พิมพ์หน้านี้ - [นิยายแนวม.ปลาย] (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: akiraakka ที่ 17-01-2015 23:05:31

หัวข้อ: [นิยายแนวม.ปลาย] (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 17-01-2015 23:05:31
ลบ
หัวข้อ: Re: รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 1 - 2 17/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 18-01-2015 02:25:57
 อ๊ายยยยกำลังสนุกเลยอ่านเพลินจบตอนซะแระ ทำไมพี่ท๊อปร้ายจัง ชอบแกล้งน้องแบงค์ :katai1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 3 19/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: nutabsole ที่ 19-01-2015 21:33:59
ประเดิมครับ จะรอน้า
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 3 19/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 21-01-2015 02:47:52
กะลังจะเกลียดพี่ท๊อปเลยดีนะมาขอโทษน้องแบงค์ก่อน ต่อไปทำดีกับน้องมากๆนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 3 19/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 21-01-2015 05:34:39
เชื่อว่า มาม่าลังใหญ่กำลังจิมา :hao7:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 3 19/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 21-01-2015 11:15:37
พี่ท็อป นี่สงสัยจะเครียดมากอยู่นะ เลือดจะไปลมจะมา เดี๋ยวร้ายเดี๋ยวดี อารมณ์ยิ่งกว่าผู้หญิงอีกอะ 555
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 3 19/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 21-01-2015 14:50:46
 :m29:  ตกลงได้กันแล้วหรอ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 3 19/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 21-01-2015 23:55:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 4 22/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 23-01-2015 23:20:54
พี่ท๊อปเนียนเว่อร์เค้าเรียกว่าเริ่มจีบป่ะเนี่ย สงสัยเกมส์เหมือนมีลับลมคมนัย  :hao3:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 4 22/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-01-2015 23:26:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 5 26/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-01-2015 22:13:19
อุ้ยยยยย. ได้กันสองครั้งแระ.  แต่ตกลงสถานะกันยังอะ แฟนก็ยังไม่ได้เป็น
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 5 26/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 27-01-2015 00:14:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 5 26/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 27-01-2015 00:15:36
เฮ้ยๆๆๆ อิพี่ท็อป มาหลอกอะไรน้องเปล่าเนี่ย ชักไม่ค่อยน่าไว้ใจล่ะ มันอย่างไงกัน  :katai5:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 5 26/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 27-01-2015 00:22:52
เขียนดีอ่ะ
แต่เรื่องอึมครึมอยู่นะ พี่ท๊อปจริงๆ เป็นคนยังไงแน่
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 5 26/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 27-01-2015 18:09:32
ท๊อปหลอกน้องมาเล่นเกมส์ที่บ้านจนได้นะ อิอิ

ชอบน้องแบงค์อ่านแล้วรู้สึกว่าดูเด็กๆน่ารักๆ การพูดการจา :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 5 26/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 29-01-2015 00:20:29
ชอบมากกกกกกกกกครับบบบ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 5 26/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 29-01-2015 00:40:04
 :hao4: :hao4: สรุปคือ ทอปชอบแบงค์ตั้งแต่เห็นครั้งแรกแล้วรึป่าวหว่า :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 5 26/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 29-01-2015 11:20:56
สุดท้ายเจอฟันแล้วถูกทิ้ง เอารูปไปประจานใช่ไหม เป็นนิยายที่อ่านแล้วเสียความรู้สึก แบงค์เนี้ยใจง่ายมาก เจอหลอกฟันยังไม่รู้อีก ถึงจะเป็นเด็กบ้านนอก ส่วนใหญ่ก็ท่านคนนะ ใครจะโกรธก็ชั่ง เพราะอ่านแบบมันให้ความรู้สึกแบบนี้ ตินแรกว่าจะไปเลยไปแล้วแหละ แต่อดไม่ไหว ไปแหละ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 5 26/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 29-01-2015 11:23:44
สุดท้ายเจอฟันแล้วถูกทิ้ง เอารูปไปประจานใช่ไหม เป็นนิยายที่อ่านแล้วเสียความรู้สึก แบงค์เนี้ยใจง่ายมาก เจอหลอกฟันยังไม่รู้อีก ถึงจะเป็นเด็กบ้านนอกส่วนใหญ่ก็ท่ันคนนะ ใครจะโกรธก็ชั่ง เพราะอ่านแบบมันให้รู้สึกแบบนี้ ติอนแรกว่าจะปล่อยผ่านไปเลยไปแล้ว แต่อดไม่ได้ แต่เราลืมเขาบอกอยู่ว่าดราม่า ตัวเองยิ่งไมาชอบสไตส์นี้ เห็นชื่อเรื่องน่าสนใจหรอกเลยเข้ามา แถมมีพฤติกรรมแบบนี้อีก ถึงจะบอกว่าร้ายบริสุทธิ์แต่ไม่เชื่อ คนอายุสิบแปดแล้ว มีภาวะเป็นผู้ใหญ่แล้ว เอาผู้หญิงได้ขนาดนั้น แล้วคนที่ถูกกระทำล่ะจะทำยังไง คนที่เสียคือไอ้แบงค์  คิดว่าคนอย่สงมันคงไม่มีความคิดหรอก แค่นี้ยังยอมเขาแล้วจะโทษท็อปฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก อยากโง่เอ็งสมควรที่จะเจอ พูดแรงจะแจ้งลบก็ได้นะ ผมว่าคงมีคนคิดในใจอยู่แน่ๆ แต่ผมไม่ว่าอะไร มันเป็นสิทธิของเขา มันเหมือนไม่ใช่สิ่งเตือนใจอ่ะ มันเหมือนบอกว่าถ้าทำแบบนี้ก็ไม่ผิดอะไร ที่พูดเพราะไม่ว่าจะข่าวต่างๆที่เกิดขึ้น ถึงจะบอกว่ามันไม่ดี แต่ก็มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ก็เลยไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ ว่าจะอ่านแบบสนุกเพื่อบรรเทิง แต่มันทำไม่ได้อ่ะ เพราะผมไม่ใช่คนดีคิดแง่บวกขนาดนั้น เพราะผมไม่เคยทำอะไรให้ใครต้องรำผลอารมณ์  ชีวิตจริงที่ผมเจอมันมากกว่านี้ ผมยังอยู่มาได้ไม่เคยไประบายให้ใครเดือดร้อนเพราะตัวเองนะ จะมีแต่ครั้งนี้แหละ เป็นเอามา
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 5 26/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 30-01-2015 20:34:05
ต้องมีหักมุมแหงมๆ o22

เตรียมกระดาษซับน้ำตา
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 6 30/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-01-2015 00:06:18
พี่ท๊อปเป็นไรอะ.
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 6 30/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 31-01-2015 10:55:36
อย่าบอกนะว่าเป็นพี่น้องกัน อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 6 30/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: arigatozung ที่ 31-01-2015 12:30:25
นังหวานต้องสร้างปัญหาใหญ่แน่ๆ เซนส์มันบอกอย่างงั้น  :m16:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 6 30/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 31-01-2015 17:01:46
ให้อภัยท๊อปก็ได้เพราะมีปัญหาครอบครัวแต่ไม่ควรทำร้ายคนอื่นนะ แต่ง่นหนักแน่ถ้าพ่อท๊อปรู้เรื่องว่าท๊อปชอบผู้ชาย ตายแน่ๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 6 30/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 31-01-2015 17:10:10
อ่านด้วยความหวาดระแวง อย่าดราม่านะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 6 30/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 31-01-2015 17:23:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 6 30/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 01-02-2015 01:55:10
อย่าบอกนะว่าเป็นพี่น้องกัน อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

อย่าบอกนะว่าเราคิดเหมือนกัน :a5: แต่เราก็ย้อนกลับไปอ่านตอนแรกอีกทีนะ คงไม่น่าใช่รึป่าว  o22
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 6 30/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 02-02-2015 00:26:40

ย้อนอ่านละ คงไม่ใช่ 5555
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 6 30/01/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 02-02-2015 00:55:48
แอบคิดว่าเกมชอบแบงค์รึเปล่า
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 7 02/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 02-02-2015 22:35:46
^
^
^
^
^
จิ้มก่อนๆ จิ้มๆๆๆๆ

 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 7 02/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 02-02-2015 23:27:39
 :m16: :m31: อีหวานอมเปรี้ยว นางมารร้ายชัดๆ เค้าไม่สนยังสลิดตามเค้าอีก อยากรู้นักมีนอกี่อัน :fire: :angry2:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 7 02/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 03-02-2015 00:28:10
ยิ่งอ่านยิ่งชอบ คนเขียนสม่ำเสมอมาก บอกจะมาวันไหนก็มาจริงๆ 5555
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 7 02/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 03-02-2015 01:24:44
แบงค์ก็ใช่ย่อยนะเรา มีชงมีชวนเข้าห้อง  :haun4:

หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 7 02/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 03-02-2015 01:38:23
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 7 02/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: arigatozung ที่ 03-02-2015 02:12:18
ยัยหวานนี่น่าตบจิงๆ  :m31:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 7 02/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 03-02-2015 10:39:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 7 02/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: zipboy ที่ 06-02-2015 03:30:48
ชอบครับ อ่านจบใน 1 ชั่วโมงพอดี รออ่านต่อๆ ไปจากนี้นะครับ^^
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 7 02/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 06-02-2015 22:35:51
 :katai4: :katai4: :katai4: กดรีเฟรช รัวๆ รอ รอ และ รอ  :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 8 06/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 06-02-2015 23:19:29
มาจงมา
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 8 06/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 06-02-2015 23:26:27
บทที่ 8
แผนการณ์


ท็อปรีบบึ่งมอเตอร์ไซค์มาจนถึงบ้านของแบงค์อย่างรวดเร็วในไม่กี่สิบนาที ก่อนที่แบงค์จะชวนพาเข้าไปในบ้านในบริเวณห้องนั่งเล่นที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่

“แม่ไม่อยู่เหรอ?” พี่ท็อปถาม หันไปมองรอบๆห้อง “บ้านเงียบจัง”

“ไม่อยู่หรอก กว่าจะกลับก็นู่นแหละ 4 ทุ่ม คงไปกินเลี้ยงกับลูกค้า ไม่ก็ออกไปพบกลุ่มเขานั่นแหละ” แบงค์บอก

ท็อบโยนตัวลงที่โซฟาใกล้ๆ มองหน้าแบงค์อย่างตั้งใจ “เอ้า เล่ามา พี่พร้อมจะฟังแล้ว”

แบงค์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “พี่ท็อป คิดยังไงกับพี่หวาน” แบงค์เริ่มถาม

“หืม? ไหง มาถามถึงยัยประธานนักเรียนนั่นน่ะ เกี่ยวอะไรกัน?” ท็อปย้อนถาม รู้สึกงงๆกับหัวข้อเรื่องที่แบงค์ยกขึ้นมา
“ตอบมาก่อนเหอะน่า” แบงค์รบเร้า

“อืม ก็เพื่อนกัน เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ม. 1 แล้ว ทำไมเหรอ? เรื่องสำคัญคือเรื่องนี้เหรอ?” ท็อปถาม ขมวดคิ้วให้รุ่นน้องแบบไม่อยากเชื่อ

แบงค์จึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท็อปฟัง ตั้งแต่หลังจากที่แบงค์กับท็อปแยกกันว่าหวานขู่อะไรแบงค์มาบ้าง

“มันจะมากไปแล้วนะ ไอ้ประธานนักเรียนตัวแสบ” ท็อปโวยวายเมื่อฟังเรื่องจบ “มันไปหาเอาวิดิโอนั่นมาได้ไงเนี่ย เดี๋ยวพี่จะไปเอาเรื่องที่คอนโด ว่าให้หลักฐานแบบนั้นคนนอกไปได้ยังไง”

“แล้วนี่เราจะเอายังไงต่อดี พี่ท็อป” แบงค์ถาม “ถ้าเขาเอาวิดิโอนั่นให้พ่อพี่ดูล่ะก็ ต้องแย่แน่ๆ”

“เรื่องนั้น พี่ว่า เรายังไม่ต้องห่วงหรอก แต่ว่าจะทำยังไงดีกว่าที่จะเอาวิดิโอที่ยัยนั่นมีไปทำลาย” พี่ท็อปบอก สมองคิดทบทวนถึงวิธีแก้ปัญหา

“หรือว่าเราควรจะแยกกันสักพักดี” แบงค์เสนอความคิด

“จะบ้าเหรอ ... มันใช่เรื่องไหมเนี่ยที่เราต้องไปเล่นตามเกมส์ของยัยนั่น” ท็อปพูด “หรือว่าแบงค์ไม่รักพี่แล้ว?” ท็อปว่าดุ ๆ มองหน้าแบงค์เขม็ง

“มันก็ไม่ใช่... อีกฝ่ายเขาเป็นถึงประธานนักเรียนนะ พวกพ้องเขาเยอะด้วย แบงค์ไม่อยากเสี่ยง ตัวแบงค์เองโนเนม ใครๆเขาก็ไม่รู้จักหรอก แต่พี่ท็อปอะแหละจะเสียหาย ไหนจะพ่อพี่อีกล่ะ” แบงค์บอกเหตุผล

“ทำไม คนรักกันมันผิดยังไง? พี่ก็แค่รักแบงค์ มันไม่เห็นจะผิดอะไรตรงไหน” ท็อปเริ่มโวยวาย

“พี่ท็อป.....ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคนก็จริงนะ พี่รักแบงค์ แบงค์รักพี่ มันเหมือนจะจบก็จริงอยู่ แต่ว่าโลกจริงๆ มันยังมีคนอื่นๆรอบตัวเราเยอะแยะเลยที่มาเป็นปัจจัยกับชีวิตของเรา แบงค์ไม่อยาก....” แบงค์พูด แต่ท็อปก็รีบตัดบท

“อ๋อ หรือว่า นี่แบงค์กำลังจะหาเหตุผลที่จะเลิกคบกับพี่หรือเปล่า?” ท็อปว่า เริ่มเดือดดาลที่แบงค์ไม่เข้าข้างเขาเลย

“ไม่ใช่นะพี่ท็อป....”

“แล้วจะหาเหตุผลมาแย้งพี่ทำไม”

แบงค์นิ่งเงียบ ถอนหายใจช้าๆ หัวสมองมึนตึงไปหมด ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากไหนไปถึงไหนดี ท็อปเองก็กำลังหายใจฟืดฟาดด้วยความโกรธที่แบงค์พยายามค้านเขาไปเสียทุกเรื่อง

“เอางี้ละกัน พี่ท็อป” แบงค์เริ่ม “แบงค์มีแผน”

“แผน? แผนอะไร”

“งั้นเดี๋ยวเล่าให้ฟังละกัน เอาเป็นว่า พี่ท็อปอย่าเยอะ เข้าใจแบงค์ก่อนว่า แบงค์ไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่จะเลิกยุ่งกับพี่ทั้งนั้น แบงค์แค่เป็นห่วงพี่นั่นแหละ กลัวว่าต่อไป พี่เองจะมีปัญหากับคนอื่นเท่านั้นเอง”

“งั้นแสดงว่า แบงค์ก็เป็นห่วงพี่จริงๆงั้นสิ?” ท็อปพูด ดวงตาเป็นประกาย
“โหย...ตัดสินใจคบกันเป็นทางการไปขนาดนั้นแล้ว ให้ไปหมดทั้งตัว ทั้งใจ พี่คิดว่าแบงค์จะปล่อยพี่ไปง่ายๆเหรอไง” แบงค์โวยวายตอบ ก่อนจะผลักอีกฝ่ายให้ล้มลงไปกับโซฟา “อี๋..... เหงื่อเต็มมือเลยอะ” แบงค์ร้องเมื่อมือไปผลักโดนเสื้อที่ชุ่มเหงื่อไปทั่งตัวของท็อป

“มานี่เลย ไอ้ตัวแสบ” ท็อปว่า กระโจนลุกจากโซฟา วิ่งไล่แบงค์ที่พยายามวิ่งหนีเขาเข้าไปในครัว

==========================

หลายวันมานี้ แบงค์และพี่ท็อปเจอกันน้อยลง เพราะเท่าที่คุยกันไว้ แบงค์ตั้งใจจะให้พี่หวานเห็นว่า เขากับพี่ท็อปนั้นห่างกันไปตามคำขอของเธอ  ท็อปก็ต้องคอยพยายามห้ามตัวเองไม่ให้มาคุยเล่นกับแบงค์ตามอย่างเคยเมื่ออยู่ที่โรงเรียน อย่างมากก็ได้แค่ไลน์หากัน เพื่อให้เป็นไปตามแผนการณ์ของแบงค์

การซ้อมของเหล่าบรรดานักเรียนแต่ละสีเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ วันนี้ก่อนที่จะไปซ้อมโยนคทา แบงค์ก็แวะไปหาเกมส์ที่กำลังซ้อมวิ่งกรีฑาอยู่ที่สนาม ตอนนี้พี่ส้มโอเริ่มพอใจกับผลงานการฝึกซ้อมของแบงค์มากขึ้น ทั้งบุคลิกในการเดินที่ดูสง่ามากขึ้น และจังหวะการก้าวเดินตามกลอง ช่วงนี้ก็จะเหลือเพียงเรื่องของการโยนคทาและการควงซึ่งยากที่สุดสำหรับแบงค์

“ไงเกมส์ ออกกำลังไปเยอะแค่ไหนแล้ว” แบงค์ถามเมื่อเห็นเกมส์กำลังยืดเส้นยืดสาย  วอร์มอัพร่างกายอยู่กับกลุ่มนักกรีฑาคนอื่น ๆ

“โอย เรื่องวิ่งๆ เราถนัดอยู่แล้ว ไง พ่อเดือนสีชมพู ฝึกโยนคทาไปถึงไหนแล้ว ได้ข่าวว่าหัวปูดหลายที่แล้วนี่” เกมส์แซว

“ของไม่เคยว่ะ เมื่อยไปทั้งตัว พี่ที่คุมก็โคตรจะเขี้ยวอะ เราอยากเล่นพวกกระโดดไกล ขว้างจักร น่าจะมันกว่าเยอะ” แบงค์บอก

“แหม ตัวนายบางเบาแบบนี้ จะมาเล่นขว้างจักรเหรอ?” เกมส์ถามย้อนทำหน้าแบบไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

“ก็แค่อยาก ทำได้ไม่ได้นั่นมันอีกเรื่อง” แบงค์บอก หัวเราะชอบใจ “เกมส์ได้ไปดูพวกเปิ้ลกับเกดมันซ้อมกิจกรรมเข้าจังหวะกันหรือยัง?”

“ไอ้พวกเต้นๆนั่นน่ะเหรอ โหย พวกนั้นเก็บความลับกันจะตาย กว่าพวกเราจะได้ดูก็นู่นแหละ วันแข่งเลย ตอนนี้พวกนั้นก็หาที่ซุ่มซ้อมกันอยู่แหละ” เกมส์บอก แล้วยกแขนเหยียดเพื่อยืดเส้นสาย

“เอ่อ น้องแบงค์คะ” เสียงพี่หวาน ประธานนักเรียนดังขึ้นจากด้านหลัง แบงค์รีบหันไปมอง “พี่ขอคุยด้วยได้ไหมคะ?” เธอยิ้มให้ ทั้งเกมส์และแบงค์ แสดงไมตรี

“ดะ...ได้ครับ เดี๋ยวผมกำลังจะไปซ้อมเป็นดรัมเมเยอร์ พี่จะเดินคุยกับผมไปด้วยก็ได้” แบงค์บอก หันหน้าส่งสายตาหวาดๆมายังเกมส์

“ดีเลย พี่ก็กำลังจะไปตึกวิทย์ จะได้ขึ้นโรงยิมไปดูแบดสักหน่อย” พี่หวานบอก

แบงค์ลาเกมส์ จากนั้นก็รีบเดินไปกับพี่หวานที่ดูเหมืนอว่า เธอคงจะต้องการมีอะไรมาบอกแบงค์เพิ่มเติมอีกแน่ๆ

“ขอบคุณมากนะ ที่ช่วยทำตามที่ขอ” หวานบอก “ดีมากๆเลยที่รู้ตัวว่าอะไรที่คู่ควร หรือไม่คู่ควร” เธอบอกเสียงเหยียด ๆ

“อ่า...ถ้าอย่างนั้น พี่ช่วยลบไฟล์นั้นอกจากโทรศัพท์ให้ผมหน่อยได้ไหมครับ? ผมก็ทำตามอย่างที่พี่บอกแล้ว เลิกยุ่งกับพี่ท็อป รายนั้นเขาไม่ยอมท่าเดียว แต่ผมก็พูดจนเราเลิกกันไป” แบงค์ปด แต่ก็พยายามพูดเพื่อหว่านล้อม

“อ่า....ไม่ดีกว่า มันก็ดีกับทั้งท็อป ตัวเธอ แล้วก็ทุกคนอยู่แล้ว เอาเป็นว่า ฉันขอเก็บไว้แบบนี้ก็แล้วกัน เป็นตัวประกัน เธอจะได้รู้ว่า มีอะไรที่ต้องปฏิบัติตัวเมื่ออยู่ในโรงเรียนนี้”

“อ้าว พี่หวานครับ ขอร้องเถอะ อย่าทำแบบนี้กับพี่ท็อปเขาเลย มันมีแต่เสียกับเสียนะครับ” แบงค์บอก “รีบๆลบไปดีกว่า ผมก็ทำให้แล้วตามที่ขอ” แบงค์ขอร้องดีๆ

 “ฉันรู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำนะ เชิญเธอทำหน้าที่ของเธอให้ดีก็แล้วกัน ฉันแค่อยากบอกว่า ขอบใจมาก” หวานพูด ก่อนจะเดินขึ้นตึกข้างๆที่เป็นอาคารโรงยิมไป

วันนี้ปลาคาร์พปล่อยให้เด็กๆ เล่นบาสซ้อมกันเอง ส่วนเขาก็เดินมาหาท็อปที่กำลังซ้อมแบดกับเหล่านักกีฬาคนอื่นๆในสี เพื่อวอร์มร่างกายและเทคนิคต่างๆ

“เฮ้ย ไอ้เจ๋ง แกต้องรอจังหวะก่อนที่คู่ต่อสู้ตบมาไกลๆแล้วค่อยหยอดหน้าเน็ทดิวะ ไม่ใช่มันอยู่ข้างหน้าเน็ทแล้วหยอดไปหา ยังงี้ก็เดี๋ยวเจอมันตบเข้าให้หรอก” ท็อปพูด หลังจากเห็นเทคนิคของรุ่นน้องที่ไม่ได้ดังใจ

“ไอ้ท็อป” คาร์พเรียก โบกมือหยอยๆอยู่ข้างสนาม หวังจะแวะมาทักทายเพื่อน

ท็อปยิ้มให้ โบกมือตอบ ก่อนที่จะบอกให้นักกีฬาคนอื่นๆในทีมพักก่อน แล้วค่อยๆเดินไปหา “เฮ้ย ตอนเย็นวันนี้ไปหาอะไรกินกันดีป่าววะ? อยากไปกินบะหมี่หน้าหลังโรงเรียนว่ะ”

“เออ ก็ดีนะ” ปลาคาร์พบอก “แล้วนี่ซ้อมน้องๆเป็นไงมั่ง อาทิตย์หน้าก็กีฬาสีแล้วนะ”

“เรื่อยๆว่ะ จริงๆ กูอยากจะเอาแบงค์มันมาเล่นนะ แต่โดนไอ้ส้มโอมันเอาไปเป็นถือคทาซะก่อน” ท็อปบอก

“หลังๆนี้มา มึงติดไอ้แบงค์จังเลยนะ” คาร์พเปลี่ยนเรื่อง มองหน้าท็อปที่กำลังเอามือปาดเหงื่อที่หน้าผากออก

“อ่า ก็แกล้งมัน สนุกดีออก” ท็อปพูด พยายามไม่มองสายตาคาร์พ ด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทกันมานาน ทุกครั้งที่ท็อปพูดโกหก ก็มักจะหลบตาแบบนี้เสมอ
“เมื่อก่อนตอนเย็นๆ มึงก็ไปไหนมาไหนกับกู เดี๋ยวนี้เห็นเลิกเรียนก็แจ้นไปหาน้องมันที่หน้าตึกวิทย์ตลอด” ปลาคาร์พบ่นแบบเซ็งๆ “มึงแน่ใจนะว่ามึงแค่ อยากแกล้ง จริงๆ”

ท็อปนิ่งอึ้ง ไม่คิดว่า จู่ๆปลาคาร์พจะมาโหมดดราม่าแบบนี้ “เฮ้ย คิดมากไปรึเปล่า?- - เดี๋ยวนี้กูก็มาหามึงตลอดนี่ไง กูก็ไม่ได้เจอไอ้แบงค์มันมาหลายวันแล้วนะเว้ย ” ท็อปอธิบาย

“ใครๆ เขาก็พูดให้กูฟังว่า มึงอะเปลี่ยนรสนิยม เพราะหลังจากที่เมิงเลิกกับกิฟท์ห้องหกน่ะ มึงก็แบบ...ไม่คบผู้หญิงคนอื่นอีกเลย มันผิดวิสัยไอ้ท็อปที่กูรู้จัก ไอ้ท็อปที่เปลี่ยนแฟนไปเรื่อยๆ กูเลยยิ่งสงสัยเข้าไปอีก” ปลาคาร์พพูดเสริม

ท็อปเริ่มรู้สึกบรรยากาศอึมครึมจากการสนทนา ได้แต่เกาหัวแกรกๆ พยายามคิดหาทางออก  หลายวันที่แล้วมีปัญหาจากประธานนักเรียนจอมจุ้น คราวนี้ก็มาเจอเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออีก

“กูก็แค่อยากเป็นคนดีบ้าง มึงจะคิดมากไปไหนเนี่ย กูเบื่อที่จะต้องคอยไปตามเอาใจใคร แล้วก็เบื่อที่ต้องมีใครมาตามติดแจแบบนั้น ก็แค่นั้นเอง มึงสนิทกับกูที่สุด มึงก็น่าจะรู้ดี” ท็อปบอก

“ก็เพราะกูสนิทกับมึงที่สุดนั่นแหละ กูเลยไม่อยากให้ใครมาแย่งพื้นที่ข้างๆมึงไปจากกูไง” คาร์พตะคอก

ท็อปนิ่งอึ้งไป “เฮ้ย ไอ้คาร์พ มึงคิดเยอะไปแล้วเนี่ย กูก็รักมึงแบบเพื่อนสนิทนะเว้ย กูมีอะไรก็ปรึกษามึงตลอดนะ”

คาร์พยืนนิ่งหน้าแดง กัดฟันกรอด นี่เป็นครั้งแรกที่ท็อปเห็นคาร์พรู้สึกโมโหจนหน้าแดงแบบนี้ “เออ กูมันคิดมาก มึงมาเป็นกูดิ เผื่อมึงจะเข้าใจ”

“เฮ้ย ใจเย็น ๆ ไม่เอาน่าเพื่อน กูรักมึงเหมือนเดิม มึงกะกูสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้วนะ แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันก็เคยมาแล้ว กูไม่มีวันทิ้งมึงไปไหนหรอก” ท็อปบอกตบบ่าเพื่อนเบาๆ

ปลาคาร์พเหมือนจะใจเย็นลงบ้าง “โทษทีว่ะ - - กูแค่เป็นห่วงมึง”

“แน่ะๆ ๆ พูดถึงขนาดนี้ มึงคิดไรกะกูปะเนี่ย” ท็อปแซว ชี้หน้าเพื่อนแบบแหย่ๆ

คาร์พไม่พูดอะไร แต่ทรุดลงนั่งที่ม้านั่งข้างสนาม แล้วเงยหน้ามามองท็อป ส่วนท็อปเองก็ได้แต่จ้องเพื่อน ทั้งสองคนอยู่ในสภาวะกระอักกระอ่วนกับความเงียบที่น่าอึดอัด

“ถ้ากูคิด มึงจะมีปัญหาหรือเปล่าล่ะ” คาร์พถามต่อ ท็อปนิ่ง ไม่คิดว่าการสนทนาทุกอย่างจะมาลงเอยที่จุดนี้

“พี่ท็อป” เสียงรุ่นน้องที่รอซ้อมอยู่ตะโกนมา “จะซ้อมต่อรึยังพี่?”

ท็อปมองหน้าคาร์พแบบอึกอักพูดอะไรไม่ออก ก่อนจะหันกลับไปโบกมือให้น้องที่รอซ้อมกันอยู่ “เออ ๆ เดี๋ยวพี่ไป แป๊บนึง”

“คาร์พ....กูขอโทษ” ท็อปพูดเบา ๆ “กูคิดกับมึงแบบเพื่อน มึงเป็นเพื่อนที่ดีของกู กูไม่อยากให้อะไรพวกนี้มาทำลายความรู้สึกดีๆระหว่างเรา”

“กูก็ไม่ได้คาดหวังให้มึงมาคบกับกูหรอกน่า ไอ้ท็อป กูแค่ไม่อยากให้มึงหนีห่างไปเท่านั้นเอง เออ ช่างๆมันเหอะ คิดซะว่ากูล้อมึงเล่นละกัน”พี่คาร์พบอก “แล้วมึงจะยังไปกินบะหมี่กับกูตอนเย็นรึเปล่า?”

ท็อปเกาจมูก พลางคิด “อือ เอาดิ ไม่ได้กินนานละ อีกสักครึ่งชั่วโมง กูขอซ้อมก่อน เดี๋ยวเจอกันใต้ตึก” ท็อปบอก

คาร์พตอบรับอยู่ในลำคอ พยักหน้าแล้วทำสัญญาณบุ้ยใบ้ให้ท็อปที่เดินกลับไปที่คอร์ดแบด ตัวท็อปเองก็รู้สึกกระอักกระอ่วนในเวลานี้ ทำไมอะไรๆในช่วงนี้ถึงประดังประเดเข้ามากันนะ ทั้งเรื่องหวาน เรื่องแบงค์ นี่ก็ยังมีเรื่องของปลาคาร์พอีก เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าปลาคาร์พจะคิดเกินเลยมากกว่าคำว่าเพื่อน แต่สำหรับเขา คาร์พเป็นเพื่อนที่สนิทมาก มากเสียจนเขาคิดเกินเลยมากกว่านี้ไม่ได้อยู่แล้ว ปลาคาร์พเองก็เป็นคนแฟร์ๆ นี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุที่ปลาคาร์พไม่เคยคบผู้หญิงคนไหนเลย หลายคนที่ท็อปเห็นว่าเข้ามาจีบคาร์พ แม้ว่าคาร์พเองก็เปิดโอกาสแต่ไม่จริงจังกับการคบเท่าไร เหมือนจะให้ความสนิทแบบเพื่อนๆไปมากกว่าจะคบจริงจังจนถึงขั้นแฟน ทุกครั้งที่ท็อปมีปัญหา ปลาคาร์พจะเป็นคนแรกที่ยื่นมือเข้ามาหาเสมอโดยไม่อิดออด ท็อปนั้นด้วยความที่รักเพื่อนและไว้ใจก็กลับไม่เคยคิดว่าเพื่อนของตนเองจะมีใจให้
ปัญหาครั้งนี้ดูจะเป็นปัญหาใหญ่ของท็อปไปเสียแล้ว เขาคิดก่อนที่จะเริ่มเสิร์ฟลูกขนไก่อีกครั้ง

=========

“เยี่ยมมากแบงค์ เริ่มโยนคทาเป็นทิศเป็นทางได้แล้วนี่” พี่ส้มโอร้องลั่น เมื่อเห็นท่าโยนคทาและรับได้อย่างแม่นยำของแบงค์

“ไม่ขนาดนั้นมั่งพี่ส้มโอ นี่ก็กว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้ก็เล่นเอาแทบแย่” แบงค์ตอบ ยิ้มเขินๆ ที่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่จะทำได้ ถ้าตั้งใจมากเพียงพอ

“เนี่ยถ้าแบบ ฝึกทุกวันต่อเนื่องไปเรื่อยๆ นะ ก็คงคล่องแล้วแหละ เดี๋ยววันศุกร์นี้ก็จะมีซ้อมใหญ่ ให้แบงค์ลองเดินควงหน้าขบวนพาเหรดกับวงดุริยางค์” พี่บอยว่า

แบงค์กระเดือกน้ำลาย ถ้าเกิดวันศุกร์นี้โยนพลาด นั่นหมายถึงหัวคนอื่นๆ ที่กำลังเดินตามมาอยู่นั่นเอง เมื่อถึงเวลาเลิกซ้อม แบงค์ก็กำลังดื่มน้ำและเก็บข้าวของทันได้เห็นพี่ท็อปกับพี่คาร์พเดินลงมาจากโรงยิมด้วยกัน แบงค์ก็ชำเลืองมองท็อปอยู่ห่างๆ ส่วนท็อปเองก็หันหน้ามามองหาแบงค์อยู่เหมือนกัน แต่ก็รีบเดินไปในมือคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากด

Super Top : เสร็จยัง?
แบงค์ : แล้ว เห็นเดินไปกับพี่คาร์พ จะกลับแล้วสิ?
Super Top : อ่า กำลังจะไปกินบะหมี่หลังโรงเรียนกัน อยากกินป่าว?
แบงค์ : ไม่อะ วันนี้เจอพี่หวานแล้วก็ขอให้เขาลบวิดิโอแล้วนะ
Super Top : เออ ๆ แล้วว่าไงต่อ
แบงค์ : เขาไม่ยอม บอกว่าเอาไว้เป็นตัวประกัน
Super Top : งั้นต้องงัดไม้แข็งมาเล่นงานละแหละ
แบงค์ : เหอ เหอ


“คุยกะใครอยู่น่ะ” ปลาคาร์พถาม ชะโงกดูโทรศัพท์เพื่อน

“อ๋อ  ไม่มีอะไรหรอกโจ้มันไลน์มาถามเรื่องการบ้าน”  ท็อปรีบบอกก่อนจะเก็บโทรศัพท์มือถือยัดลงกระเป๋ากางเกงไป
คาร์พมองท็อปแบบไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก “เออ เดี๋ยวเดินไปเอาก็ได้นะ รถก็จอดอยู่ในโรงเรียนเนี่ยแหละ ตอนกินเสร็จค่อยมาเอาไปก็ได้”

“ท็อป จะกลับบ้านแล้วเหรอ?” เสียงของประธานนักเรียนดังขึ้น เธอยืนดักอยู่ที่บริเวณประชาสัมพันธ์หน้าโรงเรียน

“อ่า เดี๋ยวไปกินบะหมี่หลังโรงเรียนกัน จะไปด้วยกันไหมล่ะ?” ท็อปถามออกปากชวน เมื่อเห็นหวานเดินปรี่เข้ามาหา

“เราอยากกินเกี๊ยวกุ้งที่ร้านนั้นพอดีเลย งั้นขอไปด้วยคนนะ” หวานบอก ก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วกระโดดควงแขนทั้งคาร์พและท็อป “วันนี้เราขอควงหนุ่มสองคนเลยก็แล้วกัน” เธอพูดอย่างร่าเริงพลางยิ้มให้ ปลาคาร์พเองมองหน้าท็อปอย่างงงๆ ปกติเท่าที่รู้จักกันมา ท็อปเองจะไม่ค่อยชอบหวานเท่าไร เพราะหวานนั้น นอกจากจะแสดงตัวว่าชอบท็อปอย่างเปิดเผยแล้ว ยังรุกเข้าหารัวๆ จนท็อปเหนื่อยหน่าย แต่วันนี้กลับออกปากชวนเสียเอง ทำให้คาร์พรู้สึกแปลกใจไม่น้อย

เมื่อถึงร้านบะหมี่ เฮียเจ้าของร้านก็ทักทั้งสองหนุ่มอย่างคุ้นเคย

“อ้าว ท็อป กะคาร์พ ไม่ได้เห็นหน้ามาตั้งนาน วันนี้พวกลื้อจะกินอะไร? ลูกค้ากำลังจะเยอะ จะได้รีบทำให้” เจ้าของร้านทักด้วยสำเนียงจีน ๆ “พ่อลื้อมาด้วยหรือเปล่า? วันก่อนมาเหมาไปเลี้ยงครูตั้งหม้อหนึ่ง”

“พ่อไม่มาครับ อาแปะ วันนี้ ผมขอบะหมี่น้ำพิเศษนะ แล้วไอ้คาร์พก็เอาเหมือนเดิม ส่วนของเพื่อนผู้หญิง.....”

“หนูขอเกี๊ยวกุ้งค่ะ” หวานแย่งสั่ง ก่อนที่จะรีบเดินปรี่เข้าไปในร้านหาที่นั่งในสุด “ท็อป ปลาคาร์พ มานั่งนี่ ๆ ๆ”

ท็อปกับคาร์พก็ค่อยๆเดินตามไปนั่ง คาร์พยังคงแปลกใจที่ท็อปชวนหวานมากินด้วย ระหว่างที่เดินก็กระซิบถามเพื่อน “คิดไงชวนยัยหวานมาด้วย ร้อยวันพันปีไม่เคยจะชอบหน้าแม่นี่”

“เฮ้ย พูดเกินไป ยังไงก็เพื่อนกัน ชีวิตมีคนรักเรามันก็ดีกว่ามีคนเกลียดนะ” ท็อปบอก

“เร็วๆ มาถ่ายรูปเซลฟี่กัน” หวานบอก  ยกมือถือก่อนจะคว้าแขนของท็อปแล้วซบถ่ายรูป “เอ้า ชีสสสสสสส” ท็อปชูสองนิ้วถ่ายรูปด้วย แต่สีหน้าเนือยๆ “หูย น่ารักมากอะ ดูดิ เดี๋ยวเราขออัพลงอินสตาแกรมนะ” หวานพูดอย่างรื่นเริง ปลาคาร์พส่งสายตามองท็อปแบบเอือมๆ

เมื่ออาหารมาถึงจนครบ  ของปลาคาร์พเป็นบะหมี่แห้ง อาเฮียเจ้าของร้านเลยเอาน้ำซุปร้อนๆ ชามเบ้อเร่อมาให้ซดคล่องๆคอ

“เดี๋ยวๆ ทุกคน อย่าเพิ่งกิน ขอเรา ถ่ายรูปก่อน” หวานบอก ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง

“เร็วๆนะ เราหิวละ” ท็อปบอก ว่าแล้วก็นึกแผนการณ์ดีๆออกมาได้

ในขณะที่หวานกำลังยกโทรศัพท์หามุมถ่ายอยู่เหนืออาหาร พร้อมกับที่จะสามารถเก็บภาพสองหนุ่มให้อยู่ในเฟรมเดียวกัน องศาของโทรศัพท์และชามซุปก็อยู่เหนือกันพอดีๆ ท็อปจึงตะโกนออกไปก่อนจะชี้ที่แขนของหวาน
“เฮ้ย หวาน แมลงสาปเกาะแขนว่ะ”

ด้วยความที่เป็นคนขี้ตกใจ หวานกรี๊ดสุดเสียงก่อนจะสะบัดแขนและปล่อยโทรศัพท์ตัวเองลงชามน้ำซุปบะหมี่ดัง โพล๊ะ น้ำซุปในชามกระเด็นไปรอบๆโต๊ะ โดนเข้ากับเสื้อท็อปและคาร์พแบบแทบจะกระโดดลุกหนีไม่ทัน

“ไหนๆ แมลงสาปอยู่ไหน ไหน” หวานกรี๊ด สะบัดแขนขาไปทั่วทุกทิศทาง

“สงสัยมันกระเด็นบินไปหลบแถวๆพื้นแล้วมั้ง” ท็อปบอก ก่อนจะชี้มือชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปตามพื้น

“โทรศัพท์ช๊อตหมดแล้วมั้ง หวาน” ปลาคาร์พบอกชี้ไปที่โทรศัพท์ที่จอดับไปแล้วในชามซุป

“ตายแล้ว!!!”   หวานโวยวาย  จะหยิบโทรศัพท์ออกจากชามก็กลัวจะเลอะ เลยคว้าตะเกียบคีบขึ้นมา แต่ก็คีบได้ไม่ถนัดก็ทำให้โทรศัพท์กลับไปแช่อยู่ในน้ำซุปใหม่

“แย่เลย เดี๋ยวเราเอาไปดูให้เอาไหม?” ท็อปพูด ในใจกระหยิ่มยิ้มย่องที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่คิดไว้

“แย่เลย เสียดายอะ มันน่าจะซ่อมได้รึเปล่า?” หวานโอดครวญ “ในนั้นมีรูปกะวิดิโอตั้งเยอะเลย”

“อันนี้หวานไม่ได้ใส่การ์ดใช่ไหม?” ท็อปถามเพิ่มก่อนจะคีบโทรศัพท์ออกมาวางบนโต๊ะ

“ไอโฟนมีที่ใส่การ์ดที่ไหนเล่า!!!”หวานบอก
ท็อปพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะตะโกนบอกเฮียเจ้าของร้านว่า “เฮีย ขอถุงพลาสติกใบนึง” ด้วยความรู้สึกของผู้ชนะ

จบตอนที่ 8 (ตอนที่ 9 จะมาในวันจันทร์ที่ 9/02/2014 นะครับ หลัง 22.30 ไม่เกิน 24.00 ครับ เพระาผมจะใช้เวลาตรวจปรู๊ฟอักษรและแก้ไขสำนวนให้กระชับและอ่านง่ายที่สุด ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะครับ - - ตอนนี้เขียนเรื่องใหม่อยู่ ตัวผมเองให้เพื่อนทีสนิทๆกันอ่าน ก็น่าจะเป็นอีกเรื่องที่ทุกคนน่าจะชอบ ไว้ใกล้ๆเรื่องนี้จบ จะนำลิงค์มาอัพให้ได้อ่านกันอีกเรื่อง ใครที่ชอบสำนวนและเรื่องราวแนวๆนี้ ก็ติดตามอ่านกันได้ครับ ^^)

ชอบใจก็ให้เป็ดเป็นกำลังใจด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 8 06/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 06-02-2015 23:47:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 8 06/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: zipboy ที่ 06-02-2015 23:55:21
ไม้แข็งนี่ ไม่เลวนะครับ (ติดตามต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 8 06/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 07-02-2015 00:02:16
คนเขียนดีเด่นเลย ไม่เคยเบี้ยวนัด 55555555
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 8 06/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 07-02-2015 00:11:45
  :pigha2::laugh: ร้ายกาจ ท๊อปอ่ะร้ายกาจ :jul3: :m20:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 8 06/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-02-2015 00:27:00
ชะนีชอบสร้างปัญหา. แต่มาโง่ง่ายๆซะนิ อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 8 06/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 07-02-2015 02:34:43
เกรงว่าไฟล์จะมีสำรองไว้ที่อื่นอ่ะดิท๊อปเอ๊ย :katai1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 9 09/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 09-02-2015 22:01:44
บทที่ 9

กีฬาสี


“พี่ท็อป เจ๋งโคตร ไปเอามาได้ไงเนี่ย” แบงค์บอก เมื่อทั้งสองมาเจอกันตอนค่ำๆที่บ้านของแบงค์

“อย่าประเมิน Super Top ต่ำไปนะครับ น้องชาย” ท็อปพูด เก๊กเสียงหล่อ หลังจากที่โยนโทรศัพท์ที่ทำความสะอาดแล้วมาให้แบงค์ดู

“เท่าที่ฟังที่เล่ามา มันยังไม่เสียใช่ไหม พี่ท็อป หล่นไปแช่ซะขนาดนั้น” แบงค์ถาม พลิกโทรศัพท์ไปมา

“มันก็ยังเปิดใช้ได้นะ แต่เดี๋ยวก็ต้องไปให้ร้านดูอีกที พี่ลองปิดเครื่องแล้วเช็ดแห้ง แช่ถังข้าวสาร มันก็ยังเปิดติดอยู่ แต่สักพักก็จะดับไปอีก เรื่องวิดิโอนั่นน่ะ พี่เจอแล้วก็ลบมันไปแล้วแหละ คือ ถ้ามองเผินๆ มันก็ไม่มีอะไรหรอก แล้วแต่คนจะคิดนะพี่ว่า ก็แค่ ผู้ชายยืนกอดกันหน้าห้องผลักกันไปผลักกันมาแล้วก็พากันจูงมือเดินเข้าห้อง ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน” ท็อปพูดสีหน้าปกติ

“ปกติมากกกกกกกกกกก” แบงค์ว่า ลากเสียงยาว “ถ้าเรื่องมันง่ายแบบนั้น ก็ไม่ต้องมาวุ่นวายกันแบบนี้หรอก ทีนี้เราเอาไงต่อดีล่ะ” แบงค์ถามท็อปซ้ำ กับเรื่องทุกอย่างทีเกิดขึ้น “หรือว่าเราต้องแยกกันห่างๆแบบนี้ไปเรื่อยๆ”

“เอาเป็นว่าเราก็ทำตัวกันตามปกตินั่นแหละ ถ้าเจอกันได้เมื่อเวลาว่างก็มาเจอกัน พี่ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องเสียหายเท่าไรมั้ง?” ท็อปบอก เสนอความคิดให้ฟัง แบงค์พยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงรับรู้

“ว่าแต่ แบงค์รักพี่จริงๆหรือเปล่าเนี่ย? ที่ผ่านมา แบงค์ไม่เคยบอกรักพี่แบบเต็มปากสักหนเลย” ท็อปถาม

“...ถามงี้อีกแล้วนะ” แบงค์ว่า เปลี่ยนสีหน้าเป็นคิ้วขมวดทันที “ชอบฟังเหรอ มันเขินนะพี่ท็อป จะให้พูดอะไรแบบนั้นบ่อยๆอะ”

“พูดให้พี่มั่นใจหน่อยเถอะ ที่ผ่านมาเราก็เจอเรื่องนั่นนี่ มาด้วยกัน พี่แค่อยากมั่นใจ” ท็อปพูด น้ำเสียงอ่อนลง

“คนที่น่าจะหวั่นไหวนี่น่าจะเป็นแบงค์รึเปล่า ก็พี่ท็อปเล่นหว่านเสน่ห์ไปทั่ว แถมมีสาวน้อยสาวใหญ่ มารุมตอมกันเต็มไปหมด ตั้งแต่วันแรกที่แบงค์เจอพี่ ก็มีแต่ข่าวหนาหูว่า พี่น่ะเปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่น .... เอาเป็นว่า ถ้าพี่ทำให้แบงค์มั่นใจได้เมื่อไร เมื่อนั้น แบงค์จะบอกรักพี่ให้ฟังสักล้านรอบ คัดลายมือว่า รักพี่ท็อปส่งเป็นการบ้านให้ตรวจสักล้านจบเลย โอเคไหม?” แบงค์บอก
ท็อปทำหน้าหงอย ๆ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือกลับคืนไป “แค่นี้มันยังไม่พออีกเหรอเนี่ย?” เขาพึมพำ

“สัปดาห์หน้ากีฬาสีแล้วนะพี่ท็อป ไว้เดี๋ยวรอบที่พี่ท็อปแข่งแบงค์จะไปเชียร์นะ” แบงค์เปลี่ยนเรื่อง

“อือ ถ้าพี่ชนะได้เหรียญทอง ขอรางวัลด้วยล่ะ” ท็อปบอก มองหน้าแบงค์ สายตาส่องประกายจริงจัง

“จะเอาอะไรล่ะ...ช่วงนี้ตังไม่ค่อยจะมีด้วย” แบงค์บ่น ก่อนจะหย่อนตัวลงที่โซฟา

ท็อปกระโจนตัวขึ้นมาคร่อมรุ่นน้องที่นอนอยู่ “ก็เอาแบงค์เนี่ยแหละ” ว่าแล้วก็ไล่กอด พลางจั๊กจี๋เอวของแบงค์

“เย้ย ไม่ใช่ตอนนี้พี่ท็อป เหม็นตัว ๆๆ ออกไปก่อน ๆ ๆ” แบงค์โวยวาย

“โห่ อะไร เดี๋ยวนี้บอกเหม็น ทีแรกๆนะ บอกพี่ท็อปตัวหอมยังงั้นยังงี้ อย่ามาฟอร์มเลย” ท็อปบอกยังไม่เลิกรุก “อยากโดนกอดก็บอกมาเถอะน่า”

เสียงไขประตูบ้านดังแกร๊ก ก่อนที่ประตูจะเปิดผางออกจนแบงค์กับท็อปไม่ทันจะได้ตั้งตัว แม่กำลังเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพอดีกับที่เห็นแบงค์กับท็อปเล่นกันอยู่บนโซฟา

“เอ๊ะ....สองหนุ่ม ทำอะไรกันน่ะ” แม่ถามเสียงดังลั่น ตกใจเล็กน้อย ส่วนท็อปกับแบงค์ก็รีบกระโดดลุกขึ้นนั่งจนตัวลอย

“ทำไมแม่กลับมาเร็วจัง” แบงค์ถามพยายามเปลี่ยนเรื่อง แต่แม่ก็ยังหรี่ตามองลูกชายของตนกับเพื่อนอย่างสงสัย

“วันนี้แม่ไม่มีประชุม เลยกะว่าจะรีบกลับบ้านมาทำกับข้าวให้กิน นี่แม่เพิ่งกลับมาจากซุปเปอร์มาเก็ต ของเต็มมือเลย” แม่บอก
 
“หวัดดีครับ คุณแม่” ท็อปไหว้ทักทาย ด้วยความหวั่นๆ แม่ของแบงค์ยังคงมองท็อปด้วยสายตาแปลกๆ

“อ๋อ หนุ่มนั่นเอง เห็นมารับแบงค์ไปเที่ยวเล่นวันเสาร์บ่อยๆ ชื่อ อะไรนะ....” แม่ถาม พลางนึกไปด้วยก่อนที่จะวางของทั้งหมดที่ถือมาลงบนโต๊ะ

“ชื่อท็อปครับ เป็นรุ่นพี่ที่ชมรมแบดมินตันครับ” ท็อปบอก

“เอ้อ อยู่กินข้าวด้วยกันนะ รีบกลับไหม? เดี๋ยวแม่จะเข้าครัว วันนี้แม่กะจะทำแกงกะหรี่ญี่ปุ่นแล้วก็สลัดผักกาดแก้ว แป๊บเดียว ครึ่งชั่วโมงหน่อยๆ ก็เสร็จละ” แม่ออกปากชวน พยายามไม่คิดมาก เพราะเป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กผู้ชายวัยนี้จะเล่นอะไรกันแผลงๆ

“เดี๋ยวพี่ท็อปเขาก็คงกลับแล้วล่ะแม่” แบงค์บอก ส่งสายตาขยิบให้ท็อปเป็นสัญญาณให้รีบกลับ

“ดีเลยครับ ผมก็อยากกินเหมือนกัน แบงค์เล่าให้ฟังว่าแม่ทำกับข้าวอร๊อยอร่อย”ท็อปพูดชม หันหน้าเยาะๆไปทางแบงค์ว่า (พี่ยังไม่อยากกลับ)

“ดีเลย งั้นเดี๋ยวเราสองคนมาช่วยแม่ล้างผักอย่างเดียว ที่เหลือแม่จัดการเอง” แม่บอก แล้วยกของทุกอย่างเข้าไปในครัว
แบงค์มองท็อปอย่างค้อนๆ ส่วนท็อปก็ตีหน้ายียวนตอบจนแบงค์อดไม่ได้ที่จะซัดหมัดเบาๆเข้าที่ท้องของท็อป

“โอ๊ย ต่อยพี่ทำไมเนี่ย !!” ท็อปถามเอามือกุมท้องไว้ แบงค์ไม่ตอบแต่ยิ้มน้อยๆที่มุมปาก ก่อนจะเดินตามแม่เข้าไปในครัว

===========================================

เมื่อวันกีฬาสีก็มาถึง โรงเรียนคึกคักและคราคร่ำไปด้วยเด็กนักเรียนเสื้อหลากสี นักเรียนทุกคนถูกแบ่งให้ยืนเคารพธงชาติเป็นสีๆ ทำให้ดูสวยงามมากเมื่อถ่ายภาพมาจากข้างบนตึก ช่วงนี้ก็จะเป็นเหมือนวันฟรีเดย์ของเหล่านักเรียน กีฬาสีจะจัดขึ้นด้วยกันทั้งหมด 3 วันวั  นแรกก็จะเป็นการแข่งกิจกรรมเข้าจังหวะ แล้วก็กีฬาทีมต่าง ๆ แบดมินตัน บาสเก็ตบอล วอลเลย์บอล เป็นต้น ส่วนวันที่สองจะเป็นกีฬาพวกกรีฑา และวันที่สามจะเป็นรอบชิงชนะเลิศของกีฬาในวันแรก
แบงค์ต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อมาแต่งหน้าแต่งตัวให้เรียบร้อย กิจกรรมแรกของกีฬาสีนั้นจะเริ่มด้วยขบวนพาเหรดเปิดกีฬาสี  วันนี้ทุกอย่างต้องออกมาดีที่สุดและเขาจะต้องไม่พลาด เมื่อเขาแต่งตัวเสร็จคร่าวๆก็รีบออกมายืนรอหน้าห้องแต่งตัว เพื่อให้พี่ส้มโอและพี่บอยดูสภาพความเรียบร้อยของเขา

“โคตรหล่อเลยว่ะ แบงค์” พี่ส้มโออุทานเมื่อเห็นชุดสูทสีชมพูเข้ารูป ที่ปักเลื่อมให้ดูโดดเด่น พร้อมหมวกสีดำขลิบด้วยดิ้นสีชมพูเป็นประกาย ในมือถือคทาสีดำเงิน พันด้วยพู่สีชมพู

“จริงดิพี่ แบงค์ว่ามัน ดูแปลกๆไงไม่รู้อะ แล้วแบบ มันชมพูเกินอะ” แบงค์บอก รู้สึกเขินกับสิ่งที่ตัวเองสวมใส่อยู่

“อ้าว เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า แกอยู่สีชมพู ชุดมันก็ต้องสีชมพูดิวะ”พี่บอยบอก “เดี๋ยวเติมแป้งกะกรีดตาให้คมๆหน่อยท่าจะดีนะแก น้องมันตาสองชั้นหลบใน  เดี๋ยวจะดูแล้วไม่คม ฉันเห็นดรัมเมเยอร์ของสีแดงมาแก หล่อมากกกกกกก คิ้วเข้ม หน้าคม เราจะได้สู้ไหวหน่อย”

“เหอะ ของเราก็หล่อเหมือนกันย่ะ แถมฝีมือควงคทาก็สุดยอด อย่ามาข่มซะให้ยาก” ส้มโอพูดเหยียดๆใส่พี่บอยแบบขำๆ “เดี๋ยวพี่ให้เกวลิน เพื่อนพี่มันกรีดตาให้นะ ตาจะได้คมๆ”

ช่วงเช้าก่อนที่ขบวนจะเริ่ม แบงค์หมดเวลาไปกับการเป็นหุ่นแต่งหน้าให้กับเหล่ารุ่นพี่สีชมพู แต่เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาจึงรีบเดินไปที่หน้าขบวนพาเหรดที่จัดไว้ เมื่อมองไปก็เห็นคู่แข่งอีกหลายๆสีที่มีดรัมเมเยอร์หน้าตาหล่อเหลา แต่งตัวเท่กันไปหมดทุกสี ตัวเขาเองก็ไม่ได้สูงมากนักเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ตอนนี้เขาก็พยายามดึงความมั่นใจของตัวเองขึ้นมา

ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา เด็กหนุ่มหน้าใหม่ที่ใครๆก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ที่ได้มากลายเป็นดรัมเมเยอร์ของสีชมพู ต่อจากนี้เขาก็จะไม่ได้โนเนมอีกต่อไป ถ้าเขาทำผลงานได้ดี คนหลายๆคนจะถามว่า ใครเป็นดรัมเมเยอร์สีชมพูอย่างแน่นอน

“แบงค์ ๆ “ เสียงพี่ท็อปดังมาจากข้างๆที่มีคนรุมยืนดู ทางที่เตรียมตั้งขบวน คนอื่นๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องจะถูกกั้นไว้ไม่ให้เข้ามายุ่มย่ามในแถวพาเหรด

แบงค์หันไปยิ้มให้ แต่ก็ไม่ได้ทักตอบกลับไป ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้นไปหมด เหมือนหัวใจจะเต้นหลุดออกมาจากอกเลยทีเดียว ท็อปยกนิ้วให้ เป็นความหมายให้สู้ๆ

เมื่อเสียงกลองดังขึ้น  ขบวนพาเหรดก็ค่อยๆเริ่มขยับและเหล่าบรรดาดรัมเมเยอร์ทุกคนก็เริ่มบรรเลงกระบวนคทาที่ตนเองฝึกซ้อมมาอย่างดี พี่ส้มโอบอกว่า โดยปกติแล้วการโยนคทาจะทำก็ต่อเมื่อแถวพาเหรดหยุดยาวๆ หรือหยุดต่อหน้าประธานตรวจแถวขบวนพาเหรดเท่านั้น แบงค์จึงได้แต่คอยจังหวะที่เหมาะสม

ขบวนพาเหรดเคลื่อนตัวไปรอบๆโรงเรียน พร้อมเสียงกลองและดนตรีจากวงดุริยางค์ดังกระหึ่ม ข้างหลังเขาคือขบวนเด็กนักเรียนนับร้อย สีชมพูจะเป็นสีที่สองที่จะเคลื่อนตัวตามสีแดงออกไป บรรยากาศรอบๆตัวดูครึกครื้นและน่าตื่นเต้นขึ้นเรื่อย ๆ แบงค์นั้นเห็นพี่ท็อปอยู่เป็นระยะ เพราะเจ้าตัวก็ค่อยๆ เดินตามขบวนที่เคลื่อนไป ท็อปพยายามแฝงตัวอยู่ในฝูงชนแล้วก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปอยู่เป็นระยะๆ เมื่อถึงคราวขบวนหยุดเดิน แบงค์ก็จัดการโยนคทาไปอย่างที่ซ้อมมาแล้วรับได้อย่างไม่ผิดจังหวะ ถึงจะขลุกขลักไปบ้าง แต่ถ้านับว่ามือใหม่ก็ถือว่าทำได้ไม่เลวนัก เสียงโฆษกประกาศ เมื่อทั้งขบวนพาเหรด ค่อยๆเดินผ่านหน้าปรัมพิธีของประธานซึ่งมีผอ.ของโรงเรียนนั่งดูอยู่ ขบวนพาเหรดแต่ละสีจะหยุดสักครู่ เพื่อให้ดรัมเมเยอร์ ควงคทาแล้วโยนโชว์ต่อหน้าประธานเอาคะแนนเพิ่มสำหรับขบวนพาเหรด

“ขณะนี้ สีชมพูกำลังเดินเข้าสู่ปรัมพิธีแล้วครับ” เสียงโฆษกประกาศ “ดรัมเมเยอร์ของสีชมพูปีนี้นำโดย นายเจนภพ รัชตะไพบูลย์ ชั้น ม.4/5 ธีมสีชมพูปีนี้คือ สีชมพูร่วมใจ ใส่ใจเยาวชน พัฒนาศักยภาพ เพื่อความเป็นเลิศครับ”

“จะเห็นว่า ป้ายต่างๆที่สีชมพูเดินถือมาจะเกี่ยวข้องกับการใช้สื่อในการหาความรู้และพัฒนาตัวเองนะคะ” เสียงโฆษกหญิงโต้ตอบ “ต่อไปจะขอดูการควงคทาของสีชมพูค่ะ”

ช่วงเวลาสำคัญมาถึง เมื่อเขาเดินเข้ามาถึงหน้าปรัมพิธี แบงค์รับรู้ได้ถึงทุกสายตาที่กำลังจดจ้องมองเขาเป็นสายตาเดียว พี่ท็อปเดินอ้อมมาด้านหน้า เพื่อรอถ่ายภาพสำคัญ โดยที่พี่ปลาคาร์พก็เดินตามหลังมาด้วย จับจ้องมาที่แบงค์เช่นเดียวกัน เสียงกลองระรัวเป็นจังหวะ แบงค์กลั้นหายใจ ดึงเอาความมั่นใจทั้งหมดออกมาแล้วนับอยู่ในใจ หนึ่ง สอง....สาม

เขาควงคทาไปทางซ้ายและขวา จากนั้นจึงโยนขึ้นฟ้า คทาหมุนควงเป็นวงกลมจากนั้นหัวคทาจึงพุ่งตัวลงเป็นแนวดิ่งอย่างรวดเร็ว ด้วยวินาทีที่หวาดเสียวที่สุด แบงค์ที่กำลังจ้องดูการดิ่งของคทาอยู่แล้วนั้น รีบใช้ข้อมือคว้าที่ช่วงใต้หัวคทาเอาไว้ แล้วหมุนควงต่อทันที ท่ามกลางการลุ้นของทุกๆสายตา เสียงปรบมือดังลั่นสนาม เขารู้สึกใจหายวาบว่าตัวเขาเองก็เกือบไปแล้วที่จะไม่รอดจังหวะคว้าไม้นี้  เมื่อเดินผ่านปรัมพิธีเสร็จทุกสี ผอ.โรงเรียนก็จะประกาศและให้โอวาทเปิดงานกีฬาสีประจำปีอย่างเป็นทางการ

เมื่อปล่อยแถว แบงค์เองก็แทบทรุดเพราะต้องยืนเดินไปเดินมาอยู่นานเป็นชั่วโมงกว่าพิธีการเหล่านั้นจะสิ้นสุด
พี่ท็อปรีบวิ่งมาหา ทันทีที่แถวทุกอย่างเลิก

“ไง สุดหล่อ - - วันนี้แต่งตัวเท่บาดใจมาก” พี่ท็อปแซว เอามือขยี้หัว

“เหนื่อยจะตาย พี่ท็อป ทั้งเหนื่อย ทั้งตื่นเต้น” แบงค์บอก แล้ววางคทาลงข้าง ๆ ตัว พี่ส้มโอกับพี่บอยก็รีบวิ่งเข้ามาหา ด้วยสีหน้าตื่นเต้นเช่นกัน

“สุดยอดมากๆ แบงค์ ท่าควงคทานั่น ตอนซ้อมไม่เห็นจะเคยทำได้เลยนะ” พี่ส้มโอชมเปาะ “ทำเอา ลุ้นหวาดเสียวไปตามๆกันอะ”

“ฟลุ๊กมากกว่าพี่ ตอนนั้นโคตรกลัวจะหล่นใส่หัวตัวเองเลยแหละ” แบงค์บอกเขินๆ “ยังไงก็ขอบคุณพี่ๆด้วยนะครับ ที่อุตส่าห์มาช่วยซ้อมจนเข้าที่”

“ก็ท็อปมันแนะนำมานี่หว่า แสดงว่า คงเด็ดจริงแหละ แล้วแบงค์ก็พิสูจน์ให้พวกพี่แล้วก็ทุกคนเห็นว่า ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ถ้าเราตั้งใจทำมันจริงๆจังๆ” พี่บอยบอก ชูนิ้วโป้งให้ทั้งสองมือ “สุดยอด”

เกมส์ เกด แล้วก็เปิ้ล ต่างก็วิ่งเข้ามาชื่นชมเพื่อนของตนกันใหญ่ทันทีที่เข้ามาถึงตัวได้ต่างก็ถ่ายรูปกันสนุกสนาน
ท็อปหันมามองคนรักของตนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม แบงค์เองก็เขินที่มีแต่คนชม ทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ต่างก็เข้ามาขอรุมถ่ายรูปกับดรัมเมเยอร์คนเก่ง วันนี้ทำเอาแบงค์กลายเป็นขวัญใจของโรงเรียนไปในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ได้ทันที พี่ท็อปก็ขอถ่ายรูปคู่กับแบงค์หลายๆรูป ทุกคนต่างสนุกสนานอยู่บรรยากาศกีฬาสี และการถ่ายภาพกันและกัน

“โยนไม้เก่งมากเหมือนกันนะเนี่ย” เสียงพี่หวานแทรกขึ้นมา ในขณะที่พวกพี่ท็อป กำลังถ่ายรูปเล่นอยู่กับแบงค์

“เอ่อ...ขอบคุณครับพี่หวาน” แบงค์ตอบ

“โทรศัพท์พี่ส่งซ่อมพอดี เลยเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปคู่ด้วยเลย” หวานบอก ตีสีหน้ายิ้มให้ทั้งท็อปแล้วก็แบงค์ “แล้วปลาคาร์พไปไหนอะ เห็นอยู่กัน สองคน” หวานบอก เน้นเสียงที่คำว่า สองคนอย่างชัดๆ

“อ๋อ คาร์พมันเตรียมไปแข่งบาสที่สนามแล้ว เราแข่งบ่ายเลยมาเล่นกับน้องๆอยู่” ท็อปบอก ออกหน้าแทนแบงค์ “หวานจะถ่ายด้วยกันกับแบงค์ไหมล่ะ เดี๋ยวเราใช้โทรศัพท์เราถ่ายให้แล้วแท็กลงเฟซไป”

“เอางั้นก็ได้” หวานบอกแล้วก็เดินมาแทรกระหว่างท็อปกับแบงค์ แล้วพยายามเอาหน้าไปซุกๆตรงใกล้ๆแก้มพี่ท็อป “ท็อปถ่ายแบบเซลฟี่ให้ติดกันทั้งหมดสามคนเลยนะ” หวานบอก

ท็อปพยายามเบนตัวออกอย่างหงุดหงิดหน่อย ๆ ก่อนที่จะหามุมได้แล้วถ่ายรูปทั้งสามคนได้พอดี “อะ โอเคแล้วนะ เดี๋ยวแท็กไปให้” ท็อปบอกพลางเดินออกจากหวานไปทางแบงค์แทน

“ก็ได้ งั้นเดี๋ยวหวานไปก่อน ต้องดูงานประชาสัมพันธ์เรียกนักกีฬาลงสนาม” หวานพูด มีแววหงุดหงิดเจือในน้ำเสียงหน่อยๆ เมื่อเห็นท็อปทำเมินไม่สนใจเธอเท่าไร ก่อนจะเดินไป หวานยังหันหน้ามามองค้อนแบงค์หน่อย ๆ ปากพึมพำว่า “อุตส่าห์เตือนแล้วนะ”

“พี่ท็อปว่าเขาจะรู้รึยังว่า คลิปโดนลบออกจากโทรศัพท์ไปแล้ว” แบงค์ถามท็อป ที่กำลังยืนจิ้มโทรศัพท์อยู่ กลัวพี่หวานจะหาเรื่องเขากับท็อปอีก

“ไม่รู้หรอก พี่พาเขาไปส่งศูนย์เอง พี่แอบบอกพี่ที่เขาจะซ่อมให้ว่า ลบทุกอย่างให้หมดเลยก็ได้ เอาแบบให้กู้ไม่ได้เลย ลบเอาให้หมดเกลี้ยงไปเลย” ท็อปพูดเสร็จก็หันมายิ้มให้ แล้วลากตัวแบงค์มาอิงกับตัวเขา “ไม่ต้องคิดมาก สัญญาแล้วไง ว่า เราต้องไม่มีวันห่างกัน อะไรจะเกิดขึ้น พี่จะทำทุกอย่าง”

แบงค์เงียบ ไม่ได้ตอบอะไร “ไม่เอาน่าพี่ คนเยอะ” เขาพูดเบาๆ แล้วรีบผละตัวออก “เดี๋ยวตอนบ่ายพี่จะแข่งแบดนี่ เดี๋ยวเราไปกินข้าวกันไหม? แล้วเราก็ไปเตรียมวอร์มรอแข่งที่สนามกัน”

“อือ ก็ดีนะ แต่รีบกินแล้วสักเกือบ 10 โมง ไอ้คาร์พมันจะแข่งบาส เราจะได้ไปเชียร์มันกันก่อน” ท็อปบอกยิ้มๆ ก่อนจะจับมือแบงค์เดินจูงไปที่โรงอาหาร

========================================

เมื่อกินข้าวเสร็จทั้งท็อปและแบงค์ เกด เปิ้ล เกมส์ ก็ตามมาเชียร์พี่คาร์พที่สนามบาส เปิ้ลดูจะมีความสุขมากเป็นพิเศษที่ได้ใกล้ชิดรุ่นพี่ที่ตัวเองชอบมานาน

“ดีจังเลยที่แกสนิทกับพี่ท็อป” เปิ้ลเปรย เมื่อมีโอกาสได้เข้ายืนใกล้ๆแบงค์ “เราเลยได้อานิสงค์ไปด้วย เนี่ยใกล้พี่เขาถึงขนาดแบบได้กลิ่นหอมๆจากตัวพี่เค้าเลยอะ”

“แกนี่มันโรคจิตจังเลยอะ” เกดบอกแล้วเบ้ปาก “ขนาดแอบไปดมกลิ่นตัวพี่เขานี่ไม่ไหวนะ”

“แกก็ คนมันชอบอะ" เปิ้ลบอก

แบงค์ยืนขำเพื่อน ส่วนพี่ท็อปก็ง่วนอยู่กับการหาทางเบียดคนแทรกเข้าไปเลยไม่ทันได้ยินที่รุ่นน้องคุยกัน

“เปิ้ลจะเอาไหมล่ะ เดี๋ยวเราขอพี่ท็อปให้ เอาผ้าเช็ดหน้าแกไปเช็ดจั๊กกะแร้พี่เขาให้ จะได้เก็บไว้ดม” แบงค์แซว

“พูดอะไรกันวะ กรูจะอ้วก ไอ้พวกนี้” เกมส์พูดแทรกขึ้นมารู้สึกเริ่มทนไมได้ “มาดมของกรูนี่มามะ” เกมส์บอก ยกรักแร้ขึ้นให้ดู

“ถอยไปเลยไอ้เกมส์ กรูจะอ้วก” เปิ้ลบอก ตีสีหน้าขยะแขยงสุดขีด

“เห็นว่า เดี๋ยวสีชมพูกับสีเขียวแข่งกันเป็นสีแรกนะ” ท็อปเดินกลับมาหลังจากที่แทรกตัวเข้าไปถามหาข้อมูลมา “คู่ต่อไปเนี่ยแหละ”

ทุกคนพยักหน้ารับทราบข้อมูล ต่างพยายามเบียดแทรก หาพื้นที่ว่างรอบสนาม เพื่อชมการแข่งขัน พี่คาร์พกำลังยืนคุยอยู่กับลูกทีมอยู่อีกฟากของสนามก่อนด้วยสีหน้าจริงจัง และอีกไม่กี่นาที การแข่งขันก็เริ่มต้นขึ้น
ในช่วงแรก ทีมสีชมพูนั้นส่งต่อบลูกบอลกันอย่างคล่องแคล่ว แม้ว่าจะโดนสีเขียวบล็อกและสกัดได้หลายครั้ง แต่ว่า สีชมพูมีชั้นเชิงทีเหนือกว่า เห็นได้ชัดว่า กัปตันทีมอย่างพี่คาร์พอ่านเกมส์ของสีเขียวค่อนข้างชัด และชู้ตลงไปได้หลายแต้ม ภายในช่วง 10 นาทีของควอเตอร์แรกถึง 26 ต่อ 15 ทำเอากองเชียร์สีชมพูเฮลั่นเมื่อทีมสีชมพูนำไปอย่างสวยงาม
ในช่วงที่สองสีเขียวพยายามบุกและตีตื้นเข้ามาชู้ต และเริ่มสังเกตการทำเกมส์ของฝ่ายทีมพี่คาร์พ จึงพยายามสกัดไม่ให้พี่คาร์พได้ลูก เพราะพี่คาร์พมักจะเป็นตัวชู้ตของทีมเสมอ ด้วยความที่ตัวสูง จึงทำให้ง่ายต่อการกะจังหวะในการโยนลูกลงห่วง เมื่อจบช่วงทีสองแม้จะตีตื้นการชู้ตห่วงมาได้ แต่ถ้าเทียบกับสีชมพูแล้วก็ยังดูห่างชั้นกันมาก

“แบบนี้ สีชมพูไม่พลาดแชมป์อีกตามเคย” เสียงกองเชียร์คนอื่นๆ พูดกัน ท็อปกับแบงค์หันหน้ามามองกันยิ้ม ๆ
จบเกมส์ทั้ง 4 ควอร์เตอร์ คะแนนรวมของสีชมพูนำสีเขียวอย่างไม่ต้องสงสัยแล้วจบเกมส์ที่ 70 ต่อ 54 กองเชียร์สีชมพูเฮลั่นสนาม ส่วนท็อปก็ตะโกนเชียร์เพื่อนเสียงดัง พี่คาร์พเองก็หันหน้ามาตามเสียงที่คุ้นเคยแล้วหยักหน้าให้

“เฮ้ย แก พี่คาร์พก็เท่มากเลยอะ ท่าชู้ตบาสแต่ละครั้งนี่ทำชั้นใจละลายเลย” เปิ้ลพูด เสียงเคลิ้มฝัน

“เอ่อ ... นี่แกหวั่นไหวง่ายไปนะ” เกดบอก เขย่าตัวเพื่อน

“ก็แบบ ของเค้าดีจริงนี่แก” เปิ้ลบอก “เดี๋ยวต่อไปก็ต้องตามไปเชียร์พี่ท็อป.....พี่ท็อปคะ” เธอตะโกนเรียก พี่ท็อปที่ยืนอยู่ไม่ไกลกับแบงค์ ท็อปก็หันหน้ามาหา  “สู้ๆนะคะ พี่ ตอนบ่ายหนูจะไปเชียร์”

ท็อปหัวเราะ ยิ้มให้รุ่นน้อง “มือชั้นนี้แล้ว ยังไงก็ชนะขาดลอย” ท็อปบอกอย่างมั่นใจ “แชมป์ตั้งแต่อยู่ม. 3 แล้วนะ ยังหาคนโค่นยาก ระดับพี่”

“เอ้อ มั่นใจไปเหอะ ... ไปวอร์มได้แล้วมั้งพี่ท็อป จะได้ยืดเส้นยืดสายรอ” แบงค์บอก
ท็อปก็พยักหน้า แล้วทุกคนก็พากันไปยังโรงยิมที่มีคอร์ดแบดมินตันสำหรับแข่งขันในช่วงบ่ายวันนี้ เพื่อรอเชียร์ท็อปที่ดูสีหน้ามั่นใจสุดๆว่าปีนี้ชัยชนะคงอยู่ไม่ไกลและรางวัลจากแบงค์ก็คงได้มาไม่ยากเช่นเดียวกัน


จบตอนที่ 9 ( พบตอนที่ 10 ในวันศุกร์ที่ 13/02/2014 เวลา 22.30 เช่นเคยครับ)


** ขอบคุณที่ติดตามกันมาเรื่อยๆเช่นเคยครับ ^^
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 9 09/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 09-02-2015 22:25:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 9 09/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 10-02-2015 01:33:49
กลัวแม่แบงค์จะสงสัยเรื่องท๊อปจัง ยิ่งพ่อท๊อปอีกรู้ละตายแน่เลย ยิ่งเด็กกันทั้งคู่ :katai1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 9 09/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 12-02-2015 00:49:49
ชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 9 09/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: arigatozung ที่ 12-02-2015 12:00:19
หมั่นไส้นังชะนีหวาน ให้ท่าเค้ามาตั้งหลายปีแล้วเค้ายังไม่ชายตามามองหล่อน ถ้ามีสมองก็น่าจะคิดได้โนะว่ามันหมายความว่ายังไง คิกๆๆ  :m20:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 9 09/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-02-2015 12:24:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 10 13/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 13-02-2015 22:26:07
บทที่ 10
ผิดคาด


“แน่ใจนะพี่ท็อปว่าเอาอยู่” แบงค์ถามขึ้นเมื่อนั่งดูพี่ท็อปวอร์มเดาะลูกขนไก่ด้วยความชำนาญ

“แน่นอนอยู่แล้ว น้องรัก พี่มั่นใจยังไงก็มักจะได้อย่างนั้นแหละ” พี่ท็อปตอบหันหน้ามามองแบงค์แบบกวนๆ “กลัวว่าพี่จะชนะแล้วได้รางวัลจากแบงค์ล่ะสิ?”

“ถ้าพี่ทำได้ ก็ทำเลย” แบงค์แซว “ว่าแต่พี่รู้จักคู่แข่งของพี่ที่ต้องเล่นด้วยหรือเปล่า?”

“อ่า...ส่วนใหญ่ก็รู้จักเผินๆ” ท็อปบอกหันหน้าไปมองฝั่งตรงข้ามสนามที่กลุ่มนักกีฬากำลังเตรียมตัวกันอยู่ “จำชื่อได้ไม่หมดหรอก แค่เคยเห็นหน้า ส่วนใหญ่ก็หน้าเดิมๆนั่นแหละ?”

“ขอให้นักกีฬาแบดมินตันชาย ม.ปลาย ทุกสีมารายงานตัวที่กองอำนวยการด้วยค่ะ ประกาศ ขอให้นักกีฬาแบดมินตันชายม.ปลาย ทุกสีมารายงานตัวที่กองอำนวยการด้วยค่ะ” เสียงประกาศออกไมค์ดังขึ้นทั่วสนาม

ท็อปจึงแยกตัวไปที่กองอำนวยการ ส่วนเพื่อนๆก็นั่งรออยู่ข้างสนามเช่นเดิม ฟังผลว่าสีชมพูจะได้แข่งกับสีอะไรเป็นสีแรก และเมื่อดูเหมือนว่าผลจะออกมา ท็อปจึงรีบกลับมาบอกทุกคน

“พี่ต้องเจอกับสีม่วงก่อน” พี่ท็อปรีบเดินมาบอก “เดี๋ยวจะเริ่มแข่งคู่สีชมพูกับสีม่วงเป็นสีแรก”

“สู้ๆ นะคะพี่ท็อป ชนะสีม่วงให้ได้นะ” เปิ้ลเชียร์ “พวกหนูจะเชียร์พี่ท็อปอยู่ข้างสนามนะคะ”

ท็อปยิ้มให้พร้อมชูนิ้วโป้งเป็นสัญญาณว่า ยังไงก็ไว้ใจฝีมือได้เลย

เมื่อเสียงนกหวีดเป็นสัญญาณเริ่มการแข่งขันดังขึ้น พี่ท็อปแข่งขันกับสีม่วงเป็นสีแรก สีม่วงเป็นรุ่นพี่ม.6 ซึ่งดูหน่วยก้านแล้วก็น่าจะมีฝีมืออยู่พอตัว เหล่ากองเชียร์และแบงค์ต่างก็ลุ้นกันตัวโก่งว่า พี่ท็อปจะสามารถเอาชนะสีม่วงได้ไหม เริ่มเกมส์สีชมพูเป็นฝ่ายเสิร์ฟ และเน้นเกมส์บุก พี่ท็อปเป็นขาพลังเยอะ ทุกครั้งที่มีโอกาสพี่ท็อปจะตบอัดลงเส้นแบบไม่ยั้ง ฝ่ายสีม่วงเองก็เป็นฝ่ายรับที่ดี ตีโต้กลับมาเป็นระยะๆ แต่ด้วยความที่พี่ท็อปนั้นหลอกตีให้ตกช่วงใกล้เส้นออกตลอด เลยเหมือนจะล่อให้คู่แข่งต้องคอยวิ่งไล่รับลูกอยู่ตลอด ต้องยอมรับว่าสายตาในการกะการตีลูกแต่ละครั้งของพี่ท็อปค่อนข้างแม่นยำมาก เพราะในองศานั้นถ้าคู่แข่งไม่ตบลูกขึ้นมาก็มีโอกาสเสียคะแนนให้พี่ท็อปได้ง่าย และเมื่อคู่แข่งตบลูกข้ามฝั่งได้ก็จะเจอพี่ท็อปหยอดข้างเน็ทก็ไม่สามารถวิ่งกลับมารับได้ทันอีก จบเซ็ตแรกที่สีชมพูชนะที่ 21 – 11

กองเชียร์สีชมพูก็ร้องเฮลั่นสนามเมื่อสีชมพูชนะอีกรอบ ทั้งแบงค์ เกด เปิ้ลที่แม้จะอยู่สีม่วงต่างก็เฮลั่นไปด้วยเมื่อพี่ท็อปชนะเซ็ตแรก สาวๆต่างสี ที่เข้ามาเชียร์พี่ท็อปต่างก็เฮลั่นด้วยความดีใจ เขายิ้มแฉ่ง แล้วเดินไปจับมือกับสีม่วงที่ก็หัวเราะให้กับความพ่ายแพ้ของตัวเองในเซ็ตนี้ บรรยากาศสนุกๆและตื่นเต้นในการเชียร์กีฬาแบบนี้สำหรับแบงค์เองก็ไม่ค่อยได้สัมผัสเท่าไร
เซ็ตที่สอง พี่ท็อปก็ยังคงกระหยิ่มยิ้มย่องกับชัยชนะของตนเองในเซ็ตที่ผ่านมา สีม่วงเริ่มเสิร์ฟบ้างและเป็นฝ่ายที่รุกเกมส์เข้ามา ถ้าเกมส์นี้พี่ท็อปยังคงเล่นมุขเดิม คาดว่าทีมสีม่วงน่าจะเดาทางออกแล้ว และพี่ท็อปน่าจะใช้เทคนิคใหม่ๆในการรุกกลับ ทีมสีม่วงบุกด้วยการตบไม่ยั้งไปทั้งทางซ้ายและขวา เพื่อหลอกล่อให้พี่ท็อปวิ่งบ้างแต่ด้วยความที่เป็นคนตัวสูง และขายาว พี่ท็อปก็ยังสามารถยึดพื้นที่สนามเอาไว้ได้ แต่เมื่ออีกฝ่ายเน้นตบล้วน เมื่อตบมาก็ต้องตบตอบ เพราะหากรับด้วยการตีโต้แบบธรรมดา อีกฝ่ายก็จะสามารถมีโอกาสหยอดลูกหน้าเน็ทใช้เทคนิคเลียนแบบพี่ท็อปได้ พี่ท็อปจึงต้องใช้ลูกตบตีคืน

เกมส์ดำเนินไปด้วยสีชมพูสูสีกับสีม่วงที่ 15 – 14 เกมส์เซ็ตที่สองนี้ทำเอากองเชียร์ลุ้นกันเหงื่อตกเหมือนกัน เพราะคู่แข่งสีม่วงนั้น เริ่มเดาเทคนิคของพี่ท็อปออกและเน้นโต้กลับให้พี่ท็อปต้องออกแรงแขนมากขึ้นจากการโต้กัน แบงค์สังเกตหน้าของพี่ท็อปทีค่อยๆเป็นสีชมพูระเรื่อมากขึ้น ด้วยความที่เป็นคนขาว แบงค์จำได้เสมอว่า เมื่อพี่ท็อปออกแรงมากขึ้นและเหนื่อยมากขึ้น (จากการที่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองในกิจกรรมต่างๆ)  หน้าพี่ท็อปจะแดงขึ้น ๆ เหงื่อที่ผุดออกมาทำให้รู้ว่า พี่ท็อปเริ่มจะถูกตีเป็นฝ่ายถูกรุกบ้างแล้ว และแม้ว่าจะยังครองเกมส์ได้ แต่ฝ่ายสีม่วงดูท่าว่าจะอึดพอสมควร

ทันใดนั้นสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ในช่วงที่พี่ท็อปกำลังกระโจนออกไปรับลูกตบที่กำลังจะลอยไปโดนเส้นสนาม ข้อเท้าของพี่ท็อปเกิดพลิกขึ้นมากะทันหัน ทำเอาเจ้าตัวล้มทั้งยืน ทำเอากองเชียร์ลุกฮือด้วยความตกใจ พี่ท็อปฟุบลงไปกับสนามด้วยสีหน้าเจ็บปวดสุดๆ เพราะข้อเท้าพลิก กรรมการเป่านกหวีดขอเวลานอกทันที เมื่อเห็นนักกีฬาบาดเจ็บ ก่อนที่แบงค์จะรีบวิ่งข้าไปหาพี่ท็อป พี่คาร์พที่เหมือนโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้กับพี่หวานก็รีบเข้าไปดูอาการเพื่อนที่นอนร้องโอดโอยอยู่

“นิ่งๆไว้ก่อน ท็อป” พี่คาร์พพูด ส่วนพี่หวานก็รีบจัดแจงให้น้องนักเรียนชายที่ยืนอยู่ข้างสนามเข้ามาเพื่อช่วยพยุงพี่ท็อปอีกแรง

“โอ๊ย ดูท่ามันจะพลิกหนักว่ะเพื่อน” พี่ท็อปบอก เมื่อพี่คาร์พพยุงปีกของพี่ท็อปขึ้น “พลาดไปหน่อย เหมือนพี้นรองเท้ามันลื่น เลย ...โอ๊ย” เขาร้อง เมื่อพยายามจะเดินออกข้างสนามและเผลอกดน้ำหนักลงที่เท้าขวาข้างทีเจ็บ

ฝ่ายปฐมพยายาบาลเบื้องต้นรีบเข้ามาเช็คอาการของพี่ท็อปที่ข้างสนาม โดยมีพี่หวานคอยยืนให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ กองเชียร์ต่างๆก็พูดคุยกันเสียงดัง แม้แต่คู่แข่งสีม่วงเองก็รีบเดินมาดูอาการของพี่ท็อปด้วย

“เป็นไรมากรึเปล่า น้อง?” รุ่นพี่ม.6 นักกีฬาสีม่วงถามขึ้น

“ขาพลิกน่ะครับ โอ๊ย ตรงนั้นมันเจ็บ อย่าจับแรงสิครับ” พี่ท็อปร้องบอกครูพยาบาลที่เข้ามาจับขาดูอาการ

“ดูท่าว่าจะแข่งต่อไม่ได้แล้วล่ะนะ ต้องพักแล้ว” ครูห้องพยาบาลบอก ก่อนจะเอาผ้ากอชมาพันขาพี่ท็อปเอาไว้ไม่ให้เขยื้อนมาก

“อ้าว แล้วการแข่งขันที่เหลือล่ะครับครู แบบนี้มันค้างๆ คาๆ ยังไงผมก็ต้องจบเกมส์ของผมให้ได้” ท็อปบอก พยายามลุกขึ้นยืน
“อีกอย่างผมต้องชนะเท่านั้น” ท็อปบอกเสียงแน่วแน่ก่อนที่จะหันหน้ามาสบตากับแบงค์ที่ได้แต่ยืนมุงอยู่เงียบๆ

“ยืนยังจะยืนไม่ได้เลย อัครวินท์ ครูว่าพักเถอะ เดี๋ยวต้องลองถามกรรมการว่าครึ่งที่เหลือจะเอายังไงต่อ” ครูพยาบาลบอกดุๆ ก่อนที่จะเดินไปหาอาจารย์สันติที่เป็นกรรมการในแมทช์นี้ให้

“โห่ แย่เลยอะ อดแหงเลย” ท็อปบ่นพึมพำ สีหน้าหงุดหงิด

“อดอะไรวะ?” ปลาคาร์พถามเพื่อน

“อ๋อ เปล่า ๆ ก็อดชนะไง” ท็อปพูด หัวเราะกลบเกลื่อน

“เจ็บมากไหมพี่ท็อป ดูพี่จะเล่นจริงจังมากไปหน่อยนะ แค่กีฬาสีเอง” แบงค์บอก พลางจับบ่าพี่ท็อปเบาๆ

“อ่าว ก็ดันมีของรางวัลมาล่อใจนี่นา จะให้ทำเล่นๆได้ไง” พี่ท็อปบอก ยังมีหน้ามายิ้มทะเล้นใส่ ส่วนปลาคาร์พก็มองไปที่แบงค์อย่างสงสัยในความหมายของบทสนทนา

อาจารย์สันติรีบเดินมาดูอาการท็อปเพิ่มเติมก่อนที่จะปรึกษาเหล่านักกีฬา “มีคนจะเล่นแทนอัครวินท์หรือเปล่าล่ะ? สีชมพูน่ะ มันเป็นเหตุสุดวิสัย น่าจะอนุโลมให้ได้ ทางสีม่วงเองก็อยากให้การแข่งขันมันดูแฟร์ๆด้วย เพราะสีม่วงก็สนุกที่ได้เล่นกับเจ้าอัครวินท์ เลยอยากให้มีคนเปลี่ยนตัวมาเล่นแทนดีกว่า อย่างน้อยถ้าเซ็ตนี้สีชมพูกินขาด สีชมพูก็ชนะไป แต่รอบๆต่อไป คิดว่าอัครวินท์คงเล่นไมได้ เพราะน่าจะหายเจ็บไม่ทัน ปีนี้ อาจจะต้องให้คนอื่นมาเล่นแทนไปก่อน”

“ผมว่าผมน่าจะยังเล่นต่อได้นะครับ อาจารย์” ท็อปโอดครวญ เจ็บใจตัวเองหน่อย ๆ ที่มาพลาดล้มเอาผิดเวลาแบบนี้

“อย่าเสี่ยงเลย ถ้ากล้ามเนื้อฉีก เธอจะมีปัญหาหนักกว่านี้นะ” ครูพยาบาลบอก “สีชมพูว่ายังไงกันมีคนแข่งแทนไหม? มีตัวสำรองไว้หรือเปล่า”

“ตอนนี้สีชมพู 15 ต่อ 14 ถ้าจะเอาชนะ เราก็เหลืออีกแค่ 6 แต้มเท่านั้น ถ้าชนะในเซ็ทนี้ได้ รวมกับคะแนนเก่าที่ท็อปชนะในเซ็ตก่อน สีชมพูก็จะชนะแล้วได้เข้ารอบต่อไปนะ” หวานบอกข้อมูล เมื่อมองดูกระดานขานคะแนน

“งั้น เดี๋ยว ผม จะลองเล่นแทนเอง” แบงค์บอก

“หา !!!” เพื่อนๆรอบๆข้างที่ยืนอยู่รอบๆอุทานพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“ไม่ไหวมั้งแบงค์ หนก่อนที่เราเล่นกัน แบงค์ก็เหนื่อยน่าดูอยู่นะ มันจะเหนื่อยไปหรือเปล่า” พี่คาร์พพูดด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อใจผู้อาสาตัว

“ของแบบนี้ต้องลองครับ คนที่ฝึกๆกันมาก็มีแต่รุ่นม.ต้นนี่นา แถมรุ่นม.ปลายพี่ท็อปไม่ได้ฝึกตัวสำรองเอาไว้ด้วย” แบงค์พูด ท็อปมองหน้าแบงค์อย่างหวั่น ๆ

“แบงค์ พี่ว่า อย่าเลยเถอะ อีกฝ่ายเขาก็เล่นเก่งมากนะ พลาดเอาจะมานอน ขาแพลงแบบพี่มันจะไม่ดีนะ” ท็อปบอกเขาไม่ค่อยอยากให้แบงค์เข้าสมรภูมินี้เท่าไรนัก เพราะมันแบกรับความหวังของสีเอาไว้ด้วย ถ้าหากแบงค์ทำพลาด ก็อาจจะถูกคนเกลียดเอาก็ได้

“พี่ลงเล่นเองดีกว่า อย่างน้อยพี่ก็ฝึกเป็นลูกมือกับท็อปมันตลอด” พี่คาร์พอาสา “แบงค์ดูแลท็อปเหอะ พี่จะลุยเอง”

“แต่พี่คาร์พเพิ่งแข่งบาสมาหยกๆนะครับพี่ มันจะไม่เหนื่อยเกินไปเหรอ ไหนอาจจะมีโปรแกรมแข่งที่มันซ้อนกันอีกนะ” แบงค์บอก “แบงค์ขอลงเถอะครับ อย่างน้อย ก็จะได้พิสูจน์ตัวเอง”

ปลาคาร์พมองหน้าแบงค์แบบจ้องๆ ก่อนจะยื่นไม้แบดของท็อปให้ “เอ้า ลองดูละกัน”

ท็อปหน้าเหวอเมื่อเพื่อนออกปาก “เฮ้ย จริงดิ !! แบงค์ เอาจริงดิ”

“แบงค์แกอย่าฝืนนะเว้ย” เกดบอก สีหน้าเป็นห่วง “นี่ไม่ได้แข่งเล่นๆกันละนะ”

แบงค์ได้แต่พยักหน้า รู้สึกกดดันขึ้นมาทันที ในมือกำไม้แบดไว้แน่น คู่แข่งฝ่ายสีม่วงเลิกคิ้วให้ มองหน้าแบงค์อย่างฉงน ๆ
เมื่ออาจารย์สันติให้สัญญาณในการเริ่มแข่งขัน การแข่งขันคู่สีชมพูและสีม่วงจึงดำเนินต่อไปด้วยความตื่นเต้นของเหล่ากองเชียร์ที่มีการสลับตัวแข่งขันกันเกิดขึ้นเป็นกรณีพิเศษ ท็อปกลืนน้ำลายรู้สึกผิดน้อยๆที่สุดท้ายแบงค์ต้องเป็นคนแบกรับภาระนี้ไว้แทนเขา ส่วนปลาคาร์พเองก็มองน้องไม่วางตา รู้สึกไม่มั่นใจแต่ก็ต้องปล่อยไปตามคำขอ

แบงค์พยายามคุมสติในการเล่นครั้งนี้อย่างมาก เพราะว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ยอมออมมือให้ รุ่นพี่ม.6 สีม่วงคนนั้นส่งยิ้มอย่างมีเลศนัยมาให้ก่อนที่จะเริ่มเสิร์ฟด้วยลูกตบทันที เมื่อลูกตบลอยข้ามฝั่งมา แบงค์จึงพยายามกะแล้วตบโต้กลับไป แต่ว่าฝีมืออันเหนือชั้นของคู่แข่งทำให้ภายในไม่กี่นาที จากสีชมพูที่นำอยู่กลับกลายเป็นสีม่วงที่นำขึ้นมาแทน จนกระทั่งสุดท้ายสีม่วงก็ได้ชัยชนะของเซ็ตที่สองไปโดยปริยาย

แบงค์เดินคอตกกลับมาท่ามกลางเสียงเชียร์อันดีใจของสีม่วงที่ตีเสมอเซ็ตได้เท่ากัน ปลาคาร์พและท็อปก็ไม่ได้จะตำหนิแบงค์เพราะเท่าที่พยายามน้องก็ทำมาได้เต็มที่แล้ว อีกอย่างคู่แข่งมีความเป็นมืออาชีพมากกว่า คู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อควรจะเป็นท็อปมากกว่าตัวสำรองที่ไม่เคยฝึกซ้อมเลย

เมื่อจบเซ็ตนี้ไปแล้ว ทางคณะกรรมการจึงปรึกษากันแล้วขอสรุปให้สีม่วงชนะไปเลยโดยไม่ต้องแข่งเซ็ต 3 เนื่องจากเหตุผลที่นักกีฬาของสีชมพูไม่มีตัวสำรองแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่ท็อปคาดคะเนผิดด้วยความผยองในความสามารถ เขาจึงไม่ได้เตรียมตัวสำรองไว้และตั้งใจจะเก็บชัยชนะจากรายการนี้เช่นที่เคยทำมาตลอดแต่ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น และสีชมพูต้องตกรอบไปโดยปริยายในการแข่งขันของปีนี้ พี่ท็อปดูมีสีหน้าเจ็บใจเป็นที่สุด ทั้งยังโมโหโวยวายใส่คนรอบข้างไปทั่ว เมื่อผลการสรุปการแข่งขันจบลง

==============================

 “เชี่ยเอ๊ย แม่งกูไม่น่าขาพลิกเลย ให้ตาย โคตรเสียดายเลย ไม่น่าเลย” ท็อปโอดครวญ ก่นสบถด้วยความเดือดดาลอยู่ในห้องพยาบาล  ตัวแบงค์เองก็รู้สึกเสียใจที่ช่วยอะไรไมได้เลย แถมกู้หน้าให้พี่ท็อปก็ไม่ได้ แต่ทั้งกองเชียร์และคนรอบข้างต่างก็ไม่มีใครตำหนิแบงค์เลย เพราะเห็นว่าทุกอย่างเป็นเรื่องสุดวิสัย และการออกตัวสู้กับสีม่วงของแบงค์นั้นถูกนับว่ากล้าหาญ แม้ว่าจะรู้ว่าตนเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบแต่ก็สู้จนวินาทีสุดท้าย

“แบงค์ขอโทษที่ทำให้พี่ท็อปผิดหวัง” แบงค์บอก หันหน้าไปมองพี่ท็อปตาละห้อย ตอนนี้ ทั้งเกด เปิ้ล และท็อป ก็ไปดูการแข่งกิจกรรมเข้าจังหวะ ส่วนปลาคาร์พก็ไปเตรียมแข่งขันในช่วงบ่ายต่อ ทั้งสองจึงได้แต่นั่งอยู่ในห้องพยาบาลกันตามลำพัง
ท็อปที่กำลังเดือดดาลอยู่เมื่อเห็นสีหน้าหงอยของแบงค์ จึงค่อยๆสงบอารมณ์ลง

“อย่าคิดมากน่า พี่ผิดเองแหละที่พลาดเอง มันไม่ใช่เรื่องของแบงค์เลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก” พี่ท็อปบอกเอามือลูบหัวน้องเบาๆ

“คิดว่าทุกคนคงหวังจะให้สีชมพูได้เหรียญทองจากพี่ท็อปเหมือนทุกปี แต่ปีนี้ก็อดไปแล้วแน่นอน 1 เหรียญ” แบงค์พึมพำ

ท็อปหัวเราะ หึ หึ ในลำคอ “ช่างมันปะไร ได้มาสามสี่ปีแล้ว ปีนี้ก็แบ่งคนอื่นมั่งก็แล้วกัน” ท็อปบอกแล้วค่อยๆเอนตัวกับหมอนที่พิงอยู่ที่หัวเตียง “พี่เสียดายรางวัลมากกว่า อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่กลับ คว้า  มาไม่ได้” ท็อปพูดหันหน้ามามองแบงค์

แบงค์หันหน้ามองพี่ท็อปตอบเขิน ๆ ก่อนจะเขยิบตัวขึ้นมานั่งด้วยบนเตียง “งั้นวันนี้ให้ฟรี 1 วัน ตอบแทนที่เชื่อใจในตัวแบงค์ เป็นรางวัลพิเศษละกัน”

“จริงดิ?” ท็อปถาม สีหน้าดีใจเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ขึ้นมาทันที

แบงค์ชะโงกหน้ามองรอบๆห้องเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้องพยาบาล อีกทั้งตอนนี้ทั้งครูพยาบาลเองกับพวกนักเรียนอื่นๆ ต่างๆก็ไปรวมๆกันอยู่ตามจุดแข่งขันต่างๆในโรงเรียนกันทั้งหมด แบงค์ค่อยๆบรรจงขยับกายเข้าไปใกล้ๆท็อป ก่อนจะบรรจงจุบลงบนริมผีปากของพี่ท็อป ก่อนที่ทั้งสองจะค่อยๆแลกเปลี่ยรสสัมผัสแห่งลิ้นกันอย่างดูดดื่ม ท็อปนั้น ค่อยๆจับใบหน้าของแบงค์อย่างอ่อนโยน แบงค์ค่อยๆใช้มือของตนลูบไล้ไปที่หน้าอกของท็อปแล้วลดระดับต่ำลงเรื่อยๆอย่างช้าๆ ก่อนจะใช้มือล้วงเข้าไปในกางเกงวอร์มกีฬาที่ท็อปสวมอยู่ จากนั้นท็อปจึงใช้ใบหน้าของตนไซร้เข้าที่ซอกคอของแบงค์ ในขณะที่มือของแบงค์ก็กำลังทำหน้าที่  ท็อปร้องออกมาเบาๆด้วยความพึงพอใจ “พี่อยากใกล้ชิดแบงค์มากกว่านี้ได้ไหม?” ท็อปกระซิบเบาๆ “แค่นี้มันยังไม่พอ” ก่อนที่จะประกบปากของเขามาอีกครั้ง

“พี่ท็อปจะขอมากกว่านี้เหรอ ?” แบงค์ถาม ก่อนจะหอมแก้มพี่ท็อป กลิ่นกายของพี่ท็อปมันช่างหอมจรุงใจเสียเหลือเกิน “ที่นี่มันห้องพยาบาลนะ แล้วก็มีกระจกที่ข้างนอกพอจะมองเห็นเข้ามาได้อยู่นะ ถึงจะปิดฟิล์มทึบก็เถอะ เสี่ยงโดนเห็นนะพี่ ขอใช้ปากให้แทนได้ไหม?” แบงค์ต่อรอง ท็อปพยักหน้าก่อนที่จะใช้มือของเขาบรรจงจับหัวของแบงค์ให้เข้าใกล้ๆท่อนลำของเขาช้าๆ ก่อนที่ทั้งริมฝีปากจะดูดกลืนไปกับรสสัมผัสของอาวุธอุ่นๆที่ท็อปยื่นให้ ท็อปครางออกมาเบาๆด้วยความสุข และหายใจถี่ขึ้น ๆ พร้อมๆกับที่เขาพยุงหัวของแบงค์ให้ขยับไปตามความต้องการของเขา “ใกล้...ใกล้แล้ว...” ท็อปค่อยๆ พูดพลางกลั้นหายใจเกร็งหน้าท้อง แบงค์สัมผัสได้ถึงแรงดีดตอดตุบๆในปาก เมื่อน้องชายของพี่ท็อปพร้อมแล้วที่จะปลดปล่อยความรักออกมา “จะ..ออกแล้ว”

เมื่อสิ้นพยางค์สุดท้าย สิ่งที่เขาเก็บมาทั้งอาทิตย์เพื่อรอโอกาสจะได้ใช้เมื่อรับรางวัลจากคนรักของเขาก็ได้พรั่งพรูออมาเสียจนล้นออกจากปากแบงค์จนแทบสำลัก  แต่เขาก็พยายามควบคุมลมหายใจและกลืนมันเข้าไปจนหมด ยิ่งพี่ท็อปเองคอยกดหัวเขาตลอดการทำ ยิ่งทำให้แบงค์เองก็ลำบากเหลือเกินในการที่จะเงยหน้ามาหายใจ
ท็อปเอนกายลงที่หมอนอย่างหมดแรง “หมดแรงเลย” เขาพูด

“พี่ท็อปอะ กดหัวแบงค์เยอะไป จะหายใจไม่ทันตายเอานะ” แบงค์บ่น หยิบทิชชูมาเช็ดริมฝีปาก
 
ท็อปกระโจนกายลุกขึ้นมาหอมแก้มแบงค์ฟอดใหญ่ “โทษที พี่จดจ่อมากไปหน่อย เดี๋ยวคราวหน้าเอาใหม่นะ”

เสียงประตูห้องพยาบาลเปิด ท็อปรีบจับมังกรหลับของเขาเข้ากางเกงทันทีก่อนที่ผู้มาเยือนจะเห็นว่าเขาสองคนทำอะไรกันในห้องพยาบาล

“อัครวินท์ เดี๋ยวครูเอายานวดให้เราไปไว้ใช้ที่บ้าน” ครูพยาบาลบอก ก่อนจะหันมามองทั้งสองคนด้วยสีหน้าแปลกๆ “ทำไมดูเหนื่อยๆกันจังสองคน? อัครวินท์หน้าเธอแดงมากเหมือนกับเพิ่งไปวิ่งมางั้นแหละ”

“อ๋อ....” พี่ท็อปตีสีหน้าเลิกลั่ก “อากาศในห้องมันร้อนมากกว่าครับ..... จารย์ เดี๋ยวผมว่า ผมจะลองเดินไปที่สนามบาส จะไปดูวิทวัสเขาเล่นบาสครับ” ท็อปปดเรื่องหน้าแดง ทุกครั้งที่เขาออกแรงหรือเหนื่อย หน้าของเขาจะแดงเป็นสัญญาณของการที่เลือดขึ้นมาเลี้ยงศีรษะมากเกินไป

“งั้นก็ค่อยๆเดินนะ อย่าไปลงน้ำหนักข้างนั้นแรงละกัน” อาจารย์บอกก่อนที่จะหยิบยานวดมาให้ “ฝากเจนภพดูแลรุ่นพี่เธอด้วยล่ะ”

“พร้อมจะไปรึยัง?” แบงค์หันหน้าไปถามพี่ท็อป

“ยังเหนื่อยอยู่เลย...แต่ก็ยังไปไหวนะ” พี่ท็อปตอบ หันมายิ้มให้

แบงค์จึงค่อยๆ พยุงตัวพี่ท็อปที่แสนจะตัวหนักขึ้นมาเพื่อที่จะเดินไปข้างนอกด้วยกัน

“แบงค์ พี่ขอโทษนะที่ต้องทำให้ลำบาก กลายเป็นคนง่อยเลยเรา” ท็อปบอก เกาะบ่ารุ่นน้องไว้แน่น พลางกระเผลกเดินไปด้วยกัน

“ทุกอย่างที่ทำก็เพราะรักพี่นั่นแหละ....ถ้าไม่ดูแลกันจะให้ดูแลใครล่ะ” แบงค์บอก ท็อปยิ้มตอบ หน้าแดงเพราะเขินกับคำพูดของรุ่นน้อง เขาเอามือไปบีบจมูกแบงค์เบาๆด้วยความรักใคร่ จากนั้นทั้งคู่ก็เดินไปเรื่อยจนถึงสนามบาส

โดยหารู้ไม่ว่า....

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น หวาน ประธานนักเรียนตัวแสบที่เฝ้าอยู่หน้าห้องพยาบาล เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนพูดทุกคำพูด ด้วยความที่เธอเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ เพื่อรอให้ความจริงระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้กระจ่างชัด ... ก็จวนถึงเวลาที่หลายๆคนจะได้รับรู้กันสักที

และเธอจะไม่ยอมเด็ดขาดที่จะให้มีคนมาพรากสิ่งที่เธอเห็นว่าสำคัญที่สุดไปจากเธอ

จบบที่ 10 (อัพเดทบทที่ 11 ในวันจันทร์ที่ 16/02/2015 นี้เวลาเดิมครับ)
**หมายเหตุ ตอนนี้อาจจะติดเรทไปนิดนึง (ใครรับไมไ่ด้ต้องขออภัยอย่างสูงนะครับ :o8: )ฉลองให้เข้ากับการฉายภาพยนตร์เรื่อง  Fifty Shades of Grey ที่ผมจะไปดูวันวาเลนไทน์นี้ 5555+ :haun4: ขอให้ทุกท่านใช้วันวาเลนไทน์นี้ไปกับคนรักให้มีความสุขนะครับ ใครยังไม่มีแฟนก็ขอให้หาได้ไวๆ ใครมีแล้วก็รักกันไปนานๆ . .. ขอบคุณที่ติดตามและรักท็อปแบงค์นะครับ ไว้วันจันทร์มาอัพเดทเหมือนเดิมครับ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 10 13/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 13-02-2015 23:26:26
 :mc4: :mc4: :mc4:  ทาด๊าม มาแว้วๆ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 10 13/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: arigatozung ที่ 14-02-2015 07:34:27
เมื่อไหร่นังชะนีหวานจะหลุกออกจากวงโคจรของคู่นี้ซักที   :katai1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 10 13/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 14-02-2015 10:25:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 11 16/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 16-02-2015 21:15:33
บทที่ 11
มือที่สาม
      
                                  
เมื่อกีฬาสีจบลง ปีนี้สีที่ชนะการแข่งขันทั้งหมดและได้รับเหรียญทองมากที่สุดคือสีม่วง ที่สำคัญสำหรับการแข่งขันแบดมินตันชายระดับมัธยมปลาย ปีนี้แชมป์ได้เปลี่ยนมือจากสีชมพูมาเป็นสีม่วงด้วยเช่นเดียวกัน ข่าวเรื่องท็อปขาพลิกระหว่างการแข่งขันและแบงค์ยื่นมือเป็นตัวสำรองก็โจษจันไปทั่วทั้งโรงเรียน ดรัมเมเยอร์สีชมพูอย่างแบงค์จึงกลายเป็น คนดังขึ้นมาพอๆกับที่พี่ท็อปเป็นที่นิยมชมชอบในสายตาสาวๆทั้งโรงเรียน พี่คาร์พนั้นก็ได้รับเหรียญทองของการแข่งขันบาสอย่างที่คาดไว้ เกมส์วิ่งได้เหรียญทองแดง ส่วนกิจกรรมเข้าจังหวะที่พวกสาวๆลงนั้น สีฟ้าได้ไป

“แก นั่นไง ดรัมเมเยอร์สีชมพูที่ชื่อ พี่แบงค์อะ น่ารักอะ”

“จำได้ไหมมึง นั่นไง คนที่ลงแข่งแทนไอ้ท็อปอะ ใจกล้าชะมัดเลย แต่น่าเสียดายที่แพ้ว่ะ”

“แต่โคตรนับถือมันเลยนะ กล้าลงแข่งแทนไอ้ท็อปได้เนี่ย”

ชื่อเสียงและความนิยมชมชอบดรัมเมเยอร์คนใหม่นี้พุ่งขึ้นมาเป็นประวัติการณ์ แรกๆแบงค์ยังไม่ชินที่มีคนมาติดสอยห้อยตาม บ้างก็เอาของมาให้ บ้างก็เข้ามาทักทายอยากรู้จัก ตอนนี้การเรียนการสอนเป็นปกติเหมือนเดิมแล้ว เด็กทุกคนก็เตรียมที่จะเจอกับการสอบปิดภาคเรียนที่จะใกล้เข้ามาในไม่ช้า

“เฮ้ย แบงค์ นายโคตรป๊อบเลยว่ะ” เกมส์บอกเมื่อเห็นบรรดาจดหมายและของขวัญสองสามชิ้นที่มีคนฝากมาให้เขาวางกองอยู่ใต้โต๊ะ “เปิดตัวเป็นเดอะปริ๊นซ์คนใหม่อีกคนละมั้งเนี่ย รวมแก๊งกับพวกพี่ท็อปได้เลย”

“บ้าน่ะ เราก็ยังงงๆว่าที่คนพวกนี้เขาปลื้มเราเพราะอะไรกัน เพราะว่าเราแค่มีชื่อเสียงขึ้นมา กับได้ทำกิจกรรมโรงเรียนเด่นๆน่ะเหรอ?” แบงค์บอกงงๆ พลางพลิกกล่องของขวัญแล้วเขย่าดูว่าแต่ละกล่องน่าจะมีอะไรใส่ไว้

“แบงค์ เราถามนายตรงๆเหอะ” เกมส์พูดขึ้น จับบ่าเพื่อนแล้วจ้องหน้าเขม็ง “นายเป็นแฟนกับพี่ท็อปใช่ไหม?”

แบงค์นิ่งอึ้ง หันหน้ามองเพื่อนอย่างตื่น ๆ กลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะค่อยๆวางกล่องของขวัญลง

“อืม” เขาพยักหน้า “ขอโทษที่ไม่ได้บอกตรงๆ เรากลัวว่านายจะรับเราไม่ได้” แบงค์บอกเสียงเบาๆ

“บ้าน่า คิดมากแล้วเพื่อน” เกมส์พูด “ทั้งเปิ้ลแล้วก็เกดมันก็สงสัยอยู่พักนึงแล้วล่ะ ตั้งแต่ที่นายเริ่มเข้าไปใกล้ชิดกับพี่เขา แล้วพี่ท็อปแกเทียวไปๆมาๆหานายตลอด เราก็ไม่รู้นะว่าพวกนายไปรักกันตอนไหน แต่เพื่อนก็คือเพื่อนเว้ย" เกมส์บอก “เราก็ไม่เคยเห็นเลยว่า จู่ๆพี่ท็อปจะมารักผู้ชายด้วยกันได้แบบนี้ อึ้งเหมือนกันนะ แรกๆที่สังเกต แต่ก็คิดว่านายเป้นคนอ่อนโยน คงเข้ากันได้กับพวกบ้าพลังอย่างไอ้พี่ท็อปได้”

“เราก็ไม่รู้ตัวหรอกว่า รักพี่เขาไปตั้งแต่เมื่อไร แต่มาจนตอนนี้ เราก็รู้สึกแล้วล่ะว่าเราก็รักพี่เขามาก เพราะพี่เขาเองก็ดีกับเรามากเหมือนกันนะ ทั้งๆที่แรกเจอกันตีกันแทบบ้า” แบงค์บอก

“คนมันถูกชะตากัน อะไรก็มาฉุดไม่อยู่หรอกน่า” เกมส์พูดยิ้มๆ แล้วหันกลับไปเขียนสมุดของตัวเอง
แบงค์รู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อย เพื่อนของเขาก็เข้าใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและท็อปเป็นอันยอมรับได้ สิ่งหนึ่งที่เขากลัวมาตลอดคือ เพื่อนจะไม่เข้าใจและรังเกียจในสิ่งที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้

“ความรักน่ะ มันไม่มีเพศ มันไม่มีเชื้อชาติ ไม่มีวรรณะหรอกนะ” เกมส์บอก “ต่อให้เป็นใครก็ตาม ถ้านายอยากจะรัก มันก็คือแค่นั้น ต่อให้ช้างมาฉุด รถมาลาก ก็ห้ามกันไม่ได้อยู่ดี”

==================================

เมื่อถึงเวลาพักกลางวันหลังจากที่ท็อปและแบงค์กินข้าวเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสองคนก็รีบขึ้นไปที่ห้องสมุดเพื่อค้นคว้าหนังสือสำหรับทำรายงานวิชาสังคมเรื่องประวัติศาสตร์ของไทย แบงค์กับเกมส์แยกกันดูคนละมุม เพื่อหาหนังสือที่พอจะเป็นประโยชน์มาดูบ้าง เพราะรายงานครั้งนี้อาจารย์ย้ำนักหนาว่าห้ามลอกข้อมูลมาจากอินเตอร์เน็ท
ในขณะที่แบงค์กำลังมุดอยู่กับหน้าหนังสือที่หามาได้ตรงชั้นหนังสือก็มีคนมาสะกิดด้านหลัง

“สวัสดีครับ” เสียงคุ้นหูเรียก “น้องแบงค์ใช่ไหมครับ?”

แบงค์หันหลังไปมองดู “เอ่อ...ใช่ครับ” ทันทีที่เห็นหน้าก็ถึงบางอ้อ “ พี่ที่ตีแบดสีม่วงวันนั้นนี่นา หวัดดีครับ”

“พี่ชื่อกาย ตอนนั้นยังไม่ได้แนะนำตัวกันเท่าไรเลย ได้แต่แข่งกันอย่างเดียวเนอะ” พี่กายพูด หน้าตาคมเข้มของพี่กาย แบบเด็กลูกครึ่งแขกหน่อยๆ คิ้วหนาตาโต ตัวสูง สมเป็นพี่ม.6 ถึงขนาดแบงค์ต้องแทบจะเงยหน้าขึ้นคุยทีเดียว

“ผมเล่นแบดไม่เก่งเลย ตอนนั้นก็พยายามสู้สุดชีวิตแล้ว พี่กายเก่งมากๆครับ สมแล้วที่ชนะได้ที่หนึ่งมา” แบงค์พูด ชมอีกฝ่าย

“พอดูฝีมือพี่ก็พอจะเดาออกแหละ แบงค์อยู่ม.4 นี่นา ไม่ได้รุ่นเดียวกับท็อปนี่” กายพูดขึ้นเมื่อเห็นจุดสีที่ปกเสื้อที่บอกระดับชั้นของนักเรียน

“อ๋อ ครับ เป็นรุ่นน้อง แต่ก็ไปไหนมาไหนด้วยกัน คุยกันถูกคอก็เลยสนิทกัน” แบงค์บอก 

“งั้นถ้าพี่กาย อยากจะสนิทกับแบงค์บ้าง  พี่ต้องทำยังไงมั่งล่ะครับเนี่ย?” พี่กายพูดยิ้มๆ “เดี๋ยวนี้ก็เหมือนว่าน้องแบงค์เป็นดาราประจำโรงเรียนคนใหม่เลยนะ ไปไหนก็มีแต่คนพูดถึงฝีมือควงคทา เห็นขนาดในหน้าเพจโรงเรียน น้องแบงค์ยังได้ขึ้นหน้าแรกด้วยนี่”

“เหรอครับ ผมไม่รู้มาก่อนเลย” แบงค์ว่า รู้สึกตกใจนิดๆ “ไม่คิดว่าทุกคนจะประทับใจกันขนาดนั้นเลย”

“เก่งจริงๆ พี่ก็ยืนดูอยู่  ลุ้นเหมือนกันแหละ เล่นโยนซะสูง สีอื่นๆเขาไม่มีคนโยนแล้วเล่นควงท่าเหมือนแบงค์เลยนะ” กายบอก เขาค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ชิดแบงค์มากขึ้น กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากตัวพี่กายนั้นให้ความรู้สึก หวานละมุน จนแบงค์เองก็อยากจะเข้าไปใกล้ชิดให้มากขึ้นเสียเอง

“พี่กายมาทำอะไรที่ห้องสมุดเหรอครับ?” แบงค์ถาม พยายามเปลี่ยนเรื่อง

“พอดีพี่เดินผ่านมา แล้วเห็นแบงค์ พี่ก็ตามแบงค์เข้ามาน่ะ” พี่กายพูด

แบงค์รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกรุกแบบรัวๆจึง รีบเก็บหนังสือที่ไม่ได้ใช้เข้าชั้น ก่อนที่จะขยับตัวออกมา “แสดงว่ามีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า?”

“พี่อยากได้ไลน์น้องแบงค์ เผื่อเอาไว้คุยเล่นกัน” พี่กายพูด

แบงค์อ้ำอึ้ง ถ้าพี่ท็อปรู้เข้ามีหวังเดือดยิ่งกว่าน้ำร้อนอีก “แบงค์ไม่ได้เล่นไลน์อะครับพี่กาย” เขาปฏิเสธเพื่อเลี่ยงให้ไลน์กับพี่กาย
“งั้นเบอร์โทรก็ได้ ยังไงแบงค์ก็ต้องมี” พี่กายรุกอีก แบงค์เองรู้สึกจนมุมต่อคำขอร้อง

“งั้น พี่กดเบอร์ให้แบงค์ละกันครับ เดี๋ยวแบงค์ยิงไป” แบงค์พูดแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของตนยื่นให้พี่กายกดเบอร์มือถือของตนเอง

“งั้นก็ได้” พี่กายพูด แล้วกดเบอร์ของตนเองจากนั้นจึงกดยิงเข้าหาโทรศัพท์ของเขา เมื่อเสียงโทรศัพท์สั่นก็เป็นสัญญาณว่าเบอร์ของแบงค์ก็จะขึ้นโชว์หราในโทรศัพท์ของเขาเป็นที่เรียบร้อย

“เดี๋ยวถ้ามีอะไร พี่จะส่งข้อความไปนะ จะได้ไม่รบกวนมาก” พี่กายบอก ส่งยิ้มมีเสน่ห์มาให้

“อ่า ก็ได้ครับ” แบงค์ตอบ ก่อนที่จะขอตัวออกมาหาเกมส์ที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะ พร้อมกองหนังสือที่วางอยู่ข้าง ๆ เมื่อไปถึงแบงค์ก็ยิ่งประหลาดใจ เมื่อเห็นพี่ท็อปนั่งกดเกมส์โทรศัพท์อยู่ข้างๆเพื่อนที่กำลังเปิดหนังสือเล่มนั้นเล่มนี้พลิกหาข้อมูล

“พี่ท็อปมายังไงเนี่ย” แบงค์ถาม ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งด้วย

ท็อปเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมองแบงค์อย่างเคืองๆ “ก็ตามมา ทันเห็นแบงค์ยืนคุยอยู่กับไอ้หมอนั่น -  - ที่มันแย่งเหรียญทองพี่ไป”

แบงค์ไม่ตอบอะไร หันหน้าไปมองเกมส์ที่ก็กำลังมองทั้งคู่อย่างหวั่นๆ “มีอะไรหรือเปล่าตามมาเนี่ย” แบงค์พูด

“ไม่มีอะไร หลังคาบเที่ยงเป็นคาบว่างของพี่ พี่ก็แค่เดินมาที่ห้องสมุดที่มีแอร์เย็นๆ มารอไอ้คาร์พ” ท็อปบอกแล้วหันไปก้มหน้ากดโทรศัพท์อีก

เสียงข้อความเข้าโทรศัพท์ของแบงค์ เขาค่อยๆหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูว่าใครเป็นคนส่งข้อความมา

ข้อความใหม่ : น้องแบงค์เดี๋ยวเย็นนี้เราไปกินนมที่ร้านใกล้ๆโรงเรียนไหม? - - ว่างหรือเปล่า? (พี่กาย)

แบงค์รู้สึกอึ้งๆนิดๆกับข้อความที่พี่กายส่งมา เขาไม่คิดว่าพี่กายจะติดต่อเขากลับมาไวขนาดนี้
 
“ใครส่งอะไรมา” ท็อปถาม ชะโงกหน้ามาดูโทรศัพท์ของแบงค์ แต่แบงค์ก็รีบเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงไป

“ไม่มีอะไร ข้อความขยะน่ะ” แบงค์พูดทำหน้าไขสือ แต่ท็อปเองยังคงหรี่ตามองด้วยความสงสัย “เย็นนี้พี่ท็อปมีใครอยู่ที่บ้านไหม?”

“ก็คงไม่มีมั้ง” ท็อปตอบสั้นๆ ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ของตัวเองแบบไม่ยินดียินร้าย แบงค์รับรู้เลยว่า พี่ท็อปกำลังงอนเขาอยู่แน่นอน เพราะปกติ ถ้าถามเรื่องมีใครอยู่ที่บ้านตอนเย็นไหม พี่ท็อปจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นกระตือรือร้นตลอด เพราะท็อปเองก็พยายามหาเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันกับแบงค์สองต่อสองเสมอๆ

“งอนเหรอ พี่ท็อป” แบงค์ถาม

“เปล่า กำลังเล่นเกมส์อยู ” ท็อปพูดกระชากเสียง แล้วรีบลุกเดินหนีไปยังโซนห้องสมุดหนังสืออ้างอิง
เกมส์หันหน้ามามองแบงค์สลับกับมองพี่ท็อปที่เดินออกไป “นี่พวกแกไม่เห็นหัว นายเกมส์คนนี้เลยนะ” เกมส์พูดทำหน้าเซ็งๆ
แบงค์จึงรีบเดินตามไปหา เข้าไปในโซนหนังสืออ้างอิงที่เป็นห้องกระจกกั้นเสียงอีกที่ ที่ไม่มีใครเข้าไปใช้

“พี่ท็อปเป็นอะไร งอนที่แบงค์คุยกับพี่ม.6 คนนั้นเหรอ” แบงค์ถาม รีบง้อ

“เปล่า ไม่ได้งอน” พี่ท็อปตอบ เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง แล้วยืนประจันหน้ามองแบงค์ “พี่แค่ไม่ชอบหน้ามัน”

“อ้าว พี่กายเขาไม่ได้ทำอะไรผิดนะ ไปไม่ชอบหน้าเขาทำไม?” แบงค์โวยวาย

“เดี๋ยวนี้รู้จักทั้งชื่อ ทั้งออกหน้าแทนเลยเหรอเนี่ย” ท็อปพูด น้ำเสียงโมโหนิดๆ “มันมีอะไรดีตรงไหนวะ”

“เฮ้ย พี่ท็อป แบงค์ว่าพี่ท็อปชักจะพาลไร้สาระแล้วนะ พี่เขาก็แค่มาคุยด้วยเฉยๆ” แบงค์บอกเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว บทที่รุ่นพี่หนุ่มคนนี้จะงี่เง่าขึ้นมาก็งี่เง่าสุดๆ บทจะแสนดี อบอุ่นก็ทุ่มเทให้มากมายเหลือเกิน  เอาใจยากจริงๆ เขาคิด

“อะไร อะไร พี่ยังไม่ได้โวยวายอะไรเลย มาหาว่าพี่พาลแล้ว นี่ไปติดใจอะไรมันปะเนี่ย” ท็อปแหวใส่

“เพิ่งจะคุยกันเอง จะไปติดใจอะไรได้ล่ะ พี่ท็อป” แบงค์บอกอย่างรำคาญ “อย่ามาโกรธแบงค์เลยพี่ ไร้สาระเปล่าๆ”

“เออ พี่มันไร้สาระ แบงค์ไม่เคยเห็นพี่มีสาระตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ เอาแต่ไล่พี่ ปฏิเสธพี่ตลอด ทำอะไรก็คลุมเครือ ยิ่งเดี๋ยวนี้ ดังใหญ่แล้วนี่ ทั้งสาวทั้งหนุ่มรุมชอบกันไปทั่ว” พี่ท็อปพูด บ่นออกมาไม่หยุด

“นี่พี่ท็อปหึงเหรอเนี่ย” แบงค์พูด ตกใจขึ้นมาทันที “นี่เราคบกันมาขั้นไหนๆแล้วนะพี่ท็อป ยังจะหึงอีกเหรอ ทีพี่ท็อปล่ะ ยังมีแต่คนรุมตอมตั้งเยอะ แบงค์ยังไม่เคย...”

“มันไม่เหมือนกันนะแบงค์ พี่รู้ตัวดีว่าพี่รักใครนะ พี่ก็ไม่เคยไปตอแยกับคนอื่นด้วย ตั้งแต่เราเริ่มคบกันมา”ท็อปพูดโกรธๆ หน้าของท็อปเริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ

เมื่อเห็นอาการเลือดขึ้นหน้าของพี่ท็อป แบงค์จึงค่อยๆพยายามใจเย็นลง “ไม่เหมือนยังไงล่ะพี่ท็อป ก็คล้ายๆกันแหละ แต่อย่าหึงไปเลย เครียดเปล่าๆ แบงค์สัญญาว่าจะมีพี่ท็อปคนเดียว” แบงค์พูดยกนิ้วก้อยขึ้นมาให้

ท็อปมองนิ้วก้อยนั้นอย่างลังเล “สัญญา?...แน่นะว่าแบงค์จะทำตามที่สัญญากับพี่” ท็อปถาม

แบงค์พยักหน้าให้ “จำคำนี้ไว้ให้ดีละกัน ต่อจากนี้เราจะมีกัน จนกว่าใครคนนึงจะผิดคำสัญญา”

“พี่ไม่มีวันผิดคำสัญญา” พี่ท็อปพูดอย่างหนักแน่น ก่อนจะเอานิ้วก้อยมาเกี่ยวด้วย

“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว พี่ท็อปเคยทำรายงานเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทยสมัยอยุธยาไหมอะ มาช่วยหาข้อมูลหน่อยดิ” แบงค์เปลี่ยนเรื่อง

“อ๋อ ตอนนั้นพี่ทำเรื่องกรุงธนบุรี แต่ก็พอจะหาหนังสือดีๆให้ได้อยู่นะ มา เดี๋ยวพาไปหา” ท็อปพูด พาเดินออกจากห้องอ้างอิง

“ดีมาก รักน้องต้องช่วยสอนน้อง รู้ป่าว” แบงค์พูด ก่อนที่ท็อปจะคว้าแขนแบงค์แล้วลากเข้าไปในมุมหนังสือหมวดประวัติศาสตร์

===========================

เนื่องจากตอนเย็นช่วงใกล้จะสอบปลายภาค พี่ท็อปจะต้องช่วยพ่อตรวจการบ้านของเด็กม.4 และเช็คคะแนนช่วยพ่อที่เป็นอาจารย์หัวหน้าภาควิชาคณิตศาสตร์ระดับชั้นม.4 แบงค์กับท็อปจึงต้องงดไปไหนมาไหนด้วยกันตอนเย็น ส่วนตัวแบงค์เองก็พอจะเข้าใจและไม่ได้เรียกร้อง ท็อปนั้นก็ค่อนข้างสบายใจเพราะแบงค์เป็นคนรักที่ค่อนข้างคบหาง่าย ไม่ดื้อ ไม่งอแง ไม่ขี้งอน จะมีก็แต่ตัวท็อปนั่นแหละที่เอาแต่ใจหน่อย เพราะที่ผ่านมา ไม่ว่าจะคบใคร ทุกคนก็จะยอมท็อปหมด  เป็นลูกไล่ท็อปไปหมด แต่สำหรับแบงค์ ท็อปเหมือนจะเป็นฝ่ายคอยวิ่งไล่ตาม ยิ่งทำให้เขารู้สึกรักและหลงใหลแบงค์มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะแบงค์เป็นเด็กที่ค่อนข้างมีความคิดและเข้าอกเข้าใจเขาไปเสียหมด ไม่เหมือนสาวๆที่เขาเคยคบมาเลย

“เดี๋ยวท็อปตรวจของห้อง 2 เสร็จแล้ว เอาคะแนนของเด็กห้อง 5 ไปกรอกคะแนนใส่ให้พ่อด้วย เดี๋ยวพ่อจะตรวจการบ้านที่ห้อง 6 ส่งมาจะได้รีบกรอกคะแนนให้เสร็จทันๆ” อาจารย์สายัณห์บอกลูกชายซึ่งกำลังก้มหน้างุดๆ กรอกคะแนนลงคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของเขาเอง

“พ่อ ท็อปว่ามันจะเยอะเกินไปแล้วนะ เดี๋ยวท็อปไม่มีเวลาอ่านหนังสือสอบเหมือนเพื่อนๆนะครับ พ่อเล่นใช้ท็อปซะยังกะแรงงานพม่างั้นแหละ” ท็อปโวยวาย แต่ตาก็ยังคงมองกระดาษสรุปคะแนนที่พ่อเขียนไว้ ส่วนมือก็พิมพ์กรอกแต้มลงตาราง

“นั่นแหละ ช่วยกันก่อน จะได้เสร็จไวๆ ลูกก็จะได้กลับบ้านไวๆด้วย เดี๋ยวสักหกโมงครึ่งแล้ว ถ้ามันยังไม่เสร็จก็พอก่อนก็ได้ เดี๋ยวพ่อทำต่อเอง” อาจารย์พูด

เมื่อถึงเวลาหกโมงครึ่ง ท็อปมองโทรศัพท์ของตัวเองแล้วก็กดไลน์ส่งไปหาแบงค์ ลองถามว่าตอนนี้แบงค์กำลังทำอะไรอยู่

Super Top : อยู่ไหนแล้ว?
Bank : อยู่ร้านนม เพิ่งจะสั่งขนมปังแยมไปตะกี้นี้เอง
Super Top : อยู่กับใคร? เพื่อน?
Bank : เมื่อกี้อยู่กับเกมส์ เกด เปิ้ล แต่ตอนนี้กลับไปกันหมดแล้ว ว่าจะกำลังกลับ
แต่สั่งขนมปังไปอีกคู่นึง อยากกิน สั่งตอนเพื่อนอยู่กลัวมันแย่งกินกันเลยยังไม่ได้สั่ง 5555+
Super Top : ขอไปหาได้ไหม ช่วยงานพ่อเสร็จแล้ว
Bank : มาจิ พาไปส่งบ้านด้วย รีบมา คิดถึง
Super Top : ได้เบยคับผม รอก่อนนะ สั่งโกโก้เย็นไว้ให้ด้วย อยากกิน
Bank : อะเค 


ท็อปรีบเก็บข้าวของ  พับโน้ตบุคแล้วเอาไปวางบนโต๊ะของพ่อที่กำลังตรวจงานอยู่

“ช่วงนี้พ่อเห็นลูกสนิทกับเจนภพ” อาจารย์สายัณห์พูดขึ้นเมื่อท็อปกำลังเอาโน้ตบุ๊คไปวางไว้บนโต๊ะ “ไปสนิทกันตอนไหนน่ะ? ปกติเห็นอยู่กับปลาคาร์พตลอดนี่นา”

“ก็เล่นแบดด้วยกันบ่อยๆ” ท็อปพูด สะพายกระเป๋าเป้พาดบ่าขึ้นมาข้างหนึ่งแล้วหันมามองพ่อนิ่งๆ “เลยสนิทกัน”

“อืม” พ่อตอบรับในลำคอ ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากงานที่กำลังตรวจอยู่ “รีบกลับบ้านก็แล้วกัน อย่าไปเถลไถล บอกจะอ่านหนังสือก็รีบกลับไปอ่าน พ่ออาจจะกลับถึงบ้านสัก 3-4 ทุ่ม นะวันนี้”

“ครับ” ท็อปตอบ แล้วรีบเดินออกจากห้องพักครูไป

อาจารย์สายัณห์เงยหน้ามองตามลูกชายที่เดินออกจากห้อง ข้างๆ มีโทรศัพท์มือถือที่เปิดภาพไว้ มีคนส่งข้อความเข้ามาให้ เป็นภาพแอบถ่าย ท็อปกับแบงค์เล่นกันแบบกระหนุงกระหนิงกัน พร้อมข้อความที่เขียนใต้ภาพ “อาจารย์คะ ท็อปกับเจนภพ ม.4/5 เขาคบกันนะคะ คบกันมาได้สักพักแล้ว ยังไงก็ดูพฤติกรรมลูกชายอาจารย์ด้วยนะคะ ถ้าคนอื่นๆรู้เข้า หนูก็ไม่รู้ว่าคนอื่นๆจะคิดยังไง - - หทัยรัตน์ ประธานนักเรียน”


เมื่อท็อปขับมอเตอร์ไซค์ไปถึงร้านนมที่เคยไปด้วยกันตลอด ก็พบกับ กายรุ่นพี่ม.6 กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกันกับแบงค์ คุยกันอย่างออกรสชาติ ยิ่งทำให้เขาเลือดขึ้นหน้าเขา รีบเปิดประตูกระจกของร้านเดินอาดๆเข้าไปที่โต๊ะ แล้วจ้องหน้าแบงค์อย่างโมโห

“ไหนบอกว่าอยู่คนเดียวไง” ท็อปพูดเสียงดัง จนร้านทั้งร้านเงียบกริบ

“อะไรกันพี่ท็อป นั่งก่อนสิ ฟังก่อน” แบงค์พูด มองหน้าท็อปอย่างตกใจ กายเองก็ตกใจไม่แพ้กันที่จู่ๆก็เห็นท็อปเดินเข้ามาด้วยอาการหัวเสียสุดๆ

“เดี๋ยวก่อนๆใจเย็นๆนะน้อง พี่เพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เอง กำลังมาหาอะไรกินก่อนกลับ” กายออกตัว

ท็อปมองหน้ากายอย่างโกรธๆ แก้มของเขาค่อยๆแดงระเรื่อขึ้นๆด้วยความโกรธ

“ไหนแบงค์สัญญากับพี่แล้วไง นี่มันอะไรกัน เพิ่งวันเดียวแท้ๆเลยกลับทำไม่ได้ซะเอง ทุเรศว่ะ” ท็อปโวยวายด้วยความโกรธ
“พี่ท็อป ฟังก่อนดิ พี่กายเขามาหาอะไรกิน พี่เขาเพิ่งเข้ามาเมื่อกี้นี้เองนะ แบงค์ไม่ได้นัดมากินอะไรกับพี่กายนะพี่ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด” แบงค์อธิบาย

กายรู้สึกตัวว่าเป็นต้นเหตุของปัญหา ก็พยายามออกตัว “ท็อปครับ พี่ขอโทษ พี่ไม่รู้ว่าน้องโกรธพี่เรื่องอะไรนะ แต่คุยกันดีๆก่อนดีกว่าไหมครับ?”

“มึงหยุดพูดไปเลยไอ้สัตว์ มึงแย่งเหรียญกูไปแล้วมึงจะมาแย่งน้องกูไปอีกเหรอ?” ท็อปตะคอกใส่ แล้วผลักหน้าอกกายจนล้มลงกับเก้าอี้

“เฮ้ย พี่ท็อป มันจะมากไปแล้วนะ” แบงค์เริ่มโมโหขึ้นมาบ้าง รีบก้มไปดูอาการของพี่กายว่าเจ็บตรงไหนไหม

“อ๋อ นี่แบงค์สนใจใยดีมันมากกว่าพี่แล้วใช่ไหม? ได้....”ท็อปพูดกระชากเสียง คิ้วขมวดด้วยความโกรธพลางจ้องด้วยสายตาโกรธจัดมาให้แบงค์

“อย่าทะเลาะกันในนี้นะ ท็อป !!!” พี่หลินรีบเดินออกมาจากหลังร้าน เมื่อได้ยินเสียงดังโวยวายขึ้นมา “อายลูกค้าคนอื่นๆบ้างสิ”

ท็อปหันไปมองพี่หลิน แล้วมองไปรอบๆ เห็นเหล่าบรรดานักเรียนที่นั่งกินข้าวนั่งกันเงียบกริบ มองดูสถานการณ์กันตาสลอนว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาทั้งสามคน

กายมองหน้าท็อปอย่างเหวอๆ ว่าเขาทำอะไรผิด ทำไมท็อปถึงต้องโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงขนาดนี้ ท็อปทำท่าเหมือนจะต่อยกาย แต่ก็เปลี่ยนเป็นชี้หน้า สายตาอาฆาตมองกายอย่างแค้นเคือง ก่อนจะรีบเดินออกจากร้านไปแล้วขับมอเตอร์ไซค์บึ่งออกไปโดยไม่ฟังเสียงแบงค์ที่พยายามเรียกเขาแม้แต่น้อย

จบบทที่ 11 (ตอนที่ 12 จะมาในวันศุกร์ที่ 20/02/2015 เวลา 22.30 เช่นเคยครับ)


**ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามผลงาน จากนี้ไปก็จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้ว...อย่าพลาดอ่านทุกตอนแล้วก็มาร่วมลุ้นด้วยกันนะครับ
ว่าต่อจากนี้ แบงค์ ท็อป กาย หวาน ปลาคาร์พ .... ความสัมพันธ์ 5 เส้านี้จะดำเนินไปยังไงต่อกันแน่ละเนี่ย?**
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 11 16/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-02-2015 21:34:53
ท๊อปก็ใจร้อนไม่ฟังอะไร แบงค์ก็ชอบปิดบังมีไรไม่บอกท๊อป. เหนื่อยใจกะทั้งสองคนเลย จะไปได้สักกี่น้ำเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 11 16/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 16-02-2015 21:57:40
 :ling3: เอิ่ม มาม่าแน่ๆ

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 11 16/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 18-02-2015 10:05:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 11 16/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 19-02-2015 01:23:26
ปลาคาร์พคู่กายด่วน ! 55555555
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 12 20/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 20-02-2015 22:06:03
บทที่ 12
เปิดเผย


แบงค์พยายามโทรเข้าไปหาพี่ท็อปอยู่เป็นสิบๆสายแต่อีกฝ่ายไม่พยายามแม้แต่จะรับสายเขาสักสายเดียว ทั้งยังไลน์ไปหาก็ไม่ขึ้นว่าอ่านแล้วด้วยซ้ำ เหมือนพี่ท็อปโยนโทรศัพท์ทิ้งหายไปเลย  ไม่สนใจการติดต่อทั้งสิ้น

“ทำไมถึงเป็นคนไร้เหตุผลแบบนี้นะพี่ท็อป” แบงค์บ่น รู้สึกอยากจะร้องไห้ ไม่คิดว่าพี่ท็อปจะทำพฤติกรรมแบบนั้นกลางพื้นที่สาธารณะ “พรุ่งนี้มีหวังโดนคนพูดถึงทั้งโรงเรียนแน่เลย” เขาคิด พลางมองนาฬิกาที่ปาเข้าไปตี 1 แล้ว ตั้งแต่กลับบ้านมา เขาก็พยายามโทรติดต่อพี่ท็อป แต่เจ้าตัวก็ไม่มีวี่แววตอบรับอะไร ยิ่งทำให้แบงค์ร้อนใจจนนอนไม่หลับ ต้องคอยลุกขึ้นมาดูโทรศัพท์เป็นระยะๆว่าพี่ท็อปอ่านข้อความแล้วหรือยัง แต่ก็ไม่

เขาลุกๆหลับๆตื่นๆทั้งคืนจนกระทั่งเช้า ด้วยความร้อนใจจึงรีบอาบน้ำและรีบไปถึงโรงเรียนแต่เช้าตรู่
เมื่อไปถึง แบงค์ก็พยายามชะเง้อมองหาพี่ท็อปตลอดว่าเดินผ่านเข้ามาในโรงเรียนรึยัง เพราะปกติเดี๋ยวนี้เช้าๆ พี่ท็อปก็จะแวะมาหาเขาก่อนที่จะไปสมทบกับพี่คาร์พเสมอๆ พอเมื่อวาย่างเข้าช่วงสาย ๆ เกมส์ก็รีบวิ่งมาหาเมื่อมาถึงโรงเรียนด้วยสีหน้าตื่น ๆ

“แบงค์ พี่ท็อปไปก่อเรื่องอะไรที่ร้านนมวะ” เขาพูดขึ้นทันทีที่เจอหน้าแบงค์

“เกมส์รู้ได้ไง?” แบงค์ถามงง ๆ

เกมส์จึงหยิบเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาแล้วเปิดคลิปที่ชื่อว่า “ลูกอาจารย์ก่อเรื่องในร้านนม” ให้แบงค์ดู
ในคลิปวิดิโอบันทึกเอาทุกอย่างที่เกิดขึ้นเอาไว้หมด ตั้งแต่พี่ท็อปเริ่มโวยวายใส่แบงค์และพี่กาย รวมถึงพฤติกรรมรุนแรงที่ผลักอกพี่กายด้วย “เฮ้ย!!” แบงค์อุทาน “ใครถ่ายเอาไว้แล้วอัพลงยูทูบบ์เนี่ย ตายห่าแล้ว”

“ตอนนี้คงรู้กันทั้งโรงเรียนแล้ว มันแชร์กันตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ เราโทรไปหานายแต่สายไม่ว่างเลยเลิกโทรไป” เกมส์บอก สงสัยว่าจะโทรเข้ามาตอนที่แบงค์พยายามติดต่อพี่ท็อปแน่ๆ

“เอาไงดีเนี่ย” แบงค์พึมพำ ก่อนที่จะเลื่อนลงดูคอมเมนต์ในเฟซบุคที่แชร์ๆวิดิโอนี้กันในหมู่นักเรียน

<เฮ้ย นี่พี่ท็อปที่ป๊อบๆ ที่อยู่ม.5 นี่หว่า ทำไมทำนิสัยแบบนี้วะ?>
<คิดว่าหล่อแล้วจะทำอะไร ระรานใครก็ได้อย่างงั้นเหรอ แย่ที่สุด>
<เขามีเรื่องกันมาก่อนหน้านี้หรือเปล่า ตอนกีฬาสีอะ>
<ดรัมเมเยอร์สีชมพูปะ คนนั้น>
<หลังๆ ก็เห็นพี่ท็อปชอบไปไหนมาไหนกับดรัมเมเยอร์สีชมพูนะ กิ๊กกันหรือเปล่า>
<แย่งแฟนกันแหงๆ ผู้ชายที่ยืนห้ามอยู่นั่นไง น่าจะเป็นแฟนใหม่>
<ผู้ชายเดี๋ยวนี้ หาแท้ๆยากจังเลย ชะนีเหนื่อยค่ะ เดี๋ยวนี้ถึงขนาดผู้ชายต่อยแย่งผู้ชายกันแล้วเหรอ>

“เฮ้ย เราว่ามันไม่โอเคว่ะ” แบงค์พูด ก่อนจะกดรีพอร์ตวิดิโอไป “ถ้าอาจารย์สายัณห์ได้ดูมีหวังตายกันทั้งเรา พี่ท็อป แหงเลย”
สักพัก เกดและเปิ้ลก็รีบวิ่งเข้ามาสมทบด้วย

“มันเรื่องอะไรกันวะ เห็นแชร์กันตั้งแต่เมื่อคืน พอตื่นมาตอนเช้าเห็นหน้าฟีดแชร์กันใหญ่เลย” เกดถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นแบงค์ที่นั่งหน้าตาเครียดๆอยู่

“เมื่อวานมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย เราก็งงๆเหมือนกันไม่รู้ไปโมโหใครมา มาถึงก็ระเบิดลงเลย” แบงค์ตอบ

“แล้วที่พี่ท็อปพูดเรื่องสัญญาอะไรกัน แกไปสัญญาอะไรกับพี่เขาเนี่ย ทุกคนเขาจิ้นไปถึงไหนถึงไหนกันแล้วนะ” เปิ้ลถามอีกคน
แบงค์นิ่งเงียบ หลบตาเพื่อนๆ หันไปมองหน้าเกมส์ เกมส์ก็มองหน้าแบงค์แบบกระอักกระอ่วน ไม่รู้จะเสริมหรือพูดอะไรออกมาได้อีก

“เฮ้ย...อย่าบอกนะว่า แกกะพี่ท็อป” เกดและเปิ้ลอุทานพร้อมๆกัน อ้าปากค้างแบบไม่อยากคิดไปเอง

แบงค์พยักหน้าช้า ๆ “อือ อย่างที่พวกแกคิดนั่นแหละ...ก็ตั้งแต่วันที่พี่เขาไปชวนเล่นแบดครั้งแรกแล้ว”
เกดตบบ่าแบงค์อย่างเข้าใจ แต่เปิ้ลยังมีแววของความประหลาดใจอยู่บนใบหน้า “นี่พี่ท็อป เป็น.....”

“เขาเรียกรสนิยมเว้ย อิเปิ้ล อย่ามาบอกว่าใครเป็นอะไรๆเลย แล้วนี่แกจะเอายังไงต่ออะแบงค์ ได้คุยกับพี่ท็อปรึยัง”

“ตั้งแต่เมื่อวานก็ยังติดต่อไม่ได้เลย เอาไงดีวะเนี่ย เดี๋ยวเรื่องถึงอ.สายัณห์เมื่อไร มีหวังตายกันหมดแหง” แบงค์พูด
ตลอดทั้งวันแบงค์และเพื่อนๆก็ยังไม่ได้เจอพี่ท็อปเลย ตัวแบงค์เองในวันนี้ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนมองและกระซิบกระซาบกันไปหมด เขารู้สึกอายระคนโกรธที่มีคนถ่ายคลิปเอาไว้แล้วเอามาประจานในเฟซบุค ทำให้เรื่องนี้กระจายไปในหมู่เพื่อนนักเรียน
พี่ท็อปนั้นเหมือนตอนนี้จะปิดโทรศัพท์ไปแล้วและไม่อ่านข้อความใดๆที่แบงค์ส่งไปหาแม้แต่สักข้อความ แบงค์รู้สึกร้อนใจไปหมดแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย จะวิ่งไปหาพี่ท็อปที่ห้องเรียนก็เหมือนว่าจะยิ่งไปก่อให้ไฟมันยิ่งลุกโชน คิดว่าอยู่นิ่งๆน่าจะดีกว่า

“อย่าไปสนใจคนอื่น เดินๆไป ทำตัวปกติ” เกมส์พูด “ถ้ายิ่งทำตัวประหม่าพวกนั้นจะยิ่งสนใจ” เกมส์บอกมองหน้าแบงค์ที่มองคนกระซิบกระซาบกันอย่างหวั่นๆ “เดี๋ยวคนก็ลืม เชื่อเหอะ”

เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ก็มีเสียงประกาศดังขึ้นแทรกเสียงออดประกาศเลิกเรียน “ประกาศ นายอัครวินท์ เชาวกรกุล ม.5/1 นายเจนภพ รัชตะไพบูลย์ ม.4/5 นายกายสิทธิ์ ศิริโสภณ ม.6/2 เชิญพบอ.ปรีชาที่ห้องปกครองเวลา 15.30 ค่ะ” เสียงประชาสัมพันธ์ดังขึ้นทั่วทั้งโรงเรียน ทุกคนในห้องหันหน้ามามองแบงค์เป็นตาเดียวเมื่อได้ยินเสียงประกาศนี้ แบงค์รู้สึกเหมือนหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เรื่องทุกอย่างกลายเป็นเรื่องบานปลายอย่างที่ตนคิดจนได้ เขามองไปที่นาฬิกาที่แขวนอยู่หน้าห้อง ตอนนี้ 15.20 นาทีแล้ว ในอีก 10 นาทีเขาต้องอยู่ที่ห้องปกครองและรอรับชะตากรรมที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


เมื่อไปถึงห้องปกครอง อ.ปรีชารออยู่แล้ว พร้อมด้วยเก้าอี้ 3 ตัว ที่รอให้นักเรียนต้นเหตุทั้งสามคนมานั่ง พี่กายมารออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ยิ้มทักทายเมื่อเห็นแบงค์เดินเข้ามาในห้อง อ.ปรีชามองหน้าแบงค์อย่างพินิจพิเคราะห์  “เธอที่เป็นดรัมเมเยอร์สีชมพูปีนี้ใช่ไหม?” อาจารย์ถามขึ้นเมื่อเห็นหน้าของเขา

“ครับ อาจารย์” แบงค์ตอบ ก่อนที่จะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆพี่กาย

“เป็นไงมั่งแบงค์ เมื่อวานได้คุยกับท็อปอีกไหมหลังเกิดเรื่อง” พี่กายถามขึ้น แต่แบงค์ก็ได้แต่ส่ายหน้า เพราะไม่พี่ท็อปเองก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์เขาเลย

“แล้วอัครวินท์ละครับ อาจารย์” พี่กายหันหน้าไปถามอาจารย์ปรีชาที่กำลังชะเง้อมองนอกประตูห้อง

“อ๋อ เดี๋ยวคงมากับพ่อเขานั่นแหละ” อาจารย์บอกสั้นๆ

ไม่ทันขาดคำ พี่ท็อปก็เปิดประตูห้องปกครองผางออกมา สีหน้ายังคงมุ่ยและดูหัวเสียมากๆ คนที่ตามมาคืออาจารย์สายัณห์ที่หอบหนังสือเตรียมการสอนมาด้วย พี่ท็อปโยนกระเป๋าลงที่ข้างเก้าอี้ก่อนจะทุ่มตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างๆแบงค์ พลางกอดอก คิ้วขมวดจ้องไปยังอาจารย์ปรีชาที พ่อที

“มากันครบองค์ประชุมแล้วนะ” อาจารย์ปรีชาเริ่ม “พวกเธอน่าจะรู้กันอยู่แล้ว ที่มีภาพวิดิโอทะเลาะวิวาท....”

“พอเหอะครับ อาจารย์ ไม่ต้องพูดเกริ่นแล้ว มีอะไรก็รีบคุยให้จบดีกว่า ผมไม่อยากเสียเวลามาก” ท็อปพูดแทรกขึ้นมา

“ท็อป !! ขอโทษอาจารย์ปรีชาเดี๋ยวนี้” อาจารย์สายัณห์ตะคอกใส่ลูกชาย “พ่อไม่เคยสอนให้ลูกก้าวร้าวแบบนี้นะ”

ท็อปมองหน้าพ่ออย่างเคืองๆ ก่อนที่จะกอดอก นั่งสั่นขา หันหน้าไปมองทางอื่น อาจารย์ปรีชาหันหน้าบุ้ยใบ้ไปทางอาจารย์สายัณห์ว่า ไม่เป็นไร ก่อนที่จะเริ่มพูดต่อ

“งั้นก็สั้นๆเลย มันเป็นการทำลายชื่อเสียงของโรงเรียนมากที่มีวิดิโอแบบนั้นอยู่ในโลกโซเชี่ยล ครูอยากรู้ว่ามันมีสาเหตุมาจากอะไร? ทำไมถึงทะเลาะกัน ใครจะอธิบายให้ครูฟังได้บ้าง พวกเธอจะได้เคลียร์กันด้วย อยู่โรงเรียนเดียวกัน ต้องรักกัน ไม่ใช่ทะเลาะกัน” อาจารย์ปรีชาบอก

พี่กาย เล่าให้อาจารย์ฟังว่า เขาเองแวะมาซื้อนมกลับไปกินที่บ้านแล้วเจอกับแบงค์ จากนั้นก็นั่งคุยกันเรื่องกีฬาสีที่เพิ่งจบไปแล้วก็เรื่องสัพเพเหระตอนรอร้านค้าทำให้ แต่พอท็อปมาเห็นเขาคุยกับแบงค์ก็เกิดความไม่พอใจ โวยวายแล้วก็ลงผลักกันอย่างที่เห็นในวิดิโอ

“แต่พี่ท็อปไม่ได้ผิดนะครับ ผมทำให้พี่เขาเข้าใจผิดเอง เพราะพี่ท็อปยังโกรธที่พี่กายชนะการแข่งปีนี้ แล้วในฐานะที่อยู่สีเดียวกัน พอพี่เขาเห็นผมคุยกับพี่กาย ก็เลยอาจจะไม่พอใจ” แบงค์พูดพยายามแก้ต่างให้พี่ท็อป “เรื่องนี้ผมผิดเองครับ”

ท็อปหันหน้ามามองแบงค์แบบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เพราะเรื่องเมื่อวานคนที่ก่อเรื่องและไม่ยอมฟังเหตุผลคือเขา ท็อปเองก็อยากจะขอโทษ แต่รู้สึกว่าศักดิ์ศรีมันค้ำคอเสียจนไม่กล้าพูดคำนั้นออกมา

“อย่าโกหกเลย เจนภพ” จู่ๆ อาจารย์สายัณห์ก็พูดขึ้นมา “ครูรู้มาพักนึงแล้วล่ะ

แบงค์และท็อปหันหน้าไปมองอาจารย์สายัณห์แบบตกใจ ส่วนอาจารย์ปรีชาและพี่กายก็มองสวนกลับไปแบบงงๆ

“รู้อะไรเหรอ อาจารย์สายัณห์” อ.ปรีชาถาม

“ผมขอคุยกับเด็กสองคนนี้ลำพังได้ไหมครับ อยากให้นายกายกลับไปก่อน เพราะดูจากมูลเหตุแล้วลูกชายผมน่าจะผิดเต็มๆ”
อาจารย์สายัณห์แนะนำ ซึ่งอ.ปรีชาเองก็เห็นด้วย จึงอนุญาตให้พี่กายกลับบ้านไปก่อนได้ เหลือในห้องก็มีแค่อ.ปรีชาด้วยอีกคนที่รอฟังเนื้อความทั้งหมด

“พ่อรู้อะไร” ท็อปถาม รู้สึกกลัวคำตอบจับใจ

“พวกเธอสองคนเป็นอะไรกัน ทำไมพ่อจะไม่รู้ พ่อเป็นพ่อท็อปนะ จะปิดกันไปได้นานสักแค่ไหนกัน แล้วนี่ถึงขั้นพาลไปทะเลาะกับคนอื่นเพราะเรื่องความสัมพันธ์ของแกกับรุ่นน้องนะท็อป ที่ผ่านมาแกคบกับใครพ่อไม่เคยว่า แต่แบบนี้.......ปัญหามันเกิด เห็นไหม?” อ.สายัณห์พูด จ้องหน้าลูกชายเขม็ง

“ทำไมล่ะพ่อ ? ท็อปผิดตรงไหน ท็อปเป็นคน ท็อปก็มีโกรธ มีรัก มีเกลียด เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ พ่ออย่ามาเปลี่ยนประเด็นเลยดีกว่า” ท็อปตอบกระชากเสียง

อ.ปรีชามองสองพ่อลูกโวยวายใส่กันอย่างงงๆ ก่อนจะหันหน้ามามองแบงค์ที่นั่งมองทุกคนราวกับจะหาคำตอบได้จากเขา
“แกเป็นลูกอาจารย์ในโรงเรียนนี้นะท็อป ทุกคนรู้จักแก แล้วก็รู้จักพ่อ หัดทำตัวไว้หน้าพ่อบ้างเถอะ เวลาคนอื่นเขารู้ความจริงเข้า พ่อจะเอาหน้าไว้ที่ไหน” อ.สายัณห์ตะคอก

“หน้าของพ่อก็เอาไว้ที่เดิมนั่นแหละ ไม่เห็นจะต้องสนใจ การที่ท็อปจะรักใครมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพ่ออยู่แล้วแต่แรกนี่ ทีพ่อยังทิ้งแม่ไป แล้วไง? ความรักของพ่อมันก็มีปัญหาเหมือนกันนั่นแหละ พ่อเป็นคนที่ทำให้แม่ทิ้งท็อป!!” ท็อปตะคอกกลับ หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ

“ไอ้ลูกทรพี” อ.สายัณห์บันดาลโทสะ ตบหน้าลูกชายอย่างแรง จนท็อปล้มลงกับพื้น ทั้งอ.ปรีชาและแบงค์ต่างก็วิ่งเข้ามาห้ามและกันพ่อลูกออกจากกัน “แกมันไอ้ลูกไม่รักดี เป็นผู้ชายดีๆไม่ชอบ มารักผู้ชายด้วยกันเพื่ออะไร แค่นี้พ่อยังอับอายขายขี้หน้าคนเขาไม่พอหรือไง”

“ท็อปรักผู้ชายแล้วมันผิดตรงไหนล่ะ พ่อ มันก็เหมือนผู้ชายรักผู้หญิงนั่นแหละ พ่ออย่าสร้างปัญหาให้มันเยอะนักเลย ความรักของท็อปมันไม่เกี่ยวอะไรกับชีวิตของพ่อ ศักดิ์ศรีของพ่อมันกินไม่ได้ ” ท็อปยังไม่เลิกต่อปากต่อคำ เอามือจับหน้าตรงที่ถูกตบเอาไว้รู้สึกเจ็บร้าวไปหมด

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ท็อป พูดจาให้เกียรติพ่อแกหน่อย ครูเห็นแกมาตั้งแต่เล็กๆนะ ไม่เคยเห็นมีพฤติกรรมหยาบคายก้าวร้าวแบบนี้เลยนะ” อ.ปรีชาตะคอกใส่ด้วยอีกคน

ท็อปเงียบ น้ำตาซึมด้วยความเจ็บที่พ่อตบหน้าเขาอย่างแรง ทั้งหน้าของเขาแดงเรื่อทั้งด้วยความโกรธและด้วยแรงจากการถูกตบหน้า

“เธอก็เหมือนกันเจนภพ ทำไมเธอไม่คอยห้ามท็อป ว่ามีพฤติกรรมแบบนี้มันไม่ดี เธอก็ไม่เห็นแก่ครูเลย” อาจารย์สายัณห์บอก หันหน้ามามองแบงค์อย่างโกรธๆ

แบงค์รู้สึกอึ้งและตกใจที่อาจารย์ก็หันมากล่าวโทษเขา  แท้จริงแล้วนัยยะที่อาจารย์กำลังจะบอกก็คือ เขาคือสาเหตุของปัญหาทั้งหมด

“ครูไม่เคยเลี้ยงท็อปมาเป็นเด็กก้าวร้าวแบบที่เจอวันนี้”

“พ่อหยุดเถอะ พ่อจะมาโทษน้องทำไม ผมผิดเองที่ทำตัวไม่ดี” ท็อปพูด น้ำตาที่รื้นอยู่หยดลงมา แบงค์ก็รู้สึกจุกที่ลำคอแต่ก็ไม่สามารถจะพูดอะไรออกมาได้ นอกจาก “ขอโทษครับอาจารย์ ผมไม่ได้คิดว่าอะไรๆมันจะบานปลายมาถึงขนาดนี้”

“แบงค์ไม่ผิดเลยนะ” พี่ท็อปหันหน้ามาบอก “พี่ทำผิดเองทุกอย่าง พี่เป็นคนเริ่มทุกอย่าง”

แบงค์ส่ายหน้า เม้มริมฝีปากแน่น เป็นนัยบอกให้ท็อปเลิกพูดต่อว่าตัวเอง เขาก็น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว รู้สึกหน้าร้อนผ่าวไปหมด “พี่ท็อปกับพ่อไม่ควรจะมาทะเลาะกันด้วยเรื่องของแบงค์ แบงค์เป็นคนนอก พี่ควรจะให้ความสำคัญกับพ่อมากกว่ากับแบงค์นะพี่”

อ.ปรีชาหันหน้ามองทุกคน รู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่ต่างกัน “มันกลายเป็นปัญหาครอบครัวไปแล้วนะ อาจารย์สายัณห์ ผมคิดว่า ต่อจากนี้คุณต้องไปเคลียร์กับลูกชายเอาเองแล้วล่ะ เจนภพ ครูว่าเธอกลับบ้านได้แล้วล่ะ”

“ไม่ แบงค์อย่าเพิ่งไป” ท็อปพูดสวนขึ้นมาคว้าแขนแบงค์ไว้ “ผมรักรุ่นน้องที่เป็นผู้ชายมันผิดตรงไหนครับ อาจารย์ปรีชา ผมไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย มีแต่คนอื่....”

“พอเหอะ พี่ท็อป แบงค์ว่า มันเริ่มจะเลอะเทอะไปกันใหญ่แล้ว” แบงค์พูดสวนทำเอาท็อปอึ้งไปด้วย “ผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ ผมสัญญาว่าต่อจากนี้ ผมควรจะห่างๆกับพี่ท็อป เพื่อความสบายใจของอาจารย์ครับ ผมขอโทษที่ทำให้ทุกอย่างมันลงเอยแย่ๆแบบนี้ ขอโทษนะครับอาจารย์” แบงค์ไหว้อาจารย์ทั้งสองท่านก่อนที่จะเก็บของแล้วรีบเดินออกจากห้องปกครอง น้ำตานองหน้า

ท็อปไม่รอช้า รีบกระโจนคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งตามออกไป

“ท็อป จะไปไหน” อาจารย์สายัณห์ร้อง เมื่อเห็นลูกชายกำลังจะหุนหันออกไป “อัครวินท์ เธอจะไปไหน” อ.ปรีชาก็ช่วยเรียกด้วยคน แต่พี่ท็อปไม่หยุดแม้แต่จะหันมามอง

“แบงค์ เดี๋ยวก่อน” ท็อปตะโกนวิ่งไล่ตามแบงค์ที่พยายามวิ่งหนีออกไป  เมื่อไล่กวดไปจนใกล้จะถึงหน้าโรงเรียนที่ตอนนี้นักเรียนก็เหลือกันอยู่น้อยเพราะเลิกเรียนนานแล้ว

“เลิกตามมาเถอะ พี่ท็อป เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว สงสารพ่อพี่มั่งเถอะ” แบงค์บอกปากสั่นน้อยๆ ด้วยความกระอักกระอ่วน

“ไม่สิแบงค์ ถึงมันจะเป็นแบบนี้ แต่พี่ก็ยังยืนยันว่า พี่จะไปต่อ เรื่องเมื่อวานพี่ขอโทษ พี่โกรธไม่ลืมหูลืมตาเอง” ท็อปบอกคว้ามือแบงค์เอาไว้แน่น

“แล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์ ไลน์ก็ไม่ตอบ อะไรก็ไม่ติดต่อมา” แบงค์ตะคอกกลับ “รู้ไหมว่าแบงค์เป็นห่วงขนาดไหน วันนี้ทั้งวันก็ไม่ได้เจอ แถมไม่มีมาหาเพื่อปรับความเข้าใจอะไรเลย มันคืออะไรกันพี่ท็อป”

“โทรศัพท์พี่หล่นหายไป น่าจะตกอยู่แถวหน้าร้าน วันนี้ตอนเช้าพี่ก็ไปหายันเที่ยงแต่ก็ไม่เจอ ตอนบ่ายก็เลยเพิ่งเข้ามา” ท็อปอธิบาย “พี่ไม่ได้มีเจตนาจะหนีหน้าแบงค์เลยนะ”

“ยังไงก็ช่าง แบงค์ว่า เราหยุดความสัมพันธ์ของเรากันเถอะพี่ พ่อพี่ออกปากขนาดนั้นแล้ว จะให้แบงค์มีหน้าคบกับพี่ต่อได้เหรอ? อีกอย่างพ่อพี่สอนเลขแบงค์นะ แบงค์จะมีหน้าไปเรียนต่อยังไงล่ะ” แบงค์พูดน้ำตาหยด

ท็อปเม้มปาก น้ำตารื้นขึ้นมาอีก “แบงค์อย่าทำแบบนี้กับพี่สิ เราสัญญากันแล้วไง”

ความฝันกับความจริงมันต่างกันนะ พี่ท็อป รักเรามันคงเป็นไปไม่ได้ เรายังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจมัน” แบงค์บอก “วิธีที่ดีที่สุดแล้วล่ะ คือเราต้องหยุดไว้เท่านี้”

“ไม่ พี่ไม่ยอมรับ” ท็อปกระชากแขนแบงค์ พยายามลากตัวเข้ามากอด แต่แบงค์ก็ขัดขื้นเต็มที่เช่นกัน ก่อนที่จะผลักหน้าอกท็อปให้ห่างออกไป “ทำไมแบงค์ทำกับพี่แบบนี้” หน้าของท็อปแดงก่ำด้วยความเสียใจ

“พี่ท็อป....แบงค์อยากบอกว่า แบงค์รักพี่ท็อปจริงๆนะ แต่เวลานี้ แบงค์ก็อยากบอกกับพี่ท็อปว่า ถึงแบงค์จะรักพี่แค่ไหน แล้วไม่ว่าพี่ท็อปจะรักแบงค์แค่ไหน พ่อพี่ก็ยังสำคัญที่สุดสำหรับพี่ แบงค์ไม่อยากทำให้พี่กับพ่อต้องทะเลาะกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้”

“แบงค์รักพี่ก็ต้องอยู่ข้างพี่สิ ค่อยๆอธิบายให้พวกเขาเข้าใจด้วยกันก็ได้ อย่าหนีพี่ไปแบบนี้” ท็อปโอดครวญ

“คำอธิบายไม่มีประโยชน์ที่จะคุยกับผู้ใหญ่หรอกพี่ท็อป เราอยู่ในสังคมที่ผู้ใหญ่ตีกรอบให้เราเดิน....”แบงค์พยายามอธิบาย

“ไม่ ... กรอบอะไรพี่ไม่สน พี่สนแค่แบงค์จะต้องอยู่กับพี่ พี่รักแบงค์แล้วไม่มีใครจะมาขวางพี่ได้” ท็อปบอก

“พี่ท็อป....” แบงค์โอดครวญ มองหน้าท็อปอย่างสงสาร แก้มที่มีรอยมือของพ่อ ใบหน้าเปื้อนน้ำตา แก้มสีแดงเรื่อด้วยความโกรธระคนเสียใจของพี่ท็อป ไร้คำพูดอื่นใดแล้วที่เขาจะกล่าวออกมาในเวลานี้

แบงค์ถอนหายใจด้วยความสับสน เหนื่อยใจ ลำบาก กระอักกระอ่วน ก่อนที่จะหันหลังให้พี่ท็อปแล้วรีบเดินจากไป แม้พี่ท็อปจะไล่ตามแต่แบงค์ก็รีบพาตัวเองให้ไปให้ไกลที่สุดจากสถานการณ์เหล่านี้ น้ำตาไหลพรุ่งพรูไหลออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พี่ท็อปหยุดตามก่อนที่จะหันกลับไปยังโรงจอดรถมอเตอร์ไซค์ของโรงเรียน เขาไม่อยากให้ความรักของเขาที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา จบลงเพียงเท่านี้ ทุกอย่างมันจะต้องดีกว่านี้ได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เขาจะต้องไม่ยอมให้ปัญหาศักดิ์ศรีของพ่อมาหยุดความรู้สึกของเขาที่มีต่อรุ่นน้องคนนี้แน่นอน

จบบทที่ 12 (ติดตามตอนที่ 13 ต่อได้ในวันจันทร์ที่ 23/02/2015 ได้เวลาเดิมครับ)
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 12 20/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 20-02-2015 22:46:54
มาม่ากำลังงาม  :hao5:

วันจันทร์ เมื่อไหร่จะถึงวันจันทร์  :ling1:

รอลุ้นตัวโก่งอยู่นะก๊าบ  :hao7:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 12 20/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 21-02-2015 01:19:25
อ่าาาา จุกอะ เอาเรื่องของปลาคาร์พกายมาขัดดราม่าหน่อยซิ 55555555
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 12 20/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 21-02-2015 10:47:32
ใครปล่อยคลิป
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 12 20/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 21-02-2015 15:38:47
น่าสงสารทั้งสองคนเลยนะ


ท๊อปควรลดความใจร้อนวู่วามลงให้มากๆเลยหล่ะ เพราะปัญหาต่างๆที่เกิดตั้งแต่เรื่องกดแบงค์จนถึงเรื่องกายนี่ก็เพราะความใจร้อน ไม่มีเหตุผลจนทำให้เกิดเรื่อง ไหนจะปัญหาเรื่องพ่อไม่ให้คบอีก คงต้องห่างกันสักพัเพื่อทบทวนและแก้ไขปัญหานะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 12 20/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 21-02-2015 15:48:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 13 23/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 23-02-2015 22:35:40
บทที่ 13
คำสารภาพของเพื่อนสนิท   
   
                        
เสียงออดหน้าบ้านดังสองสามครั้ง เมื่อแม่ของแบงค์มองดูนาฬิกาที่แขวนไว้บนฝาผนังบอกเวลาสามทุ่มครึ่ง ดึกขนาดนี้ใครกันที่มาเรียกที่หน้าบ้าน เธอค่อยๆเปิดผ้าม่านหน้าต่างแง้มดูก็เห็นเพื่อนลูกชายที่ชื่อท็อป ยืนชะเง้อมองเข้ามาในบ้านอยู่ ตั้งแต่กลับมาบ้านว่า เธอสังเกตลูกชาย วันนี้หน้าตาดูเครียดๆ กลับบ้านมาแล้วก็ขึ้นนอนปิดตัวเองอยู่ในห้อง พอถามว่าข้าวปลาจะกินอะไรก็บอกว่าไม่กิน อยากนอนเพราะเจ้าตัวบอกเหนื่อยมาก  ง่วงและอยากจะนอนไวๆ เธอจึงไม่ได้รบเร้าจะถามเจ้าตัวนัก
แม่จึงเดินออกไปรับแขกหน้าบ้านแทนลูก “ท็อปมาทำอะไรดึกดื่นป่านนี้ลูก” เธอทัก

“เอ่อ สวัสดีครับคุณแม่ แบงค์ล่ะครับ?” ท็อปถามพลางกระชับกระเป๋าเป้ที่สวมมาให้แน่นบ่า

“วันนี้กลับมาบ้านเขาก็รีบขึ้นไปนอนเลย เห็นบอกว่าเหนื่อย ๆ มีธุระอะไรด่วนไหม?” แม่พูด มองดูสภาพของท็อปที่ขนทั้งเป้มา แสงไฟหน้าบ้านแม้ไม่สว่างนักแต่ก็สังเกตเห็นรอยช้ำแดงๆบนใบหน้าข้างขวาของเขา กับตาที่บวมของท็อป

“เอ่อ...” ท็อปอ้ำอึ้ง รู้สึกลึกๆว่าแบงค์จะไม่ต้อนรับเขา “คือ...ผมอยากจะ...ขอ...”

แม่เดาทางออกว่าท็อปจะขออะไร “เข้ามาเลยลูก เอารถมาจอดข้างใน แม่รู้ว่าแบงค์เขายังไม่นอนหรอก เพราะเห็นไฟในห้องยังเปิดอยู่นั่น” เธอพูดก่อนจะหันหน้าไปทางชั้นสองของบ้านที่ยังมีแสงไฟลอดม่านออกมา “คืนนี้มานอนที่นี่ก่อน” เธอทึกทักเอาว่าท็อปคงต้องมีปัญหาอะไรบางอย่าง จากสภาพที่ขนข้าวขนของ หน้าตาสะบักสะบอมหน่อยๆ การที่ท็อปจะขอมาพักที่บ้านเธอก่อนก็ดีกว่าปล่อยให้ตะลอนๆไปที่อื่นที่อาจจะไม่ปลอดภัยในยามวิกาล

“ขอบคุณครับแม่” ท็อปบอก รู้สึกเป็นบุญคุณ ก่อนที่จะค่อยๆเข็นรถเข้ามาในรั้วบ้านที่แม่เปิดไว้ให้

“ที่บ้านรู้ไหมว่าจะมาค้างข้างนอก?” แม่ถาม

ท็อปอ้ำอึ้งอยู่สักครู่ ก่อนจะตอบว่า “ก็น่าจะรู้นะครับ ปกติพ่อไม่ค่อยกลับบ้านเร็ว บางวันก็ไม่ได้กลับบ้านน่ะครับ”

“ท็อปลองขึ้นไปเรียกแบงค์ดูนะที่ชั้นสอง นอนด้วยกันก็ได้ เตียงเขานอนได้สองคน แบงค์เขาชอบนอนที่กว้างๆ แล้วก็รีบๆนอนกันนะ อย่าคุยกันดึก พรุ่งนี้ยังต้องไปโรงเรียนอีก” แม่บอก  เธอเดาทางได้เลยว่าท็อปอาจจะมีปัญหากับที่บ้านมา เธอจึงไม่อยากรบเร้าถามถึงปัญหาอะไรมากมายนัก คิดว่าปล่อยให้เด็กๆอยู่กันเองน่าจะดีกว่า อย่างน้อยก็ยังอยู่ในเคหะสถานที่ปลอดภัยของเธอ

ท็อปไหว้ขอบคุณแม่อีกครั้ง ก่อนที่จะรีบขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้าน แล้วเคาะประตูห้องแบงค์สองสามครั้ง

“หืม?....แม่มีอะไรเหรอ?” เสียงแบงค์พูดตอบมาอย่างงัวเงีย ดูเหมือนว่าแบงค์จะหลับไปแล้วจริง ๆ
ท็อปยังคงระดมเคาะอยู่ โดยที่ไม่ได้ขานตอบ “มีอะไรอะแม่?” แบงค์ถามซ้ำก่อนที่จะเปิดประตูผางออกมาแล้วพบกับคนที่แสนคุ้นเคย

“พี่ท็อป มาได้ไงเนี่ยดึกๆ ดื่นๆ” แบงค์อุทานดังลั่น ก่อนที่ท็อปจะทำท่าจุ๊ปากแล้วบุ้ยใบ้ให้เข้าไปในห้อง แล้วรีบปิดประตู

“พี่ขนของออกจากบ้านมา” พี่ท็อปบอก

“หา บ้าไปแล้วพี่ท็อป แล้วพ่อพี่จะไม่โวยวายตามหาพี่เหรอ” แบงค์ร้องลั่น คิดไม่ถึงว่าท็อปจะวู่วามได้มากขนาดนี้ “พี่ทำแบบนี้พ่อจะหาว่าแบงค์เสี้ยมพี่ให้เป็นเด็กไม่ดีเอานะ”

“แต่...พี่ก็เขียนจดหมายบอกพ่อแล้ว ตอนจะออกมา ว่าพี่จะไปนอนบ้านเพื่อน” พี่ท็อปพูดหลบสายตาแบงค์ ทำเป็นวางกระเป๋าเป้ลงข้างๆเก้าอี้เขียนหนังสือ

“อย่ามาโกหก พี่ทะเลาะกับพ่อแล้วก็ออกจากบ้านมาเลยใช่ไหม?” แบงค์คาดคั้น “อย่าคิดว่าแบงค์ไม่รู้จักพี่ท็อปดีพอนะ”

พี่ท็อปมองหน้าแบงค์แบบสำนึกผิดหน่อยๆที่แบงค์รู้ทัน “ก็...ให้ทำไงได้ล่ะ พ่อไม่ยอมฟังเหตุผลของพี่เลย”

แบงค์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะตบที่นอนเป็นสัญญาณให้พี่ท็อปมานั่งคุยกันใกล้ ๆ “แล้วเราจะเอาไงกันต่อดี” แบงค์ถาม เมื่อพี่ท็อปขึ้นมานั่งบนเตียง ขัดสมาธิประจันหน้ากัน

“บอกไว้ก่อนนะ พี่ไม่มีวันเลิกกับแบงค์ ฆ่าพี่ให้ตายก็ยังดีกว่า” ท็อปบอกเสียงเด็ดขาด

“จะบ้าเรอะ มาพูดเรื่องตายๆ อะไรที่นี่พี่...ปัญหามันอาจจะใหญ่สำหรับเราสองคนแต่มันไม่ต้องถึงกับคอขาดบาดตายนะ” แบงค์แหวใส่ด้วยความตกใจ “ว่าแต่....พี่ท็อป...”

“หืม?” ท็อปเลิกคิ้วมองหน้าแบงค์ที่จู่ๆก็เปลี่ยนเรื่อง

“เจ็บไหม?” แบงค์ค่อยๆเอื้อมมือเข้ามาสัมผัสที่แก้มขวาของท็อปที่ถูกพ่อตบมาอย่างแผ่วเบา ท็อปจับมือของแบงค์ที่กำลังลูบหน้าของเขา

“เจ็บสิ แต่มันก็ไม่เจ็บเท่าที่พี่รู้สึกอยู่ข้างในหรอก” พี่ท็อปพูด แล้วแบงค์ก็กระโจนเข้าสวมกอดพี่ท็อปไว้แน่น แล้วระเบิดร้องไห้ออกมาเหมือนเขื่อนแตก กับความรู้สึกอัดอั้นทีเก็บเอาไว้มาตลอดทั้งเย็นที่ผ่านมา

“แบงค์ขอโทษ ... ที่ตอนนั้นช่วยอะไรพี่ท็อปไม่ได้เลย มันอึดอัดจนไม่อยากจะพูดอะไรออกมาได้อีกแล้ว แบงค์ไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยพี่ท็อป” เขาคร่ำครวญ สะอึกสะอื้นไม่หยุด พี่ท็อปต้องคอยลูบหัวปลอบ กลับกลายเป็นว่าพี่ท็อปต้องมาปลอบแบงค์เสียเอง

“พี่ไม่เป็นไรแล้ว เราสัญญาไงว่าเราจะอยู่ข้างกัน โอ๋นะ น้องรัก พี่ไม่เจ็บแล้ว พี่หายแล้ว ๆ” ท็อปบอกลูบหลังลูบหัว เขาก็รู้สึกอยากร้องไห้ออกมาเหมือนกัน แต่เวลานี้เขาต้องเข้มแข็งเพื่อให้แบงค์สงบใจลงบ้าง

เมื่อทั้งสองคลายสวมกอด แบงค์ก็ใช้ทั้งสองมือขยี้หน้าขยี้ตาเหมือนเด็กเล็กๆ ดูน่าเอ็นดูในสายตาท็อปนัก เขาลูบหัวรุ่นน้อง ยิ้มให้ “พี่จะสู้ เพื่อให้มันผ่านไปให้ได้ ทุกคนต้องเข้าใจเรา แบงค์เชื่อพี่ไหม?” ท็อปถาม

“พี่ท็อป เรากำลังต่อกรกับผู้ใหญ่ที่เป็น ทั้งพ่อทั้งอาจารย์ เลยนะ” แบงค์ถามกลับ “แค่เราเลิกกันก็น่าจะเป็นทางออกที่ง่ายกว่าดันทุรังต่อไปนะพี่”

“พี่ว่าปัญหามันแค่บานปลายจากการที่พี่ไปก่อเรื่องที่ร้านพี่หลิน เราต้องให้ทุกคนไปสนใจกับเรื่องที่พี่ไปก่อเรื่องมากกว่ามาสนใจว่าเราสองคนเป็นอะไรกันน่าจะดีกว่า พี่อาจจะต้องขอโทษพี่ม.6 คนนั้นอย่างเป็นทางการ ทุกคนจะได้ลืมๆกันไป ดีไหม?”

แบงค์พยักหน้าเชิงตอบรับ “ส่วนเรื่องของเราที่ว่าพ่อจะยอมรับหรือไม่นั่นอีกเรื่องนึง พี่ว่าถ้าเงียบๆไป แกก็คงไม่สนหรอก”

“แต่พ่อพี่ท็อปดูแล้วแกก็เป็นคนเอาจริงนะพี่” แบงค์เสริม “เขาคงไม่ปล่อยเราเอาไว้อย่างนี้แน่ๆ”

“นี่มันยุคไหนแล้ว? มีคนเคยบอกว่า ความรักมันกำหนดเหตุผลไม่ได้ พี่รักแบงค์จริงๆ ถึงตอนนี้เขายังไม่เข้าใจแต่วันนึงถ้าเราพิสูจน์ให้เขาเห็นได้ สักวันเขาต้องยอมรับสิ” พี่ท็อปบอกเพิ่ม

“แต่ว่า...” แบงค์พยายามขัด

“พอได้แล้ว ไอ้หมาน้อย” ท็อปดุ ก่อนจะเขย่าหัวรุ่นน้อง “เลิกคิดแง่ลบได้แล้ว ปัญหามันยังไม่เกิด อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ วันนี้แค่เรามีกันและกันก็พอแล้ว พรุ่งนี้ใครจะว่ายังไงก็ช่าง พี่ตัดสินใจแล้วว่าพี่จะรักแบงค์ต่อไป ถ้าแบงค์ยังคงรักพี่แบบนี้ต่อไปเหมือนกัน” พี่ท็อปบอก

แบงค์ยิ้มให้ น้ำตารื้นด้วยความตื้นตันที่พี่ท็อปยังคงอยู่ข้างๆเขา

“ที่รัก พี่ง่วงแบ้วว” พี่ท็อปพูดน้ำเสียงอ้อนๆ ก่อนจะอิงหัวลงกับตักของแบงค์ “นอนกันเหอะ”

“พี่ท็อปมาเนี่ย ทำเอาแบงค์ตื่นเลยนะ ตัวกวนแท้ๆ อุตส่าห์หลับไปได้แล้ว” แบงค์แซวเริ่มยิ้มออกขึ้นมาบ้าง “ปิดไฟให้หน่อย... ผ้าห่มจะห่มด้วยกันก็ได้นะ”

ท็อปยิ้มแบบทะเล้นๆ ก่อนจะลุกไปปิดไฟแล้วรีบเข้ามาซุกใต้ผ้าห่มเดียวกัน “ขอหอมก่อนนอนสักทีได้ไหม?”ท็อปถาม แบงค์ไม่ตอบแต่หันแก้มขวาให้ ก่อนที่ท็อปจะหอมเสียงดังฟอดใหญ่ “ชื่นใจจัง” ท็อปพูด

แล้วทั้งสองก็สวมกอดกัน อากาศเย็นๆในห้อง ได้เปลี่ยนไปเต็มด้วยความอบอุ่นจากเด็กหนุ่มทั้งสองคนเติมเต็มช่องว่างให้แก่กันและกันเพื่อก้าวข้ามผ่านราตรีนี้ไปด้วยกัน

====================================

เช้าวันต่อมา ท็อปรีบลุกขึ้นมาแต่เช้าตรู่ โดยที่แบงค์ยังไม่ได้ตื่นนอน มาจิ้มกดที่แท็ปเลตที่เขาพกใส่เป้มาด้วย แล้วลองโพสต์สถานะใหม่ลงหน้าเพจของตัวเอง “ ผมท็อป อัครวินท์ ม. 5/1 อยากจะขอโทษทุกๆคน ทั้งเพื่อนและบรรดาอาจารย์ที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีที่ไปก่อเรื่องทะเลาะวิวาทในที่สาธารณะ ต้องขอโทษพี่กาย ม.6 ด้วยครับ ที่วันนั้นทำตัวไม่เป็นสุภาพบุรุษ ยอมรับว่าผมยังเคืองเรื่องแพ้กีฬา ยังไงก็ขอให้ทุกคนอภัยและให้โอกาสผมด้วยนะครับ ปีหน้าเราจะชนะกันด้วยเกมส์กีฬาไม่ใช่กำลังแน่นอนครับ ขอโทษทุกๆคนอีกครั้งครับ”  จากนั้น เขาจึงรีบกระจายโพสต์ขอโทษของเขาทุกอย่างลงในเน็ทให้เร็วที่สุด เพื่อยุติการแชร์วิดิโอวิวาทของเขาและพยายามเบี่ยงประเด็นที่คนสนใจเรื่องความสัมพันธ์ของท็อปกับแบงค์ อย่างน้อยที่สุดก็ดีกว่าไมได้ทำอะไรเลย เพราะท็อปก็ไม่อยากจะให้มันเอิกเริกมากมายถึงกับต้องแถลงข่าวจริงจัง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเขาก็ค่อยๆเดินที่ไปเตียงกอดผ้าห่มที่แบงค์กำลังห่มอยู่แล้วเขย่าปลุกเบาๆ

“ตื่นได้แล้วนา...หกโมงกว่าแล้ว” ท็อปพูดลากเสียงก่อนจะบดจมูกหอมที่แก้มแบงค์ฟอดใหญ่ๆ

“หืม?ไม่เอาน่า พี่ท็อป เหม็นปากอะ” แบงค์บอกก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้า “หกโมงกว่าๆเอง ให้ครึ่งก่อนแล้วค่อยปลุกใหม่นะ”

“ตื่นมาเล่นกันเหอะน้า น้า...”ท็อปอ้อน มุดผ้าห่มไปไซ้หน้าอกแบงค์ “เค้าเหงาอ่า ตื่นกันเถอะ”

แบงค์ค์ค่อยๆลืมตาขึ้นมาเพราะทนที่พี่ท็อปกวนไม่ไหว “อ่ะ ตื่นก็ได้ ปะๆ ตื่นๆๆๆ” แบงค์บอกรีบลุกขึ้นนั่ง “รีบไปอาบน้ำแต่งตัวกันดีกว่า เดี๋ยวไปหาอะไรกินเช้าๆข้างนอกกัน”

ท็อปพยักหน้า ก่อนที่จะจูงมือแบงค์ลากขึ้นมาจากเตียงแล้วคว้าผ้าเช็ดตัว จะดึงไปอาบน้ำด้วยกัน

“เฮ้ย !! อาบทีละคนเซ่” แบงค์โวยวาย

“อ้าว เห็นบอกให้รีบอาบน้ำแต่งตัวกัน นึกว่าจะชวนให้อาบด้วยกัน” ท็อปพูดตีหน้าทะเล้นใส่ “ขั้นนี้แล้วไม่มีอะไรมาอายแล้ว มาเถอะ”

แบงค์ทำหน้ามุ่ยใส่ แล้วรีบผลักพี่ท็อปเข้าห้องน้ำแล้วรีบปิดประตูดังปัง “อาบน้ำนะ ไม่ใช่ตีแบดจะได้เล่นเป็นคู่” เขาพึมพำ

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งสองจึงรีบแต่งตัวแล้วลงมาข้างล่าง ดูเหมือนว่าแม่จะยังไม่ตื่น เพราะปกติแล้ว ตอนเช้า แบงค์มักจะตื่นก่อนแล้วออกไปหาอะไรกินที่โรงเรียนตามปกติ

“วันนี้ไปกินโจ๊กกันไหม?” แบงค์ถาม “แถวนี้มีร้านอร่อยๆด้วยนะ”

“จริงเหรอ? ไปสิ เพิ่ง เจ็ดโมงเอง ขี่มอไซค์ไปก็แป๊บเดียว” พี่ท็อปบอกก่อนจะพาแบงค์ขับมอเตอร์ไซค์บึ่งไปร้านที่ว่า เมื่อไปถึงหน้าร้านก็เจอเข้ากับน้ำหวานประธานนักเรียนที่เป็นคู่กรณีเก่าของทั้งแบงค์และท็อปเข้าพอดี

“อ้าว...สองคนนี้ ไปไหนกันแต่เช้าเลยเนี่ย” หวานร้องทัก เมื่อเห็นทั้งสองคนมาด้วยกัน

“มากินข้าวไง” ท็อปตอบ เมื่อเห็นแบงค์ยังอ้ำอึ้งอยู่ “หวานล่ะ มากินร้านนี้ประจำเหรอ?”

“ก็บ่อยๆนะ วันนี้โชคดีเจอดาราดังทั้งสองคนพอดีเลย” เธอพูด “ถามจริงนะท็อป...ท็อปไม่อายบ้างเหรอ?”

“อายอะไรวะ?” ท็อปถามย้อน เริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิด ๆ “ก็แค่ทะเลาะกัน ผู้ชายที่ไหนๆเขาก็ต่อยกันเป็นเรื่องปกติรึเปล่าวะ”

“ก็ เรื่องของท็อปกับแบงค์ต่างหาก ตอนนี้ใครๆเขาก็รู้กันไปทั่วแล้วนะ ว่าเธอสองคนเป็นอะไรกัน จะให้เราย้ำอีกเหรอไง?” หวานบอก ยืนกอดอกส่งสายตาดุๆมาให้

“เราว่ามันไม่ใช่เรื่องของหวานว่ะ พอเหอะ เมื่อวานเราก็ทะเลาะกับพ่อมามากพอแล้ว เราไม่อยากให้เพื่อน มาทำหน้าที่แม่ ด้วยอีกคน” ท็อปสวนกลับ

“ทำไมล่ะท็อป...เราชอบท็อปมาตั้งแต่ม.ต้น แถมเรายังพยายามทำดีกับท็อปมาตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมท็อปไม่เคยเห็นจะสนใจเราบ้าง แต่กับไอ้เด็กที่ไหนก็ไม่รู้ ทำไมท็อปถึงเลือกมัน? มันดีกว่าผู้หญิงจริงๆอย่างเราตรงไหนกัน !!!” เธอโวยวายใส่ท็อปอย่างเหลืออด

“พี่หวาน แบงค์ว่า เราสงบสติอารมณ์กันก่อนเถอะพี่” แบงค์ปราม พี่ท็อปก็ยืนมองพี่หวานอย่างโกรธๆ เขากัดฟันกำหมัดแน่นเพื่อระงับอารมณ์ “คนในร้านเขายืนมองเรากันหมดแล้ว”

“พวกหนูๆ ไปทะเลาะกันที่อื่นได้ไหม? ป้าจะขายของ” ป้าเจ้าของร้านพูดขึ้นเมื่อเห็นจังหวะแทรกได้

แบงค์ยืนไหว้ขอโทษแทนพี่ๆทั้งสองคนก่อนจะลากท็อป กลับมาที่มอเตอร์ไซค์ ท็อปยังคงหันหน้ามามองหวานอย่างหงุดหงิดพลางสตาร์รถ หมดอารมณ์จะกิน ส่วนหวานเองก็รู้สึกหน้าร้อนฉ่าด้วยความโกรธ สงครามครั้งนี้ เธอจะหยุดมันเอง รู้ดีว่าสักวันที่เธอต้องลงมือจัดการอะไรที่มันไม่ถูกต้องในสายของประธานนักเรียนอย่างเธอจะต้องมาถึง

หวานนึกถึงคืนวันก่อนที่เรื่องราววิวาทได้เกิดขึ้น เธอกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่อีกมุมของร้าน เมื่อตอนที่ท็อปเดินเข้ามาโวยวายในร้านด้วยความโกรธ ทุกคนในร้านต่างก็นิ่งหยุดการเคลื่อนไหว มองดูท็อประเบิดโทสะอยู่กับกายที่ดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเท่าไรนัก หวานรีบคว้าโทรศัพท์เครื่องใหม่ของเธอขึ้นมาเพื่อถ่ายคลิปเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน และครั้งนี้เธอตั้งใจจะปล่อยมันลงโซเชียลเน็ตเวิร์กโดยไม่สนใจจะถามความสมัครใจเหมือนหนก่อน

ทันทีที่ท็อปรีบผลุนผลันออกไป แล้วแบงค์พยายามวิ่งไล่ตามออกจากร้านไป หวานก็ค่อยๆเดินตามออกมานอกร้านเงียบๆ มองเห็นโทรศัพท์มือถือของท็อปที่ร่วงตกอยู่แถวๆพงหญ้าข้างบันไดหน้าร้านนม เธอจึงเก็บเอาไว้เผื่อว่าจะเอามาคืนท็อปในวันต่อมา แต่ตลอดทั้งคืนแบงค์โทรเข้ามาไม่ขาดสายพร้อมไลน์ที่เด้งเข้าๆ เธอสามารถมองเห็นทุกข้อความที่ขึ้นเตือนได้โดยที่ไม่ต้องกดเข้าไปดู เกือบทั้งคืน หวานก็ได้แต่นั่งเฝ้าโทรศัพท์ของท็อปเพื่ออ่านข้อความของแบงค์ที่ส่งให้ท็อป เพื่อให้ตนเองรู้ถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริงของทั้งสองคนนี้อย่างชัดเจน พร้อมกันนั้น เธอก็ยังอัพโหลดวิดีโอของท็อปที่ก่อเรื่องในร้านพี่หลินลงในยูทูบบ์แล้วแชร์ในบอร์ดโรงเรียนอย่างเมามันโดยใช้ไอดีที่สร้างขึ้นใหม่เพื่อไม่ให้มีคนรู้ว่าเธอคือต้นเหตุของการปล่อยคลิปฉาวนี้...

เมื่อถึงโรงเรียน ท็อปและแบงค์ต้องแยกกันชั่วคราวตามที่แบงค์ขอไว้ เพื่อให้เรื่องมันซาเร็วที่สุด ท็อปจึงรีบเดินอาดๆไปที่ใต้อาคาร 5 ซึ่งเป็นอาคารที่มีห้องสมุดอยู่ชั้นบนและมีสวนหย่อมเล็กๆพร้อมม้านั่งหินอ่อนเอาไว้ให้นักเรียนนั่งทำการบ้านหรือพักผ่อนช่วงนี้ยังเช้าอยู่ นักเรียนส่วนใหญ่มักจะอยู่ที่โรงอาหาร จึงเป็นการดีที่ท็อปจะได้ปลีกวิเวกสงบๆบ้าง

“ไง คุณนักเลงหน้าหล่อ” เสียงคาร์พทักขึ้นมาจากข้างหลังท็อป ที่กำลังจะคว้าแท็ปเลตขึ้นมาเล่นเกมส์

“เหอะ ขำเข้าไป เยาะเย้ยกันเข้าไป” ท็อปว่า ส่งสายตาเคืองๆใส่เพื่อนที่เดินเข้ามาแซว “มึงก็ไม่ช่วยกูเลยนะเว้ย ปล่อยให้กูโดนพ่อกับครูปรีชาดุซะไม่เหลือซากเลย” ท็อปบ่น

“มึงทำตัวเองเหอะ ไอ้ท็อป ไม่ต้องมาโทษกูเลย ... แต่เมื่อเช้ากูเห็นโพสต์ขอโทษมึงในเฟซละ มีคนแชร์ไปหลายสิบคนละนี่” ปลาคาร์พบอกข้อมูลพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ของตนมาให้เพื่อนดู ท็อปจึงรีบกดเปิดมาดูคอมเมนต์ว่า แนวโน้มจะไปทิศทางไหน

<ก็ดีที่รู้ตัวว่าผิด ออกมาขอโทษกันตรงๆ ก็แฟร์ ๆ ดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าไปขอโทษกันซึ่งหน้านะครับ>
< ให้อภัยกันดีกันนะคะ>
<ได้ข่าวว่าโดนเรียกเข้าห้องปกครองไปแล้ว คงเคลียร์กันไปด้วยดีแล้วล่ะ>
<กลับตัวกลับใจได้ ก็ดีแล้ว สู้ๆ งับ>


แนวโน้มของทุกคนก็ดูจะมีไปในทางบวกมากขึ้น ท็อปยิ้มให้กับตัวเอง เมื่อเลื่อนอ่านดูในแต่ละลิงค์ที่มีคนแชร์ อย่างน้อย มันก็น่าจะเบี่ยงประเด็นเรื่องเขากับแบงค์ไปได้เป็นเรื่องของการทะเลาะวิวาทส่วนตัวกับพี่กายแทน
ปลาคาร์พมองท็อปอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรนัก เมื่อเห็นเพื่อนดูหน้าบานขึ้นเมื่อเห็นคอมเมนต์แต่ละประโยค

“ท็อป กูว่าตั้งแต่มึงไปคบหากับไอ้แบงค์ กูว่านิสัยมึงเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ ที่เขาลือๆกันมานี่ มันจริงหรือเปล่าวะ?” คาร์พถามสีหน้าซีเรียส “กูไม่อยากปล่อยให้มันคาราคาซังนะ ยิ่งกูรู้มาจากแม่ว่ามึงทะเลาะกับพ่อที่ห้องปกครอง กูยิ่งรู้สึกว่ามันชักจะเลยเถิดไปใหญ่แล้ว”

ท็อปยื่นโทรศัพท์คืนให้แล้วหันหน้ามามองปลาคาร์พด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ไอ้คาร์พ ทุกครั้งที่กูอยู่กับมึงกูสบายใจนะเว้ย อย่าให้กูต้องมานั่งตอบคำถามพวกนี้เลย” ท็อปตัดบท

“เนี่ย มึงเปลี่ยนไปชัดเจน มึงไม่เคยปิดอะไรกูเลยสักเรื่อง ทำไมเรื่องนี้มึงไม่พูดตรงๆวะ ว่ามึงกับแบงค์เป็นแฟนกัน กูก็เคยถามมึงมาหนนึงแล้ว มาจนป่านนี้มึงก็ไม่บอก ทำตัวลับๆล่อๆให้กูเดาไปเอง แล้วนี่ ถึงขนาดแม่กูมาเล่าให้ฟัง แล้วมาถามกูว่า รู้เรื่องไหม? กูนี่อึ้งไปเลยเหมือนกันนะ” ปลาคาร์พบอก “มึงน่าจะเห็นแก่กูบ้าง”

“ก็เพราะกูเห็นแก่มึงไง ไอ้คาร์พ กูรู้ว่ามึงจะต้องเป็นแบบนี้ กูถึงไม่พูดไง” ท็อปตอบหลบสายตาเพื่อน “แค่นี้กูก็ทำคนรอบข้างเสียใจเพราะกูมากพอแล้ว”

“มึงอย่าหลบตากูดิวะ ใช่ก็บอกว่าใช่ ไม่ใช่ก็บอกว่าไม่ใช่ ทำยังกะกูอ่านมึงไม่ออกงั้นแหละ” ปลาคาร์พตะคอก

“เออ กูกับแบงค์เป็นแฟนกัน พอใจรึยัง? ถ้าอยากรู้นัก พอใจไหม?” ท็อปตะคอกกลับ ก่อนจะเก็บกระเป๋าเป้ที่วางอยู่ขึ้น พร้อมจะเดินหนีการสนทนานี้

ปลาคาร์พเงียบ ท็อปหันมามองเพื่อนอีกครั้ง ในใจก็รู้สึกเสียใจที่ตัวเองพูดจารุนแรงขึ้นๆ เพราะโดนเพื่อนถามซักไซ้จนโมโห แต่อีกใจเขาก็อยากจะตัดๆเรื่องทั้งหมดให้จบไป “เอ่อ...กูขอโทษ กูโมโหไปหน่อย กูไม่ได้ตั้งใจจะว่ามึง”

“พอเหอะ ไอ้ท็อป เพราะไอ้แบงค์คนเดียวที่ทำให้มึงกับกูเป็นแบบนี้” ปลาคาร์พพูด เสียงสั่น

“อย่าเอาน้องมาเกี่ยวดิวะ มันเรื่องระหว่างมึงกะกูปะ?” ท็อปถามย้อน “ที่กูไม่อยากบอกมึงก็เพราะงี้ ดูมึงดิ เดี๋ยวก็งอนกู โมโหใส่กูอีก นึกว่ากูไม่รู้เรอะไง?”

“ทั้งๆที่มึงก็รู้ว่ากูคิดยังไงกับมึงแท้ๆ...” ปลาคาร์พตัดพ้อ น้ำตารื้น แต่เขาก็พยายามสะกดกลั้นไว้ น้ำตากับลูกผู้ชายนักกีฬาไม่ใช่สิ่งที่จะมาควบคู่กัน

ท็อปเดินเข้าไปสวมกอดเพื่อน “กูรู้ไง กูถึงไม่บอกมึง กูรู้ว่ามึงรักกู แต่มึงเป็นเพื่อนที่ดีของกูมาก กูคิดเกินกว่านั้นไม่ได้จริงๆ กูก็อยากให้มึงรักกูแบบที่กูรักมึงเหมือนกัน มันยั่งยืนยาวนาน กูกลัวว่าถ้าวันนึงกูรักมึงแบบนั้นไป แล้วเกิดเราเลิกกันกูกลัวจะเสียมึงไป ยังไงไอ้คาร์พ มึงคือเพื่อนที่ดีที่สุดของกูนะ”

ปลาคาร์พสวมกอดตอบเพื่อน พลางถอนหายใจออกมา นานเท่าไรแล้วหนอที่เขาไม่ได้กอดกันอบอุ่นแบบนี้

“กูขอโทษมึงเหมือนกันว่ะ” ปลาคาร์พพูด

“เฮ้ย..กูต่างหาก” ท็อปรีบปฏิเสธ “กูผิดที่กูดันเกิดมาหล่อไป ใครๆก็ดันชอบกูไปซะหมด หล่อเลือกได้ก็งี้แหละ” ว่าแล้วท็อปก็หัวเราะร่า พยายามเปลี่ยนบรรยากาศ

“ไอ้เชี่ยเอ๊ย” ปลาคาร์พว่า รู้สึกหมั่นไส้ท็อปขึ้นมาทันที ถึงกับไล่เตะเพื่อน “มึงมาให้กูเตะแก้แค้นคืนเลย มึงทำกูเสียความรู้สึก”
ท็อปคว้ากระเป๋าเป้ได้ปุ๊บก็รีบวิ่งหนีไปทางโรงอาหาร ในขณะที่ปลาคาร์พก็รีบคว้าเป้แล้ววิ่งไล่เพื่อนตามมา

จบตอนที่ 13 ครับ พบกันตอนที่ 14 ได้ในวันศุกร์ที่ 27/02/2014 ครับ

**ชอบกันก็เม้น Thanks ได้นะครับ ขอบคุณที่สนับสนุนผลงานครับ** ต่อจากนี้จะยิ่งเข้มข้นจนต้องกัดฟัน ขยำมือ ตามเนื้อรเื่องกันเลยทีเดียว ช่วยเป็นกำลังใจให้กับรักห้าเส้าหนนี้ด้วยนะครับ T^T
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 13 23/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-02-2015 23:36:28
รักห้าเศร้าเลยเหรอออ. โอ้ พระเจ้า :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 13 23/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 23-02-2015 23:55:45
อีชนะนีหวาน
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 13 23/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 24-02-2015 00:21:06
หาคู่ให้คาร์พด่วนนนน
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 13 23/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 24-02-2015 00:24:35
 :really2: :really2: :really2: :really2: :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 13 23/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: zipboy ที่ 24-02-2015 02:57:44
เป็นไปในทางที่ดีขึ้นบ้างแล้ว สองตอนก่อนหน้า อึดอัดแทนคู่ท็อปกับแบงค์จริงๆ

รออ่านต่อนะครับ^^
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 13 23/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 24-02-2015 22:59:36
นังหวานมันน่าโดนกระโดดถีบขาคู่จริงๆ
 :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 13 23/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 24-02-2015 23:06:00
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 14 27/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 27-02-2015 23:21:52
บทที่ 14
ความอดกลั้นที่หมดลง


เรื่องท็อปทะเลาะกับพี่กายค่อยๆซาลงไปหลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ แม้ว่าท็อปจะเสียคะแนนนิยมลงไปบ้างแต่ว่าตอนนี้ สถานการณ์เริ่มกลับสู่สภาวะปกติ เรื่องของดรัมเมเยอร์สีชมพูกับป๊อบปูล่าร์บอยประจำม. 5 อย่างท็อปกลายเป็นคู่จิ้นเริ่มเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆม.ต้น ม.ปลายที่ปลื้มทั้งแบงค์และท็อป และแม้ว่าพ่อของท็อปนั้นยังคงปั้นปึ่งกับแบงค์ แต่ก็ยังทำหน้าที่ของอาจารย์ได้อย่างดีเยี่ยมเช่นเดิม ต้องนับถือใจของความเป็นครูที่แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานได้เป็นอย่างดี

ความสัมพันธ์ของแบงค์และท็อปค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าทั้งสองคนจะตัดสินใจแล้วว่า จะเจอกันแค่ช่วงระหว่างพักและตอนเย็นบ้างเมื่อมีเวลา แบงค์บอกพี่ท็อปว่า ให้ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนๆอย่างพี่คาร์พบ้าง เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกไม่ดีกับแบงค์ ส่วนแบงค์ก็รู้สึกสบายใจที่ทุกอย่างกำลังมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้น

หลังเลิกคาบเรียนวิชาภาษาอังกฤษ แบงค์ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ประจำวิชาให้ยกเอาสมุดการบ้านไปส่งที่ห้องพักครู กองสมุดสูงเป็นพะเนินกว่า 50 เล่มที่เขาจะต้องยกไปอีกอาคารหนึ่ง เกมส์อาสาจะไปเป็นเพื่อนแต่แบงค์รีบปฏิเสธไปเพราะเห็นว่าเพื่อนกำลังรีบทำการบ้านในวิชาต่อไป เขาจึงไม่อยากให้เกมส์มาเสียเวลากับแค่เรื่องยกกองสมุดไปส่งที่ห้องพักครู

“แน่ใจนะว่ายกคนเดียวไหว” เกมส์ถาม มองหน้าแบงค์แบบเกรงใจ

“เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอกน่า อยู่ตึกใกล้ๆนี่เอง เผื่อได้คะแนนจิตพิสัยเพิ่ม เกมส์รีบลอกการบ้านหน้านี้ให้เสร็จเลย เดี๋ยวอาจารย์วิชาสังคมเข้ามาแล้วนายจดไม่ทันส่ง จะยิ่งมีปัญหานะ” แบงค์บอกแล้วค่อยๆ ลองยกกองสมุดขึ้นมา

“เออ ได้ โทษทีนะเว้ย ไม่ลองให้คนอื่นช่วยยกไปล่ะ” เกมส์ออกความคิดเห็นแต่แบงค์กลับส่ายหน้า

“ยกไหวอยู่น่า งั้นเดี๋ยวเราไปก่อนนะ” แบงค์บอกแล้วค่อยๆ หอบสมุดทั้งหมดไปโดยไม่ยอมให้เพื่อนคนอื่นๆช่วย

เขาค่อยๆประคองเดินลงอาคารมาพอดีกับที่เป็นช่วงเปลี่ยนคาบเรียน นักเรียนหลายๆชั้นต่างพยายามเดินไปเข้าห้องเรียนห้องใหม่ บ้างก็วิ่งเล่นกันตามระเบียง แบงค์เลยต้องพยายามมีสมาธิกับการเดินไปข้างหน้าอย่างมากเพราะหนังสือกว่าห้าสิบเล่มถ้าล้มครืนลงมา ก็ต้องมานั่งเสียเวลาเก็บใหม่อีก แต่เท่าที่เขาคะเนน้ำหนักดูแล้วมันก็ไม่ได้ประคองยากเย็นนัก

แต่ทว่าแบงค์ก็ประคองได้ไม่ได้นานนัก กลุ่มเด็กม.1ที่กำลังจะมาเรียนที่อาคารนี้ วิ่งสวนแบงค์มาแต่ไม่ทันได้มองว่ามีรุ่นพี่กำลังแบกสมุดงานกองโตอยู่ข้างหน้าจึงชนโครมเข้าให้เต็มๆ ทำให้สมุดทั้งหมดหล่นกระจายอยู่กับพื้น แถมแบงค์ก็ก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้นหินอ่อนเย็นๆอีก

“ขอโทษครับ พี่” รุ่นน้องบอก ก่อนที่จะรีบช่วยแบงค์เก็บสมุดที่กองตกอยู่

“ทีหลังน้องอย่าวิ่งที่ระเบียงทางเดินสิ เนี่ยเวลาเดินชนคนอื่นมันก็เจ็บตัวทั้งคู่เห็นไหม ?” แบงค์ดุ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมาก เพราะเห็นว่ามันเป็นอุบัติเหตุ พอดีกับที่พี่กายเดินเข้ามาเห็นแบงค์กับเด็กม.1กำลังนั่งเก็บสมุดอยู่พอดี

“อ้าว น้องแบงค์ ใครมาเดินชนจนสมุดระเนระนาดแบบนี้เนี่ย” พี่กายถามขึ้น สีหน้าตกใจ รีบก้มลงเก็บช่วยอีกแรง

“ผมเดินชนพี่เขาเองครับ” น้องม. 1 บอก สีหน้สำนึกผิด “ผมกลัวจะเข้าเรียนไม่ทัน เลยรีบวิ่งมา”

“งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ช่วยเอง น้องไปเรียนก่อนเถอะ” พี่กายบอก

น้อง ม.1ไหว้เป็นเชิงขอบคุณจากนั้นจึงรีบวิ่งไปเข้าห้องเรียนที่อยู่ถัดไปไม่ไกล

“ขอบคุณครับพี่กาย” แบงค์บอก “จริงๆพี่ไม่ต้องช่วยก็ได้นะครับ เรื่องแค่นี้เอง เดี๋ยวแบงค์เก็บเองก็ได้” แบงค์บอก

“แบงค์น่าจะเรียกเพื่อนคนอื่นมาช่วยนะ มันน่าจะช่วยกันถือสองคนน่าจะดี นี่มันตั้งเยอะ” พี่กายบอก แล้วอุ้มขึ้นมาครึ่งกองแบ่งให้แบงค์ อีกครึ่งหนึ่งเขาถือเอาไว้ “เดี๋ยวพี่ช่วยยกไปด้วย จะได้ไม่ร่วงอีก”

“จะดีเหรอพี่ เดี๋ยวพี่ก็เข้าเรียนสายหรอก” แบงค์รีบทักท้วง ใจหนึ่งก็กลัวว่าเดี๋ยวพี่ท็อปจะเจอเข้าอีก เรื่องหนที่แล้วก็อุตส่าห์ซาๆลงไป แบงค์ไม่อยากให้มีคดีใหม่เกิดขึ้นในระยะนี้

“คิดมากน่า ให้พี่ช่วยนั่นแหละ ห้องหมวดภาษาอังกฤษใช่ไหม ?” พี่กายถามขึ้นมาหลังจากมองดูหน้าสมุดที่เขียนชื่อรายวิชาเอาไว้

“ค...ครับ” แบงค์ตอบ ยอมให้รุ่นพี่ช่วยยกไปแม้ไม่เต็มใจ

ในระหว่างที่เดินไปด้วยกัน แบงค์รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย พอมานั่งนึกๆถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ที่เขาและพี่ท็อปเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่กายโดนเรียกเข้าห้องปกครองไป ตัวพี่ท็อปก็ไม่ได้ออกมาขอโทษพี่กายแบบตัวต่อตัว ทำให้แบงค์ยิ่งรู้สึกไม่ดีเข้าไปอีก

“เรื่องหนก่อน...แบงค์ขอโทษแทนพี่ท็อปด้วยนะครับ ไม่คิดว่าอะไรมันเลยเถิดไปขนาดนั้น” แบงค์พูด ตัดสินใจเป็นคนเริ่มขอโทษพี่กายก่อน

“อ๋อ เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก” พี่กายตอบ  หันมายิ้มให้ สีหน้าของพี่กายไม่ได้แสดงความกังวลอะไรแม้แต่น้อย “ตอนแรกพี่ยังรู้สึกงงๆว่าทำไมท็อปถึงต้องหัวฟัดหัวเหวี่ยงขนาดนั้น”

“โดนเรียกเข้าห้องปกครองกันหมดเลย กลัวว่าจะทำให้พี่กายเสียประวัติไปด้วย” แบงค์พูดเสียงอ่อยๆ

“อย่าคิดมาก น้องแบงค์ เรื่องนี้พี่ไม่ได้ทะเลาะกับท็อปเขาต่อ ตั้งแต่เขาจะมาต่อยพี่แล้ว ดังนั้นถ้ากลัวพี่จะเสียชื่อคงไม่เป็นแบบนั้นหรอก พี่ห่วงว่าฝ่ายที่จะเสียคือท็อปต่างหาก ขานั้นเป็นถึงลูกอาจารย์ ถ้ามีพฤติกรรมไม่น่าพอใจ ฝ่ายนั้นคงโดนเยอะกว่าพี่” พี่กายบอกอย่างมีเหตุผล

“ก็จริงของพี่นั่นแหละครับ” แบงค์พูด เดินขึ้นตึกใกล้ๆที่มีห้องพักครูหมวดภาษาอังกฤษอยู่

“พี่ก็เลยพอเดาๆได้ว่า เพราะอะไรท็อปถึงโมโหพี่ขนาดนั้น” พี่กายบอก หันมายิ้มแบบมีเลศนัยให้แบงค์

“เดา ? พี่กายจะเดาว่า ?” แบงค์ถามกลับ หันหน้ามองรุ่นพี่อย่างสงสัย

“ท็อปกับแบงค์ไม่น่าจะเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องธรรมดากันแล้วละมั้ง ?” พี่กายพูดลอย ๆ ในขณะที่เดินนำไปด้านหน้า แบงค์จึงรีบเร่งฝีเท้าตาม แต่ไม่ได้ถามกลับ รู้สึกหัวใจเต้นระรัวขึ้นมา

“พี่กายกำลังหมายถึง...?” แบงค์เกริ่น

“ท็อปเขาชอบแบงค์เหมือนที่พี่ก็ชอบแบงค์ใช่ไหมล่ะ?” พี่กายหันหน้ามาตอบตรงๆ แบงค์สตั๊นยืนนิ่งไปหลายวินาที

“พี่กายอย่ามาล้อเล่นกันแบบนี้สิ” แบงค์บอก เขาเริ่มหัวเสียขึ้นมาบ้างแล้ว ห้องพักครูหมวดวิชาภาษาอังกฤษอยู่ใกล้ๆนี้เอง เขาคิดว่าควรจะรีบไปจัดการวางสมุดส่งให้เสร็จให้เร็วที่สุดน่าจะดีกว่า เขาไม่อยากเปิดโอกาสให้พี่กายเข้ามามีความสัมพันธ์กับเขามากนัก แค่คำพูดเหล่านี้ก็ทำให้แบงค์รู้แน่ชัดแล้วว่าพี่กายคงสังเกตพวกเขามาพอสมควรแล้ว

“พี่ไม่ได้ล้อเล่นนะ” พี่กายบอกสีหน้าหนักแน่น “พี่ชอบความกล้าของแบงค์ กับความเด็ดเดี่ยวที่แบงค์มีตั้งแต่ตอนที่แข่งแบดกับพี่วันนั้นแล้ว แถมตอนนี้ดูเหมือนแบงค์จะป๊อบขึ้นมาหน่อยๆ หลังงานกีฬาสี พี่ถึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมท็อปถึงหวงแบงค์ขนาดนั้น”

แบงค์ไม่ตอบ เขาไม่อยากจะพูดอะไรมากกว่านี้อีก จึงรีบเดินเข้าไปในห้องพักครูที่มีอาจารย์นั่งรออยู่สมุดงานอยู่ กายก็เดินตามเข้ามาติด ๆ ที่โต๊ะอาจารย์รัชนีกร แม่ของพี่คาร์พ แบงค์เห็นพี่คาร์พกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะแม่พอดี กำลังหาของอะไรสักอย่าง ทั้งสองคนสบตากันในวินาทีนั้น ปลาคาร์พมองหน้าแบงค์และผู้ติดตาม ส่วนแบงค์ก็นิ่งอึ้งอยู่  ไม่คิดว่าจะเจอพี่คาร์พที่นี่ ยิ่งมีโอกาสเป็นไปได้สูงว่า พี่ท็อปอาจจะอยู่แถวๆนี้ด้วย

แบงค์รีบวางสมุดทั้งหมดลงที่โต๊ะอาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษของเขา พี่คาร์พมองทั้งสองคนอย่างสงสัยไม่วางตา  แน่นอนว่าปลาคาร์พต้องจำพี่กายได้แน่นอนจากในคลิปวิดิโอที่ถูดอัดประจานเอาไว้

“เอางานมาส่งเหรอ?” ปลาคาร์พทัก

“ใช่ครับ” แบงค์ตอบ หลบสายตารุ่นพี่ พยายามรีบส่งแล้วรีบเดินออกไป

“แบงค์จะรีบไปไหนน่ะ” พี่กายร้องเรียก แล้วเดินเร็วๆตามรุ่นน้องที่หนีออกมา “ทำไมถึงดูลุกลี้ลุกลนแปลกๆ”

“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกครับ แบงค์อยากจะรีบกลับไปเรียน วิชาสังคมมีรายงานต้องส่ง เดี๋ยวไม่ทันส่งงาน” แบงค์บอกปัดๆ แล้วรีบเดิน ส่วนพี่กายก็พยายามเดินตามมาติด ๆ

“แล้วแบงค์คิดยังไงกับท็อป ?” พี่กายถามขึ้นมาอีก

แบงค์ไม่ได้หยุดเดิน แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนอัตราเป็นการวิ่งแทนเป็นที่เรียบร้อย “พี่กายอย่าถามแบงค์เลย ถึงยังไงแบงค์ก็คิดกับพี่กายแบบรุ่นพี่อยู่ดีนะครับ”

“เดี๋ยวก่อน” พี่กายรีบคว้าแขนของแบงค์เอาไว้ “อย่าเพิ่งตัดโอกาสของพี่สิ แบงค์ยังไม่ได้ลองคบกับพี่เลย แบงค์จะรู้ได้ยังไงว่าพี่ไม่ดีพอที่จะคบกับแบงค์”

แบงค์หันหน้ามามองรุ่นพี่แบบกังวล “เชื่อแบงค์เถอะพี่กาย ความรักมันไม่ได้ง่ายแบบนั้น ที่ผ่านมาปัญหามันก็เกิดขึ้นมาตลอดกับความสัมพันธ์แบบนี้ แบงค์ไม่อยากจะเป็นสาเหตุให้พี่ต้อง...”

“อย่าตีตนไปก่อนไข้สิ” กายพูด ทำให้แบงค์นึกถึงประโยคเดียวกันกับที่พี่ท็อปพูดกับเขาในคืนที่เรื่องแดงขึ้นมา “ถ้าพี่ตัดสินใจที่จะบอกกับแบงค์แบบนี้ แสดงว่าพี่ยินดีรับสภาพมันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมาก็ตาม”

แบงค์นิ่งเงียบ ... เขาไม่อยากจะบอกพี่กายไปว่าเขากับท็อปนั้นคบกันอยู่ เพราะกลัวว่าถ้ามีคนรู้เรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะไม่เป็นผลดีกับพี่ท็อปเลย “แล้วพี่จะให้แบงค์ทำยังไง?”

“ลองคบกับพี่ดูไหม?” พี่กายถามขึ้นมา “พี่ไม่ใช่คนอารมณ์ร้อน อย่างคนอื่นๆที่แบงค์อาจจะเคยคบ และพี่เชื่อว่าพี่จะทำให้แบงค์มีความสุขได้”

“พี่พูดเหมือนว่าการที่จะรักใครชอบใครมันง่ายดายอย่างนั้นแหละ ไม่ใช่ว่าแบงค์ไม่ชอบพี่กายนะ แต่ว่า..ให้เวลาแบงค์คิดหน่อยได้ไหม?” แบงค์บอกปัดๆ จริงๆเขาตั้งใจจะแค่ตัดบทแล้วจากมามากกว่า

“ได้สิ ถ้าแบงค์ขอพี่แบบนี้” พี่กายบอก “แค่ให้โอกาสพี่ได้ดูแลแบงค์บ้าง แบงค์จะได้รู้ชัดเจนว่าระหว่างพี่กับอีกคนหนึ่งของแบงค์ ใครที่คู่ควรมากกว่ากันดีไหม?”

“ใครอีกคนที่พี่พูดหมายถึงใคร?” แบงค์ถามย้อน “แบงค์ยังไม่ได้พูดชี้นำอะไรเลยนะครับพี่กาย อย่าเพิ่งเข้าใจผิด”

“แบงค์ไม่ต้องปิดพี่หรอก พี่รู้ว่าแบงค์กลัวว่าท็อปมันจะโกรธ แบงค์กับท็อปคบกันอยู่พี่ก็รู้เหมือนกัน” พี่กายบอก

แบงค์นิ่งเงียบ สรุปแล้ว พี่กายก็รู้ความจริงมาตลอดนับตั้งแต่วันนั้น แม้ว่าแบงค์จะพยายามหาเรื่องบ่ายเบี่ยงแต่ว่าอีกฝ่ายคงรู้ชัดเจนแล้ว ถึงได้กล้าถามเขาตรงๆขนาดนี้

“ถ้าอย่างนั้น จะให้แบงค์บอกพี่กายยังไงดี” แบงค์พูด เอามือเกาหัว เพราะสุดจะคิดว่าจะบอกรุ่นพี่คนนี้อย่างไรไม่ให้เสียน้ำใจ
“พี่รู้ว่าแบงค์ก็ไม่ได้ชอบท็อปขนาดนั้น นิสัยเธอสองคนเข้ากันไม่ได้หรอก ลองให้โอกาสพี่ดูสิ อย่าปิดกั้นตัวเอง” พี่กายบอก
จริงของพี่กาย สิ่งหนึ่งในตัวพี่ท็อปที่แบงค์ไม่ชอบใจนักคือความเจ้าอารมณ์ และไม่ชอบฟังเหตุผล เอาแต่ใจตัวเองหน่อยๆ แต่จะให้เลิกกับพี่ท็อปมาคบกับพี่กายมันก็ไม่ใช่ประเด็นอีกเหมือนกัน การที่เขาหลงรักพี่ท็อป มันก็ไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นคนเริ่มก่อน แต่เป็นเพราะความผูกพันที่มันค่อยๆซึมเข้ามาเรื่อยๆต่างหาก

“แบงค์ไปก่อนนะครับ เลยเวลาเรียนไปมากแล้ว” แบงค์พูดแล้วรีบเดินจากมา

“งั้นพี่ถือว่าเป็นคำตกลงนะครับ” กายพูดไล่หลัง ทึกทักเอาว่าแบงค์ตอบตกลง

แบงค์ไม่ตอบแต่รีบเดินลงจากตึกแล้วกลับขึ้นไปที่อาคารเรียนของตัวเองทันที ส่วนกายก็เดินลงจากอาคารไปอีกทาง ทั้งสองคนไม่ทันสังเกตเห็นท็อปที่ยืนแฝงเร้นกายอยู่ที่มุมเสาใกล้ๆ เพื่อฟังบทสนทนาของทั้งคู่ ท็อปกับคาร์พต่างก็แวะมาเอาเอกสารที่หมวดภาษาอังกฤษเหมือนกัน แต่เขาไปเข้าห้องน้ำเสียก่อน เลยให้ปลาคาร์พนำไปก่อน พอเดินกลับมาก็เจอเข้ากับแบงค์และพี่กายคุยกันพอดีที่ริมระเบียงทางเดิน เขาจึงค่อยๆเขยิบเข้ามาฟังสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกัน รู้สึกโมโหและโกรธจนหน้าแดง มือกำหมัดแน่นตลอดเวลาที่ได้ยินทั้งสองคนคุยกัน แต่ก็ไม่ได้ออกมาให้ทั้งคู่เห็น

===========================================

เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ท็อปมารอแบงค์ที่หน้าห้องเรียนวิชาสุดท้ายทันทีที่มีเสียงออดบอกเวลาเลิก เขานั่งสั่นขารออยู่ที่หน้าระเบียง ตาจ้องไม่วางรอแบงค์ออกมาจากห้อง

“แบงค์ พี่ท็อปมารอแกที่หน้าห้องว่ะ” เกมส์บอก เมื่อเขาหันมาเห็นพี่ท็อปนั่งอยู่หน้าระเบียง

“มาทำไมของเขานะ” แบงค์พึมพำ แล้วรีบเก็บของจากนั้นจึงเดินออกมาหาท็อปที่หน้าห้อง

ท็อปไม่พูดพร่ำทำเพลง หรือแม้แต่จะทักทายแบงค์สักคำ เขารีบคว้าแขนแบงค์อย่างแรงแล้วเดินลากน้องไปที่ห้องเรียนที่ว่างอยู่ข้าง ๆ

“โอ๊ย พี่ท็อป แบงค์เจ็บนะพี่” แบงค์ร้องบอก

“ทีตอนคุยกับไอ้กาย ไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย คุยกันเสียงอ่อนเสียงหวาน จับมือถือแขน พอพี่ลากมาแบบนี้บ้างมาทำโวยวาย” พี่ท็อปแขวะใส่

แบงค์นึกขึ้นได้ทันที แสดงว่าพี่ท็อปน่าจะเห็นเขากับพี่กายสนทนากันที่ใกล้ห้องพักครูหมวดภาษาอังกฤษแน่ๆ

“พี่ท็อปเอาอีกแล้วนะ ทำไมพี่ชอบโมโหแบบไม่มีเหตุผลแบบนี้เรื่อยเลย” แบงค์บอกเสียงหงอยๆ “ไม่เคยเชื่อใจกันบ้าง”

“ก็จะให้เชื่อใจได้ยังไงล่ะ ก็เห็นอยู่คาตาว่าอยู่กับไอ้กายนั่น ทำไม ? ได้กับมันมาแล้วหรือไง ถึงไปทำตัวสนิทสนมกันนัก” พี่ท็อปโวยวาย

แบงค์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลับตา พยายามระงับอารมณ์โกรธเอาไว้ไม่ให้ปะทุออกมาบ้าง

“ตอบมาดิวะ แบงค์ นี่มันหนที่สองแล้วนะ ที่แบงค์ทำกับพี่แบบนี้” ท็อปบอกผลักอกแบงค์จนเซ

“ไม่คุยด้วยแล้ว พี่ท็อปไปสงบสติอารมณ์มาก่อนเหอะ แล้วค่อยมาคุยกัน” แบงค์บอก คว้ากระเป๋าเป้ที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาแล้วรีบเดินออกจากห้องเรียน แต่ท็อปก็กระชากกระเป๋าของแบงค์เอาไว้

“เฮ้ย แบงค์ พี่ไม่ให้ไป อย่าให้พี่ต้องใช้ความรุนแรงมากกว่านี้นะ” พี่ท็อปตะคอก “ตอบมา ไปมีอะไรกับมันมาแล้วใช่ไหมถึงมีมันตามติดต้อยๆแบบนั้น”

“พี่ท็อปจะบ้าเหรอ ใครจะไปมีอะไรกับคนอื่นไปทั่วเหมือนพี่ท็อปล่ะ กว่าจะมาถึงแบงค์ พี่เอาไปกี่คนแล้ว ยังมีหน้ามาพูดอีก” แบงค์ระเบิดอารมณ์โต้กลับเสียงดังลั่นห้อง

“ไอ้แบงค์” ท็อปกระชากคอเสื้อแบงค์ด้วยความโกรธ “มึงเคยคิดไหมว่ากูรักมึงแค่ไหน ทำไมมึงทำกับกูแบบนี้วะ”

“พี่ท็อปไม่เคยฟังเหตุผลอะไรจากแบงค์เลย” แบงค์ตะคอกกลับ โมโหสุดขีดเหมือนกัน “แบงค์ไม่อยากจะคอยตามอารมณ์พี่ท็อปตลอดเวลาแบบนี้แล้วนะ ถ้าขืนพี่ทำแบบนี้กับแบงค์เรื่อยๆ ต่อไปนี้แบงค์จะตัดขาดกับพี่จริงๆนะพี่ท็อป”

“ก็มึงไปมีอะไรกับมันมา จะให้กูต้องรอฟังเหตุผลอะไรอีก” พี่ท็อปตะโกนใส่

“พี่ก็คิดไปเอง แบงค์พูดตอนไหนว่าแบงค์ไปมีอะไรกับพี่กาย แบงค์อยู่ของแบงค์ดีๆ ไม่ได้ทำอะไรให้ใครเลย มีแต่พวกพี่นั่นแหละที่ชอบเอาปัญหามาให้แบงค์” แบงค์บอกเขาอยากจะร้องไห้ออกมาเหมือนกัน แต่สถานการณ์กำลังบอกว่า เขาต้องอดกลั้นเอาไว้

“เออ กูมันตัวปัญหา” ท็อปผละมือออกจากแบงค์ “ที่ผ่านมากูไม่เคยทำดีกับใครได้เลย มีแต่สร้างเรื่องตลอด” ท็อปโวยวาย “พอกันที ต่อไปนี้เราจะได้ไม่ต้องเจอกันอีก”

“สุดท้าย พี่ท็อปนั่นแหละที่จะเป็นคนทิ้งแบงค์ ทุกอย่างทั้งหมดก็เพราะตัวพี่เองทั้งนั้น ถ้าพี่รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองบ้าง ฟังเหตุผลมากกว่านี้บ้าง แบงค์ว่าพี่คงจะเป็นคนที่น่ารักมากกว่านี้นะพี่ท็อป” แบงค์พูดตัดพ้อ เขาพยายามสะกดกลั้นใจของเขาอยู่เช่นเดียวกัน

ท็อปปล่อยมือจากคอเสื้อของรุ่นน้องแล้วยืนหันหลังให้เขา มองออกไปนอกหน้าต่าง กำหมัดแน่น ขบฟันด้วยความโกรธ

“แบงค์ก็บอกไปตั้งแต่แรกว่า เราน่าจะเลิกกันไปตั้งแต่ตอนที่เราออกมาจากห้องปกครองแล้ว แบงค์พยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้พี่ แต่พี่ไม่เคยยอมรับ แล้วก็มารั้งแบงค์ไว้ พอมาถึงจุดนี้ พี่ก็ไม่ฟังเหตุผลแล้วก็มาไล่แบงค์ไป เนี่ย พี่เห็นรึยังล่ะว่าอะไรมันเป็นยังไง” แบงค์บอก

“เออ กูมันเลว” ท็อปบอก

“แบงค์ไม่ได้จะว่าพี่แบบนั้นนะพี่ท็อป” แบงค์บอก “พี่ท็อปจะโกรธแบงค์ทำไม? ที่ผ่านมา เราเจออะไรมาขนาดนั้น แบงค์ก็ยังสัญญาว่าแบงค์จะอยู่ข้างพี่ แล้วพี่ท็อปมาโมโหใส่แบงค์แบบนี้มันถูกต้องหรือเปล่า ? ทำไมไม่คุยกันดีๆล่ะ”
ท็อปไม่ตอบได้แต่หันหน้ามาจ้องแบงค์ สูดหายใจฟืดฟาดแบบคนกำลังยั้งอารมณ์

“พี่ท็อปต้องการอะไรกันแน่” แบงค์ถาม มองหน้าท็อปด้วยสายตาเหนื่อยใจ “แบงค์ไม่รู้จะเอาใจพี่ท็อปแบบไหนแล้ว ที่ผ่านมาแบงค์ก็ยอมพี่มาหมดแล้ว พี่จะเอาอะไรอีก”

ท็อปหลับตา พยายามสงบสติอารมณ์ลง “พี่ไม่ต้องการอะไร” ในที่สุดเขาก็พูดขึ้น “พี่แค่อยากให้แบงค์อยู่กับพี่คนเดียวเท่านั้น แบงค์เป็นของพี่ และพี่ก็เป็นของแบงค์ พี่ไม่อยากให้ใครหน้าไหนมันมาเอาแบงค์ไปจากพี่”

“พี่ท็อป” แบงค์เรียกน้ำเสียงเศร้าใจ “ที่ผ่านมาแบงค์ไม่เคยไปไหนจากพี่ท็อปเลยนะ”

“แล้วไอ้กายนั่นไงล่ะ? ก็เห็นคุยกันสัญญงสัญญาว่าจะลองเปิดโอกาสให้มันคบกับแบงค์ นี่มันคืออะไร พี่ได้ยินหมดทุกคำพูดนะ” ท็อปแหวใส่อีก

“แบงค์ไม่เคยสัญญา วันนี้แบงค์พยายามเลี่ยงตอบตลอดรู้ไหม แบงค์ไม่อยากให้เขารู้ด้วยซ้ำว่าเราคบกัน เพราะเดี๋ยวพี่ท็อปจะเจอปัญหากับพ่อแล้วก็คนอื่นอีก รู้ไหมว่าแบงค์ต้องพยายามแค่ไหนเพื่อที่จะปกปิดเรื่องที่เรารักกัน พี่ท็อปเป็นลูกอาจารย์ แล้วอาจารย์ก็ไม่ได้ชอบให้พี่ท็อปมารักแบงค์ พี่ท็อปหัดเข้าใจบ้างสิ ว่าแบงค์ลำบากใจแค่ไหนที่ต้องมาหลบซ่อนๆแบบนี้” แบงค์ตะโกนโต้ตอบ

ท็อปยืนกัดฟันกรอด “สรุปว่าแบงค์อยากเลิกกับพี่แล้วใช่ไหม? เราคงไปต่อกันไม่ไหวแล้วใช่ไหม?”

“พี่ท็อป แบงค์ยังคงยืนยันว่าแบงค์รักพี่ท็อป แต่ตอนนี้แบงค์ไม่รู้ว่าความรักที่แบงค์มีให้พี่ท็อปมันคือความรักแบบเดียวกับที่พี่ท็อปรักแบงค์หรือเปล่าก็แค่นั้น บางทีมันอาจจะเป็นความผูกพัน หรือไม่ แบงค์อาจเป็นแค่เป็นคนที่คอยสนองความต้องการของพี่อย่างเดียว” แบงค์ตอบปากสั่นด้วยความเสียใจ เขาไม่คิดว่าจะต้องพูดอะไรแบบนี้ออกมา  พยายามสะกดกลั้นน้ำตาของเขาเต็มที่

เขาหยิบเป้ที่หล่นลงพื้นขึ้นมาแล้วสะพายพาดบ่า พลางจัดเสื้อที่ถูกท็อปกระชากคอให้เรียบร้อย“แบงค์ขอตัวกลับบ้านก่อนนะพี่ท็อป พี่ท็อปไม่มีไลน์อยู่แล้วนี่ตอนนี้โทรศัพท์ก็ยังหาไม่เจอ มันอาจจะเป็นช่วงเวลาที่เราสองคนจะได้ทบทวนกันได้บ้างว่าต่อจากนี้เราทั้งสองคนควรจะย่ำต่อหรือจบกันตรงนี้” พูดจบแล้วแบงค์จึงรีบเดินจากห้องไป

ท็อปไม่ร้องเรียกรุ่นน้องให้กลับมา เขาโกรธผู้ชายชื่อกายคนนี้อย่างหมดความอดทนเหลือเกิน ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เขาต้องมีเรื่องมีราวกับแบงค์ ปัญหาทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะว่ากายเข้ามายุ่งในความสัมพันธ์ของเขา ขอแค่ได้เจอกับกายสักหนเมื่อไร ท็อปสัญญากับตัวเองเลยว่า จะไม่ปล่อยให้หมอนี่กลับออกไปในสภาพที่สามารถกลับมาตอแยกับคนที่เขารักที่สุดได้เป็นอันขาด

จบบที่ 14 ครับ (พบกับบทที่ 15 ในวันจันทร์ที่ 2/03/2015 ครับ เวลาเดิมครับ วันนี้มาช้านิดนึงพอดีพาวเวอร์ซพพลายพังเลยต้องใช้โน้ตบุ๊คแทน เลยอัพโหลดโปรแกรมกันวุ่นเลย)
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 14 27/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 28-02-2015 00:09:42
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 14 27/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-02-2015 00:51:25
เฮ้อออ. หน่วงมากๆ ท๊อปก็อารมณ์ร้อน ส่วนแบงค์ก็งี่เง้า จะกลัวอะไรมากมาย คบกันแล้วจะกลัวอะไร ทำไมไม่ชื่อใจท๊อป. บอกแต่ให้ท๊อปเชื่อใจ  ไม่ชอบแบงค์แล้วอะ คิดเล็กคิดน้อย งองแง่งมากๆ. คนมาจีบทำไมไม่ปฏิเสธ.  เปลี่ยนนายเอกเลยดีกว่า. รมณ์เสีย
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 14 27/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: zipboy ที่ 28-02-2015 00:58:59
ความอ่อนไหวทางอารมณ์ของแบงค์สูงจริงๆ แต่เชื่อว่าต่อจากนี้ น่าจะมีทางออกกันแหละ

ติดตามอยู่ครับ^^
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 14 27/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 28-02-2015 01:38:34
ปวดใจ เมื่อไหร่คาร์พจะกดกายสักที
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 14 27/02/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 01-03-2015 22:40:46
ความอ่อนไหวทางอารมณ์ของแบงค์สูงจริงๆ แต่เชื่อว่าต่อจากนี้ น่าจะมีทางออกกันแหละ

ติดตามอยู่ครับ^^

ขอบคุณที่ติดตามและเขียนฟีดแบ็คให้นะครับ ผมก็เชื่ออย่างนั้นเหมือนกัน นั่งเฝ้าดูทั้งสองคนนี้แต่ละวันๆ ผมก็แอบเหนื่อยใจแทน
ไม่รู้จะลงเอยกันอีท่าไหนได้...
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 15 02/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 02-03-2015 20:55:42
บทที่ 15
เสียงสะท้อนจากความทรงจำ


“คุณไม่เคยจะสนใจเลยว่าฉันกับลูกจะอยู่กันยังไง เอาแต่กลับบ้านดึก ไปไหนมาไหนก็ไม่เคยบอกแล้วแบบนี้จะให้ฉันไว้ใจคุณได้ยังไง?” แม่ของท็อปโวยวายขึ้นมากลางดึกจนทำให้ท็อปวัยหกขวบที่นอนอยู่ในห้องตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย

“ผมทำงานหาเงินมาให้คุณใช้อยู่ทุกวันๆแบบนี้ ยังหาว่าผมไปเถลไถลอีกเหรอ ?” อาจารย์สายัณห์ตะคอกกลับ แล้วรีบถอดเนคไทของตนเองที่สวมอยู่ออก

“ทำงานเหรอ หาเงินเหรอ ดูนี่ซะ” แม่ของท็อปโยนรูปสองสามใบลงกับพื้น เป็นรูปแอบถ่ายหลายใบ เป็นภาพพ่อของท็อปกำลังพานักศึกษาสาวเข้าโรงแรมม่านรูด และแต่ละภาพนั้นนตัวนักศึกษาไม่ซ้ำคนกันเลย “คุณมีคำอธิบายเรื่องพวกนี้ให้ฉันไหม”

พ่อของท็อปหยิบรูปขึ้นมาดู “นี่คุณจ้างคนมาสะกดรอยผมเหรอ ?”

“นี่ไง ทำงานของคุณ เป้าหมายของการเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยของคุณก็เพราะแบบนี้ใช่ไหม ? นิสัยเจ้าชู้ของคุณน่ะมันเลิกไม่ได้หรอก ฉันต้องทนกับเรื่องพรรค์นี้มาไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไรแล้ว” แม่ของท็อปร้องไห้ไปด้วยโวยวายไปด้วย แล้วก็พุ่งเข้าไปตบตีอาจารย์สายัณห์ด้วยความโกรธ

“คุณจะมาโวยวายทำไม เรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก ถ้าพวกเด็กๆมันไม่เล่นด้วย” พ่อของท็อปแก้ตัว
พอดีกับที่ท็อปค่อยๆเดินงัวเงียเข้ามาในห้องนั่งเล่น เห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกันอย่างรุนแรงทั้งตบทั้งตี แต่ด้วยวัยที่ยังเล็กและยังไม่ตื่นนอนดี จึงพยายามจ้องดูว่าพ่อกับแม่ทำอะไรกัน

“อ้างแบบนี้เหรอ ถ้าคุณไม่ไปสนองพวกมัน แล้วมันจะเป็นแบบนี้ไหม?” แม่ของท็อปร้องไห้ “ไอ้ชั่ว ไอ้เลว ไม่รู้จักพอ ชีวิตฉันยอมมาตลอดเพราะคุณ แต่ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้”

“งี่เง่าที่สุดเลยนะคุณ เรื่องแบบนี้ผู้ชายที่ไหนเขาก็ทำกันทั้งนั้นแหละ อย่าทำตัวเป็นกบในกะลานักเลย” พ่อของท็อปบอก พยายามเอามือปัดป้องตัวเองจากการถูกภรรยาจิกตี พ่อของท็อปรู้สึกโกรธมากขึ้นเรื่อยๆเพราะถูกเปิดโปงในที่สุด ไร้แววตาสำนึกผิด

“ไอ้เลว เคยคิดบ้างไหมว่าฉันอยู่บ้านคอยดูแลลูก ทำกับข้าว รอคุณกลับบ้านมา จัดการเรื่องงานในบ้าน ฉันพยายามทำตัวเป็นแม่และเมียที่ดี แล้วดูคุณทำกับฉัน” เธอยังคงไม่หยุดตบตี

“มันจะมากไปแล้วนะภา ผมก็ไม่อยากทนอยู่กับผู้หญิงน่าเบื่อแบบคุณแล้ว วันๆเอาแต่จับผิดไม่เป็นอันทำอะไร” พ่อของท็อปตอบแล้วผลักแม่ของท็อปจนล้มลงกับพื้น

ท็อปรู้แล้วว่าพ่อกับแม่กำลังทะเลาะกัน ด้วยความตกใจที่เห็นแม่ถูกพ่อทำร้าย เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปห้ามและเข้าไปกอดแม่ทันที
“พ่ออย่าทำอะไรแม่นะครับ” ท็อปบอก “แม่อย่าร้องไห้นะครับ”

“ตื่นมาทำไมล่ะลูก” แม่ของท็อปถาม พลางลูบหัวลูกชายตัวน้อย “กลับไปนอนนะจ๊ะ คนดี”

“เนี่ยเพราะคุณนั่นแหละ โวยวาย ลูกเลยตื่นเลยเห็นไหม? ทำตัวเป็นเมียที่ดี กับแค่ระงับอารมณ์ยังทำไม่เป็นเลย” พ่อของท็อปบอก สีหน้าดูถูก

“ใช่สิ ใครจะไปยอมรับการกระทำพวกนี้ได้ล่ะ คุณจะไปรู้อะไร ถ้าขืนคุณยังทำแบบนี้อีก ฉันจะขอหย่าขาดกับคุณ” แม่ของท็อปร้องไห้ ท็อปจึงร้องไห้ตามแม่ไปด้วยแม้จะไม่เข้าใจในบทสนทนาที่ผู้ใหญ่พูดเท่าไรนัก

“ดี ได้ ถ้าคุณอยากหย่านักละก็ หย่ากันวันนี้เลยก็ดี ผมไม่อยากจะทนอยู่แล้วเหมือนกัน” พ่อของท็อปพูดตัดบท อารมณ์เสีย จากนั้นก็มากระชากตัวท็อปที่กอดคอของแม่อยู่ไปอุ้ม “ส่วนลูก ผมจะดูแลเอง”

“ไม่นะ เอาลูกฉันคืนมา ฉันไม่ยอมให้คุณเอาลูกไปเลี้ยงเด็ดขาด ไม่อยากจะให้ลูกมันได้นิสัยชั่วๆเหมือนพ่อของมัน” แม่ท็อปร้องพยายามยื้อแย่งลูกชายคืนมา

“อย่ามายุ่ง” พ่อของท็อปผลักแม่ออกไปชนราวบันไดใกล้ๆจนท้องกระแทกกับราวบันไดอย่างแรง แม่ล้มลงฟุบไปกับพื้น เธอกุมท้องด้วยความเจ็บ “นี่ลูกชายผม ผมจะเลี้ยงเอง โตมาจะได้ไม่เป็นคนระแวงชอบจับผิดชาวบ้านเหมือนคุณ”

“ไม่มีทาง ฉันไม่ยอม เอาลูกคืนมา” แม่ของท็อปพยายามยื้อตัวท็อปที่ร้องไห้จ้าออกจากมือของพ่อ “อีกอย่างฉันไม่ได้จับผิด ฉันสืบหาความจริงต่างหาก”

“พ่อจ๋า อย่าทำแม่เจ็บ” ท็อปร้อง แต่พ่อของท็อปก็ไม่ฟัง รีบพาลูกชายที่ร้องไห้หาแม่ ขึ้นรถเก๋งของตัวเองแล้วขับบึ่งออกไป ปล่อยให้นิภาผู้เป็นภรรยาและเป็นแม่ของท็อปวิ่งไล่ตามรถ ร้องไห้ไป ล้มลุกคลุกคลาน ท็อปได้แต่ร้องไห้ เกาะกระจกหลังรถหาแม่ที่ค่อยๆห่างออกไป ห่างออกไปในความมืด จนลับสายตา....

“อัครวินท์...อัครวินท์” เสียงอาจารย์นพพรร้องปลุกท็อปขึ้นมาในคาบเรียนวิชาภาษาไทย เขากำลังฟุบหลับอยู่บนโต๊ะเรียน เพราะทั้งคืนเขาไม่ได้หลับเลย มัวแต่คิดถึงเรื่องของแบงค์กับกาย เช้าวันนี้เขาจึงเผลอฟุบหลับไปบนโต๊ะเรียนโดยไม่รู้ตัว แถมยังฝันเสียยืดยาว

“เธอไม่สบายหรือเปล่า เหงื่อออกเยอะเลย หน้าแดงๆ” อาจารย์ทักขึ้นเมื่อเห็นสภาพของเขาเมื่อเงยหน้าขึ้นมา
ท็อปตกใจตัวเองที่เผลอหลับในคาบเรียน น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาอันแดงก่ำ เขาจึงรีบใช้แขนเสื้อปาดออก ทุกคนในห้องต่างจับจ้องมาที่เขาว่าวันนี้ทำไมท็อปถึงได้เพลียขนาดนี้

“ขอโทษครับ จารย์...ผมเพลียไปหน่อยเลยเผลอหลับไป” ท็อปบอก รีบทำตัวเองให้ตื่น
 “ไม่ได้ป่วยนะ?” อาจารย์ถามให้แน่ใจ

“ครับ เรียนต่อกันดีกว่าครับ” ท็อปบอก สะบัดหัวเรียกสติ จากนั้นจึงรีบนั่งตัวตรง ปลาคาร์พนั่งมองเพื่อนด้วยสายตาเป็นห่วง ท็อปไม่ใช่คนชอบหลับในห้องเรียน ปกติแล้วเป็นคนร่าเริงด้วยซ้ำ แถมยังคอยหยอกเย้าอาจารย์ในแต่ละวิชาเพื่อให้เพื่อนๆได้ขำกันบ้าง แต่หมู่นี้ นับตั้งแต่หลังเกิดเรื่อง ท็อปซึมมากขึ้น หน้าตาดูเครียดตลอดเวลา พูดน้อยลง และไม่อยู่เล่นกีฬากับเขาอย่างที่เคยตอนหลังเลิกเรียน

เมื่อหมดคาบเรียนวิชาภาษาไทย ปลาคาร์พจึงชวนท็อปไปเข้าห้องน้ำด้วยกัน เพื่อให้เพื่อนได้ล้างหน้าล้างตาบ้าง

“มึงเครียดอะไรหรือเปล่าวะ พักหลังๆกูดูมึงซึมๆ ยังไม่หายโกรธเรื่องที่ต่อยตีกันที่ร้านนมเหรอ ?” คาร์พถาม ในขณะที่ทั้งคู่กำลังยืนปัสสาวะอยู่ข้างๆกัน

“เรื่องนั้นไม่ได้ติดใจอะไรแล้วก็เคลียร์กันในห้องปกครองจบแล้ว” ท็อปตอบ ยืนมองจ้องไปที่ผนัง เหม่อลอย

“อ้าว แล้วมึงจะมีเรื่องอะไรให้ต้องเครียดอีกวะ ไม่เห็นต้องสนใจอะไรแล้วนี่ มึงดูโทรมลงด้วย เหมือนคนไม่ค่อยได้หลับได้นอน” ปลาคาร์พถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

“กูไม่ได้เป็นอะไรหรอกน่า มึงนี่ก็ช่างสังเกตกูจังเลย” ท็อปบอกแล้วรีบรูดซิบกางเกงก่อนที่จะเดินออกมาล้างมือล้างหน้าข้างนอก

“กูก็แค่เป็นห่วงมึง เดี๋ยวนี้กีฬามึงก็ไม่เล่น อะไรๆก็ไม่ทำอย่างแต่ก่อน จะไม่ให้กูคิดมากได้ไง” ปลาคาร์พบอก เดินตามๆกันออกมาล้างมือด้วย

ท็อปหันหน้ามามองปลาคาร์พแว่บหนึ่งในขณะที่ปลาคาร์พเริ่มล้างหน้าของตัวเอง “ขอบใจนะเว้ยที่มึงยังอยู่ข้างกู ไม่ไปไหน”

ปลาคาร์พยิ้มตอบแต่ก็เป็นยิ้มแบบไม่เต็มใจนัก “กูก็อยู่ที่เดิมของกูนั่นแหละ มีแต่มึงที่ไปไหนมาไหนเอง”

ท็อปสะบัดน้ำจากมือที่ยังเปียกใส่เพื่อน “แทนคำขอบคุณ”

“ขอบคุณเชี่ยอะไร มันเปียก ไอ้ท็อป!” ปลาคาร์พร้อง สาดน้ำที่ไหลออกจากก๊อกแกล้งเพื่อนคืน

“จริงๆกูอยู่กับมึงก็สบายใจดีเหมือนกันแฮะ ไม่เห็นต้องไปแสวงหาอะไรมากมายจากคนอื่นเลย” ท็อปพูดขึ้นมาในที่สุด

“มึงหมายความว่าไง?” คาร์พย้อนถามกลับไป

“ก็เรื่องสารพัดที่เกิดขึ้นที่ผ่านมานี่ไง กูคิดว่าจริงๆแล้ว ถ้ากูไม่มีความรักเลยมันน่าจะดีกว่าไหม? จริงๆกูอยู่กับมึงแบบนี้ก็สบายใจดีอยู่แล้ว เย็นมาเล่นแบด เล่นบาส ออกไปหาอะไรกินตอนเย็นก่อนกลับบ้าน แค่นี้ก็พอแล้วล่ะสำหรับกู” ท็อปพูด สีหน้าเริ่มร่าเริงขึ้นมาบ้าง

ปลาคาร์พยิ้มตอบ บางทีต่อจากนี้ เขาอาจจะมีความหวังขึ้นมาบ้างกระมังว่าอย่างน้อย ท็อปก็ยังคงอยากอยู่ข้างๆเขา “กูก็คิดเหมือนมึงนั่นแหละ ทุกครั้งที่กูอยู่กับมึง กูโคตรมีความสุขเหมือนกัน”
“มึงพากูเข้าโหมดนี้อีกละ” ท็อปแซว ชกหน้าอกเพื่อนเบา ๆ

“โหมดอะไรของมึง?” ปลาคาร์พถาม

“โหมดเพื่อนกูรักมึงว่ะไง” เขาบอกบอก แล้วก็ระเบิดหัวเราะออกมา “ไว้กูจะรับไว้พิจารณาอีกทีนะพวก”

ปลาคาร์พไม่ได้โต้แย้งอะไร แต่ก็หัวเราะไปด้วยกันกับท็อป อย่างน้อยเวลานี้ท็อปก็ดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง แม้จะสงสัยว่าท็อปน่าจะเครียดเรื่องของแบงค์แ ต่ในตอนนี้ หน้าที่ของเขาคือดูแลเพื่อนคนนี้ให้ดีที่สุดไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข แต่เมื่อไรก็ตามที่ท็อปอยู่ใกล้เขา เขาก็อยากทำให้ท็อปมั่นใจว่า เพื่อนคนนี้แหละที่รักเขามากที่สุดเช่นเดียวกัน

=================

แบงค์กับเกมส์กำลังนั่งกินข้าวเที่ยงอยู่ที่โรงอาหาร เขายังคงตัดใจที่จะไม่ติดต่อพี่ท็อปเนื่องจากอารมณ์ฉุนเฉียวของพี่ท็อปที่นับวันจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

“เฮ้ย แบงค์ วันนี้ซึมทั้งวันเลย ไม่สบายหรือเปล่าวะ” เกมส์ถาม มองหน้าแบงค์อย่างกังวล

“สบายดี แค่คิดมากเฉยๆ” แบงค์ตอบ ม้วนเส้นก๋วยเตี๋ยวในชามวนไปวนมา

“อย่าบอกนะว่าเรื่อง...” เกมส์ถามเหมือนจะรู้ว่าสาเหตุคืออะไร

“อืม...”แบงค์ตอบสั้น ๆ

“ขอพี่นั่งด้วยได้ไหม?” เสียงพี่กายเรียก ขณะที่เข้ามาใกล้ๆโต๊ะกินข้าวของแบงค์และเกมส์ “พอดี โต๊ะอื่นๆ ดูท่าจะเต็มกันหมด”

“เอาเลยครับพี่” เกมส์บอก แล้วเขยิบที่ให้ แต่พี่กายกลับไปนั่งแทรกข้าง ๆ แบงค์แทนจึงทำให้เกมส์มองด้วยความฉงน

“เป็นยังไงมั่ง? พี่ส่งข้อความไปไม่ตอบกลับมาเลยนะ” พี่กายถาม วางจานข้าวลงบนโต๊ะ

“แบงค์ไม่ได้เปิดโทรศัพท์ไว้น่ะครับ ปวดหัว กลับถึงบ้านก็รีบนอน” แบงค์บอก

“อ้าว แล้วนี่หายปวดหัวรึยัง ตัวร้อนหรือเปล่า” กายถามขึ้น รีบเอามือไปจับที่หน้าผากของแบงค์เพื่อวัดอุณหภูมิ “แต่ตัวก็รุมๆนะ ร้อนนิดหน่อย ให้พี่ไปเอายาที่ห้องพยาบาลให้ไหม จะได้ดีขึ้น”

“ไม่ต้องหรอกครับพี่กาย แบงค์ไม่ได้ป่วยขนาดนั้น แค่นอนน้อยไป” แบงค์ตัดบท แล้วรีบซดน้ำซุป

“นี่พี่กับแบงค์ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไรครับเนี่ย” เกมส์ถามแทรกขึ้นมา เมื่อเห็นแบงค์และพี่กายคุยกัน

“อ๋อ ก็สักพักนึงแล้วแหละ พอดีพี่เห็นทักษะการเล่นแบดน้องแบงค์แล้วรู้สึกอยากช่วยสอนน้อง พี่ชอบคนกล้า สถานการณ์แบบกีฬาสีวันนั้น ถ้าใจไม่ใหญ่จริงก็ลงแข่งไม่ได้หรอกนะ”

อ๋อ เหรอครับ” แบงค์หันหน้ามาตอบแทนเกมส์ “พี่กายรีบกินข้าวดีกว่าครับ เดี๋ยวจะหมดเวลาพักเที่ยงซะก่อน”

กายหัวเราะแบบเขินๆ แล้วเริ่มลงมือกินข้าว ชวนน้องๆทั้งสองคุยไปด้วย

ท็อปกับคาร์พที่เพิ่งจะกินข้าวเสร็จจากอีกฝั่งของโรงอาหารกำลังเดินออกมาจากตัวอาคาร สายตาของปลาคาร์พมองเห็นกายกำลังนั่งอยู่กับแบงค์พอดี เขาจึงจ้องอย่างไม่เชื่อสายตานัก ในตอนแรกท็อปไม่ได้สังเกตเห็นแบงค์ว่าอยู่ทีไหนแต่เมื่อเห็นว่าปลาคาร์พจ้องมองใครอยู่จึงได้มองเห็นชัดๆว่าแบงค์กับกายกำลังนั่งอยู่ด้วยกัน

โทสะที่เก็บมาจากเมื่อวานจึงผุดขึ้นมาอีกครั้ง ท็อปกำหมัดแน่น สายตาจ้องเขม็ง ปลาคาร์พเห็นอาการของเพื่อนแล้วจึงรีบคว้าบ่าของเพื่อนเอาไว้

“อย่าใช้แต่อารมณ์ดิวะ ท็อป มึงก็รู้ว่าที่ผ่านมาปัญหามันเกิดขึ้นเพราะมึงไม่ระงับอารมณ์ตัวเองเลย” ปลาคาร์พเตือนสติ

“กูรู้ดีน่า แต่เห็นแบบนี้คาตา ถ้าเป็นมึง มึงจะทนดูได้เหรอวะ แฟนมึงทั้งคนนะเว้ย” ท็อปโวยวาย

ปลาคาร์พสะดุดกึกกับคำว่าแฟนที่ท็อปพูดออกมา

“ยังไงก็เหอะ มึงเป็นเพื่อนกู กูไม่อยากเห็นมึงไปมีปัญหาอีก ไป มึงไปห้องสมุดกับกูดีกว่า ปล่อยเขาไป” ปลาคาร์พออกปากชวน แล้วรีบคว้าแขนเพื่อนออกมาจากพื้นที่

แต่ท็อปจับแขนของปลาคาร์พออกแล้วเดินปรี่เข้าไปยังโต๊ะของแบงค์ที่กำลังกินข้าวอยู่ทิ้งให้ปลาคาร์พยืนมองอย่างไม่สบอารมณ์นัก

ทุกคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนี้ต่างตกใจเมื่อเห็นท็อปยืนจังก้ามองหน้าทั้งแบงค์และพี่กาย จู่ๆก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ ยืนจ้องด้วยสายตาดุ กายกระเดือกน้ำลายลงคอ วางช้อนส้อมลงทันทีที่เห็น ส่วนแบงค์ก็มองพี่ท็อปอย่างตกใจ ในใจคิดเลยว่า ระเบิดลูกใหม่กำลังจะมาอีกระลอกแล้ว

“กินข้าวกันอร่อยมากไหมครับ” ท็อปถามพี่กายห้วนๆ

“เอ่อ...ก็....อร่อยดี” พี่กายบอก พยายามดูท่าทีของท็อปว่าถ้าเกิดใช้ความรุนแรงขึ้นมาอาจจะต้องมีการปะทะกันบ้างหนนี้

“พี่ท็อปอย่าทำตัวนักเลงแถวนี้นะ” แบงค์ขู่ทันทีที่เห็น

พี่ท็อปรีบลงมานั่งแทรกระหว่างกายและแบงค์ คั่นกลางเอาไว้ หันหน้ามองสลับกันทั้งแบงค์และกาย กุมมือเท้าแขนไว้กับโต๊ะ

“ได้ครับ ถ้าพี่กายจะขอแบบนี้” ท็อปพูดขึ้นมาในที่สุด

“ได้อะไรเหรอครับ ท็อป พี่แค่มานั่งกินข้าวกับน้องๆเฉยๆ” พี่กายบอก

“ผมรู้ว่าพี่มาหาแบงค์ทำไม และผมก็รู้ว่าพี่คงรู้เรื่องของผมกับแบงค์” ท็อปบอก ยื่นหน้ามามองพี่กาย สายตาดุดัน

“พี่ท็อป อย่าทำอะไรพี่กายนะ ที่นี่มันโรงอาหาร ถ้าขืนพี่ท็อป แตะต้องตัวพี่กายอีกล่ะก็ หนนี้ แบงค์จะยื่นคำขาดแล้วนะ” แบงค์รีบเตือนเพราะกลัวจับใจว่าพี่ท็อปจะต่อยหน้าพี่กายขึ้นมา ยิ่งอยู่ใกล้ขนาดนี้ก็ยิ่งเสี่ยง ส่วนพี่กายก็ดูเหมือนจะไม่ยอมถอยเหมือนกัน

“พี่ก็จะให้โอกาสแบงค์เหมือนกัน” ท็อปหันมาบอกแบงค์ “พี่กายเขาขอมาขนาดนี้ว่าอยากลองคบกับแบงค์ด้วย พี่ก็จะเปิดโอกาสให้”

“อะไรของพี่ท็อปอีกเนี่ย แบงค์ไม่เล่นเกมส์อะไรของพี่ท็อปแล้วนะ” แบงค์บอกกลับ น้ำเสียงไม่พอใจ

“เรามาแข่งกันไหมล่ะครับ ? ว่าระหว่างผมกับพี่ แบงค์จะเลือกใคร อย่างที่พี่อยากลอง” ท็อปพูดหันหน้ามามองกายอีกครั้ง

“พี่ท็อป แบงค์ยังไม่ได้สัญญาอะไรกับพี่กายแบบนั้นเลยนะ” แบงค์ร้องออกมา

“ไม่เป็นไร ในเมื่อพี่กายอยากได้แบงค์นักล่ะก็ มาลองแข่งกัน ว่าแบงค์จะเลือกใคร ภายในสองอาทิตย์ ให้แบงค์อยู่กับพี่อาทิตย์หนึ่ง อยู่กับผมอาทิตย์หนึ่ง  ถ้าแบงค์เลือกพี่ ผมจะไปเอง แล้วถ้าแบงค์เลือกผม พี่ต้องเลิกมายุ่งกับแบงค์ ได้ไหมล่ะครับ” ท็อปยื่นข้อเสนอให้

“ข้อเสนอของท็อปน่าสนนะ” พี่กายบอก หันหน้าไปสบตากับแบงค์ที่นั่งกระอักกระอ่วนอยู่ “พี่ยินดีรับคำท้า ถ้าท็อปเล่นแบบแฟร์ๆ”

“อะไรของพี่ท็อป แบงค์ไม่ใช่แมวนะ จะมาโยนให้ใครเลี้ยงโดยไม่ถามความสมัครใจไม่ได้นะ” แบงค์โวยวายออกมา

“พี่กำลังหาทางออกให้เรื่องนี้อยู่นี่ไง ก็อุตส่าห์คุยดีๆแบบคนมีเหตุผลอยู่อย่างที่แบงค์อยากได้ พี่ก็พยายามอยู่เห็นไหม?” พี่ท็อปบอกดุๆ

แบงค์นิ่งเงียบ รู้สึกโกรธพี่ท็อปสุดๆแต่ก็ยังดีกว่าที่พี่ท็อปคิดจะตัดสินใจต่อยหน้าพี่กายเยอะ

“โอเคนะครับ พี่กาย ... แบงค์เป็นของผมมานานแล้ว และผมก็ไม่มีวันปล่อยของมีค่าของผมไปอยู่ในมือคนอื่นแน่ๆ จำไว้ให้ดีนะครับ” ท็อปพูดเสียงเย็นเป็นเชิงขู่ให้กับพี่กาย แล้วรีบยันตัวลุกขึ้นมาจากโต๊ะ

“ได้เลย แบงค์ก็จะได้รู้เหมือนกันว่าจากนี้เขาจะเลือกคนที่ถูกต้องสักที ว่าคนที่ชอบใช้กำลังตัดสินปัญหา อยู่ด้วยยังไงก็อยู่ไปไม่ยืด” พี่กายแขวะกลับ ทำเอาท็อปเลือดขึ้นหน้าขึ้นมาอีก แต่เขาก็พยายามระงับอารมณ์เอาไว้

“ครับ” ท็อปตอบสั้นๆ มองหน้าแบงค์แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วรีบลุกจากโต๊ะ เดินจากมา

“พี่ท็อป เดี๋ยว” แบงค์เรียกแต่พี่ท็อปเหมือนจะไม่ได้ยิน เขารีบเดินกลับไปสมทบกับปลาคาร์พที่ยืนอยู่ใต้ตึกใกล้ๆรอท็อปเสร็จธุระเพื่อที่จะไปห้องสมุดด้วยกันต่อ “ไปซะแล้ว”

“ทีนี้จะได้เห็นกันชัดๆกันสักทีนะครับ ว่าใครจะชนะ แบงค์ก็ต้องเปิดใจให้กว้างๆเอาไว้ด้วยนะ” พี่กายพูดพลางลูบหัวแบงค์
แบงค์ปัดมือของพี่กายออก “การที่เราจะรักใครได้ มันไม่ได้ใช้เวลาแค่อาทิตย์เดียวหรอกนะครับพี่กาย มันมีอะไรตั้งเยอะกว่าคนเราจะรักกันได้” แบงค์บอก

“เปิดใจให้พี่หน่อย แล้วจะได้รู้ว่าถ้าเรามีโอกาสเลือกสิ่งที่ดีกว่า เราก็ควรจะเลือก ไม่ใช่จมปลักอยู่กับกรอบเดิมๆที่สุดท้ายนอกจากไม่มีอะไรดีขึ้นแล้วตัวเราเองก็เสียสุขภาพจิตไปเปล่าๆนะ” พี่กายบอกเป็นแง่คิด

“คือ ทุกคนทำเหมือนเราไม่ได้นั่งอยู่ด้วยเลย” เกมส์พูดขัดบทสนทนาของทุกคน “น้อยใจนะเว้ยพวก”

“คิดมากน่า...เราก็ไม่ได้เตี๊ยมมานะ ใครจะรู้ว่าจู่ๆก็จะเจอโจทก์กันพร้อมหน้า” แบงค์บอก

“งั้นเดี๋ยวตอนเย็นพี่มารับกลับบ้านด้วยกันได้ไหม?” พี่กายถามขึ้นมา

“คือ...แบงค์ไม่อยากจะทะเลาะกับพี่ท็อปอีกน่ะครับพี่กาย ถึงจะเห็นว่าเขาบอกว่าเขาเปิดโอกาสก็เถอะ แต่พี่เชื่อสิ พี่ท็อปไม่ใช่คนแบบนั้น ที่ผ่านมา แบงค์ไม่อยากจะให้พี่เขามาทะเลาะกับพี่อีก ปัญหาที่ผ่านมามันเกิดขึ้นยังไม่พออีกเหรอ?” แบงค์บอก พยายามเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า

“พี่ว่าท็อปเขาเป็นลูกผู้ชายมากพอนะแบงค์ ถ้าเขาบอกว่าเขายอมเปิดโอกาสให้แบงค์ได้เลือก พี่ว่าครั้งนี้เขาคงพูดแบบนั้นจริงๆ ถ้าท็อปมาถามวันนี้ก็ลองบอกเขาว่า นัดไว้กับพี่แล้ว แบงค์จะได้รู้ ว่าท็อปเขาพูดแล้วทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า” พี่กายบอกสีหน้าเคร่งขรึม

“ทำไมพี่ถึงมั่นใจขนาดนั้น แบงค์อยู่กับพี่ท็อปมาตั้งนาน ยังไม่ได้รู้สึกเชื่อมั่นได้ขนาดนี้เลย” แบงค์ถามกลับ

“คนเป็นนักกีฬาด้วยกัน มันดูออกอยู่แล้วว่าตอนไหนทีเล่นทีจริง และครั้งนี้ ทอปมันเอาจริงนะ พี่เลยยิ่งอยากรู้แล้ว ว่าแบงค์มีอะไรดีถึงขนาดที่ทำให้ท็อป คนที่ได้ชื่อว่าหนึ่งในแก๊งเดอะปริ๊นซ์ที่เปลี่ยนผู้หญิงไม่เลือกหน้า มาลงเอยกับผู้ชายอย่างแบงค์ได้ยังไง” พี่กายบอกแล้วลุกขึ้น เตรียมไปเก็บจาน

แบงค์ไม่ตอบ ได้แต่ถอนหายใจ ไม่รู้ว่าพี่ท็อปคิดอะไรของเขาอยู่กันแน่ถึงออกปากมาแบบนี้ เขากลัวเหลือเกิน ในใจของเขารู้ตัวเองดีว่า เขานั้นรักพี่ท็อปหมดใจไปแล้ว แต่ก็อีกใจหนึ่งก็กลัวเหลือเกินว่าถ้าเกิดพี่กายทำให้เขาหวั่นไหวได้จริงๆ เขาจะตัดสินใจยังไงกันแน่


จบบที่ 15

**เนื่องจากสัปดาห์นี้มีวันหยุดหนึ่งวัน จึงเพิ่มวันอัพเนื้อเรื่องให้อีก 1 วัน คือวันพุธที่ 04/03/2015 นี้นะครับเวลา 12.00
มาตามเรื่องของแบงค์และท็อปกันต่อเหมือนเดิม กำลังเข้มข้นเลย ความสัมพันธ์เริ่มพัวพันมะรุมมะตุ้มกันไปหมดแล้ว จะเอายังไงต่อล่ะทีนี้มาลุ้นกันต่อไปครับ

หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 15 02/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 02-03-2015 21:34:10
55555 สุดยอดเลย มีการอัพตามวันหยุดนักขัตฤกษ์ด้วยอ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 15 02/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 02-03-2015 21:59:04
 :pig4: :heaven
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 15 02/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-03-2015 22:04:26
แบงค์หลายใจ ไม่รักจริง ท๊อปไปรักกับคาร์ฟดีกว่า. ไม่ต้องสนใจคนโลเล
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 15 02/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: zipboy ที่ 02-03-2015 22:21:22
แบงค์นี่...ซ้ายก็เล็ง ขวาก็คิดถึง...น้องมันน่าอิจฉาจริงๆ

แต่สงสารท็อป เรื่องตอนเด็ก ทำให้เป็นคนมีปมทางอารมณ์แบบนี้จริง.ๆ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 15 02/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 02-03-2015 23:24:47
55555 สุดยอดเลย มีการอัพตามวันหยุดนักขัตฤกษ์ด้วยอ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4:


555+ เนื้อเรื่องมันเขียนไว้จบแบ้ววว แค่เอามาอัพให้อ่านเรื่อยเฉยๆ จะอัพทุกวันเดี๋ยวจะเบื่อซะก่อน 555+ เห็นทุกคนตามกัน คนเขียนก็มีความสุขครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 15 02/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 03-03-2015 23:53:20
 :pig4: อึนๆ ครึมๆ รออ่านต่อไป
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 16 04/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 04-03-2015 12:14:08
บทที่ 16
เหยื่อของการเดิมพัน


เมื่อออดบอกเวลาเรียนสิ้นสุดลงในวันนี้ แบงค์รีบเดินออกจากห้องเพื่อมาหาพี่ท็อป เขาไม่อยากให้ปัญหานี้มาเป็นประเด็นกับตัวเขาและรุ่นพี่ เพราะส่วนหนึ่งเขายังไม่ยอมรับกติกาของพี่ท็อปแม้แต่ข้อเดียว และที่สำคัญตัวของเขาเองรู้ดีว่าสำหรับเขา พี่ท็อปยังคงเป็นคนที่เขาชอบอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่พี่กายที่เพิ่งจะได้เข้ามาในชีวิต

“จะโทรหาก็โทรไม่ได้ โทรศัพท์ก็ไม่มีอีก” แบงค์บ่นพึมพำเมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ถึงท็อปจะพกแท็ปเลตเอาไว้ใช้งานแต่ก็ไม่ได้เชื่อมต่อไวไฟตลอดเวลา แถมยังโทรเข้าโทรออกไม่ได้อีกต่างหากเลยพาลทำให้ชีวิตไม่สะดวกเอาเสียเลย

เขารีบเดินทะลุอาคารไปเพื่อไปยังที่หมาย ทันเห็นหลังพี่ท็อปกำลังเดินลงบันไดไปที่อีกฟากของอาคาร สะพายเป้เดินลงมากับพี่คาร์พเพื่อนสนิท

“พี่ท็อป” แบงค์ตะโกนเรียก เพื่อให้รุ่นพี่รอก่อน “พี่ท็อป”

ปลาคาร์พหันมามองแบงค์ที่กำลังวิ่งมาจากระเบียง แล้วสะกิดเพื่อนให้หันหน้ามามอง ทั้งสองคนหยุดรออยู่ที่ขั้นบันได

“อ้าว แบงค์ มาหาพี่ถึงนี่เลยเหรอ” ท็อปถาม สีหน้าแปลกใจเล็กน้อย

“อือ คุยกันยังไม่รู้เรื่องเลยนะพี่ จะรีบกลับบ้านเหรอ?” แบงค์บอก เมื่อเดินไปถึง

“เปล่าหรอก แต่ก็ดีเลย พี่กำลังคิดว่าจะไปดักหาแบงค์ที่ทางออกโรงเรียนอยู่นั่นแหละ” ท็อปถาม

“เหรอ งั้นเรามาคุยอะไรกันหน่อยได้ไหม พี่ท็อป” แบงค์บอก

ท็อปหันหน้ามามองคาร์พ ที่ยิ้มให้เพื่อนแบบเจื่อนๆ “เดี๋ยวกูกลับก่อนก็ได้นะ มึงก็จัดการธุระมึงไปละกัน” คาร์พบอก รู้สถานะของตัวเองในตอนนี้ดี “มีอะไรก็โทรมาหากูก็แล้วกัน มึงจำเบอร์กูได้อยู่แล้วนี่ กดตู้โทรมาก็ได้”

“อือๆ โทษทีว่ะ ที่ไม่ได้กลับด้วย เดี๋ยวไว้คุยกันละกัน” ท็อปบอก แล้วปลาคาร์พจึงเดินลงบันไดไป

เมื่อคาร์พเดินลับสายตาไป แบงค์จึงรีบเริ่มเรื่องทันที “พี่ท็อปคิดจะทำอะไรของพี่ท็อปกันแน่เนี่ย ไม่คิดว่าเดี๋ยวเราก็ต้องมานั่งทะเลาะกันอีกเหรอ แบงค์ไม่อยากจะทะเลาะกับพี่แล้วนะ”

“พี่ไม่ได้อยากจะชวนแบงค์ทะเลาะนะ พี่จำได้ทุกประโยคเมื่อวันก่อนที่แบงค์เอาแต่ว่าพี่ว่าพี่ไม่มีเหตุผลกับชอบใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา” ท็อปพูดมองจ้องหน้าแบงค์ “พี่อยากให้แบงค์รู้ว่าพี่ก็มีเหตุผลพอเหมือนกันไม่ใช่เอาแต่ใจอย่างที่แบงค์คิด”

“ก็ที่พี่มาใช้แบงค์เป็นเป็นของพนันกันระหว่างพี่กับพี่กายเนี่ยแหละ ไม่เอาแต่ใจตรงไหน แบงค์ขอไม่เอาด้วยได้ไหม” แบงค์บอกเสียงอ้อนวอน “พี่ท็อป แบงค์ไม่อยากทำแบบนี้เลย”

“แบงค์รักพี่หรือเปล่าล่ะ ?” ท็อปถามสั้น ๆ “ถ้าแบงค์รักพี่ก็ไม่เห็นต้องคิดอะไรมากเลย เว้นแต่ว่าถ้าแบงค์ไม่รักพี่แล้ว จะหวั่นไหวไปกับเขา อีกอย่างตัวแบงค์ก็จะได้รู้ใจตัวเองสักที ว่าที่แบงค์รู้สึกกับพี่มันแค่หวั่นไหวไปเองหรือว่ารักพี่จริงๆ”

“พี่ท็อปอย่าทำแบบนี้กับแบงค์เลยนะ อย่าให้แบงค์ต้องมาอยู่ในสงครามความรู้สึกแบบนี้เลยนะพี่” แบงค์พูดเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาบ้าง เพราะพี่ท็อปยังคงดึงดันต่อไป

ท็อปลูบหัวรุ่นน้องอย่างเอ็นดู “พี่ขอโทษ แต่พี่พูดออกไปแล้ว พี่ยอมรับว่าพี่หวงเรามาก มันเป็นวิธีเดียวที่พี่คิดได้ตอนนั้นเพื่อจะไล่ไอ้พี่กายออกไปจากชีวิตของพวกเราแบบถาวรสักที เราก็ต้องแข่งกันในฐานะนักกีฬา”

แบงค์ปัดมือของท็อปออก “แบงค์ไม่ใช่ลูกขนไก่ที่พี่จะตีไป โต้มาเล่นๆได้นะพี่ อย่าลืมนะพี่ท็อป ยิ่งพี่ตีแรงเท่าไร ลูกขนไก่ก็จะยิ่งถูกตีจนเละมากขึ้น เจ็บมากขึ้นเท่านั้น สุดท้ายก็จะพังใช้งานต่อไม่ได้ พี่ไม่สงสารแบงค์เหรอ ถ้าเกิดว่าแบงค์ดันไปหวั่นไหวกับพี่เขาขึ้นมา พี่ท็อปจะทนได้จริงๆเหรอ?”

“แล้วแบงค์คิดว่าพี่จะยอมให้เขาเอาชนะได้ง่ายๆเหรอ หมอนั่นชนะพี่มาหนนึงตอนกีฬาสีแล้ว หนนี้พี่ไม่ยอมแพ้มันหรอก” ท็อพูดเสียงดัง

“จำคำของพี่เอาไว้ให้ดีนะ ถ้ามาถึงตอนที่ตัวเองมานั่งร้องห่มร้องเสียใจเพราะเรื่องที่ตัวเองก่อขึ้นมาล่ะก็รับผิดชอบเอาเองด้วย แบงค์ไม่ยุ่งด้วยแล้ว” แบงค์บอก รู้สึกหงุดหงิดและโมโหที่พี่ท็อปสนใจแต่จะเอาชนะพี่กายให้ได้โดยไม่แคร์ความรู้สึกของเขาเลย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรของพี่กาย

“จะโทรหาใครน่ะ?” ท็อปถาม มองหน้าแบงค์อย่างสงสัย ส่วนแบงค์ก็หันหน้ามามองตอบด้วยสายตาดุๆ

“พี่กายเหรอครับ มารับแบงค์ที่หน้าโรงเรียนได้ไหม ? พี่กายบอกว่าจะพาแบงค์ไปส่งบ้าน เดี๋ยวเราแวะกินอะไรที่ร้านนมกันก่อนนะพี่แล้วค่อยกลับ แบงค์จะรอนะ เจอกันในอีก สิบนาที” เมื่อสนทนาจบแบงค์จึงวางสายและเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง

“เฮ้ย เดี๋ยว อะไรของแบงค์เนี่ย โทรเรียกมันมารับทำไม จะให้พี่ไปส่งไม่ใช่เหรอ ?” ท็อปตกใจ

“ใครบอกว่าวันนี้แบงค์จะกลับกับพี่ท็อป พี่กายเขานัดแบงค์ตั้งแต่ตอนที่พี่ท็อปท้าเขาแล้วนะ เขาบอกว่าจะเล่นตามเกมส์พี่ ดูซิว่าใครจะชนะ ... พี่ท็อปเริ่มก่อนเองนี่นา จะโทษแบงค์ก็ไม่ถูก” แบงค์พูด

“เฮ้ย แต่มันต้องไม่ใช่อย่างนี้ดิวะ แบงค์อุตส่าห์มาหาพี่ถึงที่นี่แล้วจะทิ้งพี่ไปหามันเนี่ยนะ มอไซค์พี่ก็มี พี่ก็จะได้ไปส่งเหมือนเดิมไง” ท็อปบอก รีบง้อรุ่นน้องทันที

“ช้าไปแล้วแหละ พี่ท็อปไปคิดหาวิธีเอาชนะพี่กายให้ได้ก็แล้วกัน คนละอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่วันนี้ให้โอกาสพี่กายก่อน อาทิตย์หน้าถ้ามีโอกาสก็ค่อยมาเจอกันก็ได้นะ แบงค์จะได้รู้ว่าคนที่แบงค์จะรักคือใครกันแน่ อย่างที่พี่ท็อปอยากให้แบงค์ลองไง” แบงค์พูดเสียงดังใส่พี่ท็อปที่ยืนเหวออยู่ เขารีบเดินเสียงดังลงบันไดไป โดยมีท็อปวิ่งไล่ตามหลังมาติดๆ

“ไม่เอาสิแบงค์ อย่าโกรธพี่ดิ พี่อุตส่าห์ทำทั้งหมดนี้เพื่อแบงค์นะ” พี่ท็อปบอก “อย่าให้พี่รู้สึกผิดไปมากกว่านี้เลย ที่พี่ทำไปก็เพราะรักแบงค์มากนะ”

แบงค์ไม่ตอบ รีบเดินไปโดยไม่สนใจหันหลังกลับมามองท็อปแม้แต่น้อย ท็อปเลิกตามรุ่นน้องที่พยายามหนี รู้สึกโกรธแต่ก็ทำอะไรไมได้ สภาพตอนนี้ของเขาคือกลืนน้ำลายตัวเอง แน่นอนว่าเขาไม่อยากแบงค์ไปอยู่กับนายกายอะไรนั่น แต่เพราะเขาได้ยื่นข้อเสนอนั้นไปแล้ว จึงเป็นการยากที่จะมาแก้ไขสิ่งที่ตัวเองพูดไปแล้ว และยิ่งเมื่อแบงค์หัวเสียเพราะท็อปเห็นเขาเป็นเครื่องมือของเกมส์นี้ ทำให้ท็อปยิ่งหมดข้อต่อต้านใดๆที่จะช่วยให้แบงค์รู้สึกดีขึ้น เขาจึงได้แต่ยืนถอนหายใจระคนกระอักกระอ่วนอยู่ใต้อาคารมองแบงค์เดินจากไป

แบงค์เดินอย่างเหม่อลอยไปถึงหน้าโรงเรียน รู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนฉ่าราวกับไปตากแดดมาหลายชั่วโมง ด้วยความโกรธและความอัดอั้นที่นับวันพี่ท็อปก็ยิ่งเอาแต่ใจตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆกับเขา ทำให้เขารู้สึกหัวเสียอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาไม่ได้อยากให้อะไรมาลงเอยแบบนี้สักนิด ตัวของเขานั้นรู้ดีอยู่เสมอว่าพี่ท็อปคือรักแรกของเขาที่เขายังคงรักอยู่แม้ในขณะนี้ แต่ด้วยความที่อีกฝ่ายเป็นคนไม่ยอมคนและเป็นชอบเอาชนะ เมื่อเห็นโอกาสที่จะได้สู้กับพี่กายอีก จึงไม่แปลกใจที่พี่ท็อปจะเอาแบงค์เข้ามาเป็นเหยื่อในเกมส์นี้อย่างช่วยไม่ได้

“เราไม่ใช่ของเล่นที่ใครจะมาทำอะไรก็ได้นะ” แบงค์พูดกับตัวเอง “พี่ท็อปเอาแต่สร้างปัญหาให้เราอยู่เรื่อย เมื่อไรจะโตสักทีก็ไม่รู้”

“แบงค์” เสียงพี่กายเรียกจากหน้าประตูโรงเรียน

แบงค์รีบตีสีหน้าเป็นปกติ อย่างน้อยพี่กายก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้มากนัก เพราะคนเริ่มเรื่องคือพี่ท็อป เขาควรจะมีมารยาทต่อพี่กายดีกว่าจะแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว จึงเข้าไปทักทายด้วยสีหน้าปั้นยิ้ม

“แบงค์จะไปกินขนมที่ร้านมองดูวัวเหรอ?” พี่กายถาม “พี่ยังไม่ค่อยอยากกลับไปเหยียบร้านนั้นสักเท่าไรเลย ยังอายไม่หาย”

“แบงค์อยากไปขอโทษพี่หลินเขาด้วยน่ะครับ พี่กาย ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องก็ยังไม่ได้ไปขอโทษตรงๆเลย พี่ท็อปก็ไม่ได้แวะไปอีก” แบงค์บอก

“อืม ก็ดีเหมือนกันนะ ร้านนั้นขนมปังปิ้งอร่อย คงเสียดายแย่ ถ้าไม่ได้กินอีกเพราะเรื่องแบบนั้น” พี่กายบอกหัวเราะชอบใจ
แบงค์ยิ้มตอบแต่ก็เป็นยิ้มที่เขารู้ตัวว่าไม่ได้ออกมาจากใจสักนิด

เมื่อไปถึงที่ร้าน พี่หลินยังคงยืนต้อนรับลูกค้าที่หน้าเคาน์เตอร์เช่นเดิม เมื่อเห็นแบงค์พี่หลินก็ร้องทักด้วยความเป็นห่วงทันที ส่วนพี่กายก็รีบเดินไปหาที่นั่งเพื่อสั่งของกินมากินก่อน ปล่อยให้แบงค์นั่งคุยกับพี่หลินอยู่ที่เคาน์เตอร์

“อ้าวแบงค์ พี่ไม่ได้เห็นหน้าเรานานเลย” พี่หลินบอก “ตั้งแต่วันนั้นที่ท็อปโวยวายในร้าน พี่ก็ไม่เห็นพวกเราเลย กลัวว่าพวกเราจะโกรธกัน เห็นมีคนแชร์คลิปกันอีก คนที่เอาไปแชร์นี่นิสัยไม่ดีเลยจริงๆ” เธอบ่นเมื่อเห็นหน้าแบงค์เดินเข้ามาสวัสดี

“ขอโทษจริงๆนะครับพี่หลิน แบงค์ไม่คิดว่าพี่ท็อปเขาจะโมโหไร้สาระแบบนั้น” แบงค์บอกยังคงยกมือไหว้ปะหลกๆ

“พี่รู้นิสัยมันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ขานั้นน่ะ เหมือนพ่อเขานั่นแหละ” พี่หลินบอก

“เหมือนพ่อ? อาจารย์สายัณห์นะเหรอครับ?” แบงค์ถามอย่างสงสัย “อาจารย์ออกจะขรึมๆ ไม่น่าใช่คนอารมณร้ายนะครับพี่หลิน”

“ตอนสมัยหนุ่มๆน่ะ ลือกันให้แซ่ด ตอนอาจารย์โดนสั่งย้ายจากการที่เป็นอาจารย์มหาลัย มาสอนโรงเรียนมัธยมเพราะมีเรื่องชู้สาวในวิทยาลัยน่ะ” พี่หลินบอก ถอนหายใจ

“จริงเหรอครับพี่หลิน” แบงค์ร้องถามอย่างตกใจ “อาจารย์สายัณห์เนี่ยนะ”

“สมัยเขาหนุ่มๆนะแบงค์ หน้าก็หล่อเหมือนไอ้ท็อปเนี่ยแหละ นักศึกษาสาวเห็นแล้วก็ไล่จีบอาจารย์กันทั้งนั้น บางคนยอมพลีกายถวายตัวสารพัด จนแม่ท็อปจับได้ ก็เกิดมีปากเสียงกัน ทะเลาะกันหลายครั้งเลยนะ จนแม่ท็อปเจ็บหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลเลยหนสุดท้ายแล้วก็มีเรื่องฟ้องหย่ากัน ว่ามีการใช้กำลังในครอบครัว”

“ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย” แบงค์บอก ตกใจกับสิ่งที่ตนเองได้ยิน

“เรื่องนี้ท็อปมันคงไม่อยากเล่าเท่าไรหรอก ท็อปน่าจะเหมือนพ่อเขานั่นแหละ อารมณ์ร้อน แล้วเห็นว่าพ่อกับแม่ตบตีกันให้เห็นบ่อยช่วงที่เขายังเล็กๆ เลยอาจจะเป็นไปได้ว่าเขาจะติดนิสัยเหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว” พี่หลินเสริม

“แต่เท่าๆที่เห็นกันก็เหมือนว่า พี่ท็อปมีแต่คนชอบนี่นาที่โรเรียน ไม่ค่อยมีข่าวลบๆเรื่องพี่ท็อปขี้เหวี่ยงแบบนี้เลยนะครับพี่หลิน” แบงค์ถามกลับไป

“มันคบใครมั่งล่ะ นอกจากปลาคาร์พที่สนิทๆกันน่ะเห็นไหม? มีเจ้าหนุ่มคนนั้นคนเดียวที่ทนมันได้ แต่จริงๆท้อปมันไม่ใช่คนแย่อะไรขนาดนั้นเมื่อเทียบกับพ่อของเขาตอนหนุ่มๆนะ แค่น่าจะอยู่ในวัยฮอร์โมนพลุ่งพล่านมากกว่า เข้าใจเขาหน่อยก็แล้วกัน” พี่หลินบอก

“แล้วแม่พี่ท็อปล่ะครับ? แล้วทำไมพี่ท็อปถึงได้อยู่กับพ่อทั้งๆที่พ่อเขาน่าจะแพ้คดีไม่ใช่เหรอ?” แบงค์ถาม เพราะดูจากมูลเหตุแล้วคนเป็นพ่อน่าจะผิดเต็มๆ

“ไม่ได้ว่าระบบยุติธรรมของไทยไม่ดีนะ แต่ในชั้นศาลเพื่อนของอาจารย์แกเป็นผู้พิพากษาแล้วก็คอยช่วยอาจารย์แกให้ชนะความให้ได้ท็อปมาเลี้ยง เขาอ้างเรื่องทรัพย์สินแล้วก็มรดกฝั่งพ่อเขามีมากพอที่จะดูแลลูกชายมากกว่าอยู่กับแม่ ท็อปจะได้รับการศึกษาที่ดีกว่าและชีวิตที่ดีกว่า ประมาณนั้นแหละ” พี่หลินพูด

แบงค์พยักหน้าหงึกหงัก พี่ท็อปมีอดีตแบบนี้นี่เอง เขาไม่เคยเล่าให้ใครฟังและแม้แต่แบงค์เองก็ไม่ค่อยจะกล้าถามเรื่องอดีตของพี่เขาเท่าไรนัก เพราะพี่ท็อปก็ดูไม่เต็มใจจะเล่าเท่าไร คอยบอกแค่ว่าสนใจแต่ตอนนี้ ปัจจุบันนี้ก็พอแล้ว

“เหมือนเพื่อนเราจะสั่งเสร็จแล้ว แบงค์ไปเอาใบออร์เดอร์ที่โต๊ะมาส่งให้พี่หน่อย เดี๋ยวพี่จะทำให้เองจ๊ะ” พี่หลินวาน
แบงค์จึงรีบเดินไปที่โต๊ะ ถามพี่กายถึงของที่อยากจะสั่งแล้วจึงเดินกลับไปยื่นออร์เดอร์แล้วเดินกลับมา พอดีกับที่ประตูร้านเปิด ลูกค้าอีกคนที่หน้าตาคุ้นเคยก็เข้ามาในร้าน

“อ้าวแบงค์ วันนี้มากินนมเหรอ?” หวาน ประธานนักเรียนสาวก้าวเข้ามาในร้านพร้อมถือกระเป๋าสองใบทั้งกระเป๋านักเรียนและกระเป๋าใส่ของยี่ห้อ Harrod “มากับท็อปล่ะสิ”

“อ๋อ เปล่าครับพี่หวาน” แบงค์ตอบ ใจดีสู้เสือ “พอดีว่ามากับพี่.....”

ไม่ทันที่เขาจะพูดจบ หวานก็กวาดตามองไปรอบร้านเห็นพี่กายกำลังนั่งก้มหน้ามองดูเมนูอื่นๆที่วางอยู่บนโต๊ะ หวานจึงรีบเดินปรี่เข้าไปหาพี่กายทันที

“พี่กาย แวะมาเหมือนกันเหรอคะเนี่ย” หวานร้องทัก แล้วรีบนั่งตรงข้ามพี่กาย

“อ้าว หวาน ทำไมถึงโผล่มาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเนี่ย” พี่กายเงยหน้าขึ้นมามองอย่างประหลาดใจ “ไม่รีบกลับบ้านเหรอเดี๋ยวคุณป้าก็บ่นเอาหรอก”

“โถ่พี่กาย แม่ก็ดุไปอย่างนั้นเองแหละ แล้วพี่ทำไมมานั่งกินอยู่คนเดียวล่ะเนี่ย นัดสาวที่ไหนเอาไว้หรือเปล่า?” หวานแซวยิ้มให้อย่างมีเลศนัย “เดี๋ยวนี้ป๊อบนะคะ คุณพี่เนี่ย”

แบงค์ได้แต่ยืนมองแบบอึ้งๆอยู่ จดๆจ้องๆไม่กล้าจะเดินเข้าไปนั่งร่วมวงสนทนาด้วยสักเท่าไร

“อ๋อ พี่มากับน้องแบงค์” พี่กายพูดขึ้นมา ชี้มาที่แบงค์ที่กำลังยืนเก้ๆกังๆยู่ “เดี๋ยวพี่แนะนำให้หวานรู้จัก”

หวานหันหน้ามามองแบงค์อย่างไม่สบอารมณ์นัก “ไม่ต้องแนะนำหรอกค่ะ รายนี้ คนรู้จักทั้งโรงเรียน”

“เอ่อ....นั่น..สินะ” พี่กายพูด นึกถึงคลิปของตัวเองที่โดนท็อปผลักในร้านนมขึ้นมา

“มานั่งก่อนดีกว่าแบงค์” พี่กายเรียก แล้วยกเก้าอี้มาให้

“พี่กายไปสนิทกับน้องแบงค์ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย หวานไม่เห็นรู้เรื่องมาก่อนเลย” หวานถามขึ้นมาอย่างไม่ไว้หน้าแบงค์สักนิด

“ก็ตั้งแต่หลังแข่งแบดด้วยกันนั่นแหละ ก็เลยมีคุยๆกันบ้าง” พี่กายตอบ

“เอ่อ...พี่กายกับพี่หวานรู้จักกันเหรอครับ?” แบงค์ถามแทรกขึ้นมา หันหน้ามองทั้งคู่ พยายามสร้างบรรยากาศที่ดีขึ้นในการสนทนา

“หวานเขาอยู่บ้านติดกับพี่น่ะ เห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆแล้วเหมือนกัน สมัยเด็กๆยัยนี่ชอบวิ่งเข้าออกบ้านพี่เหมือนบ้านตัวเอง ตัวป่วนดีๆเนี่ยแหละ” พี่กายพูด หัสเราะร่า

“มาเผากันซึ่งๆหน้าเลยนะพี่กาย ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า ก็แม่พี่กายทำขนมอร่อยจะตาย หวานก็ต้องแบบขอเข้าไปเอาอะไรมากินบ้างอะไรบ้าง ให้ชีวิตได้มีความหวานสมชื่อ” เธอพูด

“แน่ะ ยังมาเถียงอีกแน่ะ” พี่กายบอก เอานิ้วไปดีดหน้าผากหวาน “เดี๋ยวนี้เป็นถึงประธานนักเรียนแต่ก็ยังไม่เลิกแก่นแก้วสักที”
“ดูพี่สองคนสนิทกันดีจังเลย” แบงค์บอก

“ก็อยู่กันมานานนี่เนอะ” พี่กายบอก “เดี๋ยวพี่มานะ ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึง ออกมาพี่เขาคงเอานมกับขนมปังมาเสริ์ฟพอดี”พูดจบพี่กายก็รีบเดินออกไปปล่อยให้หวานและแบงค์นั่งประจันหน้ากันแทน

“เธอแน่มากเลยนะแบงค์” หวานพูดขึ้นมาขัดจังหวะความเงียบในร้าน พร้อมกับส่งสายตาที่แสดงออกถึงความไม่พอใจมาให้

“พี่หวานหมายถึงอะไรครับ?” แบงค์ถามย้อนกลับไป เขาไม่น่ามาเจอพี่หวานแล้วต้องอยู่กันลำพังแบบนี้เลย

“นอกจากเธอยังเป็นหนามยอกใจของฉันเรื่องท็อปแล้วตอนนี้เธอยังมีหน้ามาหนีบพี่ชายข้างบ้านฉันไปอีกเนี่ยนะ” หวานพูดอย่างหัวเสีย “คนอย่างเธอนี่มันมีอะไรดีนักถึงได้มีแต่คนมารุมทึ้ง”

แบงค์นิ่งเงียบไม่กล้าพูดอะไรออกมามากมายนัก เพราะตอนนี้เขารู้ดีว่าพี่หวานได้อคติกับเขาอย่างมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การต่อปากต่อคำจึงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก

“แบงค์ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พี่หวานไม่พอใจนะครับพี่” แบงค์บอก พยายามเจรจา

“โทษทีเถอะ แค่การที่เธอมีตัวตนอยู่ตอนนี้มันก็ทำให้ฉันไม่พอใจมากๆเลยล่ะ” เธอพูดห้วนๆ พอดีกับที่พี่หลินยกถาดขนมปังปิ้งราดหน้าต่างๆมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ แบงค์รู้สึกขอบคุณพี่หลินจับใจที่จู่ๆก็เข้ามาขัดจังหวะการสนทนาจากนั้นพี่กายก็เดินกลับมาจากห้องน้ำด้วยเช่นกัน

“น่ากินเหมือนเดิมเลยนะครับพี่หลิน” แบงค์ร้องชม

“จะขอส่วนลดเหรอไง แหม พ่อหนุ่ม ชมตลอด” พี่พลินพูด ส่งยิ้มให้

“งั้นเดี๋ยวเราลงมือกินกันเลยเนอะ” พี่กายบอกแล้วยื่นช้อนส้อมมาให้

เนื่องจากตอนนี้พี่หวานได้นั่งเป็น กขค. ระหว่างพี่กายและแบงค์เป็นที่เรียบร้อย ในใจหนึ่งแบงค์ก็รู้สึกว่าดีแล้วที่มีพี่หวานมาขัดไว้เพราะไม่เช่นนั้นพี่กายอาจจะโจมตีแบงค์แบบรัวๆเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับแบงค์ที่พี่กายอยากจะสานเริ่ม ดูท่าแล้วพี่กายก็เหมือนไม่ค่อยพอใจเท่าไรที่หวานมานั่งขัดคออยู่เรื่อยๆ ผิดแผนที่วางไว้แต่แรกว่าเขาจะได้มีโอกาสอยู่กับแบงค์ตามลำพัง
เท่าที่ดูๆแล้ว พี่กายไม่ใช่คนไม่ดีอะไร เขาเป็นผู้ชายอบอุ่นและดูมีไมตรีดีในสายตาของแบงค์ ทุกครั้งที่พี่กายหัวเราะ ทำเอาคนรอบข้างๆต่างมีความสุขไปด้วยเพราะรอยยิ้มของพี่กายนั้น เรียกได้ว่าทำเอาสาวๆหลงได้เลย เพราะรูปหน้าคมเข้มกับผมดำสนิทของพี่กาย บวกกับเสียงทุ้มๆแบบหนุ่มอารมณ์ดี ก็พาลทำให้เคลิ้มไปง่ายๆ

เมื่อทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อยๆ แบงค์จึงขอแยกกลับบ้านเองไม่ได้ไปกับพี่กายด้วย แรกทีเดียวพี่กายพยายามคะยั้นคะยอจะไปส่งแบงค์ให้ได้ แต่เมื่อเห็นว่าหวานอยู่ด้วยแล้วจึงตกลงกันว่าแยกทางกันน่าจะดีกว่า เพราหวานก็อยู่ใกล้บ้านพี่กายและการปล่อยเด็กผู้หญิงเดินกลับบ้านในช่วงค่ำนั้นคนเดียว น่าเป็นห่วงกว่าที่แบงค์จะเดินกลับบ้านคนเดียว

เขาจึงลาพี่กายและพี่หวานจากนั้นจึงโบกรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างแถวๆร้านนมเพื่อให้ไปส่งที่บ้าน
ในสมองของแบงค์คิดวนไปวนมาสรตะว่าจะเล่นตามเกมส์พี่ท็อปและเปิดโอกาสดูจริงๆดีหรือไม่ พี่กายดูท่าแล้วจะเป็นคนที่เทคแคร์คนรักและอบอุ่นเอามากๆถ้าเอามาเทียบกับพี่ท็อปจอมทะเล้นแต่ขี้โวยวายเหลือเกิน อีกทั้งพี่กายมีความเป็นผู้ใหญ่กว่าและมีพี่หวานเป็นน้องข้างบ้านเลยยิ่งทำให้รู้จักวางตัวและระงับอารมณ์ได้ดีกว่า ในใจลึกๆก็กลัวใจตัวเองเหลือเกินว่าจะหวั่นไหวไปกับรุ่นพี่คนใหม่ที่เข้ามาในชีวิต

จบบทที่ 16 (สำหรับบทที่ 17 สัปดาห์นี้ขออนุญาตอัพเป็นวันเสาร์แทนนะครับ)
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 16 04/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: zipboy ที่ 04-03-2015 13:56:46
หวาน = ผู้หญิงที่ทำให้ผู้ชายยุคนี้น้อยลง น่ารำคาญจนสมควรแล้วที่ไม่มีใครเอา

แบงค์เอย รักพี่ท็อป ก็เลิกเล่นทางอ้อมกับพี่กายเถอะ

รออ่านตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 16 04/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 04-03-2015 15:07:31
นี่ ไม่ทันไรแบงค์ก็หวั่นไหวซะแล้ว พูดตรงๆนะตั้งแต่อ่านมาเราไม่ค่อยเห็นแบงค์จะแคร์ท็อปซะเท่าไหร่เลยนะ เหมือนแบงค์ไม่รักท็อป ที่คบกับท็อปก็เหมือนกับเลยตามเลยยังไงก็ไม่รู้ หรือเราคิดไปเองคนเดียวนะ ส่วนตัวแบงค์ปากก็บอกรักท็อปแต่นี่หวั่นไหวซะแล้ว อยากจะบอกเลยเกินว่าถ้าเรารักใครแล้วนะไม่น่าจะหวั่นไหวกับคนอื่นง่ายๆนะ ถึงแม้เค้าคนนั้นจะนิสัยไม่ดีแค่ไหนก็เถอะ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 16 04/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 04-03-2015 16:13:21
นี่ ไม่ทันไรแบงค์ก็หวั่นไหวซะแล้ว พูดตรงๆนะตั้งแต่อ่านมาเราไม่ค่อยเห็นแบงค์จะแคร์ท็อปซะเท่าไหร่เลยนะ เหมือนแบงค์ไม่รักท็อป ที่คบกับท็อปก็เหมือนกับเลยตามเลยยังไงก็ไม่รู้ หรือเราคิดไปเองคนเดียวนะ ส่วนตัวแบงค์ปากก็บอกรักท็อปแต่นี่หวั่นไหวซะแล้ว อยากจะบอกเลยเกินว่าถ้าเรารักใครแล้วนะไม่น่าจะหวั่นไหวกับคนอื่นง่ายๆนะ ถึงแม้เค้าคนนั้นจะนิสัยไม่ดีแค่ไหนก็เถอะ

อยากตอบกระทู้นี้มากๆครับ แต่เดี๋ยวจะกลายเป็นสปอยล์ไป ติดตามไปสักถึงตอนที่ 22 นะครับในนั้นจะมีคำตอบเรื่องนี้ให้ครับ ^^

ปล.เห็นด้วยมากๆ เรื่อง ยังไงถ้าเรารักเขา ต่อให้เขาจะนิสัยไม่ดี เราก็ยังรักเขาอยู่ดีเหมือนกันอิอิ...
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 16 04/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 04-03-2015 23:10:13
พูดไม่ออก บอกไม่ถูก รอตอนต่อไปแล้วกัน :hao4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 16 04/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 05-03-2015 11:44:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 16 04/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: jamelovelove ที่ 05-03-2015 14:31:25
รอๆๆๆๆๆๆๆๆ ต่่อไปนะค่ะ
สนุกกดี๊ดี อ่า
555555555555
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 17 07/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 07-03-2015 17:47:51
บทที่ 17
เพื่อนรัก รักเพื่อน


ท็อปกลับบ้านด้วยความรู้สึกผิดหวังและเสียใจที่แบงค์ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการทำให้ ตอนแรกท็อปรู้ดีว่ายังไงแบงค์ก็จะไม่ทิ้งเขาไปไหนและจะต้องอยู่ข้างเขา ถ้าท็อปกับแบงค์ช่วยกันก็จะสามารถหักหน้าของกายได้และทำให้กายไม่ต้องมาตอแยกับพวกเขาอีก แต่พอมาถึงตอนนี้นั้นเขาชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าแบงค์จะอยู่ข้างเขาหรือเปล่า กลายเป็นว่าแบงค์ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำและต่อต้านอย่างมากที่พาเขาเข้ามาพัวพันกับการเดิมพันของท็อป

ท็อปอยากจะอธิบายให้แบงค์เข้าใจแต่แบงค์ไม่ยอมรับฟัง เขายังโกรธตัวเองที่อารมณ์เสียง่ายและทำให้แบงค์เสียใจกับทุกๆเรื่องที่ผ่านมา สุดท้ายแล้วคนที่เสียใจที่สุดคือเขาเองไม่ใช่ใครอื่นเลย นับตั้งแต่เด็ก ท็อปอยู่แวดล้อมกับครอบครัวที่ใช้ความรุนแรงในบ้าน เขาเกลียดพ่อของตัวเองที่ทำร้ายแม่ แต่ในตอนนั้นเขากลับไม่สามารถช่วยอะไรได้เพราะยังเป็นเพียงเด็กเล็กๆเท่านั้น เขาคิดในใจเสมอว่าเขาจะไม่โตมาเป็นแบบพ่อที่ชอบทำร้ายคนอื่นและทำให้แม่เสียใจ แต่สุดท้ายเมื่อชีวิตเดินเข้ามาถึงจุดเดียวกัน ท็อปเริ่มเข้าใจแล้วว่าหลายครั้งคนเราก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์และความคิดของตัวเองได้ไวเพียงพอกับสิ่งที่ใจของตัวเองอยากให้เป็น หลายครั้งที่เราแสดงพฤติกรรมที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่อยากทำออกมา ทุกอย่างจึงกลายเป็นปัญหาไป เขาไม่อยากเจริญรอยตามพ่อแบบนั้นอีก 

แม้ปัจจุบันพ่อของท็อปจะเลิกนิสัยตอนหนุ่มๆไปแล้ว เป็นพ่อที่ทุ่มเททำงานและดูแลท็อปอย่างสุดความสามารถ แต่ความหลังยังคงฝังรากลึกอยู่ในใจของท็อปและยากเกินกว่าที่จะลบเลือนได้ เขาพยายามคิดว่านี่เป็นปัญหาของผู้ใหญ่และทุกคนต่างเลือกทางออกที่ดีทีสุดให้กับตนเองและครอบครัวแต่สำหรับท็อปแล้วไม่ว่าจะเลือกทางไหนครอบครัวก็แตกร้าวมากจนเกินเยียวยาอยู่ดี และชีวิตของเขาต่อจากนี้เขาตั้งใจจะไม่ให้มันกลับไปซ้ำรอยเดิมอย่างที่มันเคยเป็นมา

“ทำไมถึงไม่ยอมฟังเราเลย” เขาพึมพำกับตัวเอง “เรามันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ที่ทำๆลงไปก็น่าจะเข้าใจว่าเราทั้งรักทั้งหวง ถ้าคนไม่รักไม่หวงจะทำแบบนี้ทำไมกัน”

เขายังคงจมจ่อมอยู่กับความเครียดเรื่องเมื่อตอนเย็น จนอดรนทนไม่ได้จึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและคว้าชุดนักเรียนของวันพรุ่งนี้ยัดใส่กระเป๋า เลือกตำราเรียนที่ต้องใช้เรียนของวันใหม่จากนั้นจึงรีบขับรถมาที่บ้านของปลาคาร์พที่อยู่ห่างกันไม่ไกลนัก ตอนนี้เขาไม่อยากอยู่คนเดียวเขา เขาอยากได้เพื่อนคู่คิด สำหรับปลาคาร์พแล้วท็อปเป็นเพื่อนที่เขาจะต้อนรับเสมอไม่ว่าจะเรื่องดีหรือเรื่องร้าย เมื่อท็อปขับรถไปจอดถึงหน้าบ้าน ปลาคาร์พที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่หน้าบ้านก็เห็นเพื่อนขับรถมาจอดพอดี

“อ้าว มึง มาทำไรบ้านกูเนี่ยดึกๆ” เขาร้องทักเมื่อเห็นท็อปจอดรถ รีบใส่รองเท้าและเดินมาเปิดรั้วให้

“กูไม่อยากอยู่คนเดียวว่ะกูเครียด มึงอยู่เป็นเพื่อนกูหน่อยได้ไหม?” ท็อปบอกหน้าหงอยๆ

“อ้าว แล้วนี่พ่อมึงรู้ป่าวเนี่ยว่ามึงมานี่ เดี๋ยวก็โทรไปแจ้งตำรวจเหมือนเมื่อสองสามปีก่อนหรอก ว่ามึงหายไปทั้งคืนไม่บอกเขา” ปลาคาร์พเตือน เป็นห่วงทั้งเพื่อนและอาจารย์สายัณห์

“กูเขียนโน้ตแปะตู้เย็นบอกพ่อไว้แล้วแหละ ยังไงเขาคงไม่สนกูหรอกน่า...แม่มึงล่ะ อยู่รึเปล่า?” ท็อปถามชะโงกหน้าเข้ามามองในบ้าน

“แม่นอนแล้ว ช่วงนี้เขาไม่ค่อยสบาย ก็เลยนอนเร็ว ส่วนพ่อกูไม่อยู่บ้านไปต่างจังหวัดเหมือนเดิม งานราชการ กูก็เลยนั่งอ่านหนังสือเพลินๆ” ปลาคาร์พบอก

“ถ้างั้นมึงไปแดกเหล้ากับกูหน่อยดิวะ” ท็อปออกปากชวน

“ไอ้บ้า มึงเนี่ยนะจะแดกเหล้า หนที่แล้วมึงยังอ้วกแตกแทบหมดตัว คอมึงอ่อนยังกะอะไรดี กูว่า มึงอย่าเลย กูขี้เกียจหามมึงกลับมา”ปลาคาร์พบอกปัด แต่ท็อปยังคงจ้องหน้าเพื่อนเขม็งจนคาร์พรู้สึกเกร็ง

“หนนี้กูขอเหอะ ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย กูไม่อยากนั่งกินคนเดียว” ท็อปบอก

“มึงนี่เป็นเอามากว่ะ ตั้งแต่มึงคบกับไอ้แบงค์นี่มึงเหมือนพวกคลั่งรักในหนังโรคจิตชะมัดเลย” คาร์พพูดติดตลกแต่ท็อปไม่ขำด้วย “มึงแดกเหล้าไปก็ไม่ได้ช่วยให้มันดีขึ้นมาหรอก ถึงตอนแดกมึงจะลืมแต่สุดท้ายมึงก็ต้องตื่นมาเจอความจริงอยู่ดี”

“เออ อย่าขัดกูเลย มากับกูก็พอแล้ว” ท็อปพูดตัดบท แล้วกลับไปสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์

ปลาคาร์พถอนหายใจ แต่ก็จำใจยอมตามเพื่อนไปเพราะทนแรงรบเร้าไม่ได้ “มึงจะไปแดกที่ไหนวะ ในผับเขาไม่ให้เด็กต่ำกว่า 18 เข้าไปนะ”

“กูจะไปกินร้านพี่ยอด ที่อยู่แถวทองหล่อ อย่างน้อยหน้าร้านกูนั่งไม่ได้ กูก็ขอไปนั่งบนห้องพี่เขาก็แล้วกัน” ท็อปบอกแล้วขับออกไปทันที

“มึงนี่ หาเรื่องให้คนอื่นตลอดเลยนะ” ปลาคาร์พพูดส่ายหน้าแบบระอา

ร้านพี่ยอดเป็นกึ่งร้านอาหารกึ่งบาร์ที่จัดเป็นสไตล์ยุค 70 รูปร่างหน้าตาร้านตกแต่งให้เป็นเหมือนโรงฉายภาพยนตร์ รอบร้านตกแต่งด้วยสีที่ค่อนข้างฉูดฉาด หน้าร้านแขวนป้ายตัวใหญ่ๆเก๋ๆ มีหลอดไฟทรงกลมสีต่างๆรอบๆป้ายเหมือนป้ายโรงภาพยนตร์สมัยก่อนว่า “กลางแปลง” ผู้คนต่างมานั่งรับประทานอาหารและดื่มเหล้ากันอย่างเพลิดเพลิน บ้างก็นั่งฟังเพลงบรรเลงสดที่มีวงดนตรีบรรเลงตลอดคืน บ้างก็สนทนากันอย่างออกรสชาติตามประสาคนทำงานมาเสวนาเพื่อคลายเครียดจากภาระที่แบกมาทั้งวัน

ท็อปหันหน้ามองซ้ายขวาหาเจ้าของร้าน โดยปกติแล้วรูปแบบร้านกินดื่มแบบนี้ก็มักไม่ค่อยอนุญาตให้เด็กมัธยมปลายมาเดินป้วนเปี้ยนสักเท่าไร “พี่ครับ” ท็อปถามเด็กเสิร์ฟที่กำลังเดินมาเช็ดโต๊ะที่ว่างอยู่ “พี่ยอดอยู่ที่ร้านไหมครับ?”

“อ๋อ เฮียอยู่ที่ออฟฟิศในร้านค่ะ เดินเข้าไปเลย คงทำบัญชีอยู่” เด็กเสิร์ฟหันหน้ามาบอก

“ขอบคุณครับ”

เมื่อเดินเข้ามาในบริเวณใกล้ๆกับหลังร้าน จะมีห้องกระจกที่เป็นห้องทำงานของพี่ยอดเพื่อใช้ตรวจรายรับรายจ่ายของแต่ละวัน ท็อปมองเข้าไปเห็นพี่ยอดกำลังนั่งดูโทรศัพท์ก่อนที่จะจดนั่นนี่ลงกระดาษ เขาเดินเข้าไปก็พอดีกับที่พี่ยอดเงยหน้าขึ้นมาเจอแขกรุ่นน้องพอดี

“อ้าว ท็อป คาร์พ พวกมึงมาทำอะไรที่นี่เนี่ย...อย่าบอกนะว่ามาหาเหล้าแดกอีกน่ะ” พี่ยอดทักอย่างร่าเริง

พี่ยอดเป็นชายร่างเล็ก มีเนื้อมีหนังดูท้วมๆ ศีรษะเกือบล้าน แต่หน้าตาก็ดูสะอาดสะอ้าน หน้าตาบอกอารมณ์ร่าเริงตลอดเวลา เป็นสัญลักษณ์ว่าเขาต้อนรับแขกอยู่เสมอตามประสาคนทำมาค้าขาย

“ไอ้ท็อปมันจะมาให้ได้พี่ ผมห้ามมันแล้ว มันไม่ฟัง” คาร์พเริ่มชี้แจง

“อ้าว ก็กูอยากกินนี่หว่า” ท็อปรีบออกตัว “ผมว่าจะมานั่งกินเหล้าร้านพี่สักแป๊บนึงแล้วค่อยกลับบ้านน่ะครับ”

“อะไรวะ เป็นเด็กเป็นเล็ก มึงจะมารีบหัดแดกเหล้าทำไม มีเรื่องอะไรกลุ่มใจนักหนาวะ ทะเลาะกับพ่อมาอีกรึไง” พี่ยอดถาม

“ก็ประมาณนั้นแหละครับพี่” ท็อปตอบ ตีหน้าเครียดใส่ “ผมกินไม่นานหรอกพี่ สักชั่วโมงสองชั่วโมงก็กลับแล้ว”

“แหงดิ มึงกินหมดไปขวดเดียวมึงก็น็อกแล้ว” ปลาคาร์พแซว ท็อปก็ถลึงตาใส่เพื่อน   

“เออๆ มึงก็นั่งกินในนี้แหละ อย่าออกไปข้างนอกละกัน เดี๋ยวถ้าเกิดมีคนมาตรวจว่ากูเอาเหล้าให้พวกมึงกินเดี๋ยวกูซวยไปด้วย พ่อมึงยิ่งไม่ชอบหน้ากูอยู่ ไอ้ท็อป”พี่ยอดบอก แต่ก็ยักคิ้วให้ แล้วยกหูโทรศัพท์ไปสั่งเหล้าจากบาร์ให้ “เอาเหล้ามาขวดนึง น้ำแข็งแล้วเอาโซดามาด้วย น้องเฮียมาขอเหล้ากิน อย่างไวเลยนะ”

“ผมเอาเงินมาด้วยพี่ ไม่ต้องเลี้ยงผมหรอก” ท็อปอีกหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา

“มึงเก็บเงินเอาไว้ซื้อยาแก้แฮงก์เถอะ กูเลี้ยงมึง นี่ถ้ามึงไม่มีปัญหาก็ไม่เคยโผล่มาให้กูเห็นหน้าเลยนะ ไอ้ท็อป”พี่ยอดแซว

“โห่พี่ยอด ก็พี่เปิดร้านตอนเย็นน่ะ ผมกลับดึกมากก็ไม่ได้ นี่ก็หนีพ่อออกมาไม่งั้นไม่ได้ออกมาหรอก” ท็อปให้เหตุผล

“เออ ๆ มึงอยากทำอะไรก็ทำ ตามสบาย เดี๋ยวกูไปหน้าร้านละ ลูกค้าเยอะ ไปช่วยเด็กๆมันเก็บเงินกับเดินเสิร์ฟหน่อย” พี่ยอดบอกแล้วเก็บของ จากนั้นจึงเดินออกจากหองไป สักพักเด็กเสริ์ฟในร้านก็ยกขวดเหล้ามาสองขวดและโซดาอีกหลายขวดกับถังน้ำแข็งเล็กๆมาให้ทั้งคู่ที่นั่งรออยู่ในออฟฟิศของพี่ยอด

“สรุปเมื่อตอนเย็นมึงทะเลาะกับไอ้แบงค์ว่างั้น” ปลาคาร์พถาม ในขณะที่ท็อปกำลังผสมเหล้าให้เขาและตัวเอง

“กูโง่เองแหละ กูไปท้าแข่งจีบแบงค์กับไอ้รุ่นพี่ม.6คนเดิม” ท็อปพูด แล้วยื่นแก้วเหล้ามาให้ปลาคาร์พ

“เอาใหม่ซิ ไอ้คนแข่งแบดกับมึง มันมาตามจีบแบงค์เหมือนกันเนี่ยนะ” ปลาคาร์พพูดอย่างไม่เชื่อหู “อะไรมันจะขนาดนั้นวะ มันตั้งใจมาแหย่มึงหรือเปล่า”

“ไม่หรอก กูแอบได้ยินที่มันคุยกันเมื่อวันก่อน” ท็อปเล่า “ถึงรู้ว่าไอ้กายมันตั้งใจจะจีบแบงค์จริงๆ”

“บรรลัยแล้ว ไอ้แบงค์มันมีอะไรดีวะเนี่ย มีคนมาติดหลายคนละเว้ย” ปลาคาร์พบอก

“มึงก็พูดไป อย่างน้อยหนึ่งในนั้นก็มีเพื่อนมึงอยู่คนนึง” ท็อปบอกดุ ๆ แล้วกระดกเหล้าเข้าไปอึกใหญ่ “ตั้งแต่กูคบใครมา กูไม่เคยรักใครอย่างที่กูรักแบงค์มันเลยนะเว้ย ทั้งๆที่ผ่านมากูคบผู้หญิงมาตลอดทั้งชีวิตแท้ๆ แต่กลับไม่เคยรู้สึกหลงหัวปักหัวปำขนาดนี้ แบงค์มันเหมือนทำให้กูได้รู้ว่ายังมีคนที่คอยห่วงกู รักกู และสอนให้กูมีเหตุผลแบบที่ผู้หญิงคนอื่นไม่เคยมีให้กูว่ะ เมื่อก่อน กูต้องคอยตามง้อ ตามใจ แต่นี่แบงค์มันสอนกูตลอดว่ากูควรวางตัวยังไง กูรู้สึกว่าแบงค์มันดีกว่าคนอื่นตรงนี้แหละ”

“ไอ้ท็อป มึงทำเหมือนว่าที่ผ่านมากูไม่เคยเตือนมึงอย่างนั้นแหละ” คาร์พพูดเสียงแผ่ว

“มันไม่เหมือนกันว่ะ ระหว่างเพื่อนกับแฟน ใครๆก็ชอบที่หน้าตากู แต่พอมาเจอนิสัยกูจริงๆก็เข็ดขยาดกันหมด มีแต่ไอ้แบงค์เนี่ยแหละที่ไม่เหมือนใคร มันพยายามปฏิเสธกูมาตลอดจนกระทั่งกูตื๊อจนน้องมันยอมคบด้วย” ท็อปยังคงดวดเหล้าเข้าไปหลายอึก ปากก็พรั่งพรูสิ่งที่ตัวเองอยากระบายออกมาเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปกว่าชั่วโมงที่ปลาคาร์พยังคงนั่งฟังเพื่อนพูดออกมาไม่หยุด เขาพยายามไม่ดื่มเหล้าเข้าไปมาก เพราะรู้ว่าตัวเองต้องพาเพื่อนกลับ

“กูถามจริงเหอะ มึงกับไอ้แบงค์มีอะไรกันรึยังวะ?” คาร์พถามขึ้นเมื่อเห็นท็อปหน้าเริ่มแดงและอยู่ในสภาพที่กำลังจะเมา

“มึง..จะ...อยากรู้ไป...ทำไมวะ” ท็อปถามยังคงหยิบเหล้ามาผสมใหม่เรื่อยๆ ส่วนปลาคาร์พยังคงถือแก้วแรกแก้วเดิม

“ก็ แค่ถาม...คนที่มึงไม่เคยได้ มึงไม่เห็นจะแคร์เท่าไร ตอนมึงอยู่ม.3 ตอนที่มึงคบกับยัยพลอย แล้วมึงได้กันตอนนั้น มึงก็แทบบ้าไปเลยนะตอนเลิกกันน่ะ กูเลยสงสัยว่าที่มึงเฮิร์ทขนาดนี้เพราะมึงได้กับเขาแล้วหรือเปล่าน่ะดิ” ปลาคาร์พพูด

ท็อปเงียบ มองหน้าเพื่อน หน้าของเขาแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์ “ถ้ากูบอกว่าเคย มึงจะรังเกียจกูไหม?”

“กูจะเกลียดมึงทำซากอะไรวะ ไอ้ท็อป” ปลาคาร์พรีบบอกปัด “ก็แค่มีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน”

“อืม กูเคย” เขาตอบเสียงอ่อยๆ สภาพท็อปตอนนี้กำลังอยู่ในสภาพเมาได้ที่ แต่ก็ยังคงรินเหล้าให้ตัวเองต่อไป

“ไอ้ท็อป มึงเลิกแดกได้แล้ว หน้ามึงแดงยังกับทาสีมาแล้วนะเว้ย พอ พอ พอ” ปาคาร์พขัด รีบดึงแก้วออกมามือของท็อป

“อย่าเพิ่งขัดกูดิวะ พี่ยอดอุตส่าห์....เอามาให้....แดกให้หมดจะได้ไม่เสียของ” ท็อปบอก เริ่มแสดงอาการลิ้นเปลี้ยเพราะเมา

“กูนะ โคตรรักไอ้แบงค์มันเลย ถ้ามึงคิดว่ากูรักไอ้พลอยขนาดนั้นนะ กูบอกได้แค่ตอนนี้ กูรักไอ้แบงค์มากกว่ายัยพลอยร้อยเท่า” ท็อปบอก มองหน้าปลาคาร์พดุ ๆ

“เออ ๆ กูเชื่อ กูเชื่อ” ปลาคาร์พพูด เงยหน้ามองดูเวลาที่ผ่านไป จากที่ว่าจะอยู่เพียงชั่วโมงกว่าๆ ตอนนี้ เวลาปาเข้าไปก็จวนจะห้าทุ่มแล้ว

สักพักท็อปเริ่มร้องไห้ฟูมฟายออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย “กูไม่น่าไปรักน้องมันเลยไม่งั้นกูก็ไม่ต้องทรมานแบบนี้ กูทั้งโกรธจนอยากจะต่อยหน้าไอ้รุ่นพี่ม.6 นั่น แต่กูก็กลัวว่าปัญหามันจะไม่จบ แบงค์ก็ว่ากูว่าเอาแต่ใช้กำลัง ไม่มีเหตุผล แถมพยายามทำตัวตีจากกูอีก กูทำอะไรก็ผิด” เขาสะอึกสะอื้น “กูทำอะไรก็ไม่ดี มาตั้งแต่ต้น อยู่กับพ่อกับแม่ก็ทำให้เขาทะเลาะกัน กูมันตัวซวย”

“เฮ้ย ท็อปมึงเมามากละ” ปลาคาร์พรีบคว้าแก้วออกจากมือเพื่อน พอแก้วหลุดมือเท่านั้น ท็อปก็รีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำอ้วกกลางพื้นห้องน้ำของพี่ยอดจนเละเทะไม่เป็นท่า “ไอ้ห่าท็อป มึงทำไมไม่อ้วกลงโถ” ปลาคาร์พรีบโวยวาย แล้วประคองเพื่อนที่กำลังจะขย้อนของเก่าออกมาอีกระลอก

ปลาคาร์พจับเพื่อนให้อ้วกออกมาเรื่อยๆจนหมดแรง ส่วนท็อปเมื่อสำรอกเอาทั้งเหล้าทั้งข้าวเย็นที่กินเข้าไปออกมาจนหมดก็นอนหมดแรงข้าวต้มอยู่กับพื้นนอกห้องน้ำ

“ไอ้ห่าท็อป มึงแดกเหล้าแล้วก็อ้วกเหมือนเดิมเลยนะ ทำห้องน้ำกูเลอะอีก” พี่ยอดกลับเข้ามาเห็นสภาพท็อปเมาหลับไม่ได้สติอยู่ที่พื้น พร้อมกลิ่นเหล้าผสมอ้วกคละคลุ้งไปทั้งห้อง ส่วนปลาคาร์พก็นั่งล้างห้องน้ำให้อยู่

“ก็เหมือนเดิมนั่นแหละพี่ ที่มาก็มารอเก็บซากมันกลับเนี่ยแหละ” ปลาคาร์พบอก ถอนใจยาว ๆ

“สรุปมันมีปัญหาอะไรของมันวะ คาร์พ? แดกเหล้าคนเดียวจนจะหมดขวดแล้ว” พี่ยอดถาม

“เรื่องแฟนมันนั่นแหละพี่ เหมือนจะไปชอบคนใหม่ มันเลยเฮิร์ทอยากมานั่งกินเหล้าย้อมใจ” ปลาคาร์พอธิบาย “ผมล้างห้องน้ำให้พี่แล้วนะครับ เดี๋ยวผมจะลากเอาตัวไอ้ท็อปขึ้นแท็กซี่กลับ ส่วนมอเตอร์ไซค์ฝากไว้ที่ร้านพี่ก่อน พรุ่งนี้ค่อยให้มันแวะมาเอา”

“เออ ๆ ดูแลมันหน่อยละกัน พ่อแม่มันไม่ได้ดูมันเท่าไร มึงนี่โคตรจะเป็นเพื่อนแสนประเสริฐเลยนะ ดูแลแม่งทุกอย่างเลย” พี่ยอดบอกตบบ่าคาร์พเบาๆ

ปลาคาร์พจึงพาท็อปที่ยังอยู่ในสภาพคอพับคออ่อน เรียกแท็กซี่กลับบ้าน ตอนแรกแท็กซี่ก็ไม่อยากจะรับพวกเขาไปด้วยเท่าไรนักเพราะกลัวท็อปจะอาเจียนออกมาอีก ตนปลาคาร์พต้องบอกโชเฟอร์ว่าท็อปมันอ้วกออกาเยอะแล้วไม่น่าจะมาอาเจียนในรถอีกแล้ว ถึงได้มีรถแท็กซี่ยอมรับพวกเขาไปด้วย

เมื่อไปถึงบ้าน แม่ของปลาคาร์พยังคงหลับสนิทและไฟที่ห้องนั่งเล่นยังคงเปิดไว้เพราะเขายังไม่ได้ปิดก่อนที่จะออกไปข้างนอกบ้าน เขารีบพาเพื่อนขึ้นไปบนห้องแล้วจัดแจงถอดเสื้อผ้าท็อปออกแล้วใช้ฝักบัวฉีดล้างตัวเพื่อนให้หมดกลิ่นเหล้าและคราบอ้วก ท็อปเหมือนจะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้าง แล้วก็ลุกขึ้นมาอ้วกอีก ปลาคาร์พสงสารเพื่อนที่เป็นเอามากขนาดนี้แต่ก็ไม่รู้จะช่วยหาทางออกอย่างไร

ตัวเขานั้นยังคงชอบท็อปและรักเพื่อนสนิทคนนี้มาตลอด เพราะทั้งคู่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งแต่เด็ก มีอะไรก็แบ่งกันเสมอ ยิ่งท็อปไม่มีแม่เหมือนคนอื่นๆ ทำให้ปลาคาร์พพยายามเล่นกับท็อปเหมือนพี่เหมือนน้อง เพื่อไม่ให้ท็อปรู้สึกว่าขาดความรักความอบอุ่นไป กว่าเขาจะรู้ตัวว่าชอบท็อปก็ปาเข้าไปม.3แล้ว ตั้งแต่ตอนที่ท็อปไปคบกับเพื่อนต่างห้องที่ชื่อพลอย เขารู้สึกหึงและไม่พอใจที่ท็อปหันไปขลุกอยู่กับพลอยมากกว่าอยู่กับเขาเหมือนแต่ก่อน พอได้รู้ว่าพลอยกับท็อปเลิกกัน ตัวเขาเองกลับรู้สึกดีใจเป็นที่สุด แล้วตอนนั้นเขาก็ต้องมานั่งเช็ดอ้วกเพื่อนเหมือนอย่างวันนี้ ช่างเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแต่กลับเป็นวันที่น่าจดจำสำหรับเขา เพราะอย่างน้อยต่อจากนี้ ท็อปกับเขาจะได้กลับมาสนิทกันเหมือนเดิมและไม่มีใครมาขวางอีก

เมื่อคาร์พจัดแจงสระผม ฟอกตัวให้ท็อปเสร็จ (เอาครีมอาบน้่ำราดๆตัวแล้วฉีดฝักบัวใส่) พร้อมกับให้ท็อปอมน้ำยาบ้วนปาก (ท็อปยังคงอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น รู้สึกตัวอยู่บ้างแต่ก็ยังเมาหลับอยู่) เพื่อจะได้ไม่เหม็นกลิ่นอ้วก แต่ก็ทำให้ท็อปสำลักน้ำยาไปหลายรอบกว่าจะเรียบร้อย ปลาคาร์พจึงจัดแจงเช็ดตัวเพื่อนและหาเสื้อนอนของตัวเองให้เพื่อนใส่แล้วลากท็อปไปนอนบนเตียง
ท็อปยังคงเมาหลับแบบคนหมดสติอยู่บนที่นอน แม้จะหายใจออกมามีกลิ่นเหล้าอยู่บ้างแต่เมื่อเทียบกับตอนแรกก็นับว่าดีขึ้นมาก

 “ถ้ากูไม่รักมึง กูคงไม่ทำถึงขนาดนี้หรอก” คาร์พพูดกับตัวเอง มองหน้าท็อปที่หลับไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ริมฝีปากสีชมพูเผยอน้อยๆ เพราะเจ้าตัวหายใจเอาอากาศเข้าไปในปอดจากทั้งทางปากและจมูก

สภาพของท็อปที่นอนหลับไร้สติ กลิ่นหอมจากตัวหลังจากอาบน้ำ และผิวสีขาวใสของท็อปทำให้ปลาคาร์พเริ่มรู้สึกหวั่นไหว เขาค่อยเขยิบคลานขึ้นบนเตียง แล้วมองหน้าท็อปแบบใกล้ๆดูว่าเจ้าตัวกำลังหลับอยู่หรือไม่ ท็อปกรนออกมาเบาๆเป็นสัญญาณว่าเขากำลังหลับอยู่ ปลาคาร์พมองสำรวจไปทั่วร่างของท็อปที่นอนแผ่อ้าซ่าอยู่บนเตียง เขาค่อยๆก้มตัวลงจุบที่คอของท็อป จากนั้นจึงใช้ใบหน้าของเขาซุกไซร้ที่ต้นคอของเพื่อนสนิท

ท็อปยังคงหลับไม่รู้เรื่อง แต่ตอนนี้หัวใจของปลาคาร์พกำลังเต้นระรัวแรงขึ้น เขารู้สึกตื่นเต้นว่านี่อาจจะเป็นโอกาสของเขาที่ได้อยู่กับท็อปตามลำพังสองคน ท็อปสารภาพออกมาแล้วว่าเขาเคยมีอะไรกับแบงค์มาก่อนหน้านี้ ถ้าอย่างนั้น ถ้าเขาอยากจะมีอะไรกับท็อปบ้าง ท็อปก็คงไม่น่าจะรังเกียจเขาหรอก หนำซ้ำ เขาช่วยท็อปมาตั้งเยอะคืนนี้ ถ้าเขาจะได้อะไรตอบแทนจากท็อปบ้างก็น่าจะเป็นการตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อไม่น้อยทีเดียว

ปลาคาร์พเลิกเสื้อของท็อปขึ้นแล้วระดมจูบตั้งแต่ช่วงต้นคอไล่ลงมาเรื่อยๆจนถึงหน้าท้อง สูดกลิ่นกายของท็อปเข้าไปจนเต็มปอด แล้วหันไปโลมเลียอยู่ที่หัวนมสีมพูของท็อป “อา...” เสียงท็อปร้องออกมาเบาๆ เหมือนเขาจะรู้สึกตัว ปลาคาร์พหยุดกิจกรรม แล้วเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อน สังเกตดูว่าท็อปจะตื่นหรือไม่ แต่ท็อปยังคงหลับต่อไป

เมื่อดูดดื่มจนหนำใจแล้วเขาจึงค่อยๆใช้มือดึงกางเกงของท็อปออกมาช้าๆ สายตาเขายังคงจับจ้องที่หน้าของท็อป ใจหนึ่งก็กลัวว่าเพื่อนจะตื่น อีกใจหนึ่งก็อยากจะดำเนินกิจกรรมที่เฝ้ารอมาตลอดกับเพื่อนสนิทคนนี้ เมื่อมองเห็นอวัยวะของเพื่อนออกมานอกกางเกงได้แล้ว เขาจึงค่อยๆถอดกางเกงของท็อปออกอย่างเบามือเพื่อไม่ให้เพื่อนรู้สึกตัว ตอนนี้อวัยวะของท็อปยังคงไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เพราะประสาททั้งหมดของเขานั้นยังไม่ตื่นตัวดี เจ้าตัวยังคงหลับไม่รู้เรื่อง คาร์พจึงค่อยๆใช้จมูกของเขานั้นซุกไซร้ไปที่พวงสวรรค์ของท็อป กลิ่นหอมจากโคโลญจน์ที่ยังคงติดตัวท็อปอยู่และกลิ่นหอมจากครีมอาบน้ำทำให้รู้สึกถึงความสะอาด ยิ่งทำให้คาร์พอารมณ์แตกซ่าน ท็อปขยับตัวช้า ๆ อยู่ในท่านอนหงายราวกับจะรู้ว่ากำลังจะถูกทำอะไรต่อไป จากนั้นปลาคาร์พจึงบรรจงใช้ปากของตนเองกับอาวุธลับของเพื่อนช้าๆ จนกระทั่งสิ่งนี้พร้อมใช้งาน

“อา..” ท็อปครางออกมาเบาๆ แต่ก็ยังไม่ตื่นเขาร้องออกมาเหมือนคนกำลังละเมอ ตลอดการปฏิบัติกิจกามของเพื่อนสนิท คาร์พบรรจงทำอย่างรักใคร่ เพราะเขารู้ดีว่านี่คือสิ่งที่ทำให้ทั้งเขาและท็อปต่างมีความสุขที่ได้ตอบสนองซึ่งกันและกัน แม้ครั้งนี้ท็อปอาจจะไม่รู้สึกตัวเลยก็ตาม เมื่อปลาคาร์พใช้ปากไปเรื่อยๆสักพักก็เริ่มรู้สึกถึงแรงดีดตุบๆตอบจากท่อนลำของท็อป มือซ้ายของท็อปขยับมาวางไว้บนศีระษะของเขา แต่เจ้าตัวกลับยังไม่ได้ลืมตา “พี่จะ....ออกแล้วนะ...แบงค์” ท็อปพึมพำออกมาทันทีที่ของเหลวพุ่งออกมาเต็มปากของคาร์พ เขายังคงใช้ปากต่อไป จนกระทั่งท่อนเอ็นของท็อปอ่อนลง สักพักดูเหมือนว่าท็อปจะเริ่มรู้สึกตัวมากขึ้น เมื่อเห็นดังนั้น เขาจึงรีบดึงกางเกงของท็อปขึ้นสวมเช่นเดิมแล้วรีบลุกไปเข้าห้องน้ำ

ท็อปงัวเงียลุกขึ้นนั่งบนเตียง รู้สึกมึนหัวตึ๊บไปหมด “นี่เราฝันเหรอวะ?” เขาพูด มองไปรอบๆห้องของคาร์พ “มึนหัวชิบหายเลย ขอน้ำกินหน่อยดิวะเพื่อน” ท็อปร้องบอก สะบัดหัวอย่างมึนๆ จนรู้สึกอยากจะอ้วกอีกรอบ

ปลาคาร์พรีบออกมาจากห้องน้ำ “อ้าว มึงตื่นไหวเหรอวะเนี่ย นึกว่าจะนอนสลบไปยันเช้า”

“กูฝันว่าแบงค์มาอยู่กับกูอะดิ” ท็อปบอก เอามือกุมขมับ

“กูว่ามึงคิดมากไปแล้ว งั้นเดี๋ยวกูลงไปเอาน้ำมาให้นะ มึงนอนไปเถอะ” ปลาคาร์พบอกยิ้มให้ แล้วรีบเดินออกจากห้องไป

ท็อปมองตามเพื่อนไป ฝันเมื่อกี้ที่ท็อปพูดถึง เขาฝันว่าแบงค์มาอยู่ด้วยกันเหมือนตอนอยู่ที่ห้องพยาบาลวันกีฬาสี ทุกอย่างทั้งความรู้สึก และภาพในหัวมันเหมือนกันมาก เหมือนจนเขาแทบจะรู้สึกว่ามันเกิดขึ้นอีกครั้งจริงๆ เขารู้สึกเหนอะหนะที่หว่างขาของตัวเองจึงก้มลงมองที่เป้ากางเกงของตนอย่างสงสัย เพราะถ้าเขาฝันก็มีโอกาสที่เขาจะฝันเปียกตามประสาวัยรุ่น แต่แล้วเมื่อเปิดดูก็พบว่ามันมีคราบน้ำลายเปียกชุ่มอยู่รอบๆอวัยวะของเขา เขายังคงนึกถึงคำพูดของปลาคาร์พที่บอกเขาอยู่เสมอว่าปลาคาร์พคิดกับเขามากกว่าเพื่อน ....

ในใจได้แต่หวังว่าคงไม่ใช่อย่างที่เขาคิดว่าปลาคาร์พอาจจะทำบางอย่างกับเขาในตอนที่เขาเมาไม่ได้สติหรือเปล่าหนอ

จบบทที่ 17 (ตอนที่ 18 มาวันจันทร์เหมือนเดิมครับ 09/03/2015)

**อัพเดทหน้าเรื่องของแนะนำตัวละครใน PDF (http://www.mediafire.com/view/t33ei29bfhl99ly/รุ่นพี่_ที่รัก_(Beloved_Senior)บทที่_1-17.pdf) นะครับ** (แอบเอารูปดาราไปจิ้นเป็นแต่ละคน - - ) ขอบคุณที่ติดตาม รักใครเกลียดใครก็เม้นกันตามสบายเลยครับ

หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 17 07/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: zipboy ที่ 07-03-2015 17:58:45
แล้วเพื่อนตัวเองก็อดใจไม่ไหว สุดท้ายแล้ว ใจตัวเอง ชนะคำพูดอยู่ดี

รออ่านต่อไปครับ^^
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 17 07/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 07-03-2015 21:12:59
เห้อ

ท๊อปทำไรเนี้ย
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 17 07/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: blur ที่ 08-03-2015 00:40:56
มันตื้อไปหมด ฮือออ ถ้าแบงค์ท็อปจะได้คู่กันจริงก็รีบหาคู่ให้คาร์ืพเถอะะะะะ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 17 07/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 08-03-2015 00:43:15
ไม่ออกความเห็น  :hao4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 17 07/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 08-03-2015 22:11:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 17 07/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 08-03-2015 23:04:52

ฝากเรื่องใหม่ที่ผมเขียนอีกเรื่องด้วยนะครับ ทุกท่าน
เรื่อง เพื่อนผมเป็นผู้วิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45761.0)

พักจากดราม่าหนักของเรื่องนี้ไปอ่านเรื่องสนุกๆแนวแฟนตาซีในนี้บ้าง ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอย่างเหนียวแน่นครับ

รักคนอ่าน ^^ :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 18 09/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 09-03-2015 21:47:27
บทที่ 18
ความรู้สึกของตนเอง
                                   

ทั้งสัปดาห์พี่กายพยายามเข้าหาแบงค์ตลอดเพราะเขาถือว่าท็อปเปิดทางให้เขามาใช้เวลาอยู่กับแบงค์ได้อย่างเต็มที่  ไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้าพี่กายจะเดินมารับแบงค์ถึงหน้าบ้านแล้วเดินไปโรงเรียนด้วยกัน ช่วงเย็นพี่กายก็จะมาคอยรับแบงค์กลับบ้านด้วยเสมอๆตลอดสัปดาห์ นิสัยของพี่กายเป็นคนอบอุ่นและพึ่งพาได้แทบทุกเรื่อง ความอ่อนโยนของพี่กายทำให้แบงค์ค่อยๆรู้สึกดีกับพี่กายมากขึ้น ไม่ได้มัวแต่คิดจะจับผิดว่าพี่กายทำไมต้องมาเริ่มความสัมพันธ์กับเขา ถึงแม้ว่าในตอนแรกแบงค์จะรู้สึกกระอักกระอ่วนเหมือนกันที่มีรุ่นพี่คนใหม่มาคอยตามแทนพี่ท็อป แต่เมื่อผ่านไปหลายวันเข้าก็เริ่มชินกับพี่กายมากขึ้น

“วันนี้มีการบ้านอะไรจะมาปรึกษาพี่รึเปล่า?” พี่กายถามทุกครั้งที่เจอกันหลังเลิกเรียนเสมอๆ “วันนี้วันศุกร์แล้วด้วย เผื่อว่าถ้าเยอะมากๆพี่จะได้ช่วย”

“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกครับ” แบงค์ตอบ “การบ้านแบงค์ว่าทำเองน่าจะดีกว่า จะได้เป็นการฝึก มัวแต่ถามพี่กายตลอดแบบนี้แบงค์ก็แย่น่ะสิ ไม่ต้องเป็นอันคิดกันพอดี” เขาหัวเราะ

“แบงค์ไม่ถนัดเลขกับวิทยาศาสตร์นี่นา ถ้าพี่ช่วยได้ พี่ก็อยากช่วยแหละ” พี่กายบอก

“วันนี้การบ้านไม่มีอะไรเท่าไร แบงค์เคลียร์ไปจะหมดแล้ว เหลือแค่พวกรายงานที่ต้องทำส่งมากกว่าแต่ก็ยังไม่รีบทำหรอก” เขาเสริม

“งั้นพรุ่งนี้พี่ชวนไปเที่ยวเล่นดีไหม?” พี่กายถามขึ้นมา

“เที่ยวเหรอ พี่กายจะชวนแบงค์ไปไหนล่ะ วันเสาร์นี้...ไม่ได้มีอะไรต้องทำหรอก ถ้าปกติพี่ท็อปก็จะมารับไปเที่ยวบ้าน” แบงค์บอก ภาพของท็อปจอมทะเล้นก็ผุดขึ้นมาให้เขารู้สึกผิดน้อยๆ

“พี่จะชวนไปปั่นจักรยานเล่นที่สวนรถไฟ อยากไปไหม ข้างในมีสวนพฤกษชาติด้วยนะ ร่มรื่นแล้วก็ผ่อนคลายดีด้วย” พี่กายออกปากชวน

“ฟังดูก็น่าสนุกดีนะพี่ แต่ว่า...” ทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา แบงค์ไม่ค่อยได้คุยกับพี่ท็อปเท่าไรนัก แม้จะได้เจอกันบ้างในคาบพักหรือตอนเย็นที่เดินสวนกัน ท็อปก็ไม่ได้พยายามจะคุยกับแบงค์เพราะถือว่ายังอยู่ในช่วงที่กายกำลังทำคะแนนอยู่ จึงหลีกเลี่ยงที่จะมาพบเจอแบงค์อย่างแต่ก่อน “แบงค์อยากถามพี่ท็อปก่อน จะได้ไหมครับ?”

“แบงค์อย่าลืมสิว่านี่ยังอยู่ในช่วงอาทิตย์ที่พี่จะได้ดูแลแบงค์นะ จนกว่าจะถึงวันจันทร์ที่พี่จะส่งคืนแบงค์ให้ท็อป” พี่กายบอก

แบงค์นิ่งเงียบ ในใจรู้คำตอบดี “ได้ครับพี่กาย พรุ่งนี้แบงค์จะไป พี่กายมารับแบงค์เหมือนเดิมได้ไหม?” เขาถามอย่างไว้ที

“ได้สิ เดี๋ยวพี่จะมารับเราที่หน้าบ้าน แล้วไปด้วยกันสักราวๆสิบโมงนะ” พี่กายนัดแนะ

“ครับ วันนี้เดี๋ยวเราแยกกันกลับนะครับพี่ พรุ่งนี้เจอกันทีเดียว แบงค์มีธุระนิดหน่อย” แบงค์พูดรีบตัดบท

“อ้าว ทำไมล่ะ ไม่ให้พี่ไปเป็นเพื่อนเหรอ?” พี่กายถาม สีหน้าสงสัย

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องเล็กๆน้อยๆ พี่กายกลับไปก่อน ไว้ดึกๆ เราค่อยไลน์คุยกันก็ได้ครับ” แบงค์ตอบ

พี่กายพยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจนัก แล้วทั้งสองจึงแยกกันที่หน้าโรงเรียน แบงค์ก้มลงมองดูนาฬิกาข้อมือของตนเองที่บอกเวลา 17.30 และเดาได้ว่า พี่ท็อปอาจจะอยู่ตีแบดกับพี่คาร์พที่คอร์ดแบดอย่างที่เขาชอบใช้เวลาหลังเลิกเรียน แบงค์จึงรีบวิ่งไปก่อนที่จะคลาดกับพี่ท็อป ในใจนั้นถวิลหาเหลือเกินเพราะเขาไม่ได้คุยกับท็อปแบบจริงๆจังๆมาร่วมอาทิตย์
เมื่อไปถึงก็เป็นตามคาด พี่ท็อปกับพี่คาร์พยังเล่นแบดกันอยู่ที่คอร์ดแบดในโรงยิมอย่างสนุกสนาน แบงค์จึงรีบเดินเข้าไปข้างๆแล้วตะโกนเรียก “พี่ท็อป  พี่ท็อป”

ท็อปและคาร์พหันหน้ามามองตามเสียงเรียก แต่ท็อปกลับไม่ได้แสดงสีหน้าดีใจนักเมื่อเห็นหน้าแบงค์ ปลาคาร์พพยักเพยิดให้ท็อปรีบเดินไปคุยกับรุ่นน้อง ส่วนปลาคาร์พก็เดินไปเข้าห้องน้ำ

“ว่าไงแบงค์ มีธุระอะไรเหรอ?” พี่ท็อปถามน้ำเสียงเรียบเฉย

“แบงค์อยากมาบอกพี่ท็อป ว่าพรุ่งนี้พี่กายจะมาชวนแบงค์ไปเที่ยวเล่นที่สวนรถไฟแถวจัตุจักร” แบงค์บอกเสียงอ่อยๆ “แบงค์จะมาขออนุญาตพี่...”

“ก็ไปสิ ไม่เห็นต้องมาขออนุญาตพี่เลยนี่นา” พี่ท็อปบอกยักคิ้วให้เขาหนึ่งข้างประหนึ่งกำลังสงสัยว่าทำไมต้องมาขออนุญาตจากเขา

“พี่ท็อปจะไม่โกรธแบงค์ใช่ไหม?” แบงค์ถามอีก

ท็อปเบ้ปากน้อยๆ เหมือนกำลังคิดอยู่  ก่อนที่จะพยักหน้าตอบแบงค์กลับมา “พี่ให้กรรมสิทธิ์เต็มที่แล้ว อยากทำอะไรก็ตามสะดวกเลย”

“ถามอีกข้อได้ไหม พี่ท็อป” แบงค์ถามอีก “ตลอดสัปดาห์พี่คิดถึง...แบงค์บ้างไหม?” เขาพูดออกไป เขินกับสิ่งที่ตนเองพูดเหมือนกัน

“จะให้ตอบแบบไหนล่ะ เอาตามตรงหรือว่าเอาตามอย่างที่อยากให้ตอบ” ท็อปพูด ยังคงตีหน้าเรียบเฉยมาให้ ผิดจากที่ท็อปคนเดิมที่เคยเอาแต่จะรุกเร้าแบงค์อยู่เสมอ

“ตามตรงสิ” แบงค์พูด “แต่ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอกก็ได้นะ แบงค์ก็แค่อยากเจอพี่ท็อป แต่ละวันเราแทบไม่ได้เจอกันเลย”

ท็อปยิ้มที่มุมปากน้อยๆ ก่อนเอามือลูบหัวแบงค์อย่างเอ็นดูเช่นเดิม “คิดถึงดิ ไม่มีวันไหนที่พี่ไม่คิดถึงเราสักวันหรอก” ท็อปบอกแล้วหันหน้าไปหาปลาคาร์พที่กำลังเดินกลับมาจากเข้าห้องน้ำ “แต่หลังๆนี้ พี่แค่...รู้สึกผิดนิดหน่อยเท่านั้นเอง” สมองของเขานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนที่เขาเมาและไปนอนอยู่ที่บ้านคาร์พ

“รู้สึกผิดเหรอ? เรื่องอะไรล่ะ? เรื่องเดิม หรือว่าเรื่องใหม่” แบงค์ถามกลับ

“ช่างมันเถอะ อย่าไปคิดมากเลย แล้วอยู่กับฝั่งโน้นเป็นยังไงมั่งล่ะ?” ท็อปถามบ้าง

“พี่กายเขาก็นิสัยดีแหละ” แบงค์บอกข้อมูล พี่ท็อปก็พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ “แต่แบงค์ก็ยังคิดถึงพี่ท็อปของแบงค์อยู่ดี พอไม่มีพี่ท็อปอยู่ใกล้ๆแล้วเหมือนชีวิตขาดอะไรไปก็ไม่รู้” แบงค์บอกความในใจ

ท็อปยิ้มหน้าบานออกมาเมื่อได้ยินสิ่งที่แบงค์สารภาพออกมา

หลังจากที่มีพี่กายเข้ามาทำให้แบงค์รู้แน่ชัดว่า เขาคิดถึงพี่ท็อปมาก แม้พี่กายจะพยายามทำดีกับเขา เอาใจเขามากมาย แต่ว่ามันกลับไม่เหมือนกันกับสิ่งที่เขาคุ้นเคย คือพี่ท็อปที่แสนจะขี้เล่น คอยหยอกเย้ากันอยู่ตลอด แม้จะมีอารมณ์เสียไปบ้าง หรือทะเลาะกันบ้างแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัจจัยที่จะทำให้เขาค่อยๆลืมพี่ท็อปไปได้แม้แต่น้อย สิ่งหนึ่งที่เขาอยากได้จากท็อปคือการพยายามวางตัวและควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้ไประรานคนอื่นก็แค่นั้น ในครั้งนี้เขาจึงกล้ามากพอที่จะบอกพี่ท็อปได้อย่างเต็มปากว่า เขาคิดถึงพี่ท็อปมากกว่าที่เคย

“หมดอาทิตย์นี้แล้วก็จะเป็นตาพี่ท็อปแล้วนะ อย่าแพ้เขานะพี่ เกมส์ที่พี่ตั้งกติกาเองแบบนี้ มาแพ้เองจะอายเขานะ”

“อ้าวก็แบงค์เป็นกรรมการนี่นา แบบนี้จะให้พี่ต้องติดสินบนรึเปล่าเนี่ย? ถึงจะชนะ” ท็อปถามยิ้มอย่างร่าเริง

แบงค์หัวเราะออกมาเบาๆ “พี่ท็อปยังโอเคอยู่ก็ดีแล้วแหละ แบงค์กลัวว่าพี่จะเครียดเกินไปกับเรื่องเดิมพันพวกนี้ ยังไงแบงค์ยังรักษาสัญญาว่าแบงค์จะอยู่ข้างๆพี่ท็อปนะ....”

“เฮ้ย ไอ้ท็อป คุยเสร็จยังวะ กูจะกลับบ้านแล้ว” เสียงพี่คาร์พตะโกนเรียก เขามองหน้าแบงค์แบบไม่สบอารมณ์นัก

“เออ ๆ เดี๋ยวกูไปแล้ว รอแป็บนึง” ท็อปหันหน้าไปตะโกนบอก “เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ เอ้อ พี่มีโทรศัพท์ใหม่แต่เป็นโทรศัพท์มือถือธรรมดาๆ พ่อพี่ให้ยืมไว้ใช้ติดต่อกันเฉยๆ แบงค์จะโทรหาพี่ที่เบอร์นี้ก็ได้นะ เดี๋ยวพี่ยิงไป พี่จำเบอร์แบงค์ได้”

“อ๋อ ได้สิ งั้นกลับบ้านดีๆนะพี่ท็อป”แบงค์บอก ท็อปหันมายิ้มให้ก่อนที่จะเดินจากมา แต่ทว่าในวินาทีนั้นแบงค์กลับดึงแขนเสื้อของพี่ท็อปเอาไว้อย่างไม่รู้ตัว

“หืม? มีอะไรอีกรึเปล่า” ท็อปหันหน้ามามอง เมื่อเห็นว่าแขนเสื้อตนเองถูกรุ่นน้องดึงไว้

“แบงค์อยากกอดพี่ท็อป...ก่อนกลับบ้านวันนี้ได้ไหม” เขาพูดอ้ำอึ้ง แม้ว่าตัวเขาเองถูกจัดวางให้อยู่กับพี่กายตลอดทั้งอาทิตย์ตามเกมส์ของท็อป แต่ร่างกายของเขาเองนั้นยังคงเรียกร้องหาท็อปอยู่เสมอ  ท็อปหันหน้ามามองรุ่นน้องอย่างเอ็นดู

“อดทนเอาไว้ ไอ้หมาน้อย อีกสองวัน พี่จะให้กอดจนหนำใจเลย สัปดาห์นี้เป็นของพี่กายเขา ไปเรียนรู้คนที่เขารักแบงค์อีกคนหนึ่งก่อน แล้วเมื่อถึงตาของพี่บ้าง แบงค์จะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่แบงค์จะเลือก เกมส์นี้จะได้จบเสียที” พี่ท็อปบอก พร้อมกับขยี้หัวแบงค์อย่างรักใคร่ “ขอโทษที่อาจจะทำให้รู้สึกไม่ดี จริง ๆ พี่ก็อยากกอดแบงค์นะ แต่พี่กำลังฝึกที่จะอดทนอดกลั้นให้มากกว่าเดิมอย่างที่แบงค์สอนพี่ อีกสองวันเองนะ รอพี่ได้ไหมล่ะ”

“ตอนนี้เลยไม่ได้เหรอ? แค่กอดเองนะพี่” แบงค์อ้อน “นะ พี่ท็อป แบงค์ไม่อยากให้ตัวเองมีความรู้สึกอะไรมากมายกับพี่กาย ถึงแบงค์จะไม่ใช่คนใจอ่อนนะพี่ แต่ถ้าเจอคนมาทำดีด้วยเยอะๆแบบนั้น จะให้ไม่เขวก็ลำบากใจอยู่นะ”

“เชื่อมั่นในหัวใจตัวเองเถอะแบงค์ ถ้าหัวใจแบงค์เลือกเขา แบงค์จะรู้เอง อย่าสงสารพี่หรืออะไรทั้งนั้น เพราะความรักไม่ใช่การสงสาร อาทิตย์หน้าพี่จะดูแลแบงค์อย่างดี จะได้รู้ว่าพี่พอสู้มันได้บ้างไหม พี่สัญญาว่าพี่จะค่อยๆเปลี่ยนเอานิสัยไม่ดีของตัวเองออกไปเพื่อให้อะไรๆมันดึขึ้น”

“งั้นกูกลับละนะโว้ย พ่อโรมิโอ” ปลาคาร์พตะโกนตอบกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์แล้วคว้าเป้เดินออกไปเลย

“คาร์พมันโวยวายแล้ว พี่ไปก่อนนะ” ท็อปบอกแล้วรีบเดินจากมา ปล่อยให้แบงค์ยืนหน้าเศร้ามองพี่ท็อปจากไป

=======================================================

พี่กายขับรถเก๋งมารอรับแบงค์เมื่อถึงเวลานัด วันนี้พี่กายสวมแว่นตากันแดดสะท้อนแสงดูเท่ รับกับใบหน้าคมเข้มของเขา ทรงผมตั้งๆกับเสื้อเชิ้ตสีอ่อนแขนยาวทำให้พี่กายดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นไปอีก ในขณะที่แบงค์แต่งตัวง่ายๆด้วยเสื้อเชิตแขนสั้นลายเรียบๆกับกางเกงขายาว เขาหยิบหมวกแก็ปติดมือมาด้วยใบนึงเพราะคิดว่าถ้าไปปั่นจักรยานเที่ยวเล่นกันคงต้องเจอแดดร้อนๆบ้าง

 “โห พี่กายขับรถมาอย่างเท่เลย” แบงค์ร้องทักเมื่อเดินออกมาหน้าบ้าน

“ที่บ้านพี่มีรถอยู่สองคัน คันนี้พ่อพี่ทิ้งไว้ให้ที่บ้านใช้ขับไปทำธุระ ส่วนอีกคันพ่อพี่จะเอาขับไปทำงานประจำน่ะ” พี่กายบอก

“จะไปไหนกันแต่เช้าเลยลูก” แม่แบงค์ร้องถามขึ้นเมื่อเห็นลูกชายเดินออกมาหารุ่นพี่ที่หน้าบ้าน เธอกำลังเอาปุ๋ยโรยใส่กระถางต้นไม้ของเธออยู่

“สวัสดีครับคุณแม่” พี่กายไหว้ทักทาย

แม่ของแบงค์ชะโงกหน้ามาดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนเดิมกับที่เห็นอยู่บ่อยๆ “อ้าว ไม่ใช่ท็อปเหรอ? แม่นึกว่าจะไปเที่ยวเล่นกับพี่เขาอย่างเคย” แม่ถามหันหน้ามาคุยกับแบงค์

แบงค์ไม่รู้จะตอบอย่างไร ได้แต่บอกปัดไป “อ๋อ พี่ท็อปเขาไม่ค่อยว่างน่ะครับแม่ เดี๋ยวแนะนำพี่คนนี้ก่อน ชื่อพี่กายอยู่ม.6 เราเคยแข่งแบดมินตันตอนกีฬาสีด้วยกันก็เลยรู้จักกันมาตั้งแต่นั้นมา”

“อ๋อ...แม่ก็เป็นห่วงเจ้าท็อปอยู่ตั้งแต่คืนวันที่เขามาบ้านแล้ว เหมือนจะทะเลาะกับที่บ้านมา ตอนนี้ดีขึ้นรึยังล่ะน่ะ” แม่เปรยขึ้น จนแบงค์รีบถลึงตาบอกแม่ว่าเป็นสัญญาณว่าอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ตอนนี้ได้ไหม?

“ไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ พี่เขาก็สบายดี เดี๋ยววันนี้แบงค์กับพี่กายจะไปสวนรถไฟนะครับแม่ เย็นๆก็คงกลับ แม่จะออกไปทำงานหรือเปล่า” แบงค์ถามพยายามเปลี่ยนเรื่อง

“ไม่จ๊ะ ตามสบายเลยลูก แม่อยู่ที่บ้านเนี่ยแหละ” แม่บอก

เมื่อลาแม่เรียบร้อยกายและแบงค์จึงรีบขึ้นรถแล้วขับออกไปจากซอยบ้าน “ท็อปเคยมานอนที่บ้านแบงค์ด้วยเหรอ?” ในที่สุดพี่กายก็ถามขึ้นจนได้ แบงค์คิดในใจว่าแม่ไม่น่าจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาเลย

“ก็เคย มาแบบพี่กายนี่แหละ แวะมานั่งคุย นั่งกินข้าว” แบงค์บอก มองรถราที่วิ่งอยู่ด้านนอก

“แสดงว่ามาบ่อย ถึงขนาดแม่แบงค์ถามหาแบบนี้” พี่กายพูด ค่อยๆเร่งคันเร่งแซงรถที่ขับช้าอยู่ด้านหน้า “เข้าทางแม่ซะด้วยแฮะ คู่แข่งคนนี้ประมาทไม่ได้เลย”

“แม่ชอบพี่ท็อปมากเลยนะ ต่อหน้าผู้ใหญ่ พี่ท็อปเขาวางตัวดีมาก มาทีไรก็มาช่วยแม่ทำนั่นนี่ด้วย” แบงค์เสริม ไม่ค่อยอยากพูดถึงพี่ท็อปเท่าไร เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งคิดถึงกลัวตัวเองจะพาลไม่สนุกเอา “ว่าแต่ พี่กายกินอะไรตอนเช้ามารึยังล่ะครับ?”

“กินแล้วแหละ แบงค์ล่ะ กินรึยัง?” พี่กายถาม

“กินมาแล้วล่ะครับ สวนรถไฟที่เราจะไปมันเป็นยังไงเหรอครับ? แบงค์ไม่เคยไปเที่ยวเล่นแถวนั้นมาก่อนเลย”

“ก็เป็นสวนสาธารณะกว้างๆ แต่กว้างมากๆเลยนะ ถ้าไปถึงเดี๋ยวก็จะรู้เองแหละ” พี่กายบอกอย่างร่าเริง

ถ้าเทียบกับวันปกติแล้ววันนี้ถือว่าเป็นวันที่รถค่อนข้างโล่งและสามารถสัญจรไปมาได้ค่อนข้างสะดวกทีเดียว พี่กายค่อยๆขับอย่างไม่รีบร้อนพลางชวนแบงค์คุยเรื่องนั้นนี่ ทั้งเรื่องขำขันและเรื่องสนุกๆตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา พี่กายดูใส่ใจเขาไปเสียทุกเรื่องอย่างไม่น่าเชื่อ คำพูดหลายๆคำที่แบงค์เคยพูดเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนแต่พี่กายกลับจำได้แม่นก็มีหลายครั้ง

เมื่อถึงที่หมายพี่กายจอดรถไว้ที่บริเวณทางเข้าที่มีจุดให้เช่าจักรยานไว้ปั่นเล่น มีทั้งเด็กนักเรียนที่นัดกันมาเดินเล่น พ่อแม่พาลูกเล็กมาพักผ่อนก็มี อากาศวันนี้ไม่ร้อนมาก แม้จะมีแดดแต่ก็มีจุดที่ร่มรื่นให้ได้ผ่อนคลายกันอยู่มากมาย หลังจากที่พี่กายไปลากเอาจักรยานเช่ามาสองคันให้กับแบงค์ทั้งคู่จึงเตรียมที่จะออกปั่นไป พี่กายยังแบกกล้องถ่ายรูปอย่างดีพร้อมขาตั้งเล็กๆ พับใส่เป้เอาไว้ จากนั้นจึงพับแขนเสื้อตัวเองให้อยู่ในท่าที่ถนัดสามารถปั่นจักรยานได้คล่อง

“แบงค์ปั่นจักรยานได้แต่ปั่นได้ไม่แข็งนะพี่กาย” แบงค์รีบบอกเมื่อเห็นขนาดจักรยานที่ค่อนไปทางใหญ่กว่าตัวของเขา

“ไม่เป็นไรหรอก ขับไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็เป็นแล้ว พี่ดูแบงค์อยู่ ไม่ปล่อยให้แบงค์ล้มเจ็บตัวหรอก” พี่กายบอกยิ้มๆ ประคองรถให้กับน้อง “เดี๋ยวเราขับไปคู่กัน จะได้ตามกันได้ โอเคไหม?”

“งั้นก็ได้” แบงค์บอกแล้วรีบคร่อมจักรยานอย่างทุลักทุเลก่อนที่จะเริ่มปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ ไปพร้อมๆกับพี่กาย

สายลมที่ระผ่านใบหน้าทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย แม้จะเป็นตอนสายๆและมีแดดบ้างแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกร้อนอบอ้าวมากนัก แบงค์ค่อยๆปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ มองดูทิวทัศน์ต้นไม้และสวนโล่งๆที่เปิดสปริงเกอร์เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับสนามหญ้า วันนี้เป็นวันหยุดจึงเห็นผู้คนมาเดินเล่นกันพอสมควรแต่ไม่ถึงกับหนาตา ยังมีที่ว่างอีกมากและหลายโซนที่พวกเขาจะไปเที่ยวชมได้อย่างเป็นส่วนตัว

“ไง ชอบไหม?” พี่กายถาม ขณะที่ยังคงปั่นไปอยู่ข้างๆกัน

“ชอบมากเลยครับ ไม่ค่อยได้มาสูดอากาศดีๆแบบนี้ตั้งแต่มาอยู่ที่กทม. ขอบคุณที่พามานะครับ” แบงค์บอก ตนเองก็พยายามทรงตัวให้รถจักรยานปั่นไปได้เรื่อยๆจนรู้สึกคล่องขึ้นมาบ้าง

“เดี๋ยวพี่จะพาไปดูอุทยานผีเสื้อ แต่มาทีไรพี่ก็ไม่ค่อยจะได้เห็นหรอกเจ้าผีเสื้อเนี่ย” พี่กายบอกติดตลก

แบงค์ยิ้มไปกับบรรยากาศดีๆและต้นไม้ที่ร่มรื่น จนกระทั่งพี่กายพาเขามาถึงหน้าอาคารสีขาวที่เขียนว่าอุทยานผีเสื้อ เมื่อมองจากภายนอกแล้วเหมือนที่นี่จะเป็นโรงเพาะชำขนาดย่อมๆเพราะมีทั้งดอกไม้นานาชนิดให้เหล่าผีเสื้อผสมเกสรและใช้ชีวิต

“เสียค่าเข้าไหมครับพี่?” แบงค์ถาม ก่อนจะล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกง

“ไม่ต้องเสีย ดูฟรีเลย” พี่กายบอก แล้วดึงเป้ออกมาหยิบกล้อง DSLR ยี่ห้อ Nikon ขึ้นมา เตรียมเลนส์ เพื่อที่จะ ถ่ายภาพรอบๆตัว

“พี่กายใช้กล้องขนาดนี้แสดงว่าถ่ายรูปเก่งแหงๆเลย” แบงค์ถาม มองดูพี่กายหยิบจับกล้องอย่างชำนาญ

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก พี่ชายพี่เขาเล่นกล้องพวกนี้อยู่ พี่ก็แค่พอรู้ ครูพักลักจำมา ถามๆพี่เขาเอา กล้องนี่ก็กล้องพี่เขา กว่าจะขอยืมมาได้แทบจะลงไปกราบกันเลยแหละ” พี่กายบอก

“โห ขนาดนั้นเลยแล้วพี่กายตั้งใจจะเอามาถ่ายอะไรล่ะครับ ถึงต้องลงทุนขอขนาดนั้น” แบงค์ถาม พี่กายจึงรีบยกกล้องขึ้นมาถ่ายแชะตอนแบงค์เผลอ แสงแฟลชสะท้อนเข้าตาทำให้แบงค์ตาลายไปชั่วขณะ

“จะถ่ายใคร...ก็มาถ่ายแบงค์เนี่ยแหละ พี่เอาเลนส์ Fix 50 มม.  เอาไว้ถ่ายคนโดยเฉพาะ สำหรับคนหัดเล่น กล้องใหม่ๆมาด้วย เอามาลองเล่นดู มีแรงบันดาลใจอยู่ใกล้ๆจะได้ลองฝึก” พี่กายบอก ยิ้มให้แบงค์

“อย่าเพิ่งถ่ายสิ ยังไม่ได้ตั้งตัวเลย แบบนี้มีแต่รูปเหวอๆ ไม่เอา ไม่ดี” แบงค์รีบโวยวาย

พี่กายกดดูรูปที่ถ่ายไปเมื่อสักครู่ แล้วก็ขำแบงค์ออกมา “นี่ไง น่ารักดีออกเวลาเห็นรูปเหวอๆ”

“ไหนๆ ขอดูมั่ง....เฮ้ย...พี่กาย น่าเกลียดโคตร ลบเลยๆ” แบงค์ร้องบอก เมื่อเห็นหน้าตัวเองบนกล้อง พี่กายก็หัวเราะไม่หยุด
 
“ขอพี่เก็บไว้ใบนึงละกัน” พี่กายบอกแล้วรีบจูงมือพาแบงค์เข้าไปด้านในของอุทยานผีเสื้อ

ตามอย่างที่คิดไว้ ภายในโรงเรือนเป็นเหมือนสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ มีดอกไม้หลายชนิดที่ปลูกอยู่ด้านใน ไม่ว่าจะเป็นดอกลำโพง ดอกกล้วยไม้พันธ์ธรรมดาๆ ดอกดาวเรือง และสารพัดชนิดปลูกเรียงรายเหมือนป่าน้อยๆภายใน แบงค์มองไปรอบๆ เพื่อหาผีเสื้อให้เจอสักตัวบ้าง เพราะคิดว่าได้ชื่อว่าอุทยานผีเสื้อแล้ว ก็น่าจะมีผีเสื้อให้เห็นมากกว่าที่อื่นเป็นแน่ แต่ยิ่งเดินสำรวจเท่าไรก็ไม่ค่อยจะมี จะเห็นอยู่บ้างก็ตัวสองตัวเท่านั้น ส่วนพี่กายได้แต่คอยถ่ายรูปดอกไม้ และเดินตามหลังแบงค์อยู่เป็นระยะๆ

“พี่กายมาถ่ายรูปด้วยกันเหอะ อย่าปล่อยให้แบงค์โดนถ่ายอยู่คนเดียวเลย ไม่ได้เป็นนายแบบจำเป็นนะ” แบงค์บอก

“เอางั้นเหรอ” พี่กายถาม เงยหน้ามามองแบงค์ “เดี๋ยวพี่กางขาตั้งกล้องก่อน จะได้ถ่ายด้วยกันได้” พี่กายบอกแล้วเปิดเป้เอาอุปกรณ์ออกมา

แบงค์เดินเลาะออกมาจนถึงใกล้ทางออกจะมีกอดอกไม้ทั้งดอกบานชื่น ดอกดาวเรืองและกอดอกไม้หลากสี ปลูกเรียงรายอยู่ใกล้ๆ และที่สำคัญยังมีเหล่าผีเสื้อบินกันอยู่เต็มไปหมด

“โห พี่กาย มาถ่ายรูปกันตรงนี้ดีกว่า ผีเสื้อเยอะมากเลย” แบงค์ร้องบอก พี่กายจึงเดินตามมาติดๆแล้วตั้งมุมกล้องอย่างที่อยากถ่ายเอาไว้

“งั้นเดี๋ยวพี่ตั้งเวลาไว้ นับ ถอยหลัง 5 วินาทีนะ” พี่กายบอกเมื่อตั้งอุปกรณ์เสร็จ แบงค์นั่งยองๆ รออยู่ที่มุมกอดอกไม้ ชูสองนิ้วให้กล้องที่ตั้งเป็นมุมเอาไว้อย่างดี “อยู่นิ่งๆนะ เดี๋ยวพี่ไปถ่ายด้วย”

พี่กายวิ่งเข้ามานั่งกอดคอแบงค์อยู่ข้างๆ ไฟสีแดงกะพริบ วิบ วิบ วิบ บอกวินาทีจนกระทั่งถึงสัญญาณบอกวินาทีสุดท้าย พี่กายถือโอกาสหันหน้ามาหอมแก้มแบงค์ฟอดใหญ่ พอดีกับที่ภาพชัตเตอร์กดติดไว้พอดิบพอดี

แบงค์ตกใจรีบจับแก้มของตัวเองทันที “พี่กาย...อย่าเล่นแบบนี้ดิ”

“โทษที พี่แค่เห็นแก้มแบงค์ใกล้ๆแล้วอยากหอมขึ้นมา ก็เลย...” พี่กายหน้าเสียเพราะแบงค์ทำท่าโมโหขึ้นมาจริงจัง “โกรธพี่เหรอ?” เขาถาม

แบงค์ถอนหายใจยาวๆหนึ่งที แล้วรีบลุกขึ้นยืน ยื่นมือมาให้พี่กายจับเพื่อพยุงกันลุกขึ้น “ไม่เอาแล้วนะพี่กาย หนหลังอย่าทำแบบนี้อีก ไม่งั้นแบงค์ไม่ถ่ายรูปด้วยแล้วนะพี่”

“โอเค พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอีก” พี่กายตอบ หน้าเจื่อนๆ “ว่าแต่แบงค์หิวหรือยัง พี่ทำข้าวกล่องมาเผื่อด้วยนะ เราจะได้หาที่ว่างๆนั่งกินกัน”

“กินก็ได้ พี่อุตส่าห์ตั้งใจทำมา จะยอมกินให้ก็แล้วกัน” แบงค์บอกแล้วเดินออกจากอุทยาน “ทางที่ผ่านมาเห็นมีลานกว้าง หาที่นั่งแถวนั้นก็ได้นะพี่”

พี่กายพยักหน้าตอบ แล้วเดินกลับเก็บอุปกรณ์ของตนเองลงเป้เพื่อไปต่อ หน้าหงอยๆเมื่อโดนแบงค์ดุใส่

เขาไม่อยากจะสานสัมพันธ์ทางกายกับคนอื่นอีกนอกจากที่เคยให้พี่ท็อป ใจจริงเขาอยากจะโกรธที่พี่กาย ฉวยโอกาสตอนเขาเผลอ ถึงอย่างไรต่อจากนี้เขาควรไว้ทีบ้างเพื่อไม่ให้พี่กายสามารถรุกเข้ามาแบบนี้ได้อีก ไม่อย่างนั้นตัวเองจะลำบากเพราะถ้าเกิดพี่กายต้องการเขามากกว่านี้ เรื่องถึงหูพี่ท็อปแล้วล่ะก็รายนั้นคงไม่ยอมปล่อยเขาและพี่กายไปง่ายๆแน่ ส่วนหนึ่งที่ยังคงปล่อยให้ตัวเองใช้เวลากับพี่กายก็เพราะยอมทำตามเกมส์ของพี่ท็อปมากกว่าจะทำตามสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง...

จบบทที่ 18 (ตอนที่ 19 จะมาอย่างเคยในวันศุกร์ที่ 13 นี้ครับ เวลาเดิม)

** นอกจากเรื่องรุ่นพี่ที่รักเรื่องนี้แล้ว ผมขอฝากทุกท่านเจียดเวลาไปอ่านเรื่องใหม่ของผมเรื่อง เพื่อนผมเป็นผู้วิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45761.0) กันหน่อยนะคัรบ ไปช่วยกันเจิมนิดนึง เรื่องใหม่จะออกแนวแฟนตาซีหน่อยๆ อาจจะไม่ได้ดราม่าเหมือนเรื่องนี้ ยังไงฝากทุกท่านไว้อีกเรื่องนะครับ ^^**



หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 18 09/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-03-2015 22:46:46
คนดีๆแบบกายแบงค์ไม่เอาเหรอกก. ต้องชั่วนิดๆแบบพี่ท๊อป.  อิอิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 18 09/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 09-03-2015 23:04:37
 :pig4: รอลุ้นตอนต่อไปนะ แต่แอบขัดใจกับพฤติกรรมของปลาคาร์พ :m16:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 18 09/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: zipboy ที่ 10-03-2015 04:17:17
ไม่ต้องแข่งหรอก ชัดเจนแล้วว่าเลือกท็อปเห็นๆ : P

รออ่านต่อครับผม^^
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 18 09/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 10-03-2015 11:45:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 10-03-2015 14:01:05
ตั้งแต่อ่านมา อขากให้แบงค์ร้ายกว่านี้อีกนิดกับน้ำหวานหรือปลาคราฟ แต่ก็เข้าใจอะนะ  :katai1: ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 10-03-2015 19:52:27
ตั้งแต่อ่านมา อขากให้แบงค์ร้ายกว่านี้อีกนิดกับน้ำหวานหรือปลาคราฟ แต่ก็เข้าใจอะนะ  :katai1: ขอบคุณครับ

เท่าที่เฝ้าดูมา เเบงค์เป็นเด็กไม่ค่อยแสดงออก(ทางอารมณ์)เท่าไรครับ แถมเป็นรุ่นน้องด้วย ใจจริงเขาคงอยากจะสวนกลับไปบ้างแต่ก็คงเห็นแก่พี่ท็อปด้วยละมั้งครับ ทั้งสองคนเป็นเพื่อนของพี่ท็อปอีก เลยอยู่เฉยๆดีกว่า ^^
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 18 09/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 13-03-2015 00:04:57
 :pig4: :pig4: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 19 13/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 14-03-2015 00:21:02
บทที่ 19
วันทวงสิทธิ์


วันที่ท็อปรอคอยอย่างใจจดใจจ่อก็มาถึง วันนี้ตอนเย็นเขากับกายจะพบกันอย่างเป็นทางการเพื่อส่งตัวแบงค์ให้กลับมาอยู่กับท็อปเหมือนเดิม ตลอดทั้งอาทิตย์เขารู้สึกน้อยใจทุกครั้งที่เดินผ่านแบงค์และต้องเห็นกายเป็นคนยืนอยู่ข้างๆแทนเขา อีกทั้งยังมีเรื่องของความสัมพันธ์กับปลาคาร์พอีก เขารู้สึกไม่สบายใจนักเมื่อรู้ว่าจริงๆแล้วเขาไม่ได้ฝันไปอย่างที่คิดและปลาคาร์พเป็นคนทำรักให้เขาจริงๆต่างหาก เขาไม่กล้าแม้แต่จะเสี่ยงถามเพื่อนออกไปตรงๆ จึงได้แต่ทำเป็นลืมๆไป แสร้งทำตัวเป็นปกติ ปลาคาร์พดูจะระแวงท็อปเหมือนกันแต่ในเมื่อต่างคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา กิจวัตรประจำวันจึงดำเนินต่อไปตามปกติ

“วันนี้มึงก็ต้องกลับไปไหนมาไหนกับไอ้แบงค์เหมือนเดิมแล้วดิ” ปลาคาร์พพูดขึ้นเมื่อทั้งสองกำลังเดินไปที่ห้องสมุดที่ทั้งสองชอบไปเมื่อถึงคาบว่างระหว่างสัปดาห์

“คิดมากน่ามึง มึงเรียนห้องเดียวกับกู กูก็ต้องไปไหนมาไหนกับมึงเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วป่าววะ แค่ตอนเย็นเท่านั้นแหละ”ท็อปบอกไม่สบสายตาเพื่อน “ยังไงมึงก็เป็นเพื่อนกู กูไม่ทิ้งมึงไปไหนหรอก”

ทั้งสองเดินเข้าไปนั่งหลบมุมอ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆชั้นหนังสือหมวดหนังสือทั่วไป ท็อปตั้งใจจะมาหาที่งีบหลับตรงมุมลับสายตา ส่วนปลาคาร์พก็จะมานั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆอย่างที่เคยทำ เมื่อถึงที่หมายแล้วท็อปจึงค่อยๆนั่งเหยียดขาพิงกำแพงหลับตางีบ ปลาคาร์พจึงหยิบหนังสือที่น่าสนใจใกล้ๆขึ้นมาอ่านเล่นฆ่าเวลา

เมื่อท็อปเริ่มหลับตาไปสักพัก ก็เริ่มเข้าสู่ภวังค์หลับ เพราะตลอดอาทิตย์ที่แล้วเขาไม่ค่อยจะได้นอนหลับสนิทเท่าไร เพราะมัวแต่มาคิดเรื่องของแบงค์และยังมีเรื่องปลาคาร์พแทรกเข้ามาทำให้เขารู้สึกกังวลว่าจะเข้าหน้าเพื่อนไม่ติด เขาจึงถือโอกาสใช้คาบว่างนี้เป็นเวลาพักผ่อน ปลาคาร์พหันหน้ามามองเพื่อน ริมฝีปากสีชมพูของท็อปเผยอออกน้อยๆทุกครั้งที่เขานอนหลับ ท็อปเป็นคนหายใจเข้าทางปากด้วยเสมอเวลานอนหลับ เป็นสิ่งหนึ่งที่เขาสังเกตเพื่อนมาตลอดเวลาที่ได้มีโอกาสนอนหลับข้างๆกัน ริมฝีปากนี้ที่ปลาคาร์พอยากจะได้ลองลิ้มรสสักครั้ง ริมฝีปากที่เขาปรารถนามาตลอด เขาเขยิบกายเข้าไปใกล้ๆ เพราะเห็นว่าท็อปกำลังหลับสนิท กลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นโคโลญจน์อ่อนๆประจำตัวของท็อปลอยเตะจมูกขึ้นมาทำให้หัวใจของปลาคาร์พเต้นระรัว เขาค่อยๆเขยิบกายเข้ามาใกล้หน้าของท็อปอย่างช้าๆ

“จ๊ะเอ๋” เสียงหวานประธานนักเรียนสาว ร้องทักขึ้น ทำเอาทั้งปลาคาร์พและท็อปที่กำลังหลับอยู่สะดุ้งโหยงขึ้นมาทันที”มาแอบทำอะไรกันสองคนตรงนี้อีกแล้วนะ”

“เฮ้ย...อะไรของหวานเนี่ย อุตส่าห์กำลังหลับได้ที่เลย” ท็อปร้องบอกรีบเอามือเช็ดน้ำลายที่เหมือนกำลังจะไหลออกมาจากปาก

“คาบว่างปกติเธอชอบไปขลุกที่ห้องปกครองนี่นา ไหงวันนี้ถึงโผล่มาห้องสมุดล่ะ?” ปลาคาร์พถามเลิกลั่ก กลัวว่าหวานอาจจะโผล่เข้ามาเห็นเขาตอนพยายามจูบท็อปเมื่อสักครู่นี้

“เรามาตามหาท็อป” เธอพูด เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นมา

“จะเอาอะไรกับเราอีกล่ะ” ท็อปถาม หรี่สายตา ขมวดคิ้วส่งให้เพื่อน เขาไม่เคยจะไว้ใจหวานเท่าไรนับตั้งแต่เรื่องที่หวานทำกับแบงค์เมื่อหลายเดือนก่อน “จะมาขออะไรแผลงๆล่ะก็ไม่เอาด้วยแล้วนะ”

“เราอยากมาขอโทษ...” เธอตอบพร้อมกับยื่นกล่องข้าวที่ใส่ขนมเค้กช็อกโกแลต อบสดมาให้ “อย่าให้ใครเห็นนะว่าเราเอาเข้ามาในห้องสมุด”

“เฮ้ย...ไม่กิน ไม่ชอบกินเค้ก” ท็อปรีบปฏิเสธทันควันแบบไม่รักษาน้ำใจเพื่อนเลยสักนิด “อีกอย่างมาขอโทษเราเรื่องอะไร”

“ก็คราวก่อนที่ร้านโจ๊ก เราพูดไม่ดีกับท็อปเอาไว้ เราเลยอยากมาไถ่โทษ เราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ท็อปโกรธ เราแค่ไม่อยากให้คนมองเด็กโรงเรียนเราไม่ดีก็แค่นั้นเอง” หวานบอก “ช่วยรับไว้หน่อยเถอะ เราอุตส่าห์ทำกับมือเลยนะ”

“เราไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะ คนมันโมโหก็คือโมโห ไม่เห็นต้องเกี่ยวอะไรกับชื่อเสียงโรงเรียน มันเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลนะหวาน” เขาพูด แล้วหันมามองกล่องขนมอย่างระแวงนิด ๆ “แอบใส่อะไรแปลกๆลงไปรึเปล่า” เขาถาม

“ใส่แต่ใจเท่านั้นแหละ ก้อนนี้ ทำสุดฝีมือเลยล่ะ” หวานบอก “เราก็เคยบอกท็อปตลอดนี่นา ว่าเราคิดยังไงกับท็อป”
ท็อปหันหน้ามามองปลาคาร์พพลางถอนหายใจ ปลาคาร์พทำเป็นก้มลงไปอ่านหนังสือต่อ ยิ้มที่มุมปากน้อยๆ

“อือ เอามาก็ได้” ท็อปบอก ยื่นมือออกมารับ “แน่ใจนะว่ากินแล้วไม่อ้วกออกมา” ท็อปแซว แล้ววางกล่องเค้กลงข้างตัว จากนั้นจึงหันกลับไปเอนตัวพิงผนังต่อ “ไม่มีอะไรแล้วใช่ปะ งั้นเราขอนอนต่อ”

หวานยิ้มหน้าระรื่น เพราะในที่สุดท็อปก็ยอมรับของๆเธอเอาไว้บ้างแล้ว เมื่อเห็นว่าท็อปกลับไปหลับต่อและหวานกำลังเดินจากไป ปลาคาร์พรีบลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงเดินไปหาหวานที่กำลังจะเดินออกจากห้องสมุด เรียกหวานเพื่อรั้งตัวเอาไว้ก่อนที่เธอจะเดินไปไกล

“เดี๋ยวก่อนหวาน เราขอคุยอะไรด้วยหน่อย” ปลาคาร์พทัก

“ได้สิ เรื่องอะไรล่ะ?” หวานถามกลับ หันหน้ามามองเพื่อน

ปลาคาร์พหันหลังเหลียวมาดูว่าท็อปยังคงหลับอยู่ตรงมุมเดิมของห้องสมุดหรือเปล่า “เรามีเรื่องอยากถาม ไม่รู้ว่าหวานพอจะบอกเราได้ไหม?”

“ว่ามาสิถ้าเรารู้ก็จะตอบนะ” หวานบอก มองหน้าคาร์พอย่างสงสัย

“เราอยากรู้ว่าทำไมหวานถึงชอบท็อปขนาดนี้ เราเห็นเธอตามมันมาตั้งแต่อยู่ม.1 แล้วยัน ม.5 เธอก็ยังไม่เลิกตื๊อ เธอก็ไม่ใช่คนหน้าตาขี้เหร่นะหวาน คนมาจียเธอก็ใช่ย่อย เราว่าคนอย่างเธอหาแฟนเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ไอ้ท็อปน่าจะง่ายกว่าไหม?” เขาถามตรงๆ บอกเจตนาของตนเองชัดเจน

“มันเป็นเรื่องความหลังฝังใจมากกว่าน่ะ คาร์พ เราไม่ใช่เป็นคนรักง่ายหน่ายเร็วเหมือนท็อปมันหรอกนะ” หวานเกริ่น “ตอนสมัยที่เราเพิ่งเข้าม.1 ตอนวันปฐมนิเทศน์ถ้าคาร์พจำได้ เขาจะแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่มๆใช่ไหม ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่เราได้เจอท็อป” หวานเล่า ส่วนปลาคาร์พก็ยืนนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา “ท็อปเขาวิ่งเล่นในโรงเรียนนี้มานานแล้ว ก็เลยรู้มากไปหมด เขาคอยสอนอะไรหลายๆอย่างให้เรา เราเลยค่อนข้างประทับใจ” 

“มีอยู่ครั้งนึงตอนที่เราขึ้นรถเมล์สาย 8 เรากำลังขึ้นรถอยู่แต่รถมันรีบขับออกไปโดยไม่ทันได้ดูว่าเรายังขึ้นไม่เรียบร้อย เราเกือบจะหล่นลงมาจากรถแล้วนะ แต่สงสัยชะตาเรายังไม่ถึงฆาตมั้ง พอดีว่าท็อปอยู่ในรถคันนี้ด้วย แล้วเขาเห็นเราเข้าเลยกระโจนออกมาคว้าแขนเราไว้ได้ทัน หัวใจเราแทบจะหล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม คิดว่าตัวเองกำลังจะตายซะแล้วด้วยซ้ำ แล้วเขาก็ดึงตัวเราเข้ามาในรถ แล้วก็โวยวายด่าโชเฟอร์ใหญ่เลยว่าเกือบทำเราตายแล้ว กระเป๋ารถเมล์เลยไล่พวกเราสองคนลงจากรถเพราะท็อปเหวี่ยงใส่ทั้งกระเป๋ารถเมลล์แล้วก็ด่าใส่คนขับรถเสียๆหายๆเลยแหละ” หวานเล่าให้ฟังถึงความหลัง “วันนั้นเราสองคนเลยมาโรงเรียนสายเลย หลังจากนั้น พ่อท็อปก็เลยออกมอเตอร์ไซค์มาให้ท็อปใช้ขับไปโรงเรียน จะได้ไม่ต้องเสี่ยงขึ้นรถเมลล์ อีกอย่างจากซอยบ้านท็อปมาโรงเรียน ขับมอไซค์เลาะไปตามซอยเล็กๆ น่าจะปลอดภัยกว่าปล่อยให้เขานั่งรถเมลล์ละมั้ง”

“หวานจะบอกว่าเพราะอย่างนี้ ก็เลยปลื้มท็อปมันว่าเขาเป็นคนช่วยชีวิตเธอไว้ ว่างั้นเหอะ” ปลาคาร์พพูดอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ยังกะละครแน่ะ”

“ก็ไม่เชิง ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เราไม่เคยเจอใครกล้า แล้วก็มีความเป็นตัวของตัวเองแบบท็อปมาก่อน เราว่ามันน่าหลงใหลและมีเสน่ห์ดี” หวานพูดยิ้มๆ “เราเห็นเขาคบคนนั้นคนนี้มาเยอะแล้ว แต่เขาไม่เคยจะสนใจเราสักครั้งเลย เราก็เลยอยากลองพยายามดูบ้าง”

“ดีแล้วล่ะที่ไม่อยู่ในวงโคจรของมันน่ะ” ปลาคาร์พบอก “ก็เห็นๆกันอยู่มันรักง่ายหน่ายไวยิ่งกว่าใช้กระดาษทิชชูอีกนะ ถ้าเธอไปคบมันก็มีหวังเตรียมรอวันโดนทิ้งอยู่ดี ตัวอย่างก็มีออกถมถืด ถึงท็อปมันจะหล่อแต่เข้ากับใครไม่ค่อยได้ง่ายๆหรอกนะ นิสัยมันน่ะ” เชาเสริมอย่างมีเหตุผล

“เรื่องนั้นเราก็รู้ดีนะ แต่เราก็อยากจะลองดูสักตั้งว่าจะทำให้เขารักเราได้มากแค่ไหน ดีกว่าอยู่เฉยๆไปเรื่อยๆ ยิ่งตอนนี้เหมือนท็อปจะไปชอบรุ่นน้องที่ชื่อแบงค์อีก เราเจ็บใจก็ตรงนี้แหละ” หวานพูด ถอนหายใจอย่างคนหมดแรง “มันใช่เรื่องไหมล่ะ ที่จู่ๆท็อปจะไปคบกับผู้ชาย”

ปลาคาร์พเงียบมองหน้าหวานพลางครุ่นคิด “เอางี้ไหมล่ะ เราจะช่วยเธอก็แล้วกัน”

“หืม? ช่วยอะไรเหรอ?” หวานถาม สงสัยข้อเสนอที่เขายื่นให้

“เราจะช่วยให้ท็อปหันมาคบเธอแทนไอ้เด็กแบงค์ ม.4 คนนั้น จะลองดูไหมล่ะ?” เขาพูด

“จริงเหรอ แล้วมันจะได้ผลเหรอ เหมือนท็อปเขาไม่ค่อยจะชอบหน้าเราสักเท่าไรเลย ยิ่งหลังๆมานี้เขายิ่งแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากเจอเรามากๆ เราก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้เขาไม่ชอบนักหนา” หวานตัดพ้อ “เราก็ทำดีให้ทุกอย่างแล้วนะ”

“เรารู้จักท็อปมันดีที่สุด เพราะเราอยู่กับมันมาแต่เล็กแต่น้อย นิสัยมัน เรารู้ดีทุกอย่าง ถ้าเธอไว้ใจเรา ก็ทำตามอย่างที่เราบอกทุกอย่างก็แล้วกัน งานนี้อาจจะต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวกันบ้าง แต่ถ้าจะให้ไล่ไอ้เด็กนั่นไปไกลๆก็อาจจะต้องงัดไม้ตายมาสู้ล่ะวะ” ปลาคาร์พบอก

“หมายความว่ายังไง คาร์พ ถึงขั้นเปลืองเนื้อเปลืองตัวเลยเหรอ? จะให้เราทำอะไร?”หวานบอกสีหน้าหวั่นๆ

“อย่าคิดเยอะ ... ยังไงเธอก็ชอบไอ้ท็อปมันเต็มเปาอยู่แล้วนี่ ถ้าต้องโดนถึงเนื้อถึงตัวนิดๆหน่อยๆ เธอคงไม่ถือหรอกมั้ง” คาร์พพูดเยาะ ๆ “ขอบอกนะว่าท็อปมันไม่ใช่ย่อยๆนะเว้ย”

หวานหน้าแดงขึ้นมา “บ้า พูดอะไรเนี่ย คาร์พ ทะลึ่งที่สุดเลย”

“ว่าแต่สนใจจะร่วมมือไหมล่ะ? ถ้าเอาล่ะก็ ไว้มาคุยแผนกันวันหลัง” ปลาคาร์พบอก

“ก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว งั้นเราตกลงก็แล้วกัน แต่ต้องมาปรึกษากันก่อนนะคาร์พวาจะทำอะไรน่ะ ถ้าเราโอเคจะถือว่าเริ่มปฏิบัติการได้นะ” หวานพูด มองเพื่อนอย่างมีความหวัง

“ได้ แล้วแต่ท่านประธานเลยก็แล้วกัน” ปลาคาร์พบอกแล้วจึงแยกกัน หวานก็รีบกลับไปที่ห้องปกครองอย่างเดิม ส่วนเขากลับมาที่มุมเดิมซึ่งตอนนี้ท็อปยังคงนอนหลับพิงเสาสบายใจเฉิบ ปลาคาร์พจึงทรุดกายลงนั่งใกล้ๆ จากนั้นก็หันหน้ามามองเพื่อนที่หลับไม่รู้อิโหน่อิเหน่ถึงชะตากรรมของตนเองที่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า “ขอโทษนะเว้ย ท็อป ยังไงกูก็จะไม่มีวันยกมึงให้ใครไปเหมือนกัน โดยเฉพาะไอ้เด็กม.4นั่น จะแย่งมึงไปจากกูไม่ได้” เขาพึมพำอยู่ในใจ

===============================================

ท็อปจ้องมองนาฬิกาของตัวเองตลอดคาบเรียนสุดท้ายของวัน คาร์พมองพฤติกรรมอยู่ไม่สุขของเพื่อนจนอดนรนทนไม่ได้  ต้องพูดออกมาในที่สุด “นี่มึงจ้องนาฬิกาเป็นรอบที่ร้อยแล้วมั้งเนี่ย ตั้งแต่บ่ายสามมา”

“ก็กูตื่นเต้นนี่หว่า” ท็อปบอก “กูรอคอยวันนี้มาทั้งอาทิตย์ กูก็อยากให้มันเลิกไวๆ”

“มึงก็สนใจแต่ไอ้แบงค์มัน หัดตั้งใจเรียนหน่อยเหอะ มึงจะเกรดตกเพราะเรื่องพวกนี้ไม่ได้นะเว้ย พ่อมึงเอาตายแน่” ปลาคาร์พขู่ เขาไม่พอใจนักยิ่งเห็นท็อปแสดงอาการอย่างออกนอกหน้าว่าจะได้เจอแบงค์แบบนี้

“มึงหึงกูอะดิ ไอ้คาร์พ” ท็อปพูดหันหน้ามามอง ขมวดคิ้วจ้องเข้าไปในดวงตาสีดำของเพื่อนสนิท คาร์พรีบหลบสายตาของท็อป กลืนน้ำลาย แล้วรีบทำเป็นพลิกหน้าหนังสือที่กำลังเปิดดูอยู่ ไม่ตอบอะไร

ท็อปจึงหันกลับไปจดจ่ออยู่กับงานของตัวเอง เมื่อไร้วี่แววการโต้ตอบจากเพื่อน
เมื่อออดดังขึ้นบอกเวลาเลิกเรียน เขารีบเก็บทุกอย่างยัดลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว แล้วเตรียมพุ่งออกจากห้องเรียนราวกับนินจา

“เย็นนี้กูขอไปทำธุระของกูนะเพื่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่” ท็อปบอกเมื่อตนเองสะพายกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่งยิ้มแฉ่งหน้าระรื่นมาให้ “มึงมีเบอร์ใหม่กูแล้วนะ โทรมาละกัน” จากนั้นก็รีบวิ่งไปยังโรงอาหารที่เขานัดแบงค์กับกายเอาไว้

ปลาคาร์พมองตามเพื่อนที่วิ่งออกไป พลางถอนหายใจ “มึงก็สนใจแต่ตัวเอง มึงไม่เคยสนใจกูสักนิดว่ากูแคร์มึงแค่ไหนนะ ไอ้ท็อป” เขาพึมพำ

แบงค์แยกตัวกับเพื่อนๆแล้วรีบเดินมารอทั้งพี่กายและพี่คาร์พที่โรงอาหารโล่ง ๆ นักเรียนหลายคนมักใช้ที่นี่เป็นจุดนัดพบเมื่อถึงเวลาเย็นหรือตอนเที่ยง เขาถอดเป้ลงแล้วนั่งรอ มองเหล่านักเรียนเดินผ่านไปมา สายตาก็ไปเจอพี่ท็อปวิ่งห้อมาจากมุมอาคารเรียนแล้วหยุดยืนชะเง้อมองหาว่าแบงค์อยู่ตรงไหน

“พี่ท็อป” แบงค์ยกมือเรียก จนพี่ท็อปหันมาเห็นแล้วรีบเดินมาหา

“คู่แข่งพี่ล่ะ มายัง?” พี่ท็อปถามเมื่อเจอหน้าแบงค์

“เดี๋ยวก็คงมาแล้วแหละพี่ท็อป พี่กายเขาไม่ค่อยผิดเวลาเท่าไรหรอก” แบงค์บอก ท็อปพยักหน้าเชิงรับรู้แล้วนั่งลงข้างๆแบงค์ หันหน้ามาจ้องแบงค์เขม็งแต่กลับไม่พูดอะไร

“เป็นอะไรของพี่เนี่ย มาถึงก็นั่งมองหน้า” แบงค์หันหน้ามามองหน้าพี่ท็อปงงๆ “จะดูสิวเหรอ หรือว่าอะไร?”

“เปล่า พี่แค่ ไม่ได้มองหน้าแบงค์ชัดๆมาตั้งอาทิตย์ ขอมองนานๆได้ไหม? ชดเชยเวลาที่หายไป” พี่ท็อปบอก
แบงค์เอามือผลักหัวพี่ท็อปแบบเขินๆ “บ้าว่ะ พี่ท็อป มาถึงก็เล่นมุขใส่เลย ทีวันก่อนขอกอดยังไม่ยอมให้กอดนะ แบงค์ยังจำได้นะ”

ท็อปหัวเราะร่าอย่างมีความสุข “อะ ให้กอดได้ละ มาดิ” เขาพูด อ้าแขนรอ

“ไม่อยากละ ไม่มีรมณ์” แบงค์พูด เบือนหน้าไปทางอื่น “ตอนนี้เหม็นเหงื่อพี่ท็อป ไม่อยากได้กลิ่น จะอ้วก”

“แน่ะ ทำเป็นพูด” ท็อปแซวแล้วกระโจนเข้าจี้เอวรุ่นน้องแบบไม่ทันตั้งตัว

ทั้งคู่กำลังหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานพอดีกับที่พี่กายเดินเข้ามาหา “เล่นกันสนุกใหญ่เลยนะ” เขาทักขึ้นมา

“อ้าว พี่กายมาแล้วเหรอครับ?” แบงค์ทัก ส่วนท็อปก็เลิกแหย่แบงค์ทันที

“เวลามันผ่านไปไวเหมือนกันเนอะแต่ละวัน” พี่กายบอกมองหน้ารุ่นน้องทั้งสองคน

“แบงค์สนุกมากเลยนะครับ ที่ได้ใช้เวลาอยู่กับพี่กาย แบงค์ไม่เคยมีพี่ชายที่คอยสอนนั่นสอนนี่ ช่วยสอนการบ้าน ช่วยพาไปเที่ยว

ที่นั่นที่นี่ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆเยอะเลยจากพี่กาย ขอบคุณมากนะครับพี่กายที่สละเวลามา” แบงค์พูดขอบคุณ

“พี่ต่างหาก ที่ต้องขอบคุณแบงค์ ทุกวันเป็นวันดีของพี่มากๆเลยนะ ได้เที่ยวเล่นกัน ได้แลกเปลี่ยนความคิดกัน พี่หายเหงาไปได้เยอะเลย นับแต่อาทิตย์นี้ พี่อาจจะเหงาขึ้นมาบ้าง แต่วันจันทร์หน้า เราจะได้มาตัดสินกันอย่างเป็นทางการ ว่าแบงค์จะเลือกยังไง” พี่กายบอก หันหน้ามามองท็อป “ถึงตานายบ้างแล้วนะ ท็อป”

“ผมไม่ยอมแพ้พี่หรอกครับพี่กาย” ท็อปพูด สีหน้าจริงจัง “ของๆผมยังไงก็ต้องเป็นของๆผมวันยังค่ำ” พูดเสร็จท็อปก็คว้ามือแบงค์ไปกุมไว้ เหมือนเด็กหวงของเล่น

กายหัวเราะเบาๆ แล้วหันมายิ้มให้แบงค์ “งั้น พี่ไปก่อนนะ ไว้อีกอาทิตย์นึง เรามาสรุปผลกัน ระหว่างนี้ก็มีปัญหาอะไรก็ยังคุยได้ปกตินะ”

“ครับ พี่กาย” แบงค์ตอบ แล้วพี่กายก็โบกมือลาก่อนจะเดินจากไป

“พี่ท็อปเนี่ยเล่นอะไรไม่รู้เรื่องเลย” แบงค์พูด ชกไหล่พี่ท็อปเบาๆ “ก่อเรื่องให้ตัวเองยังไม่พอแล้วยังมาทำให้แบงค์รู้สึกไม่ดีไปด้วยอีก”

“ทำไมล่ะ ก็มันดันคิดออกตอนนั้นนี่หว่า ใครใช้ให้ไปนั่งกินข้าวอยู่กับเขาล่ะ” ท็อปอ้างเหตุผล

“ทำแบบนี้ก็เหมือนให้ความหวังพี่กายเขาชัดๆเลยนะพี่ น่าสงสารออกนะ” แบงค์บอก

“นั่นไง นั่นไง หมายความว่าแบงค์เลือกพี่แล้วใช่ไหม ?” ท็อปแซว แหย่จมูกแบงค์
แบงค์ยิ้มออกมาน้อยๆ แล้วคว้ามือพี่ท็อปที่กำลังแหย่หน้าของตนเอาไว้ “ก็ไอ้นิสัยแบบนี้เนี่ยแหละ ทำให้หลงจนโงหัวไม่ขึ้นสักที อีกอย่างนะพี่ แบงค์สัญญาอะไรไว้ แบงค์ไม่เคยลืมหรอกนะ คนที่แบงค์รักมีคนเดียว ถึงเขาจะงี่เง่าแต่จริงๆเขาก็เป็นคนดีนะ” เขาบอกเขิน ๆ

“งั้น เย็นนี้จัดเลยไหม ที่รัก คนงี่เง่าคนนี้ไม่ได้ปล่อยมาเป็นอาทิตย์แล้ว” พี่ท็อปพูดเรื่องอย่างว่าออกมาเหมือนกับเป็นเรื่องปกติ

“จะบ้าเรอะ...มาถึงก็พูดเรื่องแบบนี้เลยเนี่ยนะ ฝันไปเหอะ ไปพิจารณาตัวเองมาใหม่ก่อนเลยว่าสองอาทิตย์ที่ผ่านมาก่อเรื่องอะไรไว้มั่ง แล้วค่อยมาว่ากันใหม่” แบงค์บอก จากนั้นจึงสะพายเป้แล้วลุกขึ้นยืน “แบงค์จะกลับบ้านแล้วนะ จะไปส่งไหม?”

“อย่าว่าแต่ไปส่งเลย พี่จะไปนอนบ้านแบงค์ด้วย คืนนี้” ท็อปบอก

“ใครอนุญาตแล้วไม่ทราบ เจ้าของบ้านยังไม่ได้บอกเลยว่าให้มานอน ถือวิสาสะตลอด” แบงค์บอกมองหน้าพี่ท็อป ขมวดคิ้วใส่

“น่านะ ขอนอนกอดทั้งคืนก็ยังดี นะนะ แบงค์นะ” ท็อปบอก เอามือเขย่าแขนเสื้อของแบงค์ ส่งเสียงอ้อนวอน

“รีบไปเอารถมาเลยพี่ท็อป เดี๋ยวนี้” แบงค์ตะโกนใส่ ทำท่าจะชกเข้าที่หน้าอกพี่ท็อป แต่พี่ท็อปก็ไหวตัวหลบไปได้หวุดหวิด

“โอเค ไปเอารถก่อนนะ เดี๋ยวมารับ ไปรอพี่ที่หน้าโรงเรียนเหมือนเดิมเลย” ท็อปบอกแล้วรีบวิ่งไปที่โรงจอดรถของโรงเรียน ด้วยสีหน้ามีความสุขที่สุด
ต่อจากนี้เขาจะได้กลับมาใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับคนที่เขารักเหมือนเดิมแล้ว ท็อปคิดแล้วล้วงมือหากุญแจในกระเป๋ากางเกงแล้วรีบไขกุญแจ

ปลาคาร์พยังคงจ้องมองทั้งคู่จากบนอาคาร แม้จะไม่ได้ยินบทสนทนาของบุคคลทั้งสามแต่ดูจากพฤติกรรมแล้ว ท็อปดูจะมีความสุขขึ้นมากโขทีเดียวที่ได้กลับมาอยู่กับแบงค์เหมือนเดิม เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหาเบอร์ที่เก็บเอาไว้ แล้วรีบกดโทรออก

“หวาน...เย็นนี้ไปหาอะไรกินกันไหม?” ปลาคาร์พถามทันทีที่ปลายสายตอบรับ

จบบทที่ 19 (บทที่ 20 จะมาในวันจันทร์ที่ 16/03/2015 นะครับ วันนี้แอบมาช้าไปหน่อยโทษทีครับ พอดีไปดูเพื่อนๆร้องเพลงที่จุฬางาน  Art Music Fest เลยกลับมาซะดึกเบย)

** นอกจากเรื่องรุ่นพี่ที่รักเรื่องนี้แล้ว ผมขอฝากทุกท่านเจียดเวลาไปอ่านเรื่องใหม่ของผมเรื่อง เพื่อนผมเป็นผู้วิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45761.0) กันหน่อยนะคัรบ ไปช่วยกันเจิมนิดนึง เรื่องใหม่จะออกแนวแฟนตาซีหน่อยๆ อาจจะไม่ได้ดราม่าเหมือนเรื่องนี้ ยังไงฝากทุกท่านไว้อีกเรื่องนะครับ ^^**
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 19 13/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-03-2015 01:24:21
อีหวานกะอีคาร์พร่วมมือกัน ตายๆๆๆ แบงค์กะท๊อปแย่แน่ๆๆๆ เฮ้อออออ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 19 13/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมถ้วยฟู ที่ 14-03-2015 18:39:16
เพิ่งเริ่มตามเข้ามาอ่านค่ะ...ลุ้นต่อไปว่าจะเป็นยังไงต่อ อ๊าาาาาา  :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 19 13/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 14-03-2015 22:51:36
 :m16: ท๊อปกับแบงค์อาจเลิกลากันอย่างจริงจังได้เลย เมื่อเจอคาร์พกับหวานรวมพลังทำลายความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ลุ้นเอาใจช่วยท๊อปกับแบงค์
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 19 13/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 16-03-2015 00:03:26
 :angry2: กรูเกลียดเมิง อีปลาคาร์พ อีปลาชโด (แรงส์)  :3125:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 20 16/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 16-03-2015 20:45:42
บทที่ 20
ฮอร์โมน ชนวนระเบิด
                       
                                             
“อ้าปากดิ เดี๋ยวพี่ป้อนให้” ท็อปบอกเมื่อทั้งสองนั่งดูหนังอยู่ที่บ้านของแบงค์ด้วยกัน ในตอนเย็นวันพุธ ช่วงปลายสัปดาห์ตั้งแต่คืนนี้จนถึงวันเสาร์ แม่ไปสัมมนากับทีมงานธุรกิจของเขา จึงปล่อยให้แบงค์ดูแลความเรียบร้อยต่างๆในบ้านเอง พี่ท็อปเลยฉวยโอกาสนี้ทำแต้มกับแบงค์อย่างต่อเนื่อง เพื่อกันไม่ให้แบงค์เขวไปหวั่นไหวกับพี่กาย

“ไม่เอาแล้ว ไม่อยากกินแล้ว จะดูหนัง” แบงค์บอกปัดมือพี่ท็อปออกไป “พี่ท็อปอย่ากวนดิ เวลาดูหนังอะ นี่มันหนังอาร์ตนะพี่ ต้องใช้สมาธิ”

“โถ่ ก็มันน่าเบื่อนี่นา แบงค์ไม่หาหนังบู๊ๆ มันๆมาดูมั่งล่ะ มีแต่หนังอะไรก็ไม่รู้พี่ดูแล้วจะหลับ” ท็อปบอกแล้วยัดมันฝรั่งทอดกรอบเข้าปากตัวเองแทน

“พี่ก็ดูแต่หนังแบบนั้น ถึงได้รักความรุนแรง” แบงค์บอกดุ ๆ “ดูหนังแบบนี้ ได้ข้อคิดแถมยังจรรโลงจิตใจเราให้อ่อนโยนด้วยนะ”

ท็อปนิ่ง หันหน้ามามองแบงค์เอือมๆ ก่อนจะก้มลงดูนาฬิกาข้อมือของตนเอง “นี่มันจะ สี่ทุ่มแล้วนะ ไปนอนกันเหอะ”

“เดี๋ยวก่อนดิพี่ อีกครึ่งชั่วโมงก็น่าจะจบแล้ว” แบงค์บอก รีบแย้งเพราะเขามักจะดูหนังรวดเดียวจนจบ ไม่ดูแบบค้างๆคาๆ เพราะจะทำให้ไม่ปะติดปะต่อ

ท็อปขยำถุงขนมที่กินจนหมดแล้วปาไปใส่ลงถังขยะที่วางอยู่ใกล้ๆจอทีวีพอดี “สุดยอด ชู้ตแม่นชะมัดเลย” เขาร้องออกมา พยายามเรียกร้องความสนใจจากแบงค์ ส่วนแบงค์ก็หันหน้ามามองพี่ท็อปเบื่อ ๆ แล้วก็เขยิบตัวไปหยิบหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะที่แม่อ่านทิ้งไว้ใกล้ๆโซฟามายื่นให้พี่ท็อป

“เอ้า อ่านรอแบงค์ไปนะ ถ้าพี่เบื่อ” เขายื่นให้ พี่ท็อปก็รับไปแล้วรีบเอนตัวมาหนุนตักแบงค์ทันที ทำท่าจะเปิดอ่าน

“งั้นขอนอนอ่านตรงนี้นะ” พี่ท็อปบอก ส่งยิ้มทะเล้นที่เป็นเอกลักษณ์มาให้

“ไอ้ลิงพี่ท็อป” แบงค์พูด แล้วเอามือไปขยี้แก้มรุ่นพี่ด้วยความหมั่นเขี้ยว “เรียกร้องความสนใจอยู่ได้ ขอดูหนังก่อนอีกสักครึ่งชั่วโมง แป๊บเดียวเอง อดทนหน่อยนะ ลิงท็อป”

“เจ้าหมาน้อยต้องสนใจแต่ลิงท็อปคนเดียวดิ ระหว่างหนังในจอกับหนังสดๆของลิงท็อป ชอบอย่างไหนมากกว่ากันล่ะ” พี่ท็อปพูดหยอก

“ไอ้พี่ท็อป วันๆคิดจะพูดแค่เรื่องเดียวใช่ไหมเนี่ย” แบงค์โวยวาย เอามือตบหน้าผากรุ่นพี่เบาๆ

“โอ๊ย เจ็บนะ ทำแบบนี้เดี๋ยวหน้าผากพี่เหี่ยวหมด” ท็อปร้อง “เดี๋ยวพี่เอาคืนนะ ทำพี่เจ็บอะ”

“กลัวจังเลย แบงค์กลัวแล้ว” แบงค์พูดประชด แล้วท็อปก็ลุกขึ้นฟัดต้นคอแบงค์อย่างเอาเป็นเอาตายบนโซฟาที่นั่งดูหนังกันโดยที่แบงค์ไม่ทันตั้งตัว “เฮ้ย พี่ท็อป ไม่เอาแล้ว จักจี้ ยังดูหนังไม่จบเลย จะดูรู้เรื่องไหมเนี่ยเอาแต่แกล้งแบงค์”

“พี่อั้นมาตั้งอาทิตย์ก่อนแล้วนะ นะ ขึ้นห้องกันเหอะ” ท็อปอ้อนวอน หันมาจ้องหน้าแบงค์แทน

“พี่ท็อป” แบงค์เรียก ถอนหายใจออกมาดังๆ “พี่ท็อปรักแบงค์จริงๆหรือเปล่าเนี่ย ?”

“อ้าวทำไมถามงี้อะ ?” ท็อปถามอย่างงงๆ “ถ้าไม่รักพี่จะมาอยู่กับแบงค์แบบนี้ทำไมล่ะ ?”

“ความรักมันไม่เกี่ยวกับการได้ทำเรื่องอย่างว่าหรอกนะพี่ท็อป มันมีอะไรตั้งเยอะที่เราจะได้เรียนรู้กัน เรื่องพวกนั้นให้มันเป็นเรื่องขนมหวานมากกว่าจะเป็นอาหารจานหลักจะดีกว่าไหม แบงค์กลัวว่าพี่จะรักมันมากกว่าที่จะรักแบงค์จริงๆ” แบงค์บอก

ท็อปสะอึกกับประโยคที่แบงค์พูดออกมา จริงอยู่ที่เขารักแบงค์และก็จริงอีกเหมือนกันที่เขายิ่งอยู่ใกล้แบงค์เหมือนมีแรงดึงดูดให้เขาอยากใกล้ชิดรุ่นน้องคนนี้มากขึ้นๆเรื่อยๆตลอดเวลา เขาจึงค่อยๆผละออกจากรุ่นน้องแล้วกลับไปนั่งตามปกติ

“ขอโทษนะแบงค์ ที่ทำให้รู้สึกไม่ดี” ท็อปพูด

“ถ้าพี่อยากจะทำคะแนนกับแบงค์น่ะ ไม่ต้องมีอะไรกันสักอาทิตย์ได้ไหมล่ะ ? แบงค์อยากรู้ว่าพี่จะทนได้ไหม?” แบงค์พูด “ถ้าพี่รักแบงค์จริง ก็ต้องทนให้ได้”

ท็อปหันหน้ามามองแบงค์อีกครั้งแล้วก็ลุกเดินจะขึ้นไปบนห้อง

“อย่าโกรธแบงค์นะพี่ท็อป” แบงค์พูดไล่หลังไป

“อืม ไม่โกรธๆ พี่ง่วงละ ขอไปนอนเลยก็แล้วกัน” พี่ท็อปตอบแล้วจึงเดินปรี่ขึ้นห้องนอนไป อารมณ์พี่ท็อปเปลี่ยนไวแบบนี้แบงค์รับรู้ได้ทันทีว่าพี่ท็อปต้องงอนเขาอีกแน่ ๆ เมื่อเห็นท่าไม่ดีแบงค์จึงรีบปิดทีวี แล้วปิดไฟห้องนั่งเล่นจากนั้นจึงรีบตามขึ้นไปที่ห้อง เห็นพี่ท็อปนอนเอามือก่ายหน้าผากหลับตาอยู่บนเตียง

แบงค์จึงค่อยๆล้มตัวลงนอนกอดพี่ท็อปข้างๆ “อย่าโกรธแบงค์นะพี่ท็อป” เขาพูดเบาๆ ท็อปหรี่ตาหันมาดูรุ่นน้องที่กอดเขาอยู่ เขาจึงกอดตอบ แนบกายของตนให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น

“พี่เข้าใจที่แบงค์พูดหมดแหละ ไม่โกรธหรอก” ท็อปบอก “นอนกอดแบบนี้ก็ได้ อบอุ่นดี แอร์เย็นๆ ได้บรรยากาศด้วย”

“ขอบคุณที่เข้าใจนะ” แบงค์เขยิบกายขึ้นไปจุบริมฝีปากพี่ท็อปเบาๆ “ฝันดีนะครับพี่ท็อป กอดแบงค์แบบนี้ไปนานๆนะ”

“ได้ดิ จะกอดไว้ไม่ปล่อยเลยทั้งคืน” พี่ท็อปบอกส่งยิ้มให้ เขาเอื้อมมือไปปิดไฟ แล้วจึงผล็อยหลับตามรุ่นน้องไปด้วยกัน

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:


เช้าวันต่อมาฝนตกแต่เช้า ทำให้แบงค์ต้องรีบกุลีกุจอหาเสื้อกันฝนที่เก็บไว้ในห้องเก็บของให้ตัวเขาและพี่ท็อป การสอบกลางภาคกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้าและการมาถึงของฝนฟ้าคะนองก็เป็นสัญญาณว่าพวกเขาต้องรีบไปให้ถึงโรงเรียนให้เร็วที่สุดก่อนที่ฝนระลอกใหม่จะตกลงมาทำให้ไปลำบากมากกว่าเดิม

“พี่ท็อปสวมฮู้ดกันฝนก่อนแล้วค่อยสวมหมวกกันน็อกนะ” แบงค์แนะนำในขณะที่ทั้งคู่กำลังจัดแจงชุดเสื้อกันฝนให้กันและกัน

“แบบนี้หมวกพี่ก็เปียกเอาน่ะสิ ต้องเอาฮู้ดสวมทับหลังใส่หมวกกันน็อกจะดีหรือเปล่า?” พี่ท็อปถาม

“แบบนั้นถ้าลมเกิดพัดเปิดเสื้อพี่ขึ้นมาก็จะเปียกลงเสื้อนักเรียนเอานะ ทำแบบแบงค์บอกนั่นแหละดีแล้ว” แบงค์แนะนำ แล้วจับพี่ท็อปใส่ฮู้ดก่อนแล้วสวมหมวกกันน็อกทับ

“ดูมันมองไม่ค่อยถนัดเลย” ท็อปบ่น “ฝนนี่ก็ดันมาตกอะไรก็ไม่รู้เอาตอนนี้”

“พี่ท็อป มันก็ตกตามหน้าของมัน ดีแล้วล่ะ จะได้หายร้อนมั่ง” แบงค์บอก จัดแจงชุดของตัวเองจนเรียบร้อย “ไปกันเถอะ”

“เดี๋ยวๆ” ท็อปห้ามแบงค์ไว้ ก่อนที่แบงค์จะเดินออกจากชายคาบ้าน “ขอหอมก่อนไปเรียนหน่อยดิ”

“อะไรของพี่ท็อปเนี่ย ไม่เอา ไปเร็วๆ” แบงค์บอกปัดๆ แต่พี่ท็อปก็ดึงแบงค์ไปกอด

“ขอหอมหน่อยน้า ขอหอมหน่อย” พี่ท็อปอ้อนเป็นเด็กๆ

“แป๊บนึง” แบงค์หันหน้ามามองพี่ท็อป ขำกับพฤติกรรมงอแงของรุ่นพี่แบบนี้ แล้วจึงดึงเอาหมวกกันน็อกของรุ่นพี่ออก “หมวกมันเกะกะ เอ้า อยากหอมก็เชิญ” เขาบอกก่อนจะยื่นหน้าให้พี่ท็อปหอมเสียฟอดใหญ่

“พลังใจเติมเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์  แล้ว ซูเปอร์ท็อป พร้อมออกปฏิบัติการ” พี่ท็อปพูด พลางทำท่าอวดกล้าม จนแบงค์หัวเราะออกมา

“ทำเป็นเด็กป. 4 ไปได้ ไปกันเหอะพี่ เดี๋ยวถ้าเกิดมันตกหนักกว่านี้ เราจะลำบากเอานะ” แบงค์บอก แล้วทั้งสองคนจึงรีบออกจากบ้าน ค่อยๆขับมอเตอร์ไซค์บึ่งไปที่โรงเรียน

วันนี้โรงเรียนเต็มไปด้วยร่มและชุดกันฝน เพราะจนกระทั่งถึงเวลาสายแล้วฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มันตกเรื่อยๆตลอดวันเป็นสัญญาณว่า ฤดูฝนได้เข้ามาเต็มตัวแล้วหลังจากที่ปล่อยให้ร้อนกันอยู่นาน

 “พี่ท็อป ยังไงเดี๋ยวตอนเย็น ส่งข้อความมาบอกแบงค์หน่อยก็ได้นะ ว่าพี่อยู่ไหน จะได้กลับบ้านด้วยกัน” แบงค์บอก เมื่อทั้งคู่มาถึงโรงจอดรถมอเตอร์ไซค์ของโรงเรียน เด็กนักเรียนคนอื่นๆก็ทยอยกันขับรถเข้ามาจอด

“ได้เลย เดี๋ยวพี่ส่งข้อความไปหา โทษทีที่ส่งไลน์ไปหาไม่ได้ ยังไม่ได้ซื้อโทรศัพท์ใหม่เลย ใช้แต่ซัมซุงฮีโร่เนี่ยแก้ขัดไปก่อน” พี่ท็อปบอก ล็อกคอรถของตัวเอง

“พ่อพี่ท็อปรู้ไหมเนี่ยว่าพี่ท็อปมานอนกับแบงค์ ?” แบงค์ถาม

“ก็คงรู้มั้ง พี่แค่บอกว่าไปนอนบ้านเพื่อน แต่พ่อพี่ไม่สนใจหรอก อย่าคิดมากเลย คืนนี้ก็จะไปนอนอีก แต่เดี๋ยวพี่กะว่าตอนเย็นจะไปเอาเสื้อที่คอนโดก่อนแล้วเดี๋ยวมานอนด้วยนะ” พี่ท็อปบอก ยิ้มให้อย่างร่าเริง

“วันนี้พี่มีเรียนพละยังไงก็อย่าเดินตากฝนนะพี่ ตอนเดินไปเรียนที่โรงยิม ไม่อยากให้พี่เป็นหวัด” แบงค์บอก

“เป็นห่วงพี่เหรอ ?” ท็อปแซว ยักคิ้วหลิ่วตาให้

“ก็ไม่เชิง ถ้าพี่เป็นหวัดแล้วมานอนกับแบงค์อีก ก็ติดหวัดกันแย่น่ะสิ ไม่เอาด้วยหรอก” แบงค์บอก “งั้นเดี๋ยวเย็นๆเจอกันนะพี่ท็อป ไปก่อนละ”

ทั้งคู่จึงแยกจากกัน หัวใจของท็อปนั้นพองโตมากกว่าที่เคยเป็นมาก่อน ในที่สุดแบงค์ก็ได้กลับมาอยู่กับเขาเหมือนเดิมโดยที่ไม่มีกายมาเดินอยู่รอบๆ ยิ่งไปกว่านั้นผลจากการที่แบงค์ถูกทิ้งให้อยู่กับกายเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้แบงค์เริ่มแสดงความรักตอบกลับท็อปมากขึ้นกว่าเดิม เขาสังเกตว่าแบงค์โหยหาตัวเขามากเช่นเดียวกัน แม้ว่าท็อปจะอยากใกล้ชิดน้องมากกว่านี้ แต่เมื่ออีกฝ่ายอยากให้เขาอดกลั้นเอาไว้ เขาก็ตั้งใจที่จะทำตาม เพราะอาทิตย์นี้คืออาทิตย์เดิมพันระหว่างเขาและคู่ปรับ ทั้งด้านกีฬาและหัวใจ

“แหม วันนี้ยิ้มทั้งวันเลยนะมึง” ปลาคาร์พทักขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนนั่งเหม่อยิ้มอยู่คนเดียว ในคาบเรียนวิชาศิลปะ

“อ้าว คนเราก็ต้องมีอารมณ์ดีกันบ้างดิวะ” ท็อปบอกขณะที่เอาสีน้ำทาๆแผ่นกระดาษร้อยปอนด์ของเขาเป็นรูปทะเล “อีกอย่างนี่มันวิชาศิลปะ ถ้ากูอารมณ์ไม่ดี กูจะลงสีให้สวยได้ไง”

“เออ ไอ้คนอารมณ์ดีในวันฝนตก มึงนี่ท่าจะเพี้ยน” คาร์พแซว แล้วใช้พู่กันทาสีส้มขึ้นมาเขาตั้งใจจะวาดภาพวิวพระอาทิตย์อัสดงโดยใช้แบบที่เป็นรูปพักหน้าจอในโทรศัพท์มือถือ “เมื่อคืนพ่อมึงโทรมาหากู” เขาเสริม

“มาถามว่ากูไปนอนกับมึงรึเปล่างั้นดิ ?” ท็อปถามกลับโดยที่ไม่ละสายตาไปจากรูปของตน

“อืม...แต่กูก็บอกไปนะว่า มึงไม่ได้มานอนด้วย มึงไปนอนกับเพื่อนคนอื่น” คาร์พพูด

“ทำไมเขาไม่โทรหากูเองวะ โทรหามึงทำไม ?” ท็อปบ่นพึมพำ

“เขาก็กลัวลูกชายบังเกิดเกล้าโมโหละมั้ง มึงหัดคุยกับพ่อมึงดีๆมั่งเหอะ สงสารแก แกก็อายุเยอะแล้ว มัวแต่มานั่งคอยตามเช็คเรื่องมึงเหมือนเป็นเด็กประถมก็ไม่ไหวนะเว้ย” ปลาคาร์พเตือนเพื่อน “อย่างน้อยเขาก็เป็นพ่อ สนใจแต่ไอ้แบงค์น่ะมึงน่ะ เห็นเมียดีกว่าพ่อตลอด”

“พูดมากนะมึง กูจะทำไรก็เรื่องของกูเหอะ” ท็อปบอกอย่างหงุดหงิด “ทีงี้มาทำเป็นห่วง พ่อน่ะ ก่อนหน้านี้ทำอะไรไปมั่งไม่เคยคิด”

“มึงก็สนใจแต่เรื่องในอดีต เรื่องของผู้ใหญ่มึงอย่าไปแคร์เลย สนแค่วันนี้พรุ่งนี้ก็พอแล้ว” คาร์พบอก

ท็อปไม่ตอบ แต่ทำเป็นเพิกเฉยกับสิ่งที่ปลาคาร์พบอก คาร์พมองหน้าเพื่อนที่กำลังจดจ่ออยู่กับการลงสี ในใจครุ่นคิดว่าจะจัดการให้เรื่องทุกอย่างมันจบลงอย่างไรดี ถ้าจะกำจัดแบงค์ออกไปให้พ้นทางก็มีเพียงวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น



เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ฝนเปลี่ยนฤดูกำลังตกอยู่อย่างเคยทั้งวัน ทำให้อากาศอับชื้นและเหนอะหนะ แถมทั่วทั้งโรงเรียนยังมีน้ำขังตามที่ต่างๆ เด็กที่ไม่ได้พกร่มหรือเสื้อกันฝนมาต่างก็วิ่งฝ่ากันไปเพื่อที่จะกลับบ้าน ท็อปตั้งใจจะนั่งรอแบงค์อยู่ที่ใต้อาคารห้าที่มีห้าหินอ่อนที่เอาไว้นั่งเล่น จึงบอกคาร์พที่กำลังเดินมาด้วยกันกับเขาว่าเขาจะแยกกับคาร์พตรงนี้

“เออ เดี๋ยวมึงกลับบ้านเลยก็ได้นะ กูรอแบงค์กลับบ้านด้วยกัน” ท็อปบอกคาร์พ ที่ยืนเตรียมจะกางร่มอยู่ข้างๆ

“เดี๋ยวนี้มึงไม่ไปช่วยพ่อมึงตรวจงานมั่งเหรอวะ เขาจะได้กลับบ้านไวๆมั่งถ้ามึงไปช่วยน่ะ” คาร์พถามแย้งขึ้นมา “รีบกลับตลอด ไม่รู้พวกมึงสองคนจะรีบกลับไปทำอะไรกันวะ?”

“หลังๆมึงทำไม สอนกูจังเลยวะ เป็นอะไรมากปะเนี่ย ตั้งแต่หลังคืนที่กูเมา กูสังเกตว่ามึงชอบแขวะกูจังเลย” ท็อปพูดเป็นนัยยะ เขาไม่ชอบให้เพื่อนสนิทของเขาพูดจาเหมือนกำลังดุเขาตลอดเวลาเช่นนี้

ปลาคาร์พหลบสายตา รู้สึกระแวงว่าท็อปจะรู้ว่าเขาทำอะไรลงไปในคืนนั้น “กู...ก็แค่ห่วงมึงนั่นแหละ เออ ช่างมึงละกัน อยากทำอะไรก็ทำ เดี๋ยวกูไปหาแม่ก่อน ว่าจะรอกลับพร้อมกัน”

“งั้นแยกกันตรงนี้นะ เดี๋ยวกูเลาะไปทางใต้ตึก จะได้ไม่เปียก” ท็อปบอกแล้วโบกมือลาเพื่อน แยกทางกันไป

ท็อปเดินหลบเม็ดฝนที่โปรยปรายบ้าง กระเซ็นบ้างจากบนอาคารลงมาสู่พื้นเบื้องล่าง เขาเดินไปตามแนวระเบียงของอาคาร เพื่อที่จะไปยังเป้าหมายของเขา แต่ทว่าทันใดนั้น เขาเห็นหวานกำลังวิ่งฝ่าฝนมาทางเขา เสื้อเปียกไปทั่ว ด้วยอารามที่เธอกำลังวิ่งฝ่าฝนมา พื้นที่ทั้งลื่นและเปียก ทำให้หวานเสียหลักลื่นล้มลงก้นจ้ำเบ้าไปเต็มเปาที่แอ่งน้ำเปียกๆข้างๆ ทำเอากางเกงวอร์มพละของเธอเปียกไปทั่วพอๆกับเสื้อที่เปียกชุ่ม

“โอ๊ย เจ็บ” หวานร้องออกมา เมื่อเธอพยายามขยับตัว ท็อปจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยเพื่อน

“หวาน เป็นอะไรหรือเปล่า?” เขาถาม รีบยื่นมาไปให้เพื่อนคว้าไว้ดึงตัวเองลุกขึ้น

“อ้าว ท็อปเหรอ?” หวานถาม เงยหน้าขึ้นมามอง “เปียกหมดเลยอะ”

“ใครใช้ให้วิ่งตรงทางเดินลื่นๆตรงนี้ล่ะเนี่ย ฝนก็ตกอยู่นะ วิ่งแบบนี้เดี๋ยวก็ได้หัวแตกกันพอดี” ท็อปบอกพยายามพยุงตัวหวานขึ้นมา เขามองเห็นเสื้อในที่เธอสวมใส่อยู่เพราะตอนนี้เสื้อของเธอเปียกจนสามารถมองทะลุได้

“เรารู้สึกเหมือนจะขาแพลงเข้าแล้วสิ ช่วยพยุงเราไปห้องพยาบาลให้หน่อยได้ไหม ?” หวานร้องขอ ท็อปจึงพยักหน้าแล้วรีบพาเพื่อนค่อยๆเดินไปจนถึงบริเวณหน้าห้องพยาบาล

“อาจารย์ไม่อยู่ว่ะ หวาน น่าจะกลับไปแล้วล่ะมั้ง?” ท็อปบอกชะโงกหน้ามองเข้าไปในห้องกระจกที่คุ้นเคยนี้

“เรามีกุญแจ” หวานบอกแล้วหยิบกุญแจขึ้นมาจากในกระเป๋ากางเกงตัวเอง

“เฮ้ย เธอมีได้ไงเนี่ย ?” ท็อปหันหน้ามาถาม รู้สึกตกใจ

“เราเป็นประธานนักเรียนนะท็อป พวกห้องฉุกเฉินหลักๆอย่างห้องพยาบาลเนี่ย อาจารย์อนุญาตให้เราช่วยถือไว้ เผื่อมีเหตุอะไรฉุกเฉินตอนอาจารย์ไม่อยู่” หวานบอก “เราอยากได้ยานวด กับเดี๋ยวจะตากเสื้อไว้สักแป๊บนึง ในห้องนี้เหมือนจะมีชุดคนไข้ไว้เปลี่ยน เผื่อเราจะยืมไปใส่กลับบ้านก่อน”

“อ๋อ ได้” ท็อปรับปาก มืออีกข้างก็พยุงตัวเพื่อนไว้ ส่วนมือที่เหลือก็ยัดลูกกุญแจเข้าไปแล้วไขเปิดจนออก

เขาเปิดไฟในห้องไว้ แล้วค่อยๆพยุงหวานไปนั่งที่เตียงช้า ๆ หวานก็ร้องเบาๆ ด้วยความเจ็บ ดูเหมือนว่าเธอจะขาแพลงพอสมควรเหมือนกัน

“เราจำได้อยู่นะว่ายานวดกับผ้าพันแผลน่าจะอยู่ในตู้” ท็อปบอกข้อมูลก่อนที่จะเดินไปที่ตู้เก็บอุปกรณ์ แต่หวานกลับคว้าแขนเขาเอาไว้

“ท็อป เดี๋ยว” หวานเรียก ท็อปจึงหันหน้ามามองเพื่อนอย่างสงสัย “เราอยากให้ท็อปช่วยเราอีกเรื่องได้ไหม ?”

“เรื่องอะไรของหวาน ทายาที่ขาก่อนนี่ไง จะได้หายปวด เดี๋ยวกลับบ้านไม่ได้จะแย่เอานะ” ท็อปบอก กำลังจะเดินไปอีกรอบแต่หวานก็ยื้อเอาไว้

“ท็อป เราอยากให้ท็อปช่วยให้เรา มีความสุข มากกว่านี้ได้ไหม?” หวานบอก แล้วจับมือของท็อปไปสัมผัสที่ทรวงอกของเธอ
ท็อปรู้สึกตกใจกับสิ่งที่หวานทำ แต่กว่าจะตอบสนองตอบกลับไป หวานก็คว้าแขนอีกข้างหนึ่งของท็อปมาจับหน้าอกของเธอทั้งสองข้างพร้อมๆกัน

“เราต้องการท็อป ต้องการมาตลอด ท็อปจะช่วยเราได้ไหม?” หวานพูดเสียงกระเส่า

ท็อปกลืนน้ำลาย แน่อยู่ว่าตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาไม่ได้ปลดปล่อยความต้องการของตนเองออกมาเลย เพราะตั้งใจว่าจะได้มาอยู่กับแบงค์ และได้มีเวลาร่วมกัน แต่แบงค์กลับปฏิเสธที่จะยอมตอบสนองเขาอย่างเคยโดยอ้างเรื่องของเกมส์พนันของท็อปและพี่กาย

หวานปลดเสื้อออกเผยให้เห็นผิวละเอียดสีขาวของเธอ และเสื้อยกทรงชั้นในสีชมพูอ่อน ๆ “หวาน อย่าทำแบบนี้ดีกว่า เราว่าใครมาเห็นจะไม่เหมาะเอานะ”

“ไม่มีใครมาเห็นหรอกน่าท็อป เรื่องนี้จะมีคนรู้ก็แค่เราสองคน อีกอย่าง ห้องนี้มองจากข้างนอกไม่เห็นหรอก ฟิล์มทึบจะตาย เย็นๆแบบนี้ใครๆก็รู้ว่าห้องพยาบาลปิด ไม่มีใครผ่านมาหรอก...” หวานบอกแล้วโอบรอบคอของท็อปเอาไว้

ท็อปค่อยๆสูดกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆและกลิ่นกายของสาวแรกรุ่น จนรู้สึกถึงความฟุ้งซ่านและอารมณ์เด็กหนุ่มที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ภายใต้เข็มขัดของเขา หวานงับหูท็อปเบาๆ ก่อนจะกระซิบเป็นเชิงไว้ที “เราได้ยินมาว่าท็อปเก่งเรื่องอย่างว่ามาจากแฟนคนเก่าของท็อป เราอยากจะลองสัมผัสสักครั้ง ถือว่าช่วยเพื่อนอย่างเราเถอะนะ”

“หวานแน่ใจนะ” ท็อปถาม เริ่มคล้อยตามไปกับคำเชิญของเพื่อนสาว เขายังรู้สึกมึนงงเหมือนมีมนต์สะกดให้เขาต้องทำตามสิ่งที่หวานต้องการ “เราบอกไว้ก่อนว่า ถ้ามีอะไรกับเราแล้ว หวานจะมาทำตัวเป็นเจ้าของเราไม่ได้นะ รักกับเซ็กส์ มันแยกกัน”

หวานพยักหน้า “ได้สิ แค่เราตอบสนองกันและกันก็พอแล้ว” แล้วหวานก็ระดมไซร้ที่ซอกคอของท็อป
ท็อปค่อยๆปลดตะขอเสื้อในของหวานออก แล้วเริ่มรุกกลับเพื่อนตอบบ้างแล้ว มือทั้งสองของเขากำลังขยุ้มที่ปทุมถันของหวานจนเจ้าตัวต้องร้องออกมาเบาๆอย่างพึงพอใจ “ช่วยจัดการตรงนี้ให้เราด้วยได้ไหม เราอยากมีอะไรกับท็อปมานานแล้ว เรารอคอยเวลานี้มาตลอด ช่วยเราด้วยนะ” หวานบอกก่อนจะค่อยๆ ถอดกางเกงวอร์มของตนเองออกจนเหลือแต่กางเกงในลูกไม้สีชมพูบางเบาจนมองเห็นสิ่งที่เธอซ่อนอยู่ภายใต้ชั้นในนี้

ท็อปหายใจหายคอไม่ทั่วท้อง ฮอร์โมนของเขากำลังสั่งให้เขาทำอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง “หวานพกถุงยางอนามัยมาไหม ?”

“เรื่องถุงยางไม่ต้องไปสนหรอก” หวานบอกแล้วรีบดึงท็อปขึ้นมากอด เธอพยายามจะให้ท็อปซุกไซร้ที่หน้าอกของเธอแทน “ตรงนี้แหละที่เราชอบ”

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังเริ่มบรรเลงกามกิจในห้องพยาบาล ประตูห้องพยาบาลก็เปิดผางออกอย่างแรง จนทั้งสองคนสะดุ้งแล้วรีบผละออกจากกันทันที หวานรีบคว้าเอาเสื้อในและเสื้อพละที่ถอดวางไว้ข้างๆเตียงขึ้นมาปกปิดหน้าอก ส่วนท็อปก็ได้แต่ตกใจเมื่อเห็นว่ามีคนเปิดเข้ามาในห้องพยาบาลพอดี

“อะไรของพี่ท็อป ส่งข้อความเรียกแบงค์ให้มาดูพวกพี่สองคนกำลังมีอะไรกันเนี่ยนะ” แบงค์ตะโกนใส่อย่างหมดความอดทน

“ไม่ใช่นะแบงค์” ท็อปรีบปฏิเสธ เขายอมรับว่าเขาลืมตัวไปจริงๆกับสิ่งที่ทำอยู่เมื่อสักครู่ “พี่แค่พยายามจะพันแผลให้หวาน”

“ท็อป ทำไมท็อปถึงพูดแบบนี้ เมื่อกี้ท็อปยังถามหาถุงยางอยู่เลยนะ” หวานพูดแทรกขึ้นมา ไม่อยากให้ตัวเองเป็นคนผิดอยู่ฝ่ายเดียว

“ชัดเจนที่สุด” แบงค์ตัดบท “ที่พี่ท็อปต้องการก็มีแค่นี้จริงๆ ทั้งๆที่แบงค์คิดมาตลอดว่าพี่ทำทุกอย่างให้แบงค์เพราะความรักแท้ๆ สำหรับพี่ท็อปมันคงไม่มีจริงหรอกไอ้ความรักบ้าบอ” แบงค์บอกตาแดงก่ำ เขากำลังโกรธสุดขีด “เชิญครับ ต่อกันเลย ผมขอกลับบ้านก่อน” แล้วก็รีบปิดประตูห้องพยาบาลเสียงดัง

“เฮ้ย แบงค์ ฟังพี่ก่อน” ท็อปร้องเรียก รีบวิ่งออกจากห้องพยาบาลตามแบงค์ออกไป

จบตอนที่ 20 : (วันนี้มาไว)

~~~~ DRAMA IS GOING ON ~~~~ เอาแล้วไง !!! เจอกับภาพบาดตากันไปเต็มๆเลย !!!
ขอคอมเมนต์สัก 10 คอมเมนต์ครับ ว่าถ้าคุณเป็นแบงค์ จะทำยังไงต่อไปดี?


1) สมมติว่าย้อนกลับไป ทำเป็นว่าไม่เห็นสิ่งทีเ่กิดขึ้นแล้วก็เดินจากไปเงียบๆ
2) เข้าไปโวยวาย ตบตี ต่อยเตะ พี่ท็อปให้หายแค้น
3) จะรออยู่ทำไม ก็ไปร่วมด้วยซะสิ Threesome กันไปเลย โอกาสไม่ได้หาได้ง่ายๆนะ


ตอนต่อไป มาวันศุกร์เหมือนเดิมครับ

** นอกจากนี้ เพื่อนผมเป็นผู้วิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45761.0)เพิ่มตอนใหม่แล้วนะครับ เชิญไปอ่านได้ตามสบายเลยครับ

หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 20 16/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 16-03-2015 23:52:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 20 16/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-03-2015 00:06:51
เลือกข้อ2  อาละวาดให้ดังไปเลย. ถ่ายคลิปไปแฉด้วยว่าทั้งคู่ทำไรกันประจานไปเลย. แล้วไม่สนใจท๊อปอีกเลย
ว่าแต่ใครส่งข้อความไปหาแบงค์อะ อีพี่คาร์พแอบเอาโทรศัพท์พี่ท๊อปไปพิมแน่เลย. มันร้ายมากทั้งอีน้ำหวานกะอีพี่คาร์พ.
พี่ท๊อปท่าจะเคลียร์ยากแล้วละ. เฮ้อออออ สงสารแบงค์
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 20 16/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมถ้วยฟู ที่ 19-03-2015 19:41:25
 :ling1: :ling1:
ทำไมพี่ท็อปทำแบบนี้ล่ะ  :ling1: :ling1: :ling1: ใจร้ายมากกกกกกก
ถ้าเราเป็ฯแบงค์ เราคงไม่ยอมเหมือนกันค่ะ ไปตบไอ้พี่ท้อปก่อนเลย

แต่หนนี้พี่ท็อปคงแก้ตัวยากแล้วละมั้งคะ ลงมือเองซะด้วย
เดาตอนต่อไปไม่ออกเลย...จะไปต่อกันยังไง
รออ่านอยู่ค่ะ  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 20 16/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 19-03-2015 23:08:52
ก้อไม่รู้สินะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 21 20/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 20-03-2015 22:27:23
บทที่ 21
ความรักของเราทั้งห้า


แบงค์กำลังรอข้อความที่พี่ท็อปส่งมาบอกสถานที่นัดพบกันในตอนเย็น เขา เกมส์ เปิ้ลและเกด กำลังนั่งคุยกันเรื่องงานกลุ่มที่ต้องออกไปสัมภาษณ์ชาวต่างชาติตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆแล้วมารายงานหน้าชั้น

“ช่วงนี้ฝนมันต้องตกทุกวันแน่ๆ จะไปเดินวัดพระแก้วคงไม่สะดวกหรือเปล่า?” เปิ้ลถามขึ้นมา เมื่อทุกคนกำลังคิดหาสถานที่ที่ดีที่สุด “ไปก็ไม่สะดวก ถ้าฝนตกคนก็ไม่มาเดินอีกนะ”

“งั้นลองไปเที่ยวแหล่งที่มันมีฝรั่งเยอะๆ แล้วร่มๆดูไหมล่ะ” เกมส์ออกความเห็น

“มันมีด้วยเหรอวะ ที่แบบไหนกัน ?” เกดถามกลับ

“ก็อย่างเช่น ตามห้างไง” เกมส์บอก

“สรุปแกจะไปเดินห้างปะเนี่ย” เปิ้ลแซว “ไม่ได้ไปหาฝรั่งแล้วมั้ง”

ปี๊บๆ ๆๆ (เสียงข้อความใหม่เข้าโทรศัพท์)

แบงค์รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เพราะเขารู้ว่าพี่ท็อปจะต้องส่งข้อความมาบอกเขา

<พี่รออยู่ในห้องพยาบาลนะครับ>

“ไม่ใช่เบอร์พี่ท็อปนี่นา หรือว่ายืมเอาเบอร์คนอื่นมาส่งให้” แบงค์พึมพำกับตัวเองเมื่อเห็นข้อความที่ได้รับ “แล้วไปทำอะไรในห้องพยายาล อย่าบอกนะว่าจะทำอย่างเดิม”

“เอ้า ว่าไง แบงค์ แกไม่ออกความเห็นอะไรเลยนะ” เกดถาม

“คือพวกแกก็สรุปมาแล้วกัน เดี๋ยวเราไปก่อน ฝนมันตกไม่หยุด จะกลับบ้านช้าเอา” แบงค์รีบลาทุกคนแล้วเก็บกระเป๋าเดินลงจากอาคาร เพื่อตรงปรี่ไปห้องพยาบาล

เมื่อไปถึงที่ห้องพยาบาล บริเวณรอบๆนี้ไม่มีคนอยู่เลย เนื่องจากห้องพยาบาลทำเป็นห้องกระจกโดยมีฟิล์มสีดำทึบปิดเพื่อกันแสงและสายตาของเหล่านักเรียนที่สอดรู้สอดเห็นเอาไว้ เขามองเห็นรางๆว่ามีคนอยู่ในห้องพยาบาลอยู่สองคน แม้ว่าจะมองจากข้างนอกลำบากเพราะเป็นฟิล์มกระจกทึบ แต่ก็เขาก็ค่อยๆเอาหน้าแนบและจ้องมอง จึงได้เห็นว่าพี่ท็อปกำลังเอาหน้าซุกไซร้ที่หน้าอกของพี่หวานที่ดูเพลิดเพลินกันสุดๆ แบงค์รู้สึกตกใจไม่น้อยกับภาพทีเกิดขึ้น ทั้งมือและปากสั่น ทำอะไรไม่ถูก ทำไมสิ่งที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าจึงเป็นภาพนี้ ทำไมพี่ท็อปถึงมาอยู่กับพี่หวานในห้องนี้ มันเกิดอะไรขึ้น กว่าที่เขาจะควบคุมตัวเองได้ เมื่อเห็นดังนั้นคาตา จึงไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายอะไรเพิ่มอีกแล้ว เขาจึงผลักประตูห้องพยาบาลเข้าไปทันที ก่อนจะตะโกนเสียงดังจนทั้งคู่กระเจิงไปคนละทิศละทาง

“อะไรของพี่ท็อป ส่งข้อความเรียกแบงค์ให้มาดูพวกพี่สองคนกำลังมีอะไรกันเนี่ยนะ” แบงค์ตะโกนใส่อย่างหมดความอดทน

“ไม่ใช่นะแบงค์” ท็อปรีบปฏิเสธ เขายอมรับว่าเขาลืมตัวไปจริงๆกับสิ่งที่ทำอยู่เมื่อสักครู่ “พี่แค่พยายามจะพันแผลให้หวาน”

“ท็อป ทำไมถึงพูดแบบนี้ เมื่อกี้ท็อปยังถามหาถุงยางอยู่เลยนะ” หวานพูดแทรกขึ้นมา ไม่อยากถูกทำให้ตัวเองเป็นคนผิดอยู่ฝ่ายเดียว

“ชัดเจนที่สุด” แบงค์ตัดบท “ที่พี่ท็อปต้องการก็มีแค่นี้จริงๆ ทั้งๆที่แบงค์คิดมาตลอดว่าพี่ทำทุกอย่างให้แบงค์เพราะความรักแท้ๆ สำหรับพี่ท็อปมันคงไม่มีจริงหรอกไอ้ความรักบ้าบอ” แบงค์บอกตาแดงก่ำ เขากำลังโกรธสุดขีด “เชิญครับ ต่อกันเลย ผมขอกลับบ้านก่อน” แล้วก็รีบปิดประตูห้องพยาบาลเสียงดัง

“เฮ้ย แบงค์ ฟังพี่ก่อน” ท็อปร้อง รีบวิ่งออกจากห้องพยาบาลตามแบงค์ออกไป

แบงค์เดินอาดๆ ไปตามระเบียง ความโกรธและโทสะที่เขาไม่เคยได้พลุ่งพล่านใส่ใครมาก่อน เตรียมที่จะระเบิดราวกับเป็นขีปนาวุธ พี่ท็อปทำแบบนี้ทำไม สารพันปัญหา 108 ผุดขึ้นมาในหัวของเขา พี่ท็อปต้องการอะไรกันแน่ถึงทำแบบนี้กับเขา

“แบงค์ ฟังพี่ก่อน” ท็อปตะโกน ตอนนี้เขา ตกใจตัวเองมากเหมือนกันกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปโดยไม่รู้ตัว ถึงจะรู้สำนึกว่ากำลังทำอะไรอยู่แต่กลับเหมือนว่ามันไม่ใช่ตัวเขาเลยที่ลงมือกระทำ เขาคว้าแขนของแบงค์เอาไว้จนได้ แต่แบงค์ก็รีบสะบัดแขนออกอย่างแรง

“อย่ามาจับตัวแบงค์ พี่ท็อป ไปไกลๆแบงค์ให้มากที่สุด ก่อนที่พี่จะเจ็บตัว” แบงค์ตะคอกใส่ โชคดีที่เวลานี้นักเรียนกลับบ้านกันไปมากแล้ว ไม่อย่างนั้นคงจะได้เห็นไทยมุงกันขนานใหญ่ทีเดียว

“แบงค์มันไม่ใช่อย่างที่แบงค์คิดนะ พี่ไม่ได้...”

“อย่าพูดอะไรออกมาอีกแม้แต่คำเดียวนะ พี่ท็อป” แบงค์ตะโกนใส่ตัดบท “ไม่งั้นพี่ท็อปได้เจอดีแน่”

“ฟังพี่ก่อนสิ แบงค์ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะ...” ท็อปคว้าแขนของแบงค์เอาไว้ เมื่อแบงค์พยายามจะหันหลังเดินกลับออกไป

“ไม่ได้ตั้งใจ ส่งข้อความมาบอกแบงค์ว่าอยู่ที่ห้องพยาบาลเนี่ยนะ ไม่ได้ตั้งใจตรงไหน?”เขาตะคอก หมดความอดทน แต่พี่ท็อปก็พยายามยื้อยุดเขาไว้ เขากำหมัดแน่นแล้วชกเข้าไปเต็มๆที่แก้มซ้ายของท็อปจนท็อปล้มหงายลงไปกองกับพื้น ท็อปเห็นดาวยิบยับ พร้อมเลือดออกที่มุมปากเพราะแรงชกทำให้ปากและฟันไปบดกันจนเกิดแผล

“โอ๊ย” ท็อปร้อง รีบเอามือแตะที่มุมปาก เงยหน้าขึ้นมามองคนรักที่กำลังอาละวาด

“พอกันที กับความรักจอมปลอมของพี่ท็อป ไอ้บ้ากาม อยากทำอะไรก็เชิญ แต่ต่อจากนี้ไม่ต้องมาเจอกันอีก”  แบงค์ก้มลงไปกระชากคอเสื้อพี่ท็อป ท็อปยังคงเอามือขวากุมหน้าของตัวเองเอาไว้ รู้สึกเจ็บจนน้ำตาเล็ด แต่เขาไม่แปลกใจถ้าเกิดแบงค์จะโกรธเขาขนาดนี้

“อย่าเพิ่งโกรธพี่สิ พี่ขอโทษ ฟังพี่ก่อน”พี่ท็อปพยายามอธิบาย คว้ามือของแบงค์เอาไว้ แต่อะดรินาลีนของแบงค์กำลังหลั่งออกมาเพราะความโกรธที่เกิดขึ้น

“บอกแล้วว่าอย่าพูด” เขาหมายจะชกหน้าท็อปให้เจ็บไปข้างนึง แต่ปลาคาร์พก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ พุ่งเข้ามาต่อยหน้าแบงค์เข้าเต็มๆที่จมูก จนแบงค์ล้มลงไปกองกับพื้นอีกคน เลือดกำเดาไหลพลั่กๆออกมาไม่หยุด

“มึงทำอะไรเพื่อนกูวะเนี่ย” ปลาคาร์พโวยวาย รีบพยุงตัวท็อปขึ้น ส่วนท็อปก็พยายามวิ่งไปหาแบงค์ที่เอามือกุมจมูกและหน้าของตัวเองอยู่ เลือดไหลออกมาไม่หยุด “มึงมาต่อยเพื่อนกูทำไมเนี่ย”

“เฮ้ย ไอ้คาร์พ มึงทำอะไรลงไปเนี่ย!!” ท็อปร้องออกมา ไม่ทันที่จะได้ห้ามเพื่อน

แบงค์ไม่ตอบ แต่มองหน้าทั้งคู่อย่างโกรธแค้น น้ำตาไหลด้วยความเจ็บ พลางเอามือบีบดั้งจมูกของตัวเองเพื่อห้ามเลือด ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย พี่กายก็กำลังเดินลงมาจากตึกพร้อมเพื่อนอีกสองสามคน เข้ามาเห็นสภาพของแบงค์ที่นั่งกองอยู่กับพื้นที่หน้าบันไดทางลงพอดี เลือดไหลเปรอะลงมาเป็นหยดๆจากจมูกเต็มเสื้อไปหมด

“เฮ้ย ใครทำอะไรแบงค์เนี่ย” กายอุทานแล้วรีบวางกระเป๋านักเรียนของเขาลงทันทีแล้วรีบมาประคองน้อง “เลือดไหลไม่หยุดเลย เงยหน้าเอาไว้ แบงค์”

“พี่กาย” แบงค์ร้องทักอย่างอ่อนแรง ปวดระบมไปหมด

ท็อปรีบวิ่งไปดูอาการของแบงค์ แต่แบงค์ไม่พูดตอบ ทั้งน้ำตาและเลือดไหลพรั่งพรูออกมา

“เจ็บไหม แบงค์ พี่ขอโทษ” ท็อปร้องออกมา รีบเข้ามาดูอาการของคนรักอย่างกังวล สีหน้าตื่นตระหนก ส่วนแบงค์ก็เอามือปัดป้องตัวเองเต็มที่ ทั้งถีบทั้งต่อย แสดงอาการอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการพี่ท็อปอีกแล้ว

“นี่มันอะไรกันวะ” พี่กายตะโกนใส่ท็อป “พวกมึงทำเหี้ยอะไรกันเนี่ย ถึงกับต้องทำน้องจนเลือดตกยางออก มึงต่อยน้องเหรอ”

ปลาคาร์พรีบลากท็อปออกมา แต่ท็อปไม่ยอม จะเข้ามาดูอาการแบงค์ให้ได้ “เดี๋ยวพี่ต้องไปเอาน้ำแข็งมาประคบให้แบงค์เลือดหยุดไหลก่อน” ท็อปพยายามเข้ามาหาแบงค์ โดยลืมความเจ็บที่เกิดขึ้นกับตัวเองไปสนิทก่อนจะหันมาตะคอกใส่เพื่อน “มึงต่อยแบงค์ทำไมวะ ไอ้คาร์พ ปล่อยกู”

“ก็กูเห็นมันต่อยมึงอยู่ ก็เลยมาช่วยมึง กูผิดเหรอ?” ปลาคาร์พโวยวาย

“มึงทำเกินไป ไอ้สัตว์” ท็อปด่าด้วยความโกรธ ในขณะที่หวานที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เดินมาดูสถานการณ์ อาการขาแพลงเมื่อสักครู่นี้หายไปเป็นปลิดทิ้ง

“ต่อยตีกันรุนแรงขนาดนี้เลยเหรอ?” หวานอุทานออกมาเมื่อเห็นทั้งสภาพแบงค์และท็อป

“ขาหายแพลงแล้วเหรอ?” ท็อปหันหน้าไปถามหวาน อย่างแปลกใจ

หวานมองทุกคนอย่างเลิกลั่ก “เราไม่ได้....เจ็บมาก” เธอพูดเบาๆ รู้สึกผิดขึ้นมาทันที

“พวกมึงทำเหี้ยอะไรกัน ทำไมถึงต้องใช้กำลังกันขนาดนี้” พี่กายตะโกนเสียงดังจนคนรอบบริเวณหันมามอง เพื่อนที่มาด้วยกันกับพี่กายต่างก็ยืนมองสถานการณ์ด้วยความตกใจ “แบงค์ไปกับพี่ เดี๋ยวพี่พาไปห้องพยาบาล”

“ไม่  พี่กาย แบงค์ไม่ไปห้องพยาบาล” แบงค์รีบบอก แต่มือก็ยังบีบจมูกไว้แน่น เลยฟังดูไม่ค่อยได้ศัพท์เท่าไรนัก

“ไม่ไปห้องพยาบาลแล้วจะเอาอะไรเช็ดแผล” พี่กายท้วง

“พี่กายครับ” ท็อปพูดแทรก “ผมขอดูแลแบงค์เอง พี่กลับไปก่อนก็ได้นะครับ สัปดา...”ท็อปรีบพูดแทรกขึ้นมา รีบเดินมาจะประคองตัวแบงค์ออกไป

“อย่ามาแตะตัวแบงค์” แบงค์ตะคอกกลับ สะบัดแขนด้วยสีหน้ารังเกียจที่สุดที่เขาเคยทำมาในชีวิต “พี่ไปเอากับพี่หวานต่อเหอะ  แบงค์ไม่อยากเป็นก้างขวางคอพวกพี่ อีกอย่าง เกมส์ของพี่ท็อปนะ แบงค์ขอยกเลิกทุกอย่างเป็นโมฆะให้หมด ถือว่าเราไม่เคยรู้จักกันเลยนับตั้งแต่วันนี้ไปก็แล้วกัน”

“อะไรอะแบงค์ ฟังพี่ก่อนดิ มันไม่ใช่อย่างทีแบงค์คิดเลยนะ” พี่ท็อปพยายามอธิบาย เหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมา

“ไม่ใช่อย่างที่คิด...เต็มๆตาขนาดนี้ ยังบอกว่าไม่ใช่อีกเหรอ พอเหอะพี่ท็อป พี่ท็อปมาคบแบงค์ก็แค่ใช้แบงค์เป็นที่บำบัดความใคร่ของพี่ ตอนนี้พี่มีที่ลงใหม่แล้วก็เชิญเหอะ แบงค์ทนพี่ท็อปเพราะว่ารักพี่มาตลอด สัญญาว่าจะอยู่ข้างๆกันตลอดไป แล้วนี่คืออะไร คนรักกันเขาตอบแทนกันแบบนี้เหรอ จบกันเถอะพี่ท็อป” แบงค์บอกเสียงห้วน แต่น้ำตายังคงไหลออกมา เลือดหยดโตหยดออกจากจมูก

“ไม่ดิแบงค์ พี่ไม่ได้ตั้งใจให้อะไรมันเป็นแบบนี้เลยนะ” พี่ท็อปบอก น้ำตาไหลออกมาด้วยอีกคน “พี่ไม่ได้อยากเลิกกับแบงค์เลยนะ”

“ไปดีกว่าแบงค์ เลิกต่อล้อต่อเถียงเถอะ เลือดออกมากขนาดนี้ไปโรงพยาบาลเลยดีกว่า เดี๋ยวพี่เรียกแท็กซี่ไป พี่ไปส่งพาไปหาหมอด้วยกันเลย” พี่กายขัดจังหวะ

“เดี๋ยวดิแบงค์ คุยกับพี่ให้รู้เรื่องกอ่น” พี่ท็อปร้องออกมา

“ไอ้สัตว์ แบงค์กำลังจะเลือดหมดตัวตายเพราะมึงนั่นแหละ ไอ้ท็อป มึงเคยคิดไหมว่าน้องเขาต้องทนกับพฤติกรรมของมึงมาขนาดไหน ดีแล้วล่ะ ทีนี้มันก็จะได้เห็นชัดๆกันสักที มึงรีบไปไกลๆตีนกูเลย เดี๋ยวกูกลับมากูฟ้องพ่อมึงแน่” พี่กายหันหน้ามาตะคอกใส่ท็อปด้วยความโมโห เพราะพี่กายไม่ชอบการใช้กำลังตัดสินปัญหาเลยสักนิดเดียว แล้วยิ่งเห็นคนที่รักเจ็บยิ่งทำให้เขาปวดใจเป็นร้อยเท่า “หวาน แกก็ด้วย พี่จะฟ้องคุณป้าแน่ ว่าพฤติกรรมแกเป็นแบบนี้ ไม่ต้องเป็นแล้วประธานนักรงนักเรียน”

“พี่กาย” หวานร้องออกมา หน้าเหมือนจะร้องไห้ “หนูไม่ได้ตั้งใจจะให้มันลงเอยแบบนี้นะ หนูแค่จัด...”

“ชู่ว์” ปลาคาร์พทำเสียงบอกให้หวานหยุดพูด “พี่รีบพาน้องไปส่งโรงพยาบาลเหอะ เดี๋ยวทางนี้ผมดูแลเอง”

“แบงค์” ท็อปเรียก เสียงสั่นเครือ แต่ไร้วี่แววการตอบรับจากแบงค์ พี่กายและเพื่อนๆรีบพาตัวแบงค์ไปขึ้นรถแท็กซี่ที่หน้าโรงเรียน ยังดีที่ตอนนี้ฝนซาลงไปบ้างจึงพยายามหาที่ร่มเลาะไปได้พอสมควร

ท็อปพยายามวิ่งตามแต่เพื่อนพี่กายก็ผลักท็อปให้กระเด็นออกไป ไม่ให้เข้ามาใกล้ ส่วนปลาคาร์พก็รีบฉุดเพื่อนรักของตนเข้าที่ร่ม เพราะท็อปพยายามจะวิ่งไปหาแบงค์ให้ได้ จนกระทั่งแบงค์ขึ้นรถแท็กซี่จากไปโดยไม่หันมามองเขาอีกเลย เมื่อหาที่ระบายลงไม่ได้ เขาจึงซัดเข้าไปที่หน้าของคาร์พเป็นการแก้แค้นคืน แต่ปลาคาร์พไวกว่า ไหวตัวหลบทัน

“มึงจะหลบกูทำไมไอ้คาร์พ มึงมาให้กูชกหน้ามึงดีๆเลย มึงไปต่อยน้องทำไม กูไม่ได้ขอให้มึงมาช่วยสักหน่อย”

“กูเป็นห่วงมึง กูช่วยมึง นี่กูเลวมากเลยใช่ไหมวะ” คาร์พโวยวาย

“หวานก็เหมือนกัน ทำไมทำแบบนี้กับเรา ? แล้วทำไมจู่ๆแบงค์ถึงโผล่มาที่ห้องพยาบาลได้ยังไง ? มันเรื่องอะไรกันแน่ มันเป็นแผนของหวานหรือเปล่า หรืออะไรกันแน่ เล่นเหี้ยอะไรกันวะ” ท็อปโวยวาย ทรุดลงกับพื้น กุมหัวตัวเอง ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด

“เรา...ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้” หวานหันหน้าไปมองปลาคาร์พอย่างกังวล ไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรออกมาดี “สถานการณ์มันพาไป”

“มึงไปด่าหวานก็ไม่ถูกนะ ไอ้ท็อป มึงเป็นผู้ชาย มึงไปทำเขา เขาก็เสียหาย แบบนี้แล้วมึงยังไปหาว่าเขาเป็นคนผิดอีกเหรอวะ” ปลาคาร์พตะคอก หวานน้ำตาซึมอยากจะร้องไห้ออกมาบ้าง เธอไม่คิดเลยว่า แผนที่พวกเขาคิดกันมันจะเลยเถิดออกไปจนเป็นแบบนี้ “มึงต้องรับผิดชอบ”

“กูไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น” ท็อปบอกห้วนๆ แล้วเดินกลับไปคว้าเป้ของตัวเองในห้องพยาบาลแล้วเดินกลับออกมาอย่างรวดเร็ว

 “ใครมาขวางกูไม่ให้ไปหาแบงค์อีก กูซัดไม่ยั้งแน่” ท็อปขู่เมื่อเห็นคาร์พตั้งท่าจะพูดอะไรออกมาอีก

“ไอ้ท็อป มึงมันจะเหี้ยเกินไปแล้วนะเว้ย มึงเป็นคนก่อเรื่องพวกนี้ขึ้นมาหมดเลยนะ ถ้ามึงยั้งใจตัวเองเป็นสักนิด มันจะเกิดแบบนี้ไหม มึงไม่เคยยั้งตัวเองแม้แต่นิดเดียว พอเกิดปัญหามึงก็ดีแต่โทษว่าคนอื่นผิด มึงเคยโทษตัวเองบ้างไหม? ถ้ามึงไม่เห็นแก่คนอื่นก็หัดเห็นแก่ตัวเองบ้างเหอะ” ปลาคาร์พพยายามพูดด้วยเหตุผล

“กูไม่อยากอธิบาย กูก็เป็นของกูยังงี้ มึงรับไม่ได้ก็ไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกู” ท็อปบอกยื่นหน้ามาตะคอกใส่

“ไอ้ท็อป กูบอกมึงมาตลอดว่ากูรักมึง มึงเคยเห็นกูมั่งไหม กูทำเพื่อมึงไปเท่าไรบ้างแล้วที่ผ่านมา มึงมีปัญหากูเคยทิ้งมึงเหรอถามหน่อย” ปลาคาร์พบอกกลับ ขมวดคิ้ว ริมฝีปากสั่นเพราะเขาก็กำลังระงับความโกรธอยู่เช่นกัน

ท็อปไม่พูด แต่ด้วยโทสะที่ยังเดือดพล่านเขากระชากคอเสื้อของปลาคาร์พ แต่ปลาคาร์พไม่ตอบโต้ “กูไม่สนอะไรทั้งนั้นแล้วตอนนี้ ทุกอย่างในชีวิตกูมันพังเละไม่เป็นท่าไปหมดแล้ว โลกทั้งใบของกูมันถูกทำลายไปแล้ว มึงเข้าใจไหม ถ้ามึงรักกู มึงช่วยอยู่เฉยๆ แล้วปล่อยให้กูอยู่คนเดียวสักพักเป็นพอ”

ปลาคาร์พหยุดชี้แจงต่อ ได้แต่จ้องมองเข้าไปในดวงตาของท็อป หนนี้ไม่เหมือนกับหนก่อนๆที่ท็อปเคยเสียใจในเรื่องความรัก ปลาคาร์พสัมผัสได้ถึงความเกลียดและความโกรธ ความผิดหวัง เสียใจ อยู่ในดวงตาคู่นี้ แล้วท็อปจึงปล่อยมือแล้วรีบเดินฝ่าฝนออกไปโดยไม่หันหลังกลับมามองทั้งคู่อีก

“เรื่องมันบานปลายไปใหญ่แล้ว เราไม่คิดว่าถึงขนาดพี่กายต้องมารับรู้เรื่องนี้ด้วย” หวานบอกเธอร้องไห้ออกมาด้วยความกังวล

“เราจะทำยังไงกันต่อดีล่ะ ปลาคาร์พ แบบนี้ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้วนะ ท็อปจะเกลียดเราไปจนตายเลยล่ะ เพราเราเป็นสาเหตุทั้งหมดของเรื่องไปแล้ว”

“ช่างมันเหอะ หวาน” ปลาคาร์พปลอบ “อย่าไปคิดมาก ยังไงท็อปมันก็ผิดเต็มๆ เธอยังอ้างกับคนอื่นได้ว่า เธอขาเจ็บอยู่แล้วท็อปก็ฉวยโอกาสกับเธอ ยังไงเป็นผู้หญิงมันหาวิธีโบ้ยลงผู้ชายได้อยู่แล้วแหละ ใครๆก็รู้จักนิสัยไอ้ท็อป ไม่มีใครเข้าข้างมันหรอก เหลือก็แค่เรื่องถึงหูอาจารย์สายัณห์เท่านั้นแหละ”

“แย่แน่ๆเลย แค่คิดเราก็กลัวแล้ว นี่เรากำลังเอาตำแหน่งประธานนักเรียนมาเดิมพันกับอะไรเนี่ย แย่ที่สุดเลย ทำไมเราไม่คิดหน้าคิดหลังก่อนนะ” หวานบอกเช็ดน้ำตาออก

ปลาคาร์พยิ้มน้อยๆที่มุมปาก ยังไงตอนนี้สำหรับปลาคาร์พ ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผน ท็อปไม่มีเพื่อนคนอื่นที่จะคอยรับฟังเหมือนเขา  สุดท้ายแล้วท็อปก็ต้องกลับมาหาเขาอยู่ดี ส่วนเด็กม.4 อย่างแบงค์ก็คงเกลียดท็อปไปเลยตามอย่างที่เขาคิดไว้ เพราะเห็นท็อปไปนัวเนียผู้หญิงในสภาพนั้น คงรับไมได้เหมือนกันที่จะกลับมามีความสัมพันธ์ด้วย ตอนนี้ที่เหลือที่ต้องจัดการก็คืออารมณ์ของท็อปว่าจะไปในทิศทางไหน แล้วเขาจะเข้าหาท็อปได้อย่างไร แต่ตอนนี้คงต้องปล่อยให้ท็อปลดดีกรีความโกรธลงไปด้วยตัวเอง

ท็อปรีบวิ่งไปที่มอเตอร์ไซค์ของตัวเองที่จอดไว้ เสื้อกันฝนของแบงค์และเขายังคงถูกวางพับไว้อย่างดีใต้เบาะ เขาได้แต่ยืนมอง ไม่นำมันออกมาสวม แต่ไม่ทันที่เขาจะได้ออกรถ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

“ท็อป อยู่ไหนแล้วลูก มาหาพ่อที่ห้องพักครูหน่อยซิ” เสียงอาจารย์สายัณห์โทรเข้ามาหาเขา

“พ่อมีอะไรรึเปล่า ผมมีธุระ” ท็อปบอกห้วนๆ

“ธุระอะไร ฝนก็ตกแบบนี้ มาช่วยพ่อทำเอกสารก่อน ไม่อยากได้ค่าขนมเดือนนี้หรือไง รีบมาไวๆ” พ่อรบเร้า

“วันนี้ท็อปมีธุระจริงๆครับ พ่อ ไว้วันหลังจะมาช่วยก็แล้วกัน” ท็อปบอกกำลังจะตัดสายแต่ปลายสายก็ยังเรียกเขาอยู่

“ท็อปไม่ได้กลับมานอนบ้านหลายวันแล้วนะลูก ... มีปัญหาอะไรหรือเปล่า  หรือพ่อไปทำอะไรให้ลูกไม่พอใจอีก?” พ่อถามกลับ ทั้งคู่เวลาอยู่ต่อหน้ากันมักจะไม่ได้ค่อยได้คุยกันตามประสาพ่อลูกสักเท่าไร จึงใช้โทรศัพท์เป็นตัวสื่อสารแทน

“เปล่าครับ ท็อปมีธุระจริงๆ ไว้ค่อยคุยนะครับพ่อ วันนี้ท็อปอาจจะกลับดึกหน่อย แค่นี้ก่อนครับ” ท็อปบอกรีบตัดสาย แล้วเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง

“เดี๋ยวก่อน ท็อป ท็อป” อาจารย์สายัณห์ร้องเรียก แม้จะรู้ว่าท็อปได้ตัดสายโทรศัพท์ไปแล้ว เขายังคงนั่งมองรูปท็อปสมัยอยู่ประถมยืนยิ้มแฉ่งถือไม้แบดมินตันอันเล็กๆด้วยความร่าเริง ที่วางไว้ใกล้ๆ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะบนโต๊ะทำงานของเขา พลางถอนหายใจ เขายังรู้สึกผิดอยู่เสมอที่ทำไม่ดีกับภรรยาของตน ในวัยเด็กช่วงที่พี่ท็อปถูกแยกจากแม่ใหม่ๆ เขากลายเป็นเด็กซึมเศร้าและมีพฤติกรรมชอบความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะดูแลเอาใจด้วยวิธีไหน ท็อปก็ปฏิเสธพ่อและร้องหาแม่มาตลอด

นับตั้งแต่พ่อต้องดูแลท็อปโดยลำพังเขาจึงเลิกพฤติกรรมเจ้าชู้ประตูดินและให้ความสำคัญกับการอยู่ดูแลลูกและเข้าใจอย่างชัดเจนว่าการเลี้ยงดูลูกให้โตขึ้นมาได้นั้นมันยากเย็นแค่ไหน นิภาผู้เป็นแม่ของท็อปคงต้องพยายามอย่างมากที่จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยเฉพาะการดูแลลูกชายคนเดียวคนนี้ในวัยเด็ก แต่ในเมื่อทุกอย่างได้ถูกตัดสินในชั้นศาลไปหมดแล้ว พ่อของท็อปจึงต้องพยายามเปลี่ยนแปลงทุกอย่างและทำทุกวิถีทางเพื่อให้ท็อปได้สิ่งที่ดีที่สุด เมื่อท็อปมีปลาคาร์พเป็นเพื่อน นิสัยของเขาจึงค่อยๆสงบลง แม้ว่าจะอายุเท่ากันแต่ปลาคาร์พมีความใจเย็นมากกว่าเหมือนเป็นพี่คอยดูแลท็อปอยู่ไม่ห่าง และทั้งสองคนนี้จึงกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด ท็อปเริ่มว่านอนสอนง่ายมากขึ้นและค่อยๆลืมเรื่องราวอันเจ็บปวดในวัยเด็ก
รูปท็อปรูปนี้ของพ่อเตือนใจเขาเสมอว่าไม่มีสิ่งอื่นใดแล้วที่จะสำคัญมากเท่ากับลูกชายสุดที่รักของเขาคนนี้

ส่วนท็อปเมื่อสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ได้ก็รีบบึ่งไปตามรถแท็กซี่ เผื่อจะได้รู้ว่าแบงค์ไปอยู่ที่โรงพยาบาลไหน เขาปฏิญาณไว้ในใจแล้วว่า

“พี่ผิดไปแล้ว ให้อภัยพี่เถอะนะ”

จบบทที่ 21 ตอนต่อไปมาวันจันทร์เหมือนเดิมครับ
(อ่านจบแล้วอย่าลืมคอมเมนต์ให้กำลังหน่อยนะครับ T^T)



** นอกจากนี้ เพื่อนผมเป็นผู้วิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45761.0)เพิ่มตอนใหม่แล้วนะครับ เชิญไปอ่านได้ตามสบายเลยครับ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 21 20/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-03-2015 22:57:21
อีปลาคาร์พเลวที่สุด. ชั่วมากๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 21 20/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 21-03-2015 00:21:47
อีปลากะโห้  :z6:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 21 20/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: zipboy ที่ 21-03-2015 01:37:31
คาร์ฟแอบมาเหนือเฆม มองดีๆ กำจัดหวานทางอ้อมได้ไปในตัวด้วย

เหลือแค่ท็อปแล้วแหละ จะเคลียร์ยังไงให้ลงตัว ส่วนแบงค์...เหยื่อดีๆ นี่เอง

รออ่านต่อครับ^^
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 21 20/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 21-03-2015 07:25:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 21 20/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมถ้วยฟู ที่ 21-03-2015 16:42:03
 :m15: :monkeysad: ตอนนี้พีกมากกกกกกกกกกกกก .....
ตัวละครที่เคยเชียร์อย่างพี่ปลาคาร์พกลายเป็นเผยสันดานออกมาซะเต็มที่เลย
..... พี่ท็อปจะเอาไงต่อดีเนี่ย .....  :sad11: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 22 23/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 23-03-2015 21:51:23
บทที่ 22
สายฝนและคำอ้อนวอน


เมื่อไปถึงโรงพยาบาล แบงค์ได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากอาการเลือดไหลไม่หยุดด้วยการประคบเย็นให้เลือดแข็งตัว พี่กายรีบจัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยที่แบงค์นั่งรออยู่ที่รถเข็นพร้อมนางพยาบาลที่คอยดูแลอยู่ข้าง ๆ เพื่อรอหมอมาดูอาการ

“เลือดยังไม่หยุดไหลอีกเหรอเนี่ย?” นางพยาบาลทักขึ้นเมื่อประคบเย็นมาหลายนาทีแล้วแต่เลือดของแบงค์ยังคงไหลออกมาเรื่อย ๆ “หนูเคยเลือดไหลไม่หยุดแบบนี้บ้างไหม?”

แบงค์พยักหน้าช้าๆ เพราะเขายังอยู่ในสภาพที่ต้องเงยหน้าอยู่ตลอดเวลาเลยทำให้พูดออกมาลำบาก “ผมเคยโดนรถเฉี่ยวครั้งนึงตอนอยู่เหนือ ตอนนั้นแค่หัวแตกแต่ก็นอนโรงพยาบาลหลายวันเหมือนกันครับ เพราะเลือดไหลไม่หยุด”

“หนูมีแนวโน้มจะเป็นคนเกล็ดเลือดต่ำนะ” นางพยาบาลบอกสีหน้าเครียด “เดี๋ยวอาจจะต้องให้คุณหมอวินิจฉัยแล้วพาไปเจาะเลือดตรวจดู ว่ามีอาการรุนแรงแค่ไหน”

“เป็นยังไงบ้างครับ ปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว น้องผมเลือดหยุดไหลรึยังครับ?” พี่กายถามเมื่อเดินกลับมาหลังจากติดต่อเรื่องเอกสารกับทะเบียนเสร็จเรียบร้อย

“เลือดยังไหลไม่หยุดเลย เดี๋ยวรบกวนน้องรออยู่ตรงนี้สักแป๊บนึง ช่วยพี่เข็นพาน้องคนนี้เขาไปพบแพทย์กับพี่นะคะ จะได้เอาทะเบียนที่ขึ้นเสร็จไปด้วยเลย” นางพยาบาลบอก แล้วปล่อยให้แบงค์จับถุงเจลเย็นประคบตนเอง

“เรื่องมันเป็นไงมาไงเนี่ยแบงค์ ถึงโดนเขาต่อยจนจมูกเกือบหักแบบนี้” พี่กายถามขึ้นเมื่อสบโอกาส

“แบงค์ไม่อยากพูดถึงมันเลย พี่กาย ขอแบงค์อยู่เงียบๆดีกว่า” แบงค์บอก

“คุณเจนภพ รัชตะไพบูลย์ค่ะ” เสียงพยาบาลที่หน้าห้องตรวจเรียกขึ้นมา พร้อมกับพี่พยาบาลคนเดิมเดินกลับมารับ “น้องจะรอเพื่อนข้างนอกหรือจะเข้าไปด้วยกัน? พี่เห็นว่าผู้ปกครองน้องไม่ได้มาด้วย เผื่อว่าจะได้ฟังคุณหมออธิบายอาการแทน” พี่พยาบาลถาม

“ไปด้วยก็ได้ครับ ผมก็อยากรู้ว่าทำไม เขาเลือดไหลออกมาไม่หยุดมากขนาดนี้” พี่กายบอก “จะให้พี่ช่วยโทรไปบอกแม่แบงค์ไหม?”

“ไม่เอานะพี่กาย แม่แบงค์ไปสัมมนาที่ชลบุรีอยู่ แบงค์ไม่อยากให้แม่เป็นห่วง เดี๋ยววันอาทิตย์แม่ก็กลับมาแล้ว” แบงค์ค้าน พี่กายพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบแล้วเข็นน้องเข้าไปพบคุณหมอ

เมื่อคุณหมอได้ตรวจโพรงจมูกและให้แบงค์ปล่อยมือจากจมูกที่จับไว้ แม้เลือดจะไม่ไหลออกมามากเท่าตอนแรกแต่ก็ยังซึมและไหลออกมาเรื่อย ๆ คุณหมอจึงค่อยๆกดตามสันจมูกแบงค์เบาๆ เพื่อดูสภาพกระดูกอ่อนว่ามีการกระทบกระเทือนตรงไหนบ้างไหมจนเป็นสาเหตุให้เลือดไหลไม่หยุดแบบนี้

“หนูปวดสันจมูกไหมเวลาหมอจับ” หมอถาม แล้วส่องไฟดูในโพรงจมูกเพิ่มเติม

“ไม่ครับ ปกติ แต่ปวดที่ตัวจมูกมากกว่าครับ” แบงค์ตอบ เลือดยังคงหยดลงออกจากจมูกอีกรอบ นางพยาบาลจึงหาสำลีและกระดาษทิชชูมาให้ซับเลือดไว้

“งั้นแสดงว่าดั้งไม่น่าหัก แต่ก็น่าจะลองเอ็กซเรย์ดูนะว่ามีอะไรกระเทือนหรือเปล่า หนูมีประวัติเรื่องเลือดไหลไม่หยุดแบบนี้บ้างไหม?” หมอถามข้อมูลเพิ่มพลางจดสองสามอย่างลงสมุดระเบียน

“ก็เคยมีหัวแตกแล้วต้องนอนโรงพยาบาลนานๆเพราะเลือดไม่หยุดนี่เหมือนกันครับตอนเด็กๆ แต่ส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยได้เป็นแผลอะไรเท่าไรก็เลยไม่ได้ตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล” แบงค์อธิบาย

“งั้นตรวจเลือดด้วย หมอกลัวว่าหนุ่มจะเป็นฮีโมฟีเลียหรือเปล่า เลือดไหลไม่หยุดขนาดนี้” หมอบอก “แต่เท่าที่ฟังๆมาหนุ่มจะเลือดไหลไม่หยุดเฉพาะตอนที่มีแผลใช่ไหม ? ก็น่าจะไม่รุนแรงมาก อาจจะแค่เกล็ดเลือดต่ำเท่านั้น”

“ถ้าเป็นโรคนี้รุนแรงมันจะทำไมเหรอครับหมอ?” แบงค์ถาม

“ก็ประมาณว่าเลือดสามารถออกทั้งในร่างกายและนอกร่างกายได้เองโดยที่ไม่มีสาเหตุ คนที่เป็นโรคนี้ก็มีที่เลือดออกในสมองเองแล้วเสียชีวิตก็มี ถ้าถามหมอว่าอันตรายไหม? ถ้ารุนแรงจริงๆก็อันตรายแต่ถ้าไม่ได้เป็นถึงขนาดนั้น เกิดมีแผลใหญ่ๆทำให้เลือดไหลออกมาไม่หยุด คนไข้ก็ต้องมาฉีดสารที่ร่างกายขาด เพราะปกติเวลาร่างกายเรามีเลือดออกจะมีสารที่เป็นแฟ็คเตอร์สร้างลิ่มเลือดเพื่อหยุดเลือดอยู่ในเลือด คนเป็นฮีโมฟีเลียมักจะขาดตัวใดตัวหนึ่งคือแฟ็กเตอร์ 8 กับ 9 ถ้าตัวไหนเธอขาดก็ต้องฉีดแฟ็กเตอร์ตัวนั้นเพิ่มเข้าไปเพื่อให้ร่างกายมีแฟ็กเตอร์ไปสร้างลิ่มเลือดขึ้นมานั่นแหละ และที่สำคัญโรคนี้ไม่มีวันหายขาด มันอยู่ในพันธุกรรมมาตั้งแต่เกิด และพบในผู้ชายเท่านั้น ส่วนผู้หญิงเป็นเพียงพาหะที่ทำให้รุ่นลูกเป็นต่อไปด้วยนะ”

“ฟังดู...น่ากลัวจังเลยครับหมอ แบบนี้ก็ต้องระวังไม่ให้เป็นแผลเลยน่ะสิครับ” พี่กายพูดขึ้นมาเมื่อฟังคำวินิจฉัยเหล่านี้

“อย่าเพิ่งตัดสินไป หมอยังไม่ได้เอาเลือดไปตรวจเลย แค่อธิบายให้ฟังเฉยๆ ว่าโรคแบบนี้มันก็มีนะ แต่คนเป็นน้อยมาก ถ้าหนุ่มเจอแจ็คพ็อตเป็นขึ้นมาจริงๆ ก็ต้องระมัดระวังเรื่องแผลเลือดออกให้มากๆเลย” หมอบอก “งั้นเดี๋ยวให้ไปตรวจเลือดนะ หมอจะส่งเลือดให้แล็ปตรวจ สักวันเสาร์ก็มาดูผลว่าเป็นยังไง ตอนนี้เหมือนอาการจะค่อยๆดีขึ้นแล้ว ยังไงก็ประคบเย็นไปเรื่อยๆก่อน หมอจะสั่งยาไว้ให้” หมอบอกยิ้มๆ

“ครับ ขอบคุณมากครับ” แบงค์บอกแล้วไหว้หมอ ก่อนจะถูกพี่พยาบาลรับช่วงต่อจากพี่กายเข็นไปเอ็กซเรย์และตรวจเลือด

เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว กับเลือดที่ยังหยดอยู่บ้าง คุณหมอจึงเรียกแบงค์เข้าไปคุยอีกครั้งเมื่อดูฟิล์มเอ็กซ์เรย์และพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ จะมีก็แต่เรื่องเลือดซึ่งต้องรอแล็ปตรวจละเอียด วันเสาร์เท่านั้นถึงจะได้รู้ว่าเขามีอาการของโรคที่ว่านั่นหรือไม่
“หิวข้าวรึยัง?” พี่กายถาม ในขณะที่ทั้งคู่ออกมาจากโรงพยาบาลราวๆ สามทุ่มแล้ว ฝนยังคงตกอยู่พรำๆ แม้จะไม่หนักมาก แต่ก็ทำเอาน้ำท่วมซอย รถแท็กซี่เคลื่อนตัวอย่างช้าๆเพราะรถที่ติดอยู่

“แบงค์ไม่หิวเลยครับพี่” แบงค์บอกเสียงหงอย ๆ

“ยังทำใจไม่ได้เหรอ? หืม?” พี่กายถามหันหน้ามามองรุ่นน้องอย่างเป็นห่วง แบงค์ค่อยๆพยักหน้า น้ำตาค่อยๆรื้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเองแหละ พี่ก็อยู่ข้างๆแล้ว จะได้ไม่ต้องคิดมาก”

“แล้วคืนนี้พี่กายจะกลับยังไงล่ะครับ ?” แบงค์ถามยังคงเอากระดาษทิชชูซับจมูกอยู่

“ไม่กลับครับ พี่จะอยู่เป็นเพื่อน ยังไงให้มันผ่านคืนนี้ไปก่อน พรุ่งนี้เช้าพี่ค่อยวิ่งกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านตอนเช้าก็ได้ ถ้าแบงค์ไหวก็ไปโรงเรียนด้วยกัน ถ้าไม่ไหวก็นอนพักผ่อนไปสักวันก็ได้”

“กวนพี่กายอีกแล้ว ขอบคุณมากนะครับพี่” แบงค์บอกสำนึกในบุญคุณของพี่กายจับใจ “ถ้าไม่ได้พี่กายนี่แบงค์แย่แหงๆเลย”

“ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยพี่ก็ทำให้แบงค์รู้ว่าพี่น่ะ พึ่งพาได้นะ” พี่กายบอกยิ้มๆ “งั้นเย็นนี้ในบ้านมีของสดไหม?”

“พวกผัก เนื้ออะไรแบบนี้น่ะเหรอครับ?” แบงค์ถาม

“อือ ใช่ พี่จะดูว่ามีอะไรพอทำเป็นข้าวเย็นให้กินได้บ้าง” พี่กายบอก

“ก็มีอยู่นะครับ แต่พี่กายทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอเนี่ย” แบงค์ถามกลับ รู้สึกประหลาดใจ “คนอะไรความสามารถเยอะจัง”

“ทำกับข้าวนี่เป็นเรื่องปกติของบ้านพี่นะ แม่พี่สอนให้ทุกคนต้องทำกับข้าวเป็น พี่โดนใช้ให้ช่วยงานในบ้านตั้งแต่อยู่ป.1 เลย เริ่มจากทำอะไรเล็กๆน้อยๆก่อนแล้วก็ทำมากขึ้น ๆ เพราแม่พี่เคยเป็นแม่ครัวในโรงแรมมาก่อน ที่บ้านพี่เลยมีเมนูแปลกๆที่แม่คิดให้กินอยู่เรื่อยๆเลย” พี่กายอธิบาย

“โห...สุดยอด น่าอิจฉาจังเลย แบบนี้ไม่อ้วนกันแย่เหรอพี่” แบงค์ถามอย่างตื่นเต้น

“อ้วนไหม ตอนเด็กๆพี่นะอ้วนเป็นหมีเลยแหละ พอมาเรียนม.ปลายก็หมั่นออกกีฬา ยกเวท ว่ายน้ำ เล่นแบด วิ่งทุกเช้า ตอนนี้ผ่านมาสามปีก็หุ่นเท่านี้แหละ ผอมแล้วก็มีกล้ามด้วยนะ” พี่กายบอก ยักคิ้วให้

เมื่อแท็กซี่มาจอดถึงหน้าบ้าน แบงค์จึงรีบพาพี่กายเข้ามาในบ้าน เพื่อไม่ให้โดนฝนกันมากมาย ทันทีที่พี่กายเข้ามาในบ้านก็รีบเดินตรงเข้าไปในครัวแล้วรื้อเอาผักกาด เต้าหู้กับของที่พอจะทำเป็นแกงจืดง่ายๆออกมา

“เดี๋ยวแบงค์ช่วยนะ พี่กาย” แบงค์เดินตามเข้ามาในครัวในขณะที่เห็นพี่กายกำลังหาอุปกรณ์ทำครัวต่าง ๆ

“อือ เอาสิ ถ้าแบงค์ไหว เลือดไม่ออกแล้วใช่ไหม?” พี่กายถามกลับ

แบงค์ชี้ไปที่กระดาษทิชชูที่ยัดจมูกเอาไว้ “แบงค์ทำแบบนี้แล้ว ตอนนี้มันไม่น่าจะซึมออกมาแล้วล่ะ”

“โอเคเลย งั้นเดี๋ยวหุงข้าวให้พี่นะ ส่วนอย่างอื่น พี่จัดการเอง” พี่กายบอก ส่วนแบงค์ก็พยักหน้ารับ

พี่กายเป็นคนทำอาหารได้คล่องแคล่วมาก เพราะแบงค์สังเกตจากการใช้มีดของพี่กายและการเตรียมข้าวของสำหรับทำอาหาร แม้จะเป็นแกงจืดเต้าหู้ธรรมดาๆ ไข่ทอดใส่แครอทกับหมูสับที่ดูว่าใครๆก็ทำได้ง่าย ๆแต่กลิ่นหอมอวลของการปรุงและความว่องไวในการจัดเตรียมก็ถือว่าพี่กายดูชำนาญไม่น้อย

“พี่อยากรู้ ว่าแบงค์รักท็อปจริงๆหรือเปล่า?” พี่กายถามขึ้นมาในขณะที่เอาซุปหมูก้อนไปต้มในน้ำเดือด “พี่สังเกตว่าแบงค์ชอบทำตัวห่างเหินเหมือนไม่สนิทสนมกันกับท็อปมากมายอะไรกันเลย”

แบงค์ถอนหายใจ การพูดถึงพี่ท็อปในเวลานี้เหมือนกับการเอามีดกรีดลงกลางหัวใจของเขา “พี่กาย....ทำไมถึงถามเรื่องพี่ท็อปอีกล่ะ แบงค์บอกแล้วไงว่าไม่อยากจะตอบ”

“ขอโทษนะที่พี่ถาม พี่แค่อยากจะช่วยให้แบงค์เคลียร์ความรู้สึกตัวเอง บางทีการพูดออกมาบ้างมันก็ดีกว่าการเก็บเอาไว้ แล้วจมจ่อมอยู่กับความทุกข์ ยังไงถ้าแบงค์เล่ามาได้ก็เล่ามาเถอะ” พี่กายบอกหันหน้ามามองแบงค์ที่กำลังจะหาที่ตวงข้าวมาเทใส่หม้อหุงข้าวไฟฟ้าที่วางตั้งอยู่ใกล้ๆ

“ความรักมันคืออะไร แบงค์ก็ไม่ค่อยเข้าใจมากมายหรอกครับพี่กาย ที่ผ่านมาพี่ท็อปเขาดีกับแบงค์ แม้ว่าตอนแรกที่เราเจอกันอาจจะไม่ใช่เรื่องดีๆที่น่าจดจำ แต่ว่าพี่ท็อปเขาก็พยายามพิสูจน์ตัวเองว่าพี่เขาอาจจะรักแบงค์จริงๆ แต่ความรักของแบงค์กับความรักของพี่ท็อปอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ แบงค์เห็นว่าในเมื่อพี่เขาดีกับเราขนาดนี้ เราก็ควรจะรักพี่เขาตอบจริงไหมล่ะครับ? อีกอย่างแบงค์แสดงออกไม่ค่อยเก่ง แค่พี่เขาขอให้บอกรักตอบแบงค์ยังไม่กล้าเลย แถมต้องคอยหลบๆซ่อนๆเพราะพอมีเรื่องพ่อพี่ท็อปเข้ามาเอี่ยวด้วยแบงค์ยิ่งไม่กล้าแสดงออกอะไรมาก กลัวจะทำให้พี่เขามีปัญหาเพราะเรื่องระหว่างเรา” แบงค์บอก

“อืม ก็คงเป็นความรู้สึกดีๆที่มีให้กันสินะ” พี่กายเสริม แล้วจึงนำเนื้อหมูสับละเอียดลงไปต้ม

“ถึงแบงค์จะบอกพี่ท็อปตลอดว่า แบงค์รักพี่ท็อป แต่ก็รู้ว่าจริงๆแล้ว มันก็แค่คำพูดที่รู้ว่าคนฟังอยากฟังก็เลยเหมือนพูดส่งๆ ออกไป มันยังไม่ใช่ความรู้สึกจริงๆที่ออกมาจากข้างใน แบงค์ถึงบอกว่าความรักของแบงค์ที่ให้กับพี่ท็อปมันอาจจะไม่มากเท่ากับที่พี่ท็อปให้แบงค์มาก็ได้ แบงค์เพิ่งมารู้สึกว่าตัวเองคิดถึงพี่ท็อปจริงๆจังๆก็ตั้งแต่พี่กายเข้ามาเนี่ยแหละ ขอโทษนะครับที่อาจจะทำให้รู้สึกไม่ดี พอพี่ท็อปออกปากจะให้พี่แข่งกับเขา แล้วแบงค์ต้องเลือกระหว่างพี่กายและพี่ท็อป แบงค์ไม่อยากจะเลือกใครเลยด้วยซ้ำตั้งแต่แรก แบงค์ไม่ชอบปัญหา ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้มากลายเป็นปัญหาชีวิต และรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นของเล่นของพี่ท็อปมากขึ้น ๆ มากกว่าจะเป็นคนที่พี่เขารัก
แต่พอไม่มีพี่เขาอยู่จริงๆ แบงค์ถึงรู้ว่า แบงค์คิดถึงพี่เขาอย่างที่ตัวเองไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งหัวใจและร่างกายเริ่มเรียกร้องหาพี่ท็อป เหมือนอะไรบางอย่างในชีวิตขาดหายไป ถึงจะมีพี่กายเข้ามาทำให้ไม่เหงาอยู่บ้าง แต่มันก็ยังรู้สึกว่ามันแทนกันไม่ได้ และเริ่มเข้าใจแล้วล่ะว่าสิ่งที่แบงค์รู้สึกมันไม่ใช่แค่ความผูกพัน แต่มันคือความรักนั่นแหละที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นมาอย่างช้า ๆ แบงค์ไม่ใช่คนรักใครง่ายและยิ่งคนที่เคยทำไม่ดีด้วยตั้งแต่แรกแบบพี่ท็อป มันยากจริงๆที่จะเปลี่ยนความรู้สึกเหล่านั้นมาเป็นความรัก” แบงค์อธิบาย ตาก็มองดูพี่กายทำอาหารมือเป็นระวิง

“แบงค์ยังเด็กอยู่ ยังมีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกมาก ไม่ต้องรีบร้อนหรอก” พี่กายตอบยิ้มๆ แล้วใส่เต้าหู้ลงไปในขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะยกลงจากเตา

“พี่กายฟังแบงค์เล่าแบบนี้แล้ว ยังจะชอบแบงค์อยู่ไหม?” แบงค์ถามกลัวคำตอบจับใจ

“ชอบสิ” พี่กายบอกตรงๆ “มันทำให้เห็นว่าแบงค์ไม่ได้รักใครแบบฉาบฉวย แบงค์ค่อยๆให้เวลากับมัน ให้ความผูกพันซึมซับเข้ามาเรื่อยๆ จนพัฒนาเป็นความรู้สึกแบบตอนนี้กับท็อป พี่บอกได้เลยว่านี่แหละคือความรักล่ะ”

แบงค์นิ่งเงียบ น้ำตารื้นออกมาจนต้องแอบเช็ด

“มันเลยยิ่งเจ็บมากสินะ พอมาเจออะไรแบบนี้ ในวันที่ความรู้สึกเหล่านั้นถูกเติมจนเต็ม ท็อปเหมือนเหยือกน้ำที่พร้อมจะเทใส่แก้วของแบงค์ และแบงค์ก็ค่อยๆรับน้ำนั้นมาเรื่อยๆจนตอนนี้พี่ว่ามันคงเต็มล้นปรี่เลยล่ะกับความรู้สึกที่แบงค์มีให้ท็อป พี่อยากขอโทษที่เข้ามาเอี่ยวกับความสัมพันธ์ของแบงค์กับท็อปนะ พี่ไม่น่าตื๊อเลย เหมือนไปก่อความแตกแยกให้กับความสัมพันธ์ของพวกเรา” พี่กายบอก “พี่เริ่มสนใจแบงค์หลังจากแข่งแบดมินตันแล้ว ว่าเราสองคนมีความสัมพันธ์อะไรกันยังไงแล้วก็สืบรู้ว่าเราสองคนน่าจะเป็นแฟนกัน พี่ก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าท็อปมันจะมาชอบผู้ชาย พี่เห็นมันมาตั้งแต่เข้าม.1 ใครๆก็รู้จักลูกอาจารย์สายัณห์ นิสัยแสบๆ แต่ดันเรียนเก่งกับกีฬาโดดเด่นแถมป๊อบปูล่าร์ เลยพาลเอาสาวๆหลงกันหัวปักหัวปำ พี่เลยสนใจอยากจะลองรู้จักแบงค์ดูบ้างว่าอะไรทำให้ท็อปเปลี่ยนไป จนตอนนี้พี่เข้าใจแล้วล่ะ ว่าทำไม”

แบงค์ระเบิดโฮออกมา เอามือเช็ดตาเหมือนเด็กร้องไห้ ความรู้สึกที่อัดอั้นมาตั้งแต่ตอนเย็นนั้นหลั่งไหลพรั่งพรูออกมา เขาสะอื้นไห้เสียงดังอย่างควบคุมไม่ได้ “ขอโทษนะครับพี่กาย แบงค์ไม่อยากพูดถึงพี่ท็อปอีกแล้ว ทุกอย่างมันจบไปแล้ว สิ่งที่แบงค์มีให้พี่ท็อปตอนนี้มันคือของจริง แต่กับสิ่งที่พี่ท็อปทำให้แบงค์มันคือภาพลวงตา พี่เขาก็แค่เห็นแบงค์เป็นของเล่น คงไม่ได้รักแบงค์จริงๆอย่างที่พี่เขาเอาแต่พร่ำบอก พี่เขาก็แค่เห็นแบงค์เป็นเหมือนลูกไก่ในกำมือ อยากจะทำอะไรก็ได้ อยากจะขยำขยี้ให้ตายคามือยังไงก็ได้....” แบงค์บอก สะอื้นให้ไม่หยุดจนพี่กายต้องเขามากอดเอาไว้

“พี่ขอโทษจริงๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น” พี่กายบอก กอดแบงค์แน่น แต่แบงค์ไม่ได้กอดพี่กายตอบ พยายามเช็ดน้ำตากับน้ำมูกผสมเลือดลงกระดาษทิชชู

“พี่กายไม่เกี่ยวหรอกครับ ดีแล้วแหละที่พี่กายมา ไม่อย่างนั้น แบงค์ก็คงไม่รู้หรอกว่าลับหลังแบงค์พี่เขาทำอะไรลงไปบ้าง ต่อหน้าพี่เขาอาจจะทำดีกับแบงค์แต่ลับหลังแบงค์ก็ไม่รู้ว่าพี่เขาเป็นคนยังไงอยู่ดี” เขาบอกยังร้องไห้ออกมาไม่หยุด

“ร้องไห้ออกมาเลย ร้องออกมาให้พอนะ พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องร้องอีกแล้ว” พี่กายพูดเบาๆเสียงสั่นเครือเพราะสงสารน้องเหลือเกิน

“ที่สำคัญ พี่กายครับ ก่อนหน้านี้แบงค์ยังพูดว่ารักพี่ท็อปได้ไม่สนิทใจเท่าไร แต่พอพี่กายเข้ามามันทำให้แบงค์รู้ใจตัวเองมากขึ้นว่าแบงค์รักพี่ท็อปมาก ทั้งๆที่แต่แรกไม่รู้ใจตัวเองขนาดนี้แต่วันนี้รู้เลยว่ามันเจ็บมาก รู้เลยว่าแบงค์รักพี่เขาจริงๆ ไม่ใช่แค่พูดส่งเดชออกไปให้อะไรมันจบเหมือนที่ผ่านๆมา ความรักนี่มันเจ็บปวดแบบนี้นี่เอง” เขาร้องไห้อย่างสะอึกสะอึ้นเสียงดัง กดหน้าลงกับหน้าอกของพี่กาย  น้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆ

พี่กายได้แต่กอดน้องเอาไว้ ในใจของเขาก็รู้สึกปวดร้าวอยู่เช่นเดียวกัน แน่นอนว่าเวลาอันสั้นที่ผ่านมาอาจจะไม่ได้ทำให้เขารักแบงค์ได้มากถึงขนาดที่ท็อปกับแบงค์มีให้กัน แต่ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่า เขามองความรักในแบบที่พี่คนหนึ่งจะสามารถมีให้น้องได้ แม้แบงค์จะไม่สามารถรักเขาตอบได้ในตอนนี้ แต่นับจากนี้ไปเขาตั้งใจว่าจะดูแลแบงค์เองไม่ให้เผชิญกับความเจ็บปวดแบบนี้อีก

เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น ทั้งแบงค์และพี่กายชะโงกออกมาดูจากทางกระจก เพราะตกใจว่าใครมาหาในยามค่ำแบบนี้ แบงค์รีบปาดน้ำตาแล้วเดินไปที่ม่านเพื่อส่องดูว่าผู้มาเยือนเป็นใคร

ด้านนอกฝนยังตกอยู่พรำๆ แสงไฟจากรั้วส่องให้เห็นเด็กผู้ชายสวมเสื้อกันฝนจอดมอเตอร์ไซค์คันเดิมที่คอยมารับเขาเสมอๆทุกเช้า ส่วนเจ้าของรถก็เอาแต่รัวกระหน่ำนิ้วกดที่อ๊อดจนดังลั่นบ้าน

“แบงค์ แบงค์ ออกมาหาพี่หน่อย พี่อยากจะคุยด้วย แบงค์ ออกมาหาพี่หน่อย” เสียงท็อปตะโกนข้ามรั้วมาเสียงดัง

“พี่ท็อปมาแล้ว พี่กาย” แบงค์บอกแล้วรีบเดินกลับไปหาพี่กายที่ยืนส่องดูจากม่านอีกฟากของห้อง “แบงค์ไม่อยากคุยกับพี่เขาแล้ว พี่กาย ทำยังไงดี”

พี่กายหันหน้ามองแบงค์ที แล้วหันหน้าไปมองนอกหน้าต่างที ท็อปยังคงทำท่าชะเง้อเพื่อดูว่าแบงค์อยู่ที่บ้านหรือไม่ ฝนที่ยังตกกระหน่ำหนักขึ้นนั้นทำให้เขาเริ่มหนาวสั่น และจามออกมาเป็นระยะๆ แต่ก็ยังไม่หยุดตะโกน

“แบงค์ได้ยินพี่ไหม? แบงค์ พี่อยากให้เราออกมาเคลียร์กันก่อน เปิดประตูให้พี่หน่อย” พี่ท็อปยังไม่ลดละความพยายาม

“เดี๋ยวพี่จะออกไปรับหน้าเอง แบงค์รออยู่ในบ้านก็แล้วกันนะ” พี่กายบอก

“พี่กายอย่าทำอะไรพี่ท็อปนะพี่ ปล่อยพี่เขาไป แบงค์ไม่อยากให้ปัญหามันเรื้อรังอีกแล้วให้มันจบตรงนี้วันนี้ไปเลย” แบงค์บอกน้ำตายังคงไหลออกมาเรื่อยๆ

พี่กายหยักหน้าแล้วเปิดประตูออกไปเผชิญหน้ากับท็อป พี่กายเดินออกมายืนที่ระเบียงแต่ยังอยู่ในชายคาบ้านเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนฝนตรง ๆ

“พี่กาย...” ท็อปอุทานเมื่อเห็นหน้ารุ่นพี่

“มึงมาทำไมวะ ไอ้ท็อป แบงค์หลับไปแล้ว มึงทำน้องเจ็บขนาดนี้แล้วยังมีหน้ามาถามหาน้องอีกเหรอ?” กายฉะใส่ส่งเสียงดังจนกลบเสียงฝน

“พี่กาย ผมอยากจะคุยกับแบงค์ ผมไหว้ล่ะพี่ ให้ผมเข้าไปได้ไหม” ท็อปอ้อนวอน “ผมไม่อยากให้อะไรมันจบแบบนี้”

“มันจบไปแล้วล่ะท็อป มึงไม่ได้ยินที่แบงค์เขาบอกมึงเหรอ ว่าไม่อยากเจอหน้ามึงแล้วน่ะ พี่ว่ามึงกลับไปเหอะ ต่อจากนี้ก็ถือเสียว่าแค่เป็นคนเคยรู้จักกันก็พอ” พี่กายโต้กลับ

“พี่ครับ ผมขอร้องล่ะ ให้ผมได้คุยกับแบงค์เถอะ ไม่งั้นคืนนี้ผมนอนไม่หลับแน่ๆ” พี่ท็อปบอกน้ำตาไหลออกมาปะปนกับน้ำฝนที่ไหลหยดลงมาเช่นกัน แล้วจามออกมาเสียงดังอีกรอบ

“นั่นมันปัญหาของมึงแล้วล่ะท็อป น้องมันบอกเองว่าไม่อยากยุ่งกับมึงตั้งแต่ตอนที่เจอภาพบาดตาแล้ว กูถามหน่อยเหอะ มึงทำแบบนี้กับแบงค์ได้ยังไง เนี่ยเหรอ ความรัก ที่มึงบอกน้องนักหนา มึงแสดงออกความรักด้วยวิธีแบบนี้เหรอ?”

“ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับพี่ ผมรู้ว่ามันอาจจะฟังดูงี่เง่า แต่ผมไม่ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้นะครับ” พี่ท็อปบอก รู้สึกข้อแก้ตัวของตัวเองนั้นฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย

“ไม่เป็นลูกผู้ชายเอาซะเลยว่ะ ท็อป มึงกลับบ้านไปเหอะ เรื่องของมึงกับแบงค์มันจบไปแล้ว มึงรู้ไว้ซะด้วยนะ ว่ากูก็ไม่อยากเห็นหน้ามึงอีกเหมือนกัน มึงเหี้ยเกินคำบรรยายกูจริงๆ รอให้ถึงพรุ่งนี้ก่อน กูจะไปฟ้องอาจารย์สายัณห์ เอาให้มึงเจ็บมากกว่าที่ทำกับแบงค์ร้อยเท่า” พี่กาย ตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้น

“พี่จะต่อยจะชกผมก็ได้ แต่ผมขอคุยกับแบงค์เถอะนะครับพี่ ผมอยากขอโทษ ผมไมได้ตั้งใจ ผมรักน้องจริงๆนะครับพี่ ผมไหว้ล่ะพี่ ให้ผมเข้าไปหาน้องนะครับพี่” พี่ท็อปอ้อนวอน น้ำตาพรั่งพรูด้วยความเสียใจ “ผมรู้ดีว่าผมมันเหี้ย ผมมันเลว แต่ผมทำใจไม่ได้จริงๆถ้าต่อจากนี้แบงค์จะไม่อยู่กับผมแล้ว พี่ช่วยผมหน่อยเถอะ”

“ไอ้สัตว์ พูดไม่รู้เรื่องใช่ไหม?” พี่กายพูด ทำท่าจะพุ่งลงไปจากระเบียงแล้วเดินไปที่ประตูรั้ว แต่แบงค์ที่เห็นสถานการณ์และแอบฟังอยู่ตลอดก็รีบเปิดประตูออกมาคว้าแขนพี่กายไว้

“พอเหอะ พี่กาย อย่าไปทำอะไรพี่ท็อปเลย” แบงค์ร้องบอก ท็อปตะโกนลั่นด้วยความดีใจเมื่อเห็นแบงค์ออกมาในที่สุด

“แบงค์ เปิดประตูให้พี่หน่อย พี่อยากจะขอโทษ พี่ผิดไปแล้ว จะโกรธจะด่าพี่ยังไงก็ได้ แต่อย่าทิ้งพี่เลยนะแบงค์” ท็อปเขย่าประตูรั้วราวกับจะดึงมันให้หลุดออกจากราง

พี่กายส่ายหน้าให้แบงค์ราวกับเป็นสัญญาณว่าอย่าไปต่อล้อต่อเถียงอะไรกับพี่ท็อปอีก แบงค์ถอนหายใจช้าๆ จากนั้นจึงคว้าเอาร่มที่วางอยู่แล้วกางเดินออกมาหา ท็อปยิ้มดีใจเมื่อเห็นแบงค์เดินมาหาเขาในที่สุด

“พี่ท็อป...” แบงค์เรียก มองหน้าเขาอย่างอาลัย “ให้มันจบลงตรงนี้เถอะนะพี่” แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา “แบงค์พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว แบงค์ขอโทษที่แบงค์ทำตามคำขอพี่ท็อปไม่ได้จริงๆ”

“อย่าดิแบงค์ อย่าทิ้งพี่ไปแบบนี้ แล้วต่อจากนี้พี่จะอยู่กับใครล่ะแบงค์ ใครจะคอยอยู่ข้างๆพี่ คอยสอนพี่ คอยเตือนพี่” พี่ท็อปร้องไห้ ทั้งจามทั้งน้ำตา น้ำมูก พรั่งพรูออกมา

“พี่ท็อปยังมีเพื่อน มีพี่คาร์พ มีพ่อ ที่อยู่ข้างๆนะ อย่าลืมพวกเขาสิ ที่ผ่านมาให้มันเหมือนฝันไปเถอะนะ ถึงเวลาที่พวกเราทั้งสองคนต้องตื่นกันสักที” แบงค์บอก

“ไม่ พี่ไม่อยากตื่น ยังไงพี่ก็ต้องให้แบงค์อยู่กับพี่เหมือนเดิม เราจะต้องไม่เลิกกัน” ท็อปตะคอกทั้งโมโหทั้งโกรธจนหน้าแดง

แบงค์เอื้อมมือไป อยากจะไปจับแก้มพี่ท็อปอย่างที่เขามักจะทำเวลาอยู่ด้วยกันสองคน แต่ก็ยั้งมือเอาไว้ เพราะรู้ตัวดีว่าต่อจากนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคงต้องหยุดไว้ “พี่ท็อปกลับไปเถอะ แบงค์บอกแล้วไงว่าอย่าตากฝน เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”

“ไม่เอานะ แบงค์ อย่าทำแบบนี้กับพี่ดิ พี่ขอโทษ พี่ผิดไปแล้ว ไม่เอาแล้ว พี่ไม่ได้ตั้งใจ เขาหลอกให้เราทะเลาะกันนะแบงค์” พี่ท็อปร้องบอกออกมา

“หลอกอะไร ยังไงมันก็อยู่ที่พี่ท็อปอยู่ดี ถ้าพี่ท็อปรู้จักยั้งใจตัวเอง มันก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้หรอก แสดงว่าเราสองคนอาจจะยังรักกันไม่มากพอ มันมาได้ไกลแค่นี้แหละพี่ท็อป” แบงค์พูดเบาๆ น้ำเสียงราบเรียบ แล้วก็จามออกมาด้วยอีกคน เพราะยืนโดนไอฝน เลือดกำเดาก็พุ่งออกมาอีกครั้ง

“แบงค์ พอเถอะ ไม่ต้องคุยอะไรกับมันแล้ว เข้าบ้านเลย” พี่กายเดินฝ่าฝนออกมาพาแบงค์เข้าบ้าน

“แบงค์ ทำไมแบงค์เลือดออกเยอะแบบนี้ล่ะ ? แบงค์ เปิดประตูให้พี่ก่อน พี่กายครับ เปิดประตูให้ผมก่อน พี่กาย เปิดสิวะ” พี่ท็อปโวยวายกระชากประตุเหล็กเสียงดังลั่น

“มึงกลับบ้านไปเลยนะ แบงค์เป็นแบบนี้ก็เพราะมึง รู้ไว้ซะด้วย แบงค์น่ะมีโอกาสเลือดไหลไม่...”

“พอเหอะพี่กาย” แบงค์รีบบอก “ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว มันจบแล้ว” น้ำตาของเขายังไหลในขณะที่มือกุมดั้งจมูกเอาไว้

“ทำไม แบงค์เป็นอะไร แบงค์ ตอบพี่มาก่อนดิ แบงค์เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่เปิดพี่จะปีนเข้าไปแล้วนะ” พี่ท็อปร้องบอกมา

“กูให้เวลามึง 5 นาที ถ้ามึงไม่ไป กูจะโทรเรียกตำรวจว่ามึงบุกรุกยามวิกาล มึงรีบกลับไปเดี๋ยวนี้ กูไม่ได้พูดเล่นนะ”พี่กายชี้หน้าท็อป แล้วรีบพาแบงค์เข้าไปในบ้าน ปิดประตูลั่น

“แบงค์...อย่าทำแบบนี้สิแบงค์ บอกพี่มาก่อน แบงค์....” ท็อปได้แต่ยืนตะโกนจนแทบจะสิ้นเสียง ฝนตกหนักมากขึ้นเรื่อยๆราวกับพายุเข้า รู้สึกผิดจนแทบอยากจะตายไปเสียตรงนี้เลย ทั้งหัวใจของเขาสูญสลายไปแทบทั้งหมด ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม เขาจะอยู่อย่างไรต่อไป พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป วันที่ไม่มีแบงค์จะมาถึงแล้วเหรอ แล้วต่อจากนี้ชีวิตของเขาจะมีเรี่ยวแรงมาจากไหนได้เมื่อแหล่งกำลังใจของเขาได้ตัดใจจากเขาไปแล้ว

แบงค์ทรุดลงที่หน้าประตูเมื่อพี่กายพาเข้ามาในบ้าน ร้องไห้ไม่หยุดเหมือนกับคนเสียสติ จนพี่กายต้องปลอบ “พี่กายอย่าเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อพี่ท็อปนะ เรื่องพี่หวานด้วย แค่นี้ทุกอย่างมันก็แย่มากพออยู่แล้ว”

“อืม พี่ก็ขู่มันไปอย่างนั้นแหละ” พี่กายบอก “สงสัยคืนนี้คงไม่มีอารมณ์กินข้าวแล้วมั้ง” เขามองดูรุ่นน้องที่ยังคงนั่งร้องไห้อยู่แล้วหันไปดูกับข้าวร้อนๆที่ตนเองเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ

แบงค์ส่ายหน้า นั่งกอดเข่าร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงดัง “พอแล้ว ร้องไห้จนน้ำตากับเลือดออกจะหมดตัวแล้ว ไปอาบน้ำดีกว่าแล้วกินยานอนเลยนะ ไม่ต้องเสียใจแล้ว ยังมีเวลาอีกเยอะ วันนี้เจออะไรๆมาเยอะแล้ว ไปเถอะ” พี่กายบอกแล้วค่อยๆพยุงร่างของน้องขึ้นมา

แบงค์ไม่ตอบอะไรได้แต่ร้องไห้จนจวนจะหมดแรง

 :m15: :monkeysad: :m15:

จบบทที่ 22 ตอนที่ 23 พบกันใหม่วันศุกร์ครับ
(ขอเม้นกันมั่งนะครับเป็ฯกำลังใจว่าเพื่อนยังตามๆกันอยู่ T^T)

หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 22 23/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-03-2015 22:27:00
เฮ้ออออออ.  ไม่รู้จะสงสารใครดี.  หน่วงงงงงงง  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 22 23/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-03-2015 23:51:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 22 23/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 25-03-2015 00:02:56
เฉยๆ  :hao4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 22 23/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมถ้วยฟู ที่ 25-03-2015 20:35:16
รออ่านต่ออยู่นะคะ o22
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 23 --27/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 27-03-2015 22:07:07
บทที่ 23
เพื่อน ปะทะ เพื่อน


เช้าวันต่อมา ท็อปรีบอาบน้ำแต่งตัวมาโรงเรียนแต่เช้าเพื่อมาดักรอแบงค์ที่หน้าโรงเรียน เพราะเขาคิดว่าคืนนี้พี่กายคงต้องอยู่ดูแลแบงค์ตลอดทั้งคืนเป็นแน่ ถ้าหากไปหาตอนเช้าที่บ้านอีกก็คงไม่มีโอกาสได้เจอน้องแบบตัวต่อตัวแน่นอน คงโดนพี่กายไล่ตะเพิดออกมาอีกเช่นเคย ทั้งคืนเขานอนไม่หลับเลย ได้แต่เศร้าและมึนงงกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขาพยายามจับต้นชนปลายให้ถูกว่าในไม่กี่นาทีตอนอยู่ห้องพยาบาลและระเบียงทางเดิน เหมือนทุกอย่างมันผ่านไปไวมากจนเขาไม่ทันได้ตั้งตัว

ส่วนหนึ่งเขายอมรับผิดเรื่องที่คิดจะมีอะไรกับหวาน เขายอมรับว่าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ในเวลานั้น เหมือนราวกับมีมนตร์สะกดให้เขาต้องทำตามที่หวานบอกสำหรับท็อปหวานเป็นเด็กสาวหน้าตาดี ผิวสะอาดสะอ้านคนหนึ่ง แต่ที่ท็อปไม่คิดจะคบหวานก็เพราะว่าเขาอยากให้ความสัมพันธ์หยุดอยู่แค่เป็นเพื่อนกันเท่านั้นดีกว่า เขารู้จักตัวเองดีและเขาไม่อยากให้หวานมาอยู่ในวังวนของตนเอง นิสัยของหวานเป็นคนไม่ยอมคนบวกกับท็อปที่เป็นคนอารมณ์ร้อน คบกันคงได้ไม่ไกล เขาจึงพยายามปิดกั้นโอกาสเหล่านี้จากเพื่อนเรื่อยมา

แล้วใครเป็นคนส่งข้อความให้กับแบงค์ให้มาหาที่ห้องพยาบาล ... เรื่องนี้หวานน่าจะมีคำตอบให้เขา เพราะไม่มีใครรู้ว่าหวานและเขาอยู่ในห้องพยาบาล วิธีเดียวที่จะสามารถรู้ได้ก็คือเช็คเบอร์โทรศัพท์ที่ส่งข้อความมา แต่ว่าตอนนี้แบงค์ไม่ฟังเขาเลยและปัญหานี้กำลังจะหมดโอกาสได้รับการแก้ไข

“จะไปไหนแต่เช้า นี่ยังไม่หกโมงครึ่งเลยนะลูก” พ่อของท็อปร้องทักขึ้นเมื่อลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ

“ผมมีธุระครับ ต้องรีบไปโรงเรียน” ท็อปบอกก่อนจะสวมรองเท้าและคว้าเป้

“หมู่นี้พ่อไม่ค่อยเห็นลูกกับเจนภพเลย เลิกคบกันไปแล้วเหรอ” พ่อถามขึ้นมา ทำเอาท็อปตกใจกับสิ่งที่พ่อพูด

“ทำไมอะ? พ่อจะถามทำไม? เรื่องที่เกิดขึ้นหนก่อนมันยังไม่พออีกเหรอพ่อ หรือว่าพ่อจะหาเรื่องท็อปอีก?” ท็อปบอกลุกขึ้นยืน หันหน้ามามองพ่ออย่างไม่พอใจนัก

“อย่าเพิ่งเข้าใจพ่อผิดสิ เรื่องนั้นพ่อบอกแล้วว่าพ่อขอโทษ พวกลูกยังเด็ก อีกหน่อยก็คิดได้ ว่าอะไรดีไม่ดี ตอนนี้มันยังเป็นวัยเรียนรู้ พ่อก็เลย...ถามดู เผื่อลูกจะเปิดใจกับพ่อบ้าง” พ่อของท็อปบอก

“พ่อไม่ต้องรู้ดีกว่าครับ ท็อปขอตัวไปก่อน ช่วงนี้ท็อปยังวุ่นตอนเย็น พ่อไม่มีธุระอะไรพิเศษก็ไม่ต้องตามผมนะ เดี๋ยวก็กลับมาเอง” ท็อปตัดบท แล้วสะพายเป้เปิดประตูออกมา

อาจารย์สายัณห์ได้แต่ยืนมองลูกชายที่หุนหันเดินออกไป ยิ่งโตขึ้นนับวันท็อปยิ่งตีตัวออกจากพ่อมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าตอนนี้นิภายังอยู่ด้วย เธอคงช่วยเขาได้สารพัดเลย อาจารย์สายัณห์คิดได้แต่ปล่อยตัวเองให้อยู่ในห้วงคำนึง


หลังจากที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ออกมาจอดในโรงเรียน ท็อปก็รีบเดินหาแบงค์ที่โรงอาหาร เพราะแบงค์จะชอบมานั่งกินข้าวตอนเช้าที่โรงอาหารแบบนี้ทุกวัน และอยู่ที่โต๊ะตัวเดิม แต่รอนานเท่าไรแบงค์ก็ยังไม่มาสักที จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 8 โมง เกมส์ก็เดินมาที่โต๊ะอย่างเคยเพราะเป็นที่นัดประจำของเขาทั้งคู่ก่อนที่จะไปเข้าแถวด้วยกันในตอนเช้า

“อ้าว พี่ท็อป มารอแบงค์เหรอครับพี่?” เกมส์ทักเมื่อเห็นท็อป นั่งมองอยู่

“อือ พี่มารอแบงค์ แปลกจัง ทำไมวันนี้แบงค์มาช้าผิดปกติ” ท็อปบอกอย่างร้อนใจ

“พี่ไม่ลองโทรไปหามันล่ะ จะได้รู้ว่าทำไมมันมาช้าแบบนี้” เกมส์ออกความเห็น

“แบงค์ปิดโทรศัพท์” พี่ท็อปพูดสั้นๆ “พี่เลยติดต่อเขาไม่ได้ อยากรู้เหมือนกันว่าวันนี้จะมาโรงเรียนไหม”

“แล้ว....พี่คนนั้นกับพี่ เป็นยังไงมั่ง? ตั้งแต่วันนั้นที่พวกพี่ท้าแข่งกัน ผมบอกพี่เลยว่าแบงค์มันไม่ชอบเอามากเลยนะครับ” เกมส์ชวนคุย เมื่อท็อปกลับไปนั่งเงียบ

“พี่รู้แล้วว่าแบงค์โกรธ แต่ถ้าอยากจะให้พี่กายไม่มายุ่งกับพวกเราอีกก็ต้องมีวิธีเด็ดขาด พี่คิดได้แค่นั้นจริงๆตอนนั้น ไม่คิดว่าจะให้เลยเถิดมาถึงขนาดนี้หรอก” ท็อปบอกเสียงอ่อยๆ

“แบงค์มันรักพี่ท็อปนะพี่ ผมอยู่ด้วยกันกับมันตลอด ผมรู้ดี ถึงมันจะไม่ค่อยแสดงออกก็เถอะ มันก็ดูไม่ค่อยสบายใจเท่าไรหรอกที่มีพี่กายมาเทียวไปเทียวมาด้วย บรรยากาศตอนมันอยู่กับพี่กับอยู่กับพี่กาย มันคนละเรื่องเลยแหละ” เกมส์เสริม ทำให้ท็อปใจชื้นขึ้นมาบ้าง

“ขอบใจมากว่ะ เกมส์ ถึงแบงค์จะเป็นยังไง รักใคร พี่ก็ยังชอบเขาอยู่ดี ถ้ายังไงแบงค์มาแล้วก็โทรมาหาพี่หน่อยก็ได้ ไม่ก็สายๆ เดี๋ยวพี่จะแวะไปหาที่ห้อง จะได้เจอตัวเลย” ท็อปบอก

“สู้ๆนะครับพี่ ผมไม่อยากเห็นแบงค์มันซึมๆแบบนี้เท่าไร ต้องคอยปลุกมันเรื่อย มันชอบเหม่อมากระยะหลังๆ” เกมส์บอกด้วยสีหน้าเป็นห่วง

ท็อปพยักหน้า ก่อนที่จะมีเสียงโทรศัพท์สั่นเข้าบอกสัญญาณว่ามีคนโทรเข้ามา

<ไอ้คาร์พ>

“แม่งโทรมาอะไรแต่เช้าวะ” ท็อปบ่นเมื่อเห็นชื่อของเพื่อนขึ้นโชว์หราในโทรศัพท์ “มีอะไรวะ แต่เช้าเลย”

“เปล่า กูแค่จะถามมึงว่า มึงโอเคขึ้นรึยัง?” เสียงปลายสายขึ้นมา

“ยังไม่โอเคว่ะ กูยังโกรธมึงอยู่” ท็อปตอบตรงๆแบบไม่รักษาน้ำใจ

“มึงอยู่ไหน กูจะไปหา” ปลาคาร์พถามขึ้นมา

“เดี๋ยวมึงก็เจอกูที่ห้องเรียนอยู่ดี จะมาหากูทำไมวะ กูยุ่งๆอยู่เช้านี้” ท็อปตอบกลับ เสียงไม่พอใจนัก “แค่นี้นะ”

“เฮ้ย  อย่าเพิ่งตัดสายกูดิวะ” ปลาคาร์พตะโกน แต่ก็ไม่ทัน ท็อปได้ตัดสายของเขาไปเรียบร้อยแล้ว

ก่อนอื่นเช้านี้เขาต้องเคลียร์เรื่องนี้กับหวานให้ได้ก่อนเช่นเดียวกัน ในเมื่อทุกอย่างฟังดูเหมือนกับถูกจัดฉากให้เกิดขึ้น เขาต้องการคำตอบจากหวานว่าหวานเป็นคนสั่งให้ใครส่งข้อความมาหาแบงค์หรือเปล่า ท็อปไม่โกรธที่หวานคิดจะมีอะไรกับเขาเมื่อวาน ทุกอย่างมันชี้ชัดลงไปอยู่แล้วว่าถ้าเขายับยั้งชั่งใจตัวเองได้ก็คงไม่มีเรื่องแบบเมื่อวานเกิดขึ้นแน่นอน เขาแค่อยากจะรู้ว่าทุกอย่างมันคือการแกล้งเขากับแบงค์ให้แตกคอกันจริงหรอไม่ อย่างน้อยเขาก็จะเอาเรื่องนี้ไปของ้อแบงค์ให้กลับมาคืนดีกับเขาให้ได้
เขารีบเดินไปที่ห้องปกครองที่เป็นห้องประจำที่ประธานนักเรียนมีโต๊ะทำงานของตัวเอง หวานจะนั่งอยู่ที่นี่เสมอๆทุกเช้าก่อนที่ช่วงสายจะไปประจำที่หน้าประชาสัมพันธ์ที่เป็นทางเข้าโรงเรียนเพื่อดักจับนักเรียนที่มาโรงเรียนสาย

เมื่อไปถึงห้องปกครอง มีเพียงอาจารย์ปรีชาเท่านั้นที่ยังคงนั่งอยู่

“อาจารย์ครับ หวานล่ะครับ” เขาทักขึ้นทันทีที่เขามาในห้อง

“หทัยรัตน์วันนี้เขาโทรบอกครูว่าเขาไม่ค่อยสบาย คงไม่ได้มาเรียน” อาจารย์ปรีชาบอกพลางขยับแว่นมองคนถาม

“อะไรนะครับ ทำไมต้องเป็นวันนี้ล่ะเนี่ย” ท็อปตกใจเมื่อรู้ข่าวจากอาจารย์

“ทำไม? ท็อปมีอะไรคุยกับเขาหรือเปล่าล่ะ ถ้ามีเรื่องด่วนจะโทรคุยกับเขาก็ได้นี่” อาจารย์แนะนำ

“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ” ท็อปตอบ แล้วขอตัวออกมา

ท็อปเดินอย่างหัวเสียขึ้นอาคารไปวางกระเป๋าที่ห้องประจำชั้น เขาไม่อยากคิดว่าหวานตั้งใจจะหลบหน้าเขาโดยการไม่มาโรงเรียนแบบนี้ ถ้าเกิดเป็นอิหรอบนี้ เขาจะหาคำตอบที่เขาอยากรู้ได้อย่างไร เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้งกดไปหาเบอร์ของแบงค์แล้วลองโทรออกดูแต่ปลายสายยังคงแจ้งว่าโทรศัพท์ไม่ได้เปิดเครื่อง

“อะไรกันนักกันหนาวะ ติดต่อใครก็ไม่ได้ คุยกับใครก็ไม่ได้เลยสักคน” เขาบ่นอย่างโมโห

เมื่อถึงเวลาเข้าเรียนหลังจากเคารพธงชาติเสร็จเรียบร้อย ท็อปรีบเดินออกจากห้องเรียนมุ่งหน้าตรงไปยังห้องเรียนประจำชั้น ม.4/5 ของแบงค์ เพื่อไปตามง้อ เขาเดินฝ่ากลุ่มนักเรียนหลายกลุ่มที่กำลังแยกย้ายกันไปตามชั้นเรียนต่างๆ โชคดีที่เรื่องราวเมื่อวานเหมือนจะไม่ได้รู้กันในหมู่นักเรียนเสียเท่าไร เพราะไม่มีข่าวเรื่องเขาทะเลาะกันให้ได้ยินนักไม่เหมือนตอนที่มีคลิปวิดิโอถูกปล่อยเมื่อหนก่อนที่ทุกคนได้มีโอกาสเห็นพร้อมๆกัน

“พี่ท็อปมาหาแบงค์เหรอ” เปิ้ลร้องทักขึ้นมาเมื่อเห็นพี่ท็อปเดินด้อมๆมองๆอยู่หน้าห้อง เธอเพิ่งจะไปเข้าห้องน้ำกลับมาพอดี เลยเจอกับพี่ท็อปเข้า

“ใช่ แบงค์มารึยัง? ไปเรียกมาคุยกับพี่ให้หน่อยสิ” ท็อปบอก

“สงสัยวันนี้คงไม่มาแล้วมั้งพี่ เกมส์เขาบอกว่ามีรุ่นพี่ม.6 เดินมาบอกอาจารย์ว่า เจนภพไม่มาโรงเรียนวันนี้ เพราะเขาไม่สบายหนักมาก” เปิ้ลเสริม

“แบงค์ไม่สบายเหรอ? เป็นอะไรมากหรือเปล่า?” ท็อปถาม เริ่มรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา เมื่อคืนเขาพาแบงค์ออกมายืนคุยตากฝนด้วย แบงค์อาจจะเป็นหวัดขึ้นมาก็ได้ ตัวเขาตอนนี้มีอาการแค่น้ำมูกไหลและเจ็บคอนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดปวดหัวตัวร้อน

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะพี่ แต่พี่ม.6 คนนั้นเขาก็บอกว่า เดี๋ยวสักวันสองวันก็คงหาย วันนี้วันศุกร์แล้วด้วย คงได้มีเวลาพักแหละ ว่าแต่แบงค์ไม่ได้บอกพี่เองเหรอ ? ทำไมให้พี่ม.6 คนนั้นมาบอกแทนล่ะ?” เปิ้ลย้อนถามเมื่อเรียบเรียงเรื่องราวเสร็จเรียบร้อย

“อ๋อ ไม่มีอะไรน่ะ งั้นเดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ” ท็อปบอกแล้วรีบเดินลงบันไดมา

ตอนนี้ใจของเขาอยู่ไม่เป็นสุขเอาเสียแล้ว ทันทีที่เขารู้ว่าแบงค์ไม่สบายหนัก เขาควรจะต้องไปอยู่ดูอาการแบงค์ไม่ใช่มานั่งอยู่ที่โรงเรียนแบบนี้ ยิ่งที่บ้านแบงค์ตอนนี้ไม่มีใครและพี่กายน่าจะมาโรงเรียนและปล่อยให้แบงค์นอนพักผ่อนอยู่บ้าน นี่เป็นโอกาสเดียวที่เขาจะได้เข้าไปคุยกับแบงค์ที่บ้าน เขาจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไปแน่นอน

ท็อปรีบกระโจนกลับไปที่ห้องเรียนก็เจอกับปลาคาร์พที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะแล้ว ท็อปไม่มองหน้าเพื่อนแต่รีบคว้ากระเป๋านักเรียนขึ้นสะพายทันที

“เฮ้ย มึงจะสะพายกระเป๋าไปไหน คาบนี้เราเรียนที่ห้องนี้นะเว้ย” ปลาคาร์พร้องทักเมื่อเห็นเพื่อนสะพายกระเป๋าอย่างรีบร้อน
ท็อปไม่ตอบ แล้วรีบเดินออกจากห้อง ท่ามกลางสายตาเพื่อนๆในชั้นเรียน

“มึงอย่าทำตัวเละเทะนักดิ ทำไมมึงมีปัญหากับไอ้เรื่องนี้เยอะจังวะ ไอ้ท็อป” ปลาคาร์พตะโกนใส่ท็อป จนห้องทั้งห้องจากที่ทุกคนคุยกันอยู่เสียงดังจนต้องเงียบแล้วหันมามองทั้งสองคนแทน

ท็อปหันหลังมามองเพื่อนอย่างไม่พอใจ “มึงหยุดพูดเหอะ ไอ้คาร์พ มึงนั่นแหละตัวดี กูต้องมานั่งร้อนใจแบบนี้ก็เพราะเรื่องที่มึงทำเมื่อวาน” ท็อปว่ากลับด้วยความเดือดดาล

“นี่มึงจะตัดเพื่อนกับกูจริงๆใช่ไหมกับไอ้เรื่องงี่เง่าแค่นี้” ปลาคาร์พตะโกนกลับ พร้อมกับลุกขึ้นยืน

ท็อปวางกระเป๋าลง แล้วเดินอาดๆมองหน้าเพื่อนอย่างหาเรื่อง “ทำไม ? ทำไมกูจะตัดมึงไมได้ ในเมื่อมึงเป็นคนทำลายทุกอย่างในชีวิตกูเสียยับป่นปี้ขนาดนี้”

“มึงเห็นมันดีกว่าเพื่อนที่อยู่กับมึงมาตั้งแต่เด็กอย่างงั้นเหรอวะ แม่งสิ่งดีๆที่กูทำให้มึงมาตลอดชีวิตกูมันไม่เคยมีค่าเลยใช่ไหม?” ปลาคาร์พบอก พูดด้วยความน้อยใจแต่เสียงโวยวายของเขาก็ฟังชัดเจนทุกคำ

ท็อปนิ่งเงียบ หน้าแดงด้วยความโกรธ ใจหนึ่งเขาก็ยอมรับว่าคาร์พเป็นเพื่อนที่ดีของเขาที่สุด คอยอยู่ข้างเขาเสมอ แต่เรื่องเมื่อวานที่ทำให้แบงค์เจ็บถึงขนาดเข้าโรงพยาบาลมันก็เป็นอีกเรื่องที่เขายังรับไม่ได้

“กูยังรับไม่ได้ว่ะ เข้าใจไหม ไอ้คาร์พ มึงทำน้องเจ็บ มันก็เหมือนทำกูเจ็บไปด้วย” ท็อปบอก

“ไอ้สัตว์ มึงเคยสนใจวันที่กูเจ็บมั่งหรือเปล่าวะ? มึงสนใจแต่ไอ้แบงค์ คำก็ไอ้แบงค์ สองคำก็ไอ้แบงค์ ไอ้คาร์พเพื่อนรักมึงไปอยู่ไหนแล้ววะ มึงเอากูไปอยู่ตรงไหนในหัวใจมึงกันแน่” ปลาคาร์พโวยวาย

“เฮ้ย พวกแกคุยกันดีๆก็ได้” ส้มโอบอก ตอนนี้ทุกคนกำลังเฝ้าดูทั้งสองคนทะเลาะกันด้วยความเป็นห่วง “เป็นเพื่อนกันอย่าทะเลาะกันดิวะ”

ปลาคาร์พหันไปมองส้มโอแล้วจึงหันกลับมาถามท็อป “มึงจะไปไหน?”

“กูไม่เรียนแล้ววันนี้กูไม่มีอารมณ์ กูจะไปหาน้อง” ท็อปบอกห้วนๆแล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาอีกครั้ง

“มึงทำตัวแบบนี้อีกแล้วนะท็อป มันใช่เรื่องไหมที่มึงจะโดดเรียนไปเพราะเรื่องแบบนี้” ปลาคาร์พเตือน

“เรื่องของกูว่ะ อย่าเสือก” แล้วท็อปก็รีบเดินอาดๆ ออกจากห้องไป ส่วนปลาคาร์พก็รีบเดินออกจากโต๊ะ ไล่ท็อปมาติดๆ เพื่อนๆทั้งห้อง ต้องรีบออกมาดูสถานการณ์ตามทั้งคู่ที่หน้าระเบียงบริเวณหน้าห้อง เมื่อปลาคาร์พคว้าแขนของท็อปได้ทัน ก็รีบรั้งไม่ให้เพื่อนไป

“ถ้ามึงไป กูจะฟ้องพ่อมึงว่ามึงโดดเรียน” คาร์พขู่ “กูเตือนมึงแล้วนะ ไอ้ท็อป อย่าหาว่ากูเสือกเลย”

“มึงอย่ามายุ่งกับกูได้ไหมวะ กูขอเหอะ” ท็อปบอก “มึงเป็นเพื่อนที่ดีของกู แต่ตอนนี้กูยังโกรธมึงอยู่ ให้กูหายโกรธมึงก่อนแล้วค่อยมาคุยกันใหม่ละกัน”

“กูไม่ให้มึงไป ไอ้ท็อป มึงไปก็ไม่มีประโยชน์ แบงค์มันไม่เอามึงแล้ว มึงก็เห็นอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น” ปลาคาร์พบอกกระชากแขนท็อปที่พยายามสะบัดตัวออกจากแรงรั้งของเพื่อน

“ไอ้สัตว์ นี่ปากมึงเหรอวะ ถ้ามึงไม่คิดจะช่วยกูก็อย่าขวางกู” ท็อปโวยวาย ตอนนี้ทั้งสองคนสัมผัสได้ถึงความโกรธที่กำลังก้าวไปจนถึงขีดสุด

“กูจะขวาง กูไม่ให้มึงไป มึงต้องอยู่กับกูที่นี่” ปลาคาร์พบอก แล้วท็อปจึงชกหน้าคาร์พสวนกลับไปด้วยความโมโห ปลาคาร์พล้มลงกับพื้น ท็อปยืนจังก้ามองเพื่อนด้วยความโกรธ ปลาคาร์พตอนนี้ต่างก็เดือดดาลขึ้นมาเช่นเดียวกันจึงลุกขึ้นมาแล้วต่อยสวน
กลับไป ทั้งสองคนมะรุมมะตุ้มฟัดต่อยกันนัวอยู่ที่หน้าระเบียงจนเพื่อนๆในห้องต้องรีบออกมาห้ามกันยกใหญ่ ท็อปกระชากคอเสื้อปลาคาร์พจนกระดุมแทบหลุดส่วนปลาคาร์พก็ซัดต่อยรัวๆไปที่หน้าของเพื่อนสนิท

“เฮ้ย ไอ้ท็อปกับไอ้คาร์พมันต่อยกันแล้ว” ส้มโอโวยวาย แล้วเพื่อนผู้ชายในห้องอีกสองสามคน ก็พยายามแยกท็อปกับปลาคาร์พออกจากกัน แต่ตอนนี้พลังของทั้งคู่นั้นเยอะเสียจนคนห้ามฉุดไม่อยู่ ทั้งคู่ยังพยายามที่จะต่อยกันให้ได้ ทั้งเตะ ทั้งต่อย สารพัดท่วงท่า

“พอๆ พวกมึงจะต่อยกันทำเหี้ยอะไรเนี่ย เพื่อนกันนะโว้ย” โจ้ เด็กหนุ่มใส่แว่นที่รั้งตัวท็อปเอาไว้พูดเสียงดังเพื่อเรียกสติของเพื่อนทั้งสองคน แต่ก็ไม่มีท่าว่าจะทำให้ทั้งคู่เย็นใจลงได้

“ไอ้คาร์พ เพราะมึงคนเดียว มึงทำให้น้องเจ็บ กูจะต่อยมึงให้เจ็บเหมือนอย่างที่มึงทำกับน้อง” ท็อปตะโกนใส่

“เออ ไอ้ท็อป มึงก็ดีแต่ปาก กูทำให้มึงขนาดนี้แต่มึงก็มาทำแบบนี้กับกู” ปลาคาร์พเถียงสู้ ดิ้นสุดชีวิตจากแขนของเพื่อนที่ห้ามเขาเอาไว้

ทั้งคู่ดิ้นหลุดจากพันธนาการของเพื่อนแล้วพุ่งใส่กันอีก ทั้งหมัด ทั้งชก และเตะ ใส่กันไม่ยั้ง อะดรินาลีนกำลังหลั่งออกมาด้วยความบ้าคลั่ง แม้ว่าปลาคาร์พจะตัวสูงกว่าแต่ว่าท็อปค่อนข้างจะเคลื่อนไหวได้คล่องตัวกว่า จึงหาช่องว่างซัดสวนปลาคาร์พได้ไม่ยาก ส่วนปลาคาร์พก็ใช้ความได้เปรียบที่ตัวสูงกว่าท็อปหน่อยนึงกันตัวเองเอาไว้แล้วเลือกซัดใส่เฉพาะหน้าของเพื่อนแทน

“ใครก็ได้ไปเรียกพ่อไอ้ท็อปมาหน่อย อาจารย์ปรีชาก็ได้ ไม่งั้นมันไม่เลิกทะเลาะกันแน่” บอยร้องบอกเมื่อเห็นเพื่อนไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

โชคเหมือนจะเข้าข้างเพื่อนๆในห้องที่กำลังยื้อตัวเพื่อนทั้งสองคนอยู่ให้วุ่น เมื่ออาจารย์ประจำวิชาที่สอนสังคมคาบนี้เดินมาพร้อมกับอาจารย์สายัณห์พอดี เมื่อพ่อเห็นลูกตัวเองกำลังซัดกันนัวกับเพื่อนสนิทก็รีบพุ่งตรงเข้ามาทันที

“นักเรียนทำอะไรกัน !! ทำไมมาทะเลาะวิวาทกันแบบนี้” พ่อของท็อปตะคอกใส่

ท็อปที่กำลังคว้าคอเสื้อของปลาคาร์พได้พอดีถึงกับต้องรีบปล่อยมือออก ทั้งคาร์พและท็อปเหมือนได้สติจากเสียงที่คุ้นเคย หันหน้ามามองอาจารย์สายัณห์ด้วยความตกใจ

“มีอะไรทำไมถึงมาต่อยกันเอง ท็อปกับคาร์พ ตามพ่อไปห้องปกครองเดี๋ยวนี้” อาจารย์สายัณห์บอก

ท็อปกับคาร์พหันหน้ามามองกัน สูดหายใจฟืดฟาดเพื่อยั้งอารมณ์ สายตาที่มองกันยังคงโมโหและพร้อมที่จะซัดกันใหม่ อาจารย์สายัณห์มองหน้าลูกชายของตนอย่างโมโหเช่นเดียวกันที่เห็นพฤติกรรมที่ไม่น่าพอใจแบบนี้ แต่ท็อปก็ไม่ได้ดูมีสีหน้าสำนึกผิด ก่อนจะกัดฟันกรอด แล้วคว้าเป้เดินตามพ่อไปที่ห้องปกครองพร้อมๆกับปลาคาร์พ

จบตอนที่ 23 - - ตอนที่ 24 มาต่อวันจันทร์เหมือนเดิมครับ


เพื่อนผมเป็นผู้วิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45761.0)ก็อัพเเล้วนะคัรบ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 23 --27/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-03-2015 22:52:13
เฮ้อออออ. 
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 23 --27/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 27-03-2015 23:44:44
 :seng2ped: :hao4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 23 --27/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 28-03-2015 00:38:14
เฮ้อออออ.

...เริ่มสงสารคนอ่าน ดูทรมานใจกันจุงเบย T^T ....(อีก 9 ตอนก็จบแล้วครับ ช่วยอดทนหน่อยนะ)
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย]--27/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 28-03-2015 01:26:56
โอ้ยยยย หงุดหงิดแทน เข้าใจจิตใจของทุกตัวละครเลยว่า ทำไปทำไม เพราะอะไร ปรบมือให้ผู้แต่ง ผมอ่านแล้วขึ้น 5555
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 23 --27/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 28-03-2015 07:32:05
ยังไมาไ่ด้อ่านแต่ขอเม้นก่อน
คือตกใจมากกับที่คนเขียนบอกมีไฟล์ .pdf ไว้ให้อ่านด้วย
คือ...มีคนเขียนใจดีสุดๆแบบนี้ด้วย อึ้งแพร่บ...

ปลื้มค่ะ 55555555

สู้ๆนะ จะไปอ่านล่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 23 --27/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 28-03-2015 09:14:31
ยังไมาไ่ด้อ่านแต่ขอเม้นก่อน
คือตกใจมากกับที่คนเขียนบอกมีไฟล์ .pdf ไว้ให้อ่านด้วย
คือ...มีคนเขียนใจดีสุดๆแบบนี้ด้วย อึ้งแพร่บ...

ปลื้มค่ะ 55555555

สู้ๆนะ จะไปอ่านล่ะ

ขอบคุณครับ นี่คือคอมเมนต์ที่ผมรอคอยมาตลอด 23 บท 555+
ขอกราบงามๆที่สละเวลาอันมีค่ามาสนใจอ่านเรื่องราวของผมคับ :man1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 23 --27/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 28-03-2015 17:05:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 23 --27/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-03-2015 18:37:02
 :pig4:    :L1:  สู้ๆค่ะคนเขียน
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 23 --27/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 29-03-2015 17:22:19
 :pig4: อึดอัดแทนท๊อป สงสารแบงค์ แต่ยังโกรธท๊อปมากมายเรื่องในห้องพยาบาลกับหวาน
จะลุ้นให้คืนดีกันเร็วๆ คนอ่านก็ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก เฮ้อออออออออออ
แต่ก่อนอื่นคงต้องกำจัดคาร์พไปให้พ้นๆ ก่อน ท่าทางไอ้คาร์พไม่ยอมปล่อยให้ท๊อปกับแบงค์มีความสุขกันง่ายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 23 --27/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: AuyAaiz ที่ 29-03-2015 18:09:31
อิปลาคาร์พออกฤทธิ์อีกละ เห็นนางเงียบๆ นางเเรดนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 23 --27/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: Jomkwancrazy ที่ 29-03-2015 23:23:37
กรี๊ดดดดดดดดด สมัครสมาชิกเพื่อที่จะคอมเม้นเลยนะคะเนี่ย
คือตอนแรกหานิยายอ่านก็จะดูเรื่องที่มีคนอ่านเยอะๆ แต่อ่านไปอ่านมาก็เบื่อ
พอเห็นนิยายเรื่องนี้คนอ่านน้อย เกือบจะไม่อ่านแล้วค่ะ แต่ก็ลองกดอ่านดู
ปรากฎว่า สนุกมากกกกกกกกกกกกกกก ดราม่าได้ใจ ชอบมากค่ะ
แต่งได้ดีมากเลย งื้ออ ไม่รู้จะพูดไง 555 คือมันดี
คนแต่งก็ใจดี มีการทำไฟล์ให้อ่านด้วย ชอบอะค่าาา
จะติดตามเรื่อยๆนะคะ ตอนนี้อ่านถึงตอนปัจจุบันแล้ว มาต่อไวๆหน่อยค่าาา ค้างมาก
เดี๋ยวจะไปอ่านอีกเรื่องที่คุณแต่งนะค้า
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 23 --27/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 30-03-2015 19:55:06
กรี๊ดดดดดดดดด สมัครสมาชิกเพื่อที่จะคอมเม้นเลยนะคะเนี่ย
คือตอนแรกหานิยายอ่านก็จะดูเรื่องที่มีคนอ่านเยอะๆ แต่อ่านไปอ่านมาก็เบื่อ
พอเห็นนิยายเรื่องนี้คนอ่านน้อย เกือบจะไม่อ่านแล้วค่ะ แต่ก็ลองกดอ่านดู
ปรากฎว่า สนุกมากกกกกกกกกกกกกกก ดราม่าได้ใจ ชอบมากค่ะ
แต่งได้ดีมากเลย งื้ออ ไม่รู้จะพูดไง 555 คือมันดี
คนแต่งก็ใจดี มีการทำไฟล์ให้อ่านด้วย ชอบอะค่าาา
จะติดตามเรื่อยๆนะคะ ตอนนี้อ่านถึงตอนปัจจุบันแล้ว มาต่อไวๆหน่อยค่าาา ค้างมาก
เดี๋ยวจะไปอ่านอีกเรื่องที่คุณแต่งนะค้า

ขอบพระคุณเป็นล้นพ้นเลยครับ คอมเมนต์นี้เป็นคอมเมนต์ดีๆที่ต่อชีวิตคนเขียนไปได้อีกไกล 555
ถึงแม้ตัวเรื่องผมจะเขียนจบไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงทยอยอัพเดทสัปดาห์ละ 2 ตอน(อีก 9 ตอนจบ) ให้ทุกท่านได้อ่านกัน
ทำให้ผมอยากจะเขียนเรื่องใหม่ๆ ออกมาให้ทุกท่านได้จิ้นกันเข้าไปอีก สำหรับผมเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ผมคิดว่า
ค่อนข้างประสบความสำเร็จแล้วครับ ผมไม่ได้ต้องการคนอ่านเยอะหรือท็อปฮิตติดชาร์ท แค่มีคนเข้าใจสิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้วคอยเฝ้าดูและเอาใจช่วยทุกตัวละครได้ก็เป็นความสุขของผมแล้วครับ

เห็นเพื่อนๆคอมเมนต์กันในแต่ละตอนทำให้ผมยิ่งรู้สึกว่าทุกคนเอาใจช่วยทุกตัวละครอยู่ ปลื้มจริงๆครับ
เห็นบางคอมเมนต์บอกว่า "เข้าใจเหตุผลของทุกตัวละครว่าทำไปทำไม แตก็อดรู้สึกเกลียด/เอาใจช่วย/สงสารไม่ได้"
นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะสื่อเหมือนกันว่า จริงๆชีวิตคนเราบางทีสิ่งทีเ่ราคิดว่าถูกต้องอาจจะไม่ถูกในความคิดคนอื่นก็ได้
หรือในทางกลับกันสิ่งที่คนอื่นคิดกันว่าถูกสำหรับเราอาจจะไม่ยอมรับมันก็ได้ ตัวเนื้อเรื่องทำให้ทุกคนสัมผัสได้ขนาดนี้
ทำให้ผมรู้สึกเลยว่า ทุกๆคนเป็นเพื่อนของ ท็อป แบงค์ ปลาคาร์พ หวาน กาย จริงๆครับ

เรื่องการอัพ ผมอัพตามเวลาที่บอกเลยครับ จันทร์กับศุกร์ ตอน 22.30 มาแน่นอนครับ ไม่เคยเบี้ยว
ตอนนี้ก็ได้แต่นั่งรอลุ้นให้เรื่องทั้งหมดจบ แล้วพาทุกคนไปยังโลกใหม่ของผมอีกเรื่องแทน

ขอบคุณอีกครั้งครับ  :o12: :o12: :man1: :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 24 --30/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 30-03-2015 21:21:27
บทที่ 24
ความในใจของพ่อ


อาจารย์ปรีชามองสภาพนักเรียนชายทั้งสองคนที่มีทั้งรอยเขียวช้ำ เสื้อผ้ายับยุ่ง นั่งหันหน้ากันไปคนละทิศละทาง  ท็อปนั่งกอดอกสั่นขาอย่างเคยที่เขาชอบทำเวลาไม่พอใจอะไรมากๆ ส่วนพี่คาร์พก็นั่งนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา อาจารย์รัชนีกรแม่ของคาร์พหันหน้ามองอาจารย์สายัณห์ด้วยความรู้สึกแปลกใจว่าทำไมลูกชายของเขาทั้งสองคนนั้นที่ปกติ สนิทกันราวกับเป็นฝาแฝด ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด มาลงเอยด้วยการต่อยกันจนหน้าเขียวแบบนี้

“เล่าให้พ่อฟังหน่อยซิ ทั้งสองคนเลย เรื่องมันเป็นมายังไง ทำไมถึงมาต่อยกันเองได้” อาจารย์สายัณห์เริ่มถาม

“ไม่มีอะไรครับพ่อ ก็แค่ความเห็นไม่ตรงกันนิดหน่อย” ท็อปบอก หายใจฟืดฟาด

“เอางี้ดีกว่า ใครเริ่มก่อน?” อาจารย์ปรีชาถาม เปลี่ยนหัวข้อเรื่อง

ทั้งสองคนเงียบ ไม่ตอบ “จะให้ครูเดาหรือว่าจะบอกมาดีๆ” อาจารย์ถามย้ำ

“ปลาคาร์พบอกแม่มาเร็วๆ อาจารย์ทุกคนรอฟังคำตอบอยู่ อย่าดื้อ” อาจารย์รัชนีกรส่งเสียงดุลูกชาย “มันเสียเวลาพ่อแม่ทำงานกันนะ”

ในช่วงเวลานี้ท็อปกับปลาคาร์พหันหน้ามามองกัน เหมือนจะให้อีกฝ่ายยอมรับในความผิดของตัวเอง

“ผมเป็นคนเริ่มก่อน” ทั้งสองคนแย่งกันพูด

“อะไรของพวกเธอ ใครเริ่มก่อนกันแน่” อาจารย์ปรีชาถาม

“ผมเริ่มก่อนครับ ผมพูดแหย่ท็อปจนมันขึ้น มันก็เลยมาชกหน้าผม” ปลาคาร์พบอก

ท็อปนิ่งเงียบ กอดอก ไม่พูดไม่จา “อ้าวแล้วไหนเมื่อกี้ท็อปบอกว่าท็อปเริ่มก่อน” พ่อถามเขา

“ถ้าพ่อถามว่าใครเริ่มชกก่อน ผมก็จะบอกว่าผมเริ่มก่อน แต่ถ้าพ่อถามว่าใครยั่วโมโหผมก่อน ก็ตามอย่างที่คาร์พมันบอกพ่อนั่นแหละ” ท็อปบอก

อาจารย์ทั้งสามคนมองหน้ากัน ไม่คิดว่าลูกชายของตนจะมีพฤติกรรมอย่างนี้ จากที่เป็นเด็กดีมาตลอดตั้งแต่อยู่ม.1 กลับมาก่อเรื่องต่อยตีตอนอยู่ ม.5 เป็นอะไรที่ไม่คาดคิดจริงๆ

“แล้วคาร์พไปแหย่ท็อปทำไมลูก ? ทำไมไม่คุยกันดีๆ ปกติเห็นเล่นกันตลอด ไม่เคยเห็นมีเรื่องต่อยตีกันเลยนะ” แม่ของคาร์พถาม

“ท็อปมันจะโดดเรียนครับแม่ ผมห้ามมันก็ไม่ฟัง” ปลาคาร์พพูดความจริงออกมาในที่สุด “แล้วแบบนี้จะคิดว่าผมผิดหรือเปล่าล่ะครับ?”

“อ้าวไหงทำแบบนี้ล่ะ ลูก เมื่อเช้าพ่อก็ถามดีๆว่าลูกเป็นอะไรก็ไม่บอกพ่อ แล้วมาถึงโรงเรียนก็จะมาโดดเรียนมันไม่ถูกต้องนะท็อปนะ” อาจารย์สายัณห์ดุลูกชาย

“ผมรู้ว่ามันผิด แต่ผมจำเป็น” ท็อปบอกหันหน้าไปมองพ่อเขม็ง

“มันมีเรื่องจำเป็นอะไรถึงกับต้องโดดเรียน ท็อป หน้าที่เธอตอนนี้คือตั้งใจเรียน นี่ก็จะสอบอยู่ไม่กี่วันแล้วนะ” อาจารย์ปรีชาถามบ้าง

“ผมขอไม่อธิบายได้ไหม ? พ่อจะลงโทษผมยังไงก็ตามใจ แต่ผมจะไม่เล่าอะไรเด็ดขาด” ท็อปบอกเสียงแข็ง

“ถ้าไม่บอก วันนี้มันก็ไม่จบนะลูก บอกๆพ่อเขาไปเถอะ มีอะไรผู้ใหญ่จะได้ช่วยกันแก้ไข” แม่ของคาร์พบอกเสียงอ่อน เพราะรู้ว่าท็อปยังคงมีอารมณ์โมโหเจืออยู่ในน้ำเสียง

“ผมบอกไปก็ช่วยอะไรผมไม่ได้หรอก พ่อก็รู้ อาจารย์ปรีชาก็น่าจะรู้ดี ผมขอล่ะ ผมไม่อยากเล่าให้มันมีปัญหาที่นี่อีก” ท็อปบอก
ทั้งพ่อของท็อปและอาจารย์ปรีชาหันมามองหน้ากัน เหมือนจะรู้ว่าท็อปหมายถึงอะไร ทั้งคู่นึกถึงหนก่อนที่ท็อปเข้ามาในห้องนี้พร้อมๆกับ กายและแบงค์ ที่ทำให้ทั้งสองคนรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของลูกชายและรุ่นน้อง

“ได้ ... พ่อเข้าใจแล้ว” พ่อของท็อปพูดออกมาในที่สุด “ปีนี้ลูกมีเรื่องที่ต้องเข้าห้องปกครอง สองครั้งแล้วนะ พ่อไม่อยากให้มันมีครั้งที่สามอีก ส่วนปลาคาร์พวันนี้พ่อฝากดูท็อปด้วยอย่าให้มันหนีเรียนอีก เย็นนี้มาเจอพ่อที่ห้องพักครูด้วย เรามีเรื่องต้องคุยกันตัวต่อตัวอีกเยอะเลย”

“โห่ พ่อ แค่วันนี้ทั้งวันผมก็ไม่มีกะจิตกะใจจะเรียนแล้วนะ ตอนเย็นพ่อจะให้ท็อปไปนั่งแหง่วอยู่กับพ่ออีกเหรอ? เข้าใจท็อปหน่อยเหอะ” ท็อปโอดครวญ

“ไม่ต้องเลย วันนี้พ่อขอ เราต้องคุยกันตามประสาพ่อลูกบ้างละ เพราะนับวันท็อปยิ่งดื้อขึ้นๆ อีกอย่าง ขอโทษเพื่อนซะ คาร์พเขาหวังดี เขาถึงห้ามไม่ให้ลูกโดดเรียน แล้วไปต่อยเขาทำไม แล้วดูสภาพแต่ละคนตอนนี้ซิ เจ็บไหมน่ะ? ทั้งคู่เลย” พ่อท็อปดุ

“กูขอโทษ” ท็อปพูดขึ้นมาในที่สุด แต่ก็ยังไม่มองหน้าปลาคาร์พ

“พูดจาให้มันดีๆหน่อย นี่ต่อหน้าผู้ใหญ่นะ” อาจารย์สายัณห์ดุ ตอนนี้อาจารย์ปรีชามอบสิทธิอำนาจในการตักเตือนให้เต็มที่ทั้งในฐานะอาจารย์และพ่อแท้ๆ

ผมขอโทษครับ คุณธีรภัทร” ท็อปบอก น้ำเสียงประชดนิดๆ “ต่อไปผมจะไม่ต่อยคุณอีกแล้ว”

“ขอโทษแบบนี้อย่าพูดเลยดีกว่าหว่ะ ไอ้ท็อป” ปลาคาร์พพูดอย่างหัวเสีย

“แล้วจะเอายังไงวะ กูก็อุตส่าห์บอกมึงแล้วว่ากูยังไม่หายโกรธ มึงก็แหย่กูอยู่ได้” ท็อปโวยวายกลับ จนผู้ใหญ่ต้องห้ามกันอีก

“พอๆๆ ทั้งคู่นั่นแหละ” อาจารย์ปรีชาเบรคทั้งสองคน “จับมือกันเดี๋ยวนี้เลย อยู่กันมาเหมือนพี่เหมือนน้องกันตั้งแต่เล็ก จะมาแตกคอกันตอนโตเพื่ออะไร เพื่อนดีๆมีไว้ให้ดูแลกัน ไม่ใช่ให้มาหาเรื่องกัน”

ท็อปยื่นมือมาให้คาร์พ พลางพยักหน้าแล้วถอนหายใจ ปลาคาร์พจึงยื่นมือออกไปจับตอบ มองหน้าเพื่อนอย่างไร้อารมณ์

“ต่อจากนี้อย่าทะเลาะกันอีกนะ มีอะไรก็คุยกันดีๆ อย่าใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล แม่เข้าใจว่าวัยรุ่นฮอร์โมนมันพลุ่งพล่านแต่อย่าทะเลาะกันเอง แม่ไม่ชอบเลยเห็นลูกๆตีกันเนี่ย” อาจารย์รัชนีกรสอน

“ครับแม่ นี่ก็ใกล้จะพักเที่ยงแล้วเหลือเรียนอีกคาบเดียว พวกผมไปก่อนก็แล้วกันครับ” ปลาคาร์พบอกแล้วรีบลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเตรียมเดินออกมา

“เอาท็อปไปด้วยกันสิลูก” แม่บอก ปลาคาร์พหันมามองเพื่อนที่กำลังหยิบเป้ขึ้นมาสะพาย

“เดี๋ยวมันก็ตามมาเองแหละครับ” เขาบอกแล้วรีบเดินออกไป

ท็อปไหว้อาจารย์ทั้งสามคน “ตอนเย็นอย่าลืมนะ พ่อรออยู่ วันนี้ต้องกลับบ้านกับพ่อ ห้ามหนีไปไหนเด็ดขาด”

ท็อปถอนหายใจแล้วเดินตามเพื่อนสนิทออกมา ทั้งคู่เดินเว้นระยะห่างกัน ยังไม่ยอมคุยกันอยู่ดี แต่ท็อปก็ตัดสินใจแล้วว่าวันนี้คงต้องอยู่เรียนจนเลิก กว่าเขาจะได้ไปหาแบงค์วันนี้ก็คงเย็นมาก และพี่กายคงถือโอกาสไปหาอีกเช่นเคยเขาก็คงไม่มีทางที่จะได้ปรับความเข้าใจกับแบงค์อย่างแน่นอน

“กูถามจริงเหอะ” ปลาคาร์พโพล่งออกมา เพราะรู้ว่าท็อปกำลังเดินตามหลังมา “แบงค์มันมีดีตรงไหนวะ มึงถึงหลงหัวปักหัวปำขนาดนี้ กูไม่เข้าใจว่ะ”

“กูว่ากูเล่าให้มึงฟังไปหมดแล้วนะตอนกูไปแดกเหล้าที่ร้านพี่ยอด มึงจำไม่ได้เหรอไง? หรือมึงจำได้แต่เรื่องอื่นที่มึงทำตอนกูหลับ” ท็อปแขวะ จี้จุดปลาคาร์พอย่างจัง เขาอึ้งชะงักงันไป หยุดเดินแล้วหันหน้ามามองท็อปอย่างตกใจ

“มึง...หมายความว่าไง”

“ก็หมายความอย่างที่พูด” ท็อปพูด หยุดมองหน้าเพื่อนสนิทของตนเองด้วย

“มึงรู้ตัวเหรอ?” เขาถามกลับ

ท็อปยักคิ้วตอบเป็นคำตอบแทนคำพูด แล้วรีบเดินผ่านเพื่อนที่ยังคงยืนอึ้งอยู่ “เฮ้ย เดี๋ยวก่อน แล้วทำไมมึงไม่บอกกูแต่แรกวะ”
 
“กูไม่อยากให้มึงรู้สึกไม่ดีกับกู อีกอย่างกูก็รักมึงเหมือนกัน แค่มันยังก้าวข้ามคำว่าเพื่อนไปไม่ได้ ยิ่งกูรู้ว่ามึงแอบชอบกูมาตลอดแบบนี้กูยิ่งไม่รู้จะทำยังไงดีว่ะ มึงเป็นเพื่อนรักกู จะให้กูเลิกคบมึงไปเลยเพราะเรื่องแบบนี้ กูว่ามันก็ไม่ใช่หรือเปล่าวะ คือ....ถ้ามึงอยากได้นักมึงก็ขอกูดีๆก็ดิวะ ?” ท็อปบอก

“ไอ้เชี่ย มึงพูดอย่างกับว่า ขอเรื่องแบบนี้ มันเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนกับขอยืมเงินเพื่อนงั้นแหละ” ปลาคาร์พบอก

“กูบอกแล้ว ว่ากูไม่อยากทำมึงเจ็บ มึงเป็นเพื่อนรักกูนั่นแหละดีแล้ว กูอยากให้มึงไปรักคนอื่นที่ดีกว่ากูเหอะ กูรู้ว่ายังมีคนดีๆอีกเยอะที่ชอบมึง อย่ามาจมปลักอยู่กับคนนิสัยไม่ดีอย่างกูเลย” ท็อปบอก

“มึงไม่รู้จักความรักอีกเหรอวะ เวลามึงรักใคร มันห้ามไม่ได้หรอก เหมือนมึงปวดเยี่ยว มึงก็ต้องไปเยี่ยว มึงจะอั้นเยี่ยวไปเพื่ออะไร” ปลาคาร์พบอก

“ไอ้สัตว์ มึงเปรียบซะกูเห็นภาพเลย” ท็อปบอกหัวเราะออกมา

“ยังไงกูขอโทษนะเพื่อน” ปลาคาร์พบอก “กูจะไม่ห้ามมึงแล้ว ต่อจากนี้ มึงอยากทำอะไรก็ตามสบาย แค่ให้มึงรู้อย่างเดียวก็พอว่ากูรักมึง อะไรที่ทำให้มึงมีความสุขกูจะทำ”

“เออ...ดี กูก็ขอโทษที่ต่อยมึงก่อน กูผิดเองที่วู่วาม” ท็อปบอก

“ว่าแต่...มึงเจ็บไหม เหมือนหน้ามึงเขียวๆนะ โคตรเจ็บมือเลยตอนต่อยมึงอะ กูนึกว่ากรามมึงจะหักซะแล้ว” ปลาคาร์พถาม

“เจ็บสัตว์ๆอะ แรงต่อยมึงนี่ทำเอากูเกือบน็อกเห็นดาวเลย แม่ง” ท็อปบอก กุมแก้มตัวเอง

“แล้วที่มึงบอกว่า ถ้ากูอยากได้....ให้ขอมึงดีๆนี่จริงป่าววะ?” ปลาคาร์พถาม สายตาเป็นประกาย

“เฮ้ย ตอนนี้เนี่ยนะ กลางวันแสกๆ มึงจะบ้าเหรอ? กูไม่มีอารมณ์ตอนนี้” ท็อปตกใจกับคำถามของเพื่อนจนร้องออกมา

ปลาคาร์พตบหัวเพื่อนตอนทีเผลอ “ไอ้บ้า กูล้อเล่น ... ไปเหอะ กลับไปที่ห้องกัน” แล้วกอดคอเพื่อนรักเดินไปห้องเรียน อย่างน้อยในใจของเขาก็รู้สึกปลดปล่อยไปได้อีกเปลาะ ที่ท็อปไม่ได้รังเกียจที่เขาทำแบบนั้น

 :z10: :z10: :z10: :z10: :z10:

หลังเลิกเรียน ท็อปต้องมานั่งแกร่วอยู่กับพ่อในห้องพักครู ช่วยตรวจการบ้านนักเรียนกับลงคะแนนเหมือนอย่างทีเคยทำเป็นปกติ แต่ครั้งนี้เขาสังเกตว่าพ่อเงยหน้ามามองเขาบ่อยครั้งมากกว่าที่เคย

“พ่อเป็นอะไรรึเปล่า ? มองหน้าผมเป็นระยะๆเนี่ย กลัวว่าผมจะทุบคอมทิ้งแล้วกระโดดลงจากหน้าต่างเหรอ?” ท็อปถามเมื่อหันไปสบตากับพ่อพอดี

อาจารย์สายัณห์หัวเราะออกมา “เปล่า พ่อแค่รู้สึกว่า โตมาลูกนี่หน้าตาหล่อเหมือนสมัยพ่อหนุ่มๆเลยนะ”

ท็อปยิ้มเขินๆที่จู่ๆพ่อก็พูดหัวข้อแบบนี้ออกมา “อ้าว ก็พ่อเป็นพ่อท็อปนี่ จะให้ผมไปหน้าเหมือนใครล่ะ ก็ต้องหน้าเหมือนพ่อนั่นแหละ”

“ยังจำตอนที่พ่อพาไปหัดตีแบดตอนสมัยอยู่ประถมได้ไหม?” พ่อบอกหยิบรูปท็อปที่วางอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ให้ดู

“โห พ่อ ยังเก็บมาวางไว้อยู่ตรงนี้อีกเหรอ? นานมากแล้วนะ” ท็อปบอกแล้วลุกมาดูรูปในกรอบ

“อ้าว ลูกชายพ่อมีคนเดียว ต่อให้ลูกโตแค่ไหน ลูกก็ยังตัวเล็กแบบนี้เสมอในสายตาของพ่ออยู่ดี” พ่ออมยิ้ม แล้วรับรูปกลับไปวางไว้ที่เดิม

“ท็อปขอโทษนะครับพ่อ ที่ทำให้วุ่นวายใจอยู่เรื่อย หลายเรื่องเลย” ท็อปบอก รู้สึกผิดขึ้นมา “ไม่รู้ว่าหลังๆนี้ผมเป็นอะไร เหมือนเห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด คอยแต่จะใช้อารมณ์ทุกที”

“เลือดพ่อมันแรงน่ะ” อาจารย์สายัณห์บอก “พ่อไม่อยากให้ลูกเดินตามรอยอดีตของพ่ออย่างที่พ่อเคยพลาด ตอนสมัยพ่ออายุเท่าท็อป พ่อก็ต่อยตีกับคนอื่นบ่อยๆ ไหนจะเรื่องชู้สาวอีกสารพัด ลูกยังดีกว่าพ่อเยอะถ้าเปรียบกันแล้ว พ่อเลยเข้าใจว่าทำไมท็อปถึงเริ่มมีนิสัยแบบนี้ แต่ถึงยังไงพ่อก็อยากสอนให้ลูกรู้จักคิดถึงตัวเองกับคนอื่นก่อน ทำอะไรแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง เวลาเรารับผลลัพธ์มัน คนที่เสียใจที่สุดก็คือตัวท็อปเองนะลูก”

“ครับ...”ท็อปกลืนน้ำลาย “ท็อปจะพยายามไม่ทำให้พ่อผิดหวังอีก”

“พ่อถึงถามเมื่อเช้าไง ว่าลูกมีปัญหาอะไรรึเปล่า ต่อให้ลูกจะทำอะไร เป็นยังไง รักใคร ชอบใคร พ่อไม่ห้าม แต่พ่ออยากให้ลูกเรียนรู้ทุกอย่าง ตอนนี้ลูกยังเด็ก ประสบการณ์ยังน้อย อีกหน่อยโตขึ้นไปลูกจะเข้าใจที่พ่อบอก เรื่องรักๆใคร่ๆ จะชอบเพศไหนอะไรยังไงพ่อไม่ห้ามแล้ว ต่อไปนี้ให้จำไว้  จงเรียนรู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ควร ประสบการณ์ไหนพลาดไปก็จำไว้ คราวหน้าจะได้ไม่พลาดอีก พ่อพลาดมาเยอะ พ่อไม่อยากเห็นลูกต้องมาเดินทับรอยตัวพ่อเอง รู้ไหม?” พ่อของท็อปบอก

“ขอบคุณที่คอยเตือนผมนะครับพ่อ ท็อปจะพยายามเป็นเด็กดี ต่อจากนี้จะไม่ให้พ่อกังวลอีก” ท็อปบอก

“เข้าใจก็ดีแล้วล่ะ พ่อรักลูกมากกว่าอะไรทั้งหมดในโลกนี้ เรื่องอดีตที่ผิดพลาดไปพ่อก็อยากขอโทษลูกที่มันเป็นแบบนี้ ท็อปไม่เสียใจใช่ไหมที่เราต้องอยู่ด้วยกันสองคน” พ่อถาม พลางขยับแว่น แต่แอบเช็ดน้ำตาที่รื้นออกมา

“ไม่หรอกครับพ่อ ผมเข้าใจว่าพ่อกับแม่มีเหตุผลส่วนตัวที่ผมเข้าใจไม่ได้ในตอนนั้น ยังไงผมก็ดีใจที่ได้อยู่กับพ่อ ถึงจะยังคิดถึงแม่บ้างแต่ผมโตมากับพ่อที่คอยสอนผม ให้สิ่งดีๆกับผมอยู่ตลอด ผมไม่เสียใจหรอกครับ” ท็อปบอก

“งั้นก็ดีแล้ว ช่วยพ่ออีกหน่อยละกัน เหลืออีกสามห้อง ของห้อง 1 ห้อง 3 แล้วก็ห้อง 6 นะ เอาไปกรอกคะแนนให้พ่อด้วย พ่อตรวจไปหมดละ เดี๋ยวพ่อขอตรวจอีกสามสี่ห้องทีเหลือก่อน วันหลังจะได้มากรอกคะแนนกันอีก” พ่อบอก ยิ้มเยาะ

“โหยพ่อ มันเยอะเกินไปแล้วนะ กะไม่ให้ท็อปกลับบ้านเลยเหรอ ? ท็อปบอกพ่อแล้วไงว่าเย็นนี้มีธุระ พ่อก็ไม่ฟังผมเลย” ท็อปโอดครวญ

“เอ้า ว่ามา ถ้าธุระของท็อปมันมีเหตุผลมากพอ พ่อจะให้ไป เห็นพูดอยู่ตั้งแต่เช้าแล้วว่าตอนเย็นมีธุระ พ่อก็อยากรู้เหมือนกันว่าธุระของท็อปมันอะไรกัน?” พ่อถาม แล้วเอนกายลงกับพนักพิงเก้าอี้ มองหน้าลูกชายอย่างเต็มตา

ท็อปได้แต่ยืนเกาหัว อ้ำอึ้ง ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี

“จะให้ผมสรุปหรือจะเล่ายังไงดีล่ะ คือเรื่องมันยาวมากน่ะพ่อ สรุปแล้วผมกับแบงค์ผิดใจกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง แล้วแบงค์เขาโมโหแล้วต่อยผม แต่ปลาคาร์พมันเข้ามาช่วยผมเลยต่อยน้องเข้าไปจนเลือดกำเดาไหล ส่งโรงพยาบาลไปเมื่อวาน ตอนนี้เป็นตายร้ายดียังไงผมยังไม่รู้เลย จะไปหาที่บ้านก็มีรุ่นพี่ม.6 อีกคนเขาดักทางอยู่ เขาไม่ชอบหน้าผม ตอนนี้ก็เลยเป็นปัญหาคาราคาซังของผมอยู่เนี่ยแหละ” ท็อปสรุปสั้นๆ

“นี่ลูกไปต่อยตีกันมาอีกแล้วเหรอเนี่ย” พ่อของท็อปทำหน้าตกใจเมื่อได้ยินเรื่องที่ลูกชายตัวดีเล่า “เกิดขึ้นเมื่อไร”

“เมื่อวานตอนเย็น คนเลยไม่ค่อยรู้กันมาก เพราะตอนนั้นมันห้าโมงกว่าแล้ว คนกลับบ้านไปเยอะแล้ว เลือดน้องออกเยอะมากครับพ่อ ผมจะไปช่วยแต่น้องก็ไม่ยอม เขาโกรธผม” ท็อปบอกเสียงเศร้า

“วัยรุ่นหนอวัยรุ่น” พ่อพึมพำพลางถอนหายใจ “แล้วนี่พ่อแม่เขารู้รึยังเนี่ย เขาจะมาเอาเรื่องท็อปไหม ไปทำลูกเขาเจ็บขนาดนั้น”

“ผมไม่รู้อะไรเลยครับพ่อ ตอนนี้ท็อปก็รอฟังข่าวแต่น้องก็ไม่มาโรงเรียน ก็เลยว่าจะโดดไปหาเนี่ยแหละ แต่คาร์พมันห้ามไว้ซะก่อน โทรไปก็ปิดเครื่อง เพื่อนเขาก็ไม่รู้ ไม่มีใครติดต่อได้เลย” ท็อปเสริม

เสียงฟ้าร้องจากนอกหน้าต่างกำลังบอกว่าฝนกำลังจะเริ่มตกในไม่ช้า ท็อปหันหน้าไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ผนังในห้องพักครูบอกเวลาทุ่มกว่า ๆ

“มันเย็นมากแล้วอะครับ พ่อ วันนี้ท็อปขอพ่อวันนึงได้ไหมครับ ท็อปจะไม่ขออะไรอีก แค่วันนี้วันเดียว” ท็อปอ้อนวอน

“ก็ได้ พ่อยกให้วันนึง แต่วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ โดดเรียน ชกต่อยกับเพื่อนกับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว ปลาคาร์พน่ะเขาเหมือนพี่เรานะ ถึงจะเรียนรุ่นเดียวกันแต่เขาก็ดูแลลูกเหมือนน้อง เหมือนคนในครอบครัวมาตลอด อย่าไปทำเขา มีอะไรก็คุยกันดีๆ โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว” พ่อย้ำอีก

“ขอบคุณครับพ่อ” ท็อปร้องออกมาอย่างดีใจก่อนจะรีบเดินไปเก็บของใส่เป้ของตัวเอง

“มีเงินเติมน้ำมันรถหรือเปล่า?” พ่อถามอีก ท็อปพยักหน้ารับ แล้วสะพายเป้พร้อมออกเดินทาง “ฝนมันใกล้จะตกแล้ว รีบไปแล้วรีบกลับนะลูก อย่าขับรถเร็ว มันอันตราย ฝนตก ถนนลื่น พ่อเป็นห่วง”

“ครับ เดี๋ยวท็อปจะรีบกลับ แต่ถ้าฝนมันตกหนักมากๆ ผมอาจจะขอนอนค้างที่นั่นเลย เดี๋ยวผมจะโทรบอกพ่ออีกที จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”

พ่อพยักหน้าตอบ จ้องมองลูกชายเปิดประตู แล้วเดินออกจากห้องไป


จบบทที่ 24 นะครับ ... ตอนที่ 25 จะมาอัพให้อ่านวันศุกร์เวลาเดิม เช่นเคยครับ

** ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ดีๆนะครับ ประทับใจมาก จนอยากจะลงทีเดียวรวด 32 ตอนให้อ่านจนจบไปให้หมดเลยทีเดียว 555-- **ทุกคอมเมนต์ของท่าน ต่อลมหายใจให้ผมได้ครับ ขอบคุณมากครับ
 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 24 --30/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-03-2015 21:55:18
งะไปง้อสำเร็จไหมนะ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 24 --30/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 30-03-2015 23:11:37
มันจะดีนะ ลงทีเดียวจนจบเลยน่ะ 555555

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 24 --30/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 01-04-2015 00:02:43
 :hao4:  ก็ไม่รู้สินะ
หัวข้อ: Beloved Senior (Updated บทที่ 24 --30/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 01-04-2015 00:24:42
ถ้าท็อปรู้ว่าทั้งหมดเป็นแผนของคราฟ ท็อปยังจะให้อภัยไหมนะ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 24 --30/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 01-04-2015 21:23:22
มันจะดีนะ ลงทีเดียวจนจบเลยน่ะ 555555

 :pig4: :pig4: :pig4:

งั้นเดี๋ยวศุกร์นี้จัดไปเลยครับ สอง
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 24 --30/03/2015)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 01-04-2015 21:35:05
มันจะดีนะ ลงทีเดียวจนจบเลยน่ะ 555555

 :pig4: :pig4: :pig4:

งั้นเดี๋ยวศุกร์นี้จัดไปเลยครับ สอง


 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 25-26 อัพ 03/04)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 03-04-2015 21:57:04
ศุกร์นี้ ขอดับเบิ้ล ให้สองตอนครับ

บทที่ 25
การตัดสินใจ


เสียงฝนตกกระทบหลังคาทำให้แบงค์ค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นมาหลังจากที่นอนซมอยู่บนเตียงทั้งวัน ตอนช่วงบ่ายเขาลุกขึ้นมาชาร์จโทรศัพท์มือถือที่แบตหมดไปตั้งแต่เมื่อวานและพบข้อความแจ้งว่ามีคนโทรเข้ามาตอนปิดเครื่องหลายสาย นั่นนรวมถึงพี่ท็อปที่โทรเข้ามาเป็นสิบๆสายตลอดทั้งเช้า ส่วนพี่กายเขาโทรไปบอกให้รุ่นพี่ไม่ต้องเข้ามาหาเขาในวันนี้ ใจหนึ่งก็เพราะว่าเกรงใจที่พี่กายต้องมาคอยดูแลเขา อีกใจหนึ่งเขาอยากจะอยู่คนเดียวบ้าง ไม่อยากนั่งรื้อฟื้นอะไรกับใคร อยากจะอยู่เงียบๆลำพังคนเดียว

ตัวของเขาร้อนเพราะพิษไข้ อาการเจ็บช้ำจากแรงต่อยที่พี่คาร์พทำกับเขายังคงระบมอยู่แม้ว่าเลือดจะหยุดไหลไปแล้วแต่อาการแสบร้อนอยู่ในจมูกยังคงมีให้รู้สึก เขาพลิกตัวมองออกไปนอกหน้าต่างที่ฝนตกกระหน่ำลงมา ยิ่งทำให้บรรยากาศมันช่างเหงาจับใจเหลือเกินในค่ำคืนที่เขารู้ว่าต่อไปนี้เขาจะไม่มีพี่ท็อปอีกแล้ว

ในสมองยังคงวนเวียนอยู่กับภาพที่เขาเห็น คำพูดที่พี่ท็อปเคยบอกเขา คำสัญญาต่างๆนานา ช่วงเวลาที่เคยได้ใช้ร่วมกัน ความขี้อ้อนของพี่ท็อป รวมถึงทุกอย่างที่พี่ท็อปทำให้เขาตลอดช่วงเกือบปีที่ผ่านมายังถูกบันทึกไว้อย่างดีในสมองของเขา น้ำตาค่อยไหลๆออกมา ในสมองยังคงวนเวียนอยู่กับคำถามที่ไม่มีคำตอบ ถ้าพี่ท็อปไม่ใช่คนส่งข้อความพวกนั้นมาแล้วใครเล่าจะส่งมา แต่ไม่ว่าใครจะส่งมา มันก็ทำให้เขาได้เห็นความจริงว่าพี่ท็อปเป็นคนแบบไหน

เขาค่อยๆลุกขึ้นนั่งบนเตียง สะอึกสะอื้นร้องไห้ออกมาไม่หยุด ทำไมพี่ท็อปถึงทำกับเขาแบบนี้ คำว่ารักของพี่ท็อปคืออะไรกันแน่
ในขณะที่เขากำลังร้องไห้อยู่นั้น เขาได้ยินเสียงขลุกขลักอยู่ที่บริเวณข้างล่าง แม้ว่าตอนนี้ฝนจะยังตกกระหน่ำอยู่ก็ตามแต่เสียงที่ดังอยู่ข้างล่างนั้นกลับยังฟังชัดเจนจนรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครกำลังอยู่ข้างล่าง โดยเฉพาะในยามวิกาลที่เขาอยู่คนเดียวเช่นนี้
เขานิ่งเงียบแล้วก้าวลงจากเตียงช้าๆ จากนั้นจึงค่อยๆแง้มประตูออกมาให้เบาที่สุด เพื่อฟังเสียงว่าข้างล่างนั้นมีใครอยู่จริงหรือเปล่า

เสียงเหมือนมีคนพยายามจะงัดเข้ามาในตัวบ้านดังก๊อกแก๊กๆเบาๆ แบงค์เปลี่ยนจากความรู้สึกเหงาเศร้าเมื่อสักครู่มาเป็นตื่นตระหนก ในตอนนี้เขาอยู่บ้านแค่คนเดียวเท่านั้น แล้วใครกันที่พยายามจะงัดแงะเข้ามาในบ้านแบบนี้ถ้าไม่ใช่ขโมย
แบงค์ย่องกลับเข้าไปในห้อง พยายามหาอาวุธที่เหมาะมือที่สุดเพื่อที่จะไปปะทะกับผู้ไม่หวังดีที่อาจจะซุ่มรออยู่เบื้องล่าง แต่ทว่าในห้องนี้กลับไม่มีอะไรที่พอจะใช้เป็นอาวุธได้เลย เขาจึงเดินลงบันไดมาอย่างเบาที่สุดเพื่อหาทางแอบเข้าไปในห้องครัว อย่างน้อยในห้องนั้นก็มีทั้งหม้อ กะทะ สาก มีด ค้อน อุปกรณ์แสวงเครื่องสารพัดชนิดที่เขาสามารถนำมาใช้ต่างอาวุธได้

เมื่อเขาย่องเข้าไปถึงในครัว เพื่อไม่ให้เจ้าขโมยรู้ตัวเขาจะต้องไม่เปิดไฟ เขาอยากจับมันให้ได้คาหนังคาเขา แบงค์พยายามเพ่งมองในความมืดเพื่อปรับสายตาให้คุ้นเคยแล้วเดินเบาๆไปยังตู้เก็บอุปกรณ์ต่างๆ แล้วคว้าสากไม้ขนาดใหญ่ที่แม่เก็บเอาไว้ทำอาหารขึ้นมา ถ้าซัดไม้นี่ไปเต็มแรง อย่างน้อยไอ้ขโมยก็คงน็อกแน่ๆ เขาจะได้มีเวลาโทรเรียกตำรวจมาลากคอมันไปเข้าคุก
แบงค์เดินกลับออกมาบริเวณห้องนั่งเล่นที่มีเสียงกุกกัก เขาเห็นเงาตะคุ่มๆตรงกระจกใกล้ๆกับห้องนั่งเล่น มันกำลังพยายามทั้งกระชากทั้งงัดด้วยอุปกรณ์ที่หาได้ใกล้ๆเพื่อที่จะเปิดหน้าต่างเข้ามาให้ได้ แบงค์จึงได้แต่เฝ้ามอง และรอจนกว่าอีกฝ่ายจะสามารถเปิดเข้ามาเพื่อที่จะจู่โจมกลับไป

ในไม่ช้าก็มีเสียงปลดล็อกหน้าต่างได้แต่หน้าต่างนั้นกลับเปิดเพียงด้านเดียว แบงค์กระชับสากเอาไว้ในมือและเตรียมพร้อมที่จะพุ่งใส่เป้าหมาย เสียงฝนข้างนอกชัดเจนและตัวของขโมยนั้นเหมือนจะเปียกมะล่อกมะแล่ก มันค่อยๆแทรกตัวเข้ามาอย่างทุลักทุเล เพราะตนเองทั้งเปียกและทางที่จะเข้ามาก็แคบเหลือเกิน

“ไอ้หัวขโมย !!!” แบงค์ร้องลั่นเมื่อชายแปลกหน้ากำลังจะเดินเข้ามาในบ้าน พร้อมกับเหวี่ยงสากไม้เข้าไปเต็มแรง

“อย่านะแบงค์ !!! พี่เอง” เสียงคุ้นเคยร้องลั่นก่อนที่จะซัดโดนจุดสำคัญของเป้าหมาย

“พี่ท็อปเหรอ?” แบงค์ถามกลับไป แม้สายตาจะคุ้นชินกับความมืดบ้างแล้วแต่เขาก็มองไม่เห็นหน้าของผู้บุกรุกชัดเจน จึงเดินไปเปิดสวิทช์ไฟที่อยู่ใกล้ๆ “พี่ท็อปงัดบ้านแบงค์เข้ามาทำไม”

“พี่กลัวว่าต่อให้พี่พยายามกดออดเรียกแบงค์ แบงค์ก็คงไม่เปิดให้พี่” พี่ท็อปบอก ก่อนจะจามออกมาเสียงดัง ถึงสองสามรอบติดกัน “พี่อยู่หน้าบ้านแบงค์มาชั่วโมงกว่าแล้ว พยายามหาทางเข้ามาในบ้าน แต่บ้านมืดมาก พี่ เลย.....ฮัดชิ้ววว ...คิดว่า.....ฮัดชิ้ว แบงค์น่าจะหลับอยู่”

แบงค์เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งไปที่ห้องซักรีดของแม่ที่อยู่หลังบ้าน คว้าเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่มาให้พี่ท็อปที่กำลังเริ่มจามจนตัวโยนเพราะตากฝนมากว่าชั่วโมง พร้อมกับเสื้อผ้าของเขาที่พี่ท็อปพอจะใส่ได้

“พี่ท็อปนั่งลงก่อน อย่าเพิ่งเดินไปไหน เดี๋ญวพื้นจะเปียกหมด” แบงค์บอกเสียงแข็ง

ท็อปในตอนนี้ว่าง่ายราวกับเป็นแมวเชื่องๆ เขานั่งลงกับพื้นแล้วแบงค์ก็จัดการเช็ดผมที่เปียกให้เขาในขณะที่เขาก็ยังจามไม่หยุด “บอกกี่หนแล้วว่าอย่าตากฝน เคยฟังกันบ้างไหม ถอดเสื้อออกด้วย” แบงค์บอก

ท็อปจึงรีบถอดเสื้อออกแล้วแบงค์ก็รีบเช็คตัวพี่ท็อปเสียจนแห้งแล้วจับพี่ท็อปสวมเสื้อแห้งตัวใหม่ให้เรียบร้อย จากนั้นจึงยื่นกางเกงให้ “เปลี่ยนเองนะครับพี่ แบงค์เอามาให้พี่แล้ว”

“เปลี่ยนให้พี่ไม่ได้เหรอ?” ท็อปถามหน้าทะเล้น แอบมีความหวังขึ้นมาบ้างว่าอย่างน้อยวันนี้แบงค์ก็ยอมคุยกับเขา แต่สีหน้าของแบงค์นิ่งและเรียบเฉย ไร้อารมณ์อีกทั้งดูเฉยชา เขาจึงหยิบกางเกงไปเปลี่ยนในห้องน้ำแล้วเดินออกมา

“แบงค์อนุญาตให้พี่อยู่ที่ข้างล่างจนกว่าฝนจะหยุดตกนะครับ ถ้าฝนหยุดแล้วรบกวนพี่ท็อปออกจากบ้านแบงค์ไปด้วย ป่านนี้พ่อพี่งตามหาพี่แย่แล้ว” แบงค์บอกเมื่อเห็นท็อปเปลี่ยนชุดเรียบร้อย

“แบงค์จะยอมฟังพี่ก่อนไหม?” เขาพูดน้ำเสียงอ้อนวอน “พี่อยากให้แบงค์ปรับความเข้าใจกับพี่ก่อน”

“ไม่ครับพี่ท็อป มันจบแล้ว แบงค์จะไม่ปรับความเข้าใจอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างมันเห็นคาตา แบงค์ลืมไม่ลงหรอกพี่ ก่อนหน้านี้พี่ท็อปจะเป็นยังไงแบงค์ไม่รู้ แต่พี่ท็อปบอกแบงค์ว่าตอนนี้พี่ท็อปรักแบงค์ แต่พี่ท็อปทำไมทำกับแบงค์แบบนี้” แบงค์พูด น้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด “พี่ท็อปไม่คิดเหรอว่าแบงค์จะเสียใจแค่ไหนถ้าเกิดต้องมารู้ทีหลังว่าพี่ท็อปไปทำอะไรมา”

“พี่ขอโทษแบงค์ พี่มันไม่ดีเอง” ท็อปบอกพยายามเดินเข้าไปกอดน้อง แต่แบงค์พยายามปัดป้องและเดินหลบ “แบงค์ อย่าเดินหนีพี่ไปแบบนี้ดิ”

“แบงค์ทำใจไม่ได้เลยพี่ท็อป จนถึงตอนนี้แบงค์ก็ยังทำใจไม่ได้ แบงค์ไม่เข้าใจเหตุผลของพี่ท็อป ว่าทำไมพี่ท็อปถึงทำอะไรแบบนั้นลงไปได้ยังไง ปากบอกอย่างแต่การกระทำอีกอย่าง แบบนี้แบงค์จะไว้ใจพี่ท็อปได้เหรอ ในอนาคต” แบงค์ถามตัดพ้อ

“พี่รู้ว่าพี่ผิด พี่มันหน้ามืดตามัว พี่ปล่อยให้อารมณ์มันพาไป พี่ไม่มีข้อแก้ตัวอะไรเรื่องที่พี่ทำลงไปวันนั้นแม้แต่ข้อเดียว พี่ขอสารภาพผิดทุกอย่าง แต่พี่ขออย่างเดียว แบงค์ให้โอกาสพี่ได้ไหม? พี่อยู่ต่อไม่ได้แน่ ถ้าเราเลิกกัน พี่จะใช้ชีวิตต่อไปยังไงถ้าแบงค์ไม่อยู่กับพี่อีก” ท็อปบอกน้ำตาไหลออกมาทันที

“แบงค์ให้อภัยพี่ท็อปได้นะ เพราะแบงค์เข้าใจว่าพี่ท็อปมีความต้องการสูง” แบงค์บอกน้ำเสียงประชด “แต่แบงค์จะไม่กลับไปคบกับพี่ท็อปในสถานะเดิมอีก เรากลับไปเป็นคนรู้จักกันอย่างเดิมก็พอแล้วล่ะ” น้ำตาของเขาก็ไหลออกมาเช่นกัน

“ไม่เอาดิแบงค์ อย่าทำกับพี่แบบนี้” ท็อปร้องโฮออกมา แล้วรีบเดินไปคว้าแขนแบงค์เอาไว้แต่แบงค์กลับพยายามสะบัดออกอย่างไม่ใยดี ท็อปจึงกอดแขนของแบงค์ไว้แน่นแล้วทรุดตัวลงกับพื้นเพื่อไม่ให้แบงค์เดินหนีเขาไปไหนอีก “พี่จะอยู่ยังไง ถ้าแบงค์ไม่อยู่กับพี่แล้ว พี่จะอยู่ยังไง” เขาร้องไห้ออกมาเสียงดัง

แบงค์จำต้องทรุดตัวนั่งลงด้วยเพราะว่าท็อปดึงแขนเขาเอาไว้แน่น เขาพยายามกระชากแขนของตัวเองออกมาแต่ยิ่งกระชากก็ยิ่งสู้แรงยื้อของท็อปไว้ไม่ได้ ท็อปดึงน้องเข้าไปกอดแน่น ร้องไห้ออกมาเสียงดังอย่างที่แบงค์ไม่เคยเห็นมาก่อน

“ไม่เอาแล้ว พี่ไม่เอาอีกแล้ว ต่อไปนี้พี่จะไม่ทำให้แบงค์เสียใจอีก แบงค์หายโกรธพี่เถอะนะ พี่ขอร้อง” เขาคร่ำครวญ

แบงค์ได้แต่น้ำตาไหล เมื่อวานเขาร้องไห้ไปเสียจนน้ำแทบจะหมดตัว ไม่ต่างจากพี่ท็อปวันนี้เลย หากแต่ตอนนี้น้ำตาของเขายังคงไหลออกมาเรื่อยๆ ไม่ได้ฟูมฟายเช่นเมื่อวาน “แบงค์ไม่อยากเสียใจเพราะพี่ท็อปอีกแล้ว ความรักบางทีเราไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันก็ได้ แค่พี่ท็อปเก็บแบงค์ไว้ในใจตลอดไปก็พอให้เรื่องที่ผ่านมาของเราเป็นความทรงจำดีๆได้ไหมพี่ท็อป” เขาบอก พยายามกล่อมให้พี่ท็อปตัดใจ แต่ตัวเขาเองข้างในนั้นกลับทรมานเหลือเกินกับการพูดในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับหัวใจของตนเอง

“ไม่ได้ พี่จะต้องมีแบงค์อยู่กับพี่ทั้งในความทรงจำ ความฝันแล้วก็ความจริง พี่ไม่มีแบงค์อยู่แล้วพี่จะเดินต่อไปยังไง พี่รักแบงค์หมดหัวใจไปแล้ว แล้วแบงค์จะทำกับพี่แบบนี้เหรอ?” พี่ท็อปบอกหันหน้ามามองแบงค์ หน้าแดงก่ำ น้ำตาไหลพราก แถมยังจามออกไม่หยุด

แบงค์เอื้อมมือไปคว้าเอาผ้าขนหนูที่เช็ดหัวให้พี่ท็อปเมื่อกี้มาคลุมหัวให้พี่ท็อป แล้วเช็ดใบหน้าเปื้อนน้ำตาให้รุ่นพี่อย่างแผ่วเบา “หวัดกินแล้วนะพี่ท็อป” เขาบอก “พอเถอะพี่ แบงค์เหนื่อยแล้ว แบงค์ไม่อยากพูดเรื่องเดิมๆซ้ำอีก”

“แบงค์ไม่คิดมั่งเหรอว่าอาจจะมีคนไม่หวังดีอยากให้เราเลิกกัน อาจจะมีคนแกล้งเรา แบงค์บอกพี่ว่ามีคนส่งข้อความมาหาแบงค์ว่าพี่บอกว่าให้ไปหาที่ห้องพยาบาลไม่ใช่เหรอ? พี่อยากรู้ว่ามันเป็นใคร?” ท็อปบอกพยายามหาเหตุผลต่างๆมาง้อรุ่นน้อง

“พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะพี่ท็อป พี่จะหาว่าคนนั้นเขาเป็นต้นเหตุเหรอ แล้วที่แบงค์เห็นพี่กับพี่หวานทำอะไรกันนั่นก็จัดฉากเหรอ? แต่ที่แบงค์เห็นเหมือนพี่ดูจะให้ความร่วมมือมากกว่านะพี่ท็อป” แบงค์บอกเสียงเรียบ

“พี่ขอโทษ พี่บอกแล้วไงว่าเหมือนพี่โดนเขาแกล้งให้แบงค์มาเจอจะได้โกรธกับพี่แล้วเราสองคนจะได้เลิกกัน สมใจ แบงค์ก็รู้ว่ามีคนตั้งหลายคนพยายามจะแย่งแบงค์ไปจากพี่อยู่นะ”

“พี่ท็อปนิสัยไม่ดีเลย โทษคนนั้นคนนี้ทำไม ถ้าพี่ท็อปรักแบงค์จริงๆ ทำไมไม่ปฏิเสธเขาไปล่ะ ไปอยู่กับเขาสองต่อสองทำไม พี่ปฏิเสธได้นี่นา ทำไมไม่ทำ แล้วตอนนี้ปัญหามันเกิดแล้วพี่มาสำนึกผิดทีหลังแบบนี้ไม่คิดเหรอว่าแบงค์จะเสียใจขนาดไหน แบงค์ร้องไห้แทบบ้ามาสองวันนับแต่เกิดเรื่อง พี่ท็อปรู้ไหม?” แบงค์ตะคอกใส่พยายามสะบัดพี่ท็อปออกไปเพราะพี่ท็อปยังคงกอดเขาไว้แน่น

“พี่ขอโทษ พี่ยังไมได้มีอะไรกับหวานเลยนะ พี่ว่าเขาต้องพยายามจัดฉากให้แบงค์มาเจอแน่ๆ เชื่อพี่สิ มันต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ” ท็อปบอก

“เหอะ...พี่ท็อป อย่าทำแบบนี้อีกเลย มันไม่ทำให้พี่ดูดีขึ้นมาเลยนะ ยิ่งพี่พูดออกมาอีกมันยิ่งทำให้พี่ท็อปดูแย่ในสายตาแบงค์มากขึ้นเรื่อย ๆ สรุปวันนี้พี่จะมาทำอะไร? มาง้อแบงค์ มาบรรยายความเลวของตัวเอง หรือมาทำอะไรกันแน่” แบงค์บอก

ท็อปร้องไห้ไม่หยุดเหมือนเด็กเล็กๆไปแล้วเมื่อแบงค์ตอกกลับเขาอย่างไม่ใยดี เขาคิดว่าวันนี้คงเป็นวันสุดท้ายแล้วจริงๆและในที่สุดคงไม่สามารถจะกลับไปคบกันอย่างเดิมได้แน่ๆ ส่วนแบงค์แม้ในใจจะอยากคืนดีจนใจจะขาดแต่เขาไม่อยากให้ประวัติศาสตร์เดิมซ้ำรอยอีก เขาอยากให้พี่ท็อปเรียนรู้จากความผิดพลาดนี้แล้วเดินหน้าต่อมากกว่าจะมานั่งจดจ่อกับเรื่องความสัมพันธ์กับเขา

“แบงค์ไม่รักพี่แล้วใช่ไหม?” ท็อปสะอึกสะอื้น “แบงค์รักไอ้รุ่นพี่ม.6 คนนั้นแล้วใช่ไหม ?” ท็อปค่อยๆผละตัวออกจากแบงค์ ใช้แขนทั้งสองข้างเช็ดน้ำตาของตัวเอง หน้าของเขาแดงแจ๋

แบงค์เอื้อมมือมาจับแก้มซ้ายของพี่ท็อปอย่างแผ่วเบาเฉกเช่นในคืนนั้นที่พี่ท็อปถูกพ่อตบหน้ามา เพ่งพินิจที่ใบหน้าอันบอบช้ำของรุ่นพี่ เห็นรอยเขียวๆเป็นจ้ำๆ แม้แบงค์จะไม่รู้ว่าเป็นรอยอะไรแต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าคงไปมีเรื่องกับใครมาอีกแหงๆ

“พี่ท็อปจะเป็นคนเดียวที่แบงค์รัก ตามที่แบงค์สัญญา ถึงแบงค์จะแสดงออกไม่ค่อยเก่ง แต่แบงค์ยังคงบอกพี่ท็อปได้เต็มปากว่า แบงค์รักพี่มาก มากเสียจนไม่อยากเสียพี่ไป” แบงค์บอก น้ำตาไหลออกมาอย่างช่วยไมได้ “แต่แบงค์ก็อยากจะขอโทษพี่ท็อปเหมือนกัน ว่าแบงค์ไปต่อไม่ไหวจริงๆนะพี่ท็อป” แล้วเขาก็ปล่อยโฮออกมาบ้าง

ท็อปรีบกอดน้องเอาไว้ ส่วนแบงค์ก็ได้แต่กดหน้าลงกับบ่าของพี่ท็อป ร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเขื่อนแตก “แบงค์ไม่เคยรักพี่กายเลย พี่ท็อปก็มายัดเยียดอะไรก็ไม่รู้ให้แบงค์ทำ แถมบังคับให้แบงค์ต้องไปอยู่กับพี่กายทั้งสัปดาห์ พี่ท็อปทิ้งแบงค์ไปทำไมก็ไม่รู้ ไม่ถามความเห็นความสมัครใจของแบงค์สักคำ แบงค์น้อยใจที่สุดเลยนะพี่ท็อป”

“พี่ขอโทษที่พี่ปากพล่อยไปท้าแข่งอะไรบ้าๆแบบนั้นไป โดยไม่คิดถึงใจแบงค์เลย พี่ขอโทษ” ท็อปบอกกอดแบงค์แน่น

“แบงค์คิดถึงพี่ท็อปอยู่ตลอดเวลา แต่แบงค์ก็พูดอะไรมากไม่ได้ พี่กายเขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แบงค์ก็ต้องทำตามที่พี่ท็อปบอก เพราะว่าแบงค์รักพี่ท็อปถึงได้ยอมอยู่นี่ไง แบงค์ถึงยอมไปอยู่กับพี่กาย พี่ไม่เข้าใจแบงค์เลยเหรอ? แล้วพี่ท็อปก็มาทำกับแบงค์แบบนี้อีก แล้วต่อจากนี้แบงค์จะโดนพี่ท็อปทำร้ายจิตใจแบงค์ด้วยอะไรอีกล่ะพี่? แบงค์ถามหน่อย พี่ท็อปจะทำให้แบงค์เจ็บปวดอีกนานแค่ไหนเหรอพี่?” แบงค์ร้องไห้ไป พร่ำบ่นถึงความอัดอั้นที่มีอยู่ในใจออกมา

ท็อปได้แต่น้ำตาไหล ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมแบงค์ถึงไม่ค่อยพูดและเริ่มอารมณ์เสียหลังจากที่เขาทำตัวระรานและใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา ทั้งๆที่เรารักกันแต่ทำไมยิ่งรักกันแต่กลับยิ่งมองข้ามความรู้สึกของคนที่รักไปกลายเป็นสนใจแต่เพียงความรู้สึก การเอาชนะ ความพึงพอใจของตนเองเพียงฝ่ายเดียว มากกว่าจะยอมปรับความเข้าใจกัน ที่ผ่านมา แบงค์ทำตามท็อปตลอดโดยไม่ขัดขืนและคอยปรามท็อปอยู่เรื่อยๆเวลาท็อปทำตัวไม่เหมาะไม่ควร เขามาถึงจุดที่เข้าใจแล้วว่าทำไมจึงทำให้เขาหลงรักแบงค์มากขนาดนี้และไม่แปลกใจเลยที่ทำไม พี่กายถึงอยากลองคบแบงค์ดูบ้าง เพราะความอ่อนโยนแต่เข้มแข็งแบบนี้แหละที่หาได้ยากนัก

“พี่ขอโทษ พี่ไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาบอกแบงค์ได้อีกแล้ว” พี่ท็อปบอก กอดแบงค์แน่น “พี่อยากบอกแบงค์ว่าพี่ขอโทษจริงๆ ต่อจากนี้พี่จะไม่ทำให้แบงค์เสียใจอีก พี่รู้แล้วว่าคนที่รักพี่ที่สุดก็มีแต่แบงค์เนี่ยแหละ และคนที่พี่รักมากที่สุดก็มีแค่แบงค์เหมอืนกัน ทุกอย่างที่ผ่านมาพี่ขอสารภาพความผิดทั้งหมด แบงค์อภัยให้พี่ได้ไหม? พี่สัญญาว่าต่อไปนี้พี่จะเริ่มใหม่ พี่ไม่เอาอีกแล้วนิสัยเดิมๆเรื่องเดิมๆ”

แบงค์ไม่ตอบ ได้แต่ปาดน้ำตาตัวเอง สะอึกสะอื้นเสียใจ

“จะเป็นอะไรไหม? ถ้าแบงค์บอกว่าแบงค์ให้อภัยพี่ท็อป แต่แบงค์จะไม่กลับไปคบกับพี่ท็อปอีก” แบงค์บอกมองจ้องตาท็อปกลับมา

“ทำไมล่ะ? แบงค์ ... พี่ขอเถอะ ให้โอกาสพี่ได้ไหม พี่ขอร้องล่ะ ถ้าไม่มีแบงค์ พี่ต้องตายแน่ๆ” ท็อปโอดครวญ น้ำตามาอีกระลอก

“บอกแล้วไงอย่ามาพูดเรื่องตายๆแถวนี้ ก่อนหน้านี้ไม่มีแบงค์พี่ยังอยู่ได้เลย ถึงต่อไปเราจะไม่มีกันเราก็ต้องอยู่ให้ได้นะพี่ท็อป แบงค์ไม่เอาแล้ว แบงค์เหนื่อย....” เขาร้องไห้ออกมา “แบงค์ยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจความรู้สึกพวกนี้ มันทั้งเจ็บปวด ทั้งทรมาน แต่ขณะเดียวกันมันก็กลับมีความสุขเหลือเกินที่ได้อยู่ใกล้ๆกัน มันสับสนเกินไป พี่ท็อป แบงค์รับความรู้สึกเหล่านี้ไม่ไหวอีกแล้ว”

“ต่อไปนี้พี่จะไม่เร่งเร้าอะไรแบงค์อีกแล้ว ให้เราค่อยเป็นค่อยไปก็ได้นะ แค่อย่าเลิกกับพี่เลยนะ พี่ขอร้อง” ท็อปบอก

แบงค์ไม่ตอบได้แต่อิงหัวซบลงบนบ่าพี่ท็อป สะอึกเบาๆเพราะร้องไห้มานาน “แบงค์ร้องไห้จนเหนื่อยแล้วพี่ท็อป แบงค์ไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้อีกแล้ว ปล่อยแบงค์ไปเหอะพี่”

“แล้วแบงค์จะทนได้เหรอ ถ้าแบงค์ต้องเลิกกับพี่จริงๆ” ท็อปถามย้อนลูบหัวแบงค์ที่ยังคงซบเขาอยู่

“ทนไม่ได้หรอก” แบงค์ตอบ “แต่ก็ต้องทน เหมือนยาขมๆถ้าอยากหายก็ต้องกิน เดี๋ยวเวลาจะรักษาบาดแผลของมันเอง แต่ต่อจากนี้แบงค์ก็แค่ต้องทนไปจนกว่ามันจะหาย”

“แต่ถ้าแบงค์ยังรักพี่ต่อไปแล้วเรายังอยู่ด้วยกัน มันก็น่าจะช่วยรักษาได้ไม่ใช่เหรอ กับรอยร้าวที่มันเกิดขึ้น ดีกว่ารักษาไปตามยถากรรมนะ” ท็อปถามย้อน

“แล้วถ้าแบงค์ต้องเจ็บปวดอีกล่ะ แผลจะไม่ลึกกว่าเดิมเหรอพี่ท็อป” แบงค์ย้อนถาม เงยหน้าขึ้นมามองรุ่นพี่

“พี่สัญญาว่าจะไม่มีวันนั้นเด็ดขาด พี่ขอสัญญาด้วยชีวิต” พี่ท็อปบอกเสียงแข็ง จ้องตาแบงค์เพื่อให้เขามั่นใจในคำพูด
แบงค์ถอนหายใจออกมาช้า ๆ หยิบผ้าขนหนูที่หล่นกองอยู่กับพื้นขึ้นมาขยี้หัวให้พี่ท็อปอีก “ร้องไห้จนผมแห้งแล้ว พี่ท็อป”

“อือ หน้าเปียกแต่หัวแห้ง” ท็อปบอก ค่อยๆยิ้มออกมาแก้เขิน

แบงค์เอาผ้าขนหนูห่มคอให้พี่ท้อปเหมือนผ้าพันคอ แล้วเงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่ช้า ๆ สีหน้าครุ่นคิด เขายืนนิ่งไปพักนึง ก่อนจะถอนหายใจยาวๆ ส่วนท็อปก็ได้แต่กลั้นหายใจรอดูปฏิกิริยาตอบของแบงค์

“ถ้าอย่างนั้น พี่ท็อปสัญญาแล้วนะ” แบงค์พูดออกมาในที่สุด “ด้วยชีวิตของพี่ท็อปเอง”

“หืม? หมายความว่าไง ? แบงค์ยอมคืนดีกับพี่แล้วเหรอ?” ท็อปยิ้มหน้าบานออกมาอย่างดีใจที่สุดเท่าที่เคยมีมาในชีวิต

“ใจจริงก็ไม่อยากคืนดีหรอก แต่ความรักลบล้างความผิดได้ เคยได้ยินไหมพี่ท็อป” แบงค์บอก “ถึงแบงค์จะโกรธพี่ท็อปมาก แต่มันก็เอาชนะความรักที่แบงค์มีให้พี่ท็อปไมได้หรอก ที่แบงค์ร้องไห้หนักมาสองวันก็เพราะแบงค์พยายามที่จะยอมรับว่าแบงค์จะต้องไม่รักพี่ท็อปอีกต่อไป...สุดท้ายก็รู้อยู่แก่ใจว่าทำไม่ได้” เขาบอกหน้าเศร้า “ถ้าขาดพี่ท็อปไป แบงค์ก็ไม่รู้จะรักใครได้เหมือนอย่างที่รักพี่หรือเปล่า”

ท็อปหอมแก้มแบงค์ฟอดใหญ่ด้วยความดีใจ แล้วกอดแบงค์แน่นเสียจนรุ่นน้องเกือบหายใจไม่ออก

“พี่ท็อป !! หายใจไม่ออกแล้ว”

“พี่ดีใจที่สุดเลย” เขาร้องไห้ออกมาอีก “ในที่สุด แบงค์ก็ยอมฟังพี่สักที ต่อจากนี้พี่จะไม่ทำให้แบงค์เสียใจอีกแล้ว ไม่เอาแล้ว เข็ดแล้ว”

“ไม่ต้องร้องไห้แล้วพี่ท็อป” แบงค์บอกแต่เขาเองกลับร้องไห้ออกมาอีกเหมือนกัน “ว่าแต่หน้าไปโดนอะไรมาเขียวๆ”

“พี่ต่อยกับคาร์พมา เลยโดนเรียกเข้าห้องปกครองมาอีกรอบน่ะ” ท็อปบอกสั้นๆ

“อ้าว ไปต่อยกันทำไม เพื่อนรักกันไม่ใช่เหรอ?” แบงค์ถาม ตกใจในคำตอบของท็อป

“ไม่มีอะไรหรอก คืนดีกันแล้ว ทะเลาะกันนิดหน่อย” ท็อปบอก “ไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น สนใจเรื่องเรากันอย่างเดียวก็พอแล้ว” ท็อปบอกแล้วยื่นหน้าเอาจมูกของตนมาบี้จมูกของแบงค์ด้วยความรักใคร่ๆ

“โอ๊ย เจ็บ พี่ท็อป” แบงค์บอกแล้วรีบสะบัดหน้าหลบพี่ท็อป แล้วเลือดก็พุ่งออกมาจากจมูกอีกครั้ง เขารีบลุกไปหยิบเอากระดาษทิชชูที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟามาซับเลือดเอาไว้

“เป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ยแบงค์ ทำไมแผลยังไม่หายอีกเหรอ? ดั้งหักหรือเปล่า?” พี่ท็อปถาม รีบเดินตามมาดูแบงค์

“ไม่มีอะไรหรอกพี่ แผลมันยังไม่หายดี” แบงค์บอก

“สองวันแล้วนะ ยังไม่หายอีกเหรอ? คาร์พมันต่อยแรงขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย” ท็อปพึมพำ “พี่ไม่น่าพลาดปล่อยให้มันทำแบงค์ได้เลย”

“ไม่เกี่ยวกับพี่คาร์พหรอกพี่...จริงๆมันควรจะหายแล้วแหละ” แบงค์เสริมแล้วยัดทิชชูอุดรูจมูกเอาไว้

“แล้วทำไมแบงค์ถึงยังไม่หายล่ะ?” ท็อปถามน้ำเสียงเป็นห่วง

แบงค์ยิ้มตอบเจื่อนๆ “ไม่รู้เหมือนกัน คงเป็นเคสพิเศษมั้ง แต่เดี๋ยวก็หายแล้วแหละ” เขาพูดจากนั้นก็เดินไปหารุ่นพี่ “คืนนี้ช่วยกอดแบงค์ทั้งคืนได้ไหมพี่ท็อป?”

“ไม่กลัวติดหวัดละเหรอ? หืม?” พี่ท็อปถามหันหน้ามองอย่างสงสัย

“กลัวไม่ได้อยู่ใกล้ๆพี่ท็อปมากกว่า” พูดเสร็จเขาก็เกาแก้มของตัวเองด้วยความเขิน

ท็อปลูบหัวแบงค์อย่างรักใคร่ก่อนจะดึงแบงค์เข้าไปจุบที่หัวและหน้าผาก “ต่อไปนี้พี่จะไม่ให้ใครพรากเอาของสำคัญของพี่ไปอีกแล้ว พี่จะคิดถึงแบงค์ก่อนเสมอ พี่จะไม่ทำให้แบงค์เสียใจอีกแล้ว พี่สัญญา”

แบงค์กอดท็อปตอบอิงแอบอยู่ที่บ่าอุ่นๆของรุ่นพี่ น้ำตาไหลรื้นขึ้นมา แม้จะรู้สึกปวดแปลบๆข้างในหัวและในโพรงจมูกอาจจะเพราะพิษไข้และการร้องไห้หนักต่อเนื่องมาสองวัน แต่เขาก็มีความสุขเหลือเกินจนอยากจะหยุดช่วงเวลาเช่นนี้ไว้ตลอดไป

“ขอบคุณนะครับพี่ท็อป ที่รักแบงค์” เขาพึมพำเบาๆแล้วซุกหน้าให้ชิดแนบแน่นกายของรุ่นพี่


หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 25-26 อัพ 03/04)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 03-04-2015 22:01:49
บทที่ 26
บทสรุปของเกมส์เดิมพัน


แบงค์กับท็อปยังคงนอนอิงแอบกันจนถึงเช้าวันเสาร์ แต่เพราะเสียงความเคลื่อนไหวยามเช้านอกบ้านเป็นผู้ปลุกแบงค์ให้ตื่นจากการหลับใหล ทว่าเขายังคงนอนหันหน้ามองพี่ท็อปที่ยังคงหลับสนิทไม่รู้เรื่อง เขารู้สึกเหมือนนานเป็นอาทิตย์ ที่ไม่ได้นอนกอดกับพี่ท็อปแบบนี้ ทั้งๆที่เมื่อต้นสัปดาห์ยังมานอนอยู่ด้วยกันอยู่เลย แต่เรื่องที่เกิดขึ้นมาในปลายสัปดาห์กลับทำให้แบงค์รู้สึกเหมือนเวลามันช่างยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์

หน้าของพี่ท็อปตอนหลับเหมือนเด็กน้อยที่นอนหลับไม่รู้เดียงสา พี่ท็อปจะนอนเผยอปากน้อยๆเสมอ ทำให้เขากรนเบาๆ เพื่อสูดออกซิเจนเข้าปอดทั้งจากทางปากและจมูก แบงค์เคยบอกพี่ท็อปหลายครั้งว่าให้นอนหลับแล้วหายใจทางจมูกอย่างเดียว แต่พี่ท็อปก็ชอบบอกว่า เขาไม่เคยนอนกรนสักหน่อย แบงค์ก็เลยต้องเถียงกลับตลอดว่า พี่ท็อปหลับอยู่จะไปรู้ได้ยังไงว่าตัวเองกรนหรือเปล่า

แบงค์เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองอัดวิดิโอตอนที่พี่ท็อปกำลังนอนกรนออกมา เพื่อเอาไว้บอกพี่ท็อปตอนตื่น หนนี้จะได้เลิกเถียงเขาสักที ถึงเสียงกรนของพี่ท็อปจะไม่ได้รบกวนการนอนหลับมากมาย แต่แบงค์กลัวว่าถ้าพี่ท็อปโตขึ้นอาการนอนกรนของพี่ท็อปอาจจะลุกลามและทำให้พี่ท็อปกลายเป็นคนนอนกรนเสียงดังมากกว่านี้ก็ได้ในอนาคต เพราะเขาเคยดูสารคดีว่าคนนอนกรนมากๆก็มีโอกาสเสี่ยงกับโรคหลายโรคเช่นเดียวกัน

“ชอบนอนกรนดีนัก ต้องอัดวิดิโอไว้ให้ดู” แบงค์พูดเบาๆ ก่อนจะอัดวิดิโอหน้าท็อปไปร่วมนาที

จู่ๆเขาก็เกิดอาการปวดแปลบที่ข้างในศีรษะตั้งแต่ช่วงโพรงจมูกขึ้นไป แล้วเลือดสีแดงก็เริ่มหยดออกมาเปื้อนผ้าห่มของเขาทันที แบงค์รีบลุกจากที่นอนเดินไปหากระดาษทิชชูที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ ก่อนจะมองไปที่กระจก เห็นเลือดไหลลงมาถึงคางแถมยังมีเลือดกรังๆที่น่าจะไหลออกมาตอนที่เขาหลับอยู่ด้วยเป็นรอยคราบเลือดแห้งๆเกาะอยู่รอบๆปาก อาการปวดแปลบในโพรงจมูกยังไม่หยุด แถมยังทำให้เขาปวดหัวขึ้นมาด้วยเหมือนมีใครมาบีบขมับของเขาอีก

“ผ่านไปตั้งสองวันแล้ว ทำไมมันยังไม่หายอีกเนี่ย?” แบงค์พึมพำ พยายามเอาทิชชูซับเลือด ที่ยังไหลออกมา “ที่ผ่านมา เราไม่เคยมีเลือดออกไม่หยุดขนาดนี้เลยนี่นา” เขามองดูรอยช้ำที่จมูกที่โดนพี่คาร์พต่อยแต่เท่าที่ดูจากภายนอกแล้วก็ไม่มีอะไรแค่รอยเขียวช้ำเท่านั้น

แบงค์รื้อกระเป๋าเป้ของตัวเองหายาที่หมอเอามาให้เขากิน แล้วรีบเดินลงมาข้างล่างเพื่อหาน้ำกินกับยา รู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนว่าทำไมเขาถึงมีอาการแบบนี้ได้ วันนี้ผลตรวจเลือดจะออกและเขาจะต้องไปรับผลกับพี่กาย วันนี้พี่กายก็คงมารับแบงค์ไปโรงพยาบาลอย่างแน่นอน

เขาจึงรีบเช็ดหน้าตาแล้วกลับขึ้นไปบนห้องอีกครั้งเพื่อตรวจดูโทรศัพท์ เมื่อคืนเขาใช้เวลาอยู่กับพี่ท็อปทั้งคืนจนไม่ได้สนใจโทรศัพท์เลยว่าพี่กายอาจจะติดต่อเขามา เขาเห็นสายที่ไมได้รับอยู่ประมาณ สี่ห้าสาย และข้อความที่ส่งเข้าหาเขามาจากพี่กาย

<GUY : พี่สงสัยว่าแบงค์คงหลับไปแล้ว พรุ่งนี้เดี๋ยวสักสิบโมงพี่จะไปรับพาไปตรวจร่างกายกับรับผลตรวจเลือดด้วยกันนะ สักแปดโมงเดี๋ยวพี่โทรหาอีกที เผื่อว่าคืนนี้แบงค์ไม่ได้อ่านจะได้เตรียมตัวทัน>

แบงค์หันหน้ามองดูนาฬิกาปลุกตัวเลขที่อยู่เหนือเตียงบอกเวลา 7.45 ในอีกไม่ช้า พี่กายคงโทรมาหาเขาแน่นอน และพี่กายก็จะต้องรู้ว่าแบงค์กับพี่ท็อปยอมคืนดีกันแล้วจากการที่พี่ท็อปมาอยู่ที่นี่

“ฮัดเช้ย” เสียงพี่ท็อปจามออกมา พร้อมกับที่รุ่นพี่งัวเงียตื่นขึ้นมานั่ง พลางขยี้ตาให้ตนเองตื่นตัว “แบงค์ตื่นทำไมแต่เช้าเนี่ย”
“อ๋อ....แบงค์ลุกขึ้นมากินน้ำ” แบงค์บอก “คอแห้ง...ก็เลยตื่นได้สักพักแล้ว”

พี่ท็อปตบที่นอนเป็นเชิงเรียกให้แบงค์มาหา “มานั่งตรงนี้หน่อย หมาน้อย”

แบงค์ถอนหายใจเบาๆ แล้วก็เดินไปนั่งที่เตียงข้างๆพี่ท็อป ที่หัวฟูยุ่งเหยิงเพราะนอนโดยที่ผมยังชื้นอยู่แม้จะถูกเช็ดให้แห้งแล้วก็ตาม พี่ท็อปใช้มือทั้งสองข้างจับแก้มของแบงค์แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดคราบน้ำตาและรอยเกรอะกรังยามตื่นนอนให้กับแบงค์

“ร้องไห้จนตาช้ำเลยนะเนี่ย แสดงว่าคงคิดถึงพี่มากๆเลย” พี่ท็อปแซว

“อือ ใช่ดิ แถมยังโดนรังแกสารพัดด้วย” แบงค์บอก “พี่ท็อปมือร้อนๆนะ เริ่มไม่สบายแล้วหรือเปล่า”

“อืมก็รู้สึกหัวหนักๆนิดหน่อย” เขาพูดแล้วแบงค์ก็ใช้อุ้งมือจับหน้าของพี่ท็อป

“แหงแล้วแหละ ไม่สบายแล้ว ตากฝนมาสองวันแล้วนะพี่ท็อป” แบงค์บอก

ท็อปจามออกมาสองครั้งติดกันเป็นคำตอบก่อนจะสูดน้ำมูกเสียงดัง “ท่าจะจริง เป็นหวัดซะแล้วสิ ทีนี้ก็กอดแบงค์ไม่ได้แล้วสิเนี่ย แย่เลย”

“กอดได้ดิ” แบงค์บอกแล้วลุกไปกอดคอพี่ท็อปเบาๆ แก้มทั้งสองคนแนบชิดกัน “ยิ่งกอดร่างกายยิ่งอุ่นนะ จะได้หายไวๆ”
ท็อปยิ้มออกมาแล้วกอดน้องตอบ

“ขอบคุณนะ ที่รักคนนิสัยไม่ดีอย่างพี่” พี่ท็อปบอกลูบหลังแบงค์

“แบงค์ก็ขอบคุณพี่ท็อปนะ ที่รักแบงค์ก่อน เหมือนฝันไปเลยว่าได้เป็นแฟนกับพี่ท็อปเนี่ย” แบงค์บอกหัวเราะออกมา

เนื่องจากทั้งสองคนนั่งกอดกันอยู่ท็อปจึงอาศัยจังหวะ จับแบงค์ให้นอนลงกับเตียงแล้วเลิกผ้าห่มที่วางอยู่แล้วดึงแบงค์มากอดอีกครั้ง “ไม่เอาแล้วพี่ แบงค์อยากตื่นแล้ว ไม่อยากนอนแล้วล่ะ”

“แต่พี่ยังอยากนอนกอดแบงค์อยู่เลยนี่นา” พี่ท็อปอ้อน

“แน่ใจนะว่าอยากนอนกอดอย่างเดียว ไม่ได้อยากทำอย่างอื่นด้วย” แบงค์ถามเอามือไปดึงหูรุ่นพี่

“ถ้าได้ก็ดี” ท็อปบอกแลบลิ้นใส่หน้าน้อง “แต่แค่พี่ได้นอนกอดมองหน้าแบงค์แค่นี้ก็พอแล้ว อย่างอื่นไม่ต้องหรอก ให้มันเป็นขนมหวานของความรักเราดีกว่า”

“เอ๊ะ ๆ คำพูดใครเนี่ย คุ้นๆ” แบงค์บอกยิ้มๆ

“ขอพี่จูบแบงค์ได้ไหม” ท็อปถามเขินๆ มือเลื่อนขึ้นมาจับใบหน้าของรุ่นน้อง

“ไม่เอา....เหม็นปาก กอดก็พอแล้ว ตัวเองฟันก็ไม่แปรง เพิ่งตื่นนอนแท้ๆ ยังจะมาขอยังงี้อีกแน่ะ พี่ท้อปนี่ ทะลึ่ง” แบงค์บอก
ท็อปหัวเราะร่า

“วันนี้พี่กายจะมานะพี่ท็อป ตอนสิบโมง เราอาจจะต้องสรุปเรื่องราวทั้งหมดให้พี่กายได้รู้ว่าแบงค์เลือกพี่ท็อปนะ รู้ไหม?” แบงค์บอก ส่วนท็อปก็ทำหน้างงๆว่าพี่กายจะมาทำไมกัน

“ทำไมเขาต้องมาล่ะ?” ท็อปถาม

“แบงค์ยังต้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีก วันนี้หมอนัดดูอาการเพิ่มเติม พี่กายอาสาจะไปส่งให้เพราะคั้งที่แล้วพี่กายช่วยเดินเรื่องให้แบงค์หมดเลย” แบงค์บอกข้อมูล

“พี่กายคนนี้เขาเป็นคนดีมากเลยนะ เท่าที่พี่ดู เขาชอบแบงค์แบบบริสุทธิ์ใจมาก แค่ขอให้ได้ทำดีด้วย อยู่ใกล้ๆด้วย ดูพี่เขามีความสุขมากๆเลยนะเวลาได้อยู่กับแบงค์ พี่เห็นทีไรก็อิจฉาทุกที” ท็อปเสริม

“พี่เขาเป็นคนดีจริงนั่นแหละพี่ท็อป ถ้าแบงค์เจอกับพี่กายก่อนพี่ท็อป ใครจะรู้ว่าแบงค์คงจะเลือกคบพี่กายไปก็ได้นะ พี่เขาเป็นผู้ใหญ่ดีแล้วก็พึ่งพาได้แทบทุกเรื่องเลย”

“พี่เลยตกกระป๋องเลย แสดงว่าพี่ไม่มีอะไรดีเลยเหรอ?” พี่ท็อปถาม “น้อยใจจัง”

“แบงค์ไม่ได้รักพี่ท็อปที่นิสัยพี่ท็อปหรอกนะพี่ ... แบงค์รักพี่ท็อปเพราะพี่ท็อปรักแบงค์ก่อน แบงค์เห็นสิ่งที่พี่พยายามทำให้ เห็นสิ่งที่พี่แสดงออกว่าพี่รักแบงค์ขนาดไหน แบงค์ถึงยอมตกลง ถึงตอนแรกที่เจอกันมันจะไม่น่าจดจำเท่าไร แต่มาจนถึงตอนนี้แบงค์รักพี่ไปหมดใจแล้ว อีกอย่างแบงค์รักพี่ท็อปที่พี่ท็อปเป็นตัวเองเนี่แยหละ ถึงลิงท็อปของไอ้หมาน้อยจะดื้อ แถมขี้เหวี่ยงแต่ก็เหวี่ยงเพราะรักทั้งนั้นนี่นา ใช่ไหม?” แบงค์ถาม แก้มของพี่ท็อปแดงระเรื่อด้วยความเขินกับสิ่งที่แบงค์สารภาพ

“ไม่ไหวแล้ว พูดน่ารักแบบนี้ พี่ขอสักทีเหอะ” ท็อปบอกแล้วพุ่งเข้ามาฟัดคอแบงค์

“ไม่เอาแล้วพี่ท็อป สายแล้ว ไว้ดึกๆก็ได้ ตอนนี้ไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวเราไปทำอะไรกินข้างล่างรอพี่กายมาดีกว่า จะได้อธิบายทุกอย่างให้หมด เกมส์ของพี่ท็อปจะได้จบๆสักที” แบงค์บอกรีบเอามือยันหัวพี่ท็อปเอาไว้

“งั้นขอพี่หอมหนึ่งที่เดี๋ยวจะได้ไปอาบน้ำละ” ท็อปบอก แบงค์จึงยื่นแก้มให้ พี่ท้อปหอมอีกครั้ง “โอเค อาบน้ำละ” จากนั้นท็อปจึงรีบลุกจากเตียงแล้วคว้าเอาผ้าขนหนูผืนเดิมแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป แบงค์รู้สึกเจ็บแปลบมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังทนอยู่ อีกสักพักจะได้ไปโรงพยาบาลถ้าได้มีโอกาสเช็คสภาพร่างกายอีกครั้งก็คงจะดี เขาจะได้ถามหมอให้แน่ชัดด้วยว่าทำไมเลือดของเขาถึงไม่หยุดไหลแบบนี้



เมื่อถึงเวลาจวนจะสิบโมง แบงค์เตรียมเอาข้าวต้มทรงเครื่องอย่างง่ายๆที่ตนเองทำมาเสิร์ฟให้พี่ท็อปที่นั่งคอยอยู่ที่โต๊ะ สายตาที่พี่ท็อปมองน้องมันเต็มไปด้วยความชื่นชมและประทับใจ ถึงจะเป็นของกินที่ทำได้ง่ายๆแต่ก็เป็นสิ่งที่แบงค์เต็มใจทำให้เขา

“มาแล้ว ข้าวต้มหมูสับร้อนๆ มาเสิร์ฟให้ท่านชายท็อป” แบงค์บอก ยกถ้วยมาวาง

“ไม่ได้กินกับข้าวที่แบงค์ทำนานแล้วนะเนี่ย น่ากินจัง หอมด้วย” ท็อปบอก หยิบช้อนขึ้นมา “ขอลองชิมหน่อยนะ”

“ระวังร้อนนะพี่ท็อป เพิ่งเอาลงจากเตา” แบงค์บอก

เสียงออดดังเรียกจากหน้าบ้าน... แบงค์และท็อปหันไปมอง ก็เห็นพี่กายยืนกดออดอยู่ ทั้งสองคนกลืนน้ำลายมองหน้ากัน ในใจต่างก็หวั่นอยู่ว่าจะต้องเริ่มต้นเล่าให้พี่กายฟังอย่างไรดีแล้วพี่กายจะยอมรับทุกอย่างได้หรือไม่

แบงค์ค่อยๆ เดินไปที่ประตู แล้วทักทายพี่กาย “มาแล้วเหรอพี่กาย เข้ามากินข้าวก่อนไหม แบงค์ เพิ่งทำข้าวต้มหมูเอาไว้”

“จริงเหรอ? แบบนี้ต้องตักมาให้พี่ลองสักถ้วยแล้วล่ะ แบงค์อุตส่าห์ทำไว้รอพี่....” พี่กายพูด แล้วเดินตามแบงค์เข้ามาในห้อง แต่แล้วก็สะดุดกับภาพที่เห็นตรงหน้า เมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้วเห็นท็อปนั่งอยู่ที่ห้องครัวที่อยู่ใกล้ๆกับห้องนั่งเล่น

“เอ่อ...สวัสดีครับ พี่กาย” ท็อปบอก ยกมือไหว้ตามมารยาท แล้วก้มหน้าลงไปตักข้าวต้มกินต่อ

พี่กายหันหน้าไปมองแบงค์ด้วยสีหน้าต้องการคำตอบ แบงค์ได้แต่ยืนมองทั้งพี่ท็อปและพี่กายด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน พลางเอามือลูบคอตัวเองเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี “พี่กายนั่งลงก่อนดีกว่า แบงค์จะได้เล่าให้ฟัง....จะกินข้าวต้มไหมครับ? เดี๋ยวแบงค์ตักให้”

“งั้นไม่ต้องแล้วล่ะ พี่กินมาบ้างแล้ว” พี่กายบอก ค่อยๆเดินมาหย่อนตัวลงที่เก้าอี้ หันหน้ามามองแบงค์ที่กำลังนั่งลงที่เก้าอี้เช่นเดียวกัน “ช่วยอธิบายให้พี่ฟังหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น”

“พี่กาย...แบงค์ขอโทษนะครับพี่ แบงค์ทำใจเลิกกับพี่ท็อปไม่ได้จริงๆ” แบงค์บอก ก้มหน้าไม่สบสายตารุ่นพี่ พี่กายมองแบงค์อย่างตะลึงงันกับสิ่งที่แบงค์พูดออกมา

“ทั้งๆที่ท็อปมันทำให้แบงค์เสียใจจนแทบบ้าเนี่ยนะ คิดอะไรของแบงค์อยู่เนี่ย” พี่กายพูด

พี่ท็อปได้แต่นั่งเงียบ หยุดกินแล้วนั่งฟังบทสนทนาที่เกิดขึ้น เขารู้ตัวว่าในตอนนี้เขายังไม่ควรเข้าไปแทรก

“แบงค์พยายามตัดใจจากพี่ท็อป แต่พี่ท็อปก็พยายามมาปรับความเข้าใจกับแบงค์เมื่อวาน พอแบงค์มาคิดๆดูแล้ว ถึงแบงค์จะต้องเลิกกับพี่ท็อปจริงๆ แบงค์ก็คงไม่ไปคบกับพี่กายหรือคบกับคนอื่นอยู่ดี เหมือนอย่างที่แบงค์บอกพี่วันก่อน ว่าแบงค์รักพี่ท็อปจริงๆ ไม่ใช่แค่จะมาแข่งกันอาทิตย์เดียวแล้วแบงค์จะเปลี่ยนใจมาคบกับอีกคนนึงได้ แบงค์ให้พี่ท็อปหมดแล้วทั้งหมด ทั้งตัวทั้งใจ แบงค์ตัดใจไม่ได้จริงครับพี่กาย แบงค์ขอโทษพี่กายจริงๆนะครับ” แบงค์พูด ก้มหน้า

“สรุปว่าเกมส์นี้จบที่บทสรุปนี้แล้วใช่ไหมเนี่ย?” พี่กายพูดเสียงสั่นๆ

“พี่กายเป็นคนดีมากเลยนะครับพี่ แต่แบงค์ขอโทษพี่กายที่รักพี่กายตอบไม่ได้จริงๆ” แบงค์บอกด้วยความรู้สึกผิด

“ถ้าเราเจอกันเร็วกว่านี้ก็คงดี พี่ว่าแบงค์อาจจะมีความสุขมากกว่าที่ผ่านมาก็ได้” พี่กายบอกหันหน้ามามองท็อปแล้วถอนหายใจยาวๆ ส่วนพี่ท็อปได้แต่นั่งเงียบ ไม่พูดอะไรจนผิดวิสัยพี่ท็อป (พยายามทำตัวสงบเสงี่ยมไว้ เพราะไม่อยากสร้างปัญหาให้ใครอีกแล้ว)

“อย่าพูดแบบนั้นเลยครับพี่กาย คงมีคนที่ดีกว่าแบงค์เขารอรักพี่กายอยู่ก็ได้นะครับพี่” แบงค์บอกเมื่อเห็นแววตาเศร้าๆ ของรุ่นพี่ “ขอบคุณที่พี่กายมาดูแลแบงค์ ตลอดที่ผ่านมา ถ้าไม่ได้พี่กายมาช่วยแบงค์ แบงค์คงแย่เหมอืนกัน”

พี่กายยิ้มตอบ “ไม่เป็นไรหรอก พี่ยินดีทำด้วยใจ.... แล้วคืนดีกันแน่นะ?”

“ครับ” แบงค์ตอบ

“ไม่ใช่ว่าท็อปมาใช้กำลังบังคับขู่เข็ญอะไรนะ แบงค์” พี่กายถามย้ำอีก

แบงค์รีบส่ายหน้า “ไม่มี แบงค์ยอมคืนดีกับพี่ท็อปเอง เมื่อคืนพี่เขามาสารภาพกับแบงค์หมดแล้ว แบงค์เลยตัดสินใจที่จะไปต่อ ถึงต่อจากนี้จะเจ็บปวดแค่ไหน ทรมานแค่ไหน แบงค์ก็จะอยู่กับพี่ท็อป” เขาพูดเสียงหนักแน่น

“สุดท้ายก็แห้วเลยเรา” พี่กายพูด เอนหลังกับพนักพิงเก้าอี้ “แต่พี่ก็ดีใจนะ ที่สุดท้ายแบงค์ก็มั่นใจในหัวใจตัวเองแล้ว”

แบงค์พยักหน้าหันหน้ามองพี่ท็อปที่วันนี้เงียบเป็นหุ่น “ครับ แบงค์ขอโทษพี่กายนะครับพี่ แบงค์ยังอยากเป็นเพื่อนกับพี่กายต่อไปอีก อย่าให้เราตัดขาดกันไปเลยเหมือนอย่างที่พี่ท็อปกับพี่กายสัญญากันว่าถ้าใครแพ้เกมส์นี้จะต้องเลิกยุ่งกับแบงค์ไปเลย อย่างน้อยเราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้”

“ได้สิ ไม่มีปัญหาอยู่แล้วล่ะ” พี่กายบอก “ปัญหาพี่จะมีก็แค่....ท็อป” พี่กายเรียกเสียงดัง

“ครับ” พี่ท็อปขานรับ สะดุ้งจนตัวโยน “อะไรเหรอครับพี่”

“พี่แพ้แล้ว หนที่แล้วพี่ชนะในเกมส์กีฬา แต่หนนี้พี่แพ้แล้วในเกมส์หัวใจ ฝากดูแลแบงค์ด้วย ต่อจากนี้อย่าให้พี่เห็นว่าทำร้ายน้องอีกนะ ไม่งั้นพี่ตามมาเก็บนายแน่” พี่กายขู่ ชี้หน้าพี่ท็อป

พี่ท็อปได้แต่นั่งนิ่งแล้วตอบสั้นๆ กลับไป “ครับ ผมสัญญาว่าต่อจากนี้ผมจะไม่ทำให้น้องเจ็บอีก”

“แปลกแฮะ วันนี้หงอยเป็นลูกแมวเลย ไอ้ท็อป ปกติออกจะซ่าไปทั่วนี่นา” พี่กายพูด หัวเราะออกมา พยายามเปลี่ยนบรรยากาศ “เกมส์จบแล้ว ผู้แพ้ก็ต้องไป ผู้ชนะก็ได้รางวัลไปครอบครอง ถูกต้องแล้วล่ะ”

“พี่กายไม่โกรธแบงค์กับพี่ท็อปใช่ไหมครับ” แบงค์ย้อนถาม

“ไม่โกรธหรอก ดีใจซะอีก ที่ทุกอย่างลงเอยสักที พี่ยังหวังอยู่เสมอนะว่าแบงค์จะลองมาคบกับพี่ได้ แต่ถ้าลงเอยทั้งสองคนยืนยันขนาดนี้ พี่ก็เป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่ตื๊อต่อแล้ว ขอโทษกับทุกอย่างที่ผ่านมาด้วยนะ” พี่กายบอก

“วันนี้เรื่องที่จะต้องไปตรวจสุขภาพ แบงค์ขอให้พี่กายช่วยพาแบงค์ไปอีกครั้งได้ไหมครับพี่” แบงค์ถามอย่างเกรงใจ “หนที่แล้วพี่เดินเรื่องให้แบงค์ แบงค์ไม่กล้าไปเอง”

“ได้สิ พี่ตั้งใจจะพาแบงค์ไปอยู่แล้ว อีกอย่างใบนัดหมออยู่ที่พี่ ยังไงพี่ก็จะพาไป” พี่กายบอก “แล้วท็อปจะไปด้วยกันหรือเปล่า”
“ไปครับพี่ ผมอยากไปด้วย ผมเห็นน้องเลือดไหลไม่หยุดมาสองสามวันแล้ว อยากรู้อาการเหมือนกันว่าจะต้องคอยดูแลน้องยังไงบ้างจะได้หายขาดสักที” พี่ท็อปพูด

พี่กายหันหน้ามาสบตากับแบงค์ เหมือนกำลังจะถามว่ายังไม่ได้เล่าอาการที่หมอวินิจฉัยเบื้องต้นให้ท็อปฟังหรือ? แบงค์สายหน้าน้อยๆประหนึ่งจะบอกเป็นนัยว่า อย่าเพิ่งพูดอะไรออกมาตอนนี้จะดีกว่า

“เดี๋ยววันนี้ก็คงรู้แหละ ผลตรวจเลือดก็จะได้รู้ผลด้วย ให้หมอเช็คสภาพร่างกายอีก ยังเจ็บจมูกอยู่ไหมล่ะ หืม?” พี่กายถาม

“ไม่ค่อยเจ็บแล้วแหละครับพี่ จริงๆ พี่คาร์พเขาไม่ได้ต่อยโดนจมูกตรงๆหรอก เยื้องไปตรงแก้มขวามากกว่า แต่แรงกระแทกทำให้เส้นเลือดฝอยมันแตกก็น่าจะช้ำตรงช่วงข้างๆจมูก” แบงค์บอกชี้ให้พี่ท็อปและพี่กายดู

“ขอโทษนะแบงค์ พี่ไม่น่าปล่อยให้คาร์พมันทำได้ขนาดนี้เลย” ท็อปบอกด้วยความรู้สึกผิด

“อย่าคิดมากเลยพี่ท็อป เรื่องมันผ่านไปแล้วแหละ เจ็บหนเดียว บทเรียนราคาแพง นี่ถ้าแม่รู้เข้ามีหวังโดนดุเละเลย” แบงค์บอก

“งั้นเดี๋ยวพี่รอ แบงค์ก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ท็อปด้วย อีก 30 นาที เราจะได้ไปกัน พี่จะขับไปส่งให้” พี่กายบอก แบงค์จึงรีบวิ่งขึ้นไปบนห้อง ส่วนท็อปยืนยันว่าจะไปทั้งๆชุดนี้เลย เพราะเขาไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาจึงกะสวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นของแบงค์ไป

“ท็อป พี่ขอถามหน่อย” พี่กายถามท็อปขึ้นมา ทั้งสองยืนอยู่ที่หน้าบ้านเพื่อรอแบงค์แต่งตัวให้เสร็จ “มึงรักแบงค์จริงเหรอ? หรือว่าแค่แหย่ให้สนุกไปวันๆวะ?”

“อะไรทำให้พี่คิดกับผมลบขนาดนั้น” พี่ท็อปถามกลับ สีหน้าสงสัย

“ใครๆก็รู้จักคาสโนว่าตัวพ่ออย่างมึง มึงคบแต่ผู้หญิงมาตลอดตั้งแต่พี่เคยได้ยินเรื่องมึงมา แล้วจู่ๆมึงก็มาคบกับแบงค์ พี่เลยสงสัยว่ะ ว่ามึงรักน้องจริงๆหรือว่าแค่เห็นน้องเป็นของเล่นชิ้นใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสกันแน่”

“ผมรักแบงค์จริงๆครับ พี่ ที่ผ่านมาผมทำไม่ดีกับน้องไว้เยอะ จนมาถึงจุดที่รู้ว่า ต่อให้ผมแย่แค่ไหน แบงค์ยังคงมีเหตุผลกับผมมากกว่าอารมณ์ มีแต่ตัวผมเองที่เอาแต่ใจ ผมไม่เคยเจอใครอย่างแบงค์และผมสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าผมจะไม่ปล่อยน้องไปไหนอีกแล้ว” ท็อปบอก

พี่กายถอนหายใจแรงๆแล้วหันหน้ามามองท็อป “พี่จะบอกมึงเอาไว้เลยนะ ว่า แบงค์น่ะรักมึงมาก คืนวันที่มึงมายืนเกาะรั้วขอเข้าบ้าน น้องมันร้องไห้ทั้งคืนจนพี่ไม่รู้จะปลอบยังไงแล้ว แผลก็ยังไม่หาย ทั้งเลือดทั้งน้ำมูก ทั้งน้ำตาเละไปหมด พี่ได้แต่ยืนมองแล้วก็รู้ชัดเจนว่ายังไงแบงค์ก็ไม่มีวันเลือกพี่ เขารักมึงไปหมดหัวใจแล้วจริงๆ”

ท็อปน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้ยินเรื่องเล่าของพี่กาย จึงเอาแขนเสื้อเช็ดน้ำตาที่ใกล้ๆจะรินออกมา แล้วสูดน้ำมูก “ขอโทษนะครับพี่ที่ทำให้ลำบากกันหมด ผมผิดเอง”

พี่กายมองท็อป ตบบ่ารุ่นน้องเบา ๆ “พี่ก็ขอบใจมึงเหมือนกัน มึงเปิดโอกาสให้พี่ได้รู้จักแบงค์ว่านิสัยใจคอของน้องเป็นยังไง แล้วพี่ก็รู้ได้เลยว่า ความรักที่ไม่ต้องการอะไรตอบแทนนอกจากแค่ได้รักมันเป็นแบบนี้นี่เอง แบงค์เขาไม่เคยชอบพี่ แต่ก็ไม่เคยตัดน้ำใจพี่เลย แถมยังยอมทำตามเกมส์ที่มึงอยากให้ทำ ทั้งๆที่ตัวเองรู้อยู่แก่ใจว่าอยากอยู่กับมึงมากกว่า”

“ครับ นี่แหละครับ แบงค์ล่ะ” ท็อปบอกยิ้มๆเมื่อนึกถึงหน้าแบงค์ขึ้นมา

“อย่าเผลอนะมึง ไม่งั้นพี่จะขอสอยคืนกลับมาให้ได้เลยคอยดู” พี่กายพูดขู่ ๆ ในขณะที่แบงค์ก็เดินออกมาที่หน้าบ้านพอดี

“เสร็จแล้วครับ ไปกันเถอะ” แบงค์บอก แล้วเอากุญแจบ้านมาไขปิด

จบบที่ 26 นะครับ

ตามสัญญาบอกว่าจะมาให้ สองตอนรวด ...
วันจันทร์ที่ 6 ผมไม่อยู่นะครับ ไปเชียงใหม่ ^^ จะมาอัพอีกทีก็วันศุกร์ที่ 10 เลยครับ
ก็ถือโอกาสให้เพื่อนๆได้อ่านสองตอนรวดไปเลยครับ

หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 25-26 อัพ 03/04)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-04-2015 22:19:37
ดีกันแว้ววววว. ว่าแต่แบงค์เป็นโรคอะไรอะ ร้ายแรงมากไหมอะ.  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 25-26 อัพ 03/04)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 03-04-2015 23:10:37
ตอนจบคงไม่มาม่าใช่ไหมอ่ะ ตะหงิดๆๆ ตรงแบงค์เลือดไหลไม่หยุดเนี่ยแหละ :ling1: :ling1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 25-26 อัพ 03/04)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 03-04-2015 23:36:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 25-26 อัพ 03/04)
เริ่มหัวข้อโดย: Armmiumiu ที่ 04-04-2015 10:35:07
ชอบมากกกกกกกกกกกก
ปกตินี่อ่านแต่เรื่องที่คนอ่านเยอะ แต่เรื่องนี้ทำให้รู้ว่ายังมีเรื่องดีๆซ่อนอยู่จริงๆ
เรื่องดูดำเนินไปแบบมี plot และ conflictทำให้เรื่องดูมีปมและแก้ไปเรื่องแทนที่จะเล่าแบบลอยไม่มีจุดหมายเพียงแค่เสนอความมุ้งมิ้งระหว่างตัวละคร ชื่นชมคนแต่งจริงค่ะ เป็นกำบังให้นะคะ เดี๋นวต้องมีคนเข้ามาอ่านเยอะขึ้นเรื่อยๆแน่ๆ :))
แต่ !!! ดูแววตอนจบต้องเศร้าแน่ๆเลย ไม่อยากให้เศร้าเลยยยย มันชอกช้ำอ่าาาอยากให้สมหวังจัง
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 25-26 อัพ 03/04)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 05-04-2015 08:22:44
ชอบมากกกกกกกกกกกก
ปกตินี่อ่านแต่เรื่องที่คนอ่านเยอะ แต่เรื่องนี้ทำให้รู้ว่ายังมีเรื่องดีๆซ่อนอยู่จริงๆ
เรื่องดูดำเนินไปแบบมี plot และ conflictทำให้เรื่องดูมีปมและแก้ไปเรื่องแทนที่จะเล่าแบบลอยไม่มีจุดหมายเพียงแค่เสนอความมุ้งมิ้งระหว่างตัวละคร ชื่นชมคนแต่งจริงค่ะ เป็นกำบังให้นะคะ เดี๋นวต้องมีคนเข้ามาอ่านเยอะขึ้นเรื่อยๆแน่ๆ :))
แต่ !!! ดูแววตอนจบต้องเศร้าแน่ๆเลย ไม่อยากให้เศร้าเลยยยย มันชอกช้ำอ่าาาอยากให้สมหวังจัง

ขอบคุณมากๆครับ อ่านเผินๆแบบเหมือนไปจ้างหน้าม้ามาเม้นให้เลยอะ 555+ ขอบคุณจริงๆครับ คอมเมนต์ของท่านทำเอาผมยิ้มอ่านซ้ำไปซ้ำมาเป็นสามร้อยรอบละ 55+ ยังไงก็ช่วยเอาใจช่วยท็อปกับแบงค์ และทุกๆคนในเรื่องด้วยนะครับ แต่ละคนถ้าสังเกตจะมีสตอรี่ของตัวเอง บทบาทแต่ละคนจะไม่หายไปไหน เราจะเห็นมุมมองและแนวคิดของตัวละครทุกตัวอย่างชัดเจน ว่าทำไปแต่ละอย่างไปเพื่ออะไร หลายคนอาจจะอยากเกลียดคาร์พในสิ่งที่เขาทำไป แต่ผมคิดว่าทุกคนคงเข้าใจว่าทำไม ถ้าลองเอาตัวเองเป็นคาร์พ หรือถ้าลองคิดว่าตัวเองเป็นท็อปหรือแบงค์ก็จะพอเข้าใจว่าอะไรทำให้เขาตัดสินใจอะไรไป เหลืออีกราวๆ 9 ตอนก็จะจบแบ้ววว อย่าเพิ่งเดาตอนจบนะครับ ให้อ่านไปเรื่อยๆครับ 555  :z13:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 25-26 อัพ 03/04)
เริ่มหัวข้อโดย: Armmiumiu ที่ 05-04-2015 15:27:48
มาต่อจากคอมเม้นที่แล้วลืมเพิ่มเติมว่า ชอบคนแต่งจริงๆ เหมือนคนอ่านวรรณกรรม มาเยอะๆๆ อ่าา แบบมีการเขียนโดย ใช้ third person point of view ซึ่งมันจะเขียนยากมากเพราะเรื่อง มันจะผูกๆกันไปหมด และ อาจทำให้หมดอรรถรสได้เพราะคนอ่านจะรู้หมดเลยว่าตัวละครคิดอะไร แต่ละอย่างเกิดขึ้นได้ยังไงไม่ได้ทิ้ง ปริศนาอะไรไว้การจะแต่งให้สนุกนี่ทำยาก แต่คนแต่งแต่งเริ่ดดเกินเหตุ ใช้ส่วนนี้ให้เป้นประโยชน์โดยการเลือกส่งอารมณืืตัวละครด้วย นอกเหนือจากกแค่การเล่าาาาา โอ๊ยยยยยยยยยย ชอบไม่รู้จะชอยยังไง
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 25-26 อัพ 03/04)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 06-04-2015 07:33:54
มาต่อจากคอมเม้นที่แล้วลืมเพิ่มเติมว่า ชอบคนแต่งจริงๆ เหมือนคนอ่านวรรณกรรม มาเยอะๆๆ อ่าา แบบมีการเขียนโดย ใช้ third person point of view ซึ่งมันจะเขียนยากมากเพราะเรื่อง มันจะผูกๆกันไปหมด และ อาจทำให้หมดอรรถรสได้เพราะคนอ่านจะรู้หมดเลยว่าตัวละครคิดอะไร แต่ละอย่างเกิดขึ้นได้ยังไงไม่ได้ทิ้ง ปริศนาอะไรไว้การจะแต่งให้สนุกนี่ทำยาก แต่คนแต่งแต่งเริ่ดดเกินเหตุ ใช้ส่วนนี้ให้เป้นประโยชน์โดยการเลือกส่งอารมณืืตัวละครด้วย นอกเหนือจากกแค่การเล่าาาาา โอ๊ยยยยยยยยยย ชอบไม่รู้จะชอยยังไง
ไย้เขินหมดแล้ว ชมกันซึ่งหน้าเลย เหมือนว่าจะสมัครมาเพื่อตอบกระทู้เลยนะครับเนี่ย ... เรื่อง third person point of view ยังมีอีกหลายทีเด็ดนะครับ รออ่านต่อไปนะครับ  จะว่าไปความรักคสามสัมพันธ์ในเรื่องนี้มันเป๋นแบบ ครู-ศิษย์/เพื่อนรักเพื่อน/รุ่นน้องรัก-รุ่นพี่/รุ่นพี่ชอบรุ่นน้อง/พ่อ-แม่รักลูก - - ผมชอบความหลากหลายที่เป็นเอกภาพและสามารถจำแนกแจงออกมาเพราะว่าผมคิดว่าทุกตัวละครมีสตอรี่ของตัวเอง แล้วต่างคนก็ต่างอยากเล่าเรื่องของตัวเองเหมือนกัน เลยต้องพยายามนำ point of view ที่ต่างกันมาผนวกให้เนื้อเรื่องตามๆกันไปด้วยกันให้เกิดเอกภาพทางเนื้อเรืองครับ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 25-26 อัพ 03/04)
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 06-04-2015 12:25:09
 :pig4: รออ่านตอนต่อไปนะ แต่ยังแอบหมั่นไส้ไอ้พี่ท๊อปเบาๆ เรื่องห้องพยาบาลกับหวาน
มันติดเป็นภาพแย่ๆ ของไอ้พี่ท๊อปไปโดยปริยายเลย สำหรับคนอ่าน
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 27 อัพ 10/04)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 10-04-2015 23:42:56
บทที่ 27
วันแห่งคำพิพากษา


เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเดิมที่กายพาแบงค์มาเมื่อหลายวันก่อน แบงค์จึงถูกนำไปซักประวัติและตรวจร่างกายทั้งหมดอีกครั้ง โดยที่รุ่นพี่ทั้งสองคนได้แต่เดินตามอยู่นอกห้องตรวจ

“เดี๋ยวเชิญ คุณเจนภพ ไปลงชื่อรับผลตรวจเลือดแล้วมานั่งรอหน้าห้องวินิจฉัยนะคะ คุณหมออรรถพลที่ตรวจเมื่อวันพุธจะเข้ามาดูอาการเพิ่มเติมให้ค่ะ เดี๋ยวพี่จะเอาผลตรวจเลือดไปให้คุณหมอดูเสร็จแล้วจะได้เรียกให้เข้ามาคุยเลย” พี่พยาบาลสาวคนเดิมเข้ามาหาเมื่อเห็นหน้าแบงค์และพี่กาย

“ครับ” แบงค์ตอบ “เดี๋ยวพี่กายกับพี่ท็อปรอแบงค์ตรงนี้นะ อย่าทะเลาะกันล่ะ” เขาแซว

“จะนั่งรออย่างดีเลยคร้าบ” ท็อปบอกลากเสียง “อย่าให้รอนานนะ”

แบงค์ยิ้มให้ทั้งคู่จากนั้นจึงเดินตามพี่พยาบาลไปในใจยังรู้สึกหวาดหวั่นกับสิ่งที่ตนเองต้องเผชิญต่อจากนี้ ส่วนพี่กายก็มองตามแบงค์ไปด้วยสีหน้าเป็นห่วงเรื่องคำวินิจฉัยของหมอกับการตรวจเลือดครั้งนี้จะเป็นอย่างไร

“เดี๋ยวน้องเจนภพเซ็นชื่อตรงนี้นะคะ แล้วนั่งรอตรงนี้สักแป๊บนึง ห้องคุณหมออยู่ใกล้ๆ พี่จะได้พาไปเลย” พยาบาลสาวบอก แล้วชี้ตำแหน่งที่ต้องลงชื่อให้แบงค์เขียนชื่อรับทราบการรับผลเลือด แบงค์ก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้ตนเองเป็นอะไรมากมาย เขาไม่ชอบบรรยากาศในโรงพยาบาลนัก การที่จะต้องมาโรงพยาบาลบ่อยๆจึงไม่ใช่เรื่องนี่น่าอภิรมย์เลยสำหรับเขา

เสียงโทรศัพท์ดังเตือนข้อความเข้า ดัง “ตริ๊ง” แบงค์จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดู

GUY : แบงค์ยังไม่ได้บอกท็อปเหรอว่าครั้งที่แล้วหมอบอกว่าแบงค์เสี่ยงมีอาการของโรคชื่อยาวๆนั่นน่ะ

Bank : ยังเลยครับ ... แบงค์ไม่กล้าบอก

GUY : แล้วนี่รอผลอยู่ใช่ไหม ?

Bank : ครับ

“น้องเจนภพ เชิญพบคุณหมอค่ะ” ไม่ทันขาดคำ พี่พยาบาลก็เรียกแบงค์ เขาจึงเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเดินตามเข้าไปในห้องเพื่อพบคุณหมอคนเดิมที่เคยเจอหน้ากันมาก่อน แบงค์นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆคุณหมอ พร้อมด้วยพี่พยาบาลยืนอยู่ข้างๆกัน คุณหมอพลิกผลการตรวจสองสามหน้า แล้วหยิบเอาระเบียนเอกสารการตรวจจากครั้งที่แล้วมาเปิดดูแล้วจดข้อมูลบางอย่างลงไป ก่อนที่จะเหล่ตามองแบงค์ที่นั่งมองดูหมออย่างเงียบๆ

“เลือดยังไม่หยุดไหลใช่ไหม?” หมอถามขึ้นมา

“ครับหมอ ยังไม่หยุดไหลครับ” แบงค์ตอบ

“ตรงจุดที่เจ็บครั้งที่แล้วไม่เกี่ยวข้องกับจมูกเนอะ แค่ช่วงจมูกถูกกระทบกระเทือนเฉยๆ ไหนขอหมอดูข้างในหน่อยสิ” หมอบอกแล้วหยิบไฟฉายเล็กๆพร้อมส่องเข้าไปในโพรงจมูก แล้วให้แบงค์เงยหน้าขึ้น

“เลือดยังไม่แห้งดีเลยนะ แสดงว่าตั้งแต่เช้ามานี่ก็ยังไหลอยู่เลยใช่ไหม?” หมอถามย้ำอีก

“ก็ยังไหลอยู่ครับ บางทีมันก็หาย บางทีมันก็ไหล” แบงค์บอก “แต่เท่าๆที่ผ่านมาผมก็ไม่ค่อยมีอาการที่เลือดกำเดาไหลไม่หยุดแบบนี้เท่าไรนะครับหมอ”

“อืม...เพราะแรงกระแทกน่าจะแรงด้วยล่ะ หนนี้ เห็นว่าไปต่อยกับเพื่อนมาใช่ไหมล่ะ?” หมอแซว ยิ้มขำๆ

แบงค์ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆตอบกลับไปอย่างเกรงใจ ไม่อยากให้หมอคิดว่าเขาเป็นเด็กเกเรที่ชอบต่อยตีกับคนอื่นไปทั่ว

“หมอดูประวัติจากที่เคยถามหนูมาหนนึง ว่าเมื่อก่อนเคยโดนรถเฉี่ยวจนหัวแตกแล้วนอนโรงพยาบาลเพราะเลือดไหลไม่หยุดมาก่อน หนูเคยเขียวแล้วหายช้าบ้างไหม?” หมอถามอีก

แบงค์นั่งนึกๆเขาไม่ค่อยเล่นกีฬาแรงๆหรือว่าถูกกระแทกจากอะไรเท่าไรนัก แต่เมื่อมีรอยเขียวช้ำเท่าที่เขาจำความได้แต่เด็กก็หายช้าพอสมควร “ก็หายช้าครับ แต่ส่วนนึงเพราะผมชอบไปกดแผลเขียวๆเล่นด้วยแหละครับ มันเจ็บๆดี”

“ทีหลังอย่าทำนะ” หมอพูดเตือน “หายไวๆยิ่งดีเลย แล้ววันนี้มีผู้ปกครองมาไหม? พ่อแม่พี่น้อง วันก่อนรู้สึกจะเป็นเพื่อนรุ่นพี่ใช่ไหมที่พามา ไม่ใช่ญาติ”

“ครับ แม่ผมไปสัมมนา พรุ่งนี้ถึงจะกลับครับ” แบงค์ให้ข้อมูลหมอเพิ่ม

“จริงๆหมออยากให้แม่ของหนูมานั่งฟังคำวินิจฉัยด้วยกันจะได้รู้ว่าต่อไปต้องปฏิบัติตัวยังไง อีกอย่างจะได้ซักถามประวัติทางครอบครัวหนูด้วยว่าเป็นยังไงบ้าง เพื่อฟันธงได้ 100 % ถึงยังไงตอนนี้หมอก็แน่ใจไป 99% แล้วล่ะ จากผลการตรวจเลือด” หมอบอกสีหน้าเคร่งเครียด

แบงค์เริ่มรู้สึกใจไม่ดีกับสิ่งที่หมอพยายามจะบอก “หมอหมายถึงยังไงครับ? อาการผมไม่ดีเหรอครับ?”

“ผลการตรวจเลือดพบว่าการแข็งตัวของเลือดหนูผิดปกติ แฟคเตอร์หมายเลข 8 ในเลือดของหนูน้อยเกินไป ทำให้หนูมีผลการวินิจฉัยว่าเป็นโรคฮีโมฟีเลีย ชนิด เอ อย่างที่หมอคาดไว้แต่แรกจริงๆ เพราะตั้งแต่หนก่อนพอยิ่งซักประวัติเท่าไรๆก็ดูเหมือนว่ามีแนวโน้มจะเป็นโรคเลือดแข็งตัวช้า แต่หมอยังหวังว่าว่าหนุ่มอาจจะกินวิตามินมาเยอะหรือลิ่มเลือดแข็งตัวช้าเฉยๆ แต่พอถามเรื่องในวัยเด็ก ประวัติการรักษาจากโรงพยาบาลที่หนูเกิดที่เชียงใหม่ กับเอาผลเลือดไปตรวจมันเลยยิ่งทำให้ชัดเจนเลยว่าหนูป่วยเป็นโรคนี้จริงๆ มีบันทึกจากตอนที่หนูเข้าโรงพยาบาลตอนนั้นว่า เด็กชายเจนภพ มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นโรคเลือดแข็งตัวช้า แต่เนื่องจากยังวินิจฉัยได้ไม่ชัดเจน ต้องส่งเลือดไปเข้าห้องปฏิบัติการเพื่อทำการตรวจให้แน่ชัด แต่เหมือนว่าจะยังไม่ทันได้ตรวจ หนูก็หายเสียก่อนการตรวจละเอียดเลยพับไป ต้องลองถามแม่หนูว่ามีญาติๆผู้ชายที่เคยเป็นโรคนี้ไหมถ้าเป็นก็มีโอกาสที่หนูจะได้รับพันธุกรรมมา” หมอบอก

“ตาผมเสียเพราะเส้นเลือดในสมองแตก” แบงค์บอก “แต่ผมไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวกับฮีโมฟีเลีย” เขารู้สึกเหมือนจะเป็นลม

“มีแนวโน้มเป็นไปได้นะ ต้องคุยเรื่องนี้กับแม่ของหนูแล้วล่ะ ถ้าเป็นไปได้ หมออยากนัดหนูมาคุยกับหมออาทิตย์หน้า แล้วก็พาแม่มาด้วย เพราะตอนนี้อาการของฮีโมฟีเลียค่อนข้างชัด ต้องระมัดระวังอย่าให้ไปโดนกระแทกอะไรอีก ดีที่ยังไม่เคยมีอาการแบบเลือดออกตามข้อหรือกล้ามเนื้อเยอะ แสดงว่ายังเป็นในระดับน้อยอยู่ แต่ก็ต้องเฝ้าระวังเพราะบางทีมันอาจจะแค่ยังไม่แสดงอาการ หนูยังเด็กอยู่ด้วย ยีนมันอาจจะพัฒนาตัวเองได้อีกจนกระทั่งเห็นชัดเจนนั่นแหละว่าอาการของหนูจะรุนแรงแค่ไหน” หมอบอก

แบงค์จุกอยู่ในคอพูดอะไรไม่ออก “ผม....จะตายไหมครับหมอ”

“อย่าเพิ่งคิดมากพ่อหนุ่ม โรคนี้ถึงมันจะไม่หายขาดเพราะเป็นโรคทางพันธุกรรม แต่ก็ไม่ทำให้ถึงกับตายหรอกถ้าเทียบกับมะเร็งแล้วโรคนี้ยังรักษาง่ายกว่าเยอะ” หมอบอกพยายามพูดให้แบงค์หายกังวล “ขอแค่อย่าไปทำอะไรให้เลือดออกแบบเดิมอีก เพราะถ้าเลือดออกจนหยุดไหลไม่ทัน หนูอาจจะตายเพราะเสียเลือดมากถ้าได้รับการรักษาไม่ทัน อีกอย่างถ้าต่อไปอาการของฮีโมฟีเลียชัดเจนขึ้นว่าความรุนแรงของหนูอยู่ในระดับรุนแรงมาก หมอจะได้รักษาอย่างใกล้ชิด ยิ่งถ้ารู้ว่าคุณตาเสียเพราะมีอาการฮีโมฟีเลียล่ะก็หนูก็อาจจะมีโอกาสเป็นแบบเดียวกัน”

แบงค์ได้แต่นิ่งเงียบ หมอตบบ่าแบงค์เบาๆ เพื่อพยายามเรียกขวัญกำลังใจ “อย่าเพิ่งคิดมาก มีคนเป็นโรคนี้อยู่เยอะเหมือนกันนะ แถวภาคเหนือ หมอเคยอ่านรายงานว่า บางหมู่บ้านเนี่ย ใน 100 คนเป็นกันถึง 15 คนก็มีนะ เพราะว่าชาวเขาเอยอะไรเอยแต่งงานกันอยู่ในเผ่า เลยทำให้โรคนี้ไม่หมดไป ลูกๆหลานๆก็เป็นกันหมด แต่ก็รักษากันตามอาการ แค่ตอนนี้พยายามอย่าโดนอะไรกระแทก หรือมีแผลก็พอ”

แบงค์ได้แต่นั่งนิ่งอึ้ง แล้วจู่ๆเลือดก็หยดลงมาจากจมูกอีกโดยที่เขาไม่รุ้ตัว “หมอครับ เลือดมันไหลอีกแล้ว”

“ช่วงนี้เป็นหวัดด้วยหรือเปล่าเนี่ย? ใช้จมูกสุดน้ำมูกเยอะ เส้นเลือดมันเลยไม่หายแตกสักที ต้องระวังนะต่อจากนี้” หมอบอก ส่วนพี่พยาบาลก็รีบเอาสำลีมาซับเลือดที่กำลังไหลออกมา แบงค์พาลนึกถึงสองสามวันที่เขาร้องไห้หนักๆ คงเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เลือดไม่ยอมหยุดไหลง่ายๆหลังจากที่ได้รับการกระทบกระเทือนไป

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเรื่องการดูแลกับปฐมพยาบาลเบื้องต้น คราวหน้าหมอจะนัดให้หนูมาพร้อมกับคุณแม่นะ จะได้ฟังพร้อมกันทีเดียว เพราะหมออยากจะดูอาการหนูเป็นระยะๆ ว่ามีเลือดออกตามกล้ามเนื้อหรือข้ออะไรไหม? เพราะถ้าเริ่มมีต่อจากนี้อาจจะต้องสอนเรื่องของการฉีดพวกแฟคเตอร์เข้าในร่างกายเองเพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้นจะได้ไม่ต้องมาหาหมอบ่อยๆ แล้วก็รักษาเองได้เลยที่บ้านด้วย"

แบงค์ได้แต่พยักหน้า หมอจึงอนุญาตให้แบงค์กลับบ้านได้ โดยมีพี่พยาบาลเดินออกมาส่ง เขารู้สึกเหมือนขาทั้งขาของเขาหนักอึ้งก้าวไม่ออก อาการปวดหัวแปลบๆที่เกิดขึ้นแต่เช้าก็กลับมาให้เขาได้รู้สึก ในระหว่างที่กำลังเดินกลับไปหารุ่นพี่ทั้งสองคนที่นั่งรออยู่แบงค์หยิบโทรศัพท์มากดส่งข้อความหาพี่กาย

Bank : พี่กาย  หมอสรุปผลตรวจเลือดแล้วนะครับ

GUY : ว่าไงมั่ง

Bank : แบงค์เป็นฮีโมฟีเลียจริงๆ หมอบอกว่าดีที่รู้ทันก่อนที่จะเป็นหนักกว่านี้

GUY : เฮ้ย อย่ามาล้อพี่เล่นนะ

Bank : T^T

GUY : คงต้องบอกแม่แล้วล่ะนะ ต่อจากนี้

Bank :พี่อย่าเพิ่งบอกพี่ท็อปนะ แบงค์กลัวเขาเป็นห่วง
          รายนี้ถ้ารู้เข้าล่ะก็มีหวังไม่เป็นอันเรียนแน่เลย เกาะแจตลอดเวลาแน่ๆ

GUY : จะปิดไว้ตลอดไปไม่ได้หรอกนะแบงค์ นี่เรื่องใหญ่นะ

Bank : ไว้แบงค์จะบอกเขาเองครับ หมอบอกว่ามันยังไม่ได้อันตรายอะไรแค่อย่าให้มีแผลเท่านั้น
           ไม่ร้ายแรงเท่ามะเร็งแค่ไม่หายขาดเฉยๆ

GUY : ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย....รีบมานะ พี่ๆรอกันอยู่


แบงค์เดินออกมาจากมุมตึกเห็นพี่กายและพี่ท็อปนั่งรออยู่ พี่ท็อปยิ้มร่าทันทีที่เห็นแบงค์ เขารีบลุกขึ้นมาหา ส่วนพี่กายยังคงยืนรออยู่ที่เก้าอี้ มองแบงค์ด้วยสายตาเป็นห่วง แบงค์นั้นจ้องมองพี่กายกลับไปขบกรามแน่น สายตาที่เขาพยายามจะสื่อนั้นกำลังจะบอกเป็นนัยว่า “ได้โปรด ทำตัวตามปกติด้วยนะครับพี่กาย”

“ผลเป็นยังไงมั่ง ไอ้หมาน้อยของพี่จะหายแล้วใช่ไหม?” ท็อปถาม จับหน้าน้องเบาๆ

แบงค์ยิ้มตอบ พยักหน้า ในมือรีบกำกระดาษผลตรวจเลือดที่หมอให้มาด้วยแล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงไว้ไม่ให้พี่ท็อปเห็น “ไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะครับพี่ท็อป พี่ท็อปไม่ต้องเป็นห่วงแบงค์แล้วล่ะนะ”

“เป็นห่วงดิ เรายังไม่หายดีนี่นา มีสำลียัดออกมาอีกแล้ว นี่ยังไม่หายอีกเหรอ?” พี่ท็อปจับคางของแบงค์เชิดขึ้นเพื่อมองดู

“ก็แบงค์เป็นหวัดติดมาจากพี่ท็อปเนี่ยแหละก็เลยทำให้มันหายช้า” แบงค์บอกปัดๆ “แต่เดี๋ยวก็หายแล้วแหละ ขอบคุณนะครับพี่กายที่มาส่ง”พี่กายพยักหน้าตอบ เขาหายใจเข้าลึกๆ เพราะรู้ว่าน้องกำลังเผชิญกับความรู้สึกกดดันและทรมานข้างใน เพียงแค่ว่าในเวลานี้เขายังแสดงออกมาไม่ได้ต่อหน้าท็อปเท่านั้นเอง พี่กายก็ไม่ได้คิดว่าทุกอย่างมันจะมาลงเอยแบบนี้ ถ้ามองในแง่ดีก็ทำให้แบงค์รู้ว่าร่างกายของตนเองมีอาการผิดปกติอย่างไร แต่ถ้ามองในอีกแง่ ต่อจากนี้แบงค์จะใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างไร ถ้าเขาไม่ยอมบอกท็อปแล้วปิดไปเฉยๆแบบนี้

“หิวน้ำไหม? เดี๋ยวพี่วิ่งไปซื้อน้ำมาให้” ท็อปอาสา เขามองไปที่ตู้กดน้ำอัตโนมัติที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก

“เอาสิ พี่กายจะเอาอะไรไหม?” แบงค์หันหน้ามาถาม ตีสีหน้าระรื่น

พี่กายส่ายหน้า “ท็อปไปซื้อมาให้น้องกับตัวเองเถอะ พี่ไม่หิวเท่าไรหรอก”

“เดี๋ยวดูเศษในกระเป๋าสตางค์ก่อนว่ามีพอไหม?” ท็อปพูดแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาเปิดดู

“ตู้นั้นมันรับแบงค์ร้อยได้ด้วย พี่ท็อป เทคโนโลยีเขาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว” แบงค์บอก เอามือชกบ่าพี่ท็อปเบา ๆ

“งั้นก็เจ๋งเลย เดี๋ยวพี่มานะ หรือว่าจะเดินไปด้วยกัน?” ท็อปถาม

“แบงค์เหนื่อย ขอนั่งรอตรงนี้ก็แล้วกันนะ” แบงค์บอกแล้วค่อยๆหย่อนกายลงที่เก้าอี้ใกล้ๆ จากนั้นท็อปจึงเดินไป

พี่กายจับบ่าแบงค์ที่กำลังนั่งตัวสั่นอยู่ เขาค่อยๆย่อตัวลงบีบบ่ารุ่นน้องแน่น “จะดีแน่เหรอแบงค์ถ้าไม่บอกท็อป”

“แบงค์กลัว พี่กาย แบงค์กลัวว่าแบงค์จะต้องตาย” แบงค์บอก ตาค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะเขาพยายามกลั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ตลอดที่อยู่ต่อหน้าท็อป

“ทำไมแบงค์คิดอย่างนั้นล่ะ....หมอบอกว่าโรคนี้รักษาไม่หายแต่ก็ไม่ถึงกับตายเหมือนมะเร็งนี่” พี่กายถาม

“ตาแบงค์อาจจะเป็นฮีโมฟีเลียเหมือนกัน เขาเส้นเลือดในสมองแตก ตั้งแต่แบงค์เด็กๆแล้ว แบงค์ไม่ค่อยได้ถามเรื่องของตากับแม่เท่าไร แต่เท่าที่หมอซักประวัติดู ถ้าระดับความรุนแรงแบบนั้น แบงค์ก็อาจจะมีโอกาสเหมือนกัน” น้ำตาไหลหยดลงมา

พี่กายลูบหัวแบงค์ ในใจอยากจจะกอดให้กำลังใจแต่ก็เกรงใจว่าท็อปอาจจะเดินกลับมาเห็นแล้วไม่พอใจเอาอีก “พี่กายจะอยู่ข้างๆแบงค์เอง ต่อจากนี้ถ้าแบงค์มีปัญหาก็คุยกับพี่ได้นะเรื่องนี้ ถ้าแบงค์ยังไม่อยากบอกท็อป”

“ถ้าพี่ท็อปรู้เข้า พี่ท็อปจะต้องเครียดแน่ๆ แบงค์ไม่อยากให้พี่เขาคิดมากเรื่องแบงค์ แบงค์อยากให้พี่ท็อปมีความสุขทุกวันเหมือนอย่างที่เคยเป็น ถ้าเขารู้เรื่องนี้ไป แบงค์กลัวว่าพี่เขาจะเป็นห่วงจนไม่เป็นอันทำอะไร” แบงค์อธิบาย

“พี่กลัวว่าถ้าวันนึงมันรู้ว่าพวกเราปิดมันเอาไว้ มันจะยิ่งโกรธไปใหญ่น่ะสิ โดยเฉพาะพี่ที่รู้เรื่องนี้มาตลอด พี่ไม่อยากหมางใจกับมันอีกแล้ว” พี่กายบอก

แบงค์ไม่ได้ตอบอะไรได้แต่นิ่งเงียบ “สักวันแบงค์จะบอกพี่เขาเองครับ ตอนนี้หมอแค่บอกว่าอย่าให้แบงค์เป็นแผลอีก แต่ถ้าเกิดอการมันชัดเจนมากกว่านี้ ก็ค่อยมาว่ากันอีกที”

พี่กายได้แต่ถอนหายใจ กับสิ่งที่แบงค์ตัดสินใจ

“บางทีความสุขก็มาไวไปไวเหลือเกิน” พี่กายเอ่ยขึ้นมาเช็ดน้ำตาน้อง “แบงค์ก็อย่าฝืนนะ เวลาคนเรามันสั้น อย่าให้อะไรมาพรากความสุขไปจากชีวิตของเรา ต่อจากนี้ พี่จะอยู่ห่างๆเพื่อช่วยเหลือน้องเอง แค่ได้เห็นแบงค์มีความสุขกับคนที่น้องรักพี่ก็เป็นสุขเหมือนกัน”

“พี่กาย” แบงค์เรียก หันหน้าไปมองพี่กาย น้ำตาไหลออกมาอีกอย่างกลั้นไม่อยู่ พอดีกับที่พี่ท็อปเดินกลับมาพร้อมขวดชาเขียวเย็นๆสองขวดพอดี แบงค์จึงรีบเช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อแล้วตีหน้าสดใสกลับไปหาท็อป

“ได้มาแล้ว ชาเขียวเย็นๆที่แบงค์ชอบ” พี่ท็อปบอกอย่างร่าเริง แล้วยื่นมาให้ “พี่กายไม่เอาแน่นะครับ?”

พี่กายยิ้มตอบ ส่ายหน้า “กลับกันเลยไหม? พี่ว่าแบงค์กลับไปนอนพักดีกว่า จะได้แข็งแรงไวๆ”

แบงค์พยักหน้ารับ ท็อปเปิดขวดแล้วกระดกดื่มอย่างรวดเร็วไปครึ่งขวด หันหน้ามามองแบงค์อย่างเอ็นดู
ระหว่างทางกลับบ้านแบงค์กับท็อปนั่งอยู่ตรงเบาะหลังของรถ โดยที่แบงค์เอนตัวพิงไหล่ของพี่ท็อป มองเหม่อไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย ส่วนพี่กายก็ทำหน้าที่เป็นสารถีพาน้องๆทั้งสองคนกลับไปส่งที่บ้าน

“แบงค์....พี่อยากรู้ว่าใครส่งข้อความมาหาวันนั้น” ท็อปถามขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้

“ไม่รู้เหมือนกัน เบอร์แปลกๆ แบงค์คิดว่าพี่ท็อปยืมโทรศัพท์ใครมาละมั้ง” แบงค์ตอบกลับไป

“ขอดูเบอร์ได้ไหม?” ท็อปถาม แบงค์จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดให้รุ่นพี่ดู

“เบอร์นี้ไม่รู้จักเลยแฮะ เบอร์ใครวะ?” ท็อปงงกับตัวเลข แล้วก็ลองกดโทรศัพท์ออกดูเพื่อเช็คว่าเจ้าของเบอร์คือใคร แต่ก็ได้ยินเสียงอัตโนมัติตอบกลับมาว่า “หมายเลขที่ท่านเรียก ยังไม่เปิดใช้บริการ” “อ้าว ยังไม่เปิดใช้บริการด้วย มันไม่ชอบมาพากลซะแล้วสิ”

“จะให้พี่ลองถามยัยหวานดูไหมล่ะ ว่ารู้เห็นเป็นใจอะไรกับเรื่องนี้ไหม พี่ไม่เห็นยัยนั่นออกมาจากบ้านหลายวันละนะ เก็บตัวเงียบเลย” พี่กายบอก เหลือบตามองน้องๆจากกระจกส่องหลัง

“ไม่ว่าเขาจะวางแผนมา หรืออะไรก็ตาม ผมไม่อยากโทษเขาหรอกครับพี่ ผมผิดเองตั้งแต่ต้นเรื่อง ไม่อยากจะไปรื้อฟื้นมันแล้ว แค่แบงค์ยอมคืนดีกับผมก็ดีเกินพอแล้วล่ะครับ” ท็อปบอก “ผมแค่สงสัยว่าพวกเขาน่าจะตั้งใจจัดฉากให้ผมกับแบงค์ทะเลาะกันหรือเปล่าก็แค่นั้น”

“ก็คาสโนว่าตัวพ่อดันไปเจ้าชู้หว่านเสน่ห์ไว้กี่คนล่ะ น่าอิจฉาจริงๆมีแต่คนรุมแย่ง” พี่กายพูดแซว

“เข็ดละครับพี่ ผมกลัวที่สุดก็คือแบงค์จะไม่รักผมอีกแล้วเท่านั้นแหละตอนนี้ ผมว่าพี่น่าจะเข้าใจผมดีที่สุดนะครับ ในฐานะ คนที่เรารักดันเป็นคนๆเดียวกัน” ท็อปแซวกลับ

พี่กายยิ้มตอบ แล้วหันหน้ามองข้างหน้าตั้งใจขับรถกลับไป ส่วนแบงค์ยังคงเหม่อมองไปนอกรถ เรื่อยเปื่อยราวกับไม่ได้มีตัวตนอยู่ในรถ จิตใจของเขาลอยละล่องออกไปไกล ความสุขที่ได้อยู่ข้างๆพี่ท็อปจะอยู่ได้อีกนานสักเท่าไรหนอ อาการปวดแปลบๆจากโพรงจมูกขึ้นไปถึงบริเวณขมับทั้งสองข้างก็เริ่มมีมาเรื่อยๆ เขาไม่อยากจะคิดระแวงแต่อาการปวดมันก็ค่อยๆชัดขึ้นมาอีก เขาได้แต่ภาวนาว่าอย่างน้อยที่สุดถ้าทุกอย่างมันแย่ลงจริงๆ ก็ขอให้เขาได้อยู่กับคนที่เขารักให้นานที่สุดก็เพียงพอแล้ว

จบตอนที่ 27

ตอนที่ 28 - 29 จะมาวันจันทร์นะครับ เนื่องจากเป็นหยุดจะแถมให้ 1 ตอนครับ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 27 อัพ 10/04)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 11-04-2015 00:01:12
แววดราม่ากะลังทะลักมาใหญ่เลย

 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 27 อัพ 10/04)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-04-2015 00:29:43
เฮ้ออออ สงสารแบงค์จัง  :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 27 อัพ 10/04)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 11-04-2015 01:03:28
เตรียมตัวแหลกมาม่าชามโตกันเลย  :hao6:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 27 อัพ 10/04)
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 11-04-2015 03:07:13
จะหักมุมไหมเนี่ย อย่าจบแบบดราม่าเลยยย
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 27 อัพ 10/04)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-04-2015 08:49:37
ไม่เอามาม่านะ เค้าอยากให้จบแบบแฮปปี้อ่ะ :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 25-26 อัพ 03/04)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 11-04-2015 16:55:49
:pig4: รออ่านตอนต่อไปนะ แต่ยังแอบหมั่นไส้ไอ้พี่ท๊อปเบาๆ เรื่องห้องพยาบาลกับหวาน
มันติดเป็นภาพแย่ๆ ของไอ้พี่ท๊อปไปโดยปริยายเลย สำหรับคนอ่าน

หมั่นไส้แรงๆก็ได้ครับ ^^ แต่สุดท้ายผมว่าใครทำอะไรก็ได้สิ่งนั้นครับ
ท็อปเป็นตัวแทนของตัณหา/การเอาชนะ/ความเป็นชาย (ฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรนสูง) ...
แต่สุดท้ายก็แพ้ความดีและความอ่อนโยนในตัวแบงค์ในที่สุดถึงยอมมาตามง้อ
และสำนึกกับสิ่งที่ตัวเองทำผิดไป...ก็ลองให้โอกาสเขาดูนะครับ ^^ (แต่ถ้าผมเป็นแบงค์คงไม่ให้อภัยอะ)
ยังไงก็ติดตามไปอีกนิดนะครับ อีก แค่ 6 ตอนก็อวสานละครับ ^^ มาเฝ้าดูบทสรุปด้วยกันครับ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 27 อัพ 10/04)
เริ่มหัวข้อโดย: chaiwat13030 ที่ 11-04-2015 20:23:57
 :serius2: :mew4:  :mew4: :mew4:
อย่าให้แบงค์เป็นอะไรเลยนะ
ขอเถอะนะ 
อย่าเป็นอะไรเลย

ปล.สงสารพี่กายนิดนึง
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 28-29 อัพ 13/04)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 12-04-2015 21:30:27
บทที่ 28
การสอบปลายภาค

**แถมให้สองตอนรวดครับ**

เมื่อช่วงเวลาสอบปลายเทอมของภาคเรียนแรกมาถึง แบงค์และท็อปต่างก็มาช่วยกันติวหนังสือให้กันและกัน ท็อปเป็นเด็กหัวดีด้านคณิตศาสตร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว (พ่อเป็นครูสอนคณิตศาสตร์นี่นา ถ้าไม่เก่งก็แย่แล้ว เสียชื่อพ่อหมด ท็อปบอกแบงค์) ทุกเย็นทั้งสองคนจะนั่งอยู่ที่ร้านนมของพี่หลินเพื่ออ่านหนังสือด้วยกันจนดึก

ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนค่อยๆแนบแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ ท็อปกลายเป็นคนใจเย็นผิดกับแต่ก่อนที่เกิดเรื่อง แม้จะมีหึงหวง และน้อยใจบ้างแต่ก็เป็นไปตามประสาวัยรุ่น เนื้อหาวิชาของม.4 เขาโดนทวนซ้ำแล้วซ้ำอีกจากการที่ต้องไปช่วยพ่อตรวจงานให้รุ่นน้อง เขาจึงเป็นติวเตอร์อย่างดีสำหรับแบงค์

“พ่อพี่ท็อปจะเอาอะไรออกข้อสอบ บอกแบงค์มั่งดิ” แบงค์ถาม ในขณะที่ท็อปกำลังนั่งพลิกหนังสือไปๆมาๆ เพื่อหาโจทย์ให้น้องทำ

“พ่อพี่เขารู้แกวพี่แล้วว่าพี่อาจจะมาแอบบอกแบงค์ เขาไม่ให้พี่ช่วยทำข้อสอบด้วยซ้ำ เลยไม่รู้จะบอกแบงค์ยังไงดีน่ะสิเรื่องข้อสอบ” ท็อปบอก ขมวดคิ้วให้แบงค์

“ล้อเล่นน่า...พ่อพี่ท็อปทำถูกแล้ว ต่อให้สนิทกันแค่ไหน กฏก็ต้องเป็นกฏ จะได้ยุติธรรมกับคนอื่นเขา” แบงค์บอกยิ้มๆ “วันนี้เราพอแค่นี้ก็แล้วกันเหอะ พี่ท็อป แบงค์จำไม่หมดแล้ว พรุ่งนี้สอบก็ตามมีตามเกิดก็แล้วกัน”

“โหย พูดแบบนี้ก็เสียชื่อดิ ตัวเองมีแฟนเป็นลูกครูสอนคณิตนะ เดี๋ยวคนอื่นรู้เข้าก็มาว่าพี่ว่าทำไมไม่สอนแฟนตัวเอง” พี่ท็อปพูดแล้วเอื้อมมือมาขยี้หัวของแบงค์เบาๆ

“ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย คนเราก็มีความถนัดต่างกัน พี่ท็อปเก่งเลข แบงค์เก่งภาษา ก็ช่วยๆกันไง พรุ่งนี้สอบวันสุดท้ายแล้วแบงค์อยากหัวสมองโล่งๆ” แบงค์บอก

“โล่งมากเดี๋ยวไม่มีอะไรเอาเข้าห้องสอบไปทำนะเออ”

พี่ท็อปยิ้มตอบแล้วเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าแล้วเตรียมพาแบงค์ไปส่งที่บ้านอย่างเคย แบงค์เริ่มสังเกตแขนของตัวเองที่เริ่มเป็นรอยเขียวช้ำ เป็นจ้ำๆ โดยไม่รู้สาเหตุ ก่อนหน้านี้เขาก็มีอาการเขียวช้ำบ้างเป็นระยะๆ แต่เขาก็มักคิดว่าเขาอาจจะไปโดนอะไรชนมาแต่หลังจากที่เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นฮีโมฟีเลีย สิ่งเหล่านี้คือสัญญาณบางอย่างที่กำลังเตือนเขาว่าร่างกายของเขาอยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติอีกต่อไปแล้ว

หลังจากวันที่เขาไปหาหมอกับพี่ท็อปและพี่กายหนึ่งอาทิตย์ เมื่อแม่รับรู้อาการของลูกชายก็ช็อคกันไปตามๆกัน เพราะแม่ไม่รู้เรื่องตาเป็นฮีโมฟีเลีย และอาการที่ตาเป็นนั้นเหมือนกับที่หมอวินิจฉัยอย่างมาก เช่นมีอาการเลือดออกตามข้อและตามกล้ามเนื้อ ภายหลังมีอาการแทรกซ้อนและเส้นเลือดในสมองแตกจากนั้นจึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา ตอนนั้นแม่แต่งงานและมีแบงค์แล้ว การดูแลตา เลยเป็นหน้าที่ของน้าที่ยังคงอยู่ที่บ้านเดิม แม่ไม่ได้รับรู้รายละเอียดเรื่องโรคนี้มากนัก จำได้แค่ว่าตาเป็นคนที่เลือดไหลหยุดยากและมักมีรอยเขียวจ้ำให้เห็นอยู่เสมอ ตาเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไร ดังนั้นเมื่อเป็นอะไรก็ไม่ค่อยบอกลูกหลาน แม่จึงได้แต่กอดแบงค์เมื่อรับรู้ผลการตรวจ โทษตัวเองที่เป็นคนทำให้ลูกมีอาการแบบนี้

คุณหมอเตือนไว้เพียงว่าไม่ต้องตกใจกลัวเพราะอาการยังไม่ได้รุนแรงอะไรนัก เพียงแค่ระวังอย่าให้เลือดออกและเป็นแผล ถ้าเลือดออกเองแล้วเป็นรอยเขียวจ้ำเยอะเมื่อไร ก็ค่อยมาตรวจร่างกายกันอีก แต่ผู้ป่วยฮีโมฟีเลียที่ใช้ชีวิตอยู่ตามปกติได้ก็มีให้เห็นมากมายเพียงแค่ต้องดูแลตัวเองมากกว่าคนอื่นเป็นพิเศษเท่านั้น ไม่ได้ถึงกับตายเฉียบพลัน

มีเพียงท็อปเท่านั้นและเพื่อนๆที่ยังไม่รู้อาการผิดปกติของแบงค์ เขายังคงเก็บเงียบไม่อยากให้เรื่องของตัวเองไปทำให้คนอื่นลำบากใจและเป็นห่วง โดยเฉพาะพี่ท็อป แค่ได้เห็นรอยยิ้มของกันและกันทุกวันแบบนี้น่าจะดีกว่า

“พี่ท็อป” แบงค์ถามขึ้นเมื่อท็อปกำลังขับมอเตอร์ไซค์คันเก่งของเขาตรงไปยังบ้านของแบงค์ “ถ้าวันนึงแบงค์ไม่อยู่แล้ว พี่ท็อปจะยังคิดถึงแบงค์ไหม?”

“ไม่อยู่ของเราคืออะไร? เรียนต่อที่อื่นเหรอ? หรือว่ายังไง?” พี่ท็อปถามกลับ ตามองตรงไปข้างหน้า

“อืม ก็ราวๆนั้น” แบงค์ตอบกลับสั้นๆ ไม่อยากอธิบายมาก “พี่ท็อปจะคิดถึงแบงค์ไหม?”

“เพิ่งจะอยู่ม.4 เอง คิดเรื่องเรียนต่อแล้วเหรอ แหม แฟนพี่นี่มันคิดการณ์ไกลแฮะ” ท็อปถามเสียงร่าเริง “ยังไงพี่ก็ต้องเรียนจบก่อนแบงค์ปีนึงอยู่แล้วนี่นา คำถามนี้พี่ต้องถามแบงค์มากกว่าหรือเปล่า”

“ถ้าเป็นแบงค์นะ ก็คงคิดสิ คิดถึงพี่ท็อปมากด้วย” แบงค์บอกกอดเอวพี่ท็อปไว้แน่น อิงหน้ากับแผ่นหลังของพี่ท็อป

“พี่ก็คงคิดถึงแบงค์มากเหมือนกัน ไม่ต่างกันหรอก” ท็อปพูด “พี่ไม่อยากให้แบงค์ถามพี่แบบนี้เลย รู้สึกใจคอไม่ค่อยดี”

“คิดมากน่าพี่ท็อป...หลายครั้งแบงค์แค่คิดว่า ทำไมเวลาความสุขมันผ่านไปไวจัง แบงค์อยากอยู่กับพี่ท็อปนานๆ แต่เหมือนอะไรๆก็ไม่ค่อยจะเอื้อเท่าไรเลย”  แบงค์พูดเบาๆ

“พี่สัญญาว่าจะอยู่ข้างๆแบงค์ไปตลอดนั่นแหละ ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ไอ้หมาน้อย” ท็อปบอกเพื่อให้แบงค์สบายใจ

รถค่อยๆชะลอลงเมื่อมาถึงบริเวณหน้าบ้าน ฟ้าเริ่มมืดแล้ว นาฬิกาดิจิตอลของท็อปร้องเตือนบอกเวลาหนึ่งทุ่มตรงพอดี แบงค์ถอดหมวกกันน็อกออกยื่นให้รุ่นพี่ แสงไฟในบ้านส่องให้เห็นรอยเขียวบนแขนของแบงค์เป็นจ้ำชัดเจนจนท็อปสังเกตได้

“แบงค์ไปโดนอะไรมา แขนเป็นรอยเขียวแบบนี้” ท็อปจับแขนน้อง

แบงค์ตกใจรีบดึงแขนตัวเองกลับมา “อ๋อ เดินชนโต๊ะน่ะพี่ ไม่เป็นอะไรมากหรอก” เขารีบบอก “มืดแบบนี้ยังจะสังเห็นอีกแน่ะ”

“อ้าว ทุกอย่างในตัวแบงค์พี่สนใจหมดแหละ อย่าซุ่มซ่ามสิ เนี่ยก็เพิ่งจะหายเลือดกำเดาไหลไปหยกๆ พี่เป็นห่วงไอ้หมาน้อยของพี่นะ” ท็อปบอกน้ำเสียงกังวล

แบงค์ยิ้มให้รุ่นพี่ พยายามทำให้น้ำเสียงเป็นปกติ “ลิงท็อปก็เหมือนกัน ดูแลตัวเองดีๆนะ ขับรถอย่าซิ่งด้วย ถนนมันลื่น ฝนตกบ่อยๆ หมาน้อยกลัวลิงท็อปจะเป็นอะไรไปเหมือนกัน”

“โอ๊ย มือระดับนี้แล้ว  ไม่มีจะพลาดหรอกน่า หมวกกันน็อกก็มี ตั้งแต่ขับมาก็เคยล้มแค่ไม่กี่หนตอนขับใหม่ๆ” ท็อปบอก “รีบนอนนะ พรุ่งนี้พี่มารับแต่เช้า”

“ไม่เป็นไร พี่ท็อปไปโรงเรียนเลยก็ได้ เดี๋ยวแบงค์ไปเอง เผื่อคืนนี้พี่ท็อปจะอ่านหนังสือดึกจะได้ไม่ต้องรีบตื่นมารับแบงค์”

“เอางั้นเหรอ? จริงๆพี่ก็ตื่นได้นะ” ท็อปพูด แต่แบงค์ส่ายหน้าปฏิเสธ

“กลับเหอะครับ แบงค์เข้าบ้านก่อนนะ” แบงค์ตัดบทแล้วรีบไขกุญแจเข้าไปในบ้าน ท็อปสตาร์ทรถอีกครั้งก่อนจะโบกมือลารุ่นน้องแล้วขับรถออกไป แบงค์จึงค่อยๆหันหลังมองตามรุ่นพี่ที่จากไป ความกังวลทั้งปวงที่เขามีผุดขึ้นมาอย่างช่วยไมได้ “ขอโทษนะพี่ท็อป แบงค์ขอเก็บเรื่องนี้ไว้จนกว่าจะถึงเวลาที่มันจวนตัวจะต้องบอกจริงๆ แบงค์ไม่อยากเห็ฯหน้าพี่ตอนกังวลแบบนี้อีก” เขาพึมพำพลางถอนหายใจ

----------------------------------------------------

วันนี้ทั้งวันเป็นวันสอบของฝั่งมัธยมปลายวันสุดท้ายของเทอม เกมส์ เปิ้ล เกด ต่างนั่งท่องสูตรต่างๆ ที่จำเป็นต้องจำ และอ่านเนื้อหาเพิ่มเติม

“อ่านเท่าไรก็ไม่จำแล้ว” เปิ้ลโวยวายขึ้นมาเมื่อรู้ตัวว่าอ่านหนังสือไม่ทัน

“มาอ่านตอนสิ้นเทอมจะจำหมดได้ยังไงล่ะ” แบงค์บอก “อ่านสะสมไว้ดิ จะได้ไม่ต้องอ่านเยอะทีเดียว”

“ใครจะไปขยันเหมือนแกล่ะ แถมมีลูกชายอาจารย์เป็นติวเตอร์ส่วนตัว อิจฉาโว้ย” เปิ้ลบอก ผลักบ่าแบงค์หยอกๆ

“เออ แล้วทีนี้เอาไง เรื่องปิดเทอม จะไปเที่ยวกันไหม?” เกมส์ถาม “ไปเที่ยวสวนสนุกกัน เหอะ อยากไป สักวันอาทิตย์หน้า”

“อะไรวะ ยังสอบไม่ทันจะเสร็จเลย คิดจะเที่ยวละเหรอ” เกดแย้ง “ฉันยังไม่เข้าใจอีเรื่องตรรกศาสตร์พวกนี้เลย อาจารย์เอาอะไรมาสอนวะเนี่ย”

แบงค์ได้แต่หัวเราะ “อือก็ดีนะ ไปเที่ยวกันบ้าง เราอยากออกไปโดนแดดโดนลมมั่ง ตั้งแต่ย้ายมา ไม่ค่อยจะได้เที่ยวไหนเลย”

“งั้นไปสวนสยามไหม ใกล้ๆดี  เดี๋ยวเราขับรถพาไป” เกมส์สรุป “เสาร์หน้า นายจะชวนพี่ท็อปไปด้วยก็ได้นะ เราจะขอเอารถตู้พ่อไป จะได้ไปกันหลายๆคนสนุกๆ”

“งั้นอย่าลืมชวนพี่คาร์พมาด้วยล่ะ” เปิ้ลบอก “ชั้นจะได้มีคู่เดินกับเขามั่ง”

“อ่า ได้ ๆ” แบงค์บอก “ไว้จะลองชวนนะ”

“พวกแกคิดเรื่องสอบก่อนเหอะ บ่ายนี้ก็จะจบแล้ว เรื่องเที่ยวเดี๋ยวก็ค่อยว่ากัน ว่างๆกันอยู่แล้วนี่นาปิดเทอม ฉันก็อยากไป เบื่ออยู่บ้านเหมือนกัน” เกดแนะนำ แล้วทุกคนก็กลับไปง่วนอยู่กับการอ่านหนังสือเหมือนเดิม

เมื่อรายวิชาสุดท้ายสิ้นสุดลง ทุกคนต่างร้องออกมาด้วยความปลดปล่อย บ้างก็เอาหนังสือเรียนมาเปิดดูว่าที่ตนเองตอบนั้นถูกหรือไม่ บ้างก็ถามกันและกันว่าข้อนั้นแต่ละคนตอบอะไรกันไป

“พวกแกอย่ามาถามฉัน” เปิ้ลรีบเบรกเมื่อเห็นเกดเตรียมอ้าปากจะถาม “ฉันไม่พร้อมตอบคำถามสื่อใดๆก็ตาม ณ จุดนี้”

“อีบ้า ฉันจะถามแกว่าแกจะกลับบ้านเลยไหม ไม่ถามหรอกเรื่องสอบน่ะ” เกดบอก อารมณ์เสีย

“สรุปว่าวันเสาร์หน้าไปเที่ยวกันนะ” เกมส์ย้ำอีกรอบเมื่อเห็นทุกคนมากันพร้อมหน้า หลังจากที่ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย ทั้งหมดจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยไม่ได้ไปฉลองสอบเสร็จต่อทีไหน เพราะต่างคนต่างมึนหัวกับข้อสอบทีได้เจอมา แบงค์รีบเดินลงจากตัวอาคารมากับเกมส์ก็เจอเข้ากับพี่กายพอดี

“หวัดดีครับ พี่กาย” แบงค์ร้องทักเมื่อเห็นรุ่นพี่เดินผ่านมากับกลุ่มเพื่อน

“ไง แบงค์ สอบได้ไหม?” พี่กายถาม หยุดยืนคุยกับรุ่นน้อง “ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอเลย สบายดีนะ?”

“ก็สบายดีครับพี่” แบงค์บอก

“อาการแทรกซ้อนๆอื่นๆ ยังไม่มีใช่ไหม?”พี่กายถามขึ้นมา มองหน้าแบงค์ อย่างกังวล “มีรอยเขียวรอยช้ำอะไรหรือเปล่า?”
แบงค์ยิ้มส่ายหน้า “ไม่มีครับ พี่กาย แม่แบงค์บอกว่าถ้าวันไหนว่างๆก็แวะไปเที่ยวที่บ้านได้นะครับ เพราะว่าแม่ก็อยากจะเลี้ยงขอบคุณที่พี่กายพาแบงค์ไปโรงพยาบาลเมื่อหนก่อน”

“อย่าคิดมากเลย พี่เต็มใจทำให้อยู่แล้ว กับท็อป  เดี๋ยวนี้มันนิสัยดีขึ้นแล้วใช่ไหม?” พี่กายถาม

“จริงๆพี่เขาก็เหมือนเดิมแหละ พี่ท็อปจะหงุดหงิดเวลาไม่ได้ดังใจเท่านั้นแหละครับ แต่ก็เย็นลงเยอะหลังจากเรื่องหนที่แล้ว” แบงค์บอก “ถึงพี่เขาจะหัวเสียบ่อย แบงค์ก็ยังชอบพี่เขาอยู่ดี”

พี่กายลูบหัวแบงค์อย่างเอ็นดู “ดูแลกันดีๆก็แล้วกัน ว่าแต่มันยังไม่รู้ใช่ไหม?”

แบงค์พยักหน้า พี่กายจึงถอนหายใจออกมา “อย่าเก็บไว้นานจนไม่มีโอกาสได้บอกนะน้องนะ ท็อปมันจะเสียใจเอา” แบงค์หันหน้ามองตาพี่กายอย่างกระอักกระอ่วนกับประโยคนี้

เมื่อคุยกันจบแบงค์จึงลาพี่กายและเกมส์เพื่อไปหาพี่ท็อปอย่างเคย ตอนนี้ ทั้งท็อปและปลาคาร์พกำลังนั่งอยู่ที่โรงอาหารคุยกับสัพเพเหระถึงกิจกรรมที่ทั้งห้องตั้งใจจะไปกันในช่วงปิดเทอม

“เออ กูโอเค” ท็อปพูดขึ้นมาเมื่อปลาคาร์พคุยแผนงานที่เขาร่างไว้กับเพื่อนๆในห้องเรียบร้อย “งานนี้ใครหัวหอกวะ หวานอีกเหรอ?”

“ก็หลายๆคน คุยกันว่าจะไปน้ำตกกัน ตอนแรกกูก็แย้งนะว่าช่วงนี้ฝนมันตกบ่อยอยู่ แต่มันบอกว่าอาทิตย์หน้าอากาศปลอดโปร่ง ไป ค้าง เสาร์ อาทิตย์เอง อาทิตย์หน้า ยังไงก็ไม่น่ามีปัญหาหรอก คนอื่นๆเขาก็ไปกัน” ปลาคาร์พพูด แล้วดูดน้ำอัดลมที่ซื้อมาเสียงดัง

“อันนี้ไปได้เฉพาะพวกเพื่อนๆในห้องใช่ไหม?” ท็อปถามย้ำ

“ก็มีแต่พวกๆกันอย่างเดียวทั้งห้องอะ ทำไม? มึงจะหนีบไอ้แบงค์ไปด้วยงั้นดิ” ปลาคาร์พถาม

ท็อปหันหน้ามองเพื่อนแต่ไม่ได้พูดอะไรตอบ หรี่ตาขมวดคิ้ว “ทำไมอะ กูเอาไปด้วยไม่ได้เรอะไง?”

“เปิดตัวจังนะ มึง” ปลาคาร์พพูดประชด “ทีคนอื่นๆก่อนหน้านี้ทำเป็นแอบๆซ่อนๆ ทีคนนี้มึงเปิดเผยชะมัดเลยนะ”

“ก็ผู้ชายด้วยกันไปไหนมาไหนคนเขาก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้วก็เห็นเป็นพี่ๆน้องๆ แบบนี้สบายใจกว่าป่าววะ?” ท็อปให้เหตุผล
“เออ ยังไงกูก็ไปแหละ เดี๋ยวกูถามแบงค์อีกทีว่าน้องมันอยากไปด้วยไหม?”

“กูว่าคนอื่นๆอาจจะไม่ให้น้องมันไปด้วยอะดิ ไม่สนิทกัน อีกอย่าง น้องมันจะกล้ามาเหรอ?” คาร์พถาม

“งั้นเดี๋ยวแบงค์มา กูถามเลยละกัน” ท็อปบอก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดโทรออก แต่ก็เห็นแบงค์เดินตรงเข้ามาที่โรงอาหารพอดี

“ตายยากจริงๆ พูดถึงก็มาเลย” คาร์พพูดหงุดหงิด เมื่อเห็นแบงค์เดินก้าวเข้ามา
 
“หวัดดีครับ พี่คาร์พ” แบงค์ทักทายคู่กรณีที่เคยปะทะกันอย่างสุภาพ ก่อนหน้านี้ท็อปพาแบงค์กับคาร์พไปปรับความเข้าใจแล้วครั้งนึงว่าพี่ปลาคาร์พไม่ได้ตั้งใจแค่ทำไปตามสัญชาตญาณที่เห็นเพื่อนสนิทกำลังโดนรังแกเท่านั้น แม้ปลาคาร์พจะดูไม่เต็มใจที่จะขอโทษแบงค์เท่าไรนัก แต่ทุกอย่างก็จบลงได้โดยไม่ได้มีปัญหาอะไร

“พี่กำลังคุยกับคาร์พมันอยู่พอดีว่าเสาร์อาทิตย์หน้า ห้องพี่มีจัดไปเที่ยวน้ำตกที่กาญจนบุรีกันค้างคืนนึง พี่เลยว่าจะชวนแบงค์ไปด้วยกัน จะได้สนุกๆ” ท็อปเสนอ

“งั้นคงไปไม่ได้หรอกครับพี่ท็อป พอดีแบงค์นัดกับเพื่อนๆจะไปเที่ยวสวนสยามกันเสาร์หน้า พี่ท็อปไปเถอะ อีกอย่างห้องพี่ที่แบงค์รู้จักก็มีไม่กี่คนกลัวไปแล้วจะไม่สนุกเอา” แบงค์บอก

“อ้าว ไหงดันมาชนกันเฉยเลย เราไม่เคยได้ไปเที่ยวไกลๆกันมั่งเลยนะ มากับพี่เหอะ” ท็อปขอร้อง “แบงค์กับเพื่อนๆเลื่อนวันไปไม่ได้เหรอ?”

ปลาคาร์พหันหน้ามองท็อปแบบไม่พอใจ “มึงไปขอให้น้องเลื่อนเนี่ยนะ? ต่างคนต่างไปก็จบแล้วไหม?”

“กูอยากให้น้องไปกับกูก็แค่นั้นแหละ” ท็อปบอกอย่างอารมณ์เสีย

“อย่าทะเลาะกันเลยพี่ พี่ท็อปไปอยู่กับพี่คาร์พบ้างเหอะ เราเจอกันแทบจะตลอดเวลาอยู่แล้วนี่นา ปิดเทอมพี่ท็อปก็แวะมาหาที่บ้านบ้างก็ได้ ถ้าอยากเจอ เรื่องเที่ยวไกลๆ แถมเป็นน้ำตกอีก แบงค์กลัวจะโดนเงี่ยงหินบาดเป็นแผลเอา” แบงค์บอก ในใจก็คิดถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับเขาไปด้วย

ท็อปเคาะนิ้วบนโต๊ะอย่างครุ่นคิด หันหน้ามองแบงค์ทีปลาคาร์พที ตัดสินใจไม่ได้ เพราะถ้าเกิดแบงค์ไม่ได้ไปด้วยเขาก็ไม่ค่อยอยากไปเท่าไรนัก แต่ก็เห็นแก่ปลาคาร์พถ้าเขาไม่ไป ปลาคาร์พก็คงไม่พอใจแน่นอน

“อืม งั้นตามใจแบงค์ พี่ไปกับห้องพี่ก็ได้ ส่วนแบงค์ก็ไปกับเพื่อน” พี่ท็อปสรุปในที่สุด “รอบนี้มึงชนะ ไอ้คาร์พกูยอมไปกับมึง”

“โถ่ ไอ้เชี่ยท็อป มึงไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปก็ได้” ปลาคาร์พตะคอกอย่างหงุดหงิดก่อนจะเก็บกระเป๋าแล้วลุกขึ้นเดินอาดๆออกไปจากโรงอาหาร

“อ้าว มึงอยากให้กูไปด้วยกูก็ไปแล้วนี่ไง มึงจะเอาอะไรอีกวะ” ท็อปพูดเสียงดัง “เดี๋ยวนี้มึงโคตรเรื่องมากเลยว่ะ”

ปลาคาร์พหันหลังมามองเพื่อนด้วยสายตาโกรธ ปากของเขากระตุกเพราะอารมณ์ที่กำลังปะทุออกมา

หรือมึงอยากจะนอนกับกูมากนักวะ ให้กูไปบ้านมึงเลยไหมคืนนี้?” ท็อปตะคอก “มึงอยากทำอะไร กูให้มึงหมดเลย จะได้เลิกงี่เง่าสักที”

“พี่ท็อป มันจะเยอะเกินไปแล้วนะพี่ อย่าทะเลาะกันดิ มันไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โตเลยนะ ไม่เอา ไม่เอา” แบงค์รีบห้าม “ไหนสัญญาแล้วไงว่าจะไม่ใช้อารมณ์กัน พี่ท็อป นี่เพื่อนรักพี่เลยนะ”

ท็อปหันหน้ามองแบงค์ แล้วถอนหายใจ ส่วนปลาคาร์พก็ได้แต่ยืนนิ่ง “กูขอโทษมึงละกัน กูไปหาแม่กูละ เดี๋ยวเรื่องรายละเอียดมึงไปอ่านเอาในเฟซกลุ่มห้อง 5/1 ละกัน” พี่คาร์พบอก แล้วจึงเดินจากไป

“พี่ไปพูดแบบนั้นกับพี่คาร์พได้ยังไง คนอยู่กันเยอะแยะ พูดเสียงดังเดี๋ยวคนเขาก็หาว่าพี่..” แบงค์เอ่ยขึ้นมาขณะที่มองดูพี่ท็อปจ้องหลังปลาคาร์พที่กำลังเดินชึ้นตึกเรียนหมวดภาษาอังกฤษไป

“คิดมากน่า” ท็อปบอกปัดๆ อย่างหงุดหงิด

“หรือที่เขาลือๆกันมันจะจริง ? ว่าพี่สองคนเคยคบกันมาก่อน” แบงค์ถามขึ้นมา

“เมาแล้วไอ้หมาน้อย ไปเอามาจากไหน ไม่เคยเห็นใครเขาพูดกันสักหน่อย” ท็อปพูด ขมวดคิ้วส่งสายตางงๆให้รุ่นน้อง

“ก็พี่เล่นถามว่าพี่คาร์พอยากมีอะไรกับพี่รึเปล่าไม่ใช่เหรอ? จะไม่ให้คิดได้ยังไง” แบงค์ถามกลับ

ท็อปอึ้งไปสามวินาทีก่อนจะลูบหัวน้อง พยายามหาเรื่องคุยใหม่ “พี่ก็ล้อมันเล่นไปงั้นแหละ กลับกันดีกว่า”

“ไหนจะเรื่องพี่หวานอีก พี่ไปขอโทษเขาแล้วรึยังที่ไปทำไม่ดีกับเขาวันนั้น” แบงค์ถามขึ้นมา

ท็อปอ้ำอึ้ง เอามือเกาหัว “ขอโทษไปแล้ว....หายโกรธกันแล้ว แต่แค่มองหน้ากันไม่ค่อยติดเฉยๆ” ท็อปบอก หลบสายตาแบงค์

“เปลี่ยนเรื่องเถอะ .... คืนนี้ขอนอนบ้านแบงค์นะ สอบเสร็จแล้ว”

“อย่าทะเลาะกันเพราะแบงค์เป็นต้นเหตุอีกเลยนะพี่ท็อป” แบงค์พูด “อะไรๆมันเกือบจะดีขึ้นอยู่แล้ว อย่าให้เราต้องตัดความสัมพันธ์กับคนรอบข้างเพราะเราเอาแต่สนใจที่จะอยู่ด้วยกันอย่างเดียวนะพี่ แบงค์เคยบอกพี่แล้ว ความรักมันไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคน.....”

“มันยังมีปัจจัยจากคนอื่นด้วย......” ท็อปต่อประโยคให้แบงค์ “คร๊าบบบ ที่รัก พี่จำได้แม่นเลย งั้นคืนนี้ให้นอนด้วยไหม?”

“ไม่” แบงค์ปฏิเสธเสียงแข็ง “ยังไม่หายเจ็บ”

ทำกันก็ตั้งหลายหนแล้วนะ แบงค์น่าจะชินได้แล้วนี่” ท็อปถามอย่างสงสัย ลากตัวน้องไปใกล้ๆ

“ลองมาเป็นคนโดนมั่งปะล่ะ” แบงค์บอกอย่างหัวเสีย ผลักพี่ท็อปออกไป “อย่างกับของตัวเองเล็กๆงั้นแหละ ไม่เอา ไปนอนบ้านตัวเองเลย ขอทำโทษที่ไปโมโหใส่พี่คาร์พ”

“ง่า....ผมผิดไปแล้วคร๊าบบบ ขอนอนกอดอย่างเดียวก็ได้ น้า น้า ปิดเทอมแล้วขอฉลองหน่อยน้า” ท็อปอ้อน เอาหัวตัวเองไถกับหน้าแบงค์

“โอ๊ย ... ไม่เอาแล้ว วันอื่นนะ พี่ท็อปนะ คืนนี้แบงค์อยากคุยกับแม่มั่ง” แบงค์บอกผลักพี่ท็อปออกไปเบาๆ ท็อปทำหน้ามุ่ยใส่

“แน่ะ แน่ะ บอกแล้วไงอย่าทำหน้ามุ่ยใส่แบงค์ เดี๋ยวหน้าหล่อๆจะย่นเอาน้า”

ท็อปรีบตีสีหน้าเป็นปกติทันที “เออ เนอะ” แล้วหัวเราะออกมา ทั้งคู่เดินพากันไปที่จอดมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ใต้อาคารถัดไป
ส่วนปลาคาร์พเขายังคงไม่ได้ไปไหนไกล เขายืนแอบร้องไห้อยู่ข้างบันไดทางขึ้นไปห้องพักครูที่แม่ของเขาประจำอยู่ เสียใจเหลือเกินกับสิ่งที่เพื่อนรักของเขาพูดกับเขาในวันนี้ แม้จะรู้ว่าเขาคงหมดโอกาส แต่ความรักที่เขาให้ท็อป มันยากเหลือเกินที่จะตัดใจในเมื่อทั้งหมดของหัวใจ เขาได้ฝากไว้ที่เพื่อนสนิทไปจนหมดแล้ว


หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 28-29 อัพ 13/04)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 12-04-2015 21:37:10
บทที่ 29
ปิดเทอมหฤหรรษ์


แบงค์สังเกตอาการของตัวเองที่เริ่มเด่นชัดขึ้น รอยช้ำแดงๆเริ่มมีให้เห็นประปรายทั้งกล้ามเนื้อแขนและขา ยิ่งถ้าคืนไหนที่ท็อปมานอนด้วยแล้วเล่นกอดเขาแรงๆ ตื่นเช้ามาเขาจะเห็นว่า รอยช้ำของเขามันชัดเจนมากกว่าแต่ก่อน พร้อมอาการปวดหัวแปล๊บๆ แบบไม่มีสาเหตุที่มารบกวนเขาเป็นระยะ ๆ หลายครั้งที่เขาปวดจนเหมือนจะเป็นลมมักจะตามมาด้วยอาการเลือดกำเดาไหลเสมอ ช่วงนี้แม่จึงพยายามอยู่ใกล้ชิดแบงค์มากกว่าปกติ เพราะทั้งบ้านมีกันอยู่แค่สองคนเท่านั้น ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาก็จะได้ช่วยเหลือกันได้ทันท่วงที

พี่กายมักจะไลน์มาถามอาการของแบงค์เป็นระยะ แต่แบงค์ก็ชอบบอกพี่กายอยู่เสมอว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่มีอะไรแล้ว” เขาไม่อยากทำให้ใครเป็นห่วงมากเรื่องนี้ เพราะถ้าเกิดคนอื่นๆรู้กันมากขึ้นก็จะพาลกังวลแทนเขาไปด้วย แบงค์จึงพยายามสื่อสารและบอกคนรอบๆตัวว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร แต่เดี๋ยวนี้เขามักจะพกกระดาษทิชชูติดตัวเสมอ พร้อมกับยาที่หมอให้ไว้ กรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินเลือดไหลขึ้นมา

“วันนี้ปวดหัวไหมลูก” แม่ถามขึ้นเมื่อเห็นแบงค์ตื่นเช้าขึ้นมาในวันเสาร์ วันนี้เขานัดกับทุกคนว่าจะไปเที่ยวสวนสยามกัน

“นิดหน่อยครับ แม่ แต่ก็พอทนไหวนะ” แบงค์บอก

“จะดีเหรอ ไปทั้งแบบนี้ ไปโดนน้ำโดนลมอีก จะไม่สบายหนักเอานะ แม่กลัวไปหกล้มแล้วเกิดหัวล้างข้างแตก ยิ่งเลือดหยุดยากๆ จะลำบากเอานะ ลูก”

“แบงค์ว่าแบงค์จะไม่ลงน้ำกันน่ะแม่ คงเล่นแค่สวนสนุกเพลินๆมากกว่า” แบงค์บอก

“แต่อากาศร้อนๆ ระวังเลือดกำเดาจะออกนะ” แม่เตือน

“ขอบคุณนะครับแม่ที่เป็นห่วงแบงค์” แบงค์พูด แล้วเข้าไปกอดแม่ “แบงค์อยากทำให้ชีวิตที่เหลืออยู่เป็นปกติมากที่สุด ไม่อยากให้ใครต้องมานั่งกังวลเรื่องของแบงค์มากไป ขนาดตาที่เป็นโรคนี้เหมือนกัน กว่าตาจะเสียก็ตั้งอายุ 50 กว่านี่นา ถ้าเกิดแบงค์โชคร้ายเป็นแบบเดียวกับตาจริงๆ กว่าแบงค์จะไม่อยู่ก็คงอีกตั้งนาน”

“ไม่พูดแบบนี้นะลูก” แม่ดุ “ลูกแม่จะต้องไม่เป็นอะไร แม่ทำนั่นนี่เอาไว้ตั้งเยอะ เอาไว้ให้ลูก ลูกต้องอยู่ดูแลความสำเร็จของแม่ต่อไปนะ ไม่ใช่คิดจะจากไปแบบคุณตา ไม่เอา อย่าพูดให้แม่ได้ยินอีกนะ”

แบงค์ถอนหายใจสั้น ๆ หลับตาซบลงที่อกของแม่ พร้อมกับกอดแม่เอาไว้ เขาระลึกไว้เสมอว่า ความสุขนั้นมาไวไปไว เขาควรจะเก็บเกี่ยวไว้มากที่สุด เผื่อว่าเวลานั้นมาถึงเขาจะได้ไม่เสียดาย

เสียงกดแตรมอเตอร์ไซค์ที่มักได้ยินทุกเช้าดังขึ้นที่หน้าบ้านของแบงค์ ทั้งสองแม่ลูกต่างชะโงกหน้ามาดู เห็นท็อปใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายสก๊อตกับกางเกงยีนส์ พร้อมใส่เยลผมให้ตั้งๆดูเท่ๆ มารอรับที่หน้าบ้าน

“พี่ท็อปมาทำไมเนี่ย พี่ต้องไปกาญจนบุรีกับเพื่อนๆไม่ใช่เหรอ” แบงค์ถาม ในขณะที่เดินออกมาหน้าบ้าน

“พี่หนีมา พี่ไม่อยากไป พี่อยากไปเที่ยวกับแบงค์มากกว่า” พี่ท็อปบอก แล้วดับเครื่องยนต์ ทำท่าจะเข็นรถเข้ามาในบ้าน

“ไม่ได้นะ พี่ท็อป ทำแบบนี้ไม่เอานะ พี่” แบงค์โวยวาย “แล้วนี่พี่มา แล้วบอกใครรึยัง?”

“ยัง แต่เดี๋ยวพี่โทรบอกคาร์พมันว่าพี่ไม่ไปแล้ว เงินพี่จ่ายไปแล้วแต่ช่างมัน พี่ไม่ไป” ท็อปบอก

“อย่าทำแบบนี้ดิ พี่ท็อป พี่คาร์พเขาก็คงอยากไปกับพี่นั่นแหละถึงออกปากชวน อีกอย่างพี่หวานเขาก็ไปด้วย แบงค์รู้ว่าพี่ยังไม่ได้ขอโทษพี่หวานจริงๆจังๆ อย่างน้อยจะได้ลบรอยบาดหมางกันไปได้บ้าง แบงค์ขอร้องเถอะพี่ท็อป อย่าทำแบบนี้เลย”

ท็อปนิ่งอึ้ง “แบงค์ไม่ดีใจเหรอที่พี่มาหาเนี่ย?” เขาถาม “พี่คิดทั้งคืนเลยว่าจะทำยังไงดี สุดท้ายพอพี่รู้ตัว ใจพี่ก็พาตัวเองมาที่นี่แล้ว”

แบงค์เอื้อมมือที่มีรอยช้ำเล็กๆของเขาไปจับแก้มของพี่ท้อป “แบงค์ดีใจที่พี่ท็อปเลือกแบงค์นะ แต่จะดีกว่าไหมถ้าพี่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆบ้างตามที่พี่ได้สัญญากับพวกเขาเอาไว้ เรารักกันก็จริงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลานะพี่ท็อปนะ”

“โห่ แบงค์ทำไมเป็นคนดีอย่างนี้เนี่ย” ท็อปบ่น “พูดซะทำเอาพี่รู้สึกผิดเลย”

“ก็มันจริงนี่นา พี่ท็อปควรไปหาเพื่อนๆพี่นะ ไว้กลับมาเราค่อยมาอยู่ด้วยกันก็ได้ เดี๋ยวแบงค์จะชดเชยให้” แบงค์บอก

“พี่กลัวว่าไปแล้วมันจะไม่สนุกน่ะสิ ใจพี่มันอยู่กับแบงค์ตลอดเลย” ท็อปอ้อน

แบงค์หมดคำพูดที่จะให้เหตุผลกับพี่ท็อป เขาไม่อยากให้พี่คาร์พเกลียดเขามากกว่านี้ เขารู้ตัวดีว่าตอนนี้พี่คาร์พไม่ค่อยปลื้มเขาเท่าไรเพราะกลายเป็นว่าพี่ท็อปเวลามีความรักขึ้นมากลับทิ้งเพื่อนทิ้งฝูงไปแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง อยากจะอยู่กับเขาตลอดเวลา แบงค์ไม่ได้อยากให้พี่ท็อปทำแบบนั้นกับเพื่อน เขาอยากให้พี่ท็อปแบ่งเวลาอยู่กับเพื่อนบ้างกับเขาบ้างตามแต่สมควร แบงค์ไม่เคยเรียกร้องเวลาจากพี่ท็อปอยู่แล้ว เพราะตัวเขายังมีหลายๆเรื่องให้คิดทั้งเรื่องแม่ เรื่องอาการป่วยที่เพิ่งรู้สึกตัว เรื่องสอบ เรื่องเรียน แต่ท็อปเล่นเอาแต่เข้าหาเขาอย่างเดียวจนแบงค์ก็เหนื่อยใจ แม้จะรู้ว่าท็อปทำให้ทั้งหมดเพราะรักแบงค์อย่างหัวปักหัวปำเช่นเดียวกัน เขาจึงมักปล่อยเลยตามเลยไปตลอด ไม่อยากขัดใจรุ่นพี่นัก

ท็อปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดหาเบอร์ของคาร์พแล้วรีบโทรออก แบงค์จึงยืนมองดูรุ่นพี่ตัดสินใจ

“มึงอยู่ไหนวะ ไอ้ท็อป ทุกคนเขามากันจะครบแล้วนะ” เสียงปลาคาร์พโวยวายดังออกมาจากหูโทรศัพท์ที่ท็อปโทรออกอยู่ทันทีที่ปลายสายรับ

“คาร์พ โทษทีว่ะ ขอไม่ไปแล้วดีกว่า” ท็อปบอกรีบตัดบทสนทนา

“มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึงอีกเนี่ย ไอ้สัตว์ ถ้ามึงไม่ไปทำไมมึงไม่บอกกูล่วงหน้าล่ะ มึงมาบอกทำไมเอาป่านนี้” พี่คาร์พโวยวายออกมาดังลั่น

“เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ กูไม่ค่อยสบาย เมื่อวานกูไปกินอะไรผิดสำแดงมาก็ไม่รู้ เนี่ยกูถ่ายท้องไม่หยุดเลยว่ะ” ท็อปบอกแกล้งทำเสียงพะอืดพะอม

“อ้าว จริงเหรอวะ มึงเป็นอะไรมากรึเปล่าน่ะ พ่อมึงอยู่บ้านด้วยไหม?” พี่คาร์พถามลดเสียงลง

“อยู่ๆ ถ้าเกิดกูไม่ไหวเดี๋ยวกูว่าจะไปโรงพยาบาลว่ะ” ท็อปบอกเสียงแหบ

“เออ ๆ กูเข้าใจแล้ว มึงดูแลตัวเองดีนะ เดี๋ยวกูกลับมาแล้วกูจะรีบไปหา” ปลาคาร์พบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“โทษทีว่ะ เดี๋ยวขอเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ท็อปพูดแล้วรีบกดตัดโทรศัพท์ “เป็นไง แค่นี้ก็เรียบร้อย”

แบงค์มองหน้าพี่ท็อปอย่างไม่พอใจเท่าไร ได้แต่ส่ายหน้าแล้วเดินกลับเข้ามาในบ้าน ท็อปจึงเดินตามเข้ามา

“หวัดดีครับแม่”ท็อปไหว้ทักทายเมื่อเห็นแม่ของแบงค์

“สวัสดีค่ะลูก แม่ไม่เห็นท็อปตั้งนานแน่ะ ยังบ่นๆอยู่กับแบงค์เลยว่าไม่ได้เห็นหน้าเห็นตาช่วงหลังๆมานี่” แม่ทักตอบด้วยความเป็นห่วง

“ผมก็เรื่อยๆครับ ไว้ว่างๆผมจะแวะมาหาตอนแม่อยู่บ้านบ่อยๆ จะได้มาช่วยทำกับข้าว” ท็อปบอก

“แล้วนี่จะไปกับแบงค์เหรอ?” แม่ถามท็อป

“ครับ เดี๋ยวผมจะไปสวนสยามกับน้องครับ” ท็อปตอบ

“งั้นก็ดีเลย แม่จะได้ฝากดูแลแบงค์ เผื่อว่าแบงค์มีอากา...”

แม่ ” ยังไม่ทันที่แม่จะได้หลุดปากพูดอะไรออกมา แบงค์ก็ร้องแทรกขึ้นมา จนท็อปและแม่สะดุ้งโหยงไปด้วยกัน  “แม่ไม่ต้องบอกอะไรพี่ท็อปเขาแล้ว แบงค์ไม่ไปเล่นอะไรรุนแรงๆหรอกน่า อย่าเพิ่งเป็นห่วงสิ”

“อ้าว แม่ก็ต้องเป็นห่วงลูกเป็นธรรมดา ช่วงนี้ลูกร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอยู่นะ” แม่บอก แบงค์ทำตาเขียวใส่แม่เพื่อพยายามสื่อสารว่าไม่ให้พูดอะไรมากไปกว่านี้

“ทำไมเหรอครับ แบงค์เป็นอะไรเหรอครับ?” พี่ท็อปถามขึ้นมา มองแม่ทีแบงค์ทีอย่างสงสัย

“ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่ท็อป หมู่นี้แบงค์หน้ามืดบ่อยๆ สงสัยเพราะพักผ่อนน้อยด้วย ปิดเทอมแล้วคงได้พักมากขึ้น เดี๋ยวก็หาย” แบงค์บอกปัด “พี่ท็อปไปเก็บรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดในบ้านก่อนเถอะ เกมส์เขาขับรถตู้มา ถ้าจะไปก็ไปด้วยกัน”

เมื่อท็อปเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป แบงค์ก็รีบหันหน้ามาขอโทษที่พูดเสียงดังกับแม่ “ขอโทษนะครับแม่ แม่อย่าพูเรื่องฮีโมฟีเลียกับพี่ท็อปนะครับ แบงค์ไม่อยากให้พี่เขารู้ เดี๋ยวจะพาลกังวลกันไปหมด”

“นี่ท็อปยังไม่รู้เหรอ ขนาดกาย ที่เป็นเพื่อนรุ่นพี่เรายังรู้เลย ลูกสนิทกับพี่ท็อปมากกว่าด้วยซ้ำนะ ทำไมไม่บอกให้เขารู้ล่ะ” แม่ถามกลับด้วยความสงสัย

“ก็เพราะสนิทมากนั่นแหละครับแม่....แบงค์เลยไม่อยากให้พี่เขารู้” เขาตอบ เสียงเศร้าๆ หันหน้ามองตามพี่ท็อปที่กำลังเข็นมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดที่โรงรถหน้าบ้าน

เมื่อเกมส์ขับรถตู้ที่พร้อมด้วยเกดและเปิ้ลมาถึง ทุกคนต่างก็ประหลาดใจที่เห็นพี่ท็อปตามมาด้วย

“อ้าว พี่ไม่ได้ไปกับห้องพีเหรอ? เห็นบอกว่าที่ห้องพี่จัดไปเที่ยวกาญจน์นี่นา” เกดถามขึ้นเมื่อพี่ท็อปเข้ามานั่งที่เบาะหลังของรถ อีกมือก็จูงมือแบงค์เข้ามานั่งในรถด้วยกัน

“พี่ไม่ไป อยากเที่ยวแถวๆนี้มากกว่า” พี่ท็อปบอก ส่วนเกดกับเปิ้ลต่างมองหน้ากันอย่างมีเลศนัยเหมือนรู้ว่าเพราะอะไรที่ท็อปถึงเลือกมาทริปนี้มากกว่า

“งั้นพี่ท็อปต้องแชร์ค่าน้ำมันด้วยนะ” เกมส์ตะโกนบอกมาจากด้านหน้าคนขับ “จะได้แฟร์ๆกัน”

“ได้เลย ไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยวให้แบงค์จ่าย” ท็อปบอกกวนๆ

“อะไรของพี่ท็อปเนี่ย มาขอไปด้วยแล้วยังให้แบงค์จ่าย ไม่ต้องเลย เราอยู่กันคนละกระเป๋าสตางค์” แบงค์บอก

“อ้าว นึกว่าแต่งเข้าบ้านพี่ซะแล้ว” ท็อปพูด พร้อมกับเสียงเพื่อนๆในรถร้องแซวกันเป็นเสียงเดียวกัน

“โหยยยยยยยย.....หนูชักจะอิจฉาอีแบงค์นี่ทุกวันๆแล้วนะคะ” เปิ้ลร้องบอก “หนูอุตส่าห์ชอบพี่มาตั้งนาน ไม่ลองมาคบกับหนูดูมั่งเหรอ?” เธอแซว

ท็อปได้แต่หัวเราะ แล้วลากตัวแบงค์เข้ามากอดคอ “เอ้า ว่าไง ยอมให้พี่ไปคบกับเค้ารึเปล่า”

“เชิญ เอาไปเลย เอาไปแล้วไม่ต้องเอากลับมานะ ให้แล้วให้เลย” แบงค์บอก ตีหน้าบึ้งใส่

“อ้าว” ท็อปหน้าเหวอเมื่อได้ยินคำตอบของแบงค์

เปิ้ลกับเกดหัวเราะชอบใจ เกมส์จึงเปิดเพลงในรถให้ดังขึ้นเพื่อสร้างบรรยากาศสนุกๆ ให้กับเพื่อนๆ เนื่องจากสวนสยามนั้นอยู่ในเขตทางไปมีนบุรี ซึ่งใช้เวลาไม่นานนักเมื่อเริ่มจากบริเวณบ้านของแบงค์ เกมส์ขับไปราวๆเกือบชั่วโมงก็มาถึงที่หมาย เพราะรถไม่ได้ติดมากมาย แต่บริเวณที่จอดรถยังแน่น เพราะคนเริ่มทยอยกันมาแต่เช้าเพื่อที่จะเข้ามาเล่นในสวนน้ำแห่งนี้

“อยากเล่นน้ำจัง” เกมส์บ่น “เราไม่ได้มาเล่นตั้งนานแล้ว พวกสไลด์เดอร์ยาวๆแบบนี้”

“ไม่เอาอะ เราไม่อยากเล่นน้ำ เดี๋ยวแกก็มาคอยส่องดูหุ่นชั้นอีก” เปิ้ลบอก

“โอ๊ย ใครจะไปอยากดูฟระ หุ่นดีตายเลย” เกมส์แซวกลับ

“กัดกันอีกละอีสองตัวนี้” เกดบ่น “เดี๋ยวเราต้องไปซื้อตั๋วกันก่อน มันมีบัตรสองราคาอะแก จะเอาแบบไหน 900 หรือ 500 ดี”

“คือไหนๆก็มาแล้ว ซื้อ 900 ไปเลยจะเล่นอะไรก็เล่นได้ ไม่ต้องมานั่งดูโซน” พี่ท็อปบอก “พวกเราก็เล่นดะกันไปเลยตั้งแต่เช้ายันเย็น”

“โหย พี่ท็อป แบบนั้นก็เหนื่อยตายเลยดิ ทุกคนว่าไง” เกดถามความเห็น แล้วบทสรุปก็คือซื้อบัตรชนิดเล่นได้ทุกโซนไม่จำกัดรอบไปโดยปริยาย

ทุกคนเดินผ่านซุ้มทางเข้าที่ทำเป็นปราสาทขนาดใหญ่สวยงามเหมือนในการ์ตูนวอลส์ดิสนีย์เข้าไปยังบริเวณเครื่องเล่นด้านใน ตอนนี้ตัวสวนสนุกเพิ่งเปิดให้เข้าเล่นได้ไม่นานนัก คนจึงดูไม่หนาตามาก เมื่อเข้าไปด้านในก็เจอม้าหมุนขนาดใหญ่ที่เป็นจุดแรกไว้ดึงดูดเด็กๆเมื่อเข้ามาที่สวนสยาม

“แกๆ มาถ่ายรูปกัน” เปิ้ลร้องทักแล้วลากทุกคนไป ที่หน้าม้าหมุน

“พี่ขอไม่ถ่ายรูปด้วยนะ” พี่ท็อปรีบออกตัว กลัวว่าตัวเองจะติดอยู่ในรูปเข้า เพราะรุ่นน้องคงจะอัพรูปพวกนี้ลงเฟซบุคแล้วก็คงเห็นกันไปทั่วแน่นอน

“อุตส่าห์มาด้วยกันทั้งทีนะคะพี่ มาถ่ายรูปด้วยกันเหอะ” เกดบอก

เกมส์สะกิดเพื่อน แล้วกระซิบเบาๆว่า “ไม่ต้องไปชวนพี่เขา เขาหนีเพื่อนมาหาไอ้แบงค์ พวกแกยังเดาไม่ออกเหรอ เห็นหน้าแบงค์มันไหม หน้ามุ่ยเป็นตูดเลย”

“อ๋อ...เข้าใจละ”

เมื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันเสร็จ พวกเขาจึงเดินไปในโซนที่มีเครื่องเล่นรถไฟเหาะกันก่อน เพราะเป็นสิ่งแรกที่พวกรุ่นน้องอยากไปปลดปล่อยเสียงกรี๊ดกันหลังจากที่สอบกันมาอย่างหนักหน่วง

“เห็นคนมุงดูอะไรกันแถวทางจะไปฝั่งสวนน้ำ” เกมส์สังเกต คนที่วิ่งตามๆกันไป บ้างก็ถือกล้องถ่ายรูป ส่งเสียงกรี๊ดๆเป็นระยะๆ

“ดาราหรือเปล่า ที่นี่ก็มักมีคนมาถ่ายแบบโฆษณาเป็นระยะๆนะ” แบงค์บอก ชะเง้อมองไปด้วย

“ขอโทษนะครับ ขอทางหน่อยครับ” เสียงเด็กหนุ่มผมดำ วัยไล่เลี่ยกันกับพวกเขาพูดเพื่อแหวกทางไปตามฝูงชนข้างหน้า

“เดี๋ยว” ท็อปเรียก จนเด็กคนนั้นหันหน้ามา “คนเขาวิ่งไปมุงดูอะไรกันน่ะครับ?”

“อ๋อ คงไปตามดู นีน่า ละมั้งครับ ไม่แน่ใจว่ารู้จักกันหรือเปล่า ที่เป็นเน็ทไอดอลดังๆ เล่นโฆษณาหลายๆตัวอะครับ” เขาบอก

“อ๋อ นีน่าที่โฆษณานมกล่องไงพี่ท็อป จำได้ไหม?” แบงค์บอกอย่างตื่นเต้น “เค้าสวยมากเลยนะพี่”

“เออ พี่นึกออกแล้ว ที่หน้าอกโตๆใช่ไหม พี่เคยกดไลค์หน้าเพจเขา เห็นอัพเดทหน้าอกทุกวันเลย” พี่ท็อปพูด สีหน้าหื่นกระหายขึ้นมาทันที

“โห....ทีพูดเรื่องหน้าอกนี่ หน้าตาเปลี่ยนเลยนะพี่ท็อป” แบงค์แหวใส่

“อ้าว แล้วจะให้พี่ดูอะไรล่ะ ก็เขาโชว์มานี่ ก็ดูไปตามระเบียบ” พี่ท็อปพูดขำๆ

“ถ้าจะขอลายเซ็นก็ตามผมมาก็ได้นะครับ เดี๋ยวอีกสักพักจะเริ่มถ่ายแบบกันแล้ว แถวนั้นจะปิดไม่ให้คนเข้าชั่วคราวครับ” เด็กหนุ่มบอก

“ไม่เป็นไรครับ” เกมส์รีบบอกปัด เด็กหนุ่มคนนั้นจึงเดินจากไป

“แจ็คพ็อตเลย มานี่ได้เจอดาราแถมได้เที่ยวเล่นสบายใจอีก คุ้มนะเนี่ย” เปิ้ลบอก ยังคงชะเง้อตามกลุ่มแฟนคลับไป

“ช่างเขาเหอะ ไปเล่นรถไฟเหาะดีกว่า” เกมส์ออกความคิด แล้วทุกคนก็รีบเดินตามเพื่อนไป

ทันทีที่ขึ้นไปจนถึงสถานีของรถไฟเหาะ ทุกคนต่างดูตื่นเต้นเว้นแต่พี่ท็อปที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่ากำลังหวั่นๆกับเครื่องเล่นตรงหน้า พี่ท็อปคว้ามือของแบงค์เอาไว้ ทั้งเหงื่อและมือที่เย็นเฉียบของพี่ท็อปทำเอาแบงค์ตกใจ

“พี่ท็อปอย่าบอกนะว่ากลัวรถไฟเหาะอะ” แบงค์ทักเมื่อรู้สึกผิดปกติ

“เปล่านะ พี่แค่ไม่ชอบที่สูงๆเฉยๆ” พี่ท็อปบอก บีบมือแบงค์แน่น

“นั่นแน่ ... พี่ท็อปกลัวรถไฟเหาะใช่ม้า” เกมส์แซวหันหน้ามามองพี่ท็อปที่ยืนหน้าตื่นๆอยู่ เกดกับเปิ้ลก็หันมาหัวเราะ

“เปล่านะ พี่ไม่ได้กลัว แค่นี้เอง” พี่ท็อปรีบตีหน้าแข็งขัน เพื่อข่มความรู้สึกของตัวเอง แบงค์หัวเราะออกมาเบาๆเมื่อดูพฤติกรรมของพี่ท็อป เขาไม่เคยเห็นพี่ท็อปจะกลัวอะไรเท่าไรนัก รายนี้มีแต่พุ่งชนทุกอย่างพอมาเจอแบบนี้ก็น่าขำไม่น้อย

เมื่อรถไฟมาจอดเทียบสถานี เกมส์พุ่งไปนั่งหน้าขบวน ตามด้วยเกดและเปิ้ลในที่นั่งถัดมา แบงค์กับพี่ท็อปก็นั่งเป็นคู่กัน พี่ท็อปยังคงบีบมือแบงค์เอาไว้แน่นแม้ว่าจะถูกล็อกเอาไว้กับที่นั่งแล้วก็ตาม

“อย่าปล่อยมือพี่นะแบงค์” พี่ท็อปพูด เหงื่อกาฬผุดออกมาให้เห็นเป็นเม็ดๆ

“ไม่ต้องกลัวนะพี่ท็อป” แบงค์ปลอบ “เดี๋ยวมันก็ผ่านไปแล้ว” แบงค์ระเบิดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นหน้าซีดของพี่ท็อป

เมื่อรถไฟเหาะเคลื่อนออกจากสถานีและเริ่มเร่งความเร็ว พี่ท็อป ได้แต่ร้องออกมาเสียงดังลั่น ก้มหน้างุดๆ ไม่ยอมมองไปที่ข้างหน้า แบงค์ก็หัวเราะไปด้วยร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นไปด้วย ช่างเป็นช่วงเวลาที่สนุกและเฮฮาจริงๆ พี่ท็อปหลับตาปี๋ แต่มือขวาของพี่ท็อปยังคงกำมือซ้ายของแบงค์ไว้แน่นจนแบงค์รู้สึกเหงื่อชุ่มมือ

เมื่อรถไฟเคลื่อนกลับมาที่สถานี ทุกคนต่างลุกออกจากเครื่องเล่นด้วยความตื่นเต้นไม่หาย มีแต่พี่ท็อปที่เดินขาสั่นออกมาจากที่นั่ง มือยังคงกำแบงค์จนปวด แบงค์ก็ยังคงขำพี่ท็อปไม่หาย

“ขำพี่ท็อปอะ...ไม่คิดว่าพี่ท็อปจะกลัวรถไฟเหาะขนาดนี้” แบงค์พูดขึ้นและหัวเราะไปด้วย

“ตลกตรงไหนล่ะ” พี่ท็อป “พี่ก็บอกอยู่ว่าไม่ได้กลัวสักหน่อย แค่ไม่ชอบเฉยๆ” พี่ท็อปรีบแก้ตัวเพราะเสียฟอร์ม

แบงค์หัวเราะออกมาเบา ๆ แต่ก็รู้สึกปวดหัวแปล๊บขึ้นมาเหมือนหน้ามืดไปแว่บหนึ่ง เขาเซเล็กน้อยอาจจะเป็นเพราะเจอแดดแล้วก็แรงเหวี่ยงจากรถไฟ

“เฮ้ย แบงค์เลือดกำเดาไหล” ท็อปร้องลั่นออกมา แล้วรีบดึงผ้าเช้ดหน้าของตัวเองออกมาจากกระเป๋าเสื้อมาซับให้ แบงค์รีบเบือนหน้าหนีทันทีที่รู้

“ไม่เป็นไรพี่ท้อป แบงค์เอากระดาษทิชชูมาเดี๋ยวผ้าเช็ดหน้าพี่จะเลอะเอา” แบงค์บอกแล้วรีบเงยหน้าพลางเอามือควานหากระดาษทิชชูที่พกไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมาซับ

“แบงค์เป็นอะไรน่ะ” เพื่อนอีกสามคนที่เดินนำไปก่อน เห็นว่าแบงค์กับท็อปหยุดยืนกันอยู่ จึงเดินย้อนกลับมา

“ทำไมแบงค์ยังไม่หายอีกเหรอ?” พี่ท็อปถาม “ตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนนี้มันก็เป็นเดือนแล้วนะ”

“มันไม่เกี่ยวกันหรอกพี่ท็อป” แบงค์บอก “อากาศคงร้อน เลือดกำเดาก็เลยไหล”

“งั้นไม่เอาแล้ว พี่ไม่ยอมให้แบงค์เล่นกลางแดดแล้วแบบนี้” พี่ท็อปดุ “ทำพี่ใจเสียหมดเลย เห็นเลือดเราออกมาแบบนี้ นึกถึงวันนั้นไม่มีผิด”

นี่คือสิ่งที่แบงค์คิดไว้ตลอด พี่ท็อปจะต้องหาเรื่องห้ามเขาไม่ให้ทำนั่นนี่เหมือนอย่างปกติและจะกังวลเรื่องเขามากแน่นอน ถ้าเขารู้ว่าแบงค์มีอาการเลือดไหลหยุดยากแบบนี้

“พี่ท็อปอย่าคิดมาก แบงค์ก็เป็นแบบนี้เรื่อยแหละตั้งแต่เด็กแล้ว เดี๋ยวจะพาลพาพวกเพื่อนๆหมดสนุกกัน” แบงค์บอก รีบเช็ดเลือดแล้วเอากระดาษทิชชูยัดจมูกเอาไว้ “เห็นไหม หายแล้ว”

“อย่าทำพี่เป็นห่วงดิ ไอ้หมาน้อย” ท็อปพูด ส่งสายตากังวลมา

แบงค์ได้แต่ยิ้มตอบกลับไป “ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วพี่ท็อป ไม่เป็นไรแล้ว ไปเล่นอย่างอื่นกันเหอะ จะได้ไม่เสียเวลา”

ท็อปยังคงไม่ละสายตาไปจากแบงค์ ในใจคิดสงสัยว่าแบงค์ปิดบังอะไรเขาอยู่ไหมหนอ ตั้งแต่ตอนเช้าที่แบงค์พูดแทรกแม่ของเขา ไหนจะอาการเลือดกำเดาไหลอีกทั้งๆที่มันน่าจะหายไปแล้ว แต่ถึงอย่างไร ดูแบงค์ก็ยังแข็งแรงปกติดี ทั้งวิ่ง ทั้งหัวเราะอย่างร่าเริง แต่สุดท้ายเขาก็เลิกคิดมากเรื่องแบงค์เมื่อเจ้าตัวชี้ไปที่เรือไวกิ้งขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า แบงค์แยกเขี้ยวยิ้มอย่างสะใจเมื่อกำลังจะบอกพี่ท็อปว่า

“เราไปเล่นไอ้นี่กันเหอะพี่ แบงค์ชอบ มันสูงดี”

ท็อปกลืนน้ำลาย กระพริบตาปริบๆ ยอมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นต่อไปอย่างไม่เต็มใจเท่าไร

จบบทที่ 28 - 29 ครับ
ตอนที่ 30 จะมาพบกันวันศุกร์เหมือนเดิมครับ
**ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะจบภายใน 34 ตอน ไม่นับบทส่งท้ายและภาคผนวกครับ**
**ใครอยากรู้นีน่าเป็นใคร ลองไปอ่านนิยายอีกเรื่องของผมนะครับ เพื่อนผมเป็นผู้วิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45761.msg2985804#msg2985804) เพราะนิยายที่ผมเขียนทุกเรื่องมันจะเป็นจักรวาลเดียวกัน เป็น Parallel World กันครับ มีโอกาสที่ตัวละครในเรื่องนี้จะไปโผล่ในเรื่องอื่นได้เหมือนกัน รักกันก็ติดตามกันต่อไปนะครับ**
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 28-29 อัพ 13/04)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-04-2015 23:30:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 28-29 อัพ 13/04)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 13-04-2015 22:09:06
อัพละนะครับ ^^ มาตามอ่านกันได้เช่นเคยครับ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 28-29 อัพ 13/04)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 13-04-2015 23:08:29
ช่วงนี้ยังไม่ได้ตามอ่านเบยขอเล่นน้ำสงกรานต์แป๊ปแล้วจะกลับมา  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 14-04-2015 00:02:31
ถ้าท็อปรู้ที่หลังจะโกรธมากไหมนะ แบงก์น่าจะบอกไป จะได้ช่วยกันดูแล
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 28-29 อัพ 13/04)
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 14-04-2015 00:25:05
บอกๆท็อปไปเถอะแบงค์จะได้สบายใจแถมท็อปจะได้คอยระวังด้วย
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 28-29 อัพ 13/04)
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมถ้วยฟู ที่ 14-04-2015 11:07:26
สัมผัสได้ถึงดราม่าที่กำลังจะมาคุอยู่ในตอนที่เหลือต่อจากนี้ !!
ไม่อยากให้จบเศร้าเลยอะค่ะ ..... สงสาร  :ling1:  :ling1:  :ling3:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 30 อัพ 17/04)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 17-04-2015 21:30:08
บทที่ 30
จุดตัดของโชคชะตา


ปลาคาร์พโทรศัพท์ไปหาอาจารย์สายัณห์ทันทีที่ท็อปบอกว่าท้องเสีย เขาต้องการเช็คให้แน่ใจว่าสิ่งที่เพื่อนบอกนั้นเป็นความจริงหรือไม่ เพราะถ้าท็อปโกหกนั่นหมายความว่า ท็อปไม่อยากมากับเขาและอาจจะไปกับแบงค์ก็เป็นได้ตามที่เขาสงสัยเอาไว้

“อาจารย์สายัณห์ครับ ? ท็อปอยู่บ้านไหม?” เขาถามเกริ่นเมื่อปลายสายรับ

ท็อปขับมอเตอร์ไซค์ออกไปแต่เช้าแล้วนี่ เห็นว่าจะไปเที่ยวกาญจน์กับที่ห้องไม่ใช่เหรอ?” อาจารย์สายัณห์ตอบ

“อ๋อ....มันออกมาแล้วใช่ไหมครับ งั้นก็เดี๋ยวก็คงมาถึง” ปลาคาร์พรีบตัดบท เพราะไม่อยากให้พ่อของเพื่อนรับรู้ว่าตอนนี้ท็อปได้เปลี่ยนเป้าหมายการเดินทางไปเรียบร้อยแล้ว

“ฝากดูแลมันด้วยนะ ถ้าถึงแล้วก็ให้มันโทรหาครูด้วย” อาจารย์กำชับ ปลาคาร์พจึงรับปากแล้วรีบตัดสายไป

เขามองออกไปนอกหน้าต่างพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกเสียใจเอาไว้ข้างใน สักพักหวานเดินเข้ามาขอนั่งที่ว่างข้างๆเขา เธอจ้องมองดูหน้าของคาร์พพลางถอนหายใจ

“ท็อปไม่มาเหรอ” หวานถามสั้นๆ

ปลาคาร์พพยักหน้า ไม่ตอบอะไรเพิ่มเติม

“สรุปแล้ว ก็กลายเป็นว่าท็อปเหมือนจะโกรธเราไปเลย แย่เลย” หวานบอก “ตอนนี้แค่เห็นเราอยู่ในรัศมีสายตา ท็อปก็เดินหนีเราไปเลย แถมยังหลบหน้าอีก รู้สึกแย่กว่าตอนที่เขาปฏิเสธเราอีก”

“ขอโทษนะหวานที่ดึงเธอมาเอี่ยวกับเรื่องพวกนี้ด้วย” ปลาคาร์พบอก “เราไม่ดีเองแหละ กลายเป็นเรื่องเสียไปหมด”

“ไม่หรอก เราก็ผิดเองด้วย ตอนนี้พี่กายไม่ยอมคุยกับเรา เหมือนยังโกรธที่พวกเราไปแกล้งสองคนนั้นแบบนั้นจนเป็นเรื่องใหญ่โต” หวานบอก “ถึงยังไงก็เหอะ เราปลงแล้วล่ะ ท็อปคงไม่อยากมาคบเราหรอก ปล่อยให้ทั้งสองคนเขาอยู่กันตามลำพังนั่นแหละดีแล้ว เราก็ขอแอบรักอยู่แบบนี้ก็แล้วกัน”

ปลาคาร์พหันหน้ามามอง “คิดจะยอมแพ้แล้วเหรอ?”

“ไม่ถึงกับยอมแพ้หรอก คาร์พ เราแค่ดูความน่าจะเป็น ถ้าขืนฝืนไปมากกว่านี้ เราว่าเราเองก็จะเจ็บ ท็อปก็เจ็บ เด็กคนนั้นก็เจ็บ เราไม่อยากให้มันเสียหายไปมากกว่านี้แล้ว” หวานบอกเสียงเศร้าๆ

“มันหนีไปเที่ยวกับเด็กนั่นแล้วล่ะวันนี้ อุตส่าห์ตกลงกันซะดิบดีว่าจะมาเที่ยวกับพวกเราแท้ๆเลย” คาร์พบ่น

“เราเข้าใจท็อปนะตอนนี้ ถึงมันจะเข้าใจยาก แต่เขาคงรักแบงค์จริงๆนั่นแหละ ไม่งั้นคงไม่ทำถึงขนาดนี้ เราก็รอวันเขาเลิกรักกัน ถ้ายังมีโอกาสเราคงจะขอคบกับท็อปอีก” หวานบอก

ปลาคาร์พได้แต่เก็บความอัดอั้นใจนี้ไว้ ไม่พูดอะไรออกมาอีก

===================================================

เมื่อปิดเทอมได้สิ้นสุดลงก็ถึงเวลาที่เทอมใหม่ได้เริ่มต้นอีกครั้ง ปิดเทอมระยะสั้นๆนี้ ท็อปไปมาหาสู่ที่บ้านแบงค์ตลอดเพื่อมาใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ส่วนแบงค์ก็เริ่มสังเกตเห็นอาการฮีโมฟีเลียของตนเองที่มีรอยช้ำหลายจุดมากขึ้น และทุกวันอาทิตย์เขากับแม่ต้องแอบพี่ท็อปไปหาหมอเพื่อตรวจดูอาการและความคืบหน้าว่าอาการของแบงค์จะรุนแรงได้มากกว่านี้อีกไหมแต่เมื่อหมอตรวจ ก็เห็นแนวโน้มที่อาการของแบงค์จะแย่ลงเรื่อยๆ นับว่าเป็นปิดเทอมที่จะสุขก็ไม่สุข จะทุกข์ก็ไม่เชิงของแบงค์ และเขายังคงคิดไม่ตกกับอาการที่หนักลงของตนเองทุกวัน

แต่ที่แน่ๆท็อปยังคงไม่รู้อาการของแบงค์เหมือนเดิมแม้จะสงสัยกับรอยจ้ำที่เห็นบริเวณแขนและขาของแบงค์มากขึ้น ไหนจะอาการเลือดกำเดาไหลออกมาเป็นระยะๆ แต่แบงค์ยังคงแสดงสีหน้าปกติและคอยบอกเขาเสมอๆว่าทุกอย่างเป็นเพราะอากาศที่เปลี่ยนไปเท่านั้น

อากาศหนาวและบรรยากาศของปีใหม่เริ่มอวลเข้ามา ในช่วงต้นเดือนธันวาคมปีนี้อากาศแห้งมาไวและนักเรียนทุกคนเริ่มหยิบเสื้อกันหนาวออกมาสวม ทำให้โรงเรียนเต็มไปด้วยสีสันต่าง ๆ ปีนี้ตามพยากรณ์อากาศระบุว่า อากาศจะเย็นลงเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง เหล่านักเรียนต่างตื่นเต้นและครึกครื้น เนื่องจากบรรยากาศปีใหม่กำลังจะเข้ามาใกล้และเทศกาลของขวัญก็กำลังจะมาถึง

วันนี้เป็นวันเสาร์ ท็อปกับแบงค์และเพื่อนๆ ต่างก็นัดกันไปเดินเที่ยวหาของขวัญปีใหม่ที่พวกเขาต้องนำมาจับสลากในกิจกรรมปีใหม่ที่จัดกันที่โรงเรียน บรรยากาศางร้านต่างประดับประดาด้วยซุ้มต้นคริสต์มาสและเสียงเพลงคริสต์มาสสลับกับปีใหม่ ปลาคาร์พก็ติดสอยห้อยตามท็อปมาด้วย เพราะว่าเมื่อวานหลังเลิกเรียนท็อปบอกว่าถ้าเดินซื้อของเสร็จเร็วจะชวนปลาคาร์พไปตีแบดเล่นด้วยกัน เขาจึงพกไม้แบดติดตัวมาด้วยพร้อมกับมาเดินหาซื้อของด้วยกัน

“วันนี้ตั้งใจจะซื้ออะไรกัน?” เกมส์ถาม “เขาตั้งงบให้เราหาของมาจับเท่าไรนะ?”

“ 300 บาท ไง แก ทำเป็นลืม” เกดพูด วันนี้เธอปล่อยผมยาวที่มัดไว้ตลอดให้เห็นผมสีดำเงาสลวยติดโบว์สีฟ้าที่ปลายผมทั้งสองข้าง “อย่าบอกนะว่าเอาเงินมาไม่พอ”

“โห่ ระดับเสี่ยเกมส์ แค่ 300 มันน้อยไปว่ะ พวก” เกมส์โอ่ เพื่อนๆต่างก็พากันหัวเราะ

“พี่ท็อปกับพี่คาร์พจะซื้ออะไรกันเหรอคะ?” เปิ้ลถาม หันไปมองทั้งท็อปและคาร์พที่เดินอยู่ข้าง ๆ ด้วย

“อ่า...ไม่รู้เหมือนกัน ต้องลองไปดูพวกโซนของขวัญ เผื่อจะได้ไอเดีย จะได้เห็นราคาด้วย” ปลาคาร์พบอก

“โซนของขวัญอยู่ที่ชั้น 5 เดี๋ยวขึ้นลิฟท์ตรงใกล้ๆนี้ไปดีกว่า” ท็อปพูดเสนอความคิด ก่อนที่จะดึงตัวแบงค์เดินตามไปด้วย

“แหม...คู่นี้ เห็นแล้วหมั่นไส้ชะมัดเลย” เปิ้ลพึมพำ

“แน่ะ อย่ามาอิจฉาเค้าดิ” เกมส์ แซว “ถ้าไม่รังเกียจให้ยืมควงวันนึง” เกมส์พูด ก่อนจะยื่นแขนไปให้

“ยี้” เปิ้ลเบ้หน้าใส่แบบขยะแขยง ก่อนจะวิ่งไปเกาะแขนเกดที่เดินตามแบงค์ไป

เมื่อไปถึงบริเวณโซนชั้น 5 ซึ่งป็นชั้นที่มีทั้งตุ๊กตา ของขวัญ ของชำร่วย ต่างๆวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ทุกคนต่างแยกย้ายดูของที่ตัวเองคิดว่าสนใจ พร้อมกับดูราคาของสินค้าให้พอดีกับงบประมาณที่ตั้งไว้

“ดูซิ ตุ๊กตาหมีตัวนี้ ฉันอยากได้อะ” เปิ้ลพูด อุ้มตุ๊กตาหมีสีขาวขนาดเท่าเอวขึ้นมา

“อิเปิ้ล เขาให้มาหาของซื้อไปจับฉลากไม่ได้มาซื้อให้ตัวเอง เข้าใจอะไรผิดปะเนี่ย” เกดว่า ก่อนจะหยิบหมีออกจากอกเพื่อนไปวางไว้ที่เดิม

“โห่ แก... เผื่อว่า ถ้ามีคนเอาของพวกนี้มาจับแล้วชั้นได้มาก็คงดีอะ” เปิ้ลพูด

“แหม...งบแค่ 300 ดูราคาไอ้หมีตัวนี้ดิ 999 บาท คงมีคนใจป้ำซื้อไปจับหรอกน่า” เกมส์เสริม

“ใครจะไปรู้ อาจจะมีคนใจป้ำก็ได้เหอะ” เปิ้ลพูด

แบงค์เองก็กำลังเดินๆ เลือกดูของ อยู่กับเพื่อน ๆส่วนพี่ท็อป กับพี่คาร์พก็เดินไปอีกโซนที่เป็นของขวัญที่ดูผู้ใหญ่ๆหน่อย อย่างปากกาหมึกซึมอย่างดี หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องเขียนราคาสูง

“แบงค์ แกจะเอาอะไร?” เกดถาม เมื่อเห็นแบงค์จดๆจ้องๆที่กล่องดนตรี

“อืม....เราว่าเราอยากได้กล่องดนตรีนี้แหละ ราคา 250 บาทด้วยอะ ไม่แพง” แบงค์หยิบขึ้นมาดู เป็นกล่องดนตรีรูปเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงจับมือกัน ยืนอยู่หน้าสวนดอกไม้ เขาบิดเป็นวงกลมเบาๆ จนมีเสียงดนตรีดังออกมา

“เพลงอะไรอะ?” เกมส์ถาม เมื่อเดินเข้ามาฟัง

“คงเป็นเพลงคลาสสิคมั้ง” แบงค์บอก “เราเลือกละ เอาอันนี้แหละง่ายดี”

เมื่อทุกคนเห็นแบงค์เลือกของที่อยากได้แล้ว ต่างก็รีบหาของๆตัวเองกันอย่างชุลมุน แบงค์จึงค่อยๆ เดินไปที่มุมชำระสินค้าและบอกพนักงานให้ห่อเป็นกล่องของขวัญเลย

พี่ท็อปกับพี่คาร์พก็พอดี เดินเข้ามาจ่ายเงินเหมือนกัน พี่ท็อปเลือกปากกาคอแร้งยี่ห้อดี แต่ราคาไม่แพงมากใส่กล่องสวยๆ ส่วนพี่คาร์พเลือกเป็น สมุดโน้ตบุหนังเล่มใหญ่ ที่ดูราคาแพงมาด้วย

“โห พี่ๆ เอาแต่ของแพงๆมาจับกันทั้งนั้นเลยอะ” แบงค์อุทาน เมื่อเห็นของที่รุ่นพี่ถือมา

“ห้องพี่เขาตกลงกันว่า ทุกคนต้องเอาของที่ดีที่สุด ราคาไม่เกินพันอะดิ” ท็อปบอก “ดูกระเป๋าตังพี่ดิ แฟ่บเลย เดี๋ยวแบงค์ต้องเลี้ยงข้าวพี่กับพี่คาร์พแล้วแหละ”

“อ้าว...น้องเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ พี่ท็อปไม่ต้องมาหาเรื่องเลย นี่ก็หมดตังแล้ว” แบงค์บอก เมื่อของทั้งสามคนถูกห่อเรียบร้อยแล้ว เพื่อนที่เหลือจึงทยอยกันมาชำระเงินหลังจากที่ทั้งสามเสร็จเรียบร้อย

“เฮ้ย พวกแกจะกินข้าวกันปะ นี่ก็ บ่าย 3 แล้ว หรือจะแยกย้ายกันกลับเลย” เกดถามขึ้นเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย

“เออ เราว่าเราจะกลับเลย แม่นัดกินข้าวไว้อะ” เปิ้ลบอก

“งั้นถ้าไม่อยู่กันหมดก็กลับดีกว่า” แบงค์บอก หันหน้าไปมองทุกคนเพื่อขอความเห็น “พี่คาร์พว่าไงครับ?”

“อืม เมื่อวานพี่คุยกับไอ้ท็อปไว้” คาร์พหันหน้าไปถามท็อป “มึงสัญญากับกูว่าจะไปเล่นด้วยกันอยู่ ออกกำลังกายซะบ้าง เส้นยึดหมดแล้ว” พี่คาร์พหันไปหาพี่ท็อป

พี่ท็อปมองหน้าแบงค์แว่บหนึ่ง ก่อนที่จะหันหน้าไปบอกคำตอบ “วันนี้ว่าจะไม่เล่นว่ะ อากาศหนาว มึงชวนไอ้โจ้ไปก็ได้ บ้านมันอยู่อยู่ใกล้ๆคอร์ดแบทตรงสนามกีฬานี่”

พี่คาร์พมองหน้าพี่ท็อปนิ่งๆเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ก่อนที่จะพยักหน้า “อืมๆ งั้นเดี๋ยวกูแยกกลับตรงนี้ก็ได้ถ้ามึงไม่อยากไป”

“ไม่ได้ไม่อยากไปนะ แต่ว่ามันไม่มีอารมณ์เล่นอะดิ” ท็อปตอบ “งั้นแยกกันตรงนี้เลยก็ได้ มึงจะได้รีบไปดูสนาม” เขาโบกมือให้ จากนั้นพี่คาร์พเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา จากนั้นจึงได้แยกตัวไป พร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆ เหลือแค่เพียง ท็อปกับแบงค์สองคน

“เอ้า เอาไงล่ะทีนี้ เหลือเราสองคน” ท็อปถาม ก่อนจะจับมือแบงค์

“หิวไหมล่ะพี่? จะไปกินอะไรไหม หรือว่าเราจะตรงกลับบ้านกันเลยดี” แบงค์เสนอความคิด

“ยังไงๆ วันนี้ก็ว่างกันอยู่แล้ว เราไปนั่งเรือเล่นเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วหาอะไรเที่ยวดูไปเรื่อยๆดีไหม?” ท็อปถาม

“บ่าย 3 แล้วนะ ถ้าไปกว่าจะกลับก็คงเย็นมากอะ” แบงค์บอก เขาเองก็ไม่อยากจะกลับเย็นมากนัก

“น่า...ไปด้วยกัน นานๆทีเราจะได้ไปเที่ยวกันสองคน” ท็อปบอก

แบงค์ก็พยักหน้าแบบเสียไม่ได้ ใจนึงก็อยากอยู่ด้วยกันนานๆ แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากจะกลับบ้านเย็นนัก ยิ่งอากาศในหน้าหนาวนี้ ทำให้ท้องฟ้ามืดเร็วกว่าปกติ

ท็อปพาแบงค์นั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีสะพานตากสินก่อนที่จะนั่งเรือด่วนเจ้าพระยาที่จอดรอผู้โดยสารอยู่พอดี

“แบงค์ไม่เคยได้นั่งเรือมาเที่ยวแถบนี้เลย พี่ท็อป เปิดหูเปิดตามากๆ” เขาพูด ที่นั่งบนเรือนั้นเต็มไปหมดแล้วเหลือเพียงที่ยืนที่พอให้ทั้งสองคนยืนประคองกันได้ ท็อปโอบน้องเอาไว้ เพื่อไม่ให้น้องตัวน้องโคลงเคลงไปกับแรงโยกของเรือ

“ก็บอกแล้ว ว่าจะพามาเที่ยว นานๆทีได้เที่ยวกันสองคน” ท็อปบอกเขินๆ

“แบงค์ว่าไปกันเยอะๆ มันก็สนุกดีนะ พี่ท็อป อยู่กันแค่สองคนเหงาออก” แบงค์พูด หันหน้ามามองรุ่นพี่ที่กำลังหายใจรดหัวของเขาอยู่

ท็อปเอามือขยี้หัวแบงค์ “อยู่กับพี่นี่ยังจะเหงาอีกเหรอ? เลิกเหงาได้แล้ว”

“มันไม่ได้เหงาแบบนั้น ก็อยู่กับพี่ท็อปมันคนละอารมณ์กัน” แบงค์รีบบอก

“แต่พี่ไม่เคยเหงาเลยนะ ดีใจเสียอีกที่ได้มาอยู่ด้วยกันอย่างนี้ ได้ไปไหนกันเองมั่ง มีความสุขออก” ท็อปตอบยิ้มๆ “ยืนดีๆนะ ระวังล้ม”

ทั้งสองคนแวะลงแถวท่าช้างซึ่งมีทั้งลานตลาดนัดที่จะแวะนั่งกินอะไรอร่อยๆ จากนั้นจึงนั่งเรือข้ามฟากมาฝั่งพรานนก มาเดินดูของทั่วไปแถววังหลัง ที่ยังพอมีให้เดินดูเล่นได้อย่างเพลิน ๆ แม้ว่าตอนบ่ายนี้จะไม่ค่อยมีอะไรให้ดูมากเท่าไรนัก เพราะตลาดเริ่มวายแล้ว แต่ผู้คนก็ยังเดินกันหนาตา

“พี่ท็อปกินไอติมกันไหม?” แบงค์ถามเมื่อไปถึงร้านสเวนเซนส์ที่ติดกับท่าเรือวังหลัง

“เอาดิ หมาน้อยอยากกินเดี่ยวลิงเลี้ยงให้เอง” ท็อปบอก

“จริงอะ?” แบงค์ย้อนถาม

ท็อปพยักหน้าแล้วคว้ามือแบงค์เดินจับมือกันเข้าไปสั่งไอศกรีมในร้านจากนั้นจึงไปนั่งรอ

“พี่ท็อป” แบงค์เรียก เมื่อเห็นพี่ท็อปพลิกเมนูไปมาแม้ว่าจะสั่งไอศกรีมไปเรียบร้อยแล้ว “สักวันนึงพี่ท็อปจะเลิกรักแบงค์ไหม?”

“ถามอะไรแบบนี้อีกละ หมู่นี้เป็นอะไรเนี่ย ถามบ่อยจังเลย ไม่เชื่อใจพี่เหรอ” ท็อปบอก ขมวดคิ้วอย่างสงสัยมาให้

“เปล่า ๆ” แบงค์รีบปฏิเสธ “ไม่รู้สิ แบงค์แค่คิดว่า สักวันเราสองคนก็จะต้องโตขึ้นจริงไหม? ป่านนั้น เราสองคนจะยังรักกันอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ พี่ท็อปอาจจะต้องแต่งงาน มีครอบครัวที่แสนอบอุ่น มีลูก ถ้าทุกอย่างเป็นแบบนั้นได้ก็คงจะดีเนอะ”

“อย่าคิดไกลขนาดนั้น เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว มาพูดเรื่องพี่ไปมีครอบครัว มีลูกเนี่ยนะ ตลกแล้ว พี่ก็บอกอยู่พี่จะมีแบงค์คนเดียว ถ้ามีลูกได้ ก็เดี๋ยวเราไปรับมาเลี้ยงก็ได้นี่ ถ้าแบงค์อยากมี” พี่ท็อปบอก

“เราสองคนยังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจเรื่องพวกนี้จริงๆนั่นแหละ” แบงค์พึมพำเบาๆ “แบงค์รู้ว่ามันจะต้องเกิด แค่ช้าหรือเร็วก็เท่านั้นเอง” เขามองออกไปนอกหน้าต่างร้าน เอามือท้าวคางให้เห็นรอยจ้ำเขียวปื้นใหญ่ที่อยู่ขนแขน

“แบงค์ แขนเป็นอะไรอีกแล้วเนี่ย เขียวเลย นี่มันออกม่วงเข้มละนะ เป็นอะไรหรือเปล่าหลังๆมันเขียวบ่อยไปไหม?” ท็อปสังเกตจนต้องพูดออกมา

แบงค์รีบเอามือวางไว้ใต้โต๊ะ “อย่าไปสนใจเลยพี่ แบงค์เวลาเขียวแล้วจะหายช้าแบบนี้แหละ เป็นมานานแล้ว” เขาตอบตีสีหน้าเป็นปกติ “ถ้าวันนึงแบงค์ไม่อยู่หรือต้องห่างกับพี่ท็อปไป สัญญานะ ว่าจะไม่ลืมกัน”

“อะไรของแบงค์อีกเนี่ย คำก็บอกเดี๋ยวพี่จะแต่งงาน คำก็บอกเดี๋ยวจะไม่เจอกัน เป็นอะไรเนี่ย หมอดูเหรอไง สนใจแค่ปัจจุบันก็พอแล้วไอ้หมาน้อย อนาคตจะยังไงก็ช่าง วันนี้ ตอนนี้ พี่รักแบงค์ แล้วพรุ่งนี้พี่ก็จะรักแบงค์ โอเคไหม ? บรรยากาศดีๆจะเสียหมดนะแบงค์นะ” ท็อปบอกเสียงแข็ง

แบงค์หัวเราะออกมาเบาๆ “จำคำของพี่ให้ดีก็แล้วกัน พี่ท็อป...วันที่แบงค์ไม่อยู่แล้ว พี่จะได้รู้ว่าพี่จะลืมแบงค์ไหม”

“แค่ไม่เจอกันสองสามชั่วโมงพี่ก็แทบคลั่งแล้ว ถ้าต้องแยกจากกันจริงๆ พี่ขอเป็นคนจากไปเองดีกว่า” ท็อปบอก “เข็ดแล้วจากหนที่แล้ว อย่าให้เกิดอีกเลย”

“อ้าว แล้วแบงค์ล่ะ ถ้าพี่ท็อปทิ้งแบงค์แล้วแบงค์จะอยู่ยังไงล่ะ” แบงค์โวยวายขึ้นมาแทน

“น่ะ ทีนี้มาพูด เมื่อกี้ก็ถามอยู่ได้ พอพี่พูดมั่งก็มาโวยวายซะงั้น... เอ้า ไอติมมาแล้ว พอ พอ ไม่ต้องคิดมากแล้ว ได้เวลากิน ให้ป้อนไหม?” ท็อปบอก รีบตัดบทเมื่อเห็นไอศกรีมมาเสริ์ฟ

“ไม่เอา คนเยอะแยะ กินใครกินมันดีกว่า” แบงค์พูด แล้วเด็ดลูกเชอร์รี่เข้าปาก

อากาศค่อยๆเย็นลงเรื่อยๆเมื่อเวลาคล้อยมาร่วมหกโมงเย็น ทั้งสองคนนั่งเรือย้อนมาแถวสะพานพุทธ ยืนพิงรั้วริมแม่น้ำ พลางมองคนเดินสัญจรผ่านไปมา ทั้งเรือเอยและแสงไฟที่เริ่มเปิดให้เห็นเป็นแสงสีส้มชวนสบายตา อากาศเย็นๆแสงผากผ้าอ้อมบนขอบฟ้าทำให้ทุกอย่างดูผ่อนคลายและไม่รีบร้อน

“เราคบกันมาจะเกือบปีละเนอะ” แบงค์พูดขึ้น หันหน้าไปมองพี่ท็อป “เวลาผ่านไปไวชะมัดเลย” ทั้งสองคนกำลังยืนอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมสะพาน

“อืม ช่าย ใกล้จะปีนึงแล้วจริงๆ ทุกๆอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนพี่แทบจะจำไม่หมดเลยล่ะ” พี่ท็อปตอบ

“ถ้าวันนั้น เราสองคนไม่ได้เริ่มตัดสินใจที่จะสานสัมพันธ์กัน ป่านนี้เราจะทำอะไรกันอยู่นะ?” แบงค์ถามขึ้นเล่น ๆ

“ก็...ไม่รู้สิ บางทีพี่ก็คงอาจจะเปลี่ยนแฟนไปเรื่อยๆเหมือนเดิม วันๆก็เอาแต่ทะเลาะกับพ่อ แล้วก็เล่นเกมส์ละมั้ง” ท็อปพูด หันหน้ามามองแบงค์

“แต่ถ้าถามแบงค์ล่ะก็ ... แบงค์ก็คงนึกไม่ออก เพราะตั้งแต่มีพี่ท็อปมาอยู่ข้าง ๆ แบงค์ก็คิดไม่ออกเลยว่า ถ้าไม่มีพี่ท็อป แบงค์จะเดินต่อไปข้างหน้าแบบไหน” แบงค์บอก เขินจนหน้าแดง

“แบงค์” ท็อปเรียก เขาเองก็รู้สึกอึ้งกับสิ่งการที่แบงค์บอกความรู้สึกนี้ออกมา “ถึงแบงค์จะบอกพี่ว่า วันนึงเราอาจจะต้องแยกจากกัน แต่พี่สัญญาว่า เราจะมีกันและกันตลอดไป ถึงแม้อนาคตมันคาดเดายาก พี่ขอสัญญาไว้ตรงนี้วันนี้ ว่าจะอยู่ข้างๆไม่ทิ้งไปไหนแล้ว”

“อืม” แบงค์ยิ้มพยักหน้าตอบ “การจากลาเป็นเรื่องปกติของโลกนะพี่ท็อป มีพบก็ต้องมีจาก มีรักก็ต้องมีเลิก ต่อให้เราสัญญาว่าจะรักกันตลอดไป สักวันไม่เราคนใดคนหนึ่งก็ต้องจากอีกคนหนึ่งไปก่อนอยู่ดี”

“พูดถึงเรื่องจบม.6 หรือเปล่าเนี่ย? จากๆลาๆ” ท็อปถามเริ่มหงุดหงิดที่แบงค์เอาแต่พูดให้เสียบรรรยากาศ

แบงค์แอบปาดน้ำตาออก เขารู้ตัวมาตลอดว่าการพูดถึงการจากลาของเขาหมายถึงอะไร เพียงแต่เขายังบอกพี่ท็อปไม่ได้เท่านั้น
“อือ ถ้าพี่ท็อปจบ ม.6 แล้ว แบงค์ก็อาจจะไม่ได้เจอพี่ท็อปอีกเหมือนเดิม พี่ก็คงยุ่งๆ

“คิดไกลอีกแล้ว ไอ้หมาน้อย” ท็อปบอกลูบหัวน้อง “เดี๋ยวเราค่อยคุยกันก็ได้ว่าจะเรียนม.ไหน พอพี่สอบเข้ามหาลัยได้แล้ว แบงค์ก็สอบตามพี่เข้าไปเรียนด้วยกันสิ ได้อยู่หอเดียวกันได้ด้วยน้า....โดนจัดทั้งวันทั้งคืนแน่ๆ”

แบงค์ได้แต่หัวเราะร่าไปกับรุ่นพี่ ไม่ได้ตอบอะไรสลักสำคัญนอกจากรอยยิ้มที่มีความสุขของเขาที่มอบให้กับท็อปเป็นคำตอบ

ท็อปล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงแล้วค่อยๆจับมือของแบงค์ขึ้นมา พร้อมกับเอากล่องเล็กๆวางใส่บนมือ
“ลองเปิดดูดิ” ท็อปบอก “มีอะไรจะให้”

แบงค์ค่อยๆแกะกล่องน้อยๆออกมาดู ข้างในเป็นจี้สีเงิน รูป แม่กุญแจและลูกกุญแจ โดยที่เป็นจี้แยกกันสองจี้ ส่วนที่เป็นแม่กุญแจเล็กๆนั้น สามารถเปิดออกดูข้างในได้ มีรูปแบงค์และท็อปอยู่กันคนละด้าน ส่วนจี้อีกอันเป็นรูปกุญแจด้านหน้าหลังเป็นรูปของท็อปและแบงคอยู่คนละด้านเช่นกัน

“โห พี่ท็อป สั่งทำเลยเหรอ?” แบงค์อุทานเมื่อเห็นของที่พี่ท็อปให้ “มันสวยมากเลย...แล้วก็ดูท่าจะแพงมากด้วย”

“เรื่องราคาพี่ไม่ยั่น พี่สนที่คุณค่าที่พี่ให้กับใคร...แบงค์เก็บจี้รูปแม่กุญแจไว้ ส่วนพี่จะเก็บรูปลูกกุญแจเอาไว้นะ” ท็อปบอก ค่อยๆ หยิบสร้อยของตนขึ้นมาใส่ให้รุ่นน้อง “เป็นของหมั้นล่วงหน้า

แบงค์รู้สึกหน้าแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจนท็อปหัวเราะออกมา “ไง ดีใจอะดิ.... พี่เป็นคนโรแมนติกไหม?” ท็อปถามขำๆ

“ก็ไม่นะ ก็ยังซาดิสม์เหมือนเดิม” แบงค์ตอบติดตลก

“ขอบคุณที่อยู่ข้างกันเสมอมานะ” พี่ท็อปบอกก่อนจะลากตัวแบงค์เข้าไปกอด

“อายเค้า พี่ท็อป คนเดินไปเดินมาเยอะนะ” แบงค์บอกเขิน ๆ

“หกโมงกว่าแล้ว มันมืดอยู่ อีกอย่างไม่มีใครสนใจหรอกน่า ขอพี่กอดแบงค์นานๆสักพักนึงนะ ยิ่งอากาศเย็น การได้กอดแบงค์มันทำให้พี่อุ่นไปถึงหัวใจเลย” ท็อปพูด

แบงค์จึงไม่ขัดขืน กอดตอบรุ่นพี่ เขาเองอยากให้ช่วงเวลานี้หยุดไปนานๆแสนนาน

“พี่ท็อป....ต่อไปนี้ ถ้าต้องอยู่คนเดียวบ้างก็อย่าเหงานะ” แบงค์บอกเบาๆ แอบอิงไปกับหน้าของพี่ท็อป เขารู้ตัวดีว่าถ้าหากอาการของเขาแย่ลงเรื่อยๆมากกว่านี้ เขาอาจจะไม่ได้อยู่เที่ยวเล่นกับท็อปแบบนี้อีกแล้ว

“อะไรของแบงค์อีกเนี่ย พูดอะไรแปลกๆเรื่อยเลยนะ มีอะไรปิดพี่หรือเปล่า” ท็อปถาม มองหน้าน้องอย่างสงสัย

“ไม่มีอะไร เผื่อแม่จะพาแบงค์กลับไปหาญาติที่เชียงใหม่ตอนปีใหม่น่ะ เลยบอกไว้ก่อน” แบงค์ปด

 “อ๋อ ปีใหม่มันกี่วันกันเชียว...เดี๋ยวก็ได้เจอกันอยู่ดีแหละน่า” ท็อปบอก มองไปบนท้องฟ้า “มืดแล้ว เดี๋ยวเรากลับกันเถอะ แม่แบงค์จะเป็นห่วงเอา” พี่ท็อปบอก แล้วพาน้องกลับมาที่ท่าเรือ

เมื่อถึงเวลาที่ควรจะต้องกลับบ้านเสียที ทั้งสองคนจึงรีบนั่งเรือแล้วย้อนกลับมาที่เส้นทางเดิม

“พี่ท็อป แล้วตอนนี้พี่มีโทรศัพท์ใหม่ใช้หรือยัง?” แบงค์ถาม เพราะทั้งสองคนเดี๋ยวนี้ตอนกลางคืนจะคุยผ่านการแชทในเฟซบุคมากกว่า

“ก็ใช้รุ่นปกติอะ ไม่ใช่สมาร์ทโฟน พ่อพี่ให้ยืมมาแทนเครื่องเดิม” ท็อปบอก ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ธรรมดาๆ เครื่องเล็กๆขึ้นมาให้ดู “เดี๋ยวเดือนหน้าก่อนว่าจะซื้อใหม่แหละ ตอนนี้ใช้แบบนี้ไปก่อน เก็บตังอยู่”

“แล้วเบอร์ จะยังใช้เบอร์เดิมใช่ไหมอะ?” แบงค์ถามอีก

“อือ..ก็ถ้ามีอะไรด่วนก็โทรมาก็แล้วกัน แต่เดี๋ยวพี่จะกลับบ้านไปชาร์จก่อนแบตจะหมดแล้วแหละ” ท็อปแนะนำ

“งั้น วันนี้แบงค์เดินกลับบ้านเองก็ได้นะ พี่ท็อปไม่ได้เอารถมอเตอร์ไซค์มานี่นา เดี๋ยวจะกลับดึกเกินไป” แบงค์บอก “แน่ใจนะว่าเดินกลับเองได้อะ พี่ไปส่งดีกว่าไหม?” ท็อปถามย้ำ ใจจริงเขาอยากตามไปส่งแบงค์มากกว่า

“น่า วันนี้อยู่กันนานละ ให้แบงค์กลับเองบ้าง จะได้มีเวลาคิดถึงพี่ท็อปไง” แบงค์บอก

ท็อปยิ้มก่อนจะเอามือยีหัวคนรัก “ก็ได้...คิดถึงให้เยอะๆล่ะ”

แบงค์และท็อปโบกมือลากัน จากนั้นจึงแยกกันกลับ แบงค์เดินกลับบ้านไปยังตรอกเล็กๆตรอกเดิม ที่พาไปสู่บ้านอันแสนอบอุ่น วันนี้แม่บอกว่า แม่จะกลับเร็ว เป็นไปได้ที่แม่อาจจะทำกับข้าวเอาไว้เผื่อเขาด้วย แบงค์เดินเลาะเข้าตรอกไปเรื่อย ๆ พลางเอามือจับจี้รูปแม่กุญแจที่พี่ท็อปสั่งทำให้เขา เป็นของสำคัญอีกหนึ่งชิ้นที่เขาได้รับจากพี่ท็อป

นับตั้งแต่วันที่ทั้งสองคนได้ตกลงกันว่าจะเป็นคนรักกัน ทุกวันของแบงค์ก็ค่อยๆเปลี่ยนไป จากเด็กที่ต้องเข้ามาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ จากชีวิตที่ไม่รู้ว่าอนาคตจะต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่เมื่อมีพี่ท็อปเข้ามาแต่งแต้มสีสันของชีวิต มีทุกข์ มีสุข แบงค์ก็เข้าใจและรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า นี่คือ ความรัก รักครั้งนี้อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกของเขา แต่มันคือ “รักจริงๆ” ที่เขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่พี่ท็อปมอบให้และเป็นอีกหนึ่งครั้งที่เขากล้าเรียกได้ว่า รักครั้งนี้นั้น เขาและพี่ท็อปเป็นเจ้าของใจร่วมกัน

ในขณะที่กำลังคิดสระตะเพลินๆ อยู่นั้น ก็มีเงาดำโผล่ขึ้นมาจากมุมตึกด้านหลังของแบงค์ พร้อมกับถือไม้หน้าสามขนาดใหญ่ ในตรอกค่อนข้างมืด จะมีก็เพียงแสงไฟนีออนที่ทิ้งห่างเป็นระยะไกลๆอยู่ให้เห็น เงาดำนั้น ค่อยๆเคลื่อนตัวมาอย่างช้าๆไม่ทันให้แบงค์รู้ตัว เมื่อถึงระยะประชิด เงาดำนั้นจึงฟาดกระหน่ำไม้หน้าสามลงที่ท้ายทอยของแบงค์อย่างแรง แบงค์ล้มลงกับพื้นทันที เลือดสีแดงไหลออกมาจากบาดแผลเป็นก้อน ๆ จากนั้นเงาดำนั้น จึงถีบแบงค์ที่กำลังฟุบลงกับพื้นให้กระเด็นหลบไปกองอยู่ข้างทาง ก่อนจะฟาดไม้ลงที่หลังและแขนของแบงค์อีกครั้งจนเขากระอัก

ไม่ทันที่แบงค์จะได้ร้องขอความช่วยเหลือ โลกทั้งโลกหมุนติ้ว อากาศที่เขาสามารถหายใจเข้าออกได้นั้น เริ่มขาดเป็นช่วง ๆ เขาเห็นเงาดำนั้นค่อยๆวิ่งหนีไป เขาไม่ทันได้เห็นว่า คนที่เข้ามาทำร้ายเขานั้นเป็นใครและเข้ามาทำร้ายเขาทำไม เพราะไม่มีวี่แววของการชิงทรัพย์อะไรทั้งนั้น สิ่งหนึ่งที่เขาคิดเมื่อเห็นเลือดที่ไหลออกมามากมายตรงหน้า....คือเสียงของหมอที่เฝ้าพร่ำบอกกับเขาอยู่ตลอดที่เขาไปหาหมอ “อย่าให้เป็นแผลใหญ่หรือโดนกระแทกอะไรแรงๆก็พอ เพราะเลือดหนุ่มไหลหยุดช้า”

แบงค์พยายามออกแรงสุดกำลังเท่าที่จะทำได้ในการพยุงตัวขึ้นมา อย่างน้อยก็ไปขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่ใกล้ที่สุด เพราะถ้าขืนนอนอยู่ในตรอกนี้ต่อไป เขาคงไม่มีทางรอดเป็นแน่ ยิ่งทั้งตรอกนี้นั้น ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปมามากนัก แต่ด้วยเหมือนแขนเขาจะหักเพราะแรงฟาดที่ถูกกระทำมา และเลือดที่ไหลไม่หยุด ทำให้เขาค่อยๆหน้ามืดลง ๆ ยิ่งเขาพยายามดิ้นเท่าไร หัวใจก็ยิ่งสูบฉีดเลือดมากขึ้นๆ จนเขาเริ่มมึนหัว อาการฮีโมฟีเลีย ชนิดเอ กำลังทำงานกับระบบร่างกายแบงค์อย่างหนัก

แบงค์ล้มตัวลงนอนขด ภาพที่เห็นเริ่มพร่าและแตกลาย เขารีบใช้มือข้างที่ยังปกติดีล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมา พยายามกดเบอร์พี่ท็อปที่เขายังพอจำได้อยู่แล้วกดโทรออก แต่ทว่า....สติของเขาก็ได้หลุดลอยออกไปก่อนที่ปลายสายจะพูดตอบกลับมาว่า

“หมายเลขที่คุณเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ Sorry the number you’ve dialed is not available in this time.....”

จบบทที่ 30 ครับ ....

สำหรับ ตอนต่อจากนี้ผมขออัพเดทเฉพาะวันศุกร์นะครับ ^ ^
ยังไงก็ขอคอมเมนต์มั่งนะครับ ^^ เป็นกำลังใจให้โผมหน่อยยย
  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 30 อัพ 17/04)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 17-04-2015 23:28:00
ใครหว่าาา ปลาคาร์ฟแหงๆๆเลยอ่ะ

ปล.ได้อ่านอาทิตย์ละครั้งเองหรอออออออออออออ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 30 อัพ 17/04)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 17-04-2015 23:43:24
ใครหว่าาา ปลาคาร์ฟแหงๆๆเลยอ่ะ

ปล.ได้อ่านอาทิตย์ละครั้งเองหรอออออออออออออ

 :pig4: :pig4: :pig4:

เหลืออีก 4 ตอนเองก็จบแบ้วครับ อดทนหน่อยนะครับ อิอิ ^^ (แนะนำให้ไปช่วยอ่านเรื่องใหม่ 55+)
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 30 อัพ 17/04)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 17-04-2015 23:53:30


เหลืออีก 4 ตอนเองก็จบแบ้วครับ อดทนหน่อยนะครับ อิอิ ^^ (แนะนำให้ไปช่วยอ่านเรื่องใหม่ 55+)

แหนะๆๆ มีแผนๆ 55555

 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 30 อัพ 17/04)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 18-04-2015 00:09:20
ไม่น้าาาา ขอให้แบงค์อย่าเป็นอะไรเลย ใครก็ได้ช่วยแบงค์ที

เค้าไม่ชอบนะถ้าจบไม่แฮปปี้เนี่ยะ มันทำให้จิตตกไปเป็นอาทิตย์ๆ เลยอ่ะ ฮืออออ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 30 อัพ 17/04)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-04-2015 00:18:08
อีคาร์พอีกรึป่าวเนี่ยะ มันชั่วมากๆๆๆๆๆ แบงค์จะเป็นไรไหมนะ เฮ้อออ สงสารแบงค์มากๆ :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 30 อัพ 17/04)
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 18-04-2015 10:11:53
แบงค์ตาย ท็อปหันมารับรักคราฟ จบ สบายใจ เหอๆ ถ้าเป็นแบบนี้จะเกลียดคนแต่ง
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 30 อัพ 17/04)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 18-04-2015 21:14:50
จิ้มๆๆ ทิ้งไว้ อดทนรออีก เดือนจบแล้วค่อยอ่านรวดเดียว ทำใจก่อนอ่านเม้นแล้วยังไม่อยากอ่าน  :mew2:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 30 อัพ 17/04)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 20-04-2015 20:46:55
ขอกำลังใจให้แบงค์หน่อย   :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 30 อัพ 17/04)
เริ่มหัวข้อโดย: LeeGwakNAT ที่ 23-04-2015 19:29:24
พรุ่งนี้เเล้วสินะที่จะได้อ่านต่อ เป็นกำลังใจให้นะครับ :D
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 31 อัพ 24/04)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 24-04-2015 22:37:28
ก่อนจะอ่านบทที่ 31 ขอให้ฟังเพลงนี้ไปพลางๆครับ เรื่องจริง:Singular (https://www.youtube.com/watch?v=QdGsnoPGWyk)

บทที่ 31
ความทรงจำ   

                     
ท็อปกำลังนอนอ่านหนังสือการ์ตูนเล่มเก่าที่เขาซื้อมาไว้หลายวันแล้วแต่ยังไม่ได้เริ่มอ่านขึ้นมา พร้อมกับคว้ามันฝรั่งทอดกรอบขึ้นมาเคี้ยวเล่นเพลินๆ อากาศเย็นๆ สบายๆในวันหยุดแบบนี้  ไหนจะได้ไปเที่ยวเล่นกับแบงค์อย่างที่เขารอคอย ก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายไปได้มากทีเดียว

หลังจากที่อ่านไปได้สักพัก เขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า โทรศัพท์มือถือของเขาแบตเตอร์รี่กำลังจะหมดตั้งแต่เมื่อเย็น จึงรีบเดินเอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาและพบว่า โทรศัพท์นั้นยังคงแบตหมดและดับไปนานแล้ว ทันทีที่เขาเปิดเครื่องและเสียบสายชาร์จ ก็มีข้อความแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับหนึ่งสายขึ้นมา

- - แบงค์ - -

“เอ๊ะ ทำไมรีบโทรกลับมาจัง ทั้งๆที่เพิ่งแยกกันได้แป๊บเดียวนี่นา” ท็อปพึมพำ เมื่อมองดูเวลาที่มีสายเรียกเข้ามา “ไหนบอกว่า อยากมีเวลาคิดถึงกันไง” ท็อปพูด ยิ้มให้กับตัวเอง ก่อนที่จะลองโทรกลับไป แต่ว่า โทรไปกี่ครั้ง โทรศัพท์ก็ไม่มีใครรับสาย
“คงหลับไปแล้วมั้ง ?” ท็อปคิด ก่อนที่จะมีเสียงออดดังขึ้นที่หน้าห้องชุดของเขา

“ท็อปไปดูซิ ว่าใครมา” เสียงพ่อตะโกนบอกจากในห้องทำงานที่อยู่ติดกับห้องนอนของเขา เขาจึงเดินออกจากห้องของตนแล้วไปดูที่หน้าห้องว่าใครมา

เสียงออดยังคงกดอย่างต่อเนื่องจนน่ารำคาญ ท็อปรีบวิ่งไปเปิดประตูให้เร็วเพื่อให้รู้ว่าใครกันที่มาหายามดึกดื่นป่านนี้
“อ้าว....หวาน เธอมาทำไมเนี่ย? ดึกขนาดนี้” ท็อปอุทาน เมื่อเห็นหวาน ยืนหน้าตาตื่นอยู่ที่หน้าประตู การพบเจอหวานที่หน้าประตูบ้านในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดหวังนัก

“ท็อป....ฟังที่เราพูดให้ดีนะ....” หวานพูด อ้ำอึ้ง เมื่อเห็นหน้าเพื่อน

“ทำไม ? มีอะไร ?” ท็อปถามอย่างรำคาญ เรื่องอะไรที่ทำให้หวานถึงกับจำเป็นต้องดั้นด้นมาถึงบ้านของเขา

“เมื่อกี้มีแจ้งเข้ามาที่โรงเรียน พอดีว่า วันเสาร์นี้ เราอยู่ที่โรงเรียน ช่วยงานเอกสารอาจารย์ที่ห้องปกครองจนดึกกับพวกครูที่เขากำลังวางแผนเรื่องงานปีใหม่ แล้วแม่ของแบงค์ก็โทรแจ้งเข้ามาในโรงเรียน....”

ท็อปเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากลกับสิ่งที่หวานกำลังพูด ยิ่งนึกถึงโทรศัพท์ที่แบงค์ไม่ยอมรับสาย ยิ่งทำให้ท็อปรู้สึกหวั่นๆในใจ

“แบงค์ถูกคนดักตีตอนระหว่างทางกลับบ้าน ตอนนี้บาดเจ็บสาหัส ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน เสียเลือดมากโข เหมือนว่าแขนจะหักด้วย ตอนนี้ตำรวจกำลังรีบรวบรวมพยานหลักฐานว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราเลยรีบมาบอกท็อปก่อน เพราะเรารู้ว่าท็อปยังไม่มีโทรศัพท์มือถือใช้.....” หวานรีบพูด

ท็อปรู้สึกเหมือนหัวใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม นี่มันอะไรกันเนี่ย ? ทั้งๆที่พวกเขาห่างกันได้ไม่นาน ทำไมถึงเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไร

“หวาน....เธออำเราเล่นรึเปล่า ไม่ตลกเลยนะ” ท็อปพูด หน้าซีดเผือด หวังในใจลึกๆว่านี่คือเรื่องล้อเล่น

“เราไม่ล้อเล่นกับเรื่องคนเจ็บหรอกนะ...เขานอนอยู่ที่เซนต์หลุยส์ จะไปดูอาการไหม?” หวานบอก

“งั้น เดี๋ยวเราไปเอากุญแจรถก่อน” ท็อปพูด มือสั่น ใจสั่นไปหมด พลางวิ่งไปควานหากุญแจรถมอเตอร์ไซค์ที่วางอยู่เมื่อเย็น แต่ด้วยความตกใจกับอารามขวัญเสีย ทำให้หาข้าวของไม่เจอ

“ใครมาน่ะลูก?” อาจารย์สายัณห์เดินออกมาข้างนอก เห็นหวานยืนอยู่ที่หน้าประตู “อ้าว หทัยรัตน์... มาทำอะไรดึกป่านนี้”

“สวัสดีค่ะ อาจารย์ หนูมาบอกท็อปว่า ตอนนี้แบงค์เขาโดนคนทำร้าย อาการบาดเจ็บสาหัสอยู่นอนอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนี้ เพื่อนๆกับแม่ของแบงค์น่าจะไปถึงที่โรงพยาบาลกันแล้ว” หวานแจ้งข้อมูล

อาจารย์สายัณห์ก็ตกใจไม่แพ้กันเมื่อได้ยินข่าว หันหน้าไปมองลูกชายที่กำลังหากุญแจรถอย่างกระวนกระวาย ยิ่งหา ยิ่งไม่เจอ มือไม้ของเขาสั่นไปหมด

“งั้น ท็อปกับหนู ตามพ่อมา เดี๋ยวพ่อพาไปเอง อารมณ์นี้ท็อปมันคงขับมอเตอร์ไซค์ไม่ไหวแน่...” พ่อพูด ท็อปหันมามองพ่อด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้ง เขารีบสวมกางเกงขายาวที่เพิ่งถอดเอาไว้ จากนั้นจึงรีบออกจากห้องตามเพื่อนและพ่อออกมาให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะไปดูอาการของแบงค์ที่กำลังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล

“หมอได้บอกอะไรเพิ่มเติมมาบ้างไหม? หวาน?” ท็อปถาม เมื่อรถเริ่มแล่นออกจากคอนโด

“ทันทีที่เรารู้ เราก็รีบออกมาเลย รายละเอียดเรื่องอาการเราก็ไม่รู้อะไรเท่าไร พวกเราคงต้องไปถึงโรงพยาบาลก่อน เดี๋ยวพี่กายก็จะตามมาด้วย เราเห็นว่าพวกเธอทั้งหมดน่าจะสนิทกัน ก็เลยรีบมาบอก” หวานเสริม

ท็อปรู้สึกโกรธตัวเองอย่างมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เจ็บใจเสียยิ่งกว่าเจ็บใจ ถ้าเกิดว่า เขาอยู่ด้วยแต่แรก เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิด น้ำตาลูกผู้ชายค่อยไหลรื้นขึ้นมาจนเต็มเบ้าตา อ.สายัณห์เหลือบมองดูลูกชายที่นั่งตัวสั่นอยู่ด้านที่นั่งเบาะหลังของรถ รู้สึกสงสารจับใจ

-----------------------------------------------------------------------------

เมื่อไปถึงโรงพยาบาล แม่ของแบงค์ที่รออยู่หน้าห้อง นั่งร้องไห้ไม่หยุดเรื่องลูกชายของเธอถูกทำร้าย พร้อมป้าอีกคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่ผ่านมาเจอแบงค์นอนสลบเหมือดอยู่จึงเรียกรถพยาบาลและตำรวจมาช่วย ป้าคนนี้จำแบงค์ได้ว่าเป็นลูกชายของบ้านหลังไหน จึงรีบไปแจ้งข่าว พร้อมกับช่วยให้การกับตำรวจเรื่องสถานการณ์ทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้น

เปิ้ลและเกด ต่างยืนร้องไห้สงสารเพื่อนอยู่หน้าห้อง จะมีเหลือก็เพียงเกมส์ที่ยังนั่งอยู่อย่างกระวนกระวายใจ เมื่อเห็นพี่ท็อปอ.สายัณห์ และหวานเดินเข้ามา จึงรีบวิ่งไปหา

“มันเกิดอะไรขึ้น เกมส์ บอกพี่มา มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้” ท็อปถามเสียงสั่น

“เท่าที่ผมได้ยินจากป้าแก้วที่เจอแบงค์ ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนทำ เพราะไปถึงก็เจอแบงค์นอนจมกองเลือดอยู่ ตอนนี้แบงค์ยังไม่รู้สึกตัวครับพี่ แล้วหมอก็ยังตอบอะไรไม่ได้ เพราะว่า แรงตีสาหัสจนกระโหลกด้านหลังเหมือนจะร้าว” เกมส์บอก ตัวเขาเองก็รู้สึกใจหายไม่แพ้กัน “ผมเพิ่งรู้อีกอย่างจากแม่ของแบงค์” เขาเสริม

“รู้อะไรเหรอ เกมส์ บอกพี่มาเดี๋ยวนี้” ท็อปถามอย่างร้อนใจ

“แบงค์เป็นฮีโมฟีเลีย... ผมก็ไม่รู้ว่ามันคือโรคอะไรจนพี่พยาบาลมาเล่าให้ผมฟังว่า มันคืออาการเลือดไหลไม่หยุดกับพวกเลือดออกตามข้อแล้วก็กล้ามเนื้อได้ง่าย” 

ท็อปแทบจะทรุดลงทั้งยืน แต่มีพ่อช่วยพยุงตัวเอาไว้ “ทำใจดีๆไว้ท็อป ไปนั่งที่เก้าอี้ก่อน” พ่อพูด โอบตัวลูกชายที่อยู่ในสภาวะตกใจขึ้นมา

เขานึกถึงอาการต่างๆที่แบงค์มีหลังจากเกิดเรื่องที่คาร์พชกหน้าของน้อง ไม่ว่าจะเป็นเลือดกำเดาที่ไหลมาให้เขาเห็นเป็นระยะ อาการเขียวเป็นจ้ำๆของแบงค์ตามแขนและขา หลายครั้งที่เขาไปนอนด้วยกันและได้เห็นแบงค์ถอดเสื้อบ้าง ถอดกางเกงบ้าง เขามักจะเห็นว่าแบงค์มีรอยเขียวจ้ำเยอะกว่าที่เคย แต่แบงค์ก็มักปฏิเสธว่าเขาเดินชนของบ้าง ล้มบ้าง จนท็อปต้องคอยบอกว่า “อย่าซุ่มซ่ามสิ”

“พ่อ...ท็อปปล่อยให้น้องกลับบ้านคนเดียว ถ้าท็อปไปส่ง น้องก็คงไม่โดนเรื่องแบบนี้” ท็อปโวยวายอย่างเจ็บใจ หันหน้าไปซบพ่อกอดพ่อร้องไห้ลั่น

“โทษตัวเองไปก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาหรอก ตั้งสติก่อน”

“นี่น้องท็อปใช่ไหมครับ?” ตำรวจที่เพิ่งคุยกับป้าแก้วเสร็จก็เดินเข้ามาหาท็อป “เท่าที่ผมตรวจดูหลักฐานจากโทรศัพท์ที่โทรออกเบอร์สุดท้าย เหมือนว่าเบอร์น้องจะเป็นเบอร์สุดท้ายที่โทรออก ผมอาจจะต้องให้น้องไปให้ปากคำเล่าเรื่องนิดหน่อยว่า เรื่องมันเกิดขึ้นอะไรมายังไง ทำไมถึงมีมูลเหตุจูงใจให้ผู้เสียหายถูกทำร้ายสาหัสขนาดนี้”

ท็อปเงยหน้าขึ้นมา “ดะ..ได้ครับ”

“งั้นเชิญห้องนี้เลย ผมจะขอเก็บข้อมูลคร่าวๆก่อน จะได้นำไปทำเรื่องต่อที่สน.” ตำรวจจึงนำพี่ท็อปไปสอบสวนที่ห้องว่างที่จัดไว้

“พวกหนูรู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมแบงค์ถึงมีคนมาดักตีแบบนี้? เขาไปทะเลาะอะไรกับใครที่ไหนหรือเปล่า?” แม่ของแบงค์ถามขึ้นเมื่อทุกๆคนมาอยู่กันพร้อมหน้า แต่ไม่มีใครที่พวกเขารู้สึกว่าสงสัยมากพอที่จะเป็นเหตุจูงใจถึงขั้นมาทำร้ายกันซึ่งหน้าแบบนี้ ยิ่งตอนนี้ทุกคนไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องรอให้แบงค์ฟื้นเพียงอย่างเดียว

ปลาคาร์พที่รู้เรื่องทีหลังจากแม่จึงรีบตามมาหาที่โรงพยาบาล มาถึงก็เจอแค่หวานกับอาจารย์สายัณห์และกลุ่มเพื่อนรุ่นน้องที่กำลังนั่งซึมกันอยู่ทั้งหมด “ตอนนี้ทุกอย่างเป็นยังไงมั่ง” ปลาคาร์พถามขึ้น

หวานจึงเรียกคาร์พมานั่งใกล้ๆ แล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง

“แล้ว...ใครล่ะที่เป็นคนทำแบบนี้?” คาร์พพูด เขาเองก็ตกใจไม่น้อยที่เกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงแบบนี้ หวานได้แต่อ้ำอึ้งพูดไม่ออกเพราะตัวเธอเอง เมื่อเห็นสภาพท็อปที่เสียใจอย่างหนัก ทำให้เธอรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆไปด้วย

“เรื่องนี้ แบงค์เท่านั้นที่จะให้คำตอบเราได้ เรามารอฟังคำตอบหลังจากที่น้องฟื้นขึ้นมาแล้วจะดีกว่านะ” หวานบอกจบ พอดีกับที่ท็อปออกมาจากห้องที่เข้าไปให้ปากคำกับตำรวจเพียงลำพัง

“เป็นไงมั่งท็อป” คาร์พทักเพื่อนเมื่อเห็นเพื่อนคอตกเดินมา

“กูจะฆ่ามัน ไม่ว่ามันจะเป็นใครที่ไหน ที่มาทำแบบนี้กับแบงค์” ท็อปพูด กัดฟันกรอด “ไม่ว่ายังไง กูจะต้องรู้ให้ได้”

ปลาคาร์พมองเพื่อนที่ส่งสายตาอาฆาตแค้นไปให้กับบุคคลที่ไม่รู้จักแม้แต่หน้าตาหรือชื่อแซ่ หน้าของท็อปแดงไปหมดด้วยความโกรธ เกลียด แค้น เขากลืนน้ำลาย ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นท็อปในโหมดแสดงความโกรธมากขนาดนี้มาก่อน

พี่กายรีบวิ่งหน้าตาตื่นมาที่ห้องฉุกเฉินไล่ๆกัน สายตากวาดหาทั้งท็อปและหวานที่ส่งข่าวไปบอกเขา “ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะ? มันเกิดอะไรยังไงกันแน่ ทำไมถึงปล่อยให้แบงค์โดนทำร้ายได้ยังไง” เขาโวยวาย เดินปรี่ไปหาท็อป

ท็อปที่ร้องไห้และโกรธจนหน้าแดง ก้มหน้าหลบสายตาพี่กายอย่างสำนึกผิด “ผมผิดเองครับพี่ ผมไม่ได้ไปส่งน้องที่บ้าน เรื่องมันเลยเกิดแบบนี้”

“แล้วมึงรู้ไหมว่าแบงค์ไม่สบายอยู่ แบงค์บอกมึงไหมว่าเขาเป็นโรคเลือดไหลไม่หยุด” พี่กายร้องไห้ออกมาทันที ปากยังคงโวยวาย เขย่าตัวท็อปอย่างแรง ท็อปไม่ได้ตอบ ได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น จนอาจารย์สายัณห์ต้องรีบเดินเข้ามาห้าม

“กายสิทธิ์ อย่าไปถามหาเลยว่าใครผิดใครถูก เรามาช่วยกันภาวนาเถอะให้ปาฏิหาริย์มันเกิด ขอให้เจนภพฟื้นขึ้นมาก็พอแล้วตอนนี้ อย่าได้เป็นอะไรมากเลย” อาจารย์สายัณห์บอก

พี่กายทิ้งตัวลงนั่งข้างท็อป แล้วทั้งคู่ต่างก็ร้องไห้ออกมา เสียใจกับสิ่งที่ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นในวันนี้เหลือเกิน

-------------------------------------------------------------------------------------------------

ผ่านมาแล้วห้าวัน ข่าวเรื่องแบงค์ถูกทำร้าย กระจายไปทั่วทั้งโรงเรียน ทำให้โรงเรียนต้องออกกฏให้นักเรียนกลับบ้านให้เร็วขึ้นและพยายามอย่าเดินในที่เปลี่ยว เนื่องจากภัยร้ายในมุมมืดเหล่านี้ เราไม่ทราบแน่ชัดว่าจุดประสงค์ของผู้ก่อเหตุคืออะไร ตำรวจยังพยายามหาหลักฐานแวดล้อม เพื่อให้ได้รู้ว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนก่อเหตุ  พยานบุคคลนั้นก็หาได้ยากเต็มที ยิ่งผู้เสียหายยังคงไม่ฟื้นและนอนหลับอยู่ตลอดหลายวันแบบนี้ยิ่งทำให้การตามล่าตัวคนร้ายยังอยู่ในความมืดบอด

ท็อปไม่เป็นอันเรียน ต้องคอยเทียวไปเทียวมาทั้งเช้าและเย็น ยิ่งแม่ของแบงค์นั้น ถึงกับผอมซูบตอบลงไปในเวลาไม่กี่วัน เนื่องจากตัวเธอเองอยู่ลำพังกับลูกชายมาตลอด ถ้าหากว่าแบงค์เกิดเป็นอะไรไปขึ้นมา เธอก็คงไม่ให้อภัยตัวเองเช่นกันที่ย้านถิ่นฐานมาที่นี่

ในช่วงบ่ายวันนี้ ท็อปแอบโดดเรียน มาเฝ้าแบงค์ที่ยังคงนอนหลับไหลไม่รู้ตัวอยู่ ตอนนี้แม่ของแบงค์กลับไปที่บ้านเพื่อนำเสื้อผ้าและของใช้บางอย่างมาเปลี่ยน จึงฝากท็อปให้ช่วยดูแลแบงค์ชั่วคราวตอนช่วงบ่ายนี้ ท็อปได้แต่จ้องมองแบงค์ที่ยังคงสลบ มีเครื่องช่วยให้ออกซิเจนเสียบอยู่ที่ปาก ชีพจรยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง หมอที่ตรวจอาการได้แจ้งให้เหล่าเพื่อนๆทราบว่า แบงค์นั้นยังไม่พ้นขีดอันตราย บวกกับยังมีเลือดคั่งในกระโหลกและมีทีท่าว่าจะยังไม่หยุดไหล เจ้าตัวก็ยังไม่รู้สึกตัว ทั้งนี้หมอก็กำชับทุกๆคนว่าจะพยายามเต็มที่ที่จะยื้อชีวิตของแบงค์เอาไว้ให้ได้ สมองของแบงค์ยังได้รับการกระทบกระเทือนกว่าจะฟื้นตัวรอบนี้จึงอาจจะนานเป็นพิเศษ บวกกับอาการเลือดไหลไม่หยุดของเขาที่ต้องคอยให้เลือดและฉีดแฟ็คเตอร์เข้าเส้นอยู่เป็นระยะเพื่อรักษาลิ่มเลือดให้ทำงานอยู่ในสภาพปกติ

พี่กายก็เช่นเดียวกัน เขาแวะเวียนมาหาแบงค์ทุกวันไม่ต่างจากท็อป เขาสารภาพกับท็อปว่า เขาเป็นอีกคนที่รู้ว่าแบงค์มีอาการฮีโมฟีเลียและแบงค์ก็กำชับเขาเช่นกันว่าอย่าได้บอกเรื่องนี้กับใคร เขาไม่อยากให้ใครเป็นห่วง

ยิ่งได้ฟังแบบนั้นแล้ว ท็อปยิ่งปวดใจ “ทำไมแบงค์ไม่ยอมบอกพี่ ทำไมแบงค์ถึงปิดพี่แบบนี้ ถ้าพี่รู้ว่าแบงค์ไม่สบายแบบนี้ พี่จะได้ดูแลแบงค์ให้ดีกว่านี้” เขาร้องไห้ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องเดิมๆ

“อย่าไปโกรธน้องเลยนะ ท็อป” พี่กายบอกเมื่อมีโอกาสได้อยู่กับท็อปตามลำพัง “แบงค์เขาบอกแล้วก็กำชับพี่ตลอดว่า อย่าบอกพี่ท็อปนะ เขากลัวมึงจะเป็นห่วงจนไม่ทำอะไร แค่เห็นน้องเลือดไหลมึงก็เป็นห่วงจนอยู่ไม่สุขแล้ว ถ้ามึงรู้ว่าน้องเป็นโรคที่รักษาไม่หายแบบนี้ น้องมันเลยเดาได้เลยว่ามึงจะยิ่งไม่เป็นอันทำอะไรแน่”

“ผมไม่เข้าใจ ทำไมถึงต้องปิดผม ทำไมแบงค์เขาไม่คิดบ้าง ว่าถ้าผมรู้เข้าจะได้คอยช่วยดูแล ผมเห็นอาการน้องหลายครั้งหลายหนก็ได้แต่สงสัย ถามกี่ทีก็บอกปัดว่าไม่มีอะไร แล้วผมมารู้ทีหลังแบบนี้ มันโคตรเจ็บใจเลยนะพี่ ผมโคตรรู้สึกแย่มากกับการที่ผมไม่รู้อะไรเลย ไม่แม้แต่จะฉุกคิดจริงจัง” ท็อปบอก น้ำตาไหลออกมาอีกอย่างกลั้นไม่อยู่

“พี่ก็ตั้งใจว่าจะไม่มายุ่งกับพวกมึงแล้ว แต่ก็อดไมได้ ต้องคอยถามอาการแบงค์อยู่ตลอด หลังๆมานี่ เหมือนแบงค์มีความเสี่ยงเรื่องเส้นเลือดในสมองแตกอีกด้วย เพราะบ้านนี้เขามีประวัติเรื่องฮีโมฟีเลียอยู่ ทุกวันอาทิตย์แบงค์มันไปเช็คร่างกายตลอดเลยนะ เพื่อดูอาการอย่างใกล้ชิด เพราะตอนนี้อาการมันเพิ่งเห็นได้ชัดกว่าแต่ก่อน” พี่กายบอกข้อมูล

“ถ้าวันนั้นปลาคาร์พไม่ต่อยน้องจนเลือดออก แบงค์ก็คงไม่มีอาการนี้ใช่ไหมครับพี่? เหมือนมันไปกระตุ้นโรคนี้หรือเปล่า?” ท็อปถาม พยายามโยงเรื่องทั้งหมดให้มาเป็นความผิดของตนเองให้ได้ “ผมเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด”

“ไม่ใช่หรอกท็อป แบงค์เขาเป็นโรคนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่ามันไม่ได้แสดงอาการมากนักเท่านั้นเอง เขามีประวัติเข้ารับการรักษาเพราะเลือดไหลไม่หยุดอยู่ด้วยนะตั้งแต่เด็ก แค่ตอนนี้น้องโตแล้วและอาการของโรคมันพัฒนาขึ้นจนเห็นได้ชัดมากขึ้นแค่นั้นแหละ” พี่กายบอกอย่างเศร้าใจ

“แล้วแบบนี้ แบงค์จะตายไหมครับพี่ ถ้าแบงค์ตาย ผมคงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิตแน่ๆ” ท็อปร้องไห้ออกมา

พี่กายได้แต่นิ่งเงียบ ไม่สามารถหาคำไหนมาปลอบใจตัวเองและท็อปได้อีก

“พี่ไม่รู้ว่ะ พี่ตอบอะไรไม่ได้เลย ตอนนี้ หมอบอกว่าเลือดน้องยังคั่งอยู่แล้วก็มีทีท่าว่าจะหยุดไหลยาก ถ้าเกิดผ่านไปอีกอาทิตย์แล้วยังไม่ดีขึ้น พี่ว่าแบงค์อาจจะ.....” พี่กายพูดไม่จบประโยค เสียงสั่นเครือ

“ผมจะทำยังไงดี ผมจะช่วยน้องได้ยังไง ให้ผมตายแทนน้องได้ไหม ผมจะอยู่ยังไงต่อล่ะ พี่กาย ผม.....ผม.....” ท็อปสะอึกสะอื้น ร้องไห้ออกมาไม่หยุด กายลากน้องเข้ามากอดได้แต่ตบหลัง

“น้องต้องหาย เชื่อพี่ น้องต้องหาย” พี่กายพูดสั้นๆ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ผ่านไปหลายสัปดาห์จนปีใหม่ได้มาถึง บรรยากาศรอบๆตัวในเมืองนั้นต่างก็เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีในการเตรียมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ แต่สำหรับท็อปนั้น ไม่มีอะไรจะน่ายินดีไปกว่าการที่ได้เห็นแบงค์ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อทักทายเขาอย่างเช่นทุกวัน ยิ่งท็อปมองหน้าแบงค์ที่หลับไม่รู้เรื่องก็ยิ่งรู้สึกจุกอยู่ในอกและลำคอ ถ้าเพียงเขาอยู่ด้วยในวันนั้น ป่านนี้พวกเขาก็คงจะหัวเราะมีความสุขและเตรียมตัวรับเทศกาลแห่งความสุขพร้อมๆกับคนอื่นๆเหมือนกัน

“แบงค์” ท็อปพูด “แบงค์จำได้ไหม? ว่าเราเจอกันครั้งแรกทีไหน” เขาพึมพำ แม้จะไม่หวังว่าผู้ฟังจะได้ยินเขาก็ตาม “เราเจอกันครั้งแรกที่โรงอาหาร ตอนปฐมนิเทศน์ แต่ตอนนั้นจะเรียกว่าเรารู้จักกันก็คงไม่ถูก เพราะจริงๆแล้ว เรามาเจอกันจริงๆ ตอนลูกบาสนำโชคนั่นต่างหาก” ท็อปพูดพลางหัวเราะ น้ำตาค่อยๆไหลลงมา “ถ้าไม่มีลูกบาสลูกนั้นลอยมา เราก็คงไม่ได้เจอกันจริงๆ มันคงเป็นโชคชะตาที่นำเรามาเจอกัน” ท็อปเริ่มสะอื้น “แล้วทำไม โชคชะตาถึงต้องพาให้เราเจอกอะไรแบบนี้ด้วยนะ....”

ท็อปเริ่มสังเกตเห็นแบงค์เริ่มขยับมือข้างที่ไม่ได้ใส่เฝือก เปลือกตาเริ่มขยับ

เขาตกใจระคนดีใจ จ้องมองปฏิกิริยาร่างกายของแบงค์ตาไม่กะพริบ “แบงค์” เขาตะโกน “แบงค์รู้สึกตัวแล้วเหรอ?” แบงค์ค่อยๆลืมตาอย่างช้าๆ มองเกลือกตาไปมารอบๆอย่างตาลอยๆ ท็อปเห็นอาการดังนั้นจึงรีบกดปุ่มเรียกพยาบาลให้เข้ามาดูอาการ ไม่เกินห้านาที เมื่อหมอและพยาบาลต่างกรูกันเข้ามาในห้อง ท็อปจึงขอให้รออยู่ด้านนอกของห้อง เพื่อให้หมอได้เช็คอาการของคนไข้อย่างละเอียด เขาได้แต่กระวนกระวายใจ จึงรีบโทรไปแจ้งแม่ของแบงค์เพื่อให้รีบกลับมา เพราะตอนนี้แบงค์มีอาการตอบสนองและลืมตาได้แล้ว

เมื่อแม่ของแบงค์มาถึงก็พอดีกับที่หมอตรวจอาการของแบงค์เสร็จ จึงเชิญทั้งแม่และท็อปเข้ามาฟังผลตรวจเพิ่มเติม

“ยินดีด้วยนะครับ ตอนนี้น้องมีการตอบสนองที่ค่อนข้างดีมาก ยังดีที่ส่วนที่กระโหลกร้าวนั้น ไม่ได้ทำลายสมองไปด้วย ตอนนี้เท่าที่คุยกับน้องเมื่อกี้ น้องก็สามารถพูดโต้ตอบได้ แต่ยังแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะร่างกายยังไม่ฟื้นเต็มที่ อาการเลือดไหลไม่หยุดคงที่แล้ว ปาฏิหาริย์เหมือนกันนะครับที่เจ้าตัวมีอาการที่ดีขึ้นหลังจากรักษามาร่วมเดือน”

ท็อปกับแม่ได้ยินดังนี้ก็ดีใจจนแทบจะกระโดดร้องไชโยลั่นโรงพยาบาล

“แต่ข้อเสียนิดนึง ตรงที่ว่า ความจำของน้องจะขาดๆหายๆไปเป็นบางช่วง เหมือนตอนนี้ น้องยังเข้าใจว่าตัวเองเพิ่งย้ายลงมาจากเชียงใหม่ เท่าที่คุยกับคุณแม่เมื่อหลายวันก่อนว่า คุณแม่พาน้องย้ายมาจากเชียงใหม่เมื่อต้นปี ตอนนี้น้องเข้าใจว่า เขากำลังรอเรียนเทอมใหม่ที่กรุงเทพอยู่ เหมือนว่า ความทรงจำที่เกิดขึ้นตั้งแต่มาอยู่กรุงเทพฯ หายไปเฉยๆ ดื้อๆเลย”

แม่ฟังดังนั้นก็รู้สึกตกใจ แต่ก็ไม่ได้แย่เท่าไรนัก ถ้าความทรงจำบางอย่างหายไปในระยะเวลาสั้นๆแบบนี้ ก็น่าจะเริ่มใหม่ได้ไม่ยาก “โอ้ คุณพระช่วยแท้ๆเลย ยังดีที่ลูกชั้นไม่ได้สมองเสื่อมไปเลย นี่แค่จำเรื่องหลังลงมาจากเชียงใหม่ไม่ได้ คุณพระคุณเจ้ายังเมตตา” แม่แบงค์พูด น้ำตารื้น แต่สำหรับท็อปนั้น เขามองหน้าหมออย่างตกใจ

“ยังไงเดี๋ยวต้องลองให้คุณแม่ช่วยคุยกับคนไข้นิดนึง เพื่อเช็คอาการนะครับ” คุณหมอพูดก่อนที่จะนำแม่ไปยังเตียงคนไข้ ที่แบงค์ยังลืมตาปรือๆ มองมา

“แม่...” แบงค์พูด “แบงค์ปวดหัวจังเลย ทำไมแบงค์มานอนที่โรงพยาบาลล่ะแม่?” แบงค์ถามช้า ๆ

“อ๋อ อุบัติเหตุน่ะลูก นอนพักสบายๆไปก่อน เดี๋ยวถ้าหายแล้ว ก็ได้กลับไปนอนอยู่บ้านเราแล้ว” แม่พูด น้ำตาไหลด้วยความยินดี เธอเขยิบไปนั่งข้างเตียง มองไปที่คุณหมออย่างปลื้มใจที่ลูกชายจำตัวเองได้”

สิ่งที่ท็อปกลัวที่สุดกำลังจะมาถึง แม่เรียกท็อปให้เดินมาข้างเตียงอีกฝั่ง ท็อปจ้องมองแบงค์อย่างหวั่นๆ “แบงค์ จำพี่คนนี้ได้ไหม? พี่เขามารับแบงค์ไปเที่ยวเล่นวันเสาร์บ่อยๆไง แถมมานอนค้างที่บ้านเราก็หลายหนนะ”

แบงค์หันหน้ามามองท็อปอย่างพินิจพิเคราะห์ ตั้งแต่หัวจรดเท้า อยู่พักนึง ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ

“ไม่อะครับ เราเพิ่งลงมาจากเหนือไม่ใช่เหรอแม่ ทำไมถึงมีรุ่นพี่มารู้จักไวจัง”

“แน่ใจนะว่าลูกจำไม่ได้จริงๆ” แม่ถาม ดึงตัวท็อปเข้ามาใกล้แบงค์ให้เขาเห็นชัดๆ

นี่นับเป็นครั้งแรกที่ท็อปได้จ้องมองเข้าไปในดวงตาของแบงค์นับตั้งแต่วันที่แบงค์นอนป่วย แววตาที่ปรากฏให้เห็นนั้นไร้วี่แววของความรัก ความถวิลหา ความรู้สึกเดิมที่แบงค์เคยเป็น มันคือแววตาหวาดกลัวเหมือนครั้งแรกที่เขาทั้งสองได้พบเจอกัน เขากลั้นใจมองหน้าแบงค์อย่างจริงจัง แต่ก็กลัวคำตอบที่แบงค์จะพูดออกมาเหลือเกิน

“ขอโทษนะครับพี่...ผมจำพี่ไม่ได้จริงๆ” แบงค์บอกเสียงสั่น

แม่ส่งสายตาเสียใจมาให้ท็อปที่กำลังยืนเม้มปากกลั้นน้ำตาอยู่ คุณหมอและพยาบาล ต่างจดบันทึกเหตุการณ์และสภาพของคนไข้ที่ดีขึ้น เมื่อเห็นว่าแบงค์จำเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนไม่ได้ คุณหมอจึงบอกให้คนไข้พักผ่อน และให้ญาติออกมาจากห้อง

ท็อปแอบเดินออกมานั่งร้องไห้ลำพังที่ระเบียงโถงทางเดินมืดๆที่ไม่มีใครเห็น ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ความสัมพันธ์ความทรงจำดีๆที่มีขึ้นมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตอนนี้นั้นกลายเป็นเพียงความฝันและอากาศธาตุไปหมดเสียแล้ว ทุกครั้งที่เขารู้สึกว่าเริ่มรักใครสักคนจริงๆจังๆ ทุกคนก็มักจะจากเขาไปแบบนี้เสมอไม่ว่าวิธีใดวิธีหนึ่ง ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งเจ็บใจตัวเอง ที่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมา เขาปล่อยโฮออกมาอย่างคุมตัวเองไม่ได้ ต่อจากนี้ไป ... คำว่า "เรา" คงไม่มีสำหรับ เขาและแบงค์อีกต่อไป เพราะความทรงจำเหล่านั้นไม่มีเหลืออีกแล้ว

------------------------------------------------------------------------------------------

จบบทที่ 31 ครับ ...
ตอนต่อไปขอมาวันศุกร์ครับ

มาเม้นกันมั่งนะครับ อิอิ

หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 31 อัพ 24/04)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 24-04-2015 23:20:11
เศร้า  :monkeysad: :m15:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 31 อัพ 24/04)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-04-2015 23:24:20
 :katai1: :katai1: :katai1: สงสารทั้งแบงค์และท๊อปเลย ร้องไห้หนักมากกกก
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 31 อัพ 24/04)
เริ่มหัวข้อโดย: LeeGwakNAT ที่ 25-04-2015 00:07:21
เศร้า T^T อยากรู้ต่อไปเเล้วอ่ะ ว่าจะจำได้หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 31 อัพ 24/04)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 25-04-2015 00:12:06
เศร้าอ่ะ อ่านไปน้ำตาไหลออกมาเองเลยตอนนี้ สงสารแบงค์กับท็อปมากเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 31 อัพ 24/04)
เริ่มหัวข้อโดย: zipboy ที่ 25-04-2015 00:22:12
นั่งอ่านเป็นเงามาหลายตอน ตอนนี้ขอสั้นๆ คำเดียวครับ....

ถอนหายใจ....ครับ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 31 อัพ 24/04)
เริ่มหัวข้อโดย: TukOO9726803 ที่ 25-04-2015 00:45:08
เศร้าจังเลยท็อบ :monkeysad: :sad11: :m15:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 31 อัพ 24/04)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 25-04-2015 07:55:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 31 อัพ 24/04)
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมถ้วยฟู ที่ 26-04-2015 07:30:33
 :sad4: :o12: ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ทำไมกลายเป็นแบบนี้อะ เสียใจ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 31 อัพ 24/04)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 29-04-2015 22:08:13
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 31 อัพ 24/04)
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 29-04-2015 23:26:21
 :pig4: รออ่านตอนต่อไปนะ เรื่องมันเศร้า สงสารทั้งแบงค์และท๊อป
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 32 อัพ 01/05)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 01-05-2015 22:27:18
แนะนำให้ฟังเพลงนี้ก่อน ผูกพัน (https://www.youtube.com/watch?v=kqdYzQTqTFo) คลิกเบย

บทที่ 32
ความหวังที่เลือนราง


ท็อปยังคงร้องไห้ฟูมฟายอยู่ในห้องนอนของตัวเองมาหลายวัน เขาไม่กล้าที่จะออกไปเจอหน้าแบงค์อีกแล้วที่โรงพยาบาล เพราะตอนนี้ทุกอย่าง ทุกความทรงจำที่เคยเกิดขึ้นได้อันตรธานไปจากความทรงจำของแบงค์โดยสิ้นเชิง ทุกอย่างเหมือนฝันไปสำหรับแบงค์ที่ตอนนี้เขาได้ตื่นขึ้นมาและหลงลืมไปว่าตัวเขาและท็อปต่างก็มีใจให้กัน

ท็อปยังคงทำใจไม่ได้กับเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้แต่ปิดกั้นตัวเองและไม่ออกไปเจอหน้าใคร อาจารย์สายัณห์ต้องคอยเคาะประตูห้องของท็อปทุกเช้า เพื่อดูสภาพจิตใจของลูกชายตัวเอง

“ท็อป เปิดประตูให้พ่อหน่อยสิลูก เราน่าจะออกมาคุยกันหน่อยนะ” อาจารย์ร้องเรียก เคาะประตูเสียงดัง

“ผมไม่เป็นไรครับพ่อ” ท็อปร้องบอกกลับไปแต่น้ำเสียงยังคงสะอึกสะอื้น

“พ่อรู้ว่าลูกกำลังเสียใจ แต่ช่วยเปิดประตูให้พ่อหน่อยได้ไหม? พ่ออยากคุยกับท็อปนะลูกนะ ลูกไม่ได้ไปโรงเรียนมาหลายวันแล้ว เดี๋ยวจะเสียการเรียนเอา คาร์พเขาก็ถามหาลูกทุกวันนะท็อปนะ”

“พ่อปล่อยผมไว้คนเดียวสักพักได้ไหมครับ ผมยังไม่อยากพูดอะไรตอนนี้” ท็อปบอก

อาจารย์สายัณห์ได้แต่แนบหน้าของตนกับประตูห้องนอนของลูกชายด้วยความเป็นห่วง “พ่อรู้ว่าลูกเสียใจแค่ไหน แต่เชื่อพ่อเถอะ เปิดประตูให้พ่อดีกว่า พ่ออยากฟังเรื่องของท็อป อย่าลืมสิ ว่าพ่อรับฟังทุกอย่างของลูกได้นะ พ่อเป็นพ่อท็อปนะลูกนะ เรามีกันสองคน ถ้าพ่อเป็นที่พึ่งให้ลูกไม่ได้ พ่อคงจะเป็นพ่อที่ดีของท็อปไม่ได้เหมือนกัน” อาจารย์พูดเสียงสั่น “เปิดประตูให้พ่อเถอะ”

ท็อปหันหน้ามามองประตู ก่อนจะสูดน้ำมูกเสียงดัง เขาเองก็ไม่อยากให้พ่อเป็นห่วงเขามากนัก แต่เขายังทำใจไมได้กับเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขายังคงเฝ้าโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุและถ้าเขาไปส่งแบงค์ แบงค์ก็คงไม่เป็นอะไร

ท็อปค่อยๆยันกายตัวเองลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้กับพ่อช้าๆ ไม่กล้าสบตา ในใจนั้นปวดร้าวเหลือเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้อีก

อาจารย์สายัณห์มองหน้าลูกชายของตนที่ตอนนี้อยู่ในสภาพย่ำแย่เต็มที่ หนวดเส้นเล็กๆยาวหรอมแหรมเพราะเขาไม่ยอมโกน ผมเผ้ายุ่งเหยิงและดวงตาที่ช้ำแดงเพราะร้องไห้ต่อเนื่องมาหลายวัน ทันทีที่เห็นหน้าลูกชายเปิดประตู พ่อก็รีบดึงตัวท็อปเข้าไปกอดเอาไว้แน่น ท็อปเองก็เช่นกัน เขากดหน้ากับอกของพ่อ กอดตอบพ่อแน่น แล้วร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อาย

“ผมผิดเองครับ พ่อ ผมผิดเอง ผมทำให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้น เพราะผมประมาทเอง ผมไม่น่าปล่อยให้เรื่องมันเกิดขึ้นเลยครับพ่อ” ท็อปโวยวาย ร้องไห้อกมาอีก

“มันเป็นเรื่องสุดวิสัยลูก อย่าไปโทษตัวเองเลย” อาจารย์สายัณห์บอกพยายามปลอบลูกชายตัวเอง “โบราณบอกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะมีกรรมเวรผูกกันมา ถึงเราจะเสียใจมากแค่ไหน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้วเราก็แก้ไขอดีตไม่ได้ เลิกโทษตัวเองสักทีเถอะท็อป มันไม่ใช่ความผิดของลูกเลยนะ” อาจารย์สายัณห์บอก

“ตอนนี้แบงค์ฟื้นแล้วก็จริงแต่เขาเสียความทรงจำเรื่องของผมไปหมดเลยครับพ่อ” ท็อปบอกสะอึกสะอื้น “เขาจำผมไม่ได้เลย”

“พ่อว่ามันดีแค่ไหนแล้วที่เขาฟื้นขึ้นมา ถึงเขาจะจำลูกไม่ได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตเขาจะนึกมันไม่ได้ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้อาจจะยังนึกไม่ออก แต่ถ้าเราคอยดูแลเขาดีๆ สักวันพ่อว่ามันอาจจะดีขึ้นก็ได้นะลูก” อาจารย์สายัณห์ปลอบ

“ผมก็ได้แต่ภาวนาขอให้แบงค์จำผมได้ แต่หมอก็บอกว่าสมองส่วนนั้นถูกกระเทือนหนักจากแรงตี คงยากที่จะทำให้หายดีและกลับมาเป็นเหมือนเดิม” ท็อปคร่ำครวญ “ผมเป็นสาเหตุ ผมอยากจะเป็นแทนน้องด้วยซ้ำคัรบพ่อ”

“อย่าพูดแบบนี้นะท็อป พ่อมีท็อปคนเดียว ถ้าท็อปเป็นอะไรไป พ่อคงไม่ให้อภัยตัวเองเหมือนกัน” อาจารย์สายัณห์บอก พร้อมกับจับหน้าลูกชายที่กำลังร้องไห้งอแงเหมือนเด็ก “เรามีกันแค่สองคนพ่อลูก ต้องดูแลตัวเองดีๆรู้รึเปล่า”

ท็อปพยักหน้าช้า ๆ “แต่ผมก็ไม่อยากให้น้องเจ็บแบบนี้นี่ครับ ทางนั้นก็มีกันแค่สองคนแม่ลูกเหมือนกัน ไม่ต่างกับพวกเราเลย”
“นั่นแหละพ่อถึงเข้าใจเขาไง ถ้าเกิดเป็นท็อป พ่อคงออกล่าคนร้ายด้วยตัวเองไปแล้วที่มาทำลูกพ่อแบบนั้น” อาจารย์สายัณห์บอก “แต่จนป่านนี้ตำรวจก็บอกว่า ยังหาเบาะแสเพิ่มเติมไม่ได้นี่นา”

“ผมก็ได้แต่ขอพระทุกวันว่าให้มีเบาะแสไวๆ ผมอยากเห็นคนผิดโดนลงโทษ” ท็อปพูดเสียงหนักแน่น

“แต่ยังไงก็อย่าอาฆาตจองเวรกันเลยนะลูกนะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันมีเหตุผล มีที่มาที่ไปของมันทุกเรื่อง ถ้าเราเริ่มไปทำเขาก่อน ผลกรรมก็มาตกอยู่ที่เรา ท้ายสุดแล้ว เราไปทำใครเขาเสียใจมากแค่ไหน สุดท้ายเราเองก็จะเสียใจกลับมาเป็นสองสามเท่าเลยเชียว” พ่อสอน “นี่คือสิ่งที่พ่อพยายามบอกลูกมาตลอด ว่าต้องระงับอารมณ์ตัวเองใช้เหตุผลนำหน้า ไม่อย่างนั้นลูกเองจะเป็นคนที่เสียใจที่สุด”

“ผมเข้าใจแล้วครับพ่อ ผมเข้าใจแล้ว ที่ผ่านมาผมเอาแต่ทำให้น้องเสียใจ ทำให้น้องเจ็บปวด คราวนี้ก็ถึงตาผมเองแล้วที่ต้องเจ็บปวดเสียเอง” ท็อปพูดเสียงสั่น แล้วก็ปล่อยโฮออกมาอีกรอบ “ผมผิดเอง...ฮือ...พ่อครับ ท็อปไม่ไหวแล้ว ผมรู้สึกเจ็บข้างในหัวใจเหลือเกินครับพ่อ เหมือนจะตายซะให้ได้ตรงนี้ ทำไมมันถึงทรมานแบบนี้ล่ะครับ ผมจะทำยังไงต่อไปดี ผม....”

“เลิกคิดมากได้แล้วลูกพ่อ ท็อปคนเก่งของพ่อไปไหนแล้ว ปกติท็อปไม่ใช่เด็กขี้แยนะ ล้มเองก็ลุกเองทุกทีนี่” พ่อปลอบ

“แต่นี่มันไม่ได้แค่หกล้มนะครับพ่อ คนทั้งคนต้องมาเกือบตายเพราะผม” ท็อปบอกอีก

“ลูกไม่ใช่สาเหตุหรอก ปล่อยวางเรื่องนี้เถอะ อย่างน้อยตอนนี้ถึงเจนภพเขาจะยังจำไมได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าต่อจากนี้ลูกจะยังรักเขาไม่ได้นี่นา” พ่อพูด

“ยังไงครับพ่อ?” ท็อปถาม “พ่อหมายถึงอะไร?”

“ลูกก็ไปดูแลเขาเหมือนว่าเป็นเรื่องปกติ อย่างน้อยถ้าโชคเข้าข้างเรา สักวันเขาต้องจำท็อปขึ้นมาได้บ้างล่ะ พ่อเชื่ออย่างนั้น” อาจารย์สายัณห์พูด “เลิกเอาแต่นอนร้องไห้อยู่ในห้องได้แล้ว ไปอยู่กับน้อง ดูแลเขาซะ ลูกบอกพ่อเองนี่นา ว่าเกิดมาไม่เคยรักใครเท่าเขา พ่ออนุญาต ทำตามที่หัวใจลูกเรียกร้องไปเลยก่อนที่โอกาสจะหมดไป”

“แต่....ผมคิดว่า ถึงผมจะทำดีไปมากแค่ไหน มันก็ไม่เหมือนเดิมอยู่ดี ที่ผ่านมาความทรงจำที่พวกผมทำไว้มันจะมาเริ่มสร้างใหม่มันไม่ใช่ง่ายๆนะครับพ่อ” ท็อปพยายามอธิบาย “ผม....คงไม่ไหวแน่ๆ”

“อย่าเพิ่งท้อสิ ไอ้ลูกชาย ปกติเล่นกีฬาเคยยอมใครด้วยเหรอ หืม?” พ่อบอกขยี้ผมลูกชายอย่างรักใคร่ “เลือดนักกีฬาของลูกอยู่ไหนแล้ว? สู้สักตั้งดูนะลูกนะ พ่ออยู่ตรงนี้ ถ้าลูกท้อแท้หมดหวัง ก็อย่าลืมว่าพ่อยังเชื่อมั่นในตัวท็อปเสมอ”

ท็อปไม่ได้พูดอะไร ได้แต่จ้องมองพ่อกลับไป

“กลับไปหาน้อง ไปดูแลเขาเหมือนอย่างที่ลูกเคยทำซะ อย่างน้อย ลูกก็จะได้รู้ใจตัวเองมากขึ้นว่าลูกยังรอและมีความหวังกับมันหรือเปล่า” พ่อบอก

“ถ้าเกิดว่าท้ายที่สุดแล้ว เขาจำผมไมได้จริงๆ ผมจะทำยังไงต่อไปดีล่ะครับพ่อ ผมควรจะเลิกยุ่งกับน้องไปเลยไหม? ให้เขามีชีวิตใหม่ ความทรงจำใหม่ๆ....”  ท็อปพูดยังไม่ทันจบประโยคก็ร้องไห้ออกมาอีก

“ทำตามหัวใจของลูกเถอะ ลองคิดดูนะ ถ้าอย่างน้อยเราเต็มที่กับมันแล้ว ลูกพยายามแล้วเพื่อที่จะให้ทุกอย่างมันดีขึ้น ถึงมันจะไม่ได้ดีขึ้นมาเลยสักอย่างมันก็ดีกว่านั่งอยู่เฉยๆแล้วนอนร้องไห้อยู่แบบนี้ ลูกยังบอกกับตัวเองได้ว่าลูกเต็มที่แล้ว สุดกำลังตัวเองแล้ว....จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลังอีก” อาจารย์สายัณห์บอกกับลูกชาย

“ครับ พ่อ ... ผมจะเชื่อพ่อ” ท็อปบอก เช็ดน้ำตากับแขนเสื้อของตัวเอง “ผมจะลองดูสักตั้ง เพื่อให้น้องกลับมาจำผมให้ได้”

“ชีวิตคนเราถ้าไม่มีความหวังเลย ก็เหมือนเปลือกหอยกลวงๆ ได้แค่อยู่รอวันย่อยสลายไปตามธรรมชาติ แต่ถ้าเรามีความหวัง ก็เหมือนเปลือกหอยที่มีปูเสฉวนอยู่ข้างใน ลูกเห็นไหม สมัยเด็กๆที่พ่อพาไปเที่ยวทะเล ลูกวิ่งตามตัวปูเสฉวนไป นั่งดูชีวิตของมัน ความหวังก็เหมือนตัวปูข้างใน มันขับเคลื่อนชีวิตของเรา ไปหาสิ่งที่ดีกว่า พาเราก้าวไปข้างหน้า ... ถึงเวลาแล้วนะ ที่จะต้องลองดูสักตั้ง เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียวโดยไม่ลองชนกับมัน ดูไม่ใช่นิสัยลูกชายของพ่อเลย”

“ผมขอโทษครับพ่อ ที่ให้พ่อเป็นห่วงอีกแล้ว .... ผมแค่เสียขวัญกับทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น มันเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทันเอาซะเลย” ท็อปบอก

“ได้เวลากลับไปแก้ไขอะไรที่ลูกคิดว่าผิดพลาดไปแล้วได้แล้วล่ะ ออกไปเผชิญหน้ากับมันซะ พ่ออยู่ข้างๆท็อปเสมอ”

ท็อปสวมกอดพ่ออีกครั้ง อาจารย์สายัณห์ยิ้มให้กับลูกชายของตนที่ในที่สุดก็ยอมรับฟังถ้อยคำของเขา

“ขอบคุณครับ ผมจะไม่ทำตัวแบบนี้อีกแล้ว ผมดีใจที่สุดเลยครับที่มีพ่ออยู่กับผมอย่างนี้” ท็อปบอกก่อนที่จะคลายสวมกอดออกมา “ผมจะลองดูสักตั้งครับ ถึงมันจะไม่ดีขึ้น แต่มันคงไม่แย่ไปกว่าเดิมแน่ๆ”

“ต้องอย่างนี้สิ ซูเปอร์ท็อปของพ่อ ตอนนี้ไปล้างหน้า อาบน้ำ โกนหนวด ทำผมเผ้าให้สะอาดซะ ถ้าไม่อยากไปเรียนแล้วอยากไปเจอกับเจนภพ พ่ออนุญาต แต่ต่อไปนี้ต้องกลับมาตั้งใจเรียนแล้วนะ ไม่เอาแบบนี้แล้ว ต้องแยกแยะด้วยแล้วก็มีอะไรปรึกษาพ่อได้ พ่อไม่อยากให้ลูกปิดกั้นตัวเอง คิดอยู่คนเดียว พ่อรักท็อป ถ้าอะไรดีและเหมาะสมพ่อสนับสนุนลูกแน่นอน”

“ครับ” ท็อปยิ้มให้พ่อ สายตาเปี่ยมด้วยความหวังอีกครั้งที่จะลุกขึ้นไปต่อ

============================================================


เมื่อผ่านไปหลายวัน เพื่อนๆที่รู้ข่าวการฟื้นของแบงค์ ต่างก็ทยอยมาเยี่ยมกันทั้งห้อง

“เนี่ยไอ้เกมส์ มันนั่งข้างๆแกไงแบงค์ สนิทกันกับแกมากๆเลยนะ วันๆมันเอาแต่ดูหนังโป๊ ไม่ยอมอ่านหนังสือ” เกดเล่าให้แบงค์ที่นั่งอยู่บนเตียงฟัง เสียงสดใส “ส่วนเราชื่อเกด กับเปิ้ล เพื่อนแก๊งเดียวกันกับแก เราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ” พยายามรื้อฟื้นความทรงจำให้เพื่อน แต่แบงค์ก็ได้แต่ส่ายหน้า จำอะไรไม่ได้เลย แต่ตัวแบงค์เองก็รู้สึกดี ที่มีคนคอยแวะเวียนมาหา แม้ว่าเขาเองจะจำอะไรไม่ได้ก็ตาม

“แบงค์จำพี่ท็อปได้ไหม?” จู่ๆเปิ้ลก็ถามขึ้น ในขณะที่ทุกคนก็ร้องปรามกันขึ้นมา

“ทำไมเหรอ? พี่ท็อป? คนที่เราเพิ่งได้เจอตอนฟื้นวันแรกน่ะเหรอ” แบงค์ถามย้อน นั่งนึกๆถึงชื่อนี้คุ้นๆ

“จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?” เกมส์ถาม “แม้แต่เรื่องเดียว”

แบงค์หัวเราะเจื่อน ๆ “ไม่ได้เลย เรานึกถึงอะไรมากๆ แล้วเราจะปวดหัว เราเลยไม่อยากนึกเท่าไร แต่ถ้าเราเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ เราก็ยังไงก็ขอโทษด้วยนะ ที่เราลืมพวกนายไป เราพยายามนึกแล้ว แต่นึกไม่ออกจริงๆ”

“แหม ยังกะแกตั้งใจลืมซะงั้นแหละ อุบัติเหตุน่า” เกดบอก

“แต่คนชื่อพี่ท็อป เขามาเฝ้าเราทุกวันเลยนะ ทั้งเช้า ทั้งเย็น บางทีก็มาป้อนข้าวเรา ตอนแรกเราคิดว่าเขาเป็นญาติเรา ไม่ก็พี่เราจริงๆซะอีก พอถามแม่ แม่ก็บอกว่าเขาเป็นแค่รุ่นพี่ที่โรงเรียนเฉยๆ แปลกจัง ทำไมต้องมาดูแลเราขนาดนั้น หรือว่าเราไปติดหนี้อะไรพี่เขาหรือเปล่า” แบงค์พูด รู้สึกหวั่นใจ

“ตลกไม่เปลี่ยนเลยนะนาย” เกมส์บอก “ไม่มีอะไรหรอก เป็นเหมือนพี่รหัสน่ะแหละ โรงเรียนเราจะมีระบบรุ่นพี่ดูแลรุ่นน้องน่ะ”

“ดูแลกันดีขนาดนี้เลยเหรอ?” แบงค์ถาม “โรงเรียนเรานี่สุดยอดเลยเนอะ”

ทั้งสามคนมองสบตากันอย่างสำนึกผิด แต่ก็ไม่อาจจะพูดอะไรออกไปมากกว่านี้ได้ ทุกคนต่างสงสารพี่ท็อปจับใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก อย่างมากก็แค่รอปาฏิหาริย์ที่แบงค์จะจำเรื่องราวทุกอย่างได้เหมือนเดิม

พี่กายยังคงแวะมาหาแบงค์บ้างแต่ไม่บ่อยนัก เพราะตอนนี้เขาเห็นว่าแบงค์จำเรื่องราวในอดีตไม่ได้อีกแล้ว จึงพยายามไม่เข้ามาสานสัมพันธ์อะไรอีก เพราะเห็นแก่ท็อปที่ดูจะเป็นคนที่ทุกข์ทรมานกับเรื่องนี้มากที่สุด

“ท็อป ต่อจากนี้พี่ฝากแบงค์ด้วยนะ พี่อาจจะไม่ได้มาเยี่ยมแบงค์บ่อยๆอีกแล้ว เพราะพี่เห็นแก่มึง พี่ยอมรับว่าพี่ก็ยังชอบแบงค์อยู่ แต่ตอนนี้พี่ให้เกียรติมึง ช่วยดูแลน้อง พี่จะไม่เข้ามายุ่งกับความสัมพันธ์ของพวกมึงอีก อีกอย่างพี่จะจบ ม.6 แล้ว คงไม่ได้มาเจอพวกมึงบ่อยๆ ยังไงต่อจากนี้พี่จะภาวนาขอให้แบงค์จำมึงได้ไวๆ จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม” กายบอกเมื่อได้มีโอกาสอยู่กับท็อป

“ขอบคุณนะครับพี่” ท็อปบอก “ถึงผมจะรู้อยู่แก่ใจว่าความหวังมันริบหรี่เหลือเกิน แต่ผมก็จะหวังต่อไปครับพี่....” หลังจากวันนั้น ท็อปก็ไม่ได้เจอพี่กายที่โรงพยาบาลอีกเลยนอกจากในโรงเรียนที่มีเดินสวนกันบ้าง ถามอาการของน้องเพิ่มเติมบ้าง

เมื่อทุกคนกลับไป คืนนี้แม่ของแบงค์ต้องไปดูประชุมงานของตัวเอง จึงขอร้องให้ท็อปมาช่วยดูแลแบงค์แทน ตั้งแต่เย็น เมื่อถึงเวลาอาหาร พยาบาลจึงจัดอาหารมาให้คนไข้ โดยที่พี่ท็อปก็ค่อยๆลากเซ็ตอาหารมาที่เตียงแล้วค่อยๆ ปรับเตียงให้แบงค์อยู่ในสภาพที่นั่งได้ แต่ด้วยแขนที่ยังใช้การได้ข้างเดียวทำให้แบงค์ขยับตัวได้ไม่ถนัดนัก ทุกอย่างเลยต้องคอยอาศัยท็อปช่วยพยุง

“พี่ท็อป” แบงค์เรียก เมื่อท็อปเขยิบตัวเข้ามาใกล้ พร้อมที่จะจัดแจงอาหารเป็นคำๆป้อนให้

“หืม?” ท็อปขานสั้นๆในลำคอ โดยที่ตัวเองก็กำลังง่วนอยู่กับการจัดแจงอาหารให้ “หิวแล้วเหรอ?”

“เปล่า...แบงค์อยากรู้....พี่ท็อปต้องทำดีกับรุ่นน้องสายรหัสแบบนี้ทุกคนเลยเหรอ?” แบงค์ถาม

ท็อปทำหน้างง ๆ “รุ่นน้อง สายรหัส? คืออะไร ? เอามาจากไหน?”

“ก็เพื่อนๆที่มาหาวันนี้เขาเล่าว่า ที่พี่ท็อปมาดูแลแบงค์ดีแบบนี้ เพราะเราเป็นพี่รหัสน้องรหัสกัน โรงเรียนนี้มีกฏว่าต้องให้พี่ดูแลน้องอย่างดี อะไรแบบนั้น แบงค์ขอโทษพี่ท็อปนะครับ ที่ต้องทำให้ลำบาก มาถึงก็เจอรุ่นน้องที่เจอเรื่องเลย ทำให้พี่เสียเวลาไปหมด” แบงค์เล่า ท็อปถึงบางอ้อ พวกรุ่นน้องคงพยายามช่วยปกปิดความสัมพันธ์เดิมที่เขาเคยมีให้แบงค์ด้วยการกุเรื่องนี้ขึ้นมา

“อ๋อ....เออ ใช่ๆ แต่พี่ไม่ลำบากใจหรอก พี่เต็มใจมากๆเลย” ท็อปบอก ก่อนจะเริ่มป้อนข้าวใส่ปากน้อง “ค่อยๆเคี้ยวนะ เพราะหมอบอกว่า ออกแรงกรามมากมันจะกระเทือนแผล ข้าวต้มมันนิ่มอยู่แล้วแบงค์จะกลืนเลยก็ได้”

แบงค์พยักหน้า ก่อนที่จะเคี้ยวช้าๆแล้วกลืน

ท็อปยิ่งป้อนข้าวให้แบงค์แล้วมองดูสภาพที่ดูไร้เดียงสาของน้อง ที่มีรอยช้ำสะบักสะบอม ยิ่งทำให้เขาอดกลั้นน้ำตาไม่ไหว น้ำตาเม็ดเป้งๆ ไหลลงมาจากตาของเขาโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็พยายามเบือนหน้าหนีไม่ให้แบงค์เห็น ก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในอกมันก็พยายามจะสะอึกสะอื้นออกมา แต่เขาก็ต้องพยายามข่มมันเอาไว้

“พี่ท็อปเป็นอะไร? พี่ท็อปเหนื่อยเหรอ เดี๋ยวแบงค์พยายามกินเองก้ได้นะ พี่ท็อปพักเถอะ” แบงค์บอกเมื่อเห็นท็อปอยู่ในสภาพที่กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวแล้ว

“เปล่าครับ เปล่า.....เดี๋ยวพี่มานะ แบงค์รอพี่ก่อนนะ” ท็อปรีบเดินออกจากห้องไปหาระเบียงข้างนอกเงียบๆ แล้วร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย เขาทนเห็นสภาพแบงค์แบบนี้ไม่ไหวแล้ว หนำซ้ำแบงค์เองดูเหมือนจะไม่มีทางรื้อฟื้นเรื่องราวระหว่างกันได้เลย ก็ยิ่งทำให้ใจของเขาปวดร้าวมากขึ้นไปอีก

เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เป็นเบอร์ที่เขาไม่คุ้นเคยนัก

“สวัสดีครับ น้องท็อปใช่ไหมครับ พี่เป็นตำรวจที่วันนั้นสอบปากคำน้องที่โรงพยาบาลจำได้ไหมครับ?”

“อ๋อ” ท็อปพูด พยายามคุมเสียงให้เป็นปกติ สูดน้ำมูก “จำได้ครับ มีอะไรครับ?”

“ช่วยตามคุณแม่ของผู้เสียหายมาที่โรงพักด้วยได้ไหมครับ แล้วก็น้องด้วย พอดีว่า บ้านหลังใกล้ๆที่เกิดเหตุแจ้งมาว่า มีกล้องวงจรปิดของชั้นสองของบ้านที่จับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ได้ พี่อยากให้น้องมาช่วยดูว่า เผื่อว่า คนที่อยู่ในวิดีโอจะเป็นคู่อริของผู้เสียหายหรือคนที่น้องรู้จักไหม?” ตำรวจบอก

“ได้ครับ” ท็อปพูด “ผมจะรีบไป”

แม่ของแบงค์จึงจำเป็นต้องยกเลิกการประชุมในคืนนั้นแล้วรีบไปที่สถานีตำรวจพร้อมๆกับท็อป เมื่อไปถึงท็อปและแม่ถูกพาตัวไปยังห้องสอบสวนที่มีการเตรียมการฉายวิดิโอกล้องวงจรปิดและนายตำรวจอีกหลายคนนั่งรออยู่

“จากเท่าที่ผมได้ตรวจสอบกล้องวิดีโอแล้ว ... คนร้ายน่าจะเป็นวัยรุ่นเหมือนกัน” นายตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้น “ผมเลยอยากจะให้หนุ่มลองทบทวนดูหน่อยว่าเพื่อนหนุ่มมีใครที่ไม่พอใจเขาบ้างไหม ที่อาจจะแบบอยากมาแก้แค้นคืนแบบที่เด็กวัยรุ่นชอบตีกัน”

“คือถ้าเป็นแบบนั้น ผมว่าน่าจะเป็นผมเองมากกว่านะครับที่น่าจะโดน เพราะผมก็เคยมีเรื่องต่อยตีกันตามประสาวัยรุ่นอยู่บ้างในโรงเรียน แต่สำหรับแบงค์ เขาไม่ใช่เด็กก่อเรื่องเลยครับ เรียนดี หัวดี ช่วยงานโรงเรียน ไม่มีแววว่าใครจะไม่ชอบเขาเลยนะครับ” ท็อปพยายามให้ข้อมูล

“คือที่ผมถามเนี่ย ผมอยากให้น้องช่วยใคร่ครวญกันเบื้องต้นก่อนที่จะดูวิดีโอ เพราะจริงๆ ภาพในวิดีโอมันก็มืด ไม่ได้ชัดเจนถึงขนาดเห็นคนร้ายแล้วบอกได้เลยว่าเป็นใคร เลยอยากให้ลองนึกๆถึงคนที่พอจะเป็นไปได้ก่อน เวลาได้ดูวิดีโอเข้าจริงๆ จะได้จำกัดขอบเขตของคนร้ายได้” ตำรวจอีกคนเสริม

“ดิฉันว่า ลองเปิดดูก่อนเลยก็ได้ค่ะ คิดว่าน้องท็อปถ้าได้ดูแล้วเห็นคลับคล้ายคลับคลาก็น่าจะบอกได้ว่าใครเป็นใคร”

ทุกคนจึงตัดสินใจเล่นภาพวิดีโอให้ดู ภาพนั้นค่อนข้างมืด เพราะว่ามุมกล้องนั้นไม่ได้หันหน้ามาทางที่เกิดเหตุโดยตรงมีเพียงแสงไฟนีออนกลางจอที่ส่องสว่างพอให้ได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ภาพเริ่มจากที่แบงค์กำลังเดินก้มหน้า(เหมือนกำลังจะดูจี้ที่ตัวเองห้อยคออยู่) จากนั้นก็มีผู้ชายที่ดูสูงใหญ่กว่าแบงค์เดินเข้ามาฟาดเข้าที่ด้านหลังศีรษะแบงค์ ในขณะที่แบงค์กำลังล้ม ก็ได้สวนถีบแบงค์เข้าอีกครั้งแล้วฟาดไปทีหลังแต่เหมือนจะพลาดไปโดนแขนอีกที ชายคนนั้น โยนไม้หน้าสามทิ้งไว้ ก่อนที่จะหันหลังกลับ ซึ่งภาพนั้น ก็จับหน้าไว้ได้พอดี แม้จะมืด ดูเลือนราง แต่เมื่อซูมใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ท็อปก็รู้ทันที ว่าใครคือคนที่ก่อเหตุในครั้งนี้ แม้เพียงเลือนราง แต่กรอบหน้าและเค้าโครงร่างกายที่เห็นในวิดีโอนั้นต่อให้มืดกว่านี้แค่ไหน เขาก็ยังจำได้แน่นอน

“ไอ้คาร์พ....” ท็อปพูดเสียงสั่นเครือ

ส่วนแม่ของแบงค์นั้น ทนดูที่ลูกตัวเองถูกทำร้ายไม่ไหว ร้องไห้ออกมาโฮลั่น ห้องนั้น

จบตอนที่ 32 ครับ
เหลืออีก 2 ตอนก็จะถึงบทสรุปแล้ว ยังไงก็ติดตามกันต่อไปให้ถึงตอนจบนะครับ
ขอเม้นด้วย จะได้ช่วยดันมู้ให้เพื่อนๆที่อ่านเงาได้รู้ว่าอัพเดทแล้วครับ ^^
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 32 อัพ 01/05)
เริ่มหัวข้อโดย: LeeGwakNAT ที่ 01-05-2015 22:51:18
จะเป็นไงต่อ จะรอตอนต่อไปนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 32 อัพ 01/05)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 01-05-2015 22:56:02
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 32 อัพ 01/05)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-05-2015 00:45:05
อีคาร์ฟชั่วมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 32 อัพ 01/05)
เริ่มหัวข้อโดย: everlastingly ที่ 02-05-2015 01:05:58
 :pig4: ไอ้คาร์ฟยังไม่เลิกร้ายอีกเหรอเนี้ยะ สงสัยคงต้องเจอจัดการขั้นเด็ดขาดซะแล้ว
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 32 อัพ 01/05)
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 02-05-2015 01:55:42
จับมันเข้าคุกเลยครับ แม่ง คนที่ไว้ใจร้ายที่สุด ฆ่ามานนนนนนน
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 32 อัพ 01/05)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-05-2015 16:14:54
กรรมใดใครก่อก็ต้องรับกรรมนั้นไปนะคราฟ เตรียมรับผลกรรมนั้นได้เลยนะ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 32 อัพ 01/05)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 02-05-2015 18:09:37
คาร์ฟจะโดนทืบอีกแล้ววววว

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 33 อัพ 08/05)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 08-05-2015 22:06:20
บทที่ 33
ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ


ท็อปเครียดตลอดทั้งคืน เมื่อรู้ความจริงว่า เพื่อนรักของตนเองคือคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ คาร์พยังคงทำตัวปกติเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งสองคนยังคงไปกินข้าวกันที่โรงเรียน ไปเรียนด้วยกัน นั่งอยู่ข้างๆกัน แม้ว่าคาร์พจะมีการถามถึงอาการของแบงค์บ้างแต่ก็ไม่มีวี่แววของความสำนึกผิดหรือพิรุธใดๆเลยตลอดเวลาที่ผ่านมาจนกระทั่งวันนี้ วันที่ท็อปรู้ความจริง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคุยกับท็อปเพื่อจะตามตัวคาร์พมาให้ปากคำในเรื่องนี้ แต่ท็อปขอเอาไว้ เขาอยากจะขอให้แน่ใจว่า คนๆนี้ใช่คาร์พจริงๆหรือไม่ ในตอนแรกตำรวจปฏิเสธแต่ก็เห็นแก่ทุกฝ่ายที่ยังเป็นเพียงเยาวชน จึงยอมให้ท็อปเดินเรื่องต่อเองสักพักโดยที่มีตำรวจคอยดูความเคลื่อนไหวของคาร์พอยู่ตลอดเวลา

ช่วงนี้การสอบปลายภาคใกล้เข้ามาแล้ว นักเรียนแต่ละคนต่างมุ่งหน้าติวเข้มกันเพื่อกวดวิชาให้ได้คะแนนดีๆกันในเทอมสุดท้ายนี้ อากาศหนาวเย็นทำให้ทุกคนในโรงเรียน ต่างหยิบเสื้อกันหนาวสีสวยสดมาใส่กันทำให้โรงเรียนดูมีสีสันไปอีกแบบ ท็อปนั่งเหม่อลอยเมื่อมาถึงโรงเรียนแต่เช้า ดวงตาคล้ำเหมือนคนไม่ได้หลับมาตลอดทั้งคืน ภาพของคาร์พที่ทำร้ายแบงค์นั้นยังคงวนเวียนๆอยู่ในหัวของเขาไม่หยุด

“ท็อป....ท็อป” หวานเอามือแกว่งไปมาอยู่ข้างหน้าเขาเพื่อเรียกเขาให้ตื่นจากภวังค์ “ได้นอนบ้างหรือยังเนี่ย? ท็อปดูสภาพแย่มากเลยนะ”

“อ่า...ก็ยังไม่ได้นอนหรอก คิดนั่นนี่เยอะแยะ....” ท็อปพูด เอามือขยี้หัวตัวเองเพื่อเรียกสติ

“อ.สายัณห์แกก็บ่นว่าเป็นห่วงอยู่พักหลัง ๆ แต่ท็อปไม่ค่อยเล่าอะไรให้เขาฟัง แกเป็นห่วงนะ” หวานพูดแล้วค่อยๆหย่อนตัวนั่งลงข้างท็อป

ท็อปพยักหน้าน้อย ๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป “แล้วนี่กินอะไรมารึยังล่ะ” ท็อปถามเพื่อน “ไปโรงอาหารกันไหม เราอยากกินกาแฟ เผื่อจะดีขึ้น”

“เดี๋ยวนี้กินกาแฟแล้วเหรอ? ปกติกินแต่น้ำเต้าหู้เอยอะไรเอยนี่นา” หวานถามขึ้น

“ก็ มันไม่ได้นอนมานี่...กลัวว่าเดี๋ยววันนี้จะอยู่ไม่ไหวเอา” ท็อปตอบ ขยี้ตาที่แสนช้ำของเขา

หวานคว้าเอามือของท็อปขึ้นมาแล้วกุมไว้แน่น “ทุกอย่างต้องเรียบร้อยแน่นอน ท็อป...เชื่อเรา ตั้งแต่เรารู้จักท็อปมาตั้งแต่ม.ต้นจนถึงวันนี้ เรารู้ว่าท็อปจะผ่านมันไปได้” เธอให้กำลังใจ พร้อมส่งยิ้มน้อยๆ ตอบมา

ท็อปมองมือตัวเองที่หวานกำลังจับอยู่ ก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมา สัมผัสได้ถึงมิตรภาพดีๆในยามอ่อนล้าจากเพื่อนที่เขาทำตัวไม่ดีด้วยมาตลอด

“ขอบใจนะหวาน....ตั้งแต่ตอนที่หวานมาบอกเรื่องแบงค์แล้ว เรายังไม่ได้ขอบคุณเธอเลย ไม่งั้นเราก็คงไม่รู้”

“อย่าคิดมากสิ เพราะเรารู้ว่านายสองคนสนิทกันมาก แล้วเราก็คงรู้สึกผิดถ้ารู้เรื่องนี้เป็นคนแรกๆ แล้วไม่ได้มาบอกท็อปด้วยตัวเอง” หวานบอก แล้วทั้งสองก็ค่อยๆ เดินออกจากม้านั่งใต้อาคารตรงไปยังโรงอาหาร

“ยังไงก็ต้องขอโทษเธอด้วยนะ ที่ผ่านมา...เราทำตัวไม่ดีกับเธอ ทุกอย่างเลย ทั้งที่เจตนาของเธอ....”

“อย่าขอโทษเลย” เธอพูดขัด “มันมีเรื่องอีกหลายเรื่องที่เราก็อยากขอโทษท็อปเหมือนกัน เรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี่ ส่วนนึงก็เพราะเราเอง อย่างที่รู้ๆกัน...ท็อปก็รู้ว่าเราคิดยังไงกับท็อป...”

ท็อปไม่ตอบ ได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเอาออกซิเจนเข้าปอดให้มากขึ้น ในบรรยากาศที่แสนกระอักกระอ่วน ใจนี้ เขารู้ตัวดีว่า เขาคือต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด ด้วยความที่ทุกคนต่างก็ชอบเขา แต่เขานั้นเลือกที่จะรักคนที่เขาอยากจะรักเท่านั้น เลยพาลให้คนรอบๆข้างไม่พอใจและทำให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นมา

“เอากาแฟร้อนใช่ไหม?” หวานถามขึ้นเมื่อทั้งคู่เดินมาถึงโรงอาหาร “เดี๋ยวเราเลี้ยง ที่ร้านค้าสวัสดิการมีน้ำร้อนอยู่แล้ว เดี๋ยวเราไปเอามาให้”

“เฮ้ย..ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปซื้อเอง” ท็อปรีบบอก ไม่อยากจะกวนเพื่อนมากนัก

“เอาเหอะน่า ถือว่า ไถ่โทษละกัน เดี๋ยวเราซื้อขนมอะไรเล็กๆน้อยๆมาด้วย รู้ว่า ท็อปคงกินอะไรไม่ค่อยลงหรอกตอนนี้” หวานบอกแล้วก็รีบเดินไป

ท็อปจึงนั่งเหม่อมองบรรยากาศรอบๆตัว ทุกอย่างเหมือนดำเนินไปอย่างเชื่องช้าและเอื่อยเฉื่อย กว่าจะตื่นจากภวังค์อีกทีก็ตอนที่หวานยกแก้วกาแฟร้อนมาให้เขาแล้ว

“ขอบใจนะ” ท็อปบอก

“แล้วแบบนี้จะเอายังไงต่อ? ตำรวจเขารู้คนทำผิดหรือยัง?” หวานถาม นั่งลงข้างๆเขา

“ก็รอดูกันไปว่าเป็นใคร ตอนนี้ยังไม่รู้ตัวหรอก” ท็อปพูดหลบตา “เขาสงสัยว่าใครที่มีเรื่องกับแบงค์มาก่อนมากกว่า เพราะว่าไม่มีการชิงทรัพย์อะไรเลย ทำร้ายร่างกายอย่างเดียว”

“แย่เลย แถมจำอะไรไมได้อีกต่างหาก” หวานพึมพำ “แล้วนี่ปลาคาร์พมารึยังอะ?”

“เดี๋ยวก็คงมาแหละ คงมาพร้อมแม่เขา” ท็อปบอก แล้วค่อยๆกระดกกาแฟเข้าไปทีละนิด ๆ เพื่อกระตุ้นให้ตัวเองตาตื่น
กว่าที่คาร์พจะปรากฏตัวก็เริ่มเรียนคาบแรกเข้าไปแล้ว เขาขอโทษอาจารย์แล้วก็รีบเดินเข้าห้องมานั่งข้างๆท็อปที่มองเขาตั้งแต่ตอนที่ปรากฏตัวที่หน้าประตู

“มึงไปไหนมาวะ ตื่นสายเหรอ?” ท็อปถามเพื่อน พยายามทำน้ำเสียงปกติ

“อ่า...กูตื่นสายน่ะ” ปลาคาร์พตอบรีบวางข้าวของลงข้างๆตัวให้เรียบร้อย ดูสภาพจากขอบตาของทั้งท็อปและคาร์พนั้นก็ไม่ต่างกันในเรื่องของความคล้ำจากการอดนอน

“ทำไรอยู่ล่ะ ดึกๆ” ท็อปถามเบาๆ เพราะคาบเรียนกำลังเริ่มสอนต่อ

“ก็ไม่ได้ทำอะไรนะ เอ้อ ก็มีปั่นรายงานแล้วก็พยายามอ่านหนังสือวิชาที่ยากๆ” คาร์พพูด สีหน้าปกติ

ท็อปไม่อยากพูดอะไรมากนัก ทั้งที่ข้างในตัวเองนั้น รู้สึกทั้งโกรธทั้งสงสารเพื่อน ใจหนึ่งก็โกรธเหลือเกินที่เพื่อนรักของเขาทำแบบนี้กับแบงค์ ใจหนึ่งก็สงสารเหลือเกินเพราะรู้ว่าที่เพื่อนของเขาต้องทำแบบนี้ส่วนหนึ่งนั้นน่าจะมาจากเขาเป็นสาเหตุ

“เฮ้ย ท็อป...อะไรติดผมมึง?” คาร์พทักขึ้น ก่อนที่จะเอื้อมมือมาหยิบเศษขนนกเล็กๆ ที่ติดอยู่ที่ผมของท็อป ส่วนท็อปตอนนั้นก็คิดสรตะเรื่อยเปื่อย ใจไมได้อยู่กับห้องเรียนเลยแม้แต่น้อย

“ขอบใจ” ท็อปหันมาพูดสั้นๆ

ปลาคาร์พยิ้มกว้างเป็นคำตอบ ก่อนจะหันกลับไปเขียนหนังสือเหมือนเดิม ปลาคาร์พที่แสนอ่อนโยนและเคียงข้างเขาเสมอ เขาไม่คิดเลยว่านั่นจะเป็นคาร์พจริงๆเหรอ หรืออาจจะแค่คนหน้าคล้ายกันแน่นะ

=================================================


เมื่อถึงเวลาเย็น ปลาคาร์พกับท็อปวันนี้แยกกันกลับบ้าน คาร์พบอกว่ามีติวพิเศษวิชาเคมี ตอนแรกก็ชวนให้ท็อปไปติวด้วยกัน แต่ท็อปปฏิเสธเพราะเขารู้ดีว่า ไปติวเวลานี้ก็คงไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นมา เพราในใจของเขาตอนนี้นั้นทั้งสับสนและวุ่นวาย เขาจึงตัดสินใจที่จะรีบกลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อดูแลอาการของแบงค์ดีกว่า

“ท็อป... เรามีเรื่องอยากจะคุยด้วย” หวานโผล่มาจากมุมตึก บริเวณที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ของนักเรียน

“อ้าว หวาน มาทำอะไรแถวนี้? เธอไม่ได้ขับมอไซค์มานี่น่า?” ท็อปทักขึ้น

“คือ เรามารอท็อปนั่นแหละ รีบไปโรงพยาบาลรึเปล่า?” หวานถามต่อ “ถ้าไม่รีบมาก เรามีเรื่องอยากจะคุยด้วยส่วนตัว”

“ก็ได้นะ เอาสิ มีอะไรก็ว่ามาเลย” ท็อปบอกแล้วพาเดินไปที่อีกด้านของอาคาร เป็นจุดที่ไม่ค่อยมีใครเห็นง่ายๆนัก ถ้าไม่ได้ตั้งใจจะเดินผ่านมา

“ขอโทษที่กวนเวลานะ” เธอเกริ่น “เราแค่อยากจะถามท็อป ว่าเรายังมีโอกาสอยู่ไหม?”

ท็อปไม่คิดว่าจู่ๆ หวานจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา “โอกาส? เรื่องอะไรเหรอ? เรื่องสอบหรืออะไร?” เขาถามซ้ำ พยายามให้แน่ใจว่าสิ่งที่หวานพยายามจะบอกเขาคืออะไรกันแน่

“โอกาสที่ท็อปจะลองมาคบกับเราดูบ้าง...เราเฝ้าดูท็อปคบกับคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย แต่มีแค่เราเท่านั้นที่ท็อปยังไม่เคยลองเปิดใจเลย ทั้งๆที่เราชอบท็อปเอามากๆ” หวานบอก ส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ท็อป “เรารวบควมความกล้าทั้งหมดเพื่อที่จะมาพูดคุยกับท็อปเพื่อให้ทุกอย่างมันชัดเจนที่สุด”

“หวานก็รู้นี่นา...ว่าตอนนี้เราชอบแบงค์มากขนาดไหนไม่ใช่เหรอ? แล้วนี่หวานจะยังมาถามเราแบบนี้เพื่ออะไรกัน” ท็อปพูด รู้สึกไม่ดีที่ต้องบอกแบบนี้ออกไป “ไม่ใช่ว่าหวานเป็นคนไม่ดีนะ แต่ว่าเราว่ามันอาจจะยังไม่ใช่เว....”

“ท็อปยังไม่เคยให้โอกาสเราสักครั้งเลยนะ” หวานบอก น้ำตาค่อยๆเอ่อขึ้นมา “เราเฝ้าดูท็อปมาตลอด เราว่าสิ่งที่เราพยายามทำให้ท็อปมันบริสุทธิ์จากใจของเรามากที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำให้กับคนที่ตัวเองรักแล้วนะ”

“แต่ว่าหวานฟังเราก่อนสิ...”

“ท็อปจะยังเลือกที่จะไปต่อกับคนที่ท็อปรักและเขาลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปหมดสิ้นเชิงแล้วอย่างนั้นเหรอ?” หวานถามแทงใจดำของเขา

ใช่...ความจริงของตอนนี้ก็คือ สิ่งที่เฝ้าวนเวียนหลอกหลอนอยู่ในหัวของเขามาตลอด ความรักที่เขาค่อยๆก่อร่างสร้างมันขึ้นมากับมือร่วมกันกับแบงค์นั้น มันได้สูญสลายหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงความทรงจำเพียงครึ่งเดียวที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่จำได้ทุกฉากทุกตอน สิ่งที่แบงค์ได้อยู่เคียงข้างเขาและค่อยๆเปลี่ยนแปลงตัวเขาจากการที่ได้อยู่ด้วยกันนั้น มีเพียงเขาเท่านั้นที่ยังคงสัมผัสได้และเข้าใจ มีเพียงแบงค์เท่านั้นที่ได้ถูกลบความทรงจำเหล่านั้นออกไป ตอนนี้เขาสองคนเปรียบเสมือนคนที่ไม่รู้จักกันและการสร้างความสัมพันธ์ให้กลับมาเหมือนเดิมนั้น คงยากเกินกว่าที่ท็อปจะทำไหว เพราะต้องใช้เวลา และยิ่งตัวเขาเองกับแบงค์นั้น เริ่มต้นความสัมพันธ์กันจากความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกันแล้วเปลี่ยนมากลายเป็นความเข้าใจใกล้ชิดนั้นมันยากเหลือเกินที่จะให้ทุกอย่างมันย้อนรอยเดิมกลับมา ตัวท็อปเองถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ก็ไม่อยากจะทำร้ายน้องอย่างที่เขาได้ทำลงไป

“ท็อปไม่ลองเปิดใจ เริ่มต้นใหม่กับคนที่รักท็อปอย่างเราดูบ้างล่ะ? เราสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างท็อป ให้โอกาสเราสักครั้งเถอะนะ” หวานอ้อนวอน แล้วโผเข้ากอดท็อปที่ยังคงยืนนิ่งอึ้งอยู่

“เคยได้ยินไหมว่า ความรักมันไม่มีเหตุผล” ท็อปพูดขึ้น ก่อนจะจับบ่าหวานที่กำลังกอดเขาแน่นออกมา “สำหรับเรานะหวาน ใครว่ารักไม่มีเหตุผล แค่เราไม่เข้าใจมันมากกว่า เราเลยหาคำอธิบายมันไม่ได้ ความรู้สึกที่เรามีต่อแบงค์ก็เหมือนกัน เราดีใจที่หวานชอบเรา ตัวเราเองก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าไปทำอะไรให้หวานชอบขนาดนั้น แต่เราก็ไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย เธอเองก็รู้"

หวานนิ่งฟัง เช็ดน้ำตาที่ไหลอาบหน้าอยู่

“แต่ทุกวันนี้เราเข้าใจหมดแล้วล่ะ สิ่งที่เราจะต้องทำ ไม่ใช่แค่อยู่เพื่อตัวเราเองอย่างเดียว แต่คือการอยู่เพื่อคนอื่น แบงค์เขาคอยสอนเราเสมอ ในวันที่เราไม่มีใคร ในวันที่เราเอาแต่ใจ แบงค์ไม่เคยที่จะโวยวายใส่เราแบบไม่มีเหตุผล เขาใช้เหตุผลเป็นที่ตั้งมาตลอด ถึงเราจะมีโกรธกันบ้างทะเลาะกันบ้างแต่แบงค์สอนให้เรารู้จักให้อภัย ทุกครั้งที่มีปัญหาเกิดขึ้น เขามักจะเลือกเป็นฝ่ายที่ยอมจากไปเสียเอง มากกว่าจะคอยเอาแต่เอาชนะ มันไม่ใช่ความพ่ายแพ้นะ แต่เป็นการที่เราชนะความเกลียดของตัวเองให้ผ่านไปได้ นี่คือเหตุผลที่เรารักแบงค์มาก มากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะเขาสอนเราให้รู้จักการใช้ชีวิตอยู่เพื่อกันและกันมากกว่าอยู่เพื่อความรักของตัวเองอย่างเดียว” ท็อปอธิบาย หวังว่าหวานจะเข้าใจเขา “ขอโทษนะ ที่จะต้องปฏิเสธหวานอีกครั้ง แต่เรายังเป็นเพื่อนกันได้ เราอยากให้หวานเป็นเพื่อนกันกับเรามากกว่า เพราถ้าวันหนึ่งที่หวานรู้จักเรามากขึ้น หวานอาจจะไม่ชอบเราแล้วก้ได้ หลังจากนั้น เราก็คงอาจจะไม่อยากคุยกันอีก หวานเป็นเพื่อนที่ดีนะ เราก็ไม่อยากจะเสียสถานภาพนี้ไป”

หวานได้แต่ก้มหน้า สูดน้ำมูก เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา “เราเข้าใจนะ ท็อป .... เราดื้อเองแหละที่ไม่ยอมรับความจริง” เธอปาดน้ำตาแล้วหันมายิ้มให้ท็อปที่กำลังมองหน้าเธออยู่

“ร้องไห้เยอะๆ เดี๋ยวไม่สวยนะ” ท็อปพูด “มีผู้ชายดีๆอีกตั้งเยอะ ลองเปิดใจมองกว้างๆ เดี๋ยวหวานก็จะเจอเองเมื่อถึงเวลา”

“อือ เราไม่กวนแล้วล่ะ ท็อปรีบไปเถอะ แบงค์คงกำลังรออยู่” หวานบอก

ท็อปรีบลาเพื่อน แล้วคว้าเอาหมวกกันน็อกมาสวมหัวแล้วรีบบึ่งออกไป เพราะท้องฟ้าเริ่มจะมืดแล้ว หวานหยิบโทรศัพท์มือถือของท็อปที่ตัวเองยังเก็บเอาไว้อยู่มือ กำไว้แน่น เธออยากจะคืนให้กับท็อปในวันนี้ถ้าเกิดเขายอมรับรักของเธอ แต่พอฟังเหตุผลของท็อปที่มีให้แบงค์เธอก็ยังไม่กล้าพอที่จะคืนให้อยู่ดี

==================================================

“อ้าว แม่กินอะไรหรือยังครับ?” ท็อปถามเมื่อเห็นแม่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องพักของแบงค์ ส่วนแบงค์ก็นั่งดูทีวีอยู่ด้วยกัน

“มาแล้วเหรอลูก แม่ยังไม่ได้กินเลย ส่วนแบงค์ พยาบาลเขาเอามาให้แล้วล่ะ”

“สวัสดีครับ พี่ท็อป” แบงค์พูด ยกมือไหว้ “อุตส่าห์แวะมา มานั่งเล่นกันก่อนก็ได้นะ”

ท็อปยิ้มให้แบงค์เมื่อเห็นสีหน้าของแบงค์ที่มีอาการดีมากขึ้นเรื่อย ๆ มีเลือดฝาดไม่เป็นแก้มซีดๆเหมือนช่วงแรก ๆ เขาถือถุงน้ำเต้าหู้แล้วก็ขนมอีกสองสามอย่างมาให้

“งั้นเดี๋ยวแม่ขอตัวไปหาอะไรกินก่อนได้ไหม? ขอแม่ฝากน้องแป๊บนึง” แม่ยิ้มให้แล้วเดินออกจากห้อง ทิ้งให้ท็อปนั่งอยู่กับแบงค์สองคนในห้อง

“เป็นไงมั่ง น้องรัก อยู่แต่ในห้อง เบื่อไหม?” ท็อปถาม กระโดดขึ้นมานั่งข้างๆแบงค์บนเตียง

“ก็เบื่อนิดหน่อยครับ แต่ก็รู้ว่าเดี๋ยวเย็นๆ พี่ท็อปก็จะแวะมา ก็เลยรออยู่ครับ” แบงค์พูดยิ้มตอบให้ “เนี่ยพี่มากับของกินตลอดเลลย ออกจากโรงพยาบาลไปมีหวัง พี่ท็อปต้องพาแบงค์ลดน้ำหนักแล้วแหละ” แบงค์หัวเราะ

“ไม่รู้พี่เคยเล่าให้ฟังไหม? ว่าพี่เนี่ยเป็นนักกีฬาแบดเหรียญทองของโรงเรียนเลยนะ” ท็อปพูดโอ่ๆ “ถ้าแบงค์หายแล้ว เดี๋ยวพี่จะชวนไปเล่นด้วย จะได้ลดน้ำหนักได้ด้วยไง”

“โห จริงหรือเปล่า พี่ท็อป โม้เปล่าพี่? หน้าใสๆ ตัวขาวๆงี้ เป็นนักกีฬา แบงค์ไม่เชื่อหรอก” แบงค์พูดขำ ๆ

“จำคำพี่ไว้ก็แล้วกัน” ท็อปพูด หรี่ตาจ้องมองแบงค์ “พี่จะเล่นให้แบงค์ขาเดี้ยงเลย”

ทั้งสองคนหัวเราะอย่างสนุกสนาน เพราะท็อปคอยเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ที่ผ่านมาในโรงเรียนให้แบงค์ฟัง ในช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ ท็อปรู้สึกราวกับว่า แบงค์จำทุกอย่างได้อีกครั้งและกลับมารักเขาได้เหมือนเดิม ในดวงตาคู่เดิมที่เคยจ้องมองกันนั้น ยังคงมีแววใสซื่อ และอ่อนโยนแฝงอยู่ เพียงแค่ความรักที่เคยมีให้กันนั้นมันได้ถูกลบเลือนออกไปจากความทรงจำก็เท่านั้น

“พี่ท็อป...พี่ท็อปมีแฟนหรือยัง?” แบงค์ถามขึ้น เมื่อท็อปหันไปเทน้ำเต้าหู้ใส่แก้วยกมาให้

“ถามทำไมล่ะ?” ท็อปหันหน้ามามองรุ่นน้อง แปลกใจนิดๆกับคำถามที่แบงค์ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ก็...พี่ท็อปทั้งหล่อ ทั้งเรียนเก่ง เป็นลูกอาจารย์ นิสัยก็ดี คุยก็สนุก ตั้งแต่แบงค์ลืมตาขึ้นมาได้ แบงค์ก็เจอพี่ท็อปทุกวันเลย แบงค์ว่าพี่ท็อปต้องมีคนมาชอบเยอะแยะแน่ๆ”

“เวอร์แล้ว แบงค์ ไม่ขนาดนั้นหรอก ถ้าถามว่ามีคนมาชอบไหม มันก็เป็นธรรมดาแหละ หลายคนชอบเราก็เพราะเรามีชื่อเสียง บางคนก็ชอบเราเพราะหน้าตา บางคนก็ชอบเราที่ความสามารถ แต่น้อยคนที่ยอมรักเราที่เราเป็นเรา ต่อให้ตัวเราแย่แค่ไหน ก็อยู่ข้างๆกันแล้วคอยขัดเกลากันและกัน แบบนี้มันหายากนะ” ท็อปบอก

“พี่ท็อปพูดอะไร งง?” แบงค์ถามย้อนมา “หมายความว่าพี่ท็อปยังไม่มีแฟนว่างั้น?”

“มีแล้วสิ” ท็อปตอบสั้น ๆ “อยากรู้จักไหมล่ะ?”

“ไม่อะ...ถ้าเจอมีหวังโดนตบหน้าหงายแน่ๆ ก็พี่ท็อปเล่นมาอยู่กับแบงค์ทุกวันแบบนี้ แฟนพี่เขาจะไม่โกรธแย่เหรอครับ” แบงค์บอกหวาด ๆ ส่วนท็อปก็หัวเราะชอบใจ ยกแก้วมาให้น้อง

“อะ ดื่มซะ....น้ำนมถั่วเหลือง มันดีต่อสุขภาพนะ” ท็อปบอกส่งยิ้มแป้นให้แบงค์ที่รับไปดื่มด้วยสีหน้ามีความสุขเช่นกัน

จบบทที่ 33

บทที่ 34 จะเป็นเนื้อเรื่องตอนสุดท้ายแล้วนะครับ
จะมาในวันพฤหัสหน้า พร้อม ภาคผนวกอีกสองตอนว่าด้วยเรื่องของท็อปและปลาคาร์พ
และบทส่งท้ายสรุปว่าสุดท้ายแล้ว รัก 5 เส้านี้จะจบลงอย่างไร

พฤหัสหน้ามารอดูด้วยกันครับ ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนโค้งสุดท้ายนะครับ


....
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 33 อัพ 08/05)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 08-05-2015 22:12:11
รอเลย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 33 อัพ 08/05)
เริ่มหัวข้อโดย: LeeGwakNAT ที่ 08-05-2015 22:56:14
รอเลยๆ ^^
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 33 อัพ 08/05)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-05-2015 23:49:28
อีคาร์พจะโดนไรนะตอนจบ. เอาให้ตายไปเลย. ชั่วนัก
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 33 อัพ 08/05)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 09-05-2015 00:35:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 33 อัพ 08/05)
เริ่มหัวข้อโดย: MaiSwifties ที่ 11-05-2015 00:09:24
วันพฤหัสเลยหรอ :sad4:

ตามอ่านมาจนถึงล่าสุด อยากบอกว่าชอบมากๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ

โดยเฉพาะแบงก์ เป็นนายเอกที่เราชอบที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมาหลายเรื่องเลยล่ะ

เป็นคนที่ใจเย็น มีเหตุผลมากๆ  อยากได้คนแบบนี้เป็นแฟน

นิสัยคล้ายๆเราเลย แต่เราเป็นพวกร้อนข้างใน

งงว่าทำไมคนเข้ามาอ่านน้อย ทั้งๆที่เรื่องดีออกอย่างนี้ แบงก์เป็นตัวที่ดึงให้เราอ่านจนถึงตอนนี้เลยล่ะ

ชอบที่แบงก์เป็นคนแบบนี้จริงๆค่ะ แม้ว่าคนอื่นอาจจะบอกว่าแบงก์คิดมาก

แต่ในมุมมองเราคือ ถ้าเป็นเรา เราก็คิดแบบนี้นะ ตามความเป็นจริงโดยไม่ใช้อคติ คิดตามมุมมองบุคคลที่สาม

และคนที่น่าสงสารสุด เราคิดว่าเป็นท็อป โดนนู่นนี่นั่นมาเยอะตั้งแต่เด็ก

มาเจอใครต่อใครรัก แต่ก็ต้องมีปัญหาเพราะคนพวกนี้อีก มารักกับแบงก์แบงก์ก็ลืม

นี่มันความปวดร้าวทางใจ เจ็บยิ่งกว่าโดนทำร้ายร่างกายอีก

ไม่อยากให้จบเศร้าเลย เดาต่อไปไม่ถูก

คนแต่งแต่งดีมากๆ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้

ติดตามผลงานต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 33 อัพ 08/05)
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 11-05-2015 02:15:28
Happy  ending ใช่ไหม รอตอนจบ ตัดหัวไอ้คร๊าฟเสียบประจาน หึหึหึ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated บทที่ 33 อัพ 08/05)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 13-05-2015 21:14:04
พรุ่งนี้มาลุ้นตอนจบด้วยกันครับ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 14-05-2015 21:49:18
ภาคผนวก 1 - - BEFORE STORY

ท็อป

วันปฐมนิเทศน์


พ่อปลุกท็อปแต่เช้าให้รีบลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว ทั้งๆที่วันนี้ยังเป็นวันปิดเทอมอยู่แท้ๆ แต่ว่า ด้วยความที่เป็นลูกชายคนเดียวของหัวหน้าภาควิชาคณิตศาสตร์ประจำชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 อย่างเขา จำเป็นจะต้องคอยติดสอยห้อยตามพ่อที่ต้องไปพรีเซนต์โรงเรียนให้กับเด็กใหม่ที่จะเข้ามาเรียนม.4ในปีนี้กับพ่อ

“พ่อไปก่อนผมได้ไหม? เดี๋ยวสายๆ ผมค่อยตามไป” ท็อปร้องครวญ เมื่อพ่อพยายามมาปลุกเขาเป็นรอบที่ 4

“อย่าดื้อ ท็อป โตจนอยู่ ม.5 แล้ว จะให้พ่อมาเรียกซ้ำๆซากๆทำไมอีก เร็วๆ เข้า จะได้ไปช่วยพ่อเตรียมเอกสารให้พร้อมด้วย”
พ่อของท็อปเดินเข้ามาในห้องลูกชายอีกครั้ง พลางผูกเน็คไทให้แน่นกระชับ ก่อนจะเดินออกไป

ท็อปจึงต้องจำใจลุกอย่างเสียไม่ได้ แล้วรีบอาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะคว้าไม้แบดคู่ใจที่วางอยู่ใกล้ๆเตียงติดมือมาด้วย

“วันนี้จะไปเล่นแบดด้วยเหรอ?” พ่อถามขึ้นเมื่อเห็นลูกชายแต่งองค์ทรงเครื่องพร้อม “ชุดกีฬาเอาไปด้วยหรือเปล่า?”

“ก็เดี๋ยวตอนเย็นๆ จะไปรับไอ้คาร์พมันมาเล่นด้วยกัน แหม ก็อ.รัชนีกร แม่คาร์พเขาสอนม.6 นี่ครับ เลยไม่ต้องมาป้วนเปี้ยนตอนวันปฐมนิเทศน์เหมือนพ่อ ตอนนี้มันก็เลยนอนอุตุสบายใจเฉิบ” ท็อปบอกอย่างหงุดหงิดก่อนจะลงนั่งใส่รองเท้าผ้าใบสีขาว

“หน้าที่เป็นสิ่งสำคัญ ท็อป บางอย่างเราก็ต้องเสียสละกันบ้าง เพื่อให้ได้อะไรที่คุ้มค่ากลับมา” พ่อบอก “เอาเป็นว่า เดี๋ยวพ่อขับรถใหญ่ไป ส่วนท็อปจะเอารถมอเตอร์ไซค์ไปใช่ไหม?”

“ก็ต้องงั้นอยู่แล้ว พ่อกลับดึกตลอด จะให้ท็อปรอพ่อกลับคงหลับซะก่อน” ท็อปบอก แล้วเคาะรองเท้าสองสามทีจากนั้นจึงยืนขึ้นเปิดประตูคอนโดออกไป

“เดี๋ยวไปช่วยขนเอกสารของพ่อจากบนห้องลงมาที่ห้องประชุมด้วยล่ะ” พ่อสั่งไว้ ท็อปพยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะรีบออกจากคอนโดตรงไปที่โรงเรียนซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก

เมื่อไปถึงโรงเรียน ท็อปเริ่มเห็นเด็กนักเรียนใหม่ มายืนดูป้ายที่บอกห้อง และรายชื่อ ที่ตนเองจะต้องไปรอเพื่อรวมตัวกันเพื่อเข้าสู่การปฐมนิเทศน์สำหรับม. 4 ท็อปกวาดตาไปรอบๆ ปีนี้เด็กใหม่ไม่ได้มากมายเหมือนปีก่อนๆ เพราะมาตรการการสอบเข้าที่เข้มงวดขึ้น เขาไม่แน่ใจเรื่องจำนวน แต่ถ้ามองด้วยสายตาของเขาคร่าวๆ ก็คงมีไม่ถึงร้อยดีนัก

ในขณะที่ยืนจดๆจ้องๆอยู่นั้น ก็มีเด็กใหม่คนหนึ่ง เดินงกๆเงิ่นๆอยู่ ใกล้เขา พลางมองดูอย่างอยากรู้ว่า คนที่มุงป้ายนั้นมุงดูอะไรกัน

“นายไม่ไปดูรายชื่อที่ป้ายกับพวกคนอื่นล่ะ” ท็อปทักขึ้น เมื่อเห็นน้องใหม่ยืนงงๆอยู่

“อ๋อ ต้องเช็ครายชื่อก่อนใช่ไหมครับ?” เด็กใหม่ถาม หน้าตาผิวพรรณและสำเนียงการพูดภาษาไทยกลางไม่น่าจะใช่เด็กแถวกรุงเทพฯ

“เอ่อ..ใช่ นายจะได้รู้ว่าต้องไปประชุมที่ตึกไหนก่อน เหมือนว่า เขาจะเวียนให้ดูแต่ละส่วนของภาควิชา เพื่อให้พวกนายคุ้นเคยกับที่นี่” ท็อปบอกข้อมูล ด้วยความที่เขามาแบบนี้แทบทุกปีกับพ่อ รายละเอียดเบื้องต้นพวกนี้เขาจึงรู้ดีพอสมควร ท็อปปรายตามองดูป้ายชื่อของน้องใหม่ “เจนภพ รัชตะไพบูลย์” ชื่อนี้ไม่ใช่ชื่อนี้คุ้นหูเขา คงเป็นเด็กต่างจังหวัดอย่างที่เขาคิดไว้

“นายย้ายมาเรียนที่นี่เหรอ?” ท็อปถามอีก

“เอ่อ ครับ...ยังไงเดี๋ยวผมขอตัวไปดูรายชื่อก่อนนะครับ เดี๋ยวจะสายเอา ยังไงก็ขอบคุณพี่มากนะครับ” เด็กหนุ่มพูด แล้วรีบเดินจากไป

ท็อปมองตามรุ่นน้องที่กำลังเดินจากไป สมัยตอนม.4 ที่เขาเข้ามาเรียน เขาไม่ใช่เด็กใหม่ของที่นี่จึงไม่ต้องมาร่วมปฐมนิเทศน์รอบแรกแบบนี้ การเริ่มอะไรใหม่ๆ สำหรับเขาเองนั้น มันก็เหมือนจะเป็นเรื่องน่ากลัวเหมือนกัน เขาคิดก่อนจะรีบเดินไปยังจุดที่นัดหมายกับพ่อ

ตลอดทั้งเช้าท็อปต้องคอยเดินแจกเอกสารให้กับรุ่นน้องและคอยดูแล คอยบอกทางไปห้องน้ำ คอยจัดหาน้ำหาข้าวให้เด็กใหม่กิน เหมือนประหนึ่งเป็นพี่เลี้ยงก็ไม่ปาน ยิ่งต้องตื่นเช้าและมาโรงเรียนเพื่อช่วยพ่อแบบนี้ มันทำให้เขาแสนจะหงุดหงิด คิดถึงเตียงนอนที่บ้านจับใจ เขาเห็นเด็กเมื่อเช้าที่ชื่อเจนภพ นั่งอยู่กลางห้องประชุม หน้าตาซื่อๆ ไร้เดียงสานั้น ดูตื่นๆ คน “สมกับเป็นเด็กเพิ่งเข้าเมืองจริงๆ” ท็อปคิด อดขำไมได้ ที่เห็นสีหน้าของรุ่นน้องเลิกลั่กๆ ถ้าเทียบกับเด็กในกรุงเทพฯแล้ว รุ่นน้องคนนี้ก็ถือว่า ดูหน้าตาท่าทางเข้าเค้าว่าอาจจะเป็นอีกคนที่มีคะแนนนิยมในหมู่สาวๆได้ดี ผิวขาวๆ ดูซื่อๆ พวกเด็กม.6 ที่จ้องจะจับกินเด็กม. 4 เข้าใหม่นั้นมีเป็นแก๊งๆเลยทีเดียว สำหรับท็อปเองที่อยู่โรงเรียนนี้มานาน เขาก็มีชื่อเสียงในฐานะลูกอาจารย์ และโดนเรียกกันว่า กลุ่ม เดอะ ปริ๊นซ์ ที่ทั้งเรียนเก่ง เล่นกีฬาเก่ง ผิวพรรณ รูปร่างหน้าตาดี เป็นที่หมายปองของสาวๆทั้งโรงเรียน ยิ่งเป็นลูกอาจารย์ด้วยแล้ว ใครๆก็อยากตีซี้หวังว่าจะรู้ข้อสอบก่อนใครเพื่อน แต่ท็อปก็ไม่เคยสนใจใครเท่าไรนัก สำหรับเขา ความรักมันคือการเรียนรู้ตัวเอง มากกว่าการเรียนรู้กันและกัน ถ้าเขารู้สึกอึดอัด และไม่พอใจ เขาก็จะปฏิเสธรักครั้งนั้น ทำให้สาวๆหัวใจเดาะมาหลายราย รวมถึงคนล่าสุด กิ๊ฟ เพื่อนร่วมระดับชั้นที่มาขอท็อปคบด้วย แต่สาวน้อยเป็นคนขี้หึง ทำให้ท็อปพาลหงุดหงิดและเลิกคบกันหลังจากที่จริงจังกันได้ 3 เดือน ท็อปไม่ชอบความรู้สึกผูกมัดและการถูกตามตื๊อ ที่ผ่านมา ก็มีแต่แบบนี้เท่านั้น ผิดกับคาร์พ เพื่อนสนิทของเขาที่มีคนมาจีบแต่เจ้าตัวก็แทบจะไม่สนใจเลยสักคนเดียว

เมื่อถึงเวลาเที่ยงเขาจำต้องช่วยพ่อแจกอาหารกล่องให้เด็กๆ ซึ่งท็อปก็รีบๆสักๆทำให้เสร็จเพื่อจะได้ไปรับคาร์พมาตีแบดด้วยกัน
 
“ท็อป ช่วยพ่อยกเอาของพวกนี้ขึ้นห้องพักครูให้พ่อหน่อย” พ่อบอกท็อป ซึ่งเขาก็หันมามองพ่อแบบเคืองๆ

“เดี๋ยวพ่อก็ขึ้นไปแล้วนี่นา เดี๋ยวผมจะไปเอามอไซค์ไปรับไอ้คาร์พมันมาซ้อมแบดที่โรงเรียน” ท็อปบอก “หนังสือไม่กี่เล่มเอง”

“พ่อกำลังยุ่งอยู่เรื่องดูแลเด็กใหม่เนี่ย ช่วยพ่อหน่อย” พ่อบอกดุๆ ท็อปจึงคว้าอุปกรณ์การสอนของพ่อแบบเสียไม่ได้ แล้วรีบเดินขึ้นตึกไป เมื่อถึงห้องพักครูแล้วก็รีบวางของก่อนจะเดินอ้อมไปลงบันไดอีกด้าน เพื่อออกไปเอามอเตอร์ไซค์ไปรับเพื่อนมาเล่นด้วยกัน


การพบกันที่ไม่น่าอภิรมย์

“เลิกเรียนแล้วเดี๋ยวท็อปมาช่วยพ่อเอาข้อสอบเก่าพวกนี้กลับบ้านให้พ่อหน่อยนะ” พ่อบอกเมื่อเห็นลูกชายเดินเข้ามาส่งการบ้านให้ครูคนอื่น

“โหย พ่อ พ่อพักมั่งเหอะ นี่มันเพิ่งต้นเทอม มาถึงก็ใช้ๆ แต่ผมเนี่ย ขอเวลาไปเที่ยวเล่นกับคนอื่นมั่งไม่ได้เหรอไง?” ท็อปโวยวาย เริ่มหงุดหงิด

“อะไร พ่อวานแค่นิดๆหน่อยๆ ทำเป็นโวยวาย ช่วยหน่อย ท็อปไม่ช่วยพ่อแล้วใครจะช่วยล่ะ เอ้า อย่าลืมล่ะ” พ่อสั่งคำขาด

“พ่อก็เอาแต่ทำงานๆๆๆ กลับก็ดึก วันๆ ท็อปก็อยู่แต่กับไอ้คาร์พมัน กลับบ้านนั่งเล่นเกมส์ เบื่อจะตายอยู่แล้ว หัดสนใจลูกมั่งเหอะพ่อ แม่ก็ทิ้งท็อปไปอยู่เชียงใหม่ ให้อยู่กับพ่อบ้างาน ท็อปโคตรจะเบื่อเลย” ท็อปว่า หน้าแดงด้วยความโกรธ

“ท็อป พูดจาให้มันดีๆหน่อย” พ่อบอกพยายามระงับอารมณ์ ยังดีที่ในห้องมีเพียงพ่อกับเขาเท่านั้น “ไปไหนก็ไปเลย แกไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ”

ท็อปเดินตึงตังออกจากห้องพักครู ปลาคาร์พที่รออยู่หน้าห้องเห็นสีหน้าท็อปที่เดินอาดๆออกมา ก็เดาได้ว่า เพื่อนต้องทะเลาะกับพ่อมาอีกแน่

“เฮ้ย จะทะเลาะกับพ่ออะไรนักหนาวะ สุขภาพจิตมึงไม่เสียมั่งเรอะไง?”  คาร์พถาม รีบเดินตามเพื่อน

“เรื่องของกูน่า ไปเรียนเหอะ” ท็อปบอกก่อนจะรีบเดินลงจากตึกแล้วเลาะไปตามสนามบาสข้างหน้าอาคาร ไม่ทันที่เขาจะระวังตัว จู่ๆก็มีลูกบาสลอยมาจากไหนก็ไม่รู้ พุ่งอัดเข้าใส่เบ้าหน้าข้างขวาเขาเต็ม ๆ

“เฮ้ย !! ใครโยนลูกบาสมาวะ...”


การแสดงออกที่ขัดแย้ง


นับตั้งแต่วันที่เขาโดนลูกบาสอัดใส่หน้า เขาก็ได้เจอน้องที่เจอตอนที่ปฐมนิเทศน์อีกครั้งหนึ่ง ในใจเขาตั้งใจจะแกล้งหยอกน้องล่นด้วยการเอาแกนกระดาษไปตีบ้างอะไรบ้าง แต่ที่ทำไปทั้งหมดก็ด้วยความหมั่นไส้เป็นการส่วนตัว ไม่ได้โกรธหรือเกลียดที่น้องโยนลูกบาสใส่เขา ใจนึงเขารู้ดีว่าทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุ แต่สำหรับเขา ท็อปก็เป็นพวกปิดกั้นสังคมหน่อยๆ เขาไม่ใช่คนเปิดใจกับใครง่ายๆนัก ถ้าไม่คิดอยากจะสนิทสนมด้วยจริงๆ พฤติกรรมที่แสดงออกทั้งๆที่อยากญาติดีกับน้องคนนี้ ทำให้สิ่งที่เขาแสดงออกไปนั้น เหมือนว่ากำลังไปแกล้งและดูคุกคามรุ่นน้องเสียมากกว่า

หลายครั้งที่เขารู้สึกตัวว่าตัวเองทำเกินไป แต่ก็เมื่อมันเลยตามเลยไปแล้ว เขาจึงต้องเล่นตามเกมส์ของตัวเอง เผื่อว่าสักวัน เราคงจะเป็นเพื่อนกันได้ ด้วยวิถีในแบบของเขาเอง

ทว่า ท็อปเองนั้น หารู้ไม่ว่า จริงๆแล้ว ในใจของเขาค่อยๆก่อเกิดความรู้สึกบางอย่างกับรุ่นน้องคนนี้ หลายครั้งที่เขารู้สึกดีที่ได้เจอ แม้ว่าจะเจอกี่ทีก็คอยเอาแต่จะแกล้ง แต่จริงๆแล้ว ในใจของเขานั้นเขาอยากรู้จัก อยากสนิทสนมด้วย ไม่รู้ว่าด้วยสเน่หาอะไรบางอย่าง หรือฟ้าดลใจ แต่สักวันนึง เขาก็คิดว่า คงได้รู้จักเด็กคนนี้มากขึ้นกว่าที่เคยเป็นแน่

จบภาคผนวก 1


หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 14-05-2015 21:49:55
ภาคผนวก 2 - - Before Story

ปลาคาร์พ (ชายผู้กุมความลับที่ซ่อนอยู่ทั้งหมดของเรื่อง)


คาร์พเป็นเพื่อนสนิทของท็อปตั้งแต่เขาจำความได้ ครั้งแรกที่เจอกันนั้น แม่ของเขาเพิ่งได้เข้ามาฝึกสอนที่โรงเรียนนี้และตอนนั้น เขาเองก็อายุประมาณ 8 ขวบ แม่พามาให้รู้จักลูกของอาจารย์อีกคนที่ชื่อ ว่าท็อป ท็อปเป็นเด็กร่าเริงและอารมณ์ดี ทุกครั้งที่มาเจอกัน ท็อปจะพาเขาไปเล่นดินเล่นทรายหลังโรงเรียน ไม่ก็หาเกมส์ใหม่ๆ ทั้งสองคนมีโอกาสได้ไปเที่ยวด้วยกัน กินนอน อาบน้ำด้วยกัน ทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกันมาก แต่ด้วยความที่คาร์พเป็นคนพูดน้อย จึงเหมือนลูกไล่ของท็อปเนืองๆ แม้ว่าพอโตขึ้น คาร์พจะสูงกว่าท็อปอยู่หน่อย แต่ใจของเขานั้น ก็ยังคงยอมให้เพื่อนคอยชี้นำตัวเองอยู่เหมือนเดิม

ด้วยความที่ใกล้ชิดกันแบบนี้ ทำให้คาร์พค่อยๆชอบท็อปมากขึ้นๆตั้งแต่เด็ก เพราะว่ามีเพียงท็อปเท่านั้นที่สนิทมากพอที่จะคุยได้ทุกเรื่อง แม้ว่าปลาคาร์พจะเห็นว่า ท็อปชอบผู้หญิงและมีคนมาจีบเยอะ เพราะทั้งรูปร่าง ผิวพรรณแถมเป็นนักกีฬาโรงเรียน เลยทำให้ท็อปป๊อบในหมู่สาวๆในโรงเรียนไม่น้อย ส่วนเขา ก็ได้อิทธิพลจากการที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน และแอบชอบเพื่อนตัวเองอยู่ห่าง ๆ

“จริงๆแล้ว ... ท็อป ... มึงชอบผู้หญิงแบบไหนวะ?” คาร์พถามขึ้นวันหนึ่งในขณะที่พวกเขานั่งกินบะหมี่อยู่ที่หลังโรงเรียนตอนสมัยอยู่ ม.3

“อ่า ก็ ไม่ขึ้หึง ไม่ขี้ตื๊อ พูดจาว่านอนสอนง่าย .. แค่นั้นมั้ง?” ท็อปบอกก่อนจะซดน้ำซุปเข้าไปเสียงดัง

“อืม..แล้วถ้ามีคนแบบนั้นมาชอบ มึงจะลองคบดูไหมวะ?” คาร์พถามอีก

“ก็คงลอง กูให้โอกาสคนอยู่แล้วพวก ... ที่ผ่านมา ถ้าไม่เรื่องมาก แล้วหน้าตาน่ารักๆหน่อย กูก็เอาหมดนะเว้ย” ท็อปบอก หัวเราะร่า

“แต่ถ้าอีกฝ่ายเขาไม่ใช่ผู้หญิงอะ  มึงจะลองคบรึเปล่า?” คาร์พถาม

ท็อปหยุดกินมองหน้าเพื่อน ก่อนจะเอามือบีบคางเพื่อนเขย่าหน้าซ้ายทีขวาที

“มึงเมาปะเนี่ย  ใครฝากมึงมาถามป่าววะ? กูไม่ใช่เกย์นะเว้ย ไอ้บ้า” ท็อปบอกหงุดหงิดๆ

“เออ ๆ โทษทีๆ กูก็ถามมึงเล่นๆไปงั้นแหละ” คาร์พบอก ก่อนจะรีบเปลี่ยนท็อปปิคการสนทนา

======================================

หลังจากที่เขาสังเกตว่าแบงค์และท็อปสนิทกันมากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเริ่มไปไหนมาไหนด้วยกันบ้างล่ะ และท็อปเริ่มติดโทรศัพท์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้เขาสงสัยว่า ท็อปกับแบงค์ต้องไม่ได้สนิทแบบรุ่นพี่รุ่นน้องธรรมดาๆ แน่ๆ ยิ่งทำให้เขารู้โกรธและเคืองมาก เพราะตัวเขาเองพยายามเข้าใกล้ท็อปและบอกความรู้สึกของตัวเองอยู่หลายครั้ง แต่ด้วยความที่ท็อปไม่อยากเสียเพื่อน ก็จะปฏิเสธอย่างสุภาพและบอกว่า เขารักปลาคาร์พแบบเพื่อนเท่านั้น และช่วยลืมๆสิ่งที่เกิดขึ้นไป เพื่อไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ ยิ่งนับวันเวลาที่ผ่านไป เขาก็เกลียดแบงค์มากขึ้น ๆ ปลาคาร์พจึงพยายามหาโอกาสแก้เผ็ดและยุแยงให้แบงค์กับท็อปเลิกกันด้วยทุกวิถีทาง

ครั้งแรกที่ท็อปลาหยุดโรงเรียนไปหลายวัน ปลาคาร์พจึงออกอุบายเรียกแบงค์ให้ไปหาท็อปที่บ้าน เพื่อสืบดูว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันจริงหรือเปล่า โดยที่ตามไปที่คอนโดของท็อป ซึ่งเขาก็ได้เห็นว่าท็อปกับแบงค์กอดกันและท็อปก็สารภาพกับแบงค์ว่าเขารักแบงค์ ช่วงเวลานั้น ทำให้คาร์พเจ็บปวดใจถึงที่สุด เขาจึงรีบไปที่ห้องของยามรักษาการณ์ของอาคาร และอ้างว่าตนเองเป็นหลานของอาจารย์สายัณห์  อยากได้ภาพจากกล้องวงจรปิดของอาคารมาดูว่ามีอะไรเกิดที่หน้าห้องบ้าง เมื่อทางอาคารเปิดให้ดู เขาจึงขอไฟล์ที่เห็นภาพทั้งสองกอดกัน แล้วพากันเข้าไปในห้อง แล้วส่งไปให้หวาน ประธานนักเรียนที่แอบชอบท็อปอีกคน เพื่อใช้เป็นนางนกต่อให้ไปยุแยงให้ท็อปและแบงค์แตกคอกัน

หวานเองก็ได้รับวิดีโอนี้จากเมลล์ลึกลับ ที่ชื่อว่า “ผู้หวังดี” เมื่อเห็นพฤติกรรมของทั้งแบงค์และท็อป เธอจึงสรุปได้เช่นกันเพราะเธอเองก็สังเกตมาพักนึงแล้วว่าแบงค์กับท็อปน่าจะมีความสัมพันธ์เกินเพื่อนนักเรียน เธอจึงพยายามขัดขวางแบงค์กับท็อป ตามแผนของคาร์พ

วันที่โทรศัพท์ของหวานตกลงในน้ำแกง ทำเอาเขาตกใจไม่น้อย เพราะว่า เขารู้ดีว่า รูปวิดีโอหลักฐานที่เขาส่งให้จะต้องอยู่ในโทรศัพท์นั้น แต่อย่างไรก็ตาม วิดีโอมันถูกส่งเข้าเมลล์ของหวาน ดังนั้นต่อให้โทรศัพท์ตกพัง ถ้าอีเมลล์ยังใช้ได้ หวานก็ยังสามารถไปโหลดวิดีโอพวกนี้กลับมาใช้เพื่อแบล็กเมลล์ท็อปได้อีก เขาจึงวางใจและไม่รู้สึกเดือดร้อน แต่ทั้งนี้ก็รู้สึกสงสัยแล้วว่าท็อปคงจะรู้ว่ามีคนแอบถ่ายภาพเขาได้และคงคิดว่าเป็นหวาน จากคำบอกเล่าของแบงค์ที่โดนหวานข่มขู่แน่นอน
ทุกอย่างก็เหมือนค่อยๆดำเนินไปตามเกมส์อย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ท็อปกับแบงค์กลับรักกันมากขึ้นๆ จนเหมือนเขาถูกท็อปทิ้ง ก่อนหน้านี้ท็อปมีแฟนไม่ว่าจะกี่คนต่อกี่คน ท็อปก็ไม่เคยเพิกเฉยๆ หรือหายไปเลยแบบนี้ นี่เป็นคนแรกที่ท็อปดูจะรักและหลงเอามากๆ มันยิ่งทำให้ปลาคาร์พสะสมความโกรธและเกลียดเอาไว้ในใจอย่างสุดขีด

คาร์พพยายามวางแผนลับหลัง โดยดึงหวานเข้ามาเอี่ยวกับเรื่องทั้งหมดอีกครั้ง โดยวางแผนที่จะให้หวานใช้ตัวเข้าแลกที่ห้องพยาบาล ส่วนเขาจะส่งข้อความไปหาแบงค์แทนเพื่อล่อให้แบงค์กับท็อปมาเจอกัน (เขาสืบหาเบอร์แบงค์จากเกมส์ โดยอ้างว่า ท็อปทำเบอร์หาย) แล้วรีบหักซิมโทรศัพท์ทิ้งเพื่อไม่ให้ถูกตามตัวได้ หลังจากที่แบงค์กับท็อปมีปากเสียงกัน เขาจึงรีบออกมาจากที่ซุ่มพร้อมกับซัดเข้าไปเต็มๆที่หน้าของแบงค์จนเลือดกำเดาไหล แต่ผลกลับกลายเป็นว่าท็อปพาลโกรธเขาและก็ยังไม่ยอมเลิกกับแบงค์ กลับกลายเป็นว่าทำให้ทั้งสองคนรักกันมากขึ้นปีอีก

ท็อปผิดสัญญานัดที่ไปเที่ยวร่วมห้อง 5/1 และหนีไปเที่ยวกับแบงค์ทำให้เขาเริ่มรู้สึกอยากกำจัดแบงค์มากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้หวานไม่อยากจะเข้าร่วมการขัดขวางความสัมพันธ์ของท็อปกับแบงค์อีกแล้ว เขาจึงได้แต่คิดว่า ต่อจากนี้เขาอาจจะต้องหาวิธีลงมือตามลำพัง

เมื่อถึงวันที่ต้องไปซื้อของขวัญจับสลากปีใหม่ วันก่อน เขานัดกับท็อปเสียดิบดีว่าหลังจากเลือกไปซื้อของแล้วจะไปซ้อมตีแบดด้วยกัน ท็อปเองก็อ้ำๆอึ้งๆ แต่ก็สัญญาแบบไม่เต็มปากว่าเดี๋ยวจะไปซ้อมด้วย แต่เมื่อถึงเวลาจริงท็อปกลับบ่ายเบี่ยงแล้วบอกจะกลับบ้าน พอเขาตามไปดู กลับพบว่า ท็อปกับแบงค์แอบหนีเที่ยวกันสองต่อสอง ปลาคาร์พโกรธมากที่ท็อปไม่ทำตามที่สัญญาไว้ ความเกลียดชัดที่มีต่อแบงค์จึงพุ่งขึ้นถึงขีดสุด จึงกะลอบทำร้ายแบงค์เมื่อระหว่างทางที่แบงค์อยู่ลำพัง

ในวันนั้นเขาพยายามตามทั้งสองคนห่าง ๆ ตั้งแต่แยกกัน ไม่ว่าจะไปเดินเล่นที่วังหลัง หรือว่าไปเดินเล่นแถวสะพานพุทธ เมื่อสบโอกาสที่แบงค์กับท็อปแยกกัน คาร์พ จึงคว้าเอาไม้หน้าสามที่วางทิ้งไว้แถวๆโรงไม้ใกล้ๆกันนั้น เพื่อมาใช้เป็นอาวุธ

ในตอนแรก คาร์พก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะให้แบงค์เจ็บหนักขนาดนี้ แต่ด้วยความที่เขาเป็นนักกีฬา การออกแรงเพียงน้อยนิดของเรา อาจจะหมายถึงความรุนแรงมหาศาลเมื่อใช้กับแบงค์ที่เป็นหนุ่มน้อยที่ไม่ค่อยได้ออกกำลัง ทุกครั้งที่มีคนพูดถึงเรื่องนี้เขาเองก็นอนไม่หลับ เพราะ ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าความจริงจะมาเปิดเผยเมื่อไร และเขามั่นใจได้ว่าในตรอกเปลี่ยวๆแบบนั้น คงไม่มีกล้องวงจรปิดทีไหนถ่ายภาพเขาไว้ได้แต่ก็คิดผิด เมื่อความลับถูกเปิดเผย มิตรภาพและความเป็นเพื่อนของปลาคาร์พและท็อปก็ถูกบั่นลง เพราะความวู่วามไม่รู้คิดของเขาเอง

“คนเรามีเหตุผลที่ตัวเองจะทำไม่ดีเสมอ” ปลาคาร์พบอกตัวเอง เมื่อนั่งอยู่ที่สน.หลังจากที่ถูกท็อปลวงออกมาให้สารภาพ “ถ้าเราไม่รักท็อปมันมากเกินไป เราก็คงไม่ตัดสินใจทำแบบนี้”

“ความรักมันไม่ได้ผิดในตัวมันเองหรอกนะ แต่อารมณ์ต่างหากที่เราให้มันอยู่เหนือความรักและเหตุผล” แม่ของปลาคาร์พบอก ลูบหัวลูกชายที่ตอนนี้ทั้งเครียดทั้งตาแดงด้วยความกังวลและเสียใจ

“คาร์พขอโทษที่คาร์พทำตัวไม่ดีครับแม่” ปลาคาร์พพูด ร้องไห้ กอดแม่

“ลูกยังเด็ก ยังมีหลายอย่างที่จะต้องเข้าใจ ให้มันเป็นบทเรียนสำคัญเรื่องหนึ่งนะ ความรักไม่ได้ทำให้เราเจ็บจนตาย แต่เพราะทิฐิในตัวเราต่างหากที่ทำให้เราเจ็บปวด และไม่ยอมปล่อยวาง” แม่บอกร่วมร้องไห้ไปด้วยกัน

ตำรวจทุกคนเข้าใจดีกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้ผู้ต้องหาก็สารภาพ และเจ้าเรื่องก็ไม่คิดจะเอาความแล้ว ต่อไปการปิดรูปคดีนี้ที่จะส่งต่อไปไกล่เกลี่ยในชั้นศาลก็ไม่น่าจะลำบากอีกต่อไป เพราะ มันยังมีเรื่องของการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการรักษาที่จะเกิดขึ้น

ปลาคาร์พหันหน้าไปมองท็อป ที่ยังคงยืนเหม่อมองไปข้างนอก ดวงตาไร้สุขแบบนั้น เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากจะเห็นเช่นเดียวกัน
ณ วันนี้ คาร์พจึงตระหนักได้ว่า “ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องครอบครองคนที่เรารัก จริงๆแล้วการที่เห็นคนที่เรารักได้มีความสุขมันน่าจะมีความสุขมากกว่าการได้ครอบครองไว้....เหมือนการตัดดอกไม้มาวางไว้ในแจกัน แน่ล่ะ มันอาจจะดูสวยแต่อย่าลืมว่า ดอกไม้จะสวยที่สุดเมื่ออยู่กับดิน ให้เขาอยู่ในที่ๆเหมาะสม เราก็จะได้ชื่นชมความงามนั้นได้ตลอดไป ไม่ใช่แค่เพียงไม่กี่วันเมื่อดอกนั้นอยู่แต่แค่ในแจกัน”
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 14-05-2015 21:51:01

ส่งท้าย

แบงค์กำลังนั่งจดอะไรสักอย่างอยู่ในขณะที่รถไฟสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่กำลังแล่นอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าเขตป่าแถบใกล้ๆลำปาง บรรยากาศเย็นๆ สบายๆ ของป่าพัดเอาความสดชื่นเข้ามาด้วย ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและน่าพักผ่อนเป็นที่สุด ปิดเทอมแล้วหลังจากที่เขาออกจากโรงพยาบาล ก็ต้องรีบไปตามเรียนเสริมกับแต่ละวิชา ทุกอย่างกลายเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคย อาจารย์หลายท่านต่างก็ยินดีมาติวให้แบงค์เป็นพิเศษทั้งหลังเลิกเรียนและวันเสาร์อาทิตย์ เพื่อให้แบงค์สามารถตามทันเนื้อหาทั้งปีและสอบปลายภาคจบม.4 ไปพร้อมๆกับทุกคนได้ รวมถึงอาจารย์สายัณห์ด้วยที่เลิกสนใจตำหนิความรักของลูกชายไปแล้ว เพราะแกเองก็เห็นว่า ทั้งสองคนยังเด็ก การเรียนรู้ชีวิตผ่านประสบการณ์ด้วยตัวเองน่าจะดีกว่าไปห้ามและขัดขวาง เพราะรังแต่จะสร้างปัญหาให้กับเขาและลูกชาย แม้ว่าอ.สายัณห์จะรักลูกชายคนเดียวมาก และหวังจะให้เป็นผู้สืบสกุลต่อไป ก็ค่อยๆเข้าใจและปล่อยให้ลูกชายได้ทำตามหัวใจของตัวเองอย่างเต็มที่ แต่สำหรับแบงค์ เขายังไม่สามารถที่จะจำเรื่องราวที่ผ่านมาได้เลย การเป็นดรัมเมเยอร์ชื่อดัง ความพ่ายแพ้ย่อยยับของการเล่นแบด เรื่องการเดิมพันกับพี่กาย เหตุการณ์ร้ายๆจากการถูกฟาดด้วยไม้หน้าสาม ทุกอย่างเป็นยิ่งกว่าแค่ฝันไป เพราะไม่มีเหตุการณ์ไหนที่หลงเหลืออยู่ให้จำ ทุกอย่างโดนรีเซ็ตใหม่และเขาจำเป็นต้องค่อยๆป้อนข้อมูลลงใหม่อีกครั้ง

พี่ท็อปกำลังนั่งหลับอยู่ฝั่งตรงข้ามกับแบงค์ เขาฟังเพลงอยู่โดยมีหูฟังเสียบไว้ ยิ้มน้อยๆเหมือนกำลังฝันอะไรบางอย่างอยู่
เมื่อแบงค์จดบันทึกเสร็จ เขาจึงเงยหน้ามองรุ่นพี่ที่มาด้วยกันที่กำลังนอนหลับด้วยสีหน้าครุ่นคิด นับตั้งแต่เขาออกจากโรงพยาบาล แบงค์ก็เป็นคนติดการเขียนบันทึกโดยไม่รู้ตัว เพราะเขาอยากจะจดบันทึกเหตุการณ์สำคัญๆในแต่ละวันเอาไว้บ้าง เผื่อไว้ว่า ถ้าเกิดสักวันเขาลืมทุกอย่างไปอีก การได้หยิบสมุดบันทึกเหล่านี้จะช่วยเตือนความทรงจำให้หวนระลึกขึ้นมาได้ใหม่
เขาค่อยๆเอานิ้วขี้จิ้มไปที่แก้มของพี่ท็อปเบาๆ จนพี่ท็อปสะดุ้งตื่น ก่อนจะปาดน้ำลายที่ตัวเองคิดว่าจะไหลออกมาขณะที่กำลังเผลองีบหลับไป

“ตกใจหมดเลย” พี่ท็อปอุทาน “กำลังฝันดีแท้ๆเชียว?”

“ฝันดี? พี่ท็อปฝันอะไรอยู่” แบงค์ถาม ตีสีหน้าสงสัย “เล่าให้ฟังหน่อย”

“ก็ ... ฝันถึงตอนที่เราให้รางวัลพี่ตอนแข่งกีฬาสีเสร็จ” ท็อปบอกเขินๆ แล้วค่อยๆถอดหูฟังออกจากหู

“เอ๊ะ...ก็พี่ท็อปบอกว่าพี่ท็อปแพ้ รุ่นพี่ม.6 นี่นา แล้วแบงค์จะให้รางวัลพี่ทำไมล่ะ? ตัวเองแพ้นี่”  แบงค์ถามย้อน พลางสงสัย
“ช่างมันเถอะ...ว่าแต่ นี่เราถึงไหนกันแล้วล่ะ?” ท็อปถาม มองแสงตะวันที่กำลังขึ้นอยู่ลิบๆตา

“ก็น่าจะแถวลำปาง เดี๋ยวอีกสักพักเราจะลอดถ้ำขุนตาลกันแล้วนะ” แบงค์บอก “นี่พี่ท็อปเพิ่งเคยมาเชียงใหม่ครั้งแรกใช่ไหม?”
“อืม จะว่างั้นก็ได้นะ...ครั้งแรก กับคนสำคัญ” ท็อปพูด ส่งยิ้มแฉ่งมาให้

แบงค์เลิกคิ้วขึ้นมองหน้าพี่ท็อป ยิ้มตอบแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร พลางเปิดกระเป๋าเก็บสมุดยัดลงไป

ท็อปพยายามทำดีและตีสนิทกับแบงค์เหมือนอย่างที่เคยทำสมัยที่เขากับแบงค์รักกันก่อนที่แบงค์จะสูญเสียความจำไป แต่ทว่าทุกอย่างนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้ นับตั้งแต่หลังจากที่แบงค์อกจากโรงพยาบาลมาร่วม สี่ห้าเดือนที่ผ่านมา แบงค์ก็ไม่ได้แสดงทีท่าว่ารักท็อปตอบเหมือนสมัยก่อนแม้แต่นิด จะมีอย่างมากก็ให้ความสนิทสนมอย่างยอมให้กอด แต่มากกว่านั้น ท็อปเองก็ไม่ได้กล้ามากพอที่จะขอ ตอนนี้เหมือนกับว่า แบงค์ที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่แบงค์คนเดิมที่เขารู้จักอีกแล้ว การวางตัวเมื่ออยู่ด้วยกันก็มีมากขึ้น ไม่ได้อยากจะขออะไรก็ได้ อยากจะทำอะไรก็ทำได้ ถึงเขาจะอึดอัดแต่เขาเองก็ยังคงหวังใจลึกๆว่า แบงค์คนเดิมจะกลับมา และเขายังรักแบงค์อยู่ การที่ทิ้งแบงค์ไปเลยพร้อมกับความทรงจำที่ขาดหาย ก็ดูจะเป็นเรื่องที่ท็อปนั้นยากจะทำใจยิ่งกว่า

“เห็นเขียนๆนั่นนี่มาตลอดทาง เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ ว่าเขียนอะไรบ้าง?” ท็อปถามขึ้นเมื่อเห็นสมุดสีน้ำตาลเล่มเท่าฝ่ามือของแบงค์

“ก็ สิ่งทีได้เจอ คนที่ได้เจอ คำพูดดีๆที่ได้ฟังมา อะไรที่น่าจดจำก็จดเก็บไว้สิ พี่ท็อปลองทำดูดิ เวลาได้กลับมาอ่านมันรู้สึกดีมากๆเลยน้า” แบงค์บอก หันไปมองแสงสีส้มที่ปลายฟ้า ตอนนี้ พวกเขากำลังวิ่งออกจากป่า เห็นขุนเขาอยู่ล้อมรอบๆ”เผื่อว่าวันนึงแบงค์ต้องหลงลืมอะไรไป ถ้าแบงค์ได้กลับมาอ่านก็หวังว่าจะจำมันได้ทั้งหมดอีกครั้ง”

“แล้วในนั้นมีเรื่องของพี่บ้างไหม?” ท็อปถาม “ขออ่านหน่อย” ว่าแล้วก็ยื่นมือมา

“ม่ายให้ดูหรอก....เรื่องส่วนตัว เรื่องอะไรจะให้อ่าน” แบงค์บอก ทำหน้าทะเล้นใส่

“ไอ้ลูกหมา” ท็อปโวยใส่ ก่อนจะกระโจนไปจักจี้รุ่นน้องที่นั่งอยู่อีกฝั่งของเบาะ เวลานี้ยังเช้าอยู่ ผู้โดยสายส่วนใหญ่ก็ยังคงหลับอยู่และไม่ได้เปิดม่าน มีแต่แค่ส่วนของท็อปและแบงค์เท่านั้นที่เก็บส่วนที่เป็นที่นอนและพับเป็นเบาะนั่งตั้งแต่ราวๆ ตี 5 เพราะแบงค์อยากจะมีพื้นที่เขียนหนังสือนั่นเอง

ท็อปจึงถือโอกาสกอดแบงค์ไว้ให้แน่น ไม่ได้บ่อยครั้งนักที่เขาจะได้กอดแบงค์ได้อย่างใจแบบนี้ เพราะหลังจากที่แบงค์ฟื้นขึ้นมา และเขาจำท็อปไม่ได้เลย การแสดงความสนิทสนมของเขาและแบงค์จึงต้องนับ 1 ใหม่ และการที่คนที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน อย่างที่แบงค์รู้สึกกับท็อปนั้น จะมาแตะเนื้อต้องตัวแบบเพื่อนชาย คงรู้สึกแปลกๆ

“พี่ท็อปกลิ่นตัวหอมจัง” แบงค์พูด เมื่อจมูกของเขาสัมผัสกับช่วงคอของท็อป

“อือ เมื่อก่อนแบงค์ก็ชอบพูดแบบนี้แหละ แล้วก็ขอหอมๆ ๆ ๆทุกครั้งที่เจอกันบ่อย” ท็อปพูด แอบใส่ไข่เนื้อเรื่องลงไปนิดหน่อย “บางวันก็ขอเสื้อกล้ามพี่กลับบ้านไปนอนดมก็มีนะ”

“แหวะ....พี่ท็อปอย่ามาอำเหอะ แบงค์ไม่ใช่คนซกมกแบบนั้นนะ” แบงค์บอกทำสีหน้าขยะแขยงสุดๆ

ท็อปหัวเราะลั่นแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อย ก่อนจะอุ้มแบงค์ให้นั่งที่ตักเขา หันหน้าประจันกัน

“ผ่านมา 4-5 เดือนแล้ว ตอนนี้แบงค์รู้สึกกับพี่ยังไงมั่ง?” ท็อปถาม มองตารุ่นน้องเขม็ง

“หืม?....ก็ อืม พี่ท็อปก็เป็นรุ่นพี่ที่ดีนะ อยู่กับพี่แล้วสบายใจดีเหมือนกัน เหมือนมีเพื่อนคู่คิดเยอะเลย” แบงค์บอก แล้วจับหูทั้งสองข้างของพี่ท็อปดึงไปดึงมา

“แล้ว .... รู้ไหม ว่าพี่รู้สึกยังไงกับแบงค์” พี่ท็อปถาม ก่อนจะหยิบเอาจี้รูปกุญแจที่แขวนอยู่ทีคอขึ้นมาอวด

“รู้สิ รู้มาตลอดนั่นแหละ” แบงค์พูด ว่าแล้วก็หยิบจี้ที่ตัวเองสวมอยู่ขึ้นมาโชว์ด้วย

“แล้ว ตอนนี้...แบงค์รู้สึกเหมือนกันกับพี่บ้างแล้วหรือยัง?” ท็อปลองใจถาม รู้สึกกลัวคำตอบหน่อย ๆ

“ถ้าถามแบงค์แบบนี้เหรอ.....” แบงค์อ้ำอึ้ง เอามือเกาหัวแบบลังเลๆ ในขณะที่แบงค์กำลังจะตอบ ...

ทั้งสองก็ถูกพาลอดถ้าขุนตาล อุโมงค์ที่ว่ากันว่ายาวที่สุดอุโมงค์หนึ่งในประเทศไทย ทั้งโบกี้มืดไปหมด มองเห็นก็แต่เพียงแสงไฟจากห้องน้ำที่ลอดมาจากโบกี้ใกล้ๆ

ท็อปสัมผัสได้ถึงรสจูบที่ริมฝีปากของเขา มันช่างอบอุ่น คุ้นเคย ละมุนละไม และแฝงด้วยความถวิลหา รสแบบนี้ ความรู้สึกนี้ที่มันห่างหายไปนานมันได้ค่อยๆหวนกลับคืนมาหาเขาบ้างแล้ว

เมื่อรถไฟลอดออกมาจากถ้ำ แบงค์จึงค่อยๆถอนปากออกมาจากริมฝีปากของท็อป ที่ก็กำลังเคลิ้มอยู่ แก้มของทั้งท็อปและแบงค์ต่างก็แดงด้วยกันทั้งคู่

“แบงค์ไม่รู้ว่า ที่แบงค์รู้สึกตอนนี้มันจะเท่ากันกับที่เคยให้พี่ท็อปเมื่อก่อนไหม? แต่อยากจะบอกว่า...ตอนนี้แบงค์ก็รักพี่ท็อปขึ้นมาบ้างแล้วแหละ” เขาบอกเขินๆ ก่อนเอามือทั้งสองข้าง ดึงแก้มของท็อปขึ้นมา “หน้าพี่ท็อปนี่เวลาแดง นี่ก็แด๊งแดงเนอะ เหมือนสั่งได้เลย”

“มันเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของพี่ไปแล้ว” ท็อปบอกขำ ๆ “ขอบคุณนะ ที่อย่างน้อย พี่ก็รู้ว่าความพยายามของพี่ไม่สูญเปล่า”

“พี่ท็อปไม่ต้องพยายามหรอก .... ถึงต่อให้พี่ท็อปไม่ทำอะไรเลย แบงค์ก็รู้ดี ว่าใจของแบงค์มันเรียกร้องหาพี่ท็อปอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่มันถูกเก็บไว้ลึกมาก จริงๆความทรงจำมันอาจจะไม่ได้หายไปไหน ไม่ก็อาจจะไม่ได้ถูกทำลายจริงๆก็ได้นะ แค่มันถูกจัดเก็บเอาไว้ลึกมากๆๆๆ รอวันที่จำเป็นต้องเอาออกมาใช้ค่อยรื้อออกมาดู” แบงค์พูด

“คำพูดนี้เหมือนเคยได้ยินใครพูดวะเนี่ย” ท็อปพึมพำ

“นอกจากจูบแล้ว....สมัยก่อน เราเคยมีอะไรกันมากกว่านี้ไหมอะ?” แบงค์ถามตรงๆ ทำเอาท็อปหน้าแดงขึ้นมาอีกเท่านึง

“เย้ยยย....ไหงถามอะไรแบบนั้นล่ะ” ท็อปตกใจคำถาม

“อย่างเช่นแบบ ไปเที่ยวกัน ไปกินข้าวกัน อะไรแบบนี้อะ นั่นแน่ะ ๆ ๆ คิดอะไรทะลึ่งๆอยู่อะดิท่า....” แบงค์พูดแซวพี่ท็อป “หรือว่าเราเคยมีอะไรขั้นไหนๆกันแล้วหรือเปล่า? หน้าแดงแบบนี้...”

ท็อปหัวเราะเจื่อนๆ เอานิ้วชี้เกาแก้มไม่รู้จะตอบอะไรดี ก็เลยตัดสินใจ มองไปนอกหน้าต่างแล้วชี้ให้ดูทิวทัศน์ข้างนอก

“ดูโน่นดิ ... นกกำลังบินออกหากินแต่เช้าเลย ถ้าอยู่กรุงเทพฯก็คงไม่ค่อยได้เห็นเนอะ” ท็อปบอกพลางชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปเรื่อย

“ไหน..นก ไม่เห็นเลย รถไฟวิ่งออกจะเร็ว มองเห็นด้วยเหรอ?”

“ลิงน่ะ ไวกว่าหมาอยู่แล้ว” ท็อปบอกหน้าทะเล้น “ขอลิงหอมแก้มหมาน้อยได้ไหม” เขาถามย้อนกลับ ลองเสี่ยงดู

“จะหอมข้างไหน ข้างซ้ายหรือข้างขวา?” แบงค์ถาม ทำแก้มป่องแล้วใช้นิ้วจิ้มทั้งสองข้าง

“ขอทั้งสองข้างเลย” ท็อปบอก แล้วดึงตัวแบงค์มาหอมเสียฟอดใหญ่ นี่คือหอมครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา เขาไม่เคยกล้าที่จะขอแบงค์แบบนี้อีกเลยนับแต่รู้ว่าแบงค์ลืมเรื่องของเขาไปหมด

“รู้สึกคุ้นเคยบอกไม่ถูกเลย พี่ท็อป” แบงค์บอกสั้นๆ “ยิ่งให้พี่กอดแบงค์ แสดงความรักกับแบงค์มากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยเหลือเกิน”

“ไม่คุ้นได้ไงล่ะ ก็เมื่อก่อนน่ะ โดนพี่กอดรัดฟัดเหวี่ยงทุกวันนี่นา พี่มานอนกับแบงค์แทบจะวันเว้นวันเลยนะ” ท็อปบอกน้อง

“จริงอะ...แบบนี้แสดงว่า..” แบงค์พูดอ้ำอึ้งเอามือปิดปากตัวเองเหมอืนคนกำลังตกใจ “พี่ท็อปกับแบงค์ก็...”

พี่ท็อปหัวเราะเพราะเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่แบงค์กำลังจะอ้าปากถาม แล้วหันหน้ามาจุบหน้าผากแบงค์อย่างรักใคร่ “ถ้าได้ลองทำแบบเมื่อก่อนบางทีความทรงจำอาจจะกลับมาไวก็ได้นะ”

“ง่า พี่ท็อป ทะลึ่งอะ โม้แล้ว” แบงค์บอก หน้าแดงเป็นลูกตำลึงแล้วผลักรุ่นพี่ออกไป

ทั้งสองคนยังคงเล่นกันไป คุยกันไปตลอดระยะทาง เมื่อเวลาเกือบ 9 โมงเช้า รถไฟค่อยๆ เทียบเข้าที่ชานชาลาสถานีรถไฟเชียงใหม่ แบงค์กับท็อปจึงช่วยกันขนของลงจากรถ แต่ละคนพกเป้แบ็คแพ็คใบใหญ่ๆกันมาคนละใบ ท็อปสวมแว่นตาดำกันแดด ส่วนแบงค์ก็หยิบหมวกแก๊บที่พี่ท็อปซื้อให้ตอนออกจากโรงพยาบาลวันแรกมาสวมด้วย

แบงค์คว้ามือพี่ท็อปที่กำลังเตรียมเดินออกไปหน้าบริเวณสถานี แล้วจับไว้แน่น

ท็อปหันหน้ามามองมือที่แบงค์กำลังกำอยู่ ก่อนจะหันหน้ามองรอยยิ้มที่รุ่นน้องส่งมาให้อย่างร่าเริง

“เราเคยสัญญากันไว้นี่นา ว่าเราจะไม่ห่างกัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ต่อจากนี้ ถึงจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถ้าเรามีกัน เราจะฝ่าฟันกันไปได้แน่นอน” แบงค์บอก

ท็อปมองหน้าแบงค์อย่างสงสัย พยายามนึกว่า ตัวเองเคยเล่าเรื่องสัญญาพวกนี้ให้แบงค์ฟังตั้งแต่เมื่อไรกัน? แต่เมื่อคิดไม่ตก เขาจึงสะบัดความสงสัยทิ้ง แล้วบีบมือน้องตอบ พูดว่า “อืม...เราจะมีกันและกัน อยู่ข้างๆพี่ไปนานๆนะ”

แบงค์ยิ้มตอบแทนคำพูด รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาที่อย่างน้อยต่อจากนี้ เขาจะได้มีคนที่เขารักยืนเคียงข้าง  คนที่รักเขามากที่สุดอยู่ด้วยกัน ถึงความทรงจำเก่าๆจะไม่หวนคืนมาอีกแล้ว แต่ต่อจากนี้จะมีแต่ความทรงจำใหม่ๆที่เต็มไปด้วยความรัก รักที่งดงามและบริสุทธิ์ตลอดไป

จบบริบูรณ์
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 14-05-2015 21:51:29
สาส์นจากผู้แต่ง

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามมากันจนถึงตอนจบนี้ เรื่องนี้เป็นนิยาย Y เรื่องแรกที่ผมเขียนครับ   แม้คนอ่านในบอร์ดจะไม่มากเท่าไร แต่ทุกครั้งที่เห็นคอมเมนต์ของแต่ละท่านช่วยเอาใจลุ้นความสัมพันธ์ของตัวละครในแต่ละสัปดาห์มันทำให้ผมใจชื้นขึ้นมากเลย ขอบพระคุณจากใจครับ ยิ่งบางคอมเมนต์ชมสำนวนการเขียนของผมแถมตีความการเขียนของผมเสียดีเลิศ ทำให้ผมแทบจะตัวลอยเลยครับที่มีคนปลื้มผลงานถึงเพียงนี้ (เหมือนเป็นเช็คสเปียร์ก็ไม่ปาน 555+)

ทั้งนี้ทั้งนั้นหวังว่าเรื่อง รุ่นพี่ที่รัก จะอยู่ในใจของทุกๆท่านนะครับ ถ้ายังคิดถึงท็อปและแบงค์ผมแนะนำให้อ่านนิยายที่ผมเขียนต่อๆไปนี้ เพราะผมชอบเขียนให้ตัวละครแต่ละเรื่องมา Parallel World กัน ตัวละครประกอบจากเรื่องนี้อาจจะกลายเป็นตัวละครหลักของอีกเรื่อง และในขณะเดียวกันพี่ท็อปกับแบงค์อาจจะไปโผล่เป็นตัวละครประกอบในนิยายเรื่องอื่นๆของผมอีกก็ได้ ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะครับ

ถ้ามีโอกาสจะเขียนนิยายแนวรักวัยเรียนแบบนี้อีก

**ขอฝากนิยายเรื่องใหม่ของผมครับ เป็นแนวแฟนตาซี เชื่อว่าทุกคนจะชอบครับ ยังไงก็ฝากดันๆหน่อยนะครับ เพราะผมแปลกใจว่าทำไมคนอ่านน้อยจัง แอบสงสัยว่าผู้อ่านน่าจะชอบแนวพระเอกนายเอกกุ๊กกิ๊กกันเสียส่วนใหญ่ละมั้ง 555+ เลยไม่ได้สนใจจะอ่านเรื่องของผมที่ออกแนวดราม่าไปเลย

เพื่อน(?)ผมเป็นผู้วิเศษ

ภาค 1 : ปฐมบทแห่งความวุ่นวาย

(http://image.free.in.th/v/2013/ij/150529100206.jpg)

"จะ เกิดอะไรขึ้นเมื่อจู่ๆชีวิตนักเรียนมัธยมปลายของ "ดิน" นักเรียนชั้นม. 5 พบว่ามีนักเรียนแปลกหน้าโผล่มาในห้อง หนำซ้ำทุกคนต่างบอกว่า เด็กใหม่ไม่คุ้นหน้าคนนี้เรียนร่วมห้องกับเขามาตั้งแต่ ม.4 แล้ว โชคชะตาเล่นตลกหรือว่าเขาความจำเสื่อมกันแน่ ยิ่งเขาจับตาดูเพื่อนคนนี้ พฤติกรรมแปลกๆของเพื่อนร่วมห้องคนใหม่ทำให้ดินต้องค้นหาความจริง และการค้นหาความจริงของเขาเกี่ยวกับเพื่อนใหม่คนนี้กลับพาดิน ก้าวเข้าไปสู่โลกที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปตลอดกาล"

ลิงค์สำหรับอ่านนิยายครับ : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45761.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45761.0)

ช่วยไปอ่านและช่วยเม้นกันบ้างนะครับ เรื่องนี้มีด้วยกันสามภาค ภาคละ 20 ตอนโดยประมาณ อ่านกันยาวๆไปเลย ปีนี้ สำหรับซีรียส์แฟนตาซีชุดนี้ครับ

** ยังไงก็ขอบพระคุณที่ติดตามกันมาครับ ใครอยากแอดเฟซมาคุยกับผมส่วนตัวก็แอดมาได้นะครับ**

http://www.facebook.com/akira.akka
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 14-05-2015 22:25:40
ขอบคุณครับ รักนะคนเขียนน๊า จุ๊บๆๆ ตามอ่านเรื่องต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 14-05-2015 23:01:14
 :pig4: ขอบคุณเรื่องราวดีดี บอกเลยว่าตามมาแต่ต้น จากคำแนะนำของคุณ Ailime13 (ชื่อเพทเฟสบุ๊คนะ เป็นนักเขียนเหมือนกัน)

 แนะนำมาเลยตามมาอ่าน ไม่ผิดหวังนะบอกเลย ขอบคุณแล้วตามไปอีกเรื่อง อีกเรื่องยังไม่ได้เริ่มอ่านแต่รู้ว่าเขียนมาหลายตอนละ

 แต่ยังไม่มีโอกาสเข้าจิ้มสักที เนี่ยคงได้กฤกละ ไปกันเลย

 :z6: หลบๆขอทางหน่อย
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 14-05-2015 23:13:39
อุตส่าห์มารออ่านคอมเม้นตั้งนาน ไม่มีใครพูดถึงเนื้อเรื่องตอนจบเลย กลัวอ่านแล้วตะเตือนไต

 :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-05-2015 23:40:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 15-05-2015 01:06:06
อ่านจบแล้ว หลับฝันดี 555555

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior ()
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 15-05-2015 02:12:44
ขอบคุณผู้แต่งนะครับ ผมเม้นบ้างไม่เม้นบ้างแต่ตามอ่านทุกตอนจนจบ เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: zipboy ที่ 15-05-2015 02:51:58
ติดตามมาห่างๆ ตลอด ยินดีกับตอนจบด้วยครับ

ขอบคุณสำหรับผลงานนะครับ  o13
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: MaiSwifties ที่ 15-05-2015 17:29:52
อ่านแล้วยิ้มตลอดเลย  :ling1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 15-05-2015 19:17:36
 :pig4: จ้า 
 :katai5: พอดีผ่านมาเห็นแว๊บ ๆ ว่าจบแล้ว  เลยจะเข้ามาอ่าน 

เปิดมา  อุต๊ะ  คนเขียนใจดี + ขยัน  ทำ pdf ให้อ่านด้วย  ดังนั้นขุ่นพี่ขอโฉบไปอ่านแบบยาว ๆ โลดค่า  :pig4: รัว ๆ อีกที  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 20-05-2015 14:16:45
ขอบคุณทุกท่านที่หมั่นคอมเมนต์กับคอยให้กำลังใจผู้เขียนนะครับ
ขอบคุณอย่างสุดซึ้งอีกครั้งครับ
ฝากผลงานเรื่องใหม่ด้วยน้า
....
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: TR ที่ 24-05-2015 00:11:23
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ อ่านแล้วลากยาวตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้เพิ่งจบ
ขอบคุณมากสำหรับนิยายดีๆสนุกๆ
อยากบอกว่า ตอนเริ่มเรื่องนึกว่าจะฮาร์ดคอร์ (ดูจากนิสัยพี่ท๊อป)
แต่จริงๆแล้วเรากลับรู้สึกว่ามันอบอุ่นจัง
คือ ไม่ได้มุ้งมิ้งกุ๊กกิ๊ก แต่ความรักของเด็กสองคนที่ค่อยๆเรียนรู้กันไป
ถึงแม้ตอนเริ่มจะเริ่มได้ไม่สวยนัก แต่ระหว่างทางมันก็ทำให้ทั้งสองคนโตขึ้น
แอบได้ข้อคิดเล็กๆ จากท๊อปที่สุดท้ายก็เข้าใจว่ารักไม่ใช่การเอาชนะ รักเป็นการอยากให้คนที่เรารักมีสุข
ชอบตัวร้ายอย่างคาร์ฟ ที่ร้ายอย่างมีที่มาที่ไปและสุดท้ายก็สำนึกได้ว่าสิ่งที่ทำมันผิด
แสดงให้เห็นว่าวัยรุ่นสมัยนี้หลายคนอาจเป็นอย่างคาร์ฟ
สนแต่ตัวเอง ทำให้วางแผยเลวร้ายมากมาย เอาแต่ใช้อารมณ์เป็นหลัก เลยขาดสติกันง่ายๆ

ที่ชอบอีกอย่างคือ ชอบที่เรื่องไม่สรุปว่าสองคนนี้จะรักกันจนตาย เพราะทั้งคู่ก็แค่เด็กม.ปลาย
แต่แค่ทำวันนี้ให้ดีและให้เวลาเป็นตัวตัดสินความรักของพวกเขา
อ่านจบ แฮปปี้ ฝันดีแล้วค่ะคืนนี้ ;)
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 29-05-2015 22:14:57
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ อ่านแล้วลากยาวตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้เพิ่งจบ
ขอบคุณมากสำหรับนิยายดีๆสนุกๆ
อยากบอกว่า ตอนเริ่มเรื่องนึกว่าจะฮาร์ดคอร์ (ดูจากนิสัยพี่ท๊อป)
แต่จริงๆแล้วเรากลับรู้สึกว่ามันอบอุ่นจัง
คือ ไม่ได้มุ้งมิ้งกุ๊กกิ๊ก แต่ความรักของเด็กสองคนที่ค่อยๆเรียนรู้กันไป
ถึงแม้ตอนเริ่มจะเริ่มได้ไม่สวยนัก แต่ระหว่างทางมันก็ทำให้ทั้งสองคนโตขึ้น
แอบได้ข้อคิดเล็กๆ จากท๊อปที่สุดท้ายก็เข้าใจว่ารักไม่ใช่การเอาชนะ รักเป็นการอยากให้คนที่เรารักมีสุข
ชอบตัวร้ายอย่างคาร์ฟ ที่ร้ายอย่างมีที่มาที่ไปและสุดท้ายก็สำนึกได้ว่าสิ่งที่ทำมันผิด
แสดงให้เห็นว่าวัยรุ่นสมัยนี้หลายคนอาจเป็นอย่างคาร์ฟ
สนแต่ตัวเอง ทำให้วางแผยเลวร้ายมากมาย เอาแต่ใช้อารมณ์เป็นหลัก เลยขาดสติกันง่ายๆ

ที่ชอบอีกอย่างคือ ชอบที่เรื่องไม่สรุปว่าสองคนนี้จะรักกันจนตาย เพราะทั้งคู่ก็แค่เด็กม.ปลาย
แต่แค่ทำวันนี้ให้ดีและให้เวลาเป็นตัวตัดสินความรักของพวกเขา
อ่านจบ แฮปปี้ ฝันดีแล้วค่ะคืนนี้ ;)

ขอบคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับคำชมเชยครับ ติดตามผลงานต่อๆไปนะครับ
ตอนนี้มีไอเดียเรื่องรักๆแบบ จิ้นไปจิ้นมา หลายๆคู่ แนวใสๆอยู่ในหัว ไว้เรียบเรียงเสร็จคงได้เขียนเป็นเรื่องยาวๆให้อ่านครับ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 19-06-2015 04:00:19
เพิ่งอ่านจบไป ปรบมือให้ผู้แต่งเลย เอาคนที่อยู่ในสภาพครอบครัวต่างกันมารักกัน อ่านไปใส่อารมณ์ไปด้วย ๕๕๕ สะท้อนให้เห็นหลายๆอย่างเลย เช่น คบกับคนเช่นไรก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ อย่างท็อปอยู่กับพ่อ ลูกเป็นเหมือนกระจกส่องตัวพ่อแม่เองแท้ๆ ท็อปก็เหมือนพ่อเขาตอนหนุ่มๆ  สงสารท็อปมากๆมีเพื่อนอย่างปลาคาพที่เป็นคนจิตใจไม่ดี ปลาคาพกับท็อปคบกันได้เพราะนิสัยเหมือนกันแต่ต่างกันตรง ท็อปเป็นคนหยาบๆไม่พอใจก็จะแสดงออกมาให้มันรู้ดำรู้แดงกันไป ปลาคาพเป็นคนจิตโกรธพยาบาทแบบละเอียดเก็บไว้ในใจไม่แสดงออกโต้งๆแต่จะแสดงออกทีละนิดๆรอวันที่ทนไม่ไหว แบบนี้ใจไม่เป็นสุขเลยนะ ทำให้จิตไม่ปกติคิดอยู่ตลอด ส่วนแบงค์ที่ดูเหมือนจะรักท็อปจริงๆก็ไม่เห็นจะเข้าใจอะไรเลย บางฉากก็หมั่นไส้แบงค์ อยากให้ท็อปเลิกๆไปซะ ถ้าไม่เกิดเรื่องที่ท็อปไปห้องพยาบาลกับหวานมากระตุ้นแบงค์ก็คงไม่พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาสินะ นี่คงเป็นจุดหักเหของเรื่องที่นำไปสู่ตอนจบ แต่ก็แปลกใจที่โดนตีแล้วความจำเสื่อม แต่ก็ดีใจที่ท็อปกับแบงค์ยังรักกันได้
 ขอบคุณผู้แต่งสำหรับนิยายดราม่าดีๆแบบนี้
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 20-06-2015 00:36:46
เพิ่งอ่านจบไป ปรบมือให้ผู้แต่งเลย เอาคนที่อยู่ในสภาพครอบครัวต่างกันมารักกัน อ่านไปใส่อารมณ์ไปด้วย ๕๕๕ สะท้อนให้เห็นหลายๆอย่างเลย เช่น คบกับคนเช่นไรก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ อย่างท็อปอยู่กับพ่อ ลูกเป็นเหมือนกระจกส่องตัวพ่อแม่เองแท้ๆ ท็อปก็เหมือนพ่อเขาตอนหนุ่มๆ  สงสารท็อปมากๆมีเพื่อนอย่างปลาคาพที่เป็นคนจิตใจไม่ดี ปลาคาพกับท็อปคบกันได้เพราะนิสัยเหมือนกันแต่ต่างกันตรง ท็อปเป็นคนหยาบๆไม่พอใจก็จะแสดงออกมาให้มันรู้ดำรู้แดงกันไป ปลาคาพเป็นคนจิตโกรธพยาบาทแบบละเอียดเก็บไว้ในใจไม่แสดงออกโต้งๆแต่จะแสดงออกทีละนิดๆรอวันที่ทนไม่ไหว แบบนี้ใจไม่เป็นสุขเลยนะ ทำให้จิตไม่ปกติคิดอยู่ตลอด ส่วนแบงค์ที่ดูเหมือนจะรักท็อปจริงๆก็ไม่เห็นจะเข้าใจอะไรเลย บางฉากก็หมั่นไส้แบงค์ อยากให้ท็อปเลิกๆไปซะ ถ้าไม่เกิดเรื่องที่ท็อปไปห้องพยาบาลกับหวานมากระตุ้นแบงค์ก็คงไม่พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาสินะ นี่คงเป็นจุดหักเหของเรื่องที่นำไปสู่ตอนจบ แต่ก็แปลกใจที่โดนตีแล้วความจำเสื่อม แต่ก็ดีใจที่ท็อปกับแบงค์ยังรักกันได้
 ขอบคุณผู้แต่งสำหรับนิยายดราม่าดีๆแบบนี้


อ่านไวมาก....มาก...55+ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 04-07-2015 01:38:53
ขออนุญาตดึงเรตติ้งเผื่อมีคนนยังไมไ่ด้อ่านคับ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: hamony ที่ 04-07-2015 09:43:03
ขอบคุณทีแบ่งปั่นรูปเล่มสวยมากเลยคะ    ชอบมากมาก
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: Wtftt ที่ 01-10-2015 15:58:33
 o22 คราฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฉันเกลียดมาทำกับแบงค์แบบนี้
ยอมรับว่ามีหมั่นแบงค์บ้างแต่เล็กน้อย
สารภาพตามตรงตอนแรกปลื้มคราฟมากคะ ชอบคนเล่นบาสดูแสนดี แอร๊ย แต่ตอนนี้ หึ เกลียด หวานดูดีขึ้นมานิดนึงเลย
โอ๊ยยยยยยยยยยทำร้ายแบงค์ทำไม  :z6:
แต่ชอบมากค่ะมาถึงไม่นานก็ได้กันๆ  :hao7: :hao6:
ลุ้นมากว่าแบงค์จะจำท๊อปได้ไหม
นี่ฉันเสียน้ำตาให้เรื่องนี้กี่รอบแล้ว อ่านไปน้ำตาซึมไป (โธ่อินี่อินจัดมาก-////-)  :z3:
แต่ก็รักในความรักของพี่ท๊อปและแบงค์มากคะ
ส่วนพี่กายดีมากอะ ไม่ฉวยโอกาสตอนแบงค์ความจำเสื่อม แมนมากกรี๊ดดดดด :impress2:
ก่อนจะจบการบ่น(ใช้คำว่าเม้นคงไม่ใช่เพราะยาวมาก5555555 -/////-) ฝากให้คราฟอีกสักที  :z6: :z6:
แต่งได้สนุกมากคะ โดยส่วนตัวไม่ค่อยชอบอ่านดราม่าตึงๆเท่าไรแต่งเรื่องสนุกเลยอ่านแบบอ่านไปน้ำตาซึมร้องห้ายยยยยย5555 เป็นกำลังใจให้นักเขียนจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 02-10-2015 14:14:14
 :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 14-10-2015 20:26:46
o22 คราฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฉันเกลียดมาทำกับแบงค์แบบนี้
ยอมรับว่ามีหมั่นแบงค์บ้างแต่เล็กน้อย
สารภาพตามตรงตอนแรกปลื้มคราฟมากคะ ชอบคนเล่นบาสดูแสนดี แอร๊ย แต่ตอนนี้ หึ เกลียด หวานดูดีขึ้นมานิดนึงเลย
โอ๊ยยยยยยยยยยทำร้ายแบงค์ทำไม  :z6:
แต่ชอบมากค่ะมาถึงไม่นานก็ได้กันๆ  :hao7: :hao6:
ลุ้นมากว่าแบงค์จะจำท๊อปได้ไหม
นี่ฉันเสียน้ำตาให้เรื่องนี้กี่รอบแล้ว อ่านไปน้ำตาซึมไป (โธ่อินี่อินจัดมาก-////-)  :z3:
แต่ก็รักในความรักของพี่ท๊อปและแบงค์มากคะ
ส่วนพี่กายดีมากอะ ไม่ฉวยโอกาสตอนแบงค์ความจำเสื่อม แมนมากกรี๊ดดดดด :impress2:
ก่อนจะจบการบ่น(ใช้คำว่าเม้นคงไม่ใช่เพราะยาวมาก5555555 -/////-) ฝากให้คราฟอีกสักที  :z6: :z6:
แต่งได้สนุกมากคะ โดยส่วนตัวไม่ค่อยชอบอ่านดราม่าตึงๆเท่าไรแต่งเรื่องสนุกเลยอ่านแบบอ่านไปน้ำตาซึมร้องห้ายยยยยย5555 เป็นกำลังใจให้นักเขียนจ้า

ขอบคุณที่หลงมาอ่านครับ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 15-10-2015 22:27:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 27-10-2015 19:10:25
ขออนุญาตดึงเรตติ้งเผื่อมีคนนยังไมไ่ด้อ่านคับ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: [x]-SayHi ที่ 28-10-2015 16:51:29
แอบหลงมาอ่านคับ สารภาพว่าเพราะจำนวนหน้าน้อย คิดว่าน่าจะจบไวเลยกดเข้ามาอ่านแต่ที่ไหนได้.. ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 29-10-2015 13:08:44
อ่านตอนแรกๆก็แบบต้องแฮปปี้ทั้งเรื่องแน่ๆเลย พออ่านมาถึงกลางๆเรื่องทำไมดราม่าจังนะเลยย้อนไปดู
แต่ชอบตัวทุกตัวนะครับ ถ้าขาดตัวไหนไปเรื่องจะไม่เข้มข้นขนาดนี้ สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกเลย
อยากให้มีต่ออีกสักนิดมันเหมือนฟ้าหลังฝนที่เราได้เชยชมเพียงนิดเดียวเอง

ปล.ขอบคุณสำหรับนิยายคุณภาพแบบนี้นะครับ ขอบคุณจริงๆ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] รุ่นพี่ที่รัก ~ Beloved Senior (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: akiraakka ที่ 31-10-2015 10:14:00
แอบหลงมาอ่านคับ สารภาพว่าเพราะจำนวนหน้าน้อย คิดว่าน่าจะจบไวเลยกดเข้ามาอ่านแต่ที่ไหนได้.. ฮ่าๆๆ

555 หน้าน้อย แต่คุณภาพคับแก้วนะครับ คนไม่ค่อยเม้นเฉยๆ ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านครับ
หัวข้อ: Re: [นิยายแนวม.ปลาย] (Updated จบซีรียส์ อัพ 14/05)
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 25-06-2017 11:24:22
 :mew1: