านไป...
 
สามนาทีผ่านไป...
 
กระทั่งถึงนาทีที่ห้า ต่อให้อึดขนาดไหนก็ไม่มีทางกลั้นใจได้นานขนาดนั้น ผมวางหนังสือลง เลิกถอดเสื้อออก กระโจนลงไปในน้ำ
 
น้ำมันใสจนสามารถเห็นอะไรได้ในระยะไกลพอควร ผมดำลงไปในน้ำที่ลึกขึ้น มองหา ไม่มีร่างของเขาคนนั้น น้ำมันเย็น แต่ใจผมร้อน ผมถีบตัวขึ้นเหนือผิวน้ำเพื่อกอบโกยเอาอากาศเข้าปอด มุดลงไปใหม่ มองหาไปรอบๆ ก่อนรู้สึกถึงบางสิ่งที่จับมาบนบ่า ผมรีบพลิกหันไปมอง จนเห็นร่างของหมอตรงหน้า
 
ร่างนั้นขยับเข้ามาชิด สองมือโอบรอบหัวผมไว้ ขยับตัว แนบปากลงมา
 
ผมเคยผ่านการฝึกเปลี่ยนถ่ายลมหายใจใต้น้ำมาก่อน ต่อให้ต้องเอาปากประกบผู้ชาย(เราไม่เรียกการจูบ เพราะเหมือนกับเม้าท์ทูเม้าท์ธรรมดา) ต่อให้ต้องรับลมหายใจจากเพื่อนร่วมฝึก แต่นั่นคือการฝึก ไม่มีความรู้สึกใดๆ แอบแฝง
 
ตอนนี้ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ
 
แต่ไม่ใช่...
 
ความหงุดหงิด ความเป็นห่วง ความโมโห มันผสมปนเปไปกับความโล่งใจที่เห็นหมอยังมีชีวิตอยู่ งุนงงด้วยว่าเขาโผล่มาได้ไง นี่เขาดำน้ำได้นาน หรือว่าจริงๆ แล้วไม่ได้ดำน้ำอยู่อย่างที่ผมคิด
 
รสจูบใต้น้ำสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้ผมพอควร เขาถอนปากออก ยิ้มให้จนเห็นฟันขาวและฟองน้ำผุดเป็นทาง จับคอเสื้อผม ลากพาลอยขึ้นเหนือผิวน้ำ ผมโผล่หน้าขึ้นไปกอบโกยเอาอากาศเข้าปอด
 
หมอยิ้มพราย
 
“ถ้าอยากตาย ให้บอกกันดีๆ ผมจะได้หาวิธีที่ง่ายกว่านี้ให้”
ผมเฉือนเขานิ่มๆ ด้วยคำพูด
 
เขายิ้มกว้าง
 
“ฉันเป็นหมอนะ ชอบผายปอดคนจนเป็นนิสัย”
เราลอยคอห่างกันไม่มาก พูดกันเบาๆ ก็ได้ยิน
 
“ในที่สุด ก็ยอมลงมาเล่นน้ำด้วยกัน สนุกใช่ไหม”
 
ใช่ สนุกมาก!!
 
ผมทำหน้าไม่พอใจใส่ ขยับตัวหวังว่ายน้ำหนี แต่เขายึดจับข้อมือผมแน่น
 
“ทำไมไม่ชอบเล่นน้ำ สนุกดีออก”
 
ผมถอนหายใจใส่เขา
 
“การลงน้ำมันทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาฝึกงาน การลงน้ำแต่ละรอบมันคือความทรมาน ความอัปยศ และมันไม่เคยสนุกเลยสักครั้ง”
 
“นั่นมันช่วงฝึก แต่นี่นายจบหลักสูตรแล้วนะ สนุกได้แล้ว”
 
“ผมขอตัว”
ผมเลือกจะไม่พูดอะไร ดึงมือกลับ
 
“พี่หมอ!”
หงส์ซานว่ายน้ำกลับมาพอดี สีหน้าท่าทางเปี่ยมไปด้วยความสุข ผมขึ้นจากน้ำ
 
“อ้าว ซันไรส์ ยอมลงมาล้างจู๋ในน้ำแล้วเหรอ”

ในชีวิตนี้ถ้าจะมีใครทำให้ประสาทผมเสียได้ นอกจากหมอกันต์ก็มีหงส์ซานนี่แหละ ผมจะขึ้นแบล็กลิสต์ให้สองคนนี้เป็นคนที่ผมอยากฆ่าที่สุด 


(http://upic.me/i/3u/f2k7r.jpg)
(40%)


#หงส์ซาน
“พวกนั้นโดดน้ำกันโคตรเก่งพี่หมอ เราไปโดดบ้างไหม”
ผมถามคนตัวสูง พี่หมอส่ายหน้า
 
“พี่หมอหิวแล้วครับ เราไปกินข้าวกันเถอะ”

“เอาสิ พี่หมอเลี้ยงนะ เพราะพี่หมอแพ้” พี่หมอฉีกยิ้มอารมณ์ดี เราพากันปีนขึ้นแพ ผมเดินดุ่มๆ เข้าห้องตัวเองไปอาบน้ำ ล้างตัว เกือบบ่ายสองแล้ว มิน่าหิวไส้จะขาด (แต่ห่วงเล่นเลยคิดว่าไม่หิว) ผมออกไปรอพี่หมอที่ระเบียงแพ นั่งบนเก้าอี้ชายหาดที่เขาวางไว้ให้ เคลิ้มๆ กำลังจะหลับ พี่หมอก็เดินเข้ามา ซันไรส์ด้วย
 
“นี่เมนูครับน้องหงส์ สั่งเลย”
 
ผมเลียปากแผล็บๆ รัวปากสั่ง
 
“สั่งเยอะขนาดนี้ กินหมดเหรอครับน้องหงส์”
 
“สั่งสำหรับเราสามคนไง”
ผมหักคอทุกคนจิ้มน้ำพริก พี่หมออ้าปากค้างไม่ว่าอะไร ไอ้น้ำยาล้างจานก็ไม่คัดค้าน
 
ผมนั่งคุยน้ำลายแตกกับพี่หมอกันเกือบชั่วโมงอาหารถึงมา เกือบแปลงร่างเป็นก็อดซิลล่าไปอาละวาดในครัวแน่ะ พออาหารมาถึงผมก็ซัดแหลก กินเร็วเป็นพายุ พออิ่มก็มานั่งพุงยื่น ซันไรส์โทรเรียกให้เขามาเก็บสำรับพร้อมจ่ายเงิน แน่นอนพี่หมอจ่าย ฮ่าๆ
 
อิ่มจังตังค์อยู่ครบ
 
นั่งคุยกับพี่หมอได้แค่ยี่สิบนาทีหนังตาผมก็เหมือนโดนภูเขาสิบลูกโถมทับ มันปิดลงเรื่อยๆ
 
 
 
 
 
ผมลืมตามอง ขมวดคิ้ว เมื่อกี้นอนอยู่บนผ้าใบ แต่ไหงมานอนบนเตียงได้ ผมพยายามประมวล คิดได้อย่างเดียวครับ พี่หมอคงอุ้มมา (เพราะไอ้น้ำยาล้างจานมันคงไม่อุ้มผมมาให้เมื่อยหรอก มันไม่แอบเขี่ยผมตกน้ำก็บุญโขแล้ว)
 
ได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวดังแว่วมาให้ได้ยิน ผมหันไปทางต้นเสียง
 
ใครมาใช้ห้องน้ำ
 
ผมกวาดมองไปรอบๆ ก่อนมาชะงักอยู่ยังแม็คบุ๊คคุ้นตา
 
แม็คบุ๊คของไอ้บ๊วย
 
นี่มันกลับมาแล้วเหรอ
 
เสียงน้ำหยุดลง พักหนึ่งก็เห็นมันเดินพันผ้าขนหนูออกมา ผมแก้มร้อนที่เห็นเรือนร่างกึ่งเปลือยนั้น รีบเมินหลบเสีย
 
“ตื่นแล้วเหรอ”
 
ยังมั้ง เห็นนั่งหัวโด่อยู่นี่
 
“เฮียหิวแล้ว กินอะไรไปรึยัง”
 
“กินแล้ว พี่หมอเลี้ยง”
 
มันเลิกคิ้วสูงมอง
 
“พอดีแข่งว่ายน้ำ ใครแพ้เลี้ยง พี่หมอแพ้”
ผมบอกด้วยท่าทีภาคภูมิใจ มันยกยิ้ม
 
“ลิงนี่เนอะ ส่วนใหญ่จะว่ายน้ำเก่ง”
 
ผมดีดตัวลุกขึ้นงิ้วใส่ทันที แปรสภาพหมอนหนุนมาเป็นอาวุธประหัตประหาร เขวี้ยงมันใส่คนที่ยืนกึ่งเปลือยอยู่แถวๆ หน้าห้องน้ำ
 
มือหนึ่งที่ไม่ได้ยกผ้าเช็ดหัวปัดหมอนผมออก มันหัวเราะหึๆ มองมาด้วยสีหน้าว่าอ่อน ผมหยิบหมอนอีกใบเหวี่ยงใส่ รายนั้นรับได้อีก หมอนบนเตียงตัวเองหมด ผมรีบโดดไปยังเตียงว่างอีกอัน (จริงๆ แล้วเป็นแค่ฟูกเท่านั้น) คว้าจับหมอน กะจะเขวี้ยง แต่ก็ต้องหน้าหงายเพราะแรงอัดจากอะไรบางอย่าง ผมก้มมอง
 
อาวุธที่ผมใช้ทำร้ายมันเมื่อกี้นี้มาอัดก๊อปปี้หน้าผมแทน ผมมองมันอย่างเดือดดาล เขวี้ยงอาวุธในมือใส่ใหม่ คราวนี้มันทิ้งผ้าเช็ดหัว รับหมอนด้วยสองมือ โยนตุบด้วยท่าส่งวอลเลย์กลับมาอัดหน้าผม ผมไม่ยอมแพ้หยิบหมอนขึ้นมา เหวี่ยงใส่อีกรอบ
 
คราวนี้มันได้ผลครับ หมอนใบย่อมพุ่งใส่หน้ามันเต็มๆ อย่างใจ ผมยกยิ้มอย่างมีชัย
 
ก่อนยิ้มหาย...

หมอนใบนั้นร่วงหล่นลงไปนอนแหมะที่พื้น แต่มันไม่ได้ร่วงแค่ตัวมันเอง ดันเกี่ยวเอาผ้าเช็ดตัวรอบเอวไอ้บ๊วยร่วงตามลงไปด้วย
 
เคยเห็นรูปปั้นกรีกโบราณไหมครับ ดูดียังไง มันก็มีสภาพเหมือนกัน เพียงแต่รูปปั้นของกรีก ไอ้นั่นจะไซส์มินิ ตามความเชื่อที่ว่า ผู้ชายไอ้นั่นยิ่งเล็กยิ่งเป็นคนฉลาด
 
แต่ผมว่าความเชื่อนั้นเอามาใช้กับคนยุคนี้ไม่ได้หรอก ตรงข้าม ไอ้นั่นยิ่งใหญ่เขาว่าสมองยิ่งฉลาดด้วยซ้ำ
 
เจ้าตัวดูจะไม่เป็นเดือดเป็นร้อน ยืนจังก้า โชว์ความล่ำ และเอิ่ม…นั่นแหละ อย่าให้ผมบรรยายเลย
 
“หน้าด้าน”
ผมต่อว่าไป
 
“คิดว่าหงส์อยากเห็นของเฮียซะอีก”
 
“ใครอยากเห็น จะออกไปนั่งเล่นนอกห้อง”
ผมหาทางเลี่ยง จะเดินออกไปนอกแพ แต่ถูกจับข้อมือไว้ ร่างทั้งร่างถูกกอดแน่น
 
น้ำเย็นๆ จากตัวเขาน่าจะทำให้ผมเย็นตามไปด้วย แต่เปล่าเลย มันกลับทำให้ผมรู้สึกร้อนไปหมด
 
“จะหนีเฮียไปไหน”
 
“ใครหนี แค่จะไปนั่งเล่น ปล่อยไอ้หน้าด้าน”
ผมด่าไปเบาๆ มันหัวเราะหึๆ ก้มหน้าลงมางับหูผม
 
“นี่เรามาฮันนีมูนกันนะ”
 
“เฮียก็ฮันนีมูนของเฮียไป อั๊วมาเล่นน้ำ”
 
ได้ยินเสียงหัวเราะอีกรอบ มันจับหน้าผมแหงนเงย มอบจูบอุ่นๆ ลงมา
 
ผมดิ้นพอเป็นพิธี
 
ครับพอเป็นพิธีจริงๆ เพราะมือเย็นๆ ของมันสอดพรวดเข้ามาหายอดอกผมเหมือนงูฉกเหยื่ออย่างรู้เป้าหมาย สติ(ไม่รวมสตางค์)ผมหมดลงทันที น้องมันค่อยๆ ดีดเด้งขึ้นมาเหมือนลูกโป่งถูกสูบลม ผมได้สติรีบผลักมันออก
 
“อย่า เดี๋ยวอดเล่นน้ำ”
 
“หงส์แกล้งเฮียก่อนทำไม”
 
ผมพยายามขัดขืน แต่ไม่เป็นผล มันกระตุ้นเร้าจนผมตื่น
 
ไม่นะ เกิดมีอารมณ์แล้วมันทำ ผมได้อดเล่นน้ำแน่ๆ มันดันจนผมลงไปหงายหลังบนที่นอน รู้สึกถึงภัยที่กำลังคืบคลานเข้ามาทีละนิด
 
“อย่าเฮีย ห้องมันไม่ได้เก็บเสียงนะ”
ผมรีบกระชากดึงหัวมันไว้ทันที มันเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยแววตาหื่นๆ
 
“งั้นหงส์ก็ครางเบาๆ สิ”
 
“ไม่ๆ” ผมรีบค้าน
 
“หงส์”
มันเรียกผมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เปลี่ยนจากจูบเร่าร้อนมาเป็นจูบนุ่มนวลตามเสียงเรียก

แม่งเอ๊ย ไปไม่เป็นเลย
 
ผมนอนหวิว มันค่อยๆ พรากเสื้อออกไปจากอกผมตามติดด้วยกางเกง ตัวผมสั่นสะท้านไปหมด คือเราอยู่ในห้องกันสองคนก็จริง แต่มันไม่ได้เงียบและเก็บเสียงเหมือนที่บ้านไง และตอนนี้ ผมได้ยินเสียงผู้คนที่กำลังสนุกสนานดังแว่วมาเป็นระลอก มันทำให้ผมไม่กล้าครางเสียงดัง
 
“เฮีย พี่หมอรออยู่ข้างนอก” ผมหาเรื่องหยุดมันลง บ๊วยขยับขึ้นไปอยู่เหนือผม คุกเข่าข้างตัวคร่อมร่างผมไว้ น้องมันชี้หน้าเหมือนจะประกาศว่ายังไง ผมก็ต้องเสร็จมันแน่ๆ
 
“ให้มันรอไป หงส์ อย่าคิดถึงคนอื่น คิดถึงแต่เฮีย นี่คือช่วงเวลาของเราสองคนนะ”
มันคุ้ยน้ำจากปากตัวเองเอาลูบลงบนหัวน้องมันจนชุ่ม ผมตาโต และก่อนจะได้ขยับหนีอะไร มันจับขาผมพาดข้อพับแขนสองข้าง
 
“ดะ เดี๋ยว อั๊วยังไม่พร้อม”
 
“ทำไปเดี๋ยวก็พร้อมเอง”
พูดจบมันก็ค่อยๆ จับน้องมันสอดใส่เข้ามา ช้าๆ ครับ ผมครางอื้อรับรู้ถึงส่วนหัวที่ค่อยๆ ถูกกดจมลึกเข้ามา มันไม่ได้เตรียมพร้อมก็จริง แต่มันก็ไม่ได้รุนแรง ร่างกายผมก็ผ่อนคลายรับมันง้ายง่าย
 
ใช้เวลาอย่างเชื่องช้าที่สุด ของมันก็จมมิดเข้ามาในตัวผม
 
ผมว่านี่คือสิ่งมหัศจรรย์ของโลก น้องมันใหญ่มาก ในขณะที่ด้านล่างผมก็ไม่ได้กว้างมาก แต่ทำไมมันถึงเข้ามาได้จนสุดทุกครั้ง
 
“ลื้อน่ารักมาก อาหงส์”
มันชมเสียงพร่า เกลี่ยแก้มผมแผ่วเบา ยังไม่ขยับ แต่บดเบาๆ ยังจุดไวสัมผัสผม ผมผวาเฮือกบีบรัดน้องมันแน่น ได้ยินเสียงอึก
 
“ฮ๊า สุดยอด”
มันเปลี่ยนจากพาดขาผมกับข้อพับตัวเองมาเป็นจับขาผมไว้แทน ขยับแยกกว้างอีกนิด ท่านี้ทำให้สะโพกผมไถลสูงขึ้น
 
“เฮียจะทำให้หงส์มีความสุข เฮียสัญญา”
 
ครับ แล้วมันก็ทำตามสัญญาจริงๆ
 
แต่มันผิดเวลาล่ำเวลาไปไหม!!
 
เพราะเราไม่ได้อยู่กันในห้องเก็บเสียง ผมนี่ทรมานสุดๆ เพราะต้องพยายามกลั้นเสียงเอาไว้
 
บอกตามตรงว่าเวลานอนกับมัน ผมพยายามไม่สัมผัสร่างกายมันให้มากที่สุด แต่เวลานี้ผมไม่รู้ว่าจะกลั้นเสียงตัวเองยังไงดีนอกจากกอดคอมันแน่น อ้าปากงับบ่ากว้าง ตัวเย็นๆ กลิ่นสบู่หอมๆ ค่อยๆ ล้างสติด้านการควบคุมอารมณ์ตัวเองลง เสียงกระซิบแหบพร่าเป็นชื่อผมดังก้องไปทั่วทั้งหู
 
เกิดมาไม่เคยคิดเคยฝันว่าต้องมานอนครางใต้ร่างผู้ชายแบบนี้
 
แค่รอบเดียวครับ เพราะมันหิวข้าว ไม่ได้ทำให้ผมระบมแบบครั้งก่อนๆ พอออกไปก็เห็นพี่หมอนั่งอ่านการ์ตูนเล่นรอที่แพตัวเอง พี่หมอมองมาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
 
“ฉันสั่งอาหารไว้ให้แกละ อีกไม่เกินสิบนาทีก็คงมา ขืนรอแกมาสั่งเอง กว่าจะได้กินคงอีกนาน”
พี่หมอหันไปบอกเพื่อน
 
ไอ้บ๊วยไม่ว่าอะไร ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ชายหาดหน้าแพตัวเอง ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ซันไรส์หยิบเครื่องดื่มมาเสิร์ฟทั้งผมทั้งของไอ้บ๊วย
 
ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก อากาศดีมากจริงๆ
 
“หงส์”
 
ผมหันไปมองคนเรียก บ๊วยมันพยักหน้า
 
“มานั่งกับเฮีย”
 
ผมรีบส่ายหัวพรืด มันถอนหายใจเบาๆ
 
“มา อย่าให้ต้องบังคับ”
 
“แค่ออกคำสั่งก็บังคับกันแล้ว”
 
“ถ้าบอกแล้วทำตามเลย เขาไม่เรียกบังคับหรอก มาเร็ว”
 
“ไปทำไม นั่งนี่แหละ สบายดี ต่างคนต่างนั่ง”
 
“เฮียอยากให้หงส์มานั่งกับเฮีย”
 
“อั๊วไม่อยากนั่งกับเฮีย”
 
มันจ้องหน้าผมนิ่ง
 
“แต่เฮียอยาก”
 
ผมหน้าร้อนไปกับคำนั้น
 
“ไกลๆ กันนั่นแหละดีแล้ว”
ผมพูดอย่างไร้เยื่อใย
 
“หงส์”
มันเรียกมาเสียงเย็น
 
“ไม่เห็นรึไง ที่นั่งเล็กนิดเดียว เดี๋ยวเก้าอี้พังกันพอดี”
 
“ไม่พังหรอก มา”
มันพูดเสียงเข้มขึ้น ผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสีย ก่อนร้องเหวอ เพราะแรงฉุดให้ลุกขึ้น มันลากผมลงไปนั่งแหมะบนตักมันเองได้สำเร็จ

(มีต่อ) >>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59579.msg3644416#msg3644416 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59579.msg3644416#msg3644416)
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][27-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 27-05-2017 10:12:29
อยากอ่านค่ะ :heaven
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][27-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 27-05-2017 10:27:54
อยากอ่านนนนนน ขอคู่พี่ชายสุดโหด :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][27-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 27-05-2017 11:06:05
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][27-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-05-2017 11:11:24
สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][27-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: มะม่วงแรด ที่ 27-05-2017 11:53:40
เราอ่านแล้ว นาคินทร์ อนุชา    ชอบมากกกก
อยากอ่านคู่อื่นด้วยค่าาาาา o13 :mew1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][27-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 27-05-2017 11:57:58
สงสารน้ำยาล้างจาน 5555 เฮียหลงหายไป
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][27-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-05-2017 13:00:16
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][27-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 27-05-2017 14:38:56
โอยยยย เริ่มสงสารซันไรส์ 5555

พี่หมอรุกหนักมากค่ะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][27-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 27-05-2017 18:41:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][27-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: tamaya ที่ 27-05-2017 19:15:21
จะรอติดตามผลงานต่อๆไป :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][27-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 28-05-2017 12:21:03
รอคู่หลักค่ะ :ling1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][27-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 28-05-2017 21:01:31
 o13
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][29-5-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 30-05-2017 12:45:30
 :haun4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][29-5-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-05-2017 13:16:22
ถ้าหงษ์ท้องได้นี้ คงลูกดกน่าดู
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][29-5-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-05-2017 19:04:12
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][30-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 30-05-2017 19:41:00
(ต่อค่ะ)

“ทำบ้าอะไรของเฮีย มันนั่งสบายไหมถามจริง”
ผมถามฉุนๆ มันมองหน้าผมแล้วยิ้ม
 
“สบายดีออก”
 
“สบายตรงไหน”
ผมตอกกลับฉุนๆ มันไม่พูดอะไร กอดผมไว้นิ่งๆ ผมพยายามจะลุกอยู่พักก็ต้องยอมแพ้ พี่หมอนั่งหัวเราะตลอดเวลาอย่างอารมณ์ดี ไม่เกินสิบนาทีอาหารก็มาจริงๆ พอเห็นแล้วท้องก็ร้องอีกรอบ
 
“หิวตามเลยว่ะหลง”
 
“มากินด้วยกันสิ สั่งมาตั้งเยอะแยะ”
 
“หึๆ รอคำนี้แหละ”
แล้วพี่หมอก็เหาะจากแพตัวเองมานั่งเก้าอี้ผมทันที
 
“พี่หมอขอยึดเก้าอี้น้องหงส์ก่อนชั่วคราวนะครับ คิดว่าช่วงนี้น้องหงส์คงไม่ได้ใช้ไประยะหนึ่ง”
 
ผมมองตาขวาง พี่หมอหัวเราะร่วน
 
จริงๆ ก็อิ่มหมีพีมันมาก่อนหน้านั้นแล้ว อันนี้กินเพราะความอยากล้วนๆ
 
แสงของดวงตะวันเลือนหายลงไปเรื่อยๆ ผู้คนบางส่วนกำลังเล่นน้ำกันอยู่ บางส่วนนั่งเล่น บางส่วนกินข้าวกันเหมือนกับเรานี่แหละ
 
อาหารอร่อย แต่มันจะไม่อร่อยก็ตรงที่นั่งสำหรับกินข้าวนี่แหละ
 
“อายเขาไหม”
 
“อายทำไม ขืนพูดอีกรอบ จะเมคเลิฟโชว์คนอื่นตรงนี้”
 
ผมหุบปากลงฉับ
 
หน้าด้านอย่างมันทำจริงแน่ๆ
 
“แกะปูให้เฮียหน่อย”
มันกระซิบบอกเสียงเบา เสียงมันเบาก็จริง แต่ไหงมีอำนาจเขย่าหัวใจผมได้หนักหน่วงขนาดนี้ก็ไม่รู้ มันเต้นตึกตัก แถมยังทำให้หน้าร้อนๆ ตัวร้อนๆ วูบๆ วาบๆ ยังไงบอกไม่ถูก
 
หรือว่าผมกำลังจะเข้าสู่วัยทองวะ
 
“กินเอง ขี้เกียจแกะ ให้ซันไรส์หรือวิกเซอร์แกะให้ก็ได้”
 
“หงส์”
มันเตือนเสียงเรียบ ผมจ้องมันตาขวาง หยิบขาปูขนาดเท่านิ้วโป้งมาถือ เขากะเทาะไว้ให้แล้ว เรามาแยกเปลือกและแกะเนื้อกินเท่านั้น ผมจิ้มน้ำจิ้มนิดหน่อยเพิ่มรสชาติ เอาไปป้อน มันอ้าปากรับ เคี้ยวตุ้ยๆ สีหน้าดูมีความสุข ผมพยายามเมินหลบทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
 
พี่หมอค้ำคางมองอย่างโจ่งแจ้ง
 
“อิจฉา”
 
“อยากได้สักคนไหมล่ะ จะให้ป๊าหาให้”
 
พี่หมอเบ้หน้า
 
“ไม่ละ จีบเองดีกว่า”
 
ไอ้บ๊วยเลิกคิ้วสูง มองตาเพื่อน
 
“เจอคนถูกใจแล้วเหรอ”
 
“50% กำลังแหย่ดูท่าทีอยู่”
 
ไอ้บ๊วยหัวเราะหึๆ ไม่พูดอะไร
 
“เฮียอิ่มแล้ว”
มันบอกเสียงเบา
 
ดี กูจะได้หมดภาระป้อนเด็กทารกไซส์ไจแอนท์สักที
 
กำลังจะลุก แต่มันยึดเอวผมกดให้นั่งตามเดิม กระดิกนิ้ว ซันไรส์เดินหายไปพักหนึ่งก็เดินออกมาพร้อมไวน์ขวดใหญ่และแก้วทรงสูงสามใบ โคตรจะไม่เข้ากับบรรยากาศแพริมน้ำเลย
 
น้ำสีดอกกุหลาบถูกรินใส่แก้วทรงสวย ซันไรส์ยื่นให้ไอ้บ๊วยก่อน แต่บ๊วยมันยื่นมาให้ผมแทน ผมรับมาถือ อยากกินเหมือนกัน แก้วที่สองเป็นของมันเอง ซันไรส์รินอีกแก้ว ยื่นให้พี่หมอต่อ พี่หมอรับไปถือ สงสัยพี่แกกลัวแก้วตกถึงได้กุมมือซันไรส์แบบนั้น ริมฝีปากมีรอยยิ้มเย้านิดๆ ยกดื่มช้าๆ ตามองซันไรส์
“อร่อย”
 
ผมกำลังจะยกดื่มบ้าง แต่ถูกปลายแก้วของไอ้บ๊วยชนปรามไว้ ผมมองงงๆ มันเอียงแก้วตัวเองนิดๆ ให้รู้ว่าต้องการชนแก้วกับผม
 
“เดี๋ยวแก้วแตก”
ข้ออ้างผมควายมาก
 
มันมองมาด้วยสายตาว่าเลิกทำตัวเป็นคิง(ลิง+ควาย)ได้แล้ว ผมหน้าบูด ชนแก้วมันอย่างจำใจ

มันยกดื่ม ในขณะที่ตาไม่ยอมเคลื่อนไปจากดวงตาผม
 
 โอ๊ย ผมจะละลายไปกับสายตานั้นแล้ว ผมเมินหน้าหนีไปทางอื่นขณะยกดื่ม แต่มันจับคางผมบังคับให้หันไปมองตามเดิม 
 
มึงบังคับหน้ากูได้ แต่บังคับตากูไม่ได้
ผมหลุบตาลงต่ำหลบหนีมันซะเลย ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ มันดึงผมไปหอมแก้มเบาๆ กระซิบข้างหู
 
“เฮียชอบเวลาหงส์หน้าแดง”
 
ผมตาโต
 
“ใครหน้าแดง แสงสะท้อนไวน์แล้ว”
ผมเถียงข้างๆ คูๆ มันหัวเราะหึๆ ต่อให้ต้องนั่งบนเก้าอี้มีชีวิตที่ไม่ได้สุขสบายเท่าเก้าอี้ตัวเอง แต่มันก็มีความสุข ผมมองสภาพแวดล้อมที่กำลังเปลี่ยนไป ไฟเริ่มผุดขึ้นทีละดวงตามแพต่างๆ พอๆ กับดวงดาวบนท้องฟ้า ผมอาศัยได้แผงอกกว้างของมันรองหัวดูดาวไป 
 
ได้ยินเสียงหัวเราะของผู้คนดังเคล้าความเงียบมาเป็นระยะพอๆ กับเสียงโดดน้ำดังตูม 
 
กระทั่งดวงดาวพากันทอแสงเต็มไปหมด ผมมองตาค้างเลย มันสวยมากจริงๆ ต่อให้ไม่ได้ไปมัลดีฟเมืองนอก การได้นั่งดูมัลดีฟเมืองไทยนี่ก็ดีเหมือนกัน
 
เรานั่งคุยกันจนถึงสองทุ่มกว่าๆ หนังตาผมก็พากันหย่อนคล้อยแล้ว ผมหาวหวอด บ๊วยมันก้มมอง
 
“ง่วงแล้วเหรอ”
 
พี่หมออ้าปากหาวบ้าง “งั้นฉันไปนอนก่อนละ พรุ่งนี้ไกด์จะพาเราไปดูพระอาทิตย์ขึ้นต้องตื่นแต่เช้ามืด”

บ๊วยมันพยักหน้า ผมดีดตัวลุกก่อน เดินเข้าห้องไป ผมเลือกที่นอนริมแพก่อนเลยครับ ดึงผ้าห่มมาคลุม ม้วนตัวเองเป็นขนมปังไส้คน บ๊วยมันเดินเข้ามา ปิดไฟกลางห้องมาเปิดไฟใกล้ๆ หัวเตียงแทน ผมทำเป็นหลับเฉยเสีย กลัวมันจะอยากทำอะไรต่ออีก
 
“หงส์”
หัวใจผมเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ
 
“หงส์ อย่าเพิ่งนอนสิ”
 
“ง่วง พรุ่งนี้ต้องตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันแต่เช้ามืด”
 
“หงส์”
มันทิ้งตัวลงมาคร่อมตัวผมไว้ทั้งผ้าห่ม ผมลืมตามองมันตาขวาง
 
“จะนอน”
 
มันล้วงมือหาชายผ้าห่ม กระชากดึงแรงจนผมหลุดออกมาจากขนมปังได้
 
“เอามาเฮีย อั๊วจะนอน”
 
มันกักผมไว้ในอ้อมแขน จ้องตา
 
“รอบเดียวมันไม่พอสำหรับเฮียหรอกนะ”
 
“ไม่ทำ เดี๋ยวพรุ่งนี้เดินไม่ได้อีก”
 
“ถ้าเดินไม่ได้ เดี๋ยวเฮียอุ้มไป”
 
“ไอ้คนมักมากเอ๊ย ปล่อยสิวะ!”
ผมพยายามกางมือใส่หน้ามัน ถีบยันท้องมันไว้ มันจับขาผมข้างนั้นยกสูง มืออีกข้างจับมือข้างที่ดันหน้าออก
 

“เฮ้ย ปล่อย” ผมดิ้นแด่วๆ หวังดึงตัวออก ผมตาโตเมื่อมองไปยังด้านล่างเห็นส่วนนั้นของมันตื่นแล้วเรียบร้อย อะไรมันจะตื่นง่ายขนาดนั้น
 
“ไม่ๆ เฮีย หงส์อยากนอน” ผมเอาลูกอ้อนแข็งๆ เข้าสู้ มันส่ายหัวไปมา จับมือผมข้างที่ว่างไปจับน้องมันเอง แล้วมันก็ครางอื้อ ดึงขอบกางเกงลงจนสิ่งที่เคยเข้ามาในตัวผมเมื่อตอนเย็นโผล่ออกมาทักทาย ผมตาโต
 
“อั๊วจะหย่า เฮียมันมักมากเกินไป”
ผมดิ้นอีกรอบ มันจับสองข้อมือผมไปตรึงไว้เหนือหัว หยุดทุกการดิ้นรนผมลง มันแตะนิ้วลงมาบนริมฝีปากผมเบาๆ เลื่อนผ่านแก้มลงไปที่ปลายคาง
 
ให้ตาย แค่การแตะแผ่วๆ แบบนั้นก็ทำให้ผมรู้สึกร้อนแปลกๆ แล้ว หรือเพราะแอลกอฮอล์ในเลือด มันก้มหน้าลงมา หยิบยื่นริมฝีปากตัวเองให้ผมได้ชิม ได้กลิ่นไวน์ด้วย มันปล่อยมือผมออก แล้วดึงมือผมทั้งสองข้างให้เลื่อนมาโอบรอบลำคอมันไว้
 
อยากขัดขืนนะ แต่มันก็รู้สึกดีประหลาด
 
มันจูบผมอย่างนุ่มนวล มันเป็นจูบที่หวาน หวานจนผมไม่แน่ใจว่ามันหวานเพราะรสไวน์ที่ติดลิ้นมา หรือหวานเพราะอะไรกันแน่
 
มันถอนจูบออก มองตาผม จูบใหม่อีกครั้ง
 
“Honey, i want to make love to you”
 
ไอ้ที่ทำก่อนหน้านี้ไม่ใช่เมคเลิฟเหรอวะ
 
“Not sex but make Love”
 
มันยืนยันว่าที่จะทำคือเมคเลิฟ ไม่ใช่เช็กส์ ซึ่งผมไม่รู้ถึงความแตกต่าง
 
แต่ที่ผมรับรู้คือมันจูบผมอย่างนุ่มนวล สัมผัสอย่างแผ่วเบา
 
เสื้อผมคือสิ่งแรกที่ปลิวหายไป เสื้อมันคือชิ้นที่สอง กางเกงผมคือชิ้นที่สาม ปิดการขายด้วยกางเกงมันเองที่ปลิวหายไปไกลจากเตียง แสงของไฟสาดส่องให้เห็นภาพตรงหน้าอย่างชัดเจน ดวงตาผมพร่าเลือนไปหมด เนื้อตัวสะท้านสั่นจากความต้องการที่กำลังเอ่อล้น มันเป็นความต้องการที่พุ่งออกมาจากหัวใจไม่ใช่ท้องน้อยแบบที่เคยเป็น
 
“นี่ของลื้อนะ หงส์ มันจะเป็นของหงส์คนเดียว”
มันจับมือผมไปจับน้องมันด้านล่าง
 
“ไม่ต่างกับสิ่งนี้”
แล้วมันก็เลื่อนมือผมขึ้นมายังตำแหน่งหัวใจมันเอง
 
หัวใจกับกล่องดวงใจ
 
โอเค กูเข้าใจ
 
ผมไม่ได้พูดอะไรเม้มปาก พยายามกลั้นเสียงไม่ให้ครางดังเกินไป
 
“Please, love me”
มันกระซิบแผ่ว
 
“Tell me you love me” มันกระซิบบอกอีกรอบ เป็นคนไทยเชื้อสายจีน แต่ทำไมต้องมากระซิบด้วยภาษาอังกฤษวะ แต่มันทำให้ผมกระดากน้อยลงไปมากโข
 
“บอกรักเฮียสิหงส์”
มันบังคับต่อด้วยภาษาไทยชัดเจน
 
ไม่ได้รู้สึกจะไปบอกได้ยังไงเล่า
 
“พูดสิ ว่าหงส์รักเฮีย”
 
ผมไม่พูด เมินหนีเสีย มันดันหน้าผมกลับมาสบตาอีกรอบ
 
“หงส์รักเฮีย พูดสิ”
มันใช้สายตาสะกดจิตอีกรอบ มือเคล้าคลึงอยู่บนท้องน้อย
 
“หงส์รักเฮีย”
ผมพูดออกไปเสียงสั่น
 
แปลกไหมที่ผมรู้สึกหวั่นไหวกับคำนั้นยังไงพิกล มันยิ้ม ก้มลงมาจูบ เลื่อนไปหอมแก้มเบาๆ หลังจากนั้นมันก็ทำการเมคเลิฟผมเบาๆ
 
สองชั่วโมงผ่านไป ตัวผมชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ เข่าสองข้างคุกอยู่กับพื้น ไม่ได้กำลังวอนขอความรักใครแต่อย่างใด ร่างกายถูกหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับคนที่นอนยาวเหยียดอยู่ด้านล่าง มีเพียงสะโพกผมที่ขยับยกเคลื่อนไหวไปมา ผมควรจะดีใจไหมที่สกิลการขี่ของผมดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นยกตัวขึ้นลง โยกไปข้างหน้าข้างหลัง หรือว่าหมุนเอวเป็นวงกลม
 
อื้อหือ
 
“อย่างนั้นแหละที่รัก อาหงส์ของเฮียเก่งที่สุด”
มันชมไป ช่วยผมขยับไป แล้วผมก็ไปอีกรอบง่ายๆ ในขณะที่มันยังไม่ไป มันรวบดึงผมลงไปกอด พลิกตัวขึ้นไปอยู่ด้านบน จับไปตรงไหนของร่างกายมันก็เปียกไปหมด
 
“รอบสุดท้าย อดทนเพื่อเฮียหน่อย”
มันบอกก่อนจัดการขยับด้วยตัวเอง ผมกอดคอมันแน่น
 
ไม่มีใครเตือนผมบ้าง ว่าการเป็นเมีย มันจะทรมานแบบนี้!!!


To be Con...
คนชอบเอ็นซีคงฟินกันถ้วนหน้า แต่สำหรับคนอ่อนเอ็นซี ขออภัยด้วยนะค่าาาา พรุ่งนี้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน >//<
(http://upic.me/i/uv/hiyo2_155.gif)


ปล. อิไรท์อัพนิยายเรื่องนี้ 3 ที่เท่านั้นนะคะ เล้าเป็ด, ธัญวลัยและเด็กดี (อัพพร้อมกันทุกช่องทาง)

ถาม ๆ มีใครอ่านเรื่องนาคินทร์อนุชาในเล้าบ้าง ไรท์เอาลงเล้าแค่คู่เดียว เหลืออีก 3 คู่ก่อนหน้า มีใครอยากอ่านไหม ถ้ามีจะได้ลง 3 คู่ 3 แนว ต่างกับนาคินทร์อนุชานะคะ (นาคินทร์อนุชาจะออกแนวโรแมนติกมากกกก)
คู่ที่ 1 คู่โหด - พี่ชายกวินทร์ (เอ็นซีค่อนข้างหนัก โหดและเนื้อหารุนแรง)
คูที่ 2 อันนี้อินเซ้นท์ (พี่น้องคนละแม่) ชยันต์น้องชายตัวแสบกับพี่เชนทร์พี่ชายสุดหล่อ
คู่ที่ 3 คู่ฮา - วิลเลี่ยมกับเชิดวุธ อันนี้เชิดวุธโดนเพื่อนวานให้พาฝรั่งเที่ยว แต่เพื่อนดันไม่บอกว่าต้องพาเที่ยวด้วย เป็นคู่นอนด้วย อารมณ์คู่นี้คล้ายกับหงส์ซานกับไป่หลงนั่นแหละ
(ที่ไม่ได้เอาลงเล้าตั้งแต่คู่แรก เพราะคู่แรกเนื้อหาค่อนข้างรุนแรง กลัวโดนมาม่าเขวี้ยงใส่หัว งึบ)
ปล. พี่ชาย พี่เชนทร์ ชยันต์ เชิดวุธ เป็นพี่น้องกันพ่อเดียวกัน(แต่คนละแม่) ส่วนกวินทร์เป็นแค่ลูกพี่ลูกน้อง

ถ้าอยากอ่านก็บอกได้คร้าบบ

ข่าวสารและนิยายเรื่องอื่นๆ ในเล้า : >> https://goo.gl/WbWxt8 (หรือตามเพจเอา)
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][30-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-05-2017 19:54:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][30-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 30-05-2017 19:59:21
สมกับที่มาฮันนีมูน
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][30-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 30-05-2017 20:09:58
 :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][30-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-05-2017 20:43:55
หงษ์เอ้ย!!เป็นเมียบ๊วยต้องอึดหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][30-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 30-05-2017 22:28:24
อาหงส์ของเฮียจะไปไหวมั้ย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][30-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 30-05-2017 22:38:31
 :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][30-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 30-05-2017 22:50:38
เฮียหลง แกเก็บครบทุกเม็ด
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][30-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 31-05-2017 00:11:56
น้องหงส์ถ้ากลับบ้านไปหลังจบทริปไม่ต้องให้มันรู้ไปสิ เฮียหลงจัดทุกเวลายามว่างเลยทีเดียว5555
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][30-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 31-05-2017 15:47:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #11 ปั่นหัว [P.8][30-5-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 31-05-2017 19:52:31
เฮียหื่นดีแรงไม่ตกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย [P.9][3-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 31-05-2017 20:19:20
หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย


ไม่รู้ว่าเพราะร่างกายผมมันเคยชิน หรือว่ามันไม่ได้ตะบี้ตะบันโหมทำผมแรงแบบอยู่บ้าน พอได้ยินเสียงเคาะปลุกจากซันไรส์ผมถึงได้สะดุ้งลืมตาตื่นพอๆ กับไอ้บ๊วย มันมาปลุกให้อาบน้ำเตรียมตัวนั่งเรือไปดูพระอาทิตย์ขึ้นครับ บ๊วยให้ผมไปอาบก่อน ผมรีบลุกจากเตียงเข้าห้องน้ำไป พอออกมามันก็เข้าต่อ
 
“เจ็บไหม”
มันถามก่อนเดินออกจากห้อง กระดากที่จะบอก แต่ผมส่ายหัว มันยิ้ม พาผมเดินออกจากห้องไป ที่ท่าเรือ มีเรือวิ่งเข้ามาจอดรอแล้ว ไม่รู้ว่ามายังไง ถึงได้เงียบขนาดนี้ เห็นแพอื่นเตรียมตัวลงเรือเหมือนกัน สงสัยจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเหมือนกัน พี่หมอยืนเท้าสะเอวสูดลมหายใจเข้าปอดอยู่
 
ไอ้บ๊วยก้าวลงเรือนำไปก่อน ยื่นมือมารับผมเป็นคนที่สอง การถูกมันประคบประหงมนี่ทำให้รู้สึกเสียศักดิ์ศรีแต่มันปะปนมากับความรู้สึกดีๆ ยังไงบอกไม่ถูก พี่หมอก้าวตามลงมาติดๆ ตามด้วยซันไรส์และวิกเซอร์
 
ผมกับไอ้บ๊วยนั่งอยู่หัวเรือ ถัดไปเป็นพี่หมอที่บอกให้ซันไรส์มานั่งข้างตัวเอง คงไม่อยากนั่งคนเดียวล่ะมั้ง วิกเซอร์นั่งอยู่หลังสุด เขาใช้วิธีพายเรือครับ ออกไประยะหนึ่งค่อยติดเครื่อง เรือแล่นผ่านผิวน้ำที่ยังมืดอยู่ตรงไปเรื่อยๆ แม้จะมืดก็ยังเห็นวิวรอบด้านได้ มันสวยจริงๆ ผมยกมือถือขึ้นมากดถ่าย
 
สักพักเรือก็พาวิ่งมาถึงกลางน้ำ ตรงหน้าคือช่องว่างระหว่างภูเขา เขาบอกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นตรงกลางนี้ มีเรือคนอื่นมาจอดคอยเหมือนกัน ผมมองอย่างลุ้นระทึก กระทั่งแสงแรกค่อยๆ โผล่นำขึ้นมาก่อน ตามด้วยดวงตะวันลูกกลมๆ มันโผล่สูงขึ้นมาเรื่อยๆ ผมทั้งมองทั้งถ่ายรูป มันสวยมากจริงๆ
 
“ไป่หลง น้องหงส์หันมานี่”
 
ผมกับไอ้บ๊วยหันไปตาม พี่หมอถือกล้องไว้ ผมฉีกยิ้มทันที ไอ้บ๊วยกอดไหล่ผมไว้ ผมรีบดันตัวหนี
 
“อย่าเพิ่งเล่นตัวครับน้องหงส์ เดี๋ยวพระอาทิตย์จะหนีไปไกล มุมนี้สวยสุด”
 
ผมอยากถ่ายกับพระอาทิตย์สวยๆ เหมือนกัน แต่อยากถ่ายคนเดียวมากกว่า
 
พี่หมอถ่ายไปหลายแชะ ก่อนสลับคู่กัน พี่หมอกับเพื่อน พี่หมอกับผม แม้กระทั่งซันไรส์ก็ได้ถ่ายด้วย แต่ต้องสั่งสอนวิธีเข้ากล้องของซันไรส์ใหม่นะ เพราะหน้านิ่งได้ใจในขณะที่พี่หมอฉีกยิ้มกว้าง มันดูสว่างไสวจนพระอาทิตย์ยังอาย
 
กระทั่งดวงตะวันสูงลิ่วขึ้นไป เรือก็พาเรากลับ
 
มื้อเช้า เรากินกันที่แพ เป็นข้าวต้มปลาง่าย ๆ บ๊วยมันทำงานเสร็จแล้วละครับ วันนี้มันจะอยู่เที่ยวกับผมทั้งวัน
 
ซึ่งผมไม่ได้ต้องการเลย
จริงๆ นะ (แต่เอ๊ะ ทำไมเสียงผมมันดูแผ่วๆ ลง)
 
หลังจากเติมพลังให้ท้องกันคนละชามสองชาม พี่หมอก็ชวนพายเรือคายัคเล่น ต่อให้ว่ายน้ำเก่งขนาดไหน เขาก็บังคับให้ใส่ชูชีพไว้ ผมจำต้องหยิบเสื้อชูชีพสีส้มแปร๋นมาสวม ก้าวลงเรือนำไปก่อน กำลังจะจ้วงพายก็ต้องชะงักเพราะมีใครอีกคนก้าวตามลงมานั่งด้านหลัง
 
“ขึ้นมาทำไม จะพายคนเดียว”
 
มันไม่ฟังเสียงฟ้าเสียงฝนอะไรทั้งนั้น นั่งได้ก็รับไม้พายมาถือ พี่หมอหัวเราะ ก้าวขึ้นเรือตัวเอง โดยมีซันไรส์กับวิกเซอร์อยู่บนฝั่ง ต่อให้เคืองขนาดไหน ผมก็ออกแรงพาย
 
หนัก ผมหันไปมองคนด้านหลัง
 
“ช่วยกันพายสิ นั่งอยู่เฉยๆ ทำไม”
 
มันยิ้ม ยกไม้พายมาช่วยกันพาย ฟรีสไตล์ครับ เราพาเรือล่องห่างจากฝั่งไปเรื่อยๆ ได้ยินเสียงไม้พายจ้วงน้ำดังมาเป็นระยะ ก่อนได้ยินเสียงแชะเบาๆ ผมหันไปมอง เห็นบ๊วยมันกำลังกดถ่ายหน้าผมตอนเหลียวไปมองพอดี
 
“ถ่ายไร”
ผมถามฉุนๆ
 
“ถ่ายลิงกลางน้ำ”
 
ผมจิ๊ปาก ยกมือถือผ่านหน้ามันบ้าง แต่ไม่ว่ามุมไหนมันก็ดูดีไปหมด
 
“จะถ่ายไปทำไมวะ เปลืองเมม”
ผมจะลบ แต่มันดึงข้อมือไว้ แย่งมือถือผมไป กดทำอะไรยิกๆ แล้วส่งคืน ผมรับมาดู อ้าปากค้าง เพราะมันเล่นถือวิสาสะเปลี่ยนหน้าจอรูปปลาคาร์ปผมเป็นหน้ามันซะเอง
 
“ถ้าหงส์เปลี่ยนคืนหรือลบภาพออกจากเครื่อง เฮียจะปล้ำแปดยกรวดไม่ให้ลุกได้เลย”
 
ผมถลึงตามอง แค่สี่รอบนี่ก็สามวันแล้วกว่าจะลุกได้ โดนไปแปดยกไม่นอนเป็นผักไปเป็นอาทิตย์เลยเหรอ

พระอาทิตย์สาดแสงแรงกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนเราต้องยอมแพ้ พากันพายกลับ ผมแกล้งพายเรือไปชนเรือพี่หมอเบาๆ ได้ยินเสียงวิกเซอร์ตะโกนเชิญไอ้บ๊วยมาจากฝั่ง บ๊วยพาเรือเข้าชิดแพแล้วก้าวขึ้นไป วิกเซอร์ยื่นมือถือให้ สงสัยจะคุยกันเรื่องงาน ผมเลิกสนใจมันหันมาพายเรือเล่นต่อ

“แข่งกันไหม” พี่หมอชวน ผมตาวาว
 
“แข่งกันไหม”
พี่หมอชวน ผมตาวาว
 
“เอาสิ”
 
กำลังจะเริ่มไอ้บ๊วยมันก็เบรกไว้ พอรู้ว่าเรากำลังจะแข่งกันก็ยกยิ้ม
 
“ฉันแข่งด้วยสิ สามคนนี่แหละ ใครชนะสามารถสั่งคนแพ้ให้ทำอะไรก็ได้”
มันยืนกอดอกพูด
 
ผมตาวาวยิ่งกว่าเดิม
 
“อะไรก็ได้เหรอ”
ผมถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง มันเหลือบตามามองผม
 
“ใช่”
 
“รวมถึงเรื่องหย่าด้วย”
 
มันเลิกคิ้วมอง นิ่งคิดไปนิด จุดรอยยิ้มข้างมุมปาก
 
“ได้สิ ถ้าคิดว่าหงส์ทำได้”
 
ผมตาวาว
 
“ได้”
 
“เตือนไว้ก่อนนะหงส์ แพ้ขึ้นมา ต้องทำตามห้ามปฏิเสธ ห้ามเถียง ห้ามร้องขอด้วย”
 
“ได้ เฮียเองก็เหมือนกัน ถ้าอั๊วชนะขึ้นมา เซ็นใบหย่าทันที”
 
มันกระตุกยิ้ม
 
“ได้สิ”
 
“น่าสนุก”
พี่หมอพูดยิ้มๆ
 
ซันไรส์ไปเอาเรือมาเพิ่มอีกลำ เป้าหมายคือทุ่นที่อยู่ห่างออกไปลิบๆ นู่น
 
ผมตั้งท่า งานนี้ตายเป็นตาย ยังไงผมก็ต้องทำให้มันหย่ากับผมให้ได้
 
“เตรียมตัว”
ซันไรส์เป็นกรรมการ
 
“เริ่ม!!”
พอสัญญาณมา ผมก็จ้วงเรือแบบไม่คิดชีวิต เป้าหมายคือชีวิตที่เป็นอิสระ แรกๆ เรือของเราเคียงไปด้วยกันครับ สักพักผมก็จ้วงพายหนีนำ หัวใจผมเต้นแรง
 
อิสระอยู่แค่เอื้อมเท่านั้น!!
 
แต่ก่อนที่เรือผมจะพุ่งพรวดเข้าเส้นชัย อยู่ๆ ก็มีเรือปริศนาพุ่งเป็นจรวดเข้าเส้นชัยนำผมไปก่อน
 
ผมอ้าปากค้าง มองเรือที่เลยเขตแดนไปไกล ก่อนเจ้าตัวจะเบรก พาเรือตีโค้งพายกลับมาจอดเทียบข้างๆ ช้าๆ สีหน้ายังคงราบเรียบ
 
ผมจ้องหน้าผู้ชนะอึ้งๆ ปากได้รูประบายยิ้มกว้าง
 
“เฮียชนะ”
 
เถียงอะไรไม่ออก ผมได้แต่กัดฟัน ฮึดฮัด

ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น!!
 
ผมสะบัดหน้า พาเรือจ้วงกลับ เจอพี่หมอพายมาสมทบ
 
“น้องหงส์พายเร็วจัง พี่หมอสู้ไม่ได้เลย”
 
ผมหน้าบึ้ง เร็วขนาดไหนก็แพ้อยู่ดี ไอ้บ๊วยพายเรือผ่านเราสองคนไปบนฝั่ง ส่งเสียงหัวเราะหึๆ มาหลอกหลอน ผมอยากบินไปบีบคอมันจริงๆ
 
“น้องหงส์คงไม่รู้ว่าสมัยเรียน ไป่หลงเป็นแชมป์กีฬาทางน้ำเกือบทุกชนิดนะ”
 
ผมอ้าปากค้าง
 
กูงูดินไปแข่งกับมังกรชัดๆ
ผมหน้าบึ้งอย่างเสียรู้ พี่หมอหัวเราะ ชวนผมพายเรือเล่นปลอบใจ
 
พอแดดเปรี้ยงพวกเราก็ต้องยอมแพ้เพราะร้อนเกิน เลือกไปนั่งเล่นกระทั่งมื้อเที่ยง เรากินดื่ม นั่งเล่นนอนเล่นกันแบบสบายๆ
 
แน่นอนว่าต่อให้เพื่อนมันอยู่ บ๊วยมันก็ยังไม่ลืมว่าเรามาฮันนีมูนกัน กอดได้กอด หอมได้หอม จูบได้จูบ บังคับป้อนบ้างละ ที่นั่งมีผมแทบไม่ได้สัมผัส ตักมันคือพื้นที่อิสระของผมยามนี้ เถียงได้เหรอครับ เมื่อคำสั่งของมันคือทำตามที่มันสั่งทุกอย่างห้ามเถียง
 
อ๊ากกกกกก
 
กูจะฆ่าเมิงงงงงงง
 
ก่อนอื่น ผมขอฆ่าตัวตายก่อน ข้อหาไม่รอบคอบ
 
ไก่ย่างมื้อกลางวันอร่อยสุดๆ ผมนั่งแทะปีกไก่จนปากมันเลื่อม ไอ้บ๊วยหยิบทิชชู่มาเช็ดให้เบามือ ผมหน้าร้อนผ่าว ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หลังมื้อเที่ยง เราจะไปถ้ำเขาทะลุกัน
 
หลังจากเตรียมตัวเสร็จ ไกด์ประจำกรุ๊ปเราก็มารับ เราต้องไปเริ่มต้นกันที่อุทยาน นั่งเรือจากนั่นสองชั่วโมง ต่อด้วยเดินเท้ากันอีกสองชั่วโมง จึงจะถึงที่หมาย
 
วิวข้างทางเวลาที่เรือเคลื่อนผ่านมันสวยจริงๆ ครับ สวยจนผมแทบหลงลืมทุกอย่าง พอถึงที่หมายก็ลงจากเรือเพื่อเดินเท้าผ่านเส้นทางที่เป็นป่า มีคนเดินสวนเรากลับบางส่วน สีหน้าแต่ละคนดูมีความสุข ยิ้มให้ด้วย แต่ยิ้มให้ไอ้บ๊วยข้างหลังผมเยอะกว่า
 
เหอะ อย่าไปหลงเสน่ห์มันพี่สาว เห็นหล่อๆ แบบนี้ มันเป็นโรคจิต ชอบกินเด็ก หื่นสุดๆ กินตัวผู้ได้ด้วย
 
สองกิโล จะว่าไกลก็ไกล ใกล้ก็ใกล้ ไกด์เดินนำ ตามด้วยวิกเซอร์ ผม ไอ้บ๊วย พี่หมอ ตบท้ายด้วยซันไรส์ ผมใส่รองเท้าแบบรัดข้อมา(มันเป็นรองเท้ากึ่งผ้าใบ ลุยน้ำได้ เดินป่าได้) พอๆ กับทุกคนที่มา เสื้อยืดกางเกงขาสั้น เดินเซๆ ก้าวตามวิกเซอร์ไปติดๆ มีเซหัวจะทิ่มก็หลายรอบ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ดีแต่ว่าบ๊วยมันช่วยประคองผมไว้ ผมดึงแขนออก พยายามพยุงตัวดีๆ ก้าวเดินอย่างมั่นคงด้วยตัวเอง
 
เป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ต้องให้ใครมาประคับประคองหรอก
 
“เหวอ!!”
ผมไถลอีกรอบตอนก้าวผ่านรากไม้แล้วมันลื่น ไอ้คนด้านหลังก็มือไว้ คว้าเอวผมไว้ได้ทัน จับผมพยุงดีๆ
 
“เดินช้าๆ ก็ได้ ไม่ต้องรีบ”
 
ผมดันตัวออกอีกที สงสัยว่าผมจะเหนื่อยจากการเดิน หัวใจถึงได้ไหวแรงขนาดนี้ ผมเดินหน้าร้อนตัวร้อนเช็ดเหงื่อที่ไหลพลั่กๆ ออกจากหน้า
 
สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ไอ้บ๊วยที่มัวแต่ห่วงว่าผมจะล้มเสียหลักเซไปชนกับต้นไม้ข้างทาง
 
คิดว่าผมจะช่วยไหมล่ะ?

ผมหันไปมองแล้วยืนหัวเราะเยาะมันตรงนั้นแหละ มันมองมาตาขวาง พยุงตัวยืนดีๆ ผมรีบหันหลัง ก้าวเดินต่อ
 
จริงๆ เคยมีคนสอนผมไว้นะว่าอย่าหัวเราะคนล้ม เพราะพอผมเดินต่อไปได้อีกแค่สี่ห้าก้าว ก็เสียหลักไถลลื่นกลิ้งหลุนๆ ลงไปนั่งแหมะที่พื้น คราวนี้ไม่มีใครพุ่งมารองรับอย่างทุกครั้ง ผมเงยหน้ามอง

พ่อสุภาพบุรุษที่เคยช่วยเหลือผมมาตลอด ตอนนี้มันยืนนิ่งครับ หนำซ้ำยังกอดอก มองมาด้วยสายตาเยาะเย้ย ไม่ได้หัวเราะ แต่สายตามันกำลังขบขันและเย้ยหยันผมอย่างเห็นได้ชัด
 
ผมรีบดีดตัวลุก ก้าวฉับๆ นำไปอีกรอบ
 
อายดิ เล่นล้มกลิ้งต่อหน้ามันขนาดนั้น

(http://upic.me/i/us/d-7-9-300.jpg)

40%

เหงื่อไหลไคลย้อยกันพอประมาณ ได้ยินเสียงบ่นว่าเหนื่อยจากพี่หมอ แต่ก็สนุก ไม่ต้องพูดถึงสองพี่น้องนั้นนะครับ เหมือนพากันมาเดินเล่นในสวนหลังบ้าน ไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยกันเลยสักนิด
 
กำลังขาถดถอยลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็มาถึง ผมฉีกยิ้มดีใจ เราถ่ายรูปกับป้ายถ้ำพอเป็นพิธี แล้วเตรียมตัว เราต้องใส่ชูชีพอีกรอบตามคำแนะนำของไกด์ ใส่ไฟฉายไว้ที่หัว รูปขบวนเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ไกด์นำหน้าตามเดิมต่อด้วยวิกเซอร์ ไอ้บ๊วย ผม พี่หมอปิดท้ายด้วยซันไรส์
 
พอก้าวเข้าไปในถ้ำ ผมก็ต้องตาโตเพราะความสวยงามของมัน
 
มันสวยเอาจริงๆ เย็นด้วย
 
บรึ๋ย!
 
ยิ่งเดิน ยิ่งเย็นและยิ่งมืด เส้นทางไม่ได้สบายเลย เราต้องลัดเลาะไปตามเส้นทางเล็กๆ น้ำสูงตั้งแต่ข้อเท้ายันหน้าอก ต้องค่อยๆ ไต่เลาะไปตามร่องหิน น้ำเชี่ยวบ้าง เบาบ้าง และตลอดระยะเวลา บ๊วยมันก็คอยประคองช่วยเหลือผมตลอด บางจุดมีอุ้มเลย
 
อย่างตอนนี้ก็เหมือนกัน ผมกำลังจะไถลผ่านร่องหินที่มีหินก้อนใหญ่เบียดบีบเข้าหากัน น้ำไหลหลากเสียงดังจนน่ากลัว บ๊วยมันยื่นสองแขนมาทางผมเหมือนพ่อยื่นแขนหวังอุ้มลูก คืออยากทำดื้อกับมันเหมือนกัน แต่คำสั่งยังค้ำคอ อีกอย่างกลัวลื่นหัวแตกด้วย ผมจึงยื่นมือเข้าหามัน แทนที่มันจะปล่อยเลย กลับกอดผมแน่น จับสองขาผมรัดรอบเอวตัวเอง
 
“ปล่อยได้แล้ว ทำอะไรทุเรศ อายคนอื่นบ้าง”
 
“อายทำไม มีแต่ค้างคาว”
 
ผมกรอกตาขึ้นฟ้า ลืมไปว่ามันหน้าด้านขนาดไหน วิกเซอร์ก้าวห่างออกไปอีก มันจึงยอมปล่อยผมลง ก้าวนำไปเดี๋ยวเดียวก็หันมามอง พอผมเดินตามมันก็หันกลับไปเดินต่อ
 
มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ กับความห่วงใยที่มันมีต่อผม
 
ยิ่งมันห่วงใยผมมากเท่าไหร่ หัวใจผมยิ่งอ่อนแอลงมากเท่านั้น
 
ผมกำลังจะก้าวผ่านก้อนหิน มันยื่นมือมาให้อีกรอบ ผมมอง อยากทำเก่งปัดมือมันออกเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนใจเป็นวางมือลงบนมือนั้น มันกำมือผมแน่น ยึดไว้ด้วยกล้ามแขนอันแข็งแรง ผมออกแรงดีดตัวข้ามก้อนหินไปอยู่ในน้ำผืนเดียวกับมัน มันยิ้ม ปล่อยมือผมลง ก้าวตามวิกเซอร์ไปติดๆ
 
ผมกัดปากแน่น
ไม่อยากจะยอมรับเลย แต่รอยยิ้มมันเมื่อกี้ ดูดีสุดๆ
 
“เฮ้ย!”
ได้ยินเสียงพี่หมอร้องดังอยู่ด้านหลัง ผมรีบหันไปมองทันที เพราะคิดว่าพี่หมอคงเดินพลาดล้มหัวฟาดพื้น ไฟทุกดวงส่องจ้าไปยังจุดเดียวกัน

พี่หมอล้มจริงๆ ครับ ลงไปนั่งหงายท้องอยู่ในน้ำที่สูงประมาณเอว รองรับร่างไว้ด้วยซันไรส์ที่นั่งอยู่ในท่าเดียวกัน บนหน้าอกเปียกๆ มีกบตัวเบ้อเร่อเกาะอยู่
 
ผมหัวเราะออกมาทันทีกับภาพที่เห็น คนปัดออกให้คือซันไรส์ มันขยับลุกยืน พยุงพี่หมอให้ลุกตาม
 
“ตกใจหมด คิดว่าโดนค้างคาวบินมากัดคอซะอีก”
 
ผมยังหัวเราะไม่หยุด กระทั่งรู้สึกถึงบางสิ่งหยุ่นๆ กระโดดมาเกาะแหมะกลางหน้าพอดี ผมนิ่งค้างไปชั่วครู่ก่อนร้องโหยหวนออกมาเป็นผีป่าช้าแตก จะปัดมันออก มันก็กระโดดดึ๋งจากหน้าผมขึ้นไปนั่งบนหัว ผมร้องว้ากออกมาอีกรอบ มันกระโดดจากหัวลงไปเกาะที่หลัง
 
มึงเป็นเจ้ากรรมนายเวรของกูรึงายยยยย
 
เสียงร้องโหยหวนของผมดังก้องไปทั่วทั้งถ้ำ กระทั่งไอ้บ๊วยมันโดดเข้ามาช่วยจับกบตัวนั้นโยนทิ้งไปไกลนั่นแหละ ผมตัวสั่นสยิว ไม่ได้กลัวกบ แต่แบบ….
 
พี่หมอยืนหัวเราะร่วน ผู้คนที่เดินตามมาโผล่หน้าเข้ามาดู โคตรอาย ผมรีบหนีความจริงด้วยการก้าวนำไอ้บ๊วยไปก่อน
 
ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ จากคนด้านหลัง ผมเบรกกึกหันไปมอง พี่หมอกับซันไรส์ยังอยู่ที่เดิม
 
“หยุดหัวเราะไปเลย”
 
มันเลิกคิ้วสูง พยุงหน้าหล่อๆ ของมันให้ดูดีขึ้นไปอีก
 
“สงสัยมันจะคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าชายมากระโดดเกาะเจ้าหญิงหวังจุมพิต”
 
“คิดได้ปัญญาอ่อนมาก ปีศาจเสียมากกว่า โดดเกาะมาได้เต็มหน้าเลย”
ผมลูบหน้าลูบปากตัวเอง

“ถูกปากด้วยเหรอเมื่อกี้” มันถามด้วยน้ำเสียงซีเรียส
 
“เต็มๆ เลย ขยะแขยง”
ถ้าเห็นยังพอทน แต่นี่โดดโป๊ะเข้าเต็มหน้าเลย บ๊วยมันขยับเข้ามาชิด จับท้ายทอยผม ตรึงให้หน้าแหงน ใช้มือดันคางผมให้เงยขึ้น แล้วทาบปากลงมา ผมตาโต
 
ทำบ้าอะไรของมันเนี่ย!!!
 
มันบดเบียดริมฝีปาก แทรกลิ้นเข้ามาด้วย ทำอยู่พักใหญ่ก็ปล่อยปากออก
 
“หงส์จะมีเจ้าชายได้เพียงคนเดียวเท่านั้น คือเฮีย”
 
ผมอ้าปากพะงาบๆ
 
“ประสาท”
ผมรีบหันหลัง เดินรุดๆ นำไปก่อน ใช้หลังมือปาดปากตัวเองไปเบาๆ
 
ผมระมัดระวังการเดินให้มากขึ้น ดีไม่มีกบเจ้าชู้ตัวไหนมากระโดดใส่หน้าหรือปากผมอีก (โดยเฉพาะมนุษย์กบ น่ากลัวมาก โดนแล้วมีผลทำให้หน้าร้อนครับ) ระยะถ้ำทำเอาเดินกันเป็นชั่วโมง สนุกปนเหนื่อยดี
 
สวยงามขนาดไหน การได้ออกมาจากถ้ำก็ทำให้รู้สึกดี ผมรีบสูดเอาอากาศภายนอกเข้าปอด ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีพอควร
 
เราเดินกลับออกมา กว่าจะกลับถึงที่พักก็ค่ำมากแล้ว เราจัดการสั่งอาหารเพื่อกินกันริมน้ำก่อนอาบน้ำ พออาบเสร็จกันครบหมดทุกคนอาหารก็มาพอดี
 
ท้องฟ้ายามค่ำคืนสวยงามเสมอ พอกินข้าวอิ่มพี่หมอก็ขอตัวเข้าไปพักผ่อนต่อ ผมจะเข้าไปนอนบ้าง แต่บ๊วยมันดึงข้อมือผมไว้ แม้แต่ซันไรส์กับวิกเซอร์ก็หายไป
 
“เฮียยังไม่ง่วง”
 
“ไม่ง่วงก็นั่งดูดาวไป จะนอน”
 
“ดูเป็นเพื่อนเฮียหน่อย”
 
“ไม่”
 
“หงส์”
 
ลืมไปว่ากูต้องทำตามคำสั่งมึง ผมจิ๊ปาก แต่ลูกผู้ชายสัญญาต้องเป็นสัญญา ถ้ายังไม่สัญญาปฏิเสธหน้าด้านได้
 
ผมเดินหน้ามุ่ยไปยังเก้าอี้ชายหาด
 
แต่คิดเหรอครับว่าผมจะได้นั่งเก้าอี้ตัวเอง
 
หวังไปเถอะ มันดึงผมลงไปนั่งบนตักมัน
 
“มันนั่งสบายไหม”
ผมบ่นหงุมหงิม มันหัวเราะหึๆ โอบกอดผมไว้
 
“หงส์ร้องเพลงเป็นไหม”
 
“ถ้าจะให้ร้องให้ฟัง แนะนำว่าอย่า ไม่งั้นขี้ไม่ออกแน่ๆ”
 
มันหัวเราะหึๆ
 
“ทุเรศขนาดนั้นเลยเหรอ”
 
“ควายออกลูกยังไง ก็อย่างนั้น ไล่ตามคีย์ไม่เคยทัน”
 
มันหัวเราะเสียงดัง
 
“เห็นครางออกเพราะ คิดว่าจะร้องเพลงเพราะด้วย”
 
ผมหน้าร้อนผ่าว
 
“ครางมันไม่ต้องอาศัยจังหวะนี่หว่า”
ผมพูดเบาๆ ไม่หวังให้มันได้ยิน
 
“อะไรนะ”
 
“เปล๊า ไม่มีอะไร”
 
“อยากฟังหงส์ร้องเพลง”
 
“ร้องได้แต่เพลงชาติ จะฟังไหมล่ะ”
 
“งั้นเฮียร้องให้ฟัง”
 
“ไม่อยากฟัง”
 
“ฟังหน่อยละกัน เฮียเพิ่งหัดร้องมาเมื่อคืน”
 
ผมมองหน้างงๆ
 
“เอาเวลาไหนไปหัดก็ในเมื่อ…”
ผมหยุดคำไว้ เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ค่อนคืนไปแล้ว
 
พอรู้ว่าโดนหลอกผมก็เมินหลบเสีย
 
“ตามใจ ถ้าร้องไม่ได้เรื่องจะผลักตกน้ำ”
 
มันหัวเราะหึๆ

(อ่านต่อ >> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59579.msg3646453#msg3646453 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59579.msg3646453#msg3646453)
(http://upic.me/i/uv/hiyo2_155.gif) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59579.msg3646453#msg3646453)
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย [P.9][31-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-05-2017 20:52:05
 o13
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย [P.9][31-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: tamaya ที่ 31-05-2017 21:00:42
 :fire: ขออ่านอีกค่ะ ขอยาวๆให้หายคิดถึง :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย [P.9][31-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-05-2017 21:16:14
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย [P.9][31-5-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 31-05-2017 23:23:55
 :man1:
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย [P.9][2-6-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 02-06-2017 21:26:33
 :o8: ใจละลาย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย [P.9][2-6-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-06-2017 22:05:43
หวาน~~~
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย [P.9][2-6-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-06-2017 00:26:53
หวานนนน
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย [P.9][3-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 03-06-2017 14:06:08
(ต่อค่ะ)

‘อยากรู้จัก อยากให้เธอรู้จัก อยากเป็นคนรักเธอ อยากให้เธอได้หันมอง แบบว่าฉันคนธรรมดา ไม่ใจร้าย ถ้าลองได้คบจะดูแลเธออย่างดี’
 
อื้อหือ หน้าตาอย่างมัน ผมคิดว่าจะร้องเพลงแนวเก่าๆ โบราณๆ ซะอีก เอาซะคึกคักเชียว มันเล่นร้องเพลงของพี่เอก สุรเชษฐ์ซะด้วย (ชื่อเพลง 'ที่รัก(เธอ)' ครับ ไปหาเปิดฟังกันได้ เพราะมาก)
 
มันยิ้มนิดๆ
 
‘ความรู้สึก เธอคือคนพิเศษ อยากให้ลองรักดู อยากให้รู้ว่ารักเป็น ก็เลยร้องมาเป็นทำนอง ชา ดี ดา
ถ้าได้เป็นแฟนจะดูแลเธออย่างดี
เพราะคิดว่ารักเธอหมดตัว เธอคงต้องใจอ่อน ถ้างั้นฉันถามเธอสักครั้ง’
 
‘ขยับเข้ามาได้ไหม ขยับมาใกล้กัน ขยับความสัมพันธ์ มารักกับฉันนะเธอ’

มันไม่ร้องเปล่า กระชับกอดผมแน่นขึ้น ท่อนล่างผมแนบติดกับมันไปเรียบร้อย แต่ผมพยายามเอนท่อนบนหนี
 
‘ลองคบลองดูกันไหม เขย่าให้หัวใจ เต้นตรงกัน เธอจะมีแต่ความสุข เธอจะมีแต่ฉัน ที่รัก เธอ’
มันเขย่าขาตามเนื้อเพลงจนตัวผมเด้งดึ๋งๆ ผมหัวเราะออกมาเบาๆ หน้าร้อนผ่าว อยากต่อยมันสักหมัด แต่เกรงใจ กลัวมันร้องไม่จบเพลง ผมจะยอมเป็นผู้ฟังที่ดี จะจำใจฟังมันร้องจนจบเพลงละกัน

‘ลองคิดดู หากเธอยังว่างอยู่ เชิญเธอลองพิสูจน์ เธอจะรักฉันรับรอง ก็ตัวฉันเป็นคนตรงๆ ไม่รวนเร ก็จะไม่เขวไม่มองใครนอกจากเธอ
 
เพราะคิดว่ารักเธอหมดตัว เธอคงต้องใจอ่อน ถ้างั้นฉันถามเธอสักครั้ง
 
ขยับเข้ามาได้ไหม ขยับมาใกล้กัน ขยับความสัมพันธ์ มารักกับฉันนะเธอ ลองคบลองดูกันไหม เขย่าให้หัวใจ เต้นตรงกัน เธอจะมีแต่ความสุข เธอจะมีแต่ฉัน ที่รัก เธอ’


รู้สึกว่าทั้งหน้าทั้งตัวผมมันร้อนไปหมดจนอยากโดดน้ำสักตูมสองตูมให้คลายร้อน มันเล่นร้องไปยิ้มไป มึงจะยิ้มบ่อยไปไหม ทำหน้านิ่งๆ ขรึมๆ แบบที่กูเห็นแรกๆ ดีกว่านะ กูรวนได้ง่ายดี ทำหน้าแบบนี้รวนลำบาก
 
มันขยับริมฝีปากเข้ามาใกล้
 
“ลองคบลองดูกันไหม เขย่าให้หัวใจเต้นตรงกัน เธอจะมีแต่ความสุข เธอจะมีแต่ฉันที่รักเธอ”
ประโยคท้ายมันพูดชิดติดริมหูผมเลย
 
มึงกำลังจะขอกูคบเหรอ กูว่ามึงข้ามขั้นไปไกลมาก เล่นแต่งงานกับกูก่อน ซั่มกูจนเยิน แล้วถึงมาขอคบเนี่ยนะ
 
แล้วคำว่ารักนั้นล่ะ มันร้องตามเนื้อเพลง หรือมีความหมายตามคำพูด
 
“เพราะไหม”
 
“งั้นๆ พี่เอก สุรเชษฐ์ร้องเพราะกว่า”
 
มันหัวเราะหึๆ
 
“เฮียไม่เคยร้องเพลงให้ใครฟังเลยนะ หงส์เป็นคนแรกที่เฮียร้องให้ฟัง”
 
ภูมิใจดีไหม
ผมทำเมินมองไปที่อื่น หูเหมือนมีควันพุ่งออกมาเป็นทาง มันกระชับกอดผมแน่นขึ้น
 
มีแสงจากฟากฟ้าพุ่งลงมาเป็นทางอย่างเห็นได้ชัดตรงหน้า ผมตาโต
 
“ดาวตก!”
ผมรีบหลับตาอธิษฐานทันที

สาธุขอให้ผมมีอิสระ มีความสุข หลุดพ้นจากบ่วงทุกข์นี้เร็วๆ เถอะ
 
“ไม่ขอรึไง”
ผมถาม เพราะเห็นมันยังนั่งนิ่ง
 
“ขอทำไม เฮียได้ในสิ่งที่เฮียต้องการอยู่แล้ว”
 
“อะไร”
 
“หงส์ไง”
 
ผมนิ่งไป เลือกเสหลบ ความสับสนวิ่งชนหัวใจ ดวงตาที่มองมาดูจริงจังจนน่าตกใจ ผมไม่ถามต่อ ไม่อะไรทั้งนั้น
 
คงเพราะผมกลัว กลัวจะต้องก้าวต่อ ผมขอหลบๆ หลีกๆ แบบนี้ไปก่อนละกัน
 
“เคยเล่นน้ำตอนกลางคืนไหม”
 
“บ้า ใครจะไปกล้าเล่น น่ากลัวจะตาย”
 
“วันนี้เรายังไม่ได้เล่นน้ำด้วยกันเลย เฮียอยากเล่นกับหงส์ เราเล่นน้ำกัน”
 
“นี่มันดึกแล้ว หนาว”
 
“ไม่หนาวหรอก มาเถอะ”
มันดันผมลุก ลากพาไปริมแพ
 
“ไม่เอาเฮีย มันมืด น่ากลัวออก เดี๋ยวพวกผีใต้น้ำมาลากลงไปหรอก”
 
มันหัวเราะร่วน
 
“เชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ”
จริงๆ ไฟตรงแพมี แต่มันก็น่ากลัวอยู่ดี มันหย่อนตัวนำร่องลงน้ำไปก่อน
 
มันเอาจริงแฮะ ลอยคอ พยักหน้าเรียก
 
“เร็วหงส์”
 
ผมเม้มปากแน่น กลัวก็กลัว อีกใจก็อยากลองเล่นดู อีกใจ(นิดเดียวจริงๆ ครับ แค่ 0.0001% อยากลงไปเล่นกับมัน)
 
ผมตัดสินใจหย่อนขาลงน้ำ มันเย็นกว่าตอนกลางวันก็จริง แต่ก็ไม่ได้เย็นมาก ผมทิ้งตัวลงน้ำเบาๆ ลอยคออยู่ไม่ห่างแพนั่นแหละ มันจับผมให้เกาะหลังมันไว้
 
“อยู่กับเฮียไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”
 
“เพราะเฮียน่ากลัวที่สุด เป็นตัวกินตับที่น่ากลัวยิ่งกว่าผี”
ผมต่อให้ มันหัวเราะร่วน พาผมลอยคอไปเรื่อยๆ มันยึดจับแขนผมไว้เป็นตัวประกัน ผมเลยโอบสองขารอบเอวมันซะเลย
 
ดีแฮะ ไม่ต้องว่ายเอง มันว่ายน้ำลงไปในส่วนที่ลึกขึ้น
 
“แน่ใจนะว่าไม่มีผี”
 
“ถ้ามีเดี๋ยวเฮียจะจับมันยิงเป้า”
 
ผมศอกใส่หน้าอกกว้างไปที
 
“ยิงไปก็ไม่เข้า มันตายแล้ว”
 
รายนั้นหัวเราะร่วน

วิวกลางคืนท่ามกลางสายน้ำกว้างใหญ่สวยงามมากจริงๆ เห็นภูเขาหินเป็นทิวกั้น ต้นไม้ตะคุ่มๆ แสงสว่างจากเรือนแพ ดาวเต็มฟ้า ผืนน้ำที่สะท้อนทั้งดวงดาวและแสงไฟจนดูสว่างไสวไปหมด
 
“หงส์”
มันเรียกเสียงนุ่ม
 
“ครับ”
โอ้โห ผมก็ตอบรับมันซะเพราะเลย
 
“ไว้ใจเฮียนะ”

ผมมองมันงงๆ มันปลดแขนผมที่เกาะคอมันออก ผมจำต้องปล่อยขาด้วย มันลากผมไปด้านหน้า ช้อนตัวผมนอนหงายในท่าอุ้มเจ้าหญิง
 
“ดาวทั้งหมดบนท้องฟ้าน่ะ เฮียยกให้หงส์คนเดียวเลย”
โอ้โห โคตรใจดีเลย แต่ได้ข่าวว่าดาวเป็นของธรรมชาติไม่มีใครเป็นเจ้าของได้หรอก

เพราะนอนหงายอยู่กลางน้ำที่ไม่มีหลังคาแพหรือสิ่งใดมากั้น วิชั่นขวางอย่างเดียวคือตัวมันนี่แหละ มันทำให้ผมเห็นดาวได้ชัดยิ่งกว่าเดิม
 
“สวย”
ผมพูดตามจริง มันขยับพาผมหมุนเป็นวงกลม น้ำท่วมตัวผมอยู่ครึ่งหนึ่ง เวลาถูกวาดเป็นวงกลมแบบนี้มันทำให้รู้สึกดีพิลึก ผมกางแขนออกอย่างรู้สึกสบาย
 
“หงส์”
มันเรียกผมเสียงเบา ผมลดสายตาจากดวงดาวสบตามัน มันไม่พูดอะไร ก้มลงมาแนบจูบแผ่วเบา ผมขยับเปลี่ยนจากนอนหงายมาเป็นทิ้งตัวลงประคองร่างกลางน้ำด้วยตัวเอง
 
เพราะเราว่ายออกมาอยู่ในจุดที่มืดมาก ผมจึงไม่กลัวว่าคนจะเห็น และบรรยากาศมันก็เป็นใจเหลือเกินให้ผมต้องยอมโอนอ่อน
 
รสจูบของมันนุ่มนวลสุดๆ ผมขยับปากตอบรับด้วยจังหวะผะแผ่วไม่แพ้กัน โอบสองแขนรอบลำคอแกร่ง
 
"I love you"
ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วข้างใบหู ยังไม่ทันที่ผมจะได้ประมวลผลอะไรมันก็ย้ายปากจากหูมาจูบใหม่

เมื่อกี้ผมได้ยินอะไรผิดหรือเปล่า

มันรักผมเนี่ยนะ

รักตั้งแต่เมื่อไหร่

ตอนไหน

แล้วรักได้ยังไง

มันไม่เปิดโอกาสให้ผมได้สัมภาษณ์อะไร บดเบียดปากผมมากขึ้น

ผมไม่รู้ว่าเราจูบกันนานแค่ไหน หากถามดวงดาว ดวงดาวอาจตอบได้
 
แต่ดาวดวงไหนล่ะ เพราะมันหลายล้านดวงเหลือเกิน

มันจูบจนปากผมชาช้ำถึงได้ค่อยๆ คลายปล่อย ยกมือเกลี่ยแก้ม สัมผัสนั้นนุ่มนวลสุดๆ มันฝังปากลงบนหน้าผากผมอีกรอบเบาๆ   
 
“เรากลับกันเถอะ”
 
ผมพยักหน้าเห็นด้วย ผมไม่ได้ว่ายกลับเอง แต่เกาะหลังมันเหมือนเดิม (อันนี้ไม่ใช่ผมเกาะเองนะครับ มันจับผมไปเกาะเองต่างหาก)

หวังว่าคืนนี้ ผมจะได้นอนเร็วเหมือนเดิมนะครับ
 
“หงส์”
 
เหอะ ฝันไปเถอะ





 
เพราะวันนี้ไม่ต้องแหกขี้ตาไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ไหน เราจึงไม่ต้องตื่นเช้ากันมาก ผมลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ โดยมีตัวกินตับโอบกอดอยู่ข้างๆ ท้องพากันร้องจนน่าเกลียด มันสะลึมสะลือมอง
 
“หิวแล้วเหรอ”
 
“เสียงก็อดซิลล่าจากญี่ปุ่นบุกไทยมั้ง”
ผมตอบกวนๆ มันหัวเราะหึๆ จุ๊บขมับผมเบาๆ ตบหน้าขาจนผมสะดุ้ง
 
“ไปอาบน้ำได้แล้วป่ะ”
 
ผมรีบลุกจากที่นอน วิ่งไปคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปทันที ออกไปก็เห็นมันนั่งเปลือยอยู่ข้างเตียงโดยมีแมคบุ๊กอยู่บนตักแล้ว
 
“หน้าด้าน”
ผมว่าไปตรงๆ มันเงยหน้ามอง ผมหยิบผ้าเช็ดตัวมาโยนให้มันกันอุจาด มันยกยิ้มมุมปาก กดปิดโน๊ตบุ๊กวางไว้บนเตียง
 
“ของหงส์ทั้งนั้น”
 
กูไม่อยากรับเว้ย!!
 
มันหัวเราะ เดินเข้าห้องน้ำไป ผมออกไปข้างนอกก่อน เห็นพี่หมอนั่งเล่นรอเหมือนเคย แต่ไม่ได้อ่านการ์ตูน มองวิวเฉยๆ หันมามองเมื่อผมออกไป
 
“อรุณสวัสดิ์ครับน้องหงส์ นอนหลับฝันดีไหม”
 
“ไม่ได้ฝันเลย”
ผมตอบตามตรง นั่งบนเก้าอี้ตัวเอง ซันไรส์เดินเข้ามาพร้อมข้าวต้มอย่างรู้หน้าที่ ผมซัดแหลกทันที กินไปได้แค่ครึ่งชามไอ้บ๊วยก็เดินออกมา ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเอง ไม่ได้เรียกให้ผมไปนั่งด้วย ช่วงเช้าของวันนี้ไอ้บ๊วยมันติดงานครับ ปล่อยให้ผมฟรีสไตล์ จะกลับมาพาเที่ยวอีกทีตอนบ่าย พอกินข้าวต้มหมดมันก็ไป

ส่วนผมหลังกินอิ่มก็มานอนตีพุงเล่นหน้าแพ เราเล่นน้ำกันจนชุ่มฉ่ำพอใจแล้ว วันนี้จึงไม่ได้ตื่นเต้นที่จะลงน้ำมาก นอนเล่นพักผ่อนไปละกัน แดดร่มลมตกสักหน่อยค่อยไปเล่นน้ำก็ได้

ผมหลับไปง่ายๆ ทั้งอย่างนั้น

To be Con...

ตอนนี้ทำเอาจิกหมอนขาดไปสองใบครึ่ง เหลือไว้อีกครึ่งเอาไว้หนุนนอนคืนนี้ >////<  ตอนหน้าซันไรส์เล่านะคะ
กับตอนที่ชื่อว่า : คุณหมอจอมป่วน 

ตัวอย่างตอนต่อไปค่ะ (น้ำจิ้มแซ่บ ๆ)

ผมปิดสวิตซ์ตัวเองลง ก่อนลืมตาพรึบเพราะรู้สึกว่ามีบางสิ่งเคลื่อนที่มาคร่อมร่างผมไว้
 
แม้จะมืด แต่สายตาผมก็มองเห็นได้ถนัดชัดเจน
 
“จะทำอะไรของคุณ วิกเซอร์เขาหูตาไว”
ผมพูดเสียงเบาหวังให้เขาได้ยิน แต่ไม่ให้น้องชายที่นอนอยู่ได้ยิน
 
“ไวขนาดไหนก็คงเอาชนะยานอนหลับที่ฉันให้ดื่มไปก่อนนอนไม่ได้หรอก”

หึ ๆ เอ๊ะ หรือว่าซันไรส์จะเสร็จหมอแน่ ๆ คืนนี้ >////< (เม้นท์ให้เค้าด้วยยยยยยย)

.
.
.
.
.
ข่าวสารและนิยายเรื่องอื่นๆ ในเล้า : >> https://goo.gl/WbWxt8 (หรือตามเพจเอา)
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย [P.9][3-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-06-2017 14:25:39
 :o8: :o8: :-[
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย [P.9][3-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 03-06-2017 14:50:26
อื้อหืออออ คุณหลง โรแมน นะค่ะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย [P.9][3-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 03-06-2017 14:53:39
รักกันดีๆเร็วๆนะคะคู่หลัก
ตอนนี้กำลังแบ่งใจไปเชียร์หมออยู่
หมอสู้ๆ หมอสู้ตายยยย เผื่อน้ำยาล้างจานอินเลิฟปากจะได้หายจัดไปได้บ้าง :hao3:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย [P.9][3-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-06-2017 15:16:45
พยศนิดๆ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย [P.9][3-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 03-06-2017 16:04:36
เฮียก็โรแมนติกนะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย [P.9][3-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 03-06-2017 17:26:25
 :กอด1: เรือขนน้ำตาลล่มค่ะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย [P.9][3-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-06-2017 18:13:33
 :man1: :man1: :man1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย [P.9][3-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-06-2017 20:13:12
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย [P.9][3-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 04-06-2017 11:57:58
เฮียคงไม่ได้รักแรกพบหรอกนะ

ตอนแรกก็หมั่นไส้น้ำยาล้างจานหรอกนะ  หลังจากเจอหมอชักเริ่มสงสารแทนล่ะ  คุณหมอน่ากลัว  :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #13 คุณหมอจอมป่วน [P.9][7-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 05-06-2017 19:43:28
หงส์ซาน
ตอนที่ 13 คุณหมอจอมป่วน
 
#ซันไรส์
ท้องฟ้ากำลังโปร่งสบาย ผมนอนอยู่บนผ้าใบ มือหนุนรองหัวไว้ มองผ่านทุกวิวทิวทัศน์ไม่ต่างกับคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบด้านหน้า วันนี้ลมโกรกสบาย คนด้านหน้าผมหลับ หลับพอๆ กับหงส์ซานที่นอนอยู่ระเบียงแพตัวเอง แสงยามสายสะท้อนอาบไล้ผิวเนื้อขาวผ่องดูเป็นประกายสวยงาม
 
ถ้าตัดหัวออก ตัดนิสัยลิงๆ นั้นออก ผมว่าหงส์ซานมีผิวที่สวยและละเอียดดี คงเป็นผิวปกติของคนที่มีเชื้อสายจีนแบบนั้น หันกลับมามองคนที่นอนอยู่บนแพเดียวกับผม ผิวของหมอขาวก็จริง แต่ไม่ขาวละเอียดแบบหงส์ซาน ไม่ขาวกร้านแบบผิวของผมด้วย
 
ใช่ ผมรู้ว่ามันละเอียดหรือไม่ละเอียด เพราะผมเคยสัมผัสมาแล้ว
 
ผมค่อยๆ ผ่อนลมหายใจระบายความรู้สึกอึดอัดภายในลง เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างพร้อมจะระเบิดอยู่ภายในตลอดเวลา
 
และผมรู้ว่าทำไม 
 
…….
 
…..
 

 
..
 
พอรู้ว่าโดนหลอกให้ลงไปในน้ำ ผมก็เดินหงุดหงิดขึ้นมาอาบน้ำล้างตัวในห้อง พออาบเสร็จ ออกไปก็เห็นหมอยืนมองวิวอยู่ริมหน้าต่าง
 
“เดี๋ยวรอฉันอาบน้ำแป๊บ จะได้ออกไปกินข้าวกัน”
เขาบอกด้วยท่าทีปกติ ผมก็ตีเนียนเช่นกัน ผมออกไปด้านนอก เห็นหงส์ซานนั่งเล่นอยู่บนเก้าอี้ในสภาพตาปรือจะหลับมิหลับแหล่ ผมไม่ได้สนใจ ยืนคอยหมอนิ่งๆ กระทั่งหมออาบน้ำเสร็จ เดินไปสะกิดปลุกคนที่ตาปิดลงไปแล้ว
 
หมอยื่นเมนูให้ หงส์ซานตาโตทันที ท่าทางจะตื่นแล้วเรียบร้อย เปิดเมนู รัวปากสั่ง ถ้าไม่กะฟันหมอหัวเละก็คงจะสั่งเผื่อผมกับหมอด้วย
 
และก็เป็นไปตามคาด หงส์ซานสั่งมาเผื่อผมกับหมอจริงๆ
 
เนื่องจากจำนวนแขกที่นี่ค่อนข้างเยอะ มากันเป็นกลุ่มหรือครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ ทำให้กว่าจะได้อาหารใช้เวลาเป็นชั่วโมง หงส์ซานบ่นแล้วบ่นอีกจนน่ารำคาญ ผมกะว่าถ้าทางที่พักไม่เอาอาหารมาเสิร์ฟอีกภายใน 10 นาทีนี้ ผมจะดำลงไปในน้ำแล้วจับปลามาย่างยัดปากหงส์ซานเสีย
 
พอมาถึงสองคนนั้นก็ลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย ในขณะที่ผมกินด้วยความเร็วปกติ ผมถูกฝึกให้อดอาหารมาก่อน ต่อให้หิวขนาดไหน เวลากินก็ต้องมีระเบียบแบบเดิม พออิ่มหงส์ซานก็หลับไปง่ายๆ ผมไม่ได้สนใจ เอนตัวพักผ่อนเช่นกัน
 
สายลมยังคงพัดไหว ผมปิดเปลือกตาลง ไม่ต้องห่วงว่าจะมีภยันตรายที่จะมาถึงหงส์ซาน ไม่มีหรอกสำหรับที่นี่ ถึงจะมีจริง ผมก็ช่วยเหลือเขาไว้ได้อยู่แล้ว
 
ผมสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่ามีบางสิ่งทาบลงมาบนริมฝีปาก ผมตะปบสิ่งนั้นอัตโนมัติจนเห็นภาพตรงหน้าชัดเจน แต่เป็นความชัดในระยะประชิดมากเกินไป
 
ทั้งที่ผมผ่านการฝึกมาแล้วอย่างหนัก แต่ก็ยังพลาดพลั้งให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า
 
หมอกำลังจูบผมอยู่ ก้มลงมาจูบทางหัว ปากเราประสานกันในลักษณะเขากลับหัว ผมรีบผลักคนด้านบนออก เขายิ้ม ยืดตัวบิดขี้เกียจ
 
“น่านอนเนอะ”
แล้วก็เดินกลับไปหย่อนตัวลงนอนอีกครั้ง
 
เขาป่วนจนผมหลับไม่ลง แต่ตัวคนป่วนเองนอนกรนฟี้ๆ ไปแล้ว ผมนั่งหงุดหงิด กระทั่งเจ้านายผมกลับมา พอเห็นสภาพทั้งเพื่อนทั้งคนรักก็ส่ายหัว หมอรู้สึกตัวตื่นก่อน แต่หงส์ซานยังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ขนาดโดนเจ้านายอุ้มเข้าห้องยังไม่รู้สึกตัว
 
ผมเลิกสนใจหันไปพูดคุยกับวิกเซอร์เพื่ออัพเดทงานของเจ้านาย
 
เอาตามจริงแล้วหมอถือว่าเป็นคนที่รู้ใจเจ้านายผมมากที่สุด เขาสั่งอาหารเตรียมไว้ให้เจ้านายผมเรียบร้อย ผมยืนอยู่ห่างๆ เพื่อทำหน้าที่ตามคำสั่งเคียงคู่กับวิกเซอร์ ปกติเจ้านายไม่เคยมีความลับอะไรกับผมและวิกเซอร์ซึ่งถือว่าเป็นคนสนิท ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว
 
เจ้านายท่านเตรียมไวน์ไว้ เมื่อสัญญาณมาผมก็เดินไปหยิบมารินให้อย่างรู้หน้าที่ ผมรินเครื่องดื่มใส่แก้วแรก ยื่นให้เจ้านายก่อน แต่เจ้านายนำมันไปยื่นให้หงส์ซานแทน แก้วถัดไปเป็นของท่านเอง ผมรินอีกแก้วยื่นให้หมอ เขามองตาผม เอื้อมมารับแก้วไวน์ช้าๆ ไม่ได้รับเปล่า แต่กุมมือผมไว้ เรียวปากได้รูปเผยรอยยิ้มยั่ว ผมไม่สนใจท่าทีแบบนั้น ดึงมือออกง่ายๆ
 
ยั่วขนาดไหนผมก็ไม่หลงเสน่ห์หรอก เป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง
 
ท่ามกลางดวงดาวที่กำลังทอแสง เสียงผู้คนจากแพข้างๆ พากันส่งเสียงพูดคุยอย่างสนุกสนาน ผสานเสียงดนตรีจากกีตาร์จากแพใดแพหนึ่ง แต่คนในแพเราเงียบสนิท วิกเซอร์เงียบเพราะกำลังทำหน้าที่บอดี้การ์ดไม่ต่างกับผม ถึงงั้นวิกเซอร์ก็ยังเพลิดเพลินกับดวงดาวด้านบนและผิวน้ำด้านล่างได้ เจ้านายนอนบนผ้าใบ ทำตัวเป็นเบาะรองกิตติมศักดิ์ให้หงส์ซานอิงแอบแนบแผ่นอก หงส์ซานตัวเล็ก นั่งบนตักเจ้านายผมได้สบายๆ หัวเล็กพิงซบอกกว้าง สายตาทอดมองท้องฟ้า สองวงแขนใหญ่โอบกอดร่างน้อยแน่น ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข
 
ผมยิ้มออกมานิดๆ ที่เห็นเจ้านายของผมมีความสุขแบบนี้  ต่อให้คนรักของเจ้านายจะมีเผ่าพันธุ์เป็นลิงก็เถอะ = =
 
หมอนอนบนผ้าใบตัวเอง สองแขนหนุนรองหัว ตามองท้องฟ้า รสจูบนุ่มๆ ของเขายังคงฝังอยู่กับปากผม ผมละสายตาจากเขาเงยหน้ามองท้องฟ้าตาม
 
สองทุ่มกว่าๆ ทุกคนก็พากันเข้านอน นำไปก่อนคือหมอ ผมกับวิกเซอร์ต้องเคลียร์พื้นที่ให้เรียบร้อยก่อนตามหน้าที่ พอเรียบร้อยก็พากันเข้านอนด้วยเช่นกัน คนที่เข้าไปก่อนหลับแล้ว วิกเซอร์เป็นคนปิดไฟ ผมทิ้งตัวลงนอน ผสานมือไว้บนอก ปิดเปลือกตาลง
 
เราถูกฝึกมาให้ปิดสวิตทันทีเมื่อไม่มีเหตุเภทภัยภยันตรายใดๆ แต่ก็จะว่องไวเสมอเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น หรือได้ยินเสียงเรียกของเจ้านาย

ผมปิดสวิตซ์ตัวเองลง ก่อนลืมตาพรึบเพราะรู้สึกว่ามีบางสิ่งเคลื่อนที่มาคร่อมร่างผมไว้
 
แม้จะมืด แต่สายตาผมก็มองเห็นได้ถนัดชัดเจน
 
“จะทำอะไรของคุณ วิกเซอร์เขาหูตาไว”
ผมพูดเสียงเบาหวังให้เขาได้ยิน แต่ไม่ให้น้องชายที่นอนอยู่ได้ยิน
 
“ไวขนาดไหนก็คงเอาชนะยานอนหลับที่ฉันให้ดื่มไปก่อนนอนไม่ได้หรอก”
 
ผมเบิกตาโพลง ขยับลุกนั่งโดยที่อีกคนก็ยังไม่ได้หลีกหนีไปไหน หันไปมองน้องชาย หยิบไฟฉายบนหัวเตียงที่เตรียมพร้อมไว้เสมอมาเปิดส่องดู
 
“วิกเซอร์”
ผมเรียกเสียงหนักๆ น้องผมนอนกรนฟี้ๆ เป็นสัญญาณว่าเขาได้หลับลึกไปแล้วจริงๆ
 
ไปทำอีท่าไหนพลาดท่าให้หมอได้เนี่ย
 
“ทำอะไรของคุณ”
ผมหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่ยังคร่อมตักผมไว้อยู่ ผมยังไม่ได้ปิดไฟฉายจึงมองเห็นใบหน้าคนด้านบนได้ชัดขึ้น
 
“เสียงครางของหงส์ซานเร้าใจเกินไป นอนไม่หลับ”
 
“มันเรื่องของคุณ ถ้าทนไม่ไหว ห้องน้ำยังมี จะนอนมาสเตอร์เบทคนเดียวบนที่นอนผมก็ไม่ว่า”
ผมพูดตรงๆ คนตรงหน้ายกยิ้ม ลดมือลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็วกระชากดึงกางเกงผมออก งัดน้องผม(ที่ไม่ใช่วิกเซอร์)ออกมาโชว์หราด้านนอก ผมรีบจับมือนั้นไว้ทันที หมอใช้มืออีกข้างจับ ตัวผมร้อนวาบ น้องผมกระตุกตื่นวูบ
 
สองมือหมออยู่ในมือผมเรียบร้อย หมอเหลือบตามองผมนิดหนึ่ง
 
“รู้สึกเหมือนมันกำลังคิดถึงฉันนะ”
 
ผมกัดกราม บังคับไม่ให้ด้านล่างรู้สึกอะไร หมอยกยิ้ม ขยับตัวก้มหน้าทั้งที่สองข้อมือยังไม่เป็นอิสระ แตะปลายลิ้นลงบนปลายยอดน้องผมที่ตื่นขึ้นมาแล้วนิดหนึ่ง เพียงชั่วสัมผัสแผ่วเบา มันก็ดีดเด้งขึ้นมาตั้งตรง เขาตวัดปลายลิ้นมากขึ้น ใช้ลิ้นยกมันขึ้นมา แล้วครอบครองไว้ในปาก
 
น้องผมแข็งทื่อ เขม็งเกลียวจนเส้นเอ็นปูด หมอใช้ปลายลิ้นแตะลากเป็นทาง วกจนรอบ แล้วกลับมาแหย่รูรูปปากปลาวาฬของผม หยาดน้ำใสๆ ไหลล้นออกมา มันสั่นริก หมอตวัดกินเหมือนแมว ผมซี้ดปาก จ้องมองทุกการกระทำนั้น
 
ใจอยากผลักเขาออก แต่สิ่งที่เขาทำมันทำให้ผมหยุดเขาไว้ไม่ได้
 
หมอลดหน้าต่ำลงไปอีก กลืนน้องผมไว้ทั้งอันลึกเข้าไปในลำคอ ผมแทบบ้า ผู้หญิงยังทำไม่เก่งเท่าหมอเลย ผมครางอย่างพอใจ พอเขาชักมือกลับ ผมจึงยอมปล่อยไปง่ายๆ
 
วิกเซอร์ยังนอนอยู่ ได้ยินเสียงกรนดังประกอบ
 
หมอเลื่อนมือที่เป็นอิสระมาจับน้องผมบีบขยำ ปรนเปรอผสานกันกับลิ้นและริมฝีปาก ผมจับหัวหมอไว้ คลึงเบาๆ กัดกราม คำรามในลำคอ พลังดูดของหมอเหลือร้าย เพียงชั่วอึดใจผมก็พุ่ง ผมหอบแฮก มองคนที่หน้าและมือบางส่วนเลอะสิ่งที่ผมพ่นออกมาเมื่อกี้ หมอตวัดทำความสะอาด ยกหน้าขึ้นมาเลียหลังมือ เช็ดที่เลอะตรงแก้มด้วยปลายนิ้ว ตวัดเลียเข้าปาก
 
ผมกัดกรามกับภาพยั่วตรงหน้า
 
ผมจะไม่หลงเสน่ห์คนตรงหน้าเด็ดขาด
 
เขามองตาผม ขยับเข้ามาชิด โอบรอบลำคอ แนบริมฝีปากเข้ามา
 
ผมอยากผลักเขาออก แต่ลิ้นร้อนๆ กระตุ้นเร้าให้ผมต้องเคลื่อนไหวตาม เขาเลื่อนมือข้างหนึ่งลงไปด้านล่าง พักหนึ่งก็รู้สึกถึงแรงขยับ ไม่ใช่ของผม แต่เป็นของตัวเขาเอง หมอครางในลำคอ ถอนปากต่ำลงไปซุกซอกคอผม ขบเม้ม มันสยิวดีอยู่หรอก คนตรงหน้าผมขยับมือเร็วขึ้น เขาเลื่อนปากขึ้นมาจูบอีก ครั้งนี้ผมถึงได้เห็นสายตาเขาชัดๆ มันเป็นสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์
 
ผมควรทำยังไงดี
 
ยุติเรื่องบ้าๆ นี้ด้วยการผลักเขาออก
 
อยู่นิ่งๆ เพื่อให้หมอหยุดเอง
 
หรือโดดลงไปในหลุมพรางที่หมอขุดไว้

 
หมอถอนปากออก ไม่ได้ซุกซอกคอผมอีก เพียงแต่กอดผมไว้นิ่งๆ ขยับท่อนล่างเร็วขึ้น กระทั่งทุกอย่างจบลง
 
ผมยิ้มดีใจที่ไม่ได้โดดลงไปในหลุมที่หมอดักวางไว้ หมอหอบแฮกกับอกผม กลิ่นหัวหอมๆ ลอยกรุ่น
 
“ราตรีสวัสดิ์”
เขาพูดแค่นั้น ยกหน้าขึ้นมาจูบผมแผ่วเบา เก็บน้องตัวเองเข้ากางเกง คลานกลับไปยังฟูก
 
ผมยังนั่งนิ่งอยู่กับที่ มองร่างที่กำลังทิ้งตัวลงนอน หมอขยับตะแคงข้าง ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมที่เอว
 
ใช่ ผมคือผู้ชนะในเกมนี้ ชนะที่ไม่ตกหลุมพรางของคนข้างๆ
 
ผมบดกราม ก้มมองบางสิ่งที่กำลังผงาดตื่นขึ้นมาเพราะเสียงกระเส่าข้างหู ไม่รู้หมอตั้งใจ หรือว่าไม่รู้ตัวกันแน่
 
ผมขยับลุกพรวดจากฟูกตัวเองไปคร่อมร่างของหมอไว้ เขาหันมามอง สีหน้าดูตื่น ผมจับสองข้อมือหมอตรึงเหนือหัว ก้มหน้าฉกปากของคนด้านล่างทันที
 
“คุณหาเรื่องเองก่อนนะหมอ”
ผมถอนปากออกมาขู่เสียงต่ำ เลื่อนปากลงไปที่ลำคอ
 
ผมรวบจับสองมือหมอด้วยมือเดียว มืออีกข้างล้วงผ่านชายเสื้อเข้าไปลูบไล้ผิวเนื้อเนียนๆ ผมคำรามเสียงต่ำ งับซอกคอ ลากปากต่ำลงไปยังร่องอก สาบานได้ว่าผมไม่มีทางพิศวาสร่างกายผู้ชายด้วยกันเองแน่ๆ
 
“คุณเอายาพิเรนทร์อะไรให้ผมกินใช่ไหม”
เอาตามจริงแล้วผมยังไม่ได้ดื่มหรือกินอะไรนอกเหนือจากมื้อเย็นเลย
 
“เปล่า อึก เจ็บซันไรส์ เบา”
 
ผมไม่ฟัง ปล่อยมือด้านบนออกมาจับสองเอว ซุกหน้าไล่งับไปทั่วทั้งแผงอก เขาจับหัวไหล่ผมแน่น บีบแรง
 
“หยุด ซันไรส์!!”
หมอห้ามปรามมาเสียงดังขึ้น แต่คิดว่าจะหยุดผมได้รึ ผมจับสองมือหมอกางขึงเมื่ออีกคนพยายามหยุดผมไว้
 
“ใจเย็น ซันไรส์ ที่นี่ไม่ได้ ฉันยังไม่ได้เตรียมพร้อม”
 
ผมไม่ฟังอะไรทั้งนั้น จับหมอพลิกคว่ำ ยกสะโพกขึ้น ทาบแผงอกกับแผ่นหลังหมอ ปากยังไม่หยุดงับคอ ผมจับน้องตัวเองตรงเข้าหาเป้าหมายทันที
 
“อึก”
ผมสะอึกไปเพราะความคับแน่นของคนด้านล่าง
 
“เข้าไม่ได้หรอก ยังไม่ได้เตรียมความพร้อมเลย”
หมอบอกด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น พยุงตัวอย่างทุลักทุเลพลิกหงาย ใช้มือคว้าจับน้องผมไว้
 
“ขืนทำตอนนี้ มีหวังฉันลุกไม่ขึ้นสำหรับพรุ่งนี้แน่ ใจเย็นก่อนสิ”
เขาพูดไปลูบไล้ด้านล่างของผมไป ขยับลุกขึ้นมานั่งดีๆ แล้วก้มปรนเปรอผมด้วยปากและมืออีกรอบ ผมครางอย่างพอใจ จับหัวหมอไว้ รอรับการดูแลอย่างถึงอกถึงใจนั้น

กระทั่งผมไปอีกรอบ หมอยังใจดีไม่หยุด เขากระตุ้นเร้าผมให้ตื่นใหม่ปรนเปรอผมอีกที จนผมเสร็จไปรวมสามรอบเน้นๆ เพียงแค่จากปากและมืออันเรียวได้รูปนั้น
 
“นอนได้แล้ว ฤทธิ์ยานอนหลับที่ให้วิกเซอร์ไปอยู่ได้แค่ 2 ชั่วโมง”
 
ผมมองตาหมอ แต่ก็ยอมล่าถอย กลับไปนอนที่ของตัวเอง
 
เพราะโดนสูบพลังไปเยอะ เพียงแค่หัวแตะหมอผมก็หลับเป็นตายไปทันที
 
ผมตื่นเพราะเสียงนาฬิกาที่ตั้งปลุกไว้ข้างตัว ขยับลุกนั่ง วิกเซอร์ลุกตาม ผมให้น้องไปอาบน้ำก่อน เพราะผมจะไปปลุกเจ้านายและหงส์ซาน วิกเซอร์ลุกอย่างว่าง่าย หันไปมองคนด้านข้าง หมอยังคงนอนนิ่ง ผมขยับลุกยืน แต่อยู่ๆ ก็ต้องล้มโครมลงไปคร่อมร่างของคนที่นอนอยู่เพราะแรงฉุดที่ชายเสื้อ มือของคนที่ผมคิดว่าหลับอยู่ตะปบมาที่ท้ายทอย เขากดหัวผมลงต่ำ ปากผมสัมผัสเข้ากับปากอุ่นๆ ของคนด้านล่าง หมอบดขยี้เบาๆ แต่เพียงภายนอกเท่านั้น แล้วค่อยๆ ถอนปากออก
 
“อรุณสวัสดิ์”

ผมจ้องตาคนด้านล่าง วิกเซอร์เปิดไฟแล้ว ผมจึงเห็นเขาได้ชัดเจน ผมไม่ได้พูดตอบอะไร ขยับลุกขึ้นยืนอีกรอบ
 
“ถ้าตื่นแล้วก็เตรียมตัวอาบน้ำไปดูพระอาทิตย์ขึ้นละกัน ผมจะไปปลุกเจ้านาย” ผมบอกแค่นั้น เดินออกจากห้องไป
 
เพียงแค่จูบเท่านั้น
 
ผมออกจากห้อง ไม่ได้ตรงไปยังแพเจ้านาย แต่ยืนสงบอารมณ์อยู่ในมุมมืดแถวๆ หน้าห้องนั่นแหละ บังคับให้บางสิ่งที่ตื่นขึ้นมาหลับใหลลงไปดังเดิม ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก กระทั่งร่างกายสงบถึงได้เดินไปเคาะปลุกเจ้านาย
 
 
ผมกลับเข้าห้องไปอาบน้ำอีกครั้งต่อจากหมอ ไม่มีคำพูดใดๆ จากปากเราอีก เรือมารอรับอยู่แล้ว พอถึงเวลาทุกคนก็ก้าวขึ้นเรือ เจ้านายรับหน้าที่ดูแลหงส์ซานประหนึ่งเจ้าชายน้อย พากันก้าวนำขึ้นไปก่อน หมอเป็นคนถัดไป ผมก้าวตาม ตอนแรกจะนั่งหลังสุดคู่กับวิกเซอร์ แต่หมอหันมามอง
 
“ซันไรส์มานั่งนี่”
เขาพูดพร้อมมองตา
 
ผมไม่ได้ปฏิเสธอะไรให้เป็นเรื่อง ก้าวตามไปนั่งเคียงข้าง ปล่อยให้วิกเซอร์นั่งหลังไป รอบด้านยังคงมืดแต่ไม่สนิท แค่สลัวราง เวลาตอนนี้คือตีห้าหน่อยๆ เขาพาเราวิ่งแทรกผืนน้ำไปหยุดอยู่กลางแม่น้ำ ด้านหน้าคือร่องเขาที่คาดเดาเอาว่าพระอาทิตย์น่าจะขึ้นตรงจุดนี้พอดี
 
ผมจ้องมองสิ่งนั้นไม่วางตา แสงแรกค่อยๆ แทรกผ่านขุนเขาขึ้นมา แสงนั้นสว่างขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งส่วนหัวของลูกสีส้มกลมๆ โผล่ขึ้นมาด้วย
 
ผมนั่งมองมันนิ่งๆ แต่คนที่ไม่นิ่งคือคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม เขาหยิบกล้องมือถือมากดถ่าย ทั้งถ่ายตัวเอง ถ่ายคนรอบข้าง แม้แต่ผมก็พลอยถูกดึงให้ไปร่วมวงด้วย การเคลื่อนไหวใดๆ บนเรือทำให้เรือโคลงเคลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ทำให้ถึงกับจม (ต่อให้จมก็ไม่ตาย)
 
หมอได้ภาพหน้ามุ่ยๆ ของผมไปสามภาพ กระทั่งพระอาทิตย์โผล่เหนือทิวเขาขึ้นไปผงาดอยู่บนท้องฟ้า พวกเราถึงพากันบ่ายหัวกลับ
 
หมอนั่งดูรูปอยู่ข้างๆ ระยะห่างระหว่างเราหายไปนานแล้วด้วยความเนียนของอีกคน เนียนจนเป็นเรื่องปกติ ไหล่เราชิดไหล่ ผมจะไม่คิดอะไรเลยถ้าภาพเรือนร่างของหมอที่ผมสัมผัสเมื่อคืนจะไม่ฉายแวบเข้ามาในหัว
 
“ยิ้มให้กล้องหน่อยก็ได้นะ ดูสิกล้องแทบจะบูดตามหน้าไปแล้ว”
หมอยกภาพให้ดู ผมไม่ได้สนใจ มองตรงไปด้านหน้านิ่งๆ
 
ผมเห็นเขากดเปลี่ยนวอลเปเปอร์จากภาพตัวเองและเจ้าหมาสี่ตัวที่บ้านมาเป็นรูปของตัวหมอเองกับผม หมอฉีกยิ้มกว้างในขณะที่ผมนั่งหน้าบูด ด้านหลังเยื้องไปทางขวาคือพระอาทิตย์ดวงโตที่กำลังฉายแสงแรกอรุณ
 
เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น ก่อนเจ้าตัวจะกดล็อกหน้าจอ ถือมือถือไว้ในมือเฉยๆ เหมือนเดิม
 
วันนี้เจ้านายผมหยุดเพื่อทำกิจกรรมกับหงส์ซานทั้งวัน หลังมื้อเช้าที่เป็นข้าวต้มง่ายๆ พวกเขาก็ไปพายเรือคายัคกัน เจ้านายผมพายไปกับหงส์ซานสองคน อีกลำเป็นของหมอที่นั่งพายไปคนเดียว
 
ผมกับวิกเซอร์ยืนอยู่บนฝั่งเพื่อสังเกตการณ์ไปนิ่งๆ
 
“ดูท่าเจ้าลิงนั่นจะหลงเสน่ห์เจ้านายเราแล้ว”
วิกเซอร์พูดขึ้นมาเรียบๆ ผมมองตาม รู้อยู่แล้วเลยไม่ตอบว่าอะไร เหลือบสายตามองไปยังเรืออีกลำที่หมอกำลังพายเล่นเอื่อยๆ อยู่
 
ผมรีบหลบสายตาหนีเสียเพราะอยู่ๆ ก็รู้สึกอึดอัดในกางเกงขึ้นมา
 
ไม่รู้ว่าลิงกังนั่นคิดไงถึงได้มาท้าหมอแข่งพายเรือ หมอรับคำโดยมีเจ้านายผมขอร่วมลงแข่งด้วย โดยมีกติกาที่มองยังไงก็เหมือนเจ้านายผมขุดเอาไว้ล่อให้ลิงวิ่งไปตก
 
ก่อนตอบตกลงแข่ง หงส์ซานน่าจะศึกษาคู่แข่งสักหน่อยว่าเขาเหนือหรือด้อยกว่าเพียงไร เพราะบื้อและไร้สติแบบนี้นี่เอง พ่อแม่ถึงได้เป็นห่วงจนต้องจ้างครูมาสอนที่บ้าน และถูกดูแลอย่างกับไข่ในหินขนาดนั้น (แลดูเจ้าตัวจะไม่ค่อยรู้เรื่อง)
 
สุดท้ายหงส์ซานก็แพ้อย่างราบคาบ
 
คิดจะแข่งกับคุณไป่หลง เกิดช้าไปสิบปี
 
ทริปถัดไปคือไปเดินถ้ำเขาทะลุ ผมถูกกำหนดให้เดินรั้งท้ายโดยมีวิกเซอร์เดินอยู่หน้าสุดของกลุ่มเราตามติดไกด์คนเก่งไป
 
เป็นไปได้ ผมอยากเป็นคนไปเดินด้านหน้าแทนดีกว่า ผมกับวิกเซอร์ถนัดเรื่องการเดินป่าดี เพราะผ่านการฝึกฝนเรื่องนี้มาพอสมควร จึงเดินกันได้ค่อนข้างสบาย คนที่ทุลักทุเลหน่อยก็หงส์ซาน แต่ไม่น่าห่วงเท่าไหร่ เพราะมีเจ้านายผมคอยดูแล รองลงมาก็คนที่เดินอยู่หน้าผมนี่แหละ
 
แต่เขาก็พยายามทรงตัวดีพอประมาณ จับทั้งเถาวัลย์ทั้งกิ่งไม้เพื่อพยุงตัวให้ผ่านไปได้ จะล้มก็หลายรอบ แต่ผมไม่ได้เข้าไปช่วยเขาเหมือนเจ้านายทำกับหงส์ซานหรอกนะ
 
มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาไถลลื่นลงมา แต่ผมใช้ร่างผมรับเอาไว้
 
“ขอบใจ”
เขาพูดแค่นั้น ฮึดสู้ก้าวเดินต่อ เหงื่อกาฬไหลย้อยย้อมเสื้อด้านหลังให้เปียกชุ่มจนเห็นผิวเนื้อ
 
ผมกลืนน้ำลาย จ้องมองแผ่นหลังนั้นต่ำลงไปที่บั้นเอว และต่ำลงไปกว่านั้น
 
รู้สึกอึดอัดในกางเกงอีกรอบ
 
หมอไถลลื่นอีกเพราะกิ่งไม้ที่จับไว้หัก และก่อนที่ร่างนั้นจะถึงพื้น วงแขนผมก็โอบรั้งเอวเขาไว้ทันที กลิ่นเหงื่อเขาเคล้าไปกับกลิ่นน้ำหอมลอยมาแตะจมูกจางๆ หมอพ่นลมหายใจแรง ดีดตัวลุก
 
“ขอบใจอีกครั้ง”
เขาพูดแค่นั้น ยิ้มหวานให้แล้วก้าวเดินต่อ ผมก้าวตามไปติดๆ กระทั่งมาถึงถ้ำ รูปขบวนเปลี่ยนเล็กน้อย จากเจ้านายเดินตามหงส์ซานมาเป็นเดินนำ โดยมีผมตบท้ายเหมือนเดิม

(80%)


เส้นทางในถ้ำนั้นเดินลำบากกว่าข้างนอก ถ้าไม่ระวังมีสิทธิ์หัวกระแทกหินได้ง่ายๆ หมอที่ไถลลื่นจากดินข้างนอก แต่กลับทรงตัวได้ดีในน้ำหรือหินแบบนี้
 
หลายจังหวะที่เราต้องใกล้ชิดกันเพราะระยะบังคับของพื้นที่ ผมเดินตามคนตรงหน้าไปติดๆ ทิ้งระยะห่างกันแค่ไม่เกินเอื้อม
 
ได้ยินเสียงร้องของหมอ รู้ตัวอีกทีผมก็ถูกดันจนล้มลงไปนั่งที่พื้นในน้ำ ด้านหน้าคือเจ้าของเสียงร้องนั้น ผมมองงงๆ เพราะยังประมวลสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ถูก มองหาที่มา
 
นี่หมอลื่นล้มหรือว่าอะไร
 
เพราะความมืดทำให้มองไม่เห็นอะไรในตอนแรก หลังสิ้นเสียงร้องและการล้มระเนระนาดของเราสองคน ทุกคนหันมามอง แสงไฟบนหัวแต่ละคนพุ่งปราดมาบนตัวหมอ ผมถึงได้เห็นสาเหตุชัดๆ
 
เจ้าตัวปากกว้างสี่ขาสีเขียวผสมเทา สีแทบกลืนไปกับเสื้อของหมอ พอรู้ว่าเป็นอะไร ผมรีบปัดออกให้ทันที มีเสียงหัวเราะของหงส์ซานประกอบอย่างขบขัน ผมรีบพยุงตัวลุก ฉุดหมอให้ลุกยืนด้วย
 
“ตกใจหมด คิดว่าโดนค้างคาวบินมากัดคอซะอีก”
คนตรงหน้าผมพูดกับคนที่ยังไม่หยุดหัวเราะ
 
กระทั่งเสียงหัวเราะนั้นเงียบลง เจ้าตัวเขียวๆ ที่ผมปัดทิ้งเมื่อกี้ตอนนี้มันกระโดดไปแปะอยู่กลางหน้าหงส์ซานพอดิบพอดี เจ้าตัวนิ่งค้างไปชั่วครู่ราวกับกำลังประมวลผลอยู่ แรมต่ำแบบลิงไทยเชื้อสายจีนใช้เวลาอยู่นานทีเดียวกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร หงส์ซานแหกปากร้องโหยหวนจนก้องถ้ำ กบกระโดดจากหน้าไปเกาะหัว จากหัวลงไปที่หลัง หงส์ซานดิ้นเป็นลิงทรงเจ้าปัดป่ายเจ้าสิ่งนั้นออก แต่กบตัวนั้นมันไม่ไปไหน กระทั่งเจ้านายผมกระโดดเข้ามาช่วยนั่นแหละ

หงส์ซานรีบเดินลิ่วๆ ตัวปลิวออกไปจากจุดนั้นทันที คงกลัวกบตัวเดิมจะกระโดดใส่อีก 
 
หมอยืนหัวเราะอย่างขบขันอยู่กับที่ กระทั่งคนทั้งคู่ก้าวห่างออกไป พอๆ กับผู้คนที่เดินตามหลังเรามาก็ก้าวล้ำนำไปก่อน
 
“เดินได้แล้ว”
ผมเตือนเสียงนิ่ง หมอหันมามอง ยิ้มพราย
 
“ขอบใจที่ช่วย อะ รางวัล”
พูดจบ เขาก็รั้งหัวผมต่ำ แนบปากเราเข้าหากัน บดขยี้เบาๆ แทรกลิ้นเข้ามาทักทายนิดๆ แล้วปล่อยออก

“รีบตามไปกันเถอะ”
เขาพูดแค่นั้น ก้าวนำไป ผมกัดกราม กำมือที่เกือบจะแตะตัวหมออยู่ร่อมร่อกลับมาที่เดิม ก้าวตามไปติดๆ
 
จบจากถ้ำเราก็ย้อนกลับมาที่พักเหมือนเดิมเพื่อทานมื้อค่ำ หมอบอกขอตัวเพื่อให้คู่รักมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง วิกเซอร์กับผมก็ทำแบบเดียวกัน
 
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เจ้านายผมจะได้เก็บเกี่ยวความสุขกับคนที่เขารักได้เต็มที่ หมอเข้านอนไปแล้วจริงๆ ไม่ใช่ข้ออ้าง เหลือไว้แค่ผมกับวิกเซอร์ที่หลบมายืนอยู่ในมุมมืดให้เหมือนว่าไม่ได้อยู่ด้วย แต่ก็เฝ้าสังเกตการณ์ตลอด ในฐานะบอดี้การ์ดที่ไม่อาจละทิ้งหน้าที่ของตัวเองได้แม้เมื่อยามหลับใหลก็ตาม
 
เราสองคนเพ่งสายตาไปยังคนสองคนที่นั่งสวีทกันอยู่ริมแพ
 
“นายไม่คิดจะมีแฟนมั้งเหรอ”
อยู่ๆ น้องผมก็ถามขึ้น
 
“นายมีก่อนสิ เดี๋ยวฉันจะมีตาม”
ผมตอบรับนิ่งๆ
 
“รอนายมีก่อน”
 
ผมหัวเราะ ยกมือกอดอกฟังเสียงเพราะๆ ของเจ้านายที่กำลังขับขานเสียงเพลงให้ลิงกังฟัง
 
“งั้นคงอีกนาน ดีไม่ดีอาจไม่มี เพราะฉันไม่นิยมคนเอเชีย”
 
วิกเซอร์ยักไหล่
 
“คนเอเชียก็น่ารักออก แต่บางคนนะ”

ผมหัวเราะหึๆ ทอดดวงตามองตามเจ้านายที่กำลังพาหงส์ซานก้าวลงน้ำไปด้วยกัน ไร้เสียงจากเราสองคน เจ้านายพาคนรักแหวกว่ายสายน้ำห่างออกไปเรื่อยๆ

สายตาคนทั่วไปอาจมองไม่เห็นว่าสองคนนั้นทำอะไรกันอยู่ แต่สำหรับผมกับวิกเซอร์ที่ถูกฝึกมาอย่างดีแล้ว เราเห็นภาพพวกนั้นได้อย่างชัดเจน 
 
ท่ามกลางดวงดาวสะท้อนน้ำ สองชีวิตแหวกว่ายดั่งปลาในมหาสมุทร
 
“การนอนกับผู้ชาย มันทำให้รู้สึกดีจริงๆ หรือเปล่า”
วิกเซอร์ถามมานิ่งๆ ผมชะงักไปกับคำถามนั้น นึกย้อนไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
 
“ไม่รู้ ไม่เคยลอง”
และไม่คิดอยากจะลองด้วย
 
ภาพดวงตาปรอยระยับของหมอแวบเข้ามาในความคิด ผมหลับตาเพื่อสลัดภาพนั้นทิ้งไป
 
“เมื่อวานก่อนเข้านอน หมอเอาอะไรให้กิน”
ผมแถถามไปเรื่องอื่นต่อ
 
“น้ำผลไม้กระป๋อง”
 
ผมพ่นลมหายใจแรง ปกติวิกเซอร์จะระมัดระวังและหัวไวกว่านี้มาก ไม่รู้ว่ายาที่หมอใส่ให้จะเนียนจัด หรือว่าเพราะความไว้วางใจกันแน่
 
“ทำไม”
 
“ไม่มีอะไร”
ผมเงียบเสียงลงเพียงเท่านั้นเพื่อไม่ให้วิกเซอร์ถามอะไรต่อเกี่ยวกับเรื่องนี้
 
พอเจ้านายพาหงส์ซานกลับเข้าห้อง ก็ถึงเวลาที่ผมกับวิกเซอร์จะต้องเข้านอนบ้างเหมือนกัน
 
ผมนึกได้ หันไปหาวิกเซอร์หวังเตือน
 
“นี่วิกเซอร์ ถ้าหมอ…”
ผมชะงักไปเมื่อเห็นวิกเซอร์กำลังกระดกน้ำผลไม้กระป๋องเข้าปากอยู่ ดูเหมือนใกล้หมดแล้วด้วย วิกเซอร์ลดมือลงต่ำโยนกระป๋องเปล่าลงถังขยะ
 
“ทำไม อยากกินด้วยเหรอ อะนี่ ของนาย คุณหมอซื้อมาเผื่อ”
วิกเซอร์หยิบน้ำผลไม้อีกกระป๋องมายื่นให้
 
“วิกเซอร์ นาย…”
 
“ถ้าไม่เอา ฉันกินนะ”
วิกเซอร์ทำท่าจะเปิดอีกกระป๋อง ผมรีบคว้ามาถือทันที 
 
“พอแล้ว ไปนอนเถอะ”
 
วิกเซอร์พยักหน้า ก้าวเดินเข้าห้องไป ผมกำกระป๋องน้ำผลไม้ในมือแน่น กำลังจะหย่อนลงถังขยะ
 
บางทีกินให้หลับเป็นตายไป โดนกวนจะได้ไม่ตื่นขึ้นมารับรู้อะไรก็ดีเหมือนกัน
 
ผมงัดฝากระป๋องน้ำผลไม้ขึ้น ดื่มจนหมด ทิ้งกระป๋องเปล่าลงถัง ก้าวเดินขึ้นฟูกไปเตรียมนอน
 
ใช่ น้ำผลไม้อันนั้นน่าจะทำให้ผมหลับสนิท
 
แต่ทำไม…
 
ร่างกายถึงได้ตื่นไปหมดทั้งตัวแบบนี้
 
“ทำไม อยากกินด้วยเหรอ อะนี่ ของนาย คุณหมอซื้อมาเผื่อ”
 
ของผม
 
‘คุณหมอซื้อมาเผื่อ’
 
ทำไมผมไม่พิจารณาให้ดีกว่านี้
 
กว่าจะรู้ตัวว่าพลาดท่าเสียที ก็มีสิ่งมีชีวิตจากฟูกข้างๆ เคลื่อนมาคร่อมร่างผมไว้ซะแล้ว
 
ใช่ ผมพลาดอีกแล้ว พลาดให้กับคุณหมอจอมป่วนแถมปัญญาอ่อนอีกต่างหาก
 


To be Con..

โธ่ ไม่รู้ว่าจะสงสารหรือจะขำซันไรส์ดี คิดเหรอว่าจะรอด ฮ่า ๆ
ปุจฉารอบ 2 คิดว่ารอบนี้ซันไรส์จะเขมือบคุณหมอได้หรือไม่ (หมายถึงถึงขั้นสุดท้ายนะ)
ก. ไม่หรอก เพราะหมอยังไม่ได้เตรียมพร้อม
ข. เนื่องจากยาอะไรสักอย่างที่ทำให้ร้อนราวลาวา แน่นอนว่าพี่หมอต้องชดใช้ชัวร์ ๆ โดน!!!
.
.
.
ข่าวสารและนิยายเรื่องอื่นๆในเล้า : >> https://goo.gl/WbWxt8
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #13 คุณหมอจอมป่วน [P.9][5-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-06-2017 19:55:53
จะสู้หมอได้เหรอ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #13 คุณหมอจอมป่วน [P.9][5-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-06-2017 22:46:38
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #13 คุณหมอจอมป่วน [P.9][5-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 05-06-2017 23:28:54
หมั่นไส้ เล่นตัวเหลือเกิน :katai1: หมอเราออกจะเด็ด หล่อน่ารัก ลีลาดี  :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #13 คุณหมอจอมป่วน [P.9][5-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: tamaya ที่ 06-06-2017 00:03:58
คิดนาน ขอให้หมอยั่วต่อไป :katai5:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #13 คุณหมอจอมป่วน [P.9][5-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 06-06-2017 01:21:10
เชียร์คุณหมอค่ะ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #13 คุณหมอจอมป่วน [P.9][5-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 06-06-2017 08:42:43
โดนมอมชัวร์!
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #13 คุณหมอจอมป่วน [P.9][7-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 07-06-2017 20:02:25
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #13 คุณหมอจอมป่วน [P.9][7-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 07-06-2017 23:42:24
โดน!!!!
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #13 คุณหมอจอมป่วน [P.9][7-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: vavavivi ที่ 07-06-2017 23:56:39
เพิ่งจะเข้ามาอ่าน จะฮาไปไหนเนี่ย อาเหมย ลื้อหนีงานแต่งอย่างงี้  หงส์ซานของเราเลยได้ฟินเลย ฮาๆๆๆ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #13 คุณหมอจอมป่วน [P.9][7-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-06-2017 00:10:16
เสร็จแน่ๆๆๆๆ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #13 คุณหมอจอมป่วน [P.9][7-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-06-2017 00:26:58
สี่เท้ายังรู้พลาด
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #13 คุณหมอจอมป่วน [P.9][7-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 08-06-2017 09:22:07
จังเรียงกระป๋องไว้แบบนี้โดนแดกแน่ๆ...
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #13 คุณหมอจอมป่วน [P.9][7-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-06-2017 10:41:22
 :laugh: :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #13 คุณหมอจอมป่วน [P.9][7-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 08-06-2017 13:37:55
ซันไรส ผู้น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #13 คุณหมอจอมป่วน [P.9][7-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 08-06-2017 13:57:32
 :haun4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #13 คุณหมอจอมป่วน [P.9][7-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 09-06-2017 16:51:41
เฮียซันโดนพี่หมอจับกินแน่ๆ :z1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #14 ภูเขาไฟระเบิด [P.10][9-6-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-06-2017 19:11:27
รอ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #14 ภูเขาไฟระเบิด [P.10][13-6-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 09-06-2017 19:14:12
หงส์ซาน #14 ภูเขาไฟระเบิด


ผมจ้องมองดวงตาของคนที่อยู่เหนือร่างผมขึ้นไป กัดกรามแน่น ผมเพิ่งสังเกตว่าห้องไม่ได้ปิดม่านตรงหน้าต่าง แสงจากไฟหน้าแพจึงสาดเข้ามาให้เห็นภาพภายในได้อย่างชัดเจน
 
ใครเป็นคนเปิด
 
ไม่ใช่ผมหรือวิกเซอร์แน่ๆ
 
“เล่นอะไรของคุณ”
ผมถามออกไปเสียงเบา
 
แต่ให้ตาย เสียงผมมันแปร่งพร่ายังไงพิกล
 
ร่างกายผมร้อนไปหมด รู้สึกเลือดกำลังวิ่งพล่าน ศูนย์รวมของเลือดทั้งหมด ไปกระจุกรวมกันอยู่ที่ส่วนกลางลำตัวจนตอนนี้มันตั้งชันจนเห็นเป็นภูเขาฟูจิลูกย่อมๆ แล้ว
 
“ไม่ได้เล่น แต่เอาจริง”
 
“คุณเอายาอะไรให้ผมกิน”
ผมถามกลับเสียงนิ่ง ทั้งที่พอจะรู้อยู่แล้ว
 
“ยานอนหลับไง”
 
ผมร้องหึในลำคอ กัดกราม จ้องนิ่งอยู่ยังใบหน้าของคนด้านบน
 
“ใช่ หลับสนิทเลย”
ผมตอบประชด พยายามบังคับร่างกายไม่ให้รู้สึกเกินกว่านี้
 
“ถ้าเกิดคนที่กินน้ำกระป๋องนี้เป็นวิกเซอร์ล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น”
 
“ฉันรู้ว่าพวกนายถือคำสั่งเป็นประกาศิต เมื่อฉันบอกว่ากระป๋องนี้สำหรับนาย ฉันมั่นใจว่าวิกเซอร์ต้องไม่กิน”
 
“ไม่กินอะไร หมอนั่นเกือบกินไปแล้วถ้าผมไม่แย่งคืน!”
ผมตอกกลับเสียงหนัก
 
“อ้าว เหรอ ว้า คิดไปไม่ถึงจริงๆ วิกเซอร์ไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้นนะ ออกจะเคร่งคำสั่ง”
 
“น้องผมรวนหมดเพราะคนอย่างคุณนั่นแหละ”
 
“จริงเหรอ”
พูดจบมือของหมอก็ตะปบลงมาบนภูเขาฟูจิน้อยๆ ของผม ผมครางออกมาทันที ความรู้สึกเสียวซ่านที่ได้รับเมื่อวานเทียบไม่ได้กับวันนี้เลย ร่างกายผมกระตุกวูบ มือไม้ที่ว่าจะวางไว้เฉยๆ เผลอยกขึ้นมาจับเอวของคนด้านบนบีบแน่น
 
“สงสัยจะจริงแฮะ”
 
ผมกัดกราม จ้องหน้าหมออย่างอดทน
 
“ผมหมายถึงวิกเซอร์ คุณทำให้น้องผมสูญเสียสัญชาตญาณการระวังภัยไป มันไม่ดีแน่กับหน้าที่การงาน”
 
“ถ้าฉันหวังฆ่าหรือทำร้ายเขา วิกเซอร์อาจรู้ แต่ฉันไม่ได้คิดจะฆ่าหรือทำร้ายวิกเซอร์นี่ จะจับไม่ได้ก็ไม่แปลก”
 
“ไม่ว่าจะแบบไหน คุณก็ทำให้เขาบกพร่อง ปล่อยผมได้แล้วคุณหมอ”
ผมบดกรามแน่นจนได้ยินเสียงกรามลั่น
 
“คนที่จับฉันอยู่ตอนนี้คือนายนะซันไรส์”
 
ผมก้มมอง และก็จริงดังว่า เพราะสองมือผมบีบเอวหมอแน่น ผมสั่งให้ตัวเองปล่อยหมอออก แต่มือหมอที่กำลังไต่ภูเขาฟูจิผมอยู่หยุดการกระทำผมลง หนำซ้ำผมยังทำเรื่องที่ค้านกับใจ นั่นคือค่อยๆ ดึงเอวของคนด้านบนต่ำลงมาเรื่อยๆ จนร่างของหมอแนบชิดกับร่างของตัวผมเอง ความเสียวซ่านทำเอาผมกดท่อนหน้าของหมอเพื่อบดขยี้ภูเขาไฟฟูจิแรงๆ
 
ผมซี้ดปาก ของหมอเองก็ขยับตื่นตัวเหมือนกัน
 
“คุณมันหาเรื่อง อยากโดนเอารึไง”
ผมถามด้วยคำถามหยาบๆ ในขณะที่เลื่อนสองมือต่ำลงไปบีบขยำเนินเนื้อของหมอ กดให้ร่างกายเราแนบติดกันมากขึ้น
 
“ใช่”
หมอตอบรับมาตรงๆ จนผมยังอึ้ง เขาพยายามพยุงตัว สีหน้าดูอึดอัด คงเพราะส่วนนั้นของหมอทิ่มอยู่กับภูเขาไฟฟูจิที่กำลังแข็งตัวของผม
 
“แต่อยากขนาดไหนนายก็เข้ามาไม่ได้หรอกซันไรส์ ฉันยังไม่พร้อม”
 
“ไม่พร้อมแล้วคุณมากระตุ้นผมแบบนี้ทำไม!!”
ผมตะคอกอย่างเหลืออด กดท่อนล่างของหมอแรงขึ้นจนหมอครางออกมาเสียงดัง
 
ไม่รู้ว่าเจ็บหรือเสียวกันแน่
 
หมอคลี่ยิ้มทั้งที่ยังทำสีหน้าเจ็บปวด แต่มันก็เครือๆ กันไปกับความเสียวซ่าน ยังไม่หยุดพยายามขยับยกตัวขึ้น แต่ผมกดแน่นไม่ยอมให้อิสระกับเขา
 
“เพราะฉันมั่นใจว่าแค่ปากกับมือก็ทำให้นายมีความสุขได้น่ะสิ”
 
“ผมไม่คิดว่าการกระทำของคุณจะสร้างความสุขให้ผมนะ”
 
“ได้แน่ ถ้านายยอมให้ฉันทำให้ดีๆ ปล่อยซันไรส์ ฉัน อึก อ๊า เจ็บ”
หมอครางออกมาเมื่อผมบดขยี้ท่อนล่างของเราเข้าหากันแรงขึ้นอีกที
 
อย่าว่าแต่หมอเลย ผมเองก็ทั้งเจ็บทั้งเสียวเหมือนกัน
 
“ไม่ปล่อย ลงโทษไง คุณจะได้ไม่คิดทำอะไรอุตริและพิเรนทร์แบบนี้อีก”
 
หมอพยายามจะยกตัวขึ้นอย่างทุลักทุเล แต่ผมก็มือเหนียวไม่ปล่อย
 
ไม่รู้ว่าหมอเป็นคนแข็งแรงมาก่อนอยู่แล้ว หรือว่าผมอ่อนแรงลงกันแน่ ในที่สุดหมอก็สามารถพยุงตัวลุกนั่งได้ แต่ท่อนล่างยังแนบติดอยู่กับเป้ากางเกงผม ภูเขาไฟฟูจิชนอยู่ตรงร่องรอยแยกของเปลือกโลกหมอพอดี ผมจับมันบดภูเขาไฟทันทีอย่างเสียวสะท้าน
 
แม้จะเพียงภายนอก แต่เพราะความต้องการมันถูกไล่ไปกระจุกรวมกันอยู่ที่เดียวนานแล้ว ขยับไม่กี่ทีผมก็พวยพุ่ง
 
พุ่งทั้งที่น้องผมยังอยู่ภายในกางเกงนั่นแหละ
 
ศักดิ์ศรี ความมั่นใจ ความอึดอัดมันคับแน่นอยู่ในอก ผมมองตาคนด้านบน
 
“อ้าว เรียบร้อยไปแล้วเหรอ เร็วจัง”
 
เอาปืนมายิงกันเลยดีกว่า
 
ผมกัดกราม จับคนด้านบนพลิกลงไปนอนแทนที่ จับสองข้อมือหมอกดแนบติดไว้ข้างหัวไหล่ ก้มซุกซอกคอทันที หมอแหงนหน้ารับการรุกรานจากผม ผมไล่ปากต่ำไปยังแผงอกที่ไม่ได้กว้างมากนั้น
 
เอาตามจริงถ้าหมออยู่กับหงส์ซาน เขาจะดูตัวใหญ่ และเป็นที่พึ่งให้หงส์ซานได้เป็นอย่างดี แต่พอมาเทียบกับผม หมอก็เป็นเพียงผู้ชายหุ่นเพรียวๆ ธรรมดาเท่านั้น ไม่บางและไม่หนาจนเกินไป เป็นขนาดกำลังพอฟัดพอเหวี่ยงโดยไม่ต้องกลัวว่าจะบอบช้ำจนต้องคอยทะนุถนอมแบบหงส์ซาน
 
รายนั้นถ้ามานอนกับผม เอวคงหักเป็นสองท่อนเพราะผมแรงเยอะ
 
ร่างกายผู้ชาย ส่วนนี้ไม่ได้นูนเด่นเหมือนผู้หญิง แถมจุกที่ควรจะตั้งชันขึ้นมาให้สัมผัสได้ชัดๆ ก็ไม่มี แต่เพียงการลากผ่านของผมเบาๆ สิ่งที่แบนราบในตอนแรกก็นูนเด่นขึ้นมาสะดุดปากผมเบาๆ ผมใช้ปลายลิ้นตวัดรัดมันทันทีผ่านเสื้อ
 
หมอกำมือแน่นทั้งที่ข้อมือยังไม่เป็นอิสระ ครางอื้อไปกับสัมผัสนั้น ผมตวัดต้อนมันเข้าปากสลับกับงับเบาๆ
 
“อ๊า ซันไรส์”
หมอครางอีกรอบ
 
เซนซิทีฟไม่เบา
ผมเลื่อนปากขึ้นไปยังลำคอ ใบหู และวกกลับมาหาตุ่มไตเล็กๆ นั้นต่อ
 
“ไม่ต้องทำอะไรฉันซันไรส์ เดี๋ยวฉันจัดการให้”
 
ผมไม่ฟังเสียงอะไรทั้งนั้น มาทรมานกันด้วยการทำให้ผมอยากจนร่างจะระเบิดแบบนี้ ผมจะทำให้เขารู้สึกแบบเดียวกันบ้าง ร่างหมอเกร็งไปหมด ทั้งหอบ ทั้งคราง แถมท่อนล่างยังเลื่อนสไลด์รุนแรง
 
เรื่องปรนเปรอสาวๆ ผมก็ถนัดไม่แพ้กัน
 
เพียงแต่หมอไม่ใช่สาว แต่ผมก็ไม่โง่ที่จะเดาไม่ออกว่าร่างกายผู้ชายต้องการเล้าโลมตรงจุดไหนเป็นพิเศษ
 
ผมถอนมือหมอออกเพื่อมาเลิกเสื้อหมอร่นไปที่คอ หมอรีบหยุดมือผมไว้ แต่ก็ทำได้แค่จับข้อมือเท่านั้น ผมพลิกนิดเดียวก็กดข้อมือหมอลงไปไว้ที่เดิม ใช้ปากในการร่นเสื้อที่ตกลงมาให้สูงขึ้นไปอีกจนโชว์แผงกล้ามอกหมอเบาๆ
 
หมอเป็นคนซ่อนรูปพอควร ร่างกายหมอเป็นนายแบบได้สบายๆ ผิวก็เนียนพอตัว
 
ผมฉกปลายลิ้นเข้าหายอดอกเล็กๆ สีน้ำตาลอ่อนนั้นทันที ของหงส์ซานเป็นสีขาวอมชมพู หมอขยับหน้าอกเข้าหาปากผม ผมกัด รัด เลียสลับกับยกหน้าขึ้นไปซุกซอกคอหมอ แต่ชักรำคาญ เพราะพอหมอดิ้นเสื้อมันก็ร่นตกลงมาอีก ผมจึงลุกถลกเสื้อหมอออกจากหัวซะเลย หมอรีบจับสองไหล่ผมเพื่อหยุดไว้ พอๆ กับปากที่ร้องห้ามปราม
 
หมอตั้งใจจะแกล้งผม แต่ผมจะเอาคืนให้สาสม
 
พอไร้เสื้อมาปิดกั้น การกระตุ้นเร้าอีกคนให้ทรมานปางตายก็ทำได้ง่ายขึ้น
 
“พอแล้วซันไรส์ ฉัน...”
หมอคงอยากไปจะแย่แล้ว แต่ผมไม่ปล่อยให้หมอได้สิทธิ์นั้นเร็วนักหรอก
 
หมอคงทนไม่ไหว เขาเลื่อนมือที่จับไหล่ผมอยู่ลงไปด้านล่าง ล้วงผ่านเข้าไปในกางเกงตัวเอง แต่ผมดึงมันกลับมาขึ้นมาข้างตัวตามเดิม หมอขยับอย่างทรมาน ผมไล่ปากต่ำลงไปยังหน้าท้องได้รูป หมอมีกล้ามเนื้อนิดๆ มันกำลังไหวกระเพื่อมเพราะแรงอารมณ์
 
หมอขยับดันส่วนหน้าตัวเองขึ้นมาชนของผมจนผมเองก็ชักจะทนไม่ไหว บางทีถึงเวลาต้องปลดปล่อยอีกรอบแล้ว
 
ผมจับหมอลุกขึ้นคุกเข่า พอๆ กับตัวผมเองที่ขยับตั้งตัวตรงด้วยเข่าสองข้าง ถลกกางเกงลงต่ำจนภูเขาไฟฟูจิออกมาเตรียมระเบิดภายนอก จับหัวหมอกดเข้ามาใกล้
 
“อยากนักก็ทำเลย”
ผมพูดเสียงต่ำ
 
“ปล่อยมือก่อน”
 
“ไม่”
ผมตอบปฏิเสธ
 
“ฉันทำไม่ถนัด อยากทำไปพร้อมๆ กันด้วย”
 
ผมแสยะยิ้ม จ้องมองดวงหน้าปรอยฉ่ำอย่างเหนือกว่า
 
“ไม่”
ผมก้มลงไปกระซิบใกล้ๆ
 
“ทำให้ผมไปได้เมื่อไหร่ ผมจะให้รางวัลเมื่อนั้น”
ผมกดหัวเขาให้ลงไปหาภูเขาไฟลูกเดิม หมอจำต้องรับเอาเข้าปาก
 
แม้จะถูกบังคับ แต่หมอก็ไม่ละทิ้งลวดลายอันเหนือชั้นในการใช้ปาก พลังดูดเอย ลิ้น ฟัน และริมฝีปาก แค่นั้นก็ทำเอาผมไปได้ง่ายๆ อีกรอบ
 
หมอตวัดปลายลิ้นเก็บกินทุกหยาดหยดลูกๆ ผมจนเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว
 
เอาตามจริงแล้วผมก็ชอบนะ ผู้หญิงบางคนยังกินไม่หมดขนาดนี้เลย
 
ผมมองดูปลายลิ้นที่ตวัดออกมาเลียริมฝีปากนั้น
 
มันดูดีไม่หยอก
 
ผมจึงให้รางวัลอีกคนตามสัญญาด้วยการจับหมอพลิกหันหลังเข้าหาอก จับหมอนั่งมาบนตักแล้วขยับให้ ผมว่าหันทิศเดียวกันแบบนี้น่าจะทำได้ง่ายขึ้น แผ่นหลังเปลือยเปล่าของหมอแนบติดอยู่กับหน้าอกผม
 
หมอครางได้เร้าอารมณ์ดีเหมือนกัน หมอจับมือผมที่กำลังขยับให้
 
“อ๊า ดีเร็วซันไรส์”
หมอเร่งมา สองแขนผมโอบรอบหมอไว้ ผมใช้เพียงมือเดียวในการไล่ต้อนหมอให้จนมุมด้านล่าง ส่วนอีกมือไล่ไต่ไปแถวๆ ยอดอก หมอบีบมือผมแรงทั้งบนและล่าง
 
“ไม่ไหวแล้ว”
หมอครางออกมาเสียงดัง บีบมือผมแรงขึ้นแล้วพ่นลาวาอุ่นๆ ออกมา
 
อกของคนด้านหน้าไหวกระเพื่อม มือผมยังไม่หยุดรีดเร้นเอานมข้นหวานตราหมีออกมา
 
น้ำนมมีคุณภาพพอควร
 
เพราะหมอไม่ได้ใช้ยา พอหมอปลดปล่อยเขาก็สงบความเกรี้ยวกราดลง แต่ของผมโดนยา ต่อให้ไปแล้วมันก็แค่ยวบลงเล็กน้อยเท่านั้น
 
ผมจับหมอหันมาเผชิญหน้า บีบคางอีกคนแรง
 
“รับผิดชอบในสิ่งที่คุณทำด้วย”
ผมบอกแค่นั้น จับหมอก้มหน้าลงไปหาภูเขาไฟฟูจิด้านล่างอีกรอบ
 
หมอไม่อิดออดที่จะทำ ถ้าจะให้หมอเป็นเครื่องบำบัดแบบฟูลออฟชั่นต้องใช้ทั้งมือและปาก พออุปกรณ์ครบ สวรรค์ก็อยู่เคียงข้างผมแล้ว ใช้เวลาไม่นานหมอก็ระเบิดภูเขาผมได้อีกรอบ
 
ผมจ้องมองคนที่กำลังทำความสะอาดไปรอบๆ ด้วยปลายลิ้น กลีบปากที่ถูกเลียจนชุ่มฉ่ำนั้นทำเอาผมรู้สึกต้องการลิ้มรสมันแปลก ๆ ผมจับหมอลงไปนอนหงาย แนบผสานกลีบปากเข้าหากันทันที
 
หมอตอบรับด้วยการโอบวงแขนมารอบลำคอผม คงเป็นเพราะฤทธิ์ยา ผมถึงได้รู้สึกว่าคืนนี้ หมอมีเสน่ห์ยังไงพิกล
...
...
...
...
...

หมอขยับเปลี่ยนท่าจนหนังสือการ์ตูนที่วางอยู่บนอกหล่นตกพื้น แต่ยังนอนนิ่งอย่างไม่รู้สึกตัว
 
ผมไม่ได้อยากสนใจ แต่มันก็อดไม่ได้ถ้าเห็นอะไรมันไม่อยู่กับที่กับทาง ผมขยับลุกอย่างแผ่วเบาตรงไปหยิบหนังสือที่หล่น นำมันไปวางไว้บนอกคนหลับอีกที
 
เวลานอนก็ดูไร้พิษสงดีอยู่หรอก แต่เวลาตื่นก็ปีศาจดีๆ นี่เอง
 
หมอขยับปรับท่าอีกนิดหน่อยแล้วนิ่งสงบลง กลีบปากที่ปิดสนิทเผยอเปิดเล็กน้อย เพิ่งสังเกตว่าจมูกหมอมันเป็นสันก็จริง แต่แอบมีงอนตรงปลายนิดๆ (แสดงว่าเป็นพวกดื้อรั้น) หน้าผากมน ผมยาวปรกคิ้วหมดแล้ว
 
ผมขมวดคิ้ว
 
แล้วนี่ผมจะมายืนพิจารณาหมออยู่ทำไมกัน ผมละสายตาจากปีศาจปัญญาอ่อนตรงหน้า เดินกลับไปนั่งที่เดิม
 
...
...
...
...
...
 
#หงส์ซาน
 
ผมตื่นอีกทีตอนสิบโมง คุ้ยหาขนมกินเล่นที่ซื้อเตรียมมากิน พี่หมอนอนคอพับโดยมีหนังสือการ์ตูน(ปัญญาอ่อน)วางอยู่บนอก ไร้เงาของซันไรส์ คงหลบเข้าไปนอนในห้อง อากาศที่นี่ดีสุดๆ ผมยืดตัวสูดลมหายใจเข้าปอดอีกรอบ เห็นบางแพเขามีฟูกมาปูนอนรับลม ผมหันมองเข้าไปภายในห้อง ลุกขึ้นเดินหา ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าที่นี่ก็มีเหมือนกัน พับซ่อนไว้ในตู้
 
ผมรีบลากมันออกมาปู อยากเล่นน้ำหรือพายเรือเล่นนะ แต่รอพี่หมอตื่นก่อนละกัน ผมนอนคว่ำ หันหน้าเข้าหาน้ำ หยิบมือถือมากดเล่น สลับกับมองวิวมองน้ำ น้ำที่นี่ราบมาก ไม่มีคลื่นเหมือนทะเล ยกเว้นเวลาเรือแล่นเข้ามาใกล้ๆ จะมีคลื่นนิดหน่อย แต่ก็ไม่มาก เพราะส่วนใหญ่เขาจะดับเครื่องก่อนเรือถึงแพ
 
ผมสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ ก็มีใครสักคนมาคร่อมร่างผมไว้ ผมรีบพลิกหันไปมอง ตาโตเมื่อเห็น
 
ไอ้บ้วยครับ
 
“ไหนว่ากลับมาหลังเที่ยง”
ผมยกมือถือดูเวลา สิบเอ็ดโมง มันยิ้ม เกลี่ยเส้นผมที่ระตาผมออกให้แผ่วเบา
 
ให้ตายหัวใจผมเผลอเต้นแรงไปกับสัมผัสอันอ่อนโยนนั้นด้วย
 
“พอดีอยากกลับมากินข้าวกับเมีย”
 
ผมหน้าบูดขึ้นมาทันที ผลักคนตรงหน้าออกแรง
 
แต่ให้ตายเถอะไอร่อนแมน!
 
มันไม่ขยับเลยสักนิด ร่างแกร่งแค่กระตุกเพราะแรงผลักของผมเท่านั้น
 
“ปล่อย ไม่อายชาวบ้านชาวช่องเขารึไง”
ผมผลักอีกรอบให้ขยับ แต่มันไม่ขยับครับ
 
“อายทำไม สามีพาภรรยามาฮันนีมูน”
ฟังดูเพราะขึ้นเยอะ แต่ความหมายมันก็แบบเดียวกันนั่นแหละ
 
“ปล่อยสิวะ”
ผมผลักอีกรอบ รู้สึกไอแดดจะแรงไปจนรู้สึกหน้าร้อนๆ ยังไงพิกล ผมต้องรีบหลบรังสียูวีก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวฝ้าขึ้น
 
มันไม่ขยับ ผมจึงใช้วิธีกระเถิบตัวขึ้นสูงหวังหนีไปด้านบน มันขยับแขนมากั้นช่วงไหล่ผมไว้ ผมจะพลิกหนีไปด้านข้าง มันตามมากั้นไว้ได้อีก ผมขยับตัวลงต่ำหวังมุดหนีลงไปด้านล่างแทน มันหยุดผมไว้ด้วยเข่าครับ แทรกลงมาตรงกลางระหว่างขาพอดี
 
ผมเสียววูบเลย เพราะส่วนนั้นของผมชนเข้ากับขามันเบาๆ ผมรีบเขยิบขึ้นไม่ให้ถูก ขยับพยายามพลิกซ้ายพลิกขวาพลิกหน้าพลิกหลังอีกรอบ แต่ไม่ว่าจะหลบไปทางไหนมันก็กั้นเอาไว้หมด
 
ผมหยุดดิ้น มองมันตาขวาง
 
“หาเรื่องรึไง รึอยากโดนต่อย”
ผมขู่อย่างนักเลง
 
“เอาสิ ถ้าหงส์ต่อยเฮียได้ เฮียจะปล่อย”
 
ท้ามาก็รับคำท้าทันที
 
ผมยกหมัดจะต่อย แต่มันรับหมัดผมไว้ได้ กำแน่นในมือในลักษณะขยุ้ม
 
“ปล่อย”
ผมพยายามดึงหมัดกลับ มันเปลี่ยนจากกำมือผมมาเป็นจับข้อมือผมไว้แทน กดตรึงไว้เหนือหัว
 
“เหลืออีกข้าง ต่อยมาสิ”
มันท้าอีกรอบด้วยน้ำเสียงเนิบๆ เอียงหน้าให้ทำดีๆ
 
คือ...มึง กูไม่ได้โง่นะ ขืนต่อยไปก็โดนยึดหมัดไว้อีกรอบน่ะสิ คราวนี้ละ ท่าโคตรส่อต่อการโดนล่วงละเมิดทางเพศเลย
 
ผมไม่ต่อยแต่ใช้วิธีดันมันออก ดิ้นขลุกขลักยึกยักไปมา ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ผมมองมันตาขวางยิ่งกว่าเดิม มันเลื่อนมือมาเกลี่ยแก้มผมเบาๆ สงสัยไอร้อนจากแดดข้างนอกมันจะแผดเผาแรงขึ้นจนผมรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งร่างตอนนี้ ผมเมินหลบตาที่มองมาอย่างเชื่อมหวานนั้น
 
“เฮียไม่อาย แต่หงส์อาย”
ผมอ้อมแอ้มบอก หวังว่าความอ่อนลงบ้างของผมจะทำให้มันใจอ่อน
 
“แต่เฮียชอบเวลาหงส์อาย น่ารักดี”
 
โว้ย!! แบบไหนมันก็ไม่ยอม
 
ผมกำหมัดหวังต่อยอีกหมัด แต่มันรับไว้ ไม่ได้เอาไปตรึงไว้เหนือหัวอย่างที่คิดไว้ตอนแรกหรอกครับ ตรึงไว้แถวๆ ข้างไหล่นั่นแหละ ผมมองตาขุ่น มันจ้องหน้าผมนิ่ง มองและมองอยู่อย่างนั้น
 
“จะมองหาซากฟอสซิลรึไง”
ผมว่าเสียงขุ่น ร่างกายร้อนวูบวาบยิ่งกว่าเดิม มันไม่สนเสียงนกเสียงกาของผม ก้มหน้าลงมาจูบซับที่หน้าผาก เกลี่ยต่ำลงมาตามแนวสันจมูก จุมพิตที่ปลายจมูกแผ่วเบา เกลี่ยปากคลอเคลียไปมาสลับกับเกลี่ยไซ้ด้วยปลายจมูกมันเอง มาจบลงที่ปากแนบปาก มันวางเอาไว้เฉยๆ ครับ ไม่ได้ขยับ ไม่ได้ล่วงล้ำ
 
แต่ให้ตายเถอะ TT
 
ผมไม่ได้ขัดขืนมันเลยสักนิด
 
“ปล่อย”
ผมกระซิบท้วง มันเลื่อนปากไปที่แก้มเกลี่ยเบาๆ แล้วฝังปลายจมูกลงจนแก้มผมบุ๋ม
 
ตัวผมเห่อร้อนไปหมด ผมว่ามันไม่ได้มาจากรังสียูวีข้างนอกหรอก น่าจะมาจากมันนี่แหละ มันเลื่อนปากกลับมาแนบปากผมต่อ คราวนี้มาแบบฟูลออฟชั่นครับ ปาก ฟัน ลิ้น แถมน้ำลายอีกด้วย มันคงกลัวผมปากแห้ง
 
ผมครางปรามในลำคอ แต่เพียงเดี๋ยวเดียวเท่านั้นก็ต้องโอนอ่อนผ่อนตามขยับปากตอบรับทุกการรุกเร้า มันไม่ได้จูบแบบปลุกอารมณ์หรอก จูบธรรมดา ปากแนบปาก ลิ้นแนบลิ้น ฟันกระทบกระทั่งกันนิดหน่อยเหมือนเพื่อนทักทายกันด้วยการชนไหล่
 
เพียงชั่วเดี๋ยวเดียว ผมก็ไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน นอนนิ่งๆ ให้มันชิมจนหนำใจ มันถอนปากออก
 
จูบมาซะนาน ปากชาไปหมด
 
ผมเลียริมฝีปาก ตามันยังไม่หยุดมองตาผม มันทิ้งตัวลงไปนอนหงาย จับผมพลิกขึ้นไปนอนเกยอยู่บนตัวมันแทนที่ ผมร้องเหวอจะลุก แต่มันรัดเอวผมไว้แน่น ใช้ขาเกี่ยวขาผมไว้กันดิ้นรนขัดขืน
 
“เล่นบ้าอะไร”
 
“เขาเรียกสวีท”
 
“สวีทบ้าสวีทบอ เขามีไว้สำหรับคนรักกัน อั๊วไม่ได้รักเฮียสักหน่อย”
 
มันยกยิ้ม จ้องตาผมไม่หลบไปไหน
 
“เดี๋ยวก็รัก”
 
“รู้ได้ไง อั๊วไม่ใจง่ายขนาดนั้นหรอก ปล่อย!!”
ผมพยายามจะดึงตัวออก แต่มันไม่ปล่อย มองตาผมนิ่งอยู่ตามเดิม
 
“บ้า ประสาท โรคจิต ชอบกินพวกเดียวกัน”
ผมด่าใส่มันเบาๆ ฟังดูหึ่งๆ เป็นยุงตอมหูยังไงพิกล มันหัวเราะรับฟังเฉย ขยับพลิกนอนตะแคงข้าง ตัวมันบังผมจากแพอื่นๆ ที่จะมองมามิด ดีว่าแพเราเป็นแพริมสุด อีกด้านเป็นป่า
 
มันจับคางผมไว้อีกรอบ มอบจูบให้อีกที แต่จูบคราวนี้มันเป็นแบบเร่าร้อน หนำซ้ำมันยังซุกมือซนๆ เข้ามาผ่านชายเสื้อควานเข้ามาลูบไล้หน้าท้อง แผงอก และจบลงตรงหัวนมผมอีกต่างหาก
 
“นี่ อย่ามาโรคจิตทำอะไรข้างนอกแบบนี้นะ”
ผมรีบติงทันทีเมื่อมันถอนปากออก
 
“เฮียไม่ทำอะไรหรอก แค่ชอบเวลาหงส์หน้าแดง น่ารักดี”
 
โว้ย ไอ้บ้า!!
 
ผมพยายามหยุดมือมันไว้ แต่มันหยุดไม่อยู่หรอกครับ มันซุกมือเข้ามาในกางเกงผมแล้ว กอบกุมน้องน้อยไว้
 
“เข้าไปในห้องก็ได้”
ผมรีบชวน พยายามหยุดมือซนๆ นั้นลง
 
“ไม่ล่ะ ตรงนี้แหละ ได้อารมณ์ดี”
 
“โรคจิต”
ผมด่าพร้อมพยายามหยุดมือภายในลง แต่มันไม่หยุดครับ ขยับเบาๆ จนเรี่ยวแรงในการขัดขืนของผมค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ
 
“อย่า อาเฮีย หงส์ขอร้อง”
ผมปรามเสียงสั่น แต่แทนที่เขาจะหยุด กลับขยับเร็วขึ้นไปอีก ผมบีบต้นแขนมันแรง มุดหน้ากับอกกว้าง มือเท้าเกร็งไปหมด
 
ตอนนี้มันทั้งอาย ทั้งกดดัน กลัวคนโผล่มาเห็นด้วย ผมอ้าปากงับอกเสื้อมันหวังหยุดเสียงครางตัวเองลง เวลาช่วยตัวเองไม่เห็นต้องครางเร้าอารมณ์แบบนี้เลย
 
“อ๊า เฮีย…”
ผมครางกระเส่าเมื่อความต้องการมาถึงขีดสุด มันขยับเร็วขึ้นกระทั่งผมยอมแพ้หลั่งเลือดขาวใส่มือมัน ผมหอบแฮก หัวใจเต้นรัวเป็นกลอง ค่อยๆ คลายปล่อยมือที่บีบเกร็ง ปล่อยปากจากเสื้อมันด้วย
 
“หงส์ของเฮียน่ารักที่สุด”
 
“ไอ้บ้า”
ผมต่อยมันไปปักใหญ่ แต่มันหาได้สะดุ้งสะเทือนไม่ หัวเราะหึๆ ถอนมือออก ผมมองตาโตเมื่อมันยกมือเปื้อนน้ำขึ้นเลีย
 
“สกปรก”
 
“ของเมียมันสกปรกตรงไหน”
 
คะ คือ ขนาดผมยังขยะแขยง นี่มันไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง
 
“ทุเรศว่ะ”
ผมก้มหน้าด่าใส่อกมันแทนด่าใส่หน้าตรงๆ เผื่อหน้าอกมันจะมีสปีกเกอร์ส่งผ่านเสียงด่าผมขึ้นไปยังสมองมันบ้าง ได้ยินเสียงหัวเราะพออกพอใจของมันดังกลั้วอยู่ด้านบน
 
ผมหยุดด่าเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาใกล้

 
“เจ้านายครับ อาหารพร้อมแล้วครับ”
เป็นเสียงของวิกเซอร์
 
ผมเงยหน้าจากอกไอ้บ๊วย ส่วนตัวมันเองพลิกหันไปมอง ขยับลุก ผมจึงถือโอกาสนั้นลุกหนีออกมายืนห่างๆ กวาดมองไปรอบๆ
 
ไม่มีใครสนใจมองมาที่ผมกับไอ้บ๊วยหรอกครับ ยกเว้นพี่หมอกับซันไรส์
 
ซันไรส์มองมาด้วยสายตานิ่งเรียบติดจะเย็นชาผสมชิงชังตามเดิม ในขณะที่พี่หมอ…
 
เอิ่ม…
 
มองมาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
 
พี่แกนั่งอยู่บนผ้าใบตัวเอง หันหน้ามาทางผมกับบ๊วย ค้ำคางตั้งศอกบนเข่านั่งดูเฉย เหมือนดูหนังหรือการแสดงอะไรสักอย่าง อาหารวางอยู่เต็มโต๊ะข้างๆ
 
พี่หมอไม่พูดไม่แซวอะไรทั้งนั้น ถึงตอนนี้ก็ยังมองผมไม่วางตา
 
ผมโคตรอาย ไม่คิดว่าพี่หมอจะตื่นแล้ว
 
หรือว่าตื่นเพราะเสียงผมครางเมื่อกี้
 
“หนะ หน้าด้านว่ะ พี่หมอ”
ผมอ้อมแอ้มต่อว่า
 
มันด่าได้ไม่เต็มปากครับ เพราะเรามาทำกันกลางแจ้งให้เขาเห็นเอง แต่มันไม่ใช่ความผิดผมนะ คนผิดคือไอ้บ๊วยต่างหาก
 
บ๊วยมันไม่สนใจว่าเพื่อนตัวเองจะมองยังไง เดินหน้านิ่งไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ พี่หมอ ผมยังยืนอยู่ที่เดิม ทำตัวแทบไม่ถูก
 
“ครางดังๆ หน่อยก็ไม่ได้ พี่หมอจะได้ฟังด้วย”
 
ผมจะบ้าตาย เพราะหน้าด้านหน้าทนแบบนี้นี่เองถึงเป็นเพื่อนสนิทกันได้ ผมไม่สนใจพี่หมออีก เดินตึงๆ จนแพไหวไปยังโต๊ะอาหาร ทิ้งตัวลงนั่ง จ้องหน้าคนร้ายที่มาพรากลูกๆ ออกจากอกพ่ออย่างผมตาขวาง
 
“ไม่ล้างมือรึไง”
ผมถามไอ้หื่นข้างตัว เพราะเอ่อ..มือนั้นเพิ่งจะ…
 
มันหันมามอง ยกยิ้ม ซันไรส์เดินหน้านิ่งเข้ามาหาพร้อมทิชชู่เปียก มันรับไปถือ เช็ดเบาๆ ผมจิ๊ปาก ลงมือตักอาหารกิน
 
ไอ้บ๊วยมันเรียกสมุนมันมานั่งกินด้วยกัน เพราะหลังจากนี้เราจะไปนั่งเรือชมวิวรอบเขื่อนกัน
 
พี่หมอเป็นคนคุยสนุก เขาทำให้ผมหายเหงาไปได้มากโข หลังจบมื้อเที่ยง เรานั่งเล่นรอไกด์ พอบ่ายโมงสิบนาทีไกด์ก็โผล่ นั่งเรือมากับคนขับร่างผอมเกร็ง ผิวดำเมี่ยมตามประสาคนตากแดดแทบจะตลอดเวลา เราจะไปชมเขาสามเกลอแล้วก็ส่องสัตว์ครับ โอกาสเจอมีประมาณ 1 ใน 10 แต่ถึงไม่เห็นก็ถือว่าไปนั่งเรือชมวิวเล่นละกัน เราทุกคนถูกบังคับให้สวมเสื้อชูชีพ รูปขบวนตามเดิมคือผมนั่งคู่กับบ๊วย พี่หมอกับซันไรส์ ส่วนวิกเซอร์นั่งคู่กับไกด์ หลังสุดเลยคือคนขับเรือตัวดำ
เสบียงติดตัวมีแค่น้ำเปล่าคนละขวดเท่านั้น เรือพาแล่นเอื่อยๆ ไปตามลำน้ำใสสะอาด บ๊วยมันไม่นั่งเฉย ดึงเอาผมไปนั่งอิงอกมันด้วย ลำบากแต่ขัดขืนไม่ได้ วงแขนข้างหนึ่งโอบมารอบเอวผม นี่ถ้าผมเป็นผู้หญิงและรักมันจริงคงมีความสุขพิลึก
 
แสงแดดยามบ่ายลอดผ่านหลังคามากระทบผิว ดีแต่ว่าเรือกับน้ำเย็นๆ ทำให้ความร้อนไม่ได้ทำร้ายเรามาก พอใกล้ริมตลิ่งเขาก็ชี้ชวนให้ช่วยกันสอดส่ายสายตามองหาสัตว์ป่าที่จะออกมากินน้ำให้เห็น ผมยกตัวจากอกไอ้บ๊วยซึ่งมันก็ยอมดีๆ พยายามเพ่งตามองหา
 
“นั่นครับ นกเงือก นกที่ถือว่าเป็นมาตรวัดความอุดมสมบูรณ์ของป่า”
ไกด์คนเก่งของเราชี้ชวนให้ดู
 
ผมพยายามเพ่งมองไปยังต้นไม้ต้นหนึ่ง ใบแทบไม่มีเหลือติดต้น ลำต้นสูงชะลูด แผ่กิ่งออกไปทุกทิศทุกทาง ตั้งอยู่โดดเด่นท่ามกลางต้นไม้ใบเขียวสด บนนั้นมีนกอยู่จริงๆ รูปร่างพิลึกกึกกือยืนตาปรือๆ อยู่บนกิ่งแถวๆ กลางต้น ไกด์อธิบายเล่าถึงที่มาที่ไป รวมถึงการขยายเผ่าพันธุ์ของมัน ผมฟังหูซ้าย ย้ายไปหูขวา พี่หมอนี่ทำตัวเป็นช่างภาพ National Geographic ลุกขึ้นเดินไปถ่ายรูป เห็นซูมแล้วซูมอีกจนนกแทบจะมาแปะอยู่หน้ากล้องรอมร่อ ผมว่าถ้าอยากได้ภาพชัดๆ ไปเสิร์ซ Google เอาง่ายกว่านะ ผมนั่งมองเฉย พอๆ กับไอ้บ๊วย
 
หลังจากหนำใจจากนก เขาก็พาเรือขับวนไปรอบๆ ผ่านภูเขาหินผาตั้งตระหง่าน สวยงามจนผมอ้าปากค้าง วิญญาณช่างภาพพี่หมอออกฤทธิ์อีกรอบ ถ่ายรูปแชะๆ ผมยังอดใจไม่ไหวหยิบมือถือออกมาถ่ายเลย บ๊วยก็ทำด้วยเหมือนกัน ภูเขาที่นี่มันเป็นภูเขาหิน มีต้นไม้แซมอยู่บนหัวเหมือนผมคน

ที่เขาบอกกุ้ยหลินเมืองไทยเพราะแบบนี้แหละมั้ง สวยจริงๆ
 
เขาพาเราไปยังแลนด์มาร์กอีกที่ของเขื่อนเชี่ยวหลานนั่นก็คือเขาสามเกลอ เป็นภูเขาหินรูปร่างแปลกๆ สามลูกตั้งเรียงกัน คนขับพาเรือวนไปจอดยังมุมที่สวยที่สุด เขาบอกว่าจริงๆ มาดูช่วงเช้าจะเห็นหมอกปกคลุม จะสวยกว่านี้ ยิ่งมีพระอาทิตย์สาดแสงลงมานี่สวรรค์ชัดๆ เลย แต่พอดีเรามากันบ่ายจะเย็นแล้ว แสงสาดไปคนละทิศ แต่มันก็ยังสวยอยู่ดี
 
ผมนี่มองตาโตแล้วโตอีก เรือพาวนอ้อมไปอีกด้าน ทำให้แสงสาดเข้ามาในเรือ ผมยกกล้องขึ้นส่องเพื่อหามุมสวยๆ ในการถ่าย วาดกล้องไปเรื่อยๆ
 
กระทั่งมาหยุดอยู่ยังใบหน้าของคนข้างๆ แทนที่จะมองวิวมองภูเขา มันกลับมานั่งมองผมนิ่งๆ เท่านั้น
 
หน้าผมเห่อร้อนขึ้นมาแบบไม่ทราบสาเหตุลดกล้องลงมอง
 
“มองทำไม ไม่มีภูเขาบนหน้าอั๊วสักหน่อย”
ผมอ้อมแอ้มถาม
 
“เฮียมองภาพที่สวยที่สุดอยู่”
 
ผมหันไปมองด้านหลัง เผื่อจริงๆ แล้ววิชั่นของมันคือด้านหลังผม มันก็สวยหมดแหละ ผมขยับตัวเบี่ยงหลบ แต่มันก็ยังตามมามองผมอยู่เหมือนเดิม ผมชักไปไม่เป็น
 
“ละ เลิกมองได้แล้ว”
ผมห้ามอย่างตกประหม่า
“ภูเขาน่ะ มองไป แก่แล้ว อีกหน่อยก็เข้าโลง คงไม่มีโอกาสได้มามองอีก”
 
มันอมยิ้ม ยกมือค้ำคางตั้งศอกกับเข่ามอง
 
“นั่นน่ะสิ หงส์ท่ามกลางภูผาสวยๆ แบบนี้คงไม่มีให้เห็นบ่อยๆ”
 
“หงส์ที่ไหน ที่นี่มีแต่นกเงือก”
 
มันไม่ตอบ มองมาด้วยสายตาระยิบระยับ
 
ผลักคนตกน้ำนี่ผิดกฎหมายเมืองไทยไหมครับ
 
แต่ถ้าผมทำแบบนั้นจริง ซันไรส์หรือวิกเซอร์คงกระโดดมาเตะก้านคอผมตกน้ำตามลงไปด้วย
 
ผมรีบหันหลังให้ มองวิวอย่างอื่นต่อ แต่รู้สึกหลังคอมันร้อนๆ ยังไงพิกล ผมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเสีย 

to be Con..

ติดอ่านนิยายอีกแล้ววววว ซื้อมาร้อยกว่าเล่ม ตั้งใจจะอ่านให้หมดก่อนงานหนังสือครั้งใหม่จะมาถึง สวรรค์ชั้น 9 -,.- :heaven
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #14 ภูเขาไฟระเบิด [P.10][9-6-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 09-06-2017 19:35:36
ป่านนี้ลูกๆของเฮียซันเข้าไปอยู่เต็มท้องหมอแล้วม้างงงงงง :z1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #14 ภูเขาไฟระเบิด [P.10][9-6-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-06-2017 20:01:09
 :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #14 ภูเขาไฟระเบิด [P.10][9-6-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: benten_nn ที่ 10-06-2017 08:24:09
ตายอย่างสงบ :heaven :heaven :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #14 ภูเขาไฟระเบิด [P.10][11-6-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 12-06-2017 22:20:22
 :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #14 ภูเขาไฟระเบิด [P.10][13-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-06-2017 00:01:42
เฮียนี่หื่นได้ไม่รู้เวล่ำเวลา กะสถานที่เล้ย   :hao3:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #14 ภูเขาไฟระเบิด [P.10][13-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-06-2017 01:50:45
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #14 ภูเขาไฟระเบิด [P.10][13-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 14-06-2017 02:05:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #14 ภูเขาไฟระเบิด [P.10][13-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 14-06-2017 07:16:39
นั่งอ่านเฮียจีบเมียไป แบบนี้ไม่นานอาหงส์ต้องรักเฮียแน่ๆ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #14 ภูเขาไฟระเบิด [P.10][13-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-06-2017 12:45:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #14 ภูเขาไฟระเบิด [P.10][13-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: sebest ที่ 14-06-2017 13:55:11
 :katai5:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #15 แพ้ราบคาบแก้ว [P.10][18-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 14-06-2017 19:47:27
หงส์ซาน #15 แพ้ราบคาบแก้ว


เรือทิ้งห่างจากเขาสามเกลอเพื่อส่องสัตว์ต่อ คราวนี้เจอลิงครับ ไกด์ชี้ชวน ผมมองตามแต่ยังไม่เห็น เขาบอกมันตกใจเสียงเรือวิ่งเข้าป่าไปแล้ว ก่อนไอ้บ๊วยจะสะกิดไหล่ผม ชี้ไปยังพื้นริมน้ำ ผมตาโตเมื่อเห็นลิงขนสีน้ำตาลเข้มตัวหนึ่งยืนหันหน้าลอกแลกมองมาทางเรา ในมือถืออะไรสักอย่างที่น่าจะเป็นผลไม้
 
“เอ้า โบกมือทักทายเพื่อนหน่อย”
บ๊วยมันยกมือขึ้นประกอบ ผมมองมันตาขวาง มันหัวเราะร่วน เขาหยุดให้เราถ่ายรูปแล้วพาเรือแล่นไปตามทาง สักพักไกด์ก็ชี้ให้ดูกระทิงตัวโตที่ยืนหันก้นให้ เขาพาเรือขับเข้าไปใกล้แล้วดับเครื่อง เพราะเดี๋ยวมันตกใจหนีเข้าป่าไปก่อน พี่หมอรัวมือถือ แต่คงได้แต่ภาพก้นพี่หมอจึงป้องปากตะโกนใส่มัน
 
“เฮ้ย ไอ้เพื่อนยาก หันหน้ามาให้ถ่ายรูปหน่อย!!”
 
ไม่รู้ว่ามันได้ยินเสียงพี่หมอหรือว่าอะไร มันเอี้ยวหน้ามามองดีๆ ประมาณสามสี่วินาทีแล้วเดินก้นบิดเข้าป่าไปอย่างเมินเฉย ได้ยินเสียงพี่หมอบ่นอุบอิบ ผมหัวเราะร่วน คนขับสตาร์ทเรืออีกรอบ กระทั่งไปเจอกวางตัวเบ้อเร่อยืนสีแทบกลืนกับหญ้าริมน้ำ ตัวนี้น่าจะเป็นกวางรับแขกครับ มันยืนด้วยท่าทางสง่างาม สะบัดหูสะบัดหาง ปากเคี้ยวอะไรอยู่แยบๆ พี่หมอรัวกล้องอีกรอบ มันหันหน้ามาทางเราดีๆ ผมก็ถ่ายมันไปหลายช็อตเลย
 
เรือวิ่งไปอีกพักก็เจอลิงอีกตัว เลียงผาด้วย ไกด์บอกเราโชคดีมาก เพราะเจอสัตว์ค่อนข้างเยอะ
 
ไกด์ถามว่าอยากไปชมวิวไหม มีสองจุดให้ชมคือเขาสกกับเขาไกรสร แต่ต้องเดินไกลและปีนป่ายกันค่อนข้างเยอะ เย็นมากแล้วด้วย กว่าจะไปจะกลับมันจะดึกเสียก่อน อันตราย บ๊วยกับพี่หมอจึงลงความเห็นกันว่าไม่ไป กลับไปโดดน้ำเล่นที่แพดีกว่า เรือจึงพาเรากลับ
 
อากาศกำลังดีเลยครับ พอเรือส่งถึงที่ผมก็วิ่งถลาลงน้ำนำร่องไปก่อนทันทีดังตูม พี่หมอโดดตามลงมาติดๆ สักพักไอ้บ๊วยก็ตามลงมาด้วย ผมรีบว่ายน้ำดึบๆ หนีตัวอันตรายประจำเขื่อนทันที
 
แต่มันว่ายเร็วกว่า ตามมาประกบหลัง หนียังไงก็หนีไม่พ้นหรอก ทำใจอย่างเดียว บนฝั่งไอ้น้ำยาล้างจานกับน้ำยาขัดส้วมยังยืนนิ่งทำหน้าที่ประหนึ่งหุ่นปั้น ผมเอ่ยปากชวนไปเล่นๆ
 
“ลงมาเล่นน้ำด้วยกันสิซันไรส์วิกเซอร์”
 
สองคนนั้นยังยืนนิ่งประหนึ่งเสียงผมเป็นเสียงตอมหึ่งๆ ของแมลงหวี่
 
ผมย่นจมูกใส่
 
“ลงมาสิ ทั้งสองคน”
ไอ้บ๊วยมันสั่งด้วยน้ำเสียงเบาๆ สองคนนั้นขยับ ถอดเสื้อออกจากหัว ก้าวตามลงมาตามสั่ง
 
ผมจิ๊ปาก
 
เออ ผมมันไม่ใช่เจ้านายของพวกมันนี่
 
เอาตามจริงตั้งแต่วันแรกที่สองคนนี้โผล่มา ผมน่าจะอยู่ในฐานะนักโทษมากกว่า เพราะมันไม่ยอมให้ผมหลุดพ้นสายตาเลย
 
ผมไม่ได้สนใจคนทั้งคู่ ขยับว่ายน้ำไปเรื่อยๆ ก่อนร่างทั้งร่างจะเบรกกึก เพราะเอวถูกยึดจับไว้ด้วยสองมือใหญ่ๆ ของใครบางคน
 
ผมหันไปมอง
 
“เกาะหลังเฮียไหม”
 
“ไม่ใช่สัมภเวสี”
 
มันหัวเราะหึๆ แต่หันหลังให้ ผมชั่งใจอยู่อึดใจเดียวก็ลอยไปเกาะหลังมันไว้ ครั้งที่แล้วเล่นน้ำกันกลางคืน ครั้งนี้กลางวัน คนละอารมณ์เลย มันพาว่ายช้าๆ ผมเกาะทุ่นมีชีวิตลอยไปเรื่อยๆ ตอนแรกเกาะเฉยๆ แต่มันสบาย ผมจึงค่อยๆ ขยับตัวแนบติดแผ่นหลังอีกคนมากขึ้น กระทั่งหน้าผมอยู่ห่างหน้ามันเพียงนิด
 
“ทำไมเฮียถึงยอมแต่งงานกับอั๊ว”
ผมถามขึ้นมาเงียบๆ มันหยุดว่ายน้ำ ผมขยับไปลอยตัวด้วยตัวเอง
 
ถึงมันไม่บอก ผมก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว
 
มันลอยตัวหันมาเผชิญหน้ากับผมตรงๆ สีหน้านิ่งเรียบ แสงแดดยามเย็นฉาบไล้ใบหน้ามันให้ดูสุขุมขึ้น
 
ให้ตาย ป๊ากับม๊าก็ช่างปั้นให้ออกมาหล่อได้ใจ
 
มันไม่ตอบ แต่ขยับมาจูบหน้าผากผมเบาๆ
 
“อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ หงส์ แล้วหงส์จะรู้คำตอบที่แท้จริง การแต่งงานครั้งนี้มันไม่ใช่แค่งานเท่านั้น”
 
ผมหลบสายตานั้นเสีย ว่ายไปเกาะหลังมันตามเดิม พระอาทิตย์คล้อยตัวต่ำลงไปเรื่อยๆ เรามองไปยังทิศทางเดียวกัน ผมกระชับกอดมันแน่นขึ้น มองเจ้าดวงโตๆ ที่กำลังจมลึกลงไปใต้น้ำ
 
มันจับผมลงจากหลัง ดึงมาด้านหน้า ไม่พูดอะไร จับผมจูบอีกรอบ
 
ผมบอกไม่ถูกว่าทำไมรอบนี้ผมไม่สะบัดสะบิ้งดิ้นหนีอะไร ไม่อายว่าจะมีใครเห็นด้วย ปล่อยให้มันเป็นผู้พยุงตัวเราสองคน โอบสองวงแขนรอบลำคอแกร่ง ตอบรับรสจูบนุ่มนวลนั้น
 
มันถอนปากออก มองตาผม ก้มจูบแก้มแผ่วเบา น้ำเย็นๆ ร้อนขึ้นมาทันที
 
“พระอาทิตย์ตกหนีแล้ว”
ผมอ้อมแอ้มพูดหนีความรู้สึกกระดากที่บังเกิดขึ้น มันยิ้ม จับผมเกาะหลังอีกรอบ พาว่ายขึ้นฝั่ง เห็นพี่หมอเล่นน้ำอยู่แถวๆ ขอบแพ ส่วนวิกเซอร์กับซันไรส์ ลอยอยู่ในน้ำครับ แต่ลอยนิ่งไม่ต่างกับยืนอยู่บนฝั่ง เหมือนเปลี่ยนสถานที่ลงมาทำหน้าที่บอดี้การ์ดในน้ำกันมากกว่า ผมลงจากหลังบ๊วยว่ายเองเมื่อระยะมันใกล้เข้าไป
 
“ปลาตายกันหมดเขื่อนแล้วครับน้องหงส์”
 
ผมมองคนพูดงงๆ
 
“ทำไม”
 
“โดนมดบุก จับปลาไปกิน เพราะน้ำแถวนี้มันหวานจนมดขึ้น”
 
โห
 
ผมหน้าร้อนผ่าว อุบอิบว่า ‘บ้า’ เบาๆ ว่ายไปเกาะขอบแพ ตีขาเล่นป๋อมแป๋ม พี่หมอหัวเราะ ลอยตัวไปใกล้เพื่อนตัวเองเพื่อพูดคุยหัวเราะกันตามประสาเพื่อนสนิท ผมไม่ได้สนใจสองคนนั้น สองมือเกาะขอบแพ พยุงร่างอย่างสบายอารมณ์
 
ก่อนสะดุ้งเฮือกเพราะโดนคร่อมร่างจากทางด้านหลัง ผมหันไปมอง
 
ผู้ร้ายประจำเขื่อนนี่เอง สองมือมันวางไว้ข้างๆ มือผม แผงอกแนบมากับแผ่นหลัง ดันเบา ๆ จนผมลอยชิดขอบแพเข้าไปอีก
 
“จะเบียดเข้ามาทำไมเนี่ย”
ผมโวยวายเบาๆ ออกแรงที่แขนดันตัวเองถอยหลังเพื่อผลักอีกคนออกห่าง
 
“เฮียอยากอยู่ใกล้ๆ หงส์”
 
ตูม!!!
เหมือนโดนระเบิดร่วงใส่หัวแบบไม่มีหวอเตือน ผมขยับเอาอกไปชิดขอบแพตามเดิม อุบอิบพูดไม่หวังให้ใครได้ยิน
 
“บ้า”
 
ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ มันขยับมาชิดหลังผมอีกรอบ เวลาแพขยับ ร่างเราก็ขยับเคลื่อนไหวไปตามกระแสคลื่นเบาๆ นั้น จะว่าไปมันก็เพลินดี
 
แต่มันจะเพลินกว่านี้ถ้าไม่มีอะไรมาทำให้หัวใจผมเต้นผิดปกติแบบนี้ มันขยับมือมาจับมือผมไว้ทั้งสองข้าง คลึงเบาๆ
 
“มือซีดหมดแล้ว”
 

“แช่น้ำนานมันก็ต้องซีดเป็นธรรมดา” ผมขยับเบาๆ ดึงมือออกห่าง คือหัวใจมันเต้นผิดปกติครับ สงสัยต้องให้พี่หมอช่วยตรวจสุขภาพหลังเที่ยวเสร็จนะเนี่ย
มันตามมากุมมือผมไว้เหมือนเดิม แทรกผสานนิ้วเราเป็นหนึ่งเดียว
 
โอ๊ย เขิน…
 
“อุ่นขึ้นไหม”
มันกระซิบถาม
 
“ไม่ได้หนาวนี่”
ผมตอบกลับเสียงเบา ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ แล้วมันก็งับหูผมมาเบาๆ ผมเอี้ยวหน้าไปมองตาขวาง มือยังถูกยึดอยู่จึงทำอะไรไม่ได้
 
มันขบลงมาเบาๆ อีกรอบ ผมรีบเบี่ยงหน้าหนี ด่ามันทางสายตาอีกรอบ มันตามมางับอีก
 
“เป็นหมารึไง”
 
“มั้ง”
 
“หน้าด้าน”
 
มันเพียงแค่ยิ้มตอบรับเท่านั้น ด่าอะไรไปไม่เคยสะทกสะท้านเลยตานี่
 
“หิวรึยัง”
อยู่ๆ มันก็ถามขึ้น เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน ผมพยักหน้ารับ มันมองไปทางซันไรส์กับวิกเซอร์ สองคนนั้นมองมาก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว รับทราบด้วยกระแสจิตพากันว่ายน้ำขึ้นฝั่งไป
 
พวกนั้นก็หน้าด้านว่ะ มองกันอยู่ได้ นี่มันจะต้องดูพวกผมไม่คลาดสายตาตลอดเวลาเลยรึไง
 
พี่หมอว่ายน้ำลอยมาเกาะแบบเดียวกับผมข้างๆ บ๊วยมันยังไม่ขยับไปไหน
 
สายตาผมปราดไปเห็นร่องรอยอะไรบางอย่างบนคอพี่หมอ ต่ำลงไปแถวๆ คอเสื้อ พอดีเสื้อเปียกแล้วมันถูกร่นลงจึงเห็น มันเป็นสีกลีบกุหลาบ รูปร่างหน้าตาคุ้นๆ นะ
 
“พี่หมอ ไปโดนอะไรกัดมาหรือเปล่า เป็นรอยเลย”
ผมดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมข้างหนึ่งชี้คอตัวเองให้ดูเป้าหมาย พี่หมอทำหน้าฉงน ยกมือลูบเบาๆ ตรงจุดนั้น ทำท่านึก พักหนึ่งก็ยิ้มพราย
 
“สงสัยจะโดนปลิงดูด”
 
ผมตาโต
 
“ที่นี่มีปลิงด้วยเหรอ”
ผมทำท่าจะขึ้นจากน้ำ แต่ไอ้บ๊วยรวบเอวไว้ มองหน้าเพื่อนตัวเอง
 
พี่หมอหัวเราะร่วน
 
“ไปนอนกับใครมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
ไอ้บ๊วยถามเพื่อนมันเอง
 
นอนกับใคร??
 
อ๋อ รอยคิสมาร์คนี่เอง
 
โธ่ คิดว่าโดนปลิงดูดจริงๆ
 
ผมจ้องมองรอยนั้นอีกรอบ เกิดความสงสัยเหมือนบ๊วยมันเลยครับ ไปนอนกับใครที่ไหนมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะอยู่ด้วยกันแทบจะตลอด
 
พี่หมอยักไหล่ ไม่ตอบ เกาะขอบแพนิ่งเฉย ยิ้มกริ่ม มองตรงไปทางวิกเซอร์กับซันไรส์ ยกยิ้มนิดหนึ่ง ผมมองตามสายตาพี่หมอ สองคนนั้นเวลาลงน้ำจะถอดเสื้อประจำ ตอนนี้จึงเห็นกล้ามได้ชัดๆ ถ้าไม่ติดว่าสองพี่น้องนี่ปากหมาจนหมาจริงๆ ขอเป็นลูกศิษย์ ผมว่าสองพี่น้องนี้ต้องเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟ็กมากแน่ๆ

กล้ามเป็นลอนคนละหกห่อ
ไม่ใช่สิ น่าจะมากกว่านั้น ผมไล่สายตานับ 6…7…8 
 
โอ้โห แปดห่อแน่ะ
 
ตัวโตขนาดนั้น ไอ้นั่นก็คง…
 
ผมลดหน้าต่ำลงให้น้ำสูงปริ่มขึ้นเกือบมิดจมูกดับความร้อนและความคิดอุบาทว์ในหัวตัวเอง
 
คิดอะไรพิลึกวะหงส์ซาน
 
ผมขยับ ชะงัก เพราะรู้สึกถึงรังสีทะมึนจากคนด้านหลัง ผมเอี้ยวหน้ามอง ไอ้บ๊วยหน้าบูดเป็นตูดลิงเลย
 
“โดนปลิงกัดรึไง อยู่ๆ ก็หน้าบูด”

“มองอะไรอยู่”
 
“มองหน้าเฮียไง”
 
“ไม่ใช่ ก่อนหน้านี้”
 
ผมขมวดคิ้ว มองกลับไปทางสองพี่น้องต่างชาติบนแพ
 
“มองซันไรส์กับวิกเซอร์ไง”
ผมตอบตามตรง มันหน้าหงิกยิ่งกว่าเดิม
 
อะไรวะ
 
ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ จากพี่หมอ แล้วรายนั้นก็โดดขึ้นแพไป ผมทำท่าจะโดดขึ้นตาม แต่ไอ้บ๊วยมันยึดเอวไว้
 
“จะขึ้นแล้ว หนาว”
 
มันจับผมหันไปเผชิญหน้า ประคองผมให้ลอยด้วยตัวเอง จับจูบอีกรอบ
 
โอ๊ย อะไรมันจะจูบบ่อยขนาดนี้ เอะอะจูบ เอะอะจูบ
 
“ห้ามมองผู้ชายคนไหนนอกจากเฮียอีก”
 
ผมอ้าปากค้าง
 
“บ้ารึไงแค่มอง”
 
“แต่หงส์เป็นเมียเฮีย”
 
“บ้ารึเปล่า แค่มอง แล้วนั่นก็บอดี้การ์ดเฮียนะ”
 
“ไม่ว่าใครก็ห้ามมองทั้งนั้น ยกเว้นเฮีย”
 
“เผด็จการ”
 
“ถ้ามองผู้ชายคนไหนอย่างชื่นชมแบบเมื่อกี้อีก เฮียจะปล้ำแปดยก”
 
“โรคจิตแล้วเฮีย นี่มันเข้าข่ายริดรอนสิทธิมนุษยชนนะ”
 
“แล้วแต่จะคิด แต่ถ้าหงส์มองใครแบบเมื่อกี้อีก… แปดยก”
มันเน้นคำหลังชัดเจน
 
อื้อหือ มึง แค่สี่ยกกูก็นอนเดี้ยงไปสามวันแล้วแปดยกนี่คงเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิตแน่ๆ
 
“ก็ได้ๆ หนาว ขึ้นได้ยัง”
ผมรับปากอย่างเสียไม่ได้ มันยิ้มออกมาบางๆ จูบหน้าผากผมเบาๆ จับผมยกหวืดขึ้นไปนั่งแหมะบนแพ ผมรีบขยับลุก มันก้าวตามขึ้นมาติดๆ
 
น้ำจากตัวเราสองคนไหลพรากเป็นทาง วิกเซอร์เดินเข้ามาหาพร้อมผ้าเช็ดตัวสองผืน ผืนหนึ่งให้ผม อีกผืนให้เจ้านายมันเอง ผมรับมาซับตัวเดินเข้าห้องไป

ผมขอใช้สิทธิ์ที่เดินเข้าห้องเป็นคนแรกจะเข้าไปอาบน้ำก่อน แต่พอจะปิดประตูห้องน้ำก็ต้องชะงัก เพราะมีมือปริศนามาหยุดไว้ ผมเงยหน้ามอง
 
ไอ้บ๊วยครับ
 
“อาบด้วยกันจะได้ไม่เสียเวลา”
 
ผมตาโต เรื่องอะไร หาเรื่องให้โดนล่วงละเมิดน่ะสิ
 
“ไม่!!”
ผมตอบพร้อมดึงประตูปิด แต่ฤทธิ์เทวดารึจะสู้ซาตาน มันดันผลัวะเดียวก็ขยับเข้ามาด้านในได้แล้ว
 
“งั้นเฮียอาบก่อน อั๊วอาบทีหลังได้”
ผมจะเดินออก แต่มันรั้งจับเอวผมไว้
 
“มาให้ทำโทษข้อหามองชายอื่นก่อน”
 
“ห้ามกันขนาดนี้ไม่ควักลูกตากันออกเลยล่ะ ปล่อย!”
ผมพยายามดิ้นรน
 
“อยากทำเหมือนกัน แต่ถ้าควักออก หงส์ก็มองไม่เห็นเฮียน่ะสิ ไม่คุ้มเท่าไหร่”
มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

มันจับผมออกห่างจากประตู ปิดประตูลงเสียงดัง…กรึบ
 
ผมมองประตูบานนั้นอย่างอาลัยอาวรณ์
 
โอกาสรอดชีวิตเหลือเพียง 0.0001% เท่านั้น
 
“เอ่อ เฮีย หงส์หิวข้าว”
ผมเอาลูกอ้อนเข้าสู้ ขยับไปยืนห่างจากมันร่วมวา
 
“อาหารยังไม่มาเลย”
 
“หงส์เหนื่อย อยากรีบอาบน้ำให้เสร็จเร็วๆ”
 
มันยกยิ้ม เลิกถอดเสื้อตัวเองออกโยนตุบลงพื้น ผมมองตามเสื้อตัวนั้นแล้วหันกลับมามองเจ้าของเสื้ออีกที มันยกยิ้มอย่างตัวร้าย จับขอบกางเกง ผมถอยกรูดไปติดกำแพง
 
อยากกลายร่างเป็นสไปเดอร์แมนแล้วปีนกำแพงหนี แต่ทางรอดของผมถูกดักไว้หมดแล้ว พอทำอะไรไม่ได้ ผมยกหมัดขึ้นตั้งการ์ดทันทีแบบมวยไทยเตรียมสู้
 
มันชะงัก หัวเราะออกมาเสียงดัง
 
“โดนน้ำมากจนสมองบวมรึไง”
 
“เอาดิ เข้าใกล้ ต่อยตาแตก”
 
มันเลื่อนมือจากขอบกางเกงมากอดอกเอียงคอมอง
 
“ต่อยเฮียให้ได้สักหมัดสิ แล้วเฮียจะปล่อยไป”
มันท้าผมเหมือนเดิม อยู่นี่ผมว่ามีโอกาสมากกว่าข้างนอกนะ ผมยกการ์ดสูงรับคำท้า พยายามมองหาช่องว่างเพื่อต่อย
 
คือ…ผมเรียนมวยไทยมาแค่หลักสูตรเร่งรัด (พอดีมันเจ็บผมเลยไม่ได้เรียนต่อ)
 
เอาไงดี เบ้าตาไหม
 
ไม่ได้ๆ มันต้องไปทำงานต่อ เดี๋ยวหมดความน่าเชื่อถือ
 
กระโดงคาง
 
โหย หน้าแข็งเป็นหินแบบนั้น ผมว่ากระดูกมือผมคงจะหักมากกว่า
 
มุมปากไหม
อืม น่าสน แต่ถ้าปากเขียวมาน้ำยาล้างจานคงจับผมกระทืบ
 
หรือเจาะไข่มันดี ไม่มีใครเห็น น็อกดาวน์พาวเวอร์
 
อืม เป็นความคิดที่ดี งั้นเตะไข่มันนั่นแหละ เอาให้หมดสมรรถภาพไปเลย
 
ฉึบ!!
 
ไม่ใช่เสียงแข้งผมที่หวดออกไปตามใจคิดหรอกครับ แต่เป็นเสียงของมันที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาจับสองข้อมือผมไว้ต่างหาก
 
อ้าว ซวยละ
 
มันยกยิ้ม
 
“ใช้เวลาคิดนานเกินไปนะหงส์ ครั้งหน้าตัดสินใจให้เร็วกว่านี้หน่อย”
แล้วมันก็จับหมัดผมไปรวบรวมกันไว้ด้วยกันด้านหลัง แทรกเข่าเข้ามาตรงกลางระหว่างขา ดันจนหลังผมติดกำแพง
 
“เฮ้ย!! ปล่อย”
มันใช้มือที่ว่างถลกเสื้อออกจากตัวผม ม้วนมัดเป็นปมผูกข้อมือผมติดกัน ผมตาโต
 
“โรคจิตแล้ว มัดทำไม ปล่อย!!”
ผมท้วงหน้าตื่น
 
หรือว่ามันจะเป็นพวกซาดิสม์วิปริต ชอบความรุนแรง
 
มันยกยิ้ม สอดมือแทรกผ่านขอบกางเกงไปบดคลึงก้อนเนื้อกลมๆ ของผม ไม่หนักไม่เบา มืออีกข้างลูบไล้มาทั่วผิวเนื้อเปลือยเปล่าด้านหน้า ผมครางฮือเมื่อมันคีบหัวนมผมด้วยหลังนิ้วชี้และนิ้วกลาง
 
“เดี๋ยวเฮียอาบน้ำให้”
มันเปิดฝักบัว ราดน้ำจนตัวผมเปียกชุ่ม (จริงๆ มันก็เปียกมาก่อนหน้านั้นแล้วจากการเล่นน้ำ) มันหันไปกดสบู่จากกล่องข้างกำแพงมาถูจนเกิดฟอง นำมันมาลูบไล้บนเนื้อตัวผม
 
“บ้าหรือเปล่า ปล่อยนะเว้ยไอ้โรคจิต!!”
ผมพยายามดันมันออกด้วยไหล่ มันไม่สนการขัดขืนของผมลูบไล้ฝ่ามือไปมา มือมันผ่านไปที่ไหน ราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านไปตามจุดนั้น ผมครางฮือเมื่อมันลูบผ่านยอดอกผมเบาๆ มันตั้งชันมาก่อนหน้านั้นแล้ว ตอนนี้ยิ่งตั้งเข้าไปใหญ่ มันค่อยๆ จับกางเกงผมรูดออกจากตัวช้าๆ ทิ้งลงพื้นข้างตัว
 
น้องผมตื่นขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ มันไล้วนฝ่ามือไปรอบๆ ขยับถอดกางเกงตัวเองออกบ้างจนตอนนี้เรามีสภาพไม่ต่างกันแล้ว ไม่อยากมองเลย เพราะไอ้นั่นมันชี้หน้าผมอยู่ มันแก้ปมผ้ามัดข้อมือผมออก ผมรีบจับสองต้นแขนมันไว้ทันทีดันออก ตอนนี้เรี่ยวแรงผมเหลือไม่ถึงครึ่ง ผิวเนื้อเต็มไปด้วยสบู่
 
“อ๊า…”
ผมครางสยิวออกมาเมื่อมือนั้นเกลี่ยมาทั่วบั้นเอว มันโอบร่างผมไว้ ก่อนค่อยๆ แทรกนิ้วผ่านรอยแยกด้านหลัง ผมตาโตจะดันตัวออก แต่มันยึดโอบไว้
 
มือมันลื่นพรืดเพราะสบู่ มันจับผมพลิกหันหลังทันที ดึงสะโพกเข้าหามัน
 
“ไม่ทำนะ”
ผมร้องขอ ถึงจะรู้ว่าโอกาสรอดมีน้อยก็เถอะ
 
คิดว่ามันจะฟังคำขอผมไหมล่ะ
 
คำตอบก็คือ…
 
“อืม..”
ผมครางออกมาเบาๆ เมื่อเนินเนื้อสองข้างถูกจับแยกกว้าง แล้วบางสิ่งอุ่นร้อนแข็งปั๋งค่อยๆ แทรกผ่านเข้ามา ผมแนบหน้าเข้ากับกำแพงห้องน้ำ แยกขาออกกว้างขยับสะโพกเพื่อผ่อนคลาย มันก้มงับติ่งหูผมเบาๆ ขยับชำแรกผสานร่างของเราทีละนิดๆ มันไม่ได้รีบร้อน แต่ทำช้าๆ ทำเบาๆ สบู่ลื่นๆ ช่วยได้เยอะมากเลย
 
“ไอ้หื่น”
ผมด่ามันไป ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ มันดึงสิ่งนั้นออกช้าๆ แล้วใส่กลับเข้ามาใหม่แผ่วเบา
 
“I want to make Love to you”
 
“พูดจีนก็ได้นะ น่าจะฟังลื่นหูกว่าภาษาอังกฤษ”
ผมรวนมันไปอีกรอบ มันหัวเราะหึๆ
 
“โรแมนติกกับเฮียหน่อยหงส์”
 
“อยากได้กระติกให้ไปขอซันไรส์”
 
“หงส์!”
มันขยับแรงขึ้นเหมือนต้องการทำโทษ ผมครางสะท้านตัวสั่นริกไปหมด
 
มันจับผมพลิกหันไปเผชิญหน้า ยกสองขาผมขึ้นโอบรอบเอวมัน ดันหลังผมแนบติดกำแพง ผมรีบโอบสองมือรอบคอมันทันทีเพื่อพยุงร่างกันร่วง
 
มันดันคางผมขึ้นเบาๆ บังคับให้สบตา กระซิบแผ่ว
 
“บอกรักเฮียสิ หงส์ซาน”
 
ผมกัดกราม จ้องกลับด้วยดวงตากึ่งปรอยกึ่งไม่พอใจ กระซิบกลับ
 
“ไม่”
 
มันคลอเคลียริมฝีปากกับปากผม ไปที่แก้ม เปลือกตา หน้าผาก
 
“พูดสิ”
ใครมันบ้ามาร้องขอให้บอกรักกันเวลานี้วะ ผมไม่สนใจเมินหลบไปด้านข้าง มันจับคางผมให้หันมาสบตาอีกรอบ
 
“นะ พูดสักคำให้เฮียชื่นใจหน่อย” ปากมันร้องขอในขณะที่ท่อนล่างก็ขยับไม่หยุด ช้าๆ เบาๆ ยิ่งทำปราการที่ผมตั้งไว้สูงลิบก่อนหน้าก็ค่อยๆ พังทลายลงมา
 
“นะ Please, for me”
กูบอกว่าภาษาจีนก็ได้ ไม่ฟังกันเลยไอ้นี่
 
“Please”
น้ำเสียงมันทั้งกระเส่า เร่าร้อน ออดอ้อนและอ่อนหวาน ผมขยับซุกหน้ากับหน้าอกมันกระซิบแผ่ว
 
“หงส์รักเฮีย”
 
มันดันตัวผมออกจากอก ก้มจูบ มันเป็นจูบที่ไม่ได้เร่าร้อน แต่กลับเชื่องช้า หวามไหว ติดจะดูอ่อนหวานจนน่ากลัว
 
‘หงส์รักเฮีย’
ทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆ ไปกับคำพูดที่ไม่ได้ออกมาจากความรู้สึกจริงๆ แบบนั้นก็ไม่รู้
 
ถ้าเปรียบรสจูบครั้งนี้เป็นขนมหวาน ตอนนี้ผมก็กำลังละเลียดกินมันอยู่อย่างเอร็ดอร่อย โดยมีคนป้อนคือไอ้บ๊วยนั่นแหละ
 
ยิ่งกินยิ่งหวาน ยิ่งกินยิ่งอร่อย
 
พอมันหยุด ผมยังรู้สึกเสียดายเลย ผมมองมันตาปรอย มันยิ้มนิดๆ ปล่อยผมยืนกับพื้นอีกรอบ พลิกหันหน้าเข้ากำแพง ผมไม่ได้ขัดขืนหรือคิดจะดิ้นรนหลีกหนีอีก สองมือค้ำยันกำแพงไว้รองรับร่าง ได้ยินเสียงทุ้มครางเบาๆ มือหนึ่งของมันค้ำกุมมือผมไว้กับกำแพง อีกข้างประคองอยู่ที่สะโพก
 
หัวใจผมไหวแรงสุดๆ
 
ไม่ใช่เพราะร่างกายที่กำลังถูกกระตุ้น แต่เป็นเพราะมือมันที่กำลังกอบกุมมือผมไว้ตอนนี้ต่างหาก บ๊วยมันเร่งจังหวะหลังจากรบด้วยลีลาลีลาศมาชั่วระยะหนึ่ง เวลาช้าก็นิ่มนวลดีอยู่หรอก เวลาเร่งนี่เอวแทบหัก


รอบเดียวครับ แต่อย่างที่เคยบอก ผมกับมันเป็นพวกอึดด้วยกันทั้งคู่ รอบเดียวก็เล่นเอาเอวผมเคล็ดไปเลย
 
ผมออกมาแต่งตัวเป็นเวลาเดียวกับที่ซันไรส์มาเคาะห้องพอดีบอกว่าอาหารพร้อมแล้ว ผมพยายามปรับสภาพเนื้อตัว แต่มันเคล็ดขัดยอกที่สะโพกจนเดินเป๋ไป ออกไปก็เห็นพี่หมอนั่งห้อยขาริมแพ พี่แกใส่เสื้อกล้ามกางเกงขาสามส่วน
 
โอ้โห เห็นรอยกลีบกุหลาบชัดเลย
 
ผมยังงงไม่หายว่าพี่หมอเอาเวลาที่ไหนไปเต๊าะสาว
 
จะว่าไปนักท่องเที่ยวสวยๆ มาเที่ยวแพแบบเราก็เยอะ หน้าตาพี่หมอก็หลอกล่อสาวได้ง่ายๆ อยู่แล้ว ดีกรีหมอเครดิตดียิ่งกว่าบัตรทอง แค่เห็นสาวๆ คงพร้อมใจยินดีให้รูดเสื้อชั้นในได้ง่ายๆ ผมเดินไปทิ้งตัวลงนั่ง เบ้หน้านิดๆ เพราะยังหน่วงตรงนั้นอยู่ พี่หมอลุกขึ้นจากน้ำมานั่งบ้าง
 
อยากแซวเรื่องรอยบนตัวพี่หมอเหมือนกัน แต่กลัวโดนแซวกลับ ผมเลยเลือกที่จะเงียบๆ ไว้ มื้อนี้เรากินกันค่อนข้างมืด แสงจากดวงไฟสว่างไสวไปทั่ว มันสวยมากจริงๆ เรากินไปนั่งคุยกันไปอย่างออกรส บางเรื่องผมก็ไม่รู้เรื่องหรอก มื้อนี้มีแค่สามคนครับ เพราะวิกเซอร์กับซันไรส์แยกไปกินอีกสำรับ
 
แน่นอนว่าหลังจากมื้อเย็น บ๊วยมันต้องทำโรแมนติกด้วยการลากผมไปนั่งบนฟูกที่ผมลากมาปูชานแพ ข้างๆ เป็นแก้วไวน์ ดื่มกันเงียบๆ
 
มันก็ดื่มไปกอดผมไป จูบได้จูบ ลูบไล้ได้ลูบไล้ เก็บเล็กเก็บน้อยไป ใจแข็งขนาดไหน เจอแบบนี้ก็ระทวยได้เหมือนกันนะครับ
 
“แก่จนปูนนี้แล้วทำไมเฮียยังไม่แต่งงาน”
ผมหาเรื่องคุย จริงๆ คือกะจะรวนมันแก้เบื่อไปงั้นเอง
 
มันมะเหงกผมเบาๆ
 
“เฮียแค่สามสิบต้นๆ แก่ที่ไหน”
 
“แก่ก็ยอมรับมาเถอะว่าแก่ ไม่มีใครว่าหรอก โกงอายุล่ะสิ หน้าเงี้ยอย่างกับห้าสิบห้า”
จริงๆ ไม่ถึงหรอกครับ ข่มมันไว้ก่อน มันหัวเราะหึๆ
 
“ขิงน่ะ ยิ่งแก่ยิ่งร้อนแรงนะ”
 
“พอดีไม่ชอบขิง ชอบน้ำเต้าฮู้มากกว่า แล้วตอบได้รึยังว่าทำไมยังไม่แต่งงาน”
 
“พอดียังไม่เจอคนถูกใจ”
 
“เป็นเกย์?”
ผมถามตรงๆ มันส่ายหน้าไปมา ตอนนี้มันนอนตะแคงข้างเอกเขนกอยู่บนฟูก รองด้วยหมอน ยกส่วนบนสูง ผมนั่งอยู่ตรงซอกพุงมัน หันหน้าเข้าหาแม่น้ำ ไม่เห็นวิกเซอร์แล้วครับ ไม่รู้ว่าง่วงแล้วเข้านอนก่อนหรือเปล่า เห็นแต่พี่หมอกับซันไรส์ แต่แค่แวบเดียวเท่านั้น เพราะบ๊วยมันดึงความสนใจผมกลับ
 
“หงส์เป็นผู้ชายคนแรกที่เฮียนอนด้วย”
 
ผมส่ายหน้าไปมา
 
“ไม่เชื่อ ท่าทางดูชำนิชำนาญราวกับผ่านมาแล้วอย่างโชกโชน”
 
มันหัวเราะหึๆ
 
“ของพวกนี้ใช้สัญชาตญาณก็เรียนรู้ได้แล้ว ร่างกายมนุษย์มันมีไม่กี่จุดหรอกที่กระตุ้นได้”
 
ผมหน้าร้อนผ่าว
 
“หื่น”
ผมอ้อมแอ้มด่า พูดไปชักเข้าเรื่องใต้สะดือ
 
“สเปกเป็นแบบไหน”
ผมถามต่อ
 
มันไม่ตอบ แต่มองหน้าผมนิ่งๆ
 
“เอ้า ตอบสักที สเปกเป็นแบบไหน”
 
มันระบายยิ้มออกมาบางๆ
 
“ดื้อ”
อื้อหือ โรคจิตเปล่าวะ ชอบคนดื้อเนี่ยนะ
 
“ปากไม่ตรงกับใจ”
เลวร้ายกว่าดื้ออีก 
 
“ขาว”
โอ้ อันนี้ธรรมดา สเปกชายไทย
 
“เตี้ย”
หะ!! เดี๋ยวนะ มันความหมายเดียวกับผู้หญิงตัวเล็กหรือเปล่า
 
“ซื่อบื้อ”
 
“สเปกทุเรศจัง”
ผมสวนกลับทันทีที่มันพูดจบ มันหัวเราะร่วน
 
“คงหาได้หรอกนะ สเปกแบบนี้”
 
มันมองหน้าผม แล้วหัวเราะออกมาอีกรอบ
 
อะไรวะ
 
“แล้วใครเป็นต้นคิดให้เฮียตกลงมาแต่งงานกับอั๊ว”
ผมถามต่อ
 
“เฮียเอง”
 
ผมทำหน้าฉงน
 
“เฮียรู้จักหงส์จากข้อมูลที่ส่งมาให้เพื่อแต่งงานกับอาเหมย”
 
ผมพยักหน้าหงึกๆ
 
“หลังจากนั้นก็ส่งนักสืบไปตามดูพฤติกรรมตลอด”
 
ผมอ้าปากค้าง
 
“ตอนไหน”
 
มันยกยิ้ม แต่ไม่ตอบคำถาม
 
“พอเหมยหนีไป เฮียเลยเสนอกับป๊าม๊าว่าจะขอแต่งงานแทน”
 
ผมจิ๊ปาก
 
“คิดได้เนอะ โรคจิตจริงๆ เหมยก็ไม่น่าหนีไปเลย ถ้าได้แต่งงานกัน ป่านนี้เราคงมีความสุขร่วมกัน แถมยังมีหลานให้ป๊ากับม๊าอุ้มด้วย”
 
“หนีไปน่ะดีแล้ว เพราะถ้าเหมยอยู่ เฮียก็ไม่ได้แต่งงานกับหงส์น่ะสิ”
 
“แต่อั๊วไม่อยากแต่งงานกับเฮีย อยากแต่งงานกับเหมยมากกว่า”
ผมบอกมันตามตรง มันไม่ต่อความเรื่องนั้นเสถามไปเรื่องอื่น
 
“หงส์อยากมีลูกเหรอ”
 
“เอ้า ถามได้ อยากสิ รึเฮียไม่อยากมี?”
 
มันจ้องหน้าผม
 
“ไอ้อยากมันก็อยาก แต่ดีแล้วที่หงส์เป็นผู้ชาย เพราะถ้าเป็นผู้หญิงแล้วท้อง ลูกเราอาจได้เชื้อสมองบวมแบบหงส์”
 
ผมอ้าปากค้าง
 
“ใครสมองบวม!!”
 
มันหัวเราะหึๆ โอบวงแขนรอบเอวผม
 
“ไม่ว่าหงส์จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เฮียก็ดีใจที่ได้แต่งงานกับหงส์”
 
ผมอึ้งฟัง สมองกำลังทำการประมวลผลอย่างหนัก
 
“แน่สิ หงส์เป็นตัวนำโชคเฮียนี่ จะเพศไหนเฮียก็ไม่สนอยู่แล้ว”
 
มันจ้องหน้าผม พ่นลมหายใจแรงจนเส้นผมบนหน้าผากผมสะบัดพรืด ตามด้วยมะเหงกลูกใหญ่
 
“บื้อ”
 
แล้วมันก็หัวเราะ มองตาผม
 
“แต่นั่นก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของหงส์ เฮียถูกแวดล้อมด้วยมนุษย์เจ้าเล่ห์ สวมหน้ากากเข้าหากัน คิดซับคิดซ้อน ฉลาดเป็นกรด พอมาเจอคนแบบหงส์ในวงสังคมแบบนี้ก็ทำให้เฮียแปลกใจไม่น้อยว่ามีด้วยเหรอคนแบบนี้”
 
ผมขมวดคิ้วมองงงๆ
 
นี่มันกำลังชมหรือด่าผมอยู่กันแน่?
 
มันจ้องหน้าผม เกลี่ยแก้มแผ่วเบา โดนมันสัมผัสทีไร ไม่ว่าที่ไหน ตรงนั้นจะร้อนวูบวาบทุกที
 
“หงส์อยู่กับเฮียแล้วไม่มีความสุขเหรอ”
 
“ไม่ ปวดสะโพกจะตาย”
 
มันหัวเราะ
 
“นอกจากปวดสะโพกล่ะ”
 
ผมนิ่งคิด เอาตามจริงยกเว้นเวลามันล่อจนผมลุกไม่ได้ไปสามวัน นอกนั้นผมก็ถือว่าใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไม่ต่างกับอยู่บ้านนั่นแหละ
 
มันยกหน้าขึ้นมาจูบหน้าผากผมเบาๆ กระชับกอดผมแน่นขึ้นไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบอะไร
 
ผมก็ไม่คิดจะยอมรับกับมันตรงๆ มองเหม่อไปยังท้องน้ำยามค่ำคืนสะท้อนแสงจันทร์และดวงดาวอีกครั้ง วันนี้ท้องฟ้าสดใสเห็นดาวได้แจ่มชัดกว่าเมื่อวานอีก
 
ยิ่งวงแขนมันโอบกระชับมามากเท่าไหร่ หัวใจผมยิ่งเต้นเร็วมากขึ้นเท่านั้น



To be Con
รอเวลาให้น้องหงส์ใจอ่อนเร็ว ๆ สู้ ๆ เฮียไป่หลง








ข่าวสารและนิยายเรื่องอื่นๆ: https://goo.gl/WbWxt8
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #15 แพ้ราบคาบแก้ว [P.10][14-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-06-2017 19:58:39
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #15 แพ้ราบคาบแก้ว [P.10][14-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 14-06-2017 22:05:58
น้องหงษ์ ถามอย่างงี้ระวังปลิงดูดแทนนะ 5555
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #15 แพ้ราบคาบแก้ว [P.10][14-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-06-2017 22:35:20
เฮียบ๊วยกลัวลิงน้อยจะหลงเสน่ห์น้ำยาล้างจานหรือน้ำยาขัดห้องน้ำล่ะสิ  555
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #15 แพ้ราบคาบแก้ว [P.10][14-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-06-2017 22:56:16
เดี๋ยวคงได้เจอปลิงยักษ์
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #15 แพ้ราบคาบแก้ว [P.10][14-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 14-06-2017 23:33:52
อิหนู เดี๋ยวคืนนี้โดนดูด ทั้งตัวนะ จ้องขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #15 แพ้ราบคาบแก้ว [P.10][14-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 14-06-2017 23:44:39
เดี๋ยวคงได้เจอปลิงยักษ์
5555  :m20:  เจอเม้นนี้ลั่นเลย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #15 แพ้ราบคาบแก้ว [P.10][14-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-06-2017 00:40:44
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #15 แพ้ราบคาบแก้ว [P.10][14-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 15-06-2017 07:02:41
เฮียหลงไม่ได้โดนปลิงดูดแตหึงจ้าแหมน้องหงส์เล่นมองชายอื่นแบบนั้นเฮียก็หึงสิจ๊ะ.  :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #15 แพ้ราบคาบแก้ว [P.10][14-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 15-06-2017 09:22:18
แน่ะ บ๊วยหึงแล้ว งานนี้ระวังให้ดีนะน้องหงส์
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #15 แพ้ราบคาบแก้ว [P.10][14-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 15-06-2017 12:26:14
 :hao6: ต่อไปหงส์จะเป็นรายต่อไปที่โดนดูด  :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #15 แพ้ราบคาบแก้ว [P.10][18-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-06-2017 13:13:23
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #15 แพ้ราบคาบแก้ว [P.10][18-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-06-2017 14:23:45
 o13
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #15 แพ้ราบคาบแก้ว [P.10][18-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-06-2017 14:25:14
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #15 แพ้ราบคาบแก้ว [P.10][18-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 18-06-2017 15:27:21
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #15 แพ้ราบคาบแก้ว [P.10][18-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 18-06-2017 18:12:32
หงส์เอ้ย...เริ่มรักเฮียแล้วละสิ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #15 แพ้ราบคาบแก้ว [P.10][18-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 19-06-2017 19:11:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][21-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 19-06-2017 19:44:50
#16 รวนไปหมด
________________________________________________


 
ได้ยินเสียงเพลงรักดังแว่วมาให้ได้ยิน มันเป็นเสียงร้องของผู้ชาย น้ำเสียงนุ่มๆ มีเครื่องดนตรีประสานเป็นกีตาร์เพียงตัวเดียวเท่านั้น ผมเคยทดลองเล่นมาก่อน แต่เอาดีไม่ได้เลยทิ้งไป เสียงร้องห่วยด้วย
 
“นี่ ทำไมเฮียถึงชอบอุปถัมภ์เด็ก ทำเอาหน้าหรือว่าอะไร”
ผมละสายตาจากดวงดาวมาถามเสียงเบา
 
“ตอนเด็กๆ เฮียเคยถูกลักพาตัว ดีว่าหนีออกมาได้พร้อมเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกคน พากันระเหเร่ร่อนเป็นเด็กไร้บ้านอยู่เป็นเดือน ตอนนั้นจำไม่ได้ทั้งชื่อจริงตัวเอง ชื่อป๊าชื่อม๊า หรือเบอร์โทรเลขที่บ้านอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ไม่รู้ด้วยว่าต้องไปพบตำรวจ รู้แค่ชื่อเล่นของตัวเอง เป็นชีวิตที่ต้องปากกัดตีนถีบ กินกันไม่เคยอิ่ม ทั้งถูกรังแก ถูกขับไล่ ป่วยก็ไม่มีเงินไปหาหมอ”
 
โห มันเจอมาหนักขนาดนั้นเลยเหรอ
 
มันหยุดเสียงลง นั่งนิ่ง ดวงตาทอดมองไปไกล กลืนน้ำลายลงคอ ผมเดาเอาว่ามันกำลังนึกย้อนไปยังวัยเด็กอยู่
 
“ในที่สุดเพื่อนร่วมชะตาชีวิตกับเฮียก็ตายลงเพราะอาหารเป็นพิษ ตอนนั้นไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเราเลย”
 
ถ้าผมมีหู ผมว่าหูผมกำลังลู่ตกลงเรื่อยๆ จากเรื่องสะเทือนใจของเขา
 
“จำได้ว่าเฮียนั่งร้องไห้หนักมาก โชคดีว่าในวันที่เพื่อนตาย เกิดเป็นข่าวขึ้นมาเล็กๆ แล้วมีคนถ่ายรูปติดเฮียไปลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ป๊าม๊าจึงตามตัวเฮียเจอ”
 
มันจ้องหน้าผมนิ่งๆ เกลี่ยแก้มผมเบาๆ
 
“ไม่งั้น เฮียคงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้กับหงส์หรอก”
 
เอ่อ…
กูไม่ได้อยากนั่งอยู่ตรงนี้กับมึงสักหน่อย
 
ผมไม่ได้รวนมันอย่างที่ใจคิดหรอกครับ ผมเข้าใจมันดี ผมไม่เคยสูญเสียคนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทแบบมันมาก่อน แต่เคยสูญเสียสิ่งที่ถือว่ารักมากเช่นกันนั่นก็คือปลา
 
ครับ ปลาคาร์ปที่คนอื่นอาจมองว่ามันเป็นสัตว์โลกน่าเบื่อที่วันๆ ไม่ทำอะไรยกเว้นว่ายน้ำไปมานั่นแหละ
 
แต่สำหรับผม พวกมันคือเพื่อน คือสิ่งมีชีวิตที่ดำเนินชีวิตไปอย่างเนิบช้า
 
ผมชอบเวลาเห็นพวกมันกำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำ ว่ายผ่านไปที่ไหน สายน้ำก็แล่นริ้วเป็นทาง มีความสุขเวลาที่พวกมันอ้าปากงับอาหารกิน บ้างมากันเป็นกลุ่ม บ้างก็มากันเดี่ยวๆ
 
จำได้ว่าตั้งแต่เกิดมา เพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับผม นอกจากพวกพี่ๆ แล้วก็มีปลาคาร์ปนี่แหละ
 
ผมเคยมีปลาคาร์ปสุดโปรดอยู่ตัวหนึ่ง มันฉลาดแสนรู้เกินปลามาก มันจะว่ายน้ำมาหาผมทุกครั้งที่ผมเดินไปที่บ่อ ไม่ว่าจะเดินไปดูเล่น หรือเดินไปให้อาหาร (เพราะปลาไม่ใช่สัตว์ที่จะว่ายมาหาหากไม่มีอาหารล่อ) ตัวมันขาวล้วน มีจุดดำกลมๆ บนหัวเห็นได้ชัดเลย (มีคนบอกว่ามันเป็นปลาคาร์ปหยินหยาง)
 
มันไม่ได้ป่วยตายหรอก แต่แก่ตายตามกาลเวลา
 
จำได้ว่าผมนั่งร้องไห้ไปหลายวัน ฝังศพมันเองกับมือในสวนหลังบ้านนั่นแหละ (เฮียหยกแนะนำให้ผมเอามาย่างกิน แต่ผมไม่ได้ทำตามหรอก)
 
“หลังจากนั้นป๊าม๊าจึงจ้างบอดี้การ์ดตามติดเฮียตลอด”
มันเล่าต่อ
 
“พวกซันไรส์เหรอ”
ผมถามด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ มันส่ายหัวไปมา
 
“เปล่า ก่อนหน้านั้นเป็นคนอื่น พวกซันไรส์อายุรุ่นๆ เดียวกับเฮีย ยังเด็กกันอยู่ กำลังหัดเรียนวิชาบอดี้การ์ด พวกเขาได้ทำหน้าที่ในช่วงที่เฮียรับช่วงกิจการต่อจากป๊าพอดี พวกเขาเป็นทั้งบอดี้การ์ด ผู้ช่วย และเพื่อนในเวลาเดียวกัน เป็นคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางของเฮียดี ไว้ใจฝากฝังชีวิตได้”
 
ผมพยักหน้าเข้าใจ
 
“เห็นว่าสองคนนั้นเป็นการ์ดประจำตระกูลด้วยนี่”
 
มันพยักหน้า

“พอคลอดออกมาพวกเขาก็ถูกเลี้ยงให้เติบโตขึ้นมาเพื่อเป็นบอดี้การ์ดโดยเฉพาะ แต่ไม่ได้บังคับหรอกนะ ถ้าเกิดอยากทำอย่างอื่นก็ปล่อยไป แต่ส่วนใหญ่จะเลือดข้น สละได้แม้แต่ชีวิต จะว่าไป พวกเขาก็เหมือนพี่น้องเฮียนั่นแหละ รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน แต่ตอนเด็กๆ พวกเราไม่ได้สนิทกันมาก เพราะพวกนั้นอยู่ศูนย์ฝึกกันซะส่วนใหญ่”
“แล้วมาสนิทกับพี่หมอได้ยังไง”
เรียนรู้ชีวิตมันไว้บ้างก็ดีครับ
 
“เติบโตมาด้วยกัน ลุงหมอพ่อของกันต์ก็มาตรวจรักษาที่บ้านบ่อยๆ เราถูกชะตากันตั้งแต่เด็ก ไปมาหาสู่กัน ทำอะไรด้วยกันประจำ แต่เส้นทางอาชีพต่างกันเท่านั้น”
 
“ดูไม่น่าจะเป็นหมอได้เลยนะ พี่หมอกันต์”
 
มันหัวเราะร่วน
 
“อัจฉริยะกับคนบ้ามีเส้นกั้นกันไว้บางๆ เท่านั้นแหละ”
 
เออเนอะ นินทาเพื่อนตัวเองก็ได้ด้วย
 
“แต่กันต์เป็นหมอที่เก่งนะ ความสามารถในการรักษาเฮียว่าน่าจะมาจากสายเลือดและสัญชาตญาณประจำตระกูล”
 
เท่าที่เคยรักษามา พี่หมอรักษาเก่งจริงๆ นั่นแหละ มือเบามาก ไม่ว่าจะฉีดหรือทายาแทบจะไม่เจ็บเลย
 
“งั้นคนที่คบกับคนบ้าได้ก็ต้องเป็นพวกเดียวกันน่ะสิ”
ขอรวนมันหน่อยละกัน
 
มันเหล่มองผมนิดหนึ่ง
 
“งั้นคนที่แต่งงานกับคนบ้าก็คงได้เชื้อบ้าไปเต็มๆ แล้วล่ะสิ”
 
“พอดีอั๊วมีภูมิคุ้มกันดี”
 
“เหรอ”
มันถามเย้า ตวัดวงแขนกดหัวผมต่ำลงไปกดจูบ แทรกลิ้นเข้ามาคลุกวงในอยู่พักใหญ่ก็ถอนจูบออก
 
ผมรีบผลักมันห่าง ดีดตัวลุกนั่งดีๆ
 
“โรคจิต”
 
มันหัวเราะอารมณ์ดี
 
“แล้วก่อนหน้าแต่งงาน นอนกับผู้หญิงมาแล้วกี่คน”
ขอซอกแซกเรื่องส่วนตัวนิดหนึ่งครับ
 
“ไม่รู้ ไม่เคยนับ”
 
“แปลว่าต้องเยอะมากๆ น่ะสิ”
ผมถามตาโต มันไม่ตอบแต่ยักไหล่ทำสีหน้าว่า ‘เรื่องธรรมดา’
 
“สำส่อนว่ะ แล้วนี่เฮียได้ป้องกันไหม ตรวจเลือดมั่งหรือเปล่าเนี่ย ถุงก็ไม่ใส่ด้วย”
ผมโวยวาย มันดีดมะกอกผมเบาๆ ผมกุมหน้าผากด้วยสองมือ
 
“เฮียป้องกันตลอด ก่อนแต่งงานก็ตรวจเลือดแล้ว เรานั่นแหละ ได้ฉีดยากันพิษลิงบ้ามั่งหรือเปล่า”
 
“ใครลิงบ้า ไม่ได้บ้าสักหน่อย ไม่ใช่ลิงด้วย”
 
เสียงเพลงจากแพนั้นเงียบไปแล้ว เขาคงเข้านอนไปแล้ว หรือไม่ก็เงียบลงเพราะเกรงใจคนอื่น เสียงที่ดังมาตอนนี้จึงเป็นเสียงบรรเลงจากธรรมชาติเท่านั้น
 
เรานั่งเล่นกันต่อกระทั่งความง่วงเข้าแทรก บ๊วยมันถึงได้ชวนผมเข้านอน แอบหวั่นๆ ว่ามันจะทำอะไรผมอีกหรือเปล่า แต่มันคงเต็มอิ่มแล้วในห้องน้ำหรือไม่ก็คงสงสารที่ผมยังเดินเป๋อยู่ถึงได้พากันเข้าห้องแล้วนอนเฉยๆ
 
บนที่นอนแสนกว้าง พื้นที่สำหรับสองชีวิตมีเพียงน้อยนิดเท่านั้น เพราะมันดึงผมเข้าไปกอดแน่น
 
ผมเคยชินกับการตกอยู่ในอ้อมแขนมันแล้ว
 
จะว่าไปมันก็อบอุ่นดีนะ
 
 
เราตื่นกันอีกทีหลังพระอาทิตย์เป็นคนปลุก ไม่ได้รีบร้อนเพราะขึ้นเครื่องกันตอนบ่าย เช้านี้กิจกรรมคือนั่งเล่นนอนเล่น ผมตัวแทบบี้เพราะไอ้บ๊วยมันมักมานอนคว่ำทับผมอีกทอดหนึ่งดูภาพในมือถือ
 
มันถ่ายไปไม่กี่ภาพ แต่ภาพที่ถ่ายสวยครับ แต่ของพี่หมอสวยกว่า
 
สิบโมง เราก็เช็คเอาท์ ขึ้นเรือเพื่อขึ้นฝั่งตรงไปยังสนามบิน สามสี่วันมานี้ผมสนุกมาก มีความสุขด้วย ถึงจะเหนื่อยหน่อย ขัดใจหน่อย แต่ให้คะแนนความสุขมากกว่าความทุกข์
 
ลาก่อนเขื่อนเชี่ยวหลาน ถ้ามีโอกาสผมจะกลับมาเที่ยวใหม่
 
 



#ซันไรส์
 
 “สนุกดีเนอะ”
 
ผมหันไปมองคนพูด อยากถามวิกเซอร์เหมือนกันว่ามันสนุกตรงไหนกับการถูกหลอกให้กินแต่ยานอนหลับทุกคืน
 
จนป่านนี้น้องผมก็ยังไม่รู้ตัว หรือว่าผมจะส่งวิกเซอร์กลับไปฝึกใหม่ดี
 
“ฝากหน่อย”

ผมกับวิกเซอร์หันไปมองเจ้าของเสียง หมอยื่นกระเป๋าเดินทางมาให้ ไม่ใช่ขอให้ใครช่วยถือก็ได้ แต่เป้าหมายคือผมโดยตรง เพราะสายตานั้นมองตรงมาที่ผมคนเดียว ผมรับมาวางไว้ข้างๆ เพราะยังจัดกระเป๋าของตัวเองไม่เสร็จ ถึงไม่ใช่หน้าที่โดยตรง แต่เพื่อนสนิทเจ้านายก็เหมือนเจ้านายผมกลายๆ

วิกเซอร์จัดของเสร็จพอดี
“ฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวไปดูแลของเจ้านายต่อ”

ผมพยักหน้า น้องผมหิ้วกระเป๋าเดินออกไป ผมยัดของชิ้นสุดท้ายลงกระเป๋า รูดซิป ลุกขึ้นยืน มือซ้ายยกกระเป๋าตัวเอง มือขวายกของหมอ ผมไม่พูดไม่จากับหมอสักคำทั้งที่อยู่ด้วยกันภายในเพียงสองคน ผมเตรียมจะก้าวเดิน แต่ถูกดักหน้าไว้ก่อนผมยืนนิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาอะไรทั้งนั้น หมอยิ้ม ตะปบท้ายทอยผมกดหัวผมต่ำลงไปแนบจูบเบาๆ

เพียงเดี๋ยวเดียวหมอก็คลายปล่อย 

“ป่ะ ไปกันเถอะ” แล้วหมอก็หันหลัง ก้าวนำไปก่อน

ผมลอบสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ก้าวตามไปนิ่งๆ วางกระเป๋าไว้หน้าแพ วิกเซอร์ขนของเจ้านายกับหงส์ซานมาแล้ว ผมกับวิกเซอร์ช่วยกันตรวจสอบความเรียบร้อยของทั้งสองห้องอีกรอบ กันหลงลืม พอเห็นของครบวิกเซอร์ก็เดินไปเช็คเอาท์

ผมยืนคอยอยู่ชานแพใกล้กับประตูห้อง ในขณะที่เจ้านายผมยืนเคียงอยู่กับหงส์ซานริมชานแพ สองวงแขนใหญ่โอบกอดหงส์ซานไว้
 
มองไปด้านข้าง เยื้องมาทางด้านหลังของเจ้านายนิดๆ มีหมอยืนอยู่ เขายืดอก คล้ายจะสูดลมหายใจเข้าปอด ดวงตาถูกซ่อนไว้หลังกรอบหนาของแว่นกันแดดสีน้ำตาลเข้มจัด
 
หมอรู้ดีว่าช่วงเวลาไหนควรจะเข้าไปแทรกกลางระหว่างเพื่อนตัวเอง เวลาไหนควรเว้นระยะห่าง
 
ผมเฝ้ามองเจ้านายกับหงส์ซานเพราะมันเป็นหน้าที่ แต่ไม่รู้ว่าหมอชอบมองเพราะอะไร บางทีหงส์ซานกับเจ้านายผมหยอกล้อกันตามประสาคู่รักหมอก็ยังนั่งมองได้หน้าตาเฉยประหนึ่งดูสารคดีสนุกๆ สักเรื่อง
 
ตอนนี้ก็เหมือนกัน เจ้านายผมพูดอะไรสักอย่างให้หงส์ซานต้องเขินจนหน้าแดง หงส์ซานต่อว่าเจ้านายผมกลบเกลื่อน
 
หูผมฟังเสียงลิงๆ ของหงส์ซานก็จริง แต่ดวงตากลับจ้องนิ่งไปยังคนที่ยืนยิ้มมองอยู่ด้านหลังนิ่งๆ
มองอย่างมีความสุข
 
ความสุขของหมอคืออะไร
 
คือการได้มองความน่ารักของหงส์ซานงั้นเหรอ (สำหรับผม ยังหาความน่ารักของหงส์ซานไม่เจอ)
 
หรือว่ามองเพราะเห็นว่าเพื่อนตัวเองมีความสุขจึงมีความสุขตามไปด้วย
 
รอยยิ้มของหมอ เป็นรอยยิ้มที่ดูบริสุทธิ์ ยิ้มอย่างมีความสุข ยิ้มเหมือนหลายๆ ยิ้มที่ผมเคยเห็นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนในหลายวันที่ผ่านมา
 
ผมรู้ว่าหมอเป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มเก่ง ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยสนใจ แต่หลังๆ มานี้ รอยยิ้มหมอคือสิ่งที่วนเวียนอยู่ในใจผมตลอด
 
ทั้งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
 
รอยยิ้มยั่ว
 
หรือรอยยิ้มที่ราวกับเด็กน้อยบริสุทธิ์นั้น
 
….....
 
…..
 

 
.
(40%)

ตอนแรกเจ้านายผมจะกลับมาพาหงส์ซานเที่ยววันสุดท้ายตอนบ่าย แต่งานเสร็จเร็วกว่าปกติ(หรือพูดให้ถูกก็คือ เจ้านายผมเร่งงานให้เสร็จเร็วขึ้นเพื่อจะได้กลับมาทานอาหารเที่ยงกับหงส์ซานมากกว่า)
 
ผมเดินได้เงียบแค่ไหน เจ้านายผมก็ทำได้เงียบพอกันทั้งที่ก็ไม่เคยผ่านการฝึกอะไรมาก่อน ผมหันไปมองเจ้านายที่ย่องเงียบมายืนอยู่ข้างๆ ก่อนเวลาแบบนี้
 
“กลับมาแล้วเหรอครับ”
ผมถามเสียงเบา ท่านพยักหน้ามองตรงไปยังเพื่อนและคนรัก หมอยังนอนอยู่ที่เดิมท่าเดิม ส่วนหงส์ซานไปลากฟูกมาปูเล่นหน้าแพ ตอนนี้กำลังคว่ำหน้าเล่นมือถืออยู่
 
ท่านไม่พูดอะไร ปากยิ้ม ดวงตามีประกายแฝงแววเหมือนกำลังจะได้เล่นของสนุก ท่านยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปากตัวเองเป็นสัญญาณให้ผมเงียบ ผมรู้เจตนาท่านดี ยืนนิ่งอยู่กับที่ ผมมองหาวิกเซอร์ แต่ไม่เจอ พอเจ้านายผมเดินผ่านหมอ รายนั้นก็งัวเงียตื่น หมอกำลังจะอ้าปากทัก แต่พอเห็นเพื่อนไม่ได้สนใจตัวเองยกเว้นเหยื่อที่กำลังนอนเล่นมือถืออยู่ก็เงียบเสียงลง
 
หมอยิ้ม หยิบหนังสือจากอกไปวางไว้บนโต๊ะ ขยับปรับท่าหันมองไปทางนั้น ค้ำคางนั่งมอง
 
เจ้านายผมถึงตัวหงส์ซานแล้ว และลิงนั่นกำลังพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะหลบออกมาจากกรงเล็บเสือโคร่ง
 
พยายามให้ตายยังไงก็ไม่มีทางรอดหรอก
 
ช่วงเวลาเดียวของวันที่ผมจะได้เห็นรอยยิ้มของเจ้านายก็ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับหงส์ซานนี่แหละ สักพักเจ้านายผมก็ตะแคงข้างกั้นหงส์ซานจากโลกภายนอก ได้ยินเสียงครางเร้าอารมณ์แผ่วๆ ของหงส์ซานดังออกมา
 
ผมละสายตาจากภาพนั้น รู้อยู่แล้วว่าท่านคงไม่ยอมปล่อยให้ช่วงเวลาดีๆ แบบนี้สูญไปโดยไม่แทะแขนขาหรืออาจมากกว่านั้นของ    หงส์ซานแน่ๆ
 
แล้วสายตาผมก็ไปหยุดอยู่ยังใบหน้าของคนที่ยังนั่งมองเจ้านายกับหงส์ซานอยู่ เขามองตาแป๋ว
 
ผมขมวดคิ้ว อยากเดินไปสะกิดเหมือนกันว่าออกจะเสียมารยาทไปสักนิดที่อีกคนมองเจ้านายและคนรักเจ้านายแบบนั้น
 
แต่อย่าไปยุ่งกับหมอปัญญาอ่อนแบบนั้นเลย ระบบความคิดคงไม่เหมือนคนอื่น
 
แม้จะบอกตัวเองไปแบบนั้น แต่ผมก็ไม่อาจละสายตาไปจากเรียวปากที่กำลังฉีกยิ้มนั้นได้ หมอเป็นคนยิ้มง่าย หัวเราะง่าย ผมว่าแค่น้ำกระเพื่อมหรือใบไม้ตกพื้นก็อาจทำให้เขาคนนั้นยิ้มได้ก็ได้
 
ยิ้มง่ายจนคนที่ได้ฉายาว่าเสือยิ้มยากอย่างผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องยิ้มเยอะแยะอะไรขนาดนั้นด้วย
 
รอยยิ้มของหมอสะดุดลงเมื่อวิกเซอร์โผล่ ตามมาติดๆ ด้วยอาหาร
 
“ไปสั่งตอนไหน”
เพราะปกติไม่น่าจะได้เร็วขนาดนี้ ใกล้เที่ยงแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่
 
“สั่งมาจากข้างนอก ขอแค่จานชามเขามาเฉยๆ”
 
ผมพยักหน้าเข้าใจ ช่วยวิกเซอร์ลำเลียงอาหารมาวางไว้บนโต๊ะใกล้หมอ สองคนที่กำลังสวีทกันอยู่ไม่ได้สนใจการเคลื่อนไหวของเรา กระทั่งอาหารเรียบร้อย
 
เสียงครางของหงส์ซานเงียบไปแล้ว คงเรียบร้อยไปแล้ว วิกเซอร์ยกนาฬิกามอง เดินดุ่ยๆ เข้าไปใกล้ น้องผมคงไม่รู้ว่าเจ้านายกำลังรังแกหงส์ซานอยู่(หรือรู้ แต่คงคาดเดาเอาว่าน่าจะจัดการไปแล้วเรียบร้อย)
 
เจ้านายผมหันมามอง หงส์ซานดีดตัวลุกขึ้นมายืนหน้าแดงก่ำ โดนเจ้านายผมรังแกยังไม่พอ ยังมาโดนหมอแกล้งมองด้วยสายตากรุ้มกริ่มอีก
 
ผมเลิกสนใจใครกลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง วิกเซอร์บอกว่าอาหารมื้อนี้สั่งมาจากร้านอาหารมีชื่อของสุราษฏร์ธานี เจ้านายจึงเรียกให้ผมกับวิกเซอร์ไปร่วมวงด้วย เอาตามจริงท่านให้เกียรติผมกับวิกเซอร์มากกว่าลูกจ้างธรรมดา แทบจะมีฐานะเทียมเท่ากับหมอ เพียงแต่ผมกับวิกเซอร์ไม่ถือตัวเท่านั้น เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของเจ้านายเองไว้ ที่ผมกัดหงส์ซานนี่ก็ถือว่าใช้คำพูดเกินหน้าที่ด้วยซ้ำ แต่ปากผมเป็นแบบนี้แหละ เจ้านายรู้เส้นผมกับวิกเซอร์ดี จึงไม่ว่าอะไร บางทีเห็นผมทะเลาะกับหงส์ซานท่านกลับเห็นเป็นเรื่องสนุกไปซะงั้น
 
 
บ่ายนี้เราจะนั่งเรือส่องสัตว์กัน พอบ่ายเรือก็มารับ ผมถูกหมอบังคับให้นั่งด้วยตามเดิม ซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ
 
สายลมโกรกผิวหน้า หมอล้วงหยิบมือถือออกมากดตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเรือ กระทั่งเรือแล่นมาถึงกลางน้ำ ผมบดบังดวงตาจากแสงจ้าๆ ด้วยแว่นกันแดดสีดำสนิท พอๆ กับน้องผม หมอถอดแว่นออกมาเสียบไว้ที่อกเสื้อ คงจะเห็นภาพไม่ชัดถ้าใส่แว่นถ่าย
 
ผมเรียนรู้เกี่ยวกับหมอเพิ่มอีกอย่างคือเขาเป็นคนชอบถ่ายรูปมาก แต่ถ่ายจากกล้องมือถือนะ ไม่ชอบใช้กล้องแบบมืออาชีพ และตอนนี้รายนั้นก็กำลังสนุกสนานกับการถ่ายรูปไปตามมุมต่างๆ ถ้าจุดไหนเห็นสัตว์ก็จะลุกขึ้นตั้งหน้าตั้งตาถ่ายเลย
 
กระทั่งมาถึงกระทิงตัวหนึ่ง มันหันแต่ก้นให้จนหมอทนไม่ไหวตะโกนให้มันหันหน้ามาบ้าง กระทิงตัวนั้นหันมาจริงๆ แต่หมอเก็บรูปไม่ทันได้แต่บ่นตามหลังไปอุบอิบ พอเรือออก หมอก็ก้มดูภาพในกล้อง ขยับเลื่อนมาให้ผมดู ไหล่เกยไหล่ไว้พูดเสียงเบาไม่หวังให้ใครได้ยินนอกจากผม
 
เจ้านายน่ะไม่ต้องไปพูดถึงหรอก สายตามีแต่หงส์ซาน ส่วนน้องผมกำลังคุยสนุกอยู่กับไกด์เรื่องทำยังไงถึงมองเห็นสัตว์ได้ไวขนาดนั้น
 
“กระทิงตัวนี้เหมือนนายเลย”
 
“ตรงไหน”
ผมขมวดคิ้วนิดๆ ถามกลับไปเสียงเบา
 
“แรง”
สั้นแต่ได้ใจความ ผมนั่งนิ่ง แล้วกระซิบกลับบ้าง
 
“ยังไม่เคยโดน รู้ได้ไงว่าแรง”
 
หมอเหลือบตามอง ยิ้ม ไม่ตอบด้วยเสียง แต่ตอบด้วยดวงตาว่าเขารู้ละกันว่าผมเป็นพวก ‘รุนแรง’ เรื่องพวกนี้
 
เรือยังคงแล่นไป สายลมยังคงโกรกไม่หยุด หมอลุกขึ้นถ่ายรูป บางจังหวะผมก็ต้องจับตัวเขาไว้ เพราะหมอเล่นสนใจถ่ายแต่รูป ไม่สนใจว่าตัวเองจะเซตกเรือหรือไม่ วิกเซอร์ไม่ได้สนใจความปลอดภัยของหมอ คงเพราะเห็นว่าผมอยู่ข้างๆ อยู่แล้ว ผมต้องคอยสังเกต ไม่อยากเห็นใครต้องตัวเปียกก่อนเวลาอันควร
 
คนขับชี้ให้ทุกคนดูว่ามุมไหนควรถ่ายรูป ทุกคนพุ่งเป้าไปทางนั้นกันหมดไม่เว้นแม้แต่หมอ เขานั่งคุกเข่าข้างหนึ่งตรงหน้าผมเยื้องไปด้านข้าง สีหน้าและสายตาดูแน่วแน่ ฉากหลังเขาคือภูผาอันสวยงาม
 
มันงดงามจนผมอดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องออกมากดถ่าย
 
แต่ผมไม่ได้ถ่ายหมอหรอกนะ ถ่ายวิวด้านหลังหมอต่างหาก
 
มันสวยดี ส่วนหมอเป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น
 
ทริปนั้นผมได้ภาพลงเครื่องแค่ภาพเดียว วิกเซอร์ก็น่าจะได้เยอะ แต่ที่เยอะสุดคงหนีไม่พ้นหมอ เห็นบ่นว่าเมมเต็ม
 
แน่ล่ะ เล่นถ่ายกันแทบจะทุกจุดขนาดนั้น ภาพพักหน้าจอของหมอ ยังคงเป็นภาพของผมกับตัวหมอเองที่ไปชมพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันเหมือนเดิม
 
ไกด์ถามว่าอยากเที่ยวต่อไหม แต่เจ้านายกับหมอปฏิเสธ เราจึงหันหัวเรือกลับที่พักกัน
 
แดดร่มลมตกแล้ว พอเรือจอด หงส์ซานก็โดดลงน้ำทันทีตามไปติดๆ ด้วยหมอ และเจ้านาย ผมกับวิกเซอร์ยืนทำหน้าที่ของตัวเองบนชานไม่ห่าง สวมแว่นกันแดดคนละอัน ยืนพักแขนไพล่หลังคล้ายพลทหาร มันเป็นท่าพักที่สบายที่สุดสำหรับเราแล้ว
 
พอลิงเห็นเจ้านายว่ายน้ำเข้าหาลิงก็ว่ายน้ำหนีทันที บางทีผมก็อยากจับลิงบ้านั่นมัดเสาแล้วเอาน้ำมันราด
 
ดื้อกับเจ้านายผมจริงๆ
 
แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นเสน่ห์ของหงส์ซานที่เจ้านายผมหลงรัก ถ้าง่ายๆ วิ่งโร่เข้าหาเหมือนผู้หญิงที่ผ่านมา เจ้านายผมคงไม่สน คงมีแค่หงส์ซานนี่แหละ ที่ดื้อสะบัดจนอยากจับล่ามวันละหลายๆ หน
 
หงส์ซานหันมาชวนผมกับวิกเซอร์ด้วยน้ำเสียงกวนๆ ตามสไตล์ ผมกับวิกเซอร์นิ่งกระทั่งเจ้านายอนุญาตผมกับวิกเซอร์จึงขยับถอดเสื้อออกจากหัวแทบจะพร้อมกัน พากันก้าวลงน้ำ
 
เอาตามจริงก็อยากลงไปแช่น้ำเย็นๆ เหมือนกัน อย่างที่ผมเคยบอกนั่นแหละว่าปกติไม่ชอบลงน้ำนักหรอก เพราะมันทำให้นึกถึงเวลาฝึก ยกเว้นบางเวลาที่อยากเล่นน้ำจริงๆ หมอไม่เข้ามายุ่งกับคู่รักที่กำลังมาฮันนีมูน ว่ายเล่นของตัวเองไปเงียบๆ
 
ข้อดีของหมอคือนี่แหละ ต่อให้ไม่มีใครก็สามารถดูแลตัวเองได้ ไม่แปลกใจว่าทำไมเขาถึงได้ย้ายออกจากครอบครัวใหญ่มาอยู่คนเดียวเพียงลำพัง (ก็ไม่เชิงว่าลำพังเพราะมีหมาโหดอีกสี่ตัวคอยเป็นพี่เลี้ยง)
 
เจ้านายผมพาหงส์ซานเกาะหลังว่ายน้ำออกไปไกล ผมลอยคอคุยอยู่กับวิกเซอร์ สักพักเราก็พากันเงียบ ตาผมมองตรงไปยังผืนน้ำด้านหน้า
 
ผู้คนจากแพอื่นลงมาเล่นด้วยเหมือนกันส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว เจ้านายผมไม่สนใจใคร โลกของเจ้านายมีเพียงหงส์ซานเท่านั้น ในขณะที่หมอ กำลังทิ้งตัวนอนหงาย ปล่อยร่างกายให้ไหลเอื่อยไปตามกระแสน้ำ ลอยนิ่งประหนึ่งได้กลายร่างเป็นส่วนหนึ่งของผืนน้ำไปแล้วเรียบร้อย

พระอาทิตย์กำลังจะลาลับ ผมจ้องมองไปยังคลังแสงดวงโตนั้น มันเคลื่อนที่อย่างแช่มช้าต่ำลงเรื่อยๆ เจ้านายผมสร้างความทรงจำสุดท้ายของวันบนริมฝีปากของหงส์ซาน
 
ในขณะที่หมอ เคลื่อนที่จากการนอนหงายมาเป็นลอยคอ ทอดมองไปยังพระอาทิตย์ดวงเดียวกัน แม้ฉากตรงหน้าจะเป็นเจ้านายกับหงส์ซานที่กำลังจูบกันอยู่ก็ตาม
 
ผมว่าภูมิต้านทานของหงส์ซานดีขึ้นนะสำหรับเรื่องนี้ ไม่โวยวายเหมือนแต่ก่อน ไม่รู้ว่าชินหรือว่าใจอ่อนแล้วกันแน่
 
หรือไม่ก็ทั้งสองอย่าง
 
แสงอัสดงสีส้มอาบไล้ไปทั่วทุกพื้นที่ มันสะท้อนให้ทุกสิ่งรอบตัวดูสวยงามไปหมด
 
ไม่เว้นแม้แต่…
 
หมอกันต์ปัญญาอ่อนคนนั้น
 

พระอาทิตย์ตกไปแล้ว แต่แสงยามเย็นยังอยู่ เจ้านายส่งสัญญาณให้ผมกับวิกเซอร์ขึ้นไปสั่งมื้อเย็น ผมทำตามทันที เดินขึ้นจากน้ำไปหยิบเมนูอาหาร ยืนปรึกษากับวิกเซอร์ว่าจะสั่งอะไรดี
 
จริงๆ มันก็เป็นเกมอ่านใจเจ้านายนั่นแหละ
 
“ฉันขออาบน้ำก่อนละกันนะ”
 
ผมกับวิกเซอร์หันไปมองคนพูดพร้อมกัน หมอเดินตัวเปียกเข้ามาใกล้ น้ำไหลพรากเป็นทาง พวกเราพยักหน้า หมอเดินเข้าห้องไป
 
หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อย ผมกับวิกเซอร์ยืนประจำตำแหน่งด้วยกันหน้าแพ เราจะทำงานกันโดยไม่ต้องสั่งเป็นคำพูด ถ้าเห็นอะไรตรงไหนที่ควรทำตามหน้าที่ เราจะลงมือทำทันที น้องผมเดินเข้าห้องเจ้านายไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเตรียมไว้สองผืน
 
พอสองคนนั้นขึ้นจากน้ำ น้องผมก็เดินไปส่งผ้าเช็ดตัวให้ทันที แล้วพวกเขาก็พากันเดินเข้าห้องไป
 
“ห้องน้ำว่างแล้ว ใครจะอาบน้ำต่อ”
 
ผมกับวิกเซอร์หันไปมอง หมอเดินออกมา คล้องผ้าเช็ดตัวรอบคอยกขึ้นขยี้หัว ผมฟูไร้ทิศทางไปหมด แต่มันไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของหมอลดลงเลย
 
เสน่ห์?
 
ผมขมวดคิ้ว
 
คิดได้ไงว่าหมอมีเสน่ห์
 
“นายจะอาบก่อนหรือจะให้ฉันอาบก่อน”
วิกเซอร์ถาม
 
“นายอาบก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันอาบทีหลัง”
ผมให้สิทธิ์น้องก่อน วิกเซอร์พยักหน้า เดินเข้าห้องไป หมอมองตามกระทั่งวิกเซอร์หายลับเข้าไปในห้องน้ำถึงได้หันกลับมามองผม มือยังไม่หยุดเช็ดหัว
 
”เป็นพี่นี่เนอะ ต้องเสียสละให้น้อง”
ไม่รู้ว่านั่นคือการแซวหรือการชมกันแน่ ผมตีสีหน้านิ่งเรียบ หมอดึงผ้าเช็ดตัวรอบคอออก ผมถึงได้เห็นชัดๆ ว่าหมอใส่เสื้อกล้ามมา
 
ตั้งแต่รู้จักกันมา นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เห็น
 
สีดำสนิท มันขับผิวขาวๆ ของหมอให้ดูเด่นขึ้น แต่ที่เด่นกว่าไม่ใช่ผิว แต่เป็นริ้วรอยจางๆ เป็นจ้ำๆ ต่ำกว่าไหปลาร้าลงไป
 
รอยคิสมาร์ค?
 
นี่ผมไปทำไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่
 
หมอก้มมองตาม เงยหน้าขึ้นมายิ้ม
 
“รอยปลิงดูด”
 
ผมหน้าตึง ก่อนตีสีหน้านิ่งเรียบตอบกลับ
 
“แต่คนที่ดูดเก่งกว่าน่าจะเป็นคุณมากกว่า”
 
หมอยกยิ้ม มันไม่ใช่รอยยิ้มธรรมดา มันดูยั่วๆ ผสมล้อๆ
 
ผมว่าผมคิดผิดนะ ที่มาต่อล้อต่อเถียงผู้ชายคนนี้ เหมือนขุดหลุมให้ตัวเองพลัดตกลงไปมากกว่า หมอขยับเข้าชิด
 
“แล้วคืนนี้อยากโดนดูดอีกไหม ยานอนหลับสำหรับวิกเซอร์ยังเหลือนะ แต่ยาปลุกหมดแล้ว”

“ไม่”
ผมตอบกลับทันที หมอยกยิ้ม
 
“จริงเหรอ...”
หมอค้างคำว่าเหรอไว้แค่นั้น เกลี่ยปลายลิ้นออกมาไล้ริมฝีปาก ช้าๆ จากซ้ายไปขวา ลิ้นสีแดงๆ ตัดกับฟันขาวอย่างชัดเจน
 
ผมรู้ว่าหมอกำลังยั่วผมอยู่
 
และผมก็ไม่คิดจะตกลงไปในหลุมเดิมๆ นั้นอีก
 
ผมยืนหันหน้าเข้าหาแม่น้ำ ส่วนหมอยืนเผชิญหน้ากับผมหันหน้าเข้าหาห้องพัก หมอเลื่อนมือขึ้นมาเกี่ยวคอเสื้อตัวเองต่ำลงจนเห็นติ่งไตสีน้ำตาลอ่อนไร้เสน่ห์ ผมเลื่อนสายตามองตาม
 
ผมกำลังอ่านใจหมออยู่ ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรในที่สาธารณะแบบนี้ หมอไม่พูดอะไร นิ้วนางเกี่ยวคอเสื้อดึงต่ำไว้ ขยับเพียงนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้เกลี่ยหัวนมแล้วบีบขยี้เบาๆ จนมันตั้งชัน
 
ผมกัดกราม พยายามกดข่มความรู้สึกบางอย่างลง รู้สึกปากแห้งขึ้นมาแบบไม่ทราบสาเหตุ
 
ผมจำมันได้ดี เพราะเคยตวัดเลียมันมาก่อนแล้ว
 
คนบีบส่งเสียงครางออกมาให้ได้ยินเบาๆ เสียงนั้นเหมือนมีใครเอาแก้วใสๆ มาปาใส่หู ตอนแรกมันดังเพล้ง ตามด้วยเสียงวิ๊งเป็นทางยาว
 
หมอถอนมือออก ยิ้มแหะๆ
 
“เพิ่งรู้ว่านมตัวเองเซนซิทีฟ”
หมอยกผ้าขยี้หัวอีกรอบ ยักไหล่
 
“ไม่ก็ไม่ เหนื่อยเหมือนกัน วันนี้พักบ้างก็ดี”
เขาพูดแค่นั้น เดินไปนั่งหย่อนขาเล่นริมแพ
 
ผมกัดกราม ค่อยๆ ก้มมองบางสิ่งที่กำลังพุ่งทะยานขึ้นมา

ผมหันหลังทันที เดินเข้าห้อง วิกเซอร์เดินพันผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำพอดี ผมคว้าผ้าเช็ดตัวมาพาดบ่า ปล่อยชายให้ตกลงมาปิดส่วนนั้นไว้ น้องผมไม่เห็นจึงไม่ได้พูดทักอะไร เดินเงียบๆ ไปแต่งตัว ผมเดินสวนเข้าห้องน้ำไป 
 
แน่นอนว่าหลังจากนั้น ภาพหมอในชุดเสื้อกล้ามยืนบีบนมตัวเองคือตัวช่วยอย่างดีให้ผมไปถึงได้อย่างง่ายดาย
 
ผมยืนค้ำสองมือใต้ฝักบัว ได้ยินเสียงครางของหงส์ซานดังก้องมาให้ได้ยิน
 
เจ้านายผมเก็บแต้มอีกแล้ว
 
ผมรีบอาบน้ำ เดินหน้าเรียบออกไป

(มีต่อ : >>http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59579.msg3657777#msg3657777)
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][19-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-06-2017 21:06:09
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][19-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-06-2017 22:41:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][19-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 19-06-2017 22:53:31
ว๊าย ทุกอย่างแลดูชมพูๆ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][19-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 20-06-2017 00:33:00
จวนแล้วๆ  ใกล้จะชอบกันแล้ว   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][19-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 20-06-2017 08:39:21
สีชมพูทั้งแพ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][19-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 20-06-2017 15:14:05
ดีแล้วๆ เริ่มรู้ใจกันแล้ว
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][19-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 20-06-2017 15:42:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][19-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-06-2017 16:44:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][20-6-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-06-2017 21:47:15
ว๊ายๆๆๆๆ ตอบรับสิ รออะไร อิอิอิ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][20-6-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-06-2017 03:47:00
ต้องถามว่าจะรอดมือหมอไหม
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][20-6-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 21-06-2017 07:55:27
คำตอบล่ะ ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][20-6-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 21-06-2017 14:15:05
ว๊าย คืนนี้เท หมดกระปุกเลยค่า
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][21-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 21-06-2017 20:13:06
(ต่อ)


 
วิกเซอร์ยืนคอยอยู่จุดเดียวกับผมเมื่อกี้ หมอยังนั่งแกว่งขาเล่นน้ำอยู่ ผมเดินออกไปยืนอยู่ข้างๆ น้อง
 
พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่มองคนคนนั้นอีก มองเลยไปยังแม่น้ำกว้างๆ นั้นแทน
 
พออาหารมา ผมก็รับหน้าที่เดินไปเคาะห้องเจ้านาย หงส์ซานเดินเป๋ออกมาตามคาด ตอนแรกผมเดาเอาว่าหงส์ซานน่าจะแซวอะไรหมอบ้างเรื่องรอยที่ผมทำไว้ แต่เจ้าตัวกลับทำเป็นไม่เห็นเสีย
 
คงกลัวจะโดนแซวกลับ
 
ตกดึก เจ้านายผมใช้เวลาช่วงสุดท้ายดื่มด่ำไวน์และอากาศดีๆ เคียงข้างหงส์ซาน พวกเขาคุยกันเงียบๆ โดยมีดวงดาวและพระจันทร์ลอยเอื่อยอยู่เหนือขึ้นไป
 
ผมกับวิกเซอร์ซ่อนตัวอยู่ในมุมเงียบคอยรักษาการ หมอเอาอย่างหงส์ซาน ลากฟูกออกมานอนริมแพ ผมพยายามเมินร่างภายใต้เสื้อกล้ามท่ามกลางแสงจันทร์นวลนั้น ตาจ้องออกไปยังภูเขาลิบๆ
 
วิกเซอร์หาวหวอด ผมหันไปมอง วิกเซอร์ตาปรือ
 
“ง่วง”
 
ผมขมวดคิ้ว เหลือบมองไปยังคนที่กำลังนอนคว่ำอ่านการ์ตูนอยู่ ผมถอนหายใจเบาๆ ไม่เอ่ยปากถามอะไรให้วิกเซอร์ต้องสงสัยในตัวหมอ ตบหลังเบาๆ พยักหน้าให้ 
 
“ไปนอนก่อนก็ได้ เดี๋ยวทางนี้ฉันดูแลเอง”
 
วิกเซอร์พยักหน้า เดินเข้าห้องไป ผมหันกลับมามองตัวการ หมอปิดหนังสือลง อ้าปากหาว รวบเก็บการ์ตูนลุกขึ้นยืน
 
“อ้าว วิกเซอร์ล่ะ”
เขาเดินเข้ามาใกล้ มองเลยหลังผมผ่านหน้าต่างห้องเข้าไปดูภายใน
“หือ หลับแล้วเหรอ”
 
ผมขมวดคิ้วทำหน้าไม่พอใจ ร้องหึในลำคอ
 
“คราวนี้คุณเอาอะไรให้เขากินล่ะ”
 
หมอทำหน้างง
“ฉันเปล่า”
 
ผมจับข้อมือหมอดึงแรงเข้ามาชิดในลักษณะคุกคาม
 
“เปล่า? แล้วนั่นคืออะไร”
ผมพยักหน้าเข้าไปภายใน
 
“นี่ คืนนี้ฉันไม่ได้วางยาเขา”
หมอพูดเสียงเบาลง ผมจ้องตาคนพูด มองหาความจริง
 
“ปกติวิกเซอร์ไม่เคยง่วงเร็วขนาดนี้มาก่อน”
 
“อากาศที่นี่ดีจะตาย จะง่วงเร็วก็ไม่แปลก ทั้งเที่ยวทั้งเล่นน้ำ เหนื่อยมาทั้งวัน ฉันเองก็ง่วง จะไปนอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์”
หมอพูดแค่นั้น ดึงมือตัวเองออก
 
ใช่ ผมควรจะปล่อยหมอไป
 
ผมควรจะไม่ใส่ใจ
 
ผมควรจะต้องมุ่งมั่นทำหน้าที่ของตัวเองไป เพราะหงส์ซานกับเจ้านายยังอยู่

แต่ผมกลับทำสิ่งที่ค้านกับความตั้งใจไปไกลโข ผมดึงหมอไปชนกำแพงในมุมอับ พ้นจากหน้าต่างที่วิกเซอร์จะมองเห็น หรือถ้าเจ้านายกับหงส์ซานมองมาก็จะไม่รู้ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน ส่วนคนจากแพอื่น ผมไม่สน

หนังสือการ์ตูนของหมอร่วงกราวลงพื้น (ดีว่ามันเล่มเล็กและเบามากจึงไม่ได้เสียงดัง) แนบแผ่นหลังหมอติดกำแพงแรง ก้มจูบทันที 

หมอหน้าตื่น แต่เพียงเดี๋ยวเดียวเท่านั้นก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม จับต้นแขนผมบีบเบาๆ ผมสอดมือผ่านชายเสื้อหมอเข้าหาเป้าหมายที่วนเวียนอยู่ในสมองผมตอนนี้ ตอนแรกมันนุ่ม สักพักมันก็ค่อยๆ แข็งตัวขึ้นมาจนจับได้ง่ายขึ้น

ดวงตาของหมอปรอยฉ่ำ ได้ยินเสียงครางในลำคอเบาๆ
 
“เดี๋ยวน้องนายก็ตื่นหรอก”
 
“ใช่ ตื่นแน่”
ผมกระซิบตอบ จับมือหมอต่ำลงไปยังภูเขาไฟฟูจิน้อยๆ ด้านล่าง
 
“ฉันหมายถึงวิกเซอร์”
 
“ผมเคยบอกแล้วไง ว่าการกระทำของคุณทำให้น้องผมรวนหมด ไม่ว่าจะไอ้ที่นอนอยู่ภายในหรือไอ้นี่ คุณจะรับผิดชอบยังไง”
ผมคำรามเสียงต่ำในลำคอ

หมอมองตาผม หันมองไปรอบๆ พอมั่นใจว่าอยู่ในที่ลับตาแน่ๆ ถึงได้ย่อตัวลงไปคุกเข่าที่พื้น หน้าเสมอเป้ากางเกงผม ค่อยๆ ดึงน้องผมออกมาภายนอก ลงมือปรนเปรอให้
 
เจ้านายผมยังคงพูดคุยอยู่กับหงส์ซาน วิกเซอร์ผมไม่รู้ แต่มาตอนนี้ต่อให้เขาตื่นขึ้นมาเห็นผมก็ไม่คิดจะหยุดหมอแล้ว
 
หมอยังคงเป็นหมอ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ไม่เอื้อเขาก็ยังทำได้ดี

ใช้เวลาไม่นานหมอก็ทำให้ความอึดอัดของผมมลายหายไป หมอทำความสะอาดจนเกลี้ยงฉาดด้วยลิ้น ลุกยืน รั้งหน้าผมลงไปกดจูบเบาๆ
 
“รู้งี้วางยาวิกเซอร์ก็ดี”
 
ผมดันหมอออก ก้มเก็บหนังสือ ยัดใส่อกหมอ รายนั้นรีบรับไว้ทันที
 
“เมื่อกี้ง่วงไม่ใช่รึไง รีบไปนอนสิ”
 
“เห็นแก่ตัวจัง ตัวเองเรียบร้อยไปแล้ว แต่ฉันยัง”
เขาจับมือผมไปไว้ยังส่วนที่มันตื่นขึ้นมาเหมือนกันบ้าง ผมนิ่งมอง
 
กำลังถามตัวเองอยู่ว่าจะทำให้เขาบ้างเหมือนกัน หรือจะทำเมินเฉยเสีย
 
“ไม่เป็นไร ฉันทำเองก็ได้ แต่ขอยืมอกหน่อย”
พูดจบเขาก็วางหนังสือลง แล้วใช้มือข้างนั้นมาโอบลำคอผมมุดหน้ากับอก มืออีกข้างล้วงเข้าไปจัดการตัวเองเงียบๆ
 
ผมยังยืนนิ่งเป็นหุ่นปั้น
 
ได้ยินเสียงหายใจผิดจังหวะ เสียงนั้นทำเอาผมทนนิ่งเฉยอยู่ไม่ไหวเป็นฝ่ายล้วงมือเข้าไปกอบกุมสิ่งนั้นไว้แทน จัดการให้ ไม่รู้ว่าเทคนิคผมดีจัดหรือว่าความกดดันรอบตัวตอนนี้ หมอเผลอครางออกมาจนผมต้องรีบก้มหน้าลงไปปิดปากกั้นเสียงนั้นไว้ แนบหลังหมอติดกำแพง
 
แทนที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น รสจูบเร่าร้อนของเราสองคนทำเอาน้องผม(ที่ไม่ใช่วิกเซอร์)ตื่นอีกรอบ พอทำให้หมอเสร็จ ผมคงต้องให้หมอจัดการน้องผมอีกรอบแน่ๆ
 
ให้ตาย!!
 
ทำไมคืนนี้หมอไม่วางยาวิกเซอร์นะ!!

เรือแล่นมาถึงหน้าแพเราตามเวลานัดหมายพอดี ผมดึงสติกลับคืนมายังปัจจุบัน เดินไปขนกระเป๋าและข้าวของอื่นๆ ลงเรือกับวิกเซอร์ ไกด์คนเก่งมาคอยรับส่งอย่างนอบน้อม เจ้านายส่งหงส์ซานนำไปก่อน ตามด้วยตัวเอง หมอเป็นคนถัดไป จังหวะนั้นมีเรือเร็ววิ่งผ่านเข้ามาใกล้ ทำให้เกิดระลอกคลื่นจนแพไหว หมอที่กำลังก้าวเดินเสียการทรงตัวทันที ผมอยู่ใกล้สุดจึงคว้าตัวหมอไว้กันล้ม

จริงๆ ความสามารถระดับหมอ ต่อให้ผมไม่ช่วย เขาก็พยุงตัวเองได้ แต่มือผมมันไปเร็วกว่าใจคิดไง หมอเงยหน้ามอง ยิ้มหวาน

ใช่ ยิ้มหวานเอามากๆ แถมยังขยิบตาเจ้าชู้ให้ด้วย ผมปล่อยมือทันที หมอหัวเราะ ก้าวลงเรือไป ผมก้าวตามไปติดๆ ปิดท้ายด้วยวิกเซอร์

เรือแล่นไปตามทาง น้ำกระเซ็นตกกระทบผิวให้เย็นฉ่ำ หมอยังคงเป็นมนุษย์เนียนเอนหลังพิงต้นแขนผมในท่าสบายๆ มองวิวมองน้ำ ผมไม่ได้มองหมอ สายตาเพ่งตรงไปยังภูเขาเบื้องหน้า หมอหยิบมือถือออกมาถ่ายรูป

“ซันไรส์”
ได้ยินเสียงเรียกเบาๆ ผมหันไปมอง เห็นหมอยื่นมือถือไปตรงหน้าระหว่างเราสองคน บนหน้าจอคือหน้าหมอและหน้าผมที่หันไปมองพอดี 

“ยิ้มหน่อย”
ยังไม่ทันที่กล้ามเนื้อส่วนใดบนใบหน้าผมจะได้ขยับหมอก็กดถ่ายดังแชะ ลดกล้องลงดู

สิ่งที่ได้คือหมอที่มีใบหน้ายิ้มแย้มตามสไตล์ และผมที่มีใบหน้านิ่งเรียบตามเดิม

“หล่อกว่าวิกเซอร์อีกนะเนี่ย”
ผมไม่รู้สึกภูมิใจเลยสักนิดสำหรับคำชมนั้น

ผมดึงสายตากลับมามองวิวภูเขาอีกรอบ รู้สึกมุมปากตัวเองจะขยับยกขึ้นยังไงพิกล

คิดว่านะ….
 
 
To be Con...
ที่ซึนกว่าหงส์ซานก็ซันไรส์นี่แหละ ตั้งสติเวลาอ่านกันให้ดี ๆ นะคะ ซันไรส์ค่อนข้างจะอยู่กับภวังค์ความคิดในอดีต (ตัวอยู่กับปัจจุบันแต่จะเล่าย้อนให้เราฟังอีกที)

เม้นท์กันได้ตามอัธยาศัย เดี๋ยวคนเขียนจะหายตัวไปประมาณ 4-5 วันนะคะ ถ้าไม่หมดแรงซะก่อน จะอัพได้อีกทีวันที่ 25 ถ้าเอาชัวร์ๆ เลยก็วันที่ 26 ค่ะ :)





ข่าวสารและนิยายเรื่องอื่นๆ: https://goo.gl/WbWxt8
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][21-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-06-2017 20:28:14
หลงเสน่ห์หมอแล้วสินะ อิอิ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][21-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: bb_b ที่ 21-06-2017 21:03:27
 :jul3:  :m20:  :laugh:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][21-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-06-2017 21:39:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][21-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 21-06-2017 23:27:22
ความอ่อยของหมอนั้นไม่นกค่าาาา ทำเป็นบอกไม่หลงกลเห็นกระโจนเข้าไปทุกรอบเลยนะ ซันไรท์ :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][21-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-06-2017 01:21:01
รู้สึกสงสารซันไรท์ชอบกล
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][21-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 22-06-2017 06:44:45
รอดูต่อไป
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #16 รวนไปหมด [P.11][21-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-06-2017 18:26:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #17 จูบผ่านทาง [P.12][28-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 26-06-2017 19:28:18
#17 จูบผ่านทาง

#หงส์ซาน
เรากลับมาถึงวิมานกันอีกครั้ง ได้ของฝากมาแยะเลย (เราขนซื้อกันก่อนขึ้นเครื่อง) พี่หมอซื้อเยอะสุด เห็นจำนวนที่ขนแล้วคิดว่าพี่หมอจะเอาไปขาย เยอะมาก พี่หมอบอกคนที่ต้องการเอาไปฝากเยอะกว่าจำนวนที่หอบได้ซะอีก
 
ผมได้รับอนุญาตให้กลับบ้านเองได้ แต่ต้องมีซันไรส์เดินทางไปด้วย รุ่งขึ้นผมจึงขนของฝากที่ซื้อมาใส่รถ (ซันไรส์เป็นคนขับ) พากันกลับบ้าน ผมเลือกกลับช่วงเย็นๆ คนในบ้านจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พอถึงผมก็เอาของฝากไปแจกทุกคน โดนแซวอย่างหนักว่าผิวพรรณผ่องใส
 
แน่นอนสิ เพิ่งกลับมาจากสถานที่ฟอกปอดไม่ให้ดีได้ไง
 
ผมอยู่คุยกับทุกคนโขมงโฉงเฉง กระทั่งได้เวลากลับ ผมถึงขอตัวทุกคนขึ้นไปเอาของที่ห้อง เฮียฮันเดินตามมาด้วย
 
“เฮียดีใจที่ลื้อปรับสภาพได้นะหงส์”
 
ผมมองหน้าพี่ชายตัวเอง
 
“ช่วยไม่ได้ ยังไงก็ต้องอยู่ให้ได้จนกว่าจะหย่า”
 
เฮียฮันจ้องหน้าผม ทำสีหน้าลำบากใจ
 
“เฮียว่าอาจไม่มีวันนั้นก็ได้”
 
“หะ เมื่อกี้เฮียว่าอะไรนะ”
ได้ยินไม่ชัดครับ
 
“เปล่าหรอก หงส์รู้สึกอะไรกับไป่หลงแล้วรึยัง”
 
ผมทำหน้าแหยงใส่ทันที
 
“รู้สึกสิ”
 
“รักเขาแล้ว?”

“เปล่า เกลียดมากต่างหากล่ะ”
ผมตอบกลับทันที เฮียฮันมองหน้า ส่ายหัวไปมา ลูบหัวผมเบาๆ ผมมองอาเฮียตาปริบๆ เดินไปหยิบของที่ต้องการมาใส่กล่อง ไม่ลืมหยิบตุ๊กตาหมีตัวโปรดมาด้วย มาครั้งที่แล้วไม่กล้าเอาไปด้วยเพราะกลัวไอ้บ๊วยมันล้อ
 
“เฮียว่าไป่หลงเขาเป็นคนดีนะ”
 
ผมหันไปมองคนพูด
 
“ดีตรงไหน ดีแต่ออกคำสั่ง บังคับกันตลอด”
 
“เขาทำร้ายร่างกายลื้อเหรอ”
เฮียฮันถามมาด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม ผมชะงักทันที ขืนบอกว่าใช่ เฮียต้องรู้แน่ๆ ว่าผมตกเป็นของหมอนั่นทางพฤตินัยแล้ว
 
“ปะ เปล่าไม่ได้ทำร้ายร่างกาย” ผมเกาแก้ม “เพียงแต่บังคับเรื่องอื่นๆ น่ะ เฮียๆ เอากล่องนั่นให้อั๊วหน่อย”
ผมรีบเสความสนใจให้หยิบของที่อยู่สูงๆ ให้ เฮียฮันหันไปมองตาม เดินไปหยิบให้

ผมพ่นลมหายใจแรง รับกล่องมาถือ ดึงเอาเฉพาะของที่ต้องการออกจากกล่อง ปิดฝาไว้ตามเดิม ยื่นคืนให้เฮียเก็บเข้าที่
 
ผมมองไปรอบๆ อีกทีว่ามีอะไรให้ต้องเอาอีกไหม แต่ไม่มีแล้วครับ
 
เฮียฮันมองหน้าผมอีกรอบ จ้องตา ทำท่าจะพูดแล้วเงียบเสียงลง ก่อนเอ่ยแผ่ว
 
“เฮียไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดนี่เป็นโชคดีหรือโชคร้ายนะ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็เปิดใจหน่อยละกัน แต่ถ้าไม่ไหว เฮียพร้อมช่วยเสมอ เพราะไงหงส์ก็น้องเฮีย”
 
ผมฉีกยิ้มกว้าง เฮียอาสาถือกล่องให้เพราะค่อนข้างหนัก พอเปิดประตูออกไปก็เห็นซันไรส์ยืนคอย รายนั้นเดินเข้ามารับกล่องไปถือด้วยตัวเอง
 
“มีแค่กล่องเดียวใช่ไหม”
มันถามนิ่งๆ ผมพยักหน้า รายนั้นเดินไปที่รถ ผมเดินเคียงไปกับพี่ชายต่อ หลายคนเดินมาส่ง ผมยกมือไหว้รอบวง บอกลาทุกคนก้าวขึ้นรถไป
 
 



บ๊วยมันยังไม่กลับเลยครับ สงสัยจะติดงาน ผมอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยเตรียมเข้านอน พออาบน้ำเสร็จประตูห้องนอนก็เปิดออก ผมมองคนเข้ามาใหม่ สีหน้ามันเพลียอย่างเห็นได้ชัดเลย
 
ว่าจะไม่สนใจ แต่ไม่เคยเห็นมันในสภาพโทรมแบบนี้มาก่อนจริงๆ
 
“งานมีปัญหาเหรอ”
 
มันยิ้ม เดินเข้ามาใกล้ จับผมสูบพลังไปหนึ่งดอก พอปากผมชาได้ที่มันก็ปล่อย ลูบหัวผมเบาๆ
 
“หงส์นอนก่อนละกัน ขอเฮียอาบน้ำก่อน”
 
ใครถามวะ อยากอาบก็อาบ อยากนอนก็นอน แต่อย่ามายุ่งตอนนอนละกัน
 
ผมไม่ได้รวนทางคำพูดครับ แค่ความคิด ไม่ตอบรับไม่ปฏิเสธ มันพูดแค่นั้น หันหลังเดินดุ่มๆ หยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป
 
ผมเดินขึ้นเตียงก่อน ทิ้งตัวลงนอน อยากหลับไปก่อนเหมือนกัน แต่มันระแวงครับ กลัวโดนทำอะไร ผมนอนระแวงอยู่กระทั่งมันเดินออกมา สีหน้าดูสดชื่นขึ้นมาหน่อย
 
ผมแกล้งหลับตาเมื่อมันมองมา พยายามนอนนิ่งๆ พักใหญ่มันก็ก้าวขึ้นมานอนเคียงข้าง ปิดไฟหัวเตียง ดึงร่างผมเข้าไปไว้ในอ้อมแขนอย่างที่มันชอบทำประจำ หัวใจผมไหวแรง ผมนอนหันหลังให้ มันขยับจูบแก้มผมเบาๆ กระซิบแผ่ว
 
“ราตรีสวัสดิ์ หงส์ของเฮีย”
อ้ากกกก ทำไมต้องมาทำอะไรสวีทหวานแหววใส่กันแบบนี้ด้วยวะ
 
ผมไม่ตอบรับอะไรทั้งนั้น ทำเป็นนิ่งเสีย ผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงลมหายใจของมันเข้าออกสม่ำเสมอ บ่งบอกว่ามันได้หลับสนิทไปแล้ว

ผมนอนฟังเสียงลมหายใจของมันอยู่นาน พยายามข่มใจให้หลับก็หลับไม่ได้สักที

ผมลืมตา จ้องนิ่งบนกำแพงว่างเปล่าจนสายตาชาชินกับความมืด ค่อยๆ ขยับพลิกหันหน้าเข้าหาคนตัวสูง ขยับให้เบาที่สุด เพราะไม่อยากให้มันตื่น มันยังไม่รู้ตัว นอนนิ่งแขนยังพาดนิ่งไว้บนลำตัวผม ผมเงยหน้ามอง
 
มันคงจะเหนื่อยมากจริงๆ ถึงได้หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบนี้ ผมค่อยๆ ยกมือขึ้นแตะปลายคางมันเบาๆ ไต่ขึ้นไปยังริมฝีปาก ร่องจมูก ปลายจมูก ดีดไปเบาๆ ทีเพื่อแก้แค้น
 
มันยังไม่รู้สึกตัว
 
“หลับเป็นตายเชียวนะ”
ผมกระซิบต่อว่า มันยังคงหายใจเข้าออกสม่ำเสมอตามเดิม
 
หลากหลายความรู้สึกตีกันให้วุ่น หัวใจเต้นในจังหวะแปลกๆ ด้วย
 
หัวใจ
หัวใจ.. ความรัก
หงส์รักเฮีย
 
คำที่ผมถูกมันบังคับให้พูดแวบผ่านเข้ามาในหัว ผมรีบสลัดทิ้ง จ้องมองอกซ้ายของมัน ผมลองเลื่อนมือไปแตะ สัมผัสได้ถึงแรงเต้นชัดเจน ผมขยับเข้าไปใกล้อีกนิด จรดหน้าผากชิดนำไปก่อน ตามด้วยแก้ม แอร์ในห้องเย็นฉ่ำ ออกจะหนาวนิดๆ ด้วย พอได้รับไออุ่นจากตัวมันแบบนี้ ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นยังไงพิกล กลิ่นตัวมันหอมด้วย ผ่อนคลายยังไงบอกไม่ถูก
 
ดวงตาผมค่อยๆ หรี่ปรือลงอย่างเชื่องช้า หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้สึกอะไรอีก
 




 
อืม..
ผมขยับ เพราะรู้สึกถึงแรงรัดจากบางสิ่ง รู้สึกอุ่นๆ ที่หน้าผากด้วย ผมค่อยๆ ปรือตามอง
 
“อรุณสวัสดิ์”
 
ผมกะพริบตาปริบๆ มอง ใบหน้าคมคายคุ้นเคยอยู่เหนือผมขึ้นไป ปากร้อนแนบลงมาบนหน้าผากผมเบาๆ รู้สึกถึงวงแขนแกร่งที่รัดมารอบตัวผมจนแน่น ผมตาโต รีบดันตัวออกอย่างรวดเร็ว ลุกนั่ง
 
“เป็นครั้งแรกนะที่หงส์นอนหันหน้าให้เฮีย”
 
“หลับหรอก ไม่รู้เรื่อง”
ผมมุสาไป บอกได้ไงว่าตั้งใจพลิกหันมาหาเอง หนำซ้ำยังหลับไปง่ายๆ เพราะกลิ่นสาบอุ่นๆ ของเขาด้วย ผมโดดไปยืนอยู่ข้างเตียง
 
“เฮียรีบอาบน้ำก่อนสิ จะได้ไปทำงาน”
 
มันยิ้มนิดหนึ่ง ลุกอย่างขี้เกียจมานั่งข้างเตียง กางสองแขนยื่นมาด้านหน้าคล้ายพ่อหรือแม่ที่ต้องการให้ลูกน้อยวิ่งเข้าไปสู่อ้อมแขน
 
“ขอเฮียกอดรับอรุณหน่อย”
 
“ถ้าเฮียจะลีลาขออั๊วอาบก่อนละกัน”
ผมหันหลังทันที กำลังจะก้าว แต่ความเร็วระดับผมหรือจะสู้คนด้านหลัง สองมือมันรวบจับเอวผมไว้ทันทีลากจนผมก้าวถอยหลังไปนั่งแหมะอยู่บนตักมันในท่านั่งหันหลังให้นั่นแหละ แล้วมันก็ก้มหอมแก้มผมฟอดใหญ่ซ้ายขวาสลับกันไปมา ผมดิ้นดุ๊กดิ๊ก แต่ไม่หลุดหรอก วงแขนมันเหนียวอย่างกับเชือกล่ามช้าง
 
“ปล่อย จะไปอาบน้ำ”
 
“ขอเฮียเพิ่มพลังก่อนไปทำงานหน่อย”
 
“โอ๊ย ถ้าอยากได้พลัง ไปขอซุปเปอร์แมนเลยไป!! แม่ครัวก็ได้ ข้าวต้มสักถ้วย ได้พลังเหมือนกัน”
 
มันหัวเราะ หอมแก้มผมอีกฟอดใหญ่จนแก้มบี้
 
ผมพยายามเอนตัวหลบ มันยอมปล่อยผมออกดีๆ เดิมฮัมเพลงคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ผมยังยืนนิ่งอยู่กับที่ พอเห็นว่าประตูห้องน้ำปิดลงแนบสนิทแล้วถึงได้ยกมือขึ้นมาลูบแก้มเบาๆ
 
มันร้อนผ่าว
 
เลื่อนต่ำลงไปที่หัวใจ
 
มันเต้นแรง
 
ยกสูงขึ้นมากุมแก้มอีกรอบทั้งสองข้าง
 
มันร้อนยิ่งกว่าเดิมอีก
 
ผมรีบสลัดอาการแปลกๆ ในร่างกายทิ้ง หันรีหันขวาง แล้วผมจะทำอะไรระหว่างรอดี
 
ผมเดินเกร่ไปทั่วทั้งห้อง หยิบหนังสือของไอ้บ๊วยที่มักมีวางไว้ยังมุมต่างๆ ขึ้นมาเปิดดู ดีว่าบ๊วยมันไม่ปัญญาอ่อนอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นแบบพี่หมอ กระทั่งประตูห้องน้ำเปิดออก ผมหันไปมอง

มันเดินหน้านิ่งออกมา ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวเท่านั้น ผมยัดหนังสือเก็บไว้บนชั้นตามเดิม เดินตรงไปหยิบผ้าขนหนูในตู้เพื่อเตรียมอาบน้ำต่อ เดินก้มหน้าก้มตาปลดกระดุมเสื้อนอนออก

ผมชะงักกึกก่อนถึงประตูห้องน้ำ

ตอนแรกคิดว่ามันเดินแยกไปทางตู้เสื้อผ้าแล้ว แต่ไม่ใช่ มันยังยืนเป็นยักษ์วัดแจ้งเวอร์ชั่นเกือบเปลือยอยู่หน้าห้องน้ำ สองมือกอดอก พิงไหล่กับขอบประตู ตัวมันแห้งแล้ว แต่ผิวยังดูชุ่มๆ อยู่ เส้นผมเปียกหน่อยๆ สีหน้าท่าทางดูมีเลศนัยยังไงพิกล

“ถอยไป จะอาบน้ำ”
 
“ขอค่าผ่านประตูก่อน”
 
ผมขมวดคิ้วมองทันที
 
“อะไร”
 
มันยิ้ม เอียงหน้า จิ้มแก้มซ้ายตัวเองเบาๆ
 
ผมส่งเสียงหึในลำคอพอๆ กับยกยิ้มในความหมายว่า ‘เหอะ อย่าหวัง’
 
“ถ้าไม่จ่ายค่าผ่านประตู เฮียไม่ถอยให้นะ”
 
“ตามใจดิ อั๊วอาบตอนไหนก็ได้ แต่เฮียต้องรีบไปทำงานไม่ใช่รึไง ช้าเร็วก็เสียที่เฮียคนเดียว อั๊วไม่เกี่ยว”
ผมทำท่าจะเดินกลับ แต่ไปได้แค่ไม่กี่ก้าวก็ถูกดักหน้าอีก
 
มันไม่ดักเปล่า ยังกางแขนกว้างๆ กั้นไว้อีกด้วย
 
“เล่นไรเนี่ย”
 
“ไม่ให้ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าจะจ่ายค่าผ่านทางก่อน”
 
ผมไม่สนใจคนตรงหน้า หันหลังจะเดินเข้าห้องน้ำไปตามเดิม แต่ถูกรวบไว้ในอ้อมแขนแน่น
 
คือ…
มันไม่ได้มาแค่แขนครับ มันมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวด้วย
 
และถ้าผมจำไม่ผิด…
 
ผ้าเช็ดตัวผืนนี้น่าจะอยู่บนตัวมันไม่ใช่เหรอ
 
แล้วถ้าผ้าเช็ดตัวของมันมาอยู่บนตัวผม แล้วตัวมันจะมีอะไรห่ออยู่ล่ะ
 
ผมกลืนน้ำลายลงคอลงดังเฮือก ไม่จินตนาการต่อ ไม่พลิกหันไปพิสูจน์ ไม่ดิ้นด้วย
 
“ค่าผ่านทาง”
มันกระซิบพูดเรียบๆ แต่น้ำเสียงบ่งบอกว่าถ้าไม่ทำ ผมอาจต้องจ่ายเยอะกว่าแค่หอมแก้มก็ได้
 
“ดะ ได้ แต่เอ่อ เฮียใส่ไอ้นี่ไว้เหมือนเดิมก่อนได้ไหม แอร์เย็น เดี๋ยวเฮียไม่สบาย”
 
ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ จากคนด้านหลัง
 
“ถ้าตุกติก เฮียจะไม่พูดอีกแล้วนะ จะ ‘รีด’ เอาค่าผ่านทางด้วยตัวเองเลย อาจ ‘รีด’ จนหงส์ลุกไม่ขึ้นไปสามวันก็ได้”
 
ผมกลืนน้ำลายลงคออีกรอบ ไม่อยากโดน ‘รีด’ เหมือนกัน ผมพยักหน้าหงึกๆ มันค่อยๆ คลายวงแขนออกพอๆ กับผ้าขนหนูบนตัวผม
 
“เรียบร้อย”
มันบอกเสียงเบา
 
“ใส่แล้วแน่นะ”
 
“ใส่อะไร”
มันถามมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
 
“ผ้าเช็ดตัว”
 
ได้ยินเสียงหัวเราะอีกรอบ แล้วตอบ
 
“ใส่แล้ว”
 
ผมยืนกล้าๆ กลัวๆ เกรงว่าหันกลับไปแล้วจะเจออนาคอนด้าในสภาพหลับใหลเข้า ดีไม่ดีมันอาจตื่นขึ้นมารอเซย์ไฮหรือหนีห่าวผมอยู่ก็ได้
 
ผมค่อยๆ พลิกหันไปมอง ลอบถอนหายใจเบาๆ ที่มันใส่แล้วจริงๆ มันยืนกอดอกอยู่เหมือนเดิม สีหน้ายิ้มๆ
 
“ทำเหมือนไม่เคยเห็นไปได้”
 
“เพราะเคยเห็นไงถึงไม่อยากเห็นอีก”
ผมสวนกลับไปทันที
 
“เอาละ จ่ายค่าผ่านทางได้แล้ว”
 
ผมยืนอิดๆ ออดๆ
 
“เอ้า ช้า สงสัยว่าหงส์อยากให้เฮีย…”
มันพูดพร้อมจับปมผ้าขนหนูทำท่าจะปลด
 
“เดี๋ยว!!”
ผมตาโตรีบถลาเข้าไปหาทันที
 
มันหยุดมือลง คลายปล่อย ผมขยับใกล้เข้าไปอีกนิด ห่างจากมันแค่ศอกเดียว
 
ผมอ้ำๆ อึ้งๆ ลำบากใจยิ่งกว่าตอนโดนบังคับให้บอกรักซะอีก
 
เอาวะ ยิ่งช้ายิ่งอันตราย ผมรีบหลับหูหลับตาจับสองไหล่มัน เขย่งจนสุดปลายเท้าหอมแก้มอย่างว่องไว
 
“เรียบร้อย ไปอาบน้ำได้ยัง”
ผมรีบเขยิบไปยืนอยู่ห่างๆ มันฉีกยิ้มกว้าง จิ้มแก้มอีกข้าง
 
“พอแล้ว ข้างเดียวก็พอ นี่เงินหมดกระเป๋าแล้วเนี่ย”
 
มันหัวเราะ ส่ายหน้าไปมา ส่งสายตาว่าให้จ่ายอีกข้าง ผมอมลม
 
เมื่อกี้มันคงเห็นผมลำบากเขย่งจูบมันเลยก้มหน้าลงมาหานิดๆ เสิร์ฟให้แทบจะถึงปาก ผมกัดฟัน หน้าร้อนฉ่าไปหมด
 
มันจิ้มแก้มตัวเองอีกรอบเมื่อผมยังชักช้า ผมยื่นปากจุ๊บเบาๆ
 
“จ่ายครบแล้ว”
ผมรัวลิ้นบอก มันยิ้ม ยิ้มจริงๆ ครับ ยิ้มทั้งปากทั้งตา แต่ส่ายหน้า
 
อ้าว ขี้โกงนี่หว่า
 
“จ่ายตรงนี้อีกรอบ พร้อมพูดว่า ‘หงส์รักเฮีย’ ด้วย”
มันจิ้มไปที่ตำแหน่งหัวใจตัวเอง
 
ผมส่ายหัวพรืด มันเลิกคิ้วสูงข้างหนึ่ง เลื่อนมือช้าๆ ต่ำลงไปที่เอว เป้าหมายคือปมผ้าขนหนู
 
“ก็ได้ๆๆ”
ผมรีบรัวลิ้นใส่ทันที
 
โอ๊ย เมื่อกี้ว่าหนักแล้ว ตอนนี้ยิ่งกว่าอีก อยากวิ่งงอแงไปให้ปลาคาร์ปปลอบใจ
 
ผมขยับกระดึบๆ เข้าไปใกล้ ดีว่ามันไม่เร่งมา ได้กลิ่นสบู่หอมๆ ลอยคลุ้ง ผมจ้องเป้าหมายคือตำแหน่งหัวใจมัน
 
“ช้าๆ นะ ถ้าทำเร็ว เฮียจะให้จ่ายเพิ่มจนกว่าจะพอใจ”
 
ผมตวัดค้อน มองแผงอกกว้างนั้นใหม่ หลับหูหลับตาแนบริมฝีปากกับแผงอกเปลือยเปล่านั้น ฝังนิ่งเบาๆ มันเย็นชืดเพราะน้ำที่อีกคนเพิ่งอาบมาปะทะแอร์เย็นฉ่ำภายในห้อง รู้สึกถึงสองมือที่เลื่อนมาโอบประคองไว้หลวมๆ รอบเอว
 
“บอกรักด้วยสิ”
มันกระซิบนำแผ่ว ผมถอนปากออกพูดเบาๆ กับหัวใจดวงนั้น
 
“หงส์รักเฮีย”
 
ตูม!!!!
 
ได้ยินเสียงระเบิดจากภายในอก ไม่ใช่ของไอ้บ๊วยมันหรอกครับ
 
ของผมเองนี่แหละ
 
แรงระเบิดมีผลข้างเคียงทำให้หัวใจผมเต้นแรง หน้าร้อนตัวร้อน สะเก็ดระเบิดกัดกินสติให้รู้สึกเหมือนจะเป็นลม
 
สงสัยว่ามันจะรู้ว่าผมกำลังบาดเจ็บสาหัส มันก้มลงมาจูบรักษาผมเบาๆ ที่หัว
 
แล้วคำบางคำก็ลอดผ่านริมฝีปากมันออกมา
 
“เฮียก็รักหงส์”
มันเลื่อนปากต่ำลงมาจูบที่หน้าผาก พวงแก้ม แล้วจบที่ริมฝีปากผมตามสูตรเดิม ไม่ได้ล่วงล้ำหรอกครับ แนบไว้เฉยๆ แล้วค่อยๆ คลายปล่อย ลูบหัวผมเบาๆ เดินไปยังตู้เสื้อผ้า
 
ในขณะที่ผมยังยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ
 
มะ เมื่อกี้ บ๊วยมันพูดว่าอะไรนะ?
 
‘เฮียก็รักหงส์’
 
หงส์ไหน
 
หงส์ขาว หงส์แดง หรือว่า…
 
หงส์ซานอย่างผม
 
บอกรักเป็นภาษาไทยด้วย ชัดเจนเลย
 
รักได้ไง เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน
 
รักได้ไง ก็ในเมื่อเราไม่เคยคบหากันมาก่อน
 
และอีกหลากหลายคำถามที่ถาโถม
 
ผมพยายามประมวลผล
 
เมื่อกี้มันบังคับให้ผมบอกรักมัน
 
บอกรักทั้งที่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันจริงๆ
 
แล้วเมื่อกี้มันก็บอกรักผม
 
แล้วนี่มันพูดมาจากความรู้สึกจริงๆ หรือพูดไปงั้นเหมือนที่มันสั่งให้ผมบอกรักมันกันแน่
 
ผมยืนคิดต่อ
 
ผมว่าระยะเวลาเพียงสั้นๆ ไม่มีทางทำให้มันรู้สึกรักผมได้จริงๆ หรอก พูดไปเหมือนที่มันบังคับให้ผมพูดมากกว่า
 
ผมเลิกสนใจ ก้าวเข้าห้องน้ำไปทันที พอออกไปก็ไม่เห็นบ๊วยมันแล้วล่ะครับ ผมเดินออกไปข้างนอก กวาดตามองหา
 
“เฮียล่ะ”
ผมถามซันไรส์
 
“ประชุมออนไลน์ด่วนในสวน ไม่เกิน 30 นาทีก็แล้วเสร็จ ท่านสั่งให้คุณหงส์รอก่อน”
 
“รอทำไม เผื่อประชุมยืดเยื้อ ฉันจะกินก่อน”
 
“ท่านบอกให้รอก่อน”
มันบอกเสียงเครียดขึ้น ผมไม่ฟังจะเดินไปที่โต๊ะกินข้าว แต่ซันไรส์มันรั้งจับข้อมือผมไว้
 
“ท่านอุตส่าห์เลือกประชุมสำคัญผ่านโน้ตบุ๊กเพื่อจะได้มีเวลาทานมื้อเช้ากับคุณนะครับ กรุณาอย่าทำให้ความตั้งใจของท่านต้องเสียไปเพราะความดื้อดึงของคุณหน่อยเลย”
 
ผมอึ้งไป ซันไรส์มองมาด้วยสายตานิ่งๆ แต่จากลักษณะท่าทาง บอกได้เลยว่าผมไม่มีสิทธิ์ได้กินข้าวเช้าก่อนแน่ๆ
 
“ก็ได้” ผมดึงข้อมือออกเบาๆ “เขาอยู่ในสวนใช่ไหม”
 
ซันไรส์พยักหน้า
 
“แต่อย่าเพิ่งไปกวนดีกว่า ประชุมเครียด”
 
“ไม่กวนหรอก จะไปให้อาหารปลาคอย”
 
“ผมว่าคุณเพลาๆ การให้อาหารปลาบ้างดีกว่า มันอ้วนจนจะกลายเป็นหมูว่ายน้ำได้แล้ว”
 
“บ้า”
ผมว่ามันไปแค่นั้น เดินเข้าไปในสวน บนโต๊ะเก้าอี้พักผ่อน เห็นบ๊วยมันนั่งหันหลังให้ รัวพูดภาษาต่างประเทศ น่าจะฝรั่งเศส ผมเดินไปหยิบอาหารปลา ทิ้งตัวลงนั่งที่ประจำ หย่อนขา ปลาพวกนั้นรีบกรูกันเข้ามาหาผมอย่างรู้ดี ผมยิ้มให้พวกมันค่อยๆ โปรยอาหารลงไป
 

“ตะกละนะพวกแก” ผมพูดใส่ปลาในบ่อ มองพวกมันว่ายมางับอาหารเม็ดด้วยลักษณะต่างกัน บ้างก็ว่ายมากินอย่างรวดเร็ว บ้างก็มาแบบชิลล์ๆ เอื่อยๆ จนผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นปลาหรือว่าสล็อตกันแน่ บางตัวก็ว่ายไปว่ายมาไม่สนใจหันมางับกิน แม้ว่าอาหารปลาราคาแพงของผมจะลอยเกาะหัวมันไปก็ตาม
 
สงสัยจะอิ่มกันแล้ว
 
ผมนั่งมองพวกมันอย่างเพลิดเพลิน หูฟังเสียงไอ้บ๊วยรัวภาษาต่างประเทศของมันไป ไทย จีน อังกฤษยังพอรู้เรื่องครับ นอกเหนือจากนั้นฟังไม่ออก
 
โห ฟังแล้วเครียดแทนเลย
 
สักพักหนึ่งก็รู้สึกว่าเสียงของมันเงียบลง (มันใส่แฮนด์ฟรีคุย) ผมทำหน้าฉงน หันไปมอง บ๊วยมันเลิกประชุมแล้ว โน้ตบุ๊กถูกงับปิด มันนั่งไขว่ห้าง ผสานมือไว้บนตักมองมานิ่งๆ
 
“ประชุมเสร็จแล้วเหรอ กวนหรือเปล่า”
ผมบอกไปอย่างเกรงใจ เพิ่งเห็นมันทำงาน มิน่า ถึงบอกว่าเครียด เพราะงานมันโหดหินแบบนี้นี่เอง ขนาดวันนี้วันเสาร์มันยังทำ
 
“เรียบร้อย หงส์หิวรึยัง”
 
“นิดหน่อย”
ผมรีบปิดอาหารปลาลง กำลังจะลุกแต่หยุดนิ่งเพราะมีมือยื่นมาตรงหน้า ผมเงยมอง บ๊วยมันยืนอยู่ข้างๆ ยื่นมือมารับ
 
ผมมองมือนั้น มันยิ้มนิดหนึ่ง ตอนแรกก็ว่าจะเล่นตัว แต่ไม่อยากกวนครับ สงสารมัน ผมวางมือลงบนมือมันเบาๆ ดีดตัวลุก มันออกแรงดึงให้ผมลุกด้วย ผมปัดก้นเบาๆ ตอนแรกคิดว่าจะกลับไปกินข้าวกันที่โต๊ะใหญ่ในบ้าน แต่เห็นซันไรส์กับวิกเซอร์เดินมาพร้อมถาดอาหาร
 
มื้อนี้ไม่ใช่ข้าวต้มอย่างเคย แต่เป็นอาหารฝรั่งครบเซตเลย
 
พวกนั้นนำมันมาวางไว้บนโต๊ะที่มันนั่งประชุมเมื่อกี้ วิกเซอร์ยกโน้ตบุ๊กออกไปแล้ว
 
บ๊วยมันจับมือผม พาเดินไปยังโต๊ะที่กลายร่างจากโต๊ะนั่งเล่นสีขาวแนววินเทจค่อนไปทางจีนมาเป็นโต๊ะอาหารเช้าชั่วคราว พอได้ระยะ มันก็เลื่อนเก้าอี้ออกให้เบามือ ผมทำตัวแทบไม่ถูกกับการปฏิบัติแบบนั้น
 
อยากรวนสักหน่อย แต่ไม่รู้ว่าจะรวนยังไงดี เลยทำได้แค่ทิ้งตัวลงนั่งเท่านั้น
 
คำพูดของซันไรส์ก้องอยู่ในหูผม
 
มันยอมประชุมงานสำคัญทางออนไลน์เพื่อจะได้มีเวลากินข้าวเช้ากับผม
 
หน้าผมเห่อร้อนขึ้นมาทันที หยิบช้อนกับส้อมขึ้นมาตักอาหารกินเงียบๆ
 
“เรื่องงาน...”
ผมพูดขึ้นเบาๆ มันละสายตาจากอาหารมองหน้าผม
 
“เฮีย…”
ผมนิ่งไปชั่วอึดใจ
 
“ทำไม”
มันถามกลับมาเมื่อผมยังไม่พูดต่อ
 
“เฮียมีอะไรให้อั๊วช่วยหรือเปล่า บางทีสิ่งที่อั๊วเรียนมาอาจเป็นประโยชน์กับเฮียก็ได้นะ”
 
มันจ้องหน้าผมนิ่ง ยิ้มละมุน เพราะมื้อนี้ไม่ได้ใช้ตะเกียบ เป็นช้อนกับส้อม บรรยากาศมันจึงดูโรแมนติกยังไงพิกล
 
“แค่หงส์กินข้าวกับเฮีย ยิ้มให้เฮีย แค่นั้นก็พอแล้ว”
 
ผมทำหน้าแหยงใส่
 
“มักน้อยจัง”
 
มันหัวเราะ หั่นไส้กรอกรมควันเป็นชิ้นพอดีคำ จิ้มซอสปรุงรสสูตรพิเศษของแม่บ้าน ยื่นมาจ่อไว้ใกล้ปากผม
 
กำลังจะอ้าปากบอกว่ากินเองได้ แต่เห็นสายตาละมุนนั้นแล้วปฏิเสธไม่ลง
 
ผมตัดสินใจอ้าปากงับเอาไส้กรอกคำนั้นเข้าปาก
 
“อร่อยไหม”
 
“แม่บ้านเราทำอาหารเก่ง”
ผมตอบไม่ตรงคำถาม
 
รู้สึกกระดากที่ต้องตอบตรงๆ นี่หว่า
 
มันหัวเราะหึๆ ไม่เซ้าซี้เอาคำตอบ
 
“เสาร์หน้าทำตัวให้ว่างนะ”
 
“ทำไม”
 
“เฮียจะพาไปขับรถเล่น”
 
ผมตาโต
 
“ที่ไหน!!”
 
“แล้วแต่หงส์เลย อยากไปที่ไหนเฮียจะพาไป”
 
ผมเบิกตากว้างอย่างดีใจ
 
“แบบไปเช้าเย็นกลับหรือว่าค้าง”
 
“แบบไหนก็ได้ แล้วแต่หงส์อีกเหมือนกัน”
 
โห ตามใจกันสุดๆ อย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย ผมพยักหน้ารับ รู้สึกอาหารอร่อยขึ้นมาอีกมากโข
 
ผมกินไป ใจนึกวาดภาพหนึ่งในการท่องเที่ยวแบบที่ผมอยากทำมานาน โดยมีสารถีคือไอ้บ๊วย
 
แต่เดี๋ยวนะ…
 
ทำไมเดี๋ยวนี้ผมต้องวาดภาพตอนมีมันด้วยล่ะ!!!
 
พอเงยหน้ามองก็เห็นแต่ออร่าสดใสหล่อเหลาของมัน
 
เอาวะ ไปกับมันก็ไม่เสียหาย (แต่อาจมีเสียตัวนิดหน่อยหลังจากนั้น TT)
 

To be Con...

เดือนสิงหาคมเป็นวันแม่แห่งชาติและเป็นวันเกิดแม่ไรท์ด้วย ไรท์จึงตั้งใจจะทำบุญด้วยการไถ่ชีวิตโคท้อง (ไถ่หนึ่งได้ถึงสอง) ฉนวนอยู่ที่ตัวละ 23,000

ปีที่แล้วทำไปแล้วหนึ่งตัว ตอนคล้องพวงมาลัยวัวมันน้ำตาไหลเลยนะ มันรู้ไงว่ามันรอดแล้ว ปีนี้จะทำอีก เดี๋ยวประมาณกลางเดือนไรท์จะเอาหนังสือที่ไรท์สะสมไว้มาประกาศขาย และถ้าเป็นไปได้ กะจะเขียนนิยายสักเรื่อง(สั้น ๆ) แล้วรวมเล่มให้คนจอง (รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดไปเป็นค่าไถ่โค) กำหนดไถ่คือวันที่ 4 สิงหา ใครอยากร่วมบุญกดเพจไรท์ไว้นะคะ
 
ประมาณวันที่ 8-10 ไรท์จะมาอัพเรื่องที่จะขาย เป็นนิยายวาย การ์ตูนวาย และอาจมีเสื้อผ้าบางชิ้น ตุ๊กตา  (ของสะสมไรท์ทั้งนั้นแหละ) ถ้าพวกหนังสือหรือเสื้อผ้าที่ไม่มีต้นทุน รายได้ทั้งหมดสมทบทุนไถ่โคหมดเลย

จริง ๆ ก่อนหน้านี้เก็บเงินสำหรับไถ่โคครบแล้วล่ะ แต่พอดีอยู่ ๆ ก็อยากจัดสร้างตู้และทำหนังสือพระไตรปิฏก จึงเทเงินทั้งหมดทำไป (แต่ไม่ครบหรอกนะ ครึ่งหนึ่งมีผู้ร่วมบุญมา) จึงต้องมานั่งสะสมกันใหม่ (ปกติไรท์จะหัก 10% จากทุกรายได้ไว้ทำบุญ ซึ่งถ้าใครอยากร่วมบุญกับไรท์ (แบบครบทุกบาททุกสตางค์) เวลาจองหนังสือหรือโอนเงินมาค่าอะไร โอนเข้าแบงค์กรุงเทพเลยนะคะ เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ที่โอนเข้าแบงค์นั้นไว้ทำบุญล้วน ๆ เลย - แต่ถ้าโอนเข้าแบงค์อื่น ไรท์จะถอนออกมา 10% ตามที่บอก)

โชคดีทุกคนค่ะ



ข่าวสารและนิยายเรื่องอื่นๆ: https://goo.gl/WbWxt8
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #17 จูบผ่านทาง [P.12][26-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: et-file ที่ 26-06-2017 21:49:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #17 จูบผ่านทาง [P.12][26-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 26-06-2017 22:45:48
สาธุค่า หุหุ น้องหงส เริ่มหวั่นไหวแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #17 จูบผ่านทาง [P.12][26-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-06-2017 23:11:35
รอจ้ะรอ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #17 จูบผ่านทาง [P.12][26-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-06-2017 23:32:52
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #17 จูบผ่านทาง [P.12][26-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 27-06-2017 12:48:56
อรั๊ย~~~ ยักษ์ วัดไหนเนี่ย น่าลากเข้าถ้ำมาก 5555
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #17 จูบผ่านทาง [P.12][27-6-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 28-06-2017 01:18:58
หงส์เริ่มรักเฮียนิดๆ แล้วใช่มะ

แต่เฮียน่าจะรักหงส์มาพักใหญ่แล้วนะ  ดูมีลับลมคมในงัยไม่รู้นิ    :hao4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #17 จูบผ่านทาง [P.12][27-6-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-06-2017 02:45:05
 :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #17 จูบผ่านทาง [P.12][27-6-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 28-06-2017 08:08:27
อ่านไป ระเบิดตามหงสไปด้วย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #17 จูบผ่านทาง [P.12][27-6-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 28-06-2017 12:26:30
หงส์น้อยช่างน่าเอ็นดู๊ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #17 จูบผ่านทาง [P.12][27-6-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 28-06-2017 14:00:41
ขอบคุณค่า

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #17 จูบผ่านทาง [P.12][28-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 28-06-2017 20:58:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #17 จูบผ่านทาง [P.12][28-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-06-2017 22:12:51
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #17 จูบผ่านทาง [P.12][28-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-06-2017 07:57:46
ใจจะพัง กะความหวานของเฮียยย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #17 จูบผ่านทาง [P.12][28-6-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 29-06-2017 08:01:43
สาธุคะ รอร่วมด้วยช่วยกัน
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #18 หมดความอดทน [P.12][4-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 29-06-2017 20:05:33
ตอนที่ 18 หมดความอดทน


พออิ่มมันก็ลากให้ผมเดินไปส่งที่รถ จริงๆ มันก็เป็นหน้าที่ของเมียที่ดีนั่นแหละ แต่ผมไม่เต็มใจเป็นเมียที่ดีของมันไงเลยไม่อยากจะทำ
 
ซันไรส์เปิดประตูรถออก บ๊วยหันมามอง มือหนึ่งแตะบั้นเอวผมไว้แผ่วเบา ก้มลงมาสูบพลังจากผมหนึ่งดอก
 
“รอนะ เฮียจะรีบกลับมาหา”
 
“ใครเขารอ”
ผมอุบอิบพูด มันได้ยินแน่ๆ หัวเราะแผ่วๆ ก้าวขึ้นรถไป นั่งนิ่งบนเบาะหลัง วิกเซอร์สตาร์ทเครื่อง บ๊วยหันมามอง ยิ้มให้นิดๆ แล้วรถคันนั้นก็เคลื่อนที่ออกไปช้าๆ
ผมเดินกลับไปที่บ่อปลาตามเดิม

“น้องหงส์คร้าบบบบบบ”
เดินยังไม่ทันจะถึงก็ได้ยินเสียงร่าเริงของพี่หมอดังมาด้านหลัง ผมหันไปมอง พี่หมอเดินตรงเข้ามาหา ไม่ได้มามือเปล่า สะพายกระเป๋าเครื่องมือปริญญาตรีพยาบาลของพี่หมอมาด้วย (คือไม่ใช่เครื่องมือปฐมพยาบาลครับ เพราะเครื่องมือพี่แกอลังการมาก มีครบทุกอย่าง กระเป๋าจะใหญ่มากด้วย) แต่ไม่ทุกครั้งหรอก ขึ้นอยู่กับเคสที่เดินทางไปตรวจรักษา บางครั้งก็กระเป๋าเล็กๆ
 
“พี่หมอ”
 
รายนั้นโดดเข้ามาโอบกอดผมไว้แนบอกแน่น
 
“ตัวยังเล็กเหมือนเดิมนะเรา”
 
“เราเพิ่งจากกันเมื่อวันก่อนครับพี่หมอ ไม่ใช่สิบปี และอีกอย่าง ส่วนสูงผมไม่กระเตื้องมาตั้งนานแล้ว”
ผมติงไป พี่หมอหัวเราะ ทิ้งกระเป๋าลงพื้นดังตุบ
 
“กำลังจะไปรักษาหรือว่าไปมาแล้วถึงแวะมาหา เฮียเพิ่งออกไปเมื่อกี้”
 
“พี่หมอเห็นแล้วครับ สวนกันเมื่อกี้ พี่หมอเพิ่งกลับมาจากบ้านคนไข้ ถูกเรียกตัวตั้งแต่ตีสี่”
 
โห
 
“คนเป็นหมอนี่ทำงานกันไม่เป็นเวลาเลยเนอะ ใครป่วยมาตอนไหนก็ต้องรีบไปรักษา นี่ถ้ากำลังกินข้าวหรือทำธุระส่วนตัวไม่ต้องทิ้งชามข้าวไปเลยเหรอ”
 
พี่หมอยักไหล่
 
“เรื่องปกติ จะกินอยู่กี่คำ มือถือดังเคสด่วนมา ก็ต้องวิ่งแนบ ขนาดทำกิจกรรมอย่างอื่นอยู่ยังต้องรีบเบรก”
 
“อย่างเช่น?”
ผมถามอย่างใคร่รู้
 
พี่หมอไม่ตอบด้วยคำพูด แต่มองมาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ผมเบิกตา
 
“บ้าแล้วพี่หมอ ปิดมือถือไว้สิ!!”
 
“เรื่องนั้นรอได้ แต่ชีวิตคนบางทีก็รอไม่ได้”
 
มันก็จริง
 
“พี่หมอนี่จริงจังกว่าที่ผมคิดนะ”
 
พี่หมอยิ้ม จับสองไหล่ผมบีบเบาๆ ทำหน้าจริงจังยิ่งกว่าเดิม
 
“เพราะงั้นจะคลอดเมื่อไหร่ ให้พี่หมอเป็นคนทำคลอดนะ”
 
ผมขอคืนคำพูด ==;
 
สงสัยว่าผมจะทำหน้าตรงกับสิ่งที่คิดไว้จัดพี่หัวเราะเสียงดังแล้วลูบพุงตัวเองป้อยๆ
 
“หิวจัง”
เอากับเขาสิ เสพูดไปเรื่องอื่นเฉย
 
“งั้นเดี๋ยวผมไปบอกแม่ครัวให้”
ผมทำท่าจะเดินไปหาแม่ครัว แต่พี่หมอเบรกไว้
 
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่หมอทำเอง”
 
ผมตาโต
 
“พี่หมอทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอ”
ขนาดผมยังทำไม่เป็นเลย
 
พี่หมอขยิบตาเจ้าชู้ให้
 
“จิ๊บๆ”
แล้วหันไปทางซันไรส์
“แต่ขอตัวซันไรส์ไปเป็นผู้ช่วยหน่อยได้ไหม”
 
“เอาเลยครับตามสบาย”
ผมรีบยกซันไรส์ใส่พานถวายพี่หมอทันที การมีซันไรส์อยู่ด้วย ทำให้อากาศอันบริสุทธิ์ของผมเบาบางลง ออกห่างบ้างก็ดี
 
ซันไรส์มองหน้าผมเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ผมไม่สนใจ พี่หมอยิ้ม พยักหน้าชวนซันไรส์อีกรอบ
 
ซันไรส์ไม่พูดอะไร เดินหน้านิ่งตามพี่หมอไปเงียบๆ
 
 
#ซันไรส์
 
“เล่นอะไรของคุณ”
ผมถามด้วยคำถามเดิมๆ หมอหันมามองหน้าตาย ยักไหล่ให้นิดหนึ่ง
 
“จิ๊บๆ?? ขนาดทอดไข่ดาวยังกลายเป็นไข่ดำ ยังมีหน้าไปโม้หงส์ซาน”
 
“ฮ่าๆ อยากโม้บ้าง ฉันอยากกินสปาเก็ตตี้ ทำให้หน่อยสิ”
 
ผมมองหน้าเขา และนี่คือสาเหตุที่หมอไปบ้านคนนู้นคนนี้บ่อยๆ มากกว่าอยู่บ้านตัวเองในช่วงเวลาอาหารเช้าเที่ยงหรือเย็น
 
เพราะหมอทำอาหารได้ห่วยแตกมาก
เก่งในการรักษาคน แต่ไม่เก่งเอาซะเลยในการทำอาหาร (แต่ถ้าจำเป็นต้องอยู่บ้านจริงๆ หมอจะสั่งอาหารมาทาน แต่ส่วนใหญ่แม่บ้านจะทำให้)
 
“กะอีแค่เอาเครื่องปรุงมาผสมกัน ทำไมจะทำออกมาให้ดีไม่ได้ ทั้งที่การรักษาคนน่าจะยากกว่าอีก”
 
“การรักษาคนมันอยู่ในสายเลือด และนายก็รู้ว่าผู้ชายทุกคนในสายเลือดฉันทำอาหารห่วยแตกกันทุกคน”
 
ไม่เถียง
 
ผมแทบกุมขมับ เดินเข้าครัวไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวม วันนี้ผมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว กำลังจะพับแขนเสื้อแต่หมอขยับเข้ามาใกล้
 
“เดี๋ยวฉันช่วย”
 
ผมชะงัก จ้องนิ่งยังคนที่ขยับมาจับปลายแขนเสื้อผมไว้
 
หมอเงยหน้า ยิ้ม
 
“ถึงฉันจะทำอาหารไม่ได้เรื่อง แต่เรื่องถอดหรือใส่เสื้อผ้า ฉันเก่งนะ”
 
ผมมะเหงกหน้าผากหมอเบาๆ อย่างที่คุณไป่หลงชอบทำกับหงส์ซานเวลาท่านหมั่นไส้
 
แต่ก่อนผมไม่รู้ว่าท่านชอบทำทำไม
 
แต่ตอนนี้ผมชักจะรู้สึกแล้ว
 
หมอปล่อยมือจากแขนเสื้อผมไปกุมหน้าผากทันที ยู่หน้าใส่ ไม่เคยเห็นมาดนี้ของหมอมาก่อนจริงๆ ผมยิ้มนิดหนึ่ง หมอเลิกคิ้วแล้วยิ้ม
 
“ยิ้มอะไร”
ผมถามเสียงนิ่ง
 
“เปล่า นานๆ ทีจะเห็นเสือยิ้มยากยิ้มสักที เสียดายถ่ายรูปไม่ทัน”
 
ผมหน้าตึงเหมือนเดิม ทำท่าจะปลดกระดุมแขนเสื้อตัวเองต่อ แต่หมอหยุดมือผมไว้ก่อน ผมยอมยืนนิ่งให้เขาทำอีกที
 
ปกติคนเป็นหมอต้องใส่เสื้อกาวน์ ต้องมีกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ แต่หมอกันต์จะตัวหอมสะอาดตลอดเวลา ถ้าไม่ใส่เสื้อยืดก็เสื้อเชิ้ต และวันนี้เจ้าตัวก็ใส่เสื้อเชิ้ตมา สีดาร์กบลู ตัดกับผิวขาวๆ นั้นดี
 
หมอค่อยๆ บรรจงแกะกระดุมจากข้อมือผม พับเป็นทบชนิดเนื้อผ้าไม่ยับเลยสักนิดขึ้นไปทีละชั้น กระทั่งมันขึ้นไปเหนือศอกให้ผมเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น ตรวจสอบ ผมขยับยื่นอีกข้างให้ทำดีๆ จ้องมองดวงหน้าของคนที่อยู่ต่ำลงไปไม่มาก
 
“หลงเสน่ห์ฉันแล้วรึไงถึงได้มองไม่วางตาแบบนั้น”
 
ผมชะงัก หมอเงยหน้ามอง
 
“หลงเสน่ห์ฉันแล้วใช่ม้า”
 
“เปล่า ผมกำลังมองหมอปัญญาอ่อนอยู่ต่างหาก”
ผมแก้ตัว หมอยิ้ม เป็นคนที่ยิ้มง่าย ยิ้มไปกับทุกเรื่อง ยิ้มจนผมสงสัยว่าเขายิ้มออกมาจากใจจริงหรือแค่แยกเขี้ยวจนเป็นนิสัยกันแน่ หมอหลุบตาลงต่ำ ตบเบาๆ เมื่ออีกข้างแล้วเสร็จ
 
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ขยับทำอะไรต่อ เขาก็จับคอเสื้อผมดึงเบาๆ ให้ผมก้มหน้า แล้วปากของเราก็แนบผสานกันอีกครั้ง คุณหมอเอียงคอ ส่งลิ้นอุ่นๆ เข้ามาสำรวจหาไออุ่นภายในเพิ่มเติม
 
“ออร์เดิร์ฟ เร็วเข้าเถอะ ฉันหิวแล้ว”
 
ผมจ้องมองคนตรงหน้านิ่ง สูดลมหายใจเข้าปอด พยายามระงับบางสิ่งให้สงบลง ลงมือทำอาหารเงียบๆ
 
หมอเดินไปหยิบแอปเปิ้ลเขียวในตู้เย็นมาหนึ่งลูก นำไปล้างจนสะอาด กัดกรวบจนได้ยินเสียงชัดเจน ผมไม่ได้สนใจคนด้านหลังอีก ใช้สมาธิกับการทำสปาเก็ตตี้ ทำง่ายไม่ยากหรอก เพียงแต่ถ้าจะทำให้อร่อยต้องใช้ใจทำ
 
“ซันไรส์”
 
ผมหยุดมือที่กำลังราดน้ำซอสลงบนจานหันไปมอง คุณหมอจับหัวผมไว้ แนบปากอีกรอบ ส่งผ่านบางสิ่งมาให้
 
รสหวานๆ และกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์นั้นบอกได้ชัดเจนว่าเป็นแอปเปิ้ลเขียว
 
“คำสุดท้าย แฟนหล่อ”
 
ผมขมวดคิ้ว นิ่งคิด
 
“มันต้องบอกว่า คำสุดท้ายแฟนสวยไม่ใช่รึไง”
จากสำนวนไทยที่ผมเคยเรียนมา ผมไม่ได้คายทิ้ง แต่เคี้ยวสิ่งนั้นกลืนลงคอ คนทำอาหารไม่ชอบทิ้งอาหารหรอก
 
หมอส่ายหัว คลี่ยิ้ม
 
“คำสุดท้ายแฟนหล่อ นับจากนี้ไปนายมีแฟนแล้ว หล่อด้วย”
 
ผมวางสิ่งที่กำลังทำอยู่ลง มองหน้าหมอ ยกมือกอดอก เอียงคอ สบตาหมอด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
 
“โทษที ในชีวิตนอกจากชวนผู้หญิงหลับนอนแล้วยังไม่เคยจีบใครมาเป็นแฟน จึงมั่นใจว่ายังไม่มีแฟน ไอ้หล่อด้วยยิ่งแล้วใหญ่”
 
“ฉลาดน้อยจัง”
 
ผมหน้าตึงกับคำนั้น
 
“ประมวลคำพูดฉันให้ดีๆ สิซันไรส์ ฉันว่านายฉลาดพอกับความหมายที่ฉันพูดไปเมื่อกี้นะ”
 
ผมมองตาเขา
 
“คุณกำลังจะเคลมผมเป็นแฟน”
 
“ใช่”
หมอตอบรับมาตรงๆ ผมพ่นลมหายใจแรง

 
“ผมขอปฏิเสธ ข้อแรก ผมยังไม่อยากมีแฟน ข้อสองผมไม่ต้องการมีแฟนเป็นผู้ชาย ข้อสาม ผมไม่ได้ชอบหมอ และที่สำคัญ หมอไม่ใช่สเปกผม”
 
หมอยิ้มหวาน
 
“ไม่ใช่สเปกแต่ทำเซ็กส์ได้นะ เอาเป็นว่าตกลงตามนี้”
 
“ผมขอปฏิเสธ”
 
“ตามนั้น”
 
“นี่คุณหมอ คุณจะมาใช้วิธีมัดมือชกเอาผมเป็นแฟนเหมือนที่คุณทำมาเรื่องอื่นๆ ไม่ได้นะ ผมไม่เล่นด้วย”
 
หมอยิ้ม หันไปมองจานสปาเก็ตตี้ตัวเองที่ผมทำค้างไว้
 
“เสร็จยัง ฉันหิวแล้ว”
 
“คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
ผมจับแขนเขาให้หันมาคุยกันดีๆ
 
“คุยแล้ว ตามนั้นแหละ ทำเร็วๆ ฉันหิว”
 
“คุณหมอ!!”
 
“ฉันกินทั้งอย่างนี้เลยได้ไหม”
พูดจบเขาก็หยิบส้อมที่ผมใช้จัดเส้นสปาเก็ตตี้ทำท่าจะคลุกซอส ผมรีบหยุดมือเขาไว้ทันที
 
“ยังไม่เสร็จ”
 
“ฉันหิว”
มันไม่ใช่แค่คำพูด เพราะท้องหมอพากันร้องโครกครากออกมาให้ได้ยินจริงๆ
“วันนี้แหกตาตื่นตั้งแต่ตีสามเพื่อไปรักษา หิวไส้จะขาดอยู่แล้ว”
 
ผมถอนหายใจแรง เลิกสนใจเรื่องที่คุยกันเมื่อกี้มาทำสปาเก็ตตี้ให้แล้วเสร็จ
 
ยังไงเสียปรบมือข้างเดียวไม่มีทางดังอยู่แล้ว ถ้าผมไม่เล่นด้วย ทุกอย่างก็จบ
 
“เรียบร้อย”
ผมยกจานไว้ในมือ หมอเตรียมจะรับ แต่ผมดึงคืน
“จะไปนั่งกินในสวนกับหงส์ซานหรือจะนั่งกินที่นี่”
 
“แล้วนายจะไปอยู่ที่ไหนระหว่างฉันกิน”
 
“หน้าที่ผมคือดูแลหงส์ซานอย่างใกล้ชิดตามคำสั่งของเจ้านาย”
 
“งั้นก็ไปกินกับหงส์ซาน”
หมอตอบรับมาง่ายๆ
 
ผมพยักหน้า
 
“เดี๋ยวผมยกไปเอง คุณเดินนำไปก่อน”
 
หมอยิ้ม พยักหน้า ก้าวนำไปโดยไม่อิดออด
 
หงส์ซานหันมามอง
 
“ทำอะไรกินครับพี่หมอ”
 
“สปาเก็ตตี้”
 
“โห ครั้งหน้าสอนผมบ้างสิ อยากทำเป็นบ้างเหมือนกัน”
 
ผมหัวเราะหึๆ ในใจ ถ้าให้สองคนนี้เข้าครัว ผมว่าคุณไป่หลงอาจต้องทำประกันไฟไหม้ไว้หลายๆ เจ้าหน่อย เพราะจากประวัติที่สืบทราบมา
 
ทำอาหารห่วยแตกพอกัน
 
“ลองชิมไหม”
คุณหมอใจดีชักชวน หงส์ซานส่ายหัว
 
“ไม่ละ ผมอิ่มตื้อเลย ตามสบายครับ”
แล้วลิงนั่นก็หันไปนั่งมองปลาต่อ ผมกำลังจะเดินไปยืนอยู่ตรงตำแหน่งเดิมของตัวเอง แต่ยังไม่ทันได้ก้าวก็ถูกรั้งชายเสื้อไว้
 
หมอหัวเราะ
 
“นายลืมอะไรไปอย่างนะซันไรส์”
 
“อะไร!”
ผมกระแทกถามเสียงห้วน
 
ผมมั่นใจว่าทำอาหารไม่เคยบกพร่องนะ
 
หมอหัวเราะ ชี้ส้อมมาทางตัวผม ผมก้มมอง ชะงักนิดเพราะบนตัวผมมีผ้ากันเปื้อนสวมไว้อยู่ หมอหัวเราะอย่างขบขัน ผมหน้าร้อนผ่าว ไม่เคยทำเปิ่นแบบนี้มาก่อน รีบกระชากมันออกเดินลิ่วๆ กลับเอาไปเก็บ
 
พอเรียบร้อยก็เดินกลับมายืนประจำตำแหน่ง หมอนั่งกินไปเงียบๆ ดูท่าจะหิวจริง เพราะไม่เกินห้านาทีไอ้ที่ทำมาจนพูนจานเมื่อกี้ก็หายลับไปราวกับถูกเสก
 
“อิ่มหรือเปล่า”
ในอนาคตผมว่าถ้าเรี่ยวแรงไม่พอทำอาชีพบอดี้การ์ด ผมจะไปเอาดีด้านการเป็นพ่อครัวให้คุณไป่หลงแทน อะไรที่เกี่ยวกับการกิน ผมใส่ใจเสมอ
 
“อื้อเลย เมื่อกี้ล่อแอปเปิ้ลไปแล้วลูกหนึ่ง พอแล้วล่ะ เดี๋ยวจุก”
 
ผมเห็นด้วย ยกจานเปล่าหันหลัง เดินเข้าครัวเพื่อนำไปล้าง ผมหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมอีกรอบ ได้ยินเสียงเปิดตู้เย็น ผมหันไปมอง เห็นหมอยืนคุ้ยหาอะไรอยู่ แล้วก็เดินกลับมาพร้อมแอปเปิ้ลเขียวแบบเดิม
 
“ฝากล้างหน่อย”
 
“ขอผมล้างจานก่อน”
ผมตอบรับนิ่งๆ ยืนล้างจานโดยมีหมอยืนกอดอกคอย
 
“บางทีเราอาจต้องสลับกันนะ ฉันเป็นสามี นายเป็นภรรยา ผู้ชายอะไรทำงานบ้านเป็น ทำอาหารก็เก่ง เจ้าระเบียบอีกต่างหาก”
 
ผมพ่นลมหายใจแรง หันไปมองนิ่งๆ ออร่าเหี้ยมโหดที่แม้แต่หมายังวิ่งหางจุกตูดใช้ไม่เคยได้ผลกับผู้ชายคนนี้หรอก
 
“ผมไม่คิดจะเป็นสามีหรือภรรยาใคร”
แล้วผมก็หันกลับมาล้างจานต่อ ยกสะเด็ดน้ำ หยิบผ้ามาเช็ดจนแห้ง วางเรียงกันไว้ในตู้ หยิบช้อนมาเช็ดจนแห้ง วางไว้ในถาดเก็บช้อน ผึ่งผ้าเช็ดจานไว้ หยิบแอปเปิ้ลของหมอมาบรรจงล้างจนสะอาด
 
“จะให้หั่นด้วยหรือเปล่า”
 
“ไม่ต้องหรอก”
 
“ฟันเกหมด”
 
“ฉันแข็งแรง ฟันได้ไม่เป็นไรหรอก”
ผมชะงัก หันไปมอง คุณหมอฉีกยิ้มกว้าง ผมยัดแอปเปิ้ลลูกนั้นใส่มือหมอด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ปลดผ้ากันเปื้อนแขวนไว้ที่เดิม เดินลิ่วๆ ออกไปหาหงส์ซานตามเดิม

ผมลากเก้าอี้มานั่ง ฟังรายละเอียดงานที่วิกเซอร์อัดมาให้เงียบๆ     คุณหมอก้าวตามมาติดๆ ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ ตีเนียนพิงหัวกับไหล่ผมเหมือนเดิม ได้กลิ่นหอมจางๆ ลอยมาจากตัวหมอ มันผสมเคล้ากันกับกลิ่นแอปเปิ้ลเขียวที่อีกคนกำลังกัดกรวบกิน
 
ผมเลิกสนใจคนข้างๆ เพ่งสมาธิไปยังเสียงที่กำลังฟังอยู่
 
ผมนั่งนิ่งไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งรู้สึกถึงแรงขยับจากคนข้างๆ ผมหันไปมอง คนที่อาศัยพิงไหล่ผมอยู่หลับตาพริ้ม ได้ยินเสียงฟี้ของลมหายใจเบาๆ
 
ผมขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าหมอหลับเพราะหนังท้องตึงเกินไป หรือว่าเพราะต้องตื่นไปรักษาคนไข้ตั้งแต่เช้ามืดกันแน่ ผมขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม กำลังคิดอยู่ว่าจะเอายังไงกับสภาพหมอตอนนี้ดี
 
“อ้าว พี่หมอหลับไปแล้ว”
เสียงทักเบาๆ ของหงส์ซานปลุกคนข้างตัวผมให้สะลึมสะลือตื่น เขาอ้าปากหาวหวอด
 
“เผลอหลับไปได้”
 
“ถ้าง่วงไปนอนก่อนก็ได้ครับพี่หมอ”
 
“เป็นความคิดที่ดี”
แล้วหมอก็เดินตัวลอยๆ เข้าบ้านไป ผมไม่ได้สนใจหมออีก กดปิดสิ่งที่กำลังฟังอยู่เพราะมันจบพอดี หงส์ซานคงอยากนอนด้วยเหมือนกัน รายนั้นไปลากเสื่อออกมาปู พอๆ กับดึงผ้ารองและหมอนหนุนเล่นนอกบ้านออกมานอนด้วย
 
สักพักรายนั้นก็เข้าภวังค์ไปด้วยอีกคน
 
ได้ยินเสียงนกพากันร้องจิ๊บๆ ผมปิดเปลือกตาลง ได้ยินเสียงเมสเสจเบาๆ ผมล้วงหยิบมาเปิดดู
 
มันเป็นข้อความจากคนที่เดินเข้าบ้านไปเมื่อกี้ ผมเปิดอ่าน
 
‘ฉันรออยู่ในห้อง’
 
ผมหัวเราะขึ้นจมูก
 
แล้วไง คิดว่าผมจะรีบวิ่งโร่เข้าไปหางั้นสิ
 
ฝันไปเถอะ
 
ผมยัดมือถือกลับใส่กระเป๋า แล้วนั่งนิ่งตามเดิม
 
สายลมยังคงพัดไหวจนใบไม้ปลิวสะบัด เมฆยังคงล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าสีคราม ปลาคาร์ปยังคงแหวกว่ายอยู่ในบ่อน้ำ หงส์ซานยังคงหลับสนิทอยู่บนเสื่อผืนเดิม
 
‘ฉันรออยู่ในห้อง’
 
ไหนว่าง่วง แล้วทำไมไม่นอน
 
‘ฉันรออยู่ในห้อง’
 
แล้วตอนนี้เขายังรอผมอยู่ไหม
 
‘ฉันรออยู่ในห้อง’
 
หรือว่าหลับไปแล้ว
 
‘ฉันรออยู่ในห้อง’
 
โธ่เว้ย!!
 
ผมดีดตัวลุกยืน แม้จะพยายามสงบอารมณ์ขนาดไหน แต่ภายในผมร้อนรุ่มไปหมด ผมรีบตรงดิ่งไปยังห้องรับแขกที่หมอใช้เป็นห้องนอนชั่วคราว เปิดประตูออกผลัวะ
 
แต่ทั้งห้องว่างเปล่า
 
ผมหัวเสีย ปิดประตูห้องเสียงดัง
 
ทั้งที่รู้อยู่ว่าโดนปั่นหัว แต่ผมก็ยังโง่หลงโดดลงไปในหลุมดักนั้นอีก
 
ผมก้าวฉับๆ กำลังจะกลับไปหาหงส์ซานตามเดิม แต่เบรกกึก หันมองไปทางห้องนอนตัวเอง
 
ถ้าหมอไม่ได้นอนในห้องรับแขก แล้วตอนนี้หมอไปอยู่ที่ไหน

ผมหรี่ตา ก้าวช้าๆ ตรงไปยังห้องนอนตัวเอง จับลูกบิด หมุนเปิดออกช้าๆ
 
ภายในห้องเย็นฉ่ำจากแอร์ที่ผมจำได้ว่าปิดไปแล้ว บนเตียงกว้างขนาดคิงไซส์มีเรือนร่างของคนแปลกหน้ามานอนอยู่ เขานอนหงาย ผ้าห่มคลุมไว้ถึงเอว มือถือหล่นอยู่ข้างๆ มือ ดวงตาปิดสนิท
 
ผมเสยผมเบาๆ อย่างหงุดหงิด ขยับเข้าไปใกล้ ปลดปล่อยรังสีคุกคามเต็มที่ คร่อมร่างหมอไว้ เลื่อนมือไปยังลำคอ แค่สิบวิชีวิตหมอก็ถูกปลิดได้ง่ายๆ แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าใครจะจับได้ เพราะผมเก่งในเรื่องของการเก็บหลักฐานได้อย่างมิดชิด ชนิดที่จมูกหมาก็หาไม่เจอ
 
หมอปรือตามอง ผมขยับมือกุมคอหมอแน่นขึ้น หมอกลืนน้ำลายจนรู้สึกได้ถึงลูกกระเดือกที่ขยับขึ้นลง
 
หมอไม่ดิ้นรน ไม่ร้องขอชีวิต สายตาไม่มีความแปลกใจหรือตระหนกตกใจอะไรเลย มองมานิ่งๆ เท่านั้น
 
“รู้ใช่ไหมว่าผมสามารถฆ่าคุณได้ง่ายๆ”
 
หมอไม่ตอบ ขยับมือ ไม่ได้เลื่อนยกขึ้นมาดึงมือผมออก แต่เลื่อนลงไปยังเป้ากางเกงผมด้านล่าง ลูบไล้มันเบาๆ น้องผมกระตุกวูบ ผมบีบคอหมอแรงขึ้นจนหมอชะงัก
 
สุดท้ายหมอก็ทนไม่ไหว เลื่อนมือขึ้นมาจับข้อมือผมไว้ สีหน้าบ่งบอกว่าเขากำลังจะหมดลมหายใจเอาจริงๆ ผมคลายมือออกก่อนเวลานั้นจะมาถึง หมออ้าปากกอบโกยเอาอากาศเข้าปอดทันที มันไม่น่าดูเลย ถ้าเป็นเหยื่อรายอื่น
 
แต่กับคนตรงหน้าไม่ใช่ ดวงตาหมอดูปรอย กลีบปากได้รูปเผยออ้าจนเห็นลิ้นสีแดงภายในได้ชัดเจน แผงอกได้รูปไหวกระเพื่อมอย่างคนที่พยายามกอบโกยเอาอากาศเข้าปอด
 
มันดูยั่วยวนอย่างบอกไม่ถูก ผมหรี่ตา ก้มหน้าฉกกลีบปากนั้นทันที ส่งถ่ายลมหายใจที่ผมพรากทิ้งไปเมื่อกี้กลับคืนให้
 
ผมจะทำให้เขาทรมานเจียนตายอีกครั้ง
 
แต่ไม่ใช่ด้วยการบีบคอหรอกนะ
 
 
ชั่วโมงครึ่งผ่านไป
 
ผมนั่งพิงหลังกับหัวเตียง สองขาวางราบไปกับที่นอน ท่อนบนเปลือยเปล่าไม่ต่างกับคนที่นอนตะแคงข้างอยู่ข้างตัว ท่อนล่างกลืนหายไปกับผ้าห่ม ดวงตะวันสาดแสงแรงกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ ผมส่งกล้องจิ๋ว (จะเรียกว่ามินิโดรนก็ได้) ลงไปสำรวจหงส์ซานที่อยู่ข้างล่าง มองทุกอย่างผ่านมือถือ รายนั้นยังคงหลับสนิท ผมเรียกกล้องกลับคืน ปิดมือถือลง หันไปมองคนข้างตัว
 
ไม่รู้ว่าผมไปมีอารมณ์มากมายกับคนไร้เสน่ห์แบบนี้ได้ยังไงกัน
 
เป็นหมอ (แถมยังปัญญาอ่อนด้วย)
 
เป็นผู้ชาย (ที่เป็นผู้ชายแท้ๆ อีกต่างหาก)
 
เป็นเพื่อนสนิทกับเจ้านายด้วย ถ้าคุณไป่หลงรู้ขึ้นมาเขาจะว่ายังไง
 
ผมพ่นลมหายใจแรง เลื่อนนิ้วลงไปเกลี่ยตรงรอยคิสมาร์คจางๆ บนต้นคอและแผงอกอีกคน
 
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำรอยคิสมาร์คได้ แต่ผิวของหมอเหมาะแก่การสร้างริ้วรอยแบบนี้จริงๆ
 
ผมเลื่อนมือจากรอยคิสมาร์คตรงต้นคอเลื่อนขึ้นไปยังผิวแก้ม ไม่รู้ว่าหมอรำคาญหรือต้องการหาไออุ่น หมอจับมือผมไปกดเบาๆ ตรงซอกคอ นิ่งค้างไว้อย่างนั้น
 
เขาดูผ่อนคลาย หลับสนิทจนผมอยากจะทิ้งตัวลงไปนอนด้วย แต่ผมเลือกที่จะดึงมือออกช้าๆ ลุกจากเตียง หยิบเสื้อผ้ามาใส่ ปรับให้มันเรียบร้อย หันไปมองคนที่กำลังหลับสนิท
 
หน้าที่ของผมตอนนี้คือดูแลหงส์ซาน ไม่ใช่มาอยู่ตรงนี้
 
ผมเดินออกจากห้องไป นั่งลงตรงตำแหน่งเดิมของตัวเอง ดวงตาของผมจ้องนิ่งอยู่ยังหงส์ซาน แต่ในมโนความคิด ตัวผมกำลังฝังร่างอยู่บนเตียงเคียงข้างใครอีกคนในห้องนอน
 
 
#หงส์ซาน
 
ผมสะดุ้งโหยงเพราะเสียงมือถือที่ดัง ผงกหัวลุกมอง คว้าหยิบมากดแนบหูโดยไม่มองเบอร์ กรอกเสียงแหบๆ ลงไป
 
“นอนกลางวันอยู่เหรอ นี่ใกล้เที่ยงแล้วนะ ตื่นขึ้นมากินข้าวได้แล้ว”
 
ผมขมวดคิ้วมองเบอร์ที่ไม่ได้ถูกเมมไว้นั้นงงๆ
 
“ใคร”
ผมถามกลับอู้อี้
 
“หงส์ซาน”
 
เสียงและสำเนียงแบบนี้…
 
“อาเฮีย!!” ผมดีดตัวลุกนั่ง “นี่เฮียเอาเบอร์อั๊วมาจากไหน”
 
ได้ยินเสียงถอนหายใจของมันแรงอย่างเอือมระอา
 
“หงส์ ไม่มีสามีคนไหนไม่มีเบอร์ของเมียตัวเองหรอกนะ”
 
กูว่ามึงใช้คำผิดนะบ๊วย สามีต้องคู่กับภรรยา เมียน่ะใช้กับผัวเว้ย!!
 
“โทรมามีไร”
ผมถามกลับห้วนๆ ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ
 
“เฮียคิดถึง”
 
ครับ เบาๆ แต่คำนั้นมีอานุภาพทำให้สติที่กำลังพร่าเลือนของผมตื่นเต็มตา ตัวร้อนหน้าร้อนไปหมด ผมเม้มปาก ควานมือทึ้งหญ้าข้างตัวทิ้งไปสองสามต้นระบายไอร้อนที่กำลังกรุ่นขึ้นมาตอนนี้
 
“ประสาท”
ผมอุบอิบต่อว่าไป ได้ยินเสียงหัวเราะอีกรอบ
 
“เป็นเด็กดีนะ เฮียจะรีบกลับไปหา”
 
“ไม่ได้รอ”
ผมว่ากลับไปเบาๆ ได้ยินเสียงหัวเราะอีกรอบตามด้วยเสียงเรียกชื่อมันของวิกเซอร์
 
“แล้วเจอกัน แค่นี้ก่อน เฮียติดงาน”
มันพูดแค่นั้นแล้ววางสายไป 
 
ผมพยายามไม่เปิดปากที่กำลังจะยิ้มแหล่มิยิ้มแหล่ของตัวเอง ควานหาหญ้าอีกต้นมาดึงดังปึ้ด
 
“ถ้าจะเขินก็เขิน ไม่ต้องมาทำหน้าปัญญาอ่อนแล้วไปทำร้ายต้นหญ้าแบบนั้น”
 
ผมชะงักกึก หันไปมองเจ้าของเสียง ซันไรส์ยืนกอดอก ทำหน้าเอือมระอาอยู่ไม่ห่าง
 
มันก็ขยันดีเนอะ เฝ้ามองผมได้ตลอดเวลาจริงๆ
 
“ใครเขิน มั่วแล้ว”
 
ผมหันมองไปรอบๆ
 
“อ้าว แล้วพี่หมอล่ะ ยังไม่ตื่นเหรอ”
 
“กลับไปแล้ว”
 
ผมพยักหน้าเข้าใจ ก่อนไปก็น่าจะปลุกกันสักหน่อย 
 
“จะทานข้าวที่นี่หรือที่ห้องกินข้าว”
ซันไรส์ใจดีถาม
 
“ที่นี่ละกัน”
 
มันไม่พูดอะไร เดินหายไปไม่ถึงสิบนาทีก็ได้อาหารมาเสิร์ฟ
 
ผมนั่งกินเงียบๆ
 
บนโต๊ะกินข้าวตัวเดียวกัน เมื่อเช้าผมนั่งกินกับไอ้บ๊วยสองคน แต่มาตอนนี้ผมนั่งกินคนเดียวเงียบๆ
 
รู้สึกเหงาแฮะ
 
ผมชักอยากให้บ๊วยมันมานั่งกินด้วยอีกคน ถึงจะกินกันไปกัดกันไปก็เถอะ แต่มันดูมีชีวิตชีวามากกว่านี้
 
พออิ่มซันไรส์ก็ยกถาดเปล่าไปเก็บ ผมกลับไปนั่งว่างๆ ตามเดิม ชักอยากให้เวลาผ่านไปเร็วๆ
 
ผมแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
 
ดวงตะวันเลยหัวไปไม่มาก เที่ยงวันนี้บ๊วยมันกินข้าวที่ไหน กินกับใคร หรือกำลังนั่งทำงานหน้าเครียดอยู่
 
เอาตามจริง ผมไม่ชอบตอนมันทำหน้าเครียดเลย ยิ้มหล่อกว่าอีก ทำให้ใบหน้าทุยๆ ของมันดูดีขึ้นเยอะ
 
เหอะ ป๊าม๊าก็ช่างสรรค์สร้าง เอาซะมันดูดีไปหมดทุกมุม
 
หล่อกว่าผมอีก
 
ใส่ชุดไหนก็หล่อ
 
ไม่ใส่ก็หล่อ
 
ผมชะงักความคิดตัวเองไว้กับที่
 
ไม่ได้ชะงักเพราะคิดถึงภาพเปลือยของมันเมื่อกี้
 
แต่ชะงักกับสิ่งที่วนเวียนอยู่ในสมองของผมตอนนี้ต่างหาก
 
เดี๋ยวหงส์ซาน
 
เดี๋ยวก่อน!!
 
ผมดีดตัวลุกยืน เบิกตากว้าง
 
ทำไมในหัวของผมตอนนี้ถึงมีแต่เรื่องของไอ้บ๊วยมันล่ะ!!!
 


To be Con

อัพนิยายครั้งหน้าจะลองใช้เน็ตของ Ais ดู เน็ตทรูตจวสโลว์มากกกกกกกก (อิชั่นจะร้องไห้)
เม้นท์กันให้ชื่นใจสักนิ้ดดดด






ข่าวสารและนิยายเรื่องอื่นๆ: https://goo.gl/WbWxt8
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #18 หมดความอดทน [P.12][29-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-06-2017 20:23:21
ขขขขขขขขขขขขขข :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #18 หมดความอดทน [P.12][29-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 29-06-2017 21:05:21
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #18 หมดความอดทน [P.12][29-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 29-06-2017 22:05:06
อิอิ น่ารัก
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #18 หมดความอดทน [P.12][29-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-06-2017 23:08:56
 o13
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #18 หมดความอดทน [P.12][29-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 29-06-2017 23:27:27
คุณหมอน่ากลัวจริงๆ ดูยังงัยซันไรท์ก็ไม่ทันเล่ห์คุณหมอแน่ๆ   o18
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #18 หมดความอดทน [P.12][29-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 29-06-2017 23:29:27
พี่หมอนี่จริงๆเล้ยย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #18 หมดความอดทน [P.12][29-6-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 30-06-2017 18:45:22
 :jul3: :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #18 หมดความอดทน [P.12][1-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 01-07-2017 09:48:42
เจ้าของไร่อ้อยมาเอง
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #18 หมดความอดทน [P.12][1-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-07-2017 15:05:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #18 หมดความอดทน [P.12][1-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 01-07-2017 15:09:07
กรี้ดอ่ะ ถ้าเจอ ถูกทำโทษแน่เลย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #18 หมดความอดทน [P.12][1-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-07-2017 15:31:01
 :hao7:ห้องใครน่ะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #18 หมดความอดทน [P.12][1-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 01-07-2017 16:27:25
อื้อหือ หมออออ แซ่บเฟร่อออ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #18 หมดความอดทน [P.12][1-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-07-2017 17:48:12
 :z1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #18 หมดความอดทน [P.12][1-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-07-2017 21:52:30
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #18 หมดความอดทน [P.12][4-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 04-07-2017 21:12:45
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #18 หมดความอดทน [P.12][4-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 04-07-2017 22:14:44
ซันไรท์กะคุณหมอออออออ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #18 หมดความอดทน [P.12][4-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-07-2017 22:24:11
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #18 หมดความอดทน [P.12][4-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 04-07-2017 22:54:34
แย่ละค่าาาา ไม่รักเขา แต่คิดแต่เรื่องเค้า ทั้งคู่เลย :mew3:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][7-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 05-07-2017 20:23:42
หงส์ซาน 19 : ไม่ได้งอนจริง ๆ




ผมรีบสลัดภาพไอ้บ๊วยทิ้งไป ลุกจากเสื่อที่นอนอยู่เดินลิ่วๆ ขึ้นห้อง
 
ไปหาหนังดูสักเรื่องดีกว่า จะได้ไม่คิดถึงมัน
 
ได้ยินเสียงมือถือดังอีกรอบ ผมรีบยกดูเพราะคิดว่าเป็นไอ้บ๊วย
 
แต่ไม่ใช่ครับ
 
เจ้หมวย พี่สาวผมเอง ผมกดรับแนบหูทันที
 
“เป็นไงบ้างเรา”
 
“สบายดีเจ้”
 
เจ้หมวยหัวเราะเสียงใส
 
“คงจะหายห่วงได้แล้วจริงๆ”
 
“น้องเจ้หมวยเก่งน่า ไม่ต้องห่วงหรอก”
พอถึงห้องผมกระโดดขึ้นไปนั่งบนเตียง คว้าหมอนมากอด ได้กลิ่นไอ้บ๊วยมันด้วย มันใช้น้ำหอมกลิ่นอะไรไม่รู้ ขวดสีดำเมี่ยมเลย ผมอ่านยี่ห้อไม่ออกเพราะไม่ใช่ภาษาอังกฤษ
 
“ม้าบ่นใหญ่ว่าไม่มีลื้ออยู่แล้วเหงา อีคิดถึงลื้อน่าดู”
 
“อั๊วก็คิดถึงเหมือนกันนั่นแหละ ช่วยไม่ได้ ถ้าไม่ให้อั๊วแต่งออก ป่านนี้ก็ได้อยู่ดูแลป๊ากับม้าแล้ว”
 
เจ้หมวยหัวเราะ
 
“สำหรับลูกผู้หญิง การแต่งงานคือการตอบแทนบุญคุณพ่อแม่อย่างหนึ่งเหมือนกันนะหงส์ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม อย่างน้อยก็ทำให้ธุรกิจของครอบครัวเราได้เดินหน้าต่อ และที่สำคัญคือการมีหลานไว้ให้ป๊าม้าด้วย”
 
“ใช่ สำหรับผู้หญิง แต่อั๊วไม่ใช่ผู้หญิงนี่”
 
“ก็ใช่ แต่อย่างน้อยหงส์ก็ทำให้ป๊าม้ามีความสุข ธุรกิจของครอบครัวเราดำเนินไปได้เป็นอย่างดี คิดอีกแง่ ก็เหมือนหงส์ทำงานให้ครอบครัวนั่นแหละ เพียงแต่ไม่ได้ลงไปลุยแบบป๊าหรืออาเฮีย แต่เป็นกองหลังแบบเจ้”
 
“แต่อั๊วอยากทำงานแบบป๊ามากกว่า”
 
“บางครั้งเราก็เลือกมากไม่ได้นะหงส์ หงส์โชคดีขนาดไหนที่ได้เกิดมาอยู่ในครอบครัวเรา กินอยู่อย่างสุขสบาย งานการก็ไม่ได้ทำ ยังมีอีกหลายคนที่เขาลำบากและอดอยากกว่าหงส์เยอะนะ สิ่งที่หงส์คิดว่ากำลังทุกข์อยู่ตอนนี้ เทียบกับคนอื่นแล้วถือว่าสุขสบายมากเลยละ”
 
ผมนิ่งไป มันก็จริง มันทำให้ผมนึกถึงพวกสารคดีของชาวแอฟริกาที่มีแต่คนผอมแห้งแบบหนังติดกระดูก ตัวดำมิดหมี่ สวมใส่อะไรที่อย่าเรียกว่าเสื้อผ้าเลย เรียกว่าเศษผ้าน่าจะถูกกว่า รองเท้าไม่มีใส่ ต้องเอาขวดพลาสติกมาทำรองเท้าแทน ถือถังเก่าๆ ไปต่อแถวรอรับอาหารที่เป็นเพียงน้ำซุปเท่านั้น
 
ถ้าเทียบกับความลำบากที่คนอื่นพบเจอ ผมถือว่าอยู่อย่างสุขสบาย มีกินมีใช้อย่างเหลือเฟือจริงๆ
 
“แต่…”
 
“ถ้าหงส์คิดว่าหงส์ลำบาก ให้หงส์มองคนที่ลำบากกว่าเรา ถ้าหงส์รู้สึกแย่ ให้มองคนที่ย่ำแย่ยิ่งกว่าเรา แล้วสิ่งที่หงส์เจอ มันจะกลายเป็นเรื่องเล็กๆ ไปเลย”
 
ผมนิ่งไปอีกรอบ
 
“ถ้าอั๊วได้แต่งงานกับผู้หญิงหรือเป็นผู้หญิงไปเลยจะง่ายกว่านี้นะเจ้”
 
“แบบไหนก็มีค่าเท่ากันนั่นแหละ มันขึ้นอยู่กับว่าเราทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้ดีแค่ไหน ทำให้พ่อแม่ภูมิใจได้รึยัง”
 
“ก็ทำอยู่นี่ไง แต่งงาน จดทะเบียน ทำให้ป๊าม้าและครอบครัวเรารันงานต่อได้”
 
“นั่นก็ด้วย แต่หงส์ก็ต้องรับผิดชอบต่อคู่ชีวิตหงส์ด้วย เพราะไม่ใช่เพียงแค่หงส์ที่ต้องไปใช้ชีวิตกับเขา เขาก็ต้องมาใช้ชีวิตกับหงส์ด้วยเหมือนกัน”
 
“เขาไม่ได้เสียหายอะไรนี่ มีแต่ได้กับได้ คนที่เสียคืออั๊วล้วนๆ เลย”
 
“เสียอะไร”
 
“ก็…”
ผมกำลังจะหลุดปากไปว่าเสียตัว ดีแต่ว่ายั้งไว้ได้ทัน
 
“เสียหน้าไง เพราะต้องมาแต่งงานกับผู้ชาย”
 
“แล้วไงอีก”
 
“เสียอนาคตด้วย อนาคตที่จะได้มีครอบครัวสมบูรณ์แบบ มีลูกมีหลานไว้สืบสกุล”
 
“อืม แล้วไงอีก”
 
ผมพยายามคิดต่อ ทำไมผมคิดได้แค่นี้วะ ตอนแรกคิดว่ามีแต่เรื่องแย่ๆ ที่ต้องมาแต่งงานกับบ๊วยมัน แล้วทำไมตอนนี้เหลืออยู่แค่นี้ล่ะ
 
“เสียหน้า เสียให้ใครเหรอ มีใครเขามาประณามหยามเหยียดหงส์ บอกเจ้สิ เจ้จะบอกอาเฮียไปจัดการให้”
 
เอ่อ..กูว่าเจ้กูจะกลายเป็นมาเฟียตามอาเฮียไปด้วยอีกคนละ
 
“ส่วนเรื่องครอบครัวอันสมบูรณ์แบบ นั่นเป็นเรื่องทัศนคติและมุมมองที่หงส์ตั้งไว้ ซึ่งมันสามารถปรับเปลี่ยนได้ กลับกันนะหงส์ ถ้าหงส์ได้แต่งงานกับผู้หญิงสักคนที่หงส์คิดว่าใช่ แต่มาค้นพบว่าจริงๆ แล้วเธอไม่ได้ดีอย่างที่คิด จุกจิกจู้จี้ขี้บ่น หรือธาตุแท้เป็นคนอารมณ์ร้ายขึ้นมาทำไง ชีวิตคู่พังไม่เป็นท่าแน่ๆ หงส์คิดว่าความสมบูรณ์แบบยังมีอยู่อีกไหม ส่วนเรื่องลูก…”
 
เจ้หมวยนิ่งไปพัก
 
“สมัยนี้เรื่องทำลูกไม่ใช่เรื่องใหญ่นะ ตระกูลเราไม่ได้อดอยากทายาทขนาดนั้น หลานลื้อก็มี ให้หลานเป็นคนดูแลตอนแก่ก็ได้ หรือถ้าอยากได้เชื้อสายตัวเองจริงๆ ทำเอาสิ ผู้หญิงผู้ชาย กี่สิบคน ทำได้หมด”
 
“แต่มันไม่เหมือนกันนะเจ้ การมีลูกกับคนที่เรารักน่าจะดีที่สุด”
 
“แล้วลื้อไม่คิดจะรักลูกของตัวลื้อเอง หรือลูกของคนที่ลื้อรักที่สุดรึไง”
 
ผมนิ่งไป
 
ถ้าเป็นลูกผมเอง ผมต้องรักอยู่แล้วไม่ว่าเขาจะเป็นใคร แต่ถ้าเป็นลูกของไอ้บ๊วยมัน
 
ผมแก้มร้อนผ่าว ผมไม่ได้รักมันซะหน่อย

“เด็กน่ะ เกิดมาแล้ว ไม่ว่าจะเลือดเนื้อเชื้อไขใคร หากเราได้ดูแลเลี้ยงดู ความรักความผูกพันมันจะเกิดขึ้นเอง อย่างเจ็กเจียงไง ไม่ใช่ลูกเหล่ากงเหล่าม่า เหล่ากงเหล่าม่าก็รักไม่ต่างกับลูกแท้ๆ คนอื่นๆ เหล่ากงเหล่าม่าเคยทำอะไรให้เจ็กเจียงรู้สึกลำเอียงจากพี่น้องคนอื่นๆ บ้างไหมล่ะ”
 
ไม่เลย
ผมตอบอยู่ในใจ
 
เจ็กเจียงคือลูกเลี้ยงของเหล่ากงเหล่าม่าครับ มีคนเอาใส่ตะกร้ามาทิ้งไว้หน้าบ้านตั้งแต่ยังแบเบาะ เหล่ากงเหล่าม่าก็เอามาดูแล รักไม่ต่างกับลูกในไส้ ถ้าไม่บอกไม่มีใครรู้ด้วยว่าเป็นลูกเลี้ยง เจ็กเจียงแกก็ดีแสนดี ซื่อสัตย์ ขยันและกตัญญูรู้คุณสุดๆ ดื้อน้อยสุดในบรรดาลูกๆ ของเหล่ากงเหล่าม่าด้วยซ้ำ
 
ผมทิ้งตัวลงนอน
 
ถ้าบังเอิญผมไม่ได้หย่ากับบ๊วยมันอย่างที่ต้องการ อนาคตเราจะมีลูกด้วยกันไหม ถ้าลูกผม เด็กคงเตี้ยม่อต้อ ลูกมัน เด็กคงสูงเป็นเปรต
 
ผมว่าลูกผมต้องน่ารักกว่าลูกมันแน่ๆ
 
“ยังมีเวลาให้คิดหงส์ไม่ต้องเร่งร้อน ลื้อโชคดีแล้วที่ได้เกิดเป็นน้องเล็ก ไม่ต้องเหนื่อยเหมือนพวกอาเฮียเขา”
 
“แต่อั๊วอยากเหนื่อยแบบพวกฮาเฮียมากกว่ามานอนเพลียบนเตียงแบบนี้นี่”
 
“ว่าอะไรนะ เจ้ได้ยินไม่ชัด”
 
“เปล่าๆ เจ้ อั๊วมีอะไรจะถามหน่อย”
ผมรีบแถถามไปเรื่องอื่น
 
“ว่ามาสิ”
 
ผมนิ่งคิด
 
“เอ่อ …เจ้เริ่มรักอาเฮียตั้งแต่เมื่อไหร่”
 
เจ้หมวยนิ่งไปพัก
 
“ไม่รู้สิหงส์ รู้ตัวอีกทีก็รักไปแล้ว”
 
ผมทิ้งตัวนอนหงาย เกยหมอนไว้บนอก กอดเบาๆ ตามองเพดาน
 
“แล้วนานไหม กว่าจะรู้ว่ารัก”
ผมถามไปเรื่อยๆ อย่างหาเรื่องชวนคุยมากกว่า
 
“ไม่หรอก ไม่นาน”
แล้วไม่นานของเจ้หมวยนี่มันกี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี
 
“เอ่อ..อันนี้แค่ถามประดับความรู้นะ แล้วอะไรที่ทำให้เจ้รู้ว่ารักอาเฮียเข้าให้แล้ว”
 
เจ้หมวยนิ่งไปอีกรอบ แล้วตอบ
 
“เมื่อรู้สึกว่าในหัวของเราตอนนี้มีแต่เรื่องของเขา เป็นห่วงเขา และหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา”
 
หัวใจเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้เขา
 
ผมเลื่อนมือมากุมหัวใจตัวเอง ผมจำได้ว่ามันจะเต้นผิดปกติบ่อยมากเมื่อมีไอ้บ๊วยอยู่ใกล้ๆ   
 
“หงส์รักไป่หลงแล้วใช่ไหม”
 
ผมตาโต ดีดผึงลุกนั่งทันที
 
“เฮ้ย บ้าไปแล้วเจ้ ใครจะไปรักหมอนั่นกัน!!!”
 
เจ้หมวยหัวเราะ
 
“เหรอ คิดว่ารักไปแล้วซะอีก จะรักไม่รักเราก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ทำให้สมบูรณ์ก่อน แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที”
 
“ทำอะไร”
อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ ครับ ว่าไอ้หน้าที่ที่ผมต้องทำน่ะคืออะไร มันไม่ใช่งานแต่ก็เป็นหนึ่งในภาระหน้าที่ที่ผมต้องทำให้ครอบครัว
 
“ดูแลสามีไง เราแต่งเข้าไปเป็นภรรยา หน้าที่ของเราคือดูแลสามี ทำให้เขามีความสุข พร้อมที่จะออกไปสู้รบกับคนอื่นนอกบ้าน บ้านคือกองกำลังที่สำคัญที่สุด อย่างที่ม้าเคยสอน จำไม่ได้รึไง”
 
“ใครจะไปจำ ม้าสอนลูกผู้หญิงของม้า ไม่ใช่ผู้ชายอย่างอั๊วสักหน่อย”
ถึงตอนสอนม้ามักจะสอนตอนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันก็เถอะ(ลูกเยอะครับ เวลาจะสั่งสอนอะไรต้องสอนตอนอยู่ด้วยกันพร้อมหน้านี่แหละ แกก็สอนไปเรื่อย ทั้งเรื่องที่ผู้หญิงควรรู้ และผู้ชายควรทำ สลับๆ กันกับป๊า แต่โอกาสที่ป๊าจะได้สอนมีน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่ม้าจะเป็นคนหลักที่สอน เป็นช่วงเวลาที่ผมเบื่อหน่ายที่สุดเลย เพราะบางทีม้าก็บ่นมากกว่าสอน โดยเฉพาะผมที่มีวีรกรรมย่ำแย่ที่สุดของบ้าน)
 
“แต่หงส์แต่งเข้าบ้านสามี หงส์ต้องนำคำสอนนี้ของม้าไปใช้นะ”
 
“ไม่ เพราะอั๊วไม่ใช่ผู้หญิง”
ผมตอบกลับทันที เจ้หมวยหัวเราะ
 
“งั้นไม่ต้องดูแลสามีแบบผู้หญิงก็ได้ แต่ดูแลสามีให้ดีๆ ในแบบของตัวหงส์เอง”
 
ผมนิ่งคิด
 
ผมไม่คิดจะดูแลมันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม
 
“แล้วเจ้หมวยดูแลอาเฮียยังไง นี่อั๊วถามเฉยๆ นะ ไม่ได้คิดจะเอาไปดูแลใคร”
ผมรีบออกตัวก่อน เดี๋ยวเจ้จะหาว่าผมถามเอาไว้ดูแลไอ้บ๊วยมัน
 
พี่สาวผมหัวเราะเสียงใส
 
“มันต้องดูนิสัยสามีเราก่อนนะ เพราะแต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน เราต้องดูว่าคนของเราต้องการการดูแลมากน้อยแค่ไหน แบบไหน พื้นฐานง่ายๆ ก็กลับบ้านน้ำท่ามีเตรียมไว้ให้เขา ถามไถ่ แต่ไม่ก้าวก่าย ให้แนวความคิด แต่ไม่ควรชี้นำ ให้การสนับสนุน ให้กำลังใจ ที่สำคัญ ไม่ว่าเขาจะมีเรื่องเครียดที่ไหนมา เราต้องทำหน้าที่บำบัดให้เขา จะใช้วิธีไหนก็ได้ เพื่อให้เขามีแรงและกำลังใจไปสู้ต่อ อย่าทำตัวเป็นปัญหาให้เขาอยากนอนอยู่ที่ทำงานมากกว่าที่บ้าน”
 
ผมพยักหน้าหงึกๆ คิดกลับกัน ถ้าผมเป็นผู้ชาย เจอเมียแบบเจ้หมวยนี่ผมคงรักตาย ไม่แปลกใจว่าทำไมอาเฮียฝานถึงได้ทั้งรักทั้งหลงทั้งเทิดทูนเจ้หมวยของผมขนาดนี้ อาเฮียฝานบอกผมอยู่บ่อยๆ ว่าเฮียโชคดีที่ได้เจ้หมวยเป็นทั้งเมียและแม่ของลูก
 
ดีเนอะ อยากได้เมียแบบเจ้หมวยจัง (เจ้หมวยขี้บ่นน้อยกว่าม้า เห็นแกบอกว่า จะนำเฉพาะข้อดีของม้ามาใช้ อะไรที่ไม่ดีก็ฝากม้าไว้ตามเดิม)
 
“แค่นี้ก่อนนะหงส์ สายเข้า อาเฮียของลื้ออายุยืนจริง โทรมาพอดี”
 
ผมจิ๊ปาก ฝากเจ้ทักทายอาเฮียให้ผมด้วย ผมกดวางสาย เอาหมอนมานั่งค้ำคางมองจอทีวีว่างๆ ตรงหน้า
 
ภาพที่ม้าดูแลป๊าย้อนกลับเข้ามาในหัว พอๆ กับภาพบรรดาพี่สาวผมดูแลอาเฮีย หรือบรรดาอาซ้อดูแลเฮียๆ ของผม
 
และผมที่กำลังทำสิ่งเดียวกันบ้างแบบนั้นกับไอ้บ๊วย
 
ผมหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
 
บ๊วยมันจะชอบไหม
ผมกดหมอนกับคางแน่นขึ้น
 
ไม่ใช่สิ ผมต้องทำให้มันรู้สึกรำคาญไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ทำให้มันมีความสุข
 
ลืมไปได้ไงวะ
 
ผมดีดตัวลุก
 
เอาละ ต้องรีบทำให้มันหย่ากับผมให้เร็วที่สุด!!



ผมนั่งๆ นอนๆ ดูทีวีสลับกับไปให้อาหารปลาคาร์ปของผม ผมเห็นด้วยกับซันไรส์นะ ที่บอกว่าควรจะหยุดให้อาหารปลาบ้าง เพราะพวกมันพากันอ้วนตุบเลย (ไม่มีอาหารลอยเสียหรอกครับ เพราะจะมีระบบบำบัดน้ำค่อนข้างดีและมีคนคอยดูแลทำความสะอาดอยู่เสมอ)
 
ได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาภายในบ้าน ผมนั่งอยู่ที่เดิม กระทั่งเห็นบ๊วยมันเดินเข้ามาในระยะเรียกกันได้ยิน
 
มันฉีกยิ้มกว้าง สว่างไสวจนอยากติดต่อบริษัทคอลเกตมาจ้างให้มันไปเป็นพรีเซ็นเตอร์
 
“หงส์”
มันพยักหน้าทีหนึ่ง เป็นสัญญาณที่แม้แต่หมาหางกุดก็ยังอ่านออกว่าให้ไปหามัน
 
เรื่องอะไรผมจะไป ผมหันกลับมามองปลาคาร์ปตามเดิม
 
“หงส์”
ได้ยินเสียงเรียกอีกรอบ ผมทำเป็นนิ่งเสียเหมือนไม่ได้ยิน กระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้
 
“เฮียเรียกไม่ได้ยินรึไง”
 
“ได้ยิน แต่ไม่สน”
ผมตอบรับนิ่งๆ ไม่หันไปมอง
 
“เป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเปล่า”
มันจับผมให้หันไปมอง
 
“สบายดี ปล่อย ต่างคนต่างอยู่ กลับมาแล้วก็ไปอาบน้ำ กินข้าวกินนมนอน”
ผมไล่เอาดื้อๆ มันจับคางผมให้เงยหน้าขึ้นสบตา
 
“งอนอะไรเฮียหรือเปล่า”
 
หะ?
 
กูไม่ได้งอนเว้ย กูกำลังทำเมินมึงอยู่ต่างหาก
 
“ไม่ได้งอน ปล่อยได้แล้ว จะไปไหนก็ไป บอกแล้วไงว่าต่างคนต่างอยู่”
 
มันจ้องตาผม จ้องนิ่งเหมือนพยายามค้นอะไรภายใน
 
“หรือว่างอนที่เฮียวางสายเร็วเมื่อตอนเที่ยง”
 
“ไม่ใช่”
ผมรีบตอบรับทันที
 
“แล้วงอนเรื่องอะไร”
 
“ไม่ได้งอน!”
ผมปฏิเสธเสียงแข็ง ทำให้จริงจังให้มันรู้ว่าผมหมายความตามพูดจริงๆ
 
มันจ้องตาแข็งๆ ของผมอีกรอบ
 
“ไม่รู้ว่าหงส์งอนเฮียเรื่องอะไรนะ แต่เฮียขอโทษละกัน เมื่อตอนเที่ยงเฮียยุ่งมาก คิดถึงหงส์ขนาดไหนก็มีเวลาโทรหาได้แค่นั้นจริงๆ โดนวิกเซอร์บ่นใหญ่ว่าไม่แยกแยะระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว ดันคิดถึงหงส์เวลางานได้”
คำมันทำเอาใจผมอ่อนยวบยาบ แก้มร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ผมกัดปาก พยายามบังคับไม่ให้ไอควันร้อนๆ กรุ่นออกมาจากรูหู
 
“นี่เฮียเร่งงานสุดๆ แล้ว จะได้รีบกลับบ้านมาทานข้าวเย็นกับหงส์”
 
ปล่องไฟก็เอาไม่อยู่แล้วครับ รู้สึกเหมือนมีไฟพุ่งออกจากหูเป็นทาง ผมก้มหน้ากัดปากแน่นยิ่งกว่าเดิม
 
“ไม่งอนเฮียนะ”
 
“ไม่ได้งอน”
ผมอ้อมแอ้มบอก เสียงแข็งไปเดี๋ยวมันจะโมเมเอาเองว่าผมงอนจริง
 
“งั้นพิสูจน์ก่อนว่าหงส์ไม่ได้งอนเฮีย”
 
ผมเงยหน้ามอง
 
“ยังไง”
เร็ว กูจะได้พ้นข้อกล่าวหาแต๋วๆ นี้สักที
 
“ตรงนี้ ข้างละที”
มันอมลมเข้าแก้มให้นูนขึ้นนิดๆ เหมือนป๊าทำเวลาง้อผมตอนเด็กๆ
 
อะไรมันจะทำตัวน่ารักได้ขนาดนั้น
 
“ทำสิ ไม่ทำแปลว่าหงส์งอน”
 
“ไม่ได้งอน”
ผมรีบออกตัว
 
“งั้นตรงนี้ข้างละที เร็วๆ”
 
ทำไมมันเข้าตัวจังเลยวะ
 
แต่เพื่อไม่ให้มันเข้าใจผิดคิดว่าผมงอน ผมจำต้องยืดหน้าแนบปากกับแก้มมันไปข้างละที
 
มันกลัวไม่เสมอภาคครับ ก้มลงมาหอมแก้มผมเบาๆ ข้างละทีเช่นกัน
 
ผมลูบแก้มตัวเองเบาๆ
 
จริงๆ น่าจะขัดขืนด้วยการต่อยมันไปสักหมัดสองหมัดแบบแต่ก่อนนะ
 
“วันนี้เฮียจะเข้าครัวทำอาหารให้หงส์กินด้วยตัวเอง”
 
ผมตาโต
 
“เฮียทำเป็นด้วยเหรอ”
 
“เป็นสิ สมัยเรียนเฮียทำเองทุกหน้าที่นั่นแหละ”
 
ชิ ไม่ลองให้ผมไปเรียนข้างนอกบ้างล่ะ จะได้ทำเป็นบ้าง
 
แล้วมันก็ลากผมแถกๆ เข้าไปในครัว ซึ่งวันนี้แม่ครัวพากันออกมายืนเรียงแถวดูเฉยๆ มันหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวม
 
อื้อหือ พี่ชาคริตครับ พ่อครัวที่หล่อกว่าพี่ก็สามีผมนี่แหละ
 
โอเค เทคสอง
 
พ่อครัวที่หล่อกว่าพี่ก็ไอ้บ๊วยนี่แหละ
 
ขนาดท่าสวมผ้ากันเปื้อนมันยังดูดีเลย มันยิ้ม ผมเบะปากให้มันทีด้วยความหมั่นไส้ มันขยับเดินเข้ามาใกล้ ยื่นแขนมาให้ (ผมนั่งบนเก้าอี้เคาน์เตอร์บาร์มอง)
 
“พับแขนเสื้อให้เฮียหน่อย”
 
ผมมองหน้ามัน ก้มมองแขนเสื้อ เงยหน้ามองมันอีกรอบ ขยับขาไขว่ห้าง ยกสองมือขึ้นกอดอก บอกมันด้วยท่าทางว่า ‘ไม่ทำ’ มันหัวเราะหึๆ ขยับเข้ามาชิดด้วยมาดนายแบบของมัน

“สงสัยว่าหงส์จะยังไม่หายงอนเฮีย งั้นเฮียคงต้องง้อให้หงส์หายงอนก่อน”
 
ผมตาโต รีบคลายมือพูด
 
“บ้า ไม่ได้งอน แต่ไม่ทำให้ มีอะไรหรือเปล่า มีมือก็ทำเองดิ”
 
“อือ สงสัยจะยังงอนไม่หายจริงๆ นั่นแหละ”
ว่าแล้วมันก็โมเมคร่อมร่างผมไว้กับเคาน์เตอร์บาร์ ก้มหน้าลงต่ำ เป้าหมายคือแก้มผมแน่ๆ ผมรีบเอนตัวหนีพอๆ กับรีบกั้นอกมันไว้ด้วยสองมือ
 
บ้ารึไง แม่ครัวยืนกันเป็นแถว ซันไรส์ก็ยืนอยู่ทนโท่ (แถวเดียวกับแม่ครัวนั่นแหละ)
 
“ได้ ๆ ๆ ๆ เดี๋ยวพับให้”
 
มันหัวเราะหึๆ ดึงตัวกลับไปช้าๆ ก่อนไปไม่วายแอบเก็บเล็กเก็บน้อยด้วยการเฉียดปลายจมูกกับแก้มผมเบาๆ ให้ร้อนผ่าวเล่นอีก
 
“หอมจัง”
 
“แต่เฮียอะตัวเหม็น”
 
มันหัวเราะร่วน ท่าคร่อมเมื่อกี้ทำให้มันอยู่ตรงกลางระหว่างขาผม ผมพยายามดันมันออกห่าง
 
“ห่างหน่อยอึดอัด”
 
“เดี๋ยวหงส์ทำไม่ถนัด”
 
“ถนัดสิ อายแม่ครัวบ้างไหม”
 
“อายทำไม ถ้าลีลามาก เฮียอาจง้อหงส์นะ”
 
ขู่กันตลอดนะมึง
 
ผมมองมันเขวี้ยงๆ จับแขนมันตรงหน้า พับให้ลวกๆ (อย่าเรียกว่าพับดีกว่าครับ แค่รูดขึ้นให้มันม้วนยุ่ยๆ ไปอยู่เหนือศอกเท่านั้น)
 
มันมองผลงานของผม ส่ายหน้าไปมา
 
“ทำให้สวยๆ หน่อยสิ เอาใหม่”
 
“ทำให้สวยไปทำไม ยังไงก็ต้องคลายออกอยู่ดี ทำอาหารแป๊บเดียว ไม่ทำให้รสชาติอาหารแย่หรอก ยกเว้นฝีมือห่วยอยู่แล้ว”
 
แล้วมันก็ทำร้ายจิตใจผมด้วยการคลายปมที่ผมทำไว้อย่างดี(เหรอ = =;)เมื่อกี้ออก ยื่นให้อีกรอบ
 
“อ่ะ อีกรอบ ถ้าไม่สวย เฮียจะให้แก้จนกว่ามันจะสวย”
 
“เรื่องมาก”
ผมด่ามันไปเบาๆ ที พับใหม่ คราวนี้บรรจงพับดีๆ เพราะไม่อยากแก้งานอีกรอบ เอาให้เนี้ยบเลย
 
“เก่งเหมือนกันนี่”
พูดจบมันก็ลูบหัวผมเบาๆ มันรู้สึกดีพิลึก เหมือนโดนพ่อโดนแม่ชม
 
แล้วมันก็ยื่นอีกข้างมาให้ ผมบรรจงพับดีๆ ตาม มันตรวจเช็กผลงาน มองหน้าผม
 
“เก่งครับ” แล้วก้มหอมแก้มผม “รางวัล”
 
“ไม่ได้อยากได้สักหน่อย”
ผมลูบแก้มตัวเอง มันหัวเราะ หันกลับไปหยิบอุปกรณ์
 
อื้อหือ รู้ได้เลยว่ามืออาชีพจริงๆ เพราะหยิบจับข้าวของอย่างชำนิชำนาญ ตั้งแต่หยิบของออกจากตู้ ล้างทำความสะอาด หั่น แล้วปรุงรส
 
“ท่าทางชำนาญจัง เคยเป็นพ่อครัวมาก่อนรึไง”
 
มันหันมามองนิดหนึ่ง
 
“ใช่ ประมาณครึ่งปี”
 
ผมตาโต
 
“จริงเหรอ ที่ไหน เมื่อไหร่”
 
“ร้านอาหารในอิตาลี ช่วงหาประสบการณ์ชีวิต เฮียถนัดทำอาหารยุโรปมากกว่าอาหารไทย ถ้าให้เก่งทุกแนวต้องนู่น”
มันชี้ทัพพีไปยังซันไรส์ที่ยืนทำหน้าเป็นหมาตายอยู่ใกล้ๆ แม่บ้าน
 
มันหันกลับไปทำต่อ คลุกๆ ปรุงๆ แผล็บๆ ก็ได้ Chicken Parmigiana หน้าตาน่าทานมา 2 ชิ้น ผมกลืนน้ำลายลงคอดังเฮือกกับกลิ่นชีสที่ลอยมาแตะจมูก ถ้ามันเป็นม้า ป่านนี้ผมแอบกินไปแล้ว มันหันไปหมุนๆ อยู่อีกชั่วอึดใจเดียวก็ได้ Penne alla Vodka มาอีกจาน และที่เสร็จช้าสุดคือ Lasagna
 
แม่เจ้า แต่ละอย่างน่ากินทั้งนั้นเลย ผมสูดเอากลิ่นไอหอมๆ ของอาหารสามอย่างตรงหน้าเข้าปอด ท้องพากันร้องจ๊อกๆ
 
กลิ่นชีส กลิ่นเครื่องเทศหอมๆ ทำเอาผมแทบละลาย ผมมองอาหารสามอย่างตรงหน้าน้ำลายแทบไหลยืด
 
 
“เสียดายป๊าม้าไม่ชอบอาหารแนวนี้ ไม่งั้นจะทำเผื่อ”
 
ผมไม่สนเรื่องที่มันพูดถึงป๊าม้า มองตามันทำนองว่า กินได้รึยัง มันไม่พูดอะไร พยักหน้าไปทางซันไรส์ รายนั้นเดินเข้ามาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ หยิบอาหารสามอย่างใส่ถาด ยกออกไป
 
“ป่ะ เฮียชอบกินในสวน เราไปนั่งกินที่นู่นกันสองคนดีกว่า”
 
มึงจะพากูไปกินในส้วมกูก็ยอมละบ๊วย อาหารมึงน่ากินมาก
 
ผมพยักหน้าหงึกๆ โดดลงจากเก้าอี้บาร์ แต่มันเบรกผมไว้ก่อนที่ผมจะเดินนำมันออกไป
 
“ปลดผ้ากันเปื้อนให้เฮียก่อน”
 
ผมมองหน้ามัน
 
“นี่ ถ้าเฮียเป็นผู้หญิงจะน่ารักกว่านี้นะ”
 
“แล้วแต่ ถ้าไม่ปลดก็อดกิน”
 
กูเนี่ยนะ เสียทั้งขึ้นทั้งล่องเลย
 
แต่สิ่งที่ซันไรส์ยกไปมันเรียกน้ำลายผมมากกว่าอะไร ผมรีบขยับอ้อมไปด้านหลังเพื่อปลดให้มันดีๆ มันดึงเอาไปแขวนไว้ แล้วก้มหอมแก้มผมอีกรอบ ผมถูแก้มตัวเองแรงๆ
 
“ขี้กลากกินแก้มแน่ๆ”
 
มันหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี โอบเอวผมพาเดินออกไปด้านนอก



(มีต่อค่ะ >> : https://goo.gl/79PSmJ)
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][5-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 05-07-2017 21:01:22
ลงซ้ำสองรอบไหม
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][5-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 05-07-2017 21:02:32
ใช่ๆๆ ไม่มีทางได้หย่ากับเฮียหรอก เฮียน่ารัก คิคิ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][5-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 05-07-2017 23:37:24
น้องหงส์ดูสับสนในชีวิตนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][5-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-07-2017 00:10:35
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][5-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-07-2017 01:02:25
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][5-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 06-07-2017 01:44:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][5-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-07-2017 04:50:32
ยังจะพยายามอีกหรือหงษ์
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][5-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 06-07-2017 06:15:38
 รีบๆรุ้ตัวซะ!! :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][5-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 06-07-2017 07:17:16
น้องหงส์คิดจะทำอะไร ระวังได้นอนเพลียแต่บนเตียงน้า 555
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][5-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: zeroj ที่ 06-07-2017 13:25:40
คนเขียนรีบเหรออออออ  :katai4: :katai4: :katai4:

ลงซ้ำอ่ะ  ถึงว่าเราอ่านวนไปค่ะ

คนเขียนพักผ่อนด้วยนะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][7-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 07-07-2017 22:53:46
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][7-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 07-07-2017 23:46:50
เฮียน่ารักอ่ะะะะะะะะะะะ ร้ายมากกก 555555555555
ขำหนูหงส์ เสียเปรียบทั้งขึ้นทั้งล่อง แต่เอาน่า สามีทำกับข้าวให้กิน สามีดี  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][7-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-07-2017 00:45:05
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][7-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-07-2017 01:11:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][7-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-07-2017 02:08:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][7-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 08-07-2017 05:49:31
บ๊วยสุดยอดสามีอะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][7-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 08-07-2017 11:34:14
 :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][9-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 09-07-2017 11:22:53
(ต่อค่ะ)

“ฝนตกแน่ๆ วันนี้อาไป่หลงลงครัว”
ม้ากับบรรดาอาซ้อของมันทัก อย่าถามถึงพวกผู้ชายครับ งานยุ่งพอกัน ยังไม่กลับกันหรอก บ๊วยกลับบ้านก่อนหกโมงเย็นได้นี่ก็ถือว่ามหัศจรรย์แล้ว
 
แล้วมันก็พาผมเดินไปนั่งยังจุดที่ผมครวญว่าเหงาอยู่เมื่อตอนกลางวัน
 
อื้อหือ พริบตาเดียว โต๊ะเรียบๆ ก็กลายเป็นโต๊ะดินเนอร์สุดหรูไปแล้วครับ อาหารอิตาลีที่หน้าตาดีอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งกว่าอาหารระดับโรงแรมห้าดาว โต๊ะถูกปูด้วยผ้าสีขาวล้วน พาดตัดด้วยผ้าสีแดง มีดอกกุหลาบสีแดงสดเสียบไว้ในแจกันไม่มีน้ำหนึ่งดอก น้ำเปล่าสองแก้ว จานเปล่าสองใบ พร้อมเครื่องมือกินอาหารอีกสองเซตวางไว้ตรงข้ามกัน มีปลาคาร์ปที่ผมให้อาหารจนอ้วนพีแหวกว่ายอยู่ข้างๆ
 
ดินเนอร์หรูครับมื้อนี้
 
มันยิ้ม ลากเก้าอี้ออกเบาๆ ให้ผมนั่ง ผมทิ้งตัวลงนั่งอย่างรู้สึกร้อนๆ ที่พวงแก้ม
 
ผมเพิ่งคิดอยู่ว่าอยากให้มีมันมานั่งกินข้าวด้วย แต่วันนี้มันมากกว่าที่คิดเยอะเลย
 
“ไม่รู้ว่ารสชาติจะยังดีอยู่ไหม ไม่ได้ทำมานานมากแล้ว”
 
ผมกวาดมองไปรอบๆ แค่ดูหน้าตาก็ได้ห้าดาวแล้ว มันบรรจงตัก Chicken Parmigiana ให้ผมครึ่งชิ้น
 
ผมรีบใช้มีดตัด ตักเข้าปากด้วยส้อม
 
อื้อหือ อร่อย
 
“ชอบไหม”
 
ผมรีบผงกหัวรับทันที มันยิ้ม ตัก Penne alla Vodka ให้ผมอีกคำ ผมตักเข้าปากทันที โอ้โห ละมุนลิ้นมาก สิ่งสุดท้ายที่มันบรรจงตักมาวางไว้บนจานผมคือ Lasagna ครับ
 
ทันทีที่มันเข้าปาก ผมแทบร้องไห้ ทำไมมันอร่อยได้ใจขนาดนี้ อุ่นลิ้น หอมกรุ่น กลิ่นชีสลอยคลุ้ง
 
มี 5 ผมให้มันสิบคะแนนล้นเลย
 
“อร่อยไหม”
 
“อร่อย”
 
“งั้นกินเยอะๆ เฮียตั้งใจทำเพื่อหงส์โดยเฉพาะเลย”
 
ผมไม่รอให้ใครมานั่งตักให้อีก รีบจ้วงตักกินทันที พอๆ กับมันที่ตักกินบ้างเหมือนกัน
 
 
เผลอแผล็บเดียว อาหารสามอย่างบนจานก็เกลี้ยงฉาด ผมแทบเลียจาน ค่ำพอดี ซันไรส์เดินถือเทียนในถ้วยแก้วทรงอ้วนเตี้ยแต่น่ารักมาวางไว้ตรงกลางระหว่างเรา แล้วถอยห่างออกไปไกลๆ เปลี่ยนจากน้ำเปล่ามาเป็นน้ำองุ่นที่ถูกหมักไว้อย่างยาวนานแทน
 
ผมยกดื่มอย่างมีความสุข
 
ความมืดถูกแทนที่ด้วยดวงไฟประดับภายในสวน ยิ่งกินยิ่งรู้สึกว่าบ๊วยมันหล้อหล่อ
 
ผมดื่มอีกอึก รสชาติเครื่องดื่มหวานจริงๆ
 
“นี่คือของที่เฮียสะสมไว้นานแล้ว” มันชูขวดให้ดู “เพื่อนสมัยเฮียทำงานอยู่ร้านอาหารให้มา เขาบอกยิ่งเก็บไว้นานๆ ยิ่งอร่อย แต่ดีกรีค่อนข้างแรง”
 
ผมอือออรับ ละเลียดผ่านลิ้นทีละนิดๆ
 
ดวงไฟที่เขาเปิดไว้กับบ่อปลาสว่างพร่าสวยงาม ตอนนี้มันยิ่งพร่าน่ามอง มันน่ามองไปหมดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นบ่อปลา ต้นไม้ บ๊วย แม้แต่ซันไรส์ยังน่ามองเลย ดูสิ หล้อหล่อ มีแสงออกจากตัวด้วย
 
“มองเฮียสิ”
บ๊วยมันจับคางผมให้หันไปมอง
 
อะโห บ๊วยก็มีครับ
 
“เมาแล้วเหรอ”
 
“นี่มันน้ำองุ่นจะไปเมาได้ไง”
 
มันหัวเราะหึๆ เกลี่ยริมฝีปากผมเบาๆ
 
“เฮียชอบทุกอย่างที่เป็นหงส์นะ ไม่ว่าจะตอนดื้อหรือทำตัวเชื่องๆ”
 
เชื่องๆ
 
“ใครเชื่อง”
 
“หงส์ไง”
 
“ไม่เลย นี่ไม่รู้รึไง วันนี้หงส์กำลังวางแผนทำให้อาเฮียรำคาญหงส์อยู่ อาเฮียจะได้หย่ากับหงส์เร็วๆ แต่ทำไป ไม่รู้ทำไมมันเข้าตัวตลอด หงส์ต้องรีบทำ เพราะยิ่งนาน ตรงนี้ยิ่งเต้นผิดปกติ”
ผมจิ้มหัวใจตัวเอง
 
“เจ้หมวยบอกว่าอาการพวกนี้คือ ‘ความรัก’ ไม่ได้ หงส์จะรักเฮียไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นหย่าลำบาก”
 
บ๊วยมันตาวาว ก้มหน้าเข้ามาใกล้
 
“แล้วไงอีก”
เสียงมันเบ๊าเบา เหมือนพูดมาจากที่ไกลๆ
 
“เฮียหล่อจัง วันนี้นั่งคิดนะ ถ้าเรามีลูก ลูกหงส์คงเตี้ยม่อต้อ ลูกเฮียคงสูงเป็นเปรต”
 
มันหัวเราะเสียงดัง
 
มันน่าขำตรงไหนวะ
 
“แล้วไงอีก”
 
“เจ้แนะนำให้หงส์ดูแลเฮียในแบบของหงส์ แต่หงส์ไม่ใช่ผู้หญิงไง คิดไม่ออกว่าจะดูแลยังไง อีกอย่าง ขืนทำมันก็ผิดแผนดิ เพราะหงส์อยากให้เฮียรำคาญแล้วเราจะได้เลิกกัน วันนี้หงส์เลยงงๆ กับตัวเอง คิดได้ทั้งวิธีทำให้เฮียชอบและรำคาญ”
 
มันหัวเราะหนักขึ้น
 
“แล้วไงอีก”
 
“สุดท้ายก็คิดได้ว่า เนี่ย ทำตัวดื้อๆ เข้าไว้ เฮียจะได้รำคาญๆ”
 
“เหรอ แต่หงส์ลืมอะไรไปหรือเปล่า”
 
“ลืมอะไร”
ผมเอียงคอถามงงๆ ว้าว มีแสงพร่าๆ ออกจากหน้ามันด้วย
 
“เฮียชอบเด็กดื้อ”
 
“ชอบเด็กดื้อ…”
ผมนั่งประมวลผล
 
“อ้าว แล้วทำไงให้เฮียไม่ชอบล่ะ”
 
“ไม่รู้สิ สำหรับเฮีย ไม่ว่าหงส์จะทำอะไร เฮียก็ชอบหมดนั่นแหละ”
 
“ลืมไปว่าเฮียเป็นโรคจิต” ผมนั่งนึกทบทวนสเปกมัน “อะไรนะ สเปกเฮีย” ผมยกนิ้วขึ้นมานับ “ดื้อ โห นี่มันหงส์เลยนี่หว่า ป๊ากับม้าชอบบ่นบ่อยๆ ว่าหงส์ดื้อ”
 
“ซื่อบื้อ..อันนี้ไม่ใช่หงส์แน่ๆ เพราะหงส์ฉลาด”
 
มันหัวเราะเสียงดัง
 
“เตี้ย อันนี้มันความหมายเดียวกับคนตัวเล็กไหม ช่างเถอะ เอาเป็นว่าเฮียรีบรำคาญหงส์ได้แล้ว เราจะได้เลิกกันซักที”
 
“หงส์ไม่มีความสุขเวลาอยู่กับเฮียเหรอ”
 
ผมนั่งนึก
 
“ไอ้มีมันก็มี อย่างตอนเนี้ย อาหารอร่อย กินแล้วมีความสุขสุดๆ เฮียหล่อดี มองแล้วมีความสุขสุดๆ แต่ไงหงส์ก็ผู้ชาย เฮียก็ผู้ชาย หงส์อยากแต่งงานกับผู้หญิง มีลูก มีครอบครัวเหมือนคนปกติทั่วไป”
 
“แล้วถ้าตัดเรื่องพวกนั้นทิ้งไปล่ะ เฮียพอจะอยู่เคียงข้างหงส์ได้ไหม”
 
ผมนิ่งคิด มองหน้ามัน
 
“ก็น่าจะได้นะ”
 
มันยิ้ม
 
“ขอบใจที่พูดความในใจให้เฮียฟัง ต้องโทรไปขอบคุณเพื่อนเฮียนะ สำหรับน้ำองุ่นของหงส์วันนี้”
 
“เนอะ อร่อยเนอะ”
ผมยกดื่มต่อ รวดเดียวหมดแก้วเลย ยื่นแก้วเปล่าจะให้ซันไรส์รินให้ต่อ แต่ไอ้บ๊วยมันเบรกไว้
 
“พอแล้ว เมาแล้วล่ะ”
 
ซันไรส์ถอนหายใจแรง
“ผมภาวนาให้คุณหงส์ซานทำได้สำเร็จ”
 
บ๊วยมันหัวเราะ
 
“ไม่สำเร็จน่ะดีแล้ว เดี๋ยวฉันพาเขาขึ้นห้องก่อน ขอบใจมากนะ ไปพักผ่อนเถอะ”
 
“ครับ”
 
“กินอีกหน่อยไม่ได้เหรอ”
ผมอ้อนขอ
 
“ของดีมีน้อย ต้องเก็บไว้กินนานๆ หน่อย”
 
“ขี้ตืดจัง”
 
มันหัวเราะอารมณ์ดี
 
“ขึ้นไปอาบน้ำนอนกันดีกว่า”
 
มันลุกมาลากผมให้เดินตาม ผมหันกลับไปมองน้ำองุ่นสีแดงเข้มนั้นอย่างอาลัยอาวรณ์

To be Con..
ตอนหน้าห้องลับมาค่ะ ส่วนคู่ของซันไรส์ ตอนหน้ามาเช่นกัน

ปล. ประกาศเลื่อนการปิดจองหนังสือออกไปอีกสักเดือนนะคะ ปกยังไม่เสร็จเลย จ้างนักวาดไปสองคนแล้ว เพราะคนแรกวาดไว้แล้วหาย เลยต้องหาคนที่สอง พอดีน้องมือใหม่เลยใช้เวลาปรับแก้นานนิด ตอนนี้อยู่ในขั้นของการลงสี เสร็จแล้วก็ส่งให้ฝ่ายกราฟฟิคออกแบบตัวหนังสือให้ต่อ ขั้นตอนนี้เป็นขั้นที่เร่งไม่ได้จริง ๆ เพราะบางคนเร่งไป เขาไม่วาดให้เลยก็มี T^T ใครรู้จักนักวาดดี ๆ และรับงาน (รวมถึงมีคิวว่างด้วย เพราะนักวาดที่ไรท์ติดต่อไป ส่วนใหญ่ รับงานอีกทีปลายปีหรือปีหน้าเลย) ติดต่อให้ไรท์ที หรือใครเป็นนักวาด ติดต่อไรท์กลับได้ทุกช่องทางด้านล่างสุดค่ะ

ขอเลื่อนปิดจองเป็น 8 สิงหาคม นะคะ แต่ถ้าได้ปกเร็ว ไรท์ก็สั่งพิมพ์เลยนะ ไม่ได้รอปิดโอน

ข่าวสารและนิยายเรื่องอื่นๆ: https://goo.gl/WbWxt8
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][9-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 09-07-2017 12:19:47
น้องหงส์ลูกกกกก ไปหมดแล้วความในใจ 55555555555555
เฮียน่ารักอ่ะ อบอุ่นละมุนมากมายยย งื้อออ  :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][9-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 09-07-2017 13:21:54
หงส์เอ้ยหงส์ ไม่มีทางที่เฮียจะปล่อยหงส์หรอก
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][9-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-07-2017 13:28:14
 :z1: :z1: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][9-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 09-07-2017 15:32:31
หงส์ ควาใลับไม่เหลือแล้วแกร๊
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][9-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: zeroj ที่ 09-07-2017 15:49:03
หงส์  เอ้ยยยยยยย    :try2: :try2: :try2:    น่ารักจริงๆ ตอนเมา

บอกเฮียหมดเลย     ทีนี้หงส์ไม่มีทางไปจากเฮียเขาได้หรอก     :try2:

เพราะท่าทางเฮียคงไม่ปล่อยแน่ๆ   

ขอให้ลูกเต้มบ้าน  หลานเต็มเมือง  นะเฮีย   ฮิ้วววววววว     :mc3:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][9-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 09-07-2017 16:11:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][9-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 09-07-2017 18:31:07
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][9-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 09-07-2017 18:56:12
หมดเปลือกเลยแกร๊
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #19 ไม่ได้งอนจริง ๆ [P.13][9-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 09-07-2017 19:45:41
 :jul3: :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ [P.14][12-7-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 10-07-2017 08:51:36
หงส์ซาน #20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ



“อาบคนเดียวไหวไหม”
มันถาม ผมพยักหน้า โด่ แค่นี้ชิลล์ๆ ผมเดินเนิบๆ เข้าห้องน้ำไป
 
เอ๊ะ ไอ้ขอบประตูนี่ มาขวางทางกันทำไมเนี่ย
 
ทุกอย่างรอบตัวดูพร่างพราวไปหมดเลย สบู่ยังมีแสงเรืองรองเลยดูดิ ใช้เวลาไม่นานผมก็อาบน้ำเสร็จ แสงเรืองๆ ที่ผมเห็นรอบตัวเบาบางลงบ้างแล้ว
 
ผมเดินออกจากห้องน้ำ บ๊วยมันยืนคอยเพื่อจะอาบน้ำต่อ มันลูบหัวผมเบาๆ ก้มกระซิบข้างหู                                                                 
“อย่าเพิ่งหลับก่อนล่ะ ขอเฮียอาบน้ำก่อน”
 
ผมไม่ได้ตอบรับ ง่วงจะตาย จะให้ถ่างตารอทำไม พอมันเดินเข้าห้องน้ำ ผมก็เดินขึ้นเตียง พอหัวถึงหมอนผมก็ปิดสวิตซ์ทันที
 
 
“หงส์”
ได้ยินเสียงเรียกข้างหู มันมาพร้อมอะไรที่ซุกๆ อยู่แถวๆ ซอกคอจนผมต้องแหงนหน้าขึ้นเพื่อให้สิ่งนั้นเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น
 
“หลับหนีเฮียได้ไง ทำตัวน่ารักขนาดนี้มารับรางวัลจากเฮียก่อน”
 
ผมครางฮือ เมื่อมีสิ่งหนึ่งเคลื่อนผ่านชายเสื้อขึ้นมาที่ยอดอก
 
ผมค่อยๆ ลืมตามอง จนเห็นหัวคุ้มๆ ของใครสักคน
 
“หงส์ซาน”
 
ประมวลผลไม่เกินห้าวิผมก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
 
“จะกินหงส์เหรอ”
 
ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ
 
“ทำไมทำตัวน่ารักได้ขนาดนี้นะหงส์ แค่นี้เฮียก็หลงหงส์จนหัวปักหัวปำแล้วนะ”
 
“อะ อือ”
ผมครางออกมาเบาๆ เมื่อรู้สึกถึงมวลมากมายที่กำลังวิ่งวนอยู่แถวๆ ช่องท้อง
 
“เฮีย อ๊า ตรงนั้น”
ผมจับมือมันให้บีบบี้หัวนมผมแรงขึ้น มันซุกซอกคอ จับผมเลิกถอดเสื้อตามติดด้วยกางเกงจนตัวผมโล่งบนเตียงขาวนุ่มนิ่ม
 
“หนาว”
ผมบอกตามจริง มันจุ๊บแก้มผมเบาๆ ที
 
“อีกเดี๋ยวเดียวเฮียจะทำให้ร้อนจนเหงื่อออกเอง”
 
แล้วมันก็ทำได้จริงๆ เพราะไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ตัวผมก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ อย่าถามหาเสื้อผ้า นู่น มันลงไปกองอยู่ข้างเตียงนานแล้ว บนเตียงกว้างตอนนี้มีแค่ผมกับมันในชุดวันเกิด ผ้าห่ม ที่ครึ่งหนึ่งตกลงไปข้างเตียง หมอนไม่ได้ใช้หนุน แต่มันถูกนำมาเป็นเครื่องมือให้ผมใช้กอดแน่น ปากครางสะท้าน หน้าคว่ำแนบที่นอน สะโพกอยู่สูงกว่าหัว ร่างกายถูกเชื่อมติดหนึบอยู่กับคนด้านหลัง
 
“เฮีย อ๊า เฮีย”
ผมครางได้แค่ไม่กี่ประโยคหรอก เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องไปทั่วทั้งห้อง มันจับผมพลิกหันไปเผชิญหน้า จบกิจกรรมเรียกเหงื่อด้วยท่ามิชชันนารีง่ายๆ ปิดสติผมด้วยรสจูบหวานๆ
 




 
“โอ๊ย...”
 
ผมครางโอ๊ยออกมาเบาๆ เมื่อรู้สึกตัว
 
ผมลืมตา สภาพผมตอนนี้คือนอนหงาย ผ้าห่มคลุมถึงเอว สภาพร่างกายแบบนี้ ไม่ต้องเดาให้เสียเซลล์สมอง ผมโดยไอ้บ๊วยมันข่มเหงเอาแน่ๆ
 
ผมขมวดคิ้ว พยายามนึกทบทวน จำได้แค่ว่านั่งกินข้าวเย็นกับมัน

แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นวะ
ผมดันตัวลุกนั่ง ครางโอ๊ยออกมาอีกรอบ ตาโตเมื่อเห็นร่างของใครบางคนมานอนอยู่ข้างๆ
 
มันจะไม่น่าตกใจเลยถ้าคนคนนั้นเป็นไอ้บ๊วย
 
แต่ไม่ใชครับ
 
เขาคือ...
 
“พี่หมอ”
ผมครางเรียกเบาๆ
 
พี่หมอนอนหงาย ท่าทางหลับสบายบนเตียง ปรือตาเปิดเมื่อผมเรียก
 
พี่หมอมาอยู่ในห้องได้ยังไง
 
ระ หรือว่าเมื่อคืน...
 
“ตื่นแล้วเหรอ” พี่หมออ้าปากหาวหวอด “อาการเป็นไงบ้าง”
 
ผมนั่งกระอักกระอ่วน
 
นี่ผมกับพี่หมอ…
 
“อ้าว สงสัยจะยังแฮงค์ไม่หาย น้องหงส์ครับ อาการเป็นยังไงบ้าง บอกให้พี่หมอทราบหน่อย”
 
“กะ เกิดอะไรขึ้น”
ผมถามอึ้งๆ เตียงไอ้บ๊วย แต่พี่หมอมานอน แล้วบ๊วยมันหายไปไหน แล้วไอ้อาการที่ผมปวดอยู่นี่ ตกลงไอ้บ๊วยหรือพี่หมอเป็นคนทำกันแน่
 
พี่หมอหัวเราะ ลูบหัวผมเบาๆ
 
“เห็นไป่หลงเล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนเราทำตัวน่ารัก อดใจไม่ไหวทำลายสถิติใหม่ไป 6 รอบแน่ะ”
 
ผมตาโต
 
หะ หกรอบ
 
จะปวดสะโพกสะบัดแบบนี้ก็ไม่แปลกใจหรอก เบาใจหน่อยที่คนทำเป็นไอ้บ๊วยไม่ใช่พี่หมออย่างที่ผมหวาดหวั่นไว้ตอนแรก
 
“ผมจำอะไรไม่ได้เลยพี่หมอ”
 
“อ้าว”
 
“จำได้แค่ว่านั่งกินข้าวเย็นกับอาเฮีย คุยอะไรกันเยอะแยะ มารู้ตัวอีกทีก็นี่แหละ”
 
“ไป่หลงรู้คงเสียใจพิลึก เอาเป็นว่าเราเมาละกัน เอาละ เล่าอาการให้พี่หมอฟังหน่อย พี่หมอตรวจไปแล้วรอบหนึ่งก่อนไป่หลงจะออกไป”
 
ผมทำหน้ากระอักกระอ่วน แต่ก็ยอมบอกอาการโดยดี พี่หมอลุกไปหยิบกระเป๋าเครื่องมือมาวางไว้ข้างเตียง หยิบยาออกมาวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง ใส่ถุงมือยาง
 
“เดี๋ยวพี่หมอจะเพิ่มยาบำรุงให้อีกตัว”
 
ผมพยักหน้ารับ พี่หมอทำเร็วครับ แผล็บเดียวก็จิ้มเข็มหัวเล็กจิ๋วกับต้นแขนผม ฉีดพรืดไม่มีลีลา เก็บอุปกรณ์มานั่งยิ้มแฉ่งข้างๆ
 
“เก่งขึ้นนะ โดนไปขนาดนั้นยังลุกขึ้นมานั่งเองได้ ครั้งหน้าโดนสักแปดยกก็น่าจะนอนซมแค่วันเดียว”
 
“ผมขออย่าให้เกิดขึ้นเลย”
ผมพยายามนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น จำได้ว่าคุยกับบ๊วยมันเยอะมาก แต่คุยเรื่องอะไรบ้างนี่จำไม่ได้จริงๆ ยิ่งนั่งทบทวน ภาพความทรงจำก็ไหลเข้ามาเป็นฉากๆ แต่มาเป็นภาพพร่าๆ มัวๆ ปะติดปะต่อไม่ได้
 
“พี่หมอมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมมานอนอยู่กับผมได้”
ผมเลิกระลึกถึงความหลังหันมาสนใจปัจจุบันแทน
 
“ไป่หลงโทรหาตั้งแต่หกโมงเช้า บอกว่าเมื่อคืนน้องหงส์ทำตัวน่ารัก จนทำสกอร์ใหม่ไป 6 ลูก น้องหงส์น่าจะระบมวันนี้”
 
ไม่ใช่ระบมธรรมดา แต่ระบมมากเลยล่ะ
 
“พี่หมอรีบแบกกล่องเครื่องมือมา จริงๆ ก็ยังไม่ได้นอนเพราะติดเคสก่อนมา หลังตรวจน้องหงส์ไปรอบหนึ่ง ส่งไป่หลงไปทำงาน กลับมาดูอีกรอบ เห็นน้องหงส์หลับสบายพี่หมอเลยไต่ขึ้นเตียงมาหลับบ้าง”
 
แล้วมาทำให้ผมเข้าใจผิดคิดว่าผมโดนพี่หมอทำอะไรเนี่ยนะ
 
พี่หมออ้าปากหาวอีกรอบ
 
“ได้ยาบำรุงไปไม่เกินครึ่งวันก็น่าจะลุกเดินได้ ตอนนี้ก็มะ”
พี่หมอตบเตียงแปะๆ
“มาให้พี่หมอนอนกอดหน่อย”
 
“ไม่เอาพี่ ขยะแขยงน่า ผู้ชายเหมือนกัน นอนกอดกันหยึยจะตาย”
 
พี่หมอจ้องหน้าผม
 
“แล้วที่นอนกอดกับไป่หลงทุกวันนี่ไม่รู้สึกขยะแขยงรึไง”
 
ผมนิ่งไป แก้มร้อนผ่าวขึ้นมาจางๆ
 
“นะ นั่นมันพิเศษ เขาเป็น เอ่อ…”
ผมไม่กล้าพูดว่าเขาเป็นสามีตัวเอง พี่หมอค่อยๆ แย้มกลีบปากออกกว้าง
 
“พี่หมอเข้าใจแล้วว่าทำไมไป่หลงถึงอดใจไม่ไหวเมื่อคืน น้องหงส์ของพี่หมอน่ารักจริงๆ เอาน่าอย่าคิดมาก โอกาสได้กอดน้องหงส์มีไม่มาก มะ มานอนกัน เราต้องการพักผ่อนด้วยกันทั้งคู่”
ไม่พูดเปล่า พี่หมอยังรั้งผมลงไปนอนด้วยอีกรอบ
 
ผมนอนขนลุกขนชัน แต่เพียงไม่นานตาผมก็ปรือลง ท่ามกลางสติที่กำลังเลือนราง เห็นใครสักคนเดินเข้ามา ตัวใหญ่ๆ ผมพยายามปรือตามอง แต่หนังตามันหนักยังไงพิกล
 
คลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะเป็นซันไรส์ พอมาถึง ผู้ชายคนนั้นก็ดึงคนที่นอนอยู่ข้างๆ ผมลุกขึ้น
 
“ทำอะไรของคุณ”
 
“นอนไง ง่วงจะตาย สามสี่เคสติดต่อกันยังไม่ได้นอนเลย”
 
“ห้องนี้ไม่ใช่ห้องนอนของคุณ”
 
“แล้วฉันนอนที่ไหนได้ล่ะ”
 
“ห้องนอนสำหรับแขก”
 
“นอกจากห้องนี้ มีเพียงห้องเดียวเท่านั้นที่ฉันจะไปนอนคือห้อง…”
 
แล้วสติผมก็ดับไปเพียงแค่นั้น










#ซันไรส์
“นอกจากห้องนี้ มีเพียงห้องเดียวเท่านั้นที่ฉันจะไปนอนคือห้องของนาย”
 
ผมจ้องมองคนตรงหน้า จ้องมองพร้อมถามคำถามว่าทำไมผมถึงได้มายืนอยู่ในห้องของเจ้านาย ในเวลาที่เจ้านายไม่อยู่ ในเวลาที่หงส์ซานกำลังหลับใหล

และในเวลาที่นักป่วนประสาทกำลังคล้องวงแขนมารอบลำคอผมแบบนี้ 

มันไม่ใช่เพียงแค่วงแขน แต่เรือนร่างของเขากำลังแนบชิดเข้ามา กลิ่นกายหอมๆ สีหน้ายั่วๆ แม้กระทั่งกลีบปากน่าบดขยี้กำลังเคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
 
และผมก็บ้ามาก
 
ที่หลงกลก้มหน้าลงต่ำ ทาบกลีบปากนั้นไปทันทีเช่นกัน
 
ราวกับแมลงเม่าที่ถูกล่อหลอกให้บินเข้าหากองไฟ แม้จะรู้ว่าเส้นทางหลังจากนี้คือความตาย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะบินเข้าหา
 
ความกรุ่นที่พุ่งขึ้นมาเงียบๆ ก่อนหน้านี้มะลายหายไป ความกรุ่นที่เกิดจากความรู้สึกไม่พอใจ
 
ไม่พอใจไปกับภาพที่ผมเห็น ภาพหมอที่กำลังกกกอดใครสักคน

ใครสักคนที่ไม่ใช่ตัวผม
 
……
 
….
 

 
..
 
.
ได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาภายในรั้วบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ รถที่เพียงแค่เสียง ผมก็จำได้แล้วว่าเป็นรถของใคร

“หมอมาแต่เช้าแบบนี้สงสัยว่าเมื่อคืนเจ้านายเราจะเล่นหงส์ซานหนักแน่ๆ”
วิกเซอร์ออกความเห็นขึ้นมาเงียบๆ

ผมไม่แปลกใจหรอก เพราะเมื่อคืนหงส์ซานทำตัวน่ารักจริงๆ (สำหรับเจ้านายผมนะ) ท่านยิ่งแพ้ทางคนแบบนั้นอยู่ด้วย

ลิงนั่นก็บื้อ พอแอลกอฮอล์เข้าปากก็เล่าความลับที่กักเก็บไว้หมด หงส์ซานไม่ใช่นักดื่ม และไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มบ่อยนักหรอก และผมก็รู้ว่าเพราะอะไร (ตอนไปเขื่อนหงส์ซานก็ดื่ม แต่เป็นไวน์แบบอ่อน ไม่ทำให้เมาแบบเมื่อคืน)

ผมรู้ว่าหงส์ซานรักเจ้านายผมแล้ว ไม่มากก็น้อย ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เจ้านายผมมีความสุข

ผมพ่นลมหายใจออกแรง วิกเซอร์ตบหลังผมเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

“ทำใจเถอะซันไรส์ ทำใจว่าเราสองคนมีนายหญิงเป็นลิงไม่สมประกอบคนหนึ่ง คิดในแง่ดีไว้ ถึงเราจะไม่ชอบ แต่ลิงนั่นกลับเป็นคนทำให้เจ้านายของเรามีรอยยิ้มได้มากกว่าที่เราเห็นมาทั้งปีซะอีก”

ผมไม่เถียง

“เรื่องหงส์ซานน่ะไม่น่ากลุ้มใจเท่ากับเรื่องที่เรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้หรอกนะ”

นั่นก็เป็นอีกเรื่องที่ผมเป็นห่วงเช่นกัน

“สลับหน้าที่กันไหม ฉันจะลองไปขอเจ้านายอีกรอบ”

วิกเซอร์ส่ายหัว

“ฉันเห็นด้วยกับเจ้านายนะซันไรส์ ทางนี้มีฉันกับพวกเอ็ดเวิร์ดมาช่วยดูแล ไม่แน่ เจ้านายอาจตัดสินใจเรียกลอร่ากลับมาด้วยก็ได้”

ผมชะงัก ขมวดคิ้วมอง

“อย่าให้เรื่องต้องถึงลอร่าดีกว่า ไม่งั้นคงยุ่งยิ่งกว่านี้”

วิกเซอร์ยักไหล่

“อาชีพของเรามันต้องเจอแต่เรื่องยุ่งๆ อยู่แล้ว และนู่น ฉันว่าตัวยุ่งสำหรับนายมาแล้ว”

ผมหันไปมองตาม เห็นหมอแบกกระเป๋าเครื่องมือแพทย์เดินยิ้มเข้ามา สีหน้าดูอิดโรยอย่างคนอดหลับอดนอน ให้เดาก็คงยังไม่ได้กลับบ้าน ตระเวนรักษาคนไปทั่วเหมือนเดิมนั่นแหละ

“หมายความว่ายังไง”
ผมละสายตาจากหมอหันไปถามน้องชายร่วมสายเลือด

วิกเซอร์ยกยิ้ม

“ฉันอาจไม่ฉลาดเท่านายนะซันไรส์ แต่ก็ไม่โง่จนเกินไป ฉันว่านายโดนเล็งอยู่ และนายพรานคนนี้น่ากลัวกว่าพวกสาวๆ ที่เคยผ่านมาของนายหลายเท่าเลย นาย..เสร็จ..แน่” น้องผมเน้นสามคำสุดท้ายช้าๆ ชัดๆ

“เสร็จอะไรกันเหรอ”

ผมหันไปมองคนถาม หมอกระชับกระเป๋าถามพวกเราสองคน ผมนิ่งไม่ตอบอะไร วิกเซอร์ยิ้มให้

“เรื่องงานน่ะครับ เจ้านายเรียกมาเหรอครับ”

“ใช่”

วิกเซอร์ไม่ถามต่อว่าเรียกมารักษาใคร เพราะก็พอจะเดาๆ กันได้อยู่จากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

“ขอตัวก่อนนะ”
เขาพูดไม่เจาะจงใคร ยกมือให้พวกเราสองคน ก้าวฉับๆ ไปทางห้องเจ้านาย ผมกับวิกเซอร์มองตามกระทั่งลับสายตา วิกเซอร์หันกลับมามองหน้าผม แล้วยิ้ม

แต่รอยยิ้มของน้องดูเจ้าเล่ห์ยังไงพิกล

“ฉันว่าคนนี้น่าจะทำให้นายปวดหัวยิ่งกว่าเรื่องของหงส์ซานหรือว่าเรื่องของแบล็กดราก้อนอีกนะ”

ผมตีสีหน้านิ่งเรียบ ไม่ตอบอะไรน้อง และน้องก็ไม่พูดอะไรต่อเช่นกัน

ผ่านไปไม่นานก็เห็นเจ้านายกับหมอเดินลงมาพร้อมกัน ตรงไปยังห้องทานอาหาร สมาชิกภายในบ้านทุกคนกล่าวทักทายหมอไม่ต่างกับหมอเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมาของเจ้านายผม

ผมกับวิกเซอร์พากันเดินตามไปคอยดูแลรับใช้อย่างที่เคยทำ

ผมทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่สายตาก็เพียรจับจ้องอยู่ยังคุณหมอจอมยุ่งของผมเสมอ นายใหญ่ค่อนข้างให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องแบล็กดราก้อน สมาชิกทุกคนดูตื่นตัวกับเรื่องนี้เพราะเคยชินและพอรู้เรื่องคร่าวๆ กันมาก่อนแล้ว

ในบ้าน ผมว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละ ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย คือหงส์ซาน บุคคลเดียวที่เจ้านายผมคอยปกป้องดูแล ไม่แม้แต่จะให้มารับรู้เรื่องที่อาจทำให้เครียดและหวาดกลัวนี้ด้วย

จริงๆ เจ้านายผมก็ไม่ต่างกับพ่อแม่และพี่ๆ ของหงส์ซานนั่นแหละ เป็นไข่แดงที่ทุกคนพร้อมใจกันปกป้อง

แต่เจ้าตัวก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องรู้ราวอะไร มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

ข้อดีคือ มันทำให้หงส์ซานมีความสุขอยู่เสมอ แต่ข้อเสียคือ หากรายนั้นดำเนินชีวิตแบบไม่ระวังภัยอะไรเลย อาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ ที่ผ่านมา เขาถูกกันไว้เป็นไข่แดงอย่างที่บอกจึงปลอดภัยมาได้จนถึงทุกวันนี้

ถึงมาอยู่ในมือเจ้านาย หงส์ซานก็ยังถูกดูแลเหมือนเดิม เพียงแต่เหตุการณ์ครั้งนี้มันดูจะหนักไปสักหน่อยแค่นั้น

ในขณะที่ทุกคนกำลังถกปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างออกรส ป่านนี้หงส์ซานคงกำลังนอนหลับกรนฟี้ๆ อยู่

“อาหงส์ล่ะ อาไป่หลง”
นายหญิงใหญ่ถาม เจ้านายผมยิ้ม หมอยิ้มเจ้าเล่ห์

“ผมอยากให้หงส์ซานเป็นผู้หญิงจริงๆ เมื่อคืนโดนลูกโทษไปหกลูก คาดว่าวันนี้ผมต้องฉีดยากันขนานใหญ่เลย”

นายหญิงใหญ่ตาโต ซ้อใหญ่จ้องหน้าเจ้านายผม

“เบาๆ หน่อยสิไป่หลง อาหงส์ตัวเล็กนิดเดียว เดี๋ยวได้ตายก่อนหรอก”

หมอหัวเราะ

“ไม่ต้องห่วงครับ หงส์ซานอึดกว่าที่คิด วันสองวันก็เดินตัวปลิวแล้ว”

เจ้านายผมไม่พูดอะไร กินไปเงียบๆ พออิ่มหมอก็เดินไปส่งเจ้านายผมที่รถ

ผมเดินไปเผชิญหน้ากับเจ้านายอีกครั้ง

“เจ้านาย”

“ฉันรู้ว่านายจะพูดอะไรนะซันไรส์ คนที่ฉันห่วงสุดตอนนี้ไม่ใช่ตัวฉันเอง พ่อแม่หรือพี่ๆ น้องๆ แต่เป็นคนที่กำลังนอนหลับอยู่ในห้วงนิทราตอนนี้ต่างหาก”
เจ้านายจ้องหน้าผม มองให้รู้ว่าท่านหมายความตามพูดจริงๆ

“หน้าที่ตอนนี้ของนายคือปกป้องหัวใจฉันด้วย”

ผมมองตาท่าน

“ครับ” ผมรับปาก และนั่นคือคำมั่นของผมที่มีต่อเขา “ผมจะปกป้องเขาด้วยชีวิต”

เจ้านายยิ้ม ตบไหล่ผมเบาๆ วิกเซอร์เปิดประตูออก เจ้านายผมก้าวขึ้นไปนั่ง ปรับสูทให้เข้าที่ วิกเซอร์มองหน้าผม ไม่พูดอะไร แต่สายตามีแววล้อเลียนปนสนุกสนาน

ผมรู้ว่าวิกเซอร์ไม่ได้กำลังสนุกเรื่องที่เจ้านายฝากฝังให้ผมดูแลลิงหลับด้านบน แต่น่าจะเป็นเรื่องใครอีกคนที่ยืนเคียงผมอยู่ไม่ห่างตอนนี้ต่างหาก

ผมไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรทั้งนั้นกลับ วิกเซอร์เดินอ้อมไปประจำตำแหน่ง เปิดประตูออก แทรกตัวเข้าไปนั่ง แล้วรถหรูที่ถูกหุ้มด้วยโครงสร้างนิรภัยทั้งคันก็ขับเคลื่อนออกไป

ความเงียบเข้ามาแทนที่

ผมขยับ ไม่สนใจคนที่อยู่ข้างๆ ให้เขารู้ว่าผมตั้งใจเมินเขาจริงๆ

“นี่อย่าเมินแฟนตัวเองแบบนี้สิ”

ผมเบรกกึก หันไปมองอย่างรวดเร็วชนิดหมอต้องเบรกกึกตาม

ผมยกยิ้มให้ดูเยาะเย้ยที่สุด

“พอดีผมไม่เคยมีแฟน และไม่คิดจะมีด้วย สถานภาพของผมตอนนี้คือโสด”
ผมเน้นคำหลังหนักแน่น

“ฉันไง เราเป็นแฟนกันแล้ว”

“นั่นคือสิ่งที่คุณโมเมเอาเองต่างหาก ย้ำ ผมยังโสด”

ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมต้องมาโต้เถียงกับเขาแบบนี้ ผมทำหน้าหงุดหงิด หันหลังก้าวฉับๆ ไปยังห้องของหงส์ซาน

หน้าที่ของผมตอนนี้คือปกป้องหงส์ซาน ปกป้องเขาด้วยชีวิต

หมอก้าวตามมาไม่ห่าง ผมไม่ได้เข้าไปเฝ้าในห้อง เพราะในนั้นมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีอยู่แล้ว ผมยืนอยู่หน้าห้องนั่นแหละ กอดอก ทำท่าถมึงทึงตามแบบฉบับบอดี้การ์ดที่ดีควรเป็น ไม่สนใจไก่กาใดๆ ทั้งสิ้น

และหมอก็ไม่มาวอแวอะไรกับผมอีกเหมือนกัน เปิดประตูเข้าไปภายใน

ผมรู้ว่าเขาจะเข้าไปดูหงส์ซานอีกรอบ แต่อีกเดี๋ยวเดียวก็คงจะออกมาป่วนผมอีกแน่ๆ

ผมยืนคอย

จากสิ่งที่ผมคาดเดาเอาไว้ น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 3-5 นาที แต่ผ่านไปร่วมสิบนาทีหมอก็ยังไม่โผล่ กระทั่ง 15 นาที

20 นาที

ไม่จำเป็นต้องยกนาฬิกามอง เพราะผมเชี่ยวชาญด้านการคำนวณเวลาจากการนับเลขในใจอยู่แล้ว

30 นาที

ทำไมหมอเข้าไปนานผิดปกติ

ผมยืนคอย ต่อให้เป็นเพื่อนสนิท ห้องนอนเจ้านายไม่ใช่สถานที่ที่จะให้คนนอกเข้าไปใช้เวลานานเกินความจำเป็น ห้องนั้นเก็บเสียงด้วย ผมจึงไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น

ผมขมวดคิ้ว ยกนาฬิกามอง

ถ้าเป็นเวลาอื่น ผมจะไม่ห่วง แต่มาเวลานี้ ต่อให้เป็นหมอที่เป็นเพื่อนสนิท ผมก็ไม่ไว้ใจ

ผมผลักเปิดประตูออก มองเข้าไปภายใน

ภาพที่เห็นทำเอาผมร้อนซู่ขึ้นมาในอก มันเป็นความร้อนที่ผมไม่เคยพบเจอมาก่อน เหมือนมีใครเอาถ่านแดงๆ มานาบหัวใจ ระอุอ้าวมาถึงดวงตา

บนเตียงขาว หงส์ซานกำลังหลับสนิท และคนที่ควรจะออกไปป่วนผมกำลังหลับสนิทเช่นกัน แต่หลับในลักษณะที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น

วงแขนของหมอโอบกอดหงส์ซานไว้ กอดไม่ต่างกับที่เจ้านายผมโอบกอดหงส์ซานด้วยความรัก

ความร้อนมากมายพุ่งออกมาจากตัวผม รู้ตัวอีกที ผมก็ถลาเข้าไปคว้าหมอไว้ ลากลงมาจากเตียง 

“ทำอะไรของคุณ!”
ผมถามเสียงเข้ม พยายามระงับไอร้อนที่มีตอนนี้ หมอปรือตามอง สีหน้าท่าทางดูง่วงจริงๆ

“นอนไง ง่วงจะตาย สามสี่เคสติดต่อกันยังไม่ได้นอนเลย”

“ห้องนี้ไม่ใช่ห้องนอนของคุณ”
ผมเตือนเขาตามจริง ให้เขาเข้าใจว่าที่นี่คือห้องของเจ้านายผม ต่อให้เขาเป็นเพื่อนสนิท สามารถเข้านอกออกในได้มากแค่ไหน ก็ไม่ควรที่จะมายุ่มย่ามกับเมียเพื่อนตัวเองแบบนี้

หงส์ซานอาจไม่ได้คิดอะไร แต่คนอย่างหมอ ผมไม่ไว้ใจ ผีเข้าผีออก อาจอยากเขมือบหงส์ซานเข้าอีกคนก็ได้ ถึงเวลานั้น มันคงไม่สนุกกับทุกฝ่ายแน่ๆ

“แล้วฉันนอนที่ไหนได้ล่ะ”
หมอถามมาด้วยท่าทางของคนที่ตื่นดีแล้ว ตามสไตล์ของคนนอนไวตื่นไว เป็นร่างกายของคนที่พร้อมจะไปช่วยเหลือคนอื่น แม้จะอยู่ในสภาพอดหลับอดนอนมามากกว่า 24 ชั่วโมงก็ตาม

บางครั้งผมก็ยังทึ่งกับความสามารถนี้ เหมือนเป็นพลังส่วนพิเศษที่มาพร้อมกับหมอตั้งแต่เกิด

เกิดมาเพื่อเป็นหมอ เป็นผู้รักษาคนอื่น

“ห้องนอนสำหรับแขก”
ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ จ้องตาเขา

“นอกจากห้องนี้ มีเพียงห้องเดียวเท่านั้นที่ฉันจะไปนอนคือห้องของนาย”

..
.
สามนาทีถัดมา

หงส์ซานยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง สองมือผมกำลังบีบคลึงเรือนร่างของหมอในห้องนอนเจ้านาย กลีบปากยากจะแยกออกจากกัน

ผมรีบดันหมอออกเมื่อมือของหมอกำลังจะล่วงล้ำเข้ามากอบกุมส่วนสำคัญของผม

แม้มันจะยั่วยวน
แม้น้องผมจะตื่นขึ้นมาประท้วงเรียกร้องอยากให้หมอจัดการเร็วๆ

แต่หน้าที่ในความรับผิดชอบของผมสำคัญกว่า

หมอมองมาด้วยสีหน้าแปลกใจ

“คุณควรออกไป ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณควรอยู่ และไม่ใช่สถานที่ให้เรามาทำเรื่องแบบนี้กันด้วย”

“งั้นกลับห้อง”
หมอชวนมาเสียงพร่า หมอเองก็น่าจะ ‘อยาก’ ไม่แพ้ผม

“ผมมีหน้าที่ต้องทำ”
ผมดันเขาออกห่าง

“ทั้งที่ไอ้นั่นของนายอยากโดนฉันอมจะแย่เนี่ยนะ”
หมอดีดน้องผมเบาๆ ผมกัดกรามอย่างอดทน

“ใช่”
ผมตอบกลับหนักแน่น

หมอกอดอก เอียงคอ มองตาผม

“สามนาที ฉันสามารถทำให้นายเสร็จได้”

“ไม่”
ผมตอบกลับหนักแน่นยิ่งกว่าเดิม

“คุณจะไปนอนห้องผมก็ได้ แต่ตอนนี้กรุณาออกจากห้องนี้ไปก่อน มันไม่ใช่ที่ที่คุณควรอยู่หรือหลับนอน เชิญ”

หมอจ้องหน้าผม

“นายอนุญาตแล้วนะ”

ผมไม่ตอบด้วยคำพูด แต่ตอบด้วยสายตาว่าจะไปไหนก็ไป แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่ หมอขยับเข้ามาชิด ยื่นปากจูบปากผมเบาๆ

“ฉันพร้อมเสมอ ถ้านายต้องการ”

ผมกอดอก ยืนนิ่ง บังคับกลายๆ ให้เขารีบออกไป หมอขยับเข้ามาชิดอีกจนได้กลิ่นลมหายใจ มันเป็นกลิ่นหอมที่ผมจำได้แม่น

หมอจุ๊บผมอีกรอบ เลื่อนปากมาใกล้ใบหู กระซิบให้ผมได้ยินเบาๆ

“พร้อมทั้งหมด รวมถึงส่วนที่เคยปิดสนิทมาตลอดนั้นด้วย”
แล้วหมอก็เคลื่อนตัวขยับห่างออกไป

“อ้อ”
หมอหยุดตัวเองไว้หลังลูกบิด หันกลับมายิ้มให้จางๆ ขยิบตาเจ้าชู้ให้ผมตามสไตล์

“หงส์ซานจะตื่นราวๆ เที่ยง ไม่ได้วางยานอนหลับหรอกนะ แต่ฤทธิ์ยาบำรุงทำให้รู้สึกผ่อนคลายคล้ายยานอนหลับ บอกไว้แค่นี้แหละ”

แล้วเขาก็เปิดประตูก้าวจากไป
 
 
To be Con...

ประกาศ ตอนนี้มีรถอ้อยคันหนึ่งคว่ำอยู่ในบ้านตระกลูหยาง แจ้งหน่วยกู้ภัยไปกอบกู้ด่วน
ใจสั่นรอ :hao7:






ข่าวสารและนิยายเรื่องอื่นๆ: https://goo.gl/WbWxt8
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ [P.14][10-7-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 10-07-2017 10:21:04
หงส์เอ๋ย นอกจากจะไม่สามารถทำให้เฮียรำคาญได้แล้ว ยังให้ทำให้เฮียหลงเข้าไปอีก  จะเลิกกันได้งัยเนี่ย

แหม เหลือลุ้นคุณหมอต่อ  :hao3:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ [P.14][10-7-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 10-07-2017 10:43:01
อ่านไม่กี่ตอนก็รู้สึกชอบเรื่องนี้มาก

แต่คุณนักเขียนชอบอับครั้ง 40% 80%

มันขาดตอนเกินไป เข้าใจว่าอาจจะต้องการโปรโมทนิยาย

แต่อับครั้งล่ะ 50% ดีกว่ามั้ย และเห็นว่าแต่งจบแล้วลงใน e-books

เลยซื้อมาอ่าน ไม่ผิดหวังจริงๆ ดำเนินเรื่องได้ดี สนุกมากๆ

แต่มันจบแบบเหมือนไม่สุดอ่ะ ช่วงเวลารักกัน

หงส์รักเฮียมันน้อยไป ที่ผ่านมาทั้งเรื่องมีแต่เฮียแสดงออก

หงส์ดำเนินเรื่องก็จริง อยากเห็นหงส์แสดงความรักมากกว่านี้

อยากเห็นmoment ของผัวๆเมียๆมากกว่านี้



ถ้าเราComment ไม่ดี ขอโทษด้วย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ [P.14][10-7-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 10-07-2017 11:03:42
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ [P.14][10-7-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 10-07-2017 17:56:57
หงส์เริ่มแบ๊วแล้วลูกกก น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ [P.14][10-7-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-07-2017 18:14:57
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ [P.14][10-7-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-07-2017 22:25:32
 o13
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ [P.14][10-7-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 11-07-2017 08:33:27
รอพี่หมอโดนจับกิน :z1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ [P.14][11-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 11-07-2017 22:45:11
เฮียรักน้องมากอ่ะะ อิจฉาหนูหงส์ ถูกรักมากขนาดนี้ไม่รู้ตัวหรอก มีแต่ซนไปวันๆ 5555 เอ็นดู
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ [P.14][11-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 11-07-2017 23:07:41
หงส์พลาดอย่างแรง
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ [P.14][11-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-07-2017 23:22:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ [P.14][11-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 12-07-2017 07:42:10
หงส์ ยินดีด้วยน้าาาา เฮียแกเค้าหลงกว่าเดิมอีกกก
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ [P.14][11-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-07-2017 09:16:02
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ [P.14][11-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 12-07-2017 19:32:44
เพิ่่งเข้ามาอ่าน ชอบจัง ขำดี
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ [P.14][12-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-07-2017 19:38:59
 :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ [P.14][12-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 12-07-2017 19:41:03
หมออ่อยดี๊ดี
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ [P.14][12-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-07-2017 19:58:59
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ [P.14][12-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 12-07-2017 22:39:06
คุณหมออ่อยอย่างแรงงงง ซันไรส์ใจแข็งได้ไม่นานหรอกก มีหวงด้วยนะตอนเห็นนอนกอดกันน่ะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #20 งอนพระราม & ฉันพร้อมแล้วนะ [P.14][12-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 12-07-2017 23:20:00
คคุณหมอไม่มีก๊งมีกั๊กอะไรเลยนิ น่ากลัวจริงๆ  นะซันไรท์เอ๋ย   :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #21 กุญแจหัวใจ [P.14][16-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 14-07-2017 19:30:49

หงส์ซาน #21 กุญแจหัวใจ
ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ มีเพียงบางสิ่งด้านล่างเท่านั้นที่กำลังขยับอย่างเรียกร้องให้ผมรีบก้าวตามหมอไปติดๆ

แต่ผมไม่ขยับ

ร่างกายร้อนฉ่าไปหมด

แต่ผมก็ยังไม่ขยับ

หงส์ซานถูกวางยาไม่ต่างกับวิกเซอร์ตอนไปเที่ยวเขื่อน

หมอที่พร้อมต่อการใช้งาน

พร้อมไปหมดทุกส่วน

ไม่เว้นแม้แต่ส่วนที่เคยปิดสนิทมาก่อน

ผมรู้ว่าหมอหมายถึงอะไร

รู้ว่าหมอกำลังเชิญชวนผมมากแค่ไหน

ใช่ หมอพร้อม

แต่ผมยังไม่พร้อม

ไม่พร้อม เพราะมีหน้าที่การงานค้ำคออยู่ หน้าที่ที่ไม่อาจผละหนีห่างไปไหนได้ แม้จะอยากขนาดไหนก็ตาม

ต่อสู้กับศัตรูมานับร้อย แต่ไม่มีการต่อสู้ครั้งไหนหนักหนาเท่ากับการต้องมาต่อสู้กับความต้องการภายในของตัวเองเลย ผมอยากผละหนีไปจากหงส์ซาน จับคนที่ทิ้งระเบิดไว้ขึงพรืด ผสานร่างให้หมอครางลั่นร้องขอชีวิต
 
ผมกัดกรามเดินออกจากห้องหงส์ซานไปยืนอยู่หน้าประตู
 
แม้ผมจะบังคับให้ร่างกายกลับสู่สภาวะสงบได้
 
แต่หัวใจผม สมองผม กลับมีแต่ภาพหมอเต็มไปหมด ภาพของหมอในสภาพร่างกายอันเปลือยเปล่า
 
ร่างกายที่ถูกผมผสานรวมเป็นหนึ่ง
 
ร่างที่อยู่ภายใต้การควบคุมของผม
 
ผมสะดุ้งเมื่อเสียงมือถือดังขึ้น ผมรีบล้วงหยิบมากดรับทันที
 
“ครับ”
 
“หงส์ซานเป็นไงบ้าง”
 
“หมอฉีดยาบำรุงเพิ่ม หลับยาว คงจะตื่นราวๆ เที่ยงเพื่อรับประทานมื้อเที่ยงครับ”
 
ผมรายงานตามจริง
 
“หมอล่ะ”
 
ผมชะงักกับคำถามเจ้านาย จะบอกความจริงดีไหมว่าหมอนอนอยู่ในห้องผม
 
“หลับครับ”
ผมตอบกลับสั้นๆ แต่ไม่ได้อธิบายต่อว่าหลับนอนที่ไหน
 
“ฝากดูแลด้วยนะ”
 
ผมรู้ว่าคนที่เจ้านายฝากฝังให้ดูแลไม่ใช่หมอกันต์ที่เป็นเพื่อนสนิทแน่ๆ แต่เป็นใครอีกคนที่กำลังหลับสนิทอยู่ในห้องตอนนี้มากกว่า
 
หัวใจของเจ้านายผม
 
“เจ้านายรู้ใช่ไหมครับว่าความรักทำให้คนอ่อนแอ หนำซ้ำยังเป็นจุดอ่อนสำคัญให้ศัตรูนำมาใช้เป็นข้อต่อรองได้ด้วย”
 
เจ้านายผมเงียบไปชั่วอึดใจ
 
“ฉันรู้ซันไรส์ แต่บางครั้ง ความรักมันก็วิ่งเข้ามาหาเราแบบไม่รู้ตัวเช่นกัน รู้ตัวอีกทีเราก็ขาดเขาคนนั้นไม่ได้แล้ว สำหรับฉันตอนนี้ เงินทองหรือฐานะทางสังคมไม่ใช่สิ่งจำเป็นอีกต่อไป ฉันสามารถทิ้งเงิน ทิ้งฐานะ ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตฉันได้ แต่ฉันทิ้งหัวใจของฉันไม่ได้นะ”
 
ผมนิ่งไป
 
นิ่งเพื่อทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง
 
“ครับ ผมเข้าใจ ไม่ต้องห่วง ผมจะดูแลทางนี้ด้วยลมหายใจผมเอง”
 
“ขอบใจ”
แล้วเขาก็วางสายไปแค่นั้น
 
ผมยืนนิ่ง นึกย้อนถึงคำพูดของเจ้านายเมื่อกี้
 
ผมหัวเราะในใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าเจ้านายผมจะหลงรักหงส์ซานได้ถึงขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าลิงปัญญาอ่อนนั่นจะทำให้ภูผาหินถล่มลงได้
 
แล้วผมล่ะ
ภาพของหมอลอยเข้ามาในมโนความคิด

ผมชะงัก สลัดภาพนั้นทิ้งไปทันที
 

พอใกล้เที่ยง ผมก็เข้าไปปลุกหงส์ซานเพื่อลุกขึ้นมาทานมื้อเที่ยง กะว่าปลุกหงส์ซานเสร็จจะไปปลุกหมอต่อ แต่หมอตื่นก่อน เข้ามาดูอาการหงส์ซาน ผมเหลือบมองเขานิดหนึ่ง หมอไม่มีสีหน้าส่ออะไร ยังทำตัวร่าเริงกับหงส์ซานตามเดิม

 ได้ยินเสียงมือถือดังอีกรอบ แต่ไม่ใช่ของผม ของหงส์ซาน (เรายกมื้อเที่ยงมาให้หงส์ซานกินที่ห้องนอน) ผมหยิบมันจากโต๊ะมองเบอร์เพียงเล็กน้อย แล้วยื่นให้

“เจ้านายโทรมา”

หงส์ซานหน้าตึงขึ้นมาทันที รับไปกดรับแนบหู กดแรงชนิดเดาได้เลยว่าหงส์ซานคงเคืองอยู่ไม่น้อยที่โดนจนลุกไม่ขึ้นแบบนี้

“มีไร”
ดูเจ้าลิงนั่นพูดกับเจ้านายผม

“อาการเป็นไงบ้าง”
เจ้านายผมถาม อย่าคิดว่าหงส์ซานเปิดลำโพงให้ทุกคนในห้องได้ยิน หรือเสียงพูดของเจ้านายดังลอดออกมาเอง และผมก็ไม่ได้หูผีขนาดจับเสียงได้ด้วย

แต่เพราะวันนี้ผมเพิ่งได้รับอนุญาตให้ติดตั้งเครื่องดักฟังไว้ในมือถือหงส์ซาน เสื้อผ้าบางตัว รวมถึงข้าวของเครื่องใช้จำเป็นบางอย่างด้วย ส่วน GPS ไม่ต้อง เพราะติดตั้งไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว ที่ผมเคยยิงใส่หงส์ซานครั้งนั้นก็ยังใช้ได้อยู่

“ยังไม่ตาย”
หงส์ซานตอบกลับฉุนๆ ได้ยาดีจากหมอ ท่าทางดูมีเรี่ยวมีแรงขึ้นเยอะ

ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ของเจ้านาย

“บอกแล้วไงว่าไม่ปล่อยให้ตายง่ายๆ หรอก ถึงเฮียไม่ใช่หมอ แต่ก็ชอบผายปอดเหมือนกัน”

หงส์ซานหน้าแดงก่ำ อ้อมแอ้มตอบ

“ลามก”

“ไม่ใช่ความผิดของเฮียนะ เมื่อคืนหงส์ทำตัวน่ารักเองต่างหาก ยั่วจนเฮียเกือบไม่มีแรงมาทำงาน”

ผมหัวเราะหึๆ อย่างเจ้านายผมเนี่ยนะจะหมดแรง ผมว่ายิ่งทำยิ่งมีแรงมากกว่า เมื่อเช้าก็ไปทำงานหน้าผ่องเชียว

หงส์ซานหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม

“คะ ใครยั่ว มั่วแล้ว แค่นี้นะ จะกินข้าวต่อ”
แล้วเจ้าตัวก็กดปิดมือถือโดยไม่รอให้เจ้านายผมพูดอะไร

ผมอยากโดดไปบีบคอลิงบ้านี่จริงๆ

หงส์ซานไม่มีทางรู้หรอกว่าทุกวินาทีของเจ้านายผมมีค่าแค่ไหน งานเยอะจนแทบไม่มีเวลาหายใจหายคอ แต่ก็ยังพยายามอย่างยิ่งเพื่อจะโทรหา แต่ลิงนี่กลับไม่ไยดี หนำซ้ำยังทำตัวน่าส่งกลับสวนสัตว์อีกต่างหาก

เสียงมือถือหงส์ซานดังอีกรอบ หงส์ซานกดรับแรง ยกแนบหู

“มีอะไร!!”

“เฮียแค่อยากจะบอกว่า คืนนี้หลับไปก่อนเลยไม่ต้องรอ เฮียจะกลับดึกมาก”

“ไม่ได้บอกว่าจะรอนี่ ไม่กลับได้เลยยิ่งดี”

ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ จากเจ้านายผมอีกครั้ง ตอนนี้ผมไม่ได้แค่อยากส่งหงส์ซานกลับสวนสัตว์ แต่อยากส่งไปอยู่ขั้วโลกเหนือซะให้รู้แล้วรู้รอดไป

คราวนี้คนที่ตัดสายคือเจ้านายผม หงส์ซานนั่งหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ผมรู้ว่าหงส์ซานกำลังเขิน หมอเคยชมว่าท่าทางอายๆ แบบนี้ของหงส์ซานน่ารัก แต่สำหรับผม ผมว่ามันน่าเตะมากกว่า

หมอใช้เวลาเกือบทั้งวันอยู่กับหงส์ซาน มีแวบๆ ออกไปบ้างเมื่อมีเคสด่วน แล้วก็กลับมาใหม่ ดีหน่อยที่หมอไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเป็นการพยายามชวนผมเข้าห้องอีก

ผมก็เบาใจ เพราะอยากทุ่มเทเวลาให้กับการดูแลหงส์ซานมากกว่า ผมไม่รู้ว่าอันตรายมันจะมาจากทางไหนบ้าง แม้จะดูว่าเรียบร้อย แต่ภายใต้ผืนน้ำอันนิ่งสงบนี้ อาจกำลังมีคลื่นเล็กๆ ก่อตัวอยู่ก็ได้ พลาดเพียงนิดเดียว เราจะแก้ไขอะไรไม่ได้อีก
 
สี่ทุ่มเป็นเวลาที่หมอส่งหงส์ซานขึ้นเตียงอีกรอบ

“ไป่หลงกลับดึกใช่ไหมคืนนี้”
หมอถามหงส์ซาน หงส์ซานพยักหน้า

“ให้พี่หมออยู่ด้วยจนไป่หลงกลับมาไหม”

หงส์ซานส่ายหัว

“พี่หมอกลับไปพักผ่อนเถอะ ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อน”

“แน่ใจนะ ไม่อยากได้อ้อมกอดจากพี่หมอจริงๆ เหรอ”

หงส์ซานทำหน้าแหยง ผมหัวเราะในใจ เบาใจหน่อยที่หงส์ซานไม่ใช่ประเภทนอนกับใครก็ได้อย่างหมอ

“ไม่เอา พี่หมอกลับไปพักผ่อนเถอะ ราตรีสวัสดิ์ครับ”

หมอไม่เซ้าซี้อีก ปิดไฟหัวเตียงให้ มองตาผม ไม่พูดอะไร ก้าวนำออกไปก่อน ผมตามไปติดๆ ปิดไฟกลางห้องให้ ปิดประตู แล้วยืนนิ่งอยู่หน้าประตูตามเดิม

หมอหันมาเผชิญหน้ากับผม

“นี่ ไม่เปลี่ยนใจจริงๆ เหรอ ฉันพร้อมจริงๆ นะ”
หมอชวนเรียบๆ เหมือนชวนเพื่อนสักคนไปดื่ม

“ผมมีหน้าที่ต้องทำ”

“หนักแน่นดีจัง แต่เอาเถอะ ฉันบอกแล้วว่าฉันพร้อมเสมอ ว่างเมื่อไหร่ก็ลุยกันเลย”
หมอตบอกผมเบาๆ ก้าวเดิน แต่ไปได้แค่สองสามก้าวก็หยุด ล้วงหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง ผมมองไม่เห็นว่าหมอทำอะไรเพราะหมอยืนหันหลังให้ สักพักหมอก็หันกลับมามอง ยิ้ม เดินเข้ามาหา

หมอหย่อนสิ่งที่กำไว้ในมือใส่กระเป๋ากางเกงผม ตบเบาๆ

“ฉันให้”
แล้วเขาก็หันหลัง ก้าวเดินจากไป

ผมยังยืนนิ่งอยู่กับที่ กระทั่งมั่นใจว่าหมอไปแล้ว ถึงได้ค่อยๆ สอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบดู

เย็น...
คือความรู้สึกแรกที่ผมรับรู้

โลหะ...
คือสิ่งที่ผมสัมผัสได้ในเวลาต่อมา

เพียงเดี๋ยวเดียว ผมก็พอจะเดาออกแล้วว่ามันคืออะไร

ผมค่อยๆ ดึงสิ่งนั้นขึ้นมาถือไว้ในมือ

มันคือกุญแจ จำนวน 3 ดอก รูปร่างลักษณะต่างกันออกไป ดอกแรกน่าจะเป็นประตูรั้ว อีกสองคงเป็นประตูภายในบ้าน และพวงกุญแจรูปหัวใจสีแดงสด ผมใช้นิ้วพลิกอีกด้านขึ้นดู

แล้วชะงัก
เพราะด้านหลังเป็นภาพของผมกับหมอตอนเราไปเที่ยวเขื่อนกัน

หมอคงล้าง และนำมันมาห้อยพกติดตัว

ผมมองตามเส้นทางที่หมอเดินผ่าน

หมอให้กุญแจบ้านหมอเองกับผมและดูเหมือนเขากำลังจะบอกผมกลายๆ ว่า... เขาได้ยกหัวใจให้ผมด้วย

ผมควรทำยังไงดี ระหว่างหนึ่ง หย่อนกุญแจพวงนี้ลงถังขยะ แล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป หรือสอง เก็บเอาไว้ แล้วไปทำสิ่งที่อยากทำตอนนี้ มันก็แค่การบำบัดความใคร่ทางร่างกายเท่านั้น

ผมกำพวงกุญแจแน่น เดินไปที่ถังขยะ หย่อนสิ่งที่อยู่ในมือไว้เหนือปากถัง มันค่อยๆ รูดลงช้าๆ จนเหลือไว้เพียงส่วนปลายของกุญแจดอกหนึ่งเท่านั้น

ภาพผมกับหมอหมุนติ้วจากแรงทิ้งตัวเมื่อกี้จนภาพของเราสองคนกลืนกลายเป็นหนึ่งเดียว

ผมยืนนิ่ง

สู้รบทั้งกับความต้องการและการต่อต้านภายใน

และผมก็ตัดสินใจทิ้งมันทันที

แต่ก่อนที่สิ่งนั้นจะตกลงไปในถัง ผมใช้ความเร็วรวบจับมันไว้อีกครั้ง ผมกัดกรามแน่น สุดท้าย ผมก็แพ้หมออีกจนได้
ผมยัดสิ่งนั้นใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม เดินกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ





 
#หงส์ซาน
ผมนั่งๆ นอนๆ โดยมีพี่หมอเป็นเพื่อนกระทั่งสี่ทุ่มพี่หมอก็กลับ ผมหลับไปอีกรอบแม้จะนอนมาแล้วอย่างหนักทั้งวันก็ตาม มาสะดุ้งตื่นอีกทีเพราะเสียงเปิดประตู

ไฟดาวน์ไลท์แถวๆ ตู้เสื้อผ้าถูกเปิดขึ้น เผยให้เห็นคนเข้ามาใหม่ได้ชัดเจน

บ๊วยครับ สีหน้าอย่างเพลีย กะจะเมินหรือเหวี่ยงใส่มันซะหน่อย แต่ผมก็แพ้ทางคนทำงานหนัก (เหมือนป๊าหรืออาเฮีย) ผมขยับลุกนั่ง หน่วงหน่อย แต่ไม่เจ็บแล้ว

มันหันมามอง เดินเข้ามาใกล้

“เป็นไงบ้าง หงส์ของเฮีย”
แม้บอกตัวเองว่าจะไม่เหวี่ยง แต่มันอดไม่ได้จริงๆ

“ไม่หัดบันยะบันยังซะบ้าง ทำมาได้ไงตั้งหกรอบ คนนะไม่ใช่ตุ๊กตายาง”

“อ้าว เหรอ คิดว่าใช่ เห็นน่ารัก ซ้ำยังครางเพราะเหมือนกันอีก”

ผมตาโต

“เคยใช้รึไง ทุเรศว่ะ”

มันหัวเราะร่วน ดีดหน้าผากผมเบาๆ

“เฮียไม่จำเป็นต้องใช้ของพรรค์นั้นหรอก ไม่ได้อดอยากผู้หญิงขนาดนั้น”

ผมจิ๊ปาก ใช่ซี้ หน้าตาดี ฐานะดี จะอดอยากได้ไง

มันขยับเข้ามาใกล้ จุ๊บหน้าผากผมตรงตำแหน่งที่ตัวเองเพิ่งดีดเมื่อกี้

“ขอเวลาเฮียอาบน้ำก่อน”

ผมพยักหน้า มันเดินหายไปไม่นานก็เดินกลับมา แต่งชุดนอนหล่อๆ ของมันตามเดิม เดินขึ้นมาบนเตียง ไม่ต้องกลัวว่ามันจะทำอะไรหรอกครับ เพราะหลังจากมันซัดผมหนักๆ มันจะให้โอกาสร่างกายผมได้พักผ่อน เพราะงั้นวันสองวันนี้รอดตัวแน่ๆ

มันขยับเข้ามานอนใกล้ๆ ดึงเอาผมไปนอนหนุนแขนตัวเอง โอบกอดไว้แน่น

ผมชอบนะ กับการถูกโอบกอดแนบอกแบบนี้ มันหันไปปิดไฟ จุ๊บหน้าผากผมอีกรอบ บอกราตรีสวัสดิ์

ผมปิดเปลือกตาลงช้าๆ หลับใหลไปอีกครั้ง

ก่อนหลับ ได้ยินเสียงกระซิบพูดแผ่วเบา ไม่รู้ว่าเสียงนี้มาจากความฝัน หรือว่าเป็นเสียงที่บ๊วยมันพูดกับผมจริงๆ กันแน่

“เฮียรักหงส์นะ”
 
 


To be Con..
หลายคนเดาถูกว่าเป็นกุญแจบ้าน แต่มีหลายคนเชียร์ให้เป็นถุงยางไซส์ซันไรส์ ซึ่งมันก็ถูก แต่เป็นถูกสำหรับตอนถัด ๆ ไป

To be Con..70%
น้ำมูกไหลย้อยเป็นน้ำเลยเจ้าค่าาา ฮ่า ๆ (ทิชชู่ซับไม่อยู่ เอาแก้วมารองเลยดีกว่า) ฮ่า ๆ






ข่าวสารและนิยายเรื่องอื่นๆ: https://goo.gl/WbWxt8
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #21 กุญแจหัวใจ [P.14][14-7-2017] 70%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-07-2017 19:44:30
 :hao6: แค่คิดก็...
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #21 กุญแจหัวใจ [P.14][14-7-2017] 70%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 14-07-2017 21:17:13
นิสัยอส่างหมอขอตอบ ข. 55555
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #21 กุญแจหัวใจ [P.14][14-7-2017] 70%
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 14-07-2017 21:28:06
ถุงก็อปแก็ปชัวร์
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #21 กุญแจหัวใจ [P.14][14-7-2017] 70%
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 14-07-2017 21:42:38
หมอให้อะไรอ่าาา กุญแจบ้านป่ะะะ อยากรู้ๆๆๆ
ขำซันไรส์ ดูปกปักษ์กับหนูหงส์มากเลยอ่า ตลกดี 555555555555
เฮียน่ารักตลอดดด
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #21 กุญแจหัวใจ [P.14][14-7-2017] 70%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-07-2017 22:43:14
เดาว่าหมอให้ซันไรท์พกถุง พร้อมเมื่อไหร่ ที่ไหน ได้เสมอ  :z1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #21 กุญแจหัวใจ [P.14][14-7-2017] 70%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-07-2017 05:12:25
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #21 กุญแจหัวใจ [P.14][14-7-2017] 70%
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-07-2017 09:26:22
ข. ถุงยางอานามัย ไซส์ของซันไรส์เลย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #21 กุญแจหัวใจ [P.14][14-7-2017] 70%
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-07-2017 10:33:40
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #21 กุญแจหัวใจ [P.14][14-7-2017] 70%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-07-2017 03:55:43
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #21 กุญแจหัวใจ [P.14][16-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: zeroj ที่ 16-07-2017 12:24:57
อาหงส์อย่าปากแข็งนักเลย    สงสารเฮีย       :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #21 กุญแจหัวใจ [P.14][16-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 16-07-2017 12:46:15
รักเฮีย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #21 กุญแจหัวใจ [P.14][16-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-07-2017 13:48:53
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #21 กุญแจหัวใจ [P.14][16-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 16-07-2017 15:18:48
ชักสงสารบ๊วย แล้วอ่า
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][19-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 17-07-2017 19:54:11
หงส์ซาน #22 วิกฤติ

ใช้เวลาแค่วันสองวันร่างกายผมก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง หลายวันหลังจากนั้นบ๊วยก็ไม่ได้มายุ่งอะไรกับผมอีกเพราะมันต้องเดินทางไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่และกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ ทุกวัน เพิ่งจะมีวันนี้แหละที่มันเรียกให้คนตั้งสำรับแล้วอยู่ทานมื้อเช้ากับผม เราทานกันในสวนครับ เพราะมันรู้ว่าผมชอบอยู่กับน้ำและปลา

“หงส์”
บ๊วยมันเรียกผมเสียงเบา ผมเงยหน้ามอง 

“เฮียขอยกเลิกทริปวันเสาร์นี้นะ มีงานด่วนต้องจัดการ ไว้หาวันหยุดยาวๆ ได้ เฮียจะพาไปเที่ยวทุกที่ที่หงส์อยากไปเลย”

อยากทำตัวงอแงหรือต่อว่าที่มันผิดสัญญาเหมือนกัน แต่ผมเข้าใจครับ งานมันคงเครียดและเร่งมากจริงๆ ไม่เพียงแค่บ๊วย แม้แต่ซันไรส์ วิกเซอร์ หรือป๊ากับม๊าและทุกคนในบ้านก็ดูจะเครียดตามกันไปหมด ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกัน พอผมถาม ทุกคนก็พากันบอกว่าไม่มีอะไร

ผมพยักหน้าว่าโอเค มันยิ้ม ยังไม่ทันอิ่มวิกเซอร์ก็เดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือถือให้ มันรับไปแนบหู มองตาผม ลุกยืน แล้วเดินออกไปคุยห่างๆ

แอบคุยกับกิ๊กเปล่าวะ

แต่ดูจากสีหน้ามันแล้ว ไม่น่าจะใช่

มันคุยอยู่พักเดียวก็วางสาย ถอนหายใจแรง ยกนิ้วคีบตรงหว่างคิ้ว ผมรู้ว่าท่าทางแบบนี้คือมีเรื่องให้แก้ไม่ตกแน่ๆ

มันเดินกลับมานั่งที่เดิม ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนที่ม๊าเคยทำเวลาป๊ามีเรื่องเครียดๆ ม๊าไม่ถามเรื่องงาน แต่จะทำในสิ่งที่คนเป็นเมียควรทำ

ผมขยับช้อนและส้อม ตักของโปรดไปวางไว้บนจานมัน

มันชะงัก นิ่งมอง

พอตักเสร็จ ผมก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตามเดิม

กูเอาใจมึง แต่ไม่ได้เอาใจมึง เข้าใจไว้ด้วย

มันค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกกว้าง ตักอาหารคำนั้นกิน เคี้ยวช้าๆ ตามองผมไม่เคลื่อนไปไหน

“ขออีกคำได้ไหม”

“โบราณว่าได้คืบอย่าเอาศอก”
ผมตอบกลับนิ่งๆ มันหัวเราะ

“มีด้วยเหรอ เคยได้ยินแต่ ได้คืบจะเอาศอก”

“เหมือนกันนั่นแหละ”

“ขอเฮียอีกคำละกัน นะ เอาใจเฮียหน่อย”
มีใครมันอ้อนให้คนอื่นเอาใจกันแบบนี้บ้างวะ แต่ผมก็บ้าจี้ทำตาม ตักอาหารไปใส่จานมันแบบไม่เต็มใจ มันก็กินไป สีหน้าดูมีความสุขจนเกินพอดี

“เฮียอาจไม่ได้กลับบ้านสักสองสามวันนะ และอาจไม่สะดวกโทรหาด้วย”

“ไปไหน” ผมรีบถาม

“ธุระ ส่วนที่ไหนเฮียยังบอกไม่ได้เพราะยังไม่รู้ที่หมาย”

ผมพยักหน้าหงึกๆ

รู้สึกหวิวยังไงพิกล เพราะตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมา มันไม่เคยไม่กลับบ้านเลย ต่อให้กลับดึกขนาดไหนก็ยังกลับ
 
พอหมดมื้อเช้า บ๊วยมันก็ออกไปทำงาน สิ่งที่ผมเห็นว่าเปลี่ยนแปลงไปอีกอย่างคือมันมีบอดี้การ์ดมาคุ้มครองเพิ่มขึ้น (เกือบสิบคนแน่ะ) ผมรู้ชื่อแค่คนเดียวคือเอ็ดเวิร์ด เพราะเป็นลูกพี่ลูกน้องของซันไรส์ หน้าตาโทนเดียวกันนั่นแหละ หล่ออย่างกับนายแบบ แต่ดูเป็นมิตรมากกว่าสองพี่น้องปากหมาหน้าตายนั้นเป็นไหนๆ มีบอดี้การ์ดประจำการที่บ้านอีกนับสิบ ใส่สูทบ้าง ลำลองบ้าง คละเคล้ากันไป

หลังจากมันไป ผมก็โทรหาเฮียฮันพี่ชายของผมทันที

“เฮีย พอรู้ข่าววงในของบ้านนี้บ้างไหม ช่วงนี้เห็นเฮียไป่หลงเครียดๆ หนำซ้ำบอดี้การ์ดยังเต็มบ้านไปหมด ถามเขาเขาก็ไม่ตอบ”

“ไม่มีอะไรหรอกหงส์ มีปัญหาเรื่องธุรกิจนิดหน่อย ไม่มีอะไรน่าห่วง นี่แค่สงสัยเรื่องที่เกิดขึ้น หรือเป็นห่วงสามี”

“บ้าไปแล้วเฮีย อั๊วแค่สงสัย แค่นี้นะ”
ผมรีบตัดสายทันทีก่อนเฮียจะพูดอะไรให้ผมเผยในสิ่งที่ไม่อยากจะยอมรับ

พี่หมอมาหาผมบ่อยขึ้น แทบจะเรียกได้ว่าถ้าว่าง พี่หมอจะเลือกมาสิงที่นี่เป็นหลักทันที พี่หมอคงกลัวผมเหงา ซันไรส์ตัวติดผมมากกว่าเดิม สมัยก่อนดูแลอยู่ห่างๆ แต่เดี๋ยวนี้เรียกได้ว่าแทบจะทุกฝีก้าว ดีหน่อยที่มีเอ็ดเวิร์ดมาดึงความสนใจจากใบหน้าตายๆ ของมันได้บ้าง

“ทิ้งบ้านมาแบบนี้ไม่กลัวลูกๆ เหงาบ้างรึไง”

“ไม่หรอก ลูกพี่เลี้ยงดูตัวเองได้”

ผมขมวดคิ้วมุ่น

“หมานะพี่”

“หมานั่นแหละ ถ้าพวกเขาอยู่ตัวเดียวก็น่าห่วง แต่อยู่ด้วยกันสี่ตัวไม่เหงาหรอก มีแม่บ้านคอยให้อาหารตลอดด้วย หงส์ตอนนี้น่าห่วงกว่าเยอะ”

ผมมองพี่หมองงๆ พี่หมอไม่พูดอะไร หยิบการ์ตูนมาเปิดอ่าน ช่วงนี้ผมติดการ์ตูนเหมือนพี่หมอด้วย

“อยากกลับบ้านจัง”
ผมเปรยเบาๆ เบื่อครับ บ๊วยก็ไม่อยู่ คิดถึงป๊าม้าด้วย

“ไปเยี่ยมป๊าม้าดีกว่า ค้างสักคืน ได้ไหมซันไรส์”
ผมหันไปถามผู้ควบคุมชีวิตของผมตอนนี้ มันนิ่งคิด

“ต้องถามเจ้านายก่อน”

ผมถอนหายใจแรง พยักหน้า มันล้วงหยิบมือถือมากดโทรหา คุยกันสักครู่ก็หันมาทางผม

“เจ้านายบอกให้รอก่อน เสร็จธุระเมื่อไหร่เจ้านายจะพาไป”

ผมทำหน้าเซ็งทันที

“งานยุ่งขนาดนั้นจะเอาเวลาที่ไหนพาไป ไม่รู้ว่าจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่ด้วย ฉันไปค้างแค่คืนเดียว พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว”
ผมต่อรอง มันนิ่งคิด

“ผมว่ารอเจ้านายก่อนดีกว่า”

ผมไม่ฟังคำซันไรส์ หยิบมือถือมากดโทรออก พักเดียวบ๊วยมันก็รับสาย คลื่นดูซ่าๆ ยังไงพิกล

อยู่ไหนวะ

“อั๊วคิดถึงป๊าม้า อยากกลับบ้าน”

“รอเฮียกลับไปก่อน แล้วจะพาไป”

“เฮียงานยุ่ง คงอีกหลายวัน อั๊วกลับแค่วันเดียว ไปวันนี้พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว ไว้เฮียเสร็จงานเมื่อไหร่เราค่อยไปด้วยกันอีกรอบ”

มันถอนหายใจแรง

“หงส์”
มันปรามเสียงดุ

“นะ”
ผมเปลี่ยนเป็นเอาลูกอ้อนเข้าสู้ มันนิ่งไป

“ก็ได้ แต่ห้ามค้าง และต้องให้ซันไรส์กับพวกเอ็ดเวิร์ดไปด้วย”

“แค่ไปบ้าน ทำไมต้องคุมเข้มกันขนาดนี้ด้วย มีเรื่องอะไรกัน บอกไม่ได้รึไง”

“ไม่มีอะไรหรอก รีบไปรีบกลับ ถึงแล้วโทรรายงานเฮียด้วย”

“ไม่ใช่เด็ก”

“แค่นี้ก่อนนะหงส์ เฮียยุ่งอยู่”
แล้วมันก็กดตัดสายไป น้ำเสียงฟังดูเครียดจริงๆ ไม่มีวี่แววหยอกเล่นแบบแต่ก่อนด้วย

“เขาให้กลับได้ แต่ห้ามค้าง”
ผมบอกซันไรส์ รายนั้นมีสีหน้าเคร่งเครียด

“งั้นเดี๋ยวพี่หมอไปด้วย”
พี่หมอขยับลุกยืน ผมยิ้ม

“เอาสิพี่หมอ ไปเยี่ยมป๊ากับม้าผม”

พี่หมอพยักหน้า ใช้เวลาไม่นาน เอ็ดเวิร์ดก็ขับรถวนเข้ามาจอด ผมกับพี่หมอนั่งคู่ไปด้วยกัน ในขณะที่ซันไรส์นั่งหน้า มีรถขับตามมาอีกสี่คัน

ผมนั่งคุยกับพี่หมอน้ำลายแตกฟอง เรามากันตอนกลางวัน รถจึงไม่ได้ติดมาก แต่ขับไปได้สักพักก็รู้สึกว่ารถมันติดผิดปกติ ผมชะเง้อคอมอง เห็นตำรวจกระจายตัวเต็มไปหมด มีรั้วกั้นคล้ายรถชนกัน รถเราจอดนิ่งอยู่กับที่เพื่อดูสถานการณ์ กระทั่งมีตำรวจนายหนึ่งวิ่งเหยาะๆ เข้ามาหา เอ็ดเวิร์ดกดลดกระจกลงเล็กน้อยเพื่อคุยกับคุณตำรวจ

“เกิดอุบัติเหตุข้างหน้าครับ ถอยรถอ้อมไปอีกซอย”

เอ็ดเวิร์ดพยักหน้า แต่ยังไม่ทันที่เอ็ดเวิร์ดจะได้ขยับอะไร ตำรวจคนนั้นก็ชักปืนเร็วออกมาหวังยิงเอ็ดเวิร์ด แต่ซันไรส์เร็วกว่าชักปืนออกมายิงตำรวจคนนั้นดังเปรี้ยง

ผมไม่ได้เห็นเหตุการณ์อะไรต่อจากนั้นอีก เพราะโดนพี่หมอกดหัวลงต่ำแนบเบาะ คร่อมทับด้วยร่างของพี่หมอเอง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก สิ้นเสียงปืนของซันไรส์ก็ได้ยินเสียงปืนอีกจำนวนมากดังสนั่น เป้าหมายคือรถของเราแน่ๆ

เอ็ดเวิร์ดเหยียบคันเร่งพารถหนีจนร่างกายถูกเหวี่ยง แต่ตัวผมไม่ได้ขยับมาก เพราะถูกกั้นไว้จากพี่หมอด้านบน หัวใจผมเต้นแรงด้วยความตระหนก ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนจริงๆ 

ได้ยินเสียงล้อบดถนนดัง พอๆ กับเสียงปืนที่ดังมากระทบรถ มันคงยิงไม่เข้าเพราะส่วนใหญ่รถที่บ้านเป็นรถกันกระสุน เป้าหมายน่าจะยิงเพื่อหวังทำลายล้อรถมากกว่า

กระทั่งได้ยินเสียโครม
เหมือนอยู่ๆ ก็ถูกจับเหวี่ยง รู้สึกเจ็บที่หัว แล้วหลังจากนั้น ผมก็ไม่รู้สึกตัวอีก
















“ตื่นได้แล้วหนุ่มน้อย”
ได้ยินเสียงแว่วๆ ดังมากระทบโสต พร้อมแรงตบที่แก้มเบาๆ ผมพยายามลืมตา

“ตื่นสักที”

ผมพยายามลืมตาอีกรอบ ภาพตรงหน้าดูพร่าเลือนยังไงพิกล ปวดร้าวไปทั่วทั้งตัวด้วย ปวดหัวด้วย รู้สึกถึงแรงบีบที่คาง ผมลืมตาอันพร่าเลือนขึ้นดูอีกที จนเห็นภาพตรงหน้าได้ชัดเจน

มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ หน้าโฉดเหมือนพวกผู้ร้ายในหนัง มันบีบคางผมแรง ผมเบ้หน้าเพราะความเจ็บ มันคลายปล่อยมือออก ขยับก้าวไปยืนอยู่ห่างๆ ผมรีบมองสำรวจไปรอบๆ ทันที รอบตัวผมตอนนี้มีผู้ชายหน้าโฉดยืนกระจายอยู่ประมาณสี่ห้าคน ทุกคนใส่ชุดโทนดำเหมือนกันหมด

ผมรีบก้มสำรวจตัวเองต่อ ผมยังอยู่ในชุดเดิม แต่ท่าทางดูคลุกฝุ่น สองเท้าถูกมัดติดกันด้านล่าง สองมือถูกมัดไพล่กันไว้ด้านหลังติดพนักเก้าอี้ 

สถานที่ที่ผมอยู่คือห้องขนาดไม่เกิน 30 ตารางเมตร ไม่มีหน้าต่างมีแค่ช่องลมเล็กๆ อยู่สูงขึ้นไปเกือบชิดเพดาน เฟอร์นิเจอร์มีเพียงชิ้นเดียวคือเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่ แสงสว่างมาจากดวงไฟดาวไลท์สี่ดวงด้านบน ผมมองไปทางพวกมัน

“พวกนายเป็นใคร จับฉันมาทำไม”
ผมถามเสียงเครียด

ซันไรส์กับเอ็ดเวิร์ดล่ะ พี่หมออีก นี่มันเกิดอะไรขึ้น

“อย่าเพิ่งตกใจไปหนุ่มน้อย”
ไอ้คนที่บีบคางผมเมื่อกี้เดินเข้ามาหาอีกรอบ มันเกลี่ยปลายนิ้วตามแนวกรามผมเบาๆ จนผมขนลุก มันจุ๊ปาก

“ผิวน้องนี่ลื่นดีจริงๆ มิน่าล่ะ ไป่หลงถึงได้หวงนักหวงหนา”

“พวกนายเป็นใคร” ผมถามอีกรอบ “ต้องการอะไรกันแน่”

มันหัวเราะ แต่ไม่ตอบอะไร หนึ่งในนั้นเดินเข้ามาใกล้ ปากเคี้ยวต้นหญ้าไว้หยับๆ

ชาติก่อนมึงเคยเป็นควายรึไง ถึงได้ชอบเคี้ยวหญ้า
มันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า มองมาด้วยสายตาเย็นชา

“พวกเราคือแบล็คดราก้อน เป็นเพื่อนสนิทกับไวท์ดราก้อน”

ผมทำหน้างง มังกรขาวมังกรดำ มาเกี่ยวอะไรกับผม

“พอดีไป่หลงเป็นเสี้ยนหนามชิ้นใหญ่ที่เราต้องจัดการ”

ผมใจหายวูบ

“แต่ก่อนจัดการ เราต้องการอะไรจากมันซะก่อน และการจะทำให้มันยอม เราต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”

ผมหัวเราะ
“บ้าไปแล้วพวกนาย จับผิดคนเหอะ เฮียคงไม่ยอม ฉันเป็นแค่คนที่ถูกจับพลัดจับผลูให้มาแต่งงานกับเขา เขาคงไม่ยอมแลกเปลี่ยนอะไรทั้งนั้นหรอก”

มันหัวเราะ ส่ายหน้าไปมา

“หนุ่มน้อย เธอคงไม่รู้ซินะว่าไป่หลงหลงเธอขนาดไหน รายนั้นน่ะยอมได้ทุกอย่างเพื่อแลกให้เธอมีชีวิตรอด และตอนนี้ไป่หลงก็ยอมทำตามข้อเสนอของเราแล้ว”

ผมนิ่งไป
นี่บ๊วยมันยอมจริงๆ เหรอ หรือว่าเป็นแค่แผนลวงกันแน่

มันไม่พูดอะไรอีก หันหลังเดินออกไป พวกที่เหลือพากันหันพรึ่บก้าวตามไปติดๆ  ผมนึกอะไรได้รีบตะโกนถาม

“เดี๋ยว พี่หมอล่ะ ซันไรส์เอ็ดเวิร์ดพวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง!!”

ไม่มีใครสนใจหันกลับมามองอีก แล้วประตูบานนั้นก็ปิดตัวลง ผมกวาดมองไปรอบๆ อีกครั้งด้วยความหวาดหวั่น

ป๊าม้า อาเฮีย ช่วยอั๊วด้วย

ผมนั่งอยู่แบบนั้นจนรู้สึกหิว ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง ไอ้ผู้ชายที่บีบคางผมโผล่หน้าเข้ามา มาพร้อมถาดอาหาร มันเดินนิ่งๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้า วางถาดไว้ที่พื้น ในนั้นมีเพียงน้ำเปล่าหนึ่งขวดกับเค้กกล้วยหอม มันยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ชักมีดโบวี่ออกจากเอว มันวาววับจนผมเสียวไส้

“จะทำอะไร”
ผมถามหวาดๆ มันยกยิ้ม แตะมีดเล่มนั้นกับแก้มผม ลากต่ำไปที่ลำคอ ผมไม่ติงกายแม้แต่นิดเดียว กลัวคมมีดมันจะเฉือนผิวเนื้อเอา มันเลื่อนปลายมีดต่ำลงไปยังคอเสื้อ มีดมันคมสุดๆ จนได้ยินเสียงผ้าที่ขาดออกจากกัน

ผมหลับตาลงด้วยความเสียวไส้ นึกผวาหวาดว่ามันจะจิ้มผมลงตรงไหนให้ผิวเนื้อทะลุ

“อย่า...”
ผมร้องขอเสียงแผ่ว ตัวสั่นสะท้านไปหมด มันกรีดมีดต่ำลงเรื่อยๆ จนถึงหน้าท้อง มันชะงักเมื่อมีใครอีกคนเปิดประตูเข้ามา

“อย่าคิดทำอะไรแผลงๆ ก่อนได้รับอนุญาต รีบเอาของให้มันกินแล้วออกไป”

คนตรงหน้าผมทำหน้าไม่พอใจ เก็บมีดลงกระเป๋า เดินอ้อมไปแก้มัดให้ มันชักมีดออกมาอีกรอบ จี้ไว้แถวๆ ต้นคอกระซิบพูดแผ่ว

“อย่าตุกติก ไม่งั้นเลือดกระฉูดแน่”

ผมกลืนน้ำลายลงคอ พยักหน้ารับ มันชักมีดกลับ เดินอ้อมไปหยิบน้ำกับเค้กกล้วยหอมมายัดใส่มือ

“ให้เวลา 5 นาที”

ผมตาโต รีบฉีกเค้กกล้วยหอมออกกัดกิน สลับกับดื่มน้ำแก้กระหาย ไม่เกินห้านาทีตามที่มันให้ผมก็กินหมด

พอเรียบร้อยมันก็จับผมมัดไว้เหมือนเดิม คนที่เปิดเข้ามาใหม่ยืนกอดอกคุมอยู่แถวๆ หน้าประตู

พอมั่นใจว่าแน่นหนาดีแล้วมันก็ขยับมายืนอยู่ตรงหน้า เกลี่ยแก้มผมแผ่วเบา ลากมือผ่านลำคอ เลียปากตัวเอง ทำหน้าหื่นใส่ พูดกระซิบ

“ไว้มีโอกาสเมื่อไหร่ พี่จะทำให้เธอเห็นสวรรค์ชั้นเจ็ดแน่ๆ”

“ไปกันได้แล้ว!”
คนด้านหลังตะโกนเตือน ไอ้คนที่อยู่ตรงหน้าผมจิ๊ปากทำหน้าหงุดหงิด ยืดตัวขึ้น แล้วมันก็หันหลัง หยิบถาดเดินออกไป

“นี่เดี๋ยว พี่หมอกับพวกซันไรส์ คนที่นั่งรถมากับฉันล่ะ พวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง”
ผมรีบตะโกนถามก่อนที่พวกมันจะพากันเดินออกไป พวกนั้นหยุดกึกหันมามอง ยกยิ้ม

“คนที่เราต้องการ มีเพียงเพื่อนสนิทกับเมียของไป่หลงเท่านั้น ที่เหลือเราคงไม่เลี้ยงไว้”

ผมใจหายวูบ งั้นพวกซันไรส์กับเอ็ดเวิร์ดก็ตายกันหมดแล้วน่ะสิ

“แล้วตอนนี้พี่หมออยู่ไหน”
ผมรีบถามหาคนที่เหลืออยู่ทันที พวกมันไม่ตอบ พากันก้าวจากไป

“เดี๋ยว เดี๋ยว!!”
ผมพยายามตะโกนเรียก

“โธ่ พี่หมอ”
ไม่รู้ว่าพี่หมออยู่ในสภาพไหน โดนทำร้ายหรือเปล่า ใจหายด้วยที่รู้ว่าพวกซันไรส์ตายแล้ว

ผมมองไปรอบๆ เพื่อหาทางหนีทีไล่ แต่ทั้งห้องทางออกมีแค่ประตูกับช่องลมสูงลิบเท่านั้น 

ผมนั่งอึดอัดต่อไปอีกนานแค่ไหนไม่อาจเดาได้ กระทั่งประตูเปิดออกอีกรอบ คนกลุ่มเดิมพากันเดินเข้ามา พวกมันแหวกทางออกเป็นสองแถว ก้มหัวพร้อมกันดูเป็นระเบียบ สักพักก็เห็นชายแก่สองคนเดินผ่ากลางเข้ามา ๆ น่าจะเป็นคนจีนแท้ๆ
มันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า 

“อื้อ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไป่หลงหลงนักหลงหนา ถึงเป็นผู้ชายก็มีเสน่ห์ไม่น้อย”
มันพูดภาษาจีนครับ แต่ผมฟังออก

“ไป่หลงทำแบล็กดราก้อนไว้แสบมาก มันผู้นั้นต้องชดใช้”
มึงใช้สำนวนย้อนยุคมากเลยเหอะไอ้แก่หัวเทา

ผมมองพวกมันหวาดๆ

“คุมไว้ให้ดี”
ไอ้แก่หัวเทาพูดเสียงเข้มแค่นั้น ทุกคนก้มหัวให้ รับคำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แล้วไอ้แก่สองคนนั้นก็ก้าวนำออกไป ปิดท้ายด้วยลูกสมุน หัวใจผมไหวแรงด้วยความหวาดหวั่น

ผ่านไปพักใหญ่ก็มีคนเอาข้าวมาให้อีก ไม่ใช่คนเดียวกับไอ้หื่นเมื่อตอนกลางวัน แต่คนนี้ท่าทางดูโหดกว่า น่าจะเป็นข้าวเย็น เพราะแสงที่ลอดผ่านช่องลมเริ่มจางลงแล้ว 

“ฉันปวดฉี่” ผมรีบบอกก่อน เพราะปวดฉี่จะแย่อยู่แล้ว มันไม่พูดอะไร วางถาดข้าวไว้ แก้มัดผมทั้งมือและเท้า จับต้นแขนแรงพาก้าวออกจากห้องตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ห่าง ระหว่างทางมีพวกมันคุมอยู่เกือบสิบราย

มันผลักผมแรงเมื่อถึงที่หมาย

“เร็วๆ”
มันพูดเสียงเหี้ยม ผมรีบทำธุระส่วนตัวทันที ห้องน้ำโสโครกมาก ไม่มีช่องระบายอากาศแม้แต่นิดเดียว พอเรียบร้อยมันก็ลากผมกลับเข้าห้องขังไปตามเดิม บังคับให้ผมกินข้าว ผมรีบกินทันทีเพราะความหิวโหย

ในชีวิตตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยตกระกำลำบากแบบนี้มาก่อนจริงๆ

นึกเจ็บใจตัวเอง นี่ถ้าผมเชื่อฟังไอ้บ๊วยมันหน่อยไม่กลับบ้านตอนนี้เหตุการณ์แบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น พี่หมอก็ไม่ต้องมาพลอยเดือดร้อนไปด้วย พวกซันไรส์ก็ไม่ตาย หนำซ้ำยังไม่รู้ว่าบ๊วยมันจะเจอกับอะไรบ้างถ้าทำตามข้อเสนอของพวกมัน

พอผมกินอิ่มมันก็จับผมมัดไว้อีกรอบ ก้าวเดินออกไป ผมกลับมาอยู่กับความเงียบอีกครั้ง ใจหวนคิดไปถึงหน้าป๊าหน้าม๊า ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กลับไปพบพวกท่านอีกไหม คิดถึงไอ้บ๊วยมันด้วย แม้จะเคืองกับเรื่องที่ผ่านมา แต่เวลานี้ ผมอยากให้มันมาช่วยผมจริงๆ 

“อาเฮีย”
ผมครางเรียกมันเสียงเบา พยายามกดก้อนสะอื้นที่ตีตื้นขึ้นมา

นี่ไม่ใช่เวลามาอ่อนแอนะหงส์ซาน นั่งรอคอยความช่วยเหลือเฉยๆ ไม่ใช่วิถีลูกผู้ชาย ลูกชายป๊า น้องชายอาเฮีย เมียไอ้บ๊วยต้องไม่ใช่คนอ่อนแอ

ผมฮึดสู้อีกรอบ พยายามระลึกถึงวิธีหนีเอาตัวรอดจากคลิปสอนการต่อสู้ที่เคยดูมา

หลักสูตรที่หนึ่ง ต้องกระแทกให้เก้าอี้ล้มจนแตก จะได้แก้เชือกหรือใช้คมของมันกรีดเชือกได้ ผมทดลองขยับ

อ้าว มันเป็นเก้าอี้ที่ถูกเชื่อมติดไว้กับพื้นครับ ขยับไม่ได้แม้แต่แอะเดี๋ยว

โอเค วิธีที่หนึ่งไม่ได้ผล

งั้นลองเคลื่อนไหวมือเพื่อให้เชือกคลาย ผมพยายามบิด แต่แค่เดี๋ยวเดียวก็ต้องยอมแพ้ เพราะเชือกมันเริ่มบาดข้อมือจนเจ็บ

ผมนั่งทบทวนกระทั่งความง่วงเข้ามาแทนที่ เมื่อยด้วย นั่งท่าเดียวมาทั้งวัน ไม่เป็นไร นอนหลับสักงีบ เผื่อตื่นขึ้นมาแล้วได้ไอเดียดีๆ ในการหนี
 
To be Con...

วิถีลูกผู้ชาย ลูกชายป๊า น้องชายอาเฮีย เมียไอ้บ๊วยต้องไม่ใช่คนอ่อนแอ (หึ ๆ รู้ไหมตัวเองพูดอะไรออกมาน้องหงส์) กรี๊ดดดด ไม่รู้ว่าน้องหงส์จะหนีออกไปได้เอง หรือว่าบ๊วยมาช่วย จริง ๆ อยากเขียนให้มันบู๊ล้างผลาญสุด ๆ แนวมาเฟียแรง ๆ ไปเลย แต่แลจะไม่ใช่แนว เพราะงั้น พอกรุบกริบนะคะ -,.-







ข่าวสารและนิยายเรื่องอื่นๆ: https://goo.gl/WbWxt8
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][17-7-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 17-07-2017 20:19:22
หงส์เอ้ย...จะเป็นอะไรรึป่าวเนี่ย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][17-7-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 17-07-2017 20:33:25
โอ๊ยยยหนูหงส์เอ๊ยย ทำไมไม่เชื่อสามีล่ะลูก ขอให้ปลอดภัยทุกคนนะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][17-7-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-07-2017 21:03:57
ตื่นเต้นให้หัวใจทำงาน
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][17-7-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-07-2017 21:29:42
 :hao7:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][17-7-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 17-07-2017 22:42:30
เหวี่ยงแล้ว...แงงงงงงงงง :z3:

อาหงส์
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][17-7-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 17-07-2017 22:43:58
หงส์ดื้อจัง ให้เฮียจับมาลงโทษให้เข็ด :katai1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][17-7-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-07-2017 08:13:33
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][17-7-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: hamony ที่ 18-07-2017 11:11:10
มาต่ออีก 50% นะคะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][17-7-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 18-07-2017 12:21:52
น้องหงส์ไม่น่าดื้อกับอาเฮียเลย ขอให้ปลอดภัยน้าา
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][17-7-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 18-07-2017 16:35:59
เปนไงล่ะ น้องหงงงงง
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][17-7-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-07-2017 21:37:04
ถอนหายใจแรงงง
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][17-7-2017] 50%
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 18-07-2017 22:18:37
ว่าละ ว่าความดื้อของหงส์ต้องนำเรื่องมาให้ นี่อยากจับหงส์มาดัดนิสัยตั้งแต่ต้นเรื่องละ คนอะไรจะดื้อได้ขนาดนี้!!  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][19-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 19-07-2017 20:39:53
ก็น่าจะบอกสถานการณ์ให้ตัวยุ่งรู้หน่อยนะ เผื่อจะได้ระวังตัว แต่อย่างหงส์ถึงรู้ก็คงคิดว่าไม่เป็นรัยมั้ง  :hao4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][19-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-07-2017 20:42:26
เครค่ะกรุบกริบก้อดีนะใจจะขาดละ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][19-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 19-07-2017 20:50:07
 :ling1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][19-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-07-2017 20:53:55
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][19-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-07-2017 20:54:55
 :katai5:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][19-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 19-07-2017 21:46:17
งานงอก!!!
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][19-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 19-07-2017 23:14:55
ค้างมากกก อาเฮียรักหนูขนาดนี้รู้ตัวได้แล้วนะลูกกก
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][19-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 20-07-2017 07:01:46
ยอมรับแล้วสิว่าเป็นเมียเฮียอะ ใจเย็นเดี๋ยวเฮียมาช่วยย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #22 วิกฤติ [P.15][19-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 20-07-2017 13:19:04
หลับเอาแรงก่อนค่าน้องหง
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][24-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 20-07-2017 19:58:42
หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ

 ไม่รู้ว่าผมม่อยหลับไปนานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีเพราะประตูห้องเปิดออก มีผู้ชายสองคนเดินหน้าทมึนเข้ามา คนหนึ่งกระชากดึงสก็อตเทปชิ้นใหญ่ปิดมารอบปาก อีกคนแก้มัดที่ขา หลังจากนั้นมันก็คลุมหัวผมด้วยถุงผ้าขนาดใหญ่ หิ้วปีกผมคนละข้างลากให้เดินตาม ผมมองไม่เห็นอะไรแล้วนอกจากแสงวับแวมแถวๆ ปากถุง

ผมเคยอ่านเจอ เราสามารถใช้ลิ้นดันสก็อตเทปออกได้ ผมลองทำดู 
 
ถุย!
ใครบอกว่าเอาออกได้วะ!
 
ถ้าแปะสั้นๆ แบบในหนังก็น่าจะเอาออกได้ง่ายๆ อยู่หรอก แต่นี่มันแปะมาซะยาว อย่าว่าแต่ใช้ลิ้นดันออกเลย จะขยับปากยังลำบาก
 
ผมร้องอู้อี้ในลำคอ พวกมันลากกระทั่งพาผมมาหยุดอยู่ยังที่หนึ่ง ผมไม่รู้ว่าที่ไหน เพราะยังมองไม่เห็น

“หงส์!” ได้ยินเสียงเรียกจากใครสักคน ถ้าจำไม่ผิดนั่นมันเสียงของไอ้บ๊วยนี่
 
“อาเอีย”
ผมร้องอู้อี้ผ่านสก็อตเทปและผ้าคลุม
 
“ปล่อยเมียกับเพื่อนฉันไป คนที่นายต้องการตัวไม่ใช่พวกเขาแต่เป็นฉัน”
 
ไม่นะ!!
 
ผมใจหายวูบ นี่บ๊วยมันยอมเอาตัวมาแลกกับผมจริงๆ เหรอ
 
“อ่าอะเอีย” (แปลนะครับ สำหรับคนที่อ่านเสียงอู้อี้ของผมไม่ออก ‘อย่านะเฮีย') แล้วก็พยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดหวังวิ่งไปหาต้นเสียง
 
“หงส์ อย่าขัดขืน เดี๋ยวเจ็บตัว”
บ๊วยมันตะโกนสั่ง ผมเบรกกึก
 
เดี๋ยวนะ เมื่อกี้บ๊วยมันบอกว่าให้ปล่อยเมียมันกับเพื่อน งั้นพี่หมอก็ต้องอยู่แถวๆ นี้น่ะสิ
 
“อี่อ๋อ”
(แปลอีกทีนะครับ ‘พี่หมอ’) ผมหันรีหันขวางเพื่อมองหาพี่หมอ แต่ไม่มีเสียงตอบรับ
 
“สิ่งที่พวกแกต้องการอยู่ตรงนี้ และตัวฉัน”
 
“ไอ่อะ!!”
ผมตะโกนเรียก
 
ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ
 
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เดี๋ยวจะให้เห็นหน้ากันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะไม่ได้เจอหน้ากันอีกตลอดชีวิต”
 
แล้วอยู่ๆ ผ้าที่คลุมหัวผมอยู่ก็หลุดออกไป ผมหลับตาเพราะความสว่างแบบไม่ได้ตั้งตัว มองไปตรงหน้า เห็นไอ้บ๊วยมันยืนอยู่ ถัดไปเป็นสมุนของมันบางส่วน 
 
“อาเฮีย!!”
ผมจะถลาเข้าไปหา แต่ถูกยึดจับแน่น
 
“อย่าดิ้นหงส์ซาน เดี๋ยวเจ็บตัว”
มันบอกผมเรียบๆ ผมมองไปรอบๆ จนมาสะดุดยังคนที่ถูกคลุมหัวไว้เหมือนกัน มันถลกผ้าคลุมออก คนที่อยู่ภายในคือพี่หมอครับ สภาพไม่ต่างกับผมเลย หัวยุ่งหัวฟูไปหมด

“อี่อ๋อ” ผมเรียก พี่หมอมองตาผม ไม่พูดอะไร ท่าทางดูสุขุมสุดๆ พอๆ กับไอ้บ๊วยมันตอนนี้แหละ คงมีผมคนเดียวที่กำลังร้อนเป็นไฟ

“ยื่นหมูยื่นแมว” บ๊วยมันพูดกับคนที่น่าจะเป็นนายใหญ่ของแบล็คดราก้อน

ผมรีบส่ายหัวครางห้ามในลำคออู้อี้

“หึ ได้สิ” แล้วคนของมันก็ผลักผมกับพี่หมอไปทางนู้น สวนทางกับไอ้บ๊วยที่เดินเข้ามาแทนที่ ผมล้มลงกับพื้นทันทีพอๆ กับพี่หมอ

คนของไอ้บ๊วยรีบวิ่งเข้ามาช่วยกันแก้มัด ผมรีบดึงสก็อตเทปออกเมื่อมือเป็นอิสระ

“อาเฮีย!!”
 
บ๊วยมันถูกรวบจับไพล่หลัง ผมถลาจะเข้าไปหา แต่ถูกพี่หมอยึดจับไว้
 
“ใจเย็นหงส์ซาน”
 
“เย็นได้ไง อาเฮียถูกจับ”
ผมไม่ฟังใครทั้งนั้น ถลาจะเข้าไปหาอีกรอบ แต่ถูกยึดจับแน่น
 
“หงส์ซาน!!”
บ๊วยมันตะโกนเรียกผมเสียงดัง ผมชะงักกึกมอง
 
“อย่าเข้ามา อยู่กับไอ้หมอไป”
 
“แหมๆ ๆ อย่ามาสวีทหวานแหววกันตรงนี้สิ เพราะถึงยังไง พวกแกก็ต้องไปลงนรกขุมเดียวกันอยู่ดี”
ไอ้แก่หัวดำ(สงสัยเพราะย้อม) ยกมือให้สัญญาณ หลังจากนั้นไม่กี่วิก็มีผู้ชายสวมชุดโทนดำวิ่งเข้ามาโอบล้อมเต็มไปหมดพร้อมปืนในมือคนละกระบอก ผมรีบไถลตัวเข้าหาพี่หมอทันทีด้วยความตระหนก
 
“พวกแกเล่นไม่ซื่อ ไม่ทำตามกติกา”
ไอ้บ๊วยมันกัดกรามพูด
 
ไอ้แก่นั่นหัวเราะหึๆ พยักหน้า คนของมันผลักไอ้บ๊วยกลับมาทางผมตามเดิม
 
“อั๊วชอบเวลาเห็นคนโดนบดขยี้” มันพูดเหี้ยมๆ
 
พวกเราถูกล้อมจนต้องหันหลังชนกัน ผมเข้าประชิดบ๊วยมันที มันกอดผมไว้แน่น ได้ยินเสียงพี่หมอกระซิบ
 
“ไม่น่าจะไหวว่ะพวก เก่งขนาดไหน ไม่เกินนาที พวกเราจะกลายเป็นโดนัท มีรูกันทุกคน”

“ถ้าฉันมีรูจริงๆ ยังไงก็ฝากอุดรูให้ด้วย ทุกคนหมอบ!!” สิ้นเสียงไอ้บ๊วย มันก็จับผมนอนคว่ำกับพื้นทันที ตามมาติดๆ ด้วยเสียงปืนดั่งสนั่น มาจากทิศไหนกันบ้างก็ไม่รู้ ผมไม่กล้าขยับเลยแม้แต่เซ็นต์เดียว เหนือผมขึ้นไปคือไอ้บ๊วยที่คร่อมทับลงมาทั้งร่าง

หลังจากนั้นมันก็ฉุดผมให้ลุกขึ้น ลากออกไปจากจุดนั้น ผมตาโต มองอดีตมนุษย์ที่นอนเกลื่อนเลือดแดงฉาน เสียงปืนยังดังไม่หยุด มันลากผมไปหลบอยู่ข้างกำแพง ชักปืนออกมายิงเหมือนกัน

“พี่หมอล่ะ”
ผมรีบถามหา แต่บ๊วยมันไม่ตอบ กดหัวผมแนบอก ผมรีบเอามืออุดหูเพราะเสียงปืนที่ดังใกล้ๆ จนหูแทบแตก ผมถูกพาลากออกไปจากจุดเดิม วิ่งซิกแซกหลบลูกปืน
 
เสียงปืนยังดังตามมาไม่หยุด บางนัดเหมือนเฉียดเราไปแค่ฝ่ามือ วิ่งไปสักพักก็เห็นวิกเซอร์กับเอ็ดเวิร์ดวิ่งเข้ามาประกบ
 
“เจ้านาย!”
วิกเซอร์เรียก ผมถึงเห็นว่าแขนข้างที่มันพยายามใช้ฉุดผมมีเลือดออก
 
“เฮีย! เฮียถูกยิง”
ไม่มีใครสนใจความตระหนกของผม บ๊วยมันกดหัวผมอีกรอบ กราดยิงคู่ต่อสู้
 
“เอ็ดเวิร์ดพาเจ้านายไปทางนู้น”
วิกเซอร์บอก มันถือปืนไว้ทั้งสองมือ ยิงกราดออกไปเมื่อเจอศัตรู ผมเหงื่อแตกพลั่ก หวาดกลัวลูกปืนด้วย ตกใจเรื่องที่บ๊วยมันถูกยิงด้วย 
 
พวกเราถูกพาวิ่งออกไปหลบยังมุมหนึ่งของซอกตึกพร้อมเอ็ดเวิร์ด สักพักวิกเซอร์ก็วิ่งเข้ามาหา เหน็บปืนเข้าซองด้านในของเสื้อแจ็กเก็ต ล้วงหยิบบางสิ่งออกมาแทน มันเป็นซองพลาสติกครับ แบบมีซิปล็อก วิกเซอร์ดึงซองสีเทาๆ ออกมา มีตัวหนังสือเขียนไว้ แต่ผมอ่านไม่ทันว่ามันคืออะไร ฉีกด้วยปาก ถลกเสื้อบ๊วยตรงหัวไหล่ลงจนเห็นต้นแขนและรอยแผลได้ชัดๆ เลือดยังไหลไม่หยุด ขืนไหลมากไปกว่านี้มีหวังเลือดออกหมดตัวตายแน่ๆ
 
“แสบหน่อยนะครับ”
วิกเซอร์บอก บ๊วยพยักหน้า มันราดผงนั้นลงบนแผล บ๊วยกัดกรามแน่น ผมนั่งร้อนรนอย่างไม่รู้ว่าจะช่วยเหลืออะไรยังไงดี พอเรียบร้อยวิกเซอร์ก็ดึงเสื้อขึ้นมาใส่ให้ตามเดิมโดยไม่แตะต้องอะไรแผลนั้นอีก ให้เดาน่าจะเป็นผงเพื่อหยุดการไหลของเลือด
 
“พวกลอร่ากำลังมาช่วย เจ้านายอยู่ตรงนี้ก่อน ผมจะออกไปดูสถานการณ์สักครู่ เอ็ดเวิร์ดนายอยู่นี่นะ”
 
“เดี๋ยววิกเซอร์ อย่าออกไป อันตราย!!”
ผมตะโกนเรียกได้เท่านั้น เอ็ดเวิร์ดขยับเข้ามาดูแลต่อ ผมก้มมองตาม ตอนนี้มันห่วงหน้าพะวงหลัง ห่วงบ๊วยก็ห่วง ห่วงทุกคนก็ห่วง
 
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเอ็ดเวิร์ด”
ผมถามคนของมัน 
 
“ผมไม่อยู่ในฐานะที่จะเล่าได้”
ได้ยินเสียงปืนดังอยู่ใกล้ๆ เอ็ดเวิร์ดขยับปืน
 
“คุณหงส์อยู่นี่นะครับ ผมจะออกไปดูลาดเลา”
 
“เดี๋ยวเอ็ดเวิร์ด!”
ผมร้องเรียกตามหลัง
 
คราวนี้ภายในตรอกมืดจึงเหลือแค่ผมกับบ๊วยมันสองคน สภาพของมันตอนนี้เหมือนคนโดนยา ปากซีด แต่เลือดหยุดไหลแล้ว
 

“เป็นไงบ้างเฮีย เจ็บมากไหม”
ผมถามด้วยความเป็นห่วง มันมองหน้าผม เกลี่ยเส้นผมให้แผ่วเบา
 
“หงส์บาดเจ็บตรงไหนไหม”
 
ผมส่ายหัวร่อน
 
“ไม่เลย แต่เฮียเจ็บ พี่หมอก็ไม่รู้อยู่ไหน”
 
มันดึงผมเข้าไปกอดแน่น ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงดิ้นหนี แต่ตอนนี้ผมเหลือมันแค่คนเดียวแล้ว
 
“เฮียอย่าตายนะ”
ผมบอกเสียงเครือ กลัวมันตายจริงๆ ครับ ให้ผมหย่ากับมันดีกว่าเป็นม่ายเพราะผัวตายแบบนี้
 
“เฮียไม่ตายง่ายๆ หรอก เฮียอยากอยู่กับหงส์ไปนานๆ”
 
“สัญญาแล้วนะ”
 
“สัญญา” มันกระชับกอดผมแน่นขึ้น “แล้วหงส์ล่ะ อยากอยู่กับเฮียไหม หรืออยากให้เฮียตายมากกว่า”
 
ผมส่ายหัวกับอกมัน
 
“ไม่อยากให้ตาย ไม่เห็นแก่อั๊วก็ให้เห็นแก่ป๊าม้าที่เลี้ยงเฮียมา ท่านคงเสียใจ”
 
“เฮียอยากให้หงส์ต้องการเฮีย ถ้าหงส์ไม่ต้องการ เฮียขอตายดีกว่า”
 
“บอกแล้วไงว่าอย่าตาย ห้ามตายเด็ดขาด”
 
“งั้นหงส์ต้องอยู่กับเฮียนะ เลิกคิดที่จะหย่ากับเฮียด้วย”
 
ผมพยักหน้ารัวๆ ตอนนี้ขอรักษาชีวิตมันไว้ก่อน มันกระชับกอดผมแน่นขึ้น ผมก็โอบกอดมันไว้ เสียงปืนทิ้งระยะห่างลงเรื่อยๆ กระทั่งวิกเซอร์กับเอ็ดเวิร์ดวิ่งกลับเข้ามาใหม่
 
“เจ้านายเป็นยังไงบ้าง”
 
“ฉันโอเค เห็นหมอไหม”
 
“ไม่เห็นเลยครับ ซันไรส์อาจช่วยลากไปที่อื่นแล้ว”
 
ผมตาโต
 
“ซันไรส์ยังไม่ตายเหรอ”
 
“ยังครับ”
 
ผมยิ้มด้วยความดีใจ แต่ก็ยังใจหายเพราะตอนนี้ยังไม่ได้ข่าวของคนทั้งคู่
 
“สถานการณ์ตกเป็นของเราแล้วครับ ลอร่ามาถึงแล้ว”
 
ลอร่า?
 
“เชิญครับ เรารีบออกไปจากที่นี่เถอะ ที่เหลือให้ลอร่าจัดการ”
 
บ๊วยมันพยักหน้า เอ็ดเวิร์ดรีบเข้ามาพยุงตัวบ๊วยขึ้น โดยมีผมคอยพยุงอีกด้าน วิกเซอร์ทำหน้าที่คุ้มกัน
 
“เจ็บไหม”
ผมถามด้วยความเป็นห่วง มันยิ้ม หอมแก้มผมเบาๆ
 
“ชื่นใจ”
 
“ไอ้บ้า กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน”
 
มันหัวเราะ ร้องโอ๊ยเบาๆ เมื่อเอ็ดเวิร์ดพาเดินเร็วขึ้น สักพักเราก็หลบออกมานอกตัวตึก มีรถวิ่งเข้ามาจอดตรงหน้า วิกเซอร์รีบวิ่งไปเปิดประตู เอ็ดเวิร์ดพยุงบ๊วยเข้าไปนั่ง ผมตามเข้าไปติดๆ เอ็ดเวิร์ดวิ่งอ้อมไปขึ้นอีกด้าน วิกเซอร์นั่งหน้าคู่คนขับ แล้วรถของเราก็เคลื่อนที่ทันที วิกเซอร์วอล์รายงานว่าเจ้านายปลอดภัยแล้ว กำลังจะพาไปหาหมอ ถูกยิงอาการไม่สาหัสที่แขน
 
ผมมองบ๊วย
 
หน้าซีดขนาดนี้ยังบอกว่าอาการไม่สาหัสอีกเหรอ
 
ผมนั่งประคองมันอยู่ไม่ห่าง
 
“คุณหงส์ครับ”
 
ผมหันไปมองคนเรียก เอ็ดเวิร์ดยื่นเสื้อแจ็กเก็ตของตัวเองมาให้ ตอนแรกงงว่าเอ็ดเวิร์ดให้ทำไม แต่พอรายนั้นพยักหน้ามาทางหน้าอกผมก็พอเข้าใจ เพราะเสื้อผมถูกไอ้หื่นนั่นมันกรีดจนเห็นพุง ผมบอกขอบใจ รับมาสวมทันทีรูดซิปจนถึงอก เสื้อมันตัวเบ้อเร่อเลย
 
ผมหันไปดูอาการไอ้บ๊วยต่อ
 
มันไม่ได้พาไปโรงพยาบาล แต่พาไปยังคลินิกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ลักษณะเหมือนบ้านมากกว่า คนดูแลเป็นคุณลุงแก่ๆ แต่หน้าตาดีคนหนึ่ง แกวิ่งออกมารับ บ๊วยถูกพาขึ้นรถเข็น แล้วหลังจากนั้น เอ็ดเวิร์ดก็กันผมออกมาทำให้ไม่เห็นการรักษาแล้ว
 
“ทำไมไม่พาไปโรงพยาบาล”
 
“ยุ่งยากเปล่าๆ ครับ ที่นี่รักษาดีกว่าโรงพยาบาลอีก”
 
“ดูไม่ออกเลยว่าเป็นคลินิก คิดว่าเป็นบ้านคนซะอีก”
 
“ก็บ้านนั่นแหละครับ เป็นคลินิกเพื่อการกุศล เปิดรักษาฟรีทุกวันเสาร์อาทิตย์ ท่านรอช่วยเหลือตลอดเวลาอยู่แล้ว”
 
“เขาเป็นใคร”
ผมรีบถาม เดินไปดูป้ายชื่อคุณหมอ
 
“คุณพ่อของคุณหมอกันต์ไงครับ”
 
ผมตาโต
 
“จริงเหรอ”
 
“ครับ”
 
“หน้าไม่เห็นเหมือนกันเลย”
 
“คุณหมอหน้าไม่เหมือนทั้งพ่อทั้งแม่นั่นแหละครับ ไปเหมือนคุณทวดสมัยหนุ่มๆ”
 
ผมพยักหน้าหงึกๆ
 
รอกันไม่นานก็เห็นบ๊วยมันเดินออกมา สีหน้าดีขึ้นแล้ว
 
“เดินไหวเหรอเฮีย ทำไมไม่แอดมิท”
 
มันยิ้ม
 
“เฮียเดินไหว นี่ลุงหมอกริน พ่อของหมอกันต์”
 
ผมยกมือไหว้ คุณลุงยิ้ม ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าไม่มีส่วนไหนคล้ายพี่หมอเลย
 
“แปลกใจที่พ่อลูกหน้าไม่เหมือนกันเหรอ”
 
ผมยิ้มแหะ แต่ที่เหมือนกันคงเป็นความฉลาดนี่แหละ
 
“เขาเหมือนคุณทวดน่ะ หล่อเกินหน้าเกินตาพ่อ”
 
ผมหัวเราะ รีบหันไปทางบ๊วยกับวิกเซอร์
 
“แล้วได้ข่าวพี่หมอรึยัง”
 
“ปลอดภัยแล้วครับ ซันไรส์ช่วยออกมาได้แล้ว”
 
ผมถอนหายใจโล่งอก
 
“แล้วพวกมันล่ะ”
 
“เกลี้ยง”
 
“หมายถึง...?” ผมถามงงๆ
 
“ไม่เหลือซากแม้แต่คนเดียว”
 
ผมตาโต
 
ลุงหมอหัวเราะหึๆ ถามสั้นๆ
 
“ลอร่าจัดการให้ใช่ไหม”
 
“ครับ”
วิกเซอร์ตอบรับเรียบๆ
 
“ถ้าลอร่าออกโรงเอง คิดว่าคงไม่เหลือแม้แต่เศษเนื้อ ปลาในทะเลคงอิ่มกันพิลึก”
 
ผมกลืนน้ำลายคงคอดังอึก
 
“เธอเป็นใครเหรอ”
ผมหันไปถามไอ้บ๊วยเบาๆ มันมองหน้าผมแต่ไม่ตอบอะไร
 
อะไรวะ ตอบหน่อยก็ไม่ได้


บ๊วยยืนคุยกับลุงหมออยู่พักใหญ่ก็ขอตัวกลับ
 
“เฮีย อั๊วเป็นห่วงพี่หมอ ได้ข่าวพี่หมออีกหรือเปล่า”
 
“จีพีเอสแจ้งไว้ล่าสุดคุณหมอกลับถึงบ้านแล้วครับ เดี๋ยวผมจะลองโทรหาอีกที”
แล้ววิกเซอร์ก็จัดการโทรออก ไม่ได้โทรเข้าเครื่องของพี่หมอหรอกเพราะโดนพวกมันยึดไปตั้งแต่โดนจับตัวแล้ว(ของผมด้วย) แต่โทรเข้าเครื่องของซันไรส์ รายนั้นรับสายรายงานกลับว่าพี่หมอปลอดภัยดี ตอนนี้กลับถึงบ้านแล้วเรียบร้อย
 
ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก หันกลับมามองสามีตัวเอง
 
“เล่าให้ฟังได้ไหม มันเกิดอะไรขึ้น”
 
บ๊วยมันมองตาผม ถอนหายใจเบาๆ
 
“ไว้กลับถึงบ้านแล้วเฮียจะเล่าให้ฟัง”
 
ผมพยักหน้า ใช้เวลาไม่นานพวกเราก็พากันกลับถึงบ้าน บ๊วยมันดูเพลียๆ ทุกคนในบ้านพากันเข้ามาสอบถามด้วยความเป็นห่วง ม้าบอกให้มันรีบขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อน จะต้มยาจีนตามมาให้ทีหลัง สั่งให้ผมคอยอยู่ดูแลปรนนิบัติ
 
พอขึ้นห้องได้ ผมรีบถอดแจ็กเก็ตของเอ็ดเวิร์ดออกเพราะมันค่อนข้างตัวใหญ่รุ่มร่าม เห็นบ๊วยมันกำลังพยายามปลดกระดุมเสื้อด้วยมือเดียว มันคงทำไม่ถนัด ผมเดินเข้าไปหามันทันที
 
“เดี๋ยวอั๊วช่วย”
มันหยุดมือลงกึก ยอมยืนนิ่งให้ผมทำดีๆ ผมค่อยๆ เลาะกระดุมเสื้อมันออกทีละเม็ดจนครบ ปลดเสื้อออกจากแขนมันทีละข้าง ตอนนี้บนต้นแขนข้างขวามีผ้าขาวพันไว้จนรอบ มีเลือดซึมออกมานิดๆ (หรือจริงๆ แล้วเป็นยาแดง?) โดนยิงข้างที่ถนัดด้วยสิ ทำอะไรเองคงไม่สะดวกเท่าไหร่
 
มันยิ้ม
 
“ยิ้มอะไร”
 
“ถ้าเจ็บตัวแล้วหงส์ดูแลเฮียดีแบบนี้ เฮียอยากบาดเจ็บทุกวันเลย”
 
“บ้า”
ผมอ้อมแอ้มด่า พอถอดเสื้อได้ผมก็ชะงัก กำลังคิดอยู่ว่าจะปลดท่อนล่างให้ด้วยดีไหม
 
แต่ขนาดเสื้อยังทุลักทุเล ด้านล่างก็คงไม่แพ้กัน ผมจัดการหลับหูหลับตาถอดเข็มขัดกับกางเกง แถมชั้นในให้ด้วยอีกต่างหาก รีบพันผ้าเช็ดตัวให้กันบางสิ่งโผล่
 
“ให้เช็ดตัวไหม อาบน้ำคงลำบาก”
 
“ถ้าหงส์อาบให้คงไม่ลำบาก คลุกฝุ่นกันตั้งเยอะ เฮียอยากล้างตัว”
 
“เช็ดตัวก็สะอาดเหมือนกัน”
 
“ทำเพื่อเฮียหน่อย นะ”
 
ผมหน้าร้อนผ่าว ไม่กลัวโดนมันทำอะไรหรอกครับ เดี้ยงขนาดนี้ ทำได้ก็บุญแล้ว แต่ผมไม่อยากสัมผัสผิวเนื้อมันเกินความจำเป็นต่างหาก
 
ผมไม่ตอบรับด้วยคำพูด เดินไปหยิบพลาสติกกันน้ำมาใส่แขนให้มัน จับต้นแขนพามันจะเดินเข้าห้องน้ำ แต่มันไม่ขยับ
 
“หงส์ไม่ถอดเสื้อผ้าออกล่ะ”
 
“อาบให้เฮียก่อน อั๊วอาบทีหลังได้”
 
“ถอดก่อน เดี๋ยวเสื้อผ้าเปียกหมด”
 
“ยังไงเสื้อตัวนี้ก็ต้องทิ้ง กางเกงต้องซัก เปียกช่างมันเถอะ”
 
“หงส์” มันสั่งเสียงเข้ม ผมมองมันตาขวาง แต่ก็ยอมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันเอว ถอดเสื้อทิ้งลงถังขยะ ถอดกางเกงทิ้งลงตะกร้าซัก
 
โธ่ เสื้อตัวโปรดผมด้วย
 
“จะปิดเฮียทำไม”
มันถามเมื่อผมถอดออกจนครบ
 
“อั๊วไม่ได้หน้าด้านแบบเฮียนี่”
ผมไม่ต่อความยาวสาวความยืด รีบพามันเดินเข้าห้องน้ำไป มันเดินไปหยุดอยู่ใต้ฝักบัว ผมเปิดน้ำให้ น้ำพากันไหลรินลงมารดตั้งแต่หัวจรดเท้า มันใช้มือข้างที่ไม่เจ็บลูบน้ำออกจากหน้า ยิ้ม แล้วก้มหัวให้ มันคงไม่ได้กำลังทำความเคารพผมอยู่หรอก คงบอกกลายๆ ให้ผมสระผมให้มากกว่า ผมหันไปหยิบแชมพูของมันเปิดเทใส่มือ แล้วนำไปใส่หัวมัน ขยี้ๆ พอเรียบร้อย มันก็ยกหน้าขึ้นไปล้างน้ำด้วยตัวเอง ใช้มือข้างเดียวเสยเพื่อไล่ฟองแชมพูทิ้ง
 
ขนาดตัวเยินยังหล่อเลยคนเรา
 
ตัวผมเริ่มเปียกเพราะน้ำที่กระเซ็นมาถูก ผมหันไปหยิบสบู่มาถูตัวให้ โดยเริ่มจากด้านหลังก่อน

ทำแต่งานเอาเวลาที่ไหนไปออกกำลังกายวะ กล้ามแน่นเชียว 
 
“ขนาดป๊า อั๊วยังไม่เคยทำแบบนี้ให้เลยนะ”
ผมพูดกับมันทางด้านหลัง
 
“ปลื้มใจจัง เฮียเสี่ยงชีวิตไปช่วยหงส์เชียวนะ”
 
ผมแก้มร้อนผ่าว เพราะงี้ไงถึงได้ยอมดูแลให้ขนาดนี้ ไม่งั้นไม่ยอมหรอก

ผมไม่ได้ตอบด้วยคำพูด เม้มปากตอบด้วยการกระทำแทน พอด้านหลังเรียบร้อยก็หันไปด้านหน้าต่อ ผมพยายามไม่มองต่ำลงไปด้านล่างที่บางส่วนกำลังหลับใหลอยู่ เสถามเรื่องอื่นไปหาเรื่องเบี่ยงเบนความกระดากตอนนี้
 
“เล่าให้ฟังได้รึยังว่าเกิดอะไรขึ้น”
 
“อาบน้ำก่อนสิ นี่ไม่ใช่เวลาเหมาะในการเล่านะ”
 
ผมย่นจมูกใส่ พอเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดมันก็เดินกลับไปยืนใต้ฝักบัวเพื่อล้างน้ำตัวด้วยตัวเอง ผมเก็บสบู่เข้าที่
 
“ดีนะที่เคยเห็นเขาอาบน้ำให้หมามาก่อน ถึงได้จำๆ มาอาบให้เฮียได้”
 
มันมะเหงกผมเบาๆ ที พอตัวสะอาด ผมก็หยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดให้ หยิบชุดคลุมมาใส่ให้ พามันเดินออกจากห้องน้ำ หยิบชุดนอนมาบริการสวมใส่ให้อีกต่างหาก
 
ดูแลกันแบบครบเซตจริงๆ
 
ผมพามันขึ้นเตียง แล้วกลับเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำต่อ ใช้เวลาไม่นานหรอกครับ ออกไปก็เห็นมันหลับไปแล้ว คงหลับด้วยฤทธิ์ยา ผมรีบแต่งตัว พอเรียบร้อยก็ได้ยินเสียงเคาะห้อง ผมรีบเดินไปดู ป๊าม้ากับบรรดาญาติพี่น้องมันพากันเดินเข้ามา 
 
“หลับแล้วเหรอ”
 
“ครับ ไม่รู้ว่าเพลียหรือว่าโดนฉีดยามาก่อนหน้าแล้วยาเพิ่งออกฤทธิ์”
 
“งั้นถ้าอีตื่นให้ลงไปบอกม้านะ ม้าจะอุ่นยาให้ใหม่”
 
ผมพยักหน้า
 
ทุกคนอยู่ดูอาการของมันนิดหน่อยก็พากันออกไปหมด
 
ผมพาตัวเองขึ้นไปนอนข้างๆ
 
วันนี้เป็นวันที่ผมเกือบจะไม่มีโอกาสได้กอดมันแล้ว ผมขยับไปสวมกอดมันเบาๆ มันกอดกลับ ผมเงยหน้ามองด้วยความแปลกใจ
 
“อ้าว คิดว่าหลับไปแล้ว ตื่นอยู่หรอกเหรอ”
 
“ไม่ได้หลับสักหน่อย”
 
“อ้าว แล้วเมื่อกี้”
 
“แกล้งนอนเฉยๆ เฮียไม่อยากกินยาจีน อีกอย่าง ไม่อยากให้ใครอยู่รบกวนนาน เวลานี้เฮียอยากอยู่กับหงส์นานๆ มากกว่า”
 
“ทุเรศว่ะ ทำตัวเป็นเด็กไปได้”
 
“เฮียแค่อยากอยู่กับหงส์นานๆ เท่านั้น”
พูดจบมันก็จับผมขึ้นไปนอนบนตัวด้วยแขนข้างที่ไม่บาดเจ็บ
 
“ระวังสิ ตัวเองบาดเจ็บอยู่นะ”
 
“งั้นหงส์ก็ต้องดูแลเฮียสิ เฮียขยับไม่ถนัด”
 
“จะให้ทำอะไร”
เพราะไม่รู้ว่ามันต้องการให้ผมดูแลยังไง
 
มันคลี่ยิ้ม เลื่อนมือข้างที่ไม่เจ็บมากดผมเบาๆ จนต้นขาผมสัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่างที่กำลังตื่นตัวเต็มที่พร้อมใช้งาน
 
ผมตาโต
 
“บ้าไปแล้วเฮีย!!!”
 
“หงส์สัญญาแล้วนะว่าจะดูแลเฮีย”
 
“ไม่ใช่แบบนี้”
 
“หงส์ เฮียบาดเจ็บอยู่ เฮียทนไม่ไหว หงส์ต้องช่วยเฮียนะ”
มันร้องขอด้วยท่าทีอ้อนๆ
 
ผมแก้มร้อนผ่าว
 
แล้วผมควรจะทำยังไงดี
 
ยืนยันแบบกระต่ายขาเดียวว่าไม่ทำ หรือว่าทำตามที่มันต้องการ เพราะวันนี้มันก็อุตส่าห์เสี่ยงชีวิตไปช่วยผมไว้
 
ผมจ้องหน้ามัน
 
ก่อนตัดสินใจ….



++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตัดสินใจทำอาร๊ายยย??

(อัพสั้นเนอะ /วิ่งหนีบาทาคนอ่าน) :z6:






ข่าวสารและนิยายเรื่องอื่นๆ: https://goo.gl/WbWxt8
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][20-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: zeroj ที่ 20-07-2017 21:06:50
ฉากนี้เอาใจเจ้ไปเลยค่ะ   เฮีย     o13

จะมีใครที่ยอมเสี่ยงชีวิตมาช่วย  ถ้าไม่ใช่คนที่รักกัน
หงส์ยอมรับใจตัวเองซะที    อย่าใจแข็งอีกเลย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][20-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 20-07-2017 21:14:24
อาเฮียเท่มากกกก หลงรัก ดูแลน้องหงส์ได้แน่ๆ มันต้องแบบนี้ สามีดีเด่น
พี่หมออยู่ไหน ซันไรส์มาช่วยปล่าววว
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][20-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-07-2017 21:19:46
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][20-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 20-07-2017 21:52:14
วุ๊ย...คงมีแต่อาหงส์สติแตกอยู่คนเดียว 

เห็นเฮียเจ็บเพราะมาช่วย น่าจะเลิกปากแข็งนะหงส์นะ 
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][20-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-07-2017 21:55:22
ตื่นเต้นๆ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][20-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 20-07-2017 23:21:27
พหมอก็อยู่กับแฟนสินะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][20-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 20-07-2017 23:52:06
จบงานหงส์ต้องตบรางวัลเฮียหนักๆน่ะคึๆ :oo1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][20-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 21-07-2017 08:50:58
หงษ์ ถ้าแกยังคิดว่าเฮียไม่รัก ชั้นนี่แล่ะจะบ้อกะโหลกแก

หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][20-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 21-07-2017 17:17:09
โอยยย เฮีย อย่าเปนอะไรไปน้าาา อ้อนเมียหน่อย :mew4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][20-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 22-07-2017 17:36:32
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][20-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 22-07-2017 22:35:18
เอาแต่ใจจนได้เรื่องนะหงส์เข้าใจความรู้สึกของซันไรส์ที่เตือนไป่หลงไว้ก่อนหน้านี้ หงส์เป็นจุดอ่อนชองไป่หลงจริงๆ แต่เบื่อความปากแข็งของทั้งหงส์และซันไรส์
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][23-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 23-07-2017 20:39:32
ใครอ่าลอร่า อาเฮียอธิบายน้องหงส์ด่วน คนอ่านด้วย 5555
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][23-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 23-07-2017 21:27:23
 หงส์ หย่าเหอะ เจ้ จะรอเสียบบ๊วยเอง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][23-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-07-2017 22:03:41
ได้โอกาสอ้อนเมียแล้ว
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][23-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 23-07-2017 22:28:57
หงส์รอดแล้ววว  :mew1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][23-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-07-2017 23:18:19
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][23-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-07-2017 02:07:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][24-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 24-07-2017 20:48:28
ค้างงง หนูหงส์พลีกายป่ะลูกก อิอิ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][24-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-07-2017 23:45:10
 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][24-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-07-2017 00:38:51
 :katai1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][24-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-07-2017 02:03:47
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #23 ช่วยเหลือ [P.15][24-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 25-07-2017 12:40:56
55555เฮียหื่นนนนนว่ะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.16][267-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 25-07-2017 20:44:42
Hongzan หงส์ซาน ตอนที่ 24 ปรนนิบัติพัดวี 

...

...


“ไม่ทำไม่ได้เหรอ”
ร้องขอแทน มันมองตาผม

“เฮียทรมานนะหงส์”

ผมกัดปาก จำใจ

ย้ำว่า ‘จำใจ’ ต้องเป็นฝ่ายดูแลมันตามหน้าที่ภรรยาที่ดี

อะเอ่อ...
แล้วผมควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี คือถ้ามันเป็นผู้หญิง ผมจะเริ่มถูกอยู่หรอก แต่นี่เป็นผู้ชายไง ผมเลยไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนอะไรยังไงดี แถมมันยังบาดเจ็บด้วย ถึงจะไม่สาหัสจนทำให้สามารถตอแหลหลอกคนในบ้านว่าร่อแร่ได้ก็ตาม

“เริ่มจากจูบ”
สงสัยมันจะรู้ว่าผมไปไม่เป็นถึงได้แนะกลายๆ

คือ ต่อให้แนะ ผมก็ไปไม่ถูกอยู่ดี ผมไม่ชำนาญในการเขมือบผู้ชายแบบมันนี่

“เริ่มได้แล้วหงส์ซาน”
มันเตือนมา ผมเม้มปาก จำต้องหลับหูหลับตาก้มหน้าลงไปหาปากมัน

เพียงแค่ผะแผ่วเท่านั้น แต่เหมือนร่างกายจดจำกันได้ พอได้แนบชิดมันก็เคลื่อนเข้าหากันอัตโนมัติ

ไม่ต้องแนะขั้นต่อไปแล้วครับ เพราะผมรู้วิธีเคลื่อนไหวร่างกายต่อจากนี้ดี ร่างกายผมร้อนต้านกระแสแอร์เย็นๆ ภายในห้อง เสื้อนอนของผมเป็นเสื้อยืด และตอนนี้บ๊วยมันก็แทรกมือข้างที่ไม่เจ็บเข้ามาลูบๆ คลำๆ จนผมอยากอ้อนให้มันเป็นฝ่ายขึ้นไปอยู่เหนือผม แต่รู้ว่าตอนนี้มันคงไม่สามารถขนาดนั้น

ส่วนล่างของมันชนชิดอยู่กับต้นขาผม

“พอเถอะ เฮียทนไม่ไหวแล้ว เฮียอยากกอดหงส์ตั้งแต่เห็นหงส์ในสภาพถูกมัดแล้ว”

“หื่น”
ผมด่ามันปนหอบ

“ก็หงส์ของเฮียน่ารักจริงๆ” มันเองก็หอบไม่ต่าง “ใครนะ กรีดเสื้อหงส์จนขาดแบบนั้นได้ ดีนะที่ยังไม่มีใครคิดทำอะไรหงส์ของเฮีย”

“ไม่มีใครเขาคิดหื่นแบบเฮียหรอก”

“น้อยไปน่ะสิ หงส์ไม่รู้หรอกว่าหงส์มีเสน่ห์ขนาดไหน”

“เฮียตาถั่ว”

มันหัวเราะหึๆ
ถึงจะมือเดียวแต่มันก็สามารถทำให้ผมตัวอ่อนเข่าอ่อนได้ มันเลื่อนมือจากยอดอกที่กำลังบีบสลับกันไปมาทั้งสองข้างแทรกเข้าไปยังเนินเนื้อด้านหลังของผม บีบคลึงเบาๆ กดลดขอบกางเกงลง

“ถอดเสื้อผ้าได้แล้วหงส์ซาน”

หน้าด้าน

ผมด่าทางสายตา แต่ก็ขยับลุกถอดกางเกงออก

“เสื้อด้วยสิ”

“ข้างล่างก็พอ”

“ไม่” มันส่ายหน้าไปมา “เฮียอยากเห็นทุกซอกทุกมุมของหงส์ จะสำรวจด้วยว่ามีใครมารังแกหงส์ของเฮียไหม”

“จะมีใครที่ไหนกล้ารังแก คนทำอั๊วเจ็บมีแต่เฮียคนเดียวนี่แหละ”

“นะ เฮียอยากเห็น”
มันอ้อนมาเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมจำต้องขยับลุกถอดเสื้อออก โยนทิ้งลงข้างเตียง

มันจ้องผมด้วยสายตาแวววาว

จ้องไม่ต่างกับตอนที่ผมโดนพวกแบล็คดราก้อนจ้อง

แต่แปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวหรือขยะแขยงแบบพวกนั้นมอง ตอนนี้ผมรู้สึกเขินอาย วาบหวิวยังไงบอกไม่ถูก

ผมนั่งเปลือยคร่อมอยู่บนพุงมัน สองเข่าชิดพื้น น้องผมตื่นตัวและผมกำลังใช้แขนตัวเองบังๆ ไว้อยู่ เดี๋ยวมันรู้ว่าผมเกิดอารมณ์เพียงแค่ถูกมันจ้อง

สายตามันลามเลียไปทั่ว แล้วมือมันก็ตามมาเลียต่อ มันเกลี่ยหลังมือเบาๆ จากหัวเข่าขวา ไล่สูงมาที่ต้นขา ลูบวนแถวๆ ท้องน้อยจนผมเผลอตัวหดเกร็งหน้าท้องวูบ หลังมือนั้นไต่สูงผ่านสะดือตามร่องท้องที่ไม่มีกล้าม(เพราะความขี้เกียจออกกำลังกาย)สูงขึ้นไปแถวซอกคอ มันลูบแก้มผมเบาๆ แล้วเกลี่ยกลีบปาก ทุกสัมผัสนั้นร้อนผ่าวราวกับโดนเปลวไฟไล่ลน

“หงส์เซ็กซี่”
มันเลื่อนมือต่ำลงมายังยอดอก วนหลังมือไปรอบๆ แล้วบีบขยี้เป็นการตบท้าย ผมครางฮือ จับมือมันไว้

เปล่า ผมไม่ได้จับมือมันออก แต่กดมือมันให้ขยี้หัวนมผมแรงๆ ต่างหาก
โอ้โห ผมแอบซาดิสม์ว่ะ

น้องผมตื่นตัวมากกว่าเดิม มือหนึ่งกดมือมันให้คลึงหน้าอกเล่น อีกมือก็ลูบไล้หน้าอกหนาๆ ของมันเล่นเช่นกัน(ผ่านเสื้อครับ) ผมอ้าปากครางเบาๆ ระบายความสยิวอย่างหนักตอนนี้

“หงส์ของเฮียงดงามมาก งดงามมากจริงๆ”

“อั๊วเป็นผู้ชาย”
ผมค้านเสียงแผ่ว

“คำว่างดงามไม่ได้หมายถึงสวยงามนะหงส์ซาน หงส์งดงามอย่างมีศิลปะ ศิลปะที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้น งดงามเหมือนหงส์ แต่ก็ซนเหมือนลิงน้อย”
ดูมันเปรียบ แต่คำเปรียบมันทำให้ผมรู้สึกดีแปลกๆ

“กางปีกโอบกอดเฮียไว้ในตัวได้แล้ว”
คำมันสวยงาม แต่ความหมายมันทำให้ผมตัวร้อนไปหมด แต่ผมก็ทำตาม โดยมีมันคอยช่วยเหลือ ผมขยับยกตัวขึ้น กางปีก (เอ่อ..พูดอีกอย่างคือแหวกตรงนั้นนั่นแหละ = =) ค่อยๆ โอบกอดกลืนกินมังกรตัวโตที่กำลังชูหัวพร้อมให้ผมกินอยู่ด้านล่าง

ช้าๆ เบาๆ

ผมครางในลำคอ

อึดอัดจริงไม่อิงนิยาย มันกัดกราม ใจคงอยากให้ผมทำเร็วกว่านี้ แต่มันก็ยังอดทนรอ ใช้ความพยายามอยู่อึดใจใหญ่ผมก็ทำได้สำเร็จ ปีกสองข้างของผมโอบกอดมังกรตัวโตของมันไว้อย่างแนบแน่น ตัวผมสั่นริกด้วยความเสียวสะท้าน

“แน่นดีจัง”

“ไม่ต้องพากย์”
ผมติงอายๆ มันหัวเราะ ตบแก้มก้นผมเบาๆ เป็นการทำโทษ

“ขยับได้แล้วหงส์น้อย”
พอมันสั่งมาผมก็ทำตาม เริ่มต้นขยับเบาๆ ทั้งร้อน ทั้งอึดอัด ทั้งเสียว ทั้งรู้สึกดีในเวลาเดียวกัน

ผมเคลื่อนไหวหน้าหลังก่อนเป็นการวอร์มร่างกาย พอลื่นไหลได้ที่ก็ค่อยออกแรงยกตัวขึ้นลง ท่านี้บ๊วยมันชอบครับ แต่ผมเหนื่อยเพราะใช้แรงค่อนข้างเยอะ

“ดีมาก หงส์ของเฮีย อย่างนั้น โบยบินไปเลยที่รัก”

หน้าโหดแต่ปากดันหวาน
แต่คำมันก็ทำให้ผมขยับราวกับโบยบินได้จริงๆ

แน่นอนว่าทั้งผมและมันเป็นพวกอึดด้วยกันทั้งคู่ พละกำลังที่ผมพยายามรีดเร้นเพื่อนำพาเราสองคนไปถึงฝั่งฝันมีไม่มาก พยายามขนาดไหนผมก็ทำไม่ได้ สุดท้ายผมต้องขอยอมแพ้ กะจะใช้มือเข้าช่วย แต่มันหยุดมือผมไว้

เหงื่อผมไหลเป็นน้ำเลย หอบแรงเหมือนหมา

“อั๊วไม่ไหว”

มันยิ้ม ขยับยกตัวขึ้นไปอยู่เหนือผมแทน ผมร้องเหวอ โอบขารอบเอวมันแน่นทั้งที่เรายังเชื่อมประสาน

ผมตาโต มองสองมือมันที่จับบั้นเอวผมไว้

“เดี๋ยว เฮีย แขน”
ผมแทบเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก

มันยิ้ม เลียริมฝีปากตัวเองเบาๆ ขยับถอดกางเกงออก พอๆ กับเลิกถอดเสื้อ

ตอนนี้ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นๆ ของมันมีเครื่องประดับอย่างเดียวคือผ้าพันแผลเท่านั้น

“พร้อมขึ้นสวรรค์กับเฮียแล้วรึยัง”

“ฮะ เฮีย”
ผมอ้าปากครางลั่นเมื่อมันยิงปืนใหญ่ใส่ผมรัวๆ

“รัดแน่นๆ หงส์ รัดเฮียแน่นๆ”
มันร้องบอกผสมหอบ เห็นเลือดมันซึมผ่านแผล แต่มาเวลานี้ สวรรค์อยู่ตรงหน้ารำไร ต่อให้เลือดมันไหลหมดตัว ผมก็ไม่คิดจะหยุดมันแล้ว ผมบีบรัดท่อนล่างแน่น มันคำราม

ครับ ถ้าพรุ่งนี้ผมเดินไม่ได้ ไม่ต้องแปลกใจ มันกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตผมไปแล้ว





เย้!!

ในที่สุด มังกรก็พ่นพิษได้ แถมยังสามารถรีดพิษจากหงส์น้อยของผมได้ด้วย

ขนาดนอนอยู่เฉยๆ ยังเหนื่อยตาม ให้ตายสิ

ผมหอบแรงเหมือนหมาวิ่งร้อยคูณร้อย เหงื่อไหลซกๆ มันหัวเราะกับท่าทางเหนื่อยจัดของผม เลื่อนมือมาลูบเหงื่อออกให้แผ่วเบา

“โอ๊ย...เจ็บแผล” มันเบ้หน้าท่าทางเจ็บจริง
ทีเมื่อกี้ละคึก

“คิดว่าเป็นคนเหล็ก ไม่เจ็บไม่ตาย”
ผมค่อยๆ ดึงตัวเองออก ลุกดูแผลให้
“เลือดออกเลย สงสัยต้องไปให้หมอดูอีกรอบ”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเลือดก็หยุด”

“แต่”

“ไม่ต้องหรอก มาให้เฮียกอดหน่อย”
แล้วมันก็ลากผมลงไปนอนกอดแน่น จูบหน้าผากผมเบาๆ

“รู้ไหมว่าเฮียเป็นห่วงหงส์แค่ไหน เฮียแทบบ้าตอนรู้ข่าวว่าพวกมันจับตัวหงส์ไป”

ผมนอนฟังนิ่งๆ

“ถ้าไม่ห่วงว่าหงส์กับไอ้หมออยู่ข้างใน เฮียจะระเบิดพวกมันให้เละทั้งแก๊ง”

“พวกมันเป็นมาเฟียเหรอ”
ผมเงยหน้าถาม

มันยักไหล่

“ประมาณนั้น”

ผมนอนนิ่งไม่ถามอะไรต่อ ถึงผมจะไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบาง แต่ก็รู้อยู่หรอกว่าครอบครัวมันหรือครอบครัวผมเองก็ไม่ธรรมดา

มันจับมือผมขึ้นไปวางไว้บนหัวใจที่กำลังเต้นรัวของมัน

หัวใจที่มีผมเต้นอยู่ภายใน

“เฮียรักอั๊วจริงๆ น่ะเหรอ”
ผมถามโดยไม่ได้เงยหน้ามอง

รู้สึกได้ว่ามันขยับก้มมองผมอยู่

“สงสัยอะไรในตัวเฮียเหรอ”

“ก็สงสัยทั้งหมดนั่นแหละ รักได้ไง เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน รักตอนไหน เราเพิ่งแต่งงานกัน”

มันกระชับกอดผมแน่นขึ้น

“เฮียไม่สนเรื่องเพศหรอกนะหงส์ เฮียรักหงส์เหมือนหงส์เป็นน้อง ความรักแบบนี้ไม่มีแบ่งเพศว่าเป็นชายหรือหญิงหรอกนะ เพียงแต่หงส์ต่างออกไปตรงที่เฮียรักและอยากเมคเลิฟด้วยเท่านั้นเอง”

ผมใช้หัวโขกอกมันไปทีกับความเถรตรงของมัน

“รักตอนไหนนี่ก็อย่างที่เฮียเคยบอก เฮียให้คนไปสืบเรื่องของหงส์ตอนที่รู้ว่าหงส์เป็นหนึ่งในคู่ดูตัวของเหมย เฮียถูกใจหงส์ตั้งแต่ตอนนั้น พัฒนามาเป็นความชอบจนตัดสินใจเสนอให้แต่งงานด้วย และเริ่มรักหลังจากมั่นใจว่าจะได้แต่งงานกับหงส์แน่ๆ และรักมากหลังจากได้เมคเลิฟหงส์ไปหลายรอบและใช้ชีวิตร่วมกัน ตอนนี้เข้าขั้นหลงจนหัวปักหัวปำเลย”

ผมแก้มร้อนผ่าวไปกับคำสารภาพของมัน แกล้งโหม่งอกมันอีกรอบแก้เก้อ

“ใจง่าย”

“ใช่ แต่กับหงส์คนเดียวนะ เพราะหงส์ไม่ใช่คนแรกที่เฮียนอนด้วย แต่เฮียไม่เคยยกใครขึ้นมาเป็นแฟน หรือแม้กระทั่งคบ เพียงแค่คู่นอน จะค่ำคืนเดียวหรือติดต่อกันเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่มีใครทำให้เฮียอยากใช้ชีวิตร่วมกันได้ แต่หงส์ไม่ใช่”

“สำส่อน”
ผมอุบอิบด่า มันมะเหงกผมเบาๆ ที แล้วหัวเราะ

“ชอบเพราะเห็นอั๊วเป็นตัวโชคดีหรือเปล่า”
ผมยังหาเรื่องไม่หยุด

“หงส์ ถ้าแค่นั้นเฮียแค่เข้าพิธีแต่งงาน จดทะเบียน แล้วก็จบๆ กันไป คงไม่มานั่งนอนคิดถึง อยากกกกอด อยากปกป้องอยากดูแลแบบนี้หรอก”

“ก็ดูแลเพราะต้องรักษาตัวโชคดีไว้นานๆ ไง”

มันขยับยกตัวขึ้นคร่อมผมไว้ สีหน้าดูจริงจัง มันจับมือผมขึ้นจุมพิตแผ่วเบา จ้องตา แล้วจับมือผมไปวางไว้ตรงตำแหน่งหัวใจตัวเอง

“เฮียรู้ว่าหงส์ไม่โง่ หงส์แค่ไม่ยอมรับเท่านั้น”
มันจูบหน้าผากผมเบาๆ

“และเฮียก็รู้อีกด้วย”

“รู้อะไร”

มันทำสายตากรุ้มกริ่มใส่

“รู้ว่าหงส์รักเฮียไง”

“ฮึย โมเมแล้ว ใครเขารักเฮียกัน อั๊วไม่ตาต่ำขนาดนั้นหรอก เฮียเป็นผู้ชาย หน้าตาก็หล่อน้อยกว่าเฮียหยก ใครเขาไปรักกัน”

มันฉีกยิ้มกว้างแทนที่จะโกรธ

“แต่หงส์เป็นคนบอกเฮียเองนะ”

“บอกตอนไหน ถ้าตอนที่บังคับให้พูดว่าหงส์รักเฮีย นั่นถือเป็นโมฆะ เฮียบังคับให้พูด มันไม่ได้ออกมาจากใจ”

มันส่ายหัว

“ไม่ใช่ตอนนั้น”

“ตอนไหน อั๊วไม่เคยพูดเลย มั่วแล้ว เข้าข้างตัวเอง”

มันยิ้ม

“ตอนหงส์เมาไง หงส์บอกรักเฮีย”

ผมอ้าปากค้าง หน้าร้อนผ่าว

“โมเม อั๊วไม่มีทางพูดแบบนั้นเด็ดขาด”

“หงส์พูดจริงๆ ซันไรส์ก็ได้ยิน”

ผมอ้าปากพะงาบๆ

“อั๊วเมาๆ”
ผมรีบรัวปากปฏิเสธ

บ้าเอ๊ย นี่ผมเป็นพวกเมาแล้วปากเบาเหรอเนี่ย

มันจูบหน้าผากผมเบาๆ ทิ้งตัวลงไปนอนกอด

“อั๊วเมา”
ผมอ้อมแอ้มปฏิเสธอีกรอบ

“งั้นเฮียจะรอคอยวันที่หงส์บอกรักเฮียตอนไม่เมา”

“ไม่มีทาง”

“เฮียจะรอ”

ทั้งเหนื่อยจากการรบกัน ทั้งจากฤทธิ์บาดแผลที่เจ็บ มันหลับไปง่ายๆ หลังจากนั้น ปล่อยให้ผมนอนตัวร้อนหน้าร้อนเพราะเผลอไปพูดความในใจกับมันเข้า

โอ้หนอกู ทำไมทำตัวแบบนี้!!













ผมตื่นก่อนมันในวันรุ่งขึ้น ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปข้างนอก ม้าเตรียมยาจีนไว้ให้ ม้าบอกให้ผมยกทั้งข้าวและยาไปให้มันกินที่ห้อง พอกลับเข้ามาอีกรอบ บ๊วยมันก็ตื่นแล้ว

ร่างกายมันยังเปลือยเปล่าอยู่เลย มันขยับมานั่งข้างเตียง

“ไปอาบน้ำก่อนสิ”
ผมไล่ อายแทนครับ กลัวคนอื่นเข้ามาเห็นด้วย มันไม่งอแง ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยตัวเอง มานั่งกินข้าวกินยาที่ผมเตรียมมาให้

ทำตัวเหมือนเมียยังไงพิกล (ก็เมียจริงๆ นี่หว่า)

มันกินไปด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข แรกๆ ก็กินเอง หลังๆ มันเริ่มอ้อนให้ผมป้อน อ้างว่าเจ็บแขนลามมาถึงมือ ผมจึงจำใจ (ย้ำ ว่าจำใจจริงๆ) ป้อนมันทีละคำจนอิ่ม

“อั๊วอยากรู้รายละเอียดที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไปไงมาไงพวกแบล็คดราก้อนมาเล่นงานเรา แล้วแบล็คดราก้อนเป็นใคร”
ผมถามสิ่งที่ยังค้างคาใจ

บ๊วยมันชะงักมือที่กำลังยกชาอู่หลงเข้าปากมอง 

ผมรู้ว่าพวกมันเป็นมาเฟีย แต่ทำไมต้องมาจับผมกับพี่หมอและอะไรที่มันต้องการเอามาแลกเปลี่ยน

กระดาษแผ่นนั้นคืออะไร

“ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ทำธุรกิจทับเส้นกันนิดหน่อย สิ่งที่มันต้องการ คือสิทธิ์ในการได้ครอบครองในสิ่งที่มันเคยทำอีกครั้ง”

“เฮียไปแย่งเขามาเหรอ”

“ให้ไวน์ดราก้อนดูแลดีกว่าให้แบล็คดราก้อนดูแลนะ แค่เห็นวิธีที่พวกมันใช้ หงส์น่าจะพอเข้าใจ เฮียไม่เคยค้ามนุษย์ แต่พวกมันไม่เลือก ถ้าเฮียไปช้า บางทีหงส์อาจต้องไปนอนอ้าขาให้ผู้ชายนับพันขย่ม”

ผมใจหายวูบ ไม่คิดไม่ฝันว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น

“โลกนี้มันไม่ได้สวยงามเสมอไปหรอกนะหงส์ เฮียพยายามทำเท่าที่เฮียทำได้ เรื่องบางเรื่อง ตำรวจก็ยื่นมือเข้ามาจัดการไม่ได้ พวกนั้นกะเล่นงานเฮียให้ตายอยู่แล้ว”

“เฮียอยู่ที่ไหน มาช่วยทันได้ไง”

“เฮียอยู่จีน ทันทีที่ซันไรส์รายงานเฮียก็รีบบินกลับมาทันที เฮียไปที่นั่นเพื่อจัดการกับเครือข่ายหลักของพวกมันก่อน ไม่คิดว่าพวกมันจะบ้าระห่ำใช้จุดอ่อนของเฮียมาจัดการเฮียแบบนี้”

“จุดอ่อน??” ผมมองมันงงๆ “อั๊วเนี่ยนะ จุดอ่อนของเฮีย” ผมถามตาโต

มันพยักหน้า

“หัวใจเป็นจุดอ่อนของร่างกายเฮีย และหงส์เป็นหัวใจของเฮีย”

“เลี่ยนว่ะ”
ผมต่อว่าเขินๆ เม้มปาก พยายามมองเมินไปทางอื่น

“จริงๆ อั๊วอาจเป็นไส้ติ่งของเฮียก็ได้นะ ตัดทิ้งไปดีกว่า”

มันส่ายหัว

“หงส์เป็นหัวใจของเฮียจริงๆ” มันบอกด้วยปากและดวงตา ผมเมินหลบอีกรอบ


ผมนึกอะไรออกหันไปมอง

“แล้วลอร่าเป็นใคร”

มันชะงัก หลุบหลบตาผม

“ลอร่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของซันไรส์”

อ๋อ มนุษย์ตระกูลหน้าตายนี่เอง

มันยกชาขึ้นจิบ

“และเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่เฮียเคยนอนด้วย และเกือบจะได้คบกัน แต่…”
มันยักไหล่ แล้วไม่พูดอะไรต่อ

ผมตาโตมอง

“อะไรนะ!!”

“ลอร่าเคยเป็นผู้หญิงของเฮีย เราเกือบจะได้คบกัน แต่ยังไม่ทันได้คบก็คิดว่าอย่าเลยดีกว่า ไม่น่าจะรอดด้วยกันทั้งคู่”

“ทำไม”

“ลอร่าไม่ใช่สเปกเฮีย”

“คบๆ กันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง”
สูตรสำเร็จของการคลุมถุงชน

“เฮียก็คิดแบบนั้นแหละ แต่เราต่างคนต่างรู้ดีว่าไม่ใช่ของกันและกัน หงส์ก็รู้สเปกของเฮียนี่ แต่ลอร่าตรงข้ามเลย”

“ยังไง”

“แบบซันไรส์เวอร์ชั่นผู้หญิง แต่ปากจัดกว่าดุกว่า”

เอ่อ…
ผมว่าผมเข้าใจแล้ว

“แต่ลอร่าเป็นสเปกไอ้หมอ”

ผมตาโต

“แล้วทำไมพี่หมอไม่จีบ”

มันยกชาจิบอีกรอบ

“จีบแล้ว แต่ไม่ติด”

“อ้าว ทำไมล่ะ”

“ไปถามซันไรส์สิ ว่าทำไมป่านนี้ยังไม่มีครอบครัว”

“เอ่อ อั๊วว่าอั๊วไม่ถามดีกว่า”

มันหัวเราะ

“ตระกูลนี้เป็นแบบนี้กันทุกคนรึไง ปากก็หมา หน้าก็ตาย ใจก็หิน”

มันหัวเราะร่วน

“มันเป็นบุคลิกของคนเป็นบอดี้การ์ดที่ดีล่ะมั้ง ปากหนัก แต่พูดทีก็เจ็บ เฮียชินแล้ว”

“ชินสิ เฮียไม่เคยโดนพวกนั้นกัดนี่ อั๊วนี่โดนตลอด”

มันหัวเราะอีกรอบ

“เป็นห่วงพี่หมอจัง โทรหาได้ไหม”

มันพยักหน้า ล้วงหยิบมือถือมากดโทรออก ซันไรส์รับสาย (บ๊วยมันเปิดลำโพงให้ผมได้ยิน)

“หมอเป็นไงบ้าง”

“ปลอดภัยแล้วครับ ผมกำลังจะกลับ”

“ไม่เป็นไร วันนี้พักผ่อนไปเถอะ ฉันก็พักเหมือนกัน ลอร่าจัดการเรื่องทุกอย่างให้แล้ว”
มันพูดคุยกันต่ออยู่พักหนึ่งก็วางสาย

“หมอยังพักผ่อนอยู่ อย่าไปกวนมันเลย”

ผมพยักหน้าเข้าใจ

“สเปกซันไรส์เป็นแบบไหน”

“ซันไรส์ไม่มีสเปกหรอก แบบไหนก็ได้ทั้งนั้น”

ผมพยักหน้า เลิกยุ่งเรื่องของซันไรส์มาคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานแทน
 
 

to be con...

+++++++++++++++++++++++++++++++++
คราวนี้ก็รู้กันสักทีว่าลอร่าคือใคร ลอร่าคือผู้หญิงที่ไรท์อยากได้เป็นสาเมียมากกกกก (ต่อมเลสกำเริบ) หึ ๆ เลิฟยูลอร่าาาาา
พาร์ทหน้าเป็นของซันไรส์และพี่หมอค่ะ ช่วงเวลาที่ทุกรอคอยกำลังจะมาถึง หึ ๆ
+++++++++++++++++++++++++++++++++
ไรท์ทอล์ก :
เมื่อสามวันก่อน หลานชายตัวน้อยของไรท์โทรมา บอกว่าย่า(หรือแม่ของไรท์เอง) เข้าโรงพยาบาลเพราะดันเอาเคียวเกี่ยวข้าวมาเกี่ยวมือตัวเอง (คือจริง ๆ นางเกี่ยวหญ้าแล้วมันมาบาดมือ) เส้นเอ็นนิ้วโป้งขาด เลือดกระฉูด ส่งไปโรงพยาบาลแรก เขาบอกรักษาไม่ได้เพราะไม่มีเครื่องมือ ต้องนำตัวส่งไปโรงพยาบาลที่สอง พอส่งไปโรงพยาบาลที่สอง เขารักษาไม่ได้อีกเพราะไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลที่สาม (โรงบาลอันดับหนึ่งของจังหวัด)
 
สิ่งที่ทำให้ไรท์ประทับใจคือตลอดเวลาที่นิ้วนางเลือดไหล นางไม่เคยตระหนกเลย ไม่กลัว ไม่ตีตนไปก่อนไข้ ใจเย็น ทั้งที่คนรอบข้างพากันกลัดกลุ้ม เป็นห่วงเป็นใย เป็นเธอเองที่คอยให้กำลังคนรอบข้างว่าไม่เป็นไร บาดแผลนิดเดียวเอง เดี๋ยวก็หาย (คนเจ็บปลอบใจคนไม่เจ็บว่างั้น = = ; ) 

แม่ไรท์ไม่เคยเข้าครอสปฏิบัติธรรมที่ไหน มีแต่ไรท์นี่แหละ ที่ไปแล้วคอยสอนแม่ในสิ่งที่พระอาจารย์ท่านสอนมา การเข้าโรงพยาบาลครั้งนี้ทำให้แม่ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ตั้งแต่ ร่ำรวยมีบ้านมีเงินขนาดไหน พอเวลาเจ็บป่วยมาก็คือคนธรรมดาคนหนึ่ง ได้นอนเตียงเสริมที่ทำจากไม้ปูผ้าธรรมดากลางทางเดิน (เพราะห้องพักทุกห้องเต็ม มีเงินก็ซื้อห้องพิเศษไม่ได้ เพราะคนเยอะ)
ในขณะที่เราเจ็บ มีคนอื่นเจ็บกว่า แม่ไม่ร้องเลยเวลาหมอเย็บ (7 เข็ม) แกบอกเจ็บนะ แต่บอกตัวเองว่ามันแค่ภายนอก ถ้าใจเราไม่เจ็บ มันก็ไม่เจ็บ เวลาปวดก็ไม่ร้องขอยากับหมอ นั่งภาวนาพุธโธของแกไป เหมือนไปนอนพิจารณาธรรมในโรงพบาบาลมากกว่า
 
มีหลายคนที่มาในสภาพไม่น่าดู แม่ถือว่าตัวเองนั้นเบาที่สุด นางจึงลุกขึ้น แล้วลากเสาน้ำเกลือ พร้อมมือที่ถูกดามไว้ไปให้กำลังใจคนไข้คนอื่น บางคนไม่มีญาติ บางคนเจ็บหนักจนทุกข์ทรมาน นางก็ไปนั่งให้กำลังใจ ไปสอนธรรมะต่ออีกทอด (มีคุณยายคนหนึ่ง โดนงูกัดจนนิ้วเน่าหมอต้องตัดนิ้วทิ้งทีละเปราะทีละเปราะ คนนี้น่าสงสารสุด เป็นคนที่แม่ไปสอนธรรมให้มากสุด จนแกรู้สึกดีขึ้น แถมแม่ยังใจดี ไปส่งแกที่บขสด้วย เพราะแกไม่มีญาติมารับ ลูกหลานติดงานกันหมด ไรท์บอกถ้าเขาขาดเหลือเรื่องค่าใช้จ่าย ไรท์จะช่วยออกให้ แต่พอดีแกไม่ต้องการ เลยไม่ได้ช่วยตรงจุดนั้น)

ร้อนนางก็ไม่บ่น หนาวนางก็ไม่บ่น หิวนางก็ไม่บ่น หนำซ้ำพอกลับมาถึงบ้าน นางก็ทำงานเลย ไม่พัก ไม่มาทำตัวอ่อนแอ ไม่ร้องขอความเห็นใจใคร ที่สำคัญคือตลอดระยะเวลาที่บาดเจ็บ รอยยิ้มไม่เคยหายไปจากหน้าแม่ นางสนุกกับการชูมือที่มีเฝือกใหญ่เท่าแขนให้ทุกคนดู แล้วทำให้ทุกคนมีรอยยิ้ม

ไรท์พูดได้เลยว่าไรท์มีแม่เป็นนางฟ้า เป็นเทวดาเดินดิน มีปีกเป็นรอยยิ้มที่พร้อมจะสยายให้กำลังใจใครก็ตามที่กำลังท้อแท้ มีวาจาไพเราะ ทุกคำที่นางพูด นางเพียงต้องการให้เขาคนนั้นหลุดพ้นจากความทุกข์ มีความสุขโดยไม่ต้องเสียเงินเลยแม้แต่แดงเดียว 

ใกล้วันแม่แล้ว ไรท์ขยันทำบุญมาก เพื่อตัวเองบางส่วน แต่หลัก ๆ แล้วคือต้องการยกบุญให้แม่มากกว่า เตรียมเสบียงไว้ให้นางใช้ในภพหน้า และอยากให้นางมีความสุขมาก ๆ ในภพนี้ด้วย เพราะพอนางมีความสุข ทุกคนในบ้านจะพลอยมีความสุขตามไปด้วย

ลองลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเพื่อใครสักคนดูค่ะ เพื่อแม่ก็ได้ เพื่อคนที่เรารักก็ได้ เพื่อลูก ๆ เพื่อเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ หรือใครสักคนที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน ง่ายที่สุดคือแบ่งปันรอยยิ้ม ยิ้มให้คนในครอบครัวเราบ่อย ๆ (บางคนเจอหน้ากันก็ปั้นหน้ายักษ์ใส่กันเลย) หรือลองยิ้มให้คนแปลกหน้าดูบ้างค่ะ แล้วเราจะได้เห็นอะไรดี ๆ กลับมาเยอะเลย 
 
ไรท์ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังท้อแท้นะคะ เวลาที่เรารู้สึกแย่มาก ๆ โลกนี้เหมือนกำลังพังทะลาย หรือดูเหมือนไม่มีอะไรเข้าข้างเราเลย แต่มันเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้นค่ะ อีกไม่นานมันจะผ่านพ้นไป การเดินเขา มันต้องมีทั้งขึ้นและลง ถ้าเราไม่หยุดเดินซะอย่าง ยังไงมันก็ผ่านพ้นไปได้ ปักหมุดชีวิตไว้ที่คำว่า "ฉันจะมีความสุขทุกวัน" ปักหมุดชีวิตไว้แบบไหน เราจะได้แบบนั้นค่ะ   
 
ไรท์ขอเป็นกำลังใจให้อีกครั้ง ยิ้มเข้าไว้นะทุกคนนนนน












ข่าวสารและนิยายเรื่องอื่นๆ: https://goo.gl/WbWxt8
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.15][25-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 25-07-2017 21:07:23
อื้อหือ ขนาดเจ็บยังขนาดนี้ หายดีจะขนาดไหน o18
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.15][25-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-07-2017 21:13:37
โหยยยยเลือดสาดเลยนะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.15][25-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 25-07-2017 21:49:53
หนูหงส์ลูกกสาวววว ทำหน้าที่ภรรยาได้ดี
เฮียหื่นมากกก เก่งจังขนาดเจ็บนะเนี่ย ร้อนแรงง
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.15][25-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-07-2017 21:56:31
เฮียบ๊วยหื่นมากกกก
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.15][25-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-07-2017 22:10:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.15][25-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 25-07-2017 22:24:36
 :z1: 5555เฮียสุดยอดเลย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.15][25-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 25-07-2017 22:31:50
เฮียยย อย่าหักโหมน่าาา
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.15][25-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 25-07-2017 22:53:02
เฮียหื่น............หงส์ก็สมยอม.............  :hao6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.15][25-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 25-07-2017 23:05:37
อย่าวู่วาม
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.15][25-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 25-07-2017 23:20:38
เลือดหมดตัวแน่เฮีย เพลียกับสองคนนี้นี่ไม่คิดจะห้ามกันเลยใช่มั้ย เรื่องหื่นๆ เนี่ย :เฮ้อ: แต่ เราฟิน 555
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.15][25-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-07-2017 00:15:01
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.15][25-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 26-07-2017 15:03:48
คนแต่ง นี่หมายความว่าไร จะไฝ้วเหรอ :z6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.15][26-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-07-2017 23:34:29
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.15][26-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: lovewannabe ที่ 26-07-2017 23:52:44
ขอให้คุณแม่หายไวๆนะคะ อ่านที่ไรทเล่า อยากจะเจอคุณแม่เลยอ่ะค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.15][26-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 27-07-2017 00:10:55
ขอบคุณมากนะคะสำหรับข้อคิดดีๆ นอกเหนือจากนิยายสนุกๆ แล้วน่ะค่ะ 
ขอให้ตุณแม่หายเป็นปกติไวไวค่ะ   :L2:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.15][26-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-07-2017 00:15:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.15][26-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-07-2017 01:51:22
 :pig4: o13
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.15][26-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 27-07-2017 08:05:53
ขอให้คุณแม่หายไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.15][26-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 27-07-2017 16:41:04
แม่คนแต่งคล้ายๆแม่เราเลย ตอนท้องเราหน้าแข้งนางไปฟาดเสาปูนแผลเปิดลึกถึงกระดูก เลือดอาบ คนมาช่วยกลับตกใจเป็นลมไปซะเอง
แม่เราเลยต้องพยุงหามคนมาช่วยซะเอง

เฮ้อ ใจแข็งใจเด็ด ล่าสุดไม่นานนี่เพิ่งตกต้นชมพู่

ขอให้คุณแม่หายไวๆน่ะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.15][26-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 27-07-2017 20:13:50
น่ารัก
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.16][27-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-07-2017 21:41:13
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.16][27-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 29-07-2017 00:48:24
บ๊วย~~~~ อยากได้ งืมๆๆไ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #24 ปรนนิบัติพัดวี [P.16][27-7-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 29-07-2017 06:57:16
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้การ์ด & หมอ [P.17][1-8-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 29-07-2017 19:05:04
หงส์ซาน #24 บอดี้การ์ด & หมอ


#ซันไรส์
ผมกดวางสายจากเจ้านาย หันไปมองเจ้าของเรือนร่างเปลือยเปล่าบนโซฟา ผมโยนมือถือทิ้ง คร่อมทับเรือนร่างนั้นอีกครั้ง

ยังไม่พอหรอก

รอบเดียวไม่พอ

…..



..

.

ช่วงนี้เป็นช่วงเคร่งเครียดที่สุดเท่าที่เคยมีมา แบล็คดราก้อนเล่นงานเราทุกวิถีทางไม่หยุด

ทุกคนภายในครอบครัวพากันตื่นตัวระวังภัย แม้กระทั่งหงส์ซานเองยังระแคะระคาย เราเพิ่มระบบป้องกันภัยมากขึ้น พอๆ กับเพิ่มคนดูแล ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ตัวผมเองยังมีหน้าที่ดูแลหงส์ซานตามเดิม แต่ตามติดมากขึ้นชนิดไม่ให้คลาดสายตา โดยมีเอ็ดเวิร์ดลูกพี่ลูกน้องผมมาช่วยด้วยอีกแรง

พวงกุญแจที่ผมได้รับมาพวงนั้นยังอยู่ แต่ผมไม่มีโอกาสได้ใช้มันเลย เจ้าตัวก็ไม่คิดเรียกร้องเพราะเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ดี แม้แต่ตัวหมอเองก็เป็นห่วงเพื่อนสนิทรวมถึงหงส์ซานด้วย จนหลายวันมานี่ต้องมาสิงอยู่ที่นี่บ่อยๆ ส่วนหนึ่งก็คงต้องการมาอยู่ใกล้ชิดผมด้วยนั่นแหละ

อย่างที่ผมเคยบอก หมอพร้อม แต่ผมไม่พร้อม และช่วงนี้ลมหายใจผมเป็นของหัวใจเจ้านายไม่ใช่ใครอื่น

ผมกับเอ็ดเวิร์ดยืนเคียงกันในท่าไพล่หลัง ตรงหน้าเราคือมนุษย์ปัญญาอ่อนสองคนที่กำลังนั่งคุยกันเรื่องการ์ตูนที่กำลังอ่านอยู่

อ่านเรื่องเดียวกัน แต่เข้าใจกันไปคนละอย่าง ทั้งสองคนจึงมานั่งไล่หาว่าสรุปแล้วใครผิดกันแน่

ผลออกมาคือหงส์ซานมั่วอีกตามเคย

หงส์ซานเกาหัวแกรกๆ ในความผิดพลาดของตัวเองในขณะที่หมอหัวเราะพอใจ

“นายต้องเฝ้าคนปัญญาอ่อนแบบนี้ตลอดเวลาเลยเหรอ”
เอกลักษณ์ของคนตระกูลผมก็นี่แหละ พูดอะไรตรงกับใจ (แต่หงส์ซานเรียกว่าปากหมา)

ผมหัวเราะหึๆ

“แค่นี้ยังน้อยไปเอ็ดเวิร์ด” 

“เจ้านายเรามาหลงรักคนแบบนี้ได้ยังไงกัน”

“หายากมั้ง ใกล้สูญพันธุ์เต็มทน”

เอ็ดเวิร์ดหัวเราะ

“นี่”
เอ็ดเวิร์ดขยับเข้ามาใกล้ เอียงหน้าพูดให้ผมได้ยินแต่คงไม่หวังให้คนหูผีที่ไหนได้ยินอีก

ผมเหลือบมอง รอคอยว่าเอ็ดเวิร์ดจะถามว่าอะไร

“คนนั้นน่ะ”
มันพยักหน้าไปทางหมอ

“กำลังล่านายอยู่ใช่ไหม”

ผมยืนตะลึงที่เอ็ดเวิร์ดรู้ มันยิ้ม

“วิกเซอร์กระซิบบอกมา”

ผมนิ่งไปไม่ตอบอะไร

“โดนกินไปแล้วรึยัง”

ผมไม่ตอบอีกตามเคย เอ็ดเวิร์ดเอียงหน้ามาพูดต่อ

“โดนแล้วแน่ๆ”
แล้วมันก็หัวเราะ ผมไม่ชอบโกหกถ้าไม่จำเป็น โดยเฉพาะกับพี่กับน้องด้วยแล้ว เราแทบไม่มีความลับต่อกันถ้าไม่จำเป็นจริงๆ

ผมใช้ความเงียบเป็นคำตอบ เอ็ดเวิร์ดไม่ถามอะไรต่อ ผมมองคนสองคนตรงหน้า พูดแผ่ว

“ก็แค่หมอปัญญาอ่อน”

ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ

“แต่นายก็ตกหลุมพรางของหมอปัญญาอ่อนคนนั้นเข้าจนได้”

ผมหันไปมองเอ็ดเวิร์ด มันยิ้ม

“ไม่รู้ว่านายรู้ตัวหรือเปล่านะซันไรส์ แต่ว่าสายตานายน่ะ มักจะมองตามหมอไปตลอดเลย ฉันว่างานนี้นายรอดยาก”

ผมพ่นลมหายใจแรง

ผมรู้

รู้ว่าถ้าหมอต้องการ ไม่มีอะไรที่หมอไม่ได้ ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ง่ายสำหรับหมอเหมือนกัน

หมอเองก็ถูกเตือนให้ระมัดระวังตัวเพราะเป็นเพื่อนสนิทของเจ้านายผม เป็นหนึ่งในคนที่ถูกเพ่งเล็ง ถูกตามประกบตัวพอกัน (มีการ์ดประจำตัว 2 คน) และนั่นเป็นสาเหตุให้หมอหาเวลามาเกาะแกะอะไรผมแบบแต่ก่อนไม่ได้

อยู่ๆ หงส์ซานก็นึกคิดถึงบ้านขึ้นมา ผมไม่เห็นด้วยพอๆ กับเจ้านาย ถึงงั้นเจ้านายผมก็ใจอ่อนกับคนรักทั้งที่ผมก็เตือนแล้ว

พวกแบล็คดราก้อนใช้เล่ห์เลี่ยมดักเราไว้ทุกทิศทาง โดยส่วนหนึ่งของพวกมันปลอมตัวเป็นตำรวจ เอ็ดเวิร์ดเกือบโดนสอยสมอง ดีแต่ว่าผมชักปืนออกมายิงตำรวจปลอมคนนั้นทัน (ด้วยความหวาดระแวงในความผิดปกติก่อนหน้านั้นแล้ว)

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของสงครามกลางเมือง พวกเราถูกล้อมยิง ยังดีที่รถเรากันกระสุน เอ็ดเวิร์ดใช้สกิลตีนผีที่ร่ำเรียนมาพารถขับซอกแซกหนีการตามล่า

ก่อนจะมีรถคันหนึ่งขับพุ่งตรงมาทางด้านเอ็ดเวิร์ดสุดแรง แรงปะทะพาเอารถเราไถลไปด้านข้างพลิกคว่ำทันที รถเราค่อนข้างแข็งแรงมันจึงไม่บุบสลายอะไร นอกจากพลิกคว่ำเท่านั้น

แรงปะทะเกิดขึ้นเร็วมากจนผมไม่สามารถขยับไปช่วยเหลืออะไรใครได้ทันยกเว้นปรับท่าไม่ให้ร่างกายได้รับความเสียหายใดๆ ตามสัญชาตญาณ พอๆ กับเอ็ดเวิร์ดในฐานะคนขับและคนที่อยู่ใกล้แรงปะทะที่สุด (รถพุ่งมาจากฝั่งของเอ็ดเวิร์ด)

ผมไม่มานั่งลีลาสำรวจว่าในร่างกายตัวเองมีส่วนไหนแตกหักเสียหายบ้าง ควานหาตำแหน่งเพื่อปลดเบลท์ออก พอๆ กับเอ็ดเวิร์ด ผมมองไปทางสองชีวิตด้านหลัง เพราะจำได้ว่าคนทั้งคู่ไม่ได้คาดเบลท์

สิ่งที่ผมเห็น คือหมอในสภาพแน่นิ่งคร่อมทับร่างของหงส์ซานไว้

“หมอ!!”
ใจผมหายวูบ รีบพลิกตัวหันไปสำรวจดีๆ เสียงปืนดังมาเป็นระยะ แล้วคนที่นิ่งก็ค่อยๆ ขยับ

“ฉันไม่เป็นไร”
หมอดันตัวลุก หงส์ซานยังนิ่งอยู่ หมอไม่สำรวจตัวเอง รีบจับชีพจรหงส์ซานก่อนทันที

“เขายังหายใจอยู่”

ผมไม่รอช้ารีบขยับเปิดประตูออกไป ย่อตัวให้ต่ำที่สุด อาศัยรถเป็นเกราะกำบัง เอ็ดเวิร์ดตามมาติดๆ 

“ช่วยพวกเขาออกมาซันไรส์ ฉันจะยิงต้านไว้”

ผมพยักหน้า รีบงัดเปิดประตูหลังออก

“ขาหงส์ซานติดเบาะซันไรส์ ฉันดึงไม่ออก”
หมอรีบบอกทันทีที่ผมเปิดประตูได้ ผมก้มสำรวจ

พวกเราจากรถคันอื่นๆ พยายามช่วยกันยิงต้าน ผมกับหมอทำงานประสานกันจนสามารถช่วยหงส์ซานที่หมดสติออกมาได้

หมอโอบเอาหงส์ซานไว้ในอ้อมแขน นั่งหลบกันอยู่ข้างๆ รถ เขาใช้ความชำนาญทางการแพทย์ตรวจอย่างรวดเร็วเพื่อหาสาเหตุที่หงส์ซานสลบ ผมชักปืน เล็งหาเป้าหมายแล้วยิง

“หัวโดนกระแทก”
หมอบอก ผมไม่ได้ตอบรับอะไรเพราะกำลังระวังหลังอยู่

หมอมองไปรอบๆ เพื่อหาทางหนีทีไล่ ในขณะที่ผมกับเอ็ดเวิร์ดช่วยกันรัวยิง

“หลบไปตรงนู้นกันก่อน”
หมอชี้ให้ดูซอกตึกที่น่าจะพากันวิ่งหลบไปซ่อนได้ทัน ไม่ต้องถามถึงผู้คน เพราะพวกมันคงวางแผนกันคนออกไปตั้งแต่แรกแล้วจะด้วยวิธีใดก็ตาม

หมอพาดแขนหงส์ซานกับไหล่ พยุงพาหงส์ซานที่คอพับไปยังจุดนั้น โดยมีผมกับเอ็ดเวิร์ดช่วยกันยิงสกัด พวกมันพากันล้อมกรอบใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมสบถเมื่อกระสุนที่มีหมด เอ็ดเวิร์ดมีสภาพไม่ต่าง ดีแต่ว่าเราหลบมาอยู่ในซอกมุมที่ปลอดภัยได้สำเร็จ

แต่พักเดียวผมก็ต้องชะงัก เมื่อพวกมันพากันล้อมเข้ามา หมอรีบนอนหมอบทันทีคร่อมกอดหงส์ซานแน่น ผมกับเอ็ดเวิร์ดอาศัยความเร็ว หลบทางกระสุนที่จะพุ่งตรงมา

ผมกับเอ็ดเวิร์ดผ่านการฝึกต่อสู้แบบไร้อาวุธมาแล้ว เพราะงั้นไม่ใช่เรื่องยากที่จะหลบหลีกหรือทำร้ายศัตรู ต่อให้อีกฝ่ายมีปืนก็ตาม

ผมได้อาวุธของพวกมันมาเป็นอาวุธของตัวเอง พอๆ กับเอ็ดเวิร์ด

 “เฮ้ย!”
ได้ยินเสียงร้องของหมอดังมาจากทางด้านหลัง ผมหันไปมองด้วยความเป็นห่วง ก่อนรู้สึกเหมือนมีอะไรแข็งๆ กระแทกมาเต็มแรงที่ท้ายทอย ผมทรุดฮวบ สติดับวูบไปทันที















“ซันไรส์”


ผมมาได้สติอีกทีเพราะแรงเขย่า ผมลืมตา เบ้หน้าเพราะความเจ็บที่ท้ายทอย

“เป็นไง”
คนที่เขย่าเรียกผมคือเอ็ดเวิร์ด

“หงส์ซานกับหมอล่ะ”
ผมรีบกวาดมองไปรอบๆ ทันที

“โดนจับไปแล้ว ฉันช่วยไม่ทัน”

ใจผมหายวูบไปกับสิ่งที่ได้ยิน รีบดีดตัวลุก เลือดไหลอาบขาเอ็ดเวิร์ดเป็นทาง แต่ผมไม่ได้สนใจถาม ถ้ายังเดินได้ สำหรับเราแล้วถือว่าเป็นเพียงแค่บาดแผลเล็กๆ เท่านั้น 

“เร็วเข้าเถอะ พวกเรามาสมทบแล้ว”

ผมกัดกราม หัวเสียที่ทำงานพลาด ปล่อยให้คนสำคัญของเจ้านายโดนจับไปได้ เจ้านายรู้คงตำหนิผมแย่

เจ้านายผมแทบพ่นไฟหลังทราบข่าว แต่ท่านไม่มามัวตำหนิใครให้เสียเวลา วางแผนหาทางช่วยเหลือหงส์ซานทันที

พวกเรามั่นใจว่ายังไงแบล็คดราก้อนจะยังไม่ทำอะไรตัวประกันเพราะมันต้องการใช้เป็นข้อแลกเปลี่ยนกับเจ้านายผม

กระทั่งสายของวันถัดมา เราก็เข้าไปพบพวกมัน ณ จุดนัดพบ

แน่นอนว่าแบล็คดราก้อนไม่มีทางทำอะไรใสสะอาดแน่ๆ พวกนั้นหวังกำจัดเจ้านายให้สิ้นซาก ดีแต่ว่าเจ้านายผมวางแผนไว้ดี แม้จะเสี่ยงไปหน่อยก็ตาม

ผมเป็นกองกำลังสำคัญที่ซ่อนตัวอยู่ (หน่วยรบเร็ว) จะปฏิบัติการทันทีเมื่อได้รับคำสั่งสัญญาณจากเจ้านาย ใจผมร้อนรุ่มไปหมด ห่วงความปลอดภัยของเจ้านายน่ะใช่ แต่ที่ห่วงกว่าคือใครอีกคนที่ถูกจับตัวไปพร้อมหงส์ซาน

กระทั่งสัญญาณสั่งหมอบของเจ้านายดังขึ้น พวกเราที่ดักอยู่กราดกระสุนเข้าไปภายในทันที แน่นอนว่าใครก็ตามที่ไม่คิดก้มหัวหลบหรือก้มไม่ทันก็ตายกันหมด ไม่เว้นแม้แต่เจ้านายผม หงส์ซาน หรือว่าตัวหมอเอง

มันเสี่ยง แต่ถ้าต้องการปิดประตูตีแมว เราต้องทำแบบนี้อย่างช่วยไม่ได้

เป็นไปตามที่เราวางแผนไว้ แต่ก็ไม่ง่ายที่จะกำจัดมันให้หมดสิ้นไป กองกำลังฝ่ายนู้นมีมากพอกัน ทำให้เกิดการต่อสู้ขึ้นครั้งใหญ่

ผมถลาเข้าไป กวาดตามองหา

เห็นเจ้านายพาหงส์ซานหลบไปอีกด้าน โดยมีเอ็ดเวิร์ดและวิกเซอร์ตามประกบ แต่หมอที่ควรจะตามไปด้วยกลับหนีตามไม่ทัน

ผมขมวดคิ้ว

หน้าที่ของผมคือป้องกันเจ้านาย แต่ผมกลับละเลยหน้าที่ วิ่งถลาเข้าไปหาเขาคนนั้นแล้วกระชากคนที่กำลังพยายามหลบห่ากระสุนออกมาไกล

หมอไม่มีอาวุธติดตัว หนำซ้ำเกราะกันกระสุนที่ใส่มาตอนแรกก็ถูกถอดไปหมด สภาพหมอตอนนี้คือชุดเดิม เนื้อตัวมอมแมม หัวเหอฟูไปหมด ใบหน้ามีรอยเขียวช้ำ และยังเดาไม่ออกว่าภายใต้ร่มผ้านั้นมีริ้วรอยอะไรบ้าง

ผมลมออกหู กราดยิงพวกมันไม่ไว้หน้า หมอเองไม่ใช่คนโง่ ก้มเก็บปืนของพวกมันขึ้นมาสองกระบอก แล้วช่วยผมระดมยิง

เราหันหลังชนกัน เห็นศัตรูที่ไหน ยิงไปไม่ยั้ง ข้อแตกต่างระหว่างแบล็กดราก้อนกับไวท์ดราก้อนคือชุด เพราะพวกมันจะใส่ชุดโทนดำเป็นหลัก

กระสุนหมอหมด ในขณะที่ของผมมีเต็มพิกัดเพราะเตรียมมาเต็มที่ หมอจะเข้าไปเอาปืนจากคนที่เรายิงทิ้งไว้ แต่มันอันตรายเกินไป ผมจึงดึงมือหมอไว้ ผลักให้เข้าไปหลบในมุมที่ปลอดภัย

กระสุนผมหมดพอดี ผมรีบหยิบกระสุนมาใส่ มีใครคนหนึ่งเล็งปืนมาทางหมอ

“หมอ!!”
ผมตะโกนเตือน ไม่รู้ว่าระหว่างเสียงผมกับร่างกาย สิ่งไหนไปถึงหมอก่อนกัน ผมกดหมอหมอบต่ำ ใช้หลังตัวเองที่สวมเสื้อเกราะกันกระสุนบดบังไว้ ค้อมหัวให้ต่ำที่สุด

รู้สึกเจ็บวูบที่ต้นแขน ผมกัดกราม ตัดสินใจพลิกหัน เล็งปืนไปยังเป้าหมาย เสี้ยววินาทีนี้ หากมันเร็วกว่า หัวผมก็พรุน ดีแต่ว่าจังหวะนั้นผมเร็วกว่า หัวมันระเบิดทันทีกระเด็นหงายหลัง

ผมรีบจับต้นแขนหมอ ดึงให้หลบลึกเข้าไปอีก

“ซันไรส์ นายถูกยิง”

ผมไม่สนใจเสียงทักนั้น ผลักหมอให้อยู่ในมุมที่ปลอดภัยที่สุด

เสียงปืนเบาลงบ้างแล้ว ผมคอยจังหวะ เล็งหาคู่ต่อสู้ แล้วอาศัยความเร็วในการยิงทำลายล้าง เห็นคนของลอร่าโผล่เข้ามาช่วย แต่ยังไม่เห็นแม่เสือสาวคนนั้น ผมหันมาทางหมออีกรอบ

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ไม่เป็นไร”

เสียงปืนเงียบไปแล้ว ได้ยินเสียงวอลแบบไม่เจาะจงต้นเสียงของฝั่งเราดัง ผมรีบกดเช็กทันที

“ฉันลอร่า ตอนนี้กำลังเก็บกวาดพวกเศษเดนมนุษย์อยู่ มุดหัวอยู่ไหนกันหมดไอ้พวกผู้ชายไม่ได้เรื่อง!!” 

“ลอร่า”
ผมส่งเสียงเรียกไป

“อ้าว ซันไรส์ ทางนายเป็นไงบ้าง”

“ปลอดภัย ตอนนี้อยู่กับหมอสองคน มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เมื่อกี้ มุดอยู่ซอกไหน จะให้ไปช่วยคีบออกมาไหม”

“ไม่ต้อง”

ได้ยินเสียงปังอีกรอบจากลำโพง 

“พวกปลาซิวปลาสร้อย พวกนายรีบๆ พากันออกไปเลย พวกฉันกำลังมันมือ เกิดยิงผิดยิงถูกยิงพวกเดียวกันคงยุ่ง ตำรวจกำลังพากันแห่มา ถ้าไม่อยากถูกจับเข้าซังเตก็รีบกลับบ้านไปล้างไข่เลยไป!”
แล้ววอลก็ถูกตัดแค่นั้น ผมมองหน้าหมอ

“ดีนะที่เจ้านายไม่คบกับลอร่า ให้อยู่กับหงส์ซานยังดีกว่าแม่เสือสาวปากร้ายคนนี้เป็นไหนๆ”

“แต่ฉันชอบนะ ปากจัดแถมดุดี”

“แล้วทำไมไม่จีบให้ติด”
ผมถามเสียงห้วน หมอยักไหล่

“พยายามแล้ว แต่เธอไม่เล่นด้วย”

ผมไม่พูดอะไรกระชากดึงหมอเดินผ่านซากศพแต่ละซากออกไป

ได้ยินเสียงวอลเปิดอีกครั้ง คราวนี้เป็นเสียงของวิกเซอร์รายงานว่าตอนนี้เจ้านายปลอดภัยแล้ว ถูกยิงแต่อาการไม่สาหัส แค่นั้นผมก็เบาใจ ได้ยินเสียงรถตำรวจดังใกล้เข้ามา ผมรีบกระชากจับหมอออกไปจากจุดนั้นทันที

“นายถูกยิงนะซันไรส์”

ผมก้มมองต้นแขนข้างซ้ายตัวเอง

“ไม่เป็นไร”

“ขอฉันดูก่อน”

“ไม่เป็นไร” ผมตอบกลับคำเดิม

“นี่ ฉันเป็นหมอนะ ฉันจะเป็นคนวินิจฉัยเองว่านายเป็นหรือไม่เป็นอะไรหรือเปล่า”

ผมคิ้วขมวด แต่ก็ยอมให้หมอดู หมอตรวจเช็ก พักเดียวก็พ่นลมหายใจออกมาแรง

“ดีว่าไม่ถูกเส้นเลือดหรือกล้ามเนื้อสำคัญ แต่ไงก็ต้องไปเอากระสุนออกก่อน ต้องทำแผลด้วย ต่อให้อึดขนาดไหน นายคงไม่เก่งขนาดปล่อยให้ลูกกระสุนมันเด้งออกมาเองหรอกนะ”

“คุณกลับไปก่อน ผมจะไปโรงพยาบาลก่อนกลับ”

“เอาแผลถูกยิงไปหาหมอตอนนี้ได้เป็นข่าวกันพอดี”

“ผมจะไปให้หมอใหญ่จัดการให้”

“คิดว่าพ่อฉันมีคิวว่างเพื่อนายตลอดเลยรึไง”

ผมขมวดคิ้วมอง

“นายเห็นฉันเป็นอะไร เห็นแฟนตัวเองโดนยิงแล้วปล่อยให้ไปรักษาที่อื่น ทั้งที่ตัวเองก็เป็นหมอเนี่ยนะ”

“ผมไม่ใช่แฟนคุณ”

“ไปบ้านฉัน” หมอไม่สนใจคำปฏิเสธผม พูดเสียงเข้ม

“ผมไม่ไป”

หมอไม่โต้กลับอะไรอีก จับแขนผมใกล้ตำแหน่งแผล ลากไปโบกแท็กซี่ รถเขียวเหลืองสภาพกลางเก่ากลางใหม่เบรกกึกลงตรงหน้า

“ผมไม่ไป” ผมยืนยันอีกรอบ

“ฉันไม่จับนายกินหรอกน่า รึว่านายกลัวฉันจะทำอะไร”

ผมจ้องหน้าหมอ ไม่พูดอะไร ยอมสอดตัวเข้าไปในรถ หมอตามเข้ามาเงียบๆ บอกที่หมายกับแท็กซี่

เลือดหยุดไหลแล้ว ความปวดเข้ามาแทนที่ แต่ผมยังนั่งนิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไร กลิ่นคาวของเลือดคละคลุ้ง หมอนั่งนิ่งเหมือนกัน

“เอ่อ แขนไปโดนอะไรมาครับ เลือดไหลโชกเลย ผมว่าไปหาหมอก่อนดีกว่าไหมครับ”
แท็กซี่มองกระจกหลัง ถามมาด้วยน้ำเสียงหวาดๆ เหงื่อแตกซิก

“ไม่เป็นไรมากหรอกครับ เราทะเลาะกันนิดหน่อย ผมเลยเผลอกัดเขาจนเป็นแผลน่ะ”
แท็กซี่มองเราสองคนสลับกันไปมา ยิ้มแหะๆ

“พวกคุณเป็นแฟนกันเหรอครับ”

ผมคิ้วขมวดปล่อยรังสีสังหารออกมาห้ามปรามไม่ให้แท็กซี่พูดอะไรอีก หมอหัวเราะแผ่วๆ

“ครับ” 
แล้วมองหน้าผม แต่ผมเลือกที่จะเงียบเพื่อยุติคำถามใดๆ ที่จะตามมา คนขับแท็กซี่กลืนน้ำลายลงคอดังเฮือก

“เอ่อ พวกคุณดูเหมาะสมกันดีนะครับ”

ผมร้องหึในลำคอ หมอหัวเราะอีกรอบแล้วเงียบเสียงเสีย







ไม่นานรถก็มาถึงที่หมาย พวกมันยึดสมบัติของหมอไปหมดทุกชิ้น ผมจึงเป็นฝ่ายหยิบเงินมาจ่ายเป็นค่าแท็กซี่เอง ผมให้ไป 1,000 ทั้งที่ค่ารถจริงๆ แค่ร้อยกว่าเท่านั้น

“ค่าล้างเลือด”

แท็กซี่ฉีกยิ้มกว้าง บอกขอบคุณมาซ้ำๆ สองสามรอบ ผมพับกระเป๋าเงิน ยัดใส่ด้านในของเสื้อสูท เปิดประตูก้าวลงจากรถ พวกสมุนของหมอพากันกรูออกมาสอดหน้าผ่านลูกกรง บ้างก็ยืนสองขา วิ่งวนไปมา ครางงี๊ดง๊าดใส่หมอ

หมอหันมามองผม ยิ้มเจื่อน

“ฉันลืมไป”

ผมคิ้วขมวด

“พวกมันเอากุญแจบ้านไปด้วย”
หมอแบมือให้ดูความว่างเปล่า

“ไม่รู้ว่าจะทิ้งเป็นหลักฐานให้ตำรวจเห็นหรือเปล่า”

ผมถอนหายใจแรง

“คิดว่าลอร่าน่าจะเก็บมาให้”

หมอพยักหน้า

“ขอมือถือหน่อย จะโทรไปบอกแม่บ้านมาเปิดให้”

ผมมองหน้าหมอ ไม่พูดอะไร ล้วงมือผ่านเสื้อสูทเข้าไปหยิบบางสิ่งมายื่นให้

ไม่ใช่โทรศัพท์

ไม่ใช่อุปกรณ์ในการงัดประตูอย่างที่ผมถนัดทำ

แต่เป็นลูกกุญแจสามดอกที่หมอเคยให้ไว้

หมอเบิกตากว้าง

“นี่นายเก็บไว้ด้วยเหรอ คิดว่าทิ้งไปแล้วซะอีก”

“ผมไม่ชอบทิ้งหรือทำลายข้าวของโดยไม่จำเป็น”
ผมตอบนิ่งๆ หมอมองหน้าผม ยิ้มกรุ้มกริ่มแต่ไม่พูดอะไร หันไปไขกุญแจ สมุนหมอต่างพากันส่งเสียงเห่า พอเปิดประตูได้ พวกมันรีบพากันมาพันแข้งพันขา หมอลูบหัวไปตัวละทีสองที พาผมเดินเข้าไปภายใน

เปิดประตูบ้านได้หมอก็ชี้ให้ผมไปนั่งโซฟา ผมทำตาม เดินไปทิ้งตัวลงนั่ง หมอเดินหายขึ้นไปยังห้องเก็บเครื่องมือแพทย์ ผมมองต้นแขนที่ชุ่มไปด้วยเลือดของตัวเอง   

มือถือดังเบาๆ ผมกดรับ เป็นวิกเซอร์ที่โทรมา ผมรายงานความปลอดภัยทั้งกับตัวเองและหมอ แต่ไม่ได้บอกว่าถูกยิง ไม่อยากให้พวกนั้นเป็นห่วง

ผมปิดเปลือกตาลงช้าๆ เอนหัวกับพนักพิงหวังผ่อนคลาย ได้กลิ่นของหมอจางๆ ท่ามกลางกลิ่นเลือดที่กำลังคละคลุ้ง มันเป็นกลิ่นที่ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายยังไงพิกล 

หมอเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมกระเป๋าเครื่องมือ ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ หันหน้าเข้าหาต้นแขนผม

“ถอดเสื้อเองได้ไหม”

ผมพยักหน้า ขยับจะปลดเสื้อสูท แต่หมอหยุดมือผมไว้ก่อน

“ฉันทำเองดีกว่า”

“ไม่เป็นไร”

“เชื่อฟังฉันในฐานะหมอสักครั้งได้ไหม”

หมอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนผิดวิสัย ผมนิ่ง ยอมลดมือลง หันหน้าเข้าหาหมอ ยอมให้เขาเป็นคนทำให้แต่โดยดี หมอปลดเสื้อสูทออกให้ผมเบามือ สีหน้าดูสงบนิ่ง หน้าตามีแต่รอยฟกช้ำ โดยเฉพาะมุมปาก ผมเลื่อนมือไปแตะเบาๆ หมอเงยหน้ามอง 

“คุณบาดเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า”

หมอพยักหน้า

“ตรงไหน”
ผมถามด้วยน้ำเสียงซีเรียส

“ท้อง ถูกเตะน่ะ”

“ขอผมดูก่อน”

“ฉันไม่เป็นไร”

“คุณยังมีสิทธิ์ดูแผลผมได้ ผมต้องการดูของคุณเช่นกัน”

“ฉันไม่เป็นไรจริงๆ แค่ช้ำ ไม่กี่วันก็หาย”

“ขอผมดูก่อน ไม่งั้นไม่ให้ทำแผล”
ผมหยุดมือเขาไว้ว่าจะทำตามที่พูดจริงๆ

หมอพ่นลมหายใจแรง รื้อเปิดหน้าท้องให้ดู มันช้ำอย่างเห็นได้ชัดเลย ดูจะหนักกว่าที่หน้าอีก ผมแตะมันเบาๆ หมอสะดุ้งเฮือก รีบปิดเสื้อลง ผมก็ไม่ได้ยื้อขอดูต่อ

ชั้นถัดไปคือซองใส่ปืน หมอขยับปลดออกให้เบามือวางไว้บนโต๊ะ ตามด้วยเสื้อกันกระสุน

“ครั้งหน้าหาเสื้อกันกระสุนแบบป้องกันได้ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยนะ จะได้ไม่ถูกยิงอีก”
ไม่รู้ว่าหมอแนะนำเพื่อสร้างอารมณ์ขัน หรือว่าเป็นคำแนะนำแบบจริงจังกันแน่ เสื้อเชิ้ตสีขาวผมเป็นรูอย่างเห็นได้ชัด เลือดย้อมแขนเสื้อเป็นสีแดง หมอก้มแกะกระดุมให้ด้วยสีหน้าจริงจัง ค่อยๆ คลี่ปลดออกจากตัวผมเบาๆ แอร์เย็นตกกระทบผิว
 
หมอหยิบเครื่องมือมาวาง หยิบถุงมือมาสวมหยิบสำลีมาเช็ดทำความสะอาดไปรอบๆ แผล ผมมองทุกการกระทำ ไม่ได้รู้สึกหวาดเสียวหรือเจ็บปวดมากกว่าที่เป็นอยู่

หมอทำทุกอย่างอย่างรวดเร็วและมือเบามาก หยิบยาชามาฉีด หลายคนที่ผ่านมือหมอมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหมอกันต์ฉีดยาไม่เจ็บ ผมว่าน่าจะจริง หรือไม่ก็เพราะแผลถูกยิงน่าจะเจ็บกว่าเข็มฉีดยาอันเล็กนิดเดียวนั้น

หมอเตรียมอุปกรณ์สำหรับนำกระสุนออก เขาเรียกการรักษาแบบนี้ว่าการทำแผลแบบทหาร ไม่ต้องนอนเตียง บางครั้งไม่ฉีดยาชาเลยด้วยซ้ำ ทำแผลกันสดๆ เลย   

“จะหยิบเอากระสุนออกละนะ”
เขาบอกล่วงหน้า ผมพยักหน้า หมอใช้คีมแทรกเข้าไปคีบหยิบกระสุนออก ผมไม่รู้สึกอะไรเพราะยาชาที่ให้ไว้ หลังจากนั้นหมอก็จัดการทำความสะอาดแผล เย็บด้วยไหมละลาย แล้วปิดปากแผลด้วยผ้าก็อต พันรอบแผลด้วยผ้าพันแผลสีขาวเป็นอันจบ

“ขอบใจนะ”

ผมมองตาหมอ

“เรื่องอะไร”

“ที่มาช่วยฉัน”

“ผมแค่ทำตามหน้าที่”

“หน้าที่ของนายคือดูแลหงส์ซานไม่ใช่ฉัน”

“ยังไงคุณก็เป็นเพื่อนสนิทเจ้านาย ผมทิ้งขว้างคุณไม่ได้อยู่แล้ว”

หมอยิ้ม

“ขอบใจ”
แล้วยื่นปากขึ้นมาจูบผมเบาๆ

ผมควรผลักหมอออก

ผมควรลุกขึ้น

ผมควรหยิบเสื้อใส่

แล้วกลับไปหาเจ้านาย

แต่ในส่วนลึกของผม ผมกลับรู้สึกดีใจที่ได้สัมผัสแบบนี้จากหมออีกครั้ง

หมอไม่มีทางรู้ได้เลยว่าผมร้อนใจแค่ไหน ตอนเห็นหมอถูกควบคุมตัว แม้สีหน้าหมอจะนิ่งสงบ แต่ท่าทางดูก็รู้ว่าคงเจอเรื่องยุ่งยากมาไม่ใช่น้อย

แค่คิดว่าหมอตายไปจากโลก ใจผมก็หวิวแล้ว



To be Con...
และอิไรท์ก็ตัดฉับ!!!!! หึ ๆ ใครรอฉากพี่หมอตกเป็นของซันไรส์(หรือซันไรส์ตกเป็นของหมอ ตอนหน้ามาแน่ ๆ ค่ะ -,.-)


ปล. เอาปกหงส์ซานมาอวดจ้าาา นิยายหงส์ซานใกล้จบแล้ววว (พระเอกแบ๊วไปหน่อยขออภัยค่ะ น้องมือใหม่หัดวาด T^T)
(http://upic.me/i/01/2-400.jpg)






ข่าวสารและนิยายเรื่องอื่นๆ: https://goo.gl/WbWxt8


หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้การ์ด & หมอ [P.17][29-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-07-2017 19:23:38
พี่หมอแซ่บสุดแอร้ยยยยรอค่ะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้การ์ด & หมอ [P.17][29-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-07-2017 19:36:16
 o13
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้การ์ด & หมอ [P.17][29-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 29-07-2017 21:21:50
แอรียยย อยากอ่านเหตุการณ์ปัจจุบันแล้วว พี่หมอของน้องงง
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้การ์ด & หมอ [P.17][29-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-07-2017 22:05:49
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้การ์ด & หมอ [P.17][29-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-07-2017 22:09:51
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้การ์ด & หมอ [P.17][29-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-07-2017 01:19:56
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้การ์ด & หมอ [P.17][29-7-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 30-07-2017 23:06:17
ในที่สุด หมอก็......สำเร็จแล้ว   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้การ์ด & หมอ [P.17][31-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 31-07-2017 23:48:15
รอครบ 100 แซ่บแน่ๆงานนี้
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้การ์ด & หมอ [P.17][31-7-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-08-2017 03:35:06
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้การ์ด & หมอ [P.17][1-8-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 01-08-2017 23:58:20
รอค่า   :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้การ์ด & หมอ [P.17][1-8-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-08-2017 02:01:56
ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้การ์ด & หมอ [P.17][1-8-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 02-08-2017 06:35:31
โดนคนเขียนตัดเชือกลอยแพค่ะ  :hao5: รอตอนต่อไป ไป ไป :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้การ์ด & หมอ [P.17][1-8-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 02-08-2017 07:18:10
เอาแล่ววววเสร็จหองมอเรียบร้อย5555
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้การ์ด & หมอ [P.17][1-8-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 02-08-2017 08:20:26
 :impress2 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้การ์ด & หมอ [P.17][1-8-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 02-08-2017 08:23:51
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้การ์ด & หมอ [P.17][1-8-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 02-08-2017 09:44:54
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้การ์ด & หมอ [P.17][1-8-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 02-08-2017 16:53:29
 :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][6-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 02-08-2017 20:10:41
หงส์ซาน
ตอนที่ 26 บอดี้กินหมอ

หมอขยับปากเบาๆ พอๆ กับผมที่ทำแบบเดียวกัน ปากเราแนบสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ ผมใช้มือข้างที่เจ็บจับท้ายทอยหมอตรึงให้หน้าแหงน กดปากแนบสนิทมากขึ้น

ผมขยับดันหมอแนบโซฟา มอบรสจูบจาบจ้วงให้ นานมากทีเดียวที่ไม่ได้สัมผัสหมอแบบนี้
 
แผ่นหลังหมอแนบติดโซฟา โดยมีเรือนร่างผมคร่อมอยู่ด้านบน จูนกันไม่ยากอยู่แล้วเพราะเคยๆ กันอยู่
 
“ขึ้นไปข้างบน”
หมอถอนปากออกมาพูดหอบๆ พอๆ กับพยายามดันตัวผมออก ผมลุกตาม แต่ไม่ได้ถอนริมฝีปากออก เราใช้ปากแนบปาก ห้ำหั่นกันด้วยลิ้น สองมือลูบไล้กันและกัน สองขาสลับกันก้าวขึ้นบันได
 
ผมไม่ได้ถามว่าหมอยังพร้อมอยู่ไหม
 
แต่ผมไม่สน จะถึงขั้นไหน ขอแค่ได้ทำให้คนคนนี้ครางได้ผมก็ถือว่าโอเคแล้ว เสื้อหมอถูกผมถอดปลิวหายไประหว่างบันได เข็มขัดผมถูกรูดหายก่อนประตูห้องนอนจะเปิด ซิปผมถูกรูดในระหว่างประตูถูกเปิดออก พอๆ กับของหมอเอง พอเข้าห้องได้ เราสองคนก็พากันหมุนติ้วขึ้นไปกองอยู่บนเตียง ผมถลกถอดกางเกงพร้อมชั้นในโยนทิ้งไปไกล พอๆ กับหมอที่จัดการของตัวเองเช่นกัน
 
ปากเรายังไม่หลุดออกจากกัน กระทั่งร่างกายของเราเปลือยเปล่า
 
“คุณบอกว่าคุณพร้อม”
ผมถอนปากออกมาถาม สีหน้าหมอดูเร้าอารมณ์สุดๆ
 
“ใช่ ฉันพร้อม”
 
ผมไม่ถามอะไรต่อ บดจูบอีกรอบ รังแกให้หมอครางด้วยการคลึงเคล้าน้องหมอด้านล่าง บดขยี้ติ่งไตเล็ก ๆ ด้านบน
 
“แต่ถ้าจะให้ดี”
หมอพูดหอบๆ ชี้มือไปยังลิ้นชักข้างหัวเตียง
“คอนด้อมกับเจล”

ผมไม่พูดอะไร เข้าใจความหมายของหมอดี ต่อให้พร้อมแต่ร่างกายอาจมีปัญหาถ้าไม่ลดแรงเสียดสีลงบ้าง ผมรีบกระเถิบขึ้นไปเปิดมันออก หยิบคอนด้อมออกมาดู

หมอยิ้ม
“ไซส์นายนั่นแหละ ฉันเตรียมไว้ให้”

ผมไม่โต้ตอบอะไร ฉีกมันด้วยปาก สวมใส่โดยไม่ต้องมอง ปากยังไม่หยุดกระตุ้นอารมณ์ของคนด้านล่าง หยิบเจลมาเทใส่มือจนชุ่ม

ผมพิสูจน์ความพร้อมของหมอด้วยนิ้ว

ใช่ ผมเคยพยายามมาแล้ว มันปิดสนิทมาตลอด แต่วันนี้มันต่างออกไป ช่องทางที่เหมือนจะไม่มีรู ตอนนี้มันขยายออกให้นิ้วผมแทรกเข้าไปได้

ผมครางในลำคอด้วยความพอใจ ภาพการผสานร่างที่ผมคิดไว้ใกล้เป็นจริงแล้ว หมอเกร็งอย่างเห็นได้ชัด ผมขยับนิ้วเข้าไปอย่างใจเย็น มันเข้าได้ง่ายๆ แต่ก็ยังรัดแน่นจนเจ็บนิ้ว

ไม่ต้องเดาเลยว่าถ้าเปลี่ยนจากนิ้วเป็นน้องผม มันจะคับแน่นขนาดไหน ผมจับหมอพลิกคุกเข่า เพราะคิดว่าท่านี้น่าจะทำให้เข้าได้ง่ายกว่า

เป็นไปตามที่ผมคิดจริงๆ

ผมเคลื่อนที่หาจุดจีสปอต หมอกระตุกเกร็งอย่างเห็นได้ชัดครางออกมาเบาๆ  ผมกดย้ำอยู่ตรงจุดนั้น กระทั่งร่างกายหมอลื่นไหลให้ผมขยับนิ้วได้ง่ายขึ้น เสียงครางเร้าอารมณ์กับการเคลื่อนไหวอย่างทรมานของหมอแทบจะระเบิดผมเป็นจุณ

ผมพยายามอดทนเพราะอยากให้หมอเจ็บน้อยที่สุด กระทั่งมั่นใจว่าเขาพร้อมแล้วจริงๆ ผมถึงได้ถอนนิ้วออก ผมราดเจลลงไปเพิ่ม จับน้องตัวเองค่อยๆ กดแทรกเข้าไป

สวรรค์ ผมทำได้แล้วจริงๆ

แม้จะแค่ส่วนหัว แต่ผมก็ทำได้แล้ว ผมเสือกไสท่อนล่างเข้าไปอย่างใจเย็นที่สุด หมอเองก็พยายามผ่อนคลายร่างกายอย่างที่สุดเหมือนกัน

กระทั่งน้องผมเข้าไปได้จนหมด

ผมมองท่อนล่างที่จมหายเข้าไปในช่องทางเล็กๆ นั้น ไม่พูดอะไรอีก เริ่มต้นบรรเลงทันที 

“เจ็บไหม” ผมถาม

“เจ็บ แต่ทนได้”
หมอตอบอย่างอึดอัด ผมไม่แปลกใจนักหรอก ขยับเพิ่มความเร็วขึ้น

มันดีกว่าที่ผมจินตนาการเอาไว้มากโข หมอครางรับทุกการเคลื่อนไหวจากผมเคล้าไปกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อ ผมจับหมอพลิกหงาย ใช้มือกุมของหมอไว้ขยับให้ ถึงร่างกายหมอไม่ใช่สาวๆ หุ่นสะโอดสะอง ไม่ได้มีนมให้เคล้าคลึงได้อย่างที่เคยทำ แต่หมอก็มีเสน่ห์ในแบบของหมอ

ผมเคยบอกแล้วว่าอยากทำให้เขาครางขาดใจเพราะรสรักของผม และตอนนี้ผมกำลังทำอยู่ ผมจับขาหมอพาดไหล่สองข้าง ขยับด้านล่างเป็นจังหวะ

ผมว่าตอนนี้หมอคงไม่เจ็บแล้ว แต่อาจมีอึดอัด ที่เหลือคงเป็นความเสียวซ่าน หมอครางเสียงดังมากขึ้น ยิ่งครางอารมณ์บ้าดีเดือดของผมยิ่งปะทุ แรงมีเท่าไหร่ ผมใส่ไปไม่ยั้ง ไม่สนว่าจะเป็นครั้งแรกของหมอด้วย กระทั่งหมอเองทนไม่ไหวกำลังจะไป ผมหยุดตัวเองลงทันที หมออ้าปากค้าง

ผมยกยิ้ม

“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกหมอ”

“อย่าแกล้งกันซันไรส์ ฉันอยากถึงจะแย่แล้ว”
หมอยกมือทำท่าจะจับน้องตัวเอง แต่ผมยึดจับมือหมอไว้ ยกกดเหนือหัว

ผมรอเวลานี้มานาน เวลาที่จะได้รังแกหมอ ผมไม่ปล่อยไปง่ายๆ หรอก

“ซันไรส์ เร็ว เร็วสิ ปล่อยมือ”

ผมไม่ได้ทำตาม ขยับอย่างเชื่องช้า หมอขยับบีบรัด ควงสะโพก สองขาโอบรัดรอบเอว ผมหัวเราะหึๆ ก้มจูบหมอ ซุกซอกคอ ไล่ต่ำลงมายังติ่งไตเล็กๆ กัดมันเบาๆ หมอแอ่นอก รัดน้องผมแรงขึ้น

คอนด้อมยิ่งทำให้ผมอึดยิ่งกว่าเดิม ผมบรรเลงไปสักพัก หมอก็ใช้เรี่ยวแรงพลิกกลับขึ้นไปนั่งด้านบนได้
 
“ฉันไม่ยอมให้นายรังแกได้ฝ่ายเดียวหรอกนะซันไรส์”
แล้วหมอก็จัดการโยกไหวด้วยตัวเองเลย ผมครางอย่างพอใจในลีลาผู้นำของหมอ
 
หมออึดมากจริงๆ ลุยมาตั้งนานก็ยังไม่เหน็ดเหนื่อย แต่เหงื่อนี่แตกพลั่กอย่างเห็นได้ชัด
 
ผมปล่อยให้หมอลุยเองอยู่พักใหญ่ๆ ก็พลิกหมอกลับลงไปนอนแทนที่ เร่งจังหวะรัวเร็วกระทั่งหมอเสร็จนำไปก่อน(แน่นอนว่าผมต้องใช้มือช่วย) ผมตามหลังไปติดๆ
 
ผมหอบหายใจแรง คร่อมอยู่เหนือร่างหมอ หมอขยับ ผลักผมออกเบาๆ เบ้หน้าพลิกตัวตะแคงข้าง
 
“รอบเดียวพอนะ เจ็บ”
 
ผมหัวเราะหึๆ ไม่พูดอะไร ถอดดึงคอนด้อมเปี่ยมไปด้วยน้ำขุ่นๆ ขยับลุกเอามันไปทิ้งถังขยะไม่ห่าง หมอยังนอนไม่ขยับอยู่กับที่
 
“รู้ว่าแรงเยอะ แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้”
หมอพูดเสียงเบา ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
 
“คิดแล้วใช่ไหมว่าไม่น่าเลย คบกับผู้หญิงดีกว่าอีก”
 
หมอพลิกตัวนอนหงาย
 
“เปล่า ตรงกันข้าม ฉันรู้สึกดีสุดๆ ไปเลยต่างหาก”
พูดจบหมอก็รั้งผมลงไปจูบเบาๆ และผมก็ตอบรับด้วยการจูบตอบดีๆ เช่นกัน
 
ผมถอนปากออกมองหน้าหมอ
 
“คุณเหมาะจะเป็นรุกมากกว่ารับนะ ถ้าชอบแนวนี้จริงๆ ทำไมไม่ไปหาหนุ่มๆ น่ารักสักคนนอนด้วย แบบหงส์ซานก็ได้”
 
หมอยกยิ้ม
 
“ก็ใช่ แต่ระหว่างหมาพันธุ์เล็กๆ กับหมาพันธุ์ใหญ่ๆ ฉันชอบเลี้ยงหมาพันธุ์ใหญ่ๆ มากกว่า”
 
“ผมไม่ใช่หมา และไม่ยอมให้คุณเลี้ยงด้วย” ผมตอบกลับฉุนๆ
 
หมอยิ้มอีกที โอบวงแขนมารอบลำคอผม ผมเกลี่ยเส้นผมออกจากหน้าหมอให้เบาๆ มันเปียกราวกับอาบน้ำมาเลย
 
“ซันไรส์ นายมันก็เหมือนหมานั่นแหละ แต่เป็นหมาป่า ไม่ชอบให้ใครมาทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ รักอิสระ ดุดัน กล้าหาญ ชีวิตของนายไม่ได้เป็นของนาย แต่เป็นของจ่าฝูงอย่างไป่หลง”
 
ผมจ้องหน้าเขา
 
“แล้วอะไรที่คุณชอบในตัวผม”
 
“ฉันชอบนายที่เป็นนายนั่นแหละ ไม่ได้อยากจับใส่ปลอกคอสักหน่อย แต่ให้รู้ว่ามีฉันเป็นเจ้าของก็พอ”
 
“ผมไม่ใช่หมา” ผมเตือนอีกที
 
หมอหัวเราะ ตวัดขามารอบเอวผม
 
“ไม่เจ็บรึไง”
 
“เจ็บสิ ไม่ลองมาโดนบ้าง”
 
ผมส่ายหัว
 
“และอย่าคิดให้ผมโดนด้วย”
 
หมอยิ้ม จูบผมอีกรอบเบาๆ
 
“เดี๋ยวก็ตื่นอีกรอบหรอก”

หมอเบ้หน้า “พักยกก่อน เจ็บจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหงส์ซานถึงได้เดี้ยงทุกครั้งที่โดนไป่หลงทำ”

ผมพยักหน้าเห็นด้วย

เขามองตาผม น้องผมกระตุกขึ้นมาอีกครั้งจริงๆ หมอรีบผลักผมออกห่างทันที
“รีบไปอาบน้ำก่อนมันจะตื่นเต็มที่เลย ตอนนี้ไม่มีแรงแม้แต่จะใช้มือแล้ว”

ผมหัวเราะหึๆ ลุกขึ้นยืนตระหง่านอยู่เหนือเขา
 
หมอกวาดมองมารอบๆ
 
“หุ่นนายดีมากจริงๆ ขนาดมีผ้าพันแผลยังดูดี”
 
“อย่ากระตุ้นกันด้วยคำพูดดีกว่า”
 
หมอเลิกคิ้ว สีหน้ากรุ้มกริ่มให้ผมเดาไม่ออกว่าหมอคิดอะไร

 :กอด1: :กอด1:

“ในตู้มีผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าไซส์นายแขวนไว้ริมขวาสุด ส่วนพลาสติกกันน้ำอยู่ข้างล่าง ในกระเป๋าเครื่องมือใหญ่ ฝากหยิบน้ำเย็นๆ มาให้ด้วยขวดหนึ่ง”

ผมเดินเปลือยไปเปิดตู้เสื้อผ้า ภายในนั้นมีเสื้อผ้าของหมอแขวนเรียงกันไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย กลิ่นหอมสะอาดๆ ลอยคลุ้ง ผมมองไปยังริมฝั่งขวาสุด ดึงเอาชุดที่แขวนไว้ออกมาดู มันเป็นเสื้อยืดกางเกงผ้าสไตล์ลำลอง ไซส์และยี่ห้อที่ผมชอบเด๊ะๆ
 
“อ้อ”
หมอพูด ผมหันไปมอง

“มีชั้นในด้วย อยู่ในลิ้นชักแถวล่างแถบขวามือชั้นบนสุด”
 
ผมเลิกคิ้ว เปิดลิ้นชักชั้นที่หมอบอกออกดู ในนั้นมีชั้นในของหมอทั้งหมดพับเรียงกันไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่มีชิ้นหนึ่งอยู่ในซองพลาสติก มีตัวหนังสือเขียนด้วยเมจิกสั้นๆ
 
‘สำหรับนาย ซันไรส์’
 
ผมหัวเราะหึๆ มองรอยยิ้มกว้างที่ถูกวาดไว้บนนั้น หยิบมาแกะออกดู
 
มันไซส์และยี่ห้อที่ผมใช้ประจำจริงๆ
 
ผมเหลือบมองคนที่นอนหงายบนเตียง หมอยักคิ้วให้สองที
 
ผมหัวเราะในลำคอ พาดชุดไว้บนพนักเก้าอี้ หยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอว เดินผ่านหมอลงไปข้างล่าง
 
“อย่าลืมน้ำนะ”
หมอตะโกนเตือนมาตามหลัง ผมไม่ได้ตอบรับ เดินลงไปข้างล่าง ลูกๆ ของหมอพากันวิ่งกรูเข้ามาหา
 
พวกมันดุกับทุกคน ยกเว้นกับผมและเจ้านายมันเองนั่นแหละ (และน่าจะแม่บ้านอีกคน) ผมลูบหัวพวกมันตัวละที เดินไปคุ้ยหาพลาสติกปิดแผลสำหรับอาบน้ำ ได้มาหนึ่งชิ้น จัดการสวมใส่ที่แขน เดินไปเปิดตู้เย็น หยิบน้ำมาหนึ่งขวด
 
หันมองไปที่ถาดอาหารหมา
 
จริงๆ ไม่ห่วงเท่าไหร่หรอก เพราะมีคนดูแลให้อาหารตลอด ผมเดินไปยังชั้นวางอาหารของพวกมัน ไล่มือตามซองขนมที่วางเรียงกันเป็นแผง พวกมันส่ายหางดิ๊กๆ สังเกตเห็นว่ามีซองหนึ่งที่พวกมันดูจะดี๊ด๊ามากเป็นพิเศษให้เดาเอาว่าพวกมันน่าจะชอบที่สุด
 
ผมหยิบมาฉีกซอง ป้อนพวกมันตัวละชิ้น จนหมดก็ทิ้งลงถังขยะ ถือน้ำเย็นเดินขึ้นชั้นบนไป
 
หมอนอนเอาแขนพาดตาไว้ พอผมไปก็ลดแขนลง
 
“ทำไม เสียใจที่เสียความบริสุทธิ์รึไง”
 
หมอยกยิ้ม
 
“เปล่า กำลังเสียใจที่ทำได้แค่รอบเดียวต่างหาก”
 
ผมส่ายหัว โยนน้ำให้ หมอรับไว้ได้ทัน หมุนเปิดฝา ยกดื่มอึกๆ ผมไม่ได้สนใจหมออีกเดินเข้าห้องน้ำไป ใช้เวลาอาบไม่นานก็เดินออกมา หมอหลับไปแล้ว ผมหยิบเสื้อผ้าที่พาดไว้มาใส่ เดินไปใกล้หมอ จับแขนเขย่าปลุก
 
“ลุกอาบน้ำก่อน ค่อยมานอนต่อ”
 
หมองัวเงียลุกนั่ง เบ้หน้านิดๆ ผมกอดอกยืนมอง
 
“ต้องให้อุ้มไหม”
ผมถามเป็นเชิงเย้า
 
“ไม่ต้อง ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”
หมอลุกจากเตียง เดินอย่างมั่นคงตรงไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป
 
ผมพ่นลมหายใจแรง กัดกราม ก้มมองบางสิ่งด้านล่าง คีบหัวคิ้ว
 
ใจเย็นสิวะลูกพ่อ
 
พักใหญ่ๆ หมอก็เดินพันผ้าเช็ดตัวออกมา เปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อยืดกางเกงขาสั้นมาใส่
 
ผมยกนาฬิกามอง
 
“คงได้เวลาที่ผมต้องกลับ”
ผมก้มหยิบเสื้อผ้าตัวเอง แต่หมอยึดจับชายเสื้อผมไว้
 
“ค้างด้วยกันสักคืนสิ”
 
ผมส่ายหัว
 
“ผมต้องกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ”
 
“แต่นายบาดเจ็บอยู่นะ”
 
“มันไม่ได้แย่ขนาดทำให้ผมทำงานไม่ได้หรอกนะ และถ้าผมไม่บอก ก็ไม่มีใครรู้ว่าผมบาดเจ็บ”
 
หมอจ้องตาผม
 
“ฉันไม่อยากนอนคนเดียว”
 
ผมจ้องตาเขากลับนิ่งๆ
 
“เอาลูกๆ ของคุณขึ้นมานอนด้วยสิ”
 
หมอพ่นลมหายใจออกแรง
 
“ถ้านายไม่นอนนี่ ฉันจะตามไปนอนด้วยที่ห้องของนาย”
 
ผมพ่นลมหายใจแรงบ้าง หันกลับไปเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ จ้องกลับด้วยสีหน้าซีเรียส
 
“หมอ…วันนี้คุณรับผมได้แค่รอบเดียวนะ แต่ความต้องการของผมมันไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้หรอกนะ มันอันตรายเกินไปสำหรับหมอ”
ผมจับมือเขามาวางบนเป้าที่กำลังตุง หมอก้มมอง
 
ผมไม่ได้ต้องการขู่เขา แต่ผมพูดจริง กลิ่นตัวหมอหลังอาบน้ำยิ่งทำให้ผมรู้สึกอึดอัด
 
หมอยิ้ม โอบวงแขนมารอบลำคอผม
 
“ได้อาบน้ำ เรี่ยวแรงกลับมาขึ้นเยอะ ขอพักข้างล่างก่อน แต่นี่ยังทำงานไหว”
หมออ้าปากนิดๆ แลบลิ้นให้ดู
 
ผมกัดกราม ไม่อดทนอะไรอีกต่อไป รวบจับหมอโยนขึ้นเตียง
 
“โอ๊ย เบาๆ สิ”
หมอเบ้หน้า
 
ผมจับสองมือหมอตรึงกับที่นอน ไม่พูดอะไรก้มปิดปากหมอไว้ทันที






พลังของหมอนั้นเหลือร้าย ผมตื่นอีกทีก็สายของวัน ตื่นสายกว่าหมออีกต่างหาก ลืมตาขึ้นมาก็เห็นหมอเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว ในสภาพผ้าเช็ดตัวพันเอว

อยากบอกว่าเมื่อคืน ผมสอยหมอไปอีกหนึ่งยกเพราะอารมณ์พาไป (ผมไม่ได้บังคับหรอกนะ หมออนุญาตของหมอเอง) 

ผมลุกจากที่นอน เดินเปลือยไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ใช้เวลาไม่นานก็อาบเสร็จ ออกไปกะจะใส่ชุดเดิมตัวเอง แต่ผมมองหาไม่เจอ ผมขมวดคิ้ว หมอไม่อยู่ด้วย ผมจำต้องหยิบชุดเดิมมาสวม เดินลงไปชั้นล่าง

หมอไม่ได้อยู่ในห้องรับแขก ผมกวาดมองไปรอบๆ ได้ยินเสียงเครื่องซักผ้าดังเบาๆ ผมเดินไปดู เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้ากำลังทำงานอยู่ และเท่าที่มอง เสื้อผ้าสี่ห้าชิ้นที่กำลังถูกปั่นอยู่นั้นเป็นของผมทั้งหมด

ผมถอนหายใจแรง แม้กระทั่งเสื้อสูทผมหมอยังจับปั่นเข้าไปด้วย

เนื้อผ้าเสียหมด

ผมละความสนใจจากเสื้อผ้า เดินหาหมอต่อ ได้ยินเสียงเห่าแบบดีใจของพวกเด็กๆ ดังมาจากแถวๆ หน้าบ้าน ผมเดินไปดู เห็นหมอกำลังคุยอยู่กับแม่บ้านตรงประตูรั้วเล็ก เธอยื่นถุงผักและขนมปังให้หมอ หมอรับมาถือ แม่บ้านบอกลา ขึ้นจักรยาน ปั่นจากไป หมอปิดประตูลง เดินย้อนกลับมาโดยมีลูกๆ ของหมอพากันวิ่งล้อมหน้าล้อมหลัง 

“ฝากด้วย”
หมอยื่นสิ่งของที่อยู่ในมือทั้งหมดให้ผม

ผมถอนหายใจอีกรอบ รู้ดีว่าหมอหมายถึงอะไร หิ้วของทุกอย่างเข้าครัวไป หยิบผ้ากันเปื้อนลายหวานแหววของแม่บ้านมาสวม รื้อผักจากถุงมาล้างทำความสะอาด
 
แค่เห็นวัสดุ ผมก็รู้แล้วว่าควรจะทำอะไร หมอเดินมานั่งบนเคาน์เตอร์บาร์ข้างๆ มอง
 
หิวพอกันครับ ผมทำเมนูง่ายๆ แต่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร ไม่ถึงยี่สิบนาทีทุกอย่างก็ออกมาเรียบร้อยสวยงาม ผมหยิบอาหารสองจานเดินไปยังโต๊ะกินข้าว หมอเดินตามมานั่งฝั่งตรงข้าม ผมรินน้ำใส่แก้วสองใบ วางไว้เคียงจาน

หมอตักกินทันที

“อร่อย”
ไม่ต้องบอกผมก็พอจะเดาออก
 
“เจ็บไหม”
ผมถามอีกรอบ เพราะเมื่อคืนผมเล่นหมอค่อนข้างหนัก
 
“ไหว”
หมอบอกยิ้มๆ ใช้เวลาไม่นานเราก็อิ่ม

“ไม่เกินชั่วโมงเสื้อผ้านายก็น่าจะแห้ง แต่รีดเองนะ ได้เสื้อผ้าแล้วค่อยกลับละกัน” หมอบอกเองโดยไม่ต้องให้ผมถาม
 
ดีแล้วล่ะ เพราะถ้าไปทั้งที่เสื้อผ้าเปื้อนเลือด อาจไม่โสภาเท่าไหร่

ผมอาสาทำความสะอาดจานชาม ในขณะที่หมอ ไปฝังตัวนอนคว่ำบนโซฟา โดยมีลูกๆ คร่อมขี่อยู่ด้านหลัง รายนั้นหัวเราะร่วน

ผมเดินออกไปหา กอดอกมอง
“ถามอะไรหน่อยได้ไหม”

หมอเงยหน้ามอง
“เอาสิ”
แล้วพลิกหงาย พี่เชฟ เจ้าหมาพันธุ์เยอรมันเชฟเฟิร์ดที่คอยจังหวะอยู่กระโดดคร่อมขี่พ่อมันเองทันที หมอหัวเราะร่วน จับหน้าหมาบีบบี้เข้าหากันจนหน้าหล่อๆ ของมันเบี้ยวไปหมด หมอหัวเราะขบขันยิ่งกว่าเดิมกับผลงานตัวเอง

“อะไร” หมอเงยหน้าถามอีกรอบเพราะผมยังไม่ได้ถาม

“คุณเตรียมตัวยังไงสำหรับเมื่อคืน เพราะก่อนหน้านี้ผมจำได้ว่าไม่เคยเข้าได้เลย แต่เมื่อคืนมันเข้าได้”
 
หมอเลิกคิ้วสูง ดันหมาออกลุกนั่งดีๆ
 
“มันน่าแปลกใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
 
“ใช่”
 
“มันมีอุปกรณ์และยาที่ใช้สำหรับเตรียมพร้อมเรื่องพวกนี้อยู่ ฝึกบ่อยๆ มันก็ได้เอง”

ผมไม่ได้ถามต่อว่าฝึกแบบไหน พอจะเดาๆ ออกบ้างอยู่หรอก ผมส่ายหัวไปมา ได้ยินเสียงกริ่งดังหน้าบ้าน หมอหันไปมอง ลุกขึ้นเดินออกไป พักหนึ่งก็เดินกลับเข้ามาใหม่พร้อมซองสีน้ำตาลในมือ

ผมมองอย่างไม่ไว้ใจ รับมาถือไว้ ตรวจสอบดูด้วยตัวเอง ผมเทสิ่งที่อยู่ภายในลงบนโต๊ะ
มันคือกระเป๋าเงิน มือถือและพวงกุญแจ ของสามสิ่งที่หมอมีติดตัวก่อนโดนจับไป มีกระดาษแผ่นเล็กๆ แนบติดมาด้วย
 
“ของนายคุณหมอปัญญาอ่อน เพิ่งรู้ว่าซันไรส์เป็นของนายนะเนี่ย”
 
ลอร่า
 
ผมหน้าตึง เพราะสิ่งที่ห้อยอยู่กับกุญแจหมอคือพวงกุญแจรูปหัวใจอีกชิ้น โดยมีรูปหมอกับผมอยู่คู่กันเหมือนอย่างที่หมอเคยให้ผม
 
หมอยิ้มแหะ ยักไหล่ไม่แก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น ผมถอนหายใจแรงหมดข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้นเหมือนกัน
 
ผมคร่าเวลาด้วยการเดินเล่นไปรอบๆ ผมเคยมาบ้านหมอก็จริง แต่ก็ไม่เคยสำรวจอะไรแบบละเอียดมากนัก ผมไล่ดูตั้งแต่ประกาศณียบัตรการแพทย์ รูปถ่ายตั้งแต่สมัยยังเด็ก
 
ท่าทางแสบน่าดู ติดการ์ตูนตั้งแต่เด็กๆ เลยด้วย ไม่น่าเชื่อว่าคนแบบนี้จะจับมีดผ่าตัดได้
 
ผมหยิบรูปถ่ายของหมอกับผมตอนดูพระอาทิตย์ขึ้นมาดู คว่ำมันลง ก่อนชะงักเพราะแรงกอดจากทางด้านหลัง
 
มือนั้นซุกซนลอดผ่านชายเสื้อเข้ามาที่หน้าท้อง ลูบไล้หมุนวน รู้สึกถึงแรงจูบเบาๆ ที่แผ่นหลังด้วย
 
“อย่ามากระตุ้นกันดีกว่าหมอ หากคุณไม่อยากเจ็บตัวอีกรอบ ผมมันพวกตื่นง่าย”

“คิดว่าฉันไม่รู้รึไง”

หมอเลื่อนมือลงไปคลึงน้องผมผ่านกางเกง ไม่เกินสิบวิมันก็ตื่นเต็มที่ หมอขยับมาด้านหน้า ย่อตัวคุกเข่าลงตรงหน้าผม

 
ผมไม่ห้าม น้องผมดีดผึงออกมา หมอจัดการจับมันไว้ในมือ แล้วปรนเปรอผมไว้ในปากทันที ผมซี้ดปาก คลึงหัวหมอเบาๆ
 
หมออมดูดแรงจนผมไปง่ายๆ ผมมองหน้าหมอ มองคนที่ยังมีความสุขกับการเก็บกินหยาดน้ำอุ่นๆ ของผมอยู่
 
หมอลุกขึ้นยืน ด้านหลังหมอคือตู้หนังสือที่มีรูปถ่ายตั้งโชว์ไว้จำนวนหนึ่ง หมอเลิกถอดเสื้อออกจากหัวจนท่อนบนเปลือยเปล่า
 
“เวลามีไม่มาก ขอเก็บสกอร์นายก่อนไปสักหน่อย”
หมอโอบวงแขนมารอบคอผม และผมก็ร้อนขึ้นมาทันทีเช่นกัน
 
“ไหวเหรอ”
 
“ไม่ไหวก็ต้องไหว อยากจะแย่แล้ว”
 
ผมชอบหมออยู่อย่างก็ความตรงของหมอนี่แหละ ผมเลิกถอดเสื้อออกจากหัวเช่นกัน แนบปากชิดปาก พากันเดินไปที่โซฟา ผมทิ้งตัวหมอลงไป กระชากดึงกางเกงหมอออก พอๆ กับกางเกงตัวเองจนร่างกายเปลือยเปล่า
 
“คอนด้อมข้างล่างมีไหม”
ผมถามในขณะที่พร้อมจะพุ่งเข้าประตูชัยแล้ว
 
“ไม่มี เข้ามาได้เลยไม่เป็นไร”
 
ผมมองหน้าหมอ
 
“แน่ใจนะ”
 
“เรื่องความปลอดภัย นายไว้ใจหมอได้ ส่วนนายฉันมั่นใจเช่นกัน ส่วนเรื่องความฝืดเคือง ไม่ต้องห่วง ร่างกายฉันปรับสภาพได้ ถ้าไม่ไหวจริงๆ เดี๋ยวค่อยใส่”
 
ผมไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรอีก จับหมอนอนหงาย ยกขาหมอพาดไหล่ข้างหนึ่ง แล้วค่อยๆ สอดส่วนหัวเข้าไป
 
หมอค่อยๆ คลายตัว โอบรับของผมเข้าไปทีละนิดทีละนิด
 
“ให้ตาย ดีกว่าตอนใส่คอนด้อมอีก”
ผมบอกตามตรง
 
“ฉันรู้”
หมอบอกอย่างอึดอัด บีบรัดผมแน่น ผมยกยิ้ม
 
“คุณตั้งใจจะเอาใจผมใช่ไหม”
 
“ใช่”

ผมหัวเราะหึ ๆ ขยับกระแทกน้องเข้าไปทีเดียวจนสุดความยาว หมอกัดกรามแน่นอย่างอดทน
 
“อย่าเพิ่งตายก่อนล่ะหมอ”
ผมบอกพร้อมขยับลุกขึ้นไปนั่งข้างโซฟา โดยโอบเอาหมอมานั่งคร่อมบนตัก
 
หมอเบ้หน้า กัดกรามแน่นยิ่งกว่าเดิม ยกยิ้ม
 
“ฉันสู้”
 
ผมซี้ดปากอย่างรู้สึกพอใจ โอบรอบลำตัวหมอเพื่อให้หมอขยับเคลื่อนไหว
 
หมอสู้กับผมจริงๆ สู้อย่างไม่ยอมแพ้ด้วย ขยับบั้นเอว ควง ส่าย หรือยกตัวขึ้นลง
 
“นี่จำวิธีพวกนี้มาจากสาวๆ ที่เคยร่อนหรือว่าศึกษาเทคนิคนี้มาเอง”
ผมถามตอนหมอกำลังขยับโยกไหวชนิดตายกันไปข้าง
 
“ทั้งคู่”
 
หมอโอบวงแขนมารอบลำคอผม แนบปากจูบ ผมโอบกอดตอบ กล้ามเนื้อแน่นๆ แนบชิดติดกัน
 
วิกเซอร์กับเอ็ดเวิร์ดพูดถูก
 
ผมไม่มีทางหลุดมือจากนายพรานคนนี้แน่ๆ ผมจับหมอพลิกคุกเข่ากับโซฟา ผมยืนด้วยขาเดียว อีกข้างคุกเข่าอยู่บนโซฟา จัดการคนด้านล่าง
 
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้อง ผมเลียริมฝีปากตัวเองเบาๆ ขยับด้วยจังหวะเชื่องช้าบ้าง รัวเร็วบ้าง หนักบ้างช้าบ้าง ท่าสุดท้ายผมกดหมอลงไปนอนนาบพื้นโซฟา บดขยี้หมอในท่ามิชชันนารีคว่ำหน้า หมอครางอึดอัด ท่านี้ส่วนนั้นของหมอจะบีบรัดกลืนกินของผมแน่นมาก
 
“ข้างในหรือข้างนอก”
ผมถามหมอหอบๆ เมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะไปถึง
 
“อยากได้ข้างใน”
หมอตอบกลับมาอู้อี้ ผมทำตาม กระแทกรัวๆ อีกเกือบสิบครั้ง ก่อนพ่นลาวาร้อนทั้งหมดเข้าไปภายใน หมอไปก่อนหน้าผมพักหนึ่งแล้ว
 
ผมจ้องมองน้ำรักขาวๆ ของตัวเองที่รูดเลอะออกมาภายนอก มันดูดีจริงๆ
 
ผมกระตุกอีกสองสามทีทุกอย่างก็จบสิ้น ผมทิ้งตัวลงคว่ำทับหมอไว้ พักเหนื่อย หมอหมดแรงข้าวต้มไปแล้ว

ได้ยินเสียงมือถือดังเบาๆ ผมถอนตัวออก เดินไปหยิบมากดรับ คนโทรมาคือเจ้านาย เจ้านายถามถึงหมอเพราะหงส์ซานเป็นห่วง ผมเหลือบมองคนที่ยังนอนคว่ำหน้าหมดแรง รายงานแค่ว่าหมอปลอดภัย และกำลังพักผ่อนอยู่ ผมพูดคุยกับเจ้านายอยู่พักใหญ่ ตอนแรกคิดว่าจะโดนเรียกตัวกลับ แต่เจ้านายให้พักได้หนึ่งวัน
 
ผมกดวางสาย หันไปมองเจ้าของเรือนร่างเปลือยเปล่าตรงหน้า ผมโยนมือถือทิ้ง คร่อมทับเรือนร่างนั้นอีกครั้ง
 
“รอบเดียวไม่พอหรอกนะหมอ”
ผมจับหมอพลิกหงาย หมอยิ้ม
 
“ฉันรู้”
 
แล้วปากของเราก็แนบชิดกันอีกครั้ง



To be Con...
สักคนละเม้นท์ -,.-






ข่าวสารและนิยายเรื่องอื่นๆ: https://goo.gl/WbWxt8
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][2-8-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 02-08-2017 20:30:29
 :-[
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][2-8-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-08-2017 20:43:34
ในที่สุดพี่หมอก้อได้ควบขี่หมาป่าหนุ่มสมใจ
ต้องขอบใจความอึดของทั้งสองคนนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][2-8-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-08-2017 22:13:22
ยินดีด้วยนะหมอ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][2-8-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 02-08-2017 22:32:37
เปลี่ยนจากคำว่าแฟนเป็น มีสามี แล้วดีกว่าค่ะ   :laugh:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][2-8-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-08-2017 22:37:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][2-8-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 02-08-2017 22:53:36
คุณหมอเหมือนจะพอ แต่ก็แอบยั่วซันนะจ๊ะ  เด๋วโดนจัดหนักอีกหลายยกหรอก   :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][2-8-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 02-08-2017 23:31:32
หมอๆ ท้องไม่เป็นไรแล้วหรอ  :m21: o17
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][2-8-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-08-2017 01:54:54
 :katai2-1: o13 :katai2-1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][2-8-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-08-2017 02:21:48
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][4-8-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 05-08-2017 15:19:01
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][4-8-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-08-2017 17:28:34
 :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][4-8-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 05-08-2017 19:33:40
จุดฟลุฉลองให้คุณหมอค่ะ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][6-8-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 06-08-2017 20:57:58
สมอยากมั้ยคะหมอ อิอิ คู่นี้แซ่บ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][6-8-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-08-2017 22:32:20
เหมาะสมกันที่สุด :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][6-8-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 06-08-2017 23:02:40
คู่หมอนี่ เครื่องติดแล้วหยุดยากเนอะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][6-8-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 06-08-2017 23:22:28
แซ่บหลาย :pighaun: :m25:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][6-8-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 06-08-2017 23:47:17
มีความเหมาะสม แซ่บ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][6-8-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 06-08-2017 23:48:38
โถ้กินทีนำหน้าหงส์ซานไปเยอะเลย  :haun4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][6-8-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-08-2017 02:22:01
ฟ้าเหลืองแน่ๆ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][6-8-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 07-08-2017 03:39:50
หมอถึกมาก ประทับใจ55555555

ไหวได้ไงเนี้ยหมออออออ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][6-8-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 07-08-2017 10:37:12
 :hao6: จะเรียกว่าใครเสร็จใครดีเอ่ย :oo1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][6-8-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 07-08-2017 11:06:33
หื่นทั้งคู่วววว
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ [P.18][6-8-2017] 100%
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-08-2017 11:32:06
พอฟัดพอเหวี่ยงกันเลยจ้า แซ่บบบ
หมอต้องห้ามเดี้ยงนะเพราะต้องไปสอดยาให้น้องหงแน่
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: memew ที่ 07-08-2017 20:01:30
หงส์ซาน #27 The End

 
#หงส์ซาน

บ้านเราโดนบุกครับ

แต่คนบุกไม่ใช่แบล็คดราก้อน

ไม่ใช่แก๊งใหม่ที่ไหน

แต่เป็น…

“ลอร่า มาแบบปกติก็ได้ หงส์ซานตกใจหมดแล้ว”
บ๊วยมันถอนหายใจแรง

ผมจ้องมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างตกตะลึง ตะลึงไปกับความงามแบบเอเชียผสมยุโรปนั้น ผมสีแดงเพลิงขับผิวขาวหยวกให้ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล

ส่วนที่คล้ายซันไรส์คือดวงตา นอกนั้นไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ริมฝีปากอวบอิ่ม จมูกเชิดรั้นพอๆ กับผม เป็นผู้หญิงที่น่ามองมากจริงๆ โดยเฉพาะ…

เอ่อ…นมครับ

นมตราหมีไซส์อภิมหึมา แล้วเจ้าหล่อนก็ใส่เสื้อกล้ามแบบรัดติ้วสีดำมา (ถึงจะสวมทับด้วยแจ็กเก็ตสุดเท่ แต่หล่อนก็ไม่รูดซิปอยู่ดี) มันโชว์นมไปครึ่งเต้า เห็นริ้วจุกสีชมพูรอมแรม

โห บ๊วย นมโคตราหมี บีบทีคงมันมือ

“เก็บน้ำลายเมียคุณหน่อยไป่หลง อยากกินเหรอหนุ่มน้อย ถ้าสามีเธออนุญาต กินได้นะ”
พวกนี้ใช้ภาษาสับสนกันอีกละ

ผมส่ายหัวร่อน รีบละสายตาจากหน่มน๊มนั้น

เอวเจ้าหล่อนเล็กตึ๋งหนึ่ง อย่างกับตุ๊กตายาง ใส่กางเกงเข้ารูป  เผยสะโพกสะบึ้ม ร่างเพรียวยืนตระหง่านบนรองเท้าหนังส้นสูงหุ้มข้อ เวลาเดินอย่างกับนางแบบบนแคทวอร์ค มาดนางพญามาก เข้ากันได้ดีกับฉากหลังที่มีลูกน้องหน้าโฉดนับสิบยืนทำหน้าทมึน (จนตอนแรกผมคิดว่าโดนพวกแบล็คดราก้อนบุกนั่นแหละ)

“น่ากินขนาดนี้เฮียไม่น่าพลาดเอาทำเมียนะ”

บ๊วยมันรัดคอผมเบาๆ

“เลิกมองนมคนอื่นได้แล้ว เดี๋ยวโดนทำโทษหรอก”

เจ้าหล่อนเดินกอดอกเข้ามาใกล้ แตะนิ้วชี้ดันคางผมให้เงยขึ้น

“น่ารักดี คุณชอบพันธุ์น่ารักแบบนี้อยู่แล้วนี่ สเปกคุณเลย”

ผมคนครับไม่ใช่หมา

“ใช่ นี่เลิกยุ่งกับเมียผมเถอะลอร่า ขอบใจที่มาช่วย”

“น่าจะเรียกมาตั้งแต่แรก”

“ก็คิดว่าจะจัดการได้”

“ห่วย”
อื้อหือ พูดตรงดีแท้

“คุณมันเก่งแต่เรื่องบนเตียงนั่นแหละ ใจไม่หินพอ ฉันบอกตั้งหลายครั้งหลายหนแล้วว่าถ้าจะอยู่ในวงการนี้อย่าได้ใจอ่อนกับศัตรู”
เจ้าหล่อนละสายตาที่มองบ๊วยดุๆ มามองผม ยิ้มหวานหยดย้อย ลูบหัวผมเบาๆ

“เบื่อไป่หลงเมื่อไหร่มาหาฉันนะ ไม่มีไส้กรอกให้กิน แต่มีนมตราหมีให้ทั้งดูดและดื่ม”

ผมหน้าร้อนผ่าว ลอร่าเลิกคิ้ว

“น่ารักดีนะ ดูสิ แก้มแดงหมดแล้ว”

“เลิกล้อเล่นได้แล้วน่า ว่าแต่มามีอะไร”

ลอร่าทิ้งตัวลงนั่ง ไขว่ห้างทันทีจนสะโพกทอนาโดกองออกมาอย่างเห็นได้ชัด ยกมือกอดอก นมยิ่งล้นทะลักออกมาจนน้ำลายผมแทบยืด

“หงส์ซาน เข้าไปรอเฮียในห้องก่อน”

“อั๊วอยากฟัง”

“ไป” มันไล่สั้นๆ ผมจิ๊ปาก

ชิ อยากดูนมโตๆ คนเดียวล่ะสิ

ผมเดินตุปัดตุป่องเข้าห้องไป ราวๆ ครึ่งชั่วโมงบ๊วยมันก็เดินเข้ามา ผมสะบัดหน้าใส่มันพรืด

“เป็นไง อยากกลับไปกินหนองโพอีกไหม จะได้เซ็นใบหย่าให้”

มันหัวเราะหึๆ เดินเข้ามาใกล้

“หึงเหรอ”

ผมดีดผึงขึ้นยืน

“ใครหึง!!”

“หงส์ไง แสดงออกว่าไม่พอใจชัดเจนขนาดนี้”

ผมเดินเข้าไปใกล้ หยุดยืนอยู่ตรงหน้าในระยะประชิด

แล้วแหงนหน้า

…จนคอตั้ง

มึงจะสูงไปไหน เห็นใจมนุษย์พันธุ์แคระแบบกูบ้าง

ผมยกมือเท้าสะเอวมอง

“อั๊ว ไม่ ได้ หึง”
ผมพูดช้าๆ ชัดๆ

“เหรอ งั้นถ้าคืนนี้เฮียไปนอนกับลอร่า”

ผมหน้าตึงขึ้นมาทันที ฉุนกึก

“เฮียเป็นสามีอั๊ว ไปนอนกับคนอื่นตอนนี้ก็ถือว่ามีชู้”

มันเลิกคิ้วสูง ฉีกยิ้มกว้าง

เดี๋ยวนะ

เมื่อกี้ผมพูดอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า

ผมแก้มร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

“พูดผิดๆ อั๊วหมายถึง เราแต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง เฮียไม่มีสิทธิ์ไปนอนกับใครจนกว่าเราจะหย่ากัน”

มันขยับเข้ามาใกล้ผมหนึ่งก้าว ผมถอยหลังฉึบไปหนึ่งก้าว 

“เมื่อกี้หงส์พูดว่าเฮียเป็นสามี”

“ฟังผิดแล้ว หูฝาดๆ”
ผมรัวปากค้าน

“เฮียฟังไม่ผิดแน่ๆ หงส์พูดจริงๆ ยอมรับว่าเฮียเป็นสามีดีๆ แล้วใช่ไหม”

“ไม่ๆ”

มันจับเอวผมไว้หมับ

“ปากแข็ง”
มันจับผมหอมแก้มฟอดใหญ่ ซ้ายขวา

“หงส์ของเฮียน่ารัก”

“ปล่อยดิวะ”

มันจูบหน้าผากผมเบาๆ แล้วมองตา

“ตอนนี้หัวใจของเฮียมีแต่หงส์คนเดียวเท่านั้น ไม่ต้องกลัวว่าเฮียจะนอกใจหรอก”

“เรื่องของเฮีย ปล่อย”
อันตรายครับ กลัวมันหื่นตื่นขึ้นมาย้ำสถานะจะแย่เอา

“ว่าแต่คุยกันเรื่องอะไรเหรอ เมื่อกี้”
ผมรีบหาเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจของมันทันที

“ไม่มีอะไรหรอก พอดีเหลือพวกปลาซิวปลาสร้อยให้ต้องจัดการ เราจึงปรึกษาหารือกันนิดหน่อย”

ผมพยักหน้าเข้าใจ

“เมื่อไหร่จะเลิกปากแข็งกับเฮียสักที”

“ใครปากแข็ง ลอร่ากลับไปแล้วเหรอ”
ผมรีบหาทางเลี่ยงอีกรอบ บ๊วยมันพยักหน้า

“หงส์”
มันดึงผมเข้าไปกอดเบาๆ

“เป็นเมียเฮียนะ”

ผมคิ้วขมวด

“ก็เป็นอยู่นี่ไง”

“เป็นจากใจ เป็นจากความรู้สึกของหงส์จริงๆ”

ผมหน้าร้อนผ่าว

“ไว้ให้อั๊วพร้อมก่อน”

มันยิ้ม

“ได้สิ เฮียจะรอ แต่เร็วหน่อยนะ เฮียไม่อยากใจขาดตาย”
ดูมันพูดเข้า

“แต่ตอนนี้…”
มันขยับเข้ามาชิด บางสิ่งแข็งๆ จิ้มผมดังจึก

กูว่าละ

ผมรีบหันหลัง แต่มันคว้าเอวผมไว้หมับ

“เฮีย อั๊วนึกได้ว่ายังไม่ได้ให้อาหารปลา”

“ไว้ให้ทีหลัง ตอนนี้เฮียมีปลาเป็นล้านๆ ตัวเลยอยากให้หงส์”

“ไม่ๆ อั๊วชอบปลาคาร์ป ปลาอย่างอื่นไม่อยากได้”
ผมโวยวายลั่นในขณะที่มันยกผมลอยหวือไปที่เตียง ผมรีบแหวกว่ายตัวหนีกลางอากาศ

เดาสิครับ ว่าผมจะรอดไหม?

หึ คิดว่าจะเหลือเหรอ

แล้วคืนนั้นมันก็ปล่อยปลามาแหวกว่ายในตัวผมเป็นจำนวนมหาศาลทีเดียวเชียว














ขนาดยิงกันจนกรุงเทพแทบถล่ม อำนาจมืดสามารถกลบเกลื่อนได้จนเป็นแค่ข่าวว่ามีแก๊สระเบิดขึ้นเท่านั้น ผมยังรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เวลาที่ลอร่ามาบ้าน ร้อนเพราะนมโคของเธอนี่แหละ กลัวบ๊วยมันอยากกลับไปกินอีกรอบด้วย

แต่ผมว่าแทนที่จะกลัวบ๊วยมันกลับไปกินนมโค ผมชักกลัวว่าเธอจะจับกินผมมากกว่า เล่นจ้องผมตาเป็นมันเลย 

“ขอหม่ำสักคืนไม่ได้เหรอ ไม่เคยเคี้ยวเด็กอ่อนมาก่อนด้วย”

“ฉันรู้ว่าเธอหาใหม่ได้ลอร่า ได้ของแล้วก็รีบๆ กลับไป”

ลอร่าหัวเราะ บางทีผมว่าที่เธอจ้องจะเขมือบผมส่วนหนึ่งคงเพราะอยากแกล้งบ๊วยมันด้วยแหละ
...
...
...
...
...
...
...
..
...
#เจ็ดเดือนผ่านไป

ผมอย่ากับบ๊วยมันแล้วครับ

ซะเมื่อไหร่เล่า = =;

ผมท้อง

ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ == ;

ต่อให้มันขยันทำบุญปล่อยปลาในตัวผมมากขนาดไหนก็ไม่อาจทำเรื่องที่ฝืนธรรมชาติได้หรอก มันยังเป็นสามีที่ดีเสมอต้นเสมอปลาย

มันพาผมมาฮันนีมูนครับ ที่เกาะมัลดีฟอย่างที่มันเคยสัญญาไว้แต่แรก

และแน่นอนว่ามีผมที่ไหนก็ต้องมีพี่หมอที่นั่น

พี่หมอไม่ได้ตามมาอยู่เป็นเพื่อนผมหรอก ไม่ได้ตามเพื่อนสนิทตัวเองมาด้วย

แต่ตามแฟนตัวเองมาต่างหาก

ช็อกซินีม่าสุดๆ กับเรื่องของพี่หมอ ไม่ใช่แค่ผม ทุกคนที่รู้ความจริงต่างพากันช็อกไปหมด (ยกเว้นเอ็ดเวิร์ดกับวิกเซอร์ที่รู้ดีอยู่แล้ว)

เรื่องที่พี่หมอมีแฟนไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจได้เท่ากับเรื่องของคนที่มาเป็นแฟนพี่หมอหรอก

เดากันออกไหมครับว่าใคร

ให้ตายยังไง คุณก็ไม่มีทางเดากันได้แน่ๆ (เอ๊ะ หรือว่ารู้กันหมดแล้ว)

แฟนของพี่หมอไม่ใช่สาวสวยหุ่นดีนิสัยดุที่ไหน แต่ดันกลายมาเป็นหนุ่มหล่อหุ่นดีนิสัยโคตรดุแทน (แถมยังปากหมาอีกต่างหาก)

ซันไรส์นั่นเองครับ

บ๊วยมันยังช็อก คิดดูสิ

ไปจีบกันตอนไหน

ไปได้กันตั้งแต่เมื่อไหร่

แล้วใครเป็นรุกใครเป็นรับ (เอ่อ ถ้าดูจากหนังหน้าซันไรส์ ผมว่ามันไม่ยอมให้พี่หมอรุกแน่ๆ แต่ก็ไม่แน่ สติไม่ปกติแบบพี่หมออาจเป็นฝ่ายรุกเองก็ได้)

อยากรู้ครับ แต่ยังไม่มีโอกาสดีๆ ได้ถาม (โอกาสที่ผมว่าหมายถึงได้คุยกับพี่หมอสองต่อสองโดยที่ไม่มีซันไรส์อยู่ ไม่งั้นผมคงแบนเป็นกล้วยปิ้งแน่ๆ)

ทะเลมัลดีฟสวยมาก น้ำใส่ปิ๊ง ผมสนุกสนานกับการว่ายน้ำดูปลา โดยมีพี่หมอว่ายอยู่ไม่ห่าง

เราลอยคอกันอยู่ในน้ำ โดยมีไอ้บ๊วยนอนอยู่บนฝั่ง ขนาบข้างซ้ายขวาด้วยซันไรส์กับวิกเซอร์ อยู่ๆ ก็มีสาวสวยหุ่นอึ๋มสามนางเดินนวยนาดเข้าไปหา สวยหยดเชียวละ ผมกับพี่หมอพากันมองอยู่เงียบๆ ในน้ำ เราไม่ได้ยินเสียงอะไรเพราะอยู่ไกลเกินไป

เห็นสามนางพยายามพยุงสามหนุ่มขึ้นยืน คงอยากชวนเล่นน้ำด้วย ผมกันพี่หมอหันไปมองหน้ากัน

“ทำไมไม่ปฏิเสธไปว่ามากับเมีย ปล่อยให้ยัยนมอึ๋มนั่นเซ้าซี้อยู่ได้”
ผมบ่น พี่หมอหัวเราะหึๆ

เรายืนมองกันอยู่นานจนผมเริ่มทนไม่ไหว ตัดสินใจขึ้นจากน้ำ เดินช้าๆ เข้าไปใกล้ ผู้หญิงพวกนั้นยังไม่หยุดเกาะแข้งเกาะขา ผมเดินไปหยุดยืนอยู่ด้านหลังของพวกหล่อน

“มีอะไรกันเหรอครับ”

ทุกคนหันมามองผม บ๊วยมีสีหน้านิ่งเรียบ มันเห็นผมแล้วแหละ แต่ไม่เห็นมีท่าทีว่าจะปฏิเสธอะไร

นี่มึงคิดจะนอกใจกูจริงๆ เหรอ ทั้งที่กูว่ายน้ำหัวโด่อยู่เนี่ยนะ

ผมกอดอก มองด้วยสีหน้านิ่งเรียบ

“อุ๊ย ขอโทษค่ะ เราแค่จะมาชวนหนุ่มๆ ไปว่ายน้ำเล่น”
เธอพูดภาษาอังกฤษสำเนียงอังกฤษชัดเจน

“เอาไงอาเฮีย จะไปว่ายน้ำกับยัยอึ๋มนี่หรือจะไปกับเมียตัวเอง”
ผมถามมันเป็นภาษาอังกฤษชัดเจนเหมือนกันหวังให้ยัยนมอึ๋มที่เกาะแขนมันอยู่เข้าใจ นานๆ ทีได้ใช้สกิลภาษาที่ร่ำเรียนมาสักที

“เมีย?”
ยัยนมอึ๋มถามเสียงสูง

“โอ๊ะ นี่คุณมีเมียแล้วเหรอ ทำไมไม่บอก เราดูมาพักใหญ่ ไม่เห็นผู้หญิงของคุณเลย”

ผมควันออกหู

ใช่ ถ้าบ๊วยมันปฏิเสธไปสักคำว่ามีเมียแล้วหรือมากับเมีย ยัยนมอึ๋มนี่คงจะจากไปง่ายๆ แต่มันไม่พูดไง ยัยพวกนี้จึงทู่ซี้ชวนต่อ

บ๊วยมันยิ้มจาง

“ครับ พอดีเมียไปเล่นน้ำโดยไม่ชวนสักคำ รอตั้งนานก็ไม่มา เลยกะว่าจะไปกับใครก็ได้ที่ชวนเพื่อประชดสักหน่อย”

สาวนางอ้าปากเหวอ

ควันออกหูผมลูกใหญ่กว่าเดิม โดดเข้าไปทุบอกมันแรง

“นอกใจเหรอ ไหนว่ารักไง อยากเล่นน้ำก็ตามลงไปดิวะ!”

บ๊วยมันหัวเราะร่วน รับลูกต่อยจากผมเป็นพัลวัน ไม่รู้ว่าพวกหล่อนเข้าใจภาษาไทยของผมหรือว่าเข้าโจโดยกิริยา พวกนั้นอ้าปากค้างยิ่งกว่าเดิม มันจับผมยกพาดบ่าจนผมหัวห้อยต่ำ จมูกชนหลังมัน ผมทุบหลังมันไปแรง

“ขอไปว่ายน้ำกับเมียก่อนนะครับ ขอให้โชคดีสาวๆ”
มันหันไปพูดกับพวกนั้นด้วยภาษาอังกฤษ เดินดุ่มๆ พาผมลงน้ำไป ชุดว่ายน้ำของผมเป็นเพียงกางเกงผ้าธรรมดาเท่านั้น รูปแบบ สี และยี่ห้อเดียวกับบ๊วยมันนั่นแหละ เห็นก้นแน่นๆ ของมันชัดเจน ผมทุบหลังมันอีกหลายที มันทิ้งผมลงน้ำดังตูม

“นี่ จีบผู้หญิงให้เห็นต่อหน้าต่อตา” ผมทุบอกมันอีกปัก

“เฮียจีบตรงไหน กำลังล่อเมียมาติดกับต่างหาก มาฮันนีมูนแต่ไม่สนใจเฮีย สนใจแต่ไอ้หมอ”

“ก็เห็นนอนสบาย คิดว่าอยากนอนเล่นมากกว่านี่”

“อยากนอนด้วย อยากเล่นกับหงส์ด้วย”
มันอุ้มผมขึ้นไปโอบสองขารอบเอวมัน ผมรีบคล้องวงแขนรอบคอมันทันทีกันหล่น

“อายคนอื่นเขาไหม คนมองกันใหญ่แล้ว”

“ช่างเขาสิ ใครจะมองเราก็ช่าง แต่เฮียจะมองหงส์คนเดียว”

ผมแก้มร้อนผ่าว

“รักเฮียแล้วรึยัง”

“ยัง”

“จริงเหรอ เฮียรอหงส์รักเฮียมานานแล้วนะ เฮียต้องรออีกนานแค่ไหนหงส์ถึงจะรักเฮีย”

“สิบปี”

“โห นานไป สิบวินาทีก็พอ เอางี้ เฮียจะจูบหงส์ไปเรื่อยๆ จะปล่อยเมื่อหงส์ยอมบอกว่ารักเฮียแล้ว”

“อย่างนี้เขาเรียกบังคับนะ”

“เริ่มละนะ”

“เดี๋ยวๆ”
ผมรีบเอนตัวไปด้านหลังหนี จะขัดขืนก็ไม่ได้เพราะเดี๋ยวจมน้ำ (จริงๆ ก็ว่ายน้ำเป็น แต่อารมณ์นี้ไม่อยากลงจากเอวมันไง แหะๆ)

“เฮียให้เวลาสิบวิ”

“บ้ารึเปล่า”

“10”

“เฮีย”

“9”

“ชอบบังคับว่ะ”

“8”

“เรื่องพวกนี้มันต้องพูดออกมาจากใจสิ”

“7”

“ไม่ทำโว้ย!!”

“6”

“ทำไมขี้บังคับแบบนี้วะ”

“5”

“ปล่อยเด๊ะ หย่าเดี๋ยวนี้เลย ไม่เอาแล้วผัวขี้บังคับแบบนี้”

“4”

“เฮ้ย บอกให้ปล่อยไง!!”

“3”

“ไม่พูดโว้ย!!”

“2”

“อาเฮียยยยยยย!!”

“1”

“หงส์รักเฮีย”

และก่อนที่ปากร้อนๆ นั้นจะฉกลงมาถึงปากผม ผมก็รีบรัวปากบอกทันที มันหยุดหน้าไว้กับที่

แล้วคลี่ยิ้ม

“พูดออกมาจากใจหรือเปล่า”

“เปล่า โดนบังคับ”

“หงส์” มันเสียงอ่อนลง “แค่พูดในสิ่งที่ตรงกับหัวใจมันยากนักเหรอ”

“แล้วทำไมต้องอยากได้ยิน ก็รู้ๆ อยู่แล้ว”

“เฮียอยากได้ยินจากปากหงส์นี่”

“ก็พูดไปแล้ว”

“อีกรอบได้ไหม”

“รอบเดียวพอ ของดีมีน้อย”

“นะหงส์นะ”
ลูกอ้อนมึงนี่นะ ไปเรียนมาจากลิเกโรงไหน บอกกูที

ผมก้มหน้า อ้อมแอ้มบอกอีกที

“อีกรอบพอนะ”

“โอเค”
มันขยับหน้าเข้ามาชิด ผมก้มหน้าลงต่ำ แก้มร้อนผ่าวต้านกระแสน้ำเย็นๆ

“หงส์รักเฮีย”

“รักแค่ไหน”

“ได้คืบจะเอาศอก”

“รักแค่ไหน ตอบอีกหน่อยน่า”

“รักมาก”
ผมกระซิบตอบ

“มากแค่ไหน”

“บ้ะ พอแล้ว”
ผมจะดันมันออก

“แค่ไหน”

“เฮียรักหงส์แค่ไหนก็แค่นั้นแหละ”
ผมตอบรัวๆ มันฉีกยิ้มกว้าง

“งั้นหงส์คงจะรักเฮียมาก เพราะเฮียรักหงส์มากๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”

“พอๆ ๆ ๆ เวอร์ละ”

มันยิ้มกว้าง จูบแก้มผมรัวๆ ก่อนเลื่อนมาที่ปาก ผมพยายามดันตัวออก แต่เดี๋ยวเดียวก็ต้องหยุดขัดขืน ดิ้นรนไปก็เท่านั้น เจอมนุษย์ขี้บังคับแบบมัน ดื้อขนาดไหนก็ต้องยอมจำนน

“หงส์คือนางฟ้าของเฮีย”

“อั๊วเป็นผู้ชาย”

มันหัวเราะหึๆ กัดปากผมเบาๆ

“ให้เฮียโรแมนติกหน่อยสิ”

“ไม่เอา เขิน”

มันหัวเราะอีกรอบ

“งั้นไม่พูดละ ปฏิบัติอย่างเดียวดีกว่า”
พูดจบมันก็จูบผมต่อ แบบดูดดื่มด้วย

เฮ้ย กูว่ามึงพูดดีกว่านะ

ปล่อยโว้ย!!!!!!













#ซันไรส์
เรื่องยังไม่จบครับ ผมมองตามเจ้านายที่แบกคนรักเดินดุ่มๆ ลงน้ำไป ผมเลิกสนใจคนทั้งคู่หันกลับมามองสถานการณ์ตรงหน้าต่อ สาวเจ้าที่เข้าหาเจ้านายยืนช็อกค้าง

หมอยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า มองผมยิ้มๆ ก่อนหันไปมองสาวๆ นมตูมทั้งหลาย

“สวัสดีครับสาวๆ ผมยังว่าง สนใจผมสักคนกันไหม”

แน่นอนว่าทั้งสามคนรีบถลาเข้าไปหาหมอทันที ทั้งที่คนหนึ่งจับแขนผมอยู่ อีกคนจับแขนวิกเซอร์ และคนสุดท้ายที่ยืนช็อกค้างอยู่ยังดึงสติตัวเองกลับมาได้ทันถลาเข้าไปแย่งแขนขาหมอกับเพื่อนๆ   

คิดดูสิครับ ว่าเสน่ห์ของหมอเหลือร้ายขนาดไหน อาจจะเพราะออร่าผมกับวิกเซอร์เหมือนกันคือไม่เป็นมิตรล่ะมั้ง สาวๆ คงชอบเสน่ห์แบบคาสโนว่าของหมอมากกว่า

ทั้งสามคนพากันเบียดชิดหน้าอกหน้าใจใส่หมอ

วิกเซอร์อ้าปากหาวหวอด

“ง่วง จัดการคนของตัวเองไปละกัน ฉันนอนละ”
แล้วมันก็ทิ้งตัวลงนอนตามเดิม ไม่สนใจอะไรอีก

หมอก้อร้อก้อติก มือหนึ่งโอบเอวคนซ้าย อีกข้างคนขวา ปากหอมแก้มคนกลาง ผมพ่นลมหายใจออกเบาๆ ก้าวช้าๆ ไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนทั้งสี่ ดึงแขนแม่คนกลางออกก่อน จับคนซ้ายแยกไปไกล จับคนขวาออกห่างเช่นกัน

“อะไรกันยู”
สาวเจ้าโวยวาย แต่ผมไม่สน จับหมอยกพาดบ่าท่าเดียวกับเจ้านายนั่นแหละ

“บ๊ายบาย นะครับสาวๆ ดูท่าสามีผมจะไม่ยอมให้ผมมีกิ๊กแฮะ”

ผมไม่รู้ปฏิกิริยาของสาวๆ พวกนั้นเพราะไม่ได้สนใจหันไปมอง แบกคนด้านบนเดินลิ่วๆ ลงน้ำไป ห่างจากเจ้านายหน่อย โยนหมอลงน้ำดังตูมจนน้ำแตกกระจาย หมอรีบทะลึ่งพรวดขึ้นมายืนยิ้มแหย ผมยืนมองด้วยสีหน้าถมึงทึง น้ำสูงเพียงแค่สะโพกผมเท่านั้น ผมกอดอก ทำหน้าบูดที่สุดเท่าที่จะบูดได้

“ล้อเล่นน่า ไม่ได้คิดนอกใจจริงๆ ซะหน่อย แต่แม่คนกลางนมใหญ่ดี ท่าทางจะเร่าร้อน”

ผมตีสีหน้าดุขึ้น คิดอยู่หรอกว่าคนอย่างหมอไม่ใช่ประเภทจะคบกับใครได้นาน อย่าคิดเผลอหลวมตัวหลวมใจไปให้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็พลาดครั้งแล้วครั้งเล่า

“หึงเหรอ”

“พยายามจะไม่”
ผมตอบตามจริง หมอยิ้ม

“นี่ แต่นายทำฉันหึงกว่าอีก ปล่อยให้ยัยพวกนั้นมาอี๋อ๋อได้ไง”

“ไม่เห็นรึไงว่าผมกันออกแล้ว”

“เห็น แต่แค่อยากแกล้งนายเท่านั้น อยากเห็นนายหึงฉันด้วย”

“มันไม่สนุกนักหรอก”

“ฉันรู้ แต่ฉันชอบ”

“คุณมันโรคจิต”

หมอหัวเราะร่วน

“นี่ จูบฉันแบบที่ไป่หลงจูบหงส์ซานไม่ได้เหรอ”

“ไว้กลับห้องก่อน นี่มันที่สาธารณะ”

“แคร์เหรอ”

“ใช่”

“แต่ฉันไม่แคร์”
แล้วหมอก็จับหัวผมกดลงไปหา

ครับ ถ้าหมอบอกว่าต้องการ มีเหรอที่ผมจะขัดขืนได้

สุดท้าย ผมก็ต้องยอมเป็นของหมออยู่ดีทั้งขึ้นทั้งร่อง

บายครับ

เอ่อ…กรุณาแพนกล้องไปที่หงส์ซานกับเจ้านายด่วน ผมจะจูบกับหมอต่อ


The End

จบไปอีกหนึ่งเรื่องงงง งี๊ดดด ดีใจปนเสียใจ ดีใจเพราะทำให้ทุกคนมีความสุขตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่รู้สึกค้างคา(หรือเปล่า = =) ส่วนเสียใจเพราะไม่อยากให้จบ อยากอยู่กับทุกคนไปนาน ๆ T^T แต่ทุกงานเลี้ยงต้องมีเลิกรา ต่อไปนี้ไรท์จะเขียนนิยายแบบมีจุดเชื่อมโยงกันละ หมายถึงถ้าเป็นนิยายไทย ถ้าอยู่ในยุคเดียวกัน พวกเขาสามารถเวียนมาพบเจอกันได้ มันคงฟินดีพิลึก อย่างเรื่องทาสแค้น น้องฝน ทาสแค้นก็ไปนั่งกินเค้กที่ร้านน้องกายคิสเลิฟมาแล้ว มันมีหลายจุดเชื่อมโยงกันได้ น่าสนุกดี

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ ตั้งแต่ต้นยันจบ ไรท์มีความสุขมากและดีใจที่ทุกคนมามีความสุขร่วมกันด้วย เอาละ รอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ น่าจะได้อ่านกันอีกรอบราว ๆ ปลายปี หรือต้นปีหน้าค่ะ รอกันก่อนน้าาาา จุ๊บ ๆ







โฉมหน้าปกหนังสือค่าา
(http://upic.me/i/4y/kb600.jpg)
รายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือติดตามได้ในเพจนะคะ


ข่าวสารและนิยายเรื่องอื่นๆ: https://goo.gl/WbWxt8


หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][7-8-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 07-08-2017 20:22:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][7-8-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-08-2017 20:34:56
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][7-8-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-08-2017 20:40:16
ใช่ปลาเหรอ?  ว้าจบไวจัง
ของพี่หมอยังมีอีกไหมคะ :impress2:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][7-8-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 07-08-2017 21:02:06
สุดยอด สนุกมากๆเลย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][7-8-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 07-08-2017 23:47:04
สงสัยอ่ะ ที่หมอดูเคยทำนายว่าจะมีลูก นึกว่าจะโผล่มาในเรื่อง  :m28: มันยังไงกันแน่นะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][7-8-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-08-2017 23:51:04
ใจหายนิดๆ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][7-8-2017] 40%
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 08-08-2017 00:02:13
่น้องหงส์คงจะมีลูกเป็นครอกแหงๆ  เฮียแกขยันคงเส้นคงวาจริงๆ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][9-8-2017] 80%
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-08-2017 08:42:02
 :katai2-1: :mc4: :katai2-1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-08-2017 13:58:57
หวานชื่นกันถ้วนหน้า
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-08-2017 15:06:16
ขอบคุณมากค่ะน่ารักทุกคู่เลย  :katai3:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-08-2017 20:59:53
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 13-08-2017 09:41:45


เร่าร้อนกันไป

หงษ์ก็น่ารัก

เฮียก็หื่น

หมอก็ขี้อ่อย

ซันไรส์ก็หึงเงียบ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 14-08-2017 08:42:15
สนุกมากๆจ้า
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 14-08-2017 15:10:46
อาหงส์ทั้งดื้อ ทั้งตลก 55555 :laugh:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 14-08-2017 16:19:29
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 14-08-2017 18:00:53
สนุกค่ะ ชอบน้องหงส์น่ารักดี พี่หมอด้วยป่วนสุดๆ  :hao5:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: FiRMMiE ที่ 15-08-2017 00:54:45
น่ารัก สนุกค่ะ อ่านเพลินด้วย นี่อ่านวันเดียวจบ
วางไม่ลง อาหงส์น่ารัก ตลกด้วย ฮ่าๆ
อยากอ่านตอนมีลูกด้วยอ่า ที่ซินแสทำนาย
อยากเห็นเด็ก ๆ
ขอบคุณสำหนับนิยายสนุก ๆ นะคะ
เขียนดีอ่า อ่านเพลินแบบเพลินมาก
 :pig4: :impress2:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 15-08-2017 01:40:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 15-08-2017 13:56:13
เรื่องน่ารักมาก ขอบคุณคนเขียนมากๆ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: yokibear ที่ 19-08-2017 01:23:19
สนุกกกกก ยอมใจความดื้อของหงส์55555555
น้องน่ารัก น้องดื้อ แต่เฮียก็รักน้อง งืออดีต่อใจ
คู่พี่หมอสไตล์หื่นคู่เลยนะคะเนี่ย แอ้ๆๆ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: AngPao1932 ที่ 19-08-2017 03:25:07
ไป่หลงพูดบ่อยว่านอนมากับคนเยอะบอกเลยดีที่เป็นหงส์ถ้าเป็นนี่อิตาเฮียหลงโดนวีนย้อนอดีตแน่ๆ :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 19-08-2017 12:14:16
จบไวไป อยากอ่านต่อ ตลกกกก
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 24-08-2017 21:55:08
ขอบคุณค่ะ
อยากรู้จังว่าถ้ามีลูกแม่กับลูกใครจะป่วนกว่ากัน
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Napa ที่ 27-08-2017 20:23:08
ชอบมาก   :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 30-08-2017 18:41:41
งุ้ยยยยย สนุก น่ารักมาก
ชอบหมอกับซันไรส์
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-09-2017 12:11:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 05-09-2017 14:41:38
สนุก ๆ  :pighaun: :pighaun: :jul1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 09-09-2017 03:35:48
พีหมอแย่งซีนตลอดเลยย :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 22-09-2017 00:06:08
จบน่ารักดีจัง ขอบคุณมากค่า
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 27-09-2017 09:02:17
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 28-09-2017 21:07:10
ชอบ ทั้ง 2 คู่เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 01-10-2017 02:32:06
อ่านจนไม่หลับไม่นอนเลย55555555555

ขอตอนพิเศษหน่อยงับบบบ :mew2:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 05-10-2017 23:45:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 08-10-2017 21:39:02
เฮียไป่หลงเรารักและหลงลิงน้อยหนักมาก
อาหงส์ก็ดื้อและปากแข็ง น่ารักกกก
ขอบคุณมากค่าา   :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 25-12-2017 21:55:38
น่ารักมาก..อยากอ่านตอนหงส์เปิดใจแล้วอ้อนเฮีย ขอตอนพิเศษรัวๆๆๆๆๆ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 03-01-2018 19:14:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 12-04-2018 17:21:39
 o13 พระเอกเรื่องนี้น่ารักมากกกกหลงเมียสุดๆ   :hao6: :hao6: หื่นมากด้วย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 14-06-2018 15:42:22
มันฟินมากกกกก....ไปค่ะซื้ออีบุ๊คก่อน...อ๊ากกกกก :ling1: :hao7:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ffern ที่ 13-11-2018 00:30:17
 :haun4: :z1: สนุกมากกกกก อ่านวันเดียวจบเลย เสียดายอะเเง้สนุกมาก จนอยากจะอ่านอีก อยากอ่่นตอนหงส์ซานมีลูก เราเตรียมตัวเขินรอเเล้ววว อิ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: aoy_horizon ที่ 15-11-2018 11:49:20
 :hao7:  อร้ายยย  ชอบพี่หมอคนยั่ว กับ ซันไรส์หน้านิ่งจัง ดุเดือดๆ หลงรักเลย
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 17-11-2018 10:29:51
สนุก น่ารัก อยากอ่านอีก

ขอบคุณคนเขียนน้าา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 24-11-2018 00:10:51
 o13 o13
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 05-12-2018 09:49:22
สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: nanaexo ที่ 28-12-2018 20:40:34
จุด


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 11-01-2019 20:36:46
อร้ายยย เขินมาก แซ่บมาก สนุกมากกกก  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 04-05-2019 19:36:03
พึ่งมีโอกาศมาอ่านนนน สนุกมากเลยยย มันตลกๆๆแบบงงๆๆ เป็นความรักที่อลม่านดีอ่ะ ชอบบบ555555 ชอบความแสบของหวงส์มากกกกกกกก เหมือนลิงตริงๆๆละ  ชอบความหลงเมียของอาเฮียยย หลงสุดๆๆ ฟลงสุดๆๆจริงๆยอมเขาเลยจ้า
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 19-08-2019 03:41:45
 :oo1:
หัวข้อ: Re: หงส์ซาน #27 The End (ตอนจบ) [P.18][12-8-2017]
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 27-10-2019 19:20:07
 :pig4: