พิมพ์หน้านี้ - เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | E-Book มาแล้วจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: หะมายด์เอง ที่ 07-10-2018 22:52:36

หัวข้อ: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | E-Book มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 07-10-2018 22:52:36
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

เพื่อนวัยเด็ก

(https://cdn.stocksnap.io/img-thumbs/960w/BUX8P3F4EQ.jpg)

มีคนบอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกล้วนเปลี่ยนแปลงไปในทุกเสี้ยววินาที
แต่ผมไม่ทันคิดว่าเด็กชายริมเขื่อนที่ผมปกป้องมาด้วยแรงกายแรงใจในวัยเด็ก
เจ้าของหน้าตาน่ารักราวกับเด็กผู้หญิง ตัวเล็กๆ สูงไม่ถึงไหล่
โตมาจะเป็นนายแบบชื่อดังที่ชอบการต่อยมวยเป็นชีวิตจิตใจ

"เขื่อน"
"หืม?"
"มึงแดกน้องเขื่อนกูเข้าไปเหรอ"
"เปล่าซะหน่อย"
"ไม่เชื่อ"
"เอาลิ้นมึงมาสำรวจสิ"




ผลงานที่ผ่านมา
- จรดฟ้า|เจ้าสกาย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68442.0) -- Loading










หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย | บทนำ [07-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 07-10-2018 22:56:54
บทนำ


“ถอยออกไปจากเขื่อนนะ!” ผมตวาดลั่นขณะพุ่งตัวเข้ากลางวงของนักเลงหัวโจกประจำห้อง ยืนจังก้าขวางหน้าเจ้าตัวน้อยที่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนพื้น หัวเหอกระเซิงรวมถึงมีแผลถลอกบนหัวเข่า ผมกัดฟันชี้หน้าเพื่อนร่วมชั้นเรียงตัว “รังแกเขื่อนอีกแล้วเหรอ!”

“ยังไม่ได้ทำอะไรเลย” คนที่ตัวใหญ่ที่สุดขยับเข้ามายืนประชันหน้ากับผม พลางยกมือกอดอกเหมือนไม่กลัวเสียงตะคอกอย่างก้าวร้าว ผมโกรธหน้าดำหูแดง กระทืบเท้าตึงตังลงพื้น

“นายผลัก ฉันเห็น!”

“เปล่านี่”

“โกหก!!”

“ไผ่” เสียงเรียกแผ่วเบาพร้อมแรงดึงชายเสื้อเรียกให้ผมหันหน้าไปมอง เจ้าเด็กตัวเล็กบนพื้นเงยหน้าเปื้อนน้ำตาขึ้นมา ริมฝีปากกระจับเล็กเม้มแน่น ดวงตาคู่สวยยังมีหยาดน้ำคลอเต็มหน่วย

ผมเห็นแบบนั้นยิ่งโมโห ทำท่าจะพุ่งเข้าไปซัดหมัดใส่หัวโจกประจำชั้นปอสี่ทับห้า แต่ชายเสื้อกลับถูกกระตุกรุนแรงขึ้น พร้อมกับเสียงสั่นระริกที่ยังพยายามห้ามปรามผมอยู่

“ไม่เอา ฮึก อยากกลับบ้าน”

ผมเม้มปาก ชี้หน้าไอ้หัวโจกที่เรียนอยู่ห้องเดียวกันอย่างคาดโทษ

“อย่าให้เห็นว่าแกล้งเขื่อนอีกนะ!” ผมว่าแบบนั้น มองเมินหน้าตายียวนกวนโมโหแล้วหันหลังกลับไปหาคนบนพื้น ผมย่อตัวลง ดึงมือเรียวเล็กมากุมก่อนจะค่อยๆ พยุงคนที่เตี้ยกว่าให้ลุกขึ้นยืน เขื่อนยิ้มตาปิดให้แทนคำขอบคุณ ในขณะที่ผมมองสำรวจบาดแผลและรอยฝุ่นบนชุดนักเรียนแบบเดียวกับที่ผมสวมอยู่ด้วยความหงุดหงิด

เขื่อนก็ตัวแค่นี้ สูงได้ไม่ถึงไหล่ผมด้วยซ้ำ โดนผลักทีก็ล้มกระเด็นไปไกล เสื้อสีขาวเปื้อนขี้ดินเป็นปื้นใหญ่ กางเกงก็มีรอยขาดเพราะขูดกับพื้นคอนกรีต

ยิ่งมองยิ่งโมโห อยากกลับไปฟาดปากไอ้พวกนั้นสักที เรื่องนี้ต้องถึงหูคุณครูประจำชั้นแน่ๆ ผมเอาตำแหน่งบอดี้การ์ดส่วนตัวของเด็กชายริมเขื่อนเป็นประกัน!

“ไผ่ไม่เอา อย่าโมโห” คนตัวเล็กกว่าเงยหน้ามามองตาแป๋ว ทำปากยื่นแก้มป่องอย่างออดอ้อน อารมณ์ของผมสวิงลงมายังจุดเหยือกแข็งทันที เมื่อเจ้าตัวเล็กกระพริกตาปริบๆ อย่างออดอ้อน

ผมวางฝ่ามือลงบนศีรษะที่ถักเปียเรียบร้อย ใบหน้าหวานเลยยิ่งเหมือนเด็กผู้หญิงเข้าไปใหญ่ นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขื่อนโดนแกล้งโดนล้อบ่อยๆ และผมก็เป็นฝ่ายวิ่งตามไปช่วยทุกที ทันบ้างไม่ทันบ้าง เจ็บตัวเองบ้างก็บ่อยๆ แต่ก็แลกกับการที่คนตรงหน้าเลิกร้องไห้

ผมก็ถือว่าคุ้ม

“ไม่โมโหแล้ว”

“ดีจัง” เขื่อนฉีกยิ้มจนตาหยี ส่วนผมเผลอยิ้มตามไปแบบโง่ๆ

“แต่เขื่อนเป็นแผลหมดเลย” ผมย่อตัวลง ชี้นิ้วไปที่หัวเข่าถลอกจนเลือกซิบ คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าดุ๊กดิ๊ก ปลายผมเปียสะบัดตีแก้มพึบพับจนผมต้องบอกให้หยุดเพราะเจ็บแทน

“เดี๋ยวให้แม่นาใส่ยาให้” เขื่อนพูดถึงแม่ตัวเองพลางทำท่าแหยงๆ เมื่อพูดถึงการทำแผล ผมหัวเราะเบาๆ ลูบหัวเพื่อนวัยเดียวกันที่ดูยังไงก็น้องชายชัดๆ ด้วยความเอ็นดู

ผมเอียงคอ พิจารณาใบหน้าหวานกว่าผู้หญิงของอีกคนเงียบๆ

...บางทีอาจจะเป็นน้องสาวมากกว่าแฮะ










และนั่นคือเรื่องราวในวัยเด็กเมื่อสมัยประถมสี่ของผมกับเพื่อนข้างบ้าน

ผ่านมาสิบกว่าปี โลกเปลี่ยน อะไรก็เปลี่ยน

แต่ริมเขื่อนยังไม่เปลี่ยน

ใบหน้ารูปไข่ยังมีผิวที่เนียนกริบ แก้มตอบจมูกโด่งเป็นสัน คิ้วโก่งสวยได้รูป ดวงตาเรียวคมกับแพขนตาสีดำขลับ ริมฝีปากสีแดงสดเป็นกระจับเล็ก พอหลอมรวมกับทรงผมยาวสลวยจนถึงกลางหลัง ใครๆ ก็ไม่เชื่อว่าเขาเป็นผู้ชาย

ตอนเด็กหน้าหวานเหมือนเด็กผู้หญิงอย่างไร โตมาก็สวยดุจนางฟ้าซาตายแบบนั้น

แต่ติดอยู่อย่างเดียวที่เขื่อนมันเปลี่ยนไป

สันดานของมันเนี่ย!

“ไผ่”

“ออกไป!”

“ไผ่ครับ”

“ไอ้เขื่อน มึงล้วงอะไร!!” ผมตะโกนลั่นห้อง ดิ้นรนหนีคนที่ขยายร่างเป็นยักษ์อย่างทุลักทุเล ฝ่ามือร้อนแทรกเข้ามาในเสื้อยืดของผม ลูบไล้ไปทั่วท้องจนเผลอกลั้นหายใจจนจะขาดอากาศตาย ผมทั้งดิ้นทั้งถีบ แต่ก็สู้แรงของคนที่ทาบทับอยู่ด้านบนไม่ได้สักนิด
ใบหน้าสวยๆ ของมันส่งยิ้มหวานฉ่ำเคลือบยาพิษมาให้ เขื่อนพ่นลมหายใจร้อนลงบนผิวคอของผม ก่อนจะบรรจงวางริมฝีปากจุมพิตที่กระดูกไหปลาร้าแผ่วเบา

“ฮือ” ผมร้อง มือทั้งสองถูกรวบไว้บนอก นัยน์ตาสีรัตติกาลมองสบเข้ามาในตาของผม สื่อประกายความหมายบางอย่างที่เล่นเอาตัวของผมสั่นสะท้าน ผมหอบหายใจแรง ทุกแรงเคลื่อนจากฝ่ามือทิ้งไอร้อนไปตามระยะทางที่ลากผ่าน เขื่อนกัดริมฝีปากล่างเบาๆ ส่งสายตายั่วเย้าก่อนจะโน้มหน้าเข้าใกล้ ปลายจมูกโด่งแตะลงบนข้างแก้ม ชะโลมผิวของผมด้วยลมหายใจร้อนชื้น

“ข...เขื่อน กูไม่เล่น”

“กูก็ไม่เล่นครับ”

“ไอ้เหี้ย ออกไป”

“ไผ่แรงน้อยจัง กูจับไว้หลวมๆ เอง” ดวงตาคมสวยเหลือบมองข้อมือของผมที่ถูกรวบไว้ด้วยมือข้างเดียว ผมเม้มปาก สะบัดหน้าหนีด้วยความหงุดหงิด

ไอ้อดีตอันสวยงามที่ผมเคยปกป้องมันน่ะเหรอ

หายไปพร้อมกับกล้ามแขนกับซิกซ์แพ็กบนท้องมันไงครับ!!

ผมฟึดฟัด ยังคงพยายามจะผลักคนด้านบนให้ออกไปให้ได้ แต่เขื่อนกลับแค่หัวเราะเบาๆ ใช้มือข้างที่ว่างเกี่ยวปอยผมตัวเองขึ้นมาม้วนเล่น แถมผิวปากหวือสบายอารมณ์

ผมโคตรหงุดหงิด ยิ่งมองหน้าสวยคมกว่าผู้หญิงของมันก็ยิ่งหงุดหงิด

มึงเอาน้องเขื่อนกูไปไว้ที่ไหนวะไอ้หมีควาย!




_______________________________
Talk: มาเปิดเรื่องใหม่ได้ไงทั้งๆ ที่ #เจ้าสกาย ยังไม่จบ
ฮืออออ เราจะอัพสลับกันนะคะ
ระหว่างสองเรื่องนี้

จะอัพบ่อยๆ เลย จะพยายาม สู้!!!
ฝากเมะหน้าสวยไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ

แอบแปะรูปตย.เจ้าเขื่อน
ปล.ไม่ใช่อิมเมจนะคะ ขอเรียกเป็น ref ดีกว่า

(https://www.picz.in.th/images/2018/10/07/hc91WN.jpg)
นายแบบ: 星野 Xing Ye (ซิงเหย่)
http://www.weibo.com/u/2477021675
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย | บทนำ [07-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 08-10-2018 08:48:21
เขื่อนคนสวยรุกไผ่???  :a5: o22
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย | บทนำ [07-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 08-10-2018 11:14:23
ชอบเมะไทป์นี้ อิอิ
ปล เราชอบ ผช คนนี้เช่นกันค่ะ ตอนนี้ผมสั้นแล้วกร๊าวมาก
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย | บทนำ [07-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 08-10-2018 19:16:58
อ๊ากกกกกก ซิงเย่ :ling1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย | บทนำ [07-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 08-10-2018 20:01:27
 :laugh: มาแล้วนิยายที่รอคอย เพราะนี้ชอบอ่านสายเมะสวยมากก 
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย | บทนำ [07-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 08-10-2018 20:32:07
ติกตามเลยค่ะ~
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย | บทนำ [07-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 08-10-2018 21:08:46
นางเขื่อนนางเพื่อนอกตัญญู..คิดแทงเพื่อนข้างหลัง  :haun4: ไผ่ไม่ได้กล่าวเรากล่าวเอง  :hao6:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย | บทนำ [07-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 08-10-2018 23:05:09
 :hao7:  :hao7:  :hao7: โอ๊ยยยย ชอบมากกกก เขื่อนโตมาอย่างแข็งแรงและแข็งแกร่ง.... 5555  :laugh: สงสารแต่นายเอกของเรา...กลายเป็นรับแบบน่ารักน่าฟัดไปเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย | บทนำ [07-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 09-10-2018 00:14:04
น้องเขื่อนจะปกป้องพี่ไผ่เอง! (???) น่ารักดีค่ะชอบๆ ติดตามเลยๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย | บทที่ 1 [09-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 09-10-2018 17:04:46
บทที่ 1

คุณว่าเด็กผู้ชายจะมีพัฒนาร่างกายเร็วมากขนาดไหน

ผมในวัยสิบขวบตัวสูงกว่าเพื่อนในชั้น แม้กระทั่งเด็กผู้หญิงก็ยังไม่สูงเท่าผม ร่างกายอยู่ในวัยเจริญเติบโตเร็วกว่าคนในวัยเดียวกันเพราะมีเชื้อฝรั่ง และตอนที่ขึ้นประถมห้า ผมก็เริ่มได้รับความสนใจมากมายจากเด็กผู้หญิง เวลาเข้าเรียนวิชาพละ ผมมักจะได้รับเสียงเชียร์จากสาวๆ เพราะเท่และดูสมชายกว่าพวกเพื่อนคนอื่น

ต่างจากริมเขื่อน ที่สูงเพียงแค่หน้าอกของผม ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักทำให้คุณแม่ให้เขื่อนไว้ผมยาวและจับถักเปียมาโรงเรียนทุกวัน ผมที่เป็นเพื่อนข้างบ้านก็เอ็นดูเขื่อนเหมือนน้องชาย เพราะนอกจากจะหน้าตาน่ารักราวเด็กผู้หญิง ยังมีนิสัยขี้อ้อนและติดผมแจ วันไหนไม่มีการ์ตูนเรื่องโปรดก็จะชอบหอบหมอนข้างที่ใหญ่กว่าตัวเดินมาเคาะประตูบ้านของนอนด้วย ผมสถาปนาตัวเองเป็นพี่เรียบร้อยตั้งแต่เจ้าเด็กเขื่อนถูกหัวโจกที่โรงเรียนรังแกจนร้องไห้กลับบ้านตอนอยู่ปอสาม

เขื่อนเป็นเด็กร้องไห้ง่ายแต่ก็พยายามฮึบสุดพลัง คุณคิดดูว่ามันจะน่ารักแค่ไหนตอนมองหน้าแบบนั้นของเขา ด้วยความที่ผมเป็นลูกคนเดียวและเกิดก่อนเขื่อนสองเดือน ผมไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้รักและหลงน้องเจ้าน้องชายต่างครอบครัวคนนี้ได้จริงๆ
เขื่อนน่ารักมาตลอด จนเมื่อพวกเราอายุมากขึ้นร่างกายก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปตามกลไกธรรมชาติ ส่วนสูงผมพุ่งพรวดมาเป็น 175 เซนติเมตรในตอนมอสอง จากนั้นก็หยุดไปอย่างรวดเร็ว ต่างจากเขื่อนที่ค่อยๆ โตขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ปี จนในช่วงมอสาม เขื่อนล่อส่วนสูงไปถึง 186 เซนติเมตร

ครับ สูงปรี๊ดโดยไม่ต้องพยายาม ในขณะที่ผมโหนบาร์ทุกวันในช่วงที่เขื่อนเริ่มสูงไล่เลี่ยกัน สถานะความเป็นพี่ทำให้ผมไม่ยอม แต่ก็สูงขึ้นมาได้แค่สองเซ็นต์ สิริรวมคือผมสูง 177 และเขื่อนสูง 186

แพ้ขาดลอยไปในยกนี้

แต่ก็ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องปกติที่น้องชายจะสูงกว่า ผมคิดแบบนั้นเพราะเห็นตัวอย่างมาจากเพื่อนหลายๆ คนที่มีพี่น้อง ผมเลยทำใจได้ อีกอย่างหน้าตาของเขื่อนก็ยังน่ารักเหมือนเคย ตานิดจมูกหน่อย ผมก็ยังไว้ยาวไม่เปลี่ยน เขายังน่าเอ็นดูแม้จะสูงปรี๊ดเสียขนาดนั้น อาการติดผมยังมีเหมือนเดิม โตเป็นควายแค่ไหนก็ยังชอบมานอนเบียดกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

จนกระทั่งถึงวัยเข้ามหาวิทยาลัย

ผมเพียรอ่านหนังสือจนสามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมการวัดคุม ในขณะที่เขื่อนผู้อ่อนด๋อยในวิชาสายวิทยาศาตร์อย่างหนักต้องแยกไปเรียนมอเอกชนชื่อดังในคณะนิเทศน์

พวกเราแยกกันเป็นครั้งแรก ผมจำได้ว่าเขื่อนน้ำตาคลอตอนนั่งรถมาส่งผมเข้าหอพักก่อนจะแยกไปเข้าหอตัวเองบ้าง มหา’ลัยของเราอยู่กันคนละฟากฝั่งของกรุงเทพ ในปีแรกเขื่อนยังดั้นด้นมาหาผม แม้มันจะลำบากเพราะไม่มีใครมีรถยนต์ส่วนตัว แต่เขื่อนก็ยังพยายามมาหาเกือบทุกอาทิตย์

จนการเรียนอันโหดร้ายในมหา’ลัยแยกเราออกจากกัน

พวกเรามีสังคมใหม่ ห่างเหินกันไป ไม่ค่อยได้ติดต่อ เจอกันอีกทีคือตอนกลับไปเยี่ยมแม่ที่บ้านตอนปิดเทอม เขื่อนเปลี่ยนแปลงขึ้นทุกปี ดูดีขึ้น รูปร่างดีขึ้น ในขณะที่ผมสะโหลสะเหลเฉียดตายเพราะเรียนหนักชิบหาย ปั่นโปรเจคส่งทุกเทอมจนดวงตาดำเป็นหมีแพนด้า

พอเรียนจบ พวกเราก็ไม่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเคย เขื่อนเข้าวงการนายแบบไปแล้วตั้งแต่ตอนเรียนปีสอง ใบหน้าของเขาสวยมาก แต่รูปร่างดีเพราะชอบต่อยมวยเป็นชีวิตจิตใจ ดังนั้นเขาจึงมีเอกลักษณ์มากพอให้คนจดจำ เขื่อนดังมากๆ ในวงการ เขาได้ขึ้นปกนิตยสารชื่อดัง ได้ถ่ายแบบให้แบรนด์ระดับโลก เขางานยุ่งจนแทบไม่ได้นอน แถมยังไปซื้อคอนโดอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อสะดวกแก่การเดินทาง

ส่วนผม... ไม่ได้มีอนาคตอันรุ่งโรจน์แบบเขาหรอกครับ

ผมค้นพบว่าวิศวะไม่ใช่ทางตัวเองตอนปีสาม ซึ่งมันสายไปมากๆ สำหรับการซิ่วไปเรียนใหม่ ผมเลยกัดฟันทนเรียนจนได้ใบปริญญามาในเกรดที่ไม่ได้ย่ำแย่นัก การไปฝึกงานและร่วมทำโปรเจคสหกิจกับบริษัททำให้ผมรู้ว่าผมไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในวิชาชีพนี้ได้จริงๆ ในขณะที่การถ่ายรูปคือสิ่งที่ผมเพิ่งค้นเจอตอนปีสี่เทอมสองที่มีเวลาว่างจากการเรียน

ผมสมัครเป็นพนักงานออฟฟิตได้สองปีก็ลาออกมาทำฟรีแลนซ์ถ่ายภาพ มีงานบ้างไม่มีงานบ้าง แต่พ่อกับแม่ก็ยังยอมให้ผมเกาะต่อไป เพราะพวกท่านเข้าใจผมดี

ตอนที่ผมทนเรียนต่อไม่ไหว ผมกลับมาร้องไห้กอดแม่ทุกอาทิตย์เลยครับ มันเหนื่อยมากจริงๆ กับการฝืนทำอะไรบางอย่างที่เราไม่ชอบ และมองไปทางไหนก็ไม่เจอทางออกเลยนอกจากคำว่าอดทน

แต่พอโตขึ้นผมก็เริ่มเครียด การเกาะพ่อแม่กินเริ่มทำให้ผมรู้สึกผิดและอับอาย โตเป็นควายแล้วจำนวนเงินเก็บในธนาคารของผมยังอยู่ที่หลักพัน ผมมองงานฟรีแลนซ์ที่ไม่มีคนจ้างมาหลายอาทิตย์แล้ว สกรอเม้าส์ดูเพจ ทวิตเตอร์ และเว็บไซต์ของตัวเองด้วยความเบื่อหน่าย

ผลงานของผมไม่ได้เตะตาผู้คนขนาดให้เขาเลือกจ้างผม มีคนฝีมือดีอยู่ในตลาดช่างภาพอีกมาก แต่ผมก็พยายามทำเต็มที่ที่สุด โปรโมตสุดชีวิตเท่าที่จำทำได้ แต่ทุกอย่างก็ยังเงียบกริบ

ผมเครียดมาหลายเดือนแล้วครับ

ญาติๆ ก็ชอบถามว่าทำงานอะไร เมื่อไหร่จะซื้อรถ อวดลูกอวดหลานของตัวเองจนผมที่ตอนแรกไม่สนใจต้องมานั่งเครียดกัดนิ้วตัวเองอยู่หน้าคอมแบบนี้

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ผมเคาะเล็บลงบนโต๊ะ มองภาพในแกลอรี่ของตัวเองอย่างพิจารณา ส่วนมากก็มีแค่วิว อุปกรณ์เครื่องใช้ และก็เพื่อนที่ยืมตัวมาเป็นนายแบบนางแบบ ใช้เวลาพิจารณาอยู่อย่างนั้นว่าขาดอะไรไปบ้าง กระทั่งแม่เปิดประตูเข้ามาผมก็ยังไม่รู้ตัวเลย

“ไผ่”

“เหวอ!” ผมสะดุ้งโหยง หันขวับไปมองผู้หญิงชาวต่างชาติวัยกลางคนที่กำลังขมวดคิ้วมองอยู่ไม่ไกล

“ไม่ลงไปกินข้าว” สำเนียงภาษาไทยที่เพี้ยนบ้างตรงบ้างผมฟังจนชิน นายแม่ของผมเป็นสาวชาวอเมริกา ย้ายมาทำงานที่ไทยตั้งแต่วัยรุ่น พบรักและแต่งงานกับพ่อของผมที่เป็นหนุ่มไทยแท้ แต่ตอนนี้ระหองระแหงกันอยู่เหตุเพราะความคิดเห็นไม่ตรงกันสักเรื่อง

“เดี๋ยวผมลงไป ทำงานแปบนึงครับ” ผมอ้าง ตอนนี้เครียดจนกินข้าวไม่ลง น้ำหนักลดไปตั้งสองโล แต่ผมกระเดือกอะไรไม่ลงจริงๆ ครับ หลายคืนแล้วที่นอนก่ายหน้าผากคิดวิธีกระตุ้นยอดขายของตัวเอง

การทำฟรีแลนซ์นี่ยากจัง

“ไม่กินข้าวเลยทั้งวันได้ยังไง”

“แม่” ผมเบ้ปาก ทำหน้าตาหน้าสงสาร แต่คุณนายกลับส่ายหน้าแล้วโยนหนังสือในมือใส่ตักผม โดยไม่สนใจเลยว่ามันจะฟาดหน้าผมก่อนตกไปที่ตัก

“It’s yours. แม่น้องเขื่อนฝากมาให้”

“อะไรเหรอครับ” ผมถามพลางหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาดู

ก็ไม่น่าถาม...

“จะได้ไม่ต้องไปหาซื้อให้เปลืองเงิน” แม่ผมพูดไทยเก่งมาก เพราะทำงานบริษัทมานานหลายปี ทุกคนไม่ต้องตกใจกันนะครับ

“ฝากขอบคุณด้วยนะแม่”

“Don't forget about lunch”

“Yes, sir!” ผมรับคำ คลี่ยิ้มบางก่อนจะหยิบนิตยสารในมือขึ้นมาพิจารณาดูทีละหน้า

เขื่อนได้ขึ้นปกอีกแล้วครับ ผมมองใบหน้าสวยที่ล้อมรอบด้วยกรอบผมยาวตรงสีดำสนิท เขาเชิดหน้าขึ้น เอียงข้างน้อยๆ จนเห็นสันดั้งโด่งสวย ริมฝีปากบางเผยอขึ้น แผ่ความสวยเซ็กซี่ออกมาจนผมอดภูมิใจไม่ได้

ยังไงก็น่ารักเหมือนเดิม

แม้ว่าพอโตขึ้นเขื่อนจะไม่มีภาพลักษณ์ใสๆ แบ๊วๆ แบบตอนเด็กอีกแล้ว เขาสวยจนผู้หญิงยังอาย ถูกจัดอันดับให้เป็นคนหน้าสวยอันดับหนึ่ง ชนะนางเอกชื่อดังหลายคนมาอย่างขาดลอย ครองแชมป์ชายหนุ่มที่เพศเดียวกันอย่างได้เป็นแฟนมาสามปีซ้อน แต่ผมก็ยังมองว่าน้องเขื่อนน่ารักเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง

ผมเปิดพิจารณารูปภาพในด้านในช้าๆ เขื่อนมักจะถูกจับแต่งตัวทุกลุคทุกแนว นี่ถ้าเขาไม่บ้าต่อยมวยจนกล้ามขึ้นเป็นมัดๆ ผมว่าคงมีงานที่ให้แต่งหญิงมารอจ่อคิวเป็นแสนแน่ๆ

คิดดูเถอะ ขนาดใส่สูทผูกไทด์ ผมยังว่าเขาสวยเลย

นี่ผมไม่ได้หลงเพื่อน อวยเพื่อนจนเกินไปนะ

เขื่อนสวยจนผู้หญิงไม่กล้าคบด้วยเลยครับ แฟนเก่าของเขาสองสามคนเคยบอกเลิกเพราะทนมีแฟนสวยกว่าตัวเองไม่ได้ จากนั้นเขื่อนเลยไม่คบใครอีกเลยสักคนเดียว ซึ่งมันก็ดีแล้ว ผมหวงน้องชายอย่างกับจงอางหวงไข่ แต่แค่ไม่เคยแสดงออกไปเท่านั้นเอง นี่ถ้ายังตัวติดกันเหมือนเมื่อก่อน ผมคงแยกเขี้ยวคู่ใส่ทุกคนที่เข้ามาจีบเขื่อนแน่ๆ

สัญชาตญาณต้องปกป้องมาแต่เด็กน่ะครับ

“ไผ่!”

“ไปแล้วครับ” ผมตะโกนตอบนายแม่ที่เริ่มหัวเสีย ยัดนิตยสารเล่มใหม่ที่เพิ่งได้มาเข้าชั้นหนังสือที่มีแต่หนังสือแบบเดียวกันอัดแน่นอยู่ ถูกต้อง นี่คือคอแลคชั่นริมเขื่อนที่ทั้งซื้อเองทั้งแม่ของเขื่อนเอามาให้ฟรี ผมเก็บไว้ทุกเล่มตั้งแต่เขื่อนเดบิวต์

แต่ตอนที่กำลังตบๆ สันหนังสือให้เท่ากัน อยู่ๆ ผมก็คิดอะไรดีๆ ออก

ผมมองรูปโปสการ์ดพร้อมลายเซ็นต์ที่เจ้าตัวอัดกรอบเอามาให้เองอย่างพิจารณา เหลือบไปมองจอคอมพิวเตอร์แวบหนึ่งก็กลับมาที่รูปอีกครั้ง

มือเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์มือถือจากโต๊ะคอมฯ เลื่อนรายชื่อผู้ติดต่อหาคนในรูปอย่างว่องไว

[ตู๊ดดด... ตู๊ดดด- ว่าไง]

“เขื่อน ว่างป่ะ”

[พักเบรกอยู่อ่ะ คุยได้] เสียงนุ่มลอดมาตามสาย

ผมคลี่ยิ้มกว้าง สาวเท้าออกจากห้องเพราะแม่ตะโกนบ่นมาอีกครั้ง ขณะปากก็ยังขยับถามไถ่สารทุกข์สุขดิบเพื่อนก่อน ผมไม่กล้าพูดเลย เขื่อนชอบงอนเพราะผมไม่ค่อยเป็นฝ่ายติดต่อไปก่อน เดี๋ยวขอความช่วยเหลือเลยจะถูกว่าว่าถ้าเป็นเวลาปกติก็ไม่คิดถึงกันหรอก

“เป็นไงมั่ง”

[เหนื่อย นอนไม่พอเลย] ผมนึกออกเลยว่าหน้าสวยๆ ต้องกำลังบึ้งตึง

“แล้วทำไมต้องรับงานเยอะๆ”

[อยากเก็บเงินไว้เลี้ยงไผ่ตอนแก่]

ผมหัวเราะ เขื่อนชอบเล่นมุกแบบนี้ตั้งแต่ที่เขารู้ว่าผมลาออกมาทำฟรีแลนซ์ ส่วนผมก็ชอบใจ หยอดกลับตลอดว่าจะนั่งกระดิกเท้ารออีกคนมาเลี้ยง

“รีบมาเลี้ยงดิ ตอนนี้ไม่มีตังค์กินข้าวละ”

[มึงกินข้าวบ้านไม่ใช่เหรอ]

“ทำมาเป็นรู้ทัน”

[โทรมามีแค่นี้? เหลือเวลาพักอีกแค่ห้านาทีอ่ะ]

“เปล่า ก็...” ผมอ้ำอึ้งเมื่ออยู่ๆ ก็ต้องเข้าเรื่องกระทันหัน ได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนบอกให้เขื่อนเตรียมตัว ผมเลยยิ่งลำบากใจเข้าไปใหญ่

เขื่อนก็งานเยอะอยู่แล้ว

เขาจะมีเวลาว่างมาช่วยผมไหมนะ

[ไผ่ เดี๋ยวต้องไปแล้ว]

“ช่วงนี้มึงว่างบ้างป่ะ”

[อืม... พี่นัท ผมมีวันว่างอีกทีวันไหนอ่ะครับ]

[พรุ่งนี้ช่วงเช้า แล้วก็ว่างอีกทีพุธหน้าเลย] มีเสียงผู้หญิงที่ผมจำได้ว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวดังลอดเข้ามาในสาย ผมอ้าปากค้าง มองปฏิทิน วันนี้เพิ่งวันอาทิตย์เองนะ แต่พรุ่งนี้เช้าก็ไม่ทันถ่ายแบบหรอก ผมยังไม่มีคอนเซ้ปต์ สถานที่อะไรหัวเลย อีกอย่างก็ยังไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าตัว

ยังไงพรุ่งนี้เช้าก็ไม่ทัน!

[ไผ่ ได้ยินป่ะ]

“อะ อื้อ”

[มีอะไรรึเปล่า]

“ก็มีเรื่องจะขอความช่วยเหลือ”

[น้องเขื่อนคะ เปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ] ผมต้องเงียบลงเพราะได้ยินเสียงจากปลายสาย สื่อว่าเวลาพักของเขื่อนได้หมดลงแล้ว [ไผ่ กูต้องวางแล้ว]

“อื้อ ได้ ว่างแล้วโทรกลับมาหน่อย”

[ต้องไปออกงานอ่ะ ไว้พรุ่งนี้เช้ามาหากูที่คอนโดดิ บอกแม่ทำกับข้าวมาให้กูด้วย]

ผมเม้มปาก ขี้เกียจไปคอนโดเขื่อนมากเพราะอยู่ใจกลางเมือง รถติดโคตรๆ สงสัยต้องยอมเสียเงินนั่งรถไฟฟ้าไปแทน แต่ผมที่ไม่มีเวลาคิดอะไรมากจึงต้องรับปากเพราะเขื่อนต้องไปเตรียมตัวแล้ว ผมมองจอโทรศัพท์หลังจากสายตัดไป ไม่คิดมาก่อนว่าเขื่อนจะงานยุ่งขนาดนี้

ปกติผมไม่ค่อยได้ติดต่อไปก่อนเพราะเคยโทรไปแล้วอีกฝ่ายติดงานอยู่ เลยตัดสินใจรอให้เขื่อนติดต่อมาเอง ทำแบบนั้นจนติดเป็นนิสัย เพราะพวกเราห่างกันมาหลายปีและต่างฝ่ายต่างโตขึ้น การจะกลับมาคุยเล่นและติดกันแบบเด็กๆ คงเป็นเรื่องยาก
ต่างคนต่างก็มีชีวิตของตัวเอง

แต่ชีวิตช่วงนี้ผมต้องพึ่งเขื่อนว่ะ

เขาต้องมาเป็นนายแบบให้ผมถ่ายลงพอร์ตงาน ผมมั่นใจว่ามันจะต้องโด่งดังแน่ๆ ถ้าผมถ่ายงานออกมาแบบพีคๆ ผมต้องการให้คนในเฟสบุ๊คแชร์ภาพของผมออกไปเป็นวงกว้าง ให้เพจผมเป็นที่รู้จัก เป็นกระแส ให้คนพูดถึงและเข้ามาเยี่ยมชมเยอะๆ อย่างน้อยหนึ่งในพันวิวก็ต้องมีลูกค้าผมสักคน

แต่อย่างแรกผมต้องขอร้องให้เขายอมมาเป็นนายแบบให้ผมให้ได้ก่อน!

พรุ่งนี้ผมจะไปบุกคอนโดเขาแต่เช้า ผมรับรองเลยว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธพี่ชายคนนี้ได้แน่ๆ เขารักผมจะตายไป

___________________________
Talk: งื้อ ขอบคุณทุกเสียงตอบรับ
ดีใจจังเลย ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจมากขนาดนี้
5555 มันเป็นไทป์เมะที่แรร์พอสมควร
กลัวมากเลยค่ะว่าจะแป้ว  :hao5: :hao5: รักทุกคนเลยยย

เขื่อนคนสวย เป็นนิยายที่จะออกกับสำนักพิมพ์อ่านนานนะคะ
มาอ่านและคอมเม้นติชมกันเย้อๆ น้า

ตอนนี้หมดสต๊อกที่เขียนไว้แล้ว อาจจะช้านิดนึง
จะอัพสลับกับเจ้าสกายน้า <3  :katai5:


ฝากเจ้าสกายไว้ด้วย
 จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68442.0)
---> ฟีลกู๊ด ดีต่อใจ ใครๆ ก็ชอบ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย | บทที่ 1 [09-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 09-10-2018 21:35:38
 :pig4:
สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย | บทที่ 1 [09-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 10-10-2018 01:38:04
ขอe-book version ด้วยค่ะ please....please ....  :call:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย | บทที่ 2 [13-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 14-10-2018 16:01:39
บทที่ 2




ผมตื่นแต่เช้า เผื่อเวลาเดินไปเคาะประตูบ้านข้างๆ เพื่อรับกับข้าวนานาๆ ชนิดที่คุณป้านา แม่ของริมเขื่อนตื่นมาเตรียมให้ตั้งแต่เช้ามืด วันนี้คุณนายของผมเลยสบายไม่ต้องทำอาหาร มีเวลาทะเลาะถกเถียงกับพ่อเรื่องอะไรสักอย่าง อันที่จริงก็เถียงกันประจำเพราะทัศนคติไม่ตรงกันมาแต่ไหนแต่ไร ผมไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ครับเพราะชินแล้วแถมยังได้รับความรักอย่างหนักหน่วงจากทั้งสองคน

“Mom, I’m out” ผมตะโกนบอกคุณนายของบ้านที่เห็นเดินผ่านมาแวบๆ ในขณะที่กำลังพยายามสวมรองเท้าผ้าใบราคาไม่กี่พัน คุณนายชะโงกหน้าออกมามองแล้วโบกมือบ๊ายบาย “บอกพ่อให้ด้วยนะครับ”

“โอเค”

ผมกระชับถุงกับข้าวในมือก่อนจะเดินย่ำเท้าออกไปหน้าหมู่บ้านเพื่อโบกวิน คอนโดของเขื่อนอยู่ใจกลางเมือง ผมที่สามารถยืมรถคนในบ้านไปได้ไม่ไหวจะฝ่าการจราจรยอดแย่ในช่วงเช้าของวันทำงาน เลยตัดสินใจหิ้วกระเตงทุกอย่างไปขึ้นรถไฟฟ้าแทน
คนยืนรอคิววินก็ยาวเป็นหางว่าว คนในรถไฟฟ้าก็อัดจนหน้าผมแนบไปกับประตูรถ กว่าผมจะมายืนในล็อบบี้ของคอนโดหรูราคาแพงผมก็มีสภาพไม่ต่างจากคนไร้บ้าน ด้วยเหงื่อที่โทรมกายจนเริ่มส่งกลิ่นแปลกๆ กับทรงผมยุ่งเหยิงและหน้ามันมะเมื่อม

ผมเบ้ปากด้วยความหงุดหงิด ใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อบนหน้าแล้วกดโทรศัพท์โทรออกหาเขื่อน

“ถึงแล้ว ลงมารับกูที”

มีเสียงตอบรับว่าโอเค ผมเลยกดวางสายแล้วเดินไปนั่งรอที่บริเวณรับรองแขก

บริเวณนี้ตกแต่งได้เรียบหรูแถมยังมีพนักงานรักษาความปลอดภัยยืนอยู่หลายจุด และจากการที่นั่งรอมาสักพัก ก็ทำให้ผมได้เห็นดาราหลายคนเดินโฉบผ่านไปผ่านมา พอก้มมามองสภาพตัวเองที่มีแค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ก็เริ่มรู้สึกว่า ผมควรแต่งตัวให้ดีกว่านี้ ไม่ใช่นึกจะใส่อะไรมาก็ใส่

ผมมองนาฬิกาบนข้อมือครั้ง เผลอเขย่าขาดุ๊กดิ๊กเมื่อกังวล กำลังจะหยิบมือถือมากดโทรเร่งเขื่อนแล้วถ้าไม่ติดว่าเห็นร่างสูงชะรูดของเพื่อนเดินออกจากลิฟต์อยู่ไกลๆ

ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก คว้าถุงกับข้าวมาถือแล้วรีบเดินดุ่มๆ เข้าไปคนตัวสูงกับแว่นตาสีชาทันที เขื่อนยิ้มให้ผมเป็นการทักทาย ถ้ามีหางหางก็คงกระดิกจนก้นสั่น

“ไผ่! คิดถึง ไม่ได้เจอตั้งสองเดือน”

“ไม่กลับบ้านเอง” ผมบอก รู้สึกเขินๆ อยู่เหมือนกันด้วยความที่ไม่ค่อยเจอกัน แต่ก็ยังพยายามวางตัวเหมือนสนิทม๊ากมากแบบสมัยเด็ก

ผมเดินตามเขื่อนเข้าไปในลิฟต์ มองหมายเลขชั้น 20 สว่างวาบก่อนที่แรงเคลื่อนตัวของห้องโดยสารจะเริ่มทำให้ผมหูอื้อหน่อยๆ
เขื่อนรับถุงกับข้าวไปถือไว้เอง เขาผิวปากหวืออย่างคนอารมณ์ดี ส่วนผมก็แอบใช้หางตาลอบสำรวจอดีตน้องชายที่บัดนี้ตัวโตจนยืนบังกันมิด

ผมสีดำขลับของเขาถูกมัดรวบเป็นก้อนกลมอยู่กลางศีรษะ แต่ดูแล้วคงรีบน่าดูเพราะมีปอยผมหลุดร่วงเต็มไปหมด แว่นตาสีชาทรงกลมอันใหญ่ตั้งอยู่บนดั้งโด่งสวย ผมไม่เห็นดวงตาของเขา แต่ก็รู้ว่าถ้าเขื่อนถอดแว่นตาออกจะเห็นขนตายาวเป็นแพและกรอบตาคมสวย เสื้อสีขาวคอวีปาดลึกจนผมหวิวๆ ในใจ ไหนจะคางเรียวสวยกับริมฝีปากเป็นกระจับสีแดงระเรื่อ

ผมเม้มปาก หลุบสายตาหนีภาพตรงหน้าด้วยอาการหน่วงๆ ในอก

ไม่น่าเลย

เขื่อนไม่น่าโตเลยจริงๆ

อีกหนึ่งเหตุผลที่ผมไม่ค่อยมาหาเขาทั้งๆ ที่ผมว่างจะตายอยู่แล้ว นั่นก็เพราะผมทำใจไม่ได้

คุณครับ น้องชายคนที่ผมเฝ้าฟูมฟักดูแลตั้งแต่เด็ก ตัวเล็กๆ แก้มแดงๆ ที่มักจะมีเปียผมสองข้างขยับไปมาบนหัวไหล่ จับใส่ชุดอะไรก็น่ารัก ยิ้มทีดวงตาก็โค้งเป็นเส้นสวย แถมยังชอบเดินมากระตุกชายเสื้อแล้วบอกว่า ‘เขื่อนรักไผ่ที่สุดในโลกเลย’

กับผู้ชายสูง 186 เจ้าของมัดกล้ามลอยสวยที่ผมเห็นแล้วนึกอิจฉา แม้ใบหน้าจะสวยยิ่งกว่าสตรีนางใดบนโลก แต่นิสัยกลับไม่ใช่น้องเขื่อนคนเดิมของผมอีกแล้ว

ไม่มีอีกต่อไปกับเสียงน่ารักๆ ที่บอกว่าผมเก่งที่สุด

ไม่มีอีกต่อไปกับดวงตาใสซื่อที่มักมองมาที่ผมดวงประกายชื่นชม

เหลือแค่ไอ้ริมเขื่อน นายแบบชื่อดังที่วางท่าเก๊กหล่อเป็นที่หนึ่ง กวนประสาทเป็นที่หนึ่ง และเจ้าเล่ห์เป็นที่หนึ่ง

ผมแอบลูบอกปลอบใจตัวเอง มาเจอหน้าเขื่อนตอนโตทีไรก็อดโอดครวญไม่ได้จริงๆ เหมือนผมต้องทำใจยอมรับว่าได้สูญเสียน้องชายที่น่ารักไปให้แก่กาลเวลาโดยสมบูรณ์แล้ว

แย่ชะมัดเลย ผมคิดถึงน้องเขื่อนของผมอ่ะ

“กินข้าวด้วยกันเลยไหม” เจ้าของพูดขัดความคิดของผมเมื่อเราก้าวเท้าเข้ามาในห้องของเขื่อน ผมที่ไม่ค่อยได้มาเหยียบที่นี่ก็ยังอดตื่นตาตื่นใจกับความกว้างและวิวเมืองกรุงที่นอกหน้าต่างนั้นไม่ได้ สายตาของผมจึงกวาดมองสำรวจไม่หยุด

“ยังอ่ะ แต่เหลือไว้ให้หน่อยดิ ยังไม่ได้กินข้าวเช้า” ผมว่าก่อนจะเดินดุ่มๆ เข้านอนเกลือกกลิ้งที่โซฟากลางห้องโดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตก่อน

“งั้นเดี๋ยวค่อยกินพร้อมกัน” เขื่อนว่าอย่างนั้น จับเอาถุงกับข้าวยัดตู้เย็นจนหมดก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ กัน “แล้วตกลงมีเรื่องอะไร”

“ก็...” ผมเกิดอาการอึ่กอั่ก อยู่ๆ ก็เข้าเรื่องเลยโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ไอ้พวกคำพูดที่เตรียมมาถึงกับหายไปกับสายลม “คือว่า...”

“...” เขื่อนก็เงียบ รอฟังผมพูดอย่างตั้งใจ

“แบบ ช่วงนี้กูไม่ค่อยมีงาน”

“จะยืมเงิน?”

“เปล่า!” ผมร้องลั่น ส่ายหน้าเป็นพัลวัน

“อ้าว ถ้าไม่ยืมเงินแล้วอะไรล่ะ”

“ก็... แบบ มึงพอจะมีเวลาว่างสักวันไหม สัก 2-3 ชั่วโมงก็ได้”

“ไม่ขายตรงนะไผ่”

ไอ้บ้า!

ผมแทบจะทิ้งหัวตัวเองลงกระแทกพื้น ขมับปวดตุบๆ แบบคนไมเกรนขึ้น เนี่ย เนี่ย น้องเขื่อนของผมโตมาแล้วเป็นแบบนี้อ่ะครับคุณ ผมถึงได้นึกอยากย้อนเวลากลับไปเอาน้องเขื่อนคนเดิมคืนมาไง ไม่เข้าใจเลย ผมเลี้ยงมากับมือแท้ๆ ปกป้องดูแลสุดความสามารถ ไม่รู้ใครมันทำให้นิสัยน้องเขื่อนของผมเปลี่ยนมาในทางเลวร้ายสุดๆ แบบนี้

ผมจะไปเผาบ้านมัน!

“เขื่อน ฟังกูก่อน” ผมบอกด้วยเสียงแผ่วเบาเหมือนคนหมดแรงจะพูด ไอ้คนหน้าสวยแต่ร่างยักษ์ถึงยอมสงบปากลง “คือกูแค่จะมาขอให้มึงช่วยเป็นนายแบบให้หน่อย”

“กู?”

ผมพยักหน้า หันไปมองสบตาอย่างเว้าวอน

ช่วยกูเถอะ เห็นแก่ที่กูดูแลมึงมาตั้งแต่เด็ก

“ค่าตัวกูแพงนะ” เขื่อนบอกด้วยรอยยิ้มร้ายๆ

นี่เพื่อนไง เพื่อนเอง

ไผ่เงินเพื่อนข้างบ้านเขื่อนไง ที่ยอมไปต่อยกับหัวโจกรุ่นพี่ปอหกที่มารังแกเขื่อนจนปากแตกกลับมาบ้าน แล้ววันต่อมาก็โดนเรียกพบผู้ปกครองไงเขื่อน

“เท่าไหร่” แม้ผมจะอยากเดินหนีออกจากห้องตอนนี้ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะความหวังที่จะอัพเกรตตัวเองให้เป็นที่รู้จักอยู่ใกล้แค่เอื้อม

“หลักหมื่นนะ นี่ราคากันเอง”

“กูเพิ่งบอกว่ากูไม่มีงาน”

ไม่มีงานก็เท่ากับไม่มีเงินไงครับ สมการตามหลักความเป็นจริงของโลก

“สำหรับไผ่ กูให้ผ่อนจ่าย”

“ฟรีไม่ได้เหรอ” ผมทำเสียงมุบมิบในลำคอ “ถือว่าช่วยเพื่อน กูถ่ายสี่ห้ารูปเอง”

“อะไรนะ?”

“เปล๊า!”

ใครจะไปกล้าตอบ

คือถ้าผมกับเขื่อนสนิทกันเหมือนตอนเด็กๆ ก็คงดี ผมคงไม่ต้องมานั่งรู้สึกเกรงอกเกรงใจมันที่จะขอช่วยฟรีๆ แบบนี้ คงกล้าที่จะพูดไปเลยแบบตรงๆ ว่า ‘มาเป็นนายแบบให้กูหน่อย ฟรีนะ’

แต่เสียดายที่มันไม่ใช่ความจริง

หรือผมควรตีสนิทเขื่อนอีกครั้งดีครับ?

แต่ผมยังทำใจให้ภาพเขื่อนตอนโตมาลบภาพน้องเขื่อนในความทรงจำของผมไม่ได้จริงๆ ถึงแม้ว่าผมจะชอบหน้าตาของเขาตอนโตเอามากๆ จนเก็บสะสมนิตยสารไว้จนครบก็เถอะ

“เดี๋ยวค่าตัวกูบอกอีกที ต้องไปถามผู้จัดการก่อน” เขื่อนพูดขึ้นมาเมื่อผมนั่งเม้มปากหันหน้าหนีเพราะกำลังเซ็ง ยิ่งเขื่อนพูดก็ยิ่งเซ็ง ผมเลยหันขวับไปสบดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น กดหัวคิ้วใส่ก่อนจะกระแทกเสียงไปว่า

“เออ!”

“หงุดหงิดอะไรเนี่ย” เขื่อนหัวเราะ ดวงตาคู่สวยหยีลงเป็นเส้นโค้งสวยเหมือนเคย ผมมองทุกองค์ประกอบบนใบหน้ามนเรียวที่ดูราวกับภาพวาด ในหัวใจก็พลันคิดถึงเด็กน้อยตัวเล็กที่ผมมักเดินจูงมือกลับบ้านอยู่ทุกเย็น

รอยยิ้มก็ยังน่ารักเหมือนเคย

อยากให้คนตรงหน้าหยุดไว้เป็นเพียงแค่ ริมเขื่อน.jpg ไม่ต้องขยับปากพูด ไม่ต้องแสดงนิสัยกวนประสาทออกมา ผมพร้อมจะกลับไปเทิดทูนบูชาเขื่อนอีกครั้ง และสัญญาว่ายุงสักตัวก็จะไม่ให้ไต่ ไรสักตัวก็จะไม่ให้เข้ามาตอม จะปรนนิบัติพัดวีสุดความสามารถที่พี่ชายคนนี้จะทำได้

คิดถึงจังเลยนะ น้องเขื่อนคนนั้นน่ะ

“คิดอะไรอยู่”

เฮือก!

ผมที่เหม่อลอยจนประสาทตาตัดภาพจากความเป็นจริงไปเป็นภาพเสมือนวัยเด็กสะดุ้งสุดตัว กระพริบตาปริบๆ เพื่อปรับโฟกัส ก่อนจะเห็นว่าสันดั้งของใครอีกคนลอยห่างอยู่แค่เพียงหนึ่งฝ่ามือ

เขื่อนโน้มทั้งหน้าทั้งตัวเข้ามาใกล้ จนผมได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวของเขา เสื้อคอวีก็เปิดจนเผยไปถึงขอบกางเกงยางยืด ผมเห็นกล้ามหน้าท้องของเขาชัดทุกลูก รวมถึงแผ่นอกที่น่าจะแข็งปั่กเลยทีเดียว

ที่แย่กว่า คือใบหน้าของเขาอยู่ในระยะที่เห็นรูขุมขนชัดเจน ลมหายใจกลิ่นยาสีฟันที่เขาใช้มาตั้งแต่เด็ก กับริมฝีปากบางสวยที่คลี่ยิ้มจางๆ เพราะท่าทีน่าตลกของผม

“อะ ออกไปก่อน” ผมบอกด้วยเสียงตะกุกตะกัก รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอย่างง่ายดาย

เขื่อนยอมถอยออกไป ผมเลยได้โอกาสหายใจหายคอบ้าง

คนร้ายกาจ เขารู้ว่าตัวเองหน้าตาดีแค่ไหน และเขาก็รู้ว่าผมแพ้ทางหน้าสวยๆ ของเขามาแต่ไหนแต่ไร เขาถึงชอบแกล้งยื่นหน้าเข้าใกล้บ่อยๆ ส่วนผมก็เขินมันทุกรอบ

ก็หน้าเขาสวยกว่าผู้หญิงอีกนะ เป็นสเปคสำหรับผู้ชายครึ่งค่อนประเทศเลยด้วย

“เออไผ่ ไหนๆ ก็มาแล้ว ช่วยตากผ้าหน่อย”

“...” ผมเหรอ

ผมเลิกคิ้ว มองคนที่กระเด้งตัวลุกจากโซฟาแล้วเดินดุ่มๆ ไปยังระเบียงห้อง มีเครื่องซักผ้าขนาดเล็กตั้งอยู่ตรงนั้น พร้อมกับตะกร้าสีดำวางอยู่ข้างกัน เขื่อนเปิดฝาถังปั่นแล้วรวบๆ เอาเสื้อผ้าออกมาใส่ตะกร้า ผมเห็นดังนั้นก็เดินตามไปอย่างงงๆ

นี่คือ... ผมต้องช่วยตากผ้าเหรอ

ผมถามตัวเองอีกครั้ง มองเหล่าไม้แขวนเสื้อที่เขื่อนส่งมาให้ ผมรับไว้ แล้วหยิบเสื้อยืดออกมาจากตะกร้าตัวหนึ่ง สะบัดเบาๆ แล้วจับยัดใส่ไม้แขวน

ต้องตากจริงๆ สินะ

ผมถอนหายใจ ยอมช่วยหยิบเสื้อผ้าที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งจากน้ำยาใส่ไม้แขวนเสื้อทีละตัว พยายามเมินพวกชั้นในกับบ็อกเซอร์ด้วยการเขี่ยๆ ทิ้งไปข้างๆ หยิบเฉพาะเสื้อกับกางเกงมาแขวน

“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จจะกลับเลยป่ะ” เขาถามขณะกำลังแขวนชั้นในกับราวหนีบ

“อื้อ มึงมีงานบ่ายนี่”

“เดินแบบเปิดตัวเครื่องสำอางค์เฉยๆ”

“อ่าฮะ”

“ไปดูป่ะ”

ผมส่ายหน้าหวือทันที

ไม่เอาหรอกครับ เขื่อนไปออกงานทีไร มีทั้งผู้ชายผู้หญิงไปตามกรี๊ด ผมขี้เกียจไปอยู่ท่ามกลางฝูงชนอันทะลักทลาย ตอนแรกๆ ที่เขื่อนเข้าวงการ เคยไปตามพร้อมกับที่บ้านของเขื่อน หลังจากนั้นก็เข็ดกันหมด คุณป้านาแทบจะเป็นลมจนผมต้องพาแกออกมาตั้งแต่งานเริ่มได้ชั่วโมงนิดๆ

“ไม่เคยไปเชียร์เลยอ่ะ” เขื่อนทำปากยื่นปากยาว ผมก็ได้แต่กรอกตาเพราะรู้ว่ามันแกล้ง

“คนเยอะ”

“เสร็จงานแล้วจะได้คุยกับพี่นัทเรื่องงานไผ่ไง”

“...” นี่สรุปคือผมต้องจ่ายเงินจริงๆ ใช่ไหมครับ

ผมมองหน้าเขื่อนแล้วสะบัดผ้าในมืออย่างแรงใส่เขา มีหยดน้ำกระเซ็นไปโดนพอสมควร ทำไปเพราะความหมั่นไส้ล้วนๆ ไม่มีอย่างอื่นผสม

แม่ง ไอ้คนเห็นแก่เงิน

“มึงก็ไปคุย ว่างตอนไหนก็ไลน์มาบอก” ผมว่าแบบตัดจบประเด็น

“ก็ได้” เขื่อนยอม “แล้วจะถ่ายแนวไหนอ่ะ”

ผมที่ยังไม่ได้คิดคอนเซ็ปต์ไว้จึงหุบปากฉับ สื่อเป็นนัยว่ากูก็ยังไม่รู้เหมือนกัน

“ยังไม่ได้คิดเหรอ?”

“อืม”

“แล้วจะเอารูปไปทำอะไรอ่ะ”

“ใส่พอร์ตเฉยๆ อยากเรียกเรตติ้ง” ผมบอกตามตรง ไม่มีอะไรต้องปิดบังอยู่แล้วเพราะมันเป็นเรื่องของการตลาดล้วนๆ เขื่อนที่พอจะเข้าใจก็พยักหน้ารับพร้อมส่งเสียงอืมในลำคอยาวๆ

“อยากได้ภาพเรียกเรตติ้งเหรอ”

“ใช่ พีคๆ อ่ะ แต่จริงๆ แค่เอามึงมาถ่ายได้ก็เรียกคนได้เยอะอยู่” ผมบอก ไม่ได้อยากชมเขื่อนเลยนะเอาตรงๆ แต่มันก็เป็นเรื่องจริง เขาเป็นนายแบบชื่อดัง พวกช่างภาพฟรีแลนซ์ไม่มีทางได้ถ่ายภาพเขาได้หรอก คนที่ได้ไปเดินแบบต่างประเทศ ได้ถ่ายโฆษณาให้แบรนด์ระดับโลก คุณคิดว่าค่าตัวเขาเท่าไหร่กัน

ผมยังไม่กล้าเดาเลยครับ ตอนที่เขื่อนบอกหลักหมื่น ใจผมนี่คิดไปถึงเลขเก้าแล้ว ไม่มีทางที่จะเป็นหมื่นสองหมื่นแน่ๆ อ่ะ กระเป๋าตังค์ผมนี่สั่นริกๆ เลย

“จะจ้างกูถ่ายทั้งทีเลยนะ ไม่คิดคอนเซปต์ว้าวๆ ไปเลย”

จะเน้นคำว่าจ้างทำไมวะเขื่อน

“นู้ดเลยไหมล่ะ” ผมว่าอย่างประชดประชัน

“เอาดิ ถ้าไผ่ต้องการ” เขื่อนบอกพร้อมแลบลิ้นเลียริมฝีปากล่าง ก่อนจะกัดปากยั่วยวนเบาๆ มือขวาก็ยกขึ้นดึงยางรัดผมออก ทำให้ผมสีดำขลับแผ่สยายเต็มแผ่นหลัง เขาส่งสายตาเชิญชวนมาให้ พร้อมกับโน้มตัวลงพอให้คอเสื้อเปิดวับแวมๆ

โอเครู้เรื่อง

ไม่ต้องถามให้มาก ใจผมแม่งเต้นจนจะหลุดออกมานอกอกอยู่แล้ว

คือผมไม่ได้หวั่นไหวหรือแอบชอบเขื่อนเลยสักนิด ผมขอบอกไว้ก่อนเผื่อมีคนเข้าใจผิด แต่การที่ผมหน้าแดงใจสั่นอยู่แบบนี้ ผมอยากจะให้ทุกคนมาเห็นภาพที่ผมกำลังเห็น พนันร้อยทั้งร้อย ไม่ว่าใครก็ต้องเขิน ขนาดพ่อผมยังหลงไอ้เขื่อนจะเป็นจะตาย นับประสาอะไรกับพี่ชายที่เคยหลงน้องเขื่อนยิ่งชีพคนนี้

แม่งเอ้ย!

ผมโยนเสื้อยืดในมือลงถัง หมุนตัวเดินออกมาจากระเบียงในทันที

“กูกลับละ บาย”

อยู่ไม่ได้ครับ แบบนี้ผมอยู่ไม่ได้!

_________________________
Talk: แต่งนิยายสามเรื่องสลับกันยากมากๆค่ะ
คาแรคเตอร์มันจะผสมปนเปกันไปหมดเลย แง้
จริงๆ ต้องอัพเขื่อนคนสวยตั้งแต่เมื่อวาน แต่ตบตีกับตัวเองอยู่ว่าตกลงนิสัยเขื่อนเป็นยังไง
ฮือออออ  :hao5: :hao5:

ถ้ามีตรงไหนผิดพลาด ข้ออภัยไว้ ณ ที่นี้ เราเต็มที่ในทุกๆ งานเลยนะคะ
หวังว่าจะถูกใจกันนน แนะนำติชมได้เสมออออออ

รักยอดวิวและคอมเม้น
ตอนหน้าเรามาถ่ายแบบกันดีกว่า --- เรามีไทม์แมชชีน!!!  :impress2:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย | บทที่ 2 [13-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 14-10-2018 16:37:30
ผ่อนจ่ายด้วยอะไรหนอ  :hao6:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 2 [13-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-10-2018 01:27:40
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 2 [13-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-10-2018 01:55:34
พี่ไผ่โดนยั่ว
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 3 [17-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 17-10-2018 15:11:44
บทที่ 3



เวลาผ่านมาเร็วมากหลังจากที่ผมไปขอความช่วยเหลือและวันต่อมาเขื่อนก็ส่งไลน์มาบอกเรื่องวันที่ว่างกับค่าจ้างที่พุ่งไปถึงเกือบครึ่งแสน แถมยังเสริมมาด้วยว่า ผ่อนเดือนละสามพันก็ได้นะ

ผมแทบปามือถือทิ้งทันทีที่อ่านจบ แต่ก็ต้องจำใจกดส่งสติกเกอร์โอเคไปอย่างโง่ๆ

เอาไว้ดูผลลัพธ์หลังจากกระตุ้นยอดขายครั้งนี้ของผมก่อน เผลอๆ ถ้าได้งานเข้ามาเป็นกอบเป็นกำ มันก็คงคุ้มที่จะจ่ายค่าจ้างให้นายแบบชื่อดังในราคาค่าตัวที่ลดลงมาแล้วหลายสิบเปอร์เซ็นต์

หลังจากที่ดีลงานกับเขื่อนเสร็จ ผมก็ใช้เวลาว่างอีกสองสามวันก่อนถึงวันถ่ายเพื่อคิดคอนเซปต์และเตรียมอุปกรณ์ กล้องลูกรักที่ยังผ่อนไม่หมดถูกนำมาเช็ดถูอย่างทะนุถนอม รวมถึงหนังสือนิตยสารต่างๆ ที่ผมเอาออกมากางเต็มเตียงเพราะต้องการดูว่าเขื่อนมุมไหนจะดึงดูดคนที่สุด

แต่พอมานั่งพิจารณาแต่ละภาพ ก็พบว่าไม่ว่ามุมไหนใบหน้าที่สวยราวเทพธิดาก็ดูดีไปเสียหมด

ผมเครียดจนประสาทจะเสียเพราะคิดไม่ออกว่าจะถ่ายคอนเซปต์ไหนดี นิตยสารกว่าห้าสิบเล่มต่างหยิบจับแนวต่างๆ สวมลงบนตัวของเขื่อนจนเกือบหมด ตั้งแต่ชุดนักเรียนไปจนถึงนักรบที่มีใบหน้างามล่มเมือง

เอาเป็นว่าหลังจากที่คิดไม่ออก ก็เลยไลน์ไปขอความช่วยเหลือจากเขื่อนอีกครั้ง แถมอีกฝ่ายยังบอกว่าโอเค เดี๋ยวเตรียมเสื้อผ้าไว้รอ

ทำให้วันนี้ ณ เวลานี้ผมมายืนสะพายกระเป๋าอุปกรณ์อยู่ในคอนโดสุดหรูของอดีตน้องเขื่อนผู้น่ารักอีกครั้ง

“ถ่ายในห้องนี่แหละเนอะ” เขื่อนว่ามาอย่างนั้นหลังจากที่ผมออกปากชวนเขาไปเช่าสตูดิโอข้างนอก

“ถ่ายในห้อง? คอนเซปต์อะไร” ผมถามด้วยความสงสัยพลางขยับไปวางของพะรุงพะรังลงบนโซฟาตัวใหญ่ที่ไม่มีใครนั่ง ทั้งผมและเขื่อนต่างยืนคุยกันอยู่กลางห้อง โดยที่อีกฝ่ายยังใส่เพียงแค่ชุดนอนอย่างคนเพิ่งตื่นทั้งๆ ที่นี่ก็ปาไปเที่ยงวันแล้ว

“แฟนหนุ่มไง” เขื่อนยกยิ้มมุมปาก ยกขวดน้ำในมือขึ้นกระดกโดยไม่ใช้หลอด

ผมมองลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลง กรอบหน้าสวยเมื่อเชิดขึ้นก็ต้องกับแสงไฟบนเพดาน บางส่วนของใบหน้าจึงขึ้นเป็นเงาดำ ขับเน้นส่วนสันจมูกและคางได้รูปให้เด่นชัดขึ้นกว่าเดิม

ผมเคยบอกหรือยัง ว่าถ้าเขื่อนได้เป็นอันดับหนึ่งของใบหน้าที่เป็นสเปคของผู้ชายในประเทศ ผมก็จะเป็นหนึ่งในจำนวนคนที่โหวตเขาทันทีโดยไม่ต้องสงสัย

โดยเฉพาะเวลาที่เขื่อนปล่อยผมให้ยาวสยายเต็มแผ่นหลัง บางส่วนตกละข้างแก้มลงมา ใบหน้าของเขาก็คล้ายหวานขึ้นมาอีกสิบส่วน รอยยิ้มมุมปากที่เคยมองว่าร้ายกาจกลับกลายเป็นดั่งน้ำผึ้งอาบยาพิษ

ผมเคยคิดจะตกแต่งเขาเป็นเจ้าสาวในตอนที่ขึ้นมัธยมต้นและเขื่อนเริ่มเปลี่ยนจากน่ารักจิ้มลิ้มเป็นคนสวยโดยสมบูรณ์
แต่ผมเชื่อแล้วว่าคนทุกคนบนโลกไม่มีใครเพอร์เฟค

พระเจ้าประทานใบหน้าที่สามารถก่อสงครามกลางเมืองให้ได้แต่กลับยัดเหยียดหนอนชาเขียวที่หว่างขาให้เขา ในขณะเดียวกันพระเจ้าก็มอบร่างกายที่สูงใหญ่กับกล้ามเนื้อหนั่นแน่นที่โคตรจะขัดตานี้มาให้ด้วย

ผมมองความไม่เข้ากันด้วยคิ้วขมวด แม้ว่าเขื่อนจะกินน้ำจนหมดขวดแล้วหนัมาจ้องตาผมกลับด้วยความสงสัย ผมก็ยังขมวดคิ้วเป็นปมแน่นกลางหน้าผากอยู่ดี

“ไผ่?”

“จะถ่ายกันที่ไหน” ผมปัดความคิดไร้สาระออกไปแล้วเดินไปรื้อกล้องออกมาจากกระเป๋า พร้อมกับกางฉากรับแสงขนาดพกพาให้เรียบร้อย

“ห้องนอนๆ จัดไว้ให้แล้ว” เขื่อนบอกแล้วเดินเข้ามาช่วยยกอุปกรณ์เข้าไปด้านใน

เมื่อมองเข้ามาภายในห้องจากตรงกรอบประตู บริเวณซ้ายมือจะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบบิ้วด์อิน ถัดมาในส่วนติดกันเป็นห้องน้ำที่งับประตูปิดเรียบร้อย ที่เหลือคือพื้นที่โล่งที่มีเตียงควีนไซส์วางอยู่ตรงกลาง ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกทั้งหมดทำให้มองเห็นวิวของความวุ่นวายในกรุงเทพมหานครได้จนทั่ว ผ้าม่านสีขาวถูกเลื่อนปิดมาครึ่งหนึ่งเพื่อกันแสง

ผมเช็คแดดและเห็นว่ามันกำลังดีแล้ว ฉากรับแสงถูกนำไปวางในที่ที่เหมาะสม ผมตั้งขาตั้งกล้องไว้ปลายเตียง คอยวิ่งไปมาเพื่อเช็คทิศทางแสงและภาพบนจอกล้องให้ถูกใจที่สุด เขื่อนหายไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำสักพักแล้ว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะแต่งตัวยังไง แต่ด้วยความที่เป็นการทำงานแบบเพื่อนๆ กัน ทุกอย่างเลยไม่ต้องเป๊ะๆ ตามแบบแผนเพราะผมไม่มีแผนมาตั้งแต่ต้นด้วยซ้ำ

“แบบนี้โอเคป่ะ”

ผมที่กำลังมุดอยู่หน้ากล้องสะดุ้งเฮือกเพราะอยู่ๆ ก็มีเสียงเรียกดังมาจากด้านหลัง เขื่อนมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเปิดประตูห้องน้ำ ผมเลยหันกลับไปมองพร้อมเตรียมจะอ้าปากบ่นโทษฐานที่ทำให้ตกใจ แต่กลับกลายเป็นว่าทุกถ้อยคำกระจุกรวมกันอยู่ที่หลอดลมจนหมด

ดวงตาของผมเบิกกว้าง มองผู้ชายร่างสูงที่ยืนยิ้มอยู่ไม่ไกล เส้นผมของเขาถูกหวีเรียบร้อยไม่ได้ยุ่งเหมือนตอนแรกแล้ว ในขณะเดียวกันใบหน้าของเขาก็ได้รับการทาแป้งและลิปมันสีแดงระเรื่อบนริมฝีปาก

แต่ที่แย่กว่านั้นคือเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นที่ยังไม่พ้นชายเสื้อผมเลยด้วยซ้ำ

ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก พยายามมองเมินเรียวขายาวที่เขื่อนโกนขนจนโล่งเตียนสำหรับเวลาถ่ายแบบ หลุบสายตาหันมองไปมองพื้นข้างๆ ก่อนจะตอบรับไปอย่างตะกุกตะกัก

“อะ โอเคแล้ว”

เขื่อนยิ้มรับ สาวเท้าเดินไปที่เตียงก่อนจะคลานเข่าขึ้นไปช้าๆ อย่างจงใจ เสื้อตัวโคร่งปิดบังกล้ามหน้าท้องของเขาจนหมด รวมถึงใบหน้าคมสวยที่ขับให้ขนาดตัวที่ใหญ่กว่าผมดูหดเล็กลงเวลามองผ่านเลนส์กล้อง

ผมกลืนน้ำลายอีกครั้ง มองคนตัวสูงที่ดูบอบบางขึ้นมาถนัดตาเมื่อเขาสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มแล้วทำท่าคล้ายกำลังนอนหลับ ผมคล้องสายสะพายกล้องไว้ที่คอ ก้าวเดินเข้าไปหานายแบบด้วยใจที่เต้นระรัว

“จะถ่าย... แล้วนะ” ผมบอก ยกกล้องคู่ใจขึ้นทาบดวงตาและมองลอดผ่านเลนส์กล้อง แสงแดดที่สอดเข้ามาตกลงกระทบใบหน้าของเขื่อนพอดี อย่างกับนางฟ้านางสวรรค์ที่มีแสงเรืองรองออกมาจากกาย ผมเม้มปาก กดชัตเตอร์ไปหนึ่งทีเพื่อจับภาพตรงหน้า
เขื่อนเมื่อได้ยินเสียงชัตเตอร์ลั่นก็เริ่มขยับเปลี่ยนท่าด้วยความชำนาญ จากที่เหมือนหลับอยู่ก็ลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงียสมจริง ริมฝีปากบางกระจับมีรอยยิ้มเล็กๆ ติดอยู่ แขนขาวทั้งสองข้างเหยียดออกบิดขี้เกียจ

ผมกดชัตเตอร์อีกครั้ง ด้วยหัวใจที่สั่นระรัว

ท่วงท่าถูกเปลี่ยนทุกครั้งหลังจากผมจับภาพเสร็จ คล้ายสะท้อนออกมาเป็นเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่ตื่นมาแล้วกับทักทายแฟนสาวหรืออาจจะแฟนหนุ่มซึ่งใช้กล้องเป็นตัวแทนคนรัก

เขายิ้มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนตอนที่ขยับลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มถูกดันออกจนเผยขาขาวเรียบเนียนข้างหนึ่งออกมา ทั้งๆ ที่เป็นหุ่นผู้ชายสุขภาพดีแท้ๆ แม้ว่าจะไม่ได้ตัวใหญ่ขนาดนั้นแต่ก็คือหุ่นนายแบบที่ลอนบนหน้าท้องชัดและสามารถอุ้มผมทุ่มพื้นได้ด้วยมือเดียว แต่ทำไมพอองค์ประกอบทุกอย่างรวมกัน มันถึงได้ไม่ต่างจากการเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังสวมเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของแฟนหนุ่มอยู่กันนะ

ผมเม้มปากไม่ยอมคลาย แม้ว่าตอนนี้จะกดชัตเตอร์ไปหลายรูปแล้ว อันไหนใช้ได้ใช้ไม่ได้ค่อยมาคัดอีกที แต่เท่าที่มองผ่านๆ จากสายตา ผมคิดว่าใช้ได้เกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ริมเขื่อนเป็นคนที่ไม่ว่าหันมุมไหนก็ถ่ายออกมาสวย จะซ้ายจะขวาจะก้มจะเงย ไม่สามารถฆ่าเขาให้ตายลงได้

ยิ่งตอนที่อ้าปากหัวเราะอย่างสดใส ผมยอมรับเลยว่าเหมือนได้รับน้องเขื่อนคนเดิมของผมกลับคืนมา

ผมตกอยู่ในภวังค์ที่อดีตกับปัจจุบันตบตีกัน ความคิดถึงตีรวนในหน้าอก รวมถึงอาการหวงที่จะเกิดขึ้นเฉพาะกับน้องริมเขื่อนตัวเล็กของผมคนเดียวก็เกิดกำเริบขึ้นมา

ผมเดินเข้าไปดึงชายเสื้อเชิ้ตให้ล่นลงมาปิดต้นขาขาว พร้อมกันผ้าห่มที่พาดทับไปครึ่งตัว

เขื่อนมองผมอย่างงงๆ ในการกระทำ ซึ่งพอผมสบเข้ากับดวงตาคมสวย ก็เกิดรู้สึกตัวเลยแก้เก้อด้วยการจับเขาขยับเปลี่ยนท่าทางไปมาเหมือนไม่พอใจสักที

จะให้เขารู้ไม่ได้!

ก็ตั้งแต่เราห่างกันแล้วเขื่อนเริ่มเข้าวงการ ผมไม่เคยหวงหรือรู้สึกอะไรกับเขื่อนเวอร์ชั่นนี้เลยนอกจากหลงใหลในใบหน้าสวยๆ นั่น ต่อให้เขื่อนแก้ผ้าเหลือแค่อันเดอร์แวร์ตัวเดียว ผมก็ยังซื้อนิตยสารมาเก็บแล้วพิจารณาสนใจแค่ใบหน้าของเขา

เขื่อนที่ตัวใหญ่เป็นหมีควายแบบนี้ผมไม่เคยหวงเลยสักนิด

“เปลี่ยนชุดไหม” ผมถามเมื่อถ่ายไปสามสิบกว่ารูป แต่เขื่อนกลับส่ายหน้าแล้วใช้มือเรียวปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดแทน

“ทำอะไร” ผมถามขึ้นมาอีกครั้ง

“การถ่ายแบบไม่ได้ขึ้นอยู่กับชุดเสียหน่อย” รอยยิ้มร้ายกาจผุดพรายขึ้นบนใบหน้าสวยนั่นอีกครั้ง

ผมมองกระดุมเสื้อที่ค่อยๆ หลุดออกจากรัง เผยท่อนบนเปล่าเปลือยกับผิวเรียบเนียนไร้ไขมันส่วนเกิน หน้าท้องของเขาสวยมากจนถ้าผู้หญิงมาเห็นคงต้องขอจับขอสัมผัสสักครั้งให้ได้เป็นบุญมือ

เมื่อกระดุมถูกปลดออกจนหมดเสื้อเชิ้ตทั้งสองด้านก็อ้าออกกว้าง กางเกงขาสั้นสีดำของเขาเข้ารูปพอสมควรจนเห็นอะไรต่อมิอะไรที่พองลมขึ้นมาอวดโฉม

ใบหน้าของเขาไม่ใช่หนุ่มใสซื่ออ่อนโยนอีกต่อไป แค่ยิ้มโดยไปไม่ถึงตา แค่กระตุกมุมปากเล็กๆ เก็บฟันขาวไว้ด้านใน อารมณ์ของภาพก็เปลี่ยนเหมือนเทดากับซาตาน

เขื่อนขยับตัวไปพิงหัวเตียง นั่งไขว่ขาอวดเรือนร่างที่อีกนิดก็ไม่ต่างกับแก้ผ้า เขาขยับหันข้าง เหลือบตากลับมามองกล้องแล้วยกมุมปากฝั่งที่ถ่ายเห็นขึ้น

กลายเป็นสวยสังหารไปอย่างง่ายดายเลยแหะ

แชะ แชะ แชะ

ผมกดภาพรัวๆ อีกครั้ง ปีนขึ้นไปนั่งชันเข่าอยู่บนเตียงเพราะต้องการซูมใบหน้าที่เต็มไปด้วยอินเนอร์ของเขื่อนให้ชัดๆ นั่นทำให้หัวเข่าของผมเคลื่อนไปด้วยสีข้างคนนายแบบชื่อดัง เขื่อนหลุบตามองบริเวณที่เราสัมผัสกัน ผมสะดุ้งทำท่าจะขยับตัวนี้ แต่เขากลับแตะมือลงบนหน้าขาก่อนจะไล้ปลายนิ้วเบาๆ ให้ขนทั่วร่างพร้อมใจกันลุกชัน

“เขื่อน!” ผมปรามเสียงดัง แต่เขื่อนกลับช้อนตามองเหมือนจะถามว่าเขาทำอะไรผิด

ด้วยความที่ผมอยู่ในมุมที่สูงกว่า อากัปแบบนี้นับว่ากระแทกใจเข้ามาเต็มๆ ที่จุดอ่อน

สติผมแทบจะหลุดลอยไปแล้ว แต่ก็ยังพยายามโฟกัสกับการหามุมถ่ายภาพต่อไป เขื่อนก็ยังคงขยับตัวเปลี่ยนท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่เขาขยับเข้ามาใกล้ผมทุกครั้งที่มีการกดชัตเตอร์ก็ตาม

“ไผ่...” ทำไมเขาต้องทำเสียบแหบใส่ผม ผมไม่เข้าใจ!

“มี อ...อะไร” ผมตัวกระตุกตอนที่เขากระชากข้อเท้าผมอย่างแรงจนล้มก้นจ้ำเบ้า “เจ็บ!”

ผมโวยวาย แต่เขื่อนไม่สนใจ เขากำลังขมวดคิ้วมองพิจารณาอะไรบางอย่าง ก่อนจะคว้ามือข้างหนึ่งของผมให้ทาบลงบนข้างแก้มของเขาเอง

ใบหน้าของเขาเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว เขาขยับให้นิ้วโป้งของผมแตะลงบนริมฝีปากล่าง เอนหน้าซุกซบลงบนอุ้งมือชื้นเหงื่อของผม ก่อนที่อากัปช้อนตามองจะกลับมาอีกครั้ง

“...”

ผมนิ่ง นิ่งไปเลยเหมือนคอมพิวเตอร์ที่ขึ้นจอฟ้าเวลามีอาการเออเร่อ

“ไผ่ ไม่ถ่ายเหรอ”

“อ๊ะ” ผมสะดุ้งเมื่อเขื่อนร้องเรียก รีบยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพตรงหน้าแม้หัวใจจะเริ่มเต้นแรงยิ่งกว่าทุกที

แย่แน่ๆ

อะไรคือการมีใบหน้าของเจ้าสาวในอุดมคติมาทำท่าออดอ้อนอยู่ตรงหน้า

ผมเกลียดเวลาที่แพขนตาดำขลับขยับชึ้นลงช้าๆ เพราะมันทำให้ใจผมสั่นแรงกว่าที่เป็นอยู่!

ผมไม่รู้ว่ารูปที่ถ่ายไปหลังจากนั้นมันจะยังใช้ได้กี่รูป เพราะผมกดรัวๆ โดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ยิ่งทุกอย่างมันเริ่มหนักข้อขึ้นเพราะเขื่อนย้ำมาว่า

“ธีมแฟนหนุ่มไง แบบนี้แหละค่อยสมจริง”

ผมเลยถูกใช้ร่างกายบางส่วนเข้าไปเป็นพร็อพประกอบ โดยมีเขื่อนเป็นผู้กำกับจัดท่าทางด้วยตัวเองเพราะสมองผมระเบิดบึ้มไปสักพักแล้ว

หลังจากถ่ายเขื่อนในสภาพเสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ยไปได้สักพัก พวกเราก็เปลี่ยนโลเคชั่นกันเข้าไปในห้องน้ำ ผมคิดตามไม่ทันเลยยอมให้เจ้าของห้องจูงมือไปอย่างง่ายๆ

ห้องน้ำของคอนโดหรูย่านใจกลางเมืองนี่ใหญ่ชะมัด

ผมกวาดตามองด้วยความสนใจ ปกติเวลามาที่นี่ไม่ค่อยได้เข้าห้องน้ำเพราะอยู่ไม่นานก็กลับแล้ว นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นถึงความอลังการสมกับราคาแสนแพงของมัน

อ่างน้ำสีขาวถูกรองน้ำเอาไว้จนได้ระดับที่พอเหมาะอยู่ก่อนแล้ว เขื่อนบอกให้ผมไปเดินหามุม ส่วนตัวเขานั้นกำลังติดกระดุมเสื้อแล้วพาร่างสูงชะลูดก้าวเข้าไปในอ่าง

เพราะมันเป็นแค่น้ำใสๆ ไม่ได้ตีฟองสบู่ฟูฟ่อง ยามที่เสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกน้ำจึงสามารถเห็นได้ถึงทุกส่วนสัดบนร่างกายท่อนผม
ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมภาพตรงหน้ามันกลับดูเซ็กซี่กว่าเมื่อตะกี้ที่เขื่อนปลดกระดุมออกจนหมด

ยิ่งช่วงหน้าท้องที่เสื้อแนบเสียจนเห็นลอนทั้งหกบนนั้นพร้อมลายกล้ามเนื้อข้างๆ อากาศภายในห้องน้ำห้องนี้ก็คล้ายจะร้อนระอุขึ้นเสียเฉยๆ

เขื่อนเอนตัวนอนลง ปล่อยใบหน้าและศีรษะจมไปใต้น้ำก่อนจะพุ่งตัวขึ้นมาในทันที หยดน้ำกระเซ็นมาทางผมจนต้องรีบตะครุบกล้องไว้ในอ้อมแขน เกือบจะอ้าปากด่าอยู่แล้วถ้าไม่ใช่เพราะภาพตรงหน้าทำเอาผมลืมวิธีเปล่งเสียงพูดไป

เส้นผมยาวเปียกแนบแก้มแล้วช่วงไหล่กว้าง กับใบหน้าสวยคมที่หยดน้ำพราวระยับอยู่เต็มไปหมด

ผมคว้ากล้องขึ้นจับภาพนั้นเพราะเขื่อนกระแอมเรียกในลำคอ จากตอนแรกถ่ายมุมกว้างให้เห็นภายในห้องน้ำที่ถูกจัดระเบียบไว้จนสะอาดน่าอยู่ ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปถ่ายมุมใกล้มากขึ้น รอบนี้เคลื่อนไม่ได้เปลี่ยนท่าทางมากนักเพราะอ่างแคบเกินกว่าจะออกท่าทาง

เขาเพียงแค่นอนพิงหลังและส่งอารมณ์ออกมาทางสายตา

คราวนี้หัวใจผมเต้นแผ่วเบา ริมฝีปากกระจับบางที่กำลังถูกฟันขาวขบกัดยั่วยวนทำให้ผมลืมที่จะหายใจ บางส่วนของร่างกายเกิดกระตุกด้วยความอึดอัด

ตอนแรกมันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอะไรมากมาย

จนกระทั่งเขื่อนปัดป่ายมือข้างหนึ่งลงไปที่เป้ากางเกง อีกข้างแตะบนหน้าอกข้างซ้ายพร้อมกับแอ่นอกเชิดหน้าขึ้น ดวงตาของเขาหลับพริ้ม ทว่าสีหน้ากลับเป็นสิ่งที่สะท้อนออกมาได้ชัดเจนจนถึงที่สุด

สีหน้าของคนที่กำลังสะท้านเสียว

ผมไม่มีสติพอที่จะกดชัตเตอร์ถ่ายภาพตรงหน้าได้อีก เมื่อเขื่อนส่งเสียงครางเบาๆ ออกมาจากลำคอเพื่อความสมจริง ฝ่ามือข้างขวาก็เริ่มขยำต้นขาของตัวเองเบาๆ ใบหน้าขาวแดงระเรื่อขึ้นมาพร้อมกับหยดน้ำที่ติดอยู่ตรงหางตาคล้ายกับคนตรงหน้ากำลังร่ำไห้

หัวใจมันแม้จะเต้นช้าแต่ก็กระแทกลงมาอย่างหนักหน่วง

ความอึดอัดที่กลางลำตัวแสดงอาการหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ และผมก็ไม่อาจละสายตาออกมาจากภาพยั่วยวนตรงหน้าได้เลย กล้ามหน้าท้องของเขาขยับเคลื่อนตามแรงหายใจและอาการบิดกาย

ผมกลืนน้ำลายก้อนที่ใหญ่ที่สุดของวันลงคอ

เฮือก!

ผมสะดุ้ง เมื่ออยู่ๆ ใครอีกคนลืมตาแล้วเหลือบมามองกัน เขื่อนเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้จับกล้องขึ้นมาถ่ายอีกต่อไป และเมื่อดวงตาสีรัตติกาลคู่นั้นค่อยๆ ไล่สำรวจผมช้าๆ เขาก็คลี่ยิ้มบางๆ ออกมาเหมือนได้รู้เรื่องสนุกอะไรบางอย่าง

“ไผ่...” เสียงแหบพร่านั่นมาอีกแล้ว และคราวนี้ผมก็เลือกจะปล่อยให้มันจางไปกับอากาศ

“พักก่อน หิวน้ำ” ผมพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่เขื่อนจะได้พูดอะไร ก่อนจะหันกายเตรียมหนีออกจากห้องน้ำที่ร้อนจนเหงื่อผมแตกพลั่กๆ

แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวไปได้ถึงก้าวที่สาม เสียงน้ำกระฉอกออกจากอ่านก็ดังสวนขึ้นมา พร้อมกับความเปียบชื้นที่โอบรัดรอบบั้นเอวและลำตัว

ผมตัวแข็ง ไม่กล้าขยับไปไหน

“อะ อะไรของมึง”

“จะไปไหน”

“ไปกินน้ำไง”

“หิวน้ำจริงๆ เหรอ” เสียงทุ้มนั้นดังขึ้นชิดใบหู พร้อมกับไอร้อนที่พ่นพรูเข้ามาจนตัวผมสั่นระริก ขนแขนพร้อมใจกันลุกขึ้นยืนตรง ในขณะที่เสื้อผ้าของผมก็เริ่มเปียกแชะจนรู้สึกไม่สบายตัว

“แปบเดียว ดะเดี๋ยวกูกลับมา”

“ไผ่”

เฮือก!

ผมสะดุ้งอีกครั้ง เมื่อริมเขื่อนยังไม่เลิกวุ่นวายกับใบหูของผม เขาหัวเราะเบาๆ กะชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นก่อนจะค่อยๆ ไล้ปลายนิ้วจากเอวลงต่ำไปเรื่อยๆ

“ทำไมมึงแข็ง?”


_________________
Talk: อะไรแข็ง!!!!!!!  :hao7: :hao7:
มาช้าอีกแล้ว งอแงงง อยากมีเวลาเขียนนิยายสต็อคไว้จังเลย
แต่ก็อยากอัพสลับกันทั้งสองเรื่องงงงง ฮือออ จะพยายามรีบปั่นยิกๆๆ

แนะนำติชมได้นะคะะะะ รักทุกคนเลยยยย จุ้บ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 3 [17-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 17-10-2018 15:34:56
ไม่ได้กินน้ำแล้วมั้งจังหวะนี้  :laugh:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 3 [17-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-10-2018 20:10:41
โอ้ย สงสาร
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 3 [17-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 17-10-2018 20:50:44
อะไรยังไง  :o8: :o8: :-[
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 3 [17-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-10-2018 20:58:21
ฬ้ายยยยย  เขื่อนอย่าแกล้งเดะ อิอิ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 3 [17-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 17-10-2018 23:07:49
 :ling1: เขินมากกกก  :ling1: ติดงอมแงมค่ะ  :hao7: ติดทั้งสองเรื่องเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 3 [17-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 18-10-2018 16:06:09
ขาแข็ง!!
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 3 [17-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-10-2018 22:33:31
 :laugh: 

โป๊ะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 3 [17-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 19-10-2018 06:35:29
สนุก​  ติดตามจร้า
มาไวไวเน้ออออ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 4 [21-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 21-10-2018 14:33:46
บทที่ 4



“ทำไมมึงแข็ง?”

คำถามนั้นเขย่าหัวใจของผมอย่างหนักหน่วง พร้อมทั้งแช่แข็งทุกส่วนของร่างกายให้ไม่อาจขยับหนี

ผมยืนนิ่งและกลั้นลมหายใจ ช่วงท้องยังมีฝ่ามืออุ่นร้อนทาบทับลงมา หลังจากนั้นเขื่อนก็ค่อยๆ สอดแขนซ้ายเข้าโอบรอบบั้นเอวของผมแล้วดึงกระชับให้ร่างกายของเราสองคนแนบชิดกัน

“มึงมีอารมณ์กับกูเหรอ?” เสียงทุ้มนั้นกระซิบถามชิดใบหู

ไอร้อนจากลมหายใจถูกพรูเข้าใส่ด้วยความตั้งใจ ผมตัวแข็งตรง เส้นขนบริเวณหลังคอพร้อมใจกันลุกชันพร้อมกับอาการเสียวซ่านที่แล่นพล่านไปตามกระดูกไขสันหลัง เส้นไหมสีดำยาวสลวยตกระลงมาคลอเคลียที่หัวไหล่และลำคอของผมเมื่อเขื่อนโน้มหน้าเข้ามาหา

ผมไม่ได้ตอบคำถามเลยสักคำ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่จะกล้าพูดออกไปได้ ในเมื่อส่วนที่อยู่กลางกายยังดุนดันให้เกิดความอึดอัดจนนึกอยากสอดมือเข้าไปจัดที่จัดทางให้เรียบร้อย

ไม่อาจยอมรับได้เลยว่าเผลอมีอารมณ์กับริมเขื่อนไปจริงๆ

“ไผ่...” เสียงแหบพร่านั้นเรียกร้องให้ผมตอบคำถามของเขาอีกครั้ง พร้อมกับริมฝีปากชื้นที่กดเข้ามาตรงกกหู

ผมสะดุ้งได้สติ จึงได้ออกแรงดิ้นรนหมายจะพาตัวเองออกมาจากพันธนาการแสนอันตราย

“เขื่อน ปล่อยกู กูจะไปกินน้ำ”

“มึงหิวน้ำจริงๆ เหรอ”

“เออสิวะ” ผมขึ้นเสียงและออกแรงผลักแขนที่โอบเอวอยู่สุดแรง และมันได้ผลเมื่อเขื่อนยอมจำนน เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นราวกับผู้ร้ายที่ถูกตำรวจจ่อปืนใส่ ผมเลยได้โอกาสขยับขาพาตัวเองออกมาจากห้องน้ำนั้นทันที ไม่แม้จะกันกลับไปมองหน้าของใครอีกคนสักนิด

รู้แค่ว่าต้องออกจากที่ตรงนี้เดี๋ยวนี้!

“เฮ้ออ” ผมพ้นลมหายใจระหว่างที่เดินไปยังห้องครัว เปิดตู้เย็นหยิบน้ำมารินใส่แก้วแล้วกระดกลงคออักๆ ซัดไปทั้งหมดสามแก้วก็เริ่มรู้สึกร่างกายเย็นลง อะไรๆ มันก็สงบกลับไปแล้ว

ผมทิ้งสายตาไปที่ประตูห้องนอนของเขื่อน แอบเบ้ปากเพราะเริ่มไม่อยากกลับเข้าไปแล้ว คิดว่าภาพที่ได้มาร้อยกว่ารูปนี้ก็น่าจะเพียงพอต่อความต้องการ

คงถึงเวลาต้องกลับบ้านสักที

ผมล้างแก้วแล้วเอาคว่ำไว้ที่ข้างซิงค์อยากเรียบร้อย ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าสุดปอดแล้วก้าวเดินเข้าไปในห้องนอนที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายแบบนั้นอีกครั้ง

“เขื่อน กูว่าพอแค่นี้แหละ...ว่ะ”

ผมไม่ได้สามารถพูดจบประโยคได้เลย เมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วมองเห็นภาพตรงหน้าเต็มๆ ตา

ภาพของผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งที่นั่งเอนหลังพิงหมอนอยู่บนเตียง เส้นผมยาวที่เปียกชื้นยังถูกปล่อยสยายแม้มีบางช่วงเริ่มจับกันเป็นก้อน ใบหน้าสวยแดงระเรื่อพร้อมกับริมฝีปากที่เผยอขึ้นเล็กน้อยจนเห็นฟันกระต่ายเล็กๆ โผล่พ้นออกมา ดวงตาปรือปรอยฉ่ำไปด้วยน้ำตาสีใส พร้อมกับเรือนร่างที่แทบจะเปลือยเปล่าอยู่แล้ว

ริมเขื่อนสวมเพียงอันเดอร์แวร์สีดำสนิทที่แนบกับตัวจนเห็นส่วนโค้งเว้าชัดเจน มือเรียวสวยแต่ยังคงมองออกว่าเป็นมือผู้ชายกำลังลูบไล้ไปตามร่างกายตัวเองอย่างแช่มช้า

ปลายนิ้วชี้บนขยี้แผ่นอกให้ขึ้นรอยแดง ขาขวาก็ยกขึ้นชันเข่าเผยสัดส่วนที่นูนเด่นให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตา สะโพกแกร่งขยับเล็กน้อยสอดประสานกับแรงเคลื่อนของข้อมือที่ลูบวนอยู่ด้านล่าง และเมื่อดวงตาสีนิลหันมาเห็นผม เขาก็กัดริมฝีปากยั่วหนึ่งที่แล้วส่งเสียงเครือครางในลำคอดังออกมาให้ได้ยิน

“กู กู...” ผมหาเสียงตัวเองไม่เจอ เลยได้แต่อ้าปากพะงาบๆ อย่างน่าสมเพช

“ไผ่ ถ่ายสิ แค่หน้านะ” เขื่อนร้องเรียกผมด้วยเสียงที่ยังแหบพร่าและทุ้มต่ำ

“คือกู-” และก็เป็นผมเองที่ยังตั้งสติไม่ได้ จึงทำได้แค่ร้องอืมเอ่อไปเรื่อย จนคนบนเตียงยกนิ้วชี้กระดิกเรียกพร้อมส่งสายตาเชิญชวน

“มาถ่ายสิไผ่”

เหมือนมีมนต์สะกด เหมือนมีแรงดึงดูดจากหลุมขนาดใหญ่ที่กระชากร่างผมให้เดินเข้าหาโดยไม่อาจต้านทาน

ผมไม่รู้ว่าพาตัวเองมายืนข้างเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายืนสบตาดวงตาสีดำสนิทที่เยิ้มไปด้วยอารมณ์ปรารถนานั้นนานแค่ไหนแล้ว กล้องที่คล้องคออยู่ถูกยกขึ้นมาช้าๆ แม้ว่าสายตาของผมจะยังจับจ้องใบหน้าสวยที่กำลังคลี่ยิ้มยวนใจ ดั่งปีศาจสาวแสนร้ายกาจที่หมายหลอกล่อให้ผมเข้าไปติดกับดัก

ผมแนบรูกล้องไว้ที่ดวงตา มองความงดงามตรงหน้าผ่านเลนส์กล้อง แม้จะถ่ายโคลสอัพแต่ผิวที่เรียบเนียนของเขื่อนก็ยังรับกับแสงไฟที่ตกกระทบลงมาเป็นอย่างดี

ผมกดชัตเตอร์ด้วยปลายนิ้วสั่นระริก

กดมันอีกครั้งเพราะหัวใจเต้นระรัวจนไม่อาจควบคุมร่างกายตัวเองได้

และกดมันเป็นครั้งที่สามเพราะดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมามองกล้อง พร้อมกับฟันขาวที่กัดลงบนริมฝีปากล่างอีกครั้ง

หลังจากนั้นผมก็วางกล้องไว้บนโต๊ะข้างเตียง ดึงผ้าห่มผืนหนาที่ถูกเตะไปกองไว้ปลายเท้าขึ้นมาตลบคลุมคนที่ยังไม่หยุดไล้ผิวกายตัวเองเล่น เขื่อนร้องลั่นด้วยความตกใจ ใบหน้าของเขาถูกคลุมทับปิดความสวยหยาดเยิ้มที่กำลังเป็นพิษร้ายแก่ตัวผม ในขณะที่ผมนั้นรีบลุกขึ้นจากเตียง หมายจะหนีออกไปสงยสติอารมณ์ที่ไหนสักที่ที่ห่างไกลจากคนช่างยั่วอย่างริมเขื่อนให้มากที่สุด

หมับ!

“จะไปไหน” คนที่ควรจะยังอยู่ใต้ผ้าห่มกลับพุ่งเข้ามาคว้าแขนผมที่กำลังจะหมุนลูกบิดประตูห้องนอน เขื่อนออกแรงกระชากอย่างแรงจนผมปลิวเข้าสู้อ้อมแขนแกร่ง จากนั้นทุกอย่างก็หมุนคว้างอย่างรวดเร็วจนจับต้นชนปลายไม่ถูก เมื่อผมถูกดันเข้าชิดผนังแล้วจับพลิกตัวให้หันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย

“มึงจะไปไหน” เขื่อนถาม

“ปล่อย” ผมบอก เบนสายตาเลี่ยงสบกับดวงตาที่ยังมีหยดน้ำพร่างพราวอยู่เต็มเบ้า

“ไผ่ มองหน้ากูหน่อย”

“ไม่ ปล่อยกู”

“มองหน้ากูหน่อยครับ” เขื่อนพยายามจับปลายคางผมให้หันกลับมา แต่ผมก็ขืนหน้าเอาไว้อย่างสุดแรงจนกล้ามเนื้อที่คอขึ้นรอยนูนชัด

“เขื่อน กูจะกลับบ้านแล้ว”

“เป็นอะไร”

“ไม่ได้เป็นอะไร”

“ไม่มองหน้ากันงี้คือไม่เป็นอะไร?”

“...” ผมเงียบ เม้มปากเข้าหากันเพราะไม่สามารถสรรหาคาเถียงได้

เขื่อนขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนสันจมูกแตะลงที่โหนกแก้มของผม เขาเบียดร่างกายเข้ามาแนบชิดจนผมแทบจะสิงเข้าไปในผนังห้องอยู่แล้ว กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ กับไอร้อนจากตัวอีกฝ่ายส่งผลให้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อยากหลุดพ้นออกไปจากตรงนี้สักที แต่เพราะสู้แรงเขื่อนไม่ไหว เลยยังตกอยู่ในพันธนาการของร่างกายสูงใหญ่ที่ปิดทุกทางออกไว้ด้วยท่อนแขนแกร่ง

“มึงจะออกไปทั้งอย่างนี้เหรอ” เขื่อนกระซิบตอนที่แนบริมฝีปากลงมาบนแก้ม ผมผลักอกเขาอย่างแรง แม้มันจะทำให้เขาขยับเล็กน้อยแต่เขื่อนก็รีบเคลื่อนกลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมภายในเสี้ยววิ ผลสุกท้ายคือผมก็ยังถูกจับกุมไว้ในท่าเดิม แขนสองข้างโดนรวบด้วยมือข้างเดียว พร้อมกับท่าทางคุกคามที่มากขึ้นทุกที

เขื่อนใช้เข่าข้างขวาของตัวเองบดเข้ามาที่เป้ากางเกงของผม!

“ไอ้เขื่อน!” ผมร้องลั่น เริ่มดิ้นรนอีกครั้งแต่ทุกการขยับก็ทำให้เกิดการบดเบียดที่รุนแรงขึ้น

มันไม่ได้ทำให้เจ็บเพราะเขื่อนรู้ว่าจะยั้งขาตัวเองยังไงตอนผมดิ้น ในขณะเดียวกันเขาก็รู้ดีว่าต้องลงแรงไปตรงจุดไหน ร่างกายผมจะได้อ่อนปวกเปียกอย่างที่เขาต้องการ

ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และเพราะอะไรทำไมสถาณการณ์แบบนี้ถึงเกิดขึ้น

เข่าของคนตัวสูงยังเสียดสีอย่างต่อเนื่องไม่หยุด พร้อมทั้งริมฝีปากร้อนที่เคลื่อนจูบอยู่ที่ข้างแก้มด้านขวา เอวของผมถูกท่อนแขนแกร่งโอบเอาไว้รอบ รั้งกายให้เราสองคนแนบกันสนิท

และในตอนท้าย ริมฝีปากนั้นก็บดจูบเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว!

“อื้อ”

ผมร้องครางประท้วงในลำคอ เบี่ยงหน้าหนีแต่เขื่อนก็ยังตามมาฉกจูบไปได้ทันท่วงที เขาคว้าคางของผมไว้ บีบลงที่แก้มเพื่อกดกรามทั้งบนล่างให้แยกออกจากกัน ผมเผยอปากตามแรงบังคับ ส่งผลให้ลิ้นร้อนแทรกเข้ามากระหวัดเกี่ยวเรียวลิ้นของผมเล่นอย่างย่ามใจ

“อื้อ อื้ออ!!” ผมต้านทานสุดแรงเกิด แต่ช่วงล่างที่ยังถูกเสียดสีอยู่นั้นกลับดูดเรี่ยวแรงผมให้หายไปกว่าครึ่ง ผมตัวอ่อนปวกเปียก ยินยอมรับจูบร้อนแรงนั้นเมื่อฝ่ามือหนาเริ่มรุกรานเข้ามาที่ตัวตนกลางกาย

เพราะมันไม่เคยถูกสัมผัสโดยบุคคลอื่น เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมแตะลงมา ร่างทั้งร่างของผมก็กระตุกเกร็งด้วยความตกใจ ก่อนที่มันจะสั่นระริกและอ่อนยวบยามที่เขื่อนแทรกมือเข้าไปในขอบกางเกงแล้วรั้งเจ้าตัวเล็กด้านในให้ตั้งตรงตามความยาวของมัน

“ขะ เขื่อน ไม่เอา” ผมร้องบอกตอนที่จูบร้อนผละออกไป เสียงมันตะกุกตะกักเพราะผมยังหอบแฮก

“ไผ่” เขื่อนผละจูบออกไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ขยับหน้าออกห่าง ทำให้ทุกๆ การพูดริมฝีปากของเราเสียดสีกับไปมา ผมตาปรือปรอย พยายามเพ่งมองผ่านม่านน้ำตาที่คลอจนแทบล้นออกจากเบ้า ไม่ต่างจากแพขนตายาวของคนตรงหน้าที่ก็ชื้นฉ่ำ ริมฝีปากของเขื่อนบวมเจอจากแรงบดขยี้ มันเผยอขึ้นแม้ไม่ได้ตั้งใจ ผมมองลิ้นเล็กสีแดงที่ค่อยๆ แลบออกมาเลียขอบปาก มองจมูกโด่งสวยที่คลอเคลียผิวแก้มของผม

“ให้กูช่วย” คนตัวสูงกระซิบเสียงแผ่ว ข้อมือแกร่งก็ขยับรูดรั้งสิ่งในมือนั้นเป็นจังหวะ

ขาของผมสั่น ทุกการขยับส่งผลให้ร่างกายผมกระตุกริกๆ ผมกลั้นลมหายใจอีกครั้งจากความกระสันที่สาดเข้าโครมใหญ่ เผลอซุกหน้าเข้ากับซอกคอขาวแล้วโอบแขนรอบลำตัวหนา

เขื่อนหายใจแรงขึ้น ได้ยินเสียงกัดกรามดังกรอดแว่วมาเบาๆ ผมไม่รู้เป็นเพราะอะไรเพราะมัวแต่สะท้านเสียวกับสัมผัสที่ไม่เคยพบเจอ มันให้ความรู้สึกดีกว่าทำด้วยตัวเองประมาณสิบเท่า ผมที่มีแม่นางทั้งห้าเป็นภรรยามาโดยตลอดถึงกับไม่อาจยืนอยู่บนขาตัวเองได้อีกต่อไป

ร่างของผมล่วงไปกองที่พื้น แม้จะมีอ้อมแขนแกร่งช่วยรั้งแต่เขื่อนก็ไม่สามารถสู้น้ำหนักของผมได้ ผลคือเราทั้งคู่ทรุดนั่งในท่าประหลาดๆ ผมชันเข่าทั้งสองข้าง เอนหลังพิงหนังและยังโอบกอดร่างกายได้รูปของคนตรงหน้าไว้แน่น ปากก็ขบกัดหัวไหล่ขาวจนขึ้นรอยฟัน น้ำลายสีใสไหลเปื้อนเล็กๆ จนผิวหนังบริเวณนั้นแวววาว ฝ่ามือของเขื่อนยังไม่ปล่อยออกจากตัวตนของผม เขาคุกเข่า ขยับท่าให้พวกเราแนบชิดกันอย่างถนัดถนี่ พร้อมกับเริ่มตอกมือด้วยความรุนแรงและระรัวเร็วมากกว่าเก่า

“ยะ อย่า อ๊ะ” สะโพกของผมลอยเหนือจากพื้น ทั้งพยายามหดตัวหนีความรู้สึกที่มากจนเกินรับไหว แต่เขื่อนกลับไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้น เขาป้อนจูบให้ผมอีกครั้ง มัวเมาผมด้วยเรียวลิ้นเล็กกับดวงตาคู่สวยที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยแรงอารมณ์

ผมไม่ได้หลับตาตอนได้รับจูบดูดดื่ม อีกฝ่ายก็เหมือนกัน เราต่างสบดวงตาที่สื่อความต้องการอยู่เนิ่นนาน ขยับผิวปากเคลื่อนไปมาตอบสนองสัมผัส ผมจ้องเข้าไปในแก้วตาสีดำสนิท ก่อนที่ทัศนียภาพตรงหน้าจะพร่าเลือนเมื่อก้อนอารมณ์ม้วนตัวกันกระจุกอยู่ที่ส่วนปลาย

“ขะ เขื่อน เขื่อน อื้อ!” ผมเกี่ยวแผ่นหลังเนียนละเอียดนั้นไว้แน่น จิกนิ้วทั้งห้าลงไปในจังหวะที่ร่างกายกระตุกเกร็ง ช่วงล่างเปรอะเปื้อนจากของเหลวบางอย่างจนเหนอะหนะ กลิ่นคาวของมันลอยอบอวลทั่วห้อง แต่เขื่อนก็ยังไม่ยอมหยุดขยับมือ เขาปาดสิ่งนั้นจนทั่วตัวตนของผม ขยับรูดรั้งจนเกิดสัมผัสประหลาดขึ้น

ผมครางฮือ มุดหน้าลงซูดกลิ่นกายหอมที่ซอกคอของเขาอีกครั้ง ในขณะที่เขื่อนเองก็เบียดกายเข้ามายิ่งกว่าเก่า เขาพ่นลมหายใจใส่รูหูของผม ใช้ลิ้นเล็กๆ สะกิดติ่งเนื้อเบาๆ แล้วครอบฟันขบเม้มอย่างกลั่นแกล้ง

“ไผ่ครับ”

“ฮ้า ฮ้า”

“ช่วยกูด้วย”

“ไม่เอา!” ผมได้สติทันทีที่ได้ยินคำขอร้องนั้น ผ่ามือที่โอบกอดเขื่อนเปลี่ยนเป็นผลักอกเขาอย่างแรง อีกฝ่ายที่ไม่ได้ตั้งตัวก็กระเด็นออกไปประมาณหนึ่ง

ผมรีบหุบขา เก็บซ่อนความหน้าอายเอาไว้พร้อมกับแกล้งตีสีหน้าโกรธเคืองปิดกั้นความเขินอาย

แม่ง นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!

ผมอยากสบถ อยากกรีดร้องออกมาเมื่อจำได้ทุกอย่างว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ใบหน้าร้อนผะผ่าวขึ้นมาจนแทบทอดไข่ดาวสุก ไม่กล้าขยับตัวเลยสักนิดแม้ว่าเสื้อผ้าขะยังกองอยู่ที่ข้อเท้าไม่ได้หลุดไปไหน

ไอ้เขื่อนทำบ้าอะไรของมันวะ

ผมอยากถาม แต่ก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังขยับเข้ามาใกล้

“ออกไป ไอ้เขื่อน อย่ามาใกล้กู”

“ไผ่”

“ไอ้เหี้ย กูบอกให้ถอยออกไป” ผมแหกปาก ยกตีนขึ้นถีบอกคนที่คลานเข่าเข้ามาหา แต่อีกฝ่ายกลับจับข้อเท้าของผมไว้ ก่อนจะกดจูบลงที่ปลายนิ้วพร้อมช้อนตาขึ้นมองกันอย่างอ้อนวอน

“กูขอโทษ” เขื่อนบอกเสียงหวาน แถมยังจุมพิตซ้ำๆ ลงที่ฝ่าเท้า

มึงทำอะไรไอ้หมีควาย!

ผมชักเท้าหนี ส่งผลให้เขื่อนสามารถคลานเข้ามาใกล้ได้ในที่สุด เขาพยายามขยับหน้าหามุมสบตากับผม ในขณะที่ผมก็หลบเลี่ยงสุดความสามารถ

“ไผ่ ช่วยกูหน่อย”

“ไปตายที่ไหนก็ไป!”

“ไผ่ครับ”

แม่งๆๆๆๆๆ

ทำไมต้องมาทำสีหน้าออดอ้อนวะ

ทำไมต้องช้อนตามองแล้วกระพริบตาช้าๆ พร้อมกับหลุบตาลงบ้างเหมือนตัดพ้อต่อว่า

แล้วไอ้ริมฝีปากสีแดงก่ำที่บวมเจ่อชวนให้เข้าไปย่ำยีนั่นอีก

ผมกัดปากตัวเอง หันหน้าหนีภาพยั่วยวนตรงหน้า เจ้าของใบหน้าสวยที่ยังอยู่ในท่าคลานเข่า กับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความต้องการมากมาย ผิวกายขาวแดงระเรื่อพอๆ กับแก้มเนียน

ผมเกลียดที่ตัวเองดันมีอารมณ์ขึ้นมาอีกแล้ว ชิบหาย!

“มึง กูไม่ไหวแล้ว” ไผ่บอกเสียงเบา เขาพลิกตัวกลับมานั่งชันเข่าท่าเดียวกับผม ก้อนกล้ามเนื้อที่หน้าท้องขึ้นชัดเพราะท่อนบนที่หดตัว กางเกงแนบเนื้อสีดำถูกรั้งลงไปเกาะที่ต้นขา และคนตรงหน้าก็ค่อยๆ สอดมือเข้าไปปรนเปรอส่วนนั้นของตัวเองเบาๆ
ผมไม่ได้มองการกระทำนั้นของเขา เพราะสายตาดันติดอยู่บนใบหน้าที่เริ่มเหยเกจากความเสียวซ่าน หน้าอกขาวกับเม็ดสีชมพูแอ่นสูง เสียงครางผะแผ่วในลำคอ

ผมคิดว่าเขื่อนตั้งใจสบตาและส่งความเว้าวอนปนกระหายอยากมาให้

“อ...อืม ไผ่” เขาครางเรียกชื่อผม อ้าปากตะครุบอากาศพร้อมเชิดหน้าขึ้นสูง

บังเกิดความรู้สึกอยากยำยีคนตรงหน้าขึ้นในจิตใจ

เลือดของชายหนุ่มวัยกลัดมันกำลังพุ่งพล่าน หัวใจของผมเต้นแรง ความรู้สึกกำลังควบคุมสมองทีละนิด จนในที่สุดผมก็ขยับตัวเข้าไปใกล้ วางมือลงบนหลังมือที่ขยับขึ้นลงอยู่ที่ตรงนั้น

“เขื่อน” ผมเรียกเขาและจ้องดวงตาหวานฉ่ำไม่ละหนี

คนตัวสูงคลี่ยิ้มบางๆ ยอมถอนมือตัวเองออกมาให้ผมสัมผัสสิ่งนั้นได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เขารูดอันเดอร์แวร์ออกทางปลายเท้า ขยับแขนโอบตัวผมให้เลื่อนเข้าไปใกล้

“อย่างนั้น” เขื่อนว่าเสียงสั่นเมื่อผมค่อยๆ ขยี้ปลายยอดพร้อมกอบกุมไว้เต็มกำมือ

ผมมองใบหน้าที่กำลังบิดเบี้ยวมากขึ้นทุกทียามที่มือของผมขยับ เสียงครางฮือฮาพร้อมน้ำตาสีใสทีจับตัวเป็นก้อนกลมที่หัวตา
ผมอยากทำให้สีหน้านั้นบิดเบี้ยวยิ่งกว่านี้

อยากได้ยินเสียงหวานร้องให้ดังมากกว่าเก่า

กรอบหน้าสวยเมื่อแต่งแต้มด้วยอารมณ์ใคร่ยากนั้นกลับดูงามล้ำยิ่งกว่าเก่า ผิวกายขาวแดงระเรื่อตัดกับเส้นไหมสีดำสนิท เมื่อมันคลอเคลียไปกับหัวไหล่และแผ่นอกเนียนละเอียด ก็ยิ่งขับให้ภาพตรงหน้าน่ามองมากยิ่งขึ้น

น้องเขื่อนของผมขยับตัวบิดกาย ยันสะโพกสวนเข้ามารับแรงกระแทกจากข้อมือ ผมรู้สึกถึงไอร้อนระอุจากร่างกายเปลือยเปล่า เห็นดวงตาพราวระยับปรือปรอยน่าเอ็นดู

ถึงแม้ตัวจะหนา กล้ามจะแน่นมากแค่ไหน เขื่อนก็ยังน่ามองในทุกท่วงท่าที่ขยับ

ผมรูดให้แรงขึ้น ขยี้ให้หนักข้อ และซึมซับทุกการขยับของกล้ามเนื้อบนใบหน้านั้นด้วยความหฤหรรษ เราจูบกันนัวเนียในตอนที่เขื่อนดึงร่างผมให้ลอยเข้าไปหา อารมณ์ของเขาเคลื่อนมาถึงจุดบนสุดของยอดเขาสูงชัน ก่อนที่จะหล่นกระแทกมาที่ทะเลกว้างจนหยาดน้ำกระเซ็นเปื้อนเลอะเทอะ

เสียงหอบหายใจของเขาดังประสานกับเครื่องปรับอากาศ

เขื่อนยังจูบผมไม่เลิกแม้ทุกอย่างจะจบลงแล้ว ส่วนผมก็ถูกมัวเมาให้เคลิ้มรับความหวานที่แตะละเลียตส่งตรงถึงปลายลิ้น ร่างของผมถูกผลักเอนลงนอนตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบ แต่เมื่อความเย็นจากพื้นประเบื้องปะทะเข้ากับแผ่นหลัง ผมก็ลืมตาโพลงด้วยความตกใจในทันที

“อื้อ!” ผมผลักหน้าผากของคนที่หลับตาพริ้มออก กดเข่ากระแทกต้นขาแข็งที่แรกอยู่ตรงหว่างขา

“กูเจ็บ” เขื่อนโอดครวญ แต่ผมไม่สนใจ รีบกระโจนพุ่งเข้าห้องน้ำก่อนจะกดล็อกกลอนให้แน่นหนา

ผมถูกหน้าสวยๆ นั่นล่อลวง

เขื่อนมันเป็นงูพิษชัดๆ!

แล้วหลังจากนี้ผมจะมองหน้าเพื่อนตัวเองต่อไปยังไง ผมไม่สามารถน้องเขื่อนในฟิลเตอร์ใสซื่อน่าปกป้องได้อีกแล้วใช่ไหม เพราะไอ้เขื่อนร่างยักษ์มันทลายกล่องความทรงจำของผมจนเละเทะไปหมด

“ไผ่ กูอยากอาบน้ำ”

“เรื่องของมึง”

“มึง... มันเหนียว”

แล้วคำพูดมันก็ทำให้ผมก้มลงมองมือตัวเองที่ยังเต็มไปด้วยความเหนอะหนะ

หลังจากนั้นสมองผมก็เตะประตูห้องน้ำดังปัง! ไปหนึ่งทีก่อนจะลากตัวเองไปใต้ฝักบัวแล้วกดสบู่เหลวออกมาหลายปั้มเพื่อชำระไอ้ของเหลวน่าขยะแขยงบนมือทิ้งไปให้หมด

ผมจะไม่มาเหยียบห้องนี้อีกแน่ๆ

ไม่มีวัน!


_____________________
Talk: ไม่ - รอด!!!!!
นังเขื่อนมันเป็นงูพิษ งูพิษที่ผมยาวๆ หน้าสวยๆ ที่รู้ดีกว่าจะใช้ประโยชน์จากหน้าตาตัวเองยังไง
ข่นร้ายกาจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจ

ขออภัยที่มาช้าค่า แง้ๆๆๆๆ
แนะนำติชมได้เสมอนะคะ ตรงไหนไม่ดี อ่านแล้วขัดหูขัดตา
พร้อมน้อมรับนำไปแก้ไขน้า ขอบคุณค่า รักกกกก
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 4 [21-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 21-10-2018 15:16:21
 :hao6:  :hao6:  :hao6: เขื่อนมันร้ายใช่เล่นนะเนี่ย....  :hao7:  :hao7:  :hao7:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 4 [21-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 21-10-2018 15:55:37
น้องเขื่อนคนสวยทำพี่ไผ่ใจบางไปหมดแล้วว :ling1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 4 [21-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 21-10-2018 16:02:16
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 4 [21-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-10-2018 17:53:35
เข้าแผนใช่ไหมเขื่อนคนร้ายกาจ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 4 [21-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-10-2018 19:23:40
 :hao7:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 4 [21-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 21-10-2018 19:51:41
เสร็จเขื่อน
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 4 [21-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-10-2018 22:07:01
ชอบบบบบ......  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เขื่อน คิดไรๆกับไผ่มาก่อนแล้วชัดๆ
แต่เก็บอาการ ไม่แสดงออก
พอไผ่มาเรื่องถ่ายแบบเลยเข้าทาง  :m20: :laugh:

ไผ่หวงเขื่อน  :hao3:
มองเขื่อนก็เกิดอารมณ์แล้ว   :z3:
แต่คงติดที่คิดเรื่องเพศหรือเปล่า   :hao3:

เขื่อน  ไผ่   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 4 [21-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 22-10-2018 00:00:57
  :hao7:  :hao7:  :hao7:  o13  o13  o13
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 4 [21-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-10-2018 01:58:19
 :laugh:


เรียบร้อย
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 4 [21-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 22-10-2018 06:48:13
อุ้ก!! มาแปลก ตามๆด้วยคน

มาดูว่างูพิษจะทำอะไรได้บ้าง
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 4 [21-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 22-10-2018 08:00:03
น้องเขื่อนคนสวย งูพิษชัดๆ 5555
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 4 [21-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 22-10-2018 19:44:05
ทีมน้องเขื่อน

คนร้ายกาจ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 4 [21-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 23-10-2018 00:05:38
เขื่อนใช้หน้าตาเป็นอาวุธ 55555
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 5 [26-Oct-2018]
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 26-10-2018 16:29:37
บทที่ 5




“ไผ่ เดี๋ยวเอากระเป๋าเข้าไปวางในห้องก่อน”

ผมกระชับสายกระเป๋าสะพาย ยืนมองผู้ชายตัวสูงเจ้าของเรือนผมยาวสีดำขลับในชุดกางเกงบอลกับเสื้อกล้ามย้วยๆ ที่คลี่ยิ้มกว้างแล้วพายมือเชิญให้ผมเข้าไปในห้อง

มุมปากผมตกจนเกือบจะเป็นรูปสระอิ แต่คนที่กวักมือเรียกยิกๆ กลับไม่สนใจสักนิด

ผมเคยบอกไปว่าจะไม่เหยียบห้องนี้อีกครั้ง ใช่ ผมเคยประกาศกร้าวไว้แบบนั้น แต่วันนี้ผมกลับยืนสะพายเป้ใบใหญ่ ที่ไหล่ยังมีกระเป๋าห้องไว้อีกใบ สภาพเหมือนคนย้ายบ้าน

ถูกแล้วครับ ผมย้ายบ้านจริงๆ

“ไม่เข้ามาเหรอ?”

“ไม่ เอากุญแจมาให้กูก็พอ” ผมแบมือเพื่อขอกุญแจห้อง น้ำหนักของกระเป๋าสองใบทำให้ช่วงบ่าผมเริ่มปวด สีหน้าเลยยิ่งย่ำแย่ลงกว่าเก่า

แต่ไอคนที่ยืนพิงกรอบประตูอยู่กลับไม่สำนึกอะไรเลย

“กินข้าวด้วยกันก่อนสิ”

“กุญแจ”

“อุตส่าห์ทำผัดไทโคราชให้กินเลยนะ พี่ที่กองไปซื้อเส้นสำเร็จรูปมาให้” เขื่อนชี้นิ้วโป้งเข้าไปในห้องเยื้องไปทางจุดที่เป็นห้องครัว แต่ผมกลับส่ายหน้า

“เขื่อนมันหนัก ขอกุญแจเร็วๆ เดี๋ยวกูต้องออกไปซื้อของเข้าห้องอีก” ผมทำปากยื่นอย่างไม่พอใจ เขื่อนเลยถอนหายใจแล้วยอมเดินไปหยิบกุญแจมาให้

“เดี๋ยวเอาข้าวไปให้ที่ห้อง”

ผมไม่ได้สนใจฟัง เมื่อได้รับกุญแจก็โบกมือบ๊ายบายแล้วหันหลังเดินดุ่มๆ ออกมาทันที ไม่อยากเห็นหน้านานครับ เหตุการณ์วันนั้นยังติดอยู่ในหัวอยู่เลย แค่มองตาได้เกินนาทีแบบเมื่อกี้โดยไม่หน้าแดงก็เก่งแล้ว

เอาล่ะ หลายคนคงจะงงว่าผมมาทำไม เกิดอะไรขึ้น ผมมาทำอะไรที่คอนโดเขื่อน และกุญแจอะไร ห้องของใคร ผมรู้ เครื่องหมายคำถามคงกำลังวิ่งวุ่นอยู่ในหัว เอาเป็นว่าผมจะค่อยๆ เล่าให้ฟังระหว่างทางไปยังห้องของผมเอง

ถ้าให้เริ่มตั้งแต่วันที่มาถ่ายแบบแล้วเกิดอะไรๆ ที่ไม่ควรนึกถึง จนมาถึงวันนี้ก็ผ่านมาราวๆ สองเดือนได้ ผมแต่งรูปและอัพลงเพจรวมถึงเว็บไซต์ตัวเองเรียบร้อยแล้ว ผลตอบรับเกินคาดไว้ เพราะรูปอีโรติกของเขื่อนล้วนๆ ยอดกดไลค์เพจของผมพุ่งไปถึงสามหมื่นกว่าภายในเวลาห้าวัน

ผมใช้วิธีค่อยๆ อัพรูปสามวันครั้ง กระตุ้นยอดกดไลค์กดแชร์ไม่ให้มันนิ่ง เพจของผมกำลังเป็นที่พูดถึง แม้ว่าส่วนมากหัวข้อสนทนาจะเป็นหน้าสวยๆ กับเซ็กแอพพีลรุนแรงของนายแบบก็ตาม

ส่วนเรื่องงาน แน่นอนครับ ผมมีงานแล้ว แม้จะเป็นจ็อบเล็กๆ อย่างถ่ายปกนิตยสาร ถ่ายภาพนายแบบเสื้อผ้าแบรนด์เล็กๆ แต่เงินก็ค่อยๆ ไหลเข้ากระเป๋าผมเรื่อยๆ

และแน่นอน ผมจ่ายค่าตัวไอ้เขื่อนไปแล้วสองเดือนเช่นกัน สุดท้ายก็แกลบอยู่ดีเพราะควักออกไปเดือนละสี่พัน แต่ถามว่าคุ้มไหม ก็ถือว่าคุ้ม เพราะประมาณเดือนสองเดือนหน้าจะเข้าสู่ช่วงรับปริญญา ผมคิดว่าคงจะได้อีกหลายงานจากช่วงนั้น เลยเร่งสร้างกระแสให้เพจตัวเองอย่างหนักหน่วง รวมถึงทุกๆ แอพพลิเคชั่นที่สามารถสื่อสารกับคนอื่นได้

คำถามต่อไปก็คงเป็นผมมาทำอะไรที่นี่

ก็อย่างที่บอกไปข้างต้น ผมย้ายบ้านมาครับ ย้ายบ้านแบบย้ายจริงๆ ขนเสื้อผ้ามาหมดแล้ว แถมของใช้บางส่วนก็จ้างรถย้ายมาไว้เรียบร้อย

สาเหตุก็มาจากคุณนายและบิดาบังเกิดเกล้าทะเลาะกันหนักจนประกาศว่าจะหย่า

ผมอาจจะเคยมองว่าเรื่องทะเลาะกันของสองคนนี้เป็นเรื่องปกติ แต่พออะไรๆ มันบานปลายตัวเราเองก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีก ความไม่ลงรอยของพวกเขาทำให้ผมประสาทจะกิน เถียงกันไม่พอยังจะมาแย่งเอาผมไปอยู่ด้วย คนหนึ่งจะกลับแอลเอ อีกคนจะกลับบ้านที่ขอนแก่น ผมเลยออกตัวว่าจะแยกออกมาอยู่คนเดียวเพราะงานที่ทำกำลังเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง

สุดท้ายด้วยความสปอยล์ลูก ผมก็ได้คอนโดมาห้องหนึ่งจากเงินเก็บของคนทั้งคู่ แถมยังเป็นคอนโดเดียวกับริมเขื่อนเพราะพ่อหมายมั่นจะฝากให้มันมาคอยดูแลผมที่ไม่เคยออกมาอยู่คนเดียว ส่วนคุณนายที่เป็นฝรั่งมาตั้งแต่เกิดทำแค่โบกมือไล่แล้วบอกว่าถ้าว่างๆ จะโทรไปหานะ

นั่นคือบทสรุปโดยย่อที่ทำให้ ณ เวลานี้ผมมายืนไขกลอนลูกบิดประตูอยู่ จริงๆ มันมีตัวล็อคที่ไว้คีย์รหัสผ่านเปิดประตู แต่ผมยังไม่ได้ตั้งค่าอะไรเพราะช่วงเดือนก่อนให้ช่างเข้ามาขนย้ายฟอร์นิเจอร์เลยใช้กุญแจไขง่ายกว่า

ผมผลักประตูเข้าไปแล้วรีบโยนของกองๆ ไว้บนโซฟาหนังสีดำที่ยึดมาจากบ้าน ภายในห้องยังมีกลิ่นอับเนื่องจากผมไม่ได้เปิดประตูระเบียงกับหน้าต่างระบายอากาศทิ้งไว้ มุมหนึ่งของห้องนั่งเล่นเต็มไปด้วยกล่องลังสามสี่กล่องที่ตั้งซ้อนๆ กันเพื่อรอเวลาให้ผมแกะออกมาจัด ตู้ไม้สักอย่างดีที่อาจจะเก่าสักหน่อยเพราะเป็นของเดิมจากที่บ้าน โทรทัศน์นั่นก็เหมือนกัน ผมขนมาเกือบหมดเท่าที่อยากจะได้ เพราะไหนๆ แม่กับพ่อก็จะประกาศขายบ้านหลังนั้นทิ้ง

“เฮ้อ”

ตุบ

ผมทิ้งตัวลงบนโซฟาข้างๆ กับกองกระเป๋าเมื่อเปิดไฟเปิดแอร์เรียบร้อย ช่วงนี้อารมณ์ของผมไม่ค่อยคงที่ ใครหลายคนอาจสังเกตุความแตกต่างระหว่างก่อนหน้านี้กับตอนนี้ของผมได้

ถูกแล้วครับ ผมไม่ค่อยปกติจริงๆ

มันเหมือนเป็นช่วงชีวิตขาลง อันนั้นก็มีปัญหา อันโน้นก็มีปัญหา

ผมฝึกที่จะเป็นคนไม่สนอะไร รับมาก็ปล่อยผ่านไป แต่ถ้าถามว่าทำได้ง่ายๆ ไหม ก็ตอบได้ทันทีว่าไม่! ผมห้ามความคิดตัวเองไม่ได้ มันเลยกระจุกตัวรวมกันอยู่ที่หัวคิ้ว ทำให้หน้าผมช่วงนี้จะบิดเบี้ยวจากความไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ รวมถึงไม่ค่อยอยากสุงสิงกับใครเพราะกลัวตัวเองจะไปพาลใส่คนอื่นเอาง่ายๆ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ไผ่ เอาผัดไทมาให้”

ผมพ่นลมหายใจอีกครั้ง ก่อนจะลากขาแสนล้าของตัวเองไปที่ประตู

“ขอบใจ” ผมรับกล่องอาหารที่ปิดสนิทมาถือไว้ ทำท่าจะงับประตูแต่ก็ถูกสายตาออดอ้อนทำให้ยอมปล่อยให้อีกคนเดินเข้ามาในห้อง

“ไม่มีงานเหรอ” ผมเอ่ยปากถามคนที่เดินไปด่อมๆ มองๆ แถวกล่องลัง

“ไม่ คุณน้าบอกว่ามึงจะมาเอากุญแจ เลยเคลียร์งานไว้รอ” เขื่อนบอกด้วยรอยยิ้ม

เรื่องคอนโดนี้แม่ก็วานให้เขื่อนจัดการให้หมด ผมไม่รู้เขาไปคุยกันตอนไหน รู้อีกทีก็ได้เซ็นใบสัญญากับเตรียมเข้าไปดูห้องก่อนย้ายเข้าได้เลย ที่ฝากกุญแจไว้กับเขื่อนเพราะตอนปลายเดือนที่แล้วให้ช่างมาปูกระเบื้องห้องน้ำใหม่กับขนย้ายของเข้ามาสองสามรอบ ผมจะได้ไม่ต้องตีรถเข้ามาใจกลางเมืองที่มีการจราจรติดมหันต์ ส่วนเขื่อนที่เขาควรไม่ว่างมาดูห้องให้กลับตกปากรับคำและจัดการทุกอย่างให้เป็นอย่างดี

“นี่เก็บไว้ทุกเล่มเลยเหรอ” เขื่อนที่ค้นๆ กล่องลังด้านบนดึงนิตยสารที่มีหน้าตัวเองอยู่บนปกขึ้นมาชูสองสามเล่ม ผมที่กำลังตักผัดไทเข้าปากถึงกับพุ่งถลาเข้าไปคว้าหนังสือพวกนั้นมากอดไว้แนบอก ไม่ได้สนใจว่าการโยนกล่องข้าวลงโต๊ะกระจกหน้าโซฟาจะทำให้มันหกเลอะเทอะยังไง

“ไปนั่งเฉยๆ เลย” ผมเบ้ปาก รีบยัดนิตยสารกลับเข้ากล่องแล้วปิดฝาให้เรียบร้อย

โธ่เอ้ย อุตส่าเก็บไว้เป็นความลับ

“ไม่เห็นต้องอาย” มีเสียงหัวเราะมาจากคนข้างๆ ก่อนที่มือใหญ่จะวางแปะบนหัวผมแล้วขยี้เบาๆ อย่างเอ็นดู
คนตัวสูงเดินไปหยิบกระเป๋าผมออกจากโซฟาแล้วทิ้งร่างลงไปนั่งไขว่ห้าง พาดแขนไว้กับพนักพิงพลางกวาดสายตามองรอบๆ ห้อง

“รูปที่ถ่ายไปเป็นไงบ้าง”

“คนแชร์ไปเป็นแสน ไม่เห็นเลยเหรอ” ผมยอมเปลี่ยนเรื่องตามเขาทันที ปัดๆ เสื้อแก้เก้อแล้วเดินกลับไปนั่งที่โซฟาข้างๆ เขื่อนที่ส่ายหน้าไหวๆ หยิบกล่องผัดไทขึ้นมากินต่อเพราะหิวสุดๆ ผมไม่ได้ขับรถมาเองแต่โชคดีที่ที่บ้านมาส่ง ตอนนี้พ่อกับแม่กำลังอยู่ในระหว่างเก็บของเตรียมขนย้าย ใบหย่าถูกเซ็นต์ไปเป็นเดือนแล้ว แต่ก็ยังเถียงกันทุกวันอยู่ดีจนน่าปวดหัว

“เฮ้อ” ผมถอนหายใจออกมาอีกครั้งเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงชีวิตสองเดือนที่ผ่านมา

หนักหนาไหม ก็นับว่าพอสมควร

มันอาจไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่จนร้องไห้ฟูมฟาย เพราะยังไงเขาทั้งสองคนก็ไม่ได้เกลียดจนไม่ยอมมองหน้า ก็แค่ความเห็นไม่ตรงกัน วิถีชีวิตไปด้วยกันไม่ได้ เลยแยกย้ายกันไปคนละทาง แต่มันก็ทำเอาสภาพจิตใจของผมเหวี่ยงเป็นลูกตุ้ม เพราะต้องคอยเป็นคนกลางห้ามทัพระหว่างผู้ใหญ่นิสัยเด็กสองคนที่เอาแต่เถียงกันแว๊ดๆ

“เป็นอะไร”

“เปล่า” ผมบอกปัดคำถามพวกนั้นด้วยการพิงหลังคอเข้ากับโซฟาแล้วหลับตาลง

อยากอยู่เงียบๆ สักเดือนจังแหะ

หัวใจผมหนักจนเหนื่อยไปหมด เหมือนมันเต้นโดยมีหินก้อนโตคอยถ่วงเอาไว้ตลอดเวลา หัวคิ้วของผมขมวดจนปวดกล้ามเนื้อบริเวณหน้าผากกับช่วงตา แต่ก็ไม่สามารถคลายมันออกได้

เฮ้อออ

“มึงทำหน้าเครียดไม่เลิกสักที” เขื่อนกดนิ้วมานวดคลึงปมคิ้วให้เบาๆ ผมลืมตามอง เห็นใบหน้าสวยๆ อยู่ห่างออกไปไม่มาก ดวงตาสีนิลฉายแววเป็นห่วงออกมาแบบปิดไม่มิด

“เลิกเครียดไม่ได้” ผมบอกเสียงอ่อน

ความคิดอย่างอื่นที่ตีกันในหัวทำให้ผมพอลืมเหตุการณ์น่าอายพวกนั้นไม่ได้บ้าง อีกอย่างมันก็สองเดือนแล้วที่ผมหลบหน้าไม่ยอมมาเจอ ผมกะว่าจะไม่พูดถึงมันอีก ลืมๆ มันไป คิดซะว่าตอนเด็กๆ ก็แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันมาตั้งแต่ไอ้นั่นขนาดเท่านิ้วก้อย เห็นมาหมดแล้วเพราะงั้นคงไม่เป็นไร

“จะจัดของเลยป่ะ เดี๋ยวช่วย”

ผมมองไปที่กล่องลังมากมายแล้วพยักหน้า

“ขนไอ้นี่เข้าห้องนอนช่วยหน่อยดิ” ผมชี้ไปที่กล่องใบใหญ่สุด กับพวกกระเป๋าเสื้อผ้าสองใบที่หิ้วมาเองเมื่อตอนเที่ยง
ผมกับเขื่อนช่วยกันแบกของเข้าไปไว้ในห้องนอนที่ไม่ต่างจากห้องของอีกฝ่ายเท่าไหร่ ต่างกันแค่ความใหม่กับความโล่งโจ้ง ผมเปิดฝากล่องแล้วหยิบเอาไม้แขวนเสื้อออกมาทั้งหมด เขื่อนเข้ามาช่วยแขวนเสื้อผ้าใส่ตู้ที่ได้รับการทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วจากแม่บ้านที่จ้างมารายวัน

เสื้อผ้าของผมไม่เยอะ เพราะบางส่วนก็ส่งไปบริจาค หยิบมาเฉพาะที่จะได้ใช้เพราะขี้เกียจขนเอามากๆ จากนั้นผมก็เริ่มหยิบของใช้ส่วนตัว พวกอุปกรณ์ถ่ายภาพจัดไฟมากองๆ ไว้มุมหนึ่งในห้องนอนให้เรียบร้อย ผ้าปูเตียงที่ซื้อมาใหม่ยังไม่ได้ถูกแกะออกจากถุงเพราะอยากจะเอาไปซักก่อน ผมมองฟูกหนังแล้วคิดว่าคืนนี้คงนอนไปทั้งแบบนี้แล้วกัน

“มีอะไรอีกป่ะ” เขื่อนที่จัดของเข้าที่ช่วยผมเรียบร้อยแล้วหันมาถาม มือของเขาเปื้อนขี้ฝุ่นจนดำเป็นปื้ด แถมยังเอามาถูจมูกจนเป็นรอย

ผมแอบยิ้ม เพราะใบหน้าของเขาตอนนี้น่ารักเอามากๆ อารมณ์ขุ่นมัวในอกดูจะหายไปเพียงเพราะน้องเขื่อนส่งยิ้มตาหยีมาให้ พร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนฝุ่นเป็นจ้ำๆ

“หมดแล้ว ที่เหลือเดี๋ยวค่อยทำวันอื่น” ผมบอกพร้อมกับเดินไปลากแขนเขาให้เข้าไปล้างมือล้างหน้าในห้องน้ำ
ผมโดนแกล้งสะบัดน้ำใส่จนเตะก้นอีกฝ่ายไปหนึ่งที ก่อนจะออกมานอนแผ่ตากแอร์อยู่บนเตียงกันทั้งคู่ แค่จัดของนี่มันดูดพลังจริงๆ แหะ เหงื่อผมไหลซกทั้งๆ ที่เปิดแอร์ 23 องศา เขื่อนก็ไม่ต่างกัน เสื้อกล้ามของเขาชุ่มจนเปลี่ยนเป็นสีเข้มเกือบทั้งตัว

“คืนนี้ให้มาอยู่เป็นเพื่อนไหม”

“เอาหมอนมาใบเดียวอ่ะ” ผมพยักเพยิดไปที่หมอนฟูๆ ที่ขนมาจากห้องนอนในบ้านหลังเก่า เป็นการปฏิเสธอย่างเนียนๆ ว่าไม่มีที่สำหรับมึงหรอกนะเขื่อน ซึ่งเขื่อนก็พยักหน้าเข้าอกเข้าใจ

แต่ผมคิดว่าผมเข้าใจไปเอง

เพราะหลังจากที่พวกเราแยกย้ายเพราะผมอยากใช้เวลาส่วนตัว ในยามที่นาฬิการ้องบอกเวลาสี่ทุ่มยี่สิบ อยู่ๆ ออดหน้าห้องที่ผมเพิ่งไปตั้งค่าเปิดใช้งานก็ดังขึ้น

“เขื่อน?”

เป็นผู้ชายผมยาวยืนฉีกยิ้มแป้น บนตัวเป็นชุดนอนลายสติชกับหมอนใบโตที่อุ้มไว้ในอ้อมแขน เขื่อนเอียงคอ วางคางลงบนหมอนพร้อมกับกะพริบตาปริบๆ

“เอาหมอนมาแล้ว”

“ห้ะ?”

“มึงมีหมอนใบเดียว กูก็เลยเอาหมอนกูมาด้วย”

“คือ... เขื่อน เดี๋ยวก่อน...”

“นอนด้วยคนสิ” คนตัวสูงทำสีหน้าน่ารัก ก่อนจะพยายามเบียดผมเพื่อเข้ามาในห้อง

“ใจเย็น ผ้าห่มกูผืนเล็ก”

“ไม่เป็นไร กอดมึงได้”

“ไม่ได้!”

“ไผ่”

ช้อนตาอีกแล้ว!

จะช้อนทำไมถ้าจะตัวสูงกว่ากันเป็นคืบ

“ไผ่ครับ”

ไม่ ผมไม่ฟังเสียงออดอ้อนออเซาะนั่นแน่นอน

“ไผ่ เขื่อนนอนด้วยนะ”

ฮือออออ พอองค์น้องเขื่อนลง

...ผมก็สู้อะไรไม่ได้อีกเลย... เอเมน

________________________
Talk: มาช้า ดีกว่าไม่มาค่า แง้
พี่ไผ่เข้าถ้ำเสือไปแล้ววววว
ถามมาได้ไงว่าทำไมคนน้องถึงรีบรับทำธุระเรื่องห้องให้
ก็น้องอยากเอาพี่มาอยู่ใกล้ๆ ไงเล่าข่นโง่ววววว

รักคนอ่านทุกคนนะคะ เราอ่านทุกคอมเม้น ซ้ำไปซ้ำมาเลย แง้
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 5 [26-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-10-2018 17:12:24
ใกล้เข้าไปอีก  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 5 [26-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-10-2018 17:15:40
กึ่งอ้อนกึ่งบังคับ รวมๆก้อคือสะกดจิตกันนี่กว่าเขื่อน5555
เราเจอรูปอัพเดทของซิงเย่แล้วคือร้องOMG แรงมากๆเปลี่ยนเพราะรักชัดๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 5 [26-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 26-10-2018 17:26:35
จะได้นอนมั้ยถามใจน้องเขื่อนคนสวยดู :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 5 [26-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-10-2018 18:53:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 5 [26-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-10-2018 23:35:57
 :laugh:


ยอมไปๆ เถอะ เดี๋ยวก็ดีเอง
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 5 [26-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 27-10-2018 10:30:58
เขื่อนมันร้าย
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 5 [26-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-10-2018 11:50:39
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 5 [26-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 27-10-2018 12:09:40
ดาเมจรุนแรงใข่มั้ยคะพี่ไผ่~
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 5 [26-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 27-10-2018 15:54:58
ตายๆๆๆๆ พี่ไผ่ไม่รอดแน่.  :laugh:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 5 [26-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 28-10-2018 10:29:12
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 5 [26-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 29-10-2018 06:30:16
น้องเขื่อนน่ารักกก​
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 5 [26-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 29-10-2018 10:52:05
องค์น้องเขื่อนลง ของเขาดีจริงๆ ยืนยันด้วยพี่ไผ่ 555
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 5 [26-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 29-10-2018 14:01:13
ใกล้เข้าไปอีก  :-[ :-[
ไผ่: ไม่เอาครับ อย่าให้มันเข้ามา!

กึ่งอ้อนกึ่งบังคับ รวมๆก้อคือสะกดจิตกันนี่กว่าเขื่อน5555
เราเจอรูปอัพเดทของซิงเย่แล้วคือร้องOMG แรงมากๆเปลี่ยนเพราะรักชัดๆ
เจ้าเขื่อนมันร้ายยยย
เราก็เห็นแล้วค่ะ โวยวายกรีดร้องใจจะขาด ฮือออ คนสวยกลายเป็นคนหล่อไปแล้วฮะ

จะได้นอนมั้ยถามใจน้องเขื่อนคนสวยดู :pig4:
เขื่อน: คิดว่าไงล่ะครับ //ยิ้มร้ายกาจ

:pig4:
:L2:

:laugh:


ยอมไปๆ เถอะ เดี๋ยวก็ดีเอง
ไผ่: ไม่เอา!!!

เขื่อนมันร้าย
เขื่อน: มองหน้าผมสิ ผมร้ายตรงไหน

:L2: :pig4:
:L2: :L2:

ดาเมจรุนแรงใข่มั้ยคะพี่ไผ่~
ไผ่: องค์น้องเขื่อนมา ใครจะไปสู้ได้ครับ

ตายๆๆๆๆ พี่ไผ่ไม่รอดแน่.  :laugh:
ไผ่: อย่าพูดจาแบบนั้น  :ling3: :ling3:

:hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
:hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao3:

น้องเขื่อนน่ารักกก​
เขื่อน: ขอบคุณครับผม  :impress2:

องค์น้องเขื่อนลง ของเขาดีจริงๆ ยืนยันด้วยพี่ไผ่ 555
ไผ่: ต้องหามาบูชานะครับ ของเขาแรง เรียกคนเรียกเงิน




______________________________

กำลังปั่นตอนต่อไปค่ะ  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
ฮึ้บบบบบบบบบบบบบบ จะรีบเอามาลง ฮึ้บๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 5 [26-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 29-10-2018 21:36:21
มันดีย์ค่าาาาา

แต่ตอน 4 ยังแทนตัวละครผิดบางจึดนะคะ ส่วนตอน 5 ก็มีใช้สรรพนามแทนว่า นาย ด้วย เราเข้าใจจากตอนแรกๆ ว่าใช้กู-มึง เลยสะกิดๆนิดหน่อย

แต่ยังไงก็รอตอนต่อไปนะค้าาาาา

 :mew1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 6 [30-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 30-10-2018 10:45:30
บทที่ 6



เตียงที่ไม่มีผ้าปูที่นอนทำให้ผิวที่ชื้นจากเหงื่อติดหนึบหนับจนน่ารำคาญ ผมต้องลุกขึ้นปรับแอร์ให้อุณหภูมิต่ำลงอีก ก่อนจะเดินง่วงๆ กลับมาที่เตียงที่มีใครบางคนแย่งพื้นที่ข้างๆ ไปแล้ว

ริมเขื่อนฉีกยิ้มหวาน เลิกชายผ้าห่มด้านที่ผมนอนให้พร้อมส่งสายตาเชิญชวน ผมมองขนาดผ้านวมที่ไม่ได้ใหญ่พอให้ผู้ชายสองคนปันกันห่มด้วยความท้อแท้ในใจ แต่ก็ยอมปีนขึ้นเตียงและล้มตัวนอนข้างๆ ผู้ชายที่ยังยิ้มกว้างไม่เลิก

นานมากแล้วที่เราไม่ได้นอนร่วมเตียงกัน

อาจจะตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่ม เตียงในห้องของผมขนาดเพียงสามฟุตครึ่ง เมื่อก่อนยังนอนกอดเจ้าเด็กตัวเล็กๆ ได้สบาย แต่พอต่างฝ่ายต่างขยายร่าง ก็ไม่ได้สามารถเบียดกันบนเตียงแคบๆ ได้อีก เขื่อนที่อายุสิบหกพยายามอยู่หลายวันจนในที่สุดก็ต้องยอมกลับไปนอนห้องตัวเอง เพราะทั้งผมและเขาต่างนอนไม่หลับทั้งคู่

เมื่อได้กลับสู่บรรยากาศเดิมๆ ความทรงจำเหล่านั้นก็คล้ายย้อนกลับมา น้องเขื่อนตัวเล็กๆ ที่มุดอยู่กับอกของผม ซุกหน้าด้วยรอยยิ้มและร่ำร้องให้ผมจูบหน้าผากราตรีสวัสดิ์

ผมเหลือบมองไอ้เขื่อนตัวโตที่ตะแคงข้างหันมามอง ก่อนจะลอบถอนหายใจ

กาลเวลาเปลี่ยนผู้คนได้มากขนาดนี้เชียว

ผมไม่มีทางที่จะคว้าคนที่ตัวใหญ่กว่าตัวเองมากอดไว้แนบอกได้อีกแล้ว ไม่สามารถจูบลงไปบนหน้าผากขาวเนียนได้อีกแม้ว่ามันจะน่าจูบสักแค่ไหน

ไอ้คนที่เคยใช้มือลวนลามกัน ผมไม่มีทางเข้าไปทำอะไรแบบนั้นแน่

งูพิษที่ยิ้มหวานราวกับลูกแกะแบบนี้ไม่เห็นมีอะไรน่าไว้ใจสักนิด

เมื่อผมคิดได้ดังนั้นก็คว้าหมอนข้างมากั้นกลางระหว่างเรา ยอมปล่อยผ้าห่มที่มีเพียงผืนเดียวให้แขกที่ไม่ได้รับเชิญ หมุนตัวหันหลังให้เขื่อนก่อนจะปิดเปลือกตาลงทั้งๆ ที่หลอดไฟบนเพดานยังสว่างโร่

หลังจากนั้นไม่นานผมรู้สึกได้มีใครบางคนลุกขึ้นไปปิดไฟ เตียงด้านข้างยวบลงอีกครั้งเมื่อเขื่อนกลับมาล้มตัวลงนอน และดูท่าว่าเขาจะถือโอกาสเขยิบเข้ามาใกล้จนระยะห่างในคราแรกหดสั้นลง

ผมทำเป็นหลับ ทั้งๆ ที่ยังรู้สึกตัวดีทุกประการ

เขื่อนไม่ได้ทำอะไรมากกว่าย้ายตัวเองเข้ามาใกล้กว่าเดิม ไม่รู้หมอนข้างที่วางกั้นไว้จะยังอยู่ที่เดิมไหม แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น ตัวผมเองจึงคลายลมหายใจที่อึดอัดลง ปล่อยตัวเองให้ค่อยๆ ไหลเข้าสู่ห้วงนิทราทีละนิด

ในช่วงจังหวะกึ่งกลางระหว่างความจริงกับความฝัน ผมสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างสอดเข้ามาที่เอว ดึงรั้งตัวผมให้เข้าสู่ความอบอุ่น แผ่นหลังแนบชิดกับอะไรบางอย่าง พร้อมผ้าห่มที่เลื่อนมาคลุมจนถึงหน้าอก

ผมขยับตัวหนีด้วยความรำคาญ แต่อะไรบางอย่างนั้นกลับกระชับตัวผมให้แนบชิดยิ่งขึ้น พร้อมสัมผัสลูบแผ่วเบาที่เส้นผม หน้าผากโดนไอร้อนกับความนุ่มหยุ่นประทับลงมาเบาๆ

“ฝันดีนะครับ”

อากาศในห้องอาจจะเย็นเกินไป หรือเพราะผ้าห่มที่ต้องแย่งกันกับใครอีกคนบนเตียงนั้นไม่พอต่อความอบอุ่นที่ต้องการ ผมถึงได้พลิกกายหันหน้าหาไอร้อนจากบางสิ่งบางอย่างนั้น มุดหัวเข้าหากลิ่นหอมๆ จากสบู่อาบน้ำ ซุกหน้าหลบความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่ตกลงมากระทบหัวพอดี

ผมหลับสนิทในท่วงท่านั้นโดยไม่ได้เอะใจอะไร

ในความฝัน ผมรู้สึกว่ามีหมาตัวใหญ่อยู่ตัวหนึ่งกำลังกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงหน้า มันกระโจนเข้าหาผม ใช้สองขาหน้าวางแปะไว้บนหัวไหล่ ก่อนจะแลบลิ้นเลียไปทั่วทั้งบริเวณจนเปียกแฉะ โดนเฉพาะริมฝีปากที่เจ้าหมาตัวนั้นดูท่าจะติดใจเป็นอย่างยิ่ง

‘หยุด’ ผมตะโกนบอกมันในความฝัน ทั้งหันหน้าหนีซ้ายขวามันก็ยังตามมาไม่เลิก

จมูกของมันแตะๆ ดมที่พวงแก้มของผมซ้ำๆ ก่อนจะวกกลับมาเลียปากของผมเล่นอีก ผมพยายามดันหน้าของมันออก สัมผัสโดนเส้นขนที่นุ่มสลวยยิ่งกว่าผมมนุษย์ ก่อนจะเผลอไผลลูบเล่นโดยลืมไปว่าจุดประสงค์ในคราแรกคือจะผลักมันออกไปให้ห่าง

เจ้าหมาหอบหายใจแฮก แต่ก็ยังมีกำลังเหลือพอที่จะกระโดดเข้ามาปลุกปล้ำผมต่อ

ผมหัวเราะ ล้มตัวลงนอนงายโดยมีร่างของเจ้าสัตว์หน้าคนกระโจนเข้ามาทับ มันหนักเอามากๆ จนหายใจแทบไม่ออก ทั้งยังยุ่มย่ามไม่เลิก ทั้งเลียหน้าเลียหูเลียคอจนผมคิดว่าคงเปียกแฉะไปหมดทั้งตัว

‘พอแล้ว’ ผมบอกอีกครั้ง หันหน้าหันตัวหนีแต่ก็สู้น้ำหนักตัวสิ่งมีชีวิตบนอกไม่ได้

บ้าชะมัด หมาตัวเดียวผมยังผลักออกไปให้พ้นตัวไม่ได้

‘หยุดดดดด!” ผมเสียงดังแต่ไม่ได้ตะคอก ใช้มือดันปากหมาตัวโตออกไป มันหอบหายใจแฮก แลบลิ้นเลยมือของผมที่ปะอยู่บนปากของมันทันที

ผมนิ่งมอง ครุ่นคิดกับตัวเองว่าทำไมสัมผัสที่ได้มันเหมือนไม่ใช่ใบหน้าของหมา จมูกที่ควรยื่นยาวกลับเป็นเพียงแค่สันเล็กๆ ผมขมวดคิ้ว มองเจ้าหมาขนยาวที่กำลังแลบลิ้นหายใจด้วยสีหน้าฉงน ใช้ปลายนิ้วค่อยๆ เคลื่อนสัมผัสไปทั่วใบหน้า ตรงแก้มมันนิ่มๆ ลื่นๆ ไม่ได้มีขนปุกปุยดั่งเช่นภาพที่มองเห็น

บริเวณปากก็มีริมฝีปาก ผมย่นหัวตา สอดนิ้วเข้าไปแตะเขี้ยวคมของสิ่งมีชีวิตตรงหน้า ค่อยๆ สำรวจด้วยความตั้งใจ คงมีบางอย่างผิดพลาด ภาพที่ผมเห็นกับสิ่งที่สัมผัสมันคนละอย่างกันไปหมด

ผมทำท่าจะดึงนิ้วออก แต่กลับถูกความอุ่นชื้นครอบลงมา ส่วนนุ่มหยุ่นทั้งยังมีปุ่มรับรสเล็กๆ ดุนดันนิ้วชี้ของผมเล่น แรงดูด ฟันที่ขบลงมา ค่อยๆ ดึงผมกลับออกมาจากความฝันที่แปลกประหลาดมากขึ้นทุกที

หมาไม่น่าดูดนิ้วคนได้

ใช่ หมาทำแบบนั้นไม่ได้

ผมลืมตาโพลง สะดุ้งกายขึ้นมาด้วยความตกใจ

โลกเปลี่ยนไปแล้ว จากลานกว้างในทุ้งหญ้าสักแห่ง กลายเป็นห้องนอนที่ไม่คุ้นชินนัก ความมืดทำให้มองสิ่งรอบข้างได้ไม่ชัดเจน แต่เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้ามันกลับแจ่มชัดที่สุดราวกับมีไฟสปอร์ตไลท์ฉายลงมา

ใบหน้าสวยที่ควรหลับพริ้มอยู่บนเตียงกลับนั่งทับเอวของผมไว้ ริมฝีปากบางเป็นกระจับค่อยๆ ดูดกลืนนิ้วของผมเล่น ทั้งยังแลบลิ้นออกมาหยอกล้อเย้าแหย่ให้ไอความร้อนพวยพุ่งออกมาจากหน้า

แสงจันทร์จากหน้าต่างที่รูดม่านปิดไม่หมดตกกระทบเรือนร่างใต้ชุดนอนลายสติช เขื่อนเท้าแขนยันตัวเองอยู่กับอกผม เส้นไหมสีดำขลับยาวสยาย บางส่วนละลงมาที่ด้านหน้า ก่อให้เกิดภาพสวยงามน่ามอง ใบหน้าของเขายามต้องแสงจันทร์ ดูราวกับนางฟ้านางสวรรค์ลอยลงมาสถิตย์

ผมกลืนน้ำลาย จับจ้องลิ้นเล็กที่โลมเลียปลายนิ้วของผมไม่เลิกรา

“ขะ เขื่อน?” กว่าผมจะหาเสียงตัวเองเจอ ก็พบว่าเลือดลมสูบฉีดไปที่อะไรๆ หมดแล้ว

เขื่อนฉีกยิ้มบาง ยอมปล่อยนิ้วผมให้เป็นอิสระ ก่อนจะโน้มหน้าลงมาใช้สันจมูกคลอเคลียอย่างออดอ้อน คอเสื้อหย่อนลงจนเห็นแผงอกเนียนสวยราวกับจงใจ เพราะกระดุมเม็ดบนถูกปลดออกไปสามเม็ด

ผมพยายามตั้งสติ เมื่อความจริงกับความฝันกำลังถาโถมเข้าใส่จนเกิดความสับสน

เขื่อนไม่ปล่อยให้ช่วงเวลาแห่งโอกาสทองหลุดลอยไป เขาประคองหน้าผมไว้ กดริมฝีปากลงมาแล้วค่อยๆ ดูดผิวปากของผมเล่น
เส้นผมที่ตกลงมากำลังเคลียเคล้ากับแก้มของผม แพขนตาดำอยู่ห่างออกไปเพียงสามนิ้วทาบ ผมเบิกตาโต ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะเพราะยังสับสนงงงวยไม่เลิก

และสักพักเมื่อตั้งสติได้ ผมก็ออกแรงผลักร่างที่ทาบทับอยู่ด้านบนออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี

พลั่ก!

“โอ๊ย”

เขื่อนร้องเสียงหลง ร่างสูงกลิ้งลงไปจากตัว ในขณะเดียวกันผมก็คว้าผ้าห่มมาม้วนตัวเองจนมิดชิด หอบหายใจแฮกๆ อย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะชี้หน้าริมเขื่อนอย่างคาดโทษ

“มึงทำอะไร”

“เห็นมึงฝันร้าย ก็เลยเข้าไปปลอบ”

ตอแหล!

ผมขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

ฝันว่าหมาเลียปากเนี่ยนะฝันร้าย ผมรักหมาจะตาย เพราะฉะนั้นผมไม่มีทางเรียกความฝันแสนอบอุ่นนั่นว่าฝันร้ายแน่นอน ผมส่งสายตาคาดโทษไปให้เขา

“เลิกรุ่มร่ามกับกูสักทีเหอะเขื่อน” ผมบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ

เขื่อนมีสีหน้าหงอยลงไปสิบส่วน แต่เขาก็ขยับเข้ามาทิ้งน้ำหนักลงมาทาบทับผมอีกครั้ง ผมที่ไม่ยอมแพ้ก็ดิ้นรนขดขืนสุดแรง จนคนด้านบนยอมกลิ้งออกไปยังพื้นที่บนเตียงด้านข้าง แต่อ้อมแขนแกร่งก็ยังกอดเกี่ยวผมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“กี่โมงแล้ว” ผมถามลอยๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะหัวเตียงมาเปิดดู

ดึกพอสมควรแล้ว อีกสิบห้านาทีก็ตีสาม ผมหันกลับไปมองคนที่ยังนอนมองหน้ากันตาแป๋ว เขื่อนเหมือนไม่เข้าใจสายตาของผมเลยเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

“ทำไมยังไม่นอน”

“นอนไปแล้ว แต่ตื่นมาเข้าห้องน้ำ”

ผมพยักหน้า ทำเนียนๆ ดึงตัวเองออกมาจากอ้อมแขนที่คลายแรงรัดลง

“นอนได้แล้ว” ผมทำตัวเหมือนพี่คนโต ตบหัวไหล่อีกคนเบาๆ แล้วล้มตัวหันหน้าหนีอีกทาง แต่เขื่อนกลับรั้งต้นแขนผมให้หันไปทางเขา

“นานๆ ทีได้นอนกับมึง” เขื่อนชิงบอกเมื่อผมทำท่าจะด่า

“แล้ว?”

“ปกติถ้านอนด้วยกัน มึงจะกอดกู” เสียงทุ้มอ่อยพอๆ กับหางตาที่ตกลง

ผมพ่นลมหายใจเบาๆ ขยับหน้าไปสบดวงตาสีดำสนิทที่หลุบลงต่ำราวกับเด็กกระทำความผิด หัวอกหัวใจอดีตพี่ชายสั่นระริก นึกอยากลูบหลังปลอบขึ้นมาแต่ก็ข่มมันเอาไว้ก่อน

ความบราค่อนไม่เคยปราณีใคร

“ตัวใหญ่ขนาดนี้กูจะกอดยังไงหมด” ผมบอกแล้วยกนิ้วจิ้มลงบนกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ที่แขน

“งั้นให้กูกอด”

“ไม่!”

“ไผ่...”

“นอนเหอะ พรุ่งนี้กูจะออกไปซื้อของเข้าห้อง”

“ไปด้วยดิ” เขื่อนร้องขึ้นมาเสียงดัง พร้อมดวงตาเป็นประกายระยับอย่างอ้อนวอน

“ไม่มีงานเหรอ”

“มีถ่ายแบบเช้า แปบเดียว เที่ยงก็กลับแล้ว”

“...” ผมเงียบอย่างครุ่นคิด แต่เขื่อนกลับพูดแทรกขึ้นมาอย่างมัดมืดชก

“เที่ยงนะ เดี๋ยวออกไปกินข้าวที่ห้างด้วยกัน กูกลับมารับ มึงไม่มีรถนี่ กูไปด้วยจะได้ขนของง่ายๆ” เขื่อนสรุปทุกอย่างด้วยตัวเองก่อนจะตบท้ายด้วยรอยยิ้มกว้างบนหน้า

สุดท้ายผมก็ตามใจเขาอีกเช่นเคย

เป็นความวกวนย้อนแย้ง ที่ปฏิเสธมันทุกครั้ง ห้ามและตีตัวห่างทุกครั้ง แต่สุดท้ายใจก็อ่อนยวบยอมริมเขื่อนตลอดทุกทีเช่นกัน
บางทีผมอาจจะยังมองผู้ชายตัวสูงชะรูดเป็นน้องเขื่อนของผมอยู่เหมือนเดิม

เอาเถอะ จะสูงกว่า กล้ามจะใหญ่กว่าแค่ไหนก็ตาม เขื่อนก็ยังเป็นเขื่อนอยู่วันยังค่ำ บางทีผมควรพยายามทำใจรับสภาพร่างกายของอีกคนให้ได้ แล้วกลับไปเป็นพี่ไผ่ที่คอยดูแลปกป้องเจ้าเขื่อนเหมือนเดิม

หน้าสวยๆ แบบนี้ คงมีคนเข้ามาจีบกันให้ขวัก

“เขื่อน ถามหน่อยดิ”

“หืม?”

“มีคนมาจีบเยอะป่ะ”

“เอ๋?” เขื่อนร้องเสียงสูงขึ้นจมูก เบิกตาโตมองหน้าผมด้วยความตกใจ “ทำไมถึงถามเรื่องนี้”

“กูอยากรู้ หน้าอย่างมึงถ้าบอกไม่มีคนมาจีบกูไม่เชื่อ”

“ก็มี ไม่เยอะหรอก”

“กี่คน”

“...จะไปรู้เหรอไม่ได้นับ” เขื่อนอึกอัก ผมเลยขมวดคิ้วด้วยความสงสัยที่พอกพูนในใจ

“ผู้หญิงผู้ชาย?”

“ไผ่ นอนกัน กูง่วง”

“ผู้ชายแน่ๆ”

“ผู้หญิงก็มี!”

“นายแบบเหรอ?”

“...” เขื่อนเงียบลง แต่ในอกผมกลับร้อนระอุ ดึงดันจะเอาคำตอบให้ได้

“คนไหนอ่ะ อยากเห็นหน้า”

“มึงจะรู้ไปทำไมเนี่ย” เขื่อนโวยวาย หัวใจผมยิ่งเต้นระรัวอย่างไม่ยอมแพ้ ผมขยับตัวเข้าไปหา คาดคั้นเอาอย่างไม่ยอมให้บ่ายเบี่ยง

จนคนข้างๆ ถอนหายใจ ยกมือเสยผมก่อนจะยอมบอกออกมาเสียงเบา

“ที่จะไปถ่ายแบบด้วยพรุ่งนี้”

“...” ผมชะงัก

“แต่ว่ากูไม่ได้อะไรกับเขานะ” อยู่ๆ เขื่อนที่เห็นผมขมวดคิ้วก็แหวขึ้นมาเสียงดัง สองมือชูขึ้นราวกับผู้ร้ายกำลังถูกจับ สีหน้าของเขาดูร้อนรนแปลกๆ ในขณะที่ผมแค่กำลังจินตนาการว่าผู้ชายที่มาจีบเขื่อนเป็นคนแบบไหน

จะตัวสูงกว่าเขื่อนไหม เพราะมันเองก็สูงจนจะเป็นเปรตอยู่แล้ว

แต่หน้าสวยๆ แบบนี้คงไม่มีเกย์ควีนมาจีบหรอกมั้ง

ผมไล่สายตาสำรวจเครื่องหน้าของเขื่อนทีละอย่าง ตั้งแต่หน้าผากที่ไม่กว้างมากแต่ก็ไม่แคบจนเกินไป โหนกนูนสวยงาม โดยเฉพาะเวลาที่เขารวบผมหางม้าเปิดทุกสัดส่วนบนใบหน้า ดวงตาก็คมสวย แต่ก็หวานเชื่อมเพราะแพขนตายาวสีดำสนิทที่ขับให้ดูกลมโตน่ามอง จมูกรึก็โด่งธรรมชาติ ริมฝีปากกระจับบางที่ได้รับการบำรุงอย่างดีจนมีสีอมชมพูสวยแม้ไม่ได้ทาลิป

ผมถอนหายใจ นึกอยากไว้หนวดไว้เคราขึ้นมาเสียแล้ว

อีกนิดคงได้พกปืนไว้ที่บ้าน ทำตัวเป็นกำนันหวงลูกสาวแบบในหนังในละคร

“ไผ่ ไปที่สตูฯ ด้วยกันพรุ่งนี้ก็ได้นะ” น้ำเสียงร้อนรนยังคงไม่ได้ลดระดับลง เขื่อนคว้ามือผมมากุมและเขย่าเบาๆ หัวคิ้วย่นเข้าหากันแล้วพูดต่อ “ไปดูได้เลย ว่ากูไม่ได้อะไรกับเขาจริงๆ”

ผมไม่ได้เอะใจกับการชวนไปทำงานนั้น เพราะใจหนึ่งเอาแต่คิดว่าอยากเห็นหน้าคนที่มาจีบน้องเขื่อนของผม สุดท้ายเลยได้แต่พยักหน้าตอบรับไปเพราะความี้เสือกในตัวมันเร่งเร้า

คืนนั้นผมครุ่นคิดทั้งคืนจนนอนไม่หลับ ในขณะที่อีกคนบนเตียงก็ดูจะไม่ต่างกัน เขาเอาแต่มองหน้าผมในความมืด ขยับตัวเข้ามากระแซะแต่ไม่ได้โอบกอดแบบที่เจ้าตัวร้ายชอบเนียนทำ

อย่างกับคนมีความผิดติดตัว


__________________________________
Talk: มาเลทเพราะเมื่อวานเขียนไม่เสร็จ แง้ๆๆๆ
 :z3: :z3: มาแล้วค่า มาแล้วววววววววว
ขอบคุณทุกคอมเม้นและยดวิวนะคะ ฮึ้บๆๆๆๆ


มันดีย์ค่าาาาา

แต่ตอน 4 ยังแทนตัวละครผิดบางจึดนะคะ ส่วนตอน 5 ก็มีใช้สรรพนามแทนว่า นาย ด้วย เราเข้าใจจากตอนแรกๆ ว่าใช้กู-มึง เลยสะกิดๆนิดหน่อย

แต่ยังไงก็รอตอนต่อไปนะค้าาาาา

 :mew1:
รับทราบค่ะ เราจะไปแก้ไขนะคะ เขินจังดูไม่มีสติตอนเขียนเลย ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ รักกก  :กอด1:
ด้วยความสะเพร่าที่เราไม่ตรวจสอบก่อนลง เพราะอยากรีบๆ ลงให้อ่าน ฮืออ
จะเปลี่ยนใหม่แล้วค่ะ หลังจากนี้เราจะอ่านทวนก่อนรอบนึงนะคะ งื้อออ


ใครมีคำแนะนำติชมบอกได้เสมอนะคะ
ด้วยว่าเราเขียนสลับกันสองเรื่อง เรากลัวมากว่าคาแรคเตอร์เรื่องนี้จะไม่นิ่ง
เพราะ #เจ้าสกาย เรามีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนมากในหัว แต่กับ #เขื่อนคนสวย ทุกอย่างยังไม่ชัดขนาดนั้น
ปกติเราจะมีคนจริงๆ มาเป็นเรฟเรื่องนิสัย แต่ #เขื่อนคนสวย คือเราโมขึ้นมาเองทั้งหมด
แต่เราเต็มที่กับทุกงานเขียนนะคะ ถึงแม้มันจะมีข้อผิดพลาดที่เรารู้ตัวดี แต่ก็พยายามค่อยๆ ตบเข้าหากันตลอดเวลา
ใครที่อ่านแล้วรู้สึก เอ๊ะ นี่มันไม่ใช่เขื่อน ไม่ใช่ไผ่ สะกิดบอกได้ค่ะ
ตอนแรกเรากะจะพักไว้สักเรื่อง แล้วเอาให้จบเป็นเรื่องๆ ก่อน
แต่ก็อยากจะรับผิดชอบในฐานะที่ตัดสินใจเปิดเรื่องขึ้นมาแล้ว และมีคนรออ่านอยู่ จึงน้อมรับคำติชมเสมอนะคะ รักทุกคน
ติชมได้ แต่อย่าด่าแรงนะคะ ฮือออ รับไม่ไหวจริงๆ  :ling3: :ling3:

ปล. ที่ย่อตัวอักษรเพราะกลัวจะรกไป งื้อ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 6 [30-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 30-10-2018 11:28:28
แหมเริ่มมีความหัวร้อนนิดๆหวงน้องหรือหึงน้องจ๊ะไผ่ ป้าสงไสยแท้

เขื่อนเนียนเข้านะรูกความเนียนชนะทุกสิ่งข่ะเชื่อป้า :a9:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 6 [30-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-10-2018 11:34:03
เราก็ลุ้นไปกับเขาด้วย

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 6 [30-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 30-10-2018 11:42:55
มีความร้อนรนนะ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 6 [30-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 30-10-2018 12:06:19
แหม ถึงขั้นนี้แล้ว หึงแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 6 [30-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 30-10-2018 12:26:26
นังเขื่อนแผนสูง
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 6 [30-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 30-10-2018 12:39:43
เขื่อนจะร้อนรนเพื่อ...กลัวพี่มันจะเข้าใจผิดหรือ เราว่าเขื่อนคงไม่ซิงแล้วแน่ ๆ และคงจะผ่านประสบการณ์มาเยอะแน่ ๆ ถึงได้ร้อนรนซะขนาดนั้น กลัวอิพี่มันจะโกรธที่รู้หรือค่ะเขื่อนคนสวย
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 6 [30-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 30-10-2018 15:13:24
หื้มมม ร้อนตัวปะคะะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 6 [30-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-10-2018 16:51:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 6 [30-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-10-2018 22:10:37
ยังไงๆ..........   :z3: :z3: :z3:
เขื่อน พาไผ่ไปสตูเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ  :mew1:
กับเพื่อเอาไผ่เป็นไม้กันหมาปะ  :hao3:
หรือเพื่อบอกให้คนที่มาจีบเขื่อนว่าเขื่อนมีตัวจริงแล้ว  :m20: :laugh:

เขื่อน  ไผ่   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 6 [30-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-10-2018 23:41:41
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 6 [30-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 01-11-2018 00:45:55
เขื่อนเธอร้ายมากก
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 6 [30-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 01-11-2018 02:47:16
เขื่อนจ้องจะแอ้มหนักมาก5555 รอวันไผ่ใจอ่อนนน
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 6 [30-Oct-2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Josett ที่ 03-11-2018 02:21:46
เขื่อนร้อนตัวทำไมอะะะ ไปทำอะไรไม่ดีมาหรือเปล่า
ถ้าทำไผ่เสียใจนะ จะไม่ยอมให้ไผ่คุยด้วยเลยย
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 7 [3-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 03-11-2018 22:41:34
บทที่ 7



“ไผ่ ตื่นได้แล้ว” เสียงอ่อนโยนของใครสักคนดังลอดเข้ามาในห้วงความฝันที่ผมกำลังยืนท้าลมอยู่บนยอดภูเขาสูง ภาพทิวทัศน์เบื้องหน้าค่อยๆ ถูกความมืดมิดขยับเข้ากลืนจนหมด จากนั้นผมก็เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาจากความฝัน มือใหญ่จับต้นแขนของผมไว้และเขย่าเรียกเบาๆ

“อื้อ กี่โมงแล้ว” ผมยืดแขนบิดขี้เกียจ พร้อมกับบิดตัวเป็นเกลียวจนกระดูกสะโพกลั่นดังกร๊อบ

“หกโมงแล้ว ถ้าไม่รีบออกเดี๋ยวรถจะติด”

ผมพยักหน้า ยันตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินหาววอดคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป ผมใช้เวลาในนั้นแค่สิบห้านาทีก็เดินตัวเปียกพันผ้าขนหนูรอบเอวออกมา

ภายในห้องนอนไม่พบร่างของแขกไม่ได้รับเชิญอีกแล้ว ผมเลยผิวปากหวือ เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าด้วยอาการลีลาเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องรีบแต่งตัวเพราะเขื่อนคงกลับห้องตัวเองไปแล้ว ผมรื้อๆ ดูเสื้อผ้าที่ดูดีกว่าเสื้อยืดกางเกงยีนส์มาใส่ อย่างน้อยก็ติดตามนายแบบชื่อดังไปทำงาน ไม่อาจพาสารร่างเซอร์ๆ ผสมซกมกไปให้ขายขี้หน้าได้

ผมคว้าเสื้อเชิ้ตสีฟ้าลายใบไม้ออกมาสวม ด้วยเนื้อผ้าบางเบาทำให้ไม่จำเป็นต้องรีด กางเกงวันนี้ก็ใส่เป็นกางเกงผ้าสีดำ เป็นชุดที่เรียบร้อยที่สุดเท่าที่ผมจะมีในตู้ ถ้าไม่นับพวกชุดทำงานที่พับเก็บใส่ถุงพลาสติกไว้ในหลืบตู้น่ะนะ

ผมยังไม่ได้ติดกระดุมเสื้อเพราะอากาศวันนี้ร้อนจนพัดลมเอาไม่อยู่ ที่ไม่ได้เปิดแอร์เนื่องจากใช้งานมาทั้งคืนจึงควรพักมันบ้าง ผมสำรวจปลั๊กไฟและเครื่องใช้อื่นๆ ในห้องนอนว่าปิดเรียบร้อยดีไหม คว้าเอากระเป๋าคาดอกใบเล็กมาถือพร้อมยัดๆ โทรศัพท์ กุญแจห้อง กับกระเป๋าตังค์เข้าไปอย่างลวกๆ กวาดตามองรอบห้องอีกครั้งแล้วเดินเตะเท้าออกมาจากห้องนอน

คนที่ผมนึกว่ากลับห้องไปแล้วยืนอยู่ตรงโต๊ะกินข้าวขนาดเล็กที่วางชิดผนัง มีเก้าอี้ไว้สำหรับสองที่ ในมือมันกำลังทาแยมบนขนมปังสองแผ่นแล้วจัดใส่จานไว้อย่างเรียบร้อย ข้างๆ กันมีนมถั่วเหลือสองกล่องตั้งไว้

“เอามาจากไหนวะ” ผมถาม เพราะเมื่อวานผมไม่ได้ออกไปซื้อของเข้าห้องอย่างที่ตั้งใจไว้ ทำให้ไม่มีอาหารใดเลยอยู่ในคอนโดห้องนี้ แม้กระทั่งน้ำเปล่าสักขวดก็ยังไม่มี

“ห้องกู”

“มึงกลับไปเอามาจากห้อง?”

“อืม” เขื่อนพยักเพยิดให้ผมนั่งลงบนเก้าอี้ “กินเร็ว อีกสิบนาทีจะออกแล้ว”

ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลา ใกล้หกโมงครึ่งเข้าไปทุกที วันนี้เป็นวันธรรมดา ผมนึกสภาพท้องถนนในช่วงเวลาเร่งด่วนออกจึงรีบยัดทุกอย่างลงท้องด้วยความไวแสง

เมื่อเอาจานไปวางรองน้ำในซิงค์เรียบร้อยผมก็หมุนตัวกลับไปหยิบนมกล่องมาเจาะดูด คล้องกระเป๋าคาดอกไว้บนไหล่ก่อนจะพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าพร้อมแล้ว

“ไผ่”

“อะไร” ผมถามทั้งๆ ที่ยังดูดนมอยู่ เขื่อนมองสำรวจทั่วตัวผมก่อนจะขมวดคิ้วหน้าผากยับย่น “อะไรของมึง”

“ทำไมไม่ติดกระดุม”

“หืม” ผมเลิกคิ้ว ก้มลงมองตัวเอง ก็พบว่าชายเสื้อเชิตทั้งสองข้างยังปลิวไสว เผยแผงอกกับหน้าท้องแบนราบราวกับไม่ได้สวมเสื้อท่อนผม “ลืมๆ แปบ”

ผมบอกแล้วรีบดูดนมในกล่องให้หมด แต่นมถั่วเหลืองที่เขื่อนเอามาให้ก็เยอะจนท้องจะแตกอยู่แล้วก็ยังไม่ถึงก้นกล่องเสียที ผมเลยคายหลอดดูดในปากออกเพื่อจะวางมันไว้ก่อน แต่เขื่อนกลับดันมือผมไม่ให้ทำตามต้องการ ผมเลยขมวดคิ้วด้วยความฉงน

“น่าเกลียด” เขื่อนพูดแบบนั้นแล้วขยับตัวเข้ามาติดกระดุมเสื้อให้ผมแทน

“อะไรของมึง”

“คราบนมในปากมึงอ่ะน่าเกลียด”

ผมเบิกตาโต รีบใช้ลิ้นกวาดรอบโพรงปากตัวเองเพื่อจัดการคราบนมแบบที่เขื่อนบอกทันที เห็นสีหน้าเหยเกของคนตรงหน้าพร้อมกับท่าทีไม่ยอมสบตาก็ตัดสินกับตัวเองว่ามันคงทุเรศจริงๆ นั่นแหละ

แค่คิดว่ามีคราบนมสีขาวขุ่นยืดออกมาจากปากแบบเด็กๆ แต่ตัวเท่าควายแถมเป็นผู้ชายทั้งแท่ง ขนทั้งร่างของผมก็ชวนกันลุกชันในทันที

“ขอโทษ” ผมบอกอย่างสำนึกผิด ยอมปล่อยให้เขื่อนค่อยๆ ดันกระดุมสีใสเข้ารังดุมที่ละเม็ดอย่างช้าๆ

กว่าจะเสร็จก็หลายนาที ผมไม่รู้ว่าเขื่อนมันจะอ้อยอิ่งไปไหน นิ้วเย็นชืดของมันก็ขยันแตะมาโดนหน้าอกหน้าท้องของผมจนสะดุ้งโหยงไปหลายรอบจากความเย็น ผมรีบดูดนมกล่องในมือจนหมด ในขณะเดียวกันกระดุมเม็ดสุดท้ายก็ถูกกลัดเรียบร้อยแล้ว

“ขอบใจมึง” ผมบอก เดินไปโยนกล่องน้ำบุบบี้ลงถุงดำแล้วก้าวดุ่มๆ ตามหลังคนตัวสูงที่ดูเงียบลงไปอย่างน่าแปลก

เขื่อนพาผมเดินไปที่อาคารจอดรถด้านหลัง ด้วยความที่เป็นคอนโดหรูซึ่งลูกค้าล้วนเป็นคนมีชื่อเสียงและร่ำรวยเงินทอง (ซึ่งแม่กับพ่อผมช่วยกันผ่อนเลยไม่มีปัญหาเรื่องเงิน แต่ถ้าผมเป็นคนจ่ายคงไม่มีปัญญามาอยู่ที่นี่) ทำให้ด้านหลังถูกสร้างขึ้นมาเป็นอาคารจอดรถเล็กๆ ขนาดสี่ชั้น เพื่อสะดวกต่อเหล่าลูกค้าที่มีรถยนต์ส่วนตัวกันอยู่แล้วแทบทุกห้อง

รถยนต์สีดำทรงสปอร์ตเงาวับอยู่ที่จอดประจำหมายเลขห้อง ผมคุ้นตาดีเพราะเคยได้นั่งมาตั้งแต่เบาะยังไม่ลอกพลาสติกออก ผมเปิดประตูเมื่อเจ้าของปลดล็อคให้ กลิ่นน้ำหอมภายในชวนให้ย่นจมูกอยู่หน่อยๆ อาจเพราะเขื่อนเพิ่งเปลี่ยนเป็นอันใหม่กลิ่นมันเลยยังฉุนจมูกไปนิด ผมเอนหลังพิงเบาะหนังสีน้ำตาลอย่างสบายตัว รูดเข็มขัดนิรภัยมาคาดก่อนจะถือวิสาสะกดเปิดวิทยุเพื่อฟังเพลง

“ไกลป่ะ”

“แถวรามอินทรา”

“รถติดตายชัก”

“ถึงได้รีบออกไง” เขื่อนว่าแบบนั้นก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนรถออกจากซองจอด ผมมองวิวต่างๆ ผ่านกระจกด้านข้าง อีกฝั่งของถนนมีรถสัญจรมากแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาแค่หกโมงครึ่ง โชคดีที่เส้นทางของพวกเราคือย้อนออกไปนอกตัวเมือง เขื่อนจึงไม่ต้องเมื่อยขาเหยียบเบรกหยุดรถบ่อยๆ

กว่าจะมาถึงสตูดิโอที่นัดไว้ก็ราวๆ ชั่วโมงเศษ ผมกระโดดลงมาจากแคมรี่สีดำ จัดเสื้อผ้าที่ยับย่นจากการไถไปกับเบาะรถให้เรียบร้อย ก่อนจะรีบก้าวขานายแบบขายาวชะรูดที่เดินล้วงกระเป๋าเข้าไปโดยไม่รอ

“นัดคุณวัชรไว้ครับ” เขื่อนหยุดคุยกับพนักงานต้อนรับ ก่อนจะได้รับการเชื้อเชิญให้เดินตามพนักงานผู้หญิงอีกคนที่เข้ามาทำหน้าที่นำทาง

สตูดิโอนี้เป็นสถานที่ไว้สำหรับเช่าถ่ายภาพ ดูจากด้านนอกน่าจะมีประมาณห้าชั้น แบ่งออกเป็นห้องทั้งกว้างและใหญ่ตามราคา รวมถึงการตกแต่งภายในที่มีหลากหลายแนวมากๆ

ผมกวาดสายตามองด้วยความสนใจ สำหรับช่างภาพแล้ว นี่คือการเก็บข้อมูลที่ดีอย่างหนึ่ง ผมมองการตกแต่งตั้งแต่ที่เคาท์เตอร์ต้อนรับ จนเดินมาขึ้นลิฟต์และหยุดอยู่หน้าห้องๆ หนึ่งในชั้นสูงสุดด้วยดวงตาแพรวพราว และเมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วพบกับสถานที่ที่ถูกเซ็ตไฟและช่างกล้องมีชื่อเสียงคนหนึ่งในประเทศไทย หัวใจผมก็เต้นราวจะหลุดออกมาจากอก

“พี่วัชร?” ผมพึมพำชื่อผู้ชายมีอายุที่ยืนเช็คกล้องอยู่กลางห้องเบาๆ

เขื่อนหันมามองก่อนจะอมยิ้มขำ

“เป็นอะไรมึง ตาเป็นประกายเชียว”

“มึงไม่เห็นบอกว่าพี่วัชรเป็นตากล้อง” ผมหันไปมองคนด้านข้างอย่างคาดโทษ ถ้ารู้มาก่อนว่าเป็นช่างภาพคนนี้ คนที่ภพกดติดตามไอจีและแฟนเพจของเขาไว้และคอยกดไลค์อยู่ตลอด ผมคงเตรียมตัวเตรียมคำพูดที่ดีกว่านี้มาทักทายพี่เขา
ส่วนคนฟังกลับยักไหล่เหมือนนี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่

“พี่วัชรถ่ายกูออกบ่อย”

“เขื่อน!” ผมโวยวายด้วยความอิจฉา แต่ก็ต้องหยุดลงเมื่อทีมงานภายในห้องหันมาเห็นแล้วเอ่ยทักทายนายแบบหน้าสวยของเรา

“เขื่อน มานั่งรอก่อนๆ” พี่ผู้หญิงรูปร่างท้วมเล็กน้อยกวักมือเรียก ผมยกมือไหว้ในขณะที่เขื่อนเพียงแค่โบกมือทักทาย ทุกอย่างสลับกันราวกับผู้ชายข้างๆ หยิบเอาเชื้อลูกครึ่งในตัวผมออกไปจนหมด

“นี่... ผู้จัดการ?” พี่คนนั้นเดินเข้ามาหาและยิ้มทักผมอย่างสงสัย

“เพื่อนครับ” เขื่อนเป็นคนตอบ ผมยกมือสวัสดีเขาอีกรอบก่อนจะแนะนำตัวเอง

“ไผ่ครับ”

“นี่คบแต่เพื่อนหน้าตาดีเหรอริมเขื่อน”

พวกเขาหัวเราะ ในขณะที่ผมยิ้มแห้งๆ

พวกเราถูกจัดให้นั่งรอที่มุมหนึ่งของสตูฯ เพราะนายแบบอีกคนกำลังเดินทางมา มีทีมงานบางส่วนเข้ามารุมแต่งหน้าให้เขื่อนในระหว่างรอ ส่วนผมก็ลอบมองพี่วัชรที่ได้ยกมือไหว้ไปแล้วหนึ่งรอบแต่ไม่กล้าเข้าไปคุยอะไรมาก ท่วงท่าของผู้ชายวัยกลางคนที่กำลังยกมือสั่งทีมงานให้จัดแสงไฟตามต้องการดูดีไปหมด ผมยิ้มเขินๆ เมื่อรู้ตัวว่าอยู่ใกล้ไอดอลเพียงแค่เอื้อมมือ

“ออสตินมาแล้วค่ะ ทีมงาน!”

ผมหันไปทางประตูพร้อมๆ กับผู้คนในสตูดิโอทั้งหมด

เกิดความวุ่นวายเล็กๆ เมื่อทีมงานประมาณสามคนรีบจัดที่เพื่อแต่งตัวให้นายแบบคนที่สอง ผมหรี่ตาเพ่งมองคนที่ได้ชื่อว่า ‘จีบรีมเขื่อน’ ด้วยความสนใจ และเมื่อผู้ชายคนนั้นปรากฎตัว ดวงตาผมก็เบิกกว้างแทบถลนออกมาจากเบ้า

ฝรั่งร่างสูง กล้ามแขนเป็นมัดแน่นกับเส้นผมสีน้ำตาลเข้มตัดสั้นที่ถูกเซ็ทปัดข้างมาอย่างดี หนวดเคราบนหน้าเสริมให้เขาดูหล่อเหลาเป็นอย่างมาก รวมถึงดวงตาสีฟ้ากระจ่างที่ขนาดผมยังอดจ้องมันไม่วางตา

ราวกับร่างกายถูกแช่เข็ง หัวใจของผมบีบรัดอย่างประหลาด โดยเฉพาะในตอนที่ริมเขื่อนเดินออกมาจากห้องแต่งตัวในชุดแบบชาวจีนโบราณ ผมยาวสยายเต็มกลางหลังพร้อมใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มออกมาขับความงามให้โดดเด่น ร่างสูงโปร่งภายใต้ชุดรุ่ยร่ายสีขาวสะอ้านเดินเข้าไปทักทายผู้มาใหม่ด้วยความสนิทสนม

“Hi”

“Hey, Babe” คิ้วของผมกระตุก เมื่อหนุ่มฝรั่งร่างใหญ่คนนั้นยกยิ้มกว้างแล้วทักทายริมเขื่อนด้วยคำว่า Babe

เมื่อทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน ผมถึงได้รู้สึกว่าหนุ่มต่างชาติคนนั้นตัวสูงใหญ่สมชาติพันธ์ เขื่อนที่สูงกว่าผมหลายเซนต์ยังอยู่ในระดับจมูกของเขา ร่างกายก็คล้ายบอบบางลงมากเมื่อเทียบกับกล้ามเนื้อแน่นหนันและไหล่กว้างใต้เสื้อยืดสีดำรัดรูป ผมกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นข่มอารมณ์หวงน้องเล็กๆ ในอก

ตอนมัธยมเขื่อนจะคบผู้หญิงคนไหนต้องมาบอกมาให้ผมแสกนก่อนเสมอ แต่ในปัจจุบัน ความสนิทสนมที่หายไปขยายช่องว่างระหว่างเราให้มากขึ้น ผมเผลอรู้สึกไม่ดีกับความคิดตัวเองที่ว่า ชีวิตของเขื่อนไม่ได้ขึ้นอยู่กับผมอีกแล้ว เขาจะคบจะรักจะชอบใคร ผมไม่อาจเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจได้อีก

หัวใจผมเจ็บปวดกับความเหินห่างที่ตัวเองไม่เคยมองเห็นมันเลยจนกระทั่งในวันนี้ ที่ผมไม่มีสิทธิ์แม้จะโวยวายห้ามไม่ให้เขื่อนคบใคร

ผมกลายเป็นแค่คนสนิทในอดีต ที่เหลือแค่ความเป็นเพื่อนที่มอบให้แก่กัน

“ไผ่ เป็นอะไร” ใครบางคนในชุดสีขาวหมดจด ช่วงเอวคาดทับด้วยผ้าขลับด้ายทองเป็นรูปกระเรียนกางปีนบิน เส้นผมถูกเสยขึ้นโชว์หน้าผากทว่าก็ปล่อยสยายเต็มแผ่นหลัง เป็นริมเขื่อนที่ไม่รู้มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาแตะมือลงบนบ่าของผมอย่างเป็นห่วง

ผมกลืนน้ำลายลงคอ เงยหน้ามองเพื่อนหน้าสวยแล้วยิ้มให้แทนคำตอบ

“คนเมื่อกี้ ที่จีบมึง?”

เขื่อนยิ้มแหยๆ ก่อนตอบ “อืม”

“คุยๆ กันอยู่เหรอ”

“เปล่านะ!” เขื่อนรีบตอบเสียงดังอย่างลนลาน

“กูเห็นสนิทกัน”

“ไม่ใช่นะไผ่ ถ่ายแบบด้วยกันบ่อยเฉยๆ”

ผมหัวเราะท่าทางร้อนรนจนเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้า โบกมือไล่คนที่แต่งตัวเสร็จแล้วไปรอเข้าฉาก เพราะออสตินก็เพิ่งเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อเมื่อสักครู่

ทหารอเมริกากับหนุ่มงามเมืองจีน

ผมมองเข้าไปในฉากที่เป็นเพียงโซฟาสไตล์เก่าๆ ด้านหลังเป็นฉากไม้โดยมีภาพวาดภูเขาและน้ำทะเลแขวนอยู่ เขื่อนในวันนี้นับว่าเป็นชายงามล้ำ หากเขาเกิดในยุคสมัยโบราณจริงๆ ก็คงนับว่าเป็นหนึ่งไม่มีสอง ใบหน้าสวยถูกปรับให้นิ่งเฉยและเย็นชา ในมือมีพัดน้ำงามโบกเบาๆ

ร่างสูงใหญ่ของชายชาติทหารก้าวเข้ามาโดยมีปืนกลเบาปลอมในมือ ออสตินไม่ได้สวมหมวกจึงสามารถมองเห็นดวงตาสีอ่อนน่าหลงใหลของเขาได้อย่างชัดเจน

ผมมองความแตกต่างที่ลงตัวอย่างประหลาดด้วยอารมณ์ที่แตกต่างจากตอนแรก แม้จอภาพจะคอยฉายรูปที่คุณวัชรถ่ายโชว์เรื่อยๆ แต่ผมกลับมองมันโดยไม่ตื่นเต้นอีกแล้ว

อะไรกันความรู้สึกนี้

ไอ้ความรู้สึกหวงแต่ทำอะไรไม่ได้นี่คืออะไรกันนะ

ผมต้องยอมรับให้ได้ว่า ริมเขื่อนโตแล้วและไม่ใช่น้องตัวเล็กๆ ของผมอีกต่อไป ต่อให้ตอนนี้ผู้ชายสองคนในฉากจะใกล้ชิดกันเกินพอดี แขนแกร่งสอดโอบเอวของเขื่อนแล้วกระชับให้ร่างทั้งสองแนบสนิทกัน ใบหน้าของพวกเขาหันไปมองสบตา พร้อมฝรั่งร่างยักษ์ที่โน้มหน้าเข้าใกล้พร้อมหลับตาพริ้ม เคลิบเคลิ้มกับกลิ่นหอมจากกายผู้ชายในอ้อมแขน

เพราะเป็นถ่ายแบบโฆษณาน้ำหอมชื่อดังที่มีคอนเซปต์ว่าเข้าได้กับทุกเพศทุกเชื้อชาติ จึงเน้นที่ความแตกต่างของนายแบบและท่วงท่า เมื่อได้สูดดมแม้คนตรงหน้าจะเป็นชายก็ย่อมสยบต่อความยั่วยวนน่าหลงใหลของน้ำหอมกลิ่นนี้

ผมมองความใกล้ชิดของพวกเขาทั้งสองคน

มองใบหน้าที่โน้มเข้าหากันเรื่อยๆ มองริมเขื่อนที่ยังคงตีหน้าเย็นชาแต่พยายามผลักหน้าอกของอีกฝ่ายให้ออกห่าง มองการรุกรานที่ไม่ค่อยจะแนบเนียนเท่าไหร่แต่ก็ไม่มีทีมงานคนไหนเอ่ยคัดค้าน เท่านั้นยังไม่พอ ผู้หญิงหลายคนยังแอบเก็บภาพแล้วคุยกันด้วยความระริกระรี้

ผมพ่นลมหายใจอีกครั้งด้วยความจนใจต่อความรู้สึกหวงน้องของตัวเอง

กว่าจะเสร็จเซ็ตแรก ผมก็คล้ายจะขาดอากาศหายใจตาย เขื่อนรีบผลักร่างของคู่นายแบบออกจากตัว ก่อนจะก้าวยาวๆ มาหาผมจนแทบจะวิ่งอยู่รอมร่อ

“ไผ่!”

“อะไรของมึง”

“มันไม่มีอะไรจริงๆ นะ”

“กูว่าอะไรยัง” ผมถามยียวน “ไม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเหรอ”

“ใส่ชุดเดิม เขาจะเปลี่ยนฉากเฉยๆ”

ผมพยักหน้า มองเลยร่างสูงโปร่งของเพื่อนตัวเองไปด้านหลัง ออสตินกำลังเดินยิ้มเข้ามาหา เขาสบตากับผมก่อนจะผงกหัวทักทายเล็กๆ

“เขื่อน” สำเนียงไม่ชัดจนแทบฟังไม่ค่อยออกว่าเรียกชื่อเขื่อน แต่คนตรงหน้าผมก็ยังหันไปราวกับคุ้นชิน เขื่อนขยับตัวเข้ามายืนข้างๆ ผม เบียดจนงงว่าเป็นอะไรของมัน

“นี่ใคร” ออสตินถามด้วยภาษาอังกฤษ ผมที่ไม่ได้มีปัญหากับภาษาบ้านเกิดของแม่ก็เลยโพล่งแนะนำตัวออกไปอย่างเป็นมิตร แม้จริงๆ อยากจะเกรี้ยวกราดแล้วบอกว่าอย่ามายุ่งกับน้องเขื่อนของผมนะใจจะขาด

“ไผ่ครับ เป็นเพื่อนของเขื่อน”

ริมเขื่อนอ้าปากพะงาบๆ เหมือนอยากแย้งอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา

“ผมออสติน” เขาบอกพร้อมยื่นมือมาหมายจะจับทักทาย

ผมตอบรับด้วยการยื่นมือกลับไป เขย่าสองสามทีก่อนจะรีบชักกลับมาเก็บไว้บนตัก ออสตินเลิกสนใจผมในทันที เขาหันกลับไปมองหน้าคนสวยที่ยืนตัวบิดไปมาอย่างอยู่ไม่สุข

“ตอนเที่ยงไปทางข้าวด้วยกันไหมครับ” ออสตินถามเสียงนุ่ม

“ไม่สะดวกครับ ผมมากับไผ่” เขื่อนก็ปฏิเสธอย่างว่องไวเช่นกัน

ผมไม่สอดเข้าไปบอกว่าไม่เป็นไร มึงไปได้แน่นอน

ไอ้ความหวงน้อง สายเลือดบราค่อนในตัวมันถ่วงปากผมอยู่

“ชวนเพื่อนของคุณไปด้วยก็ได้”

เขื่อนมองผม ก่อนจะขยับตัวเข้าไปกระซิบบางอย่างใกล้ๆ คู่สนทนา

ออสตินหันมามองหน้าผมแล้วขมวดคิ้ว เขาชี้นิ้วมาพลางร้องถามเสียงดัง

“เขาเหรอ!?”

“ครับ หวังว่าจะเข้าใจ” เขื่อนตอบ แต่ออสตินกลับยักไหล่

“แต่ผมก็ยังมีสิทธิ์นะ”

ผมมองริมฝีปากกระจับบางที่บดเข้าหากันอย่างอึดอัดใจ เขื่อนดูเหมือนคนพยายามระงับโทสะแล้วฉีกยิ้มฝืดๆ ออกมา เขานั่งลงเบียดผมอีกครั้ง ยื่นแขนมาโอบไหล่กันก่อนจะกระชากตัวผมเข้าไปแสดงความสนิทชิดเชื้อ

“ผมว่าคุณไม่มี”

“...?” ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้เท่าไหร่ แต่แค่เขื่อนปฏิเสธอีกฝ่ายอย่างจริงใจ หัวใจเหี่ยวแห้งของผมก็คล้ายกับได้รับการรดน้ำชุ่มฉ่ำ

ผมยังเป็นคนสำคัญของริมเขื่อนอยู่สินะ

คิ้วที่ขมวดเป็นปมแน่นของผมค่อยๆ คลายออก ก่อนที่อารมณ์จะเบิกบานขึ้นมาเล็กน้อย

“นายแบบเข้าประจำที่ด้วยค่ะ”

เสียงเรียกของทีมงานทำให้บทสนทนาถูกตัดจบลง เขื่อนกับออสตินต้องเดินเคียงกันไปเข้าฉากที่ถูกเซ็ทให้เป็นผ้าม่านโปร่งแสงสีแดง ด้านหลังมีประตูกระจกที่วางภาพทิวทัศน์จากตึกสูงไว้ด้านหลัง ริมเขื่อนถูกขยับสาบเสื้อให้ย่นลงมาจนเผยแผงอกขาว เสื้อผ้าดูหลุดรุ่ยกว่าเดิม เซ็กส์แอพพีลของเขาก็ยิ่งสาดโครมออกมาจนหัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ

ร่างสูงโปร่งยืนอยู่ตรงหน้าต่าง เอียงข้างทอดสายตามองวิวด้านนอก ในมือมีขวดน้ำหอมถือเอาไว้ ในขณะที่ออสตินอยู่ที่ฝั่งของเฟรม ซึ่งถูกจัดให้ดูเหมือนคนละห้อง มีแผ่นไม้กั้นไว้ตรงกลาง หนุ่มฝรั่งถอดเครื่องแบบด้านบนออกจนเหลือเพียงเสื้อกล้ามสีขาวด้านใน นั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้นวมสีน้ำตาลอ่อน เหม่อมองออกไปราวยังคิดถึงกลิ่นหอมที่เคยได้ดอมดมไม่เลิกรา

จากนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อชัตเตอร์ลั่นไปนับสิบ ริมเขื่อนยังยืนอยู่ที่เดิม ในขณะที่คนตัวสูงใหญ่เดินเข้าไปร่วมในฉากเดียวกัน ยืนเคียงข้างด้วยรอยยิ้มกว้าง ในขณะที่คนเย็นชาก็ยังแสดงอารมณ์ออกมาได้เป็นอย่างดี

ยั่วยวนแต่ก็ไกลเกินเอื้อม

นิยามของเขื่อนในสายตาผมเป็นเช่นนั้น

คล้ายจะเชื้อเชิญ แต่ก็ผลักไสให้ออกห่าง

ราวกับราชินีผู้สูงศักดิ์ที่ออสตินเป็นได้เพียงทหารรับใช้ที่สมควรนั่งก้มหน้าอยู่แทบฝ่าเท้า

ผมมองดวงตาคมสวยที่ปรายตามองคนร่วมเฟรมอย่างเย็นชา มือก็พรมน้ำหอมลงบนต้นคอพร้อมเชิดหน้าขึ้นโชว์เรียวคอระหงส์ เสื้อผ้าที่รุ่มร่ามของเขาปกปิดกล้ามแขนแน่นอย่างคนชอบต่อยมวยได้เป็นอย่างดี เขื่อนดูราวกับภาพวาดหนุ่มงามในตำนาน ผู้ที่สามารถล่มเมืองได้เพียงรอยยิ้มเดียว

“เปลี่ยนท่าครับ” พี่วัชรตะโกนบอก ทีมงานรีบเข้าไปบรีฟท่าที่ต้องการ ผมเห็นริมเขื่อนสายหน้า ต่างจากออสตินที่ยิ้มกว้างตาพราว

“ใช้มุมกล้องช่วยนะคะ ไม่ต้องห่วง”

เขื่อนถอนหายใจยาวเหยียด แอบเหลือบตามามองผมอย่างกังวลใจ

ผมยิ้มให้ แม้จะไม่รู้ว่าสายตาราวหมาน้อยที่เพิ่งพังห้องมานั้นคืออะไรก็ตา

พวกเขาทั้งสองคนขยับไปนั่งบนโซฟาที่อยู่อีกฝั่งของไม้กั้น ออสตินทิ้งตัวลงบนที่วางแขน ในขณะที่เจ้าบงใบหน้างดงามนั่งลงบนโซฟาในระยะที่ไม่ไกลกันนัก

ริมเขื่อนถอนหายใจอีกครั้ง แต่เมื่อพี่วัชรให้สัญญาณว่าจะถ่ายแล้ว เขาก็ปรับอารมณ์ตัวเองกลับมาอย่างว่องไว เขื่อนเงยหน้ามองคนที่นั่งสูงกว่า ที่ข้างตัวมีขวดน้ำหอมจัดวางไว้อย่างสวยงาม ส่วนออสตินก็ยื่นมือมาเชยคางสวยของอีกคนไว้ โน้มหน้าเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าหลงใหลคลั่งใคล้

ผมกลืนน้ำลายเมื่อจมูกของพวกเขาชนกัน

“เฮ้ย” และก็เผลอร้องลั่นเสียงดัง เมื่อริมฝีปากของทั้งสองฝ่าย... ประกบกัน!


____________________
Talk: มาดึกมากๆ เลยค่ะ แง้
พอดีวันนี้วันเกิดเรา เลยออกไปฉลองกับครอบครัวมา กว่าจะได้กลับมาปั่นก็ดึกแล้ว

เอาแล้วๆๆๆๆ เขื่อนคนสวยของเรา จะตกไปเป็นเมียชาวบ้านไหม มาลุ้นกัน!
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 7 [3-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: snoopyme ที่ 03-11-2018 23:03:03
สุขสันต์วันเกิดนะจ้ะคนเขียน นิยายสนุกมาก ติดตามและเป็นกำลังใจให้จ้ะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 7 [3-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-11-2018 23:07:15
หึงก้อรับเหอะไผ่ หวงน้องไว้กอดคนเดียวล่ะสิ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 7 [3-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-11-2018 23:27:35
 :z3:


วีนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 7 [3-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 04-11-2018 00:53:52
ไผ่หวงแรงมากกก งุ้ยยย
เขื่อนรน5555
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 7 [3-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 04-11-2018 01:59:26
มารอ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 7 [3-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-11-2018 02:11:33
 :a5:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 7 [3-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 04-11-2018 06:27:16
ม่ายยยย น้องเขื่อนของแม่
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 7 [3-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 04-11-2018 09:02:26
พีไผ่อกแตกตายแน่ๆ 55555

HBD. ค่ะไรท์
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 7 [3-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 04-11-2018 13:44:09
เฮ้ยยยยยย!!! ม่ายยนะ เขื่อนลูกกก อย่าไปเป็นเมียใครนะ ยังไม่ได้แอ้มน้องไผ่เลย ฮือออ

ปล. สุขสันต์วันเกิดนะค้าาา ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้มาให้เราได้อ่านกันนะคะ จะรอติดตามเรื่อยๆค่าาาา

       ขอบคุณที่ยอมรับคความเห็นของเราน้าาาา เนื้อเรื่องน่ารักมากๆค่ะ

 :bye2:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 7 [3-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Josett ที่ 04-11-2018 16:43:24
จริงๆเราควรหวงเขื่อนใช่ม้ะ ทำไมนี้หวงไผ่ฟ้ะะ แงงงงง ชอบนายเอกแบบไผ่อะดูมึนๆดี555555
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 7 [3-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-11-2018 18:47:50
ยีงไงก็ เขื่อน  ไผ่   :impress2:

เขื่อน  ไผ่   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 7 [3-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 04-11-2018 22:16:11
เฮ้ย!! ด้วยคน ไผ่มีหวังได้เข้าไปหาเรื่องออสตินแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 7 [3-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 05-11-2018 07:53:41
นังออสติน!!!!!!  :z6:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 7 [3-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 05-11-2018 12:23:38
ชอบแนวเมะหน้าสวย
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 7 [3-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 08-11-2018 12:46:05
ขอเวลาเพิ่มอีก 2-3 วันค่า
อาทิตย์นี้ปั่นโปรเจคใจจะขาด เพราะอาทิตย์หน้าต้องส่งแล้ว

 :hao5: :hao5: :hao5: พอเครียดงานแล้วเราเขียนไม่ออกสักประโยค
จะรีบปรับอารมณ์แล้วมาลงต่อโดยไว!!  :sad4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 7 [3-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 09-11-2018 21:01:57
สู้ๆค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 8 [13-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 13-11-2018 17:19:34
บทที่ 8



เขื่อนโดนบดขยี้ริมฝีปากจนเขาต้องยอมหลุดจากบทแล้วใช้กล้ามแขนแน่นๆ ผลักคนตัวใหญ่กว่าออกไป เขื่อนใช้หลังมือปาดลงเช็ดคราบน้ำลายออก จับจ้องไปยังอีกคนด้วยสายตาไม่พอใจ

“Don’t touch me!” ดูท่าคนสวยจะหัวเสียเกินกว่าจะคุมอารมณ์ได้อีกแล้ว

ทีมงานตกอยู่ในความวุ่นวาย รีบวิ่งเข้าไปห้ามทัพและประนีประนอมอารมณ์ของนายแบบ ออสตินสอดมือเข้ากระเป๋ากางเกง แลบลิ้นเลียรอบริมฝีปากก่อนจะครางออกมาเสียงต่ำ

“Your lips… so sweet”

ผึ่ง!

คราวนี้ดูท่าจะเป็นผมที่หงุดหงิดเสียเอง

ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินดุ่มๆ ไปตรงกลางระหว่างนายแบบทั้งสองคน ส่วนสูงทำให้ต้องเงยหน้าเพื่อจ้องตาฝรั่งตัวใหญ่ที่ยังเย้าแหย่ริมเขื่อนไม่เลิก น่าเสียดาย ที่ถึงแม้ขนาดตัวผมจะใหญ่เกือบเท่าเพื่อน แต่นั่นก็ไม่พอที่จะยืนบังริมเขื่อนเอาไว้ได้มิดเหมือนเมื่อก่อน

“What did you do?” ผมถาม พยายามใจเย็นที่สุดแล้ว แต่มือกลับกำหมัดแน่นจนคนริมเขื่อนที่หัวร้อนอยู่ข้างหลังต้องขยับมาแตะไหล่ผมไว้ ดูท่าเขาจะอารมณ์เย็นลงแล้ว

แต่ไม่ใช่กับผม

ตัวโตเป็นหมีควายขนาดนี้แล้วยังโดนรังแกเหมือนเดิมเลยรึไงเนี่ย

“Relax bro”

“Don’t do it again” ผมปรามเขาเล็กน้อย เพราะมือหนาบนบ่าบีบเบาๆ ให้พอได้แล้ว ผมถอนหายใจ ยอมถอยเท้าลงมาหนึ่งเก้า และให้ริมเขื่อนเป็นคนขยับขึ้นมาเคลียร์

เรื่องจบลงอย่างง่ายๆ เมื่อทีมงานเข้ามาขอโทษขอโพยแล้วคุยกับออสตินให้ ทางพี่วัชรเองก็ดูหงุดหงิดไม่น้อยที่นายแบบนอกบท สินค้าไม่ได้ต้องการฉากจูบจริงๆ แบบนั้น เขาแค่อยากได้ซีนมุมกล้องเพื่อความน่าค้นหาแล้วปล่อยให้คนดูไปคิดต่อเอาเอง
ผมพ่นหายใจ เดินกลับไปที่เก้าอี้ตัวเดิมก่อนจะขอโทษคนอื่นไปด้วยระหว่างทาง นั่งรอเขื่อนกับออสตินเข้าฉากเพื่อถ่ายแก้ช็อตเมื่อสักครู่ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

เขื่อนก็เข้าวงการมานาน ไม่รู้ว่าที่ชอบไปต่อยมวยจนตัวล่ำขนาดนี้เพราะเจอเสือสิงกระทิงแรดมาเยอะรึเปล่า

นึกแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้เลย เฮ้อ





กว่าเขื่อนจะเสร็จงานก็เลทไปครึ่งชั่วโมง พวกเราเก็บของและบอกลาพี่ๆ ทุกคนในสตูฯ จนครบ ผมได้มีโอกาสคุยกับพี่วัชรอยู่นิดหน่อยพอให้กระชุ่มกระชวย ส่วนออสตินนั้นผมเลือกที่จะบอกลาแบบผิวเผิน ในขณะที่ริมเขื่อนเมินไปเลยแบบง่ายๆ

เมื่อต่างคนต่างเข้ามานั่งในรถเรียบร้อย ก็เป็นผมที่เปิดบทสนทนาขึ้นมาก่อน

“มึงเจอแบบนี้ตลอดเลย?”

“เปล่าหรอก นี่ครั้งแรก”

“ใช่เหรอ?”

“ครั้งแรกที่โดนหนักขนาดนี้อ่ะ” เขื่อนบอกแล้วหันมายิ้มแห้งๆ ให้

ส่วนผมนี่คิ้วกระตุกจึกๆ เลย

“มันทำอะไรมึงบ้าง” ผมถามด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้กระชากเสียงหรืออะไร

“ก็เนียนกอดบ้าง โอบบ้าง” สายตาของคนตรงหน้าดูอ่อนลงเหมือนกำลังออดอ้อน “แต่ก็แค่เวลางานที่เลี่ยงไม่ได้นะ นอกรอบไม่มีเลยนะไผ่”

“ร้อนตัว กูไม่ได้จะไปต่อยใครซะหน่อย โตแล้ว” ผมขำกับท่าทีร้อนรนของเขื่อน ความงุ่นง่านในใจถูกชะล้างไปอย่างง่ายดาย “แต่ถ้ากูตัวใหญ่กว่านี้ เมื่อกี้นี่ฟาดไปแล้ว”

“โห เก่ง”

“เออดิ รังแกได้ไง กูปกป้องมาตั้งนาน”

“ปกป้องอะไรทิ้งกูไปห้าหกปี”

“...”

เงียบเลยครับ

เหมือนความผิดบาปมันพุ่งกระแทกอก

“เฮ้ยไผ่ ไม่ร้องไห้ดิ”

ไร้สาระ ผมไม่ได้ร้องไห้!

ผมพุ่งศีรษะไปชนต้นแขนของเขื่อนอย่างแรง ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องแล้วบอกให้ออกรถได้แล้ว กะเพราะน้อยๆ ส่งเสียงร้องโครกครากดังกว่าฟ้าร้องตอนฝนตกเสียอีก

พวกเราแวะห้างใกล้ๆ แถวนี้ โชคดีที่วันธรรมดาคนจึงไม่เยอะมาก ร้านอาหารจึงสามารถเดินเข้าไปนั่งได้เลยโดยไม่ต้องรอคิว แต่เสียใจ ผมมันคนจน เลยต้องลากนายแบบชื่อดังมากินอาหารที่ฟูดคอร์ทชั้นบนสุดข้างๆ โรงหนัง

“วันนี้เดี๋ยวกูเลี้ยง” ผมยื่นบัตรค่าอาหารที่มีเงินอยู่ร้อยนึงในนั้นให้คนตัวสูงข้างๆ

“ซึ้งใจร้องไห้แล้วเนี่ย” ความกวนตีนของเขื่อนไม่เคยจบเคยสิ้น มันยิ้มหวานแล้วโค้งตัวรับบัตรในมือผมไปแบบเล่นใหญ่ คนที่มองอยู่แล้วเพราะหน้าตาของเขื่อนยิ่งมองหนักเข้าไปใหญ่

ผมกับเขื่อนแยกกันไปซื้อข้าวก่อนจะถือถาดมาเดินหาที่นั่ง แม้คนจะน้อยแต่ก็เป็นตอนเที่ยง ทำให้บริเวณที่นั่งใกล้ๆ ถูกจับจองไปจนหมด ผมต้องมุดตัวเข้ามาในหลืบ ฝ่าฝูงชนและบรรดาเก้าอี้มากมายเพื่อจับจองโต๊ะตัวหนึ่งมุมในสุด

“เดี๋ยวจะไปซื้ออะไรบ้าง” เขื่อนถามขึ้นมาเมื่อเราหย่อนก้นลงเก้าอี้เรียบร้อย

“พวกตะกร้าผ้า ของใช้บลาๆ เออ กางเกงในด้วย” ผมไล่ลิสต์รายการในหัว จริงๆ มีของจิปาถะเยอะแยะเต็มไปหมด บางอย่างผมก็ต้องทิ้งแล้วซื้อใหม่ โดยเฉพาะพวกอันเดอร์แวร์ที่โดนคุณแด๊ดจับโยนลงถุงดำเนื่องจากมันย้วยจนน่าเกลียด “เดี๋ยวว่าจะซื้อโต๊ะทำงานด้วย”

“มาอยู่กับกูไหม จะได้ไม่ต้องซื้อของเยอะ”

“หืม” ผมเงยหน้าจากชามก๋วยเตี๋ยว เบิกตากว้างมองข้อเสนอนั้นอย่างตกใจ “จะบ้าเหรอ”

“เงินเก็บมึงพอเหรอ มึงบอกว่างานไม่ค่อยมี”

“ก็เริ่มมีบ้างแล้ว” ผมตอบเสียงอ่อย

ถ้าเปิดเข้าแอพธนาคารตอนนี้ก็จะพบถึงความแห้งแล้งจนน่าสงสาร ผมเพิ่งเริ่มมีงานได้ไม่นานเท่าไหร่ แต่ของแบบนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป ค่าจ้างผมต่อครั้งไม่ได้หลายหลักเหมือนเด็กชายเขื่อนผู้มีเบ้าหน้าฟ้าประทานนี่

“ปล่อยห้องให้คนอื่นเช่าไง ได้เงินมาใช้ต่อเดือนก็หลายหมื่นอยู่นะ”

“...” หูผมดันกางด้วยความสนใจ เมื่อพูดถึงเงินหลักหมื่นขึ้นมา

“เนี่ย เพื่อนของเพื่อนกูเขาก็หาคอนโดอยู่ ถ้ามึงสนใจกูคุยให้ จะได้ไม่ต้องเสียค่านายหน้า” เขื่อนเสนอขายของราวกับกำลังขายตรง ส่วนผมตาวาววับ วางตะเกียบลงทันที

เกิดที่ไทย โตที่ไทย คีบตะเกียบเป็นครับเพราะแม่ผมชอบกินก๋วยเตี๋ยว

“ปกติคอนโดเขาปล่อยเช่าเท่าไหร่อ่ะ” ผมถาม

“อยู่ที่ทำเล ถ้าที่ที่เราอยู่ เผลอๆ เกินครึ่งแสนถ้าให้ต่างชาติเช่า”

ผมกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก อยากต่อสายหาแม่เลยว่าแม่ผ่อนคอนโดเดือนละเท่าไหร่ ทำไมค่าเช่าถึงสูงขนาดนี้ แต่จริงๆ ผมก็พอรู้อยู่แล้วว่าคอนโดหรูใจกลางเมืองแถมติดรถไฟฟ้า คงไม่ใช่ล้านสองล้านอ่ะ

“แต่ว่า...” ผมก็ยังลังเลนิดหน่อย

ใจนึงคือไปแล้ว เก็บของย้ายไปนอนกับเขื่อนแล้วแบมือรอรับเงินค่าเช่าเรียบร้อย

ส่วนอีกใจนึงก็ยังเกรงใจ รู้จักกันมาแต่เด็กก็จริง แต่เราก็หายไปจากกันหลายปีอยู่

“แต่อะไร”

“เกรงใจมึง เดี๋ยวไปเป็นภาระ”

“เดี๋ยวนี้มีคำว่าเกรงใจในพจนานุกรมมึงแล้วเหรอ”

โอโห ผมนี่ลุกเลย

โตแต่ตัวได้ไหม ไอ้ความกวนตีนนี่อย่าโตตามเลย เมื่อก่อนที่หัวอ่อนๆ ไผ่ยังงั้นไผ่ยังงี้น่ารักจะตาย แล้วดูเดี๋ยวนี้ดิ!

“ไม่ต้องเกรงใจ ตอนแรกกูก็บอกคุณน้ากับคุณอาว่าให้มึงมาอยู่ด้วยกันได้ ห้องตั้งกว้าง แต่เขากลัวมึงงอแงเลยซื้อห้องให้แทน”

“งอแง? ดูใช้ศัพท์” ผมเบ้ปากบ่น “ถ้ากูไปอยู่ด้วยนี่ได้จริงเหรอวะ”

เงินตั้งครึ่งแสนนะ

แถมห้องก็ไม่ได้หายไปไหนด้วย

ผมที่กระเป๋าแห้งเกิดความโลภขึ้นมาในจิตใจ

“ได้ดิ กูอยู่คนเดียว เหงาจะตาย” เขื่อนส่งยิ้มตาหยีมาให้ “เดี๋ยวกูถามเพื่อนให้ก่อนเรื่องคนเช่า แล้วเดี๋ยวค่อยว่ากันก็ได้นะ”

“เอางั้นก็ได้” ผมพยักหน้ารับ ได้ต่อเวลาตัดสินใจ

แต่จริงๆ ก็เอนไปทางข้อเสนอนั้นครึ่งตัวแล้ว

เลนส์ตัวใหม่ที่เปิดเข้าเว็บไปเช็คดูบ่อยๆ แต่ไม่กล้าซื้อถึงกับสั่นเลยทีเดียว





ผมแวะซื้อพวกอาหารคาวหวานมาใส่ตู้เย็น รวมถึงน้ำเปล่าสองแพ็ก กับพวกของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นต่างๆ ไม่ได้หยิบอะไรที่มากกว่านั้นเพราะเขื่อนห้ามเอาไว้ด้วยเหตุผลว่าอาจจะได้ย้ายห้องมาอยู่ด้วยกัน

ผมกับเพื่อนตัวสูงช่วยกันขนข้าวของลงจากรถแล้วแบกขึ้นไปบนห้อง ยัดๆ มันเก็บเข้าที่แบบลวกๆ ก่อนที่จะแยกย้ายมานอนกดโทรศัพท์เล่นบนเตียงคนละมุม

ริมเขื่อนไม่ยอมกลับห้องตัวเอง อ้างว่าจะคุยเรื่องคนเช่าให้ เผื่อผมอยากสอบถามอะไรจะได้ถามได้เลย

ผมปล่อยให้เพื่อนจิ้มมือถืออย่างเมามัน ในขณะที่ตัวเองก็โพสรูปของเขื่อนที่ถ่ายวันนั้นลงเว็บไซต์ พูดคุยกับคนที่เข้ามาสอบถามก่อจะปิดดีลด้วยการโอนเงินค่ามัดจำและนัดแนะเวลา

“ไผ่”

“ว่า?”

“คนนี้เขาบอกว่าสนใจเช่าห้อง” เขื่อนยื่นหน้าจอมือถือมาให้ดู เป็นผู้ชายชาวต่างชาตวัยทำงาน ดูแล้วมีสง่าราศีของความรวยจับอยู่ทั่วตัว “จะทำสัญญาเช่าสองปีเพราะเขาย้ายมาประจำบริษัทลูกที่ไทย”

ผมมองรูปนั้นแล้วพยักหน้า

“เพื่อนของเพื่อนมึงแก่เนอะ” ผมบอกอย่างนั้นเพราะคนในรูปก็ดูแล้วอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบ

“ลูกพี่ลูกน้องเว้ย เพื่อนคนนั้นเขาได้ห้องแล้ว”

“อ๋อ” ผมพยักหน้า “แล้วเขาให้ค่าเช่าเท่าไหร่วะ”

“หกหมื่น”

“ห๊ะ!”

“จริงๆ กูเสนอไปเจ็ดหมื่นห้าด้วย มึงโอเคไหม”

“ห๊ะ!!”

ผมช็อคตาตั้ง ตอบอะไรไม่ถูกนอกจากอ้าปากค้างใส่

เขื่อนหัวเราะ ยัดนิ้วเข้ามาในปากผมสามนิ้วถ้วนจนผมต้องกระเด้งตัวหนี

“ไอ้เขื่อน!”

“มึงตกลงไหม เร็ว กูจะได้ตอบ”

“เออๆ ตอบเลย” ผมชะโงกหัวเข้าไปดูจอสนทนาของเขื่อนด้วยความสนใจ อ่านข้อความสักพักด้วยใจที่เต้นตึกตัก ตอนแรกก็คิดว่าคงได้สักหมื่นสองหมื่นเพราะเวลาเช่าหอพักข้างนอกมันก็แค่ห้าหกพันเอง

“เดี๋ยวอาทิตย์หน้าเขาจะเข้ามาทำสัญญา มึงก็ไปศึกษามาแล้วกัน”

“ได้!” ผมรับคำเสียงใส “คุณเขื่อนต้องการอะไรเพิ่มอีกไหม หิวรึเปล่าผมจะไปสั่งอาหารมาให้ หรือปวดเมื่อยเนื้อตัวบ้างไหมครับ ผมนวดให้ได้นะ”

ด้วยความที่อารมณ์ดี ผมเลยทำมือขยุกขยิกเหมือนกำลังนวดไหล่หยอกล้อริมเขื่อนให้ได้หัวเราะ แต่คนหน้าสวยกลับยักไหล่แล้วส่งยิ้มมาให้เฉยๆ

อะไรว้า

ผมอุตส่าห์แฮปปี้ หลังจากมีเรื่องเครียดอยู่ในหัวมาเป็นสัปดาห์ จะช่วยเล่นด้วยหน่อยก็ไม่ได้

“ทำอย่างอื่นดีกว่าไผ่”

“ทำอะไร”

ผมมองหน้าที่อยู่ๆ ก็ฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมา

เขื่อนตบพื้นที่ข้างตัวแล้วเหยียดแขนออกเป็นเชิงให้ผมทิ้งตัวนอนตรงนั้น

“มาหาป๋าสิคะอิหนู”

“ไอ้สัส” ผมเตะป๊าบเข้าที่ก้นของริมเขื่อน แต่สุดท้ายก็ยอมทิ้งตัวลงนอนข้างๆ มัน “กูไปอยู่กับมึงได้แน่ๆ นะ”

“เออดิ อยากให้มาอยู่ด้วยจะตาย”

“เป็นลูกแหง่ติดกูรึไง”

“นอนคนเดียวมันเหงา”

“ลืมไปว่าน้องไผ่กลัวผี” ผมกระแซะไหล่ หยิบเอาเรื่องเก่าๆ มาแซว เพราะไม่มีข้อมูลเชิงปัจจุบันให้พูดถึงเท่าไหร่ อันที่จริงช่วงนี้ผมจะทั้งคิดทั้งพูดถึงอดีตบ่อยๆ

คงเพราะผมทั้งรู้สึกผิดแล้วเสียดายความสัมพันธ์ของพวกเราล่ะมั้ง

ไอ้ตอนไม่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันมันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก แต่พอมาเจอ มาเล่นกัน บรรยากาศเก่าๆ มันก็วกกลับมา บางทีหัวใจผมมันก็หน่วงเพราะคิดได้ว่าความสนิทของเราสองคนมันไม่ได้เท่าเดิมแล้ว ถึงจะเล่นหัว ตบตีกันเหมือนเคย แต่แล้วยังไง ทุกอย่างก็ชัดเจนในใจอยู่ดี

ระยะเวลาห้าหกปี ผมกลายเป็นคนที่รู้เรื่องเขื่อนน้อยที่สุดไปซะแล้ว

“กลัวจังเลย มากอดหน่อย” เขื่อนได้ทีเล่นใหญ่ รวบตัวผมไปกอดแล้วกดหน้าให้จมอยู่ในอก ผมดิ้นเพราะหายใจไม่ออก แต่ไอ้กล้ามแขนแน่นปั่กนี่ไม่สะเทือนเลยสักนิด

“อ่อยอู!! (ปล่อยกู)”

ผมพยายามหมุดหัวออกมาจากแรงกอดรัดจนหัวเหอกระเซอะกระเซิง เขื่อนยอมคลายแรงแต่เลื่อนแขนไปโอบเอวผมไว้แทน ลำตัวของเราเลยยังแนบชิดกันอยู่

“แรงเยอะจังวะ” ผมบ่นขณะลูบๆ ผมให้กลับคืนทรง

“ไผ่”

“อะไรมึง”

“วันนี้กูโดนคนอื่นจูบมาอ่ะ”

“อย่าพูดดิ พูดแล้วกูหงุดหงิด” ด้วยความที่ระดับการนอนของผมอยู่ต่ำกว่า ทำให้ต้องเงยหน้าจนสุดคอเพื่อสบตากับคู่สนทนา เขื่อนเองก็โน้มหัวลงมาถูจมูกกับผมเล่น

เป็นคนที่ติดสกินชิพมาตั้งแต่เด็กเลย เพราะเมื่อก่อนก็ชอบให้ผมกอดให้ผมอุ้ม บางทีก็ยื่นแก้มยื่นเหม่งมาให้จุ๊บวันละสิบรอบ

“หงุดหงิดเหมือนกัน”

“เล่นมวยนี่ ไปต่อยดิ” ผมแซว แต่ใจจริงก็อยากให้ต่อยจริงๆ เหมือนกันนั่นแหละครับ เพราะผมต่อยเองไม่ได้ไง ไม่ออกกำลังกายจนแขนลีบไปหมด จะเอาแรงที่ไหนไปสู้คนตัวยักษ์แบบออสตินได้

“ไม่เอา ไม่อยากมีเรื่อง” เขื่อนทำปากยื่นปากยาว “ช่วยกูหน่อย”

“ช่วยอะไร กูไม่ไปต่อยแทนมึงนะ”

“บ้าเหรอ” เขื่อนบ่นกระปอดกระแปดว่าใครจะให้ผมไปทำแบบนั้น

“จะไปรู้เหรอ”

“อย่าขัดอารมณ์ดิไผ่”

“อะไรของมึง”

“เฮ้อ” เขื่อนถอนหายใจออกมายาวเหยียด แต่ผมสะใจแล้วที่ได้กวนตีนกลับ นานมากๆ เพราะปกติจะเป็นอีกฝ่ายที่แกล้งผมสำเร็จอยู่ฝ่ายเดียว

“ปล่อยได้แล้ว ร้อน” ผมบอกพลางเริ่มขยับตัว

“เดี๋ยวก่อน”

“หืม?”

“จูบหน่อย”

“...ห๊ะ”

“ล้างปากให้กูหน่อย”

“เขื่อน มึงจะบ้-”

“ล้างปากให้กูหน่อย นะครับ


_________________________
Talk: กลับมาแล้วค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา //โดนตรบ
หายไปไหนมา อ๋อ หายไปทำโปรเจคมาค่า แง้ เพิ่งพรีเซนต์ไป โดนสั่งแก้ด้วย ร้อง  :hao5:
จะไม่หายไปแล้วว ฮืออ คิดถึงทุกคน

มีฟีดแบ็คบ่นๆ เจ้าไผ่มาบ้าง เราก็เลยกล้าๆ กลัวๆ ที่จะเขียนเหมือนกัน กลัวไม่ถูกใจ กลัวรำคาญเจ้าเด็กไผ่
ฮืออออ เอ็นดูพี่ไผ่ด้วยค่าาา เอ็นดูหนูด้วย จะตั้งใจปรับปรุงอย่างดีเลยค่ะ

เรื่องนิสัยพี่ไผ่ เราวางไว้โดยอิงจากประสบการณ์ส่วนตัวด้วยบางส่วน แบบเวลาเราหวงเพื่อนอะไรงี้
เราเคยหวงเพื่อนสนิทนะคะ หึงเหมือนชอบมันเลย แต่จริงๆ ไม่ใช่ค่ะ เป็นอารมณ์หึงหวงคนของเรา ไผ่เลยออกมาประมาณนี้ ผิดพลาดประการใดพร้อมแก้ไขตะเหมอ  :mew2:

ปล. ตอนรีเสิร์ทหาราคาเช่าคอนโด เราช็อคไปเหมือนกันค่ะ ฮือ ไม่คิดว่าจะแพงยังงี้
หรือถ้ามันถูกไปสำหรับคนที่มีข้อมูล ช่วยสะกิดด้วยนะคะ ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 8 [13-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 13-11-2018 22:02:18
มีจงมีจูบ  :-[
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 8 [13-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 13-11-2018 22:44:07
มีการร้องขอจูบล้างปาก  หมั่นไส้ไอ้ฝรั่งนั่น ฮึ่ย!!!

ส่วนค่าเช่า ไม่แน่ใจ แต่ค่าผ่อนดาวน์แถวในเมืองเท่าที่เพื่อนเคยบอกก็ประมาณ 40,000 ได้อ่ะนะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 8 [13-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 13-11-2018 23:15:37
ล้างปากกันก่อนนอนก็ดีนะไผ่
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 8 [13-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 13-11-2018 23:45:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 8 [13-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 14-11-2018 04:46:57
เขื่อนแผนสูงนะเนี่ย
 :hao3:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 8 [13-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 14-11-2018 11:40:16
มีคนโดนดักลงหลุม 1ea
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 8 [13-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-11-2018 11:53:11
แผนสูงนะเขื่อน จูบล้างปาก
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 8 [13-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-11-2018 11:58:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 8 [13-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-11-2018 14:25:47
 :impress2:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 8 [13-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: shinachan ที่ 14-11-2018 15:43:25
นะครับ...........โอยยยยย ไผ่ ยอมยอมไปเถอะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 8 [13-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 14-11-2018 19:08:39
เราชอบ แนวนี้ ๆๆๆๆ รออ่านน้า
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 8 [13-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 14-11-2018 23:08:43
ร้ายกาจจจจจ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 8 [13-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 15-11-2018 22:23:53
รออ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 8 [13-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-11-2018 21:59:14
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 8 [13-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 17-11-2018 06:26:50
ริมเขื่อนนี้เอาหน้าตาหลอกล้อไผ่เปล่านิ อยากรู้ในสายตาเขื่อนไผ่เป็นคนแบบไหนทำไมถึงขนาดต้องฟิตหุ่นจนล่ำกว่าไผ่ขนาดนี้อยากรู้ :katai2-1:

  สนุกค่ะรอลุ้นไผ่จะโดนจับกินเมื่อไหร่
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 8 [13-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 17-11-2018 12:40:03
ไผ่ค่อยๆโดนหลอกล่อให้ตกหลุมพราง  :hao7:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 8 [13-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 17-11-2018 17:03:58
อีกไม่นานไผ่คงไม่รอดแล้วมั้งเนี่ย. เขื่อนจะพาเข้าห้องแล้ว :katai2-1: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 8 [13-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 19-11-2018 10:54:27
สนุกอ่ะ อ่านรวดเดียวเลย เป็นกำลังให้คุณนักเขียนและเขื่อนคนสวยในการเผด็จศึกเจ้าไผ่ด้วยนะคะ โดนแน่เจ้าไผ่เงิน ขอบคุณค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 9 [20-Nov-2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 20-11-2018 14:55:16
บทที่ 9


“นะครับ” มันจะไม่อะไรเลยถ้ามีแค่เสียงอ้อนกับดวงตาระยิบระยับแบบเด็ก แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่หลังคอถูกมือหนาดันให้ศีรษะผมขยับเข้าหาจนสันจมูกของเราถูไถกัน ริมเขื่อนคลี่ยิ้มหลับตาพริ้ม คล้ายรอคล้ายไม่รอ ขยับเข้ามาเอาผิวปากเฉียดบ้างโดนบ้าง แต่ไม่ได้กดจูบลงเหมือนอยากให้ผมเป็นคนทำเอง

แต่ผมนิ่ง...

นิ่งเพราะกำลังสบถกับตัวเองอยู่ว่า สถานการณ์นี้นี่มันอะไรกันวะ

ถ้าถามว่าตกใจไหม... เอาตรงๆ คือไม่เท่าไหร่

ผมก็งงเหมือนกัน

ไอ้ปากสีชมพูระเรื่อนี่ก็เคยดูดมาแล้วตอนถ่ายแบ... นั่นแหละ มันเหมือนกับว่าพอมีครั้งแรก ก็ไม่มีอะไรน่าตกใจเท่าครั้งนั้นอีกแล้ว แต่ผมก็ยังลังเลอยู่ดี

คือ... คนเราจะจูบกัน มันต้องมีสถานะไม่ใช่เหรอ

“ไผ่ ช้า”

เสียงประท้วงเรียกให้หัวคิ้วผมขมวดเข้าหากัน ผมรั้งหน้าตัวเองออกห่างจากเขื่อน แต่ฝ่ามือยังดันท้ายทอยผมไว้จนคอผมหดขึ้นรอยพับเหนียงแทน

“ทำไมกูต้องจูบ”

“ล้างปากไง กูถูกออสตินจูบมานะ”

ตรรกะประหลาดจังว้อย

“ไปแปรงฟันดิ” ผมบ่นงึมงำ มุดหัวตัวเองออกมาจากทั้งอ้อมแขนที่กักกันไว้จนได้ หัวเหอรวมถึงเสื้อผ้ายับย่นเละเทะจนหมด ผมมองหน้าตัวเองในกระจก มันแดงก่ำจากการออกแรงไม่สักครู่ รวมถึงเส้นผมสีน้ำตาลแดงก็ชี้ฟูไม่เป็นทรง

เขื่อนทำหน้ายับ แต่ไม่ได้ตามมาคว้าตัวผมกลับไปนอนกอดอีก ผมเลยทิ้งตัวลงนอนแล้วหยิบหมอนข้างขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน อ้าปากหาววอดใหญ่

“กลับห้องได้แล้ว กูจะนอนแล้ว”

“นอนด้วย” เขื่อนไม่ยอมลุกจากเตียงอย่างเด็ดขาด ผมเลยต้องพยักหน้าแล้วลากตัวเองเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวเข้านอน แม้มันจะเพิ่งสามทุ่มนิดๆ เท่านั้น

เขื่อนต่อคิวอาบน้ำและถือวิสาสะขโมยชุดตัวที่ใหญ่ที่สุดของผมไปใส่ เสื้อยืดก็ยังพอถูไถ แต่กางเกงบอลนี่สิ สั้นจนเห็นขาขาวๆ ไร้ขนสักเส้นโผล่ออกมาให้รำคาญตา

ผมเอามือไปลูบอย่างลืมตัว

“ไปเลเซอร์ขนมาเหรอวะ” เมื่อก่อนขาน้องเขื่อนขนยุบยับยิ่งกว่าผมเสียอีก

“อืม มันต้องทำ รักแร้กูก็เกลี้ยงนะ” อีกคนว่าพร้อมถลกแขนเสื้อชูใต้วงแขนเนียนกริบให้ผมเห็นเต็มตา

“นี่ถ้ามึงตัวเล็กกว่านี้สักหน่อย กูแยกเพศไม่ออกแล้วนะเขื่อน” ผมบอกอย่างหยอกเล่น เรียกเสียงหัวเราะจากริมเขื่อนดังลั่น

“แต่ตรงนั้นกูไม่ได้เลเซอร์นะ”

“ตรงไห-” ผมคิดได้ก่อนพูดจบประโยค เลยได้แต่ขมวดคิ้วมองเพื่อนที่หน้าสวยกว่าอิสตรี แต่คำที่มันพูดจานี่คือถ้าเป็นลูกสาว ผมคงผูกคอตายวันละร้อยรอบเพราะรับไม่ได้

ผมชูนิ้วกลางให้มัน ทิ้งตัวลงนอนแล้วยกผ้าห่มขึ้นคลุมถึงหัว

“ไผ่ มาจูบล้างปากกันก่อน”

“ไม่!” ผมบอกแค่นั้นแล้วพลิกตัวหนีทันที

เพื่อนที่ไหนเขาจูบกันวะ ไอ้นี่นี่!








[ริมเขื่อน’s part]

ผมเท้าแขนนอนมองคนที่ยังหลับเหมือนตายอยู่บนเตียงข้างๆ ท่าทางจะหลับสนิทมากเพราะเมื่อคืนอยู่ท่าไหนตอนนี้ก็ยังอยู่ท่าเดิม มีบ้างที่ขยับตัวคลายเมื่อย

ผมมองนาฬิกาบนจอโทรศัพท์ เพิ่งจะตีสามกว่าๆ แต่เพราะปวดห้องน้ำเลยตื่นมาเข้า แล้วถือโอกาสมาแอบลอบมองหน้าไผ่เงิน หนุ่มลูกครึ่งที่ไร้ซึ่งความฝรั่งโดยเกือบจะสมบูรณ์

“อืออ” ผมถือโอกาสลากร่างที่ขนาดตัวห่างกันไม่มากมาไว้ในอ้อมแขน กดจูบลงบนหน้าผาก พวงแก้ม แล้วจบที่ริมฝีปากสีซีดเบาๆ ได้ยินเสียงไผ่เคี้ยวอากาศดังแจ๊บๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะนิ่งสงบเหมือนเดิม

ขนตายาว แก้มตอบไปนิดหน่อย กับริมฝีปากที่ผมติดใจจนอยากกดจูบค้างไว้ทั้งวันคือองค์ประกอบบนใบหน้าของผู้ชายที่ชื่อไผ่เงิน

ชื่อที่ไทยจ๋ามาก ขัดกับหน้าตาที่ฝรั่งจ๋าเช่นกัน

ตาของไผ่สีฟ้ากระจ่าง ผมชอบมองมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว รวมถึงสันจมูกที่โด่งชัดแบบที่ได้รับจากคุณน้ามาเต็มๆ ทุกอย่างรวมกันทำให้ใบหน้าของเขาน่ามองแบบชาวลูกครึ่ง

ผมรู้จักกับไผ่มาตั้งแต่จำความได้ เพราะบ้านของเราสองคนอยู่ติดกัน พ่อกับแม่สานสัมพันธ์ไมตรีไว้เนื่องจากเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียง ผมที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับไผ่จึงมักไปเล่นด้วยกันบ่อยๆ แต่ด้วยความที่ตัวเล็กกว่า และตอนเด็กๆ ผมออกจะขี้แยไม่น้อย เนื่องจากมักถูกรังแกจากคนอื่นๆ ไผ่ถึงได้วางตัวเป็นพี่ชายผมและวิ่งโร่มาดูแลแทบจะตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

หน้าตาของผมเหมือนเด็กผู้หญิงมาตั้งแต่เด็กๆ เสื้อผ้าน่ารักๆ รวมถึงชุดผู้หญิงจึงเต็มบ้านไปหมดเพราะคุณแม่ชอบจับแต่งตัวถ่ายรูปเก็บไว้เป็นอัลบั้ม ในขณะที่ตัวผมเองก็ต้องไว้ผมถักเปียเพราะที่บ้านบอกว่ามันเข้ากับผมเอามากๆ

ต่างจากเพื่อนคนอื่นในโรงเรียน ที่มองว่าผมแปลกจากเขา ทั้งล้อเลียนและด่าทอว่าผมเป็นตุ๊ดเป็นกะเทย ผมเสียใจร้องไห้ทุกวัน ยิ่งพวกเขาแกล้งผมได้ ทุกอย่างก็เริ่มหนักขึ้น จนจากแค่คำพูดและเขียนกระดานเขียนโต๊ะ ผมถูกทำร้ายร่างกายและบาดเจ็บกลับบ้าน

วันนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเพื่อนข้างบ้านโกรธจัด

ไผ่เงินเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนมาตลอด เขาเป็นคนใจดีและมีรอยยิ้มมอบให้กับทุกคนเสมอ แต่วันนั้นไม่ใช่ ผมนั่งร้องไห้อยู่ที่บ้านด้วยความตกใจ จนกระทั่งฟ้ามืด ไผ่ก็กลับมาพร้อมบาดแผลและรอยฝุ่นโคลนเต็มตัว

ตาของเขาแดงก่ำ ปากแตกเลือดไหลไม่หยุด รวมถึงหัวเข่าและข้อศอกที่เป็นแผลถลอกยาว มันไม่ใช่แค่นั้น แต่ผมที่น้ำตาคลอเต็มเบ้าไม่สามารถสังเกตอะไรได้มากไปกว่านี้ ไผ่รีบปาดน้ำตาออกจากแก้มแล้วพุ่งเข้ามากอดผม ลูบหัวปลอบใจ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็กัดฟันกลั้นน้ำตาแทบตาย สุดท้ายก็กลายเป็นว่าเราทั้งคู่แหกปากร้องไห้ประสานกัน จนทั้งแม่ทั้งคุณน้ารีบวิ่งเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง

ไผ่ไม่ได้ถูกดุ คุณน้าแค่มานั่งทำแผลแล้วสอบถามว่าไปทำอะไรมา พอบอกว่าไปมีเรื่องกับคนที่แกล้งผม คุณน้าก็ยกนิ้วให้แล้วบอกว่าคราวหลังต้องอัดให้น่วม หลังจากนั้นเป็นต้นมา ไผ่เงินก็กลายเป็นองครักษ์ประจำตัวผมไปเรียบร้อยแล้ว

นั่นเป็นความประทับใจตอนที่เรายังเด็ก แต่มันไม่ได้เพียงพอให้ผมคิดเกินเลยกับเขาหรอก

จริงๆ บ้านไผ่มีปัญหามาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องของพ่อกับแม่ของเขา ถามว่าผมรู้ได้ยังไง เพราะผมได้ยินเสียงทะเลาะออกมาบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้เลิกรากันไป เหมือนแค่ว่าความคิดเห็นไม่ตรงกันเท่านั้น

ช่วงมอต้น ผมถามไผ่ว่า โอเคไหม ในวันที่คุณน้าโกรธจัดแล้วหนีออกไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อนอยู่สามสี่วัน แต่ไผ่ก็แค่หัวเราะและบอกว่า

‘ไร้สาระน่า ทะเลาะกันเป็นปกติ บางทีแค่เรื่องกับข้าวยังตีกันได้เลย’

ผมเชื่อมาตลอดว่ามันไม่มีอะไร เพราะไผ่บอกผมแบบนั้น และเขาก็ยังยิ้มแย้มเฮฮาเหมือนเดิม จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมเดินไปเห็นไผ่แอบร้องไห้อยู่หลังตึกเรียน

ตอนนั้นเป็นช่วงมอสาม เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทั้งเรื่องเรียนและเรื่องความคิด ไผ่เริ่มรู้ความ เริ่มมีความคิดมาก และเริ่มที่จะรู้จักการเก็บเรื่องร้ายๆ ไว้เงียบๆ คนเดียว จนสุดท้ายมันก็ย้อนมาทำร้ายหัวใจเราเรื่อยๆ

ผมทำอะไรไม่ได้ จะเข้าไปปลอบก็ไม่กล้า เพราะไผ่เลือกที่จะไม่เล่าให้ผมฟัง

พวกเราโตขึ้น ผมก็ยังเป็นเด็กที่มีไผ่เงินคอยดูแลจนกลายเป็นเรื่องชินชาสำหรับเพื่อนในสายชั้น เรื่องล้อเลียนค่อยๆ หายไป กลายเป็นว่าผมดันป๊อปปูล่าในหมู่เด็กผู้หญิง รวมไปถึงผู้ชายบ้างนิดหน่อย ส่วนมากจะเอ็นดูเหมือนผมเป็นน้องเล็กมากกว่า

ผมอยู่กับไผ่มา ตัวติดกันตลอดเวลา ได้เห็นด้านอ่อนแอของไผ่เยอะขึ้น

คนที่เข้มแข็งเสมอ คนที่คอยยืนอยู่ด้านหน้า แล้วปกป้องผมไว้จากทุกเรื่อง คือคนเดียวกับที่แอบนอนร้องไห้เงียบๆ กลั้นเสียงสะอื้นจนตัวโยนทุกคืน

เรื่องพ่อกับแม่ ไผ่อาจจะชิน

แต่เรื่องอื่น... ไผ่ไม่มีทางชิน

ครั้งแรกที่ผมคิดว่าผมอยากปกป้องไผ่ คือช่วงมอสาม ที่หัวผมเริ่มสูงกว่าไผ่แล้ว และสามารถก้มลงพูดคุยกับเขาได้ ทั้งๆ ที่ตลอดสิบสี่ปี ผมเป็นฝ่ายที่เงยหน้ามองอีกฝ่ายอยู่เสมอ

ไผ่เป็นเด็กที่พ่อเลี้ยงแบบไทยๆ แม่เลี้ยงแบบฝรั่งๆ แต่เขาก็ได้รับอิสระชีวิตพอสมควร เขามีแฟน คะนองไปเรื่อยตามเพื่อนฝูง แม้ไม่มากนัก แต่มันก็ทำให้เขาเจ็บตัวหนักจนเข้าโรงพยาบาล

ไผ่ถูกทำร้าย ด้วยข้อหาว่าไปแย่งผู้หญิงของรุ่นพี่มอหก

นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมคิดว่า ผมอยากยืนอยู่ข้างหน้าเขาบ้าง เหมือนที่ไผ่เคยทำมาตลอด

และครั้งต่อไปคือช่วงมอปลาย นั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ความรู้สึกของผมค่อยๆ ชัดเจนและแรงกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ ไผ่ถูกเพื่อนหักหลังแย่งแฟนไป เขาเสียใจหนักมาก ไม่ใช่เพราะอกหัก แต่เพราะคนๆ นั้นเป็นเพื่อนสนิทของไผ่เอง

ผมอยากดูแลเขาบ้าง และก็ลงมือทำเท่าที่ตัวเองจะทำได้

ผมสูงปรี๊ดของไผ่บ่นงอแงทุกวัน ถามหาน้องเขื่อนตัวเล็กๆ ตลอด และนั่นทำให้ผมน้อยใจไม่น้อยเลย บางครั้งก็ไม่พอใจว่าทำไมตัวเองถึงต้องตัวสูงขึ้นมาขนาดนี้ กลัวว่าไผ่จะไม่เอ็นดู ไม่รักกันอีกแล้ว

ยิ่งตอนที่เราต้องแยกกันไปเรียนมหา’ลัย ผมยิ่งทำใจไม่ได้

แต่สังคม สภาพแวดล้อม ความห่างไกลทำให้เราค่อยๆ จะห่างกันไปอย่างช้าๆ

งานถ่ายแบบที่ค่อยๆ ลองทำเริ่มมีมาเรื่อยๆ จนสามารถเก็บเกี่ยวชื่อเสียงและเงินทองได้เป็นกอบเป็นกำ ผมพอใจในหน้าตาตัวเอง แต่ก็ต้องฟิตหุ่นหนักไม่น้อยเนื่องจากเป็นงานขายความสวยงามของร่างกาย

เราห่างกันไป ผมไม่ได้รู้สึกอะไรอีกแล้วแม้ตอนแรกๆ จะยังคิดถึงและอยากกลับไปหาบ่อยๆ

แต่ผมก็ยังติดตามข่าวคราวอยู่ตลอด รู้ว่าไผ่ขี้เมาแค่ไหน รู้ว่าเบื่อวิศวะและหันไปจับกล้องตอนอายุเท่าไหร่ และรู้ว่าตอนนี้กำลังมีปัญหาใหญ่อะไรในชีวิต

บางทีเราก็ช่วยทุกคนในทุกปัญหาไม่ได้ ผมเลยให้กำลังใจไผ่ผ่านคำพูดแทน

จนกระทั่งผมได้โอกาสกลับมาอยู่ในชีวิตไผ่อีกครั้ง อะไรๆ เหมือนจะเต็มใจ จากที่เมื่อก่อนได้เจอกันแค่แปบเดียวในแต่ละปี กลายเป็นว่าไผ่เข้ามาขอความช่วยเหลือ อะไรหลายๆ อย่างค่อยๆ ขมวดพวกเรากลับเข้ามาบนถนนเส้นเดียวกันอีกครั้ง

ผมที่รู้ใจตัวเองแต่ปล่อยให้มันเป็นแค่เรื่องดีๆ ในชีวิตเริ่มละโมภ

เมื่อมีโอกาส ผมคว้ามันไม่เต็มสองมือ เพราะเราห่างกันไปนาน จนผมไม่สามารถปล่อยวางเรื่องของเขาลงได้อีก พื้นที่ว่างข้างๆ ตัวที่เคยปล่อยร้างมาหลายปี บางทีผมต้องลงมือทำอะไรกับมันสักหน่อย

ไม่อย่างนั้นคงต้องมานั่งเสียใจแน่ๆ

“อือ เขื่อน ร้อน” คนที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของผมส่งเสียงประท้วง ไผ่ปรือตาขึ้นมามองผม ออกแรงผลักเล็กๆ เพื่อบอกว่าเขารำคาญการกอดรัดของผมมากแค่ไหน

ผมยอมคลายอ้อมแขนออก ฉีกยิ้มบางๆ ให้เพื่อนที่หมายจะเอามาเป็นอย่างอื่น

กดจูบลงบนริมฝีปากแห้งเพราะลมแอร์เบาๆ เป็นครั้งสุดท้าย

“นอนไปมึง”

ไผ่หลับไปแล้ว ทันทีที่ผมปล่อยเขาออกจากอก

แต่ผมกลับยังนั่งมองหน้าคนที่อีกหน่อยจะได้นอนกอดกันทุกคืนยันเช้า...

[END]






ผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุก ง่วงจนกว่าจะลุกได้ก็ต้องให้มันแผดเสียงร้องขึ้นมาอีกรอบ

ริมเขื่อนยกหมอนขึ้นปิดหูอย่างรำคาญ ผมเลยรีบกดปิดเสียงเตือนแล้วลากตัวเองไปอาบน้ำแต่งตัว วันนี้มีนัดถ่ายรูปให้ลูกค้าตอนเที่ยง แต่ที่ผมตื่นแต่เช้าขนาดนี้เพราะต้องมาเคลียร์เมมกล้องที่น่าจะแดงแจ๋เพราะไม่เคยลบรูปออกเลย ผมมานั่งย้ายไฟล์ภาพลงคอม ในระหว่างรอก็เข้าครัวไปหาอะไรกินง่ายๆ

ผมทำอาหารไม่เป็น เบรคฟาสต์ที่ได้จึงเป็นขนมปังปิ้ง ไข่ดาวและไส้กรอกทอดเกรียมๆ ผมทำเผื่อริมเขื่อนด้วย เมื่อจัดจานเสร็จก็เดินเข้าไปเอาเท้าเขี่ยๆ เขื่อนให้ตื่นขึ้นมากินอาหาร

“เขื่อน ทำข้าวเช้าไว้ให้”

ผมบอกเสียงดัง เขื่อนปรือตาขึ้นมามองแล้วบอกว่าเดี๋ยวไปกิน ก่อนจะฟุบหลับไปอีกรอบ

ผมเกรงใจเพื่อนเลยหอบโน๊ตบุคออกมานั่งเล่นที่โซนห้องนั่งเล่น ถือโอกาสเปิดทีวีดูข่าวยามเช้าเพลินๆ พลางจิบกาแฟแล้วยัดเบรคฟาสต์เข้าปาก

ลืมเล่าไปว่าคอนโดนี้กว้างขวางมาก แบ่งโซนห้องเรียบร้อย แต่อย่าถามถึงภายในห้องผมว่าเป็นยังไง เพราะยังเต็มไปด้วยกล่องลังกับของใช้ที่เกลื่อนกลาดไม่ได้เก็บ

กว่าจะย้ายไฟล์ที่เยอะประมาณ 30 GB ลงคอมเสร็จ ก็ผ่านไปเป็นชั่วโมง ผมเปิดหนังในคอมฯ ดู แต่ก็ปล่อยให้ทีวีส่งเสียงคลอไปด้วยเช่นกัน

ติ๊ง

ผมคว้าโทรศัพท์ที่ส่งเสียงเตือนดังลั่นขึ้นมา เป็นเพื่อนสมัยเรียนที่ส่งข้อความมาว่า

‘คืนนี้ออกกัน’

ผมรีบกดเข้าไปในห้องสนทนา เหลือบมองปฏิทินก็พบว่าวันนี้คือวันศุกร์แห่งชาติ มีใครหลายคนที่กดข้อความมาบวกหนึ่งเต็มไปหมด ผมรีบจิ้มข้อความเอาด้วยทันที


Bamboo: ไปๆ ร้านไหน


ถึงผมจะออกมาเป็นฟรีแลนซ์ แต่วิศวะก็หล่อหลอมผมมาอย่างยาวนาน

อันที่จริงต้องเรียกว่าพวกเพื่อนๆ พี่ๆ ทั้งหลายที่หล่อหลอมผมมามากกว่า


นายอย่ามามั่ว: ร้านเดิม เพิ่มเติมคืออยากเจอคนสวย
Bamboo: อะไรวะคนสวย
นายอย่ามามั่ว: นายแบบมึงไง อยากเห็นตัวจริง
Bamboo: กล้ามแขนมันใหญ่กว่ามึงอีกนาย



ผมตอบไปแบบนั้น ก่อนที่เพื่อนๆ จะเข้ามาถล่มว่าอยากเห็นตัวจริงของเขื่อน ผมได้แต่ส่งรูปไปยั่วก่อนจะอัดเสียงหัวเราะแสนชั่วร้ายส่งไปให้

ถึงจะเอาเงินมากองตรงหน้าก็ไม่พาเขื่อนไปหรอกครับ

ไม่ใช่อะไร ริมเขื่อนมีงานรอบดึก ยังไงก็ไปไม่ได้อยู่แล้ว

ผมปิดโทรศัพท์เพราะใกล้เวลาต้องออกไปทำงาน เมื่อเข้าไปในห้องนอนหมายจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็เห็นคนตัวสูงลุกขึ้นมานั่งหน้าง่วงอยู่บนเตียงเรียบร้อย ผมยาวๆ พันกันยุ่งไปหมด เขื่อนพยายามใช้นิ้วสาง แต่เมื่อมันไม่ออกก็เลยปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น

“ไผ่ ไปไหนมา”

“นั่งอยู่ตรงโซฟา”

“ทำไมตื่นเช้าจัง หาวววว”

“เดี๋ยวกูต้องออกไปทำงาน”

“อ้าวเหรอ” เขื่อนพยักหน้ารับรู้ “ข้าวอยู่ข้างนอกใช่ป่ะ”

“อืม” ผมบอกพลางรื้อหาเสื้อผ้าที่พอจะดูดีขึ้นมา ก่อนจะพาดผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป

ออกมาอีกทีก็เห็นริมเขื่อนนั่งเคี้ยวไข่ดาวตุ้ยๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่แปรงฟัน ผมคว้ากระเป๋ากล้องมาสะพาย พร้อมแบกอุปกรณ์มากมายไว้ในมือ

“คืนนี้มึงนอนห้องมึงนะ”

“ทำไมล่ะ”

“จะไปเมากับเพื่อน”

“นอนด้วย” เขื่อนยังคงหน้ามึนไม่ฟังที่ผมพูด

“ใครจะเปิดห้องให้มึง กูกลับตีสองตีสามนู้น”

“มีกุญแจ”

“...ห๊ะ”

“กูปั๊มมาแล้ว”

ไอ้เขื่อน มึง!


_________________
Talk: จากลับมาอัพบ่อยๆ แล้ววว
จบสิ้นกันที โปรเจคนี้ ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหนนนนนน รว้องห้าย

ว่าจะอ่านทวนก่อนลง ปรากฎว่า ทำไม่ได้ ต้องปั่นเจค ฮึก เดี๋ยวมาแก้คำผิดนะคะ

ตอนแรกอดีตไผ่เขื่อน ว่าจะยังไม่ลงตอนนี้ แต่อ่านเม้นไปมา ลงเลยดีกว่า ฮา
ฝากคอมเม้นติชมกันด้วยค่า รักทุกคนๆๆๆๆ อันไหนไม่ดีจะน้อมรับพิจารณา  :bye2: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 9 [20-Nov-2018] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-11-2018 16:10:32
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 9 [20-Nov-2018] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 20-11-2018 17:01:04
สารภาพรักไปไผ่จะรับได้ไหมนะว่าน้องเขื่อนแอบหลงรักอยู่ คงต้องเนียน ๆ จีบไปก่อนนะเขื่อน
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 9 [20-Nov-2018] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 20-11-2018 21:40:36
……

รักในวัยเด็ก. มากกว่าความผูกพัน ทั้งปกป้อง ดูแลกัน

โอกาสมาแล้ว เขื่อนอย่าทำให้หลุดลอยไปนะ


 :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:


……
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 9 [20-Nov-2018] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 20-11-2018 21:44:08
เราไม่รำคาญไผ่นะค้าาา​ เอ็นดูนังง555555
ค่อยๆโดนคนสวยตะล่อมๆ​ งูพิกชัดๆ
ชอบมากเลยพล็อตเมะสวยๆ​ ความสวยไม่มีผลในแนวราบนี่เน้ออ  อิ้อ ้​ เป็นกำลังใจให้นะค้าา
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 9 [20-Nov-2018] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-11-2018 23:24:03
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 9 [20-Nov-2018] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 20-11-2018 23:46:29
แบบนี่นี่เอง
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 9 [20-Nov-2018] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-11-2018 01:31:37
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 9 [20-Nov-2018] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 21-11-2018 12:52:00
งู้ยยยยจะตายกับความเขื่อนไผ่สนุกๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 9 [20-Nov-2018] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 21-11-2018 16:53:00
จากโดนปกป้องเป็นอยากปกป้องเอง จากความใกล้ชิดตัวติดกันจนกลายเป็นแอบรัก แล้วไผ่ล่ะแค่หวงเพื่อนจริงรึป่าวไม่ใช่รักเขาเหรอลุ้นๆ เขื่อนสู้ๆทำให้ไผ่เป็นของตัวเองให้ได้นะ :a1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 9 [20-Nov-2018] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 21-11-2018 19:08:35
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 9 [20-Nov-2018] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 21-11-2018 22:02:12
เขื่อน สู้ ๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 9 [20-Nov-2018] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 21-11-2018 22:07:33
ถ้าคืนนี้ไผ่เมากลับมา ท่าจะไม่รอดมือริมเขื่อนแน่นอนเรย อิ อิ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 9 [20-Nov-2018] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 21-11-2018 23:40:06
ตาม
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 9 [20-Nov-2018] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 22-11-2018 00:14:51
สนุกกกกกก
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 9 [20-Nov-2018] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 22-11-2018 23:53:27
เอ็นดูทั้งคู่เลย รักน้องเขื่อนตอนเด็กกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 9 [20-Nov-2018] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 23-11-2018 06:55:21
เขื่อนรุกหนักๆเลยลูกกก
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 9 [20-Nov-2018] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 24-11-2018 21:51:04
ดูท่าแล้ว..ไผ่เงินไม่น่ารอด เร็วๆนี้แน่เลย
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 9 [20-Nov-2018] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 25-11-2018 07:22:05
สะบัดไม่หงุดแน่นอน เขื่อนนี่เจ้าเล่ห์สุดๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 10 [27-Nov-2018] P.4
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 27-11-2018 21:15:13
บทที่ 10




“ไปปั๊มมาตอนไหน” ผมเท้าเอวถาม มองคนที่ยัดขนมปังเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เสมือนว่าการปั้มกุญแจห้องคนอื่นไว้เป็นเรื่องที่ควรทำแล้ว

“ตั้งแต่แรกเลย” เขื่อนหันมาตอบทั้งๆ ที่แก้มยังตุงไปด้วยอาหาร

ผมถอนหายใจ มองความไม่ยีระแล้วได้แต่ปล่อยเลยตามเลย

“ทั้งคีย์การ์ดทั้งลูกกุญแจเลยป่ะเนี่ย”

และเมื่ออีกคนพยักหน้า ผมก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกระลอก

เอาที่ริมเขื่อนสบายใจเลยครับ

“งั้นล็อคห้องให้กูด้วย ไปทำงานละ” ผมตัดบทสนทนาก่อนจะเดินแบกของออกมาจากห้อง มองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ก็พบว่าสิบเอ็ดโมงแล้ว เลยรีบจ้ำอ้าวออกไปที่รถไฟฟ้าทันที

โชคดีไม่น้อยที่ที่ลูกค้านัดอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าบีทีเอส ผมสามารถคำนวณเวลาเดินทางได้ง่ายๆ และไม่ต้องเสี่ยงปัญหาระดับชาติอย่างแท็กซี่ปฏิเสธไม่ไปส่งด้วย

สิริรวมเวลาก็ราวๆ สี่สิบนาที ในที่สุดผมก็มายืนอยู่หน้าอพาร์ตเมนต์กลางเก่ากลางใหม่หลังหนึ่ง แต่สภาพทั้งภายนอกและภายในสะอาดสะอ้านและร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์

ผมกดโทรออกหาลูกค้าที่นัดเอาไว้เพื่อให้เขาลงมารับ

“ผมถึงแล้ว รออยู่ข้างหน้านะครับ”

ปลายสายตอบรับก่อนจะวางไป

งานวันนี้ที่มารับจะเป็นงานถ่ายโฆษณาสินค้า เห็นว่าเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผู้ชายซึ่งทางแบรนด์ได้จ้างนายแบบเอาไว้แล้ว และเพราะยังเป็นแบรนด์เล็กๆ อยู่ สถานที่ถ่ายทำเลยใช้เป็นห้องห้องหนึ่งในพาร์ตเมนต์นี้ ผมไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรมากไปกว่านี้ คิดซะว่ามาตายเอาดาบหน้า

ช่วงแรกเริ่มที่ต้องการสร้างผลงานกับฐานลูกค้า งานอะไร เล็กใหญ่ผมก็รับหมดนั่นแหละครับ

“มาแล้วค่า คุณไผ่ใช่ไหมคะ” ผมที่กำลังเหม่อลอยสำรวจสถานที่ถึงกับสะดุ้งกับเสียงแหลมสูงของผู้หญิงจากทางด้านหลัง เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นคนเดียวกับลูกค้าที่ติดต่อมาผ่านทางเฟสบุ๊ค ผมคลี่ยิ้มเป็นมิตร ผงกหัวทักทายอย่างมีมารยาท

“ครับ คุณกิ๊ก?”

“ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ” ผู้หญิงตัวเล็กๆ ในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนกับทรงผมถักเปียรอบศีรษะเดินนำผมเข้าไปด้านใน ส่วนสูงเธออยู่แค่หน้าอก แถมหน้าตายังน่ารักหมวยๆ สเปคชายไทยที่แท้จริง

ผมแอบมองใบหน้าด้านข้างอย่างพิจารณา น่ารักกว่าในรูปโปรไฟล์เสียอีก แต่ถ้าถามว่าผมรู้สึกอะไรไหม ผมอยากให้คุณหันไปมองริมเขื่อนก่อนแล้วคุณจะได้คำตอบเอง

ครับ ผมอยู่กับผู้ชายที่สวยอย่างกับเฮเลนแห่งกรุงทรอย ภูมิต้านทานคนหน้าตาดีเลยจะแน่นหนาเกินไปสักหน่อย ถ้าสเปคผู้หญิงผมสูงก็ขอให้โทษริมเขื่อนไว้ก่อนเป็นอันดับแรกเลย

พวกเราขึ้นลิฟต์มาจนถึงชั้นสี่ จุดหมายคือห้องที่สามทางซ้ายมือนับตั้งแต่เดินออกมาจากลิฟต์โดยสาร พื้นที่กว้างขวางระดับหนึ่งแถมยังโล่งเพราะไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์ จากการสำรวจด้วยตาแล้ว ค้นพบว่าคุณกิ๊กน่าจะเช่าที่นี่ไว้เพื่อทำเป็นที่เก็บสินค้าและแพ็กของส่ง เพราะมุมหนึ่งมีกล่องไปรษณีย์กองเต็มไปหมด

“อันนี้คือสินค้าที่จะให้ถ่ายนะคะ ส่วนนายแบบใกล้จะมาถึงแล้ว”

ผมพยักหน้าแล้วเอื้อมมือไปรับของมาหมุนดู เป็นกระปุกครีมขนาดเท่ากำปั้น สีน้ำเงินครามสลักอักษรสีทอง ดีไซน์ดูเรียบๆ เหมาะจะเป็นเครื่องสำอางค์สำหรับผู้ชาย ด้านหน้าเขียนเอาไว้ว่าเป็นครีมทาผิวหน้า ส่วนอีกอันคือหลอดโฟมล้างหน้าสีเดียวกับกระปุกครีม น่าจะมาเป็นเซ็ตคู่กัน

“คอนเซ็ปต์ก็แบบที่เคยคุยกันไว้เลยค่ะ อยากให้ถ่ายเฉพาะช่วงหัวไหล่ขึ้นมา” คุณกิ๊กใช้มือเป็นตัวช่วยในการอธิบาย “กิ๊กว่าจะให้ถ่ายตรงนั้น”

ผมมองตามที่ลูกค้าชี้ ก็พบฉากสีขาวกับโต๊ะเล็กๆ ที่สูงจนถึงหน้าอก ด้านบนมีกะละมังใส่น้ำกับสินค้าที่แกะแล้ววางอยู่ จากที่เคยคุยรายละเอียดไว้ คุณกิ๊กบอกว่าอยากได้แนว wet style ให้ออกมาเซ็กซี่หน่อยๆ

เมื่อพูดคุยจนได้ข้อตกลงที่แน่ชัด ผมก็ทำการจัดแสงและมุมกล้องให้เรียบร้อย คุณกิ๊กเธอดีมาก ช่วยบรีฟช่วยแก้จนในที่สุดก็ได้แสงได้มุมตามที่ต้องการ พอทุกอย่างลงตัวนายแบบก็เคาะประตูเรียกพอดี

ผมวางมือออกจากกล้องที่ตั้งไว้บนขาตั้ง หันไปยิ้มให้ผู้มาใหม่อย่างเป็นมิตร นายแบบเป็นแค่หนุ่มวัยรุ่นที่ดูแล้วน่าจะยังเรียนอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาแบบตี๋ๆ ผิวขาวละเอียดกับทรงผมที่เซ็ตมาเรียบร้อย ดูท่าจะเป็นคนรู้จักกับคุณกิ๊กอยู่แล้วเพราะเห็นสนิทสนมกันดี

“สวัสดีครับ ไผ่ครับ”

“สวัสดีครับพี่ ผมบาสนะ”

ผมยิ้มรับนายแบบหนุ่มที่ดูเป็นมิตรและน่ารักน่าเอ็นดู

บาสไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มากมาย เพราะเราจะถ่ายกันแค่ช่วงไหล่ขึ้นไป คุณกิ๊กเลยสั่งให้ถอดเสื้อแล้วไปยืนหน้ากล้องได้เลย ผมมองร่างกายท่อนบนแล้วดันเผลอคิดเปรียบเทียบกับใครอีกคนที่น่าจะออกไปทำงานแล้ว

ริมเขื่อนหุ่นดีกว่ามาก กล้ามหน้าท้องของบาสเป็นแค่ร่องเล็กๆ ไม่ได้ชัดเท่าไหร่

“เดี๋ยวถ่ายคู่กับครีมก่อนนะครับ” ผมบอก คนหน้ากล้องก็พยักหน้าแล้วหยิบกระปุกครีมขึ้นมาถือ คุณกิ๊กเข้าไปช่วยจัดท่าทางที่ต้องการ ผมออกความเห็นบ้างเวลาบาสขยับตัวจนเกิดเงาทำให้ภาพออกมาดูไม่ค่อยสวย

แชะ แชะ

เสียงลั่นชัตเตอร์ดังต่อเนื่อง พร้อมกับการขยับเปลี่ยนท่าทางของนายแบบในเฟรม บาสฉลาดตรงรู้จักใช้สีหน้าให้เป็นประโยชน์ แค่ทาครีมก็เซ็กซี่ได้ ผมยอมรับนับถือเลย แต่ไม่รู้ทำไมถึงชอบคิดเปรียบเทียบไปถึงไอ้นายแบบชื่อดัง ว่าถ้าเป็นริมเขื่อนมายืนทาครีมอยู่ในเฟรมแทน ภาพที่ได้คงไม่ใช่แค่เซ็กซี่แน่ๆ

เพื่อนวัยเด็กของผมคนนั้น นอกจากเซ็กแอพพีลจะสูงแล้ว อินเนอร์ความอีโรติกมันก็สูงเช่นกัน

“ดีครับ เงยหน้านิดนึง” ผมบอกเมื่อบาสหมุนองศาหน้าไปด้านข้าง นิ้วยาวป้ายเนื้อครีมลงบนผิวแก้มก่อนจะหลับตาพริ้มแล้วหมุนวนครีมเบาๆ

“โอเคครับ ต่อไปเป็นโฟมล้างหน้านะ” ผมหันไปปรึกษากับคุณกิ๊กก่อนจะหันมาบอกกับนายแบบที่ใช้หลังมือปาดก้อนครีมออกจากหน้า

“บาส ก้มลงไปล้างหน้าแล้วสะบัดผมขึ้นมานะ” เจ้าของแบรนด์พุ่งตัวเข้าไปบรีฟเด็ก พร้อมทั้งทำท่าทางประกอบโชว์อีก ผมยิ้มขำให้กับความกระตือรือร้นนั้นก่อนจะก้มลงเลื่อนตัวกล้องเล็กน้อย เพราะคราวนี้น่าจะมีน้ำกระเด็น

พอตกลงกับนายแบบเสร็จผมก็จัดการให้สัญญาณเริ่มถ่าย บาสฉีกยิ้มมุมปากให้กล้อง ก่อนจะก้มลงไปวักน้ำขึ้นมาล้างหน้า ผมกดชัตเตอร์รัวๆ จนถ้ามาคลิ๊กดูภาพคงเห็นไม่ต่างจากวิดีโอเคลื่อนไหว เพราะกลัวจะพลาดฉากสวยๆ เลยต้องถ่ายไปแบบนั้นก่อน
บาสใช้โฟมถูหน้าเบาๆ เส้นผมของเขาเปียกชื้นตกลงมาปรกหน้า ดวงตาตี่เล็กเลยดูคมเฉี่ยวขึ้นมา ยิ่งตอนที่อีกฝ่ายใช้นิ้วถูไปรอบๆ บริเวณริมฝีปาก ก่อนจะเผยอขึ้นโชว์ไรฟันอย่างเซ็กซี่ ผมก็เหมือนเห็นภาพริมเขื่อนในวันนั้นซ้อนทับเข้ามาเป็นฉากๆ

ริมเขื่อนที่กัดปากยั่ว

ริมเขื่อนที่นอนเปลือยอยู่ในอ่างอาบน้ำ

ริมเขื่อนที่เข้ามากระซิบข้างหูแล้วกดจูบที่หลังคอ

ริมเขื่อนที่...

“ผมขอเข้าห้องน้ำแปบนะครับ”

ผมเอ่ยขัดการถ่ายแบบขึ้นมาก่อนจะรีบพุ่งเข้าห้องน้ำไปท่ามกลางสายตางุนงงของอีกสองคนภายในห้อง แต่ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น คำว่าชิบหายวิ่งวนอยู่ในหัวเป็นพันล้านคำ

ชิบหายจริงๆ ครับ

เพราะเป้ากางเกงผมมันตุงขึ้นมา เพียงเพราะคิดถึงริมเขื่อนที่ยั่วยวนผมในวันนั้น!!







“เอ้า ชน!!”

แกร๊ง

เสียงแก้วกระทบกันดังกึกก้อง แทรกเสียงเพลงจากดนตรีสดที่เล่นอยู่มุมหนึ่งของร้าน ผมที่กลับเอาของไปเก็บที่คอนโดแล้วนั่งรถออกมาหาเพื่อนที่ร้านเป็นตัวเรียบร้องให้ทุกคนชนแก้วเอง

วันนี้แม่ง แบดเดย์ชัดๆ

คือผมไม่รู้ต้องทำตัวยังไงว่ะ หลังจากเกิดเหตุการณ์แบบนั้นกลางงาน แล้วผมก็ไม่รู้จะเอาหน้าที่ไหนไปมองหน้าเพื่อนตัวเองอีกแล้วเนี่ย

คืนนี้ไม่กลับห้องดีไหมวะ แม่งเอ้ย

“เป็นไรไอ้ไผ่ ทำหน้าอย่างกับโดนเมียทิ้ง” ไอ้นาย หัวตี้* แดกเหล้าวันนี้หันมาสนใจผมที่ถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน (มาจากคำว่าปาร์ตี้ที่ใช้ในเกม เป็นการหาเพื่อน หากลุ่มเพื่อนไปทำกิจกรรมด้วยกัน หัวตี้จึงหมายถึงคนที่เป็นเจ้าของคำชวน)

“มีเมียให้ทิ้งก็ดีดิ” ผมบอกก่อนจะกระดกแอลกอฮอล์รสฝาดลงคอ

“เฮ้ย ไอ้ต้อง จัดเหล้าเข้มๆ มาถวายไอ้ฝรั่งเสินเจิ้นนี่สักจอกดิ” คนที่นั่งข้างๆ ผมที่ชื่อ มิกซ์ ตะโกนบอกเพื่อนคนที่นั่งอยู่ข้างขวดเครื่องดื่มนับสิบ และไอ้ต้องก็แหกปากรับคำอย่างว่าง่าย

แค่แปบเดียว แก้วใบใหม่กับปริมาณแอลกอฮอล์ที่เข้มจนเป็นสีน้ำตาลก็มาวางกระแทกลงตรงหน้า เพื่อนทั้งโต๊ะหันมาเร้าหรือ ผมหยิบขึ้นมาชิมก่อนจะเบ้หน้าให้กับความข่มฝาดของมัน

“เข้มไป” ผมบอก ทำท่าจะวางลง แต่ทุกคนกลับพร้อมใจตะโกนบางอย่างขึ้นมา จนโต๊ะข้างๆ สามสี่โต๊ะหันมามองแล้วช่วยตบมือร้องเพลงไปด้วย

ไอ้พวกเหี้ย!

“ขอให้ไอ้ไผ่เพื่อนกูนั้นสุขสำราญ เหมือนดอกไม้บานยามเช้า เหมือนสัตว์สี่เท้าอ้วกเช้าอ้วกเย็น เอ้า! กรึบกะระรึบกรึบกรึบ ไม่หมดไม่เลิก ไม่หมดไม่เลิก”

ไอ้คำว่าไม่หมดไม่เลิกยังดังต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าผมจะกระดกจนหมดแก้ว

และใช่ ผมที่ถูกกดดันจากคนครึ่งร้านจำเป็นต้องซดเครื่องดื่มรสจัดลงคอจนหมด

ปัง!

ผมใช้หลังมือปาดคราบน้ำที่หกเลอะคางออกก่อนจะกระแทกแก้วลงบนโต๊ะเป็นเชิงบอกว่า กูดื่มหมดแล้วโว้ย! พวกเพื่อนๆ คนอื่นหัวเราะเฮลั่นก่อนจะคว้าแก้วเปล่าไปเติมเหล้าเข้ามาในทันที

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ ได้แล้ว พวกเราเข้ามานั่งในร้านตั้งแต่สามทุ่ม ดังนั้นตอนนี้สภาพทุกคนเลยดูครื้นเครงจนเกินเหตุ แถมยังได้เบียร์ฟรีมาอีกสองขวดเพราะโต๊ะข้างๆ จะกลับแล้วกินไม่หมด ผมที่โดนไปทั้งเหล้าทั้งเบียร์เซสติไม่เต็มร้อยอยู่เหมือนกัน ตอนนี้เลยได้แต่กอดคอเพื่อนแล้วแหกปากร้องเพลงเสียงดังลั่นร้านไป บางครั้งก็นั่งซึมกะทื่อเพราะยังนอยด์กับเรื่องเมื่อตอนกลางวันอยู่

จริงๆ มันเป็นเรื่องที่โคตรไม่อยากจะนึกถึงเลย

ผมขึ้นเพราะคิดถึงไอ้เขื่อน จนต้องหลบไปทำใจให้สงบในห้องน้ำทั้งๆ ที่ยังถ่ายงานไม่เสร็จ

คิดแล้วก็เครียด พอเครียดก็ยกแก้วขึ้นดื่มอึกๆ ไม่สนใจว่าเหล้ากับเบียร์ไม่ควรซัดเข้าไปผสมกัน เพราะนอกจะเมาอย่างหมาแล้ว พรุ่งนี้คงแฮงก์แบบไม่สามารถลุกขึ้นไปไหนได้แน่ๆ

“นาย คืนนี้กูไปนอนด้วย” ผมหันไปบอกเพื่อนที่สนิทที่สุดในกลุ่ม ไอ้นาย เจ้าของชื่อไลน์ ‘นายอย่ามามั่ว’ ที่ผมไม่เคยเข้าใจตรรกะการตั้งชื่อนี้เลยสักครั้ง

“ไม่เอา ห้องกูไม่ว่าง”

“ทำไมวะ”

“เมียอยู่”

“...”

เกลียดว่ะ

ผมเบ้ปาก ก่อนจะหันไปขออาศัยที่นอนคนอื่นต่อ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครว่างสักคน ไม่ติดแฟนก็กะจะลากผู้หญิงกลับห้อง แล้วผมจะทำอะไรได้ นอกจากยกแก้วย้อมใจแล้วปล่อยให้ความเศร้าทำงานของมันไป

เวิ่นเว้อไหม

ครับ ผมเมาแล้ว

ผมไม่รู้ว่ากินไปเยอะมากแค่ไหน ไม่รู้ว่าไปกอดคอไอ้ต้องไอ้มิกซ์ร้องเพลงอยู่หน้าเวทีตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีคือโดนเพื่อนจับยัดรถแท็กซี่เพื่อกลับมาคอนโดแล้ว

ผมหลับไปบนรถ จนกระทั่งคนขับปลุกเพราะว่าถึงที่หมายแล้ว โชคดีที่โลกนี้พัฒนาไปไกลกว่าเดิม ผมถึงสามารถตัดบัตรเดบิตเป็นการจ่ายค่ารถแทนควานหาเงินในกระเป๋าตังค์ในสภาพที่สติแทบจะเหลือศูนย์

ผมเดินโซเซไปกดลิฟต์ ฉีกยิ้มร่าให้ลุงยามและคนที่เดินผ่าน พอเมาดันมนุษยสัมพันธ์ดี ทักทายกับคนที่ขึ้นลิฟต์มาด้วยกันอย่างสนิทสนม เขาก็ยิ้มๆ หัวเราะผมบ้างแต่ก็ยอมคุยด้วย ช่างเป็นคนดีจริงๆ เลย

แต่พอก้าวขาพ้นประตูลิฟต์ ผมก็ลืมหน้าคนที่คุยด้วยเมื่อสักครู่ไปโดยสิ้นเชิง

“เอิ๊ก” ผมเรอ ขณะพยายามยั้งตัวเองให้ยืนตัวตรงเพื่อควานหาปุ่มกรอกรหัสห้อง แต่ด้วยความมึนเมาทำให้ผมไม่สามารถจิ้มเลขหกหลักเพื่อเปิดประตูได้ สุดท้ายมันก็แจ้งเตือนว่ากดผิดเกินจำนวนครั้งที่กำหนด และภายในห้องก็ได้ยินเสียงร้องเตือนปิ๊บยาวๆ อยู่นานประมาณหนึ่ง

และเสียงนั่นคงจะปลุกคนที่มาอาศัยเตียงนอนในห้องผมให้ตื่นขึ้นมา

ผมเอียงกะเทเร่พิงผนัง หลับตาและพยายามคุยกับตัวเองเพื่อไม่ให้หลับ สติสตังผมไปหมดแล้ว ร่างกายเบาหวิวและชาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า อีกนิดผมคงลอยขึ้นไปแตะเพดาน ถ้าไม่ใช่เพราะประตูห้องเปิดออกก่อนผมว่าผมได้ลอยขึ้นไปจริงๆ

“ไผ่?”

“เขื่อออออน” ผมเรียกเสียงยานคาง ฉีกยิ้มกว้างแล้วทิ้งน้ำหนักตัวหาคนที่ยืนหน้าง่วงอยู่ตรงกรอบประตู “พากูเข้าห้องหน่อย อึก กูมาววว”

และร่างกายผมก็ถูกฉุดกระชากลากถูเข้าไปถึงเตียงนอนจนได้

รอดแล้วโว้ยยยยย

ผมกางแขนอย่างผู้ชนะ หลับตาพริ้มสัมผัสไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศและที่นอนนุ่มนิ่ม แม้จะยังคงไม่มีผ้าปูที่นอนแต่มันก็สบายกว่าการยืนพิงผนังอย่างหมดสภาพแบบเมื่อกี้ล่ะนะ

“เมาหนักขนาดนี้ใครมาส่งเนี่ย”

“แท็กซี่” ผมบอก “เก่งป่าว กูกลับเองได้”

“เก่งๆ” เขื่อนว่าอย่างเอือมระอา ก่อนจะลากผมขึ้นไปนอนบนเตียงดีๆ “กลิ่นเหล้าหึ่งเลย”

“เขื่อน...”

“หืม?”

“อย่ามาเนียนกอดนะ” ผมบ่น เพราะคนที่ลากผมขึ้นไปนอนกลับยังไม่ยอมคลายอ้อมแขนออก แถมยังใช้ฝ่ามือลูบหลังผมเบาๆ ไปมาด้วย

“เมาไม่ใช่เหรอ รู้ได้ไง” เขื่อนว่ากลั้วหัวเราะ ร่างสูงยอมปล่อยมือออกจากผม ก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมให้ถึงหน้าอก

ผมฉีกยิ้มโอ้อวด “เก่งไง”

“ครับ เก่งๆ” ริมเขื่อนชมแล้วทิ้งตัวลงมานอนข้างๆ คนตัวสูงตะแคงข้างหันมามองหน้าผมก่อนจะยิ้มจาง ฝ่ามืออุ่นก็เอื้อมมาลูบแก้มผมเบาๆ ก่อนจะกวาดสายตาสำรวจทั่วใบหน้า

“มึงง”

“ว่า?”

“เบื่อขี้หน้ามึง”

“...” เขื่อนไม่ตอบ แต่เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

“แม่ง กูเครียด!”

“เป็นอะไรไผ่”

“ไอ้เขื่อน มึงมันเลว”

“เดี๋ยวไผ่ เยอะแล้วมึง”

ผมเบ้ปาก ย่นจมูกอย่างไม่พอใจ จริงๆ อย่างพุ่งเอาหัวโขกจมูกโด่งๆ นั่นให้เลือดซิบ แต่แค่ขยับตัวนิดหน่อยโลกก็เหวี่ยงชิบหาย ผมเลยทำได้แค่นอนกระพริบตามองหน้าริมเขื่อนอย่างเครียดแค้น

“โผล่หัวมาทำเหี้ยอะไร”

“มึงเมาไผ่ นอนได้แล้ว” ผมเห็นคิ้วโก่งสวยนั่นกระตุก แต่ผมก็ไม่ยอมหยุดด่ามัน

ต้องด่า แม่ง

เรื่องนี้ต้องด่าให้ถึงที่สุด

ด่าให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย

“แม่ง กูถ่ายงานอยู่เสือกโผล่มาไม่ดูเวล่ำเวลา”

“อะไรของมึงเนี่ย”

“ไอ้เขื่อนไอ้เหี้ย แม่งมาทำกูโด่ทำไมวะ”

“ไผ่นอ-” คนที่พยายามปรามผมหุบปากฉับทันที “มึงว่าอะไรนะ ใครทำมึงโด่”

“มึงไงจะใครล่ะ” พูดไปก็เผลอหัวเราะไปเพราะประโยคมันคุ้นหูแปลกๆ ไม่น่าเรียกเมา น่าเรียกว่าบ้าแล้วผมว่า

เอ้อ เมาแล้วด่าตัวเองก็ได้ด้วย

ผมพ่นลมหายใจแล้วพลิกตัวคว้าหมอนข้างมากอดเตรียมจะนอน แต่ริมเขื่อนกลับกระชากหัวไหล่ผมให้หันกลับไป ร่างสูงชันตัวขึ้นมาจ้องหน้าผมอย่างคาดคั้น

“ไผ่...”

ทำไมต้องกดเสียงต่ำด้วย

ผมขมวดคิ้ว มองใบหน้าสวยที่พร่าเบลอจนซ้อนเป็นสองสามชั้น

“อธิบายที่พูดเมื่อกี้หน่อย”

“เรื่องไรวะ”

“ที่มึงบอกว่า... กูทำมึงโด่”

“ก็มึงทำกูโด่ไง เอิ้ก”

“ได้ไง”

เนี่ย คาดคั้นอีก ผมอุตส่าห์ลืมไปแล้ว อุตส่าห์เลิกหงุดหงิดไปแล้ว

พอโดนขุด ผมเลยกลับมาโมโหผสมอับอายอีกครั้ง

“ก็มึงโผล่มาในหัวกู มาทำหน้ายั่วใส่กูไงไอ้เหี้ย!”

ถ้าผมตื่นมาแล้วจำเรื่องตอนนี้ได้

บอกคำเดียวเลยว่า... นรก!


______________________
Talk: โปรเจคผ่านแล้วค่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
รอดแล้วโว้ยยยยยยย ร้องไห้  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ได้มีเวลาเขียนนิยายแล้ว เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆ
คิดถึงทุกคนนะคะะะะะ จุ้บเหม่งที

เอ็นดูข้องเขื่อนกับพี่ไผ่ด้วยเน้ออ ร้ากกกก :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 10 [27-Nov-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 27-11-2018 21:30:13
ชิบหายแน่นอนคุณไผ่5555555
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 10 [27-Nov-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-11-2018 21:49:03
 :hao7:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 10 [27-Nov-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-11-2018 22:33:40
ว้าย สืบกันยาวๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 10 [27-Nov-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 28-11-2018 00:08:28
น้องไผ่ ไม่รอดแล้วล่ะ  5555

* ยินดีด้วยนะคะที่โปรเจ็คผ่านแล้ว.  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 10 [27-Nov-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-11-2018 02:31:42
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 10 [27-Nov-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-11-2018 06:42:46
 :laugh:



บานเหมือนดอกไม้บานยามเช้า
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 10 [27-Nov-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 28-11-2018 12:37:17
ไผ่ พูดได้คำเดียว รอดยาก !!!!
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 10 [27-Nov-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 28-11-2018 12:47:29
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 10 [27-Nov-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-11-2018 15:14:34
5555 :laugh: อยากบอกว่าฉิบหายแน่ไผ่ เรื่องนี้เขื่อนต้องขยายยยยยยยย
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 10 [27-Nov-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 28-11-2018 17:03:00
น้องไผผผผผ่ปล่อยไก่แล้ว เสร็จคนสวยแน่ 555555555555
เป็นกะลังใจให้คนเขียนนะค้า ชอบมากๆเลย อยากกอ่านต่ออี๊กกกก :hao7:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 10 [27-Nov-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 28-11-2018 17:27:26
กรรม. 5555
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 10 [27-Nov-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 28-11-2018 18:36:10
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 10 [27-Nov-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 28-11-2018 19:14:32
 :mew5: :mew5: :mew5:


บอกได้เลยว่ารอดยาก!
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 10 [27-Nov-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-11-2018 20:38:09
อยู่ยากแล้วนะไผ่ หลุดหมดแล้ววว  :hao7:

ปล. มีคำผิดตรงบรรทัดแรกค่ะ *ปั๊ม*กุญแจ นะคะ
ดีใจด้วยเรื่องโปรเจ็คค่าา เย่  :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 10 [27-Nov-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 29-11-2018 00:15:42
ซวยแล้ว5555
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 10 [27-Nov-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 01-12-2018 06:31:48
ไผ่เอ๋ยเมาแล้วเผยหมดเลยงี้เขื่อนจัดเลยม่ะ :z1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 11 [03-Dec-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 03-12-2018 18:36:16
บทที่ 11



ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหน่วงที่ศีรษะ และร่างกายที่ดูจะเคล็ดขัดยอกไปเสียทุกส่วน กลิ่นเหม็นจากเหงื่อไคลทำให้ต้องย่นจมูกกับตัวเองอย่างรับไม่ได้ ทั้งหัวยังเต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่และแอลกอฮอล์มากมายจนชวนให้ขมคออยากอาเจียนออกมา อาการแฮงก์ทำให้แค่คิดถึงสิ่งที่กินเข้าไปเมื่อคืนก็รู้สึกอยากขย้อนน้ำย่อยในกระเพาะทิ้ง

ผมเลิกผ้าห่มออกก่อนจะลากขาที่ขึ้นรอยช้ำสีม่วงๆ อยู่สามสี่จุดไปยังห้องน้ำ ไม่รู้ว่าเมาแล้วไปทำอะไรเอาไว้ ทั้งแขนทั้งขาผมถึงได้ชอกช้ำไปหมดขนาดนี้

ในห้องนอนเงียบมากเพราะไม่มีคนอยู่ ผมไม่ได้สนใจว่าริมเขื่อนไปไหน สายขนาดนี้อาจจะออกไปทำงานแล้ว ผมจึงเปลื้องเสื้อผ้าทุกอย่างที่หน้าตะกร้าผ้าก่อนจะเดินโทงๆ พาดผ้าขนหนูไว้บนบ่าเข้าห้องน้ำไป

ซ่า ซ่า

“เฮ้อออ” ผมพ่นลมหายใจขณะทิ้งตัวอยู่ใต้ฝักบัวเหนือศีรษะ ความเย็นช่วยให้ร่างกายสดชื่น แต่ไม่ได้รักษาอาการแฮงก์พวกนี้เลยสักนิด

ผมฟอกสบู่ ขัดๆ ถูๆ หนังศีรษะ ก่อนที่จะจบท้ายด้วยการล้วงคออ้วกแล้วแปรงฟันที่หน้ากระจกอย่างขมักเขม้น สีหน้าของผมย่ำแย่แหละเหยเกตลอดเวลา

ของร้อน ผมต้องหาอะไรร้อนๆ กินก่อนที่จะไร้วิญญาณไปมากกว่านี้

“อ้าวไผ่ ตื่นแล้วเหรอ”

ผมที่เดินงกๆ เงิ่นๆ ออกมาที่ห้องครัวต้องหยุดชะงักเพราะใครบางคนยืนถือตะหลิ่วแกว่งไปมาหน้าเตา ริมเขื่อนหันมาฉีกยิ้มหวานให้ก่อนจะพยักเพยิดไปที่หม้อใบกลางข้างตัว

“ทำซุปสาหร่ายไว้ให้ กับพะแนงไก่ของโปรดมึง”

“ทำไมแต่งตัวแบบนั้น”

ผมไม่ได้สนใจเมนูอาหารที่ส่งกลิ่นยั่วน้ำย่อยในกระเพาะ

ดวงตาสีอ่อนแบบฝรั่งกวาดมองทั่วสารร่างของเพื่อนที่สวมผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลเข้มเรียบๆ มันคงจะไม่อะไรถ้าริมเขื่อนไม่เปลือยท่อนบนแล้วข้างล่างใส่แค่บ็อกเซอร์แนบเนื้อ

ผมขมวดคิ้ว รู้สึกสมองปวดตุบยิ่งกว่าเก่า

“มันทำไม?” คนหน้าสวยเลิกคิ้วถามก่อนจะกลับไปสนใจผัดเนื้อไก่ในกะทะต่อ แต่ไม่รู้ผมเมาแล้วรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าวันนี้ริมเขื่อนมันประหลาดจนน่ากลัว

แค่ทำกับข้าว คงไม่จำเป็นต้องแอ่นสะโพกขนาดนี้มั้ง

ไหนจะท่าใช้ตะหลิวผัดที่ดูไม่ต่างจากกำลังถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสารอยู่ ผมผูกปมคิ้วแน่นกว่าเก่า มองหลังคอขาวเนียนที่มีไรผมบางๆ ตกลงมาปรก เขื่อนมัดก้อนดังโงะลวกๆ ไว้กลางศีรษะ ช่วงหน้าปล่อยปอยผมออกมาเล็กน้อย โชว์โครงหน้ารูปไข่กับคางมนสวยให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น

“เสร็จแล้ว มึงไปตักข้าว” เขื่อนใช้ตะหลิวชี้ไปที่หม้อหุงข้าวก่อนจะค่อยๆ ตักพะแนงไก่ใส่จานจนหมดไม่เหลือน้ำแกงสักหยด
ผมทำตามอย่างว่าง่ายด้วยความหิว คว้าจานสองใบมาคดข้าวใส่พอประมาณ หยิบช้อนหยิบส้อมแล้วเอาไปตั้งไว้บนโต๊ะกินข้าว ริมเขื่อนยกถ้วยซุบและจานพะแนงเข้ามาไว้บนโต๊ะ ส่วนผมเป็นลูกมือหาน้ำหาท่ามาให้พ่อครัวแสนสวยที่อยู่ในสภาพโป๊เปลือยไม่น่ามอง

กว่าเราจะได้ตักข้าวเข้าปากจริงๆ ก็เกือบห้านาทีได้ ผมซดซุปสาหร่ายก่อนเป็นอย่างแรก ทันทีที่ความอุ่นร้อนผ่านลงคอไป ราวกับผมได้ตายแล้วเกิดขึ้นมาใหม่ สมองปลอดโปล่ง ลำคอโล่ง และสีหน้าก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ

“อร่อย” ผมบอก ไม่ค่อยได้กินกับข้าวฝีมืออีกคนเท่าไหร่ ล่าสุดก็คงเป็นตอนปีสามที่เขื่อนเข้าครัวครั้งแรก รสชาติไม่ต้องพูดถึง ผมต้องไปทอดไข่เจียวมาจิ้มซอสกินเพราะเค็มเกินกว่าจะยัดลงคอได้ “ทำบ่อยเหรอ”

“ฝึกไว้ เผื่อจะมีคนมาขอแต่งงาน”

“แม่ศรีเรือนจริงๆ” ผมแซวกลับเมื่ออีกคนหยอกล้อมา

ริมเขื่อนหัวเราะ ตักข้าวเข้าปากคำโต คนตัวสูงไม่ยอมถอดเสื้อกันเปื้อนก่อนมานั่งกินข้าว ผมไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร รวมถึงไม่เข้าใจตัวเองด้วยที่ห้ามลูกกะตาตัวเองไม่ได้

มันเอาแต่มองยอดอกสีน้ำตาลที่วับๆ แวมๆ ออกมาจากเสื้อกันเปื้อน ผมกระพริบอยู่หลายทีทั้งพยายามเพ่งจุดโฟกัสไปที่อื่น แต่สุดท้ายก็วกกลับมาที่หน้าอกอีกคนทุกที

ริมเขื่อนก็ขยันขยับตัวให้เสื้อพะเยิบจริงๆ!

ผมตัดสินใจรีบจ้วงข้าวเข้าปาก จะได้หนีออกจากสถานการณ์อันตรายนี้โดยเร็ว

แต่คุณรู้อะไรไหม มันไม่ง่ายขนาดนั้น

คนตัวสูงที่กินข้าวแบบลีลาสุดชีวิตเงยหน้าขึ้นมามองผม ยื่นจอโทรศัพท์มาให้ก่อนจะถามเสียงใสราวกับเด็กไร้เดียงสา ผมขมวดคิ้วมองหัวข้อบทความบนจอ ก่อนจะเผลอผงะร่างออกห่างทันทีที่อ่านจบ

“มึงว่าจริงไหม”

“กู กะ กูจะไปรู้ไหม”

“อยากรู้ว่ะ” ริมเขื่อนพึมพำกับตัวเอง เขาวางช้อนลงบนจานก่อนจะเริ่มก้มมองสำรวจร่างกายของตนอย่างคิดวิเคราะห์

ผมกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอ

“เขื่อน มึงจะทำอะไร”

“พิสูจน์ไง”

“อย่า”

อย่าทำ!!

ผมตะโกนด้วยเสียงดังก้องในใจ แต่ปากกลับไม่สามารถเปล่งคำพูดอะไรออกมาได้

ภาพตรงหน้าคือสิ่งที่ผมไม่อาจทนดูมันได้ แต่ตาเจ้ากรรมกลับเอาแต่จ้องเขม็งไม่ยอมกระพริบเลยสักนิด

ผมกลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง ปลุกปลอบตัวเองแล้วฝืนให้ขาสองข้างรีบพาผมออกไปจากตรงนี้เสียที แต่ทุกอย่างกลับแข็งทื่อไม่ขยับ

“อึ่ก ไผ่”

“มึง ย...หยุด” เสียงผมควรแข็งแรงกว่านี้ มั่นคงกว่านี้ ถ้าผมต้องการห้ามริมเขื่อนจริงๆ มันไม่ค่อยอ่อนระโหยเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรงแบบนี้เลย!

“มึง มันจริงว่ะ... อือ” ริมเขื่อนกัดปากก้มหน้าลงมองพื้น แก้มของเขาแดงแจ๋ รวมถึงร่างกายที่เลือดสูบฉีดมากจนผิวเนื้ออมชมพูไปทั้งตัว “ผู้ชายรู้สึกตรงนี้ได้จริงๆ ด้วย”

ผมกลืนถ้อยคำห้ามปรามลงท้อง

มองคนที่ใช้ปลายนิ้วสะกิดหยอกอกตัวเองทั้งสองข้าง ก่อนจะกัดปากส่งเสียงซี๊ดซ๊าดออกมาเป็นระยะ ช่างขาขาวยกขึ้นตั้งชันบนเก้าอี้ บ็อกเซอร์ที่ทั้งสั้นทั้งรัดขับเน้นส่วนนูนเว้าจนเห็นรูปร่างของมันชัดเจน

ผมทำอะไรไม่ได้ นอกจากยืนทื่อมองภาพตรงหน้าอย่างสติหลุดลอย

ภายใต้กางเกงบอลที่ทั้งใหญ่ทั้งย้วย กลับมีบางอย่างดุนดันจนผมรู้สึกได้ถึงแรงดีดตัว ความคับแน่นทำให้ต้องเอื้อมมือลงไปจัดระเบียบอย่างลืมตัว

กว่าจะได้สติ ริมเขื่อนก็กลับมานั่งกินข้าวพลางมองผมด้วยรอยยิ้มจิ้งจอกร้าย

คนตัวสูงตักข้าวเข้าปากคำนิดเดียว แต่กลับใช้ลิ้นเลียเก็บทุกรอยเปื้อนอยู่นาน ดวงตาสีดำสนิทมองมาที่ผมอย่างมั่นคง ส่งแววตาโหยหาปนยั่วยวนมาให้ แทบไม่ต้องตีความสายตาพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ ผมเม้มริมฝีปากเข้าด้วยกัน สูดลมหายใจเข้าสุดปอดก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารแล้วเดินกลับเข้าห้องอย่างเงียบๆ

มีบางอย่างไม่ถูกต้อง

ผมไม่รู้ว่าตอนที่เมาเผลอทำอะไรลงไปบ้าง

แต่ที่แน่ๆ... ไม่น่าใช่เรื่องดี








ผมลงกลอนขังตัวเองไว้ในห้องนอน พ่นลมหายใจพรูผ่านริมฝีปากก่อนจะขยี้เส้นผมอย่างรุนแรง อะไรๆ ตรงนั้นหดกลับไปเรียบร้อย แต่สิ่งที่ตกค้างอยู่หลังจากนั้นกลับไม่หดตัวเล็กลงเลย

ผมกำหัวเข่าตัวเองแน่น ถอนหายใจเป็นครั้งที่สอง

“กูจะไปฟิตเนสข้างล่าง”

“เออ”

“ไปด้วยกันไหม”

“ไม่ไป”

“ไปด้วยกันหน่อยดิ คนในนั้นชอบมาวุ่นวายกับกูอ่ะ”

ผมหันไปมองบานประตูที่ปิดสนิท เสมือนว่ามันคือตัวแทนของริมเขื่อนที่ยืนอยู่นอกห้อง

“ไม่เอา ปวดหัว”

“ไปด้วยกันหน่อย... นะ”

“กูจะนอนเขื่อน”

“ไผ่...” เขื่อนลากเสียงยาว “ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย คนในฟิตเนสชอบมาลวนลามกูจริงๆ นะ”

เล่นฟิตเนสมาตั้งหลายปี ทำไมเพิ่งมามีปัญหาไปคนเดียวไม่ได้วะ

ผมขมวดคิ้ว เดินไปดึงประตูเปิดเพื่อมองหน้างูพิษที่ทำเป็นหงอยให้น่าสงสาร ริมเขื่อนทำปากบึน กระพริบตาปริบๆ พลางห่อไหล่จนเหมือนคนตัวเล็กตัวน้อย

ถ้าไม่ติดว่าเบ้าหน้าดี ท่าทางพวกนี้คงน่าหงุดหงิดไม่น้อย

“ถ้ารู้ว่าคนลวนลาม มึงจะใส่เสื้อกล้ามทำไม” ผมชี้ไปที่เสื้อกลางสีขาวที่ผ้าบางจนมองเห็นอะไรต่อมิอะไรไปหมด แทบไม่ต่างจากเปลือยอกเลยสักนิด ริมเขื่อนยิ้มแหย ดึงคอเสื้อขึ้นขณะสรรหาเหตุผลมารองรับ

“ออกกำลังกายต้องใส่เสื้อผ้าสบายๆ นะ”

“เฮ้ออ” ผมพ่นลมหายใจ พลางบอกเสียงอ่อย “กูปวดหัว”

“ปวดมากเลยเหรอ” ริมเขื่อนขยับเข้ามาหาพลางใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งกดลงมาตรงขมับผม แรงนวดคลึงเบาๆ ช่วยให้หัวคิ้วผ่อนคลายลงเยอะ ผมหลับตาพริ้ม อยู่แบบนั้นสักพักจนริมเขื่อนเป็นฝ่ายถอนมือออกไปเอง

“ไม่ต้องไปก็ได้”

“อืม”

“แค่เทรนเนอร์ชอบมาจบหน้าอกกู”

“...”

“แค่ตอนอาบน้ำผู้ชายชอบมายืนใกล้ๆ”

“...”

“แค่ถูกลวนลามเอง กูไม่เป็นไร”

“มึงเล่นฟิตเนสที่นี่มากี่ปีแล้ว”

“สองปี”

“อยู่มาได้ตั้งสองปีนะ”

ริมเขื่อนยิ้มไม่ตอบ หน้าสวยๆ เปลี่ยนเป็นออดอ้อนแทนที่การตัดพ้อ คนตัวสูงกว่าโน้มตัวลงจนใบหน้าอยู่ต่ำกว่าผม ช้อนตาขึ้นก่อนจะกระพริบช้าๆ เอียงศีรษะเล็กน้อย แล้วจบด้วยการส่งเสียงอ้อนวอนในลำคอเบาๆ

“ไปคุมกูหน่อยสิ”

“จำเป็น?”

“ที่สุดเลย”

ต้องเดาไหมครับว่าผมทำยังไง

ก็เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วคว้ากระเป๋าเดินตามริมเขื่อนลงมาที่ฟิตเนสของคอนโดต้อยๆ ไงล่ะครับ แม้จะปวดหัวแค่ไหน ร่างกายสั่งให้ล้มตัวลงนอนมากแค่ไหน

สุดท้าย แพ้ทางก็คือแพ้ทางวันยังค่ำ

ริมเขื่อนพาผมมาที่ลู่วิ่งก่อนจะบังคับให้ออกกำลังกายไปด้วยกัน ตอนแรกผมจะปฏิเสธ แต่เพราะอีกคนยกเอาเหตุผลร้อยแปดรวมถึงใช้มือมาบีบพุงผมเป็นก้อนๆ แล้วบอกว่าอ้วนน่าเกลียด ผมเลยต้องมาวิ่งเหยาะๆ บนลู่ข้างผู้ชายตัวสูงที่ปรับความชันของลู่วิ่งเสียสูงจนผมแค่มองยังเหนื่อยแทน

ผมหยิบหูฟังมาสวมและเปิดเพลงฟังไปเพลินๆ ด้วยความที่ไม่ได้ออกกำลังกายมานานทำให้วิ่งบ้างเดินบ้าง แต่ก็อยู่บนลู่จนครบสามสิบนาทีตามโปรแกรม ผมหอบหายใจเล็กๆ ขณะรอให้โปรแกรมคูลดาวน์จบลง แอบเหลือบมองไปข้างตัวก็พบว่าริมเขื่อนเหงื่อซก หายใจแรงจนหน้าอกกระเพื่อมหนัก

ร่างสูงใช้หลังมือปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก หันมายิ้มให้ผมก่อนจะชี้ไปยังสนามมวยที่มีคนเล่นบ้างประปราย

“กูจะไปต่อยมวย ไปด้วยกันไหม”

ผมส่ายหน้าทันที

ไม่ไหวหรอกครับ แฮงก์ๆ แบบนี้ใครเขาใช้แรงขนาดนั้นกัน

“ข้างๆ มีโซฟา ไปนั่งรอตรงนั้นก็ได้” ริมเขื่อนชี้ตำแหน่งบอก “หรือจะไปเล่นเครื่องอื่นก็ได้ แต่อย่าไปไกลกูมากนะ”

“ทำไมอ่ะ”

“ก็กูให้มึงมาคุมกู ถ้ากูไม่อยู่ในสายตามึงตลอด จะเรียกว่าคุมเหรอ”

“คือกูต้องมองมึงตลอดว่างั้น”

“อ่าฮะ”

“เป็นเด็กรึไง”

“ถ้ากูถูกลวนลาม มึงจะได้มาช่วยทัน”

“เอาจริงๆ นะเขื่อน ถ้ามีคนลวนลามมึงจริง กูก็ช่วยอะไรมึงไม่ได้” ผมบอกพลางกวาดสายตามองมนุษย์กล้ามในฟิตเนสแห่งนี้จนทั่ว ก่อนจะเบ่งกล้ามแขนที่มีแต่ก้อนไขมันย้วยๆ โชว์แทน “กูโดนต่อยทีก็ร่วงแล้ว”

“คิดว่ากูจะยอมให้ใครมาต่อยมึง”

“...” ผมเงียบ มองคนที่พูดด้วยสีหน้าจริงจังแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “อย่างงั้นก็ไม่เรียกกูปกป้องมึงแล้วป่ะเขื่อน”

“ไม่เป็นไร กูปกป้องเอง”

“...”

“กูจะดูแลมึงเอง กูสัญญา”

_________________________
Talk: สั้นไปนิดดดด จริงๆ มีต่ออีก แต่ยาวไปแน่ๆ เลยยกยอดไปไว้ตอนหน้า
ตอนหน้าเจ้าไผ่ถูกต้อนไปอยู่ห้องเดียวกับงูพิษแล้ว
เข้าถ้ำเสือ นอกจากจะได้ลูกเสือแล้ว อาจจะได้พ่อเสือมาด้วยก็ได้ อิอิ


ขอบคุณทุกยอดวิวยอดคอมเม้นยอดกดบวก
รักนะคะ กำลังใจดีจังงงงงง  :mew1: :mew1:
สัญญาจะพัฒนางานเขียนให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 11 [03-Dec-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-12-2018 19:27:16
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 11 [03-Dec-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 03-12-2018 19:43:22
โอย ใจบ่ดี  :-[
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 11 [03-Dec-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-12-2018 19:44:28
 o13  ดำเนินการต่อไปนะเขื่อน
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 11 [03-Dec-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 03-12-2018 19:56:53
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 11 [03-Dec-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-12-2018 20:47:09
อ่อยรัวๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 11 [03-Dec-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 03-12-2018 20:47:28
 :katai3: :katai3: :katai3:

ไม่รอด....ไม่ว่าเขื่อนจะทำอะไรหนูไผ่ก็จำต้องยอมไปโหม้ดดดดด
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 11 [03-Dec-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 03-12-2018 21:22:04
นังไผ่น่าร้ากกกกกกกกกก​ เขื่อนแม่งคือหมาป่าชัดๆหมาป่าห่มหนังแมวสวยๆ​ จริงๆคือคนรว้ายๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 11 [03-Dec-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 03-12-2018 21:26:15
อ่อยไปอีก ๆๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 11 [03-Dec-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-12-2018 21:35:02
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 11 [03-Dec-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 04-12-2018 04:31:54
เอ้า....อ้อยเข้าไป. อ้อยแรงจริงๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 11 [03-Dec-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 04-12-2018 06:54:52
อ่อยเก่งจริงนะเขื่อน
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 11 [03-Dec-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 04-12-2018 07:37:12
เขื่อนสุดยอด อ่อยแรงมาก  :laugh:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 11 [03-Dec-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 04-12-2018 08:54:33
โอเพ่นขนาดนี้ วางกับดักรัวๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 11 [03-Dec-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 04-12-2018 13:41:10
หายไปนานนนน มาต่อทีทิ้งไว้ให้อยากอ่านต่ออีกกกก

รอติดตามความเจ้าเล่ห์ของนังเขื่อนนะค้าาาา

 :hao6:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 11 [03-Dec-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 04-12-2018 16:48:37
น้องไผ่ หนูจะโดนงาบแล้วลูก
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 11 [03-Dec-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 04-12-2018 21:30:16
งุ้ยยย
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 11 [03-Dec-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 04-12-2018 22:35:30
เขื่อนอ่อยเข้าไปเดี๋ยวก็ได้กิน :hao6:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 11 [03-Dec-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-12-2018 23:42:23
อ่อยอีกน้องเขื่อนรูกก เอาให้สุดดดด  :hao7:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 11 [03-Dec-2018] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 08-12-2018 10:09:08
น้องเขื่อนจะดูแลเอง น่ารักจังรออ่านต่อค้าบ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 12 [08-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 08-12-2018 22:13:28
บทที่ 12




ริมเขื่อนมองหน้าผมอย่างจริงจัง ทั้งยังใช้มือมาเนียนลูบศีรษะผมอีก แต่ก็ได้แค่แปบเดียวเท่านั้นเพราะผมขยับหัวหนีก่อนจะส่ายหน้าอย่างเอือมระอาให้

“ไปต่อยมวยไป จะได้กลับไปนอนสักที” ผมบอกแล้วขยับตัวหนีออกมา โซฟาไม่ไกลจากสนามมวยคือจุดหมายปลายทางที่เล็งเอาไว้ แอบได้ยินริมเขื่อนหัวเราะร่าตามมาแต่ผมไม่ยอมหันกลับไปมอง

ไม่มีทางที่ผมจะให้เขื่อนมันเห็นหน้าของผมตอนนี้

คงเพราะออกแรงวิ่งบนลู่มานาน หัวใจเลยทำงานดีไม่น้อย เลือดที่สูบฉีดไปตามร่างกายเลยวิ่งมากองไวบนหน้าผมจนหมด แม้แอร์ในฟิตเนสจะแรงแต่ผิวแก้มของผมกลับร้อนผ่าว

‘กูจะดูแลมึงเอง กูสัญญา’

เกลียดว่ะ ไอ้ความรู้สึกหัวใจพองโตแบบนี้เนี่ย

ผมทรุดตัวนั่งบนโซฟาตัวไม่ใหญ่นัก เอนหลังพิงพนักและปล่อยสายตาให้มองเหม่อไปยังเพดาน เสียงตุบตับของนวมกระทบเป้ากับเสียงพูดคุยจอกแจกดังแว่วมาจางๆ ผมที่ยังไม่ได้ถอดหูฟังเลือกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเพลงในแอพลิเคชั่นฟังระหว่างรอ เพลย์ลิสต์เดิมๆ ที่ฟังจนเบื่อถูกจับมาวนเล่นซ้ำไปเรื่อย

ผมเลื่อนสายตาลงมาที่ริมเขื่อน ผู้ชายร่างสูงในชุดเสื้อกล้ามบางที่เปียกเหงื่อจนแนบไปตามลำตัว สวมนวมบนมือเรียบร้อย ฝั่งตรงข้ามคือเทรนเนอร์ที่มีเป้าล่ออยู่บนมือทั้งสองข้าง ร่างกายริมเขื่อนดูดีแม้กระทั่งตอนเหงื่อโทรมกาย ทุกครั้งยามที่ออกแรงเหวี่ยงแขนและขา ผมเห็นสายตาทุกคู่ที่มองไปยังริมเขื่อนล้วนพราวระยับอย่างชอบอกชอบใจ

มัดกล้ามขึ้นชัดเมื่อเจ้าของมันเกร็งร่างกายเพื่อออกแรงซัดหมัด ยิ่งยามที่เม็ดเหงื่อไหลผ่าน ใบหน้าสวยแดงก่ำจากการใช้แรง เส้นผมหลุดลุ่ยในทุกการขยับเขยื้อนกาย ราวกับนางอัปสรกำลังร่ายรำด้วยท่วงท่าดุดัน ผมมองริมเขื่อนไม่ละสายตา คว้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแอบถ่ายรูปคนตรงหน้าเก็บไว้นับสิบรูป

เสียดายที่ไม่ได้พกกล้องมาด้วย

ผมนั่งเล่นนอนเล่นรอสักพัก นานเป็นชั่วโมงได้กว่าริมเขื่อนจะเสร็จสิ้นธุระกับนวมในมือ ร่างสูงโปร่งในสภาพเปียกทั้งตัวเดินมาหาด้วยรอยยิ้ม มือขวากระพือคอเสื้ออย่างแรงจนมันเลิกขึ้นโชว์อะไรต่อมิอะไรหมดสิ้น

“เพราะแบบนี้ไง ล่อเสือล่อตะเข้” ผมบอกพลางเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อเขื่อนไว้ไม่ให้สะบัดโชว์ลอนหน้าท้องอีก คนตัวสูงยิ้มเผล่อย่างอารมณ์ดี เมื่อผมลุกขึ้นยืนก็เอื้อมมือมาโอบไหล่กันไว้ แย่งกระเป๋าสะพายข้างไปถือก่อนจะลากกันกลับขึ้นห้องพักตามเดิม
ริมเขื่อนมาส่งผมที่ห้องก่อน จากนั้นก็แยกย้ายกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องตัวเอง ผมขัดขี้ไคลสระผมอยู่นานก่อนจะออกมานอนแผ่ทั้งๆ ที่ทั้งหัวยังเปียกซก

ขี้เกียจเป่าผมมากเลยครับ เฮ้อ

“ไผ่... ทำไมไม่เป่าผม” คนที่คิดว่าคงไม่เจหน้าแล้วในวันนี้กลับชะโงกหัวเข้ามาในห้องนอนอย่างง่ายดาย ตั้งแต่มันหลุดปากว่ามีกุญแจห้องผมไว้ในมือ ริมเขื่อนก็ไม่เคยเคาะประตูห้องอีกเลย

“นอนด้วยอีกแล้วเหรอ” ผมหาวหวอดขณะถาม

“ใช่” คนตัวสูงเดินเข้ามา กระชากแขนผมให้ลุกขึ้นนั่งก่อนหยิบผ้าขนหนูบนบ่ามาขยี้เส้นผมของผมให้อย่างแผ่วเบา ผมที่ตาจะปิดนั่งคอพับปล่อยให้อีกคนทำอะไรตามใจ

ริมเขื่อนซับน้ำออกจากผมของผมจนหมาด ลุกขึ้นขยับพัดลมหันมาจ่อตัวให้ก่อนบังคับให้ผมนั่งรอจนกว่าผมจะแห้ง เพราะด้วยความที่ผมยังไม่ได้รื้อของใช้ออกจากกล่อง พวกไดร์เป่าผมจึงยังอยู่สักที่ในลังพวกนั้น

“มึงจะย้ายของมาวันไหน” อยู่ๆ ริมเขื่อนก็โพล่งถามขึ้นมา ผมเงยหน้าจากการก้มให้ลมเป่าตรงหลังศีรษะ หันไปมองผู้ชายที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงเดียวกันพร้อมกับเลิกคิ้วถาม “เอ้า เดี๋ยวคุณโจเซฟเขาก็จะมาดูห้องทำสัญญาแล้วป่ะ เห็นเขาบอกว่าอาจย้ายเข้ามาเลยด้วยถ้าทางเราพร้อม”

“เออว่ะ” ผมขึ้นเสียงสูงเมื่อนึกขึ้นได้

คุณโจเซฟคือชาวต่างชาติที่จะมาเช่าห้องของผมอยู่ ด้วยราคาเกินครึ่งแสนที่ผมยังไม่เชื่อหูตัวเองเลยจนตอนนี้ว่าทำไมค่าเช่าแพงจัง แต่ถ้าพูดถึงทำเล ความหรูหราและกว้างขวางของคอนโดนี้ เขื่อนก็บอกว่าสมราคา เพราะต่างชาติเค้าไม่คิดเรื่องถูกแพงกว่าผ่อนเองหรอก เขาแค่จะมาอยู่ชั่วคราว ผมเลยพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ

“ยังไม่ได้จัดห้องเลย” ผมบ่นอย่างขี้เกียจ

“พรุ่งนี้กูหยุด เดี๋ยวมาช่วย”

“ใจดีจังวะช่วงนี้” ผมหยอกพลางทิ้งตัวลงนอน ถึงเส้นผมจะยังไม่แห้งแต่ผมขี้เกียจนั่งตากลมต่อแล้ว เปิดทั้งแอร์ทั้งพัดลม หนาวจะตายชัก ผมบ่นในใจขณะสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มที่แย่งจากริมเขื่อนมาใช้คนเดียว

เขื่อนกดโทรศัพท์เล่นสักพักก่อนวางลงแล้วหันมามองหน้าผมยิ้มๆ

“ทำดีหวังผลต่างหาก”

“จะกินอะไร เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง” ผมตบอกอย่างป๋ามากๆ แต่กลับถูกลากเข้าไปไว้ในอ้อมแขน ริมเขื่อนทั้งพาดมือพาดขามากกผมไว้ แทบจะม้วนผ้าห่มกับตัวผมจนกลายเป็นซูชิโรลอยู่แล้วเนี่ย

“กินมึง”

“...”

กวนตีน!

ผมตวัดหางตาไปมองไอ้ตัวร้าย ตอนแรกว่าจะไม่ดิ้นแล้วนะเพราะไม่มีแรง แต่พอริมเขื่อนพูดมาแบบนี้ผมก็ออกแรงสะบัดร่างกายให้หลุดพ้นจากการถูกตัวหนักๆ ของเพื่อนทับมาเกือบครึ่ง

“มึงปล่อย!” ผมตะโกนอัดหูคนที่ทำเป็นหลับตาพริ้ม

“ดิ้นให้หลุดดิ”

“พ่อมึง”

“เออ พ่อกูอยากคุยกับมึงอยู่เหมือนกัน”

แม่ง แม่งๆๆๆ!

ผมทำปากมุบมิบก่อนจะฉีกฟันงับลงไปบนต้นแขนแน่นไปด้วยมัดกล้ามอย่างหมั่นไส้ ริมเขื่อนร้องโอดโอ๊ย ขยับตัวหนีไปสุดฝั่งเตียงทันที

ดวงตาคู่สวยมีน้ำตาคลอเบ้า หันมามองกันอย่างตัดพ้อ ทั้งยังกดมุมปากลงจนโค้งอย่างแง่งอน ผมรับประกันได้ว่าภาพที่กำลังมองอยู่ตรงหน้าคือแฟนสาวในอุดมคติอย่างแท้จริง

เห็นแล้วก็อยากจับมาโอ๋แนบอก แต่ต้องห้ามใจเอาไว้เพราะเนื้อแท้กระต่ายตรงหน้ามันไม่ใช่น้องเขื่อนที่น่ารักอีกแล้ว!

“มึงกลับไปนอนห้องมึงเลย ขี้เกียจเห็นหน้า”

“ไผผผผผ่ เอาจริงเหรอ” เสียงออดอ้อนพร้อมร่างสูงที่คลานเข้ามาหาอย่างช้าๆ เส้นผมยาวสลวยปล่อยทิ้งละผิวแก้มและหัวไหล่กว้าง ไม่เท่าการที่ชุดนอนคอกว้างถูกแรงโน้มถ่วงรั้งลงมาจนเห็นไปถึงขอบกางเกงนอน

ผมเผลอมองหัวนมสีอ่อนนั่นอีกจนได้!

“มองอะไร...”

แล้วไอ้เจ้าของนมมันดันรู้ไง

กลบเกลื่อนแทบไม่ทัน ผมรีบเบือนสายตาหนี ซ่อนหูแดงๆ กับอาการร้อนผ่าวทั่วร่างไว้อย่างแนบเนียน โชว์ดีที่อะไรๆ ไม่ได้ตั้งโด่ขึ้นมาเสียก่อน ไม่อย่างนั้นผมจะไปตัดมันทิ้งจริงๆ ด้วย

ตั้งกับใครไม่ตั้ง มาตั้งกับเพื่อนสมัยเด็กที่มองเห็นเป็นน้องนุ่งมาตลอดเนี่ย เฮงซวย!

“มึง ไม่ให้กูนอนด้วยเหรอ กูเหงานะ”

อาจจะมีอีกอย่างที่เหมือนกันมาแต่เล็กจนโต

น้องเขื่อนขี้อ้อนยังไง ริมเขื่อนก็ขี้อ้อนแบบนั้น

ตอนเด็กๆ เด็กชายเขื่อนมักจะอยากกินขนมเป็นประจำ แล้วไม่รู้ว่าเอาแนวคิดที่ว่าต้องขอผมก่อนซื้อของมาจากไหน ถึงได้ชอบวิ่งโร่มาหาแล้วถูไถหัวออเซาะขอซื้อขนมกินก่อนกลับบ้าน ดวงตากลมโตเต็มไปความใสซื่อน่าเอ็นดู ตัวเล็กๆ กับผมเปียสองข้างขับให้คนตรงหน้ายิ่งน่ารักกว่าเด็กผู้หญิงเสียอีก

ผมมักแพ้สายตาแมวน้อยเสมอ

แต่กับริมเขื่อนตอนโต การอ้อนมันออกจะแตกต่างนิดนึง แม้จะสกินชิพแตะมือไถหัวไม่ต่างกันนัก แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไอ้ฝ่ามือทั้งนุ่มทั้งร้อนนั้นถึงลูบไล้ไปทั่วหน้าอกผมขนาดนี้

“นะมึง อยากนอนด้วย”

อาการช้อนตามองทั้งที่หัวซบอยู่บนไหล่ผมยังไม่เท่ามือนิ่มที่วางทาบบนอกข้างซ้าย ปลายนิ้วนั้นตอนแรกก็แค่นวดเฟ้นร่างกาย สักพักเริ่มยุ่มย่ามเกินกว่าเหตุ เพราะอีกฝ่ายใช้เล็บสะกิดยอดอกผมเล่นเป็นพักๆ

ไอ้ภาพเมื่อเช้าที่เขื่อนเล่นนมตัวเองก็ลอยเข้ามาในห้วงความคิดทันที

ชิบหายเอ้ย!

ป้าบ!

“โอ๊ย”

ผมเตะก้นริมเขื่อนไปทีนึงก่อนจะพาตัวเองเขยิบมาไกลสุดขอบ รั้งผ้าห่มมาคลุมตัวเองจนเห็นเพียงแค่ตา ริมเขื่อนลูบบั้นท้ายตัวเองเบาๆ พลางทำหน้าเหยเกใส่

“เจ็บ”

“สมน้ำหน้า”

“เล่นแรงจังวะไผ่ ก้นกูเป็นรอยจะทำไง”

“มึงใช้ก้นถ่ายแบบรึไง”

“ใช้สิ เผื่อมึงอยากถ่ายภาพนู้ด กูจะได้ใส่จีสตริงตัวเดียวให้มึงถ่ายไง”

ทุเรศชิบหายเลยโว้ย!









ผมย้ายของมาแล้วครับ ย้ายตั้งแต่สิบโมงเช้า จนหกโมงเย็นแล้วถึงค่อยจัดการอะไรต่อมิอะไรเสร็จ ด้วยความที่ค่าเช่าห้องแพงผมเลยยกพกเฟอร์นิเจอร์มาจัดทำความสะอาดให้อย่างเรียบร้อย ที่ยกมาไว้ห้องริมเขื่อนก็มีแค่ของใช้ส่วนตัวเท่านั้น

ตอนแรกจะขนที่นอนหมอนมุ้งไปด้วย แต่พอเข้ามาดูจริงๆ คือริมเขื่อนมีพร้อมทุกอย่างเลย แม้กระทั่งแปรงสีฟันอันใหม่ก็ยังมี คือจริงๆ ผมมาแค่ตัวพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบเดียวยังได้เลยครับ

แต่อย่างหนึ่งที่ออกจะย่ำแย่หน่อยเพราะริมเขื่อนเป็นคนเสื้อผ้าเยอะมาก ขนาดผมเอามานิดหน่อยยังไม่มีที่ให้ผมเก็บเลย ทำได้แค่พักเป็นทบเล็กๆ แล้วยัดไว้มุมหนึ่งของตู้ โดยมีคนตัวสูงย้ำอยู่เสมอว่าใช้เสื้อผ้าด้วยกันก็ได้ จะใช้กางเกงในด้วยเลยก็ได้นะ ผมเลยเตะป้าบเข้าให้อีกครั้งนึง

น้องเขื่อนโตมาเป็นคนแบบนี้ ผมชักอยากเห็นหน้าผองเพื่อนที่หลอมมันมาจริงๆ

“หิวอ่ะ” ผมบ่นเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำ ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่เพราะอยู่ห้องโล่งๆ ของตัวเองมานาน ตอนแรกก็กะจะนอนห้องตัวเองไปก่อน แต่ยังไงก็ขนของออกมาขนาดนี้แล้ว วันมะรืนคุณโจเซฟก็จะเข้ามาแล้ว ห้องจะได้เรียบร้อยไม่ต้องทำความสะอาดใหม่อีก

“กินอะไรดี ในห้างไหม” เขื่อนเงยหน้าขึ้นมาจากไอแพดและเสนอความเห็น

ผมพยักหน้า อย่างไรคอนโดนี้ก็ติดรถไฟฟ้า เพราะฉะนั้นการไปห้างคงง่ายกว่า ริมเขื่อนก็เป็นถึงนายแบบชื่อดัง ออกไปข้างนอกทีก็โดนทักโดนแอบถ่ายรูปจนอดสงสารไม่ได้

อย่างน้อยไปห้างตอนสองทุ่มกว่าๆ แบบนี้คนคงไม่เยอะเท่าไหร่

ผมที่อยู่ในชุดเตรียมนอนเลยต้องเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าอันเนืองแน่นเพื่อหาอะไรที่ดีกว่านี้มาใส่ ทว่ากว่าจะค้นเสื้อผ้าตัวเองได้ก็ยากลำบากไม่น้อยเลย ด้วยความที่ริมเขื่อนของเยอะ ผมจึงทุลักทุเลมากในการมุดหัวหาเสื้อผ้าตัวเองที่โดนฝังหลบอยู่ในซอกหลืบ

“เอาชุดกูไปใส่ก็ได้” ร่างสูงเดินมาขนาบข้างก่อนรื้อๆ หาเสื้อยืดกางเกงผ้าขายาวมาให้สวม ผมยอมรับมันมาอย่างไม่อิดออด เพราะหิวจะตายอยู่แล้ว

กว่าจะเปลี่ยนชุดและเดินทางมาถึงห้างที่ใกล้ที่สุดก็ปาไปเกือบชั่วโมง ห้างปิดสี่ทุ่ม และขณะนี้สามทุ่มเศษแล้วคนภายในตึกใหญ่แห่งนี้จึงบางตาลงมาก

ผมกับเขื่อนเดินเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นที่ใกล้ที่สุด สั่งอาหารด้วยความหิวโหยก่อนจะปล่อยช่วงเวลาระหว่างรอข้าวผ่านไปด้วยการหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่น

“อ๊ะ ริมเขื่อน?”

ท่ามกลางความเงียบบนโต๊ะอาหาร อยู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงที่ไหนไม่รู้เอ่ยทักเรียกคนที่มาด้วยกันกับผม ร่างกายเงยหน้ามองอย่างอัตโนมัติแม้คนๆ นั้นจะไม่ได้เรียกผมด้วยซ้ำ

เจ้าของเสียงหวานใสคือผู้หญิงสูงชะรูดในชุดกางเกงสกินนี่รัดรูปกับเสื้อเปิดไหล่สีกุหลาบหม่น รูปร่างของเธอดีมากเพราะหน้าท้องที่เผยแก่สายตานั้นมีลอนเล็กๆ สวยงาม ขาก็ทั้งยาวทั้งเร็ว ส่วนใบหน้าเห็นได้ไม่ชัดนัดเพราะมีแว่นกันแดดทรงกลมอันโตปิดอยู่ เห็นเพียงสันจมูกทรงสวยกับริมฝีปากเป็นกระจับแต้มด้วยลิปสติกสีชมพูนู้ด

“ไม่เจอตั้งนาน” ผู้หญิงคนนั้นขยับเข้ามาหาริมเขื่อนด้วยรอยยิ้ม

คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามผมก็ยิ้มทักทายกลับ แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้มีเหงื่อเม็ดโตไหลซึมจากหน้าผากไม่แคบไม่กว้างของเขาเสียหลายเม็ด

“เชอร์รี่ มาทานข้าวเหรอครับ”

“ค่ะ มากับเพื่อน” เธอชี้นิ้วที่แต่งเล็บมาอย่างดีไปยังกลุ่มเพื่อนสาวที่หน้าร้าน “แล้วนี่ริมเขื่อนมากับ...”

“เพื่อนครับ ชื่อไผ่” ผมออกปากแนะนำตัวเองเมื่อใบหน้าใต้แว่นสีชาหันมามอง เธอยิ้มรับคำทักทายของผม ก่อนจะเบนความสนใจกลับไปหาริมเขื่อนที่นั่งเขย่าขาด้วยท่าทีแปลกประหลาด

ผมขมวดคิ้วอย่างนึกสงสัยว่าเขื่อนเป็นอะไของมัน

“ช่วงนี้ไม่ได้ถ่ายงานคู่กับเขื่อนเลย” เสียงหวานติดจะอ้อนน้อยๆ ในน้ำเสียง เธอลงทุนนั่งลงข้างๆ เพื่อนของผม ก่อนจะเท้าแขนไว้กับโต๊ะและหันหน้าเข้าหาริมเขื่อน

ตัดผมออกจากวงสนทนาโดยสมบูรณ์

แต่ไม่เป็นไรครับ ผมขี้เสือก ผมสามารถเงี่ยหูฟังทั้งๆ ที่เล่นโทรศัพท์ได้ ผมไม่ได้ต้องการร่วมวงพูดคุย ผมแค่อยากรู้ว่าทำไมผู้หญิงที่ชื่อเชอร์รี่คนนี้ถึงทำให้ริมเขื่อนแสดงอาการกระวนกระวายออกมา

“ผมไม่ได้รับงานเยอะเหมือนเดิมแล้วน่ะครับ”

“เอ๋ น่าเสียดายจังค่ะ มีตั้งหลายแบรนด์ติดต่อเชอร์รี่มา บอกว่าอยากให้ถ่ายคู่กับเขื่อน แต่เชอร์รี่ก็ติดต่อเขื่อนไม่ได้ เลยต้องถ่ายคู่กับคนอื่น”

ฟังๆ ดูแล้วผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นเพื่อนในวงการ

และคงหวังเคลมไอ้เขื่อนไม่น้อยเลย

นี่ฮอตกับผู้ชายไม่พอ ยังฮอตกับผู้หญิงด้วยสินะ

ผมรวบรวมข้อมูลคนที่หวังเคลมริมเขื่อนไว้ในใจ ออสตินล่ะหนึ่งที่จะติดแบล็กลิสต์ผม ต้องรอดูว่าเชอร์รี่จะแสดงออกคุกคามมากแค่ไหน แต่อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงคงได้แค่ยั่วแค่อ่อยเท่านั้นแหละมั้ง

“นั่งนานแบบนี้ เพื่อนไม่รอแย่เหรอครับ” เขื่อนถามอย่างสุภาพ แต่ก็ดูออกว่าคงอยากให้เชอร์รี่ออกไปสักที

“ไม่เป็นไรค่ะ รอกันได้”

“อ่ะ ครับ”

ริมเขื่อนเงียบไปแล้ว ราวกับไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี

“จริงสิ ถ้าช่วงนี้เขื่อนไม่ค่อยได้รับงานเยอะๆ แล้ว คงว่างใช่ไหมคะ” เธอเด้งตัวตั้งตรงราวนึกเรื่องดีๆ ขึ้นได้ “ถ้าอย่างนั้นเราไปเที่ยวด้วยกันไหมคะ”

“ผมยังไม่...”

“ไม่ปฏิเสธเชอร์รี่น้า”

“คือ...”

“เราไม่ได้เที่ยวด้วยกันสักพักแล้วนะคะ” เธอบอกพลางค่อยๆ ถอดแว่นกันแดดลงจากใบหน้า นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นองค์ประกอบหูตาจมูกปากของเธอได้ครบถ้วน เชอร์รี่เป็นผู้หญิงมีเสน่ห์ แม้ไม่สวยมากทว่าหน้าตามีเอกลักษณ์ มองแล้วจำได้ขึ้นใจ มองแล้วก็อยากมองอีก โดยเฉพาะยามที่อีกฝ่ายฉีกยิ้มกรีดกรายยั่วยวนอย่างคนมีจริตจะก้าน

“หรือถ้าเขื่อนไม่อยากไปข้างนอก ไปเที่ยวห้องเชอร์รี่ก็ได้นะ”

โว้ๆๆ รุกไม่เบา

ผมที่ไถทวิตเตอร์เล่นกำลังมือสั่น บอกไม่ถูกว่าจะลุ้นหรือจะโกรธดี ไฟหวงในใจกระพือหนัก แต่ความอยากรู้ว่าริเขื่อนจะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้กดให้ผมนั่งตีหน้านิ่งอยู่เงียบๆ ตามเดิม

“เชอร์รี่คือผม...”

“เชอร์รี่จะรอนะคะ ห้องเดิมเพิ่มเติมคือมีไวน์ที่เขื่อนชอบแล้วด้วยน้า”

ผมเงียบเมื่อความคิดในหัวเชื่อมต่อเหตุการณ์กับคำพูดต่างๆ จนวุ่น

ห้องเดิม... ไวน์ที่เขื่อนชอบ...

“ไปแล้วนะคะ แล้วเจอกันค่ะ”

จุ๊บ

ลิปสติกนู้ดติดลงบนแก้มของริมเขื่อนอย่างชัดเจน

แต่ที่ชัดเจนกว่านั้นคือความจริงที่ผมเพิ่งค้นพบ ผมมองหน้าริมเขื่อน คิ้วขมวดอย่างพิจารณา ผู้ชายตรงหน้าหันมามองผมแล้วฉีกยิ้มแห้งๆ ส่งมาให้ พลางใช้ทิชชู่เช็ดรอยลิปสติกเป็นพัลวัน

อ๋อ ห้องเดิม...

เชอร์รี่คงไม่ได้หวังเคลมมันหรอก

มันไปเคลมเขามาแล้วต่างหาก!!!


__________________________
Talk: พี่ไผ่ต้องมองน้องเขื่อนใหม่ นอกจากงูพิษแล้วยังเป็นหมาป่าโด้ยยย
กินทั้งวงการรึยังยังไม่รู้ รู้แต่ไม่ซิงแน่ๆ 5555555555555

ตอนหน้า เจ้าเขื่อนจะเอาตัวเข้าแลกแล้วววว //อุ๊ป
ทนได้ทนไป ผมจะอ่อยเอง ริมเขื่อนไม่ได้กล่าว  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 12 [08-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 08-12-2018 22:46:57
อ่านแล้ว อนาคตกลัว เมีย ชัวร์ 5555
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 12 [08-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-12-2018 00:22:39
 :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 12 [08-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-12-2018 02:25:53
 โจทย์เยอะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 12 [08-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 09-12-2018 03:05:02
ริมเขื่อนเป็นคนวร้ายๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 12 [08-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 09-12-2018 05:48:29
ซะงั้น
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 12 [08-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-12-2018 06:25:26
ริมเขื่อนมันร้ายยยย แต่เราเห็นแล้วแน่ ๆ ตอนนี้อนาคตเขื่อนมันคงร้ายไม่ออกแน่ ๆ เพราะเห็น ๆ อยู่ว่ามีแววกลัวเมียมากแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 12 [08-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 09-12-2018 07:13:30
หึหึหึ  ไผ่ขาจัดการน้องเข่อนคนเกเรเลยค่ะ  ไม่รู้เคลมใครมาบ้าง
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 12 [08-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 09-12-2018 07:26:31
น้องเขื่อนผู้น่ารักและใสซื่อได้ตายไปแล้วเหลือแต่ริมเขื่อนที่ใช้ร่่างน้องเขื่อนมาหรอกพี่ไผ่นะคะ! //ตะโกนอัดหู
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 12 [08-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 09-12-2018 07:31:22
ขอให้ริมเขื่อนคนร้ายๆอดกินไผ่ไปจนว่าจะจบเรื่องไปเล้ยยยย​ ไม่ใช่น้องเขื่อนแพนด้าน้อยก็อดไป
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 12 [08-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 09-12-2018 10:53:44
ว่าแล้วว่าต้องกิ๊กเก่า​ เขื่อนเหงื่อตกเลยสมน้ำหน้า555555555​ ขอให้ไม่ได้กินน้องไผ่​ ร้ายดีนัก
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 12 [08-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 09-12-2018 14:18:31
จะเจออีกกี่รายที่ริมเขื่อนไปเครมมา 555+ ถึงขั้นเหงื่อยแตก ไผ่อย่าไปยอมให้เขื่อนเครมนะถ้ายังไม่ชัดเจน :hao3:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 12 [08-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 09-12-2018 15:17:19
ร้ายไม่เบาน้องเขื่อน รออ่านต่อค้าบ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 12 [08-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-12-2018 23:06:54
จะรอตอนน้องเขื่อนกลับไปหาข้อแก้ตัวกะพี่ไผ่นะแจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 12 [08-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-12-2018 04:58:44
 :m16:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 12 [08-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 10-12-2018 13:58:15
เขื่อนรว้ายมั่ก
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 12 [08-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 11-12-2018 04:07:20
สวัสดีค่าทุกคนนน แวะมาแจ้งข่าวไว้ค่ะ   :katai5: :katai5: :katai5:

11-13 ธันวา เราจะหนีไปเที่ยวเชียงฮายนะคะ
จะกลับมาเจอกันใหม่ ไม่ 14 ก็ 15 เน้ออออออ
รอกันสักนิ๊ดดดด รักทุกคนค่าาาาาาาา  :กอด1: :กอด1:

คนอ่านอย่าพึ่งหายไปไหนน้า
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 12 [08-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-12-2018 12:35:43
เขื่อนมันร้ายยยยยย   :m20: :m16: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 13 [16-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 16-12-2018 17:07:59
บทที่ 13



“เขื่อน...”

“ห๊ะ...มะ มีอะไร” ริมเขื่อนสะดุ้ง ปล่อยทิชชู่ในมือล่วงลงพื้นด้วยความตกใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมปฏิกิริยาแรงขนาดนี้ เพราะผมแค่เรียกชื่อพลางเลิกคิ้วขึ้นอย่างมีคำถาม

“คนเมื่อกี้... แฟน?”

ผมหลีกเลี่ยงการพูดคำว่าคู่ขา เพราะมันออกจะกระดากปาก

ไม่ใช่สำหรับผม แต่สำหรับคนที่ผมยังพยายามมองด้วยฟิลเตอร์น้องน้อยมาตลอดต่างหาก

บางทีผมควรปลดฟิลเตอร์พวกนั้นออกได้แล้ว อย่างไรอีกฝ่ายก็โตมาแบบห่างอกผมมานาน ทำงานในวงการนายแบบทั้งในและนอกประเทศ เสือสิงห์กระทิงแรดก็ไม่น้อย ยังไงริมเขื่อนก็ไม่น่าคงความใสไร้เดียงสาไว้ได้แน่นอน เพียงแค่ผมนึกไม่ถึงว่าเด็กชายริมเขื่อนที่เคยร้องไห้เพราะเปิดกางเกงแล้วเจอปิกาจู้จะกลายเป็นจิ้งจอกร้ายแบบนี้

บนโลกนี้ไม่มีอะไรคงที่ถาวรจริงๆ แหะ

“เปล่านะ! ไม่ใช่แฟน”

“อ๋อ โอเค กูเข้าใจ” ผมพยักหน้า ตอนแรกว่าจะเปลี่ยนเรื่องเพราะเดาได้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร แต่เขื่อนดูไม่อยากให้เป็นแบบนั้น คนตัวสูงทิ้งทุกอย่างบนมือแล้วยกก้นย้ายมานั่งข้างๆ ผม ใช้ดวงตาคมสวยมองกันอย่างไม่ลดละ

“ไผ่”

“อะไรของมึง ไปนั่งที่เร็ว ข้าวจะมาแล้ว” ผมพยักเพยิดไปยังพนักงานเสิร์ฟที่เดินถือถาดอยู่ไม่ไกล

“กูยังโสดนะ”

“เออ รู้”

รู้ว่าโสดแต่ไม่ซิงไง

“เลิกหมดแล้วด้วย”

“เลิกอะไรวะ?” ผมถามแต่ไม่ได้มองหน้าคู่สนทนา เพราะมัวแต่ยื่นมือไปรับจานอาหารที่พนักงานในร้านเอามาเสิร์ฟ ริมเขื่อนเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อรอให้พนักงานสาวคนนั้นเดินออกไป

“เลิกติดต่อกับทุกคนเลย”

“หืม?”

“ตั้งแต่มึงย้ายมา สาบานได้เลยว่ากูไม่ได้คุยกับใครเชิงนั้นอีกแล้ว”

“ฮะๆ” ผมหัวเราะ “บอกกูทำไมเนี่ย”

“ต้องบอกดิ เดี๋ยวมึงเข้าใจผิด”

“เข้าใจผิดก็ไม่สำคัญป่ะ กูไม่เอาไปฟ้องแม่มึงหรอก” ผมยักไหล่ขณะจ้วงข้าวเข้าปากด้วยความหิว เดาไปเดามาว่าที่เขื่อนมันรุกรี้รุกรนก็อาจเพราะกลัวผมไปรายงายพฤติกรรมกับคุณน้าล่ะมั้ง ยังไงผมก็เคยวางตัวเป็นพี่ชาย เวลามีเรื่องไม่ดีไม่เหมาะสมบางทีก็ต้องบอกผู้ใหญ่บ้าง จะได้ช่วยกันปรามได้ แต่พอโตมาผมก็ไม่ได้เป็นคนขี้ฟ้องแบบนั้นเสียหน่อย ใครอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ เพราะตัวผมเองยังทำตามใจจนกลายเป็นฟรีแลนซ์ไส้แห้งแบบนี้เลย

“เปล่า ไม่ได้กลัวไปฟ้องแม่”

“แล้ว?”

“กลัวมึงหวง” คนพูดมองมาอย่างจริงจัง สนับสนุนคำพูดตัวเองอย่างเต็มที่ว่าไม่ได้หยอกเล่นแบบปกติ ผมเงียบไปพักหนึ่งเพราะประมวลผลอยู่ จากนั้นจึงหัวเราะออกมาอย่างถูกอกถูกใจ

“เออ หวง”

ตอนเด็กๆ หวงยังไง โตมาก็หวงอย่างนั้นแหละ จนเพื่อนในห้องบอกว่าริมเขื่อนเป็นลูกสาว ส่วนผมเป็นกำนันที่พร้อมจะเอาปืนไล่ยิงทุกคนที่เข้ามาวุ่นวาย ยิ่งกว่าจงอางหวงไข่เสียอีก ซึ่งผมก็ยืดอกรับอย่างเสมอมาว่าน้องเขื่อนข้าใครอย่าแตะ

พอได้ยินริมเขื่อนพูดแบบนี้หัวใจมันอุ่นวาบขึ้นมาทันที เสมือนว่าระหว่างเราถึงจะมีช่องว่างของเวลา แต่สายใยความทรงจำมากมายก็ยังไม่ได้เลือนหายไปจนหมด

เขื่อนจำได้ว่าผมเคยเป็นยังไง

ผมจำได้ว่าเขื่อนเคยเป็นยังไง

แค่นี้ความกังวลมากมายในอกก็สลายไปอย่างง่ายดาย ผมที่พยายามทำตัวให้เป็นปกติทั้งที่เต็มไปด้วยกำแพงของความเหินห่างระหว่างเราสองคน มันออกจะน่าอึดอัดไม่น้อย รวมถึงวางตัวไม่ค่อยถูกนัก ทว่าการที่ริมเขื่อนเป็นแบบนี้ คอยย้ำเสมอว่าเขายังไม่ลืมอดีตระหว่างเรา หัวใจผมมันก็พองฟูอย่างคนมีความสุข

ต่อให้อีกฝ่ายจะโตมาเป็นงูพิษยังไง ริมเขื่อนก็ยังเป็นน้องเขื่อนของผมอยู่วันยังค่ำ

ที่ผมต้องการ... มันก็แค่นี้เอง






หลังจากกินข้าวและขึ้นรถไฟฟ้ากลับมาที่คอนโดแล้ว ผมที่ต้องย้ายที่นอนในคืนนี้กลับรู้สึกเก้กังไม่รู้จะทำตัวยังไง ทั้งที่เมื่อเช้าก็เพิ่งแบกของขนเข้ามาจัดแถมยังนั่งเล่นอยู่หลายชั่วโมง แต่พอกลับเข้ามาแล้วมองไปยังเตียง ไอ้ความทรงจำร้ายกาจที่ยังไม่เลือนไปสักทีก็ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด โดยเฉพาะตอนที่ผมแบกผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ ก็แทบอยากวิ่งกลับออกมาเพราะเผลอนึกไปถึงเรื่องราวในวันนั้น แต่ติดอยู่อย่างที่ทำให้ผมยังยืนอยู่ในห้องน้ำโดยไม่เดินออกไป

ท่าทางผมจะสุขภาพดีเกินไป เด็กชายไผ่เงินถึงตื่นขึ้นมายิ้มทักทายกันทันทีที่คิดเรื่องสัปดน

เฮงซวยจังเลยโว้ย

ผมขยี้หัวตัวเองจนยุ่ง ก่อนจะพาสารร่างเปลือยเปล่าไปหยุดใต้ผักบัว ปล่อยให้น้ำเย็นฉ่ำไหลรดผ่านไปอย่างโง่ๆ ไม่แม้จะบีบสบู่มาถูกตัวเลยด้วยซ้ำ ผมแค่อยากปลอบประโลมลูกชายที่ขยันขึ้นให้สงบลงไป

มันไม่ถูกต้องที่เราจะมีอารมณ์แค่คิดถึงหน้าเพื่อน จริงไหม

ไอ้เรื่องวันนั้นที่ต่างฝ่ายต่างใช้... แฮ่ม ใช้มือช่วยกัน ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องในอดีตที่ผ่านไป ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเปิดหนังญี่ปุ่นดูกับเพื่อนแล้วแข่งกันว่าใครอึดทนนานกว่า ผมไม่ค่อยซีเรียสกับการถึงเนื้อถึงตัว แต่พอตัวเองมีปฏิกิริยากับความทรงจำอะไรพวกนี้ จากไม่ซีเรียสก็คงต้องซีเรียสขึ้นมาแล้วแหละ

กว่าผมจะอาบน้ำเสร็จก็นานจนริมเขื่อนมุ่ยหน้า ผมพันผ้าขนหนูผืนเดียวเดินออกมาและยืนเช็ดตัวอยู่ที่ผ้าเช็ดเท้าหน้าประตู ในขณะที่คนตัวสูงเบียดกายผ่านทางเดินคับแคบเข้าไปยังห้องน้ำ

“หอม” ระหว่างผู้ชายสองคนเบียดเสียดกันที่หน้าทางเข้า คนหน้าสวยอยู่ๆ ก็โน้มตัวลงมาแตะจมูกที่หลังคอผม ก่อนพึมพำเสียงเบาว่าหอมแล้วผละกายจากไป

ทิ้งผมไว้กับความร้อนผะผ่าวที่ลำคอ กับหัวใจที่เต้นด้วยจังหวะประหลาด

อะไรวะเนี่ย

ผมเบ้หน้า คุ้ยหาชุดนอนตัวเองมาสวมแล้วเดินหนีออกมาที่ห้องนั่งเล่นข้างนอกทันที นาฬิกาข้างผนังบอกเวลาสี่ทุ่มกว่า อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงฟุตบอลแมตที่รอคอยจะขึ้นเตะ ผมเลยเลือกทิ้งตัวนั่งบนโซฟากลางห้องแล้วคว้ารีโมทขึ้นมากดเปิดทีวี

หลายคนอาจไม่รู้ว่าผมเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูล แม้ตอนแรกๆ จะตามบ้างไม่ตามบ้าง แต่พอเป็นฟรีแลนซ์แล้วเวลาว่างเหลือเฟือ ชีวิตวันๆ เลยนอกจากโพสต์หางานก็เอาเวลาที่เหลือมาหาอะไรทำ และการดูบอลก็เป็นหนึ่งในนั้น

สมัยเรียนการดูบอลของผมกับแกงค์เพื่อนคือการยกโขยงกันไปร้านเหล้า ทำความรู้จักแฟนบอลคนใหม่ๆ แล้วกอดคอร่วมกันเฮร่วมกันน้ำตาตกไปตลอดแมตซ์การแข่งขัน ถ้าแพ้ก็โดนฝ่ายตรงข้ามล้อจนหน้าม้าน แต่ถ้าชนะ ไอ้ผมกับเพื่อนนี่ตัวดี ยิ่งเมายิ่งปากจัด แทบจะโดนกระทืบอยู่หลายรอบ

“มาทำอะไรข้างนอก” เสียงของใครอีกคนที่อาศัยอยู่ร่วมห้องด้วยดังขึ้นด้านหลัง ผมหันไปมองก็พบกับภาพบาดตาอย่างการสวมเพียงบ็อกเซอร์บางจ้อยเดินสยายผมออกมาจากห้องนอน

“รอดูบอล”

“ดูบอลด้วยเหรอ” ริมเขื่อนเลิกคิ้วอย่างสงสัย แน่แหละ ช่องว่างที่เราโตมาอย่างห่างเหินกัน ความชอบอะไรที่เพิ่มขึ้นหรือเปลี่ยนไปจากตอนเด็กย่อมไม่รู้อยู่แล้ว ผมเลยได้แต่พยักหน้าให้แล้วเสริมทับไปด้วยว่าตัวเองสรรเสริญลิเวอร์พูลขนาดไหน

“มึงนอนก่อนก็ได้” ด้วยความที่ไม่รู้ว่าเขื่อนดูบอลไหม กับพรุ่งนี้อีกคนน่าจะมีงาน ผมเลยได้แต่บอกให้รูมเมทคนใหม่กลับเข้าห้องนอนไปพักผ่อน แต่ริมเขื่อนกลับส่ายหน้าแล้วปีนข้ามพนักพิงโซฟามานั่งยืดขาที่ข้างๆ ผม

“ดูด้วย”

“มึงดูบอล?”

“เปล่า แต่อยากดูกับมึง”

ผมพยักหน้า ไม่ได้ขัดใจอะไร แต่สิ่งที่ขัดใจผมกลับเป็นร่างกายขาวเนียนที่ไม่มีอะไรปกปิดเลยสักชิ้น แอร์ก็เปิดเสียเย็นฉ่ำ แต่ริมเขื่อนกลับทำเหมือนไม่ได้อยู่ในห้องแอร์ที่ตั้งอุณหภูมิไว้ยี่สิบองศา

“ไม่ไปใส่เสื้อผ้าดีๆ วะ” ผมถามอย่างอดไม่ได้ เห็นแล้วขัดหูขัดตา

“ร้อนจะตาย”

ร้อนพ่อง

ผมกรอกตาอย่างไม่เชื่อ ทำท่าจะผลักไหล่กว้างของคนข้างๆ ให้ลุกไปหาเสื้อผ้าใส่ แต่ริมเขื่อนกลับยิ้มแล้วพูดเรื่องอื่นขึ้นมาขัดเสียก่อน

“เบียร์ไหม มีอยู่ลังนึง”

“นี่ซื้อไว้กินหรือซื้อไว้อาบ” คนบ้าอะไรเก็บเบียร์ไว้เป็นลังในห้อง แต่ริมเขื่อนกลับขยายความให้เข้าใจด้วยการชี้ไปยังกรอบรูปติดผนังมุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น

“ไปถ่ายแบบแล้วเขาให้มา”

เป็นของสมนาคุณนั่นเอง

ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ รวมถึงเห็นด้วยกับการกินเบียร์ตอนดูบอล ไม่ได้เสพบรรยากาศแบบนี้สักพักแล้วเพราะพวกเพื่อนๆ ก็ทำงานกันหมด ไม่มีใครมาว่างคอยพาผมไปดูบอลตอนตีหนึ่งตีสองหรอก ผมได้แค่นั่งหน้าคอมฯ หรือทีวีที่บ้านแล้วเชียร์คนเดียวเหงาๆ

“เดี๋ยวกูช่วยยก” ผมว่าพลางยันตัวลุกขึ้นจากโซฟา

เบียร์ลังที่วางอยู่ขอบเคาท์เตอร์ครัวเป็นแบรนด์สัญชาติเยอรมัน รสชาติเท่าที่เคยชิมเมื่อนานมาแล้วต้องบอกเลยว่านุ่มลิ้นลื่นคอกว่าเบียร์ไทยที่กินอยู่บ่อยๆ เสียอีก ริมเขื่อนเป็นคนยกทั้งลังไปที่ห้องนั่งเล่น ในขณะที่ผมถูกสั่งให้หาแก้วและน้ำแข็ง ซึ่งคอนโดริมเขื่อนมีทุกอย่างที่ใช้สำหรับปาร์ตี้จริงๆ

ผมเทน้ำแข็งจากถุงลงถังขนาดกลาง ยกออกไปพร้อมแก้วสองใบ แถมยังมีพวกขนมนมเนยเป็นกับแกล้มสำหรับศึกแดงเดือดในค่ำคืนนี้

ปึง

ผมวางทุกอย่างลงบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟา แรงไปนิดเลยได้ยินเสียงวัตถุกระทบกันดังกังวาน ร่างสูงโปร่งบนโซฟาหันมามองแต่ไม่ได้บ่นอะไร ผมเลยปล่อยเบลอเสมือนว่าเมื่อครู่ไม่เกิดอะไรขึ้น จากนั้นก็พาตัวเองกลับไปนั่งเอกเขนกบนโซฟาเพื่อรอเวลาฟุตบอลเข้า

บรรยากาศในห้องนั่งเล่นมีเพียงเสียงจากจอโทรทัศน์ดังกลบความเงียบ ในขณะที่ริมเขื่อนไม่ได้พูดอะไรเพราะเอาแต่ไถโทรศัพท์เล่นอย่างเมามัน ต่างจากผมที่เริ่มรินเบียร์ใส่แก้วอย่างอดใจไม่ไหว

อีกแค่ไม่ถึงสิบนาที แมตซ์สำคัญก็จะเริ่มต้น

ผมใจจดจ่อกับจอทีวีโดยไม่เห็นว่าใครบางคนแอบหันมามองพลางลอบอมยิ้มเจ้าเล่ห์ ริมเขื่อนวางมือถือลงแล้วเทเบียร์ใส่แก้วบ้าง จากนั้นก็ยื่นมือออกมาเพื่อขอชน

แกร๊ง

ผมตอบรับอย่างง่ายดาย

เอาตรงๆ ก็อดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ เพราะไม่เคยมานั่งกินของมึนเมากับคนข้างๆ มาก่อนเลยสักครั้ง ที่ชนแก้วกันครั้งล่าสุดก็คงเป็นโกโก้ปั่นที่ร้านหน้าโรงเรียน ผมอมยิ้มแล้วแอบลอบมองริมเขื่อน อากัปการยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด จากนั้นลิ้นสีสดก็แลบออกมาเลียรอบริมฝีปากอย่างช้าๆ ผมชอบที่จะเห็นการขยับอย่างเป็นธรรมชาติแบบนี้ มันดูเซ็กซี่โดยไม่ต้องพยายาม เพราะเวลาริมเขื่อนต้องการแสดงออกเชิงยั่วยวน ผมว่ามันอีโรติกเกินไป พอมองแล้วหน้ามันร้อนๆ จนต้องหลบตาหนี

แค่นั่งอยู่เฉยๆ ความสวยของมันก็ฆ่าคนมองให้ตายง่ายๆ อยู่แล้ว แต่เขื่อนมันรู้ดีว่ามุมไหน ขยับท่าทางยังไงถึงจะใช้เบ้าหน้าพิฆาตนี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นมันเลยกลายเป็นนายแบบทรงเสน่ห์ที่ติดอันดับต้นๆ ที่ใครหลายคนต้องการ ด้วยความที่ขายได้ทั้งกลุ่มเป้าหมายชายและหญิง เส้นทางบนอาชีพนี้ของริมเขื่อนเลยดูเหมือนโรยด้วยกรีบกุหลาบไปเสียหมด

“เขื่อน”

“หืม?”

ผมเงียบไปแปบนึงเพราะกำลังเรียบเรียงคำพูด แก้วเบียร์ในมือถูกกระดกจนหมดไปนานแล้วแต่ไม่ได้รับการเติม ริมเขื่อนเลยหยิบขวดเบียร์มารินให้อย่างเอาใจใส่

“ถามจริงๆ นะ กูอยากรู้”

“ถามว่า?”

“ผ่านมาแล้วกี่คนวะ”

“...!”

ริมเขื่อนผงะถอยไปอย่างตกใจ ทั้งดวงตาทั้งริมฝีปากล้วนเบิกกว้างจนน่าตลก ผมหลุดยิ้มทันทีที่มองปฏิกิริยาโต้ตอบนั้น

“ผะ ไผ่หมายถึงอะไร”

“หมายถึงมึงอ่ะ ได้มาแล้วกี่คน”

คนตรงหน้าผมอึกอักเหมือนไม่ค่อยอยากตอบ แต่ผมก็ไม่ละความพยายามที่จะเค้น ด้วยความขี้เสือกที่เต็มเปี่ยมในตัว พร้อมอาการหึงหวงที่แก้ไม่หาย ผลักดันให้ผมจ้องดวงหน้าสวยที่ไม่ได้มีรอยยิ้มสวยประดับอยู่เหมือนปกติ

“กู... ไม่เคยนับ”

“แสดงว่าเยอะ”

“ก็เขาเข้ามาหาเอง กูไม่เคยเข้าหาใครก่อนเลยนะมึง”

“เออ รู้ว่าสวย” อยากจะชมมันหล่อ แต่รู้สึกมันไม่ใช่ ก็เลยเปลี่ยนคำชมใหม่ ซึ่งเรียกใบหน้าเหยเกของริมเขื่อนให้บิดเบี้ยวยิ่งกว่าเดิม

“อยากหล่อ”

“ไม่ชอบให้ชมว่าสวย?” ผมเลิกคิ้ว อันที่จริงก็เพิ่งเคยชมริมเขื่อนว่าสวยออกมาตรงๆ เพราะเมื่อก่อนน้องเขื่อนของผมน่ารักจิ้มลิ้ม ไม่ได้สวยคมพิฆาตคนแบบนี้

“เปล่า ก็รู้ว่ากูหน้าสวย” เขื่อนยอมรับอย่างไม่ได้รังเกียจอะไร “แต่พอมึงชมแล้วกูรู้สึกแปลกๆ”

“ไร้สาระ” ผมบอก “แล้วตกลงนี่คือไม่ซิงถูกมะ”

“อ...อือ”

“ใครเปิดซิงมึงวะ” ผมตาเบิกโพลง ขยับเข้าไปหาด้วยความขี้เสือก ไอ้หวงก็หวงนะ แต่ไม่เท่าความอยากรู้อยากเห็น ด้วยตัวผมเองยังซิงไม่เคยจิ้มใคร แม้จะอยู่ในสังคมของชายฉกรรจ์อย่างคณะวิศวะ แต่ใช่ว่ามนุษย์ทุกคนจะมีสาวไว้ควงง่ายๆ นะ นอกจากเบ้าหน้าแล้วยังอาศัยอะไรอีกหลายๆ อย่าง อย่างพวกคารมคมคายที่ผมเข้าขั้นติดลบ สุดท้ายเลยยังครองสถานภาพโสดสนิทอย่างไม่ต้องสงสัย

“จะรู้ไปทำไมวะไผ่”

“เอ้า ก็อยากรู้” ผมแย้ง ก่อนจะพึมพำประโยคหลังกับตัวเองเบาๆ “กูไม่คิดว่ามึงจะเรียนรู้โลกกว้างก่อนกูนี่หว่า”

“อยากรู้?”

“เออ”

“อยากลองด้วยป่ะ”

ผมมองคนที่อยู่ๆ ก็ยื่นหน้ามาใกล้ กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจลอยคลุ้งผ่านเข้ามาในจมูก ผมย่นหัวคิ้ว มองริมเขื่อนที่เปลี่ยนสีหน้าเร็วยิ่งกว่ากิ้งก่า เมื่อครู่ยังดูกังวลปนไม่สบายใจอยู่เลย แต่ตอนนี้คนหน้าสวยกลับแปรงร่างเป็นงูพิษอีกแล้ว

“จะเอาคู่ขามึงมาให้กูลองรึไง”

“เปล่า”

“แล้ว?”

“ให้ลองกับกูเนี่ย”

“...กวนตีน”

“นี่กูจริงจังนะ” เขื่อนโน้มหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหู ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมที่พยายามเอนตัวหนีถูกผลักให้ล้มลงไปนอนบนเบาะโซฟา ร่างสูงโปร่งขยับขึ้นมาคร่อมทับก่อนกดริมฝีปากจูบเบาๆ ที่ใบหู “คนแรกของกูก็เป็นผู้ชาย”

ผมนิ่ง มือที่กำลังจะกระชากผมของคนบนตัวออกถึงกับชะงัก

ผู้ชาย?

“เขื่อน นี่มึงเป็น...”

“เปล่า” ริมเขื่อนเลื่อนหน้ากลับขึ้นมา จ้องตรงสบตาผมด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา ฝ่ามือร้อนเริ่มสอดเข้าใต้เสื้อนอนของผมและลูบไล้สะเปะสะปะ ทว่าสิ่งที่ดึงดูดความสนใจผมไว้กลับเป็นประโยคต่อมา “เพราะเขาเหมือนมึง กูเลยเอา”

“...”

ผมว่ามันไม่ใช่

ไอ้คำพูดนั้นมันมีบางอย่างที่ผิดปกติ แต่ก่อนจะได้ท้วงอะไรริมเขื่อนกลับบดริมฝีปากลงมาอย่างรุนแรง เขาไม่ยอมให้ผมใช้มือผลักไสได้โดยง่าย เพราะร่างใหญ่กว่าทาบทับลงมาจนแนบสนิท กดมือของผมให้จมไปกับแผงอกเปลือยเปล่า รสฝาดของเบียร์จากปลายลิ้นที่สอดเข้ามา ปะปนกับแอลกอฮอล์ในเลือดจนมึนเมา

แม้จอโทรทัศน์จะฉายภาพสนามแอนฟิลล์* (*สนามของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล) และนักเตะจนนวนยี่สิบกว่าคนกำลังเดินเรียงแถวกันเข้าสู่สนาม แต่ผมกลับไม่สามารถปรือตาขึ้นมามองมันได้ เมื่อริมฝีปากที่ทาบทับลงมายังคอยดูดกลืน เกี่ยวพันลิ้นผมไม่ยอมหยุด

“อะ อือ” ผมคราวประท้วงเบาๆ เมื่อยอดอกถูกสะกิดเล่น แต่เหมือนยิ่งร้องคนด้านบนก็ยิ่งได้ใจ เพราะริมเขื่อนทั้งบดทั้งคลึงหน้าอกผมไม่หยุด

“ไผ่... ไผ่” เสียงแหบพร่ากระซิบเรียกชิดริมฝีปาก คนหน้าสวยยอมผละออกห่างเมื่อผมหอบหายใจอย่างหนัก แต่ใบหน้าไม่ได้เลื่อนหนีไปไกลมากนัก เพราะสันจมูกโด่งยันคลอเคลียกับจมูกผมไม่เลิก

“เล่นอะไรของมึง แฮก”

“กูไม่ได้เล่น”

“ไอ้เขื่อน!” ผมเผลอเสียงดังเพราะริมเขื่อนขยับช่วงล่างเข้ามาเสียดสีกับส่วนกลางกายของผมเล่น มันยิ่งกระตุ้นให้อะไรต่อมิอะไรผงาดขึ้น

แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ

เพราะคนด้านบนไม่ได้หยุดเสียดสีสะโพกเข้ามา ทั้งยังก้มลงใช้ริมฝีปากไซร้ไปตามซอกคอของผมอย่างเมามัน ทั้งขบทั้งกัด ดูดสร้างรอยแดงเป็นจ้ำหลายที่ ผมดิ้นแล้ว แต่การถูกคนตัวใหญ่กว่าทิ้งน้ำหนักทับลงมา ก็ทำให้การขัดขืนกลายเป็นสิ่งยากเย็น

“ไผ่...” ริมเขื่อนดูดติ่งหูผมเล่นก่อนเรียกชื่อกันอีกครั้ง “กูรักมึงนะ”

“!!!”


_________________________
Talk: มาแล้วค่า เลทไป 1 วันเพราะเอาโน้ตบุ๊คไปเปลี่ยนฮาร์ดดิสมา
น้องเขื่อนรุกหนักขนาดนี้ พี่ไผ่จะหวั่นไหวบ้างไหมนะ

คิดถึงทุกคนจังเลยค่าาาาาา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
จะรีบมาต่อเลยน้าาาาาา รักทุกคนนน :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 13 [16-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-12-2018 17:42:57
จะรอดหรือจะร่วง
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 13 [16-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 16-12-2018 19:37:50
 :hao5: :hao5:
 เขื่อนจะสอนไผ่ในภาคปฏิบัติ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 13 [16-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-12-2018 19:40:03
ใช่เลย รู้มานานแล้ว..........
ว่าเขื่อน รักไผ่  :-[
ริมเขื่อน  ไผ่   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 13 [16-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-12-2018 23:18:00
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 13 [16-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 17-12-2018 00:16:53
น้อนนนนนนเขื่อนร้ายยยย

แต่ว่าเขินจะบ้าตายอยู่แล้ว 55555
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 13 [16-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-12-2018 00:22:55
 :hao6:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 13 [16-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 17-12-2018 10:11:52
 :hao7:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 13 [16-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-12-2018 11:44:25
เขื่อนรุกหนักเกินไปแล้วลูก ถึงไผ่จะหวั่นไหวแต่แบบนี้เราว่าไม่น่ารอดนะรุกแบบนี้ไผ่ได้หนีไปแน่ ๆ  หนีไม่ตั้งหลักก่อนชัวร์
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 13 [16-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 17-12-2018 15:21:09
เอาล่ะเหวยยยย
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 13 [16-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 17-12-2018 16:07:02
โง้ยยยยย ยยยย ชอบเมะหน้าสวย อ่านรวดเดียวงานการไม่ทำ อ่านไปยิ้มไป

ไม่รู้จะสงสารใครดี อีกคนก็อ่อยจนแทบจะแก้ผ้าอยู่รอมร่อ อีกคนก็โดนอ่อยจนหน้าสงสารมาอยู่ด้วยกันอีก ไม่น่าจะรอดได้ง่ายๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 13 [16-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: 14th-friedegg ที่ 18-12-2018 00:24:07
ติดตามจ้าา
ได้กันๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 13 [16-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Josett ที่ 18-12-2018 09:42:53
ทำไมตัดฉับแบบเน้ เอาจริงๆนะจุดนี้คืออยากรู้ว่าจะได้กันมั้ย :katai1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 13 [16-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 18-12-2018 11:09:49
ไผ่จะว่ายังไงนะทีนี้ ค้างสุดๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 13 [16-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 18-12-2018 11:12:51
น้องไผ่อย่าไปยอมให้เขื่อนมันเคลมนะลูกกกกกกกกกกกกกกก
เขื่อนมันรว้ายยยยย ผ่านมาแล้วไม่ถ้วน น้องไผ่ยังซิงอยู่เลย โถน้อง
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 13 [16-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-12-2018 21:16:21
ค้างนะเขื่อน
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 13 [16-Dec-2018] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 19-12-2018 05:56:00
เขื่อนรุกหนักจริงๆ ไผ่จะเสร็จเขื่อนมั้ย?รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 14 [22-Dec-2018] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 22-12-2018 00:08:34
บทที่ 14



“กูรักมึงนะ”

“เขื่อน กูไม่เล่น” ผมกดเสียงต่ำบอกคนที่ยังนอนทับอยู่บนตัว ริมเขื่อนหยุดชะงักแรงดูดดึงที่ผิวคอของผม เงยหน้าขึ้นมามองสบตาอย่างจริงจัง “อย่าเล่นแบบนี้ มันไม่ตลก”

“มึงคิดว่ากูเล่น?” คิ้วโก่งสวยเลิกขึ้นอย่างสงสัย แรงที่กดตรึงร่างกายของผมค่อยๆ ผ่อนลงจนสลายไปหมด เพราะร่างสูงโปร่งหยัดตัวลุกขึ้นและกระเถิบไปนั่งที่มุมหนึ่งของโซฟา

ผมมองริมเขื่อนที่จู่ๆ ก็มีสีหน้าแปรปรวน มือขวายกเสยผมยาวปรกหน้า มือซ้ายตวัดคว้าขวดเบียร์ที่เปิดทิ้งไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาขึ้นมากระดก

โทรทัศน์ส่งเสียงเชียร์ของเหล่ากองเชียร์ลิเวอร์พูลคลอประกอบเกมส์การแข่งขัน ผมมองมันสลับกับใบหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ สติไม่ได้จดจ่อกับฟุตบอลนัดสำคัญนี้เลยสักนิด ความสับสน ความงงงวย ปะปนกับความรุ่มร้อนบางอย่างในใจ

ผมไม่โอเคกับการที่ริมเขื่อนพูดคำต้องห้ามพวกนั้นออกมาด้วยท่าทีจริงจัง มันทำให้หัวใจผมบีบตัวรัดด้วยความหวาดกลัว ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคืออะไร แต่ในอกผมหนักอึ้งจนคิดว่าการเล่นแบบนี้มันชักไม่สนุกแล้ว

ความเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ที่มันดีอยู่แล้ว ผมไม่ต้องการ

“เขื่อน แดกเยอะไปแล้ว” ผมขบริมฝีปากอยู่นานก่อนจะตัดสินใจขยับตัวเข้าไปใกล้เพื่อดึงขวดเบียร์ออกจากปาก น่าจะเป็นขวดที่สองแล้วที่เขื่อนยกกระดกมันลงท้อง หลังจากที่บรรยากาศแปลกๆ เข้าโอบล้อมรอบเราทั้งคู่

มือหน้ากำคอขวดไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ทั้งยังหรี่ตามองกันมาราวกับว่าห้ามผมเข้าไปยุ่ง พวงแก้มที่แดงก่ำกับดวงตาเริ่มขึ้นเส้นเลือด ผมคิดว่าริมเขื่อนควรพอแค่นี้ก่อนที่สติสัมปะชัญญะจะไม่เหลืออะไร

“มึงพอ” ผมย้ำน้ำหนักคำสั่งอีกครั้ง ออกแรงดึงขวดเบียร์อย่างแรงจนมันหลุดออกจากปากบางกระจับ ของเหลวกลิ่นไม่ดีนักราดรดลำตัวเปลือยเปล่าของริมเขื่อนจนเปียกแฉะ ทั้งยังกระเด็นมาโดนตัวผมจนเปียกไปครึ่งซีก

ผมจิ๊ปากเบาๆ คว้าขวดเบียร์ที่เกือบว่างเปล่ามาวางไว้บนโต๊ะก่อนหันไปกอดอกดุเด็กโข่งที่ดูท่าว่าคงเริ่มเมานิดๆ แล้ว

“ไปอาบน้ำนอน”

“ดูบอลสิ”

“ไม่ดูแล้ว เขื่อนไปอาบน้ำ”

ริมเขื่อนมองหน้าผมอยู่พักหนึ่งก่อนจะยอมลุกเดินเข้าห้องนอนไปโดยไม่โต้เถียงอะไร เส้นผมยาวสลวยเปียกน้ำเมาจนจับตัวเป็นก้อน ผมมองตามหลังจนใครคนนั้นหายลับเข้าไปหลังประตูแล้วถึงลุกเดินออกไปหาผ้าขี้ริ้วในครัวมาเช็ดคราบสกปรก

บอลอะไรไม่ได้อยู่ในความสนใจอีกแล้วเมื่อความคิดผมว้าวุ่นไปด้วยเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น อะไรบางอย่างเถียงกันภายในใจอย่างไม่ยอมแพ้ ผมอยากจะเชื่อว่าเป็นแค่เรื่องล้อเล่น ใช่ว่าริมเขื่อนจะไม่เคยบอกรักผม แต่อีกใจกลับเขย่าความแน่วแน่นั้นทิ้งด้วยคำว่า ‘มันคือความจริง’

ท่าทางของอีกฝ่ายทิ้งน้ำหนักถ่วงตราชั่งข้างที่สองไว้จนโย้ไปทางนั้นเกือบหมด ราวกับความเชื่อมั่นในตอนแรกของผมเป็นแค่ขนนกเบาหวิว มันไม่อาจรั้งให้ผมกลับมาคลี่ยิ้มแล้วโต้เถียงกับริมเขื่อนเหมือนเดิมได้อีก

ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น ราวสะท้อนข้อความบางอย่างที่ผมเลือกจะไม่เข้าใจ ไอหมอกแห่งความอึดอัด วกวนและม้วนตัวเป็นเกลียวอยู่ในหน้าอก ผมไม่รู้ว่าตัวเองเช็ดพื้นที่เดิมไปกี่รอบแล้ว ขัดอีกนิดมันคงขึ้นเงามันวับ กว่าจะรู้สึกตัวฟุตบอลแมตซ์สำคัญก็เข้าสู่ช่วงพักครึ่งไปเสียแล้ว

“เฮ้ออ” ผมพรูลมหายใจผ่านริมฝีปาก รีบเก็บกวาดทุกอย่างให้เรียบร้อย มองลังเบียร์ที่ยังเหลืออยู่อีกบาน และขวดเบียร์ประมาณสามขวดเต็มๆ ที่เปิดฝาแล้วแต่ไม่มีใครดื่มต่อ

ตุบ

ผมทิ้งตัวนั่งบนโซฟา ถอดเสื้อเปื้อนๆ ออกจากตัวก่อนคว้าขวดเบียร์ทั้งสามมาเทรวมๆ กันลงถังน้ำแข็ง หลอดพลาสติกถูกกระเทาะออกจากซอง จะด้วยความเครียดหรืออะไรก็ตาม มันผลักดันให้ผมดูดของเหลวขมฝาดพวกนั้นลงคอไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

นานเกือบครึ่งชั่วโมงใครบางคนที่เข้าไปอาบน้ำก็ยังไม่มีท่าทีจะออกมา ผมที่กะไว้แค่จะดื่มฆ่าเวลากลับดูดเครื่องดื่มมึนเมาไปจนเหลือแค่ก้นถัง สภาพมึนเมาได้ที่พอสมควร แต่ความว้าวุ่นในใจคล้ายถูกถ่ายเทออกมาเป็นปัสสาวะที่จ่อตัวรออยู่ปากทาง หัวผมโล่งไม่ต่างจากอก

ขอยกความดีความชอบให้เบียร์สามขวดนั้นไป

ร่างโงนเงนยืนไม่ตรงหนักถูกลากสังขารเข้าไปในห้องนอน ด้วยคิดว่าบางทีริมเขื่อนอาบน้ำเสร็จแล้วคงเข้านอนไปเลย ผมคิดโง่ๆ ไปเองว่าอีกฝ่ายคงออกมาตาม แต่รอขนาดนี้ไม่หลับในห้องน้ำก็คงหลับไปบนเตียงแล้ว

แกร๊ก

ผมหมุนลูกบิดเปิดประตูเข้าไป พลางคว้ารีโมทแอร์ของห้องนั่งเล่นขึ้นมากดสวิตซ์ปิด ภายในห้องนอนยังสว่างโร่แถมแอร์ถูกเปิดไว้เย็นเหยียบ ผมสะบัดศีรษะไล่ความพร่าเบลอก่อนค่อยๆ ก้าวเท้าตุปัดตุเป๋หมายไปยังห้องน้ำ

เคร้ง

“...” เสียงแก้วกระทบกันเรียกสายตาของผมให้หันไปมองตามทิศทางที่ได้ยิน

คิ้วของผมขมวดเข้าหากันจนเป็นปมแน่น หรี่ตามองภาพที่เห็นคล้ายไม่อยากเชื่อสายตา

“เขื่อน ทำอะไร” ผมถามออกไปทันทีโดยไม่มีหยุดคิด

ใครคนที่นั่งอยู่ปลายเตียงพร้อมแก้วเหล้าในมือหันมามองพลางเลิกคิ้วด้วยควาสงสัย ขวดแก้วที่ตั้งอยู่ไม่ไกลพร่องไปกว่าครึ่ง ทั้งสภาพร่างกายของริมเขื่อนก็ยังเหมือนเดิมไม่ได้รับการชำระ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตลอดเวลาที่อีกคนเข้ามาข้างใน ไม่ได้เพื่ออาบน้ำ แต่เพื่อมาซดของเหลวสีอำพันในมือต่อจนทั้งหน้าทั้งตัวแดงแจ๋แทบทั้งหมด

“ใครบอกให้มึงแดกเหล้า” ผมพาสารร่างที่สภาพไม่สู่ดีเข้าหาชายผู้ยังยกแก้วในมือกระดกอย่างไม่สนใจ ริมเขื่อนมองผมด้วยดวงตาฉ่ำเยิ้ม ทว่ากลับเต็มไปด้วยแววดื้อรั้นเอาแต่ใจ พอผมทำท่าจะแย่งแก้วเหล้าออกมาเขื่อนก็คำรามในลำคอ กระชากมือหนีพลางบ่นงึมงำ

“อย่ามายุ่ง”

ผมขมวดคิ้วไมพอใจนัก ริมเขื่อนไม่เคยดื้อกับผมในเวลาที่ผมจริงจัง

แต่ยามนี้คนตัวสูงกว่ากลับเทเหล้าลงแก้วแล้วกระดกอึกๆ ไม่สนใจว่าผมจะเท้าสะเอวทำหน้ายักษ์อยู่เลยสักนิด ดูท่าคงเมายิ่งกว่าผมเสียอีก เพราะขนาดจะเทของเหลวให้ลงแก้วตรงๆ ยังทำไม่ได้เลย

“เฮ้ออ” ผมถอนหายใจรอบที่สองของวัน ปลดอารมณ์รุนแรงของตัวเองลงเพราะรู้ว่าเอาไฟไปจ่อกองไฟ ก็มีแต่จะโหมกระพือแรงกว่าเก่า ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เขยิบเข้าไปชิดจนต้นขาของพวกเราแนบสนิทกันข้างหนึ่ง ใช้มือถนัดสอดเข้าไปกุมแก้วสีขาวที่กำลังจะถูกยกใส่ปากพลางออกแรงต้านไม่ให้ริมเขื่อนขยับเขยื้อนมันได้

“อะไรไผ่” เสียงของเขื่อนสูงขึ้นตามอารมณ์ ใบหน้าสวยหันขวับมามองอย่างหงุดหงิด ทั้งยังยื้อแย่งแก้วในมืออย่างเอาเป็นเอาตาย

ผมส่ายหน้า แม้จะเมาแต่ก็คงมีสติกว่าไอ้คนตรงหน้านี้แน่ๆ

“เขื่อน พอเหอะกูขอ” ผมปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง มองสบดวงตาดื้อรั้นคู่นั้นอย่างปลอบประโลมและวอนขอ เขื่อนมองผมอยู่พักหนึ่งก่อนจะยอมปล่อยนิ้วออกจากแก้วเครื่องดื่มในมือ “ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวกูพาไป”

ผมมองสารรูปคนที่นั่งตัวตรงไม่ไหวอย่างจนใจ ด้วยความที่ตัวเองคอแข็งมากเพราะถูกพร่ำสอนมาจากคณะอย่างหนักหน่วง ทำให้ต้องเป็นฝ่ายเก็บกู้เพื่อนอยู่หลายครั้ง ผมจึงมีสกิลในการประคองตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง แม้พื้นจะเอียงกะเทเร่ยังไง ผมคนนี้ก็ยังสามารถพาตัวเองเข้าไปอาบน้ำนอนได้เสมอ ถ้าไม่ได้ถูกมอมจนภาพตัดนะครับ

ผมรั้งแขนใหญ่ๆ ของอีกฝ่ายมาพาดรอบลำคอ ออกแรงฉุดคนตัวสูงให้ลุกตามกันออกมาจากปลายเตียง ทุลักทุเลไม่น้อยเลยเพราะตัวผมเองก็ยังเดินไม่ค่อยจะตรง แถมตัวริมเขื่อนยังหนักอย่างกับกำลังแบกกระสอบข้าวสาร กว่าจะลากคนเมากว่าเข้ามาถึงฝักบัวก็ทรหดไม่น้อยเลย

“อาบเองไหวไหม” ผมถามเพราะพอปล่อยมือจากริมเขื่อนแล้วอีกฝ่ายก็ร่วงลงไปกองที่พื้นทันที ลำบากให้ต้องก้มลงไปพยุงกันขึ้นมาใหม่

ผมคิดว่ายืนอาบไม่น่ารอด สุดท้ายเลยลากร่างสูงใหญ่ของเจ้าของห้องไปทิ้งไว้ในอ่างอาบน้ำแทน

ซ่า ซ่า

ผักบัวเหนืออ่างถูกปรับระดับให้เป็นน้ำอุ่น ผมปล่อยบ็อกเซอร์ตัวเล็กของริมเขื่อนไว้อย่างนั้นเพราะไม่อยากจะปลดมันออก ผมเดินออกจากห้องน้ำเพื่อหยิบผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าใหม่สำหรับเปลี่ยน แต่พอกลับมากลับพบว่าใครบางคนนอนกรนเสียงลั่นห้องน้ำไปเสียแล้ว

“เขื่อน! อย่าเพิ่งหลับดิวะ” ผมทั้งตะโกนทั้งตบหน้า แต่ชายในอ่างอาบน้ำกลับทำเพียงแค่ปรือตาขึ้นมามองก่อนจะหลับลงไปใหม่
ชิบหาย นี่คือผมต้องอาบน้ำให้มันถูกไหม

ทำไมคนเมาต้องมาดูแลคนเมาด้วยวะ ผมสงสัย

หัวตัวเองก็จะทิ่มอ่างอยู่แล้ว แต่จำเป็นต้องบีบสบู่เหลวออกมาถูลำตัวขาวเนียนอย่างลวกๆ ขนาดรักแร้ยังต้องสอดเข้าไปขัดให้มัน ท่าทางก็ออกจะง่กๆ เงิ่นๆ ด้วยว่าเมาเป็นหมาไม่ต่างกันเท่าไหร่ ปกติถูกสบู่ให้ตัวเองไม่ถึงสามนาทีก็เสร็จ แต่นี่น่าจะปาไปสิบนาทีแล้ว แต่ผมยังวนเวียนอยู่แค่แถวแผงอกแน่นหนันนี่เอง

“อื้อ ไผ่” คนที่นอนหลับเป็นตายปรือตาขึ้นมามองกันอีกครั้งเมื่อผมเผลอสะกิดไปถูกหัวนมของอีกฝ่าย ริมเขื่อนหน้าแดงแจ๋ขมวดคิ้วมองผมด้วยความสงสัย “ไผ่ทำอะไร”

“อาบน้ำให้มึงไง ถามโง่ๆ” ผมบ่น จับแขนที่กล้ามเป็นมัดชูขึ้นเพื่อขัดผิวล้างกลิ่นไม่ดีของแอลกอฮอล์ที่หกรด

“อือ” คนในอ่างพยักหน้าหงึกหงัก ยันตัวเองขึ้นมานั่งพิงขอบอ่างก่อนดึงแขนผมให้เข้าไปในนั่งในอ่างด้วยกัน “เดี๋ยวหัวทิ่ม”
คงเพราะท่าทางผมที่โน้มตัวไปฟอกสบู่ให้อีกฝ่ายดูหมิ่นเหม่ไม่น่าปลอดภัย และผมก็เห็นด้วยจึงไม่อิดออดที่จะก้าวลงในอ่างน้ำทั้งที่ยังสวมกางเกงนอนอยู่

“ตื่นแล้วก็ถูเอง กูจะอาบมั่ง” ผมโยนขวดสบู่แล้วให้คนตรงหน้า ขี้เกียจไปยืนอาบใต้ฝักบัวเลยถือโอกาสอาบน้ำมันตรงนี้เลย ง่ายๆ

ผมบีบสบู่เหลวลงบนฝ่ามือแล้วเริ่มถูเนื้อตัวที่เหนียวเหนอกหนะ ริมเขื่อนมองมาที่ผมนิ่งๆ ไม่แม้จะขยับบีบสบู่ที่ตกอยู่บนตัก
“อาบน้ำสิมึง จะได้นอน”

“ไผ่”

“อะไร”

“อาบให้”

“ไม่ต้อง เฮ้ย!” ผมที่ปฏิเสถูกกระชากเข้าไปในอ้อมกอดแข็งแกร่งที่อ้าออกรอรับอยู่ก่อนแล้ว ริมเขื่อนที่ควรจะเมาไร้เรี่ยวแรงกลับดึงรูดกางเกงผมออกไปจนหมด ม้วนตัวไปกับกางเกงในจนเป็นเลขแปดแสนน่าเกลียด และภายในเสี้ยววินาที ฝ่ามือหนาที่เต็มไปด้วยสบู่ก็เริ่มถูไถไปรอบลำตัวผมโดยไม่ได้ร้องขอ

“กูอาบเองได้”

“อยากอาบให้” ริมเขื่อนบอกแบบนั้นและฟอกสบู่ให้ผมอย่างตั้งใจ

ผมเม้มปาก อยู่ๆ ก็เลิกขัดขืนและปล่อยให้อีกคนทำอย่างที่ใจอยาก ร่างกายเปลือยเปล่าโดนลูบไล้ทั่วบริเวณไม่มีที่เว้น ทุกการเคลื่อนผ่านมีแรงกดนวดพอให้สบาย ผมหมุนตัวเปลี่ยนท่าทาง หันหลังเข้าไปพิงกับแผงอกแกร่ง สอดตัวไว้ระหว่างขายาวและทิ้งศีรษะพิงไปยังไหล่ข้างซ้ายของอีกฝ่าย

สบายดีจริงๆ

“อือ นวดตรงนั้นแหละ กูปวด” ผมครางอย่างพึงใจเมื่อริมเขื่อนบีบนวดแถมต้นขาให้ แรงกดที่พอเหมาะ ไอน้ำอุ่นร้อนได้ระดับดี ทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ จากสบู่ที่อบอวลทั่วห้องน้ำ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เคลิบเคลิ้มกับสิ่งเร้าพวกนี้ได้โดยง่าย ผมแฮปปี้สุดๆ จนเงยศีรษะไปฉีกยิ้มกว้างให้เจ้าของฝ่ามือหนักพอเหมาะ ลืมเลือนทุกความหมองคลึ้มที่ผ่านมา

“นวดเก่งว่ะ ไปเป็นหมอนวดไหม”

“กูไม่ได้แค่นวดตัวเก่งนะ” ริมเขื่อนก้มลงมากระซิบ หัวใจผมถูกอะไรบางอย่างสะกิดจนคันยุบยับ ทำไมดวงตาที่ฉ่ำเยิ้มจากฤทธิ์น้ำเมาถึงสดใสราวกับมีสติเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ “กูนวดอย่างอื่นเก่งด้วยนะ”

“อะไรวะ”

“ตรงนี้ไง”

“อ๊ะ เขื่อน!”

ชิบหาย อยู่ๆ น้องชายก็โดนตะปบไว้เต็มอุ้งมือ

ผมสะดุ้งโหยง หันตัวไปมองคนด้านหลังอย่างงงวยผสมกับความไม่เข้าใจ

“อะ...เชี่ย อย่าขยับ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร แรงขยับรูดรั้งที่หว่างขากลับทำให้ร่างกายเครียดเกร็ง สะโพกลอยเหนือผิวน้ำเพราะการตอกกระแทกที่ทั้งเร็วทั้งแรง ข้อมือแกร่งหมุนวนพลางขยับไปมา ชวนให้ส่วนที่อ่อนนุ่มค่อยๆ แข็งขืนจนเห็นเป็นรูปทรงชัดเจน

“ไผ่”

“อาา มึง...” ผมอยากจะห้าม แต่แม่งเอ้ย เสือกสวนเอวแทนเพราะริมเขื่อนคลายฝ่ามือออกและผ่อนจังหวะลง

“กูรักมึงจริงๆ นะ” เสียงทุ้มกระซิบเสียชิดใบหู ทั้งยังพ่นลมหายใจเข้ามาผะแผ่วให้ขนแขนได้ลุกชัน ริมฝีปากอุ่นพรมจูบลงมาถึงข้างลำคอ ขบกัดไปตามรอยเดิมที่เพิ่มสร้างไปเมื่อชั่วโมงก่อน ทั้งยังใช้มืออีกข้างปัดป่ายไปทั่วหน้าออกผมพลางขยี้ยอดอกจนมันเบ่งกายชูชันขึ้นมา

“ฮ้า ฮ้าา เขื่อน มัน... อ๊า” ผมไม่อาจส่งเสียงออกมาเป็นศัพท์ได้แล้ว ทั้งร่างกายช่วงล่างยังขยับเขยื้อนไปเองอย่างหน้าไม่อาย ริมเขื่อนดันคางผมให้เชิดขึ้นก่อนบดจูบลงมาอย่างรุนแรง

สิ่งนุ่มหยุ่นเคลื่อนตัวอยู่บนผิวปากผม รอยแยกถูกดันออกจากกันด้วยเรียวลิ้น กระตุ้นไรฟันให้เปิดออกจากการไล่เลียไปตามแนว สอดแทรกเข้าไปเกาะเกี่ยวทักทาย ทั้งยังไม่ยอมรามือที่วุ่นวายกับส่วนล่างของผมด้วยเช่นกัน

แขนแกร่งข้างที่เหลือสอดเข้ามาโอบเอวผมไว้แน่น แผ่นหลังของผมจึงแนบชิดไปกับกล้ามหน้าท้องหกลูก สัมผัสได้ถึงแรงหายใจและไอร้อนจากผิวกาย เสียดสีกันไปมาจากความลื่นของสบู่ ริมเขื่อนวักน้ำในอ่างมาล้างตัวผมให้บางส่วน โดยเฉพาะลำคอและหัวไหล่เพราะเขาต้องการกดริมฝีปากลงไปสร้างรอยคิสมาร์ก

ผมจิกปลายเท้าจากความเสียวกระสัน ครางฮือฮาในลำคอไม่เลิก ทั้งยังตอบรับรสจูบด้วยความมัวเมา ลมหายใจร้อนกลิ่นแอลกอฮอล์ รินรนอยู่เหนือศีรษะผมไปไม่มาก ริมเขื่อนแทบจะลูบไปทั่วทั้งตัวของผมแล้ว โดยเฉพาะช่วงเอวได้รูปที่ทั้งบีบทั้งขยำอย่างมันมือ

“ไผ่ กูรักมึงนะ” เขาย้ำคำเดิมซ้ำๆ จนผมไม่กล้าที่จะเมินผ่านมัน

ร่างกายกระตุกเกร็งตอบสนองคลื่นอารมณ์ที่ม้วนตัวกันอยู่ปลายทาง ผมพลิกกายโถมตัวเข้าไปกอดอีกฝ่ายแน่น ในจังหวะที่ถูกเหวี่ยงขึ้นบนจุดสูงสุด ผมทั้งขบและกัดไหล่หนาจนขึ้นรอย ปล่อยให้ร่างกายบิดเร้าจากแรงกระตุ้นช่วงล่าง สะโพกเคลื่อนไปมาอย่างอยู่ไม่สุข จนในที่สุดมวลน้ำจำนวนไม่น้อยก็ล้นทะลักออกมาปะปนในอ่าง

“แฮก” ผมหอบหายใจ ยังคงโอบรอบร่างกายหนาแน่นไม่ยอมปล่อย

ริมเขื่อนขยับมืออย่างแผ่วเบาอยู่สักพัก รอจนผมสงบลงได้ปล่อย จากนั้นเขาก็รวบผมเข้าไปกอดไว้โดยรั้งให้ขึ้นไปนั่งบนตัก จุมพิตที่ใบหูและข้างแก้มซ้ำไปซ้ำมา

“กูไม่เคยล้อเล่นเรื่องของมึง”

ราวกับคนตรงหน้าจะไม่ปล่อยให้ผมตีเบลอ

เขายังย้ำเรื่องนี้ซ้ำๆ จนกว่าผมจะยอมเข้าร่วมบทสนทนา ในขณะที่ผมสับสนวุ่นวายไปหมด การปลดปล่อยทำให้สมองโล่งขึ้นเยอะ ทว่าฤทธิ์เบียร์ที่กินไปก็กดความฉลาดให้ถดถอยลง

ผมเม้มปาก เงยหน้าขึ้นจากบ่าเพื่อสบดวงตาดำสนิทที่ยังคงเหมือนกับเมื่อตอนก่อนหน้า เต็มไปด้วยถ้อยคำนับพันที่ไม่ได้พูดออกมาเป็นคำ แต่สื่อออกมาอย่างชัดเจนจนไม่อาจหลอกตัวเองได้ว่าสิ่งที่เผชิญอยู่เป็นเรื่องล้อเล่น

ผมจะไม่หนีหรือเบี่ยงประเด็น

เพราะความกล้าจากน้ำเมาสั่งให้ผมถามสิ่งคิดออกไปตรงๆ

“ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“มัธยม” หน้าผากมนแตะลงมาบนหน้าผากของผม ใช้จมูกคลอเคลียไปมาด้วยความออดอ้อน “รักมึงมาตั้งนานแล้ว”

“มึงไม่ควรบอกกู” ผมบอก เพราะรู้สึกอึดอัดไม่น้อยกับสิ่งที่ได้ยิน

ริมเขื่อนหน้าเสียไปไม่น้อย ทว่าเขาก็ยังไม่ละความพยายาม

“ไม่รู้สึกอะไรกับกูเลยเหรอ”

“...” ผมตอบไม่ได้ เพราะผมไม่รู้

ช่วงนี้มันแปลก อะไรๆ ก็แปลกไปหมด

“กูไม่เชื่อนะถ้ามึงปฏิเสธ” เสียงทุ้มย้ำราวกับต้องการเรียกความมั่นใจของตนเอง “มึงมีอารมณ์กับกู มึงไม่ได้เห็นกูเป็นเพื่อนเหมือนเดิมแล้ว”

“...” ไอ้เรื่องที่เขื่อนรู้ว่าผมมีอารมณ์กับมันก็อีกเรื่อง แต่สิ่งที่กระแทกใจกว่านั้นคือคำว่า ‘ไม่ได้เห็นกูเป็นเพื่อนเหมือนเดิมแล้ว’
เหมือนโดนขยี้เข้ามากลางใจแปลกๆ

ผมฝืนหัวเราะแห้งๆ ส่ายหน้าเบาๆ

“มึงจะรู้ดีกว่าตัวกูได้ไง”

“ไผ่” เจ้าของตักร้องเสียงเบา “ไม่รู้สึกเลยเหรอ”

ใบหน้าสวยเหยเกเมื่อผมไม่ตอบคำถามนั้น เขากดจูบลงมาเบาๆ ราวกับต้องการอ้อนวอนให้ผมปริปากอะไรสักอย่างออกมา ทั้งยังกระชับกอดผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“ไผ่...”

“...”

“กูคิดไปเองเหรอ... ว่ามึงก็มีใจให้เหมือนกัน” ประโยคหลังเขื่อนพูดงึมงำในลำคอจนแทบไม่ได้ศัพท์ หยดน้ำตาเล็กๆ เอ่อคลอที่ดวงตาคู่สวย แพขนตาชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ และเพราะใบหน้าเราไม่ได้ห่างกันนัก ผมจึงเห็นว่าหยาดน้ำสีใสเหล่านั้นกำลังจะล่วงลงมา

หัวใจคนเป็นพี่เจ็บปวดเหลือคณานับ

การที่คนที่เราแคร์ความรู้สึกมากที่สุดต้องร้องไห้ ผมไม่อาจบรรยายความรู้ผิดผสกับความเสียใจที่เกิดขึ้นนี้ได้ ผมแพ้น้ำตาของเด็กชายเขื่อนมาเสมอ ที่ไปตบตีกับคนอื่นก็เพราะริมเขื่อนร้องไห้ ที่เข้าห้องปกครองเป็นว่าเล่นจนเสี่ยงจะโดนไล่ออก ก็เพราะริมเขื่อนร้องไห้

และตอนนี้ผมเป็นฝ่ายบดเบียดริมฝีปากลงไป ก็เพราะริมเขื่อนร้องไห้...

ผมสับสนใจตัวเองมากว่ากำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงทำอะไรลงไปแบบนี้ มันยากจะหาเหตุผลตอบรับการกระทำ เพราะสมองที่เว้าแหว่งเต็มที รวมถึงร่างกายก็ตอบสนองไปตามความอยากทันทีโดยไม่ผ่านการคัดกรองของสมอง

ยิ่งแขนแกร่งกอดรัดกันแน่นขึ้น ผมก็ยิ่งปล่อยตัวเองให้เคลื่อนตัวไปบนไฟปรารถนา เอียงคอให้อีกฝ่ายซุกไซร้ แอ่นหน้าอกรับการรุกรานอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะยอมให้ใครทำ

มันจริงอย่างที่เขื่อนว่า

ผู้ชายมีความรู้สึกที่หน้าอกจริงๆ

ผมขบริมฝีปากล่าง ปล่อยให้ร่างกายถูกพรมจูบไปทั้งหน้าท้อง ไม่รู้ว่าโดนจับพลิกซ้ายขวาไปทางไหน แต่อ่างอาบน้ำนี้คับแคบเหลือเกิน สุดท้ายผมจึงได้แต่เรียกร้องอย่างเอาแต่ใจไปว่า

“ไปที่เตียงเถอะ”

หลังจากนั้นผมก็ถูกยกออกมาจากอ่างและพามาที่เตียงอย่างที่ต้องการ

รสจูบที่มอมเมายิ่งกว่าเหล้าเบียร์ตลอดทางนั้น ล้างทุกเหตุผลที่มีไปจนหมด อะไรที่ควรจะสังเกตุก็ไม่ได้สังเกตุ ตอนก่อนเข้าห้องน้ำริมเขื่อนเดินเองแทบไม่ไหวด้วยซ้ำ นี่ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง อีกฝ่ายกลับแทบอุ้มผมเดินไปได้แถมยังคล่องตัวอีกต่างหาก
ความไม่สมเหตุสมผลนั้นชัดเจนไม่น้อยเลย ทว่าผมกลับมองไม่เห็นมัน เพราะริมฝีปากที่คอยขับเม้มเซ้าซี้อยู่ไม่ยอมปล่อย กอปรกับแรงอารมณ์ที่ครอบดวงตาไว้ให้มืดมิด

แผ่นหลังผมค่อยๆ นาบไปกับฟูกนุ่ม ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้ร่างกายหนาวสั่นไม่น้อย ผมถูกดันไปใต้ผ้าห่ม ร่างโปร่งสูงทาบทับลงมาพร้อมฝ่ามือที่ไล้ใบหน้าและผิวแก้มผมเล่น

“ไผ่... ให้ทำเหรอ”

“...” ผมขมวดคิ้วที่อยู่ดีๆ คนตรงหน้าถามอะไรแบบนี้ออกมา

“ไหนว่าไม่รู้สึกไง”

“ไม่ใช่ไม่รู้สึก” ผมบอกไปอย่างไม่แน่ใจนัก “แค่อยากพิสูจน์ ว่ากูรู้สึกจริงๆ ไหม”

“ถ้าทำ... มันย้อนกลับไม่ได้แล้วนะ”

“มันย้อนกลับไม่ได้ตั้งนานแล้ว”

ตั้งแต่มึงบอกว่ารักกู... ผมต่อประโยคนั้นในใจ

ริมเขื่อนเอาแต่มองหน้าผมราวกับไม่กล้าที่จะทำ แม้ว่าฝ่ามือจะไล้ผิวกายกันไม่เลิก แต่เขาก็ไม่ยอมทำอะไรมากกว่านั้น ผมที่พอหัวถึงหมอนก็เริ่มง่วงจึงรู้สึกหงุดหงิด

“เขื่อน อย่าลีลา” ผมบอกแบบนั้นเพราะถ้าทิ้งเวลาไปมากกว่านี้ ผมคงหลับ “จูบกู”

และหลังจากนั้นริมฝีปากอุ่นร้อนก็จูบลงมาอีกครั้งหนึ่ง...



_______________________
TalK: มาแล้วค่าาาาา มีคนโดนจับกินตอนหน้าแล้วแหละ

ทีมันมาทางนี้ เพราะไผ่เป็นคนที่ถูกเลี้ยงแบบกล้าได้กล้าเสียอ่ะเนอะ
เขาคิดว่าเขาไม่เสียหายอะไร และก็กล้าที่จะลอง
ไม่งั้นคงไม่กล้าออกจากงานมาเป็นฟรีแลนซ์ลุ่มๆ ดอนๆ แบบนี้หรอก 5555

แล้วตอนหน้ามาเจอกัน
ปั่นกว่าจะเสร็จ ฮืออ มาช้า เพราะช่วงนี้ส่งรูปเล่มโปรเจคค่ะ แก้ยับไม่น้อยเลย
จะพยายามมาเร็วๆ เมื่อไหร่โปรเจคจะจบสักที ร้องไห้แล้ว  :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 14 [22-Dec-2018] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Josett ที่ 22-12-2018 01:29:37
ตัดฉับ!! แงงงง อยากดูเขาได้กัน แค่กๆๆๆๆ ผิดๆอยากดูเขารักกัน :ling1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 14 [22-Dec-2018] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-12-2018 02:04:15
 o13
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 14 [22-Dec-2018] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-12-2018 04:09:09
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 14 [22-Dec-2018] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-12-2018 08:13:43
ถ้าไผ่จะแซบขนาดนี้ ยอมเถอะๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 14 [22-Dec-2018] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 22-12-2018 08:51:31
ตอนหน้าอะไร เราจะกินตอนนี้ ตอนนี้แงงงง
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 14 [22-Dec-2018] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-12-2018 09:55:12
ไผ่กล้าได้กล้าเสียจริง ๆ เพราะเบียร์เพิ่มความกล้าด้วยใช่ป่ะถึงได้กล้าขนาดนี้ แล้วสมมุติว่าไม่ได้รู้สึกอะไรเลยไผ่จะไม่รู้สึกว่ากูไม่น่าทำเลยหรือเปล่าหืม
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 14 [22-Dec-2018] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-12-2018 10:18:36
 :hao6:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 14 [22-Dec-2018] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 22-12-2018 13:31:59
เอ้าลองสักตั้ง
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 14 [22-Dec-2018] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 22-12-2018 14:03:21
……


ไม่ลองก้อไม่รู้ใจเนอะไผ่เนอะ.  ฮิ้วววววว

เขื่อนแสดงฝีมือให้เต็มที่ จะคอยดู  หุ หุ หุ.


 :z1:  :z1:  :z1:  :z1:  :z1:  :z1:  :z1:  :z1:  :z1:



หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 14 [22-Dec-2018] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 22-12-2018 23:14:30
กรี๊ดดด รีบๆมาต่อเลยค่ะ

ปล.โปรเจคจงผ่านไปไวๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 14 [22-Dec-2018] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 22-12-2018 23:41:26
ตอนต่อไปเลยค่ะะะะะ  รอลุ้นแบบติดขอบเตียง
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 14 [22-Dec-2018] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 23-12-2018 05:15:32
นางกล้าที่จะหาคำตอบจริงๆ :z1: แต่ไม่กล้าที่จะยอมรับใจตัวเองไผ้เอ๋ยโดนแน่ :hao6:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 14 [22-Dec-2018] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 23-12-2018 07:32:50
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:

ไผ่ ถ้าเขื่อนไม่กล้าไผ่ก็ลุกไปจัดการเองเลยสิ อิอิ  ลุกน่ะไม่ใช่รุก
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 14 [22-Dec-2018] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: 14th-friedegg ที่ 23-12-2018 08:53:33
งือออออ กัดหมอนนนนน
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 14 [22-Dec-2018] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 23-12-2018 08:54:59
 :katai4:  รอๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 14[ [22-Dec-2018] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 23-12-2018 11:27:38
รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องของลองใช่มั้ยไผ่ รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ หวังว่าไผ่จะไม่ชิงหลับไปก่อนนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 14 [22-Dec-2018] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 25-12-2018 07:08:24
พี่ไผ่ไม่น่ารอดดดด
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 14 [22-Dec-2018] P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Valian ที่ 26-12-2018 18:39:31
 พึ่งเข้ามาอ่านเลยอ่านรวดเดียวจนจบเลย ชอบมากๆ ทั้งพล็อตเรื่องที่เป็นเมะหน้าสวยกับความเป็นเพื่อนสมัยเด็ก ภาษาไหลลื่นมากๆ o13 เป็นกำลังใจให้นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 15 [30-Dec-2018] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 30-12-2018 18:34:53
บทที่ 15




อาจจะเพราะเบียร์ที่กินเข้าไป หรือเพราะริมเขื่อนจูบเก่งเกินไป ผมถึงได้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ในห้วงของความว่างเปล่าที่ไม่ค่อยจะสบายตัวนัก

เปลือกตาพับปิดลงมาเองในจังหวะที่ถูกบดเบียดอยู่บนริมฝีปาก ร่างกายเปลือยเปล่าเสียดสีกันอยู่บนเตียงนุ่มที่ชื้นจากน้ำบนร่างกายของพวกเรา ผมถูกประคองหลังคอไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง สันจมูกเสียดสีคลอเคลีย ถูไถกันไปตามองศาการขยับของใบหน้า
เนิ่นนานกว่าเขื่อนจะผละริมฝีปากออกไป ผมตะครุบอากาศเข้าปอดราวกับเพิ่งจมน้ำ ใบหน้าคงแดงก่ำทั้งยังมีสภาพไม่สู้ดีนัก สัมผัสได้ว่าปากตัวเองไม่สามารถปิดสนิทได้อีกแล้ว คงบวมเจ่อจากการถูกดูดคลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างคนหิวโหย

ใบหน้าสวยขยับออกห่างกันเพียงคืบเดียว ใช้ดวงตาสีดำสนิทจ้องมามาอย่างสื่อความหมาย ทั้งยังใช้นิ้วเรียวยาวนวดคลึงไปตามผิวแก้มและลำคอของผมเบาๆ

“ไผ่...” คนที่คร่อมอยู่ด้านบนยังกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้ารุกมากกว่านี้ ทั้งที่ในห้องน้ำทั้งจับทั้งลูบกันจนทุกซอกทุกมุม

“จะไม่ทำ?”

“...ทำสิ”

“รออะไร รอให้กูเปลี่ยนใจ?” ผมถามเสียงสูง ยิ่งริมเขื่อนลีลามากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งทบทวนกับตัวเองว่ากำลังทำบ้าอะไรอยู่กันวะเนี่ย ไอ้วิธีสุดโต่งแบบนี้มันจะพิสูจน์อะไรได้กัน

“มึงจะ... เปลี่ยนใจเหรอ” ดวงตาคมหลุบลงมองต่ำ ทั้งยังทำท่าจะขยับตัวออกไปอีกด้วย แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมคว้าต้นแขนของอีกฝ่ายไว้ ทั้งยังเลื่อนมือทั้งสองข้างขึ้นไปโอบรอบลำคอแกร่ง

“จะทำก็รีบทำ” ผมบอกไปแบบนั้น แต่ริมเขื่อนเพียงจ้องหน้ากันนิ่งๆ ราวกับต้องการให้ผมเอ่ยคำอนุญาตออกไปตรงๆ “เขื่อน”
“กูไม่กล้า กลัวมึงแค่เมาแล้วพรุ่งนี้มึงจะเกลียดกู”

คราวนี้เป็นผมเองที่เงียบไปชั่วอึดใจ

ถามว่าที่ผมใจกล้าขนาดนี้เพราะเมาใช่ไหม ก็ต้องตอบกันไปตรงๆ เลยว่าเมา

แต่ถ้าถามว่ามีสติไหม ใช่ ผมมีสติ

และผมจะไม่มีทางโทษคนอื่นสำหรับการตัดสินใจของตัวผมเอง สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะรู้สึกหรือไม่รู้สึก ก็เป็นผมเองที่ตัดสินใจลองทำ

จะหาว่าสปอยล์ก็ได้ แต่สำหรับผมริมเขื่อนไม่เคยผิด

เออ บราค่อนก็บราค่อนวะ

“ไม่มีทาง” ผมบอกอย่างมั่นใจ “มึงอยากทำอะไรมึงก็ทำ วันนี้กูเป็นของมึง”

“...”

“อะไร” อยู่ๆ ริมเขื่อนก็จ้องหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมเลยได้แค่ขโมยคิ้วถามไปอย่างหงุดหงิด จะทำไม่ทำวะ ถ้าไม่ทำจะไปนอนแล้วนะเว้ย!

“เป็นของกู...”

“เออ- อื้อ ไอ้สัส!”

ริมเขื่อนกระโจนเข้ามาตะครุบตัวผมอย่างแรง ทั้งยังจูบย้ำๆ ลงบนริมฝีปากราวกับจะแดกจะกลืนเข้าไปในท้อง ผมได้แต่ดิ้นหนีเพราะจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ขลุกขลักได้สักพักก็โอนอ่อนผ่อนแรงลงเพราะการจู่โจมที่ค่อยๆ แปรผันกลายเป็นเล้าโลมแทน
ริมฝีปากร้อนที่ตอนแรกบดจูบลงมาไม่ลดละค่อยๆ เลื่อนไปยังซอกคอของผม ทั้งยังทิ้งรอยแดงเป็นจ้ำไว้ตามเส้นทางที่เคลื่อนผ่าน ผมเชิดหน้าขึ้น ปล่อยให้อีกคนสูดดมกลิ่นสบู่ไปตามความพอใจ

ฝ่ามือร้อนจากที่วางอยู่บนเอวนิ่งๆ ค่อยๆ ขยับปัดป่ายขึ้นมาขยี้หน้าอกผมเล่นเป็นจังหวะ ร่างกายโดนแทะเล็มแทบไม่มีที่ว่าง รอยน้ำลายกับฟันคมที่ขยี้ไปตามผิวเนื้อ ชัดจนมองผ่านๆ ก็ยังเห็น

“อ...” ผมกัดปากตัวเองเอาไว้กลั้นเสียงคราง มันออกจะน่าอายถ้าผมจะส่งเสียงแบบนั้นออกไป แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่คิดแบบนั้น เพราะริมเขื่อนเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน ก่อนสอดปลายนิ้วเข้ามาในปากผมเพื่อบังคับให้เลิกกัดปากตัวเองเสียที

“อะ...อะไร” เสียงของผมอื้ออึง เพราะช่วงล่างถูกสะโพกแกร่งขยับเข้ามาเสียดสี เขื่อนคลี่ยิ้มจางๆ มาให้ ก่อนโน้มทั้งลำตัวลงมากระซิบที่ริมหูข้างซ้าย

“อยากได้ยินเสียงมึง”

“อะ อ้า” ตัวของผมกระตุกเกร็งก่อนบิดเร้าเมื่อส่วนที่อ่อนไหวที่สุดถูกบีบและบิดควง

เขื่อนโอบกอดตัวผมไว้แน่น กดจูบลงมาอยู่บ่อยครั้ง ทั้งยังไม่เลิกปรนเปรอความรู้สึกกระสันให้แก่กัน จนกระทั่งผมทนไม่ไหวเป็นฝ่ายผวาตัวเข้าไปกอดอีกคนแน่น

“อย่า...อึก อย่าทำแรง”

“ไม่ชอบ?”

“กูจะเสร็จ เขื่อน... อ๊า”

เหมือนยิ่งห้าม ก็เหมือนยิ่งยุ

นอกจากจะไม่ผ่อนแรงมือแล้ว ริมเขื่อนยังเคลื่อนตัวลงไปแตะลิ้นหยอกล้อกับยอดอกผมเสียอีก ร่างกายช่วงบนแอ่นขึ้นโดยอัตโนมัติ ทั้งช่วงขาทั้งสองข้างยังงอหงิกไม่ได้รูป มาจากคลื่นอารมณ์มากมายที่ม้วนตัวมารวมกันอยู่ที่ส่วนปลายของทางออก ผมขบปากตัวเองอีกครั้ง เชิดหน้าแหงนขึ้นจนสุดคอ ขยุ้มผ้าปูที่นอนแน่นก่อนกระตุกปล่อยความอึดอัดทั้งหมดออกมา

“ฮ้าา... แฮ่ก แฮ่ก” เสียงหอบหายใจของผมดังกว่าเสียงเครื่องปรับอากาศเสียอีก

สมองของผมขาวโพลนพอๆ กับดวงตา มันวิบวับราวกับมีสปอร์ตไลท์นับสิบสาดเข้ามากระทบ ต้องนอนนิ่งๆ สักพักถึงค่อยกลับมาเป็นปกติ

ริมเขื่อนคลี่ยิ้มพออกพอใจ ไม่รู้ชอบใจอะไรกัน ทั้งยังขยับมือไปปาดเอาของเหลวหนืดค้นมาเล่นราวกับเป็นเรื่องสนุก ผมหมั่นไส้เลยออกแรงถีบไปที่สะโพกสอบๆ เบาทีนึง ไม่ได้สะเทือนไอ้คนบ้ามวยเลยสักนิด เพราะริมเขื่อนเพียงแค่หันมามองก่อนชูมือที่เหนียวเหนอะไปด้วยคราบขาวให้ดูอีกด้วย

“เยอะจัง”

แม่งเอ้ย ผมสบถในใจ

ทำท่าจะถีบให้อีกรอบแต่อีกคนดันไวกว่า ริมเขื่อนจับข้อเท้าผมไว้แล้วยกชูขั้นสูง สอดตัวเข้ามาระหว่างกลางก่อนดันสะโพกผมขึ้นให้ลอยสูงขึ้นมาจากเตียง

ผมยังไม่ทันได้โวยวายอะไร ใบหน้าสวยราวรูปสลักก็ก้มต่ำลงไปเสียแล้ว

“อะ...อื้อ ไอ้เขื่อน สกปรก!” เป็นอีกครั้งที่ผมเสียงดัง ทั้งยังพยายามขยับตัวหนี

เขื่อนล็อคต้นขาของผมไว้แน่น ทั้งยังกดจูบเสียงดังจุ๊บออกมาให้ใบหน้าผมแดงซ่าน ช่องทางด้านหลังถูกรุกรานทั้งจากริมฝีปากและเรียวลิ้นซุกซน เล่นเอาผมไม่อาจนอนอยู่นิ่งๆ ได้

ร่างกายบิดเร้าไปเองตามสัญชาตญาณ ยิ่งยามที่บางอย่างค่อยๆ สอดแทรกเข้ามาภายใน ร่างกายก็คล้ายไม่ใช่ของผมเองอีกแล้ว
“อึก... อ้า” ผมหวีดร้องเมื่อทั้งด้านหน้าและด้านหลังถูกกระทำแบบไม่ให้ตั้งตัว ทั้งยามที่ก้มลงไปหมายจะห้ามปรามแล้วถูก ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นมองมาราวจะกลืนกันเข้าไปทั้งตัว ผมก็ถูกควบคุมโดยสมบูรณ์

จากนั้นไม่ว่าจะถูกพลิกซ้ายพลิกขวา ทุกอย่างก็ล้วนดำเนินไปตามเกมของคนมีประสบการณ์ ผมถูกจับให้นอนคว่ำหน้า โหย่งสะโพกขึ้นสูงตามที่ริมเขื่อนต้องการ ลิ้นร้อนยังคงไล่ชิมตั้งแต่ต้นขาขึ้นไปจนผมตัวสั่น ลำคอแหบแห้งจากการเปล่งเสียงร้องที่น่าอายไม่น้อย ทว่าพอจะกัดปากกลั้นก็ถูกริมฝีปากร้อนฉ่าบดขยี้ลงมาซ้ำๆ ราวกับไม่ยินยอม

ริมเขื่อนกดตัวผมให้นอนหงายอีกครั้ง คราวนี้ร่างสูงโปร่งขยับขึ้นมาทาบทับกันทั้งตัว หมอนหนุนถูกสอดไว้ใต้สะโพกของผม พร้อมกับที่ปากทางเข้าถ้ำค่อยๆ ถูกบางอย่างปัดป่ายสัมผัสอย่างหยั่งเชิง

“เขื่อน... อึ่ก” ผมเรียกชื่อคนที่เลื่อนหน้าขึ้นมาสบตา ผมรวงยาวปัดไปรวมกันไว้ข้างเดียว เผยใบหน้าได้รูปและริมฝีปากเป็นกระจับแดงที่คลี่ยิ้มให้กันอย่างปลอบประโลม

“อย่าเกร็งนะ”

ประโยคนั้นจบลงพร้อมบางอย่างที่ชำแรกเข้ามาอย่างช้าๆ

ผมผวาเฮือก มันไม่เจ็บนักแต่ก็เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดไม่น้อย ผมไม่รู้ว่าตัวเองเกร็งจนกระทั่งริมเขื่อนเข้ามากระซิบเบาๆ ที่ริมหู

“ผ่อนคลายหน่อยนะ มันแน่น กูเจ็บ”

ศีรษะถูกลูบเบาๆ ทั้งแก้มก็ถูกกดจูบค้างเอาไว้

ผมผ่อนลมหายใจช้าๆ ค่อยๆ ปล่อยกล้ามเนื้อตัวเองให้คลายออก ริมเขื่อนถึงได้กดสะโพกเข้ามาได้จนสุด มันเจ็บไม่น้อยเลยในจังหวะสุดท้าย แต่จูบที่กดลงมาอีกครั้งก็ดึงความสนใจของผมออกไปได้พอดี

ริมเขื่อนกอดผมไว้แน่นแม้เขาจะขยับไม่ค่อยถนัด เขาไม่ยอมปล่อยให้ร่างกายของเราห่างกันสักนิด ทั้งยังไม่ได้กระทำรุนแรงจนผมเจ็บปวดไม่มีความสุข ตัวตนของผมถูกรูดรั้งอย่างช่วยเหลือ ร่างกายโดนพรมจูบไปถ้วนทั่ว ผมตัวโยกคลอนไปตามแรงกระแทกจากด้านล่าง

พวกเราสอดประสานกันอยู่เนิ่นนาน เริ่มจากแผ่วเบานุ่มนวล โหมทวีความดุดันขึ้นจนกระทั่งผมหวีดร้องออกมาเสียงดัง ทุกจังหวะ ทุกลมหายใจ คลอเคล้าไปด้วยความสุขที่ฉายออกมาจากใบหน้าสวยที่ผมกลับมองว่ามันงดงามกว่าปกติ

ริมเขื่อนที่เหงื่อโทรมกาย ใบหน้าเหยเกจากแรงอารมณ์ ทั้งยังแดงระเรื่อเพราะใช้แรงไปไม่น้อย ดวงตาคมสวยยามกวาดมองทั่วร่างผมล้วนเต็มไปด้วยความหลงใหล

ผมปล่อยให้ตัวเองติดอยู่ในบ้วงราคะที่จะผูกเราสองคนเข้าไว้ด้วยกัน ขยับเอวสอดรับเข้ากับจังหวะที่อีกฝ่ายสร้าง ยอมให้เขากอด ยอมให้เขาจูบ ยอมให้อีกฝ่ายตอกย้ำตัวตนลงมาในร่างของผมซ้ำๆ

“เป็นของกูนะไผ่” เสียงแหบพร่าวิงวอนเบาๆ “กูรักมึง”

รัก...เหรอ?

พวกเราเดินทางมาไกลขนาดนี้ภายในวันเดียว

หรืออันที่จริงเราอาจเดินออกมาจากจุดที่เคยอยู่ตั้งนานแล้ว

ผมชอบเขื่อนไหม ผมก็ไม่รู้

ผมหวั่นไหวรึเปล่า ผมก็ตอบไม่ได้

ผมแค่รู้ว่าผมไม่ได้รังเกียจหากเราจะกอดกัน จูบกัน หรือมีอะไรกัน ผมไม่ได้รังเกียจที่ริมเขื่อนมองกันมาด้วยสายตารักใคร่สื่อความหมาย

ผมรักเขื่อน แน่นอนถ้ามองกันในฐานะเพื่อนที่ดูแลกันมาตั้งแต่เด็ก

แต่ถ้าในแง่ของคนรัก มันอาจต้องใช้เวลาพัฒนาความสัมพันธ์

“ไผ่... ไผ่” ร่างสูงร่ำร้องเรียกชื่อผมซ้ำๆ ยามที่เขาเร่งจังหวะ มวนอารมณ์บีบเป็นก้อนใหญ่ก่อตัวขึ้นที่ปากทาง ผมก็ไม่ต่างกันนักจึงกางมือโอบกอดร่างหนาที่ทาบทับอยู่ด้านบนไว้แน่น

ใช่... มันคงต้องใช้เวลา

ทุกๆ ความสัมพันธ์มันต้องมีจุดเริ่มต้นเพื่อให้ได้สานต่อ และผมคิดว่าตัวผมเองถูกพามายืนรออยู่ที่จุดสตาร์ทเรียบร้อยแล้ว...

“อะ อ๊าส์” เสียงหวีดร้องพร้อมบางอย่างที่ล้นทะลักออกมาเปรอะเต็มหน้าท้อง ผมตอบคำถามตัวเองในใจขณะกอดก่ายกายของริมเขื่อนไว้แน่น เขื่อนก็กอดผมไว้แน่นเช่นกันในตอนที่เขาตัวกระตุกถี่ๆ
 
เสียงหอบหายใจต่างคลอประสานเป็นทำนอง ผมปรือตามองเพดานสีอ่อนและแสงไฟจากหลอดนีออน รัดร่างในอ้อมแขนไว้แน่นอีกครั้งก่อนดันให้เขื่อนขยับมานอนสบายๆ บนพื้นที่ว่างข้างๆ

จมูกโด่งกดลงมาบนข้างแก้มของผมซ้ำๆ ไม่ยอมขยับตัวออกห่างทั้งๆ ที่เหงื่อออกกันให้ซ่ก ริมเขื่อนคลอเลียนัวเนียไม่ยอมเลิก ทั้งริมฝีปากก็ยิ้มเต็มแก้มไม่ยอมหุบ

“ยิ้มอะไร”

“ดีใจ”

“ปล่อยทีจะไปอาบน้ำ” ผมขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงเลยเปลี่ยนเรื่อง

ริมเขื่อนยอมปล่อยมือทำให้ผมขยับได้สะดวก แต่ทันทีที่ขาสั่นทิ้งน้ำหนักไปที่พื้น ร่างทั้งร่างก็ล่วงตุ้บลงไปนั่งหมดสภาพที่ข้างเตียงทันที

แถมก้นกระแทกลงไปอย่างแรงด้วยนะ!

“ไผ่!!” คนบนเตียงรีบถลามาพยุงผมทันที เขื่อนสอดมือเข้ามาใต้รักแร้แล้วออกแรงยกตัวผมให้ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุกเล ส่วนผมได้แต่เบ้ปากกับสภาพขาตัวเองที่สั่นระริกจนน่าติดทิ้ง

แม่งเอ้ย แค่นี้ก็หมดสภาพ

“กูพาไปอาบน้ำ” ริมเขื่อนบอกอย่างเอาใจใส่ แทบจะยกผมขึ้นอุ้มอยู่แล้ว แต่ผมร้องห้ามเอาไว้ได้ทัน

อ่างน้ำอ่างเดินถูกรองน้ำอุ่นจนเต็มอ่าง คนตัวสูงจัดการทุกอย่างภายในเวลารวดเร็ว สุดท้ายก็หย่อนผมลงไปไว้ในอ่างพร้อมกับตามเข้ามานั่งซ่อนหลังอย่างเคย แถมยังสอดมือเข้ามากอดเอวกันไว้แน่น ใบหน้าสวยวางลงบนไหล่ผมแล้วหันมาฉีกยิ้มตาหยีให้กันหนึ่งที

ถึงเนื้อถึงตัวจนน่ารำคาญ

แต่เมื่ออีกคนคอยนวดแขนนวดขาให้อย่างเอาใจ ผมเลยข่มคำด่ามากมายไว้ในลำคอ ปล่อยให้ริมเขื่อนบีบนวดต่อไปจนแทบเคลิ้มหลับ ถ้าไม่ติดว่ามือปลาหมึกมันชักลูบไปลึกเกินกว่าที่ควร

“ไอ้เขื่อน!”

“หืม?”

“จับอะไร”

“ไผ่...” ใบหน้าสวยขยับดุ๊กดิ๊กอยู่บนไหล่ผม กดจูบลงเบาๆ ที่หลังคอก่อนเอ่ยออดอ้อนเสียงเบา “อีกรอบได้ไหม”

“...พ่อง”

“นะมึง นะ”

“Shut the fuck up!”

“But I want you more…”

“Damn you!”

“Please…” ริมเขื่อนกระพริบตาช้าๆ ให้แพขนตาได้ทำหน้าที่ของมันเต็มประสิทธิภาพ ลมหายใจร้อนรินรดบนไหปลาร้าพร้อมริมฝีปากนุ่มที่กดลงมาบนหัวไหล่ย้ำๆ “Please… Sweetie”

“…Fuck!”

ผมสบถด้วยความหงุดหงิด หงุดหงิดตัวเองที่แพ้สีหน้าออดอ้อนนั่นอยู่เสมอ

สุดท้ายกว่าจะได้ออกจากห้องน้ำ... ก็ตอนฟ้าจะสางนั่นไง!

WTF!!

_______________________
Talk: NC บุรุษที่ 1 ยากมากเลยค่ะ ฮืออออ มาช้าเลย
จะสิ้นปีแล้ว ปั่นงานกันรัวๆๆๆๆ

ใครที่ไปเที่ยวขอให้สนุกนะคะะะะะ แฮปปี้ทุกคน

ส่วนตอนนี้หากมีอะไรผิดพลาดขออภัย มันยากจริงๆ ฮืออ
สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับเราคือ NC นี่แหละค่ะ ร้องไห้แล้วว  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 15 [30-Dec-2018] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 30-12-2018 18:43:11
แจ่ม
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 15 [30-Dec-2018] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 30-12-2018 19:10:33
เขียนดีค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 15 [30-Dec-2018] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 30-12-2018 20:20:21
งานดีครับ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 15 [30-Dec-2018] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 30-12-2018 20:24:08
โอ้ยยยยยย​ เสร็จนังเขื่อนจนได้​
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 15 [30-Dec-2018] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 30-12-2018 20:27:54
น่ารักมากกกก จริงๆ Ref.ของไผ่ นอกจากซิงเย่ ที่ไรท์เอามาแล้ว เรายังไปนึกถึง ไอซ์ ภานุวัฒน์ด้วยอ่ะ ค่ะ แต่คนนั้นจะมองว่าหล่อก็หล่อ บางมุมก็ดูสวย
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 15 [30-Dec-2018] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 30-12-2018 22:58:48
กรี๊ด. ไผ่โดนละ อิอิ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 15 [30-Dec-2018] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 31-12-2018 00:03:27
ริมเขื่อนทำให้เรานึกถึงพี่ไอซ์ภาณุวัฒน์เลยค่ะ โซแดมฮอทมากริมเขื๊อนนน ไผ่เสร็จเพื่อนคนสวยแล้ว กรี้ดด
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 15 [30-Dec-2018] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 31-12-2018 00:12:29
 :hao6:


ในที่สุด
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 15 [30-Dec-2018] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 31-12-2018 02:09:14
เรียบร้อยยยยย
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 15 [30-Dec-2018] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 01-01-2019 12:16:11
รักเลยเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 15 [30-Dec-2018] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-01-2019 16:58:35
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๒ ค่ะ ไรท์ 
ขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต......
ร่ำรวยเงินทอง สุขภาพแข็งแรงนะคะ :mew1: :mew1: :mew1:

:hao6: :z1: :pighaun:

เขื่อน  ไผ่   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 15 [30-Dec-2018] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-01-2019 19:21:02
 :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 15 [30-Dec-2018] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Valian ที่ 01-01-2019 20:28:26
 แต่ง NC ได้ดีแล้วชอบๆ  ดีงามสมการรอคอย :katai2-1:  คู่นี้น่ารักมาก ความขี้สปอยล์ของไผ่นี้ 555
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 15 [30-Dec-2018] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 02-01-2019 21:53:35
 :jul1: อ๊ากกกกก.... สมใจมากมายค่ะ  :jul1: รอวันนี้แทนพี่ไผ่มานาน.... ขอให้พี่ไผ่อย่าใจร้ายกับน้องเขื่อนเลยนะค่ะเรื่อง Relationship ต่อจากนี้ไป :z1: เอาจริงๆแล้ว ต้องบอกว่าขอให้คบกันเร็วๆแบบร้อนแรงและดุเดือดต่อไป  :z1:
Btw: happy new year na ka  :mew1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 15 [30-Dec-2018] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 03-01-2019 03:24:03
ไผ่เสร็จเขื่อนแล้วว ไปไหนไม่รอดแล้วว ชอบนะคะแต่งได้โอเคเลยน้า


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 15 [30-Dec-2018] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 06-01-2019 00:40:12
ดีจังค่ะ ร้อนแรงแต่ยังคงความรู้สึกสับสนของไผ่ไว้อยู่ ฟีลก็ยอมนะ แต่ความรู้สึก สถานะยังงงๆ เหมือนเล่นรถไฟเหาะในเขาวงกต ในที่มืด อะไรประมาณนั้น


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 15 [30-Dec-2018] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Sujanarak ที่ 06-01-2019 16:35:56
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 16 [6-Jan-2019] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 06-01-2019 22:51:17
บทที่ 16




ผมลืมตาขึ้นมาในตอนสายโด่ง

แสงแดดจากด้านนอกลอดเข้ามาตามรอยแยกของผ้าม่าน ทว่าภายในห้องก็ยังมืดครึ้มราวกับไม่ใช่เวลากลางวัน เครื่องปรับอากาศส่งเสียงหึ่งๆ กล่อมให้ดวงตาปรือปรอยปิดลงอยู่บ่อยครั้ง ทั้งร่างกายก็ปวดเมื่อยและไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะยกแขนขึ้น ผมขยับตัวกอดกองผ้าห่มในอ้อมแขนก่อนหลุดครางเบาๆ เมื่อช่วงเอวที่ปวดระบมถูกกระทบกระเทือน

“อือออ” ใครอีกคนบนเตียงคล้ายจะถูกสะกิดให้ตื่นด้วยเสียงโหยหวนของผม

ริมเขื่อนยุกยิกอยู่พักนึงก็สอดแขนเข้ามาโอบรอบบั้นเอว กดคางมนไว้ที่ศีรษะของผมแล้วพึมพำด้วยน้ำเสียงงัวเงียว่า “ตื่นแล้วเหรอ”

“อืม” ผมตอบทั้งที่ยังปิดเปลือกตา มาดหมายเอาไว้ว่าจะนอนต่ออีกหน่อย แต่แรงกอดรัดที่เอวทั้งน่ารำคาญทั้งรัดแน่นจนกระทบไปถึงรอยช้ำจากที่ตรงนั้น ผมเลยต้องฝืนตื่นขึ้นมาทั้งขี้ตาอย่างไม่เต็มใจ “ปล่อยกู”

“หือ?” ใบหน้าสวยชะโงกขึ้นจากหมอนพลางเลิกคิ้ว ตาสองข้างเปิดขึ้นมาไม่ถึงสองมิลลิเมตรเลยด้วยซ้ำ

ผมพ่นลมหายใจออกทางปาก ตวัดผ้าห่มทิ้งลงไปข้างเตียงก่อนออกแรงยันตัวเองขึ้นจากที่นอน แขนแกร่งบนเอวหลุดล่วงไปอยู่ที่ตัก พร้อมกับสติสตังของริมเขื่อนที่ค่อยๆ กลับมา

“ไปไหน?” คนที่ยังไม่ตื่นดีนักถามขี้น นิ้วเรียวขยับขยี้ตาแล้วบิดขี้เกียจเล็กๆ อย่างคนยังไม่อยากลุกจากที่นอน ผมถอนหายใจอีกครั้งก่อนพยายามลากสังขารเปาะแปะน่ารำคาญนี้ออกห่างมาจากเตียงนอน

แอร์เย็นฉ่ำช่วยให้อาการปวดเมื่อยตัวไม่น่ารำคาญมากนัก แต่ทุกย่างก้าวผมจำต้องค้ำมือตัวเองเอาไว้ที่สะโพกราวกับคนแก่เดินไม่ค่อยไหว

ตรงนั้นมันยังแสบอยู่มาก ยิ่งเดินมันก็ยิ่งเสียดสีจนสีหน้าผมบิดเบี้ยวไม่น่ามอง

“ไผ่ จะไปไหน!” ผมได้ยินเสียงแหบแห้งนั้นตะโกนมาไล่หลัง พร้อมกับฝีเท้าตึงตังที่ไล่มาจนใกล้ ริมเขื่อนคว้าต้นแขนของผมเอาไว้ ขมวดคิ้วมองกันอย่างไม่ค่อยพอใจ “ทำไมไม่ตอบ”

ผมเลื่อนสายตาขึ้นสบกับนัยน์ตาสีดำสนิท “เขื่อน มึงอย่าเพิ่งยุ่มย่ามตอนนี้ดิ”

“ห๊ะ?”

“กูเมื่อย กูนอนไม่พอ และกูหงุดหงิดมาก” ผมบอกอย่างจริงใจและตรงไปตรงมา คือตอนนี้ผมขี้เกียจพูดอะไรให้ยืดยาวกว่านี้ เพราะร่างกายมันร้องประท้วงหนักมากว่าคอยนอนโง่ๆ ไปสักสองสามวัน

ริมเขื่อนไม่ได้ถนอมกันเลยเมื่อคืน แม่ง

“เออ ขอโทษ” คนตัวสูงยอมถอยออกห่างจากตัวผมหนึ่งก้าว ปล่อยให้ผมพาร่างง่อยๆ ของตัวเองเข้าห้องน้ำไปทำธุระสำคัญ และตอนที่ผมกลับออกมาก็พบว่าเขื่อนยังยืนรออยู่ที่เดิมด้วยความกังวล

“เจ็บเหรอวะ”

“เออ” ผมบอก ชูแขนขึ้นข้างหนึ่งเพื่อให้มันเข้ามาประคอง “ง่วงด้วย”

นอนไป เดี๋ยวตอนเที่ยงสั่งข้าวขึ้นมาให้กิน”

“ไม่มีงาน?”

“ว่าจะลา”

“อยากลาก็ลาได้เหรอวะ”

“กูซะอย่าง” ริมเขื่อนยักคิ้วสองที ก่อนค่อยๆ ดันตัวผมลงบนเตียง

จังหวะที่ก้นกดลงบนฟูก สาบานได้เลยว่าผมกลั้นเสียงตัวเองเต็มที่แล้วแต่มันก็ยังมีหลุดลอดออกมา เขื่อนมองผมอย่างเป็นกังวล เขาจัดแจงผ้าห่มมาคลุมบนตัวให้ผมอย่างรู้งาน ก่อนเดินอ้อมไปอีกฟากของเตียงเพื่อล้มตัวลงนอนข้างๆ กัน

“เพิ่งเก้าโมงกว่า กูตั้งปลุกตอนเที่ยงนะ”

“ตามใจ” ผมว่าอย่างนั้น หันหลังให้อีกคนบนเตียงก่อนม้วนๆ ชายผ้าห่มให้กลายเป็นก้อนแทนหมอนข้าง ขาข้างหนึ่งสอดออกมารับอากาศเย็น ขดตัวกอดผ้านวมผืนนุ่มไว้แล้วหลับตาลงหลังจากนั้น

สิ่งมีชีวิตข้างๆ เตียงยักแย้ยักยันเหมือนอยากกอดผมแต่กลัวรำคาญ แต่ผมกลับรำคาญไปแล้วเพราะฟูกมันสั่นไม่หยุด เลยคว้าเอามือที่ลอยอยู่กลางอากาศมาพาดลำตัวของตัวเองไว้

“ก...กอดได้เหรอวะ”

“มึงทำมากกว่ากอดไปแล้วสัส” ผมสบถคำหยาบคายเป็นประโยคสุดท้ายก่อนปล่อยตัวเองให้จมไปในทะเลนิทรา สัมผัสอุ่นจากอ้อมกอดรู้สึกอึดอัดไม่น้อย แต่ถามว่าสะบัดออกไหมก็ไม่

ผมปล่อยให้พวกเราสองคนนอนกอดกันไปอย่างนั้น...

....จนกว่านาฬิกาปลุกจะดังในตอนเที่ยงวัน








ผมถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งในตอนเที่ยงตรง จากโทรศัพท์ที่แผดเสียงแหลมปรี๊ดไม่ยอมหยุด อาการปวดเมื่อยดีขึ้นมากจากเมื่อเช้า ทั้งผมก็ไม่มีความอ่อนเพลียหลงเหลืออีกแล้ว ขาดแค่ท้องมันว่างไปหน่อยเท่านั้นเอง

“มึง กูหิว” ผมหันไปมองคนที่ลุกขึ้นมาปิดนาฬิกาปลุกด้วยสีหน้าแบบพร้อมหลับกลางอากาศ ดวงตาคมข้างหนึ่งหยีลง อีกข้างปรือเปิดแบบนิดหน่อย มันขยี้ผมยุ่งฟูของตัวเองอยู่อย่างนั้นก่อนอ้าปากหาวออกมาหวอดใหญ่

“ว่าไรนะ”

“กูหิวแล้ว”

“เออๆ” เขื่อนพยักหน้า “เดี๋ยวกูโทรสั่งข้าว มึงไปอาบน้ำก่อนไป”

ผมอืออาในลำคอแล้วค่อยๆ คลานลงจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำอย่างที่เพื่อนบอก

เป็นเรื่องแปลกเหมือนกันที่เช้าหลังจากเรื่องพวกนั้นเกิดขึ้น ผมก็ยังสามารถทำตัวตามปกติได้โดยไม่กระดากกระเดื่อง ในขณะที่ริมเขื่อนก็ไม่ได้ออกอาการเวิ่นเว้อแบบที่คาดการณ์เอาไว้

ทุกอย่างราวกับท้องฟ้าหลังพายุสงบ

แม้เศษซากปรักหักพังจะยังอยู่เป็นเครื่องเตือนใจว่าเคยเกิดพายุรุนแรงขึ้น ณ ที่แห่งนี้ ทว่าท้องฟ้าหลังจากนั้นก็ยังเป็นสีฟ้าตามเดิม มีเมฆขาวขุ่นลอยละล่องอยู่หลายหย่อม และลมเย็นๆ ก็ยังโชยพัดเหมือนช่วงเวลาก่อนพายุมา

ผมพอใจกับความไม่เปลี่ยนแปลงเหล่านี้

เพราะถ้าริมเขื่อนตื่นขึ้นมาแล้วเรียกผมว่า ‘เมีย’ เป็นคำแรก ผมสาบานได้เลยว่าผมคงได้เผลอถีบหน้าสวยๆ นั่นไปสักหลายๆ ที
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาแล้ว ผมก็หยิบโน้ตบุ๊คออกไปนั่งทำงานรอที่ห้องนั่งเล่น เขื่อนบอกว่าสั่งข้าวไว้แล้วให้รอรับก่อนจะเข้าไปอาบน้ำต่อจากผม

ติ๊งต่อง!

ผมเงยหน้าออกมาจากโปรแกรมแต่งภาพหลังจากหมกมุ่นกับมันอยู่สักพัก ขยับตัวเร่งฝีเท้าไปที่ประตูห้องเพราะเดาได้ว่าคงเป็นอาหารที่มาส่ง และเมื่อเปิดประตูไปก็พบพนักงานของร้านอาหารในคอนโดยืนถือถุงอาหารอยู่อย่างที่คิด

“อาหารที่สั่งครับ”

“เท่าไหร่ครับ”

“สามร้อยสี่สิบบาทครับ”

แพงจั๊ด!

ผมเก็บอาการตกอกตกใจก่อนควักแบงค์ร้อยสี่ใบในกระเป๋าส่งให้พนักงาน รอรับตั้งทอนอยู่แปบนึงก่อนหมุนตัวกลับเข้ามาในห้อง และเห็นริมเขื่อนที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยเดินทำจมูกฟุตฟิตเข้ามาหา

“ข้าวมาแล้วเหรอ”

“อือ ข้าวไรวะแพงชิบหาย”

“กะเพราทะเล”

“วันหลังกูออกไปซื้อร้านตามสั่งซอยถัดไปให้ก็ได้” ผมบ่นกระปอดกระแปดก่อนเดินเอากล่องข้าวไปวางไว้บนโต๊ะอาหาร เขื่อนหยิบแก้วกับน้ำเย็นออกมาจากตู้เย็นก่อนนั่งประทับลงที่หน้ากล่องข้าวกล่องหนึ่งทันที

ผมเปิดกล่องพลาสติกสีใสที่ดูดีแต่ปริมาณไม่สมราคาอย่างเศร้าซึม ด้วยความหิวขนาดนี้ กับข้าวราคาขนาดนี้ โคตรไม่สัมพันธ์กันเลยสักนิด ไอ้กะเพราทะเลประมาณเท่ากำปั้นจะพอยาไส้อะไรกัน

“กินร้องท้องไปก่อน เดี๋ยวตอนเย็นกูพาไปกินปิ้งย่าง”

“แต่กูหิวตอนนี้” ผมบ่น แต่ก็ยอมตักอาหารเข้าปาก

ทว่าแค่คำแรกก็แทบคายออกมาเสียแล้ว

“เขื่อน ทำไมมันจืด”

“มึงยังกินเผ็ดไม่ได้”

“อะไร”

“กูสั่งแบบไม่เผ็ด เพราะมึงกินเผ็ดไม่ได้”

“กูไม่ได้ปากแตก”

“ไผ่...” เขื่อนมองผมขณะเคี้ยวข้าวคำโต เขารีบกลืนมันลงท้องก่อนเอ่ยประโยคต่อมาที่ทำเอาผมอยากเอาหัวโขกเก้าอี้ตายไปเดี๋ยวนี้ “จะแดกอะไรถามก้นมึงยัง”

“...”

ฟัค!

ผมขบปากตัวเองก่อนเลิกสนทนากับอีกคนไปอย่างดื้อ เขื่อนหัวเราะเบาๆ ก่อนยัดอาหารลงท้องตัวเองไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานอาหารที่พอแค่รองท้องก็หมดเกลี้ยงลง ผมดื่มน้ำตามไปเกือบทั้งขวด ก่อนพาตัวเองกลับมานั่งเล่นที่โซฟาหน้าทีวีตามเดิม

แต่ไอ้คนที่ไม่อยากคุยด้วยกลับเดินมานั่งข้างๆ กันเสียอย่างนั้น

“ทำไร” เขื่อนยื่นหน้ามามองจอคอมผม ก่อนแกล้งเนียนเอาศีรษะซบลงบนไหล่

ผมกรอกตา ขยับตัวหนีทันทีที่น้ำหนักหัวกดลงมา

“ทำงาน”

“รีบส่งเหรอ”

“เปล่า”

“แล้วรีบทำทำไม”

“ขี้เกียจคุยกับมึง” ผมตอบไป ไม่ได้หันไปมองหน้าคนที่เบียดตัวเข้ามาใกล้แม้แต่น้อย

เขื่อนสอดแขนมาโอบเอวผมอีกแล้ว จากนั้นก็แย่งโน้ตบุ๊คบนตักผมไปวางไว้ไกลๆ รั้งใบหน้าผมให้หันไปหากันก่อนฉีกยิ้มหวานส่งมาให้ทั้งตาทั้งปาก

“เดี๋ยวค่อยทำ”

“เขื่อน มึงเยอะละ”

“นะ”

“...”

ผมเงียบเมื่ออีกฝ่ายกระพริบตาช้าๆ ลูกอ้อนเดิมๆ รู้แกวกันอยู่แล้วแต่ก็ตกหลุมพลางลงไปตลอด ผมถอนหายใจอย่างจนตรอกก่อนถามออกอย่างอ่อนล้าว่า

“ไม่ให้กูทำงาน จะให้กูทำอะไร”

“จูบกัน”

“...มึงเห็นกูอารมณ์ดี” ผมเลิกคิ้วถาม จริงๆ ก็ไม่ได้อารมณ์เสียอะไร แค่หงุดหงิดเพราะกำลังปรับสีภาพได้ที่เลยแท้ๆ แต่อยู่ๆ งานก็มาหยุดชะงักเพราะใครอีกคนอยากให้หยุด

“มึงบอกมึงจะไม่โกรธไม่เกลียดกู”

“อะไรของมึง”

“ก็ตอนนี้มึงหงุดหงิดกูอยู่”

“...”

ผมหงุดหงิดจริงๆ นั่นแหละ

ยังไงร่างกายมันก็ยังไม่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แถมผมยังกินไม่อิ่มท้อง ทุกอย่างเลยดูไม่น่าสบอารมณ์ไปซะหมด แต่พอมานั่งคิดดูดีๆ ผมก็ไม่มีสิทธิ์อะไรไปใส่อารมณ์กับริมเขื่อนเลยสักนิด

ยอมก็ยอมเขาเองทั้งนั้น

“ขอโทษ” ผมบอกอย่างลุแก่ความผิด

ริมเขื่อนคลี่ยิ้มบางๆ เลื่อนจมูกมาปัดป่ายจมูกผมเล่นก่อนเอ่ยประโยคต่อมาว่า “ทีนี้จูบกันได้ยัง”

“ต้องจูบเหรอวะ”

“จูบกระชับสัมพันธ์ไง”

“ไม่เห็นจำเป็น”

แต่เขื่อนส่ายหน้ากับความเห็นนั้นของผม

“จำเป็นต่อใจกู”

“...” ผมเงียบปาก ข่มอาการสั่นไหวในอกหลังได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ทั้งดวงตาสีดำขลับก็จ้องมองกันมาราวกับสะท้อนความรักใคร่ทั้งหมดของหัวใจ

ริมเขื่อนนวดแก้มผมเบาๆ ด้วยปลายนิ้วโป้ง กดริมฝีปากจุ้บลงมาหนึ่งทีแล้วกระซิบแผ่วๆ ว่า

“กูอยากจูบมึง” สิ้นคำพูดนั้น ริมฝีปากผมก็ไม่เป็นอิสระอีกต่อไป

ความนุ่มหยุ่นบดเบียดเข้ามาแนบชิด ผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียว แลกเปลี่ยนอารมณ์กรุ่นจางที่ยังหลงเหลือประปรายจากเมื่อวาน ก่อนนำพาให้ผมค่อยๆ ตอบรับสัมผัสนั้นด้วยการขยับริมฝีปากตัวเองบ้าง

ลิ้นร้อนแหวกกลีบปากของผมเข้ามาด้านใน หยอกเย้าเล่นอยู่อย่างนั้น และเมื่อผมยื่นลิ้นของตนไปสัมผัสคืน ก็กลายเป็นการพัวพันรัดรึงราวกับพวกมันต่างค่อยๆ หลอมรวมกลายเป็นร่างเดียว

“ฮือ” ผมหอบหายใจอย่างหนัก แต่ก็ยังไม่ยอมผละตัวเองออกมา เพราะทุกอย่างที่เชื่อมติดกันยังเหนี่ยวรั้งไว้ไม่ให้ไปไหน ร่างกายของเราสองคนเบียดเสียดใกล้ชิด ผมแม้จะปวดคอเพราะต้องเอียงตัวบิดเก้าสิบองศา ทว่าก็ยังเกี่ยวพันกับอีกฝ่ายอย่างสนุกสนาน

เนิ่นนานจนริมเขื่อนเป็นฝ่ายถอนจูบออกไป ผมอ้าปากตะครุบอากาศ จ้องหน้าคนที่ไม่ได้ขยับไปไหนไกลด้วยความรู้สึกหลากหลาย

ที่เคยบอกตอนต้นว่าฟ้าหลังพายุยังเหมือนเดิมก่อนหน้านี้ ผมได้พิสูจน์แล้วว่ามันไม่จริง

แต่มันจะสวยหรือจะหม่นหมองก็คงอยู่ที่ตัวเรามอง ส่วนผมมองว่ามัน...

“ไผ่... ขอบคุณครับ”

...ก็คงสวยงามอยู่ละมั้ง

“อยากจูบมึงโดยไม่ต้องหาข้ออ้างแบบนี้ตั้งนานแล้ว”

“...เมื่อกี้มึงก็มีข้ออ้าง” ผมแย้งเสียงเบา

“ก็จริง” คนพูดหัวเราะเบาๆ ใบหน้าสวยขยับออกไปในระยะปกติ ปล่อยให้ผมได้ขยับเนื้อตัวคลายเมื่อยบ้าง พวกเรานั่งอยู่บนโซฟาโดยไม่ได้เบียดกันเหมือนตอนแรก ใบหน้าต่างก็จ้องตรงไปข้างหน้าโดยมีจอโทรทัศน์ที่ไม่ได้เปิดเป็นจุดหมายปลายทาง
ผมลูบต้นขาตัวเองคลายบรรยากาศเก้อเขินที่อยู่ๆ ที่ก่อตัวขึ้นมา ส่วนริมเขื่อนกลับดูสบายๆ ไม่มีอะไรผิดปกติ เขายกขาขึ้นไขว่ห้าง เอนหลังพิงพนักก่อนฉีกยิ้มกับทีวีไม่ยอมหุบ

ท่ามกลางความเงียบ คล้ายความคิดเรื่องเดียวกันจะหมุนรอบๆ ตัวพวกเรา ต่างฝ่ายต่างก็สัมผัสได้ว่าทั้งคู่ครุ่นคิดเรื่องอะไรอยู่ จนกระทั่งริมเขื่อนเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้นขึ้นมา

“ไผ่”

“...ว่า?” ผมตั้งหลักหาเสียงให้ตัวเองก่อนตอบ

 “กูจะไม่คาดคั้นให้มึงตอบคำถามหรอกนะ ว่าเมื่อวานได้คำตอบว่าอะไร”

“...”

“ถ้ามึงพร้อมเมื่อไหร่ค่อยมาบอกกู”

“จะอยู่กันไปแบบนี้” ผมเลิกคิ้ว หันหน้าหาอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ นึกว่าเขื่อนอยากได้คำตอบที่ชัดเจนเสียอีกว่าตกลงผมจะอะไรยังไง ถึงแม้ว่าผมจะมีคำตอบที่มันครึ่งๆ กลางๆ แต่ผมก็พร้อมจะบอกไปตามจริงนะ

“อืม”

“แบบเพื่อน?”

“ไม่เป็นเพื่อน” คราวนี้ริมเขื่อนหันหน้ามามองผมบ้าง “มากกว่าเพื่อนดิ”

“ก็ยังไม่ได้คบกัน”

“เรียกหรูๆ ว่าคนคุยก็ได้”

ผมเบ้ปาก “คนคุยอะไรจูบกัน”

“จะเอาด้วย”

“ฟัคยู!” ผมชูนิ้วกลางอัดหน้าคนข้างๆ ไป แต่ริมเขื่อนกลับทำท่าจะงับนิ้วผมจนต้องชักมือกลับ “ไม่ให้เอาแล้วโว้ย”

“ได้ไง”

“อย่าเยอะไอ้เขื่อน”

เขื่อนบุ้ยปาก ก่อนจะหัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างอารมณ์ดี

“อยู่กับแบบนี้แหละไผ่ ให้กูได้จีบมึงอย่างที่กูตั้งใจ”

“อะไรจ...จีบอะไร” ผมลิ้นแข็งไปชั่วขณะ ยิ่งตอนเห็นประกายแพรวพราวในดวงตาคู่สวยก็เหมือนหัวใจหยุดเต้นไปเสี้ยววินาที ริมเขื่อนฉีกยิ้มไม่เห็นฟันส่งมาให้ ทั้งยังใช้ปลายนิ้วม้วนปอยผมตัวเองเล่นราวกับสาวสวยกำลังหวานเสน่ห์

“กู... จะจีบมึง”


____________________
Talk: เอาน้องเขื่อนมาเสิร์ฟค่าาา
ฮือ ยิ่งเรื่องมาไกลยิ่งกลัวไม่ถูกใจทุกคน ฮรุกกก
หวังว่าจะชอบกันนะคะะะ ช่วงนี้เราปั่นเขื่อนคนสวยรัวๆ เลย
แต่แวะมาลงช้านิดหน่อย เพราะใกล้ถึงเดดไลน์แล้วค่า ฮือ

น้องเขื่อนใกล้จะเปิดให้พรีออเดอร์แล้ว
เราเห็นปกแล้วด้วย แง่มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เจ้าเขื่อนนั้ลลั้คคคคค
เดี๋ยวจะแอบเอาปกมาเปิดสปอยล์เน้อออ

คืนนี้ ฝันดีค่าทุกคนนน  :mew1: :mew1:





Ps. เราไปค้นหา ref ที่นักอ่านพูดถึงมาแล้วค่ะ
ฮือออออออ ไอซ์ทั้งหล่อทั้งสวย มองแล้วเขินไปหมดแล้วววว  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 16 [6-Jan-2019] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 06-01-2019 23:56:16
โอ๊ยยยยยยยยยย  เขื่อนนนน ได้คืบเอาศอก  ไผ่ต้องวุ่นวาย ยุบยิบใจไม่หยุดแน่ๆเลย

ไอซ์ นี่เราชอบตอนจือปากมากค่ะ  หลงหนุ่มผมยาวมากเลยค่ะตอนนี้
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 16 [6-Jan-2019] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-01-2019 01:08:48
จีบกันสักสองวันเนาะเขื่อน เป็นพิธี
ไผ่ถอยหลังกลับไม่ได้แล้วจ้า
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 16 [6-Jan-2019] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 07-01-2019 01:38:35
เอ็นดูไผ่ เขื่อนอ้อนนิดอ้อนหน่อยก็ปฏิเสธไม่ได้เลย 5555555
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 16 [6-Jan-2019] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 07-01-2019 05:47:43
หยอดนิดๆอ้อนหน่อยๆ เดี๋ยวก็ได้  อิอิ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 16 [6-Jan-2019] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 07-01-2019 08:28:40
สถานะที่ระบุไม่ได้ เพราะได้กันก่อนจีบซะอีก

ก็ดีนะที่ยังคงคุยกันได้ตรงๆ ไม่ต้องกั๊กความรู้สึก หวังว่าไผ่จะใจอ่อนไวไว.  o18
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 16 [6-Jan-2019] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 07-01-2019 09:20:37
ให้โอหาสเขื่อนมันหน่อยเนอะน้องไผ่  :hao3:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 16 [6-Jan-2019] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 07-01-2019 09:41:26
มันต้องจีบก่อนมีอะไรกันหรือเปล่าว่ะ หรือเราหัวไม่สมัยใหม่พอถึงต้องคิดหนักว่าเดี๋ยวนี้
มันต้องดูความสัมพันธ์ทางกายว่าเข้ากันได้ไหมก่อนถึงจะคบกัน
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 16 [6-Jan-2019] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-01-2019 09:48:19
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 16 [6-Jan-2019] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 07-01-2019 14:13:45
โอ๊ยยยยยยยยยย  เขื่อนนนน ได้คืบเอาศอก  ไผ่ต้องวุ่นวาย ยุบยิบใจไม่หยุดแน่ๆเลย

ไอซ์ นี่เราชอบตอนจือปากมากค่ะ  หลงหนุ่มผมยาวมากเลยค่ะตอนนี้
เขื่อนไม่เคยมีคำว่าพอในพจนานุกรมค่ะ 555
ฮือออ จริงค่ะ สวยจนมองแล้วเขิน แต่พอมองในฟิลเตอร์หนุ่มหล่อ ก็หล่อมากๆๆๆ  :ling1: :ling1:




จีบกันสักสองวันเนาะเขื่อน เป็นพิธี
ไผ่ถอยหลังกลับไม่ได้แล้วจ้า
เขื่อนบอก "รู้ได้ไงครับว่าทำเป็นพิธีเฉยๆ" 555



เอ็นดูไผ่ เขื่อนอ้อนนิดอ้อนหน่อยก็ปฏิเสธไม่ได้เลย 5555555
พี่ไผ่แพ้ทางเจ้างูพิษ  :hao6: :hao6:




หยอดนิดๆอ้อนหน่อยๆ เดี๋ยวก็ได้  อิอิ
เน้อออ ยังไงก็ได้กิน ฮุ้บ //โดนไผ่ตรบ




สถานะที่ระบุไม่ได้ เพราะได้กันก่อนจีบซะอีก

ก็ดีนะที่ยังคงคุยกันได้ตรงๆ ไม่ต้องกั๊กความรู้สึก หวังว่าไผ่จะใจอ่อนไวไว.  o18
มันก็จะงงๆ กับสถานะหน่อย ส่วนใจพี่ไผ่อ่อนยวบไปแล้วค่า  :hao6: :hao6:




ให้โอหาสเขื่อนมันหน่อยเนอะน้องไผ่  :hao3:
ไผ่ฝากถามว่า "ผมต้องให้โอกาสอีกแค่ไหน ให้ไปทั้งตัวแล้ว แค่กก"  :hao7: :hao7:



มันต้องจีบก่อนมีอะไรกันหรือเปล่าว่ะ หรือเราหัวไม่สมัยใหม่พอถึงต้องคิดหนักว่าเดี๋ยวนี้
มันต้องดูความสัมพันธ์ทางกายว่าเข้ากันได้ไหมก่อนถึงจะคบกัน
ไม่ผิดค่า จริงๆ มันต้องจีบก่อน ฮรุก  :hao5: :hao5:
(อาจเพราะเราสื่อความออกมาไม่ดีเอง เดี๋ยวตอนรีไรท์จะแก้ไขเพิ่มเติมฮัพ)

คือพี่ไผ่แกเมา+ใจร้อน ส่วนเขื่อนโอกาสมาก็ฮุบไว้ ทั้งคู่เลยได้เสียกันไปแล้ว
ส่วนเรื่องจีบ... ไผ่ยังครึ่งๆ กลางๆ และเขื่อนก็รู้ค่ะ เลยตัดสินใจว่าตัวเองจะจีบนะ

การจีบสำหรับเขื่อน คือการตัดคำว่า 'เพื่อน' ออกไปจากพวกเขาทั้งคู่ครับผม
ไม่อย่างนั้นการวางตัวก็คงจะยากเหมือนกันระหว่างสองคนนี้ เพราะถ้าไม่ทำ มันอาจจะกลายเป็น friend with benefit ก็ได้
อีกอย่าง เขื่อนไม่อยากวางตัวเป็นแค่เพื่อนอีกแล้ว
การจีบเลยการเป็นวิธีที่เขื่อนใช้เพื่อก้าวข้าม เฟรนด์โซน ขึ้นไปอีกงับ



:L2: :pig4:
:mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 16 [6-Jan-2019] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 07-01-2019 15:12:41
ได้กัน จีบกัน....เอ๊ะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 16 [6-Jan-2019] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-01-2019 15:35:52
ฟ้าหลังฝน..........ก็สดใส สดชื่นสิไผ่
จริงไหมเขื่อน ได้ไผ่.........แล้วจีบไผ่ต่อเลย   :impress2:

เขิ่อน  ไผ่    :กอด1:  :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 16 [6-Jan-2019] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 07-01-2019 16:05:07
น้องเขื่อน สู้นะ

ไผ่ จ๋าาา รีบใจอ่อนล่ะ 555
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 16 [6-Jan-2019] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 07-01-2019 20:27:16
ความจริงไผ่อาจจะแค่โมโหหิวเท่านั้น :z2:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 16 [6-Jan-2019] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 07-01-2019 21:05:06
เขื่อนมันลัดขั้นตอนไปนะได้ก่อนจีบทีหลัง :z1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 16 [6-Jan-2019] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 07-01-2019 22:40:26
น่ารักไปอีก :hao6:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 16 [6-Jan-2019] P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Valian ที่ 12-01-2019 11:57:01
ทำดีแล้วๆ อ่านไปเม้มปากกลั้นเขินไป มโนว่าตัวเองเป็นไผ่สุด 555  :-[

โดยเฉพาะตอนสุดท้ายที่ไผ่ถามเรื่องความสัมพันธ์จังหวะดีมาก สู้ๆนะ  o13
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 17 [12-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 12-01-2019 20:40:03
บทที่ 17




กูจะจีบมึง

ใครบางคนพูดคำนี้ใส่หน้าผมเมื่ออาทิตย์ก่อน และหลังจากนั้นอะไรหลายๆ อย่างก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ริมเขื่อนดึงผมออกจากเฟรนด์โซนที่เรายืนอยู่ร่วมกันมาตั้งแต่เด็ก เปลี่ยนทุกการกระทำอย่างง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ ในขณะที่ผมยังปรับตัวไม่ค่อยทันนัก เพราะความเปลี่ยนแปลงฉับพลันพวกนี้มันออกจะ...ประหลาดไปสักหน่อย

จะให้ยกตัวอย่างความประหลาดหรอ

อย่างแรกก็คงเป็น... คำพูด

ริมเขื่อนขี้เล่นและกวนประสาท ผมมักจะชินถ้าเขาจะพูดจาหยอกล้อสองแง่สองง่าม แต่ในปัจจุบันมันไม่เหมือนเดิม จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังถูกจีบจริงๆ ผ่านคำพูดของเขา

อย่างเช่นว่า

“ไผ่ครับ คิดถึงจัง”

หรือประโยคประมาณว่า “น่ารักว่ะ”

คือ... ผมวางตัวไม่ถูก

จากที่เคยตบหัวกันเล่นและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตามประสาเพื่อน ตอนนี้แม้แต่จะตดผมยังเกร็งอ่ะคิดดูเอา มันเหมือนกับผมจะต้องรักษาภาพพจน์ต่อหน้าผู้ชายที่มักมองกันด้วยสายตากรุ้มกริ่ม และเอาแต่บอกว่าผมน่ารัก

แล้วไอ้ความประหลาดอย่างที่สองน่ะเหรอ...

“ไผ่ วันนี้กูมีถ่ายแบบ” คนตัวสูงเดินเปลือยอกพันผ้าขนหนูที่เอวออกมาจากห้องน้ำในยามเช้าของวันเสาร์ ผมยังงัวเงียอยู่บนเตียงไม่มีทีท่าอยากจะตื่น แต่ริมเขื่อนกลับเดินทั้งที่ตัวเปียกมาที่ข้างเตียง ก่อนเขย่าตัวผมอย่างแรงให้ลืมตาขึ้น “ไผ่!”

“อะไรเล่า!” ผมมุ่ยคิ้ว ผงกหัวขึ้นจากหมอนมาแบบหน้าหงิกเต็มที

“กูมีถ่ายแบบวันนี้”

“ก็ไปดิ”

“ไปเป็นเพื่อนหน่อย”

คิ้วผมขมวดเข้าหากัน ทำท่าจะส่ายหน้าปฏิเสธ ทว่าคนตัวสูงกลับกระชากตัวผมให้ลุกขึ้นมานั่ง ก่อนเค้นประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงจริงจังกึ่งบังคับ

“ไปกับกู วันนี้มึงไม่มีงาน”

ครับ เรื่องประหลาดอย่างที่สองคือริมเขื่อนกำลังยัดเยียดให้ผมเป็นผู้จัดการส่วนตัว ทั้งๆ ที่มันก็มีอยู่แล้วคนนึง หลายวันมานี้ถ้าผมไม่มีถ่ายงานหรือต้องแต่งภาพส่งลูกค้า เขื่อนจะหนีบผมติดไปทำงานด้วย ไม่ว่าจะถ่ายแบบ ถ่ายละคร ออกงานอีเวนท์ หรือแม้กระทั่งไปคุยงานกับเจ้าของแบรนด์ก็ยังจะหอบผมไป

ผมก็ไปบ้าง ปฏิเสธบ้าง เลือกเอาเฉพาะงานที่ได้เจอคนน่าสนใจเท่านั้นถึงจะยอมตามติดไปด้วย แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าน้องเขื่อนของผมจะไม่มีพื้นที่ว่างให้คำปฎิเสธใดๆ

“วันนี้กูถ่ายงานกับออสติน”

“...” ชื่อออสตินที่ไม่ได้ยินมาสักพักกระตุกเส้นประสาทข้างขมับผมยิกๆ

“ทำไมมึงยังรับงานคู่กับมันอีก”

“คราวนี้งานใหญ่ เป็นแบรนด์กีฬาระดับโลก กูจำเป็นต้องรับ” มือใหญ่กดลงบนหัวคิ้วที่ผูกเป็นปมของผม “นี่กูขยันหาเงินนะ ไม่ดีใจเหรอ”

“รวยจะตายอยู่แล้ว” ผมว่าพลางกวาดตามองรอบคอนโดหรูที่ริมเขื่อนผ่อนเองคนเดียวแถมผ่อนหมดเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ผมยังมีเงินต่อเดือนไม่ถึงหมื่นห้าด้วยซ้ำ เฮ้อ ทำไม Loser ได้ขนาดนี้วะไผ่เงิน

“รวยไม่พอ จะเก็บไว้แต่งเมีย”

“...” ผมฟาดฝ่ามือใส่หน้าอกเปลือยๆ ของอีกคนจนขึ้นเป็นรอยแดง ก่อนจะพาตัวเองเดินดุ่มๆ เข้าห้องน้ำไป เพราะจะให้นอนต่อก็ไม่หลับอีกแล้ว แถมชื่อออสตินก็ชวนให้ไม่สบอารมณ์เลยสักนิด

ผมอาบน้ำและออกมาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าง่ายๆ แต่ก็ยังเรียบร้อยอย่างกางเกงยีนส์กับเสื้อคอปก จากนั้นก็ถูกริมเขื่อนลากไปขึ้นรถโดยที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักแอะ

“จะสายแล้ว” ริมเขื่อนบอกผมอย่างนี้ก่อนเหยียบคันเร่งพารถยนต์คันสวยออกจากลานจอด






“Hi, honey” ทันทีที่ผมและเขื่อนก้าวเท้าเข้ามาในสตูฯ เสียงทุ้มต่ำสากหูก็ลอยเข้ามาปะทะพร้อมร่างกายใหญ่โตของผู้ชายในชุดออกกำลังกายรัดรูปที่รีบขยับเข้ามาทักทายอย่างใกล้ชิด “Long time no see”

ออสตินปรายตามองผมที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนหันไปฉีกยิ้มกว้างให้ริมเขื่อน แบ่งแยกชัดเจนจนผมขบกรามตัวเองแน่น ก่อนแทรกตัวไปยืนคั่นกลางระหว่างผู้ชายสองคนแล้วฉีกยิ้มบางๆ ให้ฝรั่งตรงหน้า

“Hi” ผมเอ่ยทักทั้งที่ออสตินไม่ได้อยากคุยกับผมเลยสักนิด และผมก็ไม่ได้อยากคุยกับเขา เลยหันไปหาริมเขื่อนที่ยืนยิ้มหวานอยู่ข้างหลัง “ไปแต่งตัวดิ ทีมงานรอ”

“ฮะๆ” คนหน้าสวยยกมือขึ้นปิดปากก่อนหัวเราะเบาๆ จากนั้นร่างสูงโปร่งของเขื่อนก็โน้มลงมากระซิบเสียงแผ่วที่ข้างหู “ปกป้องกูด้วยนะ... ที่รัก”

“ใครที่รั-“

“มึงไง” น้ำเสียงนุ่มแทรกขึ้นมาก่อนที่ผมจะบ่นจบด้วยซ้ำ จากนั้นนายแบบชื่อดังก็เดินตามทีมงานเพื่อไปแต่งหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเริ่มงาน ทิ้งผมไว้กับออสตินที่มองตามแผ่นหลังกว้างใต้เสื้อเชิ้ตขาวไปอย่างไม่ละสายตา

“แฮ่ม” ผมกระแอมไอ ทั้งขัดสายตาที่มองราวกับจะเขมือบเขื่อนลงท้องของออสติน ทั้งขัดความเขินของตนเองที่วิ่งพล่านไปทั่วใบหน้า ผมเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาสีฟ้าแบบเดียวกับผม พวกเราจ้องกันอยู่สักพักราวกับสัตว์ป่าที่กำลังหยั่งเชิง ก่อนที่ออสตินจะเป็นฝ่ายหลบสายตาออกไปก่อนเพราะถูกทีมงานเรียกให้ไปแสตนบาย

ผมส่ายศีรษะเบาๆ พรูลมหายใจออกจากปากก่อนเดินไปยังเก้าอี้นั่งที่มีพี่นัท ผู้จัดการส่วนตัวของริมเขื่อนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว พี่นัทเป็นผู้หญิงร่างอวบหน้าตาใจดีแต่นิสัยก็เคี่ยวพอดูเลย เธอทำงานกับเขื่อนมาหลายปีแล้วครับผมเลยพอรู้จักอยู่บ้าง แต่ก็เจอหน้ากันนับครั้งได้ เนื่องจากพี่นัทเองก็มีนายแบบคนอื่นที่ต้องดูแลเช่นกัน

“โดนลากมาอีกแล้วเหรอ” พี่นัทฉีกยิ้มให้ผมขณะเปิดบทสนทนา

“ครับ อีกแล้ว”

“จริงๆ เขื่อนก็บอกพี่ว่าไม่รับงานคู่กับออสตินเหมือนกันนะ แต่งานใหญ่เขารีเควสนายแบบมา จะปฏิเสธก็เสียดาย” เธอบอกกับผม ทั้งยังยื่นของเบรกที่เป็นขนมปังกับนมกล่องมาให้ “มันเป็นใบเบิกทางชั้นดีที่จะเข้าหาแบรนด์ใหญ่อื่นๆ ไผ่ไม่คิดมากใช่ไหม”
ผมขมวดคิ้วนิดๆ รู้สึกแปลกๆ กับคำพูดของพี่นัท แต่ก็เลือกจะปล่อยผ่านไป “ผมไม่ได้อะไรหรอกครับ แค่เป็นห่วงเฉยๆ รอบที่แล้วออสตินทำเกินหน้าที่ พี่นัทคงรู้”

“อืม พี่ไปคุยกับผู้จัดการเขาแล้วล่ะเรื่องนี้” ดวงตาเรียวเล็กหันมาทางผม “จริงๆ นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่เขื่อนโดนลวนลามนะ”

“ครับ?” ผมเลิกคิ้วกับคำว่า ‘ไม่ใช่ครั้งแรก’

“เขื่อนน่ะเสน่ห์แรง พี่แทบจะเป็นศัตรูกับผู้จัดการไปครึ่งวงการแล้ว” พี่นัทพูดติดหัวเราะ ชี้ชวนให้มองไปยังฉากถ่ายทำที่ยังมีนายแบบนางแบบคนอื่นยืนโพสท่าอยู่ “เรื่องลวนลามเนี่ยมีโคตรจะบ่อย แต่ส่วนมากเป็นผู้หญิงไง อย่างนางแบบคนนั้นพี่ก็เคยไปตักเตือนมาแล้วครั้งนึง”

ผมมองตามนิ้วของพี่นัทไปยังนางแบบคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้ากล้อง เธอบิดกายอวดเรือนร่างได้สัดส่วนในชุดรัดรูป ทั้งยังฉีกยิ้มที่หวานไปทั้งปากทั้งตา “เขื่อนมันอาจจะอยากให้ลวนลามก็ได้นะพี่”

“เออก็จริง” ว่าแล้วพวกเราก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

ผมคุยเล่นกับพี่นัทไปเรื่อยขณะมองดูการถ่ายทำโฆษณาสั้นตรงหน้า ออสตินไม่ได้ก้าวก่ายอะไรมากกว่าที่ผู้กำกับสั่ง ทว่าดวงตาแพรวพราวที่เอาแต่จ้องเพื่อนผมก็น่าหงุดหงิดไม่น้อยเลย หัวใจผมคันยุบยิบทั้งยังพยายามจ้องนายแบบทั้งสองอย่างไม่ละสายตา และเหมือนไอ้ฝรั่งตาฟ้ามันจะรู้ถึงได้หันมายักคิ้วให้สองสามทีเป็นเชิงยั่วยุ

ไอ้.....!!!

น่าหงุดหงิดจริงๆ เลยโว้ยยยย

Rrrrrrrrrr

แต่ก่อนที่ผมจะได้อ้าปากพ่นไฟออกมาจริงๆ เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็ดังขัดขึ้นมาก่อน ผมรีบขอตัวแล้วเดินออกมาด้านนอกด้วยความเกรงใจ ปกติไม่ค่อยมีคนโทรหาผมทำให้ลืมที่จะปิดเสียงไปเลย

‘Mommy’

หน้าจอโทรศัพท์โชว์รายชื่อโทรเข้าเป็นของผู้หญิงที่ไม่ได้คุยมาเป็นเดือนๆ ผมกดรับสายขณะเดินมุดเข้าไปที่บันไดหนีไฟอย่างต้องการความเป็นส่วนตัว

“Hello mom”

[ไผ่ เป็นไงบ้างลูก]

“ผมสบายดี แม่เลิกงานแล้วเหรอครับ” ผมถามพลางคำนวณเวลาที่ LA กับที่ไทยดู ที่นู่นน่าจะประมาณทุ่มสองทุ่มแล้ว แต่ด้วยความที่แม่ของผมเป็น working women ที่ออกจะบ้างานหน่อยๆ เลยเดาเวลาเลิกงานคุณนายไม่ค่อยจะถูก

[เลิกแล้ว วันนี้งานเสร็จไว] แม้น้ำเสียงจะดูเหนื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ซึมกะทื่ออย่างคนไม่มีความสุข กลับกันคงแฮปปี้มากกับการได้กลับไปอยู่บ้านเกิดและการเลื่อนขั้นตำแหน่งงานโดยย้ายไปประจำที่บริษัทแม่

ผมพิงบั้นเอวเข้ากับราวบันได ดึงชายเสื้อตัวเองขึ้นมาเล่นขณะกรอกเสียงใส่โทรศัพท์ “คริสมาสต์จะกลับไทยไหมครับ”

แม้ว่าคริสมาสต์จะยังอีกหลายเดือน แต่ผมก็อยากถามให้แน่ใจ ว่าช่วยเวลาเทศกาลสำคัญแบบนั้นในปีนี้ผมจะต้องทำตัวยังไง
ปกติที่บ้านของเรา แม้พ่อจะยังเด๋อๆ ด๋าๆ กับการเป็นคริสเตียน แต่ก็จะช่วยยกต้นคริสมาสต์ออกมาจากห้องเก็บของ ตกแต่งด้วยไฟหลากสีและของประดับต่างๆ ผมจะได้กินไก่งวงกับอาหารไทยที่แสนจะไม่เข้ากัน แต่อร่อยมากๆ เพราะคุณย่าแพ็คใส่กล่องมาให้ จากนั้นตอนหัวค่ำก็จะไปอธิษฐานร่วมกันในห้องนอนก่อนแยกย้ายกันทำกิจกรรมของแต่ละคน

แต่ก็นะ... ปีนี้อะไรๆ มันก็คงเปลี่ยน

[…] แม่เงียบไปสักพักก่อนตอบออกมาเสียงแผ่ว [Grandmom บอกให้แม่อยู่ฉลองคริสมาสต์ที่นี่]

ผมเม้มปาก ข่มความขุ่นมัวในใจนิดหน่อยก่อนตอบออกไปอย่างไม่แยแสนัก “งั้นผมออกไปฉลองกับสาวได้ใช่ไหมแม่”

[You have a girlfriend!?]

“ว่าจะหาเอาวันนั้นเลย”

[เดี๋ยวเถอะไผ่เงิน!]

“คริสมาสต์ทั้งทีน่าแม่ จะให้ผมฉลองคนเดียวรึไง พ่อก็อยู่ขอนแก่น” ใช่ครับ พ่อผมย้ายไปอยู่บ้านเกิดที่ขอนแก่นแล้วเช่นกัน ตอนแรกสองคนตีกันอยู่เป็นเดือนว่าใครจะได้หอบผมไปอยู่ด้วย แต่เป็นตัวผมเองที่ไม่อยากไปไหนเพราะงานที่กรุงเทพฯ หาง่ายกว่ามาก

[ตาแก่นั่นไม่คิดจะมาหาลูกเลยรึไง]

“พ่อบอกให้ผมไปหาแทน แต่ผมขี้เกียจ” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจนัก

[Do you wanna come to LA?]

“No” ผมปฏิเสธทันทีโดยไม่หยุดคิด ตั้งแต่เกิดมาก็ไปที่นู่นนับครั้งได้ ผมไม่สนิทกับญาติฝั่งแม่เท่าไหร่เพราะไม่ค่อยได้เจอ แต่ถ้าถามว่าสนิทกับญาติฝั่งพ่อไหมก็ไม่ ตั้งแต่มีประเด็นเรื่องผมออกจากงานมาเป็นตากล้องต๊อกต๋อยผมก็ขี้เกียจจะคุยกับลุงป้าน้าอาหรือใครก็ตามที่เอาแต่ตอกย้ำว่าผมเลือกทางที่ผิด จะมีก็แต่คุณย่าที่ไม่ว่าอะไรนัก แต่ผมก็รู้อยู่แล้วว่ายังไงท่านก็อยากจะเอาผมไปโอ้อวดบ้าง

ติดแค่ว่าผมทำให้ท่านไม่ได้ เท่านั้นเอง

“เดี๋ยวต้องวางแล้วนะแม่ ผมมาทำงานกับเขื่อนมัน”

[อยู่กับเขื่อนเหรอ]

“มันลากมาด้วย”

[โอเค ไว้แม่จะคอลไปใหม่ Love you ma boy]

“Love you too” ผมกดวางสายหลังจากร่ำลากับแม่เรียบร้อย หน้าจอโทรศัพท์กลับคืนมาเป็นหน้าต่างแอพพลิเคชั่นตามเดิม แต่ผมยังคงมองมันอยู่สักพักถึงค่อยเก็บมันใส่กระเป๋ากางเกง

เมื่อเดินกลับเข้ามาในสตูฯ ก็พบว่าริมเขื่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่แล้ว และกำลังนั่งพักเบรกทานข้าวอยู่ข้างๆ พี่นัท ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นไปเป็นทรงหางม้า ปล่อยปอยผมด้านหน้าออกมาล้อมกรอบหน้าเล็กน้อย เสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงขาสั้นขับให้ผิวกายของเขาเปล่งประกายความขาวออกมาอย่างชัดเจน ริมเขื่อนไม่ได้แต่งหน้าหนักนัก ทีมงานแค่ลงรองพื้นปรับสภาพผิว กับแต้มริมฝีปากของเขาให้เป็นสีชมพูระเรื่ออย่างคนสุขภาพดี

“พักเหรอ” ผมเดินเข้าไปใกล้นายแบบกับผู้จัดการส่วนตัวของเขา ทิ้งก้นลงบนเก้าอี้ข้างๆ เพื่อนแล้วเอ่ยถามออกไป เขื่อนเงยหน้าขึ้นมาจากกล่องข้าวแล้วพยักหน้าเบาๆ ตอบกลับ

“ไปไหนมา”

“แม่โทรมา” ผมตอบพลางยื่นมือไปรับกล่องข้าวที่พี่นัทเก็บไว้ให้ “ขอบคุณครับ”

พวกเราพักเบรกกินข้าวได้ไม่นานเขื่อนก็ต้องกลับเข้ากล้องอีกรอบ เห็นบอกว่าถ่ายแก้เป็นครั้งสุดท้ายก็เสร็จแล้ว ผมเลยนั่งกอดอกมองริมเขื่อนทำงานไปเพลินๆ มีบ้างที่หันไปคุยโต้ตอบกับพี่นัท โดยบทสนทนาจะเป็นเม้าส์ริมเขื่อนเสียส่วนใหญ่ ผมได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นเยอะแยะเลยว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาน้องเขื่อนของผมเป็นยังไง

เด็กน้อยใสๆ มันไม่เหลืออยู่แล้วจริงๆ นั่นแหละ

ริมเขื่อนฉลาดเข้าหาคนอื่นมากๆ พี่นัทบอกว่าที่ดังมาได้ขนาดนี้ส่วนหนึ่งเพราะหน้าตา อีกส่วนเพราะคอนเนคชั่น คนหน้าสวยที่แสนกวนตีนสำหรับผม กลับเป็นลูกรักของหลายๆ บริษัท ขยันโปรยเสน่ห์ใส่ทุกคนไม่ว่าจะเด็กหรือแก่ แถมยังเคยใช้ความขี้อ้อนของตัวเองขัดขาคู่แข่งลงจากงานเสียด้วย

ร้ายกาจชิบหาย

ภาพเด็กน้อยหน้าตาน่ารักในอดีตคล้ายๆ ค่อยถูกเผาไหม้จนผมแทบจำไม่ได้แล้วว่าเด็กชายริมเขื่อนเมื่อก่อนใสซื่อยังไง ไอ้ชื่องูพิษที่ผมตั้งให้นี่เหมาะสมแล้วจริงๆ

“เสร็จแล้ว” กว่าครึ่งชั่วโมงที่ถ่ายแก้งาน สุดท้ายคนตัวสูงที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เดินมาหาผมกับพี่นัทที่ยังนั่งเม้าส์กันอย่างออกรสออกชาติ หลังจากไปกล่าวขอบคุณทีมงานทุกคนเรียบร้อยริมเขื่อนก็คุยเรื่องงานกับผู้จัดการสักพักก่อนแยกย้ายกันไปคนละทาง พี่นัทมีงานต่อ ส่วนริมเขื่อนชวนผมกลับคอนโด

ระหว่างทางกลับบ้านที่รถเริ่มติด ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อบลูทูธเข้ากับเครื่องเล่นเพลงบนรถ เปิดเพลงสากลยอดฮิตฟังไปพลางมองวิวข้างทางไปพลาง

“ไผ่ พรุ่งนี้ว่างป่ะ”

“หือ ว่าง” ว่างทุกวันนั่นแหละ เพราะคิวงานส่วนมากไปอัดกันช่วงใกล้ๆ สิ้นปีที่เป็นเวลาก่อนรับปริญญา ตอนนี้ผมเลยไส้แห้งนอนอืดอยู่บ้านมาเป็นอาทิตย์แล้ว

“ไปเดทกัน”

“เดท?” ผมเลิกคิ้ว หันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเจ้าของรถอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมต้องเดท”

“ลืมเหรอว่ากูจีบมึงอยู่” ใบหน้าสวยหันมามองผมชั่วขณะหนึ่งก่อนเบนกลับไปมองทางต่อ

“เอาจริงๆ นะเขื่อน กลับมาเป็นเหมือนเดิมเหอะ” ผมออกปากอย่างจริงจังถึงเรื่องนี้ ถึงเราจะอะไรๆ เกินเลยไปแล้ว แถมเขื่อนก็บอกรักผมมาแล้วด้วย แต่จะให้มาจ๊ะจ๋า ที่รักงู้นงี้แบบที่เขื่อนกำลังทำ ผมรับไม่ค่อยได้เลยครับ “คือยังไงกูก็รู้แล้วว่ามึง...ชอบกู มันไม่จำเป็นต้องจีบป่ะวะ”

“แล้วมึงชอบกูยัง”

“ห ห๊ะ”

“กูถาม ว่าตอนนี้มึงชอบกูยัง” ดวงตาคู่สวยเหลือบมามองผมและปรับน้ำเสียงลงต่ำสื่อความจริงจังในคำพูด

“ก็... นิดนึง”

“แค่นิดนึง?”

“กูยังไม่แน่ใจ”

“งั้นกูก็จะจีบมึงต่อ”

“ทำไมวะ” ผมเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

“ถ้ากูไม่จีบ มึงจะให้กูอยู่ในสถานะไหน เพื่อน?”

“ก็... คนคุยแบบที่มึงบอก”

“ขนาดกูแค่จีบ ไม่สิ ที่กูทำมันยังไม่ได้เรียกจีบเลยด้วยซ้ำ กูแค่เปลี่ยนคำเรียกกับแสดงออกมากขึ้น มึงยังร้องขอให้กูกลับไปทำตัวเหมือนเดิมเลย”

“...” ผมเงียบเพราะริมเขื่อนไม่ยอมให้ผมได้เถียง

“เฟรนด์โซนไม่ใช่ที่ๆ กูอยากอยู่ว่ะไผ่”

“กูก็ไม่ได้บอกให้มึงอยู่เฟรนด์โซนนี่”

“ถามจริงเหอะ ถ้ากูไม่จีบตอนนี้ แล้วเมื่อไหร่กูจะได้คบวะ”

...ไม่รู้ว่ะ

“มึงจะห้ามรึอึดอัดยังไงก็ช่าง กูก็จะจีบมึงอยู่ดี” ริมเขื่อนสรุปด้วยตัวเอง เขาเหยียบเบรกเพื่อจอดเมื่อเจอไฟแดง จากนั้นก็หันหน้ามามองผมด้วยรอยยิ้มมุมปากที่แสนร้ายกาจ “อยากได้มึงมาเป็นของกูจะแย่อยู่แล้ว”

“...” หัวใจผมกระตุกกับสายตาที่จับผมกลืนลงท้องไปเรียบร้อย

เดี๋ยวนี้ริมเขื่อนขยันสรรหาประโยคคำพูดอะไรก็ไม่รู้มาพูดใส่ ซึ่งมันมีผลต่อหัวใจผมชิบหายเลย

“พรุ่งนี้ไปเดทกัน ตกลงไหม”

“ดะ เดทที่ไหน”

“เดี๋ยวไว้จะบอกพรุ่งนี้” เขาตัดจบบทสนทนาไว้เพียงเท่านั้น เท้าขวาเลื่อนออกจากเบรกแล้วเปลี่ยนไปเหยียบคันเร่ง ขับเคลื่อนตัวรถออกจากแยกไฟแดงก่อนถึงคอนโด “รับรองว่ามึงจะชอบ”

ผมได้แต่เงียบ ปล่อยให้อีกฝ่ายผิวปากตามเสียงดนตรีอย่างอารมณ์ดีต่อไป

เอาวะ เดทก็เดท


__________________
Talk: เอาการบ้านมาส่งแล้วค่ะะ
 :hao5: :hao5: ที่เขื่อนต้องการจะจีบ แม้ว่าจะอะไรๆ กันไปแล้ว
เหตุผลเพราะอยากเร่งทำคะแนน กับดึงตัวเองออกมาจากเฟรนด์โซนค่ะ

เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ถ้าไม่หักดิบ มันก็คงนานกว่าจะได้คบกันจริงๆ
เพราะไผ่ก็ยังไม่ได้อยากคบเป็นแฟน ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง

เราไม่รู้ทุกคนสังเกตุกันไหมว่าจริงๆ พี่ไผ่ปมในใจเยอะมากๆ
ไผ่อาจเป็นเคะที่คาร์ไม่ค่อยน่าเอ็นดูเท่าไหร่ แต่อยากให้เอ็นดูกันนะคะ  :กอด1: :กอด1:

รักคนอ่านทุกคนนนนนนน จุ้บ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 17 [12-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-01-2019 20:58:59
จัดหนักเลยจ้ะเขื่อน สู้ๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 17 [12-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 12-01-2019 21:10:10
 :กอด1: :กอด1: ที่จีบยาก ดูเหมือนว่าไผ่เฉยชา เพราะไผ่เป็นคนกลัวความรักเพราะปัญหาทางครอบครัวสิน่ะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 17 [12-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 12-01-2019 21:56:05
เขาจะได้กันแล้ว
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 17 [12-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 12-01-2019 23:19:18
อ้างจาก: msg3933238
เขาจะได้กันแล้ว



เขาได้กันไปแล้วครับ อ่านตกแระ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 17 [12-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 13-01-2019 08:56:52
รอเด้อค่ะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 17 [12-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 13-01-2019 09:39:06
อยากรู้ปมน้องไผ่แล้วววว ก็ว่าอยู่น้องไผ่ดูจะ เครซี่เขื่อนมากแต่ก็ดูไม่กล้าเข้าใกล้
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 17 [12-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 13-01-2019 11:51:36
ไผ่อาจกลัวว่าจะเป็นเหมือนพ่อกับแม่ก็ได้  พอเป็นแฟนกันแล้ว ถ้ามีปัญหากัน อาจจะถึงขั้นแตกหัก เสียทั้งเพื่อน เสียทั้งคนรัก ให้เวลาไผ่หน่อยนะน้องเขื่อน
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 17 [12-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-01-2019 12:15:26
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 17 [12-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-01-2019 19:18:01
:กอด1: :กอด1: ที่จีบยาก ดูเหมือนว่าไผ่เฉยชา เพราะไผ่เป็นคนกลัวความรักเพราะปัญหาทางครอบครัวสิน่ะ

ไผ่อาจกลัวว่าจะเป็นเหมือนพ่อกับแม่ก็ได้  พอเป็นแฟนกันแล้ว ถ้ามีปัญหากัน อาจจะถึงขั้นแตกหัก เสียทั้งเพื่อน เสียทั้งคนรัก ให้เวลาไผ่หน่อยนะน้องเขื่อน

คิดเหมือน ..........  :hao3:
ริมเขื่อน  ไผ่   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 17 [12-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-01-2019 00:16:37
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 17 [12-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 14-01-2019 00:46:04
เอ็นดูไผ่นะคะตั้งแต่เปิดเรื่องมาเลย ติดตามต่อไป
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 17 [12-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 14-01-2019 10:00:44
ความชัดเจนนั่นแหละดีที่สุด ถึงแม้ว่าถ้าได้เปลี่ยนสถานะกันไปแล้ว ถ้ามันจะไม่รอดมันก็ไม่รอดอยู่ดี อีกอย่างใช่ว่าสถานะเพื่อนมันจะตลอดไปซะเมื่อไหร่ เราจะรู้ได้ไงว่าอนาคตเพื่อนคนนี้จะยังอยากคบกับเราอยู่ไหม แต่ก็เข้าใจไผ่ล่ะนะว่าบางอย่างถ้ามันเปลี่ยนแล้วมันก็ยากที่จะย้อนกลับ


สู้ๆนะเขื่อน
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 17 [12-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-01-2019 15:42:08
เอาว่ะ เดทแรกมันต้องมีอะไรกระทบใจบ้างล่ะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 17 [12-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-01-2019 21:37:30
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 18 [23-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 23-01-2019 13:29:47
บทที่ 18




เช้าวันนี้อากาศดีนัก ท้องฟ้าปลอดโปร่งทั้งแดดก็ไม่แรงจนแสบผิว ผมที่เมื่อคืนนอนหลับตั้งแต่เที่ยงคืนลืมตาตื่นขึ้นมาอัตโนมัติเมื่อหลับได้ครบแปดชั่วโมงถ้วน แต่ด้วยความเมาขี้ตาทำให้ผมยังนอนนิ่งๆ ในอ้อมแขนของคนข้างกายต่อไป ปล่อยให้ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดซอกคอ พร้อมแรงกอดรัดจากทั้งแขนทั้งขาที่พาดทับกันมาจนผมแทบหายใจไม่ออก

“หาววว” ผมอ้าปากหาวหวอดใหญ่ พลิกตัวเล็กน้อยเพื่อคลายเมื่อยก่อนจะเอื้อมคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมาไถเล่น ริมเขื่อนยังนอนหลับสนิทแม้ผมจะขยับตัวยุกยิก เขาเพียงแค่ครางฮึมฮัมในลำคอ ขยับตัวตามผมมาเพื่อแทรกใบหน้าบนหัวไหล่ ก่อนเคี้ยวน้ำลายแจ๊บๆ วิ่งเล่นในความฝนต่อไป

ผมละสายตาจากจอมือถือ เหลือบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างภายใต้เส้นผมพันยุ่ง ดูแล้วน่าจะไม่สบายเท่าไหร่เพราะริมเขื่อนคอยเอามือปัดเส้นผมยาวถึงกลางหลังของตนออกอยู่บ่อยครั้ง ทว่าความยุ่งเหยิงทำให้มันไม่ได้เคลื่อนไปไหน ผมส่ายหน้าอย่างจนใจ มอบความช่วยเหลือให้ด้วยการเกลี่ยปอยผมเหล่านั้นไปทัดใบหู

“อืออ” ร่างสูงใหญ่ขยับตัวไปมา ก่อนที่เปลือกตาสีมุกจะปรือขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความสงสัย “ไผ่เหรอ”

“นอนไป” ผมพูดพลางกดศีรษะที่เงยขึ้นมาจากหมอนให้นอนลงไปตามเดิม

“ตื่นเช้าจัง”

“นอนอิ่มแล้ว”

“กูขออีกสักชั่วโมง” ริมเขื่อนว่าเสียงงัวเงียแล้วมุดหน้ากลับมาบนไหล่ผมตามเดิม ผมหัวเราะเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว เด็กตัวโข่งกลับมาเป็นน้องเขื่อนของผมได้ก็แค่ตอนง่วงนอนเท่านั้นเองสินะ

ด้วยความเอ็นดูทำให้ผมเผลอวางมือลงไปบนศีรษะทุยสวยนั่น ลูบเส้นผมนุ่มเบาๆ พลางเลื่อนเนื้อหาข่าวบนจอโทรศัพท์อ่านไปพลาง ริมเขื่อนคลี่ยิ้มชอบใจ ขยับหัวให้ผมลูบได้ถนัด

ผมปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยที่ฝ่ามือยังไม่หยุดขยับ ไม่รู้ตัวเองทำไมไม่เมื่อยสักที หรืออาจเป็นเพราะผมอ่านบทความเกี่ยวกับการถ่ายภาพอยู่ เลยไม่ได้สนใจเรื่องอื่นเท่าไหร่นัก

แต่จะยังไงก็แล้วแต่ เด็กชายริมเขื่อนที่หลับอยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้หุบรอยยิ้มที่มุมปากลง ผมเลยไม่คิดจะชักมือกลับเช่นกัน

นานๆ ทีจะได้ทำอะไรแบบนี้ ความรู้สึกของการเป็นพี่ไผ่ที่ไม่ได้สัมผัสมานาน ผมวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะหัวเตียง ขยับแขนสอดไปใต้ต้นคอของริมเขื่อนพลางดึงคนที่ตัวใหญ่กว่าให้เข้ามาแนบชิดกันยิ่งขึ้น

“หือ?” คนตื่นง่ายเลิกคิ้วใส่ผมทั้งที่ยังไม่ลืมตาด้วยซ้ำ

“นอนไป กูจะนอนด้วย”

“อือ” ริมเขื่อนพยักหน้าอืออาเบาๆ ก่อนส่งเสียงกรนในลำคอออกมาระลอกใหญ่

แม้ตาจะสว่างจนไม่อาจข่มตานอนได้อีก แต่ผมก็เลือกกอดรัดน้องชายที่เคยตัวเล็กไว้ในอ้อมแขน กดให้ใบหน้าสวยมุดเข้ามาซุกกับแผ่นอกก่อนเริ่มหลับตาลงบ้าง

ตอนเด็กๆ พวกเรานอนกอดกันท่านี้ประจำ

ริมเขื่อนเป็นเด็กขี้กลัวในสมัยนั้น ฟ้าร้องเอย ความมืดเอย ถ้าไม่ได้กอดผมก็จะตัวสั่นและตาเบิกโพลงเพราะไม่กล้าหลับ ผมจึงมักดึงเด็กน้อยมาซุกไว้แนบอก ลูบหัวเขาเบาๆ แล้วบอกว่าผมอยู่ตรงนี้เสมอ

แม้ตอนนี้เขาอาจจะไม่ได้ขี้กลัวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่ได้ตัวเล็กจนผมกอดรวบได้ทั้งตัวอีกต่อไป แต่การที่ริมเขื่อนขยับโอบผมในท่วงท่าเดิม ละเมอพึมพำเรียกชื่อผมอยู่บ่อยๆ นั่นก็เพียงพอแล้วกับการตัดสินใจในเช้าวันนี้

ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนยึดติดกับอดีต

ใช่ และคนยึดติดแบบผมก็เลือกย้อนเวลากลับไปสมัยเด็กๆ ด้วยอ้อมกอดอุ่นๆ ในยามเช้าที่อากาศดีพอสมควร






ผมตื่นมาอีกครั้งในตอนสายด้วยอาการมึนเบลอเพราะนอนมากเกินไป พื้นที่ข้างเตียงเหลือเพียงแค่ก้อนผ้าห่มกับหอนหนุนยับย่น ริมเขื่อนน่าจะลุกออกไปนานแล้วเพราะผ้าปูบริเวณนั้นเย็นเชียบจากเครื่องปรับอากาศ ผมลูบหน้าลูบตาตัวเองเบาๆ ก่อนเดินลากขาเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาเรียกสติ

ความเย็นของสายน้ำกับกลิ่นสบู่หอมๆ ช่วยให้ผมตื่นเต็มตา หลังจากสวมเสื้อผ้าสบายๆ สำหรับอยู่บ้านเรียบร้อยแล้วผมก็เดินออกไปนอกห้องนอนเพื่อตามหาเจ้าของคอนโดที่ไม่รู้หายหัวไปอยู่ไหน

“ตื่นแล้วเหรอครับที่รัก”

Wtf!

ผมชะงักเท้าที่กำลังก้าวเข้าไปยังโซนครัวทันทีที่ได้ยินประโยคแสลงหู ริมเขื่อนวางจานสปาเก็ตตี้ที่เพิ่งหยิบออกมาจากไมโครเวฟไว้บนโต๊ะอาหาร จากนั้นก็เดินยิ้มแฉ่งมารวบผมเข้าไปกอดไปคลอเคลียใหญ่

“กูสั่งสปาเก็ตตี้ไว้ให้” คนพูดดุนหลังผมให้เดินไปที่โต๊ะกินข้าว ทั้งๆ ที่แขนก็ยังโอบรอบเอวผมเอาไว้ไม่ปล่อย การบุกรุกที่ไม่ทันตั้งตัวเล่นเอาผมโต้แย้งไม่ทัน สุดท้ายจึงถูกกดบ่าให้นั่งลงบนเก้าอี้อย่างว่าง่าย ทั้งแก้วน้ำและเครื่องดื่มเย็นฉ่ำก็ถูกยกมาเสิร์ฟราวกับผมมีคนใช้ส่วนตัว

“กินสิ” คนตัวสูงนั่นลงบนเก้าอี้ข้างๆ ทั้งพยักเพยิดให้ผมตักสปาเก็ตตี้ไวท์ซอสเข้าปาก ผมหรี่ตามองหน้าริมเขื่อนอย่างสงสัย

“อารมณ์ดีอะไร” ที่ผมถามอย่างนี้เพราะเขื่อนวันนี้ดูมีความสุขแปลกๆ หน้าตาชื่นบานทั้งยังเอาอกเอาใจผมจนเกินพอดี และพออีกฝ่ายฟังคำถามผมจบก็หัวเราะร่วนออกมาเสียงดัง

“มีความสุขก็ต้องอารมณ์ดีสิ”

“ไปโดนตัวไหนมา” ผมหยอกไปพลางม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปากไปพลาง แต่คำตอบของริมเขื่อนกลับเล่นเอาผมสำหรับอาหารจนแสบคอไปหมด

“โดนตัวมึงไง” รอยยิ้มหวาดเหยียดมุมปากออกจนแทบฉีกถึงใบหู คนหน้าสวยเท้าศอกไว้กับโต๊ะ เอียงตัวหันมาทางผมพร้อมจับจ้องกันด้วยสายตากรุ่มกริ่ม “ทั้งกอดทั้งลูบหัว หูย กูนี่หลับฝันดีเลย”

“แค่ก แค่กๆ!” ผมสำลักซอสอย่างหนักจนต้องยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มล้างคอ หน้าดำหน้าแดงจนเจ้าของเสียงหัวเราะต้องขยับมือมาลูบหลังให้กันเบาๆ

“ใจเย็นๆ”

“มึงเงียบไปเลย แค่ก” ผมวางแก้วน้ำดังปัง! กวาดเอาสปาเก็ตตี้ทั้งหมดลงท้องภายในเวลาห้านาทีก่อนรีบเดินหนีออกมาจากคนที่เอาแต่มองแซวกันไม่หยุด ให้ตายสิโว้ย ไม่น่าเผลอไปเอ็นดูมันเลยแม่ง

“ไผ่ ไปแต่งตัวนะเดี๋ยวกูพาออกไปข้างนอก” แม้ผมจะหนีมายังห้องนั่งเล่นแต่ริมเขื่อนก็ตะโกนข้ามฝากมาหากันอยู่ดี ผมที่หงุดหงิดงุ่นง่านจากความอับอายปนเก้อเขินเลยสะบัดหางเสียงใส่ไปว่า

“ไม่ไปแล้ว!”

“จะไปข้างนอกหรือจะนอนกอดกันเหมือนเมื่อเช้าคะ... ที่รัก”

คะพ่อง!

ผมบดปากตัวเองจนเจ็บ สบถคำหยาบคายเบาๆ ก่อนจะยอมเดินตึงตังกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ดูดีกว่านี้ตามคำสั่งของไอ้คนหน้าระรื่นด้านนอก

และพอผมเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาอีกทีก็พบว่าริมเขื่อนนั่งดูโทรทัศน์รออยู่แล้ว คนตัวสูงแต่งตัวเรียบร้อยตั้งแต่แรกเลยไม่ต้องเปลี่ยนอะไร เสื้อเชิ้ตขาวปลดกระดุมบนออกสองเม็ด กางเกงยีนส์ขาดเข่ากับผมยาวสลวยที่ปล่อยให้ละแผ่นหลัง ผมมองความสวยยิ่งกว่าผู้หญิงเหล่านั้นแล้วแอบทอดถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ไม่น่าโตเลยว่ะ”

“กูได้ยินนะไผ่” ริมเขื่อนหันมาขมวดคิ้วเป็นปมเล็กใส่ผม “กูโตมาแล้วไม่ดีตรงไหน”

“ตรงที่มึงเป็นแบบนี้เนี่ย” ผมยู่หน้า

“พูดซะกูอยากมุดท้องแม่ไปเกิดใหม่” เขื่อนบ่นก่อนจะหันหน้ากลับไปดูทีวีต่อ “เดี๋ยวรายการนี้จบก่อนค่อยออกนะ”

“ดูอะไรวะ” ผมถามพลางพยักหน้ารับรู้ ก่อนเดินไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟาข้างๆ ริมเขื่อน หยิบเอาหมอนอิงขึ้นมากอดพลางมองรายการบนจอโทรทัศน์ที่ไม่คุ้นตาเลยสักนิด

“เบรกต่อไปเป็นดวง”

“ดวง?”

“เออ กูจะดูดวง” คนพูดพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อยากดูดวงความรัก”

“จะดูไปทำไม ไร้สาระ” ด้วยความที่ผมเป็นคริสเตียน ทั้งชีวิตจึงไม่เคยเชื่อเรื่องดวงมาก่อน และตอนเด็กๆ เขื่อนก็ไม่เคยดูดวงให้ผมเห็น ผมเลยไม่รู้ว่าเพื่อนผมจะบ้าดูดวงเหมือนผู้หญิงส่วนมากในคณะของผมด้วย

“อยากรู้ว่าเมื่อไหร่คนที่จีบอยู่จะใจอ่อน”

“...หะ”

“อยาก ‘รัก’ จะแย่อยู่แล้ว”

แม่งเอ้ย!

เพราะงี้ไงผมถึงอยากให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม

เพราะริมเขื่อนมันเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้นี่ไง!

ผมเบือนหน้าหนีดวงตาคู่สวยที่ผมเคยชอบมองมันนักหนาในสมัยก่อน แต่ขอเถอะ หัวใจผมเต้นแรงจนจะหลุดออกมานอกอกอยู่แล้ว ทั้งใบหูและข้างแก้มก็ร้อนผ่าวราวกับมีใครมาจุดไฟเผาเอาไว้ ผมตีเนียนวางคางลงบนหมอน จดจ่อสายตาไปที่จ่อโทรทัศน์ราวกับสนใจเสียเต็มประดา

ริมเขื่อนมองผมทั้งยังหัวเราะอารมณ์ดี ร่างสูงเอนหลังพิงพนักพาดแขนเหยียดยาวอย่างสบายอารมณ์ ทั้งยังมีเสียงผิวปากเบาๆ ให้ความหมั่นไส้ในอกผมเต้นระริกอยู่ไม่เป็นสุข เนิ่นนานกว่าริมเขื่อนจะดูรายการดวงประจำสัปดาห์จนพอใจ แถมยังระริกระรี้เข้ามาสะกิดใหญ่เมื่อเห็นว่าตนเองนั้นมีเกณฑ์ความรักเข้าขั้นดีเลิศ

“ดวงเราสมพงศ์กันจะตาย คบกันได้แล้วนะคะ”

ผมกรอกตาใส่ถ้อยคำประสาทแดกกับคำว่านะคะที่เล่นเอาครั่นเนื้อครั่นตัว “กูไม่เชื่อเรื่องดวง”

“งั้นก็เชื่อใจกูสิ” คนพูดปรับสีหน้าเป็นจริงจังภายในเวลาเสี้ยววินาที ทั้งยังขยับตัวมากดบ่าผมติดกับโซฟา ร่างกายสูงใหญ่ทาบทับลงมาพร้อมใบหน้าสวยที่เคลื่อนมาจนชิด ปล่อยลมหายใจร้อนที่มีกลิ่นกาแฟจางๆ คลอเคล้าเหนือริมฝีปาก “เชื่อว่ากูรักมึงจริงๆ”

“...” ผมเงียบ กลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอ ทั้งพยายามหลบเลี่ยงสายตาที่มองจ้องมาอย่างจริงจังนั้นเป็นพัลวัน “ขะ เขื่อน”

"หืม?"

"มึงแดกน้องเขื่อนกูเข้าไปเหรอ" ผมจงใจเบี่ยงประเด็นออกจากหัวข้อที่ไม่ปลอดภัยต่อความรู้สึกนัก กะจะหยอกเย้าอีกฝ่ายเล่น ทว่าริมเขื่อนกลับคลี่ยิ้มร้ายแล้วส่งเสียงหัวเราะหึหึในคอเบาๆ

"เปล่าซะหน่อย"

"ไม่เชื่อ" ผมออกแรงผลักอกคนที่กักผมไว้ในอ้อมแขนอย่างแรง แต่นอกจากจะไม่ขยับเขยื้อนแล้วอีกฝ่ายกลับดันร่างเข้ามาแนบชิดกันยิ่งขึ้น ริมฝีปากของเราทั้งคู่เสียดสีไปมา แต่ริมเขื่อนก็ไม่ได้บดจูบลงมาอย่างที่ใจผมหวั่นวิตก

“ไม่เชื่อเหรอ” เจ้าของน้ำเสียงยียวนกระซิบถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังติดบนริมฝีปากกระจับสวย แต่คำพูดประโยคต่อมาไม่ได้สวยเหมือนภาพที่เห็นเลยสักนิด "เอาลิ้นมึงมาสำรวจสิ"

ผมเบิกตาโต หมายจะออกแรงดิ้นรนขัดขืน ทว่าคนตัวใหญ่กว่ากลับกดเรียวปากลงมาประทับแนบแน่น ช่วงชิงทั้งลมหายใจและคำพูดของผมไปจดหมด

“อื้ออ” ผมร้องประท้วงเมื่อลิ้นร้อนแทรกสอดเข้ามาเกี่ยวเอาลิ้นผมไปพัวพัน กลีบปากบางเคลื่อนไหวไปมาอย่างช่ำชอง ทั้งยังดูดริมฝีปากล่างผมเล่นจนบวมช้ำ ผมเผลอตัวตอบรับสัมผัสนั้นพร้อมยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง ผิวเนื้อนุ่มเสียดสีกันไปมาทั้งยังส่งเสียงจ๊วบจ๊าบน่าอาย ผมหายใจติดขัดแต่ก็ยังยินยอมให้เขื่อนบดขยี้ปากตัวเองอยู่อย่างนั้น หลายจังหวะที่เป็นตัวผมเองที่รุกไล่เข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่าย ลิ้มรสชาติกาแฟขมปร่าที่ปลายลิ้นอีกฝ่ายจนพอใจถึงปล่อยให้ริมเขื่อนกลับมาชักนำจังหวะเร้าร้อนนี้ต่อ

“ไง เจอน้องเขื่อนของมึงไหม”

“แฮ่ก” ผมทำได้แค่หอบหายใจตอนที่อีกฝ่ายถอนปากออกไป ริมเขื่อนฉกจูบลงบนแก้มก่อนผิวปากอย่างอารมณ์ดี เขาผละกายออกห่าง ขยับตัวลุกไปหยิบกุญแจรถมาควงเล่นแล้วหันมาฉีกยิ้มตาหยีให้ผม

“ไปข้างนอกกัน”

“แปบนึง” ผมบอกเสียงแผ่ว กอดหมอนอิงไว้แน่น

“มีอะไร” ริมเขื่อนเดินกลับมาหาผมที่โซฟา เขาพยายามจะดันคางให้ผมเงยขึ้นไปสบตาด้วย แต่ผมฝืนแรงและซุกหน้าตัวเองเข้าไปกับหมอนจนมิด “ไผ่”

“กูขอสิบนาที”

“ทำไม กูจูบทีแข้งขาอ่อนแรง?”

“เปล่า”

“แล้ว?”

“เออน่า” ผมเลี่ยงการตอบคำถามเอามากๆ แต่ริมเขื่อนก็เซ้าซี้ไม่เลิก ทั้งพยายามจะดึงแขนผมให้ลุกขึ้นจากโซฟา จนสุดท้ายผมทนหงุดหงิดไม่ไหวเลยตะโกนอัดหน้ามันไปสามคำดังๆ ว่า “น้องกูตื่น! พอใจยัง”

“...”

“...”

“พอใจแล้ว” เขื่อนพูดอย่างนั้นก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาตัวงิกตัวงอ

แม่งเอ้ย หงุดหงิดว่ะ!

หงุดหงิดตัวเองเนี่ย ไอ้ชิบหาย






กว่าผมกับริมเขื่อนจะได้เสด็จออกมาจากห้องก็ตอนบ่ายโมงได้ เพราะหลังจากที่ผมตะโกนเรื่องหน้าอายใส่หน้ามันไปก็เกิดเรื่องวุ่นวายอย่างมีคนอยากพิสูจน์ว่าผมเป็นจริงอย่างที่พูดไหม ร้อนให้ผมต้องวิ่งหนีเข้าไปในห้องนอนแล้วออกแรงผลักประตูดันกับคนแรงเยอะกว่าจนเหงื่อออกซ่กต้องไปอาบน้ำอาบท่าใหม่อีกรอบ

ก่อนออกมาริมเขื่อนได้สั่งให้ผมพกกล้องมาด้วยทำให้วันนี้มีกระเป๋าใบโตสะพายอยู่บนไหล่ พวกเราแวะกินข้าวที่ร้านอาหารข้างทางติดแอร์ร้านหนึ่งแล้วจึงเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่เขื่อนไม่ยอมเปิดปากว่าจะพาผมไปที่ไหน

รถยนต์คันสวยแล่นไปตามถนนที่เต็มไปด้วยความแออัด กว่าจะฝ่าออกมาขึ้นทางด่วนได้ก็กินเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อกับบลูทูธในรถก่อนเลือกเปิดเพลงสากลในเพลย์ลิสต์ประจำตัว เสียงหม่นๆ ของนักร้อง Billie Eilish ชวนให้ผมเอนศีรษะพิงพนักอิงแล้วเหม่อมองวิวทิวทัศน์ออกไปนอกหน้าต่าง ระหว่างพวกเราทั้งคู่ต่างเต็มไปด้วยความเงียบที่ไม่ได้อึดอัด ผมทอดสายตาออกไปยังที่ไกลๆ ทิ้งตัวเองให้จมไปกับบทเพลงที่ฟังบ่อยจนนับครั้งไม่ถ้วน


Don't you know I'm no good for you?
I've learned to lose you, can't afford to
Tore my shirt to stop you bleedin'
But nothin' ever stops you leavin'

(คุณไม่รู้เหรอว่าผมไม่ดีพอสำหรับคุณ
ผมได้เรียนรู้ที่จะเสียคุณไป แต่ผมทนไม่ไหวหรอกนะ
และถึงผมจะฉีกเสื้อของผมเพื่อห้ามเลือดให้คุณ
แต่มันก็ไม่สามารถรั้งไม่ให้คุณไปได้อยู่ดี)

*When the party's over - Billie Eilish



   ผมถอนหายใจให้กับเนื้อเพลงที่กดอารมณ์ผมให้จมไปในห้วงความรู้สึกที่ไม่อยากนึกถึง ท่วงทำนองเบาๆ กำลังพาผมย้อนกลับไปสมัยมัธยมที่มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น น้ำเสียงทุ่มเถียง ทุกภาพการทะเลาะเบาะแว้งในบ้าน แม่ที่โวยวายโต้เถียงกับพ่อเสียทุกเรื่อง และไม่มีแม้การหลบซ่อนจากสายตาผม เพราะทุกคนคิดว่าผมโตพอจะรับมือกับอะไรๆ ที่เข้ามาในชีวิต

มันไม่มีอะไรหรอก ผมบอกตัวเองแบบนั้นเสมอ เพราะสุดท้ายพวกเขาก็คืนดีกัน และยังนอนกอดจิ๊จ๊ะกันอยู่ในทุกคืน แต่แล้วอย่างไรล่ะ สุดท้ายเช้าวันต่อมา แค่เรื่องอาหารเช้าทั้งคู่ก็กลับมาทะเลาะกันใหม่จนผมหนีไปซื้อหมูปิ้งหน้าโรงเรียนกินด้วยความรำคาญใจ

มีคนบอกว่าครอบครัวมันก็เป็นแบบนี้ ลิ้นกับฟัน ใกล้กันไปก็กระทบกระทั่งเป็นธรรมดา

แต่แล้วยังไง สุดท้ายเมื่อหลายเดือนก่อนครอบครัวที่เคยมีแตกสลายเหลือเพียงแค่ผมตัวคนเดียวอยู่ที่กรุงเทพฯ สาเหตุก็เพราะพ่อได้ย้ายงานไปประจำที่จังหวัดขอนแก่นซึ่งเป็นบ้านเกิด เขาอยากให้คนในครอบครัวย้ายตามกลับไปที่นู่นด้วย แต่คุณนายเธอไม่ยอมเพราะไม่อยากออกจากงาน ทั้งกำลังจะได้ไปดูงานที่ LA เพื่อดีลกับบริษัทใหญ่ด้วย ทั้งคู่ทะเลาะอย่างหนักเพราะไม่มีใครยอมใคร เถียงกันอยู่อย่างนั้นเป็นเดือน

ผมที่ไม่มีงานทำ ฟรีแลนซ์ก็ไม่มีคนจ้าง ต้องอยู่ในบ้านที่มีแต่เสียงทะเลาะเบาะแว้ง เช้าแว๊ดเย็นบ่น ประสาทผมจะเสีย แล้วก็ทำได้แค่หมกหัวอยู่แต่ในห้องตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเพราะขี้เกียจออกไปฟังความไม่ลงรอยของคนทั้งคู่ และยิ่งตอนหลังที่ตกลงกันได้ว่าจะหย่า ก็มาตีกันอีกเรื่องที่ว่าใครจะพาผมไปอยู่ด้วย เพราะแม่ก็ประกาศกร้าวเลยว่าจะขอทำเรื่องย้ายกลับไปประเทศตัวเองเหมือนกัน

ผมคือคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางสงครามอารมณ์ของสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว พยายามแล้วที่จะบอกให้พ่อกับแม่ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูดค่อยๆ จา แต่แล้วผลลัพธ์มันเป็นยังไง ผมรั้งใครเอาไว้ไม่ได้หรอก

ขนาดบ้านที่ผมอยู่มาตั้งแต่เด็กๆ พวกเขายังขายทิ้งไปได้ง่ายๆ เลย


Quiet when I'm coming home and I'm on my own
And I could lie, say I like it like that, like it like that

(เงียบจังนะ ตอนที่ผมกลับมาบ้านแล้วอยู่ตัวคนเดียว
ผมสามารถโกหกได้ ว่าผมชอบมัน ชอบที่มันเป็นแบบนั้น)



ไร้สาระน่า แบบนี้ก็ดีแล้วนี่น่า

เด็กฝรั่งส่วนมากเขาก็ออกจากบ้านมาตั้งแต่อายุไม่เท่าไหร่ ผมโตขนาดนี้ออกมาอยู่คนเดียวก็ไม่เห็นเป็นไร แถมยังมีหมีควายตัวหนึ่งคอยเอาอกเอาใจซะด้วย

ดีจะตายชัก

“ไผ่ ร้องไห้ทำไม” ผมชะงักความคิดตัวเองเมื่ออยู่ๆ ฝ่ามืออุ่นก็วางแปะลงบนศีรษะ ริมเขื่อนหันมามองหน้าผมขณะที่เขาพยายามประคองพวงมาลัยรถไปด้วย

“กูเปล่า” ผมปฏิเสธไปแบบนั้น แต่พอแตะนิ้วลงบนแก้มตัวเองก็พบว่ามันเปียกแฉะไปหมด

เบื่อจังโว้ย ฟังเพลงนี้ทีไรอินทุกที

ยอมรับเลยว่าเพลงของ Billie Eilish นี่ดึงอารมณ์ได้ดีสุดๆ นับถือๆ

“มึงเป็นอะไร” คนข้างๆ ยังพยายามถาม ริมเขื่อนดูเหมือนอยากจอดรถที่ข้างทางเพื่อเค้นคอผม แต่เพราะเรากำลังอยู่บนทางด่วนทำให้เขาทำแบบนั้นไม่ได้

ผมหัวเราะตัดอารมณ์ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปลี่ยนเพลงขณะบอกอีกฝ่ายอย่างไม่ซีเรียสว่า

“อินเพลงเฉยๆ”

“ไผ่...”

“อะไร เพลงดีพขนาดนี้ กูอารมณ์ศิลปินอ่อนไหวง่าย” ผมยักไหล่ เลือกเปิดเพลงฮิปฮอปแทนเพราะสร้างบรรยากาศสนุกๆ แต่ดูเหมือนริมเขื่อนไม่สนุกไปด้วยเลยสักนิด เขาถอยมือออกจากเกียร์แล้วเอื้อมมาคว้าฝ่ามือผมไปกอบกุม

“บอกได้นะ ถึงตอนนี้จะจีบมึงอยู่ แต่ยังไงกูก็เป็นเพื่อนของมึงอยู่ดี”

“...” ผมหุบรอยยิ้มตัวเองลง

ดนตรีฮิปฮอปไม่ได้ช่วยอะไรเพราะพายุอารมณ์ที่มวนอยู่ในท้องมานานเริ่มตีรวนขึ้นมาที่อกข้างซ้าย ที่กรอบเบ้าตาร้อนผ่าวไปหมด ผมปล่อยหยดน้ำสีใสออกมาอย่างไม่อาจห้ามปราม ในขณะเดียวกันก็พยายามกลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้จนตัวสั่นและหน้าแดงก่ำ

ริมเขื่อนโยกหัวผมเบาๆ แม้จะยังมองทางข้างหน้าอยู่ ผมปล่อยให้ตัวเองกล้ำกลืนก้อนน้ำตาอยสักพักถึงค่อยๆ เปลือยความในใจออกมาทีละนิด ความอบอุ่นจากฝ่ามือบนศีรษะพังทลายกำแพงความเข้มแข็มที่ผมพยายามก่อสร้างมาอย่างเนิ่นนานจนไม่เหลือซาก

เกลียดริมเขื่อนก็เพราะแบบนี้

เพราะผมแพ้ทางให้กับทุกอย่างที่เป็นเขา...

“คริสมาสต์...” ผมพูดคำๆ นี้ออกมาอย่างยากเย็น มันเบาจนแทบไม่เป็นประโยค ริมเขื่อนเอื้อมมือไปปิดเครื่องเสียงและปล่อยให้ผมพูดระบายออกมาตามใจ “วันคริสมาสต์ พวกเขาไม่มา”

“...คุณน้าเหรอ”

“อืม ทั้งคู่” ผมบอก หัวใจบีบรัดจนเจ็บไปหมด “แม่อยู่กับครอบครัว พ่อก็เหมือนกัน”

ไอ้คำว่าครอบครัวนี่มันพูดยากจังวะ

คงเพราะผมร้องไห้จนคอหอยมันจุกเสียดไปหมดแน่ๆ น่ารำคาญชะมัดยาด

ผมปาดน้ำตาออกจากหน้าตัวเองลวกๆ ไหวศีรษะไปตามแรงโยกเบาๆ ริมเขื่อนไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่สัมผัสผมไม่ยอมปล่อย และปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมันบ้าง

“กูไม่เป็นไร” ผมบอกออกไปเมื่อน้ำตาที่ไหลออกมาหมดลง จากนั้นก็ดันมือเขื่อนให้กลับไปจับเกียร์ต่อเหมือนเดิม คนหน้าสวยหันมามองผมแวบหนึ่งก่อนฉีกยิ้มบางๆ ส่งมาให้

“คริสมาสต์มึงยังมีกู”

“...ไม่กลับบ้านเหรอ”

“บ้านกูเป็นพุทธ”

“...” ผมเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เขื่อนฉีกยิ้มกว้างขึ้นอีกก่อนจะพูดประโยคต่อมาที่ทำหัวใจผมอุ่นวาบหลังจากมันชืดชามาอย่างเนิ่นนาน

“มึงเป็นครอบครัวของกูไผ่”

“...”

“ตั้งแต่เด็กมึงก็เป็นพี่ไผ่ของกู ตอนโตมึงก็ยังเป็นพี่ไผ่ของกูอยู่ดี” ริมเขื่อนว่าอย่างนั้น ผมหันไปมองหน้าเขาด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ตีรวนอยู่ในอก แต่สุดท้ายไอ้งูพิษก็เสือกทำลายบรรยากาศด้วยความพูดกวนประสาทของมันที่ว่า “แต่นอกจากจะให้มึงเป็นพี่แล้ว ตอนนี้กูให้มึงเป็นเมียด้วยนะ”

“ไอ้สัส!”

“ตะโกนทำไมอยู่ใกล้แค่นี้”

“ขี้เกียจคุยกับมึงแล้ว”

บรรยากาศซึ้งกู... เฮ้อ


____________________________
Talk: มาแล้วค่า หายไปปั่นเรื่องนี้มาจบแล้ว ปรบมืออออ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เรื่องนี้ไม่ดึงดราม่าหนักนะ เพราะนิสัยพี่ไผ่มันก็เป็นแบบนี้
แต่จริงๆ แล้วไผ่เจอเรื่องราวสะสมมาเยอะค่ะ

ถ้าจากพาร์ทของเขื่อนที่เคยเขียนไป จะเห็นว่าไผ่ไม่เคยทำใจได้เลยเรื่องพ่อแม่เขา
ก็ยังแอบร้องไห้อยู่ตลอดๆ แต่ก็ทำเป็นเข้มแข็งไม่สนใจไปแบบนั้นเอง

จะจบอีกเรี่องแล้ว ฮืออออ ดีใจจังเลยค่ะ เหมือนพาลูกเดินมาถึงฝั่ง
ไม่คิดว่าจะเขียนนิยายจบได้หลังจากเลิกเขียนสามปี ขอบคุณทุกๆคนมากๆ เลยนะคะ
รักคนอ่านมากๆ เลย
ทุกคำติชมเราจะนำไปแก้ไขในต้นฉบับตอนรีไรท์นะคะ

 :mew1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:



ปล. แปะตัวอย่างปกน้องเขื่อนค่า
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/01/23/T7ElVW.jpg)
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 18 [23-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-01-2019 14:33:26
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 18 [23-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-01-2019 19:18:56
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 18 [23-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 23-01-2019 19:29:05
ปรบมือค่า น้องไผ่โอ๋เอ๋น้า ให้สามีดูแล
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 18 [23-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-01-2019 21:27:00
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 18 [23-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 23-01-2019 23:01:01
น้องไผ่ สู้ ๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 18 [23-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 23-01-2019 23:30:14
เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 18 [23-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-01-2019 23:55:31
 :katai2-1:

ภาพจำยังชัดเจน
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 18 [23-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 24-01-2019 01:33:55
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 18 [23-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 24-01-2019 02:11:04
เห็นใจไผ่ ตอนนี้ไผ่เปิดเผยความในใจกับเขื่อนบ้างแล้วนะ แหม่
ปอลิง กรี้ดกร้าด ปกพี่เขื่อนกร้าวใจมากกกก โอ้ยยย :impress2:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 18 [23-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 24-01-2019 07:34:03
จริงๆ ไผ่เป็นคนมีปมเรื่องครอบครัว ทำให้ไม่ค่อยเชื่อเรื่องความรัก

เขื่อนดูแลพี่ไผ่(พ่วงตำแหน่งเมีย) ด้วยนะ.  :laugh:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 18 [23-Jan-2019] P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 24-01-2019 14:14:02
เขื่อนอย่าทิ้งไผ่นะต้องรักไผ่ดูแลไผ่นะ เห็นนางทำตัวเข้มแข็งแล้วอยากเห็นนางอ้อนดูสักที
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 19 [31-Jan-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 31-01-2019 15:26:31
บทที่ 19




[ริมเขื่อน’s part]

ใครบางคนที่เอาแต่ทำเป็นเข้มแข็งตาแดงหมดแล้ว

ผมลอบมองคนที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับอยู่บ่อยๆ หลังจากไผ่หยุดร้องไห้ก็เอาแต่ยิ้มแย้มพูดนั่นนี่ไม่หยุด เสมือนว่าเขากำลังกลัวที่จะอยู่เงียบๆ และปล่อยให้ตัวเองจมไปกับความคิดที่พยายามกลบฝังมาตลอด

แต่ถึงใครจะมองไม่ออก แต่ผมมองออก

ไผ่เงินก็เป็นแบบนี้ เก็บทุกอย่างไว้ในใจ แสดงออกมาเหมือนไม่แคร์ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แม้ว่าความจริงแล้วเขาเก็บทุกเรื่องมาใส่ไว้ในใจเสมอ

ผู้ชายคนนี้ก็ยังเป็นคนเดียวกับเด็กคนหนึ่งที่เคยแอบร้องไห้ตอนที่ผมหลับ

และก็ยังเป็นคนเดียวกับที่ตอบผมว่า ‘เรื่องของผู้ใหญ่ ทะเลาะเสร็จก็จูบปากกันแล้ว อย่าไปสนใจเลย’ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความเสียใจที่ไม่อาจแสดงออกมาได้

เพราะที่บ้านเลี้ยงเขาแบบปล่อยมากเกินไป

ไผ่เรียนรู้ที่จะโตเป็นผู้ใหญ่เร็วกว่าวัยที่เขาควรเป็น รวมถึงเขามีผมที่ต้องคอยดูแลเทคแคร์มาตลอด เขามักจะคิดว่าตัวเองเป็นกำแพงหนาที่สามารถรับแรงกระแทกได้จากทุกอย่าง

แต่ขนาดเหล็กกล้าที่ว่าแข็งก็ยังบิ่นได้ นับประสาอะไรกับเด็กคนหนึ่งที่โตมาท่ามกลางความไม่ลงรอยของผู้ใหญ่ ผมพูดอะไรไม่ได้เพราะนั่นก็คือครอบครัวของคนที่ผมรัก และอันที่จริงผมก็เพิ่งมารู้ว่าไผ่ไม่เคยไม่รู้สึกกับเรื่องที่พ่อแม่เขาทะเลาะกันอย่างที่ปากว่าก็เมื่อไม่นานมานี้เอง

ตอนที่คุณน้าติดต่อมาเรื่องคอนโด ผมตกใจเอามากๆ ว่าพวกเขาจะหย่าและขายบ้านนั้นทิ้ง แถมต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายไปคนละทิศละทาง เหลือไผ่ไว้ที่กรุงเทพแค่คนเดียว และหลังจากนั้นตอนได้เจอไผ่อีกครั้งในสภาพอารมณ์ไม่สู้ดี ผมก็เข้าใจแล้วว่า ความชินชากับความเสียใจมันคนละเรื่องกัน

นั่นอาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ผมเลือกเข้าหาอีกฝ่ายอย่างจริงจัง

ผมอยากเป็นคนที่ไผ่ร้องไห้ด้วยได้ แสดงความอ่อนแอได้ และยอมให้ผมได้ปกป้องเขาแบบที่เขาเคยทำมาตลอด

“พามาเดทที่นี่?” คนที่ไม่ยอมเงียบปากตลอดทางร้องถามเสียงดังลั่นเมื่อผมเลี้ยวออกจากทางด่วนและโผล่มายังสถานที่เขาคุ้นเคยที่สุดในชีวิต

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง... ที่ที่เขาเรียนจบมาได้หลายปีแล้ว

“ใช่ ที่นี่แหละ”

“ตลกล่ะเขื่อน ปกติมึงพาสาวมาเดทที่มหา’ลัยรึไง”

“ไม่เคยพาใครไปเดท มีแค่มึงคนเดียว” ผมบอกเขาก่อนปลดเซฟตี้เบลท์และเปิดประตูลงจากรถหลังจากเลี้ยวเข้ามาจอดในคณะวิศวกรรมศาสตร์เรียบร้อย “ไม่ได้มาตั้งนาน เปลี่ยนไปเยอะเลยแหะ”

“เออ จริง ตอนกูอยู่สกายวอล์คยังไม่มีเลย” ไผ่ลงมาจากรถพร้อมมองสำรวจรอบๆ บ้าง เขาชี้ตรงนั้นตรงนี้ทีเพื่อบอกผมว่ามันถูกเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมยังไง “ไอ้ตึกนี้ตอนนั้นก็ยังไม่มี”

“กูมาหามึงล่าสุดก็ตอนปีสอง” ผมชวนคุยขณะพาเขาเดินไปตามทางบนฟุตบาธเรื่อยๆ “นานจนจำมอมึงไม่ได้ละ”

“กูยังจำไม่ได้เลย” เขาพูดติดตลกก่อนลากผมไปยังตึกภาควิชาที่อยู่ใกล้ๆ กับโรงอาหาร A บริเวณนี้ไม่ค่อยเปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไหร่ ร้านกาแฟข้างหน้าภาคก็ยังอยู่เหมือนเคย โชคดีที่เสาร์อาทิตย์นักศึกษาไม่ได้เดินจอแจกันเท่าไหร่ ผมจึงปล่อยให้ไผ่เดินสำรวจไปทั่วโดยที่ตัวเองเป็นฝ่ายเดินตามเงียบๆ

“เขื่อน ถ่ายรูปให้ดิ กูจะส่งไปอวดเพื่อน” คนตื่นเต้นรีบยื่นกระเป๋ากล้องมาให้อย่างไว ผมรับมันมาสะพายบ่าแล้วหยิบเอากล้องตัวเก่งของไผ่ออกมาคล้องคอ

ร่างโปร่งวิ่งไปยืนข้างป้ายภาควิชาก่อนแอคท่าอยู่สามสี่ท่า ผมกดชัตเตอร์ถ่ายภาพให้สวยเท่าที่จะทำได้ ซึ่งก็มีใช้ได้บ้างไม่ได้บ้างตามประสาคนถนัดแต่ยืนหน้ากล้อง แต่ไผ่ก็แค่พยักหน้าให้ผมก่อนจะชมว่าถ่ายสวย

“แล้วตกลงพากูมานี่ทำไม” คนที่พอรับกล้องกลับคืนก็กดชัตเตอร์ถ่ายนู่นนี่ไปเรื่อยอย่างมีความสุขร้องถามขึ้นมา ผมหัวเราะแล้วดุนหลังเขาให้ออกเดินไปข้างหน้าเสียที

“พามาถ่ายรูป”

“หืม?”

“วันนี้กูเป็นแบบให้ถ่ายฟรีๆ เลย จะเอาไปลงเพจเรียกเรตติ้งอะไรก็ตามใจ”

“จริงป่ะ!” คนเตี้ยกว่าตาวาววับ หันมามองผมด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจ ขัดกับไผ่เงินบนรถที่ร้องไห้งอแงเพียงเพราะเนื้อเพลงมันกระแทกใจดำอย่างกับคนละคน

ผมเผลอยื่นมือไปลูบศีรษะเขาอย่างเอ็นดูก่อนพยักหน้ารับ

“อืม อยากถ่ายตรงไหน ท่าไหนบอกมาเลย กูให้คิวมึงทั้งวัน”

“เขื่อนเพื่อนกูน่ารักที่สุด”

“ไม่เป็นเพื่อน” ผมแย้ง “เป็นแฟนได้ไหม”

“เลิกหยอดกูสักที” ลูกครึ่งเขากรอกตาเป็นวงกลม ทั้งยังพ่นลมหายใจใส่ยืดยาวราวกับเอือมระอาผมเต็มที จากนั้นเขาก็ตัดทุกบทสนทนาทิ้งด้วยการจับต้นแขนผมลากไปตามทางที่ตัวเองต้องการ “ไปฝั่งสถาปัตย์กัน”

พวกเราเดินออกจากฝั่งวิศวะมาทางตึกภาคโยธา ทะลุออกไปยังคณะสภาปัตย์ที่อยู่ติดกันและไม่มีรั้วกั้น บนถนนเป็นอิฐตัวหนอนเรียงกันอย่างสวยงาม สองข้างทางมีต้นไม้ล้อมรอบและตึกเรียนต่างๆ ยังเต็มไปด้วยงานอาร์ตมากมายที่วาดตกแต่งเอาไว้ แตกต่างกับคณะแรกที่ย่างเท้าเข้าไปราวฟ้ากับเหว

ผมสอดส่ายสายตาสำรวจเพราะไม่เคยข้ามมาคณะนี้สักที สมัยก่อนตอนมาหาไผ่ก็จะเจอกันแค่ที่ใต้ตึกภาคของเขากับร้านอาหารหลังมอ ไผ่พาผมเดินมาจนถึงบริเวณสนามหญ้าโล่งๆ ที่มีสิ่งประหลาดตั้งเรียงรายกันอยู่ มันเป็นกำแพงปูนที่ถูกทาสีและจัดวางไว้แบบที่ผมมองแล้วไม่ค่อยเข้าใจนัก กำแพงบางอันจะมีแท่นปูนยื่นออกมาซึ่งสามารถนั่งเล่นบนนั้นได้ กำแพงบางอันเจาะเป็นรูปสี่เหลี่ยมเอาไว้ทั้งอัน

“มึงไปยืนบนนั้นเร็ว แสงกำลังสวย” ผมเดินไปยังที่ที่ไผ่ชี้อย่างว่าง่าย มันเป็นกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีแดงขนาดใหญ่ที่มีช่องตรงกลางกว้างพอให้คนไปยืนราวๆ สี่คน ผมขยับตัวไปอยู่บนนั้น จัดท่าทางต่างๆ ที่คิดว่าดีให้ไผ่เงินยกกล้องขึ้นรัวชัตเตอร์ใส่
ผมถูกจับย้ายไปตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้จนเหนื่อย หลังจากถ่ายบริเวณนี้จนพอใจผมก็ถูกพาไปยังหอประชุมคณะสถาปัตย์ ลักษณะของห้องประชุมจะเป็นทรงกลม กระจกล้อมรอบและมีบันไดสูง ผมถูกสั่งให้ไปยืนบนบันได ทำเป็นมองฟ้าบ้าง นั่งลงเหยียดขาบ้างตามแต่คนถือกล้องจะบัญชา

“มึงถ่ายรูปขึ้นจริงๆ” เมื่อลั่นชัตเตอร์ไปหลายร้อยรูปไผ่ก็พาผมมานั่งพักที่ร้านกาแฟแถวๆ นั้นผมจำได้ว่าเคยเห็นในเอ็มวีเพลงฮิตเพลงหนึ่งของไทยเลยมองสำรวจด้วยความสนใจ ต้นไม้ที่ล้อมรอบช่วยคลายความร้อนจากแดดตอนบ่ายสามกว่าๆ ได้เป็นอย่างดี ผมจิบโกโก้ปั่นไปพลางชะโงกหน้าดูรูปไปพลาง

“สวยล่ะสิ”

“ปะหลาดชิบหาย พอมึงชมตัวเองว่าสวย” ไผ่เงยหน้ามามองผมแล้วทำหน้าแปลกๆ ใส่

“จะให้กูบอกว่าตัวเองหล่อ?”

“เลิกชมตัวเองน่าจะง่ายกว่า”

ผมหัวเราะ ดูดโกโก้ปั่นปู๊ดเดียวหมดไปครึ่งแก้ว และหลังจากนั้นก็ต้องไปทำหน้าที่นายแบบหน้ากล้องให้ไผ่ต่อจนอีกฝ่ายพอใจนั่นแหละถึงได้ออกจากสถาปัตย์แล้วขับรถไปแถวๆ หลังมอแทน

ผมกับไผ่จอดรถไว้ริมถนนแล้วเดินต่อเข้าไปอีกหน่อยเพื่อหาข้าวเย็นกินกัน แถวๆ นี้เขาเรียกกันว่าโซนเกกีงาม มีอยู่ 4 ซอยเรียงลำดับหนึ่งสองสามสี่ สามซอยแรกเป็นหอพัก และซอยสุดท้ายเมื่อก่อนเคยเป็นสถานที่รวมร้านเหล้านับสิบ แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นที่รวมร้านอาหารแทน

เวลาห้าโมงกว่าๆ ถือว่าเย็นพอที่ร้านในนี้จะเปิดขายแล้ว มีนักศึกษานั่งทานอาหารกันอยู่ประปราย พวกเราเดินวนเลือกร้านอาหารที่จะเข้าอยู่นานเพราะตัดสินใจไม่ได้ ภายในซอยเกกีงาม4 นี้กว้างกว่าซอยอื่นๆ มาก ทำให้แบ่งออกเป็นสองล็อคได้ ล็อคแรกจะมีโต๊ะทานข้าววางเรียงเป็นแถวยาว อยากทานร้านไหนก็สั่งแล้วยกมานั่งกินเอา คล้ายๆ กับโรงอาหารคณะ ส่วนอีกล็อคจะเป็นร้านอาหารที่ราคาแพงขึ้นมาอีกหน่อย มีทั้งสเต็ก อาหารญี่ปุ่น อาหารเกาหลีและชาบู

“กินอะไร” ผมถาม

“ไม่รู้ว่ะ ร้านเปลี่ยนไปเยอะ” เยอะจริงๆ ครับ ตอนสมัยก่อนนู้นร้านอาหารพวกนี้จะตั้งอยู่ริมทางรถไฟ ซึ่งอยู่คนละฟากถนนกับซอยเกกีงามทั้งสี่ แต่เดี๋ยวนี้ถูกไล่กันเข้ามาตั้งขายในนี้หมดแล้ว แถมร้านอร่อยๆ ที่เคยกินก็หายไปเยอะเหมือนกัน

“สเต็กละกัน” ไผ่เป็นคนสรุปแล้วลากแขนผมเข้าไปในร้านติดแอร์ที่อยู่ตรงหน้า

พอได้หย่อนก้นลงนั่งปุ๊กผมก็คว้าใบเมนูมาสั่งอาหารทันที เขามีขายแบบจานเดี่ยวกับแบบชุดใหญ่กินกับเพื่อน ด้วยความหิวผมเลยจรดปากกาสั่งชุด 299 ไปโดยไม่ถามความเห็นคนที่นั่งตรงข้าม แต่ไผ่ก็ได้ว่าอะไรเพราะพอเห็นผมสั่งอันใหญ่เขาก็ทิ้งใบเมนูลงแล้วยกมือเรียกพนักงานมารับออเดอร์

ระหว่างรออาหารไผ่ก็เปิดรูปให้ผมดูมากมาย รอยยิ้มบนริมฝีปากถูกยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ผมไม่ได้มองหน้าจอกล้องเลยด้วยซ้ำ อะไรก็ช่างไม่มีทางสวยกว่าภาพตรงหน้าที่ผมกำลังจ้องอยู่หรอก

ไผ่ไม่ค่อยยิ้มแบบนี้เท่าไหร่ตั้งแต่เรียนจบออกมาและลาออกจากงาน จะว่าเขาเปลี่ยนไปจากเดิมไหมก็พอสมควรอยู่ ทั้งนิสัยที่ดูจะสุงสิงกับใครน้อยลง ปกติสมัยเรียนไผ่จะติดเพื่อนและออกไปเที่ยวเสมอ แต่เดี๋ยวนี้เขาอยู่ติดห้อง เวลาว่างไม่ดูซีรีส์ก็แต่งภาพอัพลงเพจ นานๆ ครั้งถึงจะนัดเจอกับแกงค์เพื่อนๆ ของเขาสักครั้ง หลายๆ อย่างในชีวิตกำลังขโมยความสุขของไผ่ไป และผมเสียใจที่ตัวเองน่าจะรีบเข้าหาเขาเร็วกว่านี้

อยากเป็นเจ้าของรอยยิ้มแบบนี้เร็วๆ

“ที่ถ่ายวันนี้กูเก็บไว้อัพลงเพจได้อีกเป็นเดือน” เสียงของไผ่ดึงสติผมให้กลับคืนมา เขาเก็บกล้องใส่ลงกระเป๋าแล้วยื่นนิ้วโป้งมาให้ด้วยรอยยิ้มที่กว้างจนตาหยี “แต้งกิ้ว”

น่ารักว่ะ

ผมฉีกยิ้มตามคนตรงหน้า รู้สึกตัวเองหน้าร้อนๆ นิดหน่อยเพราะโดนความรักกระแทกเข้าเต็มอก

“กูบอกแล้วว่ามึงจะชอบ”

“มาถ่ายรูปทำไมจะไม่ชอบวะ”

“นึกว่าชอบเพราะได้ถ่ายรูปกู” ผมยักคิ้วยียวน

“จะถ่ายนกถ่ายหมากูก็ชอบทั้งนั้นแหละ!”

“โห งั้นวันหลังกูซื้อหมามาให้ถ่ายแทนกูแล้วกัน” ผมแกล้งเบ้ปากทำเป็นงอน แต่ไผ่มันรู้เลยเตะหน้าแข้งผมอย่างแรง

พวกเราหยอกล้อกันอีกสักพักก็แยกย้ายกันทานข้าว หลังจากอิ่มหนำจนพอใจก็ถึงเวลากลับบ้านเสียที ผมขับรถออกมาจากมอในตอนที่ฟ้ามืดแล้ว และถึงคอนโดอีกทีในเวลาสองทุ่มเศษๆ

พอไผ่ถึงห้องก็รีบพุ่งไปอาบน้ำและหยิบกล้องมาต่อเข้าโน้ตบุ๊คทันที ผมที่อาบน้ำเป็นคนที่สองเดินเปลือยอกสวมแค่บ็อกเซอร์ออกมานั่งข้างๆ คนขี้เห่อบนโซฟา คอยมองหนุ่มลูกครึ่งกดลบภาพที่ใช้ไม่ได้ทิ้งและคัดเอาแต่รูปดีๆ เก็บใส่โฟลเดอร์ไว้

“นี่เพิ่งไปเดทกันมา ใจคอจะไม่สนใจกูเลยเหรอ” ผมบ่นไปอย่างนั้น จริงๆ คือหาเรื่องคุยเสียมากกว่า ทั้งยังตีเนียนทิ้งศีรษะลงบนไหล่ที่ไม่เล็กของไผ่และถูไถออดอ้อนเล็กน้อย

“นี่ไง สนใจมึงอยู่” อีกคนจิ้มนิ้วชี้ลงบนหน้าผมในจอคอม

“ตัวจริงอยู่ตรงนี้จะไปมองรูปทำไม”

“งอแงอะไรเขื่อน”

“เรียกร้องความสนใจ หลังเดทกันมันควรมีกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ไม่ใช่เหรอ”

“กิจกรรมอะไรของมึงอีก”

“ทำเป็นไม่รู้” ผมพ่นลมหายใจใส่หูของเขาทั้งยังอ้าปากงับติ่งนิ่มเบาๆ ไผ่เงินตัวแข็งทื่อ วางเม้าส์ไวเลสในมือลงก่อนหันมายันตัวผมออกห่างทันที

“ไอ้เขื่อน มึงหยุดเลยนะ”

“อะไรอ่ะ กูอุตส่าห์เป็นนายแบบให้ทั้งวัน ขอค่าเหนื่อยนิดๆ หน่อยๆ ดิ”

“ไหนบอกว่าฟรีไงวะ”

“ไม่ฟรีแล้ว” ผมส่ายหน้า คว้าแขนที่ยันอกกันไว้ก่อนกระชากให้ไผ่ถลาเข้ามาในอ้อมแขนของผม พอร่างโปร่งแนบลงมากับอกผมก็กอดรัดเขาไปทั้งแขนทั้งขา มุดหน้าเข้าไปที่ซอกคอขาวและสูดกลิ่นสบู่หอมฟุ้งเข้าปอด “อยากได้จูบหวานๆ สักครั้งสองครั้ง”

“ทำไมกูต้องจูบ”

“เพราะกูจะดีใจ” ผมคลายอ้อมแขนเพื่อให้คนที่นอนทับอยู่บนตัวได้ยันศีรษะขึ้นมาสบตากันได้ ไผ่ขมวดคิ้วทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา

ผมไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่มองตาเขาอยู่แบบนั้น สำรวจลูกแก้วสีฟ้ากระจ่างที่ไม่ว่าอย่างไรก็คิดว่ามันสวยกว่าตาของทุกคนบนโลก ยิ่งเวลาที่ไผ่มองผมด้วยความรักและเอ็นดู ต่อให้จะเป็นความรักในฐานะไหนผมก็ชอบทั้งนั้น เพราะเขาทำให้ผมรู้สึกว่าผมสำคัญสำหรับเขา

และตัวเขาเองก็สำคัญสำหรับผมไม่แพ้กันเลย

พวกเราจ้องตากันอย่างไม่มีใครคิดจะละสายตาหลบไปก่อน ผมไล้มือไปตามผิวแก้มของเขา ปล่อยให้ความเงียบทำงานไปอย่างช้าๆ สำรวจความคิดที่ฉายอยู่ในดวงตาคู่สวย มันเต็มไปด้วยความสับสนและไม่แน่ใจ แต่ผมก็เพียงแค่ยิ้มให้เขา มอบเวลาให้ไผ่จัดการความคิดของตัวเองด้วยความเต็มใจ

ความเงียบเป็นเรื่องที่ดี ถ้าเราใช้มันถูกที่ถูกเวลา

เพราะหลังจากนั้นไม่นานนัก ใบหน้าที่เห็นชัดว่าเป็นลูกครึ่งก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้และกดริมฝีปากประกบลงมาบนปากผม ผมไม่สามารถห้ามรอยยิ้มตัวเองได้อีกต่อไป แขนสองข้างกระชับเอวของไผ่ให้แน่นขึ้น และแม้ผมจะไม่ได้รุกรานเขากลับแต่ก็ยังตอบสนองต่อสัมผัสบนริมฝีปากด้วยการเปิดทางให้ลิ้นของอีกฝ่ายสอดแทรกเข้ามาภายใน

“อืมม” ผมปล่อยเสียงครางเบาๆ ในยามที่ปลายลิ้นของพวกเราเกี่ยวกระหวัดกันไปมา ไผ่ปีนขึ้นมานั่งบนตักผมแล้ว ทั้งยังรั้งคอของผมให้ขยับตัวขึ้นนั่ง ร่างกายของเราทั้งสองเบียดเสียดกันไปมา ภายใต้ชุดนอนเบาบาง ผมสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากผิวกายหอมกรุ่น เชิญชวนให้อยากเข้าไปดอมดมและสร้างรอยรักให้สาแก่ใจ

แต่วันนี้ผมจะปล่อยให้เขาเป็นกัปตัน

ผมถึงได้ห้ามตัวเองไม่ให้ทำอะไรมากกว่าลูบไล้แผ่นหลังของเขาเล่น และไม่ว่าไผ่จะแตะจับร่างกายผมตรงไหน ผมก็จงใจสร้างปฏิกิริยาออกไปให้เขารับรู้ว่าผมชอบให้เขาสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นเสียงอืออาเบาๆ หรือการขยับร่างกายเข้าหามือของเขา ทุกสิ่งอย่างเร่งเร้าให้สัญชาตญาณนักล่าในตัวผู้ชายตื่นตัว

ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชาย อย่างไรก็ชอบเป็นผู้นำในเรื่องอย่างว่า

“ไผ่... มึงจูบเก่ง” ผมชมเขาแม้เรายังไม่ถอนปากออกจากกัน

เจ้าของชื่อหัวเราะอย่างชอบใจ เขาใช้มือข้างซ้ายสางเส้นผมยาวจรดกลางหลังนั้นเล่น ในขณะที่มืออีกข้างรั้งท้ายทอยของผมเอาไว้และบีบคลึงเบาๆ ลมหายใจของพวกเรากระชั้นขึ้นเมื่อรสจูบเริ่มเผ็ดร้อน ผมถูกจูบอยู่อย่างนั้น ราวกับไผ่ต้องการโอ้อวดว่าวันนี้เขาสามารถเอาชนะผมได้ ฝ่ามือชื้นเหงื่อเค้นขยี้ท่อนบนที่เปลือยเปล่าของผมจนขึ้นรอยแดง มันเจ็บไม่น้อยจากแรงบีบ... แต่ผมชอบ

ผมชอบเพราะเขากำลังตกอยู่ในบ่วงของความลุ่มหลง มัวเมาไปกับการลิ้มรสชาติร่างกายของผมอย่างหัวปักหัวปำ ไผ่ถอนปากตัวเองออกก่อนกดลงมาอีกครั้งราวกับไม่อยากแยกจาก เขาเหม่อมองใบหน้าปรือปรอยของผมหลังจากผละหน้าออกไป ดวงตาสีฟ้าอ่อนไล่สำรวจตั้งแต่ดวงตาฉ่ำชื้นไปจนถึงริมฝีปากบวมเจ่อของผมอยู่ซ้ำๆ ก่อนที่ไผ่เงินจะขบกรามแน่น รอยเส้นเลือดขึ้นชัดที่ข้างขมับทั้งสองข้าง และจากนั้นไม่นานเขาก็พุ่งตัวเข้ามากดบ่าผมลงบนโซฟา

“ไผ่?” ผมแสร้งเลิกคิ้วขึ้นราวกับไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร

“กูเกลียดหน้ามึงเวลาแบบนี้ชิบหาย”

“หน้ากูมันทำไม?”

เขากัดฟันแน่นอีกแล้ว ทั้งแรงบีบที่หัวไหล่ก็แรงขึ้นมาจนผมแอบเบ้หน้าเบาๆ

“หน้ามึงเหมือนอยากให้กูกดไว้ใต้ร่าง”

ผมหัวเราะกับคำพูดของเขา “ก็อยากนะ”

“ไม่ตลก”

“กูก็ไม่ตลก” ผมบอกเขาแบบนั้น แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากเบาๆ และใช้หัวเข่าของตนเสียดสีไปยังช่องว่างระหว่างขาทั้งสองของไผ่ ในเวลานี้ดวงตาของผมคงฉ่ำไปด้วยน้ำที่พยายามกลั่นออกมาสุดความสามารถ ทั้งร่างกายก็จงใจขยับบิดไปมาเสียดสีร่างที่อยู่ด้านบน

ไผ่มองผมอยู่สักพัก... และสุดท้ายเขาก็ก้มลงมากัดคอผมอย่างแรง

อ่า... เหยื่อติดกับซะแล้วสิ

[END ริมเขื่อน’s part]



_______________________
Talk: เรียกกู้ภัยมาจับงูพิษทีค่าาาาาาาาาาาา
มีอะไรผิดพลาดติชมได้นะคะะะะ รักคนอ่านค่า

ฝาก จรดฟ้า #เจ้าสกาย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68442.0) ที่จบไปแล้วไว้ด้วยนะคะ เผื่อใครอยกจะแวะเข้าไปอ่านกัน


Edit: แก้ไข END แล้วค่า แง้  :katai1: :katai1: 555
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 19 [31-Jan-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 31-01-2019 18:56:51
เหยื่อคือคนอ่าน โดนล่อมาติดกับ คือ ทำให้ค้าง ชิมิ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 19 [31-Jan-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 31-01-2019 19:32:15
เจ้าอสรพิษสำแดงเดชอีกแล้ว :hao6:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 19 [31-Jan-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 31-01-2019 19:45:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 19 [31-Jan-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 31-01-2019 19:46:49
โอ้ยยยย ขออีกสัสองสามบรรทัดได้ม้ายยยย ฮื่อออ  :katai1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 19 [31-Jan-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 01-02-2019 00:51:05
อย่าทำกะเราแบบนี้ แง้  :ling1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 19 [31-Jan-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 01-02-2019 02:33:27
เขื่อนช่างร้ายกาจ  :hao7:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 19 [31-Jan-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-02-2019 06:14:29
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 19 [31-Jan-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 01-02-2019 07:31:00
 :katai1:  รีบมาต่อเร็วๆ นะคะ.  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 19 [31-Jan-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-02-2019 08:35:55
เหยื่อที่ไหนเล่า เขาสมยอมขนาดนี้แล้วเขื่อน
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 19 [31-Jan-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 01-02-2019 10:56:52
เดี๋ยววววววว

END นี่คือจบพาร์ท ริมเขื่อนใช่มั้ยคะ????? ตกใจเบิดดดด
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 19 [31-Jan-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-02-2019 13:51:56
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 19 [31-Jan-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 02-02-2019 05:40:17
ร้ายกาจ!!!   555+
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 19 [31-Jan-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 02-02-2019 10:29:02
ยัยเขื่อนนี่มังงูพิษจ้องจะงาบน้องไผ่ตลอด
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 19 [31-Jan-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 02-02-2019 11:06:59
ริมเขื่อนเจ้าเล่ห์มาก :katai4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 20 [08-Feb-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 08-02-2019 12:56:08
บทที่ 20



ความเคยชินนี่น่ากลัวไม่น้อยเลย

ผมจำได้ว่าช่วงแรกที่เขื่อนเริ่มตั้งหน้าตั้งตาเข้ามาหาในฐานะของคนที่มาจีบ ผมทั้งเดินหนี ทั้งพยายามทำหูทวนลมไม่สนใจคำหยอกเย้า และพยายามที่จะขอให้เขากลับมาวางตัวใส่กันเหมือนเดิม ซึ่งริมเขื่อนทำให้ไม่ได้ อีกทั้งยังรุกเข้าใส่กันหนักขึ้น จนในที่สุดผมก็เริ่มชินกับริมเขื่อนที่ไม่ได้ยืนอยู่ในสถานะเพื่อนเหมือนเคยไปแล้ว

“ไผ่...อือ ตื่นแล้วเหรอ” มีเสียงงัวเงียดังรอดออกมาจากคนบนเตียง พวกเรายังนอนกันไม่ยอมตื่นแม้จะใกล้เที่ยงอยู่แล้ว ผ้าม่านสีเข้มยังถูกปิดสนิท ไม่มีแสงแม้แต่นิดเดียวมีโอกาสได้เล็ดลอดเข้ามา

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ค่อยๆ ถูกการทำซ้ำๆ ดูดกลืนผมให้เข้าสู่วงโคจรของความเคยชิน ผมมักจะถูกรวบเอาไว้ในอ้อมแขนของเขาตั้งแต่ตอนจะเข้านอน ริมเขื่อนชอบเอาขมับมาอิงที่หัวไหล่ ใช้ร่างกายของผมต่างหมอนข้างก่อนหลับไปทั้งอย่างนั้นและตื่นมาด้วยท่าเดิมในตอนเช้า

จากที่ทุกอย่างดูผิดแปลกไปจากเดิม ตลอดเวลาสี่เดือนกว่าๆ ที่ผ่านมาหลังจากพวกเราไปเดทกันวันนั้น ริมเขื่อนก็ค่อยๆ ใช้สัมผัสทางกายรุกใส่ผมอย่างสม่ำเสมอ และหลังจากนั้นแค่เพียงไม่นานผมก็เริ่มมองการที่พวกเราจะนอนกอดกันเป็นเรื่องปกติ หรือแม้แต่เรื่องที่จะมีมอร์นิ่งคิสกับกู๊ดไนท์คิสก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน

“จะเที่ยงอยู่แล้ว หิว” ผมตอบคนที่นอนอยู่ข้างกันด้วยน้ำเสียงงัวเงียในลำคอ ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิทแม้จะบอกเองกับปากว่าสายแล้ว ผมขยับพลิกตัวตะแคงข้าง เอื้อมมือไปกอดเอวสอบไว้และปล่อยให้ตัวเองกลับลงไปในห้วงความฝันตามเดิม

ง่วงชะมัดเลย

ผมบ่นงึมงำไม่ออกเสียง มุดหน้าซุกกับหมอนหนุนใบเขื่อง ปิดเปลือกตาอยู่ได้สักพักก็ถูกคนที่รู้สึกตัวตื่นเต็มตาก่อนกดจมูกลงมาบนแก้ม ตอหนวดที่เพิ่งขึ้นใหม่ทิ่มผิวของผมจนเจ็บไปหมด

“เขื่อน เจ็บ” ผมบ่น ใช้มือยันคางที่เต็มไปด้วยไรหนวดเขียวออกไปห่างๆ

“เดี๋ยวไปโกน” ริมเขื่อนบอกแล้วผละตัวลุกขึ้นจากเตียง เขาเดินเข้าไปอาบน้ำก่อนเป็นคนแรกและปล่อยให้ผมนอนขี้เกียจอยู่บนเตียงต่อไป

ผมบิดกายไปมาคลายเมื่อย ใช้ปลายนิ้วชี้ขยี้ขี้ตาออกจนหมดก่อนเอื้อมหยิบเอาโทรศัพท์บนหัวเตียงขึ้นมากดดูตารางงาน ช่วงนี้ผมกับริมเขื่อนทำงานหนักจนสภาพแทบจะกลายเป็นซอมบี้อยู่แล้ว แต่ด้วยความที่นายแบบชื่อดังมันโบกครีมที่ว่าดีทุกตัวลงบนผิวหน้า จึงมีแต่ผมคนเดียวที่สภาพดูไม่ได้ ใต้ตาดำเป็นแพนด้าและผิวก็คล้ำขึ้นมาหลายส่วน

ตอนนี้เป็นช่วงสิ้นปีแล้วครับ อีกไม่ถึงเดือนก็เป็นวันคริสมาสต์ แต่ก่อนหน้านี้คือช่วงรับปริญญาที่มหา’ลัยทั้งกรุงเทพฯ ต่อคิวรับใกล้ๆ กันจนแทบปั่นงานส่งลูกค้าไม่ทัน เพราะการถ่ายรูปไม่ใช่กดชัตเตอร์แล้วจะเสร็จ ผมยังต้องมานั่งคัด มานั่งแต่งภาพแต่งสีให้ออกมาตามบรีฟที่ได้ ซึ่งกว่าจะปิดงานนึงลงได้ก็นู้นแหละครับ ถ่างตายันเช้าอยู่เกือบทั้งอาทิตย์

ผมผ่านเวลานรกแตกนี้มาได้จนเหลือคิวงานที่ต้องแต่งภาพส่งอีกแค่สามคิวเท่านั้น แต่ถ้าถามว่าคุ้มเหนื่อยไหมผมยอมรับเลยว่ามาก รายได้ที่เข้ามาเป็นกอบเป็นกำภายในเดือนเดียว ผนวกกับค่าเช่าห้องที่ได้มาหลายหมื่นก็ช่วยให้บัญชีเก็บเงินของผมไม่โหลงเหลงแล้ว

ผมดีใจกับก้าวเล็กๆ ของตัวเองที่ค่อยๆ เติบโตขึ้น ส่วนหนึ่งก็ได้ผลบุญมาจากรูปของริมเขื่อนที่ลงทีไรก็เรียกกระแสยอดกดไลค์กดแชร์ได้เป็นหมื่นๆ เลยทีเดียว แถมช่วงนี้พวกงานถ่ายภาพคอสเพลย์ก็มีเข้ามาติดต่อแล้วเหมือนกัน ตลาดงานของผมค่อยๆ กว้างกว่าเดิม ผมเลยกะเอาไว้ว่าวันไหนว่างๆ ด้วยกันทั้งคู่จะพาริมเขื่อนไปเลี้ยงตอบแทนเสียหน่อย

“รองน้ำอุ่นไว้ให้ในอ่างอ่ะ” ริมเขื่อนเดินพันผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำ เขาใช้ผืนที่พาดอยู่บนบ่าเช็ดหน้าเช็ดผมแล้วเดินไปหยิบเครื่องเป่าผมที่โต๊ะเครื่องแป้งขึ้นมาใช้

“แต๊งกิ้ว” ผมเอ่ยขอบคุณ เปิดตู้เสื้อผ้าคว้าเอาชั้นในกับผ้าขนหนูผืนใหม่เดินเข้าห้องน้ำไป

รู้จักกันมายี่สิบห้าย่างยี่สิบหกปี เพิ่งได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเขื่อนเทคแคร์คนอื่นเก่งมาก แรกๆ ผมก็ไม่ชินเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายดูแลกันบ้าง แต่นานไปก็กลายเป็นความเคยชิน พวกเราต่างดูแลกันในเรื่องเล็กๆ ที่ทำให้กันได้โดยไม่ต้องลำบาก อย่างเช่นผมตกลงว่าจะเป็นคนเก็บกวาดห้องให้เพราะริมเขื่อนออกไปทำงานข้างนอกบ่อยๆ บ้างก็บินไปต่างประเทศเป็นอาทิตย์ ในขณะที่ริมเขื่อนมักทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่บ่งบอกว่าเขาเอาใจใส่เป็นอย่างมาก

อย่างเช่นการรองน้ำอุ่นให้ในอ่างหลังจากผมนั่งก้มหน้าก้มตาแต่งรูปทั้งคืน หรือแม้กระทั่งแปรงสีฟันที่จะมียาสีฟันสีขาวบีบใส่ไว้ให้ในทุกๆ เช้า

ผมเดินเข้ามาในห้องน้ำแล้วเปลื้องเสื้อผ้าออกจนหมด ร่างกายปวดเมื่อยจากการนั่งอยู่หน้าคอมตลอดทั้งวันพอได้นอนแช่ในน้ำที่อุณหภูมิพอเหมาะก็ค่อยๆ คลายความเมื่อยล้าลง ผมนอนแช่อยู่อย่างนั้น หยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเบาๆ สบายๆ ให้สมองได้ปลอดโปร่ง

จากตารางงานที่เขียนไว้พบว่าผมยังมีเวลาให้พักผ่อนได้อีกวันก่อนที่จะถึงเดดไลน์ส่งงาน หลังจากเมื่อคืนปั่นงานส่งจนตาเกือบหลุด วันอาทิตย์แบบนี้ผมลยตัดสินใจจะพักผ่อนก่อนและพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่

หลังจากได้นอนแช่น้ำอุ่นอยู่สักพักผมก็ตัดสินใจอาบน้ำฟอกสบู่แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดง่ายๆ ตามสไตล์คนไม่ได้ออกไปไหน
“กินอะไรดี” ทันทีที่ผมเดินออกจากห้องนอนมาที่ห้องนั่งเล่นก็พบริมเขื่อนกำลังตั้งใจดูข่าวภาคเที่ยงอยู่ ร่างสูงโปร่งภายใต้เสื้อกล้ามสีขาวและกางเกงที่ยาวจากเป้ามาแค่คืบหันมาถามผมเรื่องอาหารมื้อแรกของวัน

ผมขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด ด้วยความขี้เกียจไปหมดทุกอย่างเลยตัดสินใจที่จะสั่งพิซซ่าถาดกลางมากินกัน ผมเป็นคนจัดการเรื่องหน้าพิซซ่าและโทรสั่ง ทางร้านบอกให้รอสามสิบนาทีพนักงานจะเอามาส่งที่ล็อบบี้ด้านล่าง

“มีงานรึเปล่าวันนี้” หลังจากวางสายจากร้านพิซซ่าไปแล้วผมก็ขยับตัวไปนั่งข้างๆ ริมเขื่อน มองข่าวฆาตกรรมบนจอทีวีอย่างไม่ได้สนใจมากนัก

“วันนี้ไม่มี กูขอพี่นัทพัก เดี๋ยวอาทิตย์หน้างานยุ่ง”

“หืม... อาทิตย์หน้าก็ต้นธันวาแล้วนะ”

“ถ่ายเซ็ตคริสมาสต์ไง”

ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ บทสนทนาระหว่างเราเงียบลงเมื่อผมไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ ข่าวบนหน้าจอเริ่มไม่น่าสนใจเมื่อมันเปลี่ยนเป็นข่าวกีฬา ผมแบมือขอรีโมทของเขื่อนแล้วเอามากดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยอย่างไรจุดหมาย

“แล้วงานมึงเหลืออีกเยอะไหม” หลังจากผมกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยจนหยุดที่ซีรีส์สอบสวนสักเรื่อง ริมเขื่อนก็หันมาชวนคุยต่อด้วยประโยคคำถามง่ายๆ

“อีกสามคิวก็หมดแล้ว ทีนี้กูว่างยาว มีงานอีกทีปลายมกราปีหน้า”

“ไม่ได้รับงานปลายปีเหรอ”

“เปล่า ไม่มีคนจ้าง” ผมหัวเราะเบาๆ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่งานประเภทนี้จะมีช่วงเวลาขาขึ้น เรียกง่ายๆ ว่าไฮซีซั่น ไม่เหมือนริมเขื่อนที่แทบจะมีงานตลอดปี เพราะเขาไม่ได้รับแค่ถ่ายแบบแต่ทำทุกอย่างที่พอจะทำได้

“เหนื่อยไหม”

“หืม?” ผมเลิกคิ้วขึ้น อยู่ๆ มาถามอะไรแบบนี้ “คนที่น่าจะเหนื่อยกว่ากูคือมึงรึเปล่า ทำงานเหมือนเป็นหนี้”

“ก็เป็นหนี้อยู่”

“หนี้อะไร ไหนว่าคอนโดกับรถผ่อนหมดแล้ว”

“หนี้หัวใจ เดี๋ยวต้องหาเงินมาจ่ายค่าไถ่ตลอดชีวิต” คนหน้าสวยยักคิ้วให้ผมหนึ่งที ทั้งยังขยับตัวเข้ามาใกล้แล้วรวบเอาผมเข้าไปฟัดแก้มฟัดคอจนพอใจ

“เขื่อน! ปล่อยโว้ยย”

“ชอบเวลามึงเพิ่งอาบน้ำแล้วตัวหอมๆ” ริมเขื่อนว่า ยังไม่ยอมผละจมูกออกจากแก้มของผม ทั้งยังกดจุ๊บลงมารัวๆ จนแก้มที่ไม่ค่อยมีเนื้อของผมน่าจะช้ำเลือดช้ำหนองไปแล้ว

“กูช้ำหมดแล้วไอ้เขื่อนนน”

“เดี๋ยวให้ทำคืน”

ฟอด!

“อยากฟัดก็ไปฟัดตุ๊กตาสิวะ” ผมทั้งดิ้นรนทั้งผลักไส แต่ก็นั่นแหละ คนไม่ออกกำลังกายกับคนที่ขยันไปฟิตเนสแม้จะตีหนึ่งแล้ว พอสู้กันก็เหมือนเอาไม้ซีกไปงัดท่อนซุง

เสียชาติเกิดเป็นลูกครึ่งชะมัด

โดยปกติทั่วไปเชื้อฝรั่งมันควรจะสูงและตัวใหญ่กว่าชาวเอเชียไม่ใช่หรือไง

ขนาดแม่ผมยังสูงพอๆ กันกับพ่อเลย แต่ผมคงได้เชื้อฝั่งพ่อมาเยอะกว่าในเรื่องส่วนสูง ถึงได้ยังอยู่ที่ 177 เซนต์แบบนี้จนอายุยี่สิบห้า

“โวยวายๆ” ริมเขื่อนบ่นแล้วก็ยอมปล่อยตัวผมออกมา หลังจากผมดิ้นเร้าๆ ไม่ยอมเลิก

แต่ละคนนั่งหอบหายใจกันโดยที่ผมดูจะเป็นจะตายมากกว่า จากนั้นด้วยความหมั่นไส้ผมเลยนอนเหยียดไปกับโซฟา ยกขาขึ้นพาดไปบนตักของริมเขื่อนแล้วกระดิกเท้าดุ๊กดิ๊กอย่างสบายใจ

“สบายเลยนะมึง”

ผมยิ้มยียวน “มีบริการนวดไหมครับคุณน้อง”

“จะนวดอะไรล่ะครับ”

“มีอะไรบ้าง” ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่ต่อมุกมาทันควัน

“มีบริการนวดเป็นส่วนๆ กับนวดทั้งตัวเลยครับ”

“น่าสนใจนะครับ อืมม” ผมยกมือขึ้นลูบขาพลางทำท่าคิดหนัก

“แต่ถ้าให้ทางเราแนะนำ คงต้องเป็นการนวด...” ดวงตาสีดำสนิทเหลือบมองเป้ากางเกงผมด้วยรอยยิ้มกวนประสาท “นวดเพื่อผ่อนคลายครับคุณไผ่เงิน”

“มองอะไรของมึง!” ผมคว้าเอาหมอนมาปิดช่วงล่างของตัวเองแทบไม่ทัน

ริมเขื่อนหัวเราะอย่างสะใจเพราะเอาชนะผมได้ ในขณะที่ผมฟึดฟัดอย่างไม่พอใจ เรื่องกวนประสาทต้องยกให้มันเป็นที่หนึ่งจริงๆ จะว่าไปตอนเด็กๆ ผมก็ไม่เคยสอนให้กวนตีนขนาดนี้นะเนี่ย ไม่รู้ไปเรียนมาจากไหน

ผมกับริมเขื่อนเล่นกันอยู่สักพักโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น เป็นสายเรียกเข้าจากพนักงานส่งพิซซ่าที่เดินทางมาถึงล็อบบี้ด้านล่างแล้ว ผมเลยคว้าเอากระเป๋าตังค์กับกุญแจห้องเพื่อเดินลงไปรับของ โดยบอกให้ริมเขื่อนเตรียมเครื่องดื่มกับโต๊ะกินข้าวได้เลย
พวกเราใช้เวลาในตอนกลางวันไปกับพิซซ่าและซีรีส์บนเว็บสตรีมหนังออกไลน์ที่ต้องจ่ายรายเดือน วันพักผ่อนของทั้งผมและเขาผ่านไปง่ายๆ แบบนี้ นานๆ ครั้งถึงจะชวนกันออกไปเที่ยวข้างนอกบ้าง เพราะยังไงตอนทำงานก็เตร่อยู่นอกบ้านทั้งวันแล้ว ผมกับริมเขื่อนเลยมักมีความเห็นตรงกันว่าควรนอนเก็บสะสมแต้มไว้ก่อนจะไม่ได้นอน

และเมื่อย่างเข้าต้นเดือนธันวานายแบบชื่อดังก็วิ่งวุ่นทันทีอย่างที่เขาบอก บางวันถ้าถ่ายงานไกลๆ และมีงานต่อแถวนั้นเขาก็เลือกเปิดโรงแรมนอนไปเลยเพื่อสะดวกแก่การเดินทาง ส่วนผมที่ว่างสุดๆ เพราะไม่มีงานก็ได้แต่นัดชวนพวกเพื่อนออกไปเที่ยวเล่นยามกลางคืนกันบ้าง แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้ผมเป็นอะไร จะไปไหนทำอะไรกับใครแม่งต้องส่งข้อความไปบอกรูมเมทอีกคน ทำตัวเหมือนแต่งงานกันแล้วทั้งๆ ที่ก็ยังไม่ได้เลื่อนสถานะอะไร

แต่ช่างมันเถอะ ผมสบายใจที่จะทำตัวอย่างนี้

ยังไงๆ ที่เป็นอยู่ก็มากกว่าเพื่อนแล้วถึงจะไม่ใช่แฟน เรื่องกอดจูบระหว่างกันเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย ติดแค่ว่าอะไรที่เกินเลยกว่านั้นผมจะห้ามๆ เอาไว้หน่อย ไม่ได้หัวโบราณหรอกครับ ยังไงผมก็ถูกเลี้ยงมาด้วยคนต่างชาตินี่น่า แต่จะให้ไปถึงขั้นนั้นโดยที่สถานะเพียงเท่านี้บ่อยๆ มันก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน

แต่ริมเขื่อนก็ไม่ได้งอแงอะไรนะครับ แถมเขาก็ไม่ได้พูดเรื่องสถานะระหว่างเราเลยด้วยซ้ำ มีเพียงการกระทำที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ กับคำหยอกล้อที่เขาจงใจใช้มันสั่นหัวใจของผม

พวกเราอยู่กันไปแบบนี้จนกระทั่งเข้าสู่กลางเดือนธันวา แม้ประเทศไทยจะเป็นเมืองพุทธแต่ตามสถานที่ต่างๆ ก็เริ่มขนเอาต้นคริสมาสต์ขึ้นมาตั้ง ประดับประดาแหล่งท่องเที่ยวด้วยไฟหลากสีและเพลงคริสมาสต์ ผมรอให้ริมเขื่อนว่างงานตามที่อีกฝ่ายบอก วางแพลนจะชวนเขาไปซื้อต้นคริสมาสต์มาประดับห้อง

จนกระทั่งเวลาเคลื่อนมาถึงวันที่ยี่สิบธันวา ริมเขื่อนก็ว่างงานยาวๆ จนถึงเดือนกุมภาเลยทีเดียว เขาเคลียร์คิวไว้เรียบร้อยเพราะอยากจะชวนผมไปเยี่ยมพ่อที่ขอนแก่นแล้วบินไปหาแม่ที่ LA เลยภายในเดือนมกรา ผมตกปากรับคำไปเพราะว่ามีเขื่อนไปเป็นเพื่อน ถ้าไปคนเดียวผมคงไม่ไป เพราะมันออกจะอึดอัดอยู่หน่อยๆ

ทางฝั่งพ่อผมไม่ค่อยอยากเจอญาติพี่น้องเท่าไหร่ ขี้เกียจตอบคำถามเรื่องงานกับทรัพย์สิน ส่วนทางฝั่งแม่ก็คงจะประหลาดๆ อยู่พอสมควร ได้ข่าวว่าคุณนายเธอพบรักกับหัวหน้าที่ทำงานใหม่ เป็นฝรั่งหัวทองตาฟ้าอายุอานามน้อยกว่าแม่แค่สามปี
ช่างมันเถอะ ชีวิตใครชีวิตมัน ผมก็ทำหน้าที่ลูกของผมแบบนี้ต่อไป

“อากาศไม่เห็นหนาวเลย” ริมเขื่อนบ่นขึ้นหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วออกมายืนเลือกเสื้อผ้าอยู่ราวๆ สิบนาที วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พวกผมเลยกะจะรีบออกไปซื้อของเข้าห้อง ทั้งของตกแต่งและอาหาร เพราะช่วงวันหยุดสิ้นปีคนคงเต็มห้างแน่ๆ

“อยากหนาวก็ไปเมืองนอกสิ” ผมที่มองอีกคนเปลือยกายเลือกชุดอยู่เสนอความคิดเห็นแบบที่ไม่ได้จริงจังนัก แต่ริมเขื่อนกลับหันมาดวงตาเป็นประกายวับวาว

“ไปเมืองนอกกัน”

“ห๊ะ”

“ไปเที่ยวลอนดอนไหม ตอนนี้หิมะน่าจะตกแล้ว”

“อะไร ไม่ไป”

“ทำไมล่ะ กูอยากใส่วินเทอร์แฟชั่น” ริมเขื่อนว่าแล้วชี้ไปในตู้เสื้อผ้าฝั่งคอลเล็กชั่นหน้าหนาวของเขา “แบรนด์ให้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ยังไม่ได้ใส่เลย”

“ถามเงินกูด้วย ไปลอนดอนนะไม่ใช่ไปต่างจังหวัด” ผมบ่น หยิบเอาหมอนข้างขึ้นมากอดไว้แน่น “อยากไปเล่นหิมะเดี๋ยวกูพาไปสวนสนุก”

“มันแทนกันไม่ได้นะไผ่”

“กูไม่มีเงินจะไปยุโรปกับมึงหรอก เดี๋ยวมกราต้องไป LA ด้วยเนี่ย”

“กูออกให้”

“อะไร ไม่เอา!”

“เงินกูเยอะแยะ” ริมเขื่อนว่า เขาหันมากอดอกแล้วมองหน้าผมอย่างจริงจัง “ไปเถอะ ลอนดอนช่วงคริสมาสต์สวยมากเลยนะ แถมมึงยังได้ถ่ายกูเซ็ตวินเทอร์แฟชั่นด้วยนะ”

ริมเขื่อนก็เป็นแบบนี้

รู้ว่าผมชอบถ่ายรูป ก็มักเอาเรื่องแบบนี้มาอ้าง

“ไปแบบโลว์คอสนะ” ผมหยั่งเชิง แล้วริมเขื่อนก็พยักหน้า “แล้วไม่ต้องเลี้ยงกู แค่ออกให้ก่อนเดี๋ยวกูทยอยผ่อนคืนเหมือนเดิม”
“ทำไมล่ะ กูขยันหาเงินมาเลี้ยงมึงนะเนี่ย”

“มีปัญญาเลี้ยงตัวเองโว้ย”

“แต่ว่า...”

“ไม่งั้นกูไม่ไป”

“...” ริมเขื่อนเบ้ปากใส่ผม “ก็ได้ ยืมก็ยืม”

ผมพยักหน้าอย่างพอใจที่ริมเขื่อนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้บ้าง “แต่ถ้าจะไปให้ทันคริสมาสต์ก็ต้องรีบไปไม่ใช่เหรอ ซื้อตั๋วใกล้ๆ วันเดินทางมันน่าจะแพง...”

“กูมีส่วนลดสายการบินน่า”

“หืม?”

“เคยไปถ่ายแบบประชาสัมพันธ์ แล้วเขาให้โค้ดส่วนลดแบบไม่มีวันหมดอายุมา ลดตั้ง 30 เปอร์เซ็นต์นะ” ริมเขื่อนยืดอกอย่างโอ้อวด “เป็นคนดังก็แบบนี้”

“จ้ะ จ้ะ พ่อนายแบบดัง”

เขื่อนหัวเราะให้กับความเอือมระอาของผม เขาหยิบๆ เอาเสื้อผ้าไปรเวทธรรมดามาสวมก่อนเดินเข้ามานั่งข้างๆ กันบนเตียง
“งั้นวันนี้ไม่ต้องออกไปซื้อของเนอะ”

ผมพยักหน้ารับ

“จองตั๋วเครื่องบินกันดีกว่า บินพรุ่งนี้เลยดีไหม”

“แล้วแต่มึง” ผมโยนการตัดสินใจทุกอย่างให้ริมเขื่อนจัดการ แต่ก็คอยนั่งอยู่ด้วยตลอดตอนที่เขื่อนเอาโน้ตบุ๊คมาเปิดเพื่อเลือกเที่ยวบิน จากนั้นก็จองโรงแรมเล็กๆ ราคาไม่แพงที่หนึ่ง พวกเราจะอยู่กันประมาณสิบวันแบบไม่มีแพลนเที่ยว ไปตายเอาดาบหน้าอย่างเดียวซึ่งผมก็ไม่ซีเรียสอยู่แล้ว ด้วยความที่ตัวผมเองไม่มีปัญหาเรื่องภาษา ถึงอเมริกากับอังกฤษจะพูดไม่ค่อยเหมือนกันก็เถอะ

หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ริมเขื่อนที่ตื่นเต้นจนห้ามตัวเองไม่อยู่ก็รีบลุกขึ้นไปจัดกระเป๋าทันที ผมกรอกตามองบน ยอมรับแหละว่าตัวเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน แต่แค่ไม่ได้แสดงออกแบบเด็กๆ เหมือนเขื่อนก็เท่านั้น

คนที่บินออกนอกประเทศอยู่บ่อยๆ ไม่รู้จะตื่นเต้นอะไรนักหนา

“ทำเหมือนไม่เคยไปเที่ยว” ผมเอ่ยแซวคนที่แทบจะยกเสื้อผ้าออกมาทั้งตู้เพื่อเลือก

“ก็ไม่เคย”

“ขี้ตู่”

“ก็ไม่เคยจริงๆ” เขื่อนหันมามองกันขณะพูดต่อว่า “ไม่เคยไปเที่ยวกับมึง”

“...”

อ่า...

ผมชอบโดนหมัดฮุกเวลาไม่ตั้งตัวแบบนี้ตลอด

แต่ช่างเถอะ ผมชินแล้วที่หัวใจจะเต้นเร็วเพราะคำพูดไร้สาระของริมเขื่อน และอีกฝ่ายก็ดูมีความสุขดีที่เห็นหน้าผมขึ้นสี ผมเลยเดินไปฟาดแขนเขาเบาๆ ก่อนมุดหาเสื้อผ้าของตัวเองบ้าง

ก็ต้องยอมรับว่ามีใครสักคนที่จะไปเที่ยวด้วยกัน... มันก็ดีจริงๆ นั่นแหละ


___________
Talk : อัพช้าเพราะลืมค่ะ แง้
พอเขียนจบแล้วมันเลยไม่มีแพลนต้องเขียนในแต่ละวัน
เลยลืม นึกว่าอัพจบไปพร้อมเลย ขอโทษค่า

ใกล้จบตามเจ้าสกายแล้ว
อย่างที่บอกว่าเป็นนิยายฟีลกู๊ด เพราะฉะนั้นมันก็จะฟีลกู๊ดต่อไป ดราม่าพอกรุบกริบ
แต่จริงๆ แล้วเราเองถนัดเขียนดราม่ามากกว่า ฮา


ฝากติดตามเรื่องนี้ เรื่องเจ้าสกายที่จบไปแล้ว และเรื่องถัดไปที่กำลังจะลงจอด้วยนะคะ
เรื่องต่อไปอาจไม่ฟีลกู๊ดขนาดนี้แล้ว แฮ่  :hao3:

รักทุกคนค่าา
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 19 [31-Jan-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-02-2019 15:03:12
คนเราเนาะรักแล้วแต่ไม่เคยรู้ตัว
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 20 [09-Feb-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 09-02-2019 17:22:23
ลืมเปลี่ยนหัวกระทู้ กรี๊ดดดดด  :hao7:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 20 [09-Feb-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 09-02-2019 20:22:39
รู้ใจตัวเองสักทีเถอะไผ่ว่ามันไม่ใช่ความเคยชิน อยากเห็นไผ่หึงบางมีมั้ย?
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 20 [09-Feb-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-02-2019 21:06:51
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 20 [09-Feb-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-02-2019 22:33:52
 o13
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 20 [09-Feb-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 10-02-2019 16:55:21
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 20 [09-Feb-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-02-2019 17:36:26
ดีงาม.........  :mew1:
ไปเที่ยวตปท.ด้วยกันครั้งแรก  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 20 [09-Feb-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 10-02-2019 19:11:48
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 20 [09-Feb-2019] P.10
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 10-02-2019 22:04:01
เดทต่างประเทศ คือดีย์
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 21 [12-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 12-02-2019 15:54:37
บทที่ 21

 

วันคริสมาสต์ที่ลอนดอนนั้นตามท้องถนนจะเต็มไปด้วยไฟหลากสีที่นำมาประดับประดาอย่างสวยงาม บนยอดพุ่มไม้และหลังคาบ้านเรือนเต็มไปด้วยหิมะสีขาวโพลน เสียงกระดิ่งและเพลงประจำเทศกาลดังมาตลอดตั้งแต่วันที่ริมเขื่อนกับผมมาเหยียบยังลอนดอน

พวกเราอยู่นี่มาได้สี่วันแล้ว และวันนี้เป็นวันคริสมาสต์แล้ว บริเวณท้องถนนจึงไม่ค่อยมีคนนักเพราะใครๆ ก็ต่างอยู่ในบ้านเพื่อฉลองเทศกาลที่แสนอบอุ่น

ผมกับริมเขื่อนสวมเสื้อสเวตเตอร์สีเดียวกันและคลุมทับด้วยโค้ทยาวคนละแบบ ท้องฟ้าสีอ่อนแตกต่างจากประเทศไทยเพราะเป็นเหมือนหนาว ไม่ว่าจะถ่ายรูปริมเขื่อนที่ตรงหนก็แสงสวยไปหมดจนยิ้มแก้มปริมาหลายวันแล้ว แถมริมเขื่อนยังเอาภาพที่ผมถ่ายไปลงอินสตราแกรมของตัวเองด้วย

“จะซื้ออะไรบ้าง” ระหว่างเดินย่ำเท้าไปบนฟุตปาธ คนที่เดินกุมมือกันมาตลอดก็เอ่ยถามขึ้นพลางเหม่อมองไปตามร้านรวงต่างๆ ที่มีพนักงานสวมหมวกซานต้ากันเต็มไปหมด

“ไก่งวง ไวน์องุ่น กับขนมสองสามอย่าง” ผมตอบสิ่งที่ลิสต์เอาไว้ในใจ

วันนี้วันคริสมาสต์ พวกเรากะจะซื้ออาหารไปกินฉลองด้วยกันในโรงแรม จิบไวน์ชิลๆ ที่หน้าเครื่องฮีทเตอร์กับเปิดทีวีดูไปเรื่อยๆ จนกว่าจะง่วงนอน

สำหรับใครหลายคนอาจคิดว่าแพลนพวกนี้มันน่าเบื่อ แต่สำหรับผมว่ามันไม่ใช่

คริสมาสต์ไม่ใช่เทศกาลที่ต้องออกไปเที่ยว มันคือวันที่พวกเราจะส่งต่อความอบอุ่นหัวใจให้แก่กัน ผมไม่ต้องการออกไปเดินเตร่จนค่ำมืด เพราะแค่ได้อยู่กับคนที่เรารักในเทศกาลแบบนี้ก็เพียงพอแล้ว

แค่ก แค่ก!

อะไรนะ เมื่อกี้ผมพูดว่าคนที่เรารัก?

ลืมๆ มันไปเถอะครับ ผมไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น

“เอาแค่ไวน์องุ่นเหรอ” เขื่อนหันมาถามตอนที่เรากำลังจะเดินเข้าซุปเปอร์ที่อยู่ไม่ไกลจากที่พัก ผมชั่งใจอยู่สักพักว่าจะเอาอะไรเพิ่มอีกดี

“เอาไวน์อย่างอื่นด้วยก็ได้”

“ต้องแบบนี้สิ”

ผมหัวเราะเบาๆ แล้วปล่อยให้ริมเขื่อนเดินนำผมยังบริเวณเครื่องดื่มที่เราต้องการ

 

เวลาผ่านมาจนกระทั่งท้องฟ้าภายนอกมืดลง อากาศต่ำจนติดลบไปหลายองศา ทว่าพวกผมหมกตัวกันอยู่ในห้องนอนที่มีฮีทเตอร์จึงไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไร ไก่งวนบนจานเหลือเพียงแค่กระดูกกับเศษเนื้อนิดหน่อย พร้อมกับไวน์องุ่นวดใหญ่ที่พร่องไปกว่าครึ่ง

พวกเราต่างนั่งพักท้องกันอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กๆ ที่ทางโรงแรมมีจัดไว้ให้ โทรทัศน์ติดผนังส่งเสียงเบาๆ กันไม่ให้บรรยากาศเงียบเพราะไม่มีใครสนใจดูเลยสักนิด

“เอ้า ดื่ม” ริมเขื่อนขยับตัวมาเทไวน์ลงแก้วจนเต็ม ผิดหลักการกินอย่างมหันต์ แต่ผมก็ไม่ใส่ใจจะทักท้วงเพราะตอนนี้ไม่ได้ดื่มเพื่อรสชาติแล้ว ดื่มเอาเมาอย่างเดียว

แก้มของริมเขื่อนแดงเป็นลูกเชอร์รี่ ของผมก็ไม่ต่างกันนัก พวกเราชนแก้วไวน์อยู่อีกหลายครั้ง นั่งพูดคุยกันเรื่องต่างๆ มากมายไปเรื่อยเปื่อย

“มึงจำได้ป่ะ ตอนมึงฉี่รดที่นอนแล้วกูต้องวิ่งไปหาขวดน้ำมาตั้ง หลอกคุณน้าว่าทำน้ำหก” ผมพูดถึงเรื่องในอดีตสมัยประถมที่ยังไม่เลยวัยฉี่รดที่นอน วันนั้นเป็นวันที่ผมไปนอนกับเขื่อนที่บ้านของเขา แต่น้องน้อยในตอนนั้นไม่ตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกและปล่อยของเสียออกมาเละเทะไปหมด ผมก็ไม่ได้รู้สึกตัวด้วยนะ นอนบนที่นอนเฉอะแฉะไปทั้งอย่างนั้นจนเช้า ตื่นมาอีกทีก็พบว่าเขื่อนนั่งร้องไห้อยู่ข้างเตียงแล้ว จำได้ว่ากลัวแม่ดุเลยไม่รู้จะทำยังไง

ตอนนั้นผมต้องวิ่งไปหาขวดน้ำดื่มมาว่าง เลือกเอาที่เป็นน้ำหวานเพราะคุณน้าจะได้เอาไปซักให้ แต่สุดท้ายก็หลอกผู้ใหญ่ไม่ได้เพราะกลิ่นหึ่งๆ มันโชยทั่วห้องเลย

“ลืมๆ ไปเถอะน่า” ริมเขื่อนหน้าแดงยิ่งกว่าเก่า แต่อันนี้น่าจะเพราะความอาย

“แล้วก็ตอนที่เขื่อนน้อยเคารพธงชาติ แล้วมึงนึกว่าตัวเองจะตาย ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะลั่นให้กับความเด๋อด๋าในวัยเด็ก ตอบย้ำความใสซื่อของน้องเขื่อนเข้าไปอีกหลายประโยค “อีกอันก็ตอนฝันเปียกแล้วคิดว่าตัวเองจะตาย ฮ่าๆๆๆ มึงนี่เอะอะก็จะตายลูกเดียวเลยตอนนั้น”

“ก็มันไม่รู้นี่หว่า”

“สุขศึกษาก็สอน”

“กูไม่ได้ตั้งใจฟัง” เขื่อนบอกเสียงงุบงิบ “มึงก็ไม่ได้ดีไปกว่ากูหรอก”

“อะไรๆ กูทำอะไร?” ผมยืดอกอย่างมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรน่าอับอายต่อหน้าริมเขื่อนแน่นอน ตอนนั้นต้องคีพลุคเป็นพี่ชายสุดคูล บอกเลยว่าไม่มีหลุดมาด

“ใครก็ไม่รู้แอบร้องไห้ตอนกูหลับ”

“...” อะไร!

ตอนเด็กๆ ร้องไห้ไม่เห็นแปลกเลย!

“แล้วก็ยังเก็บนิตยสารหน้ากูเต็มห้องไปหมดด้วย มีโปสเตอร์รูปกูที่แบรนด์เขาแจกให้คนซื้อครบยอดที่ตั้งไว้อีกตั้งหลายอัน กูเห็นนะไผ่เงิน”

ไอ้เหี้ยยยย

“อะไรอีกนะ คลิปที่แฟนคลับกูถ่ายไว้ก็มีอยู่ในโน้ตบุ๊ค ตั้งแจ้งเตือนโซเชียลกูเอาไว้ อืมมม” ริมเขื่อนทำท่าคิดนัก แต่รอยยิ้มมันร้ายกาจชิบหายเลยเว้ย “มึงเป็นแอดมินแอคเคาท์ทวิตเตอร์ เขื่อน FC นี่หว่า ใช่ม้ะ”

เขื่อน มึง...

มึง...

มึงรู้ได้ไง!

ผมช็อคไปแล้ว ช็อคตาตั้งแบบที่ไม่สามารถหาเสียงตัวเองเจอได้อีก

ริมเขื่อนหัวเราะปากกว้าง เขาวางแก้วไวน์แล้วเดินเข้ามาหาผม ออกแรงดึงให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วพาเดินออกไปนอกระเบียง โดยก่อนออกไปเผชิญอากาศหนาวอีกฝ่ายก็ไม่ลืมหาเสื้อโค้ทหนานุ่มมาสวมให้

สติผมหายไปไหนไม่รู้ทำให้ยอมเดินตามออกไปอย่างง่ายดาย ห้องที่เราอยู่เป็นชั้นที่สามซึ่งฝั่งตรงข้ามไม่ตกติดกัน บริเวณระเบียงจึงมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ชัดเจน

ริมเขื่อนผลักให้ไปยืนติดราวระเบียง ตัวเขาขยับมาซ้อนด้านหลังแล้วยื่นคางมาวางไว้ที่หัวไหล่ของผม ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดผิวแก้มข้างซ้ายจนมันร้อนผ่าน อ้อมกอดแข็งแรงค่อยๆ โอบรัดรอบตัวผมช้าๆ

“เป็นขนาดนี้แล้วยังบอกว่าชอบกูแค่นิดหน่อยอีก”

“ก็มึงเป็นเพื่อน... กูก็ต้องสนับสนุนเพื่อน”

“เหรอ” เขื่อนไม่เชื่อคำแก้ตัวของผม เขาหัวเราะอย่างชอบใจ “ไผ่ มึงรู้อะไรไหม”

“อะไร”

“กูดีใจที่ได้มึงกลับมาในชีวิตอีกครั้ง”

“...” ผมเงียบไปพักใหญ่เพราะกำลังพยายามคุมอัตราการเต้นของหัวใจ “กูก็ดีใจ... ที่ได้เจอมึง”

“ปากหวาน”

“ไม่ต้องมาชิมปากกู”

“รู้ทันเก่ง” ริมเขื่อนบ่น แต่สุดท้ายริมฝีปากที่เริ่มเย็นชืดจากอากาศหนาวก็กดเข้าที่ข้างแก้มผมจนผิวตรงนั้นบุ่มลึกเข้าไป เขาสูดลมหายใจฟอดใหญ่แล้วจับตัวผมพลิกกลับมาให้หันหน้าเข้าหากัน

“ไผ่... กูรักมึงนะ รู้ใช่ไหม”

“ระ รู้อยู่แล้ว” หัวใจผมกระตุกหลายทีเลยหลังจากได้ยินประโยคสารภาพความรู้สึกอีกครั้ง หลังจากริมเขื่อนไม่ได้พูดมันอีกเลยตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

เขาเกลี่ยแก้มผมเบาๆ แล้วชี้นิ้วขึ้นไปเหนือศีรษะ ผมแหงนหน้าขึ้นไปมองตามก็พบพวงมิสเซิลโทเล็กๆ ที่ผูกติดไว้กับราวตากผ้าด้านนอก

“มึง...เอามาห้อย?”

“อืม”

“ทำไม”

“มึงก็รู้ดี” ริมเขื่อนพูดแค่นั้นแล้วส่งยิ้มให้ผมแทนคำตอบ

ใช่ ผมรู้ดี

มันมีความเชื่อที่ว่า ถ้าคู่รักจูบกันใต้ต้นมิสเซิลโท พวกเขาจะรักและครองคู่กันตลอดไป...

ผมมองดอกสีขาวเล็กๆ นั่นสลับกับใบหน้าสวยที่ไม่ทำอะไรนอกจากคลี่ยิ้มและรอคอยบางอย่าง ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ยกแขนสองข้างขึ้นโอบรอบลำคอของเขาแล้วยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้

“เจ้าเล่ห์นักนะ”

“มึงก็รู้ทันทุกที” เขื่อนพูดกลั้วหัวเราะ

“ก็รู้ทัน”

“แต่ก็ยังทำตาม... ใช่ไหม”

“รู้แล้วก็อย่าพูดมาก” ผมบ่น ก่อนจะแนบริมฝีปากของตนประทับลงบนผิวปากกระจับบางของคนตรงหน้า สัมผัสคุ้นเคยกับอ้อมกอดที่ค่อยๆ รัดร่างให้ขยับเข้ามาแนบชิด พวกเราไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการขบเม้มกลีบปากของกันและกัน ไม่มีการสอดลิ้นเข้าไปหยอกล้อเหมือนเช่นทุกที เพียงแค่บดเบียดริมฝีปากเข้าหาอีกฝ่าย ซึมซับไออุ่นและความรู้สึกที่ค่อยๆ แลกเปลี่ยนให้กันและกันอย่างช้าๆ

รสจูบใต้ต้นมิสเซิลโทในวันคริสมาสต์... หวานกว่าทุกครั้งเสียอีก

“ไผ่...” และหลังจากที่ลมหายใจของแต่ละฝ่ายเริ่มหมดลง ริมเขื่อนก็ถอยใบหน้าออก ใช้ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นจ้องมองมาด้วยความจริงจัง “คบกับกูได้ไหม”

“...”

“เป็นแฟนกับเขื่อนนะครับ”

“...” ความเงียบของผมทำให้ริมเขื่อนขยับปลายจมูกคลอเคลียกันเบาๆ อย่างออดอ้อน เขายังคงจ้องมองมาที่ผม เฝ้ารอคำตอบอย่างตั้งใจ

แต่ผมกลับยังลังเลที่จะตอบรับออกไป

แฟนเหรอ?

ถ้าทุกอย่างที่เป็นอยู่มันดีอยู่แล้ว ทำไมต้องเปลี่ยนมันกันนะ

“ไผ่...”

“กู...ไม่แน่ใจ”

“...” ริมเขื่อนเงียบไปตอนที่ได้ฟังคำตอบนั้นของผม

นัยน์ตาสีนิลของเขาหมองลง รอยยิ้มบนริมฝีปากก็ค่อยๆ ลดระดับจนไม่เหลือร่องรอยของความสดใสอีกแล้ว ผมมองใบหน้าของเขาแล้วได้แต่เม้มปากแน่น ในใจของผมมันสั่น มันต่อต้านความเปลี่ยนแปลงที่ริมเขื่อนกำลังร้องขอ

สะพานความสัมพันธ์ปรากฎขึ้นมาต่อหน้าต่อตา แต่ผมไม่กล้าพอที่จะก้าวข้ามมันไป เพราะพื้นที่ที่ยืนอยู่ตรงนี้คือคอมฟอร์ทโซนของผมแล้ว ผมมีความสุขที่ได้มีเขาอยู่ด้วยกันในสถานะครึ่งๆ กลางๆ ริมเขื่อนให้ความชัดเจนกับผม มอบความจริงใจให้ทั้งคำพูดและการกระทำ

แต่ผมคงเป็นคนเห็นแก่ตัว เพราะผมไม่กล้าให้ความชัดเจนแบบเดียวกันนี้กลับคืนไป

ปลายทางของสะพานที่ทอดยาวตรงหน้า ทั้งมืดและมองอะไรไม่เห็น ผมไม่สามารถคาดเดาได้ว่าในอนาคตมันจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นผมจึงหวาดกลัว

“ทำไมมึงถึงยังไม่แน่ใจ” หางเสียงของคนตรงหน้าสั่นระริก เขื่อนยังไม่ยอมขยับออกห่าง ผมจึงสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ติดขัดของเขา

“กูไม่รู้”

“มึงยอมให้กูกอด มึงยอมให้กูจูบ... แต่มึงไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ”

“...”

ผมตอบไม่ได้ ทั้งๆ ที่ผมรู้คำตอบดี

หัวใจคนเราไม่ใช่เหล็กกล้าหรือหินผา ผมหวั่นไหว หัวใจผมเต้นแรงแค่ไหนทำไมตัวผมเองจะไม่รู้ รวมถึงจิตสำนึกมันก็คุ้นเคยไปแล้วกับการมีริมเขื่อนอยู่ข้างๆ แบบนี้

แต่เพราะความคุ้นเคยพวกนั้นแหละที่ผมกลัว

อะไรที่เราเคยมี แล้วถ้าสุดท้ายมันหายไป... ผมคิดว่าผมคงรับความรู้สึกพวกนั้นไม่ไหว

ผมชื่อไผ่เงิน เคยมีครอบครัวที่ใครต่อใครก็มองว่าสมบูรณ์แบบ มีทรัพย์สินเงินทองและหน้าตาที่ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ การเรียนไม่ดีแต่ก็ไม่แย่ ภาษาอังกฤษก็ไม่มีปัญหาเหมือนเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆ หลายๆ คนอิจฉาเพราะพ่อกับแม่ไม่เคยบังคับผมเลยสักอย่าง การเลี้ยงลูกแบบฝรั่งเป็นสิ่งที่คนไทยที่มักโดนตีกรอบโหยหา ผมมีหน้ามีตาในโรงเรียน มีเพื่อนสนิทมากๆ ที่เป็นเด็กข้างบ้านคนหนึ่งชื่อริมเขื่อน

ชีวิตของผมที่ใครๆ ต่างก็บอกว่าน่าอิจฉา...

ในตอนสุดท้ายก็เหลือแค่ตัวผมคนเดียว ไม่มีบ้านให้กลับ พ่อกับแม่แยกทางและย้ายออกไปยังที่ห่างไกล ใช้ชีวิตไปวันๆ กับงานฟรีแลนซ์ที่บรรดาญาติทางฝ่ายพ่อดูถูกจนผมก็อดสมเพชตัวเองไม่ได้

ผมเคยมีครอบครัว และสุดท้ายผมก็ไม่เหลืออะไร

ใครๆ อาจจะคิดว่ามันก็เรื่องแค่นี้เอง พวกเขายังรักผมอยู่ พ่อแม่ไม่ได้ไม่รักหรือเสียชีวิตหน่อย

ครับ... ผมอาจจะเข้มแข็งไม่พอเอง เพราะผมไม่เคยมีชีวิตอยู่โดยที่รู้สึกว่าตัวคนเดียวแบบนี้มาก่อน ยิ่งอายุมากมันยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยวและห่างเหินจากพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ

และที่สำคัญ... ผมไม่เคยเชื่อในความรักที่ยืนยาวแบบที่ใครๆ เขาว่ากัน

พ่อกับแม่กันรักแค่ไหน ผมรับรู้ได้จากไดอารี่ของแม่และสายตาของพ่อเวลามองคนรักของเขา แต่อย่างไรก็ตาม ความรักกับการใช้ชีวิตร่วมกันมันไม่ใช่เรื่องเดียวกัน สุดท้ายเมื่อส่วนประกอบมันเข้ากันไม่ได้ มันก็ต้องแยกจากกันไปในที่สุด และความสัมพันธ์ที่ถักทอกันมานาน สุดท้ายก็เหลือแค่คนรู้จักที่ไม่สนิทใจด้วยอีกต่อไป

ผมกลัว...

ผมกับริมเขื่อนเราอาจเข้ากันไม่ได้ด้วยซ้ำ

เราห่างกันมานาน ผมโตขึ้น เปลี่ยนแปลงจากเดิมมามาก เขื่อนก็เช่นกัน ชีวิตของผมเราคล้ายเส้นทางที่แยกจากกันไปแล้ว ทั้งสังคม วิถีชีวิต และอะไรอีกหลายๆ อย่าง

ผมจึงคิดว่าความสัมพันธ์ที่กำลังเป็นอยู่มันดีพอแล้วสำหรับผม ไม่ต้องเลื่อนขั้น คงสถานะความเป็นเพื่อนที่ตัดกันยากกว่าคนรัก และอยู่ด้วยกันต่อไปในคอมฟอร์ทโซนที่ไม่ต้องกลัวว่าถ้าหากทะเลาะแล้วจะต้องเลิกรากันไป

“มึงกลัวอะไรไผ่” ริมเขื่อนถามคำถามนี้ออกมาตอนที่ผมเงียบไม่ยอมพูดอะไรสักที

และผมยอมรับอย่างลูกผู้ชายเลยว่าเรื่องที่ผมกลัวแม่งเยอะชิบหาย

ผมเคยมีแฟนคนหนึ่งตอนมัธยมสาม เป็นแฟนคนแรกที่แม้ว่าตอนนั้นจะยังไม่เข้าใจความรัก แต่ผมคิดว่าความรู้สึกผมที่ให้เธอไป คือทั้งหมดเท่าที่เด็กผู้ชายอายุสิบห้าจะให้ผู้หญิงคนหนึ่งได้

ผมทุ่มเทเอาใจใส่สุดชีวิต แม้จะเป็นความรักแบบเด็กๆ แต่รอยแผลที่เธอฝากเอาไว้มันไม่ได้เด็กไปด้วยเลย เพราะนอกจากมันจะฝากร่องรอยเหวอะหวะเอาไว้ในหัวใจผมแล้ว รอยแผลเป็นเล็กๆ ที่ข้างขมับขวาของผมก็ยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้

เพราะในตอนนั้นผมมองว่าเธอเป็นคนรัก แต่เธอไม่ได้มองผมเป็นเช่นนั้นด้วย

ผมเป็นแค่ของเล่น เป็นแค่แต้มที่เอาไว้ให้เธอเก็บเพื่อเอาไปบอกเพื่อนๆ ว่าเธอเก่งพอจะมีแฟนพร้อมกันที่เดียวสองคน

และใช่ ผมถูกกระทืบ แฟนอีกคนของเธอเป็นรุ่นพี่มอหก เขาและเพื่อนของเขาอีกกว่าสี่คนมาดักรอผมหลังเลิกเรียน และอาศัยโอกาสที่ไม่มีใครเห็นลากผมไปกระทืบจนสุดท้ายต้องแอดมิทเข้าโรงพยาบาล

ผมเจ็บ แต่ผมไม่เข็ด ตอนมัธยมปลายผมยังมอบความรักให้ผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนเคย รอบนี้โตพอจะเข้าใจแล้วว่าหัวใจที่เต้นแรงจนเจ็บนี่มันเป็นเพราะอะไร

เธอคนนั้นเป็นคนน่ารักและขยันเรียนเพราะตั้งใจจะสอบเข้าคณะทันตะ รอยยิ้มสดใสเป็นสิ่งที่ผมชอบมากที่สุด และที่สำคัญเธอเข้ากับกลุ่มเพื่อนของผมได้ดีจนสนิทสนมกันหมดทุกคน และนั่นทำให้ผมใส่ทุกความรู้สึกและความเชื่อมั่นลงไปโดยไม่มีการเผื่อใจ

ผลสุดท้าย แฟนของผมคนนั้นกับเพื่อนที่สนิทที่สุดในกลุ่มก็แอบคบกันลับหลังโดยที่ผมไม่รู้

ผมเกลียดทุกความสัมพันธ์ที่ผมต้องเอาความรู้สึกตัวเองไปผูกติด ผมไม่ชอบให้คนอื่นมีผลต่อความรู้สึกของผม ดังนั้นผมจึงไม่คบใครอีกแล้ว และไม่สนิทกับเพื่อนคนไหนแบบไม่มีช่องว่างเหมือนเก่า

มีแค่ริมเขื่อนคนเดียวที่ผมยอมตีกำแพงออกและให้เขากับเข้ามาในตำแหน่งเพื่อนสนิทในวัยเด็ก คนที่ผมมั่นใจว่าเขาจะไม่ทำร้ายความรู้สึกผมแบบที่คนอื่นทำ

แต่หลายๆ อย่างก็ทำให้ผมไม่อยากขยับความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขาให้มากไปกว่าคำว่า ‘เพื่อน’

“เขื่อน” ผมเรียกชื่อคนตรงหน้าอย่างลังเล “เรื่องนี้ค่อยคุยกันได้ไหม”

“มึง...จะเอาอย่างนั้นใช่ไหม”

“กู...”

“มึงไม่มีความสุขเลยเหรอวะกับหลายเดือนที่ผ่านมา”

มีสิ

ผมได้แต่ตอบเขาในใจ เพราะก้อนหนักๆ จุกอยู่ในลำคอหลังจากผมเห็นหยดน้ำใสๆ กลิ้งตกลงมาจากดวงตาคู่สวยของเขื่อน

ริมฝีปากกระจับเล็กยังส่งยิ้มบางมาให้ผม ทั้งที่แก้มทั้งสองข้างของเขาเริ่มเปียกแฉะไปด้วยร่องรอยความเสียใจ ร่างกายสูงใหญ่ขยับถ่อยห่างทำให้ไอความเย็นจากอากาศติดลบแทรกเข้ามาแตะถูกเนื้อตัว ผมหนาวสั่น สะท้านไปถึงหัวใจที่เต้นแผ่วลงในอกข้างซ้าย

“ไม่เป็นไร กูเข้าใจ” น้ำเสียงทุ้มที่เคยสดใสกำลังสั่นเครือ รอยยิ้มของเขา...กรีดลงมาบนหัวใจซ้ำๆ จนผมทนมองมันต่อไปไม่ไหวต้องหลบตาหนีออกมา

“เขื่อน...”

“กูเข้าใจแล้ว”

เขื่อนบอกกับผมแบบนั้นก่อนที่เขาจะเดินหนีเข้าไปในห้องนอน เหลือเพียงผมที่ยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศเย็นยะเยือกของกรุงลอนดอนในช่วงค่ำกับเสียงหัวใจที่เอาแต่ตะโกนว่ามึงทำอะไรลงไป

_____________________
Talk: ตอนหน้าจะจบแล้วนะคะ
อย่าเพิ่มรำคาญพี่ไผ่ที่ไม่ยอมรับตัวเองสักทีนะคะ
มนุษย์เราต่างนิสัยต่างความคิด จิตใจคนเราก็รับมือกับเรื่องในชีวิตได้ไม่เท่ากัน

และขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ยังอยู่ด้วยกันค่ะ
ขอบคุณจริงๆ เพราะการลงนิยายแล้วคนอ่านน้อยลงเรื่อยๆ มันน่าเศร้าจนเราคิดว่า
เออ หรือจะเขียนไม่ดีจริงๆ
แต่เราก็พยายามเต็มที่ในส่วนของเราที่สุดแล้ว
เพราะฉะนั้นขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่ด้วยกันจริงๆนะคะ

ตอนแรกว่าจะมาเปิดเรื่องใหม่เลย แต่ขอเวลาฮีลลิ่งตัวเองก่อนค่ะ
เราทั้งท้อทั้งเหนื่อยในหลายๆ เรื่อง

ยังไงก็ฝากผลงานไว้ด้วยนะคะ
น้อมรับคำติชมเสมอ ขอบคุณมากๆ เลยค่า

ด้วยรัก
พลอยพรรณ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 21 [12-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 12-02-2019 22:28:07
 :mew4: :mew4: :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 21 [12-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 12-02-2019 22:32:37
 :mew1:  ขอบคุณมากค่ะที่เขียนนิยายน่ารักๆดีๆมาให้อ่าน  :mew1:  o13 สู้ๆนะค่ะ จะคิยติดตามผลงานค่ะ  :ruready และจะคอยe-book ของทั้งสองเรื่องเลยค่ะ  o13 สู้ๆค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 21 [12-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 12-02-2019 22:43:11
ขอบคุณค่ะ สู้ ๆ นะคนเขียน

ส่วนไผ่ ขอให้ก้าวผ่านความกลัวนะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 21 [12-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-02-2019 22:55:03
ไม่เอาไม่ร้องนะ  :L1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 21 [12-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 12-02-2019 23:23:09
งื้อออออ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 21 [12-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 13-02-2019 02:19:19
นายกลัวอะไรมากกว่ากันระหว่าง นายเลือกที่จะคบไผ่แล้วถึงแม้จะกังวลหรือกลัวแต่ก็มีความสุขไปด้วย กับให้ริมเขื่อนต่างคนต่างอยู่กับนาย เหมือนตอนที่พวกนายไม่ได้เจอกัน นายกลัวอะไรมากกว่ากัน ถามตัวเอง
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 21 [12-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 13-02-2019 11:23:44
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 21 [12-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-02-2019 16:24:47
เขื่อนไม่อยู่  แล้วไผ่จะรู้สึก   :z3:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 21 [12-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 13-02-2019 18:51:50
จริงๆแอบสงสารไผ่มากกว่าอะ
ถ้าเขื่อนรู้ว่าไผ่คิดอะไรอยู่จะเป็นไงหว่า...

ปล. ตอนหน้าจบหวังว่าจะ happy ending นะคะ คงไม่ทางใครทางมันนะ ¥_¥ ...
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 21 [12-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 13-02-2019 19:15:04
 :serius2: ก็เข้าใจว่านางกลัวแต่ถ้ายังเงียบอยู่แบบนี้จะไม่เหลือใครนะไผ่มันจะเหลือแต่ความทรงจำนะ อยากให้กล้าที่จะก้าวออกมา สู้ๆ นะ

คนเขียนอย่าเพิ่งท้อนะยังมีคนรออ่านอยู่สู้ๆจ้า เป็นกำลังใจให้จ้า
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 21 [12-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 14-02-2019 14:37:24
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 21 [12-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 15-02-2019 23:39:42
สู้ๆ นะคนเขียน  เอาใจช่วยอยู่เน้อ  รำคาญนังไผ่นิดหน่อย  แต่เหตุผลยังรั้งไว้อยู่  555  o13 o13
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 21 [12-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 17-02-2019 20:09:10
เขื่อนๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 22 END [18-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 18-02-2019 15:26:19
บทที่ 22

 

อากาศวันนี้หนาวกว่าทุกวัน อาจเป็นเพราะผมไม่มีอ้อมกอดของใครบางคนคอยให้ความอบอุ่นอีกแล้ว และพื้นที่ข้างเตียงก็ว่างเปล่าจนที่ตรงนั้นเย็นเฉียบ

ริมเขื่อนออกไปข้างนอกตั้งแต่เมื่อคืนและตัดการสื่อสารด้วยการปิดโทรศัพท์

ผมรู้ว่าเขาเก่งพอที่จะเอาตัวรอดในต่างประเทศ และมีเงินมากพอจะไปที่ไหนก็ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีเงินไม่พอสำหรับการหาที่พักใหม่

แต่ถึงผมจะรู้แบบนั้นก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี

“เฮ้อ” ผมถอนหายใจออกมาในตอนเช้าตรู่ที่พระอาทิตย์ยังไม่สาดแสง ค่ำคืนคริสมาสต์ผ่านไปอย่างยากลำบาก มันควรเป็นวันที่อบอุ่นที่สุดอย่างที่วาดฝันกันไป

แต่ก็นั่นแหละ ผมทำมันพังเอง

สุดท้ายด้วยความฟุ้งซ่านทำให้ผมลุกขึ้นมาจากเตียงเพื่อเปิดไฟห้องนอน มองกระเป๋าเสื้อผ้าที่ยังวางอยู่ที่เดิม และบัตรเครดิตบนโต๊ะเครื่องแป้งที่ริมเขื่อนทิ้งเอาไว้ให้

ผมได้แต่เม้มปากตอนเห็นความห่วงใยของเขาที่หยิบยื่นมาให้แม้ตัวจะไม่อยู่ตรงนี้ สุดท้ายจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้งแล้วกดโทรออกหาคนที่มั่นใจแน่ๆ ว่าคงติดต่อไม่ได้อีกเหมือนเคย

ผมกดโทรหาเขื่อนอยู่ราวๆ สิบรอบก็ท้อใจ หยิบสายชาร์ตแบตมาเสียบท้ายมือถือก่อนวางมันไว้บนเตียง หิมะด้านนอกตกหนักจนเห็นพื้นถนนเป็นสีขาวโพลน ผมได้แต่ยืนมองมันพลางครุ่นคิดกับตัวเองถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา

สุดท้ายผมก็รักษาใครเอาไว้ในชีวิตไม่ได้

Rrrrrrrrrrr

“เขื่อน!” ผมตะโกนด้วยความตกใจตอนที่เสียงมือถือตัวเองดังขึ้นมา รีบผละออกจากประตูกระจกตรงระเบียงแล้วถลาเข้าหาเครื่องมือสื่อสารบนเตียง แต่ก็ต้องถอนหายใจออกมายืดยาวเมื่อภาพบนหน้าจอที่แสดงผู้โทรเข้าไม่ใช่ริมเขื่อนแต่เป็นแม่ของผมเอง

“Hi mom”

[How are you my boy?]

“It’s good. I think…”

[Hey] คิ้วของผู้หญิงบนหน้าจอขมวดเข้าหากัน เพราะการวิดีโอคอลทำให้ผมไม่สามารถซ่อนใบหน้าซึมเศร้าของตัวเองได้ และแม่ก็คงเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงนี้

[ริมเขื่อนล่ะไผ่]

“He's out” ผมตอบเสียงเบา “แม่...”

[ว่าไง ทะเลาะกันเหรอ]

“Can I ask you something?”

[Everything]

ผมขบกรามแน่นหลังจากได้ยินประโยคตอบรับคำนั้น นานแล้วที่ผมไม่ได้ขอคำปรึกษาจากใคร กับพ่อก็คุยกันไม่บ่อยนัก ส่วนกับแม่ผมก็เลิกปรึกษาปัญหาชีวิตไปตั้งแต่ขึ้นมอปลาย

แต่ตอนนี้ผมกำลังเจอทางตัน ผมทำอะไรไม่ถูก ผมกลัวที่จะข้ามสะพานที่เขื่อนเพียรสร้างแถมยังทำลายมันลงด้วยมือตัวเอง และพอตัดสินใจทำแบบนั้นลงไปกลับมานั่งนึกเสียใจว่าไม่น่าเลย ผมไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี รู้แค่ว่าถ้าพระอาทิตย์ขึ้นแล้วผมคงสวมเสื้อโค้ทและออกไปวิ่งตามหาริมเขื่อนแน่ๆ

“ผมกับเขื่อน... เราเป็นมากกว่าเพื่อนแล้ว”

[I knew it]

“You know?”

[Yes, and I know you love him too. Right?]

“...I think so” ผมเม้มปาก ไม่กล้าสบตาแม่ที่จ้องมาอย่างรู้ทัน

เพิ่งรู้เหมือนกันว่าแม่จับได้แล้วว่าระหว่างผมกับริมเขื่อนมีซัมติงกัน และเดาเอาว่าคงรู้มาสักพักแล้วถึงดูไม่แปลกใจเลยสักนิด

ผมถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ๆ แล้วตัดสินพูดเข้าประเด็นต่อ

“เขื่อนขอผมคบ แต่ผมไม่ได้ตอบ”

แต่ใครๆ ก็รู้ว่าในสถานการณ์แบบนั้น การไม่ตอบคือการปฏิเสธเช่นกัน

ผมรู้ แต่ผมก็ยังหลอกตัวเองอย่างโง่งมว่าผมแค่ยังไม่ได้ตอบเท่านั้นเอง

[แล้วทำไมถึงปฏิเสธล่ะ]

“...”

ผมเลือกไม่ตอบคำถามนี้ และปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่เปลี่ยนผ่านคำถามแทน

[โอเคๆ แล้วเรื่องอะไรที่จะถามล่ะไผ่ ลูกปฏิเสธไปแล้วนี่]

“ผมไม่ได้จะปฏิเสธ” ผมบอกเสียงเบา ยังคงเฉไฉสายตาไม่กล้ามองจอโทรศัพท์ “ผมแค่...ไม่พร้อม แต่เขื่อนหนีออกไปจากโรงแรม ติดต่อไม่ได้ตั้งแต่เมื่อคืน”

[แล้วทำไมปล่อยเพื่อนออกไปคนเดียวล่ะไผ่!] คราวนี้คนปลายสายตะคอกเสียงดัง

นั่นสินะ ทำไมตอนนั้นผมไม่รั้งเขาเอาไว้

ทำไมผมปล่อยเขื่อนให้ออกไปจากห้อง ทำไมวะ!

[I don’t want to see you cry]

ผมรับรู้ถึงน้ำตาบนแก้มของตัวเองก็ตอนที่แม่ส่งเสียงปลอบออกมา แต่ยิ่งมีคนมาทำท่าเป็นห่วง ผมก็ยิ่งกลั้นมันเอาไว้ไม่ไหว สุดท้ายจึงได้แต่ดึงหมอนหนุนใบหนึ่งขึ้นมาวางบนตักแล้วปล่อยหยดน้ำที่พลั่งพรูลงไปบนนั้น

น่าเบื่อชิบหาย ไผ่เงินที่อ่อนแอแบบนี้เนี่ย

[I have a question]

ผมเงยหน้าขึ้นมามองโทรศัพท์แทนการส่งเสียงอู้อี้ออกไปตอบรับ

[ทำไมไผ่ถึงยังไม่พร้อม]

...ทำไมน่ะเหรอ

เพราะผมกลัวไง

“ผมกลัว ถ้าเราไปกันไม่รอด...”

[เวลาลูกรัก ลูกไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลมากมายหรอกนะไผ่]

“...?” ผมเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แอบใช้หลังมือปาดน้ำตาออกจากใบหน้าด้วยขณะฟังแม่พูดอะไรยืดยาว

[ถ้าความกลัวมันทำให้ปัจจุบันพังลง ทำไมไผ่ไม่โฟกัสแค่ปัจจุบันแล้วทำมันให้ดีที่สุดล่ะ] แม่ยิ้มออกมาอย่างใจดี แม้ว่าข้างหลังจะมีผู้ชายหัวทองเดินผ่านไปผ่านมาให้ผมได้รำคาญลูกกะตาก็ตาม [ตอนแม่คบกับพ่อ เราก็ไม่เคยกลัวจะต้องเลิกกัน ตอนแม่มีแฟนใหม่แม่ก็ไม่กลัวเหมือนกันอีกนั่นแหละ]

“แม้ว่าสุดท้ายพอเลิกกันแล้วจะมองหน้ากันไม่ติดน่ะเหรอครับ”

[แล้วตอนนี้มองหน้าเขื่อนติดรึไง]

“...”

พูดไม่ออกเลย...

[ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอ ในอนาคตเราจะได้ไม่เสียใจที่เราไม่ได้ทำมัน] แม่บอกแบบนั้น แล้วสำทับอีกหลายประโยคว่า [ถ้าอนาคตมันจะเสียใจก็ปล่อยให้ตัวเราในอนาคตเป็นคนจัดการไปสิ เราในตอนนี้ก็แค่ทำมันให้ดีที่สุดก็พอ เพราะไผ่เองก็กำลังเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปไม่ใช่เหรอ]

“ก็ใช่...”

[I always gonna be on your side my boy]

“Thanks mom”

ผมบอกลาแม่ด้วยคำขอบคุณก่อนกดตัดสายทิ้งไป ท้องฟ้านอกหน้าต่างเริ่มสว่างแล้วทำให้ผมเลือกเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟันก่อนออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่ให้พร้อมสำหรับการออกไปข้างนอก

ผมตัดสินใจได้แล้วว่าผมควรจะทำยังไงดี

 

ลอนดอนกว้างเกินกว่าจะตามหาผู้ชายคนหนึ่งได้ง่ายๆ แม้คนๆ นั้นจะหน้าตาโดดเด่นมากสักแค่ไหน สุดท้ายวันที่ 26 ธันวาก็ผ่านไปอย่างคว้าน้ำเหลว

ผมกลับมาที่โรงแรมในตอนฟ้ามืด ร่างกายเย็นเฉียบไปหมดจากอากาศด้านนอกที่ต่ำเกินกว่าจะใช้ชีวิตด้วยการเดินไปตามฟุตปาธที่ต่างๆ ทั้งวัน ฮีตเตอร์ภายในห้องช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากหลังจากอยู่ข้างนอกนานจนเล็บมือตัวเองเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ ผมถอดเสื้อโค้ทออกก่อนไปนั่งจุ้มปุ้กหน้าเครื่องทำความร้อน หยิบโทรศัพท์มากดโทรหาคนที่หายไปเกือบ 24 ชั่วโมงพลางฝากข้อความเสียงทิ้งไว้

“เขื่อน กลับมาเถอะ” ผมกรอกเสียงลงอย่างเหนื่อยอ่อน การไม่ได้นอนทั้งคืนทำให้ร่างกายอ่อนล้าทั้งเปลือกตาก็หนักอึ้ง ผมทนฝืนนั่งอยู่สักพักก็วูบหลับไปบนพื้นหน้าฮีตเตอร์

ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหนแต่ผมไม่ฝันเลยสักนิด ทำให้รู้สึกว่าคงงีบไปไม่นาน แต่ตอนที่รู้สึกตัวขึ้นมากลับพบว่าตัวเองได้ถูกไข้หวัดเล่นงานเข้าให้แล้ว

“อือ” ผมครางงึมงำอย่างหงุดหงิดเมื่อศีรษะปวดตุบๆ อยู่ตลอดเวลาและหนักอึ้งจนยกหัวตัวเองขึ้นไม่ได้ ทั้งลมหายใจและร่างกายก็ร้อนผ่าว แม้มีผ้านวมผืนหนาคลุมทับก็ยังหนาวสั่นจนต้องเผลอขดตัวเองเข้าหากันเป็นก้อน

ผมกัดปากตัวเองอย่างอารมณ์เสีย ป่วยแบบนี้แล้วจะออกไปหาเขื่อนยังไง ตั๋วเครื่องบินก็ประทับตราวันเดินทางกลับไทยเป็นพรุ่งนี้แล้ว ทุกอย่างรุมเร้าจนสุดท้ายหัวผมก็ร้าวระบมหนักกว่าเดิม มันเจ็บจนเหมือนมีคีบเหล็กทาบรอบศีรษะก่อนกดลงมาอย่างแรง ปวดจนผมทนไม่ไหวต้องข่มตาตัวเองให้หลับไปทั้งอย่างนั้นเพื่อหนีความเจ็บปวด

...

ผมสะลึมสะลือขึ้นมาอีกครั้งหลังจากผ่านไปกี่ชั่วโมงไม่ทราบ อาการปวดหัวดีขึ้นมากแล้ว แต่ร่างกายยังสลับร้อนหนาวอยู่จนผมไม่นึกอยากลุกขึ้นจากเตียง

ขอนอนอีกสักพักแล้วกัน

ผมตกลงกับตัวเองก่อนจะปิดเปลือกตาลง แต่เสียงบางอย่างกลับทำให้ผมลืมตาโพลงขึ้นมา ร่างกายขยับตัวลุกพรวดพราดพร้อมกับวิ่งไปที่ห้องน้ำเองโดยไม่รู้เลยว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน

“เขื่อน!”

ปัง!

ผมถีบประตูห้องน้ำอยู่หลายทีเพราะเมื่อสักครู่ได้ยินเสียงคนกดชักโครก ทุบประตูอยู่สักพักคนในห้องน้ำก็เปิดประตูออกมา และใช่...

เป็นริมเขื่อนจริงๆ อย่างที่ผมหวังเอาไว้

“เขื่อน มึงไปอยู่ที่ไหนมา! มึงรู้ไหมว่ากูเป็นห่วง ไอ้เหี้ย โทรหาก็ไม่รับ เสื้อผ้าก็ไม่เอาไป คิดจะไปไหนก็ไปเลยเหรอวะ ถึงจะโกรธกูแค่ไหนก็ทำอย่างงี้ดิ ไอ้สัส!” ผมถลาเข้าไปจับไหล่กว้างมาเขย่าอย่างรุนแรง ทั้งยังตะโกนอัดหน้าไม่ยอมหยุด หัวใจผมเต้นเร้าด้วยจังหวะที่แรงยิ่งกว่าเพลงร็อคเมทัล แม้จะเริ่มเวียนหัวจากการออกแรงมากเกินไปแต่ผมก็ยังไม่ยอมเปล่าร่างสูงตรงหน้าให้เป็นอิสระ “กูเดินหามึงทั้งวัน มึง... มึงแม่ง ฮึก”

“ไผ่ ป่วยอยู่ลุกขึ้นมาทำไม”

“ฮึกก ไอ้เหี้ย มึงหุบปากไปเลย” ผมด่า ด่าทั้งที่น้ำหูน้ำตาไหล ด่ากราดแบบไม่รู้ว่าจะด่าทำไม แต่พอเห็นร่างสูงที่ไม่เห็นหน้ามาหนึ่งวันเต็มๆ ก็ห้ามปากตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ ผมพยายามจะเขย่าตัวริมเขื่อนต่อ แต่พิษไข้กลับเล่นงานให้ไม่สามารถออกแรงได้มากกว่านี้ ผมหน้ามืดทรุดร่างลงไปกองกับพื้นหลังจากหัวสั่นหัวคลอนมาสักพัก

“ไปนอนดีๆ ไข้ขึ้นอีกแล้ว” ริมเขื่อนในเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ผมไม่เคยเห็นก้มตัวลงมาช่วยพยุงผมขึ้นจากพื้น แขนแกร่งสอดเข้ามาใต้รักแร้ก่อนออกแรงฉุดผมให้ลุกขึ้นเดินเพื่อไปนอนบนเตียงดีๆ

สติสตังผมค่อยๆ กลับมาตอนที่ได้พักเพราะร่างกายประท้วงด้วยฤทธิ์ไข้หวัด ผมยอมนอนอยู่ใต้ผ้าห่มเงียบๆ ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาโดยไร้แรงสะอื้น ทั้งยังจับข้อมือของริมเขื่อนเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“จะไปไหน” ผมถามตอนที่คนตัวสูงหมุนตัวทำท่าจะเดินจากไป

“เอายามาให้มึงกิน ถึงเวลาแล้ว”

“กูไม่ให้ไป”

“ไผ่...” ใบหน้าสวยเบ้เล็กน้อยอย่างเอื่อมระอา “ป่วยก็ต้องกินยา”

“กูไม่ให้มึงไปไหนทั้งนั้น” ผมขึ้นเสียง รวบรวมแรงเท่าที่มีกระชากข้อมือเขื่อนให้ล้มตัวลงมานอนข้างๆ ยกแขนยกขาไปทับร่างสูงโปร่งที่ทำท่าจะลุกขึ้นไว้แน่น “เดี๋ยวมึงหนีออกไปอีก”

“ไม่หนีไปไหนหรอก”

“มึงหนี!” พอตะโกนจบน้ำตาผมก็ไหลออกมาอีก สุดท้ายทนอายไม่ไหวจึงต้องมุดหน้าซุกไหล่กว้างไว้เพื่อซ่อนร่องรอยอ่อนไหวของตัวเอง “อย่าไปในที่ที่กูหาไม่เจอ ขอร้องเหอะว่ะ”

“ร้องไห้ทำไมอีก หืม” ลมหายใจอุ่นตกกระทบที่หลังใบหูของผมเมื่อริมเขื่อนยื่นหน้าเข้ามากระซิบ ตอนนี้กลายว่าร่างกายที่ใหญ่กว่าเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายโอบกอดผมเอาไว้แทน เขาแทรกปลายนิ้วเข้ามาปาดน้ำตาออกให้พลางลูบหัวเบาๆ “กูควรจะเป็นคนที่ร้องไห้รึเปล่า ทำไมมึงร้องแทนล่ะไผ่”

“ก็มึง...”

มึงหายไป กูกลัวมึงจะไม่กลับมาอีกแล้ว

ผมได้ตอบมันในใจเพราะจุกแน่นไปทั้งทรวงอก ยิ่งริมเขื่อนลูบหัวลูบหางปลอบโยนมากแค่ไหนกำแพงความอดทนของผมก็ยิ่งพังครืนลงมา พอคนเราได้ลองร้องไห้มันก็จะร้องออกมาบ่อยๆ ดังนั้นผมจึงไม่ชอบการร้องไห้สักเท่าไหร่ มันทำให้ผมสมเพชตัวเอง ดูเป็นคนอ่อนแอแบบที่ผมไม่ต้องการ

ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อตั้งสติ ในที่สุดก็หยุดการพังทลายของทำนบน้ำตาได้ แต่กว่าจะถึงจุดนี้เสื้อผ้าของเขื่อนก็เปียกชื้นเป็นดวงใหญ่ ผมเมินรอยน้ำตาของตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของอ้อมแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยมีรอยช้ำที่เห็นได้ชัดเพิ่มขึ้นมา ริมฝีปากก็ไม่แดงระเรื่อเหมือนเก่า ผมเอื้อมมือขึ้นไปลูบเส้นผมยาวสลวยที่ไม่ได้รัดเอาไว้เล่นพลางบังคับให้เขื่อนสบตากันห้ามหลบ

“มึง...”

“...” เขาเงียบเพื่อรอให้ผมพูด ส่วนผมก็ใช้เวลาในการรวบรวมความกล้าอยู่นาน จนกระทั่งนึกรำคาญตัวเองเลยหลับหูหลับตาพูดโพล่งออกไปเสียงดังฟังชัด

“กูรักมึง!”

“...”

“...”

ความเงียบหลังจากการสารภาพโคตรน่าอึดอัด

ผมเผยอเปลือกตาขึ้นมาปฏิกิริยาของคนตรงหน้า และก็พบกับใบหน้าสวยที่ตกตะลึงราวกับเห็นหิมะตกในประเทศไทย กลีบปากบางของเขาแยกออกจากกัน ทั้งยังพะงาบๆ ราวกับจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา ผมเม้มปากพลางปิดตาตัวเองอีกครั้ง ยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บลงบนปากของเขื่อนเร็วๆ ก่อนจะพึมพำประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงที่เบาไม่ต่างจากการกระซิบ

“กูขอโทษ กูไม่ได้จะปฏิเสธมึง กูแค่กลัว... กูไม่กล้าพอเอง มันเป็นความผิดกูเองว่ะเขื่อน”

“มึงจะพูดอะไร...” ในที่สุดริมเขื่อนก็หาเสียงตัวเองเจอ

เขาดึงตัวผมให้ลุกขึ้นนั่งด้วยควมจริงจัง มือหนาความจับไหล่เอาไว้ก่อนบีบมันอย่างแรงราวกับต้องการเค้นคอให้ผมอธิบายทุกอย่างออกมาให้ชัดเจน

“มึงหมายความว่ายังไงไผ่”

“กูรักมึง”

“...”

“...” ผมเงียบเพื่อรอคอยบางอย่าง แต่เขื่อนก็เอาแต่จ้องหน้าผมเขม็งจนผมได้แต่อ้อมแอ้มถามออกไปเสียงเบาว่า “ถามกูอีกครั้งได้ไหม”

ถามกูอีกครั้ง และครั้งนี้กูจะให้คำตอบมึง

ผมสื่อสารประโยคด้านบนผ่านสายตาตัวเอง บังคับให้ร่างกายที่สั่นระริกตั้งให้ตรงเพื่อรับกับบรรยากาศจริงจังที่ต้องการสร้างขึ้น

ริมเขื่อนมีสีหน้าตกใจอีกแล้ว แต่ครั้งนี้เขาค่อยๆ ยิ้มออกมาเมื่อประมวลผลคำพูดของผมเสร็จ

“ไผ่...”

บ้าเอ้ย ผมปรับอารมณ์ตัวเองไม่ทัน

เมื่อกี้ยังกลั้นน้ำตาแทบตาย ตอนนี้กลายเป็นกลั้นความเขินตัวเองเสียอย่างนั้น

“ไผ่ครับ” น้ำเสียงนุ่มนวลกับฝ่ามือที่ขยับลูบผิวแก้มเบาๆ ของผมนี่มัน...

เขื่อนมึงเปลี่ยนอารมณ์เร็วไปป่ะวะ ช้าๆ ก็ได้กูไม่รีบ

ผมบ่นกับตัวอย่างฟุ้งซ่านเพราะนั่งไม่ติดพื้น ขยับตัวโยกไปโยกมาจนเขื่อนต้องจับหมับบ่าผมเอาไว้อีกครั้งเพื่อให้อยู่เฉยๆ เขาฉีกยิ้มบางๆ ส่งมาให้ ร่องรอยหม่นแสงในดวงตาจางหายไปแล้ว และนั่นทำให้หัวใจของผมพองโตตามไปด้วย

“คบกับเขื่อนนะครับ”

“...อืม กูตกลง” รอบนี้ผมตอบรับออกไปอย่างไม่มีลังเล ตอบเขาไปทันทีที่คำถามนั้นสิ้นสุดลง ริมเขื่อนฉีกยิ้มกว้าง รวบร่างผมเข้าไปกอดเอาไว้แน่น

“ขอบคุณครับ”

“ขอบคุณมึงเหมือนกันว่ะเขื่อน”

ขอบคุณที่มาอยู่ในชีวิตคนอย่างกู

พวกเรากอดกันอยู่อย่างนั้น ซึมซับความอบอุ่นจากร่างกายของแต่ละคนเพื่อชำระล้างความบาดหมางที่เกิดขึ้นระหว่างกัน ผมเอื้อมมือไปโอบกอดร่างสูงคืนบ้าง ทั้งยังพึมพำทั้งคำขอบคุณและขอโทษไม่หยุดหย่อนจนเขื่อนต้องตบหลังผมเบาๆ แล้วกระซิบบอกว่าไม่เป็นไร

เวลาเคลื่อนคล้อยผ่านไปอย่างเชื่องช้า ปล่อยให้ต่างฝ่ายต่างตักตวงไอความรักจากแต่ละฝ่ายจนเต็มอิ่ม ผมคล้ายได้ยาวิเศษที่ทำให้อาการไข้หายไปเป็นปลิดทิ้ง ตอนนี้ถึงได้ไม่รู้สึกป่วยอะไร มีแต่ความอุ่นใจลอยฟุ้งราวกับว่าคอมฟอร์ทโซนของผมได้กลับมาแล้ว

ผมเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าคอมฟอร์ทโซนที่แท้จริงของผมไม่ใช่สถานะเพื่อนไม่จริงระหว่างเรา แต่เป็นตัวริมเขื่อนเองที่ทำให้การอยู่ใกล้เขาเป็นเรื่องสบายใจ

การกอดกันไม่ต่างจากเชือกที่เหนี่ยวสภาพอารมณ์ของพวกเราให้ลอยกลับขึ้นมาอยู่ในสภาวะมีความสุข ผมได้ยินเสียงคนในอ้อมแขนหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ ก่อนที่คนๆ นั้นจะพูดหยอกล้อติดตลกขึ้นมาว่า

“กว่าจะตกลงได้นะ ต้องให้กูหนีเป็นนางเอกละครหลังข่าวซะก่อน”

“ก็พ่อสอนไว้ว่าอย่าใจง่าย” ผมเลยรับมุกด้วยแม้ว่าจะยังสูดน้ำมูกฟืดๆ อยู่

“อยากจะถุ้ยใส่”

“กล้าก็เอาดิ”

“ไม่กล้าหรอกครับคุณพี่ไผ่ แหม”

“ฮ่าๆ” ผมหัวเราะสุดเสียงอย่างที่ไม่คิดว่าจะหัวเราะได้อีกแล้วหลังจากเกิดเรื่องขึ้นระหว่างเราสองคน ใบหน้าสวยที่ขยับเข้ามาฉกจูบไปจากผมหลายทีก็ยังแต้มไปด้วยรอยยิ้มไม่ยอมหุบ

“ยิ้มอะไรเยอะแยะ” ผมเอ่ยปากแซวคนที่ชิงจูบผมไปเองแล้วก็หน้าแดงแจ๋เสียเอง เขื่อนเกาแก้มตัวเองเบาๆ แต่ก็ยังไม่วายตอบแบบกวนๆ กลับมา

“มีความสุขก็ต้องยิ้มสิ”

“เป็นบ้าเหรอ”

“อือ บ้ารักมึงเนี่ย”

ผมสะบัดหน้าหนี ขี้เกียจต่อปากต่อคำด้วย แต่ริมเขื่อนกลับไม่หยุดแค่นั้น เขายื่นหน้าเข้ามาประชิดใบหูของผม กระซิบเสียงแผ่วทั้งยังแอบหอมแก้มผมอีกครั้งหนึ่งก่อนถอยออกไป

“รักนะคะ คุณแฟน”

ชิท! ริมเขื่อนที่เป็นแบบนี้นี่มัน...

สุดท้ายผมก็ยังแพ้ทางคนๆ นี้อยู่ดีไม่ว่าจะเป็นตอนเด็กหรือตอนที่โตเป็นควายกันแล้ว

และก็ยังจะมีแค่เด็กชายริมเขื่อนคนนี้คนเดียวที่ผมจะยอมให้ทลายกำแพงเข้ามาข้างใน... หรือบางทีเขื่อนอาจอยู่ข้างในใจผมมาตลอดโดยไม่เคยออกไปไหนเลยก็ได้

จะอย่างไหนก็ช่างเถอะ ผมไม่สนอดีต ไม่สนอนาคตอะไรอีกแล้ว

แค่ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก็เหนื่อยเกินพอ

“กูก็รักมึง” ผมบอกเขากลับคืนบ้าง และจบท้ายด้วยการที่แผ่นหลังโดนผลักติดกับเตียงพร้อมกับริมฝีปากเป็นกระจับคู่นั้นบดเบียดลงมาบนกลีบปากผมอย่างอดใจไม่ไหว

บ้าเอ้ย! พรุ่งนี้ยังต้องนั่งเครื่องบินอีกหลายชั่วโมงนะ ไอ้เขื่อน!




[END]

__________________
Talk: ขอต้อนรับสู่บทสรุปของนิยายเรื่องนี้ค่า
ขอบคุณทุกกำลังใจ คำติชมจากทุกๆ คนนะคะ
อะไรที่ไม่ดีในเรื่องนี้ เราจะนำไปปรับปรุงในเรื่องถัดๆไป

หวังว่าจะได้เจอทุกคนอยู่ในเรื่องต่อไป
ขอบคุณและดีใจมากๆ ที่เขียนจบอีกเรื่องแล้ว
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจริงๆค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :L2: :L2: :L2:



(https://sv1.picz.in.th/images/2019/02/18/TraAIv.jpg)


นิยายเรื่องนี้กำลังจะตีพิมพ์กับ สนพ.อ่านนาน
เปิด Pre-Order 19/02/2019 นี้ค่า
ราคา 379.-
(หลังปิดพรีจะมีลงร้าน B2S และ E-bookจะเปิดขายหลังเล่มวางแผงค่ะ)


Contect
Facebook: อ่านนานสํานักพิมพ์ - annan publisher (http://www.facebook.com/Annanbooks)
Twitter: @Annan_Books (http://twitter.com/Annan_Books)


ปล.บนปกจะมีทั้ง พี่ไผ่และน้องเขื่อนนะคะ
เรายังไม่ได้ปกที่จัดอาร์ตเวิร์คแล้ว ถ้าได้แล้วจะนำมาอวดกันค่า  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 22 END [18-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 18-02-2019 15:30:49
มีความสุขสักทีนะน้องไผ่
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 22 END [18-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-02-2019 18:42:34
เย้ ยินดีด้วยน้า ทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 22 END [18-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-02-2019 19:35:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 22 END [18-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-02-2019 19:43:46
น่าสงสารน้องไผ่นะ นั่งลำบากหลายชั่วโมงเลย
สำนวนดีมากค่ะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 22 END [18-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 18-02-2019 20:16:04
 :-[
 :L2:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 22 END [18-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-02-2019 22:29:43
ไผ่นะไผ่......  :z3:
รักเขื่อน แต่ปากแข็ง....  :o8:
กว่าจะลงตัว ตัวเองเป็นไข้หวัดเพราะตามหาเขื่อน  :เฮ้อ:
จบอย่างมีความสุข  :mew1: :mew1: :mew1: 
ขอบคุณไรท์มาก  :L2:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 22 END [18-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 18-02-2019 22:39:21
 :mew1: :mew1: :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 22 END [18-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 18-02-2019 23:02:10
“รักนะคะ คุณแฟน”    :-[  :-[  :-[

กว่าจะมีวันนี้นะเขื่อน.  ยินดีด้วยนะไผ่.

หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 22 END [18-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 18-02-2019 23:16:51
ชอบเรื่องนี้มากๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 22 END [18-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: เข็มวินาที ที่ 19-02-2019 02:10:29
เย่ น่ารักมากๆเลยค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 22 END [18-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 19-02-2019 13:15:32
 :3123: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 22 END [18-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 19-02-2019 15:21:00
เย้...มีความสุขสักทีนะเขื่อนไผ่ จบแล้วขอบคุณจ้า :กอด1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 22 END [18-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 20-02-2019 15:52:57
คุณแม่สอนได้ดีมาก ยินดีกับเขื่อนด้วยจ้า
ขอบคุณมากค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | บทที่ 22 END [18-Feb-2019] P.11
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 21-02-2019 15:53:22
 :pighaun: สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | "ตอนจบ" + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 21-02-2019 21:23:38
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/02/22/Tp31Oz.jpg)

(https://sv1.picz.in.th/images/2019/02/22/Tp3gx0.jpg)

(https://sv1.picz.in.th/images/2019/02/22/Tp3czR.jpg)

เรื่อง เพื่อนวัยเด็ก
ผู้เขียน พลอยพรรณ
ราคา 379 บาท
พรีออเดอร์ 19.02.19 - 25.03.19

คำโปรย
ริมเขื่อน เด็กผู้ชายหน้าสวยที่ผมปกป้องมาตั้งแต่เด็ก กลับโตมากลายเป็นนายแบบชื่อดัง ที่กำลังมีจุดประสงค์คือ...จ้องจะกลืนผมลงท้อง!

สั่งจองได้ตามลิงก์ด้านล่างนี้
http://annanbooks.lnwshop.com/…/%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7… (http://annanbooks.lnwshop.com/product/13/%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81?fbclid=IwAR3zISNYkiJLguUKCSJdNkFW4h-F0QOWVikKuy4fV2DSsBhJgR2KvyOUV1M)


ของพรีเมียมรอบพรีออเดอร์ วันที่ 25.03.19

ตอนพิเศษ
   - กุญแจมือและปลอกคอ
   - ของคู่?
   - หน้าที่ของแฟนหนุ่ม
   - ออสติน VS ไผ่เงิน
   - แมวพยศ
   - ริมเขื่อนที่โกรธเกรี้ยว

โอนภายใน 7 Day (19.02.19 - 26.02.19 ถึงเวลา 23.59 น.)
     รับ โปสเตอร์ A4 2 ใบ 2 ลาย (ลายเขื่อนคนสวย, ลายน้องไผ่คนน่ารัก)
     ที่คั่น 2 ใบ 2 ลาย
     โปสการ์ด 1 ใบ 1 ลาย

โอนรอบพรีออเดอร์ (ตั้งแต่เปิดพรีฯ - จนปิดพรีฯ เท่านั้น)
    รับ โปสเตอร์A4 1 ใบ ซุ่มลาย (ระหว่างลายเขื่อนคนสวย, ลายน้องไผ่คนน่ารัก)
    ที่คั่น 2 ใบ 2 ลาย
    โปสการ์ด 1 ใบ 1 ลาย



(หลังปิดพรี จะมีวางแผงที่ B2S และ E-book ค่ะ)
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | "ตอนจบ" + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 22-02-2019 00:03:17
จบแล้ว :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | "ตอนจบ" + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 22-02-2019 05:12:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | "ตอนจบ" + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 22-02-2019 20:34:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | "ตอนจบ" + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 22-02-2019 23:25:54
อิ อิ หนูไผ่ลูกกกกกกกกกก  อ่ะเนาะ ชอบคุณแม่อ่ะ
เขียนนิยายต่อไปนะคะ  จะรอเรื่องต่อไปน้าาาาา
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | "ตอนจบ" + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 23-02-2019 12:54:00
ฟินนนนนน
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | &quot;ตอนจบ&quot; + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: continued ที่ 23-02-2019 16:14:59
ตามอ่านเรื่องนี้รวดเดียวจบ ชอบความสัมพันธ์ในช่วงแรกๆ มากเลยค่ะ
เข้าใจโมเมนต์ที่ว่าเราเคยเป็นทุกอย่างให้กันมานาน จนกระทั่งไม่มีมันแค่ไม่กี่ปี กลับทำให้เค้าเปลี่ยนจนเราเข้าหน้าไม่ติดมากๆ ;—; แต่พอเจออีกครั้ง สุดท้ายเค้าก็ยังเป็นคนนั้นของเราอยู่ดี เราก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของเค้า ถึงแม่จะไม่ใช้ทุกๆส่วนแล้วก็ตาม

แต่ช่วง หลังๆ เหมือนจะเร่งไปหน่อย โดยเฉพาะตอนจบ มันเหมือนปุบปับไปนิดนึงค่ะ จริงๆคืออยากให้มีต่อ5555 อันนี้เหมือนผ่านดราม่าปุ๊บ แล้วตัดจบเลย
จริงๆยังแอบอยากรู้ชีวิตทั้งสองคนในเรื่องต่างๆมากกว่านี้หน่อยค่ะ

บางตอนยังมีคำผิดอยู่ ในการแทนตัวเอง บางครั้งไผ่พูด แต่ดันไปเผลอเรียกตัวเองว่าไผ่ในบุคคลที่3

อีกเรื่องที่ขัดใจคือไปอังกฤษน่าจะต้องขอวีซ่ากันมั้ยคะ ดูบินกันแบบปุบปับมากเลย จริงๆ เป็นความตะขิดตะขวงใจส่วนตัวของเราเองค่ะ แง ขอโทษคนเขียนด้วยน้า

แล้วจะตามไปอุดหนุนนะค้า อยากอ่านตอนพิเศษ :)


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | &quot;ตอนจบ&quot; + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 23-02-2019 18:15:52
ตามอ่านเรื่องนี้รวดเดียวจบ ชอบความสัมพันธ์ในช่วงแรกๆ มากเลยค่ะ
เข้าใจโมเมนต์ที่ว่าเราเคยเป็นทุกอย่างให้กันมานาน จนกระทั่งไม่มีมันแค่ไม่กี่ปี กลับทำให้เค้าเปลี่ยนจนเราเข้าหน้าไม่ติดมากๆ ;—; แต่พอเจออีกครั้ง สุดท้ายเค้าก็ยังเป็นคนนั้นของเราอยู่ดี เราก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของเค้า ถึงแม่จะไม่ใช้ทุกๆส่วนแล้วก็ตาม

แต่ช่วง หลังๆ เหมือนจะเร่งไปหน่อย โดยเฉพาะตอนจบ มันเหมือนปุบปับไปนิดนึงค่ะ จริงๆคืออยากให้มีต่อ5555 อันนี้เหมือนผ่านดราม่าปุ๊บ แล้วตัดจบเลย
จริงๆยังแอบอยากรู้ชีวิตทั้งสองคนในเรื่องต่างๆมากกว่านี้หน่อยค่ะ

บางตอนยังมีคำผิดอยู่ ในการแทนตัวเอง บางครั้งไผ่พูด แต่ดันไปเผลอเรียกตัวเองว่าไผ่ในบุคคลที่3

อีกเรื่องที่ขัดใจคือไปอังกฤษน่าจะต้องขอวีซ่ากันมั้ยคะ ดูบินกันแบบปุบปับมากเลย จริงๆ เป็นความตะขิดตะขวงใจส่วนตัวของเราเองค่ะ แง ขอโทษคนเขียนด้วยน้า

แล้วจะตามไปอุดหนุนนะค้า อยากอ่านตอนพิเศษ :)


Sent from my iPhone using Tapatalk


ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่า
เรื่องวีซ่า สารภาพเลยว่าตอนแต่งลืมนึกค่ะ เพราะคิดเรื่องรายละเอียดยิบย่อยอื่นๆ อยู่
แต่ในฉบับรีไรท์ได้แก้ไขส่วนที่พลาดไปแล้วค่า

เจอกันในตอนพิเศษนะคะ
เรื่องตอนจบเป็นความจงใจที่จะตัดตรงนี้ของเราเองค่า
มันอาจดูห้วนๆ แต่เราได้ลองเขียนต่อไป สุดท้ายก็ผลักไปเป็นตอนพิเศษแล้วจบตรงนี้เหมือนเคย
ดีใจที่ชอบนะคะ ส่วนตรงไหนไม่ดีติชมกันได้ค่ะ จะนำไปพัฒนาในเรื่องต่อๆไป :mew1:







PS.เดี๋ยวจะนำฉบีบรีไรท์มาลงทับนะค้า
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | "ตอนจบ" + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 24-02-2019 11:38:38
ปรบมืออออ  สนุกมากน่ารักมากๆ ดีหมดทุกอย่าง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | "ตอนจบ" + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Kitsune1st ที่ 24-02-2019 16:16:35
กว่าจะตกลง แอบลุ้นเลยเนี่ย 5555
ถ้าไม่ได้คุณแม่เตือนสติ เขื่อนคงชอกช้ำต่อไป

หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | "ตอนจบ" + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 24-02-2019 22:58:40
สนุก น่ารัก ขอบคุณคนเขียนมากๆน้า  o13
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | "ตอนจบ" + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 25-02-2019 20:33:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | "ตอนจบ" + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Nannyna ที่ 26-02-2019 00:10:18
สวัสดีค่ะ kmitl 57ค่ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | "ตอนจบ" + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Nannyna ที่ 26-02-2019 00:13:35
คนแต่งนี้เรียนลาดกระบังรึเปล่าคะ5555
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | "ตอนจบ" + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 03-03-2019 17:11:23
นำของแถมแล้วหน้าปกมาอวดค่า

(https://sv1.picz.in.th/images/2019/03/04/tSTaoJ.md.jpg)

(https://sv1.picz.in.th/images/2019/03/03/tSTUft.jpg)


สำหรับฉบับรีไรท์จะนำมาอัพทับให้อีกครั้งนะคะ เพื่อนักอ่านที่อ่านในเว็บจะได้อ่านฉบับสมบูรณ์กัน


ส่วนหนังสือยังสามารถสั่งซื้อได้อยู่นะคะ

ราคา 379 บาท
พรีออเดอร์ 19.02.19 - 25.03.19

สั่งจองได้ตามลิงก์ด้านล่างนี้
http://annanbooks.lnwshop.com/p/13 (http://annanbooks.lnwshop.com/p/13)





ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่เพิ่งเข้ามาอ่านและตามกันมาสักพักแล้วนะคะ
อ่านทุกคนเลย อ่านบ่อยๆ ด้วยเพราะเป็นกำลังใจของเรามากๆ
หวังว่าจะเจอกันเรื่องต่อไปค่า

ปล.เราเรียนลาดกระบังค่ะ เป็นวิศวะรุ่น54 กำลังจะเรียนจบพ.ค.นี้แล้ว เย้ๆๆๆๆ  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | "ตอนจบ" + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 07-03-2019 21:32:45
สนุกมาก รอ e book นะคะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | "ตอนจบ" + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: pond_sn ที่ 12-03-2019 20:26:44
ขอบคุณค่าา
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | "ตอนจบ" + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 18-03-2019 00:58:46
ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆ เราแบบร้องไห้กับฉากที่คนอื่นไม่ร้อง แบบอินกับไผ่และน้องน้อยของเขาตอนเด็กมากเลยค่ะ เป็นพี่ที่ดีมาก เป็นพี่ที่เข้มแข็งต่อหน้าน้องแต่ตอนกลางคืนมานอนร้องไห้ แต่ก็เป็นแค่เด็กคนนึงอ่ะเนอะ รักในความยอมทุกอย่างเพื่อน้องเขื่อน เป็นเราก็ทรมานหัวใจเมื่อโตมาจริงๆค่ะ ถึงโตมาเขื่อนจะอยู่โพผัวแต่ในสายตาพี่ไผ่น้องยังไงก็คือน้องอ่ะเนอะ สนุกแล้วก็ประทับใจมากค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ จะติดตามผลงานต่อๆไปนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | "ตอนจบ" + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: finwhale ที่ 19-03-2019 10:25:21
ชอบมากๆ อ่านแล้วมีความสุขไม่อยากให้จบเลย
ยังอยากอ่านเรื่องราวความรักของทั้งสองคนหลังจากนี้อีก
ขอบคุณและจะติดตามเรื่องอื่นๆ ต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | "ตอนจบ" + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Janemera ที่ 21-03-2019 12:51:56
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | "ตอนจบ" + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 21-03-2019 16:54:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | "ตอนจบ" + [แจ้งข่าว] P.12
เริ่มหัวข้อโดย: MsMin ที่ 22-03-2019 01:34:03
มีตอนพิเศษกี่ตอนคะ อยากให้สปอยตอนพิเศษนิดๆเรียกน้ำย่อยหน่อยค่ะ
เรารอEbookนะ เพราะไม่ได้อยู่ไทย แต่ซื้อแน่ๆ หลงรักน้องเขื่อนคนสวย ♡
แต่ขอมีคอมเม้นนิดนึงนะคะ ภาษาอังกฤษคำแรกตอนต้นเรื่องเลยอ่ะที่ไผ่ตอบแม่ว่า Yes, sir คืออ่านแล้วสะดุดกึกเลยค่า
ควรจะแก้เป็น Yes, mam แทน
ตรงอื่นโอเคแล้วค่ะ ชอบมากเวลาไผ่เล่าเรื่อง ภาษาเขียนดีมากเลยมันทั้งตลกแล้วก็ชวนให้ตาม บทบรรยายแต่ละอย่างก็ดีมากๆ รอebook นะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | สปอยล์ตอนพิเศษทั้ง 6 ตอน P.12
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 22-03-2019 18:15:58
ตอนพิเศษ1: กุญแจมือและปลอกคอ

ผมคบกับริมเขื่อนมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว และหลังจากที่เอาแฟนไปเปิดตัวกับกลุ่มเพื่อนสมัยมหา’ลัย ไอ้นายก็สรรหาอะไรบางอย่างมาให้ผมใช้ พลางบอกด้วยว่ามันสุดแสนจะเข้ากับใบหน้าสวยๆ ของริมเขื่อนมากๆ

และเมื่อผมเปิดถุงกระดาษออกดู ก็พบว่ามันคือปลอกคอกับกุญแจมือที่มีขนปุกปุยสีดำสนิท

…..

...

.

“ไม่เอาไผ่”

“ไม่อยากใส่เหรอ”

“ไม่”

“ถ้ามึงยอมใส่นะเขื่อน” ผมสาวเท้าเข้าไปหาเขา ก้มลงกระซิบชิดใบหูของอีกฝ่ายว่า “I will be riding you”

“...!”

 




ตอนพิเศษ2: ของคู่?

คนเป็นแฟนกันมักจะมีของคู่กันน่ารักๆ เช่นเครื่องประดับ เสื้อคู่ ถ้วยชากาแฟลายเดียวกัน หรืออะไรก็ตามที่มีวางขายอยู่ในตลาด ดังนั้นเวลามีเทศกาลคู่รักหรือตามห้างในวันหยุดเราจึงมักจะเห็นบรรดาคู่รักใส่เสื้อยืดลายเดียวกันหรือคู่กันเป็นเซ็ต แต่งกานในรูปแบบคล้ายกัน หรือบางทีก็สวมแหวน ห้อยเครื่องประดับที่สลักชื่ออีกฝ่ายเอาไว้

และใช่ นั่นเป็นเรื่องปกติของคนเป็นแฟนกัน

แต่ผมคิดว่าริมเขื่อนกำลังมีปัญหากับการทำโมเม้นน่ารักๆ ในชีวิตรัก

“อะไรของมึง” ผมโวยวายเสียงดังเมื่ออยู่ๆ วันหนึ่งริมเขื่อนที่เพิ่งกลับมาต่างจังหวัดก็ยื่นถุงใบหนึ่งมาให้แล้วบอกว่าของฝาก แต่พอผมหยิบขึ้นมาดูกลับพบว่ามันคือกางเกงใน

ใช่ครับ

กางเกงในคู่

What the……….f*ck!!!

 

 

 

ตอนพิเศษ3: หน้าที่ของแฟนหนุ่ม

“ไผ่กูเหนื่อย”

“เออ รู้แล้ว”

“พรุ่งนี้กูจะลางาน ปิดโทรศัพท์หนีแม่งให้หมด”

“อืมๆ” ผมพยักหน้ารับสีหน้างอแงของคนตรงหน้า สอดมือขวาเข้าไปแย่งเอาไดร์เป่าผมจากริมเขื่อนมาถือไว้เอง “เดี๋ยวกูเป่าผมให้”

“หืม? ทำไมวันนี้ใจดี”

“มึงจะได้เอาเวลาไปโบกครีมนับแสนของมึงให้เสร็จ จะได้นอนสักที”

 

 

 

ตอนพิเศษ4: ออสติน VS ไผ่เงิน

เขื่อนมีถ่ายแบบคู่กับออสตินอีกแล้ว...

“พวกนายคบกันแล้วเหรอ” ออสตินพูดโพล่งขึ้นมาตอนที่เราอยู่กันสองต่อสอง

“คบแล้ว”

“ไม่คิดว่าจะได้คบกันจริงๆ”

“หมายความว่ายังไง”

 

 

 

ตอนพิเศษ5: แมวพยศ

เวลาไผ่หลับ เป็นเวลาที่แมวพยศสงบลง

ผมชอบช่วงเวลาแบบนั้นมากที่สุด ไม่สิ ผมชอบรองเป็นอันดับสอง

เพราะไผ่เงินที่เป็นแมวพยศบนเตียงนั่นคือที่สุดของที่สุดแล้ว

......

....

.

“ไผ่ เดี๋ยวไม่ได้นอนนะ”

“ก็ไม่ต้องนอน” เขาบอกแล้วกระชากเสื้อนอนผมออกอย่างง่ายดาย

ผมบอกแล้ว... แมวพยศบนเตียงน่ะดีที่สุด

 

 

 

ตอนพิเศษ6: ริมเขื่อนผู้โกรธเกรี้ยว

ผ่านมาสามปีแล้วกับการมีผู้ชายที่ชื่อริมเขื่อนอยู่ในชีวิตในฐานะของคนรัก

ตอนแรกผมก็นึกว่าเราจะไปกันไม่รอด แต่อยู่ไปอยู่กลับกลายเป็นรอดเฉย

ผมก็งงๆ เหมือนกัน แต่ก็อยู่กันมาจนขนาดนี้ก็มีความสุขดีๆ ระหว่างเราไม่ค่อยทะเลาะกันรุนแรงเท่าไหร่ ส่วนมากจะเถียงกันเสียมากกว่า

แต่วันนี้อยู่ๆ ริมเขื่อนก็โกรธแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ใบหน้าสวยบูดบึ้งและเอาแต่สะบัดหน้าหนีผมเวลาผมจะเดินเข้าไปหา

“เขื่อน กูขอโทษ” ผมพยายามอ้อนวอนขอความเห็นใจ แต่ริมเขื่อนกลับไม่สนใจมัน...

 

 



________________



ยินดีต้อนรับนักอ่านหน้าใหม่ที่เข้ามาค่า และขอบคุณรีวิวจากหลายๆ ที่ด้วย

หนังสือยังเปิดพรีถึงวันที่ 25 มีนาคม นี้นะคะะะะะะ ><
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | สปอยล์ตอนพิเศษทั้ง 6 ตอน P.12
เริ่มหัวข้อโดย: zzcors ที่ 25-03-2019 11:59:28
ชอบฟิลเตอะพระเอกเป้นหมาป่าห่มหนังแกะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | สปอยล์ตอนพิเศษทั้ง 6 ตอน P.12
เริ่มหัวข้อโดย: MsMin ที่ 26-03-2019 06:09:16
ขอบคุณนะคะ ถ้าออก ebook เมื่อไหร่มาส่งข่าวบ้างนะ มีคนคอยอยู่ตรงนี้  :-[
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | สปอยล์ตอนพิเศษทั้ง 6 ตอน P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Piiiimsen ที่ 26-03-2019 10:20:22
ชอบอ่าา ตอนแรกก็คิดว่าเป็นนิยายกวนๆแต่ก็แอบกวนจริงๆนั่นแหละ5555 สนุก ริมเขื่อนคือน่ารัก ชอบเวลาตอนที่บรรยายเป็นน้องเขืาอนคือน่ารักมากก ยิ่งตอนขอคบแล้วเขื่อนร้องไห้คือแบบ โอ๊ยยน่ารักอ่ะ ชอบบ ขอบคุณมากนะคะสำหรับนิยายสนุกๆ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | สปอยล์ตอนพิเศษทั้ง 6 ตอน P.12
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 30-03-2019 00:56:20
เขื่อนนี่เจ้าเล่ห์จริงๆเลยน้าาาา ไผ่น่าสงสารตรงเรื่องครอบครัวคือพ่อกับแม่นี่ทำให้เค้าเป็นแผลใหญ่เลยนะ โชคดีที่มีเขื่อน เราชอบมากเลยค่ะ นิยายอบอุ่นหัวใจ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | สปอยล์ตอนพิเศษทั้ง 6 ตอน P.12
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 01-04-2019 17:49:59
เขื่อน นางร้ายตั้งแต่ต้นยันจบ ไผ่นางไม่ทันเขื่อนเลย
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | สปอยล์ตอนพิเศษทั้ง 6 ตอน P.12
เริ่มหัวข้อโดย: kazamaki ที่ 01-04-2019 21:36:42
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | สปอยล์ตอนพิเศษทั้ง 6 ตอน P.12
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 02-04-2019 22:15:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | สปอยล์ตอนพิเศษทั้ง 6 ตอน P.12
เริ่มหัวข้อโดย: MsMin ที่ 03-04-2019 02:24:10
ขอบคุณที่มาสปอยตอนพิเศษให้นะคะ ลงebook เมื่อไหร่ก็มาส่งข่าวมั่ง เราจะได้ไปเปย์
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | สปอยล์ตอนพิเศษทั้ง 6 ตอน P.12
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 15-04-2019 22:04:43
รุกหน้าสวย น่ารักครับ

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | สปอยล์ตอนพิเศษทั้ง 6 ตอน P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Sillyfoolstupid ที่ 29-05-2019 20:23:04
เห็นหมีคุกแนะนำเลยตามมาอ่านค่ะ
ที่จริงเคยอ่านจรดฟ้าฯแล้ว แต่ไม่รู้ว่าคนเขียนมีเรื่องนี้อีก เลยเพิ่งได้อ่าน
ชอบเมะหน้าสวยค่ะ ยิ่งเป็นซิงเหย่ยิ่งชอบค่ะ
จะติดตามผลงานเรื่องอื่นๆต่อไปนะคะ  ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | สปอยล์ตอนพิเศษทั้ง 6 ตอน P.12
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 01-06-2019 07:55:00
อยากเห็นเขื่อนหึงโหดอ่าาาาาา :ling1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | สปอยล์ตอนพิเศษทั้ง 6 ตอน P.12
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 01-06-2019 13:20:59
ริมเขื่อนร้ายนะคะ กลืนน้องเขื่อนคนน่ารักลงท้องกลายเป็นหมาป่า หลอกล่อพี่ไผ่ให้ติดกับซะอยู่หมัดเลย
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | สปอยล์ตอนพิเศษทั้ง 6 ตอน P.12
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 12-06-2019 22:43:44
เราน่ะ อ่สนรวดเดียวจบเลยค่ะ
ชอบทั้งตอนเด็กและตอนโตเลยด้วย
ตอนเด็กๆที่พี่ไผ่คอยปกป้องน้องน้อยของเขา คือน่ารักมาก
เป็นพี่ชายที่พยายามจะเข้มแข็ง เป็นฮีโร่ของน้องชาย
ความบราค่อนเต็มเปี่ยมเลยค่ะ
พอโตมาเขื่อนคือรุกแรงมาก แต่สัมผัสได้เลยว่าเค้ารักไผ่มากจริงๆอะ
นี่จะร้องไห้หลายรอบมากกับความรักของเขื่อน
ตอนใต้มิสเซิลโทลเรานี่แบบนั่งปาดน้ำตาเลย เข้าใจทั้งคู่เลยอะ
เขื่อนคือรักมาก หวังมาก เพราะทุกอย่างมันไปได้ด้วยดีมากๆ และควรหวังจริงๆ
แต่เราก้เข้าใจไผ่อะ ว่าการเจอความผิดหวังกับความรักซ้ำๆมันทำให้เรากลัว
ไม่ได้กลัวที่จะเริ่มต้น แต่กลัวว่าซักวันนึงจุดจบจะมาถึง แล้วเราจะเสียจุดยืนตรงนี้ไป
มันแสดงให้เห็นอย่างนึงว่าสำหรับไผ่ เขื่อนสำคัญมาก แบบมากๆเลย
สำคัญจนไม่กล้าเสี่ยงกับอะไรก้ตามที่จะทำให้เค้าต้องเสียคนๆนี้ไปอะ
แต่สุดท้ายพอเห็นว่าตอนนี้มันก้เท่ากับว่าเค้าได้เสียเขื่อนไปแล้วจริงๆ
รวมกับที่ได้ปรึกษาแม่ ไผ่เลยคิดได้ซะทีว่าการกลัวอนาคตมันตัดโอกาสในชีวิตเราไปเยอะอะ

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆแบบนี้นะคะ เราชอบมากก
ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเจอแนวเมะหน้าสวยเท่าไหร่เลย
แรร์มาก แต่เราดันชอบแนวนี้อะ 55555555
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | สปอยล์ตอนพิเศษทั้ง 6 ตอน P.12
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 18-06-2019 22:51:37
 :katai2-1:  :katai2-1: ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | สปอยล์ตอนพิเศษทั้ง 6 ตอน P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 11-08-2019 12:54:32
คือดจีย์~~~~~~~~~~ สนุกมากๆ ขอบคุณค่ะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | สปอยล์ตอนพิเศษทั้ง 6 ตอน P.12
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 11-09-2019 22:34:25
อยู่กันแบบลงตัวอะคู่นี้ มีกันและกันในชีวิตด้วยความเคยชินงี้  :-[
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | สปอยล์ตอนพิเศษทั้ง 6 ตอน P.12
เริ่มหัวข้อโดย: หะมายด์เอง ที่ 21-10-2019 20:08:17
สวัสดีค่าทุกคน

เราจะมาแจ้งว่า เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย ของเรานั้น
มี E-book แล้วค่าาาาาา
กรี๊ดดดดด

ใครที่สะดวกใน E-book สามารถสั่งซื้อได้นะคะ
ช่วงนี้มีโปรลดอยู่น้าาา

Link
1.Meb market (http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMjEwMzIwMSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEwNjQxNiI7fQ)
2.Hytexts (https://m.hytexts.com/showproduct.php?code=B021676)



และหนังสือยังสามารถสั่งได้ทางเว็บไซต์อ่านนานนะคะ
>>>สั่งหนังสือ (http://www.annanbooks.com/product/13/%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81)<<<
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | E-Book มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 10-11-2019 09:06:58
อ่านรวดเดียวแล้วมันดีมากเลยค่ะ ชอบความสัมพันท์ของไผ่กับเขื่อนในวัยเด็กมาก มันน่ารักมากๆเลย ส่วนช่วงที่โตแล้วนี่ชิบความเจ้าเล่ห์ความงูพิษของน้องเขื่อน 55555 รู้ว่าจุดอ่อนของพี่ไผ่คืออะไรก็งัดมาใช้หมด ส่วนพี่ไผ่คือรู้แหละว่าเขาวางกับดักไว้แต่ก็ยังกระฌจนเข้าไปเพราะเห็นภาพน้องน้อยซ้อนทับอยู่ ชอบที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาค่อยๆขยับเข้ามาเรื่อยๆ เราเข้าใจไผ่นะคะที่กลัวกับสถานะที่เปลี่ยนไป จากเหตุการณ์ต่างๆมันทำให้ไผ่ไม่กล้าก้าวออกจากจุดนั้น ยอมรับเลยว่าร้องไห้ตอนที่ไผ่คิดหลังจากปฏิเสธไป การที่เราเหลือสิ่งที่ยึดเพียงอย่างเดียวในตอนนี้ถ้าหากก้าวออกจากคำว่าเพื่อนมาเป็นแฟนแล้วเจอเหตุการณ์เหมือนในอดีต แม้แต่คนรู้จักก็อาจจะเป็นได้ยาก ดีใจกับไผ่จริงที่ก้าวออกมาได้ และมีความสุขกับปัจจุบันสักที ไม่ต้องคอยพะวงกับอนาคตที่มาไม่ถึง ไม่ต้องคอยกลัวแต่อดีต สุดท้ายขอบคุณมากๆเลยค่ะที่สร้างเรื่องราวเหล่านี้มาให้เราได้ประทับใจ ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้ขึ้นมาค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | E-Book มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 12-04-2020 12:13:32
เรื่องนี้น่ารักมากเลยค่ะ
เราชอบเมะน่าสวย แต่หาอ่านยากมาก
เจอไม่เรื่องเอง พอเห็นหัวข้อเรื่องนี้รีบเข้ามาอ่านเลย
แล้วก็ๆม่ผิดหวังน่ารักสนุกมาก
ขอบคุณคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | E-Book มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 14-04-2020 09:18:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | E-Book มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: aon_noaa ที่ 23-04-2020 19:00:02
เข้ามาอ่านเเบบรวดเดียวจบเลยค่ะ เป็นเรื่องที่น่ารักมากกกกก เราเข้าใจไผ่นะที่ยักยื้อยักยันไม่ยอมคบสักที คนอ่านก็ลุ้นเเล้วลุ้นอีกว่าเมื่อไรพี่ไผ่จะยอมคบ คนมันมีปม ก็กลัวเป็นปกติเหละ ออกจะเอ็นดูด้วยซ้ำ เเต่ยัยน้องก็ร้ายไม่เบา อ้อนพี่มันจนได้ เนี่ยยยยย ไม่ยอมได้ไงก่อน คนนู้นก็หลงน้อง โง้ยยยย น่ารักกันมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: เพื่อนวัยเด็ก #เขื่อนคนสวย {แนวเมะหน้าสวย} | E-Book มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 29-04-2020 14:29:23
คำพูดของmomดีมากกกก ดีใจกับเขื่อนด้วยสุดท้ายก็happy  :katai2-1: