พิมพ์หน้านี้ - ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Renze ที่ 18-09-2012 13:18:43

หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 18-09-2012 13:18:43
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม, ติดเรท x, ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่ง แม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert Qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



▲▼กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่▼▲ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)





▬ " รักคืนรัง " ▬

รัก ๒ ก. มีใจผูกพันด้วยความห่วงใย เช่น พ่อแม่รักลูก รักชาติ รักชื่อเสียง,
 มีใจผูกพันด้วยความเสน่หา, มีใจผูกพันฉันชู้สาว, เช่น ชายรักหญิง,
 ชอบ เช่น รักสนุก รักสงบ.

รัง ๒ น. สิ่งซึ่งสัตว์พวกนก หนู และแมลงเป็นต้นทําขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย
 กําบังและฟักไข่เลี้ยงลูก,โดยปริยายเรียกสิ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึง
 เช่นนั้น เช่น รังโจร รังรัก.


* อ้างอิงจาก พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน

สารบัญ

INTRO (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2131886#msg2131886)
ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2132192#msg2132192)   ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2133095#msg2133095)   ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2145605#msg2145605)   ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2152317#msg2152317)  ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2176456#msg2176456)
ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2181665#msg2181665)   ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2183897#msg2183897)   ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2196734#msg2196734)   ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2202088#msg2202088)   ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2205601#msg2205601)
ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2207681#msg2207681)   ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2221020#msg2221020)   ตอนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2237682#msg2237682)   ตอนที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2240746#msg2240746)   ตอนที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2243152#msg2243152)
ตอนที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2256759#msg2256759)   ตอนที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2262222#msg2262222)   ตอนที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2263116#msg2263116)   ตอนที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2279140#msg2279140)   ตอนที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2280425#msg2280425)
ตอนพิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2283419#msg2283419)


มากกว่ารัก (ผู้พัน - ชินดนัย)

ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2394040#msg2394040)     ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2396056#msg2396056)     ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2397991#msg2397991)     ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2404226#msg2404226)     ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2405421#msg2405421)
ตอนพิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34835.msg2406409#msg2406409)

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「INTRO :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 18-09-2012 13:29:19
" รักคืนรัง "

INTRO



          ร่างสูงของชายหนุ่มวัยยี่สิบเก้าย่างสามสิบ กำลังยืนหันหลังพิงโต๊ะทำงาน ดวงตาคมทอดสายตามองฝ่าละอองฝนที่เกาะพราวอยู่บนบานหน้าต่างของอาคารสำนักงานสูงบนถนนสาทร บรรยากาศภายนอกอาคารดูขมุกขมัวเพราะสายฝนที่โปรยปรายอยู่ตลอดวัน แม้ว่าจะเป็นช่วงหน้าร้อน

          ดวงหน้าคมเคร่งเครียด คิ้วเข้มขมวดจนแทบจะชนกัน อันเนื่องมาจากสิ่งที่เพิ่งผ่านสายตาเข้าสู่การกลั่นกรองของสมองเมื่อห้าทีที่ผ่านมา จนชายหนุ่มต้องยกหูเรียกคนสนิทเข้าพบ

          บนโต๊ะทำงานไม้มะฮอกกานีอย่างดี สมตำแหน่งประธานบริษัทผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างแถวหน้า ที่วงการสิ่งก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ต่างยอมรับรู้จักเป็นอย่างดี หนังสือพิมพ์รายวันหัวสีวางแผ่หลาอยู่บนโต๊ะทำงาน ดูเป็นเรื่องปกติวิสัยของผู้บริหารหนุ่มที่จะติดตามข่าวสาร แต่...

          หน้าที่เปิดอยู่กลับเป็นหน้าข่าวซุบซิบของแวดวงสังคม แทนที่ควรจะเป็นข่าวสารแวดวงธุรกิจ

          กรอบข่าวซุบซิบสามบรรทัด ถูกไฮไลท์ด้วยปากกาสีเหลืองสะท้อนแสงเน้นความสำคัญ ดูเด่นสะดุดตากว่าข้อความอื่นจนต้องก้มลงพิจารณาด้วยความอยากรู้


          ...งามหน้าจากเมืองลุงแซมอีกแล้ว ทายาทคนเดียวของอิสรพัฒน์ ควงนางแบบสาวสองคนเข้าโรงแรมดังย่านไทม์สแควร์ตอนตีสอง น่ากลัวว่าจะหอบหิ้วเมียแหม่มและลูกกลับมาเมืองไทยอวดชาวบ้านชาวช่องหลังเรียนจบพร้อมปริญญา...


          ถึงข่าวซุบซิบจะงดเว้นการระบุชื่อนามสกุล แต่แค่คำเรียก ‘ทายาทคนเดียวของอิสรพัฒน์’ ร้อยทั้งร้อยก็ต้องรู้ว่ามีอยู่เพียงคนเดียว เพลย์บอยหนุ่มที่ขยันสร้างข่าวคาวลงหนังสือพิมพ์ แม้เจ้าตัวเองจะอยู่ถึงอีกซีกโลก แต่ก็มักมีข่าวลงหนังสือพิมพ์ทุกวี่ทุกวัน


          ธรณ์ อิสรพัฒน์!!...ทายาทตัวจริงของอิสระคอนสตรัคชั่น

     
          ก๊อกก๊อกก๊อก เสียงเคาะประตูดังเป็นจังหวะ ดึงชายหนุ่มเจ้าของห้องออกจากห้วงภวังค์ความคิดของตนเอง ก่อนจะออกปากอนุญาต

          “เข้ามา”

          พอร่างสูงของชายหนุ่มที่อ่อนวัยกว่าเล็กน้อย ซึ่งเป็นคนสนิทที่ทำงานด้วยกันมาตลอดก้าวเข้ามา ร่างที่ยืนหันหลังอยู่จึงหันกลับมาเผชิญหน้า ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ประธานบริษัท แล้วเคาะนิ้วลงบนหนังสือพิมพ์บริเวณที่ถูกไฮไลท์ เวธน์ กริชการุณย์กวาดสายตาอ่านเพียงครู่เดียวก็ละสายตาออกมา

          “ผมอ่านเรียบร้อยแล้วครับ เช็คแล้วก็เป็นนางแบบคนเดิมที่คุณธรณ์เคยควงอยู่”

          “ฉาวโฉ่ตลอด ควงเข้าโรงแรมพร้อมกันสองคนจนเขารู้กันทั่ว”

          เวธน์เองก็นั่งนิ่ง เพราะเขาก็รู้ดีเท่ากับเจ้านายตัวเอง ว่าข่าวฉาวกับธรณ์ อิสรพัฒน์เป็นของคู่กัน เหมือนเจ้าตัวจะขยันสร้างข่าวฉาวคาวโลกีย์เหลือเกิน

          “อีกเรื่องที่ผมต้องเรียนคุณเขตต์ คุณธรณ์จองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้วนะครับ จะกลับมาหลังสอบเสร็จสองอาทิตย์ครับ”

          “หึ!” ผู้บริหารหนุ่มแค่นเสียงหัวเราะทันทีที่ฟังจบ “ก็ยังดีที่ยังกลับมา คิดว่าจะมัวแต่หลงระเริงกับแสงสีและผู้หญิงอยู่ที่นั่นเสียอีก”

          “นี่เป็นรายละเอียดการจองตั๋วเครื่องบินของคุณธรณ์ครับ”

          เอกสารการจองตั๋วเครื่องบินถูกเลื่อนมาตรงหน้า ดวงตาคมกริบกวาดดูข้อมูลบนเอกสารขนาดเอสี่ ก่อนจะคิ้วกระตุก แล้วเอ่ยถามทันทีด้วยความสงสัย

          “สามที่นั่ง? อย่าบอกนะว่าเอาลูกเมียกลับมาด้วยตามที่ข่าวซุบซิบเขาลือกัน” ริมฝีปากหยักเหยียดออกเป็นรอยยิ้มคล้ายจะเยาะหยัน แต่ดวงตาคู่คมกลับฉายแววประหลาดออกมา หากก็เพียงแค่ครู่เดียวก่อนจะเลือนหาย และกลับมานิ่งสนิทเหมือนท้องทะเลลึกดังเดิม

          “ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนสนิทคุณธรณ์ คุณชินดนัย จิรวงศ์กับมิสเตอร์อเล็กซ์ คาร์เตอร์มากกว่านะครับ” คนสนิทรายงานตามข้อมูลที่รับทราบมา เพราะคอยติดตามข่าวคราวของอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา

          “แล้วทำไมเรียนจบแล้วไม่กลับเลย ทำไมต้องรออีกสองอาทิตย์”

          “ผมก็ไม่ทราบครับ คุณธรณ์ไม่ได้ติดต่อผมเลย ผมว่า...คุณเขตต์น่าจะลองติดต่อคุณธรณ์ดูนะครับ” คนสนิทลองเสนอแนะ เพราะเห็นว่าอย่างน้อยอีกฝ่ายก็รู้จักกันมากกว่าเขา

          “หึ! นายก็รู้ ว่าคุณธรณ์ของนายน่ะเขาจะติดต่อหา ‘ลุงคราม’ ของเขาคนเดียว”

          “นั่นผมก็ทราบครับ ถ้าหมดธุระแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับคุณเขตต์”

          “คอยตามเช็คข่าวเหมือนเดิมล่ะ ถ้าสำคัญก็รายงานฉันทันที” ร่างสูงเอ่ยส่งท้ายเสียงเรียบ

          ลับร่างของคนสนิทแล้ว ดวงหน้าหล่อเหลาคมคายก็หันมองตู้กระจก ซึ่งเก็บข้าวของที่ดูจะผิดกับตำแหน่งประธานบริษัท เพราะมีแต่บรรดาประกาศนียบัตร เหรียญรางวัล และถ้วยรางวัลมากมาย ทุกอย่างล้วนเป็นของ...ธรณ์ อิสรพัฒน์!! ที่เจ้าตัวส่งข้ามน้ำข้ามทะเลมาอยู่สม่ำเสมอแทนการติดต่อสื่อสาร ราวกับเจ้าตัวจะป่าวประกาศว่า ข่าวคาวฉาวโฉ่มากมายที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้มีผลต่อความสำเร็จและความเจริญก้าวหน้าของเจ้าตัวเลย เพราะเด็กหนุ่มกำลังจะจบการศึกษาด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ด้วยผลการเรียนเกียรตินิยมเหรียญทอง จนบริษัทต่างชาติหลายแห่งพากันทาบทามตัวเข้าทำงาน

          แต่พอนึกถึงข่าวซุบซิบและสิ่งที่คนสนิทรายงาน เขตแดน เกียรติณรงค์ก็นึกสมเพชตัวเองที่ต้องมาคอยห่วง คอยพะวักพะวงถึงคนที่ขยันสร้างข่าวฉาว เพราะข่าวฉาวที่ว่าก็มีมีตั้งแต่ข่าวการเปลี่ยนคู่ควงเป็นว่าเล่น ข่าวการทะเลาะวิวาทกับนักเรียนไทยด้วยกัน หรือแม้กระทั่ง...ภาพเมาแอ๋ที่ถูกมือดีแอบถ่ายจากผับชื่อดัง จนเขาร่ำลือกันถึงกิตติศัพท์ของทายาทคนเดียวของอิสรพัฒน์กันหนาหู ชนิดที่ว่าบรรดาคุณหญิงคุณนายที่มีลูกสาว พยายามหลบเลี่ยงการข้องแวะกับเพลย์บอยหนุ่มเต็มที่

          เขตแดนจำยอมรับภาระมาจากผู้มีพระคุณและบิดาบังเกิดเกล้า ภาระที่ดูจะหนักหนาและสาหัสเหลือเกิน เพราะภาระของเขาก็คือเจ้าตัวร้าย


          เจ้าตัวร้ายที่เขตแดน เกียรติณรงค์รู้ถึงความร้ายกาจของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี !!


END INTRO


๐ อยากลองเขียนแบบนี้ดูบ้าง เรื่องนี้จะมาลงช้าถึงช้ามากนะคะ เป็นลูกเมียน้อย
๐ นี่ก็เอาอินโทรที่เขียนมาชาติกว่ามาลงก่อน แนะนำติชมตามสบายเลยนะคะ
จะพยายามเข็นมาลง มีคนรออ่านอยู่ เลยต้องเอามาลง เป็นการกระตุ้นตัวเอง
ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมค่ะ ฝากด้วยนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「INTRO :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: nan239 ที่ 18-09-2012 13:44:27
ฉลองเปิดเรื่องใหม่ แต่อย่าลืมลงเรื่องพี่เภาน้องแอลนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「INTRO :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 18-09-2012 13:59:16
มาบอกว่าชอบแนวนี้คับ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「INTRO :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 18-09-2012 16:24:56
จุดประทัดต้อนรับเรื่องใหม่ค่ะ  :mc4:

แค่อินโทรก็น่าสนใจแล้ว  รอเนื้อเรื่องนะค่ะ   :L2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「INTRO :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 18-09-2012 18:12:59
ได้อ่านวัยทำงาน ก็ดีเหมือนกัน

เพราะเริ่มอิ่มตัวกับแนวมัธยมและมหาลัยแล้ว

แค่อินโทรก็แซ่บเว่อ!!!! 

ธรณ์ คือ นายเอก??
เขตต์ คือ พระเอก??

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「INTRO :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: Benesmee ที่ 18-09-2012 19:10:32
ชอบแบบนี้เลยค่ะ น่าติดตามมาก
จะรออ่านตอนต่อไป...เป็นกำลังใจให้น่ะคร้า :L2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「INTRO :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: irksome ที่ 18-09-2012 19:15:12
ต้อนรับเรื่องใหม่  :mc4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「INTRO :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 18-09-2012 19:24:43
กรี๊ดดดดด รอพี่เขตแดนเจอศึกหนัก


น่าสนุกมากเลย รอติดตามค่า
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 1 :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 18-09-2012 19:34:37
“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 1



          เพียะ!!

          ฝ่ามือหนาตวัดกระทบดวงหน้าขาวเต็มแรง จนปรากฏรอยแดงเถือกค่อนหน้า ร่างสูงที่ยืนดูอยู่รีบถลาเข้ามาประคองร่างเด็กชาย พร้อมกับเอ่ยห้ามเจ้าของฝ่ามือที่กำลังฉุนเฉียวและเดือดดาล

          “พอเถอะครับคุณยุทธ”

          “ปล่อยเขาเถอะครับลุงคราม เขาแค่อยากจะถือสิทธิ์ของความเป็นพ่อมาสั่งสอนลูก” เด็กชายวัยสิบห้าเอ่ยอย่างอวดดี แต่ดวงตามองเจ้าของฝ่ามือ ซึ่งเป็นคนเดียวกับผู้มีศักดิ์เป็นพ่อเขม็ง

          “ปากดีนักนะ!! เพราะมีลูกชั่วอย่างแกอยู่น่ะสิ ฉันถึงต้องสั่งสอน”

          “เลือดชั่วของผม ก็เลือดเดียวกับคุณนั่นแหล่ะ ชั่วเหมือนกันหรือเปล่าล่ะครับ”

          พอเด็กหนุ่มเอ่ยจบ ร่างสูงก็แทบจะถลาเข้ามากระชากเด็กหนุ่ม ดีว่าชายหนุ่มอีกคนรีบเอาตัวบังเด็กชายทันท่วงที ก่อนจะเอ่ยปรามคนที่สูงวัยกว่า

          “ผมขอนะครับคุณยุทธ คุณตบแกแล้วทีนึงนะครับ น้องธรณ์แกยังเด็กอยู่เลยนะครับ”

          “ถอยออกมาเลยนะคราม มันทำอิสรพัฒน์เสียชื่อเสียงมามากพอแล้ว ฉันจะเอาเลือดชั่วมันออก เสียแรงที่ฉันส่งเสียมันมา”

          “คิดเหรอว่าผมอยากเป็นอิสรพัฒน์ ผมอยากเปลี่ยนตัวเองเป็นอัศวรักษ์จะแย่ น่าภาคภูมิกว่าอีก แค่รู้ว่ามีเลือดเดียวกับคุณ ผมก็เกลียดตัวเองจะแย่”

          เพียะ!!

          เลือดซึมออกมาจากมุมปากที่เพิ่งขยับพูดอย่างอวดดี พร้อมกับดวงหน้าขาวที่หันตามแรงตบอย่างแรง ขณะที่ชายหนุ่มอีกคนร้องอุทานเสียงหลงทันที

          “คุณยุทธ!!”

          ธีรยุทธ อิสรพัฒน์ละสายตาจากลูกชายที่ยืนเม้มริมฝีปากแน่น ตัวสั่นระริก แล้วหันมามองผู้ที่เป็นเพื่อนสนิทและคนสนิท ก่อนจะสั่งเสียงเฉียบขาด

          “เตรียมตัวจัดการเรื่องที่ฉันเคยสั่งซะคราม ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่า โรงเรียนประจำที่อังกฤษจะดัดสันดานมันได้หรือเปล่า ขืนฉันยังปล่อยมันอยู่ที่นี่ต่อ ชื่อเสียงที่สั่งสมมานานของอิสรพัฒน์ มีหวังต้องย่อยยับเพราะมันเป็นแน่”

          “แต่คุณยุทธ น้องธรณ์เพิ่งอายุแค่สิบห้า...”

          “อย่ามาขัดฉันนะคราม นายมีหน้าที่ทำตามคำสั่งฉันก็พอ” เอ่ยจบ ธีรยุทธก็เบือนหน้ามาหาทายาทของตัวเอง “ส่วนแกก็เตรียมเก็บกระเป๋าซะ ระหว่างที่อยู่ที่นี่ ถ้าแกยังกล้าก่อเรื่องอีก แกกับฉันเห็นดีกันแน่!!”


          ประมุขของบ้านอิสรพัฒน์เอ่ยทิ้งท้ายเสียงห้วน ก่อนจะเดินหันหลังกลับเข้าสู่คฤหาสน์สไตล์โคโลเนียลสีขาว ลับร่างของธีรยุทธ อิสรพัฒน์แล้ว ชายหนุ่มอีกคนที่ยังยืนอยู่ก็รีบตรงเข้าปลอบประโลมเด็กชาย

          “น้องธรณ์ เดี๋ยวลุงจะลองพูดกับคุณยุทธดูอีกทีนะ”

          “ไม่ต้องครับลุงคราม ผมจะไป”

====================

          ร่างขาวเปลือยที่กำลังนอนอยู่บนเตียงสะดุ้งตื่นเพราะความฝัน เหงื่อซึมออกมาตามหน้าผาก แม้ว่าอุณหภูมิของห้องที่นอนอยู่จะเย็นฉ่ำ ดวงตาเรียวกวาดมองรอบด้าน พอเห็นว่าเป็นอพาร์ทเมนต์ที่มีสภาพเละเทะ เนื่องจากเพิ่งผ่านกิจกามมา ร่างขาวก็ค่อยสงบลง

          “เหอะ! ก็แค่ฝันถึงคนตาย” ชายหนุ่มแค่นเสียงหัวเราะ

          ธรณ์ อิสรพัฒน์ขยับตัวลงเตรียมนอนต่อ แต่ดูเหมือนว่าการตื่นมาตอนเกือบสว่างของชายหนุ่ม จะเผลอปลุกผู้ร่วมเตียงเข้า จนหล่อนยื่นมือมาแตะท่อนแขนแข็งแรง

          “ฝันร้ายเหรอคะธรณ์” นางแบบสาวที่ชายหนุ่มกำลังควงอยู่ และเลือกเป็นคู่นอนสำหรับค่ำคืนที่ผ่านมาเอ่ยถามเสียงสะลึมสะลือ ก่อนจะปรือตามองเพลย์บอยหนุ่ม

          “เปล่า แค่ฝันถึงเรื่องเก่าน่ะ ผมปลุกคุณตื่นหรือเปล่ามิแรนด้า” ชายหนุ่มก้มหน้าลงถามคู่นอนของตัวเอง

          คำตอบคืออาการส่ายหน้าจนเส้นผมสีบลอนด์กระจาย ก่อนที่นางแบบสาวจะเบียดร่างเข้ามาอย่างยั่วยวน ธรณ์กระตุกมุมปากเล็กน้อย เมื่อรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองกำลังตื่นตัวขึ้นมา แม้ว่าจะผ่านบทรักที่ยาวนานมาตลอดคืน และเพิ่งนอนหลับพักผ่อนเมื่อสองชั่วโมงก่อน เขารู้ดีว่า...ร่างกายที่ยังหนุ่มยังแน่นของเขา แข็งแรงมากพอสำหรับกรำศึกตลอดคืน

          “แต่คุณปลุกผมตื่นนะคนสวย รับผิดชอบด้วยล่ะ”

          คำตอบคือเสียงหัวเราะคิกคักที่ดังออกมาจากริมฝีปากบาง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงครวญคราง เมื่อชายหนุ่มเริ่มขยับกายเป็นจังหวะ กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันจนหมอนและผ้าห่มกระจัดกระจาย และนี่ก็เป็นอีกคืน...ที่ธรณ์ อิสรพัฒน์มีหญิงสาวมาคอยปรนเปรอกามารมณ์

          เพียงแค่กระดิกนิ้ว...ผู้หญิงมากมายก็พร้อมที่จะวิ่งเข้ามาหาเพลย์บอยหนุ่ม ด้วยรูปทรัพย์ที่เหนือกว่าผู้ชายหลายคน แม้ว่าจะเป็นชาวเอเชีย แต่ผู้หญิงหลายคนก็พากันฝันถึงธรณ์ แล้วยังทรัพย์สมบัติที่มากมาย สมฐานะทายาทเพียงคนเดียวของอิสรพัฒน์

          ธรณ์อาจจะเป็นฝันร้ายของบรรดาคุณแม่ที่มีลูกสาว แต่สำหรับผู้หญิงหลายคน...ธรณ์คือฝันดีที่เจ้าหล่อนต่างต้องการเป็นเจ้าของ แม้จะรู้ดีว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องตื่นจากฝัน เพราะสำหรับชายหนุ่มแล้ว ทุกคนก็เป็นแค่คู่ควง หรืออย่างดีหน่อยก็เป็นคู่นอนที่มีโอกาสร่วมเตียงด้วย แต่ถ้าคิดจะผูกมัดก็คงต้องฝันสลาย เพราะเสือร้ายอย่างธรณ์เกลียดการผูกมัด และมีวิธีจัดการกับพวกที่พยายามผูกมัดเขาอย่างเด็ดขาด

          อำนาจของเงินตรา...บันดาลทุกสิ่งจนเป็นเรื่องง่ายดาย ง่ายเสียจนมนุษย์เราพากันลืมเลือนว่า เงินตราก็เป็นเพียงแค่เศษกระดาษทำหน้าที่เบิกทาง ความรักต่างหากที่จีรังยั่งยืน

====================

          ธรณ์ อิสรพัฒน์สบถออกมาด้วยความหงุดหงิด เมื่อถูกรบกวนด้วยเสียงออดยามเช้า ซึ่งก็มีเพียงแค่สองคนที่กล้ามารบกวนการนอนหลับของเขา ชายหนุ่มก้าวลงจากเตียงก่อนจะคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับร่างกายเปลือยเปล่าของตนเอง พอเห็นสภาพห้องนอนที่เละเทะ เพราะผ่านศึกรักมาตลอดคืนก็หน้าเบ้ทันที เพราะเดี๋ยวเขาคงต้องเรียกแม่บ้านมาเก็บกวาดอีกตามเคย

          อพาร์ทเมนต์ที่ธรณ์พักอาศัยอยู่ หรูหราสมฐานะทายาทคนเดียวของตระกูลอิสรพัฒน์ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สมกับราคาที่แพงลิบ เป็นอพาร์ทเมนต์ขนาดหนึ่งห้องนอน ประกอบด้วยห้องครัว ห้องรับแขก ห้องนอน และห้องน้ำ เหมือนอพาร์ทเมนต์หลายแห่งบนเกาะแมนแฮตตัน

          ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องนอน ปล่อยแม่สาวผมบลอนด์นอนหลับต่อ เขาเดินมาปลดล็อคกลอนประตู และพอเห็นร่างสูงของชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่หลังประตู ธรณ์ก็สบถเสียงลั่นทันทีอย่างหัวเสีย เขาเกลียดการถูกปลุกยามเช้าเป็นที่สุด แขกที่มาเยือนยามเช้าเพียงแค่หัวเราะ เพราะรู้นิสัยเจ้าของห้องเป็นอย่างดี ก่อนจะถือวิสาสะเบียดตัวผ่านช่องประตูเข้ามา

          ชายหนุ่มที่แต่งกายดูดี หน้าตาคมคาย ดูชัดว่ามาจากประเทศเดียวกับเจ้าของอพาร์ทเมนต์ คือลูกชายคนเดียวของท่านนายพลแห่งกองทัพบก ชินดนัย จิรวงศ์ ที่มารู้จักกับธรณ์ตอนถูกส่งมาเข้าโรงเรียนประจำที่เดียวกัน สองหนุ่มคบหากันมานาน จนตามกันมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่นิวยอร์ก

          ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มลูกครึ่งอเมริกัน ที่นิยมคุยกันด้วยภาษาไทยมากกว่า คือ อเล็กซ์ คาร์เตอร์ ลูกชายของกลุ่มเงินทุนคาร์เตอร์ มหาอำนาจทางธุรกิจของอเมริกา ที่มารู้จักกันตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และคบหาจนสนิทสนมกันเป็นอย่างดีกับธรณ์

          “บอกธุระที่มึงสองคนมาปลุกกูแต่เช้ามาเลย ก่อนที่กูจะจับมึงสองคนโยนออกนอกห้อง” ธรณ์บ่นอย่างหงุดหงิด ขณะเดินเข้าห้องครัวชงกาแฟมาดับความง่วง

          “เมื่อคืนหนักอีกแล้วล่ะสิ แล้วมิแรนด้าล่ะ?” อเล็กซ์ถามด้วยความสงสัย

          เมื่อคืนพวกเขาออกท่องราตรีที่คลับชื่อดัง ย่านไทม์สแควร์ ซึ่งเป็นกิจวัตรที่พวกเขาทำกันเป็นประจำ และก็จบลงที่ธรณ์หิ้วนางแบบสาวมิแรนด้ากลับมาอพาร์ทเมนต์ด้วย ส่วนอเล็กซ์กับชินดนัยก็กอดคอกันนั่งแท็กซี่กลับที่พัก เพราะพวกเขาแค่มาเป็นเพื่อนเพลย์บอยตัวพ่อ ที่กำลังยืนจิบกาแฟหน้ายุ่งอยู่

          “นอนหลับอยู่ พูดธุระมาดีกว่า ก่อนที่กูจะอารมณ์เสียเพราะนอนไม่พอ”

          อเล็กซ์ฉวยถ้วยกาแฟจากธรณ์มาแล้วก็ยกจิบ ก่อนจะนั่งลงบนโซฟา ที่ชินดนัยนั่งอยู่ก่อนแล้ว ธรณ์เดินมายืนพิงหน้าต่างอพาร์ทเมนต์ ทอดสายตามองทิวทัศน์ของเกาะแมนแฮตตัน อากาศที่นี่กำลังดี เพราะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ เขาเหลือสอบอีกเพียงแค่ตัวเดียว ก่อนจะจบกันเสียที กับชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัยที่อุตส่าห์ร่ำเรียนมานาน

          “ลูกน้องกูรายงานมาว่า คุณเขตแดนเขาสั่งคนสนิทเช็ครายละเอียดตั๋วเครื่องบินของมึง มึงจะเปลี่ยนไฟลท์หรือเปล่า” อเล็กซ์เอ่ยถามคนที่มัวแต่ชื่นชมกับความงามของมหานครนิวยอร์ก

          ริมฝีปากบางเหยียดออกเล็กน้อยคล้ายจะเย้ยหยันต่อทุกสิ่ง แล้วร่างสูงก็เบือนหน้ากลับมาหาเพื่อนรักสองคน เพื่อนที่เป็นมากกว่าเพื่อน

          “เอาตามเดิมนั่นแหล่ะ แล้วเรื่องอื่นล่ะ?”

          ชินดนัยลุกจากโซฟามายืนข้างธรณ์ ก่อนจะวางมือลงบนบ่าของเพื่อนรัก บ่าที่น้อยคนนักจะรู้ว่า...มันเล็กกว่าที่คิด แล้วคำถามเอื้ออาทรก็หลุดออกมา

          “จะต้องกลับเมืองไทยแล้ว มึงโอเคนะธรณ์” ชินดนัยถาม พลางกอดบ่าเพื่อนรักแน่น หวังจะถ่ายทอดความรู้สึกเป็นห่วงที่มีต่ออีกฝ่าย

          “มึงน่าจะถามผู้ปกครองกูมากกว่านะชิน ว่ากูจะกลับเนี่ย เขาโอเคหรือเปล่า หรือว่ายังหวงเก้าอี้ประธานบริษัทที่ควรจะเป็นของกูอยู่ อำนาจมันมักจะหอมหวาน แต่อำนาจที่เขามีอยู่...มันคือสิ่งที่ควรจะเป็นของทายาทตัวจริงอย่างกู” ธรณ์ประกาศเสียงกร้าว ดวงตาวาววับ

          “คุณเขตแดนเขาก็แค่ทำตามพินัยกรรมของพ่อมึงนะธรณ์”

          “แสดงว่ากูควรจะโทษคนตาย ที่ขนาดตายแล้วยังอุตส่าห์สร้างปัญหาอีก”

          ไม่มีคำตอบจากชินดนัยและอเล็กซ์ เพราะบางเรื่องมันก็ละเอียดอ่อนเกินกว่าจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด ชินดนัยและอเล็กซ์รู้ทุกเรื่องของธรณ์เป็นอย่างดี แต่พวกเขาก็คิดว่า...บางอย่างอาจจะมีเหตุผลของมันเอง อย่างเช่น...การกระทำของนายธีรยุทธ อิสรพัฒน์ ที่ยกตำแหน่งประธานบริษัทให้ลูกชายคนสนิท แทนที่จะเป็นลูกชายตัวเองซึ่งเป็นทายาทตามกฎหมาย แม้ว่าพินัยกรรมจะระบุว่า...ธรณ์ อิสรพัฒน์จะมีสิทธิ์เข้ารับตำแหน่งประธานบริษัท เมื่ออายุครบยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ก็ตาม

          ชินดนัยและอเล็กซ์รับรู้ทุกเรื่องราวของธรณ์ ชายหนุ่มที่แบกเอาความเก็บกดมาต่างแดน ทำตัวเสเพลเที่ยวกลางคืน เที่ยวผู้หญิง แต่ก็ร่ำเรียนจนจวนเจียนจะจบปริญญาด้วยเกียรตินิยม ธรณ์ทะเลาะกับคุณธีรยุทธ ผู้เป็นพ่ออย่างรุนแรง นั่นคือสิ่งที่ชินดนัยและอเล็กซ์รู้ และมันคงจะรุนแรงมาก เพราะแม้กระทั่งตอนงานศพของคุณธีรยุทธ ที่รู้กันอย่างกว้างขวาง ธรณ์ยังเมาหัวราน้ำอยู่ที่นิวยอร์กอยู่เลย

====================

         
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 1 :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 18-09-2012 19:35:25

          สนามบินสุวรรณภูมิมีผู้คนบางตากว่าช่วงวันหยุด แต่ก็ยังถือว่าเยอะ เมื่อเทียบกับความอลังการของตัวสนามบินอันเป็นที่เชิดหน้าชูตา ชายหนุ่มสองคนที่แต่งกายด้วยชุดสูท เพราะเพิ่งเดินทางออกมาจากบริษัท และตรงมาที่สนามบินเลย กำลังนั่งจิบกาแฟฆ่าเวลาอยู่ที่ร้านกาแฟ สายตาก็คอยมองจอมิเตอร์สลับกับฟังประกาศจากสนามบิน

          เป็นเรื่องปกติสำหรับนักธุรกิจหนุ่มอย่าง เขตแดน เกียรติณรงค์ ที่ต้องเดินทางติดต่อธุรกิจอยู่เสมอ เขตแดน เกียรติณรงค์จึงคุ้นเคยกับสนามบินสุวรรณภูมิเป็นอย่างดี ชายหนุ่มจิบกาแฟสลับกับกวาดสายตาดูผู้คนที่เริ่มพลุ่กพล่าน ระหว่างรอเครื่องบินที่กำลังเดินทางมาจากนิวยอร์ก และแวะเปลี่ยนเครื่องที่ญี่ปุ่น ซึ่งกำลังจะลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิตามกำหนดการ

          “เครื่องลงเรียบร้อยแล้วครับ คุณเขตต์” เวธน์เดินกลับมารายงานผู้เป็นนาย หลังจากดูที่หน้าจอมอนิเตอร์อีกรอบ แล้วพบว่าไฟลท์ที่กำลังรออยู่เดินทางมาถึงเรียบร้อย คาดว่าน่าจะอยู่ระหว่างรอสัมภาระและผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง

          เขตแดนพยักหน้ารับ ก่อนที่เขาและเวธน์จะเคลื่อนย้ายตัวเองมายืนรอบริเวณผู้โดยสารขาเข้า ผู้คนมากหน้าหลายตาที่เดินผ่านทำเอาเขตแดนชะงัก ถึงจะรู้จักกับธรณ์ อิสรพัฒน์มากกว่าค่อนชีวิต เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย แต่ล่าสุดที่พบปะเห็นหน้าค่าตากันก็ตอนสมัยที่เขายังเรียนอยู่อังกฤษ นี่ก็ผ่านมาเกือบหกปีแล้ว ที่ผ่านมาก็เห็นแต่รูปที่เวธน์คอยรายงาน ซึ่งเห็นชัดเจนว่าต่างจากความทรงจำครั้งสุดท้ายของเขา มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาถึงตัวจริงของอีกฝ่าย

          “นายจำหน้าเขาได้ใช่ไหม?” เขตแดนถามคนสนิท

          ถึงแม้ว่าปกติเขตแดนจะติดต่อกับธรณ์อยู่เสมอ แต่เขาพยายามหลีกเลี่ยงการติดต่อโดยตรง เพราะรู้ดีว่าระหว่างเขากับอีกฝ่ายมีกำแพงที่ขวางอยู่ จนยากที่จะปีนข้าม ชายหนุ่มจึงมอบหมายให้เวธน์เป็นคนดำเนินการแทน และเวธน์เองก็เคยเดินทางไปพบธรณ์ที่นิวยอร์ก เท่ากับว่าก็เคยเห็นตัวจริงของธรณ์มาแล้ว

          “หล่อแบบคุณธรณ์ ผมจำติดตาเลยครับ มิน่า...อยู่ที่นิวยอร์กถึงมีสาวควงอยู่ตลอด”

          ผู้โดยสารเดินออกมาจากเกทคนแล้วคนเล่า ทั้งชาวไทยที่กลับมาบ้านเกิดและชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยว แต่เขตแดนและเวธน์ก็ยังคงไม่เห็นบุคคลที่พวกเขามารอรับ จนชายหนุ่มเผลอนิ่วหน้า ก่อนจะเอ่ยปากถามกับคนสนิทอีกรอบเพื่อความแน่ใจ

          “ฉันกับนายคลาดสายตา หรือว่าเขาเปลี่ยนไฟลท์กระทันหันหรือเปล่า?”

          เพราะรู้ดีว่าคนที่มารอรับมีลูกล่อลูกชนแพรวพราว และแน่นอนว่าอีกฝ่ายต้องรู้ดีแน่นอนว่าเขาเช็ครายละเอียดเที่ยวบิน และถือวิสาสะมารับโดยไม่บอกกล่าว จึงอาจจะเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะเปลี่ยนไฟลท์เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขา

          “ไม่นะครับ ผมยังไม่เห็นคุณธรณ์ออกมาเลย ส่วนเรื่องไฟลท์ ผมก็เช็คละเอียดหลายรอบแล้วนะครับ ล่าสุดเมื่อเช้าก็เช็คแล้ว มีชื่อคุณธรณ์เดินทางมาด้วยแน่นอน นั่นไงครับคุณเขตต์!!” เวธน์อุทาน พร้อมกับที่เขตแดนมองเห็นผู้ที่กำลังตกเป็นหัวข้อสนทนาเดินมาพอดี
 
          ชายหนุ่มสามคนเดินเคียงกันออกมา ดึงดูดทุกสายตาของผู้คนที่มารอรับ ยิ่งชายหนุ่มคนที่เดินอยู่ตรงกลาง แม้ว่าจะสวมแว่นกันแดดบดบังดวงหน้ากว่าครึ่ง และมีหมวกสีดำปกคลุมศีรษะ แต่ก็พอดูออกว่าหน้าตาหล่อจัด ผิวขาวอย่างคนที่อยู่เมืองหนาวมานาน เป็นสีระเรื่อเพราะความร้อนของประเทศบ้านเกิด และเหมือนเจ้าตัวก็จะรู้ถึงสภาพอากาศที่แตกต่าง จึงสวมเพียงแค่เสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงลายทหารสี่ส่วน

          อีกสองหนุ่มที่เดินประกบเหมือนคอยคุ้มกัน ก็แต่งกายลักษณะเดียวกัน ทุกย่างก้าวที่เดินผ่าน เสียงฮือฮาก็ดังเกรียวกราว เพราะเผลอคิดว่าอาจจะเป็นศิลปินจากประเทศญี่ปุ่นเดินทางมาพักผ่อน

          “คนที่ยืนอยู่ตรงกลางคือคุณธรณ์ครับ แล้วก็คุณชินดนัยกับมิสเตอร์อเล็กซ์ขนาบข้าง โชคดีนะครับ ที่ไม่ได้พาลูกเมียกลับมาด้วยอย่างที่คุณเขตต์ว่า” เวธน์ยังอุตส่าห์มีอารมณ์ขำ หยิบยกเอาถ้อยคำที่เขตแดนเคยกล่าวกลับมายอกย้อน จนชายหนุ่มต้องตวัดสายตาเป็นเชิงปราม

          พอกลุ่มชายหนุ่มสามคนเดินมาถึงบริเวณที่เขตแดนยืนอยู่ นักธุรกิจหนุ่มก็ขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยทักทายคนที่เพิ่งเดินทางกลับมาบ้านครั้งแรก นับจากเดินทางออกนอกประเทศตอนอายุสิบห้า

          “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ธรณ์ อิสรพัฒน์!!” เขตแดนเอ่ยเน้นนามสกุลอีกฝ่ายชัดเจน หมายจะเตือนว่า ที่นี่คือประเทศไทย ชื่อเสียงและความเป็นอิสรพัฒน์คือสิ่งที่ทายาทคนเดียวพึงรักษา

          มือขาวขยับถอดแว่นกันแดดออก ดวงตาเรียวที่แฝงความเย็นชามองสบประสานมา ก่อนจะเอ่ยด้วยภาษาแม่ที่ช้าและชัดถ้อยชัดคำ แม้ว่าจะอยู่ต่างประเทศมานาน

          “นับว่าเป็นเกียรติสำหรับธรณ์ อิสรพัฒน์เหลือเกิน ที่ท่านประธานบริษัทอิสระคอนสตรัคชั่นอุตส่าห์สละเวลามารับผมด้วยตัวเอง”

          ดวงตาสองคู่จ้องมองกันนิ่ง เหมือนจะหยั่งเชิงของแต่ละฝ่าย ประเมิณกันและกัน เป็นเวลานานที่ความอึดอัดครอบคลุมทั่วบริเวณ จนชินดนัยต้องเป็นฝ่ายทำลายความอึดอัดด้วยการแนะนำตัวเอง แม้ว่าจะเป็นการเสียมารยาท

          “ผม...ชินดนัย จิรวงศ์ เป็นเพื่อนสนิทของธรณ์ครับ”

          “อ๋อ...ลูกชายของท่านนายพลชานนท์นั่นเอง ผมเองก็เคยพบกับคุณพ่อของคุณอยู่หลายที ฝากสวัสดีท่านด้วยแล้วกัน” เขตแดนเบือนสายตามาทางชายหนุ่มอีกคน “นี่ก็คงเป็นมิสเตอร์อเล็กซ์ คาร์เตอร์ ยินดีที่รู้จักครับ ผมเขตแดน เกียรติณรงค์”

          “เดี๋ยวผมกับอเล็กซ์ขอตัวก่อนละกันครับคุณเขตแดน” ชินดนัยเอ่ยกับอีกฝ่ายอย่างสุภาพ เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายอายุมากกว่าตนถึงเจ็ดปี แล้วสองหนุ่มจึงหันมาสวมกอดเพื่อนรัก “แล้วเดี๋ยวกูค่อยติดต่อหามึงอีกทีละกัน”

          ธรณ์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ หากสายตายังคงจับจ้องเขตแดนนิ่ง ระหว่างชายหนุ่มสองคนเหมือนมีม่านหมอกที่ปกคลุมอยู่ แต่มันคงกินเวลานานจนก่อตัวเป็นกำแพงหนา

          สำหรับธรณ์แล้ว เขตแดนก็คือผู้ชายที่พ่อของเขาชื่นชมและยกย่องมากกว่าลูกชายคนเดียวอย่างเขา พ่อของเขาส่งเสียเขตแดนเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ ดันเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัท ซึ่งถือว่าข้ามหน้าข้ามตาธรณ์ที่เป็นลูกชายคนเดียวอย่างมาก แต่ก็นั่นแหล่ะ...เขายังเคยนึกสงสัยครามครันว่า พ่อเคยเห็นเขาเป็นลูกหรือเปล่า เหมือนที่พ่อแต่งงานกับแม่แค่เพราะต้องการทายาท

====================

          รถยนต์คันหรูแล่นออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ จุดหมายปลายทางคือบ้านเดี่ยวชานเมือง หลังจากที่ชายหนุ่มนักเรียนนอกประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่า ต้องการพบ ‘ลุงคราม’ มากกว่าจะกลับบ้านของตนเอง ธรณ์นั่งเอนหลังพิงพนัก ปิดเปลือกตาลงราวกับจะตัดตัวเองออกจากความวุ่นวายรอบด้าน เวธน์ลอบมองผ่านมองกระจกหลังแล้วก็รู้สึกอึดอัดแทนแต่ละฝ่าย

          ความสัมพันธ์ระหว่างเขตแดนและธรณ์ เป็นความอึดอัดที่บ่มเพาะมาเนิ่นนาน ตั้งแต่สมัยที่แต่ละคนยังอายุน้อยอยู่ แรกเริ่มเดิมทีก็เป็น ‘พี่เขตต์’ และ ‘น้องธรณ์’  เพราะรู้จักกันมานาน จนกระทั่ง...

          คุณธีรยุทธ อิสรพัฒน์เริ่มที่จะเอ็นดูและผลักดันเขตแดนอย่างออกนอกหน้า หลังจากที่คุณสงครามหย่าร้างกับภรรยา ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหนุ่มสองคนจึงเริ่มเย็นชา เด็กชายวัยหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างธรณ์เริ่มตีตัวออกห่างคนที่ ‘เคย’ นับถือประหนึ่งพี่ชาย และยิ่งหนักข้อมากกว่าเดิม เมื่อธรณ์เริ่มต่อต้านพ่อตัวเองหลังจากที่มารดาเสียชีวิต และเขตแดนก็รับรู้แต่วีรกรรมร้ายกาจของธรณ์ จนภาพของเด็กชายตัวน้อยที่เคยวิ่งตามเขา เลือนหายจากความทรงจำตามวันและเวลา

          “ลุงครามสบายดีหรือเปล่า?” คำถามหลุดออกมาจากริมฝีปากของคนที่ทำเสมือนว่ากำลังนอนหลับ

          เขตแดนนิ่งเงียบเสีย เพราะเขาคิดว่าเจ้าตัวคงจะพูดกับตนเอง ส่วนเวธน์ก็เอาแต่ขยับตัวอย่างอึดอัด

          “ผมถาม...”

          “ถ้าต้องการจะถามใครก็ควรเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วย ฉันอายุมากกว่านายเจ็ดปี หวังว่าคงจะรู้มารยาท” เขตแดนตอบเสียงเรียบ ไม่นำพากับอาการหงุดหงิดงุ่นง่านของอีกฝ่าย ที่เขาเหมาเอาว่าเป็นอาการของเด็กพาล

          “คุณเขตแดน...ลุงครามสบายดีหรือเปล่า”

          “ก็ดี มีความสุขกับสวนที่บ้านแล้วก็หมาเหมือนคนแก่คนอื่น”

          สำหรับธรณ์แล้ว คุณสงคราม เกียรติณรงค์คือทุกสิ่งทุกอย่างของเขารองจากมารดา ‘ลุงคราม’ ที่เป็นเพื่อนสนิทและคนสนิทของพ่อ แต่เอาใจใส่และดูแลเขายิ่งกว่าพ่อของเขาเอง จนชายหนุ่มนับถือและรักคุณสงครามยิ่งกว่าคุณธีรยุทธ พ่อของเขา

          บ้านเดี่ยวชานเมืองที่มีสวนล้อมรอบ คือสถานที่ที่ธรณ์เคยมาวิ่งเล่นสมัยเด็ก หรือมาหาลุงครามอยู่เสมอด้วยความคิดถึง ก่อนที่จะถูกพ่อเตะโด่งออกนอกประเทศหลังทะเลาะกันอย่างรุนแรง และแม้กระทั่งวันที่เขาเดินทางไปเรียนต่อ ก็ยังมีแค่ลุงครามที่เดินทางมาส่งที่สนามบิน

          พอเห็นร่างสูงที่คุ้นตากำลังยืนรดน้ำอยู่ตรงสวนหน้าบ้าน ดวงตาเรียวก็เปล่งประกายด้วยความยินดี ก่อนจะเลือนหายกลับมาราบเรียบดังเดิม เมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกจับตามองจากผู้ร่วมทาง

          ธรณ์เคยคิด...บางทีคุณธีรยุทธอาจจะอยากได้เขตแดนเป็นลูกมากกว่า เหมือนที่เขาเองก็อยากได้ลุงครามเป็นพ่อมากกว่า

          พอรถจอดสนิท ชายหนุ่มก็ถลาลงจากรถตรงเข้าสวมกอดลุงครามของเขาทันที จากเด็กชายตัวน้อย ธรณ์เติบใหญ่จนสูงกว่าอีกฝ่ายเล็กน้อย เด็กชายธรณ์ที่เคยเกาะขาลุงคราม กำลังยืนกอดลุงครามของแน่นด้วยความรักและความคิดถึง สมกับที่จากกันนานถึงเกือบเจ็ดปี

          “ลุงคราม ธรณ์กลับมาแล้วครับ”

          ชายสูงวัยสวมกอดเด็กหนุ่มที่เขารักเหมือนลูก ซึ่งโตเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้วอย่างแนบแน่น แทนความคิดถึง แทนความห่วงหา

          “ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะธรณ์ เรียนจบแล้วก็กลับมาอยู่บ้านเรานะธรณ์”

          “ครับ ธรณ์คิดถึงลุงครามนะครับ”

          “แล้วนี่พี่เขาไปรับกลับมาล่ะสิ มา...เข้าบ้านกันดีกว่า เดี๋ยววันนี้ลุงจะเข้าครัวลงมือทำอาหารเองเลย” สองลุงหลานเดินกอดเอวกันเข้าตัวบ้านจนลืมอีกสองคนที่มาด้วย

          ดวงตาสองคู่มองตามหลังสองคนที่เดินหายลับเข้าตัวบ้าน นักธุรกิจหนุ่มรู้ดีว่า คุณพ่อของเขารักและเอ็นดูธรณ์มาก แม้ว่าอีกฝ่ายจะขยันทำตัวเสเพลก็ตาม แต่คุณสงครามก็ยังรัก บางที...อาจจะเพราะเห็นแก่บุญคุณและความเป็นเพื่อนสนิทของคุณธีรยุทธ

          “โชคดีนะครับ ที่คุณธรณ์ยังมีคุณพ่อคุณเขตต์คอยดูแลอยู่”

          นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่เขตแดนนึกสงสารธรณ์ ชายหนุ่มที่เหลือตัวคนเดียว พ่อมารดาเสียชีวิต ยังดีที่ยังมีพ่อของเขาคอยเป็นห่วงอยู่เสมอ ถ้าเพียงแต่ธรณ์จะทำตัวดีกว่าที่เป็นอยู่ เขตแดนอาจจะนึกเอ็นดูอีกฝ่ายมากกว่านี้ เพราะเขาเองก็เป็นลูกชายคนเดียวเหมือนกัน หากมีน้องชายซักคนก็คงดีไม่น้อย

====================

          อาหารเย็นที่บ้านเดี่ยวหลังเล็กชานเมือง พร้อมหน้าพร้อมตาด้วยชายหนุ่มสามคนและชายวัยกลางคนอีกหนึ่ง คุณสงครามลงมือเข้าครัวเองเพื่อต้อนรับหลานรัก มีเวธน์เป็นลูกมือคอยช่วยเหลือหยิบจับตามที่คุณสงครามร้องขอ จวบจนลำเลียงกับข้าวกับปลามาวางบนโต๊ะ

          ชายหนุ่มที่เพิ่งกลับมาจากต่างแดน คุยกับผู้เป็นลุงอย่างออกรสชาติ เล่าสารพัดเรื่องที่พบเจอมา แม้ว่าปกติธรณ์จะโทรศัพท์กลับมาคุณสงครามอยู่บ่อยครั้งก็ตาม คุณสงครามเองก็ซักถามหลานชายหลายเรื่อง ยิ่งเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเรียนจบมาด้วยเกียรตินิยม ก็ยิ่งภาคภูมิใจ

          “ถ้าคุณยุทธยังอยู่ต้องภูมิใจในตัวธรณ์มากแน่นอน”

          คำพูดของคุณสงครามเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางวง เพราะดวงหน้าขาวเปลี่ยนสีเล็กน้อย ก่อนริมฝีปากจะเม้มแน่น เพราะต่างฝ่ายต่างจากกันโดยไม่ได้ปรับความเข้าใจ และตอนนี้ก็ไม่มีโอกาสปรับความเข้าใจกันอีกแล้ว เพราะฝ่ายหนึ่งจากไปอย่างไม่มีวันกลับ

          คุณสงครามเองก็คงจะรู้ถึงบรรยากาศที่อึมครึมขึ้นมากะทันหัน จึงเปลี่ยนเรื่องชวนคุยทันที

          “แล้วนี่ธรณ์จะเริ่มทำงานเลยหรือเปล่า”

          “ยังครับ ธรณ์ว่าจะขอพักผ่อนอีกซักหน่อยน่ะครับ”

          “ถ้าจะเริ่มงานก็บอกพี่เขานะ เขตต์ก็ช่วยสอนงานน้องด้วยละกัน”

          ธรณ์เลือกที่จะทำหูทวนลมเสีย เขาเสตักอาหารลงบนจานของลุงคราม มองเมินคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามตนเอง เพราะรู้ตัวดีว่าสำหรับเขาแล้ว มันเป็นเรื่องยากที่จะมาญาติดีกับเขตแดน หรือแม้กระทั่งกลับมาเรียกอีกฝ่ายว่า ‘พี่เขตต์’ อีกครั้ง

          “เวลาอยู่ด้วยกันกับน้อง ก็คอยดูแลช่วยเหลือกันด้วยนะเขตต์”

          “อยู่ด้วยกัน?” ธรณ์ทวนคำพูดของลุงครามอย่างงุนงง

          “เขตต์เองก็อยู่ที่บ้านของธรณ์ด้วย เพราะเข้าบริษัทและรับรองลูกค้าสะดวกกว่า พอเสาร์อาทิตย์ถึงจะกลับมาค้างกับลุง” คุณสงครามชี้แจง ธรณ์ฝืนยิ้มออกมา แม้ว่ามันจะฝืดเฝื่อนเต็มทน

          ...นอกจากตำแหน่งประธานบริษัทแล้ว เขตแดนยังถือวิสาสะย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของเขาอีก ต้องการที่จะเข้ามาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างของเขาหรืออย่างไร...

          เขตแดนเองเห็นอาการชะงักงันของธรณ์ ตอนที่รู้ว่าต้องอยู่กับเขาก็นึกรู้ทันที ว่าอีกฝ่ายคงกลัวเขาจะลิดรอนอิสรเสรีภาพ เด็กหนอเด็ก...ที่เขาอยู่ที่เขาทำทุกอย่างทุกวันนี้ ก็เพียงเพราะคำขอของคุณธีรยุทธที่มีบุญคุณต่อเขา ถึงเวลาเขาจะคืนทุกสิ่งทุกอย่างแก่เจ้าของตัวจริง ที่คุณธีรยุทธทำ ก็คงเพราะรู้ดีว่าลูกชายของตัวเองยังขาดวุฒิภาวะอยู่มาก

          ยิ่งนึกถึงคำสั่งเสียก่อนตายของคุณธีรยุทธ เขตแดนก็หมายมั่นว่า...เขาเองจะต้องเป็นคนดัดนิสัยธรณ์ อิสรพัฒน์ เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำเพื่อตอบแทนบุญคุณของคุณธีรยุทธที่เมตตาเขาเหลือเกิน



TO BE CONTINUE


๐ ตอนหน้า...รบกวนรอนานมาก เพราะเขียนถึงเท่าที่ลงนี่เอง เรื่องนี้เป็นลูกเมียน้อย
๐ พล็อตพร้อมแล้ว วางเรียบร้อย ขาดแค่แรงกระตุ้น ฮา... ว่าแต่ใครรุกใครรับหนอ?
๐ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์มากเลยนะคะ สัญญาว่าจะพยายามเข็น แม้จะช้ามาก
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 1 :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 18-09-2012 19:50:03
พี่เขตจัดการน้องธรณ์ให้อยู่หมัดนะคะ

ธรณ์ท่าทางร้ายน่าดู
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 1 :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 18-09-2012 19:55:28
ว้าววว    ว้าวว ว ว ว
ติดตามตอนต่แไป !!
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 1 :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: โชกุน ที่ 18-09-2012 19:55:57
สนุกจัง ไม่รู้ว่านายธรณ์จะแผลงฤทธิ์อะไรรึเปล่า แต่ใครเป็นพระเอกกกกก เขตแดนใช่ไหม?
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 1 :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-09-2012 20:04:40
 o13
หัวข้อ: รักคืนรัง
เริ่มหัวข้อโดย: Noipatt ที่ 18-09-2012 20:11:11
ตอนต่อไปสนุกแน่ ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 1 :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 18-09-2012 20:17:33
น่าติดตามมากค่ะ  จะทำใจไว้เวลาคนแต่งมาต่อช้า
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 1 :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 18-09-2012 20:31:12
อยากรู้จังค่ะ ใครพระเอก-นายเอก กันแน่
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 1 :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 18-09-2012 21:08:40
ชอบ บ บ บ บ

เดี๊ยวจะคอยเป็นแรงกระตุ้นให้เอง

เอาตามอายุเหอะ
 
ใครแก่กว่าก็รุกซะ
ใครอ่อนก็รับแล้วกัน
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 1 :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: andear ที่ 18-09-2012 21:47:56
ตอนต่อไปท่าจะมันส์น่าดูนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 1 :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 18-09-2012 22:25:00
น่าสน.........
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 1 :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 18-09-2012 23:07:52
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 1 :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: parn11 ที่ 18-09-2012 23:32:28
ลึกๆแล้วอยากให้ธรณ์เป็นพระเอก
สนุกมากคะ ติดตามตอนต่อไป:)
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 1 :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 18-09-2012 23:37:42
เริ่มเรื่องมาก็น่าสนใจแล้วค่ะ :z2:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 1 :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-09-2012 23:39:50
เสือปะทะสิงห์สินะงานนี้
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 1 :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 18-09-2012 23:46:13
หืม....ช่องว่างระหว่างวัยสินะ

5555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 1 :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 19-09-2012 07:35:12
ชอบแนวนี้จังเลย *-*
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 1 :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 19-09-2012 08:48:50
เรื่องน่าสนใจครับ
อยากอ่านเร็วๆซะแล้ว  55555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 1 :: 18.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: Luk-Pla-Yai ที่ 19-09-2012 14:21:23
อยากให้ธรณ์เป็นพระเอกยังไงก็ไม่รู้อ่ะเรา อ่ะคึอ่ะคึ
มาต่อไวๆนะขอรับคนเขียน
อยากรู้ใครเป็นรุกเป็นรับจังเยย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 19-09-2012 14:27:25
“ รักคืนรัง”

ตอนที่ 2



          คฤหาสน์สไตล์โคโลเนียลสีขาวดูสวยงาม แม้จะเป็นเวลากลางคืน แสงไฟสีเหลืองนวลจากสวนสวย สาดกระทบตัวคฤหาสน์จนบังเกิดเป็นความงดงาม รถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดเทียบหน้าคฤหาสน์ ก่อนเวธน์จะก้าวลงมาเปิดประตูหลัง ร่างสูงที่สวมสูทดูภูมิฐานเป็นฝ่ายก้าวลงมาก่อน แล้วจึงตามด้วยผู้ที่มีสิทธิ์ครอบครองคฤหาสน์หลังงามอย่างชอบธรรม
         
          แม่บ้านและเด็กรับใช้พากันมายืนรอต้อนรับเจ้านาย เพราะรู้ล่วงหน้าว่าทายาทเพียงคนเดียวจะเดินทางกลับมา แต่ถึงแม้ว่าจะมีคนมายืนรอต้อนรับมากมาย ธรณ์ก็คุ้นหน้าเพียงแค่คนเดียว ชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงวัยกลางคน ก่อนจะเอ่ยถามเสียงแผ่ว...

          “ป้าอุ่นหรือเปล่าครับ?”

          “คุณธรณ์...คุณธรณ์ของป้า โตเป็นหนุ่มแล้วหล่อเหลือเกิน”

          ธรณ์ตวัดวงแขนโอบกอดแม่บ้านคนเก่าคนแก่ ที่คุ้นเคยกันมาแต่เล็กแต่น้อย และเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่กับเขาจนกระทั่งตอนที่เสียคุณแม่ ป้าอุ่นเรือนเองก็โอบกอดคุณชายของเธอ ที่แม้จะจากกันเนิ่นนาน แต่พอหวนกลับมาเจอกันอีก ก็บังเกิดความรู้สึกผูกพันทันที ด้วยตัวป้าอุ่นเรือนเองก็เป็นคนสนิทที่เคยดูแลคุณผู้หญิง ซึ่งเป็นคุณแม่ของธรณ์มาก่อน

          เขตแดนยืนรอคุณชายของบ้านทักทายกับคุณแม่บ้านอย่างอดทน แล้วจึงหันมาพยักหน้าอนุญาต เมื่อเวธน์เดินเข้ามาขอตัวกลับบ้าน เพราะเวลาก็ล่วงเลยมาจนค่ำมืดแล้ว

          “คุณธรณ์จะพักห้องเดิมหรือเปล่าคะ?”

          “ผมอยากนอนห้องแม่มากกว่า รบกวนป้าอุ่นด้วยนะครับ”

          ความทรงจำของธรณ์เกี่ยวกับคฤหาสน์อิสรพัฒน์มันช่างลางเลือน หลังจากเสียผู้เป็นแม่ตอนอายุเพียงสิบสอง เขาก็เริ่มออกเที่ยวเตร่ คบเพื่อนเกเร และหนีเรียนเพื่อเป็นการประชดบิดา จนต้องระเห็จออกนอกประเทศตอนอายุเพียงแค่สิบห้า ตอนนี้เขาอายุยี่สิบสองแล้ว มันนานจนทุกอย่างมันช่างลางเลือน หากเพียงแค่สิ่งเดียว...แค่ความทรงจำเกี่ยวกับผู้เป็นแม่ที่ยังคงแจ่มชัด

          ดวงหน้าเศร้าโศกของคุณแม่ที่นอนอยู่บนเตียง เพราะป่วยกระเสาะกระแสะเป็นเวลานาน แต่ถึงแม้ว่าแม่จะป่วยหนักเจียนตาย สามีของแม่ก็ยังเห็นงานสำคัญกว่าภรรยาที่นอนรออยู่ที่บ้าน แค่คิด...ธรณ์ก็นึกชิงชังพ่อตัวเองอย่างเหลือประมาณ ผู้ชายที่ทอดทิ้งภรรยาตัวเอง ควรที่เขาจะต้องเคารพหรือ

          พอเข้าบ้านมา ธรณ์ก็แยกย้ายกับเขตแดนทันที ดีที่อีกฝ่ายยังเลือกที่จะนอนห้องพักแขก แม้ว่าจะมาศัยอยู่ที่บ้านของเขา เพราะหากเขตแดนริอาจมานอนห้องแม่ ห้องเขา หรือแม้แต่ห้องพ่อ ธรณ์คงจะนึกเกลียดอีกฝ่ายมากกว่าที่เป็นอยู่

          ชายหนุ่มจัดการอาบน้ำอาบท่าจนรู้สึกสดชื่น ห้องของแม่ยังจัดวางทุกอย่างเหมือนเดิม เว้นก็แต่...แม่ไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว มือเรียวหยิบกรอบรูปที่เป็นภาพของสตรีลงมาจากชั้น ถึงแม้รูปภาพเก่าเก็บจนออกสีซีดเหลือง แต่ก็ยังเห็นความงามที่เฉิดฉายของสตรีเจ้าของภาพ ธรณ์เอากรอบรูปมากอดแนบอกตัวเอง หวนคิดถึงเจ้าของภาพ...ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก

          แม่...แม่ที่นอนซมอยู่กับเตียงเพราะร่างกายที่อ่อนแอ แต่พ่อกลับเอาแต่ทำงาน แม้กระทั่งวันที่แม่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ พ่อก็ยังคงอยู่ต่างประเทศ มีเพียงแค่เด็กชายธรณ์ที่นั่งเกาะขอบเตียงแม่ ช่วยกันเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดกับป้าอุ่นเรือนสองคน และแม้ว่าแม่จะจากไปอย่างสงบ แต่จิตใจของธรณ์ไม่ได้สงบด้วยเลย

          ชายหนุ่มเชื่อมาตลอดว่า พ่อไม่เคยเหลียวแลแม่เลยซักนิด ถ้าหากพ่อจะเป็นห่วงแม่บ้าง แม่อาจจะอยู่กับเขานานกว่านี้ หลังจากที่แม่จากไป ธรณ์จึงทำทุกอย่างที่คุณธีรยุทธเกลียด เขาเที่ยวเตร่ เกเร มีเรื่องจนถูกเรียกพบผู้ปกครอง แต่ทุกครั้งที่ถูกเรียกพบผู้ปกครอง คนที่ไปคุยกับอาจารย์ฝ่ายปกครองก็คือลุงคราม ไม่ใช่พ่อที่เอาแต่เรื่องงานมาอ้าง

          ยิ่งคุณธีรยุทธพยายามสร้างชื่อเสียงมากเท่าไหร่ ธรณ์ก็พยายามที่จะทำลายให้มันย่อยยับมากเท่านั้น มันอาจจะเป็นความคิดแบบเด็ก ที่อยากจะทำลายของที่อีกฝ่ายรักนักหนา ในเมื่อตัวของเด็กหนุ่มขณะนั้นเอง ก็เพิ่งสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก

          ธรณ์เอนกายลงบนเตียงนอน หมายจะนอนหลับพักผ่อน เพราะรู้ดีว่าตัวเองเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางข้ามทวีป แต่อาการเจ็ทแลคก็เล่นงานเขา จนต้องนอนลืมตาโพลงท่ามกลางความสลัว ปล่อยความคิดล่องลอยอย่างฟุ้งซ่าน

          ชายหนุ่มลำดับถึงสิ่งที่ควรจะทำเมื่อพระอาทิตย์แตะขอบฟ้า เขาควรจะมีใบขับขี่ก่อนที่รถของเขาจะมาถึง รถยนต์คันหรูของเขากำลังลงเรือมาจากนิวยอร์ก และจะมาเข้าเทียบที่ท่าเรือคลองเตย และเขาควรจะหาซิมโทรศัพท์ เพื่อติดต่อกับสองเพื่อนรักที่พักอยู่ด้วยกัน

          ถ้าเพียงแต่ธรณ์จะมีตาทิพย์ ชายหนุ่มคงเห็นร่างสูงของเขตแดนที่ยืนอยู่หลังบานประตูห้อง เขตแดนแค่อยากจะมั่นใจว่า วันแรกที่กลับมาถึงธรณ์จะทำตัวสงบเสงี่ยม งดเว้นจากการออกตระเวนราตรีเหมือนที่เคยปฏิบัติยามอยู่ต่างประเทศ ร่างสูงยืนนิ่งอยู่หน้าห้องอยู่ชั่วครู่  ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องตัวเอง ด้วยความเงียบเหมือนกับตอนที่เดินมา

====================

          ธรณ์เคยปฏิบัติตัวเช่นไรยามอยู่ตามลำพังที่นิวยอร์ก เมื่ออยู่ที่คฤหาสน์อิสรพัฒน์เขาก็ยังคงปฏิบัติตัวเช่นเดิม แต่ทำเอานักธุรกิจหนุ่มที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ และยกกาแฟมาจิบ แทบจะสำลักกาแฟพรวด เมื่อเห็นเพลย์บอยหนุ่มเดินลงมา โดยที่สวมแค่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว เดินอวดแผ่นอกขาวผ่องลงมาร่วมรับประทานอาหารเช้า

          “ธรณ์ อิสรพัฒน์!!” เขตแดนเรียกอีกฝ่ายเสียงเข้ม จนธรณ์ชะงักก่อนจะเอ่ยทักทายตามมารยาทที่พึงมี

          “อรุณสวัสดิ์คุณเขตแดน”

          “ที่นี่ไม่ใช่นิวยอร์กที่นายเคยอยู่ นายควรจะคำนึงถึงถึงกาลเทศะบ้าง ที่นี่มีเด็กรับใช้ที่เป็นผู้หญิงมากมาย หากไม่เป็นการลำบากเกินไปนัก ก็ช่วยกรุณาแต่งกายเสียใหม่ก่อนจะลงมาข้างล่าง”

          ธรณ์คว้าเอวเด็กรับใช้ที่อยู่ยืนแถวนั้นเข้ามา ก่อนจะแกล้งก้มลงถามชิดใบหู ราวกับต้องการจะยั่วโมโหเขตแดนแต่เช้า

          “เธอว่าฉันแต่งตัวไม่เหมาะสมเหรอ?” คนถูกถามจะตอบอย่างไรได้ เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงเจ้านาย และยังเป็นเจ้าของคฤหาสน์อีกด้วย นอกเสียจาก...

          “มะ...ไม่เลยค่ะคุณธรณ์”

          เขตแดนลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความโกรธจัด สมดังความปรารถนาของธรณ์ เขาลืมนิสัยและสันดานของธรณ์ไปได้อย่างไร นักธุรกิจหนุ่มกระชากอีกฝ่ายออกมาจากเด็กสาวทันที ก่อนจะกระซิบเสียงลอดไรฟัน

          “อย่าให้การที่คุณอาส่งนายไปดัดสันดานถึงเมืองนอกเป็นการเสียเปล่าเลย หรือว่านี่คือสิ่งอารยชนเขาทำกัน ธรณ์ อิสรพัฒน์”

          “คุณนี่ก็ช่างตอกย้ำความเป็นอิสรพัฒน์ให้แก่ผมเหลือเกินนะ มันกงการอะไรของคุณกัน อย่าลืมว่าที่นี่บ้านผม ตัวผม และนามสกุลผม ผมมีสิทธิ์ทุกอย่าง” เอ่ยจบ ดวงตาเรียวก็กวาดตามองรอบบ้านคล้ายจะสำรวจ ก่อนจะกลับมาหยุดอยู่ที่คู่กรณี ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มร้าย และแค่สะบัดตัวทีเดียว เขาก็เป็นอิสระจากอีกฝ่าย ธรณ์ทำเพียงแค่ปรายตามองอีกฝ่าย ก่อนจะหันหลังเดินกลับขึ้นห้อง แต่ไม่วาย...ผิวปากอย่างอารมณ์ดี

          ...ก็เป็นเช้าที่ไม่เลวนักสำหรับธรณ์ ถ้าเทียบกับการที่ได้ตื่นเช้ามายั่วโมโหเขตแดน...

          ดวงตาดำจัดมองตามหลังร่างโปร่งที่กำลังก้าวขึ้นบันได นึกอยากกระชากอีกฝ่ายกลับลงมา หากก็เป็นแค่ความคิดฝ่ายมารของเขตแดน เขาเพียรพยายามตอกย้ำตัวเองว่า...อีกฝ่ายเป็นเด็ก และเขาเป็นผู้ใหญ่  แต่ทุกการควบคุมมักจะล้มเหลวแทบจะทุกครั้งที่เขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตัวร้าย

          ชายหนุ่มยกกาแฟจิบจนหมดแก้วก่อนจะออกจากบ้านมาทำงาน โดยไม่ลืมที่จะเรียกเด็กมาสั่งความ

          “ถ้าเกิดคุณธรณ์ออกจากบ้าน เธอรีบโทรศัพท์บอกฉันด้วย”

====================

          นับว่าเป็นความโชคดีของธรณ์ ที่กำลังคิดหาหนทางออกจากบ้าน แต่มีแขกมาเยือนเสียก่อน ตอนที่ชายหนุ่มกำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก เด็กรับใช้ก็เดินมาแจ้งว่ามีแขกมาขอพบ ตอนแรกเขาก็นิ่วหน้า เพราะเท่าที่ธรณ์จำได้ เขาไม่มีเพื่อนที่สนิทกันถึงขนาดจะมาหาที่บ้านเลย แต่พอเดินออกมาก็ต้องร้องอ๋อทันที เมื่อเห็นแขกสองคนยืนสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหน้าบ้าน

          “พวกมึงมาได้จังหวะมาก กูกำลังอยากออกจากบ้านอยู่พอดีเลย”

          “กูรู้ไง ถึงได้มารับ รู้ด้วยว่ามึงขับรถไม่ได้ เพราะไม่มีใบขับขี่” ชินดนัยเอ่ยอย่างรู้ทัน

          เพราะชินดนัยกลับบ้านอยู่เป็นประจำทุกปี ถึงได้มีโอกาสกลับมาทำใบขับขี่ แต่คนที่ไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่อายุสิบห้า และเพิ่งกลับมาหนแรกอย่างธรณ์ล่ะ อย่าว่าแต่ใบขับขี่เลย บัตรประชาชนของชายหนุ่มก็หมดอายุแล้วเรียบร้อย บัตรเครดิตหรือบัตรเอทีเอ็มเขาก็ไม่มี และเพราะนี่เป็นการกลับประเทศไทยหนแรกในรอบเจ็ดปี เพลย์บอยหนุ่มพ่อบุญทุ่มยามอยู่นิวยอร์ก จึงกลายเป็นผู้ชายตัวเปล่าเปลือยยามอยู่ที่ประเทศไทย มีแค่เงินดอลลาร์ที่พกติดตัวกลับมา และเงินบาทอีกเล็กน้อย

          ชินดนัยจัดการพาธรณ์ออกจากบ้านไปทำธุระเท่าที่จะสามารถทำได้ บางทีที่จำเป็น เขาก็ขออ้างชื่อท่านนายพลผู้เป็นพ่อซักหน่อย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ตนเองและเพื่อนรัก

          จนล่วงเข้ายามบ่ายแก่ สามหนุ่มถึงมานั่งเล่นที่สปอร์ตคลับหรู ที่พ่อของชินดนัยเป็นสมาชิกอยู่ ระหว่างรอชินดนัยซ้อมยิงปืน ธรณ์กับอเล็กซ์ก็มานั่งฆ่าเวลาที่ร้านกาแฟตรงสโมสร มันอาจจะเป็นวันที่น่าเบื่อสำหรับธรณ์ จนกระทั่ง...ดวงตาเรียววาววับดุจหมาป่าที่กำลังจะออกล่าเหยื่อ

          “มาคนเดียวเหรอครับ?” ธรณ์ท้าวแขนบนเคาน์เตอร์ ขณะรออีกฝ่ายสั่งเครื่องดื่มอย่างใจเย็น

          หญิงสาวหน้าตาสวยจัด รูปร่างสูงโปร่งหันมามอง ริมฝีปากที่เตรียมจะกร่นด่า เปลี่ยนมาเป็นแย้มยิ้มเมื่อเห็นหน้าชายหนุ่มที่เข้ามาทักชัดเจน

          “มาคนเดียวค่ะ คุณ...”

          “ธรณ์ครับ ธรณ์ อิสรพัฒน์” ชายหนุ่มค้อมตัวลงเล็กน้อย ก่อนจะมองหญิงสาวด้วยดวงตาเจ้าชู้อย่างเปิดเผย สำหรับสุภาพสตรีแล้ว ธรณ์เป็นสุภาพบุรุษเสมอ ยกเว้นตอนที่จะหยุดความสัมพันธ์ ที่สุภาพบุรุษแสนดีจะเปลี่ยนเป็นซาตานตัวร้ายทันที

          “ลิซ่าค่ะ”

          เหมือนธรณ์จะคุ้นหน้าหญิงสาวจากรายการทีวีที่เพิ่งดูก่อนออกจากบ้าน แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพลย์บอยหนุ่มยืนคุยกับหญิงสาวอยู่เพียงครู่ เพราะเจ้าตัวมีนัดถ่ายแบบต่อ แต่ธรณ์ก็รู้เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ และเวลาว่างวันพรุ่งนี้ของอีกฝ่ายเรียบร้อย

          “แล้วเจอกันนะครับ” เขาแตะข้อมืออีกฝ่ายอย่างสุภาพ ก่อนจะแกล้งปล่อยอย่างอ้อยอิ่ง

          นางแบบสาวเองก็รู้ทัน ถึงชม้ายตามองอย่างยั่วเย้า ดวงตาสองคู่สบมองอย่างรู้ทันกัน คนประเภทเดียวกันมาเจอกัน ก็เปรียบเสมือนเอาน้ำมันมาราดกองไฟนี่เอง

          ธรณ์ล่ำลาหญิงสาวเสร็จ ก็เดินกลับมาหาอเล็กซ์ที่นั่งมองอยู่อย่างรู้ทัน ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะอวดโทรศัพท์ ที่เขาเพิ่งจัดการเมมเบอร์ลิซ่าลงเครื่อง

          “นางแบบลูกครึ่ง”

          “มึงนี่ตลอดเลยนะธรณ์ ขาดคนควงบ้างนี่จะตายไหม” อเล็กซ์ว่าอย่างระอา แต่ธรณ์ก็เพียงแค่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก

          ถึงจะมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากมาย แต่ธรณ์ไม่เคยละเลยการป้องกัน เขารู้ดีว่าเขาจำเป็นต้องป้องกันตัวเอง เนื่องมาจากยังไม่พร้อมจะรับผิดชอบปัญหาที่อาจจะตามมาภายหลัง  เพราะผู้หญิงที่ธรณ์เคยยุ่ง ก็แค่บังเอิญมาเจอกันและมาสนุกกัน เพราะหมดเวลาก็แยกย้าย บางคนธรณ์ก็เป็นฝ่ายเข้าหาก่อน แต่หลายคนเช่นกันที่เข้ามาหาเขา ชายหนุ่มก็ยึดถือคติแค่ว่า อีกฝ่ายเสนอมา เขาก็สนองกลับ

====================

          กว่าชินดนัยจะซ้อมยิงปืนเสร็จก็เย็นย่ำ ชายหนุ่มสามคนเลือกที่จะมุ่งหน้ากลับบ้านของชินดนัย เพื่ออาบน้ำอาบท่า และรอเวลาออกท่องราตรีตามความต้องกาลของคุณชายธรณ์ หลังจากที่ต้องนอนแกร่วอยู่บ้านมาตลอดคืนเพราะอาการเจ็ทแลค

          คฤหาสน์ของชินดนัยเองก็หรูหรา แต่เป็นคนละสไตล์กับคฤหาสน์อิสรพัฒน์ แม้ว่าพ่อของชินดนัยจะเป็นทหารยศนายพล แต่เพราะชินดนัยเป็นลูกชายคนเดียว ท่านนายพลกับคุณหญิงจึงตามใจลูกชายคนเดียวอยู่ไม่น้อย ยอมแม้กระทั่งให้ชินดนัยแยกมาอยู่เรือนหลังเล็กที่ค่อนข้างมีอิสรเสรี หรือแม้แต่การเลือกเรียนบริหารธุรกิจ แทนที่จะเจริญรอยตามท่านนายพลผู้เป็นพ่อ ด้วยการรับราชการทหาร

          ธรณ์เอนตัวลงนอนบนเตียงนอนของเพื่อนรัก พักผ่อนเอาแรงก่อนที่จะออกย่ำราตรีตอนกลางคืน ส่วนอเล็กซ์นั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์วุ่นวาย เพราะถึงจะเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลคาร์เตอร์ แต่ชายหนุ่มก็กุมบังเหียนกิจการมากมาย แม้จะอายุเพียงแค่ยี่สิบสอง

          “มึงจะเริ่มทำงานเมื่อไหร่” ชินดนัยเอ่ยถามคนที่นอนอยู่ เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายแค่ปิดเปลือกตา ไม่ได้นอนหลับอย่างที่พยายามทำให้คนอื่นเข้าใจ

          “อีกอาทิตย์หรืออีกสองอาทิตย์ แล้วแต่อารมณ์กู”

          ธรณ์เหยียดริมฝีปากสมเพชตัวเอง บริษัทของครอบครัวเขา ของตระกูลอิสรพัฒน์ แต่ธรณ์ อิสรพัฒน์กลับต้องเป็นลูกน้อง ส่วนคนที่มาชุบมือเปิบคือ เขตแดน เกียรติณรงค์ ที่เป็นเพียงลูกชายคนสนิท แม้ว่าธรณ์จะรักและเคารพคุณสงครามมากแค่ไหน แต่มันก็ต้องมีข้อยกเว้นบ้าง และเขตแดนก็คือข้อยกเว้นสำหรับธรณ์ ถ้าเพียงแต่คุณธีรยุทธจะไม่ส่งเสริมเขตแดนอย่างออกนอกหน้า รับเขตแดนเข้าทำงานที่บริษัททันทีที่เรียนจบ และยังผลักดันจนเข้ามารับช่วงเป็นประธานบริษัทต่อจากคุณธีรยุทธอีก

          ถึงจะรู้ดีว่าคุณธีรยุทธสนับสนุนและผลักดันเขตแดน เพราะอีกฝ่ายเป็นคนเก่งกาจ แต่สำหรับเด็กชายที่ถูกผู้เป็นพ่อละเลย ย่อมคิดว่าคุณธีรยุทธเห็นคนอื่นดีกว่าตนเองอย่างแน่นอน

          สามหนุ่มพักผ่อนกันจนเต็มอิ่ม และรอจนเด็กรับใช้ยกอาหารมาส่งที่เรือนเล็ก จัดการกับมื้อเย็นกันจนเรียบร้อย ก่อนที่จะอาบน้ำแต่งตัว ค่ำคืนนี้สำหรับธรณ์ยังอีกยาวไกล

====================



[มีต่อนะคะ]
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 19-09-2012 14:36:07
          กลับมากรุงเทพฯอีกที ธรณ์ก็เหมือนเป็นคนแปลกหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับธรณ์ดูแปลกตาหมด ถนนหนทางก็เปลี่ยนแปลง ห้างสรรพสินค้ามากมายผุดราวกับดอกเห็ด รถราแน่นขนัดจนน่าปวดหัว โชคดีที่ยังมีคนชำนาญเส้นทางอย่างชินดนัยคอยขับรถและนำทาง

          เพียงแค่ย่างเท้าเข้ามาในผับ สามหนุ่มหล่อก็กลายเป็นจุดสนใจของบรรดานักเที่ยวที่กำลังวาดลวดลายอยู่กลางฟลอร์ทันที ชินดนัยเป็นคนเลือกหาโต๊ะนั่ง ก่อนจะจัดการสั่งเหล้ากับมิกเซอร์มา ปล่อยอีกสองหนุ่มนั่งมองรอบข้างด้วยความสนอกสนใจ

          “กูเพิ่งรู้ว่า เดี๋ยวนี้ผู้ชายที่นี่เขาก็เอากันเองด้วย นึกว่าจะมีแต่ที่นิวยอร์ก” ธรณ์พึมพำ ขณะสายตาเห็นชายหนุ่มสองคนกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ตรงมุมมืด

          “มึงอยากลองไหมล่ะ?” อเล็กซ์แกล้งถามเพื่อน

          รอยยิ้มร้ายกาจจุดประกายที่มุมปาก แต่ธรณ์ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เพียงแค่ยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปาก ปล่อยแอลกอฮอล์ไหลผ่านลงสู่ลำคอ กระตุ้นความคึกคักของร่างกาย ชายหนุ่มเคาะนิ้วลงกับโต๊ะเป็นจังหวะ มองดูคนที่วาดลวดลายกันอย่างเพลิดเพลิน

          “กูไปเข้าห้องน้ำนะ เดี๋ยวมา” อเล็กซ์หันมาบอกเพื่อนอีกสองคนที่นั่งจิบเหล้า

          แม้รูปลักษณ์ภายนอกของมิสเตอร์อเล็กซ์จะดูเป็นอเมริกันชน เพราะรับยีนเด่นมาจากพ่อที่เป็นชาวอเมริกันเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่หนุ่มตาน้ำข้าวก็พูดภาษาไทยปร๋อ แถมยังด่าไฟแล่บอีกต่างหาก เพราะคลุกคลีอยู่กับธรณ์และชินดนัยมานาน เพื่อนอีกสองคนจึงแทบไม่ห่วงว่าอีกฝ่ายจะโดนหลอก

          พออเล็กซ์เดินกลับมา ธรณ์ก็ยิ้มเยาะทันที เมื่อตอนอยู่ที่สโมสรยังว่าเขาอยู่เลย นี่ตัวเองก็คว้าเอาสาวสวยกลับมาด้วยเหมือนกัน แล้วมานั่งเบียดซ้อนตักจนแทบจะเอากันต่อหน้าต่อตาเพื่อน

          อเล็กซ์นั่งแลกจูบกับสาวสวยที่เพิ่งคว้ามาอย่างเร่าร้อน กอดรัดฟัดเหวี่ยงจนแทบจะรวมเป็นร่างเดียวกัน มือไม้ก็ทำหน้าที่สอดคล้องกับปาก จนผู้หญิงเผลอหลุดเสียงครางออกมาหลายรอบ โชคดีที่เสียงเพลงดังกระหึ่ม และแสงไฟค่อนข้างสลัว

          “ไม่ไหวแล้วเหรอมึง?” ชินดนัยถามธรณ์ที่ผุดลุกขึ้นทันทีด้วยรอยยิ้ม เพลย์บอยหนุ่มหันมาแยกเขี้ยวก่อนจะตอบเพื่อนรักเสียงห้วน

          “สัด! กูจะออกไปเต้น”

          “กูนึกว่ามึงจะไปปล่อยในห้องน้ำซะอีก”

          “ระดับกู ไม่เคยต้องใช้มือตัวเองให้เสียเวลา แค่กระดิกนิ้วก็วิ่งเข้ามาเป็นพรวน” ธรณ์เอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะออกไปวาดลวดลายที่กลางฟลอร์ เรียกเสียงกรี๊ดดังกระหึ่ม

          แค่ร่างสูงย่างเท้าเข้ามาที่ฟลอร์ ก็ถูกรุมล้อมทันที เวลาเต้นกันก็ต้องมีเบียดเสียดบ้าง แต่กับคนที่อ่อยอย่างจงใจ ไหนเลยเพลย์บอยหนุ่มจะไม่รู้ ธรณ์เองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน กับหน้าอกหน้าใจที่มาเบียดต้นแขนจนชายหนุ่มสัมผัสได้ มีหรือที่เขาจะไม่รู้สึก ทุกคนที่มาเที่ยวพวกสถานบันเทิงเริงรมณ์ส่วนมาก ก็เก็บความเป็นสุภาพบุรุษสุภาพสตรีลงกระเป๋ากันหมด เพราะแค่อยากจะมาสนุกและปลดปล่อย

          ธรณ์ อิสรพัฒน์ยิ้มร้าย ขณะตวัดเอวหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาประชิดตัว ก่อนจะบดจูบลงที่ริมฝีปากแดงอย่างร้อนแรง ค่ำคืนนี้สำหรับเขายังอีกยาวไกล ความสนุกเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นเอง

====================

          นาฬิกาบนผนังห้องบอกเวลาสิบโมงกว่า ชายหนุ่มร่างสูงยืนกลัดกระดุมอยู่หน้ากระจก บนเตียงคือคู่นอนที่เขาพากลับมาจากผับด้วยเมื่อคืน และมาจบลงที่โรงแรม กว่าจะเสร็จกิจกามที่ร่วมกันบรรเลงอย่างเร่าร้อนก็เกือบสว่าง เป็นใครก็ย่อมรู้สึกอ่อนเพลียเป็นเรื่องธรรมดา เว้นก็แต่ผู้ชายอย่างธรณ์ อิสรพัฒน์

          แค่คิดว่าเขตแดนคงแทบคลั่ง เมื่อรู้ว่าเขาไม่ได้กลับบ้าน ธรณ์ก็หัวเราะเสียงแผ่วออกมาอย่างอารมณ์ดี อยากจะเป็นผู้ปกครองเขานัก อยากรู้ว่าจะมีปัญญารับมือกับเขาแค่ไหนกันเชียว

          ธรณ์ปล่อยให้หญิงสาวนอนต่อ โดยไม่คิดที่จะปลุกอีกฝ่ายมาร่ำลา แต่เขาก็ยังอุตส่าห์เขียนโน้ตบอกอีกฝ่ายว่าขอตัวกลับก่อน เพราะสำหรับธรณ์ ความสัมพันธ์แบบนี้ก็แค่ชั่วคราว แค่มาสนุกกัน พอหมดเวลาก็แยกย้ายกัน ไม่มีการผูกมัด

          ชายหนุ่มลงมาเคลียร์ค่าห้องกับโรงแรม ก่อนจะเรียกแท็กซี่กลับบ้าน แม้จะไม่ได้กลับมาหลายปี แต่ใช่ว่าเขาจะจำไม่ได้ว่าบ้านตัวเองอยู่ที่ไหน ช่วงที่เขากลับบ้าน ก็คงเป็นเวลาที่คนอื่นเริ่มเข้าทำงานแล้ว ถนนหนทางถึงโล่ง จนธรณ์เพลิดเพลินกับสองข้างทาง พอรู้ตัวอีกที แท็กซี่ก็พาเขามาส่งที่บ้านรียบร้อย

          ธรณ์จัดการจ่ายค่าแท็กซี่เรียบร้อยก็ก้าวลงมาจากรถ ก่อนจะชะงักเล็กน้อย เมื่อท่านประธานที่ควรจะอยู่ที่บริษัทแล้ว กำลังยืนกอดอกหน้าตาถมึงทึงอยู่ เห็นชัดว่าคงกำลังรอสะสางกับเขาอยู่ ที่ยืนอยู่ข้างหลังก็คือเวธน์ ที่กำลังทำหน้ากระอักกระอ่วนจนธรณ์นึกอยากจะหัวเราะออกมา นี่ถึงกับมาอยู่รอเขาทั้งเจ้านายทั้งลูกน้องเลยหรือ ชายหนุ่มแสร้งยิ้มก่อนจะเอ่ยทักทายอีกฝ่าย

          “อรุณสวัสดิ์ครับคุณเขตแดน ยังไม่ไปทำงานอีกหรือครับ”

          “ฉันคิดว่าเรามีเรื่องที่จะต้องคุยกันหลายเรื่องนะ ธรณ์ อิสรพัฒน์” เขตแดนไม่ได้ตอบคำถามธรณ์ กับเอ่ยเรื่องที่ตัวเองตั้งใจจะพูดแทน

          เขาน่าจะรู้ น่าจะฉุกใจคิดซักนิด ว่าการปล่อยธรณ์ อิสรพัฒน์ออกจากบ้าน ก็เหมือนกับการปล่อยเสือเข้าป่านี่เอง ตอนแรกเขตแดนก็วางใจ เมื่อรู้ว่าธรณ์ออกไปกับชินดนัยและอเล็กซ์ คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร แต่พอชายหนุ่มกลับมาถึงบ้าน ป้าอุ่นเรือนก็รายงานว่า คุณชายธรณ์ของเธอออกไปแต่เช้า และยังไม่ได้กลับมาบ้านเลย ไม่รู้ว่าจะติดต่อทางไหนด้วย นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เขตแดนคิดว่าเดี๋ยวจะต้องสั่งการกับเวธน์ นอกเหนือจากบรรดาสารพัดบัตรของธรณ์ ที่เขตแดนต้องรีบดำเนินการ โทรศัพท์ก็เป็นอีกเรื่องที่จำเป็น

          เมื่อวานเขตแดนนั่งรอธรณ์อยู่นาน จนจัดการกับมื้อเย็นเรียบร้อย เขาก็ยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องรับแขก จนเวลาล่วงเข้าสู่ห้าทุ่มนั่นแหล่ะ เขาถึงยอมแพ้ แต่ก็หมายมาดว่าเช้านี้เขาจะต้องจัดการกับอีกฝ่ายอย่างแน่นอน ชายหนุ่มจึงยังไม่ออกไปทำงาน และอยู่รอจนอีกฝ่ายกลับมา แต่เขตแดนก็ควรจะรู้ด้วยเช่นกัน ว่าธรณ์เป็นมนุษย์ที่ดื้อด้านและยียวนมากแค่ไหน

          “ผมเหนื่อย มีอะไรไว้คุยกันทีหลังละกัน คุณเองก็ควรจะไปทำงานได้แล้วนะ...ท่านประธาน” ธรณ์เอ่ยเน้นสรรพนามก่อนจะยิ้มเยาะ

          “ธรณ์ อิสรพัฒน์!!” เขตแดนตวาดชื่ออีกฝ่ายเสียงกร้าว

          “ผมรู้ชื่อตัวเองดีน่ะ เอาล่ะ...คุณมีอะไรอยากพูดก็พูดมา ผมจะได้รีบไปนอนต่อ” ธรณ์ไม่เอ่ยปากเปล่า เขายังอ้าปากหาวเป็นการยืนยันคำพูดตัวเองอีก

          “ฉันพูดแน่ แต่ไม่ใช่ที่นี่ ตรงหน้าบ้านนี้”

          ธรณ์ยักไหล่อย่างไม่แคร์ ก่อนจะเดินนำเข้าบ้าน อยากจะพูดตรงไหนก็พูดเถอะ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่จะพูด แต่มันขึ้นอยู่กับสิ่งที่อีกฝ่ายตั้งใจจะพูดต่างหาก คิดจะสั่งสอนเขาล่ะสิ ก็ลองดูละกัน ถ้าคิดว่ามีปัญญาทำได้

====================

          ร่างสูงงับบานประตูห้องหนังสือเสร็จ ก็หันมาหาคนที่ทำเป็นเดินดูหนังสือ มือเรียวขยับตามสันหนังสือเหมือนเพลิดเพลิน จนเขตแดนต้องกระแอมเป็นเชิงเตือนอีกฝ่าย เจ้าของบ้านที่เหยียบเข้าห้องหนังสือนับครั้งได้ จึงหันหน้ากลับมาหา

          “ผมนึกว่าคุณเขตแดนเรียกผมเข้ามาอ่านหนังสือเสียอีก คุณคงเข้ามาบ่อยล่ะสิ ทุกอย่างถึงยังดูสะอาดเอี่ยมอ่องเหมือนเดิม” เอ่ยพลาง ดวงตาเรียวก็กวาดตามองรอบห้อง

          คุณธีรยุทธมักจะหมกตัวอยู่แต่ห้องหนังสือ นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ธรณ์พยายามหลีกเลี่ยงการย่างกรายเข้ามาที่ห้องหนังสือ เพราะถ้าเจอกันแล้ว สองพ่อลูกก็รังแต่จะฟาดฟันกันเสียเปล่า ต่างจากเขตแดน ที่ห้องหนังสือเปรียบเสมือนดินแดนของเขา แม้ว่าคุณธีรยุทธจะจากไปแล้ว เขาจึงยังคงรักษาและดูแลทุกอย่างเป็นอย่างดี

          “คุณอาท่านอุตส่าห์เก็บสะสม ฉันก็ช่วยดูแล เผื่อลูกหลานของท่านจะเห็นคุณค่าของมันบ้าง”

          “หึ...พูดเรื่องของคุณมาเถอะ ผมอยู่นานจะพาลเหม็นกลิ่นหนังสือเก่าเอา”

          “เชิญนั่งก่อนดีกว่า เพราะฉันคิดว่าเราอาจจะคุยกันนาน” เขตแดนพูด แล้วจึงผายมือมาที่ชุดรับแขกกลางห้องหนังสือ

          ธรณ์นั่งลง ก่อนจะยกขาขวามาพาดบนตัก คนมองพยายามควบคุมอารมณ์ แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการปั่นหัวเขา ถ้าเขาเอาแต่คอยเต้นตาม อีกฝ่ายก็จะยิ่งได้ใจ

          “ทำไมเมื่อคืนถึงไม่กลับบ้าน”

          “คุณเขตแดนครับ ผมอายุยี่สิบสอง บรรลุนิติภาวะแล้วนะครับ มันแปลกเหรอครับ ที่ผมจะนอนค้างนอกบ้าน” ธรณ์ไม่พูดเปล่า ยังโน้มตัวข้ามโต๊ะตัวเล็กมาหาอีกฝ่ายเหมือนจงใจจะยั่วโมโห

          “มันไม่แปลกนักหรอกถ้านายจะค้างบ้านเพื่อนซักคน แทนที่จะพาผู้หญิงเข้าโรงแรม”

          “คุณเวธน์นี่เขารับเงินเดือนเท่าไหร่นะ ถึงทำงานเสียคุ้มเหลือเกิน นอกจากเป็นคนสนิทของคุณ แล้วยังเป็นนักสืบด้วยหรือเปล่า” ธรณ์เอ่ยถามพลางหรี่ตามองคู่สนทนาด้วยแววตารู้ทัน

          ไม่ใช่ว่าธรณ์จะไม่รู้ เรื่องที่เวธน์คอยตามเช็คข้อมูลและรายละเอียดของเขา ตามคำสั่งของเขตแดน ก็ยังดีที่ยังให้เกียรติ โดยไม่ไปลากเขาออกมาจากโรงแรมกลางคัน เพราะถ้าเขตแดนทำจริง ชาวบ้านชาวช่องคงลือกันหนาหูว่า เพลย์บอยหนุ่ม ธรณ์ อิสรพัฒน์ ถูกผู้ปกครองบุกลากตัวออกจากโรงแรมกลางดึก ขณะกำลังประกอบกิจกามกับหญิงสาว

          “เวธน์ทำตามหน้าที่ที่ฉันมอบหมาย เขาจะช่วยเป็นหูเป็นตาและดูแลนายแทนฉัน ระหว่างที่นายต้องปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมที่นี่ เพราะที่นี่ไม่ใช่ต่างประเทศ ที่นายจะเที่ยวทำตัวเป็นเพลย์บอยจนเป็นข่าวฉาวโฉ่” เขตแดนเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะย้ำชัดอีกรอบ “แล้วก็ช่วยหยุดทำตัวเหมือนที่เคยทำด้วย อย่างเช่น เที่ยวเปิดโรงแรมเพื่อทำกิจกรรมอย่างว่า”

          “ผมเองก็เพิ่งทราบนะครับว่าคุณถือเรื่องการเปิดโรงแรม เอาเป็นว่าคราวหลังผมจะพาผู้หญิงเข้าบ้านแทนละกัน”

          “ธรณ์ อิสรพัฒน์!! ฉันขอเตือนว่าอย่าคิดที่จะยั่วโมโหฉัน”

          “ผมทำให้คุณคิดอย่างนั้นหรือ ถ้าหมดธุระแล้วผมขอตัวก่อนละกัน เพราะเมื่อคืนผมแทบไม่ได้นอนเลย คุณก็ต้องเข้าใจด้วยนะคุณเขตแดน ว่าผมยังหนุ่มยังแน่น ก็ย่อมมีความต้องการทางเพศเป็นเรื่องธรรมดา หรือคุณจะบอกว่าคุณไม่มี” พูดจบ ธรณ์ก็กระตุกมุมปากยิ้มยั่ว

          เขตแดนขบฟันแน่น แค่วันที่สองของการอยู่ร่วมกัน เขาก็แทบอยากจะกระชากอีกฝ่ายเข้ามาหักคอเสีย ผิดจากที่เขตแดนคิดเสียที่ไหนล่ะ ว่าธรณ์จะต้องกลับมาเพื่อทำชีวิตของเขาวุ่นวาย

          “ถ้านายหมกมุ่นเรื่องทางเพศมากขนาดนี้ อาทิตย์หน้าก็เข้ามาเริ่มทำงานเลยละกัน”

          “นั่นถือว่าเป็นคำสั่งของท่านประธานใช่ไหม ผมคงขัดไม่ได้สินะครับ...ท่านประธาน” ธรณ์เอ่ยทิ้งท้าย ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องหนังสือ

          ห้องหนังสือที่เคยเป็นสถานที่ที่เขตแดนคิดว่าสงบสุข บัดนี้แทบจะลุกเป็นไฟด้วยเพลิงโทสะของชายหนุ่ม และร่างสูงเองก็แทบจะลุกขึ้นมาทึ้งหัวตัวเองด้วยความโมโห

          “แล้วเราจะได้เห็นดีกันแน่ ธรณ์ อิสรพัฒน์!!”


TO BE CONTINUE


๐ ใครจะรับ ใครจะรุก ใครจะเป็นพระ ใครจะเป็นนายต้องลองติดตามดูนะคะ ยังไม่เฉลย
๐ คุณเขตต์นี่เรียกชื่อธรณ์เต็มยศบ่อยจัง คนอ่านจำแม่นแล้ว
๐ เอาตอนสองมาลงจนได้ เขียนแล้วติดลมมาก สงสัยเดี๋ยวจะโดนไล่ออก เอาเวลางานมาเขียนนิยาย
๐ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ติชมกันตามสบายเลยนะคะ น้อมรับ ผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยด้วยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 19-09-2012 14:40:21
เริ่มมันส์แล้ว

แล้วก็เริ่มงงว่า ธรณ์เขต หรือเขตธรณ์


แต่ว่ายังไงก็ได้ คนแต่งติดลมบ่อยๆนะคะ ชอบอะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: yaoigirl ที่ 19-09-2012 15:55:33
โหหหห แค่สองตอนแรกก็ดุเดือดซะแล้วว

ติดตามแน่นอนค่ะ  มาอัพบ่อยๆๆนะค่ะ

ใครจะรั จะรุกหว่า แมนทั้งคุ่ เอิ๊กกกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 19-09-2012 16:26:38
 :-[ :-[ :-[

แค่สองตอนก็ลุ้นตัวโก่งแล้ว ไม่รู้ว่าจะเป็นผู้ปกครองกำราบเด็กดื้อ หรือเด็กดื้อคิดจะลองดีผู้ใหญ่มาดขรึม

เดาทางไม่ถูกจริงๆ รู้แต่ว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครยอมใครแน่ ต้องรอดูไม้เด็ดที่แต่ละคนจะงัดมาใช้ฟาดฟันกัน

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: irksome ที่ 19-09-2012 17:03:02
ตอนแรกนึกว่าจะเป็น เขตธรณ์
แต่ตอนนี้ชักคิดว่าอาจเป็น ธรณ์เขต
ผู้ชายมาดขรึมอายุมากกว่า มันน่าจับมากำราบบบบ  :laugh:
(โรคจิตตตตตต)
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 19-09-2012 17:03:39
ธรณ์ก็ช่างยั่วโมโห
ส่วนเขตก็เข้มงวดเกิน
มองคนละมุมแบบนี้ ตีกันตาย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: Benesmee ที่ 19-09-2012 17:16:26
ทั้งแรงแล้วก็ดูแมนทั้งคู่แบบนี้เล่นเอาเดาไม่ถูกเลย แล้วจะไปเริ่มรักกันตอนไหนเนี่ย
แต่แอบเชียร์ให้เขตเป็นพระเอก เพราะธรณ์กดคนอื่นมาเยอะแล้วอยากให้โดนเขตกดแทนบ้าง  :laugh:
สนุกมากเลย รอตอนต่อไปน่ะคร้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 19-09-2012 17:28:15
ติดใจตรง. มือเรียว. อ้ะ :-[
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 19-09-2012 17:42:29
มันเริ่มแล้วซินะ!
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 19-09-2012 18:08:06
เขตแดนหัวปั่นเชียว ยังเชียร์ให้เขตแดนเป็นนายเอกอ่ะ คริคริ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 19-09-2012 18:09:56
ยิ่งอ่านยิ่งชอบง่า

ไม่ง๊องแง๊งดี ฟาดฟันแบบมีเหตุผล

เอาเหอะ นาทีนี้แล้วแต่คนเขียนเลยหล่ะกัน
ว่าใครจะรุก ใครจะรับ

เพราะถูกใจไปหมดแล้ว

ถ้าคุณเขตต์เป็นรับ ก็คงไม่แปลก น่าหนุกไปอีกแบบ

ยังไงก็จะคอยทุกวันน้า  (แอบกดดันทางอ้อมซะแล้ว)
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 19-09-2012 19:04:51
โอเคเลยค่า

ยกเว้นว่าเขตแดนเป็นคนแปลกมาก
พฤติกรรมสำหรับคนนับถือพ่อของธรณ์ และรู้ว่าธรณ์เจออะไรมาแล้วยังตั้งแง่คอยจิกกัดทุกเรื่อง
1. อายุต่างกัน 7 ปี
2. เคยสนิทกันแบบเป็นพี่น้อง
3. ตั้งใจจะยกกิจการคืนให้เมื่อธรณ์กลับ

เด็กอายุ 12 ที่แม่ตาย คนเป็นพี่ที่อายุ 19 น่าจะเข้าใจว่าเป็นวัยต่อต้านไม่ใช่เหรอ??
จนต้องโดนส่งไปเรียนเมื่ออายุ 15 ที่ต่างประเทศตัวคนเดียว
ถึงจะทำตัวเละเทะ แต่ไม่งี่เง่า เรียนก็จบ
ส่วนเรื่องเพลย์บอยทำเสียชื่อตระกูล >> มันไม่มากพอจะตั้งท่ารังเกียจจิกกัดทุกการกระทำเป็นครูระเบียบขนาดนั้น
ขนาดพ่อ(ลุงคราม)ยังเข้าใจเลย

งงว่า เขตเป็นอะไรมากป่าว "เยอะ"นะเนี่ย
ทำตัวเหมือนแฟนสำมะเลเทเมา นอกใจ ต้องยืนเฝ้าหน้าห้อง
เหวยยยยย ผช.อายุ 22 ใครไม่เที่ยวกินเหล้า สีหญิงบ้างฟระ
หรือจะทำตัวบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่ต้องมือหญิงใด??

ยิ่งอ่านถึงตอนธรณ์ใส่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวลงมาเดินแล้วโกรธเรื่องทำตัวไม่เหมาะสม....
โหยยย เขตโคตรเป็นตาลุงอ่ะ
บทของเขตทั้งหมดนี้บอกว่าอายุ 40 เราจะเข้าใจเลยว่าเป็นช่องว่างระหว่างวัย
ต่างกันซัก 20 ปี เข้าใจว่ารับพฤติกรรมไม่ได้ เพราะการรับรู้สังคม ค่านิยมต่างกันพอควรเลย
แต่ 7 ปี...... เราพยายามหาเหตุผลว่าทำไมนิสัยจิกกัดเยี่ยงนี้

รอคนแต่งเฉลยล่ะกัน


หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 19-09-2012 20:43:02
ลุ้นๆๆๆๆ :z3:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: Luk-Pla-Yai ที่ 19-09-2012 22:04:33
ขอเดาว่าเขตธรณ์ เพราะคนเขียนใช้คำว่าร่างสูงกับเขต
มั่วมากเลยชั้น ก๊ากๆ :laugh:
เชียร์ธรณ์เป็นพระเอก ให้เขตเป็นนายเอก :o8:
มาต่อไวๆนะคะคนเขียน รออ่านอยู่ค่า
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 19-09-2012 23:30:59
เชียร์ธรณ์เป็นพระเอก
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 20-09-2012 00:33:02
เชียร์พี่เขตต์เป็นพระเอกละกัน  :z1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 20-09-2012 01:25:38
มันส์จริงๆเลยค่า
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 20-09-2012 02:28:48
ตอนแรกคิดว่าธรณ์จะเป็นพระเอก อ่านไปอ่านมาเขตน่าจะเป็ฯพระเอกสินะ รึเปล่า?
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: bozang ที่ 20-09-2012 02:43:23
คิดว่าเขตเป็นพระเอกชัวร์ป้าบบบบบบบ
แต่อยากอ่านธรณ์เขตมากกว่าอะ 5555 ชอบอ่านเคะแก่กว่า

แต่สนุกดี ชอบมากจ้า
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 20-09-2012 08:54:08
BOTH ฟันธง  แบบดูเมะทั้งคู่เลยอ่ะ  เอามันแบบนี้แหละ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: smirnoi ที่ 20-09-2012 11:12:19
ลุ้นๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 22-09-2012 21:43:27
ดุเดือดจริงๆ

ขอเชียร์เขตเป็นพระเอกค่ะ อยากให้ธรณ์โดนปราบพยศ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 2 :: 19.09.2012」
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 30-09-2012 08:27:25
เข้ามาดัน,,

นานเกินไปแล้ว,,

รออ่านตอนต่อไปอยู่น้า :')

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 3 :: 30.09.2012」หน้าที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 30-09-2012 21:18:19
“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 3


               ยามเช้าวันเสาร์ ร่างผอมสูงที่ยังมีอาการเจ็ทแลคตกค้างก็ยังคงตื่นเช้ากว่าปกติ แม้ว่าจะรู้สึกอ่อนเพลียอยู่บ้างเล็กน้อย เพราะน่าจะอีกราวเกือบหนึ่งอาทิตย์ กว่าร่างกายของชายหนุ่มจะปรับตัวเข้ากับเวลาของบ้านเกิด จนสมองและร่างกายเริ่มทำงานสอดคล้องกับเวลา

               ธรณ์ อิสรพัฒน์ยืนสูบบุหรี่กลิ่นเมนทอลราคาแพง ที่ลงทุนขนกลับมาเพราะความชอบส่วนตัวอยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน แต่แม้ว่าจะตื่นแต่เช้าจนผิดปกติวิสัยของตนเอง ธรณ์ก็พบว่ายังมีคนตื่นก่อนเขา พอชายหนุ่มเอ่ยถามป้าอุ่นถึงเขตแดน หญิงวัยกลางคนก็ช่วยคลายความสงสัยว่า

                “คุณเขตต์เธอกลับบ้านตัวเองแต่เช้าแล้วค่ะ”

                “หืม?...กี่โมงกันครับป้าอุ่น นี่ผมว่าผมก็ตื่นเช้าแล้วนะครับ”

                “ซักหกโมงแน่ะค่ะ คุณเขตต์เธอลงมารับกาแฟถ้วยเดียวแล้วก็กลับบ้านเลยค่ะ”

               ธรณ์เบิกตาเล็กน้อยอย่างนึกทึ่งกับความจริงที่เพิ่งรับรู้ จริงอย่างที่อีกฝ่ายเคยกล่าว ที่ว่ามาอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์อิสรพัฒน์แค่วันจันทร์ถึงศุกร์ พอเช้าวันเสาร์ก็ตรงกลับบ้านของตนเอง และจะกลับมาอีกทีก็เป็นช่วงเย็นของวันอาทิตย์ หรืออาจจะเลยเป็นช่วงหัวค่ำเลย แต่ก่อนจะกลับบ้าน เขตแดนก็ยังอุตส่าห์จัดการทุกสิ่งทุกอย่างจนเรียบร้อย

               เมื่อวาน เวธน์เป็นธุระจัดการเกี่ยวกับเอกสารทางราชการของธรณ์ และยังจัดการเรื่องบัตรเครดิตและบัตรเอทีเอ็ม จนธรณ์ อิสรพัฒน์เหมือนกลับมาติดปีกอีกหน และตอนนี้ชายหนุ่มก็กำลังยืนดูรถยกนำเอารถยนต์คันหรูของตัวเองมาส่งด้วยความยินดี นับว่าเวธน์ก็มีความรับผิดชอบพอสมควร พอทางศุลกากรแจ้งมาว่ารถยนต์ส่วนบุคคลที่นำเข้ามาถึงเรียบร้อย คนสนิทของเขตแดนก็จัดการทำเรื่องขออนุญาต ชำระภาษีนำเข้า และเรียกรถยกนำจากท่าเรือคลองเตยจนมาส่งถึงบ้านเรียบร้อย

               ธรณ์จุดบุหรี่สูบอีกมวน ขณะยืนดูเด็กกำลังทำความสะอาดรถยนต์คันหรูสีควันบุหรี่ของตัวเอง มีเวธน์คอยควบคุมอยู่ด้วย แม้ว่าจะเป็นวันเสาร์ แต่เวธน์ก็ยังมาคฤหาสน์อิสรพัฒน์ เพื่อคอยดูแลและเป็นธุระเรื่องของธรณ์จนทุกอย่างเรียบร้อย จนธรณ์เชื่อแล้วว่าอีกฝ่ายทำงานเจ็ดวันต่อหนึ่งอาทิตย์

               ชายหนุ่มยืนดูจนรถยนต์ถูกทำความสะอาดเรียบร้อย จึงกลับเข้าห้องของตัวเอง อาบน้ำและแต่งตัวเตรียมพร้อมสำหรับการออกจากบ้าน พอป้าอุ่นเรือนถาม ธรณ์ก็เอ่ยแค่ว่า

                “ผมมีนัดกับเพื่อนครับ”

                “แล้วคุณธรณ์จะกลับมาทานข้าวหรือเปล่าคะ?”

                “ผมอาจจะทานมาจากข้างนอกเลยครับ”

               ธรณ์ยืนส่องกระจกมองเงาตัวเองที่สะท้อนออกมา ผู้ชายรูปร่างสูงผอม หน้าตาหล่อจัด เพียบพร้อมด้วยรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติอย่างที่ผู้หญิงหลายคนเฝ้าเพ้อหา ชายหนุ่มกระตุกยิ้มร้ายกาจออกมา ก่อนจะเดินออกจากบ้านด้วยมาดเพลย์บอยเจนสนาม ที่หลายต่อหลายคนคุ้นตา

====================

               รถยนต์คันหรูแล่นมาจอดหน้าร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง ซึ่งเป็นที่สังสรรค์ของเหล่าดารา นางแบบ และคนในวงการบันเทิง พอจอดรถเรียบร้อยแล้วร่างสูงผึ่งผายจึงก้าวลงมา ธรณ์ถอดแว่นกันแดดออก ดวงตาเรียวทอประกายแวววาวก่อนจะกวาดตามองรอบด้าน แล้วจึงนึกชมคนเลือกร้าน ที่ถือว่ารสนิยมค่อนข้างดีพอสมควร

               พอเดินเข้ามา ชายหนุ่มก็มองหาคู่นัดของตนเองทันที ก่อนจะเห็นว่านางแบบสาว ผู้เป็นคู่นัดของเขานั่งอยู่ที่โต๊ะสำหรับสองคนบริเวณริมหน้าต่าง เจ้าตัวสั่งของทานเล่นมาสองอย่าง พอเห็นร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ก็รีบผุดลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความกระตือรือร้น

                “รอนานหรือเปล่าครับ ลิซ่า” ธรณ์ถามนางแบบสาวเสียงนุ่ม ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามเจ้าหล่อน

                “ลิซ่าก็เพิ่งมาถึงเหมือนกันค่ะ ธรณ์ทานข้าวมาหรือยังคะ” นางแบบสาวถาม ก่อนจะเลื่อนเมนูมาตรงหน้าธรณ์

               แม้เจ้าตัวจะบอกว่าเพิ่งมาถึง แต่คนฉลาดอย่างธรณ์มองปราดเดียวก็รู้ทันที ว่าหญิงสาวมารอเขาซักพักแล้วอย่างแน่นอน เพราะดูจากอาหารที่พร่องลงเล็กน้อย แต่ถ้วยเครื่องดื่มของหญิงสาว น้ำแข็งกลับละลายพอสมควร

                “ผมรอมาทานพร้อมคุณครับ”

               ธรณ์สั่งอาหารมาอีกสองอย่าง ก่อนจะสั่งสาเกมาจิบแกล้มกับ เขานั่งสนทนาสานสัมพันธ์กับอีกฝ่ายอยู่เพียงครู่เดียว ก็รู้ทันทีว่านางแบบสาวก็หมายปองเขาอยู่เช่นกัน เหมือนกับคนประเภทเดียวกันมาเจอกัน ถ้าถามธรณ์แล้ว ลิซ่าก็คงเป็นผู้หญิงประเภทสำหรับควงเล่น หน้าตาและชื่อเสียงก็พอสำหรับการพาออกงาน แต่ถ้าจะมาเป็นแม่ของลูก...ธรณ์คงปฏิเสธทันควัน

               ผู้หญิงที่เข้ามาหาธรณ์มีหลายประเภท ประเภทที่แค่มาสนุกกันแล้วแยกย้าย ชายหนุ่มก็คว้าเอาตามผับตามบาร์ หรือประเภทที่ควงออกหน้าออกตา ก็มักจะเป็นพวกดาราและนางแบบ หรืออาจจะเป็นบรรดาลูกหลานไฮโซที่เป็นข่าวกับธรณ์อยู่หลายคน

               เนื่องจากเป็นร้านที่ลิซ่านัดธรณ์มา เป็นร้านที่เหล่าบรรดาดาราและนางแบบนิยมแวะเวียนมา จึงมีเพื่อนร่วมวงการมาทักทายกับนางแบบสาวอยู่ตลอด บางคนก็เจาะจงเดินเข้ามาเพื่อทักทายเพลย์บอยหนุ่ม จนนางแบบสาวถึงกับเอ่ยปากล้อเลียน

                “แหม...ชื่อธรณ์ อิสรพัฒน์นี่ดังกว่านางแบบอย่างลิซ่าอีกนะคะ”

                “จริงเหรอครับ? ผมเองก็เพิ่งทราบ”

               ธรณ์แกล้งเอ่ยถามเสียงสูง ความจริงแล้วเจ้าตัวก็รู้ดี ว่าชื่อเสียงของเขาดังพอสมควร ขนาดอยู่ต่างประเทศมานมนาน แค่กลับมาอาทิตย์แรก ก็มีคนมาทักทายมากมายราวกับรู้จักมักจี่กันมายาวนาน แต่ความจริงแล้ว ก็แค่รู้จักเขาจากข่าวคาวตามหน้าหนังสือพิมพ์และคำพูดปากต่อปากนั่นแหล่ะ

               บางคนถึงกับออกปากว่า...

                ‘ลองเป็นคู่ควงของธรณ์ อิสรพัฒน์นะ สบายยิ่งกว่าตกถังข้าวสารอีก นี่ถังทองเชียวนะ รับรองสบายตลอดชีวิต’

                “แล้วนี่จะมีงานเปิดตัวฉลองที่กลับมาหรือเปล่าคะ?” นางแบบสาวเอ่ยถามทีเล่นทีจริง แต่กลับเป็นการจุดประกายความคิดของเพลย์บอยหนุ่มทันที

               เขาเองก็ลืมคิด...ทายาทเพียงคนเดียวของอิสรพัฒน์กลับมา ก็ควรมีการจัดงานเปิดตัวแก่วงสังคมเสียหน่อย อาจจะเป็นลู่ทางที่ดี แต่ก็ต้องดูว่า...คุณผู้ปกครองของเขาจะเห็นด้วยหรือเปล่า เพราะธรณ์คิดอยู่เหมือนกันว่าผู้ปกครองของเขา...ออกจะหัวโบราณคร่ำครึ

                “ขอบคุณลิซ่ามากเลยครับสำหรับความคิดเห็น ต้องมีการจัดงานเปิดตัวอย่างแน่นอน”

                “อย่าลืมเชิญลิซ่านะคะ” นางแบบสาวชม้อยตาอย่างมีจริต

                “แน่นอนอยู่แล้วครับ สำหรับคนพิเศษอย่างคุณ”

                “อย่างลิซ่านี่พิเศษขนาดไหนคะธรณ์?” นางแบบสาวแกล้งถามหยั่งเชิง แต่เพลย์บอยหนุ่มก็รู้ทัน

                “แล้วลิซ่าอยากพิเศษแค่ไหนสำหรับผมล่ะครับ?”

                “ลิซ่าอยาก...พิเศษที่สุดสำหรับคุณค่ะ”

               ไม่มีคำตอบรับหรือตอบปฏิเสธจากเพลย์บอยหนุ่ม ธรณ์เพียงแต่คลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะเสตักอาหารวางลงบนจานของหญิงสาว

               สองหนุ่มสาวทานอาหารกันจนเรียบร้อย แล้วชายหนุ่มจึงเป็นคนรับผิดชอบค่าอาหาร เนื่องจากว่าว่าลิซ่านั่งแท็กซี่มาที่ร้านอาหาร ธรณ์จึงรับหน้าที่พาหญิงสาวมาส่งที่คอนโด ชายหนุ่มมาส่งหญิงสาวถึงหน้าห้อง ร่ำลากันเล็กน้อยก่อนที่ธรณ์จะหมุนตัวกลับออกมา มีเพียงสายตาของนางแบบสาวที่มองตาม

               ผู้ชายที่ชื่อ ธรณ์ อิสรพัฒน์มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ และดูเหมือน...เธอจะติดบ่วงเสน่ห์ของเขาเข้าเสียแล้ว!!


====================

                “ความจริงแกน่าจะอยู่กับน้องนะเขตต์ น้องเพิ่งกลับมา อาจจะยังรู้สึกแปลกที่แปลกทางอยู่” คุณสงครามเปรย ขณะสองพ่อลูกกำลังรับประทานมื้อเย็นร่วมกัน เหมือนที่เคยปฏิบัติทุกอาทิตย์

                “อย่าเลยครับพ่อ เดี๋ยวเขาจะอึดอัดเสียเปล่า เขาอายุยี่สิบสองแล้วนะครับ พ่อพูดเหมือนเขาเพิ่งอายุสิบสอง” เขตแดนตอบทันควัน

                “แกนี่ก็ชอบค่อนแคะน้อง คิดซะว่าธรณ์เขาเป็นน้องชายแกคนหนึ่งละกัน ต่างคนก็ต่างเป็นลูกคนเดียวเหมือนกันนี่นา ถ้าเห็นแกกับน้องรักกัน พ่อกับคุณยุทธก็สบายใจ”


                “พ่อเอ็นดูธรณ์หรือพ่อกำลังรู้สึกผิดอยู่กันแน่” เขตแดนถามเสียงเรียบ


               คุณสงครามนิ่งชะงักงันก่อนจะเผลอทำช้อนหลุดมือ ความเอ็นดูคือสิ่งที่บ่มเพาะมาแต่น้อย เมื่อยามแรกเห็นเด็กชายธรณ์ เพราะเด็กชายคือลูกชายของธีรยุทธ ผู้ที่เป็นเพื่อนสนิทที่คบหากันมานาน จนแม้กระทั่งเรียนจบ คุณสงครามก็ยังตามมาทำงานกับคุณธีรยุทธ หากมันก็เจือด้วยความรู้สึกผิดที่มีชายวัยกลางคนรู้ดี ว่ามันก็เปรียบเสมือนตะกอน ที่รอวันถูกกวนจนขุ่น แต่เขาก็สู้เก็บงำความรู้สึกผิดปนละอาย และเฝ้าฟูมฟักเด็กชายอีกคนที่ตนเองรักเหมือนลูก

                “แกก็คอยช่วยดูแลน้องหน่อยละกัน แล้วก็อย่าเพิ่งพูดเรื่องคุณยุทธเลย”

                “แค่พูดถึงอายุทธ หลานรักของพ่อเขาก็ปิดหูหนีแล้ว คงจะฟังผมหรอกครับ แต่ความจริงมันก็เป็นเหตุสุดวิสัย พ่อเลิกรู้สึกผิดเถอะ เดี๋ยวอายุทธที่อยู่บนสวรรค์จะพลอยกังวลเสียเปล่า”

                “ธรณ์เองอายุอานามก็ยังวัยรุ่นอยู่ อาจจะมีอารมณ์วู่วามบ้างตามประสาวัยคะนอง แต่ความจริงน้องก็เป็นเด็กดี อุตส่าห์ร่ำเรียนมาจนจบ แกก็เอ็นดูน้องหน่อยละกัน ถือซะว่าพ่อขอแกนะเขตต์” คุณสงครามเอ่ยเปลี่ยนเรื่องเสีย เหมือนต้องการจะยุติหัวข้อสนทนาที่เขตแดนเป็นผู้เปิดประเด็น

                “เด็กดีของพ่อทำเอาผมปวดไมเกรนวันละหลายรอบ”

                “ธรณ์...ก็เหมือนนก” ขณะพูด คุณสงครามก็ทอดสายตายาวออกนอกตัวบ้าน มองฝ่าความมืดด้วยแววเหม่อลอย “และเพราะเป็นนก เพราะมีปีก จึงอยากจะโบยบินอยู่ตลอดเวลา มันยาก...ถ้าแกจะจำกัดบริเวณเขาอยู่แค่กรงของแก เขาก็ต้องพยายามดิ้นรนหาอิสระอยู่ดี แกต้องปล่อยเขาเดินทาง ถึงเวลาที่เขาอิ่มตัว เขาก็จะกลับมาพักที่รังของเขาเอง”

               เขตแดนเองก็เห็นด้วยกับคุณสงคราม ที่ว่าธรณ์ อิสรพัฒน์เปรียบเสมือนนก ที่มุ่งมั่นจะบินสู่ท้องฟ้ากว้างด้วยปีกสองข้างของตัวเอง และเมื่อถึงเวลา...เขาก็หวังว่านกของคุณพ่อ จะกลับคืนมาที่รังอย่างที่คุณพ่อพูด เขาแค่กลัวว่านกวัยคะนองของคุณพ่อจะเตลิดจนยากที่จะกู่กลับรังเสียก่อนน่ะสิ

               แต่มาลองคิดกลับกัน ธรณ์ อิสรพัฒน์ก็เหมือนกับติดปีกเมื่อตอนอายุสิบห้า เด็กหนุ่มเผชิญโลกกว้างด้วยปีกสองข้างของตัวเอง นี่มันก็ผ่านมาร่วมเจ็ดปีแล้ว...ถึงเวลาที่เขาควรจะจับเจ้าตัวกลับมาคืนรังหรือยัง?

               ความจริงแล้ว ชีวิตของธรณ์ก็ดูจะวนเวียนกับอิสระเหลือเกิน ทายาทคนเดียวของตระกูลอิสรพัฒน์ ว่าที่ประธานบริษัทอิสระคอนสตรัคชั่น ราวกับเกิดมาเพื่อที่จะไขว่คว้าหาอิสระ

                 “แล้วน้องจะเริ่มทำงานเมื่อไหร่ล่ะ” คุณสงครามถามเรื่องที่กำลังเป็นกังวล

               ที่ผ่านมา คุณสงครามรับรู้ข่าวคราวของธรณ์มาตลอด แต่ที่นิ่งเงียบเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายยังเด็ก แต่อนาคต ถ้าเกิดมีข่าวฉาวของผู้บริหารบริษัทชื่อดังลงหนังสือพิมพ์ รับรองเลยว่าจะต้องส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงของตัวบริษัทอย่างแน่นอน

                 “วันจันทร์นี้ล่ะครับ ผมคิดว่าอาจจะดึงมาเป็นผู้ช่วยผมก่อน”

                 “อย่าดีกว่า” คุณสงครามเอ่ยห้ามทันควัน

                 “ทำไมล่ะครับ?” เขตแดนถามด้วยความสงสัย เพราะอีกเพียงสามปี ธรณ์ก็ต้องเข้ามารับช่วงตำแหน่งประธานบริษัทแทนเข้า การมาทำงานเป็นผู้ช่วยของเขตแดน ธรณ์ย่อมมีโอกาสเรียนรู้งานมากกว่าตำแหน่งอื่นอย่างแน่นอน ถือเป็นการเตรียมความพร้อมอีกฝ่ายสำหรับการก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริษัท หลังจากถึงเวลาที่พินัยกรรมระบุ

                 “คิดว่าน้องจะยอมหรือ พ่อว่า...เริ่มจากงานที่เขาถนัดดีกว่า”

                คุณสงครามรู้ดีถึงความหวังดีของเขตแดน แต่บอกแล้วว่าธรณ์เป็นเหมือนนก ย่อมต้องการที่จะโบยบินด้วยปีกของตนเอง มากกว่ามาคอยเกาะกิ่งไม้ใหญ่ ที่มากด้วยอำนาจและประสบการณ์อย่างเขตแดน และอีกอย่าง...เขตแดนเองก็มีเวธน์เป็นคนสนิทที่คอยจัดการงานทุกอย่างอยู่แล้ว ประเดี๋ยวภาระหน้าที่มันจะซ้ำซ้อนกันเสียเปล่า

                 “เดี๋ยวผมจะลองคิดดูอีกทีละกันครับ”

                สองพ่อลูกหันกับมาสนใจอาหารตรงหน้า ต่างคนต่างครุ่นคิด เรื่องที่ครุ่นคิดก็เป็นเรื่องของ ธรณ์ อิสรพัฒน์ ทว่า...แม้จะคิดถึงคนเดียวกัน แต่เรื่องที่คิดกับต่างกันอย่างสิ้นเชิง

====================

                เขตแดนกลับมาถึงคฤหาสน์อิสรพัฒน์ตอนเย็นวันอาทิตย์ พอกลับมาก็ถามหาเจ้าของบ้านจากป้าอุ่นเรือน พอรู้ว่าอีกฝ่ายออกจากบ้านเฉพาะวันเสาร์ แต่กลับมาช่วงเย็น ส่วนวันอาทิตย์ก็อยู่บ้านตลอด ชายหนุ่มก็เผลอคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างเผลอตัว ก่อนจะรีบกลับมาตีหน้านิ่งเหมือนเดิม

                เขตแดนจัดการอาบน้ำอาบท่าจนเรียบร้อย เสร็จแล้วจึงถือวิสาสะเดินมาเคาะประตูห้องนอนของธรณ์  ที่อยู่ห่างจากห้องที่เขาพักเล็กน้อย หลังจากพบว่าอีกฝ่ายย้ายกลับมานอนห้องของตัวเองแล้ว แทนที่จะเป็นห้องของคุณอัจฉรา คุณแม่ของเจ้าตัวดังเช่นคืนแรกที่กลับมาถึง

                 “ประตูไม่ได้ล็อค เชิญเลยครับป้าอุ่น...” คาดว่าเจ้าตัวคงคิดว่าเป็นป้าอุ่นเรือน เลยออกปากอนุญาตอย่างง่ายดาย ชายหนุ่มยืนครุ่นคิดก่อนเลือกที่จะเอ่ยปากบอกอีกฝ่าย แทนที่จะถือวิสาสะเปิดประตูตามที่เจ้าตัวอนุญาต เพราะคิดว่าเขาเป็นป้าอุ่นเรือน

                 “ฉันเอง” เขตแดนเอ่ยเสียงนิ่ง และยืนรอปฏิกิริยาตอบรับจากเจ้าของห้อง

                ยืนรออยู่เพียงครู่เดียว ประตูก็เปิดออก ก่อนร่างสูงจะเดินมายืนพิงกรอบประตู ธรณ์สวมชุดนอนที่ดูดีกว่าวันแรกเล็กน้อย ชายหนุ่มสวมกางเกงบ็อกเซอร์เหมือนวันแรกที่เขตแดนเห็น แต่ยังดีที่มีเสื้อกล้ามตัวบางปิดบังร่างกายท่อนบน

                 “มีธุระอะไรกับผมตอนกลางค่ำกลางคืนหรือครับคุณเขตแดน” ธรณ์เอ่ยถามพลางหลิ่วตาอย่างยียวน ก่อนจะแกล้งเลิกคิ้ว “หรือว่า...นอนไม่หลับครับ?”

                 “ฉันจะมาคุยเรื่องงานของนาย” เขตแดนเอ่ยเสียงเรียบ มองเมินท่าทางของอีกฝ่าย ที่ต้องการจะยั่วโทสะของเขา ขืนเขามัวแต่เต้นตามเกมส์ของธรณ์ เขาคงจะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองอย่างแน่นอน

                ชายหนุ่มเรียนรู้แล้วว่า หากคิดจะคุยกับธรณ์จนตลอดรอดฝั่ง เขาควรจะหัดควบคุมอารมณ์ แม้จะอายุมากกว่าอีกฝ่ายถึงเจ็ดปี แต่พอปะทะคารมกันทีไร เขตแดนกลับคิดว่าตัวเองกลายเป็นเด็กหนุ่มรุ่นกระทงอยู่เรื่อย ถึงเขาจะเจอสภาวะความกดดันตอนทำงานมานักต่อนัก แต่ชายหนุ่มก็ควบคุมอารมณ์ได้ตลอด แต่แค่ปะทะคารมกับธรณ์เพียงสองประโยค เขตแดนก็แทบจะสูญเสียความเป็นตัวเอง

                 “ว่ามาสิครับ”

                 “ตรงนี้? หน้าห้อง?...” เขตแดนเลิกคิ้วสูง

                 “อ้าว...ก็บอกมาสิครับ ว่ารอผมเชิญคุณเข้าห้องอยู่” ธรณ์แกล้งพูดจาสองแง่สามง่าม ก่อนจะผลักประตูออกกว้าง แล้วเป็นฝ่ายเดินนำเข้าห้องตัวเอง

                ห้องนอนของธรณ์คงสภาพเหมือนสมัยเจ้าตัวยังเด็ก ข้าวของก็มีเพียงเล็กน้อย เพราะเจ้าตัวเพิ่งเดินทางกลับมา รูปภาพที่วางประดับอยู่บนตู้ ยังเป็นรูปเจ้าตัวสมัยเด็ก ที่มองแล้วก็พาลคิดถึงวันวาน

                ธรณ์นั่งลงที่ปลายเตียง ปล่อยเขตแดนยืนเคว้างหาที่นั่งด้วยตัวเอง ก่อนชายหนุ่มจะลากเก้าอี้นวมมานั่งตรงข้ามกับธรณ์ ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงด้วยทวงท่าสบายอารมณ์

                 “เห็นคุณเวธน์บอกว่าผมต้องเข้าบริษัทพรุ่งนี้” ธรณ์เป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนา เพราะเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ถือวิสาสะกวาดตาสำรวจห้องนอนของเขา

                เขตแดนพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ ก่อนจะอธิบายขยายความเพิ่มเติม

                 “วันแรกก็แค่แนะนำตัวกับพนักงาน แล้วตอนบ่ายเราจะเข้าโรงงานที่สมุทรสาครกัน นายคงพอรู้มาจากอายุทธ ว่าอิสระคอนสตรัคชั่นมีออฟฟิศอยู่ที่สาทร ส่วนโรงงานผลิตอยู่ที่สมุทรสาคร”

                 “ผมพอทราบอยู่บ้าง”

                ธรณ์กอดอกนั่งฟังอยู่บนเตียงนิ่ง ขณะเขตแดนเอ่ยแนะนำถึงบริษัทเล็กน้อย รวมถึงขอบเขตงานที่ธรณ์จะต้องเข้ามารับผิดชอบ ซึ่งสุดท้ายแล้ว เขตแดนก็เลือกแผนกต่างประเทศ เป็นที่ฝึกงานนักเรียนนอกที่เพิ่งจบกลับมา ด้วยวุฒิบริหารธุรกิจบัณฑิต

                เขตแดนมองคนที่นิ่งฟังอย่างสงบ เวลาคุยกันเรื่องงานแล้วก็นึกชมกับตัวเองว่า เวลาที่ธรณ์สงบปากสงบคำ ก็แลดูน่าเอ็นดูอย่างที่คุณสงครามพูดหรอก ขอเพียงแค่ธรณ์จะพูดดีกับเขาเหมือนเวลาคุยกับพ่อเขา เขตแดนก็จะนับเอาอีกฝ่ายเป็นน้องชายเขาด้วยความยินดี แต่อีกฝ่ายดูจะชอบยั่วโทสะเขามากกว่า ตลอดเวลาที่คุยกันเลยมีแต่การปะทะริมฝีปากอยู่เสมอ จะเป็นด้วยวัยที่ห่าง หรือความรู้สึกบางอย่างของตัวเขาเอง ที่นึกชังเวลาที่ต้องมารับรู้ข่าวคาวฉาวโฉ่ของธรณ์ อิสรพัฒน์

                จากเด็กชายตัวน้อยที่วิ่งคอยตามเรียกหา ‘พี่เขตต์’ กลายมาเป็นเพลย์บอยหนุ่มเจนสังคม มันคือสิ่งที่เขตแดนรับรู้และหงุดหงิดมาตลอด แต่ก็เฝ้าบอกตัวเองว่า...เพราะสงสารอายุทธของเขา ที่มีลูกชายเหลวไหล เขาจึงโกรธอีกฝ่าย และหมายมั่นว่าจะเป็นผู้ดัดนิสัยธรณ์ อิสรพัฒน์ด้วยตัวเอง

                 “ขอถามอะไรหน่อยสิ”

                เขตแดนสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ทันที ก่อนจะผงะเล็กน้อย แล้วก็กลับมาสงบนิ่งดังเดิม ธรณ์ก้าวลงจากเตียงและโน้มหน้าเข้ามาหาเขา จนชายหนุ่มรู้สึกถึงกลิ่นสบู่หอมอ่อนจากกลิ่นกายของอีกฝ่าย

                 “ว่ามาสิ...”


                 “ถ้าผมเป็นประธานบริษัท แล้วอดีตประธานอย่างคุณล่ะ จะดำรงตำแหน่งอะไร?...”


TO BE CONTINUE


๐ มาช้ามากและมาอย่างสั้นมาก...ขออภัยด้วยนะคะ
๐ วางพล็อตเรียบร้อย แต่บางทีมันก็เขียนยากมาก พยายามคุมบุคลิกตัวละครเต็มที่
๐ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และทุกคนที่ติดตามนะคะ น้อมรับทุกคำติชม  :pig4:

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 3 :: 30.09.2012」หน้าที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 30-09-2012 21:36:07
ธรณ์ถามซะตรงเป้าเลย
ติดตามตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 3 :: 30.09.2012」หน้าที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 30-09-2012 21:41:38
แล้วน้องธรณ์อยากจะให้พี่เขตต์เป็นอะไรหละจ๊ะ หึหึ

ยังคงจิกกันกันอยู่ ยังไม่เห็นแววจะหวานเลย ดูห่างไกลใช่ไหมคะ

ยังคงเชียร์ให้พี่เขตต์รุกน้องธรณ์ค่าาาาา
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 3 :: 30.09.2012」หน้าที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 30-09-2012 21:43:20
เป็นสามีประธานบริษัทไงล่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 3 :: 30.09.2012」หน้าที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-09-2012 21:52:04
ถ้าธรณ์เป็นประธาน เขตต์ก็เป็นแฟนประธานไง ลงดีออก
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 3 :: 30.09.2012」หน้าที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Benesmee ที่ 30-09-2012 22:03:17
รอวันที่ประธานคนใหม่จะโดนกดอยู่น้า :laugh:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 3 :: 30.09.2012」หน้าที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: momo9476 ที่ 30-09-2012 22:32:27
ถามไรอย่างนั้นเหล่าา พี่เขตต์ก็ตอบไม่ถูกพอดี
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 3 :: 30.09.2012」หน้าที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-10-2012 00:21:53
 o18


เอาปืนมายิง ง่ายกว่าไหม !
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 3 :: 30.09.2012」หน้าที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 01-10-2012 00:47:14
ดีใจที่ไล่ผีไก่ออกจากร่างคุณเขตต์ได้ซะที


ค่อยสมเป็นประธานบริษัทหน่อย
และดูสมเป็นอดีตพี่ชายไม่ใช่อดีตภรรยา.... = ="
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 3 :: 30.09.2012」หน้าที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 01-10-2012 03:42:08
แหม ถามแบบนี้จะให้พี่เขต ตอบว่าอย่างไรรรรรรร


อ่านไปอ่านมาชักอยากให้เป็น ธรณ์เขต ซะแล้ว กร๊าก
  :laugh:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 3 :: 30.09.2012」หน้าที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 01-10-2012 07:33:02
 :laugh:ผัวประธานไง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 3 :: 30.09.2012」หน้าที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 01-10-2012 07:46:34
คำถามธรณ์ สะดุ้งกันเป็นแถบ 
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 3 :: 30.09.2012」หน้าที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 01-10-2012 14:50:40
ยังไม่ถึงเวลาเลยธรณ์จะรีบถามทำไม
ตอบตอนนี้กับตอบเวลานั้นอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้
แต่ไม่ค่อยชอบนายเอกแนวนี้นะมั่วผู้หญิงเยอะมาก
กะให้เขตกดธรณ์เต็มที่
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 3 :: 30.09.2012」หน้าที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 01-10-2012 20:59:53
ถ้าพี่เขตตอบว่าเป็นผัวท่านประทานเค้าจะสะใจมาก o3
เด็กแบบธรณ์ต้องโดนกดและโดนสั่งสอนให้เจ็บแสบและหลาบจำ :o10:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 3 :: 30.09.2012」หน้าที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 01-10-2012 21:28:14
พูดงี้ ปล้ำเลยพี่เขตต์  :oo1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 3 :: 30.09.2012」หน้าที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 02-10-2012 16:50:04
แหม...........คำถามนี้ของธรณ์เล่นเอาไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว

ก็แบบว่ายังรักพี่เสียดายน้องอยู่นะ จะเป็นธรณ์เขต หรือ เขตธรณ์ ก็ยังยากที่จะตัดสินใจ

รู้แต่ว่าคนหนึ่งก็ช่างยั่ว อีกคนหนึ่งก็ยั่วขึ้นเสียด้วย ไม่รู้ว่างานนี้ใครจะเพลี้ยงพล้ำก่อนกัน

 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 3 :: 30.09.2012」หน้าที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: qhanb ที่ 04-10-2012 17:13:48
ผัวประธานผัวประธานผัวประธานผัวประธาน
ผัวประธานผัวประธานผัวประธานผัวประธาน
ผัวประธานผัวประธานผัวประธานผัวประธาน//ชูป้ายไฟ
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 4 :: 05.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 05-10-2012 19:50:56
“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 4


               “ถ้าผมเป็นประธานบริษัท แล้วอดีตประธานอย่างคุณล่ะ จะดำรงตำแหน่งอะไร?...”

               สุดท้ายแล้วถ้อยคำถามของธรณ์ ก็เหมือนสายลมที่พัดผ่าน เพราะเขตแดนเพียงแค่เหยียดริมฝีปากออกเล็กน้อย ก่อนจะตอบคำถามอีกฝ่ายเสียงเรียบ

                “ถึงเวลานายก็รู้เอง”

               ธรณ์นั่งนิ่งอยู่บนเตียง มองแผ่นหลังของคนที่มาเยือนยามวิกาลด้วยสายตาครุ่นคิด ก่อนจะก้าวลงจากเตียง ชายหนุ่มเดินลงมาที่ห้องหนังสือ ผลักประตูออก เขานั่งลงตรงที่เคยเป็นที่นั่งประจำของคุณธีรยุทธ จังหวะที่กำลังหย่อนตัวลงนั่ง มือพาลปัดแฟ้มเอกสารสีดำที่วางอยู่บนโต๊ะ ปกติมีเพียงเขตแดนที่มักจะแวะเข้ามาขลุกอยู่ที่ห้องหนังสือ แน่นอนว่าเจ้าของแฟ้มเอกสารก็ย่อมเป็นเขตแดน ความอยากรู้และมารยาทมันตีกันอยู่กลางอก ก่อนที่มือจะขยับเปิดแฟ้ม แล้วชายหนุ่มก็ต้องนิ่งชะงักงันกับความจริงที่กระแทกเข้ากลางแสกหน้า

               ที่ผ่านมาเขาติดตามข่าวการเสียชีวิตของผู้เป็นพ่อ ผ่านทางอินเตอร์เนตตลอด เพราะเลือกที่จะปิดหูปิดตา แต่จากข่าวที่เขาทราบคือคุณธีรยุทธประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทางรถยนต์ แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ากลับตรงกันข้ามกับข่าวที่เขารู้มา กรอบข่าวจากหนังสือพิมพ์ที่ถูกตัดปรากฏแก่สายตา แม้กระดาษจะเหลืองกรอบและตัวหนังสือจะซีดจางตามวันและเวลา แต่ทุกข้อความยังชัดเจน


               ...ลอบสังหารนักธุรกิจเจ้าของอิสระคอนสตรัคชั่น นายธีรยุทธ อิสรพัฒน์ คาดฉนวนเหตุมาจากขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ...


               ความรู้สึกเมื่อรับทราบข่าวพลันต่างกัน เขาคิดว่า...เขตแดนจะต้องรู้คำตอบของทุกคำถามที่เขาสงสัย เมื่อแรกที่รู้ว่าคุณธีรยุทธเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ธรณ์นิ่งเฉยอย่างสงบ เพราะเขารู้ ทุกคนล้วนแต่มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ มีตาย...ดูอย่างคุณแม่เขานั่นสิ ขนาดเสียคุณแม่ ซึ่งเปรียบเสมือนที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของธรณ์ ชายหนุ่มยังคงยืนหยัดอยู่มาด้วยความเข้มแข็ง และเพียงแค่เสียคุณพ่อ ซึ่งปกติก็ห่างเหินกันอยู่แล้ว นับครั้งที่จะคุยกันด้วยดีตามประสาพ่อลูก ธรณ์จึงเพียงแค่รู้สึกว่าตนเองก็แค่สูญเสีย เรื่องที่จะมาคร่ำครวญเป็นวรรคเวรนั่นนับว่าน่าหัวเราะสิ้นดี

               หากบัดนี้...เมื่อความจริงต่างจากสิ่งที่รับรู้มาตลอด ความรู้สึกจึงย่อมเปลี่ยนด้วยเช่นกัน แม้ระหว่างเขากับผู้เป็นพ่อ ยังเหมือนมีกำแพงที่ขวางกั้นอยู่ แต่เลือดครึ่งหนึ่งของเขา...ก็คือเลือดอิสรพัฒน์ที่ถ่ายทอดมาจากคุณธีรยุทธ แม้จะนึกชิงชังผู้เป็นพ่อมากแค่ไหน แต่ธรณ์คิดว่า...ด้วยสิทธิ์ความเป็นลูก เขามีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริงทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณธีรยุทธ

               เสียชีวิตเพราะถูกลอบสังหาร ความรู้สึกหลังรับรู้ย่อมต่างจากเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ เพราะอุบัติเหตุมันยากที่จะควบคุม แต่ถูกลอบสังหาร...ย่อมต้องมีคนบงการ เร็วเท่าความคิด ธรณ์รวบแฟ้มเอกสารมาแนบกับอก ก่อนจะก้าวพรวดออกจากห้องหนังสือ และมาหยุดหน้าห้องที่เขตแดนพัก เคาะประตูเป็นจังหวะสามที แล้วชายหนุ่มก็ยืนรอด้วยความอดทน ก่อนที่เจ้าของห้องซึ่งสวมชุดนอนเรียบร้อยแล้วจะเปิดประตูออกมา ธรณ์เดินเบียดเจ้าของห้องเข้ามานั่งอยู่บนเก้าอี้ ชนิดที่เจ้าของห้องถึงกับนิ่วหน้าเล็กน้อย นอกจากถูกรบกวนยามวิกาลแล้ว ผู้มารบกวนยังทำตัวไร้มารยาทอีก

                “ผมต้องการรู้ทุกเรื่อง...ตามความจริง” เอ่ยจบ ธรณ์ก็เหวี่ยงแฟ้มเอกสารลงบนเตียง

               เขตแดนทำเมินเฉยต่อการกระทำของชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่า เขาเพียงแค่คว้าแฟ้มเอกสารขึ้นมาดู แต่พอเห็นสันแฟ้มชัดเจนก็ชะงักกึก ก่อนจะเป็นฝ่ายยืนนิ่งงัน เขารู้ดีว่าตัวเองเก็บแฟ้มที่ห้องหนังสือ เพราะวันก่อนหยิบออกมาดูแล้วลืมเก็บ แต่เพราะชายหนุ่มคิดเองว่า ปกติธรณ์เองก็ไม่เคยคิดที่จะย่างกรายเขาห้องหนังสือ เขาจึงปล่อยแฟ้มอยู่ที่เดิม นี่ก็นับเป็นความสะเพร่าของเขาเอง ธรณ์เองก็เห็นอาการชะงักงันของเขตแดน จึงรีบสืบเท้าเข้ามาหาเขตแดน

                “ผมต้องการรู้สิ่งที่ผมควรจะรู้...เกี่ยวกับคุณพ่อของผม”

                “ก็ยังดีที่นายยังยอมรับว่าคุณอาเป็นพ่อของนาย”

                “กรุณาตอบคำถามที่ผมถามด้วย...คุณเขตแดน เกียรติณรงค์”

               เขตแดนเผยอริมฝีปากเล็กน้อย คล้ายจะยิ้มและคล้ายจะเยาะ เด็กผู้ชายอวดดีที่ทำตัวเสมือนคล้ายจะตัดขาดจากผู้เป็นพ่อ กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา และเรียกร้องอยากรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับพ่อของตนเอง มันช่างน่าขันเหลือเกิน ที่สุดท้ายแล้ว...คนที่วิ่งหนีก็กลับต้องเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหา

                “ก็อย่างที่นายเห็น อายุทธถูกลอบยิงตามที่ข่าวลง” เขตแดนเอ่ยเหมือนเป็นเรื่องปกติ

               คงมีเพียงแค่คุณธีรยุทธ คุณสงคราม และเขตแดนที่รู้ ว่าพวกเขาต่างผ่านช่วงเวลาดังกล่าวมาด้วยความยากลำบาก ช่วงเวลาแห่งความเป็นตายของคนหนึ่งคน ที่มีผู้รับรู้เพียงสองคน คุณสงครามยืนกรานที่จะแจ้งแก่ธรณ์ แต่คุณธีรยุทธเอ่ยเพียงแค่ว่า...

                ‘อย่า...อย่าบอกความจริงธรณ์’

               สุดท้ายแล้ว คุณสงครามและเขตแดนเลยต้องเลือกที่จะทำตามคำสั่งของคุณธีรยุทธ อำนาจเงินของอิสรพัฒน์บันดาลจนทุกอย่างกลายเป็นเรื่องง่ายดาย กลับซ้ายเป็นขวา กลับขาวเป็นดำ กลับข่าวลอบสังหารเป็นข่าวอุบัติเหตุ

                “คุณควรจะบอกผม ว่าพ่อของผมถูกฆ่า แทนที่จะปล่อยผมคิดเองเออเองว่าพ่อผมประสบอุบัติเหตุ” ธรณ์เอ่ยเสียงกร้าว ขณะที่เขตแดนยังคงนิ่ง แม้ว่าความจริงแล้วชายหนุ่มเองก็กำลังร้อนรนกับความจริงที่ถูกเปิดเผยออกมาเช่นกัน เพราะความจริงที่เปิดเผยออกมา มันเกี่ยวพันถึงบุคคลอื่นมากกว่าที่ธรณ์คิด อย่างน้อยก็คุณธีรยุทธที่หลับสบายแล้ว ตัวเขาเอง และคุณสงครามผู้เป็นพ่อ

               มีหนังสือพิมพ์เพียงฉบับเดียวที่ลงข่าวตามเหตุการณ์จริง ก่อนจะถูกบิดเบือนด้วยอำนาจเงินของอิสรพัฒน์ ซึ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นความต้องการของคุณธีรยุทธก่อนเสียชีวิต และผู้ดำเนินการก็คือคุณสงคราม เพราะคุณธีรยุทธรู้จักลูกชายตัวเองดี ว่าธรณ์จะมีปฏิกิริยากับข่าวอย่างไร หากเพียงแต่ธรณ์รู้ความจริง

               บางที...คุณธีรยุทธก็คือคนที่รู้จักธรณ์ อิสรพัฒน์ดีที่สุด!!

                “ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความต้องการของอายุทธ” เขตแดนเลือกที่จะเอ่ยอีกอย่างแทน

                “แต่ผมมีสิทธิ์ที่จะรู้”

                “ตอนนี้นายเองก็รู้แล้ว ก็ปล่อยทุกอย่างดำเนินตามที่อายุทธต้องการเถอะ อายุทธเองก็มีเหตุผลของท่านที่จะปิดบัง อย่ามาขุดคุ้ยเลย เอาเวลามุ่งมั่นกับตำแหน่งว่าที่ประธานบริษัท สิ่งสุดท้ายที่อายุทธคาดหวังจากนายดีกว่า”

                “อย่ามาพูดเหมือนรู้จักพ่อผมดีกว่าผม คุณมันก็แค่คนนอก”

               ถ้าเป็นยามที่อารมณ์ปกติ ธรณ์คงพร้อมที่จะรับมือกับเขตแดน แต่ยามนี้มันยากที่จะควบคุมอารมณ์กับสิ่งที่เพิ่งรับรู้ ชายหนุ่มเหวี่ยงหมัดหมายจะอัดเข้าหน้าหล่อคมของคนที่กำลังยืนนิ่ง แต่เขตแดนก็คว้าข้อมือธรณ์แน่น ก่อนจะกระซิบข้างหูเสียงดุ

                “ควบคุมอารมณ์หน่อย ธรณ์ อิสรพัฒน์ ฉันอายุมากกว่านายเจ็ดปีนะ เคารพกันบ้าง”

               ธรณ์นิ่งชะงัก เมื่อถูกต่อว่า เขาผ่อนลมหายใจยาว ก่อนจะบิดข้อมือออกจากการยึดเหนี่ยวของเขตแดน นาน...กว่าอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของชายหนุ่มจะสงบ แล้วชายหนุ่มก็เอ่ยคำพูดที่แม้แต่ตัวเองยังต้องตกตะลึง

                “ขอโทษ...”

                “เรื่องมันผ่านมาแล้ว ฉันกับพ่อก็ยังคอยตามเรื่องอย่างเต็มที่ แต่อย่างที่รู้...ถึงมือปืนถูกจับกุม แต่กลับไม่ยอมให้การซัดทอดถึงผู้บงการ”

                “ผม...”

                “ปล่อยเป็นธุระของฉันกับพ่อดีกว่า นายเอาเวลามาเรียนรู้งาน ก่อนที่จะต้องดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเถอะ” เขตแดนเอ่ยตัดบท แล้วก็เดินมาเปิดประตูห้องเป็นอันยุติการสนทนา เขายืนรอจนธรณ์ที่กำลังมึนงงเดินออกจากห้อง แล้วจึงปิดประตูลง

               ลับร่างของธรณ์แล้ว เขตแดนก็ยืนนิ่งควบคุมอารมณ์ตนเองจนเกิดความสงบ ต้องยอมรับเลยว่า พอพูดถึงเรื่องคดีความที่ยืดเยื้อมานาน มันก็เหมือนการสะกิดแผลเก่า ที่เหมือนกับเพียงแค่ถูกปิดพลาสเตอร์ รอวันเวลาที่พลาสเตอร์จะถูกกระชากออกมา และพบว่า...ความจริงแล้วแผลที่คิดว่าเก่า กลับยังสดอยู่

                “ผมพยายามที่จะช่วยพ่อแล้วนะ ที่เหลือก็สุดแท้แต่หลานรักของพ่อแล้วล่ะครับ”

====================

               ธรณ์เดินกระแทกเท้ากลับมาที่ห้องด้วยความหงุดหงิด แท้จริงแล้วชายหนุ่มก็ยังเป็นเพียงคนหนุ่มวัยคะนอง จากเหตุการณ์เมื่อครู่ ธรณ์ก็รู้ทันทีว่า นอกจากตนเองจะอ่อนวัยกว่าเขตแดนแล้ว เขายังอ่อนประสบการณ์ และขาดการควบคุมอารมณ์อยู่อีกมาก ถึงจะมีหลายหน ที่เขาเป็นฝ่ายที่พยายามจะยั่วโทสะเขตแดน แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่า...ความจริงแล้วตัวเขานั่นแหล่ะ คือฝ่ายที่รู้สึกเดือดดาล ยามที่เห็นเขตแดนเพิกเฉย

               ถึงธรณ์จะพยายามหลอกตัวเอง ว่าเขาชิงชังเขตแดน แต่ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ ความจริงที่ว่า ธรณ์พยายามเรียกร้องความสนใจจากเขตแดน เพราะเกลียดสายตาที่มองตนเองอย่างหมางเมิน อยากมีตัวตนสำหรับเขตแดน เกลียดที่อีกฝ่ายเอาแต่เรียกหา ‘อายุทธ’ เอาแต่ชื่นชมผู้เป็นพ่อของเขา สุดท้ายแล้ว...ธรณ์ก็เป็นแค่เด็กที่ขาดความอบอุ่นคนหนึ่ง ที่ต้องการคนมาดูแล

               ธรณ์บอกตัวเองว่า...เขาเกลียดพ่อ ที่รักและห่วงเขตแดนมากกว่าเขาผู้เป็นลูก
               เขาเกลียดเขตแดน...ที่แสดงความชื่นชมพ่อเขาอย่างออกนอกหน้าจนเขานึกชัง

               เขาจึงเหลือเพียงแค่ลุงคราม...ลุงครามที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของธรณ์ ธรณ์เชื่อ...ว่าลุงครามรักและจะไม่มีวันหักหลังธรณ์อย่างเด็ดขาด

               ธรณ์พยายามหยุดความคิดเกี่ยวกับเขตแดน ก่อนจะดึงตัวเองกลับมายังสิ่งที่เพิ่งรับรู้ แม้จะรู้ดีว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแปร ทุกอย่างต้องดำเนินตามกฎหมาย แต่...บางทีกฎหมายก็ดำเนินช้ากว่าที่ธรณ์จะสามารถอดทนรอ เขาพร่ำบอกตนเองว่า การเรียกร้องความยุติธรรม และหาตัวคนบงการ เป็นการกู้คืนศักดิ์ศรีของอิสรพัฒน์ ไม่ใช่เป็นการทำเพื่อคุณธีรยุทธ ผู้เป็นบิดา เพราะอนาคต เขาเองก็ต้องก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริษัท การลอบสังหารประธานบริษัทคนเก่าก็เปรียบเสมือนกับการหยามหน้าอิสรพัฒน์ เขาเองก็เป็นอิสรพัฒน์คนหนึ่ง เขาจะต้องสืบเสาะหาตัวผู้บงการมาดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด จะช้าหรือจะเร็ว ธรณ์ก็จะรอ แม้ว่าบางทีผลลัพธ์ของการขุดคุ้ยสิ่งที่คุณธีรยุทธพยายามปิดบัง อาจจะนำมาซึ่งสิ่งที่ยากจะคาดเดาก็ตามที

               ถึงจะพร่ำบอกตัวเองว่าเป็นการทำเพื่ออิสรพัฒน์ แต่คงมีเพียงเจ้าตัวที่รู้ ว่าเขากำลังทำเพื่ออิสรพัฒน์ หรือทำเพื่อผู้เป็นพ่อที่ล่วงลับ

               พอมาคิดถึงสิ่งที่ตนเองหมายมาด ธรณ์ก็ควานหาโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ตรงหัวเตียงมา ก่อนจะกดหมายเลขที่ถูกบันทึกเป็นหมายเลขด่วน เพื่อความสะดวกเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน ฟังเสียงเพลงรอสายอยู่เพียงชั่วครู่ ปลายสายก็กดรับด้วยความรวดเร็ว

                ((โทรศัพท์มาหากูกลางดึก มีธุระหรือเปล่า))

               ด้วยอำนาจและเส้นสายของท่านนายพลผู้เป็นพ่อ ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับชินดนัย ขอเพียงแค่เพื่อนรักออกปาก ชินดนัยก็พร้อมจะช่วยเหลือเพื่อนรักอย่างเต็มที่

                “กูเพิ่งรู้เรื่องคดีความของพ่อกู ที่กูคิดว่าเป็นอุบัติเหตุมาตลอด ความจริงแล้ว...พ่อกูถูกลอบฆ่า”

               ปลายสายนิ่งเงียบลงทันที ชินดนัยก็ยังคงเป็นชินดนัย ที่รู้จักธรณ์เป็นอย่างดี แม้สิ่งที่เห็นภายนอก คือภาพของสองพ่อลูกที่ขัดแย้งกัน แต่คนที่อยู่กับธรณ์มาตลอดอย่างชินดนัย บางทีก็รู้จักธรณ์ดีกว่าเจ้าตัวเสียอีก

                ((ธรณ์...มึงโอเคหรือเปล่า?))

                “กูโอเค แต่กูอยากรู้ทุกเรื่องที่กูควรรู้ บางทีกูก็รู้สึกเหมือน...เหมือนเป็นคนโง่เลยหว่ะมึง”

               ยามอยู่กับชินดนัย ธรณ์ก็คือธรณ์ ที่อยากจะระบายทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองคิด เพราะสำหรับธรณ์แล้ว ถึงจะรักลุงครามมาก แต่ลุงครามก็เป็นเหมือนพ่อมากกว่า เขาก็ยังคงต้องการคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันมาคอยรับฟังเขา

                ((แล้วทำไมข่าวถึงออกมาว่าเป็นอุบัติเหตุล่ะ?))

                “คุณเขตต์เขาบอกว่า เป็นความต้องการของพ่อกู กูว่า...มันประหลาด ประหลาดมาก มึงลองสืบดูทีนะชิน กูอยากรู้ทุกเรื่องเลย”

                ((มึงเชื่อกูเถอะธรณ์ ว่าแต่มึงโอเคนะ กูขับรถไปหามึงที่บ้านดีหรือเปล่า)) ชินดนัยเอ่ยถามเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง

                “ไม่เป็นไรชิน กูโอเค พรุ่งนี้กูต้องเริ่มทำงานแล้วด้วย”

                ((มึงก็พยายามอย่าหาเรื่องคุณเขตต์เขามากล่ะ))

                “หึหึ...กูเพื่อนมึงนะ”

               ธรณ์คุยกับชินดนัยอยู่อีกซักพักก่อนจะวางสาย เพราะอยู่ลำพังมานาน หลายหนที่ต้องพึ่งตัวเอง หลายหนที่ต้องกอดตัวเอง จนบางทีมันก็ชินชา อาจจะมีบ้างที่พยายามหาคนมาเคียงข้างกาย แต่มันก็อบอุ่นแค่ชั่วข้ามคืน ก็แค่เพื่อนนอน...สำหรับคืนที่ฝันร้าย

               เอาเถอะ...เขาจะอ่อนแอแค่คืนเดียว แล้วพรุ่งนี้จะกลับมาเป็นธรณ์ อิสรพัฒน์ที่ทุกคนรู้จัก

====================
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 4 :: 05.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 05-10-2012 19:56:08

               รถยนต์คันหรูสมศักดิ์และศรีของผู้บริหารแล่นฝ่าการจราจรที่ติดขัดของเช้าวันจันทร์ มาจอดที่หน้าอาคารสูงลิบบนย่านธุรกิจของกรุงเทพมหานคร พอผู้บริหารหนุ่มก้าวลงมาจากตอนหลังของรถยนต์ รถพอร์ชนำเข้าสีดำคันหรูก็แล่นตามเข้ามา ก่อนจะเลยเข้าสู่ลานจอดรถ

               ท่านประธานบริษัทวัยยี่สิบเก้า ยืนรอคนที่จะมาเริ่มทำงานวันแรกจอดรถจนเรียบร้อย แรกที่เห็นอีกฝ่ายแต่งกายด้วยชุดทำงาน เพลย์บอยหนุ่มดูดีจนเขตแดนเองยังต้องนึกชม ว่าถอดแบบความสง่างามจากคุณธีรยุทธมาเกือบทุกกระเบียดนิ้ว

               ชายหนุ่มสองคนที่เดินเคียงกันมา และมีคนสนิทอย่างเวธน์คอยเดินประกบตามหลัง เรียกสายตาของพนักงานเกือบทุกคน ยิ่งบรรดาพนักงานหญิงยิ่งมองกันชนิดเหลียวหลัง ปกติเหล่าพนักงานหญิงสาวก็แอบชื่นชมท่านประธานอยู่แล้ว ยิ่งวันนี้ท่านประธานยังพาชายหนุ่มหล่อจัดมาด้วยอีกคน จึงเรียกเสียงฮือฮาตลอดทาง

                “ผมขอแนะนำ...นี่คุณธรณ์ อิสรพัฒน์ ลูกชายคุณธีรยุทธ จะมามาเริ่มทำงานที่นี่วันนี้วันแรก” พอเขตแดนเอ่ยแนะนำตัวชายหนุ่ม พนักงานทุกคนก็รีบยกมือไหว้ทันที เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงลูกชายของประธานบริษัทคนเก่า และทายาทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของตระกูลที่ก่อตั้งบริษัท

                “อย่าไหว้ผมเลยครับ ผมเพิ่งอายุยี่สิบสองเอง ตามสบายกันดีกว่า คิดซะว่าผมเป็นพนักงานเหมือนพวกคุณนี่แหล่ะ” ธรณ์เอ่ยก่อนจะแย้มริมฝีปากโปรยเสน่ห์

               พอผ่านประชาสัมพันธ์ของบริษัทเข้ามา ก็จะถูกแยกออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือลิฟท์สำหรับพนักงานและผู้ที่มาติดต่อ อีกส่วนหนึ่งคือลิฟท์สำหรับผู้บริหาร

               ส่วนแรกที่เขตแดนพาธรณ์มาแนะนำคือ แผนกการเงินและการบัญชี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจ ผู้จัดการแผนกก็เป็นคนเก่าแก่ที่เคยทำงานกับคุณธีรยุทธมาก่อน จากนั้นจึงเป็นแผนกการตลาด ที่ทำงานควบคู่กับทีมขาย ทีมขายคอยหาลูกค้า ส่วนแผนกการตลาดคอยสำรวจตลาดและวางแผนการขาย แผนกบุคคล ที่มีหน้าที่รับผิดชอบบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล เขตแดนพาธรณ์เดินดูงานเรื่อยมา จนมาหยุดที่ห้องทำงานของประธานบริษัทที่อยู่ชั้นบนสุด แยกตัวเป็นเอกเทศจากทุกแผนก

                “ปกติฉันจะอยู่ที่ห้องเกือบตลอด ยกเว้นว่ามีงานข้างนอก ถ้ามีธุระหรือสงสัยก็แวะมาได้ตลอด”

                “แล้วที่ทำงานของผมล่ะ”

               เขตแดนเบี่ยงตัวออกมานอกห้องทำงานของตนเอง และเดินนำธรณ์ลงมาชั้นที่อยู่ถัดจากห้องทำงานของเขา ซึ่งเป็นที่ตั้งของแผนกต่างประเทศ เวธน์เองก็ยืนรออยู่ก่อนแล้ว

                “นี่คือแผนกต่างประเทศ ปกติแผนกต่างประเทศจะประสานงานกับเวธน์ แล้วถึงค่อยผ่านเรื่องมาที่ผม ต่อจากนี้คุณก็มาดูแลแผนกต่างประเทศ” เขตแดนเอ่ยแนะนำ

                “แล้วหัวหน้าแผนกคนเก่าล่ะครับ?” ธรณ์เอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะถ้าเกิดเขามาดูแลแผนกต่างประเทศ แล้วหัวหน้าคนเก่า...?

                “ผมเองครับ แต่ตอนนี้ก็เป็นความารับผิดชอบของคุณธรณ์แล้วล่ะครับ”

               ธรณ์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ เขตแดนเห็นว่าทุกอย่างเริ่มลงตัว จึงเดินกลับห้องของตนเอง เหลือเพียงเวธน์กับธรณ์ เวธน์เรียกชายหนุ่มคนหนึ่งออกมา พออีกฝ่ายยกมือทำท่าจะไหว้ ธรณ์ก็รีบจับมืออีกฝ่ายแล้วส่ายศีรษะทันควัน

                “เดี๋ยวผมแก่เร็วพอดีครับ ผมเพิ่งอายุยี่สิบสองเอง อายุน้อยกว่าคุณอีก คิดซะว่าผมเป็นเพื่อนร่วมงานคุณละกัน ผมอยากเรียนรู้งาน คุณ...”

                “ภวินท์ครับ แต่คุณธรณ์จะเรียกผมว่าวินก็ได้ครับ”

                “คนนี้เขาเก่งครับคุณธรณ์ นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ยังชำนาญภาษาจีนกับญี่ปุ่นอีก ปกติเขาจะทำหน้าที่ประสานกับคู่ค้าต่างชาติน่ะครับ หรือบางทีก็อาจจะควบตำแหน่งล่ามด้วย”

               ธรณ์มองอีกฝ่ายด้วยความทึ่ง ส่วนเวธน์อยู่แนะนำงานอีกเล็กน้อยก็ขอตัว ภวินท์จึงพาธรณ์มายังโต๊ะที่เตรียมไว้ เพราะเวธน์แจ้งเขาล่วงหน้าเรียบร้อย ว่าลูกชายของท่านประธานคนเก่าจะมาทำงานที่แผนกต่างประเทศ

====================

               วันแรกของการทำงาน ธรณ์นั่งศึกษาข้อมูลจากแฟ้มเอกสารที่เขาร้องขอจากภวินท์ ส่วนมากจะเป็นเอกสารการเจรจาติดต่อกับต่างประเทศ ซึ่งก็มีคู่ค้าที่เป็นซัพพลายเออร์ เนื่องจากบริษัทมีการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ และคู่ค้าที่เป็นลูกค้า เพราะอิสระคอนสตรัคชั่นเองก็มีการทำตลาดต่างประเทศ ส่วนมากมักจะเป็นแถบอาเซียนและตะวันออกกลาง มีบ้างที่อาจจะเป็นประเทศทางแถบตะวันตก

               ธรณ์นั่งศึกษาข้อมูลที่รับเอามาจากภวินท์ด้วยความเพลิดเพลิน แถมยังเข้าดูฐานข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเอง แล้วจดรายละเอียดลงสมุดเล่มเล็ก นับว่าเป็นงานที่เหมาะสมและตรงกับความชอบของเขาเลยทีเดียว เพราะชายหนุ่มเรียนจบด้านการตลาด และศึกษาวิชาธุรกิจระหว่างประเทศเป็นวิชาเสริม

               ดูเหมือนธรณ์จะเพลิดเพลินจนลืมเวลา พอรู้สึกตัวอีกที ตอนเงยหน้าขึ้นมาบิดตัวขจัดความเมื่อยขบ ก็ต้องชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นท่านประธานกำลังยืนพิงผนังและมองมาที่เขาอยู่ พอเห็นธรณ์เหลียวซ้ายแลขวา เขตแดนจึงเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ

                “คนอื่นเขาพักกลางวันกันหมดแล้ว เหลือนายอยู่คนเดียวเนี่ยแหล่ะ”

               ธรณ์กวาดตาดูอีกรอบ แล้วก็จึงเห็นว่าจริงตามที่เขตแดนพูด เพราะแผนกต่างประเทศ เหลือธรณ์นั่งอยู่เพียงลำพัง เขตแดนปรายตามองโต๊ะทำงานของธรณ์ ก่อนจะเอ่ยเหมือนพูดกับตัวเองคนเดียว

                “เดี๋ยวจะเรียกคนมากั้นห้องละกัน แยกออกมาเป็นสัดส่วนน่าจะเหมาะกว่า”

                “แล้วแต่ท่านประธานเถอะครับ ว่าแต่อุตส่าห์มาถึงนี่ อย่าบอกนะว่าแค่มาดูความเรียบร้อยที่ทำงานของผม” ธรณ์ถาม มือก็เก็บรวบเอกสารและข้าวของของตนเอง

                “ฉันคิดว่าบอกนายแล้วเสียอีก ว่าตอนบ่ายเราจะเข้าโรงงานที่สมุทรสาครกัน ถึงนายจะดูแลฝ่ายต่างประเทศ แต่สำหรับว่าที่ประธานบริษัทแล้ว...นายจำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง”

               บอกแล้วว่าธรณ์จะอ่อนแอแค่คืนเดียว เพียงแค่ชั่วข้ามคืน ธรณ์ก็กลับมาเป็นคนเดิม ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้เดินมาประชิดตัวเขตแดน ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วคล้ายจะท้าทาย

                “รวมถึงต้องรู้เรื่องของคุณด้วยหรือเปล่าครับ”

               แต่ถ้าธรณ์คิดว่าเขตแดนจะยอมอ่อนข้อเหมือนทุกที คงต้องบอกว่าเพลย์บอยหนุ่มคิดผิดถนัด เพราะแทนที่เขตแดนจะผละหลบอย่างที่ธรณ์หวัง นักธุรกิจหนุ่มกลับเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ

                “ฉันยินดีจะบอกเรื่องของตัวเอง ถ้านายคิดว่าเรื่องของฉัน ‘สำคัญ’ สำหรับนาย”

               เขตแดนเน้นคำว่า ‘สำคัญ’ จนธรณ์รู้สึกหน้าชา ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันคิดหาวิธีแก้เกมส์ตอบโต้ อีกฝ่ายก็เดินลิ่วออกจากห้องเรียบร้อย ธรณ์เดินตามมาทันตอนที่ประตูของลิฟต์เปิดพอดี

               บางทีแล้ว...สิ่งที่สายตามองเห็นอาจจะไม่ใช่อย่างที่เห็น คิดว่ารู้จักกันดีพอ แต่ความจริงแล้วกลับเป็นเสมือนคนแปลกหน้าต่อกัน

               เขตแดน...อาจจะไม่ได้สุภาพและเคร่งขรึมอย่างที่ธรณ์คิด
               และธรณ์...ก็อาจจะไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่เขตแดนคิด

               จิ้งจอกเหลี่ยมจัดอาจยังต้องพ่ายแพ้ต่อราชสีห์ที่แก่ด้วยประสบการณ์

====================

               เวธน์เอารถมารออยู่ที่หน้าอาคารแล้วเรียบร้อย พอเขตแดนเห็นธรณ์เหลียวมองยังลานจอดรถ ที่มีรถคันหรูจอดอยู่ก็นึกรู้ทันที จึงเอ่ยบอกคนรักรถที่มัวแต่ยืนลังเล ความอยากขับรถของตนเองก็มีเต็มเปี่ยม แต่ความแปลกที่แปลกทางก็มีอยู่เช่นกัน

                “นายน่ะมากับฉัน เพราะฉันขี้เกียจมานั่งเสียเวลารอนายเปิดจีพีเอสงมหาทาง ส่วนรถของนาย จะเรียกรถมายกกลับบ้านหรือจอดอยู่ที่นี่ก็คิดเอาเองละกัน ถ้าจะรถยกมายกกลับก็บอกเวธน์ล่วงหน้า แต่ถ้าจะจอดค้างคืนที่นี่ พรุ่งนี้เช้านายก็มากับฉัน ที่นี่มีเวรยามคอยดูแลความปลอดภัยตลอดอยู่แล้ว”

               พอเสนอทางเลือกแก่ธรณ์เสร็จ เขตแดนรอเวธน์เดินมาเปิดประตูหลัง ส่วนตนเองก็ยืนกดดันธรณ์ ธรณ์หรี่ตามองเล็กน้อย ก่อนจะก้าวขึ้นรถด้วยความจำนน

               จากอาคารสำนักงานบนถนนสายธุรกิจของกรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าสู่โรงงานที่จังหวัดสมุทรสาครกินเวลาราวชั่วโมงเศษ และเนื่องจากตอนที่ออกจากบริษัทเป็นเวลาเที่ยง เขตแดนจึงสั่งเวธน์เลี้ยวรถเข้าสู่ถนนบางขุนเทียนชายทะเล ก่อนจะแวะร้านอาหารเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน เพราะเขาเองก็รีบร้อนพาธรณ์ออกมา จนลืมทานอาหารกลางวันมาจากที่บริษัท

               ร้านอาหารที่เวธน์เลือก เป็นร้านที่มีลูกค้าพอประมาณ เป็นแพริมน้ำอยู่บนวังกุ้ง เขตแดนเป็นฝ่ายเดินนำธรณ์เข้ามาหายังโต๊ะอาหารด้วยความชำนาญ ส่วนเวธน์เองขอรออยู่ที่รถ เพราะทานจากที่บริษัทมาเรียบร้อยแล้ว จึงเหลือเพียงแค่เขตแดนกับธรณ์ที่ต้องมาร่วมโต๊ะกันตามลำพัง

               พอเห็นสายตาของธรณ์ที่เหลียวมองรอบข้าง เขตแดนก็นึกอยากจะเป็นฝ่ายเอาคืนทันที

                “กลัวที่ต้องอยู่กับฉันสองคนเหรอ”

               ธรณ์แทบจะลืมชัยชนะที่สวยงามของตัวเองที่มีต่อเขตแดนที่ห้องหนังสือทันที เขาตวัดตามามองเขตแดน เหมือนอีกฝ่ายกำลังพูดภาษาต่างดาว แม้จะรู้ดีว่าเขตแดนกำลังเป็นต่ออยู่ แต่ด้วยนิสัยของธรณ์ มันก็ยากที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ของตนเอง

                “ตลกหรือเปล่า? ผมเนี่ยนะจะต้องมากลัวคุณ นี่ถือเป็นมุกระหว่างรอพนักงานมาจดรายการอาหารหรือเปล่าครับ?”

                “ก็ดี อย่ามากลัวทีหลังละกัน” เขตแดนตอบเสียงเรียบ แล้วก็ตัดบทด้วยการเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร

               นักธุรกิจหนุ่มสั่งอาหารอย่างชำนาญ เขาจัดแจงสั่งอาหารทะเลมาสามอย่าง แล้วก็ข้าวเปล่าสองจาน พอสั่งจนเสร็จแล้วก็นั่งกอดอกมองคนที่เอาแต่ทอดสายตามองวังกุ้ง

               เขตแดนยอมรับเลยว่า...ธรณ์ อิสรพัฒน์มีเสน่ห์อย่างล้นเหลือ มันเป็นเสน่ห์แบบผู้ชาย ที่ขนาดผู้ชายด้วยกันอย่างเขายังต้องยอมรับว่าดูดีเหลือเกิน ดวงหน้าขาวที่หล่อจัดของคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา คือผู้ชายที่หญิงสาวหลายคนหมายปอง เขาพยายามคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายบางคนจะทำตัวเป็นเพลย์บอย คบหาผู้หญิงมากหน้าหลายตา แต่...

               พอผู้ชายคนที่ว่าคือธรณ์ อิสรพัฒน์ เขตแดนกลับรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่าน

               เขาคิดว่า...เพราะตอนนี้ตัวเองเปรียบเสมือนผู้ปกครองของอีกฝ่าย เขาจึงต้องรับรู้ทุกอย่างและมีหน้าที่คอยดูแลอีกฝ่าย ตามที่คุณธีรยุทธมอบหมาย ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะคุณธีรยุทธต้องการชดเชยเวลาเจ็ดปี ที่ปล่อยธรณ์อยู่ตามลำพังที่ต่างแดน

                “คุณจะมองผมอีกนานหรือเปล่า?”

               กลับกลายเป็นธรณ์ ที่เป็นฝ่ายปลุกเขตแดนออกจากภวังค์ความคิดของตน พอเขตแดนรู้ตัว เขาก็กำลังประสานสายตาอยู่กับธรณ์แล้วเรียบร้อย แต่เขตแดนก็ยังเป็นคนที่เรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์เมื่อต้องเผชิญหน้ากับธรณ์ เขาจึงตีหน้านิ่งสนิทเหมือนเดิม

                “เพิ่งรู้ว่าถ้าเป็นผู้ชายนี่ห้ามมองหน้านาย”

                “อยากมองก็มองเถอะ แต่สายตาคุณที่มองน่ะ...เห็นแล้วมันน่าขนลุกชะมัด คิดอะไรกับผมหรือเปล่าครับคุณเขตแดน”

               ความจริงแล้ว สายตาที่เขตแดนมองธรณ์ ก็เป็นสายตาปกติ เพียงแต่ธรณ์ธรณ์แค่คิดอยากจะเอาคืนอีกฝ่าย ที่ทำเขาแพ้มาหลายยก ธรณ์ก็แค่หวังว่าจะเห็นหน้าตาตกตะลึงของเขตแดน แต่ดูเหมือนวันนี้ จะมีแต่ธรณ์ที่ต้องเป็นฝ่ายถูกต้อนจนมุมอยู่เพียงฝ่ายเดียว

                “แล้วถ้าฉันคิดล่ะ...”

               ธรณ์ถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง จนต้องไอโขลกหน้าดำหน้าแดง ขณะที่คนพูดยังคงตีหน้านิ่งเรียบเฉย มีเพียงดวงตาที่แสดงความเหนือกว่าออกมาอย่างชัดเจน ก่อนจะปิดท้ายด้วยคำพูด ที่ทำเอาธรณ์นึกหมายหัวเขตแดน และหมายมาดว่าจะต้องเป็นฝ่ายเอาคืนอย่างแน่นอน

                “หึหึ ถูกฉันต้อนจนมุมตลอดเลยนะ ชัยชนะนี่มันหอมหวานดีเหลือเกิน นายคิดเหมือนฉันหรือเปล่า ธรณ์ อิสรพัฒน์”


TO BE CONTINUE


๐ เป็นเรื่องที่เขียนแล้วแอบเครียด รังสีความเป็นเคะและเมะเริ่มฉายออกมานิดหน่อย
๐ เขียนยากมาก กว่าจะจบแต่ละตอน ปาดเหงื่อสิบตลบ ซึนคู่เลย นายเอกก็ซึน พระเอกก็ซึน
๐ น้อมรับทุกคำติชมนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่ะ รักคนอ่านทุกคน ตอนหน้าอีกนานเลยค่ะ นี่เอามาแปะกันลืม  :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 4 :: 05.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 05-10-2012 20:05:13
เรื่องมันซับซ้อนจริงๆ รู้สึกสงสารเขตเหมือนต้องแบกอะไรไว้เยอะแยะ

เอิ่ม...รู้สึกว่าตอนนี้เขตแดนเริ่มเผยตัวตนออกมาทีละน้อย เค้ากลัวแทนหนูธรณ์เลยอ่ะ

หนูธรณ์โดนไปหลายดอกนะตอนนี้ จะเอาคืนยังไงหละเนี่ย ฮ่าๆๆ (แต่หนูธรณ์ถ้าจะเอาคืนต้องเผื่อใจไว้บ้างน้า)
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 4 :: 05.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-10-2012 22:42:39
พี่เขตต์ยอมรับแล้วสิว่าเริ่มมองน้องธรณ์ เหอ ๆ เจ้าเล่ห์จริง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 4 :: 05.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 05-10-2012 23:03:30
งวดนี้เขตแดนนำโด่ง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 4 :: 05.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-10-2012 00:07:46
 o18

กระอักกระอ่วน
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 4 :: 05.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 06-10-2012 00:21:38
เรื่องนี้ดูมีปมเยอะนะเนี่ย
น่าสนุุกค่า ติดตามๆ


 :pig4: นะคะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 4 :: 05.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 06-10-2012 00:41:52
ดีใจที่ได้เจอท่านประธานเขตค่า ^^

ตอนนี้เขตเท่ชะมัด ฮิ้ววววววววววววววว
รออ่านว่า จะเดินเกมยังไง ว่าแต่.....เมื่อไหร่จะเข้าใจตัวเองล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 4 :: 05.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Ra poo ที่ 08-10-2012 00:01:26
โหยยยย เราเชียร์ ธรณ์เขต อ่ะ ยังมีหวังอยู่ม้ายยยยยยย
ซิกๆ เค้าชอบคนแก่โดนกดอ่ะ มันสะใจ หึหึ
แต่เหมือนชัดเจนแล้วว่า เรื่องนี้เขตธรณ์ แง้ :o12:
(สลับกันก็ดีนะคะ เท่าเทียมๆ)
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 4 :: 05.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 08-10-2012 22:24:08
สนุกดีคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 4 :: 05.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 09-10-2012 00:14:52
แอบผิดหวังเล็กน้อย เราเชียร์ธรณ์ลุกอ่า  :z3:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 4 :: 05.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 09-10-2012 01:01:34
แอ๊ยยยยยพี่เขตแอบคิดอะไรกับน้องธรณ์

 :-[
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 4 :: 05.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: anuruk97 ที่ 09-10-2012 01:06:43
ชอบจัง...+1ให้นะค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 4 :: 05.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 09-10-2012 09:27:37
เด็กแบบนี้ต้องโดนกำราบ  o18
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 4 :: 05.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Kaame ที่ 09-10-2012 10:15:39
ไม่ใช่คนนิ่ง ๆ แบบที่คิดสิน้า - . -
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 4 :: 05.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: It_s_me ที่ 09-10-2012 12:03:40
ชอบเวลาที่ธรณ์โดนพี่เขตต้อนจนจนมุมจริงๆ
มันให้ความรู้สึกประมาณ "ฝีมือยังห่างชั้นกันนัก ไอ้น้อง"
เขตแดนดูจะหลงเสน่ห์ธรณ์เข้าซะแล้วสิ
เชียร์พี่เขตสุดใจกระเทียมเจียว ขอให้ปราบเด็กพยศได้ในเร็ววัน
แต่ดูแววแล้วคงไม่นานหรอกเนอะ :z2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 4 :: 05.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: liptudzii_chi ที่ 10-10-2012 18:07:18
เรารักเรื่องนี้มีหลายๆๆตอนให้เราอ่านนะ :-[ :-[ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 4 :: 05.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Ra poo ที่ 13-10-2012 22:07:41
แอบมาดัน ฮึบๆๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 4 :: 05.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 13-10-2012 22:47:11
เอาแล้วไงคุณเขตต์ ไม่ธรรมดาจริงๆด้วยน้า อิอิ :m20:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 5 :: 24.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 24-10-2012 13:06:27
“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 5



          หากตัดความอคติของตนเองออก ธรณ์ต้องยอมรับเลยว่า เขตแดนเป็นผู้ชายที่เหมาะสมกับตำแหน่ง ‘ประธานบริษัท’ มากกว่าเขา ผู้ซึ่งเป็นทายาทตัวจริงเสียอีก นับตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามายังโรงงาน ธรณ์เฝ้าจับตาดูการทำงานของเขตแดนด้วยความทึ่งเกือบตลอดเวลา

          ภาพของผู้บริหารหนุ่มถูกสลัดออก พร้อมกับสูทสีดำสนิทที่ถูกถอดออกและฝากเอาไว้ที่เวธน์ ก่อนที่เขตแดนจะรับเอาชุดพร้อมหมวกนิรภัยจากผู้จัดการโรงงานมาสวม และส่งอีกชุดมาให้กับธรณ์ ซึ่งชายหนุ่มก็รับมาสวมด้วยความเก้กัง ต่างจากเขตแดนที่ดูคุ้นเคย จนทุกอากัปกิริยาเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ

          ส่วนมากเขตแดนจะเป็นคนแนะนำส่วนการผลิต ที่แยกออกมาอย่างเป็นระบบให้แก่ธรณ์ นอกเสียจากว่าเป็นข้อมูลเชิงลึก ผู้จัดการโรงงานที่เดินตามหลังจึงเป็นฝ่ายเอ่ยเสริม ตลอดทางที่เดินตรวจดูโรงงาน ธรณ์ก็ต้องประจักษ์แก่สายตาตนเองว่า นอกจากพ่อของเขาจะยอมรับเขตแดนแล้ว พนักงานทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งคนงานที่ทำงานอยู่สายการผลิตก็ยังยอมรับเขตแดน

          ธรณ์ฟังเขตแดนอธิบายจนจบสิ้นทุกกระบวนความแล้ว จึงผ่อนฝีเท้าลงมาเดินคู่กับเวธน์ ปล่อยให้ผู้จัดการโรงงานเป็นคนคอยรายงานความเรียบร้อยของเขตแดน

          “ปกติคุณเขตแดนเข้ามาที่โรงงานบ่อยหรือครับ”

          “โดยปกติแล้ว คุณเขตต์จะต้องเข้ามาตรวจโรงงานทุกสัปดาห์ครับ”

          พนักงานทุกคนมักจะเรียกเขตแดนว่า ‘คุณเขตต์’ มากกว่าจะเรียกว่า ‘ท่านประธาน’ ซึ่งธรณ์รู้มาจากเวธน์ว่า มันเป็นความต้องการของเขตแดนเอง ยกเว้นเวลาติดต่อกับหน่วยงานภายนอก พนักงานทุกคนถึงจะเรียกเขตแดนว่า ‘ท่านประธาน’ ให้สมกับศักดิ์และศรีของอีกฝ่าย

          ธรณ์เชื่อมั่นมาตลอดว่าตนเองเป็นคนสุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่การเดินตรวจตราโรงงานที่มีขนาดกว้างขวาง ก็ทำเอาชายหนุ่มถึงกับเหงื่อตก เขาเผลอหลุดยิ้มแหยออกมาเล็กน้อย เมื่อเวธน์ยื่นผ้าเย็นมาให้ ก่อนจะรับมาเช็ดหน้าเช็ดตาบรรเทาความอ่อนล้า

          “เจ้านายของคุณฟิตน่าดูเลยนะครับ” ธรณ์เอ่ยกับเวธน์ สายตาก็มองเขตแดนที่ยังเดินเคียงอยู่กับผู้จัดการโรงงาน

          “คุณเขตต์เดินตรวจเป็นประจำจนชินน่ะครับ ถ้าเป็นผม ผมก็เหนื่อยเหมือนคุณธรณ์ล่ะครับ”

          ธรณ์ขยับเน็คไทด์ของตนเองจนคลายตัวเล็กน้อย ก่อนจะปลดกระดุมเม็ดบนสุดออก แล้วเอาผ้าเย็นวางแปะบนลำคอของตนเอง แม้จะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่เพราะการเดินตรวจโรงงาน มันต่างจากการวิ่งออกกำลังรอบสวนสาธารณะ และยิ่งธรณ์เองเพิ่งเดินทางมาจากเมืองหนาว แถมบางส่วนของโรงงานยังค่อนข้างอบอ้าว ดวงหน้าขาวจัดจึงซับสีเลือดแดงก่ำ จนเวธน์เองยังต้องออกปากทักด้วยความเป็นห่วง

          “คุณธรณ์...ไหวหรือเปล่าครับ? หน้าคุณแดงมากเลยนะครับ”

          ธรณ์โบกไม้โบกมือเป็นเชิงบอกเวธน์ว่าเขายังไหว แม้ว่าแท้จริงแล้วจะรู้สึกอ่อนล้าและวูบพอสมควร แต่เพราะด้วยทิฐิอันแรงกล้าเพียงอย่างเดียว ว่าจะต้องแสดงตนว่าเข้มแข็งต่อหน้าเขตแดน ธรณ์จึงยังคงฝืนยืนหยัดอยู่ แม้ร่างกายจะเริ่มประท้วง

          เวธน์มองเจ้านายของตนอีกคนด้วยความเป็นห่วง เพราะแค่ดูด้วยสายตาก็รู้ทันที ว่าธรณ์กำลังฝืนตัวเองอยู่ เขากับธรณ์ยืนพักอยู่เพียงครู่เดียว เขตแดนก็เดินกลับมาด้วยท่าทางที่ปกติ หลังจากเขาสรุปงานกับผู้จัดการโรงงานเรียบร้อยแล้ว พอเขตแดนเดินมาถึงตรงที่ธรณ์ยืนอยู่ เวธน์จึงออกปากทันที

          “คุณเขตต์กับคุณธรณ์รออยู่ตรงนี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมไปเอารถมารับดีกว่า”

          เขตแดนขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย แต่ไม่ได้ซักถามอะไรออกมา เพราะพอจะเห็นอาการของธรณ์อยู่ว่าดูไม่ปกติเท่าไหร่นัก เป็นธรณ์เสียอีก ที่รีบร้องห้ามเวธน์

          “ไม่เป็นไรหรอกคุณเวธน์ เดี๋ยวเดินไปพร้อมกันเหมือนตอนขามาก็ได้”

          เวธน์ขยับจะทักท้วง แต่เห็นว่าแม้แต่เขตแดนเอง ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา จึงต้องยอมทำตามความต้องการของธรณ์ เขาขยับเดินนำไปไม่กี่ก้าว ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเหมือนของหล่น แต่คงเป็นของที่มีขนาดใหญ่น่าดู พอหันกลับมาก็เห็นว่าเขตแดนประคองธรณ์อยู่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเอ่ยสั่งกับเวธน์เสียงเฉียบขาด

          “ฉันกับคุณธรณ์จะรออยู่ที่นี่ นายรีบไปเอารถมา”

          เวธน์รับคำแล้วก็รีบเดินไปยังลานจอดรถด้วยความรวดเร็ว พอคนสนิทของเขตแดนเดินห่างไปไม่เท่าไหร่ ธรณ์เองก็พยายามจะขืนตัวเองออกมาจากการพยุงของเขตแดน จนผู้บริหารหนุ่มต้องเอ็ดออกมาด้วยความเหลืออด


          “อย่าอวดดีน่า ธรณ์ อิสรพัฒน์ ถ้าเหนื่อยก็พัก จะฝืนไปทำไม”


          “ผมไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย แค่อากาศมันร้อน” ธรณ์ค้านเสียงเบาก่อนจะหลบสายตาเสีย เพราะแม้เขตแดนจะจ้องมาด้วยดวงตาคมดุ แต่ประกายบางอย่างที่เจืออยู่ มันพาลเอาเขานึกถึง... ‘พี่เขตต์’ ที่เขาเคยวิ่งตามเมื่อสมัยยังเล็ก

          “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่นายพยายามสร้างเกาะกำบัง พยายามเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวของตัวเอง ไม่มีใครว่าอะไรหรอกนะ ถ้าเกิดนายจะอ่อนแอบ้าง”

          “ยิ่งอยู่กับคุณ ผมยิ่งอ่อนแอไม่ได้” ประโยคที่หลุดออกมาจากริมฝีปากของธรณ์เบาหวิว แต่สำหรับเขตแดน มันดังชัดเจนจนต้องเอ่ยถาม...

          “ทำไม? ฉันอยากรู้เหตุผล”

          แต่มันเป็นคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ ธรณ์ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ เมื่อเห็นว่าเวธน์ขับรถมาถึงพอดี เขาขืนตัวออกจากการพยุงของเขตแดน และเดินตรงไปที่รถ ที่เวธน์เปิดประตูคอยอยู่แล้ว เขตแดนยืนมองจนธรณ์ก้าวขึ้นรถเรียบร้อย ก่อนจะเดินตามมาที่รถ ริมฝีปากหยักขยับพูดพึมพำด้วยประโยค ที่คงมีเพียงเจ้าตัวที่ได้ยิน


          “ฉันไม่อยากบีบให้นายต้องแสดงความอ่อนแอเท่าไหร่หรอกนะ แต่ฉันคงจำเป็นต้องทำ ตราบใดที่นายยังไม่ยอมเป็นตัวของตัวเอง”

====================

          นับว่าเป็นความโชคดีของธรณ์ ที่ขากลับ เวธน์เพียงแค่ส่งเขาลงหน้าคฤหาสน์ เพราะเขตแดนต้องไปงานเลี้ยงสังสรรค์กับคู่ค้าทางธุรกิจต่อ  ชายหนุ่มจึงได้มีโอกาสอยู่ตามลำพัง

          “คุณธรณ์จะรับอาหารเย็นเลยไหมคะ?”

          “ขอเป็นอีกซักครึ่งชั่วโมงดีกว่าครับป้าอุ่น เดี๋ยวผมค่อยลงมานะครับ”

          ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องของตัวเอง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความอ่อนล้า นึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เขาควบคุมตัวเองจนแค่รู้สึกวูบ ถ้าเกิดเขาเป็นลมเป็นแล้งต่อหน้าเขตแดน เขาจะต้องรู้สึกอับอายมากกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน

          ธรณ์เชื่อมั่นมาตลอดว่า สิ่งเดียวที่จะพิสูจน์ว่าเขาเหมาะสมมากกว่าเขตแดน คือเขาจะต้องอยู่เหนือเขตแดน และการจะอยู่เหนือเขตแดน ธรณ์จำเป็นที่จะต้องเข้มแข็งและแสดงแต่ความแข็งแกร่งออกมา แม้ว่าบางครั้งมันจะบั่นทอนความเป็นตัวของตัวเองก็ตามที

          ชายหนุ่มนอนพักอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำ หวังว่าสายน้ำที่เย็นฉ่ำจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น แต่ธรณ์ควรจะเรียนรู้ว่า ปัญหามักจะต้องแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่แก้ที่ปลายเหตุ

          อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ธรณ์ก็เดินลงมาข้างล่าง ป้าอุ่นเรือนกำลังจัดสำรับอยู่พอดี ธรณ์เดินมาชะโงกหน้าดูแล้วก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

          “ทำไมป้าอุ่นถึงทำข้าวต้มล่ะครับ”

          “คุณธรณ์ไม่อยากทานข้าวต้มเหรอคะ”

          เด็กก็ย่อมเป็นเด็กอยู่วันอย่างค่ำ และเด็กอย่างธรณ์ไหนเลยจะตามทัน ผู้ใหญ่ที่มากด้วยประสบการณ์อย่างป้าอุ่นเรือน ที่เห็นโลกนี้มานักต่อนัก เพียงแค่ประโยคเดียวที่ป้าอุ่นเรือนถามกลับ ธรณ์ก็ส่ายหน้าก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อน

          “เปล่าครับ แค่ธรณ์คิดว่า ข้าวต้มนี่เขาต้องทานตอนเช้ากัน”

          “ไม่มีกฎตายตัวหรอกค่ะคุณธรณ์ จะทานเช้าก็ได้ จะทานเย็นก็ได้”

          “อย่างนี้ ถ้าเกิดผมอยากทานของหวานก่อนของคาวได้ไหมล่ะครับ” ธรณ์แกล้งหยอกป้าอุ่นเรือนทีเล่นทีจริง แต่คำตอบที่ได้รับกลับทำเอาชายหนุ่มชะงัก

          “ได้สิคะ อะไรก่อนอะไรหลัง ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวหรอกค่ะ ทุกอย่างนี่เพราะมนุษย์เราเป็นคนกำหนดทั้งนั้น ถ้าเราไม่ยึดติด รู้จักปล่อยวางซะบ้าง ทุกอย่างจะง่ายกว่าเดิมเยอะเลย”

          “ก็จริงของป้านะครับ”

          ป้าอุ่นเรือนเดินกลับเข้าไปในห้องครัวแล้ว แต่ธรณ์ยังคงนั่งละเลียดข้าวต้ม พร้อมกับคิดถึงถ้อยคำที่ป้าอุ่นเรือนเพิ่งพูดกับเขา

          หรือว่า...เขากำลังยึดติดกับอะไรบางอย่าง บ้าน่า...ถ้าจะมีคนที่ยึดติดกับกฎเกณฑ์ ธรณ์ว่าคนนั้นควรจะเป็นเขตแดนมากกว่า

          ชายหนุ่มสะบัดศีรษะ ไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตนเอง สนใจแต่ชามข้าวต้มตรงหน้า อาจจะเป็นเพราะว่าวันนี้เขาโดนเขตแดนต้อนจนไม่เป็นตัวของตัวเอง ถึงได้รู้สึกว่าเกราะกำบังของตัวเองมันหายไป และตัวเขากำลังอ่อนแอกว่าปกติ

          เขาจะยอมให้เขตแดนมามีอำนาจอยู่เหนือเขาไม่ได้ เขาต่างหากที่จะต้องเป็นคนไล่ต้อนเขตแดน ไม่ใช่เป็นคนถูกต้อน ธรณ์คิดอย่างหมายมาด ดวงตาดำขลับเป็นประกายวาววับ เมื่อเห็นว่ารถของตัวเองถูกนำมาส่ง และจอดอยู่หน้าคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว เขาจะทำให้เขตแดนรู้ว่า...


          ชาติเสือไม่ทิ้งลายฉันใด เพลย์บอยอย่างธรณ์ อิสรพัฒน์ ก็ไม่มีวันทิ้งเขี้ยวเล็บฉันนั้น

====================

          หลังจากส่งธรณ์กลับบ้านแล้ว เขตแดนก็ตรงกลับมาทำงานต่อที่ออฟฟิศ โดยไม่ลืมที่จะสั่งให้เวธน์แวะเอาชุดสูทสำหรับไปงานที่ร้าน ชายหนุ่มนั่งเซ็นเอกสารได้ไม่กี่แผ่น ก็ต้องวางปากกาลง

          แม้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขตแดน คือการผลักดันให้ธรณ์ก้าวขึ้นมาเป็นประธานบริษัทอย่างภาคภูมิ แต่ย่อมไม่ใช่ประธานบริษัทที่ปราศจากความเป็นตัวของตัวเอง เพราะความที่ต้องเจรจาธุรกิจและติดต่อประสานงานกับคนมากมาย เขตแดนเองจึงเรียนรู้การใส่หน้ากากเข้าหากัน จนมันกลายเป็นเรื่องปกติของสังคมไปแล้ว แต่สำหรับธรณ์...สิ่งเขตแดนสัมผัสได้ มันไม่ใช่หน้ากาก แต่มันเป็นเกราะกำบัง

          ก๊อกก๊อกก๊อก...เขตแดนถอนหายใจยาว ก่อนจะออกปากอนุญาตให้เวธน์เข้ามาได้ คนสนิทของผู้บริหารหนุ่มเอาสูทมาแขวนไว้กับราว จากนั้นจึงจัดวางของทุกอย่างให้เป็นระเบียบ เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน เขตแดนรอจนเวธน์จัดการอะไรเรียบร้อยแล้ว จึงเอ่ยปากถามเสียงเรียบ

          “นายโทรบอกป้าอุ่นแล้วใช่ไหม ว่าให้ทำข้าวต้มให้ธรณ์”

          “เรียบร้อยแล้วครับคุณเขตต์”

          เขตแดนไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก ส่วนเวธน์ พอจัดของจนเรียบร้อยแล้วก็ขอตัวทันที นักธุรกิจหนุ่มเซ็นเอกสารอยู่อีกไม่กี่ฉบับ ก็รวบเก็บข้าวของ เขาเดินตรงเข้าไปในส่วนรับรองที่มีห้องอาบน้ำในตัว ใช้เวลาเพียงไม่นาน เขตแดนก็จัดการกับตนเองจนเรียบร้อย และอยู่ในชุดสูทสากลที่พร้อมสำหรับการไปร่วมงาน ซึ่งยิ่งขับรัศมีของชายหนุ่มให้ดูโดดเด่นและน่าเกรงขามกว่าเดิม

          ความจริงแล้ว เขตแดนเองก็ไม่ใช่บุคคลประเภทที่ถูกโฉลกกับพวกงานสังสรรค์เท่าไหร่นัก แต่เรียกว่าเลี่ยงไม่ได้โดยภาระและหน้าที่จะดีกว่า บางทีเขาก็คิดว่า มันอาจจะเหมาะกับธรณ์มากกว่าตัวเขาเสียอีก กับการเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์พบปะของบรรดาแวดวงไฮโซ

          ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ถ้าไม่ใช่เพราะตำแหน่งประธานบริษัท ขอบอกเลยว่า...

          คนอย่างเขตแดน เกียรติณรงค์เกลียดงานเลี้ยงสังสรรค์เป็นที่สุด!!

====================

          งานเลี้ยงที่จัดเป็นงานในแวดวงนักธุรกิจ แต่นักธุรกิจหลายท่านก็พาภรรยาหรือลูกหลานมาเปิดตัว นัยว่าเป็นการปูลู่ทางสำหรับอนาคต ส่วนเขตแดนเอง นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานบริษัท ทั้งที่อายุยังน้อย เขาก็กลายเป็นนักธุรกิจไฟแรงที่ถูกจับตามอง เรียกว่าไปร่วมงานไหน ก็มักจะได้รับความสนใจเสมอ เช่นเดียวกับงานนี้ ที่เขตแดนย่างท้าวเข้าไปในงานไม่ทันไร นายกสมาคมธุรกิจก่อสร้างก็เป็นฝ่ายเข้ามาทักทายกับเขตแดนก่อน

          “คิดว่างานนี้คุณเขตแดนจะไม่มาแล้วเสียอีก”

          “ยังไงก็ต้องมาครับ เพราะท่านนายกอุตส่าห์ให้เกียรติเป็นประธานจัดงานทั้งที คนในวงการเดียวกันอย่างผมยิ่งไม่ควรพลาด” เขตแดนตอบพร้อมกับขยับมุมปากเล็กน้อย ที่เจ้าตัวรู้ดีว่า นี่ก็เป็นเพียงแค่หน้ากากที่สวมเข้าหากันเท่านั้น ทุกคนก็ล้วนแล้วแต่หวังผลประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น

          ท่านนายกสมาคมเป็นชายวัยกลางคน ที่มาพร้อมภรรยาและลูกสาว ซึ่งดูแล้วก็รู้ทันทีว่าอายุน้อยกว่าเขตแดนพอสมควร พอท่านนายกทักทายกับเขตแดนพอหอมปากหอมคอ ก็ขอตัวเลี่ยงไปทักทายคนอื่นบ้าง เหลือแต่ภรรยากับลูกสาวที่ยังคงชวนเขตแดนคุยอย่างต่อเนื่อง แม้จะเบื่อหน่ายมากแค่ไหน แต่ชายหนุ่มก็จำใจต้องอดทน เพราะนี่คืออีกหนึ่งบทบาทความรับผิดชอบที่เขารับมา

          “นี่ลูกสาวพี่เองค่ะคุณเขตแดน น้องเจน เพิ่งเรียนจบด้านแฟชั่นดีไซน์มาจากนิวยอร์กเองค่ะ” แม้อายุอานามของภรรยาท่านนายก น่าจะไล่เลี่ยกับแม่ของเขตแดน แต่เธอก็ยังแทนตัวเองเป็นพี่ได้อย่างไม่เคอะเขิน

          “เจนจิรา ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”

          ถ้าจะบอกว่านี่เป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเขตแดน ก็คงจะเป็นการโกหกคำโต ไม่ใช่ครั้งแรกที่บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ที่รู้จัก หรือแม้กระทั่งไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อน จะพยายามพาลูกสาวของตัวเองมาแนะนำกับเขา ส่วนมากก็เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจทั้งนั้น

          “คุณเขตแดนคะ พี่ฝากดูน้องเจนหน่อยนะคะ พอดีน้องเจนไม่รู้จักใครเลย”

          เขตแดนไม่มีโอกาสตอบรับหรือปฏิเสธ ภรรยาท่านนายกก็ปล่อยลูกสาวคนสวยไว้กับเขาเรียบร้อย เขากำลังจะหาทางหลบเลี่ยง แต่ก็ต้องชะงัก เพราะคำพูดที่หลุดออกมาจากริมฝีปากบางของหญิงสาว

          “คุณเขตแดน เป็นผู้ปกครองของธรณ์ใช่ไหมคะ?”

          ไม่แปลกที่เจนจิราจะรู้จักธรณ์ ในเมื่อคุณแม่ของเธอเพิ่งแนะนำว่า เธอเองก็เพิ่งจบมาจากนิวยอร์ก แต่ในบรรดาผู้หญิงที่รู้จักกับธรณ์ เขตแดนมั่นใจเลยว่า แต่ละคนคงมีสถานะไม่ต่างกันซักเท่าไหร่

          “ครับ”

          “ดีจังเลยนะคะ เจนเองก็สนิทกับธรณ์เหมือนกัน แต่กลับมาเมืองไทย นี่ยังไม่มีโอกาสได้เจอธรณ์เลย”

          ไม่ต้องอาบน้ำร้อนมาก่อน ไม่ต้องมากประสบการณ์ แค่มองตาหญิงสาว เขตแดนก็รู้ถึงจุดประสงค์ของอีกฝ่ายทันที เขานึกอยากจะแค่นหัวเราะและถามกลับว่า หญิงสาวท่าทางหัวอ่อนและเรียบร้อยคนเมื่อครู่หายไปไหนเสีย แต่ก็เพียงแค่กระตุกมุมปากเล็กน้อย

          “ถ้าสนิทกัน ก็ลองติดต่อหาธรณ์ดูสิครับ คงไม่ยากเท่าไหร่”

          คำพูดของเขตแดนไม่ได้ตีความยากอะไรเลย ถ้าสนิทกันคงไม่ใช่เรื่องยาก ที่จะติดต่อหาธรณ์ เว้นเสียแต่ว่าจะไม่สนิทจริงมากกว่า เขตแดนยิ้มเยาะออกมาเล็กน้อย เมื่อเห็นหญิงสาชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ ไม่ทันไรก็หลุดเสียแล้ว สำหรับบางคน...เปลือกสวยงามที่ห่อหุ้มไว้ก็ถูกกะเทาะออกง่ายดายเสียเหลือเกิน เพียงเพราะคำพูดแค่ไม่กี่คำ

          น่าแปลก...ที่เขามีปัญญากะเทาะเปลือกคนที่ไม่รู้จัก แต่กลับไม่มีปัญญาทำให้ธรณ์เป็นตัวของตัวเอง

          เขตแดนเดินผละออกมาจากเจนจิราไม่ทันไร ก็เห็นเวธน์เดินปรี่เข้ามาหาด้วยท่าทางเคร่งเครียด ชายหนุ่มนึกสังหรณ์ใจทันที และก็ไม่ผิดไปจากที่คิดเท่าไหร่

          “ป้าอุ่นเรือนแจ้งว่า คุณธรณ์ออกจากบ้านไปครับ”

          “ตั้งแต่เมื่อไหร่”

          “ซักสองทุ่มครึ่งได้ครับ”

          เขตแดนก้มดูนาฬิกาข้อมือตนเอง ตอนนี้ก็สามทุ่ม ความจริงแล้วจุดประสงค์ที่เขามาร่วมงานคราวนี้ ก็เพราะท่านรัฐมนตรีจะมาร่วมเป็นเกียรติในงานด้วย เขาจะได้ถือโอกาสคุยเรื่องโครงการประมูลก่อสร้างกับท่านรัฐมนตรี ไม่ว่ายังไงเรื่องงานก็ต้องมาก่อน เพราะต่อให้เขากลับไป ธรณ์ก็ไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์อยู่ดี

          “เดี๋ยวฉันจะอยู่รอคุยกับท่านรัฐมนตรี ยังไงนายก็ลองพยายามติดต่อธรณ์ดูละกัน”

          เวธน์พยักหน้ารับ และถ้าเขตแดนสังเกตซักนิด คงจะเห็นสีหน้าลำบากใจของเวธน์ ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มไม่พยายามติดต่อหาธรณ์ แต่มันติดต่อไม่ได้ต่างหาก เพราะเจ้าตัวเล่นตัดสายทิ้งตลอดน่ะสิ!

====================

          ทั้งที่คิดว่าระมัดระวังตนเองเป็นอย่างดี แต่เพราะมัวแต่นั่งเหม่อคิดนู่นคิดนี่จนไม่ทันระวัง แถมเขาเองก็นั่งอยู่ในวงล้อมของผู้หญิงหลายคน ชนแก้วไปก็หลายแก้ว มีคนส่งมาป้อนถึงปากก็หลายรอบ ครั้นจะปฏิเสธก็กลัวเสียมารยาท จนไม่รู้ว่าไปพลาดท่าเสียทีใครเข้าตอนไหน แต่ธรณ์ก็ยังพยายามฝืนพาตัวเองเดินมายังห้องน้ำ

          ชายหนุ่มวักน้ำมาล้างหน้า ก่อนจะเอามือตบหน้าตัวเองเป็นการเรียกสติ แม้จะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่ไม่น้อย มือก็ควานหาโทรศัพท์ที่มีสายไม่ได้รับหลายสาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเวธน์ทั้งนั้น แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะมาสนใจในเวลานี้ ธรณ์กดโทรออกไปที่หมายเลขโทรด่วนที่ตั้งเอาไว้ รอจนอีกฝ่ายรับสายจึงรีบบอกด้วยเสียงสั่นพร่า ที่เจ้าตัวพยายามสะกดกั้นอารมณ์เต็มที่

          “ชิน กูอยู่ที่ผับ มึงนั่งแท็กซี่มารับกูนะ ไม่ต้องเอารถมา กูโดนยา”

          ธรณ์วางสายจากชินดนัยแล้วก็พยายามข่มอารมณ์ เขาหายใจสะท้าน พยายามไม่สนใจอาการปวดหนึบช่วงกลางลำตัว ที่เริ่มจะประท้วงออกอาการ โชคดีที่เขายังครองสติได้อยู่บ้าง ความจริงก็ไม่ถือว่าครองสติได้หรอก เพราะสำหรับเพลย์บอยอย่างธรณ์ อิสรพัฒน์แล้ว ไม่เคยมีคำว่าเมาอยู่ในพจนานุกรม แต่ที่ต้องมาพลาดท่าเสียทีก็ถือเป็นอีกเรื่อง

          ในเมื่อสี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง เพลย์บอยอย่างธรณ์ก็ต้องมีวันที่โดนมอมยาเช่นกัน

          ธรณ์พยายามฝืนพยุงตัวเองออกมายังลานจอดรถ ถ้าเมื่อวานเป็นวันที่แย่สำหรับธรณ์ วันนี้คงต้องเรียกว่าเลวร้ายกันเลยทีเดียว ชายหนุ่มปลดล็อครถของตัวเอง ก่อนจะขึ้นไปนั่งตรงเบาะข้างรอชินดนัย ไม่ลืมที่จะสตาร์ทเครื่องและเร่งแอร์จนเย็น เพื่อดับความร้อนรุ่มในร่างกายของตนเอง

          เวลาแต่ละนาทีที่ผ่านไป ช่างนานแสนนานในความรู้สึกของธรณ์ ความจริงเขาจะหิ้วใครซักคนไปปลดปล่อยความใคร่ก็ได้ แต่ในสภาพที่ตัวเองไม่สมบูรณ์ ธรณ์ไม่อยากจะพลาดพลั้งทำอะไรไปโดยไม่รู้ตัว นั่งอึดอัดอยู่ซักพัก ชินดนัยก็โทรเข้าเครื่องของธรณ์

          “กูอยู่ที่รถ จอดอยู่ตรงลานจอดรถด้านนอก”

          วางสายไปเพียงแค่อึดใจ ประตูฝั่งคนขับก็ถูกกระชากเปิดออก ชินดนัยมองเพื่อนรักที่นั่งตัวสั่น คุดคู้อยู่กับเบาะรถด้วยความเป็นห่วง แม้อยากจะเอื้อมมือไปแตะตัวอีกฝ่ายมากแค่ไหน แต่เขาก็ต้องยับยั้งชั่งใจ ทำได้เพียงแค่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

          “ไหวหรือเปล่ามึง ให้กูแวะโรงแรมแถวนี้ไหม”

          “ไม่เป็นไร พากูกลับบ้านเลยดีกว่า”

          ไม่ต้องรอให้ธรณ์บอกซ้ำ ชินดนัยก็กระชากรถออกจากลานจอดรถทันที ระหว่างทางก็ชวนธรณ์คุยไปตลอดทาง เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องไปพะวักพะวงกับอย่างอื่น แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ ที่จะต้องเอ่ยปากถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

          “แล้วมึงรู้หรือเปล่าว่าใครวางยา”

          “ไม่รู้หว่ะ กูผิดเองแหล่ะ ไม่ทันระวัง มีคนส่งมาหลายแก้วด้วย กูยังไม่รู้เลยว่าโดนจากแก้วไหน”

          พูดไป ธรณ์ก็กัดฟันแน่นเพื่อควบคุมอารมณ์ที่เริ่มจะปะทุ เพราะความอึดอัดที่ไม่ได้ระบายออก ชินดนัยเห็นดังนั้น ก็กดคันเร่งแรงกว่าเดิม ก่อนที่ธรณ์จะไม่ไหวแล้วช็อคเอาเสียก่อน

          ยอมรับว่าชินดนัยก็โกรธธรณ์ไม่น้อย ที่อีกฝ่ายออกมาเที่ยวตามลำพังจนพลาดท่า เพราะที่นี่ไม่ใช่นิวยอร์ก ที่นี่ทุกคนรู้จักธรณ์ดี เกิดพลาดท่าเสียทีใครขึ้นมา รับรองว่าเรื่องยาวแน่นอน ข่าวพวกไฮโซโดนมอมยาแล้วปลดทรัพย์ก็มีให้เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ แต่พอเห็นอาการของธรณ์แล้ว ความเป็นห่วงมันก็มากกว่าความโกรธ

          “คราวหลังมึงจะออกมาเที่ยวก็โทรเรียกกูหน่อยละกัน”

          “อืม...” ธรณ์ได้แต่ครางรับเสียงแผ่วระโหย

          แข้งขาของชายหนุ่มพลันอ่อนแรง มือไม้สั่น ร่างกายก็สั่นระริกไปด้วยความปรารถนาที่ต้องการปลดปล่อย พอชินดนัยจอดรถลงหน้าคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว จึงรีบอ้อมมาแล้วอุ้มธรณ์ลงจากรถทันที แม้ส่วนสูงจะไล่เลี่ยกัน แต่เพราะธรณ์เป็นคนรูปร่างผอม ชินดนัยจึงอุ้มอีกฝ่ายได้โดยไม่ลำบากเท่าไหร่นัก

          โชคดีที่มีแค่ป้าอุ่นเรือนที่นั่งรออยู่ เพราะถ้าเกิดเจอเข้ากับเขตแดน ชินดนัยก็ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามอีกฝ่ายอย่างไร ถึงสภาพของว่าที่ประธานบริษัท ว่าไปโดนอะไรมา

          “ห้องนอนของธรณ์ไปทางไหนครับ”

          “ข้างบน ห้องทางริมซ้ายสุดค่ะ”

          “ขอบคุณครับ”

          “คุณธรณ์เป็นอะไรไปคะ”

          ชินดนัยก็อยากจะตอบคำถามของป้าอุ่นเรือน ที่ยืนเบิกตากว้างด้วยความตกอกตกใจ กับสภาพเจ้านายของตน แต่มันไม่ใช่เวลา เพราะร่างกายของธรณ์ร้อนผ่าวจนเขายังรู้สึก พอได้คำตอบที่ต้องการ ชายหนุ่มก็สาวเท้าไปยังห้องนอนของธรณ์ทันที

          ชินดนัยเอาหลังดันประตูห้องน้ำออก ก่อนจะปล่อยธรณ์ลงในอ่างอาบน้ำ เปิดน้ำเย็นชโลมร่างของอีกฝ่ายจนเปียกซก ธรณ์คู้ตัวอยู่กับขอบอ่างด้วยความทรมาน พยายามปลดกระดุมกางเกงตัวเองด้วยความยากลำบาก เพราะร่างกายสั่นระริกไปหมด จนแม้แต่มือก็ยังไม่มีเรี่ยวแรง

          ชินดนัยคุกเข่าลงข้างขอบอ่าง ยื่นมือไปแตะขอบกางเกงของอีกฝ่าย เขาสบสายตาที่ฉ่ำปรือไปด้วยความปรารถนาของธรณ์ ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มอ่อนโยน

          “มา...เดี๋ยวกูช่วย”

          ธรณ์พยักหน้ารับอย่างอ่อนแรงแทนคำตอบ ก่อนจะปล่อยมือออกจากขอบกางเกงของตนเอง ปล่อยให้ชินดนัยเป็นคนจัดการกับความปรารถนาที่คุกรุ่น บิดเร้าร่างกายไปมาด้วยความทรมานจากฤทธิ์ยา

====================

          เขตแดนที่นั่งอ่านหนังสือรอธรณ์อยู่ในห้องหนังสือถึงกับชะงัก ตอนที่ป้าอุ่นเรือนกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาเขาหน้าตาตื่น แล้วบอกว่าธรณ์กลับมาแล้ว

          “แล้วเขาอยู่ไหน?”

          “คุณชินดนัยอุ้มขึ้นไปบนห้องค่ะ ท่าทางไม่ค่อยดีเลยค่ะ ไม่รู้เป็นอะไรหรือเปล่า”

          “แล้วคุณชินดนัยเขาไม่ได้บอกหรือ ว่าธรณ์เป็นอะไร”

          “ป้าถามแล้ว แต่คุณชินดนัยไม่ได้ตอบค่ะ แต่ท่าทางจะไม่ใช่เรื่องดีแน่”

          เขตแดนขมวดคิ้วฉับทันที เกิดอะไรขึ้นกับธรณ์กัน ถึงกับต้องให้ชินดนัยอุ้มขึ้นไปส่งบนห้องเลยหรือ เขตแดนไม่ปล่อยให้ความสงสัยเกาะกุมหัวใจนานนัก เขาสาวเท้ามาที่บันได ก่อนจะหันมาบอกป้าอุ่นเรือน

          “ป้าอุ่นไปนอนเลยก็ได้ครับ ยังไงเดี๋ยวผมจะแวะไปดูธรณ์เอง”

          “ค่ะ ป้าฝากคุณเขตต์ดูคุณธรณ์ด้วยนะคะ”

          เขตแดนก้าวขึ้นมายังชั้นสอง ก่อนจะตรงไปยังทิศที่เป็นที่ตั้งห้องของธรณ์ พอมาหยุดอยู่หน้าประตู ชายหนุ่มก็ต้องยืนตัวชา กับเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากห้องน้ำ


          “อ๊ะ...อา...อา...อ๊ะ.....อา........”


          ต่อให้คนโง่ที่สุด ก็ย่อมรู้ว่าเป็นเสียงอะไร แล้วมีหรือที่คนฉลาดอย่างเขตแดนจะไม่รู้ เสียงนั้นไม่ใช่เสียงใครอื่นใดเลย


          เสียงครางแหบพร่าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของธรณ์ อิสรพัฒน์นั่นเอง !!


TO BE CONTINUE


๐ แวะกลับมาต่อแล้วค่ะ เป็นตอนที่เขียนเพลินมากเลย
๐ ชอบพล็อตเรื่องเป็นพิเศษ เราวางพล็อตเรียบร้อยแล้วค่ะ เหลือแต่เขียนอย่างเดียว
๐ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ น้อมรับทุกคำติชมค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 5 :: 24.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-10-2012 14:30:53
ชิดนัย เป็นคนดี ทำได้ทุกอย่างเพื่อช่วยเพื่อน


 :z1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 5 :: 24.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: NannY ที่ 24-10-2012 15:08:25
ชอบค่ะ ทุกอย่างโอเคหมด ขอติงนิดเดียวเรื่องอายุคุณเขตนี่แหละ บทแบบนี้น่าจะ 30 อัพมากกว่านะคะ เรารู้สึกว่า 29 มันยังดูเด็กไปนิดนึง

ถ้าราวๆ 35 มันจะดูสมบูรณ์มากกว่านี้จริงๆ ค่ะ หรือว่าห่างจากธรณ์สักรอบนึง จะได้ดูมีช่องว่างระหว่างวัย ตามที่ในเรื่องชอบย้ำเหลือเกิน 5555

เพราะพี่เขตดูนิสัียแก่เกิน 29 มากจริงๆ ค่า 555555555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 5 :: 24.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: It_s_me ที่ 24-10-2012 15:14:22
พี่เขตจะเข้าใจธรณ์ผิดมั๊ยเนี่ย
ฮ่วย ชินดนัยรีบกลับบ้านเถอะ
เดี๋ยวให้พี่เขตช่วยเอง 55555

รออ่านเรื่องนี้อยู่ตลอดนะคะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ
ถ้ามาต่อเร็วๆจะยิ่งรักมาก 5555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 5 :: 24.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 24-10-2012 15:24:29
 :a5: เข้าใจผิดไล่คุณเพื่อนกลับบ้านเเล้วกระชากธรณ์ไปลงโทษบนเตียงเลย  555555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 5 :: 24.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: andear ที่ 24-10-2012 16:06:19
โอ๊ะ ยังงี้ต้องรีบเข้าไปร่วมวงนะคุณเขต คริคริ :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 5 :: 24.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 24-10-2012 16:07:30
อ๊ากกก ก ก ก  ก กกก

มันจะเข้าใจผิดป่าว?เนี่ย !
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 5 :: 24.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 24-10-2012 20:31:43
เพื่อนต้องช่วยเพื่อน ชินเอารางวัลเพื่อนดีเด่นประจำปีไปเลย  o13
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 5 :: 24.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 24-10-2012 21:21:10
คิดถึงมากกกกกกกกกก

ตอนนี้อยากมอบโล่ห์รางวัลเพื่อนแสนดีให้น้องชินมากอ่ะ

แอบคิดว่าคุณเขตต์อาจจะเข้าใจหนูธรณ์ผิดแน่ๆเลย เฮ้ออออออ...
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 5 :: 24.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 24-10-2012 21:25:27
 :z3: :z3: :z3:ทำไมคนช่วยธรณ์ถึงไม่ใช่เขตแดน
มาต่อเร็วๆนะค่ะ :call: :call:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 5 :: 24.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Benesmee ที่ 24-10-2012 21:32:35
แอบอยากให้พี่เขตมาช่วยธรณ์แทนชินอ่า  :z1:
จบได้แบบว่าค้างเลยค่ะ มาต่อไวๆ น่ะค่ะคนเขียน
รอเรื่องนี้อยู่เสมอ เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 5 :: 24.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 24-10-2012 23:32:39
ค้าง!!!!

อีกนานแน่ๆกว่าจะอัพ

เก๊าทรมาน อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว ;_____;

*******************
เหมือนจะเดาได้แล้ว ใครุกใครรับ  หุหุ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 5 :: 24.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 25-10-2012 04:14:13
โหะๆ อิฉันคิดว่า เขตรุก ฮ่าๆๆ โคตรมั่นเลยค่ะ :D

แต่แบบตอนที่ห้านี่โคตรค้างเลยอ่ะ  :z3:

แล้วทีนี้เขตจะจัดการกับธรณ์ยังไงหนอ?  :z1:


ปล.อิฉันว่าชินดนัยไม่ยังไงๆกะธรณ์ตั้งแต่แรกแล้วน้าาาา
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 5 :: 24.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 25-10-2012 06:00:43
น้องพลาดเสียแล้วแบบนี้พี่เขตต์จะทำไงกับเด็กดื้อละเนี่ย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 5 :: 24.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 25-10-2012 09:40:22
อย่างนี้เขตต์ก็ยิ่งเข้าใจผิดธรณ์ใหญ่ ได้ยินแต่เสียงยังไม่เห็นภาพนะเขตต์
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 5 :: 24.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 28-10-2012 03:48:01
ทิ้งท้ายแบบให้ลงแดงเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 5 :: 24.10.2012」หน้าที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 28-10-2012 11:25:18
ตายละ  :z3:

 :pig4: นะคะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 6 :: 28.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 28-10-2012 20:32:43
“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 6


               ชินดนัยประคองร่างอ่อนปวกเปียก ที่สวมชุดคลุมอาบน้ำสีขาวเรียบร้อยแล้วออกมาจากห้องน้ำ หน้าตาของธรณ์แม้จะยังซีดเซียว แต่ก็ถือว่าดูดีกว่าตอนที่ยาออกฤทธิ์มากนัก ส่วนสภาพร่างกายหลังจากปลดปล่อยจนหลุดพ้นความทรมาน ก็อ่อนเพลียหนักจนแทบจะล้มพับ ดีที่มีชินดนัยคอยประคอง เพราะกว่าที่ยาจะหมดฤทธิ์ก็กินเวลาร่วมสามชั่วโมง

               ธรณ์ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงด้วยความอ่อนแรง ชินดนัยโน้มตัวลงมองเพื่อนรักด้วยความฉุนปนระอา นึกอยากจะกร่นด่าอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นเพื่อนรัก และเคยผ่านเข้าสู่ช่วงแห่งการเป็นวัยรุ่นมาด้วยกัน ชินดนัยก็คงไม่กล้าเอ่ยปากอาสาช่วยธรณ์ และธรณ์ก็คงไม่มีวันยอมชินดนัยอย่างเด็ดขาด ชินดนัยแทบไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าธรณ์ไม่สามารถควบคุมตัวเองจนโทรศัพท์หาเขาได้ ผลสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร

               “น้ำหมดตัวหรือยังล่ะ?” ชินดนัยถามคนที่นอนพังพาบอยู่บนเตียงเสียงเรียบ

               ธรณ์เหลือบตามามองชินดนัย ก่อนจะกระตุกยิ้มร้ายกาจออกมา แม้จะหมดสิ้นแรงกาย แต่แรงปากธรณ์ยังดีอยู่ และดีพอที่จะขยับปากเอ่ยยั่วโมโหชินดนัยด้วย

               “มือมึงนี่ห่วยหว่ะชิน สู้ผู้หญิงที่เคยนอนกับกูไม่ได้ซักคน”

               “ขนาดมือกูห่วย มึงยังเสร็จไปตั้งสามรอบ”

               ธรณ์หัวเราะร่าออกมาด้วยความชอบอกชอบใจ เขากับชินดนัยไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกันลึกซึ้ง มากกว่าความเป็นเพื่อนรัก ที่เติบโตมาด้วยกันในรั้วโรงเรียนประจำ เป็นครอบครัวของกันและกันในยามที่ไม่มีใคร ในยามที่ต้องอยู่ต่างบ้านต่างเมืองเพียงลำพัง สำหรับธรณ์แล้ว สิ่งที่ชินดนัยทำก็เป็นแค่การช่วยเขาปลดปล่อย ไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรมาเจือปนแม้แต่น้อย

               ชินดนัยปล่อยให้เพื่อนนอนพักอยู่ครู่เดียว ก็ตีหน้าเคร่งเอ่ยเรื่องสำคัญ

               “เรื่องที่มึงให้กูสืบ กูได้ความคืบหน้ามานิดหน่อย มึงมีแรงฟังหรือเปล่า”

               “มีสิ แต่กูคอแห้งมากเลยนี่ สงสัยลูกกูคงตายไปเป็นล้านแล้ว” ธรณ์ตอบก่อนจะยันกายขึ้นมานั่งพิงพนักหัวเตียง

               “มึงรออยู่นี่ละกัน เดี๋ยวกูไปเอาน้ำให้ อย่าเพิ่งหลับล่ะ”

               ชินดนัยปล่อยให้เจ้าของห้องอยู่ลำพัง ส่วนตัวเขาก็เดินลงมายังห้องครัว ดึกป่านนี้คงไม่น่าจะมีแม่บ้านหลงเหลืออยู่แล้ว แต่แค่น้ำเปล่าแก้วเดียว มันคงไม่หนักหนาสาหัสอะไรเท่าไหร่ ชายหนุ่มจัดแจงคว้าแก้วมาจากตู้ ก่อนจะเปิดตู้เย็นหยิบเหยือกน้ำมารินใส่ พอเสร็จเรียบร้อย กำลังจะเดินกลับขึ้นไปหาธรณ์ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นเงาตะคุ่มนั่งอยู่ตรงห้องรับแขก เขาเอื้อมมือไปกดสวิตช์แล้วก็เอ่ยทักทันที

               “อ้าว...คุณเขตต์ ทำไมไม่เปิดไฟล่ะครับ”

               ถ้าไม่ได้คิดไปเอง ชินดนัยยืนยันเลยว่า สายตาของเขตแดนที่มองมาที่เขา มันฉายแววไม่เป็นมิตรอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงขยับริมฝีปากยิ้มให้คนอายุมากกว่า ที่นั่งจิบบรั่นดีอยู่ตรงโซฟารับแขก โดยที่ไม่ได้คิดจะเปิดไฟแม้แต่น้อย

               “เห็นป้าอุ่นบอกว่าธรณ์ดูเหมือนไม่ค่อยสบาย” เขตแดนเปรยเสียงเรียบ

               ชินดนัยชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็รีบกลบเกลื่อนสีหน้าของตนเองด้วยความรวดเร็ว เขาไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าเขตแดนรู้ว่าธรณ์ไปเที่ยวแล้วถูกมอมยา ธรณ์จะเป็นอย่างไรบ้าง ทางที่ดีก็ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายรู้เสียจะดีกว่า

               “ไม่เป็นอะไรมากครับ นี่ผมก็แค่ลงมาเอาน้ำดื่มให้ธรณ์”

               พอเขตแดนไม่ได้พูดอะไร ชินดนัยจึงเดินเลี่ยงออกมา แต่ถ้าเกิดชายหนุ่มหันมามองซักนิด คงจะเห็นว่าเขตแดนมองตามมาไม่วางตา นักธุรกิจหนุ่มกระดกบรั่นดึอึกสุดท้ายเข้าปาก ก่อนจะนั่งหมุนแก้วเปล่าเล่น ปล่อยความคิดวนเวียนไปถึงเจ้าของบ้าน ที่กำลังถือวิสาสะเข้ามารบกวนจิตใจเขา

               เขาไม่ใช่คนไม่รู้ประสา ว่าเมื่อตอนดึกเกิดอะไรขึ้นในห้องของธรณ์ แม้จะเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดระหว่างผู้ชายสองคน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยอมรับได้ยาก ถ้าหากเขตแดนจะรับไม่ได้ เหตุผลเดียวที่นึกออกก็คงจะเป็นเพราะ...เป็นธรณ์ อิสรพัฒน์มากกว่า

               แค่ได้ยินเสียงครางของธรณ์ดังลอดออกมานอกประตู จินตนาการของเขตแดนก็ไปไกลจนเจ้าตัวเองยังคาดไม่ถึง แค่นึกว่าธรณ์และชินดนัยต่างอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน มีความสุขไปด้วยกัน มือที่ถือแก้วก็พลันเกร็งแน่นอย่างไม่รู้ตัว

               เขตแดนไม่พอใจ แม้จะรู้ว่ามันเป็นสิทธิ์ของธรณ์
               และถ้าเขาจะขอใช้สิทธิ์ของความเป็นผู้ปกครองบ้างล่ะ...


====================

               ธรณ์รับแก้วน้ำจากชินดนัยมาดื่มจนหมดแก้ว ก่อนจะวางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง ส่วนชินดนัยก็ถือโอกาสอาบน้ำอาบท่าชำระล้างร่างกายเสีย เพราะเวลาก็ล่วงเลยจนเข้าสู่วันใหม่ ชายหนุ่มเองจึงไม่คิดที่จะกลับบ้านแล้ว ทีแรกชินดนัยก็จะให้ธรณ์หาห้องว่างให้ แต่ธรณ์บอกว่าดึกแล้ว แม่บ้านก็เข้านอนกันหมด ห้องหับก็คงไม่ได้ทำความสะอาด ถ้าจะนอนก็ให้นอนห้องเดียวกัน

               ธรณ์เองก็ผลัดเสื้อคลุมเป็นชุดนอนลายทางเรียบร้อย ก่อนจะรื้อเอาเสื้อยืดและกางเกงเอวยางยืด ให้ชินดนัยผลัดเปลี่ยนใส่แทนชุดนอน นอนเล่นอยู่ไม่นาน ชินดนัยก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าทางสดชื่น

               “ตอนกูลงไปเอาน้ำกูเจอคุณเขตต์ด้วย”

               ประโยคบอกเล่าจากชินดนัยทำเอาธรณ์ชะงักกึก ก่อนจะหันขวับมามองเพื่อนรักแล้วถามเสียงเรียบ

               “เขาถามอะไรหรือเปล่า”

               “เปล่า เขาแค่บอกว่า ดูเหมือนมึงจะไม่ค่อยสบาย”

               “แล้วมึงไม่ได้บอกอะไรเขาไปใช่ไหม”

               พอเห็นชินดนัยส่ายหน้าแทนคำตอบ ธรณ์ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขตแดนคงเป็นคนสุดท้าย ที่เขาอยากให้รู้ว่าถูกมอมยา เขาไม่อยากถูกมองว่าอ่อนแอจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือประมาทจนเกิดเรื่องขึ้น เพราะฉะนั้น ไม่ต้องให้เขตแดนรู้จึงเป็นการดีที่สุด ธรณ์มั่นใจว่า ถ้าเขาไม่พูดและชินดนัยไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้แน่ว่าเขาถูกมอมยา และเกิดอะไรขึ้นในห้องนี้บ้าง

               “แล้วถ้าพรุ่งนี้ป้าอุ่นถามล่ะ มึงจะตอบว่ายังไง”

               คำถามของชินดนัย ทำให้ธรณ์ฉุกใจคิด เพราะป้าอุ่นเรือนเห็นตอนที่ชินดนัยอุ้มเขาเข้ามาพอดี เขาคงจะต้องบอกว่าป่วย แต่จะป่วยเป็นอะไรดีล่ะ ที่ดูสมเหตุสมผลพอ

               “เดี๋ยวกูบอกว่าหน้ามืดละกัน”

               สุดท้าย ธรณ์ก็คิดได้แต่โรคธรรมดาสามัญ แต่คงเป็นโรคที่น่าเชื่อถือสำหรับธรณ์ เพราะเมื่อตอนบ่ายเขาก็อาการไม่สู้ดี จนหวิดจะวูบไปหลายรอบ เพราะเดินตรวจโรงงานกับเขตแดน ถ้าบอกว่าเกิดเป็นลมขึ้นมา ก็คงจะพอถูไถไปได้บ้างไม่มากก็น้อยละกัน แต่ก่อนที่จะคิดถึงเหตุการณ์วันพรุ่งนี้ ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังติดค้างคาใจธรณ์อยู่

               “ตกลงมึงสืบมาได้เรื่องว่ายังไงบ้าง” ธรณ์เอ่ยถามคนที่ตอนนี้ทิ้งตัวลงมานอนบนเตียงแล้วเรียบร้อย โชคดีที่เตียงนอนของธรณ์เป็นขนาดคิงไซส์ จึงไม่ต้องห่วงว่าจะต้องมานอนแนบชิดกับชินดนัย อย่างน้อยก็เหลือที่ว่างตรงกลางอยู่พอสมควร

               “พ่อมึงถูกยิง แต่ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล”

               “แล้ว?...”

               “กูเพิ่งสืบได้แค่นั้นเอง มึงบอกกูเมื่อวานเองนะ จะเอาอะไรมากมายวะ”

               “เนี่ยนะ ความคืบหน้านิดหน่อยของมึง กูไม่เห็นว่ามันจะคืบหน้าตรงไหนเลย”

               ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนรักกัน ธรณ์คงไม่ลังเลที่จะยันชินดนัยลงจากเตียง แต่สิ่งที่รู้มาก็ทำเอาธรณ์รู้สึกหนักอกหนักใจไม่น้อย จนเผลอขมวดคิ้วเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว มารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่ชินดนัยยื่นมือมาตบบ่าอย่างให้กำลังใจ

               “เอาน่า กูไม่อยากให้มึงเครียดเลยหว่ะ”

               “กูรู้ ถึงกูจะไม่ค่อยถูกกับเขาซะเท่าไหร่ แต่เขาก็เป็นพ่อกูหว่ะชิน”

               ชินดนัยไม่ได้เอ่ยอะไรอีก นอกจากนอนมองแผ่นหลังของธรณ์ จะมีซักกี่คนที่รู้ว่า แผ่นหลังที่ดูแข็งแกร่งของธรณ์ แท้ที่จริงแล้วมันก็คือเกราะกำบังที่เจ้าตัวสร้างขึ้นเท่านั้น และสำหรับคนที่เคยเห็นช่วงเวลาที่ธรณ์อ่อนแอมาแล้ว เขาย่อมไม่อยากที่จะทำลายเกราะกำบังของธรณ์ อย่างน้อย...ถ้ามันจะปกป้องธรณ์ได้ เขาก็จะปล่อยให้ธรณ์สร้างเกราะกำบังต่อไป

               ชายหนุ่มนอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืด แม้ว่าเจ้าของห้องจะนอนหลับสนิท จนได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอแล้ว แต่สำหรับเขา...ยังมีเรื่องมากมายที่รอให้เขาขบคิดอยู่

               เรื่องบางเรื่องที่รู้มา แม้ไม่อยากพูดออกไป แต่ซักวันก็ต้องบอก
               ขอแค่ให้เขามั่นใจกว่านี้ก่อน ว่าเพื่อนรักพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกอย่างด้วยความรอบคอบและมีสติ

               สิ่งที่เห็น...มักไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป

====================

               แม้จะชินกับการสวมหน้ากากเข้าหาคนอื่น แต่เขตแดนกลับรู้สึกว่ามันยากเหลือเกิน เมื่อต้องมาปั้นหน้าเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรที่เกิดขึ้นมาคืน ทั้งภายในใจเจ้าตัวกำลังรู้สึกกรุ่นโกรธด้วยความไม่พอใจ ตอนที่เห็นธรณ์เดินลงมาพร้อมกับชินดนัย ชายหนุ่มเสยกกาแฟขึ้นจิบ เขาพยักหน้ารับคำทักทายจากชินดนัย แล้วก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก แต่จะปฏิเสธว่า บทสนทนาระหว่างสองเพื่อนสนิทไม่เข้าหูเขา ก็ดูจะเป็นการโกหก

               ตอนป้าอุ่นเรือนยกข้าวต้มมาวางบนโต๊ะ ก็มองเจ้านายของเธอด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะอดไม่ได้ ต้องเอ่ยปากถามออกมา

               “เมื่อวานคุณธรณ์ไม่สบายเหรอคะ ป้าเห็นคุณชินอุ้มคุณธรณ์เข้ามา”

               ธรณ์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบตามองชินดนัย ซึ่งอาการทั้งหมดก็ไม่รอดพ้นไปจากสายตาของเขตแดน ที่แม้ว่าจะทำทีเป็นอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ แต่ก็ยังคงลอบมองธรณ์ไม่วางตา

               “พอดีผมเป็นลมน่ะครับ”

               “แล้วดีขึ้นหรือยังคะคุณธรณ์”

               เขตแดนฟังธรณ์โต้ตอบกับป้าอุ่นเรือนแล้วก็อยากจะหัวเราะหยัน เป็นลม...เขาอาจจะเชื่อก็ได้ว่าธรณ์เป็นลม ถ้าไม่บังเอิญไปได้ยินอะไรที่มันบาดหูเข้า เมื่อตอนไปหยุดยืนอยู่หน้าห้องของธรณ์เมื่อคืน แม้กระทั่งตอนนี้ เสียงครางของอีกฝ่ายก็ยังติดหูเขาอยู่เลย

               เขตแดนนั่งรอธรณ์จัดการกับอาหารเช้าอย่างอดทน ก่อนจะเอ่ยปากถามชินดนัยตามมารยาท ว่าอีกฝ่ายจะกลับบ้านอย่างไร เมื่อรับรู้ว่าที่บ้านของชินดนัยจะส่งรถมารับ เขตแดนจึงไม่ได้ถามต่อ พอจัดการกับทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อย เวธน์ก็มาถึงพอดี

               “นายจะขับรถไปเองหรือจะไปพร้อมกับฉัน”

               ธรณ์ใช้เวลาชั่งใจคิดอยู่เพียงครู่เดียว ก็ตอบตกลงที่จะไปกับเขตแดน เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองยอมอะไรมากมายหรอก ก็แค่ไม่อยากให้เป็นเหมือนเมื่อวาน เผื่อเขตแดนจะลากเขาไปไหนมาไหนอีก สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ขับรถตัวเองอยู่ดี

               เพื่อนรักสองคนแยกกันตอนที่ธรณ์เดินมาขึ้นรถ ส่วนที่บ้านของชินดนัยก็ส่งรถมารับ ธรณ์ไม่วายกำชับชินดนัยให้รีบสืบหาความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีของพ่อเขา อีกฝ่ายก็รับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะก่อนจะแยกกันไป พอหันกลับมาจะขึ้นรถ ธรณ์ก็เห็นเขตแดนยืนมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาดำจัดมองตรงมาอย่างสงบนิ่ง แต่อะไรบางอย่างมันบอกธรณ์ว่า เหมือนเขตแดนกำลังสะกดกั้นอารมณ์อยู่ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องมาใส่ใจซักเท่าไหร่ ชายหนุ่มจึงแค่ไหวไหล่ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ

====================

               พอมาถึงที่บริษัท เขตแดนและธรณ์ก็แยกย้ายไปคนละทาง ธรณ์รับเอารายชื่อคู่ค้าชาวต่างชาติจากภวินท์มาดู เพราะต่อจากนี้ไปเขาจะต้องเป็นคนประสานงานตลอด ชายหนุ่มทำเครื่องหมายลูกค้าที่สำคัญไว้ เพื่อที่จะได้คอยดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ และคาดหวังว่ามันจะเป็นผลประโยชน์ต่อธุรกิจในระยะยาว

               “คุณธรณ์ครับ มิสเตอร์จอห์น วิลสัน คู่ค้ารายใหม่ติดต่อเข้ามา ว่าจะเดินทางมาที่นี่อีกสองสัปดาห์ครับ”

               “ขอรายละเอียดให้ผมหน่อย”

               “ปกติถ้าเป็นคู่ค้ารายใหม่ ส่วนใหญ่ท่านประธานจะสกรีนก่อนนะครับ มิสเตอร์วิลสันนี่ท่านประธานยังไม่ได้สกรีนประวัติเลยครับ”

               ธรณ์ขมวดคิ้วฉับ พยายามทำความเข้าใจกับระบบการทำงานของแผนกต่างประเทศ ที่เมื่อก่อนดูเหมือนจะขึ้นตรงกับเวธน์และเขตแดน แต่ตอนนี้เมื่อมันเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของธรณ์ ธรณ์จึงคิดว่าเป็นหน้าที่เขาที่ดูแลรับผิดชอบ ให้ดำเนินงานไปตามระบบเดียวกับแผนกอื่น

               “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมรับผิดชอบเอง”

               “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะให้มิสเตอร์วิลสันนัดหมายวันที่ต้องการเข้าพบมานะครับ”

               “ได้เลยคุณภวินท์ รบกวนด้วยนะครับ”

               นับว่าภวินท์เป็นผู้ช่วยฝีมือดีของธรณ์ ที่นอกจากจะให้คำแนะนำแล้วยังคอยช่วยเหลือธรณ์เป็นอย่างดี จนการทำงานแต่ละวันของธรณ์ผ่านไปด้วยความรวดเร็ว เรียกว่าไม่ทันไรก็หมดวันแล้ว

               เวลาติดต่อประสานงานกับเขตแดน ธรณ์ก็พยายามลดความมึนตึงลง เขาไม่ค่อยหาเรื่องเขตแดนก่อน ตราบเท่าที่เขตแดนไม่มาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องส่วนตัว รวมถึงอุปนิสัยของเขา แต่ถ้าเป็นเรื่องงาน ธรณ์ก็ยอมรับฟังเป็นอย่างดี แต่คงไม่ใช่กับวันนี้ ที่เขตแดนรับหน้าที่ขับรถแทนเวธน์ และพาธรณ์ไปทานอาหารเย็นกับคุณสงคราม เพราะพอเลี้ยวพ้นออกมาจากบริษัทไม่ทันไร ผู้บริหารหนุ่มก็เอ่ยเสียงเรียบ โดยที่สายตายังจับจ้องถนนหนทางอยู่ ไม่ได้เหลียวมามองผู้ร่วมทางซักนิด

               “ช่วงนี้เห็นนายไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยว ไม่ได้ขยันสร้างข่าวคาว ถ้าพ่อรู้คงดีใจ”

               ธรณ์ชะงักไปเล็กน้อย เพราะนับตั้งแต่วันที่โดนมอมยา เขาก็ห่างหายจากการตระเวนราตรีมาพอสมควร ถึงจะชอบมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา แต่ธรณ์ก็ไม่ชอบ ถ้าเป็นความสัมพันธ์ที่เกิดจากยา และเขาเองก็ไม่อยากจะคอยรบกวนชินดนัย ในกรณีที่เขาเกิดไปพลาดพลั้งเสียทีขึ้นมาอีกด้วย เลยตัดปัญหาด้วยการที่ไม่ออกไปไหนซะ

               “ผมนึกว่าคุณจะเป็นคนที่ดีใจที่สุดเสียอีก” ธรณ์แกล้งเย้า เพราะอีกฝ่ายมักจะค่อนขอดเขาเรื่องเที่ยวกลางคืนเป็นประจำ ดังนั้นน่าจะเป็นฝ่ายดีใจเสียมากกว่า ที่เขาไม่ออกไปไหน

               “แล้วฉันบอกนายตอนไหน ว่าฉันไม่ดีใจ” เขตแดนเอ่ยเสียงเรียบ หน้าตาก็ยังคงเรียบนิ่งเช่นกัน

               ความจริงแล้วเขตแดนก็อยากจะดีใจอยู่เหมือนกัน แต่วูบหนึ่ง ความคิดไร้สาระก็แล่นผ่านเข้าสู่ความคิดของเขาว่า หรือความจริงแล้วธรณ์อาจจะเพิ่งแน่ชัดกับรสนิยมของตนเอง หลังจากที่มีความสัมพันธ์กับชินดนัย เพราะเขตแดนเองก็สังเกต นับจากวันนั้นที่เขาคิดว่าธรณ์กับชินดนัยได้ก้าวข้ามผ่านเส้นความเป็นเพื่อนไป ธรณ์ก็ไม่ได้ออกไปไหนอีก

               เขตแดนต้องยอมรับเลยว่า ถ้าเป็นเรื่องของธรณ์ทีไร เขามักจะไม่เป็นตัวของตัวเองทุกที แม้จะพยายามทำท่าสุขุม แต่คงมีเพียงเจ้าตัวที่รู้ดีว่า ความจริงแล้วเขากำลังร้อนรนมากเพียงใด

               เขาพยายามพร่ำบอกตัวเองว่า ที่เขาไม่ชอบ คงเป็นเพราะมันเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เขาจึงต้องว่ากล่าวตักเตือนธรณ์ในฐานะผู้ปกครอง แต่เขตแดนก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่า เขาหงุดหงิดจริงๆ ที่รับรู้ว่าธรณ์มีความสัมพันธ์กับใครไปทั่ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายเหมือนกัน ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่ธรณ์เคยคั่วมาตลอด

               “ผมเกรงใจชินมันด้วย” ธรณ์เปรยเรียบๆ

               ทว่าคำพูดของธรณ์กลับทำเอาอารมณ์ของเขตแดนขุ่นมัวขึ้นมาอีกอย่างไม่มีสาเหตุ หากจะรู้ซักนิด สำหรับธรณ์แล้ว ความหมายในความเกรงใจของเขาคือ ไม่อยากรบกวนให้ชินดนัยต้องไปคอยหิ้วเขากลับ หรือมาคอยดูแลเขาอีก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

               แต่สำหรับเขตแดน เขาคิดว่าหลังจากที่ธรณ์มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชินดนัยแล้ว ธรณ์อาจจะเกรงใจชินดนัย เลยละเว้นการเที่ยวกลางคืน คิดแล้วชายหนุ่มก็เผลอเกร็งข้อมือแน่น ยิ่งรับรู้ว่า ชินดนัยมีอิทธิพลกับธรณ์มากกว่าที่เขาคิด เขตแดนก็ยิ่งพาลหงุดหงิด ทั้งที่พยายามพร่ำบอกตัวเองว่า เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาควรจะมีสติมากกว่านี้ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่กัน ที่เรื่องของธรณ์กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเด็ก

               ไม่ใช่แค่เขตแดนที่มีอิทธิพลกับธรณ์ แม้แต่ธรณ์เองก็มีอิทธิพลกับเขตแดนไม่ต่างกัน

====================

[มีต่อนะคะ]
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 6 :: 28.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 28-10-2012 20:41:11

               ตอนที่เขตแดนและธรณ์เข้ามาถึงบ้าน คุณสงครามกำลังนั่งเหม่อดูอัลบั้มรูป จนไม่ได้รับรู้ถึงการมาเยือนของลูกชายและหลานชาย ตราบจนกระทั่งธรณ์ไปหย่อนตัวลงนั่งข้างคุณสงคราม ผู้สูงวัยกว่าถึงได้รู้สึกตัวและหันมายิ้มกว้างให้ลูกชายและหลานชาย

               “ลุงคราม ดูอะไรอยู่ครับ ธรณ์เข้ามาแล้วยังไม่รู้สึกตัวเลย”

               แทนคำตอบ สงครามยื่นอัลบั้มรูปมาตรงหน้าธรณ์ ชายหนุ่มรับมาดูก่อนจะนิ่งไป จะเป็นรูปอะไรเสียอีกล่ะ นอกจากรูปพ่อเขากับคุณสงคราม โดยที่ในอ้อมแขนของคุณสงครามก็คือตัวเขาในวัยเด็ก และก็ยังมีเด็กชายเขตแดนอยู่ในภาพด้วย

               ธรณ์ละสายตาจากอัลบั้มรูป เบือนหน้ามาหาคุณสงคราม ก็เห็นอีกฝ่ายแย้มยิ้มให้อยู่ ก่อนจะเอ่ยเหมือนกับรำพึงกับตนเอง

               “นึกถึงสมัยก่อนนะ ช่วงประถม ธรณ์ติดเขตต์แจเลย”

               ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากริมฝีปากของธรณ์และเขตแดน เหมือนทั้งคู่ต่างปล่อยให้ความคิดของตนเองล่องลอยกลับสู่ความทรงจำในวันวาน วันวานของเด็กชายธรณ์ วัยเจ็ดขวบ และเด็กชายเขตแดน วัยสิบสี่ปี วันวานที่แม้ผ่านไปนาน แต่ทุกอย่างยังคงแจ่มชัด แม้จะอยากลืมเลือนมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็วิ่งหนีอดีตไม่พ้น ได้แต่ปล่อยให้มันตกตะกอนอยู่ในใจ



               ภาพของเด็กชายตัวน้อย ที่เขตแดนต้องเจออยู่ทุกอาทิตย์ ไม่ว่าจะเป็นคราวที่คุณสงครามพาเขาไปที่บ้านของคุณธีรยุทธ หรือการที่คุณธีรยุทธมาที่บ้านเขาก็ตาม กลายเป็นความเคยชินของเด็กหนุ่ม ที่เป็นลูกชายคนเดียว และไม่เคยมีน้องชายมาก่อน พ่อของเขามักจะขลุกอยู่กับคุณธีรยุทธในห้องหนังสือ ปล่อยให้หน้าที่ดูแลเด็กชายตัวน้อยเป็นของเขตแดน

               เมื่อก่อน เขาเองไม่มีโอกาสได้เจอธรณ์บ่อยนัก แต่หลังจากแม่หย่าร้างกับพ่อ ตอนเขาอายุเพียงสิบสาม คุณธีรยุทธก็คอยเข้ามาดูแล และให้ความช่วยเหลือเขาสองคนพ่อลูกเป็นอย่างดี แม้กระทั่งรับพ่อของเขาเข้าทำงาน จากที่แต่เดิมแล้ว พ่อของเขาทำงานอยู่ในสำนักงานกฎหมาย ก็กลายมาที่ปรึกษาทางกฎหมายของอิสระคอนสตรัคชั่น และยังรวมไปถึงการเป็นคนสนิทของคุณธีรยุทธ เขตแดนจึงปลูกฝังตัวเองและรับรู้มาตลอด ว่าคุณธีรยุทธมีบุญคุณกับเขามากแค่ไหน นับตั้งแต่แม่หย่าร้างกับพ่อและแต่งงานใหม่ไป โดยที่เขาไม่ได้รับข่าวคราวจากผู้เป็นแม่อีก คุณธีรยุทธก็กลายมาเป็นครอบครัวอีกคนของเขา เช่นเดียวกับเด็กชายธรณ์ตัวน้อย

               “อุ้ม...อุ้ม...อุ้มธรณ์หน่อย”

               “ทำไมไม่เดินเองล่ะ”

               ทั้งที่ถามออกไปแบบนั้น แต่เด็กหนุ่มกลับย่อตัวลงอุ้มเจ้าตัวเล็ก ที่กลายมาเป็นน้องชายของเขา เขาเข้าใจว่า ผู้ใหญ่ต้องคุยเรื่องงานและธุระกัน เลยรับอาสาว่าจะดูแลเจ้าตัวเล็กไม่ให้ไปป่วน และอีกสาเหตุที่คุณธีรยุทธพามาด้วย ก็เพราะแม่ของธรณ์สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงเท่าไหร่ จึงไม่อยากปล่อยเด็กน้อยไว้กับผู้เป็นแม่ตามลำพัง

               “ธรณ์อยากขี่จักรยาน” เจ้าตัวเล็กบอกความต้องการของตนเอง เมื่อเห็นจักรยานคันเก่งของเขตแดนจอดแอบอยู่ข้างรั้ว

               “ขี่เป็นเหรอเราน่ะ ขนาดเดินยังไม่ยอมเดินเลย” เด็กหนุ่มอดค่อนร่างเล็กในอ้อมแขนไม่ได้

               ผิดจากที่เขตแดนคิดที่ไหนล่ะ คำตอบของเด็กชายธรณ์คืออาการส่ายหัวดิก บอกชัดว่าขี่ไม่เป็น แต่อยากจะขี่

               “นะ...ธรณ์อยากขี่”

               “ขี่ไม่เป็นแล้วจะขี่ได้ยังไงล่ะ เดี๋ยวหกล้มขึ้นมา อายุทธดุตายพอดี”

               “สอนธรณ์ไง สอนธรณ์ขี่นะ”

               ลงท้ายแล้ว เขตแดนก็ต้องเป็นคนสอนเจ้าตัวเล็กขี่จักรยาน แต่สอนได้ไม่กี่รอบ เจ้าตัวเล็กก็ย้ายมาซ้อนท้ายเขตแดนแทน ปล่อยให้เขตแดนเป็นคนปั่นให้ตัวเองนั่ง และหลังจากนั้น ธรณ์ก็ไม่ได้เรียกร้องจะขี่จักรยานอีก เพราะเจ้าตัวเอาแต่บอกว่า

               “ให้ธรณ์ซ้อนท้ายนะ...ให้ธรณ์ซ้อน...”



====================

               ธรณ์นั่งจมจ่อมอยู่กับความคิดของตัวเอง ส่วนคุณสงครามก็แยกไปเตรียมอาหาร โดยมีเขตแดนคอยเป็นลูกมือ ชายหนุ่มที่นั่งว่างอยู่คนเดียว จึงเดินเลี่ยงออกมานั่งเล่นตรงสวนหน้าบ้าน แล้วสายตาก็พลันเห็นจักรยานคันเก่าแอบอยู่มุมหนึ่ง

               จักรยานที่ธรณ์เคยซ้อนท้ายเขตแดนสมัยยังเป็นเด็ก ผ่านมาถึงสิบห้าปี ย่อมมีสภาพทรุดโทรมไปตามวันและเวลา สนิมเกาะเกรอะกรัง เบาะนั่งก็มีฝุ่นจับจนสกปรก แม้จะไม่พัง แต่หากจะนำมาใช้งานอีกรอบ ก็คงต้องซ่อมแซมและทำความสะอาดขนานใหญ่

               ธรณ์ได้แต่ถอนหายใจยาว ความสัมพันธ์ของเขากับเขตแดน ก็คงไม่ต่างอะไรกับจักรยานคันนี้ ที่มันทิ้งช่วงมานาน จนถูกสนิมเกาะแล้ว ทำยังไงก็คงไม่สามารถกลับไปเหมือนเดิมได้

               แต่ธรณ์คงลืมไปว่า...ถึงจักรยานมันจะเก่า แต่เขตแดนก็ไม่ได้ทิ้งมันไป

               คงไม่มีใครรู้ว่า นับจากวันนั้น ธรณ์ก็ไม่เคยหัดขี่จักรยานอีกเลย เพราะเด็กชายธรณ์ในตอนนั้น มั่นใจว่าจะมีพี่ชายตัวโตคอยปั่นให้เขาซ้อนตลอด เขาจึงไม่จำเป็นต้องหัดขี่จักรยานให้ได้ เพราะไม่ว่าเมื่อใดที่อยากขี่ ธรณ์ก็แค่กระตุกชายเสื้อคนตัวโตกว่า และบอกว่า...

               ‘ให้ธรณ์ซ้อนท้ายนะ...’

               ถ้าตอนนี้จะต้องมีใครซักคน ที่นำจักรยานคันเก่ามาปัดฝุ่นและขัดสนิมออก ธรณ์ก็ไม่แน่ใจว่า คนนั้นควรจะเป็นเขา คนที่ขี่จักรยานไม่เป็น แต่อยากจะซ้อนท้าย หรือคนที่ขี่จักรยานเป็น และคอยขี่ให้เขาซ้อนท้ายอย่างเขตแดนกันแน่

               ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน พอดีกับที่คุณสงครามและเขตแดนกำลังช่วยกันลำเลียงอาหารมาวางเต็มโต๊ะพอดี คุณสงครามนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ ส่วนเขตแดนกับธรณ์ก็นั่งตรงข้ามกัน ระหว่างมื้อก็มีคุณสงครามที่เป็นฝ่ายชวนคุยอยู่ตลอด

               “เริ่มทำงานแล้วเป็นยังไงบ้างธรณ์”

               “ก็ดีครับลุงคราม สนุกดีเหมือนกัน ธรณ์ทำงานอยู่แผนกต่างประเทศน่ะครับ”

               คุณสงครามฟังคำตอบจากหลานชาย แล้วก็ปรายตามองลูกชายที่ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียวแวบหนึ่ง เพราะเท่าที่จำได้ เขตแดนเคยบอกว่าจะให้ธรณ์มาเป็นผู้ช่วย แต่คุณสงครามก็ท้วงติงไป นี่แสดงว่าเขตแดนก็ยังฟังเขาอยู่บ้าง ที่ไม่ดึงดันเอาธรณ์ไปเป็นผู้ช่วย

               “ยังไงมีอะไรก็ปรึกษาพี่เขาละกันนะธรณ์”

               “ครับ”

               ผู้สูงวัยอดแปลกใจไม่ได้ เพราะคิดว่าหลานชายจะต้องคัดค้าน แต่ธรณ์กลับรับคำโดยที่ไม่ได้โวยวายอะไรออกมา ธรณ์เองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเสตักกับข้าวใส่จานคุณสงคราม แล้วก็ชวนเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเรื่องอื่นแทน

               พอจัดการกับอาหารเย็นเสร็จ ธรณ์ก็เลี่ยงขอตัวออกมายืนสูบบุหรี่หน้าบ้าน คงมีแค่เขาที่รู้ดีว่า สาเหตุที่เขาไม่ได้ปฏิเสธ เพราะเขายอมรับแล้ว ว่าอย่างไรเขตแดนก็มีความสามารถมากกว่าเขา ไม่ว่าวันใดวันหนึ่งเขาก็ต้องขอคำปรึกษาจากเขตแดนอยู่ดี เพียงแต่ยังไม่อยากเอ่ยยอมรับออกมาเป็นวาจาให้ตนเองรู้สึกเสียหน้าก็เท่านั้น

               ในเมื่อเขายอมรับว่าเขตแดนมีความสามารถ คนฉลาดอย่างธรณ์ก็จะตักตวงความรู้ทุกอย่างจากเขตแดนให้ได้มากที่สุด ถ้าเขตแดนรู้สิบ เขาจะต้องรู้ร้อย ถ้าเขตแดนรู้ร้อย เขาจะต้องรู้พัน นี่คือสิ่งที่ธรณ์หมายมาดในใจ

               ธรณ์กำลังจะหยิบบุหรี่มวนที่สองมาจุดสูบ แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจ เพราะก่อนเขาเดินออกมา คุณสงครามก็ทักท้วงเรื่องที่เขาสูบบุหรี่ ว่าถึงจะเลิกไม่ได้ ก็อยากให้ลดลงบ้างก็ยังดี ชายหนุ่มกดซองบุหรี่กลับเข้ากระเป๋าเสื้อดังเดิม ก่อนจะหันหลังกลับเข้าบ้าน

               พอกลับเข้ามาในบ้าน ธรณ์ก็ต้องแปลกใจ เพราะไม่พบทั้งคุณสงครามและเขตแดน เขาคิดว่าจะขอตัวกลับบ้านแล้ว เลยเดินหาคุณสงครามและเขตแดน บ้านนี้เขาเองก็เคยมาอยู่หลายครั้งสมัยเด็ก แม้จะห่างหายไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ลืมเลือนไป จึงไม่ใช่เรื่องยากในการที่จะเดินหาเจ้าของบ้าน

               ธรณ์เดินเข้าไปในห้องครัวก่อนเป็นอันดับแรก แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะไม่พบใคร มีเพียงจานชามที่ล้างเรียบร้อยแล้ว และวางคว่ำอย่างเป็นระเบียบ ชายหนุ่มเดินตรงไปยังห้องหนังสือ ที่พ่อของเขามักจะชอบขลุกอยู่กับคุณสงครามเป็นประจำ กำลังจะหมุนลูกบิดประตูเปิดออก ก็ต้องชะงัก เพราะบทสนทนาที่ดังลอดออกมา มันไม่ดังเลย แต่เพราะเขามายืนอยู่หน้าห้อง จึงได้ยินชัดเจนพอสมควร

               “พ่อเลิกรู้สึกผิดเรื่องอายุทธซักทีเถอะ”

               “แต่...”

               “ที่อายุทธตายมันไม่ใช่ความผิดของพ่อ มันเป็นอุบัติเหตุ”

               ธรณ์ขมวดคิ้วทันทีด้วยความสงสัย ในมนุษย์ทุกคน ย่อมมีความอยากรู้อยากเห็นอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตน ธรณ์แนบหูเข้ากับบานประตู แม้จะรู้ดีว่ามันเป็นการเสียมารยาทสำหรับการที่เขามายืนแอบฟัง

               “เขตต์ อย่าเสียงดัง เดี๋ยวน้องได้ยิน”

               “ธรณ์ยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าบ้านครับ อีกอย่าง ไม่ว่ายังไงธรณ์ก็ต้องรู้อยู่ดี ขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือเร็ว พ่อเลิกโทษตัวเองซักทีเถอะ...”

               “ถ้าวันนั้น คุณยุทธไม่เข้ามาบังพ่อไว้ คนที่โดนยิงก็ต้องเป็นพ่อ คนที่ตายก็ต้องเป็นพ่อ ไม่ใช่คุณยุทธ และธรณ์ก็ไม่ต้องกำพร้าทั้งพ่อและแม่”

               ชายหนุ่มผละออกห่างจากประตู ดวงตาฉายแววสับสน ก่อนเขาจะหมุนลูกบิดประตูเปิดออก บุคคลที่อยู่ข้างในหันมามองเขา ก่อนจะเบิกตากว้าง แต่ธรณ์ไม่ได้สนใจ สายตาเขาจับจ้องที่คุณสงคราม ก่อนจะเอ่ยถามออกมาเสียงเรียบ ทว่าชัดถ้อยชัดคำ


               “เล่าทุกอย่างให้ธรณ์ฟังหน่อยได้ไหมครับ ลุงคราม”


TO BE CONTINUE


๐ ตอนที่ 6 มาเร็วกว่าที่คิด แถมมายาวๆ ดีใจที่ยังมีคนรอติดตามอยู่นะคะ
๐ ขอโทษด้วยนะคะ ที่คุณเขตต์ไม่ได้เป็นคนช่วยธรณ์ โอกาสหน้านะธรณ์ // ห๊ะ? O_O
๐ อาจจะปรับเปลี่ยนอายุของเขตแดนตามคำแนะนำ ปรึกษาคนข้างๆแล้ว ลงความเห็นว่าน่าจะเพิ่มอีกนิด เดี๋ยวจะค่อยๆปรับนะคะ
๐ ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นนะคะ ยินดีรับฟังทุกคำติชมค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 6 :: 28.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 28-10-2012 21:18:13
แถวบ้านเรียกหึงนะพี่เขต

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 6 :: 28.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: It_s_me ที่ 28-10-2012 21:31:39
เข้าใจผิดแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะเปิดใจให้กันเล่า?
พอกันทั้งพี่เขตและน้องธรณ์ ท่ามาก ปากหนัก
แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นการพัฒนาว่าเขตแดนหึงธรณ์ ยะฮู้ววว
แล้วเมื้อไหร่น้องจะหึงพี่บ้างหนอ???
ว่าแต่ชินดนัยไปรู้เรื่องอะไรมา เรื่องเดียวกับที่เขตคุยกับพ่อหรือเปล่า
สงสัยและรอต่อไป มาไวไวนะจ๊ะ จุ๊บ!
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 6 :: 28.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 28-10-2012 22:12:21
ชอบชินมากเลยอ่ะ  เป็นเพื่อนที่ดี หาได้ยากยิ่ง

อยากรู้ว่าเรื่องอะไรที่ชินไม่อยากบอกธรณ์ตอนนี้ และแล้วเรื่องพ่อของธรณ์ก็กำลังจะเปิดเผย

รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 6 :: 28.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 29-10-2012 00:03:16
รอลุ้นตอนต่อไปคะ :z2:
 :L1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 6 :: 28.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-10-2012 00:34:37
 :a5:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 6 :: 28.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 29-10-2012 02:47:35
อยากรู้ทุกอย่างพอๆกันธรณ์เลยค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 6 :: 28.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: r4inbow ที่ 29-10-2012 04:21:40
พึ่งเข้ามาตามอ่านทีเดียว 6 ตอนรวดเลย ^^
สนุกมากค่ะ ทิ้งปมไว้ให้น่าลุ้นและดำเนินเรื่องต่อเนื่องมากเลย
จะติมตามต่อนะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 6 :: 28.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 29-10-2012 13:21:28
โอ๊ะโอ~~~~ คุณพี่เขตหึงค่ะ ฮ่าๆๆ  :laugh:

หึงแต่ต้องเก็บอาการ ทรมานแย่เลยนะคุณพี่เขต

แต่ยังไม่รู้ตัวค่ะ ยังนะคะคุณ

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 6 :: 28.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 29-10-2012 15:25:48
สนุกมาก อัพเร็วๆนะคะ รออ่านอยู่ ><
ชอบพี่เขตกะน้องธรณ์จัง

แอบเสียดายคนมาช่วยคือชินไม่ใช่เขต
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 6 :: 28.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 30-10-2012 09:59:47
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 6 :: 28.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 30-10-2012 12:41:42
ว่าแล้วว่าเขตต์ต้องเข้าใจผิดคิดว่าธรณ์มีอะไรกับชินดนัย
แต่เราก็อยากรู้ความจริงเหมือนกันเรื่องพ่อธรณ์
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 7 :: 30.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 30-10-2012 15:00:04

“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 7


               ความเงียบงันที่น่าอึดอัดเข้าปกคลุมห้องหนังสือของบ้านเกียรติณรงค์อยู่นาน ก่อนที่เขตแดนจะเป็นคนเริ่มเอ่ยปาก ด้วยท่าทีที่เรียบสงบ ราวกับว่าเขาเองก็รอเวลาที่ธรณ์จะเอ่ยถามอยู่เช่นกัน

               “นั่งลงก่อนสิ”

               ธรณ์นั่งลงบนเก้าอี้บุนวมตรงข้ามเขตแดน ส่วนคุณสงครามเลี่ยงออกมายืนหันหน้าเข้าหาหน้าต่าง คล้ายกับจะพยายามละเว้นการสบสายตาหลานชาย

               “ลุงครามครับ...” ธรณ์เอ่ยกระตุ้นผู้สูงวัยกว่าที่ยืนทอดสายตามองสวนหน้าบาน คุณสงครามชะงักเล็กน้อย หันหน้ามามองหลานชายแวบหนึ่ง ก่อนจะเบือนสายตากลับไปยังสวนหน้าบ้าน

               “พ่อของธรณ์ถูกยิง ไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่เป็นข่าว”

               “เขามีศัตรูด้วยหรือครับ?”

               สำหรับวงการธุรกิจ มีคนเคยกล่าวว่า ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร มิตรในวันนี้ อาจกลายมาเป็นศัตรูในวันข้างหน้า จากข่าวเดียวที่เขาเห็นผ่านตา ก็ระบุว่าน่าจะมาจากการขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ ธรณ์รู้ดีว่า สำหรับการทำธุรกิจแล้ว คุณธีรยุทธจัดว่าเหลี่ยมจัดพอสมควร พ่อของเขา เรียกได้ว่ามีความเป็นนักธุรกิจมากกว่าความเป็นพ่อเสียอีก

               “เพราะลุงเอง...” เสียงของคุณสงครามแหบระโหย

               เพราะว่าผู้ที่ธรณ์นับถือเป็นลุง และเปรียบเสมือนพ่ออีกคนของเขา ไม่ได้หันหน้ามาสบตา ชายหนุ่มจึงไม่อาจจะรับรู้ได้ว่า ขณะที่พูด อีกฝ่ายกำลังมีสีหน้าเช่นไร

               “ความจริงแล้ว เป้าหมายของมือปืนคือลุงต่างหาก”

               ธรณ์เบิกตากว้าง แทบไม่อยากจะเชื่อว่า คนที่ตกเป้าหมายจะเป็นคุณสงคราม ที่สำหรับธรณ์แล้ว คุณสงครามเปรียบเสมือนสายน้ำเย็น ที่คอยให้ความชุ่มชื่นและหล่อเลี้ยงหัวใจของเขา ถ้าบอกว่าคุณธีรยุทธเป็นฝ่ายสร้างศัตรู ยังน่าเชื่อกว่าคุณสงครามเสียอีก เพราะธรณ์นึกออกแต่ภาพของลุงครามที่แสนใจดีและอบอุ่นของเขาเท่านั้น

               “ทำไมครับ?...”

               “เรื่องมันยาว ตั้งแต่สมัยก่อนที่ลุงยังทำงานอยู่สำนักงานกฎหมายอยู่ มีคดีหนึ่งที่ลุงว่าความ แล้วไปขัดผลประโยชน์ผู้มีอิทธิพลเข้า”

               แค่คุณสงครามเกริ่น ธรณ์ก็พอเดาเรื่องออกจนเกือบหมด ผู้มีอิทธิพลนั่นก็คงจะส่งมือปืนมาเก็บคุณสงคราม แต่บังเอิญว่าพ่อของเขาอยู่ด้วย แล้วพ่อของเขาก็ออกรับกระสุนแทน จนมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว

               “แล้วทำไมลุงครามไม่เคยบอกธรณ์”

               “ลุงเป็นต้นเหตุให้พ่อของธรณ์ตาย ถ้าเกิดคุณยุทธไม่มาบังลุง ทุกอย่างก็คง...”

               ธรณ์ก็บอกตัวเองไม่ถูก ว่าเขาควรจะรู้สึกอย่างไรดีเมื่อรู้สาเหตุที่แท้จริง คุณสงครามไม่ใช่แค่คนสนิทของพ่อ แต่เป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมานานด้วย ถ้าเขาอยู่ในเหตุการณ์...เขาอาจจะเลือกทำเหมือนพ่อ เขาเองก็มีเพื่อนสนิทอย่างชินดนัย ที่พร้อมจะช่วยเขาอยู่ตลอดเวลา เขาย่อมเข้าใจความรู้สึกดี

               การรับรู้ว่า แท้ที่จริงผู้เป็นพ่อถูกฆ่า แทนที่จะเป็นอุบัติเหตุ มันย่อมสร้างความรู้สึกที่แตกต่าง แต่พอลองพิจารณาด้วยเหตุผลแล้ว ธรณ์ก็ต้องยอมรับกับตัวเอง เขาไม่อาจจะโกรธหรือเกลียดคุณสงคราม อย่างที่อีกฝ่ายกังวลได้เลย เพราะสำหรับเขาแล้ว คุณสงครามก็เปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของเขา ถ้าเลือกได้ ธรณ์ก็ไม่อยากสูญเสียใครไปทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือคุณสงคราม แต่ในเมื่อเลือกไม่ได้ เขาก็ทำได้ดีที่สุดเพียงแค่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น

               ถึงจะโกรธผู้เป็นพ่อมากเพียงไร ตอนที่ถูกส่งไปเรียนต่อเมืองนอก ด้วยวัยเพียงแค่สิบห้า เด็กชายธรณ์ต้องใช้ชีวิตตามลำพัง เผชิญโลกกว้างด้วยตัวเอง แต่ธรณ์ก็ไม่เคยนึกอยากให้ผู้เป็นพ่อจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เขารู้ดีว่า ทุกอย่างที่ทำลงไปทั้งหมดทั้งมวล เขาก็แค่ต้องการเรียกร้องความสนใจของคุณธีรยุทธ ให้หันจากเขตแดนมาหาเขาบ้าง...ก็เท่านั้นเอง

               ลึกลงไปแล้ว ชายหนุ่มก็รู้สึกผิดอยู่ตลอด ที่ไม่มีโอกาสได้ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ เพียงแต่สำหรับผู้เป็นพ่อ มันยังเหมือนมีทิฐิมาขวางกั้นสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกเอาไว้ ธรณ์ก็ได้แต่หวังว่ามันจะจางหายไปในเร็ววัน แต่ทุกครั้งที่พยายามลืมเลือน มันก็ยิ่งตอกย้ำความทรงจำในวันวาน ที่เขาถูกผู้เป็นพ่อละเลย จนต้องเรียกร้องความสนใจด้วยวิธีที่ผิด และนำไปสู่ความบาดหมางของสองคนพ่อลูก โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่มีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกันอีกเลย

               “อย่าโทษตัวเองเลยครับ ถ้าเขาไม่บังลุงคราม คนเจ็บก็ต้องเป็นลุงครามอยู่ดี และถ้าลุงครามเป็นคนเจ็บ ผมก็ไม่ดีใจอยู่ดี”

               “ถ้าธรณ์ไม่โกรธลุง ลุงอยากให้ธรณ์...ให้อภัยพ่อด้วยได้ไหม”

               ธรณ์ถึงกับชะงัก เขาก็พอรู้ความต้องการของคุณสงครามอยู่บ้าง คุณสงครามโทษว่าตนเองเป็นสาเหตุให้พ่อของเขาตาย แต่เขากลับไม่นึกโกรธหรือแค้นเคืองอีกฝ่าย ขณะที่พ่อของเขา ปล่อยให้แม่นอนป่วยอยู่ตามลำพัง จนตัวเขาเองเป็นฝ่ายโทษว่า ที่แม่ต้องตายก็เพราะพ่อ เพราะพ่อไม่เคยเหลียวแล คุณสงครามคงอยากจะบอกเขาว่า...

               ในเมื่อเขาไม่โกรธคุณสงคราม เขาก็ไม่ควรจะโกรธคุณธีรยุทธด้วย

               “ผมจะพยายามครับ”

               “ถ้าอย่างนั้นวันหยุดที่จะถึง เราไปไหว้คุณยุทธกับคุณอัจฉรากันเถอะ เพราะตั้งแต่คุณยุทธเสียไป ธรณ์ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปไหว้เสียที จะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย”

               “ครับ”

               “คุณยุทธเขาไม่ได้ไม่รักธรณ์หรอกนะ แต่แค่เขาอาจจะคาดหวังกับธรณ์มากไปหน่อย แต่ลุงมั่นใจว่า ถ้าตอนนี้คุณยุทธยังอยู่ เขาต้องภูมิใจในตัวธรณ์แน่นอน”

               แม้ธรณ์จะเอาแต่นิ่งเงียบ ไม่ตอบรับ แต่คุณสงครามก็รู้ดีว่าหลานชายรับฟังเขา และกำลังคิดตามอยู่ ผู้สูงวัยกว่าคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย แม้จะสามารถยกภูเขาออกจากอกได้ลูกหนึ่ง แต่ก็ยังเหลือภูเขาลูกโตที่ทับถมจิตใจเขาอยู่ ได้แต่หวังว่า...คงจะไม่มีใครขยับเขยื้อนภูเขาอีกลูกที่อยู่ในอก เพราะภูเขาลูกที่เหลือ มันไม่ได้ยกออกจากอกง่ายอย่างที่ใครหลายคนคิดเลยซักนิด

               แม้จะรู้ว่าความลับไม่มีในโลก แต่เรื่องบางเรื่อง เขาก็อยากให้มันตายไปพร้อมกับเขามากกว่า

====================

               การที่ธรณ์ยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างอย่างง่ายดายก็ถือเป็นเรื่องดี แต่มันดูขัดกับลักษณะนิสัยของธรณ์ จนเขตแดนเองยังนึกสงสัยครามครัน ว่าเกิดอะไรผิดปกติกับเจ้าตัวหรือเปล่า และเขาเองก็อดไม่ได้ ที่ต้องเอ่ยปากถามออกมา

               “ดูนายยอมรับทุกอย่างได้ง่ายกว่าที่คิดนะ”

               ธรณ์ไหวไหล่เล็กน้อย เขาเดินไปหยิบบรั่นดีออกมาจากตู้ พร้อมกับแก้วสองใบ รินใส่แก้วใบแรก แล้วส่งให้เขตแดน ที่รับมาอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก ส่วนอีกแก้วก็ถือไว้เอง

               “ดื่มเป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหม”

               “นายไม่นึกโกรธอะไรเลยหรือ แปลก!...เหมือนไม่ใช่ธรณ์ อิสรพัฒน์”

               ธรณ์แค่นหัวเราะออกมา ก่อนจะยกแก้วบรั่นดีขึ้นจิบ แล้วนั่งลงตรงข้ามเขตแดน

               “แล้วแบบไหนล่ะที่ต้องเป็นธรณ์ อิสรพัฒน์ล่ะครับ ถามตัวคุณเองเถอะ ถ้ากลับกันแต่เป็นพ่อของคุณ คุณจะโกรธพ่อของผมไหม”

               “มันเป็นอุบัติเหตุ”

               แม้เขตแดนจะไม่ได้พูดออกมาตามตรง แต่ธรณ์ก็รู้ดีว่า ถ้าอีกฝ่ายเป็นเขาก็คงไม่รู้จะนึกโกรธแค้นไปทำไม สำหรับเขาเองก็เช่นกัน เรื่องมันผ่านมานานพอสมควรแล้ว มันไม่ใช่เพิ่งมาเกิดขึ้น คนที่เสียชีวิตก็จากไปแล้ว เหลือแต่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่ต้องดำเนินชีวิตต่อไป

               “นั่นแหล่ะ ผมก็เข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุ” เอ่ยเสร็จแล้วธรณ์ก็เงียบ ได้แต่คลึงแก้วเล่นไปมา

               เขตแดนมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของธรณ์ก่อนจะถอนหายใจ ธรณ์เองคงไม่อยากจะนึกโกรธแค้นอะไรคุณสงครามหรอก เพราะตอนนี้คุณสงครามก็เปรียบเสมือนสิ่งยึดเหนี่ยวเพียงอย่างเดียวของเขา ในเมื่อทั้งพ่อและแม่ก็เสียชีวิตไปแล้ว ธรณ์ก็เหลือเพียงคุณสงคราม ที่เปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของเขา

               “คุณ...ขึ้นไปนอนเลยก็ได้ อีกเดี๋ยวผมก็คงจะขึ้นไปนอนแล้ว” ธรณ์เอ่ยบอก โดยไม่ได้หันหน้ากลับมามองเขตแดน

               นักธุรกิจหนุ่มมองอีกฝ่ายนิ่ง เหมือนเขาเห็นเกราะกำบังที่ธรณ์พยายามสร้างขึ้นมา แต่ในเมื่อธรณ์เองก็พยายามลดทิฐิของตัวเอง เขาเองก็ควรจะลดราวาศอกด้วยเช่นกัน

               “นาย...มีอะไรไม่สบายใจ จะระบายให้ฉันฟังก็ได้นะ”

               น่าแปลก ที่แค่คำพูดเพียงประโยคเดียวของเขตแดน เรียกสายตาธรณ์ที่หันขวับมามอง แล้วก็เอ่ยออกมาตามที่ใจคิด

               “ทำไม คุณนึกอยากจะลองเปลี่ยนมาเล่นบทพี่ชายใจดีดูบ้างหรือครับ”

               “ได้ไหมล่ะ...”

               “ก็คงจะได้ล่ะครับ ตราบเท่าที่พี่ชายไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของผมมากเกินไป”

               “ฉันก็คงไม่ยุ่ง ถ้านายไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่มันไม่ดี”

               ดวงตาสองคู่สบประสานกัน ราวกับจะไม่มีใครยอมให้ใคร แต่สุดท้าย ก็ต้องมีคนยอมแพ้และผละออกมาก่อน ธรณ์เบือนหน้าหนี กระดกบรั่นดีอึกสุดท้ายเข้าปาก เขากระตุกมุมปากยิ้มเล็กน้อยขณะผุดลุกขึ้นยืน โน้มตัวมากระซิบข้างหูเขตแดนเสียงแผ่ว

               “ขอผมคิดดูก่อนละกันครับ ว่าอยากมีพี่ชายหรือเปล่า”

               พูดทิ้งท้ายเสร็จ ธรณ์ก็เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงลมหายใจร้อนข้างหูเขตแดน และกลิ่นบรั่นดีกรุ่นจมูก ที่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดไปเองหรือเปล่า ว่ากลิ่นบรั่นดีที่โชยออกมาจากริมฝีปากของอีกฝ่าย มันหอมเย้ายวนมากกว่าบรั่นดีในแก้วของเขา จนนึกสงสัยครามครันว่า...


               หากได้ลิ้มรสบรั่นดีจากริมฝีปากของธรณ์ มันจะนุ่มลิ้นกว่าดื่มจากแก้วหรือเปล่า?...

====================

               ไม่กี่วันต่อมา ธรณ์ก็นัดชินดนัยออกมานั่งเล่นที่ร้านอาหารกึ่งผับ เขาสั่งอาหารมาพอสมควร แต่ดูเหมือนจะเน้นหนักไปที่การนั่งฟังเพลงเสียมากกว่า เพราะร้านอาหารที่นัดหมายมาเจอกัน เป็นร้านอาหารที่มีวงดนตรีสดมาเล่นสร้างความบันเทิงให้ลูกค้า

               “ชิน...มึงไม่ต้องสืบเรื่องพ่อกูแล้วนะ” ธรณ์เอ่ยเสียงเรียบ พาดแขนกับพนักเก้าอี้ ก่อนจะฮัมเพลงออกมา

               ชินดนัยหันมามองหน้าธรณ์แวบหนึ่งด้วยความฉงน

               “ทำไม?”

               “กูรู้เรื่องหมดแล้วเหรอ”

               “มึงรู้มาจากใคร” ชินดนัยเอ่ยเสียงเรียบ ขณะที่ข้างในใจกำลังครุ่นคิดว่า ธรณ์รับรู้อะไรมาบ้าง

               “ลุงครามไง บังเอิญกูได้ยินเขาคุยกับคุณเขตต์ กูก็เลยถาม แล้วเขาก็เล่าให้กูฟัง”

               “เล่าให้กูฟังหน่อยสิ”

               ธรณ์ตั้งต้นเล่าเรื่องที่คุณสงครามเล่าให้เขาฟัง ให้ชินดนัยได้รับรู้ด้วยท่าทางสบาย สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่วงดนตรีบนเวที ถ้าเพียงแต่ธรณ์จะหันมามองซักนิด คงจะเห็นท่าทางของชินดนัยว่าดูเคร่งเครียดจนผิดสังเกต พอเล่าจบแล้ว ธรณ์จึงหันกลับมาหาชินดนัย

               “ก็เนี่ยแหล่ะ กูเองก็ไม่รู้จะโกรธลุงครามไปทำไม เพราะเขาก็เหมือนพ่ออีกคนของกู”

               “มึงว่าไม่แปลกเหรอ ที่พ่อมึงเอาตัวเองบังลุงครามที่เป็นคนสนิทน่ะ”

               “ตอนแรกกูก็คิด แต่ลุงครามไม่ใช่แค่คนสนิทของพ่อกูนะมึง เขาเป็นเพื่อนสนิทกันมานานแล้วด้วย ทีมึงยังช่วยอะไรกูตั้งหลายอย่างเลย”

               “เขาเล่าแค่นี้เองเหรอ”

               “อืม...ก็เล่าแค่นี้เอง มึงมีอะไรหรือเปล่า”

               “เปล่า อเล็กซ์มันจะกลับจากสิงคโปร์พรุ่งนี้นะ” ชินดนัยเลี่ยงเปลี่ยนเรื่องไปยังเพื่อนสนิทอีกคนแทน ธรณ์เองก็ไม่ได้ติดใจอะไรเท่าไหร่

               “กูเกือบลืมว่าพามันมาจากนิวยอร์กด้วยแล้วนะเนี่ย เจอกันอยู่ไม่กี่วัน มันก็หายหัวไปเลย” ธรณ์อดค่อนเพื่อนรักอีกคนไม่ได้ ความจริงแล้วก็พอรู้อยู่ว่า เหตุผลที่อเล็กซ์ตามมา ก็หนีไม่พ้นธุรกิจของครอบครัวคาร์เตอร์นั่นแหล่ะ

               “มันมาทำงานมึงก็รู้”

               ธรณ์ยักไหล่ ก่อนจะหันมาสนใจอาหารตรงหน้าแทน พอเงยหน้าอีกทีก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นใครบางคนเขามาอยู่ในกรอบสายตา เขาถอนหายใจยาว ทำเอาชินดนัยต้องหันมามองตามสายตาธรณ์ แล้วก็ต้องลอบถอนหายใจออกมาไม่ต่างกัน ก่อนชินดนัยจะแกล้งกระเซ้าเพื่อนที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก

               “โจทก์มึงนี่ธรณ์”

               ธรณ์ขยับจะหาทางหนีทีไล่ แต่ก็ไม่ทันแล้ว เมื่ออีกฝ่ายหันมาเห็นเขาเข้า แล้วตรงปรี่เข้ามาหา ชายหนุ่มได้แต่ทำหน้าเหมือนถูกบังคับให้กลืนยาขม ขณะที่ชินดนัยเอาแต่หัวเราะในลำคอ

               “ธรณ์คะ หนีกลับมาไม่บอกไม่กล่าวกันเลยนะคะ”

               ในบรรดาผู้หญิงที่ธรณ์เคยควงมาทั้งหมด ชายหนุ่มอยากจะยกเจนจิราขึ้นทำเนียบ ผู้หญิงที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงมากที่สุด ธรณ์เจอเจนจิราตอนงานเลี้ยงของนักเรียนไทยที่นิวยอร์ก รู้มาว่าครอบครัวของเธอก็อยู่ในวงการก่อสร้างเหมือนกัน และยังเป็นลูกสาวของนายกสมาคมธุรกิจก่อสร้าง เจนจิรามาเรียนต่อด้านแฟชั่นดีไซน์ที่นิวยอร์ก ตอนแรกธรณ์เองคิดแค่ว่าจะคบหาเป็นเพื่อนกัน แต่หญิงสาวดูแสดงออกชัดเจนว่าอยากเป็นมากกว่านั้น เขาก็เลยสนองให้ ก่อนจะรู้ว่าพลาดที่สุด

               “ผมแค่กลับมาตามกำหนดน่ะ เพราะเรียนจบแล้วก็กลับเลย ไม่ทันได้บอกใครหรอก”

               “โชคดีนะคะ ที่เจ้าของร้านเป็นเพื่อนกับเจน ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าจะไปหาตัวหนุ่มเนื้อหอมได้ที่ไหน” พูดจบ เจนจิราก็ถือวิสาสะเบียดตัวลงนั่งข้างธรณ์ทันที

               ธรณ์ขยับตัวเล็กน้อย แต่หญิงสาวก็ยังเบียดตามมา จนชายหนุ่มจนใจ จะผู้หญิงที่เรียบร้อยหรือร้อนแรง ธรณ์ก็ผ่านมาหมด และทุกคนก็รับรู้ดีว่า เป็นได้แค่คู่ควงสำหรับเขา หรืออย่างมากก็คู่นอน มีเพียงหญิงสาวข้างกายเขานี่ล่ะ ที่พยายามจะมาเป็นตัวจริงของเขา

               “ไว้ให้เจนไปหาธรณ์ที่บริษัทบ้างได้ไหมคะ ช่วงนี้เจนว่างมากเลย”

               “อย่าดีกว่า ผมต้องทำงานน่ะ”

               ถ้าเลี่ยงได้ ธรณ์ก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงผู้หญิงอย่างเจนจิรา เพราะขนาดเขามีความสัมพันธ์กับเธอแค่หนเดียว หญิงสาวยังตามรังควานจนคู่ควงคนอื่นของเขากระเจิง และหมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นตัวจริงของเขาอีกต่างหาก ธรณ์เหลือบตามองชินดนัยเป็นเชิงขอความช่วยเหลือ  ชินดนัยถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เวลามีความสุขก็มีอยู่คนเดียว แต่พอทุกข์กลับต้องมาร่วมด้วยช่วยกัน

               “ธรณ์ ไหนมึงบอกมีธุระต่อไง”

               “นี่คุณยังไม่เลิกกีดกันเจนกับธรณ์อีกเหรอคะ ชิน”

               ชินดนัยแทบจะกุมขมับ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่เขาไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเจนจิราซักเท่าไหร่ ก็เพราะสาวเจ้าเป็นอย่างนี้น่ะสิ เอาแต่หาว่าเขากีดกัน ไม่ได้ดูเลยว่า ผู้ชายที่เธอหมายปองน่ะไม่ได้มีใจให้

               “ผมมีธุระจริงๆ ไว้โอกาสหน้าค่อยเจอกันดีกว่า”

               ธรณ์ปลดมือหญิงสาวที่เกาะกุมแขนเขาออกอย่างสุภาพ กำลังจะเรียกพนักงานมาคิดเงิน แต่ชินดนัยก็บอกให้เขาไปรอที่รถเลย เดี๋ยวอีกฝ่ายจะเป็นคนจัดการเอง ธรณ์เลยผละออกมา จากหางตาเห็นว่าเจนจิราพยายามที่จะตามเขามา แต่โดนชินดนัยดึงเอาไว้เสียก่อน

               ช่วงนี้เขายอมรับเลยว่า ไม่ค่อยจะมีอารมณ์อยากหลับนอนกับใครเท่าไหร่ นับตั้งแต่วันที่ชินดนัยช่วยเขาปลดปล่อยด้วยมือ ไม่ใช่ว่าเพลย์บอยอย่างธรณ์จะมาหลงใหลได้ปลื้มไปกับมือของเพื่อนรัก แต่...


               ชั่วขณะที่ชินดนัยกำลังช่วยเขาอยู่ ทำไมเขาถึงเห็นภาพหลอนว่าอีกฝ่ายเป็นเขตแดนไปเสียได้ !!

====================

[มีต่อนะคะ]
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 7 :: 30.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 30-10-2012 15:05:45

               เช้าวันเสาร์ที่นัดหมายกันว่าจะไปไหว้หลุมศพพ่อแม่ของธรณ์ ธรณ์ก็ต้องตื่นมารับรู้ว่าคุณสงครามติดธุระกะทันหัน ตอนแรกธรณ์ก็ว่าจะเลื่อนออกไปก่อน แต่คุณสงครามก็บอกให้ไปเลย เขาจึงมากับเขตแดนเพียงสองคน โดยที่เขตแดนเป็นคนขับรถคันโปรดของเขา เพราะรู้ดีว่าเจ้าของรถคงขับไปไม่ถูกแน่

               ธรณ์ลอบมองเสี้ยวหน้าด้านของของคนขับรถกิตติมศักดิ์ ก่อนจะต้องยอมรับกับตัวเองว่าเขตแดนเป็นผู้ชายที่ดูดีคนหนึ่ง จะเรียกว่าหล่อจัดก็ยังได้ แต่น่าแปลก ที่เขากลับไม่เห็นว่าเขตแดนจะมีคนรัก ทั้งที่อายุอานามของอีกฝ่ายก็จะเข้าเลขสามอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเป็นคนอื่น ก็คงเรียกไว้ถึงวัยที่ควรจะมีครอบครัวได้แล้วด้วยซ้ำ เขามองอีกฝ่ายเพลิน มารู้ตัวก็ตอนที่เขตแดนเอ่ยถามขึ้นมา

               “หน้าฉันมีอะไรติดอยู่หรือเปล่า?”

               “เปล่า ผมแค่คิดว่าหน้าตาคุณก็ดีเหมือนกันนะ” ธรณ์เอ่ยก่อนจะถอนสายตาออกจากหน้าของอีกฝ่าย หันกลับมามองถนนตรงหน้าแทน

               “นั่นถือว่าเป็นคำชมหรือเปล่า?”

               “แล้วแต่คุณจะคิดละกัน ว่าแต่...คุณไม่มีคนรักหรือแฟนอะไรทำนองนี้บ้างเหรอ”

               “แล้วนายมี?”

               การคุยกับเขตแดนก็เป็นการฝึกความอดทนอย่างหนึ่งสำหรับธรณ์ มันเหมือนมวยที่ผลัดกันรุกผลัดกันรับ โดยที่ไม่มีใครยอมใคร ขึ้นอยู่กับว่าใครจะพลาดพลั้งก่อน คราวก่อนธรณ์อาจจะได้เปรียบ แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นหลักประกัน ว่าคราวนี้เขาจะไม่เสียเปรียบ ในเมื่อทุกคำถามที่เขาถามเขตแดน นอกจากจะไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน เขายังได้รับคำถามกลับมาแทนอีกต่างหาก

               “ถึงผมจะไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่ผมก็ไม่เคยขาดคนข้างกายเหมือนคุณหรอก”

               “อ้อ...นี่คือคำพูดของพวกเพลย์บอยสินะ” เขตแดนเอ่ยคล้ายจะรับรู้ แต่สุ้มเสียงไม่ได้บอกว่าชอบใจกับคำพูดของธรณ์เลยซักนิด

               “คุณก็รู้ดีว่าที่ผ่านมาผมเป็นยังไง”

               “แล้วมันคือความต้องการของนายหรือ นายมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ใช่ไหม”

               ธรณ์นิ่งเงียบเหมือนอับจนด้วยถ้อยคำ เขาปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า สิ่งที่เขาทำอยู่มันก็แค่ความสุขชั่วครั้งชั่วคราว แม้ครั้งแรกที่มันจะให้ความรู้สึกดี กับการที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของของใครซักคน ได้เป็นคนสำคัญของใครซักคน และถูกเรียกหาด้วยความต้องการ แต่สิ่งเหล่านั้นมันก็ไม่ได้ยั่งยืน เพราะธรณ์ไม่เคยคิดที่จะผูกมัดตัวเองกับใคร

               เหตุผลหนึ่งของธรณ์ ก็ทำลงไปเพียงเพื่อประชดผู้เป็นพ่อ เขาเคยคิดว่า...ถ้าเขาทำตัวเหลวแหลกมากเข้า พ่ออาจจะบินมาหา หรืออาจจะเรียกเขากลับไป แต่ไม่มีทั้งสองอย่าง และในเมื่อผู้เป็นพ่อไม่สนใจไยดี ธรณ์ อิสรพัฒน์ในวัยคะนอง ที่ต่อต้านผู้เป็นพ่อเต็มที่ จึงปฏิเสธการเดินทางกลับมาร่วมงานศพของคุณธีรยุทธ ไม่ว่าคุณสงครามจะขอร้องซักเท่าไหร่ก็ตาม เขาจำได้ดีว่า เขาบอกกับคุณสงครามไปว่า...


               ‘เขาบอกผมเองว่า ไม่ต้องกลับมา ตราบใดที่ยังเรียนไม่จบ เพราะฉะนั้นผมก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องกลับไป ที่เหลือลุงครามก็จัดการตามที่เห็นสมควรเถอะครับ’


               และอีกเหตุผลหนึ่งที่ธรณ์รู้ดี ว่ามันซุกซ่อนอยู่ในใจมาเนิ่นนาน ความอ่อนแอที่เขาไม่มีวันยอมให้ใครได้รับรู้เด็ดขาด เด็กผู้ชายเอเชียที่ต้องมาใช้ชีวิตตามลำพัง ในโรงเรียนประจำที่อังกฤษ ต่างบ้าน ต่างภาษา กี่ครั้งที่อ่อนล้า แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีทางให้เดินกลับไป ได้แต่ก้าวเดินไปข้างหน้า ช่วงเวลาที่เลวร้ายนั้น มีเพียงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างธรณ์เสมอมา...ชินดนัย จิรวงศ์

====================

               ธรณ์ยืนอยู่หน้าหลุมศพของคุณอัจฉรา ผู้เป็นแม่ เขาวางดอกไม้ลงหน้าหลุมศพ ภาพของแม่ที่ธรณ์จำได้ คือผู้หญิงที่สวยงามอยู่เสมอ แม้จะอ่อนแอ แม้จะป่วยกระเสาะกระแสะ แต่แม่ยังคงมีรอยยิ้มอยู่ตลอด เขาได้แต่พร่ำบอกรักแม่ซ้ำไปซ้ำมา ไม่รู้ว่าแม่จะได้ยินหรือไม่ แต่เขามั่นใจ...แม่รู้ว่าเขารักแม่มากแค่ไหน

               เขตแดนยืนรอธรณ์อย่างอดทน จนเห็นอีกฝ่ายผละออกจากหลุมศพคุณอัจฉรา และเดินมาหยุดอยู่ที่หลุมศพคุณธีรยุทธที่อยู่ข้างกัน


               ‘แกจะทำให้ฉันอับอายไปถึงไหน หัดเอาอย่างเขตต์เขาเสียมั่ง’

               ‘ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมากมาคอยดูแลเอาใจใส่แกนะ อย่าทำตัวให้เป็นภาระมากนักได้ไหม’



               ธรณ์หลับตาลง เหมือนอยากจะขับไล่ภาพความทรงจำในวันวาน ที่ไม่ว่าพยายามสลัดเท่าไหร่ ก็เหมือนกับหนีไม่พ้นอยู่ร่ำไป ทั้งที่คิดว่าจะปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง แต่พอมายืนอยู่หน้าหลุมศพของผู้เป็นพ่อ ธรณ์ก็แทบจะล้มเลิกความตั้งใจ

               “อายุทธตายไปแล้ว ท่านไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว เหลือแต่นายนั่นแหล่ะ...จะทำร้ายตัวเองอีกนานแค่ไหนกัน” เสียงทุ้มเอ่ยแทรกความเงียบ พร้อมกับฝ่ามือที่แตะลงบนบ่าของธรณ์แผ่วเบา

               ธรณ์อยากจะปฏิเสธว่าเขาไม่ได้ทำร้ายตัวเอง แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำนัก ชายหนุ่มก้มลงมองช่อดอกไม้ในมือ ก่อนจะวางลงหน้าหลุมศพ

               “ผมจะทำให้คุณเสียใจ ที่เลือกเขตแดนแทนที่จะเป็นผม” ธรณ์กระซิบเสียงเบา แต่ทุกคำพูดก็ไม่อาจเล็ดลอดไปจากการได้ยินของเขตแดน

               “ฉันเองก็รออยู่”

               ใช่! เขตแดนเองก็รอวันที่ธรณ์จะผลักดันตัวเองขึ้นมาอยู่เหนือเขา เพื่อที่ธรณ์ อิสรพัฒน์จะได้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทอย่างเต็มภาคภูมิ ปราศจากคำครหา ไม่ว่าจะต้องใช้แรงกดดันหรือแรงผลักดัน เขตแดนก็จะทำ เพราะนี่คือสิ่งสุดท้ายที่เขามั่นใจว่า คุณธีรยุทธเองก็รอคอยที่จะได้เห็นเช่นกัน

====================

               พอออกมาจากสุสาน เขตแดนก็รับหน้าที่ขับรถกลับตามเดิม เขาปล่อยให้ธรณ์นั่งครุ่นคิดอะไรตามลำพัง แต่ก็ลอบมองอีกฝ่ายเป็นระยะ ธรณ์นั่งนิ่ง ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเส้นทางเปลี่ยนไป เขาหันมามองคนขับ แต่เขตแดนก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะอธิบายอะไรให้ผู้ร่วมทางได้รับรู้ซักนิด จนธรณ์อดรนทนไม่ได้ ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถามออกมาเอง

               “คุณจะพาผมไปไหน”

               “พาไปเปิดหูเปิดตา”

               ธรณ์เบิกตากว้างเล็กน้อยกับคำว่าเปิดหูเปิดตาของเขตแดน พอดีกับที่คนขับเลี้ยวรถเข้ามาในเขตวัดพอดี อย่าบอกนะว่า...เขตแดนจะพาเขาเข้าวัด

               เขตแดนจอดรถตรงมุมหนึ่งของวัด ที่ค่อนข้างร่มรื่น โชคดีที่คนไม่เยอะ แม้จะเป็นวันเสาร์ก็ตาม เขาดับเครื่องและรอให้ธรณ์ก้าวลงมา ก่อนจะเดินนำ เห็นท่าทางงุนงงปนสงสัยของธรณ์แล้ว เขตแดนก็เผลอคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว มั่นใจว่าคนอย่างธรณ์ อิสรพัฒน์ย่อมไม่เคยมาแน่นอน

               “ตลาดน้ำ!!” ธรณ์เผลอลืมตัว หลุดเสียงอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น

               เขตแดนมองกิริยาดีใจของธรณ์แล้วก็ต้องอมยิ้ม ธรณ์ไม่เคยมาตลาดน้ำอย่างแน่นอน เพราะถึงแม้จะอยู่ที่ประเทศไทยถึงอายุสิบห้า แต่คุณธีรยุทธก็ยุ่งตลอด จนไม่มีเวลาพาลูกชายคนเดียวไปไหน ส่วนคุณอัจฉราก็นอนซม แทบไมได้ไปไหนไกลกว่ารั้วคฤหาสน์อิสรพัฒน์เสียด้วยซ้ำ

               “มาเดินกับฉันนี่ เดี๋ยวก็หลงหรอก” เขตแดนอดไม่ได้ที่จะต้องเอ็ดคนที่ทำท่าจะเดินนำหน้าเขา

               ธรณ์หันมา ทำหน้าคล้ายไม่พอใจ แต่ก็ยอมเดินตามหลังเขตแดน ผู้คนเดินเบียดเสียดกันให้ขวักไขว่ ของที่ขายส่วนมากก็เป็นของกิน ทั้งของคาวของหวาน ผลไม้ก็มี ทุกสิ่งทุกอย่างดูแปลกใหม่ จนธรณ์เผลอมองซ้ายมองขวาอย่างลืมตัว

               เขตแดนยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาไม่รู้หรอกว่านี่เป็นการเริ่มต้นที่ดีหรือเปล่า สำหรับการพยายามลดเกราะกำบังของธรณ์ แต่ก็หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้สวย ท่าทางตื่นตาตื่นใจกับสิ่งรอบข้าง พลอยทำให้เขตแดนอดนึกถึงเด็กชายธรณ์ในอดีต ที่เอาแต่วิ่งตามร้องเรียกหาเขาไม่ได้

               เขาไม่ได้วาดหวังให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนในวันวาน หวังเพียงแค่ว่า...ให้มันดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน...ก็แค่นั้น

               “อยากกินเหรอ” เขตแดนถามคนที่ชะโงกหน้าดูแม่ค้าทำขนมไทยอย่างสนใจ

               “มันกินได้ด้วยเหรอ” ธรณ์มองจ่ามงกุฎไม่วางตา ขณะที่ตอบเขตแดน สายตาก็ยังจดจ้องอยู่ที่ขนมไทยบนแผง ซึ่งมีหลากหลาย ทั้งทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน ทองเอก และจ่ามงกุฎ

               “ทำไมถึงจะกินไม่ได้ล่ะ” เขตแดนเอ่ยถามด้วยความสงสัย

               “ก็...มันดูสวยเกินไป”

               เขตแดนอยากจะหัวเราะออกมากับคำตอบของอีกฝ่าย แต่พอเห็นธรณ์มองมา เขาก็เลยนิ่งเสีย หันไปสั่งแม่ค้าให้เอาจ่ามงกุฎมาหนึ่งกล่อง และไม่ต้องใส่ถุงหิ้ว เพราะเขาจะรับประทานเลย

               “กินไหม?...” เขตแดนเอ่ยถามธรณ์ พอเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบ เขาก็ไหวไหล่ แล้วหยิบจ่ามงกุฎส่งเข้าปาก

               “เป็นยังไงบ้าง”

               “เอ้า...เอาไปลองชิมแล้วก็ถือเอาไว้เลย”

               เขตแดนยัดเยียดกล่องขนมจ่ามงกุฎให้ธรณ์รับไปถือไว้ พอเห็นธรณ์หยิบขนมส่งเข้าปาก เขาเลยไม่ได้สนใจอะไรอีก พอหันมาอีกที ก็เห็นเจ้าตัวถือแต่กล่องเปล่าเสียแล้ว แน่นอนว่ามันคงไม่ได้หกไประหว่างทางแน่ หรือถ้าจะหก...ก็คงจะหกใส่ท้องของธรณ์ อิสรพัฒน์น่ะสิ

               นอกจากขนมไทยหลายอย่างที่ธรณ์เลือกซื้อหา จนเขตแดนต้องปรามให้หยุด เพราะเดี๋ยวมันจะเสียก่อนที่เจ้าตัวจะทันได้จัดการจนหมด ธรณ์ยังซื้อผลไม้ แม้ว่าเจ้าตัวจะเลือกผลไม้ไม่เป็นเลยซักนิด ลำบากเขตแดนที่ต้องรับหน้าที่เป็นคนเลือกอีก

               กว่าจะยอมเลิกรา และเดินกลับมาที่รถ สองมือของเขตแดนและธรณ์ก็เต็มไปด้วยถุงหิ้วพะรุงพะรัง ทั้งขนมหวาน ผลไม้ และอาหารคาวจำพวกหมูแดดเดียว โดยไม่ได้รู้ตัว ธรณ์ก็หันมายิ้มและหัวเราะกับเขตแดนด้วยท่าทางสนุกสนาน

               “พ่อค้าร้านนั้นใจดีมากเลย ให้ผมชิมหมูแดดเดียวใหญ่เลย ผมว่าจะซื้อขีดเดียว แต่เกรงใจ...”

               “นายก็เลยเหมามาครึ่งกิโล มีหวังป้าอุ่นได้ทอดให้นายกินทุกเช้าแน่” เขตแดนต่อให้ ก่อนจะส่ายศีรษะอย่างระอา

               ธรณ์หัวเราะเสียงแห้ง แต่ไม่ได้มีท่าทางสลดแม้แต่น้อย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าคนอย่างธรณ์ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ท่าทางเจ้าตัวดูสนุกสนานกับการเดินตลาดน้ำมาก

               “แล้วคุณซื้อผลไม้เยอะแยะนี่กินหมดด้วยเหรอ”

               “ฉันจะแบ่งให้ป้าอุ่นกับเด็กที่บ้านด้วย ไม่ได้กินเองคนเดียว”

               ธรณ์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะตกใจอีกรอบ ตอนที่เขตแดนเปิดท้ายรถ แล้วเขาสองคนช่วยกันลำเลียงของลงวาง เพราะของที่วางกองกันมันเยอะกว่าที่ธรณ์คิดเสียอีก เขตแดนเห็นท่าทางอีกฝ่าย เลยต้องรีบดักคอไว้เสียก่อน

               “ห้ามกินทิ้งกินขว้าง ซื้อมาแล้วต้องรับผิดชอบ กินให้หมด”

               พอขึ้นรถมา เขตแดนก็ตกลงกับธรณ์ว่าจะกลับกันเลย เพราะกว่าพวกเขาจะออกจากตลาดน้ำก็เย็นแล้ว คงไม่ต้องแวะที่ไหนอีก

               “ตอนผมซื้อของ เห็นป้าคนขายเขาบอกว่า นอกจากที่นี่ยังมีตลาดน้ำที่อื่นอีก”

               “อืม...ถ้าอยากไป เดี๋ยววันหลังจะพาไป”

               ธรณ์เผลอหันมามองเขตแดนตาวาว อย่างไรเสียเขาก็เป็นแค่ชายหนุ่มอายุยี่สิบสอง แม้จะทำตัวเจนจัดมากเพียงไร ก็ต้องมีบางเวลาที่เผลอหลุดตัวตนของตัวเองออกมาบ้าง และยิ่งเป็นสิ่งแปลกใหม่ มีหรือที่ธรณ์ อิสรพัฒน์จะไม่ชอบ

               “มีอีกเรื่อง...”

               “ครับ?”

               “อีกสองอาทิตย์จะมีงานเลี้ยงต้อนรับที่นายกลับมา และถือเป็นการเปิดตัวด้วย จะมีพวกคู่ค้าและแขกคนสำคัญมาร่วมงานกันหลายคน ระหว่างนี้ก็ช่วยแสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์หน่อยละกัน เพราะนายคือว่าที่ประธานบริษัทคนต่อไป”


TO BE CONTINUE


๐ มาต่ออีกตอนแล้วค่ะ มีตรงไหนไม่สมจริงหรือไม่สมเหตุสมผลบอกได้นะคะ จะได้นำไปปรับปรุง
๐ เหมือนความสัมพันธ์จะเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย ธรณ์เองก็ดูรับเรื่องการตายของพ่อได้...ง่ายเกินไป...หรือเปล่า?
๐ เราผูกเรื่องยังไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ มีตรงไหนผิดพลาด ก็ขออภัยด้วยนะคะ
๐ ขอบคุณทุกความคิดเห็น ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ พบกันตอนหน้าค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 7 :: 30.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: NannY ที่ 30-10-2012 15:20:35
คุณเขตเอาเรื่องเที่ยวมาหลอกล่อนะเนี่ย หุหุ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 7 :: 30.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: It_s_me ที่ 30-10-2012 15:23:57
เย้ ช่วงนี้มาต่อเร็วดีจัง ดีใจมาก :)
เราชอบความสัมพันธ์แบบค่อยเป็นค่อยไปของทั้งคู่นะ
ได้เห็นการพัฒนาหลายๆอย่างไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
แถมน้องธรณ์เองก็แอบลามก เห็นภาพซ้อนทับของชินเป็นพี่เขตในเวลาที่...ซะงั้น 555
เริ่มมองเห็นละอองสีชมพูบางๆละ หวังว่าชินจะไม่คิดอะไรเกินเลยกับธรณ์ซะก่อนล่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 7 :: 30.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 30-10-2012 15:40:37
เหมือนชินอยากจะบอกอะไร

การตายของพ่อธรณ์คงมีสาเหตุมากกว่านั้น
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 7 :: 30.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 30-10-2012 16:32:44
เย้ ได้อ่านต่อแล้ว ดีใจจัง
รออ่านต่อ เราว่าดำเนินเรื่องได้ดีแล้วน๊าา ไม่เร็วไปช้าไป
หลงรักทั้งธรณ์และเขต <3 รักคนเขียนที่สุด 555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 7 :: 30.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: andear ที่ 30-10-2012 16:45:14
คุณลุงเป็นกิ๊กกับคุณพ่อหรอคะ :z6: :z6: ไม่ใช่ล่ะ :m23: :m23:

ท่าทางการตายของคุณพ่อจะลึกลับน่าดูเนอะ ดูเครียดกันจัง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 7 :: 30.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 30-10-2012 17:19:50
พ่อธรตายง่ายไปไหมเนี่ย
ลุงครามน่าจะปิดอะไรไว้อาจจะร้ายแรงกว่าที่บอกมา
ปล.น้องธรน่ารักถ้าน่ารักแบบนี้พี่เขตคงได้หลงมากขึ้นแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 7 :: 30.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 30-10-2012 18:37:12
ตอนนี้ภูเขาอีกลูกคืออะไร อยากรู้มากกกกกกกกกกกกกก  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 7 :: 30.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: putiinez ที่ 30-10-2012 18:51:29
ลุงครามยังมีอะไรนอกจากนั้นรึเปล่านะ เพราะเหมือนมันไม่ซับซ้อนอย่างที่คิดเลยแฮะ
เราชอบตอนนี้จัง ธรน่ารักอ่ะ พอเห็นคนที่ดูแข็งๆกับบางเรื่องมีมุมเด็กๆแสดงออกมาแล้วน่ารักดี
แต่ต่อจากนี้สิ จะมีปัญหาเรื่องการรับตำแหน่งของธรมั้ยนะ แล้วเขตจะไปทำอะไรต่อล่ะเนี่ย โอ้ยย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 7 :: 30.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 30-10-2012 19:58:52
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 7 :: 30.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 30-10-2012 22:22:02
พ่อของธรณ์ กับลุงคราม มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอะไรกันหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 7 :: 30.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: twenty8 ที่ 30-10-2012 23:32:31
หรือจะคดีพลิกเป็นพ่อเขตต์เป็นคนบงการฆ่าพ่อธรณ์อะคะ?
แฮะๆสงสัยไปในแง่ลบแบบนี้แล้วอะ แต่มันน่าสงสัยอะเพราะชินแม่งยึกยักจริงๆอะ
ต้องมีอะไรไม่ดีแน่
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 7 :: 30.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 30-10-2012 23:42:04
ขอบคุณมากค่ะ ยาวจุใจจริง ๆ
อยากรู้จังว่าชินสืบได้เรื่องอะไรที่ธรณ์ยังไม่รู้บ้าง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 7 :: 30.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 31-10-2012 00:01:52
มุมอ่อนหวาน กรุบกริบๆ



 :z2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 7 :: 30.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 31-10-2012 16:10:26
มีความลับอีกแล้ว ถ้าธรณ์รู้ความจริงทั้งหมดหวังว่าคงไม่โหดร้ายในความรู้สึกของธรณ์นะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 7 :: 30.10.2012」หน้าที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 31-10-2012 23:17:25
 :m8: :m8:โธ่เขตแดนเอาเรื่องนงานมาพูดตอนนี้ทำไมเนี้ย :z3:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 12-11-2012 13:55:37

“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 8


               ภายหลังจากที่เขตแดนระบุวันงานเลี้ยงต้อนรับธรณ์ อิสรพัฒน์แน่ชัด หน้าที่ความรับผิดชอบหลายอย่างก็ถูกส่งมาที่เวธน์ ซึ่งคนสนิทของเขตแดนก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ไม่มีขาดตกบกพร่องจนธรณ์เองยังนึกทึ่งกับความสามารถของเวธน์ แม้กระทั่งข่าวซุบซิบที่พวกไฮโซนิยมติดตามบนหน้าหนังสือพิมพ์ ที่ปรากฏข่าวงานเลี้ยงของธรณ์ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของเวธน์ทั้งสิ้น

               ...ซุ่มเก็บตัวอยู่นาน ธรณ์ อิสรพัฒน์ ทายาทคนเดียวของตระกูลอิสรพัฒน์ ว่าที่ผู้บริหารอิสระคอนสตรัคชั่น เตรียมจัดงานเปิดตัวยิ่งใหญ่สมเกียรติ จนสาวน้อยสาวใหญ่วิ่งวุ่นหาชุดไปงานกันแทบไม่ทัน...

               ส่วนเขตแดนเอง แม้ว่าจะมอบหมายหน้าที่ให้เวธน์เป็นคนคอยดูแลและจัดการทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการตระเตรียมสถานที่ การจัดการเรื่องอาหารสำหรับเลี้ยงแขก ตลอดจนเรื่องบัตรเชิญ แต่นักธุรกิจหนุ่มก็เป็นฝ่ายที่คอยกำกับอยู่เบื้องหลังอีกทีหนึ่ง ชนิดที่ว่า ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ผ่านความเห็นชอบของผู้บริหารหนุ่มมาแล้วทั้งนั้น

               “อาหารจัดเป็นค็อกเทลนะ”

               “คุณเขตต์อยากได้ซุ้มอาหารเพิ่มหรือเปล่าครับ”

               “นายลองคำนวณกับจำนวนแขกดูแล้วกัน ว่าจำเป็นหรือเปล่า”

               “ครับ เดี๋ยวผมสรุปรายชื่อแขกที่จะเชิญมา แล้วจะรายงานคุณเขตต์อีกทีครับ”

               ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของงานนั่งฟังเจ้านายและลูกน้องปรึกษาหารือกัน โดยที่เขาไม่มีส่วนร่วมแม้แต่น้อย เพราะเรื่องการจัดงานเลี้ยง ธรณ์เองก็ไม่มีความถนัด เนื่องจากเขาเคยแต่เป็นแขกในงานเลี้ยง แต่ไม่เคยต้องเป็นฝ่ายมาจัดงานเลี้ยงเอง ส่วนแขกเหรื่อที่จะเชิญมา ใครเป็นใครบ้าง ธรณ์ก็ไม่รู้ รายชื่อเพื่อนที่เขาอยากจะเชิญมางานด้วย ยังมีไม่ถึงสิบคนดีเสียด้วยซ้ำ เพราะตัวธรณ์เองก็ไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เล็กแต่น้อย เพื่อนสนิทคนแรกที่พอจะนึกออก ก็คงมีแค่ชินดนัย

               แม้จะเป็นคนที่เกลียดงานสังคมมากแค่ไหน แต่เขตแดนก็คุ้นเคยกับงานสังคมอยู่ไม่น้อย เพราะผ่านมาหลายต่อหลายงาน แต่เขตแดนก็หมายมาดไว้ในใจว่า ภายหลังการเปิดตัวธรณ์ให้เป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจ เขาก็จะถอยฉากออกมา เปิดโอกาสให้ธรณ์ได้ไปปรากฏกายตามงานสังคมต่างๆแทน

               ธรณ์รอจนสองเจ้านายและลูกน้องหารือกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาบ้าง

               “ผมยังไม่มีชุดสูทสำหรับใส่ไปงาน”

               เขตแดนหันมามอง ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะนอกจากชุดทำงานแล้ว เขตแดนเห็นเสื้อผ้าที่ธรณ์ขนกลับมาแต่ละชุด ก็กล้าพูดได้เลยว่าไม่สามารถใส่ออกงานได้ แต่ถ้าใส่ออกตระเวณราตรีอย่างที่อีกฝ่ายเคยทำเป็นกิจวัตรก็อีกเรื่องหนึ่ง

               “เดี๋ยวเย็นนี้ ฉันจะพาไป”

               “ไม่ต้องลำบากคุณหรอก ผมแค่บอกให้รู้ ความจริงเดี๋ยวผมไปเลือกดูของผมเองก็ได้” ธรณ์เอ่ยปฏิเสธ เพราะเขาไม่ใช่เด็กอนุบาล ที่จะต้องมีผู้ปกครองตามไปดูแลตอนเลือกชุดให้ แต่สำหรับเขตแดนแล้ว เมื่อเขาพูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น

               “ไม่ลำบากอะไรหรอก ฉันจะได้มั่นใจด้วยว่า นายจะไม่ทำให้ฉันขายหน้า”

               พอเจอถ้อยคำปรามาสจากอีกฝ่าย คนที่หยิ่งทระนงอย่างธรณ์มีหรือจะยอมแพ้ เขาเลยรีบตอบตกลงทันที จนไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ตกลงไปไหนหลุมพรางของอีกฝ่าย อาจจะเป็นเขตแดนที่เป็นฝ่ายจับจุดธรณ์ถูก และขุดหลุมล่อให้ธรณ์ที่อ่อนประสบการณ์กว่าตกลงไปเองก็เป็นได้

====================

               เนื่องจากเวธน์ต้องไปติดต่อซุ้มอาหารและจัดการเรื่องบัตรเชิญตามที่เขตแดนอ้าง ช่วงเย็นหลังเลิกงาน เขตแดนจึงเป็นฝ่ายขับรถพาธรณ์มายังห้างสรรพสินค้าหรูใจกลางเมือง เดิมทีเขตแดนก็อยากจะให้ธรณ์ไปที่ร้านตัดสูทประจำของเขามากกว่า แต่เนื่องจากเวลาที่กระชั้นชิด ถ้าขืนรอตัดสูท คงจะไม่ทันสำหรับงานเป็นแน่แท้ เขตแดนจึงต้องพาธรณ์มาเลือกซื้อสูทสำเร็จรูปแทน

               ร้านเสื้อผ้าแบรนด์อิตาลี ที่เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่แวดวงไฮโซผู้หลงใหลในแฟชั่น คือร้านที่ธรณ์เลือกที่จะเดินเข้า พอเข้ามาในร้าน เขตแดนก็เลี่ยงไปนั่งรออยู่ตรงโซฟา ที่จัดไว้สำหรับลูกค้า ปล่อยให้ธรณ์เดินดูแบบตามสบาย โดยมีพนักงานสาวคอยเดินประกบ และแนะนำสินค้าด้วยความคล่องแคล่ว

               “คุณลูกค้า ดูเป็นกระดุมหนึ่งเม็ดหรือสองเม็ดคะ”

               “คุณคิดว่ายังไงล่ะ?” ธรณ์หันไปถามเขตแดนที่มองมาพอดี เขตแดนเหลือบมองตัวอย่างชุดสูทสองแบบ ที่พนักงานกำลังถืออยู่ข้างละชุดก่อนจะออกความคิดเห็น

               “สองเม็ดดีกว่า เม็ดเดียวมันดูแฟชั่นมากไปหน่อย อย่าลืมว่านี่เป็นงานเลี้ยงต้อนรับ”

               ธรณ์ไหวไหล่เล็กน้อย ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบให้พนักงานเดินนำไปยังมุมที่แขวนชุดสูทกระดุมสองเม็ด แบบที่โชว์อยู่มีอยู่ไม่มากนัก ทำให้ชายหนุ่มไม่ต้องใช้เวลานานในการตัดสินใจ สุดท้าย ธรณ์ก็ได้ชุดสูทพอดีตัวสีดำ ที่ขับให้ชายหนุ่มดูภูมิฐานขึ้น

               ตอนที่ธรณ์เดินออกมาจากห้องลอง พนักงานสาวก็เอ่ยชมไม่ขาดปาก เจ้าตัวก็เพียงแต่ยิ้มรับเล็กน้อย ส่วนเขตแดน แม้จะนั่งนิ่ง แต่ก็อดยอมรับกับตัวเองไม่ได้ว่า ธรณ์ที่สวมชุดสูทผ้าวูลสีดำสนิท และทำทีมายืนล้วงกระเป๋าอยู่ตรงหน้าเขา...ดูดีไม่น้อยเลยทีเดียว

               ไม่สิ!...ต้องบอกว่าดูดีมากต่างหาก ชุดสูทสีดำสนิทพอดีตัวช่วยขับเสน่ห์แบบบุรุษเพศของอีกฝ่ายให้เพิ่มขึ้น จนเขตแดนไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมผู้หญิงหลายต่อหลายคนถึงหลงใหลธรณ์

               “เป็นยังไงบ้าง ผมดูดี จนคุณถึงกับพูดไม่ออกเลยหรือ”

               “แล้วฉันเคยบอกว่านายดูไม่ดีด้วยหรือ”

               เหมือนทุกครั้ง ที่คำตอบของคำถามที่ธรณ์ถามเขตแดน มักจะได้รับเป็นคำถามกลับมาแทน ธรณ์เผลอย่นจมูกออกมา เมื่อไม่สามารถต้อนเขตแดนได้ ก่อนจะเดินไปส่องกระจก โดยมีสายตาคู่คมมองตามด้วยความรู้สึกหลากหลาย

               เขตแดนไม่ได้พูดปดเลยซักนิด เขาไม่เคยปฏิเสธว่าธรณ์ดูไม่ดี ตรงกันข้าม เขายอมรับด้วยซ้ำว่าธรณ์ดูดีมาก ใช่ว่าเขตแดนไม่เคยเจอผู้ชายที่หล่อกว่าธรณ์ เขาเองก็เคยเจอมาหลายต่อหลายคน แต่สำหรับธรณ์ มันเป็นความรู้สึกที่เขตแดนเองก็อธิบายไม่ถูก

               ...ว่าเขากำลังชื่นชม หรือเป็นอีกคนที่หลงใหลเสน่ห์ของธรณ์กันแน่

               ธรณ์ลองชุดจนพอใจ แล้วจึงเดินกลับเข้าห้องลองไปเปลี่ยนชุด ก่อนจะกลับมาอีกทีพร้อมกับชุดสูทที่ถอดออกมาแล้ว และนำมายื่นให้พนักงาน

               “เอาตัวที่ลองน่ะเหรอ” เขตแดนถาม ก่อนจะปรายตามองสูทที่ธรณ์กำลังส่งให้พนักงาน

               “ครับ เอาตัวนี้แหล่ะ เหมาะกับผมแล้ว” ตอบคำถามเขตแดนเสร็จ ธรณ์ก็หันไปเอ่ยกับพนักงานที่ยืนรออยู่ “เดี๋ยวใส่ถุงมาเลยนะครับ”

               ธรณ์ทำท่าจะหยิบบัตรเครดิตของตนเองออกมาส่งให้พนักงาน แต่ก็ช้ากว่าเขตแดน ที่โบกมือห้าม แล้วส่งบัตรเครดิตของตนเองให้พนักงานแทน แถมยังบอกหน้าตาเฉยว่าถือเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท จนคนอายุน้อยกว่าอดนึกหมั่นไส้ไม่ได้ เลยต้องเอ่ยถามทันที

               "นี่เป็นสวัสดิการสำหรับพนักงานด้วยหรือครับ"

               "ถ้าฉันตอบว่าใช่ล่ะ ว่าแต่...พนักงานแถวนี้ก็รสนิยมดีใช่เล่น ราคาค่าสูทของนายนี่มากกว่าเงินเดือนของนายเสียอีก"

               "อ้าว...ผมก็ต้องแต่งตัวให้สมเกียรติสิครับ เดี๋ยวจะทำคุณขายหน้าเสียเปล่าๆ" ธรณ์อดหยิบยกเอาคำพูดของอีกฝ่ายมายอกย้อนไม่ได้

               เขตแดนขยับจะเอ่ยปากสวน แต่ก็ต้องชะงัก เพราะพนักงานเดินมายื่นถุงและสลิปให้ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงกับธรณ์ต่อหน้าคนนอกเท่าไหร่นัก บางครั้งก็จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ แม้จะทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเองก็ตาม ธรณ์เองก็รับเอาแต่ถุงมาถือเอาไว้ ปล่อยให้ท่านประธานบริษัทที่ริอาจให้สวัสดิการพนักงานเป็นสูทราคาเกือบหกหลัก รับผิดชอบสลิปบัตรเครดิตเอาเอง

               พอเสร็จเรียบร้อย สองหนุ่มก็พากันเดินออกมาจากร้าน เขตแดนออกปากให้ทานอาหารเย็นนอกบ้านเลย จึงต้องมาตกลงกันว่าจะเลือกทานร้านไหน แต่ยังไม่ทันได้ตกลงกันให้เรียบร้อย เสียงเรียกชื่อธรณ์ก็ดังมา ให้ชายหนุ่มต้องหันขวับกลับไปมอง ก่อนจะเผยอแย้มริมฝีปากออกกว้าง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร

               "ไม่เจอกันนานเลยนะครับ ลิซ่า"

               นางแบบสาวยิ้มหวานให้ธรณ์ โดยไม่ลืมที่จะหันไปยกมือไหว้เขตแดนที่รับไหว้หน้านิ่ง ถามไปถามมา ก็ได้ความว่าหญิงสาวเองก็กำลังจะหาร้านอาหารทานอยู่เหมือนกัน ธรณ์จึงเอ่ยปากชวนหญิงสาวให้มาทานด้วยกัน ซึ่งแน่นอนว่าลิซ่าย่อมไม่ปฏิเสธให้เสียโอกาสตัวเอง

               “ธรณ์กับคุณเขตแดนอยากทานอะไรกันคะ”

               “ลิซ่าเลือกเลยดีกว่าครับ”

               “ชั้นล่างมีร้านอาหารไทยขึ้นชื่อค่ะ ลิซ่าว่าธรณ์กับคุณเขตแดนต้องชอบแน่นอนค่ะ”

               ได้ยินคำแนะนำจากนางแบบสาว ธรณ์เลยผายมือให้เธอเดินนำเลย ส่วนตัวเขาเองก็เดินทอดฝีเท้าให้ไม่ทิ้งช่วงจากเขตแดนมากนัก แม้จะประหลาดใจกับการกระทำของตนเอง แต่ธรณ์ก็ขี้เกียจหาเหตุผลว่าเขาทำไปทำไม และทำเพื่ออะไร

====================

               ร้านอาหารไทยที่นางแบบสาวแนะนำ ตั้งอยู่ในชั้นล่างของห้างสรรพสินค้า แต่อยู่โซนด้านใน ซึ่งผู้คนไม่พลุ่กพล่าน บรรยากาศดีและเงียบสงบสมกับที่หญิงสาวแนะนำมาตลอดทาง พอพนักงานเดินนำมาที่โต๊ะ ลิซ่ากับเขตแดนก็ยึดที่นั่งกันคนละฝั่ง เหลือแต่ธรณ์ ที่ยืนคิดอยู่ไม่นานก่อนจะนั่งลงข้างเขตแดน แต่ทิ้งระยะห่างพอให้ไม่ต้องเบียดกันเกินไป

               “ธรณ์ทานเผ็ดได้ใช่ไหมคะ”

               “ได้ครับ ลิซ่าสั่งตามสบายเลย”

               ธรณ์และเขตแดนปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลิซ่า ในการสั่งอาหารและเครื่องดื่ม เพราะหญิงสาวดูจะคุ้นเคยอยู่แล้ว ส่วนใหญ่หญิงสาวก็เลือกสั่งอาหารแนะนำของร้าน ก่อนจะสั่งข้าวสวยมาสำหรับทานคู่กับข้าว

               “ลิซ่าไม่ได้เจอธรณ์นานเลย จะโทรศัพท์ไปหาก็กลัวว่าจะรบกวนคุณ”

               “พอดีผมเริ่มทำงานแล้วน่ะครับ เลยไม่ได้ไปไหนเลย แต่ถ้ามีอะไรก็โทรมาหาผมได้นะครับ”

               “แล้วนี่วันนี้นึกยังไงกันคะ คุณเขตแดนกับธรณ์ถึงปลีกตัวมาเดินห้างกันได้” นางแบบสาวแกล้งสัพยอกอย่างอารมณ์ดี

               “พอดีเดี๋ยวจะมีงานเลี้ยงต้อนรับผมน่ะครับ แต่ผมยังไม่มีชุดเลย นี่เลยต้องแวะมาซื้อซักหน่อย”

               ฟังคำบอกเล่าของธรณ์แล้ว ลิซ่าก็ต้องตาโต ความจริงแล้ว เธอเองก็พอจะรู้ข่าวเรื่องงานเลี้ยงจากหน้าหนังสือพิมพ์อยู่เหมือนกัน กำลังคิดว่าจะโทรศัพท์ไปหาธรณ์ แต่ก็บังเอิญโชคดีที่มาเจออีกฝ่ายที่ห้างเข้าเสียก่อน หญิงสาวแสร้งทำเนียนเป็นไม่รู้เรื่องงานเลี้ยง แต่ก็หมายมาดว่า เธอจะต้องเป็นแขกในงานนี้อย่างแน่นอน และเธอก็จะเป็นแขกที่เจ้าของงานอย่าง ธรณ์ อิสรพัฒน์ ออกปากเชิญด้วยตนเองอีกด้วย

               “จริงเหรอคะ? ลิซ่าเองก็เพิ่งทราบนะคะเนี่ย คราวก่อนยังคุยกันอยู่เลย ว่าธรณ์จะจัดงานเปิดตัวหรือเปล่า นี่ปิดเงียบเลยนะคะ” ไม่พูดเปล่า หญิงสาวยังหันไปพยักเพยิดกับเขตแดน ที่นั่งนิ่งไม่ออกความเห็นอะไร นอกจากยิ้มรับเพียงอย่างเดียว

               “ถ้าอย่างนั้นก็เชิญลิซ่าเลยละกันนะครับ ยังไงเดี๋ยวผมจะส่งบัตรเชิญตามไปให้ทีหลัง”

               นางแบบสาวส่งยิ้มหวานกลับคืนมาให้ธรณ์ ก่อนที่บทสนทนาจะถูกคั่นจังหวะ เนื่องจากพนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟพอดี อาหารที่สั่งมาก็อร่อยสมกับคำแนะนำ และตัวคนแนะนำเองก็นั่งทานอาหารอย่างมีความสุข ในเมื่อสิ่งที่วาดหวังไว้ประสบผลสำเร็จแล้ว

               งานเลี้ยงเปิดตัวธรณ์ อิสรพัฒน์ ก็ย่อมมีหลายคนจับตามอง และเท่าที่รู้ ตั้งแต่ธรณ์กลับมา ชายหนุ่มเองยังไม่ได้ให้ความสนิทสนมกับหญิงสาวคนไหนเป็นพิเศษ เว้นเพียงก็แต่เธอ นี่ก็คงเป็นโอกาสดี ที่อาจจะทำให้เธอได้เปิดตัวในฐานะเพื่อนสาวของธรณ์เช่นกัน

               ใช้เวลาเพียงไม่นาน อาหารมื้อเย็นก็ผ่านพ้นไป และเป็นเขตแดนอีกเช่นเคย ที่เป็นคนรับผิดชอบเรื่องค่าอาหาร เสร็จแล้วชายหนุ่มก็เดินเลี่ยงไปรอธรณ์อยู่มุมหนึ่ง ปล่อยให้เพลย์บอยหนุ่มยืนล่ำลานางแบบสาว

               มือเรียวเกาะอยู่บนแขนของเพลย์บอยหนุ่ม แต่ธรณ์ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ยิ้มอย่างเดียว อาจจะด้วยเพราะว่า...เขาชินเสียแล้ว หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ มากกว่านี้ชายหนุ่มก็เจอมาแล้ว

               “นี่ลิซ่าไม่ได้เสียมารยาทใช่ไหมคะธรณ์ ที่ผูกขาดคุยกับคุณอยู่คนเดียว” นางแบบสาวแสร้งเอ่ยอย่างเป็นกังวล ด้วยกลัวผู้บริหารหนุ่มอาจจะนึกไม่พอใจเธอ ที่ผูกขาดการสนทนาตลอด

               “ไม่หรอกครับ ปกติคุณเขตแดนเขาก็เป็นคนเงียบๆอยู่แล้ว” เอ่ยออกไปแล้ว ธรณ์ก็ไม่ค่อยมั่นใจตัวเองเท่าไหร่ ว่าเจ้าของชื่อเป็นคนเงียบๆอย่างที่เขาเอ่ยอ้างจริงหรือเปล่า

               “ถ้ายังไงไว้ลิซ่าจะโทรหาธรณ์นะคะ”

               โดยไม่ทันตั้งตัว จมูกโด่งของอีกฝ่ายก็แตะเข้าที่แก้มเขาแผ่วเบาก่อนจะผละออกมา ก่อนที่หญิงสาวจะเอ่ยทีเล่นทีจริงว่า

               “ไม่ถือใช่ไหมคะ บางทีลิซ่าก็ติดธรรมเนียมฝรั่งมากไปหน่อย”

               นางแบบสาวโบกมือลา และยกมือไหว้เขตแดนที่ยืนคอยอยู่ข้างหลัง ก่อนจะผละจากไป ธรณ์เหยียดริมฝีปากออกเป็นรอยยิ้ม นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เขาเข้าหาหญิงสาวก่อน แล้วจะทำให้พวกเธอเข้าใจผิดว่าเขามีใจ แต่กับนางแบบสาว ใช่ว่าธรณ์จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร ชายหนุ่มหัวเราะแผ่วๆก่อนจะชะงัก เมื่อหันมาสบสายตาเกรี้ยวกราดของเขตแดน ที่พอเห็นเขา ก็หมุนตัวเดินไปลานจอดรถทันทีโดยไม่พูดอะไร

               “อารมณ์เสียอะไรของเขากัน สงสัยจะเบื่อที่ต้องมารอ”

               ธรณ์พึมพำก่อนจะเดินตามหลังเขตแดนไปอย่างไม่รีบร้อน เพราะไม่ว่าจะรีบหรือไม่รืบ สุดท้ายเขตแดนก็ต้องรอเขาอยู่ดี

====================

[มีต่อนะคะ]
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 12-11-2012 14:02:59
               “นายไม่ควรทำอะไรประเจิดประเจ้อในที่สาธารณะ”

               ถ้าซื้อล็อตเตอรี่แล้วถูก ธรณ์คงกลายเป็นมหาเศรษฐีที่รวยจากการเสี่ยงโชคแน่นอน พอชายหนุ่มก้าวขึ้นมานั่งบนรถ และคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว เขตแดนก็เอ่ยปากออกมาทันที

               “อะไรล่ะ ที่คุณเรียกว่าประเจิดประเจ้อ” ธรณ์ย้อนถามกลับ

               “ที่นายยืนหอมแก้มกับนางแบบคนนั้น ยังไม่เรียกว่าประเจิดประเจ้ออีกหรือยังไง” เขตแดนตวัดเสียงตอบอย่างหงุดหงิด

               แม้จะบอกตัวเองซ้ำเป็นพันเป็นล้านครั้ง ว่าเขาจะต้องควบคุมอารมณ์ อย่าให้ความโกรธมาอยู่เหนือเหตุผล แต่สุดท้ายมันก็เข้าอีหรอบเดิม ที่พอเป็นเรื่องของธรณ์ อิสรพัฒน์ทีไร เขตแดน เกียรติณรงค์ก็พลอยต้องสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองทุกที

               “แค่เอาจมูกมาชนแก้มกัน ฝรั่งเขาก็ทักทายกันแบบนี้ คุณจะซีเรียสทำไม” ธรณ์เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ สำหรับเขา มันเป็นเรื่องเล็กน้อยจนไม่น่าเอามาเป็นประเด็นเสียด้วยซ้ำ

               “ฉันคงต้องย้ำให้นายฟังอีกรอบ ว่าที่นี่คือกรุงเทพฯ ไม่ใช่นิวยอร์กที่นายเคยอยู่ วัฒนธรรมมันต่างกัน”

               “สำหรับผมมันก็เป็นแค่การทักทาย หรือว่าคุณมีอารมณ์ ถ้าถูกหอมแก้ม”

               “อย่ายั่วโมโหฉัน ธรณ์ อิสรพัฒน์” เขตแดนเอ่ยเสียงดุลอดไรฟัน

               “ผมไม่ได้ยั่วโมโหคุณ ผมก็แค่พูดไปตามความจริง ว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับการหอมแก้มใครหรือถูกหอมแก้มเสียหน่อย”

               ธรณ์อาศัยจังหวะที่เขตแดนหยุดรถลงหน้าคฤหาสน์ ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ปลดเข็มขัดนิรภัยออก ก่อนจะยึดไหล่ของเขตแดนเอาไว้ แล้วโน้มตัวไปกดจมูกตัวเองลงกับแก้มสาก เสร็จแล้วจึงผละห่างออกมาเล็กน้อย

               “เห็นไหม บอกแล้วว่าผมไม่ได้คิดอะไร ให้หอมแก้มคุณแบบเมื่อกี้ก็ได้”

               ถ้าธรณ์จะสังเกตซักนิด ชายหนุ่มคงจะเห็นว่ามือที่จับพวงมาลัยของเขตแดนเกร็งแน่น คล้ายกับเจ้าตัวกำลังข่มอารมณ์อยู่

               “ฉันเตือนนายแล้วนะ ว่าอย่าทำตัวเหมือนอยู่ที่นิวยอร์ก”

               “ผมไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนซะหน่อย”

               “นั่นมันตรรกะห่วยๆของนาย ถ้านายจะยืนยันว่าไม่ได้คิดอะไร กับการเที่ยวไปหอมแก้มคนโน้นคนนี้ แล้วบอกว่าเป็นการทักทาย แล้วถ้าแบบนี้ล่ะ...”

               ธรณ์กำลังจะเอ่ยปากถามว่าแบบไหนกัน ริมฝีปากที่เอ่ยสั่งสอนเขา ก็ทาบทับลงมาด้วยความรวดเร็ว ชนิดที่ไม่เปิดโอกาสให้ตั้งตัวหรือปัดป้องใดๆทั้งสิ้น เพลย์บอยหนุ่มเบิกตากว้าง เมื่อสำนึกได้ว่ากำลังถูกอีกฝ่ายกระทำอย่างอุกอาจ

               ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะขัดขืน แต่พอเขตแดนสอดลิ้นเข้ามาในริมฝีปากของธรณ์ เพลย์บอยหนุ่มก็เหมือนกับถูกผีห่าซาตานเข้าสิง เขาขยับเรียวลิ้นตอบโต้และจูบตอบเขตแดนไปโดยที่รู้ตัว และมีสติสัมปชัญญะอยู่เต็มเปี่ยม พร่ำบอกตัวเองว่า...ก็แค่อยากรู้ว่าใครจูบเก่งกว่ากัน

               เป็นการโรมรันพันตูที่กินเวลานาน กว่าทั้งคู่จะยอมผละออกห่างจากกัน และสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ธรณ์ปาดคาบน้ำลายที่เปียกชื้นอยู่รอบริมฝีปากออก เขาเหยียดยิ้มให้เขตแดน ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ เหมือนเมื่อซักครู่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น

               “คุณก็จูบเก่งใช้ได้นะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรขึ้นมาหรอก ก็แค่จูบทักทายน่ะ...” ธรณ์เอ่ยทิ้งท้ายแล้วก็เปิดประตูลงไป ทิ้งให้เขตแดนนั่งนิ่ง ทบทวนประโยคที่ธรณ์เพิ่งเอ่ยออกมา

               “ฉันจะได้รู้ ว่าปกตินายใช้ลิ้นเวลาจูบทักทายกับคนอื่น”

               ชายหนุ่มสบถออกมาสองสามคำอย่างหยาบคาย เพราะอารมณ์เคืองขุ่นที่ยังไม่จางหายไป แถมรังแต่จะเพิ่มมากขึ้นเพราะความปากดีของอีกฝ่าย ก่อนจะเลื่อนรถไปจอดที่โรงรถ แต่ไม่วาย...ที่สายตาจะก้มลงไปมองส่วนกลางลำตัวของเองที่ชักจะปวดหนึบ

               เขตแดนไม่อยากจะยอมรับหรอกว่า จูบกับธรณ์มันรู้สึกดีจนเขาถึงกับมีอารมณ์ เขาก็แค่...อาจจะร้างลาเรื่องพวกนี้นานไปหน่อย ก็เลยมีอารมณ์ง่าย...ก็เท่านั้นเอง

====================

               ร่างสูงทิ้งตัวลงบนเตียงกว้าง ปลายนิ้วลูบไล้ริมฝีปากตนเองอย่างเผลอไผล ที่ผ่านมาเคยจูบกับคนอื่นมานับไม่ถ้วน จะจูบแบบนุ่มนวล อ่อนโยน หรือเร่าร้อน ธรณ์ อิสรพัฒน์ก็ผ่านมาหมด แต่นี่...

               เป็นครั้งแรกที่เขาจูบกับผู้ชาย แถมผู้ชายคนที่ว่ายังเป็นเขตแดน เกียรติณรงค์อีกต่างหาก!!

               ธรณ์ยอมรับเลยว่า เมื่อกี้เขาพูดปดไปคำโต ที่บอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไร ความจริงแล้วเขารู้สึก แถมรู้สึกมากเสียด้วย แต่จะให้มายอมรับหน้าชื่นตาบาน แถมบอกอีกฝ่ายว่า เขตแดนจูบเก่งมาก แถมจูบเสียจนเขารู้สึกดี เขาคงกลายเป็นคนบ้าแน่

               ทั้งที่ตอนแรกนึกว่าเขตแดนแค่จะเอาคืนเขาให้รู้สึกกระดากอาย ด้วยการเอาริมฝีปากมาแตะกัน แต่นี่มันเลยเถิดจนถึงขั้นแลกลิ้นแลกน้ำลาย

               ถึงจะเคยเห็นผู้ชายมีความสัมพันธ์กันมาก่อน แต่ธรณ์ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องเป็นหนึ่งในบุคคลจำพวกนั้น เขาผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วน แต่ตอนนี้กลับรู้สึกดี แค่เพียงเพราะได้จูบกับผู้ชายเนี่ยนะ ให้โลกถล่ม แผ่นดินทลายเถอะ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

               ธรณ์ไม่ปล่อยให้ความสงสัยครอบงำตัวเองนานนัก ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาชินดนัย พอรู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่บ้าน ก็นัดหมายว่าจะออกไปหาทันที หลังจากวางสายไปแล้ว โดยปล่อยชินดนัยไว้กับความงุนงงและสงสัย ธรณ์ก็คว้ากุญแจรถแล้วเดินออกจากห้องทันที

               ชายหนุ่มก้าวขึ้นรถตัวเอง แล้วขับออกจากบ้านทันที จุดมุ่งหมายคือคฤหาสน์ของชินดนัย เพราะถ้าหากเขาไม่สามารถหาคำตอบให้กับตนเองได้ เขาไม่มีทางที่จะข่มตานอนหลับได้อย่างเด็ดขาด

               พอธรณ์จอดรถลงที่เรือนหลังเล็กของชินดนัย ก็เห็นอีกฝ่ายที่อยู่ในชุดนอนยืนรออยู่แล้ว พอดับเครื่องเรียบร้อย ชายหนุ่มก็คว้าแขนเพื่อนสนิทลากเข้าบ้านทันที ไม่ปล่อยให้ชินดนัยได้พูดพล่ำทำเพลง ธรณ์ยึดตัวชินดนัยไว้แน่น ก่อนจะโน้มตัวลงมาจะจูบอีกฝ่าย สุดท้าย...ยังไม่ทันจะได้จูบ ธรณ์ก็เป็นฝ่ายผละออกมา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหมดแรง

               “มึงเป็นห่าอะไรของมึงเนี่ยธรณ์ มึงประสาทแดกหรือมึงอดอยากเนี่ย มาถึงก็จะจูบกู” ชินดนัยที่ควบคุมสติได้ดี เอ่ยถามคนที่กำลังนั่งทึ้งผมตัวเองอย่างไม่เข้าใจ

               “มึงเคยมีอารมณ์กับผู้ชายหรือเปล่า?” ธรณ์ไม่ตอบ แต่ถามกลับ แต่เป็นคำถามที่เรียกเอาดวงตาของเพื่อนรักเบิกกว้างเหมือนไม่เชื่อหู

               “ห๊ะ?...อย่าบอกนะว่ามึงมีอารมณ์กับผู้ชาย”

               “เปล่า...”

               “แล้วมึงถามทำไม”

               “กู...กูจูบกับผู้ชายแล้วกูรู้สึกดีหว่ะ กูอยากรู้ว่ากูผิดปกติหรือเปล่า กูเลยจะลองจูบมึงดู แต่กูทำไม่ได้หว่ะ”

               ชินดนัยพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ แล้วจึงโน้มหน้าเข้าหาธรณ์ เห็นอีกฝ่ายเบิกตาเล็กน้อย ก่อนจะยอมอยู่นิ่ง แต่ดูท่าแล้วน่าจะเรียกว่าตัวแข็งมากกว่า ริมฝีของชินดนัยเคลื่อนเข้าหาริมฝีปากของธรณ์ ก่อนจะประกบแนบสนิท พอชินดนัยจะเริ่มไล้ปลายลิ้นไปตามกลีบปากของอีกฝ่าย ก็ต้องผงะ เพราะโดนธรณ์ยกเท้ายันเต็มแรงเข้าเต็มหน้าท้อง จนหงายหลังลงมานั่งกองอยู่พื้น

               “พอได้แล้วชิน กูขนลุกจนจะอ้วกแล้วเนี่ย” ธรณ์โวยวายเสียงดังลั่น ท่าทางฮึดฮัด ก่อนจะยกมือถูริมฝีปากตัวเองจนแดงก่ำ

               “ว่าแต่บอกกูหน่อยซิ ว่ามึงไปจูบกับใครมาเนี่ย ใครวะที่จูบจนมึงรู้สึกดี แต่พอจูบกับกูทำเป็นตัวแข็ง ขนลุกขนชัน”

               “คุณเขตแดน”

               “ห๊ะ??”

               “คุณเขตแดน!!” ธรณ์กระแทกเสียงตอบด้วยท่าทางหงุดหงิด เขาไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงได้รู้สึกดีกับจูบของเขตแดน แต่พอเป็นชินดนัย ทั้งที่เป็นเพื่อนรัก ทั้งที่คบกันมานาน แต่...มันไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่

               “มุกมึงนี่กูไม่ขำด้วยนะธรณ์ เอาจริงๆ” ชินดนัยถามเสียงเข้ม

               “กูไม่ได้มุก กูพูดจริงๆ แต่ไม่มีอะไรหรอก กูเป็นคนเริ่มแกล้งเขาก่อน แต่แม่ง...ทำไมกูต้องรู้สึกดีวะ มึงเข้าใจนะชิน ว่ากูไม่ได้เป็นเกย์ และไม่เคยชอบผู้ชาย” ธรณ์เอ่ยย้ำ แต่ก็ไม่มั่นใจนักว่าย้ำกับเพื่อนรัก หรือย้ำกับตนเองกันแน่

               พูดเสร็จแล้วธรณ์ก็หันหน้าหนี เลยไม่ทันเห็นว่าชินดนัยหน้าเครียดขึ้นมาทันที ก่อนจะเอ่ยย้ำถามเพื่อนรักเพื่อความมั่นใจ

               “มึงไม่ได้คิดอะไรกับคุณเขตต์ใช่ไหมธรณ์”

               “เออ! ไม่ได้คิดอะไรเว้ย อาจจะเพราะ...เขาจูบเก่งก็ได้ กูจะไปนอนแล้วนะ คืนนี้กูนอนเนี่ยแหล่ะ ขี้เกียจขับรถกลับบ้านแล้ว” พูดจบแล้วธรณ์ก็ไม่รอฟังคำตอบ เพราะชายหนุ่มเดินตรงเข้าห้องนอนของชินดนัยทันที

               ชินดนัยยืนนิ่งอยู่กลางบ้าน หน้าตาเคร่งเครียด เขาไม่รู้หรอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขตแดนและธรณ์เป็นแบบไหน แต่เขาคงไม่สามารถปล่อยให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เกินเลยได้เด็ดขาด ไม่ใช่เพื่อใคร ทุกอย่างก็เพื่อธรณ์...เพื่อธรณ์คนเดียวเท่านั้น

====================

               ตอนเช้า ธรณ์ขับรถมาที่บริษัท แต่ชายหนุ่มก็ไม่เห็นเขตแดน จนกระทั่งเวธน์เดินมาแจ้งกับเขาว่า ตอนบ่ายจะต้องเข้าไปที่โรงแรม ซึ่งทำการจองห้องจัดเลี้ยงเอาไว้ เพื่อดูสถานที่และความเรียบร้อยต่างๆ รวมถึงคุยกับทางออแกร์ไนเซอร์ของโรงแรมด้วย ธรณ์จึงจัดการสะสางงานต่างๆให้เรียบร้อย คิดเอาเองว่าเดี๋ยวเขตแดนก็คงตามไปด้วยอย่างทุกที

               แม้จะยังรู้สึกเก้อกระดาก ที่เมื่อวานปล่อยให้ทุกอย่างเกินเลย แต่จะให้มัวมาหลบหน้าก็ไม่ใช่วิสัยของธรณ์ ที่ทำได้ก็แค่ทำเป็นไม่รู้สึกรู้สา แต่ชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าตนเองโชคดีหรือโชคร้าย เพราะพอธรณ์ก้าวขึ้นรถที่เวธน์ขับมาจอดรอ คนสนิทของเขตแดนก็ออกรถทันที จนธรณ์อดรนทนไม่ได้ ต้องเอ่ยปากถามออกมาด้วยความสงสัย

               “แล้วคุณเขตแดนไม่ไปด้วยกันกับเราเหรอคุณเวธน์”

               “เปล่าครับ วันนี้คุณเขตต์ต้องเข้าไปตรวจที่โรงงานครับ เพราะเมื่อเช้าทางโรงงานโทรศัพท์มาแจ้ง ว่าเครื่องจักรบางตัวมีปัญหาน่ะครับ”

               ธรณ์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แต่ก็อดถามต่อไม่ได้

               “แล้วผมไม่ต้องเข้าไปดูด้วยหรือ”

               “ไม่ต้องครับ คุณเขตต์สั่งให้ผมพาคุณธรณ์ไปที่โรงแรมเลย เพราะนัดหมายทางโรงแรมไว้แล้ว จะได้ไม่เสียเวลา เดี๋ยวคุณเขตต์เสร็จธุระจากที่โรงงานแล้วจะตามไปทีหลังครับ”

               ธรณ์เลยไม่ถามอะไรอีก คิดเอาเองว่าดีเหมือนกัน ถึงเขาจะปั้นหน้าไม่รู้สึกไม่รู้สาได้ แต่การไม่เจอกันก็คงจะดีกว่า ชายหนุ่มไหวไหล่เล็กน้อยด้วยความเคยชิน พอมาถึงโรงแรม ธรณ์ก็แทบไม่ต้องทำอะไร เพราะเวธน์จัดการทุกอย่างไว้ดีอยู่แล้ว

               หน้าที่ในการประสานงานกับทางออแกร์ไนเซอร์ เวธน์ก็เป็นคนรับผิดชอบไป สคริปต์งาน การตกแต่งห้องจัดเลี้ยง เครื่องเสียง อาหารเครื่องดื่ม ตลอดจนซุ้มต้อนรับ ทุกอย่างถูกวางแพลนไว้อย่างเรียบร้อย จนธรณ์อดนึกชมคนสนิทไม่ได้

               “คุณเวธน์นี่สมกับเป็นคนสนิทของคุณเขตแดนเลยนะครับ จัดการทุกอย่างได้ดีไม่มีที่ติเลย”

               เวธน์หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะแก้ไขความเข้าใจของเจ้านายตนเสียใหม่

               “ไม่ใช่ฝีมือผมหรอกครับ คุณเขตต์โน่น เป็นคนสั่งการทุกอย่าง ผมแค่รับคำสั่งมาอีกที”

               ธรณ์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะเสไปเดินชิมอาหารที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ อาหารที่ตระเตรียมไว้ก็มีหลากหลาย เรียกว่า ยังไงแขกเหรื่อที่มาร่วมงานก็ต้องประทับใจกันบ้างล่ะ เท่าที่ธรณ์ลองชิมดู ก็พบว่ารสชาติถูกปากใช้ได้ แถมทุกอย่างยังถูกจัดวางเป็นชิ้นพอดีคำ สะดวกในการหยิบรับประทาน

               ตัวห้องจัดเลี้ยงที่เขตแดนเป็นคนเลือกเอง ก็มีขนาดพอดี ไม่ใหญ่จนดูโล่ง และไม่เล็กจนเบียดเสียด ทุกอย่างเรียกว่าพอดิบพอดีและลงตัว จนเวธน์ยังอดแซวเจ้านายตัวเองไม่ได้

               “นี่ขนาดคุณเขตต์เกลียดงานเลี้ยงนะครับเนี่ย ยังจัดออกมาได้เนี้ยบซะจนผมแทบจะตกงานเลย”

               ส่วนเรื่องสคริปต์งานที่ทางโรงแรมนำมาให้ดู เวธน์ก็บอกว่าจะต้องให้เขตแดนตรวจสอบดูอีกรอบก่อน ธรณ์ก็พยักหน้ารับ คุยงานกับทางโรงแรมจนจะใกล้เสร็จแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของเขตแดน ธรณ์คิดว่าอีกฝ่ายคงติดธุระอะไรที่โรงงาน เลยไม่ได้เอ่ยถาม จนกระทั่งมีโทรศัพท์เข้ามาถึงเวธน์ และชายหนุ่มขอตัวเลี่ยงออกไปรับสาย ปล่อยให้ธรณ์นั่งคุยกับทางโรงแรมตามลำพัง

               รออยู่ไม่นาน เวธน์ก็เดินกลับมาหน้าตาไม่สู้ดีเท่าไหร่ จนธรณ์รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี และต้องเอ่ยถามทันที

               “เป็นอะไรไปคุณเวธน์ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

               “คุณเขตต์ไม่มาแล้วล่ะครับคุณธรณ์ เมื่อซักครู่ทางโรงงานโทรศัพท์มาแจ้งผมว่า เกิดอุบัติเหตุในโรงงาน คุณเขตต์เข้าไปช่วยคนงานคนหนึ่งจนปลอดภัย แต่ตัวเองบาดเจ็บ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

               ธรณ์ชะงักไป ก่อนจะผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความรวดเร็ว ความรู้สึกหลายอย่างประเดประดังเข้ามา อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดที่จะเสียเวลาหาเหตุผล เขาเอ่ยถามเวธน์เสียงดังอย่างลืมตัว

               “แล้วคุณเขตต์อยู่ที่โรงพยาบาลไหน”

               “เอ่อ...คุณเขตต์ฝากที่โรงงานแจ้งว่าไม่ต้องไปครับ ให้ผมพาคุณธรณ์ตรงกลับบ้านเลย” เวธน์อ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียงนัก อาจจะเพราะไม่เคยเห็นธรณ์เสียงดังมาก่อน

               “โทรถามชื่อโรงพยาบาลจากทางโรงงาน แล้วส่งผมไปที่นั่น”

               “แต่...คุณธรณ์ครับ...”

               “ไม่มีแต่ นี่คือคำสั่ง!”


TO BE CONTINUE


๐ หายไปนาน มาต่อแล้วค่ะ มาแบบยาวๆเพื่อเป็นการไถ่โทษ
๐ อ่านคอมเม้นท์ตอนที่แล้วแล้วสะดุ้งเลย ชาวเล้าคาดเดากันเก่งมาก ต้องรอดูต่อไปค่ะ ว่าตกลงคดีเป็นยังไงกันแน่
๐ ส่วนตอนนี้...เรียกว่าหวาน(?)ได้ไหม ฮา...คงยังไม่หวานเนอะ
๐ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ขอบคุณทุกความเห็น ดีใจที่ชอบกันนะคะ พบกันตอนหน้าค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 12-11-2012 14:39:42
อยากอ่านต่อ :z3:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 12-11-2012 15:37:11
มีใจให้กันละ  หุ หุ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 12-11-2012 16:23:15
ใครจะรุกใครจะรับล่ะงานนี้
ยังมองไม่ออกเลยแฮะ
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: putiinez ที่ 12-11-2012 16:50:56
คุณพี่เขตหึงน้องธรณ์ล่ะซี้ย์ ทำมาเป็นโมโหกลบเกลื่อน
ธรณ์นี่ก็นะ กวนใจจัง ทำไมยอมให้ชินดนัยจูบหล่า ~~~ หรืออีตาชินนี่คิดอะไรไม่ดีอยู่ด้วยนะ ผู้ชายปกติถึงจะสนิทกันปานจะกลืนกินคงไม่จูบเพื่อนหรอกถ้าไม่คิดอะไร =_____=

รออ่านต่อนะคะ >3<
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 12-11-2012 17:19:38
แค่จูบเองนะเนี่ยยยย   :-[


ชินคิดกับธรณ์เกินเพื่อนแน่ๆ  :m12:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 12-11-2012 18:21:58
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 12-11-2012 18:32:32
ชินดนัยไปรู้อะไรมา
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 12-11-2012 20:12:41
เค้าเริ่มเป็นห่วงเป็นใยกันแล้วชิมิเนี่ย น่ารักเชียว

แต่ที่เริ่ดกว่า คือ เค้าจูบกันแล้วแหละ อร๊ายยยยยยย...ผลเป็นที่หน้าพอใจมาก

ว่าแต่ทำไมชินถึงจะขัดขวางอ่ะ มีอะไรที่ยังไม่รู้อีก หรือว่าเป็นเรื่องนั้นที่ชินยังไม่ได้บอกธรณ์
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 12-11-2012 21:10:01
ทำไมๆๆๆ :serius2: ทำไมทำกันค้างแบบนี้
เขตแดนจะเป้นยังไงบ้างเนี้ย :sad4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 12-11-2012 21:37:42
เอาอีกแล้วชิน ทำให้อยากรู้อีกแล้ว
ทั้งรุ่นพ่อรุ่นลูกเลย สงสัยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 12-11-2012 22:03:40
ชินจ๋าา า  ชินกุมความลับอะไรอยู่
บอกมาสักทีเถอะ  เก๊าอยากรู้ มันต้องส่งผลอย่างรุนแรงต่อเขตต์และธรณ์แน่ๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 12-11-2012 23:04:15
เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบบบบอ่ะ   มาต่อเร็วๆนะ :z2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: It_s_me ที่ 12-11-2012 23:42:47
ธรณ์หลอกตัวเองเก่งซะยิ่งกว่าผีอีก
โดนจูบจนเคลิ้มแล้วยังจะปากแข็ง
แถมมีอาการนะจ๊ะตอนรู้ว่าเขตเจ็บ
ว่าแต่ชินมีเรื่องให้สงสัยอีกแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 13-11-2012 08:40:53
รอนาน นึกว่าจะไม่มาละ

ตอนนี้ความสัมพันของสองคนลุดหน้าบ้างแล้ว ดีใจจัง อิอิ

แล้วก็นอนรอ ตอนต่อไป :t3:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 13-11-2012 12:28:25
ธรณ์เป็นห่วงเขตต์ หวังว่าเขตต์คงไม่เป็นอะไรนะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 13-11-2012 14:50:51
รู้สึกเหมือนรุ่นพ่อจะมีซัมติ้งรองกันอยู่นา

ส่วนคู่นี้ก็เริ่มเห็นการพัฒนา คริคริ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: NannY ที่ 13-11-2012 15:32:11
คุณเขตต์เจ็บตัวคราวนี้อาจจะคุ้มกว่าที่คิดนะคะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 13-11-2012 17:21:38
มาต่อเร็วๆนะคะ กำลังสนุกเลยยย ><
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: puu142 ที่ 13-11-2012 18:26:43
สนุกมากครับ.....................เขียนดีมาก

                                                    เรียบมาต่อเร็ว ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: withmeto_PJ ที่ 13-11-2012 19:45:23
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เพิ่งจะได้เข้ามาอ่านนนน สนุกมากๆๆๆเลยค่ะ อ่านตั้งแต่ต้นนจนถึงตอนปัจจุบันน
หลงรักธรณ์และเขตแดนมากกกกกกกกกกกกกก ชอบๆๆๆๆๆๆ
เขินมากๆเลยตอนเค้าจูบกัน >/////////////<

ขอบคุณคนแต่งมากๆเลยนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ แล้วมาต่ออีกน๊า อยากอ่านมากๆ สนุกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 13-11-2012 21:32:39
เพิ่งตามอ่านทันค่า...

อั๊ยยะ เค้าเริ่มมีใจกันแล้วจ้า พี่เขตแดนเอนเอียงก่อนเป็นลำดับแรกเพราะมีหวงมีหึง
หึงแรงด้วยจับจูบมันซะเลย ฮี่ๆๆ ส่วนคุณธรณ์ก็ทำอึน ๆ แหมมมมม แต่นอนบ้านตัวเองไม่ได้เลยต้องไปนอนบ้านเพื่อน
อ้าว แล้วนี่พี่เขตจะเป็นไรมากมั้ยเนี่ย น่าเป็นห่วงจัง...

เรื่องราวลึกลับโน่นนี่ไม่อยากจะเดาว่าพ่อของสองคนอาจมีความสัมพันธ์มากกว่าเพื่อนหรือเปล่า
ถึงต้องเอาตัวมาบังไว้ แล้วชินก็คงรู้เรื่องนี้เลยไม่อยากให้สองคนรักกันเพราะกลัวรู้แล้วธรณ์รับไม่ได้
ย่อหน้านี้เดาล้วนค่ะ 555 รอติดตามต่อไปค่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 8 :: 12.11.2012」หน้าที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-11-2012 01:09:49
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 9 :: 18.11.2012」หน้าที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 18-11-2012 00:50:05
“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 9


               ร่างสูงกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาตามทางเดินของโรงพยาบาล มีชายหนุ่มคนสนิทเดินตามหลังมา นางพยาบาลและญาติผู้ป่วยหันมามองเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้ากลับ เพราะแทบจะเป็นเรื่องปกติที่เห็นเป็นประจำอยู่ทุกวัน ที่ญาติของผู้ป่วยมีอาการร้อนรน

               ธรณ์วิ่งมาเกาะเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ หยาดเหงื่อซึมออกมาตามไรผม เพราะความรีบร้อนของเจ้าตัว แต่สิ่งเดียวที่เพลย์บอยหนุ่มสนใจคือ...

               “รบกวนช่วยเช็คทีครับ ผู้ป่วยที่ชื่อเขตแดน เกียรติณรงค์...” เอ่ยยังไม่ทันจบประโยคดี คนสนิทหนุ่มที่วิ่งกระหืดกระหอบมาอยู่ด้านข้างก็รีบร้องบอก

               “คุณเขตต์อยู่ที่ห้องฉุกเฉินครับ”

               “ห้องฉุกเฉินเดินตรงไป แล้วเลี้ยวซ้ายสุดทางเลยนะคะ” นางพยาบาลประจำเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์รีบบอกทางทันที

               พอรู้คำตอบแล้ว ธรณ์ก็พึมพำขอบคุณ ก่อนจะผละออกมาจากเคาน์เตอร์ เป้าหมายของชายหนุ่มคือห้องฉุกเฉิน ช่วงขาที่ยาวก้าวพรวดด้วยความรวดเร็ว ทำเอาเวธน์ที่เพิ่งเดินตามมาทันถึงกับปาดเหงื่อ ก่อนจะรีบเดินตามเจ้านายทันที

               อาการร้อนรนผิดวิสัยของธรณ์ สร้างความประหลาดใจแก่เวธน์ไม่มากก็น้อย ตลอดทางจากโรงแรมมาถึงโรงพยาบาล แม้ธรณ์จะไม่ได้เอ่ยปากเร่งเขา แต่ท่าทีกระวนกระวายของผู้เป็นเจ้านายอีกคน ก็บังคับเวธน์ให้ต้องเร่งความเร็วของรถยนต์

               ด้านคนที่มีอาการร้อนรนกระวนกระวาย ก็นึกโทษโรงพยาบาล ที่ช่างสร้างห้องฉุกเฉินได้ห่างไกลเหลือเกิน พอเดินมาจนเห็นป้ายห้องฉุกเฉิน ชายหนุ่มก็ถามนางพยาบาลเวรอีกรอบ จนมั่นใจว่าผู้ที่อยู่ในห้องฉุกเฉินคือเขตแดนแน่นอน ธรณ์ก็เปิดประตูเข้าไปอย่างที่วิสาสะทันที


               “พี่เขตต์!!”


               นานแค่ไหนกัน ที่เขตแดนไม่ได้ยินสรรพนามที่คุ้นเคยหลุดออกมาจากริมฝีปากของธรณ์ สิบปีหรือเปล่า เขตแดนก็คร้านที่จะนับ แต่พอได้ยินคำเรียกขาน ที่คิดว่าชาตินี้จะไม่ได้ยินอีกแล้ว หัวใจของชายหนุ่มก็เต็มตื้นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ยิ่งเอี้ยวตัวหันมาเห็นอาการเบิกตากว้างของธรณ์เต็มสายตา เขาก็ยอมรับอย่างเห็นแก่ตัวเลยว่า...

               เป็นการเจ็บตัวที่คุ้มค่าที่สุดของเขตแดน เกียรติณรงค์

               แต่ดูเหมือนเจ้าตัวร้ายของเขตแดนจะทำให้หัวใจของชายหนุ่มชุ่มชื่นอยู่ไม่นานนัก เพราะเมื่อธรณ์เห็นชัดว่าอะไรเป็นอะไร ก็เหมือนเจ้าตัวจะสลัดคราบ ‘น้องธรณ์’ และกลับมาเป็น ธรณ์ อิสรพัฒน์คนเดิมทันควัน

               “คุณไม่ได้บาดเจ็บอะไรหรือ”

               เขตแดนนิ่วหน้า ธรณ์ใช้สายตาคู่ไหนของตัวเองมองกัน ถึงเห็นว่าเขาไม่ได้บาดเจ็บ ชายหนุ่มยกมือข้างขวาที่มาผ้าพันแผลพันอยู่ให้ดูแทนคำตอบ ส่วนถ้อยคำอธิบายก็ตกเป็นหน้าที่ของนายแพทย์เวร

               “โดนลวดบาดครับ แต่ไม่ร้ายแรงอะไรมาก หมอฉีดยากันบาดทะยักและทำแผลเรียบร้อยแล้ว ยังไงก็หมั่นดูแลทำความสะอาดแผล แล้วอาทิตย์หน้ารบกวนมาเช็คอีกทีนะครับ”

               “แค่โดนลวดบาด...” ธรณ์พึมพำกับตัวเอง

               “ครับ โดนลวดบาดครับ ยังไงเดี๋ยวรับยาและชำระเงินที่ด้านหน้าเลยนะครับ ผมขอตัวก่อนครับ” นายแพทย์เวรเอ่ยก่อนจะเดินออกจากห้อง

               “เวธน์ ไปจัดการเรื่องยากับจ่ายเงินที เดี๋ยวฉันตามออกไป” เขตแดนเอ่ยสั่งคนสนิทที่ตามเข้าเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ แต่คาดว่าคงเพิ่งมีตัวตนในสายตาของเขตแดนและธรณ์ เวธน์พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปอีกคน ปล่อยให้เจ้านายสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง

               ธรณ์ อิสรพัฒน์นั่งแปะลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ เดินเหินรวดเร็วจากลานจอดรถมาถึงห้องฉุกเฉินร่วมกิโลเมตร เพิ่งจะมารู้สึกล้าจนแข้งขาพลันหมดเรี่ยวหมดแรงก็ตอนนี้เอง ชายหนุ่มไม่รู้จะโทษใครได้ นอกจากโทษตัวเอง แค่ได้ยินว่าอีกฝ่ายประสบอุบัติเหตุและบาดเจ็ด เขารีบหุนหันจะมา จะมาโกรธคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็ใช่ที่ ควรจะดีใจต่างหาก ที่อีกฝ่ายยังปลอดภัยดี

               ใช่ว่าธรณ์จะไม่รู้ตัว ว่าเมื่อครู่เผลอเรียกเขตแดนออกไปด้วยสรรพนามเช่นไร ขณะที่ตรงดิ่งมายังห้องฉุกเฉิน เขาคิดเพียงแค่ว่า คนที่เปรียบเสมือนครอบครัวของเขา เหลือแค่คุณสงครามกับเขตแดนเท่านั้น เขาไม่อยากจะสูญเสียใครไปอีก เขายอมรับว่าเป็นห่วงเขตแดน อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นคนใกล้ชิดคุ้นเคย แต่ก็เสียหน้าอยู่พอสมควร ที่แสดงอาการแตกตื่นให้เขตแดนเห็น

               “ฉันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”

               “ก็ดี...” ธรณ์ไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรได้มากกว่านี้อีก

               “แล้วคุยกับทางโรงแรมเรียบร้อยดีหรือเปล่า”

               “เรากลับไปคุยกันที่บ้านดีไหม ผมว่าคุยกันที่นี่คงไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่” ธรณ์เอ่ยพลางกวาดสายตามองรอบด้าน คล้ายจะย้ำเตือน ว่าเขาและเขตแดนยังคงอยู่ในห้องฉุกเฉิน

               “ขอโทษที ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันเถอะ”

               ธรณ์ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขาเป็นฝ่ายเดินนำเขตแดนออกมาก่อน วันนี้เขาไม่ได้โดนเขตแดนต้อนให้จนมุมแต่อย่างไร แต่เป็นตัวเขาเองนั่นแหล่ะ ที่พาตัวเองเข้ามาอยู่ในมุม จนไม่มีโอกาสปัดป้องหรือเปิดโอกาสให้ตัวเองแม้แต่น้อย

====================

               ตอนที่เขตแดนและธรณ์เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน เวธน์ก็รับยาและจัดการจ่ายเงินเรียบร้อย แต่พอคนสนิทหนุ่มหันมาเห็น เขาก็ลากธรณ์ไปหานางพยาบาล จนธรณ์ต้องถามด้วยความสงสัย

               “มีอะไรหรือเปล่าคุณเวธน์”

               “ผมจะให้คุณธรณ์มาฟังวิธีทำความสะอาดแผลและข้อควรระวังครับ”

               “แล้วทำไมผมต้องฟังด้วยล่ะ” ธรณ์เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

               “คุณธรณ์อยู่บ้านเดียวกับคุณเขตต์ จะได้ช่วยดูแลคุณเขตต์ยังไงครับ”

               ธรณ์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แต่แค่รับรู้เท่านั้น เขาไม่ได้เข้าใจอะไรเลยซักนิด ชายหนุ่มขยับปากจะปฏิเสธ แต่เขตแดนก็เอ่ยเสียงเรียบเสียก่อนว่า

               “นายฟังนั่นแหล่ะถูกแล้ว จะได้กลับไปบอกป้าอุ่นถูก ว่าต้องทำแผลให้ฉันยังไง”

               เหตุผลของเขตแดนฟังดูเข้าท่ามากกว่าของเวธน์ ธรณ์เลยยอมยืนฟังนางพยาบาลอธิบายวิธีทำแผล และข้อห้ามตลอดจนข้อควรระวังอย่างสงบ

               พอเสร็จเรียบร้อย ธรณ์ก็เตรียมจะเดินตามเวธน์ไปที่รถ ถ้าเกิดเขตแดนไม่ใช้มือซ้าย ที่ยังปกติอยู่รั้งธรณ์เอาไว้เสียก่อน เพลย์บอยหนุ่มหันมาเลิกคิ้วใส่ด้วยความสงสัย เขตแดนเลยต้องยกมือข้างขวาให้ดู

               “ฉันจะขับรถกลับเองได้ยังไง”

               เวธน์ก็รู้งานเป็นอย่างดี ชิ่งหนีไปเสียก่อน ปล่อยให้ธรณ์ก้มลงมองมือขวาของเขตแดน ก่อนจะแบมือมาตรงหน้า แล้วเอ่ยเสียงเรียบ

               “ขอกุญแจด้วยครับ”

               เขตแดนกระตุกยิ้มออกมา ก่อนจะล้วงกุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงมาหย่อนใส่มือธรณ์ เห็นธรณ์เดินนำลิ่วไปที่ลานจอดรถ เขตแดนก็ต้องทักท้วง

               “รู้ว่าฉันจอดรถไว้ที่ไหนหรือ”

               ฟังคำของเขตแดนแล้ว ธรณ์ถึงได้ยอมผ่อนฝีเท้าลง ก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย

               “แล้วตอนขามาคุณขับมายังไงล่ะ”

               “ผู้จัดการโรงงานขับรถมาส่ง แล้วฉันก็ให้เขานั่งแท็กซี่กลับไปแล้ว”

               ธรณ์ไม่ได้เอ่ยตอบรับอะไร เขาปล่อยให้เขตแดนเดินนำมาจนถึงรถที่จอดอยู่ เปิดประตูให้อีกฝ่ายขึ้นไปนั่ง ก่อนที่ตัวเองจะอ้อมไปฝั่งคนขับ ขับรถออกมาซักพัก เขตแดนจึงเกริ่นบทสนทนาที่ยังค้างคาอยู่

               “ตกลงนายไปคุยกับทางโรงแรมมาเป็นยังไงบ้าง”

               “ถ้าถามผม ผมก็บอกได้เลยว่าดีมาก แต่คงต้องรอให้คุณไปดูอีกที ว่าเขาทำออกมาได้ถูกต้องและตรงใจคุณหรือเปล่า”

               “ทำไมต้องถูกใจฉัน ทำไมถึงไม่ถูกใจนาย”

               “ผมเห็นคุณควบคุมซะยิ่งกว่างานตัวเองเสียอีก เลยกลัวว่าถ้าผิดพลาดตรงไหน เดี๋ยวคุณจะไม่พอใจ”

               เขตแดนไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ก็รู้ดีว่าที่เขาเอาจริงเอาจังกับงานเลี้ยง ก็เพราะว่าเป็นงานเปิดตัว ธรณ์ อิสรพัฒน์ ชายหนุ่มผู้ที่น้อยคนนักจะมีโอกาสเห็นหน้าค่าตา ที่ผ่านมาก็รู้จักผ่านตัวหนังสือของกรอบข่าวซุบซิบที่ขยันประโคมลงข่าววันเว้นวัน แม้ว่าเจ้าตัวจะอยู่ไกลถึงอีกซีกโลก จนไม่รู้ว่าต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับบริษัทคู่ค้าอีกซักเท่าไหร่กัน พวกเขาถึงจะเชื่อมั่นในตัวว่าที่ประธานบริษัทคนใหม่

               พอคิดถึงข่าวฉาวของคนที่กำลังขับรถอยู่ เขตแดนก็พลันนึกถึงเรื่องที่คาอยู่ในใจขึ้นมาได้ เขาหรี่ตามองธรณ์ ที่ยังคงจ้องมองถนนเบื้องหน้า ก่อนจะหลุดคำถามที่ตนเองสงสัยออกไป

               “เมื่อคืนนายไม่ได้นอนที่บ้าน”

               คราวนี้ คนชะงักกับเป็นธรณ์ ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนเหมือนจะวนเวียนกลับเข้ามาในหัว และสถานที่เกิดเหตุก็ไม่ใช่ที่ไหนไกลเลย รถคันที่เขากำลังขับแทนเจ้าของอยู่นี่ไงล่ะ ที่เกิดเหตุให้เขาต้องถ่อออกจากบ้านไปหาชินดนัยกลางดึก เพื่อพิสูจน์ให้รู้แจ้งเห็นจริงไปว่า เขาไม่ได้ชอบผู้ชาย เขาไม่ได้เป็นเกย์ แต่เขตแดนต่างหากที่ผิด ผิดที่จูบเก่งเกินไปจนธรณ์เผลอรู้สึกดี

               “ผมไปนอนบ้านชินดนัย”

               นาทีนี้ เขตแดนก็ไม่รู้ว่า ระหว่างให้ธรณ์บอกเขาว่าไปนอนค้างกับผู้หญิงซักคน หรือบอกว่าไปนอนค้างกับชินดนัย อย่างไหนจะทำให้เขารู้สึกแย่น้อยกว่ากัน

               “วันหลังก็บอกคนที่บ้านไว้หน่อย ตอนเช้าพอไม่เจอนาย จะได้ไม่มีใครตกใจอีก”

               “ขอโทษที ผมเองก็ลืมไป”

               ธรณ์จะรู้ซักนิดไหม ว่าตอนเช้าที่เขาตื่นมาแล้วไม่พบอีกฝ่าย แถมป้าอุ่นเรือนก็มารายงานว่ารถไม่อยู่ เขตแดนถึงกับกระวนกระวาย ก่อนจะปลอบใจตัวเองว่า ธรณ์เองก็อาจจะไปเที่ยวกลางคืนเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ บางทีการกลับมาคราวนี้ของธรณ์ ก็ทำให้เขตแดนรู้ว่า อีกฝ่ายมีอิทธิพลกับตัวเขามากกว่าที่เขาคาดคิดเสียอีก

====================

               “ตายจริง! คุณเขตต์ไปโดนอะไรมาคะนั่นน่ะ” ป้าอุ่นเรือนอุทานออกมาด้วยตกใจ ทันทีที่เห็นเขตแดนเดินเข้ามาในบ้านพร้อมผ้าพันแผลที่มือขวา

               “โดนลวดที่โรงงานบาดนิดหน่อยเองครับ ไม่เป็นอะไรมากแล้ว”

               “แล้วนี่ไปหาหมออะไรมาเรียบร้อยหรือยังคะ”

               “เรียบร้อยแล้วครับ”

               ธรณ์ที่เดินตามหลังเขตแดนเข้ามา เห็นอาการของป้าอุ่นเรือนก็นึกขัน อยากจะบอกป้าอุ่นเรือนว่า คนที่ป้าอุ่นเรือนนึกห่วงและยืนถามไถ่อาการอยู่นี่ เขาอายุจวนเจียนจะสามสิบอยู่แล้ว ยังมีอะไรต้องห่วงอีก

               “ป้าอุ่นไปเตรียมอาหารเถอะครับ ผมหิวแล้วล่ะ”

               พอป้าอุ่นเรือนได้ยินว่าคุณธรณ์ของเธอหิวแล้ว ก็เลยยอมรามือจากเขตแดน ก่อนจะกระวีกระวาดเข้าครัว แต่ไม่วาย กำชับให้ธรณ์และเขตแดนไปอาบน้ำอาบท่ากันให้เรียบร้อยเสียก่อน เพราะเสร็จแล้วจะได้พอดีกับที่เธอเตรียมอาหารเย็นเสร็จ

               ธรณ์เดินเลี่ยงขึ้นมายังห้องของตนเอง ชายหนุ่มอาบน้ำอาบท่าเสร็จ เพิ่งจะแต่งตัวเรียบร้อย ยังไม่ทันได้ทำอะไร เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ธรณ์ขมวดคิ้วก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็ต้องสงสัยยิ่งกว่าเดิม เมื่อเห็นเขตแดนยืนอยู่หน้าห้องพร้อมกับถุงยา

               “ป้าอุ่นตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้วหรือครับ”

               “เปล่า ช่วยหลบให้ฉันเข้าไปหน่อยได้ไหม”

               แม้จะยังงุนงงและไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ธรณ์ก็ยอมเบี่ยงตัวหลบให้เขตแดนเดินเข้ามา แล้วก็ยืนดูอีกฝ่ายเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ พร้อมกับถุงยาที่ถือมาด้วย ก่อนจะกวักมือเรียกธรณ์

               “อะไรของคุณ”

               “ทำแผลให้หน่อย ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ยังชื้นอยู่เลย” พร้อมกับคำตอบ เขตแดนก็ยื่นมือที่มือผ้าพันแผล ซึ่งเปียกชื้นให้ธรณ์ดูประกอบคำพูด

               “เดี๋ยวผมไปเรียกเด็กมาทำให้” ธรณ์ตอบแล้วก็ทำท่าจะเดินออกจากห้อง ถ้าเขตแดนไม่เอ่ยท้วงเสียก่อน

               “ก็แล้วทำไมจะต้องไปเรียกคนอื่นด้วย ในเมื่อคนอื่นเขาก็มีงานที่ต้องทำ ส่วนนายก็ว่างอยู่พอดี”

               ธรณ์ถอนหายใจยาว ก่อนจะเดินมานั่งลงตรงข้ามเขตแดน คว้ามืออีกฝ่ายเพื่อแกะผ้าพันแผลออก แต่ผ้าพันแผลพอโดนน้ำ ก็ยิ่งหดตัวแน่น กว่าจะแกะออกจากมือของเขตแดนได้ ธรณ์ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร พอปลดผ้าพันแผลออกเรียบร้อย ธรณ์ก็ต้องเบิกตากว้าง เพราะแผลลวดบาดของเขตแดน มันลึกและใหญ่กว่าที่เขาคิดเสียอีก

               “ทำไมคุณไม่บอกว่าโดนเยอะขนาดนี้”

               “แผลแค่นี้ ไกลหัวใจ”

               ธรณ์เหลือบตามองคนพูดด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาจัดการกับแผล แต่ถึงจะหมั่นไส้คนปากดีแค่ไหน ธรณ์ก็ไม่วาย...

               “ถ้าเจ็บก็บอกละกัน ผมก็ไม่ใช่คนมือเบาซะด้วย”

               คนที่ออกตัวว่าไม่ใช่คนมือเบาคงไม่รู้ตัวว่า ตัวเองทำแผลด้วยความเบามือ จนคนเจ็บมือถึงกับเผลอยิ้มออกมา เมื่อเห็นอาการระมัดระวังของอีกฝ่าย คล้ายกับกลัวว่าเขาจะเจ็บหรือจะแสบแผล

               “คราวหลังคุณก็ระวังหน่อยละกัน” ธรณ์บอกเสียงเรียบ ก่อนจะหันไปเก็บอุปกรณ์ทำแผลใส่ถุงเหมือนเดิม เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ

               “ช่วงนี้ฉันคงทำอะไรไม่ค่อยถนัด” เขตแดนเอ่ยเหมือนเปรยกับตนเอง จนธรณ์ที่ได้ยินเข้าด้วยความตั้งใจของเขตแดน เผลอเอ่ยกลับไปด้วยความปากไว

               “ถ้ามีอะไรที่ผมพอช่วยได้ก็บอกมาละกัน ลงไปกินข้าวได้แล้วคุณ”

               ถึงจะไม่ใช่คนใจดี แต่ธรณ์ก็ไม่ใช่คนใจร้าย ก็แค่เป็นห่วงตามประสาคนรู้จัก และไม่อยากเห็นอีกฝ่ายฝืนตัวเองจนแผลเปิดก็เท่านั้น

====================


[มีต่อนะคะ]

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 9 :: 18.11.2012」หน้าที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 18-11-2012 00:57:25


               โชคดีของเขตแดนที่บาดเจ็บแค่ที่มือ แต่โชคร้ายที่ดันเป็นมือขวาข้างที่เจ้าตัวถนัด พอจะหยิบจับอะไรหลายสิ่งหลายอย่างก็ดูจะลำบากลำบนไปเสียหมด แม้กระทั่งเวลาอาหาร ธรณ์หรี่ตามองคนมือเจ็บ ที่พยายามใช้มือข้างที่ยังดีอยู่จับช้อนด้วยความรำคาญ ก่อนจะย้ายมานั่งข้างเขตแดน แล้วแย่งช้อนจากอีกฝ่ายมาถือไว้เสียเอง

               “แค่อ้าปากเรียกให้คนอื่นช่วยมันจะตายไหมเนี่ยคุณ”

               “นายเองก็กำลังกินข้าวอยู่เหมือนกันไม่ใช่หรือ”

               “ผมจัดการคุณให้เรียบร้อยก่อนก็ได้”

               ธรณ์ตะโกนเรียกเด็กรับใช้ให้ไปหยิบช้อนมาเพิ่มอีกหลายคัน ถึงจะมีน้ำใจอยากจะช่วย แต่ธรณ์ก็ไม่ได้ใจดีขนาดจะป้อนเขตแดน ธรณ์ตักกับและข้าวใส่ช้อนพอดีคำ แล้ววางเรียงรายลงบนจาน มองดูคล้ายซุ้มชิมอาหารตามห้างสรรพสินค้า ก่อนจะปล่อยให้เขตแดนใช้มือซ้ายจับเอา แล้วตนเองก็ย้ายกลับไปนั่งที่เดิม

               ถึงแม้จะแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายของเขตแดนเท่าไหร่ กับวิธีแก้ปัญหาของธรณ์ ถ้าธรณ์มาถือช้อนป้อนข้าวเขา นั่นต่างหากที่เหนือความคาดหมายของชายหนุ่ม

               เสร็จเรียบร้อยแล้ว ธรณ์ก็เดินไปหยิบถุงยาของเขตแดนมา ก่อนจะหยิบยาแก้ปวดและแก้อักเสบออกมาส่งให้อีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไร เขตแดนเองก็รับไปส่งเข้าปาก ก่อนจะดื่มน้ำตาม จากนั้นก็มีแต่ความเงียบปกคลุม ระหว่างที่ทั้งคู่นั่งมองเด็กรับใช้เดินเข้ามาเก็บโต๊ะอาหาร จนสุดท้าย โต๊ะอาหารก็ว่างเปล่า เช่นเดียวกับบรรยากาศรอบข้าง ที่เหลือเพียงเขตแดนและธรณ์อยู่กันตามลำพัง

               “งานเลี้ยงของนาย ท่านปลัดกระทรวงตอบตกลงแล้วว่าจะมาร่วมงานด้วย นอกจากนั้นก็ยังมีคู่ค้าและพันธมิตรของเราอีกหลายราย รวมถึงคู่แข่งของเราด้วย”

               “คุณต้องการจะบอกอะไร”

               “ฉันไม่รู้หรอกว่าภาพลักษณ์ของนายในสายตาคนอื่นเป็นยังไง แต่สำหรับฉันบอกได้เลยว่า ที่ผ่านมามันดูไม่ดีเลย เพราะฉะนั้นถ้าจำเป็น...นายก็ต้อง ‘สร้างภาพ’ บ้าง”

               ธรณ์ถึงกับหน้าตึงทันควัน ถ้าเขาตีความไม่ผิด ที่เขตแดนพูดมา ก็ไม่ต่างจากการที่หาว่าเป็นพวกที่ชอบ ‘สร้างภาพ’ เลย

               “ผมไม่ใช่พวกชอบสร้างภาพ”

               “ฉันรู้ แต่นายก็ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง”

               “คุณจะมารู้ดีกว่าผมได้ยังไง”

               เขตแดนเหยียดริมฝีปากออก เขาอยากถามธรณ์เหลือเกินว่า ธรณ์มั่นใจแล้วหรือ ว่ารู้จักตัวเองดี เพราะไม่ใช่คนทุกคนที่จะรู้จักตัวตนของตัวเองดี

               “ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยบอกให้ฉันหายโง่หน่อยเถอะ ว่าแบบไหนกันแน่คือตัวของนายเอง น้องธรณ์ที่ใสซื่อบริสุทธิ์และเป็นห่วงเป็นใยคนอื่น เพลย์บอยหนุ่มชื่อธรณ์ที่มีข่าวกับผู้หญิงนับไม่ถ้วน หรือผู้ชายชื่อธรณ์ ที่พยายามสร้างเกราะป้องกันตัวเองจากคนอื่น”

               ธรณ์เม้มริมฝีปากแน่น ขยับจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่เสียงดุของเขตแดนก็ดักเอาไว้เสียก่อน

               “อย่าคิดที่จะหนี ธรณ์ อิสรพัฒน์ มันถึงเวลาที่เราต้องมาคุยเรื่องนี้กันอย่างจริงจังซะที”

               “ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”

               “ทำไมเมื่อก่อนนายถึงต้องทำตัวแบบนี้ ทำไมนายถึงต้องทำตัวประชดอายุทธ”

               ธรณ์แค่นหัวเราะออกมา กึ่งจะเย้ยหยันกึ่งจะสมเพชตัวเอง เมื่อคิดถึงเหตุและผลของการกระทำ มันจะไปมีความหมายอะไรล่ะ ในเมื่อเขาเรียกร้องความสนใจ จากคนที่ไม่เคยคิดที่จะสนใจไยดีในตัวเขา

               “คุณถามผมช้าไปสิบปีนะคุณเขตแดน”

               “ไม่มีคำว่าช้าไปหรอก ถ้านายไม่พูด ก็จะไม่มีใครรู้ และถ้าไม่รู้ ก็จะไม่มีวันเข้าใจ นายจะคาดหวังให้คนอื่นมาเข้าใจการกระทำของนาย โดยที่นายไม่ยอมอธิบายอะไรไม่ได้หรอกนะธรณ์”

               นาฬิกาของธรณ์เหมือนจะเดินถอยหลังไปอีกสิบปี วันที่ชีวิตของเด็กชายธรณ์ อิสรพัฒน์เปลี่ยนไป คุณแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะจากเขาไป วันที่มีแค่เขากับป้าอุ่นเรือนที่เกาะอยู่ข้างเตียงของแม่ ฟังแม่ฝากฝังเขากับป้าอุ่นเรือน และสั่งให้เขาเป็นเด็กดีของพ่อ อย่าโกรธพ่อที่ไม่ได้อยู่ข้างแม่ในวันที่แม่จากไป


               ‘พี่อุ่นคะ...ฉันฝากดูน้องธรณ์กับคุณยุทธด้วยนะคะ ส่วนธรณ์ของแม่ ก็ต้องเป็นเด็กดีของคุณพ่อนะลูก อย่าโกรธพ่อเขา พ่อเขาจำเป็นต้องไปทำงาน เขาทำทุกอย่างก็เพื่อธรณ์นะลูก’


               เด็กชายธรณ์ในวันนั้นเถียงออกมาเสียงดังว่าไม่จริง พ่อไม่ได้ทำเพื่อเขา พ่อกำลังทำเพื่อตัวเองต่างหาก ถ้าพ่อทำเพื่อเขา พ่อต้องอยู่กับเขาและแม่ ไม่ใช่ไปทำงานต่างประเทศและติดต่อไม่ได้ แม้ว่าพอพ่อกลับมาและรู้เรื่องแม่ พ่อจะโทษตัวเองและมีใบหน้าเศร้าโศกแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนความคิดของธรณ์ได้ว่า เพราะพ่อ แม่ถึงจากไป เพราะพ่อไม่เคยสนใจแม่

               ช่องว่างระหว่างธรณ์กับพ่อเหมือนยิ่งจะดูห่างออกไปมากกว่าเดิม หลังจากเสียแม่ไป เด็กชายธรณ์ก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้สูญเสียพ่อไปอีกคน พ่อที่โหมทุ่มเททำงาน กลายเป็นพ่อที่ธรณ์สัมผัสไม่ถึง เขาเริ่มทำตัวเกเร หวังว่าทุกครั้งที่ถูกเรียกผู้ปกครอง จะเป็นโอกาสที่เขาได้ดึงพ่อออกมาจากงานของพ่อ แต่สิ่งที่เขาได้รับคือ...รอยยิ้มใจดีของลุงครามที่ยืนรอเขาอยู่หน้าห้องฝ่ายปกครอง ไม่ใช่พ่อของเขา

               นอกจากพ่อจะเปลี่ยนไปแล้ว อีกคนที่เปลี่ยนไปสำหรับธรณ์ก็คือเขตแดน คนที่ธรณ์คิดว่าเป็นพี่ชายคนเดียวของเขา เขตแดนในวัยที่เพิ่งก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย เริ่มห่างจากธรณ์ออกไปทีละนิด ‘พี่เขตต์’ ไม่ได้มีเวลาให้ธรณ์เหมือนเคย และพ่อ...คนที่ธรณ์อยากให้สนใจก็ทุ่มเวลาและทุกอย่างให้เขตแดน จนมารู้ตัวอีกที ‘พี่เขตต์’ ก็กลายเป็น ‘คุณเขตแดน’ ไปแล้ว


               สำหรับธรณ์แล้ว จึงมีแค่เพียงลุงคราม แค่ลุงครามเท่านั้นที่ยังเหมือนเดิมสำหรับธรณ์


               ธรณ์ผุดลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขตแดน ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องเอ่ยออกมาให้อีกฝ่ายรู้


               “เพราะผมอิจฉา...อิจฉาที่พ่อสนใจคุณมากกว่าผม แล้วก็อิจฉาที่คุณก็คิดถึงแต่พ่อผมก่อน ตั้งแต่แม่จากไปก็ไม่มีใครคิดถึงผมก่อนเลย ไม่มีเลย...นอกจากลุงคราม”


               เขตแดนนั่งมองธรณ์ที่เดินขึ้นบันไดไป โดยไม่เหลียวหลังกลับมามองเขา ก่อนจะถอนหายใจยาวเพื่อผ่อนความหนักหน่วงในใจ เขาเคยหาเหตุผลร้อยพันอย่าง ว่าอะไรที่ทำให้ธรณ์เปลี่ยนไป แต่ไม่เคยคาดคิดว่า ตัวเขาเองจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ธรณ์เปลี่ยนไป เคยคิดว่าช่วงที่ธรณ์เปลี่ยนไป เป็นช่วงที่อีกฝ่ายเพิ่งเข้ามัธยมต้น และยังเพิ่งสูญเสียคุณอัจฉราผู้เป็นแม่ไปอีก มันอาจจะเป็นความคึกคะนองประสาวัยรุ่น แต่สุดท้ายแล้วเขาก็คิดผิดอย่างมหันต์

               ถ้าเขาจะไม่ด่วนตัดสินการกระทำของธรณ์ และเข้าใจธรณ์มากกว่านี้ ธรณ์จะเป็นอย่างที่เป็นอยู่หรือเปล่า แล้วถ้าตอนนี้ เขตแดนจะพยายามเข้าใจธรณ์ให้มากขึ้น มันจะสายเกินไปหรือเปล่า แต่เขาก็เพิ่งออกปากไปเองว่า มันไม่มีคำว่าช้าไป

               เขตแดนก็ได้แต่หวังว่า...ธรณ์จะยังต้องการให้พี่เขตต์เป็นพี่ชายของธรณ์เหมือนเดิม

====================

               แม้เมื่อคืนจะแยกจากกันด้วยความเคืองขุ่น แต่ตอนเช้าธรณ์ก็ยังมีสำนึกที่ดีพอ ที่จะเดินมาเคาะประตูห้องของเขตแดน ที่เพิ่งจะกลัดกระดุมเสร็จด้วยความยากลำบาก เจ้าของห้องมองคนที่ร้อยวันพันปีถึงจะยอมมาเหยียบย่างห้องเขาด้วยความสงสัย ก่อนจะได้รับคำตอบ เมื่อธรณ์เดินเข้ามาคว้าถุงยาที่มีอุปกรณ์ทำแผลออกมา แล้วก็เอ่ยเสียงเรียบ

               “ขอมือขวาด้วย”

               เขตแดนเองก็ยื่นให้โดยดี ก่อนจะนั่งมองดูธรณ์ทำแผลแล้วก็นึกชมเปาะในใจ ว่าอีกฝ่ายก็ทำแผลได้ค่อนข้างเรียบร้อย เหมือนกับว่า...เคยชินกับการทำแผล คิดแล้วเขตแดนก็ต้องด่าตัวเอง ว่าธรณ์จะไม่เคยชินกับการทำแผลได้อย่างไร ในเมื่อสมัยก่อน ธรณ์เองก็มีเรื่องชกต่อยไม่เว้นแต่ละวัน

               พอทำแผลให้เสร็จเรียบร้อย ธรณ์ก็คว้าเนคไทด์ของเขตแดนที่วางพาดอยู่มาผูกหน้าตาเฉย ก่อนจะยื่นเนคไทด์ที่ผูกเรียบร้อยแล้วให้อีกฝ่ายรับไปสวมคล้องคอ

               “ขอบใจนะ”

               “ไม่เป็นไร ผมก็แค่กลัวว่าแผลคุณจะเปิด เดี๋ยวคุณเวธน์เขาจะหาว่าผมดูแลเจ้านายเขาไม่ดี” ธรณ์เอ่ยเสียงเรียบ ก่อนทำท่าจะผละออกจากห้อง แต่ก็ต้องหันกลับมาเลิกคิ้วใส่อีก เมื่อเห็นว่าเขตแดนยังรั้งแขนเขาไว้อยู่

               “ฉันยังเป็นพี่ชายของนายนะ”

               ธรณ์ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะปลดมือของเขตแดนออกจากแขนของเขา

               “คุณพูดพราะคิดอย่างที่พูดหรือเพราะว่ากำลังรู้สึกผิดอยู่กันแน่”

               คำถามของธรณ์เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เพราะพอถามจบ ธรณ์ก็อาศัยจังหวะที่เขตแดนกำลังนิ่งงัน เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้เจ้าของห้องยืนทบทวนประโยคเมื่อครู่ซ้ำไปซ้ำมา แต่กว่าที่เขตแดนจะได้คำตอบ ธรณ์ก็คงลงไปถีงโต๊ะกินข้าวเรียบร้อยแล้ว

====================

               ร่างสูงที่แต่งกายด้วยเครื่องแบบชุดทหารนั่งอยู่บนโซฟา บนโต๊ะตัวเล็กตรงหน้าเขาคือภาพถ่ายและรายงานเล่มหนา แต่สายตาของชายหนุ่มไม่ได้หยุดที่อยู่ที่โต๊ะตัวเล็กตรงหน้า กลับมองเลยไปยังเจ้าของเรือนเล็กที่ยืนหันหน้าออกนอกหน้าต่างด้วยท่าทางเคร่งเครียด

               “ชิน...”

               นายทหารหนุ่มลองเรียกเจ้าของเรือนเล็ก แต่ที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ ที่ปกคลุมทั่วเรือนเล็กมาร่วมสิบห้านาทีแล้ว จนเขาเองยังอดรู้สึกอึดอัดไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องเอ่ยปากเรียกอีกฝ่ายซ้ำ

               “ชินดนัย...”

               คราวนี้ร่างสูง เจ้าของเรือนเล็กยอมหันกลับมา ทว่าดวงหน้ากลับเคร่งเครียด แล้วยิ่งแปรเปลี่ยนเป็นเครียดหนักกว่าเดิม เมื่อปรายสายตามามองภาพถ่ายและเอกสารบนโต๊ะ

               “ผมไม่อยากจะเชื่อเลย ให้ตายสิ!”

               “ฉันก็สืบตามที่นายบอกทุกอย่าง ก็ออกมาอย่างที่เห็นเนี่ยแหล่ะ”

               “ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เป็นคนสืบมา ผมก็คงไม่มีวันเชื่อ แต่ผมก็ไม่อยากให้มันเป็นความจริงอยู่ดี มันเป็นเรื่องที่เข้าใจและยอมรับได้ยาก พี่เข้าใจใช่ไหม”

               นายทหารหนุ่มแห่งหน่วยข่าวกรองของกองทัพบก ซึ่งถูกดึงตัวมาใช้ในภารกิจส่วนตัวมองผลงานตัวเอง แล้วก็ถอนหายใจออกมา เพราะเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่ว่าเขานี่แหล่ะ ที่เป็นคนรับรู้และเห็นมาเอง มันจึงปฏิเสธความจริงที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย

               “แล้วนายคิดจะทำยังไงล่ะ นายจะบอกเขาหรือเปล่า”

               ชินดนัยไม่อยากจะคิดเลยว่า บาดแผลที่ยังสมานไม่สนิทของธรณ์จะเป็นอย่างไร ถ้าต้องมารับรู้เรื่องที่ทำร้ายจิตใจกันมากถึงเพียงนี้ ถ้าเขาไม่เคยได้ยินธรณ์นอนละเมอพร่ำเพ้อถึงแม่ เขาคงใจร้ายพอที่จะบอกความจริงทุกอย่างแก่ธรณ์ได้


               ธรณ์ อิสรพัฒน์...ไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่คนอื่นคิดเลยซักนิด
               ธรณ์อาจจะแข็งแกร่ง แต่ธรณ์ไม่ได้เข้มแข็งเลย



               “วันงานเลี้ยงต้อนรับธรณ์ พี่จะไปกับผมหรือเปล่า” ชินดนัยไม่ได้ตอบคำถาม แต่เสถามไปอีกเรื่องแทน

               “แล้วนายอยากให้ฉันไปด้วยหรือเปล่าล่ะ”

               “ถ้าจะไป ก็อย่าลืมหาชุดเตรียมไว้ด้วยแล้วกัน อ้อ...อเล็กซ์ก็จะไปกับผมด้วยนะ”

               ร่างสูงในชุดนายทหารพึมพำบางอย่างคล้ายไม่พอใจ แต่ชินดนัยก็คร้านที่จะใส่ใจ เขาเดินกลับมานั่งลงบนโซฟา มือหยิบภาพถ่ายขึ้นมาดูทีละภาพ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่ร้อย

               แม้จะรู้ดีว่าความลับไม่มีในโลก แต่ชินดนัยก็อยากจะลองเสี่ยงเก็บความลับดูเหมือนกัน

               ถ้าไม่จำเป็น...เขาก็ไม่อยากให้ธรณ์ต้องมารับรู้อะไรแบบนี้เลย มันคงหนักหนาสาหัสกว่าที่ธรณ์จะรับได้ ถ้าได้รู้ว่าสิ่งที่เห็น ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด


TO BE CONTINUE



๐ มาช้าไปหน่อย ขอโทษด้วยนะคะ ยังไม่มีโอกาสอ่านทวนเลย ถ้ามีผิดพลาดหรือตกหล่น ขออภัยล่วงหน้านะคะ
๐ และแล้วคุณเขตต์ก็ปลอดภัยดี ตอนนี้เหมือนความสัมพันธ์จะพัฒนาแล้ว เหมือนจะหวาน...หรือเปล่า
๐ ชินดนัยคุยกับใคร ชินดนัยเห็นอะไร รู้อะไรมา บางทีก็คิดอยู่ว่า เราแกล้งธรณ์มากไปหรือเปล่า
๐ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ ชาวเล้าเดากันเก่งมากเลย  :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 9 :: 18.11.2012」หน้าที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 18-11-2012 01:09:40
มาอัพแล้ว กำลังคิดถึงน้องธรณ์อยู่พอดีเลยจ้า

ตอนนี้แอบมีออร่าความหวาน ถึงจะบางเบาก็เถอะ ชอบจังที่ธรณ์เรียกว่า พี่เขตต์เนี่ย

แต่เรื่องที่อยากรู้ตอนนี้ก็คือ ชินรู้อะไร เรื่องอะไร มันยังไง อยากรู้มากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 9 :: 18.11.2012」หน้าที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 18-11-2012 06:42:37
ชินยังคงเก็บความลับต่อไป

อร๊าก ก ก!!!! ให้ตายเหอะ อยากรู้สาเหตุการตายของพ่อธรณ์
 
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 9 :: 18.11.2012」หน้าที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 18-11-2012 06:48:31
ชอบเรื่องนี้มากกก เห็นไรเตอร์อัพทีดีใจได้อีก
ถ้ามีรวมเล่มเราไม่พลาดแน่นอน
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 9 :: 18.11.2012」หน้าที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: coon_all ที่ 18-11-2012 07:58:06
แสดงว่าที่ลุงครามบอกไม่ใช่เรื่องจริงแน่เลย
ชินสืบได้มาว่ายังไงน้า...
รอตอนต่อไปอยู่นะ^_^
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 9 :: 18.11.2012」หน้าที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 18-11-2012 10:09:17
ลุงครามมีซัมติงกับพ่อธรณ์หรอ 55555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 9 :: 18.11.2012」หน้าที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 18-11-2012 10:13:47
จะคืนรัง หรือรังจะแตกก่อน  :เฮ้อ:
ดูความลับของพ่อธรณ์จะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายมาก
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 9 :: 18.11.2012」หน้าที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 18-11-2012 11:41:02
อะไรที่ธรณ์ควรจะรู้ดีหรือไม่รู้ดี รู้แต่คนอ่านอยากรู้ม้ากมากค่ะ
ธรณ์ห่วงพี่เขตมาก ยอมรับซะเถอนะ น่ารักดีออก รอกำแพงระหว่างสองคนหายไปกลับมาเป็นพี่ ๆ น้อง ๆ คงจะน่ารักน่าดู
แต่เรื่องดราม่าที่รออยู่นี่สิ จะเศร้าก่อนแฮปปี้มั้ยฮึ~
ฮาตอนธรณ์ตักข้าวเป็นคำ ๆ ให้เขตกิน อืม คิดได้เนอะ 555

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 9 :: 18.11.2012」หน้าที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 18-11-2012 13:54:09
โหวว เรื่องนี้ Renze เขียนต่างจากเรื่องที่แล้วเยอะเลยนะคะ เรื่องนี้แลเป็นผู้ใหญ่ค่ะ
แต่ก็บรรยายเรื่องหนุกนะคะ ชอบค่ะ แล้วพอมาหลังๆ แทบจะคลั่งใหญ่เลยย ><
ไม่รู้รู้สึกไปเองไหม ว่าเหมือนห่วงกันมาก แต่ไม่ค่อยแสดงออกอ่ะค่ะ
แล้วก็มีปริศนาด้วย ทำให้อยากรู้ไปใหญ่เลยยยย อ๊ากก จะติดตามนะคะ

ขอบคุณค่ะ :)
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 9 :: 18.11.2012」หน้าที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-11-2012 14:38:25
 :serius2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 9 :: 18.11.2012」หน้าที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 18-11-2012 21:17:47
ทั้งสองจูบกันแล้ว กรี๊ดดดดดดด  :-[

เคลิ้มกันไปเลยสิ อิอิ โมเมนต์นี้เราฟิน

แต่ไอ้คุณชินดนัยนี่ทำให้ต่อมอยากรู้เราเพิ่มขึ้นไปอีกนะ

ให้เดา คุณยุทธกับลุงครามซัมติงวรอง แน่ๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 9 :: 18.11.2012」หน้าที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 18-11-2012 22:56:02
กลายเป็นแม่ของธรณ์ทำอะไรไว้หรอ?  :confuse:


ตอนนี้รู้สึกสองพี่น้องกลับมาอึมครึมเหมือนเดิม  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 9 :: 18.11.2012」หน้าที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: chae ที่ 18-11-2012 23:06:30
เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ติดตามอย่างหนักหน่วง
ชอบทั้งการใช้ภาษาและการแสดงออกถึงความรู้สึกของแต่ละตัวละคร
ชอบจิงๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 9 :: 18.11.2012」หน้าที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 19-11-2012 16:27:41
แล้วความจริงที่ชินรู้มันคืออะไร พี่ก็อยากรู้เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 9 :: 18.11.2012」หน้าที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 19-11-2012 20:54:40
เพิ่งตามมาอ่านจนทันค่ะ

อยากจะรู้ความลับนั้นจริง ๆ >.<

ติดตามตอนต่อไป .. ขอบคุณนะคะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 9 :: 18.11.2012」หน้าที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: It_s_me ที่ 19-11-2012 21:38:18
กำแพงระหว่างพี่เขตกับน้องธรณ์หนาจัง
แถมยังมีเรื่องที่ชินสืบรู้มาอีก
ดูท่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้พระนายของเรายิ่งห่างกันเข้าไปใหญ่
หรือเราคิดไปเอง? จริงๆแล้วคดีอาจพลิก 55555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 9 :: 18.11.2012」หน้าที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 19-11-2012 22:29:40
 :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 9 :: 18.11.2012」หน้าที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 20-11-2012 23:50:37
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ไม่รู้ไปอยู่ไหนมา ถึงเพิ่งเห็นนิยายเรื่องใหม่ :z3:
อ่านรวดเดียวจบ ปวดตาเพราะเพ่งมากไปหน่อย
เนื้อหาเข้มข้น ซ่อนปม ให้ขบคิดตาม ผิดกับน้องแอลที่ฮาได้ตลอด  :z2:
+ 1 ให้เป็นกำลังใจเช่นเดิมครับ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 9 :: 18.11.2012」หน้าที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: NaNaAS ที่ 21-11-2012 01:01:57
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 10 :: 21.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 21-11-2012 10:49:32

“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 10


               ช่วงที่เขตแดนบาดเจ็บที่มือขวา กลายเป็นช่วงเดียวกับที่เวธน์ต้องไปประสานงานที่นครราชสีมา ซึ่งปกติเวธน์จะมีหน้าที่คอยเดินทางไปดูแลเขตการขายของอิสระคอนสตรัคชั่นอยู่แล้ว แต่โชคร้ายที่คราวนี้บังเอิญมาตรงกับช่วงที่เขตแดนบาดเจ็บ ธรณ์จึงจำใจต้องรับภาระงานเพิ่มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

               ท่านประธานบริษัทวัยหนุ่มสั่งให้คนจัดโต๊ะทำงานในห้องเพิ่ม โดยอ้างกับธรณ์ว่า มันจะเป็นการดีและสะดวกกว่าสำหรับเขา แทนที่จะต้องเดินลงลิฟต์ไปเรียกธรณ์ที่แผนกต่างประเทศ ในเมื่อเหตุผลเข้าท่าและเป็นที่ยอมรับได้ ธรณ์ก็ไม่คิดจะคัดง้างอะไรกับเขตแดน นอกจากขนย้ายข้าวของที่จำเป็นตัวเองเข้ามาทำงานร่วมห้องกับเขตแดน

               การที่เข้ามาทำงานร่วมห้องกับเขตแดน ทำให้ธรณ์ได้มีโอกาสเรียนรู้อะไรมากขึ้น ตำแหน่งประธานบริษัทเป็นตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ และยังมาพร้อมภาระรับผิดชอบอันมากมาย ขนาดแค่ตำแหน่งผู้จัดการแผนกที่ดูแลลูกน้องไม่กี่คน ยังมีความรับผิดชอบและปัญหาที่ต้องคอยแก้ไขมากมาย นับประสาอะไรกับตำแหน่งประธานบริษัท ที่ต้องคุมคนเป็นร้อย ธรณ์เลยแทบจะกลายเป็นเลขาจำเป็นของเขตแดน ในการประสานงานกับแผนกอื่น

               “ผู้จัดการแผนกการเงินมารายงานเรื่องวงเงินหมุนเวียนประจำเดือนครับ” เอ่ยแจ้งเจ้าของห้องแล้ว ธรณ์ก็เดินนำผู้จัดการแผนกการเงินเข้ามาพบเขตแดน ส่วนตัวเองก็ไปนั่งประจำที่ คว้าสมุดกับปากกามาคอยจดเวลาเขตแดนและผู้จัดการคุยกัน เพราะมือขวาที่พันผ้าพันแผลของเขตแดน ไม่สามารถหยิบจับอะไรได้ถนัด อย่าแม้แต่คิดที่จะให้เซ็นเอกสารสำคัญเลย

               ธรณ์ฟังเรื่องที่คุย แม้จะเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แต่ชายหนุ่มก็จดทุกคำพูด บางช่วงพอจดไม่ทัน ชายหนุ่มก็อดที่จะรู้สึกหงุดหงิดตัวเองขึ้นมาไม่ได้ ก่อนจะคิดอะไรออก และคว้าโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาอัดเสียง พอเห็นเขตแดนกับผู้จัดการชะงัก เลยรีบอธิบาย

               “ผมจดไม่ทัน ขออัดเสียงคงไม่เป็นไร เผื่อคุณเขตแดนจะได้ฟังซ้ำด้วย”

               เขตแดนพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ส่วนผู้จัดการแผนกการเงินวัยกลางคนก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู คุณธรณ์ไม่เห็นจะเหมือนที่ใครเขาร่ำลือกันเลย เอาเข้าจริงก็ดูเป็นคนหนุ่มที่เอาการเอางานดีเหมือนกัน

               หลังจากเดินไปส่งผู้จัดการแผนกการเงินไม่ทันไร ธรณ์ก็ต้องพาผู้จัดการแผนกบัญชีเข้ามาพบเขตแดนเป็นรายต่อไป เพราะว่ามันดันเป็นช่วงกลางปี ที่เตรียมจะปิดงบไตรมาสที่สองด้วยกระมัง งานหลายอย่างจึงรุมประเดประดังเข้ามาหาท่านประธานบริษัท ชนิดที่ว่าไม่มีโอกาสได้ปลีกตัวไปไหนเลย

               “ผู้จัดการแผนกบัญชีมารายงานงบการเงินของบริษัทประจำไตรมาสที่สองครับ”

               ขนาดธรณ์เองที่จบปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจโดยตรง พอจะมีความรู้ทางด้านธุรกิจอยู่บ้าง ยังเผลอขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจอยู่หลายครั้ง หลายหนเช่นกันที่ต้องยอมเสียมารยาท ซักถามผู้จัดการให้เข้าใจ พอมาคิดกลับกันว่า เขตแดนจบปริญญาตรีทางด้านวิศวกรรมศาสตร์มา แม้จะเรียนต่อปริญญาโททางด้านบริหารธุรกิจ แต่กลับทำงานตรงนี้ได้อย่างดีไม่มีที่ติ ก็เป็นอีกครั้งที่ธรณ์ต้องนึกทึ่ง และหันกลับมาทบทวนตัวเองว่า...


               เขาพร้อมแล้วหรือ สำหรับตำแหน่งประธานบริษัท


               กว่าผู้จัดการแผนกบัญชีจะออกไป ก็เป็นตอนที่นาฬิกาตีบอกเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่ง เขตแดนเหลือบตามองนาฬิกาก่อนจะหันมาบอกคนที่ยังก้มหน้าก้มตาถอดเทปบทสนทนา

               “เดี๋ยวช่วยบอกแม่บ้านให้จัดการเรื่องอาหารให้กลางวันให้ผมที”

               “แล้วปกติคุณกินยังไงล่ะ”

               “บางทีก็ออกไปหาอะไรกินข้างนอก ถ้ามีเวลา แต่ปกติเวธน์เขาเป็นคนจัดการนะ คิดว่าน่าจะโทรสั่งร้านข้างล่างขึ้นมาส่ง”

               ธรณ์เผลอย่นจมูกออกมา ที่ท่านประธานบริษัทคนนี้ช่างใช้งานคนสนิทได้คุ้มค่าทุกนาทีเหลือเกิน และในเมื่อวันนี้เขามาทำงานแทนเวธน์ด้วย เขาก็ควรจะต้องดูแลรับผิดชอบให้ตลอดรอดฝั่ง คนที่ไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด จะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังเจ้านายตัวเอง

               “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปจัดการให้คุณเองละกัน ไม่ต้องรบกวนแม่บ้านเขาหรอก”

               เขตแดนไม่ได้ตอบอะไร ธรณ์จึงถือเอาว่านั่นเป็นการตอบตกลง แต่เขาไม่ได้คิดจะโทรศัพท์สั่งหรอก ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะแวะลงไปดูงานและความเรียบร้อยที่แผนกต่างประเทศเสียหน่อย จากนั้นค่อยไปดูว่ามีอะไรที่พอจะเป็นอาหารกลางวันของเขาและเขตแดนได้บ้าง

               เขตแดนมองตามหลังคนที่เดินออกไป ปกติชายหนุ่มเองก็ไม่ได้รู้สึกชินกับการที่มีคนมานั่งทำงานอยู่ในห้องด้วย เพราะขนาดเวธน์เองก็มีโต๊ะทำงานอยู่ข้างนอก พอเขาต้องการอะไร ก็แค่ยกหูโทรศัพท์บอก แต่การที่มีธรณ์เข้ามานั่งทำงานอยู่ในห้องด้วย เขตแดนกลับไม่ได้รู้สึกรำคาญอะไร และชายหนุ่มยังถือเอาโอกาสนี้ที่เขาไม่สามารถจัดการอะไรได้ถนัด เป็นการสอนงานธรณ์และให้ธรณ์ได้ลงมือทำแทนเขาไปในตัว

               เขาก็แค่เตรียมทุกอย่างเอาไว้ สำหรับวันที่ธรณ์จะก้าวเข้ามาเป็นประธานบริษัทอย่างภาคภูมิ โดยการทำให้ธรณ์เป็นที่ยอมรับของคนในก่อนทีละเล็กทีละน้อย จากนั้นจึงค่อยไปสร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือให้กับคนนอก


====================


               พอเดินลงมาถึงชั้นล่างของอาคารสำนักงาน ธรณ์ก็อาศัยว่าเดินตามคลื่นฝูงชนชาวออฟฟิศที่มุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน จุดหมายก็คือตลาดนัดขนาดเล็กข้างบริษัท ที่มีขายของสัพเพเหระ เป็นที่ถูกตาต้องใจของบรรดาคุณผู้หญิง มีร้านขายขนมนมเนย และมีศูนย์อาหารอยู่ข้างใน ซึ่งนอกจากพนักงานบริษัทเขาจะมาใช้บริการแล้ว ก็ยังมีพนักงานบริษัทละแวกเดียวกันที่แวะมาใช้บริการด้วยเช่นกัน

               ธรณ์เดินวนดูร้านอาหารอยู่นาน ก่อนจะปักหลักลงที่ร้านอาหารตามสั่ง เขาจัดการสั่งข้าวผัดสองกล่อง เพราะเป็นอะไรที่ทานง่าย ไม่ยุ่งยาก พอเสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังจะเดินกลับ เห็นรถเข็นผลไม้มีคนยืนมุงอยู่พอสมควร ธรณ์เลยเดินเข้าไปดู ก่อนจะได้มะม่วงกับมะละกอมาอย่างละถุง เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็เดินเบียดฝูงชนกลับไปที่บริษัท พอเข้ามาที่บริษัทได้ไม่ทันไร ประชาสัมพันธ์ก็รีบเรียกเขาไว้ทันที

               “คุณธรณ์คะ มีคนมาขอพบค่ะ”

               ธรณ์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย กำลังจะเอ่ยปากถามว่าใครกันที่มาขอพบเขา คำตอบก็ดังมาจากข้างหลังพอดี

               “ธรณ์ว่างหรือเปล่าคะ พอดีเจนผ่านมาแถวนี้ เลยว่าจะมารับธรณ์ไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน” เจนจิราที่เดินเข้ามาจากด้านหลัง ถือวิสาสะมากอดแขนธรณ์เอาไว้ทันที ชายหนุ่มได้แต่ทำหน้าปุเลี่ยนก่อนจะเอ่ยตอบ

               “ผมไม่ค่อยว่างเท่าไหร่น่ะ ขอโทษด้วยนะ”

               “อ้าว! ทำไมล่ะคะ ที่นี่ก็เป็นบริษัทของธรณ์ ธรณ์อยากจะเข้างานกี่โมง หรืออยากจะออกไหนก็ได้ไม่ใช่หรือคะ”

               “คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะครับคุณเจนจิรา ที่นี่เป็นบริษัทของธรณ์ก็จริง แต่เขาก็เป็นพนักงานบริษัทคนหนึ่ง ต้องทำตามกฎระเบียบของบริษัท ไม่ได้มีอภิสิทธิ์เหนือพนักงานคนอื่น” เขตแดนที่มายืนเบื้องหลังธรณ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เอ่ยออกมาชัดถ้อยชัดคำ จนหญิงสาวถึงกับหน้าม้านไปเล็กน้อย

               ธรณ์นึกขอบคุณการปรากฏตัวของเขตแดน เพราะเขาเองก็คร้านจะรับมือกับความช่างตื๊อของเจนจิราเหลือเกิน ความจริงแล้วเธอควรจะสังเกตซักนิด ว่าเขาเองก็รีบ แถมในมือก็ยังถือกล่องข้าวและถุงผลไม้อยู่ ยังจะชวนเขาไปทานข้าวข้างนอกอีก

               “ยังไงก็ขอตัวธรณ์ไปก่อนนะครับคุณเจนจิรา พอดีผมรอข้าวที่ธรณ์ซื้อมาอยู่” เขตแดนเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะกระตุกยิ้มให้หญิงสาวเล็กน้อย แล้วจึงใช้มือข้างซ้ายแตะแผ่นหลังธรณ์แผ่วเบาให้เดินตรงไปยังลิฟต์ของผู้บริหาร

               พอเข้ามาในลิฟต์ บรรยากาศก็มีแต่ความอึดอัด ไม่มีใครที่ยอมเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนา จนกระทั่งมาถึงชั้นที่เป็นห้องทำงานของประธานบริษัท พอเดินออกมาจากลิฟต์ เขตแดนก็คว้าถุงข้าวจากมือธรณ์ไปส่งให้แม่บ้าน และสั่งให้จัดใส่จานและนำเข้าไปให้เขากับธรณ์ข้างในห้อง

               เปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง เขตแดนก็เดินไปนั่งลงบนชุดโซฟาตรงมุมห้อง ก่อนที่ธรณ์จะเดินตามมานั่งด้วย เพราะดูก็รู้ว่า อีกเดี๋ยวพวกเขาคงได้ใช้ชุดโซฟาต่างโต๊ะกินข้าวสำหรับมื้อกลางวันอย่างแน่นอน

               รออยู่ไม่นาน แม่บ้านก็เดินเข้ามาพร้อมจานข้าวผัดสองจาน และผลไม้สองอย่างที่ถูกจัดวางลงจานอย่างสวยงาม รวมถึงน้ำดื่ม พอจัดแจงวางบนโต๊ะเรียบร้อยแล้วก็รีบขอตัวออกไป

               ธรณ์ก้มหน้าก้มตาจัดการกับข้าวผัด ที่ขนาดไม่ได้กินทันทีที่ซื้อเสร็จ แต่ก็ยังส่งกลิ่นหอมฉุย จนข้าวผัดจานโตถูกจัดการหมดในเวลาไม่นาน เห็นเขตแดนยังนิ่งไม่ยอมกิน ตอนแรกก็ขยับปากจะถาม แต่โชคดีว่าเขาเหลือบเห็นผ้าพันแผลเสียก่อน เลยก่นด่าตัวเองในใจ จะให้ทำเหมือนตอนอยู่ที่บ้านก็ดูจะเสียเวลา จะให้ตักใส่ช้อนแล้วส่งให้อีกฝ่ายเอาใส่ปากตัวเองก็ยุ่งยาก อย่ามัวแต่เสียเวลาคิดสะระตะเลย คิดได้ดังนั้น ธรณ์ก็ตักข้าวผัดแล้วก็ยื่นช้อนไปจ่อปากเขตแดน ที่แม้จะขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ก็ยอมอ้าปากรับแต่โดยดี

               “ขอโทษที พอดีผมลืมไปว่ามือคุณยังเจ็บอยู่”

               “ช่างมันเถอะ นายกินให้เสร็จก่อนก็ถูกแล้ว แต่ว่าคราวหลังบอกผู้หญิงของนายด้วยละกัน ว่าถึงนายจะเป็นเจ้าของบริษัท แต่ก็ต้องทำตามกฎระเบียบ เดี๋ยวพนักงานคนอื่นจะมองไม่ดี ถ้าเขาจะมาหาก็ให้มาหลังเลิกงาน หรือไม่ก็ไปนัดเจอที่อื่นอย่างที่บ้านก็ได้”

               “ผมไม่ได้พาเขามา แล้วเขาก็ไม่ใช่ผู้หญิงของผม ไม่ได้เป็นอะไรกับผมด้วย” ธรณ์ตอบเสียงแข็ง ก่อนจะวางช้อนลงบนจานที่วางเปล่า

               “ก็นั่นแหล่ะ วันหลังก็อย่าเรียกเขามาเวลางานละกัน จะทำอะไรประเจิดประเจ้อก็ระวังหน่อย”

               “ผมไม่ได้พาเขามาแล้วผมก็ไม่ได้เรียกขามาด้วย เจนเขามาของเขาเอง คุณก็เห็นอยู่ ผมก็ไม่ได้อยากจะให้มันเป็นอย่างนี้หรอก แต่เขามาตามตื๊อผมเอง ผมไม่ได้คิดอะไรกับเขาเสียหน่อย ก็แค่...การตัดสินใจที่ผิดพลาด” ประโยคสุดท้าย ธรณ์เอ่ยออกมาได้ไม่เต็มเสียง เพราะรู้ว่าตัวเองผิดเต็มประตู

               “เห็นไหมล่ะ นี่ก็เป็นปัญหาที่เกิดจากการกระทำที่ไม่รู้จักคิดของนาย”

               “ผมก็ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นซะหน่อย”


               “ถ้าไม่คิดที่จะจริงจัง นายก็ไม่ควรที่จะไปให้ความหวังใคร”


               ธรณ์ไม่ได้ตอบอะไร แต่เสก้มลงจิ้มมะละกอส่งเข้าปาก พยายามหลบสายตาของเขตแดน สายตาที่ทำเอาธรณ์รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง สายตาที่มองเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง

               “เลิกได้ไหม นิสัยที่เห็นผู้หญิงเป็นแค่ของเล่น นายไม่จำเป็นต้องประชดอะไรหรือใครแล้ว ฉันบอกแล้วว่าฉันจะเป็นพี่ชายคนเดิมของนาย มีอะไรก็บอกกัน...ได้ไหม”

               สายตาที่มองมาอย่างคาดคั้นของเขตแดน ทำเอาธรณ์ต้องเสหลบ ก่อนจะพึมพำออกมาเสียงเบา

               “ผมจะพยายามละกัน”

               เขตแดนยิ้มด้วยความพึงพอใจ แม้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่เล็กน้อยสำหรับความสัมพันธ์ที่ดีของเขากับธรณ์ แต่เขาก็มั่นใจว่า มันจะนำไปสู่ก้าวย่างที่ยิ่งใหญ่


====================


               กว่าจะถึงกำหนดนับไปพบแพทย์อีกครั้ง ธรณ์ก็ได้เรียนรู้งานจากเขตแดนไปพอสมควร เขตแดนเองก็เอ่ยปากถามธรณ์ว่า จะมานั่งทำงานประจำที่ห้องของเขาไหม เพื่อที่จะได้เรียนรู้งานไปพร้อมกัน แต่ธรณ์ก็เอ่ยปฏิเสธไป โดยให้เหตุผลว่า ขอเขารับผิดชอบงานในแผนกต่างประเทศที่ดูแลให้ดีและมีผลงานเสียก่อน เขตแดนเลยปล่อยให้อีกฝ่ายได้ทำตามความต้องการของตนเอง

               หลังจากที่ถอดผ้าพันแผลออก ก็ประจวบเหมาะกับที่เวธน์เดินทางกลับมาทำงานพอดี เขตแดนจึงถือโอกาสเข้าไปเช็คงานที่โรงแรมเป็นรอบสุดท้าย ก่อนที่จะถึงวันงานจริงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พอจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วกำลังจะกลับ ธรณ์ก็ต้องขมวดคิ้วออกมา เมื่อเห็นร่างที่คุ้นตา

               “อเล็กซ์!!”

               หนุ่มลูกครึ่งเจ้าของชื่อหันมาตามเสียงเรียกทันที ก่อนจะเดินเข้ามากอดคอธรณ์อย่างที่ชอบทำเป็นประจำ โดนไม่ลืมที่จะทักทายเขตแดน

               “กูนึกว่าจะได้เจอมึงอีกทีตอนงานเลี้ยงเปิดตัวเสียอีก”

               “มึงไม่ใช่เหรอไง ที่หนีไปสิงคโปร์ก่อน แล้วนี่จะกลับนิวยอร์กเมื่อไหร่ล่ะ”

               “ก็หลังจบงานเลี้ยงมึงนั่นแหล่ะ”

               ชายหนุ่มสองคนยืนคุยกันอยู่ซักพัก ก่อนอเล็กซ์จะเอ่ยปากขอตัวเมื่อโทรศัพท์ดัง ธรณ์หรี่ตามองเพื่อนรักก่อนจะเอ่ยแซวทีเล่นทีจริง

               “สาวที่ไหนโทรมาตามอีกล่ะ”

               คนถูกแซวไม่ได้ตอบรับหรือตอบปฏิเสธ ได้แต่โบกมือลา แต่ก่อนจะไปก็ไม่วายยื่นหน้ามากระซิบถามธรณ์ด้วยความสงสัย

               “มึงดีกับคุณเขตต์แล้วหรือวะ”

               ถามเสร็จ อเล็กซ์ก็ไม่ได้คิดที่จะอยู่ฟังคำตอบแม้แต่น้อย เพราะเจ้าตัวเผ่นแผล็วไปด้วยความรวดเร็ว ปล่อยให้ธรณ์ยืนทำหน้าประหลาด จนเขตแดนต้องเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย

               “มิสเตอร์คาร์เตอร์เขาพูดอะไรหรือ”

               “เขาถามว่าผมกับคุณดีกันแล้วหรือไง”

               เขตแดนเผลอหัวเราะออกมา จนธรณ์ต้องเบิกตากว้าง เพราะไม่บ่อยนักที่ท่านประธานหนุ่มจะหัวเราะให้เห็น ถ้าทำได้ ธรณ์ก็อยากหยิบกล้องมาถ่ายวิดีโอเก็บไว้เสียด้วยซ้ำ


               “เราไม่เคยทะเลาะกันซะหน่อย เราแค่ไม่เข้าใจกัน”


               จะว่าไป ที่เขตแดนพูดมาก็ไม่ได้ผิดเลยซักนิด เพราะเขากับเขตแดนไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเลย ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เกิดจากความอคติและไม่พอใจส่วนตัว โดยไม่ได้มีการเปิดอกพูดคุยกันให้รู้เรื่องรู้ราว ปล่อยให้ทุกอย่างมันดำเนินไป จนกลายเป็นความห่างเหิน เรียกได้ว่า...เกิดจากความไม่เข้าใจกันเห็นจะถูกต้องกว่า ส่วนทะเลาะ คงเป็นเขากับคุณธีรยุทธมากกว่า ที่ทะเลาะกันอย่างรุนแรงหลายครั้ง จนลงเอยด้วยการถูกเนรเทศออกนอกประเทศไปตอนอายุสิบห้า


====================

[มีต่อนะคะ]

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 10 :: 21.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 21-11-2012 10:59:06


               ก่อนวันงานเลี้ยงหนึ่งวัน ธรณ์และเขตแดนไปรับคุณสงครามมาค้างที่บ้านด้วย เพื่อที่ว่าจะได้สะดวกเวลาไปงานเลี้ยงด้วยกัน ป้าอุ่นเรือนเลยทำอาหารเพิ่มเป็นสี่ที่ เพราะธรณ์เองก็ถือโอกาสเรียกให้เวธน์อยู่ทานข้าวด้วยกัน เพราะอุตส่าห์ทำงานหนัก เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการเตรียมงานมาตลอด

               บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างชื่นมื่น ป้าอุ่นเรือนเองก็ยืนมองด้วยความปลาบปลื้มใจ ถึงแม้ว่าคุณชายของเธอจะสูญเสียทั้งคุณพ่อและคุณแม่ไป แต่ก็นับว่ายังดีที่มีคุณสงครามกับเขตแดนคอยเข้ามาดูแล ถ้าคุณผู้หญิงได้มีโอกาสเห็นก็คงจะภูมิใจไม่น้อย

               “ธรณ์ให้เด็กจัดห้องให้ลุงครามเรียบร้อยแล้วนะครับ หรือว่าลุงครามจะมานอนกับธรณ์ดี” เจ้าของบ้านหนุ่มเอ่ยถามผู้สูงวัยที่สุดทีเล่นทีจริง

               “โตป่านนี้แล้วยังต้องให้ลุงไปนอนด้วยอีกหรือไง” คุณสงครามแกล้งสัพยอกหลานชาย

               “ธรณ์ก็อยากนอนคุยกับลุงครามเหมือนสมัยก่อนไงครับ นี่ตั้งแต่กลับมา ธรณ์ยังไม่มีโอกาสได้นอนกับลุงครามเลยนะครับ”

               “โอเค เดี๋ยวคืนนี้ลุงยอมเป็นหมอนข้างให้ธรณ์ก็ได้”

               เวธน์ถึงกับหัวเราะออกมาทันที เขตแดนเองก็มองภาพที่สองลุงหลานพูดคุยหยอกล้อกันด้วยอิ่มเอมหัวใจ ยิ่งเห็นชายหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดดูผ่อนคลายตลอดเวลาที่คุยกัน เขตแดนก็รู้สึกเหมือนเกราะกำบังที่ธรณ์สร้างขึ้นมา เริ่มจะลดลงทีละเล็กทีละน้อย

               พอรับประทานอาหารกันเสร็จ เวธน์ก็ขอตัวกลับก่อน โดยไม่ลืมนัดหมายเวลากับเขตแดน ว่าพรุ่งนี้จะมารับที่คฤหาสน์กันตอนกี่โมงกี่ยาม ส่วนสองลุงหลานพอส่งเวธน์กลับบ้าน ก็แยกย้ายกันเข้าห้องไปอาบน้ำ ก่อนที่ธรณ์จะหอบหมอนหอบผ้าห่มไปเคาะประตูห้องรับแขก ที่เด็กรับใช้จัดไว้ให้คุณสงคราม

               “นึกว่าพูดเล่นเสียอีก” คุณสงครามเอ่ย พลางมองหลานชายที่แม้จะตัวโตแล้ว แต่ก็ยังดึงดันจะมานอนกับเขาให้จนได้

               “โธ่! ธรณ์เอาจริงหรอกครับ ไม่ได้นอนกอดลุงครามมาเจ็ดปีแล้ว”

               ธรณ์เดินหอบข้าวของเข้ามาในห้อง ก่อนจะโยนลงบนเตียง แล้วก็ปีนขึ้นไปนอนบนเตียง เห็นที่หัวเตียงมีสมุดเล่มเล็กวางอยู่ เลยอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้

               “ลุงครามลงทุนเอาหนังสือมาอ่านด้วยเหรอครับ”

               “อ๋อ...นั่นหนังสือสวดมนต์ที่ระลึกงานศพคุณยุทธเขาน่ะ เดี๋ยวลุงมานะ ว่าจะลงไปหยิบหนังสือที่ห้องหนังสือหน่อย ธรณ์จะเอาอะไรไหม”

               ธรณ์ส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธก่อนจะล้มตัวลงนอน ห้องรับแขกที่เด็กรับใช้จัดให้คุณสงครามมีแต่ของใช้ที่จำเป็น ข้าวของของคุณสงครามก็มีแค่เสื้อผ้ากับหนังสือสวดมนต์ที่หยิบติดมาด้วย ปกติธรณ์เองก็ไม่ใช่คนที่จะสนใจหนังสือสวดมนต์ แต่ไม่รู้อะไรดลใจ หรือเพราะคุณสงครามบอกว่าเป็นของที่ระลึกงานศพของพ่อเขากันแน่ ชายหนุ่มจึงถือวิสาสะหยิบมาดู

               เปิดไปไม่กี่หน้า ธรณ์ก็พบว่า มันก็เป็นหนังสือสวดมนต์ธรรมดา ที่นอกจากบทสวดมนต์แล้วก็มีเรื่องราวที่ให้ข้อคิดรวมอยู่ด้วย ชายหนุ่มปิดหนังสือเล่มเล็กลง กำลังจะวางกลับสู่ที่เดิม แต่กระดาษแผ่นเล็กก็ร่วงหล่นลงมาเสียก่อน ธรณ์คว้ากระดาษแผ่นเล็กขึ้นมาดู ลายมือที่เขียน ถึงจะไม่ได้เห็นมานาน แต่ก็คือลายมือของคุณสงครามแน่นอน แต่ที่เขียนไว้น่ะ...หมายความว่าอย่างไรกัน


               ...สุดท้ายเหลือเพียงเถ้าธุลี               สิ้นชีวีสู่แดนสวรรคาลัย
               เจ้าลาลับทิ้งร้างพี่สู่แดนไกล        พี่โหยไห้กำสรวลครวญหาเอย...



               ธรณ์ไม่ต้องเสียเวลาสงสัยนาน เพราะขณะที่กำลังเพ่งพินิจกลอนในมืออยู่ คุณสงครามก็เปิดประตูกลับเข้ามา ผู้สูงวัยกว่าชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นแผ่นกระดาษในมือหลานชาย

               “นี่คืออะไรครับลุงคราม”

               “ตอนทำหนังสือที่ระลึกงานศพ พอดีคณะที่จัดทำเขาอยากได้กลอนไปลงหนังสือน่ะ ลุงเลยเขียนเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ เพราะดีใช่ไหมล่ะ”

               “เศร้ามากต่างหากล่ะครับ” ธรณ์เอ่ยก่อนจะสอดเศษกระดาษกลับเข้าหนังสือเหมือนเดิม แล้วส่งคืนให้ผู้เป็นลุงเอาไปเก็บไว้

               “คนคุ้นเคยตายจากกันมันก็ต้องเศร้าเป็นธรรมดา”

               “แต่ธรณ์เพิ่งรู้นะครับ ว่าลุงครามแต่งกลอนเก่งขนาดนี้”

               คุณสงครามไม่ตอบอะไร เอาแต่ยิ้มท่าเดียว ก่อนจะเอื้อมมือไปดับไฟ แล้วธรณ์ก็เอนตัวลงนอนอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มยังไม่ได้หลับ กลับลืมตาโพลงอยู่ในความมืด บทกลอนเมื่อกี้ยังวนเวียนอยู่ในความคิดของเขา มันดูเศร้ามาก จนเหมือนกับว่าคนเขียนได้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป ถึงคุณพ่อของเขากับลุงครามจะสนิทสนมกัน แต่ใจความของบทกลอนมันดูลึกซึ้งจนธรณ์อดที่จะรู้สึกแปลกใจไม่ได้ แต่คิดได้ไม่นาน ธรณ์ก็ปัดความคิดของตนเองทิ้ง เขาอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ พ่อกับลุงครามรู้จักกันมานาน ไม่แปลกที่พอพ่อเสียไป ลุงครามก็จะต้องรู้สึกเศร้าโศกเป็นธรรมดา เพราะแม้แต่เขตแดนเอง ก็ยังเศร้ากับการจากไปของพ่อเขาเลย


====================

               รถยนต์คันหรูแล่นมาจอดหน้าทางเข้าโรงแรม ก่อนเวธน์จะก้าวลงมาเปิดประตูหลังพร้อมกับค้อมศีรษะเล็กน้อย เขตแดนเป็นฝ่ายก้าวลงมาก่อน ประธานบริษัทหนุ่มในวันนี้ดูดีและมีอำนาจเมื่ออยู่ในชุดสูทสากล แล้วจึงตามมาด้วยธรณ์และคุณสงคราม แสงแฟลชและเสียงชัตเตอร์ดังรัวมาจากรอบข้าง ธรณ์คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะค้อมศีรษะเป็นเชิงทักทายแขกเหรื่อที่มารอต้อนรับ

               เขตแดนเดินนำหน้ามาอย่างสง่าผ่าเผย สมกับเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่กำลังถูกจับตามอง ส่วนธรณ์ที่สวมชุดสูทสากลสีดำสนิทพอดีตัวก็เดินเคียงมากับคุณสงคราม มีเวธน์คอยเดินตามหลัง ระยะทางจากล็อบบีของโรงแรมไปยังห้องจัดเลี้ยง คณะของเจ้าภาพงานเลี้ยงกลายเป็นจุดสนใจของบรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ตลอดจนบุคคลรอบข้างที่มองมาเห็น ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนล้วนคุ้นเคยกับเขตแดนและคุณสงครามอยู่แล้ว จึงไม่ต้องแนะนำอะไรมาก เพียงแค่คอยแนะนำชายหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดแก่บุคคลอื่นว่า...

               “นี่ธรณ์ อิสรพัฒน์ ลูกชายคนเดียวของคุณธีรยุทธครับ”

               คุณสงครามเลี่ยงขอตัวไปยืนคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ที่คุ้นเคย ปล่อยให้เขตแดนเป็นคนพาธรณ์ไปแนะนำ เพราะถือว่าตนเองไม่ได้มีหน้าที่อะไรในบริษัทอิสระคอนสตรัคชั่นแล้ว และจะได้เป็นการเปิดโอกาสให้เขตแดนและธรณ์อย่างเต็มที่ มองดูภาพธรณ์ที่เดินเคียงเขตแดนแล้ว ก็อดหวนคิดถึงวันวาน ที่เขาเองก็เคยเดินเคียงคุณธีรยุทธออกงานสังคมไม่ได้ แต่วันนี้มันก็คงกลายเป็นเพียงอดีตไปแล้ว ในเมื่อเหลือเพียงแค่เขาคนเดียว ส่วนคุณธีรยุทธก็ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ เหลือเพียงธรณ์ที่เป็นเสมือนสิ่งของต่างหน้าชิ้นสุดท้าย ที่เจ้าตัวคงไม่รู้ตัวเลยว่า ธรณ์ในวันนี้ เหมือนกับคุณธีรยุทธในวัยหนุ่มมากแค่ไหน

               ปลัดกระทรวงคือแขกที่เขตแดนจัดลำดับความสำคัญไว้เป็นอันดับแรก เพราะคอยช่วยเหลือเกื้อกูลเรื่องการประมูลโครงการก่อสร้างกันมาตลอด การพาธรณ์มาแนะนำตัวก็เหมือนกับจะเป็นการฝากฝัง

               “สวัสดีครับท่าน นี่ธรณ์ อิสรพัฒน์ครับ”

               ท่านปลัดหันมามองธรณ์อย่างพิจารณา ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา

               “อ๋อ...ลูกชายคุณธีรยุทธนี่เอง ยิ่งโตยิ่งเหมือนพ่อนะ”

               “ครับท่าน”

               “แล้วนี่ร่ำเรียนจบอะไรมาล่ะ”

               “จบบริหารธุรกิจมาครับ”

               “อ้อ...ดีเหมือนกัน จะได้มาช่วยบริหารงานของคุณธีรยุทธเขา ยังไงเราก็เป็นลูกชายคนเดียว ถ้าไม่ดูแลสมบัติของพ่อ แล้วจะให้ใครที่ไหนมาดูแลล่ะ”

               ธรณ์ได้แต่ยิ้มรับอย่างสุภาพ ขณะที่เขตแดนลอบมองด้วยความพึงพอใจ จะให้ทำดี ธรณ์ อิสรพัฒน์ก็ทำได้อย่างไม่มีที่ติ คุยกับท่านปลัดอีกซักพัก เขตแดนก็เอ่ยขอตัวพาธรณ์ไปเตรียมตัวขึ้นเวทีแนะนำตัว

               “ท่านปลัดค่อนข้างสนับสนุนบริษัทเราพอสมควร โครงการของบริษัทหลายโครงการก็ได้ท่านนี่แหล่ะที่คอยช่วยเหลือและดูแลให้” เขตแดนถือโอกาสแนะนำให้ธรณ์รู้ไปในตัว

               นอกจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาร่วมงานแล้ว ก็ยังมีบริษัทคู่ค้าและคู่แข่งอีกมากมายที่ต่างพากันตบเท้ามาร่วมงานอย่างคึกคัก นี่ยังไม่นับรวมบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ที่ต่างพากันมาอวดประชันโฉมในงานกันอย่างสุดฤทธิ์สุดเดชอีก เรียกได้ว่าเป็นงานช้างขนานแท้

               เขตแดนพาธรณ์มายืนรออยู่ข้างเวที ซึ่งเวธน์เตรียมการรออยู่แล้ว เพราะนอกจากจะเป็นคนสนิท เวธน์ยังต้องรับหน้าที่เป็นพิธีกรในงานอีกต่างหาก จนธรณ์ถึงกับหลุดปากออกมาว่า...

               “คุณไม่ใช้งานคุณเวธน์เขาคุ้มไปหน่อยเหรอ”

               เขตแดนเหลือบตามองคนสนิท ที่กำลังชี้แจงกำหนดการคร่าวๆแก่แขกที่มาร่วมงานก่อนจะหัวเราะในลำคอ

               “ไม่หรอก เวธน์เขาชอบทำงาน แล้วเขาก็เป็นคนทำงานเก่งมากด้วย”

               ธรณ์ขยับจะทักท้วง แต่ก็ไม่ทัน เพราะเวธน์ประกาศเรียกเขตแดนขึ้นมากล่าวอะไรกับแขก ในฐานะประธานบริษัทเสียก่อน

               ทันทีที่ท่านประธานบริษัทวัยหนุ่มปรากฏกายบนเวที สายตาเกือบทุกคู่ก็จับจ้องมาเป็นทางเดียวกัน พร้อมกับแสงแฟลชวูบวาบและเสียงชัตเตอร์ที่รัวกระหน่ำ เดาได้เลยว่า พรุ่งนี้คงไม่พ้นต้องมีรูปของเขตแดนปรากฏหราในหน้าซุบซิบของไฮโซอย่างแน่นอน

               “สวัสดีครับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่กรุณาสละเวลามาร่วมงาน ตัวผมเองก็ไม่มีอะไรจะพูดมาก เพราะผมกับทุกท่านก็คุ้นหน้าค่าตากันดีอยู่แล้ว คงไม่ต้องแนะนำตัวอะไรมาก ยังไงก็ขอยกให้เป็นหน้าที่ของเจ้าของงาน คุณธรณ์ อิสรพัฒน์ดีกว่าครับ”

               เสียงปรบมือดังกึกก้อง พร้อมกับที่ร่างสูงในชุดสูทสากลสีดำก้าวขึ้นมาบนเวที ใบหน้าหล่อเหลาประดับประดาไปด้วยรอยยิ้มที่โปรยปราย ชนิดที่ว่าทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่ที่ยืนมองอยู่ข้างหลังถึงกับใจกระตุก ธรณ์ค้อมศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย ก่อนจะรับไมค์มาจากเขตแดน

               “สวัสดีครับ ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงาน ตัวผมเองก็เพิ่งก้าวเข้ามาทำงานเต็มตัวได้ไม่นานนัก ยังขาดประสบการณ์ แต่ก็โชคดีว่ามีคุณเขตแดนคอยช่วยเหลือ และได้ผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่านให้การสนับสนุน ที่ผ่านมาอาจจะมีข่าวเกี่ยวกับตัวผม ที่ทำให้หลายท่านรู้สึกไม่มั่นใจ ผมเองก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัว แต่แค่อยากขอโอกาสให้ผมได้พิสูจน์ตัวเอง ถ้ามีอะไรผิดพลาดยังไงก็ต้องขออภัยด้วยครับ ยังไงผมก็ถือโอกาสนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกท่านด้วยเลย ธรณ์ อิสรพัฒน์ยินดีรับใช้ทุกท่านครับ”

               แม้จะไม่ใช่คำพูดที่เป๊ะตามสคริปต์ที่เตรียมเอาไว้ แต่เขตแดนก็ต้องยอมรับว่าธรณ์พูดได้ดีพอทีเดียว เพราะในชีวิตจริง มันไม่ควรมีคำว่าแก้ตัว ถ้าจะให้ดีก็ควรจะแก้ไข อะไรที่ผิดพลั้งไปแล้วก็ปล่อยมันไป แล้วทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่าเดิม

               แก้วน้ำเปล่าถูกยื่นส่งให้คนที่เพิ่งเดินลงมาจากเวที ธรณ์รับมาก่อนจะเอ่ยขอบคุณ บอกไม่ถูกว่าตอนที่มองลงมาจากเวที เห็นเขตแดนอยู่ท่ามกลางผู้คนเป็นร้อย และเมื่อเดินลงมาจากเวที ก็ยังเป็นคนแรกที่เดินเข้ามา มันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจมากแค่ไหน เหมือนกับอีกฝ่ายเป็นกำลังใจชั้นดีของเขา เหมือนพี่เขตต์คนเดิม ที่ไม่ว่าจะหันไปมองเมื่อไหร่ธรณ์ก็เห็น จะเรียกหาซักกี่ครั้งก็เจอ

               หลังจากเดินแวะเวียนทักทายกับผู้หลักผู้ใหญ่พอหอมปากหอมคอ ธรณ์ อิสรพัฒน์ก็ตรงมาหาชายหนุ่มสองคน ที่กำลังยืนถือแก้วไวน์สนทนากันอย่างออกรสชาติ พอเห็นเพื่อนรักเดินมา อเล็กซ์ก็เอ่ยแซวทันที

               “กูเห็นมึงบนเวทีเมื่อกี้นี้ แทบนึกภาพเพลย์บอยธรณ์ไม่ออกเลย กลายเป็นคุณชายเต็มตัวแล้วล่ะสิ”

               ธรณ์หัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูลงตัวไปหมด เรียกว่า ต่อให้อเล็กซ์กวนประสาทเขามากกว่านี้ ธรณ์ก็ไม่มีอารมณ์มาถือโทษโกรธเคืองแต่อย่างใด

               “ทำยิ้มไปนะมึง ระวังเหอะ คู่กรณีมึงมางานนี้ด้วยรู้หรือเปล่า”

               “ใครวะ? คู่กรณีกู”

               ชินดนัยส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูธรณ์

               “คุณหนูเจนจิราที่กำลังตามตื๊อมึงอยู่ไงล่ะ อ้อ...มึงชวนนางแบบที่ชื่อลิซ่ามาด้วยใช่ไหม ระวังรถไฟชนกันนะมึง กูขอเตือนไว้ก่อน”

               ธรณ์ได้แต่ยิ้ม วันนี้เขาอารมณ์ดีจัด จนแม้กระทั่งการได้รับรู้ว่าเจนจิรามาร่วมงาน ก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์เขากร่อยลงแม้แต่น้อย

               เขายืนคุยกับอเล็กซ์และชินดนัยอยู่ครู่หนึ่ง พอเห็นว่าคุณสงครามกำลังยืนว่างอยู่ เลยปลีกตัวจากเพื่อนเพื่อเข้าไปหาผู้เป็นลุงทันที

               “เหนื่อยไหมครับลุงคราม”

               “ไม่หรอก ธรณ์ล่ะเหนื่อยไหม”

               คุณสงครามมองดูธรณ์ด้วยความภาคภูมิใจ ถ้าคุณธีรยุทธอยู่ ก็คงจะภูมิใจในตัวธรณ์เช่นกัน นี่คงเป็นเพียงสิ่งเดียว ที่เขาพอจะทำให้คุณธีรยุทธและคุณอัจฉราได้ เพื่อชดเชยกับสิ่งที่เกิดขึ้น อดีตไม่อาจหวนคืนกลับมา ปัจจุบันจึงสำคัญยิ่งกว่า

               “ยังไงถ้าลุงครามจะกลับ ให้คนมาบอกธรณ์นะครับ ธรณ์จะได้เดินไปส่ง คืนนี้ธรณ์คงต้องอยู่ดึก”

               “ตามสบายเลย ยังไงถ้ามีอะไร เดี๋ยวลุงจะให้เวธน์เขาไปตามเราละกัน”

               “ครับ ถ้าอย่างนั้นธรณ์ขอตัวก่อนนะครับ”

               ชายหนุ่มแยกตัวออกมาจากผู้เป็นลุง หมายจะเดินกลับไปหาอเล็กซ์และชินดนัย แต่ยังเดินไปไม่ถึงเพื่อนรัก ก็ต้องถูกเรียกเอาไว้

               “ธรณ์คะ...”

               ธรณ์หันกลับมาตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นนางแบบสาวในชุดราตรีสีงาช้าง ดูสวยงามและโดดเด่นกำลังเดินตรงเข้ามาหาเขา เขาขยับส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างมีไมตรี แต่ยังไม่ทันที่นางแบบสาวจะก้าวเข้าถึงตัวธรณ์ แขนข้างหนึ่งก็ธรณ์ก็ถูกดึงไปเสียก่อน จนชายหนุ่มต้องหันไปตามแรงดึง

               “ธรณ์...”

               เพลย์บอยหนุ่มมีสีหน้าปั้นยากทันที ซ้ายก็คือนางแบบสาวในชุดราตรีสีงาช้าง ขวาก็คืออดีตคู่ควงในชุดราตรีสีฟ้าน้ำทะเล หญิงสาวสองคนประสานสายตากันเหมือนจะหยั่งเชิง จนคนกลางอย่างธรณ์ต้องเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สายตาหลายคู่ของแขกในงานเริ่มจับจ้องมาที่พวกเขา ถ้าเกิดมีภาพเจ้าของงานถูกหญิงสาวสองคนรุมแย่งชิงหลุดออกไป คงเป็นเรื่องที่ไม่น่าดูอย่างแน่นอน


TO BE CONTINUE


๐ ตอนนี้เหมือนเอาความเครียดจากงานตัวเอง มาลงที่ธรณ์ บรรยายแต่เรื่องงานซะเยอะเลย  :o8:
๐ ตอนหน้าน่าจะดีขึ้นกว่าเดิมค่ะ ชีวิตคนทำงานอย่างธรณ์นี่เครียดเหมือนกันเนอะ งานรุมสุมหัว
๐ มีคนรำคาญชินดนัยหรือเปล่าคะ เอาแต่อมพะนำ ฮา...อีกนิดเดียวก็รู้แล้วค่ะ
๐ จะพยายามเขียนไม่ให้ยาวเกิน ช่วงนี้ก็ซึมซับความหวาน(?)แบบปะแล่มๆกันก่อน ดราม่ายังมาไม่ถึงค่ะ
๐ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ตอนนี้น่าเบื่อไปหน่อย ขออภัยด้วยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 10 :: 21.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 21-11-2012 11:16:46
ลุ้นแทนธรณ์ ... 2 สาวเค้ามาแย่งชิงกัน >.<

ขอบคุณมากนะคะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 10 :: 21.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 21-11-2012 11:22:16
หย๋า.....ชินดนัยอมพะนำต่อไปเถอะนะ

อย่าพูดออกมาเลยยยยย :m29:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 10 :: 21.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 21-11-2012 12:00:01
พาสาวมาแบบนี้ เดี๋ยวโดนพี่เขตต์หึงอีกหรอก  :laugh3:




๐ จะพยายามเขียนไม่ให้ยาวเกิน ช่วงนี้ก็ซึมซับความหวาน(?)แบบปะแล่มๆกันก่อน ดราม่ายังมาไม่ถึงค่ะ


 :m29:

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 10 :: 21.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 21-11-2012 12:54:03
นี่ขนาดดราม่ายังมาไม่ถึงนะ พี่ก็เครียดทุกทีที่ความลับเริ่มจะเปิดเผย
ลุงครามทำอะไรไว้อยากรู้มากๆเลย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 10 :: 21.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 21-11-2012 14:39:26
อืมมมมมมมมมมมม

ธรณ์เสน่ห์แรง ระวังพี่เขตต์จะหึงหน้ามืดอีกเน้อ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 10 :: 21.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 21-11-2012 16:25:43
รถไฟชนกันโครมเลย ธรณ์แย่แล้ว
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 10 :: 21.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 21-11-2012 19:51:41
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 10 :: 21.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 21-11-2012 20:01:33
ความเป็นพี่น้องความห่วงใยเริ่มกลับมาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว พี่เขตของน้องธรณ์
แต่พี่เขตนี่ท่าทางจะขี้หึงน่าดูนะ ขนาดผู้หญิงแค่มาทักยังรีบตัดบทพาน้องขึ้นห้องทำงานเลย เอิ้กกก
งานเปิดตัวเป็นไปด้วยดี แต่จะดีจนจบมั้ยสองสาวมาเจอพร้อมกันแบบนี้ พี่เขตช่วยเคลียร์ด่วนค่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 10 :: 21.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 21-11-2012 20:47:05
มาอัพแล้ว ดีใจจัง
ชอบคุณเขตมาก อยากได้สักคน
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 10 :: 21.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 21-11-2012 21:02:39
ช่วงนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวความสุข ก่อนมาม่าจะมาเยือนใช่ไหมคะ

เห็น ปล. ตอนท้าย คนเขียนบอกดราม่ายังไม่ถึง แง ไม่อยากให้มีเลย นึกว่าจะดีขึ้นเลยๆ

แอบคิดว่ามันจะมาม่าเรื่องที่ชินเก็บไว้ยังไม่บอกธรณ์รึเปล่า

ตอนหน้าจะเป็นไงน้า รถไฟชนกันแล้ว พี่เขตต์ช่วยน้องหน่อยค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 10 :: 21.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: It_s_me ที่ 21-11-2012 21:17:33
สรุปพ่อธรณ์กับลุงครามแอบกินกันเอง ตึกโป๊ะ ฮาไม่ออก
หรือเขตแดนจะเป็นคนแต่งกลอนนั้น สื่อถึงน้องธรณ์ วิ้วววว
สตรีพาซวยซะแล้วธรณ์คนเก่ง เดี๋ยวพี่เขตได้มีออกโรง 55555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 10 :: 21.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 21-11-2012 21:55:36
การทำงานที่จะต้องซึมซับเรียนรู้ คงไม่มีปัญหาสำหรับชายหนุ่ม
แต่ปัญหาที่ต้องรีบแก้ไข คือ ศึกชิงนาย ( เอก ) พี่แดนอยู่ไหน มาช่วยน้องด่่วน  :z2:
+ ให้ไปเมื่อสักครู่ กับเรื่องน้องแอล ฉนั้น เอากำลังใจอย่างเดียวละกัน
ปล. มาเลย ดราม่า ยำยำ ไวไว มาม่า อยากอ่านว่าจะสักแค่ไหน เชียว  :z1: หึ หึ หึ .....
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 10 :: 21.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 21-11-2012 22:06:07

               ...สุดท้ายเหลือเพียงเถ้าธุลี               สิ้นชีวีสู่แดนสวรรคาลัย
               เจ้าลาลับทิ้งร้างพี่สู่แดนไกล        พี่โหยไห้กำสรวลครวญหาเอย...



           
ชอบกลอนมากค่ะ  :o8:
รู้สึกยิ่งอ่านยิ่งสนุก จะติดตามต่อไปนะคะ
           



             

             


หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 10 :: 21.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 21-11-2012 22:16:03
รถไฟชนกันดังสนั่นในงาน
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 10 :: 21.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: putiinez ที่ 21-11-2012 22:26:45
ธรณ์งานเข้า
รู้สึกถึงการพัฒนาความขี้หึงที่มากขึ้นเรื่อยๆของเขตต์ชอบกล แต่ว่าสองสาวนั่นคงไม่ใช่ศัตรูหัวใจตัวหลักสินะ :3 จิ๊บๆน่า...

ว่าแต่ตกลงลุงครามกับคุณพ่อเนี่ยมีอะไรบางอย่างใช่มั้ยยย =[]= อยากรู้ความหลังของสองคนนี้จังง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 10 :: 21.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 21-11-2012 23:24:45
โอ๊ย ง่วง

อ่านไม่ไหวละ แปะไว้พรุ่งนี้ค่อยอ่านละกัน

 :t3: :t3:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 10 :: 21.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 22-11-2012 00:00:39
รถไฟชนกัน

เละแน่งานนี้

 o18

ขอเดาว่าคุณสงครามต้องแอบจุ๊กจิ๊กอยู่กับพ่อธรณ์แน่เลยอะ



หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 23-11-2012 09:59:35
“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 11


               “เธอเป็นใครน่ะ?”

               เจนจิราเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนาก่อน ลูกสาวท่านนายกสมาคมมองฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ เพราะปกติเธอก็ไม่เคยคิดจะเป็นมิตรกับผู้หญิงที่เข้ามายุ่งกับธรณ์อยู่แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ธรณ์รู้แจ้งแก่ใจมาตลอด

               ธรณ์เองแม้จะรู้จักลิซ่า แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาเองก็ไม่ได้รู้จักนางแบบสาวดี ว่าถ้าเธอหวังหรือต้องการสิ่งใดแล้ว เธอก็จะพยายามจนสุดความสามารถของตัวเอง นางแบบสาวเหยียดยิ้มออกมาเล็กน้อย ขณะมองอีกฝ่ายอย่างประเมิณ ใช่ว่าเธอจะไม่รู้จักไฮโซสาวตรงหน้า แต่อดีตก็เป็นได้เพียงแค่อดีต ปัจจุบันต่างหากที่สำคัญ เธอไม่แคร์หรอกว่า ที่ผ่านมาผู้ชายที่เธอหมายปองจะผ่านใครมาบ้าง เธอรู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติของผู้ชาย แต่สิ่งที่เธอหวังก็คือ...เธอจะเป็นคนสุดท้ายของเขา!!               

               “แปลกจังนะคะที่คุณไม่รู้จักฉัน ลิซ่าค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”

               “ฉันเจนจิรา เป็นแฟนของธรณ์” เจนจิราเอ่ยอย่างมาดมั่น ควงหมับเข้าที่แขนข้างขวาของชายหนุ่มอย่างถือวิสาสะ จนธรณ์เป็นฝ่ายอดรนทนไม่ได้ ต้องเอ่ยปรามอีกฝ่าย

               “เจน คุณก็รู้ดีว่าระหว่างเราสองคนเป็นอะไรกัน อย่าพูดให้คนอื่นเข้าใจผิดสิ”

               เจนจิราหน้าชาไปเล็กน้อย ที่ถูกบอกปฏิเสธต่อหน้าคนที่เธอมาดหมายเอาเองว่าเป็นคู่แข่ง แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมแพ้ เพราะถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเฝ้าตามตื๊อธรณ์ และต้องคอยจัดการกับคนที่เข้ามาข้องเกี่ยวกับชายหนุ่ม

               “ธรณ์เขาก็ปฏิเสธแล้ว คุณก็เลิกพยายามยัดเยียดตัวเองให้เขาเถอะ”

               ถ้ากรี๊ดได้ เจนจิราคงกรี๊ดไปแล้ว แต่เพราะทำไม่ได้ หญิงสาวจึงได้แต่ยืนเม้มริมฝีปากแน่น คิดหาวิธีโต้ตอบอีกฝ่าย มือก็ยังยึดแขนชายหนุ่มแน่นราวกับกลัวว่าถ้าปล่อยไป ธรณ์อาจจะผละจากเธอไปหานางแบบสาว

               “แล้วที่ผ่านมาล่ะคะธรณ์”

               “เราเป็นเพื่อนกัน ผมบอกคุณหลายรอบแล้วนะเจน ว่าผมกับคุณเป็นได้แค่เพื่อนกัน” ชายหนุ่มย้ำเจตนารมณ์เดินให้หญิงสาวฟัง นางแบบสาวได้ทีเลยถือโอกาสเยาะคู่กรณี

               “ไม่ได้ยินเหรอคะ ว่าคุณน่ะเป็นแค่เพื่อนสำหรับธรณ์”

               “แล้วแม่นางแบบนี่ล่ะ เป็นอะไรสำหรับคุณคะธรณ์”

               ธรณ์นึกอยากจะเอามือขึ้นมาก่ายหน้าผากตัวเองด้วยความปวดเศียรเวียนเกล้า ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเพราะเขา เพราะฉะนั้นก็ไม่สามารถจะไปโทษใครได้เลย ที่โทษตัวเองและการกระทำอันมักง่ายของตัวเอง

               “ลิซ่าก็เป็นเพื่อนของผมอีกคน”

               นางแบบสาวหน้าม้านไปเล็กน้อย ขยับจะเอ่ยทักท้วงอะไรออกมา แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะบุคคลที่ก้าวมายืนประชิดข้างหลังธรณ์ ไม่รู้ว่าเพราะท่าทีที่ดูมีอำนาจหรือความสงบนิ่งของอีกฝ่าย แต่ก็ถือว่าหยุดหญิงสาวสองคนที่ทำท่าจะต่อความสาวความยืดได้ทันที

               “คุณผู้หญิงทั้งสองครับ คงไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ ถ้าผมจะขอพาเจ้าของงานไปทักทายแขกคนอื่นบ้าง”

               แม้จะเป็นประโยคบอกเล่ากึ่งคำถามที่เอ่ยด้วยเสียงเรียบ แต่อะไรบางอย่างในตัวประธานบริษัทหนุ่ม ก็ทำเอาสองสาวเลือกที่จะเงียบ และปล่อยให้เขตแดนพาธรณ์ออกไปจากวงสนทนาอย่างง่ายดาย

               พอเดินพ้นหญิงสาวสองคนมาแล้ว ธรณ์ก็พึมพำขอบคุณเขตแดน ขณะที่นักธุรกิจหนุ่มได้แต่ส่ายศีรษะด้วยระอา

               “ถ้านายยังไม่เลิกหว่านเสน่ห์ เหตุการณ์แบบนี้ก็จะเกิดขึ้นไม่จบไม่สิ้น”

               “ผมอยู่ของผมแท้ๆ กับเจนจิรา ผมก็บอกเขาแล้วว่าเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยอยู่นิวยอร์ก ส่วนลิซ่า ถึงผมจะเคยคิดอยากสนุก แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว คุณก็เห็นว่าตอนนี้ผมก็ทำแต่งาน” อธิบายให้อีกฝ่ายฟังอย่างยืดยาวแล้ว ธรณ์ก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา ประหนึ่งว่าตัวเองกำลังยืนแก้ต่างความผิดต่อหน้าคนรักอย่างไรก็ไม่รู้

               “ไม่แปลกหรอก งานนี้เป็นงานเปิดตัวนาย พวกเธอก็คงอยากจะถือโอกาสเปิดตัวว่าเป็นตัวจริงของนายด้วยเหมือนกัน” เขตแดนเอ่ยอย่างคนที่มองเหตุการณ์ได้ทะลุปรุโปร่ง

               ธรณ์ทำหน้าประหลาด แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยคิดอยากจะมีตัวจริงอยู่แล้ว ไม่มีใครเคยได้รับสิทธิ์นั้น ทุกคนก็รู้กฎเกณฑ์ข้อนี้ดี ว่าธรณ์ก็แค่เล่นสนุกด้วย แต่มาตอนนี้ ชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกอยากเล่นสนุกกับใครเหมือนที่แล้วมา จะว่าเบื่อก็ไม่ใช่ ความรู้สึกทางเพศเขาก็ยังมีเต็มเปี่ยม อาจจะเป็นเพราะมีบางสิ่งที่เขาต้องสนใจมากกว่า อย่างเช่น...การทำงานล่ะมั้ง

               เขตแดนพาธรณ์เดินมาหาเพื่อนรักสองคน ที่ยืนจิบไวน์อยู่มุมหนึ่งของงาน และกำลังมองตรงมาที่ธรณ์ด้วยดวงตาพราวระยับ พอเพลย์บอยหนุ่มเดินเข้ามา ก็ถือโอกาสแซวทันที

               “เป็นยังไงล่ะหนุ่มเนื้อหอม โดนผู้หญิงรุมทึ้งกลางงานเลยนะ”

               “เห็นแล้วก็ไม่คิดจะช่วยกูเลยนะ”

               “ก็อยากจะช่วยอยู่หรอก แต่เห็นคุณเขตต์เขาเป็นพระเอกขี่ม้าขาวเข้าไปช่วยแล้วนี่หว่า” อเล็กซ์แกล้งเอ่ยทีเล่นทีจริง

               เขตแดนเอาแต่ยิ้มรับโดยไม่พูดอะไร ส่วนธรณ์ก็ยืนทำหน้ากระอักกระอ่วนพิกล คงมีเพียงชินดนัยที่ทำหน้าเคร่งขึ้นมาทันที ยืนคุยกันอยู่ซักพัก ชินดนัยก็เอ่ยปากขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้อเล็กซ์ยืนคุยโวต่อไป มีเขตแดนเป็นผู้ฟังที่ดี ส่วนธรณ์ก็เอาแต่ขัดคอเพื่อนเป็นระยะ


====================


               ชินดนัยเดินเลี่ยงออกมานอกงานเลี้ยง พอดีกับร่างสูงที่สวมชุดสูทสากลวิ่งกระหืดกระหอบมา พอเปลี่ยนจากชุดทหารมาดเข้มมาเป็นชุดสูทสากล อีกฝ่ายก็ดูแปลกตาไปอีกแบบ ชินดนัยไม่ได้เอ่ยอะไร เขาปล่อยให้อีกฝ่ายยืนรออยู่มุมหนึ่ง ส่วนตัวเองเดินเข้าไปหาคุณสงคราม ที่กำลังยืนคุยกับผู้ใหญ่คนหนึ่งอยู่

               “คุณลุงครับ ขอรบกวนเวลาซักครู่ได้ไหมครับ”

               คุณสงครามเลิกคิ้วอย่างสงสัย ก่อนจะพยักหน้าใจดี แล้วจึงเอ่ยขอตัวกับผู้ใหญ่ที่ยืนคุยอยู่ อีกฝ่ายก็โบกไม้โบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ผู้สูงวัยกว่าเดินตามชินดนัยออกมามุมลับตาคน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะรู้สึกคุ้นหน้าอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย

               “เธอ...ชินดนัย จิรวงศ์ที่เป็นเพื่อนสนิทของธรณ์ใช่ไหม”

               “ครับ ผมชินดนัย จิรวงศ์ ส่วนนี่ก็พันตรีชนวีร์ จิรวงศ์ครับ” ชินดนัยเอ่ยแนะนำคนข้างกายที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว นายทหารหนุ่มเพียงแค่ค้อมศีรษะลงเล็กน้อย

               “คุณลุงสบายดีนะครับ”

               คุณสงครามพยักหน้ารับ ก่อนจะกวาดสายตามองหาหลานชาย ชินดนัยเองก็มองอาการของอีกฝ่ายออก เลยเอ่ยออกมาเสียงเรียบ

               “ธรณ์อยู่กับเพื่อนสนิทของผมอีกคนที่ชื่ออเล็กซ์ครับ คงไม่มารบกวนเราพักใหญ่ พอดีผมมีเรื่องที่ต้องคุยกับคุณลุงเป็นการส่วนตัวน่ะครับ”

               “เกี่ยวกับธรณ์ใช่ไหม” คุณสงครามเอ่ยถามชายหนุ่มที่อายุคราวลูกด้วยท่าทีสงบ แม้ในใจกำลังเต้นระรัวราวกับมีกลองศึกบรรเลงอยู่ภายใน

               “ผมก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับธรณ์หรือเปล่า แต่ที่ผมรู้คือเกี่ยวกับคุณลุงน่ะครับ”

               ชินดนัยเอ่ยจบก็แบมือไปด้านข้าง นายทหารหนุ่มก็รู้ใจ รีบหยิบรูปถ่ายใบหนึ่ง ที่ค่อนข้างเก่าพอสมควรออกมาวางบนฝ่ามือ จากนั้นรูปก็ถูกส่งต่อให้คุณสงคราม ซึ่งรับไปดูด้วยท่าทีสงบนิ่ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเบิกตากว้างด้วยอาการตกตะลึงพรึงเพริด มือที่ถือรูปถ่ายอยู่พลันสั่นระริก จนชินดนัยต้องดึงกลับมาแล้วส่งคืนให้ผู้พันชนวีร์ ที่รับไปเก็บไว้อย่างมิดชิด เพื่อป้องกันการหลุดรอดออกไป

               “เธอได้มาได้ยังไง”

               “ขอโทษที่ลืมแนะนำไปครับคุณลุง ผู้พันชนวีร์เขาสังกัดอยู่หน่วยข่าวกรองของกองทัพบก เรื่องบางเรื่องก็เลยไม่เกินความสามารถของผู้พันน่ะครับ ขึ้นอยู่กับว่า...ผมอยากรู้ลึกแค่ไหน”

               เป็นอีกครั้งที่คุณสงครามต้องเป็นฝ่ายประหวั่นพรั่นพรึงชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวลูก ส่วนชินดนัยยังคงสงบนิ่ง ถึงเขาจะไม่ได้เป็นทหารเหมือนผู้เป็นพ่อ แต่ท่านนายพลก็สอนให้เขารักษาความสงบเยือกเย็นอยู่เสมอ โดยเฉพาะเวลาที่จะต้องเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ

               “แล้วเธอต้องการอะไร”

               “ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด คุณลุงเองก็คงไม่ต้องการให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...คุณลุงคงไม่อยากให้ธรณ์รู้ใช่ไหมครับ”

               “เธอเข้าใจถูกแล้ว คนสุดท้ายในโลกที่ฉันต้องการให้รู้ก็คือธรณ์ แล้วเธอต้องการอะไร” คุณสงครามยอมรับออกมาตามตรง ในเมื่ออีกฝ่ายแสดงชัดเจนว่ารู้อะไรมาพอสมควร เขาก็คงไม่มีอะไรต้องปิดบังชายหนุ่มอายุคราวลูกสองคนตรงหน้าอีกต่อไป ที่เหลือก็เพียงแค่ จะทำอย่างไรให้ความลับยังคงเป็นความลับต่อไป

               “ถ้าอย่างนั้นความต้องการของเราก็ตรงกันครับ เพราะผมเองก็ไม่ต้องการให้ธรณ์รู้ ผมคงไม่ยอม ถ้ามีใครต้องมาทำให้ธรณ์เสียใจอีก”

               แม้ชินดนัยจะไม่ได้มีท่าทีคุกคาม แต่แววตาของชายหนุ่มก็บอกว่า เขาจริงจังกับเรื่องของธรณ์มากแค่ไหน คนที่ไม่ได้อยู่กับธรณ์ ในเวลาที่ธรณ์อ่อนแอที่สุด คงไม่มีวันเข้าใจเขา อดีตมันผ่านพ้นไป และกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เหลือเพียงปัจจุบัน ที่เขาจะไม่ยอมให้มันมาทำร้ายธรณ์เด็ดขาด

               “เธอมั่นใจได้เลยว่า ถ้าธรณ์รู้เรื่องนี้ ธรณ์จะไม่ได้รู้จากปากฉันแน่ แต่ฉันจะรู้ได้ยังไง ว่าเธอจะไม่เป็นคนบอกธรณ์เสียเอง”

               ชินดนัยเหยียดริมฝีปากออกเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน ก่อนจะเอ่ยออกมาชัดถ้อยชัดคำ ที่ทำเอาคนฟังถึงกับหน้าชาทันที


               “ถึงยังไง...ผมก็ไม่เคยคิดที่จะทรยศต่อความไว้ใจของธรณ์เหมือนที่คุณลุงกำลังทำอยู่หรอกครับ”


               คุณสงครามได้แต่กำมือแน่น เพราะมันเป็นความจริงที่เขาไม่มีสิทธิ์โต้เถียง ทุกอย่างที่ชินดนัยพูดมาถูกต้อง เขาทรยศต่อความไว้ใจของธรณ์ เขาไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าธรณ์รู้เข้า...

               “ผมไม่เดินไปส่งนะครับ ขออนุญาตกลับเข้างานเลี้ยงเลย ธรณ์คงรอผมอยู่แล้ว อย่าลืมนะครับ ว่าธรณ์จะต้องไม่รู้เรื่องนี้ ไม่ว่าจะจากปากผมหรือปากคุณลุงก็ตาม แค่นี้ล่ะครับที่ผมต้องการจะคุยกับคุณลุง ขอตัวก่อนครับ” ชินดนัยเอ่ยก่อนจะหันหลังเดินจากมา แต่เขาไม่ได้เดินกลับเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ชายหนุ่มเดินเลี่ยงออกมาตรงระเบียงของโรงแรม โดยมีนายทหารหนุ่มเดินตามประกบประหนึ่งบอดี้การ์ดส่วนตัว

               ชินดนัยท้าวแขนลงกับขอบระเบียง ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งล้วงหยิบบุหรี่ออกมาใส่ปาก ยังไม่ทันที่จะควานหาไฟแช็ค ก็มีมือดีเอื้อมมาจุดให้โดยที่ไม่ต้องร้องขอ ก่อนที่มือข้างเดียวกันจะถือวิสาสะดึงบุหรี่ออกจากปากเขา  หลังจากที่เขาสูบได้ไม่นาน แล้วเอาไปคาบไว้เสียเอง

               “ถ้าจะสูบทำไมไม่หยิบออกมาอีกมวน มาแย่งผมทำไม”

               “ทำไมจะต้องสูบสองอันให้เปลืองด้วยล่ะ อีกอย่าง...สูบมวนเดียวกันก็เหมือนกับการจูบทางอ้อมไง” ผู้พันหนุ่มตอบก่อนจะพ่นควันลอยไปในอากาศ จนเป็นที่น่าหมั่นไส้ในสายตาชินดนัย

               “ผมทำถูกหรือเปล่า ที่ไม่บอกความจริงกับธรณ์” ชินดนัยอดที่จะเปรยขึ้นมาไม่ได้ ขณะทอดสายตามองฝ่าความมืดออกไป

               มีหลายวิธีที่เขาจะใช้ปกป้องธรณ์ แต่ชินดนัยก็ไม่รู้ว่า การปกป้องธรณ์โดยปิดบังความจริง เป็นวิธีที่ถูกต้องหรือเปล่า เพราะเขาคิดเอาเองว่า ตราบใดที่ธรณ์ไม่รู้ ธรณ์ก็คงไม่เจ็บ แต่ชายหนุ่มคงลืมนึกไปว่า...

               ความลับไม่มีในโลก อยู่ที่ว่าธรณ์จะรู้ช้าหรือรู้เร็ว

               “นายนี่ห่วงธรณ์มากจนฉันชักจะสงสัยแล้วนะ ว่าตกลงนายคิดกับธรณ์แค่เพื่อนหรือเปล่า”

               “พี่อย่ามาคิดอกุศลหน่อยเลย ผมก็แค่...เคยเห็นธรณ์เจ็บปวด เลยไม่อยากเห็นธรณ์ต้องเจ็บปวดมากไปกว่านี้อีกแล้ว ธรณ์เป็นเพื่อนที่ดีของผม”

               ไม่มีคำตอบจากนายทหารหนุ่ม เขาเพียงแต่ยืนสูบบุหรี่และปล่อยความคิดล่องลอยออกไป ถ้าจะมีใครซักคนเชื่อในสิ่งที่ชินดนัยพูดอย่างไม่มีข้อสงสัยและไร้ข้อกังขา คนนั้น...ก็คงจะเป็นตัวเขาเอง


====================


               “กูว่าชินมันตกส้วมตายไปแล้วหรือเปล่า หายหัวไปห้องน้ำเป็นชาติเลย”

               ธรณ์เปรยขึ้นมา หลังจากยืนฟังเขตแดนกับอเล็กซ์คุยกันเรื่องธุรกิจอยู่นาน พอเขตแดนออกปากว่า ถ้าหากได้กลุ่มเงินทุนคาร์เตอร์มาเป็นพันธมิตร คงจะดีกับอิสระคอนสตรัคชั่นไม่น้อย อเล็กซ์เลยรับปากว่าจะนำเรื่องที่เขตแดนเสนอเข้าหารือกับทางครอบครัว ยิ่งคุยกันเลยยิ่งถูกคอ จนธรณ์ยังนึกสงสัยอยู่ครามครันว่า ตกลงอเล็กซ์มันเป็นเพื่อนใครกันแน่ระหว่างเขากับเขตแดน

               “มึงว่างก็เดินไปดูที่ห้องน้ำสิธรณ์” อเล็กซ์เสนอความเห็นเข้าให้

               ธรณ์สบถด่าเพื่อนรักอย่างหยาบคาย แต่ก็ทำท่าว่าจะเดินไปตามชินดนัยที่ห้องน้ำตามที่อเล็กซ์เสนอ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกไป เวธน์ก็เดินเข้ามาหา

               “คุณสงครามจะกลับแล้วครับ”

               “นายไปส่งคุณพ่อแล้วกลับมารอรับฉันกับธรณ์ละกัน” เขตแดนสั่งเสร็จเลยถือโอกาสเรียกธรณ์กับอเล็กซ์ให้เดินไปส่งคุณสงครามด้วยกัน

               พอเดินออกมาเห็นคุณสงครามยืนรออยู่ก่อนแล้ว ธรณ์เลยถือโอกาสแนะนำอเล็กซ์ให้ผู้เป็นลุงรู้จัก และรีบสำทับว่าอีกฝ่ายเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ถึงได้พูดภาษาไทยปร๋อ แถมยังด่าไฟแล่บอีก

               “ยังไงพ่อกลับไปนอนที่บ้านธรณ์ก่อนละกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมค่อยพาพ่อกลับไปส่งที่บ้าน”

               “เดี๋ยวพองานเลิกธรณ์ก็คงจะกลับแล้ว ลุงครามพักผ่อนไปก่อนได้เลยนะครับ ดูท่าแล้วลุงครามน่าจะเหนื่อยน่าดู” ธรณ์อดเอ่ยอย่างเป็นห่วงไม่ได้ เพราะเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายดูซีดเซียว

               “ไม่ได้เหนื่อยอะไรมากหรอก ลุงแก่แล้วต่างหาก”

               ยืนล่ำลากันอยู่ซักพัก เวธน์ก็พาคุณสงครามไปยังลานจอดรถ พอส่งคุณสงครามเสร็จ ธรณ์ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าจะไปตามหาชินดนัย แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวไปไหน อเล็กซ์ก็เอ่ยขึ้นมาก่อนอย่างอารมณ์ดี

               “ไม่ต้องไปตามหาแล้วล่ะ เดินมานู่นแล้ว”

               ธรณ์มองตามสายตาของอเล็กซ์ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างออกมา เมื่อเห็นว่าชินดนัยไม่ได้มาคนเดียว แต่ยังมีนายทหารที่วันนี้อยู่นอกเครื่องแบบติดตามมาด้วย พออีกฝ่ายเข้ามาเดินเข้ามาใกล้ ธรณ์ก็เอ่ยทักทันที

               “ไม่เจอกันนานเลยนะครับผู้พัน ผมนึกว่าจะไม่ว่างมา เลยไม่ได้ส่งบัตรเชิญไปให้”

               “ไม่เป็นไรหรอก เชิญชินก็เหมือนกับเชิญผมนั่นแหล่ะ ว่าแต่...ได้ข่าวว่าวันนี้เนื้อหอมจนสาวรุมตอมหึ่งเลยหรือธรณ์” ผู้พันหนุ่มอดเอ่ยสัพยอกคนอายุน้อยกว่าไม่ได้ ผลคือคนเนื้อหอมถึงกับทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที

               “ผู้พันก็พูดเกินไป โทษทีที่ลืมแนะนำครับ นี่คุณเขตแดน เกียรติณรงค์ ผู้ปกครองผม ส่วนนี่ก็...”

               “พันตรีชนวีร์ จิรวงศ์ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเขตแดน”

               พอฟังนามสกุลของผู้มาใหม่ เขตแดนก็คลายความสงสัยทันที เพราะอีกฝ่ายคงจะเป็นญาติกับชินดนัยแน่แท้ เพราะเท่าที่รู้ ท่านนายพลผู้เป็นพ่อของชินดนัยมีลูกชายเพียงคนเดียว ซึ่งก็คือชินดนัย จิรวงศ์ ผู้ที่ไม่เคยคิดจะเจริญรอยตามผู้เป็นพ่อด้วยการรับราชการทหาร

               พอคุยกันไปซักพัก เขตแดนก็เลยรู้ว่าที่ธรณ์และอเล็กซ์รู้จักนายทหารหนุ่มเป็นอย่างดี เพราะผู้พันเดินทางไปราชการที่ต่างประเทศ และมีโอกาสพบปะกันอยู่หลายหน แต่เท่าที่เห็นจากสายตาตนเอง ดูเหมือนว่าอเล็กซ์กับผู้พันชนวีร์จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันอย่างไรชอบกล

               “คืนนี้ไปเมากันต่อไหมชิน พรุ่งนี้กูก็จะกลับอเมริกาแล้ว ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้เจอมึงสองคนอีก” อเล็กซ์มันพูดหน้าเศร้า ที่ธรณ์กับชินดนัยมองปราดเดียวก็รู้ว่ามันเสแสร้งแกล้งทำ เพราะคุณชายคาร์เตอร์เขานั่งเครื่องบินเป็นว่าเล่น ต่อให้อยู่ห่างกันคนละซีกโลกก็ตามที แต่ถ้าคุณชายเขาอยากมา ยังไงเขาก็จะมาหาให้จนได้

               “ขอโทษที พอดีชินต้องกลับกับฉัน คุณเขตต์ก็ต้องพาธรณ์กลับบ้านด้วยใช่ไหมครับ” ผู้พันหนุ่มไม่พูดเปล่า ยังหันไปดึงเขตแดนที่กำลังจะอ้าปากห้ามธรณ์มาเป็นพวกด้วยทันที

               “ถ้าอย่างนั้นกูกลับไปกินกับมึงที่บ้านละกัน คืนนี้กูไปค้างกับมึงนะชิน” อเล็กซ์เองก็ไม่ยอมเลิกรา เพราะเป็นลูกชายคนเล็ก คำว่าไม่ได้แทบจะไม่เคยปรากฏในพจนานุกรมของเขา

               “ขอโทษที คืนนี้ฉันนอนกับชิน คงไม่มีที่ว่างให้นายเข้ามาแทรกกลางหรอก”

               ธรณ์ยืนกลั้นหัวเราะ เหมือนเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นอะไรที่เห็นจนเคยชิน ส่วนเขตแดนได้แต่ยืนงง จนสุดท้ายแล้ว ชินดนัยก็ต้องเป็นฝ่ายไกล่เกลี่ย

               “เอาเป็นว่ามึงกลับไปนอนที่โรงแรมเหมือนเดิมนะอเล็กซ์ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้กูกับธรณ์จะไปส่งมึงที่สนามบิน ถ้ามึงคิดถึงพวกกูเมื่อไหร่ก็ค่อยบินมาหา เพราะกูรู้ว่านั่งเครื่องบินเป็นว่าเล่นนี่ก็เป็นหนึ่งในงานอดิเรกยามว่างของคุณชายคาร์เตอร์” ชินดนัยเอ่ยจบก็แสยะยิ้มอย่างรู้ทันเป็นการปิดท้าย

               “เออ! ไปนอนกอดพี่ชายมึงให้หายคิดถึงเลยนะชิน กูไปนอนโรงแรมก็ได้”

               ธรณ์มองแล้วก็ยิ้มขำกับท่าทีที่แกล้งทำเป็นหัวฟัดหัวเหวี่ยงของอเล็กซ์ ส่วนชินดนัยก็แค่ไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ เขากล้าพูดได้เลยว่าอเล็กซ์และชินดนัยเป็นเพื่อนรักเพียงสองคนของเขา ถึงจะมีน้อย แต่เขาก็รู้ว่าทั้งสองคนจะไม่มีวันหักหลังหรือทำให้เขาเสียใจเด็ดขาด


====================

[มีต่อนะคะ]
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 23-11-2012 10:08:33
               ส่งแขกจนเกือบหมดเรียบร้อยแล้ว ก็เหลือแขกกลุ่มสุดท้ายที่ยังปักหลักอยู่ ก็คือบรรดาเพื่อนรักของเจ้าของงานนั่นเอง ชินดนัยเป็นฝ่ายรับอาสาเอาอเล็กซ์ไปหย่อนไว้ที่โรงแรมที่เจ้าตัวเปิดห้องเอาไว้ ธรณ์เลยได้แต่ยืนส่งเพื่อนรักสองคนกับผู้พันหนุ่ม พอลับหลังทั้งสามคนแล้ว ก็พอดีกับที่เวธน์จัดการเคลียร์ธุระกับทางโรงแรมเสร็จพอดี เขตแดนกับธรณ์เลยถือโอกาสเตรียมตัวกลับบ้านกันเสียที

               “ผมไม่ได้ส่งคุณสงครามที่บ้านคุณธรณ์นะครับ พอดีท่านบอกให้ผมไปส่งที่บ้าน”

               เขตแดนพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ เพราะแต่ไหนแต่ไรมา พ่อของเขาก็เป็นคนติดบ้านอยู่แล้ว ขนาดเป็นบ้านของคุณธีรยุทธเอง พ่อของเขายังไม่ยอมมาค้างอ้างแรมอย่างเด็ดขาด ถ้าเกิดว่าไม่มีเหตุจำเป็น

               เวธน์บอกว่าจะไปเอารถมารับที่หน้าโรงแรม เขตแดนกับธรณ์เลยค่อยๆเดินออกมารอ กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็ปาไปเกือบห้าทุ่ม บรรยากาศรอบข้างเลยเงียบสงัด

               “จบซะที ถึงเมื่อก่อนผมจะเป็นคนชอบงานเลี้ยงสังสรรค์ แต่วันนี้ยอมรับเลยว่าเหนื่อยเอาเรื่อง ต้องเดินไปคุ้ยกับคนโน้นคนนี้ จะปฏิเสธก็ไม่ได้ บางเรื่องก็ไม่เข้าใจว่าเขาพูดถึงอะไรกัน แต่ก็ต้องเออออห่อหมกไปตามเรื่องตามราว” เจ้าของงานถือโอกาสบ่นออกมายาวเหยียด จนเขตแดนเผลอยิ้มออกมา

               “วงการธุรกิจก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ อีกหน่อยนายก็จะเข้าใจคำว่า ใส่หน้ากากเข้าหากันดีขึ้นกว่าเดิม”

               “คุณคงทำเป็นประจำล่ะสิ”

               “ถึงจะทำเป็นประจำก็ไม่ได้แปลว่าชอบทำ เรียกว่าสถานการณ์บังคับให้ต้องทำดีกว่า”

               ธรณ์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แต่ก็อดแขวะอีกฝ่ายไม่ได้

               “ขนาดไม่ได้ชอบทำคุณยังทำมันได้ดีเลย ถ้าเกิดคุณชอบทำ มีหวังคงได้รางวัลตุ๊กตาทองไปแล้ว”

               “แล้วนายล่ะ...ที่มีข่าวกับผู้หญิงไปทั่วก็เพราะชอบ ที่มีเรื่องชกต่อยกับคนอื่นก็เพราะชอบหรือ เพราะฉันเห็นว่านายก็ทำได้ดีเหมือนกันนี่”

               ถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะดีขึ้นกว่าเดิม แต่เขตแดนก็ไม่เคยยอมปล่อยให้โอกาสที่จะได้ต้อนธรณ์หลุดรอดไปได้ เรียกได้ว่าพออีกฝ่ายเผลอเปิดช่องโหว่เมื่อไหร่ เป็นต้องโดนไล่ต้อนจนตั้งรับแทนไม่ทันกันเลยทีเดียว

               “ผมก็เป็นเด็กผู้ชายนะคุณ ไม่มีเรื่องชกต่อยนี่สิแปลก เรื่องผู้หญิงมันก็ต้องมีบ้าง แต่นี่ผมก็พยายามลดอยู่ เรื่องชกต่อยก็ไม่มีมานานแล้ว แต่เรื่องความต้องการทางเพศคงห้ามกันยาก”

               “ฉันยังไม่เห็นต้องทำตัวเหมือนนายเลย”

               ธรณ์นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจ เขากำลังคิดไตร่ตรองว่าจะถามดีหรือไม่ สุดท้ายความอยากรู้ก็มีอำนาจเหนือความเหมาะสม

               “อืม...ผมก็ไม่เคยเห็นคุณมีข่าวหรือควงผู้หญิงเลยที่ไหนเลย ผมขอถามตามตรงเลยนะ คุณเป็นเกย์หรือเปล่า

               ถ้ากำลังจิบไวน์อยู่ เขตแดนคงได้สำลักไวน์แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ได้ดื่มอะไรอยู่ ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงแค่สำลักน้ำลายตนเอง ก่อนจะมองธรณ์เหมือนว่าอีกฝ่ายพูดภาษาต่างดาวอยู่

               “นายว่าอะไรนะ?”

               “คุณเป็นเกย์หรือเปล่า วันนั้น...คุณจูบผมด้วยนี่” ธรณ์เอ่ยประโยคหลังไม่เต็มเสียงนัก ไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองจะต้องหน้าแดงด้วย ทั้งที่ก็เคยเป็นฝ่ายจูบและถูกจูบมานักต่อนัก จะมาเกิดอาการประหม่าอะไรนักหนา กับอีแค่ถูกผู้ชายอย่างเขตแดนจูบ

               ใช่ว่าเขตแดนจะไม่เห็นอาการของธรณ์ เพราะเห็นและมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งนี่สิ เขาจึงอดที่จะแกล้งอีกฝ่ายไม่ได้ จะได้รู้กันไปว่าเวลาเพลย์บอยหนุ่มหลุดมาดแล้วจะเป็นอย่างไร

               “ไหนวันนั้นบอกว่าไม่รู้สึกอะไรไง อย่าบอกนะ ว่านายเก็บเอาจูบของฉันไปคิดจนถึงวันนี้ ติดใจหรือยังไง”

               “กะ...ก็คุณเป็นผู้ชายคนแรกที่ผมจูบด้วยนี่ มันไม่ได้ลืมกันง่ายแค่เพียงชั่วข้ามคืนหรอกนะ ตกลงคุณเป็นเกย์หรือเปล่าเนี่ย”

               “ไม่รู้เหมือนกันสิ”

               ธรณ์เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ถ้าเกิดเขตแดนตอบว่า ‘ไม่ใช่’ เขายังพอชื้นใจมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะมาตอบว่า ‘ไม่รู้’ ซึ่งตีความหมายได้หลายอย่าง ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นหรือเปล่า หรือไม่รู้ว่าในอนาคตจะเป็นหรือเปล่าล่ะ แต่อาการตกตะลึงของธรณ์ก็อยู่ได้ไม่นานนัก เพราะเขตแดนดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ ดวงหน้าคมเคร่งขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับโดยไม่มีเค้าความล้อเล่นแม้แต่น้อย

               “ความจริงฉันควรจะถามนายมากกว่านะ ว่านายมีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกันเหรอ”

               “คุณจะบ้าเหรอ เอาที่ไหนมาพูด” ธรณ์เผลอตะโกนออกไปเสียงดังด้วยความลืมตัว

               โชคดีที่ว่าเป็นเวลาดึกมากแล้ว รอบข้างพวกเขาจึงไม่มีใครอยู่ มีเพียงแค่พนักงานเปิดประตูของโรงแรมที่ปรายตามองมาเล็กน้อย แต่ทั้งธรณ์และเขตแดนก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะประเด็นที่กำลังสนทนากันมันดุเด็ดเผ็ดร้อนเกินกว่าจะหันเหความสนใจไปที่อย่างอื่นได้

               เขตแดนนึกย้อนกลับไป วันที่ชินดนัยอุ้มธรณ์กลับบ้านมา แล้วเขาเดินตามขึ้นไปถึงหน้าห้องธรณ์ เพียงเพื่อจะได้ยินเสียงครวญครางดังลอดออกมา โดยที่รับรู้ว่าชินดนัยอยู่กับธรณ์สองต่อสองข้างในห้อง มือเผลอกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว

               “ก็ฉันได้ยินว่านายกับชินดนัยมีอะไรกัน” แม้จะเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองคิดและได้ยิน แต่เขตแดนก็เอ่ยออกไปได้ไม่เต็มเสียงนัก เพราะท่าทางของธรณ์ตอนนี้หลุดมาดจนเรียกได้ว่า กำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงเต็มที่เลยทีเดียว

               ธรณ์อ้าปากค้าง ถ้าคนพูดไม่ใช่เขตแดน ไม่ใช่คนที่มีตำแหน่งเป็นผู้ปกครองของเขา ไม่ใช่คนที่เขาเริ่มจะยอมนับถืออีกฝ่าย ธรณ์คงเดินเข้าไปต่อยอีกฝ่ายจนหน้าหงายเป็นแน่แท้ เขตแดนเอาที่ไหนมาพูดกันว่าเขากับชินดนัยมีอะไรกัน ถึงเขากับชินดนัยจะสนิทสนมกัน แต่ก็ไม่เคยมีอะไรเกินเลยกันมากกว่าความเป็นเพื่อน และที่สำคัญ...


               ผู้ชายอย่างธรณ์ อิสรพัฒน์ ถึงจะมีประสบการณ์กับผู้หญิงโชกโชน แต่เขายังไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนเลยซักครั้ง ให้ตายเถอะ!


               “คุณเอาที่ไหนมาพูด ผมกับชินดนัยเนี่ยนะ...” กว่าธรณ์จะหาเสียงของตัวเองเจอ ชายหนุ่มก็แทบจะช็อค เหมือนโดนหมัดน็อคจากคู่ชกแบบไม่ทันตั้งตัว

               เขตแดนไม่แน่ใจว่าตนเองควรจะพูดในสิ่งที่รับรู้มาดีหรือไม่ แต่ถ้าเกิดเขาไม่พูด ก็เท่ากับเขาไปกล่าวหาธรณ์น่ะสิ เพราะฉะนั้นก็เหลืออยู่เพียงทางเลือกเดียว คือเขาต้องย้อนความหลังให้ธรณ์ฟัง ว่าตกลงแล้ว เรื่องคืนนั้นเขากับธรณ์เข้าใจตรงกันหรือไม่

               “ก็วันที่ชินดนัยพานายกลับมาบ้าน ป้าอุ่นบอกว่าสภาพนายไม่ค่อยดี มาตามฉันให้ไปดูอาการนายหน่อย ฉันก็เลยเดินขึ้นไปที่ห้องนาย แล้วก็...ได้ยินเสียงนายคราง” พูดประโยคสุดท้ายออกมาแล้ว เขตแดนก็รู้สึกว่าหน้าตนเองกำลังร้อนผ่าวด้วยความอับอายแทนเจ้าของเรื่อง ที่ตอนนี้กำลังยืนนึกเหตุการณ์วันที่เขาบอก ก่อนจะดีดนิ้วเปาะเมื่อนึกขึ้นได้ โดยที่ไม่ได้มีท่าทีกระดากอายอะไรแม้แต่น้อย

               “วันนั้นผมไม่ได้มีอะไรกับชินดนัยซะหน่อย คุณอย่าเพิ่งคิดไปเอง โดยที่ยังไม่เห็นได้ไหม” ธรณ์อดต่อว่าอีกฝ่ายไม่ได้ แค่ได้ยินเสียงเขาครางก็เอาไปคิดเป็นตุเป็นตะ

               “แล้วนายสองคนทำอะไรกัน อย่าบอกนะว่าเล่นเซ็กซ์โฟน”

               ธรณ์ไม่คิดเลยว่า พอคนสุขุมนุ่มลึกอย่างเขตแดนมาพูดจาทะลึ่งตึงตัง อีกฝ่ายจะพูดจาได้น่าเกลียดขนาดนี้ เขาเบ้ปากออกมาทันที ไม่ใช่ด้วยความรังเกียจ แต่คนอย่างธรณ์ อิสรพัฒน์ไม่เคยอดอยาก ขนาดต้องช่วยตัวเองด้วยเซ็กซ์โฟนเลยซักครั้ง เขตแดนจะดูถูกเขามากเกินไปแล้ว

               “บ้าหรือเปล่านะคุณ ผมกับชินไม่ได้มีอะไรกัน แล้วผมก็ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายด้วย”

               ไม่รู้ทำไมพอธรณ์บอกว่าไม่เคยมีอะไรกับผู้ชาย เขตแดนถึงได้รู้สึกพองในอก ราวกับความยินดีมันกำลังไหลเอ่อมาท่วมท้น จนไม่อาจจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ แค่คำพูดเพียงประโยคเดียว กลับทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความสุข เขา...กำลังเป็นอะไรอยู่กันแน่

               “แล้วที่วันนั้นนายคราง...”

               “ไม่ได้มีอะไรกันหรอก ชินแค่ช่วยผมปลดปล่อยก็แค่นั้นเอง”

               ธรณ์พูดเหมือนเรื่องปกติธรรมดาสามัญที่เพื่อนจะช่วยเพื่อน แต่ก็ทำเอาความสุขที่เพิ่งจะลอยตลบอบอวลของเขตแดนปลิวหายวับไปในทันที ดวงหน้าที่เมื่อครู่ยังระรื่นจนปิดไม่มิด เพียงไม่ถึงห้านาทีก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดยิ่งกว่ากดสวิตช์ แต่ไม่มีใครคิดจะมาใส่ใจหรือสังเกตสังกาแต่อย่างใด

               “แล้วทำไมชินถึงต้องช่วยนายด้วย”

               ถ้าไม่พูดความจริง ก็คงจะไม่มีทางคุยกันรู้เรื่องสินะ ถึงแม้จะเคยออกปากว่า เขตแดนจะเป็นคนสุดท้ายในโลก ที่ธรณ์อยากให้รู้ว่าเขาถูกมอมยา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า ธรณ์ต้องเป็นคนบอกเขตแดนออกไปเสียเอง ครั้นจะไม่บอก เขาก็คิดหาเหตุผลที่ชินดนัยต้องช่วยเขาไม่ออกเลยจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อเหตุผลนั้นต้องเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นสำหรับเขตแดนด้วยแล้ว ทางเดียวที่ธรณ์พอจะทำได้ก็คือ...บอกความจริง

               “ผมถูกมอมยา” ตอบออกไปแล้วธรณ์ก็ต้องเสหรุบตาลงต่ำ เหมือนเด็กที่ทำความผิดแล้วถูกผู้ใหญ่จับได้

               เขตแดนกลับต้องเป็นฝ่ายเบิกตากว้าง เขาทวนคำว่ามอมยาซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด ขนาดธรณ์ที่เขาเชื่อว่าเจนจัดยังพลาดถูกมอมยา โชคดีที่ธรณ์ยังรอดมาได้ ถ้าเป็นคนปกติทั่วไปเขาไม่อยากคิดเลย ว่าสุดท้ายจะลงเอยเช่นไร ถูกข่มขืน ถูกรูดทรัพย์ หรือถูกฆ่า

               “วันหลังนายก็ระวังหน่อยละกัน เดี๋ยวนี้ข้างนอกมันอันตราย โลกมันเปลี่ยนไปเยอะ ไม่ได้สวยงามอย่างที่นายคิดหรอก เรื่องเที่ยวน่ะเพลาๆได้บ้างก็ดี”

               “ก็หลังจากวันนั้นผมก็ยังไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนอีกเลย คุณก็เห็นอยู่”

               “ก็ดี หัดเข็ดหลาบซะบ้าง แต่สรุปแล้วคือ วันนั้นนายออกไปเที่ยว แล้วโดนมอมยา ชินดนัยก็เลยพานายกลับมาบ้านแล้วก็ช่วยนายแค่นั้นใช่ไหม ไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้นะ” เขตแดนเอ่ยทวนความเข้าใจของตนเองให้ธรณ์ฟังอีกรอบ

               “อืม...คุณนี่ถามอยู่นั่นแหล่ะ ผมบอกแล้วว่ากับชินน่ะเป็นแค่เพื่อน ผมไม่เคยมีอะไรกับผู้ชาย”

               “ฉันก็คิดว่านายกับชินดนัยมีอะไรกัน แต่ไม่มีอะไรกันก็ดีแล้วล่ะ”

               “มีได้ยังไงล่ะคุณ ขืนมีนะ...ผู้พันเขาเอาปืนมาส่องหัวผมพอดี” ธรณ์พูดติดตลก แต่เขตแดนถามกลับมาด้วยความสงสัย

               “ทำไมล่ะ ผู้พันเขาหวงน้องมากเลยหรือไง”

               “อย่ารู้เลย ไม่ใช่เรื่องของคุณหรอก” ธรณ์ตอบปัดไปอย่างไม่คิดที่จะเอามาเป็นประเด็น แล้วก็รีบเดินไปขึ้นรถที่เวธน์ขับมาจอดเทียบพอดี

               เขตแดนเองถึงแม้จะยังสงสัยกับคำพูดประหลาดของธรณ์ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอยากรู้อะไร เพราะถึงอย่างไรก็เป็นอย่างที่ธรณ์พูด ไม่ใช่เรื่องของเขา รู้ไปก็ไม่ได้อะไร อย่างน้อยเรื่องทั้งหมดที่รู้มาในวันนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้เขานอนหลับฝันดีแล้ว


====================


               เป็นความโชคดีที่เที่ยวบินของอเล็กซ์ออกตอนดึก ทุกคนจึงมาส่งอเล็กซ์หลังเลิกงาน แม้จะเป็นคนไปรับอเล็กซ์ที่โรงแรม และมาส่งที่สนามบินด้วยตัวเอง แต่ชินดนัยก็ยังอดบ่นไม่ได้

               “ความจริงกูไม่เห็นจำเป็นต้องมาส่งมึงเลย เมื่อก่อนมึงบินไปบินมาก็ไม่เห็นต้องให้ใครมาส่ง”

               “มีน้ำใจกับเพื่อนหน่อยชิน แล้วนี่ผู้พันเขาไม่มาส่งกูด้วยเหรอ” อเล็กซ์ถามพลางสอดส่ายสายตามองหาคนที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขา

               “ไม่มาหรอก กลับเข้ากรมไปแล้ว” ชินดนัยตอบอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่

               ซักพักธรณ์กับเขตแดนก็มาถึงสนามบิน หลังจากยืนปรึกษาหารือกัน สี่หนุ่มเลยตกลงว่าจะทานอาหารที่สนามบิน ก่อนที่อเล็กซ์จะต้องเข้าไปเช็คอิน และพอหนุ่มลูกครึ่งเช็คอินเรียบร้อยแล้ว คนที่มาส่งจะได้แยกย้ายกันกลับบ้านเสียที

               หลังจากทานอาหารกันเรียบร้อย และเตรียมจะแยกย้ายจากกัน เขตแดนก็ส่งถุงกระดาษใบเล็กที่หิ้วมาตลอดทางให้กับอเล็กซ์ ที่เลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจทันที

               “ของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆน่ะ”

               ธรณ์เบ้ปากทันที ขณะปรายตามองถุงกระดาษใบเล็ก ที่แม้แต่เขายังไม่รู้ว่าข้างในเป็นอะไร

               “ความจริงคุณไม่ต้องให้อะไรอเล็กซ์ก็ได้นะ เพราะยังไงหมอนี่มันก็มีทุกอย่างอยู่แล้ว”

               “รับรองว่าของที่ฉันให้ อเล็กซ์ต้องยังไม่มีแน่ๆ” เขตแดนพูดยิ้มๆ

               พอได้ยินที่เขตแดนพูด ธรณ์กับชินดนัยเลยขมวดคิ้วด้วยความสงสัยทันที อะไรกันที่คุณชายคาร์เตอร์ยังไม่มี อเล็กซ์เองก็เหมือนจะรู้ใจเพื่อนรัก รีบหยิบของในถุงออกมาดูทันที ก่อนที่ชินดนัยจะเป็นคนหลุดเสียงหัวเราะออกมาคนแรก

               “อืม...กูก็มั่นใจว่ามึงยังไม่มีหว่ะ สมุดออแกร์ไนเซอร์ของอิสระคอนสตรัคชั่นเนี่ย”

               “ของชำร่วยของบริษัทกู” ธรณ์พึมพำเบาๆ

               “พวกมึงนี่ อย่างน้อยคุณเขตต์เขาก็มีน้ำใจเอามาให้ ไม่เหมือนพวกมึงสองคนที่เป็นเพื่อนกู แต่ไม่เคยคิดที่จะให้อะไร แล้วยังมีหน้ามาหัวเราะคนอื่นที่มีน้ำใจอีก”

               ชินดนัยได้แต่หัวเราะหึๆในลำคอ ไม่เถียงอะไร ส่วนธรณ์ก็เร่งให้อเล็กซ์เดินไปเช็คอิน แล้วจะได้รีบเข้าเกทไปซะ คนอื่นจะได้แยกย้ายกันกลับบ้านกลับช่องเสียที แต่สุดท้ายกว่าจะเรียบร้อยกันก็กินเวลาอีกนานโข พอส่งอเล็กซ์เดินเข้าเกทไปแล้วเรียบร้อย ชินดนัยก็แยกตัวกลับไปทันที

               “เราก็กลับกันเลยดีกว่า”

               ช่วงเวลาที่ไม่เข้าใจกัน แม้ไม่อาจจะเรียกร้องกลับคืนมาได้ แต่การสร้างช่วงเวลาที่มีความสุขก็ไม่ใช่เรื่องยาก ตราบเท่าที่แต่ละคนเรียนรู้ที่จะเปิดใจเข้าหากัน

               หลังจากเขตแดนและธรณ์เดินกันไปไม่ทันไร ร่างระหงที่เพิ่งเดินออกมาจากส่วนผู้โดยสารขาเข้าก็ขยับถอดแว่นกันแดดออก ดวงหน้าหลังกรอบแว่นดูสวยเฉี่ยว แม้อายุอานามจะมากพอสมควร หญิงสาวขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ยามเพ่งมองไปยังสองร่างที่เดินเคียงข้างกันไป

               “นั่นใช่ลูกชายฉันหรือเปล่า”

               “ใช่ครับ นั่นคุณเขตแดน เกียรติณรงค์ครับ”

               “คิดไม่ถึงเลยว่า ลูกชายฉันจะโตขนาดนี้แล้ว จำแทบไม่ได้เลย แล้วผู้ชายที่เดินอยู่ด้วยกันล่ะ รู้หรือเปล่าว่าเป็นใคร”

               “คุณธรณ์ อิสรพัฒน์ครับ เห็นว่าเพิ่งกลับมาจากอเมริกา และมีงานเลี้ยงเปิดตัวไปเมื่อคืนที่ผ่านมานี่เองครับ” ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำที่ยืนอยู่ข้างหลังตอบด้วยความนอบน้อม

               ริมฝีปากที่แต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงสดเม้มแน่น ก่อนจะขยับเหยียดออกเป็นรอยยิ้ม ที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ว่า เจ้าของรอยยิ้มกำลังคิดอะไรอยู่


               “ธรณ์ อิสรพัฒน์ อิสรพัฒน์อีกแล้วหรือ?”


TO BE CONTINUE


๐ มาต่อแบบเร็วๆ และยาวๆจุใจค่ะ ตอนต่อไปคงจะอีกซักพัก ช่วงนี้เป็นช่วงที่หัวหมุนมาก
๐ ตอนนี้หวานอีกแล้ว พี่เขตต์กับธรณ์เขาเคลียร์กันแล้วเนอะ สองคนช่วยกันสร้างรังรักของเราสอง รอให้สร้างรังรักเสร็จก่อน เสร็จเมื่อไหร่ รังแตกแน่ๆ
๐ ชินดนัยยังคงมุ่งมั่นจะเก็บความลับต่อไป แต่ความลับไม่มีในโลกอยู่แล้วเนอะ สู้ๆชินดนัย
๐ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้มากๆเลยนะคะ เขียนไปอาจจะมีติดขัดบ้าง ติได้เลยค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 23-11-2012 11:19:06
พี่เขตต์ดีใจล่ะสิ  :m12:



แต่รู้สึกว่าเหมือนดราม่าจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  :m29:


หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 23-11-2012 12:20:40
ความลับมันไม่มีในโลกนะ เอาใจช่วยชินที่จะไม่ให้ธรณ์รู้ความลับอันนี้
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 23-11-2012 13:58:52
เข้ามากริ๊ดชินดนัยกับผู้พันชนวีร์


เหอๆ อวยคู่รอง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 23-11-2012 14:43:50
แปลว่าพอเริ่มรักกันแล่วจะดราม่าหรอ
อยากอ่านต่อแต่รอได้ค่าา
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 23-11-2012 15:50:42
อ๊าย

มีอีกคู่เหรอเนี่ย ชอบคนในเครื่องแบบ

ผู้พัน ^^
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 23-11-2012 17:22:27
คลื่นลมสงบก่อนพายุจะมา
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 23-11-2012 18:18:42
ความลับไม่มีในโลก
และแม่ของเขตแดนก็กำลังจะเป็นผู้สานต่อ ธรณ์ตอนรู้ความจริงจะขนาดไหนนะ เกลียดคนทั้งโลกไปเลยรึเปล่า
เกลัยดความรักระหว่างผู้ชายไปเลยมั้ย หรืออะไร หูยยยยยย ดราม่าจัดหนักแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: It_s_me ที่ 23-11-2012 18:26:01
คดีพลิกชินดนัย ที่แท้ก็ชายเหนือชายด้วยกัน โถๆๆ
คุณแม่เขตแดนดูท่าไทม่เบานะคะ น่าจะเป็นหนึ่งในอุปสรรคชิ้นโต
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 23-11-2012 19:46:32
เคลียร์ไปหนึ่งเรื่อง เรื่องคืนนั้น ธรณ์ไม่ได้มีอะไรกับชินนะจ๊ะพี่เขต สบายใจยังพี่ พี่เขตดูหวงธรณ์มากจริง ๆ รักเค้าแล้วสินะ
ส่วนธรณ์ก็ร้อนอกร้อนใจต้องแก้ตัว เอ๊ย รีบเล่าความจริง ก็ดูใส่ใจพี่เขตเป็นพิเศษเช่นกัน ลุ้นต่อไปจ้า...
ชินขู่พ่อพี่เขตซะหงอเลยแอ๊ ภาพนั้นมันอาไร๊ เป็นอย่างที่คนอ่านเดารึป่าวนะ
แม่พี่เขตเปิดตัว เป็นผู้หญิงแบบไหน ยังไง ดูมีลับลมคมในนะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 23-11-2012 20:34:22
เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพี่เขตกะน้องธรณ์เหมือนกำลังไปด้วยดี

แต่รู้สึกว่าจะมีเรื่องปมปัญหาต่างๆ กำลังตามมาอีกเยอะเลย ทั้งเรื่องรูปของชิน แล้วที่ทิ้งท้ายไว้

คนแต่งทิ้ง ปล.ซะเรากลัวเลยค่ะ รังจะแตกเลยหรอคะเนี่ย

ปล. คู่น้องชินน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 23-11-2012 22:43:25
รู้สึกว่า ยิ่งอ่านยิ่งหนุก ตอนอ่านตอนแรกคิดว่าเขียนเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และบรรยายดีขึ้น
ต่อมาเริ่มติด ต่อมารู้สึกว่ามันสนุกทั้งการบรรยาย การใช้คำ การเล่าเรื่อง (เอ๊ะ หรือเราชอบแนวนี้ก็ไม่รู้เน้)
รู้สึกว่าคนเขียนมีการพัฒนาจากนิยายเรื่องก่อนอย่างมากเลยค่ะ เพราะมันสนุกขึ้นมากเลย รู้สึกความห่วงใยละยังมีปมอีกด้วยย
อยากรู้มากกกกก ยังไงก็ติดตามตอนต่อไปนะคะ สู้ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 23-11-2012 23:37:20
อ่านข้ามไปตอนนึง ว่าแล้วว่าทำไม งงๆ
ชอบเรื่องนี้มาก <3
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 24-11-2012 00:12:28
หะะ !!!! อย่าบอกนะว่า ผู้พัน กับชินดนัยเป้นแฟนกัน
โอ้ม่ายยยยยยยยยยย :serius2: อยากรู้จังเลยเป็นแฟนกันได้ไงอ่ะ :z3:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-11-2012 02:14:32
 :z1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 24-11-2012 07:27:47
แม้ว่าอะไร ๆ ที่คาใจท่านประธาน จะกระจ่างแล้ว
ส่วนนายทหารหนุ่ม จะมีอะไรกับใครระหว่าง น้องชายลูกนายพลกับลูกชายของ ตระกูลคาร์เตอร์ คงต้องลุ้นกันต่อไป
แต่ตัวละคร ตัวใหม่นี่คงไม่ธรรมดา เพราะความลับไม่มีในโลก  :m28:
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ
ปล. สู้ ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 24-11-2012 23:29:43
รออยู่นะค้าบบบบบ คนเขียนที่รัก  :L2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 28-11-2012 02:14:38
น่าจะอัพอายุทั้งคู่สักคนละสี่ห้าปีนะคะ
อายุ29มันดูเด็กไปหน่อย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 28-11-2012 08:34:41
ผู้พันกับชิน  :-[

ไม่อยากจะนึกถึงวันที่ธรณ์รู้ความจริงเล้ยยย >.<
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 01-12-2012 13:14:57
มีตัวละครเพิ่มมาให้ปวดหัวอีกแล้ว

มันทั้งน่าสนุกและน่าปวดหัวอ่ะนะ

เรื่องลุงครามก็เป็นอย่างที่คิดสินะ

และคาดว่าธรณ์ต้องรู้ความจริงจากแม่เขตแดนเป็นแน่ (เดานะ)



หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 11 :: 23.11.2012」หน้าที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 02-12-2012 08:20:36
ตามอ่านทันแล้ววววว
ลุงครามกับคุณพ่อนี่เคยเป็นคู่รักกันรึป่าว
ชินดนัยถึงไม่อยากให้รู้
แถมแม่ของเขตต์ยังพูดแบบนี้ด้วย
ยังไงก็รอวันที่ความจริงเปิดเผยล่ะเนอะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 05-12-2012 21:40:25

“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 12


               หลังจากที่ธรณ์และเขตแดนหันมาคุยกันอย่างเปิดอก ก็ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มสองคนจะดีขึ้นตามลำดับ อาการงัดข้อก็ลดน้อยลง แต่ก็ยังคงมีบ้างที่ต่างฝ่ายต่างพยายามที่จะท้าทายซึ่งกันและกัน ยกตัวอย่างเช่น ตอนสายของวันที่ธรณ์เดินดุ่มเข้ามาเคาะประตูห้องทำงานของเขตแดน

               “เชิญ!”

               หลังจากที่เจ้าของห้องอนุญาต ชายหนุ่มร่างสูงก็เปิดประตูพรวดเข้ามาพร้อมกับแฟ้มเอกสารหลายอัน ธรณ์เดินนิ่วหน้ามาทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามเขตแดนที่ยังคงสาละวนกับการเซ็นเอกสาร แต่ผู้มาเยือนก็นั่งรอด้วยความอดทน พยายามย้ำอยู่เสมอถึงตำแหน่งประธานบริษัทของอีกฝ่าย ยามอยู่ที่บริษัทและต่อหน้าคนอื่น ธรณ์จะเคารพเขตแดน อาจมีบ้างที่โต้แย้งตามเหตุและผล แต่ก็ไม่ได้คิดก้าวก่ายอำนาจประธานบริษัท แต่ถ้าอยู่ที่บ้านหรือตามลำพังก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

               “มีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า?” เขตแดนถามเสียงเรียบเรื่อยโดยที่ยังไม่ยอมละสายตาจากเอกสาร จนเป็นภาพที่น่าหมั่นไส้สำหรับธรณ์เหลือเกิน

               ธรณ์วางแฟ้มเอกสารลงตรงหน้า ก่อนจะเอาปลายปากกาชี้ตัวเลขที่ถูกวงด้วยปากกาสีแดง

               “ทำไมงบประมาณที่ผมเสนอเพื่อรับรองลูกค้าถึงถูกตีกลับล่ะ”

               “นายคิดว่าทำไมถึงถูกตีกลับล่ะ” เขตแดนย้อนถามกลับ โดยที่มือก็ยังตวัดปากกาเซ็นเอกสาร ไม่ได้เงยหน้ามามองธรณ์แม้แต่น้อย จนธรณ์อดที่จะหงุดหงิดคนที่ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทไม่ได้ ว่าทำไมเขตแดนจะต้องตอบคำถามเขาด้วยคำถามเสมอ

               “ถ้าผมรู้ ผมจะมาถามคุณเหรอครับ”

               “ฉันอยากให้นายลองไตร่ตรองด้วยตัวเองดูก่อนที่จะวิ่งโร่มาหาฉัน เพราะที่นี่ไม่ใช่โรงเรียน และฉันไม่ใช่คุณครูที่จะมาคอยสอนและบอกทุกอย่าง นี่คือชีวิตจริง ทุกอย่างต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง”

               แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังสอนด้วยความปรารถนาดี แต่ธรณ์ก็อดขุ่นในอารมณ์ไม่ได้ เขาก้มลงกวาดสายตามองเอกสาร ไล่สายตาไปมาอยู่นาน แต่เขตแดนก็ไม่ได้เอ่ยเร่งอะไร ปล่อยให้ธรณ์ได้ใช้เวลาอย่างเต็มที่ จนในที่สุดชายหนุ่มก็ยอมแพ้

               “ผมหาไม่เจอ ช่วยบอกหน่อยได้ไหม”

               เขตแดนวางปากกาลง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วกอดอกมองธรณ์ ที่นั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะยังหาจุดที่ผิดพลาดไม่เจอ ท้ายที่สุดชายหนุ่มก็ต้องหยิบเอกสารอีกฉบับออกมาวางตรงหน้าธรณ์

               “งบประมาณสำหรับแต่ละแผนกในแต่ละปีจะถูกกำหนดเอาไว้แล้ว และงบประมาณที่นายเสนอมาเพื่อขออนุมัติก็เกินโควตา ถ้าจะให้ฉันอนุมัตินายก็ต้องลดงบประมาณลง”

               “แต่คุณก็รู้ว่าเราต้องเต็มที่กับลูกค้าเสมอ ถ้าคุณมาบีบงบประมาณแบบนี้แล้วผมจะทำยังไง”

               “นั่นก็เป็นหน้าที่ของนาย บริษัทให้งบนายสิบ นายก็ต้องจัดสรรสิบที่ได้ไปให้พอใช้ ไม่ใช่มาขอเพิ่ม ถ้าฉันเพิ่มงบประมาณให้แผนกต่างประเทศ พอแผนกอื่นรู้ก็จะพากันมาขอ แล้วมันก็จะเสียการปกครอง หวังว่านายคงเข้าใจ ส่วนจะทำยังไงให้สิบที่ได้ไปเกิดประโยชน์สูงสุด นายก็ต้องไปคิดเอาเอง”

               ธรณ์พยักหน้ารับเป็นเชิงเข้าใจ แต่เขาจะจัดสรรงบประมาณที่มีอยู่อย่างไรก็เป็นปัญหาของเขา นี่ก็ไม่ต่างอะไรจากการถูกจำกัดค่าขนมหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธรณ์ที่มักจะเลือกสิ่งที่ดีสุดเสมอ และนิสัยนี้ก็ยังคงเป็นอยู่ แม้จะนำมาปรับใช้ในการรับรองลูกค้า เพราะธรณ์เลือกโรงแรมห้าดาว ห้องอาหารระดับภัตตาคาร โปรแกรมทัวร์ระดับวีไอพี งบมันถึงได้บานปลายจนเขตแดนต้องส่ายศีรษะ

               สุดท้ายชายหนุ่มก็ทำได้เพียงแค่รวบแฟ้มแล้วขอตัวออกจากห้องทำงานของเขตแดน ปล่อยให้ประธานบริษัทหนุ่มนั่งทำงานต่อไปอย่างอารมณ์ดี ซึ่งเขาก็ไม่คิดจะหาสาเหตุหรอกว่าอีกฝ่ายอารมณ์ดีเรื่องอะไร พอกลับมาที่โต๊ะทำงานของตนเอง นั่งลงบนเก้าอี้ยังไม่ทันไร ภวินท์ก็เดินเข้ามาหาผู้มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าโดยตรงทันที

               “คุณธรณ์ครับ มิสเตอร์จอห์น วิลสันที่เคยติดต่อว่าจะขอเข้ามาพบคุณธรณ์ จะเดินทางมาถึงประเทศไทยพรุ่งนี้ เขาขอนัดหมายเป็นช่วงบ่ายวันศุกร์นะครับ”

               “เดี๋ยวขอผมเช็คตารางงานก่อนนะครับคุณภวินท์”

               ธรณ์คว้าสมุดออร์แกไนเซอร์มาเปิดดู เขาจำได้ว่ามิสเตอร์วิลสัน คือคู่ค้ารายใหม่ที่เพิ่งติดต่อเข้ามา และเขาก็รับจะเป็นผู้ดูแลและรับผิดชอบทุกอย่างตลอดจนกระทั่งการรับรองแขกเอง แม้ว่าปกติคู่ค้าทุกรายจะต้องผ่านการสกรีนจากเขตแดนก่อนก็ตาม ถ้าการเจรจาราบรื่น นี่ก็จะเป็นผลงานชิ้นแรกของธรณ์ และมิสเตอร์วิลสันก็จะเป็นคู่ค้ารายแรกของธรณ์ด้วยเช่นกัน

               “โอเคครับคุณภวินท์ วันศุกร์ผมไม่ติดธุระอะไร นัดหมายกับเขาได้เลยครับ”

               “ได้ครับ ยังไงถ้ามีรายละเอียดเพิ่มเติม เดี๋ยวผมจะแจ้งคุณธรณ์อีกทีนะครับ”

               ธรณ์ยิ้มรับ ก่อนจะก้มลงจดนัดหมายลงไปในสมุดออร์แกไนเซอร์ของตัวเอง เสร็จแล้วก็สาละวนกับการแก้งบประมาณการรับรองลูกค้าของแผนก ที่ธรณ์คงต้องมาหัวหมุนกับการปรับเปลี่ยนขนานใหญ่ เพราะบางครั้งสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด ก็ไม่ได้แปลว่าเหมาะสมที่สุดเสมอไป


====================


               ช่วงเย็นหลังเลิกงาน คฤหาสน์อิสรพัฒน์มีโอกาสได้ต้อนรับแขกอีกสองคนอย่างกระทันหัน เพราะจู่ๆหนึ่งในแขกสองคนก็โทรศัพท์มาบอกธรณ์ว่าจะขอมาร่วมโต๊ะอาหารเย็นด้วย ธรณ์เองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรอยู่แล้ว จึงบอกให้อีกฝ่ายมาได้เลย ป้าอุ่นเรือนเลยต้องรับหน้าที่จัดการอาหารเย็นเพิ่ม ซึ่งแกก็ไม่ได้ลำบากอะไร ออกจะชอบเสียด้วยซ้ำที่มีแขกมาร่วมโต๊ะอาหารกับคุณชายของแก

               ทันที่กลับมาถึงและเดินเข้าบ้านมาพร้อมเขตแดน ธรณ์ก็ต้องเลิกคิ้วนิดๆ เมื่อเห็นว่าแขกที่จะมาร่วมโต๊ะอาหารเป็นฝ่ายมารออยู่ก่อนแล้ว บนโต๊ะตัวเล็กมีของว่างและกาแฟที่พร่องไปเล็กน้อย บ่งบอกว่าแขกคงจะมาถึงซักพัก ธรณ์และเขตแดนหันไปทักทายคนที่อายุมากกว่าก่อน เสร็จแล้วธรณ์จึงหันมาหาเพื่อนรักตนเองที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่

               “เป็นอะไรมึง”

               “พอดีผมชวนเขาเปลี่ยนที่นอนไปนอนที่กรมน่ะ เลยไม่สบอารมณ์เท่าไหร่”

               “พี่มานอนที่เรือนเล็กก็หมดเรื่อง ทำไมต้องให้ผมไปนอนบ้านพักที่กรมด้วยเล่า”

               “เกรงใจคุณลุงคุณป้า”

               “เกรงใจอะไรกัน พ่อกับแม่ผมเขารักพี่ยิ่งกว่าลูกในไส้อย่างผมอีก”

               ถึงถ้อยคำของชินดนัยจะฟังดูประชดประชัน แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้รู้สึกอิจฉาคนที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายตามกฎหมาย ออกจะพอใจเสียด้วยซ้ำที่ท่านนายพลกับคุณหญิงรักและเอ็นดูผู้พันชนวีร์ เพียงแค่หมั่นไส้นายทหารหนุ่มที่ชอบหมกตัวอยู่ที่กรมทหาร นานทีปีหนถึงจะยอมกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์จิรวงศ์ ไม่รู้จะคิดมากแล้วก็เกรงอกเกรงใจอะไรกันนักหนา

               “ผู้พันเขามีสาวซ่อนไว้ที่กรมทหารหรือเปล่ามึง” ธรณ์แกล้งแหย่เพื่อนรัก

               ผลที่ได้คือคนถูกพาดพิงสะดุ้งทันควัน ส่วนเพื่อนรักอย่างชินดนัยก็ทำตาวาววับ ที่ดูแล้วว่าเดี๋ยวคงต้องมีเคลียร์กันนอกรอบแน่ๆ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น ที่ทำได้จึงมีแค่การถามหน้านิ่งๆ

               “จริงหรือครับ”

               “เชื่ออะไรกับธรณ์เล่า ฉันไม่ใช่เพลย์บอยแบบธรณ์นะ จะได้มีสาวซุกไว้เป็นกระบุง อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เล็กยังไม่รู้นิสัยกันอีกเหรอ”

               ผู้พันหนุ่มถือโอกาสโยนเผือกร้อนกลับมาให้ธรณ์ทันที และก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน คนที่กำลังจะกลายเป็นอดีตเพลย์บอยถึงได้เหลือบตามองเขตแดน ก่อนจะรีบแก้ตัวทันที

               “อะไรกันผู้พัน เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยมีแล้วนะ วันๆทำแต่งาน”

               “หึหึ อย่าให้มีใครมาเรียกร้องตำแหน่งสะใภ้ตระกูลอิสรพัฒน์ละกัน”

               เขตแดนปรายตามองธรณ์นิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยขอตัวไปที่ห้องหนังสือ โดยไม่ลืมที่จะบอกว่า ถ้าเกิดป้าอุ่นเรือนเตรียมอาหารเรียบร้อยก็ให้เข้าไปตามเขาด้วย พอนักธุรกิจหนุ่มเดินไปแล้ว ธรณ์ก็ทำหน้าอิหลักอิเหลื่อพิกลก่อนจะเปรยเบาๆ

               “เป็นอะไรของเขา สงสัยจะโมโหหิว”

               นายทหารหนุ่มแทบอยากจะหลุดหัวเราะมา เพลย์บอยหนุ่มที่ดูหญิงสาวออกมานักต่อนัก ประสบการณ์โชกโชนจนเรียกได้ว่าเจนสนาม กับดูอาการง่ายๆของคนใกล้ตัวไม่ออก แต่เอาเถอะ เขาจะสงเคราะห์ให้หน่อยละกัน เผื่อบุญกุศลจะหนุนนำความรักของเขาให้ราบรื่นบ้าง

               “เขาหึง”

               แค่สองคำที่หลุดออกมาจากปากผู้พันชนวีร์ ก็เรียกอาการอ้าปากค้างจากธรณ์ได้ทันที ขณะที่ชินดนัยเองก็มีสีหน้าเคร่งเครียดทันควัน

               “เฮ้ย! ผู้พัน มุกนี้ไม่ขำนะเนี่ย” ธรณ์ปฏิเสธออกไปเสียงหลง แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมพอรู้ว่าเขตแดนอาจจะหึงตัวเองอยู่ มันถึงได้รู้สึกพองในอกอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับว่าตัวเขาเองกำลังพึงพอใจที่ถูกเขตแดนหึงหวงอยู่ยังไงยังงั้นเลย

               “ผมไม่ได้มุก พูดไปตามที่เห็นเนี่ยแหล่ะ”

               ธรณ์นิ่งเงียบไปทันที ใคร่ครวญไตร่ตรองท่าทางของเขตแดน โดยที่ไม่รู้ว่าได้ตกเป็นเป้าสายตาให้เพื่อนรักลอบสังเกตอาการอย่างไม่สบายใจ ขณะเดียวกันผู้พันชนวีร์ที่มองท่าทีของชินดนัยอยู่ก็นึกรู้ความคิดของอีกฝ่าย ถึงได้เอื้อมมือมาแตะข้อศอกชินดนัยคล้ายจะปราม

               “ใจมันบังคับกันไม่ได้หรอก ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามที่ต้องการ”

               ธรณ์คิดว่าประโยคที่นายทหารหนุ่มพูดลอยๆ คงเจาะจงพูดกับตัวเขาและหมายถึงตัวเขาเอง แต่คงมีแค่คนพูดและชินดนัยที่รู้ ว่านายทหารหนุ่มต้องการจะสื่อถึงใคร


====================


               พอป้าอุ่นเรือนจัดโต๊ะอาหารเสร็จเรียบร้อย ธรณ์จึงถือโอกาสขอตัวไปตามเขตแดนที่ห้องหนังสือ ปล่อยให้ชินดนัยกับผู้พันชนวีร์ล่วงหน้าไปรอที่โต๊ะอาหารก่อน พอเห็นเพื่อนรักเดินไปแล้ว ชินดนัยก็หันมาเปิดฉากสนทนากับนายทหารหนุ่มทันที

               “ผมไม่เห็นด้วยเรื่องธรณ์กับคุณเขตต์หรอกนะ ถ้าเป็นพี่เป็นน้องกันก็อีกเรื่อง”

               “นายบังคับธรณ์ได้หรือไง”

               แค่ประโยคเดียวจากผู้พันชนวีร์ ก็ทำเอาชินดนัยถึงกับนิ่งงัน เขาและธรณ์เป็นเพื่อนรักกัน แน่นอนว่าธรณ์คงฟังในสิ่งที่เขาพูด แต่จะเชื่อหรือเปล่าก็อีกเรื่อง ถ้ามีเหตุผลสมควรเชื่อ ธรณ์ก็เชื่อ แต่ถ้าธรณ์คิดว่าเหตุผลมันไร้สาระ ชายหนุ่มก็เลือกที่จะไม่เชื่อ และครั้งนี้ชินดนัยก็ไม่รู้ว่า เหตุผลที่เขาเป็นห่วงและไม่อยากเห็นธรณ์เจ็บปวด มันมีน้ำหนักพอให้ธรณ์เชื่อเขาได้หรือเปล่า

               “คุณเขตต์ก็เป็นคนดี แต่ผม...ไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งยากไปมากกว่านี้อีกแล้ว”

               “นายอย่าเพิ่งกลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงเลย มันอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่นายคิดก็ได้”

               ชินดนัยถอนหายใจยาว ขยับปากจะเอ่ยโต้แย้งว่าเขารู้จักธรณ์ดีแค่ไหน แต่ไม่ทันได้เอ่ยปากก็ต้องเงียบ เพราะธรณ์และเขตแดนพากันเดินออกมาจากห้องหนังสือเรียบร้อย เห็นสีหน้าธรณ์ในวันนี้ ชินดนัยก็ต้องยอมรับว่าดีขึ้นมาก ธรณ์ดูมีความสุขกว่าช่วงแรกๆ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าความสุขนี้จะอยู่กับธรณ์อีกนานแค่ไหน

               ด้านนายทหารหนุ่มเองมองท่าทีของเขตแดนก็นึกรู้ สายตาของเขตแดนที่คอยมองตามและรับฟังทุกเรื่องที่ธรณ์พูด มันก็ไม่ต่างอะไรจากตัวเขาที่คอยมองชินดนัย เคยคิดว่าเป็นสายตาที่พี่ชายมองน้องชาย ก่อนจะมารู้เอาภายหลังว่าความรู้สึกมันได้ก้าวข้ามเส้นแห่งความเป็นพี่น้องไปแล้ว อุปสรรคแรกที่เขาและเขตแดนต้องเจอก็คงไม่พ้นความเป็นผู้ชายเหมือนกัน ส่วนอุปสรรคต่อมาของเขา ก็หนีไม่พ้นความเป็นจิรวงศ์ที่ค้ำคออยู่ สำหรับเขตแดนเองก็คงเป็นเรื่องเดียวกับที่ชินดนัยกำลังกังวล เลยไม่รู้ว่าสำหรับเขาและเขตแดน อุปสรรคของใครกันแน่ที่ใหญ่หลวงกว่ากัน


               ระหว่างความรู้สึกของเขตแดน เกียรติณรงค์ที่มีต่อธรณ์ อิสรพัฒน์ หรือความรู้สึกของพันตรีชนวีร์ จิรวงศ์ที่มีต่อชินดนัย จิรวงศ์


               ผู้พันหนุ่มเลือกนั่งลงข้างชินดนัย ปล่อยให้เขตแดนยึดที่นั่งข้างธรณ์ การรับประทานอาหารเป็นไปอย่างครึกครื้น เพราะสำหรับชินดนัยแล้ว นอกจากไม่พอใจเรื่องที่เขตแดนอาจจะคิดเกินเลยกับธรณ์ เขาก็ยังไม่เห็นข้อเสียอย่างอื่นของเขตแดน อย่างน้อยเขาก็รู้และมั่นใจว่า...

               เขตแดนคงเอาธรณ์อยู่แน่ๆ

               “ธรณ์นี่โชคดีนะครับ ที่ได้คุณเขตต์เป็นพี่ชาย

               คำพูดของชินดนัยจะไม่สะดุดหูเขตแดนเลย ถ้าหากเจ้าตัวจะไม่ย้ำคำว่า ‘พี่ชาย’ ชัดเจน เขามองสบตากับอีกฝ่าย ซึ่งชินดนัยก็ไม่ได้หลบสายตา ยังกระตุกยิ้มที่มุมปากน้อยๆ

               “ผมกับธรณ์เราต่างก็เป็นลูกชายคนเดียวครับ”

               “ผมถึงบอกว่าธรณ์โชคดีไงครับ ที่เป็นลูกชายคนเดียวแล้วคุณเขตต์ยังมาเอ็นดูเป็นน้องชายอีก เป็นพี่ชายน้องชายนี่ความสัมพันธ์มันยืนยาวนะครับ เพราะยังไงพี่น้องกันก็ตัดไม่ขาด”

               นายทหารหนุ่มแตะแขนชินดนัยเป็นเชิงปราม คล้ายจะบอกให้รู้ว่าชินดนัยกำลังล้ำเส้นมากไปแล้ว แต่นี่ก็ไม่ใช่เวลาที่ชินดนัยจะมาสนใจอะไร ในเมื่อสิ่งที่เขาสนใจมีเพียงการตัดไฟแต่ต้นลม

               “คงต้องถามธรณ์ครับ ว่าอยากให้ผมเป็นพี่ชายหรือเป็นแค่คุณเขตแดนของเขา

               คราวนี้คนที่อุตส่าห์นั่งทานข้าวเงียบๆถึงกับกระแอมออกมา ก็เขตแดนย้ำคำว่า ‘ของเขา’ ชัดเหลือเกิน จนธรณ์อดไม่ได้ต้องเอ่ยปากออกมา

               “คุณเขตต์ก็ต้องเป็นพี่ชายอยู่แล้วสิ คุณเขตต์เขาอายุมากกว่ากูนะชิน”

               “กูก็แค่กลัวว่า...สมภารเกิดอยากจะกินไก่วัดขึ้นมา”

               “ชินดนัย!” ผู้พันชนวีร์เรียกชื่ออีกฝ่ายเป็นเชิงปรามทันที

               “สมภารอยากจะกินไก่วัด แล้วยังไงวะ กูไม่เห็นจะเข้าใจเลย”

               ชินดนัยคงลืมไปว่า เพื่อนรักของตัวเองไปอยู่ต่างประเทศมาเกือบสิบปี และไม่ได้กลับบ้านทุกปิดเทอมเหมือนเขา พอเขาพูดสำนวนไทยออกมา ธรณ์เลยไม่กระดิกหูแม้แต่น้อยแถมยังทำหน้างง ก่อนจะหันไปเลิกคิ้วใส่เขตแดนเป็นเชิงถามเมื่อไม่ได้รับคำตอบจากชินดนัย เขตแดนเองก็บอกเพียงแค่ว่า...

               “สมภารเลี้ยงไก่วัดมา ไก่วัดก็ต้องเป็นของสมภาร” ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ธรณ์เข้าใจอะไรเพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย

               “ช่างมันเหอะ กูคงมึนๆ” สุดท้ายชินดนัยก็เลือกที่จะตัดบท แต่กลายเป็นการเปิดโอกาสให้คนข้างๆที่รอจังหวะอยู่

               “โอเค งั้นเดี๋ยวผมขอพาชินกลับไปนอนพักก่อนละกัน ดูท่าจะมึนมากๆเลย ขนาดยังไม่ได้แตะแอลกอฮอล์นะเนี่ย ลาเลยละกันครับ”

               ครั้นชินดนัยจะขยับปากเอ่ยทักท้วงก็ทำไม่ได้ เพราะผู้พันชนวีร์ถือโอกาสที่รับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย พาเขาเดินออกจากบ้านโดยไม่เปิดโอกาสให้พูดอะไร เขตแดนเองก็เอาแต่ยิ้มนิดๆก่อนจะเดินตามมา ส่วนธรณ์ก็คงเข้าใจเรียบร้อยแล้วว่าเพื่อนรักรู้สึกไม่สบาย ถึงได้ฝากฝังชินดนัยกับนายทหารหนุ่มเป็นการใหญ่

               “ฝากดูแลชินด้วยนะครับผู้พัน”

               นอกจากนายทหารหนุ่มจะไม่ตอบรับธรณ์แล้ว ยังถือวิสาสะหันไปฝากฝังธรณ์กับเขตแดนเสียอีก

               “คุณเขตต์ก็ดูแลธรณ์ดีๆด้วยนะครับ”

               ธรณ์ขมวดคิ้วอย่างงงๆ แต่ไม่ทันได้ซักถามอะไร ผู้พันชนวีร์ก็เดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งคนขับ สุดท้ายเลยได้แต่ยืนมองจนนายทหารหนุ่มขับรถออกไป และคาดว่าสองพี่น้องคงได้เคลียร์กันยาวแน่ๆ เพราะชินดนัยเองก็ดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่

               ใช่ว่าจะมีแต่ฝ่ายโน้นที่เฝ้าสังเกตเขตแดนและธรณ์ เขตแดนเองก็ลอบสังเกตอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน พอเดินเข้ามาในบ้านเรียบร้อยแล้ว เขาเลยถือโอกาสพูดในสิ่งที่ตัวเองสงสัย แต่ก็ไม่มั่นใจว่าตนเองเลือกใช้คำถูกหรือไม่

               “ชินดนัยกับผู้พันเขาดูห่วงกันแปลกๆดีนะ”

               “แปลกยังไงครับ”

               “ผู้พันเขาดูแลชินดนัยแปลกๆ เหมือนเป็น...” เขตแดนนิ่งเงียบไป จนธรณ์ต้องเป็นฝ่ายต่อให้จนจบประโยค

               “คนรักกันใช่ไหมครับ”

               คราวนี้เขตแดนเป็นฝ่ายเบิกตาโพลง เขาเองยังแค่คิด แต่ก็ไม่กล้าคิดว่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะนอกจากชินดนัยกับผู้พันชนวีร์จะเป็นผู้ชายเหมือนกันแล้ว ยังมีสายเลือดเดียวกันอีกไม่ใช่หรือ แต่ดูเหมือนธรณ์จะไม่ได้แปลกใจสงสัยอะไรเลย เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป

               “ผู้พันเขาชื่อ-นามสกุลเต็มว่าอะไรนะ”

               “พันตรีชนวีร์ จิรวงศ์ครับ”

               “สองคนนั่นนามสกุลเดียวกันนี่”

               แค่เห็นหน้าเขตแดน ธรณ์ก็นึกรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ แปลกดีเหมือนกัน พอเป็นเรื่องของคนอื่น ธรณ์มักจะฉลาด แต่พอเป็นเรื่องของตัวเองมักจะต้องมีพลาดบ้าง ไม่ต่างอะไรจากเส้นผมบังภูเขา เพลย์บอยหนุ่มยิ้มน้อยๆก่อนจะเอ่ยไขข้อข้องใจของเขตแดน

               “ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอกครับ ผู้พันเป็นพี่ชายบุญธรรมของชิน ความจริงแล้ว...เขาสองคนไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดเลยแม้แต่น้อย”

               เขตแดนพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ เพราะเท่าที่เคยรู้มา ก็รู้ว่าชินดนัยเป็นลูกชายคนเดียวของท่านนายพล ตอนแรกก็คิดว่าผู้พันชนวีร์คงเป็นญาติ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นพี่ชายบุญธรรมที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน ถ้าอย่างนั้นจะมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งก็คงไม่แปลก

               “แล้วตกลงสองคนนั่นเขาเป็นคนรักกันจริงหรือ”

               “ไม่รู้สิครับ ถ้าบอกว่ารักกันก็คงใช่ แต่อยู่ในสถานะอะไรกันผมก็ไม่ทราบ”

               ดูเหมือนธรณ์จะรู้เรื่องพอสมควรและยังยอมรับได้ถ้าหากเพื่อนรักของตนจะชอบพอกับผู้ชายด้วยกัน ถึงแม้ปัจจุบันจะมีให้เห็นอยู่ทั่วไปจนไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่เขตแดนก็อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมคนที่คลุกคลีกับผู้หญิงมาตลอดอย่างธรณ์ถึงยอมรับเรื่องพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย

               “นายไม่รู้สึกแปลกๆบ้างหรือไง ชินดนัยกับผู้พันเขาเป็นผู้ชายเหมือนกันนะ”

               “เขาไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนซะหน่อย แล้วเขาก็ยังเป็นเพื่อนผมเหมือนเดิม สมัยที่อยู่เมืองนอกผมเห็นมาเยอะ ไม่แปลกหรอกครับ”

               ถ้าถามว่าเขตแดนรังเกียจไหม ที่ผู้ชายจะชอบกันเอง คำตอบของผู้บริหารหนุ่มก็คือ ‘ไม่’ แถมเขาเองยังรู้สึกยินดีอย่างประหลาดด้วยซ้ำ ที่ธรณ์บอกว่าไม่ได้รังเกียจความรักของเพศเดียวกัน แล้ว...

               “นายเคยมีผู้ชายมาชอบหรือนึกชอบผู้ชายบ้างหรือเปล่า”

               “ก็มีนะ แต่น้อยมาก ใครๆเขาก็รู้กันทั่วนี่คุณ ว่าผมน่ะควงผู้หญิงเป็นว่าเล่น เลยไม่อยากจะเข้ามาหาให้หน้าแตกกลับไป ส่วนจะให้ไปชอบผู้ชาย ผมก็ยังไม่เคยคิดเหมือนกัน”

               ทั้งที่เป็นฝ่ายพูดเองว่ายังไม่เคยคิดเรื่องที่จะไปชอบผู้ชาย แต่ไม่รู้ทำไม พอเห็นสายตาเขตแดนที่มองมา ธรณ์ถึงต้องเบือนหลบก่อนที่เขาจะรู้สึกไม่เป็นตัวเองมากไปกว่านี้

               “แล้วนายก็ปฏิเสธผู้ชายทุกคนที่เข้ามานายเหรอ”

               “ก็ผมไม่ได้ชอบพวกเขา ไม่รู้จะให้ความหวังไปทำไม”

               “แล้วมีโอกาสที่นายจะชอบผู้ชายไหม”

               “ผมไม่รู้”

               ตอบออกไปแล้ว ธรณ์ก็นึกอยากตบปากตัวเองแรงๆ แทนที่จะตอบว่าไม่มี ดันตอบไปว่าไม่รู้ เหมือนว่าเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ ก่อนที่หัวข้อสนทนาอันล่อแหลมจะเลยเถิดไปไกล ชายหนุ่มเลยทำทีเป็นเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่นเสีย

               “แล้วตกลงสมภารกินไก่วัดมันหมายความว่ายังไงเหรอครับ”

               “อยากรู้จริงเหรอ”

               ถึงจะตงิดที่อีกฝ่ายถามตาพราวระยับ แต่ธรณ์ก็พยักหน้าตอบไป ส่วนเขตแดนเอง แม้จะอยากรอให้ความรู้สึกของตัวเองแน่ชัดเสียก่อนแล้วจึงค่อยเอ่ยปาก แต่วันนี้เห็นชินดนัยทำท่าเหมือนจะคอยกันท่าเขา ก็อดไม่ได้ อย่างน้อยถ้ายังไม่ได้พูดออกไปเต็มปากเต็มคำ ก็ขอลองแย็บๆดูก่อนคงไม่เสียหายอะไร

               “ฉันก็อธิบายไม่ถูกหรอก คงเหมือนกับว่า...ฉันเป็นผู้ปกครองนาย แล้วก็เกิดรักนายขึ้นมาล่ะมั้ง”

               ถ้ามีกระจกให้ส่อง ธรณ์คงได้เห็นว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำหน้าตาตลกที่สุด เพราะเขาไม่รู้ว่าที่เขตแดนพูดมาเป็นแค่การเปรียบเปรยหรืออีกฝ่ายหมายความจริงจังอะไร แล้วแถมคำพูดของผู้พันชนวีร์ที่ว่าเขตแดนหึงเขา ก็ยังตามมาวนเวียนให้ต้องรู้สึกสับสน จนชายหนุ่มต้องเอ่ยปากขอตัวก่อนที่จะรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองไปมากกว่านี้

               “คุณเปรียบเทียบได้เห็นภาพดีนะ ยังไงผมก็ขอตัวไปนอนก่อนละกัน”

               เขตแดนไม่พูดอะไร ยืนมองแผ่นหลังของธรณ์ที่เดินจากไป ในหัวสมองก็ใคร่ครวญทบทวนความรู้สึกของตัวเอง อยากรอ...ให้แน่ชัดกว่านี้เสียก่อน ว่าที่รู้สึกอยู่มันเพราะความผูกพันฉันท์พี่น้อง หรือเพราะเขาคิดเกินเลยกับธรณ์ไปไกลแล้ว


====================

[มีต่อนะคะ]
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 05-12-2012 21:47:07

               เช้าวันศุกร์ ธรณ์บอกเขตแดนล่วงหน้าแล้วว่าเขามีนัดหมายกับมิสเตอร์จอห์น วิลสัน คู่ค้าชาวอังกฤษ เลยขอตัวขับรถออกมาเองเพราะช่วงบ่ายจะได้ตรงไปหามิสเตอร์วิลสันเลย เขตแดนเองก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร แต่ก็ขอรายละเอียดคู่ค้าชาวอังกฤษจากธรณ์และให้เวธน์จดบันทึกเอาไว้

               ธรณ์เดินเข้ามาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง วันนี้ที่เขาต้องทำก็คือเตรียมเอกสารที่จะไปคุยกับมิสเตอร์วิลสัน ด้านภาษาอังกฤษคงไม่ต้องเป็นห่วง เพราะชายหนุ่มเองก็มีพื้นฐานภาษาอังกฤษดีอยู่แล้ว อาจจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทที่ชายหนุ่มยังไม่แม่นเท่าไหร่ เลยต้องมารบกวนภวินท์

               “คุณธรณ์จะให้ผมไปด้วยไหมครับ”

               “ไม่เป็นไรหรอก คุณภวินท์อยู่ทำงานที่ออฟฟิศดีกว่าครับ เผื่อผมต้องการข้อมูลเพิ่มเติมอะไรจะได้โทรศัพท์มาหาคุณภวินท์”

               “เมื่อเช้ามิสเตอร์วิลสันโทรศัพท์เข้ามาที่ออฟฟิศ ผมให้เบอร์โทรศัพท์มือถือคุณธรณ์ไป มิสเตอร์วิลสันจะได้ติดต่อคุณธรณ์โดยตรง ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”

               “ไม่เป็นไร ให้เขาติดต่อผมโดยตรงนั่นแหล่ะ”

               ตลอดช่วงเช้า ธรณ์ก็เคลียร์ส่วนของตนเองจนเรียบร้อย เสร็จแล้วจึงไปรับมิสเตอร์วิลสันที่โรงแรม ซึ่งอยู่ในย่านธุรกิจไม่ห่างจากที่ตั้งของอิสระคอนสตรัคชั่นมากนัก โปรแกรมแรกของธรณ์ ก็คือการพาคู่ค้าชาวอังกฤษไปดูโรงงานที่สมุทรสาคร ซึ่งอีกฝ่ายก็ดูสนใจเป็นอย่างดี ออกจะสนใจมากเสียด้วยซ้ำ เพราะอีกฝ่ายคอยเดินตามประกบและซักถามธรณ์ตลอด แต่พอธรณ์จะไปเรียกผู้จัดการโรงงานเข้ามาอธิบายเพิ่มเติม มิสเตอร์วิลสันก็โบกมือปฏิเสธเสียยังงั้น

               “สำเนียงภาษาอังกฤษคุณดีมากๆเลยนะครับ”

               “ผมเคยอยู่โรงเรียนประจำที่อังกฤษตอนไฮสกูลน่ะครับ เสร็จแล้วก็ย้ายมาเรียนมหาวิทยาลัยที่อเมริกา”

               “ว้าว...ผมถึงสงสัยว่าสำเนียงคุณดีกว่าชาวเอเชียหลายคนที่ผมเคยติดต่อด้วยเสียอีก ตอนนั้นไปอยู่ที่ไหนครับเนี่ย”

               “ทันบริดจ์ที่เคนท์ครับ”

               “ผมก็มาจากเคนท์เหมือนกันครับ บ้านเกิดผมเลย แต่ผมเกิดที่โดเวอร์ พอโตหน่อยก็เข้ามาอยู่ลอนดอน โอ้โฮ...ดีจังเลยนะครับ คนกันเองแท้ๆ” อีกฝ่ายไม่พูดปากเปล่า ยังเข้ามากอดธรณ์สนิทสนมแนบแน่นราวกับได้เจอเพื่อนเก่าก็ไม่ปาน

               ธรณ์เองแม้จะคุ้นชินกับธรรมเนียมตะวันตก แต่สิ่งที่มิสเตอร์วิลสันกำลังทำอยู่นี่ก็ออกจะเกินไปหน่อย เห็นแก่ว่าอีกฝ่ายเป็นคู่ค้า เขาถึงได้ค่อยๆขืนตัวออกอย่างสุภาพ อีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้ตัวถึงได้ขอโทษเป็นการใหญ่ แต่ไม่วายยิ้มแปลกๆ หากธรณ์ก็คร้านจะถือสาหาความ

               พอชมโรงงานเสร็จก็เป็นเวลาเย็น เจ้าบ้านหนุ่มเลยถือโอกาสพามิสเตอร์วิลสันไปร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เขาจัดการจองไว้แล้ว แม้จะรู้สึกแปลกๆที่อีกฝ่ายดูจะชอบหาโอกาสสัมผัสเนื้อต้องตัวเขา แต่ธรณ์ก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าลักษณะนิสัยอีกฝ่ายอาจจะเป็นแบบนั้น

               แต่ถึงแม้จะดูโรงงานและทานอาหารอะไรกันจนเรียบร้อยแล้ว ธรณ์ก็ยังไม่ได้คุยเรื่องงานกับมิสเตอร์วิลสันอย่างจริงจัง มีแต่อีกฝ่ายที่คอยซักถามเรื่องส่วนตัวของเขา ซึ่งธรณ์ก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง บางทีเขาก็อดคิดไม่ได้ว่า ดูท่าการเจรจากับมิสเตอร์วิลสันคงจะไม่ประสบความสำเร็จแน่ๆ เพราะอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าอยากจะพูดคุยเรื่องธุรกิจเลย

               “คุณต้องรีบกลับหรือเปล่าธรณ์” ในเมื่อคู่ค้าเอ่ยถามแบบนี้ ธรณ์จะตอบอย่างไรได้ นอกเสียจาก...

               “ไม่เป็นไรครับ ตามสบายเลย”

               “โอ้...ขอบคุณมาก ขอผมดื่มเบียร์หน่อยแล้วกัน คุณเอาด้วยไหม”

               “ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมต้องขับรถ”

               ความจริงแล้วก็เป็นแค่ข้ออ้างของธรณ์ ใช่ว่าเขาจะไม่เคยขับรถหลังจากดื่ม แต่สาเหตุที่ยังไม่ดื่มเพราะวันนี้เขายังไม่ได้คุยธุรกิจกับมิสเตอร์วิลสันเลย แถมเขายังมีหน้าที่ต้องรับรองอีกฝ่ายอีก แล้วจะให้มาดื่มเบียร์ด้วยกันก็ใช่ที่

               ธรณ์ไม่รู้ว่าเขาใช้เวลาในการนั่งตอบคำถามและฟังมิสเตอร์วิลสันพูดพล่ามนานแค่ไหน มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและเห็นว่าเป็นเวลาสองทุ่มแล้ว

               “อา...ดึกแล้วสินะ”

               ธรณ์จะตอบอย่างไรได้นอกจากยิ้มให้ พอเขาไม่ได้ตอบอะไร มิสเตอร์วิลสันจึงเป็นฝ่ายต่อบทสนทนาเอง

               “กลับกันเลยดีไหมคุณธรณ์ ความจริงผมเองก็สนใจธุรกิจของคุณมากนะ อยากจะทำสัญญาระยะยาว แต่เงื่อนไขเราค่อนข้างเยอะ ไม่รู้ว่าคุณจะสะดวกอยู่ดึกหน่อยหรือเปล่า”

               ในที่สุดสิ่งที่ธรณ์รอคอยมาตลอดวันก็สัมฤทธิ์ผล ในเมื่อปลากินเหยื่อแล้ว เหตุใดเขาจะไม่รีบคว้าโอกาสทองนี้ไว้เล่า

               “เอาตามที่มิสเตอร์วิลสันสะดวกเลยครับ ผมได้เสมอ”

               “ก็คงต้องตามนี้แหล่ะคุณธรณ์ เพราะพรุ่งนี้บ่ายผมจะบินไปเวียดนามแล้ว ยังไงเดี๋ยวเรากลับไปคุยกันที่โรงแรมละกัน ผมเองก็ดื่มพอละ”

               ธรณ์ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะกวักมือเรียกพนักงานมาคิดเงินทันที อารามดีใจ ชายหนุ่มเลยไม่ได้สังเกตว่าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามลอบยิ้มอย่างสมใจ


====================


               “คุณรังเกียจหรือเปล่า ถ้าเกิดเราจะต้องคุยธุรกิจกันในห้องพักของผม”

               และเพราะคำถามเบื้องต้นของมิสเตอร์วิลสัน ตอนนี้ธรณ์และอีกฝ่ายถึงได้มายืนอยู่ในลิฟต์ของโรงแรมด้วยกัน ในที่สุดเอกสารและข้อมูลที่เขาเตรียมมาก็จะได้ใช้เอาตอนนี้นี่เอง สามทุ่ม...ดึกไปหน่อย แต่ก็ไม่ดึกเกินสำหรับการค้าและการเจรจา

               ห้องที่มิสเตอร์วิลสันพักเป็นห้องสูทที่มีส่วนรับแขกอยู่ด้านหน้า ธรณ์เลยไม่แปลกใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้เรียกเขาเข้ามาคุยในห้องพัก

               “คุณธรณ์อยากดื่มชากาแฟก็บริการตัวเองเลยนะ เดี๋ยวผมขอล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นเสียหน่อย”

               มิสเตอร์วิลสันปล่อยธรณ์ไว้ที่ห้องรับแขกตามลำพัง ส่วนตัวเองก็เดินหายลับเข้าไปในห้องนอน ความจริงแล้วธรณ์ก็ไม่ได้อยากดื่มอะไรเป็นพิเศษ แต่คิดว่าอาจจะต้องคุยกันนาน ชายหนุ่มเลยถือโอกาสเดินไปชงกาแฟสองที่สำหรับตัวเองและเจ้าของห้อง

               พอยกถ้วยกาแฟสองถ้วยกลับมาวางที่โต๊ะ โทรศัพท์มือถือของตัวเองก็ดัง ธรณ์หยิบขึ้นมาดูเห็นว่าเป็นเขตแดน ก็เดาได้เลยว่าป้าอุ่นเรือนอาจจะไหว้วานให้อีกฝ่ายโทรศัพท์ตามเขา เพราะนี่ก็เกือบสามทุ่มแล้ว ซึ่งก็ถือว่าดึกพอสมควร แถมตั้งแต่ที่เขาบอกเขตแดนเมื่อตอนเช้าแล้ว เขาก็ยังไม่ได้คุยอะไรกับอีกฝ่ายอีกเลย แต่งานเขาก็ยังไม่เรียบร้อยดี ชายหนุ่มกดรับก่อนจะกรอกเสียงลงไปทันที

               “ผมรอคุยกับมิสเตอร์วิลสันอยู่ครับ ยังไงเดี๋ยวเรียบร้อยแล้วผมจะรีบกลับนะครับ บอกป้าอุ่นเรือนว่าไม่ต้องรอผม”

               ((นายอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร)) เสียงเขตแดนดังมาตามสายด้วยความร้อนรน

               “ผมอยู่ที่ห้องพักของมิสเตอร์วิลสันครับ โอ๊ะ...เขาออกมาจากห้องแล้ว ยังไงแค่นี้ก่อนนะครับ” ธรณ์กดวางสายทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตูจากด้านหลัง เขาได้ยินเสียงเขตแดนเรียกชื่อเขาด้วยความตกใจ แต่คิดเอาเองว่าเดี๋ยวค่อยโทรกลับเมื่อเสร็จเรียบร้อย ก่อนที่ชายหนุ่มจะต้องเป็นฝ่ายตกใจเสียเอง

               คนที่บอกว่าจะเข้าไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น กลับเดินออกมาในชุดคลุมอาบน้ำของโรงแรม แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์กับผู้ชาย แต่ก็ใช่ว่าเพลย์บอยเจนสังคมอย่างเขาจะไม่ประสา แต่ชายหนุ่มก็ยังทำใจดีสู้เสือเอ่ยถามออกไปว่า

               “ถ้าคุณจะทำธุระส่วนตัว เดี๋ยวผมลงไปรอที่ล็อบบีก่อนก็ได้ครับ”

               “ธุระส่วนตัวของผมก็คือธุระกับคุณนั่นแหล่ะ”

               ธรณ์มั่นใจมาตลอดว่ายังไงการเป็นผู้ชายก็ดีกว่าผู้หญิง แต่ยามนี้เขาชักไม่มั่นใจเสียแล้ว ว่าความเป็นชายของเขาจะปลอดภัยตลอดรอดฝั่งหรือไม่ เคยได้ยินข่าวการล่วงละเมิดทางเพศมา แต่ไม่เคยคิดว่าวันนี้ตัวเองจะต้องมาตกอยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ แล้วจะโทษใครได้เล่า นอกจากความสะเพร่าและประมาทเลินเล่อของตัวเขาเอง ที่สนใจแต่ธุรกิจ จนมองข้ามความปลอดภัย และเป็นฝ่ายเดินเข้ามาในกับดักด้วยความยินยอมพร้อมใจ สุดท้ายเลยได้แต่กร่นด่าความโง่เขลาของตัวเอง

               “คุณไม่รู้หรือไงว่าคุณเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มากนะ”

               ชายหนุ่มได้แต่มองหาทางหนีทีไล่ พร้อมๆกับที่อีกฝ่ายก็ย่างสามขุมเข้ามาหาด้วยท่าทีคุกคาม ถ้าดูขนาดตัวแล้ว ยังไงเขาก็เป็นรองอีกฝ่ายแน่ๆ เพราะถึงอย่างไรรูปร่างของคนตะวันตกก็สูงใหญ่กว่าคนเอเชียอยู่แล้ว

               “ถ้าคุณปรนเปรอจนผมพอใจ บริษัทของผมกับคุณจะเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันในระยะยาวแน่ๆ มิสเตอร์ธรณ์ อิสรพัฒน์”

               “ผมไม่ใช่ผู้หญิง” ธรณ์เอ่ยเสียงกร้าว

               “บังเอิญว่าผมชอบผู้ชายเสียด้วย ยอมผมดีๆดีกว่าน่า เพื่อธุรกิจของคุณไง”

               ธรณ์อยากจะอ้าปากค้านปฏิเสธ ว่าให้ตายเขาก็ไม่มีวันลดตัวไปทำอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ เขามีศักดิ์และศรีมากกว่านั้น แต่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นเบิกตาโพลง เมื่ออีกฝ่ายโถมเข้าทับตัวเขาที่ยังอยู่บนโซฟาไว้ทั้งตัว

               “ผมมีสิทธิ์แจ้งความว่าถูกคุณข่มขืนได้นะมิสเตอร์วิลสัน”

               “โดยที่คุณเป็นผู้ชาย แถมคุณยังเป็นฝ่ายตามผมขึ้นห้องมาเนี่ยนะ น่าเชื่อน่าดู”

               ถ้อยคำเย้ยหยันหลุดออกมาจากริมฝีปากชายชาวอังกฤษ พร้อมกับฝ่ามือที่ตะโบมลูบไปตามเรือนร่างที่เล็กกว่า ก่อนเสื้อเชิ้ตสีขาวจะถูกกระชากจนกระดุมร่วงกราว

               !!?!!


TO BE CONTINUE


๐ มาต่อแล้วค่ะ แล้วก็จะหายไปอีก เลยมาลงยาวๆเลย ตอนนี้พาคุณแม่พี่เขตต์ไปเก็บก่อน ธรณ์เจอศึกหนัก มีหลายเรื่องรุมเร้าเหลือเกิน เรื่องเก่ายังไม่เคลียร์ เรื่องใหม่มาอีกแล้ว

๐ จากตอนที่แล้ว...กระแสคนในเครื่องแบบมาแรงแซงคู่หลักไปไกลเลย ชอบคนในเครื่องแบบเหมือนกันค่ะ นายทหารหนุ่มนี่มันเท่จริงๆเลย

๐ ช่วงนี้คงไม่ได้มาลงบ่อยๆนะคะ คงจะหายไปซักพัก นี่มาลงก่อนหนีพักร้อน กลับมาก็ต้องลุยงานต่อส่งท้ายปี ขอโทษทุกคนที่รอด้วยนะคะ แล้วก็ขอบคุณมากๆที่ติดตามค่ะ ขอบคุณทุกความเห็นเลยค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 05-12-2012 22:01:17
 :a5: :a5: :a5: :a5:

พี่เขตมาด่วนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!

น้องธรณ์ ฟีโรโฒนยั่วยวนใจชายเธอเเรงกล้ายิ่งนัก

นักเขียนจะพักร้อนซักพัก :z3:

มาไวๆนะค่ะตัวเอง  มาทำเค้าค้างมารับผิดชอบเลยน๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: andear ที่ 05-12-2012 22:02:27
คุณพี่เขตขราาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา มาช่วยด่วนๆๆๆๆๆ :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 05-12-2012 22:04:35
ค้างอ่า
ธรณ์จะโดนอะไรมั้ยเนี่ย
เขตต์มาช่วยธรณ์ด้วยน้า
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 05-12-2012 22:22:54
พี่เขตจ๋าาาาาาาาาาาาาาา มาช่วยน้องด่วนเลยน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 05-12-2012 23:09:37
เอิ่มมมมมมมมมมม....ตัดตอนใจร้ายมากเลยอ่ะค่ะ พี่เขต มาช่วยน้องเร็ว

น้องจะโดนกินแล้ว อย่างด่วนเลยนะพี่เขต น้องธรณ์อย่ายอมมัน

ปล. เค้าชอบประโยคนี้ของพี่เขตมาก 'สมภารเลี้ยงไก่วัดมา ไก่วัดก็ต้องเป็นของสมภาร' กรี๊ดดด ><
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 05-12-2012 23:37:46
เค้าซัมติงกันจริงด้วยอ๊า ชินกับพี่ชาย เรื่องราวดูเหมือนจะยุ่งกว่าคู่หลักอีกนะเพราะทางนั้นนามสกุลเดียวกันเลย
แต่เค้าเข้าใจกันแล้ว ส่วนคู่หลักเรายังซึน ๆ กับความรู้สึกตัวเองกันอยู่ สำหรับพี่เขตเริ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ ละ
ส่วนธรณ์ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยยยย
มิสเตอร์วิลสันแกบ้าแล้ว  :angry2: เจอกันวันเดียวมาปล้ำน้องธรณ์ชั้นเลยเหรอ เลวจริงไรจริง
ดีนะคุยกับพี่เขตก่อนเนี่ย ป่านนี้บึ่งออกมาจากบ้านแล้ว จะทันมั้ยเนี่ย วางสายปุ๊บ อีตานี่ก็ปล้ำปั๊บ
ธรณ์คงต้องช่วยตัวเองให้เต็มที่ก่อน ต่อยปากแตกไปเลย  :m16:

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-12-2012 01:24:06
ว้ายยย ตายแล้วๆๆๆ



 :z3:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 06-12-2012 01:57:36
เขตไปช่วยน้องเร็วหมาจะกินไก่แล้ว

เรื่องนี้ใครเคะ เมะ นี่งงเลย  :serius2:



หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 06-12-2012 06:08:47
เอาแล้วววววว

 o22
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 06-12-2012 08:28:41
ไว้ใจใครไม่ได้จริง ๆ ทุกวันนี้
มาลุ้นกันว่า ธรณ์จะจัดการกับปัญหานี้ได้ด้วยตัวเอง หรือว่า พี่เขตจะเข้ามาจัดการ
+1 ให้เป็นกำัลังใจ กับการพักร้อน  :z2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 06-12-2012 09:33:24
พี่เขตต์มาช่วยธรณ์เร็ว

มีหมาอื่นจะมากินไก่ของสมภารแล้ว
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 06-12-2012 10:07:00
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 06-12-2012 11:38:56
เขตแดนต้องมาช่วยธรณ์ให้ทันนะ เราไม่อยากให้นายเอกโดนข่มขืนนะ  :m15:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 06-12-2012 11:52:48
คุณเขตต์มาช่วยน้องธรณ์ด้วยๆๆๆๆๆๆๆๆ

ขอบคุณนะคะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 06-12-2012 14:10:29
คุณเขตแดนมาช่วยธรณ์อย่างด่วนเลยยยยย แงงงง ทำไมมันค้างเยี่ยงนี้
เราเครียดยิ่งนัก ธรณ์สู้เค้านะ ตั๊นหน้าไอ้ฝรั่งหื่นกามนั่นไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวเดี๋ยวคุณเขตแดนจะมาช่วยกอดปลอบ :impress2:
นักเขียนคะ โปรดอย่าหายไปนานมากนะคะ กลับมาต่อไวไวน้า เค้าอยากอ่านมากกกกก   :z3:  :z10:  :call:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 06-12-2012 16:29:35
ค้าง อยากอ่านต่อมาก คุณเขตเเดนมาช่วยธรณ์เร็ว
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 06-12-2012 19:28:50
มาต่อเถอะๆๆๆ :z3:
ลุ้นๆๆๆ เขตแดนจะทาช่วยทันไหทเนี้นยยยยยย  :serius2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 07-12-2012 10:49:54
เรื่องสนุกมากครับ
ทำเอาต้องตลุยอ่านจนครบ
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 07-12-2012 20:32:44
ขอให้ธรณ์หนีเสือแล้วไปปะจระเข้ที่ชื่อพี่เขตต์ อิอิอิอิอิ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 07-12-2012 20:35:08
 :call: :call: :call: นักเขียนที่รัก  นักอ่านจะตายเเล้ว  มาทำค้างเเล้วจากไป มาไวๆนะค่ะ :L2:



หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 15-12-2012 19:32:35
โหยยยยย มาปล่อยให้เราค้าง  :serius2:  :z3:

ธรณ์เอาตัวรอดให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 17-12-2012 13:57:46
น้องธรณ์จะรอดมั๊ยเนี่ย พี่เขตต์มาเร็วๆ นะ  :dont2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 12 :: 05.12.2012」หน้าที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 17-12-2012 19:35:07
แวะมาเยี่ยมเรื่องนี้ค่ะ

คิดถึงพี่เขตต์กะน้องธรณ์จังเลย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 20-12-2012 09:46:43
“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 13


               ‘มิสเตอร์จอห์น วิลสันเคยพัวพันคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายเมื่อสามปีก่อน แต่ต่อมาทางโจทก์แจ้งว่าเป็นการเข้าใจผิด มิสเตอร์วิลสันแกเลยฟ้องร้องกลับจนชนะคดีครับ’

               นั่นคือคำบอกเล่าจากเวธน์ หลังจากที่เมื่อเช้าเขตแดนซักถามรายละเอียดคู่ค้าจากธรณ์ แล้วมอบหมายให้เวธน์จัดการตรวจสอบข้อมูล เพราะคู่ค้าทุกรายเขามักจะทำการสกรีนก่อน เว้นเสียก็แต่รายของมิสเตอร์วิลสัน ที่ธรณ์เป็นฝ่ายรับหน้าที่ดูแลโดยตรง

               พอรู้เรื่องคดีความมิสเตอร์วิลสันจากเวธน์ ประกอบกับเอกสารหลายอย่างที่คนสนิทหามายืนยันแล้ว เขตแดนที่นั่งสะสางงานอยู่ที่บริษัทตลอดวันด้วยความกระวนกระวาย ก็เพียรพยายามที่จะโทรติดต่อหาธรณ์ แต่กว่าจะติดต่อได้ก็ตอนที่ธรณ์อยู่ที่โรงแรมกับมิสเตอร์วิลสันแล้ว แถมยังไม่ทันได้คุยกันให้รู้เรื่องรู้ราว ธรณ์ก็เป็นฝ่ายชิงวางสายไปเสียก่อน

               พอธรณ์วางสายไปแล้ว เขตแดนก็รีบโทรศัพท์สั่งการให้เวธน์ตามไปเจอกันที่โรงแรม ส่วนตัวเขาเองก็รีบเก็บข้าวของแล้วล่วงหน้าไปก่อน หลังจากพยายามติดต่อธรณ์หลายหน แต่ก็ไม่มีคนรับสายจนถูกตัดเข้าระบบฝากข้อความตลอด แต่...

               สวรรค์ทรงโปรดเถอะ!! เขตแดนไม่เคยนึกอยากกร่นด่าสมรรถนะรถยุโรปราคาแพงของตัวเองมาก่อน แต่ตอนนี้เข็มกิโลเมตรที่แตะหลักร้อยยังดูช้าเกินไปสำหรับเขา โชคยังดีว่าโรงแรมที่เป็นจุดหมายอยู่ไม่ห่างจากบริษัทเท่าไหร่ เพียงแค่ระยะเวลาสิบนาทีจากบริษัทมาสู่โรงแรมหรูก็ทำเอาชายหนุ่มร้อนรนจนแทบนั่งไม่ติด

               พอมาถึงโรงแรม เขตแดนก็ต้องเสียเวลาวนหาที่จอดอีกร่วมสิบนาที จนชายหนุ่มหลุดคำสบถออกมาด้วยความหงุดหงิด

               ถ้ามีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นกับธรณ์ เขตแดนจะไม่โทษใครเลย นอกจากโทษความประมาทเลินเล่อของเขา ที่ปล่อยปละละเลยการตรวจสอบข้อมูลของคู่ค้า ทั้งที่คุณธีรยุทธก็ฝากฝังธรณ์ไว้กับเขา แถมเขาก็ตกปากรับคำเสียเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูแลธรณ์ แต่นี่ยังไม่ทันครบปีที่ธรณ์กลับมา ก็มาเกิดเรื่องเสียแล้ว

               ดับเครื่องและลงจากรถแล้ว นักธุรกิจหนุ่มก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งด้วยความเร็วมาที่เคาน์เตอร์เช็คอิน โดยไม่รอช้า เขตแดนก็ตรงปรี่เข้าไปถามพนักงานคนที่ว่างอยู่ทันที

               “รบกวนเช็คหน่อยได้ไหมครับ ว่ามิสเตอร์จอห์น วิลสันพักห้องอะไร”

               “ขอโทษด้วยค่ะ ทางเราไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของแขกที่เข้าพักได้ค่ะ”

               “แต่นี่มันเป็นเรื่องร้ายแรงนะ คุณจะ...” เขตแดนขยับปากจะเถียง แต่ก็ต้องชะงักก่อน เพราะเวธน์ที่เพิ่งมาถึงยื่นมือมาแตะข้อศอกเขาอย่างสุภาพ เขตแดนตวัดสายตามองคนสนิทคล้ายจะไม่พอใจ

               “คุณเขตต์ใจเย็นก่อนครับ เดี๋ยวผมลองคุยดูครับ”

               เขตแดนยอมล่าถอยออกมา หลีกทางให้เวธน์ที่ใจเย็นกว่าเป็นฝ่ายเข้าไปสอบถามแทน เขายอมรับเลยว่าตอนนี้เขาร้อนรนจนแทบบ้า เขาไม่อยากจะเสียเวลารออีกแม้แต่นาทีเดียว เขาห่วงธรณ์ เขาห่วงผู้ชายอวดดีที่ชอบทำเป็นเก่งกาจ แต่ความจริงแล้วแสนจะเปราะบางคนนั้น

               เขตแดนยืนรอด้วยความกระวนกระวายอยู่ไม่นาน เวธน์ก็เดินกลับมาหาเข้าพร้อมหมายเลขห้อง ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่อยากรู้ว่าอีกฝ่ายสอบถามมาได้อย่างไร แค่ได้หมายเลขห้องมา เขตแดนก็พึงพอใจแล้ว

               ระหว่างรอลิฟท์ เขตแดนก็ยังคงเพียรพยายามกดโทรศัพท์ติดต่อหาธรณ์ แต่ก็ยังไม่มีคนรับสายอยู่ดี สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้โดยการหย่อนโทรศัพท์ลงไปนอนสงบนิ่งในกระเป๋ากางเกง

               พอประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นที่ต้องการ ซึ่งมีจำนวนห้องพักไม่มากนัก เพราะเป็นชั้นของห้องสูท เขตแดนก็ไม่รอช้า ชายหนุ่มเดินนำลิ่วไปทันทีก่อนจะชะงักเมื่อมาหยุดอยู่หน้าห้องเป้าหมาย เสียงโครมครามดังลอดออกมานอกห้องให้เขตแดนยิ่งกระวนกระวายใจ ก่อนเสียงสบถอย่างหยาบคายเป็นภาษาอังกฤษจะดังออกมา อย่างน้อยมันก็ทำให้เขตแดนใจชื้นได้เล็กน้อย เพราะเสียงที่ได้ยินคือเสียงของธรณ์ไม่ผิดแน่


               “ไอ้ฝรั่งชั่วเอ๊ย!! ไปลงนรกซะเถอะมึง อย่าอยู่เลย!!”


               “ธรณ์!! เปิดประตูให้ พี่ หน่อย ธรณ์!!”


               เขตแดนตะโกนบอกคนที่อยู่ข้างในพลางเคาะประตูไปด้วย เพียงอึดใจเดียวประตูห้องก็ถูกกระชากเปิดออก ร่างของคนที่มาเปิดประตูถูกเขตแดนรวบไว้เต็มอ้อมแขน นาน...กว่าเขตแดนจะยอมคลายอ้อมกอด

               เขตแดนถอดสูทของตัวเองออกมาคลุมตัวธรณ์เอาไว้ หลังจากเห็นเสื้อเชิ้ตสีขาวของอีกฝ่ายกระดุมหลุดลุ่ยจนเหมือนเศษผ้า ชายหนุ่มขบกรามแน่น พยายามกลั้นโทสะที่แล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆไว้ด้วยความยากลำบาก อย่างน้อยก็ยังดีที่ธรณ์ของเขาไม่ได้เป็นอะไรไป

               พอเขตแดนปล่อยธรณ์เป็นอิสระ เพลย์บอยหนุ่มก็ทำท่าจะเข้าไปซ้ำคนที่นอนพังพาบอยู่ที่พื้น จนเขตแดนต้องรีบรวบตัวคนอารมณ์ร้อนไว้เหมือนเก่า

               “พอ...พอได้แล้วธรณ์ ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเวธน์นะ”

               ธรณ์ไม่ได้ตอบรับหรือตอบปฏิเสธ ชายหนุ่มพรูลมหายใจออกมาทางปาก เหมือนพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โกรธ ก่อนจะเสยผมที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง แล้วก็ยอมยืนอย่างสงบอยู่ในอ้อมกอดของเขตแดน

               เขตแดนปรายตามองร่างสูงของชาวต่างชาติที่นอนหงายอยู่ที่พื้น คู่กรณีสวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำบ่งบอกเจตนาเป็นอย่างดี ใบหน้ามีร่องรอยฟกช้ำ หางคิ้วและปากแตกมีเลือดไหลซึม ที่ดูท่าว่าก่อนที่เขามาถึงก็คงจะโดนไปไม่น้อยทีเดียว เขามองอีกฝ่ายดวงตากร้าว ชนิดที่คนสนิทอย่างเวธน์ยังต้องนึกผวาแทน เขาไม่ได้ห้ามธรณ์เพราะสงสารอีกฝ่าย แต่เขาไม่อยากให้ธรณ์ไปจัดการมันให้เสียมือ

               “เวธน์ ช่วยจัดการกับมันด้วยนะ ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ฉันจะพาธรณ์กลับก่อน”

               “ครับคุณเขตต์”

               แล้วก่อนที่คนอื่นจะทันรู้ตัว เขตแดนก็พุ่งเข้าซัดคนที่นอนอยู่เต็มแรง จนมือของชายหนุ่มแดงเถือก ส่วนคนถูกกระทำก็นอนร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ธรณ์ที่เพิ่งได้สติมองเขตแดนหน้าเหวอ แต่ก็ไม่มีเวลาสงสัยอะไรนานนัก เพราะเขตแดนกระแทกปลายเท้าเข้าใส่ชายโครงคนที่นอนอยู่ แล้วก็หันมาจับจูงมือเขาเดินออกมา ปล่อยทุกอย่างให้เป็นภาระหน้าที่ของเวธน์ในการสะสางเรื่องทั้งหมด

               ตลอดระยะทางจากห้องพักของมิสเตอร์วิลสันจนกระทั่งลงลิฟต์มายังลานจอดรถ ไม่มีบทสนทนาระหว่างสองหนุ่ม ธรณ์เองก็ยังตกใจกับอารมณ์รุนแรงของเขตแดนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จนเขายังตอบตัวเองไม่ได้ว่า ระหว่างเผชิญหน้ากับมิสเตอร์วิลสันกับเขตแดน ใครกันแน่ที่น่ากลัวกว่ากัน เขาได้แต่กระชับเสื้อสูทที่มีกลิ่นหอมอ่อนของเจ้าของเสื้อเข้ากับตัว อย่างน้อยกลิ่นของเขตแดนที่ติดอยู่ที่เสื้อ ก็ทำให้เขารู้สึก ‘อุ่นใจ’ ขึ้นมาพอสมควร

               ธรณ์ยอมรับเลยว่า ตอนที่กำลังซัดเจ้าฝรั่งหื่นกามสลับกับสบถด่าโคตรเหง้ามันอยู่ คิดว่าจะจัดการมันให้สาแก่ใจที่บังอาจมาดูถูกคนอย่างธรณ์ อิสรพัฒน์ เพราะคนอย่างเขา ถ้าไม่แน่จริงคงไม่สามารถอยู่ต่างบ้านต่างเมืองมาได้เกือบสิบปีหรอก แต่พอได้ยินเสียงเขตแดนที่ตะโกนเรียกเขาจากนอกห้อง ที่สำคัญคือ...สรรพนามแทนตัวเองว่า ‘พี่’ มันก็ทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เพราะไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะเป็นเขตแดนที่มาช่วยเขา

               ธรณ์ไม่อยากจะคิดไม่อยากจะสนใจ ว่าเขตแดนมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาได้อย่างไร ถึงอีกฝ่ายจะมาไม่ทันช่วยเขาก็ไม่เป็นไร เพราะเขาเป็นผู้ชาย ไม่จำเป็นต้องนอนรอความช่วยเหลืออยู่แล้ว แต่การที่เขตแดนมา มันก็ทำให้ธรณ์อุ่นใจไม่น้อย แล้วยังอ้อมกอดอุ่นๆที่รั้งเขาเข้าไปกอดนั่นอีก แค่อ้อมกอดเดียว มันมีความหมายยิ่งกว่าคำปลอบประโลมนับร้อยนับพันประโยค

               ธรณ์รู้...รู้ว่าเขตแดนโมโหมาก อ้อมแขนที่สั่นระริกเหมือนเจ้าตัวกำลังพยายามควบคุมอารมณ์อยู่ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังฉายชัดผ่านดวงตาเกรี้ยวกราดที่ลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะของเขตแดน แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้แสดงท่าทีกราดเกรี้ยวออกมา ก็ยังทำให้ธรณ์นึกกลัวไม่น้อย เพราะเขตแดนดูโมโหมากกว่าตัวเขาที่เป็นผู้ถูกกระทำเสียอีก

               พอลงลิฟต์มายังลานจอดรถ ธรณ์ก็ทำท่าจะเลี่ยงไปยังรถของตัวเอง แต่แค่ขยับตัวเพียงนิดเดียว คนที่เดินนำหน้าก็หยุดชะงักตามทันที

               “จะไปไหน” คำถามเรียบนิ่งหลุดออกมาจากริมฝีปากหยักลึก ไม่บ่งบอกว่าผู้พูดกำลังรู้สึกอย่างไร

               นี่คงเป็นเวลาเดียวที่ธรณ์ยอมรับกับตัวเองด้วยความสัตย์จริง ว่าเขาเองก็นึกกลัวเขตแดนไม่น้อย ถึงอีกฝ่ายจะไม่ได้อาละวาดออกมา แต่การโมโหหน้านิ่งๆนี่แหล่ะที่น่ากลัวมากกว่ากันหลายเท่านัก

               “ไปที่รถของผมครับ ผมเอารถมา”

               “ไม่ต้อง! มารถพี่นี่”

               มันเป็นคำสั่งแน่ๆ และธรณ์ก็ไม่คิดจะคัดค้านอะไร เขาปล่อยให้เขตแดนจับจูงมือเขาไปที่รถของอีกฝ่าย ขณะที่มืออีกข้างของเขตแดนก็สาละวนกับการโทรศัพท์สั่งให้เวธน์จัดการเรื่องรถของธรณ์

               พอขึ้นมานั่งบนรถ ยังไม่ทันที่ธรณ์จะได้คาดเข็มขัด คนที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับก็รวบตัวเขาเข้าไปกอดอีกครั้ง ตอนแรกธรณ์ก็นั่งนิ่งด้วยความตกใจ ก่อนจะยอมปล่อยให้เขตแดนกอดเขาตามสบาย แถมยังยกมือกอดเขตแดนตอบเสียอีก เขายอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า...

               อ้อมกอดของเขตแดนอุ่นเหลือเกิน และเขาเองก็ขวัญเสียกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่น้อย ดังนั้นอ้อมกอดของเขตแดนจึงเปรียบเสมือนที่พึ่งดีๆของธรณ์นี่เอง

               “คุณเขตต์...”

               “เรียกพี่เขตต์...เรียกพี่เขตต์เหมือนเดิมได้ไหม” เสียงห้าวกระซิบอยู่ข้างใบหู ให้ธรณ์พึมพำตอบกลับไปเสียงแผ่วเหมือนละเมอ

               “พี่เขตต์...”

               คำตอบรับของเขตแดน คือสัมผัสอุ่นวาบที่แตะลงอย่างนุ่มนวลบนหน้าผากของธรณ์ แม้จะแตะอย่างแผ่วเบาและครู่เดียว ทว่ากับทิ้งความรู้สึกร้อนผ่าวจนลุกลามไปทั่วใบหน้า หนำซ้ำยังไปกระตุ้นอัตราการเต้นของกล้ามเนื้อตรงอกซ้ายให้ผิดจังหวะอีก

               “พี่อยู่นี่แล้ว พี่อยู่กับธรณ์แล้ว...”

               เนิ่นนาน...ที่ธรณ์ปล่อยตัวปล่อยใจให้อยู่ในอ้อมกอดของเขตแดน อ้อมกอดอบอุ่นที่เขาโหยหามาตลอด ไม่อยากจะคิด ไม่อยากจะสนใจอะไรอีก รู้เพียงแค่ว่าการอยู่ในอ้อมกอดของเขตแดนมันทำให้เขารู้สึกดี แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

               เขตแดนปล่อยธรณ์เป็นอิสระ ก่อนจะโน้มตัวมาคาดเข็มขัดให้ธรณ์ที่นั่งนิ่งเงียบ เขาสตาร์ทรถแล้วเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถของโรงแรม มุ่งหน้าเข้าสู่ถนนใหญ่ แต่ดูเหมือนทางที่ไปจะไม่ใช่ทางกลับบ้านแม้แต่น้อย ซึ่งคนขับรถก็บอกเพียงแค่ว่า...

               “อย่าเพิ่งกลับบ้านเลยนะ ไปพักผ่อนกัน แล้ววันอาทิตย์ค่อยกลับมา”

               ธรณ์จะตอบอะไรได้ในเมื่อเขาไม่ใช่เจ้าของรถ และเขาก็ไม่ใช่คนขับรถเสียด้วย ส่วนเขตแดนที่เป็นทั้งเจ้าของรถและคนขับรถก็เลี้ยวรถขึ้นทางด่วนเป็นที่เรียบร้อย วูบหนึ่ง...ความรู้สึกบางอย่างมันทำให้เขาอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่า...

               เขตแดนกำลังพยายามทำให้เขาสบายใจอยู่


====================


               แม้นี่จะไม่ใช่หนแรกที่มีผู้ชายเข้าหาธรณ์ แต่ก็เป็นหนแรกที่เขาถูกคุกคามจนเรียกได้ว่าลวนลาม เขาเองไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เขา คนอื่นจะจัดการอย่างไร ถึงสุดท้ายแล้วเขาจะปลอดภัย แต่การที่เขาเป็นผู้ชายแล้วถูกผู้ชายด้วยกันคุกคามทางเพศ มันก็ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลย อย่างน้อยมันก็ทำให้ธรณ์ได้รู้ว่า ไม่เพียงแต่ผู้หญิงที่ตกอยู่ในอันตราย แม้แต่ผู้ชายเองก็ไม่ต่างกัน

               “ไหน...เล่าให้พี่ฟังหน่อยว่าเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่”

               ธรณ์เริ่มต้นเล่าตั้งแต่ตอนบ่ายที่เขาไปรับมิสเตอร์วิลสัน พอมาคิดทบทวนดูดีๆ เขาถึงเพิ่งพบว่า ถ้าเขาเอะใจซักนิด เขาคงจะสังเกตว่ามิสเตอร์วิลสันพยายามเข้าหาเขาอยู่ตลอดเวลา แต่เพราะคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชาย ยังไงก็ปลอดภัย ไม่มีอะไรเสียหาย และอีกฝ่ายจะมาหวังอะไรจากเขาที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน เขาถึงได้ประมาทจนยอมตามอีกฝ่ายขึ้นไปถึงห้องพัก

               ตลอดเวลาที่ธรณ์เล่า คำสบถหยาบคายก็หลุดออกมาจากริมฝีปากเขตแดนเป็นระยะ นี่เป็นอีกด้านที่ธรณ์ไม่เคยเห็น และไม่คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะมีโอกาสเห็น ไม่เพียงเท่านั้น มือที่กำพวงมาลัยยังเกร็งแน่น บ่งบอกได้ชัดว่าเขตแดนเองก็ยังโมโหอยู่ไม่น้อย

               “ตกลงมันไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม”

               “ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากกว่า มันก็ลูบๆไปตามตัวผมแล้วก็กระชากเสื้อผมออก ดูสิ...กระดุมหลุดหมดเลย” ธรณ์โชว์สาบเสื้อที่วางเปล่าปราศจากกระดุมให้ดูเป็นหลักฐาน

               เขตแดนขบกรามแน่น พลางคิดว่าที่เขาจัดการกับหมอนั่นมันน้อยเกินไปหรือเปล่า แม้คู่กรณีจะเพียงแค่แตะตัวธรณ์ก็เถอะ แต่เขาก็หวง ยิ่งเห็นผิวขาวๆของธรณ์มีรอยแดงเป็นปื้น ซึ่งแน่นอนว่าเกิดจากช่วงที่ต่อสู้กัน โทสะที่พยายามข่มให้ดับก็ทำท่าจะคุขึ้นมาอีกรอบ

               “ให้ตายเถอะ!!” สุดท้าย เขตแดนก็หลุดเสียงสบถออกมาอีกจนได้

               กลายเป็นว่าตอนนี้พอเห็นอาการห่วงจนเกินพอดีของเขตแดน ธรณ์เลยพลอยอารมณ์ดีขึ้นมาได้ เขายิ้มขำออกมาที่เห็นเขตแดนดูเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเขา แต่ลึกๆแล้วก็ยอมรับเลยว่ารู้สึกดีจริงๆ

               “พี่เขตต์เลิกหงุดหงิดเถอะ ผมไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย พี่ก็เห็นนี่นา แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วย”

               คนที่กำลังขับรถอยู่เหยียบเบรกอย่างแรงด้วยความตกใจ จนคนนั่งข้างถึงกับหน้าคะมำหัวโขกกระจก เขตแดนหันมาขอโทษขอโพยธรณ์ ก่อนจะขับรถต่อ แต่ไม่วายเอ่ยปากถามสิ่งที่คาใจ

               “ที่ไม่ใช่ครั้งแรกน่ะหมายความว่ายังไง”

               “ก็หมายความว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมีเรื่องชกต่อยไงครับ”

               แม้จะรู้แจ้งแก่ใจและประจักษ์แก่สายตา ว่าธรณ์สามารถเอาตัวรอดได้เป็นอย่างดีแม้อยู่ในสถานการณ์คับขัน เพราะประสบการณ์ที่อยู่ต่างแดนมาหลายปี สอนให้ธรณ์รู้จักเอาตัวรอดได้ แต่เขตแดนก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

               “จริงๆมันก็เป็นความผิดของพี่เองที่ไม่ยอมตรวจสอบข้อมูลให้ดี”

               “ความผิดของผมเองด้วยครับ ที่ประมาทเกินไป”

               ที่เขาว่าคนเราจะเห็นใจกันเมื่อยามยากเห็นจะเป็นเรื่องจริง เพราะหลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายๆมา เขตแดนและธรณ์ต่างก็ยอมรับว่าเป็นความผิดของตัวเองกันอย่างง่ายดาย ไม่คิดจะมาโทษอีกฝ่ายให้เสียเวลา มีแต่หันหน้าเข้ามาคุยกันด้วยความเข้าใจ

               ซักพักเวธน์ก็โทรศัพท์มารายงานเขตแดน แน่นอนว่าคนกว้างขวางอย่างเวธน์ต้องมีวิธีจัดการปัญหาอยู่แล้ว อย่างน้อยเวธน์ก็ประสานงานกับนายตำรวจที่คุ้นเคยกันดีจนมิสเตอร์วิลสันโดนข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ เขตแดนจึงสั่งให้เวธน์จัดการไปตามสมควร แต่ไม่วายกำชับไปว่า...

               “คงรู้ดีนะ ว่าฉันต้องการให้มันจบแบบไหน”

               ธรณ์ที่นั่งฟังอยู่ด้วยก็นึกสงสัยครามครัน พี่เขตต์คนอบอุ่นของเขา มีอีกด้านเป็นเจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลหรือ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องสนใจเท่าไหร่ ที่เขาต้องสนใจและต้องรีบเอ่ยปากถามทันทีที่เขตแดนวางสายจากเวธน์ก็คือ...

               “พี่เขตต์! นี่เรากำลังจะไปไหนกันครับ”

               แค่ไม่ได้หันไปดูทางหน่อยเดียว ปรากฏว่าคนที่บอกว่าจะพามาพักผ่อน พาเขาออกนอกกรุงเทพฯมาเสียแล้ว เพราะตอนนี้รถยนต์คันหรูกำลังแล่นอยู่บนมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าชลบุรี

               “พี่บอกแล้วว่าจะไปพักผ่อนไง”

               “ที่ไหน?”

               “พัทยา”

               “แล้วเสื้อผ้าผมกับเสื้อผ้าพี่ล่ะ เรามากันแต่ตัวไม่ใช่เหรอ”

               “เดี๋ยวค่อยแวะห้างซื้อก็ได้ ไม่เห็นจะลำบาก”

               ธรณ์ถอนหายใจยาว ก่อนจะก้มหน้าก้มตาสำรวจตัวเอง แล้วก็พบว่าทั้งเนื้อทั้งตัวเขา นอกจากเสื้อผ้าที่สมควรจะเรียกว่าเศษผ้ามากกว่า ก็มีแค่กระเป๋าเงินกับโทรศัพท์มือถือแค่นี้เอง

               “ดึกป่านนี้ห้างคงปิดหมดแล้วล่ะครับ ยังไงเดี๋ยวพอเข้าตัวเมืองแล้วแวะร้านขายของเอาละกันครับ”

               เขตแดนไม่ตอบอะไร ตามองแต่ถนนเบื้องหน้า คงมีเพียงแค่เจ้าตัวที่รู้ดีว่าตอนนี้เขากำลังคิดเรื่องอะไร จะเรื่องอะไรเสียอีก ถ้าไม่ใช่เรื่องของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

               อย่างน้อยธรณ์ก็ปลอดภัย ไม่มีอะไรบุบสลาย เพราะถ้าขืนธรณ์เป็นอะไรไป เขาก็ไม่รับประกันเหมือนกันว่า เขาจะหักห้ามใจตัวเองให้หยุดแค่การกระทืบคู่กรณีได้หรือไม่

               “ขอบคุณครับ ที่มาช่วยผม”

               ไม่ใช่เพราะบรรยากาศเป็นใจหรือความเผลอไผลแน่ๆ ที่ทำให้เขตแดนยอมละมือข้างซ้ายออกจากพวงมาลัย แล้วเอื้อมไปจับมือของธรณ์เอาไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไปคือความต้องการของตัวเองล้วนๆ ไม่มีสิ่งใดมาเจือปนแม้แต่น้อย

               “พี่ไม่ได้ช่วยอะไรธรณ์เลย แต่ยังไงพี่ก็จะอยู่ข้างๆธรณ์เสมอ”

               “ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ”

               คำถามที่เฝ้าถามตัวเองมาหลายร้อยหลายพันครั้ง กลับได้รับคำตอบอย่างง่ายดายในวันนี้ เขตแดนเฝ้าถามตัวเองว่าเขาคิดอย่างไรกับธรณ์ ที่เขารู้สึกกับธรณ์ มันเป็นความรู้สึกระหว่างพี่ชายกับน้องชาย หรือมันได้ก้าวผ่านเส้นแห่งความเป็นพี่น้องไปแล้ว คำตอบคือ...


               เขาคิดกับธรณ์เกินกว่าความเป็นพี่น้องไปแล้ว


               มันคือความห่วงและหวงผสมปนเปกันจนแทบจะแยกไม่ออก ตอนที่รู้ว่าอาจจะมีอันตรายเกิดกับธรณ์ เขาก็แทบจะเป็นบ้าด้วยความร้อนรนกระวนกระวาย พี่ชายก็อาจจะเป็นห่วงน้องชายแบบที่เขากำลังรู้สึกได้เช่นกัน แต่เขตแดนรู้ดีว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อธรณ์ มันไม่ใช่แค่พี่ชายกับน้องชาย

               ตลอดทางจากบริษัทไปโรงแรม เขตแดนยอมรับเลยว่า สิ่งเดียวที่ทำให้เขาครองสติอยู่ได้ คือความคิดที่ว่าธรณ์กำลังรอเขาอยู่ แล้วพอไปถึง แค่ไปยืนหยุดอยู่หน้าห้อง ได้ยินแต่เสียงดังโครมครามโดยไม่อาจคาดเดาเหตุการณ์ในห้องได้ เขาก็แทบอยากจะพังประตูเข้าไป ถ้าธรณ์เป็นอะไรไปจริงๆ เขาไม่รับประกันเลยว่าตัวเองจะยั้งมือยั้งเท้าไม่ให้ประเคนใส่คู่กรณีได้หรือไม่

               ตอนที่เห็นว่าธรณ์เป็นฝ่ายเปิดประตูออกมา สมองก็ทำงานช้ากว่าหัวใจ ปล่อยให้ร่างกายเข้าไปประชิดแล้วคว้าธรณ์เข้ามากอดแนบอก กอดแน่นและนาน เพื่อให้ตัวเองรับรู้และมั่นใจว่าธรณ์ไม่ได้เป็นอะไร เขารู้ตัวเลยว่าอ้อมกอดของตัวเองสั่นระริก มันอัดแน่นไปด้วยความโกรธและความกลัวผสมปนเปกันจนแยกไม่ออก นานกว่าที่มันจะสงบลง

               ไม่ใช่แค่เพียงอ้อมกอดของเขตแดนเท่านั้นที่ทำให้ธรณ์สงบลง แต่การที่มีธรณ์อยู่ในอ้อมกอดก็ทำให้เขตแดนสงบลงด้วยเช่นกัน

               เขตแดนยอมรับเลยว่า สภาพธรณ์ที่เห็น ก่อนที่เขาจะถอดสูทตัวเองคลุมลงบนตัวธรณ์ มันทำเอาอารมณ์ที่เหมือนจะสงบแล่นกลับขึ้นมาอีก แม้จะไม่มากเท่าตอนแรก แต่มันก็รุนแรงพอให้เขาใช้กำลังกับคนไม่มีทางสู้อย่างขาดสติ

               ถ้าไม่ได้รับรู้ว่าธรณ์ตกอยู่ในอันตราย เขตแดนยังไม่มั่นใจว่า เขาจะกล้ายอมรับกับตัวเองเมื่อไหร่ ว่าความรู้สึกลึกซึ้งที่ไม่ให้ธรณ์มันมากเกินคำว่าพี่ชาย

               สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องยอมรับความจริง เขาอาจจะโกหกคนทั้งโลกได้ หรือแม้กระทั่งโกหกคนที่เขารัก แต่เขาไม่มีทางโกหกตัวเองได้เลย


               เขารักธรณ์...เขตแดน เกียรติณรงค์รักธรณ์ อิสรพัฒน์!!


====================

[มีต่อนะคะ]
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 20-12-2012 09:56:39
               พอขับรถเข้ามาถึงตัวเมืองพัทยา ธรณ์ก็รีบเตือนเขตแดนให้แวะร้านสะดวกซื้อทันที ตอนแรกธรณ์ทำท่าว่าจะตามเขตแดนลงไปด้วย ก่อนจะต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัยเมื่อเขตแดนเอ่ยห้าม หนำซ้ำยังทำหน้าดุใส่เหมือนว่าเขาทำอะไรผิดอีก

               “ทำไมจะลงไม่ได้ล่ะ ผมอยากหาอะไรกินเล่นเหมือนกันนะ”

               “จะเอาอะไร เดี๋ยวจะซื้อมาให้”

               “ผมอยากลงไปดูเอง”

               “ธรณ์จะลงไปทั้งสภาพนั้นเนี่ยนะ ถึงธรณ์จะไม่แคร์สายตาใคร แต่พี่แคร์ และไม่อยากให้ใครเห็นธรณ์ในสภาพนี้ด้วย รออยู่บนรถเนี่ยแหล่ะ” เอ่ยจบ เขตแดนก็ลงจากรถโดยไม่คิดจะอยู่ฟังคำทักท้วงธรณ์อีก

               พอเจ้าของรถลงไปแล้ว คนที่นั่งอยู่บนรถก็ได้แต่นั่งหน้าแดง ใจเต้นกับคำพูดของคนที่เพิ่งจากไปจนนึกหงุดหงิดตัวเอง ความจริงแล้วเขาก็ลืมนึกไปว่าตัวเองตกอยู่ในสภาพแบบไหน นี่คงต้องโทษฝรั่งหื่นกามที่มันกระชากจนเสื้อเขากลายเป็นเศษผ้าสินะ โชคดีที่ยังมีสูทของเขตแดนคลุมอยู่บนตัวเขา

               ธรณ์นั่งรออยู่ไม่นาน เขตแดนก็กลับมาพร้อมถุงพลาสติกใบใหญ่ ชายหนุ่มรับมาเปิดดู ปรากฏว่าข้างในมีขนมปังอยู่สองถุง นมหนึ่งขวด ยาสีฟัน แปรงสีฟัน สบู่ ยาสระผม และ...กางเกงในสองแพ็ค!!

               “ขาดเหลืออะไรหรือเปล่า”

               “มีแต่กางเกงใน ไม่มีเสื้อผ้า” ธรณ์พึมพำเบาๆ

               เลยจากร้านสะดวกซื้อมา เขตแดนเลยแวะร้านขายเสื้อผ้าในตัวเมือง และคราวนี้ชายหนุ่มก็กลับมาพร้อมเสื้อยืด เสื้อลายดอก และกางเกงเอวยางยืด ที่ทำเอาธรณ์ถึงกับหลุดหัวเราะขำออกมา ลำพังถ้าธรณ์ใส่เองคงไม่เท่าไหร่ แต่พอคิดภาพท่านประธานบริษัทต้องมาแต่งตัวแบบนี้ ธรณ์ก็ถึงกับกลั้นหัวเราะไม่ไหว จนคนซื้อต้องหันมาเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้

               “ขำอะไรนักหนาเนี่ย”

               “พี่เขตต์กล้าใส่ด้วยเหรอ”

               คนถูกถามไหวไหล่นิดๆอย่างไม่ใส่ใจ

               “ก็มันมีแบบนี้ เลือกมากไม่ได้หรอก ถ้าจำเป็นก็ต้องใส่”

               พอเห็นเขตแดนขับเลยตัวเมืองพัทยา มุ่งหน้าไปทางจอมเทียน ธรณ์เลยคิดเอาเองว่าเขตแดนคงมีที่พักอยู่แล้ว แต่ดูท่าว่าธรณ์จะคิดผิดถนัด หลังจากนั่งดูเขตแดนวนรถให้เปลืองน้ำมันอยู่นาน ธรณ์ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้

               “หาที่พักไม่เจอเหรอครับ”

               “ยังไม่มีที่พักต่างหาก กำลังดูอยู่ว่ามีที่ไหนที่พอพักได้บ้าง”

               “เอาซักที่เถอะครับ ผมง่วงจะแย่แล้ว”

               พอธรณ์บอกว่าง่วง แล้วอ้าปากหาวประกอบเท่านั้นแหล่ะ เขตแดนก็ตัดสินใจเลี้ยวเข้ารีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างเงียบสงบและเป็นส่วนตัวทันที เขาก็ได้แต่หวังว่า น่าจะมีห้องพักอยู่บ้าง เพราะนี่ก็เป็นหนแรกที่เขาทำอะไรทันทีโดยไม่มีแบบแผน ขับรถมาพัทยาในคืนวันศุกร์โดยไม่มีการเตรียมตัวอะไร ถ้าคุณสงครามรู้เข้าคงแปลกใจในตัวลูกชายคนเดียวไม่น้อย

               “เหลือแค่ที่พักแบบบังกะโลอยู่หลังเดียว เป็นเตียงคู่นะคะ พอดีเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่พักเลยเต็มเกือบหมดเลยค่ะ” พนักงานต้อนรับเช็คข้อมูลอยู่ครู่เดียวก็เงยหน้ามาบอก

               “เอายังไงธรณ์ จะลองไปที่อื่นดูไหม” เขตแดนหันมาปรึกษาคนที่นั่งรออยู่

               “ไม่ต้องหรอกพี่เขตต์ เอาที่นี่แหล่ะ ผมง่วง อยากอาบน้ำแล้วก็นอนจะแย่ละ”

               ในเมื่อธรณ์เองไม่ได้ลำบากที่ต้องเปิดบังกะโลหลังเดียว แถมยังเป็นเตียงคู่ เขตแดนเองก็ไม่ได้คิดจะค้านอะไร เขากรอกข้อมูลสำหรับเช็คอินก่อนจะรับคีย์การ์ดมาจากพนักงาน ไม่ต้องเสียเวลารอพนักงานยกกระเป๋า เพราะผู้ชายสองคนที่วอล์คอินเข้ามาถามหาห้องพักตอนดึกดื่น มีสัมภาระแค่ถุงพลาสติกสองถุง

               บังกะโลหลังที่ว่างตั้งอยู่หน้าหาดพอดี แต่เนื่องจากมืดแล้วจึงยังมองไม่เห็นอะไรชัดเจนนัก หลังจากที่เขตแดนจัดการเปิดห้องเสร็จสรรพ ธรณ์ก็เดินมาล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที โดยไม่ลืมที่ถอดสูทของเขตแดนออกไปแขวนที่ตู้เสื้อผ้า เดือดร้อนคนที่เพิ่งเดินตามเข้ามาให้ต้องชะโงกมองก่อนจะสะกิดเรียก

               “ถ้าง่วงก็รีบไปอาบน้ำไป จะได้รีบมานอน”

               “นอนเลยได้ไหม ผมเหนื่อยจะแย่แล้ว”

               เขตแดนส่ายหน้าอย่างระอา เมื่อซักครู่ยังบอกอยู่ว่าอยากจะอาบน้ำ ตอนนี้ทำท่าจะว่าจะนอนเลยเสียแล้ว ถึงจะเห็นใจแต่เขาก็ไม่ยอมหรอก

               “ลุกไปอาบน้ำเลย พี่ไม่นอนกับคนสกปรกนะ ถ้าไม่ยอมอาบน้ำ พี่จะให้นอนที่โซฟา”

               คนที่แกล้งทำเป็นนอนหลับ ปรือตาขึ้นมามองอย่างขัดใจ เขตแดนก็ไม่ยอมแพ้ ยืนกดดันจนธรณ์ต้องยอมเด้งตัวขึ้นมาจากเตียง เสื้อยืดกับกางเกงยางยืดถูกส่งให้ธรณ์ที่คว้าเอาไปก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ

               เขตแดนมองตามหลังคนที่หายเข้าห้องน้ำไป ริมฝีปากคลี่ยิ้มออกมาบางๆ บางทีธรณ์ก็ยังเป็นเด็กอยู่จริงๆนั่นแหล่ะ แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อเขาเต็มใจจะดูแลธรณ์ไปเรื่อยๆ ถึงตอนนี้จะทำได้เพียงแค่ในฐานะผู้ปกครองก็เถอะ

               เขารู้...ว่าธรณ์เองก็ไม่ได้รังเกียจความรักระหว่างผู้ชายด้วยกัน แต่ด้วยสถานะทางสังคมและอะไรหลายอย่าง มันทำให้เขตแดนไม่สามารถเปิดเผยออกไปได้เต็มที่ และที่สำคัญ...


               เขตแดนยังไม่มั่นใจว่า ธรณ์จะรู้สึกเหมือนที่เขารู้สึกกับธรณ์หรือเปล่า


====================


               ด้านธรณ์ที่เดินเข้าห้องน้ำมา ก็คิดสะระตะจนวุ่นวาย แม้สายน้ำเย็นฉ่ำที่ไหลผ่านร่างจะช่วยให้สงบลง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ความตื่นเต้นลดลงเลยแม้แต่น้อย ถ้าใครรู้เข้าคงต้องหัวเราะเยาะอย่างแน่นอนว่า...   

               เพลย์บอยเจนสนามอย่างธรณ์ อิสรพัฒน์นึกหวาดหวั่นที่ต้องมานอนร่วมเตียงกับผู้ชาย แถมยังเป็นผู้ชายที่ชื่อเขตแดน เกียรติณรงค์อีก

               ความจริงแล้วเขาเองก็ไม่อยากจะสร้างปัญหา เพราะเขากับเขตแดนก็คุ้นเคยกัน เป็นผู้ชายเหมือนกัน นอนด้วยกันก็ไม่น่ามีปัญหา ถ้าเพียงแต่เจ้าก้อนเนื้อไม่รักดีตรงอกข้างซ้ายจะยอมกลับมาเต้นเป็นจังหวะปกติ แต่ธรณ์ก็ได้แค่คิดเท่านั้น เพราะถึงมันจะเป็นหัวใจของเขา แต่เขากลับบังคับให้มันเต้นเป็นปกติไม่ได้เลย ช่างเป็นหัวใจที่ไม่รักดีเสียจริงๆ

               คราวก่อนแค่จูบปากก็ทำเอาเขาเคลิ้มจนต้องวิ่งโร่ไปหาชินดนัย วันนี้แค่จูบหน้าผากก็ทำเอาเขาใจเต้นไม่เป็นส่ำ โดนกอดก็รู้สึกดีจนอยากจะเรียกร้องอะไรที่มากกว่านั้น แล้วถ้าต้องมานอนด้วยกันล่ะ...


               เขากลัว...ไม่ได้กลัวเขตแดน แต่กลัวหัวใจไม่รักดีของตัวเองต่างหาก!!


               พอเป็นสัมผัสจากคนอื่น กลับไม่ทำให้เขารู้สึกดีแม้แต่น้อย อย่างวันนี้ตอนที่โดนมิสเตอร์วิลสันลูบไล้ มันกลับให้ความรู้สึกขยะแขยงมากกว่าจะรู้สึกดี แต่พอเขตแดนรั้งเขาเข้าไปกอด มันกลับอบอุ่นจนธรณ์อยากจะฝังตัวเองลงไปในอ้อมกอดแข็งแรงนั่น ไม่อยากจะให้เขตแดนปล่อยเขาออกจากอ้อมกอดเลย

               เขาต้องผิดปกติไปแล้วแน่ๆ หรือไม่ก็เป็นบ้าไปเสียแล้ว

               ความรู้สึกดีที่เกิดขึ้น จำเพาะเจาะจงว่าจะต้องเป็นสัมผัสจากเขตแดนคนเดียวด้วย คราวก่อนที่ทดลองจูบกับชินดนัยก็ขนลุกจนแทบอาเจียน แต่แค่สัมผัสอุ่นวาบที่แตะแผ่วๆตรงหน้าผากจากเขตแดน มันกลับรู้สึกวาบหวามจนไม่อยากให้อีกฝ่ายหยุด


               ถ้าเขาไม่ได้บ้า เขาก็คงจะชอบเขตแดนเข้าแล้วแน่ๆ


               ธรณ์ปัดความคิดฟุ้งซ่านไร้สาระของตัวเองทิ้ง ยังไม่รู้จะหาทางออกให้กับปัญหาที่คิดไม่ตกยังไง แต่ที่แน่ๆก็คือ เขาต้องหาทางออกจากห้องน้ำเสียก่อน ชายหนุ่มจัดการอาบน้ำสระผมจนเสร็จเรียบร้อย แล้วจึงคว้าเสื้อยืดลายการ์ตูนสีชมพูมาดูก่อนจะทำหน้าเบ้ แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกก็ต้องสวมมันลงไป เสร็จแล้วถึงตามด้วยกางเกงลายดอกสีฉูดฉาด ที่พอส่องกระจกแล้วก็ได้แต่ยิ้มขำตัวเอง

               พอธรณ์เดินออกมา เขตแดนที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ก็เดินสวนเข้าไปทันที ร่างสูงในชุดเสื้อยืดสีชมพูเดินไปนั่งแปะลงที่ปลายเตียง กะว่าเช็ดผมเสร็จเรียบร้อยก็จะนอนแล้ว เพราะเขาเองก็รู้สึกเหนื่อยไม่น้อย

               เช็ดผมเสร็จเรียบร้อย ธรณ์ก็คลานไปล้มตัวลงนอนบนเตียง พอดีกับที่เขตแดนเดินออกมา คนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำกระตุกยิ้มที่มุมปากนิดๆ ให้คนที่นอนอยู่ร้อนตัวจนต้องเอ่ยปากถาม

               “พี่เขตต์ขำอะไร”

               “เสื้อยืดสีชมพู...น่ารักดี”

               “ฮึ...จำไว้ละกัน ว่าของตัวเองเอาสีฟ้า แล้วเอาสีชมพูให้คนอื่นน่ะ”

               “ช่วยไม่ได้ สีฟ้ามันใหญ่กว่านี่”

               “ผมก็สูงใกล้เคียงกับพี่เขตต์เถอะ แค่ผอมกว่าหน่อยเอง”

               เขตแดนอยากจะค้านออกมาเหลือเกิน ถึงส่วนสูงจะใกล้เคียงกัน ธรณ์ก็ผอมกว่าเขาพอสมควร แต่ก็เอาเถอะ ปล่อยให้ธรณ์คิดเอาเองว่าผอมกว่าเขาแค่นิดเดียว แต่ว่านะ...ธรณ์ที่สวมเสื้อยืดสีชมพูนอนมองมาที่เขานี่ มันดูเหมือนเด็กมัธยมปลาย จนเขตแดนชักจะนึกภาพเพลย์บอยคนเก่งไม่ออกซะละ เห็นแต่เด็กแสบท่าทางเฮี้ยวๆนอนอยู่บนเตียง

               เขตแดนจัดการเก็บของอะไรจนเรียบร้อย เสร็จแล้วก็เดินไปดัปไฟให้หมด แล้วถึงเดินมาสอดตัวลงใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ เว้นระยะตรงกลางเอาไว้เล็กน้อย เขาเองก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน คงเพราะกระวนกระวายอยู่ตลอด แล้วยังขับรถทางไกลอีก จังหวะที่กำลังจะผล็อยหลับ ก็รู้สึกว่ามีมือเอื้อมมาแตะเขา

               “หืม? นอนไม่หลับเหรอธรณ์...”

               “พี่เขตต์”

               “ครับ”

               “กอดหน่อยได้ไหม”

               “มาสิ”

               เขตแดนอ้าแขนออกกว้าง ก่อนจะรั้งคนที่นอนอยู่ข้างกายเข้ามาในอ้อมแขน ไม่ว่าธรณ์จะต้องการอ้อมกอดของเขาเพราะอะไรก็ตาม แต่เขาก็ยินดีจริงๆ

               “ดีขึ้นไหม?” เขตแดนก้มลงถามคนที่นอนซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา

               “อืม...รู้สึกดีขึ้นจริงๆด้วย ช่วยกอดหน่อยนะ ผมจะได้นอนหลับ”

               “ครับ ฝันดีนะครับ”

               เขตแดนแตะริมฝีปากลงแผ่วเบาลงบนผมของธรณ์ ก่อนจะกระชับอ้อมกอดแน่นเข้า ไม่ว่าตอนนี้ธรณ์จะรู้สึกอย่างไร ขอให้รู้เอาไว้ว่ายังมีอ้อมกอดของเขาเสมอ ถ้ามันทำให้ธรณ์รู้สึกดีขึ้น เขาก็ยินดี...

               พรุ่งนี้เช้าจะเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ แต่ในวันนี้แค่มีธรณ์อยู่ในอ้อมกอด แค่ได้กอดธรณ์เอาไว้ในอ้อมแขน มันก็ดีจนเขาเผลอคิดว่าตัวเองกำลังฝันไปหรือเปล่า ถ้าเป็นฝัน...ก็คงเป็นฝันที่ดีมากๆจนเขาไม่อยากตื่นเลย

               ในเมื่อความต้องการของคนสองคนตรงกัน คนหนึ่งอยากกอด อีกคนอยากถูกกอด จึงไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องยาก อ้อมกอดของเขตแดนยังเป็นความอบอุ่นที่ทำให้ธรณ์สงบได้เสมอ และมันยิ่งตอกย้ำให้ธรณ์รู้ว่า เขาไม่ได้รู้สึกดีกับผู้ชายทุกคน เขาแค่รู้สึกดีกับผู้ชายที่ชื่อเขตแดน...แค่คนนี้เพียงคนเดียว

               บางที...วันนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะทีเดียว อย่างน้อย...มันก็ทำให้เขตแดนกลับมาเป็นพี่เขตต์คนเดิมของเขา แล้วจะเป็นอะไรไป ถ้าเขาจะกลับไปเป็นธรณ์คนเดิมของพี่เขตต์บ้าง


               เขาไม่ได้อ่อนแอ เขาดูแลตัวเองได้ แต่บางครั้งมันก็มีบางเวลา...ที่อยากจะมีใครซักคนให้พึ่งพึง เป็นไปได้ไหม...ที่ใครคนนั้นจะเป็นเขตแดน เจ้าของอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นของเขา


TO BE CONTINUE



๐ เง๊อ...หายไปนานเลย กลับจากพักร้อนก็หัวฟูหัวหมุนมาก *โค้งงามๆ* ขอโทษทุกคนที่รอด้วยนะคะ แวบมาลงเวลางาน แต่งานยังยุ่งเหมือนเดิม รีบมาลงก่อนโลกแตก ถ้าโลกไม่แตกก็เจอกันต่อเนอะ...ตอนหน้าก็อีกนานเหมือนเดิม

๐ ตอนนี้มาแบบยาวๆอีกแล้วค่ะ หวานไหม? คิดว่าหวานเนอะ แต่เขียนแล้วแก้หลายรอบเหมือนกันค่ะ ดูมันมึนๆอึนๆกับอารมณ์ของเขตแดนดี ใช้คำว่ากระวนกระวายหลายรอบมาก ตอนนี้เน้นบรรยายเป็นหลัก แต่รู้สึกว่ายังบรรยายความรู้สึกของทั้งคู่ได้ไม่ดีเลย

๐ สุดท้ายก็ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ เรื่องนี้คงไม่ยาวเท่าไหร่ เขียนตามพล็อตไปเรื่อยๆ ยังไงก็ติชมได้เลยนะคะ มีตกหล่นอะไรไปบ้างก็ขออภัยค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ทวงที่ถาม ที่เข้ามาเยี่ยมเยียน ขอบคุณจริงๆค่ะ

ปล. ตอนหน้าอาจจะเป็นปีหน้านะคะ ขอเคลียร์หลายๆเรื่องก่อนค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: countryside_69 ที่ 20-12-2012 10:07:44
 o13 สนุกมากครับ แต่งนิยายได้เก่งสุด ๆ  o13

ติดแต่ว่าหายไปแต่ละทีนานมาก
จนบางทีอารมณ์ของตัวละครที่สื่อออกมา
หายไปซะดื้อ ๆ
 :amen: :amen: :amen:
รอติดตามตอนต่อไปครับ
 :catrun:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 20-12-2012 10:13:31
 :a5:  แย่แล้วววว..ดูท่าเราจะติดเรื่องนี้งอมแงมยิ่งกว่าติดฝิ่นอีกนะเนี่ยย
ตอนต่อไปอย่าให้รอนานนะคนเขียน :z3:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: withmeto_PJ ที่ 20-12-2012 11:35:44
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกเลยค่ะ
แต่ว่าแต่ละตอนช่างยาวนานเหลือเกิน T^T
ชอบตอนนี้นะค่ะ มันให้ความรู้สึกหวานๆแบบบอกไม่ถูก ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น
ทั้งสองคนรู้ใจตัวเองแล้ววววว เย้ๆ รอแค่ว่าเมื่อไหร่ที่จะเอ่ยปากบอก ย๊ากกก คิดไปไกลลลลเลย

ขอบคุณคนแต่งมากๆนะคะ ถ้าว่างจากงานแล้ว ขอให้นึกถึงพี่เขตต์น้องธรณ์ด้วยน๊า คนอ่านยังรอคอยอยู่จ้า
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 20-12-2012 11:53:42
ต่างคนต่างรู้ใจของตัวเองว่ารักอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว

เหลือก็แค่ปากเท่านั้นที่จะพูดมันออกมา ส่วนการกระทำบางครั้งก็ออกแนวพี่ชายน้องชาย

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 20-12-2012 12:03:20
น่าร้ากอ่ะ  กอดกันละๆ :-[

ในที่สุดเขตก็รู้ใจตังเอง รอน้องหน่อยนะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 20-12-2012 12:22:47
ได้อ่านตอนหวานๆก่อนไปสอบ รู้สึกดีมากเลยค่ะ

ตอนนี้หวานจัง ชอบเวลาธรณ์เรียกว่า พี่เขตต์อ่ะ น่ารัก
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 20-12-2012 12:34:25
มาให้หายคิดถึง :z2:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 20-12-2012 17:13:41
ธรณ์ยอมรับความรู้สึกของตัวเองเหมือนกับเขตต์
ถ้าไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นก็คงยังไม่รู้ตัวกันมั้ง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 20-12-2012 18:50:30
รู้สึกตรงกันแล้วนะ เหลือแค่พูดออกไป  :-[
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 20-12-2012 19:42:40
พัฒนาไปอีกขั้นแล้ว
หวังว่าคงราบรื่นเน้อ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 20-12-2012 20:18:54
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 20-12-2012 21:47:49
ธรณ์ช่วยตัวเองได้อยู่นะ เยี่ยมเลย ได้พี่เขตไปช่วยทันเวลาด้วย  o13
เค้าใจตรงกันแล้วอ่า กิ๊บกิ้วววววววววววว แต่ยังมีกำแพงบาง ๆ กั้นอยู่นะ
นอนกอดกันด้วยอ่า ใจพี่เขตอ่ะไปเต็ม แต่ใจธรณ์นี่ยังอีกนิด ๆ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้ม ที่ 20-12-2012 22:05:03
เข้ามาอ่าน ปิ๊งเลย ชอบอ่ะ มีปมให้คิด ผูกเรื่องได้ดี ชอบค่ะชอบ ภาษาสวย
เนื้อเรื่องตอนนี้กำลังดีเลยสินะ ชอบกันแล้ว แอบมีหวานๆ อ่านไปแล้วก็นั่งเขิลเอง ^///^
แต่เหมือนจะมีปัญหาตามมาในไม่ช้านี่สิ ไม่เป็นไร ช่วงนี้ก็เก็บเกี่ยวความสุขไปก่อน พี่เขตกับน้องธรณ์
ติดตามค่ะ รอต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 20-12-2012 22:14:33
ตอนนี้เหมือนจะหวาน
เอะอะกอด 55555
ชอบเรื่องนี้ม้ากมากกกกกก ><
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 20-12-2012 23:13:47
เข้ามาอ่านแบบรวดเดียวถึงตอนล่าสุด สนุกมากเลยค่ะ เขียนเรื่องได้ชวนติดตามมาก  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-12-2012 02:03:03
ใสๆ แบ๊วๆ

กอดกันๆ


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: smirnoi ที่ 21-12-2012 02:18:01
ตอนนี้อ่านแล้วเขินเลย กอดๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: honeyhoon ที่ 21-12-2012 09:58:38
 :o8:
ตายล่ะ พี่เขต รักเค้าก็รีบบอก :-[
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 21-12-2012 11:18:02
ต่างคนต่างรู้ใจตนเอง  แต่ยังไม่สารภาพความรู้สึกที่มีต่อกันตรง
อาจจะทำให้ดูคลุมเครือล่ะมั้ง  แต่ก็คอยเอาใจช่วยล่ะกัน


คนแต่งหายไปนาน  คิดถึงนะเนี่ย  แล้วว่างๆ ก็เอามาลงให้อ่านใหม่น่ะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 21-12-2012 13:16:51
ตอนนี้น่ารักมายมายเลยค่ะ

#นอนหลับไปในอ้อมกอดของพี่เขตต์

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: So_Da_Za ที่ 21-12-2012 21:28:10
ตามอ่านทันแว้ว เย้ๆ
รักกันหวานๆหน่อยจิ น้านะ
เค้าชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 21-12-2012 22:30:52
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 13 :: 20.12.2012」หน้าที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 22-12-2012 19:58:41
มาฝากตัวอีกเรื่องครับ ><!!

เมื่อไหร่จะบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปน๊า ใจตรงกันซะขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 23-12-2012 09:26:47
“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 14


               ธรณ์หลับลึก หลับสนิท และหลับสบายตลอดคืน แม้กระทั่งตอนที่เขตแดนขยับตัวเพื่อคลายอ้อมกอด ธรณ์ก็ยังไม่รู้สึกตัว คนที่ตื่นก่อนขยับถอยออกมาดูคนที่นอนหลับปุ๋ย ยามนอนหลับก็เหมือนผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง

               ไม่สิ! ความจริงแล้วธรณ์ อิสรพัฒน์ก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ความเป็นเพลย์บอยและข่าวฉาว ก็เหมือนแค่เครื่องประดับภายนอก

               เขตแดนดีใจ...ที่อย่างน้อยธรณ์ก็ยอมกลับมาเป็นธรณ์คนเดิมของเขา หรืออย่างน้อยแค่เป็นตัวของธรณ์เองเวลาที่อยู่กับเขา...แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

               โดยปกติเขตแดนเองก็เป็นคนตื่นเช้าอยู่แล้ว พอตื่นแล้วชายหนุ่มก็เดินเข้าห้องน้ำ จัดการล้างหน้าแปรงฟัน มองเสื้อลายดอกที่ตัวเองเป็นคนซื้อมาแล้วก็ยิ้มขำ เขาเองก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกัน ไม่ใช่นักธุรกิจหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่อย่างที่ใครหลายคนคิด

               ก็แค่คนธรรมดา...ที่อยากมีความรักแบบคนธรรมดาทั่วไป

               จัดการกับตัวเองจนเรียบร้อย เขตแดนก็เงยหน้ามองนาฬิกา เพิ่งจะแปดโมงครึ่ง แถมยังเป็นแปดโมงครึ่งเช้าวันเสาร์ ที่ยังไงธรณ์ก็คงไม่ยอมตื่นง่ายๆแน่ และในเมื่อเขาเป็นคนบอกเองว่าจะพาธรณ์มาพักผ่อน เขาก็เลยไม่อยากจะปลุกคนที่กำลังนอนหลับสบาย ปล่อยให้ธรณ์นอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่

               เขตแดนโทรศัพท์ขอหนังสือพิมพ์จากรีเซฟชั่น เสร็จแล้วก็แกะกาแฟซองมาชง ไม่ใช่ว่าไม่หิวหรือไม่อยากกิน เพียงแต่อยากรอคนขี้เซาตื่นมากินพร้อมกัน

               สุดท้าย...กว่าธรณ์จะตื่นก็ตอนสิบโมงกว่า ลุกขึ้นมานั่งหัวฟูกอดหมอนอยู่กับเตียง ท่าทางงัวเงีย ตายังลืมได้ไม่เต็มที่ ทำเอารอยยิ้มกระจายอยู่ทั่วใบหน้าคม สายตาที่เปลี่ยนจากหนังสือพิมพ์มาทอดมองคนบนเตียงพลันอ่อนลงด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

               “ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำไป เสร็จแล้วจะได้ไปหาอะไรกินกัน”

               เขตแดนส่งเสื้อผ้าให้คนขี้เซา ที่พอรับมาก็เดินมึนๆเข้าห้องน้ำไป จนเขาชักจะสงสัยว่า ตกลงคนที่เพิ่งเดินไปนี่รู้เรื่องไหม หรือคิดว่าตัวเองกำลังละเมออยู่

               หลังจากที่เขตแดนอ่านหนังสือพิมพ์เสร็จ กาแฟหมดแก้วพอดี ธรณ์ก็เดินหน้ายุ่งออกมานจากห้องน้ำ เสื้อลายดอกยังไม่ได้ติดกระดุม เผยให้เห็นแผงอกขาวที่มีหยดน้ำเกาะพราว จนเขตแดนต้องเสเบือนหน้าหลบ
ไม่ใช่ไม่อยากเห็น แต่เขาเป็นปุถุชนคนธรรมดา ไม่ใช่พระอิฐพระปูน

               “พี่เขตต์...พอใส่แบบนี้แล้วผมดูเหมือนพนักงานรีสอร์ทเลย”

               เขตแดนเบือนหน้ากลับมา โชคดีที่ธรณ์ติดกระดุมเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังไม่วายปล่อยสองเม็ดบนเอาไว้ อวดแผงอกขาวๆของเจ้าตัว

               “พี่ก็ใส่เหมือนธรณ์ ถ้าเป็นพนักงานก็เป็นด้วยกันสองคนนี่แหล่ะ”

               “ฮึ! จริงด้วย แล้วนี่จะพาผมไปไหนเหรอครับ”

               “อยากไปไหนล่ะ”

               ธรณ์นิ่งเงียบไป ถึงจะเป็นคนไทยที่เกิดและเติบโตอยู่ในเมืองไทยมากว่าสิบห้าปี แต่ธรณ์เดินทางออกต่างจังหวัดแทบนับครั้งได้เลย และมันก็ผ่านมานานซะจนความทรงจำมันลางเลือน ตอนที่พ่อและแม่ยังมีชีวิตอยู่ คุณธีรยุทธก็มีงานยุ่งตลอด ส่วนคุณอัจฉราก็นอนป่วย เด็กชายธรณ์จึงไม่เคยได้ไปไหนไกล นอกเสียจากมาเล่นกับพี่เขตต์ที่บ้านชานเมือง ยิ่งหลังจากผู้เป็นแม่เสียไป ความสัมพันธ์ระหว่างธรณ์กับผู้เป็นพ่อก็ยิ่งเลวร้าย แทบไม่มีโอกาสที่จะได้ทำกิจกรรมร่วมกันตามประสาพ่อลูกเลย

               เขตแดนเห็นธรณ์นิ่งเงียบไปก็นึกรู้ทันที ในเมื่อเรื่องราวช่วงระหว่างที่ธรณ์อยู่เมืองไทยตอนเด็ก เขาเองก็รับรู้มาตลอด เด็กชายตัวเล็กที่ขยันมาเล่าให้เขาฟัง ว่าเพื่อนคนนู้นไปเที่ยวไหน เพื่อนคนนี้ไปเที่ยวไหน แต่ตัวเองกลับไม่เคยได้ไป เขายื่นมือไปแตะบ่าธรณ์

               “ไป...เดี๋ยวพี่พาไปกินอาหารทะเลก่อนละกัน เสร็จแล้วจะทำอะไรต่อค่อยว่ากันอีกที”

               ดวงหน้าที่สลดไปชั่ววูบหันกลับมาคลี่ยิ้มกว้างให้เขตแดนอย่างยินดี ธรณ์ตัดสินใจแล้ว เขาจะพักผ่อนและลืมเรื่องราวหนักอกทุกอย่างไป ขอกลับไปเป็นธรณ์คนเดิม...ธรณ์คนที่เคยวิ่งตามร้องเรียกหาพี่เขตต์ และคอยออดอ้อนพี่เขตต์ของเขา

               ไม่รู้ว่าเขาจะหวังมากไปหรือเปล่า...แต่พอไม่มีคุณพ่อคุณแม่ เขาก็เหลือเพียงแค่คุณสงครามกับเขตแดน จะเป็นไปได้ไหม...ถ้าเขาอยากให้เขตแดนเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา และเข้าใจในทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเป็นและทำลงไป...คงไม่มากไปใช่ไหม


====================


               เขตแดนขับรถออกมาวนหาร้านอาหารทะเลเจ้าดัง ที่เขาโทรสอบถามเอาจากเวธน์ พอได้พิกัดว่าอยู่แถวละแวกจอมเทียนก็มาขับรถตามลายแทง คนที่นั่งข้างก็มองซ้ายมองขวา เพราะเมื่อคืนมาถึงก็มืดแล้วมองอะไรไม่ชัดเท่าไหร่ อารมณ์ประหนึ่งพาเด็กมาทัศนศึกษาเลยทีเดียว

               “ตอนอยู่ที่เมืองนอกได้เที่ยวบ้างไหมเนี่ย” เขตแดนแกล้งถามเด็กโข่ง

               “เที่ยวสิ เที่ยวเยอะมากเลยด้วย เพราะตอนอยู่ที่นี่ไม่ได้ไปไหนเลยล่ะมั้ง ผมเลยเก็บกด”

               แม้ธรณ์จะพูดกลั้วหัวเราะ แต่คนฟังก็รู้ดีว่ามันแฝงความน้อยใจอย่างปิดไม่มิด แต่เพียงแวบเดียว ธรณ์ก็ปัดความรู้สึกเหล่านั้นทิ้ง เพราะไม่รู้ว่าจะมาน้อยอกน้อยใจอะไรกับคนที่ไม่อยู่แล้ว

               ในที่สุด เขตแดนก็หาร้านอาหารเจอ แต่เพราะมันเป็นวันเสาร์ แถมตอนที่พวกเขาสองคนมาถึงร้านก็เป็นเวลาเที่ยงเศษ เลยต้องมายืนรอคิวกันอยู่หน้าร้าน ความจริงเขตแดนก็ถามธรณ์แล้วว่าจะเปลี่ยนไปที่อื่นแทนไหม แต่คำตอบที่ได้รับคือ...

               “เอาร้านนี่แหล่ะ ไม่นั่งในห้องแอร์นะ จะนั่งติดทะเล”

               เขตแดนได้แต่ส่ายหัวน้อยๆ ถ้าคนข้างตัวเขายอมนั่งห้องแอร์ซักหน่อย ป่านนี้ก็คงได้เข้าไปนั่งสั่งอาหารแล้ว แต่คุณชายธรณ์เขาเกิดอยากจะนั่งรับประทานอาหารกลางวันเคล้าลมทะเล ซึ่งที่นั่งริมทะเลก็มีจำนวนน้อย และลูกค้าหลายคนก็อยากจะจับจองโต๊ะริมทะเลกันหมด เลยต้องมายืนคอยคิวกันอยู่อย่างนี้

               เอาเถอะ...ไม่เป็นไรหรอก ในเมื่อเขาเองก็ยังอยากเห็นคนที่กำลังยืนหล่ออยู่ข้างๆ มีรอยยิ้มประดับอยู่บนหน้าไปนานๆ รอยยิ้มที่เป็นรอยยิ้มจริงๆ มันออกมาจากใจของคนที่มีความสุข มีค่ามากซะจนให้เอาอะไรมาแลกเขตแดนก็คงไม่ยอม ในเมื่อกว่าเขาจะได้รอยยิ้มนี้มา มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

               “ทะเลเมืองไทยสวยนะ ผมชอบมากๆเลย” คนที่ยืนทอดอารมณ์มองทะเลเปรยออกมาเบาๆ

               “ทะเลแถบนี้ยังสวยสู้ทางภาคใต้ไม่ได้หรอก ภาคใต้สวยกว่าอีก”

               “ที่นิวยอร์กก็มีทะเลนะ นั่งซับเวย์จากอพาร์ทเมนต์ผมออกไปชั่วโมงกว่าๆ หน้าร้อนคนเยอะมาก แต่สวยสู้พัทยาบ้านเรายังไม่ได้เลย”

               “ถ้าธรณ์ไปเห็นทะเลแถวกระบี่หรือภูเก็ต ธรณ์ก็ต้องบอกว่าที่พัทยาธรรมดาไปเลยเหมือนกันนั่นแหล่ะ”

               คนที่ยืนมองทะเลอยู่ดีๆ หันควับกลับมาหาเขตแดน ดวงตาเป็นประกายเหมือนเจออะไรถูกใจขึ้นมาทันที

               “พี่เขตต์เคยไปด้วยเหรอครับ”

               “เคยไปเรื่องงานอยู่สองสามหนน่ะ” เขตแดนตอบไปตามความจริง

               เขาเคยไปกระบี่กับภูเก็ตด้วยเรื่องงานของบริษัท ไม่ได้ไปเที่ยวบรรดาเกาะน้อยใหญ่ที่ใครเขาร่ำลือกันว่าสวยงาม แต่แค่หาดหน้าโรงแรมที่พักที่เขาเห็น เขตแดนก็ว่ามันสวยมากๆแล้ว ไม่สงสัยเลยว่าทำไมชาวต่างชาติถึงชอบมาเที่ยวทะเลเมืองไทยกัน

               “ฟังพี่เขตต์พูดแล้วผมอยากไปขึ้นมาทันทีเลย”

               “ไว้มีโอกาส...จะพาไป”

               “สัญญานะครับ...”

               เขตแดนยิ้มออกมา คนที่ไม่รู้จักธรณ์คงสงสัย ว่าเพลย์บอยเจนจัดหรือธรณ์ตรงหน้ากันแน่คือตัวจริงของธรณ์ อิสรพัฒน์ แต่ถ้าถามเขา เขตแดนตอบได้เลยว่า ธรณ์ตรงหน้าเขาเนี่ยแหล่ะคือตัวจริง ไม่ต่างไปจากธรณ์ในวันวานก่อนที่จะเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย

               ขอบคุณ...ขอบคุณที่ธรณ์ยอมเป็นตัวของตัวเองเวลาอยู่กับเขา

               “ได้โต๊ะแล้วมั้ง พนักงานเรียกเราสองคนแล้ว” เขตแดนพยักเพยิดให้ธรณ์เดินไปถามพนักงานคนที่จัดคิว

               ธรณ์เดินตรงเข้าไปหาพนักงาน ซักถามอะไรอยู่นิดหน่อย ก็หันมาโบกมือเรียกเขตแดนให้เดินตามไป

               โต๊ะที่ได้ต้องบอกว่าทำเลดีสมกับที่ยืนรอมานานกว่าครึ่งชั่วโมงจริงๆ เป็นโต๊ะที่ตั้งอยู่ริมทะเล ไม่มีอะไรมาบดบัง ชนิดที่ว่าสามารถมองเห็นท้องทะเลในมุมกว้างได้อย่างชัดเจน เขตแดนจัดการสั่งอาหารทะเลมาหลายอย่าง โดยไม่ลืมที่จะสั่งข้าวผัดปูจานเล็กมาด้วย พอเห็นธรณ์ทำหน้างงก็รีบบอกทันที

               “พี่สั่งมาให้ธรณ์นั่นแหล่ะ ตั้งแต่เช้ามายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนะ กินข้าวไปซะดีๆ”

               “โห...พี่เขตต์จะสั่งมาตัดกำลังให้ผมกินกุ้งกับปูได้แค่นิดเดียวใช่ไหมล่ะ” ธรณ์แกล้งโอดครวญ

               “ใครบอกล่ะ...พี่กลัวว่าธรณ์จะปวดท้องต่างหาก เอาเถอะ กินข้าวได้แค่ไหนก็กินไปละกัน ที่เหลือเดี๋ยวพี่จัดการให้เอง”

               ธรณ์เผลอยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่รู้ตัว นี่สิ...พี่เขตต์คนเดิมที่คอยตามใจเขา มีเวลาให้เขา เป็นห่วงเขาเสมอ...พี่เขตต์ของเขา

               ก่อนอาหารที่สั่งไว้จะมา พนักงานก็ยกเครื่องดื่มมาก่อน ธรณ์เบิกตามองมะพร้าวน้ำหอมที่มาในลูกมะพร้าวด้วยความตื่นเต้น ธรณ์อาจจะเก่งกาจในบางเรื่อง แต่กับเรื่องง่ายๆ บางทีธรณ์ก็กลายเป็นเด็กๆไปเลยเหมือนกัน

               “นี่มะพร้าวน้ำหอม พอธรณ์กินน้ำจนหมด ก็เอาช้อนตักเนื้อออกมานะ เขาขูดเป็นแผ่นอยู่ในลูกมะพร้าวเรียบร้อยแล้ว”

               ธรณ์ยังไม่ทันได้ทำตามคำแนะนำของเขตแดน ก็ต้องสูดปากทันที เมื่อพนักงานเสิร์ฟยกน้ำจิ้มซีฟู้ดมาวาง

               “พี่เขตต์รู้ไหม เวลาผมอยู่เมืองนอก ผมกินอาหารทะเลไม่อร่อยก็เพราะไม่มีน้ำจิ้มซีฟู้ดเนี่ยแหล่ะ จะโชคดีหน่อยก็เวลาที่ชินมันกลับบ้าน มันจะให้แม่บ้านเขาทำแล้วแพ็คใส่กระปุกไป แต่อยู่ได้เต็มที่เดือนเดียวก็หมดแล้ว แค่เห็นก็น้ำลายสอเลย”

               ธรณ์ทำท่าจะเอาช้อนตักน้ำจิ้มซีฟู้ด แต่ถูกเขตแดนคว้ามือเอาไว้ก่อน

               “ไม่ต้องเลย ยังไม่มีอะไรรองท้องมากินของเผ็ดเดี๋ยวก็ปวดท้องพอดี รอข้าวผัดมาก่อน”

               ธรณ์เบ้ปาก แต่ก็ยอมหดช้อนกลับมาโดยดี พอข้าวผัดปูจานเล็กยกมา เจ้าตัวก็จัดแจงบีบมะนาวและใส่น้ำปลาพริก ที่ดูแล้วเหมือนจะโกยแต่พริกลงไปคลุกกับข้าวซะมากกว่า จนเขตแดนต้องส่ายหน้าน้อยๆ

               “กินเผ็ดขนาดนี้ ใครเขาจะเชื่อว่าไปอยู่เมืองนอกมาเกือบสิบปี”

               “ทำไมอยู่เมืองนอกแล้วต้องกินเผ็ดไม่เป็นด้วยล่ะ ชินนั่นแหล่ะตัวดีเลย มันถึงกับปลูกต้นพริกไว้ที่ระเบียงอพาร์ทเมนต์เลยครับ เวลาเอามาคั่วกระเทียมแล้วผัดกับข้าวนะพี่เขตต์...อย่าให้พูดเลย” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังยกนิ้วรับประกันด้วยว่าเมนูตัวเองเด็ดแค่ไหน

               “หึ...มัวแต่พูด เดี๋ยวข้าวก็เย็นหมดหรอก”

               ธรณ์เกาศีรษะแก้เก้อทันที เมื่อรู้สึกว่าเขาชักจะเป็นตัวของตัวเองมากไปหน่อย ที่เป็นอยู่นี่...เหมือนกลับไปเป็นเด็กชายธรณ์ เจ้าตัวน้อยที่ช่างจำนรรจาของเขตแดนเลย



               ภาพเด็กชายตัวเล็กที่ขี่หลังเด็กชายตัวโตยังแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำ เป็นภาพความทรงจำดีๆ ที่ไม่ว่าเวลาผ่านไปกี่ปีก็ไม่มีวันเลือนหาย ไม่ว่าจะหวนนึกถึงเมื่อไหร่ก็ต้องยิ้มออกมา

               หัวเข่าสองข้างของเด็กชายตัวเล็กถลอกปอกเปิก แต่เจ้าตัวดูเหมือนจะไม่ได้ทุกข์ร้อนเท่าไหร่ ยังส่งเสียงร้องเพลงอย่างอารมณ์ดี ผิดกับคนที่แบกรับน้ำหนักที่ทำหน้าเครียดราวกับว่าเป็นคนเจ็บเสียเอง

               “เจ็บมากไหมธรณ์” คนตัวโตกว่าเอ่ยถามน้องอย่างเป็นห่วง

               “เจ็บ แต่ธรณ์ทนได้” เจ้าตัวเล็กบอกหน้าชื่น พยายามยิ้มแย้มให้คนเป็นพี่คลายความเป็นห่วง

               แม้จะแบกร่างเล็กเอาไว้ แต่เด็กชายตัวโตก็พยายามเร่งฝีเท้าให้ถึงบ้านโดยไว จะได้รีบพาน้องไปล้างแผลทำแผล ถึงเด็กชายตัวน้อยจะไม่ร้องไห้โยเย แต่เด็กชายเขตแดนก็รู้ว่าน้องคงเจ็บไม่น้อย เพราะตอนพยุงน้องขึ้นมา น้องยังแทบทรุดลงไปกอง จนเขาต้องตัดสินใจให้น้องขี่หลัง

               “พี่เขตต์ ธรณ์ไม่อยากหายเจ็บเลย” เด็กชายตัวน้อยทำท่าจะงอแงในเรื่องที่ไม่ควร

               “ทำไมล่ะ ถ้าไม่หายแล้วจะเล่นด้วยกันยังไง ไม่อยากเล่นกับพี่เหรอ”

               “อยาก แต่ธรณ์อยากขี่หลังพี่เขตต์มากกว่า”

               เด็กชายเขตแดนเผลออมยิ้มออกมา ค่อยๆทอดฝีเท้าให้ช้าลง ไม่อยากบอกเลยว่า พี่ชายคนนี้ก็ชอบเวลาเจ้าตัวเล็กขี่หลัง บ้านอยู่ข้างหน้าอีกไม่ไกล แต่ทำไมไม่อยากให้มันถึงเลย อยากพาน้องขี่หลังไปนานๆ และเด็กชายเขตแดนคงไม่รู้ ถึงเด็กชายธรณ์จะชอบซ้อนท้ายจักรยานที่พี่ขี่ แต่ตอนนี้ที่ชอบมากกว่าคือการได้ขี่หลังพี่...ไม่ได้อยากแกล้งให้พี่ลำบาก แต่แค่อยากกอดพี่ไว้แน่นๆ




               สัมผัสแผ่วเบาที่แตะลงตรงมุมปาก เรียกให้คนที่นั่งเหม่อลอยอยู่ในห้วงภวังค์ของตนเอง ถึงกับสะดุ้งสุดตัว ธรณ์ทำหน้าเลิ่กลั่กก่อนจะพ่นลมหายใจออกจากปากอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่าเป็นปลายนิ้วของเขตแดนเองที่เอื้อมมือมาแตะมุมปากของเขา

               “มัวแต่เหม่ออะไรเนี่ยเรา กินเลอะเทอะหมดแล้ว”

               ถ้อยคำสำทับมาพร้อมกับปลายนิ้วที่เอื้อมมาเกลี่ยมุมปากอีกข้างอย่างอ่อนโยน ผิดแต่ว่าคราวนี้ผู้ถูกกระทำรู้สึกตัว ไม่ได้นั่งเหม่อลอยเหมือนเมื่อครู่ สัมผัสแผ่วๆที่นุ่มนวลจึงเรียกอาการร้อนวูบวาบให้บังเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย จนต้องเสหลบตา ก่อนจะยึดข้อมือของอีกฝ่ายไว้

               “เดี๋ยวผมเอากระดาษทิชชู่เช็ดก็ได้ครับ”

               เขตแดนเห็นอาการกระอักกระอ่วนของเจ้าตัว ก็ยอมปล่อยมือแต่โดยดี และถ้าเขาไม่ได้ตาฝาดและคิดเข้าข้างตัวเองมากไปนัก สีแดงๆบนแก้มขาวๆนั่นคงไมได้เป็นเพราะอากาศร้อนแน่ๆ เพราะเขาว่าตรงที่นั่งอยู่ลมมันก็โกรกเย็นสบายดี ธรณ์คงไม่น่าจะร้อนจนถึงกับหน้าแดง และถ้าไม่ได้ร้อนก็แปลว่า...


               เขิน!! ธรณ์กำลังเขินเขาอยู่จริงหรือ!?!


               ธรณ์คว้ากระดาษทิชชู่มาซับปากตัวเอง เสร็จแล้วก็อดมองซ้ายมองขวาไม่ได้ ว่าตนเองได้ตกเป็นเป้าสายตาของใครไปบ้างหรือเปล่า โชคดีที่ทุกคนมัวแต่สาละวนกับการรับประทานอาหาร จึงไม่มีใครยอมเสียเวลามาสนใจคนอื่น พอหันกลับมาก็ปรากฏว่า กุ้งเผาที่สั่งมา ถูกใครบางคนจับลอกคราบจนเหลือแต่เนื้อขาวๆอวบๆ แล้วจับมาวางใส่จานเขาหลายตัวแล้ว

               “พี่เขตต์ เดี๋ยวผมแกะเองก็ได้”

               “กินไปเถอะ พี่แกะให้แล้ว เอาปูด้วยไหม”

               ทั้งที่เป็นประโยคคำถาม แต่ดูเหมือนเขตแดนจะไม่ต้องการคำตอบ เพราะเขาจัดแจงคว้าปูมาแกะต่อเป็นที่เรียบร้อย ธรณ์เองก็ไม่ใช่ไม่ชอบ เขาชอบ...ชอบพี่เขตต์คนนี้ที่คอยเอาใจเขา ใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ แม้จะเป็นเรื่องที่เขาทำเองได้ แต่พอมีคนมาทำให้ก็รู้สึกดีขึ้นมา

               “ทำแบบนี้เดี๋ยวคนอื่นเขาก็นึกว่าเราสองคนเป็นแฟนกันพอดี” ธรณ์พึมพำออกมาเบาๆ น่าแปลกที่คนฟังกลับรู้สึกขุ่นมัวกับประโยคที่ได้ยิน แม้จะรู้ดีว่ายังไม่มีสิทธิ์ใดๆก็ตาม

               “พี่ทำแบบนี้แล้วทำให้ธรณ์ลำบากใจใช่ไหม”

               ประโยคธรรมดาๆที่หลุดออกมาจากปากเขตแดน กลับทำให้ธรณ์รู้สึกผิด คล้ายกับกำลังถูกตัดพ้อต่อว่าอยู่ ชายหนุ่มเลยรีบส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน

               “เปล่าซะหน่อย ผมแค่กลัวว่าเดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจพี่เขตต์ผิด”

               “แล้วธรณ์แคร์คนอื่นหรือเปล่า”

               คำถามเรียบๆถูกส่งออกมา แต่แววตาที่มองกลับเต็มไปด้วยความจริงจังอย่างที่ธรณ์ไม่เคยเห็น เขาไม่รู้ว่าเขตแดนหมายความว่าอย่างไร แต่ถ้าถามว่าธรณ์แคร์สายตาคนรอบข้างหรือเปล่า ชายหนุ่มก็ตอบได้เลยว่าไม่ เพราะถ้าเขาแคร์ เขาคงไม่ทำตัวเป็นเพลย์บอยที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่มานานหลายปี

               “ผมไม่แคร์คนอื่นหรอก”

               “พี่ก็ไม่แคร์คนอื่นเหมือนกัน”

               ธรณ์เสก้มลงสนใจปูสนใจกุ้งบนโต๊ะ มันก็แค่คำพูดธรรมดา แต่ทำไมเขากลับรู้สึกว่ามันมีความหมายลึกซึ้ง แล้วอาการหน้าร้อนผ่าวๆนี่มันอะไรกัน ธรณ์ อิสรพัฒน์ที่จีบผู้หญิงมานักต่อนักกลับมาใจเต้นเป็นส่ำ ทำตัวไม่ถูก มือไม้ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนกับแค่คำพูดประโยคเดียว

               ธรณ์ไม่เคยดูถูกหรือรังเกียจความรักระหว่างเพศเดียวกัน อาจจะเป็นเพราะเห็นจากคนใกล้ตัวอย่างชินดนัยก็เป็นได้ แต่ก็ไม่เคยคาดคิดว่าวันหนึ่ง...จากเรื่องใกล้ตัวจะกลายมาเป็นเรื่องของตัว ที่ผ่านมาก็ทำตามใจตัวเองมาตลอด

               จะเป็นอะไรไหม...ถ้าจะทำตามใจตัวเองอีกซักครั้ง


====================

[มีต่อนะคะ]
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 23-12-2012 09:38:08


               กินข้าวเสร็จเรียบร้อย ธรณ์ก็ขอให้เขตแดนแวะซื้อกางเกงว่ายน้ำ พอเขตแดนถามว่าจะเอาไปทำอะไร เลยได้คำตอบกวนๆกลับมาว่า...

               “ปกติกางเกงว่ายน้ำเขาเอาไว้ใช้ทำอะไรล่ะครับ”

               เขตแดนส่ายหน้านิดๆ ก่อนจะแวะร้านข้างทางแถวชายหาด แล้วก็ได้กางเกงขาสั้นมากันคนละตัว พอกลับถึงที่พัก ธรณ์ก็ขอตัวไปนอนเอนหลังทันที

               “บอกให้พี่แวะซื้อกางเกงว่ายน้ำ แล้วก็มานอนเนี่ยนะ”

               “ของีบเดี๋ยวเดียวเองครับ พอหนังท้องตึงแล้วหนังตาก็หย่อน”

               “ฮึ! ช่วยไม่ได้ อยากกินเยอะเอง”

               พอได้ยินประโยคที่เขตแดนพูด คนที่นอนอยู่เลยลืมตามาทำตาดุๆใส่ทันที

               “ไม่ต้องพูดเลย พี่เขตต์นั่นแหล่ะ ผมบอกว่าพอแล้วๆ ก็ยังจะแกะกุ้งแกะปูใส่จานผมอยู่นั่น สงสัยผมต้องว่ายน้ำนานแน่ๆกว่าของที่กินลงไปจะย่อยหมด” ธรณ์บอกก่อนจะเอามือลูบท้องตัวเองป้อยๆ

               “แค่นี้ก็ผอมจะแย่แล้ว จะลดไปถึงไหนกัน”

               “ออกกำลังกายครับ ไม่ได้ลดน้ำหนักซะหน่อย ให้มันเฟิร์มไง”

               เขตแดนหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงเอนหลังข้างๆธรณ์ มือหนึ่งก็คว้าเอารีโมทมากดเปิดโทรทัศน์ เขตแดนกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ความจริงแล้วเขาก็ไม่รู้จะดูอะไร ก็แค่หาอะไรทำฆ่าเวลารอคนที่บอกว่าจะของีบก็เท่านั้น

               “พี่เขตต์...” คนที่เขตแดนคิดว่าหลับไปแล้วร้องเรียกชื่อเขาเบาๆ

               “ว่าไงครับ”

               “เวลาที่ผมทำตัวแย่ๆ เคยเกลียดผมบ้างหรือเปล่า”

               “หึ! เด็กบ้าเอ๊ย...พี่จะไปเกลียดธรณ์ได้ยังไง ไม่ได้เกลียดหรอก แต่ไม่ชอบ ไม่พอใจ เรียกว่าโกรธคงถูกต้องกว่าล่ะมั้ง”

               เขตแดนไม่เคยนึกเกลียดธรณ์เลย เวลาที่รู้ว่าจากปากคุณธีรยุทธหรือพ่อของเขาว่าเจ้าตัวไปมีเรื่องชกต่อย แต่เขาโกรธ...โกรธธรณ์ที่ไม่รักตัวเอง ทำไมถึงได้เอาแต่ทำเรื่องโง่ๆ ธรณ์อาจจะต้องการทำตัวแย่ๆเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคุณธีรยุทธ เขตแดนอยากบอกเหลือเกินว่ามันก็ได้ผล เพียงแต่คนที่สนใจทุกเรื่องราวไม่ใช่แค่คุณธีรยุทธคนเดียว แต่ยังรวมถึงตัวเขาด้วย

               ช่วงที่ห่างหายกันไป คือช่วงที่คุณอัจฉราเพิ่งเสีย ธรณ์เริ่มเข้ามัธยม ส่วนเขตแดนเองก็เข้ามหาวิทยาลัย แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พบเจอบ่อยๆเหมือนสมัยก่อน แต่เขตแดนก็ยังคิดถึงเด็กผู้ชายที่คอยวิ่งตามเขาเสมอ เพียงแต่เรื่องราวเกี่ยวกับธรณ์ที่รู้มาจากผู้เป็นพ่อและคุณธีรยุทธ ทำเอาเขาถึงกับไม่พอใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ธรณ์ถึงได้เปลี่ยนไปกลายเป็นเด็กเกเร

               “รู้ไหม ตอนที่พี่เขตต์เข้ามหาวิทยาลัย ผมโมโหไปช่วงหนึ่งด้วย ว่าทำไมอยู่ดีๆถึงได้หายไป”

               “จะบอกว่าที่ธรณ์ทำตัวแย่ๆก็เป็นเพราะพี่หรือไง”

               “ก็ไม่เชิงหรอก พ่อน่ะปกติก็ไม่ค่อยมีเวลาให้ผมอยู่แล้ว พอเจอผมก็ชอบพูดถึงแต่พี่เขตต์ จนผมยังไม่รู้เลยว่าตกลงแล้วผมหรือพี่เขตต์กันแน่ที่เป็นลูกพ่อ”

               “ธรณ์เลยไม่พอใจพี่ว่างั้นเถอะ”

               “ฟังผมพูดให้จบก่อนสิ พี่เขตต์ไม่รู้หรอกว่ามันรู้สึกยังไง จู่ๆคนที่เคยอยู่กับเราทุกวันก็หายไป ไม่ใช่แค่แม่นะ เรื่องที่แม่เสียผมก็พอทำใจได้ส่วนหนึ่งแล้วล่ะ เพราะแม่เองก็ไม่ค่อยแข็งแรงมาตั้งแต่แรก ผมก็ผิดเองที่ไปโทษพ่อ มันคงเป็นอารมณ์แบบเด็กๆ แต่พี่เขตต์นั่นแหล่ะ...พอเข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็ห่างจากผมออกไปเรื่อยๆ” ความในใจที่เก็บสะสมมานานถูกถ่ายทอดออกเป็นคำพูดให้เขตแดนได้รับรู้ โดยไม่ทันรู้ตัว...เขตแดนเองก็เผลอยื่นมือไปรั้งธรณ์เข้ามาใกล้

               “พี่ขอโทษ ตอนนั้นพี่ก็ผิดเอง ทั้งๆที่พี่ควรจะอยู่ข้างธรณ์เวลาที่ธรณ์ต้องการพี่ แต่พี่ก็ไม่ได้ทำ”

               สังคมใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยไม่ได้ทำให้เขตแดนลืมธรณ์ แต่มันทำให้เขาละเลยธรณ์ไปบ้าง เขตแดนรู้ว่าเขาเองก็มีส่วนเหมือนกันที่ทำให้ธรณ์ต้องกลายเป็นแบบนี้

               “ไม่รู้สินะ ตอนนั้นผมก็คงเด็ก คิดอะไรโง่ๆแบบเด็กๆด้วย ผมแค่ต้องการคนที่เข้าใจผม พอเพื่อนชวนไปไหนชวนไปทำอะไรผมก็ไป แรกๆพอโดนเรียกผู้ปกครอง ผมก็คิดว่าดีเหมือนกัน พ่อที่ไม่เคยมางานวันพ่อเลย อย่างน้อยก็ต้องยอมหยุดงานมาพบอาจารย์แน่ๆ ที่ไหนได้...กลับกลายเป็นลุงครามไปซะได้ ผมก็เลยคิดอะไรตื้นๆ อยากจะเอาชนะพ่ออย่างเดียว ว่าถ้าโดนเรียกบ่อยๆเข้า พ่อจะไม่มาซักครั้งเลยเหรอ แต่...เขาก็ไม่มาจริงๆ” ธรณ์แค่นหัวเราะออกมาเสียงขื่น

               การหยิบยกเรื่องราวในอดีตมาพูด ก็ไม่ต่างอะไรจากการกรีดหนองออกมาจากแผล แต่ถ้าไม่ทำอย่างนี้ก็คงไม่มีวันที่จะดีขึ้น มันอาจจะเจ็บปวดที่ต้องมาพูดถึงเรื่องที่ไม่อยากจดจำ แต่ถ้าไม่ทำอย่างนั้น ก็คงจะไม่มีวันได้เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไปมันเป็นเพราะอะไร

               “แล้วพี่...” คราวนี้คนพูดหันมาตวัดสายตาใส่เขตแดนอย่างเคืองๆ “พี่เขตต์ก็ไม่เคยถามผมเหมือนกันนั่นแหล่ะว่าทำไปทำไม พี่เขตต์เอาพ่อมาอ้างตลอด หาว่าผมทำตัวเหลวไหล ทำไมไม่คิดถึงพ่อ พ่อต่างหากที่ไม่คิดถึงผม พี่เขตต์ก็เหมือนกัน มีแต่ลุงครามที่เข้าใจผม”

               เขตยกมือเป็นเชิงยอมแพ้ เขาเองก็ตัดสินธรณ์จากความไม่รู้และความเข้าใจผิด นี่ใช่ไหม สาเหตุที่พ่อของเขาไม่เคยโกรธเวลาธรณ์ทำตัวไม่ดี เพราะพ่อรู้ว่าธรณ์ทำลงไปทำไม พ่อได้แต่สอนและอธิบายให้ธรณ์เข้าใจ แต่ตัวเขาล่ะ...เอาแต่ต่อว่าในสิ่งที่ธรณ์ทำลงไป

               อีกเรื่องที่เขตแดนไม่เคยรู้เลยก็คือ สาเหตุที่ทำให้ธรณ์คิดว่าเขตแดนเปลี่ยนไป มันคือทุกครั้งที่เขาไปบ้านของเขตแดน แล้วมักจะเจอเขตแดนอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่มหาวิทยาลัย เด็กชายได้แต่มองอยู่ห่างๆ พี่เขตต์ไม่เรียกเขาเข้าไปหา ไม่สนใจเขาเหมือนเดิม จักรยานที่เคยปั่นให้เขาซ้อน ก็เห็นพี่เขตต์ปั่นไปซื้อของกับเพื่อน มีแค่มืออุ่นๆของลุงครามที่แตะลงบ่าอย่างปลอบประโลม



               ‘มาอยู่กับลุงก่อนมา เดี๋ยวพี่เขาทำอะไรเสร็จแล้วก็มาตามธรณ์เอง’

               ‘ไม่เป็นไรครับลุงคราม ธรณ์กลับเลยดีกว่า’

               ‘ไป...เดี๋ยวลุงไปส่ง’ คุณสงครามบอกหลานชาย แล้วจึงตะโกนบอกลูกชาย ‘เขตต์! พ่อพาน้องไปส่งก่อนนะลูก’

               นักศึกษาหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนจะมุ่งมั่นกับรายงานตรงหน้า อยากทำให้เสร็จไวๆ คิดว่าน้องคงเข้าใจ แต่เขตแดนคงลืมไป ว่าธรณ์ในตอนนั้นไม่เหมือนเด็กชายธรณ์คนเก่า ธรณ์ที่เพิ่งเสียแม่ไป ต้องการใครซักคนมาอยู่ข้างๆ




               ลุงครามอาจจะแทนที่พ่อได้ เพราะลุงครามดูแลเอาใจใส่ธรณ์ยิ่งกว่าพ่อ แต่ที่ของเขตแดน...ไม่เคยมีใครแทนได้จริงๆ พอเขตแดนทิ้งที่ว่างข้างๆธรณ์ไป ธรณ์ก็ไม่เคยให้ใครเข้ามา ถึงชินดนัยกับอเล็กซ์จะเป็นเพื่อนรัก แต่ทั้งสองคนก็ไม่ใช่เขตแดนอยู่ดี และก็ไม่มีทางแทนกันได้

               “พี่ขอโทษครับ มันจะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว”

               “ช่างมันเถอะครับ เรื่องมันผ่านมาแล้ว ผมเองก็งี่เง่าด้วยเหมือนกัน” บทจะยอมรับ ธรณ์ก็ยอมรับออกมาง่ายๆทันที

               “ส่วนเรื่องอายุทธ พี่อาจจะเคยพูดมาหลายครั้งแล้ว แต่พี่ก็ยังอยากจะพูดอีก ความจริงแล้วอายุทธเขาไม่ได้ไม่รักธรณ์หรอกนะ เขาทำทุกอย่างก็เพื่อธรณ์ เขาไม่เข้าใจธรณ์ ไม่ได้แปลว่าไม่รักธรณ์นะ...”


               “ผมรู้ แต่ผมต้องการความรักของพ่อ ไม่ใช่เงินของพ่อหรือกิจการของพ่อ”


               “ช่างมันเถอะ เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ได้แต่ทำวันนี้และวันต่อไปให้ดีกว่าเดิม”

               “พี่เขตต์เข้าใจผมแล้วใช่ไหม”

               “เข้าใจครับ แต่สัญญาก่อนได้ไหม ว่าธรณ์จะไม่ทำตัวแบบที่ผ่านๆมาอีก พี่ไม่ชอบเลย”

               “ครับ ไม่ทำแล้วครับ”

               รอยยิ้มแห่งความเข้าใจจุดประกายบนดวงหน้าของทั้งคู่ ไม่มีใครผิดไม่มีใครถูก แค่ความไม่เข้าใจกันที่บ่มเพาะมานาน เอามาตัดสินความผิดถูกไม่ได้ สุดท้ายเมื่อเข้าใจกัน ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีอะไรมาทำให้ผิดใจกันอีก เมื่อวานคือบทเรียนของวันนี้ และวันนี้ก็คือบทเรียนของวันพรุ่งนี้

               ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขตแดนและธรณ์ทำลงไป ก็เป็นเพราะว่าต่างคนต่างแคร์กันและกันมาก ยิ่งสนใจมาก ก็ยิ่งจะคาดหวังมาก พอไม่เป็นอย่างที่หวัง ก็ยิ่งเจ็บมาก

               เพราะสนใจ เพราะคิดถึงอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ เขตแดนถึงได้โกรธ เวลาที่ต้องมารับรู้ข่าวคาวๆของธรณ์ โกรธคนที่ไม่เคยรักตัวเอง แต่ก็คงเป็นเพราะเขาเช่นกัน ทุกครั้งที่ห่วงก็เป็นต้องหยิบยกเอาคุณธีรยุทธขึ้นมาอ้าง เรื่องง่ายๆจึงกลายเป็นเรื่องยาก

               และเพราะสนใจเช่นกัน แม้ว่าผู้เป็นพ่อจะไม่อยู่คอยรับรู้พฤติกรรมเหลวแหลกของตนแล้ว แต่ธรณ์ก็ยังทำตัวเสเพล หมายจะให้คนที่รับหน้าที่เป็นผู้ปกครองคลั่ง เพื่อว่าจะมีซักครั้งที่ยอมบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาหากันบ้าง แม้สุดท้ายจะลงเอยด้วยความผิดหวัง

               แต่สุดท้ายแล้ว...อดีตมันก็ผ่านพ้นไป เหลือแค่ทำวันต่อไปให้ดีกว่าที่เป็นอยู่

               ความไม่เข้าใจก็เหมือนแค่กระจกใสบางๆที่มากั้น ที่ไม่ได้มีค่าเป็นเพียงสิ่งกีดขวาง แต่ยังเป็นเกราะกำบังเล็กๆของธรณ์ด้วย


               “พี่จะอยู่ข้างๆธรณ์ ถึงแม้ว่าธรณ์จะไม่อยากให้พี่อยู่”

   
               ก็แค่คำพูดธรรมดา ที่คนพูดหมายความทุกอย่างตามที่พูด คนฟังก็เพียงแค่เบือนหน้าออกไปมองนอกห้องบ้าง มองเฟอร์นิเจอร์ในห้องบ้าง แต่เสียงแผ่วๆที่ตอบออกมา รับประกันได้ว่ามันเข้าหูเขตแดนเต็มๆ


               “ก็อยู่ไปสิ ยังไม่มีใครมาแทนที่พี่เขตต์ซะหน่อย”


====================


               ท้ายที่สุด แผนการนอนกลางวันของธรณ์ก็ล่มไม่เป็นท่า กลายเป็นมานั่งรำลึกความหลังและปรับความเข้าใจกันประหนึ่งคนแก่ แต่ธรณ์ก็อยากจะยืนยันว่าเขายังไม่แกซักหน่อย

               “พี่เขตต์นี่พูดถึงความหลังเหมือนพวกคนแก่ๆเลยเนอะ”

               มือใหญ่ยื่นมาทำท่าจะผลักหัวคนช่างพูด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขยี้หัวเบาๆ ให้คนถูกกระทำรีบจัดทรงผมให้เข้าที่เข้าทางเป็นการใหญ่

               “ธรณ์นั่นแหล่ะที่เป็นคนจุดประเด็น อย่ามาโทษพี่เลย”

               คนที่ประกาศว่าจะว่ายน้ำก็จัดแจงเปลี่ยนเป็นกางเกงว่ายน้ำเรียบร้อย ส่วนเขตแดนก็ขอบายตามระเบียบ ให้ธรณ์ได้มีโอกาสจิกกัดแบบแสบๆคันๆเล่น

               “พี่เขตต์แก่แล้ว ว่ายไม่ไหวก็ยอมรับมาเถอะ”

               เขตแดนแค่กระตุกยิ้มมุมปากออกมา คร้านจะเถียงคนที่เดินนำลิ่วไป เขาเนี่ยนะจะว่ายน้ำไม่ไหว ให้วิ่งไปตะครุบตัวคนปากดีตอนนี้ก็ยังทำได้ เพียงแต่ไม่อยากทำเท่านั้น ความจริงแล้วตอนที่ธรณ์รู้ว่าเขาจะไม่ว่ายน้ำ ธรณ์ก็บอกให้เขานอนเล่นที่บังกะโล แต่ก็เป็นเขตแดนเองที่ดึงดันจะมานอนเล่นที่ข้างสระว่ายน้ำ

               “จะมาดูสาวๆในชุดว่ายน้ำก็บอกผมมาเถอะ” พูดออกมาเองแท้ๆ แต่ธรณ์กลับรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาตงิดๆ ถ้าเกิดเขตแดนจะทำอย่างที่เขาพูดจริงๆ แต่ความขุ่นข้องหมองใจก็ละลายหายวับไปอย่างรวดเร็ว แค่เพียงประโยคเดียวที่เขตแดนพูดออกมา


               “มาเฝ้าเด็กต่างหาก”


               ไม่ได้บอกว่าเด็กที่ไหน แต่สายตาที่มองมาก็ไม่ต้องเดาผิดเดาถูกให้วุ่นวาย และมันก็ทำเอากล้ามเนื้อไม่รักดีที่อกซ้ายของธรณ์เต้นผิดจังหวะอีกแล้ว ชายหนุ่มจึงเสสะบัดผ้าขนหนูส่งให้เขตแดน ก่อนจะพุ่งตัวลงน้ำ ทิ้งให้คนยืนมองได้แต่อมยิ้มเจ้าเล่ห์

               ถ้ารู้ว่ารุกแบบนี้แล้วธรณ์จะไปต่อไม่ถูก เถียงต่อไม่ได้ เขาทำแบบนี้นานแล้ว ไม่เสียเวลาไปลับฝีปากกันให้ความดันขึ้นเด็ดขาด

               คนที่กระโดดลงน้ำมาอย่างสวยงาม ก็พยายามใช้สายน้ำเย็นๆทำให้ตัวเองสงบลง พอได้ว่ายน้ำ ธรณ์ก็เหมือนจะลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ชายหนุ่มว่ายไปกลับ จากขอบสระอีกฝั่งไปแตะขอบสระอีกฝั่ง ว่ายซ้ำอยู่หลายรอบก่อนจะหยุดพัก แล้วลอยคอมาจะเกาะขอบสระตรงที่เขตแดนนั่งอยู่ ยังไม่ทันจะถึงขอบสระก็ต้องหน้าหงิกทันทีกับสิ่งที่ปรากฏแก่สายตา


               ผู้หญิงที่อยู่กับเขตแดนเป็นใคร?


               ตั้งแต่กลับมาจากต่างประเทศ ธรณ์ยังไม่เคยเห็นเขตแดนไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนไหน หรือพูดให้ถูกอีกอย่างคือ เขามั่นใจว่าเขตแดนไม่มีแฟนและไม่มีใครแน่ๆ ไม่ว่าก่อนหรือหลังจากที่เขากลับมาจากต่างประเทศก็ตาม ถึงจะเคยบอกตัวเองว่า ‘รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง’ แต่ถ้าพูดกันตามตรงก็ต้องยอมรับเลยว่า ที่ธรณ์สนใจเรื่องของเขตแดน แม้ตอนนั้นจะยังมีอคติเต็มเปี่ยม ก็เป็นไปเพราะความอยากรู้เพียงอย่างเดียวเลย

               เอื้อมมืออีกแค่นิดเดียวก็จะแตะขอบสระ แต่เห็นเขตแดนก็กำลังคุยกับใครอยู่ก็ไม่รู้ ธรณ์ก็เกิดลังเล ว่าแต่แล้วทำไมเขาจะต้องไม่พอใจด้วย หน้ายิ้มๆของเขตแดนนั่นก็เหมือนกัน เห็นแล้วมันทำเอาธรณ์หงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

               ไม่ปล่อยให้ความสงสัยครอบงำนาน ธรณ์เปลี่ยนเป้าหมายจากขอบสระเป็นบันไดทันที เสร็จแล้วก็เดินตรงไปหาเขตแดนกับใครอีกคน พอเขาเข้าไปใกล้ เขตแดนกับผู้หญิงคนนั้นก็หันมา ก่อนประโยคเดียวที่หลุดออกมาจากปากเขตแดนจะทำเอาธรณ์ตัวชา เหมือนถูกไม้หน้าสามฟาดเข้ากลางแสกหน้า


               “ที่รัก นี่ไงธรณ์...ธรณ์ อิสรพัฒน์จำได้ไหม?”


TO BE CONTINUE



๐ หวานเรี่ยราดอีกตอน อย่าเพิ่งเลี่ยนกันนะคะ เดี๋ยวแจกไบกอนให้เอาไปฆ่ามด ส่วนหลังปีใหม่...อย่าลืมมาต่อคิวรอรับมาม่ากันนะคะ
๐ ว่าจะพยายามเข็นให้ได้อีกตอนก่อนปีใหม่ แต่ไม่รับปากนะคะ ชีวิตไม่มีความแน่นอนเอาซะเลย T^T มาๆหายๆเป็นระยะ
๐ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ งึ๊ด...ดีใจที่ยังรอ ถึงจะมาต่อช้ามาก ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ คนอ่านมีความสุขกับนิยาย ส่วนเรามีความสุขกับคอมเม้นท์  :กอด1:


หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 23-12-2012 09:44:02
หวังว่า 'ที่รัก' คงเป็นแค่ชื่อของสาวคนนั้นนะ  :m29:



มาม่าจะมาแล้วหรอ?  :a5:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: Mengjie_JJ ที่ 23-12-2012 10:28:48
o22

ชื่อเล่น ชื่อที่เพื่อนๆเรียกกันในกลุ่ม หรืออะไรก็ตาม

มันทำให้น้องธรณ์ อึ้งกันไปเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 23-12-2012 10:33:38
ชื่อ สิน่ะะ   o22 o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 23-12-2012 11:00:03
เป็นชื่อแน่ๆ หรือไม่ก็เรียกกันเล่นๆ

น้องธรณ์อย่าเพิ่งคิดไปไกลน้า
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 23-12-2012 11:21:57
 :a5: ที่รักอะไร ยังไงเนี่ยยย  :z3:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: countryside_69 ที่ 23-12-2012 11:45:41
 ตึ่ง !
o22 o22 o22
 แรกได้ยินคงเกินบรรยายความรู้สึกได้
 :sad5: :sad5: :sad5:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: chae ที่ 23-12-2012 11:50:02
ชื่อเล่นทำเอาใจหายกันเลยอ่ะ
หวานๆบ้าง อย่าดราม่ากันเยอะเลยน้า
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 23-12-2012 13:14:26
ที่รักคือใคร มาจากไหน
ตอนแรกๆกำลังหวานแล้วแท้ๆ
มาขัดเอาประโยคสุดท้ายเนี่ยแหล่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 23-12-2012 13:44:50
ที่รัก ต้องเป็นชื่อของผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ ไม่มีนัยใดๆใช่ไหม??
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: ordinary ที่ 23-12-2012 15:49:33
มันน่าดักตีหัวพี่เขตต์จริงๆมาทำให้น้องหึง  :m16:
แต่เดาว่าผญนี่คืออาจจะชื่อที่รักก็เป็นได้555

รอมาม่านะคะแต่อย่าายลังนะเค้ากลัว
เป็นกำลังใจให้นักเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-12-2012 16:38:57
ที่รัก หรอ ??


มันไม่ค่อยใช่น่ะ ..!!!  :m16:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: honeyhoon ที่ 23-12-2012 18:08:15
พี่เขตมา :-[
ที่รัก ผู้นั้นเป็นใครนะ......

 :angry2:

คนแต่งทิ้งปมไว้ น่าตีจริงๆ o22

บวกเป็ดคร้าบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 23-12-2012 18:48:32
ตึ่งโป๊ะ!!

หวานไม่ทันไร กลิ่นมาม่ามาอีกแล้วววว
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 23-12-2012 19:00:06
"ที่รัก"   มันคือใคร?  ไม่อยากกินมาม่าแล้วอ่ะ

อยากได้ของหวานแทน   :serius2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: yaoigirl ที่ 23-12-2012 19:30:49
ไม่อยากกินมาม่าอ่ะ คนแต่ง จะเอาหวานๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 23-12-2012 19:52:18
หืม ที่่รักอะไรของพี่เขตคะ หรือจะเป็นเพื่อนสนิทของพี่เค้า
บรรยากาศกำลังดี๊ดี หยอดกันไปมา รำลึกถึงอดีต
ชอบตอนที่ธรณ์คิดว่าไม่มีใครมาแทนพี่เขตได้แม้กระทั่งเพื่ือนสนิททั้งสองคน
รอลุ้นตอนหน้าจ๊ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 23-12-2012 20:08:02
ยังไงกันล่ะเนี่ย

 o22

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 23-12-2012 21:34:43
ที่รักที่นี่ใครกันเนี่ย

กำลังหวานกันเลย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: รอยยิ้ม ที่ 23-12-2012 23:05:01
ที่รัก มาคิดๆดู เหมือนจะพอเดาออก มั้งนะ
พี่เขต น้องธรณ์ตอนนี้น่ารัก ปรับความเข้าใจกันแล้ว ดีจัง มีหวานๆ พี่เขตแอบหยอดบ้าง โอ๊ย ^///^   :-[
ลางมาม่ามาแล้ว พึ่งหวานๆกันเองนะ หวังว่าคงไม่มีอะไร
รอตอนต่อไปค่ะ   :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: withmeto_PJ ที่ 23-12-2012 23:05:18
โอยยยย กำลังหวานนนนกันเลย ใครก็ไม่รู้โผล่มาอีกแล้วว
แล้วนี่คนคนนั้นเปนใคร ค้างงงเลยค่ะ T^T ฮืออออ

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ เรายังคงติดตามเรื่องนี้อยู่ ชอบบๆๆค่ะ รอนะค๊า
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 23-12-2012 23:49:44
ที่รัก นี่ชื่อผู้หญิงคยยั้ยป่าว

ธร อย่าเพิ่งงอนพี่เขตสิ 55
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: mro ที่ 24-12-2012 00:44:56
ชอบบง่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 24-12-2012 02:19:59
นี่เพิ่งสร้างรักหรอกเหรอ เราอุตส่าห์คิดว่าถึงตอนเรียกรักกลับรังแล้วเสียอีก  :a5:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 24-12-2012 03:10:40
พ่อเขตพ่อธรณ์เป็นคนรักกันใช่ไหมนะนั่น แล้วที่ชินเกรงว่าธรณ์จะเจ็บปวดถ้ารักเขตก็คงเพราะว่าพ่อเขตก็เหมือนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พ่อธรณ์ละเลยแม่ธรณ์หรือเปล่า พี่ชินชินรักกันแล้วพ่อแม่รู้หรือเปล่านะนั่น เขตธรณ์ยอมรับความรู้สึกตัวเองแล้วสินะ แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แล้วพ่อเขตไม่บอก ชินไม่บอกเรื่องที่ปิดไว้ แต่แม่เขตล่ะ น่าสงสัยจัง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 24-12-2012 07:47:23
เค้ารางของความสุข  มันมีแค่งูแลบลิ้นเท่านั้นมั่ง
คนทั้งสองยังต้องเจอกับแรงกดดันอะไรอีก มาลุ้นกันต่อ
ตอนนี้หวานแบบเย็น ๆ รอตอนร้อนแรงดีกว่า  :z2:
+1 ให้เป็นกำลังใจนะครับ Merry Christmas ครับ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 24-12-2012 08:28:53
ที่รักคนนั้นเป็นใครๆๆๆๆๆๆ!!!!!   :serius2:

++++++++++++

ขอบคุณค่ะ
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ ^^

 :L2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 24-12-2012 09:23:04
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 24-12-2012 14:28:39
พี่เขตต์  มาเคลียร์ด่วนเลยน่ะ

ที่รัก  มันใคร????????????
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 14 :: 23.12.2012」หน้าที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 25-12-2012 04:08:43
โหย ทำเอาน้องธรณ์อึ้งไปเลยอะ คงจะไม่ใช่แม่พี่เขตหรอกนะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 25-12-2012 16:17:22
“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 15


               ‘ที่รัก’ ...ที่รักอย่างนั้นหรือ แค่เขตแดนเรียกผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าว่า ‘ที่รัก’ ทำไมธรณ์ถึงได้รู้สึกเจ็บที่อกซ้ายมันปวดแปลบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

               ไหนบอกว่าจะอยู่ข้างกันยังไงล่ะ นี่ยังไม่ทันไรก็จะทิ้งเขาไปอีกแล้วใช่ไหม ท่าทางที่สนิทสนมคุ้นเคยเหมือนรู้จักกันมานาน เอาเวลาไปรู้จักกันตอนไหน ทำไมเขาไม่เคยรู้เลย

               เขาชอบเขตแดนเข้าจริงๆแล้วใช่ไหม แล้วที่กำลังรู้สึกอยู่นี่เรียกว่าอะไร...‘หึงหวง’ เขามีสิทธิ์ด้วยหรือ

               โง่จริงธรณ์! คิดแต่ว่าที่ว่างข้างๆเขาเป็นของเขตแดน แล้วเคยถามบ้างหรือเปล่า ว่าที่ว่างข้างๆเขตแดนน่ะเป็นของใคร

               “เราจะไปจำน้องเขาได้ได้ยังไงล่ะเขตต์ ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว” หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวหันไปต่อว่าเขตแดนไม่จริงจังนักด้วยท่าทางสนิทสนม ก่อนจะหันมาแนะนำตัวกับธรณ์ “สวัสดีค่ะน้องธรณ์ พี่ชื่อ ‘ที่รัก’ หรือชื่อเต็มๆว่าสุทธิลักษณ์ เป็นเพื่อนสมัยอยู่มหาวิทยาลัยของเขตต์ค่ะ พี่เคยไปที่บ้านเขตต์ด้วย ไม่รู้น้องธรณ์จำได้หรือเปล่า”

               ธรณ์อยากจะตะโกนออกมาเสียงลั่น...คนบ้าอะไรชื่อ ‘ที่รัก’ !! เขาก็นึกว่าเป็นสรรพนามที่เขตแดนเรียก หลงเข้าใจผิดไปหลายตลบ ที่ไหนได้ เป็นชื่อของเจ้าตัวเองหรอกหรือ แต่...เขาก็ยังไม่ชอบใจกับท่าทีสนิทสนมที่เธอมีให้เขตแดนอยู่ดี ไม่ชอบเลยจริงๆ

               “มันนานแล้ว ผมจำไม่ได้หรอกครับ” ธรณ์ตอบไปตามตรง

               ไม่ใช่ว่าจำไม่ได้อย่างเดียว ไม่เคยสังเกตด้วยต่างหากล่ะ เวลาเขตแดนพาเพื่อนมาทำรายงานที่บ้าน ธรณ์ก็มองแบบผ่านๆเหมือนไม่ใส่ใจ เลยจำไม่ได้หรอกว่าเพื่อนเขตแดนน่ะมีใครบ้าง เคยพาใครมาบ้าง อารมณ์แบบเด็กๆตอนนั้น บอกได้เลยว่าไม่อยากสนใจ คนที่แย่งความสนใจของเขตแดนไปจากเขา

               “ไม่คิดไม่ฝันเลยนะว่าจะได้มาเจอ ‘แฟนเก่า’ ที่พัทยา” สุทธิลักษณ์พูดยิ้มๆ

               “ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะเธอ”

               “หล่อเหมือนเดิม แล้วยังโสดเหมือนเดิมหรือเปล่าเขตต์”

               คนถูกถามตีหน้าดุใส่ ไม่ตอบคำถาม ธรณ์ฟังเขตแดนกับสุทธิลักษณ์คุยกัน แล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นส่วนเกิน ความรู้สึกแบบนี้...ไม่ชอบเลยจริงๆ ไม่อยากให้เขตแดนสนใจใครมากกว่าเขาเลย

               แล้ว ‘แฟนเก่า’ นี่มันอะไรกัน เขาไม่ยักรู้ว่าเขตแดนเคยมีแฟนมาก่อน คิดดูอีกที ถ้าไม่มีแฟนนี่สิถึงจะเป็นเรื่องแปลก แต่พอรู้ว่าเขตแดนเคยมีแฟน มันกลับเป็นเรื่องธรณ์ยอมรับไม่ได้ หรือถ้าต้องยอมรับจริงๆ...มันก็เป็นไปได้ยากเหลือเกิน เขาตอนนี้ไม่ต่างจากเด็กชายธรณ์คนขี้หวงในวัยเด็กเลยแม้แต่น้อย แต่อย่างน้อย...วันนี้เขาก็โตพอที่จะรู้จักควบคุมสติและอารมณ์ ไม่เรียกร้องความสนใจแบบเด็กๆเหมือนสมัยก่อน

               สุทธิลักษณ์ยืนคุยกับเขตแดนพอหอมปากหอมคอก็เอ่ยขอตัว ความจริงแล้วส่วนมากเขตแดนจะเป็นคนฟังเสียมากกว่า มีแต่สุทธิลักษณ์ที่คอยหยิบยกเรื่องนั้นเรื่องนี้มาพูดไม่ขาดปาก

               “ไปนะคะน้องธรณ์ ไปแล้วนะเขตต์ ไว้มีอะไรเดี๋ยวเราโทรหา”

               เขตแดนโบกมือเป็นเชิงไล่ แต่คนถูกไล่ก็ไม่ถือสา ยังคงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีและขยิบตาให้คล้ายจะยั่วเย้าอีก ธรณ์ฝืนยิ้มให้อีกฝ่ายตามมารยาท แล้วก็ต้องสะดุ้ง เมื่อมือใหญ่ของคนที่ยืนอยู่ข้างตัวยื่นมาอังที่หน้าผากเขา พร้อมกับหน้าคมที่เคลื่อนเข้ามาใกล้

               “ไม่สบายหรือเปล่าธรณ์ หน้าตาดูไม่ค่อยดีเลยนะ”

               “สบายดีครับ สงสัยผมจะไม่ได้ออกกำลังกายนาน” ธรณ์ปดออกไปคำโต

               “แล้วนี่ไม่ว่ายน้ำต่อแล้วเหรอไง”

               “ผมอยากไปเดินเล่นที่ชายหาดมากกว่า”

               “ดีเหมือนกัน ตั้งแต่มาถึงเท้ายังไม่ได้เหยียบทรายเลย” เขตแดนลุกขึ้นยืน แล้วก็คว้าผ้าเช็ดตัวมาคลุมตัวธรณ์เอาไว้

               จากตรงส่วนของสระว่ายน้ำ ทางรีสอร์ททำทางเดินเล็กๆลงไปยังชายหาด ชายหนุ่มสองคนเดินเคียงกันไป ไม่มีใครพูดอะไร ถ้าคนหนึ่งไม่ถาม และอีกคนก็ไม่ยอมอธิบาย แล้วเมื่อไหร่จะรู้เรื่องกัน คิดดังนั้นธรณ์จึงแกล้งทำทีเป็นกล่าวปนเสียงหัวเราะออกไป เหมือนจะพูดให้ฟังดูขำ ทั้งๆที่หน้าตาคนพูดไม่ได้บ่งบอกว่ากำลังรู้สึกขำเลยซักนิด

               “ผมไม่ยักรู้เลยว่าพี่เขตต์เคยมีแฟนมาก่อนด้วย”

               “หมายถึงใคร ที่รักน่ะเหรอ?” เขตแดนหันกลับมาหมายจะดูทีท่าของคนพูด แต่ธรณ์ก็เดินห่างออกไป


               ผิดไหม...ถ้าอยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าธรณ์กำลังหึงหวงเขา


               “พี่ที่รักเขาก็น่ารักดีนะครับ ทำไมถึงเลิกกันล่ะ”

               ธรณ์รู้ เขาอาจจะควบคุมน้ำเสียงและท่าทางได้ แต่ถ้าลองได้สบตากับเขตแดน อีกฝ่ายต้องรู้ถึงกระแสความไม่พอใจของเขาแน่ๆ เพราะมันฟ้องออกมาชัดเจนทางสายตา ชายหนุ่มถึงต้องเดินเลี่ยงห่างออกมา ไม่อยากจะเปิดเผยความรู้สึกให้ตัวเองละอายใจ

               เขาก็เป็นแค่คนที่เขตแดนต้องดูแล เป็นแค่น้องชาย จะมีสิทธิ์อะไรไปไม่พอใจเขตแดน ทั้งที่คิดได้อย่างนี้แล้ว แต่ธรณ์ก็ยังคงไม่พอใจอยู่ดี


               “เราไม่ได้เลิกกันซะหน่อย”


               ถ้อยคำธรรมดาเปรียบเหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางใจ ปลายเท้าที่ย่ำบนทรายเนื้อนุ่มถึงกับเซไปคล้ายจะหมดเรี่ยวแรง ธรณ์เกลียดตัวเอง เกลียดที่ยังคงแคร์เขตแดนจนไม่เป็นตัวของตัวเอง เหมือนเด็กชายธรณ์ในวัยเด็กไม่มีผิด ปลายเท้าขยับพยายามจะก้าวย่างอย่างมั่นคง ก่อนจะต้องชะงักกึก...

               “โอ๊ย!!”

               ธรณ์อุทานเสียงหลงออกมาด้วยความตกใจ ซวนเซจวนเจียนจะทรุดลงไปกองอยู่ที่พื้น ดีที่ว่าเขตแดนยื่นแขนออกมาคว้าไว้ทัน หน้าคมถึงกับเผือดสีไปเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าอะไรเป็นอะไร

               “ไหวไหมธรณ์ เดี๋ยวพี่พยุงไปนั่งที่เก้าอี้ผ้าใบก่อน”

               ธรณ์กัดฟันพยักหน้า เปลือกหอยอันไม่ใช่น้อย แต่ด้วยอารมณ์ที่แปรปรวนรวนเรของตนเอง ไม่ทันสังเกตสังกาและระมัดระวัง ถึงได้เหยียบลงไปเต็มแรงจนบาดเข้าที่เท้า เลือดสีแดงไหลออกมาจากบาดแผล แม้จะไม่น่ากลัว แต่ก็ไม่น่าดูเท่าไหร่นัก

               เขตแดนพยุงธรณ์มานั่งลงที่เก้าอี้ผ้าใบ ลืมเรื่องที่คุยค้างไว้สิ้น เพราะถึงยังไงคนตรงหน้าก็สำคัญกว่า ต่างจากคนเจ็บ เจ็บแผลที่เท้ายังไม่เท่าเจ็บที่ใจ อะไรที่พูดค้างไว้ยังจำได้อยู่

               เขตแดนทรุดตัวลงนั่งยองๆ ฝ่ามือใหญ่ประคองเท้าที่เปื้อนทรายขึ้นมาพลิกดู หน้าคมเคร่งเครียดจนติดจะเป็นดุ ถ้าเป็นเวลาปกติธรณ์คงนึกขำและอยากจะเอ่ยแซว แต่บังเอิญว่าตอนนี้อารมณ์ของธรณ์มันไม่ปกติเท่าไหร่ ติดจะขุ่นมัวเสียด้วยซ้ำไป

               “เจ็บมากไหม”

               “จริงๆพี่เขตต์น่าจะไปอยู่กับพี่ที่รักนะครับ นานๆจะมีโอกาสมาเจอกัน”

               คนถามกับคนตอบพูดไปกันคนละเรื่อง จนเขตแดนต้องนิ่วหน้าออกมา ส่วนธรณ์ก็เสมองไปทางอื่น ลึกๆในใจอยากจะตบปากตัวเองแรงๆ ที่หัดพูดจาประชดประชันยิ่งกว่าผู้หญิง นี่เขาจะไม่เป็นตัวของตัวเองไปถึงไหนกัน แค่เขตแดนทำดีกับเขานิดหน่อย ทำไมถึงได้เผลอใจยอมเปิดเผยความเป็นตัวเองขนาดนี้

               ไม่ดีเลยธรณ์...ชักจะอ่อนแอเกินไปแล้วนะ เกราะกำบังของนายมันหายไปไหนกัน ถูกผู้ชายตรงหน้าพังลงไปหมดแล้วเหรอไง

               “แล้วจะเดินกลับบังกะโลไหวไหมเนี่ย”

               “พี่ที่รักเขามาคนเดียวเหรอครับ”

               “สนใจเขาจังนะ ชอบเขาเหรอไง” เขตแดนถามเสียงดุ


               “ผมสนใจเขาก็เพราะว่า...เขาเป็นแฟนของพี่เขตต์ต่างหาก”


               มือใหญ่เอื้อมมาบีบจมูกธรณ์คล้ายจะหมั่นไส้ปนเอ็นดู จนธรณ์ต้องยกมือมากุมจมูกที่ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ทันทีว่าคงแดกเถือกแน่ๆ ก่อนจะเงยหน้ามองเขตแดนโกรธๆ ทว่าคนถูกมองก็ทำเหมือนเมินดวงตาโกรธๆนั่นไปเสีย แถมยังยิ้มใส่ตาธรณ์อีกต่างหาก

               “เขามากับสามีเขา มาพักผ่อนกัน จะต้องให้พี่ไปกวนเขาอีกไหม”

               แค่คำว่า ‘สามี’ ก็ดูเหมือนจะบอกสถานะของบุคคลที่สามได้ชัดเจน ธรณ์ได้แต่อ้าปากค้าง คนอย่างเขตแดนไม่เคยโกหก มีแต่ไม่พูดกับพูดไม่หมดเท่านั้นแหล่ะ มันน่านัก!!

               “อ้าว...แล้วไหนเมื่อกี้บอกว่าไม่ได้เลิกกัน”

               “จะเลิกกันได้ยังไง ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกัน”

               “พี่ที่รักเขาเป็นแฟนเก่าพี่เขตต์ไม่ใช่เหรอ” ธรณ์ทำหน้าเหรอหราทันที ก็เมื่อกี้ก็ได้ยินเองกับหู เห็นอยู่กับตา จะบอกว่าหูเฝื่อนตาฝาดก็คงไม่ใช่

               คนที่ถูกคาดคั้นแทนที่จะทำหน้าไม่พอใจ กับอมยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจอย่างที่ธรณ์ไม่ทันได้สังเกตเห็น ไม่เสียแรงที่เขตแดนหลงเชื่อเพื่อนรักสมัยเรียน นึกไม่ถึงว่ามุกตื้นๆแบบในละครหลังข่าวจะยังใช้ได้ผล ทำให้คนบางคนยอมเผยความรู้สึกให้เขาดีใจเล็กๆ

               ไม่ต้องบอกว่าชอบ ไม่ต้องบอกว่ารัก แค่ได้รู้ว่าธรณ์มีเขาอยู่สายตา สนใจเรื่องของเขาบ้าง แค่นี้เขตแดนก็ดีใจมากแล้ว

               “ยิ้มอะไรครับพี่เขตต์” คนที่ยังไม่ได้รับคำตอบ นิ่วหน้าถามเขตแดน

               ผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบ ส่วนอีกคนก็นั่งยองๆอยู่ด้านข้าง ก็คงเป็นภาพธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่อะไรจะโรแมนติกไปกว่าพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ผู้คนรอบข้างที่เริ่มหายไป มันดูคล้ายฉากในภาพยนตร์รักที่ธรณ์เคยดูอย่างไรก็ไม่รู้ แล้วจะผิดไหม...ถ้าเขตแดนอยากทำตัวให้มันโรแมนติกสมกับบรรยากาศขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุมีผล

               “ฟังพี่นะครับ...” เสียงทุ้มห้าวเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล มือใหญ่ยื่นมาแตะแขนธรณ์ไว้

               “พี่ไม่เคยมีแฟน จะแฟนเก่าหรือแฟนใหม่อะไรก็ไม่เคยมี อยากรู้ไหม...ว่าทำไม”

               เขาว่ากันว่า...ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ และตอนนี้ธรณ์ก็เชื่ออย่างสุดหัวใจ เพราะดวงตาของเขตแดนที่มองสบมาที่เขา กำลังบอกอะไรหลายอย่างที่แม้ว่าจะอยากรู้ แต่ยังรู้สึกกล้าๆกลัวๆจนต้องมองเลยไปข้างหลัง มองยอดต้นมะพร้าวที่ไหวเอนตามแรงลม มองคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง มองจนรู้สึกสงบ แล้วจึงเบือนหน้ากลับมามองคนที่ตั้งคำถาม

               “ทำไมครับ...”


               “เพราะว่าพี่จะไปดูแลใครได้ยังไง ถ้ายังคอยเอาแต่คิดถึงเด็กผู้ชายตัวเล็กที่คอยวิ่งตามพี่อยู่ตลอดเวลา”


               ดวงตาที่มองสบมามันมีความหมาย มีคำพูดมากมายอยู่ในนั้น อยู่ที่ว่าคนฟังจะอยากได้ยินมันหรือเปล่า ธรณ์ยื่นมือมาแตะที่บ่าเขตแดน บอกเสียงเรียบๆว่า

               “ผมอยากกลับบังกะโลแล้วครับ”

               เขตแดนฝืนยิ้มออกมา ใจใครใจมัน บังคับกันไม่ได้ ถ้ายังไม่พร้อม เขาก็ไม่คิดจะเร่งรัดหรอก มาได้ขนาดนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว ไกลกว่าที่คิดและเคยวาดฝันเอาไว้เสียอีก

               ชายหนุ่มขยับจะลุกขึ้นยืน แต่ก็ต้องชะงัก เพราะฝ่ามือของธรณ์ที่รั้งเขาเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน เสียงทุ้มๆที่ดังมาเข้าหู บอกเขาทีว่าเป็นความจริง ไม่ใช่เสียงลมที่กระทบใบไม้ยอดหญ้าให้เขาหูแว่วเล่นๆ


               “ให้ผม...ขี่หลังพี่เขตต์เหมือนเมื่อก่อนตอนที่ผมหกล้มได้ไหม”


               รอยยิ้มกว้างขวางฉาบไปทั่วดวงหน้าคมคายก่อนจะหันหลังให้ทันทีอย่างไม่ลังเล ธรณ์ขยับตัวจากเก้าอี้ผ้าใบไปเกาะหลังเขตแดน แม้จะตัดสินใจทำลงไปแล้ว แต่ก็ยังอดถามเพื่อความแน่ใจไม่ได้

               “ไม่หนักใช่ไหมครับ”


               “หนักแค่ไหน พี่ก็จะรับไว้ทั้งหมด”


               คนฟังเกิดอาการหมั่นไส้ครามครัน เลยแกล้งทิ้งน้ำหนักตัวลงไปเต็มที่จนคนรับน้ำหนักถึงกับเซไปเล็กน้อย ธรณ์หัวเราะออกมาเบาๆอย่างพอใจที่ได้แก้เผ็ดเขตแดน


               “แต่ผมไม่หนักนะพี่เขตต์ เพราะตอนนี้ผมไม่ได้แบกอะไรไว้เลย”


               จะอีกกี่ครั้งที่มีธรณ์อยู่บนหลัง ความรู้สึกของเขตแดนก็ยังเหมือนเดิม อยากให้บังกะโลที่เห็นอยู่ข้างหน้าไกลกว่าเดิม อยากให้หนทางทอดไกลออกไป แต่ก็รู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ ที่ทำได้ก็เพียงแค่ผ่อนฝีเท้าให้ช้าลง ชายหนุ่มชะงักฝีเท้าลงเล็กน้อยก่อนจะกลับเป็นปกติ เมื่อรู้สึกถึงใบหน้าของธรณ์ที่แนบลงมาที่หัวไหล่

               “ขอผมอยู่แบบนี้ซักพักนะครับ”

               ถ้าถามเขตแดน เขาอยากจะตอบเหลือเกินว่า...จะอยู่ตลอดไปก็ยังไหว

               หน้าอกของธรณ์แนบชิดกับแผ่นหลังของเขตแดน เหมือนระยะห่างระหว่างคนสองคนที่ค่อยๆลดลง เข้าใกล้กันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น


====================


               กลับมาถึงห้องพัก เขตแดนก็รีบทำแผลให้คนที่นั่งอยู่บนเตียง ถ้าถามว่าเป็นอะไรมากไหม ธรณ์ตอบได้เลยว่าไม่ แผลแค่นี้สำหรับเขา มันไกลหัวใจ แต่ก็แผลแค่นี้เช่นกัน ที่ทำให้หัวใจเราใกล้กันมากขึ้น

               ธรณ์ยิ้มออกมาบางๆ เพิ่งรู้ว่าการที่ไม่ได้แบกรับอะไรไว้ ไม่ต้องสนใจใครหรืออะไรมันทำให้รู้สึกดีและสบายใจมากแค่ไหน

               “แย่เลย...”

               คนที่เพิ่งทำแผลให้เสร็จแกล้งบ่นลอยๆ และก็เรียกความสนใจจากคนที่นั่งห้อยขาอยู่ที่ปลายเตียงได้ผลชะงัดนัก

               “ทำไมครับ”

               “ก็ธรณ์เจ็บขา พี่กำลังคิดว่าคืนนี้จะพาไปกินซีฟู้ดบาร์บีคิวที่ห้องอาหารของโรงแรม”

               ไม่ว่าเมื่อไหร่ เขตแดนก็ยังเป็นคนที่จับทางธรณ์ถูกเสมอ แค่คำพูดประโยคเดียว ก็ทำเอาคนเจ็บตาวาวยิ่งกว่าเด็กชายตัวน้อย ยามที่พี่ชายบอกจะพาไปปั่นจักรยานเสียอีก

               “ซีฟู้ดบาร์บีคิว?”

               “ใช่! เป็นบุฟเฟ่ต์นะ เขาจะมีของสด แล้วก็ให้เราเอาไปย่างบนเตาบาร์บีคิวเอง แต่ธรณ์เจ็บขาอยู่ ลุกขึ้นลุกลงไปยืนปิ้งย่างคงไม่ไหว เดี๋ยวพี่โทรศัพท์สั่งรูมเซอร์วิสมากินที่ห้องกันดีกว่า”

               “ผมจะไป!!”

               เขตแดนเบือนหน้ากลับมาหาธรณ์ มองเท้าธรณ์ ก่อนจะเงยหน้ามามองเจ้าของเท้า แล้วก็ตีหน้าเคร่งใส่เหมือนดุเด็กที่ไม่รู้จักโต

               “ธรณ์เท้าเจ็บอยู่แบบนี้จะไปได้ยังไง”

               “ผมไม่ได้เจ็บมากซะหน่อย ให้เดินก็ยังเดินไหว” ไม่พูดเปล่า ต้องมีหลักฐานประกอบ ธรณ์ อิสรพัฒน์เด้งตัวลุกจากเตียง เดินสวนสนามรอบห้องให้เขตแดนได้ดูเป็นขวัญตา

               “แล้วเมื่อกี้ทำไมต้องขี่หลังพี่กลับมาด้วยล่ะ” เขตแดนถามคนที่หายป่วยกะทันหันยิ้มๆ

               “ก็ผมอยากขี่หลัง ไม่ได้เหรอไงครับ” ธรณ์ยักคิ้วใส่เขตแดน แล้วก็คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป

               คนที่ยังอยู่ข้างนอกก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ เปลี่ยนอารมณ์เร็วเหลือเกินนะธรณ์ แต่ไม่เป็นไร เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็จะตามให้ทัน

               ความรู้สึกลึกๆในใจมันไม่ได้เพิ่งเกิดเพียงแค่วันสองวัน มันบ่มเพาะมาเนิ่นนาน จนเผลอนึกไปว่ามันคือความผูกพัน โชคดีที่เขารู้ตัวและยอมรับได้เร็ว พอรู้ตัวและยอมรับมันไปแล้ว ก็อยากจะพัฒนาให้มันไปไกลกว่านี้ ยิ่งแน่ชัดในความรู้สึกของตัวมากเท่าไหร่ เขตแดนยิ่งไม่อยากเก็บเอาไว้มากเท่านั้น

               คำๆเดียวที่มีความหมายยิ่งใหญ่ ถ้าบอกออกไป แล้วจะทำให้เราเปลี่ยนไปไหม


====================

[มีต่อนะคะ]
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 25-12-2012 16:28:02
               ห้องอาหารริมทะเลของโรงแรม ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับบุฟเฟ่ต์บาร์บีคิวในค่ำคืนวันเสาร์ มีลูกค้าหลายรายมาใช้บริการ ของสดวางอยู่มุมหนึ่ง แต่ละโต๊ะก็มีเตาสำหรับปิ้งย่างของตัวเอง เขตแดนแจ้งจำนวนและเบอร์ห้องกับพนักงาน เพื่อให้ลงบัญชีเอาไว้และรอจ่ายตอนเช็คเอาท์ทีเดียว ก่อนจะพาธรณ์เดินมาที่โต๊ะ

               ธรณ์มองบรรยากาศรอบข้างที่ดูคึกคักอย่างพึงพอใจ มีวงดนตรีมาเล่นเพลงสบายๆ บรรยากาศแบบนี้จะมีอะไรดีไปกว่า...

               “ขอเบียร์สดหนึ่งเหยือกครับ”

               เขตแดนที่กำลังดูเครื่องดื่มของตัวเองอยู่เงยหน้ามามองธรณ์ เลิกคิ้วน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร ชายหนุ่มปิดรายการลงฉับแล้วส่งคืนให้พนักงาน โดยไม่ลืมที่จะกำชับว่า

               “ขอแก้วสองใบนะครับ”

               ธรณ์นั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้มองเขตแดนยิ้มๆ ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าจะมีวันนี้ วันที่เขากับเขตแดนจะมานั่งดื่มเบียร์เคล้าเสียงดนตรีด้วยกัน

               “ไป...ไปดูของสดกัน ว่ามีอะไรบ้าง”

               เขตแดนชักชวนคนที่นั่งยิ้มหล่อให้ลุกขึ้นเดินตาม อดหมั่นไส้นิดๆไม่ได้ เห็นอยู่ว่ามีหลายคนมองตามธรณ์ ที่เอาแต่โปรยเสน่ห์ไม่รู้ตัว เขาพาธรณ์เดินตรงไปยังมุมของสด อาหารทะเลหลากหลายวางอยู่เรียงราย ธรณ์เลือกหยิบกุ้ง ปู ปลาหมึก และหอยอย่างเพลิดเพลิน พอหันมาเห็นเขตแดนที่เดินตามเขาตัวเปล่าๆ ไม่มีถาด ไม่มีที่คีบ ก็ต้องเอ่ยถามอย่างสงสัย

               “พี่เขตต์ไม่เอาอะไรเหรอครับ”

               “ฮึ...จะให้พี่หยิบอะไรอีกล่ะ ดูที่ตัวเองหยิบซะก่อนเถอะ ธรณ์เล่นหยิบจนเกือบครบหมดแล้วนี่นา”

               ธรณ์ก้มลงมองในถาดที่ตัวเองถืออยู่ แล้วก็ต้องเกาศีรษะแก้เก้อ เขาหยิบมาเยอะจริงๆนั่นแหล่ะ เพราะมองดูอะไรก็น่ากินไปเสียทุกอย่าง

               “สงสัยผมจะลืมตัวไปหน่อย แต่น่ากินทุกอย่างเลยนะพี่เขตต์”

               เขตแดนยิ้มๆ ไม่ตอบอะไร แค่แตะแขนให้ธรณ์เดินนำไปที่โต๊ะ ระหว่างทางก็รู้สึกเหมือนตัวเองตกเป็นเป้าสายตา แต่พอหันไปมองก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ เลยได้แต่เดินตามหลังธรณ์ไปที่โต๊ะ

               บนโต๊ะก็มีน้ำจิ้มหลากหลายให้เลือกจิ้ม จะเป็นแบบไทย เกาหลี หรือญี่ปุ่นก็มีทั้งนั้น ธรณ์ดูจะสนุกสนานจนถึงกับไม่ยอมปล่อยที่คีบ รับอาสาจะเป็นคนย่างเองทั้งหมด เขตแดนก็คร้านที่จะห้ามปราม ได้แต่ปล่อยให้เด็กโข่งเขาเล่นสนุกของเขาไป

               “กินเข้าไปเยอะๆนะครับพี่เขตต์ ผมอุตส่าห์ย่างให้” คำพูดที่ดูเหมือนปรารถนาดีถูกส่งมาพร้อมๆกับที่กุ้งตัวใหญ่ถูกวางลงในจานเขตแดน

               “ฮึ! อิ่มแล้วก็บอกมาเถอะ” เขตแดนแกล้งดักคอ

               “เกลียดคนรู้ทันชะมัด” ธรณ์บ่นพึมพำ

               “พี่ไม่ได้รู้ทันอย่างเดียวนะ แต่ยังรู้ใจด้วยอีกต่างหาก” เขตแดนเอ่ยยิ้มๆ ไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศเป็นใจ หรือฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปจนรู้สึกกรึ่มๆ ถึงทำให้อยากที่จะพูดออกไปอย่างที่ใจคิด

               ธรณ์ชะงักมือที่กำลังปิ้งอาหารทะเลอยู่เล็กน้อย แล้วก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ถ้าปล่อยให้ต้อนได้ไล่ทัน ก็ไม่ใช่ธรณ์ อิสรพัฒน์น่ะสิ

               “ถ้ารู้ใจผมจริงไหนลองบอกมาสิครับ...ว่าตอนนี้ผมคิดอะไรอยู่”

               เขตแดนท้าวแขนลงบนโต๊ะ โน้มหน้าเข้ามาจนใกล้ธรณ์ ดวงตาที่มองมาพราวระยับ

               “ธรณ์ก็คงกำลังคิดว่า...พี่เขตต์หล่อจังเลย” สิ้นคำเขตแดน คนพูดก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเสียงลั่น เมื่อเห็นหน้าตาเหวอๆของธรณ์

               ถ้าไม่ติดว่าอยู่ด้วยกันข้างนอก มีพยานรู้เห็นอีกนับสิบ ธรณ์ก็คงอยากจะหาอะไรเขวี้ยงใส่เขตแดนซักทีสองทีให้หายอารมณ์ดีอยู่เหมือนกัน แต่ในเมื่อทำอย่างที่คิดไม่ได้ เลยได้แต่...

               “ขำ! ขำมากใช่ไหม กินเข้าไปเยอะๆเลย” กุ้ง หอย ปู ปลาสารพัดอย่างถูกประเคนใส่จานเขตแดนไม่อั้น จนเจ้าของจานต้องรีบยกมือเบรกคนใจดี

               “พอแล้ว กินเยอะกว่านี้เดี๋ยวพี่ว่ายน้ำได้พอดี”

               ได้ยินดังนั้น ธรณ์เองก็หลุดหัวเราะขำออกมาอย่างอดไม่ได้ แวบหนึ่งที่ความรู้สึกลึกๆในใจมันบอกว่า...อยากหยุดเวลาแห่งความสุขเอาไว้เหลือเกิน

               พอเริ่มดึก ธรณ์กับเขตแดนก็เปลี่ยนมานั่งดื่มอย่างเดียวแทน เหมือนลูกค้าอีกหลายๆคนในห้องอาหาร นักดนตรีเล่นเพลงหวานๆ จนคู่รักหลายคนถึงกับเอนซบกัน สุทธิลักษณ์กับสามีที่แวะมาทานที่ห้องอาหารเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะเข้ามาทักทายธรณ์กับเขตแดน

               “เขตต์ น้องธรณ์ นี่สามีเราเองจ้ะ”

               ธรณ์กับเขตแดนก็ทักทายสามีของหญิงสาวอย่างยินดี คุยกันซักพักสองสามีภรรยาก็ทำท่าจะเลี่ยงไป แต่สุทธิลักษณ์ก็ไม่ลืมที่จะเก็บกู้ระเบิดที่ตนเองเป็นคนปล่อยเอาไว้

               “อ้อ...แล้วที่พี่บอกเขตต์เป็นแฟนเก่าน่ะ แค่เรื่องหยอกเล่นเท่านั้นจ้ะธรณ์ ตานี่น่ะไม่เคยมีแฟนกับใครเขาหรอก สงสัยจะรอเนื้อคู่อยู่”

               “ครับ” ปากตอบรับสุทธิลักษณ์ แต่ตาธรณ์หันมามองเขตแดนพร้อมกับเลิกคิ้วนิดๆ

               “รีบๆไปหาสามีตัวเองเถอะที่รัก” เขตแดนที่นั่งฟังอยู่นานออกปาก พร้อมกับโบกมือน้อยๆ เล่นเอาหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวถึงกับค้อนขวับ

               “จ้ะ ไม่อยากให้เราอยู่เป็นกว้างขวางคอก็บอกมาเถอะเขตต์ พี่ไปแล้วนะจ๊ะน้องธรณ์”

               เขตแดนมองตามหลังเพื่อนแล้วก็ต้องส่ายหน้าอย่างระอา ส่วนธรณ์ก็เงียบไปเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขาไม่โกรธสุทธิลักษณ์หรอก ถึงอีกฝ่ายจะเป็นคนจุดประเด็น แต่คนที่เอาแต่อมพะนำไม่ยอมพูดยอมอธิบายอะไรอย่างเขตแดนนี่สิ มันน่าโมโหน้อยเสียเมื่อไหร่กัน อยากปั่นหัวเขาหรือไง คอยดูสิ...เขานี่แหล่ะจะเอาคืนให้หัวปั่นเลย

               ธรณ์ยกแก้วเบียร์ขึ้นจรดริมฝีปาก ลิ้มรสเบียร์รสนุ่มละมุนอย่างอ้อยอิ่ง สายตาก็กวาดมองรอบด้าน แน่นอนว่าเป็นท่าทางที่เขตแดนไม่เคยเห็นแน่ๆ แล้วสายตาก็สบเข้ากับเป้าหมาย ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มร้ายกาจออกมา ยกแก้วเบียร์ชูขึ้นน้อยๆ

               เขตแดนที่เห็นความผิดปกติ ก็เอี้ยวตัวหันไปมองตามสายตาธรณ์ แล้วก็เห็นเป้าหมายของธรณ์ หญิงสาวที่กำลังนั่งดื่มอยู่ลำพัง และส่งสายตามาให้ธรณ์เหมือนจะเล่นด้วย เขานิ่วหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันมาเอ็ดคนที่กำลังหว่านเสน่ห์

               “ยังไม่เข็ดอีกเหรอไง ไหนบอกว่าจะไม่ทำตัวแบบนี้แล้วไง”

               “ผมแค่ชนแก้วกับเขาเฉยๆ”

               “ช่างมันเถอะ ยังไงพี่ก็บังคับอะไรธรณ์ไม่ได้อยู่ดี คิดเอาเองแล้วกันว่ามันสมควรหรือเปล่า”

               แค่คำพูดธรรมดาไม่กี่ประโยคของเขตแดน ทำเอาคนที่กำลังหว่านเสน่ห์ถึงกับชะงักกึก ถอนหายใจช้าๆ กระดกเบียร์ที่เหลืออยู่ค่อนแก้วเข้าปากทันที ไม่เข้าใจตัวเอง ว่าทำไมเขาจะต้องยอมเชื่อและยอมทำตามที่เขตแดนต้องการด้วย แค่เพราะความรู้สึกของตัวเองมันบอกว่าต้องทำ และกลัวว่าเขตแดนจะไม่พอใจเนี่ยนะ จะทำให้เขตแดนหัวปั่น กลายเป็นว่าตัวเองต้องรู้สึกผิดแทน


               “มีพี่อยู่ตรงนี้ ยังต้องสนใจคนอื่นอีกหรือ ถ้าไม่อยากให้พี่สนใจใคร ทำไมธรณ์ไม่สนใจแต่พี่บ้างล่ะ หรือต้องให้พี่เรียกร้องความสนใจเหมือนที่ธรณ์เคยทำ”


               ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยมีซักครั้งที่ธรณ์จะเมา ชายหนุ่มสาบานได้เลย แต่อาการร้อนวูบวาบที่หน้านี่มันอะไรกัน แล้วหัวใจจะเต้นแรงไปไหนกัน เอาให้มันหลุดออกมานอกอกเลยดีไหม

               “ผมก็ไม่ได้มองใครแล้วไงครับ”


               “แล้วมองพี่หรือยัง”


               เบียร์ที่จิบอยู่แทบพุ่งออกมา ดีที่ว่ายังยั้งไว้ทัน ธรณ์จ้องหน้าเขตแดนเพื่อความแน่ใจ ยื่นมือไปแตะหน้าผาก แตะแก้ม แล้วก็ก้มลงมองแก้วเบียร์ของเขตแดน ก็ดื่มไปไม่เยอะนี่นา น้อยกว่าเขาด้วยซ้ำ ไม่น่าจะ...

               “พี่ไม่ได้เมาครับ แล้วก็ไม่ได้ป่วยด้วย” เหมือนคนตอบจะรู้ทันความคิดธรณ์

               “เมาก็ยอมรับว่าเมาเถอะพี่เขตต์”

               เขตแดนส่ายศีรษะน้อยๆ เขาเมาที่ไหนกัน ดื่มไปก็ไม่เท่าไหร่ จะเอาที่ไหนไปเมากัน แล้วธรณ์ไม่รู้เหรอไงว่าอดีตเด็กวิศวะอย่างเขา ก็ดื่มเหล้าต่างน้ำเหมือนกัน

               “โอเค...ถ้าธรณ์บอกว่าพี่เมา งั้นพี่เรียกเขาเช็คบิลแล้วกลับบังกะโลกันเลยดีกว่า”

               นี่มันเป็นประโยคบอกเล่าชัดๆ ธรณ์ได้แต่คิดในใจ ขณะนั่งดูเขตแดนเรียกพนักงานมาเช็คบิลค่าเครื่องดื่ม  โดยไม่ได้รอฟังคำตอบจากเขา แต่ก็ไม่ต้องเสียเวลารอเช็คบิลนานนาน เพราะเขตแดนก็สั่งให้ลงบัญชีเอาไว้เหมือนค่าห้องพัก

               เขตแดนเดินอ้อมมาแตะแขนธรณ์ให้ลุกขึ้น พอธรณ์ลุกขึ้นมายืนเคียงข้างแล้ว เขตแดนก็เอ่ยถามออกมาหน้าตาเฉยให้คนฟังงงเล่นๆ

               “ธรณ์...พี่เมาหรือเปล่า”

                คนถูกถามตวัดสายตามองคนถามคล้ายจะไม่เข้าใจ ตัวเองยังไม่รู้เลยว่าเมาหรือเปล่า แล้วก็มาถามเขาเนี่ยนะ ด้วยความหมั่นไส้ ธรณ์เลยตอบรับไปส่งๆ

               “เมาครับ เมามากด้วย”

               “ดีเลย งั้นธรณ์ช่วยพยุงพี่ไว้หน่อยนะ เพราะพี่เมามาก เดี๋ยวกลับห้องไม่ถูก”

               คำพูดของเขตแดนเล่นเอาธรณ์อ้าปากค้าง จะคัดค้านอะไรก็ไม่ทัน เพราะเขตแดนถือวิสาสะเอาแขนมาพาดคอธรณ์ไว้เรียบร้อยแล้ว

               ถึงแม้เขตแดนจะไม่ได้เป็นเพลย์บอยที่เจนจัดเหมือนธรณ์ แต่ธรณ์คงไม่รู้...ว่าพี่เขตต์คนนี้เจ้าเล่ห์กว่าพี่เขตต์สมัยเด็กของธรณ์เสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...เมื่อเรื่องนั้นเป็นเรื่องของธรณ์


====================


               ธรณ์พยุงคนที่คิดว่าตัวเองเมามาถึงหน้าบังกะโล แล้วเขตแดนก็นั่งแปะลงตรงระเบียง ก่อนจะดึงเอาธรณ์ลงมานั่งข้างๆ

               “พี่เขตต์ เมาไม่ใช่เหรอไงครับ”

               “พี่บอกตอนไหนครับว่าพี่เมา ธรณ์ต่างหากที่เป็นคนบอกว่าพี่เมา พี่แค่ถามธรณ์เฉยๆว่าพี่เมาหรือเปล่า แล้วธรณ์ก็บอกว่าพี่เมา” เขตแดนพูดยิ้มๆ

               ธรณ์ อิสรพัฒน์นึกอยากเอามือตบหน้าผากตัวเองเต็มแรง แค่วันนี้วันเดียว เขตแดนเล่นเขาไปหลายดอกเหลือเกิน ถ้ามีการนับแต้มทำคะแนน แต้มของเขาคงติดลบแถมยังพ่ายแพ้หมดรูปอย่างไม่ต้องสงสัย มิหนำซ้ำยังไปอวดอ้างใครไม่ได้ด้วยว่า นี่คือเพลย์บอยตัวฉกาจที่ชื่อ ธรณ์ อิสรพัฒน์

               “หึ...แล้วคนไม่เมาอยากทำอะไรล่ะครับ”

               “นั่งดูท้องฟ้ากัน...”

               เอ้า...ในเมื่ออยากจะนั่งดูท้องฟ้านัก ธรณ์จะนั่งดูเป็นเพื่อนด้วยก็ได้ แต่ขยับหน่อยดีไหม เพราะตอนนี้แทบจะเกยตักกันอยู่แล้ว

               “รู้ไหม...ว่าเวลาพี่คิดถึงธรณ์ทีไร พี่ต้องเงยหน้ามองท้องฟ้าทุกที”

               สาบานได้ไหม ว่าผู้ชายตรงหน้าธรณ์ไม่เคยมีแฟนมาก่อน ทำไมถึงได้เก่งเรื่องทำให้ธรณ์รู้สึกกระดากอายจนไม่เป็นตัวเองวันละหลายรอบกัน

               “ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ เราก็จะเห็นท้องฟ้าเสมอ แค่มองท้องฟ้า มันก็ทำให้พี่ได้รู้ว่า...อย่างน้อยเรายังอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน”

               ธรณ์อยากจะถามนัก ว่าใครที่ไหนเผลอเอาน้ำตาลให้เขตแดนกินหรืออย่างไร นักธุรกิจหนุ่มมาดนิ่งถึงได้มาพูดอะไรที่เหมือนกำลัง ‘จีบ’ เขาอยู่อย่างนั้นเลย

               “พี่เขตต์พูดเหมือนกำลังจีบผมอยู่เลยนะครับ”

               “ก็ยังดีที่รู้ตัว” เขตแดนรับคำหน้าตาเฉย

               “นี่ไม่คิดจะปฏิเสธเลยเหรอไงครับ”


               “แล้วรังเกียจหรือเปล่าล่ะ ที่ผู้ชายอย่างพี่มานั่งจีบธรณ์”


               อยากจะปากแข็งปฏิเสธออกไป แต่ทำไมถึงได้ส่ายหน้าปฏิเสธเล่าธรณ์ เห็นไหมว่าคนฟังเขาทำหน้ายินดียิ่งกว่าหุ้นบริษัทขึ้น ผลประกอบการทะลุเป้าเสียอีก

               “ถ้าไม่รังเกียจ...ก็ช่วยรับพี่ไว้พิจารณาหน่อยละกัน รับรองว่าไม่เหมือนคนไหนที่ธรณ์เคยคบด้วยแน่นอน”

               ธรณ์อยากจะตะโกนใส่หน้าเขตแดนทันที ว่าหน้าแบบนี้ หุ่นแบบนี้ มันจะไปเหมือนคนที่เขาเคยคบได้ยังไงล่ะ อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยคบผู้ชายก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นเขตแดนคงไม่มีทางเหมือนใครไปได้อย่างเด็ดขาด

               “ว่าไงครับ...จะรับพี่ไว้พิจารณาใช่ไหม”

               แล้วที่มาทำเสียงทุ้มนุ่มชวนฟังนี่มันอะไรกัน เขาจะต้องเป็นฝ่ายรับหรืออย่างไร ให้ธรณ์เป็นฝ่ายรุกได้ไหม ในเมื่อขนาดตัวก็ใกล้เคียงกัน แค่เขาผอมกว่าเขตแดนหน่อยเดียว หยวนๆให้หน่อยละกัน หรือถ้ากลัวไม่ยุติธรรม จะผลัดกันก็ไม่เลวนะ ตกลงกันให้รู้เรื่องก่อน อย่าเพิ่งมาทำตาพราวระยับใส่กันแบบนี้ มันพาลจะคิดอะไรไม่ออกเอาซะดื้อๆ

               ก่อนที่จะคิดอะไรไม่ออกมากไปกว่านี้ อย่างน้อยจะต้องแสดงให้เห็น ว่าเขาต่างหากที่เหมาะสมจะเป็นฝ่ายรุก ธรณ์เอื้อมมือไปเชยคางเขตแดน ที่ทำเพียงแค่เลิกคิ้วนิดๆอย่างสงสัย คนที่อยากรุกนักหนายิ้มใส่ตาให้ บอกกลับไปเสียงนุ่มไม่แพ้กัน


               “พี่เขตต์ครับ...เป็นผู้หญิงของธรณ์นะครับ”


TO BE CONTINUE


๐ เอาน้ำตาลมาแจกวันคริสต์มาสค่ะ เตรียมไบกอนกันหรือยังคะ? เคลียร์ทุกประเด็นของ 'ที่รัก' นะ
๐ ตอนนี้พี่เขตต์เวิ่นเว้อมากมาย รุกหนักเหลือเกิน ออกแนวเพ้อๆตามคนเขียน ตกหล่นอะไรยังไงขออภัยด้วยนะคะ หวังว่าพี่เขตต์คงไม่ทำให้คนอ่านหัวใจวาย
๐ ตอนสุดท้ายของปีแล้วค่ะ หมดก๊อกแล้ว เจอกันปีหน้าเลยนะคะ เมอร์รี่คริสต์มาสและสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าเลยค่ะ
๐ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกกำลังใจ ขอบคุณคนอ่านทุกๆคนค่ะ ที่เอ็นดูพี่เขตต์และน้องธรณ์ ถ้ามีคำผิดเดี๋ยวมาตามแก้นะคะ พอดีแอบลงเวลางาน

อีดิท ขอบคุณคุณPetitDragonมากๆเลยค่ะ ที่ช่วยตรวจคำผิดทุกครั้ง  :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: plbb.poy ที่ 25-12-2012 16:49:30
 :o8: :-[ :o8: :-[ :o8: :-[ :o8: :-[ :o8: :-[ :o8: :-[ :o8: :-[ :o8: :-[ :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 25-12-2012 16:50:24
ประโยคสุดท้าย

 :laugh:  :laugh:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: countryside_69 ที่ 25-12-2012 16:59:22
 :-[ :-[ :-[ :-[

อู้ววววววววววววววววววววว์
ไม่อยากจะคิดต่อเลยว่าต่อไปจะเป็นไง
  :z1::z1:
 :haun4: :haun4:
:pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 25-12-2012 17:15:03
“พี่เขตต์ครับ...เป็นผู้หญิงของธรณ์นะครับ”
ชอบผู้ใหญ่โดนกดอ่ะะะะ :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 25-12-2012 17:15:33
ผู้หญิงของธรณ์ !!

ธรณ์จ๋า ให้พี่เขตต์ของเธอรุกเถอะนะ ดูเหมือนเธอจะรุกไม่ค่อยรอดเท่าไหร่ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 25-12-2012 17:30:12
 :-[ พี่เขตต์ เจ้าเล่ห์สุดๆอ่ะ ธรณ์เอ๊ยยย ตามพี่เค้าให้ทันนะ    :laugh:
 เอ้ยย! แต่ประโยคสุดท้ายทำไมมันค้างงี้ล่ะ?  คนเขียนทำให้เค้าค้างงงข้ามปีเชียวนะเนี่ยย อ๊ายยย :z3:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: honeyhoon ที่ 25-12-2012 17:30:33
 o22

    “พี่เขตต์ครับ...เป็นผู้หญิงของธรณ์นะครับ”


 o22
 :o8:
 :-[
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 25-12-2012 17:42:39
ฮ่าๆ ทำไมธรณ์ใช้คำว่าผู้หญิงอ่ะ
คิดตามแล้วฮามาก
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 25-12-2012 17:48:47
พี่เขตต์ตอนนี้แบบว่า รุกหนักมาก มาดนิ่งๆหายหมดเลย ฮ่าๆๆๆ

น้องธรณ์ก็น่ารักอ่ะ จบประโยคสุดท้าย อยากรู้พี่เขตต์จะว่ายังไงน้า
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 25-12-2012 18:08:29
พี่เขตต์พอเคลียร์เรื่อง ที่รัก ได้นี่รุกหนักเลย   แต่มาเจอประโยคนี้ของธรณ์เข้าไป

“พี่เขตต์ครับ...เป็นผู้หญิงของธรณ์นะครับ”

พี่เขตต์จะตอบว่าไงล่ะนี่

กด + และ + เป็ด   สุขสันต์วันคริสต์มาส และวันปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: withmeto_PJ ที่ 25-12-2012 18:43:41
“พี่เขตต์ครับ...เป็นผู้หญิงของธรณ์นะครับ” 555555555555555555
ตอนนี้เขินมากกก เขินที่สุดดดด โอยย อ่านแล้วอยากอ่านอีกกกก

ขอบคุณคนแต่งนะคะ รอตอนหน้าน๊า แล้วก้ Merry X'mas นะค๊า
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 25-12-2012 19:29:11
แหม่ ธรณ์ยังพยายามจะรุกเนอะ ปล่อยพี่เขตเค้ารุกไปเห้อ ช่วงนี้พี่เค้าก็รุกหนักมากด้วยนะ
จีบก็ว่าจีบ เจ๋งสุดอ่ะ แล้วมีแหย่ให้หวงให้หึง เืพื่อนขื่อที่รัก อ่ะโธ่ คนอ่านใจหายใจคว่ำหมด
โดนพี่เขตหลอก...เค้าเริ่มจริงจังกันมากขึ้นเรื่อย อีกไม่นานหรอกเนอะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 25-12-2012 19:51:32
อย่างฮาอะ แล้วพี่เขตต์จะตอบว่างัยล่ะเนี้ย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 25-12-2012 20:02:43
พี่เขตรุกเร็วมากๆ เลย

มาเที่ยวครั้งนี้ไม่ผิดหวัง

แต่น้องธรณ์รู้สึกคำพูดจะผิดนะจ๊ะ 5555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 25-12-2012 20:03:56
55 ฮาเลย ธรณ์

กลัวอ่ะดิ  :oo1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: smirnoi ที่ 25-12-2012 20:26:51
เราชอบความสัมพันของสองคนนี้นะ
รู้สึกอินไปด้วย
กิ๊วๆๆๆ ธรกลัวอ่ะดิ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 25-12-2012 20:36:38
อร๊ายๆๆ เป็นผู้หญิงของธรณ์หรา~~
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 25-12-2012 21:14:20
รอดูว่าพี่เขตจะแก้ลำยังไง 555555555555 แต่น้องคงโดนตะปบเป็นแน่ 5555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 25-12-2012 21:14:57
พี่เขตโหมดนี้ นี่ใช่พี่เขตหรอ
คนอ่นปรับตัวไม่ทันค่าาา 55555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 25-12-2012 22:59:55
พี่เขตต์ขา เคลียร์เรื่องที่รักเสร็จ

ก็รุกธรณ์หนัก  จนธรณ์ย้อนรอยให้แล้ว
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 26-12-2012 01:15:05
ธรณ์คิดได้ไงนะเนี่ย แล้วเขตต์จะว่ายังไงกันนะนั่น
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 26-12-2012 09:06:50
 " พี่เขตต์ครับ เป็นผู้หญิงของธนณ์นะครับ "  :pighaun:
ไปเป็นไหมละทีนี้ พี่เขตต์  :jul3:
มารอดูต่อไปว่า ตกลงใครจะทำหน้าที่อะไร หรือว่าผลัดกัน  :z2:
+1 ให้พร้อมกับ Merry Christmas and สวัสดีปีใหม่ครับ มีความสุขมาก ๆ นะครับ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 26-12-2012 12:51:12
เขตต์รุกธรณ์อย่างเร็วมากเลย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: tubtim ที่ 26-12-2012 13:01:09
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 26-12-2012 13:24:15
น้องธรณ์ทำเป็นเล่นไปนะ....ระวังเถอะ....  :haun4:


หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 26-12-2012 13:52:29
ตอนนี้หวานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนมดขึ้นจอ >.<

แต่ปล่อยค้างไว้แบบนี้ทรมานคนอ่านจัง T^T
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-12-2012 16:54:42
 :z2:

มันจะดี หรอ ??
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 27-12-2012 13:28:52
“พี่เขตต์ครับ...เป็นผู้หญิงของธรณ์นะครับ”
 ถามแบบนี้ถ้าไอ้พี่เขตต์ยอมนี่.. บอกอารมณ์ไม่ถูกเลยวะ o22
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 27-12-2012 15:54:54
พี่เขตต์บอกน้องธรณ์ไปสิคับว่า โอเค!!  5555555+  :laugh:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 27-12-2012 20:07:59
เป็นผู้หญิงของธรณ์น่ะ โอ้ยยเขินนน
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 27-12-2012 21:30:41
               “พี่เขตต์ครับ...เป็นผู้หญิงของธรณ์นะครับ”
คำพูดนี้ทำเอาเราหงายเงิบไปเลย เกือบพ่นน้ำแหนะ ดีนะกลืนลงไปทัน  :m20:
ถึงแม้ธรณ์จะชอบแพ้ทางพี่เขตต์  แต่ถ้าให้ธรณ์รุกแล้วพี่เขตต์รับมันคงจะฮาน่าดูเลยเนอะ
เราแอบหวัง ถึงแม้มันอาจจะลมๆแล้งๆ 555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 29-12-2012 06:38:59
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 15 :: 25.12.2012」หน้าที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 29-12-2012 21:57:33
คุนเขตแดนโหมดหวาน น้ำตาลยังอาย
พอรู้ว่าเค้ามีใจให้ รุกหนักเลย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「คั่นเวลา :: 06.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 06-01-2013 22:17:07
“ รักคืนรัง ”

ชินดนัยและชนวีร์


               ท่ามกลางความเงียบสงัดของยามค่ำคืน แม้แต่ห้องนอนของบ้านพักทหารหลังเล็กก็มีเพียงเสียงหริ่งหรีดเรไรจากด้านนอก มันคงจะสงบสุขเหมือนที่เป็นมาค่อนคืน และสองคนที่นอนกอดกันก็คงจะหลับฝันดี ถ้าเพียงแต่...

               ครืด...ครืด...

               ชายหนุ่มร่างสูงขยับตัวออกจากอ้อมกอดที่รัดแน่น ราวกับจะกดเขาจมลงสู่อ้อมอกอุ่น มือควานหาโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่สั่นครืดคราด พอเจอก็หยีตาสู้แสงไฟจากโทรศัพท์ เผลอนิ่วหน้าเล็กน้อยเพราะถูกปลุกกลางดึก ก่อนจะกดรับสายอย่างงัวเงีย

               (ชิน...ไม่ได้อยู่ที่เรือนเล็กหรือลูก)

               เสียงคุณหญิงผู้เป็นแม่ ที่โทรทางไกลมาจากต่างประเทศดังมาตามสาย ชินดนัยขยับจะก้าวลงจากเตียง เพราะเกรงว่าเสียงสนทนาจะปลุกอีกคนที่กำลังนอนหลับด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่แค่ขยับตัวเพียงนิดเดียว อ้อมแขนแข็งแรงก็ยื่นมาโอบรัดรอบเอวเขาอย่างหวงแหน จนต้องยอมจำนนอยู่ที่เดิม

               “ผม...มาค้างที่บ้านพักของพี่ครับ”

               แม้จะรู้ดีว่าผู้เป็นพ่อแม่ไม่ได้ระแคะระคายความสัมพันธ์พิลึกพิลั่นที่ผิดธรรมชาติ แต่ชินดนัยก็ยังเกรงและกลัว กลัวว่าซักวันถ้าผู้เป็นพ่อแม่รู้เข้า ทุกสิ่งทุกอย่างคงพังทลาย ลูกชายคนเดียวของท่านนายพลรักกับผู้ชายด้วยกันเอง แถมยังเป็นคนที่มีศักดิ์ตามกฎหมายเป็นพี่ชายเสียอีก น่าขายหน้าน้อยเสียเมื่อไหร่ ยามเอ่ยถึงอีกคนจึงต้องเอ่ยด้วยความระมัดระวังเหมือนคนที่มีชนักปักหลัง

               (อ้อ...อยู่กับตาวีร์นี่เอง ความจริงน่าจะพากันมานอนบ้าน บ้านเราสบายกว่าบ้านพักที่กรมนะลูก)

               “ไม่เป็นไรครับแม่ ผมมาค้างแค่คืนเดียวเอง พอดีพรุ่งนี้พี่เขาต้องลงพื้นที่เลยชวนผมมาค้าง”

               ถือว่าเขาไม่ได้ปดผู้เป็นแม่ เพราะสาเหตุที่ชินดนัยมาค้างบ้านพักที่กรม ก็อย่างที่เอ่ย พรุ่งนี้คนที่นอนอยู่ข้างกายจะต้องออกปฏิบัติการ บางทีก็กินเวลาไม่กี่วัน บางทีก็เป็นสัปดาห์ หนักหน่อยก็เป็นเดือน และทุกครั้งที่จากไป ก็จะต้องทิ้งความกังวลใจให้เขาดูต่างหน้าอยู่เสมอ

               เขาเกิดเป็นลูกทหาร แม้จะไม่ได้เป็นทหาร แต่ก็คุ้นชินกับวิถีชีวิตแบบทหาร ตอนเด็กเคยกอดแม่ สมัยที่ต้องนั่งรอพ่อกลับจากปฏิบัติการ เหตุผลที่เขาเลือกที่จะไม่เป็นทหาร ส่วนหนึ่งก็เพราะคำขอร้องของแม่ แม่ที่เคยเฝ้ารอพ่อด้วยความเป็นห่วงและกระวนกระวาย แม่ที่ไม่อยากต้องเฝ้ารอเขาด้วยความเป็นห่วงเวลาที่ออกปฏิบัติการ เพราะแม่บอกว่า...


               ‘แม่มีลูกชายอยู่สองคน เป็นทหารไปแล้วเสียคน ชินอย่าเป็นอีกคนเลยนะลูก’


               อาจจะเป็นคำพูดที่ฟังดูเห็นแก่ตัว แต่มันก็คือเรื่องจริงของคนข้างหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...หัวอกของคนเป็นแม่ เขาเองก็เข้าใจเป็นอย่างดี รู้ดีว่าตนเองกระวนกระวายแค่ไหน ทุกครั้งที่คนข้างกายต้องลงพื้นที่ โชคดียังพอติดต่อกันได้ บางครั้ง...ติดต่อกันไม่ได้เป็นอาทิตย์ บางคราวที่หายเข้าป่าไปก็ไม่มีข่าวคาว ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร กว่าจะอุ่นใจก็ตอนที่อีกคนแบกร่างโทรมๆกลับมายืนอยู่ตรงหน้า

               (บอกตาวีร์ด้วยนะลูก ถ้าเสร็จงานแล้วกลับมาหาพ่อแม่บ้าง แล้วก็ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองลูกของแม่ให้ปลอดภัยกลับมาด้วย)

               ใช่ว่าจะมีแต่ชินดนัยคนเดียวที่เป็นห่วง คุณหญิงเองก็ไม่ต่างกัน แม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันโดยกำเนิด แต่ความรักและผูกพันที่บ่มเพาะมานาน เธอจึงเอ่ยปากบอกคนอื่นว่ามีลูกชายสองคนได้อย่างสนิทใจ

               “ครับ เดี๋ยวผมจะบอกพี่ให้”

               ชินดนัยกดวางสายโทรศัพท์ไป ก่อนจะนั่งมองหน้าจอที่มืดดับอย่างเหม่อลอย เขาเองก็มีเรื่องที่ต้องคิดมากมาย นอกจากเรื่องของเพื่อนรักอย่างธรณ์แล้ว เรื่องของตัวเองก็หนักหนาไม่ต่างกัน

               “คุณแม่โทรมาใช่ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยอยู่ข้างหลัง พร้อมกับอ้อมแขนที่รั้งตัวเขาลงนอนเคียงข้าง

               “ผมทำพี่ตื่นหรือเปล่า”

               “เป็นทหาร ถ้าหลับลึกก็แย่สิ ต้องรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา แค่นายขยับตัวฉันก็ตื่นแล้ว”

               “เป็นทหารนี่ก็ลำบากเหมือนกันนะ”

               ชินดนัยปล่อยตัวให้นอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนที่อบอุ่น เหมือนทุกคืนก่อนที่อีกคนจะลงพื้นที่ ที่เขามักจะพาตัวเองมาเก็บเกี่ยวความอบอุ่น ราวกับว่ามันจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกัน เพราะในความแน่นอนมักมีความไม่แน่นอนอยู่เสมอ ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร


               “ถ้าทุกคนคิดแบบนี้ก็แย่สิ ภูมิใจหน่อยสิที่ฉันเป็นทหาร เป็นทหารของประชาชน เป็นคนของแผ่นดิน”

               “แต่บางที...ผมก็อยากให้พี่เป็นแค่คนธรรมดาสำหรับผม”



               อ้อมกอดแข็งแรงกระชับแน่นเข้า สายตาที่ชินกับความมืดของชินดนัยมองตรงไปยังเครื่องแบบสีเขียวที่แขวนรออยู่ เขาถอนหายใจออกมาช้าๆ เขาไม่ค่อยได้หลับสนิทเท่าไหร่นัก ทุกครั้งที่อีกคนต้องลงพื้นที่ ที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ มันเป็นความห่วงและกังวลที่อัดแน่น ไม่สามารถเปิดเผยออกไปให้ใครรู้ได้

               “คราวนี้พี่ต้องไปกี่วัน”

               “ยังไม่รู้เลย คราวนี้ถูกเรียกไปที่กองกำลังนเรศวร”

               แค่ชื่อที่หลุดออกมา ก็ทำเอาชินดนัยต้องมุ่นหัวคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะหันมามองคนที่นอนกอดเขาอยู่ อีกฝ่ายเพียงแค่นอนหลับตา เขารู้ว่าทุกประสาทสัมผัสของคนข้างตัวยังตื่นอยู่

               “ยาเสพย์ติดใช่ไหม”

               “อืม...มีข่าวว่ามันจะขนเข้ามาทางด่านแม่สอด”

               “สัญญาได้ไหม...ว่าจะไม่ตาย”

               ชินดนัยรู้ ว่ามันเป็นคำสัญญาที่เอาแต่ใจ แต่เขาก็ขอสัญญาจากนายทหารหนุ่มทุกครั้งที่ลงพื้นที่ อย่างน้อยเขาจะได้อุ่นใจ ว่าอีกฝ่ายจะรอดชีวิตกลับมาหาเขา


               ...แม้ไม่อาจอยู่ด้วยกัน ขอแค่อย่าตายจากกันก็เพียงพอ...


               “ไม่รู้หรือไง ว่ายังไงฉันก็ต้องกลับมาหานายอยู่ดี นอนเถอะ อย่าคิดมากเลย น่าจะชินได้แล้วนะ”

               ชินดนัยอยากจะเถียงออกไป ต่อให้ชนวีร์ต้องลงพื้นที่อีกกี่ร้อยพันครั้ง เขาก็ไม่มีทางชินเด็ดขาด

               “ไม่อยากให้ผ่านคืนนี้เลย”


เหมือนท้องฟ้าเป็นใจให้ฉัน
โปรยหยาดฝนชโลมชีวัน ชุบชีวิตให้มีสีสัน
รักที่เหมือนมีเพียงในฝัน คงไม่มีตัวตนอะไร
แล้วฝันนั้นที่มัวก็ใส
แล้วในคืนนี้ก็มีเพียงเรา ใต้หมู่ดาว
เธอกอดฉันไว้ หนาวก็พลันอุ่นกาย
ไม่อยากให้ผ่านคืนนี้รู้ไหม ขอให้มีเพียงเราได้ไหม
ฉันและเธอและภาษาใจ ให้นานเท่านานอย่างนี้
ไม่อยากให้ผ่านคืนนี้รู้ไหม ทุกนาทีที่ใจฉันไหว
ฉันและเธอทุกลมหายใจ
แต่แล้วทำไม...ต้องจากฉันไป

[* ไม่อยากให้ผ่านคืนนี้ :: The SiS]


               “นอนเถอะ...สัญญาว่าจะกลับมา”

               มันเป็นเรื่องยาก ที่จะรับปากในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่ชนวีร์ก็พยายามจะทำให้ได้อย่างที่ปากพูดทุกครั้ง ถึงกลับเป็นไม่ได้ ก็จะพาร่างกายกลับมา ไม่ใช่แค่คนรอที่เครียด คนไปก็ห่วงข้างหลังเสมอ

               แค่ความรักที่เป็นความลับก็อึดอัดและลำบากพอแล้ว ช่วงเวลาที่ต้องจากกันยิ่งทรมานจนแทบคลั่ง ทุกครั้งที่เจอกัน จึงอยากจะเก็บเกี่ยวความรู้สึกดีๆเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เก็บเอาไว้เผื่ออนาคต...เพื่อวันที่เราต้องห่างกันไกล

               ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน เขาเรียกร้องเอาจากชินดนัยทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะทันทีที่แยกจากกันไป เมื่ออยู่ในสนามรบ เขาต้องตัดทุกเรื่องราวออก แค่แผ่นดิน แค่ประชาชนที่สำคัญ แค่ศัตรูที่ต้องนึกถึง ไม่มีเวลามาคิดเรื่องส่วนตัว ทุกเวลาคือความเป็นตาย

               หากพลาด...คือจบ!! หากรอด...นั่นหมายถึงเขามีโอกาสกลับมากอดคนที่รัก


====================


               ชินดนัยยืนมองคนที่กำลังตรวจเช็คความเรียบร้อยของลูกกระสุนและอาวุธคู่ใจ ทุกครั้งที่ต้องรอคอย มันเป็นการรอคอยที่เต็มไปด้วยความกลัว กลัวว่าซักวัน...คนที่ไปจะไม่กลับมา

               “พี่ไม่ลืมอะไรแล้วนะ”

               คนที่สวมชุดทหารเต็มยศ เพราะต้องเข้าไปรายงานตัวก่อนปฏิบัติงาน เงยหน้ามามองเจ้าของคำถาม เขาลุกขึ้นรั้งอีกคนมากอดไว้หลวมๆ

               “ขอเครื่องรางได้ไหม”

               รอยยิ้มบางๆผุดที่ริมฝีปาก เพราะรู้ดีว่าเครื่องรางที่อีกคนพูดถึงคืออะไร เขาปลดกระดุมเครื่องแบบนายทหารออกสองเม็ด ก่อนที่ริมฝีปากจะจรดลงบนเนินอก รับรู้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจ ขบเม้มจนกลายเป็นรอย แต่ไม่ว่าจะทำให้เป็นรอยชัดเจนขนาดไหน มันก็หายไปก่อนที่อีกคนจะกลับมาทุกที

               “กว่าพี่จะกลับมาก็ไม่เหลือรอยแล้ว”

               นายทหารหนุ่มไม่ได้ตอบอะไร กอดอีกคนไว้แน่น ซึมซับทุกความอบอุ่นในวันนี้ ก่อนจะคลายวงแขวนออกอย่างแสนเสียดาย แต่ภารกิจและหน้าที่ต้องมาก่อน เลือกที่จะเดินบนทางสายนี้แล้วก็ต้องแยกแยะให้ออก

               ชินดนัยเดินออกมาส่งชนวีร์ที่รถจี๊ป พอออกมานอกบ้านพัก ก็ไม่สามารถทำอะไรประเจิดประเจ้อได้อีกแล้ว ทุกความรู้สึกได้แต่ส่งผ่านทางสายตา ให้อีกคนรับรู้ด้วยหัวใจ

               “ดูแลตัวเองดีๆนะ แม่ฝากบอกว่า...ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองพี่ให้ปลอดภัยกลับมา”

               “บอกแม่ด้วยว่า...ฉันรักแม่”

               เป็นเรื่องปกติและเป็นสิ่งที่ต้องทำ ทุกครั้งที่ต้องออกไปทำงาน บอก...เพราะไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสกลับมาบอกอีกหรือเปล่า


               “และฉัน...รักนายมากนะชินดนัย”


               ชินดนัยยิ้มก่อนจะเดินแยกไปที่รถของตัวเอง รถจี๊ปคันใหญ่ขับตามรถของชินดนัยออกมานอกกรม แยกย้ายกันไปตามทางของแต่ละคน กลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง ที่ทุกชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ไม่รู้เมื่อไหร่ที่จะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันอย่างที่ใจต้องการ หรือว่า...อาจจะไม่มีวันนั้น ทุกวันนี้ที่ยังได้อยู่ด้วยกัน ก็แค่ใช้ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องมาบังหน้า

               ทางมืดมน แต่ตราบเท่าที่อีกคนยังเป็นแสงสว่าง ก็ไม่เคยคิดจะย้อนกลับ

               แต่บางที...ภาระหน้าที่ก็ต้องมาก่อนหัวใจ



====================


๐ จะมีคนเอาระเบิดปาไหมเนี่ย มีคนเปิดเพลงที่ลง เลยนั่งเขียนซะเลย อารมณ์ชั่ววูบมาก
๐ พี่เขตต์ยังคิดไม่ออกว่าจะตอบธรณ์ยังไง มาหน่วงเบาๆกับชินก่อนละกันเนอะ
๐ ความจริงคู่นี้ก็มีพล็อตแล้วค่ะ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเขียนดีไหม เขียนอีกก็ดราม่าอีก
๐ ตอนหลักยังไม่ได้เขียนเลย นอกจากงานจะยุ่ง ยังเขียนไม่ออกอีกต่างหาก สารภาพผิด Y_Y
๐ ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามานะคะ อยากเขียนเรื่องคุณทหารมากๆ แต่ข้อมูลไม่แน่นพอ

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「คั่นเวลา :: 06.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 06-01-2013 22:40:11
 :sad4: คู่นี้น่าสงสารมากอ่ะ อุปสรรคหนักหนาสาหัสมาก แต่สุดท้ายอยากให้สมหวังนะ :z3:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「คั่นเวลา :: 06.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 06-01-2013 22:47:07
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「คั่นเวลา :: 06.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 06-01-2013 23:40:30
ขอให้ปลอดภัย :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「คั่นเวลา :: 06.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 06-01-2013 23:46:36
คู่พี่น้อง :haun4: รอ  :impress2:

และรอคนเขียนด้วย o13

 :bye2:

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「คั่นเวลา :: 06.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 07-01-2013 00:11:58
ต้องปลอดภัยนะ

เครื่องรางขลังมาก

อย่างนี้ต้องรอดนะคะนักเขียน...
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「คั่นเวลา :: 06.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 07-01-2013 00:28:42
คนแต่งขอร้องอย่างนึง คู่นี้อย่าจบเศร้านะคะ

แค่อ่านตอนนี้ก็อยากจะร้องไห้ละ สงสารทั้งคู่เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「คั่นเวลา :: 06.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-01-2013 00:34:55
 :m15:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「คั่นเวลา :: 06.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 07-01-2013 00:59:45
กลับมาอย่างปลอดภัยนะครับ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「คั่นเวลา :: 06.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 07-01-2013 06:41:45
การที่ต้องปกปิด ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองมันก็ยากอยู่แล้ว ด้วยความเป็นชาย ด้วยการเป็นพี่น้อง
และอีกด้วยภาระกิจที่ต้องกระทำหน้าที่  :เฮ้อ:
เอานะ ยังไงอุปสรรคที่ขวางกันอยู่ ก็น่าจะผ่านมันไปได้ ด้วย  :n1: กันและกัน
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「คั่นเวลา :: 06.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: So_Da_Za ที่ 07-01-2013 07:45:33
ต้องกลับมาอย่างปลอดภัยอยู่แล้ว
 :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「คั่นเวลา :: 06.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 07-01-2013 10:01:25
 :m15: น่าสงสารอ่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「คั่นเวลา :: 06.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 07-01-2013 15:31:05
ดูเจ็บปวดและลำบาก แต่ก็เป็นความรักที่สวยงามนะ
ชอบเครื่องรางที่หน้าอกมาก ซึ้งอ่ะซึ้ง
มีแฟนเป็นทหารห่วงเนอะ ขอให้ปลอดภัย

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「คั่นเวลา :: 06.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 07-01-2013 17:57:16
สงสารคู่นี่อะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「คั่นเวลา :: 06.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 07-01-2013 18:04:49
ชลวีร์ต้องปลอดภัยกลับมาหาชินดนัยนะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「คั่นเวลา :: 06.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 07-01-2013 22:48:52
 :sad4: อย่ามาทำให้ใจสั่นนะ
สงสารชินจังเลย ต้องรอคนรับกลับมาไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย :dont2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「คั่นเวลา :: 06.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 07-01-2013 23:21:56
คู่นี้แบบได้กลิ่นมาม่าโชยมาเลย
ท่าจะอุปสรรครักเยอะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「คั่นเวลา :: 06.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 08-01-2013 18:51:17
ขอให้พี่วีร์ปลอดภัยกับมาหาคนรักแล้วกัน ^^

ส่วนพี่เขตต์ก็ต้องรอลุ้นต่อไปว่าเฮียจะตอบจะได๋
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 08-01-2013 21:20:09
“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 16


               “ธรณ์อยากรุกพี่เหรอครับ”


               ถ้อยคำถามหลุดออกมาจากริมฝีปากหยัก ดวงตาคมพราวระยับท่ามกลางความมืด ที่มีเพียงแสงสีส้มอ่อนจากโคมดวงเล็กส่องมาบริเวณระเบียง

               นอกจากคำถามจะฟังดูกวนโมโห ดวงตาพราวระยับนั่นยังทำเอาธรณ์ อิสรพัฒน์รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กน้อย ประสบการณ์อันโชกโชนที่ผ่านมาของตนเองแทบจะกลายเป็นติดลบ ยามเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับเขตแดน เกียรติณรงค์ ผู้ชายที่ธรณ์เคยนึกค่อนขอดว่าคงจะทำแต่งานจนเป็นสมรรถภาพทางเพศเสื่อม

               เขตแดนปลดมือธรณ์ที่จับคางเขาอยู่ออก แล้วก็ปล่อยมือของธรณ์เป็นอิสระ ดวงตาคมทอดมองธรณ์อย่างนึกเอ็นดู อดีตเพลย์บอยตัวฉกาจสำหรับคนอื่น ยามอยู่ต่อหน้าเขาก็เหมือนแค่เด็กวัยรุ่นธรรมดา ที่บางทีก็น่าเอ็นดู แต่บางทีก็...

               “อื๊อ...”

               เขตแดนเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เมื่อจู่ๆเพลย์บอยตัวฉกาจก็เคลื่อนหน้าเข้ามาจนชิด ก่อนจะฉกริมฝีปากลงมาด้วยความรวดเร็ว ริมฝีปากของธรณ์ประกบแนบแน่นอยู่กับริมฝีปากเขา รับรู้ถึงความนุ่มนวลที่เฝ้าคิดถึงอยู่เสมอ คนที่ริอาจเดินเกมส์รุกขบเม้มจนคนอายุมากกว่าต้องยอมเผยอปากออก แล้วสัมผัสอุ่นร้อนก็สอดแทรกเข้ามาไล่ต้อนเขาเสียเกือบจนมุม


               เขตแดนยอมรับเลยว่า...ธรณ์จูบเก่งจนน่ากลัว!!


               วูบหนึ่งที่เขตแดนรู้สึกหงุดหงิด เมื่อต้องมาคิดหาคำตอบว่า ริมฝีปากที่กำลังแนบสนิทชิดกับริมฝีปากของเขา เคยผ่านริมฝีปากคนอื่นมากี่คนแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดจนอยากจะลบทุกร่องรอย ลบทุกสัมผัส ลบเลือนทุกภาพความทรงจำของธรณ์กับคนอื่น

               เขตแดนดึงธรณ์เข้ามาชิด จนรับรู้ถึงแรงสะท้อนที่แผ่นอก เขาช่วงชิงจังหวะพลิกกลับมาเป็นฝ่ายคุมเกมส์ บดริมฝีปากลงกับปากของธรณ์แนบแน่น จนรู้สึกถึงแรงทุบที่หน้าอกเพราะอีกคนจวนเจียนจะขาดใจ ถึงยอมผละออกมามองตากันคล้ายจะหยั่งเชิง ก่อนที่เขตแดนจะแกล้งถามซ้ำ

               “จะรุกพี่เหรอครับ...”

               ธรณ์กำลังจะพยักหน้า แต่พอเหลือบตาดูเห็นสภาพของตนเองก็ต้องเบิกตากว้าง ตอนแรกเขาเป็นฝ่ายรุกเข้าหาเขตแดนก่อน แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าเขากำลังถูกเขตแดนกอดอยู่ ธรณ์ขยับจะดันตัวเองออกจากอ้อมแขนของเขตแดน แต่อ้อมกอดที่เห็นว่าหลวมๆ กลับแข็งแรงเสียจนเขาต้องยอมจำนนอยู่ที่เดิม

               “พี่เขตต์...” ธรณ์เรียกชื่อคนที่นั่งทำตาพราวเสียงขุ่น

               “ครับ?”

               “ไหนบอกว่าจะให้ผมเป็นฝ่ายรุกยังไงล่ะ”

               “อย่ามาตู่ครับธรณ์ พี่แค่ถามว่าอยากรุกพี่เหรอ ไม่ได้แปลว่าจะให้ธรณ์รุกพี่”

               คราวนี้คนที่ถูกกอดเอาไว้เลยดันเจ้าของอ้อมกอดออกเต็มแรง แต่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นยืน ก็ถูกเขตแดนรั้งกลับเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดหลวมๆเหมือนเดิม ปลายนิ้วของเขตแดนไล้ไปตามเรียวปากที่แดงเจ่ออย่างอ่อนโยน แม้จะเป็นสัมผัสที่แผ่วเบา แต่ก็ทำเอาหัวใจของใครบางคนสะท้านด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้น

               ริมฝีปากหยักทาบทับลงมาอีกรอบ ไม่รีบร้อน ไม่เร่งเร้า มีแต่ความนุ่มนวลและอ่อนโยน จนธรณ์เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสที่เขตแดนมอบให้ ได้แต่ปล่อยตัวอยู่ในอ้อมกอดที่โหยหามาตลอดอย่างเต็มใจ ไม่อยากจะคิด ไม่อยากจะนึกถึงอะไรอีก ขอแค่นี้...แค่อ้อมกอดที่เป็นของเขา

               “ให้พี่ดูแลธรณ์นะ...”

               ธรณ์กระชับอ้อมกอดแน่นแทนคำตอบ ซึมซับทุกความอบอุ่นที่ถูกถ่ายทอดผ่านมาทางอ้อมกอดของเขตแดน ไม่ใช่อ้อมกอดของพี่เขตต์คนเก่า เพราะพี่เขตต์คนนี้ไม่ได้เห็นธรณ์เป็นแค่น้องชายอีกต่อไป อ้อมกอดที่มีให้จึงอุ่นกว่าเดิม อุ่น...จนไม่อยากให้ปล่อย


ไม่รู้ว่าทุกอย่างระหว่างเราสองคน...เปลี่ยนไปเมื่อไหร่
แต่รู้ว่ากลายเป็นความสุขที่เข้ามา...อยู่แทนความเหงาในหัวใจ
เมื่อก่อนฉันยังเคยค้นหาคำตอบ...ว่าจะมีบางคนเกิดมาเพื่อฉันไหม
แล้วก็ได้เข้าใจ...วันนี้เมื่อฉันมีเธอ

[คำตอบของหัวใจ - Potato]


====================


               หลังจากนอนกอดกันจนหลับปุ๋ย ธรณ์ก็งัวเงียตื่นมาอีกทีตอนสาย ตื่นมาก็เหมือนเช้าวันก่อน เขตแดนที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วกำลังจัดของอยู่ พอหันมาเห็นคนที่นั่งหัวฟูอยู่บนเตียง รอยยิ้มก็ปรากฏอยู่บนดวงหน้าคมด้วยความเอ็นดู ก่อนจะถือวิสาสะเดินมาจูบปากคนที่เพิ่งตื่นเบาๆ เรียกอาการตาสว่างจากคนที่กำลังงัวเงียทันที

               “ฮื๊อ...พี่เขตต์...”

               ถึงจะอยากประท้วงก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะคนที่อุกอาจมาขโมยจูบแรกของวัน เดินกลับไปเก็บของต่อแถมยังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี จนคนถูกปล้นจูบแต่เช้านึกหมั่นไส้ โยนหมอนตามหลังไป แล้วก็รีบคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำก่อนที่อีกคนจะทันเดินมาเอาคืน

               ตอนที่ธรณ์เดินออกมาจากห้องน้ำ เขตแดนก็กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ข้าวของน้อยนิดที่มาแวะซื้อเอาระหว่างทางก็เก็บเรียบร้อยแล้ว ธรณ์เหลือบตามองคนที่ทำเป็นวางมาดอ่านหนังสือพิมพ์แล้วก็ย่นจมูก เห็นมาดนิ่งๆ วันๆเอาแต่นั่งทำงาน ใครเลยจะรู้ว่าความจริงแล้วเจ้าเล่ห์ขนาดไหน

               เมื่อคืนทำเขาอายไม่พอ ตื่นเช้ามาก็ยังทำเขาอายอีก อย่านะ...อย่าให้ใครมาเห็นธรณ์ อิสรพัฒน์ตอนนี้เลย ให้เขตแดนได้เห็นคนเดียวเถอะ ธรณ์ที่ไร้เขี้ยวเล็บและพิษสงแบบนี้ คิดๆแล้ว เพลย์บอยหนุ่มก็นึกอยากเอาคืนคนที่ทำเป็นนั่งเก๊กอยู่เหมือนกัน

               “ตกลงพี่เขตต์เป็นเกย์จริงๆด้วยสินะ”

               คำถามจากคนที่ยืนเช็ดผมอยู่ ทำเอาเขตแดนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ต้องรีบเงยหน้ามามอง เห็นแววตาของคนถามก็รู้ทันทีว่าอีกคนอยากจะเอาคืน

               “ก็เป็นกับธรณ์คนเดียวนั่นแหล่ะ”

               นอกจากลูกกระสุนดอกแรกที่ยิงออกไปจะไม่เข้าเป้า ยังถูกยิงสวนกลับมาให้ธรณ์ไปต่อไม่ถูก พอคลำหาลิ้นของตัวเองเจอแล้ว เลยต้องรีบสวนกลับทันควันก่อนที่เขตแดนจะทำคะแนนนำ

               “ก็ว่าแล้ว...เห็นไม่เคยมีแฟน ไม่เคยยุ่งกับใคร ที่แท้ก็เป็นเกย์นี่เอง”


               “ไม่รู้ว่าจะเรียกเกย์ได้หรือเปล่านะ เพราะบังเอิญว่าผู้ชายที่พี่ชอบดันมีแค่ธรณ์คนเดียวน่ะสิ”


               ถ้ากระสุนลูกแรกถูกยิงสวนกลับมา ลูกที่สองคงเรียกว่าทะลุเข้ากลางอกของธรณ์ ให้ได้เกิดอาการโลหิตสูบฉีดทั่วหน้า นี่ใช่ไหมที่เขาว่ากันว่า พวกนิ่งๆมักจะหมัดหนัก แทบจะทำเขาน็อคเลยทีเดียว แต่คนอย่างธรณ์ อิสรพัฒน์เสียอย่าง ลองส่งกระสุนออกไปอีกซักลูกจะเป็นไรไป

               “อย่าบอกนะว่าผมเป็นคนทำให้พี่เขตต์เป็นเกย์”

               “ไม่รู้เหมือนกัน เพราะตอนเด็กๆก็ชอบวิ่งตาม โตมาก็ชอบเรียกร้องความสนใจ รู้สึกตัวอีกที...ก็ปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้แล้ว ทำให้พี่เป็นเกย์แล้ว รับผิดชอบด้วยนะครับ”

               คราวนี้โดนเต็มๆเลย ดวงตาวิบวับของเขตแดนที่บอกให้ธรณ์รับผิดชอบ มันสื่อความนัยมากมายซะจนคนที่ตั้งใจว่าจะเอาคืน ต้องเป็นฝ่ายกระดากอายเสียเอง ไม่ต้องเสียเวลาตีความ ไม่ต้องคิดไปเอง แค่มองตาคนที่พูดน้อยต่อยหนัก ธรณ์ก็รู้ซึ้งถึงความหมายที่อีกคนต้องการบอกเป็นอย่างดี สุดท้ายเมื่อไม่รู้จะเอาตัวรอดอย่างไร ก็ต้องใช้ลูกไม้เก่าๆ

               “ผมหิวแล้ว ไปกินข้าวดีกว่า”

               เขตแดนเองก็ไม่คิดจะรั้งคนที่อ้างว่าหิว แค่เห็นหน้าขาวๆนั่นซับสีเลือด ก็พลอยทำให้เขาอารมณ์ดีได้ตลอดวันแล้ว ถ้ารู้ว่าเวลาธรณ์เขินแล้วจะน่ามองขนาดนี้ เขตแดนอยากจะทำให้ธรณ์เขินซักวันละร้อยรอบ


====================


               ทางโรงแรมเตรียมบุฟเฟ่ต์แบบอเมริกันเอาไว้สำหรับแขกที่มาพัก คนที่ไม่พิสมัยอาหารฝรั่งอย่างเขตแดนเลยนั่งจิบกาแฟกับขนมปัง ผิดกับธรณ์ที่เจริญอาหารเป็นปกติ จนคนร่วมโต๊ะนั่งมองเพลิน ตักมากี่อย่างต่อกี่อย่างก็หายวับเข้าปากธรณ์เสียหมด เหมือนคนถูกมองเองก็จะรู้ตัว เลยเอ่ยปากถามแก้กระดาก

               “พี่เขตต์กินแค่ขนมปังกับกาแฟอยู่ท้องเหรอ เอาอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวผมไปตักมาเผื่อก็ได้”

               เขตแดนก็อยากจะตอบรับไมตรีของธรณ์ แต่ไม่ได้รู้สึกอยากกินอะไรจริงๆจังๆ เลยต้องส่ายหน้าปฏิเสธ

               “ไม่ต้องหรอก พี่ไม่ค่อยชอบอาหารฝรั่ง นั่งดูธรณ์กินก็อิ่มแล้ว กินซะอร่อยเชียว”

               “เดี๋ยวก็หิวกลางทางหรอก”

               “ไม่เป็นไร ยังไงเดี๋ยวเราก็ต้องแวะตลาดหนองมนกันอยู่แล้ว รู้จักหรือเปล่า...ข้าวหลามหนองมนน่ะ ของโปรดธรณ์เลยนะ”

               พอพูดถึงข้าวหลาม คนที่นั่งกินข้าวอยู่ก็ถึงกับวางช้อนทำตาวาวทันที นอกจากจะดีใจที่จะได้กินข้าวหลามของโปรดแล้ว ยังดีใจที่เขตแดนยังจำได้ว่าธรณ์ชอบกินข้าวหลามมากแค่ไหน แถมคนความจำดียังอุตส่าห์ย้ำให้ธรณ์ดีใจเพิ่มว่า...

               “สมัยก่อนนะ เด็กบางคนชอบกินแต่กะทิ แล้ววิ่งเอาข้าวเหนียวมาให้พี่กิน ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ยังเป็นอยู่หรือเปล่า”

               ธรณ์เกาหัวแก้เก้อทันที รู้สึกว่าความจำของเขตแดนจะดีเกินไปแล้ว ไม่อยากจะบอกหรอกว่า ถึงเดี๋ยวนี้เขาก็ยังชอบกินแต่กะทิอยู่ดี สมัยก่อนตอนเป็นเด็ก คุณสงครามมักจะเตรียมข้าวหลามเอาไว้ให้ธรณ์เสมอ เพราะรู้ดีว่าเด็กชายธรณ์โปรดปรานมากแค่ไหน แต่ปัญหามันดันอยู่ที่ว่า เด็กชายธรณ์เขาชอบกินแต่กะทิ พอตักกะทิเข้าปากจนหมด ก็หอบกระบอกข้าวหลามที่เหลือ วิ่งโร่เอาข้าวเหนียวไปให้พี่เขตต์รับผิดชอบ
               
               “ไม่รู้ล่ะ ถ้าซื้อข้าวหลามมาพี่เขตต์ต้องช่วยผมกินข้าวเหนียวด้วยนะ”

               “แล้วพี่เคยไม่ตามใจธรณ์ด้วยเหรอ”

               คำตอบคือไม่เลย ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ถึงเด็กชายเขตแดนจะบ่นเรื่องข้าวหลามที่เหลือแต่ข้าวเหนียว แต่ธรณ์ก็เห็นอีกฝ่ายจ้วงเข้าปากจนหมดกระบอก จนบางทีธรณ์ยังนึกว่า พี่เขตต์คงจะชอบกินข้าวเหนียวน่าดู หารู้ไม่ว่าเขตแดนไม่ได้ชอบกินข้าวเหนียว แต่ไม่อยากเห็นเด็กบางคนทำหน้าเบะ เพราะอยากกินกะทิ แต่ไม่มีคนกินข้าวเหนียวให้ แล้วถ้ากินกะทิเพียงอย่างเดียว ก็ไม่พ้นว่าจะต้องถูกผู้เป็นพ่อดุเอาแน่ๆ

               “เดี๋ยวผมจะซื้อเยอะๆเลย อยากรู้ว่าจะตามใจกี่กระบอก”

               เขตแดนหัวเราะออกมาก่อนจะลูบหัวธรณ์เบาๆ ต่างคนต่างก็รู้ดีว่าความสุขที่ไขว่คว้าหามานาน สุดท้ายกลับอยู่ใกล้ๆ...เพียงแค่หยุดเอื้อม ไม่ต้องดิ้นรนอะไรมากมายให้ลำบาก

               เขตแดนนั่งรอให้ธรณ์ไปตักอาหารจานสุดท้ายมา พอธรณ์มาถึงเขาก็เลยลุกขึ้น เห็นอีกฝ่ายมองมาด้วยความสงสัยเลยต้องรีบเฉลยออกมา

               “เดี๋ยวพี่ไปจัดการเช็คเอาท์ห้องพักก่อน ถ้ากินเสร็จแล้วก็ตามมาที่รถเลยนะ เราจะได้ไม่เสียเวลา”

               ลับร่างของเขตแดนแล้ว ธรณ์ก็หันมาสาละวนกับอาหารที่เพิ่งตักมาพูนจาน กินเสร็จก็จะได้รีบตามเขตแดนไปที่รถ ไม่อยากจะกินเยอะเท่าไหร่ เพราะยังไงก็ต้องเก็บท้องไว้สำหรับข้าวหลามของโปรดอีก

               คนที่กำลังนั่งกินอาหารเช้าอย่างอารมณ์ดีไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ภาพความสนิทสนมระหว่างเขากับเขตแดนเมื่อครู่ ไม่สิ! ต้องเรียกว่าตั้งแต่เข้าพักถึงจะถูก ได้ตกอยู่ในสายตาของใครบางคนตลอด

               “คุณเขตแดนกับคุณธรณ์จะเดินทางกลับกรุงเทพฯวันนี้ครับ ตอนนี้คุณเขตแดนกำลังทำเรื่องเช็คเอาท์อยู่ คุณผู้หญิงจะกลับเลยไหมครับ”

               ดวงตาเรียวหลังแว่นกันแดดสีเข้มปรายตามองคนพูดคล้ายจะตำหนิ

               “กลับสิ! ลูกชายฉันไม่อยู่ แล้วฉันจะอยู่ไปทำไม”

               “ครับ เดี๋ยวผมจะบอกให้คนของเราเตรียมรถไว้ครับ”

               “เดี๋ยวก่อน! คอยดูแลสองคนนั้นอย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาดเลยนะ”

               ร่างระหงของสตรีที่ดูสาวสะพรั่งกว่าอายุจริง แต่งกายด้วยชุดเดรสลายดอกสีสด สวมหมวกปีกกว้างกับแว่นกันแดดจนดูกลมกลืนกับบรรดานักท่องเที่ยว ดวงตาหลังแว่นกันแดดสีเข้มยังคงจับจ้องไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตามลำพัง

               ที่กลับมาเหยียบประเทศไทย ก็เพราะธุระส่วนตัว แต่กลับมาเจอลูกชายคนเดียวเข้า ตอนแรกก็ไม่คิดว่าลูกชายคนเดียวจะมีรสนิยมที่ผิดปกติ แต่เท่าที่คอยจับตามองและยังส่งคนคอยตาม ดูยังไงก็ไม่ผิดแน่ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนที่มีให้กัน ยังไงก็ไม่มีทางเป็นแค่พี่น้อง

               ...เพราะคงไม่มีพี่น้องคนไหนจูบกัน...


====================


               พอขับรถออกมาจากรีสอร์ท เขตแดนก็พาธรณ์มาแวะที่ตลาดหนองมนตามที่บอก และจากประสบการณ์ที่เคยพาธรณ์เที่ยวตลาดน้ำแล้ว เขตแดนก็พอจะคาดเดาเหตุการณ์ได้เลาๆ ซึ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็ไม่ผิดไปจากที่เขตแดนคาดคิดซักเท่าไหร่

               ธรณ์ดูตื่นตาตื่นใจกับของที่วางขาย ตามประสาคนที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก และไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปไหน เห็นอะไรก็อยากซื้ออยากได้ไปเสียหมด ยิ่งเจอกลยุทธ์การขายข้าวหลามของแม่ค้า ที่บางเจ้าก็บอกว่า 4 กระบอกแถม 1 กระบอกบ้างล่ะ บ้างเจ้าก็บอกว่า 7 กระบอก แถม 2 กระบอกบ้างล่ะ รู้ตัวอีกทีเขตแดนก็ต้องรีบเบรกธรณ์ ก่อนที่จะถือของกันไม่หวาดไม่ไหว

               “พอได้แล้วมั้ง ที่มีอยู่ก็กินแทบจะไม่หมดแล้ว” ไม่พูดเปล่า เขตแดนยังชูสองมือที่มีแต่ถุงบรรจุกระบอกข้าวหลามให้ธรณ์ดู

               “เอาน่าพี่เขตต์ ธรณ์ไม่ได้กินคนเดียวซะหน่อย เดี๋ยวฝากป้าอุ่น ฝากชิน ฝากคุณเวธน์ ฝาก...” ธรณ์ร่ายชื่อยาวจนเขตแดนต้องยกมือยอมแพ้ แต่ไม่วายแอบกัดนิดๆ

               “ฝากข้าวหลามนะ ไม่ใช่ข้าวเหนียว”

               “รู้แล้วครับ ข้าวเหนียวน่ะ ผมเก็บไว้ให้พี่เขตต์กินคนเดียวเลย”

               เขตแดนส่ายหน้าเบาๆอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ธรณ์ก็ยิ้มแป้น รอบข้างก็มีเสียงแม่ค้าพ่อค้าตะโกนเรียกลูกค้าเป็นระยะ ดูท่าแล้วเดี๋ยวธรณ์คงจะได้ซื้อต่อแน่ๆ

               “จะซื้อต่อก็ตามใจ แต่เดี๋ยวพี่เอาของไปเก็บที่รถก่อน ถือไม่ไหวแล้ว”

               “ให้ผมไปด้วยไหม”

               “ไม่ต้องหรอก ธรณ์รออยู่ตรงนี้แหล่ะ พี่ไปแปบเดียวเอง”

               ธรณ์ยิ้มรับ แล้วก็เลิกสนใจเขตแดน เพราะของกินตรงหน้ามันน่าสนใจกว่าอีก ข้าวหลามซื้อไปแล้ว พวกของแห้งก็ดูน่าสนใจเหมือนกัน ยิ่งแม่ค้าตะโกนเรียกว่า...

               “พ่อรูปหล่อ เอาปลาหมึกกับกุ้งแห้งไหมลูก เดี๋ยวป้าลดให้”

               ไหนๆป้าแกก็อุตส่าห์ชม จะปฏิเสธให้ป้าแกเสียน้ำใจก็ใช่เรื่อง ธรณ์เลยชะโงกหน้าเข้าไปดูที่แผงของป้าแก ไม่ต้องแปลกใจเลยว่า  พอเขตแดนกลับมาอีกทีเขาก็แทบอยากจะเอามือก่ายหน้าผาก

               “อะไรเนี่ย!” เขตแดนอุทานออกมา ก่อนจะมองถุงในมือธรณ์เป็นเชิงถาม

               “ปลาหมึกหนึ่งกิโล กุ้งแห้งครึ่งกิโล แล้วก็กล้วยฉาบอีกหนึ่งกิโลครับ”

               “รู้แล้ว แต่ซื้อมาทำไมเยอะแยะล่ะ”

               “ป้าเขาบอกว่าเก็บไว้ได้นาน เดี๋ยวผมให้ป้าอุ่นเอาไปทำยำปลาหมึกกับยำกุ้งแห้งก็ได้ ชิมไหม...อร่อยนะ” กุ้งแห้งตัวเล็กถูกยื่นมาจ่อปากให้เขตแดนอ้าปากรับไปเคี้ยวงับๆ

               กุ้งแห้งมันก็อร่อยจริงอย่างที่ธรณ์บอก โดยเฉพาะตอนที่มีคนมาป้อนถึงปาก

               แต่ให้ตายเถอะ...เขตแดนยังไม่รู้ว่าป้าอุ่นเรือนจะต้องทำยำปลาหมึกกับยำกุ้งแห้งกี่จานกัน กว่าปลาหมึกกับกุ้งแห้งที่ธรณ์ซื้อมาถึงจะหมด เผลอๆหน้าเขากับธรณ์อาจจะกลายเป็นปลาหมึกกับกุ้งแห้งไปก่อนแน่ๆ แต่เห็นหน้าคนช่างซื้อแล้วก็โกรธไม่ลง

               ขึ้นรถมา ธรณ์ก็แกะกล้วยฉาบมากิน ป้อนตัวเองบ้างป้อนเขตแดนบ้าง จนเขตแดนอดคิดไม่ได้ว่า กล้วยฉาบที่กินอยู่มันดูหวานกว่าปกติหรือเปล่า แต่ก็ไม่อยากจะแซวให้อีกคนอาย เดี๋ยวจะได้นั่งขับรถปากว่างๆ เพราะคนป้อนไม่ยอมป้อนต่อ

               ถ้าถามว่ามีความสุขไหม เขตแดนตอบได้เลยว่าความสุขมาก มากจนอยากจะหยุดเวลาเอาไว้นานๆ เหลือบตามองคนที่กำลังมีความสุขกับกล้วยฉาบก็ต้องคลี่ยิ้มออกมาบางๆ

               อยากให้ความสุข...อยู่กับเราสองคนตลอดไป


====================

[มีต่อนะคะ]
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 08-01-2013 21:27:21

               กลับมาจากพัทยา ก็ต้องกลับมาทำงานตามเดิม ธรณ์ก็ออกมาทำงานกับเขตแดนตอนเช้า ทางเดียวกัน ประหยัดน้ำมัน แถมยังลดมลภาวะอีก ก่อนจะแยกกันธรณ์ไม่ลืมที่จะบอกเขตแดนว่า

               “พี่เขตต์...ผมเรียกพี่เขตต์เฉพาะตอนที่เราอยู่กันสองคนก็พอนะ เรียกเวลาอยู่ที่ทำงาน เดี๋ยวลูกน้องไม่เคารพกันพอดี”

               “ตามใจครับ”

               ธรณ์กำลังจะเดินเลี่ยงไปที่ฝ่ายต่างประเทศแล้ว แต่เขตแดนก็เรียกธรณ์ไว้อีก พอคนถูกเรียกหันมาขมวดคิ้วเป็นเชิงสงสัย เขตแดนเลยบอกความต้องการของตนเอง

               “ตอนกลางวันมากินข้าวด้วยกันนะ”

               ธรณ์ทำหน้าเบ้ ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ

               “ไม่เอาหรอก”

               “ทำไมล่ะ”

               “ผมไม่อยากให้คุณเวธน์ซื้อมาให้กินบนห้องนี่นา เดี๋ยวผมพาไปกินเองดีกว่า”

               เขตแดนขมวดคิ้วอย่างสงสัย ว่าธรณ์จะพาเขาไปกินข้าวกลางวันที่ไหนกิน แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไร มาถึงบางอ้อเอาก็ตอนพักกลางวัน พอเขาเดินมาที่ฝ่ายต่างประเทศ ธรณ์ก็พาเขาลงลิฟต์ปะปนไปกับพนักงาน เรียกสายตาหลายคู่ให้มองมาอย่างเกรงๆ เพราะร้อยวันพันปี ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นท่านประธานลงมากินข้าว ส่วนมากมักจะให้คนสนิทเป็นคนจัดการมากกว่า เขตแดนเห็นสายตาพนักงานก็นึกรู้ เลยต้องรีบออกปาก

               “พวกคุณทำตัวตามสบายเถอะ ถึงผมจะเป็นประธานบริษัท แต่ก็เป็นคนธรรมดาเหมือนพวกคุณนี่แหล่ะ”

               ธรณ์กลั้นหัวเราะเอาไว้ เพราะถึงเขตแดนจะบอกให้ทำตัวตามสบาย พนักงานบางคนก็ยังรู้สึกเกร็งๆอยู่ ก็ท่านประธานเขาเล่นแผ่รังสีออกมาเงียบๆแบบไม่รู้ตัว

               พอประตูลิฟต์เปิดออก ธรณ์ก็พาเขตแดนเดินตามคลื่นมนุษย์ไปยังตลาดนัดข้างบริษัท พอพนักงานเห็นท่านประธานเดินเข้ามาที่ตลาดนัด ก็ยิ่งเรียกความสนใจมากกว่าเดิม จนคนนำทางอดที่จะกระเซ้าไม่ได้ว่า

               “สงสัยท่านประธานต้องลงมากินข้าวข้างล่างบ่อยๆแล้วครับ พนักงานเขาจะได้ชิน”

               ธรณ์เดินนำเขตแดนเข้าไปในศูนย์อาหารอย่างคุ้นเคย จนคนที่เดินตามหลังอดนึกทึ่งไม่ได้ เขาทำงานมาก่อนธรณ์ ยังไม่เคยมีโอกาสได้มาใช้บริการศูนย์อาหารข้างบริษัท แต่คนที่เพิ่งเข้ามาทำงานไม่นานอย่างธรณ์ กลับชี้ให้เขาดูร้านโน้นร้านนี้ แถมยังแนะนำว่าอะไรเป็นอะไรอย่างคุ้นเคย

               “ร้านตามสั่งร้านนั้นก็อร่อยดีนะครับ ที่คราวก่อนผมซื้อข้าวผัดไปให้ท่านประธาน ตอนคุณเวธน์เขาไม่อยู่”

               “แล้วรู้ได้ยังไงว่าร้านไหนอร่อย ร้านไหนไม่อร่อย มาหลายครั้งแล้วเหรอ”

               “ผมก็อาศัยเดินตามคนอื่นเอาแหล่ะครับ เห็นร้านไหนคนเยอะก็กินร้านนั้นเลย”

               ร้านอาหารที่ธรณ์กับเขตแดนเลือกวันนี้เป็นร้านบะหมี่หมูแดง ต่างคนต่างสั่งบะหมี่หมูแดงพิเศษใส่เกี๊ยวมากันคนละชาม โดยไม่ลืมที่จะขอน้ำซุปแยกต่างหาก

               “วันหลังไม่ต้องให้คุณเวธน์เขาสั่งไปส่งบนห้องแล้วนะครับ มากินที่นี่กันดีกว่า มีตั้งหลายอย่าง ขนมหวานกับผลไม้ก็มี”

               “ได้ แต่ธรณ์ต้องมากินกับพี่ทุกครั้งนะ”

               ธรณ์พยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปสั่งเกี๊ยวน้ำธรรมดามาเพิ่ม โดยไม่ลืมจะสั่งอีกชามให้เขตแดน เขตแดนมองยิ้มๆ เพราะรู้ดีว่าผู้ชายรูปร่างดีอย่างธรณ์นี่ถึงเวลาจะกินก็กินจุเอาเรื่องน่าดู

               พอกินเสร็จ ก็ได้เวลาแยกย้ายกันกลับไปทำงาน แต่ธรณ์ก็ไม่วายซื้อขนมจุกจิกติดไม้ติดมือมาอีก

               “ยังไม่อิ่มอีกเหรอไง กินแล้วเอาไปเก็บไว้ตรงไหนหมด”

               “ใครบอก ผมซื้อให้ตัวเองแล้วก็ให้ท่านประธานด้วยไงครับ”

               กลัวเขตแดนจะไม่เชื่อ ธรณ์เลยส่งอีกถุงให้เขตแดน แต่ไหงถุงของเขตแดนมันถึงได้เล็กอย่างกับลูกเมียน้อย นักธุรกิจหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ หากรอยยิ้มที่เกลื่อนไปทั่วใบหน้า ก็ทำเอาคนมองรู้ว่ากำลังอารมณ์ดี เป็นภาพที่ทำเอาพนักงานหลายคนมองแล้วเหลียวหลัง

               ท่านประธานที่เคยเห็นแต่มาดนิ่งๆขรึมๆ วันนี้กลับอารมณ์ดีราวกับเป็นคนละคน เดินผ่านพนักงานกี่คนต่อกี่คนก็ยิ้มให้ จนอดคิดไม่ได้ว่า ต้นเหตุที่ทำให้อารมณ์ดีขนาดนี้ ใช่คนที่เดินอยู่ข้างๆหรือเปล่า


====================


               “วันนี้ธรณ์ขับรถไปบริษัทเองนะ”

               เขตแดนเอ่ยออกมาระหว่างนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารตอนเช้า ทำเอาธรณ์ถึงกับเงยหน้ามาเลิกคิ้วด้วยความสงสัย เพราะทุกวันเขาก็ไปพร้อมกับเขตแดน จนเจ้ารถยนต์คันโปรดของตัวเองแทบจะน้อยอกน้อยใจ

               “พี่เขตต์จะไม่เข้าบริษัทเหรอ”

               “พอดีพี่มีธุระด่วนกระทันหัน เดี๋ยวจะไปที่แหลมฉบังกับเวธน์ วัตถุดิบที่เรานำเข้ามามีปัญหา”

               “เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ เสียหายยังไงหรือเปล่า”

               “เหมือนของที่มาถึงจะไม่ตรงตามที่เราสั่ง อาจจะต้องร้องเรียนไปทางโรงงานผู้ผลิตที่เราสั่งเข้ามา ถ้าเคลียร์กันเรียบร้อยก็คงไม่มีปัญหา ตอนนี้ของยังคาอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบังเลย”

               ธรณ์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ เขาเองถึงจะเรียนมาทางด้านธุรกิจโดยตรง แต่เมื่อเทียบประสบการณ์กับเขตแดนแล้ว นับว่าเขายังด้อยประสบการณ์กว่าเขตแดนหลายขุม ยังต้องเรียนรู้อีกมากนัก จนบางทีเขาก็คิดว่า การให้เขตแดนเป็นประธานบริษัทต่อไปเรื่อยๆอาจจะเหมาะสมกว่าเขา ที่เป็นลูกชายเจ้าของบริษัทเสียอีก

               ธรณ์ไม่ได้อย่ากปัดภาระความรับผิดชอบไปให้เขตแดน แต่ยิ่งทำงานไปเรื่อยๆ เขาก็ยิ่งรับรู้ด้วยตนเองว่า สิ่งที่เรียนรู้มาจากในตำราเทียบกับชีวิตจริงไม่ติดเลย เรื่องบางเรื่อง ตำราเรียนก็ไม่มีสอนเอาไว้ ต้องใช้การสั่งสมประสบการณ์เพียงอย่างเดียว ซึ่งสำหรับเขาแล้ว ประสบการณ์ที่มีคงยังไม่เพียงพอสำหรับการก้าวขึ้นมาเป็นประธานบริษัทอย่างแน่นอน

               พอเวธน์มารับเขตแดนแล้ว ธรณ์ก็เดินไปหยิบกุญแจรถของตนเอง คิดเล่นๆว่าอาจจะแวะไปหาชินดนัย เพราะช่วงหลังๆไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกัน เลยบอกป้าอุ่นเรือนว่าไม่ต้องเตรียมมื้อเย็นให้ ก่อนจะออกจากบ้านไปที่บริษัท

               มาถึงก็มานั่งสะสางเคลียร์งานที่คั่งค้างของตนเอง มีหลายสิ่งหลายอย่างที่รอให้เขาจัดการอยู่ บางทีเห็นงานของตนเองแล้วก็แอบท้อเล็กๆ แต่พอคิดว่าความรับผิดชอบของตนเองนับว่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับความรับผิดชอบของเขตแดน มันก็กลายเป็นเรื่องผลักดันที่อยากให้ธรณ์ทำทุกอย่างออกมาให้เต็มที่ ความจริงเขาควรจะขยันให้มากกว่าเขตแดนเสียด้วยซ้ำ เพราะนี่เป็นบริษัทของเขา

               พักกลางวัน ธรณ์ก็เดินลงลิฟต์มาเตรียมจะไปกินข้าวที่ตลาดนัดข้างๆบริษัทเหมือนทุกวัน แต่วันนี้พอลงลิฟต์มาไม่เท่าไหร่ ประชาสัมพันธ์คนสวยก็รีบเดินตรงเข้ามา

               “คุณธรณ์คะ รบกวนเวลาทางข้าวหน่อยได้ไหมคะ”

               “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

               “พอดีมีคนมาขอพบคุณธรณ์น่ะค่ะ ตอนนี้กำลังนั่งรออยู่ที่โซฟารับแขกค่ะ”

               ธรณ์ถอนหายใจออกมาเบาๆ คราวนี้จะเป็นลิซ่าหรือเจนจิราอีกล่ะ คงไม่น่าจะใช่คนอื่นล่ะมั้ง ชายหนุ่มสาวเท้าไปยังโซนรับแขก ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งหันหลังให้เขา

               “ขอโทษครับ เห็นประชาสัมพันธ์แจ้งว่าคุณมาขอพบผม”

               พออีกฝ่ายหันหน้ามา ธรณ์ก็มั่นใจว่าไม่ใช่หนึ่งในบรรดาคู่ควงของเขาแน่ๆ เพราะอย่างน้อย เขาก็ไม่เคยควงกับคนที่อายุแก่คราวแม่

               “ธรณ์ อิสรพัฒน์ใช่ไหม” คำถามเรียบๆดังออกมาจากริมฝีปากที่ถูกเคลือบไว้ด้วยลิปสติกสีแดงสด

               “ครับ ผมธรณ์ อิสรพัฒน์ ไม่ทราบว่าคุณมาติดต่อเรื่องอะไรครับ”

               “ฉันไม่มั่นใจว่าเธอจะรู้จักฉันหรือเปล่า แต่ฉันน่ะรู้จักเธอดีแน่ๆ บางทีเธออาจจะคุ้นชื่อฉันอยู่บ้าง เขมจิรา วาตานาเบะ อ้อ...แต่ถ้าเป็นเมื่อเกือบยี่สิบก่อนก็คงเป็น เขมจิรา เกียรติณรงค์”

               ไม่ผิดแน่!...คนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าธรณ์คือแม่บังเกิดเกล้าของเขตแดน


====================


               ตอนนี้ธรณ์กำลังนั่งอยู่ที่ร้านอาหารละแวกบริษัท กับผู้หญิงที่เป็นแม่ของเขตแดน เขตแดนคล้ายคุณสงครามมากกว่า แต่ก็มีเค้าหน้าของคุณเขมจิราอยู่บ้าง

               “พี่เขตต์ไม่ได้อยู่ที่บริษัทครับ พอดีเขาไปธุระ” ธรณ์ออกตัวก่อน เพราะเขาไม่มั่นใจว่าผู้หญิงที่หย่าร้างกับคุณสงครามไปเกือบยี่สิบปี มาปรากฏตัวต่อหน้าเขาด้วยสาเหตุอะไร

               “ฉันไม่ได้มาหาเขตแดน แต่ฉันมาหาเธอ”

               สิ่งที่เพิ่งได้ยิน ยิ่งทำเอาธรณ์งงหนักกว่าเดิม มาหาเขตแดนยังพอเป็นไปได้มากกว่ามาหาเขา เขาแทบไม่เคยรู้จักผู้หญิงตรงหน้าเลย นี่เรียกว่าเป็นการพบกันหนแรกเลยก็ว่าได้ เพราะตอนที่เขาเริ่มรู้จักกับเขตแดน คุณสงครามก็หย่ากับภรรยาแล้ว และก็ไม่เคยมีใครพูดถึงคุณเขมจิรา มีแต่ชื่อที่เขารับรู้มาจากเขตแดน

               “คุณมาหาผม มาหาผมทำไม”

               ผู้หญิงสูงวัยกว่ามองผู้ชายที่อายุคราวลูกอย่างประเมิน ไม่ว่าเธอจะดูตรงไหน ดูอย่างไร ตรงหน้าเธอก็คือผู้ชาย แถมยังเป็นผู้ชายที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่ จนเธอไม่รู้ว่าลูกชายเธอนึกชอบไปได้อย่างไร แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่า ทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ถึงจะเป็นแม่ที่ไม่ได้เลี้ยงดูลูก แต่จะให้มายอมรับเรื่องที่มันวิปริตผิดเพศอย่างนี้ เธอก็คงไม่มีทางยอมให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยเด็ดขาด

               “เธอกับเขตต์เป็นอะไรกัน” คำถามตรงๆถูกส่งออกมาแบบไม่มีอ้อมค้อม

               ธรณ์ชะงักไปเล็กน้อย ความสัมพันธ์ของเขากับเขตแดนในตอนนี้ ใจตรงกัน ต่างคนต่างรับรู้ความรู้สึก แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะนิยามความสัมพันธ์ของเรา เพราะมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน

               “ผมกับพี่เขตต์เป็นพี่น้องกัน”


               “พี่น้องที่ไหนเขาจูบกัน”


               ธรณ์ชะงัก ดวงตาเบิกนิดๆ ก่อนจะควบคุมตัวเองจนกลับมาเป็นปกติ เขาพยายามรักษาสีหน้าท่าทาง ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ติดต่อมาหาพี่เขตต์กับลุงครามเกือบยี่สิบปี จู่ๆก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเขา ยังไงเขาก็ต้องระวังตัวไว้ก่อน ตราบเท่าที่ยังไม่รู้วัตถุประสงค์แน่ชัดของอีกฝ่าย แต่เรื่องที่อีกฝ่ายพูดมาก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย

               “คุณเอาอะไรมาพูด”

               ผู้หญิงตรงหน้าธรณ์แค่นยิ้มออกมาคล้ายจะเย้ยหยัน

               “ฉันพูดในสิ่งที่ฉันเห็น ที่พัทยา...เธอกับลูกชายฉันทำอะไรกัน อย่าคิดว่าไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น”

               ธรณ์นิ่งงัน เขาเคยคิดว่าตัวเขาเองไม่ต้องแคร์อะไรหรือใครที่ไหน เพราะเขามันตัวคนเดียว พ่อแม่ก็เสียไปหมดแล้ว แต่เขตแดนล่ะ เขตแดนที่ยังมีพ่อและมีแม่ อย่างน้อยธรณ์ก็ต้องนึกถึงหัวอกของคุณสงคราม ลุงครามของเขาจะว่าอย่างไรถ้ารู้เรื่อง

               “คุณกลับมา...เพื่อที่จะขอให้ผมเลิกยุ่งกับพี่เขตต์”

               ธรณ์ยอมรับว่า เขาเองก็เป็นคนเห็นแก่ตัว เขตแดนมีความสำคัญกับเขามากกว่าที่ตัวเขาเองจะจินตนาการได้ อ้อมกอดของเขตแดน ความอบอุ่นของเขตแดน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเขตแดนคือสิ่งที่ธรณ์ต้องการมาตลอด

               “ลูกชายฉันจะได้มีชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป”

               “พี่เขตต์กับผม เราไม่ได้ผิดปกติ”

               มันไม่ใช่ความผิดปกติแน่ๆ การรักใครซักคนไม่ใช่เรื่องผิด ธรณ์เชื่อมั่นมาตลอด ถึงจะอยากพูดอะไรออกไป แต่อย่างไรเสีย ผู้หญิงตรงหน้าก็คือแม่ของเขตแดน แม้จะไม่รู้สึกสนิทใจด้วย แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวร้าวใส่อีกฝ่าย

               “ผมว่าคุณให้พี่เขตต์กลับมาก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกันดีกว่าไหม”

               “ยังไงเธอก็จะไม่ยอมเลิกยุ่งกับลูกชายฉันใช่ไหม”

               “ผมอยากรอให้พี่เขตต์กลับมาก่อน มันไม่ใช่เรื่องของผมคนเดียว ผมขอตัวก่อนดีกว่า”

               “คุยเรื่องเขตต์ไม่รู้เรื่อง แล้วถ้าเป็นเรื่องของพ่อเธอล่ะ”

               คนที่กำลังจะลุกต้องเอี้ยวตัวกลับมามอง ไม่ต่างอะไรจากปลาที่ตะครุบเหยื่อ ให้คนอ่อยเหยื่อลอบยิ้มอย่างพึงพอใจ

               “ไม่อยากรู้เรื่องของพ่อเธอเหรอไง ฉันรู้เรื่องเขามากกว่าเธออีกนะ”

               บางทีธรณ์ก็ไม่นึกแปลกใจเลย ว่าทำไมคุณสงครามถึงได้หย่ากับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขา มือเรียวล้วงหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ


               “พูดอย่างเดียวคงจะไม่เชื่อสินะ บังเอิญว่าฉันก็มีหลักฐานเสียด้วย รู้หรือเปล่า...เธอกับพ่อน่ะเหมือนกันไม่มีผิด พ่อเธอก็แย่งสามีฉันไป ส่วนเธอก็ยังจะมาเอาลูกชายฉันไปอีก วิปริตผิดเพศกันทั้งพ่อทั้งลูก!!”


               กระดาษแผ่นเล็กถูกเลื่อนมาตรงหน้า ธรณ์รับมาดูด้วยมืออันสั่นเทาก่อนจะนิ่งงัน

               เขาคิดผิดใช่ไหม...ที่ยอมเป็นฝ่ายทลายเกราะกำบังของตัวเอง จนใครต่อใครพากันเข้ามาเหยียบย่ำหัวใจที่บอบช้ำ ที่ผ่านมารู้ดีว่าที่ยึดเหนี่ยวของตนเองเหลือเพียงแค่เขตแดนกับคุณสงคราม แต่วันนี้เล่า...


               ความรักของคุณสงคราม...มันแอบแฝงด้วยความรู้สึกผิดอยู่หรือเปล่า

               แล้วอ้อมกอดอบอุ่นของเขตแดนเล่า...เคยมีอยู่จริงหรือเปล่า



TO BE CONTINUE


๐ เบียดเบียนเวลางานมาเขียน งานหนักมากเลยค่ะ หัวหมุนวันละหลายตลบ
๐ แฮ่...ตอนที่ทุกคนรอคอย กลัวคนอ่านจะเป็นเบาหวาน บริโภคความหวานกันแต่พอดีนะคะ
๐ จริงๆพล็อตชินดนัยแลดูจะดราม่ากว่าพี่เขตต์และน้องธรณ์ แต่เขียนออกวันละติ๊ด เดี๋ยวเอามาคั่นเวลาเป็นช่วงๆ
๐ เจอกันตอนหน้านะคะ ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงผู้พันชนวีร์ ผู้พันเขากินมาม่าชามโตเลยล่ะ
๐ ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 08-01-2013 22:02:05
เอาแล้วไง

ฮิ้ว คู่พ่อ คู่ลูก ลูกไม้หล่นใต้ต้นทีเดียว :jul3:

คุณแม่แรงมากบุกมาถึงบริษัทเลย 

จะได้รู้ว่าพ่อธรตายเพราะอะไรซักที รอรอนะจ๊ระ :L2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 08-01-2013 22:09:46
โอ๊ย! แอบเครียดแฮะ!!

 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 08-01-2013 22:24:11
อ่านช่วงแรกๆเขินม้วนเลยค่ะ พอมาเจอตอนจบนี่.......  :z3: :z3:
ยังหวานไม่สุดเลยนะคนเขียน ฮื่อออออออออ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 08-01-2013 22:26:36
อะไรกันเนี่ย
เปิดมาแบบหวานๆแท้ๆ
ทำไมตอนจบมันเริ่มจะไม่หวานแล้วอ่า
เพราะคุณเขมจิราแท้ๆเลย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 08-01-2013 22:33:44
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 08-01-2013 22:34:24
เอาแล้วววววว

 o22
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 08-01-2013 22:43:06
มาเอาตัวแม่ไปเก็บสิ :z13: :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: andear ที่ 08-01-2013 22:50:38
นั่นไง ตูว่าแล้ว ลุงครามเอ๊ย :m29: :m29: 
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 08-01-2013 23:42:43
มีเรื่องวยุ่งๆเข้ามาให้วุ่นกันอีกแล้วนะครับ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 08-01-2013 23:47:43
โอ๊ย

คุณแม่พี่เขตต์จะกลับมาหวงอะไรลูกตอนนี้

เมื่อก่อนก็หย่ากับพ่อ ทิ้งลูกไป  ไม่เห็นจะสนใจ

มาเรียกร้องสิทธิ์ไรตอนนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 09-01-2013 01:24:17
กำ สงสารธรณ์อะ จะเป็นงัยต่ออะเนี้ย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 09-01-2013 09:32:36
เหอๆ มาม่าชามโตแบ่งกันกินอร่อยดี o22
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 09-01-2013 09:59:45
จะช้าหรือเร็วก็ต้องรู้อยู่ดี.  :z3:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: smirnoi ที่ 09-01-2013 10:03:25
เห้ยยย ทำไมอยู่ดีดีงานเข้า
 :a5:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 09-01-2013 10:43:31
 :เฮ้อ: แล้วความลับก็ไม่มีในโลก   น้องธรณ์-พี่เขตต์เพิ่งจะหวานกันแค่มดกัน  คุณแม่ดันมาเติมยาขมใส่เข้าไป งานนี้เลยกลายเป็นน้ำกร่อยเลย    สงสารธรณ์แล้วต่อไปน้องธรณ์จะเชื่อใจใครได้อีก

คู่ผู้พัน-น้องชิน ก็ยังคงกินมาม่าชามโต  โดยเฉพาะผู้พันงานเข้าทั้งงานราษฎร์-งานหลวงเลย

เอาใจช่วยทั้ง 2 คู่ให้ผ่านอุปสรรคไปได้

กด + ให้กับคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 09-01-2013 15:14:13
สงสารธรณ์จังเลย ว่าแล้วความรู้สึกผิดของสงคราม
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 09-01-2013 17:35:38
 :z3: ขอมาม่าชามเล็กๆนะ เค้าไม่ชอบกินอ่ะ
กินแล้วท้องอืด ปวดตับไตไส้พุงเซียงจี๊  :z3:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 09-01-2013 17:53:44
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ที่ 09-01-2013 21:12:35
นั่นไง ว่าแล้วเชียวว่าพ่อของธรณ์กับพ่อของเขตแดนต้องกิ๊ก(?)กันชัวร์..

รอค่ะอิอิ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: lollipopz ที่ 09-01-2013 21:55:11
เย่ อ่านมาหลายวันแล้วงับบ เพิ่งทัน 5555
อยากบอกว่าชอบเรื่องมากกกกกก พี่เขตน้องธรณ์ ต่างคนต่างก้ฟอร์มมมมม
แต่ความจริงเปิดเผยแล้วจะเปนไงเนี่ยย
รออ่่านจ้าา :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 09-01-2013 23:23:56
กรี๊ดดดดดดดดดด ตอนนี้มันหวานต้นขมปลาย :sad4:

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 10-01-2013 14:51:25
เพิ่งเข้ามาอ่านสนุกมากๆ
ธรณ์รู้ความจริงแล้วมันจะเป็นยังไงเนี่ย
เพิ่งจะหวานกันไปเองนะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 10-01-2013 14:52:22
รอคอยตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อ เหอะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 12-01-2013 21:50:07

“ไม่รู้ว่าจะเรียกเกย์ได้หรือเปล่านะ เพราะบังเอิญว่าผู้ชายที่พี่ชอบดันมีแค่ธรณ์คนเดียวน่ะสิ”
ชอบประโยคนี้มากกก รออยู่นะคะ ดีดแม่ของเขตแดนออกไป คนรักกันชายหญิงหรือชายชายก็ไม่ผิดโว๊ยย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: smirnoi ที่ 12-01-2013 21:51:16
รอคนเขียนอยู่นะะะ คิดถึง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 13-01-2013 14:27:07
 :z10:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 16 :: 08.01.2013」หน้าที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 14-01-2013 09:14:50
 :impress3: หลังจากประทับใจกับเรื่อง My Butler ไปแล้วก้อมาต่อกันที่เรื่องนี้แล้วก้อยิ่งกว่าประทับใจอีกน่ะ  :o8: ชอบ ๆ ชอบจริง ๆ นาน ๆ จะเจอเรื่องราวของวัยทำงานบ้างน่ะ ยังไงคนเขียนเข้ามาต่อเร็ว ๆ น่ะจ้ะ รู้ว่างานยุ่งจ้ะแต่ยังไงสงสารคนกำลังรออยู่ทางนี้ด้วยน่ะจ้ะ  :impress2: เป็นกำลังใจให้ทุกคู่ในนี้เลยล่ะ รวมทั้งตัวคนเขียนด้วยน่ะจ้ะ  :mc4:
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 14-01-2013 16:21:45
“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 17


               มีคนเคยกล่าวว่า...ภาพถ่ายเพียงภาพเดียว สามารถแทนคำบอกเล่าเป็นพันคำ

               ธรณ์ก็เพิ่งจะเห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า ก็ตอนที่นั่งมองภาพถ่ายตัวชาวาบ เหมือนมีก้อนแข็งมาจุกอยู่ที่ลำคอจนรู้สึกตีบตัน เป็นความรู้สึกที่อึดอัดจนจุกเสียดที่หน้าอก แต่ก็ต้องพยายามฝืนทำตัวเป็นปกติ แม้จะรู้ดีว่ามันยากเสียยิ่งกว่ายาก

               ภาพถ่ายตรงหน้าแม้จะดูเก่าเพราะระยะเวลาที่ผ่านมานาน แต่ก็ยังเห็นหน้าของผู้ถูกถ่ายอย่างชัดเจน และคงเป็นเพราะฉากหลังของภาพที่อยู่ต่างประเทศ บุคคลที่ถูกถ่ายภาพจึงแสดงความรักต่อกันอย่างเปิดเผย ดูเสมือนหนึ่งเป็นคู่รักที่หวานชื่น มีแต่บรรยากาศของความสุขตลบอบอวลจนน่าอิจฉา แต่มันผิดตรงที่ว่า...


               บุคคลที่แสดงความรักต่อกันต่างก็เป็นชาย และยังเป็นคนที่ธรณ์รู้จักเป็นอย่างดีมาเกือบตลอดชีวิต!!


               ธรณ์เชื่อว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม ถ้าเพียงแต่คนที่แสดงความรักกับพ่อคือแม่ แต่สิ่งที่เห็นอยู่ตำตาคือภาพความรักของพ่อและลุงคราม...คนที่เขาเคารพและนับถือเสมือนพ่ออีกคน

               เหมือนถูกค้อนทุบเข้าที่ศีรษะอย่างแรงจนเสียศูนย์ มีแต่คำถามมากมายที่วนเวียนอยู่รอบตัว...


               นานแค่ไหนที่พ่อกับลุงครามรักกัน ก่อนที่แม่ของเขาจะเสียหรือหลังจากที่แม่ของเขาเสียแล้ว


               จิ๊กซอว์ที่หล่นหายกระจัดกระจาย เริ่มมีผู้หวังดีหยิบยื่นมาตรงหน้าธรณ์ทีละชิ้น ภาพที่ลางเลือนจึงเริ่มปรากฏเป็นรูปร่างทีละเล็กทีละน้อย

               ความลับ...ไม่เคยมีในโลก อยู่ที่ว่าจะรู้เร็วหรือรู้ช้า และหากรู้เป็นคนสุดท้าย...ก็อาจจะกลายเป็นคนที่เจ็บปวดที่สุด

               “ภาพชัดดีนะ”

               ริมฝีปากสีแดงคลี่ยิ้มอย่างเย้ยหยัน ถ้าหากธรณ์เงยหน้าขึ้นมามองเพียงเล็กน้อย คงจะเห็นว่าดวงตาที่มองมาที่เขามีแต่ความชิงชังเต็มเปี่ยม

               เธอเคยจนตรอกมาก่อนเพราะธีรยุทธ อิสรพัฒน์ แม้ว่าตอนนี้เธอจะยืนหยัดอย่างภาคภูมิเพราะสามีชาวญี่ปุ่น แต่ทายาทคนเดียวที่เหลืออยู่ของธีรยุทธ อิสรพัฒน์ก็ควรจะได้รับรู้ถึงรสชาติของความเจ็บปวด

               “เธอรู้หรือเปล่า พ่อของเธอเป็นคนบีบบังคับจนฉันต้องหย่ากับสงคราม พ่อของเธอน่ะร้ายกาจกว่าที่เธอเห็นหลายเท่า เขาทำทุกอย่างเพื่อตัวเองเสมอ”

               ธรณ์ชะงักก่อนจะเงยหน้ามาสบตากับเขมจิรา เขารู้เพียงว่าพ่อกับแม่ของเขตแดนหย่ากันตอนเขตแดนอายุประมาณสิบสามปี และก็รับรู้จากเขตแดนอีกต่อว่า แม่ของเขตแดนชื่อเขมจิรา แต่เบื้องลึกระหว่างคุณสงคราม คุณเขมจิรา และพ่อของเขา...ธรณ์ไม่เคยรับรู้เลยซักนิด

               “แล้วที่สำคัญนะ...”

               เขมจิราโน้มตัวมาจนประชิดธรณ์ ดวงตาเรียวหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยประโยคที่เปรียบเสมือนมีดกรีดลงบนบาดแผลที่เพิ่งสมานตัว


               “วันที่แม่ของเธอเสีย พ่อของเธอเขายังมีความสุขกับสงครามอยู่เลย เรื่องงานมันก็แค่ข้ออ้างของเขา”


               ภาพวันที่ผู้เป็นแม่เสียชีวิตหมุนกลับมาราวกับเทปที่หมุนกลับ เด็กชายธรณ์นั่งกอดแม่อยู่กับป้าอุ่นเรือน เพียรพยายามโทรศัพท์หาผู้เป็นพ่อที่ไปทำงานต่างประเทศกับคุณสงคราม แต่ไม่ว่าจะพยายามติดต่อกี่ครั้งก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย จนกระทั่งพ่อกลับมาหลังจากที่แม่เสียชีวิตแล้ว


               ไม่จริงใช่ไหม...ในขณะที่แม่อยู่ระหว่างความเป็นความตาย แต่พ่อกำลังมีความสุขอยู่


               เขายอมให้พ่อสนใจงานมากกว่าแม่ ดีกว่าที่จะมารับรู้ว่า...พ่อสนใจคนอื่นมากกว่าแม่ ต่อให้เคารพนับถือคุณสงครามมากแค่ไหน แต่คุณสงครามก็ไม่ใช่แม่ ไม่ใช่คนที่ให้กำเนิดเขามา


               “ธีรยุทธเขาแต่งงานกับแม่เธอก็เพื่อปิดบังเรื่องที่ตัวเองชอบผู้ชาย เขาไม่เคยรักแม่ของเธอ เธอเองก็ไม่ได้เกิดมาจากความรัก เขารักเขตแดน...ลูกของผู้ชายที่เขารัก มากกว่าเธอเสียอีก!!”


               ธรณ์ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ารู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง แต่ธรณ์ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า ในสายตาของเขา พ่อก็ไม่ต่างอะไรจากที่เขมจิราพูดเลยซักนิด พ่อที่แสดงออกว่ารักเขตแดนมากกว่าเขา เขาเคยนึกว่าเป็นเพราะเขตแดนเก่งกว่า มีความสามารถมากกว่าเขา ที่แท้...ก็เป็นเพราะเขตแดนเป็นลูกของคุณสงคราม เป็นลูกของคนที่พ่อรัก ไม่ใช่เขา...ลูกชายที่เกิดจากความจำเป็นทางสังคม

               แต่ถึงแม้จะเชื่อสิ่งที่เขมจิราพูดมามากกว่าครึ่ง ธรณ์ก็ยังคงพยายามที่จะปฏิเสธและหลีกหนีความจริง แต่มันก็ไม่ต่างอะไรกับการปลอบใจตนเอง

               “ไม่จริง”

               “ยอมรับความจริงซะเถอะ ว่าพ่อของเธอน่ะร้ายกาจ แล้วเธอก็กำลังจะเจริญรอยตามพ่อของเธอ พวกวิปริตผิดเพศ!!”

               เรื่องเก่ายังไม่ทันจะเคลียร์ เรื่องใหม่ก็ถาโถมเข้ามาเหมือนคลื่นที่ซัดเข้าหาหาดทราย ให้ต้องรู้สึกสับสนและมึนงงไปหมด ยากที่จะจับต้นชนปลาย ไหนจะเรื่องระหว่างเขากับเขตแดน เรื่องระหว่างพ่อกับลุงคราม แต่ในความสับสน ธรณ์ยังมีสติพอที่จะเอ่ยถามออกไป แม้จะรู้สึกอ่อนล้าไปทั้งกายและใจ

               “คุณต้องการอะไรกันแน่”

               “ความจริงฉันก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของเขตแดนเท่าไหร่หรอก แต่บังเอิญว่าผู้ชายคนที่เขตแดนยุ่งด้วยดันเป็นเธอ ธรณ์ อิสรพัฒน์...ลูกชายของคนที่ทำร้ายฉัน”

               “พ่อผมไม่ใช่คนที่จะทำร้ายใคร”

               แม้ความเชื่อมั่นที่มีให้ผู้เป็นพ่อจะเริ่มสั่นคลอน แต่สัญชาติญาณก็ยังทำให้ธรณ์หลุดปากปกป้องคุณธีรยุทธออกไป ต่อให้เกลียดมากแค่ไหน สุดท้ายแล้วลึกๆ ในใจก็ยังมีความรักซุกซ่อนอยู่ สายเลือดเดียวกัน ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางตัดขาด

               “เธอจะไปรู้อะไร พ่อเธอมันก็แค่ผู้ชายที่แย่งสามีคนอื่น บังคับให้เขาหย่ากับภรรยาตัวเอง บีบให้ฉันต้องออกนอกประเทศ ไม่ยอมให้ฉันติดต่อกับลูกและสามี คิดดูแล้วกันว่าพ่อเธอน่ะร้ายกาจขนาดไหน”

               ถึงจะชิงชังผู้เป็นพ่อมากเท่าไหร่ แต่ธรณ์ก็ไม่เคยนึกอยากให้ใครมากล่าวหาพ่อของเขา ไม่ว่ามันจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม

               “คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าพ่อผม”

               “ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ ในเมื่อฉันรู้ดีว่าพ่อของเธอเลวแค่ไหน...”


               “หยุดได้แล้วคุณเขมจิรา!!”


               ไม่ใช่...มันไม่ใช่เสียงของธรณ์ แต่เป็นคนที่มายืนซ้อนหลังของเขาและจ้องเขมจิราด้วยแววตาโกรธจัด ก่อนจะลากธรณ์ที่ยังนิ่งงันออกมา โดยที่ยังมีเสียงดังไล่หลังมา


               “พ่อเธอทำลายครอบครัวคนอื่นจนพังพินาศ กรรมมันถึงได้มาตกอยู่ที่เธอ”


====================


               รถยนต์คันหรูแล่นออกมาจากออฟฟิศตรงถนนสาทร มันไม่ใช่ความบังเอิญที่ชินดนัยมาอยู่ตรงนี้ แต่เป็นเพราะความรอบคอบของคนบางคน ชินดนัยปรายตามองธรณ์ที่นั่งนิ่งอยู่ข้างตัวแล้วก็ถอนหายใจยาว

               มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ กับการที่ธรณ์ต้องมารับรู้สิ่งที่ถูกปิดบังมานาน เขามาช้าเกินไปและเขาพลาด ทั้งที่เขาพยายามระแวดระวังอยู่ตลอด นับตั้งแต่รู้ข่าวว่าแม่ของเขตแดนกลับมาเมืองไทย แต่มันเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับที่ผู้พันชนวีร์ไม่อยู่ กว่าเขาจะรู้ว่าเขมจิราอาศัยช่วงที่เขตแดนไปติดต่องานที่ต่างจังหวัดเข้ามาหาธรณ์ ธรณ์ก็ต้องมารับรู้เรื่องราวที่เขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ปิดบังธรณ์

               เขาอยากจะเอื้อมมือไปปลอบประโลมธรณ์ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าธรณ์กำลังคิดอะไรอยู่...ไม่รู้เลยจริงๆ

               ชินดนัยจอดรถลงหน้าเรือนหลังเล็กของตนเอง ก่อนจะเดินอ้อมมาเปิดประตูให้เพื่อนรัก ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะยังนิ่งงันไปเพราะประโยคทิ้งท้ายของเขมจิรา


               ‘พ่อเธอทำลายครอบครัวคนอื่นจนพังพินาศ กรรมมันถึงได้มาตกอยู่ที่เธอ’


               พอเข้ามาถึงเรือนเล็ก ธรณ์ก็นั่งแหมะอยู่ที่โซฟา ให้ชินดนัยได้แต่มองอาการเพื่อนรักอย่างเป็นห่วง ก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าครัวไปชงโกโก้ร้อนมา ความจริงเขาก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีกว่าธรณ์ซักเท่าไหร่ แต่ความรักและความเป็นห่วงเพื่อน ก็ทำให้ต้องยอมตัดเรื่องของตนเองออกชั่วคราว เขายังมีพ่อมีแม่...และมีชนวีร์ แต่สำหรับธรณ์ ถ้าไม่ใช่คุณสงครามกับเขตแดน ธรณ์ก็ไม่เหลือใครที่จะเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวอีกแล้ว

               ชินดนัยส่งโกโก้ร้อนที่ตัวเองเป็นคนชงให้ธรณ์ ก่อนจะนั่งแปะลงข้างๆเพื่อนรัก

               “มึงก็รู้เรื่องใช่ไหมชิน” ธรณ์เอ่ยถามเพื่อนรักเสียงเรียบๆ

               ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมธรณ์ถึงรู้ ในเมื่อชินดนัยที่เพิ่งมาถึงรู้ทันทีว่าผู้หญิงที่อยู่กับเขาคือคุณเขมจิรา ย่อมหมายความว่าชินดนัยต้องรู้เรื่องบ้างไม่มากก็น้อย แต่ถ้าชินดนัยจะรู้เรื่องก็ไม่แปลกหรอก เพราะสายข่าวของชินดนัยเรียกได้ว่าถูกต้องและแม่นยำเสมอ

               “กูขอโทษ...ที่ไม่ได้บอกมึง”

               “กูโคตรสมเพชตัวเองเลยหว่ะชิน กูเหมือนคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรซักอย่าง จนถึงตอนนี้กูยังไม่รู้เลยว่ากูจะเชื่อใครได้อีก”

               ชินดนัยขยับจะเอื้อมมือไปแตะบ่าธรณ์ แต่ยังไม่ทันถึง เขาก็เปลี่ยนใจทิ้งมือลงข้างลำตัว เขาเองก็ปิดบังธรณ์ มันไม่แปลกเลย ถ้าธรณ์จะโกรธเขา ขอแค่...อย่าเกลียดกันก็พอ

               “กูยอมรับว่ากูตั้งใจปิดบังมึง กูอยากให้มันเป็นความลับตลอดไป กูไม่อยากให้มึงต้องมารับรู้เรื่องราวพวกนี้” เลือดทหาร กล้าทำก็ต้องกล้าที่จะยืดอกรับ ดังคำที่พ่อของเขาเคยพร่ำสอน

               “ทำไม...”

               “เพราะกูรู้ไง ว่าถ้ามึงรู้แล้วจะเป็นแบบนี้ มึงคิดว่ากูจะทนเห็นมึงมีสภาพเหมือนเมื่อก่อนได้เหรอ ถึงกูจะไม่ใช่ครอบครัวของมึง แต่กูก็อยากจะปกป้องมึง...เพราะเราเป็นเพื่อนกันไงธรณ์”

               ธรณ์หันมาสบตากับชินดนัย มันมีความลังเลแฝงอยู่ในดวงตา จนคนมองอย่างชินดนัยรู้สึกเจ็บไปทั้งใจ เรื่องราวที่รับรู้มากำลังทำให้ธรณ์ลังเลที่จะเชื่อใจคนอื่น


               “กูยังเชื่อมึงได้ใช่ไหม...ชิน”


               ธรณ์คงไม่รู้ว่าคำถามที่เหมือนไม่แน่ใจ มันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้แค่คนถาม แต่สำหรับคนฟังอย่างชินดนัย มันก็บาดลึกจนรู้สึกเจ็บแปลบ บางทีเขาควรจะเชื่อชนวีร์ ว่าการปิดหูปิดตาธรณ์ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง

               “มึงไม่จำเป็นต้องเชื่อกู รู้แค่ว่า...กูไม่เคยอยากทำร้ายมึง ถ้ารู้ว่ามึงจะรู้จากปากคนอื่น กูก็อยากจะย้อนเวลากลับไปแล้วเป็นคนบอกมึงซะเอง”

               ชินดนัยเป็นแค่เพื่อนสนิทหนึ่งในสองคนที่ธรณ์มี เพื่อนที่ธรณ์มอบความเชื่อมั่นให้หมดหัวใจ เพื่อนที่ผ่านอะไรต่างๆมาด้วยกันมากมาย ธรณ์ก็อยากจะเชื่อในตัวเพื่อนรัก แต่...

               แม้กระทั่งคุณสงครามที่เลี้ยงดูเขามา ยังปิดบังและทรยศต่อความไว้ใจของเขา แล้วเขา...ยังสามารถเชื่อใจใครได้อีก

               “กูขออยู่คนเดียวก่อนละกัน”

               ท้ายที่สุด ธรณ์ก็เลือกที่จะเอ่ยออกมาเสียงเรียบๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องนอนของชินดนัย ทิ้งให้เจ้าของบ้านมองตามหลังเพื่อนรักก่อนจะถอนหายใจยาว เขาหยิบโทรศัพท์มาโทรบอกป้าอุ่นเรือนว่าคืนนี้ธรณ์จะค้างกับเขา จะได้ไม่ต้องรอ

               ถึงตอนนี้ธรณ์อาจจะคลางแคลงในตัวเขา แต่เขาก็ยังเป็นคนที่รู้จักธรณ์ดี ชินดนัยรู้ดี...ธรณ์ยังไม่พร้อมที่จะกลับไปเผชิญหน้ากับคุณสงครามหรือเขตแดน

               เขาเคยคิดว่าตัวเองจะสามารถปิดบังทุกอย่างจากธรณ์ ถ้าธรณ์ไม่รู้ ธรณ์ก็ไม่เจ็บ แต่เขาเองก็ลืมไป ว่าไม่ใช่มีเพียงแค่เขาและคุณสงครามที่รู้เรื่อง แรกๆเคยชะล่าใจ ว่าตัวแปรสำคัญอย่างคุณเขมจิรายังอยู่ที่ต่างประเทศ ไม่นึกไม่ฝันว่าแม่ของเขตแดนจะกลับมา เขาไม่รู้ว่าแม่ของเขตแดนบอกอะไรกับธรณ์บ้าง อาจจะเท่าที่เขารู้ หรืออาจจะมากกว่าที่เขารู้

               ในตอนนี้ ถึงธรณ์จะอยากอยู่คนเดียว แต่ชินดนัยกลับนึกอยากให้ใครบางคนมาอยู่ข้างๆเขาเหลือเกิน ใครบางคนที่ขาดการติดต่อไปร่วมสองสัปดาห์ คิดแล้วก็อยากจะหัวเราะเยาะตัวเองออกมา


               ชินดนัยเอ๋ย...แค่เรื่องของตัวเองยังเอาไม่รอดเลย นี่ยังมีเรื่องของธรณ์เข้ามาอีก


====================


               ธรณ์นอนนิ่งอยู่บนเตียงของชินดนัย เรื่องระหว่างเขากับเขตแดนกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย เมื่อเทียบกับเรื่องของพ่อและคุณสงครามที่เขาเพิ่งรับรู้ คำถามมากมายลอยวนวนมาอยู่ในหัว ในความอยากรู้ ยังมีความกลัวซุกซ่อนอยู่ กลัวถ้าจะต้องรู้ความจริง


               พ่อเคยรักแม่บ้างหรือเปล่า?...

               พ่อรักลุงครามมานานแค่ไหนกัน?...

               ลุงครามรักเขาจริงๆหรือเปล่า?...

               แล้วพ่อ...เคยต้องการลูกชายอย่างเขาหรือเปล่า?...



               อยากจะถาม อยากจะรู้ความจริง แต่ถ้าความจริงมันทำให้ต้องเจ็บปวดกว่าเดิม เขาจะรับได้ไหมตอนนี้เขาก็แทบจะไม่เหลือใครแล้ว แม้แต่ลุงครามที่เขารักเหมือนพ่อ ยังทรยศต่อความไว้ใจของเขา ถึงเขาจะไม่เคยเอ่ยปากถาม แต่เขาก็มีสิทธิ์ที่จะรู้

               แล้วเขตแดน...รู้เรื่องเหล่านี้ด้วยหรือเปล่า?



               เพล้งงงงงงงงง!!



               ธรณ์ผุดลุกขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยความรวดเร็ว เสียงเหมือนอะไรตกแตกที่ดังมาจากข้างนอก ทำเอาเขานึกเป็นห่วงชินดนัยจับใจ ธรณ์ก้าวพรวดเดียวลงจากเตียง เปิดประตูออกไปก็เห็นชินดนัยกำลังก้มลงเก็บกรอบรูปที่หล่นแตกกระจาย พออีกฝ่ายเงยหน้ามาเจอเขาก็รีบบอกทันที

               “ไม่มีอะไร กูแค่ทำกรอบรูปตก”

               ถึงคำพูดจะบอกว่าไม่มีอะไร แต่หน้าตาเพื่อนรักมันบอกว่ามีอะไรมากว่านั้น ธรณ์ย่างเท้าเข้าไปหาชินดนัย ก่อนจะต้องเป็นฝ่ายชะงัก

               “รูปมึงกับผู้พัน”

               “สงสัยกูจะวางไม่ดี เลยร่วงลงมาแตกหมดเลย” แม้จะฝืนยิ้มออกมา แต่ธรณ์ก็เห็นชัดว่าสีหน้าชินดนัยไม่ได้ดูดีเลยซักนิด มันมีความกังวลแฝงอยู่ลึกๆ

               “มึงลองโทรหาผู้พันดูหน่อยดีไหม”

               “กูโทรแล้ว แต่...ติดต่อไม่ได้ คงไม่มีอะไรหรอก”

               ธรณ์ถอนหายใจยาวก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟา ชินดนัยเก็บอะไรจนเสร็จเรียบร้อยก็เดินกลับมานั่งข้างๆ มีแต่ความเงียบปกคลุมอยู่พักใหญ่ ธรณ์เองก็ไม่มั่นใจว่า ควรจะคาดคั้นเพื่อนรักที่ตอนนี้ดูไม่ค่อยปกติหรือเปล่า แต่เหมือนชินดนัยเองก็จะรู้ถึงได้เปรยออกมาเบาๆ

               “มีอะไรก็ถามกูมาเถอะ”

               “ชิน...มึงรู้อะไรมาบ้าง เล่าให้กูฟังให้หมดได้ไหม”

               ชินดนัยชะงักไปเล็กน้อย แม้เตรียมใจแล้วว่าจะเล่าทุกอย่างให้ธรณ์ฟัง แต่เอาเข้าจริง มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะรู้ดีว่าเรื่องที่พูดออกไปจะทำร้ายจิตใจคนฟังได้มากแค่ไหน

               “คุณเขมจิราเขาเล่าอะไรให้มึงฟังบ้างล่ะ”

               “กูให้มึงเล่า ไม่ได้ให้มึงถามกูกลับ”

               ชินดนัยยอมรับเลยว่า ถึงเขาจะรู้เรื่องอยู่บ้าง แต่เขาคงไม่รู้ดีเท่าคุณธีรยุทธ คุณสงคราม และคุณเขมจิรา เขาก็รู้แค่บางส่วน ยังมีอีกหลายเรื่องที่ทั้งสามคนปิดบังเอาไว้อยู่ และมันไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าไปสืบได้เลย


               “พ่อมึงกับลุงคราม...รักกัน”


               แม้จะได้ยินจากปากของเขมจิรามาแล้วรอบหนึ่ง แต่พอชินดนัยพูดมาอีกรอบ ธรณ์ก็ยังคงสะอึกอยู่ดี เขาไม่ได้รังเกียจความรักระหว่างเพศเดียวกัน แต่ทำไม...ทำไมต้องเป็นพ่อของเขากับลุงคราม ในเมื่อทั้งสองคนต่างก็มีครอบครัวอยู่แล้ว ทำไมกัน?

               “ตั้งแต่เมื่อไหร่...”

               “กูก็ไม่รู้หว่ะ แต่เรื่องที่เขารักกัน มันเกี่ยวกับเรื่องที่พ่อมึงถูกฆ่าแน่ๆ”

               ความรู้สึกที่มีหลังจากได้ยิน มันคืออาการชาหนึบจนเหมือนจะไร้เรี่ยวแรง ยิ่งอยากรู้มากเท่าไหร่ มันยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้มากเท่านั้น ต้องเจ็บอีกเท่าไหร่ ถึงจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอีก ทั้งที่รู้สึกชาไปหมดแล้ว แต่ความเจ็บปวดก็ยังไม่จางหาย

               “เกี่ยวกันยังไง”

               ชินดนัยนิ่งเงียบไป...ถ้าเลือกได้ เขาก็ไม่อยากจะพูดเลย บางทีมันก็อาจจะไม่สมควรพูดออกไป แต่ในเมื่อมาถึงขนาดนี้ ยังไงเขาก็คงเลี่ยงไม่ได้


               “คุณเขมจิรา เขาเป็นคนจ้างมือปืนมาขู่พ่อมึง แต่ปืนเกิดลั่นใส่พ่อมึงขึ้นมาจริงๆ กว่าจะไปถึงโรงพยาบาล หมอก็ช่วยไว้ไม่ทันแล้ว”


               โลกทั้งโลกของธรณ์เหมือนกับถล่มลงมาตรงหน้า เขาไม่รู้ว่าที่ชินดนัยพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่มันก็ช่างขัดแย้งกับที่ลุงครามเคยบอกเขาเหลือเกิน

               ลุงครามเคยบอกเขาว่า...ลุงครามไปขัดผลประโยชน์ผู้มีอิทธิพล พวกนั้นเลยส่งมือปืนมาตามเก็บ แต่พ่อก็เข้าไปบังกระสุนแทนลุงคราม พอมาเทียบกับที่ชินดนัยเล่า ทำไมมันถึงได้เหมือนหนังคนละม้วน

               คุณเขมจิรา...คุณแม่ของเขตแดน ไม่ว่าจะจงใจขู่หรือจงใจฆ่าพ่อของเขา แต่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อของเขาตาย


               ถ้าพ่อไม่รักลุงคราม พ่อก็คงไม่ตาย

               แล้วถ้าเขารักเขตแดนล่ะ...มันจะมีอะไรร้ายๆตามมาอีกไหม



               แต่ที่ธรณ์สงสัย ถ้าเป็นจริงอย่างที่ชินดนัยพูด คุณสงครามก็ต้องรู้ว่าสาเหตุการตายของพ่อเขามาจากอะไร ใครเป็นต้นเหตุ ทำไมถึงไม่จัดการอะไรเลย ทำไมถึงได้ปล่อยให้พ่อของเขาตายฟรีๆ และที่สำคัญ...

               ในเมื่อพ่อของเขาก็ตายไปแล้ว คุณเขมจิรายังต้องการอะไรจากตัวเขาอีก แค่ต้องการให้เขาเลิกยุ่งกับเขตแดน ต้องการให้เขาเจ็บ หรือต้องการให้เขาตายตามพ่อไปกันแน่


====================

[มีต่อนะคะ]

หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 14-01-2013 16:23:01

               ธรณ์นั่งลำดับเรื่องราวทุกเรื่องที่รับรู้มาภายในวันเดียว เขานั่งนิ่งอยู่บนเตียงของชินดนัย ส่วนเจ้าของห้องกำลังอาบน้ำอยู่

               พ่อกับลุงครามรักกัน แล้วพ่อของเขาก็บังคับให้ลุงครามหย่ากับคุณเขมจิรา และคุณเขมจิราก็จ้างมือปืนมายิงพ่อ

               เอาเรื่องที่รับรู้มาปะติดปะต่อกัน แล้วธรณ์ก็เกิดความแคลงใจขึ้นมาอีก ในเมื่อคุณเขมจิราตั้งใจจะฆ่าพ่อเขา แล้วยังโกรธแค้นพ่อเขามาก เขาจะรู้ได้ยังไงว่าที่เธอพูดมาคือเรื่องจริง

               ฝ่ามือที่เย็นเฉียบสัมผัสเข้าที่แก้มจนธรณ์สะดุ้ง ชายหนุ่มเงยหน้ามองเจ้าของฝ่ามือ ก็เห็นชินดนัยที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วยืนอยู่ข้างๆ

               “มึงยังมีกูนะ”

               ธรณ์มองชินดนัยเต็มตา เขายอมรับออกมาเลยว่า สิ่งที่ชินดนัยปิดบังเขา กับสิ่งที่คุณสงครามปิดบังเขามันต่างกัน เพราะชินดนัยไม่ได้เป็นต้นตอของเรื่องวุ่นวายทั้งหมด ถ้าถามเขาว่ารู้สึกยังไง ธรณ์คงตอบได้ว่า ชินดนัยทำลงไปเพื่อปกป้องเขาจากความจริง แต่สิ่งที่คุณสงครามทำ...มันไม่ต่างอะไรจากการทรยศต่อความไว้ใจเขาเลย ดังนั้นจะแปลกอะไร ถ้าเขาเลือกที่จะยื่นมือออกไปหาชินดนัย...อีกครั้ง


               “อย่าปิดบังกูอีกนะ กู...ไม่เหลือใครแล้ว”


               ชินดนัยอ้าแขนออกกว้างให้ธรณ์โผเข้ามาหา ธรณ์ในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากนกที่ปีกหักเลยซักนิด และคนที่หักปีกของธรณ์ก็ไม่ใช่ใคร นอกจากลุงครามที่ธรณ์ทั้งรักและไว้ใจ


               “ไม่ต้องเชื่อกู รู้แค่ว่ากูจะอยู่ข้างๆมึง”


               ธรณ์เปราะบางแค่ไหน ชินดนัยรู้ดี เขาถึงเอื้อมมือโอบรัดอีกฝ่ายแน่น หวังให้อ้อมกอดของตัวเองบรรเทาความเจ็บปวดของธรณ์ คนที่ตอนนี้ไม่มีเกราะอะไรมากำบังตนเองแม้แต่น้อย มือหนาลูบไปตามแผ่นหลังธรณ์ ก่อนจะชะงัก เมื่อรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่หัวไหล่

               นานแค่ไหนกัน...ที่ธรณ์ไม่เคยมีน้ำตา คงนับตั้งแต่ที่เจ้าตัวค่อยๆสร้างเกราะกำบังเล็กๆขึ้นมาปกป้องตัวเอง แต่ภาพของธรณ์ที่นอนฝันร้ายกระสับกระส่าย ตื่นมาด้วยน้ำตาที่นองหน้า ก็ยังเป็นสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำของชินดนัย

               เด็กผู้ชายที่ถูกส่งมาอยู่ต่างแดนตั้งแต่อายุเพียงแค่สิบห้า ท่ามกลางเด็กฝรั่งตัวสูงใหญ่ แรกๆที่มาก็พูดอะไรกับใครเขาไม่ค่อยรู้เรื่อง ดีแค่ไหนที่มีกันสองคน กี่ครั้งที่ถูกพวกฝรั่งตัวโตกลั่นแกล้ง กี่ครั้งที่อึดอัดจนอยากกลับบ้าน ชินดนัยยอมรับเลยว่าเขาเคยท้อและอยากกลับบ้านอยู่บ่อยๆ แต่ท่านนายพลผู้เป็นพ่อก็อนุญาตให้กลับเฉพาะปิดเทอม นับว่าเขายังโชคดี ต่างจากธรณ์ที่ไม่มีโอกาสได้กลับมาเลย

               ประสบการณ์เลวร้ายที่ถูกกลั่นแกล้งในช่วงปีแรกของการไปอยู่โรงเรียนประจำที่ต่างแดน เด็กเอเชียสองคนกลายเป็นของเล่นสนุกของพวกฝรั่งตัวโต จนพวกเขาต้องค่อยๆปรับตัวและไม่ยอมเป็นเป้านิ่งให้ถูกแกล้งอยู่ฝ่ายเดียว ชีวิตในต่างแดนถึงได้หล่อหลอมให้ธรณ์ดูร้ายกาจ แต่มันก็เป็นแค่เปลือกนอก เพราะเนื้อแท้แล้ว...ธรณ์ก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาที่โหยหาความรัก

               “กู...เป็นลูกที่เขาตั้งใจให้เกิดมาจริงๆหรือเปล่า”

               เสียงพึมพำแผ่วๆจากคนในอ้อมกอด ทำเอาชินดนัยถึงกับตัวแข็ง อะไรหรือใครกันที่ทำให้ธรณ์มีความคิดแบบนี้

               “ทำไมมึงถึงคิดแบบนี้”

               “ในเมื่อเขาไม่ได้รักแม่กู แล้วเขาจะรักกูเหรอ”

               ชินดนัยถึงกับจนปัญญาที่จะปลอบ เขมจิราเลือกที่จะทำร้ายจุดอ่อนที่สุดของธรณ์ ราวกับรู้ว่าเรื่องไหนที่เปราะบางสำหรับธรณ์

               “ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูก”...แต่ขึ้นอยู่กับว่ารักน้อยหรือรักมาก นั่นก็เป็นเพียงสิ่งที่ชินดนัยคิดในใจ ไม่กล้าพูดออกไป

               “กูควรจะทำยังไงต่อ”


               “ไม่ว่ามึงจะตัดสินใจทำอะไรก็ตาม กูจะอยู่ข้างมึงเสมอ”


====================


               “รอนานหรือเปล่าคะ?...”

               เสียงทักจากคนที่เพิ่งมาถึง ทำเอาคนที่นั่งรออยู่ก่อนถึงกับชะงัก แล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด

               “เธอกลับมาทำไมอีก?”

               “นี่เหรอคะ...คือคำถามที่คุณทักอดีตภรรยาที่ไม่ได้เจอกันเกือบยี่สิบปี”

               เขมจิรามองหน้าอดีตสามี ถึงจะมีอายุแล้วก็ยังคงดูดีอยู่เสมอ ไม่แปลกเลยที่เธอจะเคยหลงรักหัวปักหัวปำ หลงรัก...แม้รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่เคยมีใจให้เธอเลยแม้แต่น้อย แต่คนอย่างเธอ เมื่ออยากได้อะไรแล้วก็ต้องได้เสมอ เคยคิดว่าถ้าอยู่กันไป เธอคงจะทำให้เขารักได้ซักวัน แต่มันก็เปล่าประโยชน์ หัวใจของสงครามไม่เคยมีไว้ให้เธอ และธีรยุทธ อิสรพัฒน์ก็เป็นคนทำให้เธอได้รู้ว่า...สิ่งหนึ่งที่เธอไม่เคยได้ครอบครอง คือหัวใจของสงคราม เกียรติณรงค์

               “เธอว่าธุระของเธอมาดีกว่า ฉันไม่ได้มีเวลาให้เธอมากนัก”

               เขมจิราคลี่ยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ ถึงแม้คนอื่นจะบอกว่าอย่าถือสาหาความกับคนตาย แต่คงใช้ไม่ได้กับเธอ ในเมื่อคนตายยังคงเป็นที่หนึ่งอยู่เสมอ โดยที่เธอไม่เคยเข้าไปแทนที่ได้เลย

               “ทำไมคะ...เวลาของคุณเอาไปให้คนตายหมดแล้วหรือไง”

               “อย่าพาดพิงถึงเขา” สงครามเอ่ยเสียงกร้าวอย่างไม่พอใจ

               “ขนาดตายไปแล้วก็ยังแตะต้องไม่ได้เลยนะ ฉันอยากรู้จริงๆ ว่ามันมีดีอะไรถึงทำให้คุณรักมากขนาดนี้ รักทั้งๆที่คุณกับมันก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน”

               “ถ้าเธอไม่มีอะไรจะพูด ฉันขอตัว”

               สงครามคงจะลุกและเดินหนีออกไปแล้ว ถ้าเกิดไม่ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยกลั้วหัวเราะคล้ายจะสาแก่ใจ

               “ฉันไปหาธรณ์มาแล้วนะคะ แล้วก็เลยใจดีช่วยทำให้หูตาเขาสว่าง จะได้หายโง่เสียที”

               “เธอว่าอะไรนะเขมจิรา”

               “ฉันก็แค่บอกเรื่องที่คุณไม่เคยคิดจะบอกกับเด็กนั่น ให้มันหายโง่เสียทีไงล่ะ แล้วก็อีกเรื่องนะ...เด็กนั่นกับเขตแดนกำลังจะเจริญรอยตามคุณไม่มีผิดเลย ฉันต้องขอบคุณคุณด้วยหรือเปล่า ที่อุตส่าห์เลี้ยงจนลูกฉันโตมาวิปริตผิดเพศเหมือนพ่อ!!”

               “เธอหมายความว่ายังไง!?!”

               รูปถ่ายใบเล็กถูกเลื่อนมาตรงหน้า ก่อนที่ริมฝีปากสีแดงจะค่อยๆอธิบายอย่างใจเย็น


               “คุณคงจำได้นะคะ ว่าฉันชอบถ่ายรูปมากแค่ไหน ดูสิคะ...ลูกกับหลานของคุณจูบกันน่ารักเชียว”


TO BE CONTINUE



๐ กลางวันกินมาม่าผัดขี้เมา อร่อยมาก! เลยเอามาฝากคนอ่านด้วย // โดนคนอ่านกระโดดถีบ >.<
๐ เขียนตอนนี้แล้วกลัวออกมาไม่ดี ผิดพลาดตรงไหนขออภัยนะคะ สารภาพเลยว่า...วางพล็อตจนเขียนเองงงเอง
๐ ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ทวงด้วยค่ะ ทวงที เราก็มาลงที โรคจิตเล็กๆ จะพยายามแวะมาเป็นระยะ กลัวขาดตอน
ขอบคุณอีกทีนะคะ เจอกันตอนหน้านะคะ #มาม่าอร่อยเหาะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: yaoigirl ที่ 14-01-2013 16:49:52
จุกมาม่า
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 14-01-2013 16:53:47
 สนุกมากต่อเร็วๆนะคะ เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 14-01-2013 17:02:43
นังมารร้ายยยย :fire:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 14-01-2013 17:29:16
เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ มันส์มากกกกกกกกกก  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 14-01-2013 18:08:43
บอกได้แค่ว่า  :z6: ยัยเขมจิรา น่ากลัวมาก
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: countryside_69 ที่ 14-01-2013 18:26:30
โหดร้ายทารุณต่ออารมณ์ผู้อ่านได้อย่างมากถึงมากที่สุด
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
รีบมาต่อโดยด่วนนะครับ อย่าหายไปนาน
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 14-01-2013 18:38:02
บอสใหญ่ประจำเรื่องเป็นนางมารสินะ

ป้าๆ ป้าแก่ขนาดนี้ยังไม่ปล่อยวางอีกเรอะ
คิดแบบนี้ทำตัวแบบนี้ ใครจะรักป้าลงอ่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: leetoei ที่ 14-01-2013 18:57:43
กรี๊ดดดดดดดดดดด

นังมารร้าย!!! นังขี้อิจฉาริษยา
ไม่แปลกใจเลยที่ลุงครามไม่เลือกแก สารเลว!!!

ธรณ์.. อย่าไปเชื่อมัน!!
ธรณ์ต้องหนักแน่นเข้าไว้นะ ธรณ์ต้องเชื่อใจในคนที่ธรณ์รักและรักธรณ์สิ! เขาเป็นใคร หวังดีกับธรณ์เหรอธรณ์ถึงเชื่อเขา ทำไมธรณ์ไม่เลือกเชื่อคนที่รัก คนที่คอยดูแล ที่คอยอยู่เคียงข้างธรณ์ตลอดมาล่ะ เรารู้ว่าตอนนี้มันอาจจะยาก แต่ธรณ์ หนักแน่นเข้าไว้! นี่คงเป็นบททดสอบความรัก ความเชื่อใจ เชื่อมั่น ยึดมั่นของธรณ์ที่มีต่อพี่เขตต์กับลุงคราม ธรณ์สู้ๆนะ..

เชื่อสิว่าฟ้าหลังฝนมันสดใสเสมอ ^^


ปล. ฝากคาร์บอมไปวางบ้านอิคุณเขมจิราสักลูกสองลูกหน่อยสิคะพี่ปลา หึหึหึ ;)
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 14-01-2013 20:11:40
มาม่ามาแล้วสินะ

ร้ายกาจมาก ขอตบคนแก่สักทีได้ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 14-01-2013 20:29:05
แม่ใครวะ!!! ร้ายวะ
น่า :z6: ซะให้จมดินเลย :beat:  :beat:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 14-01-2013 20:32:40
สงสารธรณ์อะ แล้วมันจะเป็นงัยต่ออะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 14-01-2013 21:11:48
 ถ้ายัยเขมจิราเป็นผู้จ้างวานฆ่าจริงๆ ทำไมไม่ติดคุกอ่ะ :m31:
เมื่อไหร่หล่อนจะถูกกำจัดนะ  :m16:
เธอร้ายกาจเหมือนตัวอิจฉาใจละครหลังข่าวเลยอ่ะ   :z6:
ธรณ์จะทำยังไงต่อไปเนี่ยย :z3:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 14-01-2013 21:24:36
 สนุกๆ

มาต่อเร็วๆน้า
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: andear ที่ 14-01-2013 21:42:58
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด  :z3: :z3:ชีออกตัวแรงส์มาก  :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 14-01-2013 22:06:27
ดราม่าอีกแล้ว
แต่สนุกอ่ะ
เอาอีกๆ 5555555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 14-01-2013 22:20:00
ยังจะมีมาม่ามาอีกหรอ ?  :a5:


 :dont2:

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 14-01-2013 22:34:35
กดบวกเป็ด :z2:ก่อนอ่านคะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 14-01-2013 23:06:10
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 15-01-2013 00:27:48
ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจมาก ๆ เลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-01-2013 00:56:53
 :m31:

สาระ...  มากกก
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 17 :: 14.01.2013」หน้าที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 15-01-2013 12:37:45
ทำใจไว้แล้วล่ะว่าต้องกินมาม่าแน่ ๆ ช่วงนี้เลยกินบ่อย ๆ จะได้ชิน  :z1: ธรณ์ต้องเข้มแข็งน่ะ เพื่อตัวเองกับเขตจะได้ไม่ต้องผิดหวังและพลาดท่าเหมือนเช่นพ่อของตนเองกันน่ะ
ป.ล.ทำไมผู้หญิงต้องโดนเป็นตัวร้ายเรื่องเลยน่ะ  :o12:
มาต่อเร็ว ๆ น่ะกำลังเข้มข้นมาก ๆ เขียนได้ขนาดนี้ก้อเก่งแล้วล่ะจ้ะ  :man1:
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 15-01-2013 14:04:11
“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 18


               สามสิบกว่าปีที่แล้ว นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งมีชีวิตที่เรียบง่าย ทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน ยามว่างก็เล่นกีฬา หรือบางทีสังสรรค์กับเพื่อนฝูง จนกระทั่งมาเจอกับ...

               เพื่อนของน้องรหัสเขา!!

               นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ ที่มองจากภายนอกก็เหมือนลูกคุณหนูคนอื่น แต่พอได้มารู้จักดูถึงรู้ว่าความจริงมันต่างจากสิ่งที่เห็น พอรู้ตัวอีกที...สงครามก็สนิทสนมกับเพื่อนของน้องรหัสตัวเอง และมักจะแวะเวียนมากินข้าวที่คณะบริหารธุรกิจอยู่เสมอ

               ความสัมพันธ์ที่ผิดต่อกฎเณฑ์ของสังคมถูกถักทออย่างช้าๆ ต่างคนต่างรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ผิด ที่ผู้ชายสองคนจะมารู้สึกรักและผูกพันกันฉันท์ชู้สาว เลยต้องคอยหลบๆซ่อนๆ หลบจากเพื่อนฝูง หลบจากครอบครัว หลบจากคนรู้จัก ต่อหน้าคนอื่นก็ทำเสมือนว่าเป็นเพียงแค่รุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทสนมกัน


               ผิดแรก...คือผิดที่สงครามบังอาจรักคนที่อยู่สูงกว่า ทายาทคนเดียวของอิสรพัฒน์ที่เพียบพร้อม ต่างจากเขาที่เป็นแค่ผู้ชายเดินดินธรรมดา

               ผิดสอง...คือผิดที่ธีรยุทธ อิสรพัฒน์เป็นผู้ชายเหมือนกันกับเขา



               เขาเคยสงสัยและถามอยู่เสมอ...ทำไมถึงต้องเกิดมาเป็นผู้ชายเหมือนกัน

               แค่ใครซักคนเป็นผู้หญิง...เรื่องทุกอย่างก็จะพลันง่ายดาย




               เวลาอยู่ข้างนอกก็ต้องคอยระมัดระวัง นอกจากจะกลัวสายตาคนอื่น ยังต้องกลัวสังคมที่ไม่ยอมรับ ความรักระหว่างเพศเดียวกันเป็นเรื่องน่าละอายต่างจากสมัยนี้ บางคนถูกรังเกียจจนแทบปราศจากที่ยืน เป็นความสุขที่เจือปนด้วยความเศร้า

               “ผมอยากให้พี่ครามอยู่กับผมตลอดไป” ธีรยุทธเคยบอกเขา และเขาก็ตอบไปว่า...

               “พี่จะอยู่กับยุทธตลอดไป แต่ไม่ใช่ในฐานะคนรัก”

               ไม่ใช่ว่าเราไม่รักกัน แต่เรารักกันไม่ได้ อิสรพัฒน์มีหน้ามีตา มีลูกชายคนเดียวคือธีรยุทธ พ่อแม่ของธีรยุทธต่างคาดหวังว่าลูกชายคนเดียวจะเรียนจบมาสืบทอดกิจการ แต่งงานและมีครอบครัวที่อบอุ่น ไม่ใช่มีความรักที่วิปริตผิดเพศกับผู้ชายด้วยกัน


               ต่อให้รักกันมากแค่ไหน ก็ไม่อาจฝืนแรงกดดันจากสังคมรอบข้างได้


               แค่เพราะเราต่างมีเพศที่เหมือนกัน เลยทำให้เราไม่อาจรักกันได้ ถ้าเพียงแต่เราไม่ได้เกิดมามีเพศเดียวกัน มันก็จะไม่มีอุปสรรคระหว่างเรา แต่เพราะเลือกเกิดไม่ได้ เหมือนกับที่ไม่อาจจะบังคับหัวใจตัวเอง จึงต้องทนทุกข์เพราะความรักที่ไม่มีทางออก

               สงครามสนิทสนมกับครอบครัวอิสรพัฒน์เป็นอย่างดี แม้ผู้เป็นพ่อของธีรยุทธแลดูจะไม่ชอบเขาเท่าไหร่ แต่ก็ยังมีคุณหญิงที่เอ็นดูเขา...เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนรักของลูกชาย จนกระทั่ง...


               เมื่อความรักไม่ใช่ความลับอีกต่อไป


               เสียงร่ำไห้ปริ่มจะขาดใจของผู้เป็นแม่เมื่อรู้ว่าคนรักของลูกเป็นผู้ชาย ฝ่ามือหนาที่สะบัดตบหน้าคนรักของเขาอย่างแรง ไม่ใช่แค่คนถูกตบที่เจ็บ คนที่ตบก็เจ็บแทบขาดใจ ดวงตาของผู้เป็นพ่อเต็มไปด้วยความผิดหวัง


               หัวใจของคนเป็นพ่อแม่ร้าวรานที่ต้องมารับรู้ว่า...ลูกชายคนเดียวมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับผู้ชายด้วยกัน


               คนธรรมดาอย่างสงคราม ไม่มีสิทธิ์จะต้านทานหรือรั้งคนรักเอาไว้ ได้แต่พร่ำโทษว่าเป็นความผิดของตนเอง มองดูคนรักถูกลากออกไปต่อหน้าต่อตา โดยไม่มีสิทธิ์ที่จะช่วยเหลืออะไร

               “อย่าได้โผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีก แล้วก็เลิกยุ่งกับลูกชายฉันได้แล้ว”



               เราแค่รักกัน...เราไม่ได้ทำผิดอะไร

               ถ้าเรารักกันไม่ได้ ให้เราได้อยู่ด้วยกันได้ไหม



               นับจากวันที่ธีรยุทธถูกพรากจากไป สงครามก็ใช้ชีวิตเหมือนคนที่มีแต่ร่างกาย ไร้ซึ่งหัวใจ ผู้ชายอย่างเขา ใช่ว่าจะไม่มีหญิงสาวเข้ามาหา หลายคนเข้ามา แต่พอเจอท่าทีเย็นชาของเขาก็ล่าถอยไป มีอยู่คนเดียวที่ไม่ยอมถอย...เขมจิรา น้องรหัสของเขาและเป็นเพื่อนของธีรยุทธ คนที่ทำให้เขาและธีรยุทธได้รู้จักกันโดยไม่ตั้งใจ

               “รู้หรือเปล่าคะพี่คราม ว่าคุณลุงคุณป้าเขากำลังจะจับยุทธหมั้นกับพวกลูกผู้ดี”

               เขมจิราแวะเวียนมาหาเขาเสมอพร้อมกับข่าวของธีรยุทธ แต่ไม่เคยมีข่าวดีสำหรับเขาเลย เขาพยายามตั้งหน้าตั้งตาเรียนให้จบ หมายมั่นว่าถ้าเกิดมีหลักมีแหล่งมั่นคง คุณพ่อของธีรยุทธอาจจะยอมให้เขาได้พบลูกชาย ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน...แค่ได้พบกันอีกซักครั้ง ได้เห็นว่าอีกคนมีความสุขดี

               ใครเลยจะรู้...เขามีโอกาสได้พบกับธีรยุทธก็จริง แต่อยู่ในสภาพที่ตัวเองไม่ได้สติ จำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ ซ้ำร้าย...ยังมีร่างเปลือยเปล่าของเขมจิราอยู่ร่วมเตียง

               แววตาผิดหวังของคนรักที่มองมา ยิ่งกว่าคมมีดกรีดลึกลงไปในหัวใจของสงคราม แค่รักกันไม่ได้ก็เจ็บเจียนตายแล้ว อย่าถึงกับต้องเกลียดกันเลย

               หลักฐานเห็นคาตาอยู่ทนโท่ แม้จะไม่ได้สติ พอจำได้ลางเลือนว่ามาเลี้ยงฉลองกับรุ่นน้อง แต่ความเป็นลูกผู้ชายก็บีบบังคับให้สงครามต้องรับผิดชอบ สายตาหลายคู่ที่เป็นประจักษ์พยาน ไม่ได้ทำให้เขาเจ็บและละอายได้เท่ากับสายตาของคนรักกัน


               “ผมเองก็มีหน้าที่ พี่ครามก็มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ อย่าพยายามในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีกเลย เอาเวลาไปดูแลคนของพี่ครามเถอะครับ”


               สงครามเจ็บ แต่เขารู้ว่าธีรยุทธย่อมเจ็บกว่า แม้จะไม่มีน้ำตาให้เห็น แต่ความเสียใจระคนผิดหวังที่ฉายชัดออกมาจากดวงตา มันก็ทำเอาสงครามหมดแรง เขาจะโทษใครได้ นอกจากความประมาทเลินเล่อและไม่รู้จักระมัดระวังของตัวเอง

               หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้รับรู้ว่าธีรยุทธเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศพร้อมคู่หมั้น ส่วนเขมจิราก็พาชีวิตน้อยๆในท้องมาเรียกร้องความเป็นธรรมจากเขา เขาแต่งงาน ใช้ชีวิตเงียบๆ กับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา แม้จะไม่เคยรักกัน เพราะเขาแค่ทำไปตามหน้าที่ สิ่งเดียวที่หล่อเลี้ยงหัวใจของเขา...คงจะเป็นเด็กผู้ชายที่ชื่อเขตแดน

               หลังจากเรียนจบ ธีรยุทธก็กลับมาเพื่อเตรียมตัวเข้าพิธีแต่งงานกับคู่หมั้น การ์ดงานแต่งถูกส่งมาให้เขา เขาขอแค่ไปเจอ ไปเห็นว่าอดีตคนรักมีความสุขและสบายดี ขอแค่นั้น...

               เจ้าสาวของธีรยุทธ เธอสวยและเพียบพร้อม ดูเป็นคู่ที่เหมาะสมจนใครหลายคนอิจฉา อดีตคนรักของเขาดูดีในชุดเจ้าบ่าว งานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างเอิกเกริกสมฐานะของอิสรพัฒน์ สงครามมาแสดงความยินดีพร้อมภรรยาและลูกชาย เอ่ยแสดงความยินดีออกไปแม้ว่าใจจะเจ็บมากแค่ไหน

               ได้รัก...แต่ไม่อาจครอบครอง

               “ขอให้คุณธีรยุทธและคุณอัจฉรามีความสุขนะครับ”

               ภรรยาของธีรยุทธเป็นคนดี จนสงครามมั่นใจว่า...อย่างน้อยธีรยุทธก็คงจะมีความสุข แม้จะไม่มีเขา ถ้าเพียงแต่เขาจะไม่ต้องมารับรู้บทสนทนาระหว่างอดีตคนรักกับภรรยา

               เขมจิรา...เป็นคนบอกให้พ่อแม่ของธีรยุทธรู้เรื่องระหว่างเขาสองคน

               และเขมจิรา...ก็ยังเป็นคนมอมเหล้าเขาจนเมามายไม่ได้สติ พลาดท่าเสียทีเธอ ก่อนที่เธอจะเรียกให้ธีรยุทธและทุกคนมาเจอ เป็นหลักฐานมัดตัวเขาจนดิ้นไม่หลุด

               อย่างน้อยสิ่งเดียวที่สงครามพอจะทำให้อดีตคนรักได้ เขาไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใคร ครั้งแรกและครั้งเดียวที่มีความสัมพันธ์กับคนอื่น...คือคืนที่เขาไม่ได้สติ จนพลาดท่าเสียทีเขมจิรา หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยแตะต้องคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาอีกเลย

               ที่อยู่กันไปก็เพราะ...เขตแดน ลูกชายที่น่ารักของเขา คนที่เขารักเท่าๆกับธีรยุทธ


====================


               “พ่อครับ...”

               เสียงเรียกของเขตแดนปลุกคุณสงครามออกจากภวังค์ เขาหันมามองลูกชายที่เลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ เพราะคนที่อยู่บ้านกลับมีท่าทีเหนื่อยล้ายิ่งกว่าคนที่เพิ่งเดินทางมาถึง เขตแดนเดินมานั่งลงข้างผู้เป็นพ่อ

               “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ หน้าตาพอดูไม่ค่อยดีเลย ผมพาไปหาหมอดีไหม”

               สงครามส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ เขามองลูกชายตัวเองนิ่ง...ลูกชายตัวน้อยของเขาเติบโตจนเป็นหนุ่มใหญ่ เป็นของขวัญล้ำค่าและสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของเขา

               “เขตต์คิดยังไงกับน้องธรณ์”

               คนถูกถามชะงัก นิ่งงันไปอึดใจ เขาไม่แน่ใจว่าพ่อต้องการคำตอบแบบไหน เดิมทีเขาตั้งใจว่าจะค้างที่ชลบุรี แต่ผู้เป็นพ่อก็โทรศัพท์เรียกเขากลับมาด่วน ชายหนุ่มนึกสังหรณ์ว่าต้องมีเรื่องอะไรไม่ดี พอมาถึงก็เจอผู้เป็นพ่อที่ดูเหนื่อยอ่อน และคำถามที่ทำเอาเขาจับต้นชนปลายไม่ถูก

               “พ่อหมายความว่ายังไงครับ”



               “เขตต์รักน้องแบบคนรักใช่ไหม?”



               “พ่อรู้...”

               เขารักธรณ์ เขากล้ายอมรับความรู้สึกของตนเองและคิดว่าจะบอกผู้เป็นพ่อ แต่ไม่คิดว่าคุณสงครามจะรับรู้ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากบอก เขามองผู้เป็นพ่อหยิบเอารูปถ่ายใบเล็กมาวางตรงหน้า ก่อนจะชะงักงัน...

               “นี่มัน...”

               คุณสงครามแตะบ่าลูกชาย ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยท่าทางจริงจัง

               “พ่อไม่ว่าถ้าเขตต์จะรักธรณ์ แต่พ่อขออย่างเดียว...อย่าทำให้น้องเสียใจ”

               ถ้าเป็นเวลาปกติ เขตแดนอาจจะนึกดีใจ ที่พ่อรับเรื่องของเขากับธรณ์ได้ง่ายๆ แต่สิ่งที่สำคัญสำหรับเขาตอนนี้คือ...ที่มาของรูปถ่ายต่างหาก

               “พ่อได้รูปนี้มาได้ยังไงครับ”

               ถ้าเป็นเมื่อก่อน คุณสงครามอาจจะนึกลังเลถ้าต้องเล่าเรื่องอะไรให้ลูกชายฟัง ไม่ว่าอย่างไร พ่อทุกคนก็ล้วนอยากเป็นวีรบุรุษในสายตาของลูกกันทั้งสิ้น แต่ตอนนี้...เขารู้ว่าเขตแดนโตพอที่จะแยกแยะผิดถูกได้ และเขาก็อยากให้เรื่องของตัวเองเป็นบทเรียนสำหรับเขตแดนด้วยเช่นกัน

               “ได้มาจากแม่ของเรา เขากลับมาแล้ว...”

               เขตแดนหลุดเสียงครางออกมา เหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อยู่เพียงชั่วครู่ แล้วทุกอย่างก็พลันดับวูบกลับสู่ความมืดมน ก่อนคำบอกเล่าถัดมาของคุณสงครามจะทำเอาเขาแทบหมดแรง

               “เขาไปหาธรณ์มาแล้วด้วย”

               นี่ใช่ไหม สาเหตุที่ไม่ว่าเขาเพียรพยายามติดต่อธรณ์เท่าไหร่ ก็ไม่สามารถติดต่อได้ แม่ของเขาพูดอะไรกับธรณ์บ้าง หัวใจที่เปราะบางดวงนั้นจะเจ็บช้ำมากแค่ไหน

               “ธรณ์อาจจะรับไม่ได้ถ้ารู้เรื่องของพ่อกับคุณยุทธ”

               “เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ในเมื่อผมเองเคยถามธรณ์ เขาก็ไม่ได้รังเกียจพวกรักร่วมเพศ” เขตแดนค้านออกมาอย่างที่ใจคิด

               “มันไม่เหมือนกันเขตต์ ลูกกับธรณ์ไม่มีพันธะ แต่อย่าลืมว่าพ่อกับคุณยุทธ...เราสองคนต่างก็มีครอบครัว มันไม่ถูกต้อง”

               ถ้าถามว่าเขตแดนรับรู้เรื่องระหว่างพ่อเขากับคุณธีรยุทธมากแค่ไหน เขาก็รู้เพียงแค่พ่อของเขาและคุณธีรยุทธรักกัน เพราะคอยสังเกตมาหลายหนก่อนจะปักใจเชื่อ มากล้าถามเอาจากพ่อก็หลังจากที่คุณธีรยุทธเสียไปแล้ว ยอมรับเลยว่าตอนแรกเขาก็ช็อค มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับลูกชาย ที่จะต้องมารับรู้ว่าพ่อของตัวเองชอบผู้ชาย แต่สุดท้าย...เพราะเป็นพ่อของเขา พ่อที่ทำหน้าที่พ่อได้ดีมาตลอด และคำพูดของพ่อที่บอกกับเขาว่า...


               ‘พ่อกับคุณยุทธ เรารักกันตั้งแต่สมัยอยู่มหาวิทยาลัย’


               เขตแดนถึงเริ่มทำใจและยอมรับได้ แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะคาดคั้นให้พ่อเล่าทุกอย่าง ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้าพ่ออยากเล่า เขามั่นใจว่าพ่อจะเล่าเอง หลังจากคุณธีรยุทธเสียไป พ่อของเขาก็โศกเศร้าอยู่ร่วมเดือน เป็นช่วงที่เขตแดนต้องรับภาระหนักในการดูแลพ่อ กว่าจะผ่านพ้นมาได้ก็สาหัสเอาการ พอผ่านมาระยะหนึ่งเขาจึงเลือนๆเรื่องของพ่อกับคุณธีรยุทธไป โดยลืมไปว่า...ยังมีอีกคนที่ยังไม่รู้

               “ผมว่าผมไปหาธรณ์ดีกว่า ผมใจไม่ค่อยดีเลย” เขตแดนทำท่าจะผลุนผลันออกไป แต่ก็ถูกคุณสงครามรั้งเอาไว้

               “มันดึกแล้วนะเขตต์ นอนที่บ้านเราก่อนเถอะ ถึงยังไงน้องก็คงจะรู้เรื่องแล้ว”

               เขตแดนถึงได้ยอมแพ้และทิ้งตัวลงกับโซฟาเหมือนเดิม คืนนี้...เขาคงไม่อาจข่มตาให้หลับสนิทได้ ในเมื่อจิตใจมันค่อยแต่กระวนกระวายถึงใครบางคน


               ขออย่างเดียว...อย่าให้ความรักที่เพิ่งเริ่มต้นต้องพังทลายลงเลย

               ถ้ามันพังทลายลงไป...จะต้องพยายามอีกเท่าไหร่ กว่าจะได้ความเชื่อใจคืนกลับมาจากธรณ์



====================

[มีต่อนะคะ]

หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 15-01-2013 14:11:41

               ถ้าเขตแดนนอนไม่หลับ ก็ยังมีอีกคนที่นอนไม่หลับเช่นกัน ชินดนัยยกนมร้อนมาวางตรงหน้าคนที่นั่งตาโหลเพราะอดหลับอดนอน ความจริงธรณ์ก็ไม่ได้อดหลับอดนอน แต่เขาไม่สามารถข่มตาหลับได้ต่างหาก ทุกอย่างมันหนักหนาเกินกว่าเขาจะรับไหว

               “กูควรจะจัดการเรื่องไหนก่อนดีวะ มันเยอะจนกูไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนเลย” ธรณ์เอ่ยถามเพื่อนรักเสียงเนือยๆ

               ชินดนัยกำลังจะเอ่ยปากตอบ แต่เสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังเสียก่อน เขาขมวดคิ้วนิดๆ เพราะปกติไม่ค่อยมีคนโทรเข้าเบอร์บ้านของเขาเท่าไหร่ ชายหนุ่มรับสายพูดอะไรอยู่สองสามคำสลับกับชำเลืองมองธรณ์เป็นระยะ คุยอยู่ซักพักก็วางสาย

               “คุณเขตต์โทรมา...”

               ธรณ์ชะงักนิ่งไปทันที เขายังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับเขตแดน ไม่พร้อมเลยจริงๆ

               “เขาถามว่ามึงจะเข้าบริษัทหรือเปล่า...” ชินดนัยยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆพร้อมกับคอยสังเกตธรณ์

               “มึงก็บอกเขาไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่ากูไม่ไป กูไม่สบาย” ธรณ์พูดในสิ่งที่ได้ยิน

               ใช่ว่าเขาจะไม่ได้ยินว่าชินดนัยโต้ตอบกับปลายสายว่าอย่างไร ชินดนัยบอกว่าเขาไม่ค่อยสบาย คงไม่เข้าบริษัท แล้วก็จะช่วยดูแลเขาให้

               “เพราะกูรู้ไงว่ามึงยังไม่พร้อม แต่มึงจะหนีไปตลอดไม่ได้นะธรณ์”

               ที่ชินดนัยพูดอีกก็ถูกอีก วันนี้เขาอาจจะหนี อาจจะหลบเลี่ยงได้ แต่ยังไงก็ไม่สามารถหนีได้ตลอดไป มันต้องมีซักวันที่เขาต้องหันกลับไปเผชิญหน้ากับความจริง ถึงแม้ความจริงมันจะโหดร้ายก็ตามที

               เอาเข้าจริง...ถ้าต้องไปเจอคุณสงครามหรือเขตแดน ธรณ์ยังไม่รู้จะทำหน้าหรือทำตัวอย่างไรเลย ทั้งๆที่คนที่ควรรู้สึกผิดจะต้องเป็นคุณสงคราม ไม่ใช่เขา ทุกอย่างมันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้หรือเปล่า เขาเองก็ยังไม่รู้...ไม่รู้เลยจริงๆ

               “ชิน ต่อสายหาอเล็กซ์ให้กูที”

               ชินดนัยมองหน้าเพื่อนรักอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมทำตามที่ธรณ์บอก เขาหยิบโทรศัพท์บ้านมา กดรหัสทางไกลโทรหาคนที่อยู่อีกซีกโลก ถึงเวลาจะต่างกันสิบสองชั่วโมง แต่เขารู้ดีว่า...ไม่ว่าจะโทรไปตอนไหน อเล็กซ์ก็จะรับสายเสมอ รอจนได้ยินเสียงสัญญาณ ถึงได้ส่งโทรศัพท์ให้ธรณ์ ส่วนตัวเขาเองก็เดินไปเปิดโทรทัศน์ ก่อนข่าวสั้นที่ถูกรายงานจะทำเอาเขายืนนิ่งอยู่กับที่



               ‘เมื่อวันที่ 13 มกราคม ขณะที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกองกำลังนเรศวรนำกำลังทหารเข้าสกัดกั้นขบวนการยาเสพติดจากชายแดน เกิดการปะทะกันยาวนานกว่าหนึ่งชั่วโมง ผลคือฝ่ายตรงข้ามเสียชีวิตสองคน เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บสามนาย พื้นที่เกิดเหตุอยู่บริเวณสันเขา ห่างจากชายแดนไทยประมาณห้ากิโลเมตร ขณะนี้นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลค่ายวชิรปราการเรียบร้อยแล้ว’



               ไม่ใช่แค่ชินดนัยที่ชะงัก แม้แต่ธรณ์ที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับอเล็กซ์ก็ชะงักเช่นกัน โชคชะตาก็เหมือนความน่าจะเป็น มีโอกาสที่จะเจอโชคดีและโชคร้าย แต่บางครั้ง...เรื่องโชคร้ายก็เข้ามาหาเราติดๆกัน แม้ว่าเราจะไม่ต้องการมันก็ตามที

               “แค่นี้ก่อนนะอเล็กซ์ เดี๋ยวกูโทรกลับ” ธรณ์บอกปลายสาย ก่อนจะรีบรุดมาดูชินดนัยที่ยังยืนนิ่งไม่ไหวติง แม้ว่าภาพบนจอโทรทัศน์จะถูกเปลี่ยนเป็นรายการอื่นแล้ว

               “มึงลองโทรเช็คก่อนชิน ทหารมีตั้งหลายคน”

               ชินดนัยคว้าโทรศัพท์มากดเบอร์ที่จำขึ้นใจ รออยู่นานก็ไม่มีใครรับจนสายตัดไป ผู้พันชนวีร์ไม่เคยให้ใครรับสายแทน นี่เป็นเรื่องที่เขารู้ดีแก่ใจ เลยต้องเปลี่ยนเป้าหมายเป็นโทรเข้าไปที่ค่าย

               “ขอสายผู้พันชนวีร์ครับ”

               ((ไม่ทราบว่าจากไหนครับ?))

               “ผมชินดนัย เป็นน้องชายของผู้พันครับ”

               ปลายสายนิ่งเงียบไปอึดใจ เสียงรอบข้างดูวุ่นวาย ซึ่งชินดนัยก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องปกติหรือเปล่า ก่อนโทรศัพท์จะถูกเปลี่ยนมือไปสู่อีกคน


               ((ผมร้อยเอกติสรณ์นะครับ ผู้พันบาดเจ็บสาหัส กำลังจะย้ายขึ้นฮ.เพื่อไปรักษาที่กรุงเทพฯ......))


====================


               สุดท้าย ธรณ์ก็เป็นคนขับรถไปส่งชินดนัยที่บ้านพักกรมทหาร ตอนแรกเขาก็ยืนกรานจะรอเป็นเพื่อน แต่ชินดนัยก็ปฏิเสธท่าเดียว ธรณ์เลยต้องยอมแพ้แล้วปล่อยชินดนัยเอาไว้ เขาไม่ได้อยากทิ้งเพื่อนรักเอาไว้คนเดียว แต่เขารู้ว่า...ชินดนัยไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น ถ้าเขาอยู่ ชินดนัยก็จะต้องทนฝืนกล้ำกลืนความเจ็บปวดเอาไว้ข้างใน เขาเลยเลือกที่จะปล่อยเพื่อนเอาไว้ แต่ไม่ลืมกำชับว่า...

               “ถ้ามีอะไรต้องโทรหากูทันทีเลยนะ”

               ชินดนัยฝืนยิ้มให้เขา ก่อนจะตบบ่าเขา

               “มึงนั่นแหล่ะ...ถ้ามีอะไรต้องโทรหากูนะ มึงยังมีกูอยู่ข้างๆเสมอ”

               ธรณ์มองเพื่อนรักอย่างเป็นห่วง ก่อนจะยอมผละออกมา เขาเองก็มีเรื่องที่ต้องสะสางอยู่เหมือนกัน ชายหนุ่มโทรศัพท์เข้าที่บริษัท สอบถามจากประชาสัมพันธ์จนรู้ว่าเขตแดนยังอยู่ที่บริษัท เขาถึงได้ขับรถตรงไปที่บ้านของคุณสงคราม คำพูดของชินดนัยยังคงก้องอยู่ในหัว


               ‘อย่าเพิ่งตัดสินใจอะไร ตราบใดที่มึงยังไม่รู้ความจริงทั้งหมด’


               เขาเลยเลือกที่จะมาฟังความจริงทุกอย่างจากลุงคราม แล้วหลังจากนั้น..ก็จะเป็นเรื่องที่เขาต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อ

               เขาอยากรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ว่าแท้จริงแล้วมันเป็นมาอย่างไรกันแน่ ถ้าจะเชื่อใครซักคน ธรณ์ก็อยากจะเชื่อคุณสงครามมากกว่าเขมจิรา สำหรับคนที่เขารู้จักมาทั้งชีวิต อย่างไรก็มีภาษีดีกว่าคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในชีวิตเขาอย่างแน่นอน

               ธรณ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นว่ามีรถจอดอยู่ก่อนแล้ว แต่ดูยังไงก็ไม่ใช่รถของเขตแดน บางทีคุณสงครามอาจจะมีแขก เขาจอดรถแอบอยู่มุมหนึ่งก่อนจะก้าวลงจากรถ เดินตรงไปที่บ้านอย่างคุ้นเคย บางครั้งความคุ้นเคยก็น่ากลัว เพราะมันทำให้เรามองข้ามอะไรหลายๆอย่าง

               ยิ่งเข้าใกล้ตัวบ้าน ธรณ์ก็ได้ยินเสียงทุ่มเถียงดังออกมา เขารีบสาวเท้าเร็วขึ้นเรื่อยๆ เสียงที่ดังมาเป็นเสียงคุณสงครามไม่ผิดแน่


               “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”

               “ฉันไม่หยุด คุณจะทำไม ขนาดตายไปแล้วยังเที่ยวทิ้งของเอาไว้ให้ดูต่างหน้า นี่มันจะจองเวรจองกรรมฉันไปถึงไหนกัน”


               เพล้งงงงงงงงงง!!


               “เธอต่างหากที่มาจองเวรจองกรรมพวกเรา คราวก่อนถ้าไม่เห็นแก่หลาน คิดว่าฉันจะยอมปล่อยเธอให้เธอลอยนวลไปจนย้อนกลับทำร้ายธรณ์เหรอ”

               “ไอ้วิปริตนั่นมันมีดีอะไร คุณถึงได้รักได้หลงมันนัก”

               “ถึงร่างกายเขาจะเป็นผู้ชาย แต่จิตใจเขาดีกว่าผู้หญิงแบบเธอเสียอีก”


               ธรณ์ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะยืนฟังคุณสงครามโต้เถียงกับคุณเขมจิราต่อไป หรือควรจะเปิดประตูเข้าไปห้ามดี ระหว่างที่กำลังลังเล เสียงโต้เถียงก็ดังมาอีกระลอก


               “ไม่ว่าฉันจะหาวิธีกำจัดมันยังไง ฉันก็ยังไม่เคยเป็นที่หนึ่งสำหรับคุณเลยใช่ไหม ทำไมล่ะ...ทั้งที่มันก็ตายไปแล้วแท้ๆ ทำไมถึงไม่สนใจฉัน ต้องให้ฉันฆ่าลูกมันด้วยอีกคนใช่ไหม คุณถึงจะเห็นฉันอยู่ในสายตา ฉันรักคุณก่อนมันแท้ๆ ฉันไม่น่าให้คุณกับมันมารู้จักกันเลย”

               ธรณ์เปิดประตูเข้าไปทันที สภาพภายในบ้านเละเทะไปด้วยข้าวของที่ตกแตกกระจาย ผู้หญิงที่ธรณ์เคยยอมรับว่าดูสาวและสวยกว่าอายุจริง บัดนี้กลับอยู่ในสภาพที่ไม่น่าดูเลยซักนิด ข้างๆกันคือคุณสงครามที่มีท่าทีโกรธเกรี้ยว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อหันมาเห็นเขา

               “ธรณ์...” คุณสงครามครางชื่อหลานชายออกมาเบาๆ

               ธรณ์ไม่ได้สนใจผู้เป็นลุง เขามองไปยังเขมจิรา ที่พอหันมาเห็นเขาก็เหยียดริมฝีปากอย่างเย้ยหยัน

               “บอกให้หลานคุณมันดีใจหน่อยสิ ว่าที่คุณรักมันแทบเป็นแทบตาย ก็เพราะมันเป็นลูกของผู้ชายคนนั้น”


               “ทำไมต้องฆ่าพ่อผม?...”


               เขมจิราปรายตามองอดีตสามีก่อนจะหันมามองคนที่อายุคราวลูก ในเมื่ออยากรู้กันนัก เธอก็จะบอกให้ เพราะถึงอย่างไรเธอก็ยังมีไพ่ตายอยู่ในมืออีกใบ ไพ่ใบเดียวกันนี้แหล่ะที่เคยทำให้เธอลอยนวล แม้จะเป็นผู้จ้างวานฆ่าก็ตามที

               “ตอนแรกฉันก็แค่จะขู่อย่างเดียว แต่พ่อแกมันปากดี ฉันเลยคิดอีกทีว่า...ถ้าเกิดมันตายไปซักคน เผื่อบางทีสงครามเขาอาจจะหันมาสนใจฉันก็ได้ แล้วที่สำคัญ...พ่อแกมันบีบให้ฉันต้องทำแบบนั้นเอง”

               “เธอก็รู้ดี ไม่ว่ายุทธเขาจะอยู่หรือไม่อยู่ ฉันก็ไม่มีวันรักเธอ ยิ่งเธอพยายามดันทุรังทำอย่างที่เป็นอยู่ ฉันยิ่งขยะแขยงจนไม่อยากจะเข้าใกล้เธอ”

               สาบานเลยว่า ชั่วชีวิตที่รู้จักกับผู้เป็นลุงมา ธรณ์ไม่เคยเห็นคุณสงครามแสดงท่าทีเกรี้ยวกราดถึงเพียงนี้มาก่อน ลุงครามของเขาโกรธจนต้องกำมือแน่น พยายามอดกลั้นโทสะจนตัวสั่นสะท้าน

               “แล้วยังไงล่ะ สุดท้ายคุณกับมันก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันอยู่ดี ถ้าฉันไม่ได้ ก็ไม่ต้องมีใครได้ไป”

               “ทั้งที่ยุทธเขาก็เป็นเพื่อนเธอเนี่ยนะ”

               “ฉันไม่เคยเห็นมันเป็นเพื่อน ฉันเห็นมันเป็นศัตรูมาตลอด มันได้ทุกสิ่งทุกอย่างไป ในขณะที่ฉันไม่เหลืออะไร เห็นหน้ามันตอนที่รู้ว่าคุณเสียท่าให้ฉันไหมล่ะ...ฉันอยากจะหัวเราะออกมาดังๆเหลือเกิน คุณหนูผู้จองหองอย่างมัน สุดท้ายก็ถูกแย่งคนรักไป”

               ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจ...ถึงธรณ์จะยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางแน่ชัด แต่ฟังจากที่ผู้หญิงคนนี้พูดมา เขาไม่รู้ว่าระหว่างพ่อกับลุงต้องเจออะไรมาบ้าง แต่มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ คนที่หักหลังและฆ่าเพื่อนตัวเองได้อย่างเลือดเย็น จิตใจของเธอทำด้วยอะไรกัน

               “รู้อะไรหรือเปล่าคุณสงคราม ผู้ชายที่คุณเทิดทูนบูชานักหนา ก็คือคนเดียวกับผู้ชายที่บังคับให้ฉันเซ็นใบหย่าให้กับคุณนั่นแหล่ะ”

               คราวนี้คุณสงครามเป็นฝ่ายเบิกตากว้าง ธรณ์มั่นใจได้เลยว่า ผู้เป็นลุงเองก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้

               “ไม่จริง...”

               “จริง! มันนี่แหล่ะที่เอาเงินฟาดหัว บังคับให้ฉันเซ็นใบหย่าแล้วออกไปจากชีวิตคุณ”

               นี่มันอะไรกัน แค่ต้องมารับรู้ว่าพ่อมีความสัมพันธ์กับลุงคราม และถูกฆ่าอย่างจงใจ มันก็หนักหนาสำหรับธรณ์แล้ว ยังต้องมารับรู้เรื่องแย่ๆของรุ่นพ่อรุ่นแม่อีก

               “ยุทธไม่มีทางทำอย่างที่เธอพูด”

               “ทำไมมันจะไม่ได้ทำ คิดดูสิว่ากี่ปีที่ฉันต้องระหกระเหิน จากลูกจากสามี รอวันที่จะกลับมาแก้แค้นมัน ที่มันตายไปก็สมควรแล้ว”

               ธรณ์ลอบสบตากับคุณสงคราม ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อยากจะเชื่อว่าพ่อของเขาจะทำอย่างที่เขมจิราพูด ถึงพ่อจะไม่ได้ใจดี แต่พ่อคงไม่ใจร้ายพอจะใช้วิธีสกปรกแบบนั้น

               “หยุดแต่งละครเอาดีเข้าตัว เอาชั่วใส่คนอื่นได้แล้วครับคุณเขมจิรา”

               ธรณ์หันไปมองคนที่เพิ่งมาถึง ร่างสูงที่ยืนพิงกรอบประตูดูเหนื่อยอ่อน แต่ริมฝีปากก็ขยับเป็นรอยยิ้มร้ายแบบที่ธรณ์รู้จักดี เขาครางชื่ออีกฝ่ายออกมาเบาๆ...

               “ชิน...”

               เขมจิราหันไปมองผู้มาใหม่ ผู้ชายที่เมื่อวานมาลากธรณ์ออกไป วันนี้มันก็ยังตามมาถึงที่นี่อีก

               “แกเป็นใคร?”

               “ผมเป็นใครไม่สำคัญสำหรับคุณ ที่แน่ๆ...ผมรู้บางเรื่องที่คุณกำลังปิดบังอยู่ก็แล้วกัน”

               ดวงหน้าสวยเผือดสีไปเล็กน้อย อย่างไรเสียตรงหน้าเธอมันก็เป็นแค่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คิดได้ดังนั้น เขมจิราเลยเชิดหน้าขึ้น

               “แกมันจะไปรู้อะไร”

               ชินดนัยเหยียดริมฝีปากออก เขาเองก็เพิ่งรู้มาเหมือนกัน มันเป็นข้อมูลที่คนบางคนตามสืบมาซักพัก และไม่ยอมบอกเขา คิดแล้วก็น่าโมโห ถ้าเขาไม่แวะไปบ้านพักที่กรมก็คงไม่เห็น


               “ก็รู้ว่า...คุณเอาลูกคนอื่นมายัดเหยียดว่าเป็นลูกของคุณสงครามยังไงล่ะครับ”


TO BE CONTINUE


๐ มาต่อแล้วค่ะ เพื่อความต่อเนื่อง รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยเหมาะกับมาม่าเท่าไหร่เลย Y_Y
๐ ปมเยอะจนไม่รู้จะแก้อันไหนก่อนดี อันไหนไม่สมจริงไปบ้าง ขออภัยด้วยนะคะ เราเอ๋อและเบลอมาก
๐ ตอนที่แล้วอ่านคอมเม้นท์เพลินมากๆ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เลยค่ะ ทนกินมาม่ากันหน่อยนะคะ
๐ จริงๆจะลงกระทู้เดียว แต่มันเก็บได้ไม่หมด เลยต้องแบ่ง สั้นไปนิด
๐ ขอบคุณคนอ่านทุกๆคนเลยค่ะ  คอมเม้นท์กันได้ตามสะดวกเลย  :pig4:

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 15-01-2013 14:28:41
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 15-01-2013 14:35:58
 “ก็รู้ว่า...คุณเอาลูกคนอื่นมายัดเหยียดว่าเป็นลูกของคุณสงครามยังไงล่ะครับ”


ง่า......................นี่มันจะดราม่าอีกกี่ต่อเนี่ย มาแบบติดๆ จนรับแทบไม่ทันเลย  o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: countryside_69 ที่ 15-01-2013 15:06:47
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
เข้มข้น ๆ ลุ้นกันจนเหนื่อยเลย
 :a5: :a5:
แล้วก็คงต้องลุ้นต่อไป
 :m15: :m15:
ไม่รู้จะสงสารใครดี
มาต่อเร็ว ๆ นะคร้าบ
:call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: anuruk97 ที่ 15-01-2013 15:22:25
ช็อก....กว่าเดิมค่ะ++++อยากอ่านอีก...ขอขีดเส้นใต้ว่าอยากอ่านอีกค่า..............
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: withmeto_PJ ที่ 15-01-2013 15:37:48
อ่านสองตอนรวดเดียวเลยค่ะ แล้วก็ช็อคค้างงงงงงเลย
คืออออนี่มาม่ากี่โหลลเนี่ย ฮือออออออออออออออ
อึ้งมากก ยิ่งประโยคสุดท้ายของชินดนัยยิ่งอึ้งกว่า
มันซับซ้อนมากๆๆเลย
แต่เหนือสิ่งอืนใด อย่าว่างั้นงี้เลยนะคะ แต่อยากได้ตอนหน้าแล้ว อยากอ่านน อยากรู้ว่าจะยังไงต่อ
มันค้างมาก แล้วก็ช็อคมากด้วยยยย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 15-01-2013 15:41:28
ฮือๆ  :sad4:

สงสารพี่เขตต์จัง   พี่เขตต์ไม่ใช่ลูกลุงคราม
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 15-01-2013 16:14:22
แล้วเป็นลูกใครล่ะ ?  :a5:


เทียบกันแล้ว คิดว่าความรักของเขตต์กับธรณ์ ยังง่ายกว่าของชนวีร์กับชินดนัยซะอีก  :เฮ้อ:


น้องธรณ์ต้องคอยปลอบใจพี่เขตต์นะรู้มั๊ย  :m26:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 15-01-2013 16:21:55
ดราม่าสุดๆคดีพลิกซะงั้น
เขตแดนไม่ใช่ลูกของสงคราม
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 15-01-2013 16:28:10
บวกเป็ด
งื้อออออ แล้วพี่เขตจะช็อคมั้ยเนี่ย
คนเขียนอัพเร็วมาก น่ารักที่สุด เหมือนจะบอกไปหลายรอบ แต่รักเรื่องนี้จริงๆ ><
มาอัพใหม่ไวๆนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 15-01-2013 16:44:56
พี่แดนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 15-01-2013 17:11:16
แบบว่าหน่วงมากกกกก
สารพัดปัญหาสารพัดปมมาให้หมด
มาทุกคู่เลยด้วย
แต่ยิ่งอ่านยิ่งชอบ 55555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 15-01-2013 18:05:27
โอ้ มาม่า วันนี้คงเป็นเทศกาลอาหารประเภทมาม่าแน่ๆ
ธรณ์ รู้ว่าพ่อกับลุงสงครามรักกัน
ชิน รู้ว่าผู้พันบาดเจ็บ
และทั้งอื่น ทั้งปวง ที่หนักสุดคงเป็นพี่เขตไม่ใช่ลูกลุงสงคราม  :sad4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 15-01-2013 18:14:12
เอาแล้วๆ มาม่าอืดแล้ว

ชินเหมือนฮีโร่อ่ะ อย่าให้ผู้พันเป็นอะไรนะคะ ไม่งั้นสงสารน้องชินแย่เลย

ส่วนเรื่องพี่เขตต์ มาม่าหนัก แล้วพี่เขตต์ลูกใครเนี่ย ดูวุ่นวายไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 15-01-2013 18:34:10
 o22 o22 :a5:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 15-01-2013 19:06:59
ตอนแรกเศร้า แต่ตอนท้ายออกแนวสะใจ สมน้ำหน้าเจนจิรา ผู้หญิงอะไรร้ายกาจจริงๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 15-01-2013 19:34:32
+1 Big mama  :z2: น้องธร ต้องไปปลอบพี่เขตแล้วคราว นี :z2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: leetoei ที่ 15-01-2013 19:40:56
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด มาม่าไม่จบไม่สิ้น!!
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ พี่เขตต์ของเค้า...

นังเขมจิรา แกมันจุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย ไปตายซะ!!!!!!!
อยากจับแกหักคอจริงๆ อิบ้า!!!
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 15-01-2013 19:43:16
ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเพื่อนทรยศศศศศศศศศ

 :z3: 

พี่เขตต์เข้ามาเจออีกสิ .. หรือรู้อยู่แล้วหว่า?

:เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 15-01-2013 20:28:24
ประโยคสุดท้ายโดนใจสุดๆ

แต่สงสารเขต เขตจะรู้เรื่องนี้รึยังนี่

 :L2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 15-01-2013 20:34:12
อ่าว... แล้วพี่เขตลูกใครล่ะเนี่ย  :a5:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 15-01-2013 21:20:11
แบบว่ากำลังมันเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: gngane ที่ 15-01-2013 21:23:36
มันหน่วงมากค่าาาาาา

ผัดมาม่ารสชาติที่กินเเล้วอยากตายย

ฮือออออออออออออออออออออออออ

สงสารทุกคน ยกเว้นนังมารร้าย ไปตายซะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ตอนหน้าขอให้เคลียร์ให้จบหมดมาม่าเถอะนะ สาธุๆ

มาต่อไวๆนะค่ะ

มาทำให้ค้างอย่างนี้ไม่ดีนะนักเขียน
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 15-01-2013 21:36:41
เป็นมาม่ารสต้มยำที่เข้มข้นมากกกก กินจนปวดตับไตไส้พุงไปหมดแล้วววว :m31:
อยากรู้จริงๆว่ายัยตัวร้ายนี่รอดคุกมาได้ยังไง และจะโดนกำจัดด้วยวิธีไหนให้สาสมที่สุด :fire:
น้องธรณ์กะพี่เขตสู้ๆ o13
หวังว่าผู้พันคงไม่เป็นไรมากน๊า สงสารคู่นี้เป็นที่สุด :m15:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 15-01-2013 21:38:10
มันส์แล้วๆๆ :-[
เด่วมีมันส์แน่ๆๆ  o13
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 15-01-2013 22:16:21
กำลังมันเลยอ่ะ หุหุ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 15-01-2013 22:26:17
กำ แล้วจะเป็นงัยต่ออะเนี้ย พี่เขตแดนเราจะเป็นงัยอะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 15-01-2013 22:39:09
ลุ้นตัวโก่ง เรื่องราวของรุ่นพ่ออ่านแล้วสนุกไปอีกแบบ
อยากรู้ว่าตอนนั้นพ่อธรณ์จะเป็นยังไง นึกไม่ออกเลย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: N_N ที่ 16-01-2013 00:00:34
เนื้อเรื่องตอนนี้กำลังมันเลย เหมือนใกล้จุดคายแม๊กเข้าไปทุกที :z2:

ยายป้าปีศาจเขมจิรานั่น จิตใจอัปลักษณ์จริงๆ มิน่าถึงไม่มีใครรัก  :beat: :z6:

ส่วนคนที่น่าสงสารที่สุดกลายมาเป็นเขตแตนซะงั้น  :sad4:

คู่ดนัยกับพี่ชายยิ่งแล้วใหญ่ :o12:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 16-01-2013 10:37:49
เขตแดนคงเข้าใจจจ :z3:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 16-01-2013 11:13:19
คุณเขมจิรานี่นางมารร้ายในละครเลย  แต่กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมสนอง  ความลับไม่มีในโลกจริงๆ
ดีใจแทนเขตแดนที่คุณสงครามเข้าใจ และยังฝากฝังให้เขตแดนดูแลธรณ์ให้ดี

คุณชินมาช่วยแล้ว แสดงว่าผู้พันก็ปลอดภัยนะซิ

กด + ให้กับมาม่าชามโตที่ส่งมาให้กินเรื่อยๆ แต่ไม่ต้องเอามาให้กินบ่อยๆ นะค่ะ แบบว่าคนอ่านจุกแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 16-01-2013 11:42:02
ฆ่าเจ็เขมจิราซะ ย๊าก!!!!!!!!!ยัยมารร้าย

ตอนนี้เรื่องวุ่น สับสนไปหมดเเล้ว สงสารลุงสงครามกะคุณพ่อจัง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 16-01-2013 14:22:19
มาต่อเร็ว ๆ น่ะ กำลังมันเลยอ่ะ ค่อย ๆ แก้ปมไปจ้ะ สร้างปมซะเพียบเลยน่ะ หยั่งงี้เขตต้องไปตามหาพ่อด้วยหรือเปล่าเนี่ย สงสารความรักของคนรุ่นพ่อจังเลยน่ะ :z3: ยังไงคนรุ่นลูกก้อต้องสู้ ๆ น่ะ เผื่อคนรุ่นพ่อจะได้มีความสุขอย่างน้อยก้อยังได้เห็นลูกของตนเองมีความสุขกับความรักของตัวเองน่ะ
ป.ล.คนแต่ง ๆ เรื่องนี้คนละฟีลกับเรื่องพจนานุกรมคำรักจังเลยน่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 16-01-2013 14:36:35
เขมจิราร้ายยิ่งกว่านางร้ายในละครทีวีอีกนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 16-01-2013 14:38:52
กรี๊ด!!!!!!!!!!!! ลุ้นๆๆๆ หายใจไม่ออก อยากอ่านอีกๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 16-01-2013 18:06:47
ชลวีร์คงไม่เป็นอะไรใช่ไหม ชลวีร์อย่างทำให้ชินดนัยเสียใจนะ เขตรู้เขตจะทำยังไงนะ ธรณ์ใจเย็น ๆ สงสารครามธีมาก ๆ เลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: ordinary ที่ 16-01-2013 21:44:03
หลังจากอ่านจบก็อุทานออกมาว่า

WHAT THE FUCKKKKK  :z3:

งี้พี่เขต์ตลูกใครอ่า โอ้ยสงสารเขต์ตแดน มีแม่นิสัยไม่ดี  :เฮ้อ:
คือปมมันเยอะจริงๆแหละ 555 เดาทางไม่ถูกเลย

จริงๆลุงสงครามกับลุงยุทธก็ผิดนะ ที่นอกใจภรรยา แต่เขมจิรา
ก็มำเกินไปอ่ะ ส่งคนมาฆ่าเลย เหอๆ คงจะรักมากแค้นมากประมาณนั้น

ส่วนพี่เขต์ตนี่ก็ไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไหร่ในสองตอนนี้แต่ว่าโผล่แค่ชื่อมาตอนท้าย
ก็ทำเราอึ้ง ทึ่ง ตกใจ คือสงสารเขต์ตอ่ะ คือต่อจากนี้คงมองหน้าพ่อไม่สนิทใจ
แบบถึงสงครามจะยอมรับเขต์ตเป็นลูกก็เถอะ แต่ด้วยนนิสัยแบบเขต์ต เราว่า
เขต์ตต้องแอบเกรงใจ แล้วยิ่งเป็นประธานบริษัททั้งๆที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับลุงยุทธเลย
(คือก่อนหน้านี้ยังมีตำแหน่งลูกคนรักไง55)

ส่วนน้องธรณ์ก็น่าสงสารต้องมารับรู้ความจริงทั้งหมดภายในสองวัน
เฮ้อ เรื่องของคนรุ่นพ่อแม่นี่ทันส่งผลกระทบต่อลูกอย่างสาหัสจริงๆ

จริงๆความรักชชไม่ใช่เรื่องผิดนะเพียงแต่สังคมกำหนดกฆเกณฑ์ขึ้นมา
คือมันเป็นแค่สิ่งสมมุติอ่ะ เฮ้อ ไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะชอกช้ำกันทุกคน

ปล.เรื่องทหารนี่เราเซ้นซิทีฟมากนะ ปกติข่าวทหารตายไม่ค่อยเป็นที่
สนมจของคนเท่าไหร่ ทั้งๆที่เค้ากำลังปกป้องแผ่นดินของชาติแท้ๆ
ปล2. คีย์บอร์ดไอโฟนสี่แถวนี่ใครก็ได้เอาไปเก็บที
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 17-01-2013 18:59:12
เพิ่งตามมาอ่านเรื่องนี้ สนุกน่าติดตามมาก เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ รอลุ้นตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 17-01-2013 23:12:14
พี่เขตต์เป็นลูกคนอื่น!!!!ช็อคกว่าเก่าเลยยย :freeze: o2 :a6:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 17-01-2013 23:16:34
พี่เขตต์ไม่ใช่ลูกลุงสงคราม  ... โอ้ววว

ช่วงนี้กำลังมันส์จริง ๆ เลยค่ะ ... สนุกมากกกก

ขอบคุณค่ะ +1

 :L2:

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: bb_b ที่ 22-01-2013 23:03:13
หายไปไหนอ่า   :a5:   o22
 :serius2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 26-01-2013 17:18:57
โหววว ค้างมากอ่าาา มาต่อไวๆน้า กำลังมันส์เลยยยย รอนะคะ เรื่องนี้สนุกมากสำหรับเรา ;)
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: ordinary ที่ 26-01-2013 18:38:44
ยังรออยู่นะคะ  :mc4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 18 :: 15.01.2013」หน้าที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 28-01-2013 23:24:59
ตามมาจนทัน แต่ก้ไม่พ้นตอนดาม่า อีกอิชั้น :z3: คายแม็กซะด้วยสิ รอนะจ้ะ ลุ้นเวอร์
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 30-01-2013 23:33:06
“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 19


               ธรณ์เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง หลังจากสมองกลั่นกรองคำพูดของชินดนัยอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขามองหน้าเพื่อนรักที่กระตุกยิ้มร้ายอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า ก่อนจะเบนสายตามามองเขมจิราที่ยืนนิ่งงัน

               นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน !?! คนรุ่นพ่อรุ่นแม่กำลังเล่นตลกอะไรกันอยู่

               เขมจิราถึงกับหน้าถอดสี เมื่อความลับที่เธอเฝ้าเก็บงำมาเนิ่นนาน จนเผลอคิดว่ามันตายไปพร้อมกับคนบางคนแล้ว กลับถูกเด็กหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวลูกเปิดโปงออกมา

               เหตุการณ์เหมือนวันนั้นไม่มีผิด วันที่เธอคิดจะกลับมาทวงสิ่งที่เป็นของเธอจากอดีตเพื่อนรัก ด้วยหลักฐานที่เธอมั่นใจว่าธีรยุทธต้องกลายเป็นเบี้ยล่างเธออย่างแน่นอน แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพียงเพราะคำพูดประโยคเดียวที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง


              ‘ออกไปจากชีวิตของพวกฉัน ถ้าเธอไม่อยากให้ครามรู้ว่าเขตแดนไม่ใช่ลูกของเขา’


               เขาว่ากันว่า...คนเราเวลาจนตรอกย่อมตัดสินใจทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะไตร่ตรองหรือปราศจากการไตร่ตรองก็ตามที ตอนนั้นเธอคิดเพียงแต่ว่า...เธอจะต้องปิดปากธีรยุทธ ทีแรกเธอก็ตั้งใจแค่จะส่งคนไปขู่ แต่ใครจะรู้ว่าความยโสโอหังของคนที่เป็นอดีตเพื่อนรัก จะทำให้เธอบันดาลโทสะขึ้นมาจริงๆ จนควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้

               เธอเฝ้าลำพองว่าความลับจะเป็นความลับต่อไป แต่แล้วนี่มันอะไรกัน เด็กผู้ชายอวดดีคนหนึ่งรู้เรื่องของเธอได้อย่างไร

               “แก...แกรู้ได้ยังไง”

               ชินดนัยเหยียดยิ้มออก แม้จะสงสารหลายต่อหลายคนที่ต้องมารับรู้ความจริงที่เจ็บปวด แต่ในเมื่อเรื่องมันดำเนินมาถึงขนาดนี้ ก็มีแต่จะต้องพูดทุกอย่างออกมาให้หมด อย่าให้เหลือความลับอะไรมาทำร้ายใครได้อีก ถ้าจะต้องเจ็บ ก็ให้มันเจ็บทีเดียวจนชาไปเลย จะได้ไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวดกับอะไรอีก เขาเหลือบมองธรณ์ที่มีแต่ความสับสนปรากฏอยู่บนหน้า อยากจะดึงเพื่อนรักเข้ามากอด แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เขาจะทำทีหลัง

               “คุณคงไม่รู้ว่าเคยมีการตรวจดีเอ็นเอระหว่างคุณเขตแดนกับคุณสงคราม”

               แค่ประโยคเดียว เป้าหมายก็เบนกลับไปที่คุณสงครามทันที เขมจิรามองอดีตสามีดวงตาวาวโรจน์ คุณสงครามเองก็ไม่ได้คิดจะหลบสายตา มันคงมากเกินพอแล้วสำหรับความอดทนของเขา

               “คุณรู้อยู่แล้ว?”

               คุณสงครามพยักหน้าช้าๆ แรกเริ่มเดิมทีมันเป็นความคิดของธีรยุทธ ตอนแรกเขาก็คัดค้านเรื่องตรวจดีเอ็นเอ เพราะไม่ว่าเขตแดนจะเป็นลูกของเขาจริงหรือไม่ เขาก็พร้อมที่จะรักและเลี้ยงดูเขตแดน แต่สุดท้ายก็ทนการหว่านล้อมของธีรยุทธไม่ไหว จนต้องดำเนินการตรวจดีเอ็นเอเงียบๆ โดยที่เขตแดนไม่รู้ตัว

               ผลการตรวจออกมาปรากฏว่าเขากับเขตแดนไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย ที่มีก็เป็นเพียงแค่ความเสียดายที่เขตแดนไม่ใช่ลูกของเขา ถึงอย่างไร เขาก็ยังคงรักเขตแดนอยู่เสมอ เขายังจำคำพูดของธีรยุทธวันที่รู้ผลได้ว่า...

               ‘ผมให้ตรวจ ไม่ได้ต้องการให้พี่ปฏิเสธหรือคืนเขตต์ให้กับเข็ม แต่มันเป็นสิทธิ์ของพี่ที่ควรได้รู้’

               มันเป็นสิทธิ์ของเขาที่ควรได้รู้ว่าเขตแดนไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของเขา แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะรักเขตแดนอย่างไม่มีเงื่อนไขเช่นกัน ถึงแม้เขากับธีรยุทธจะรักกันมากแค่ไหน เราทั้งคู่ก็ไม่สามารถมีทายาทด้วยกันได้ การได้เฝ้าดูเด็กชายตัวน้อยเติบใหญ่จึงกลายเป็นความสุขของเขาและธีรยุทธ

               เขาตกหลุมรักเด็กทารกตัวน้อยตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น แม้ระหว่างเขากับเขมจิราจะไม่มีความรัก แต่เขากลับรักเขตแดนอย่างเต็มหัวใจ รัก...โดยไม่สนว่าเขตแดนจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของใคร

               “รู้ไว้เลยนะเขมจิรา ว่าที่ผ่านมาฉันรู้แต่ไม่พูด เพราะฉันไม่อยากให้ลูกชายของฉันเสียใจ” เขาเรียกเขตแดนว่าลูกชายได้อย่างเต็มปาก ขณะมองคนที่เป็นแม่ของลูกดวงตากร้าว

               “น่าขำนะ ในเมื่อคุณรักเด็กที่ไม่ใช่ลูกตัวเองได้ ทำไมคุณถึงรักฉันไม่ได้ล่ะ”

               ความอัดอั้นในใจเธอ ใครเลยจะรู้ ไม่ว่าพยายามแค่ไหน ก็ไม่เคยได้อยู่ในสายตาของเขา เขตแดนเป็นลูกชายที่เธอรัก แต่ในความรักมันก็แฝงความอิจฉาไว้เต็มเปี่ยม ลูกชายของเธอได้รับความรักจากเขา แม้ว่าจะไม่ใช่สายเลือดของเขา แต่ทำไมความรักที่เขามีถึงไม่เผื่อแผ่มาถึงเธอบ้างเลย

               “ฉันว่าเราเคยพูดเรื่องนี้กันหลายรอบแล้วนะเขมจิรา ความรักมันบังคับกันไม่ได้ ฉันรักและเอ็นดูเขตต์ แต่สำหรับความรักฉันท์ชู้สาว...ฉันให้เธอไม่ได้จริงๆ”

               “ไม่ว่าจะมีมันหรือไม่มีมัน คุณก็ไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตาอยู่ดี”

               คุณสงครามถอนหายใจยาว เขาก็เคยคิดอยากจะลองรักคนอื่นนอกจากธีรยุทธดูเหมือนกัน เผื่อจะได้ไม่ต้องเจ็บเจียนตายกับความรักที่เป็นไปไม่ได้ แต่หัวใจคนเรามันไม่ได้บังคับกันง่ายๆ ถ้าทุกอย่างมันง่ายดายอย่างที่พูดจริง ปัญหามันคงไม่คาราคาซังมาจนถึงจุดนี้ ถ้าเพียงแต่เขาสามารถรักคนอื่นนอกจากธีรยุทธได้ แต่เพียงแต่เขายอมตัดใจและปล่อยมือจากธีรยุทธได้ แต่เขาก็ทำไม่ได้จริงๆ

               “ฉันให้เธอเป็นได้แค่น้องสาว แต่ความเป็นพี่น้องของเรามันสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่เธอทรยศยุทธเขาแล้ว”

               “ทุกอย่างก็สาสมแล้วสำหรับสิ่งที่มันทำกับฉัน”

               ธรณ์ที่ยืนฟังอยู่ ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจ สิ่งที่พ่อของเขาทำมันร้ายแรงถึงขนาดต้องชดใช้ด้วยชีวิตเชียวหรือ

               “พ่อผมทำอะไร ทำไมถึงกับต้องฆ่าแกงกัน...”

               เขมจิราเบือนหน้ากลับมาหาธรณ์ ริมฝีปากที่แต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงวาดรอยยิ้มเยาะ ที่คงมีเพียงเจ้าตัวที่รู้ว่าเธอกำลังเย้ยหยันตนเองหรือเด็กหนุ่มตรงหน้า

               “พ่อของแกน่ะหรือ...”

               ดวงตาเรียวทอดมองราวกับจะย้อนกลับสู่อดีต เธอเฝ้ารอวันที่ธีรยุทธจะล้มลง แต่มันก็เป็นแค่ความหวังลมๆแล้งๆของเธอ แม้ขนาดตัวจากไป ก็ยังอุตส่าห์ทิ้งทายาทเอาไว้


               “ฉันกับพ่อแกเคยเป็นเพื่อนรักกัน หลังจากที่มันแต่งงานกับแม่แก ส่วนฉันก็แต่งงานกับคุณสงคราม พ่อแกเกิดรู้ว่าที่จริงแล้วเป็นแผนการของฉันที่จะผูกมัดสงคราม ฉันก็ไม่ปฏิเสธหรอก ฉันรักสงคราม ฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้เขามา แม้กระทั่งเอาลูกคนอื่นมาเรียกร้องให้เขารับผิดชอบ แต่แกรู้ไหม...ว่าพ่อของแกมันค่อยๆวางแผนตลบหลังฉันอย่างเงียบๆ พอมันก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารของอิสรพัฒน์ มันก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมบีบจนที่บ้านฉันล้มละลาย แล้วก็เป็นมันอีกเหมือนกัน...ที่เข้ามาหยิบยื่นเงินก้อนโตให้ฉัน แลกกับการเซ็นใบหย่าและออกไปจากชีวิตของคุณสงคราม”


               “ไม่จริง...”

               ไม่ใช่แค่ธรณ์ที่ปฏิเสธออกมา แม้แต่คุณสงครามก็ส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงเมื่อคำยืนยันมันหลุดออกมาจากปากของชินดนัย

               “จริง! อายุทธใช้อำนาจของประธานบริษัทบีบจนครอบครัวคุณเขมจิราล้มละลาย”

               เขมจิราปรายตามองชินดนัยแวบหนึ่ง ก่อนจะเล่าต่อ


               “ฉันต้องรับเงินก้อนจากธีรยุทธอย่างไม่มีทางเลือก เซ็นใบหย่าให้คุณสงครามมีอิสระ แล้วตัวเองก็ต้องหายออกไปจากชีวิตของคุณสงครามกับเขตแดน ได้แต่เฝ้าดูมันพาตัวเองเข้ามาแทนที่ฉัน มันคงคิดว่าฉันจะลืมและเรื่องทุกอย่างจะจบ แต่มันคิดผิด ฉันคอยตามดูมันกับคุณสงครามตลอด คิดว่ามันต้องมีช่องโหว่ให้ฉันเล่นงานได้บ้าง แต่ยิ่งตามดู ยิ่งได้เห็นมันมีความสุข ฉันก็ยิ่งโกรธแค้นเป็นเท่าตัว พอฉันมั่นใจว่าจะเล่นงานมันได้ ฉันถึงได้กล้ากลับมาหามัน”


               “ซึ่งนั่นก็คือวันที่อายุทธถูกฆ่า” ชินดนัยเอ่ยต่อเสียงเรียบๆ

               ธรณ์แทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น ถึงภาพลักษณ์ของพ่อในสายตาของเขาจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าพ่อจะทำถึงขนาดนี้ มันคงเป็นการจองเวรจองกรรมกันไปไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าพ่อยังมีชีวิตอยู่ เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าเรื่องราวมันจะจบลงอย่างไร หรือจะต้องฟาดฟันกันจนตายเสียทั้งคู่ถึงจะสาแก่ใจ

               สิ่งที่เกิดขึ้น มันเหมือนกับบ่วงกรรมที่พันธนาการทุกคนไว้ด้วยกัน ถ้าพ่อกับคุณเขมจิราไม่ได้ชอบผู้ชายคนเดียวกัน ถ้าไม่คิดที่จะแก้แค้นกันและกัน ทุกอย่างคงไม่ดำเนินมาจนถึงจุดนี้ จุดที่อะไรๆ ก็สายเกินกว่าจะกลับไปแก้ไขได้

               “ฉันอยากจะทำให้อิสรพัฒน์ล้ม อยากจะให้มันพังลงไปเหมือนที่มันเคยทำกับฉัน แต่ฉันก็ทำไม่ได้ เพราะลูกชายของฉันเอาแต่ประคับประคองมันเอาไว้”


               คุณสงครามรู้ว่าคุณธีรยุทธเองก็รักและเอ็นดูเขตแดนเหมือนเป็นลูกชายอีกคน แต่เขาเพิ่งรู้ซึ้งวันนี้เองว่า ที่ธีรยุทธเฝ้าทุ่มเททุกอย่างให้เขตแดน เพราะหวังว่าอย่างน้อยเขมจิราจะรู้สึกอะไรบ้าง และที่สำคัญ การที่พินัยกรรมผูกมัดให้เขตแดนต้องดำรงตำแหน่งประธานบริษัทจนกว่าธรณ์จะอายุครบยี่สิบห้า มันไม่ใช่การกลั่นแกล้งหรือหักหน้าธรณ์ แต่เพราะธีรยุทธมั่นใจว่าเขมจิราจะไม่มีทางทำอะไรอิสรพัฒน์ ตราบใดที่เขตแดนเป็นคนกุมบังเหียน และระยะเวลาที่ผูกมัดเขตแดนเอาไว้ด้วยตำแหน่งประธานบริษัท มันน่าจะเพียงพอให้เขมจิรายอมเลิกรา หรือถ้าเขมจิราไม่ยอมวางมือ อย่างน้อยเขตแดนก็ได้สร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับลูกชายคนเดียวของเขา...ธรณ์ อิสรพัฒน์ ทายาทตัวจริง!!


               ธีรยุทธรู้จุดอ่อนของเขมจิราดี มันไม่ใช่จุดอ่อนของผู้หญิง แต่มันเป็นจุดอ่อนของคนเป็นแม่ ที่ถึงจะดีจะชั่วอย่างไร ก็ต้องคิดคำนึงถึงลูกเสมอ ต่อให้ทำร้ายคนทั้งโลก แต่คนเดียวที่เขมจิราจะไม่มีวันยอมทำร้ายก็คือ...เขตแดน เกียรติณรงค์ ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ
               

               ธรณ์เองก็คงไม่เข้าใจจุดประสงค์ของคุณธีรยุทธ ซึ่งคุณสงครามมั่นใจว่า ถึงธีรยุทธจะไม่ได้รักอัจฉราฉันท์ชู้สาว แต่ธีรยุทธย่อมรักลูกชายคนเดียวที่ตนเองเป็นคนให้กำเนิดแน่ๆ ทว่าธรณ์กลับตีความหมายการกระทำของพ่อตนเองไปไกล เฝ้าน้อยอกน้อยใจว่าพ่อรักเขตแดนมากกว่าตนเอง คุณสงครามเองก็เคยนึกสงสัยการกระทำของคนรัก แต่วันนี้ทุกอย่างได้กระจ่างแจ้งหมดแล้ว

               คนที่จากไปได้วางแผนการทุกอย่างอย่างแยบยล แต่คนที่เหลืออยู่นี่สิ...

               “คุณรู้ไหมคุณเขมจิรา อายุทธเขาฉลาดกว่าที่คุณคิดเสียอีก”

               ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คุณสงครามที่มองทุกอย่างออก ชินดนัยเองก็ไม่ต่างกัน ธรณ์ได้แต่มองคุณสงครามสลับกับเพื่อนรักไปมาอย่างสับสน ทุกอย่างมันประเดประดังเข้ามาจนเขาจับต้นชนปลายไม่ถูก จนตอนนี้ไม่รู้ว่าควรจะสงสารใครกันแน่


               ...ความรักในอดีต นอกจากไม่ทำให้ใครสมหวังแล้ว ยังทำให้คนในปัจจุบันต้องเป็นทุกข์ตามไปด้วย...


               “ไม่ว่ายังไงคุณก็ไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก ไม่มีวันเลยจริงๆ” ชินดนัยเอ่ยย้ำ ราวกับจะให้มันซึมลึกลงไปในใจของคนฟัง

               “รู้ได้ยังไง ว่าฉันไม่มีวันชนะธีรยุทธได้” เขมจิราประกาศออกมา ก่อนจะต้องเป็นฝ่ายตัวชา เมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยดังมาจากเบื้องหลัง



               “พอเถอะครับแม่”



               ทุกสายตาหันขวับไปทางต้นเสียง มีเพียงชินดนัยที่ไม่ได้มีท่าทีแปลกใจอะไร ร่างสูงที่ยังสวมสูทยืนอยู่ตรงกรอบประตู ดวงหน้าคมมีหยาดเหงื่อเกาะพราว บ่งบอกถึงความเหนื่อยอ่อน แม้รูปประโยค เขตแดนจะพูดกับผู้เป็นแม่ แต่ดวงตาของเขากลับมองตรงมาที่ธรณ์ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

               เขตแดนมองเห็นความเปราะบางสะท้อนออกมาจากแววตาของธรณ์ เขาอยากจะคว้าร่างคนที่ยืนอยู่เข้ามากอดแนบอกแน่นๆ แล้วปลอบประโลมน้องน้อยของเขา ติดที่ว่าสถานการณ์ตรงหน้าไม่เอื้ออำนวยให้ทำอย่างที่ใจคิด

               “เขตต์...” เขมจิราครางชื่อลูกชายเพียงคนเดียวเสียงแผ่ว

               “พอนะครับแม่ อายุทธเองก็เสียไปแล้ว เลิกแล้วต่อกันเถอะครับ”

               เขมจิรานิ่ง เจ็บไหนจะเจ็บเท่าลูกตัวเองไม่เข้าข้าง ลูกชายเธอก็ไม่ต่างอะไรจากคุณสงคราม หลงลูกของธีรยุทธหัวปักหัวปำจนไม่เห็นแก่แม่ตัวเอง

               “เขตต์ไม่รู้ว่าแม่ต้องเจออะไรบ้าง คนที่แกเคารพรักเหมือนพ่ออีกคนน่ะ ทำกับแม่แกยังไง”

               เขตแดนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เขาไม่เคยมีโอกาสได้พูดกับแม่อย่างจริงจัง สำหรับเรื่องที่ผ่านมา แต่นี่คงถึงเวลาที่ต้องพูดแล้วจริงๆ เพราะถ้าไม่พูด เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าเรื่องมันจะยืดเยื้อไปอีกเท่าไหร่ ต่อให้อีกฝ่ายเป็นแม่บังเกิดเกล้า แต่ก็คงต้องว่ากันไปตามผิดตามถูก

               ถ้าเขายังปล่อยให้แม่ทำเรื่องเลวร้ายต่อไป เขาก็ไม่ต่างอะไรจากลูกเลวๆคนหนึ่ง

               “ผมรู้ครับแม่ ผมได้ยินหมดแล้ว”

               “ได้ยิน? เขตต์ได้ยินอะไรบ้าง” เขมจิราถามเสียงเครียด

               ต่อให้ความลับจะถูกเปิดโปง เรื่องเลวร้ายจะถูกป่าวประกาศ ขอเพียงอย่างเดียว ขอแค่เขตแดนยังไม่รู้ หัวอกคนเป็นแม่แล้ว ไม่ว่าอย่างไร ลูกก็มีอิทธิพลเสมอ ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอก อยากให้ลูกรับรู้ความร้ายกาจของตัวเอง

               “ผมรู้ว่าอายุทธทำอะไรไว้” เขตแดนเอ่ยเสียงเรียบๆ

               “แกรู้ แต่แกก็ยังเข้าข้างพวกมัน” เขมจิรามองลูกชายคนเดียวด้วยความผิดหวัง

               “มันคงไม่เป็นอย่างนี้ ถ้าแม่ไม่หลอกพ่อว่าผมเป็นลูกพ่อ”

               อย่า...อย่ามองแม่ด้วยสายตาแบบนั้น ต่อให้ทุกคนจะมองด้วยความเกลียดชังอย่างไร มันก็ไม่เท่าสายตาที่เจ็บปวดจากลูกชายคนเดียว เธอคิดเสมอ ว่าการเลือกคุณสงครามให้เป็นพ่อของเขตแดนคือสิ่งที่ดีสุด เธอคิดฝันจะสร้างครอบครัวอบอุ่นด้วยกันกับคุณสงคราม แต่เธอคงลืม...ถ้าเธอฝันอยู่คนเดียว ทุกอย่างก็เป็นได้แค่ความฝันลมๆแล้งๆ

               “อายุทธและพ่อดีกับผมมากๆ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของพ่อก็ตามที ให้เรื่องทุกอย่างมันจบเถอะนะครับแม่ อย่าดันทุรังอีกเลย”

               เขตแดนมองผ่านผู้เป็นแม่ไปยังคุณสงคราม ก่อนสายตาจะไปหยุดอยู่ที่ธรณ์ บางอย่างในแววตาของเขตแดน กระตุ้นให้ธรณ์ค่อยๆขยับตัวเข้าไปหา

               “ในเมื่อเขตต์รู้ทุกอย่างแล้ว ก็ให้เรื่องทุกอย่างมันจบลงซะทีเถอะเขมจิรา”

               “ยอมมอบตัวเถอะครับคุณเขมจิรา อย่าให้เรื่องมันยุ่งยากไปมากกว่านี้เลย” ชินดนัยเอ่ยเสียงเรียบ ตั้งท่าเตรียมพร้อมจะเข้าชาร์จอีกฝ่ายอยู่ทุกขณะ

               เขมจิรานิ่งงัน ท้ายที่สุดเขตแดนก็รู้สิ่งที่เธอพยายามปิดบัง แล้วมันจะเหลืออะไรให้เธอต้องเสียอีก ไม่มีธีรยุทธแล้ว เรื่องก็ยังไม่จบ เพราะอะไรกัน เพราะเด็กนั่น...เพราะมีธรณ์ อิสรพัฒน์อยู่ใช่ไหม ถ้าไม่มีธรณ์อยู่ซักคน เรื่องทุกอย่างมันคงง่ายดาย

               ก่อนที่ใครจะทันรู้ตัว ปืนกระบอกเหล็กก็ถูกชักออกมา มัจจุราชสีเงินพุ่งเป้าตรงไปอย่างเป้าหมาย ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นเลย นอกจากคนที่เขมจิราคิดว่าเป็นเสี้ยนหนามตำใจเธอ


               “แม่!!”



               ปังงงงง!!!


====================

[มีต่อนะคะ]
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 30-01-2013 23:45:28


               เสียงหวอของรถพยาบาลยังดังก้องอยู่ในหัวของธรณ์ แม้ว่าตอนนี้จะกำลังนั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉินก็ตามที ธรณ์ก้มลงมองฝ่ามือของตนเอง ภาพของเขตแดนที่เข้ามาบังกระสุนแทนเขายังติดตา

               “ทำไม...ทำไมกัน...” ธรณ์พึมพำออกมาเสียงแผ่ว ก่อนจะรู้สึกถึงฝ่ามืออบอุ่นที่วางลงบนไหล่ของเขา

               อ้อมกอดที่คุ้นเคยรั้งธรณ์เข้าไปกอด แม้ไม่ใช่พ่อ แต่ก็อบอุ่นเหมือนพ่อ ธรณ์กลับไปเป็นเด็กชายตัวน้อย ซุกตัวเข้าหาไออุ่นจากอ้อมกอดของลุงคราม ตอนนี้เขาต้องการแค่ใครซักคนที่จะมาปลอบประโลมเขา

               ธรณ์ไม่รู้ว่ามันเป็นความตั้งใจของเขตแดนหรือเปล่า แต่ภาพเขตแดนที่โดนยิง นอกจากจะทำให้เขากับคุณสงครามชะงักแล้ว คุณเขมจิราเองก็แทบสิ้นสติ

               แม่...ร้ายแค่ไหน ก็ไม่เคยอยากทำร้ายลูก

               เขตแดนหยุดคุณเขมจิราได้จริงๆ แต่ทำไม...ทำไมต้องหยุดด้วยตัวเอง ภาพที่คุณเขมจิราทรุดลงกอดร่างลูกชายที่เสียเลือดมาก ทำเอาหลายคนถึงกับสลด ผู้หญิงคนที่ถือปืนเมื่อซักครู่ คือคนเดียวกับที่กำลังกอดร่างที่ไม่ได้สติของลูกชาย แล้วปล่อยให้น้ำตารินไหล ดูเหมือนชินดนัยจะเป็นเพียงคนเดียวที่ได้สติ เพราะกว่าทุกคนจะรู้ตัว ชินดนัยก็โทรเรียกรถพยาบาลแล้วจัดการจับคุณเขมจิราแยกออกจากเขตแดนแล้ว ประโยคสุดท้ายก่อนที่เขตแดนจะหมดสติยังติดอยู่ในใจของทุกคน


               ‘ผม...ชดใช้ความผิดแทนอายุทธที่มีต่อแม่ และชดใช้ความผิดของแม่ที่มีต่ออายุทธแล้ว...เลิกแล้วต่อกันนะครับ’


               ธรณ์เคยเห็นความเด็ดขาดของชินดนัยมาหลายครั้ง และหนนี้ก็เป็นอีกครั้ง ที่ชินดนัยทำให้ธรณ์รู้ว่า เจ้าตัวถูกสั่งสอนมาให้มีสติอยู่เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม เพื่อนรักของธรณ์คุมตัวคุณเขมจิราไว้ และให้ธรณ์กับคุณสงครามล่วงหน้ามากับรถพยาบาล วินาทีนั้นไม่มีอะไรสำคัญกว่าเขตแดนที่ถูกพาขึ้นรถพยาบาล และตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทั้งธรณ์และคุณสงครามยังคงนั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ไม่ได้ขยับตัวไปไหน

               “ลุงคราม...” ธรณ์เอ่ยเสียงแหบ มือจับยึดเสื้อของผู้เป็นลุงแน่น

               ตอนนี้ธรณ์ไม่อยากจะสนใจอะไรอีกแล้ว เรื่องในอดีตจะเป็นอย่างไรก็เอาไว้ก่อน จะมีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของคนที่อยู่ในห้องฉุกเฉิน เขาเสียพ่อ เสียแม่ไปแล้ว เขาจะไม่ยอมเสียเขตแดนไปอีก


               ถ้าต้องเสียเขตแดนไป ธรณ์...จะมีชีวิตอยู่ต่อไปยังไง เขาสูญเสียคนที่รักมามากพอแล้ว


               “เขตต์ต้องไม่เป็นอะไรธรณ์ เชื่อลุงนะ เขาถึงมือหมอแล้ว”

               เขตแดนคงไม่ใจร้ายขนาดที่จะทิ้งเขาไปใช่ไหม ที่ปล่อยให้เขาต้องมานั่งกระวนกระวายอยู่หน้าห้อง มันก็ใจร้ายเกินไปแล้ว เขาไม่พร้อมจะสูญเสียใครอีกจริงๆ

               “เป็นยังไงบ้างครับ”

               ธรณ์ผละตัวออกจากผู้เป็นลุง ก่อนจะหันไปหาคนที่เพิ่งมาถึง ธรณ์เพิ่งมีโอกาสสังเกตชัดๆว่าชินดนัยดูอ่อนล้ามากแค่ไหน เพื่อนรักของเขา...ทำเพื่อเขามากเหลือเกิน

               “ยังไม่ออกมาจากห้องฉุกเฉินเลย” คุณสงครามเป็นคนตอบแทน ก่อนจะถามชินดนัยกลับ “เขมจิราเป็นยังไงบ้าง”

               ชินดนัยถอนหายใจยาว ความรักของแม่นี่ช่างร้ายกาจจริงๆ เขาเองก็นึกไม่ถึงว่า พอเขตแดนเอาตัวมาบังกระสุนแทนธรณ์ คุณเขมจิราจะถึงกับสติแตกทันที

               “ผมให้ญาติที่เป็นตำรวจคุมตัวอยู่ แล้วก็แจ้งทางสามีใหม่ของเขาเรียบร้อยแล้ว”

               คุณสงครามพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ มันถึงเวลาหรือยัง ที่เขาควรจัดการอะไรให้มันเด็ดขาดเสียที ทุกอย่างมันควรจะจบสิ้นลงได้แล้ว อย่าให้มีใครต้องเดือดร้อนอีกเลย

               “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณลุงแล้วครับ ว่าจะจัดการยังไงต่อ จะจัดการให้เด็ดขาด หรือจะปล่อยไปเหมือนที่ผ่านมา”

               คุณสงครามนิ่ง เขารู้ว่าชินดนัยรู้อะไรมากกว่าที่เขาคิด ได้แต่ถอนหายใจออกมา ครั้งนั้นก็เป็นเขาเองที่เลือกปล่อยเขมจิราไป แม้จะรู้ดีว่าเธอเป็นสาเหตุการตายของธีรยุทธ


               ...คนอื่นหมื่นแสนก็คุ้มรอด      ยอดรักคนเดียวไม่คุ้มได้
               จำเพาะเด็ดดวงจิตปลิดเอาไป      ช่างกระไรพ้นที่จะป้องกัน...


               จาก ขุนช้างขุนแผน


               เขาโกรธ เขาเจ็บ เขาแค้น ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย แต่เป็นตัวเขาเองที่ไม่อาจปกป้องคนที่รักได้ ถ้าไม่ใช่เพราะคำขู่ของเขมจิราในวันนั้น ว่าเธอจะเปิดโปงทุกเรื่องให้สังคมรู้ ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่สั่งสมมาของอิสรพัฒน์ต้องสั่นคลอนอย่างแน่นอน ลำพังแค่ลมปากของเธอคงไม่มีใครเชื่อ แต่หลักฐานที่อยู่ในมือต่างหากเล่า ที่มันจะมัดตัวเขาให้ดิ้นไม่หลุด

               คุณสงครามไม่ได้กลัวว่าคนอื่นจะมองตนเองไม่ดี แต่ ณ เวลานั้น สิ่งเดียวที่ทำให้เขายอมเจรจาต่อรองกับเขมจิรา เพื่อแลกกับทุกหลักฐานที่เธอมี โดยการปล่อยเธอไป ก็คือ...ธรณ์

               ‘ถ้าฉันไม่เอาเรื่อง ไม่แจ้งความ เธอก็อย่าได้กลับมาอีก’

               เขาบอกเขมจิราว่าอย่างนั้น เพราะเขาคิดว่าในเมื่อธีรยุทธเองก็เสียชีวิตไปแล้ว ทุกอย่างมันคงจะจบลงด้วยดี เขาไม่เอาเรื่องเอาราว แลกกับการที่เขมจิราจะไม่เปิดโปงความสัมพันธ์ของเขากับธีรยุทธ แต่เขาไม่รู้ ว่าธีรยุทธเคยทำให้เขมจิราเจ็บแค้นมากแค่ไหน และที่สำคัญ...


               คุณสงครามเลือกที่จะปกป้องธรณ์จากเรื่องต่างๆ เขาไม่แคร์ว่าใครจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับธีรยุทธ แต่แค่ธรณ์...แค่ธรณ์ที่ให้รู้ไม่ได้จริงๆ ถ้าปล่อยให้เขมจิราเปิดโปงทุกอย่าง ธรณ์ที่อยู่ต่างประเทศจะต้องรู้อย่างแน่นอน แล้วคุณสงครามเองก็รู้ดีว่า ธรณ์คงไม่เข้าใจและยอมรับไม่ได้ หรือร้ายที่สุด ธรณ์อาจจะเตลิดไปจนกู่ไม่กลับเลย แต่บัดนี้สิ่งที่เขมจิราเคยเอามาขู่เขา มันไม่ได้มีความหมายอะไรอีกแล้ว

               เหตุการณ์ครั้งนั้นอาศัยอำนาจของอิสรพัฒน์ ทุกอย่างถูกจัดฉากว่าคุณธีรยุทธตายเพราะอุบัติเหตุ มันเป็นช่วงที่ธรณ์กำลังบาดหมางกับผู้เป็นพ่อ เจ้าตัวถึงไม่ได้สนใจข่าวสารที่เกิดขึ้น เขมจิราเองก็เดินทางออกนอกประเทศ ครั้งสุดท้ายที่ได้ข่าวว่าเธอแต่งงานกับชาวญี่ปุ่น คุณสงครามเองก็โล่งใจไปเปาะหนึ่ง ไม่คิดไม่ฝัน ว่าซักวันอดีตภรรยาจะกลับมา

               เพราะต้องการปกป้องความรู้สึกของธรณ์ แก้วตาดวงใจของคนรัก คุณสงครามถึงได้ปล่อยเขมจิราไป แต่บัดนี้ ทุกอย่างมันควรจบลงเสียที

               “ดำเนินคดีไปตามที่เห็นสมควรเลย”

               ธรณ์ชะงัก เขาเงยหน้ามองผู้เป็นลุง ถึงอย่างไรผู้หญิงคนที่ว่าก็เป็นแม่ของเขตแดน คุณสงครามมองสบตากับหลานชาย ก่อนจะเอ่ยเสียงหนักแน่น ไม่เปลี่ยนความตั้งใจของตนเอง

               “ทุกอย่างมันควรจบลงได้แล้วธรณ์ อย่าลืมนะ...ว่าเขาเป็นคนฆ่าพ่อของธรณ์”

               ชินดนัยบีบไหล่เพื่อนรักไว้แน่น แต่ตามองตรงไปที่คุณสงคราม

               “ผมจะรีบให้ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการโดยเร็วครับ”

               เอ่ยจบ ชินดนัยก็ขอตัวกลับไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ปล่อยหน้าที่ในการรอคอยเขตแดนเป็นของคุณสงครามและธรณ์ หลังจากชินดนัยไปไม่นาน ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกเปิดออก ชายหนุ่มต่างวัยผุดลุกขึ้นพร้อมกันทันที ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาคุณหมอที่เพิ่งเดินออกมา

               “คนเจ็บเป็นยังไงบ้างครับ?” ธรณ์เอ่ยถามเสียงสั่น มันผสมปนเปกันระหว่างความอยากรู้กับความกลัว

               พ่อกับแม่ได้อยู่ด้วยกันบนสวรรค์แล้ว อย่าพาพี่เขตต์ไปเลยนะครับ ผมไม่เหลือใครแล้วจริงๆ

               ชั่วขณะที่คุณหมอถอดผ้าปิดปากออก มันช่างยาวนานในความรู้สึกของคนรออย่างธรณ์และคุณสงครามเหลือเกิน


               “คนไข้...พ้นขีดอันตรายแล้วครับ”


====================


               เพดานสีขาวคือสิ่งแรกที่เขตแดนมองเห็นหลังจากลืมตา เขากวาดสายตามองดูรอบๆ โรงพยาบาลไม่ผิดแน่ๆ พอจะขยับตัวก็รู้สึกตึงบริเวณแผลที่ถูกผ่าตัด ชายหนุ่มค่อยๆลำดับเหตุการณ์ย้อนหลัง...

               เขาเห็นแม่ตั้งใจจะยิงธรณ์ คิดแค่ว่าจะต้องปกป้องธรณ์และหยุดแม่ให้ได้ ถึงได้ถลาออกไปบังธรณ์เอาไว้ หวังให้ความผิดทุกอย่างจบลงที่ตัวเขาเอง หลังจากนั้นก็หมดสติไป เพิ่งจะมารู้สึกตัวเอาเมื่อกี้

               ธรณ์ล่ะ...ธรณ์อยู่ที่ไหนกัน บาดเจ็บอะไรหรือเปล่า?

               ทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตู เขตแดนก็หันขวับไปมองทันที ก่อนสายตาจะทอประกายผิดหวังจางๆ เมื่อคนที่เข้ามาไม่ใช่คนที่เขารอคอย

               “เป็นยังไงบ้างลูก?” คุณสงครามเดินมาประชิดเตียงของลูกชาย

               “ยังตึงๆแผลอยู่เลยครับ”

               “พักผ่อนให้หายดีแล้วค่อยกลับไปทำงานนะ ช่วงนี้งานที่บริษัทก็ให้เวธน์ดูแลแทนไปก่อน”

               คำพูดของพ่อฟังดูทะแม่งๆ ในเมื่อมีธรณ์อยู่ ทำไมธรณ์ถึงไม่เป็นฝ่ายรับผิดชอบแทน หรือว่าธรณ์จะเป็นอะไรไป ปากขยับไปเร็วกว่าความคิด

               “ธรณ์ล่ะครับพ่อ?”

               “น้องไม่อยู่น่ะ”

               “แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่ครับ”

               “ยังไม่รู้เลย อาจจะกลับ หรืออาจจะไม่กลับเลย” คุณสงครามตอบเสียงเรียบๆ ก่อนจะมองเลยออกไปนอกหน้าต่าง

               เขตแดนถึงกับชะงักไปทันที ไม่กลับมันหมายความว่ายังไงกัน เขาไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยนาน รีบเอ่ยถามผู้เป็นพ่อทันที

               “หมายความว่ายังไงครับ ทำไมธรณ์ถึงไม่กลับ”

               คุณสงครามเบือนหน้ากลับมาหาเขตแดน เขามองคนที่เป็นลูก แม้จะไม่ใช่โดยสายเลือดอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำที่กรีดหัวใจคนฟังออกมา

              “ธรณ์ไปอเมริกาแล้ว เขาฝากบอกลูกว่า...”



               “ฝากดูแลบริษัทแทนเขาด้วย ตำแหน่งประธานบริษัทและอำนาจการตัดสินใจทุกอย่างเป็นของเขตต์”


TO BE CONTINUE



เป็นตอนที่มาช้ามาก ขอโทษทุกคนด้วยจริงๆค่ะ กราบงามๆเลย
จวนจะจบแล้วค่ะ อาจจะเป็นตอนหน้า หรืออาจจะอีกสองตอน ยังกะไม่ถูกเลย ต้องรอตอนเขียนอีกที
ยังไม่ได้เริ่มเขียนนั่นเอง >.<

เขียนตอนนี้แล้วแอบคิดเองว่า...สรุปแล้วพ่อธรณ์ใช่ไหมที่เป็นตัวร้าย เหมือนจะสื่อว่า แม้แต่พ่อธรณ์ก็มีมุมที่ร้าย
เขียนออกมาแบบมึนๆเบลอๆ รีบเอามาลง ตัวสะกดเดี๋ยวมาเช็คอีกทีนะคะ
มีตรงไหนผิดอะไรยังไงท้วงได้เลยค่ะ มาม่าคงหมดแล้ว

เขียนไปก็แอบเพลียกับพล็อตตัวเองเบาๆ มันอีรุงตุงนังเหลือเกิน งงกันไหมคะ?
เจอกันตอนหน้านะคะ อาจจะนานนิดนึง ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ อารมณ์อาจจะขาดช่วงไปบ้าง
ต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ  :pig4:

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 31-01-2013 00:06:07
สงสารพี่เขตต์อ่ะ   :z3:

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: hobazaki ที่ 31-01-2013 00:28:33
กรีซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ ทำไมน้องธรณ์ทิ้งพี่เขตไปแบบนี้ นี่ยังไม่หายเจ็บเลยนะะะะะะะะะะ TOT
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 31-01-2013 00:37:21
เขตน่าสงสารมาก ๆ เลย ต้องรู้ว่าตัึวเองไม่ใช่ลูกของคราม แล้วยังต้องรับรู้เรื่องบาดหมางระหว่างแม่ตัวเองกับคนที่ตัวเองรักและเคารพอีก แล้วยังต้องมารับรู้ว่าธรณ์ไปอเมริกาอีก ธรณ์คิดอะไรอยู่ทำไมถึงทำแบบนั้นกับนะนั่น แม่ของเขตร้ายมากเลยนะ ถึงยุทธจะผิดยังไง แต่คนที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนคือตัวเองไม่ใช่หรือไง แล้วยังคิดทำร้ายคนอื่นอีก ครามรักยุทธมากเลยนะเนี่ย ยอมปล่อยคนที่ทำร้ายยุทธเพราะเป็นห่วงความรู้สึกลูกของยุทธเนี่ย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: YOSHIKUNI RUN ที่ 31-01-2013 04:21:26
อ่านรวดเดียวเลย
มีแต่เรื่องเต็มไปหมด เราเลยไรู้จะสงสารใครดี
มันเป็นปมแค้นรุ่นพ่อ แล้วยังกลับมาทำร้ยรุ่นลูกอีก
เราร้องไห้เยอะเลยอ่ะ สนุกมาก อินตามเลย :sad11:

ธรณ์กำลังหนีแล้ว พีี่เขตต์รีบรักษาตัว
แล้วไปตามกลับมาเร็วๆเลยนะ   :serius2: :serius2:

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 31-01-2013 05:18:58
 :m15:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 31-01-2013 05:47:39
ทำไมธรณ์หนีอย่างนี้ไม่ห่วงพี่เขตเลยเหรอ
พี่เขตหายไวๆนะ ไปตามน้องกลับมา
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: So_Da_Za ที่ 31-01-2013 07:40:04
ทำไมธรณ์ต้องหนีไปอเมริกาอ่ะ
รักษาใจหรืออะไร
พี่เขตต้องการกำลังใจน้า ฮื้อๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 31-01-2013 08:43:13
เป็นตอนที่เข้มข้นมากจริง ๆ ค่ะ

แอบปวดใจไปกับตัวละคร

ขอบคุณมาก ๆ นะคะ

บวกเป็ด ^^

 :L2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 31-01-2013 08:44:31
 :a5: โอววแม่จ้าววว..หลังจากที่เฝ้ารอมาหลายวัน ในที่สุดมาม่าชามนี้ก็ใกล้จะหมดแระ
ขอขนมหวานตบท้ายเยอะๆนะ อย่าเพิ่งรีบจบน๊า :sad4:
สุดท้ายแล้วเขตเป็นคนน่าสงสารที่สุด ธรณ์ทิ้งเขตไปเพื่ออะไรอ่ะ ธรณ์คิดอะไรอยู่หนอ  :z3:
  อยากรู้คู่ของชินดนัยด้วย ผู้พันชนวีร์เป็นอย่างไรบ้าง  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 31-01-2013 09:01:43
  :o12: :o12: :o12: :sad4: :sad4: :sad4::call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 31-01-2013 09:50:40
ความเป็นผู้ใหญ่ของพี่เขต มันทำให้รับมือกับอะไรได้หลายอย่าง
แต่การที่น้องน้อยไม่อยู่เคียงข้างพี่ในวันที่พี่เจ็บ แล้วพี่จะเป็นอย่างไร
ฮืออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 31-01-2013 09:52:31
นึกว่าเหตุการณ์จะดีขึ้น แต่ไหงตอนสุดท้าย

น้องธรณ์ทำอย่างงี้หละคะ สงสารพี่เขตต์ น้องธรณ์กลับมาหาพี่เขตต์ด่วนๆเลยนะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: N_N ที่ 31-01-2013 09:55:08
 :m31: :z6:
ทำไมถึงทำแบบนี้ ธรณ์ ไอ้เด็กบ้า
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 31-01-2013 09:56:49
ปมเงื่อนต่างๆ มันดูซับซ้อนซ่อนเงื่อนมาก  เพราะดูแล้วแต่ละคนก็มีความลับ  แต่ความลับก็ไม่มีในโลก ทำให้คนอื่นๆ ก็รู้ความลับของตัวเอง  งานนี้คงต้องโทษคนรุ่นพ่อแม่ที่ได้ทำเอาไว้ แต่ผลกรรมกลับมาตกให้ลูกที่ไม่รู้เรื่องได้รับรู้  และคนที่ดูน่าสงสารที่สุดคงเป็นธรณ์ และเขตแดน

จะจบแล้วเหรอเรื่องนี้  ยังอยากรู้เรื่องชินดนัย-ผู้พันอยู่เลย  เพราะอยากรู้ว่าพ่อ-แม่ของชินจะรู้เรื่องของลูกๆ หรือเปล่า

กด + ให้กับความกระจ่างที่คลุมเครือมานาน
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: honeyhoon ที่ 31-01-2013 10:37:04
  o13
เย้ๆมาต่อแล้ว :3123:
กำลังสนุกเลย
ธรณ์ไปเมกาจริงๆหรอ
อย่าทิ้งพี่เขตไปจิ น่าสงสารอ่า :sad11:
รอตอนต่อไป
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 31-01-2013 11:53:36
น้องธรณ์ไปทำไมละลูก!!!!  :z3:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 31-01-2013 12:01:03
ตอนยังไม่รู้ว่าเขตแดนจะปลอดภัยรึเปล่า ธรณ์ก็กลัวจะเสียเขตแดนไป แต่พอเขตแดนปลอดภัยธรณ์กลับหนีไปเสียเอง ธรณ์นี่เอาใจอยากจัง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 31-01-2013 12:54:42
ทำธรณ์ต้องไปอเมริกาด้วย

แล้วพี่เขตต์จะตามไปไหม?
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 31-01-2013 12:59:16
เฮ้ออออออ
บทสรุปก็คือรักมากไป ทำให้เกิดความมืดบอดทางปัญญาและจิตใจ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 31-01-2013 13:05:48
ใจร้ายยยยย ทิ้งพี่เค้าได้ไง :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 31-01-2013 13:24:34
ไหนธรณ์บอกว่าสูญเสียอีกไม่ได้ แล้วทำไมถึงทิ้งเขตต์เอาไว้ล่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 31-01-2013 13:31:02
ธรณ์ไปไหนเนี่ยยยย
กลับมาหาพี่เขตเหอะนะ
ทิ้งไปงี้ได้ไงอ่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: It_s_me ที่ 31-01-2013 13:45:39
ที่ธรณ์น่าจะมีเหตุผลที่ดีแหละ ในความรู้สึกเรานะ
เพราะธรณ์คงไม่ทิ้งเขตแดนทั้งๆที่ตัวเองเฝ้าภาวนาไม่ให้อีกฝ่ายจากไแปแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 31-01-2013 14:35:12
อ่าาา จะจบแล้วหรอ อยากให้มีต่อไปเรื่อยๆชอบเรื่องนี้มากกกก
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 31-01-2013 20:04:21
เขตอย่าไปยอมน้องไปตามน้องกลับมาเลย

รักนะ เขตธร
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 01-02-2013 06:15:25
ไปไม่่ำไม่ลาเลยนะน้องธรณณ์
สงสารพี่เขตตตต
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 01-02-2013 07:09:44
สงสารทั้งเขตต์และน้องธรณ์       
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 01-02-2013 07:58:36
เป็นตอนที่บทสรุปออกมาให้กระจ่าง+โล่ง
สงสารแต่เขตต์ที่ตื่นมาไม่เจอน้อง
แง่งๆๆๆ เอารักคืนรังเค้ามา
แต่เอ๊ะ หายป่วยก็ไปหาน้องได้นี่หว่า
ถือว่าฮันนีมูน
วิ้วววว กดบวกปล่อยเป็ดรอตอนต่อไป
ขอบคุณคนแต่ง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 19 :: 30.01.2013」หน้าที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 01-02-2013 10:26:55
หายไปนานจนนึกว่าลืมกันซะแล้วคุณเรนเซ่  :o8: กลับมาก้อดราม่าสุด ๆ เลยน่ะ งานนี้คนที่น่าสงสารที่สุดก้อคือเขตแดนน่ะ ยังไงธรณ์ก้ออย่าทิ้งความรักไปล่ะ ทุกอย่างกำลังไปด้วยดีแล้วน่ะ พยายามอีกนิดนึง แล้วความรักก้อจะจบลงอย่างสวยงามไม่เหมือนคนรุ่นพ่อน่ะ เราไม่แปลกใจน่ะว่าทำไมพ่อของธรณ์จึงเลือกทำเช่นนั้นน่ะ แต่ทุกคนเลือกที่จะปิดความจริงจนมันย้อนกลับมาทำร้ายคนรุ่นลูกน่ะ ถ้าเลือกที่จะบอกความจริงมันน่าจะดีกว่าน่ะ เขาอาจจะทำใจไม่ได้ในช่วงแรกแต่เรามองว่าถ้าร่วมกันแก้ไขและรับรู้กันน่าจะดีกว่าน่ะ  :เฮ้อ: ยังไงรีบมาต่อเร็ว ๆ น่ะจ้ะ แล้วอย่าลืมเรื่องพจนานุกรมฯ ล่ะ รอนานเลย  :fire:
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 01-02-2013 13:04:58
“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 20
[ตอนจบ]


              คนเจ็บที่เพิ่งรู้สึกตัวเมื่อสิบห้านาทีก่อนนอนหลับตานิ่งๆ ปล่อยความคิดของตัวเองให้ล่องลอย มีคุณสงครามยืนมองอยู่ข้างเตียงด้วยความเป็นห่วง

              เขตแดนเชื่อว่าธรณ์ย่อมมีเหตุผลในการกระทำ แต่ทำไมเขายังหาเหตุผลที่ธรณ์จากไปไม่เจอ

              โกรธกันจนไม่อยากแม้แต่จะเห็นหน้าเชียวหรือ? อย่างน้อยก็น่าจะบอกเขาซักนิดว่าจะไป อย่างน้อยก็น่าจะรอเขารู้สึกตัวก่อน อย่างน้อย...

              ความคิดของเขตแดนถูกขัดจังหวะลง เมื่อคุณหมอเจ้าของไข้เดินเข้ามา เขตแดนนอนนิ่งๆ ให้คุณหมอตรวจบาดแผล จิตใจยังพะวงถึงคนที่จากไปโดยไม่ล่ำลา เสียงคุณสงครามที่ซักถามอาการกับคุณหมอไม่ได้เขาหูเขาเลยซักนิด

              “เอาล่ะครับ เดี๋ยวนอนพักดูอาการอีกซักสามวันก็กลับบ้านได้แล้วครับ”

              “ครับ ขอบคุณคุณหมอมากเลยครับ”

              “งั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ”

              คุณสงครามเดินไปส่งคุณหมอที่ประตู เสร็จแล้วก็เดินกลับมานั่งข้างเตียงลูกชาย ร่างสูงใหญ่ในชุดคนป่วยดูซูบลงไปเยอะจนผู้เป็นพ่ออดสะท้อนใจไม่ได้ เพราะไม่ได้เห็นลูกชายป่วยบ่อยนัก

              “เขตต์...”

              “ครับ?”

              คุณสงครามสูดลมหายใจเข้าปอดแน่น เขารู้ว่าเขตแดนมีวุฒิภาวะมากพอ แต่บางทีเขาก็ยังกลัวการตัดสินใจของเขตแดนอยู่ ถึงแม้เขาจะเป็นคนเลี้ยงดูเขตแดนมาเองกับมือ แต่เขาก็เลี้ยงได้แค่ตัว ส่วนหัวใจก็ต้องให้เจ้าของเป็นคนกำหนดเอง


              “เขตต์ยังเป็นลูกของพ่อเสมอนะ”


              เขตแดนเบือนหน้ากลับมามองผู้เป็นบิดา แม้จะรู้สึกแปลกๆที่คุณสงครามไม่ใช่ผู้ให้กำเนิดเขา แต่การได้รับรู้ความจริงในตอนที่อายุย่างเข้าสามสิบ เลยไม่ได้ทำให้เขารู้สึกตกใจแม้แต่น้อย มันฟังดูเหมือนละคร แต่ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่จะยอมรับมัน เรื่องราวต่างๆ ที่รับรู้มา ทำให้เขาไม่อยากจะยึดติดกับอะไรให้ใจต้องเป็นทุกข์อีก

              “แล้วพ่อรู้ไหมครับ ว่าพ่อจริงๆ ของผมเป็นใคร”

              “เป็นเพื่อนนักศึกษารุ่นเดียวกับพ่อ แต่เขาเสียไปแล้ว ถ้าลูกอยากเจอ...” คุณสงครามเอ่ยยังไม่ทันจบ เขตแดนก็ขัดขึ้นเสียก่อน

              “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมมีพ่อก็เพียงพอแล้ว”

              ถึงจะไม่ใช่พ่อที่แท้จริง แต่ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เขตแดนกล้าพูดได้เลยว่า คุณสงครามทำหน้าที่พ่อได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย และสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเลยไป เขาก็ไม่อยากจะรื้อฟื้นอะไรอีก มันไม่มีประโยชน์ที่จะไปขุดคุ้ยหาอดีต ให้ทุกอย่างมันจบลงเท่านี้ก็พอแล้ว

              “ถ้าหายดีแล้วอยากไปเยี่ยมแม่เราก็บอก พ่อจะพาไป”

              “แม่...จะได้ออกมาไหมครับ”

              จะดีจะชั่วอย่างไร แม่ก็คือผู้ให้กำเนิด คือผู้ให้ชีวิต ถึงอย่างไรเขาก็ตัดไม่ขาด

              “ข้อหาพยายามฆ่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ถ้าเขาทำตัวดี ก็คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”

              เขตแดนถอนหายใจออกมา แม้จะสงสารคุณเขมจิรามากเพียงใด แต่กฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย ถึงอย่างไรคนทำผิดก็ต้องรับโทษ

              เขาเคยคิดว่าหลังจากพายุร้ายผ่านพ้นไป ท้องฟ้าจะสว่างสดใส แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด ในเมื่อแสงสว่างในชีวิตของเขาหายไป

              “ตอนแรกพ่อกลัวว่าเขตต์จะเสียใจ ถ้ารู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของพ่อ”

              “ก็มีเสียใจบ้าง เพราะผมเชื่อมาตลอดว่าพ่อเป็นพ่อของผม”

              “ถึงวันนี้พ่อก็ยังเป็นพ่อของลูกอยู่เสมอ พ่อ...ไม่จำเป็นต้องมีสายเลือดเดียวกับลูก ก็สามารถเป็นพ่อของลูกได้ พ่อรักลูกนะ”

              เขตแดนยกมือขึ้นไหว้คุณสงคราม ที่เอื้อมมาลูบหัวลูกชายอย่างอ่อนโยน ถึงจะเป็นนักธุรกิจใหญ่ในสายตาคนอื่น แต่สำหรับคนเป็นพ่อแล้ว...ลูกก็คือลูกอยู่วันยังค่ำ

              “ผมรู้ครับ ไม่งั้นพ่อคงบอกความจริงผมตั้งแต่วันที่พ่อรู้แล้ว” เขตแดนเอ่ยปนเสียงหัวเราะหน่อยๆ

              “เดี๋ยวออกจากโรงพยาบาลแล้วก็กลับไปอยู่บ้านเรากันนะ”

              เขตแดนหันมาสบตาคนเป็นพ่อนิ่ง เฝ้าทบทวนว่าตัวเองยังมีสิทธิ์ตามพินัยกรรมอยู่อีกหรือไม่ ที่ผ่านมาเขาคิดว่าตนเองเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณสงคราม ถึงได้กล้ารับความไว้วางใจที่คุณธีรยุทธมอบให้ แต่บัดนี้ เขากลับเป็นเหมือนคนนอก แม้สำหรับคุณสงครามเขาจะยังเป็นลูกอยู่เสมอ แต่คนนอกอย่างเขาที่ไม่ได้เกี่ยวพันอะไร มีสิทธิ์ในสมบัติและอำนาจของอิสรพัฒน์ด้วยหรือ?

              “ธรณ์...เขาจะไม่กลับมาจริงๆหรือครับ”

              “ธรณ์บอกพ่อว่าจะกลับไปเรียนต่อ และมันก็เป็นหน้าที่ของเขตต์ที่ต้องดูแลทุกอย่างของอิสรพัฒน์ตามพินัยกรรม”

              “ผมจะมีสิทธิ์อะไรไปดูแล...” เขตแดนเอ่ยเสียงเบา

              บทจะคิดเล็กคิดน้อย ลูกชายคนเดียวอย่างเขตแดนก็ทำได้ดีไม่แพ้ใคร โชคดีที่คุณสงครามเลี้ยงดูเขตแดนมาและรู้จักอุปนิสัยของลูกชายเป็นอย่างดี ถึงได้รู้ว่าจะต้องพูดอย่างไรให้เขตแดนเข้าใจและยอมรับได้

              “ถึงยังไงเขตต์ก็ต้องดูแลอยู่ดี ไม่มีธรณ์แล้ว เขตต์จะให้ใครเป็นประธานบริษัท ถ้าไม่ใช่เขตต์” คุณสงครามเอ่ยถามลูกชายเสียงเรียบๆ

              เขตแดนเองก็นิ่งงันไป พินัยกรรมของคุณธีรยุทธระบุให้เขาเป็นประธานบริษัทก็จริง แต่นั่นก็จนกว่าธรณ์จะอายุครบยี่สิบห้า เขายอมรับว่าพอรู้ความจริงก็เกิดตะขิดตะขวงใจ อยากจะยกตำแหน่งประธานบริษัทคืนให้ทายาทที่แท้จริงโดยเร็ว ไม่ใช่ตัวเขาที่เป็นเพียงคนนอก แต่ในเมื่อคนที่มีสิทธิ์โดยชอบธรรมหนีไปไกลถึงอีกซีกโลกแล้ว ความรับผิดชอบมันก็ตกเป็นของเขาเต็มๆ

              “พ่ออย่าบอกนะว่า...ที่ธรณ์ไปเพราะอยากให้ผมเป็นประธานบริษัทต่อไป”

              “ลูกชายพ่อฉลาดเสมอ” คุณสงครามตอบก่อนจะยิ้มออกมานิดๆ

              “เขาคิดว่าผมเป็นเด็กเหมือนเขาหรือไง ถึงจะได้งอแงปัดความรับผิดชอบ”

              “เขตต์กล้าพูดไหมล่ะ ว่าลูกไม่ได้คิดจะสละตำแหน่งประธานบริษัทคืนให้ธรณ์ก่อนกำหนด”

              คุณสงครามดักคอลูกชายอย่างรู้ทัน เลี้ยงดูกันมาหลายสิบปี ถ้าไม่รู้จักลูกชายตัวเองดี จะให้ไปรู้จักใครที่ไหนกัน พอเห็นเขตแดนเงียบไป ก็นึกรู้ทันทีว่าตัวเองคาดเดาไม่ผิด เขตแดนบางทีก็หยิ่งในศักดิ์ศรีเกินไป ไม่อยากยอมรับอะไรที่ไม่ใช่สิทธิ์ของตนเอง หารู้ไม่ว่าเจ้าของสิทธิ์เขาเต็มใจมอบให้

              “ตอนที่ทำพินัยกรรม ยุทธเขารู้แล้วว่าเขตต์ไม่ใช่ลูกพ่อ แต่เขาก็ยังกล้าฝากอิสรพัฒน์และลูกชายคนเดียวของเขาให้เขตต์ดูแล มันไม่ได้เกี่ยวกับความใกล้ชิดอะไรเลย ทุกอย่าง...เพราะเขาไว้วางใจในตัวลูก ไม่ใช่เพราะลูกเป็นลูกของพ่อ อย่าลืมนะ...ว่าเขตต์ยังเป็นผู้ปกครองของธรณ์อยู่”

              ถ้อยคำของพ่อ เปรียบเสมือนแสงที่สว่างวาบที่ปลายอุโมงค์ ให้คนป่วยได้กระตุกยิ้มออกมานิดๆ

              “ผมบอกพ่อแล้วใช่ไหมครับ ว่าผมรักธรณ์”

              “พ่อรู้ และพ่อก็จะไม่ขัดขวาง ขออย่างเดียว...อย่าทำให้น้องเสียใจ”

              “พ่อจะไม่เสียใจใช่ไหม ถ้าทั้งผมและธรณ์จะไม่สามารถมีทายาทได้”

              “พ่อจะไม่บังคับเขตต์ และพ่อก็จะไม่บังคับธรณ์ บทเรียนจากอดีตก็ทำให้เห็นแล้วไม่ใช่หรือ พ่อกับยุทธถูกผู้ใหญ่กีดกัน แล้วสุดท้ายเป็นยังไง ทำตามที่หัวใจของลูกต้องการเถอะ”

              ริมฝีปากหยักเหยียดออกเป็นรอยยิ้ม...หัวใจเราเคยเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน คงไม่ช้าไปใช่ไหม ถ้าจะทำให้มันกลับมาเต้นพร้อมๆ กันอีกครั้ง

              “ธรณ์เขาฝากพ่อมาบอกผมเองนะครับ ว่าอำนาจการตัดสินใจทุกอย่างเป็นของผม” เขตแดนเอ่ยพร้อมกับกระตุกยิ้มร้าย

              คุณสงครามพยักหน้ายิ้มๆ เห็นใบหน้าที่หมายมาดของลูกชายแล้วก็พลอยยินดี ลูกชายคนเดียวที่เขาภาคภูมิใจ เขตแดนไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ


              เขตแดนอาจจะยอมให้ธรณ์ได้มีอิสระบ้าง แต่เขารู้ตัวดี...ว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยธรณ์ไปจากอ้อมกอดของเขาอีกแล้ว

              เขาปล่อยให้นกน้อยออกไปบินเที่ยวเล่นอยู่นาน ถึงเวลาที่จะต้องพากลับรังเสียที

              ถูกแล้ว! มันเป็นรัง ไม่ใช่กรงที่กักขัง แต่เป็นรังที่ถูกสร้างขึ้นด้วยความรัก



              เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้เถอะธรณ์ หายดีเมื่อไหร่ เขาจะไปพาเจ้านกปีกกล้าขาแข็งนั่นกลับมาด้วยตัวเอง


====================


              ‘ธรณ์แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะไป?’

              ชายหนุ่มยิ้มให้กับผู้เป็นลุง แม้มันจะเป็นยิ้มที่ฝืดเฝื่อนก็ตามที

              ‘ครับ ถ้าธรณ์ไม่ไป พี่เขตต์อาจจะไม่ยอมเข้ามาบริหารบริษัท เขาคงจะต้องยัดเยียดให้ผมรับตำแหน่งประธานบริษัทแน่ๆ เพราะเขาจะต้องคิดว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ แต่ถ้าธรณ์ไม่อยู่...ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องรับผิดชอบมัน’

              ‘ความจริงธรณ์ลองพูดกับพี่เขาก่อนก็ได้นะลูก หรืออย่างน้อยก็รอให้พี่เขาฟื้นก่อน จะได้ล่ำลากันก่อนจะไป’ คุณสงครามพยายามทักท้วงหลานชาย

              ‘ไม่ได้หรอกครับ ธรณ์ตั้งใจจะเรียนต่อปริญญาโทด้วย ต้องรีบไปเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ’

              ถ้อยคำที่บอกไป คงมีแค่เจ้าตัวที่รู้ดีว่ามันเป็นข้ออ้าง เขารู้ว่าถ้าเขาอยู่จนเขตแดนรู้สึกตัว คงไม่ได้ล่ำลากัน เพราะเขาคงทำใจที่จะจากไปไม่ได้ แม้ไม่อยากจากไป แต่มันก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ

              ธรณ์คงอยู่ต่อเพื่อรอดูเขตแดนคืนทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาให้เขาไม่ได้ เขาไม่ได้อยากอยู่เหนือเขตแดน เขาไม่ได้อยากเป็นประธานบริษัท เขายังไม่พร้อม และเขาก็มองไม่เห็นใครที่จะเหมาะสมไปกว่าเขตแดนอีก จะบอกว่าเขาเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่ธรณ์ก็เลือกจะที่ให้เขตแดนเป็นคนดูแลสิ่งที่พ่อของเขาสร้างมากับมือ

              ยิ่งได้ทำงานใกล้ชิดกัน ธรณ์ยิ่งรู้ว่า เขายังไม่พร้อมสำหรับตำแหน่งประธานบริษัทจริงๆ ต่อให้เขาอายุครบยี่สิบห้าตามพินัยกรรม เขาก็ยังไม่พร้อมอยู่ดี เขาไม่อยากเสียคนดีๆอย่างเขตแดนไป เขาเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวเองและเห็นแก่บริษัท อยากให้เขตแดนอยู่บริหารบริษัทของเขาต่อไป และอย่างน้อย...มันก็เป็นสิ่งที่ผูกมัดให้เขตแดนอยู่ในสายตาเขาไปนานๆ เพราะธรณ์ไม่รู้เลยว่า ถ้าไม่ได้เป็นประธานบริษัทแล้ว เขตแดนจะเลือกแนวทางชีวิตของตนเองอย่างไร

              ‘ถ้าตัดสินใจดีแล้ว ลุงก็จะไม่ห้าม ไปอยู่ที่นั่นก็ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะลูก’

              ธรณ์เงยหน้ามองผู้เป็นลุงเต็มตา ลุงครามยังเป็นลุงครามเสมอ ไม่เคยเปลี่ยน ยังห่วงเขาอย่างไรก็ยังเป็นเหมือนเดิม แค่เพราะความไม่มั่นใจแท้ๆ ที่ทำให้เขาระแวงในความรักของลุงคราม

              ‘ขอธรณ์กอดลุงครามได้ไหมครับ’

              คำตอบคืออ้อมกอดอบอุ่นที่รัดร่างธรณ์ไว้แนบแน่น สัมผัสที่คุ้นเคยและห่วงหา เหมือนวันที่เขาจะถูกส่งไปเข้าโรงเรียนประจำที่อังกฤษ วันนี้ก็คงไม่ต่างกัน แต่คราวนี้...ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน กว่าจะได้กลับมาหาอ้อมกอดนี้อีก

              ‘ลุงและพี่เขตต์รักธรณ์เสมอ แค่ธรณ์ไม่โกรธในทุกอย่างที่เกิดขึ้น ลุงก็ดีใจแล้ว’

              ‘ถ้าธรณ์โกรธ มันก็คงไม่สิ้นสุดซักที ตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่แล้ว แต่ธรณ์ขออะไรอย่างได้ไหมครับ’

              ‘อะไรหรือลูก...’

              ‘ลุงครามช่วยเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นจริงๆ ให้ธรณ์ฟังได้ไหม’

              คุณสงครามทอดสายตาออกไปไกล หวนคิดถึงอดีตที่แม้จะผ่านมาเนิ่นนาน แต่ก็ยังแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำเสมอ อดีตที่หอมหวานและขื่นขมระคนกัน ยามรัก...มันช่างหวานเสียจนไม่อยากให้เวลาผ่านไป แต่ยามขม...ก็เจ็บเจียนตายจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน

              ‘เขมจิรากับพ่อของธรณ์เป็นเพื่อนรักกัน เข็มเป็นน้องรหัสของลุง และเป็นคนที่ทำให้ลุงได้รู้จักกับพ่อของธรณ์ ลุงก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะชอบผู้ชาย จนได้มาเจอกับพ่อของธรณ์ กว่าจะรู้ตัวก็ถอนสายตาจากเขาไม่ได้แล้ว แต่ความรักของเรามันผิด ลุงกับพ่อของธรณ์เป็นผู้ชายเหมือนกัน และธรณ์ก็คงรู้ว่าพ่อของธรณ์เป็นใคร’

              พ่อของธรณ์ในวันนั้น ก็มีสถานะไม่ต่างอะไรจากธรณ์ในวันนี้...ทายาทคนเดียวของอิสรพัฒน์ เพียงแต่ธรณ์ไม่ได้แบกความคาดหวังของใครต่อใครเอาไว้มากมายเหมือนกับพ่อ

              ‘แล้วลุงครามกับพ่อทำยังไงครับ’

              ‘เราก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แต่ลุงไม่เคยรู้ ว่าจริงๆ แล้วเข็มเขาชอบลุง เขารู้เรื่องของลุงกับพ่อธรณ์ แล้วก็เป็นคนไปบอกคุณปู่คุณย่า เราสองคนถูกจับแยก นั่นยังไม่ซ้ำร้ายเท่าพ่อของธรณ์มาเจอลุงอยู่กับเข็ม’

              ธรณ์พยักหน้าช้าๆ พ่อกับลุงครามรักกันมาก่อน ส่วนการแต่งงานของพ่อกับแม่ก็เป็นเพราะหน้าที่ใช่ไหม สำหรับคนที่สุขสมหวังแล้ว ความรักมันสวยงามเสมอ แต่สำหรับคนที่ผิดหวัง ความรักก็ไม่ต่างอะไรจากยาพิษดีๆ นี่เอง

              ‘พ่อไม่ได้รักแม่เลยใช่ไหมครับ’

              ‘รักสิ ยุทธเขารักแม่ธรณ์เสมอ แต่รักแบบน้องสาว ส่วนธรณ์...ก็เป็นลูกชายคนเดียวที่เขารัก เขาเข้มงวดกับธรณ์เพราะอะไรรู้ไหม...เพราะธรณ์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของเขา เขาคงไม่อยากให้ธรณ์ต้องเจออะไรที่เลวร้ายแบบเขา น่าแปลกนะ...ทั้งๆ ที่เขาไม่ชอบวิธีที่คุณปู่ใช้บังคับเขา แต่เขาก็ใช้วิธีเดียวกันนี่แหล่ะมาเลี้ยงดูธรณ์ เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ’

              ธรณ์ขำไม่ออก เขารู้ว่าพ่อถูกคุณปู่เลี้ยงดูมาอย่างเข้มงวด ขีดเส้นทางทุกอย่าง แต่พ่อก็ใช้วิธีเดียวกันกับเขา ทั้งๆ ที่พ่อก็ไม่ชอบตอนที่ถูกคุณปู่บังคับ

              ‘แต่ธรณ์มีอิสระมากกว่ายุทธนะ หรือจะบอกว่าไม่จริง ช่วงที่ธรณ์ไปอยู่ต่างประเทศ ธรณ์มีอิสระ และธรณ์คงไม่รู้...ว่าพ่อเขาคิดถึงเรามากแค่ไหน แต่ก็เพราะทิฐิเหมือนกัน ที่ทำให้เขาไม่ยอมไปหาหรือไม่ยอมเรียกธรณ์กลับมา เป็นพ่อลูกที่เหมือนกันจริงๆ ทิฐิกันทั้งคู่’

              อย่างที่คุณสงครามพูดไว้ไม่มีผิด ความจริงแล้วธรณ์กับพ่อก็มีนิสัยเหมือนๆ กัน และต่างก็มีทิฐิอยู่ในตัวทั้งคู่ กว่าจะรู้ บางทีมันก็สายเกินไปแล้ว เหมือนตอนนี้...อยากพูดอะไรกับพ่อมากมาย แต่ก็ไม่มีโอกาสได้พูดออกไป


              ‘จำไว้นะธรณ์ ลดทิฐิลงบ้าง บางครั้งการที่เรายอม มันไม่ได้หมายความว่าเราแพ้ แต่มันทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น’


====================

[มีต่อนะคะ]
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 01-02-2013 13:10:30

              ร่างสูงนั่งนิ่งๆ อยู่ตรงระเบียงอพาร์ทเมนต์ สายตาเรียวทอดมองความวุ่นวายเบื้องล่าง แต่จิตใจกลับล่องลอยไปไกล...ไกลไปถึงอีกซีกโลกหนึ่ง

              อเล็กซ์มองเพื่อนรักที่นั่งหมดอาลัยตายอยากแล้วก็นึกปวดหัวขึ้นมาทันที ตั้งแต่วันที่ไปรับธรณ์ที่สนามบิน คนที่บอกว่าจะมาเรียนต่อก็พาร่างไร้วิญญาณมาเป็นแขกของเขา ผ่านมาเป็นอาทิตย์ก็ยังไม่เห็นเจ้าตัวจะจัดการเรื่องเรียนต่ออะไรซักอย่าง วันๆ เอาแต่นั่งเหม่อลอย มันน่าจะส่งกลับไปเมืองไทยซะเหลือเกิน

              “ธรณ์...ไหนมึงบอกว่าจะเรียนต่อ”

              “ไว้ก่อน” คนถูกถามตอบอย่างไม่ใส่ใจ

              อดีตเพลย์บอยหนุ่มนึกสงสัยตัวเองครามครัน แสงสีข้างนอกดูเย้ายวนและน่าหลงใหล เมื่อก่อนถ้าเครียดๆ หรือเบื่อๆ เขาก็คงจะออกไปท่องราตรี แต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกอยากออกไปไหนทั้งสิ้น แม้แต่เบียร์กระป๋องที่เพื่อนรักยื่นมาให้ ยังถูกเขาปัดออกอย่างไม่ไยดี

              “กลับเมืองไทยไหมมึง”

              ธรณ์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบเสียงห้วนทันทีโดยไม่ต้องคิด

              “ไม่!”

              อเล็กซ์ถอนหายใจอย่างระอา นึกอยากให้ชินดนัยมาอยู่ด้วยกันตรงนี้เสียจริงๆ เขาเองก็ไม่ได้เก่งในด้านการรับมือกับเด็กมีปัญหาเหมือนชินดนัยเสียด้วย แต่คิดอีกที เรียกนักธุรกิจหนุ่มมาแก้ปัญหาน่าจะเหมาะกว่าชินดนัย กำลังจะคิดหาวิธีจัดการกับเพื่อนรัก เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังเสียก่อน อเล็กซ์ดูหมายเลขที่โทรเข้ามา ก่อนจะเลี่ยงไปกดรับสาย ธรณ์ปรายตามองอย่างไม่ใส่ใจนัก

              บางทีธรณ์ก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ว่าเขากำลังกลัวอะไรอยู่ เรื่องมาเรียนต่อปริญญาโทก็เป็นสิ่งที่คิดเอาไว้ซักพักแล้ว แต่พอมาเหยียบแผ่นดินอเมริกาที่คุ้นเคยจริงๆ ก็พาลจะไม่อยากเรียนขึ้นมาซะดื้อๆ เวลาสองปีที่ต้องร่ำเรียนมันน้อยเสียที่ไหนกัน เขาใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมานานพอแล้ว อยากโทรศัพท์ไปถามข่าวคราวที่เมืองไทย ก็ได้แต่หยิบโทรศัพท์มาจดๆ จ้องๆ ไม่กล้าโทรออกเสียที

              เฮ้อ!...นี่แกกลายเป็นคนขี้ขลาดไปแล้วหรือไงวะธรณ์

              คิดอะไรฟุ้งซ่านอยู่ซักพัก อเล็กซ์ก็เดินหน้ายุ่งกลับมา ธรณ์ขมวดคิ้วนิดๆ ถึงตัวเองจะอยู่ในสภาพย่ำแย่ แต่ก็ยังเป็นห่วงเพื่อนอยู่เหมือนกัน

              “เป็นอะไรของมึง”

              “เดี๋ยวอลิซจะมา มึงพาอลิซไปช็อปปิ้งแล้วก็กินข้าวทีนะ”

              คราวนี้ธรณ์ถึงกับนิ่วหน้าทันที อลิเซีย คาร์เตอร์ น่ะเขาก็รู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะอีกฝ่ายลูกพี่ลูกน้องของอเล็กซ์ แต่ที่สงสัยกว่าก็คือ...

              “ทำไมมึงไม่พาไปเอง มึงก็รู้ว่ากูไม่อยากไปไหน”

              “ไม่ได้ เดี๋ยวกูต้องไปรับคนที่สนามบิน มึงช่วยเพื่อนหน่อยไม่ได้เหรอวะ อยู่บ้านท่านแล้วยังนิ่งดูดายอีกนะมึง เดี๋ยวกูไล่ไปนอนโรงแรมเลย”

              “เออๆ มึงนี่บังคับกูจริงๆ เลย แล้วอลิซจะมาถึงกี่โมงล่ะ กูจะได้ไปอาบน้ำแต่งตัวรอ”

              “มึงรีบๆ ไปอาบน้ำแต่งตัวเลย เดี๋ยวยัยอลิซก็มาถึงแล้ว กูขี้เกียจฟังอลิซบ่น”

              ธรณ์พยักหน้ารับอย่างเซ็งๆ อลิเซีย คาร์เตอร์สวย แต่ไม่ใช่หนึ่งในคนที่ธรณ์คิดจะเอาเป็นคู่ควงหรือคู่นอนแน่ๆ ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเป็นน้องสาวเพื่อน แต่เพราะเจ้าหล่อนน่ะแสบสันต์และก๋ากั่นเกินไปต่างหาก

              เขาไม่ได้นึกอยากออกไปข้างนอกเลยแม้แต่น้อย แต่เอาเถอะ อย่างที่อเล็กซ์ว่านั่นแหล่ะ อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านขี่ ไม่ต้องเดาเขาก็พอจะรู้โปรแกรมของอลิเซีย เจ้าหล่อนจะต้องลากเขาไปเดินตามหิ้วของต้อยๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการนั่งดินเนอร์ที่ร้านอาหารบรรยากาศดีๆ ซักร้าน เพราะความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของเจ้าหล่อนคือการได้เดินควงพี่ชายหรือเพื่อนพี่ชายไปอวดโฉมชาวบ้านชาวช่อง 


====================


              ฟอดดดดด

              “ขอบคุณมากนะคะธรณ์ วันนี้อลิซมีความสุขมากๆเลย”

              มันเป็นธรรมเนียมสากล และอาจจะกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ที่อลิเซียจะชอบยื่นหน้ามาหอมแก้มพี่ชายหรือเพื่อนพี่ชาย เมื่อก่อนธรณ์ก็เฉยๆ แต่คงไม่ใช่กับวันนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง...วินาทีนี้ที่มีสายตาดุๆ มองมาจากมุมหนึ่ง สายตาที่คุ้นเคย แต่หนนี้มันทำเอาเขาเสียวสันหลังวาบอย่างบอกไม่ถูก

              เพื่อนแสนดีอย่างอเล็กซ์ก็ช่างรู้หน้าที่ดีเหลือเกิน ปล่อยให้น้องสาวมายืนหอมแก้มเพื่อนโชว์คนอื่น ถึงได้เดินออกมาจับแยก

              “คุยกันดีๆนะมึง” เอ่ยทิ้งท้ายเสร็จ อเล็กซ์ก็พาน้องสาวเดินเข้าห้องไป

              อาการหน่วงๆ ที่เป็นมาร่วมอาทิตย์ หายไปทันทีที่เห็นใครบางคนมาปรากฏตัวตรงหน้า ธรณ์อยากจะแสดงอาการดีใจออกมาเหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่าดวงตาดุๆ นั่นมองมาที่เขาคล้ายจะตัดพ้อกึ่งตำหนิ

              “อลิเซียเป็นน้องสาวของอเล็กซ์ เราแค่หอมแก้มกันตามธรรมเนียมเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรเกินเลย” ธรณ์รีบอธิบาย แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาแก้ตัวให้อีกฝ่ายฟังก็ตามที ก็แค่ไม่อยากให้เขตแดนเข้าใจผิด และไม่อยากเห็นสายตาตัดพ้อของอีกคน

              “สงสัยจะต้องคุยกันนาน เข้าไปคุยกันในห้องดีกว่าไหม”

              เป็นคำถามที่ไม่ได้รอฟังคำตอบ พอเอ่ยจบเขตแดนก็ผลักประตูห้องพักของธรณ์เข้าไปทันที ทิ้งให้ธรณ์ได้แต่เดินตามอย่างงงๆ นึกสงสัยครามครันว่าเขตแดนรู้ได้ไง ว่าห้อwsoเป็นของเขา แต่คงหนีไม่พ้นเพื่อนตัวดีอย่างอเล็กซ์แน่ๆ พอเข้ามาในห้องก็ต้องเบิกตากว้างกว่าเดิม เพราะมีกระเป๋าเดินทางที่ไม่ใช่ของเขาวางอยู่ด้วย เมื่อตอนเย็นก่อนออกไปยังไม่มีเลยแท้ๆ

              “คุณเขตแดนหายดีแล้วใช่ไหมครับ” พูดออกไปแล้วธรณ์ก็นึกอยากจะตบปากตัวเองทันที เพราะเจ้าของชื่อหันมามองด้วยสายตาดุกว่าเดิม

              “เรียกว่าอะไรนะ”

              “พี่เขตต์...” ธรณ์เอ่ยออกไปเสียงแผ่ว มุมปากคนฟังกระตุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะตีหน้าเครียดเหมือนเดิม

              “ถึงไม่หายดี ก็ยังมีคนทิ้งกันได้ลงคอ”

              ธรณ์ยืนนิ่ง ผู้ชายตัวสูงใหญ่มาเอ่ยตัดพ้อเขาแบบนี้ก็ให้ความรู้สึกดีแบบแปลกๆ แต่ประเด็นสำคัญคือ...

              “ผมไม่ได้ทิ้ง”

              “อ้อ...ถ้าไม่ได้ทิ้งก็แปลว่าหนีมาล่ะสิ”

              “ไม่ได้หนีเหมือนกัน ผมจะมาเรียนต่อ ลุงครามไม่ได้บอกพี่เขตต์เหรอ” ธรณ์หยิบยกเอาเรื่องเรียนขึ้นมาอ้างทันที

              เขตแดนหรี่ตามองจำเลย นึกอยากคว้ามาลงโทษให้สาสมแก่ใจนัก ทิ้งเขาที่นอนป่วยมาโดยไม่ล่ำลาไม่พอ เขาอุตส่าห์มาหาถึงที่ ยังต้องมาเห็นเจ้าตัวยืนให้ผู้หญิงคนอื่นหอมแก้มอีก ถึงจะรู้ว่าเป็นน้องสาวของอเล็กซ์ก็เถอะ แต่มันก็อดไม่พอใจไม่ได้จริงๆ

              “บอก แต่เท่าที่พี่รู้...รู้สึกว่าธรณ์จะยังไม่ได้เตรียมเรื่องเรียนต่อเป็นจริงเป็นจังซะที แน่ใจหรือว่าอยากจะมาเรียนต่อจริงๆ”

              คราวนี้ธรณ์นึกคาดโทษเพื่อนทรยศขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าก่อนที่เขากับอลิเซียจะมาถึง อเล็กซ์มันเที่ยวแฉความลับของเขาไปถึงไหนกัน

              “ถ้าไม่อยากเรียนต่อแล้วผมจะมาทำไมล่ะ”

              “หนีพี่ไง”

              ธรณ์ขยับจะอ้าปากเถียง แต่ก็ช้ากว่าเขตแดนที่ดึงตัวเขาเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด ดวงตาคมที่มองมาทอประกายความคิดถึงจนเขาต้องเสหลบตา

              “ถ้าไม่ได้หนี ก็กลับไปกับพี่นะครับ” เสียงทุ้มที่เว้าวอน พาลจะทำให้ธรณ์ใจอ่อนยวบเอาง่ายๆ

              “แต่...”


              “พี่จะไม่ทิ้งธรณ์ไปไหน พี่จะอยู่ข้างๆ ธรณ์ กลับไปกับพี่ได้ไหมครับ”


              ปากอยากจะทัดทานออกไป แต่หัวใจไม่รักดีก็ไม่ยอมฟัง แววตาของธรณ์คงบอกอะไรหลายๆ อย่างให้เขตแดนได้รู้ คนมองถึงได้กระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ ให้คนถูกมองยิ่งเก้อกระดากมากกว่าเดิม

              “ถ้าผมไม่มา พี่เขตต์จะยอมดูแลบริษัทให้ผมเหรอ”

              “ตอนแรกคงไม่ เพราะพี่คิดว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ แต่ตอนนี้พี่เพิ่งรู้ว่า...พี่มีสิทธิ์เหมือนกัน” เขตแดนตอบยิ้มๆ ให้ธรณ์ยิ่งสงสัย

              “สิทธิ์อะไร...”

              “สิทธิ์ที่พี่เป็นคนรักของลูกชายอายุทธไงครับ”

              “ขี้ตู่จริงๆ...”

              เขตแดนหัวเราะหึๆ ในลำคอ โอบรัดร่างในอ้อมแขนแน่นขึ้น แก้มขาวๆ ของธรณ์ซับสีแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู จนคนมองอดไม่ได้ ต้องเผลอกดจมูกลงไป พอเจ้าของแก้มตวัดตามอง ก็รีบบอกหน้าตาเฉย

              “ธรรมเนียมฝรั่งเหมือนที่อลิเซียทำไง”

              ธรณ์นึกอยากจะเถียง ว่าเขากับเขตแดนเป็นคนไทย ทำไมต้องทำตามธรรมเนียมฝรั่ง แต่ก็กลัวจะเข้าตัว สู้ยืนเงียบๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า

              “แต่ธรณ์อยากเรียนต่อปริญญาโท...”

              “กลับไปเรียนที่เมืองไทยก็ได้ ธรณ์อยู่คนเดียวมานานเกินไปแล้วนะ อย่าว่าแต่สองปีที่ธรณ์จะอยู่ที่นี่เลย แค่สองเดือนพี่ก็ไม่รอหรอก”

              “จะไม่รอผมจริงๆ ใช่ไหม”

              “ไม่รอครับ เพราะยังไงพี่ก็จะเอาธรณ์กลับไปด้วยแน่ๆ”

              จะผิดอะไรไหม ถ้าหัวใจของธรณ์มันพร้อมจะกลับเมืองไทยตั้งแต่เห็นเขตแดนมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่สิ! มันพร้อมจะกลับตั้งแต่วันแรกที่มาถึงแล้วต่างหาก

              “กลับก็กลับ แต่บอกไว้ก่อนนะ...พี่เขตต์จะต้องเป็นประธานบริษัทต่อไป ผมไม่ยอมเป็นด้วยแน่ๆ”

              “แล้วธรณ์จะเป็นอะไร ถ้าไม่เป็นประธาน” เขตแดนถาม แม้จะมีคำตอบในใจอยู่แล้ว

              “ผมทำตำแหน่งเดิมก็ดีอยู่แล้ว หรือไม่ก็ให้ผมเป็นผู้ช่วยพี่เขตต์ก็ได้”

              “ถึงธรณ์ไม่บอก พี่ก็จะให้ธรณ์มาเป็นผู้ช่วยพี่ จะได้อยู่ในสายตาพี่ตลอดเวลา ไม่อยากปล่อยนกปีกกล้าขาแข็งตัวนี้บินไปไหนอีกแล้ว”

              ธรณ์ยิ้มก่อนจะซบหน้าลงกับบ่าของเขตแดน เขตแดนจะรู้ไหมหนอ...นกปีกกล้าขาแข็งตัวนี้ ถึงมันจะชอบบินไปไหนไกลๆ แต่สุดท้ายมันก็ต้องบินกลับมาที่รังของมัน...รังที่เต็มไปด้วยความรัก

              “พ่อจะรู้ไหม ว่าเงื่อนไขพินัยกรรมบ้าๆ ของพ่อที่อยากให้พี่เขตต์เป็นผู้ปกครองผม จะทำให้พี่เขตต์ต้องดูแลผมไปตลอด”

              “พี่ต้องขอบคุณอายุทธที่ไว้ใจให้พี่ดูแลสิ่งที่สำคัญที่สุด ธรณ์ล่ะ...ไว้ใจให้พี่ดูแลธรณ์หรือเปล่า”

              “พี่ก็ดูแลผมมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอไง”

              เขตแดนหัวเราะออกมาก่อนจะกระชับอ้อมกอดแน่น ธรณ์ก็ไม่ยอมแพ้ กอดตอบอีกฝ่ายเช่นกัน อ้อมกอดที่โหยหามาเนิ่นนาน อ้อมกอดที่จะเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว


              เรื่องราวร้ายๆได้ผ่านพ้นไป อดีต...จดจำไว้เป็นบทเรียน แต่อย่าไปยึดติด ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการอยู่กับปัจจุบัน


              ...เรียงร้อยถักทอรังรัก          เหนื่อยนักพิงพักอกพี่
              จะดูแลปกป้องดวงฤดี          สิ้นชีวีไม่สิ้นรักจากใจเอย...



จบบริบูรณ์


กรี๊ดดดดด...จบแล้ว ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาด้วยความค้างคาเป็นระยะๆ บางช่วงมาติดๆ บางช่วงหายหัวไปเลย ฮ่าฮ่า
ไม่รู้ว่าจะถูกใจกับตอนจบกันหรือเปล่า เป็นเรื่องที่ชอบชื่อเรื่องเป็นการส่วนตัว >*<

ตอนแรกเริ่มเขียน เพราะอยากเขียนนิยายที่มีสาระบ้าง (แปลว่าที่ผ่านมาไม่มีสาระเลย...) ไปๆ มาๆ ก็แนวเดิม สาระน้อยนิดอยู่ดี
แต่เป็นเรื่องที่เขียนสนุกมากๆ เขียนที่ทำงานตลอด ช่วงไหนเครียดกับงานมากๆ จะเขียนเรื่องนี้ปรี๊ดๆ เลย อีกหน่อยคงโดนไล่ออกพอดี ฮา...
เรื่องนี้วางพล็อตไว้ก่อนจะเขียน แต่บางอันก็มีเพิ่มเติมมาทีหลัง เป็นครั้งแรกที่วางพล็อตจนจบเรื่องก่อนที่จะเขียน
เวลาเขียนเลยห้ามวอกแว่ก ต้องเดินตามแผนอย่างเดียว

ส่วนเรื่องของผู้พันกับชินดนัย มีพล็อตแล้วเหมือนกันค่ะ ขอพักก่อนแล้วอาจจะหาโอกาสมาต่อ
ผู้พันกับชินดนัยเขามาม่าน้ำข้นใส่เครื่องเยอะเป็นพิเศษเลย น่าจะไม่เกินห้าตอน เห็นพล็อตก็เครียดแล้ว

สุดท้ายก็ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ ทุกคอมเม้นท์ ทุกเป็ด ทุกบวก อ่านคอมเม้นท์ละหลายๆ รอบตลอดเลย
มีคนหลังบ้านมาถล่มเป็นระยะด้วย (ชอบบบบบ) จริงๆ อยากตอบเม้นท์มากๆ แต่เป็นคนพูดไม่เก่ง(?) ยังไงก็ขอบคุณจริงๆ ค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 01-02-2013 14:01:59
ตกใจคิดว่าน้องน้อยจะจากไปเพราะรู้สึกไม่ดีกะคนรุ่นพ่อ แต่ดีใจที่น้องไม่ใช้อารมณ์มาตัดสิน

แต่ตกใจกว่าือ เรื่องนี้จะจบแล้ว ใจหายอ่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 01-02-2013 14:22:59
แล้วน้องธรณ์ก็บินกลับคืนรังพี่เขต  แล้วอดีตปล่อยให้เป็นบทเรียน  ทำปัจจุบันให้ดีๆ กว่า

รออ่านคู่ชินดนัย-ผู้พัน แต่เห็นคนเขียนบอกว่ามาม่าน้ำข้นใส่เครื่องเยอะแบบพิเศษ   เพราะพิเศษตั้ง 5 ชาม นี่แค่คิดก็จุกแล้ว
แต่ยังไงก็ขอจบแบบหวานๆ happy ending นะคะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 01-02-2013 15:40:05
ยังไงเขตต์ก็ต้องมาตามธรณ์กลับไปอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว
คนรักกันไม่มีใครเขาอยากแยกจากกันหรอก

ขอบคุณค่ะ น้องปลา
ทำไมบล็อกฟิคอคาเมะถึงหาไม่เจอคะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 01-02-2013 16:01:53
ตกใจคิดว่าน้องน้อยจะจากไปเพราะรู้สึกไม่ดีกะคนรุ่นพ่อ แต่ดีใจที่น้องไม่ใช้อารมณ์มาตัดสิน

แต่ตกใจกว่าือ เรื่องนี้จะจบแล้ว ใจหายอ่ะ

ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดเลยค่ะ *โค้งงามๆ*  :pig4:
เขียนเองแล้วแอบใจหายเหมือนกัน เป็น 20 ตอนที่เขียนนานพอสมควร
ธรณ์เองได้เห็นบทเรียนมาแล้ว คงต้องตัดสินใจดีๆ ก่อนที่จะทำอะไรลงไป


แล้วน้องธรณ์ก็บินกลับคืนรังพี่เขต  แล้วอดีตปล่อยให้เป็นบทเรียน  ทำปัจจุบันให้ดีๆ กว่า

รออ่านคู่ชินดนัย-ผู้พัน แต่เห็นคนเขียนบอกว่ามาม่าน้ำข้นใส่เครื่องเยอะแบบพิเศษ   เพราะพิเศษตั้ง 5 ชาม นี่แค่คิดก็จุกแล้ว
แต่ยังไงก็ขอจบแบบหวานๆ happy ending นะคะ

คู่ชินดนัยกับผู้พันรอซักพักนะคะ ขอพักมาม่าก่อน จุกท้องแล้วเหมือนกัน คู่นี้เขามาม่าชามโตเลย
เห็นพล็อตแล้วนึกว่าละครหลังข่าว ยังไม่กล้าเขียนเลยจริง ๆ ส่วนตัวเราชอบคู่ชินดนัยกับผู้พันเป็นพิเศษ
ชอบคนในเครื่องแบบมาก ๆ เลย ยังไงถ้าพร้อมแล้วจะเอามาลงกระทู้เดิมนี่เลยค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะคะ  :pig4:


ยังไงเขตต์ก็ต้องมาตามธรณ์กลับไปอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว
คนรักกันไม่มีใครเขาอยากแยกจากกันหรอก

ขอบคุณค่ะ น้องปลา
ทำไมบล็อกฟิคอคาเมะถึงหาไม่เจอคะ

ไม่รู้ว่าตอนจบหวานโดนใจหรือเปล่านะคะ สุดท้ายก็หนีกันไม่พ้น
บล็อกฟิคอคาเมะของปลายังลิงค์เดิมเลยค่ะ พาสเวิร์ดเดิมด้วยค่า แต่ยังไม่ได้เขียนเพิ่มเลย

http://nevermine.blog.fc2.com/ -> ถ้าพี่น้องจะเอาพาส เดี๋ยวปลาหลังไมค์ให้อีกทีนะคะ

*โค้งงามๆ*  :pig4: ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ตามทั้งฟิคและนิยาย ไว้ปลาจะรีบกลับไปต่อฟิคนะคะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 01-02-2013 16:16:16
 :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 01-02-2013 16:40:53
จบแล้วๆๆๆๆๆ กะรี๊สสสสส  น่ารักกทั้งพี่เขตต์ น้องธรณ

เมื่อนิยายจบมันเป็นธรรมเนียมมมมม ตอนพิเศษๆๆๆๆๆ 55555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 01-02-2013 17:11:06
นั้นสิๆ จบแล้วก็ต้องมีตอนพิเศษ :impress2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 01-02-2013 17:32:38
น่ารักมากกกกก ในที่สุดพี่เขตต์ก็มาตามน้องธรณ์กลับไป

ขอตอนพิเศษหวานๆ หลายๆตอนเลยนะคะ ยังไม่อยากให้จบเลย ชอบมากๆ

ปล.รอเรื่องผู้พันกับชิน คู่นี้ก็ชอบ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 01-02-2013 18:39:50
เสียดายจัง จบเร็วไปนิด ยังไม่ได้อ่านฉากหวานๆ เลยนะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 01-02-2013 18:43:07
ในที่สุดก็แฮปปี้เอ็นดิ้ง
ลุ้นมาหลายตอนเลยว่าจะลงท้ายยังไง
พี่เขตเจ๋งมาก
บินมาง้อกันเลยทีเดียว 55555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 01-02-2013 18:59:14
 :mc4: :mc4:


55  เล่นตัวแปปเดียวเองนะธร

 o13  :bye2:

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 01-02-2013 19:20:56
   :sad4:  แงๆๆ จบแล้วเหรอ ขอตอนพิเศษต่ออีกหน่อยน๊า
ลุ้นว่าธรณ์จะกลับมาหาพี่เขตต์มั้ย แต่เป็นพี่เขตต์ไปตามแทน
ในที่สุดรักก็คืนรังเนอะ   o13
รออ่านคู่ผู้พัน มาม่าชามใหญ่ไม่ว่าแต่ขอปิดท้ายด้วยขนมหวานถ้วยใหญ่ด้วยน๊า :z10:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 01-02-2013 19:37:18
ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ >.<
แต่ยังไงก็จะรออ่านผู้พันกับชินดนัยต่อนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ ชอบเรื่องนี้จริง ๆ
เป็นกำลังใจนะคะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 01-02-2013 20:15:43
จบแล้วหรออออ :sad4:


พี่เขตต์-น้องธรณ์หวานกันไม่กี่ตอนเอง  :o12:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 01-02-2013 20:19:42
 :o8: จบแบบแฮปปี้
ทั้งเขตต์ทั้งธรณ์ดูมีเหตุผลมากเลย
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 01-02-2013 20:30:15
ขอบคุณคนเขียนที่ให้ความเพลิดเพลิน รอติดตามเรื่องชินดนัยและผู้พันต่อ จะมาม่ารสจัดเท่าไรก้อพร้อมยกซด :L2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 01-02-2013 21:04:35
อิ่มอก อ่ืมใจ!!!!!
ขอบคุณสำหรับความสนุกที่มอบให้ครับ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 01-02-2013 21:05:58
ยังไม่อยากให้จบเลยมีตอนพิเศษไหมคะ
ขอตอนของชินได่ไหมคะ

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 01-02-2013 21:23:26
 :o8:  พี่เขต น้องธร :o8: ขอบคุณค่ะ เรื่องที่น่ารักน่าอ่านที่แต่งให้อ่าน :pig4:
 :impress2: อยากอ่านพิเศษ ๆ จัง :impress2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 01-02-2013 22:52:19
ขอตอพิเศษคู่หลักก่อนก็ได้น๊า!!!
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 01-02-2013 22:58:45
อยากได้บทที่เป็นncบ้างนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: bb_b ที่ 01-02-2013 23:11:47
จะมีพิเศษอีกมั๊ย

 o13  :impress2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: So_Da_Za ที่ 01-02-2013 23:32:49
กะไว้แล้ว พี่เขตต้องจัดการน้องธรณ์จอมหลบหนีได้แน่ๆ

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: Secrets ที่ 01-02-2013 23:34:44
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้วมีความสุขมาก
ตอนจบน้ำตาซึมเลยอ่ะ

จะมีมั๊ยคนที่รักชั้นแบบนี้  :sad11:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-02-2013 00:12:55
 :oo1:

ตอนพิเศษแบบหวานๆ ฉ่ำๆ ก็จะดีน่ะ

อิอิ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 02-02-2013 01:36:27
เขตต์ก็ดูแลธรณ์ให้ดี ๆ ให้สมกับที่ยุทธไว้ใจนะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: sujusaranghae ที่ 02-02-2013 12:19:46
จบแล้วหรอ จะบอกว่ารักเรื่องนี้มาก
แบบพล็อตใช่เลยอ่ะ ไม่อยากให้จบ
ตอนแรกนึกว่าจะเป็นเรื่องยาวสัก50ตอน 555
ขอบคุณที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา
ขอสเปหวานๆสักตอนได้ป่าวค๊า
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 02-02-2013 12:44:09
จบแล้วหรือ รู้สึกยังอยากอ่านต่อเลยน่ะ ชอบ ๆ จังเลย รู้สึกว่าเรื่องราวของเขต+ธรณ์ยังมีอะไรให้เขียนอีกน่ะ ยังแทบไม่ได้เห็นตอนเลิฟ ๆ ระหว่างสองคนเท่าไหร่เลยน่ะ ยังไงมาเขียนต่ออีกน่ะ ส่วนเรื่องของชินดนันก้อน่าสนน่ะ อยากอ่าน ๆ
ป.ล. เรื่องนี้จบแล้วไปต่อเรื่องพจนานุกรมฯ ต่อน่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 02-02-2013 13:16:39
ในที่สุดก้อต้องให้พี่เขตมาตามกลับ อิอิ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: honeyhoon ที่ 02-02-2013 17:21:44
 o13
แหม่ จบแบบนี้ มีตอนพิเศษแน่ชิมิ คนแต่ง คึคึ :z2:

เรื่อของชินดนัย กะ ผู้พัน ดราม่าได้นะ คนอ่นเตรียมทิชชู่ซับน้ำตาไว้เยอะ :o12: :sad4:
แต่ตอนจบขอหวานให้มดอายเลยนะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 02-02-2013 21:30:34
อยากได้ตอนพิเศษของคู่นี้อีกค่ะ  อยากเห็นเวลาธรณ์เอาใจพี่เขตต์จัง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: YOSHIKUNI RUN ที่ 03-02-2013 00:38:14
อ่าว จบซะแล้วววว :m28: :m28:


งั้นขอตอนพิเศษหน่อยจิ น้าาา :impress:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 03-02-2013 01:52:17
โอ๊ย

พี่เขตต์ ตามไปถึงอเมริกา

เพื่อตามหาหัวใจกลับบ้านเลยอ่ะ

ความอิจฉาธรณ์พลุยพุ่งจริงๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 03-02-2013 07:31:18
แงงงงง อยากอ่านพี่้ขตน้องธรสวีทกันนน  :o12:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนที่ 20 :: 01.02.2013」หน้าที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 03-02-2013 22:25:02
หะ!!! จบแล้วหรอม่ายยยยยย :z3:  :z3:
ยังอ่านติดลมอยู่เลย ขอตอนพิเศษต่อเถอะนะะะะะ  :serius2:  :z2:
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 04-02-2013 13:42:13
“ รักคืนรัง ”

ตอนพิเศษ


               ชายหนุ่มร่างสูงที่เปลี่ยนมาใส่ชุดอยู่บ้านผุดลุกผุดนั่งอย่างกระวนกระวาย ตอนแรกก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟา แต่ดูเหมือนว่าสายตาของเขาจะจดจ่ออยู่ที่นาฬิกามากกว่าหนังสือ เขาเลยเลือกที่จะปิดหนังสือเสีย ยิ่งดึกมากเท่าไหร่ เจ้าตัวก็ยิ่งนั่งไม่ติดมากเท่านั้น ความกังวลมันแล่นพล่านจนไม่เป็นอันทำอะไร

               คนเก่าคนแก่อย่างป้าอุ่นเรือนมองอาการของคนที่เธอถือว่าเป็นเจ้านายอีกคนแล้วก็ต้องอมยิ้มออกมาด้วยเอ็นดู ความจริงเธอเองก็ง่วงแสนง่วง เพราะนี่ก็เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว แต่เธอก็ยังถ่างตาอยู่เป็นเพื่อนเขตแดน เผื่อเจ้านายจะเรียกหาหรือต้องการอะไร

               เขตแดนที่เดินไปเดินมาระหว่างโซฟากับประตูบ้านถึงกับชะงัก เมื่อหันมาเห็นป้าอุ่นเรือนยกมือปิดปากหาว เขาเหลือบตามองนาฬิกาก่อนจะถอนหายใจออกมาช้าๆ

               “ป้าอุ่นไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมรอธรณ์เอง”

               “แต่ว่า...”

               “นะครับป้าอุ่น ถือว่าผมขอละกัน”

               สุดท้ายป้าแม่บ้านก็ยอมเลี่ยงกลับไปพักผ่อน เพราะเอาเข้าจริง เธอเองก็อายุมากเกินกว่าจะมานั่งฝืนสังขารดึกๆดื่นๆแล้ว แต่ก่อนจะเดินเข้าห้องตัวเองยังไม่วายกำชับเจ้านายของเธอ

               “ถ้าคุณเขตต์จะเอาอะไรก็มาปลุกป้านะคะ”

               เขตแดนพยักหน้ารับคำ แต่สาบานได้เลยว่า ถึงเขาจะต้องการอะไร เขาก็คงไม่อุตริไปปลุกป้าอุ่นเรือนขึ้นมากลางดึกแน่ๆ ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอีกรอบ ความจริงเขาเองก็ควรจะเข้านอนแต่หัวค่ำ เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางไปพบลูกค้าที่ต่างประเทศแต่เช้า แต่ใครจะนอนหลับกัน ในเมื่ออีกคนที่อยู่ร่วมบ้านกันยังไม่กลับมา มิหนำซ้ำ เขายังไม่สามารถติดต่อธรณ์ได้อีกด้วย

               ทันทีที่ได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามา คนที่รออย่างกระวนกระวายก็รีบสาวเท้าเร็วๆไปที่ประตูทันที จนทันได้เห็นคนที่รอคอยอยู่ก้าวลงมาจากรถด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน หอบข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือ เขตแดนตรงเข้าไปแย่งของในมือธรณ์มาถือไว้เอง ก่อนจะมองอีกฝ่ายตาดุๆ

               “พี่เขตต์ยังไม่นอนอีกเหรอครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปสนามบินแต่เช้านะครับ”

               “พี่รอธรณ์อยู่ ทำไมโทรศัพท์ถึงติดต่อไม่ได้เลย”

               ธรณ์ล้วงหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดูก่อนจะยิ้มแหยๆ

               “แบตโทรศัพท์หมดครับ สงสัยเมื่อคืนธรณ์จะรีบๆจนลืมชาร์จแบตแน่ๆ”

               “แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง” เขตแดนถามเสียงอ่อนด้วยความเป็นห่วง

               พอธรณ์ส่ายหน้าไปมา เขตแดนก็กดธรณ์ให้นั่งนิ่งๆบนโซฟา คนถูกบังคับให้นั่งเฉยๆเลิกคิ้วนิดๆ พอเดาความคิดของเขตแดนออกก็รีบร้องปรามทันที

               “ไม่เป็นไรพี่เขตต์ ไม่ต้องปลุกป้าอุ่นนะครับ”

               “ใครบอกว่าพี่จะปลุกป้าอุ่น พี่ไม่ได้ใจร้ายถึงขนาดนั้นนะ”

               ธรณ์นั่งมองเขตแดนที่เดินหายเข้าไปในครัวตาปริบๆ เดาได้เลยว่าเขตแดนต้องไปจัดการทำอะไรให้เขากินแน่ๆ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มออกมาบางๆ เรื่องบางเรื่องไม่ต้องพูดกันมาก แต่เราสองคนต่างก็รับรู้ถึงความห่วงใยที่เรามีให้กัน


====================


               เขตแดนถือข้าวผัดที่ทำง่ายๆเดินออกมาจากห้องครัว แล้วก็ต้องมายืนนิ่วหน้าอยู่ข้างๆโซฟา เขาวางจานข้าวผัดลงบนโต๊ะรับแขก ก่อนจะเก็บข้าวของที่วางระเกะระกะให้เรียบร้อย นอกจากเอกสารการเรียนแล้ว ยังมีงานของที่บริษัทที่ธรณ์ขนกลับมาทำที่บ้านอีก

               ช่วงนี้ธรณ์เริ่มเรียนปริญญาโทตอนเย็น โดยที่ยังทำงานที่บริษัทอยู่ แรกๆเขตแดนก็ลดงานของธรณ์ลง เจ้าตัวจะได้มีเวลาเรียนอย่างเต็มที่ แต่คนบางคนก็ดื้อแสนดื้อ เที่ยวไปของานจากคนอื่นมาทำ แต่ละวันก็หอบทั้งงานทั้งการบ้านกลับมาทำที่บ้าน กว่าจะเข้านอนก็ดึกๆดื่นๆ

               เขตแดนเองก็พลอยได้เจอธรณ์น้อยลง แม้จะอยู่บ้านเดียวกัน ส่วนมากที่ได้เจอก็มักจะเป็นเวลางาน ซึ่งเขาก็ไม่อยากทำอะไรน่าเกลียดประเจิดประเจ้อมากนัก เพราะมันจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเขาและธรณ์ พอเลิกงานที่บริษัทห้าโมงเย็น ธรณ์ก็ต้องรีบบึ่งไปเรียนหนังสือต่อ กว่าจะเลิกก็สามทุ่ม กลับมาถึงบ้านมืดค่ำทุกวัน มิหนำซ้ำ บางทีเสาร์อาทิตย์ก็ต้องออกไปทำรายงานกับเพื่อนที่เรียนด้วยกันอีก

               เห็นท่าทางเหนื่อยอ่อนของคนที่เผลอหลับคาโซฟาแล้วเขตแดนก็ต้องถอนหายใจเบาๆ ไม่อยากจะปลุกธรณ์ แต่จะปล่อยให้หลับไปโดยที่ไม่กินข้าวก็ไม่ได้ ประเดี๋ยวจะได้เป็นโรคกระเพาะขึ้นมากันพอดี ชายหนุ่มตัดสินใจยื่นมือไปแตะแก้มธรณ์เบาๆ ก่อนจะชักกลับแทนไม่ทัน ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด

               “ธรณ์...ธรณ์...”

               เจ้าของชื่อปรือตาขึ้นมามองเขตแดนท่าทางง่วงงุน ธรณ์สะบัดหัวขับไล่ความง่วงอยู่สองสามที ก่อนจะฝืนยิ้มให้เขตแดน ซึ่งคนมองไม่ได้นึกอยากยิ้มตามไปด้วยเลยซักนิด

               “ข้าวเสร็จแล้วเหรอพี่เขตต์” ธรณ์ค่อยๆกระถดตัวขึ้นมานั่งดีๆ ก่อนจะเอื้อมมือหยิบจานข้าวผัดมาตักใส่ปาก กินได้อยู่ไม่กี่คำก็กินไม่ลง ต้องวางจานลงบนโต๊ะรับแขกตามเดิม

               เขตแดนรอให้ธรณ์กินข้าวและดื่มน้ำตามเรียบร้อยแล้ว ถึงได้จับไหล่ที่ซูบลงจนน่าตกใจให้หันมาประจันหน้ากับเขา

               “ธรณ์มีไข้หรือเปล่า?”

               คนถูกถามยกมือขึ้นอังหน้าผากตัวเอง ก่อนจะยิ้มเจื่อนๆเหมือนเด็กที่ทำความผิดแล้วโดนจับได้ เขตแดนส่ายหน้าอย่างระอา  ลุกขึ้นไปเปิดกล่องปฐมพยาบาลค้นหายากุกกัก แล้วเอามาส่งให้ธรณ์

               “ต้องกินยาด้วยเหรอพี่เขตต์” บทจะงอแง ธรณ์ก็ทำได้ดีจนเขตแดนนึกอยากจับมาตีก้นแรงๆ

               “อย่าดื้อธรณ์ กินยาลดไข้เข้าไปก่อนเลย พรุ่งนี้พี่ไม่อยู่ด้วย ถ้าเป็นอะไรไปขึ้นมาจะทำยังไง”

               “ผมไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก” เด็กดื้อของเขตแดนเอ่ยอย่างอวดดี

               “ถ้าไม่หาย พรุ่งนี้ไปหาหมอเลยนะ”

               ธรณ์เบ้ปากนิดๆ เขาไม่ได้เป็นอะไรมากเสียหน่อย อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้นอนน้อยไปหน่อย ถ้าเกิดได้พักซักนิดก็คงจะหายดี

               “ผมแค่มึนๆเองพี่เขตต์ กินยาเดี๋ยวก็หายแล้ว”

               “ถ้าธรณ์ยังดื้ออยู่แบบนี้ คิดว่าพี่จะไปทำงานอย่างสบายใจเหรอ”

               เจอไม้นี้ของเขตแดนเข้าไป ธรณ์ก็ต้องยอมจำนนอย่างไม่มีทางเลี่ยง ชายหนุ่มก้มลงมองเม็ดยาในมือ นึกอยากซ่อนไว้ใต้ลิ้นแล้วแอบคายทิ้งเหมือนที่ทำประจำ แต่ดูท่าคนโตกว่าจะรู้ทัน ถึงได้ยืนกดดันจนเขาต้องจำใจส่งยาเข้าปากอย่างไม่มีทางเลี่ยง พอดื่มน้ำตามแล้ว เขตแดนยังบังคับให้เขาอ้าปากให้ดูอีกต่างหาก ว่าได้กลืนยาลงคอไปแล้วจริงๆ


               ไม่ไหวๆ เขตแดนชักจะรู้ทันเขามากเกินไปแล้ว


====================


               “ไม่ต้องไปทำงานเลยนะธรณ์!”


               เขตแดนเอ่ยออกมาเสียงดังอย่างเหลืออด หลังจากเขาแวะเข้ามาดูอาการของธรณ์ก่อนออกไปสนามบิน ปรากฏว่าอาการของเจ้าตัวแย่ลงกว่าเดิมจนต้องนอนซมเฉยๆอยู่บนเตียง ชายหนุ่มปรายตามองกองงานที่ยังวางอยู่บนโต๊ะ เป็นหลักฐานอย่างดีว่าเมื่อคืนหลังจากเข้าห้องมาแล้ว ธรณ์คงรื้องานออกมาทำอีกแน่ๆ

               ชายหนุ่มบ่นพึมพำก่อนจะเดินไปหยิบปรอทมาวัดไข้ธรณ์ พอเห็นตัวเลขบนปรอทก็ต้องหลุดเสียงสบถออกมาอย่างดุเดือด นึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันคนที่นอนซมอยู่บนเตียง ว่าไม่ได้นึกเจียมสังขารตัวเองเลยแม้แต่น้อย คิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์เหล็กหรือยังไงกัน แล้วอย่างนี้เขาจะทำใจเดินทางไปต่างประเทศ แล้วทิ้งธรณ์ไว้ตามลำพังได้หรือ

               เขตแดนจัดการโทรศัพท์เรียกเวธน์ให้มาขนงานกลับไปให้หมด สั่งกำชับลงไปว่าถ้าไม่มีคำสั่งจากเขา ห้ามใครมอบหมายงานให้ธรณ์เด็ดขาด เล่นเอาคนบนเตียงได้แต่นอนมองตาปริบๆ

               “พี่เขตต์...”

               “ไม่ต้องมาโอดครวญเลยธรณ์ พี่คงจะใจดีกับธรณ์มากเกินไปใช่ไหม”

               คราวนี้เขตแดนโกรธจริงๆ โกรธธรณ์ที่ไม่ยอมดูแลตัวเอง จะให้เขาคอยดูแลธรณ์อยู่ฝ่ายเดียว โดยที่ธรณ์ไม่ยอมดูแลตัวเองได้ยังไงกัน เขาเรียกป้าอุ่นเรือนให้ทำข้าวต้มหรือโจ๊กให้ธรณ์ และกำชับอีกหลายรอบว่า ช่วงนี้ให้ธรณ์กินแต่อาหารอ่อนๆอย่างเดียวเท่านั้น ห้ามอาหารรสจัดทุกชนิด

               อีกปัญหาก็คือ เขาจะไม่อยู่สามวัน ช่วงที่เขาไม่อยู่ใครจะเอาธรณ์อยู่กันล่ะ นึกอยากให้คนสนิทที่เขาไว้ใจอย่างเวธน์มาคอยดูแลธรณ์ แต่คิดอีกที มันคงเป็นความคิดที่ผิดมหันต์แน่ๆ เพราะนอกจากเวธน์จะทัดทานธรณ์ไม่อยู่แล้ว เผลอๆยังจะคอยตามใจธรณ์เสียด้วยซ้ำไป ถ้าอย่างนี้ก็เหลือเพียงตัวเลือกเดียว

               เขตแดนเดินเลี่ยงออกมากดโทรศัพท์ พอปลายสายรับเขาก็เอ่ยออกไปด้วยความเกรงใจนิดๆ

               “ผมโทรมากวนหรือเปล่าคุณชิน”

               (ไม่เลยครับ มีอะไรหรือเปล่าคุณเขตต์ เรื่องธรณ์ใช่ไหม?) ปลายสายดักคอมาอย่างรู้ทันให้เขตแดนต้องอมยิ้มนิดๆ

               “ธรณ์ไม่สบายอยู่ แต่เดี๋ยวผมจะต้องไปต่างประเทศ ถ้าไม่เป็นการรบกวน...” เขตแดนเอ่ยยังไม่ทันจบ ชินดนัยก็รีบแทรกมาทันที

               (โอเคครับ เดี๋ยวผมจะรีบออกจากบ้าน รับรองว่าจะดูแลคนไข้ของคุณเขตต์เป็นอย่างดี)

               ได้ยินที่ชินดนัยรับปาก เขตแดนก็เบาใจไปเปราะหนึ่ง เขาเดินกลับมาดูคนป่วยที่นอนตาปริบๆ ท่าทางอยากจะลุกขึ้นมาทำงานเต็มแก่แล้วก็ได้ชี้นิ้วคาดโทษ

               “หลังจากพี่กลับมา เราต้องคุยกันยาวแน่ๆ”

               นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เขตแดนเอ่ย ก่อนจะทิ้งคนป่วยเอาไว้ในห้อง ลับร่างของเขตแดนแล้ว ธรณ์ก็ค่อยๆขดตัวจนจมลงไปกับที่นอน

               ความจริงแล้ว...ธรณ์ไม่อยากให้เขตแดนไปเลย ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอจนอยากให้เขตแดนอยู่ข้างๆ อยากจะดึง อยากจะรั้งเอาไว้ แต่ก็ทำไม่ได้อย่างใจคิด เขตแดนเป็นผู้บริหาร เป็นประธานบริษัท ต้องมีความรับผิดชอบต่องาน เขาไม่ควรจะเห็นแก่ตัว...ไม่ควรเลยจริงๆ แต่มันจะดีแค่ไหนกัน ถ้ามีคนที่เรารักอยู่ข้างๆ ในวันที่เราต้องการกำลังใจ

               เขตแดนจะรู้หรือเปล่า จริงๆแล้วธรณ์ก็เหนื่อยที่ต้องเรียนและต้องทำงานควบคู่กันไป มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้ดีทั้งคู่ เขาถึงต้องพยายามและทุ่มเทสุดความสามารถ การเรียนต่อปริญญาโทเป็นความตั้งใจของเขาอยู่แล้ว แต่ขณะเดียวกันการทำงานก็เป็นความรับผิดชอบของเขา ธรณ์อยากแบ่งเบาภาระของเขตแดน อยากช่วย อยากเรียนรู้งานทุกอย่าง ให้สมกับเป็นทายาทคนเดียวของอิสรพัฒน์ที่ทุกคนไว้วางใจ

               ธรณ์ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะขึ้นเป็นประธานบริษัทแทนที่เขตแดน แต่เขาอยากเป็นคนที่มีความสามารถเพียงพอจะยืนคู่กับเขตแดนได้อย่างภาคภูมิ และเพราะเหตุนี้ เขาจึงต้องพยายาม เขาอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์กับเขตแดน ไม่อยากเป็นแค่เพลย์บอยที่เอาแต่เที่ยวเตร่ไปวันๆเหมือนเมื่อก่อน


               เขาตั้งใจแล้วว่า...เขากับเขตแดนจะช่วยดูแลบริษัทด้วยกัน ประคับประคองมันไปด้วยกัน
               เขาจะต้องพยายาม ไม่ใช่เพื่อแซงหน้าเขตแดน แต่เพื่อที่จะได้เดินตามทันแล้วไปยืนอยู่ข้างๆกัน



====================


               สัมผัสเย็นวาบแตะลงเบาๆที่ข้างแก้ม ธรณ์ขยับตัวเบาๆ เพราะถูกปลุกจากห้วงนิทรา อนุสติอันลางเลือนทำให้แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร...

               พี่เขตต์...พี่เขตต์หรือเปล่า? พี่เขตต์กลับมาดูแลธรณ์แล้วใช่ไหม

               ธรณ์คว้ามือที่กำลังจับแก้มเขาไว้ พึมพำออกมาเสียงแหบเครือ

               “พี่เขตต์...”

               ชินดนัยก้มลงมองคนที่ยึดมือเขาไว้แน่นก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ เวลาป่วยทีไรเป็นแบบนี้ตลอด ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็มักจะละเมอหาแต่เขตแดนอยู่เสมอ ดีที่เขาเคยรับมือกับธรณ์ในสภาพนี้อยู่บ่อยๆ มันเลยไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่

               ชินดนัยเดินลงมาบอกป้าอุ่นเรือนให้เตรียมข้าวต้มสำหรับตอนกลางวัน แล้วก็ถามหากาละมังกับผ้าเข็ดตัว พอป้าอุ่นเรือนรู้ว่าเขาจะเช็ดตัวให้ธรณ์ก็อาสาจะทำให้ ชายหนุ่มได้แต่ปฏิเสธยิ้มๆ

               “ไม่เป็นไรครับ ผมเช็ดตัวให้เขาอยู่บ่อยๆ”

               พอเห็นป้าอุ่นเรือนทำหน้าแปลกๆ เหมือนจะคลางแคลงในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับธรณ์ ชินดนัยเลยต้องรีบยืนยันตัวเองให้อีกฝ่ายสบายใจ

               “ผมไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับธรณ์ครับ เราเป็นเพื่อนรักกัน” และเป็นเพื่อนที่ชินดนัยพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ธรณ์มีความสุขด้วย

               ชินดนัยจัดการเช็ดตัวให้ธรณ์ก่อนจะเปลี่ยนชุดให้สบายตัว เพราะชุดเดิมของธรณ์เปียกเหงื่อจนชุ่มไปหมด ผิวขาวๆแดงก่ำด้วยไอความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกาย เขาถือวิสาสะเดินไปเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท รอจนป้าอุ่นเรือนให้เด็กยกข้าวต้มมาให้ ถึงได้ปลุกธรณ์

               “ธรณ์...ธรณ์...” เรียกซ้ำอยู่หลายหน กว่าคนป่วยจะปรือตามามอง

               “พี่เขตต์...”

               “นี่ชิน ไม่ใช่พี่เขตต์” มันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ที่พอธรณ์ป่วย สรรพนามที่ใช้คุยกันก็จะเปลี่ยนไปอย่างไม่รู้ตัว

               ชินดนัยตรงเข้าประคองธรณ์ให้ลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง สอดหมอนเข้าไปไว้ที่หลังให้ธรณ์ได้หนุนสบายๆ เสร็จแล้วเขาก็ไปลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง ตักข้าวต้มร้อนๆขึ้นเป่าก่อนจะยื่นไปจ่อที่ปาก แต่คนป่วยก็ไม่อ้าปากรับ กลับถามคำถามกลับมาแทน

               “มาได้ยังไง”

               “คุณเขตต์โทรเรียกมา อย่าเพิ่งถามมาก กินก่อนเร็วๆ”

               ธรณ์ทำหน้าบึ้ง ก่อนจะยอมอ้าปากรับข้าวต้มแต่โดยดี กินไปได้แค่คำสองคำก็ทำหน้าพะอืดพะอม ชินดนัยที่เดาอาการออกก็รีบคว้าถังขยะใกล้ตัวมาส่งให้ทันที แล้วถึงได้มองธรณ์ดุๆอย่างคาดโทษ

               ธรณ์เบือนหน้าหลบ พี่เขตต์แกล้งเขา พี่เขตต์โทรเรียกชินมา เดี๋ยวชินต้องจัดการลากเขาไปโรงพยาบาลแน่ๆ ไม่รู้หรือยังไงกันว่าไม่ชอบและไม่อยากไป

               “ธรณ์...” แค่ชินดนัยเกริ่น ธรณ์ก็รู้ทันที

               “ไม่! ไม่ไป ไม่ได้เป็นอะไร”

               ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจเขตแดน ชินดนัยก็นึกอยากจะหาไม้เรียวมาฟาดธรณ์แรงๆซักที เอาให้หายดื้อหรือหมดฤทธิ์กันไปเลย ดูสภาพก็เห็นว่าไม่ไหวแล้วยังจะอวดเก่งอยู่อีก

               “กล้าพูดอีกเหรอว่าไม่เป็นอะไร ทั้งๆที่เพิ่งอาเจียนออกมานี่นะ”

               ธรณ์ทำหน้าเบ้ ถดตัวกลับลงไปนอนหันหลังให้ชินดนัย แล้วเอาผ้าห่มคลุมโปง แสดงอาการต่อต้านออกมาชัดเจน

               “ธรณ์ อย่ามาดื้อ ถ้าไม่ยอมไปดีๆจะเรียกคุณเขตต์บินกลับมา”

               ธรณ์ชะงัก ถึงอยากเจอเขตแดนหรืออยากให้เขตแดนอยู่ด้วยมากแค่ไหน แต่เขตแดนไปทำงาน เขาต้องเข้าใจและยอมรับให้ได้

               “ไม่อยากไป...”

               “ไม่ได้ถาม!!”

               นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่ชินดนัยมีให้ธรณ์ ก่อนเขาจะสาวเท้าเร็วๆลงไปข้างล่าง เวธน์ที่ถูกเขตแดนสั่งให้มาคอยดูแลหันมามองอย่างตกใจ

               “คุณเวธน์ ช่วยเตรียมรถที เดี๋ยวผมจะไปอุ้มธรณ์ลงมา เราจะพาเขาไปโรงพยาบาลกัน”

               เวธน์ยังไม่ทันได้ตอบรับ ชินดนัยก็เดินขึ้นไปห้องธรณ์ เขาได้แต่พยักหน้ากับตัวเองงงๆ แต่ก็กระวีกระวาดไปเตรียมรถ คุณเขตต์สั่งไว้ว่าให้ทำตามที่คุณชินดนัยต้องการทุกอย่าง แต่ห้ามฟังคำสั่งคุณธรณ์ ถ้างั้นเขาก็ต้องรีบไปเตรียมรถ

               พอเวธน์เห็นชินดนัยอุ้มธรณ์ลงมาก็ต้องนึกทึ่งว่าอีกฝ่ายก็แรงเยอะเหมือนกัน ถึงอุ้มคุณธรณ์ที่ตัวไม่ได้เล็กๆไหว คุณธรณ์ก็โวยวายมาตลอดทางทั้งๆที่เสียงแหบเสียงแห้ง บ่นแต่ว่าไม่ไปๆ เห็นแล้วก็สงสาร แต่เวธน์ก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งคุณเขตต์อย่างเคร่งครัด


====================

[มีต่อนะคะ]
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 04-02-2013 13:48:51


               เขตแดนกลับมาเร็วกว่ากำหนด จากกำหนดเดิมจะต้องอยู่สามวัน ก็ถูกเลื่อนเป็นสองวัน เขาเร่งการเจรจาและเซ็นสัญญาให้เร็วขึ้น ตอนแรกลูกค้าจะพาไปเลี้ยงฉลองที่การเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น แต่เขาก็ขอปฏิเสธ อ้างว่าไว้เป็นโอกาสหน้าดีกว่า ก่อนจะรีบเลื่อนไฟลท์กลับและโทรสั่งให้เวธน์มารอรับที่สนามบิน

               “ธรณ์เป็นยังไงบ้าง” เขตแดนถามคนสนิททันทีที่ขึ้นรถเรียบร้อย

               “ก็ดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยครับ”

               หลังจากที่เวธน์โทรศัพท์บอกเขาว่า ชินดนัยจับธรณ์ส่งเข้าโรงพยาบาล เขตแดนก็แทบจะไม่เป็นอันทำอะไร แต่ละนาทีที่ผ่านไปก็เอาแต่คิดถึงคนที่นอนป่วยอยู่ทางนี้ แต่หน้าที่ต้องมาก่อน พอถึงเวลาทำงานจริงๆ เขาถึงต้องยอมเก็บเรื่องของธรณ์เอาไว้ในส่วนลึก ไม่ได้ปัดทิ้ง แค่เก็บไว้ข้างใน ทำหน้าที่ที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด ไม่ใช่เพื่อเขา...เพื่อเรา เพื่อบริษัทของเราสองคน

               “แล้วอาการเป็นยังไงบ้าง เอาให้ละเอียดนะเวธน์” เขตแดนกำชับเสียงเข้ม หลังๆบางทีเขาก็นึกสงสัยอยู่เหมือนกัน ว่าตกลงเวธน์เป็นลูกน้องเขาหรือลูกน้องธรณ์กันแน่

               การที่เวธน์จะรับคำสั่งจากธรณ์ เขตแดนไม่เคยว่าหรือห้ามปราม เพราะธรณ์ก็ถือเป็นเจ้านายคนหนึ่ง มีสิทธิ์มีเสียงทุกประการ แต่การที่เวธน์ชอบตามใจธรณ์และปิดบังบางเรื่องกับเขานี่สิ เขตแดนนึกอยากลดเงินเดือนคนสนิทตัวเองวันละหลายรอบจริงๆ

               “ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเท่าไหร่ครับ แค่มีไข้ อาเจียน เวียนหัว คุณหมอฉีดยาให้เรียบร้อยแล้วครับ”

               “นี่นะที่บอกว่าไม่น่าเป็นห่วง” เขตแดนถามเสียงห้วน

               สำหรับธรณ์แล้ว ต่อให้อีกฝ่ายแค่ปวดหัว เขตแดนก็ว่าน่าเป็นห่วงแล้ว นี่ถึงกับต้องฉีดยาและนอนโรงพยาบาล สงสัยคงต้องคุยกันยาวแน่ๆ แต่ก่อนอื่น...

               “เวธน์! ต่อไปนี้งานของธรณ์ ต้องเอามาให้ฉันรับทราบและอนุมัติก่อนทุกครั้ง ห้ามให้ธรณ์ทำงานพร่ำเพรื่อเด็ดขาด เข้าใจไหม?”

               “ครับ” เวธน์รับคำเสียงอ่อยๆ

               บางทีเกิดเป็นเวธน์นี่ก็ลำบากเหมือนกัน คุณเขตต์ก็สั่งห้ามโน่นห้ามนี่ คุณธรณ์ก็จะเอาโน่นเอานี่ ขัดใจไม่ได้ซักคน จะให้ขัดใจยังไงล่ะ เป็นเจ้านายทั้งคู่


====================


               “ชิน...เมื่อไหร่หมอจะให้กลับบ้าน” คนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงถามเป็นรอบที่ร้อยของวัน

               ชินดนัยปรายตามองเพื่อนรักอย่างเบื่อๆ อยากจะออกจากโรงพยาบาล แต่ไม่ได้ดูอาการตัวเองเลยซักนิด เมื่อวานพอมาถึงก็โดนคุณหมอจับฉีดยา ก่อนจะลงเอยด้วยการนอนให้น้ำเกลือ เห็นคนกลัวเข็มหลับตาปี๋แล้วก็นึกสมน้ำหน้าในใจ ทำตัวเองแท้ๆ

               “ถึงเวลาหมอก็มาบอกเองแหล่ะน่า จะถามไปทำไม” ชินดนัยเอ่ยอย่างตัดรำคาญ

               “ชิน กูรู้นะว่ามึงรู้ กูเบื่อ กูอยาก...”

               “เงียบๆแล้วนอนไป ไม่งั้นจะเรียกพยาบาลเข้ามาฉีดยานอนหลับให้” สิ้นคำพูดของชินดนัย หมอนใบเล็กก็ถูกคนบนเตียงเหวี่ยงลงมา ดีที่ว่าชินดนัยรับไว้ทัน

               ธรณ์ทำท่าฮึดฮัดอย่างขัดใจ เขาเกลียดการนอนเฉยๆเป็นที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนอนโรงพยาบาล แล้ววันนี้เขาก็มีเรียนด้วย บริษัทก็ไม่ได้เข้ามาสองวันแล้ว จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ อยากทำตัวให้เป็นประโยชน์กับเขตแดนแท้ๆ แต่พอมาป่วยแบบนี้ เลยกลายเป็นว่าเขากลายเป็นภาระชัดๆ

               “ชิน...”

               เจ้าของชื่อไม่ได้หันไปมองธรณ์ที่นอนหันหลังให้ เขาหันไปหาคนที่เพิ่งมาใหม่ ริมฝีปากกระตุกยิ้มออกมานิดๆเมื่อคิดอะไรบางอย่างออก ก่อนจะขานรับเพื่อนรัก

               “ว่าไง...”

               “พี่เขตต์กลับมาพรุ่งนี้ใช่ไหม”

               คำถามของธรณ์ทำเอาชินดนัยและคนที่เพิ่งตรงดิ่งมาจากสนามบินถึงกับอมยิ้มไปตามๆกัน แต่ชินดนัยก็ตอบกลับมาเสียงนิ่งๆเหมือนเดิม

               “อืม...มีอะไรหรือเปล่า”


               “คิดถึง...”


               คำๆเดียว คำสั้นๆที่ทำเอาคนที่ถูกคิดถึงยิ้มแก้มปริ ไม่เสียแรงที่เลื่อนกำหนดกลับมาก่อน ถ้าจะได้กลับมาฟังอะไรดีๆแบบนี้ เพราะปกติคนที่นอนหันหลังอยู่บนเตียง ไม่มีซะหรอกที่จะมาพูดอะไรแบบนี้ให้ได้ยิน

               “โทรหาเขาไหมล่ะ เดี๋ยวกดให้”

               ได้ยินที่ชินดนัยตอบไปแล้ว เขตแดนก็เบิกตากว้างนิดๆ เขามาอยู่ตรงนี้แล้ว จะให้ธรณ์โทรหาได้ยังไงกัน แต่ชินดนัยก็ยกมือเป็นเชิงให้เขตแดนอยู่นิ่งๆ แล้วรอฟังอย่างเดียว

               “ไม่เอาหรอก พี่เขตต์ไปทำงาน ไม่อยากกวน”

               “หัดเกรงใจคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ธรณ์ที่กูรู้จักไม่ใช่คนแบบนี้ซะหน่อย”


               “พี่เขตต์ไม่ใช่คนอื่น”


               วินาทีนี้ เขตแดนนึกอยากไล่ชินดนัยออกไปนอกห้อง แล้วตรงเข้าไปกอดธรณ์ไว้แน่นๆ แต่ชินดนัยก็ยังส่งสัญญาณให้เขายืนฟังเงียบๆต่อไป

               “อ้าว...แล้วคุณเขตต์เขาเป็นใคร”


               “เป็นคนที่กูรัก” จบคำพูดประโยคนี้ ธรณ์ก็มุดหน้าเข้ากับผ้าห่มทันที


               ถ้าหันมามองซักนิด ธรณ์คงเห็นชินดนัยลุกขึ้นยืนแล้วก็เดินเลี่ยงออกไปนอกห้อง โดยไม่ลืมที่จะปิดประตูให้ด้วย แถมยังกระซิบกับเขตแดนเบาๆอีก

               “เดี๋ยวผมดูข้างนอกให้ รับรองไม่มีใครเข้ามารบกวนแน่ๆ”

               เขตแดนนึกอยากตบรางวัลให้เพื่อนรักของธรณ์อย่างงาม แต่คงต้องเอาไว้ทำทีหลัง เขาสืบเท้าเข้าไปประชิดเตียงคนป่วยช้าๆ ได้ยินเสียงอีกคนพูดอู้อี้ตอบกลับมา

               “ชิน มึงห้ามเอาที่กูพูดไปบอกพี่เขตต์นะ”

               คนป่วยที่อยู่ตรงหน้าเขตแดน ช่างเป็นคนป่วยที่น่ารักที่สุดในโลก เขาเอื้อมมือไปแตะไหล่ธรณ์เบาๆ เห็นเจ้าตัวสะดุ้งน้อยๆแต่ยังไม่ยอมหันกลับมา คงจะอายชินดนัยกับสิ่งที่พูดไปอยู่เหมือนกัน

               “ทำไมถึงไม่ให้บอกพี่ล่ะครับ”

               คราวนี้คนป่วยถึงกับตัวแข็งทื่อ ธรณ์นึกอยากกลั้นใจตายขึ้นมาทันที เสียงพี่เขตต์ ไม่ผิดแน่ๆ แต่ตามกำหนดต้องกลับมาพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ หรือจะเป็นผีพี่เขตต์ หรือเขาจะหูแว่ว หรือเขาจะประสาทหลอน บ้า บ้าแน่ๆ นี่แกป่วยจนเพี้ยนไปแล้วเหรอไงธรณ์

               “ธรณ์ครับ...” ของจริง ไม่ผิดตัวแน่ๆ


               “หันมาหาพี่หน่อยเร็ว คนดี”


               ถ้าคิดว่าเสียงนุ่มๆอ่อนๆของเขตแดนจะทำให้ธรณ์ยอมหันกลับไปง่ายๆ ขอบอกเลยว่าคิดผิดถนัด คนถูกเรียกแทบจะฝังตัวเองลงไปกับเตียงคนไข้ รวมร่างไปกับผ้าห่มผืนบาง

               เขตแดนยิ้ม ยิ้มอย่างนึกเอ็นดูกับการกระทำของอีกฝ่าย ที่ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าอายแค่ไหน แต่ดูท่าแล้วธรณ์คงจะไม่ยอมหันกลับมาง่ายๆแน่ คงต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมกันหน่อย

               “ถ้าไม่หันมา พี่จะกลับแล้วนะครับ” เงียบ แต่เห็นเลยว่าแอบเกร็งตัวอยู่หน่อยๆ

               “พี่อุตส่าห์รีบกลับมาหาธรณ์ งั้นรอให้ธรณ์เป็นฝ่ายอยากคุยกับพี่ละกัน พี่ไปละ...”

               “เดี๋ยว พี่เขตต์...”

               ธรณ์พลิกตัวกลับมา ก่อนจะรู้ตัวว่าเสียทีคนเจ้าเล่ห์ ก็ตอนที่เขตแดนโน้มตัวอยู่เหนือร่างเขา และกดเขาชิดแน่นกับเตียง ไม่ยอมให้ขยับหนีไปไหนได้อีก ที่ทำได้ก็มีเพียงแค่เบือนหน้าหนีเพียงอย่างเดียว

               นี่ไข้เขาต้องกลับอีกแล้วแน่ๆ หน้าถึงได้ร้อนผ่าวแบบนี้ มันเป็นเพราะไข้ชัวร์ๆอย่างไม่ต้องสงสัย

               “ผมเหนื่อย อยากจะนอน” ธรณ์โกหกคำโต นอนอะไรกันล่ะ เขาเพิ่งตื่นขึ้นมาแหมบๆ

               “คิดถึงพี่ไม่ใช่เหรอครับ”

               ไม่ผิดแน่ๆ เขตแดนได้ยินทุกอย่างที่เขาพูดจริงๆ กับเรื่องอื่นธรณ์อาจจะกล้า กับคนอื่นธรณ์อาจจะเก่ง แต่ต้องไม่ใช่กับเขตแดนแน่ๆ

               “คิดถึงพี่ก็บอกพี่สิครับ ไปบอกชินทำไม

               “ผมเปล่า...อื๊อ...”

               ธรณ์ไม่ทันได้ปฏิเสธให้จบประโยค ถ้อยคำที่ตั้งใจจะพูดก็ถูกดูดกลืนหายไป พร้อมๆกับที่ริมฝีปากอุ่นแนบลงมาสร้างความวาบหวาม สัมผัสอ่อนโยนที่ทำเอาเขาไม่เป็นตัวของตัวเอง ริมฝีปากของเขตแดนกำลังบอกว่าคิดถึงเขามากแค่ไหน ธรณ์จึงไม่ลังเลที่จะบอกกลับไปเช่นเดียวกัน


               ในเมื่อเราต่างก็คิดถึงกันและกัน เหตุใดจึงไม่พูดออกมาดังๆ ให้เสียงของความคิดถึงดังกว่าเสียงหัวใจที่กำลังเต้นระรัว


====================


               หลังจากเอาเปรียบคนป่วยให้สมกับความคิดถึงที่เอ่อล้น เขตแดนก็ประคองคนป่วยลงมานั่งด้วยกันที่โซฟาข้างเตียง มีเขาโอบเอวไว้หลวมๆ แรกๆคนป่วยก็ทำยึกยักขัดขืน ไม่ยอมให้เขาเข้ามากอดแนบชิดอย่างที่เป็นอยู่

               “พี่เขตต์ เดี๋ยวมีคนเข้ามาเห็น”

               “ไม่มีหรอก ชินดนัยดูให้อยู่” เขตแดนบอกก่อนจะยิ้มร้ายๆ เท่านั้นธรณ์ก็ถึงกับตาเบิกโพลง

               นับวันยิ่งไว้ใจไม่ได้ ตกลงเพื่อนเขาจะแปรพักตร์ไปเข้าข้างเขตแดนแล้วใช่ไหม

               “ตกลงเพื่อนผมหรือเพื่อนพี่เขตต์กันแน่” ธรณ์บ่นอุบอิบ

               “ทีเวธน์เชื่อธรณ์มากกว่าพี่ พี่ยังไม่ว่าเลยนะ”

               พอพูดถึงเรื่องเวธน์ขึ้นมา เขตแดนก็เหมือนจะนึกอะไรได้ เขารีบโอบกระชับคนข้างตัวแน่น เหมือนกลัวธรณ์จะลุกหนีหายไปไหน ถึงเวลาที่ต้องคุยกันอย่างจริงๆจังๆซะที

               “ธรณ์ จำได้ไหมที่พี่บอกว่าเราต้องคุยกัน”

               ธรณ์เสหลบตาก่อนจะพยักหน้าช้าๆ รู้อยู่เต็มอกว่าเขตแดนจะพูดเรื่องอะไร

               “พี่ไม่อยากให้ธรณ์เอาแต่หักโหมทำงานจนไม่สบายแบบนี้อีก ทำให้พี่ได้ไหม”

               “แต่...”

               “ถ้าธรณ์ไม่เชื่อ พี่จะให้ธรณ์เรียนอย่างเดียว แล้วไม่ต้องเข้ามายุ่งกับงานที่บริษัท อย่าลืมนะว่าพี่ยังเป็นผู้ปกครองของธรณ์อยู่”

               ธรณ์ส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน ทำงานน้อยลงก็ได้ แต่ไม่ให้ช่วยนี่เขาไม่ยอมด้วยแน่ๆ เรื่องอะไรกันล่ะ

               “ผมทำงานน้อยลงก็ได้ แต่ต้องให้ผมทำงานนะ”

               “ถามจริงๆ จะทำงานหนักไปทำไม ในเมื่อพี่ก็คอยช่วยธรณ์ดูแลอยู่แล้ว”

               คนข้างตัวเบือนหน้าหนี จนเขตแดนต้องเชยคางให้หันกลับมา อดใจไม่ไหว ถือโอกาสเอากับแก้มขาวไปเสียอีกหนึ่งทีให้คนเก่งเขาได้แต่นั่งหน้าแดง

               “ตอบมาตามตรง”

               “ผมอยากจะช่วยพี่เขตต์ อยากจะเก่ง จะได้ไปยืนข้างๆพี่เขตต์โดยที่ไม่มีใครว่า ผมไม่อยากเป็นเด็กกะโปโลหรือเป็นคนไม่เอาไหนในสายตาคนอื่น”

               “ทุกวันนี้ธรณ์ก็ยืนอยู่ข้างๆพี่แล้ว ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอไง คนอื่นจะมองธรณ์ยังไงไม่สำคัญ เพราะพี่กับพ่อรู้ดีว่าธรณ์พยายามมากแค่ไหน สัญญานะ...ว่าต่อไปนี้จะไม่โหมทำงานจนตัวเองต้องล้มหมอนนอนเสื่ออีก พี่ไม่ดีใจหรอกนะ ถ้าบริษัทของเราเจริญก้าวหน้า แต่เจ้าของบริษัทต้องมาเจ็บไข้ได้ป่วยแบบนี้”

               “ผมขอโทษครับที่ทำให้พี่เขตต์เป็นห่วง”

               เขตแดนลูบหัวธรณ์เบาๆ รั้งร่างอีกคนเข้ามาในอ้อมกอดแน่น กดจูบลงบนเรือนผมของคนที่อยู่ในอ้อมแขน เขารู้ว่าธรณ์ชอบกดดันตัวเองบ่อยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบเลย

               “จริงๆพี่ต้องทำงานหนักมากกว่าธรณ์นะ เพราะธรณ์เป็นเจ้าของ แต่พี่ไม่...” ธรณ์ยื่นมือมาปิดปากเขตแดนเอาไว้ก่อนจะทำตาดุๆ

               “พี่เขตต์ห้ามพูดแบบนี้เด็ดขาด”

               เขตแดนจับมือธรณ์ขึ้นมา กดจูบลงไปเบาๆที่ปลายนิ้วทีละนิ้ว ให้คนถูกกระทำต้องรู้สึกกระดากอายจนปั้นหน้าไม่ถูก ก่อนจะยื่นหน้าไปกระซิบเบาๆข้างหู

               “ธรณ์ก็ห้ามทำให้พี่เป็นห่วงอีกรู้ไหม”

               ธรณ์ยิ้มออกมาบางๆ ไม่ได้ตอบรับหรือตอบปฏิเสธ ใครจะรู้ว่าเจ้าตัวคิดอะไรอยู่


               เขาก็แค่คิดว่า...เวลาที่เขตแดนเป็นห่วง มันทำให้เขารู้สึกดี เพราะแบบนี้ถึงเลิกทำให้เป็นห่วงไม่ได้จริงๆ
               ช่วยเป็นห่วงเขาไปเรื่อยๆหน่อยเถอะ พี่เขตต์ไม่รู้หรือไงว่าเด็กแถวนี้ขาดความอบอุ่นมากแค่ไหน



               “ที่สำคัญนะธรณ์ รู้สึกอะไรยังไงก็บอกพี่มาตรงๆก็ได้ จะเก็บไว้ทำไม มันไม่ใช่เรื่องน่าอาย คิดถึงพี่หรืออยากให้พี่อยู่ด้วย ก็บอกให้พี่ได้รู้หน่อยเถอะ”

               ไหนๆวันนี้เขตแดนก็ทำเขาอายมาหลายต่อหลายรอบแล้ว จะทำให้ตัวเองอายมากกว่านี้อีกนิดจะเป็นอะไรไปล่ะ

               “อยู่กับผมตลอดไปนะ...”

               ธรณ์จะรู้ไหมว่าสิ่งที่เจ้าตัวขอก็คือสิ่งเดียวกับที่เขตแดนตั้งใจจะทำ


               ตลอดไป...นานไหม เขตแดนก็ยังไม่รู้ แต่ที่รู้คือเขาจะอยู่กับธรณ์ในทุกๆวัน
               อยู่ด้วยกัน...ตลอดไป


จบตอนพิเศษ


เอาตอนพิเศษมาเสิร์ฟแล้วค่า รวดเร็วทันใจ เป็นไฟท์บังคับเนอะ หวังว่าจะหวานสมใจกันนะคะ ^^
ตอนนี้น้องธรณ์งอแงไปนิด น่าหาไม้เรียวให้พี่เขตต์ฟาดก้นแรงๆซักทีสองที

ขอบคุณทุกคนที่เอ็นดูพี่เขตต์และน้องธรณ์นะคะ
รักคนอ่านทุกคนค่ะ ขอบคุณทุกเม้นท์ ทุกบวก ทุกเป็ด ทุกกำลังใจ ขอบคุณจริงๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 04-02-2013 13:59:55
กรี๊ดกร๊าด จบแล้ว

ธรณ์ก็เป็นของพี่เขต >.<
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 04-02-2013 14:03:47
ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ น่าอ่านแบบนี้ และสำหรับตอนพิเศษด้วยค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: ordinary ที่ 04-02-2013 14:04:31
น้องธอร์ณดื้อนะเนี้ยะ 55555  :-[
มีการแอบบอกรักพี่เขต์ตแต่ไม่อยากให้พี่เขต์ตรู้ด้วย
น่ารักจริงจัง อยากอ่านตอนพิเศษอีกอ่า ตอนเดียวไม่จุใจเลย 5555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 04-02-2013 14:07:30
หวานอะ น่าร๊ากกก
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 04-02-2013 14:12:19
กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!

น่ารักอ่ะ ชอบๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 04-02-2013 14:23:09
น่ารัก ๆ มาเรื่อย ๆ น่ะ อยากอ่าน ๆ ให้เปลี่ยนสถานที่บ้างก้อดีน่ะ อย่างไปเที่ยวหยั่งงี้อ่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 04-02-2013 14:44:57
 :o8: :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 04-02-2013 14:49:58
ธรณ์ป่วยงอแงได้น่าร๊ากกก แต่อานตอนพิเศษแลิวชอบชิน อ่ะ รออ่านเรื่องของชินกะผู้พัน :impress2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 04-02-2013 15:34:49
น่าเอ็นดูมากค่ะ ToTb

ร้องไห้เพราะดีใจ จากเด็กเกรียนดื้อ มาน่ารักได้ขนาดนี้
ไม่เสียแรงที่พี่เขตต์เลี้ยงมาจริงๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: yaoigirl ที่ 04-02-2013 16:23:50
หวานมากกกกกก  ขออีกๆๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 04-02-2013 16:38:23
น่ารักมากเลยธรณ์ ชอบชินทำให้ธรณ์ยอมพูดความรู้สึกตัวเอง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 04-02-2013 16:56:38
น้องธรณ์น่ารักอ่า  น้องธรณ์งอแงนี่เป็นอะไรที่แบบว่า น่าฟัด 5555555 :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 04-02-2013 17:54:47
เอาอีกกกกกกกกกกห

 :-[
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 04-02-2013 18:19:25
 :m1: คนนึงก็ดื้อซะ อีกคนก็ตามใจซะ น่ารักที่สุดอ่ะ :-[
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 04-02-2013 18:54:02
ยังไม่พอค่ะ ยังหวานไม่พอ ยังได้อีก ขอตอนพิเศษอีกนะคะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 04-02-2013 19:13:41
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษคะ :3123:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 04-02-2013 19:22:33
น่ารักจริง ๆ

ขอบคุณมากนะคะ ^^

 :L2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: YOSHIKUNI RUN ที่ 04-02-2013 19:36:33
หวานปานจะกลืนกิน~~~~ ฮิิ้วววว~~
เขินแทนเลยนะเนีย :-[ :-[

ขอบคุณค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 04-02-2013 19:43:07
น้ำตาลขึ้นแบบไม่ยั้งก็มันหวานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนซะขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 04-02-2013 20:30:31
+ หวาน ๆ  น้ำตาลขึ้น อิอิ ยอม :o8: พี่เขต น้องธร
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 04-02-2013 21:18:00
ขอหวานเพิ่มอีกสักตอน 2 ตอนได้ไหมค่ะ  :-[ แบบว่าอยากอ่านต่ออีก

น้องธรณ์เวลาไม่สบายแล้วงอแง ขี้อ้อน อยากให้พี่เขตดูแลตลอด  ไม่ขอ พี่เขตก็อยากดูแลตลอดอยู่แล้วค่ะ

กด + ให้กับความหวานของน้องธรณ์-พี่เขต
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 04-02-2013 22:33:24
ธรณ์น่ารักมากเลย
งอแงเป็นเด็กๆเลยน้า
ส่วนพี่เขตก็อบอุ่นอ่ะ
ชอบบบบบบ ><
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 04-02-2013 23:20:34
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 04-02-2013 23:32:29
เบาหวานข้าน้อยจะขึ้นไหมหนอ

น่ารักสุดๆ หวานมากๆ

ตอนแรกๆสงสารธรณ์มาก แต่ตอนนี้ธรณ์มีพี่เขตต์แล้ว มีความสุขมากๆนะธรณ์

รักกันนานๆหวานกันมากๆ เค้ามีความสุข  :กอด1:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-02-2013 00:29:03
 :oo1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 05-02-2013 01:37:08
ชินก็ไม่ค่อยเลยนะ ทำให้ธรณ์เปิดเผยความรู้สึกให้เขตฟังหมดเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 05-02-2013 02:04:00
 :-[ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 05-02-2013 03:10:48
 ธรณ์น่ารักอ่ะ :-[ :-[

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 05-02-2013 06:07:29
ธรณ์น่ารักขึ้นมากๆ
มีความสุขจริงๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 05-02-2013 06:33:47
โแ้ย เขินนน
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: So_Da_Za ที่ 05-02-2013 07:39:46
อั้ยย่ะ
น้องธรณ์ของพี่เขต ช่างขี้อ้อนจริงๆ
ป่วยแล้วขี้อ้อนมากๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 05-02-2013 17:24:30
น่ารัก  หวานเว่อร์อ่ะ

ใจละลายกับพี่เขตต์เลย  รู้สึกจะแอบร้ายนิดๆนะเนี่ยพี่เขตต์
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: saiiisai ที่ 05-02-2013 21:54:30
ขอบคุณครับอ่านแล้วมีความสุขจัง :-[
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 12-02-2013 09:24:12
หวานมากกกกกกกกก อ่านไปเขินไป

อยากจะไปสิงน้องธรณ์ พี่เขตต์เจ้าเล่ห์มากอ่ะ

ขอบคุณนะคะ อยากได้อีกหลายๆตอนจังเลย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 08-04-2013 22:05:41
หวานเว่อเห่อ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 08-04-2013 23:40:57
ตอนพิเศษหวานอะไรอย่างนี้นะ คู่นี้เขาหวานกันซะจริงง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 09-04-2013 21:53:44
อ่านเรื่องนี้รวดเดียวจบ น่ารักมากอ่ะ สมชื่อรักคืนรังจริงๆค่ะ สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 24-05-2013 20:31:27
เรื่องราวรุ่นคุณพ่อก็ซับซ้อนไม่น้อย

น้องธรณ์กับพี่เขตต์หวานชื่นถูกใจผู้อ่านจังคะ

ขอบคุณผู้เขียนค่า  :pig4:


หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ตอนพิเศษ :: 04.02.2013」หน้าที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 24-05-2013 22:40:59
รักกัน ห่วงใยกัน ดูแลกันและกัน

อ่านไปก็เขินไป

 >////<
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 1 :: 29.05.2013」หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 29-05-2013 14:54:04
มากกว่ารัก

ตอนที่ 1


               ท่ามกลางความเงียบสงัดของยามค่ำคืน แม้แต่ห้องนอนของบ้านพักทหารหลังเล็กก็มีเพียงเสียงหริ่งหรีดเรไรจากภายนอก ทุกอย่างคงจะสงบสุขเหมือนอย่างที่เป็นมาค่อนคืน และคนสองคนที่นอนกอดกันก็คงจะหลับฝันดี ถ้าเพียงแต่ปราศจาก...

               ครืด...ครืด...

               ชายหนุ่มร่างสูงขยับตัวออกจากอ้อมกอดที่รัดแน่นราวกับจะกดเขาจมลงสู่อ้อมอกอุ่น ควานมือหาโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่กำลังสั่นครืดคราด พอหาเจอก็ต้องหยีตาสู้แสงไฟจากโทรศัพท์ จนเผลอนิ่วหน้าออกมาเล็กน้อย ก่อนจะกดรับสายด้วยความงัวเงีย

               (ชิน...ไม่ได้อยู่ที่เรือนเล็กหรือลูก?)

               เสียงของคุณหญิงผู้เป็นแม่ ที่โทรทางไกลมาจากต่างประเทศดังมาตามสาย ชินดนัยขยับจะก้าวขาลงจากเตียง เพราะเกรงว่าเสียงสนทนาของตัวเองจะปลุกอีกคนที่กำลังนอนหลับสนิทให้ตื่น แต่แค่ขยับตัวเพียงนิดเดียว อ้อมแขนแข็งแรงคนที่นอนอยู่เคียงข้างก็ยื่นมาโอบรัดเขาอย่างหวงแหน จนต้องยอมจำนนอยู่ที่เดิม

               “ผม...มาค้างที่บ้านพักของพี่ครับ”

               แม้จะรู้ดีว่าผู้เป็นพ่อแม่ไม่ได้ระแคะระคายถึงความสัมพันธ์ที่พิลึกพิลั่นผิดธรรมชาติ แต่ชินดนัยก็ยังเกรงและกลัว กลัวว่าซักวันหากพ่อแม่รู้เข้า ทุกสิ่งทุกอย่างคงพังทลาย ลูกชายเพียงคนเดียวของท่านนายพลรักกับผู้ชายด้วยกัน แถมยังเป็นคนที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายตามกฎหมายเสียอีก เป็นเรื่องที่น่าขายหน้าน้อยเสียเมื่อไหร่กัน ยามเอ่ยถึงอีกคนจึงต้องเอ่ยด้วยความระมัดระวังเหมือนคนที่มีชนักปักหลัง

               (อ้อ...อยู่กับตาวีร์นี่เอง นี่แม่โทรมาปลุกหรือเปล่า ความจริงน่าจะพากันกลับมานอนที่บ้านนะลูก ถึงอย่างไรบ้านเราก็สะดวกสบายกว่าบ้านพักที่กรม)

               “ไม่เป็นไรครับแม่ ผมมาค้างแค่คืนเดียว พรุ่งนี้พี่เขาต้องลงพื้นที่ เลยชวนผมมานอนค้างด้วยกัน ไม่ได้ลำบากอะไรมากมายหรอกครับ”

               ถือว่าเขาไม่ได้ปดผู้เป็นแม่ เพราะสาเหตุที่ชินดนัยมาค้างบ้านพักที่กรมก็อย่างที่เอ่ยออกไป พรุ่งนี้คนที่นอนอยู่ข้างกายจะต้องออกปฏิบัติภารกิจ บางทีก็กินเวลาไม่กี่วัน บางทีก็เป็นสัปดาห์ หนักหน่อยก็เป็นเดือน และทุกครั้งที่จากไป ก็จะต้องทิ้งความกังวลใจไว้ให้เขาดูต่างหน้าเสมอ

               ชินดนัยเองเกิดเป็นลูกทหาร แม้จะไม่ได้เป็นทหาร แต่ก็คุ้นเคยกับวิถีชีวิตแบบทหาร ตอนเด็กเคยกอดปลอบแม่ สมัยที่ต้องนั่งรอพ่อกลับจากปฏิบัติการอยู่บ่อยครั้ง เหตุผลที่เขาเลือกที่จะไม่เป็นทหาร ส่วนหนึ่งก็เพราะคำขอร้องของผู้เป็นแม่ แม่ที่เคยเฝ้ารอพ่อด้วยความเป็นห่วงและกระวนกระวาย แม่ที่ไม่อยากเฝ้ารอเขาด้วยความรู้สึกแบบเดียวกัน แม่ที่บอกกับเขาว่า...

               ‘แม่มีลูกชายอยู่สองคน เป็นทหารไปแล้วเสียคน ชินอย่าเป็นอีกคนเลยนะลูก’

               อาจจะเป็นคำพูดที่ฟังดูเห็นแก่ตัว แต่มันคือเรื่องจริงของคนข้างหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...หัวอกของคนเป็นแม่ เขาเองก็เข้าใจความรู้สึกของแม่เป็นอย่างดี รู้ดีว่าตนเองกระวนกระวายแค่ไหน ทุกครั้งที่คนข้างกายต้องลงพื้นที่ โชคดียังพอติดต่อกันได้ บางครั้ง...ติดต่อกันไม่ได้เป็นอาทิตย์ บางคราวที่หายเข้าป่าไปก็ไม่มีข่าวคราวส่งมา ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร กว่าจะโล่งใจก็ตอนที่เห็นอีกคนแบกร่างโทรมๆกลับมายืนอยู่ตรงหน้า

               (บอกตาวีร์ด้วยนะลูก ถ้าเสร็จงานแล้วกลับมาหาพ่อแม่บ้าง และขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองลูกของแม่ให้ปลอดภัยกลับมาด้วย)

               ใช่ว่าจะมีแต่ชินดนัยคนเดียวที่เป็นห่วง คุณหญิงเองก็ไม่ต่างกัน แม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันโดยกำเนิด แต่ความรักและผูกพันที่บ่มเพาะมานาน เธอจึงเอ่ยปากบอกคนอื่นว่ามีลูกชายสองคนได้อย่างสนิทใจ

               “ครับ เดี๋ยวผมจะบอกพี่ให้”

               โทรศัพท์ถูกกดวางสายไปแล้ว แต่ชินดนัยยังคงนั่งมองหน้าจอที่มืดดับอย่างเหม่อลอย เขาเองก็มีเรื่องที่ต้องคิดมากมาย นอกจากเรื่องของเพื่อนรักอย่างธรณ์แล้ว เรื่องของตัวเขาเองก็หนักหนาไม่ต่างกัน

               “คุณแม่โทรมาใช่ไหม” เสียงทุ้มดังมาจากข้างหลัง พร้อมกับอ้อมแขนที่รั้งตัวเขาลงนอนเคียงข้าง

               “ผมทำพี่ตื่นหรือเปล่า”

               “เป็นทหาร ถ้าหลับลึกก็แย่สิ ต้องรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา แค่นายขยับตัวฉันก็ตื่นแล้ว”

               “เป็นทหารนี่ลำบากเหมือนกันนะ”

               ชินดนัยปล่อยตัวให้นอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนที่อบอุ่น เหมือนทุกคืนก่อนที่อีกคนจะลงพื้นที่ เขามักจะพาตัวเองมาเก็บเกี่ยวความอบอุ่นราวกับว่ามันจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกัน เพราะในความแน่นอนมักมีความไม่แน่นอนอยู่เสมอ ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้เราจะยังได้อยู่ด้วยกันอีกไหม

               “ถ้าทุกคนคิดแบบนี้ก็แย่กันพอดี ภูมิใจหน่อยสิที่ฉันเป็นทหาร เป็นทหารของประชาชน เป็นคนของแผ่นดิน”

               “แต่บางที...ผมก็อยากให้พี่เป็นแค่คนธรรมดาสำหรับผม”

               อ้อมกอดแข็งแรงกระชับแน่นเข้า สายตาที่ชินกับความมืดของชินดนัยมองตรงไปยังเครื่องแบบสีเขียวที่แขวนรออยู่ก่อนจะถอนหายใจออกมาช้าๆ เขาไม่ค่อยได้หลับสนิทเท่าไหร่นัก ทุกครั้งที่อีกคนต้องลงพื้นที่ ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ มันเป็นความห่วงและกังวลที่อัดแน่น แต่ไม่สามารถเปิดเผยออกไปให้ใครรู้ได้

               “คราวนี้พี่ต้องไปกี่วัน”

               “ยังไม่รู้เลย คราวนี้ถูกเรียกไปที่กองกำลังนเรศวร”

               แค่ชื่อที่หลุดออกมา ก็ทำเอาชินดนัยต้องมุ่นหัวคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะหันมามองคนที่นอนกอดเขาอยู่ อีกฝ่ายเพียงแค่นอนหลับตา เขารู้ดีว่าทุกประสาทสัมผัสของคนข้างตัวยังตื่นอยู่ตลอด

               “ยาเสพติดใช่ไหม”

               “อืม...มีข่าวว่ามันจะขนเข้ามาทางด่านแม่สอด”

               “สัญญาได้ไหม...ว่าจะไม่ตาย”

               ชินดนัยรู้...ว่ามันเป็นคำสัญญาที่เอาแต่ใจ แต่เขาก็ขอสัญญาจากอีกนทุกครั้งที่ลงพื้นที่ อย่างน้อยเขาจะได้อุ่นใจว่าอีกฝ่ายจะรอดชีวิตกลับมาหาเขา

               ...แม้ไม่อาจอยู่ด้วยกัน ขอแค่อย่าตายจากกันก็เพียงพอ...

               “ไม่รู้หรือว่ายังไงฉันก็ต้องกลับมาหานายอยู่ดี นอนเถอะ อย่าคิดมากเลย น่าจะชินได้แล้วนะ”

               ชินดนัยอยากจะเถียงออกไปเหลือเกินว่า ต่อให้ชนวีร์ต้องลงพื้นที่อีกกี่ร้อยพันครั้ง เขาก็ไม่มีทางชินเด็ดขาด มันไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำใจให้ชินได้ง่ายๆเลย

               “ไม่อยากให้ผ่านคืนนี้เลย”

               “นอนเถอะ...สัญญาว่าจะกลับมา”

               มันเป็นเรื่องยาก ที่จะรับปากในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่ชนวีร์ก็พยายามจะทำให้ได้อย่างที่ปากพูดทุกครั้ง ถึงกลับเป็นไม่ได้ ก็จะพาร่างกายกลับมา ไม่ใช่แค่คนรอที่เครียด คนไปก็ห่วงข้างหลังเสมอ

               แค่ความรักที่เป็นความลับก็อึดอัดและลำบากมากพอแล้ว ช่วงเวลาที่ต้องจากกันยิ่งทรมานจนแทบคลั่ง ทุกครั้งที่เจอกัน จึงอยากจะเก็บเกี่ยวความรู้สึกดีๆเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เก็บเอาไว้เผื่ออนาคต...เผื่อวันที่เราต้องห่างกันไกล อย่างน้อยยังมีความทรงจำและความรู้สึกดีๆให้ระลึกถึงเสมอ

               ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน เขามักจะเรียกร้องเอาจากชินดนัยทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะทันทีที่แยกจากกันไป เมื่ออยู่ในสนามรบ เขาต้องตัดทุกอย่างออก เหลือเพียงแค่แผ่นดิน แค่ประชาชนที่สำคัญ แค่ศัตรูที่ต้องนึกถึง ไม่มีเวลามาคิดเรื่องส่วนตัว ทุกเวลาคือความเป็นตาย

               หากพลาด...คือจบ!!
               หากรอด...นั่นหมายถึงเขามีโอกาสกลับมากอดคนที่รัก



====================


               ชินดนัยยืนมองคนที่กำลังตรวจเช็กความเรียบร้อยของลูกกระสุนและอาวุธคู่ใจ ทุกครั้งที่ต้องรอคอย มันเป็นการรอคอยที่เต็มไปด้วยความกลัว กลัวว่าซักวัน...คนที่ไปจะไม่กลับมา

               “พี่ไม่ลืมอะไรแล้วนะ”

               คนที่สวมชุดทหารเต็มยศ เพราะต้องเข้าไปรายงานตัวก่อนปฏิบัติงาน เงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของคำถามก่อนจะลุกขึ้นรั้งอีกคนมากอดไว้หลวมๆ

               “ขอเครื่องรางได้ไหม”

               รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นที่ริมฝีปาก รู้ดีว่าเครื่องรางที่อีกคนพูดถึงคืออะไร เขาปลดกระดุมเครื่องแบบนายทหารออกสองเม็ด ก่อนที่ริมฝีปากจะจรดลงบนเนินอก จนรับรู้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจ แล้วค่อยๆขบเม้มจนกลายเป็นรอย แต่ไม่ว่าจะทำให้เป็นรอยชัดเจนขนาดไหน มันก็หายไปก่อนที่อีกคนจะกลับมาทุกครั้ง

               “กว่าพี่จะกลับมาก็ไม่เหลือรอยแล้ว”

               นายทหารหนุ่มไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่กอดชินดนัยเอาไว้แน่น ซึมซับทุกความอบอุ่นในวันนี้ ก่อนจะคลายวงแขวนออกอย่างเสียดาย แต่ภารกิจและหน้าที่ต้องมาก่อน เมื่อเลือกที่จะเดินบนทางสายนี้แล้วก็ต้องแยกแยะให้ออก

               ชินดนัยเดินออกมาส่งชนวีร์ที่รถจี๊ป เมื่อออกมานอกบ้านพัก ก็ไม่สามารถทำอะไรประเจิดประเจ้อได้อีก ทุกความรู้สึกได้แต่ส่งผ่านทางสายตาให้อีกคนรับรู้ด้วยหัวใจ

               “ดูแลตัวเองดีๆนะ แม่ฝากบอกว่า...ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองพี่ให้ปลอดภัยกลับมา”

               “บอกแม่ด้วยว่า...ฉันรักแม่”

               เป็นเรื่องปกติและเป็นสิ่งที่ต้องทำ ทุกครั้งที่ต้องออกไปทำงาน บอก...เพราะไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสกลับมาบอกอีกหรือเปล่า

               “และฉัน...รักนายมากนะชินดนัย”

               ชินดนัยยิ้มก่อนจะเดินแยกไปที่รถของตัวเอง รถจี๊ปคันใหญ่ขับตามรถของชินดนัยออกมานอกกรม แยกย้ายกันไปตามทางของแต่ละคน กลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง ที่ทุกชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ไม่รู้เมื่อไหร่ที่จะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันอย่างที่ใจต้องการ หรือว่า...อาจจะไม่มีวันนั้น ทุกวันนี้ที่ยังได้อยู่ด้วยกัน ก็แค่ใช้ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องมาบังหน้า

               ทางมืดมน ตราบเท่าที่อีกคนยังเป็นแสงสว่าง ก็ไม่เคยคิดจะย้อนกลับ
               แต่บางที...ภาระหน้าที่ก็ต้องมาก่อนหัวใจ



====================


               หลังจากประชุมวางแผนและจัดเตรียมกองกำลังมาร่วมสัปดาห์ กำหนดการก็ถูกส่งลงมาถึงทหารทุกนายที่เกี่ยวข้องกับภารกิจ อาวุธยุทโธปกรณ์ถูกลำเลียงออกมาเพื่อเตรียมความพร้อม นายทหารหลายนายเดินกันขวักไขว่อยู่ทั่วค่าย

               พันตรีชนวีร์สำรวจความเรียบร้อยต่างๆ ก่อนจะเหน็บโคลท์.45 ที่เป็นของดูต่างหน้าจากบางคนลงกับเอว ปืนธรรมดาที่มีความหมายมากมายสำหรับเขา ก็แค่...ของขวัญวันเกิดจากคนบางคน สมกับที่เราสองคนต่างก็เป็นลูกทหารเหมือนกัน

               ชายหนุ่มยกมือมาแตะแผ่วเบาลงที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง บริเวณที่เคยมี ‘เครื่องราง’ จากคนสำคัญอยู่ ทว่าระยะเวลาเกือบอาทิตย์ที่จากมา รอยแดงที่เปรียบเสมือนเครื่องรางส่วนตัวของเขาจึงจางลงจนเหลือเพียงผิวคร้ามแดด

               “สัญญา...ว่าจะกลับไปหา” เสียงห้าวพึมพำกับตนเอง แม้จะรู้ดีว่าคนที่อยู่ห่างจากเขาเกือบห้าร้อยกิโลเมตรคงไม่มีทางได้ยิน แต่เขาก็ยังอยากบอก ฝากสายลม ฝากแสงแดด ไปกระซิบข้างหูคนที่เขารักนักหนา...

               ...จะกลับไป ไม่ว่าด้วยสภาพไหนก็ตาม...

               ผู้พันหนุ่มก้มลงสวมรองเท้าคอมแบทเป็นอย่างสุดท้าย แล้วจึงก้าวออกมานอกบ้านพักรับรองที่มีนายทหารคนสนิทยืนรออยู่ก่อนแล้ว ความจริงด้วยยศและตำแหน่งของเขา จะนั่งประจำการอยู่ที่กรมก็สามารถทำได้ แต่ที่ต้องลงมาปฏิบัติหน้าที่ด้วยตนเอง คงเป็นเพราะเลือดทหารที่มีอยู่มันเข้มข้น เลยอาสาเสี่ยงตายมาออกแนวหน้า แม้บางคราวจะนึกอยากเย้ยหยันอุดมการณ์ของตัวเอง

               ...ชีวิตเพื่อชาติ หัวใจเพื่อเธอ...

               มันคงเป็นสิ่งที่ถูกลิขิตมาแล้ว นับจากวันที่ก้าวเข้าสู่เส้นทางสายนี้ เลือกแล้วที่จะเป็นทหารของประชาชนและเป็นคนของแผ่นดิน เหมือนกับที่เลือกแล้วว่าจะรัก ‘เขา’

               “ผู้พันพร้อมแล้วนะครับ”

               นายทหารคนสนิทเอ่ยถามก่อนจะเดินเข้ามารับข้าวของไปจากมือ ผู้พันชนวีร์เหยียดริมฝีปากออก ร่องรอยความตรึงเครียดฉายชัดอยู่บนหน้า ความคิดหวนกลับสู่บทสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อคืน

               ‘พรุ่งนี้จะออกแนวหน้าแล้ว

               (ระวังตัวด้วยนะ)

               ‘เสียใจหรือเปล่า...ที่เรารักกัน’

               (ไม่เคยเลย เสียใจมากกว่า...ถ้าเรารักกันไม่ได้)

               ‘ถ้าฉันไม่ได้กลับไป...’

               (อย่า...อย่าพูด...)

               ‘ขอโทษ รัก...รู้ใช่ไหม?’

               (ดูแลตัวเองดีๆและ...ต้องปลอดภัยกลับมานะ)

               “รถพร้อมแล้วครับผู้พัน”

               เสียงเรียกของนายทหารคนสนิทดึงเขาออกจากภวังค์ ผู้พันพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปยังรถทหารที่มีกองกำลังรออยู่หลายนาย เตรียมมุ่งหน้าสู่แม่ฮ่องสอน ตามแผนการที่วางและตามข่าวกรองที่รับมา ว่าจะมีการลักลอบขนยาบ้าบริเวณชายแดนไทย – พม่า รถบรรทุกทหารจะส่งลงที่ตำบลผาบ่อง ก่อนจะต้องเดินเท้าเข้าสู่พื้นที่ที่เป็นแนวสันเขา แม้กระทั่งการเดินทางยังยากลำบาก อย่าถามเลยว่าจะมีโอกาสติดต่อกับอีกคนหรือไม่

               ถ้ารอด...ก็กลับมาเจอกัน ถ้าต้องจาก...ก็ได้บอกว่ารักแล้ว

               นับจากวินาทีที่ก้าวออกจากค่าย เท่ากับว่าเขาละทิ้งทุกอย่าง มีเพียงประเทศชาติบ้านเมืองที่สำคัญ มีเพียงภาระหน้าที่ที่ต้องคำนึงถึง เลือกแล้ว...ที่จะเป็นรั้วของชาติ!!


====================


               ภารกิจล่าสุดที่กองกำลังนเรศวรกินระยะเวลานานเกือบสองสัปดาห์ ก่อนข่าวร้ายจะมาถึงหูชินดนัย ว่าผู้พันชนวีร์บาดเจ็บและถูกนำตัวมารักษาที่กรุงเทพฯเป็นการด่วน ช่วงระยะเวลาที่อีกฝ่ายต้องต่อสู้กับความเป็นตาย ชินดนัยเองก็มีเรื่องที่ต้องสะสาง เรื่องของเพื่อนรักอย่างธรณ์...ที่เมื่อเขายื่นมือเข้าช่วยแล้วก็ต้องช่วยต่อจนถึงที่สุด

               หลังจากจัดการกับเรื่องของคุณเขมจิราจนเรียบร้อย ชินดนัยก็ได้รับแจ้งจากผู้กองติสรณ์ว่าผู้พันชนวีร์ออกจากห้องผ่าตัดแล้ว และกำลังถูกย้ายมาที่ห้องพักผู้ป่วยธรรมดา แต่เนื่องจากร่างกายอ่อนเพลียเพราะเสียเลือดมาก คนป่วยเลยยังไม่ได้สติ

               ชินดนัยเดินลากเท้ามาตามทางเดินที่เงียบสงัดของโรงพยาบาล ที่สุดทางเดินคือห้องพักของคนที่เขารู้จักมาเกือบตลอดชีวิต เขาหยุดฝีเท้าลงหน้าห้องพักผู้ป่วย ดวงตามองป้ายชื่อที่ติดอยู่บนบานประตู

               ...พันตรีชนวีร์ จิรวงศ์...

               นอกจากเราสองคนต่างเป็นผู้ชายเหมือนกันแล้ว เราต่างก็เป็น ‘จิรวงศ์’ ตามกฎหมายเหมือนกันอีกด้วย และถึงแม้จะตัดความเป็นจิรวงศ์ออก แต่ท่านนายพลผู้เป็นพ่อและคุณหญิงผู้เป็นแม่จะยอมรับหรือ ถ้าลูกชายเพียงคนเดียวอย่างเขาชอบพอกับผู้ชายด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...เมื่อผู้ชายอีกคนคือคนที่ท่านรักเหมือนลูก

               ตัวเขาเองแม้จะเป็นเพื่อนรักกับธรณ์ แต่ทัศนคติและลักษณะการดำเนินชีวิตกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง ธรณ์ อิสรพัฒน์รักอิสรเสรีดั่งนกน้อย ไม่แคร์สังคมหรือคนอื่น แต่เขา...ชินดนัย จิรวงศ์ เขามีสังคมที่ต้องแคร์ มีหน้าตาของพ่อแม่ต้องรักษา มีเกียรติยศที่ต้องแบกรับเอาไว้ ถ้าเทียบกันแล้ว ระหว่างเขากับธรณ์ หนทางความรักของเขาช่างดูมืดมนเหลือเกิน มืดเสียจนมีหลายคราวที่เขานึกท้อ

               ชินดนัยถอนหายใจยาวก่อนจะหมุนลูกบิดออก ร่างของคนที่เขาเฝ้าคิดคำนึงหาร่วมสองสัปดาห์ด้วยความกระวนกระวาย กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงด้วยความอ่อนเพลีย เขาสืบเท้ามาหยุดอยู่ข้างเตียง มองดูดวงหน้าที่ฉายแววอิดโรย ก่อนจะไล้มือไปตามบาดแผลบนลำตัวของอีกฝ่าย

               ...พี่จะรู้ไหม เวลาที่เห็นพี่เจ็บ ผมกลับเจ็บเสียยิ่งกว่า แม้จะรู้ว่ามันเป็นหน้าที่ที่พี่ต้องทำและเป็นสิ่งที่พี่เลือกแล้ว...

               ...วันนี้รอดกลับมาพร้อมบาดแผล ถ้าวันหน้า...


               “อา.....”

               เสียงครางที่หลุดรอดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผาก เรียกรอยยินดีให้ปรากฏบนดวงตาของชินดนัย ก่อนที่เขาจะจัดแจงรินน้ำลงแก้วแล้วนำมาจ่อริมฝีปากของอีกฝ่าย คนป่วยที่เพิ่งรู้สึกตัวจิบน้ำลงคออย่างยากลำบาก แล้วค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ

               ...ดีแค่ไหนกัน ที่เมื่อรอดจากความเป็นความตายแล้วได้เห็นหน้าคนที่รักเป็นคนแรก...

               นายทหารหนุ่มขยับจะดึงอีกคนเข้ามาหา แต่แค่ขยับตัวเพียงนิดเดียวก็ต้องนิ่วหน้า เมื่อเกิดอาการตึงบาดแผลที่เพิ่งผ่าตัดเสร็จหมาดๆ ชินดนัยเลยต้องเป็นฝ่ายขยับเข้าหาแทน

               “เจ็บมากไหม...” คำถามหลุดออกมาจากริมฝีปากแผ่วเบา พร้อมกับที่ฝ่ามือประคองแก้มอีกฝ่ายเอาไว้

               “แค่เห็นนาย เดี๋ยวก็หาย”

               ถ้าเป็นยามปกติ ชินดนัยคงนึกยินดีกับถ้อยคำที่อีกฝ่ายกล่าวออกมา แต่ยามนี้ หัวใจมันแบกรับความเป็นห่วงเอาไว้จนหนักอึ้งไปทั้งใจ

               “กลับมาประจำที่กรมได้ไหม เลิกออกแนวหน้า เลิกเสี่ยงอันตรายเสียที” ถ้อยคำที่เอ่ยออกมาแทบจะเป็นการวอนขอ

               คนป่วยที่เพิ่งฟื้นตัวถึงกับชะงัก ดวงตาสองคู่มองสบประสานกัน ก่อนที่ชนวีร์จะเลื่อนมือมากุมมือคนที่ประคองแก้มเข้าอยู่ แค่เอียงหน้าเพียงเล็กน้อย ริมฝีปากเย็นชืดก็กดจูบลงกลางฝ่ามือของอีกคน

               “ถ้าทุกคนเลือกที่จะสบาย เลือกที่จะอยู่ข้างหลังหมด ทหารก็คงไม่ใช่รั้วของชาติอีกต่อไป”

               “วันนี้รั้วเริ่มผุแล้ว ถ้าเกิดวันข้างหน้ารั้วพังขึ้นมา...”

               ชินดนัยไม่สามารถเอ่ยต่อจนจบประโยคได้จริงๆ สุดท้ายเขาเลยค่อยๆดึงมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย แล้วเดินถอยมานั่งที่โซฟาข้างเตียงแทน

               “ชิน...” ชนวีร์เอ่ยเรียกคนที่นั่งนิ่งไม่ไหวติง

               “ผมไม่อยากเห็นแก่ตัวหรอกนะ แต่ผมก็ไม่อยากเสียพี่ไปเหมือนกัน”

               ชินดนัยรู้ว่าชนวีร์มีอุดมการณ์ แต่อีกฝ่ายเคยคิดถึงคนข้างหลังอย่างเขาบ้างหรือเปล่า เขาที่ต้องกระวนกระวาย เขาที่ต้องนั่งรอด้วยความเป็นกังวล ต้องสวดมนต์อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกครั้งที่อีกคนออกแนวหน้า เขาที่แทบจะเป็นบ้าวันหลายรอบด้วยความเป็นห่วง

               “ไม่มีใครอยากสูญเสียคนที่ตัวเองรักหรอก ทุกครอบครัวเขาก็คิดแบบนายกันหมด ถ้าฉันห่วงสบาย กลับมานั่งประจำอยู่ที่กรม แล้วลูกน้องที่ต้องการขวัญกำลังใจล่ะ ฉันอยากออกแนวหน้าไปพร้อมกับทุกคน ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเขาเหมือนที่เคยทำมาตลอด...จนกว่าจะถึงวันที่ฉันไม่ไหว”

               ถ้าเลือกได้ บางทีชินดนัยก็นึกอยากรักคนธรรมดา ดีกว่าที่จะต้องมานั่งกังวลเพราะคนบางคน แต่เพราะความรักมันเลือกไม่ได้ เขาถึงต้องทนเฝ้ากังวลทุกคราวที่อีกคนจากไป

               “นายจะไปไหน?” ชนวีร์หลุดเสียงถามออกมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นคนที่นั่งนิ่งอยู่นานผุดลุกจากโซฟา แล้วเดินตรงไปที่ประตู

               “ผมจะกลับบ้าน” เขาแตะมือลงที่ลูกบิดประตูก่อนจะบิดออกช้าๆ แล้วเอ่ยถ้อยคำถัดมา “กลับไปเอาชุดมานอนเฝ้าพี่ยังไงล่ะ”

               ถ้าเพียงแต่หันกลับมามอง ชินดนัยคงเห็นว่าบนดวงหน้าคร้ามแดดของคนป่วยปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ

               “ขอบใจนะ...”

               ขอบใจที่ถึงแม้จะไม่เข้าใจ แต่ก็พยายามยอมรับให้ได้ตลอดมา ขอบใจจริงๆ...


====================

[มีต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 1 :: 29.05.2013」หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 29-05-2013 15:01:48
               พอกลับมาถึงบ้าน ชินดนัยก็ตรงมาที่เรือนเล็กของตัวเอง นับว่าโชคดีที่ท่านนายพลผู้เป็นพ่อกับคุณหญิงผู้เป็นแม่อยู่ต่างประเทศ ถ้าขืนพ่อแม่รู้ข่าวว่าลูกชายอีกคนบาดเจ็บกลับมาจนต้องหามส่งโรงพยาบาลก็คงจะมีอาการไม่ต่างจากเขา

               ชินดนัยหยิบข้าวของที่จำเป็นมาจัดลงกระเป๋า สำหรับการเฝ้าไข้คนป่วยที่น่าจะกินเวลาอีกหลายวัน สาบานเลยว่าถ้าอีกฝ่ายอาการดีขึ้นเมื่อไหร่ เขาจะบังคับให้ชนวีร์กลับมาพักฟื้นที่เรือนเล็ก แทนที่จะเป็นบ้านพักที่กรมทหารอย่างที่เจ้าตัวชอบนักชอบหนา

               เลือดทหารที่ไหลอยู่ในตัวของชนวีร์ ดูท่าว่าจะข้นกว่าเลือดทหารของเขาเป็นแน่แท้ แม้เขาและชนวีร์จะเป็นลูกทหารเหมือนกัน แต่เขากลับเลือกเรียนบริหารธุรกิจ และตั้งใจจะเข้ามาช่วยคุณหญิงผู้เป็นแม่สืบทอดกิจการ มีแค่อีกคนที่เจริญรอยตามพ่อบังเกิดเกล้า เป็นทหารรับใช้ชาติและประชาชน

               ถูกแล้ว...พ่อบังเกิดเกล้าและพ่อบุญธรรมของชนวีร์ล้วนแล้วแต่เป็นทหาร เขายังจำเหตุการณ์วันแรกที่พบกันได้ดี ราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ทันทีที่พ่อรับโทรศัพท์แล้วรู้ว่าเพื่อนสนิทประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ พ่อกับแม่ต่างก็พากันผลุนผลันออกจากบ้าน ก่อนจะกลับมาพร้อมเด็กชายที่อายุมากกว่าเขาหลายปี เด็กชายชนวีร์ที่พ่อบอกกับเขาว่า...

               ‘ชิน...พี่วีร์เขาจะมาเป็นพี่ชายของลูกนะ เราสี่คนจะเป็นครอบครัวเดียวกัน ลูกสองคนต้องรักกันมากๆนะ’

               เด็กชายชินดนัยวัยเด็กรับรู้เพียงแค่ว่าอีกฝ่ายจะมาเป็นพี่ชาย จนเมื่อโตถึงรู้ว่า พี่ชายที่พ่อพามา แท้จริงแล้วคือลูกชายของเพื่อนสนิทร่วมรุ่นเตรียมทหารของพ่อ ที่ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำแล้วเสียชีวิตพร้อมภรรยา เหลือเพียงลูกชายคนเดียวที่กำลังเรียนอยู่มัธยมต้น

               พ่อแม่จัดการดำเนินเรื่องรับชนวีร์เป็นบุตรบุญธรรมตามกฎหมาย และเปลี่ยนนามสกุลของอีกฝ่ายเป็น ‘จิรวงศ์’ พร้อมกับบอกว่า...

               ‘วีร์คือลูกของพ่อกับแม่ คือจิรวงศ์อีกคน’

               สำหรับเด็กชายชินดนัยที่เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว การที่มีพี่ชายปรากฏตัวขึ้นมาจึงนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี พี่ชายที่พาเขาไปโรงเรียน พี่ชายที่ไปรับและไปส่งเขา พี่ชายที่ดูแลเขาเป็นอย่างดี เพิ่งจะมีโอกาสห่างกันก็ตอนที่อีกฝ่ายเลือกสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร

               เขาเคยคิดว่าอีกฝ่ายเป็นพี่ชายมาตลอด กว่าจะรู้ตัวว่าความรู้สึกที่มีต่อกันฉันท์พี่น้องมันเปลี่ยนไป ก็ในวันที่ชนวีร์มาปรากฏตัวที่หน้าโรงเรียนประจำ

               พ่อกับแม่จะรู้ไหม...ที่บอกให้เขาสองคนรักกันมากๆ บัดนี้มันมากเกินกว่าพี่น้องเสียแล้ว

               ที่ผ่านมาพ่อกับแม่คงคิดว่าเราสองคนเป็นพี่น้องต่างสายเลือดที่รักกันมาก เขาก็หวังอยากให้ความรักยังคงเป็นความลับเรื่อยไป ถ้าวันใดพ่อกับแม่เกิดระแคะระคายเรื่องราวระหว่างเขากับชนวีร์ แค่เพียงคิด...ชินดนัยก็มองไม่เห็นทางออกแม้ซักนิด

               ชินดนัยถอนหายใจช้าๆ เขาไม่อยากคิดถึงสิ่งที่มันยังไม่เกิด ขอเก็บเกี่ยวความสุขของแต่ละวันไว้ก่อน นี่ก็ถึงเวลากลับโรงพยาบาลเสียที เขาออกมานานจนชักจะเป็นห่วงคนป่วยอยู่เหมือนกัน


====================



               ตอนที่ชินดนัยกลับมาถึงโรงพยาบาล ก็เห็นนายทหารชั้นผู้น้อยหลายคนเดินออกมาจากห้องพักคนไข้ ทุกคนยกมือไหว้ทำความเคารพเขา ซึ่งเขาก็รับไหว้ไปตามมารยาท ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป คนที่นอนอยู่บนเตียงส่งยิ้มมาให้เขา ส่วนอีกคนที่อยู่ข้างเตียงก็หันมายกมือไหว้เขา

               “คุณชินดนัยกลับมาพอดี ผมขอตัวก่อนเลยนะครับ” ผู้กองติสรณ์เอ่ยออกมา ก่อนจะค้อมศีรษะลงน้อยๆ

               ชินดนัยพยักหน้ารับ รอจนอีกฝ่ายไปแล้ว เขาจึงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบของออกมาจากกระเป๋าและจัดเรียงเข้าตู้อย่างช้าๆ โดยที่ยังไม่พูดอะไรกับคนป่วยที่นอนอยู่

               “คราวนี้คงได้พักหลายวัน” คนที่นอนป่วยอยู่บนเตียงเอ่ยลอยๆ จนคนฟังอดไม่ได้ ต้องเอ่ยถามกลับไป

               “ทำไมล่ะ”

               “พักจนกว่าแผลจะหาย แล้วก็ยังไม่มีภารกิจใหม่ด้วย”

               “ดีเลย จะได้ไม่ต้องไปอยู่บ้านที่กรม ออกจากโรงพยาบาลแล้วกลับไปอยู่บ้านกันนะ”

               “ครับผม”

               ถ้อยคำรับปากที่ดังมา ทำเอาคนฟังอดคลี่ยิ้มออกมาน้อยๆไม่ได้ ก็ได้แต่หวังว่าคนป่วยของเขาจะว่าง่ายให้ตลอด

               จัดของเสร็จเรียบร้อย ชินดนัยก็เดินกลับมาดูคนป่วย ที่ดูเหมือนว่าหลังจากมีลูกน้องมาเยี่ยมแล้วอาการจะดีขึ้นมาก แต่เอาเข้าจริงๆก็ไม่ได้ดีขึ้นซักเท่าไหร่ เพียงแต่เจ้าตัวคงไม่อยากทำให้ลูกน้องเป็นห่วงมากกว่า ถึงได้ทำเหมือนสบายดี และเพราะว่ารู้ทันอีกคน ชินดนัยถึงได้เลิกเสื้อชนวีร์เพื่อดูแผลก่อนจะนิ่วหน้าออกมา เมื่อเห็นเลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผล

               “พี่วีร์!!”

               “นิดหน่อยเองน่า ไกลหัวใจ”

               ชินดนัยมองอีกฝ่ายอย่างหงุดหงิด ก่อนจะกดกริ่งเรียกพยาบาล เพียงครู่เดียวพยาบาลสาวก็เปิดประตูเข้ามา ชินดนัยชี้ไปที่ผ้าพันแผลโดยไม่พูดอะไร แล้วเดินเลี่ยงไปอยู่มุมห้อง ปล่อยให้พยาบาลจัดการทำแผลเสียใหม่

               “แค่เลือดซึมออกมานิดๆหน่อยๆ นายจะโมโหไปทำไม”

               “เพราะว่าพี่ไม่เคยดูแลตัวเองเลยไง ผมถึงต้องโมโห”

               “แผลเกียรติยศ”

               ชินดนัยสบถอะไรออกมาสองสามคำ ก่อนจะหยิบรีโมทมากดเปิดโทรทัศน์ แต่ดูได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องกดปิด แล้วหันมาเผชิญหน้ากับคนป่วย เพราะคนที่นอนอยู่บนเตียงเอาแต่มองกดดันเขา

               “เรื่องของธรณ์เรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

               “ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว อเล็กซ์โทรมาบอกว่าเขาสองคนลงเอยกันด้วยดี”

               นายทหารหนุ่มคลี่ยิ้มออกมา ยอมรับเลยว่านึกอิจฉาธรณ์กับเขตแดนอยู่เหมือนกัน เขาเองเห็นท่าทีของเขตแดนตอนแรกๆก็นึกรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงชอบธรณ์อย่างแน่นอน แล้วผิดจากที่เขาคิดเสียที่ไหนกัน แถมตอนนี้ยังลงเอยกันเรียบร้อยแล้ว

               “ถ้าพักผ่อนกันเสร็จแล้ว เดี๋ยวคุณเขตต์คงพาธรณ์กลับมา จะได้หมดห่วงกันเสียที...” ชินดนัยเปรย ก่อนจะเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

               “ก็ดี...ฉันเห็นนายห่วงธรณ์มากๆ นี่ฉันชักจะเริ่มระแวงแล้วเหมือนกัน”

               “ฮึ! พี่อย่ามาไร้สาระหน่อยเลย ผมกับธรณ์เป็นแค่เพื่อนกัน”

               “ฉันรู้ ถ้าเป็นมากกว่าเพื่อน ฉันคงไม่ปล่อยให้นายสองคนคบกันมาจนป่านนี้หรอก มานั่งนี่มา...” ประโยคท้าย ผู้พันชนวีร์เอ่ยพร้อมกับตบที่ว่างบนเตียงข้างตัว

               ชินดนัยมองที่ที่อีกฝ่ายจะให้เขาไปนั่งด้วยแล้วก็ส่ายหน้าดิก ชนวีร์บ้าไปแล้วหรือเปล่า จะให้เขาขึ้นไปนั่งบนเตียงด้วยเนี่ยนะ เกิดใครเปิดเข้ามาเห็นก็ซวยกันพอดี

               “ไม่เอาหรอก เดี๋ยวมีคนเห็น”

               “ใครจะเห็น วันนี้ไม่มีใครมาเยี่ยมแล้ว พยาบาลก็คงไม่เข้ามาเหมือนกัน”

               “ผมบอกว่า...”

               “ฉันไม่ได้กอดนายมาสองอาทิตย์แล้วนะ”

               ทั้งที่อยากจะเอ่ยปากปฏิเสธ แต่พอสบกับดวงตาที่มองตรงมา กลายเป็นว่าชินดนัยกลับค่อยๆลุกไปนั่งลงบนเตียง ให้คนป่วยได้ยิ้มอย่างพอใจ แล้วค่อยๆวาดวงแขนมาโอบรอบเอวชินดนัยเอาไว้

               “พี่! เดี๋ยวมีคนมาเห็น”

               “ทำไม พี่น้องกันกอดกันไม่ได้เหรอไง”

               ชินดนัยนึกอยากจะหัวเราะขำ เมื่ออีกฝ่ายเอาคำว่าพี่น้องมาอ้าง คนป่วยจับมือเขาไปแตะตรงตำแหน่งของหัวใจ ที่ชินดนัยนึกรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร

               “เครื่องรางหายไปแล้ว...”

               “ไม่หายก็คงแปลก กี่อาทิตย์แล้วที่เราห่างกัน”

               ไม่มีคำตอบหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากหยัก มีเพียงวงแขนที่รั้งชินดนัยให้นอนเบียดลงข้างๆ ฝ่ามือหนาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของชินดนัยเบาๆ ก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยกระซิบอยู่ข้างหูคล้ายปลอบประโลม

               “ฉันรู้ว่านายเหนื่อย ฉันกลับมาแล้ว หลับเถอะ...”

               ถ้าจะมีใครซักคนที่รู้ใจเขา ชินดนัยกล้าพูดได้เลยว่าคนนั้นก็คือผู้พันชนวีร์ รู้แม้กระทั่งว่าเขาไม่ได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มมาหลายคืน และคืนนี้คงจะเป็นคืนแรกที่เขาได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ แม้จะไม่ใช่เตียงส่วนตัวที่บ้าน แต่เป็นโซฟาในโรงพยาบาล หรือบางทีอาจจะเป็นเตียงผู้ป่วยที่เขากำลังนอนเบียดคนไข้อยู่

               เพียงแค่อีกคนกลับมา ชินดนัยก็รู้ทันทีว่า...เขาไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้เลย


====================



               เมื่อถึงกำหนดออกจากโรงพยาบาล ชินดนัยก็พาชนวีร์กลับมาพักผ่อนที่เรือนเล็กของเขา ก่อนที่อีกฝ่ายจะต้องเข้ารายงานตัว เจ้าของเรือนนั่งศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่จะรับช่วงต่อจากผู้เป็นแม่อยู่ที่โต๊ะทำงาน ส่วนนายทหารหนุ่มนั่งเอกเขนกอยู่บนโซฟาตัวยาว

               “พี่จะเข้ากรมอีกทีเมื่อไหร่” ชินดนัยเอ่ยถามเสียงเรียบ โดยที่ยังไม่ได้ละสายตาจากเอกสารตรงหน้า

               “พรุ่งนี้เช้า อาจจะต้องกลับค่ายด้วย”

               “ไปนานหรือเปล่า”

               “อาทิตย์เดียวก็น่าจะกลับแล้ว แค่รายงานสถานการณ์เฉยๆ”

               ชินดนัยเงยหน้ามองชนวีร์ที่กำลังมองตรงมาที่เขาเช่นกัน ก่อนจะวางปากกาลงบนโต๊ะ แล้วลุกมานั่งข้างๆ เขาก้มลงมองบาดแผลตรงหน้าท้องอีกฝ่ายที่หายสนิทดีแล้ว แต่ก็อดยื่นมือไปลูบเบาๆไม่ได้ เจ้าของบาดแผลมองตามมือของชินดนัย กระตุกยิ้มมุมปากออกมานิดๆ แล้วเป็นฝ่ายยึดมือของชินดนัยเอาไว้

               “แผลแค่นี้เล็กน้อยน่า...”

               “ถ้าผมเจ็บบ้างพี่จะรู้สึกยังไง”

               “ทนไม่ได้...”

               “ก็ไม่ต่างกันกับผม เพราะฉะนั้นก็อย่าพูดมาก”

               ชนวีร์ยื่นมือมาผลักหัวชินดนัยเบาๆด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรั้งเข้ามาใกล้ กำลังจะกดศีรษะอีกฝ่ายลงมาพิงบ่าเขา แล้วก็ต้องชะงักกันทั้งคู่ เพราะเสียงของผู้เป็นแม่ที่ดังจากข้างหลัง

               “อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยนะลูก”

               ชินดนัยผละออกห่างจากผู้เป็นพี่ชาย หันมาเห็นคุณหญิงยืนอยู่ตรงประตู ท่าทางไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร แต่กับคนที่มีชนักปักหลังแล้ว มันก็อดหนาวๆร้อนๆไม่ได้

               “แม่กลับมาถึงนานหรือยังครับ?”

               “พอรู้ข่าวว่าตาวีร์เข้าโรงพยาบาล แม่ก็รีบหาตั๋วกลับมาทันที เจ็บมากไหมลูก?...” คำถามเอื้ออาทรดังมา พร้อมกับฝ่ามือที่ลูบไปตามลำตัว

               “ไม่เท่าไหร่ครับแม่ ดีขึ้นเยอะแล้ว”

               “แล้วนี่จะกลับมาพักกี่วันกันล่ะ”

               “พรุ่งนี้เช้าก็ต้องเข้ากรมแล้วครับ ต้องกลับไปสะสางงานที่ค่ายให้เรียบร้อยด้วย”

               ชินดนัยมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เขารู้ดีว่าผู้เป็นพ่อแม่รักชนวีร์ราวกับเป็นลูกแท้ๆ คำถามที่ห่วงใย สายตาที่เอื้ออาทร ทุกสิ่งทุกอย่างยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ชนวีร์เองก็เปรียบเสมือนลูกชายคนโตสำหรับบ้านจิรวงศ์ แต่เขาก็ยังกลัว...ถ้าวันใดวันหนึ่งความจริงเปิดเผยออกมา เขาจะยังได้เห็นภาพผู้ชายตัวโตกอดเอวอ้อนแม่ของเขาราวกับเป็นเด็กๆอยู่อีกหรือไม่...

               เขา...ไม่อยากให้วันนั้นมาถึงเลยจริงๆ


TO BE CONTINUE


# แฮ่...เอาตอนของชินดนัยกับผู้พันมาเสิร์ฟค่ะ ต่อจากคั่นเวลาเนอะ ลืมกันหรือยังคะ? อย่าเพิ่งลืมน๊า
# มีหลายตอน แต่ไม่ยาวแน่นอนค่ะ น่าจะซัก 3 - 5 ตอน แล้วแต่ความเวิ่นเว้อจะพาไป จะพยายามมาบ่อยๆนะคะ
# ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาค่ะ /กอด/  :กอด1:

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 1 :: 29.05.2013」หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 29-05-2013 15:24:43
หายไปนานนน ดีใจที่มาจ้าาา  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 1 :: 29.05.2013」หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 29-05-2013 15:32:21
ขอบคุณค่า

อยากอ่านต่อมานานแล้ว ลุ้นมากๆว่าจะเปิดกับคุณพ่อแม่ยังไง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 1 :: 29.05.2013」หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 29-05-2013 16:58:43
พ่อแม่ไม่ระแคะระคายจริง ๆ หรือนั่น
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 1 :: 29.05.2013」หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 29-05-2013 19:04:47
คู่นี้จะมาม่ามากไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 1 :: 29.05.2013」หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 29-05-2013 19:41:59
ดูอุปสรรคท่าทางจะเยอะนะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 1 :: 29.05.2013」หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 29-05-2013 19:48:19
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะ 
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 1 :: 29.05.2013」หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 29-05-2013 20:30:02
ตัวคุณแม่ น่าจะยอมรับได้ไม่ยาก แต่คุณพ่อที่เป็นทหารเนี่ยสิ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 1 :: 29.05.2013」หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 29-05-2013 22:01:52
คู่นี้คงอึมครึมแบบนี้ไปจนจบ
ขออย่า sad ending นะครับ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 1 :: 29.05.2013」หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 29-05-2013 22:57:55
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 1 :: 29.05.2013」หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 30-05-2013 06:30:51
เรื่องมันดูหน่วงๆดีจังเลย
พี่่่่วีร์ไปออกรบทีก็ดูหนวงแล้วนะ
ยังต้องมากังวลเรื่องครอบครัวอีก
เอาใจช่วยชินกับพี่วี
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 1 :: 29.05.2013」หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 30-05-2013 09:36:42
คู่นี้พ่อแม่จะยอมรับหรือเปล่านะ น่าหนักใจแทนจัง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 1 :: 29.05.2013」หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 30-05-2013 11:07:36
ดีใจที่กลับมาค่ะ

รอผู้พันและชินดนัยเสมอ

ขอบคุณมากค่ะ +1 ^^
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 1 :: 29.05.2013」หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 30-05-2013 12:47:38
หายไปนานจนงง แต่พอมาอ่านใหม่อีกรอบแล้วอยากกรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!

ฟินเป็นระยะๆๆ กับผู้พัน
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 1 :: 29.05.2013」หน้าที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 30-05-2013 12:52:17
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ
ขอบคุณมากนะค่ะ

 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 2 :: 31.05.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 31-05-2013 21:52:17

มากกว่ารัก

ตอนที่ 2


               หลังจากเข้ารายงานตัวที่กรมตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเรียบร้อยแล้ว ผู้พันชนวีร์ก็เดินทางกลับค่ายเพื่อสะสางงานต่างๆที่ยังคงคั่งค้างอยู่ โดยไม่ลืมโทรศัพท์มาบอกชินดนัยว่าอาจจะกลับมากรุงเทพฯช้ากว่ากำหนด น่าจะกินเวลาอีกราวหนึ่งถึงสองอาทิตย์ คนที่อยู่กรุงเทพฯเอ่ยถามถึงบาดแผลจากการผ่าตัด พอรู้ว่าหายดีแล้วก็สั่งคนแก่อุดมการณ์ให้ดูแลรักษาตัวดีๆ อย่าได้เที่ยวเอาตัวเองไปรับลูกกระสุนหรือคมมีดที่ไหนอีก คนรับคำสั่งก็ได้แต่หัวเราะแผ่วๆก่อนจะวางสายไป

               ด้านคนที่อยู่ทางกรุงเทพฯเองก็เริ่มเข้ามาเรียนรู้งานที่บริษัทของคุณหญิงชลลดา ผู้เป็นแม่ ชินดนัยเริ่มศึกษาจากงานเล็กๆน้อยๆที่ตรงสายกับที่เขาเรียนจบมา ง่วนอยู่กับการวางแผนการตลาดสำหรับสินค้าของบริษัท คว้าเอาดินสอมาขีดๆเขียนๆสิ่งที่ตัวเองคิดลงบนกระดาษเปล่า ก่อนจะต้องเงยหน้าขึ้นมา เมื่อถูกรบกวนด้วยเสียงโทรศัพท์

               “ชินดนัยพูดครับ”

               (นี่แม่เองนะลูก ยุ่งอยู่หรือเปล่า)

               “นิดหน่อยครับ ผมกำลังลองร่างแผนการตลาดของบริษัทเราออกมาคร่าวๆ แม่มีธุระด่วนหรือเปล่า”

               (เปล่าค่ะ แม่แค่จะบอกว่า เดี๋ยวไปกินข้าวกลางวันกับแม่นะ)

               “ครับผม”

               ชินดนัยรับคำก่อนจะวางโทรศัพท์ลง แล้วหันมาก้มหน้าก้มทำงานต่อ คนที่อยู่ที่ค่ายก็เลือกทางเดินของตัวเอง เลือกที่จะเป็นทหารตามพ่อบังเกิดเกล้า ส่วนเขา...ก็เลือกที่จะเข้ามาสืบทอดกิจการของคุณแม่

               ถึงทางเดินของเราจะต่างกัน แต่เขาก็หวังว่า...เราจะได้เดินไปด้วยกัน

               ชินดนัยนั่งทำงานโดยไม่ได้สนใจเวลา กว่าจะรู้ตัวว่าเที่ยงก็ตอนที่ประตูห้องทำงานของเขาเปิดออก แล้วเห็นคุณหญิงชลลดาก้าวฉับๆมายืนอยู่ข้างๆ ให้ต้องส่งรอยยิ้มแหยๆไปให้

               “โทษทีครับแม่ พอดีผมลองเขียนแผนแล้วเพลินไปหน่อย” ชินดนัยเอ่ยก่อนจะรีบรวบเอกสารเก็บไว้มุมหนึ่งของโต๊ะทำงาน

               “ไฟแรงจริงนะเรา เก็บของแล้วไปกินข้าวกับแม่ได้แล้ว”

               ชินดนัยทำตามคำสั่งของผู้เป็นแม่อย่างว่าง่าย เขาเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเดินเคียงคุณหญิงชลลดาลงมาที่ลานจอดรถ ก้าวขึ้นไปประจำตำแหน่งคนขับบนรถของตัวเอง มีผู้เป็นแม่นั่งอยู่เคียงข้างคอยบอกทางไปร้านอาหาร พอเห็นระยะทางเริ่มห่างจากออฟฟิศออกมาเรื่อยๆ ชินดนัยเลยอดไม่ได้ ต้องเปรยออกมาด้วยความสงสัย

               “ร้านไหนครับเนี่ย มาซะไกลเชียว”

               “อ้าว...นี่แม่ยังไม่ได้บอกชินอีกเหรอลูก ว่าเดี๋ยวเพื่อนแม่เขาจะมากินข้าวกับเราด้วย”

               ชินดนัยเลิกคิ้วนิดๆ พอชำเลืองมองผู้เป็นแม่ที่นั่งอมยิ้มน้อยๆก็นึกรู้ทันที เขาได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ นี่คงไม่พ้นอีหรอบเดิมอีกแน่ๆ

               “เพื่อนคนที่ว่าก็คือคุณหญิงเพียงแขกับลูกสาวใช่ไหมครับ”

               “ลูกชายแม่ฉลาดมากจัง”

               ชินดนัยได้แต่นั่งนิ่งๆ จดจ่อสายตาไปที่ถนนข้างหน้า เหตุการณ์มันเป็นแบบนี้สองสามครั้งได้แล้ว ที่คุณหญิงพยายามจับคู่เขากับแพรพลอย แต่เขาก็พยายามเลี่ยงมาโดยตลอด รู้ดีว่าคงรักใครไม่ได้อีก เขาเลยไม่อยากให้หรือแม้กระทั่งทำลายความหวังใคร แค่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เขาก็รู้สึกผิดกับพ่อแม่มากแล้ว อย่าให้ใครต้องมาเสียใจเพราะเขาอีกเลย

               ถ้าอีกคนที่อยู่ห่างกันหลายร้อยกิโลเมตรรู้เขาจะว่าอย่างไรบ้าง ถ้ารู้ว่าเขากำลังถูกจับคู่แบบเนียนๆ คนๆนั้นก็คงไม่วายต้องหงุดหงิดตามเคย เพราะฉะนั้นก็สู้อย่าให้รู้เลยจะดีกว่า ให้เขาเป็นคนเดียวที่ต้องลำบากใจก็เพียงพอแล้ว


====================


               ชินดนัยจอดรถลงหน้าร้านอาหารไทยบรรยากาศสบายๆ ดับเครื่องให้เรียบร้อย แล้วก็เดินเข้าร้านไปพร้อมกับผู้เป็นแม่ เขาเห็นคุณหญิงเพียงแขและลูกสาวนั่งรออยู่มุมหนึ่งแล้ว พอเขากับคุณหญิงชลลดาเดินไปถึง แพรพลอยก็ยกมือไหว้คุณหญิงชลลดา เช่นเดียวกับเขาที่หันไปยกมือไหว้คุณหญิงเพียงแข ก่อนจะยิ้มให้แพรพลอยตามมารยาท

               “พี่มาช้าไปหน่อย ไม่ว่ากันนะคะ”

               “ไม่เป็นไรค่ะคุณพี่ น้องกับยัยแพรก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน เชิญคุณพี่สั่งอาหารเลยค่ะ”

               ชินดนัยกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ ถ้าเพิ่งมาถึงจริงๆ...น้ำแข็งในแก้วคงไม่ละลายจนหมด แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป เพียงแค่ชะโงกหน้าไปช่วยผู้เป็นแม่ดูรายการอาหารและเลือกสั่งมาสามสี่อย่าง ที่ดูแล้วน่าจะเพียงพอสำหรับสี่คน รีบกินแล้วจะได้รีบกลับไปทำงานต่อเสียที

               “จริงๆพี่น่ะเคลียร์งานเสร็จเร็ว แต่ชินน่ะสิ เอาแต่นั่งทำงาน...” คุณหญิงชลลดาเอ่ยพร้อมกับปรายตามองลูกชายยิ้มๆ

               ชินดนัยไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงแค่ยิ้มน้อยๆเมื่อคุณหญิงเพียงแขมองมาทางเขา ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าผู้เป็นแม่กำลังเร่งทำคะแนนให้ ไม่ต่างอะไรจากคุณหญิงเพียงแข ที่พยายามพูดถึงลูกสาวของตัวเองไม่ขาดปาก เลยกลายเป็นว่ามีแค่สองคุณแม่ที่เอาแต่ผูกขาดการสนทนาบนโต๊ะอาหาร

               หลังกลับมาจากนิวยอร์ก ชินดนัยมีโอกาสได้เจอแพรพลอยอยู่สองสามครั้ง ส่วนมากมักจะเป็นเหตุมัดมือชกที่เขาไม่ได้เต็มใจแม้แต่น้อย อย่างเช่นคราวนี้ เขาพอรู้มาจากผู้เป็นแม่ว่าแพรพลอยอายุเท่าเขา เพิ่งเรียนจบกลับมาจากซานฟรานซิสโก ท่าทางเธอก็ไม่ได้ดูเลวร้ายอะไร แต่เขาไม่ได้นึกชอบเธอ มันก็แค่นั้น

               “น้องให้ยัยแพรไปสมัครงานหลายที่ นี่ก็ยังไม่มีที่ไหนเรียกเลย เห็นยัยแพรอยู่บ้านว่างๆ น้องก็กลัวว่ายัยแพรจะเบื่อเอาเสียก่อน”

               “อ้าว...แล้วทำไมไม่ให้หนูแพรทำงานที่บริษัทของน้องแขล่ะคะ”

               “น้องอยากให้ลูกออกไปหาประสบการณ์จากที่อื่นก่อนค่ะ จริงไหมลูก?”

               “ถ้างั้นพี่ว่าให้หนูแพรมาเป็นเลขาตาชินไหมล่ะ ตาชินเองก็ยังไม่มีเลขาพอดี”

               ชินดนัยที่กำลังก้มหน้าก้มตากินข้าวอยู่ถึงกับชะงักค้าง รีบกลืนข้าวแล้วเงยหน้ามองผู้เป็นแม่ทันที คุณหญิงชลลดาเคยจะหาเลขาให้เขาแล้วหนหนึ่ง แต่เขาก็ปฏิเสธไป เพราะคิดว่ามันไม่ได้จำเป็นแม้แต่น้อย แต่หนนี้เห็นทีเขาคงปฏิเสธไม่ได้แน่ๆ ถ้าปฏิเสธออกไป จะต่างอะไรกับการหักหน้ามารดาตัวเอง อีกทั้งยังคุณหญิงเพียงแขและแพรพลอยที่มองมาที่เขาอีก ถึงเขาจะไม่ใช่คนดีล้านเปอร์เซ็นต์ แต่ชินดนัยก็มั่นใจว่าตัวเองยังมีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่บ้าง

               “ถ้าเกิดตาชินลำบากใจ...” คุณหญิงเพียงแขแสร้งเอ่ยออกมาเสียงอ่อยคล้ายกับเกรงใจ จนคุณหญิงชลลดาต้องหันมาถามย้ำเอากับลูกชาย

               “ชินลำบากใจหรือลูก?”

               “เปล่าครับแม่...”

               “งั้นก็ให้หนูแพรไปเป็นเลขาชินนะลูก”

               ในเมื่อผู้เป็นแม่พูดออกมาขนาดนี้ เขาจะปฏิเสธอะไรได้เล่า แต่จะให้เขาหักหน้าผู้ใหญ่กลางโต๊ะอาหาร ชินดนัยก็ทำไม่ได้จริงๆ ได้แต่นึกหวังในใจว่ามันจะไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ แต่ใครเลยจะรู้ว่าคำขอร้องของเขาจะไม่เป็นผล

               “เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วชินพาหนูแพรไปที่ออฟฟิศเรานะ จะได้ไปดูที่ทางอะไรให้เรียบร้อย”

               “แล้วแม่จะไปไหนครับ”

               “เดี๋ยวแม่ไปประชุมสมาคมกับอาแข แล้วให้อาแขไปส่งแม่ที่บ้าน ค่อยกลับไปเจอกันที่บ้านตอนเย็นเลย”

               ชินดนัยได้แต่พยักหน้ารับอย่างยอมจำนน เขากินข้าวต่ออีกไม่กี่คำก็พาลรู้สึกอิ่มตื้อขึ้นมา เลยรวบช้อนส้อมเข้าหากัน คว้าแก้วน้ำมาดื่มให้เรียบร้อย ก่อนจะเอ่ยขอตัวกับผู้ใหญ่สองคน แล้วเดินนำแพรพลอยไปยังรถที่จอดอยู่ด้านนอก ไม่วายได้ยินเสียงแม่เขาเอ่ยกำชับตามหลังมา

               “ดูน้องดีๆด้วยนะชิน”

               ชินดนัยผงกหัวรับ ก่อนจะหันมายิ้มให้คนข้างตัวเนือยๆ อีกฝ่ายก็เพียงแค่ยิ้มกลับมา เขาเปิดประตูให้เธอตามประสาสุภาพบุรุษที่ดี เสร็จแล้วถึงอ้อมไปฝั่งคนขับ

               “ชิน...อยู่กับแพรแล้วอึดอัดหรือเปล่า” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างเกรงใจ หลังเห็นเจ้าของรถมีท่าทีกระอักกระอ่วน

               “เปล่าหรอก ผมแค่ไม่ชินเท่าไหร่ ขอโทษด้วยนะ ถ้าทำให้แพรไม่สบายใจ”

               “ไม่เป็นไร แพรไม่ใช่คนคิดมากอยู่แล้ว แต่คุณแม่เราสองคนตลกกันจังเลยเนอะ”

               “แล้วแพรลำบากใจหรือเปล่า”

               “ไม่เลย แม่แพรน่ะชอบพูดถึงชินให้ฟังอยู่เรื่อยๆ จนแพรคิดว่าตัวเองต้องรู้จักชินดีมากแน่ๆ ชินเป็นคนเก่งนะ แพรอยากเก่งอย่างชินบ้างจัง ถ้าแพรมาเป็นเลขาชิน แพรต้องได้เรียนรู้อะไรเยอะขึ้นแน่ๆ”

               คงไม่เสียหายอะไร ถ้าเขาคิดจะคบแพรพลอยเป็นเพื่อน เท่าที่ได้รู้จักและพูดคุยกันมาสองสามครั้ง เธอเองก็ดูอัธยาศัยดีไม่ใช่น้อย แต่ก็เพื่อนเท่านั้น ที่เขาจะเป็นให้เธอได้

               เพราะหัวใจ...มันไม่มีที่เหลือไว้ให้ใครอีกแล้ว


====================


               หลังจากได้แพรพลอยมาเป็นเลขา ชินดนัยก็อดยอมรับออกมาไม่ได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงเก่งจริงๆ แพรพลอยทำงานด้วยความคล่องแคล่วและกระฉับกระเฉง การมีเธอเป็นเลขา เรียกได้ว่าทำให้งานของเขาเบาลงไปเยอะ เพราะเธอคอยจัดการทุกอย่างให้เขาเสร็จสรรพ เล่นเอาคุณแม่ของชินดนัยถึงกับปลื้มแพรพลอยมากกว่าเดิมหลายเท่า จนเก็บไปชมเปาะให้ท่านนายพลฟังอยู่บ่อยครั้ง

               “คุณพูดถึงหนูแพรทุกวันเลยนะ” นายพลชานนท์เอ่ยแซวภรรยายิ้มๆ

               “หนูแพรเขาน่ารักจริงๆนี่คะ ช่วยตาชินตั้งหลายอย่าง ว่างๆฉันจะชวนหนูแพรมากินข้าวที่บ้านเราบ้าง ถ้าคุณเห็นคุณต้องเอ็นดูหนูแพรแน่ๆ ชินว่าดีไหมลูก?”

               “อย่าเลยครับ เดี๋ยวใครเขาจะเอาแพรไปพูดในทางที่ไม่ดี”

               “ผมว่าที่เจ้าชินพูดมาก็ถูกนะ คุณจะใจร้อนใจเร็วไปไหน นี่ลูกเราเพิ่งเรียนจบเองนะ คุณทำอย่างกับลูกเราอายุสามสิบ กลัวลูกจะหาเมียไม่ได้เหรอไงกัน”

               “คุณก็...ฉันก็ไม่อยากให้คนดีๆอย่างหนูแพรหลุดมือไปนี่คะ”

               ตอนแรกเขาก็ว่าจะนั่งฟังเงียบๆ ไม่เอ่ยแสดงความคิดเห็นออกไป แต่ในเมื่อพูดมาขนาดนี้ จะให้เขาอยู่นิ่งเฉยต่อไปก็คงไม่ได้

               “แม่หมายความว่ายังไงครับ”

               “ไหนๆชินเองก็ยังไม่มีใคร หนูแพรเองก็เหมือนกัน แม่อยากดองกับทางคุณหญิงเพียงแขเขา เท่าที่ดูหนูแพรเขาก็ไม่มีอะไรเสียหายไม่ใช่หรือไงลูก”

               ชินดนัยแทบจะสำลักแกงจืดออกมา เขายอมรับเลยว่าแพรพลอยดีทุกอย่าง เธอสวย เรียบร้อย และเก่งแบบผู้หญิงยุคใหม่ เป็นผู้หญิงที่ผู้ชายหลายๆคนต้องนึกชอบเพียงแรกเห็น มันติดอยู่แค่เพียงอย่างเดียว...เขาไม่ได้รักแพรพลอย และคงไม่มีวันที่จะรักเธอได้อย่างแน่นอน

               “คุณก็ไปบังคับลูกมัน ดูอย่างเจ้าวีร์สิ...นี่มันขึ้นเป็นผู้พันแล้วยังไม่เคยพาสาวมาไหว้ผมกับคุณเลย”

               ชินดนัยนึกอยากถอนหายใจที่พ่อเขาเอ่ยเบี่ยงประเด็นให้พ้นตัวไป แต่ก็ถอนหายใจได้ไม่ทั่วท้อง ในเมื่อประเด็นที่ถูกเปลี่ยนก็ไม่ได้ห่างจากตัวเขาซักเท่าไหร่เลย

               “ตาวีร์เอาแต่ออกแนวหน้า แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปหาสาวล่ะ ถ้าว่างๆคุณก็ทำเรื่องย้ายตาวีร์กลับมาหน่อยเถอะ ฉันห่วงลูกจะแย่แล้ว จะได้หาคู่ให้เป็นฝั่งเป็นฝาด้วย”

               สำหรับท่านนายพลแล้ว ในฐานะพ่อ ที่ถึงแม้จะไม่ได้เป็นพ่อแท้ๆ ต้องยอมรับเลยว่าเขาภูมิใจในตัวชนวีร์มาก แล้วยิ่งในฐานะของนายทหารด้วยกัน ความสามารถที่เห็นและเสียงชื่นชมหนาหูที่ได้ยิน ยิ่งทำให้เขานึกรักลูกชายบุญธรรมไม่ต่างจากลูกแท้ๆ บางทีอาจจะถึงเวลาที่เขาต้องทำเรื่องขอย้ายชนวีร์กลับมาประจำที่กรมเป็นการถาวรแล้วก็เป็นได้

               “เดี๋ยวผมจะลองหาโอกาสดูละกัน แต่ไม่รู้ว่าเจ้าวีร์มันจะยอมหรือเปล่านะ คุณก็รู้ว่าอุดมการณ์มันแรงจะตาย”

               “ชินก็ช่วยแม่พูดกับพี่เขาหน่อยนะลูก จะได้กลับมาอยู่บ้านอยู่ช่องพร้อมหน้าพร้อมตากันซะที ตาวีร์ออกแนวหน้าทีไร แม่นอนไม่หลับทุกที ไม่รู้จะเจ็บกลับมาอีกไหม” คุณหญิงเปรยก่อนจะถอนหายใจช้าๆ

               “ครับ”

               ถึงแม้จะรับปากผู้เป็นแม่ออกไป แต่ชินดนัยก็นึกสงสัยว่าอย่างชนวีร์น่ะหรือจะฟังเขา ถ้าฟังเขาซักนิด อีกฝ่ายคงย้ายตัวเองกลับมาอยู่ที่กรมนานแล้ว ไม่เที่ยวลาดตระเวนไปนั่นไปนี่ให้เขาต้องห่วงอยู่บ่อยๆหรอก

               “ชิน...พ่อกับแม่มีลูกอยู่สองคน ก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าเห็นลูกชายสองคนเป็นฝั่งเป็นฝา พ่อกับแม่จะได้นอนตายตาหลับ เข้าใจไหมลูก”

               ชินดนัยเงยหน้าขึ้นสบตากับผู้เป็นแม่ พอเห็นสายตาที่มองมา เขาก็ต้องเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีแทน สายตาของคุณหญิงชลลดามันปะปนกันระหว่างความรักและความคาดหวัง จนเขากลัว...กลัวว่าตัวเองจะเป็นคนทำลายความหวังของพ่อแม่ให้ย่อยยับลงไปกับตา เขา...เป็นลูกอกตัญญูหรือเปล่านะ?

               “หึ...เรายังอยู่กับลูกอีกนานน่ะคุณ จะเร่งมันไปไหน เผลอๆคุณกับผมคงได้อยู่จนอุ้มหลานพอดี”

               ถ้าความคาดหวังของแม่เปรียบเสมือนมีดกรีดลงกลางใจ ถ้อยคำถัดมาของพ่อก็ไม่ต่างอะไรจากเปลวไฟที่แผดเผาเขา พระเจ้าเท่านั้นที่รู้...ว่าเขาไม่อาจมีหลานให้พ่อกับแม่ได้จริงๆ หรือถ้าต้องมี มันก็คงเป็นไปด้วยความจำใจ ไม่ใช่ความเต็มใจของเขา

               “แต่ฉันไม่อยากให้หลานเป็นทหารแล้วนะคุณ” คุณหญิงแว้ดออกมาอย่างเคืองๆ เรียกเสียงหัวเราะในลำคอจากท่านนายพลได้เป็นอย่างดี คงมีเพียงชินดนัยเท่านั้นที่หัวเราะไม่ออก

               เขาจิกเล็บเข้ากับฝ่ามือตัวเองจนเจ็บ ถึงความรักจะยังเป็นความลับ แต่ความคาดหวังของพ่อกับแม่ล่ะ...เขากล้าทำลายมันลงหรือ?

               เขาอาจจะทำร้ายคนอื่นได้อย่างเลือดเย็น แต่เขาไม่อาจทำร้ายบุพการีตัวเองได้ อย่าว่าแต่ทางกายเลย แค่ทางใจเขายังไม่เคยคิดที่จะทำ ถ้ามีใครซักคนต้องแบกรับความเจ็บปวดและความอึดอัดเอาไว้...ให้มันเป็นเขา แค่เขาคนเดียวก็พอ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันหนักหนาสาหัส เขาจะรับมันเอาไว้ทั้งหมดเอง


====================


               ชินดนัยนอนก่ายหน้าผากอยู่บนโซฟาในเรือนเล็ก เรือนเล็กที่เป็นอาณาจักรส่วนตัวของเขา ในสมองมีแต่คำพูดของพ่อกับแม่วนเวียนราวเข็มนับพันเล่มที่พร้อมจะทิ่มแทงลงมา ก่อนจะต้องสะดุ้งจากภวังค์ เมื่อเสียงโทรศัพท์ดัง เขาคว้ามาก่อนจะกดรับโดยไม่คิดที่จะดูชื่อ

               “ชินดนัยพูดครับ...”

               (ฉันเอง...)

               มีอยู่เพียงคนเดียว เสียงที่เขาจำแม่นกว่าเสียงของตัวเอง แค่ได้ยินเสียง...หัวใจก็เต้นระรัวด้วยความคิดถึง ถึงจะไม่นานที่เราจากกัน แต่ทุกครั้งที่จากไป ใจมันก็คอยแต่จะกระวนกระวายอยู่เสมอ แค่ได้ยินเสียง แค่รู้ว่ายังปลอดภัยดี แค่นี้ก็ทำให้เขายิ้มออกมาได้

               “สบายดีหรือเปล่า” ความรู้สึกข้างในมันมากมาย แต่สุดท้ายก็เอ่ยออกไปได้แค่ประโยคง่ายๆ

               (คิดถึงนาย...)

               “ตอบไม่ตรงคำถาม”

               (แล้วตรงใจไหม)

               “ถ้าคิดถึงมากนัก...ก็รีบกลับมาเร็วๆสิ”

               เสียงทุ้มห้าวหัวเราะแผ่วๆมาตามสาย ไม่ว่าได้ยินเมื่อไหร่ก็ทำให้สบายใจได้ทุกครั้ง เขาเล่าเรื่องราวในแต่ละวันให้อีกฝ่ายรับรู้ นานๆทีปลายสายถึงจะออกความเห็น ส่วนมากก็ครางอือเบาๆ แต่เขารู้ดีว่าอีกคนฟังอยู่ตลอด

               (ตั้งใจเรียนรู้งานไว้เยอะๆล่ะ อีกหน่อยนายจะได้ทำแทนแม่ แล้วให้แม่พักบ้าง)

               “ฮื่อ ผมก็พยายามอยู่นี่ไง แต่ผมเพิ่งเรียนจบเองนะ”

               (ก็ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องรีบ ถ้าเหนื่อยก็พักบ้าง)

               “คราวนี้ไม่ต้องลงพื้นที่ใช่ไหม แม่เป็นห่วง จะให้พ่อย้ายพี่กลับมาแล้วนะ”

               (คราวนี้ไม่ต้องลงพื้นที่ บอกแม่ว่าเดี๋ยวก็กลับไปแล้ว กลับไปจะไปกอดแน่นๆเลย)

               ชินดนัยยิ้มตามน้อยๆ ก่อนจะประหวัดคิดถึงบทสนทนากับพ่อแม่เมื่อซักครู่ คิดไม่ตกว่าจะเล่าให้อีกคนฟังดีหรือไม่ สุดท้ายเลยตัดสินใจเรียกออกไป

               “พี่...” เสียงที่เอ่ยออกไป มันสั่นจนแม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกได้ และคนฟังก็คงรู้สึกเช่นเดียวกัน เสียงหัวเราะเลยเงียบหายไป แล้วกลายเป็นความกังวลเข้ามาแทนที่

               แม้จะบอกตัวเองว่าไม่อยากทำให้อีกคนลำบากใจ แต่ในบางเวลา...เขาก็ต้องการกำลังใจจริงๆ

               (เป็นอะไร ไม่สบายใจอะไร บอกฉันมา อย่าเก็บเอาไว้คนเดียว นายก็รู้...ว่าฉันยืนอยู่ข้างๆนายเสมอ)

               ชินดนัยสูดลมหายใจเข้าปอดลึกและยาวนาน ก่อนจะกลั้นใจเอ่ยถามออกไป แม้จะรู้ดีว่าเป็นคำถามที่คนฟังไม่ชอบใจแม้แต่น้อย

               “ถ้าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันจะเป็นยังไง”

               (มันจะไม่มีวันนั้น...)

               ถ้อยคำที่เอ่ยออกมา ย้ำหนักแน่นหวังจะให้เขาสบายใจ แต่สาบานได้เลยว่า ชินดนัยไม่ได้รู้สึกสบายใจเลยแม้แต่น้อย

               “แล้วถ้าพ่อกับแม่รู้ล่ะ... พี่คิดว่าพ่อกับแม่จะยอมรับได้เหรอ”

               เป็นระยะเวลานานที่ความเงียบเข้าปกคลุม จนสุดท้าย...เสียงถอนหายใจก็ดังมาตามสายโทรศัพท์ เสียงถอนหายใจที่หนักหน่วงราวกับจงใจจะให้อีกคนได้ยินด้วยเช่นกัน เสียงถอนหายใจที่ดังก้องจนสะเทือนเข้าไปถึงข้างในใจ

               (แต่ฉันก็ไม่ยอมอยู่โดยไม่มีนาย ฉันเคยบอกหรือยัง...ว่านายไม่ใช่คนรัก เราไม่ใช่คนรักกัน แต่นายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉัน)

               “ถ้าเกิดเป็นผู้หญิงแล้วทำให้เราได้อยู่ด้วยกัน ผมก็อยากเกิดเป็นผู้หญิงมากกว่า”

               ถึงแม้จะเป็นแค่เพศที่ขวางกั้นเราเอาไว้ แต่มันกระเทือนไปถึงเกียรติยศ ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล และสถานะทางสังคม

               (นายจะเป็นเพศไหนมันไม่สำคัญ เพราะที่สำคัญสำหรับฉัน...ก็มีแค่นาย)

               “แต่บางครั้ง...มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราต้องการเสมอไป”

               (อย่าเพิ่งคิดในสิ่งที่มันยังมาไม่ถึงเลย...)

               แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่ามันจะมาถึงเมื่อไหร่ นั่นคือคำถามที่ชินดนัยได้แต่เฝ้าถามตัวเองอยู่ในใจ ก่อนจะปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนล้า

               เขาไม่ใช่คนเข้มแข็ง เขาก็แค่ผู้ชายธรรมดา...เจ็บได้ เสียใจเป็น

               บางครั้งก็เฝ้าถามตัวเองอยู่หลายครั้ง...

               ...ถ้าให้เรารักกันไม่ได้ แล้วจะให้เราเจอกันทำไม...

               โชคชะตามันขีดกำหนดเส้นทางทุกอย่างเอาไว้แล้ว กำหนดให้เราได้มาเจอ กำหนดให้เราได้รักกัน แล้วอยากจะถามต่อเหมือนกันว่า...จะกำหนดให้เรื่องราวของเราลงเอยกันอย่างไร


====================


               ไม่ใช่แค่คนที่อยู่เมืองหลวงเท่านั้นที่นอนก่ายหน้าผากด้วยความกังวล คนที่อยู่ค่ายก็ไม่ได้ต่างกันเลย ตะกอนความอึดอัดมันหนาแน่นเสียจนต้องผุดลุกขึ้นมาจากเตียง แล้วออกมานั่งอยู่ริมระเบียงบ้านพัก ทอดสายตาเหม่อมองออกไปไกล

               ...มีหลายครั้งเหลือเกินที่ชนวีร์นึกอยากเดินเข้าไปบอกท่านนายพลกับคุณหญิง ว่าเขารักลูกชายคนเดียวของพวกท่าน ขอให้เขาดูแลชินดนัยได้ไหม แต่เขาก็ไม่ได้ทำอย่างที่ใจต้องการ ไม่ใช่ไม่กล้า แต่บุญคุณที่ทั้งสองเลี้ยงดูเขามามันมากมายเสียจนเขาไม่อยากให้พ่อแม่บุญธรรมของเขาต้องเสียใจ

               ไม่ใช่ความผิดของเขาและชินดนัยที่รักกัน และที่สำคัญ...ถ้าเขาสองคนจะรักกันไม่ได้ มันก็ไม่ใช่ความผิดของท่านนายพลและคุณหญิง แต่เขาก็เพียงอยากขอ...ขอแค่การยอมรับ ให้เขาสองคนได้อยู่ด้วยกัน เขาไม่ได้ต้องการเปิดเผยอะไรให้ใครในสังคมรับรู้ แค่ได้อยู่ด้วยกันเรื่อยไป มันก็เป็นอะไรที่วิเศษสำหรับเขาแล้ว

               “ยังไม่นอนอีกเหรอครับผู้พัน พรุ่งนี้ต้องเข้าประชุมแต่เช้านะครับ” ผู้กองติสรณ์ที่เดินผ่านมา อดเอ่ยทักคนที่มียศสูงกว่าไม่ได้

               “ผมนอนไม่ค่อยหลับ นั่งคุยกันหน่อยไหมผู้กอง”

               คนถูกชวนยิ้มรับ ก่อนจะเดินขึ้นมาตรงระเบียงบ้านพัก

               “ผู้พันมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ผมเห็นพักนี้ผู้พันดูเครียดๆ ถึงผมจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ผมรับฟังได้นะ”

               ชนวีร์นิ่งไปเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าความตึงเครียดของเขาแสดงออกมาจนแม้แต่คนใต้บังคับบัญชายังรู้สึกได้

               “ผู้กอง...ผู้กองเคยรักใครมากๆ แม้จะรู้ว่ามันอาจจะไม่สมหวังหรือเปล่า”

               ผู้กองติสรณ์ส่ายหน้าช้าๆ หากในใจก็อดสงสัยไม่ได้ หน้าตาดี มียศ มีตระกูลอย่างผู้พัน มีโอกาสที่จะไม่สมหวังกับใครเขาด้วยหรือ

               “ถ้ารู้ว่าไม่สมหวัง ผมก็คงตัดใจตั้งแต่แรกแล้วล่ะครับผู้พัน”

               “ถ้ามันตัดกันได้ง่ายๆอย่างที่ผู้กองพูดก็คงดีสิ”

               “มันก็มีสองทางแล้วล่ะครับผู้พัน ถ้าไม่ตัดใจแล้วถอยออกมา ก็มีแต่ต้องเดินหน้าท้าชน”

               ที่ผู้กองติสรณ์พูดมาก็ถูก...ในเมื่อเขาเลือกที่จะรักแล้ว ก็เท่ากับว่าเขาเลือกที่จะเดินหน้า ที่เหลือก็มีเพียงแค่ต้องเดินไปให้จนถึงปลายทาง

               “ว่าแต่ผู้พันมีคนที่ชอบแล้วเหรอครับ ผมไม่ยักรู้เลยแฮะ”

               “ไม่ได้ชอบหรอกผู้กอง แต่ผมรักเขา...รักมากเลยล่ะ”

               “จะแต่งเมื่อไหร่ อย่าลืมแจกการ์ดเชิญผมด้วยนะผู้พัน”

               ถ้อยคำกระเซ้าเย้าแหย่ทีเล่นทีจริงของลูกน้อง ทำเอาชนวีร์ถึงกับนิ่งเงียบ สิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยมา แม้ว่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่เขาคงทำให้ไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ เขากับชินดนัยคงไม่มีโอกาสได้แต่งงานกัน ขอแค่ให้ได้อยู่ด้วยกันก็เพียงพอแล้ว

               ...ถ้าย้อนเวลากลับไปก่อนจะความรู้สึกผูกพันมันจะเกินเลย ถามว่าเขาจะหยุดตัวเองไหม

               คำตอบคือไม่...ถึงแม้จะรู้ว่ารักไม่ได้ แต่เขาก็ยังอยากจะรัก อยากจะครอบครอง อยากจะเป็นเจ้าของ

               เราต่างรู้ดีว่า...เราไม่ได้ไม่รักกัน เพียงแต่เรารักกันไม่ได้

               สุดท้ายแล้ว...นายทหารหนุ่มก็ได้ถอนหายใจออกมาเบาๆให้กับความรู้สึกหนักอึ้งที่กำลังแบกรับเอาไว้ ออกศึกมากมายแค่ไหนไม่เคยหวั่น มีแค่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวที่ทำเขาหวั่นไหว ไม่รู้ว่าจะอยู่กับชินดนัยต่อไปอย่างนี้ได้อีกนานแค่ไหน

               เขารักชินดนัยมาก...เกินกว่าจะยอมปล่อยมือจากจากกัน

               แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็เคารพท่านนายพลและคุณหญิงมากเกินกว่าจะทำให้ท่านทั้งสองผิดหวัง

               แม้จะบอกชินดนัยว่าอย่าเพิ่งคิดในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แต่ลึกๆแล้ว ชนวีร์เองก็นึกกังวลอยู่ไม่น้อยเลย แม้จะพยายามหาทางมากแค่ไหน แต่เขาก็ยังมองไม่เห็นทางออกของความรักครั้งนี้อยู่ดี


====================
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 2 :: 31.05.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 31-05-2013 21:57:27

               เวลาผ่านมามาเกือบอาทิตย์ คนที่อยู่จังหวัดตากก็ยังคงติดพันกับภารกิจหน้าที่ที่รัดตัว เช่นเดียวกับคนที่อยู่กรุงเทพฯ ทางบริษัทจะมีงานเปิดตัวสินค้าอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า ซึ่งคุณหญิงชลลดาเองก็ต้องการจะเปิดตัวชินดนัยกับวงการธุรกิจไปในคราวเดียวกัน งานทุกอย่างจึงตกเป็นความรับผิดชอบของชินดนัยที่ต้องดูแลทุกอย่างเองเกือบหมด

               “ดื่มกาแฟหน่อยนะคะชิน...” เสียงหวานดังอยู่ด้านข้าง ก่อนถ้วยกาแฟจะถูกวางลงบนโต๊ะ

               “ขอบคุณนะครับแพร”

               แพรพลอยเข้ามาทำงานเป็นเลขาของชินดนัยเกือบครบอาทิตย์แล้ว หญิงสาวทำงานคล่องแคล่วทุกอย่างอย่างที่คุณหญิงชลลดาเฝ้าชมอยู่บ่อยๆ งานหลายๆอย่างของชินดนัยก็ได้แพรพลอยคอยช่วยทำให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี จนเขาเองยังอดชื่นชมเธอไม่น้อย

               นอกจากนี้ ยังดูเหมือนว่าแพรพลอยเองก็จะรู้ว่าคุณแม่ของเธอและคุณแม่ของชินดนัยพยายามจับคู่ให้เธอกับชินดนัย หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เมื่ออยู่กันตามลำพังทีไร เธอก็พยายามเว้นระยะความสัมพันธ์เสมอ ไม่ให้ดูน่าเกลียดหรือประเจิดประเจ้อเกินไป เช่นเดียวกับชินดนัยที่ไม่เคยแสดงท่าทีอะไรให้คนอื่นคิดว่าเขามีใจให้เธอ

               “เหนื่อยก็พักบ้างนะคะ”

               ชินดนัยเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้เธอเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะถือโอกาสเอ่ยถึงเรื่องที่แม่ของเขาฝากฝังเอาไว้เมื่อเช้า

               “เย็นนี้มีงานเลี้ยงสังสรรค์ของสมาคม แม่บอกให้ผมพาแพรไปด้วย สะดวกหรือเปล่าครับ”

               “ไปในฐานะอะไรคะ เลขาหรือเปล่า จ่ายโอทีให้แพรไหมคะ” แพรพลอยแกล้งเอ่ยถามทีเล่นทีจริง

               “ไปในฐานะเพื่อนของผมครับ แล้วก็ไม่มีจ่ายโอทีนะ”

               แพรพลอยหัวเราะออกมาเบาๆ แรกเริ่มที่เจอกันครั้งแรก เธอก็ยอมรับว่าชินดนัยเป็นผู้ชายที่ดูท่าทางน่าคบหาคนหนึ่ง และยิ่งได้มาทำงานร่วมกัน เธอก็ยิ่งยอมรับเลยว่าชินดนัยเป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายที่ดีทีเดียว

               “ได้ค่ะ แต่ต้องให้แพรกลับบ้านเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ”

               ชินดนัยผงกหัวเป็นเชิงรับคำก่อนจะก้มหน้าลงทำงานต่อ เขาทำงานจนเข็มนาฬิกาเดินไปถึงเวลาห้าโมงเย็น ถึงได้เอ่ยชวนแพรพลอยเดินลงไปที่ลานจอดรถด้วยกัน หลังจากรับปากว่าจะพาเธอกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดแล้วค่อยตรงไปงานพร้อมกัน

               ชินดนัยเองค่อนข้างคุ้นทางมาบ้านของแพรพลอยระดับหนึ่ง เพราะเคยมารับมาส่งเธอที่บ้านอยู่สองหน หนแรกก็วันที่เขาพาเธอไปที่ออฟฟิศ ส่วนอีกหนก็ตอนที่แม่เขาคะยั้นคะยอให้มารับเธอไปเที่ยว แต่คุณหญิงชลลดาคงไม่รู้ว่า การไปเที่ยวของเขากับแพรพลอยคือการที่พอไปถึงห้างสรรพสินค้า ต่างฝ่ายต่างก็แยกกันไป เขาตรงเข้าไปนั่งทำงานในร้านกาแฟ ส่วนแพรพลอยก็ตรงไปร้านหนังสือ พอถึงเวลาที่นัดก็มาเจอกันก่อนจะพากันกลับบ้าน

               ทั้งคุณหญิงชลลดาและคุณหญิงเพียงแขต่างก็คิดว่าความสัมพันธ์ของสองหนุ่มสาวคืบหน้า จะบอกว่าคืบหน้าก็คงไม่ผิดนัก เพียงแต่ทั้งคู่ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่ใช่ความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวอย่างที่พวกผู้ใหญ่ต้องการแม้แต่น้อย

               “ชินคะ แพรเรียบร้อยแล้วค่ะ...”

               พอได้ยินเสียงเรียกดังมาจากด้านหลัง ชินดนัยเลยหันกลับไปมอง หญิงสาวเจ้าของบ้านอยู่ในชุดราตรีสีพาสเทล เกล้าผมเรียบร้อย เขายิ้มให้นิดๆด้วยความชื่นชมก่อนจะเดินนำเธอไปที่รถ ส่วนตัวเขาเองไม่ต้องเปลี่ยนชุดอะไร เพราะมักจะติดสูทเอาไว้ในรถเสมอ เผื่อวันไหนที่ต้องไปงานต่อจะได้ไม่ต้องแวะกลับบ้าน แค่หยิบสูทมาสวมทับก็เรียบร้อย

               “คืนนี้อย่าปล่อยให้ใครมาจีบฉันนะคะ...”

               “คงยากล่ะครับ คุณสวยออกขนาดนี้”

               ชินดนัยไม่ได้กล่าวเกินจริงแม้แต่น้อย เขาต้องยอมรับว่าแพรพลอยสวยจริงๆ แต่สวยแค่ไหน สำหรับเขาก็คงไม่มีความหมายอะไรเท่าคนที่แม้จะอยู่ห่างไกล แต่ก็ทำให้ใจเขาว้าวุ่นได้ตลอด


====================


               แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปหลายตัวสาดมาจากทั่วสารทิศ ภาพของชินดนัยที่เดินเคียงเข้ามากับแพรพลอยสะกดทุกสายตาของแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน หลายเสียงซุบซิบดังเข้าหูของคนที่ตกเป็นเป้าสายตาตลอดทางที่เดินเข้างาน

               “สมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกเลย...”

               “อีกไม่นานคงได้มีข่าวดีแน่ๆ”

               สองหนุ่มสาวเดินตรงเข้ามาทักทายคุณหญิงชลลดาที่มาถึงงานก่อนแล้ว พอเห็นลูกชายและลูกสาวเพื่อนรักเดินตรงเข้ามาหา คุณหญิงก็รีบขอตัวจากคู่สนทนาทันที

               “หนูแพรสวยมากเลยลูก ชินช่วยดูแลน้องด้วยนะ”

               ถึงผู้เป็นแม่ไม่บอก ชินดนัยก็ต้องคอยดูแลแพรพลอยอยู่แล้ว เขาพาหญิงสาวเดินไปตักอาหาร ก่อนจะเลี่ยงออกมายืนหลบอยู่มุมหนึ่งของงาน

               “ผมไม่ชอบงานแบบนี้เลย” ชินดนัยเปรยเบาๆ

               “แพรก็เหมือนกันค่ะ ถ้าชินไม่มา แพรคงไม่มีทางยอมมาเด็ดขาด ดูสายตาแต่ละคนสิคะ” หญิงสาวพูดแล้วก็ทำหน้าแหยนิดๆ

               ชินดนัยกวาดตามองไปรอบๆ แล้วก็เห็นจริงอย่างที่เธอเอ่ย ผู้ชายหลายคนพากันมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเขาเป็นตาเดียว มองด้วยสายตาชื่นชมก็ดี แต่ที่มองด้วยสายตาโลมเลียนี่สิ ถึงแม้เขาจะไม่ได้เป็นอะไรกับเธอ แต่ก็อดขึงตาดุๆกลับไปไม่ได้

               “ถ้าคุณเบื่อ เดี๋ยวเราขอตัวกลับกันก่อนก็ได้”

               “ไม่กลัวคุณแม่คุณโกรธเหรอคะ”

               “คุณช่วยผมหน่อยละกัน บอกว่าคุณปวดหัวแล้วเราก็ขอตัวกลับกันก่อน”

               พอฟังข้ออ้างที่ชินดนัยเอ่ยออกมาหน้าตาเฉย แพรพลอยก็หัวเราะออกมาเบาๆทันที อดยอมรับไม่ได้ว่าเป็นไอเดียที่ไม่เลวเลย ถ้าชินดนัยเป็นคนไปพูดเอง เธอเชื่อว่าคุณหญิงชลลดาอาจจะไม่ยอมแน่ๆ เขาก็ช่างคิด ถึงได้ให้เธอเป็นคนช่วยพูดแทน

               ถึงแม้ว่าจะมายืนหลบอยู่มุมหนึ่งของงาน แต่ลูกชายคนเดียวของคุณหญิงชลลดากับท่านนายพลก็มีคนเดินเข้ามาทักอยู่เรื่อยๆ หลายต่อหลายคนมองมาที่เขากับแพรพลอยแล้วก็ลอบยิ้ม แม้ว่าชินดนัยจะย้ำเสียงหนักๆอยู่หลายหน ว่าคนข้างกายที่เขาควงมาด้วยเป็นเพียงเพื่อน และมีตำแหน่งเป็นเลขาของเขา แต่ดูราวกับว่าคำพูดเหล่านั้นจะไม่ได้เข้าหูคนฟังแม้แต่น้อย เขายืนทักทายกับผู้หลักผู้ใหญ่จนเห็นว่าได้เวลาสมควรแล้ว เลยแตะข้อศอกคนข้างๆให้เดินตรงไปหาคุณหญิงชลลดา

               “แม่ครับ เดี๋ยวผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

               “อ้าว...ทำไมล่ะชิน แม่ยังไม่ได้แนะนำลูกให้รู้จักกับคนอื่นเลยนะ”

               “พอดีแพรเขาปวดหัว ผมเลยว่าจะพาเขาไปส่งที่บ้านเลย” ชินดนัยพูดปดออกไปคำโต ก่อนจะหันไปขยิบตาให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกาย

               “จริงหรือหนูแพร ให้ชินพาไปหาหมอไหมลูก”

               แพรพลอยรีบส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธทันที ก่อนจะเอ่ยสำทับให้คุณหญิงสบายใจ

               “ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า เดี๋ยวหนูกลับบ้านทานยาแล้วนอนพักผ่อนก็คงดีขึ้น”

               “จ้ะ งั้นกลับกันดีๆนะลูก เดี๋ยวแม่คุยกับพวกผู้ใหญ่อีกนิดก็จะตรงกลับบ้านเลยเหมือนกัน”

               พอได้ยินคำอนุญาตของมารดา ชินดนัยก็เดินนำแพรพลอยออกจากงานทันที เขาเอารถส่วนตัวของเขามา ส่วนคุณหญิงชลลดาเองก็ให้คนขับรถขับมาอีกคัน เลยไม่ต้องห่วงว่าผู้เป็นแม่จะกลับบ้านยังไง

               เดินมาถึงรถ ชินดนัยก็เปิดประตูฝั่งคนนั่งให้หญิงสาว รอจนเธอก้าวขึ้นไปบนรถเรียบร้อยแล้ว เขาถึงปิดประตูให้แล้วเดินอ้อมไปขึ้นอีกฝั่ง ค่อยๆเคลื่อนรถออกจากโรงแรมช้าๆ

               “แพรว่านะ ถ้าใครได้คุณเป็นแฟนต้องโชคดีมากแน่ๆเลย”

               ชินดนัยเลิกคิ้วน้อยๆด้วยความสงสัย ก่อนจะเอ่ยปากถามออกไป

               “ทำไมล่ะ”

               “คุณเป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้วเลยนี่ค่ะ ขนาดจะโดนตัวแพรแต่ละที คุณยังคอยระวังตัวตลอดเลย”

               ชินดนัยหัวเราะเบาๆให้กับความช่างสังเกตของเธอ ถึงแม้เขาจะมีเพื่อนสนิทเป็นเพลย์บอย ไม่สิ...อดีตเพลย์บอยที่ถูกถอดเขี้ยวเล็บแล้วต่างหาก แต่เขาก็ต่างจากธรณ์ สำหรับชินดนัยแล้ว ต่อให้มีผู้หญิงเสนอมากี่ร้อยพันคน เขาก็ไม่เคยสนองกลับไป และเช่นเดียวกัน เขาเองไม่เคยแม้แต่คิดที่เอาเปรียบผู้หญิงคนไหน เมื่อคิดได้อย่างนี้แล้ว ชายหนุ่มเลยตัดสินใจที่จะพูดเรื่องที่คิดอยู่ในใจออกไปตรงๆ

               “คุณรู้ใช่ไหม ว่าแม่ผมกับแม่คุณอยากให้เราลงเอยกัน”

               “รู้สิคะ...” แพรพลอยตอบเสียงเบา ก่อนจะเสมองออกนอกหน้าต่างรถ

               “ผมว่ามันคงเป็นไปไม่ได้”

               “คุณมีคนรักอยู่แล้วใช่ไหมคะชิน?...”

               “คุณรู้?...”

               เธอจะเรียกมันว่าอะไรดีนะ ‘สัญชาติญาณของผู้หญิง’ ดีไหม? เท่าที่เธอสังเกตมาตลอดอาทิตย์ เวลามีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาหา แม้จะเป็นเวลาแค่สั้นๆ แต่มันก็ทำให้ผู้ชายที่เธอคิดว่าเย็นชาอย่างชินดนัยมีรอยยิ้มขึ้นมาได้ง่ายๆ จนเธอนึกสงสัยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่พอคิดไปคิดมา คำถามมันก็ลงเอยที่คำตอบเดียวว่า...คงจะเป็นคนรักของชินดนัยแน่ๆ

               “แพรเห็นว่าเวลาคุณรับโทรศัพท์เธอคนนั้นทีไร คุณจะต้องอารมณ์ดีจนน่าอิจฉาทุกทีเลย”

               ‘เธอ’...ถ้าเป็นเธออย่างที่แพรพลอยพูดก็ดีน่ะสิ ไม่ใช่เธอหรอก แต่เป็นเขาต่างหาก

               “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะชิน แพรเองก็ไม่ได้อยากเป็นแฟนคุณหรอก ถึงแม่เราสองคนจะสนับสนุนกันออกนอกหน้า แต่แพรอยากเป็นเพื่อนคุณมากกว่า คงไม่รังเกียจใช่ไหมคะ”

               “ยินดีเสียอีกที่ได้เป็นเพื่อนกับคุณ”

               “รู้ไหมคะ ที่แพรยอมไปไหนมาไหนกับคุณเวลาที่แม่สั่งนั่นก็เป็นเพราะว่า...แพรอยากมีพี่ชายค่ะ แพรเป็นลูกคนเดียวตลอด อยู่กับชินแล้วแพรรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นน้องสาวเลย”

               “แต่เราสองคนอายุเท่ากันนะ”

               “แต่ชินดูโตกว่าแพรอีกนะคะ ไม่เป็นพี่ก็ได้ค่ะ เป็นเพื่อนแพรนะคะ”

               “ครับ...”

               “ถ้ามีอะไรปรึกษาแพรได้เลยนะคะ คิดว่าแพรเป็นน้องสาวหรอืเป็นเพื่อนก็ได้”

               ชินดนัยตอบแทนรอยยิ้มหวานของหญิงสาวด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น อย่างน้อย ทั้งเธอและเขาต่างก็คิดเหมือนกัน ต่อให้พ่อแม่สนับสนุนมากแค่ไหน เรื่องของเขาและเธอคงไม่มีทางเป็นไปได้

               “ไว้พาคนรักของคุณมาเจอแพรบ้างสิคะ”

               “ถ้ามีโอกาสนะ...” ชินดนัยพึมพำออกมาเบาๆ

               โอกาส...เขาขอแค่โอกาสจากสังคม จากคนรอบข้าง จากครอบครัว ถ้ามีโอกาสทุกคนคงได้รู้จักคนรักของเขาแล้ว แต่เพราะเขาไม่มีและไม่ได้รับโอกาส มันถึงได้ยังคงเป็นความลับต่อไป

               “คุณป้าไม่รู้เรื่องคนรักของคุณใช่ไหมคะ”

               “ไม่...ไม่รู้ แม่ผมคงไม่ยอมรับ”

               “ฉันเข้าใจค่ะ...”

               แวบหนึ่ง...ที่ชินดนัยเห็นแววตาของแพรพลอยดูเศร้า แต่มันก็เป็นเพียงแวบเดียวก่อนที่เธอจะเบนสายตาออกนอกรถ ถ้าเขาไม่ได้คิดไปเอง เขารู้สึกว่า...เธอเองก็มีอะไรอยู่ในใจไม่ต่างกัน


====================


               หลังจากส่งแพรพลอยกลับถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว ชินดนัยก็ขับรถตรงกลับบ้านตัวเองทันที บ้านของเขาและแพรพลอยอยู่ห่างกันคนละมุมเมือง กว่าเขาจะกลับถึงบ้านก็ค่ำมืดพอดี ชายหนุ่มเห็นแสงลอดออกมาจากทางเรือนใหญ่ คิดเอาเองว่าคงจะเป็นแม่บ้าน เลยขับรถตรงไปที่เรือนเล็กโดยไม่ได้แวะเรือนใหญ่

               ชินดนัยจอดรถลงหน้าเรือนหลังเล็กของตัวเอง ตัวบ้านยังคงมืดสนิท เพราะไม่ค่อยมีใครเข้ามายุ่มย่ามที่เรือนเล็กมากนัก แต่บางทีเขาก็อดคิดไม่ได้ว่า...จะดีแค่ไหนกัน ถ้ามีบางคนมายืนรอรับเขากลับบ้าน ชายหนุ่มสั่นหัวให้กับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง เอื้อมมือจะเปิดประตูเข้าเรือนเล็ก ก่อนจะต้องเป็นฝ่ายชะงัก เมื่อถูกสวมกอดจากเบื้องหลัง

               ...ถ้าถามว่าความอบอุ่นเป็นอย่างไร ชินดนัยคงตอบได้เลยว่า...ความอบอุ่นคือสิ่งที่เขากำลังรู้สึกอยู่...

               อ้อมกอดที่รัดรึง กลิ่นกายที่คุ้นเคย แค่หลับตา ชินดนัยก็รู้ทันทีว่าคนที่สวมกอดเขาอย่างอุกอาจเป็นใคร คนที่เขาหลงคิดเอาเองว่ายังอยู่ที่ค่าย กล้าดียังไงถึงได้กลับมาโดยไม่บอกไม่กล่าวกัน

               “กลับมาเมื่อไหร่...”

               “ตั้งแต่บ่ายแล้ว”

               “แล้วทำไมไม่บอกกัน ผมจะได้รีบกลับมา”

               “อยากทำให้นายประหลาดใจ ฉันเลยต้องเป็นฝ่ายประหลาดใจเสียเอง”

               สุ้มเสียงของนายทหารหนุ่มดูติดจะขุ่นเคืองนิดๆ ชินดนัยเลยขืนตัวออกมาจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย หันมาสบดวงตานิ่งเฉยที่มองตรงมา

               “เข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า อยู่ข้างนอกเดี๋ยวมีคนมาเห็น”

               แม้จะรู้ว่าเป็นเวลาดึกมากแล้ว คงไม่มีใครเดินมาแถวบริเวณเรือนเล็ก แต่ชินดนัยก็พยายามป้องกันเอาไว้ก่อน เขาไม่อยากเสียใจภายหลัง

               ชินดนัยเดินนำผู้พันชนวีร์เข้ามาในบ้าน กำลังจะเดินไปเปิดไฟให้สว่าง ก็ถูกรั้งเอาไว้ด้วยวงแขนแข็งแรงให้ล้มลงมานั่งอยู่ที่โซฟาด้วยกัน จนต้องเผลอเอ็ดออกมาเสียงดุๆ

               “เล่นอะไร”

               “ไม่ต้องเปิดไฟ ฉันก็เห็นหน้านาย” เสียงห้าวเอ่ยออกมาเรียบๆ ก่อนฝ่ามือที่คร้ามแดดและหยาบกร้านเพราะจับอาวุธมานักต่อนักจะเอื้อมมาลูบแก้มชินดนัยเบาๆ

               “ไปส่งคุณแพรพลอยกลับมาดึกนะ...”

               “พี่รู้...” ชินดนัยเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ

               เขามั่นใจว่าตัวเองไม่เคยเล่าหรือหลุดปากเรื่องแพรพลอยออกไปแม้แต่น้อย ไม่ใช่ว่าเขาไม่บริสุทธิ์ใจ เพียงแต่เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ จะมีใครรู้จักชนวีร์ดีเท่าเขา เห็นท่าทางนิ่งๆเหมือนยอมรับอะไรได้ง่ายๆ แต่นายทหารหนุ่มก็เคยไม่พอใจเรื่องธรณ์กับอเล็กซ์อยู่หลายครั้งเหมือนกัน

               ผู้พันชนวีร์ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเสยผมลวกๆ ส่วนอีกข้างรั้งไหล่ชินดนัยเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะเอ่ยออกไปเสียงเรียบๆ

               “ฉันกลับมาตั้งแต่บ่ายแล้ว เมื่อตอนเย็นเลยนั่งกินข้าวกับพ่อ เพิ่งรู้ว่านายไปงานกับแม่...แล้วก็คุณแพรพลอยด้วย”

               “งานสังสรรค์ของแม่นั่นแหล่ะ”

               “แต่แม่กลับมาก่อน ส่วนนายไปส่งคุณแพรพลอย”

               “ก็ไม่ได้มีอะไร ผมเป็นคนพาเธอไป ก็ต้องไปส่งเธอตามมารยาท”

               “ฉันเพิ่งรู้ว่าเธอมาเป็นเลขานายด้วย นานแค่ไหนกัน”

               “พี่กำลังระแวงอะไรอยู่หรือเปล่า”

               “ฉันไม่ได้ระแวง แต่ฉันกลัว ฉันรู้ว่านายไม่ได้ชอบคุณแพรพลอย แต่...” นายทหารหนุ่มเว้นวรรคไปชั่วอึดใจก่อนจะเอ่ยออกมา “ฉันเพิ่งรู้ว่าแม่อยากให้พ่อไปเอ่ยทาบทามคุณแพรพลอยจากครอบครัวเขา”

               สิ่งที่ชนวีร์พูดออกมา คือสิ่งที่ชินดนัยเองก็เพิ่งรู้ แม้จะพอเข้าใจเจตนารมณ์ของผู้เป็นแม่ แต่เข้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องรีบร้อนขนาดนี้

               “แล้วพ่อว่ายังไง” ชินดนัยเอ่ยถาม ก่อนจะกลั้นใจฟังคำตอบ

               “พ่อไม่เห็นด้วยกับแม่เท่าไหร่ เพราะนายเพิ่งเรียนจบกลับมาเอง แต่ถ้าเป็นความต้องการของนาย พ่ออาจจะลองคิดดูอีกที”

               สัมผัสที่วางลงบนไหล่ของชินดนัยสั่นสะท้านจนเขาเองยังรู้สึกได้ ความรัก...ถ้าไม่ทำให้เราเป็นตัวของตัวเอง ก็ทำให้เราสูญเสียความเป็นตัวเองไปเลย

               ผู้พันชนวีร์ยามอยู่ในสนามรบอาจจะเป็นวีรบุรุษที่แกร่งกล้า แต่กับเรื่องของชินดนัย…เขาก็อ่อนแอได้อย่างที่สุดเหมือนกัน

               รัก...แม้จะมองไม่เห็นอนาคต
               แม้จะรู้ว่ารักกันไม่ได้ แต่ก็หยุดรักไม่ได้เช่นกัน


               ชินดนัยโน้มใบหน้ามากดจูบลงบนริมฝีปากหยักเบาๆ ราวกับจะปลอบประโลมอีกฝ่ายเอาไว้ ไม่มีใครเข้มแข็งไปกว่าใคร และไม่มีใครอ่อนแอไปกว่ากัน

               “ผมยังอยู่ตรงนี้ เรายังอยู่ด้วยกัน...”

               ไม่ใช่คำสัตย์ ไม่ใช่คำสาบาน แค่ย้ำให้เขาและชนวีร์ได้มั่นใจ ว่า ณ ตอนนี้เรายังอยู่ด้วยกัน เรายังมีกันและกันอยู่

               นายทหารหนุ่มไม่ได้ตอบรับเป็นคำพูดกลับไป ได้แต่กดจูบลงบนริมฝีปากชินดนัยซ้ำๆ ตอกย้ำลงไปในใจว่าหัวใจดวงนี้เป็นของเขา ร่างกายของอีกฝ่ายเป็นของเขา เราต่างเป็นของกันและกัน

               “รู้ไหม สำหรับฉันแล้ว...จากเป็นยังเจ็บปวดมากกว่าจากตายเสียอีก”

               ถึงความตายจะทำให้เจ็บปวดน้อยกว่า แต่ถ้าเลือกได้...อย่าให้เราต้องจากกันได้ไหม ถ้าหยุดวันเวลา หยุดเข็มนาฬิกาที่เดินได้ หยุดมันไว้ตลอดไปได้ไหม

               ไม่มีคำรักดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก มีแต่คำรักที่บอกกันผ่านจูบที่อ่อนหวานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่ชนวีร์จะค่อยๆผ่อนร่างชินดนัยลงนอนกับโซฟา ริมฝีปากร้อนผ่าวตามไปประทับรอยจูบซ้ำๆ แสดงความรักและความเป็นเจ้าของอย่างหวงแหน

               “ฉันรักนาย...รัก...รักมาก...” เสียงทุ้มห้าวกระซิบซ้ำไปซ้ำมา ฝ่ามือร้อนผ่าวลูบไล้ไปตามลำตัวคนที่อยู่ใต้ร่าง อารมณ์ปรารถนาถูกปลุกขึ้นมาอย่างไม่ยาก

               “ผมก็รักพี่...รักมากเหมือนกัน...”

               สองแขนโอบคล้องคอคนที่อยู่ข้างบน ริมฝีปากเฝ้าสัมผัสกันและกันอย่างไม่รู้เบื่อ สิ่งเดียวที่เห็นชัดในความมืดมิดคือใบหน้าของกันและกัน ก่อนที่ทุกอย่างจะจางหายไปราวกับเป็นความฝัน เมื่อแสงไฟพลันสว่างวาบขึ้นมา พร้อมกับเสียงร้องอย่างตกใจของแขกผู้มาเยือนยามวิกาล


               “ลูกสองคนทำอะไรกันอยู่!?!”


               หมดสิ้นแล้ว หมดทุกอย่าง ทุกสิ่งที่เฝ้าใฝ่ฝัน ความรักที่มีให้กัน ความลับที่เก็บงำมานาน...
               ถึงเวลาตื่นขึ้นมาพบและยอมรับกับความเป็นจริง...
               ความจริงที่โหดร้าย...


TO BE CONTINUE




# รีบเอาตอนสองมาเสิร์ฟโดยด่วน ขอบคุณทุกคนที่ยังตามอ่านกันอยู่นะคะ ขอบคุณมากๆจริงๆ
# อาจจะป่วงๆไปนิด จะพยายามมาลงให้ไวๆ ไม่ให้ขาดตอนนะคะ
# ตอนนี้เขียนแล้วยาวมาก อ่านกันจนตาแฉะแน่ๆ
# มีใครอยากอ่านเรื่องของอเล็กซ์บ้างไหมคะ คิดพล็อตได้แหม็บๆ ลองถามดูก่อน ฮ่าๆ
# สุดท้าย ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่ะ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 2 :: 31.05.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 31-05-2013 22:05:15
คู่นี้ถ้าจะหน่วง ดราม่าทั้งเรื่องเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 2 :: 31.05.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 31-05-2013 22:10:12
อยากจะช๊อคตายยยย  o22 o22 :a5:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 2 :: 31.05.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 31-05-2013 22:25:30
ไม่ใช่แค่ผู้พันกับชิน ช็อคนะ คนอ่านก็ช็อคด้วย หัวใจจะวายตาย  :heaven

ทำไงล่ะทีนี้  ทิชชู่กีห่อถึงจะพอเนี่ย  :sad4:  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 2 :: 31.05.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 31-05-2013 23:06:50
 :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 2 :: 31.05.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 31-05-2013 23:42:46
แม่มาเห็นหรือเปล่านะนั่น แล้วจะเป็นยังไงกันนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 2 :: 31.05.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 01-06-2013 06:57:38
นายจะเป็นเพศไหนมันไม่สำคัญ เพราะที่สำคัญสำหรับฉัน...ก็มีแค่นาย


อยากจะร้องไห้  :o12:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 2 :: 31.05.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 01-06-2013 13:16:35
 :sad4:คุณแม่ใช่มั้ย ขอให้ยอมรับเถอะ หน่วงชะมัดดด
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 2 :: 31.05.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 01-06-2013 15:26:15
กรี๊ด!!!!!!!!!!! รู้แล้วอ่ะ ทำไงดี หุ๋ยๆๆๆๆๆ เจ็บ ปวด หน่วง ลุ้น.....
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 2 :: 31.05.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 01-06-2013 18:44:35
เพิ่งได้มาอ่านรวดเดียว สนุกดีนะ
ภาษาที่ใช้ลื่นมากอย่างกับอ่านนิยายเลย
อิอิ แอบหลงน้องแทนพี่เขตต์
ชอบความหวานที่คู่นี้มีให้กัน
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 2 :: 31.05.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 01-06-2013 19:58:10
น้ำตาซึมอ่ะ
สงสารทั้ง 2 คน คงไม่มีใครอยากมีความรักที่ผิดแปลกจากคนอื่น
อินมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่รู้จะอธิบายว่าไง รู้แต่หดหู่
ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 3 :: 02.06.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 02-06-2013 22:12:07

มากกว่ารัก

ตอนที่ 3



               คุณหญิงชลลดานั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงห้องรับแขกระหว่างรอชินดนัยกลับมา เพราะอยากจะถามเรื่องของแพรพลอย รออยู่นานจนเวลาล่วงเลยมาดึกดื่น กำลังจะถอดใจกลับเข้าห้องนอนก็เห็นแสงจากไฟหน้ารถของชินดนัยส่องผ่านความมืดเข้ามา พอดูจนแน่ใจว่าชินดนัยขับรถไปจอดอยู่หน้าเรือนเล็ก ไม่ได้แวะเรือนใหญ่ คุณหญิงเลยเดินกลับเข้าห้องไปคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับก่อนจะเดินตรงไปยังเรือนเล็ก

               ตัวเรือนเล็ก แม้จะอยู่ในอาณาเขตรั้วเดียวกันกับเรือนใหญ่ แต่ก็มีแนวพุ่มไม้บดบัง ทำให้ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวพอสมควร พอเดินมาถึงหน้าเรือนเล็ก คุณหญิงชลลดาก็อดบ่นออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นรถของลูกชายจอดเรียบร้อยแล้ว แต่ไฟยังคงปิดสนิท

               “ตายจริง ตาชินไม่คิดจะเปิดไฟเลยหรือไงนะ”

               คุณหญิงเปิดประตูเข้าไปด้วยความเงียบเชียบ แว่วเสียงสนทนาดังมาเบาๆ จนไม่อาจจับใจความได้ มือค่อยๆเอื้อมควานหาสวิตช์ไฟก่อนจะกดเปิด ทันทีที่แสงไฟสว่างวาบ ภาพที่ปรากฏแก่สายตาก็ทำเอาหัวใจของคนเป็นแม่แทบหยุดเต้น

               “ลูกสองคนทำอะไรกันอยู่!?!”

               เป็นคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบแม้แต่น้อย ภาพของชนวีร์ที่คร่อมทับอยู่บนตัวชินดนัยก็บอกอะไรได้ชัดเจนอยู่แล้ว

               “แม่...” สองเสียงของลูกในไส้และลูกบุญธรรมครางออกมาพร้อมกัน

               ทั้งชินดนัยและชนวีร์ต่างผละออกห่างจากกันแทบจะในทันที ชินดนัยจัดเสื้อแสงที่หลุดลุ่ยของตนเองให้เรียบร้อย มันเป็นเวลาดึกดื่น แถมยังอยู่ในเรือนเล็กของเขาเอง ใครเลยจะคิดว่าผู้เป็นแม่จะมาเยือนกลางดึก

               “มันหมายความว่ายังไงกัน...” คุณหญิงพยายามคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่นระริก มือเกาะเคานเตอร์บาร์ข้างๆเพื่อประคองตัวเองไว้

               “แม่...” ชินดนัยอ้าปากจะพูด แต่ก็ถูกคนที่อยู่ข้างกายยกมือห้ามเอาไว้เสียก่อน

               “ผมอธิบายได้ครับแม่” เสียงห้าวเอ่ยออกมาเรียบๆ

               ในเมื่อหลักฐานมันคาตาอยู่ทนโท่ เขาก็คงต้องยอมรับเสียทีว่าถึงเวลายอมรับความจริงแล้ว ชนวีร์สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะลุกไปประคองผู้เป็นแม่ให้มานั่งตรงกลางระหว่างเขากับชินดนัย ตอนแรกคุณหญิงก็ขืนมือเหมือนจะสะบัดออก แต่พอสบเข้ากับสายตาเว้าวอนของลูกชายทั้งสองคน เธอก็สะกดกลั้นอารมณ์ทั้งหมด แล้วเดินตามแรงจูงมานั่งที่โซฟา

               “หวังว่าคำอธิบายของลูกสองคนคงจะฟังขึ้น”

               ชนวีร์จับมือข้างขวาของคุณหญิงเอาไว้ ไม่ต่างจากชินดนัยที่ยึดมือข้างซ้ายของผู้เป็นแม่เอาไว้แน่น

               เขาเป็นชายชาติทหาร เมื่อกล้าทำ ก็ต้องกล้ารับ...นี่คือสิ่งที่ผู้พันชนวีร์บอกตัวเองตลอดมา

               “ผมกับชิน...เรารักกันครับแม่”

               คุณหญิงชลลดาถึงกับชะงัก ตัวแข็งทื่อก่อนจะเปลี่ยนเป็นสั่นสะท้าน รู้สึกจุกแน่นอยู่ในอก ภาพที่เห็นตำตาก็แทนคำพูดนับพันชัดเจนอยู่แล้ว ยิ่งมาฟังลูกชายสารภาพเองกับหู เธอก็ยิ่งช็อกจนหวิดจะเป็นลม แต่ก็ยังฝืนยิ้ม ก่อนจะเอ่ยถามออกไป หวังให้ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด เป็นแค่ความเข้าใจผิดไปเองเท่านั้น

               “ลูกสองคนเป็นพี่น้องกันก็ต้องรักกันอยู่แล้ว”

               “ไม่ใช่ครับแม่ เราไม่ได้รักกันอย่างพี่น้อง เรารักกัน...รักกันจริงๆ”

               คุณหญิงชลลดาดึงมือออกจากการเกาะกุมของลูกชายทั้งสอง ยกมือขึ้นปิดหูราวกับไม่อยากฟังคำสารภาพ พยายามฝืนโกหกตัวเองต่อไป ว่าลูกชายอาจจะล้อเล่น แม้ในใจจะเจ็บปวดจนแทบพูดไม่ออก

               “ตาวีร์อย่ามาล้อแม่เล่นนะ แม่ไม่สนุกด้วยนะลูก”

               “แม่...ฟังผมนะครับ ผมไม่ได้ล้อเล่น ผมรักชิน ผมรักชินจริงๆ”

               “วีร์จะรักน้องได้ไง วีร์กับชินเป็นผู้ชาย เป็นผู้ชายเหมือนกันนะลูก”

               คุณหญิงชลลดาเอ่ยย้ำความเป็นเพศเดียวกันให้ลูกชายสองคนตระหนัก จนชินดนัยต้องเบือนหน้าหนีไป ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ เขารู้เสียยิ่งกว่ารู้อีกว่าทั้งเขาและชนวีร์ต่างเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ความรักมันไม่เคยเลือกเพศ เขาและชนวีร์รักกันไปแล้ว มันถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว รัก...ทั้งที่รู้ว่าเป็นเพศเดียวกัน ไม่ได้อยากจะทำตัวผิดแปลกจากคนอื่นให้ผู้เป็นแม่ต้องลำบากใจ แต่ความรักมันไม่มีเหตุผลและไม่สนกฎเกณฑ์ใดใด

               “นานแค่ไหนกัน...” คุณหญิงเอ่ยถามเสียงเครือ

               “ตั้งแต่ตอนที่ผมอยู่โรงเรียนประจำที่อังกฤษ”

               ชนวีร์ไม่ได้เป็นคนตอบ แต่เป็นชินดนัยที่เป็นฝ่ายตอบแทน เขาไม่รู้ว่าสำหรับชนวีร์แล้ว ความรู้สึกของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปตอนไหน แต่สำหรับเขา...คงเป็นตอนที่เห็นพี่ชายมาปรากฏตัวอยู่หน้าโรงเรียนประจำ ความทรงจำวันนั้น แม้จะผ่านมาเนิ่นนาน แต่ทุกอย่างยังคงแจ่มชัด เขาโผกอดพี่ชายแน่น ไม่ใช่ด้วยความคิดถึงคนึงหาตามประสาพี่น้อง แต่การที่ต้องห่างกัน มันทำให้เขารู้ใจตัวเองว่าอยู่ได้ยาก ถ้าหากไม่มีอีกคนคอยอยู่ข้างๆ

               คุณหญิงชลลดามองลูกชายสองคนสลับกัน หนึ่งคือลูกบังเกิดเกล้า อีกหนึ่งคือลูกบุญธรรม ถึงสถานะจะแตกต่างกัน แต่เธอก็รักลูกทั้งสองไม่ต่างกัน ความจริงที่ได้รับรู้ทำเอาหัวใจคนเป็นแม่รวดร้าว นี่ลูกชายของเธอมีความสัมพันธ์แบบนี้กันมานานหลายปีโดยที่เธอไม่เคยเอะใจเลยแม้แต่น้อย เฝ้าแต่คิดว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องที่รักกัน แม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่

               “แม่...ชินสำคัญสำหรับผมจริงๆนะครับ”

               นับตั้งแต่เล็กมาจนโต คุณหญิงมักจะหยิบยื่นสิ่งที่ดีให้ลูกชายเสมอ สิ่งไหนไม่เหลือบ่ากว่าแรง เธอก็จะหามาให้ตลอด แต่ครั้งนี้คงเป็นครั้งเดียวที่เธอไม่อาจตามใจลูกชายของเธอได้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ได้จริงๆ

               “แล้วชินไม่สำคัญกับแม่หรือ แม่ขอเถอะ...ให้ทุกอย่างมันจบลงแค่นี้ได้ไหม”

               ชินดนัยจิกเล็บลงกับฝ่ามือจนรู้สึกเจ็บปวด ความเจ็บปวดที่กายราวกับจะตอกย้ำว่าสิ่งที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความจริงที่เขาต้องยอมรับมัน เจ็บปวดแค่เพียงรอยเล็บจิกที่กาย ไหนเลยจะเท่าเจ็บปวดที่ใจ

               “ที่แล้วมาก็ขอให้มันผ่านไป ต่อจากนี้ลูกสองคนก็กลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม ถือว่าแม่ขอนะ...ชนวีร์ ชินดนัย...”

               ไม่บ่อยนักที่ผู้เป็นแม่จะเรียกเขาสองคนด้วยชื่อจริง ซึ่งคงหมายความได้ว่า คุณหญิงชลลดาคงไม่ยอมรับกับความสัมพันธ์พิลึกพิลั่นนี่แน่ๆ แต่ถ้าการกลับไปเป็นพี่น้องกันมันง่ายดายอย่างที่ผู้เป็นแม่เอ่ย พวกเขาสองคนคงทำไปนานแล้ว

               “แม่อย่าบังคับเราเลย ผมไม่ได้เห็นชินเป็นน้องชายอีกแล้ว ผมรักชิน ผมรักชินครับแม่...”

               “ตาวีร์ แม่บอกให้หยุด หยุดพูด แม่ไม่อยากจะฟังอีกต่อไปแล้ว” คุณหญิงเอ่ยเสียงดัง แล้วพรวดพราดลุกขึ้นก่อนจะซวนเซจนชินดนัยต้องรีบเข้ามาประคอง

               “แม่...”

               “ต่อให้พวกลูกสองคนรักกันมากแค่ไหน แต่ลูกก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ถ้าวีร์ไม่รักตัวเอง ก็ถือว่าเห็นแก่น้อง เห็นแก่พ่อกับแม่ ปล่อยน้องไปนะลูก...”

               “แม่ แต่ผม...”

               “พ่อกับแม่มีชินเป็นสายเลือดเพียงคนเดียว ทั้งพ่อและแม่ต่างก็หวังว่าชินจะแต่งงานกับผู้หญิงดีๆ และมีครอบครัวที่น่ารัก มีหลานให้พ่อกับแม่อุ้ม ไม่ใช่รักกับผู้ชายด้วยกัน ถือว่าแม่ขอร้องนะ...”

               ทั้งที่อยากจะดึงดันยึดชินดนัยเอาไว้กับตัว แต่พอมองสบตากับผู้มีศักดิ์เป็นแม่บุญธรรม ชนวีร์ก็ได้แต่ทิ้งมือลงข้างตัวอย่างหมดแรง อยากจะรั้ง อยากจะยื้อไว้มากแค่ไหน แต่หยาดน้ำใสๆที่เอ่อคลอรอบดวงตาของคุณหญิงก็ทำให้ความตั้งใจของเขามลายหายไปเสียสิ้น

               เขาไม่ได้แพ้น้ำตาของผู้หญิง แต่เพราะผู้หญิงตรงหน้า...คือคนที่ชุบชีวิตใหม่ให้เขาในวันที่เสียพ่อกับแม่ไป ถ้าไม่มีคุณหญิงกับท่านนายพล ก็คงไม่มีชนวีร์ จิรวงศ์ในวันนี้

               นายทหารหนุ่มได้แต่นั่งนิ่งๆอยู่ที่โซฟา ซบหน้าลงกับฝ่ามือ ทุกความกล้าหาญของเขาพลันมาลายหายไปหมด ได้แต่มองคุณหญิงพาชินดนัยกลับไปที่เรือนใหญ่ โดยที่เขาไม่รู้ว่าจะทัดทานอย่างไร ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

               เขา...ไม่เคยคิดที่จะปล่อยให้ชินดนัยเดินจากไป
               แต่มันจะพอมีทางไหนที่ทำให้เราได้อยู่ด้วยกันบ้าง...


               ผู้พันชนวีร์ได้แต่แค่นยิ้มให้กับตัวเองด้วยความสมเพช เขาลืมไปได้อย่างไร ว่าชินดนัยเป็นความหวังของท่านนายพลและคุณหญิง แต่เขาก็ยังกล้า...กล้าที่จะดึงอีกฝ่ายลงมา

               “ฉัน...จะทำอย่างไรต่อไปดี”


====================



               “จริงอย่างที่แม่แกเขาพูดหรือชนวีร์?” ท่านนายพลเอ่ยถามเสียงเรียบ แต่ไม่อาจซ่อนความเคร่งเครียดที่ปรากฏบนใบหน้าได้ ดวงตาฉายแววผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด

               “ครับ ผมกับชินเรารักกัน”

               “แกกล้าพูดคำว่ารักออกมาได้ยังไง ในเมื่อแกเป็นผู้ชายเหมือนกับน้อง”

               “ทำไมครับพ่อ ทำไมผมกับน้องจะรักกันไม่ได้ ผมไม่ได้เห็นว่าชินเป็นผู้ชาย สำหรับผม...ชินคือคนสำคัญ คือคนที่ผมรัก”

               เพียะ!! ฝ่ามือหนาตวัดตบใบหน้าคร้ามให้หันไปตามแรง ถ้าถามว่าโกรธไหม ชนวีร์ตอบได้เลยว่าไม่ เขารู้ดีว่าเจ็บแค่นี้ ยังเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดใจของท่านนายพล

               “ฉันไม่ยอมรับเรื่องบ้าๆนี่เด็ดขาด แกหยุดไร้สาระได้แล้วชนวีร์”

               “ผมกับชินแค่รักกัน เราไม่ได้ทำอะไรผิด”

               “มันผิดตรงที่แกสองคนเป็นผู้ชายเหมือนกันยังไงล่ะ”

               “ถ้าเลือกได้ พ่อคิดว่าผมอยากให้ชินเกิดมาเป็นผู้ชายเหมือนกันกับผมเหรอ แต่ผมเลือกไม่ได้”

               ใครกัน...เคยบอกว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม ถ้าสวยงามจริง ทำไมความรักของเขาถึงกลายเป็นสิ่งที่ถูกรังเกียจ

               สำหรับชายชาติทหารแล้ว ท่านนายพลย่อมรู้ดีถึงความตั้งใจแน่วแน่ของชนวีร์ ถึงแม้จะสงสาร แต่ก็ไม่อาจทำใจปล่อยให้มันเป็นเหมือนเปลวไฟที่ลุกลามได้ ต้องรีบจัดการตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม ใช่ว่าหัวอกคนเป็นพ่อแม่จะไม่เจ็บปวด ยามต้องเป็นคนทำร้ายลูกตัวเอง แต่ทั้งคู่ยังต้องมีสังคมต่อไป ถ้าห่างกันไป อะไรๆอาจจะดีขึ้น

               เจ็บ...เวลาที่เห็นลูกไม่มีความสุข แต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนใจแข็ง

               ฝ่ามือที่ทำร้ายออกไป คนโดนอาจจะเจ็บกาย แต่คนทำ...เจ็บปวดไปทั้งใจ

               “ให้มันจบลงแค่นี้เถอะชนวีร์ หลังจากรู้เรื่อง แม่แกก็นอนซมไม่เป็นอันทำอะไรเลย อย่าให้ความรักของแกทำร้ายใครไปมากกว่านี้เลยนะ”

               ผู้พันชนวีร์เองก็รับรู้ นับแต่วันที่รู้เรื่องของเขากับชินดนัย คุณหญิงชลลดาก็ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อมาสองวันแล้ว เวลาที่เขาเข้าไปหาทีไร คุณหญิงก็เอาแต่พร่ำบอกเขาว่า...อย่าเห็นแก่ตัว ให้ปล่อยชินดนัยไป จนตัวเขาเองก็รู้สึกผิดไม่น้อย

               แม้จะรู้ว่าซักวันมันต้องเดินทางมาถึงจุดนี้ แต่พอเวลาจริงๆมาถึง เขากลับทำใจยอมรับมันไม่ได้ เคยคิดว่าจะดึงดันรั้งชินดนัยเอาไว้ ไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายไป แต่แค่ได้รู้ว่าผู้เป็นแม่ล้มหมอนนอนเสื่อเพราะเรื่องของเขา ชนวีร์เองก็ได้แต่รู้สึกผิด จนต้องมาเฝ้าคิดไตร่ตรองถึงสิ่งที่ทำอยู่

               ถ้าถามว่าเขารักชินดนัยมากแค่ไหน เขาตอบเลยว่ามาก เรียกว่าเป็นอีกครึ่งของกันและกัน

               ถ้าถามว่าไม่มีชินดนัยเขาจะอยู่ได้ไหม ตอบเลยว่าได้ แต่มันก็คงลำบากและทุกอย่างก็คงไม่เหมือนเดิม

               เขามองสบตาท่านนายพล ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าผู้มีศักดิ์เป็นพ่อบุญธรรมกำลังคิดอะไรอยู่ นายทหารหนุ่มถอนหายใจออกมาช้าๆ สุดท้ายแล้ว...ความรักก็ไม่ใช่คำตอบของทุกสิ่ง

               “ผมจะทำตามที่พ่อต้องการ แต่มีข้อแม้...”

               นายพลชานนท์มองหน้าชนวีร์ ลูกชายของเพื่อนรักคนนี้ ถอดแบบเพื่อนรักของเขามาทุกอย่าง กล้าเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง กล้าตัดสินใจกับทุกอย่าง เขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าชนวีร์จะต่อรองอะไรกับเขา

               “ว่ามา...”

               “ผมรักพ่อและแม่มาก ถ้าไม่มีพ่อกับแม่ คงไม่มีผมในวันนี้ พ่อและแม่เหมือนคนที่ให้ชีวิตผมอีกครั้ง ส่วนชิน...เหมือนคนที่เข้ามาเติมเต็มทุกอย่างสำหรับผม และการตัดสินใจครั้งนี้ ผมทำเพื่อพ่อแม่...และเพื่อชิน ผมขอแค่...”


====================


               หลังจากที่คุณหญิงล้มป่วยลง เรือนเล็กก็ถูกปิดตาย ชินดนัยย้ายกลับมาพักอยู่ที่เรือนใหญ่ เขารู้ว่าท่านนายพลเรียกชนวีร์เขาไปคุยด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกัน จนกระทั่งชนวีร์เดินออกมาจากห้องหนังสือ เขาถึงได้เดินตรงเข้าไปหา

               “พ่อว่ายังไงบ้าง?”

               คนถูกถามฝืนยิ้มออกมาเนือยๆ ก่อนจะไพล่ถามไปอีกเรื่องแทน

               “อาการของแม่เป็นยังไงบ้าง”

               “ก็ดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังไม่ค่อยยอมกินข้าวเหมือนเดิม”

               อาการของคุณหญิงชลลดาก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้ชินดนัยหนักใจไม่น้อย ทุกครั้งที่ได้ยินผู้เป็นแม่พร่ำโทษว่าเป็นความผิดของเธอที่ให้ความอบอุ่นชินดนัยกับชนวีร์ไม่พอ เขาก็พาลพูดอะไรไม่ออก

               ถ้าจะมีซักคนที่ผิด บางทีมันอาจจะเป็นเขา...

               “พรุ่งนี้เช้าฉันต้องเข้าไปรายงานตัวที่กรม ก่อนจะเลยไปที่ค่าย ไปค้างที่กรมด้วยกันไหม” ผู้พันเอ่ยถามเสียงเรียบๆ มองตรงมาอย่างรอคอยคำตอบ

               ถ้าเป็นเมื่อก่อน ชินดนัยคงตอบตกลงอย่างไม่ลังเล ยามที่อีกฝ่ายต้องไปประจำที่ไกลๆทีไร เขาก็มักจะไปค้างกับชนวีร์ที่บ้านพักกรมทหารเสมอ แต่ตอนนี้ สถานการณ์ต่างๆมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เขาไม่อาจจะเห็นแก่ตัว แล้วเลือกสิ่งที่หัวใจต้องการได้

               “แต่ว่าแม่...”

               “เข้าไปขออนุญาตแม่ด้วยกัน”

               ไม่รอฟังคำตอบรับจากชินดนัย คนที่อายุมากกว่าก็คว้าข้อมือเขาตรงไปที่ห้องนอนของผู้เป็นแม่ เคาะประตูสามทีเป็นจังหวะก่อนจะเปิดเข้าไปช้าๆ คนที่นอนเอนหลังอยู่บนเตียงหันมามองแขกผู้มาเยือน ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เธอไม่ได้นึกโกรธลูกชายสองคนแม้แต่น้อย แต่ยอมรับไม่ได้ ยังไงก็ยอมรับไม่ได้จริงๆ

               ชินดนัยกับชนวีร์ค่อยๆคุกเข่าลงข้างเตียง นายทหารหนุ่มก้มลงกราบผู้เป็นแม่ช้าๆ คงมีแค่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไร คุณหญิงขยับจะชักมือออก แต่ก็เปลี่ยนใจ เอื้อมไปลูบหัวชนวีร์เบาๆ เห็นกันมาแต่อ้อนแต่ออก แม้ไม่ได้เป็นผู้ให้กำเนิด แม้ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่ความผูกพันที่มากมายก็ทำให้โกรธไม่ลง ถึงได้แต่เฝ้าขอร้องลูกชายให้เห็นใจแม่บ้าง...ซักนิดก็ยังดี

               “ผมมาขออนุญาตแม่พาน้องไปค้างที่บ้านพักด้วยกันนะครับ”

               พอได้ยินความต้องการของชนวีร์ คุณหญิงก็ขยับจะอ้าปากคัดค้านทันควัน แต่ช้ากว่าชนวีร์ที่โน้มตัวไปกระซิบข้างหูผู้เป็นแม่ คนฟังเบิกตาน้อยๆก่อนจะค่อยๆหลับตาลงช้าๆ แล้วเอ่ยถามลูกชายเสียงแผ่ว

               “ตาวีร์...โกรธแม่หรือเปล่าลูก”

               “ไม่เคยแม้แต่จะคิดเลยครับ”

               “แม่ก็ไม่ได้โกรธลูกทั้งสองคน แต่จะให้ยอมรับก็คงไม่ได้ หวังว่าลูกคงเข้าใจแม่”

               “ครับ...ให้ชินไปค้างกับผมนะครับแม่”

               คุณหญิงมองหน้าชินดนัยก่อนจะเบนสายตามาที่ชนวีร์ แล้วพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะค่อยๆขยับริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม แม้จะเป็นรอยยิ้มที่เจือด้วยความทุกข์ แต่ก็นับว่าเป็นรอยยิ้มแรกนับตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้น

               “ดูแลตัวเองดีๆนะตาวีร์ แม่...รักลูกนะ...” ท้ายประโยคเหมือนจะเจือเสียงสะอื้น ก่อนผู้พูดจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

               ชนวีร์ยิ้มรับ เขาคว้าเอามือแม่มาจับเอาไว้ ก่อนจะกดจูบลงเบาๆ แล้วค่อยๆก้มกราบซ้ำอีกครั้ง มีเพียงชินดนัยที่นั่งคุกเข่าดูอยู่ข้างๆโดยไม่เข้าใจอะไร

               “ผมก็รักแม่เหมือนกันครับ...”


====================
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 3 :: 02.06.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 02-06-2013 22:17:12

               หลังจากที่ผู้เป็นแม่เอ่ยปากอนุญาตแล้ว ชนวีร์ก็พาชินดนัยเดินออกมาที่รถ ชินดนัยมองอีกคนอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไป จนกระทั่งเคลื่อนรถออกมาจากรั้วบ้านเรียบร้อยแล้ว เขาถึงได้เอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจออกไป

               “พี่กระซิบบอกแม่ว่าอะไร ทำไมแม่ถึงได้ยอม”

               “ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่บอกว่า...ยังไงก็จะพานายมาคืนแน่ๆ”

               ชินดนัยไม่ใช่คนโง่ เพียงแต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยากบอก เขาก็คร้านที่จะเซ้าซี้ เดี๋ยวค่อยหาจังหวะเหมาะๆถามเอาก็คงไม่เสียหาย เขาทอดสายตามองสองข้างทาง ก่อนจะชะงักนิดๆ เมื่อคนข้างตัวถือโอกาสเอื้อมมือมากุมมือเขาเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนหรือชักมือออก

               ฝ่ามือหยาบกร้านที่กำลังกุมมือของเขาอยู่ บอกให้รู้ว่ามือคู่นี้ที่จับอาวุธเพื่อประเทศชาติมานักต่อนัก และมือคู่เดียวกันนี้เอง ที่คอยให้ความอบอุ่นกับเขาเสมอมา

               “พี่ไม่ตรงกลับบ้านเลยหรือไง” ชินดนัยหันมาเอ่ยถามคนขับรถอย่างสงสัย เมื่ออีกฝ่ายเลี้ยวรถเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างทางไปที่กรม

               คนถูกถามหันหน้ามายิ้มให้ แม้จะเป็นรอยยิ้มที่คุ้นเคย แต่วันนี้มันกลับให้ความรู้สึกไม่เหมือนเคย

               “แวะซื้อของไปทำกินกัน”

               ชินดนัยพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะเดินตามเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ต นายทหารหนุ่มที่วันนี้แต่งกายด้วยชุดลำลองสบายๆเป็นฝ่ายไปเข็นรถมา ปล่อยให้ชินดนัยยืนรออยู่ตรงทางเข้า

               “พี่อยากกินอะไร”

               “แล้วแต่นายเลย วันนี้ฉันตามใจนาย”

               “พูดอย่างกับว่าปกติไม่ได้ตามใจผมเลย”

               “ก็ตามใจไง แต่วันนี้จะตามใจมากกว่าปกติ”

               ชินดนัยส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงไปตรงโซนของสด นึกอะไรออกก็คว้าหยิบลงมาใส่รถเข็น คนข้างตัวเข็นรถให้อยู่ไม่นานก็เอ่ยขอตัวเดินแยกไป ทิ้งให้ชินดนัยเข็นรถเข็นตามลำพัง

               ความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้ทำอาหารเก่งกาจอะไรเท่าไหร่ แต่เพราะความที่ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนเป็นเวลาเกือบสิบปี สถานการณ์รอบข้างมันบีบบังคับให้ต้องหัดทำอะไรทุกอย่าง ถ้าไม่ฝึก ไม่เรียนรู้ที่จะอยู่ให้ได้ก็คงอดตาย

               แรกๆที่ไปอยู่ต่างแดนก็เรียกว่าลำบากพอตัวเลย ต่างบ้าน ต่างภาษา ทุกสิ่งทุกอย่างต่างจากที่เมืองไทยหมด ต้องปรับตัวและเรียนรู้กันใหม่ แรกๆมันอาจจะยากลำบาก แต่นานๆไปก็ค่อยๆชิน จนสุดท้ายก็ปรับตัวและยอมรับได้ในที่สุด

               จำได้เลยว่าช่วงแรกที่ต้องไปอยู่ที่อังกฤษใหม่ๆ เขาต้องปรับเปลี่ยนตัวเองขนานใหญ่ เพราะไม่มีพี่ชายที่คอยตามดูแลอยู่เรื่อยๆแล้ว ต้องหัดทำอะไรเองทุกสิ่งทุกอย่าง จนกระทั่งเข้าที่เข้าทางและนึกภาคภูมิใจว่าถึงไม่มีพี่ชาย เขาก็ทำอะไรเป็นได้เหมือนกัน ก่อนจะรู้ว่าแท้จริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น ก็วันที่นายทหารหนุ่มผู้เป็นพี่ชายซึ่งมาราชการที่ต่างประเทศมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า

               ที่เคยคิดว่าอยู่คนเดียวได้ ความรู้สึกทุกอย่างมันพังทลายเพียงแค่ได้เห็นหน้าอีกคน เขาจำได้ว่าท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมา เขากลับรู้สึกอบอุ่นทันทีที่ได้โผเข้าสู่อ้อมกอดของอีกฝ่าย เรียกชื่ออีกคนซ้ำไปซ้ำมา ก่อนจะตระหนักแก่ใจตัวเองว่า...ความรู้สึกเมื่อถูกเติมเต็มมันเป็นเช่นไร ก็ในตอนที่อีกคนกอดเขาเอาไว้แน่นๆ

               “เหม่ออะไร?...” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ก่อนมือจะวางลงบนไหล่อย่างเป็นห่วง

               ชินดนัยเอี้ยวตัวไปมองคนที่เดินกลับมา ส่ายหน้าช้า ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้า เมื่อได้เห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ในมืออีกคน

               “นึกครึ้มอะไรถึงอยากดื่มไวน์ขึ้นมา”

               “นานๆทีน่า คืนนี้ดื่มด้วยกันหน่อยนะ”

               ชินดนัยสั่นหัวเบาๆ ก่อนคว้าเอาขวดไวน์มาใส่ในรถเข็น แล้วผลักรถกลับไปให้อีกคนเข็นแทน ส่วนตัวเขาก็เดินไปเลือกซื้อวัตถุดิบสำหรับทำอาหารคืนนี้


====================


               ทันทีที่รถจอดลงหน้าบ้านพักหลังเล็ก ชินดนัยกับชนวีร์ก็ช่วยกันลำเลียงของที่ซื้อมาลงจากรถ พอเรียบร้อยแล้วก็เตรียมเข้าครัวทำอาหารสำหรับมื้อเย็น

               “เดี๋ยวผมทำเองดีกว่า พี่ไปเตรียมของให้เรียบร้อยเถอะ พรุ่งนี้ต้องเข้าไปรายงานตัวไม่ใช่เหรอ”

               “โอเค เดี๋ยวฉันจัดการอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วจะรีบมาช่วย”

               ชินดนัยมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินหายออกไป เขารู้สึกว่าชนวีร์เหมือนมีอะไรอยู่ในใจ แต่ไม่ได้เอ่ยถามออกไป เพราะรู้ดีว่าเรื่องที่อีกฝ่ายกำลังกังวลคงไม่พ้นเรื่องของเขา เขายังไม่รู้เลยว่า หลังจากพ่อกับแม่ประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่ยอมรับแล้ว เรื่องราวหลังจากนี้มันจะเป็นยังไงต่อไป ชินดนัยได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปก้มหน้าก้มตาทำอาหาร

               เขาเลือกที่จะเตรียมอาหารเพียงบางส่วนที่ต้องใช้เวลาทำนาน ส่วนอาหารที่ใช้เวลาทำไม่ยุ่งยากก็แค่เตรียมเครื่องปรุงเอาไว้ เสร็จแล้วก็เดินออกมานั่งข้างๆคนที่กำลังทำความสะอาดปืนอยู่

               “พี่รู้ว่าตัวเองชอบผมตั้งแต่เมื่อไหร่?”

               คำถามที่ดังจากคนข้างตัวทำเอาคนที่กำลังง่วนอยู่กับปืนชะงักเล็กน้อย เขาปรายตามองชินดนัย แวบหนึ่งที่ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มเอ็นดูขึ้นมาจางๆ ฝ่ามือเอื้อมไปโอบรั้งอีกฝ่ายเข้ามาใกล้

               ขอแค่ตอนนี้ แค่เวลานี้...เวลาที่มีแค่เรา เวลาที่เป็นของเราแค่นั้น

               “วันที่ฉันกลับมาบ้านเพื่อจะบอกนายว่าฉันได้เลื่อนยศแล้ว แต่ฉันกลับต้องเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่า ตอนที่แม่บอกว่าส่งนายไปอยู่โรงเรียนประจำที่อังกฤษ คงเป็นตอนนั้นล่ะมั้ง ที่ฉันรู้สึกว่าอะไรหลายอย่างมันขาดหายไป แล้วฉันก็ได้รู้ว่า...นายสำคัญสำหรับฉันมากแค่ไหน”

               เวลาที่อยู่ด้วยกันมันเนิ่นนานจนรู้สึกผูกพัน แม้จะไม่ใช่พี่น้องโดยสายเลือด แต่คุณหญิงกับท่านนายพลก็ไม่เคยทำให้ชนวีร์รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนอื่น และเพราะความรักที่คุณหญิงกับท่านนายพลมีให้ เขาถึงได้เลือกทางออกที่ท่านทั้งสองจะได้ไม่ต้องเสียใจ ถ้าจะห่วง...เขาก็ห่วงแต่ชินดนัย

               “ผมรู้ว่าไม่ได้อยากมีพี่ชาย ก็ตอนที่พี่มาหาผมที่ทันบริดจ์”

               คำสารภาพที่หลุดออกจากปากกันและกัน ทำเอาต่างคนได้แต่สะท้อนอยู่ในอก ในเมื่อเราต่างใจตรงกันและรู้สึกเหมือนกันมาตลอด ทำไมเราถึงรักกันไม่ได้

               “ตลอดเวลาที่นายอยู่ต่างประเทศ ฉันเองก็ต้องพยายามหาโอกาสไปราชการต่างประเทศอยู่บ่อยๆ เพียงเพื่อให้เราได้มีโอกาสพบกัน อยู่ด้วยกัน แม้จะเป็นเวลาแค่ไม่กี่วัน”

               “ผมรู้...”

               ชนวีร์วางปืนกระบอกเล็กลงกับโต๊ะ ก่อนจะรั้งชินดนัยเข้ามาในอ้อมกอด โอบกอดอีกคนเอาไว้หลวมๆ แค่ตอนนี้ที่มีเพียงเรา ขอให้เขาได้เป็นตัวของตัวเอง ได้ทำอย่างใจต้องการ นึกอยากจะเอ่ยอะไรออกไป แต่ก็ต้องหักห้ามใจ เพื่อไม่ให้เสียความตั้งใจเดิม

               “ไปเตรียมอาหารต่อเถอะ เดี๋ยวฉันเก็บของเรียบร้อยแล้วจะไปช่วย”

               ชินดนัยพยักหน้ารับช้าๆ มองคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บปืนนิ่งนาน ก่อนจะค่อยๆหันหลังจากมา แม้จะเป็นอ้อมกอดเดิมที่โอบกอดเขา แต่เขากลับรู้สึกถึงความตึงเครียดของเจ้าของอ้อมกอด

               ...ชนวีร์...พี่กำลังคิดอะไรอยู่?


====================


               อาหารที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วถูกลำเลียงมาวางที่โต๊ะกินข้าวทีละอย่างจนครบ ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตากินอาหาร นายทหารหนุ่มหยิบเอาบรูสเก็ตต้าหน้าลาบหมูมาวางใส่จานตนเอง นึกชื่นชมความช่างคิดของคนทำอาหาร บรูสเก็ตต้าเป็นอาหารจานโปรดของชินดนัย แต่คนทำคงรู้ดีว่าเขาไม่ชอบอาหารฝรั่งเท่าไหร่ ถึงได้ประยุกต์ออกมา แทนที่จะเป็นหน้ามะเขือเทศแบบอิตาเลียน ก็ทำเป็นหน้าลาบหมูแบบไทยๆ ออกมากลายเป็นอะไรที่ลงตัว ถูกปากทั้งเขาและชินดนัยไม่ต่างกัน

               “ชิน...กินผักเข้าไปบ้าง เลิกเขี่ยทิ้งซะที” นายทหารหนุ่มเอ็ดน้องชายที่โตแล้ว แต่ยังเขี่ยผักในจานไปมาเหมือนเด็กๆ

               “ก็ผมไม่ชอบนี่นา...”

               “นายนี่นะ...ไม่เคยเปลี่ยนเลย ตอนเด็กๆไม่ยอมกินผักยังไง โตมาก็ยังเป็นอย่างนั้น” ชนวีร์บ่น ก่อนจะโกยผักที่ชินดนัยเขี่ยไว้ตรงขอบจานมาไว้ที่จานตัวเองจนหมด

               “ผมรู้ว่าพี่ชอบกิน ผมเลยใส่”

               ชินดนัยไม่ได้พูดแก้ตัวเพื่อที่จะได้ไม่ต้องกิน แต่เขารู้ว่าชนวีร์ชอบจริงๆ ถ้าทำอาหารแล้วมีแต่เนื้อสัตว์ รับรองเลยว่าชนวีร์จะต้องบ่นเขาอีกเหมือนกันแน่ๆ เขาเลยแก้ปัญหาด้วยการใส่ผัก แล้วปัดให้อีกคนรับผิดชอบไปซะ...เหมือนที่เคยเป็นมาตลอด

               “นายก็เป็นซะแบบนี้ ฉันถึงเลิกห่วงนายไม่ได้ซะที”

               คนได้ยินถึงกับชะงัก ค่อยๆวางช้อนส้อมลงกับจาน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนพูดเต็มตา

               “อย่า...อย่าพูดเหมือนกับว่าจะไม่ห่วงผมอีกแล้วได้ไหม”

               ไม่ได้อยู่ด้วยกันยังพอทนไหว แต่พูดเหมือนจะไม่สนใจกัน...มันเจ็บที่หัวใจจริงๆ

               “ฉันไม่มีวันที่จะเลิกห่วงนายได้หรอก”

               ผู้พันใช้มือข้างซ้ายกุมมือชินดนัยเอาไว้ ส่วนมือข้างขวาค่อยๆยื่นไปเกลี่ยหยดน้ำใสที่ไหลออกมาโดยเจ้าของไม่ทันรู้ตัว

               “กินข้าวต่อเถอะ”

               ชินดนัยพยักหน้ารับ ก่อนจะก้มหน้าลงกินข้าวต่อ แม้จะรู้สึกฝืดคอ กินอะไรไม่ค่อยลงแล้วก็ตาม เขาเขี่ยกับข้าวในจานไปมา ตักข้าวปากได้อีกแค่สองสามคำก็ต้องยอมแพ้ ทำท่าจะรวบช้อนส้อมเข้าหากัน ถ้าไม่มีเสียงดุๆดังขึ้นมาเสียก่อน

               “อิ่มแล้วเหรอ”

               “ผมกินไม่ลงแล้ว”

               “กินเข้าไปอีกหน่อย นายกินไปแค่นิดเดียวเองนะ”

               “แต่ผม...”

               “ฉันเป็นห่วง”

               แค่ประโยคง่ายๆที่หลุดออกจากปากมา ก็ทำให้ชินดนัยยอมตักข้าวใส่ปากอย่างว่าง่าย ชนวีร์คลี่ยิ้มออกมาบางๆ แต่ในแววตายังคงมีความกังวลฉายอยู่ เขาตัดสินใจไปแล้ว และหันหลังกลับไม่ได้แล้ว มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไป

               “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น รู้ไว้ว่าฉันเป็นห่วงนายเสมอ”


====================


               ชินดนัยจัดการเก็บโต๊ะอาหารจนเรียบร้อย ก่อนจะหยิบผ้ามาทำความสะอาด ส่วนเจ้าของบ้านคว้าเอาขวดไวน์พร้อมกับแก้วสองใบเดินลิ่วไปที่โซฟา พอเห็นชินดนัยเก็บของเสร็จแล้ว นายทหารหนุ่มก็ตบที่นั่งข้างตัวปุๆ

               “พี่ทำตัวเหมือนป๋าเลยนะ” คนถูกเรียกอดค่อนไม่ได้ แต่ก็ยอมเดินมานั่งแต่โดยดี

               ผู้พันหนุ่มหัวเราะเสียงแผ่วๆ ก่อนจะเลื่อนแก้วไวน์อีกแก้วส่งให้ชินดนัยที่รับไปถือเอาไว้ แต่ยังไม่ยอมยกขึ้นจิบ

               “นึกครึ้มอะไรถึงได้ชวนผมดื่มไวน์”

               “เปล่า ฉันกับนายไม่ได้ดื่มด้วยกันมานานแล้วนี่นา”

               ชินดนัยหมุนแก้วไวน์ในมือไปมา เขาค่อยๆเอนหัวลงพิงบ่าอีกฝ่าย ไม่รู้อะไรดลใจทำให้เขาเอ่ยบางสิ่งบางอย่างออกมา

               “พี่ว่า...ถ้าเราหนีไปด้วยกัน ทุกอย่างมันจะง่ายขึ้นมาไหม”

               ฝ่ามือหนาเอื้อมมาประคองใบหน้าชินดนัยเอาไว้ ดวงตาสองคู่มองสบกันนิ่งนาน

               “ชินดนัยที่ฉันรักไม่ใช่คนแบบนั้น...”

               สุดท้ายก็เป็นชินดนัยที่เป็นฝ่ายเบือนหน้าหนี เขายกแก้วไวน์ขึ้นจรดริมฝีปาก ค่อยๆจิบไวน์แดงในแก้วช้าๆ รสฝาดเฝื่อนของไวน์ราคาแพงยังไม่อาจสู้ความรู้สึกฝาดในใจ

               “ถ้าผมเป็นแค่ชินดนัย และพี่เป็นแค่พี่...ทุกอย่างจะดีแค่ไหนกัน”

               มันจะดีแค่ไหนกัน ถ้าเราไม่ต้องแบกรับความหวังของบุพการี ไม่ต้องแบกรับชื่อเสียงวงศ์ตระกูล และฐานะทางสังคม ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นเพียงแค่หัวโขน แต่ถึงอย่างไร...เขาก็ไม่อาจสลัดหรือวิ่งหนีหัวโขนเหล่านี้ได้เลย

               “อย่าพูดถึงมันเลย คืนนี้มีแค่ฉันกับนาย ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังเถอะ”

               ชินดนัยอยากจะเอ่ยถามกลับไปว่า...แล้วพรุ่งนี้ล่ะ พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร แต่ช่างมันเถอะ ในเมื่อตอนนี้มีแค่เขากับชนวีร์ ก็คงจะไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านี้แล้ว พรุ่งนี้ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของพรุ่งนี้ ขอแค่วินาทีนี้ที่เรายังมีกันและกัน

               “ผมไม่อยากอยู่กับพี่แค่คืนนี้ ผมอยากอยู่กับพี่ตลอดไป...” ชินดนัยพึมพำเบาๆ ก่อนทุกคำพูดจะถูกกลืนหายลงไปในลำคอ เมื่อริมฝีปากหยักทาบทับลงมา

               รสของไวน์ยังหวานซ่านอยู่ที่ปลายลิ้น เคยได้ยินคนบอกว่า ไวน์จะอร่อยที่สุด ยามเมื่อจิบจากปาก เขาไม่เคยเชื่อเลย จนกระทั่งตอนนี้...ที่อีกคนกำลังเพียรป้อนไวน์เขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนไม่รู้ว่าเขากำลังมัวเมาไปกับรสไวน์หรือรสจูบกันแน่

               แก้วไวน์ที่ว่างเปล่ากลิ้งอยู่ที่พื้นโดยไม่ได้รับความสนใจไยดี มีเพียงเสียงหอบหายใจหนักๆ กับสัมผัสที่เฝ้าปรนเปรอกันและกัน อ้อมกอดที่กระชับแน่น เมื่อทุกอย่างทำท่าจะเลยเถิดไปไกล ผู้พันชนวีร์ก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้แล้วผละออกมาช้าๆ เรียกเสียงครางอย่างขัดใจให้ดังมาจากคนใต้ร่าง เขายิ้มน้อยๆเป็นเชิงปลอบประโลมก่อนจะดึงอีกคนให้ลุกตามขึ้นมา

               “ไปที่ห้องกันเถอะ...”

               ไม่ต้องให้บอกซ้ำ ชินดนัยก็ลุกตามไปแต่โดยดี ก้าวขาเข้ามาในห้องนอนไม่ทันไร พันธนาการทุกอย่างก็ถูกปลดเปลื้องทิ้งไปด้วยความรวดเร็ว จนชนวีร์ต้องปรามคนใจร้อนเสียงกลั้วหัวเราะ

               “ใจเย็นหน่อย...”

               แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาจากข้างนอก สาดกระทบร่างสองร่าง ตอกย้ำให้ตระหนักถึงความจริงว่าเราเหมือนกันมากแค่ไหน เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน และเราต่างก็มีหัวใจรักเหมือนกัน...

               สองมือไขว่คว้าหาอ้อมกอด อยากหยุดเวลานี้ไว้นานเท่านาน ได้ยินเสียงห้าวกระซิบเข้าหูเป็นพักๆ แต่ชินดนัยไม่คิดที่สนใจอะไร ในเมื่อเวลานี้มีกันและกัน เขาก็อยากจะเก็บเกี่ยวมันไว้ให้นานเท่านาน

               “...จะไม่มีใครมาแทนที่นาย”

               ร่างกายที่เปลือยเปล่าเบียดเข้าหากันแนบชิด ทุกสัมผัสทำให้วาบหวามและสั่นไหว ปลุกเร้าอารมณ์จนแทบจะโหมกระพือเป็นไฟ พร่ำกระซิบบอกคำรักซ้ำไปซ้ำมา กอดตระกองกันไว้ราวกับจะไม่ยอมให้มีอะไรมาพรากเราจากกัน

               ...ในเมื่อเรารักกันมากขนาดนี้ เหตุใดถึงไม่ยอมให้เรารักกัน...

               ความรู้สึกอัดอั้นที่อยู่ภายใน ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นบทรักที่เร่าร้อน โหมกระหน่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปล่อยตัวปล่อยใจให้ร่างกายเราคุยกัน บอกรักซ้ำๆ ให้คำรักมันดังก้องกังวานไปมา กว่าจะได้ผ่อนกายลงนอนเคียงข้างกันและกันก็ย่างเข้าเช้าวันใหม่ ริมฝีปากร้อนผ่าวกดจูบลงเบาๆที่ขมับชื้นเหงื่อ กระชับอ้อมกอดแน่น โอบรั้งอีกร่างเข้ามาชิดใกล้ ก่อนจะค่อยๆผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน


====================


               แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ปลุกคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงให้ค่อยๆขยับหนี ก่อนจะต้องกระตุกไปทั้งร่าง เมื่อควานมือไปแล้วพบเพียงความว่างเปล่าข้างกาย ชินดนัยถลันตัวลุกพรวดขึ้นมา หยีตาสู้แสงแดด แล้วค่อยๆเปิดเปลือกตาช้าๆ เพียงเพื่อจะพบกับความว่างเปล่ารอบกาย

               ลางสังหรณ์บางอย่างแล่นวาบเข้ามาในใจ ก่อนจะค่อยๆสะบัดผ้าห่มที่คลุมตัวออก คว้ากางเกงมาสวม แล้วเดินลงมาจากห้องนอน บ้านทั้งหลังเงียบกริบ ราวกับว่ามีเขาเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงอย่างเดียวที่อาศัยอยู่

               ไม่ว่ากี่ครั้งที่เขามานอนค้างด้วยกัน กี่หนที่อีกคนต้องจากไปไกล ชนวีร์จะรอให้เขาตื่นไปส่ง แล้วออกไปพร้อมกันเสมอ ไม่เคยเลยที่จะปล่อยให้เขาตื่นมาตามลำพัง นี่มันเป็นเรื่องผิดปกติชัดๆ ทันทีที่ท้าวแตะบันไดขั้นสุดท้าย สายตาก็ตวัดไปเห็นกระดาษแผ่นเล็กๆวางอยู่บนโต๊ะ เขากวาดสายตาอ่านทวนซ้ำไปซ้ำมา ก่อนจะปล่อยให้น้ำใสๆค่อยรินไหลออกมาจากดวงตา เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา...

               “ทำไม...ทำไมกัน?...”

               ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนราวกับฝันดีที่จางหายไป สิ่งเดียวที่ตอกย้ำว่ามันคือเรื่องจริง คงมีเพียงร่องรอยบนตัวของเขา แต่อีกไม่นานรอยราวนี้ก็คงจะจางหายไป แต่ความเจ็บปวดในใจของเขาล่ะ...เมื่อไหร่กันมันถึงจะจางหาย

               “ทำไมถึงไปโดยไม่ลา...”

               แค่ประโยคเดียวที่เขียนบนกระดาษ ประโยคสั้นๆง่ายๆที่ไม่ต้องตีความอะไรให้ยาก ลายมืดหวัดๆที่ถึงแม้จะเห็นไม่บ่อย แต่ก็จำได้ขึ้นใจ



               ...ไม่มีฉันแล้ว ดูแลตัวเองให้ดีนะ...



               “ถึงแม้ผมจะดูแลตัวเองได้ แต่พี่ก็ไม่มีสิทธิ์ทิ้งผมไปแบบนี้...กลับมาได้ไหม...”

               คำอ้อนวอนที่ต่อให้ดังแค่ไหน คงไม่มีทางไปถึงอีกคน


TO BE CONTINUE




# เป็นตอนที่เขียนแล้วอึดอัดแบบแปลกๆ ตอนหน้าก็น่าจะยังคงหน่วงต่อไป
# เขียนเอง น้ำตาจะไหลเอง รีบเอามาลง เลยยังไม่ได้เกลาเท่าไหร่
# บางทีแค่รักกันมันก็ไม่พอเนอะ ไม่มีอะไรที่ง่ายไปหมด...
# ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 3 :: 02.06.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 02-06-2013 22:24:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 3 :: 02.06.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 02-06-2013 22:42:25
ไปไหนนน กลับมาหาชินน่ะะะ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 3 :: 02.06.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 02-06-2013 22:56:16
 :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 3 :: 02.06.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 02-06-2013 22:58:55
เฮ้อออออออออ ตูว่าแล้ว กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด อยากบอกว่า เกลียดดราม่า จริงๆๆ ให้ตายเถอะ  :m15:  :sad4:  :o12:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 3 :: 02.06.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 02-06-2013 23:46:53
แค่คำว่ารักไม่พอหรอ แค่คำว่ากันและกันไม่พอหรอ ต้องมีคำว่าความเหมาะสมด้วยใช่มั้ย :katai1: :hao5:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 3 :: 02.06.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 03-06-2013 00:02:05
ชลวีร์ไปไหน  สงสารวีร์กับชิน แล้วชินจะเป็นยังไงกันนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 3 :: 02.06.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 03-06-2013 00:57:14
ไม่มีอะไรจะพูดจริงๆค่ะสำหรับตอนนี้
เข้าใจทุกฝ่าย  แต่ยังไงก็ทนไม่ไหวอยู่ดี
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 3 :: 02.06.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Windyne ที่ 03-06-2013 03:27:40
สงสารผู้พันกะชิน
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 3 :: 02.06.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 03-06-2013 05:58:21
ทำเอาน้ำตาซึมอีกแล้ว
ขออย่าให้พี่วีเลือกเอาชีวิตไปเสี่ยง วันนึงพ่อกับแม่อาจจะใจอ่อน พี่วีร์ต้องรอวันนั้นแล้วกลับมานะ
อย่าทำร้ายตัวเองนะพี่วีร์
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 3 :: 02.06.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: bobie ที่ 03-06-2013 08:14:33
หน่วงมากๆ
สงสารทั้งคู่เลยย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 3 :: 02.06.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 03-06-2013 12:42:06
เศร้าจัง  :mew6:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 3 :: 02.06.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 03-06-2013 17:41:33
ว่าแล้ว...ทำใจให้ตื่นขึ้นมาลาไม่ได้...........

รอยจูบที่ฝากไว้ ยังตรึงในความทรงจำ

แต่ทำไมมันต้องดราม่า??? ไม่เข้าใจๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กรี๊ด!! น้ำตาร่วงอ่ะ ไม่ชอบเลย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 3 :: 02.06.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 03-06-2013 18:13:36
ตอนนี้รู้สึกหน่วงและเศร้ามากมาย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 3 :: 02.06.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 03-06-2013 21:03:52
เศร้าจัง  :monkeysad:งสารทั้งคู่
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 3 :: 02.06.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 04-06-2013 08:21:43
แงๆๆๆๆๆๆ T^T

เดี๋ยวไปตามผู้พันกลับมาให้ค่ะน้องชิน !!!
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 3 :: 02.06.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 04-06-2013 09:03:13
พี่วีร์ไปไหนอ่ะ

เศร้าใจจริงๆ ที่พ่อแม่ไม่ยอมรับความรักของทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 3 :: 02.06.2013」หน้าที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 04-06-2013 19:49:12
เศร้าอ่ะ :z3:
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 4 :: 10.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 10-06-2013 11:05:32
มากกว่ารัก

ตอนที่ 4



          นายทหารหนุ่มยืนมองจนรถของชินดนัยแล่นพ้นเขตกรมทหารแล้ว จึงเดินออกมาจากมุมหลังบ้านที่ยืนซ่อนตัวอยู่นาน ดวงตาคมปรากฏแววเคร่งเครียดผิดวิสัย เขาเห็นทุกอย่าง เห็นทุกเหตุการณ์ เห็นแม้กระทั่งว่าชินดนัยต้องเจ็บปวดจากการกระทำของเขา แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง...ก็เพื่อเราสองคน

          ทุกบทสนทนา ทุกถ้อยคำระหว่างเขากับท่านนายพลที่ห้องหนังสือยังคงแจ่มชัด ข้อเสนอของท่านนายพลที่หยิบยื่นมาและข้อต่อรองของเขาที่ตอบกลับไป

          ‘ผมอยากรู้เพียงอย่างเดียว...’

          ‘ว่ามา...’

          ‘ระหว่างชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลกับชิน...พ่อรักอะไรมากกว่า?’

          ท่านนายพลหวิดจะเดือดดาลด้วยคำถามที่หลุดออกมาจากปากของลูกชายบุญธรรม แต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์ คิดทบทวนคำถามของชนวีร์ก่อนจะไตร่ตรองคำถามช้าๆ แล้วเอ่ยตอบกลับไปอย่างหนักแน่น

          ‘พ่อก็ต้องรักชินมากกว่าน่ะสิ’

          ชนวีร์เหยียดริมฝีปากออกเป็นรอยยิ้มร้ายกาจ อย่างที่ท่านนายพลนึกเอาเองว่าเหมือนกับเพื่อนสนิทของเขาที่ล่วงลับไปแล้วราวกับถอดแบบกันมา รอยยิ้มอย่างคนที่มีแผนการสมกับที่มันเป็นตัวเต็งตำแหน่งด้านเสนาธิการของกรมทหาร แต่คงจะดีกว่านี้ ถ้าคนที่มันกำลังยิ้มให้ไม่ใช่เขา

          ‘ถ้าพ่อรักชิน พ่อก็ต้องอยากเห็นชินมีความสุข’

          ‘แกจะบอกพ่อว่า...ความสุขของชินคือแก?’

          ‘นั่นเป็นคำถามที่พ่อต้องถามชินเอง แต่ถ้าพ่อถามผม ผมก็จะตอบพ่อว่า...ความสุขของชินไม่ใช่ผม แต่ผม...จะทำให้ชินมีความสุข’

          ท่านนายพลนึกชื่นชมความสุขุมของลูกชายบุญธรรม ท่าทางแบบนี้เหมือนกับเวลาที่มันรายงานตัวต่อผู้บังคับบัญชา สุขุมรอบคอบและเด็ดเดี่ยว ถ้าหากชินดนัยเป็นลูกสาวของเขา...ทุกอย่างคงง่ายกว่านี้ เขาคงพร้อมจะยกชินดนัยให้ชนวีร์ดูแลอย่างไม่ลังเล แต่ในเมื่อต่างคนต่างเป็นผู้ชายเหมือนกัน เรื่องมันจึงไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด

          ‘แกมีหลักประกันอะไร?’

          ‘ผมรู้ว่าพ่ออยากจะจับผมแยกจากชิน ผมยอม นานเท่าที่พ่อต้องการ หนึ่ง สอง หรือสามปี สุดแท้แต่พ่อเลย แต่ถ้าทุกอย่างยังเหมือนเดิม ถ้าความรู้สึกของผมกับชินยังมั่นคงต่อกัน พ่อต้องยอมรับและเลิกขัดขวางเรา พ่อยอมหรือเปล่า?’

          ท่านนายพลไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ ระยะเวลาที่ห่างกันคงจะเป็นบทพิสูจน์ที่ยิ่งใหญ่ ก็ต้องดูกันว่าใครจะเพลี่ยงพล้ำก่อนกัน ถ้าจะยอมให้ชินดนัยกับชนวีร์ได้รักกัน มันก็ต้องมีบทพิสูจน์ให้ได้ตระหนักว่าความรักระหว่างผู้ชายด้วยกันมันไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้ารับไหวก็ไปต่อ แต่ถ้าไม่...เขาก็จะขัดขวางให้สุดกำลัง

          ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่อยากเห็นลูกมีความสุข แต่พ่อแม่ทุกคนล้วนอยากจะแน่ใจเสียก่อนว่า...ลูกจะมีความสุขจริงๆ

          ‘ได้ พ่อยอม’

          ‘ลูกผู้ชายพูดแล้วห้ามคืนคำนะครับ’

          ‘สามปี ห้ามติดต่อ ห้ามเจอกัน ห้ามให้ชินรู้ว่าแกอยู่ไหน ถ้าผิดจากนี้เมื่อไหร่ ถือว่าข้อตกลงระหว่างเรายกเลิกทันที’

          เป็นข้อตกลงที่ทำเอาคนฟังถึงกับชะงัก เขาครุ่นคิดอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าออกมาช้าๆ สามปีเพื่อแลกกับการยอมรับตลอดไป

          ‘ระหว่างสามปี ห้ามชินรู้ข้อตกลงนี้เด็ดขาด’

          ชนวีร์แค่นยิ้มออกมา เมื่อนึกถึงข้อตกลงระหว่างเขากับท่านนายพล เขามั่นใจว่าตัวเองจะเหมือนเดิม เขาเดิมพันความเชื่อใจทั้งหมดลงไป

          ...สามปีไม่นานเลย เพื่อแลกกับการที่เราจะมีกันตลอดไป...

          “พร้อมออกเดินทางหรือยังครับผู้พัน” เสียงของผู้กองติสรณ์ดังมาจากข้างๆ

          ชนวีร์หันหน้ากลับไปหาคนที่มารับเขา ผู้กองติสรณ์ยืนอยู่ข้างรถจี๊ปที่เตรียมพาเขาไปส่งที่จุดหมายปลายทาง เขากระตุกยิ้มนิดๆก่อนจะแบมือออกไปตรงหน้าอีกฝ่าย

          “ขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิผู้กอง”

          “ของผู้พันล่ะครับ”

          “ผู้บังคับบัญชาเขาสั่งระงับสัญญาณของผมไปแล้ว”

          ผู้กองติสรณ์ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ เอาเข้าจริงๆแล้ว เขาเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นมายังไง ท่านนายพลถึงได้มีแต่คำสั่งลงมาสายฟ้าแล่บให้เขามารับผู้พัน แต่ในเมื่อเขาเป็นผู้น้อย ก็มีหน้าที่ต้องทำตามคำสั่งของผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียว ไม่มีสิทธิ์ถามเรื่องของเจ้านาย แม้ว่าจะสงสัยมากเพียงใดก็ตาม

          ชนวีร์รับโทรศัพท์มาจากผู้กองติสรณ์แล้วก็กดหมายเลขสิบตัว ก่อนจะเดินเลี่ยงไปมุมหนึ่ง แต่ไม่ไกลจากสายตาของผู้กองติสรณ์เท่าไหร่นัก เขารอสายอยู่ซักพัก ปลายทางก็กดรับสาย

          “ธรณ์ นี่ฉันเองนะ...”


====================


          ธรณ์นั่งหน้าเคร่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ตรงหน้าคือเอกสารกองใหญ่ เขากวาดสายตาผ่านหนังสืองบประมาณ มือไล่ผ่านทีละบรรทัดช้าๆ ข้างๆกันคือเขตแดนที่กำลังนั่งทำงานอยู่ เมื่อไหร่กัน...ที่เขาย้ายมาทำงานอยู่ห้องเดียวกับเขตแดน น่าจะเป็นหลังกลับจากนิวยอร์กซักสองอาทิตย์ แล้วเจ้าของห้องก็ถือวิสาสะสั่งย้ายข้าวของเขามาล่ะมั้ง ธรณ์คิดเพลินๆก่อนจะต้องสะดุ้ง เมื่อโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างตัวสั่นครืดคราดจนต้องรีบคว้าโทรศัพท์มาดู พอเห็นว่าเป็นหมายเลขไม่คุ้นก็ขมวดคิ้วนิดๆ แล้วกดรับสายไป

          (ธรณ์ นี่ฉันเองนะ...)

          เขายังไม่ทันได้ขานรับ ปลายสายก็ชิงเอ่ยมาก่อน ธรณ์ค่อยๆนึกว่า ‘ฉัน’ น่ะคือใคร ก่อนจะยิ่งขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

          “ผู้พัน...”

          (ฉันคงไม่ได้อยู่ดูแลชินแล้ว ฝากดูแลชินด้วยนะ...)

          “ดะ...เดี๋ยวก่อน ผู้พัน...” ธรณ์ร้องออกมาเสียงหลง เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยออกมาแค่สองประโยคแล้วก็ชิงวางสายไป

          ชายหนุ่มพยายามโทรกลับไปยังเบอร์ที่โชว์เมื่อครู่ แต่ก็ต้องสบถออกมาด้วยความหงุดหงิด เมื่อพบว่าอีกฝ่ายปิดเครื่องเรียบร้อยแล้ว เขาลองโทรเข้าเบอร์ชินดนัย ผลที่ได้ก็ไม่ต่างกัน

          ...ไม่ได้ปิดเครื่อง แต่ไม่ยอมรับจนสายตัดไปเอง...

          ธรณ์นิ่วหน้าออกมา เมื่อรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ไม่เคยมีซักครั้งที่เขาจะติดต่อชินดนัยไม่ได้ และไม่เคยมีซักครั้งที่ผู้พันจะเอ่ยฝากฝังชินดนัยกับเขา มันต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ

          “จะไปไหนธรณ์” เขตแดนเอ่ยถามทันทีที่เห็นธรณ์ลุกพรวดขึ้นมา

          “ผมจะไปหาชิน ผมว่ามันต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ”

          “พี่ไปด้วย รอพี่เคลียร์งานเดี๋ยวนะ”

          ธรณ์เม้มริมฝีปากอย่างครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปฏิเสธไป

          “ไม่ต้องหรอกพี่เขตต์ ผมไปคนเดียวดีกว่า ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไปหาชินที่บ้านมันนั่นแหล่ะ ถ้ามีอะไรเดี๋ยวผมโทรหา” เอ่ยจบธรณ์ก็ไม่คิดจะอยู่ฟังคำทักท้วงของเขตแดน เขาคว้าของได้แล้วก็เดินออกจากห้องทำงานทันที

          เหตุผลที่ธรณ์ปฏิเสธเขตแดนไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า เขารู้ว่าชินดนัยคงไม่อยากให้ใครมาเห็นตอนที่ตัวเองกำลังอ่อนแอ เขาเลยเลือกที่จะไปหาเพื่อนรักตามลำพังแทนที่จะพาเขตแดนไปด้วย

          ระยะทางจากบริษัทไปบ้านของชินดนัยไม่ไกล แต่ก็ทำเอาคนใจร้อนอย่างธรณ์ถึงกับหลุดเสียงสบถออกมาเป็นระยะ ใช้เวลาไม่นาน รถยนต์คันหรูก็มาจอดหน้าเรือนเล็กของชินดนัย ธรณ์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่ารถของชินดนัยจอดอยู่ แปลว่าเจ้าตัวคงไม่ได้หนีหายไปไหนอย่างที่เขานึกกลัว

          พอลงมาจากรถ ธรณ์ก็ตรงเข้าไปที่เรือนเล็กด้วยความคุ้นเคย ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็ต้องรู้สึกแปลกๆ เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะสะดุดตากับร่างที่นอนแผ่อยู่ตรงโซฟา แค่ก้าวขาพรวดเดียว ธรณ์ก็ไปหยุดอยู่ข้างๆคนที่กำลังนอนเหม่อลอย พอเห็นเพื่อนรักนอนหมดสภาพ ดวงตาแดงก่ำ ท่าทางอิดโรยเหมือนอดหลับอดนอน ธรณ์ก็ต้องอุทานออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ

          “ชิน...เกิดอะไรขึ้นกับมึง”

          ชินดนัยเหลือบสายตามามองเพื่อนรักช้าๆ เขาพยายามจะฝืนยิ้มออกมา แต่สำหรับธรณ์แล้ว...มันเป็นรอยยิ้มที่เศร้าที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา ธรณ์คุกเข่าลงนั่งข้างๆโซฟา สองมือประคองใบหน้าเพื่อนรักเอาไว้ก่อนจะเอ่ยถามออกมาด้วยความเป็นห่วง

          “มึงไหวหรือเปล่า...”

          “กูยังไหว...”

          ถึงแม้ชินดนัยจะตอบว่ายังไหว แต่ธรณ์ดูสภาพเพื่อนแล้วก็ต้องบอกเลยว่า...ชินดนัยไม่ไหวจริงๆ ชินดนัยที่อยู่ตรงหน้าเขา ราวกับเป็นคนละคนกับชินดนัยที่เขาเคยรู้จัก

          “เกิดอะไรขึ้น เล่าให้กูฟังหน่อยได้ไหม”

          ชินดนัยค่อยๆดันตัวเองขึ้นมาจากโซฟาช้าๆ พอเห็นเพื่อนรักลุกขึ้นมานั่งแล้ว ธรณ์เลยลุกไปนั่งข้างๆชินดนัย ดวงตาคมที่มองตรงมามีแต่ร่องรอยของความเจ็บช้ำ ก่อนที่ชินดนัยจะค่อยๆเบือนหน้าหนีราวกับไม่อยากให้ธรณ์เห็นความอ่อนแอของตัวเอง

          “ชิน ตอนนี้มีแค่กูกับมึง กูรู้ว่ามึงเป็นแค่คนธรรมดา มึงไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลา ถึงกูจะไม่สามารถทำให้มึงหายเจ็บได้ แต่กูอยากให้มึงดีขึ้น...แค่ซักนิดก็ยังดี”

          ทันทีที่ธรณ์พูดจบ ชินดนัยก็คว้าเอาร่างเพื่อนรักเข้าไปกอดแน่น แม้จะอึดอัดจนรู้สึกเจ็บ แต่ธรณ์ก็ยอมนั่งนิ่งๆอยู่ในอ้อมกอดของเพื่อนรัก เขาลูบหลังลูบไหล่อีกฝ่ายไปมาเป็นเชิงปลอบ แม้จะไม่ได้ยินเสียงสะอื้นดังออกมา แต่อาการตัวสั่นสะท้าน และความเปียกชื้นที่หัวไหล่ก็เป็นหลักฐานที่แสดงความเสียใจของชินดนัยได้เป็นอย่างดี

          “เขา...ไปแล้ว...” เสียงแหบระโหยเอ่ยออกมาเป็นห้วงๆ

          “เขาอาจจะแค่ไปออกพื้นที่เหมือนทุกที มึงอย่าเพิ่งด่วนตัดสินไปก่อน”

          ชินดนัยแค่นยิ้มออกมา เพราะรู้จักกันมาเกือบตลอดชีวิต เขาถึงกล้าพูดว่ารู้ใจอีกฝ่ายมากกว่าใคร และรู้ดีว่าอีกคนตั้งใจไปจากเขา ไม่ว่าเหตุผลที่จากไปคืออะไร แต่ชนวีร์ก็ได้จากเขาไปแล้ว

          “ถ้าไม่ได้จะหนีกูไปจริงๆ คงไม่โทรบอกให้มึงมาดูกูหรอก”

          “มึงรู้”

          ชินดนัยไม่ตอบ แต่เบือนสายตาไปทางอื่น

          “แล้วทำไมผู้พันถึงไป”

          สำหรับธรณ์แล้ว เขารู้จักผู้พันมานานเกือบเท่าระยะเวลาที่รู้จักชินดนัย สายตาที่อีกคนมองชินดนัย ไม่ต้องอธิบายออกมาเป็นคำพูดก็รู้ดีว่ามันหมายความว่าอย่างไร แต่ทำไม...ทำไมผู้พันถึงได้ทิ้งชินดนัยไปโดยไม่บอกสาเหตุ

          “พ่อกับแม่กูรู้เรื่องแล้ว”

          แค่ประโยคเดียวที่หลุดออกจากปากชินดนัย ธรณ์ก็สามารถเดาเรื่องทั้งหมดได้ทันที ธรณ์เคยสงสัยและนึกกลัวแทนชินดนัย ถ้าวันหนึ่งที่บ้านของชินดนัยเกิดรู้ถึงความสัมพันธ์ของชินดนัยกับผู้พันเข้า เรื่องราวมันจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วกว่าที่คิด

          ไม่แปลกที่ท่านนายพลกับคุณหญิงจะยอมรับความสัมพันธ์ของชินดนัยกับผู้พันไม่ได้ ตระกูลจิรวงศ์เองก็เป็นตระกูลใหญ่ ยิ่งท่านนายพลกับคุณหญิงต่างก็มีหน้ามีหน้าตาในวงสังคม หนำซ้ำชินดนัยยังเป็นลูกชายคนเดียวอีก มันคงไม่ใช่เรื่องที่สามารถยอมรับกันได้ง่ายๆอย่างแน่นอน

          “ที่กูเข้มแข็งอย่างทุกวันนี้ได้ก็เพราะเขา พอไม่มีเขา กูก็เป็นแค่คนธรรมดา...”

          “ชิน มึงต้องเข้มแข็งสิ กูเชื่อว่าผู้พันจะต้องกลับมา”

          “กูรู้ว่าเขาจะกลับมา แต่เมื่อไหร่ จะให้กูอยู่อย่างไร้จุดหมายแบบนี้เหรอ กูเคยคิดว่า...เราจะพยายามไปด้วยกัน แล้วทำไม...ทำไมถึงได้ทิ้งกูไปง่ายๆแบบนี้วะ”

          ถ้อยคำอัดอั้นหลุดออกมา พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาช้าๆ นานแค่ไหนกัน ที่ไม่เคยมีน้ำตา ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอแบบนี้ คงเป็นตอนที่รู้ว่ามีอีกคนอยู่ แต่ในเมื่อตอนนี้ไม่มีแล้ว น้ำตามันถึงได้ไหลออกมาง่ายๆ นับประสาอะไรกับเรื่องที่จะให้ทำตัวเข้มแข็ง มันยากเกินไปจริงๆ...

          “ถึงไม่มีผู้พัน แต่มึงก็ต้องเข้มแข็งนะชิน มึงต้องพยายามให้พ่อแม่มึงยอมรับให้ได้”

          “กูจะพยายามไปเพื่ออะไรในเมื่อเขาไม่อยู่”

          ธรณ์ประคองใบหน้าชินดนัยเอาไว้ จ้องลึกลงไปในดวงตาของเพื่อนรัก

          “ตอนนี้มึงอ่อนแอได้ แต่ชินดนัยที่กูรู้จักไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆแบบนี้ กูจะช่วยมึงสืบหาผู้พันอีกแรง สัญญากับกู...ว่ามึงจะอ่อนแอแค่ตอนนี้ แล้วกลับมาเป็นชินดนัยคนเดิม ชีวิตมึงยังมีวันพรุ่งนี้ อย่าเอาแต่จมปลักอยู่กับวันนี้...สัญญากับกู”

          ชินดนัยพยักหน้าช้าๆ ถึงจะอยากจมอยู่กับความเจ็บปวดให้นานแค่ไหน แต่มันก็ไม่ใช่วิสัยของเขา กมือปาดคราบน้ำตาออกช้าๆ ได้แต่ยิ้มหยันให้กับสิ่งที่กำลังเผชิญหน้าอยู่

          ...ตอนอยู่ด้วยกันไม่เคยมีน้ำตา แต่พออีกคนจากลาแค่เพียงวันเดียว น้ำตาก็รินไหลอย่างห้ามไม่ได้ จะมีใครที่น่าสมเพชไปกว่าเขาอีกไหม...

          ก็ได้แต่หวัง...ว่าเขาจะกลับมาเป็นชินดนัยคนเดิมเร็วๆ

          เขาเชื่อว่าชนวีร์จะกลับมา แต่เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่?...

          ไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน ถ้าคำตอบของคำถามคือคำว่า ‘ตลอดไป’ เขาก็ยังยินดีที่จะรอ เพราะหัวใจ...มันให้ไปหมดทั้งดวงแล้ว

          “ถ้ามึงเข้มแข็งเมื่อไหร่ก็ไปคุยกับพ่อแม่มึงดีๆซะ คุยกันให้รู้เรื่องไปเลย”

          พอได้ยินที่ธรณ์เอ่ย ชินดนัยก็ฉุกคิดทันที ถ้ามีสติอยู่กับตัวซักนิด เขาน่าจะฉุกคิด...ถ้าจะมีใครซักคนรับรู้ว่าชนวีร์หายไปไหน คนๆนั้นก็คงจะเป็นท่านนายพลอย่างไม่ต้องสงสัย


====================


          “เข้ามา...”

          ทันทีที่ได้ยินเสียงอนุญาต ชินดนัยก็เปิดประตูห้องหนังสือเข้ามา ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร เอ่ยถามถึงสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจมาตลอดหลายวันทันที

          “พ่อส่งพี่วีร์ไปไหน?”

          ท่านนายพลเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร กวาดสายตาดูลูกชายคนเดียวอย่างพิจารณา ยอมรับเลยว่าสภาพชินดนัยดีกว่าวันแรกที่กลับมา ส่วนหนึ่งคงต้องขอบคุณธรณ์ที่พาตัวเองมาอยู่กับชินดนัยเกือบทุกวัน

          วันแรกที่เห็นชินดนัยพาตัวเองกลับมา ท่านนายพลแทบไม่อยากเชื่อสายตา ว่าเขาจะเลี้ยงชินดนัยให้กลายเป็นคนที่อ่อนแอเพราะความรักได้ถึงเพียงนี้ นับว่ายังดีที่ความอ่อนแอเหล่านั้นมีให้เห็นเพียงแค่ไม่กี่วัน ก่อนที่ชินดนัยจะกลับมาเป็นคนเดิมอย่างที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้

          “ทำไมชินถึงคิดว่าพ่อจะรู้” ท่านนายพลเอ่ยถามพลางเอนหลังพิงพนัก ทอดสายตามองลูกชายนิ่งๆ

          “เวลาพี่วีร์มีภารกิจที่ไหน พ่อต้องรู้ทุกครั้งไม่ใช่เหรอไง”

          “แต่ครั้งนี้พ่อไม่รู้”

          ชินดนัยมองสบตาผู้ให้กำเนิดด้วยความไม่เข้าใจ ในเมื่อไม่ยอมรับความสัมพันธ์ของเขา ทำไมไม่ลองให้โอกาสเขาได้พยายามดูบ้าง ทำแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการกีดกันเขากับชนวีร์ออกจากกันเลย

          “ผมจะให้คนไปสืบ”

          “ก็เอาสิ ถ้าคิดว่าอำนาจที่แกมีจะเหนือกว่าอำนาจของจิรวงศ์”

          “แล้วพ่อก็ยอมรับว่าพ่อรู้ พ่อส่งพี่วีร์ไปไหน”

          ท่านนายพลลุกขึ้นมาจากโต๊ะช้าๆ ก่อนจะค่อยๆเดินตรงมาหาชินดนัย

          “พ่อจะบอกอะไรแกให้นะชิน เลิกไร้สาระแล้วก็ฝันถึงสิ่งที่มันไม่มีทางเป็นจริงได้แล้ว แกคงไม่คิดว่าพ่อกับแม่จะปล่อยให้ลูกชายคนเดียวเป็นเกย์หรอกนะ...”

          “พ่อ...”

          “เลิกถามได้แล้วว่าเจ้าวีร์มันไปไหน เพราะยังไงพ่อก็ไม่มีทางบอกแกแน่ๆ และที่สำคัญ...เตรียมตัวหมั้นกับหนูแพรพลอยได้เลย”

          การที่ต้องมารับรู้ว่าชนวีร์จากไป มันทำให้ชินดนัยเจ็บปวดมากแค่ไหน การที่ต้องหมั้นกับแพรพลอย ก็ไม่ต่างอะไรกับข่าวร้ายดีๆนี่เอง

          “พ่อไม่มีสิทธิ์บังคับผม ผมไม่หมั้นกับแพรแน่ๆ”

          สาบานเถอะ...ต่อให้ฟ้าถล่ม แผ่นดินทลาย ยังไงชินดนัยก็ไม่มีวันยอมหมั้นหรือแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาไม่รักเด็ดขาด อย่าให้เขาต้องเป็นคนใจร้ายด้วยการทำร้ายจิตใจผู้หญิงดีๆอย่างแพรพลอยเลย ผู้หญิงเพียบพร้อยอย่างแพรพลอย ไม่สมควรที่จะมาจมปลักอยู่กับผู้ชายที่ไม่มีวันรักเธอได้อย่างเขา

          “พ่อไม่ได้ถามความเห็นแกนะชิน เรื่องนี้พวกผู้ใหญ่เขาคุยกันแล้ว เตรียมตัวไว้เลย แต่งงานกับแพรพลอยแล้วมีหลานให้พ่อกับแม่อุ้มซะ เลิกคิดเลิกฝันถึงอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ซะที”

          “พ่อไม่สงสารผมก็ไม่เป็นไร แต่สงสารแพรหน่อยเถอะ อย่าดึงเธอมาเกี่ยวด้วยเลย เธออยู่ของเธอดีอยู่แล้ว อย่าให้เธอต้องมาทนทุกข์เพราะการแต่งงานกับคนอย่างผมได้ไหม”

          ถ้าจะมีคนต้องเจ็บปวด ก็ให้เป็นเขาแค่คนเดียวได้ไหม ชินดนัยไม่อยากเห็นแก่ตัว ไม่อยากทำร้ายใคร โดยเฉพาะผู้หญิงที่ดีและเพียบพร้อมอย่างแพรพลอย ท่านนายพลอาจจะบังคับให้เขาแต่งงานกับเธอได้ แต่ก็ไม่อาจบังคับให้เขารักเธอ และถ้าต้องแต่งงานกันไปโดยที่ไม่ได้รักกัน สุดท้ายคนที่ทุกข์และเสียใจจะเป็นใคร ถ้าไม่ใช่แพรพลอย

          “ถ้าไม่แต่งกับแพรพลอย แล้วแกจะแต่งกับใคร” ท่านนายพลเอ่ยถามเสียงห้วน

          ชินดนัยมองสบตาผู้เป็นพ่อนิ่ง แววตาเขาจริงจังกว่าที่เคยก่อนจะเอ่ยออกไปช้าๆ ทว่าชัดเจน

          “ผมไม่คิดที่จะแต่งงานกับใครอยู่แล้ว”

          “ชินดนัย!!”

          “พ่อสั่งได้แค่ร่างกายของผม ถึงยังไงพ่อก็สั่งใจผมไม่ได้ ถ้าพ่อไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัว...”

          ท่านนายพลมองตามแผ่นหลังของชินดนัยที่เดินหันหลังจากไป แววตาแข็งกร้าวเมื่อครู่ของลูกชาย...นานแค่ไหนกันที่ไม่ได้เห็น ก็ได้แต่หวังว่า...

          “มั่นคงให้ได้ตลอดรอดฝั่งละกัน”


====================
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 4 :: 10.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 10-06-2013 11:10:34
          ชินดนัยนึกงงไม่น้อย เมื่อจู่ๆแพรพลอยก็นัดเจอเขาที่ร้านอาหาร แต่เขาก็ยอมไปตามที่หญิงสาวนัด พอมาถึงก็เห็นแพรพลอยนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอนั่งรอให้เขาสั่งอาหารและเครื่องดื่มอย่างใจเย็น พอเห็นว่าเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยขึ้นมาเบาๆ

          “ขอบคุณนะคะ...”

          ชินดนัยเงยหน้ามองแพรพลอยที่เอ่ยขอบคุณเขาอย่างงงๆ หญิงสาวส่งยิ้มอ่อนๆมาให้เขา พอเห็นว่าชินดนัยทำหน้างง เธอเลยขยายความออกมา

          “ที่คุณปฏิเสธเรื่องหมั้นไงคะ...”

          ชินดนัยชะงักไปนิดหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าแพรพลอยจะรู้เรื่องหมั้นหมายเหมือนกัน แต่เขาก็เลือกที่จะตอบออกไปตามตรง

          “ผมไม่อยากทำร้ายคุณ”

          แพรพลอยคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ชินดนัยยังคงดีกับเธอเสมอต้นเสมอปลาย ถ้าเพียงแต่เธอกับเขารักกัน ทุกอย่างก็คงง่ายดาย แต่เธอกับชินดนัยไม่ได้รักกัน ชินดนัยมีคนรักอยู่แล้ว เธอเองก็ไม่ต่างกัน...

          “แพรรู้ว่าคุณมีคนรักอยู่แล้ว แพรเองก็ไม่ต่างกัน”

          คราวนี้ชินดนัยเป็นฝ่ายเบิกตานิดๆ เมื่อได้ยินที่แพรพลอยเอ่ยออกมา

          “หมายความว่าคุณเองก็มีคนรักเหมือนกัน ผมไม่เห็นทราบเลย”

          ริมฝีปากแดงที่ทาทับด้วยลิปสติกสีอ่อนขยับเป็นรอยยิ้มเศร้าๆ ก่อนแพรพลอยจะเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วเริ่มต้นเล่าเรื่องของตัวเอง

          “คุณบอกว่าครอบครัวคุณไม่ยอมรับเรื่องของคุณ ของแพรเองก็ไม่ต่างกันหรอกค่ะ คนรักของแพรเขาเป็นลูกของคุณแม่บ้านในบ้าน เป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของแพร แต่อย่างเดียวที่เขาเป็นไม่ได้คือ...คนรักของแพร คุณแม่ไม่ยอมรับเรื่องที่แพรกับเขารักกัน แค่เพียงเพราะว่าเขาเป็นลูกของแม่บ้าน”

          ชินดนัยอดสงสารหญิงสาวไม่ได้ ไม่ใช่มีแค่เขาที่ต้องทนทุกข์เพราะความรักที่ไม่สมหวัง แพรพลอยเองก็ไม่ต่างกัน

          “เขาพยายามอย่างหนักเพื่อให้คุณแม่แพรยอมรับให้ได้ จนกระทั่งเขาสอบชิงทุนไปต่างประเทศได้สำเร็จ ตอนนี้เขากำลังเรียนต่อปริญญาโทอยู่ที่อเมริกาค่ะ อีกไม่นานเขาก็จะกลับมาแล้ว แพรก็ได้แต่หวังว่าคุณแม่จะยอมรับเขาเสียที”

          “ผมเอาใจช่วยนะครับ ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้เลย”

          “แพรเล่าเรื่องของแพรแล้ว ชินเล่าเรื่องของตัวเองบ้างสิคะ แพรอยากรู้...”

          ชินดนัยนิ่งเงียบไป ไตร่ตรองว่าควรเล่าให้แพรพลอยฟังดีหรือไม่ เธอจะรังเกียจไหม เขายังคงเชื่อว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม แต่คนอื่นที่รับฟังเรื่องราวของเขาจะมองว่ามันสวยงามเหมือนกันหรือเปล่า สำหรับชินดนัยแล้ว ความรักระหว่างเพศเดียวกันไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าป่าวประกาศเท่าไหร่

          “เรื่องมันก็ไม่มีอะไรหรอก พ่อแม่ผมไม่ยอมรับเรื่องของเรา ไม่ต่างอะไรจากคุณ”...แต่ของคุณยังโชคดีที่พอมีโอกาส ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ชายกับผู้หญิง ประโยคหลังชินดนัยได้แต่เอ่ยกับตนเองในใจ ก่อนจะฝืนยิ้มออกไป

          “แล้วคุณจะยอมให้เป็นแบบนี้เหรอคะชิน”

          “มันอาจจะต้องใช้เวลากว่าพ่อกับแม่จะยอมรับ แต่ผมจะพยายาม คุณเองก็เหมือนกัน”

          “ฉันพยายามแน่นอนอยู่แล้วค่ะ”

          ชินดนัยคลี่ยิ้มให้แพรพลอยบางๆ ยิ่งได้รู้ว่าเธอมีคนรักอยู่แล้ว เขายิ่งไม่อยากเห็นแก่ตัวโดยการหมั้นกับเธอตามคำสั่งของผู้ใหญ่

          “ผมสัญญา...ว่าจะไม่มีงานหมั้นหรืองานแต่งงานเกิดขึ้น”

          “ขอบคุณนะคะชิน ขอบคุณจริงๆ”


====================


          ชินดนัยมองพ่อแม่ของเขาและแม่ของแพรพลอยที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ถึงแม้สิ่งที่เขากำลังจะทำจะเป็นการหักหน้าผู้ใหญ่ แต่เขาก็จำเป็นต้องทำ ไม่ใช่เพื่อเขาเพียงคนเดียว แต่เพื่อแพรพลอย...คนที่มีความรักเหมือนกันกับเขา

          “ไม่ว่ายังไงผมก็หมั้นกับแพรไม่ได้”

          “ชินพูดเหมือนรังเกียจลูกสาวอา” คุณหญิงเพียงแขเอ่ยเสียงแข็งเหมือนกับไม่พอใจ

          “ผมไม่ได้รังเกียจลูกสาวคุณอาเลยครับ คุณแพรเธอเป็นคนดีมากๆ แต่ผมไม่ได้รักลูกสาวคุณอา และผมเองก็มั่นใจว่าคุณอาย่อมรู้เช่นกัน...ว่าคุณแพรไม่มีทางที่จะรักผม”

          “หมายความว่ายังไงชิน...” คุณหญิงชลลดาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

          ชินดนัยขยับจะอ้าปากเอ่ยอธิบาย แต่แพรพลอยที่นั่งอยู่ข้างๆก็สะกิดเขาเอาไว้ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนๆ

          “เรื่องนี้เป็นเรื่องของแพร ให้แพรเป็นคนพูดเองเถอะค่ะ...” แพรพลอยเอ่ยกับชินดนัยก่อนจะหันไปทางผู้ใหญ่ทั้งสาม “แพรต้องขอบคุณคุณลุงคุณป้าที่เอ็นดูแพร แต่แพรคงแต่งงานหรือหมั้นกับชินไม่ได้จริงๆ เพราะแพรมีคนที่แพรรักอยู่แล้ว”

          “ยัยแพร พูดอะไรออกมา”

          “แม่คะ อย่าขัดขวางความรักของแพรอีกเลยนะคะ แพรรักเขาจริงๆ ให้โอกาสเราสองคนได้พิสูจน์ตัวเองนะคะ”

          คุณหญิงกับท่านนายพลมองหน้ากันเป็นเชิงหารือ ก่อนที่คุณหญิงชลลดาจะหันไปเอ่ยกับคุณหญิงเพียงแข

          “จริงอย่างที่หนูแพรพูดเหรอคะคุณน้อง”

          คุณหญิงเพียงแขถึงกับชะงักไปก่อนจะหน้าเสีย

          “เดี๋ยวน้องขอกลับไปคุยกับลูกแพรให้รู้เรื่องก่อนนะคะ ไป...ยัยแพร ตามแม่กลับบ้าน”

          แพรพลอยถูกคุณหญิงเพียงแขพากลับบ้านไปแล้ว เลยเหลือเพียงชินดนัยที่นั่งอยู่กลางโถงรับแขกกับพ่อแม่ของตัวเอง

          “ผมหวังว่าพ่อคงจะไม่บังคับให้ผมหมั้นหรือแต่งงานกับคุณแพรอีกนะครับ” ชินดนัยเอ่ยกับผู้เป็นพ่อเสียงหนักๆ

          ท่านนายพลมองหน้าลูกชายคนเดียวช้าๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาชัดถ้อยชัดคำ

          “อย่าเพิ่งดีใจไปชินดนัย ถึงจะไม่ต้องหมั้นกับแพรพลอย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อกับแม่จะยอมรับเรื่องแกกับชนวีร์”

          “ผมจะทำให้พ่อยอมรับให้ได้ ไม่ว่ามันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน”

          “พยายาม...ทั้งที่ไม่รู้ว่าเจ้าวีร์จะกลับมาหรือเปล่าน่ะหรือ”

          ดวงตาสองคู่มองสบกัน ชินดนัยไม่คิดจะหลบตาผู้เป็นพ่อแม้แต่น้อย เขาเสียใจมามากพอแล้ว สิ่งที่เขาต้องทำหลังจากนี้คือพยายามพิสูจน์ตัวเอง ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน...หรืออาจจะตลอดไป

          “ผมจะพยายาม ต่อให้ต้องใช้เวลาที่เหลือเพื่อให้พ่อยอมรับ”

          “ทำให้ได้อย่างที่ปากพูดก็แล้วกัน”

          อาจจะเป็นการรอคอยที่ไม่มีจุดหมาย อาจจะเป็นการพยายามทำอะไรที่คนอื่นเห็นว่าไร้สาระ แต่สำหรับชินดนัย...

          ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำลงไปมีค่ามากกว่านั้น เพราะความรู้สึกที่มอบให้ไปและไม่คิดอยากเอากลับคืน มันเป็น... ‘มากกว่ารัก’


TO BE CONTINUE



# มาช้าเล็กน้อย ปรับลดความดราม่าลงมาเยอะเลย เริ่มจะซอฟต์ๆ
# ยิ่งเขียนยิ่งรู้สึกเหมือนละครหลังข่าวช่องเจ็ด >"<
# ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์นะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 4 :: 10.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 10-06-2013 11:28:59
3ปีจะว่านานก็นาน แต่เพื่อนเวลาที่เหลือที่จะได้อยู่ด้วยกันมันก็แปปเดียว

แต่คนที่ไม่รู้ว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหนเนี่ยสิ TT TT
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 4 :: 10.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-06-2013 11:37:57
มันดราม่าอ่ะ
ทำใจไม่ได้ ==
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 4 :: 10.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 10-06-2013 12:07:19
เจ็บปวดกันทั้งสองคน แต่อย่างน้อยฝั่งผู้พันยังดีกว่าที่รู้จุดหมายปลายทาง แต่ทางชินต้องอดทนรออย่างไม่รู้อะไรเลย ฮืออออออออ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 4 :: 10.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 10-06-2013 12:07:43
สามปีแน่ะ ผู้พันกับชินสู้ ๆ น๊าาา

+1 ค่ะ ขอบคุณมาก~^^
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 4 :: 10.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 10-06-2013 13:42:44
สามปี

พิสูตรรัก โอ้ว พี่วีร์วางแผนไว้แล้วใช่ม่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 4 :: 10.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 10-06-2013 13:51:40
วีร์ชินพยายามเข้านะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 4 :: 10.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 10-06-2013 19:11:36
3 ปีพิสูจน์รักแท้..... 3ปี เพื่อที่จะได้รักกัน........
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 4 :: 10.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 10-06-2013 19:22:22
ชินกับพี่วีร์สู้ๆ นะ T T
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 4 :: 10.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 10-06-2013 20:07:44
สงสารทั้งชินกับผู้พันแต่เอนไปทางชินเพราะไม่รู้อะไรกับการแยกกันครั้งนี้
เจ็บปวดน่าดู ได้แต่ภาวนาให้ชินมั่นคงเพราะหลังสามปีจะได้เป็นไทยอย่าง
ที่ผู้พันหวังไว้

รอลุ้นค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 4 :: 10.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 10-06-2013 21:31:45
 :katai4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 4 :: 10.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 10-06-2013 22:22:07
น้ำตาพรากเลย สงสารผู้พันกับชินฮือออออออ
3ปีจิ๊บๆเนอะ อดทนนะคู่นี้
สู้เค้านะ อย่าพึ่งหวั่นไหวต่อสิ่งรอบข้าง เดี๋ยวก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 4 :: 10.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 10-06-2013 22:39:43
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 11-06-2013 20:31:01

มากกว่ารัก

ตอนที่ 5



          “ผ่านมาเกือบสามปีแล้วสินะ...”

          ชายหนุ่มร่างสูงพึมพำออกมาเบาๆ ขณะทอดสายตามองดูสายฝนที่กำลังโปรยปรายผ่านกระจกหน้าต่าง บรรยากาศข้างนอกเริ่มขมุกขมัวและรถราก็เริ่มหนาแน่น สมกับเป็นวันศุกร์ปลายเดือนที่ฝนตก

          หน้าปฏิทินถูกพลิกเปลี่ยนวันแล้ววันเล่า วันเวลาเดินผ่านอย่างช้าๆ เมื่อเทียบกับความรู้สึกของคนที่ต้องรอคอย แม้ว่าจะผ่านมานานเกือบสามปี เขาก็ยังคงรอ...รอด้วยความเชื่อมั่นว่าซักวันอีกคนจะกลับมา ถึงแม้ว่าจะเป็นการรอคอยที่ไร้จุดหมาย

          หลายครั้งที่ชินดนัยนึกท้อ แต่ที่เขายังรออยู่ก็เพราะความเชื่อล้วนๆ แม้ธรณ์กับอเล็กซ์จะช่วยกันสืบข่าวมาตลอด ก็ล้วนแต่ความน้ำเหลวเสียทุกครั้ง ท่านนายพลเองก็เอาแต่ปิดปากเงียบ ไม่ยอมแย้มพรายให้เขารู้ซักนิด พอนานวันเข้า ชินดนัยเลยเหนื่อยที่จะซักไซ้เอาจากผู้เป็นพ่อ ได้แต่พยายามด้วยกำลังและความสามารถของตัวเอง แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า...

          ...ในเมื่อโชคชะตาพาเรามาพบกัน ได้โปรด...ให้เราพบกันอีกครั้งได้ไหม...

          ช่วงแรกๆ ธรณ์กับอเล็กซ์ผลัดกันมาคอยอยู่เป็นเพื่อนเขา พอเห็นว่าเขาเริ่มดีขึ้นแล้ว เพื่อนรักสองคนเลยเริ่มหายห่วง มีบ้างนานๆทีที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยียน แต่ต่างคนก็ล้วนแล้วแต่มีหน้าที่การงานที่ต้องทำ ตัวเขาเองก็เอาแต่ทำงานหนักเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่าน แต่ทุกครั้งที่ว่างเว้นจากการทำงาน แม้เพียงแค่เสี้ยววินาที เขาก็ต้องคิดถึงชนวีร์อยู่เสมอ

          ...เกือบสามปีที่ไม่ได้พบ ไม่มีข่าวคราวส่งมา ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เป็นอย่างไร
          คิดถึงกันจนแทบขาดใจเหมือนเขาหรือเปล่า...


          อย่างน้อย...เขาก็เชื่อว่าชนวีร์ยังมีชีวิตอยู่ แม้ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใดบนโลกใบนี้ เพราะผู้เป็นพ่อเคยกล่าวเอาไว้ว่า...

          ‘ถึงพ่อจะไม่ให้แกกับเจ้าวีร์เจอกัน แต่พ่อไม่มีทางยอมให้มันเป็นอะไรไปเด็ดขาด!’

          แม้เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาจะแสร้งทำเป็นว่าเข้มแข็ง แต่พออยู่คนเดียว ชินดนัยก็เป็นเพียงแค่ผู้ชายธรรมดาที่อ่อนแอคนหนึ่ง หลายครั้งที่ตื่นมากลางดึกเพราะฝันร้าย ควานมือหาข้างกายก่อนจะพบแต่เพียงความว่างเปล่า ความว่างเปล่าที่ตอกย้ำให้เขาได้ตระหนักว่า...อีกคนได้จากไปแล้ว

          ชินดนัยยังคงแวะเวียนไปบ้านพักที่กรมอยู่บ่อยๆ หวังเสมอว่าเห็นผู้ชายตัวสูง เจ้าของผิวคร้ามแดดที่ชอบทำหน้านิ่งยืนอยู่ตรงชานบ้าน แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความหวังลมๆแล้งๆ สิ่งที่รอเขาอยู่ทุกครั้งที่ไปก็มีเพียงบ้านพักที่ปิดตาย

          “จะให้ผมรอถึงเมื่อไหร่กัน...”

          ชินดนัยหลับตาลงช้าๆ ซ่อนประกายปวดร้าวในดวงตา ทั้งรอและพยายามตามหา แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมาก็มีแต่เพียงความว่างเปล่า เหมือนกับเดินอยู่ในอุโมงค์มืดๆ ที่ไม่รู้ว่าทางออกของมันอยู่ตรงไหน และต้องเดินไปถึงเมื่อไหร่กว่าจะได้พบกับแสงสว่าง

          จากกัน...มันไม่ทำให้ตาย แต่ความสุขของเขาก็หายไปตั้งแต่วันที่อีกคนจากไป

          ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดึงชินดนัยออกจากความคิดของตัวเอง เขาพยายามปรับท่าทางให้เป็นปกติ ก่อนจะเอ่ยปากอนุญาต

          “เชิญครับ...”

          “รถเตรียมพร้อมแล้วนะคะท่านรอง”

          ชินดนัยหันมาคลี่ยิ้มบางๆให้กับแพรพลอย ผ่านมาเกือบสามปี แพรพลอยก็ยังคงทำงานเป็นเลขาให้เขา และเป็นเลขาที่รู้ใจเขามากเสียด้วย

          “บอกกี่หนแล้วว่าไม่ต้องเรียกผมว่าท่านรอง เรียกว่าชินเหมือนเดิมเถอะ”

          “ได้ยังไงคะ เดี๋ยวนี้คุณกลายเป็นรองประธานแล้วนี่นา”

          ชินดนัยส่ายหัวเบาๆ คร้านจะเถียงกับเธอ ถ้าแพรพลอยเรียกเขาว่าท่านรองแล้วสบายใจก็ปล่อยเธอไปเถอะ

          “ผมเคลียร์งานเรียบร้อยแล้วนะ ถ้ามีเหตุด่วนก็โทรศัพท์เข้ามือถือผมได้เลย”

          “เที่ยวให้สนุกนะคะ”

          “ผมไปทำงานครับแพร ไม่ได้ไปเที่ยว”

          “ถ้าไม่ติดงานแต่ง แพรก็อยากตามคุณไปหาลูกค้าที่ฝรั่งเศสเหมือนกันนะคะ ประเทศในฝันของแพรเลย”

          “อยู่เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวเถอะ ยังไงเดี๋ยวผมจะดูของขวัญแต่งงานให้ด้วยเลยละกัน”

          ฟังผู้เป็นเจ้านายพูด แพรพลอยเลยเพิ่งนึกออก เธอขอตัวเดี๋ยวเดียวก่อนจะกลับมาพร้อมการ์ดแต่งงานสีทองในมือ

          “แพรลืมให้คุณทุกทีเลยค่ะ ถ้าไม่มางานแต่งของแพร แพรโกรธจริงๆด้วยนะคะ”

          ชินดนัยรับการ์ดแต่งงานมาถือเอาไว้ ก่อนจะพลิกไปมา เขารู้มาระยะหนึ่งแล้วว่าแพรพลอยกำลังจะแต่งงาน แต่เพิ่งจะมีโอกาสได้รับการ์ดเชิญจากเธอ เห็นแล้วก็อดยินดีกับเธอไม่ได้ที่คุณหญิงเพียงแขใจอ่อน ยอมให้แพรพลอยแต่งงานกับคนรักของเธอในที่สุด

          “งานแต่งของเลขาคนโปรดผมทั้งที ไม่ไปร่วมงานได้ยังไงล่ะ”

          “พูดเหมือนมีเลขาหลายคนเลยนะคะ”

          “มีคนเดียวก็พอแล้วครับ เก่งขนาดนี้”

          แพรพลอยหัวเราะออกมาทันที เธอทำท่าจะผละไป แต่สุดท้าย...อะไรบางอย่างก็ดลใจให้เธอหันกลับมาหาชินดนัยอีกรอบ

          “ชินคะ...แพรถามอะไรหน่อยได้ไหม”

          “ครับ?”

          “คุณรอมาเกือบสามปีแล้ว เคยคิดจะเลิกรอเขาบ้างหรือเปล่าคะ”

          ถ้าถามตามตรง ชินดนัยตอบได้เลยว่าเคย เขาเคยสงสัยว่าตัวเองจะรอไปทำไม แต่แล้วก็ได้คำตอบ...ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เผลอไผลหรือจงใจ เขาก็มักจะคิดถึงชนวีร์อยู่เสมอ แม้ไม่ได้เห็นหน้า แม้ไม่ได้อยู่ใกล้...แต่อีกฝ่ายก็ยังคงอยู่ในใจ อยู่ในความทรงจำไม่มีวันลางเลือน

          ไม่ว่าเมื่อไหร่...หัวใจก็จดจำทุกเรื่องราวเอาไว้เสมอ

          “เคยสิ บางทีผมก็รอจนเหนื่อย แต่ผมก็ยังจะรออยู่ดี เพราะผมเชื่อ...ว่าเขาจะกลับมา”

          “ขอให้เขากลับมาไวๆนะคะ แพรอยากเห็นคุณมีความสุขเสียที”

          “ขอบคุณครับ...”

          ชินดนัยเองก็ภาวนาให้การรอคอยของเขาสิ้นสุดลงเสียที สัญญาเลยว่าถ้าชนวีร์กลับมา เขาจะกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่นๆในอ้อมแขน บอกซ้ำๆว่าเขาคิดถึงมากแค่ไหน และจะไม่ยอมให้อีกคนได้มีโอกาสไปไหนอีกแล้ว

          ...กลับมาเสียทีเถอะ...


====================


          ตามกำหนดการแล้ว แพรพลอยจะต้องเดินทางมาพบลูกค้าที่ฝรั่งเศสกับชินดนัย แต่เนื่องจากหญิงสาวต้องเตรียมตัวเข้าคอร์สเจ้าสาวสำหรับงานแต่งงานที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่อาทิตย์ คุณหญิงชลลดาเลยเป็นฝ่ายอาสามากับลูกชายเสียเอง

          “ความจริงผมมาเองก็ได้นะ แม่จะได้อยู่เป็นเพื่อนพ่อ” ชินดนัยเปรยขึ้นมา หลังจากรับกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้ว

          “แม่มากับชินดีแล้ว ยังไงพ่อเราเขาก็มีคนคอยอยู่ด้วย”

          “หมายถึงแม่บ้านกับพลทหารน่ะเหรอครับ เขากลัวพ่อกันจะแย่ ใครเขาจะอยากอยู่กับพ่อกัน”

          “ก็มีแล้วกันน่า” คุณหญิงตอบปัดๆ ก่อนจะเสเปลี่ยนเรื่องไปถามถึงคนที่จะมารับ “ว่าแต่เดี๋ยวลูกค้าเขาจะมารับเราใช่ไหมชิน”

          “ครับ ผมแจ้งไฟลท์ที่จะมาถึงกับเขาเรียบร้อยแล้ว เขาน่าจะรอเราอยู่ข้างนอก”

          “เดี๋ยวแม่ขอแวะเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”

          “ให้ผมไปเป็นเพื่อนไหมครับ”

          “ไม่เป็นไรหรอก ออกไปรอแม่ข้างนอกเลยก็ได้ จะได้ดูว่าคนที่มารับเรา เขามาถึงหรือยัง”

          ชินดนัยพยักหน้ารับ แต่ไม่วายมองดูจนเห็นว่าผู้เป็นแม่เดินไปถึงทางเข้าห้องน้ำแล้ว ถึงเข็นรถเข็นเดินไปออกไป ทอดสายตามองอะไรไปเรื่อยเปื่อย สายตาก็กวาดหาคนที่มารอรับเขาไปด้วย ก่อนจะตัวแข็งทื่อ เมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่...

          ...แม้จะไม่ได้เจอกันสามปี แต่สาบานได้เลยว่า แค่เห็นแผ่นหลัง เขาก็ยังจดจำได้เสมอ...

          ผู้ชายเอเชียรูปร่างสูงใหญ่ที่โดดเด่นออกมาจากคนท้องถิ่นดึงดูดสายตาของชินดนัยเอาไว้ เสี้ยวหน้าด้านข้างที่เห็นยิ่งตอกย้ำความมั่นใจของเขา


          “พี่วีร์...”


          ชินดนัยครางชื่ออีกฝ่ายออกมาเบาๆ เผลอปล่อยมือออกจากรถเข็นอย่างไม่รู้ตัว สองขาก้าวเร็วๆเข้าไปหาอีกฝ่าย แต่ความพลุ่กพล่านและคนมากมายที่สนามบินก็เป็นอุปสรรคอยู่ไม่น้อย ยิ่งเขาเข้าใกล้ เหมือนอีกฝ่ายยิ่งหนีห่าง เขาวิ่งตามไปเรื่อยๆ เอื้อมมือจะฉวยคว้าอีกคนเอาไว้ แต่กลับถูกดึงกลับมาด้วยแรงข้างหลัง

          “จะไปไหนน่ะชิน” คุณหญิงชลลดาเอ่ยถามลูกชายเสียงดุๆ

          “แม่!! ผมเจอพี่วีร์ ผมเจอพี่วีร์ที่นี่” ชินดนัยเอ่ยออกมาเสียงดังด้วยความตื่นเต้น แต่พอหันหลังกลับไป สิ่งที่เหลือไว้กลับมีเพียงความว่างเปล่า

          “ตาฝาดหรือเปล่าชิน”

          “ไม่ฝาดหรอกแม่ ผมจำได้ ผมจำพี่วีร์ได้จริงๆ ขอผมไปเดินหาอีกรอบได้ไหม”

          “อย่าไร้สาระน่าชิน ลูกค้าเขามารอเราแล้วไม่ใช่เหรอ รีบๆเดินไปหาเขาได้แล้ว” คุณหญิงชลลดาเอ่ยพลางชี้ไปทางคนฝรั่งเศสที่ถือป้ายชื่อยืนรอรับอยู่

          “แม่ แต่ว่า...”

          “ไม่มีแต่น่าชิน แม่บอกว่าตาฝาดก็ตาฝาดสิ ตาวีร์จะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” คุณหญิงเอ็ดลูกชายเสียงดุๆ

          “แล้วแม่รู้ได้ยังไงว่าพี่วีร์ไม่ได้อยู่ที่นี่ แม่รู้เหรอว่าพี่วีร์อยู่ที่ไหน”

          “แม่ไม่รู้ เราอย่ามาเซ้าซี้แม่นะชิน”

          สุดท้ายชินดนัยก็ต้องยอมแพ้ เข็นรถเข็นตรงไปหาคนที่มารับ เขาเหลียวมองรอบตัวอีกครั้ง ไม่ว่ายังไงเขาก็เชื่อหัวใจตัวเอง เชื่อว่าผู้ชายคนนั้นคือชนวีร์แน่ๆ

          ...จะถือว่าเป็นเบาะแสอย่างหนึ่งได้ไหม นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสามปีเลย ที่ชินดนัยเจอผู้ชายที่เขากล้าปักใจว่าใช่ชนวีร์แน่ๆ...

          “ชิน เดินเร็วๆลูก” คุณหญิงชลลดาหันมาเรียกลูกชายที่ยังยืนชะเง้อชะแง้ไม่เลิก เธอได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ หวังว่าเรื่องบ้าๆนี่จะจบลงเสียที

          อันที่จริงแล้วเธออาจจะพลาดตั้งแต่ยอมให้ชินดนัยมาฝรั่งเศส เธอควรจะรู้ว่าสัญชาติญาณของชินดนัยเกี่ยวกับชนวีร์มันดีแค่ไหน แต่จะเรียกว่าพลาดก็ไม่ถูกนัก เพราะเธอเองก็คิดว่า...มันอาจจะสมควรแก่เวลาแล้ว

          ถึงชินดนัยจะทำตัวเป็นปกติมาตลอด แต่คนเป็นแม่ย่อมรู้ดีว่า...เกือบสามปีที่ผ่านมา ชินดนัยไม่ได้มีความสุขแม้แต่น้อยเลย อีกไม่นาน...คงได้เวลาคืนความสุขให้ลูกชายของเธอเสียที


====================
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 11-06-2013 20:37:56

          ตลอดเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ที่อยู่ฝรั่งเศส ชินดนัยพยายามสืบเสาะหาข่าวของชนวีร์ทุกช่องทาง แต่ก็คว้าน้ำเหลวตลอด จนสุดท้ายเขาก็ต้องยอมแพ้ แล้วบินกลับประเทศไทยโดยที่ไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมแม้แต่น้อย

          เอาเถอะ...หลังจบจากงานแต่งงานของแพรพลอย เขาอาจจะกลับไปอีกครั้ง เพราะเขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดแน่ๆ

          “ไง แม่เขาบอกว่าแกตาฝาดจนเห็นเจ้าวีร์ที่สนามบินเหรอ” ท่านนายพลเดินมาทักชินดนัยที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

          “ผมไม่ได้ตาฝาด ผมเห็นพี่วีร์จริงๆ”

          ท่านนายพลทำทีเป็นเลิกคิ้วน้อยๆ ทั้งที่ในใจกำลังยิ้มกริ่ม เอากับเจ้าลูกชายคนเดียวของเขาสิ พอเป็นเรื่องของชนวีร์ทีไร สัญชาติญาณของมันดีทุกทีเลย

          “เหรอ แล้วแกจะทำยังไงล่ะ”

          “พอจบงานแต่งงานของแพร ผมจะบินไปฝรั่งเศสอีกรอบ”

          “อยากไปก็ไปสิ” ท่านนายพลเอ่ยอย่างไม่ยี่หระเท่าไหร่

          “เมื่อไหร่พ่อจะยอมบอกผมเสียทีว่าพี่วีร์อยู่ไหน นี่มันจะสามปีแล้วนะ”

          “แล้วถึงสามปีหรือยัง”

          “ยัง...”

          “ถ้ายังไม่ถึงก็รอไปก่อน รอสามปีแล้วแกค่อยมาถามพ่อใหม่ละกัน”

          แปลก...ทุกทีเวลาชินดนัยเอ่ยถามทีไร ท่านนายพลมักจะตอบปฏิเสธให้เด็ดขาดไปเลย แต่คราวนี้มาแปลก กลับบอกให้เขามาถามใหม่อีกที ชินดนัยหรี่ตามองผู้เป็นพ่อที่ทำหน้านิ่งด้วยความสงสัย

          “พ่อไม่ได้วางแผนอะไรไว้ใช่ไหม”

          “ชิน นอกจากแกจะตาฝาดแล้วแกยังเพ้อเจ้ออีกเหรอไง ไม่มีอะไรทำก็ไปได้แล้ว พ่อจะดูโทรทัศน์” เอ่ยจบ ท่านนายพลก็โบกมือเป็นเชิงไล่ทันที

          ชินดนัยส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินกลับเรือนเล็กของตัวเอง ปล่อยให้ท่านนายพลนั่งหัวเราะกับรายการโทรทัศน์ตามลำพัง

          มะรืนเป็นวันแต่งงานของแพรพลอยแล้ว เลขาคนเก่งของเขาคงเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในงานแน่ๆ เห็นคนอื่นเขามีความสุขกัน ชินดนัยก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ หรือเขา...จะเพ้อเจ้อไปเองอย่างที่ท่านนายพลพูด

          ชินดนัยฝืนยิ้มให้กับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง ก่อนจะเปิดประตูเรือนเล็กเข้าไปช้าๆ อยู่คนเดียวมาเกือบสามปี แต่ก็ยังไม่ชินซะที ไม่สิ...ไม่ว่ายังไงเขาก็คงไม่มีทางชินแน่ๆ

          ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรือนเล็กยังคงเหมือนเดิม เหมือนกับตัวเขา...ที่ยังยึดติดอยู่กับอะไรเดิมๆ และรอคอยคนๆเดิมอยู่เสมอ ตั้งแต่วันที่อีกคนจากไป เขาก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรเลย อยากให้ทุกอย่างคงเอาไว้เหมือนตอนที่อีกคนยังอยู่ เพื่อว่าเวลาที่เขากลับมาบ้าน จะได้เฝ้าหลอกตัวเองไปวันๆว่า...ชนวีร์ยังอยู่ ชนวีร์ยังไม่ได้ไปไหน แค่ไปออกพื้นที่ เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็กลับมา

          หลายครั้งหลายคราที่ฝันถึง ถ้าเลือกได้ ชินดนัยก็ไม่อยากตื่นจากความฝันเลย ในฝันยังได้เจอกัน แต่พอตื่นมาทุกอย่างก็พลันสลายหายไป

          ชินดนัยทิ้งตัวลงนอนบนเตียง สอดแขนเข้ารองศีรษะตัวเองก่อนจะต้องชะงัก เมื่อสัมผัสถึงวัตถุบางอย่างที่สอดอยู่ใต้หมอน...


          โคลท์ ดีเฟนเดอร์ .45 !!


          แม้จะไม่ใช่ทหาร แต่ลูกทหารอย่างเขามีหรือจะไม่คุ้นเคยกับปืนผาหน้าไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ปืนที่เขาเป็นคนเลือกซื้อเองกับมือ ปืนที่สลักชื่อของเขาเอาไว้ แล้วให้เป็นของขวัญวันเกิดอีกคน ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่หยิบมาใช้จะได้เตือนใจให้นึกถึงคนที่รออยู่ข้างหลังอย่างเขา

          ที่ผ่านมาชนวีร์ไม่เคยปล่อยให้ปืนกระบอกนี้อยู่ห่างตัวเลยซักครั้ง เหมือนกับเจ้าของปืน...ที่ไม่เคยอยู่ห่างจากเขาเลย ในวันที่ชนวีร์จากไป เขาก็อุ่นใจว่าอีกคนยังมีปืนกระบอกนี้ไว้ดูต่างหน้า บัดนี้...เมื่อปืนกระบอกนี้มาปรากฏแก่สายตา เหตุใดชินดนัยจะไม่เข้าใจความนัยที่อีกคนต้องการสื่อ


          “...กลับมาแล้วใช่ไหม...?”


          ถึงแม้จะไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็น แต่การส่งสัญญาณให้รู้แบบนี้ราวกับคนส่งสาสน์ต้องการจะบอกเขาว่า...การรอคอยที่ยาวนานมันจวนจะสิ้นสุดลงแล้ว

          คฤหาสน์หลังใหญ่รายล้อมด้วยผู้คนมากมาย การที่อีกคนอุกอาจขนาดเอาปืนเข้ามาวางใต้หมอนเขาได้ แสดงว่าต้องมีคนรู้เห็นเป็นใจแน่ๆ

          ชินดนัยยกปืนขึ้นมาพิศดูไปมา ถึงแม้ไม่ได้เห็นและไม่ได้จับมานาน แต่ปืนกระบอกนี้คือกระบอกเดียวกับที่เขาซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้ชนวีร์ไม่ผิดแน่ๆ เขาค่อยๆจรดริมฝีปากลงกับด้ามปืน ย้ำรอยประทับหนักๆ...ราวกับจะฝากไปถึงเจ้าของปืน

          ปืนกลับมาหาเขาแล้ว ชินดนัยก็ได้แต่หวังว่า...เจ้าของของมันคงจะตามมาในไม่ช้า


====================


          “แต่งตัวดีๆหน่อยชิน”

          คุณหญิงชลลดาที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย พร้อมสำหรับออกงานเดินมาจับหูกระต่ายของลูกชายเป็นการใหญ่ ท่านนายพลเองก็เอาแต่ยืนยิ้มๆ ปล่อยให้แม่เขาจัดการลูกชายตามสบาย

          “แม่ครับ ผมไม่ใช่เจ้าบ่าวนะ” ชินดนัยประท้วงเสียงอ่อย

          แรกเริ่มเดิมที ชินดนัยก็ว่าจะสวมสูทธรรมดาไปงานแต่งงานของแพรพลอย เพราะงานจัดแบบเรียบง่ายเป็นกันเอง แต่คุณหญิงชลลดาก็เข้ามาเจ้ากี้เจ้าการพาเขาไปตัดสูท เลือกชุด เลือกรองเท้าให้เขาเสร็จสรรพ เขาเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ทั้งที่เห็นว่ามันไม่จำเป็นเลยซักนิด

          “ได้ยังไงล่ะชิน งานนี้สาวๆมากันเยอะแยะ เผื่อจะมีใครมาตกหลุมรักลูกชายแม่บ้าง”

          ชินดนัยทำหน้าเบ้ทันที ถึงช่วงหลังมานี้ คุณหญิงชลลดากับท่านนายพลจะไม่บังคับให้เขาแต่งงานหรือไปดูตัวกับลูกสาวคนนั้นคนนี้ แต่พอมีผู้หญิงทำท่าสนใจเขาเมื่อไหร่ คุณหญิงชลลดาก็ทำหน้าปลาบปลื้มทุกครั้งไป และอดมาเลียบๆเคียงๆถามเขาไม่ได้ ซึ่งชินดนัยก็ย้ำกลับไปให้คนเป็นแม่ชื่นใจทุกครั้งว่า

          ‘ผมไม่ชอบผู้หญิงคนไหนหรอก’

          เห็นลูกชายทำท่าเหมือนไม่แยแส ไม่สนใจอะไรไยดีผู้หญิงนับสิบที่ดาหน้าเข้ามาให้เลือก คุณหญิงเลยได้แต่ยอมแพ้ ทำใจแล้วว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้มีลูกสะใภ้กับใครเขาแน่ๆ

          “ไปได้แล้วมั้งแม่ ไปสายเดี๋ยวรถก็ติดหรอกครับ”

          ลงท้ายชินดนัยก็ต้องเป็นฝ่ายตัดบท คว้าเอาผู้เป็นแม่ไปควงแขน แล้วเดินนำไปที่รถ ปล่อยให้ท่านนายพลเดินตามหลังมา ตรวจตราความเรียบร้อยอะไรเป็นครั้งสุดท้ายก่อนออกจากบ้าน

          งานแต่งงานของแพรพลอยจัดที่โรงแรม แต่เชิญแขกไม่มากนัก ส่วนมากก็เชิญเฉพาะแขกเหรื่อที่สนิทสนมคุ้นเคยกัน ซึ่งทางครอบครัวของชินดนัยก็ถือเป็นหนึ่งในนั้น เพราะนอกจากจะสนิทสนมกันเป็นอย่างดีแล้ว แพรพลอยยังถือเป็นเลขาคนสนิทของชินดนัยอีก งานนี้เจ้านายที่แสนดีอย่างชินดนัยเลยมาร่วมงานด้วยความเต็มใจ

          ถึงแม้จะออกตัวว่าเป็นงานแต่งงานเล็กๆ เชิญเฉพาะแขกเหรื่อที่สนิทสนมกันจริงๆ แต่พอมาถึงงาน ชินดนัยก็ต้องยอมรับเลยว่าแขกเหรื่อที่มาร่วมงานก็มีไม่น้อย เขาเดินตรงเข้าไปยื่นกล่องของขวัญให้กับเพื่อนเจ้าสาวที่นั่งรับแขกอยู่ ก่อนจะก้มลงเขียนข้อความอวยพรแล้วรับของชำร่วยมาถือเอาไว้

          “ท่านรองคะ มาถ่ายรูปกับแพรหน่อยเร็ว” เจ้าสาวคนสวยร้องบอกก่อนจะโบกไม้โบกมือให้ชินดนัย

          ชินดนัยได้แต่ส่ายศีรษะอย่างระอา ตั้งแต่คนรักของแพรพลอยกลับมา แพรพลอยก็ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น แม้แต่เขาเองยังสัมผัสได้ถึงความสดใสและความสุขที่ตลบอบอวลอยู่รอบตัวเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันสำคัญอย่างวันแต่งงานวันนี้ ดวงหน้าของเธอกระจ่างไปด้วยรอยยิ้มจนเขาอดนึกอิจฉาไม่ได้ งานแต่งงานทำให้ผู้หญิงทุกคนกลายเป็นคนที่สวยที่สุดจริงๆ

          “ขอกอดแพรหน่อยนะครับ” ชินดนัยหันไปบอกเจ้าบ่าวยิ้มๆ พออีกฝ่ายพยักหน้าให้ เขาก็รั้งแพรพลอยเข้ามากอดเอาไว้ ลูบหลังเธอเบาๆ กระซิบอวยพรข้างหู “ยินดีด้วยนะแพร ในที่สุดวันที่คุณรอคอยก็มาถึงเสียที ขอให้มีความสุขในชีวิตคู่มากๆ ขอบคุณที่เป็นทั้งเลขา เป็นทั้งเพื่อน และเป็นน้องสาวของผม”

          “ชินก็เหมือนกันนะคะ แพรขอให้ชินมีความสุขเสียที...”

          แพรพลอยกอดตอบชินดนัยเบาๆ ก่อนจะค่อยๆผละออกจากกัน แล้วหันไปหาตากล้องที่ยืนรอถ่ายรูปบ่าวสาว ชินดนัยถ่ายรูปกับบ่าวสาวไปหลายรูป กว่าแพรพลอยจะยอมให้เขาเดินไปสมทบกับท่านนายพลและคุณหญิงชลลดาที่ยืนรออยู่กับบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่

          บรรยากาศของงานแต่งเป็นไปอย่างเรียบง่ายและสบายๆ ชินดนัยถึงกับหลุดยิ้มออกมา เมื่อเจ้าสาวคนสวยที่ร่าเริงถึงกับน้ำตาซึม เมื่อสไลด์งานแต่งฉายอยู่บนจอโปรเจคเตอร์ เดือดร้อนถึงเจ้าบ่าวต้องรีบรั้งเจ้าสาวเข้ามาใกล้ก่อนจะซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน

          แล้วช่วงเวลาที่สาวๆรอคอยก็มาถึง เมื่อแพรพลอยถือช่อดอกไม้เอาไว้ ก่อนจะยืนหันหลังให้กับบรรดาแขกเหรื่อ

          “ชิน ไม่ออกไปรอรับช่อดอกไม้เหรอลูก”

          “ผมจะรับไปทำไมครับแม่ เขามีแต่ให้ผู้หญิงรับ แล้วผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้แต่งงานด้วย”

          แต่ใครจะรู้ ช่อดอกไม้ในมือแพรพลอยกลับลอยละลิ่วจนมาหยุดอยู่หน้าชินดนัย แล้วสุดท้าย คนที่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้แต่งงานก็ต้องยื่นมือไปคว้าเอาไว้อย่างช่วยไม่ได้

          “ถ้าได้ช่อดอกไม้จากเจ้าสาว เขาว่าจะได้แต่งงานเป็นรายต่อไปนะ”

          ชินดนัยยิ้มหยันออกมาเมื่อได้ฟังความเชื่อที่คนอื่นกล่าว เขาไม่หวังจะได้แต่งงานเป็นรายต่อไป ขอเพียงแค่อีกคนกลับมา...และเราได้อยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่ต้องมีอะไรมากมาย เขาขอแค่นี้จริงๆ

          หลังจบพิธีต่างๆ ก็เป็นงานเลี้ยงในหมู่เพื่อนๆของเจ้าบ่าวเจ้าสาว พวกผู้ใหญ่พากันกลับไปก่อนแล้ว แม้แต่ท่านนายพลกับคุณหญิงเองก็เช่นกัน ชินดนัยหยิบแก้วไวน์มาเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆเดินเลี่ยงออกจากห้องบอลลูมไปยังเทอเรซของโรงแรม บรรยากาศดีๆแบบนี้ เขาเองก็ยังไม่อยากรีบกลับไปนั่งเหงาคนเดียวที่บ้านเหมือนกัน วงดนตรีข้างในกำลังบรรเลงเพลงอย่างครื้นเครง คงมีแต่เขา...ที่ต้องเหงาอยู่คนเดียว

          อยากจะหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาธรณ์ แต่ก็เกรงใจเขตแดน ส่วนเรื่องที่จะให้โทรหาอเล็กซ์ หมอนั่นก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ คงไม่ว่างมารับสายเขาแน่ๆ

          “มีแขกผู้มีเกียรติท่านหนึ่งขอเพลงนี้ไว้นะคะ มอบให้กับคุณชินดนัย...”

          เสียงพิธีกรที่ดังแว่วมาทำเอาชินดนัยนึกขำ คงจะเป็นคนชื่อซ้ำกับเขาแน่ๆ ใครที่ไหนกันจะมาขอเพลงให้เขา แต่พอบทเพลงบรรเลงขึ้นมา กลับกลายเป็นเขาเสียเองที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับถูกสาป


...แสงของพระจันทร์สะท้อนคืนวันมืดหม่น
จะลืมใครซักคน ยากจะลบเลือนความผูกพัน
รักเพียงครั้งหนึ่ง...ติดตรึงไปจนนิรันดร์
ที่เราเคยรักกัน นานแค่ไหนใจยังจดจำ...
...ความรักไม่จางหาย
ไม่มีใครที่จะพรากมันไปจากฉัน...ได้ทั้งนั้น
หัวใจมันเก็บไว้ รักเธอเสมอ จะรอเธอ
ต่อให้กาลเวลาผ่านไป...ซักแค่ไหน
หัวใจ...ไม่เคยหยุดรักเธอ


          ชินดนัยแหงนหน้ามองพระจันทร์ที่กำลังทอแสงลงมา คนเลือกเพลงก็ช่างเลือกได้ตรงใจเขาเหลือเกิน แต่บางที...อะไรที่มันตรงใจเราเกินไปก็ทำให้เราเจ็บได้ง่ายๆเหมือนกัน ชายหนุ่มยกแก้วไวน์ขึ้นจิบช้าๆ หวังจะดับความฟุ้งซ่านที่กำลังก่อตัว

          คืนนี้บรรยากาศดี มีแต่กลิ่นไอของความรัก ขนาดพระจันทร์ยังเป็นใจทอแสงสีนวลลงมา คงมีแต่เขาที่ยืนเหงาอยู่ตรงนี้ ได้แต่ฮัมเพลงที่เพิ่งจบไปเบาๆ

          “ต่อให้กาลเวลาผ่านไป...ซักแค่ไหน หัวใจ...ไม่เคยหยุดรักเธอ”

          ทันทีที่เสียงเพลงจบลง วงแขนแข็งแรงก็ยื่นมาโอบรอบตัวเขาอย่างถือวิสาสะราวกับรอโอกาสนี้อยู่ ริมฝีปากร้อนผ่าวยื่นมากระซิบชิดใบหูจนได้กลิ่นที่คุ้นเคย กลิ่นอ่อนๆที่โชยมายังไม่อาจทำให้หัวใจกระตุกได้เท่าประโยคที่เอ่ยออกมา


          “Veux-tu m'épouser?”


          ร่างกายของชินดนัยพลันแข็งทื่อ หน้าร้อนผ่าวเอาดื้อๆ ไม่รู้ด้วยฤทธิ์ไวน์หรือประโยคสื่อความนัยจากใครบางคน ทั้งที่มีคำพูดที่อยากจะพูดมากมาย แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว สิ่งที่หลุดออกมาจากปากกลับมีเพียงแค่...

          “กลับมาแล้วเหรอ”

          “กลับมาแล้ว...”

          “ขอบคุณที่กลับมา...”
       
          “ขอบคุณที่รอกัน...”


จบ









          เดี๋ยว...ยังมีต่ออีกนิด...


          วงแขนแข็งแรงกระชับแน่นเข้ากว่าเดิม ก่อนจะเอ่ยถามคำถามเดิมซ้ำข้างหู...

          “Veux-tu m'épouser?”

          คำถามที่ดังซ้ำมาอีกครั้งให้ได้กระดากอาย พาลทำให้นึกถึงช่อดอกไม้เจ้าสาวที่เพิ่งฝากผู้เป็นแม่เอากลับไป บ้าน่า...เขาจะต้องแต่งงานเป็นคนต่อไปจริงๆน่ะหรือ

          “ตอบเร็ว นายได้ช่อดอกไม้จากเจ้าสาวไม่ใช่เหรอไง ก็ต้องแต่งงานเป็นคนต่อไปสิ...”

          “พี่รู้?...”

          “Veux-tu m'épouser?”

          ท้ายที่สุดแล้ว...ก็มีเพียงแค่คำตอบแผ่วๆที่ดังออกจากปาก

          “Oui...”

          ส่วนคนที่เอ่ยขอก็คลี่ยิ้มบางๆในความมืด ฮึมฮัมเพลงที่ทำเอาคนฟังหน้าแดงหนักกว่าเดิม


...และเรามีเพียง...งานวิวาห์เดียวดายภายใต้แสงจันทร์
สุขสกาวดวงดาวแพรวพราวนับหมื่นร้อยพัน
ร่วมกันเป็นพยานแห่งรัก ที่ไม่มีพิธีใดจักสำคัญ...เหนือใจ


          ดวงดาวและดวงจันทร์เป็นพยาน ไม่ต้องเป็นพยานในงานวิวาห์ แค่เป็นพยานว่า...เราสองคนจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่ว่าจะต้องเจออะไรก็ตาม เราจะผ่านพ้นมันไปด้วยกัน...


จบบริบูรณ์


* Veux-tu m'épouser? = Will you marry me?


# จบแล้วววว ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมากๆเลยนะคะ /กราบ/
# สงสัยค่าตัวผู้พันจะน้อย ออกมากระจึ๋งนึง หวานสุดแค่นี้ ฮาาาาาา
# ตอนแรกกะจะจบแค่ตอนที่ชินดนัยถามว่ากลับมาแล้วเหรอด้วย แถมอีกนิด
# ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกคนที่ติดตามนะคะ หวังว่าจะมีความสุขกับเรื่องนี้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: kuichai ที่ 11-06-2013 20:47:48
ขอบคุณค่ะ

ชอบมากกกกกกกกกกก ทั้ง เขตแดน ธรณ์ ชินดนัย ชนวีร์ อเล็กซ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 11-06-2013 20:59:35
สิ้นสุดการรอคอยพี่วี&ชิน
มีการขอแต่งงานด้วย หวานส่งท้าย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 11-06-2013 21:03:36
ขอฉากหวานๆของชินกับพี่วีร์อีกสักตอนเถอะนะ

ได้โปรด  :man1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 11-06-2013 21:05:33
ยังไม่ฟินเลยค่ะ มาต่อตอนพิเศษอีกนิดนะ :mew2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 11-06-2013 21:29:58
ชื่นใจครับ
ขอบคุณ
 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 11-06-2013 21:39:42
มีความสุขค่ะ รู้สึกเหมือนแต่งลูกสาวออกเรือนเลยล่ะ ^^
แต่หมั่นไส้ท่านนายพลนิดๆ ^^
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 11-06-2013 21:56:40
ในที่สุดก็ถึงวันที่รอคอย ดีใจมากๆ ครั้งนี้น้ำตาซึมแต่มีความสุข
อยากอ่านหลังจากนี้บ้าง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 11-06-2013 22:58:33
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 11-06-2013 23:03:48
หายเศร้าเสียทีหวังว่าจะมีตอนพิเศษหวานๆนะคะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 11-06-2013 23:10:29
สนุกมากค้าาาาา จะรอหนังสือนะคะ พลาดพี่เภาน้องแอล ไปแล้วเรื่องนี้ไม่พลาดแน่ๆๆๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 11-06-2013 23:15:11
สนุกมาก ชอบทั้งสองเรื่องเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 11-06-2013 23:15:32
เพิ่มเงินค่าตัวให้ผู้พันเล่นต่ออีกสักตอนสองตอนได้หรือเปล่าค่ะ ยังไม่ทันจะหวานชื่นกันเลย จบแล้วเหรอเนี่ย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 11-06-2013 23:21:10
ยังไม่ทันได้หวานกว่านี้เลยยยตัดฉึบ!
แต่ชินเก่งอะรอได้ แบบรักมาก
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 11-06-2013 23:29:33
 อ๊ากกกกซ์   :z3: ทำไมมันสั้นนักอ่า จะรีบจบไปไหน อยากอ่านอีก :ling1:
ดีนะที่มีน้ำตาลหวานๆมาให้ยิ้มได้ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 12-06-2013 01:17:01
จบแล้ว.....

อ่านทันแล้ว อ่านจบแล้ว

กว่าจะจบเสียน้ำตาไปหลายลิตร ยาลม ยาดมอีกหลายขวด (ลุ้นมากไปหน่อย)

และแล้วก็ลงเอยด้วยดี นึกว่าจะต้องเสียน้ำตานานกว่านี้เสียอีก

ดีนิดหนึ่งที่เนื้อเรื่องเดินอย่างรวดเร็วไม่ต้องซ้ำใจนาน

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่แบ่งปันขอรับ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 12-06-2013 15:02:33
ตอนจบผู้พันออกมานิดหน่อย  แต่ตอนพิเศษผู้พันจะออกมาเต็มๆ เลยใช่ใหมค่ะ    :mew1:


:pig4:  ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ 

ปล. มัดมือชกคนเขียนให้แต่งตอนพิเศษ  555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 12-06-2013 15:44:39
ค่าตัวน้อยจริงๆๆ

พี่วีร์ถึงปุ๊บปับ หายไปเลย ออกก็ออกมาน้อย

แต่ชอบทุกคู่เลย
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 12-06-2013 16:20:56
ขอพิเศษใส่ไข่อีกนิดๆๆๆๆ ว่าหายไปไหนมา 3ปี อยากรู้ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # 5 (ตอนจบ) :: 11.06.2013」หน้าที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 12-06-2013 17:55:57
ในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดลง

ต่อไปนี้จะมีแต่ความสุข

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # ตอนพิเศษ :: 12.06.2013」หน้าที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 12-06-2013 21:45:56
มากกว่ารัก

ตอนพิเศษ



          แสงแดดยามเช้าส่องผ่านผ้าม่านผืนบางกระทบสองร่างที่นอนกอดกันอยู่ ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของผิวคร้ามแดดค่อยๆขยับตัว หยีตาสู้แสงแดดที่ส่องเข้ามา มือคว้าเอานาฬิกาที่วางอยู่ข้างหัวเตียงมาดูก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ

          “หือ?...สิบโมงกว่าแล้วเหรอ”

          นายทหารหนุ่มค่อยๆคลายวงแขนที่โอบกอดอีกคนออก ชินดนัยขยับตัวนิดๆก่อนจะนอนหลับต่อด้วยความอ่อนเพลีย เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนมองจนอดใจไม่ไหว ต้องโน้มหน้าเข้าไปกดจูบที่หน้าผากคนหลับเบาๆ แล้วถึงค่อยก้าวขาลงจากเตียงด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้เผลอปลุกคนที่นอนหลับอยู่

          ผู้พันชนวีร์คว้าเอาชุดนอนของตัวเองที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นมาสวม ก่อนจะก้มลงเก็บของชินดนัยไปวางพาดไว้กับเก้าอี้ กำลังจะเข้าห้องน้ำ เดินผ่านกระจกเห็นรอยเล็บกระจายอยู่ทั่วหลังก็เผลอยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี

          หลังจากจัดการกับตัวเองจนเรียบร้อยแล้ว ออกมาจากห้องน้ำก็เห็นชินดนัยยังคงหลับอยู่ แต่นายทหารหนุ่มก็ไม่คิดที่จะปลุกอีกฝ่าย ไหนๆก็เป็นวันเสาร์ แถมเมื่อคืนยังถูกเขาเอาเปรียบไปเสียเยอะ กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า ปล่อยให้นอนตื่นสายหน่อยคงไม่เป็นไร

          ชนวีร์เดินเอื่อยๆจนมาถึงเรือนใหญ่ ก้าวขาเข้าไปไม่ทันไรก็เห็นท่านนายพลกับคุณหญิงกำลังนั่งอยู่ตรงโซฟารับแขก พอเห็นลูกชายบุญธรรมเดินมาตามลำพัง ท่านนายพลก็ละสายตาจากหนังสือพิมพ์ เงยหน้าขึ้นมาถามทันที

          “เพิ่งจะตื่นเหรอไง แล้วเจ้าชินล่ะ”

          “ชินยังหลับอยู่เลยครับ”

          “นี่มันจะเที่ยงแล้วนะ ทำไมไม่ปลุกให้มากินข้าวด้วยกันละ เดี๋ยวแม่เดินไปปลุกให้เอาไหม” คุณหญิงเอ่ยพลางกระวีกระวาดจะรีบเดินไปที่เรือนเล็ก เดือดร้อนถึงชนวีร์ต้องรั้งแขนผู้เป็นแม่เอาไว้

          “ไม่ต้องหรอกครับแม่ ชินเพิ่งได้นอนไปไม่กี่ชั่วโมงเอง”

          “อ้าว ทำอะไรกันดึกดื่น ไม่หลับไม่นอนล่ะลูก”

          “อะแฮ่ม...” ท่านนายพลกระแอมเบาๆ พอเห็นคุณหญิงหันมามองเลยรีบเอ่ยขัด “คุณไปเรียกแม่บ้านเตรียมข้าวเช้าให้เจ้าวีร์ไป เดี๋ยวมันก็หิวซะก่อนหรอก”

          พอได้ยินที่ท่านนายพลเอ่ยท้วง คุณหญิงเลยพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปในครัว ส่วนชนวีร์ก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่เห็นสายตาท่านนายพลก็นึกรู้ทันทีว่าผู้เป็นพ่อคงรู้แน่ๆ ว่าทำไมชินดนัยถึงยังไม่ตื่น ให้ทำยังไงได้ล่ะ อยากจับเขาแยกจากชินดนัยถึงสามปีเองนะ เขาก็ต้องคิดถึงมากเป็นธรรมดา

          “วันจันทร์อย่าลืมเข้าไปรายงานตัวด้วยล่ะ” ท่านนายพลเอ่ยเตือนลูกชายขึ้นมา

          นายทหารหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงรับคำ แท้จริงแล้วคนที่จับเขากับชินดนัยแยกกันอย่างท่านนายพล กลับเตรียมการทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาถูกส่งตัวไปเป็นผู้ช่วยทูตทหารบกประจำกรุงปารีส กินระยะเวลาดำรงตำแหน่งถึงสามปีเต็ม ตลอดระยะเวลาสามปีก็มีท่านนายพลที่คอยติดต่อและแจ้งข่าวกับเขาอยู่ตลอด พอครบกำหนดพ้นวาระ เขาก็เดินทางกลับมาประเทศไทยทันที

          “แล้วบอกเจ้าชินหรือยัง”

          “ยังเลยครับ ยังมีเวลาอีกเยอะ”

          พอฟังที่ชนวีร์พูด ท่านนายพลเลยหัวเราะหึๆออกมาทันที ถ้าหลังจากนี้เขายังปล่อยชนวีร์ไปประจำที่อื่นอีก มีหวังเขาคงต้องรบกับลูกชายคนเดียวอย่างแน่ๆ เพราะดูท่าว่าชินดนัยคงไม่ยอมปล่อยชนวีร์ไปไหนไกลๆอีกแล้ว เห็นเงียบๆก็เถอะ เจ้าลูกชายของเขามันหวงของๆมันจะตาย

          คุณหญิงชลลดาเดินออกมาจากห้องครัว เห็นพ่อลูกนั่งคุยกันอยู่ก็คลี่ยิ้มออกมา อันที่จริงเธอเองก็รู้เรื่องที่ท่านนายพลส่งชนวีร์ไปต่างประเทศมาซักพักแล้ว แม้จะสงสารชินดนัย แต่ก็ต้องยอมรับตามที่ท่านนายพลบอก...เพื่อพิสูจน์ตัวเองและเพื่อความก้าวหน้าของชนวีร์

          “หยุดคุยกันก่อน มากินข้าวเร็วตาวีร์”

          ชนวีร์หันมาตามเสียงเรียกก่อนจะยิ้มรับน้อยๆ กำลังจะเดินไปที่โต๊ะอาหารก็ต้องชะงักเสียก่อน เมื่อผู้เป็นพ่อเอ่ยทักลูกชายอีกคนที่เดินงัวเงียเข้ามานั่งแปะที่โซฟา

          “พี่วีร์ ทำไมไม่ปลุกผม”

          “ตื่นแล้วเหรอลูก มากินข้าวพร้อมพี่เขาเลยมา”

          ชนวีร์ขยี้หัวชินดนัยด้วยความเอ็นดูก่อนจะดึงคนที่เพิ่งตื่นให้ลุกเดินตามมา เห็นท่านนายพลมองมาแล้วทำหน้าแปลกๆก็ชะงักเล็กน้อย เขามองตามสายตาท่านนายพลที่มองชินดนัย พอเห็นว่าอะไรเป็นอะไรเลยยิ้มกริ่ม ก่อนจะค่อยๆหันไปกระซิบข้างหูชินดนัยเบาๆ

          “รอยเต็มคอนายเลย”

          ชินดนัยหันขวับไปมองกระจกก่อนจะหน้าแดงก่ำทันที ได้แต่ชี้นิ้วใส่คนที่รีบเดินหนีไปเป็นเชิงคาดโทษ พอสบตาเข้ากับผู้เป็นพ่อก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ

          ให้ตายเถอะ พอเขาตื่นมาไม่เจอชนวีร์ก็รีบตรงมาที่เรือนใหญ่ กลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีหายไปไหนอีก ไม่ทันได้สำรวจตัวเองให้เรียบร้อยเสียก่อน ร่องรอยความรักที่แสดงต่อกันเมื่อคืนมันถึงได้เที่ยวออกมาอวดสายตาผู้เป็นพ่อแม่อยู่แบบนี้


====================


          “ถ้าจะออกไปข้างนอกก็แต่งตัวให้มิดชิดหน่อยนะชิน”

          นั่นคือประโยคที่ท่านนายพลเอ่ยกับชินดนัย หลังจากที่เขารีบกินข้าวเช้าแล้วขอตัวกลับมาเรือนเล็กด้วยความอับอาย ระหว่างทางก็เอาแต่พร่ำโทษตัวต้นเหตุที่เดินฮัมเพลงตามหลังมาอย่างอารมณ์ดี นึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอีกฝ่ายเสียเหลือเกิน

          พอเปิดประตูเรือนเล็กเข้ามา ชินดนัยก็ทำท่าจะชิ่งเดินหนีเข้าห้องทันที แต่ก็ยังช้ากว่าอีกคนที่รั้งตัวเขาเข้ามากอดเอาไว้หลวมๆ เสียงทุ้มห้าวเอ่ยถามเบาๆอยู่ข้างหู

          “อารมณ์เสียอะไรหืม?...”

          “พี่ไม่ต้องมาทำไขสือเลยนะ”

          “ถ้านายไม่บอก แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะ”

          “คราวหลังผมไม่ให้พี่ทำรอยแล้วนะ พ่อกับแม่เห็นหมด”

          “อายทำไม ยังไงพ่อกับแม่ก็รู้ว่าเรารักกัน”

          “ผมไม่ได้อาย แต่ผมเกรงใจพ่อกับแม่ ไม่อยากให้พวกท่านไม่สบายใจ”

          นายทหารหนุ่มกระชับอ้อมกอดแน่นเข้า ค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องกดจูบลงข้างแก้มคนที่ยืนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดเขาเบาๆ

          “ฮื้อ...พี่ทำอะไรน่ะ...”

          “ฉันรับรองว่าจะไม่ทำให้นายกับพ่อแม่ลำบากใจ ถ้าอยู่ข้างนอกเราจะเป็นพี่เป็นน้องกันเหมือนเดิม แต่...”

          “แต่อะไร?...” ชินดนัยถามด้วยความระแวงทันที

          “แต่ถ้าอยู่ด้วยกันสองคน ฉันจะทำตามใจตัวเอง”

          “ไม่รู้ล่ะ แต่คราวหลังห้ามทำรอยประเจิดประเจ้ออีกนะ ถ้าเกิดคนอื่นถาม ผมจะตอบว่ายังไง”

          “ทีนายยังทำเหมือนกันเลย”

          พูดเปล่าก็กลัวชินดนัยจะไม่เชื่อ ผู้พันเลยถอดเสื้อนอนออก สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของชินดนัยไม่ใช่แผงอกและมัดกล้าม แต่เป็นรอยเล็บเต็มแผ่นหลังที่ดูก็รู้ว่าเป็นฝีมือเขาแน่ๆ ได้แต่ยืนหน้าแดงก่ำก่อนจะเอ็ดอีกคนเสียงดุ

          “พี่จะถอดเสื้อออกมาทำไม”

          “ไปอาบน้ำด้วยกัน”

          นอกจากจะตอบไม่ตรงคำถามแล้ว ยังลากเขาเดินหลุนๆไปที่ห้องน้ำอีก เขาไม่ใช่ลูกน้องใต้บังคับบัญชาของผู้พันชนวีร์นะ

          “หา...”

          “ไม่ต้องหาแล้ว เดี๋ยวฉันจะพานายไปข้างนอก อาบด้วยกันนี่แหล่ะ จะได้เสร็จไวๆ”

          ฟังที่อีกคนเอ่ยอ้างออกมาหน้าตาเฉย ชินดนัยก็คันปากยิบๆ อยากจะถามเหลือเกินว่าที่จะเสร็จไวๆน่ะ หมายถึงการอาบน้ำหรืออย่างอื่นกันแน่ แค่เมื่อคืนยังไม่พออีกหรือไง อะไรจะคิดถึงเขารุนแรงขนาดนี้ เล่นเอาเขาตื่นมาเสียเกือบเที่ยง


====================


          “ผมว่าผมจะทำห้องน้ำที่เรือนเล็กเพิ่มอีกห้องดีกว่า”

          ชินดนัยเอ่ยพลางกัดฟันแน่น เหลือบตามองนาฬิกาบนรถก็เห็นว่าเป็นเวลาบ่ายสองแล้ว นี่พวกเขาสองคนใช้เวลาอาบน้ำกันถึงหนึ่งชั่วโมง เสร็จไวอย่างที่พูดไหมล่ะ

          “หืม? ของเดิมก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอไง” นายทหารหนุ่มที่รับหน้าที่สารถีเอ่ยถามเสียงนิ่งๆ แต่ดวงตาพราวระยับ ดูก็รู้ว่าเข้าใจความหมายที่ชินดนัยต้องการสื่อ

          “มีสองห้องจะได้อาบกันคนละห้องไง พี่จะได้ไม่ต้องมาแย่งห้องน้ำกับผมให้ลำบาก”

          “ฉันไม่ได้ลำบากเสียหน่อย อาบน้ำกับนายน่ะ...ดีจะตาย”

          “ฮึ้ย...”

          สุดท้ายชินดนัยเลยได้แต่ครางออกมาอย่างขัดใจ ก่อนจะเสเบือนหน้าออกนอกรถ ยังไม่รู้เหมือนกันว่าคนขับจะพาเขาไปไหนกันแน่ หลังจากอาบน้ำเสร็จก็ลากเขาออกจากบ้าน บอกแค่ว่าจะไปข้างนอก กำลังจะเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย ทิวทัศน์สองข้างทางก็ทำให้เขาต้องร้องอ๋อออกมาทันที

          “ทำไมถึงมาที่กรมล่ะ”

          “มาเก็บของ” คนถูกถามตอบสั้นๆ ไม่ได้ขยายความอะไรอีก

          ชินดนัยถึงกับนิ่งเงียบไป เขายังไม่รู้เลยว่าตลอดระยะเวลาสามปีที่หายไป ชนวีร์หายไปไหน และกลับมาคราวนี้จะมาอยู่กับเขานานแค่ไหนกัน หรือจะมาอยู่แค่ประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็จากเขาไปอีก

          รถยนต์จอดลงหน้าบ้านพักหลังเดิมที่ชนวีร์เคยอยู่มาตลอด นายทหารหนุ่มล้วงกุญแจออกมาไข แล้วเดินเข้าไปช้าๆ กวาดตาดูรอบๆด้วยความคิดถึง ฝุ่นไม่ได้จับอย่างที่คิด คงต้องขอบคุณผู้กองติสรณ์ที่ส่งคนมาคอยทำความสะอาดอยู่เสมอ ทุกสิ่งทุกอย่างยังเหมือนเดิม เหมือนเมื่อสามปีที่แล้ว

          “นายนั่งรออยู่ข้างล่างก็ได้ เดี๋ยวฉันขึ้นไปเก็บของแป๊บเดียว” ชนวีร์เอ่ยบอกชินดนัยที่เดินตามหลังเข้ามา ก่อนจะเดินขึ้นไปที่ห้องนอน

          นายทหารหนุ่มหยิบเอากระเป๋าเดินทางออกมาจากข้างเตียง เปิดตู้เสื้อแล้วหยิบเสื้อผ้าที่เหลืออยู่ไม่กี่ชุดออกมา ข้าวของที่บ้านพักไม่ค่อยเหลืออะไรมากแล้ว เพราะเขาให้ผู้กองติสรณ์มาช่วยเก็บบางส่วนไปก่อนที่เขาจะกลับมา กำลังจะรูดซิปปิดกระเป๋าเดินทางก็ต้องชะงักน้อยๆ เมื่อรู้สึกถึงวงแขนที่กอดรัดเขาจากข้างหลังพร้อมกับอาการตัวสั่นน้อยๆของเจ้าของวงแขน

          “พี่จะหนีผมไปไหนอีก...” เสียงกระซิบตัดพ้อดังอู้อี้อยู่กับแผ่นหลังของเขา

          “ฉันไม่ได้จะหนีไปไหน”

          “แล้วจะเก็บของทำไม แค่จากผมไปสามปียังไม่พออีกเหรอไง ผมไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่พี่คิดนะ”

          ชนวีร์ถึงกับนิ่งไป ดูท่าทางชินดนัยคงจะเข้าใจเขาผิดไปกันใหญ่แน่ๆ ชายหนุ่มปลดแขนชินดนัยออกจากตัวท่ามกลางอาการขัดขืนเล็กๆของเจ้าตัว ก่อนจะนั่งลงที่ปลายเตียงแล้วดึงชินดนัยลงมานั่งข้างๆ โอบรั้งอีกคนเข้ามาใกล้ ลูบแผ่นหลังไปมาช้าๆอย่างปลอบประโลม

          “ฟังนะชิน...ฉันไม่ได้จะหนีนายไปไหน ที่กลับมาเก็บของที่นี่ก็เพื่อจะย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านกับนายไง”

          “แล้วทำไมไม่บอกผม” คนที่หลงเสียใจไปก่อนอดถามเสียงขุ่นแก้เก้อไม่ได้

          “ก็นายไม่ถามฉันเอง”

          ปลายนิ้วแข็งแรงเกลี่ยหยาดน้ำตาออกจากรอบดวงตาชินดนัยเบาๆ ชินดนัยเสเบือนหน้าหนีไปอีกทางด้วยความกระดากที่เผลอแสดงความอ่อนแอออกมาง่ายๆอีกแล้ว เป็นความผิดเของขาเองเหมือนกันที่ไม่ยอมถามให้ดีๆก็รีบชิงตีตนไปก่อนไข้

          “จะไม่อยู่ที่นี่แล้วเหรอ” ถามพลางชินดนัยก็กวาดตามองไปรอบๆ

          หลังจากรับราชการทหารมาระยะหนึ่ง ชนวีร์ก็ย้ายมาอยู่บ้านพักที่กรม เนื่องจากเขาต้องเดินทางไปๆมาๆระหว่างที่กรมกับที่ค่ายบ่อยๆ เกรงว่าถ้าอยู่ที่บ้านอาจจะไม่สะดวก แต่ในเมื่อตอนนี้เขากลับมาประจำอยู่ที่กรมเป็นการถาวรแล้ว บ้านพักที่นี่ก็คงไม่จำเป็นอีกต่อไป

          “ไม่จำเป็นแล้วล่ะ”

          “ทำไม...?” ชินดนัยเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

          “ฉันจะกลับไปอยู่กับนายที่บ้านไง”

          “อ้าว...แล้วงาน?...”

          “รู้ไหม...ช่วงสามปีฉันหายไปไหน”

          ชินดนัยส่ายหน้าช้าๆแทนคำตอบ ถ้าเขารู้ว่าชนวีร์หายไปไหน สามปีที่ผ่านมาเขาคงไม่ต้องกังวลจนแทบบ้า แต่เพราะไม่รู้ เพราะได้แต่รอ ทุกวินาทีที่ผ่านไปจึงมีแต่ความกระวนกระวายเสมอ และเมื่อวานตอนที่อีกฝ่ายกลับมา เขาเองก็มัวแต่ดีใจจนไม่ได้คิดจะเอ่ยถามอะไรออกไป

          “ฉันอยู่ฝรั่งเศส...”

          แค่ประโยคแรกที่ผู้พันเกริ่นออกมา ชินดนัยก็ถึงกับครางออกมาเบาๆ แสดงว่าที่เขาเห็นชนวีร์ที่สนามบินวันนั้น เขาก็ไม่ได้ตาฝาดและเพ้อเจ้อไปเอง แต่เป็นชนวีร์จริงๆ

          “พ่อทำเรื่องส่งฉันไปเป็นรองผู้ช่วยทูตทหารที่ปารีส เตรียมทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ แม้กระทั่งทำเรื่องย้ายฉันกลับมาประจำที่กรมหลังกลับมา ขอให้ฉันแยกจากนายสามปี เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเองของฉันและนาย ฉันยอมรับข้อเสนอของพ่อ เพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกันตลอดไป พอครบสามปีฉันก็กลับมาทันที”

          “กลับมาคราวนี้ จะไม่ทิ้งผมไปไหนแล้วใช่ไหม”

          ผู้พันคว้ามือชินดนัยมาวางแนบแก้ม ก่อนจะค่อยกดริมฝีปากลงกลางฝ่ามือ...แทนคำสัญญา แทนคำสาบาน แทนทุกถ้อยคำที่อยากพูดออกไป

          “สัญญา...จะอยู่กับนายตลอดไป”


====================


          หลังจากลูกชายสองคนกลับมาอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา คุณหญิงชลลดาเลยถือโอกาสเข้าครัวทำกับข้าวด้วยตัวเอง ท่านนายพลที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าวมองแม่ครัวใหญ่ยืนบัญชาการ โดยมีชินดนัยกับชนวีร์คอยช่วยเป็นลูกมืออย่างขำๆ

          “เดี๋ยวแม่บ้านเขาก็ตกงานกันหรอกคุณ มานั่งนี่มา”

          คุณหญิงค้อนผู้เป็นสามีตาคว่ำก่อนจะบ่นกระปอดกระแปด

          “ไม่ช่วยก็อย่าขัดค่ะคุณ ลูกไม่ได้อยู่บ้านหลายปี ฉันก็ต้องฉลองที่ลูกกลับมาหน่อยสิ”

          “ผมก็อยู่บ้านมาตลอดนะแม่” ชินดนัยเอ่ยค้านอย่างงงๆ

          “แม่ไม่ได้หมายถึงชิน แม่หมายถึงตาวีร์ต่างหาก” คุณหญิงตอบก่อนจะยิ้มหวาน เล่นเอาลูกแท้ๆถึงกับหน้าแตก ส่วนผู้เป็นพ่อกับลูกชายบุญธรรมก็พากันหัวเราะเสียงดัง

          “เดี๋ยวผมก็ไม่ช่วย แล้วให้ลูกชายอีกคนของแม่ช่วยคนเดียวหรอก”

          “โอ๋...แม่รักลูกสองคนเท่ากันน่า”

          ชนวีร์หัวเราะออกมาเบาๆ รู้ว่าชินดนัยก็แกล้งบ่นไปอย่างนั้นเอง เวลานี้คนที่มีความสุขมากกว่าใครคงหนีไม่พ้นชินดนัย เหมือนได้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาไว้ในกำมือ แม้กระทั่งความสุขที่เคยหลุดลอยหายไป เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยดังไม่หยุดตลอดมื้ออาหาร จนแม้แต่เด็กในบ้านยังพากันอมยิ้มไปด้วย

          หลังเสร็จมื้ออาหาร สี่คนพ่อแม่ลูกก็ชวนกันมานั่งดูทีวีอยู่ตรงโซฟา ชินดนัยเลยได้ทีหันไปท้าวความแต่หันหลังเอากับผู้เป็นพ่อ

          “ผมรู้แล้วนะว่าพ่อเป็นคนส่งพี่วีร์ไปฝรั่งเศส”

          “ก็เออน่ะสิ เพิ่งรู้หรือไง”

          “แล้วพ่อก็ไม่เคยคิดจะบอกผมเลยนี่นะ”

          “ถ้าบอกแล้วจะมีความหมายอะไร ฉันไม่คิดด้วยซ้ำว่าแกจะยอมรอเจ้าวีร์ถึงสามปีเต็มๆ ต่อจากนี้ก็ดูแลกันให้ดีๆล่ะ”

          “พ่อกับแม่ยอมรับเรื่องของเราแล้วใช่ไหม”

          ท่านนายพลกับคุณหญิงหันมาสบตากัน ก่อนที่ท่านนายพลจะพยักเพยิดให้คุณหญิงเป็นคนพูดแทน

          “จะเรียกว่ายอมรับก็คงไม่ถูกนักหรอก แต่ความสุขของพ่อแม่ก็คือความสุขของลูก พ่อกับแม่อยากเห็นลูกสองคนมีความสุข อะไรที่เป็นความสุขของลูก พ่อกับแม่ก็จะพยายามเข้าใจและยอมรับมันให้ได้”

          ชินดนัยกับชนวีร์ค่อยๆคุกเข่ามากราบแทบเท้าผู้เป็นพ่อแม่ ก่อนจะถูกรั้งเข้าไปกอดเอาไว้ทั้งคู่ ถึงแม้คนอื่นในสังคมจะไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร ตราบเท่าที่พ่อกับแม่เข้าใจ พวกเขาสองคนก็พอใจแล้ว

          “ขอบคุณครับ ขอบคุณที่เข้าใจเราสองคน”

          “ผมสัญญา...ว่าจะไม่ทำให้เสื่อมเสียมาถึงชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลแน่ๆ”

          คุณหญิงกอดลูกชายสองคนไว้แน่นๆในอ้อมแขน ตอนที่ชนวีร์จากไป ไม่ใช่แค่ชินดนัยที่เสียใจ แม้แต่เธอเองก็ยังอดใจหายไม่ได้ มันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับในความรักของลูกชายสองคน แต่ความรักที่มีให้ลูกมันก็มากมายจนเธอทำใจยอมรับได้ในที่สุด

          “แม่รักลูกสองคนนะ...”

          พอเห็นแม่กับลูกๆเขาทำท่าจะซึ้งกันอยู่สามคน ท่านนายพลเลยกระแอมเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปากไล่ลูกชายหน้าตาเฉย

          “ไปๆ พากันกลับเรือนเล็กไปได้แล้ว พ่อจะอยู่กับแม่แกสองคนบ้าง”

          ชินดนัยกับชนวีร์หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะพากันเดินออกไป คุณหญิงมองตามหลัง เห็นภาพลูกชายสองคนที่เดินเคียงกัน ริมฝีปากก็ขยับเป็นรอยยิ้มบางๆ แค่เห็นลูกมีความสุข เธอเองก็พลอยมีความสุขไปด้วย

          “คุณหญิง ผมมีเรื่องจะสารภาพ...” ท่านนายพลเอ่ยขึ้นมาเบาๆ เรียกความสงสัยจากคู่ชีวิตได้เป็นอย่างดี

          “ทำไมคะ? อย่าบอกนะว่าคุณมีอีหนูซุกเอาไว้”

          “เปล่าจ้ะ อย่าเพิ่งตาเขียวสิ ผมแค่จะสารภาพว่า...”

          “ว่า?...”

          “สมัยหนุ่มๆผมเคยสัญญากับพ่อเจ้าวีร์เอาไว้ ว่าถ้ามีลูกจะให้ลูกผมกับมันแต่งงานกัน ใครจะไปรู้ว่าจะมีลูกเป็นผู้ชายเหมือนกัน...”

          “เพราะคุณไปสัญญาเอาไว้แบบนี้นี่เอง แต่ช่างมันเถอะ ถึงลูกเราจะแต่งงานไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ขอให้ลูกเรามีความสุขก็พอแล้ว”

          สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่แล้ว ความสุขของลูกย่อมมาก่อนเสมอ และท่านนายพลกับคุณหญิงเองต่างก็เชื่อมั่นว่า...ชินดนัยกับชนวีร์จะช่วยประคับประคองและดูแลกันตลอดไปอย่างแน่นอน ในเมื่อความห่างไกลกับการรอคอยยังไม่อาจทำให้ทั้งคู่เปลี่ยนใจจากกัน ก็คงไม่มีอะไรที่ต้องหวั่นอีกแล้ว


====================


          “หือ?...”

          ผู้พันขมวดคิ้วอย่างสงสัย เมื่อเห็นโคลท์ ดีเฟนเดอร์ .45ถูกส่งคืนกลับมา เขาเป็นคนเอามาวางไว้ใต้หมอนของชินดนัยที่เรือนเล็กเอง และตอนนี้ชินดนัยก็กำลังคืนกลับมาให้เขา

          “ของพี่ไง เอาคืนไปสิ”

          “นายเก็บไว้เถอะ มันไม่จำเป็นแล้วล่ะ” ชนวีร์ตอบพลางผลักปืนกระบอกเล็กคืนกลับไปให้ชินดนัย

          “ทำไม? ไม่อยากได้แล้วเหรอ”

          นี่ชินดนัยคงคิดว่าเขาไม่อยากได้ของขวัญที่เจ้าตัวเป็นคนซื้อให้แน่ๆ เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว

          “ไม่ใช่ไม่อยากได้ ปืนกระบอกนี้ก็เหมือนของดูต่างหน้านาย แต่ตอนนี้มันไม่จำเป็นแล้ว เพราะฉันจะไม่จากนายไปไหนอีก เลยไม่จำเป็นต้องมีของดูต่างหน้ายังไงล่ะ”

          พอฟังคำตอบที่อีกคนอธิบาย ชินดนัยก็คลี่ยิ้มออกมา แต่ก็ยังยัดปืนใส่มืออีกฝ่ายอยู่ดี

          “ผมให้เป็นของขวัญพี่ พี่ก็ต้องเก็บเอาไว้สิ คืนผมได้ยังไง”

          “แค่ฉันมีนาย ก็ไม่มีอะไรสำคัญแล้ว” ถึงปากจะพูดอย่างนั้น แต่ผู้พันชนวีร์ก็ยอมรับปืนมาแต่โดยดี

          “ขอบคุณที่กลับมานะ...”

          “ขอบคุณที่รอฉันเหมือนกัน”

          ชินดนัยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข หนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เขาก็ไม่คิดจะหวั่นอีกต่อไป แค่มีอีกคนกุมมือเขาไว้ แล้วก้าวเดินไปด้วยกัน แต่...

          “พี่จะทำอะไร” ถามออกไป แม้จะรู้คำตอบดีอยู่แก่ใจ

          เขาแค่หวังจะให้อีกคนกุมมือเขาไปเรื่อยๆ ไม่ใช่สอดมือเข้ามาใต้เสื้อเขาแบบนี้

          “คิดถึง...”

          “เมื่อคืนยังไม่พออีกเหรอไง” เขาเองก็ทำเป็นถามเสียงแข็ง ทั้งที่ร่างกายและหัวใจโอนอ่อนผ่อนตามไปนานแล้ว แต่แค่ไม่อยากให้อีกคนได้ใจ

          “ไม่พอ เท่าไหร่ก็ไม่พอ...”

          โอเค...ถ้าไม่พอก็...ปิดไฟเถอะ!!


จบตอนพิเศษ


# ฟิตมาก ลงติดๆกันหลายวันเลย มาลงตอนพิเศษตามคำเรียกร้องแล้วนะคะ
# เฉลยเรียบร้อยว่าผู้พันไปอยู่ไหนมา ไปเป็นรองผู้ช่วยทูตทหารนี่เอง วาระสามปีพอดี
# เรื่องราวของผู้พันกับชินดนัยก็จบลงเรียบร้อย ตั้งใจว่าจะเขียนสั้นๆ รายละเอียดเลยไม่เยอะมาก
# รักคืนรังก็จบลงอย่างสมบูรณ์แล้วนะคะ ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามค่ะ ขอบคุณมากๆเลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # ตอนพิเศษ :: 12.06.2013」หน้าที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 12-06-2013 21:51:38
หื่นตลอดเลยน่ัะะะะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # ตอนพิเศษ :: 12.06.2013」หน้าที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 12-06-2013 21:57:05
พี่วีกะเอาคืนชิน :ling3:ให้คุ้ม3ปีที่ต้องห่างกันเลยใช่ไหม
พี่วีหื่นมาก ชอบ ชอบ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # ตอนพิเศษ :: 12.06.2013」หน้าที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 12-06-2013 22:03:46
ถ้าไม่พอ...ก็ปิดไฟเถอะ  :pighaun:

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # ตอนพิเศษ :: 12.06.2013」หน้าที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 12-06-2013 22:11:10
แหมผู้พันได้ทีเอาใหญ่555555555
มีความสุขกันทุกคนเลย ฮือซึ้ง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # ตอนพิเศษ :: 12.06.2013」หน้าที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 12-06-2013 22:19:33
กดไลค์ประโยคสุดท้าย ถูกใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # ตอนพิเศษ :: 12.06.2013」หน้าที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 12-06-2013 22:36:58
น่ารักง่า

สนุกมากเลยค่ะ เขียนดีจริงๆ ประทับใจ รอเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # ตอนพิเศษ :: 12.06.2013」หน้าที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 12-06-2013 23:36:34
 :m1: :m3:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # ตอนพิเศษ :: 12.06.2013」หน้าที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 13-06-2013 05:46:37
 :pig4: :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # ตอนพิเศษ :: 12.06.2013」หน้าที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 13-06-2013 09:09:22
 :o8: :o8: :o8: o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # ตอนพิเศษ :: 12.06.2013」หน้าที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 13-06-2013 09:27:41
น่ารักอ่ะ.......กรี๊ดมากมาย ชอบๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # ตอนพิเศษ :: 12.06.2013」หน้าที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 13-06-2013 12:29:28
พี่วีร์ทำอย่างกะจะอยู่กันแค่วันนี้ยังงั้นแหละ จัดหนักเลยยยยย
ขอบคุณสำเรื่องน่ารัก สุข เศร้า และหื่น<ตอนจบ>
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # ตอนพิเศษ :: 12.06.2013」หน้าที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 13-06-2013 15:45:33
โอ๊ย อีกคนก็หื่น อีกคนก็สมยอม

แล้วมันจะหนีจากกันได้ไงเนี่ย

คาดว่าพี่วีร์ก็กลับมาตายรังนั่นแหล่ะ น่ารัก น่าหยิกขนาดนั้น

หวานเว่อร์ๆๆ  ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ และเป็นกำลังใจสำหรับเรื่องใหม่น่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # ตอนพิเศษ :: 12.06.2013」หน้าที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 13-06-2013 18:10:11
ห่างหายกันไปตั้ง 3 ปี  มันก็ต้องหื่นเป็นธรรมดา  แต่ชินก็สมยอม เพราะคิดถึงเหมือนกันชิมิ

งานนี้ต้องยกนิ้วให้คุณพ่อเลยเป็นนักวางแผนชั้นยอด  แต่เรื่องที่สารภาพกับคุณแม่เล่นเอาฮาเหมือนกัน  แทนที่จะโทษตัวเองที่มีลูกชาย  ดันไปโทษเพื่อนแทนซะงั้น 


:pig4: คนเขียนมากๆ ค่ะ  ที่แต่งตอนพิเศษให้ตามคำขอ  :mew1:   

ปล. รออ่านเรื่องใหม่ ขอแนวสบายๆ  เพราะอ่านเรื่องนี้เสียน้ำตาไปเยอะ

 
 
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # ตอนพิเศษ :: 12.06.2013」หน้าที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 13-06-2013 20:00:10
พ่อแม่วีร์ชินน่ารักดีนะ วีร์ชินดูแลกันดี ๆ นะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「มากกว่ารัก # ตอนพิเศษ :: 12.06.2013」หน้าที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 13-06-2013 20:04:35
เพิ่งเห็นว่าตอนพิเศษมาแล้ว
ไปอ่านก่อนนะคะ  :mc4:

...........

เป็นตอนพิเศษที่ทำให้คนอ่านมีความสุขค่ะ
ขอบคุณคุณปลามากๆค่ะ  :katai2-1:
(ตอนอ่านประโยคนี้ขำกิ๊กเลยค่ะ “อ้าว ทำอะไรกันดึกดื่น ไม่หลับไม่นอนล่ะลูก” ปิดปากแทบไม่ทัน 55)
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 14-06-2013 11:12:18
หวายยย น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ

ขอบคุณมาก ๆ นะคะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: raviiib❁ ที่ 15-06-2013 15:56:32
บ่องตงว่าเรื่องนี้มันซับซ้อนนนนนนนนนนน
ถึงกับอึ้งเลยตอนแรกๆ มันมีเค้าว่ารุ่นพ่อมันมีอะไรมากกว่านั้น...
แต่พี่เขตต์หวานเว่อร์นะค่ะ เขินแทนน้องอะอ้ายยย

คู่ผู้พันกับชินเล่นเอาน้ำตาร่วงเผาะๆ
ความจริงมันช่างโหดร้ายยยยยยยยยยยย :sad4:

รอติดตามผลงานเรื่องต่อไปค่าาาา
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 15-06-2013 20:44:42
คู่ธรณ์กับเขตแดนก็ซับซ้อนกันแล้ว มาคู่ชินกับวีร์ก็ยังไม่ราบรื่นอีก ยังดีที่ผ่านพ้นอุปสรรคมาได้
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 16-06-2013 16:30:19
สนุกทั้งสองคู่
คู่เขตต์&ธรณ์ ซับซ้อน กว่าจะเข้าใจกันได้ น้องธรณ์จอมดื้อก็กลายเป็นน้องที่น่ารัก น่าเอ็นดูของพี่เขตต์
คู่วีร์&ชิน กว่าจะพิสูจน์รักให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจ คนอ่านลุ้นน้ำตาจิไหล

ขอบคุณผู้เขียน  :pig4:  จะมีตอนพิเศษของทั้งสองคู่อีกป่าวคะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 16-06-2013 20:28:06
สนุกมากค่ะ เรื่องราวมันพันกันยุ่งไปหมด ลุ้นดีค่ะ ขอบคุณที่แบ่งปัน :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 20-06-2013 12:37:25
 :กอด1: ขอบคุณน่ะค่ะสำหรับเรื่องราว ๆ ดี ๆ แบบนี้มาแบ่งปันน่ะจ้ะ ยังไงจะรอเป็นหนังสือน่ะ  :impress3: แต่อยากอ่านเรื่องของอเล็กซ์ด้วยน่ะ อยากรู้  :mew2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 21-06-2013 20:46:59
หวานกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อยันรุ่นลูก แล้วยังมีเพื่อนของลูกอีก

ช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรค เป็นกำลังใจให้กันและกันแบบนี้ชื่นใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 22-06-2013 00:18:37
 o13 o13
ชอบคู่ผู้พันกับชินดนัยมากค่ะๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 18-07-2013 11:44:33
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: Crown ที่ 21-07-2013 20:46:39
ชอบมากๆสนุกสุดๆเลยค้า ชอบพี่เขตมากกกกก อิอิ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 22-07-2013 17:07:13
กรี๊ดดดด หนุกหนานมากมาย
ผู้เขียนเก่งมากน๊าาาาา ดูแลบทและรายละเอียดเนื้อเรื่อง โอเคเลยนะ

ว่าแต่ไม่เขียนอเล็กซ์ต่อหรือคะ เห็นว่ามีพล็อตแล้ว
ยังแอบรอนะคะ ^_~
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: skynotebook ที่ 26-07-2013 12:22:37
อ่านจบจนได้
น่ารักทั้ง2คู่เลยนะค่ะ
ชอบเรื่องนี้อะ ไม่อยากให้จบเท่าไรเลยธรณ์น่ารัก เขตแดนก็น่ารัก
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 27-07-2013 18:47:43
 :pig4:ขอบคุณเรื่องดีๆซึ้งๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 26-08-2013 06:27:28
ชอบคู่นี้ที่สุดเลยเวลาอยู่กับผู้พันทีไรชินดูเคะน่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 27-08-2013 15:55:41
อ่านจบแล้วจ้า   คนแก่หลงรักทั้ง 2 คู่เลย

ตาม ตาม ไปหาเรื่องอื่นอ่านต่อดีกว่า

 :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 28-08-2013 16:00:52
อ่านจบแล้ววว  สนุกมากกกกมากกกกก

ขอบคุณคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: V ที่ 29-08-2013 08:09:25
 :L2: อ่านจบแล้วววว

ชอบทั้ง 2 เรื่องเรื่องเลยคะ

แต่ไปๆมาๆ ชอบเวธน์ (คุณผู้ช่วย)มากๆเลยค่ะ อยากให้มีเรื่องของเวธน์มั่งค่ะ ดูเป็นผู้ชายที่มีเรื่องยุ่งๆดี :mew2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: -i z e l i z e- ที่ 30-08-2013 23:48:57

นักเขียนจะว่าอะไรไหม ... ถ้านักอ่านคนนี้จิบอกว่า
เค้าชอบ "มากกว่ารัก" มากกว่า "รักคืนรัง" อีกอ้ะ

ฟิน >//< ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายเรื่องนี้ ^^
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 31-08-2013 12:51:59
ระหว่างรอรักซ้อนอัพ เลยกลับมาอ่านเรื่องนี้ของคนแต่ง

น่ารักดีค่ะ ใช้ภาษาง่ายๆ พล็อตไม่ได้ซับซ้อนอะไร แต่อ่านแล้วสบายใจ ได้อมยิ้มเรื่อยๆ

เรื่องภาษา ขอชมพัฒนาการ ในเรื่องรักซ้อน ใช้ภาษาได้นุ่มนวลสละสลวยขึ้นมากเลย

ส่วนเรื่องนี้ ต้องบอกว่าตอนจบอีกคู่มาแรงแซงโค้งคู่หลักในเรื่องเลย ชอบที่เรียก "พี่" มาก เพราะอะไรกันนะ

ขอบคุณค่ะ :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 22-10-2013 17:17:45
โอ๊ยยยย สนุกทั้งสองคู่เลย แต่ผู้พันกับชินดราม่่าแย่งซีนมาก ชอบค่ะ ขอบคุณคนแต่งมากๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 23-10-2013 10:53:04
ชอบผู้พันจังเลยยย เป็นผู้ชายที่ดูมีเสน่ห์มากกก

เรื่องมากกว่ารัก ถึงจะมีแค่ไม่กี่ตอนแต่ก็ทำเอาเราน้ำตาตก

ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่าน :)
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 14-01-2014 21:11:09
 :n1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 15-01-2014 22:21:29
 :heaven


หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 17-01-2014 02:02:23
สนุกมากครับ อ่านเพลินมากๆๆ   ส่วนของภาค ชินดนัยเขียนได้ลึกซึ้งมากครับ อ่านไปน้ำตาซึมออกมาเลย ดราม่ามากๆๆ    ขอบคุณมากๆครับ.....
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 17-01-2014 19:52:32
ขอบคุณครับ อ่านจบในสองวัน
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 17-01-2014 20:48:05
ขอบคุณมากๆครับ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: celegana ที่ 18-01-2014 02:43:28
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ

อยากบอกคนแต่งว่า เฮ้ยยยยยยย...มันดีอ่ะะะะะ ชอบมากกกกก
ชอบตั้งแต่การผูกปมเรื่อง ปมตัวละครตั้งแต่รุ่นพ่อแล้วผลกระทบที่มารุ่นลูก
ทุกการกระทำมันดูมีเหตุผล มีที่มาที่ไป เลยทำให้เราเอาใจช่วย ลุ้นตามได้ตลอด

ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายดีๆมาให้เราได้อ่านกัน
แต่งอีกเรื่อยๆนะคะ เราจะติดตามผลงานและเป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ ^______^
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: mymicky ที่ 20-01-2014 21:28:51

คนแต่งผูกเรื่องเก่งจนน่าทึ่งค่ะ นี่ถ้าเอาไปแต่งขยายความสามารถเป็นละครได้เลยนะเนี้ย บทพูด หรือวาทะที่ต่อปากต่อคำของพระนางก็เล่นเอาทึ่งค่ะ สรุป เป็นอีกเรื่องที่ขอยกนิ้วให้จริงๆ แม้ว่าช่วงแรกๆจะแอบลุ้น ว่าใครจะรุกใครจะรับ! ^^

ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ
 
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: imetvxq ที่ 21-01-2014 23:59:19
แวะมาอ่านอีกรอบจนจบรวด
คิดถึงชินดนัย 55555555555555
หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ร้ายพ่ายรัก # 1 :: 05.02.2014」หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: Renze ที่ 05-02-2014 22:06:39


แฮ่~ สำหรับคนที่ตามเข้ามาที่หลัง

ปลาขอย้ายนิยายไปอยู่ที่นี่แทนนะคะ

ร้ายพ่ายรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40922.0)
[/b]
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ร้ายพ่ายรัก # 1 :: 05.02.2014」หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 05-02-2014 23:22:03
 o13 o13
อยากให้ถึงเวลาที่อเล็กซ์จะตกหลุมเจคเร็วๆจัง :-[
แต่เอ๊ะ!.....เจค ใช่พระเอกใช่ป่ะค่ะ  :impress2:
ขนาดนี้ไงก้ดันให้ใช่ไว้ก่อนแหละ แหะๆ o18


 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ร้ายพ่ายรัก # 1 :: 05.02.2014」หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 06-02-2014 03:22:34
อเล็กซ์นางน่ารักจัง
ถึงว่าทำไมถึงมาเป็นเพื่อนกับธรณ์ได้  :laugh:

ปล.คนเขียนไม่คิดจะเปิดเป็นเรื่องใหม่ไปเลยหรอจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「ร้ายพ่ายรัก # 1 :: 05.02.2014」หน้าที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 06-02-2014 03:52:51
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 06-02-2014 09:09:47
อเล็กซ์ - เจค  เหมือนขิงก็ร่า ข่าก็แรง  คงต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตกหลุมยอมแพ้อีกฝ่ายไปก่อน ว่าแต่ใครจะยอมตกหลุม


หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: wews ที่ 07-03-2014 12:03:23
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: Vavaviz ที่ 11-03-2014 00:50:12
น่ารักทั้งสองคู่เลยอ้ะ~

 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 23-08-2014 14:51:16
สนุกมากเลยค่ะ คู่หลักก็ปมเยอะเหลือเกิน
แต่คู่รองนี่เล่นเอาจุกร้องไห้กันเลยทีเดียว
แต่ก็สนุกจนหยุดอ่านไม่ได้เลยล่ะ
ขอบคุณคนแต่งมากค่าสำหรับนิยายสนุกๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 02-09-2014 05:43:03
 :jul1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: Silver-Ray ที่ 03-09-2014 00:27:02
เข้ามาอ่านกี่ครั้งก็ประทับใจจจ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 03-09-2014 13:50:14
อ่านจบแล้วคร้าาาาาาาา

ชอบทั้งสองคู่เลยค่ะ สรุปใจความได้ว่า ความรักจะทำให้ปัญหาอุปสรรคผ่านไปได้ด้วยดี เพียงแค่เราศรัทธาในรัก ^^

ขอบคุณนะค่ะ แล้วจะติดตามผลงานเรื่องอื่นๆต่อไปนะค่ะ สู้ๆๆๆ ค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: minniez ที่ 04-09-2014 08:08:51
สนุกทั้ง 2 คู่เลย แต่ชอบคู่รอง
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: loverken ที่ 05-09-2014 18:40:49
ถ้าไม่พอ ก็ปิดไฟ 555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 07-09-2014 00:04:00
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: express_men ที่ 08-09-2014 23:02:14
เนื้อหากระชับ สื่ออารมณ์ได้ชัดเจน คอนฟลิกซับซ้อน ไขปนสวย ภาษา บทบรรยายเข้ากัน

โดยรวมสมบูรณ์มากครับ ชอบครับ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: lahlunla ที่ 09-09-2014 18:54:18
 :hao5: หน่วงกับความรักของชินดนัยกับผู้พัน ขอบคุณนะคะสำหรับความเชื่อใจที่มีให้กัน  ไม่งั้นได้ร้องไห้ปวดตับแน่
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 09-09-2014 21:21:20
 :-[ น่ารักทั้งสองคู่เลย มีอึดอัดบ้างในเรื่องของชินดนัย แอบสงสัยนิดๆว่าจะมีเรื่องของอเล็กด้วยเปล่า
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: poyhoney ที่ 10-09-2014 17:25:13
ไม่ค่อยเลยผู้พัน :haun4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: zzz ที่ 03-11-2014 23:30:39
อ่านจบแแล้วจ้า  น่ารักทั้ง 2 คู่เลย  :o8:
แต่กว่าจะอ่านคู่ผู้พันกับชินจบ ก็เสียน้ำตาไปหลายอยู่
ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายดีๆ นะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 27-11-2014 20:30:05
น่ารักทุกคู่เลย ชอบมาก สนุกสุดๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 05-12-2014 18:27:55
น่ารักอ่า ชอบทั้ง2คู่เลย
ชอบชินมากๆๆๆๆ น่ารักมากเลยคนนี้
ชินเหมือนพี่ชายของธรณ์มากกว่าเขตต์อีกอ่ะ
เด่นกว่าเขตต์ตลอดดดด
ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 06-12-2014 10:21:53
สนุกมากๆครับอ่านรวดเดียวจบเลย

ขอบคุณผู้แต่งสำหรับเรื่องดีๆครับ เรื่องนี้มีหลายอารมณ์ดี แถมมีผูกปมด้วย ชอบครับ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 08-12-2014 21:28:00
สนุกมากๆค่ะ มีเงื่อนปมให้ลุ้น มีมุมหวานๆให้ซึ้้ง ครบรสเลย o13
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: jeabjunsu ที่ 01-02-2015 17:56:23
น้องธรณ์นี่เหมือนนกที่รอเวลากลับคืนรังจริงๆด้วย ดีนะมีพี่เขตต์ใาตอยดูแลปรนนิบัติพัดวีนดตัวนี้ด้วยความรักและความเข้าใจ
ถึงแม้ว่จะผ่านเรื่องร้ายๆมากมายแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีนะเนี่ย
ชอบคู่พี่วีร์กับน้องชินอ่ะ แอบเศร้าตอนที่ต้องจาก แจ่มาเจอความหื่นของผู้พันเข้าไปละ อยากจะไปมุดมุ้งดูซะจริงๆ 5555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 21-02-2015 16:42:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 28-04-2015 23:53:11
 :L2: o13
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: Map ที่ 02-06-2015 22:58:58
อ่านจบทีเดียวเลยยย น่ารักอ่ะ  :-[

ขอบคุณที่เขียนนิยายๆดีมาให้อ่านอีกเรื่องน้า  o13
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: sine ที่ 04-06-2015 15:06:58
55555น่ารักมากกกก

เราชอบชื่อเรื่องเลยอันดับแรก  รักคืนรัง...
มันมีทั้งความเพราะและความหมายมากเลยค่ะ^^ชอบบบบ
อ่านตอนแรกๆเรานึกย้อนไปสมัยสักเกือบยี่สิบปีที่แล้วอ่ะค่ะ  ตอนนั้นเราเป็นเด็กที่เริ่มอ่านนิยายเล่มหนาๆ  อย่างของแม่กฤษณา อโศกศิน    นิยายของคุณสำนวนคล้ายๆนิยายอย่างนั้นเลยค่ะ  เราชอบมาก  แล้วเราว่านิยายคุณก็ไม่ได้สาระนะคะ เราชอบที่คุณใช้สำนวนและภาษาไทยอันงดงามนี่เรียงร้อยเรื่องราวออกมา  คุณทำได้
ยอดเยี่ยมมากค่ะ^^

รอเรื่องต่อๆไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 17-06-2015 16:12:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 20-06-2015 18:13:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 21-06-2015 22:31:24
 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 22-01-2016 15:08:59
สนุกมาก ๆ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 07-02-2016 20:22:59
กลับมาอ่านอีกรอบ เข้มข้นเหมือนเดิม
และก็ยังมีเสียน้ำตาเช่นเดิม ^^
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 25-03-2016 08:41:30
ดราม่ากำลังดีทั้งสองเรื่องเลย อ่านแล้วสนุกมาก เขียนได้ดีจริงๆ

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: NUBTANG ที่ 07-04-2016 20:33:58
โอย อ่านจนถึงตอนพิเศษ เขินแทนธรณ์ 5555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 22-04-2016 19:05:50
ชอบคู่ผู้พันกับชินดนัยอ่าาาาาา
น่ารักมาดๆเลยค่าา
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 23-04-2016 13:21:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-04-2016 20:02:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 06-05-2016 20:07:48
หนุกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :katai1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: water ที่ 30-05-2016 10:50:06
อ่านเรื่องนี้รอบที่สองแล้ว เมื่อก่อนตอนแรกๆเล่นใหม่ๆ แสดงความเห็นไม่เป็นค่ะ 5555555
ชอบบบบเรื่องนี้ น้องธรณ์ของพี่เขตต์ น่ารักก ขอบคุณนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 13-06-2016 18:09:46
 o13 o13 o13 o13

ชอบทั้งสองเรื่องเลย
ชื่นชมคนเขียนค่ะ ภาษาดีมาก พล็อตก็ดี ทุกอย่างมีเหตุมีผล
เล่าเรื่องเขาถึงความรู้สึกได้ดีเลย

เป็นกำลังใจให้สร้างผลงานดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: 。Atlas ที่ 03-10-2016 03:20:06
เพิ่งได้มีโอกาสอ่านเรื่องนี้ค่ะ หลังจากที่เห็นผ่านตามาก็มาบ่อยแท้ แต่เพิ่งจะได้มีเวลาอ่านจริง ๆ จัง ๆ  :hao5:

ประทับใจกับทั้ง 2 คู่มากเลย เป็นความผูกพันธ์ที่ก่อตัวมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยจนกลายมาเป็นความรักทั้ง 2 คู่ น่ารักจังน้า

เราชื่นชอบการใช้ภาษาในการบรรยายของคุณ Renze มากเลยค่ะ บรรยายพาร์ทเศร้าได้เข้าถึงอารมณ์มาก ๆ ทำเราหน่วงไปเลย โดยเฉพาะคู่วีร์ชินเนี่ย น้ำตาตกเลย ทั้ง ๆ ที่ปกติก็อ่านนิยายดราม่ามาเยอะน่าจะชินได้แล้ว  :heaven

ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ เรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 21-10-2016 00:30:47
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 02-11-2016 13:43:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: IMW111 ที่ 19-11-2016 08:31:42
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 01-03-2017 15:12:52
     ในที่สุดก็ได้รักกันนะ
     :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 28-03-2022 14:55:58
อ่านกี่ทีก็ยังชอบ
หัวข้อ: Re: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 07-04-2022 13:49:45
สนุกดีค่ะ ชอบทั้งสองคู่เลย