พิมพ์หน้านี้ - ราชันย์บัลลังก์เลือด จบภาค พายุสงบก่อนศึกใหญ่ [P:15] 27/12/54

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: nataxiah ที่ 19-08-2010 21:47:07

หัวข้อ: ราชันย์บัลลังก์เลือด จบภาค พายุสงบก่อนศึกใหญ่ [P:15] 27/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 19-08-2010 21:47:07
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


เรื่องเก่าก็เขียนไม่หวาดไม่ไหว แต่ยังไม่เจียมอยากเขียนอีก

ยังไงก็ช่วยติดตามด้วยนะคร้าบบ แต่แนวนี้จะมีคนชอบหรือเปล่าไม่รู้

แต่พอดีผมชอบแนวนี้อ่ะคร้าบบ
 
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ปฐมบท 19-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 19-08-2010 21:49:19
ราชันย์บัลลังค์เลือด

ปฐมบท


ในปี ค.ศ. 3xxx โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่มีทวีปอีกต่อไป น้ำขึ้นสูงจนเหลือแผ่นดินอยู่เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น
มนุษย์ทุกเชื้อชาติต่างมาอยู่รวมกัน ปรับเปลี่ยนภาษามาใช้ภาษาเดียวกัน
อาวุธปืนไม่มีความหมายในยุคนี้ เพราะได้มนุษย์กลับไปใช้พลังจากภายในร่างกายหรือที่เราเรียกกันว่ากำลังภายใน

คนที่มีความสามารถเหนือสุดจะมีพลังในการต่อรองได้มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าหรือว่าความปลอดภัย

ได้มีการจัดให้มีการให้มีการประลองเพื่อเลือกผู้นำขึ้นทุกๆ 5 ปี โดยมีการจัดลำดับจากผู้มีฝีมือสูงสุดดังนี้

จอมราชันย์ เป็นผู้มีพลังฝีมือกล้าแข็งที่สุด
3 จักรพรรดิ เป็นกลุ่มที่มีพลังฝีมือลองลงมา
2 ราชินี เป็นกลุ่มที่มีพลังฝีมือเทียบเคียงกับ 3 จักรพรรดิ แต่เป็นหญิงจึงยกแยกไว้ต่างหาก
6 จอมทัพ เป็นกลุ่มสุดท้ายที่มีการจัดลำดับ แล้วเป็นกลุ่มที่มีการเปลี่ยนแปลงได้บ่อยครั้ง

ลำดับสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ถ้าลำดับที่ต่ำกว่าท้าประลองอย่างเปิดเผยแล้วชนะ ตำแหน่งก็จะสลับกันทันที
แล้วตอนนี้ก็ผ่านมา 4 ปี ทำให้กลุ่มต่างๆเริ่มมีการเคลื่อนไหวเพื่อสืบพลังของฝ่ายตรงข้าม
เรื่องราววุ่นวายเริ่มก่อตัวขึ้นแล้วตอนนี้

TBC.
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ปฐมบท & บทที่1 ราชันย์มาร์คัส 19-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 19-08-2010 21:53:47
ราชันย์มาร์คัส


“มาร์คัส เจ้าออกมาประลองกับข้าเดี๋ยวนี้ ข้าไม่รอให้ถึงวันประลองในอีก 1 ปี ข้างหน้าแล้ว”
ขายหนุ่มผิวขาวผมสีออกแดงเล็กน้อย ถือทวนที่ทำจากหยกสีขาวทั้งหมดยืนท้าประลองฝีมืออยู่ที่หน้าตึกเอ็มไพร์สเตท
เขายืนตะโกนท้าประลองมาได้สักพักใหญ่แล้ว แต่กลับไม่มีใครกล้าออกมาหาเขาแม้แต่คนเดียว

“ดูท่าทีนี่จะไม่มีคนที่แน่จริงเสียแล้วมั้ง นี่คงเป็นวิธีหลบหน้าของเจ้าละสิมาร์คัส”
เขายังคงยืนตะโกนต่อว่าโดยไม่สนใจสิ่งใด

ตุบ ตุบ ตุบ
คนสวมเสื้อคลุมยาวสีขาวจำนวนมากวิ่งเข้ามาล้อมเขาไว้ เขาไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัวออกมาแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มคนนั้นกลับยิ้มที่มุมปากอยากสมเพชกับคนเหล่านี้
“นี่เจ้าคิดจะส่งลูกน้องออกมาตายก่อนหรือไง มาร์คัส นี่เจ้ากลายเป็นคนขี้ขลาดไปตั้งแต่เมื่อใดกัน”
ชายหนุ่มคนนั้นตะโกนต่อว่าคนชื่อมาคัสไม่หยุด
“ท่านคีดินยะหยุดว่าร้ายองค์ราชันย์ได้แล้ว ต่อให้เจ้าเป็นถึง 1 ใน 3 จักรพรรดิ พวกเราก็จะหาเกรงใจต่อไปไม่”
ที่แท้อาคันตุกะที่มาตะโกนอยู่คือคีดินยะ 1 ใน 3 จักรพรรดิ ผู้มีสมยานามว่า ทวนอสูรกานต์
จากลำดับของโลกใหม่นี้ แบ่งอำนาจออกเป็นลำดับต่าง มี
1 ราชันย์  3 จักรพรรดิ  2 ราชินี  6 จอมทัพ
การเรียงลำดับตามฝีมือที่มีการประลองขึ้นทุกๆ 5 ปี
มาร์คัสคือผู้ที่ชนะในการประลองครั้งนั้น ทำให้เขามีอำนาจสูงสุดและได้ครอบครองตึกเอ็มไพร์สเตทหลังนี้
ส่วนคีดินยะ พ่ายแพ้ให้แก่มาร์คัสแต่ด้วยพลังฝีมือที่กล้าแข็งทำให้เขาอยู่ในอันดับ 3 จักรพรรดิ ร่วมกับอีก 2 คนที่มีฝีมือใกล้เคียงกัน

“ถ้าพวกเจ้าไม่กลัวตายก็เข้ามาได้เลย” คีดินยะจับปลายทวนกดลงพื้น
แกร๊กกกก  แกร็กก
เขาขีดเส้นที่พื้นเป็นวงกลมรอบๆตัวเขา ก่อนที่จะกระดิกนิ้วเรียกพวกชุดขาวที่ยืนล้อมเขาไว้
“งั้นพวกข้าก็ไม่เกรงใจท่านเช่นเดียวกัน” ทหารที่สวมชุดขาวมีคลิปสีแดงพูดแทนคนอื่น
“พวกเราลุยพร้อมกันอย่าให้มันมาหยามเกียรติท่านมาร์คัสได้”
สิ้งเสียงคำสั่งชายชุดขาวนับสิบที่ยืนล้อมรอบคีดินยะก็จู่โจมเข้าไปพร้อมกัน

เปรี๊ยะๆๆๆ
เสียงดังเลื่อนลั่นไปทั่วบริเวณนั้น เมื่อพวกชุดขาวก้าวข้ามเส้นที่คีดินยะขีดไว้
เกิดผลึกน้ำแข็งห่อหุ้มตัวพวกเขาไว้ทั้งหมด ก่อนที่จะร่วงหล่นลงมาแตกกลายเป็นน้ำแข็งป่นอยู่ที่พื้น
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าเตือนพวกเจ้าแล้วนะ ฝีมือระดับพวกเจ้าอย่าคิดจะเข้าใกล้ข้าได้” คีดินยะหัวเราะอย่างลำพอง
“กร๊อดดด พวกเราอย่ากลัวเราจะทำให้เสียชื่อเสียงท่านมาร์คัสไม่ได้ ลุยเข้าไปใหม่” ชายชุดคลิบแดงสั่งอีกครั้ง
“พอเถอะ ชวิน เจ้าส่งลูกน้องเข้าไปมีแต่เอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆ” เสียงกังวานใสของสตรีดังออกมาจากภายในตึก
วูบบบบ
ชวินรู้สึกได้แค่เพียงเหมือนลมพัดผ่านตัวเขาไป แต่คนที่ตกใจกลับเป็นคีดินยะ
เพราะตอนนี้ได้มีสตรีคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างๆเขาเสียแล้ว
สตรีที่ยืนข้างเขาผิวสีน้ำผึ้งไว้ผมบ๊อบ สวมชุดแซ็กแนบเนื้อสีครีมผ่าข้างสูง
“ท่าทางพลังเนกิสของเจ้าจะสูงขึ้นนี่นา เจ้าถึงฝ่าม่านพลังของข้าได้ ราชินีแอนนา”
คีดินยะยิ้มที่มุมปากให้กับนาง
สตรีที่เข้ามาร่วมวงด้วยตอนนี้ คือ 1 ใน 2 ราชินี ที่มีพลังฝีมือใกล้เคียงกับ 3 จักรพรรดิ
แอนนาเป็นน้องสาวของมาร์คัส เธอฝึกพลังหยกหฤทัยซึ่งเป็นพลังที่ทำให้คงความสาวไว้ได้ยาวนาน

“ก็ไม่ต่างจากเจ้าหรอก พลังเนกิสเจ้าก็สูงขึ้นเหมือนกันนี่นา มิน่าถึงกล้ามาท้าพี่มาร์คัสแบบนี้”
แอนนาพูดแบบเย็นชาใส่คีดินยะ
“เจ้าจะสู้กับข้าก่อนพี่เจ้าก็ได้นะ ข้าพร้อมเสมอ” คีดินยะจับทวนขึ้นมากระชับไว้
“ข้าพร้อมเสมอ” เสียงไพเราะตอบรับอย่างสบายใจ

ฮึบ
เพียงสิ้นคำทั้งสองก็ลงมือโจมตีกันทันที คีดินยะตวัดทวนเข้าใส่แอนนาที่ตอนนี้ดึงผ้าสีขาวที่ทอประกายสีเงินเมื่อยามต้องแสงออกมารับมือ
กิ้ง กิ้ง
เสียงทวนกระทบกับผ้าดังไปทั่วบริเวณ ยามเมื่อทวนกับผ้ากระทบกัน เกิดไอเย็นแผ่กระจายออกมารอบๆบริเวณ
ผู้ที่อยู่รอบๆบริเวณถ้ามีพลังเนกิสที่ไม่กล้าแข็งพอ ต้องไอเย็นกลายเป็นน้ำแข็งกันถ้วนหน้า

“หยุดดดดด!!!”
เสียงอันทรงพลังดังลงมาจากยอดตึก แสดงให้เห็นถึงพลังเนกิสที่กล้าแข็งเป็นอย่างมาก
เพราะยอกตึกเอ็มไพร์สเตทสูงถึง 381 เมตร แต่เสียงกลับได้ยินอย่างชัดเจน
แอนนากับคีดินยะที่กำลังต่อสู้กันอยู่หยุดชะงักลงทันที
คีดินยะทำสีหน้าเคร่งเครียด ต่างจากแอนนาที่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“องค์ราชันย์ออกมาแล้ว” ชวินตะโกนบอกด้วยสีหน้าดีใจยิ่งยวด
เขามองขึ้นไปบนยอดตึก เห็นร่างเล็กๆยืนอยู่ก่อนที่จะกระโดดลงมา

ตุบ
ร่างนั้นลงยืนบนพื้นได้อย่างนิ่มนวล เหมือนเพียงกระโดดลงมาจากเก้าอี้เท่านั้น
ชวินรีบคุกเข่าทำความเคารพทันทีที่ร่างนั้นถึงพื้น
“ไม่ต้องมากเรื่อง” มาร์คัสกล่าวกับชวิน พร้อมกับวาดมือไปยังคนที่โดนพลังไอเย็นของแอนนากับคีดินยะ
น้ำแข็งที่เกาะตามร่างคนเหล่านั้นละลายหายไปทันที
แสดงให้เห็นถึงพลังนากิสที่สูงส่งอย่างมาก
มาร์คัสเป็นเด็กหนุ่มวัย24ปี รูปร่างสูงใหญ่หน้าตาคมคายจัดได้ว่าเป็นหนุ่มหน้าหยกคนนึงของยุคก็ว่าได้
“ยังเหลือเวลาอีกตั้งเกือบปี เจ้าจะรีบมาเพื่อแพ้ข้าทำไม”
มาร์คัสมองคีดินยะ
“เจ้าด้วยแอนนา ใครใช้ให้เจ้าออกมาต่อสู้โดยพละการแบบนี้” เขาจ้องหน้าเธออย่างไม่พอใจ
แอนนาต้องก้มหน้าหลบสายตาของพี่ชายเขา
“พลังยังรุนแรงไม่เคยเปลี่ยนเลยนะมาร์คัส ถึงยังไงวันนี้ข้าต้องสู้กับเจ้าให้ได้”
คีดินยะไม่สนใจสิ่งรอบข้างอีกต่อไป เขาจับทวนในมือพุ่งเข้าใส่มาร์คัสทันที
และแล้วท่าแรกของเพลงทวนทะลวงใจก็ถูกใช้ออกมา

เพลงทวนทะลวงใจเป็นวิชาประจำตัวของคีดินยะที่คิดค้นขึ้นมาเอง
มีทั้งหมด10ท่าด้วยกัน โดยแบ่ง 7 ท่าแรก 3 ท่าสังหาร
ท่าแรกที่ใช้ออกมานี้คือท่า ลวงตาลวงใจ
ท่านี้เป็นการแทงทวนออกไปอย่างรวดเร็วจนมองเห็นปลายทวนแยกออกเป็น 5 แฉก

“ดูท่าเจ้าจะเก่งขึ้นจริงๆนั่นแหละ” มาร์คัสไม่อาจดูถูกฝีมือของเขาได้เมื่อเห็นกระบวนท่าที่รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนที่เขาเคยสู้กัน
ฮึบ
มาร์คัสพลิกตัวด้วยท่าร่างวิหกเล่นลม ที่เป็นวิชาตัวเบาอันดับต้นของยุค
ปลายทวนแทงผ่านร่างมาร์คัสไปอย่างเฉียดฉิว มาร์คัสดีดตัวลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
ฮึบ
มาร์คัสพลิกตัวกลางอากาศพร้อมกับปล่อยเพลงหมัดราชันย์
เกิดเงารูปหมัดสีม่วงอ่อนๆพุ่งเข้าใส่คีดินยะนับสิบหมัด
เกร้ง เกร้ง เกร้ง
เขารีบใช้ทวนขึ้นปัดป้องพลังหมัดสีม่วงนั้นอย่างจวนตัว

อึกกก!!

เงาหมัดสีม่วงอ่อนโดนเข้าที่หัวไหล่ของเขา จนเขาต้องทรุดตัวลงกับพื้น
รอบๆตัวเขาปรากฏรอยหมัดฝังลงไปในพื้น แสดงให้เห็นถึงพลังที่ล้ำลึกของมาร์คัส
เขาร่อนตัวลงพื้นอย่างแผ่วเบากลับมาตรงจุดที่เขากระโดดขึ้นไป

คีดินยะใช้ทวนยันพื้นไว้มีเลือดซึมออกมาจากริมฝีปาก เขาจ้องมองหน้ามาร์คัสที่ยืนอยู่อย่างอาฆาตแค้น
“วันประลองข้าจะเอาชนะเจ้าให้ได้ค่อยดู”
วี๊ดดดดดดดดดดดดด
พรึ่บๆๆๆ
สิ้นเสียงผิวปากของคีดินยะก็มีนกสีเขียวมรกตตัวโตบินลงมาที่เขา เขากระโดดขึ้นไปบนหลังของมันก่อนที่จะสั่งให้มันบินออกไป
มาร์คัสยืนมองคีดินยะที่ขึ้นนกมรกตบินไปจนลับสายตา
เขาหันกลับมายังพวกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา ทุกคนรีบคุกเข่าลงทันที
“ยิ่งใกล้วันประลอง ทุกกลุ่มก็เริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว เห็นทีเราจะอยู่เฉยๆไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”
มาร์คัสเปล่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบาแต่กลับได้ยินทั่วทุกคน
“ดังนั้นเราจะออกท่องไปยังดินแดนต่างๆตั้งแต่วันนี้ ขอให้พวกเจ้าช่วยกันดูแลที่นี่ให้ดีด้วย”
“ครับ” ทั้งหมดรับคำหนักแน่น
“แอนนา” “ค่ะพี่มาร์คัส”
“เจ้าต้องดูแลเรื่องทั้งหมดแทนเราด้วย เราไว้ใจเจ้านะ” มาร์คัสยิ้มให้น้องสาวของเขา
“พี่ไว้ใจข้าได้เลยค่ะ ข้าจะดูแลที่นี่แทนพี่เอง” เธอก้มหน้ารับคำ

“งั้นข้าไปก่อน” มาร์คัสใช้ท่าร่างวิหกเล่นลมลอยตัวออกไป
“ขอให้องค์ราชันย์เดินทางปลอดภัย” ทุกคนพร้อมใจกันกล่าวอำลา

“ข้าลืมบอกไป เรื่องที่ข้าไม่อยู่ที่นี่ขอให้เก็บเป็นความลับ อย่าให้ผู้ใดล่วงรู้เด็ดขาด”
เขากลับมาปรากฏตัวตรงหน้าทุกคนแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งหมดรีบคุกเข่าลงไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“ครับ พวกเราจะไม่ให้ใครรู้เด็ดขาดเรื่องท่านออกเดินทางในครั้งนี้” แอนนาเอ่ยแทนทุกคน
“ดีมาก” เมื่อทุกคนเงยหน้าขึ้นมาเขาก็หายไปจากตรงนั้นอย่างไร้ร่องลอย

จุดเริ่มต้นของเรื่องราววุ่นวายแห่งยุคได้เริ่มขึ้นแล้ว เมื่อราชันย์ผู้มีอำนาจสูงสุดได้ออกท่องไปยังดินแดนต่างๆ
มาร์คัสจะรู้หรือไม่ว่าการเดินทางครั้งนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่สำหรับเขา


TBC .
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ปฐมบท & บทที่1 ราชันย์มาร์คัส 19-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: CYPINUS ที่ 19-08-2010 22:00:42
น่าสนุกนะครับเรื่องนี้ ชอบแนวบู้เลือดสาด  o13
ไรท์เตอร์แต่งพร้อมกันหลายเรื่อง สู้ สู้  นะ  :ped149:
+1 เป็นกำลังใจให้เรื่องใหม่ครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ปฐมบท & บทที่1 ราชันย์มาร์คัส 19-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 19-08-2010 22:01:40
อุ้ยๆๆๆได้เจิมเรื่องใหม่ด้วย

+1 กับนิยายเรื่องใหม่ครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ปฐมบท & บทที่1 ราชันย์มาร์คัส 19-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: Phing ที่ 19-08-2010 22:52:30
เรื่องใหม่ :mc4:
ท่าทางจะมัน ต่อสู้กันได้เลือดแน่
สู้ๆคะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ปฐมบท & บทที่1 ราชันย์มาร์คัส 19-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 20-08-2010 10:56:39
  :L2:
เจิมๆๆๆ


มาร์คัสเก่งจัง
55+ทำเป็นบอกท่องโลก
จริงๆหนีเที่ยวใช่มั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ปฐมบท & บทที่1 ราชันย์มาร์คัส 19-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 20-08-2010 11:01:51
เค้าชอบแนวนี้
+1 ให้กำลังใจ  จะได้มาต่อเร็ว ๆ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ปฐมบท & บทที่1 ราชันย์มาร์คัส 19-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 20-08-2010 11:49:35
น่าสนแหะ  น่าหนุก ติดตามๆๆ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ปฐมบท & บทที่1 ราชันย์มาร์คัส 19-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 20-08-2010 15:50:37
น่าสนุกนะครับเรื่องนี้ ชอบแนวบู้เลือดสาด  o13
ไรท์เตอร์แต่งพร้อมกันหลายเรื่อง สู้ สู้  นะ  :ped149:
+1 เป็นกำลังใจให้เรื่องใหม่ครับ  :pig4:

ขอบคุณคร้าบบ สำหรัลกำลังใจ จะพยายามให้ดีที่สุดคร้าบบ  :กอด1:

อุ้ยๆๆๆได้เจิมเรื่องใหม่ด้วย

+1 กับนิยายเรื่องใหม่ครับ :pig4:

แล้วช่วยติดตามเรื่อยๆนะคร้าบ

เรื่องใหม่ :mc4:
ท่าทางจะมัน ต่อสู้กันได้เลือดแน่
สู้ๆคะ
 :L2:


เรื่องนี้บู๊แน่นอนคร้าบบ เลือดอะเรื่องเล็กๆ

  :L2:
เจิมๆๆๆ


มาร์คัสเก่งจัง
55+ทำเป็นบอกท่องโลก
จริงๆหนีเที่ยวใช่มั้ยเนี่ย

 :กอด1: หนึ่งที ก่อนตอบ ก็มาร์คัสเป็นราชันย์นี่คร้าบ ไม่เก่งได้ไง o13

เค้าชอบแนวนี้
+1 ให้กำลังใจ  จะได้มาต่อเร็ว ๆ

ขอบคุณคร้าบบ กำลังเขียนอยู่คร้าบบ รอคิวเรื่องอื่นๆนิดนึงนะครับ

น่าสนแหะ  น่าหนุก ติดตามๆๆ

งั้นอย่าพลาดนะคร้าบบ น่าติดตามทุกตอนแน่นอน

 :กอด1: ทุกคนคร้าบบ นึกว่าจะไม่ถึง100 วิวซะแล้ว แต่ก็เกินมาอีกต่างหาก มีแรงเขียนเยอะเลยทีนี้

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ปฐมบท & บทที่1 ราชันย์มาร์คัส 19-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 20-08-2010 17:15:07
 :mc4: :mc4: :mc4:
 :ped149: :ped149: :ped149: :ped149:
 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ปฐมบท & บทที่1 ราชันย์มาร์คัส 19-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 20-08-2010 17:48:41
เข้ามาให้กำลังใจจ้าาาาา :L2: :กอด1:

ไอก็ชอบแนวแฟนตาซีเหมือนกัน ^^ แต่อ่านเป็นอย่างเดียว~ เขียนไม่เป็น~ :laugh:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ปฐมบท & บทที่1 ราชันย์มาร์คัส 19-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nooluck ที่ 20-08-2010 20:43:03
มาร์คัสเดินทางตามหานายเอก แต่ตึกเอ็มไพร์สเตท ผมบ็อบ ชุดแซ็ค เดาไม่ออกเลยว่ายุคไหนแฮะ ต้องมีรูปประกอบด้วยสิค้า
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ปฐมบท & บทที่1 ราชันย์มาร์คัส 19-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 20-08-2010 22:55:29
น่าสนุกดีค่ะ ติดตามๆๆๆๆๆ

เป็นกำลังใจนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ปฐมบท & บทที่1 ราชันย์มาร์คัส 19-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 20-08-2010 23:00:13
55555555 หลงไปอ่านมนต์รักบ้านทุ่ง

ก็ว่าไมเนื้อหา กับหัวเรื่องทำไมไม่ตรงกัน :laugh:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ปฐมบท & บทที่1 ราชันย์มาร์คัส 19-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 20-08-2010 23:59:47
:mc4: :mc4: :mc4:
 :ped149: :ped149: :ped149: :ped149:
 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
 :L2: :L2: :L2: :L2:

 :กอด1: :กอด1: ขอบคุณสำหรับแรงเชียร์คร้าบบ

เข้ามาให้กำลังใจจ้าาาาา :L2: :กอด1:

ไอก็ชอบแนวแฟนตาซีเหมือนกัน ^^ แต่อ่านเป็นอย่างเดียว~ เขียนไม่เป็น~ :laugh:

 :กอด1: คิดถึงน้องไอเหมือนกัน อ่านอย่างเดียวก็ได้คร้าบบ

มาร์คัสเดินทางตามหานายเอก แต่ตึกเอ็มไพร์สเตท ผมบ็อบ ชุดแซ็ค เดาไม่ออกเลยว่ายุคไหนแฮะ ต้องมีรูปประกอบด้วยสิค้า

เป็นยุคอนาคตที่ผสมกับยุคโบราณอะครับ รูปเดี๋ยวลงให้ต่อจากตอบเม้นเลยคร้าบบ

น่าสนุกดีค่ะ ติดตามๆๆๆๆๆ

เป็นกำลังใจนะคะ :L2:

ขอบคุณคร้าบบ แล้วอย่าเพิ่งทิ้งกันนะคร้าบ  :กอด1:

55555555 หลงไปอ่านมนต์รักบ้านทุ่ง

ก็ว่าไมเนื้อหา กับหัวเรื่องทำไมไม่ตรงกัน :laugh:

 :laugh: ดีนะคร้าบบที่กลับมาอ่านถูกไม่งั้นคงบ่นผมหน้าดูเลย แต่ก็ช่วยติดตามทั้งสองเรื่องด้วยนะครับ  :กอด1:

ขอบคุณครับสำหรับเสียงตอบรับที่ดีทีเดียว ผมเอารูปกับประวัติตัวละครบางตัวมาอัพให้นะครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ปฐมบท & บทที่1 ราชันย์มาร์คัส UP รูป ครับ 20-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 21-08-2010 00:03:04
(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/Dynasty_declining_by_feimo_resize.jpg)


ชื่อ :        มาร์คัส     แองทรอส
อายุ :        24 ปี
ส่วนสูง  :      183 cm.
หนัก :       62 kg.
กรุ๊ปเลือด :    A
ตำแหน่ง :    ราชันย์
สิ่งที่ชอบ :    ความยุติธรรม
สิ่งที่เกลียด :    ความไม่ยุติธรรม
อาวุธประจำตัว :    1. กระบี่เทวะดารา  2. ดาบเทวะราชันย์  3. ธนูเทวะปักษา  4. ทวนเทวะนาคราช
ฉายา :      เทพศาสตรา


(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/13620664_resize.jpg)


ชื่อ :        แอนนา     แองทรอส (น้องสาวมาร์คัส)
อายุ :        21 ปี
ส่วนสูง  :      175 cm.
หนัก :       53 kg.
กรุ๊ปเลือด :    A
ตำแหน่ง :    ราชินี
สิ่งที่ชอบ :    ขนมหวาน
สิ่งที่เกลียด :    คนที่มาท้าพี่ชายตัวเองสู้
อาวุธประจำตัว :    1. กระบี่หยาดน้ำค้าง  2. ผ้าแพรห่มนภา
ฉายา :      ธิดาเทพ


มาสองคนก่อนนะครับ เดี่ยวพรุ่งนี้ลงตอนที่สองแล้วจะลงเพิ่มตามให้คร้าบบ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ปฐมบท & บทที่1 ราชันย์มาร์คัส UP รูป ครับ 20-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 21-08-2010 00:15:21
พระเอกของเราหล่ออออ

น่าสนใจ :-[

 :call:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ปฐมบท & บทที่1 ราชันย์มาร์คัส UP รูป ครับ 20-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 21-08-2010 04:46:45
Wow
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ปฐมบท & บทที่1 ราชันย์มาร์คัส UP รูป ครับ 20-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: Shock_n2n ที่ 21-08-2010 11:35:29
เอาไป +1 สำหรับ เรื่องนี้
อิอิ
วาแต่ ครั้งนี้ จะเดินตามหารักแท้ หรือ เดินทางเฉยๆเนี่ย
แล้ว มาคัส จะมีคู่ไหมอ่ะ  o13
หรือเรื่อง นี้จะ บู๊ อย่างเดียว
ว่าแต่ รออ่านดีกว่า น่าหนุก :L1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ปฐมบท & บทที่1 ราชันย์มาร์คัส UP รูป ครับ 20-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 21-08-2010 22:35:03
 :mc4:คงไม่ช้านะ... 
:กอด1: ให้กำลังใจก่อนอ่าน :a9:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP!! ลงรูปเพิ่มก่อนลงเรื่องตอนเย็นครับ 22-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 22-08-2010 11:52:56
(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/a_drop_of_blood_by_heise_resize.jpg)

คีดินยะ (KEYDINYA) คีย์รัส (KEYRUS)

ชื่อ :        คีดินยะ/คีย์รัส     ควาโทร์
อายุ :        23 ปี
ส่วนสูง  :      185 cm.
หนัก :       63 kg.
กรุ๊ปเลือด :    AB
ตำแหน่ง :    จักรพรรดิ
สิ่งที่ชอบ :    การต่อสู้
สิ่งที่เกลียด :    ความพ่ายแพ้
อาวุธประจำตัว :    1. ทวนหยกขาว  2. กระบี่นิลกาล
ฉายา :      ทวนอสุรกานต์ (กระบี่ใจ)


(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/13777225_resize.jpg)

บีซางซอน (BESHANGSON)

ชื่อ :        บีซางซอน    จาง
อายุ :        28 ปี
ส่วนสูง  :      190 cm.
หนัก :       75 kg.
กรุ๊ปเลือด :    B
ตำแหน่ง :    จอมทัพ
สิ่งที่ชอบ :    เลือด,คนที่โดนพิษของตัวเอง
สิ่งที่เกลียด :    ราชันย์,ราชินี,จักรพรรดิและจอมทัพอีก5คน
อาวุธประจำตัว :    1. อาวุธลับ 2. พิษ
ฉายา :      จ้าวแห่งพิษ


ตอนเย็นจะลงเรื่องต่อนะคร้าบบ รอหน่อยนะคร้าบบ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP!! ลงรูปเพิ่มก่อนลงเรื่องตอนเย็นครับ 22-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 22-08-2010 11:58:33
 :z1: หน้าดีกันหมดเลย
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP!! ลงรูปเพิ่มก่อนลงเรื่องตอนเย็นครับ 22-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 22-08-2010 17:58:47
อร๊ายยยยไรท์เตอร์ไม่มาต่อ ตกมาหน้า2เลยอะ

เขามะยอมนะ มาร์คัส เขาไปอยู่หน้า 2 โป้งไรท์เตอร์ :a14:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่2 ถึงตายข้าก็ไม่ยอมใคร UP!! 22-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 22-08-2010 18:05:17
ถึงตายข้าก็ไม่ยอมใคร


/เจ้ามาร์คัสพลังเนกิสมันสูงขึ้นอีกแล้ว สักวันข้าจะล้มเจ้าให้ได้/
คีดินยะนึกเจ็บแค้นมาร์คัส เพราะตอนนี้เขาคิดว่าพลังฝีมือของเขากล้าแข็งมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากแล้ว
ไม่สิไม่ใช่เพียงแค่มาร์คัส รวมถึงแอนนาด้วย พี่น้องสองคนนี้พลังฝีมือกล้าแข็งขึ้นทั้งคู่
ถ้าเป็นแบบนี้คงมีคนมาโค่นล้มตำแหน่งราชันย์ของมาร์คัสลงได้ยากแน่นอน

คีดินยะขึ้นนกมรกตสัตว์เลี้ยงของเขาเพื่อกลับยังสำนักงานใหญ่ของตัวเอง
คีดินยะเป็นผู้นำกลุ่มที่อยู่ทางเหนือของแผ่นดินใหม่ เมืองที่เขาปกครองอยู่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งเกือบทั้งปี
ทำให้เขาฝึกพลังไอเย็นได้รวดเร็วกว่าคนอื่นๆ แล้วเขายังมีทวนหยกขาวที่เป็นศาสตราวิเศษ
ทวนหยกขาวสามารถที่จะเพิ่มพลังไอเย็นให้กับผู้ใช้ได้อย่างมาก
ถ้าไม่ใช่คนที่ฝึกพลังสายนี้มาแตะต้องมัน คนนั้นจะกลายเป็นน้ำแข็งทันที
คีดินยะเป็นคนแรกในรอบหลายร้อยปีที่สามารถใช้มันได้
เขากลับไปครั้งนี้เขาคิดจะเก็บตัวฝึกพลังให้กล้าแข็งขึ้นยิ่งกว่านี้
ที่แพ้ครั้งนี้คีดินยะคิดว่าเพราะเขายังไม่สามารถฝึกพลังไอเย็นขั้นที่12สำเร็จ
ถ้าเขาฝึกสำเร็จพลังไอเย็นของเขาต้องทำให้เขาเทียบเคียงมาร์คัสได้อย่างแน่นอน

ฟุบ ฟุบ ฟุบ
เสียงอาวุธบินจำนวนมากพุงผ่านยอดไม้เข้ามาที่เขากับนกมรกตที่กำลังบินอยู่
คีดินยะจับสัมผัสได้รีบใช้เพลงทวนทะลวงใจท่าที่ชื่อว่า ม่านบังใจ
ม่านบังใจเป็นท่าที่4ของเพลงทวนทะลวงใจ เป็นท่าที่ใช้สำหรับป้องกันการโจมตีจากอาวุธซัดชนิดต่างๆ
หลังจากที่ร่ายท่าม่านบังใจออกมา เกิดโล่น้ำแข็งขนาดใหญ่ขึ้นข้างล่างนกมรกต
ฉึก ฉึก ฉึก
เสียงอาวุธลับจำนวนมากปักลงบนโล่น้ำแข็ง แต่เมื่อโล่น้ำแข็งต้องอาวุธลับ
โล่น้ำแข็งจากสีฟ้าอ่านตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มตามจุดที่โดนอาวุธลับปักอยู่

“บีซางซอน” คีดินยะเอ่ยออกมาเมื่อเห็นโล่น้ำแข็งเป็นแบบนั้น

บีซางซอน มีอีกฉายาหนึ่งว่า จ้าวแห่งพิษ เป็นหนึ่งในหกจอมทัพ และเป็นที่รังเกียจของผู้คนในยุคนี้
เพราะว่าวิชาที่เขาฝึกนั้นต้องใช้คนในการทดสอบพิษของเขา
มีผู้คนที่ต้องล้มตายลงไปมากมายระหว่างที่เขาฝึกวิชา เขาถือเป็นศัตรูอันดับต้นๆของผู้ผดุงความยุติธรรม
วิชาพิษของเขาเป็นเลิศจนยากที่จะหาคนแก้ได้ถ้าไม่ใช่หมอเทวดา คนที่โดนพิษของเขามีแต่ตายเท่านั้น

บีซางซอนลอบโจมตีคีดินยะเพราะเขารู้มาว่าคีดินยะบาดเจ็บจากการท้าประลองกับมาร์คัส
เขากะฉวยโอกาสนี้โคนล้มคีดินยะที่เป็น1ใน3จักรพรรดิ เขาจะได้ขึ้นครองตำแหน่งนั้นแทน

เมื่อบีซางซองเห็นว่าการโจมตีครั้งแรกพลาด เขาจึงโจมตีใหม่อีกครั้ง
เขาเปิดเผยตัวเองเพราะเขารู้ว่าฝ่ายตรงข้ามย่อมต้องรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร
บีซางซอนกระโดดออกมาจากพุ่มไม้ที่หลบซ่อนตัว พร้อมกับซัดอาวุธลับของเขาเข้าใส่คีดินยะ
ท่าซัดอาวุธลับดาวกระจ่างฟ้าได้ถูกใช้ออกมา อาวุธลับที่ซัดออกมาพุงกระจายเต็มท้องฟ้า
เงาประกายของอาวุธลับล้อมลอบตัวคีดินยะไว้ ถ้าครั้งนี้เขาเอาแต่ป้องกันคงหลบได้ไม่หมดแน่

คีดินยะใช้มือลูบที่คอนกมรกตเบาๆ มันเข้าใจกับเจ้านายมันทันที
มันเก็บปีกแล้วพุ่งตัวลงพื้นดินอย่างรวดเร็ว
บีซางซอนเห็นว่าคิดินยะเตรียมหลบหนีรีบบังคับให้อาวุธลับทั้งหมดพุ่งโจมตี

ฟ้าววว ฟ้าวว ฟ้าววว

คีดินยะเห็นประกายอาวุธลับนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาพร้อมกัน เขาลุกขึ้นยืน
ท่าม่านบังใจได้ถูกใช้ออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่อาวุธลับมีจำนวนมากยากที่จะรับได้ทั้งหมด
“เจ้ามรกตข้าจะแก้แค้นให้เจ้าเอง” เจ้ามรกตเหมือนกับรู้ความหมายของเจ้านายมัน มันหลับตาลง
คีดินยะถ่ายทอดพลังน้ำแข็งเข้าไปในตัวมัน จนเกิดผลึกน้ำแข็งปกคลุมไปทั้งตัวของนกมรกต
เขาพลิกตัวลงไปอยู่ข้างใต้นกมรกตที่แข็งเป็นน้ำแข็ง

ฉึก ฉึก
เสียงอาวุธลับมากมายฝังลงในร่างเจ้ามรกต เสียงยังดังต่อเนื่องจนเขาลงถึงพื้น
เมื่อขาเขาสัมผัสพื้นได้เขาเหวี่ยงร่างนกมรกตเข้าใส่บีซางซอน
“ถึงกับยอมเสียสละนกมรกตเลยหรือ ดูท่าเจ้าจะบาดเจ็บไม่น้อยจริงๆ”
บีซางซอนพลิกตัวกลางอากาศหลบร่างไร้วิญญาณของนกมรกต
ฉับ
รังสีฟ้าอ่อนพุ่งกรีดแขนของบีซางซอนที่ลอยตัวอยู่บนอากาศ
“กร็อดดดด” บีซางซอนกัดฟันแน่น แล้วพลิกตัวหลบรังสีฟ้าอ่อนที่พุ่งเข้ามาอีกครั้ง
บีซางซอนหลบเข้าไปในพุ่มไม้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เหมือนจะช้าไปครึ่งก้าว
เพราะคีดินยะได้เข้ามารอเขาอยู่แล้ว
คีดินยะแท่งทวนหยกหิมะเข้าใส่บีซางซอนทันทีที่เขาแตะกิ่งไม้
บีซางซอนยกแขนทั้งสองข้างขึ้นตั้งรับ
แกร็กกก
แขนทั้งสองข้างของบีซางซอนกลายเป็นน้ำแข็ง เพราะพลังของคีดินยะ
ถึงเขาจะได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับมาร์คัสแต่เขาก็ไม่ได้อ่อนลงแม้แต่น้อย
คีดินยะรุกเข้าไปอย่างต่อเนื่อง เขาไม่ยอมพลาดโอกาสนี่เช่นเดียวกัน
ถ้าเขากำจัดบีซางซอนลงได้ชื่อเสียงเขาจะต้องดังขึ้นกว่านี้อีก
คีดินยะคิดเช่นนั้นเขาจึงลงเมือเต็มที่ ด้วยฝีมือระดับเขาการสู้กับบีซางซอนไม่ใช่เรื่องยาก

บีซางซอนได้แต่ตั้งรับอย่างเดียว ตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่าเขาคิดผิดที่คิดว่าคีดินยะจะอ่อนแอลง
แต่คนอย่างบีซางซอนมีหรือที่จะทำอะไรโดนไม่คิด
เขาเตรียมแผนสำหรับการหนีไว้เหมือนกัน ตอนนี้ทั่วตัวเขาเกิดบาดแผลจากทวนของคีดินยะ
“วันนี้ข้าจะกำจัดเจ้า เพื่อคนทั้งแผ่นดิน” คีดินยะบอกพร้อมกับใช้ท่าสังหารท่าแรกของเพลงทวนทะลวงใจออกมา

ท่าตัดใจทำลายรัก เป็นท่าแรกจาก3ท่าสังหารของเพลงทวนทะลวงใจ
ถ้าฝึกพลังไอเย็นไม่ถึงขั้น10ไม่สามารถใช้ท่านี้ออกมาได้

บีซางซอนเห็นเพียงรังสีฟ้าอ่อนพุ่งเข้ามาหาเขาจากทั้งสี่ทิศ
เขาพยายามใช้อาวุธลับเข้าต้านแต่ไม่เป็นผล รังสีฟ้าอ่อนยังคงพุ่งเข้ามาที่เขาอย่างรวดเร็ว
บีซางซอนรีบดีดตัวขึ้นด้านบนแทน คีดินยะยิ้มออกมาที่มุมปาก
“เจ้าเสร็จข้าแล้ว” คีดินยะพุ่งทะยานขึ้นไปหาบีซางซอน
เมื่อเข้าไปในระยะทวนเขาแทงทวนหยกขาวออกไปด้วยความเร็ว จนมองเห็นเพียงเงาของทวนมัวๆเท่านั้น
ตำแหน่งที่ทวนหยกขาวแทงไปนั้นเป็นตำแหน่งหัวใจของบีซางซอน
ฉึกก!!
ทวนหยกขาวแทงโดนบีซางซอน แต่ตำแหน่งกลับพลาดโดนทะลุไหล่ข้างซ้ายออกไป
อึก
คีดินยะกระอักเลือดออกมา เป็นเพราะเขาฝืนใช้พลังมากเกินไปทั้งๆที่ยังบาดเจ็บจากการประลองกับมาร์คัส
บีซางซอนเห็นโอกาสที่จะเอาตัวรอด เขาซัดผงสีเขียวเข้มเข้าใส่คีดินยะ

อ๊ากกกกกกกกก
คีดินยะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อผงนั้นสัมผัสโดนใบหน้า
แต่เขาก็ยังพอมีสติพอ เขาดึงทวนหยกขาวออกจากไหล่ของบีซางซอน แล้วแทงกลับไปอีกครั้ง
บีซางซอนยกมือขึ้นรับอีกครั้งแล้วอาศัยแรงดีดจากการปะทะกันถอยหลังหนีออกไป

คีดินยะทรุดตัวลงกับพื้นเร่งพลังไอเย็นในตัวต้านพิษไว้
ถ้าเป็นคนทั่วไปอาจตายไปแล้วก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องพิษไม่น้อย
ตอนนี้ตาเขามองไม่เห็น เขาได้แต่เดินคลำทางไปเรื่อย เพราะเขาต้องการหาที่หลบซ่อนเพื่อพักรักษาตัวเอง
แล้วที่ป่าแห่งนี้เขาก็ไม่คุ้นเคยเสียด้วย เขาค่อยเพ่งสมาธิจับความเคลื่อนไหวรอบๆก่อนเดินออก
เขาค่อยๆเดินไปในทิศทางที่เขาคิดว่าปลอดภัยที่สุด
ฟุบ!!
คีดินยะที่ตามองไม่เห็นเดินพลัดหล่นลงไปในหลุมขนาดใหญ่ หรือว่านี่จะเป็นจุดจบของจักรพรรดิคีดินยะเสียแล้ว



มาร์คัสหลังจากบอกพวกแอนนาว่าจะออกมาท่องโลกเพื่อดูความเปลี่ยนแปลงของกลุ่มต่างๆ
เขาเลือกเดินทางมาที่ไชน่าทาวน์ เพราะว่าที่แห่งนี้เป็นแหล่งการค้าที่ใหญ่ที่สุด
(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/2.jpg)
เขาออกเดินทางมาได้สักระยะเขาก็ซื้อรถมอเตอร์ไซด์ในการเดินทาง เพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตจากคนทั่วไป
“ไหนๆก็ออกมาแล้ว ลองเที่ยวที่นี่ให้ทั่วด้วยเลยดีกว่า” มาร์คัสบอกกับตัวเอง
เขาเข้าไปกินอาหารในร้านชื่อดัง เที่ยวชมสถานที่ต่างๆโดยรอบเมือง
แต่ระหว่างที่เที่ยวชมเขาก็สืบข่าวคราวความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆไปด้วย

“เร็วๆพวกเราคนตีกัน ไปดูกันเร็ว” เสียงวัยรุ่นแถวนั้นตะโกนเรียกกันแล้ววิ่งไปที่สวนสาธารณะ
มาร์คัสก็รู้สึกสนใจไปกับเขาด้วย เพราะที่ไชน่าทาวน์แห่งนี้มีกฎหมายที่เข้มงวดมาก
โดยเฉพาะเรื่องการทะเลาะวิวาท ถ้าโดนจับได้มีสิทธิติดคุกไปนานทีเดียว


มาร์คัสมาที่สวนสาธารณะเห็นกลุ่มคนยืนมุงดูเต็มไปหมด เขาลอบกระโดดขึ้นไปยืนบนยอดไม้
เขาเห็นชายตัวโตสามคนใส่เสื้อหนังสีแดงเข้ม มีเกราะหุ้มหัวไหล่ไว้
เขาจำสัญลักษณ์ที่เกราะได้ว่าเป็นพวกมารโลหิตแน่นอน

กลุ่มมารโลหิตเป็นกลุ่มที่มีชื่อเสียงทางด้านอาชญากรมากที่สุด
เป็นกลุ่มที่ทำการค้าทางด้านมืด ไม่ว่าจะเป็นค้ายาเสพติด อาวุธสงคราม หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยกัน
มีดาบมารโลหิตโบรอนเนะเป็นผู้นำกลุ่ม โบรอนเนะเป็น1ใน6จอมทัพ จึงไม่ค่อยมีใครกล้าที่จะยุ่งกับกลุ่มนี้

พวกมารโลหิตยืนล้อมเด็กผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มไว้
เด็กผู้หญิงคนนั้นได้แต่ร้องไห้ออกมาอย่างเดียว คนที่มุงดูก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย
ท่าทางทั้งสามคนนี้คงต้องการจับเด็กผู้หญิงคนนั้นไปขาย
มาร์คัสคงยอมไม่ได้ที่จะให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นต่อหน้าเขา
ขณะที่เขากำลังจะเข้าไปห้ามพวกมารโลหิต
มีเด็กหนุ่มคนนึงวิ่งเข้าไปขวางสามคนนั้นไว้
เด็กหนุ่มคนนั้นรูปร่างเล็กถักเปียยาว ผมสีบรอนด์สวย
“พวกเจ้าจะรังแกคนอื่นมากเกินไปแล้วนะ” หนุ่มน้อยคนนั้นตะโกนด่าพวกมารโลหิต
ถึงจะอยู่ไกลแต่มาร์คัสสามารถได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มคนนั้นได้อย่างชัดเจน
มาร์คัสคิดว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่กล้าหาญมากที่เดียว ที่กล้าเข้ามาขวางพวกมารโลหิตแบบนี้
“เจ้าเด็กน้อยอย่าแส่หาเรื่องกับพวกข้าดีกว่า เจ้าก็รู้นี่นาว่าข้าเป็นลูกน้องของใคร”
พวกมารโลหิตทั้งสามไม่ได้ใส่ใจกับเด็กหนุ่มคนนั้นแม้แต่น้อย เดินผ่านเขาไปเฉยๆ

เมื่อทั้งสามเดินผ่านเด็กหนุ่มคนนั้นไป เด็กคนนั้นก็หันกลับมาแล้วเตะเข้าไปที่ขาของพวกมัน
เพียงแค่นี้มาร์คัสก็รู้แล้วว่าเด็กคนนี้ไม่เป็นวิชาป้องกันตัว
พวกมารโลหิตหันกลับมาจับตัวเด็กหนุ่มคนนั้นไว้
“จริงๆแล้วเจ้าก็หน้าตาดีเหมือนกันนี่นา เอาไปขายให้พวกคนแก่ๆที่ชอบเด็กๆคงขายได้ราคาดีเหมือนกัน”
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
“ไอ้พวกบ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ” เด็กผมบรอนด์คนนั้นดิ้นรนให้หลุดจากมือของคนที่จับเขาไว้
มาร์คัสไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าเขาแน่นอน แต่ถ้าให้เอาออกหน้าไปช่วย
อาจมีคนที่รู้ฐานะเขาก็เป็นได้ เขาคงต้องช่วยจากระยะไกลเสียแล้ว

มาร์คัสกลับลงไปที่พื้นไปเก็บหินก้อนเล็กๆมาเต็มกำมือ ก่อนที่จะขึ้นไปบนยอดไม้อีก
เขาขึ้นมาเห็นภาพเด็กผมบรอนด์กำลังกัดแขนคนที่จับเขาไว้อยู่
จนมันปล่อยตัวเขาร่วงลงกับพื้น
“ไอ้เด็กบ้าอยากตายนักใช่ไหม” คนที่โดนกัดเดินตรงเข้าไปจะทำร้ายเด็กหนุ่มคนนั้น
เด็กหนุ่มคนนั้นเหวี่ยงหมัดมั่วๆออกไป มาร์คัสอาศัยจังหวะนี้ดีดหินในมือใส่ที่ท้ายทอยคนของมารโลหิต
คนของมารโลหิตคนนั้นทรุดลงไปนอนสลบอยู่ที่พื้น
เพื่อนอีกสองคนตกใจวิ่งเข้ามาดูทันที
“เจ้าบังอาจทำร้ายพวกเรา หวังว่าเจ้าคงเตรียมใจไว้แล้วใช่ไหม”
ทั้งสองคนชักดาบที่เอวออกมา ทั้งสองคนวิ่งเข้าไปหมายที่จะสังหารเด็กคนนั้น
ฟิ้วว ฟิ้ววว
มาร์คัสดีดลูกหินออกไปอีกสองก้อน
คนทั้งสองทรุดลงไปนอนกองที่พื้นหน้าเด็กหนุ่มคนนั้นที่กำลังหลับตาออกหมัดมั่วอยู่
เด็กคนนั้นลืมตาขึ้นมาเห็นอีกสองคนนอนสลบอยู่ที่พื้นเขาก็เปลี่ยนท่าทางทันที
“เป็นไงข้าเตือนเจ้าแล้วว่าอย่าให้ข้าเอาจริงแล้วเป็นไงละทีนี้ คราวหน้าอย่ามาก่อความเดือดร้อนแถวนี้อีก”
เขายืดอกแล้วพูดกับพวกมารโลหิตที่นอนสลบอยู่ที่พื้น
“เจ้ารีบไปได้แล้วหรือจะรอให้พวกมันฟื้นขึ้นมาจับตัวเจ้าอีก” เขายังคงวางมาดว่าเป็นคนล้มพวกมารโลหิตลงได้
มาร์คัสได้แต่อมยิ้มให้กับท่าทางของเด็กหนุ่มคนนั้น ก่อนที่เขาจะใช้วิชาตัวเบาแอบออกมาจากที่นั่น
เขาตัดสินใจจะไปเยือนกลุ่มมารโลหิตดูสักครั้ง ว่าเพราะเหตุใดช่วงนี้ถึงได้วางอำนาจมากขนาดนี้
แต่ก่อนไปเขาขอแวะกินอาหารร้านอร่อยๆที่นี่ก่อน การออกเดินทางมันสนุกแบบนี้นี่เอง


TBC.
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่2 ถึงตายข้าก็ไม่ยอมใคร UP!! 22-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 22-08-2010 18:11:54
ลุ้นต่อไปๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่2 ถึงตายข้าก็ไม่ยอมใคร UP!! 22-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 22-08-2010 18:13:59
 :o8:แอบเป็นหว่งคีดินยะเล็กๆ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่2 ถึงตายข้าก็ไม่ยอมใคร UP!! 22-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 22-08-2010 18:17:50
อร๊ายยยยไรท์เตอร์ไม่มาต่อ ตกมาหน้า2เลยอะ

เขามะยอมนะ มาร์คัส เขาไปอยู่หน้า 2 โป้งไรท์เตอร์ :a14:
[/quote

ต่อแล้วคร้าบ อย่าโป้งกันเลยนะคร้าบบ

ลุ้นต่อไปๆๆๆๆๆๆ

ลุ้นๆๆด้วยคน(คนเขียนจะลุ้นทำไมเนี่ยะ)

:o8:แอบเป็นหว่งคีดินยะเล็กๆ

 :กอด1: แล้วไม่ห่วงคนเขียนบ้างหรอคร้าบบ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่2 ถึงตายข้าก็ไม่ยอมใคร UP!! 22-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: CYPINUS ที่ 22-08-2010 19:04:24
ช่างเป็นการเดินทางที่น่าสนุกจริงๆ
รอตอนต่อไปนะครับ  :z2:




หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่2 ถึงตายข้าก็ไม่ยอมใคร UP!! 22-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 22-08-2010 19:40:43
สนุกๆๆๆมันส์มากเลย
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่2 ถึงตายข้าก็ไม่ยอมใคร UP!! 22-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: Shock_n2n ที่ 22-08-2010 21:08:34
เอ๊ะ นายเอก หรือเปล่านั้น
อิอิ  :-[
ว่าแต่ พระ เอก จะไป ถล่มกลุ่ม มารโลหิตไหมนั้น :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่2 ถึงตายข้าก็ไม่ยอมใคร UP!! 22-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 23-08-2010 12:01:57
ช่างเป็นการเดินทางที่น่าสนุกจริงๆ
รอตอนต่อไปนะครับ  :z2:



จะรีบเขียนนะคร้าบบ แต่วันนี้ต้องต่อเรื่องมนต์รักบ้านทุ่งก่อนนะคร้าบบ

สนุกๆๆๆมันส์มากเลย


 :กอด1: ชิบคุณที่ชอบคร้าบ จะพยายามต่อไปเรื่อยครับ


เอ๊ะ นายเอก หรือเปล่านั้น
อิอิ  :-[
ว่าแต่ พระ เอก จะไป ถล่มกลุ่ม มารโลหิตไหมนั้น :L2:

ความรับทั้งหมดเลยคร้าบ เดี๋ยวไม่ลุ้น อิอิ

 :z2: :z2: :z2:

เต้นรอคนอ่านเพิ่ม อีกสักสิบยี่สิบคนก็ยังดี หุหุ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่2 ถึงตายข้าก็ไม่ยอมใคร UP!! 22-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 23-08-2010 13:46:29
อยากจะบอกว่า คีดินยะ  หล่อว่ะ  ฮ่า ฮ่า ฮ่า

มาร์คัสก็หล่อนะ หล่อเข้มเชียว  แต่เตี้ยไปหน่อยมั๊ยอ่ะ 
ดูความสูงของอีกสองคนแล้วรู้สึกนอยเนื้อต่ำใจแทนนิดหน่อย
เด้กน้อยคนนั้น  สำคัญมั๊ย  ถ้าสำคัญมีรูปรึเปล่า
ภาพประกอบของแต่ละคนสวยมั่ก ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่2 ถึงตายข้าก็ไม่ยอมใคร UP!! 22-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 23-08-2010 15:39:30
ขอบคุณมากๆนะครับผมสู้ๆนะครับเป็นกำลังใจให้เสมอครับ เนื้อเรื่องสนุกมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่2 ถึงตายข้าก็ไม่ยอมใคร UP!! 22-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 23-08-2010 18:43:07
อะชอบๆๆ ไรท์เตอร์แต่งเก่งจัง ว่าแต่...ในเมื่อมันเป็นแนววายๆ แล้ว...ใครจะคู่กับใครละเนี่ย??
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่2 ถึงตายข้าก็ไม่ยอมใคร UP!! 22-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nooluck ที่ 23-08-2010 22:02:46
โอ้ ท่านคีดินยะ  :-[ :-[ จะเป็นไงบ้างเนี่ย เป็นห่วงอะ ถึงตาบอด(ชั่วคราว)ก็หล่อมากค่ะ
รู้สึกว่าท่านคีดินยะรังสีเคะแผ่ออกมาเล็กน้อย (ต่อมด้านนี้ทำงานผิดปกติอย่าถือสาเลย)
แต่หนูก็ชอบแบบของกันและกัน(ละเมอมาจากอีกเรื่อง)
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP เอาร)มาอัพให้ก่อนลงเรื่องค่ำๆครับ 24-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 24-08-2010 11:50:23
(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/103914430_resize.jpg)

นาซีซัส (NACESUC)

ชื่อ :        นาซีซัส    ไฟร์ไซด์
อายุ :        18 ปี
ส่วนสูง  :      177 cm.
หนัก :       55 kg.
กรุ๊ปเลือด :    O
ตำแหน่ง :    -
สิ่งที่ชอบ :    เล่นสนุกไปวันๆ
สิ่งที่เกลียด :    เห็นคนที่อ่อนแอโดนรังแก
อาวุธประจำตัว :    -
ฉายา :      -



(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/2_resize.jpg)

อนัสตกาล (ANUSTAKAL)

ชื่อ :        อนัสตกาล   ยังยืน
อายุ :        25 ปี
ส่วนสูง  :      168 cm.
หนัก :       52 kg.
กรุ๊ปเลือด :    O
ตำแหน่ง :    ราชินี
สิ่งที่ชอบ :    สมุนไพร,คิดค้นยาตัวใหม่
สิ่งที่เกลียด :    บีซางซอน,หนอน
อาวุธประจำตัว :    1. คฑาทวยเทพ
ฉายา :      หมอเทวดา(ธิดาพันกร)


(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/13926657_resize.jpg)

โบรอนเนะ(BORONNAE)

ชื่อ :        โบรอนเนะ     บราวด์
อายุ :        26 ปี
ส่วนสูง  :      187 cm.
หนัก :       73 kg.
กรุ๊ปเลือด :    AB
ตำแหน่ง :    จอมทัพ
สิ่งที่ชอบ :    เงิน,ความรุนแรง
สิ่งที่เกลียด :    ความยุติธรรม
อาวุธประจำตัว :    1. ดาบจ้าวหมาป่า
ฉายา :      ดาบมารโลหิต


ตอนค่ำจะลงตอนใหม่ ช่วยรออ่านด้วยนะคร้าบ :pig4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP เอารูปมาอัพให้ก่อนลงเรื่องค่ำๆครับ 24-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: Shock_n2n ที่ 24-08-2010 12:12:10
หมอ ยังยืน สวยจังเลย อ่ะ
ว่าแต่ นาซีซัส หรอ ที่เป็น คู่พระ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP เอารูปมาอัพให้ก่อนลงเรื่องค่ำๆครับ 24-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: CYPINUS ที่ 24-08-2010 12:48:45
นาซีซัสน่ารักมากเลย  :-[
ไรท์เตอร์ขยันหารูปสวยๆมาลง ช๊อบ ชอบ  :o8:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP เอารูปมาอัพให้ก่อนลงเรื่องค่ำๆครับ 24-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 24-08-2010 14:51:49
สนุกมากตอนนี้กำลังลุ้นอยู่ว่าใครเป็นพระเอกใครเป็นนายเอก
บีซางซอนเป็นตัวโกงเหรอ(เค้าชอบบีซางซอนโหด เลว ไร้ที่ติดี :laugh:)
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่3กลุ่มมารโลหิต UP!![P:6] 24-08-10/20:43
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 24-08-2010 20:48:11
[size=16pt]กลุ่มมารโลหิต[/size]


หลังจากที่มาร์คัสช่วยเด็กหนุ่มคนนั้นแล้วเขามาที่ร้านอาหารจี้จิงฉวน
จี้จิงฉวนเป็นร้านอาหารอันดับหนึ่งในย่านไชน่าทาวน์แห่งนี้
(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/182782_1229582534_submedium.jpg)
มีลูกค้าเข้าร้านเต็มตลอดเวลา บางครั้งต้องจองคิวนานข้ามวันเลยทีเดียว
แล้วอีกเหตุผลที่ผู้คนชอบมาที่นี่เพราะหวังจะได้ยลโฉมของ1ใน2ราชินี

อนัสตกาล หรือ หมอเทวดา เป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้นานๆครั้งเธอจะมาเพื่อดูกิจการสักครั้ง
อนัสตกาลนอกจากจะมีฝีมือเก่งกาจแล้ว เธอยังเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงดงามอันดับต้นๆของยุคนี้
คนทั่วไปคิดว่าเพียงแค่ได้ยลโฉมของนางสักครั้งก็ยังดี
แถมถ้าโชคดีนางรักษาโรคร้ายให้ คนนั้นเหมือนตายแล้วเกิดใหม่
ฝีมือในการรักษาโรคของนางขอเพียงยังมีลมหายใจ ถ้าถึงมือนางไม่ว่าจะเป็นอะไรหายทุกราย


วันนี้มาร์คัสถือว่าโชคดีมากที่เขามาถึงก็ได้ที่นั่งในร้าน
เขาเดินตามบริกรเข้ามาข้างในเขาสั่งอาหารที่มีชื่อที่สุดของร้าน
มาร์คัสไม่ได้เอะใจว่าจะมีคนเพ่งเล็งเขาหรือเปล่า
เพราะว่าคนที่สั่งอาหารแบบนี้ได้ต้องเป็นเศรษฐีอย่างแน่นอน
เพราะอาหารขึ้นชื่อของที่นี่จานหนึ่งมีราคาไม่ต่ำว่า 10,000 ฟรองเซ่
แล้วที่เขาสั่งมานั้นเป็นของที่มีราคาแพงที่สุดของร้านทั้งสิ้น
แต่คนอย่างมาร์คัสเขาหาได้สนใจคนรอบข้างของเขาไม่


มาร์คัสนั่งกินอาหารที่สั่งมาอย่างสบายใจ
เพราะอาหารของที่นี่อร่อยไม่ผิดจากที่ล่ำลือกันจริงๆ
คงเพราะหมอเทวดาอนัสตกาลเข้มงวดกับพนักงานมาก เลยทำให้อาหารของที่นี่มีคุณภาพเสมอ


โครมมม!!
โต๊ะล้มดังมาจากข้างหลังเขา มาร์คัสแปลกใจอย่างมากที่มีคนกล้ามีเรื่องในที่แห่งนี้
แต่เขาก็ไม่ได้สนใจยังคงค่อยๆชิมอาหารบนโต๊ะอย่างช้าๆ
นี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่มาร์คัสชื่นชอบ คือการได้ค่อยๆกินอาหารอร่อยๆอย่างช้าๆ
ขณะที่เขากินอาหารอยู่นั้นเสียงทะเลาะกันข้างหลังก็ยังดังอย่างต่อเนื่อง


ฟิ้วววว
จานอาหารใบใหญ่ลอยมาทางมาร์คัสอย่างรวดเร็ว
มาร์คัสเพียงแค่โยกตัวหลบเล็กน้อยจานนั้นก็เลยผ่านเขาไป
เขายังคงค่อยๆชิมอาหารบนโต๊ะตัวเองต่อไป
โครม!!
ร่างเล็กๆสวมเสื้อแขนกุดสีขาวเสื้อกั๊กสีเหลืองหล่นลงมาบนโต๊ะอาหารเขา
เด็กหนุ่มถักเปียยาวผมสีบรอนด์ หน้าตาหมดจดนอนอยู่บนโต๊ะอาหารของเขา
เขาสังเกตว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่เข้าไปยุ่งเรื่องที่สวนสาธารณะเมื่อกี้นี่นา
แต่ว่าสิ่งที่เขาอภัยให้ไม่ได้คือ คนที่โยนเด็กคนนี้มาใส่โต๊ะอาหารของเขา
เขาลุกขึ้นหันหลังกลับไปมองว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้
คนที่ก่อเรื่องก็เป็นพวกกลุ่มมารโลหิตสามคนนั้น
ครั้งนี้เขาคิดว่าคงต้องลงมือสั่งสอนให้มันเด็ดขาดเสียแล้ว

“เจ้าหน้าหล่ออย่าเข้ามายุ่ง นี่เป็นเรื่องของกลุ่มมารโลหิต ถ้าเจ้าไม่อยากเจ็บตัวถอยออกไปดีกว่า”
ชายคนที่ตัวใหญ่ที่สุดเดินออกหน้ามาหามาร์คัส มันหารู้ไม่ว่าชะตามันขาดเสียแล้ว
แต่มาร์คัสไม่อยากให้รบกวนคนอื่นที่กินอาหารที่นี่
แล้วเขาก็ยังไม่อยากมี่เรื่องบาดหมางกับหมอเทวดาอนัสตกาลอีกด้วย
“ถ้าพวกเจ้าแน่จริงตามข้าออกไปข้างนอก” มาร์คัสท้ามันทั้งสามคน
“เจ้าไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหนถึงได้กล้าท้าพวกข้าแบบนี้” คนตัวใหญ่ยังพูดเหมือนเดิม
มาร์คัสหาได้สนใจที่พวกนั้นพูด เขาหันไปมองเด็กผมบรอนด์ที่ค่อยลุกขึ้นมายืน
“เจ้าก็มาด้วยเจ้าหนู” มาร์คัสดึงหางเปียของเด็กคนนั้นให้เดินตามเขาออกไปหน้าร้าน


หลังจากออกมาที่หน้าร้านแล้วทั้งสามยืนจ้องหน้ามาร์คัสที่ยืนทำตัวสบายๆ
“ท่าทางเจ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วแน่นอน” คนตัวใหญ่หยิบอาวุธขึ้นมา อีกสองคนก็หยิบตาม
“ดาบทื่อๆแบบนั้นจะทำอะไรข้าได้  ต่อให้เจ้าโบรอนเนะมาเองข้ายังไม่กลัวเลย หึหึ” มาร์คัสหัวเราะออกมาเบาๆ
“กร็อดดด เจ้าบังอาจเรียกชื่อท่านผู้นำเฉยๆแบบนี้ ท่าทางอยากตายเสียแล้ว พวกเรารุมมันเลย”
สิ้นเสียงทั้งสามคนก็พุ่งเข้ามาใส่มาร์คัสพร้อมกัน
ทั้งสามคนร่ายเพลงดาบพื้นฐานธรรมดาออกมา แสดงว่าเป็นลูกน้องระดับต่ำของกลุ่ม
มาร์คัสยิ้มออกมาก่อนใช้ท่าร่างวิหกเล่นลมออกไป
เกิดสายลมวูบผ่านจะผมสีบรอนด์ของเด็กคนนั้นปลิวขึ้นมา
แต่ยังไม่ทันที่เด็กคนนั้นมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งสามคนก็ลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นหมดแล้ว
เขาเห็นเพียงแค่มาร์คัสขยับตัวเล็กน้อยเท่านั้น แต่ทำไมทั้งสามคนถึงล้มลงไปไม่เป็นท่าขนาดนี้

ทั้งสามคนหมดสภาพที่จะต่อสู้ได้อีกต่อไป มาร์คัสมองด้วยสายตาเฉยเมย
เขาหันมาที่เด็กหนุ่มผมบรอนด์พร้อมกับใช้นิ้วดีดที่หน้าผากไปหนึ่งที
“คราวหลังถ้ารู้ว่าตัวเองไม่มีฝีมือก็อย่ายุ่งเรื่องของชาวบ้าน จำไว้นะเจ้าหนู”
มาร์คัสหันหลังเดินกลับเข้าไปในร้าน
“ข้าไม่ใช่เจ้าหนูนะ ข้าชื่อ นาซีซัส” เด็กคนนั้นตะโกนไล่หลังมาร์คัส
ที่แท้เด็กคนนี้ก็ชื่อนาซีซัสนี่เอง ช่างเป็นเด็กที่ใจกล้าจริงๆ
มาร์คัสนึกชอบนิสัยของนาซีซัสขึ้นมาแล้วสิ


เขาเดินกลับเข้ามาบริกรรีบจัดที่ให้เขาใหม่ทันที
หลังจากที่เขานั่งที่โต๊ะเขาสั่งอาหารชุดเดิมมาใหม่
“นี่นาย นายชื่ออะไร สอนวิชาให้เราบ้างสิ” นาซีซัสวิ่งเข้ามาหาเขาที่โต๊ะ
มาร์คัสทำเป็นไม่สนใจนาซีซัสที่เกาะโต๊ะเขาอยู่
เขาค่อยๆตักอาหารบนโต๊ะกินช้าๆ  ปล่อยให้นาซีซัสยืนอ้อนวอนเขาอยู่
นาซีซัสไม่เลิกอ้อนวอนเขายังคงยืนเกาะโต๊ะมาร์คัสรอจนมาร์คัสกินเสร็จ
“อ่าว ข้านึกว่าเจ้าไปแล้วเสียอีก” มาร์คัสกล่าวอย่างสบายใจ
“ข้าไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น จนกว่าท่านจะรับปากว่าจะสอนวิชาให้กับข้า” นาซีซัสยืนยันคำพูดเดิม
“เจ้าจะฝึกไหวหรอ ตัวก็เล็กแบบนี้ กลัวฝึกไปจะถอดใจมากกว่า เจ้าหนู” มาร์คัสยิ้มให้เขา
“ข้าไม่ใช่เจ้าหนูแล้วนะ ข้าชื่อนาซีซัส เจ้าไม่ได้ยินหรือไง” นาซีซัสตะโกนใส่มาร์คัส
มาร์คัสกลับไม่โกรธแถมยังยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ข้าจะสอนเจ้าก็ได้ ถ้าเจ้าตามกล้าตามข้าไปที่กลุ่มมารโลหิต ข้าก็จะลองพิจารณาดูอีกครั้ง”
มาร์คัสตั้งเงือนไขให้กับนาซีซัส เพราะเขาคิดว่านาซีซัสคงกลัวที่จะไปกลุ่มมารโลหิตแน่นอน
“ได้ข้าตกลง ท่านรับปากกับข้าแล้วนะ แล้วเราจะไปเมื่อไหร่กันดีล่ะ ไปตอนนี้เลยดีไหม”
นาซีซัสรีบดึงมือมาร์คัสให้ลุกขึ้น เพื่อออกเดินทาง
มาร์คัสยิ้มให้กับท่าทางของนาซีซัส ท่าทางเขาจะถูกใจนิสัยของนาซีซัสเสียแล้วสิ




“อืมมมมมม ที่นี่ที่ไหนกันนี่” คีดินยะฟื้นขึ้นมา
เขาพยายามคลำสิ่งรอบๆตัวเขาเพื่อจะได้รู้ว่าที่นี่เป็นที่ไหนกันแน่
ตอนนี้สายตาของเขายังมองไม่เห็นเหมือนเดิม มันเหมือนมีม่านสีเขียวเข้มมาบังตาเขาไว้
เขารู้เพียงว่าเขาตกลงมาในหลุมขนาดใหญ่ แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะได้เดินพลังรักษาตัว
คีดินยะวางทวนหยกขาวไว้ที่ตัก แล้วเริ่มเดินพลังรักษาตัว
เกิดผลึกน้ำแข็งขนาดใหญ่มาห่อหุ้มตัวของเขาไว้
หยดน้ำสีเขียวเข้มค่อยซึมออกมาจากก้อนน้ำแข็งที่หุ้มตัวเขาไว้
คงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า3วันเขาถึงจะขับพิษนี้ออกไปจนหมด
เขาถึงต้องการที่หลบซ่อนตัว หลุมนี้ก็เหมาะกับการหลบซ่อนตัวเหมือนกัน

หลังจากที่เขาเดินพลังรักษาตัวได้เพียงสองวัน เขาก็รู้สึกว่าร่างเขากำลังลอยขึ้นจากหลุมช้า
ต้องมีคนดึงร่างเขาขึ้นจากหลุมแน่นอน แต่ถ้าเขาออกจากการเดินพลังตอนนี้เขาต้องสูญเสียพลังเนกิสจนเกือบหมดแน่ๆ
เขาจึงไม่กล้าที่จะคลายพลังออก เขาได้แต่หวังว่าคนที่ดึงเขาขึ้นคงจะเป็นคนดีเท่านั้นเอง


มาร์คัสยอมพานาซีซัสมาที่กลุ่มมารโลหิตด้วย เพราะทนแรงตื้อของเขาไม่ไหว
กลุ่มมารโลหิตตั้งอยู่ที่กรุงปารีสเก่า ซึ่งตอนนี้เป็นซากปรักหักพังไปหมดแล้ว
(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/182782_1229581919_submedium.jpg)
มาร์คัสเดินเข้ามาที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของกลุ่มมารโลหิตอย่างสง่าผ่าเผย
ต่างจากนาซีซัสที่เดินเกาะหลังเขามาอย่างติดๆ
“ถ้าเจ้ากลัวก็กลับไป ถือว่าที่เราตกลงกันนั้นยกเลิกก็ได้” มาร์คัสหันไปถามลองใจ
“ไม่ข้าจะไปกับเจ้า ไม่ว่าเจ้าไปที่ไหนข้าจะตามไปด้วย จนกว่าเจ้าจะสอนวิชาให้กับข้า”
นาซีซัสพูดไปส่งสายตามองรอบๆตัวไป เขาเพิ่งเคยมาที่แบบนี้เป็นครั้งแรก
เพราะนาซีซัสไม่เคยออกจากไชน่าทาวน์มาก่อนเลยในชีวิต
นาซีซัสเป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาตลอด เขาจึงไม่เคยที่จะได้เดินทางออกไปที่ไหนเลย
ถึงเขาจะขาดการคนคอยดูแลแต่เขาก็ยังคงเป็นคนรักความยุติธรรม
ไม่ชอบเห็นคนที่อ่อนแอโดนรังแก เขาเลยคิดว่าถ้าเขาฝึกวิชากับชายคนนี้เขาจะช่วยคนได้อีกมากมาย
เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ยอมล้มเลิกเพียงเพราะสถานที่ที่น่ากลัวแค่นี้แน่นอน


มาร์คัสเดินมาหยุดที่หน้าสำนักงานใหญ่ของกลุ่มมารโลหิต
“โบรอนเนะเจ้าออกมาเจอกับข้าหน่อยสิ”
มาร์คัสเปล่งเสียงออกมาธรรมดาแต่กลับก้องออกไปทั่วบริเวณนั้น

ตุบตับ ตุบตับ
ชายชุดสีแดงสวมเกราะรูปหมาป่าที่ไหล่วิ่งกรูออกมาจากทุกทิศทางเข้ามาล้อมมาร์คัสและนาซีซัสไว้
นาซีซัสรีบซุกตัวเข้าไปที่หลังมาร์คัสทันที เขาดึงชายเสื้อของมาร์คัสไว้
“เจ้าบังอาจมากที่มาเรียกท่านผู้นำเราแบบนี้” ชายร่างผอมใส่ชุดแดงเหมือนคนอื่นแต่ว่าสวมเกราะไหล่ทั้งสองข้าง
การที่เขาแต่งตัวต่างคนอื่นเช่นนี้แสดงว่ามีตำแหน่งที่สูงกว่าคนอื่นๆที่ล้อม
มาร์คัสจึงสนใจไปที่คนๆนั้น
“เจ้าเป็นใครถึงได้มาออกหน้าแทนโบรอนเนะ”
“ข้าเป็นหัวหน้าสาขาผู้ดูแลที่นี่ ชื่อบอน แต่ว่าเจ้าเป็นใคร” บอนแนะนำตัวพร้อมกับถามชื่อคืน
“อ๋อ ที่แท้ดาบอสูรฟ้าบอนนี่เอง ถึงว่ากล้าหาญยิ่งนัก” มาร์คัสอดชื่นชมคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้
“ตกลงเจ้าจะไม่บอกชื่อข้าใช่หรือไม่” บอนเริ่มที่จะโมโหเขาชักดาบจ้าวอสูรอาวุธประจำตัวเขาออกมา
มาร์คัสยังคงทำตัวสบายๆ การที่เขาทำแบบนั้นยิ่งทำให้บอนโหโหมากยิ่งขึ้น
“กร็อดด สงสัยเจ้าคงต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่เสียแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องยุ่ง”
บอนต้องการแสดงฝีมือให้ลูกน้องเขาเห็นบ้าง
เขาพุ่งเข้าโจมตีมาร์คัสด้วยท่าไม้ตายท่าแรกของเขาทันที
เขาคิดจะจบชิวิตมาร์คัสให้เร็วที่สุด ท่าที่ถูกใช้ออกมาคือสังหารเทพ
ดาบบอนมีรังสีสีแดงเรื่อออกมา แสดงให้เห็นถึงพลังเนกิสที่ไม่ธรรมดา
ท่าสังหารเทพทำให้มองเห็นเหมือนมีดาบอสูรฟ้าเพิ่มขึ้นมาอีกสิบเล่ม
รังสีดาบทั้งสิบเล่มโจมจีเข้ามาทุกทิศทางรอบตัวมาร์คัสและนาซีซัส
มาร์คัสไม่ต้องการให้นาซีซัสโดนลูกหลงไปด้วย เขาจึงโยนนาซีซัสให้พ้นจากรัศมีดาบ

มาร์คัสดึงกระบี่อ่อนที่พันรอบเอวของเขาออกมา ถ้าเขาไม่ดึงออกมาก็ไม่มีใครรู้แน่นอนว่ามันเป็นกระบี่
เขาร่ายเพลงกระบี่จันทร์ส่องฟ้าท่าที่สามออกมา
เพียงเขาสะบัดกระบี่ ก็เกิดแสงสีม่วงลากเป็นเส้นมากพุ่งเข้าใส่รังสีกระบี่ทั้งสิบ
กิ้ง กิ้ง
รังสีกระบี่ทั้งสิบโดนแสงสีม่วงอ่อนพลักกระเด่นเข้าไปใส่พวกชุดแดงที่ยืนล้อมเขาอยู่
อ๊ากกก
เสียงร้องโหยหวนดังลั่นไปทั่วเมื่อรังสีกระบี่สัมผัสตัว บางคนหัวหลุดออกจากบ่าโดยที่ไม่รู้ตัว
บางคนตัวขาดแขนขาดขาขาด ล้มกันระเนระนาดกว่า20คน
อนุภาพของท่าสังหารเทพช่างน่ากลัวจริงๆ นี่ถ้าไม่ใช่มาร์คัสคงบาดเจ็บสาหัสไปแล้วแน่ๆ
“กระบี่เทวะดารา เจ้าคือราชันย์มาร์คัสหรือนี่” บอนรู้ทันทีที่เห็นพลังที่มาร์คัสใช้ออกมา
ตอนนี้บอนเริ่มหน้าถอดสีแล้ว เขาก้าวถอยหลังออกมาอย่างไม่รู้ตัว
เพราะเพียงแค่ชื่อของราชันย์เขาก็ไม่อาจเทียบเคียงได้แล้ว
เขาคิดว่าวันนี้เขาคงจบชีวิตเพียงเท่านี้แน่นอน เขาก้าวถอยหลังจนไปชนกับลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างหลัง


มาร์คัสค่อยเดินก้าวเข้าไปอย่างข้าๆ
ตูมมม!!!

ดาบขนาดใหญ่พุ่งลงมาปักขวางหน้ามาร์คัสไว้ จนเกิดหลุมกว้างหลายเมตร
“เจ้าจะมามัวรังแกลูกน้องข้าทำไม มาร์คัส อย่างเจ้าต้องเจอกับข้า” เสียงอันเหี้ยมหานดังลงมาจากยอดตึก
“ดาบจ้าวหมาป่า ในที่สุดเจ้าก็ยอมออกมานะโบรอนเนะ”
มาร์คัสเงยหน้าขึ้นไปมองชาย ชายร่างสูงอยู่ชุดเกราะสีดำทั้งตัว ที่ยืนอยู่บนนั่น


TBC.
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่3กลุ่มมารโลหิต UP!![P:2] 24-08-10/20:43
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 24-08-2010 20:54:42
หมอ ยังยืน สวยจังเลย อ่ะ
ว่าแต่ นาซีซัส หรอ ที่เป็น คู่พระ  :L2: :L2:

ตอนนี้คงรู้แล้วนะครับว่าใครคู่พระ

นาซีซัสน่ารักมากเลย  :-[
ไรท์เตอร์ขยันหารูปสวยๆมาลง ช๊อบ ชอบ  :o8:  :pig4:

ขอบคุณครับ จะพยายามหารูปสวยๆมาลงอีกคร้าบบ

สนุกมากตอนนี้กำลังลุ้นอยู่ว่าใครเป็นพระเอกใครเป็นนายเอก
บีซางซอนเป็นตัวโกงเหรอ(เค้าชอบบีซางซอนโหด เลว ไร้ที่ติดี :laugh:)

อาจมีสองคู่ก็ได้นะครับ ยังไม่สรุป แต่บีซางซอนตัวโกงแน่นอนคร้าบบ

 :กอด1: คนอ่าน :จุ๊บๆ: คนเม้น 

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่3กลุ่มมารโลหิต UP!![P:2] 24-08-10/20:43
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 24-08-2010 20:57:13
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่3กลุ่มมารโลหิต UP!![P:2] 24-08-10/20:43
เริ่มหัวข้อโดย: Shock_n2n ที่ 24-08-2010 21:08:12
อิอิ
มาคัส สู้ๆๆ
 :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่3กลุ่มมารโลหิต UP!![P:2] 24-08-10/20:43
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 24-08-2010 21:36:40
 :impress2:
ลุ้นๆ ให้มาอุ้มคีดินยะไป
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่3กลุ่มมารโลหิต UP!![P:2] 24-08-10/20:43
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 24-08-2010 21:54:07
เิพิ่งเข้ามาตามอ่านค่ะ
แนวแปลกใหม่ น่่าสนใจดี  o13
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่3กลุ่มมารโลหิต UP!![P:2] 24-08-10/20:43
เริ่มหัวข้อโดย: CYPINUS ที่ 24-08-2010 21:54:23
ตอนนี้ขอลุ้นมาคัสกับนาซีซัสก่อนละกัน
คนหนึ่งก็เก่ง อีกคนก็น่ารัก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่3กลุ่มมารโลหิต UP!![P:2] 24-08-10/20:43
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 25-08-2010 00:20:05
นาซีซัสใจกล้ามาก o13
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่3กลุ่มมารโลหิต UP!![P:2] 24-08-10/20:43
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 25-08-2010 11:31:57
:กอด1:

 :กอด1: :กอด1: กอดคืนแถมสองครั้งด้วย หุหุ

อิอิ
มาคัส สู้ๆๆ
 :ped149: :ped149:

สู้เต็มทีแน่นอนคร้าบบ มาร์คัสอะ อย่าลืมส่งแรงใจช่วยด้วยนะคร้าบ

:impress2:
ลุ้นๆ ให้มาอุ้มคีดินยะไป

จะให้ใครมาอุ้มดีน้อ ต้องรอลุ้นนะคร้าบบ

เิพิ่งเข้ามาตามอ่านค่ะ
แนวแปลกใหม่ น่่าสนใจดี  o13


ช่วยตามอ่านตอนต่อไปด้วยนะคร้าบ ขอบคุณครับ

ตอนนี้ขอลุ้นมาคัสกับนาซีซัสก่อนละกัน
คนหนึ่งก็เก่ง อีกคนก็น่ารัก  :กอด1:

ลุ้นไปด้วยกันนะคร้าบบ  :กอด1:

นาซีซัสใจกล้ามาก o13

ใจกล้าแต่ยังช่วยอะไรไม่ไลยคร้าบบ

 :กอด1:คนอ่าน  :จุ๊บๆ: คนเม้น

 :z2: :z2: :z2:

เรียกคนอ่านคร้าบ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่3กลุ่มมารโลหิต UP!![P:2] 24-08-10/20:43
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 25-08-2010 12:53:05
สมเป็นอันดับหนึ่งในใต้เหล้า
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่3กลุ่มมารโลหิต UP!![P:2] 24-08-10/20:43
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 25-08-2010 15:39:15
 o13 เราชอบอ่านเรื่องแนวนี้
ดีใจจังที่ได้อ่านอีกหนึ่งเรื่อง

ตกลงมาร์คัส คู่กับ นาซีซัส

แล้วคีดินยะล่ะ คู่กับใคร
ในใจอยากให้คู่กับ บีซางซอน
แบบฝ่ายดี กับ พวกโหด เลว ดี
เวลาปะทะกันคงจะสนุกน่าดู
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่3กลุ่มมารโลหิต UP!![P:2] 24-08-10/20:43
เริ่มหัวข้อโดย: Phing ที่ 26-08-2010 12:05:19
นาซีซัส น่ารัก :man1:
ลุ้นอีกคู่ว่าจะเป็นใคร

 :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่3กลุ่มมารโลหิต UP!![P:2] 24-08-10/20:43
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 27-08-2010 13:15:22
เอ๊าดันขึ้นไป :z2:มันอยู่หน้า2แล้วววว

หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP รูปเพิ่มคร้าบก่อนลงตอนต่อไป [P:2] 27-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 27-08-2010 22:36:41
สมเป็นอันดับหนึ่งในใต้เหล้า

มาร์คัสเก่งอยู่แล้วคร้าบ แต่ยังมีพวกเสือซุ่มมังกรซ่อนอีกเยอะ มารอลุ้นกันต่อนะครับ

o13 เราชอบอ่านเรื่องแนวนี้
ดีใจจังที่ได้อ่านอีกหนึ่งเรื่อง

ตกลงมาร์คัส คู่กับ นาซีซัส

แล้วคีดินยะล่ะ คู่กับใคร
ในใจอยากให้คู่กับ บีซางซอน
แบบฝ่ายดี กับ พวกโหด เลว ดี
เวลาปะทะกันคงจะสนุกน่าดู

คีดินยะเขาก็มีคู่แล้วคร้าบบ ตอนหน้าคงรู้แหละ

นาซีซัส น่ารัก :man1:
ลุ้นอีกคู่ว่าจะเป็นใคร

 :L2:

รอลุ้นต่อนะจ๊ะผิง คิดว่าน่าจะเป็นลงพรุ่งนี้นะครับ

เอ๊าดันขึ้นไป :z2:มันอยู่หน้า2แล้วววว



ขอบคุณครับที่มาช่วยดัน แต่ช่วงนี้ยุ่งเลยอัพเรื่องช้าหน่อยอะครับ

 :กอด1: คนอ่าน :จุ๊บๆ: คนเม้น

 :pig4: ทุกคนคร้าบบ

 :z2: เต้นเรียกพลังเขียนตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP รูปเพิ่มคร้าบก่อนลงตอนต่อไป [P:2] 27-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 27-08-2010 22:41:31
(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/74feb9d53492f6e550da4b4c_resize.jpg)

เนกิ(NAGI)

ชื่อ :        เนกิ     ไฮชิ
อายุ :        16 ปี
ส่วนสูง  :   165 cm.
หนัก :       46 kg.
กรุ๊ปเลือด :    0
ตำแหน่ง :    -
สิ่งที่ชอบ :    หนังสือ
สิ่งที่เกลียด :    ความรุนแรง
อาวุธประจำตัว :    -
ฉายา :      หนอนหนังสือ


(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/102850937_resize.jpg)

จางอี้(JANGIE)

ชื่อ :        จางอี้    เฟ่ย
อายุ :        28(96) ปี
ส่วนสูง  :   180 cm.
หนัก :       58 kg.
กรุ๊ปเลือด :    0
ตำแหน่ง :    -
สิ่งที่ชอบ :    ดนตรี
สิ่งที่เกลียด :    ความรุนแรง
อาวุธประจำตัว :    พิณ
ฉายา :      ทำนองเสนาะ

(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/6_resize.jpg)

มิรันด้า(MIRUNDA)

ชื่อ :        มิรันด้า    เวอร์แซง
อายุ :        22 ปี
ส่วนสูง  :   173 cm.
หนัก :       52 kg.
กรุ๊ปเลือด :    O
ตำแหน่ง :    จอมทัพ
สิ่งที่ชอบ :    สุนัข
สิ่งที่เกลียด :    ความไม่เป็นธรรม
อาวุธประจำตัว :    1.กระบี่วีรชน 2.ปืนคุณธรรม
ฉายา :      กระบี่คุณธรรม


หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่4จากนี้ไปข้าชื่อคีย์รัส(ครึ่งแรก) UP!! [P:2] 28-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 28-08-2010 11:13:21
จากนี้ไปข้าชื่อคีย์รัส

“ใครกันนะที่กำลังดึงข้าขึ้นจากหลุมนี้ ถ้าเป็นพวกบีซางซอนข้าคงถึงฆาตแล้วแน่ๆ”
คีดินยะคิดในใจ แต่เขาก็ไม่อาจเสียสมาธิในการเดินพลังรักษาตัวได้
เขาทำได้แต่หวังว่าคนที่ดึงเขาขึ้นมาจะเป็นคนดีเท่านั้นเอง


“ท่านอาจารย์ ท่านดูนี่สิครับทำไมคนถึงไปอยู่ในน้ำแข็งได้ละครับ”
เสียงเด็กผู้ชายคนนึงเอ่ยขึ้นมา เพียงเท่านี้คีดินยะก็เริ่มเบาใจ
แต่ว่าคนที่เด็กคนนั้นเรียกว่าอาจารย์นั้นเป็นใครกันแน่นะ
“อย่า!!”
เสียงร้องตะโกนอีกเสียงหนึ่ง เสียงนี้เป็นเสียงทุ้มนุ่มแต่ที่แน่ๆเป็นผู้มีพลังเนกิสที่สูงมาก
แต่เป็นพลังที่เขาไม่คุ้นเคยเสียเลย แสดงว่าไม่ใช่พวกที่อยู่ในตำแหน่งแน่นอน
“ทำไมล่ะครับท่านอาจารย์” เสียงเด็กคนนั้นถามอย่างแปลกใจ
“แสดงว่าเจ้าไม่ได้อ่านหนังสือพิษที่ข้าให้ไปใช่ไหม” คนที่เป็นอาจารย์ทำเสียงดุ
“ข้าไม่ชอบหนังสือพิษนี่ครับ แต่หนังสืออื่นๆข้าอ่านจนหมดแล้วนะครับ” เด็กคนนั้นแก้ตัว
คีดินยะพยายามตั้งสมาธิแล้วก็จับใจความฟังสองคนนั้นพูดกันไปด้วย

“แล้วแบบนี้เจ้าจะมีฉายาว่าหนอนหนังสือไปทำไม” อาจารย์ยังไม่เลิกตำนิ
“ครับข้าขอโทษครับ” เสียงเด็กคนนั้นดูค่อยลง
“งั้นเจ้าลองสังเกตแล้วบอกข้ามาสิว่าที่เขาเป็นแบบนี้เพราะอะไร”
“ครับท่านอาจารย์” เด็กคนนั้นรับคำ แล้วเงียบไปสักพัก
คีดินยะก็พอจะเดาได้ว่าเด็กคนนั้นต้องมาสังเกตเขาอยู่แน่นอน
“จากที่ข้าอ่านมา นี่คือการเดินพลังเนกิสรักษาตัวเองของพลังไอเย็นพันปี คนที่สามารถที่จะมีพลังขนาดนี้ได้ ก็คงเป็นจักรพรรดิคีดินยะแน่นอน แล้วที่ข้ามั่นใจก็เพราะว่าทวนหยกขาวที่วางอยู่ที่ตักเขานั่นไงครับ”
เด็กคนนั้นอธิบายได้อย่างถูกต้อง ทำเอาคีดินยะยังแปลกใจ
“ใช้ได้ แล้วเจ้ารู้ไหมทำไมข้าถึงไม่ให้เจ้าสัมผัสน้ำแข็งนั่น”
“ที่แรกข้าไม่ทราบครับ แต่ตอนที่ข้าไปสังเกตเมื่อกี้ข้าพอจะรู้แล้วครับ”
“งั้นเป็นเพราะอะไร” เสียงอาจารย์ฟังดุแปลกใจกับลูกศิษย์ไม่น้อย
“เพราะว่าตอนนี้เขากำลังขับพิษผ่านก้อนน้ำแข็ง ข้าเห็นหยดน้ำที่ซึมออกมามีสีเขียวเข้ม แสดงว่าเขาโดนจ้าวแห่งพิษรอบทำร้ายแน่นอนครับ ท่านอาจารย์คิดว่าข้าพูดถูกหรือไม่ครับ”
“เจ้าเก่งขึ้นมาก แต่เราคงต้องช่วยเขาก่อนแล้ว” สิ้นเสียงทุ้มนุ่มนั่นพูดออกมา


คีดินยะรู้สึกเหมือนว่าร่างของเขาลอยขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่จะค่อยๆร่วงลงมาอย่างแผวเบา
คนที่ทำเช่นนี้ได้ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะเขาสามารถเคลื่อนย้ายร่างเขาที่อยู่ในน้ำแข็ง
แสดงว่าคนนั้นเคลื่อนย้ายเขาได้โดยไม่ต้องสัมผัสกับมันแม้แต่น้อย
ตริ้ง ตริ้ง ติง
เสียงเพลงพิณดังเข้ามา เป็นเพลงที่เขาฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลายมากๆ
ทำให้การเดินพลังเนกิสเขาหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้นไปอีก
คีดินยะขับพิษออกมาได้รวดเร็วกว่าเดิม
เพราะเสียงพิณนั่นแฝงด้วยพลังเนกิสที่อบอุ่นเข้ามาช่วยขับพิษในร่างของเขา

คนผู้นี้เป็นใครกันแน่ทำไมถึงได้ช่วยเขา หรือว่าคนผู้นี้หวังอะไร
เพราะว่าคนผู่นี้ล่วงรู้ฐานะของเขา อาจต้องการให้เขาตอบแทนอะไรก็ได้
แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก คีดินยะคิดว่าเร่งเดินพลังขับพิษให้หมดก่อนจะดีกว่า
เขาก็สงบใจลงแล้วเร่งขับพิษต่อทันที

ตูมมม!!!~

ดาบจ้าวหมาป่าพุ่งลงมาปักพื้นที่หน้าของมาร์คัส
หลุมที่กว้างหลายเมตรแสดงถึงพลังเนกิสที่สูงมาก
ทำเอามาร์คัสแปลกใจ เพราะว่าโบรอนเนะเป็นแค่1ใน6จอมทัพแค่นั้น
ทำไมพลังฝีมือถึงได้ก้าวหน้าไปมากอย่างนี้
พลังที่แผ่พุ่งออกมาตอนนี้ก็ใกล้เคียงกับตำแหน่งจักรพรรดิที่เดียว
นี่คงเป็นเหตุผลที่กลุ่มมารโลหิตเหิมเกริมมากขึ้น

มาร์คัสเงยหน้ามองร่างชายสวมชุดเกราะดำทั้งตัวที่บนตึก
ก่อนที่ชายคนนั้นจะกระโจนลงมา เกิดเงาร่างเหมือนหมาป่าสีแดงพุ่งลงมาจากตึก
ตุบ
โบรอนเนะลงมาหยุดที่ข้างอาวุธคู่กายของเขา
“เจ้าอย่าคิดว่าเป็นราชันย์แล้วข้าจะกลัวเจ้านะมาร์คัส วันนี้อาจเป็นวันตายของเจ้าก็ได้”
โบรอนเนะหยิบดาบของเขาขึ้นมา
“ถ้าเจ้าทำได้ก็ลองดู” มาร์คัสกระชับกระบี่ในมือเตรียมพร้อม


/ราชันย์มาร์คัส นี่ข้าติดตามราชันย์มาร์คัสมาหรือนี่ แล้วเขาบอกว่าจะสอนวิชาให้กับข้าอีกด้วย/
นาซีซัสตื่นเต้นขึ้นมาเมื่อรู้ว่าคนที่เขาติดตามาเป็นใคร
เขาตั้งใจมองมาร์คัสแบบไม่ยอมให้คลาดสายตา

เกร้ง เกร้ง

เสียงดาบกับกระบี่กระทบกันดังไปทั่ว ที่น่าแปลกใจคือโบรอนเนะที่สามารถรับมือมาร์คัสได้
มาร์คัสเองก็แปลกใจเหมือนกัน หรือว่าที่ผ่านๆมาโบรอนเนะแอบเก็บงำฝีมือตัวเองเอาไว้
เห็นทีเขาต้องเอาจริงแล้วครั้งนี้
หลังจากตัดสินใจได้แล้ว มาร์คัสเร่งพลังเนกิสมากขึ้นจนเกิดรังสีม่วงอ่อนขึ้นที่กระบี่
“เจ้าเอาจริงจนได้นะ ข้าก็จะเอาจริงบ้างละทีนี้”
โบรอนเนะกล่าวออกมาบ้าง ถ้าเป็นเมื่อก่อนคนทั่วไปอาจจะบอกว่าเขาคงอยากตาย
หรือก็ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เพราะโบรอนเนะมีพลังที่แข็งแกร่งมาก

โบรอนเนะเร่งพลังเนกิสจนเกิดรังสีแดงที่ดาบจ้าวหมาป่าเช่นกัน
“นี่เจ้าทำได้ถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน” มาร์คัสลอบแปลกใจ
“ข้าทำได้ตั้งนานแล้วเพียงแต่ข้าไม่ได้ใข้มันเท่านั้นเอง” โบรอนเนะยิ้มที่มุมปาก
“เจ้าเตรียมตัวตายได้แล้ว มาร์คัส!”
โบรอนเนะใช้ท่าสังหารท่าที่รุนแรงที่สุดออกมา
ท่าโลหิตล้างแผ่นดิน เป็นท่าสังหารที่รุนแรงที่สุดของเขา
ต้องฝึกพลังมารโลหิตถึงขั้นสุดท้ายก่อนถึงจะใช้ออกมาได้
เมื่อเขาร่ายท่านี้ออกมา รังสีแดงแผ่พุ่งออกมา 32 สาย
สายรังสีดาบสานตัวกันเป็นตาข่ายพุ่งเข้าใส่มาร์คัส
มองจากรูปการแล้ว ไม่เห็นช่องทางที่พอจะหนีได้เลย
นาซีซัสยืนลุ้นอยู่ไกล ไม่ต่างจากพวกกลุ่มมารโลหิตที่ต่างก็ลุ้นไม่แพ้กับเขา
เพราะการต่อสู้ครั้งนี้อาจเป็นตัวชี้ชะตาของกลุ่มเขาก็เป็นได้

มาร์คัสเองครั้งนี้ก็ไม่ได้ประมาทอีกต่อไป
เขาใช้ท่าสังหารท่าที่สองของเพลงกระบี่จันทร์ส่องฟ้าออกมาต้านทันที
มาร์คัสเร่งใช้ท่าจันทร์สาดแสงออกมา
เขาแทงกระบี่อ่อนออกไป ปลายกระบี่อ่อนแตกออกจนมองเห็นเหมือนดอกเบญจมาสสีม่วงอ่อน
รังสีม่วงอ่อนพุ่งออกจากปลายกระบี่นับไม่ถ้วน เข้าไปต้านกับตาข่ายรังสีแดงจากดาบโบรอนเนะ

ตูม ฉับ ตูมม

เสียงระเบิดดังขึ้นรอบข้างอย่างไม่ขาดระยะ แสงสีม่วงแดงต่างแตกกระจายไปทั่วบริเวณ
ลูกน้องโบรอนเนะที่ยืนดูอยู่รอบข้างต่างล้มตายไปจำนวนมากจากการปะทะกันครั้งนี้
คนที่มีพลังฝีมือสูงหน่อยถึงจะเอาตัวรอดจากรังสีดาบและกระบี่ของทั้งสองคนนี้ได้
นาซีซัสเองก็โชคดีที่มาร์คัสส่งเขามาอยู่ในที่ปลอดภัย
และเขาสังเกตว่าเมื่อรังสีดาบเลยมาทางเขารังสีกระบี่สีม่วงจะมาขวางไว้ทุกครั้ง


เพียงชั่วพริบตาเดียวผลจากการปะทะกันด้วยท่าไม้ตายของสุดยอดฝีมือ
เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง ลูกน้องของโบรอนเนะล้มตายไปกว่าครึ่ง
พวกที่เหลือก็บาดเจ็บอีกเกือบครึ่งหนึ่ง ครั้งนี้ถือว่าเป็นผลเสียของโบรอนเนะมากกว่าดี
เพราะเขาไม่สามารถที่จะกำจัดมาร์คัสได้ ทำได้เพียงแค่รอยขีดข่วนเล็กน้อยบนร่างมาร์คัส
แต่กลับต้องเสียลูกน้องไปจำนวนมากแทน
ถือเป็นค่าตอบแทนที่สูงเกินไป โบรอนเนะกัดฟันแน่นเมื่อเห็นเช่นนี้
เพราะเขาต้องทุ่มเงินจำนวนมหาสารอย่างมากกว่าจะสร้างกลุ่มมารโลหิตขึ้นมาได้
วันนี้มันอาจพังเพียงเพราะคนเพียงคนเดียวเสียแล้ว

“ถ้าวันนี้ข้ากำจัดเจ้าไม่ได้ข้าไม่ขออยู่อีกต่อไป”
โบรอนเนะกัดฟันพูดอย่างเจ็บแค้น เขาเร่งพลังจนถึงขีดสุด
ผมเขาตั้งขึ้นเพราะการเร่งพลังที่สูงเกินขีดจำกัด
ดาบจ้าวหมาป่าเปลี่ยนเป็นสีแดงดุจเลือด
“ดาบมารโลหิต นี่เจ้าใช้ท่านี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่” มาร์คัสสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที


คีดินยะขับพิษออกหมดได้เร็วกว่ากำหนด เพราะเพลงพิณที่ช่วยเขาอีกแรง
เขาสลายน้ำแข็งที่หุ้มตัวเขาออก เสียงเพลงนั้นยังคงบรรเลงต่อไม่ขาดสาย
คีดินยะมองไปรอบๆตัวเองแต่กลับไม่พบใคร เขาเลยลองตามเสียงเพลงพิณนั้นไปแทน
เขาตามเสียงพิณไปจนถึงกระท่อมหลังหนึ่งที่อยู่กลางป่าไผ่

คีดินยะค่อยๆเดินเข้าไปในป่าไผ่อย่างช้าๆ เสียงพิณดังขึ้นเรื่อยๆ
“เจ้ามาถึงแล้วทำไมต้องทำลับๆล่อๆแบบนั้นด้วย”
ชายชุดขาวที่นั่งหลับตาดีดพิณอยู่ทักเขา
คีดินยะแปลกใจมากเพราะว่าเขาคิดว่าเขาซ่อนพลังได้อย่างหมดจดแล้ว
“ท่านทราบได้อย่างไรว่าเรามาถึงแล้ว” คีดินยะถาม
“เรารู้ตั้งแต่ท่านมาถึงหน้าบ้านเราแล้ว” ชายชุดขาวตอบอย่างสงบนิ่ง
เขายังคงหลับตาบรรเลงเพลงไม่หยุด เพลงที่เขาบรรเลงแฝงไว้ด้วยพลังเนกิสที่อบอุ่น
“ข้าต้องขออภัยท่านด้วย เพียงแต่ข้าอยากจะมาขอบคุณที่ท่านช่วยข้าไว้”
คีดินยะเดินเข้าไปใกล้ชายชุดขาว แต่เขาต้องหยุดเท้าลงเมื่อยืนห่างกันเพียงสามเมตร
คีดินยะรู้สึกถึงม่านพลังที่ขวางหน้าเขาอยู่ ทำให้เขาไม่กล้าจะผลีผลามเข้าไป
“สมกับที่เป็นจักรพรรดิคีดินยะจริง ที่จับสัมผัสม่านพลังข้าได้” ชายชุดขาวลืมตาขึ้นมาครั้งแรก

“ท่านเป็นใครกันแน่ ข้าขอทราบนามท่านด้วย” คีดินยะประสานมือทำความเคารพก่อนที่จะถามชื่อ
“แล้วเจ้าเป็นใครทำไมถึงมาถามชื่อท่านอาจารย์ก่อน โดยที่ไม่แนะนำตัวเอง”
เสียงเด็กผู้ชายเดินต่อว่าเขามาจากทางด้านหลัง
เสียงเด็กคนที่ช่วยเขาขึ้นมาจากหลุมนี่น่า เขาหันหน้าไปมองเด็กคนนั้นทันที
เด็กคนนั้นเป็นเด็กชายตัวเล็กอายุ16ปี หน้าตาน่าเอ็นดูผิวขาวเนียน
อยู่ในชุดเสื้อแขนยาวสีเหลืองเสื้อกั๊กสีฟ้าอ่อน ในมือถือถ้วยน้ำชามาด้วย
“เออ ข้า.. ข้า เห็นว่าท่านอาจารย์เจ้ารู้จักข้าแล้ว เลยไม่ได้แนะนำตัว”
คีดินยะกลับพูดอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กคนนี้
“เจ้าก็อย่าเรื่องมากนักเลยเนกิ ท่านคีดินยะอยู่ในตำแหน่งจักรพรรดิ เขาลดตัวมาคุยกับเราเช่นนี้ก็ดีมากแล้ว”
ชายชุดขาวหยุดเล่นเพลงตั้งแต่เมื่อไหร่คีดินยะไม่ทันสังเกต
เพราะเขามัวแต่สนใจเด็กน้อยที่ชื่อเนกิ ที่มีท่าทางไม่ตื่นตกใจเมื่อรู้ว่าเขาได้ออกมาจากผลึกน้ำแข็งแล้ว


ยังมีต่อนะครับ คงเย็นๆ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่4จากนี้ไปข้าชื่อคีย์รัส(ครึ่งแรก) UP!! [P:2] 28-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: CYPINUS ที่ 28-08-2010 11:28:27
คีดินยะชอบเด็กเหรอนี่  :o8:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่4จากนี้ไปข้าชื่อคีย์รัส(ครึ่งแรก) UP!! [P:2] 28-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 28-08-2010 13:26:44
จะรออ่านครึ่งหลังครับ

คีดินยะกับเนกิแน่ๆๆๆคู่ใหม่ :impress2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่4จากนี้ไปข้าชื่อคีย์รัส(ครึ่งแรก) UP!! [P:2] 28-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 28-08-2010 18:10:44
เข้ามารอผลการต่อสู้ของสุดหล่อมาร์คัส
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่4จากนี้ไปข้าชื่อคีย์รัส(ครึ่งแรก) UP!! [P:2] 28-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: Shock_n2n ที่ 28-08-2010 18:35:09
อิอิ
ไรเตอร์ สู้ๆ มาคัสสู้ๆ :ped149: :ped149:
ว่าแต่ เนกิ กับ คีดินยะ เนี่ย สงสัย เลิฟๆ กันแน่เลยอ่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่4จากนี้ไปข้าชื่อคีย์รัส(ครึ่งแรก) UP!! [P:2] 28-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 28-08-2010 19:32:57
คีดินยะคู่ใครหว่า :m21:
อะนะไม่ เนกิ ก็จางอี้ :laugh:

รอครึ่งหลังจ้า :m7:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่4จากนี้ไปข้าชื่อคีย์รัส(ครึ่งแรก) UP!! [P:2] 28-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 28-08-2010 20:45:05
ทยอยออกมากันแล้ว ลุ้น ๆๆ ใครคู่ใคร
การต่อสู้ของมาร์คัสกะโบรอนเนะ ผลจะออกมาแบบไหนเนี่ย
นาซีซัสกะเนกิ น่ารักเกินไปแล้ว
บวกให้กำลังใจนัทที่รัก
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่4จากนี้ไปข้าชื่อคีย์รัส(ครึ่งแรก) UP!! [P:2] 28-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 28-08-2010 20:50:16
เชียร์ให้คีดินยะคู่กับจางอี้ละกัน  :oni1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่4จากนี้ไปข้าชื่อคีย์รัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:3] 28-08-10/22:25
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 28-08-2010 22:29:32
คีดินยะชอบเด็กเหรอนี่  :o8:


แสดงว่าชอบเด็กเหมือนกันสิครับ :o8:

จะรออ่านครึ่งหลังครับ

คีดินยะกับเนกิแน่ๆๆๆคู่ใหม่ :impress2:

ลงแล้วนะครับตรึ่งหลัง แต่เนกิเค้าน่ารักมากๆเลยอ่า

เข้ามารอผลการต่อสู้ของสุดหล่อมาร์คัส

คงรู้ผลแล้วนะครับ แต่ไม่รู้ถูกใจหรือเปล่า

อิอิ
ไรเตอร์ สู้ๆ มาคัสสู้ๆ :ped149: :ped149:
ว่าแต่ เนกิ กับ คีดินยะ เนี่ย สงสัย เลิฟๆ กันแน่เลยอ่ะ :L1:

หุหุ ยังไม่บอกอะไรครับ เรื่องอีกยาวเลย

คีดินยะคู่ใครหว่า :m21:
อะนะไม่ เนกิ ก็จางอี้ :laugh:

รอครึ่งหลังจ้า :m7:


มาแล้วคร้าบบ ครึ่งหลังช้าไปไหมครับ

ทยอยออกมากันแล้ว ลุ้น ๆๆ ใครคู่ใคร
การต่อสู้ของมาร์คัสกะโบรอนเนะ ผลจะออกมาแบบไหนเนี่ย
นาซีซัสกะเนกิ น่ารักเกินไปแล้ว
บวกให้กำลังใจนัทที่รัก

เนะชอบเด็กอะดิ เรายกให้ซักคนเอาไหมอ่ะ  :laugh:

เชียร์ให้คีดินยะคู่กับจางอี้ละกัน  :oni1:

อันนี้ยังบอกไม่ได้คร้าบบ แต่อ่านตอนนี้แล้วน่าจะเข้าใจได้เยอะอะคร้าบบ

 :กอด1: คนอ่าน :จุ๊บๆ: คนเม้น

 :z2: :z2: :z2: เรียกคนอ่านครึ่งหลัง
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่4จากนี้ไปข้าชื่อคีย์รัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:3] 28-08-10/22:25
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 28-08-2010 22:30:21
ครึ่งหลังต่อนะครับ

............

“ข้าต้องขออภัยท่านด้วย แต่เด็กคนนี้ก็พูดถูกจริงๆ ข้าคีดินยะขอทราบชื่อท่านด้วย”
คีดินยะกล่าวอย่างนอบน้อม เนกิเดินเอาน้ำชาไปให้อาจารย์ของเขา
“ท่านไม่ต้องมากพิธีอย่างที่เจ้าลูกศิษย์ข้าบอกก็ได้ ข้าจางอี้” ชายชุดขาวแนะนำตัว
“จางอี้” คีดินยะยืนนึกชื่อนี้ เพราะเขารู้สึกคุ้นกับชื่อนี้อย่างมาก
“ข้านึกออกแล้ว จางอี้ ถ้างั้นท่านก็คือคนที่เป็นราชันย์คนแรกที่ถอนตัวออกมานะสิ”
คีดินยะทำหน้าแปลกใจอย่างมาก เพราะว่าจางอี้น่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่า70-80ปีแล้วนี่นา
แต่นี่ทำไมยังดูหนุ่มเหมือนอายุยังไม่เกิน30ปีเลย เป็นไปได้ยังไงกัน
แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่แปลกใจแล้วนั่นคือพลังเนกิสที่สูงส่งของเขา

คีดินยะคุกเข่าทำความเคารพทันทีที่รู้ว่าจางอี้คือใคร
“ข้าขออภัยที่เสียมารยาทต่อท่าน บุญคุณครั้งนี้ข้าไม่รู้จะทดแทนยังไงได้หมด”
คีดินยะก้มหน้าให้ด้วยความเคารพอย่างถึงที่สุด
“ไม่ต้องมากพิธีกับเราก็ได้ ถึงเราจะแก่เกิน90ไปแล้วก็ตาม”
ถึงจางอี้จะบอกว่าตัวเองแก่เกิน90 แต่ทั้งน้ำเสียงและรูปร่างหน้าตาของเขาไม่ต่างจากชายหนุ่มอายุไม่เกิน30
นี่คงเป็นเพราะฝึกวิชาสำเร็จขั้นสูงจนถึงขั้นเคลื่อนเอ็นย้ายกระดูแล้วก็เป็นได้
เพราะคนที่ฝึกถึงขั้นนี้ร่างกายจะคงความแข็งแกร่งไว้ในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด

แต่ด้วยนิสัยของคีดินยะเมื่อเจอคนเก่งเขาย่อมอยากที่จะทดสอบฝีมือด้วย
“ข้าต้องขอล่วงเดินท่านแล้ว” คีดินยะจับทวยหยกขาวแล้วกระโดดขึ้นไปบนฟ้าทันที
เขาต้องการที่จะรู้ฝีมือที่แท้จริงของจางอี้เขาจึงลงมือเต็มที
เพลงทวนทะลวงใจท่าสุดท้ายก็ได้ถูกใช้ออกมาบนท้องฟ้า
ท่าทะลวงใจทะลวงรัก เป็นท่าที่รุนแรงที่สุดของคีดินยะตอนนี้
เขาแทงทวนหยกขาวออกมาพร้อมบรรจุพลังไอเย็นขั้น11
เกิดไอน้ำแข็งหมุนวนรวบทวนหยกขาวราวกับมีพายุอยู่บนนั้น
พลังไอเย็นนั้นพุ่งตรงเข้าใส่จางอี้อย่างรวดเร็ว
พลังที่รุนแรงทำให้ต้นไผ่รอบๆมีผลึกน้ำแข็งจับไว้จนขาวโพลน
เนกิรู้สึกกดดันจนต้องไปหลบอยู่ที่หลังจางอี้
ต่างจากจางอี้ที่เหมื่อนไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรเลย เขากลับหลับตาลงช้า
แล้วก็เริ่มบรรณเลงพิณทันที
เตร้ง เตร๊ง เตรร้ง
จางอี้บรรเลงพิณด้วยทำนองที่เร็วและรุ่นแรงกว่าเมื่อครู่มาก
คลื่นสีขาวแผ่กระจายออกจากพิณที่วางอยู่บนตักของเขา
รังสีขาวนวลค่อยๆสลายพลังไอเย็นของคีดินยะออกไปทีละนิด

คีดินยะไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครดูถูกเขาได้  เขาเร่งพลังเพิ่มขึ้นไปอีก
ไอเย็นรวมตัวกันเป็นผลึกน้ำแข็งมากมาย ลอยล้อมรอบตัวของเขา
เขาหมุนตัวกลางอากาศใช้ทวนรวยเอาผลึกน้ำแข็งเหล่านั้นมารวมไว้
ฮึบ
คีดินยะส่งพลังไปกับแท่งน้ำแข็งมากมายที่พุ่งลงมาที่จางอี้
ผลึกน้ำแข็งที่แฝงไว้ด้วยพลังเนกิสของคีดินยะก็คลายๆระเบิดลูกย่อมๆนี่เอง
ผลึกน้ำแข็งพุ่งลงมานับไม่ถ้วนทีเดียว แต่จางอี้กลับยังไม่ไหวติง
เขาเริ่มบรรเลงเพลงอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้เพลงที่เล่นกลับเป็นทำนองที่เร้าร้อนรุนแรงมาก
เส้นผมของจางอี้พัดปลิวขึ้นมาด้วยพลังเนกิสของเขา เนกิก็ยังคงสงบอยู่ได้เมื่ออยู่ข้างอาจารย์เขา
ยิ่งเพลงเร่งเร้าเร็วขึ้นคลื่นสีขาวมากมายแผ่พุ่งออกมาอย่างรุนแรง
ตูม  ตูม   ตูม

เสียงผลึกน้ำแข็งของคีดินยะที่ระเบิดกลางอากาศ
ของเหล่านี้ไม่ได้เข้ามาใกล้วตัวจางอี้แหละเนกิได้แม่แต่น้อย
“กร็อดดดด” “พลังท่านช่างสูงล้ำจริงๆ ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้
คีดินยะล่อนตัวลงมาที่เดิม พร้อมกับแสดงความนับถือจางอี้
“ท่านคีตินยะข้ามีอะไรจะแนะนำเจ้าได้หรือไม่” จางอี้เอ่ยออกมาอย่างปลอดโปร่งทั้งๆที่เพิ่งผ่านการต่อสู้มาเมื่อกี้
“เชิญท่านว่ามาเถอะ” คีดินยะพร้อมรับฟัง
“จริงแล้วท่านไมเหมาะที่จะใช้ทวนหยกขาวนี่หรอก จากการที่ประทะกันเมื่อกี้ทำมห้ข้ามั่นใจว่าท่านต้องเป็นเลิศทางด้านกระบี่แน่นอน”
จางอี้จ้องหน้าเขาอย่างจริงจัง
“แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง ข้าไม่เคยฝึกกระบี่มาก่อนเลย” คีดินยะแปลกใจ
“เจ้ายอกทำตามที่ข้าบอกไหมล่ะ แล้วฝีมือเจ้าจะก้าวหน้าภายในครึ่งเดือน ถ้าหนึ่งเดือนท่านจะเป็นหนึ่งในใต้ล้าอย่างแน่นอน”
จางอี้แสดงความมั่นใจในสายตาเขาเต็มที่ เขาหันไปมองหน้าคีดินยะเพื่อรอคำตอบ
“ถ้าข้าตกลงแล้วข้าต้องทำอย่างไรบ้าง”
พอสิ้นเสียงว่าตกลง จางอี้ก็บรรณเลงเพลงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทวนหยกขาวที่อยู่ในมือเขาดูกพลังดึงดูดออกไปอย่างง่ายได้
ทวนหยกขาวหมุนวนอยู่กลางอากาศสักพักก่อนที่จะพุ่งฝังตัวเองลงไปในพื้นดิน
“นี่ท่านทำอะไรอาวุธข้านะ” คีดินยะเป็นห่วงอาสุธคู่ใจ
“ข้าจะรับฝากมันไว้ก่อน เจ้าสำเร็จเพลงกระบี่เมื่อไหร่ค่อยมาเอาคืน” จางอี้อธิบาย
“ได้แล้วข้าจะมาเอามันคืนในเร็ววันนี้” คีดินยะรับคำหนักแน่น
“ข้ามีอีกอย่างที่จะต้องให้เจ้ารับปากข้า” จางอี้ส่งพลังมาที่คีดินยะ
“เชิญท่านว่ามา”
“ตั้งแต่นี้ไปท่านคีดินยะได้ตายไปแล้ว ท่านต้องเป็นคนใหม่ชื่อของท่านคือ คีย์รัส ท่าจะยอมได้หรือไม่”
จางอี้กล่าวอย่างเย็อกเย็นและสุขุม เขาคงมีเหตุผลของเขาแน่นอน
แต่เพื่อพลังฝีมือที่กล้าแข็งขึ้นเขายอมทำแน่นอน
“ได้ตั้งแต่นี้ต่อไปข้าคือ คีย์รัส จะไม่มีคีดินยะอีกต่อไป”
จางอี้ยิ้มออกมาที่มุมปาก เขาดีดพิณเสียงดังกังวานไปทั่ว หอบเอาร่างของคีดินยะ ไม่ใช่สิ คีย์รัสกับเนกิลอยเข้าไปในป่าไผ่
“เนกิเจ้าจงคอยดูแลท่านคีย์รัสให้ดีอย่าให้ใครรบกวนการฝึกของเขาได้เด็ดขาด” จางอี้ใช้พลังเนกิสในการออกเสียง
“แล้วพวกเจ้าห้ามออกมาก่อนที่จะฝึกวิชาสำเร็จเด็ดขาด”
จางอี้หลับตาลงนังบรรณเลงเพลงต่อไปโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างแล้วตอนนี้



“เพลงดาบมารโลหิต ข้านึกถึงว่าเจ้าจะฝึกสำเร็จถึงขั้นนี้แล้ว” มาร์คัสเคร่งเครียดมากขึ้น
ถ้าเขาไม่ตั้งตัวให้ดีฝ่ายที่ปราชัยครั้งนี้อาจเป็นเขาก็ได้
แต่เขาจะห่วงตัวเองคนเดียวก็ไม่ได้อีก เพราะเด็กที่ชื่อนาซีซัสยังอยู่ในอันตรายเหมือนกัน
มาร์คัสโยนกระบี่เทวะดาราไปปักที่ตรงหน้าของมาร์คัส นี่เขาคิดจะยอมแพ้เพื่อเด็กคนนี้หรือยังไง
“ท่านโยนมันมาทางนี้ทำไม ท่านมีความจะเป็นต้องใช้ยิ่งกว่าเรา” วาซีซัสเป็นห่วงมาร์คัส
“ข้าให้เจ้าเอาไว้ป้องกันตัว เพียงถูกกระบี่นี้พุ่งผ่านก็เกิดรอยแผลได้แล้ว ข้าคิดว่ามันคงพอจะช่วยเจ้าได้บ้าง”
นาซีซัสรีบหยิบกระบีเทวะดารามาไว้ในมือ เขาเชื่อที่มาร์คัสพูดทุกย่าง


“จะตายอยู่แล้วยังคิดจะมาทำเท่ห์อีกหรือมาร์คัส ถ้าเจ้าไม่มีอาวุธแล้วเจ้าจะสู้ข้าได้อย่างไร”
โบรอนเนะเร่งพลังขึ้นเรื่อยๆ จนแผ่นดินรอบตัวเริ่มเกิดรอยแยกเล็กๆ
“ใครว่าข้าหมดอาวุธจะสู้แล้วละ อย่าลืมสิข้ามีฉายาว่าเทพศาสตรานะ”
มาร์คัสพูดเสร็จเขาหยิบกระเป๋าใบเล็กที่ข้างเอวออกมา
เขาหยิบสิ่งหนึ่งที่รูปร่างคล้ายแคบซูลยาออกมา ก่อนที่จะบีบมัยให้แตกออะ
ดาบเล่มสีดำขนาดใหญ่ที่มีด้ามจับทำด้วยเงินเงางาม
มาร์คัสยิ้มออกมาที่มุมปากบ้างแล้วตอนนี้
“ดาบเทวะราชันย์ เจ้าพกมันมาด้วยวิธีนี้เองหรออกหรือ”
โบรอนเนะแตกตื่นเล็กน้อย แต่เขาไม่อาจเสียสมาธิกับท่าไม้ตายนี้ได้

“งั้นเรามาจบกันที่ท่านี้เลยแล้วกัน”
มาร์คัสร่ายเทวะราชันย์ที่มีขนาดใหญ่ไปมาได้อย่างเบามือ แสงสีม่วงจากดาบเริ่มก่อตัวกันเป็นรูปร่างขึ้นมา
มาร์คัสร่ายดาบไปสักครู่ก็เกิดพยัคฆ์เรืองแสงสีม่วงอ่อนอยู่ตรงหน้าเขา
ทางด้านโบรอนเนะเมื่อรวบรวมพลังจนถึงที่สุดเขาก็ใช้ท่ามารโลหิตออกมาทันที
หมาป่าสีแดงเลือดกระโจนออกมาจากปลายดาบจ้างหมาป่า พุ่งเข้าใส่มาร์คัส
มาร์คัสเร่งพลังให้พยัคฆ์สีม่วงเข้าไปจู่โจมเช่นกัน

การต่อสู้คร้างนี้มันดูแปลกมากระหว่างที่พยัคฆ์ม่วงกับหมาป่าแดงเจ้าห้มหั่นกัน
มาร์คัสกับโบรอนเนะต่างก็ออกท่าทางต่อสู้พร้อมกันไปด้วย และตามร่างกายก็ปรากฏร่างรอยดาบของอีกฝ่าย
ลำแสงสีม่วงแดงที่กระจายออกไป เมื่อไปสัมผัสคนอื่นด็ทำให้เสียชีวิตได้ทันที
นี่หรือพลังของคนที่เรียกว่าจอมทัพ มันไม่น่าจะสูงสงได้ถึงเพียงนี้นี่นา

ฟ้าวววว ฟ้าวววว
“มาร์คัส ระวัง!!” นาซีซัสสังเกตเห็นแสงสีทองสองสายพุ่งไปที่มาร์คัส
แต่มันก็จวนตัวเกิดไปเสียแล้วมาร์คัสเลยต้องอาศัยแรงประทะกันของพยัคฆ์ม่วงกับหมาป่าแดงในการหลบ
แต่ก็ยังไม่พ้น ลูกดอกสีทองปักเข้าที่ไหล่เขาหนึ่งอัน
นาซีซัสถือกระบี่เทวะดาราวิ่งเข้ามาหาเขาทันที เขารับเข้าไปดูอาการมาร์คัสทันที
“พวกเจ้าเล่นรอบกัดกันที่นา ไม่สมกับเป็นจอมทัพเลย” นาซีซัสตะโกนด่าออกไป

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แค่จอมทัพข้าจะสนทำไม ที่ข้าสนคือที่แผ่นดินนี้มากกว่า ท่านเจ้าฟ้ากำลังจะมาที่นี่แล้ว พวกข้าต้องเตรียมการให้พร้อม”
โบรอนเนะกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น
“เจ้าฟ้า” มาร์คัสอุทานออกมาบ้าง
“เจ้าหมายถึงพวกที่อยู่เกาะรอบนอกแผ่นดินใหญ่เราใช่ไหม”
“เจ้าไม่มีสิทธิ์เรียกชื่อท่านเจ้าฟ้าของพวกเรา แล้วถ้าวันนี้ข้ากำจัดเจ้าได้แผนการยึดแผ่นดินใหญ่ของท่านเจ้าฟ้าก็จะสำเร็จลงง่ายขึ้นไปอีก”
โบรอนเนะเดินเข้ามาหามาร์คัสที่กำลังบาดเจ็บเพราะลูกดอกทองคำ นาซีซัสยกกระบี่ขึ้นขู่
“ที่แท้เจ้าขายชาติให้กับพวกโซดิเอคแล้วนี่เอง โบรอนเนะเจ้ามันสมควรตายเสียแต่ตอนนี้”
มาร์คัสดึงธนูทองที่หัวไหล่ออก พร้อมกับเร่งพลังเนกิสให้เพิ่มขึ้นหมายจะกำจัดคนขายชาติ
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะสู้กับเราสองคนในสภาพนี้ไหวหรือไง” เสียงเย็นๆดังมาจากยอดตึกด้านที่ลูกดอกพุ่งออกมา
มาร์คัสรีบหันไปมองมันที คนๆนี้สามารถซ่อนพลังจนพ้นสายตาเขาได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาเสียแล้ว
โบรอนเนะรีบนั่งลงไปทำความเคารพทันที
“ข้าขอต้อนรับศิษย์พี่แคนเซอร์ ผู้น้องต้องขออภัยที่ไม่ได้ไปต้อนรับ” โบรอนเนะทำสีหน้าหวาดกลัวต่อคนที่ปรากฏตัวออกมา
คนๆคนั้นเป็นเพียงชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งสวมชุดคลุมสีดำ หน้าตาคมคายแตกต่างจากรังสีสังหารที่ออกมาจากตัว
“เจ้าไม่ต้อมมามากเรื่องกับข้าข้าไม่ใช่ศิษย์พี่ใหญ่เจ้าสกอร์เปี้ยน” ชายคนนั้นเรียกโบรอนเนะว่าสกอร์เปี้ยน
นี่ก็แสดงว่าโบรอนเนะเป็นสายให้กับพวกกลุ่มโซดิเอคตั้งแต่แรกแล้ว
ทำไมเราถึงไม่เอะใจเรื่องนี้บ้างเลยนะ ขนาดโบรอนเนะที่เป็นสกอร์เปี้ยนยังมีพลังขนาดนี้ แล้วเจ้าคนที่ชื่อแคนเซอร์ละ
ถ้าคนเดียวเราน่าจะพอรับมือไหว แต่นี่สองคนพร้อมกันเราจะรับมือได้หรือไม่
มาร์คัสเริ่มวิตกกับสถานการณ์ตอนนี้เสียแล้ว เพราะว่ามันมีผลต่อทุกคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินใหญ่
ถ้าพวกหมูเกาะเข้ามายึดได้ แล้วเขาก็ชักไม่แน่ใจแล้วด้วยว่าใครจะเป็นสายให้กับพวกโซดิเอคอีกบ้าง

แต่ข้าคงต้องแจ้งข่าวให้แอนนารู้ตัว ให้นางช่วยรวบรวมผู้มีฝีมือไว้ต่อต้านคนกลุ่มนี้ก่อน
เมื่อมาร์คัสคิดหาหนทางได้แล้วเขาก็มองเห็นเพียงทางออกเดียวคือต้องหนีออกจากที่นี่ให้ได้เสียก่อน
เขาจึงอาศัยจังหวะที่ทั้งสองคนยังทักทายกันใช้ท่าร่างวิหคเล่นลมพานาซีซัสออกไปทันที

ด้วยท่าร่างที่รวดเร็วเป็นอันดับต้นๆของยุคทำให้เขาพานาซีซัสหนีออกมาได้
“นาซีซัสเจ้าเอาป้ายคำสั่งข้าไปที่ตึกเอ็มไพร์สเตรทนะ เอาให้แอนนาแล้วบอกว่าข้าสั่งให้รวมคนที่ไว้ใจได้ทั้งหมดด่วน”
“แล้วท่านทำไมไม่ไปเองละ น่าจะเร็วกว่าข้านะ” นาซีซัสแปลกใจที่ทำไมมาร์คัสไม่ไปกับตนด้วย
“ข้าก็อยากไปกับเจ้านะ” มาร์คัสพูดได้แค่นี้ก็ล้มตัวลง
ข้างหลังของเขามีลูกดอกสีทองปักอยู่อีกหลายแห่ง คงเป็นฝีมือของแคนเซอร์แน่นอน
“มันรายกาจนาดูมราตามท่าร่างข้าทัน เห็นที่แผ่นดินเราคงเจอศึกใหญ่เสียแล้วครั้งนี้”
มาร์คัสกัดฟันแน่นเพื่อทนความเจ็บ
“ไปเจ้ารีบไปนาซีซัส ก่อนที่จะไม่ทันการ” มาร์คัสไล่ให้นาซีซัสเดินทางไปหาแอนนา
“ไม่ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น ข้าจะอยู่ช่วยท่านก่อน” นาซีซัสดื้อดึง
“เจ้า ... ต  ต้  อ   อ  ต้อง ...” มาร์คัสพูดยังไม่ทันจบประโยคเขาก็สลบลงไป


วี๊ดดดดดดดดดดดดดดด    

ตูมมมมมมมมมม

เสียงระเบิดดังขึ้นมาที่ด้านหน้าตึกเอ็มไพร์สเตรท คนข้างไนโกราหนไปหมด
เพราะที่นี้ไม่มีใครกล้ามาก่อกวนมานานกว่าร้อยปีแล้ว
แอนนารีบออกมาเพื่อดูสถานการณ์ทันที เธอเดินออกมายืนมองที่หน้าต่างบนชั้น83

วี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด

ตูมมมมมมมมมมมมมม

กางเขนทองคำขนาดใหญ่ขว้างเข้ามาโจมตีเธอ
แอนนาหลบๆได้อย่างฉิวเฉียด ผู้ที่มาครั้งนี้ยอมไม่ธรรมดาซะแล้ว

TBC .
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่4จากนี้ไปข้าชื่อคีย์รัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:3] 28-08-10/22:25
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 28-08-2010 22:41:24
ศึกหนักแน่ๆงานนี้ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่4จากนี้ไปข้าชื่อคีย์รัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:3] 28-08-10/22:25
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 28-08-2010 22:51:29
มาไม่เท่าไหร่ รบกันแล้ว  :เฮ้อ:
จางอี้ เราจะเร่งฝึกพลังภายในให้สำเร็จโดยเร็ว จะได้ดูอ่อนวัยเช่นท่าน เหอะ ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่4จากนี้ไปข้าชื่อคีย์รัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:3] 28-08-10/22:25
เริ่มหัวข้อโดย: Shock_n2n ที่ 28-08-2010 22:59:26
อร๊ายยยยยยยยยยยย
มาคัสสสสส
อน่าเป็นอะไรนะ  :sad4:
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่4จากนี้ไปข้าชื่อคีย์รัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:3] 28-08-10/22:25
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 29-08-2010 00:27:56
สรุปว่าวิชาของจางอี้ไร้เทียมทานสุด
ทำให้คนกลายเป็นเอลฟ์  :interest:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่4จากนี้ไปข้าชื่อคีย์รัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:3] 28-08-10/22:25
เริ่มหัวข้อโดย: CYPINUS ที่ 29-08-2010 08:47:41
จางอี้เก่งที่สุด  :impress2:
ไม่น่าอายุมากเลย เลยไม่รู้ว่าจะลุ้นให้คู่กับใคร  :really2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่4จากนี้ไปข้าชื่อคีย์รัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:3] 28-08-10/22:25
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 29-08-2010 15:23:06
 :mc1:
ย่องมาจับเนกิใส่ถุง
อิอิ น่ารัก
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่4จากนี้ไปข้าชื่อคีย์รัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:3] 28-08-10/22:25
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 29-08-2010 16:22:10
ฮ่วย  มาร์คัสของชั้น  จะเป็นไรมั๊ยเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่4จากนี้ไปข้าชื่อคีย์รัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:3] 28-08-10/22:25
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 30-08-2010 23:59:22
ตกมาไกลมากเกือบจะหน้า3แล้ว

ไรท์เตอร์หายไปไหนมาต่อด่วน :call:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่4จากนี้ไปข้าชื่อคีย์รัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:3] 28-08-10/22:25
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 31-08-2010 15:27:10
ศึกหนักแน่ๆงานนี้ :เฮ้อ:

หนักมากๆเลยครับ จะมีใครช่วยทันไหมหนอ

มาไม่เท่าไหร่ รบกันแล้ว  :เฮ้อ:
จางอี้ เราจะเร่งฝึกพลังภายในให้สำเร็จโดยเร็ว จะได้ดูอ่อนวัยเช่นท่าน เหอะ ๆๆๆๆ

จะทันหรอเนะ เราว่าไม่ทันแล้วมั้ง  :laugh: (ล้อเล่นน้า ทันอยู่แหละ เนะอะคงกระพันชาตรี)

อร๊ายยยยยยยยยยยย
มาคัสสสสส
อน่าเป็นอะไรนะ  :sad4:
 :L2: :L2:

เอาใจช่วยนะครับ ว่าจะโดนตามล่าหรือเปล่า

สรุปว่าวิชาของจางอี้ไร้เทียมทานสุด
ทำให้คนกลายเป็นเอลฟ์  :interest:

555 ไม่ได้เป็นเอลฟ์คร้าบ แค่ทำให้ชะรอความแก่เท่านั้นเอง

จางอี้เก่งที่สุด  :impress2:
ไม่น่าอายุมากเลย เลยไม่รู้ว่าจะลุ้นให้คู่กับใคร  :really2:

555 ไม่มีหรอกคร้าบบคู่อะ เพราะอะไรรออ่านนะครับ

:mc1:
ย่องมาจับเนกิใส่ถุง
อิอิ น่ารัก

โหยมาขโมยกันได้ไงคร้าบบ มาร์คไม่ให้เนกิ แต่ให้คนอื่นได้ม่ะ(หุหุ ไม่บอกว่าใคร)

ฮ่วย  มาร์คัสของชั้น  จะเป็นไรมั๊ยเนี่ยะ

ก็บาดเจ็บสิครับ อิอิ  :กอด1: แซวเล่นนะครับ รออ่านตอนต่อไปนะครับ

ตกมาไกลมากเกือบจะหน้า3แล้ว

ไรท์เตอร์หายไปไหนมาต่อด่วน :call:

 :กอด1: :กอด1: ขอบคุณครับที่ช่วยดันกลับมา แบบนี้รักตายเลย

 :กอด1: คนอ่าน :จุ๊บๆ: คนเม้น

เดี๋ยวจะอัพรูปเพิ่มนะครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP รูปเพิ่มครับสำหรับตอนต่อไปครับ [P:3] 31-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 31-08-2010 15:36:25
(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/1a6ca334c1b113295bb5f5e0_resize.jpg)

ไป่จง(PAIJONG)

ชื่อ :        ไป่จง     เทียน
อายุ :        26 ปี
ส่วนสูง  :   184 cm.
หนัก :       65 kg.
กรุ๊ปเลือด :    A
ตำแหน่ง :    จักรพรรดิ
สิ่งที่ชอบ :    ความสงบ
สิ่งที่เกลียด :    ความมีหลักเกณฑ์
อาวุธประจำตัว :    1.กระบี่ไร้ลักษณ์
ฉายา :      กระบี่พิสดาร

หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP รูปเพิ่มครับสำหรับตอนต่อไปครับ [P:3] 31-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 31-08-2010 15:52:27
เมื่อกี้อัพแล้วข้อมูลมันหายๆอะครับ เลยมาอัพแยกกัน

กลุ่ม ZODIAC

(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/02f9e7812d8ab6ccbc3e1eb8_resize.jpg)

กรีท(GREET)

ชื่อ :      กรีท     ไฮน์กรีท
อายุ :      20 ปี
ส่วนสูง :      182 cm.
น้ำหนัก :      60 kg.
กรุ๊ปเลือด :   A
ตำแหน่ง :   แคนเซอร์(CANCER)
สิ่งที่ชอบ :    อำนาจ/เงิน
สิ่งที่เกลียด :    ความยากจน
อาวุธประจำตัว :   1. ลูกดอกทองคำ
ฉายา :      ประกายโลหิต



(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/6064576265f7cf7a0d33fa39_resize.jpg)

จิล(JILL)

ชื่อ :      จีล    ไฮน์กรีท
อายุ :      28 ปี
ส่วนสูง :      189 cm.
น้ำหนัก :      72 kg.
กรุ๊ปเลือด :   O
ตำแหน่ง :   แคปริคอร์น(CAPRICORN)
สิ่งที่ชอบ :    พระเจ้า
สิ่งที่เกลียด :    ปีศาจ
อาวุธประจำตัว :   1. กางเขนทองคำ
ฉายา :      กางเขนทองคำ

หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP รูปเพิ่มครับสำหรับตอนต่อไปครับ [P:3] 31-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 31-08-2010 16:13:51
(หรือมันเป็นที่เครื่องผมมองไม่เห็นเองอะครับ เริ่มงงแหละ ผมยังไม่ลงข้อมูลแล้วกันนะครับ)

(แอบ งง เพราะตอนพรีวิวดูมันก็เห็นครบนี่นา)

ทำไมข้อมูลมันขึ้นใต้ภาพไม่ได้ไม่อะครับ

ผมก็ทำถูกแล้วน้า   :really2:

เลยแยกมาอีกอันนะครับ

หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP รูปเพิ่มครับสำหรับตอนต่อไปครับ [P:3] 31-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 31-08-2010 21:44:14
โฮกกกกก ดูมาหลายรูป ชอบรูปไป่จงมากสุด  :give2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP รูปเพิ่มครับสำหรับตอนต่อไปครับ [P:3] 31-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: Shock_n2n ที่ 31-08-2010 21:59:27
รูป พี่เทียน สวยดีอ่ะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP รูปเพิ่มครับสำหรับตอนต่อไปครับ [P:3] 31-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 31-08-2010 22:59:50
เนตใช้ไม่ได้หลายวัน เรื่องยังลงต่อไม่ได้
นัทที่บอกจะแบ่งเด็กให้สักคนอ่ะ เอานะ อิอิ
แต่จะให้ใคร นาซีซัสหรือเนกิหรือเด็ก....
กล้าตัดใจให้แน่เร้อ... :laugh:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP รูปเพิ่มครับสำหรับตอนต่อไปครับ [P:3] 31-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 31-08-2010 23:21:09
เริ่มมีความยุ่งยากตามมาแระตอนนี้
แล้วมาคัสที่บาดเจ็บอยู่จะทำไงเนี่ย

ดูรูปแล้วจ้างอี้ดูดีที่สุด(เค้าชอบคนแก่อะ :laugh:)
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP รูปเพิ่มครับสำหรับตอนต่อไปครับ [P:3] 31-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: CYPINUS ที่ 01-09-2010 09:21:22
ไป่จงก็ดูดี จางอี้ก็ดูดี แถมยังเป็นจักรพรรดิเหมือนกันอีก   :-[  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP รูปเพิ่มครับสำหรับตอนต่อไปครับ [P:3] 31-08-10
เริ่มหัวข้อโดย: rei ที่ 01-09-2010 11:32:36
แอบเชียร์คีย์รัส อยู่ลึกๆ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่5เลือดล้างตึกเอ็มไพร์สเตท UP!! [P:3] 01-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 01-09-2010 17:28:52
ยังไงผมก็ลงประวัติพวกโซดิเอคไม่ได้อ่ะ

สงสัยของเขาจะแรงจริงๆ :laugh:

โฮกกกกก ดูมาหลายรูป ชอบรูปไป่จงมากสุด  :give2:

ชอบก็ให้แม่มาขอนะคร้าบบ อิอิ ตอนนี้ยังไม่ได้ออกโรงเลย เพราะเรื่องมันยาว ไว้ออกตอนหน้านะคร้าบบ

รูป พี่เทียน สวยดีอ่ะ  :กอด1: :กอด1:

 :กอด1: :กอด1: ขอบคุณคร้าบ ท่าทางพี่ไป่จง เทียนนี่จะมีFCเยอะแน่ๆ

เนตใช้ไม่ได้หลายวัน เรื่องยังลงต่อไม่ได้
นัทที่บอกจะแบ่งเด็กให้สักคนอ่ะ เอานะ อิอิ
แต่จะให้ใคร นาซีซัสหรือเนกิหรือเด็ก....
กล้าตัดใจให้แน่เร้อ... :laugh:


อานะนึกว่าจะไม่เอาซะอีก เรามีเด็ก.. ที่ไหนอะ ออกจะรักเดียวใจเดียว :laugh:

เริ่มมีความยุ่งยากตามมาแระตอนนี้
แล้วมาคัสที่บาดเจ็บอยู่จะทำไงเนี่ย

ดูรูปแล้วจ้างอี้ดูดีที่สุด(เค้าชอบคนแก่อะ :laugh:)

 :laugh: ชอบคนแก่นี่เอง งั้นเอาใจช่วยจางอี้เยอะนะคร้าบ

ไป่จงก็ดูดี จางอี้ก็ดูดี แถมยังเป็นจักรพรรดิเหมือนกันอีก   :-[  :กอด1:

จับคู่กันเลยดีไหมคร้าบบ (ความคิดเข้าท่า)

แอบเชียร์คีย์รัส อยู่ลึกๆ

ไม่ต้องแอบก็ได้นะคร้าบบ เชียร์กันตรงนี่แหละครับ

 :กอด1: คนอ่าน :จุ๊บๆ: คนเม้น

หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่5เลือดล้างตึกเอ็มไพร์สเตท UP!! [P:3] 01-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 01-09-2010 17:29:25
เลือดล้างตึกเอ็มไพร์สเตท



แอนนามองลงไปยังทิศทางที่กางเขนทองคำพุ่งขึ้นมา
เธอไม่เคยเห็นอาวุธลักษณะนี้มาก่อน คงเป็นคนมาจากแผ่นดินอื่น
“พวกเจ้าเป็นใครช่างบังอาจนัก ไม่รู้หรือว่าที่นี่เป็นที่ใด”
แอนนาตะโกนลงไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

ฟุบ!!

“ข้าเป็นใครเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ เพราะยังไงเจ้าก็ต้องตายวันนี้อยู่แล้ว”
ชายสวมชุดขาวผมสีทองตาสีน้ำข้าว มีผ้าคาดไหล่สีแดงสดขึ้นมาอยู่ข้างเธอโดยไม่ทันตั้งตัว
แอนนารีบถอยหลังออกห่างคนๆนั้นทันที พร้อมกับชักกระบี่หยาดน้ำค้างออกมา
ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ธรรมดาเสียแล้ว สามารถขึ้นมาถึงที่นี่ได้ในชั่วพริบตา
แถมเข้าใกล้เธอได้แบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ ครั้งนี้เธอจะประมาทไม่ได้
เธอต้องรักษาที่นี่ให้ได้ เพื่อพี่มาร์คัส

“ท่านแอนนาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ชวินนำลูกน้องขึ้นมาช่วยแอนนา
“ข้าไม่เป็นไรหรอกชวิน คนนี้ไม่ใช่ระดับที่พวกเจ้าจะต่อกรได้ ถ่อยไปก่อน
“แต่ท่านแอนนา”
“ชวินนี่เจ้าไม่เชื่อฟังข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” แอนนาเสียงดัง
ที่เธอทำแบบนี้เพราะเธอไม่ต้องการให้ลูกน้องต้องมาตายเปล่าที่นี่
“ไม่ใช่นะครับท่านแอนนา” ชวินรีบตอบ
“ก็ดีงั้นเจ้ารีบลงไปช่วยข้างล่าง อย่าให้พวกมันเข้ามาข้างในนี้ได้” แอนนารีบสั่งการ
ชวินก้มศีษระรับคำสั่งแล้วรีบพาลูกน้องออกไปทันที

“สั่งเสียกันเรียบร้อยแล้วสินะ คราวนี้คงตายได้อย่างสบายใจ” ชายคนนั้นจับกางเขนทองคำขึ้นมา
“ถ้าเจ้าทำได้ก็ลองดู ข้าว่าคนที่ตายอาจเป็นเจ้าก็ได้” แอนนากระชับกระบี่ในมือ
แอนนาเริ่มลงมือโจมตีก่อน เข้าร่ายท่ากระบี่วารีทิพย์ท่าวารีพิรุณฟ้าเข้าใส่ชายชุดขาว
ท่าวารีพิรุณฟ้าเมื่อใช่ออกมาจะเกิดรังสีกระบี่สีชมพูจำนวนมากพุ่งเข้าใส่ศัตรู เหมือนหยาดฝน
ชายชุดขาวหยิบกางเขนทองคำขึ้นมา ต้านเขาใช้มือหมุนกางเขนขนาดยักษ์นั้นตรงหน้าตัวเอง
จนเกิดแสงสีทองเหมือนโล่ขนาดใหญ่ออกมาบังเขาไว้
ตูม ตูม ตูม
เสียงประทะกันของท่าวารีพิรุณฟ้ากับโล่ทองคำที่เกิดจากกางเขน ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั้งตึก
ทั้งสองคนต่างถอยหลังออกไปคนละห้าก้าว บ่งบอกให้รู้ถึงพลังเนกิสที่ใกล้เคียงกัน
“ข้านึกออกแล้ว สัญลักษณ์กางเขน กลุ่มโซดิเอคสินะ” แอนนาพูดออกมาเมื่อตั้งตัวได้
“สมกับที่เป็นราชินีความรู้ช่างกว้างขวางเสียจริงๆ” ชายชุดขาวกล่าวชื่นชม
“ฝีมือระดับนี้เจ้าคงเป็นหนึ่งใน12ราศีสินะ” แอนนาเร่งพลังเนกิสขึ้นอีกเมื่อรู้ว่าคู่ต่อสู้ไม่ธรรมดา
“555 เจ้านี่ฉลาดกว่าที่ข้าคิดอีก น่าเสียดายที่ต้องมาตายวันนี้ ข้าจะบอกเจ้าก่อนตายก็ได้ ข้าคือแคปริคอร์นแห่งกลุ่มโซดิเอค” แคปริคอร์นยอมบอกชื่อตัวเองแล้ว

วี้ดด ตูม บรึ้มมม
เสียงต่อสู้ทางด้านล่างยังดังมาเป็นระยะๆ แอนนาร้อนใจมากขึ้นกว่าเดิม
เธอคงต้องรีบกำจัดแคปริคอร์นให้ได้โดยเร็วเท่าที่ทำได้
แต่มันก็ตึงมือเธอมากเหลือเกินตอนนี้ ถ้าพี่มาร์คัสอยู่ตอนนี้ก็ดีละสิเธอคิดในใจ
แคปริคอร์นเห็นแอนนากำลังพะวงกับเหตุการณ์ด้านล่าง เขารีบชิงลงมือจู่โจมทันที
วืดดดดด
แอนนาหันกลับไปมองตามเสียง เธอเห็นกางเขนสีทองมาอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว
เธอรีบยกกระบี่ขึ้นต้านอย่างรวดเร็ว
อ๊อกกก
แอนนากระเด็นถอยหลังไปไม่ต่ำกว่าสามเมตร เธอทรุดตัวลงพร้อมกระอักเลือดออกมากองโต
นี่เป็นเพราะความประมาทของเธอเองที่สู้กับคนพลังระดับนี้ยังเสียสมาธิได้
แคปริคอร์นเห็นได้โอกาสเขาลงมือต่อเนื่องทันที เขาเร่งพลังจนกางเขนทองคำเรื่องรังสีทองออกมา
ย๊ากกกส์
แคปริคร์อนพุ่งเข้าใส่แอนนาที่ยังไม่ทันตั้งตัวอย่างรวดเร็ว




คีดินยะที่เปลี่ยนชื่อเป็นคีย์รัสแล้วได้ลอยเข้ามาในป่าไผ่กับเนกิลูกศิษย์ของจางอี้
เสียงดนตรีที่จางอี้บรรเลงดังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเขาเข้ามาข้างในคีย์รัสพบกระบี่สีดำสนิทวางอยู่บนแท่นบูชา
“อาจารย์ต้องการยกสิ่งนี้ให้กับท่าน ท่านโปรดรับไว้ด้วย”
เนกิเดินเข้าไปทำความเคารพกระบี่สีดำนั่นก่อนหยิบมันมาให้คีย์รัส
“ให้กับข้า” คีย์รัสทำหน้าแปลกใจ
“ใช่อาจารย์คิดจะถ่ายทอดวิชาทั้งหมดให้กับท่าน นี่คือกระบี่นิลกาลอาวุธที่ท่านอาจารย์เคยใช้มาก่อน”
เนกิอธิบายให้กับคีย์รัสฟัง หลังจากส่งกระบี่ให้แล้ว เขาหันกลับไปหยิบหนังสือมาอีกเล่ม
เขาส่งหนังสือเล่มนั้นให้กับคีย์รัสเหมือนกัน คีย์รัสรับมาแล้วเปิดอ่าน
นี่เป็นบันทึกวิชาทั้งหมดของจางอี้นี่นา คีย์รัสรู้สึกถึงความจริงใจของจางอี้ที่มีต่อเขา
เขาเลยคิดที่จะตั้งใจฝึกให้สำเร็จเพื่อเป็นการสืบทอดความต้องการของจางอี้
วิชาที่เขากำลังอ่านอยู่นั้นเป็นวิชากระบี่ใจ ที่น่าแปลกคือมันมีส่วนคล้ายกับเพลงทวนทะลวงใจที่เขาคิดขึ้นมา
นี่คงเป็นเหตุผลที่จางอี้ต้องการให้เขาเป็นคนสืบทอดวิชาของเขาต่อแน่นอน
คีย์รัสรีบฝึกวิชาทันทีโดยมีเนกิคอยดูแลเรื่องอาหาร
เสียงเพลงของจางอี้ยังดังไม่หยุด มันมีผลช่วยทำให้คีย์รัสฝึกวิชาได้เร็วยิ่งขึ้น
คงเพราะพลังเนกิสที่อบอุ่นที่แผ่มากับเสียงเพลงนั่นเอง



“มาร์คัส มาร์คัส ท่านอย่าเป็นอะไรไปนะ” นาซีซัสตะโกนเรียกมาร์คัสที่สลบไปต่อหน้าเขา
เขาตกใจและทำอะไรไม่ถูกแล้วตอนนี้ ไม่สิเขาต้องทำอะไรสักอย่างนาซีซัสนึกในใจ
ซ่อน ใช่แล้วต้องหาที่ซ่อนตัวก่อน ถ้าพวกนั้นตามมาเจอต้องแย่แน่ๆ
เมื่อคิดได้นาซีซัสก็แบกร่างของมาร์คัสขึ้นหลังทันที
“ทำไมเจ้าตัวหนักอย่างนี้นะ” นาซีซัสบ่นกับร่างที่สลบบนหลังเขา
เขาแบกมาร์คัสอย่างทุลักทุเลเพื่อหาที่ซ่อน
เขาเดินมาสามชั่วโมงได้แล้ว เขายังไม่เห็นที่ที่คิดว่าจะปลอดภัย
แต่เขาก็ยังไม่ยอมลดละความพยายามที่จะหาต่อไป
“มาร์คัสเจ้าอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ” นาซีซัสเริ่มเป็นห่วงมาร์คัสมากยิ่งขึ้น
นาซีซัสแบกต่อมาเรื่อยๆจนเจอถ้ำเล็กๆแห่งหนึ่ง ถ้าไม่สังเกตให้ดีจะมองไม่เห็นเพราะมีพุ่มไม้บังไว้
เขารีบพามาร์คัสเข้าไปหลบข้างใน แต่พอเข้ามาข้างในกลับทำให้นาซีซัสแปลกใจอย่างมาก
เพราะถึงปากทางเข้าจะเล็กจนสังเกตยาก แต่ข้างในกลับกว้างขวางอย่างมาก
เขารีบวางมาร์คัสลงกับพื้นอย่างแผ่วเบา เขาไม่ต้องการให้มาร์คัสบาดเจ็บมากไปกว่านี้
เขาต้องหาทางทำอะไรซักอย่างไม่งั้นมาร์คัสคงต้องแย่แน่ๆ
เขารีบเข้าไปสำรวจภายในถ้ำว่าพอจะมีอะไรบ้างหรือไม่
เมื่อเดินเข้ามาลึกขึ้นเรื่อยๆนาซีซัสสังเกตว่าที่นี่ต้องเป็นที่ซ่อนตัวของใครบางคน
เพราะมีการแบ่งออกเป็นสัดส่วน เขาเข้าไปสำรวจจนถึงด้านในสุด
ว๊ากกกก
เขาล้มลงร้องออกมาเสียงดังเมื่อเดินเข้ามาแล้วพบโครงกระดูกนั่งอยู่
แต่เมื่อเขาตั้งสติได้เขาก็ลุกขึ้นปัดร่างกายอย่างหงุดหงิด
“โธ่เอ้ย แค่โครงกระดูกทำตกใจไปได้นาซีซัส” เขาบอกกับตัวเอง
เขาเดินเข้าไปสำรวจต่อเขายิ้มออกมาทันที
เพราะสิ่งที่เขาพบเป็นเสบียงอาหารกระป๋องมากมายพร้อมกับทางน้ำเล็กๆที่อยู่ในนั้น
เขารีบวิ่งกลับออกไปแล้วแบกร่างมาร์คัสเข้ามาที่ในนี้แทน
“ข้าขอโทษท่านนะ แต่ของทั้งหมดนี่ข้าขอแล้วกัน เดี๋ยวข้าขอช่วยคนก่อนแล้วจะมาฝังท่านทีหลังนะครับ”
นาซีซัสยกมือไหว้ขอขมาต่อโครงกระดูกนั้น
เขารีบคนหาของในกองเสบียงนั้นดูว่ามียารักษาแผลหรือเปล่า
เขาพอกล่องยาขนาดใหญ่ เขารีบเปิดดูข้างในมีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลครบครัน
รวมทั้งยาต่างๆด้วย เขารีบดูวันหมดอายุทันที โชคดีที่มันยังไม่หมดอายุ


นาซีซัสเอายาแก้ปวดแก้ไข้มาบดแล้วละลายน้ำก่อนที่จะเอามาป้อนให้กับมาร์คัส
“ข้าคงต้องทำแผลแล้วสินะ ใจเย็นๆเจ้าต้องทำได้สินาซีซัส” เขาพูดปลอบใจตัวเอง
เขาเตรียมทุกอย่างคนครบแล้วเขา แต่เขายังไม่กล้าเขานั่งมองร่างมาร์คัที่นอนสลบอยู่
เลือดไหลออกมาจนพื้นแถวนั้นเริ่มเป็นสีแดงแล้ว เขาจะช้าไม่ได้อีกต่อไป
นาซีซัสจับมาร์คัสลุกขึ้น เขาค่อยๆถอดเสื้อมาร์คัสออกอย่างช้าๆ
มือเขาสั่นตลอดเวลาที่ถอดเสื้อออก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะทำแผลให้คนอื่น
แต่พอเขาถอดเสื้อให้มาร์คัสแล้วเขากลับหน้าแดงให้กับร่างเปลือยเปล่าของมาร์คัส
ร่างกายที่สมส่วนไปด้วยกล้ามเนื้อจากการหมั่นฝึกวิชา
ผิวที่เนียนไร้รอยตำหนิ แล้วก็ใบหน้ายามสลบของมาร์คัสก็หล่อเหลาเกินบรรยาย
“เจ้าเป็นอะไรไปนาซีซัส เขาเป็นผู้ชายเหมือนเจ้านะ”
นาซีซัสดุตัวเองก่อนที่จะค่อยๆพลิกมาร์คัสให้นอนคว่ำลง
“แล้วข้าต้องทำอะไรก่อนละทีนี้ ใช่สิเอาลูกดอกออกก่อน”
นาซีซัสบอกตัวเองแล้วค่อยๆเอื้อมมือที่สั่นเทาไปจับลูกดอกทองคำ
“เจ้าทนเจ็บหน่อยนะ” เขาบอกมับมาร์คัสที่สลบอยู่
อึบ
นาซีซัสออกแรงดึงลูกดอกทองคำออกมา
กริ้งงงง
เขารีบทิ้งลูกดอกลงพื้นทันทีที่ถอนออกมาได้แล้ว
“เลือด เลือด เลือดออกใหญ่แล้วข้าจะทำยังไงดี”
นาซีซัสตกใจเมื่อเห็นเลือดของมาร์คัสออกมาอย่างมาก
เขาร้อนรนไปหมดแล้วตอนนี้ เขารีบหยิบอุปกรณ์ขึ้นมาห้ามเลือดโดยไม่มอง
ฉึก!!~
นาซีซัสรู้สึกแปลกๆเขาก้มมองที่มือตัวเองที่ใช้สิ่งของบางอย่างห้ามเลือด
“เฮ้ยยย ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าขอโทษนะมาร์คัส”
นาซีซัสรีบดึงมือออก ก็เพราะสิ่งที่เขาใช้ห้ามเลือดกลับเป็นกรรไกรที่ฝังเข้าไปในหลังของมาร์คัสแทน
นาซีซัสยิ่งรนรานใหญ่เลยตอนนี้ เขาก้มไปเลือกของไม่ถูกแล้วตอนนี้
“ใจเย็นๆสินาซีซัส เจ้าต้องใจเย็นๆ” เขาบอกกับตัวเองพร้อมกับเป่าลมออกจากปากเป็นระยะ


สักพักเขาเริ่มสงบใจลงได้แล้ว เขาจึงกลับมาทำแผลใหม่ ซึ่งตอนนี้เป็นสองแผลแล้ว
เขาค่อยใช้ผ้าก็อตกดที่ปากแผลห้ามเลือดไว้ก่อน แต่เลือดก็ยังไม่ได้หยุดไหลแม้แต่น้อย
“เย็บต้องเย็บแผลสินะ แต่ข้าทำไม่เป็นนี่นาข้าเย็บเป็นแต่ผ้าเท่านั้นเอง”
นาซีซัสลังเลใจอยู่นาน เลือดก็ยังไม่หยุดไหล
“เป็นไงเป็นกัน มาร์คัสเจ้าอย่าว่าข้านะ ที่ข้าทำเพื่อช่วยเจ้านะ”
เขาตัดสินใจได้แล้ว เขาก็หยิบอุปกรณ์เย็บแผลมาไว้ในมือ
เขาลงมือเย็บแผลให้มาร์คัส รอยเย็บแผลของเขาเหมือนการเย็บผ้าไม่มีผิด
ถึงยังไงเขาก็ต้องทำ เพราะว่าเลือดจะได้หยุดไหล แล้วยังมีลูกดอกอีกสองสามลูกที่ยังไม่ได้เอาออก
หลังจากที่ทำแผลได้หนึ่งทีแล้ว นาซีซัสเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นเขาจึงจัดการกับแผลอื่นๆต่อไป



วูบบบบบ
กระแสพลังสีทองจากกางเขนทองคำพุ่งเข้าใส่แอนนาอย่างรุนแรง
แอนนายังไม่ทันได้ตั้งตัวจากการโดนโจมตีครั้งเมื่อกี้ ทำได้แต่กระโดดถอยหลังหนี
แต่แคปริคอร์นก็พุ่งตัวตามมาติดๆ เห็นทีครั้งนี้เธออาจจะไม่รอดแล้วก็เป็นได้
ตูมมมม!!!
คลื่นพลังสีส้มพุ่งเข้าประทะกับแคปริคอร์นทีกำลังจะถึงตัวแอนนา
พลังที่รุนแรงทำให้แคปริคอร์นกระเด็นถอยหลังไปไกล
แคปริคอร์นหันไปมองคนที่ส่งพลังเข้ามาขัดขวางเข้าไว้
เขาเห็นผู้หญิงผมยาวสีดำอยู่ในชุดสีขาวอยู่ข้างกายแอนนาแล้ว
กร็อดดดด
“หมอเทวดาอนัสตกาลหรือนี่” แคปริคอร์นกัดฟันแน่นเมื่อรู้ว่าผู้มาเยือนเป็นใคร
อนัสตกาลถ่ายพลังสีส้มอ่อนๆให้กับแอนนาโดยไม่สนใจแคปริคอนแม้แต่น้อย
“ก็ดีวันนี้ข้าจะได้กำจัดเจ้าทั้งสองคนพร้อมกันทีเดียวเลย”
แคปริคอร์นลุกขึ้นแล้วเร่งพลังตัวเองขึ้นอีก จนทั่งทั้งร่างเกิดออร่าสีทองขึ้น
“ถ้าเจ้าทำได้ก็ลองดูสิ” แอนนาลุกขึ้นยืนอาการบาดเจ็บเขาทุเลาลงแล้ว
“เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน ถึงได้มาช่วยข้า” แอนนาถามอนัสตกาลพร้อมกับเดินพลังเพื่อรับมือแคปริคอร์น
“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย เตรียมรับมือมันก่อน ถ้าท่าทางมันคงจะใช้ท่าไม้ตายแล้วคราวนี้”
อนัสตกาลเตือนแอนนา เธอเองก็เร่งพลังขึ้นจนชายผมปลิวเล็กน้อย

แล้วก็จริงอย่างที่อนัสตกาลพูด แคปริคอร์นใช้ท่าไม้ตายโจมตีพวกเธอจริงๆ
เขาควงกางเขนทองคำวนรอบตัว จนมองเห็นเหมือนมีไม้กางเขนทองคำอยู่สองอันข้างตัวเขา
“พวกเจ้าตายได้แล้ว” แคปริคอร์นซัดกางเขนสีทองทั้งสองออกมาใส่พวกแอนนา
แอนนากับอนัสตกาลกระโดดแยกออกจากันไปคนละทาง แต่กางเขนนั้นยังคิดตามพวกเธอทั้งสองคน

อนัสตกาลร่ายเพลงหมัดพันกรออกมาต้านพลังนั้น
รังสีหมัดมีส้มจำนวนมากพุ่งเข้าใส่กางเขนทองคำ
ตูมมมมมมมมมมมม
เสียงพลังทั้งสองปะทะกันดังไปไกล
ทางด้านแอนนาก็ร่ายท่าวารีเบิกฟ้าเข้าต้าน
รังสีกระบี่รูปจันทร์เสี้ยวสีชมพูพุ่งออกมา
ตูมมมมมมมม
เสียงปะทะกันดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่กางเขนทองคำทั้งสองจะกระเด็นกลับไปที่เจ้าของ
แอนนากับอนัสตกาลพุ่งตัวตามกางเขนนั้นไปโดยไม่ต้องนัดหมายกัน
แอนนาร่ายท่าวารีไหลย้อนเข้าใส่แคปริคอน
ทางด้านอนัสตกาลร่ายท่าพันกรดับฟ้าเข้าใส่พร้อมกัน
ท่าวารีไหลย้อนเมื่อใช้ออกมาจะเห็นรัสีกระบี่วิ่งวนไปวนมายากที่จะเดาทางได้ถูก
ส่วนท่าพันกรดับฟ้าเป็นท่าที่เร่งพลังใด้ที่หมัดแล้วเมื่อซัดออกไปจะเกิดรังสีหมัดสีส้มขนาดใหญ่ออกมาจนเหมือนปิดท้องฟ้าเอาไว้ได้


แคปริคอร์นรีบดึงกางเขนทองกลับมาตั้งรับทั้งสองคนที่โจมตีเข้ามา
แต่คงเป็นเรื่องยากที่ใครจะรับมือราชินีพร้อมกันได้ถึงสองคน
ลำแสงกระบี่แหละหมัดกระแทกจนกางเขนทองกระเด็นออกจากมือเขา
ฉึก   ผลั๊ก
กระบี่ของแอนนาแทงเข้าที่ไหล่ของแคปริคอร์น
หมัดของอนัสตกาลตรงเข้าไปที่ท้องของเขาเช่นกัน
อ๊อกกกกก
แคปริคอร์นกระอักเลือดออกมา แต่เขาก็ยังไม่ยอมล้มลง
แคปริคอร์นเห็นท่าไม่ดีเขาซัดไม้กางแขนสีทองขนาดเล็กออกมาจำนวนมาก
ทำให้แอนนากับอนัสตกาลต้องถอยหลังตั้งลับอย่างพันวัล
เขาอาศัยจังหวะนี้ไปหยิบกางเขนทองคำของเขาแล้วหนีไปทันที
“อย่าหนีนะ” แอนนาเตรียมตัวจะตามไป
“เดี๋ยวก่อน” อนัสตกาลห้ามเธอไว้
แอนนาหยุดลงทันที “ทำไมเจ้าไม่ให้ข้าตามมันไป”
“ตอนนี้เจ้ายังบาดเจ็บภายในอยู่ ตามไปอาจพลาดท่าได้ แล้วเราไม่รู้ว่ามันมีคนตามมาอีกหรือเปล่า”
อนัสตกาลให้เหตุผล แอนนาก็เห็นด้วยกับเหตุผลนี้เขาเลิกคิดติดตาม
“เรารีบลงไปช่วยข้างล่างกันก่อนเถอะ” แอนนาเตรียมตัวจะไปข้างล่าง
“ไม่ต้องหรอกข้างล่างมิรันด้าคงจัดการเรียบร้อยแล้ว”
อนัสตกาลบอก แอนนาทำหน้าแปลกใจ
“มิรันด้าก็มาหรือนี่ แสดงว่าคงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วใช่ไหม”
“ใช่ ข้ากำลังจะมาปรึกษามาร์คัสนี่ไง แล้วเขาไปไหนทำไมไม่ออกมาช่วย”
อนัสตกาลถามถึงมาร์คัส แอนนาทำหน้าไม่ถูก
“เออ  พี่มาร์คัสไม่อยู่ตอนนี้ แล้วข้าก็ไม่รู้ไปไหนด้วย”
แอนนาตอบ ทำเอาอนัสตกาลทำหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที




คีย์รัสฝึกวิชากระบี่ใจจนใกล้สำเร็จ เพราะวิชาที่ใกล้เคียงกันกับเสียงเพลงของจางอี้
ทำให้เขาฝึกได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีเนกิที่ช่วยคอยดูแลเขาทุกเรื่องทำให้มีเวลาฝึกเต็มที่
ตอนนี้ถึงขั้นสุดท้ายของวิชาแล้ว เขาต้องใช้สมาธิอย่างมาก

“คีย์รัสไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรเจ้าห้ามออกมาจนกว่าจะฝึกสำเร็จเข้าใจไหม”
จางอี้ส่งเสียงผ่านเสียงเพลงมาให้คีย์รัสที่กำลังอยู่ในขั้นสุดท้าย
คีย์รัสได้ยินแต่ไม่สามารถตอบโต้ได้เพียงแต่กังวลว่ามันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นข้างนอกกันแน่
“ในเมื่อมาถึงแล้วก็เชิญพวกท่านออกมาเถอะ”
เสียงจางอี้ดังกังวานไปทั่วบริเวณ
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกข้ามาถึงแล้ว” เสียงชายหมุนตอบโต้กลับมา
“มอลล์เจ้าลืมแล้วหรือไง ว่าเขาเป็นถึงราชันย์คนแรกนะ” เสียงเด็กหนุ่มอีกคนบอกคนแรก
“555 จริงด้วยข้าลืมไปเลยไวท์ แต่ถึงยังไงวันนี้ก็เป็นวันตายของมันอยู่ดี” เสียงแรกตอบ
คีย์รัสได้ยินเสียงข้างนอกอย่างชัดเจน แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้
เพราะถ้าเขาเลิกฝึกตอนนี้เขาอาจถูกพลังย้อนกลับบาดเจ็บสาหัสได้

จางอี้ไม่ได้สนใจคนทั้งสองคนที่มาเยือนแม้แต่น้อย เขายังคงนั่งบรรเลงเพลงต่อไป
“ท่าทางเจ้าจะประมาทเราสองคนมากเกินไปแล้วนะ” มอลล์พูดอย่างไม่พอใจ
“ใช่คงยังไม่รู้สินะว่าเราสองคนเป็นใคร” ไวท์พูดเสริม
“ไวท์มอลล์ แฝดทมิฬ ดาวเจมินี่แห่งกลุ่มโซดิเอค เรื่องแค่นี้ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร”
จางอี้กล่าวออกมาโดยที่ยังไม่สนใจทั้งสองคน
“ชิ ทั้งๆที่รู้ว่าพวกเราเป็นใครแล้วยังไม่สนใจเราอีกหรือ ดูถูกเราเกินไปแล้ว” ไวท์ที่อารมณ์ร้อนกว่าพูดออกมา
“ถ้าพวกเจ้าเข้าใกล้ข้าได้ก็ลองเข้ามาสิ” จางอี้พูด
กร็อดดดดดดดด
ฟึบ ฟึบ
มีดบินรูปกางเขนทองคำถูกซัดออกมาจากไวท์ทันทีที่จางอี้พูดจบ
มอลล์ซัดมีดบินลักษณ์เดียวกันตามออกมา
กิ้ง กิ้ง
มีดบินกระทบกับม่านพลังของจางอี้ปักลงบนพื้นห่างจากจ้างอี้ถึงสามเมตร
“ท่าทางคำร่ำลือจะเป็นจริง ที่บอกว่าท่านเป็นผู้มีพลังกล้าแข็งที่สุดที่นี่” ไวท์กล่าวชม
“แต่ยังไงวันนี้ก็ต้องตายเพราะพวกเราอยู่ดี หึหึ” มอลล์หัวเราะออกมา
“พวกเจ้ามัวทำอะไรกันอยู่” เสียงหนึ่งที่บ่งบอกถึงพลังเนกิสที่สูงมากดังขึ้น
ไวท์มอลล์หน้าเสียขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงนั่น ทั้งสองคนรีบหันหลังไปทำความเคารพทันที
“ท่านพี่ไลบร้า มาถึงแล้วหรือครับ” ไวท์มอลล์ทักขึ้นพร้อมกัน
เมื่อคนนี้เดินเข้ามาจางอี้ต้องลืมตาขึ้นมามองครั้งแรก
ชายที่เดินเข้ามารูปร่างสูงใหญ่ผมยาวสีดำขลับอยู่ในชุดบาทหลวง
ทั้งสองคนดูเกรงกลัวชายคนนี้มากแล้วทั้งสองคนยังเรียกชายคนนี้ว่าไลบร้า
เพื่อกำจัดเขาคนเดียวถึงกับส่ง2ดาวราศีมาเชียวหรือ ท่าทางศึกนี้จะตึงมือเขาเหมือนกัน
เพราะเขายังคงต้องส่งพลังเข้าไปช่วยคีย์รัสฝึกวิชาขั้นสุดท้ายให้สำเร็จเสียก่อน




นาซีซัสค่อยๆทำแผลให้มาร์คัสจนเสร็จ เขาสวมชุดคืนให้มาร์คัสก่อนที่จะไปฝังโครงกระดูกนั่น
ขณะที่เขากำลังรวบรวมโครงกระดูก ก็มีหนังสือเล่มหนึ่งตกลงมาจากเสื้อผ้าในโครงกระดูกนั่น
“9 มารฟ้า” นาซีซัสอ่านที่ปก แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจเขาเลยเก็บใส่กระเป๋าไว้ก่อน
เขาฝังโครงกระดูกนั้นเสร็จแล้ว เขาก็เข้ามาดูว่ายังพอมีอะไรทำกินได้บ้าง
อาหารกระป๋องเหล่านั้นยังไม่หมดอายุ นาซีซัสคิดว่าเขาช่างโชคดีจริง
มาร์คัสก็ยังไม่ฟื้น ป้อนยาแก้ปวดกับแก้อักเสบให้มาร์คัสอีกครั้ง
“จริงสิหนังสือเมื่อกี้” นาซีซัสหยิบหนังสือออกมาเปิดอ่านพร้อมกับกินอาหารไปด้วย
เมื่อเขาเปิดอ่าน ก็พบว่ามันเป็นบันทึกวิชาอย่างหนึ่ง
เขาคิดว่าเขาช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ ถ้าเขาฝึกวิชานี้ได้คงจะเก่งขึ้นมาบ้าง
แต่เขาจะแอบฝึกไม่ให้มาร์คัสรู้เพราะเขาอยากจะเอามันไว้อวดมาร์คัสเมื่อฝึกเสร็จแล้ว

แต่นาซีซัสไม่เคยรู้เรื่องวิชาต่างๆ เขาเลยไม่รู้จักวิชานี้ดีพอ
วิชานึ้คือวิชา 9 มารฟ้า เป็นวิชามารอันดับหนึ่งที่หายสาบสูญไปนานเมื่อร้อยปีที่แล้ว
แต่ไม่รู้ว่ามาอยู่กับโครงกระดูกนี้ได้อย่างไร
คนคิดค้นวิชานี้ขึ้นมาคือ มารเด็ดดาว ซึ่งเป็นจอมมารในตำนานว่าโหดเหี้ยมที่สุด
จางอี้ซึ่งเป็นราชันย์คนแรกตอนนั้นต้องร่วมมือ3จักรพรรดิกับ2ราชินีถึงจะชนะได้
แต่การต่อสู้ครั้งนั้นก็ต้องสูญเสียจักรพรรดิไปถึง 2 คน กับ ราชินีอีก 1 คน
แล้วครั้งนี่ถ้านาซีซัสฝึกจะเกิดอะไรขึ้นอีกในยุคนี้กันแน่

TBC .
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่5เลือดล้างตึกเอ็มไพร์สเตท UP!! [P:3] 01-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 01-09-2010 17:45:36
ฝึกเลยสนับสนุนให้ฝึกฝึกเสร็จแล้วจะได้ช่วยมาร์คัสกำจัดคนชั่ว

วิชาจะดีหรือชั่วอยู่ที่คนฝึกต่างหากใช่ไหมไรท์เตอร์  :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่5เลือดล้างตึกเอ็มไพร์สเตท UP!! [P:3] 01-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: CYPINUS ที่ 01-09-2010 22:47:55
ฝึกเลย ๆ นาซีซัสจะได้เป็นหนึ่งในใต้หล้า ไร้ผู้เทียมทาน  :laugh:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่5เลือดล้างตึกเอ็มไพร์สเตท UP!! [P:3] 01-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: rei ที่ 02-09-2010 09:06:39
นาซีซัสจะฝึกมันไหม?น่ะ  o22

กลัวว่าจะฝึกสำเร็จด้วยสิ  :z3:



 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่5เลือดล้างตึกเอ็มไพร์สเตท UP!! [P:3] 01-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 02-09-2010 11:11:17
ถ้าจะฝึก นาซีซัสก็ต้องใช้พลังของมาร์คัสช่วยสินะ
ว่าแต่พลังอะไรดีหว่า อิ อิ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่5เลือดล้างตึกเอ็มไพร์สเตท UP!! [P:3] 01-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 02-09-2010 12:01:06
ลุ้นๆเลือดท่วมจอแบบนี้ชอบจังเลยอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่5เลือดล้างตึกเอ็มไพร์สเตท UP!! [P:3] 01-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 02-09-2010 19:47:09
ฝึกเลยสนับสนุนให้ฝึกฝึกเสร็จแล้วจะได้ช่วยมาร์คัสกำจัดคนชั่ว

วิชาจะดีหรือชั่วอยู่ที่คนฝึกต่างหากใช่ไหมไรท์เตอร์  :L2:

จริงครับ แต่ว่านาซีซัสเขาจะทนแรงมารไหวไหมล่ะคร้าบบ อันนี้เรามาลุ้นกันต่อนะคร้าบบ

ฝึกเลย ๆ นาซีซัสจะได้เป็นหนึ่งในใต้หล้า ไร้ผู้เทียมทาน  :laugh:

โหย กะให้มาชิงตำแหน่งมาร์คัสเลยหรือครับ

นาซีซัสจะฝึกมันไหม?น่ะ  o22

กลัวว่าจะฝึกสำเร็จด้วยสิ  :z3:



 :o12: :o12:

เรื่องนี้ต้องลุ้นกันนะคร้าบบ ถ้าเกิดกลายเป็นจอมมารจะทำไงดีอ่ะครับ  :sad4:

ถ้าจะฝึก นาซีซัสก็ต้องใช้พลังของมาร์คัสช่วยสินะ
ว่าแต่พลังอะไรดีหว่า อิ อิ

 :laugh: ก็ต้องพลังรักไงครับ จะพลังอะไรได้อีก

ลุ้นๆเลือดท่วมจอแบบนี้ชอบจังเลยอ่ะครับ

ชอบเลือดเสียด้วย  o21 o21 แต่ถึงจะกลัวผมก็ยังรักคนอ่านนะคร้าบบ

 :กอด1: คนอ่าน :จุ๊บๆ: คนเม้น

 :z2: :z2: :z2:

ร่ายท่าส่ายสะท้านโลกันฑ์ เรียกคนอ่านเพิ่มคร้าบบ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่5เลือดล้างตึกเอ็มไพร์สเตท UP!! [P:3] 01-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 03-09-2010 23:10:48
เอารูปกลุ่ม ZODIAC ที่ออกแล้วมาลงเพิ่มคร้าบ

คนเก่าโปรไฟลฺก็ลงได้แล้วนะคร้าบบ

ตอนหน้าไป่จงจะออกแล้วนะคร้าบบ คอยเป็นกำลังให้ด้วยนะคร้าบ

(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/Novel_title_page_2_by_feimo_resize.jpg)

ไวท์/มอลล์(WHITE/MALL)

ชื่อ :      ไวท์/มอลล์     ไฮน์กรีท
อายุ :      17 ปี
ส่วนสูง :      180 cm.
น้ำหนัก :      57/55 kg.
กรุ๊ปเลือด :   AB/A
ตำแหน่ง :   เจมินี่(GEMINI)
สิ่งที่ชอบ :    ไวท์ : มอลล์
      มอลล์ : ไวท์
สิ่งที่เกลียด :    -
อาวุธประจำตัว :   1. มีดบินกางเขนทอง
ฉายา :      แฝดทมิฬ


(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/fb8d91fa1d63e5d0b48f31b8_resize.jpg)

โป๊บ(POPE)

ชื่อ :      โป๊บ    ไฮน์กรีท
อายุ :      25 ปี
ส่วนสูง :      183 cm.
น้ำหนัก :      61 kg.
กรุ๊ปเลือด :   O
ตำแหน่ง :   ไลบร้า(LIBRA)
สิ่งที่ชอบ :    สวดมนต์
สิ่งที่เกลียด :    สวดมนต์
อาวุธประจำตัว :   1. ปืนคู่ทองคำ
ฉายา :      กระสุนทะลวงใจ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP!!ลงรูปเพิ่มสำหรับตอนหน้าคร้าบ [P:4] 03-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 04-09-2010 00:53:35
 :-[
ไวท์กะมอลล์น่ารัก
ขอสองเลยได้มั้ย
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP!!ลงรูปเพิ่มสำหรับตอนหน้าคร้าบ [P:4] 03-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: Phing ที่ 05-09-2010 21:45:54
 :z13:
เอาให้มาร์คัสฝึกดิ จะได้เก่งขึ้นแถวได้วิชามารอีก
มีครบในตัวเลยทั้งดีและไม่ดีเลือกใช้ได้ตามสะดวก
เหมือนได้กลิ่นโชตะเลย555


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP!!ลงรูปเพิ่มสำหรับตอนหน้าคร้าบ [P:4] 03-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: Shock_n2n ที่ 05-09-2010 23:21:46
อร๊าย ชอบจังเลยอ่ะ โรแมนติกมากๆ เลยอ่ะ
ในถ้ำด้วย อิอิ  :L2: :L2:
ว่าแต่ ฝึกแล้วคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เราเชื่อมั่น ในนาซีซัส
อิอิ รูป ไวท์/มอลล์ เนีย นึกว่าดาราเกาหลี เหอะ ใสได้อีก
 :L2: :L2:
+1 คร่า  :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP!!ลงรูปเพิ่มสำหรับตอนหน้าคร้าบ [P:4] 03-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: CYPINUS ที่ 06-09-2010 09:16:33
ไป่จงรีบมาเร็วๆนะ อยากอ่านบทของไป่จงบ้าง  :call:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP!!ลงรูปเพิ่มสำหรับตอนหน้าคร้าบ [P:4] 03-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 06-09-2010 14:46:00
สนุกมากเลยค่ะ ไม่ได้อ่านแนวนี้นานแล้ว ลุ้นๆ ^ ^
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP!!ลงรูปเพิ่มสำหรับตอนหน้าคร้าบ [P:4] 03-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 07-09-2010 16:52:45
:-[
ไวท์กะมอลล์น่ารัก
ขอสองเลยได้มั้ย

ยกคนเขียนให้แทนได้ไหมคร้าบบ

:z13:
เอาให้มาร์คัสฝึกดิ จะได้เก่งขึ้นแถวได้วิชามารอีก
มีครบในตัวเลยทั้งดีและไม่ดีเลือกใช้ได้ตามสะดวก
เหมือนได้กลิ่นโชตะเลย555


 :กอด1:

555 ทำอย่างกับเซเว่นมีเลือกใช้ได้ตามสะดวกด้วย

อร๊าย ชอบจังเลยอ่ะ โรแมนติกมากๆ เลยอ่ะ
ในถ้ำด้วย อิอิ  :L2: :L2:
ว่าแต่ ฝึกแล้วคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เราเชื่อมั่น ในนาซีซัส
อิอิ รูป ไวท์/มอลล์ เนีย นึกว่าดาราเกาหลี เหอะ ใสได้อีก
 :L2: :L2:
+1 คร่า  :L2:

ใสแต่ร้ายนะคร้าบบ

ไป่จงรีบมาเร็วๆนะ อยากอ่านบทของไป่จงบ้าง  :call:

มาแล้วคร้าบบ พอดีคนเขียนไม่สบายเลยไม่ได้เขียนเลยคร้าบ

สนุกมากเลยค่ะ ไม่ได้อ่านแนวนี้นานแล้ว ลุ้นๆ ^ ^

รอลุ้นตอนนี้นี้นะคร้าบบ

ตอนนี้มาช้าหน่อยนะคร้าบ พอดีผมไม่ค่อยสบายหลายวัน นี่ก็ยังไม่หายดีเลยอะครับ ไม่อยากไปหาหมออะ o18
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด UP!!ลงรูปเพิ่มสำหรับตอนหน้าคร้าบ [P:4] 03-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 07-09-2010 16:55:15
สอนครั้งเดียวเหมือนอาจารย์ทั้งชีวิต


จางอี้จ้องมองไลบร้าที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ
ไวท์กับมอลล์เดินตามหลังไลบร้า
“สมกับที่เป็นราชันย์คนแรก ถ้าประมาทพวกเราอาจเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็ได้ เพราะฉะนั้นพวกเจ้าทั้งสองคนต้องลงมือให้เต็มที่เข้าใจไหม”
ไลบร้าหันไปสั่งฝาแผดเจมินี่ ที่เตรียมมีดบินไว้ในมือเรียบร้อยแล้ว
“ครับท่านพี่” สิ้นเสียงรับคำทั้งสองคนก็วิ่งแยกกันออกไปทั้งซ้ายและขวา
ไลบร้าคนเดียวที่เดินตรงหาจางอี้จนใกล้ถึงม่านพลังที่จางอี้กางเอาไว้
เปรี้ยยยยย!!!
ไลบร้าค่อยๆเดินฝ่าม่านพลังเข้ามาอย่างใจเย็น เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด
จางอี้เองพยายามเร่งพลังขึ้นเพื่อรักษาม่านพลังไว้

ฟิ้ววววววววววววว
จางอี้รีบเอียงหัวหลบมีดบินรูปกางเขนที่พุ่งเข้ามา
เขาหันไปมองทิศที่มีดบินเข้ามาเห็นไวท์ซัดมีดบินจนเจาะม่านพลังเขาเข้ามาได้แล้ว
ท่าทางเขาจะประมาทฝีมือของคู่ต่อสู้มากไปเสียแล้ว
ไม่ทันไรมีดบินจากอีกทางก็พุ่งเข้ามาใส่เขาเหมือนกัน ท่าทางม่านพลังจะไม่มีประโยชน์เสียแล้ว
จางอี้หมุนตัวขยับจากที่เขาอยู่เล็กน้อย ก่อนที่จะหันหน้าไปที่ไวท์
แตร๊งงง แตร๊งง
จางอี้ดีดพิณเร่งจังหวะไปที่ไวท์ คลื่นสีขาวพุ่งออกจากพิณเข้าใส่ไวท์อย่างรวดเร็ว

ปัง ปัง
เสียงปืนดังขึ้นลูกปืนที่ห่อหุ้มด้วยรังสีทองอ่อนๆพุ่งเข้าไปปะทะกับคลื่นสีขาวของจางอี้ที่กำลังจะถึงตัวไวท์
ตูมมมม!!!
เสียงระเบิดดังเลื่อนลั่นเมื่อพลังทั้งสองประทะกัน ไวท์กระโดดหลบแรงปะทะของพลังออกไป
แต่จางอี้ไม่ได้มีเวลาตั้งตัวมากนัก เพราะมอลล์ที่รอโอกาสอยู่อีกฝั่งขว้างมีดบินเข้าใส่ทันที
จางอี้กระโดดหลบขึ้นไปบนอากาศ พร้อมกับหมุนตัวไปลงข้างหลังไลบร้า

จางอี้กระแทกพิณเข้าใส่ไลบร้าอย่างรวดเร็ว แต่ไลบร้าให้ปืนสั้นในมือรับไว้ได้
ไลบร้ากระเดนถอยหลังไปหลายเมตร แสดงให้เห็นพลังที่สูงมากของจางอี้
“ไม่คิดเลยว่าคนแก่จะยังมีเรี่ยวแรงมากขนาดนี้” ไลบร้าบ่นออกมาเมื่อประมือกับจางอี้ตรงๆ
เขายกปืนขึ้นมาพร้อมกับลั่นกระสุน6นัดติดต่อกันอย่างรวดเร็ว
แสดงให้เห็นฝีมือการยิงปืนที่ยอดเยี่ยม เพียงแต่ถ้าลูกปืนธรรมดามีหรือจะทำอะไรจางอี้ได้
แต่ลูกปืนนั้นถูกห่อหุ้มมาด้วยพลังเนกิสสีทอง ถ้ารับตรงๆอาจพลาดท่าให้กับแฝดทมิฬที่รอจังหวะอยู่ก็ได้
ฮึบ!!
จางอี้นั่งลงกับพื้นพร้อมกับเร่งพลังเนกิสจนเกิดคลื่นสีขาวล้อมลอบตัวเขา

แตร๊งงง แตร๊งๆๆ แตร๊งงง
จางอี้บรรเลงพิณด้วยท่าพิณฟ้าม่านเมฆ คลื่นสีขาวแผ่พุ่งออกจากพิณของเขาไปทุกทิศทาง
ไวท์มอลล์รีบมารวมตัวกันพร้อมกับใช้ท่าประสานกันเข้าต้านพลังของจางอี้
พลังของจางอี้เข้าปะทะกับกระสุนทองคำทั้ง6ของไลบร้า เท่ากับตอนนี้เขาต้องรับศึกสองด้าน
แต่ที่แปลกพิสดารยิ่งกว่านั่นคือ เมื่อกระสุนของไลบร้าเข้าชนกับพลังของจางอี้
มันกลับเคลื่อนที่แยกออกจากกัน มีสองนัดที่เข้าต้านพลังไว้ อีกสี่นัดที่เหลือกระจายกันออกไป
จางอี้ก็สังเกตเห็นแต่เขายังทำอะไรไม่ได้ตอนนี้ เพราะถ้าพลาดเขาอาจถูกพลังของไวท์มอลล์ได้
กระสุนทั้งสี่วิ่งวนไปวนมาอยู่รอบๆตัวเขา จางอี้ได้แต่คอยเหลือบตาสังเกตแต่มือไม่สามารถหยุดท่าร่างลงได้


จางอี้รีบเร่งพลังเข้าใส่ทางด้านไวท์มอลล์ ไวท์กับมอลล์เร่งพลังเข้าต้านเช่นเดียวกัน
ไลบร้าไม่ยอมให้พลาดโอกาสที่จางอี้ปันสมาธิ เขารีบบังคับกระสุนทั้งสี่เข้าใส่จางอี้ทันที
“ตายซะเถอะ” ไลบร้าตะโกนออกมา
กระสุนทั้งสี่พุ่งเข้าตรงมายังจุดตายทั้งสี่ของจางอี้
คือ หน้าผาก กลางกระหม่อม หัวใจ และลำคอ
ลูกกระสุนที่แฝงด้วยพลังเนกิสสามารถทะลุทุกอย่างได้ เรื่องแบบนี้จางอี้รู้ดีกว่าใคร
แต่เขาก็ไม่สามารถขยับได้ในตอนนี้ หรือว่านี่จะเป็นจุดจบของเขาเสียแล้ว


“แอนนาแล้วเจ้าไม่รู้หรือไงว่ามาร์คัสไปที่ไหน ตอนนี้เรามีเรื่องด่วนที่ต้องร่วมมือกันแล้วนะ”
อนัสตกาลถามแอนนาหลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างสงบลง
“ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย เรื่องนี้เราไม่รู้จริงๆ เพราะพี่มาร์คัสไม่ได้บอกอะไรไว้ก่อนที่จะออกเดินทาง”
“ท่าทางครั้งนี้เราต้องหาทางกันเองก่อนแล้ว แล้วเจ้าพยายามหาทางติดต่อมาร์คัสให้ได้”
แอนนาพยักหน้าตอบ แล้วทั้งสองก็หันไปช่วยเหลือคนที่บาดเจ็บก่อน



หลังจากกินอาหารเสร็จนาซีซัสก็แวะเข้ามาดูมาร์คัส
แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาแม้แต่น้อย
เขาเห็นว่าเวลาว่างแบบนี้เหมาะกับการที่จะลองฝึกวิชาดู
เขาหยิบหนังสือ9มารฟ้าขึ้นมาพลิกอ่าน
วิชา9มารฟ้าแบ่งออกเป็น2ส่วนด้วยกัน
ต้องฝึกส่วนแรกให้สำเร็จก่อนถึงจะฝึกส่วนที่สองได้
ส่วนแรกแบ่งเป็น 5 มารฟ้า ประกอบด้วย
ท่าแรกมารฟ้าไร้ลักษณ์ เป็นท่าที่เน้นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว
ท่าที่สองมารฟ้าอลงกรณ์ เป็นท่าที่เพิ่มพลังกายให้แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า
ท่าที่สามมารฟ้าประจักษ์ทิพย์ เป็นท่าที่เพิ่มโสตประสาททั้งห้าให้สูงมากยิ่งขึ้น
ท่าที่สี่มารฟ้าโคจร เป็นท่าที่ใช้พลังเนกิสในการดูดหรือผลักสิ่งของ
ท่าที่ห้ามารฟ้าจักรวาล เมื่อสำเร็จท่านี้จะทำให้ซึมซับพลังจากสิ่งรอบข้างได้อย่างไม่จำกัด และสามารถนำมาใช้ได้
แต่ผู้ที่จะสำเร็จถึงขั้นนี้ได้ต้องสะสมพลังถึง60ปี และถ้าไม่สำเร็จห้ามฝึกขั้นต่อไปเด็ดขาด
นาซีซัสเมื่ออ่านถึงตรงนี้ก็ถอดใจหยุดอ่านต่อ
“ตั้ง60ปีกว่าจะเก่งไม่แก่ตายก่อนหรือไงนะ” เขาบนพึมพำกับตัวเอง
แต่ไหนๆแล้วเขาขอรองฝึกท่าแรกก่อนแล้วกัน อย่างน้อยก็อาจทำให้เขาหนีพ้นอันตรายก็ได้


นาซีซัสลองอ่านแล้วเริ่มฝึกตามท่าแรกของ9มารฟ้า
เขาอ่านไปแล้วลองทำตามไปด้วย เขาทำซ้ำไปซ้ำมา
ไม่รู้ว่าด้วยพรสวรรค์หรือว่าเพราะโชคช่วย นาซีซัสกลับฝึกสำเร็จท่าแรกโดยไม่รู้ตัว
แต่ตอนนี้เขากลับยังไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าได้ฝึกผ่านท่าแรกเรียบร้อยแล้ว


กระสุนทั้งสี่พุ่งเข้าสู่สุดตายของจางอี้อย่างรวดเร็ว
เขาเข้านั้นวิกฤติแล้วหรือนี่ หรือว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้เพียงเท่านี้
จางอี้ไม่ได้เป็นห่วงตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่เขากลับเป็นห่วงคีย์รัสที่กำลังฝึกวิชาอยู่
ทางด้านคีย์รัสก็สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังจางอี้ได้
เขาเองก็ร้อนใจไม่แพ้กัน แต่เขาจะเร่งมันก็ไม่ได้เพราะถ้าผิดพลาด
ที่ฝึกมาทั้งหมดอาจสูญเปล่าก็เป็นได้ เนกิเองก็รู้สึกได้เหมือนกัน
เขาเองก็เป็นห่วงอาจารย์ของเขาเช่นกันแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

วืดดดดดดด ตูมม!!
คลื่นพลังสีน้ำเงินเข้มตัดผ่านกระสุนทั้งสี่ที่กำลังพุ่งเข้าใส่จางอี้
ไลบร้าเสียโอกาสสำคัญไปเสียแล้ว จางอี้เองเมื่อเห็นโอกาสก็เร่งพลังพุ่งเข้าใส่ไวท์มอลล์
ทั้งสองคนไม่ใช่คู่มือจางอี้อยู่แล้ว เมื่อโดนจางอี้โจมตีโดยตรงทั้งสองคนกระเด็นออกไปไกลหลายเมตร
“ใครยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ ท่าทางไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม”
ไลบร้าตะโกนก้องไปทั่วบริเวณ ความเกรี้ยวโกรธของเขาทำให้บริเวณนั้นสั่นไหวไปหมด
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนขัดขวางท่าสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย แถมยังทำให้เขาพลาดโอกาสสังหารจางอี้ด้วย
“ข้าว่าพวกเจ้าถ้ายังไม่อยากตายก็รีบกลับเกาะไปดีกว่า อย่าเอาชีวิตมาทิ้งเพื่อเจ้าฟ้าจอมปลอมของพวกเจ้าเลย”
เสียงไพเราะแต่เยือกเย็นดังลอยมาโดยที่ไม่เห็นคนที่พูด
“เจ้าถือดียังไงมาว่าเจ้าฟ้า อย่างเจ้ามันก็แค่เต่าหดหัวยังกล้ามีหน้ามาว่าคนอื่นอีกหรือ”
ไลบร้าเกรี้ยวกราดมากขึ้นเมื่อมีคนต่อว่าเจ้าฟ้าผู้นำของเขา

เมื่อสิ้นเสียงของไลบร้า ปรากฏเงาสายหนึ่งพุ่งเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว
ไลบร้ารีบยกปืนคู่ขึ้นตั้งรับ แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียว
“นี่หรือหนึ่งในสิบสองราศี มีฝีมือแค่นี้เองหรือ” เสียงดังขึ้นที่ข้างหลังของไลบร้า
ไวท์มอลล์ที่กำลังยืนดูเหตุการณ์อยู่ถึงกับหน้าถอดสีเมื่อเห็นบุคคลที่เข้าข้างหลังไลบร้าได้อย่างง่ายดาย
ไลบร้าเองก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน เขาเคยมั่นใจในฝีมือตัวเองมาก
แต่ตอนนี้มันลดลงไปเสียแล้ว เมื่อกี้เขายังรู้สึกว่าต่อสู้กับจางอี้ได้อย่างสูสีอยู่เลย
แต่จริงๆแล้วเขาหารู้ไม่ว่าจางอี้ไม่ได้สู้อย่างเต็มที่ เพราะต้องคอยแบ่งพลังไปช่วยคีย์รัสในการฝึกวิชา
“ท่านมาแล้วหรือไป่จง” จางอี้ยิ้มออกมาเมื่อเห็นคนที่ปรากฏตัว
ไป่จงคือหนึ่งในสามจักรพรรดิที่มีพลังฝีมือพิสดารที่สุด จริงๆแล้วเขาดำรงตำแหน่งนี้มาตั้งแต่สมัยจางอี้เป็นจักรพรรดิ
เขาคือจักรพรรดิคนเดียวที่รอดจากการต่อสู้กับมารเด็ดดาว
แต่ด้วยนิสัยที่ไม่ชอบกฎเกณฑ์ของเขาทำให้เขาไม่เข้าร่วมการประลองอีก
แต่เขาก็ยังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสามจักรพรรดิตลอดมา
ยิ่งพวกไลบร้ากับไวท์มอลล์รู้ว่าผู้ที่เข้ามาใหม่เป็นใคร ยิ่งทำให้ฝ่ายของพวกเขาเสียเปรียบมากขึ้น


ตอนนี้เหมือนสถานการณ์จะพลิกกลับมาที่ฝั่งจางอี้บ้างแล้ว
ไป่จงไม่รอช้าเมื่อเห็นว่าไลบร้ารู้ตัวเขาแทงกระบี่ไร้ลักษณ์ของเขาเข้าใส่ทันที
แต่ปฏิกิริยาของไลบร้าก็รวดเร็วไม่ยิ่งหย่อนกัน เขารีบกระโดดหลบออกมาให้พ้นวิถีกระบี่
จางอี้ไม่ยอมปล่อยให้ไลบร้าหนีได้ เข้าพุ่งเข้าใส่พร้อมกับซัดฝ่ามือใส่ทันที
แต่พวกไวท์มอลล์ก็ลงมือรวดเร็วเช่นเดียวกัน พุ่งเข้ามารับมือจางอี้แทนไลบร้า


ปัง ปัง
ไลบร้าพลิกตัวกลับมายิงปืนใส่ไป่จง ก่อนที่จะเก็บปืนแล้วหยิบมีดสั้นคู่ขึ้นมาไว้ทั้งสองมือ
เขาพุ่งตามกระสุนเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ไป่จงเห็นไลบร้าพุ่งเข้ามาเขาโจมตีกลับด้วยกระบี่พิสดารท่ายอกย้อนวกวน
รังสีกระบี่สีน้ำเงินเข้มพุ่งออกไปทุกทิศทาง หาแนวการเคลื่อนที่ไม่ได้
แต่ไลบร้าไม่ได้สนใจกับรังสีกระบี่เหล่านั้น กลับพุ่งตรงตามกระสุนไปที่ไป่จง
แต่ร่างของไป่จงกลับแยกออกกลายเป็นสามร่างยืนอยู่

กิ้ง กิ้ง
ไวท์มอลล์ใช้มีดบินแทนมีดสั้นเข้าต่อสู้กับจางอี้ระยะประชิด
การโจมตีของทั้งสองคนประสานกันอย่างลงตัวและกลมกลืนจนเหมือนทั้งสองคนมีคนละสี่มือ
ถึงแม้พลังฝีมือจะด้อยกว่าจางอี้แต่การที่เขาทั้งสองคนผสานกันก็ทำให้จางอี้ตึงมือได้เหมือนกัน
จางอี้เร่งพลังเพื่อที่จะได้กำจัดไวท์มอลล์ให้ได้ก่อน แล้วเขาค่อยไปช่วยไป่จงอีกที
ไวท์มอลล์ช่วยกันโจมตีซ้ายขวา หน้าหลัง สลับกันไปมา
ยิ่งต่อสู้การเคลื่อนๆไหวของเขาทั้งสองคนยิ่งรวดเร็วมากขึ้น จนมองเห็นเหมือนแสงสีทองสองสายวิ่งวนไปมารอบตัวจางอี้

ไลบร้าเมื่อเห็นไป่จงแยกเป็นสามร่างเขาเปลี่ยนท่าโจมตีทันที
เขาใช้มีดสั้นกระแทกกระสุนไปที่ร่างสองร่างซ้ายขวา
ส่วนตัวเขาพุ่งเข้าไปหาร่างไป่จงที่อยู่ตรงกลาง แต่ตัวของไลบร้ากลับทะลุผ่านร่างนั้นไป
เขารีบหันกลับไปมองอีกสองร่างที่เหลือ ก็เห็นไม่ต่างกันกระสุนทองคำของเขาพุ่งผ่านร่างทั้งสองเช่นกัน
แล้วไป่จงหายไปไหนเสียแล้ว ไลบร้ารีบมองหาไปทุกทิศทาง
ก่อนที่เขาจะจับสัมผัสได้ว่าไป่จงอยู่ที่ไหน รังสีกระบี่สีน้ำเงินเข้มก็ไปรวมตัวกันอยู่กลางอากาศ
ก่อตัวเป็นรูปกระบี่ไร้ลักษณ์ขนาดใหญ่ มีไป่จงยืนอยู่บนนั้น
ไป่จงไม่รอช้าบังคับให้รังสีกระบี่พุ่งเข้าใส่ไลบร้า
เมื่อรังสีกระบี่ยักษ์พุ่งเข้ามาจะถึงตัวไลบร้า ก็แตกตัวออกเป็นกระบี่ไร้ลักษณ์อีกนับร้อยเล่ม
ไป่จงใช้พลังเนกิสบังคับรังสีกระบี่เหล่านั้นล้อมรอบไลบร้าไว้
ไลบร้ารู้ว่าตนเองเสียเปรียบจึงคิดใช้ท่าสังหารเข้าแลกกับไป่จง
เขาคิดจะแลกชีวิตกับไป่จงเพราะยังไงมันก็คุ้มกว่าถ้าชีวิตเขาแลกกับไป่จงได้
ไลบร้าเร่งพลังเนกิสของตัวเองให้ขึ้นสูงสุดจนเกิดแสงสีทองขึ้นทั่วร่าง
เขาทิ้งมีดสั้นในมือพร้อมกับหยิบปืนสั้นขึ้นมาแทน เขาบรรจุพลังลงในปืนสั้น
ลูกกระสุนที่อยู่ในรังปืนสั้นทั้งสองกระบอกตอนนี้เกิดจากพลังเนกิสของไลบร้าหลอมรวมตัวกันขึ้น

การเร่งพลังขึ้นสูงสุดของไลบร้าทำให้จางอี้เริ่มเป็นกังวล
ถ้าด้วยฝีมือของไป่จงเขามั่นใจว่าไม่แพ้ไลบร้าแน่นอน แต่ไป่จงเป็นคนมีนิสัยแปลกประหลาดคาดเดายาก
เขาเลยกลัวว่าไป่จงอาจประมาทและพลาดท่าเอาได้
เขาเร่งมือโจมตีแฝดทมิฬอย่างร้อนใจ เพราะเขารู้ว่าอีกทางกำลังจะลงมือขั้นสุดท้ายกันแล้ว
จางอี้ดึงสายพิณออกมาสี่สาย ก่อนที่จะซัดออกไป
ฉึก ฉึก
สายพิณแตกกระจายเป็นร้อยสายพุ่งปักไปทุกทิศทางจนยึดร่างของไวท์มอลล์ไว้ให้อยู่กับที่
เปรี้ยง เปรี้ยง
ไลบร้าเห็นช่องว่างเพียงเล็กน้อยเขายิงกระสุนสังหารออกไป
ปืนสั้นในมือแตกกระจายเพราะทนพลังเนกิสของไลบร้าไม่ไหว
แต่ไป่จงก็ไม่รอช้าเขาบังคับรังสีกระบี่ให้พุ่งเข้าใส่ไลบร้า
กระสุนสีทองทั้งสองพุ่งตรงมาที่ไป่จงอย่างรวดเร็ว แต่ไป่จงไม่คิดจะหลบแต่จะตั้งรับแทน
“รับไม่ได้นะไป่จง” จางอี้ตะโกนเตือนแต่เขาคิดว่าคงไม่ทัน
จางอี้เร่งพลังพุ่งเข้าไปหยุดตรงหน้าไป่จง
เขายกพิณขึ้นตั้งรับกระสุนสีทองทั้งสองนัดแทนไป่จง
ตูมมม!!~
พิณในมือของไป่จงแตกกระจายกลายเป็นเศษไม้ปลิวไปทั่ว
“จางอี้!!” ไป่จงรีบพุ่งตัวเข้าไปรับร่างจางอี้ที่กระเด็นมาทางเขา
ร่างของไลบร้าโดนปักตรึงไปด้วยรังสีกระบี่ของไป่จง
“จางอี้เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” ไป่จงพูดเมื่อร่างของจางอี้อยู่ในอ้อมกอดของเขา
เมื่อเข้าก้มลงไปมองที่จางอี้เห็นรอยกระสุนที่ตรงตำแหน่งหัวใจของจางอี้
“ไม่นะ จางอี้เจ้าห้ามเป็นอะไรนะ” ไป่จงสัมผัสหน้าที่หลับสนิทของจางอี้
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า กระสุนของข้าได้ปลาใหญ่กว่าที่คิดข้าไม่ได้ตายเปล่าแล้ว อย่างน้อยจ..”
ไลบร้ายังไม่ทันพูดจบร่างของเขาก็กลายเป็นเศษเนื้อด้วยกระบี่ของไป่จง

“จางอี้เจ้าลืมตาขึ้นมามองหน้าข้าสิ ข้ากลับมาหาเจ้าแล้วนี่ไง”
ไป่จงทาบฝ่ามือลงบนหน้าอกจางอี้ก่อนถ่ายพลังเนกิสเข้าร่างจางอี้ช้าๆ
แต่ก็ยังไม่เป็นผลร่างของจางอี้กลับเย็นลงเรื่อยๆ ร่างกายไม่มีวี่แววตอบสนองกลับมา
“ท่านอาจารย์ ท่านเป็นอะไรไป” คีย์รัสฝึกวิชาสำเร็จก็รีบพาเนกิออกมา


ยังมีต่อนะคร้าบ รอหน่อยนะคร้าบ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งแรก) UP!! [P:4] 07-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: Shock_n2n ที่ 07-09-2010 17:16:34
โอ้ว ไม่นะ ตอนแรก ก้ดีใจอ่ะ ที่พี่เทียน ออกมาแล้ว
แต่ พอ จางอี้ โดนยิงชักจะ เศร้าละ  :sad4:
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งแรก) UP!! [P:4] 07-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: CYPINUS ที่ 07-09-2010 17:39:19
จางอี้อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ  :sad4:
ไปจงรีบช่วยจางอี้เร็วๆเข้า  :กอด1:
ไรท์เตอร์หายป่วยเร็วๆนะ 
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งแรก) UP!! [P:4] 07-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 07-09-2010 17:44:37
 :dont2: ม่ายยยยน๊าจางอี้ของป๋มมมมม


ยังไม่ได้ถามเคล็ดลับหน้าเด็กเลย....
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งแรก) UP!! [P:4] 07-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 07-09-2010 20:39:27
จางอี้อย่าเป็นไรนะ

ไป่จงช่วยจางอี้ด้วยนะ :m15:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งแรก) UP!! [P:4] 07-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 07-09-2010 21:16:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งแรก) UP!! [P:4] 07-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 08-09-2010 11:43:19
ใครก็ได้รีบๆช่วยสุดที่รักเค้าหน่อย :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งแรก) UP!! [P:4] 07-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 08-09-2010 13:27:48
อะไรกันนี้โหยมีตัวละครที่เล่นดนตรีอารมณ์บัณฑิต ไม่ก็คุณชายโผล่มาแป็บเดียวกลับไปอีกและอ่ะ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งแรก) UP!! [P:4] 07-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 08-09-2010 14:52:25
OMG !
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งแรก) UP!! [P:4] 07-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 09-09-2010 11:15:26
โอ้ว ไม่นะ ตอนแรก ก้ดีใจอ่ะ ที่พี่เทียน ออกมาแล้ว
แต่ พอ จางอี้ โดนยิงชักจะ เศร้าละ  :sad4:
 :L2: :L2:

ผมว่าเรามาเอาใจช่วยจางอี้กันดีกว่านะคร้าบบ เย็นนี้ได้อ่านแน่นอน

:dont2: ม่ายยยยน๊าจางอี้ของป๋มมมมม


ยังไม่ได้ถามเคล็ดลับหน้าเด็กเลย....

จะเรียนไปทพำไมคร้าบบ คนรักเต็มบ้านเต็มเมืองไม่ต้องเรียนแล้วมั้ง

จางอี้อย่าเป็นไรนะ

ไป่จงช่วยจางอี้ด้วยนะ :m15:

มาคอยล้นต่อกันนะคร้าบบบบ

ใครก็ได้รีบๆช่วยสุดที่รักเค้าหน่อย :sad4: :o12:


แหม ไม่เห็นมาขอกันก่อนเลย เอาไปเป็นสุดที่รนักเสียแล้ว อิอิ แบ่งมารักคนเขียนบ้างก็ดีนะคร้าบบบ

อะไรกันนี้โหยมีตัวละครที่เล่นดนตรีอารมณ์บัณฑิต ไม่ก็คุณชายโผล่มาแป็บเดียวกลับไปอีกและอ่ะ

รอลุ้นกันก่อนเถอะคร้าบบ จางอี้สู้ๆ(แต่โดนยิงเข้าหัวใจจะไหวไหมน้า)

OMG !

OMG! ด้วยคน  :laugh:

 :กอด1: คนอ่าน :จุ๊บๆ: คนเม้น

เย้นๆครึ่งหลังมาแล้วคร้าบบ รอหน่อยนะคร้าบบ

 :z2: :z2: :z2:

เรียกคนอ่านเพิ่ม
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งหลัง) UP!! [P:4] 09-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 09-09-2010 14:12:35
ครึ่งหลังมาแล้วคร้าบบ มาก่อนเย็นจะบ่นผมไม่เนี่ย หุหุ

................

“จางอี้เจ้าลืมตาขึ้นมามองหน้าข้าสิ ข้ากลับมาหาเจ้าแล้วนี่ไง”
ไป่จงทาบฝ่ามือลงบนหน้าอกจางอี้ก่อนถ่ายพลังเนกิสเข้าร่างจางอี้ช้าๆ
แต่ก็ยังไม่เป็นผลร่างของจางอี้กลับเย็นลงเรื่อยๆ ร่างกายไม่มีวี่แววตอบสนองกลับมา
“ท่านอาจารย์ ท่านเป็นอะไรไป” คีย์รัสฝึกวิชาสำเร็จก็รีบพาเนกิออกมา
คีย์รัสสัมผัสของพลังที่หายไปได้ของจางอี้ เขาจึงรีบพาเนกิออกมาดู
แต่ที่เขาเห็นกลับเป็นไป่จงที่ประคองร่างอันไร้สติของจางอี้ไว้

“พวกเจ้าอย่าเพิ่งเข้ามา” ไป่จงตะโกนบอกทั้งสองคนโดยที่ไม่มอง เพราะสายตาเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของจางอี้เท่านั้น
เนกิที่กำลังวิ่งเข้าไปหาหยุดลงทันที ส่วนคีย์รัสพยายามจับหาสัมผัสของกลุ่มโซดิเอค
แต่เขากลับไม่พบว่ามีใครซุ่มซ่อนอยู่อีกแล้ว ทั้งไวท์และมอลล์ก็รีบหนีไปเมื่อไลบร้าถูกสังหาร
เพราะพวกเขาเห็นว่ายังไม่ต้องเสียงเอาชีวิตมาทิ้งในที่แบบนี้
แล้วคำสั่งจริงๆที่เขาได้รับก็เพียงแค่มาทำให้จางอี้บาดเจ็บหรือสูญเสียพลังจนต้านทานเจ้าฟ้าไม่ได้เท่านั้นเอง
เมื่อถูกอย่างสำเร็จแล้ว แหละดูเหมือนว่ามันจะเกินที่เขาคิดไว้เพราะไลบร้าได้ฆ่าจางอี้ลงได้แล้ว
เขาทั้งสองคนจึงรีบหนีไปทันทีที่พลังของจางอี้ที่ยึดตัวพวกเขาผ่านเส้นเอ็นของพิณหายไป

“ท่านไป่จงนี้มันเกิดอะไรขึ้น ท่านจางอี้ทำไมเป็นแบบนี้” คีย์รัสถามขึ้นเมื่อเขาสำรวจรอขข้างเสร็จแล้วมายืนข้างเนกิ
“เป็นเพราะข้าเอง ข้าประมาทฝีมือศัตรูมากเกินไป จางอี้ถึงได้เป็นเช่นนี้” มีหยาดน้ำตาซึมออกมาจากสองตาของไป่จง
“แสดงว่าพวกสิบสองราศีมีฝีมือกล้าแข็งมาก” คีย์รัสรอบประเมินฝีมือของศัตรู
“ท่านไป่จงให้ข้าช่วยอีกแรงเถอะ” คีย์รัสเดินเข้าไปใกล้ๆ
ไป่จงเงยหน้าขึ้นมามอง เขาทั้งสองคนเป็นถึงจักรพรรดิทั้งคู่แล้วต่างคนก็ต่างเคยลอบชื่นชมในฝีมือของกันและกัน
ทั้งสองหมายมั่นที่จะประลองกันให้ได้ แต่ยังไม่มีโอกาสสักที
แต่ตอนนี้เขาทั้งสองต้องรวมมือกันก่อนเสียแล้ว เพื่อจางอี้อย่างน้อยพลังของสองคนอาจช่วยไว้ก็ได้
“ข้าต้องขอรบกวนท่านแล้ว” ไป่จงบอกพร้อมกับวางร่างจางอี้ลงบนพื้นอย่างแผ่วเบาในท่านั่งขัดสมาธิ


ไป่จงรีบนั่งลงข้างซ้ายเขาเร่งพลังเนกิสให้สูงขึ้นจนปรากฏรังสีคลายเปลวไฟสีน้ำเงินเข้มขึ้นรอบตัว
คีย์รัสรีบนั่งลงข้างขวาเขาเองก็เร่งพลังเหมือนกัน รังสีฟ้าอ่อนพวยพุ่งออกจากตัวเขา
ตอนนี้พลังของเขาเพิ่มขึ้นมากกว่าเก่ามาก ไป่จงเองก็สังเกตได้
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะคิดเรื่องนี้ เรื่องช่วยเหลือจางอี้สำคัญยิ่งกว่า
เมื่อตักสินใจได้ไป่จงวาวดมือเป็นวงกลมก่อนที่จะมาผสานกันที่กลางอก
เขาเดินพลังมารวมกันไว้ที่ฝ่ามืออย่างรวดเร็ว เพราะความอยู่รอดของจาวอี้อยู่กับเขาสองคนแล้ว
คีย์รัสร่ายท่าเดินพลังมาที่กลางฝ่ามือทั้งสองข้างที่ยื่นอยู่ด้านข้าง
“ข้าให้สัญญาณก็ลงมือพร้อมกันเลยนะ” ไป่จงบอกคีน์รัสผ่านทางพลังเนกิส
คีย์รัสพยักหน้าตอบรับ เพื่อไม่ให้พลังทั้งสองสายเข้าไปตีกันภายในร่างจางอี้
“ลงมือ” ไป่จงออกเสียงบอก
เมื่อคีย์รัสได้ยินสัญญาณ เขารีบรบมือมาที่กลางอก ก่อนซัดฝ่ามือออกไปตบเข้าที่ไหล่ขวาด้านหลัง
ไป่จงพลิกฝ่ามือไปมาก่อนที่จะซัดออกมาเช่นกัน เขาตบไปที่ไหล่ซ้ายด้านหน้า
ร่างของจางอี้หมุนวนบนพื้นอย่างรวดเร็ว ไป่จงกับคีย์รัสใช้มือตบพื้นจนตัวเขาทั้งสองคนลอยขึ้นไปบนอากาศ
ทั้งสองหมุ่นตัวกลางอากาศก่อนที่จะซัดฝ่ามือลงที่กลางกระหม่อมของจางอี้
ร่างของทั้งสองลอยอยู่กลางอากาศขาชี้ฟ้ามือถ่ายถอดพลังเนกิสให้กับจางอี้ทางกระหม่อม
พลังสีน้ำเงินเข้มแหละสีฟ้าอ่อนค่อยๆไหลผสมกันเข้าร่างจางอี้

เนกิได้แต่ยืนลุ้นอยู่ด้านข้าง เขาแทบไม่กล้าหายใจเพราะกลัวจะทำให้จักรพรรดิทั้งสองเสียสมาธิ
เพราะถ้าผิดพลาดอะไรขึ้นมาคงไม่มีใครช่วยอาจารย์เขาได้อีกแล้ว
เขามองเห็นเพียงพลังสองสายค่อยๆไหลเข้าร่างอาจารย์ของเขา
แต่แล้วสักพักเขาก็เห็นการเปลี่ยนแปลงที่หน้าอกตรงที่เลือดไหลออกมาของอาจารย์เขา
มันค่อยๆพองออกมาเรื่อยๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือว่าจักรพรรดิทั้งสองจะรักษาผิดวิธีกันแน่
เขาได้แต่กังวลแต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย



นาซีซัสที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองได้ฝึกท่าแรกของเก้ามารฟ้าสำเร็จแล้วยังคงนั่งทบทวนมันอยู่
“อ่ะ แย่แล้วลืมไปดูมาร์คัสเลยว่าฟื้นหรือยัง” เขานึกถึงมาร์คัสขึ้นมาได้
นาซีซัสรีบกลับเข้ามาให้ส่วนที่มาร์คัสสลบอยู่ แต่มาร์คัสก็ยังไม่ฟื้น
นาซีซัสเลยคิดจะออกไปข้างนอกเพื่ออ่านหนังสืออีกครั้ง
“นาซีซัสหนีไป เจ้ารีบหนีไป” เสียงมาร์คัสเพ้อออกมาเป็นชื่อเขา
ทำให้นาซีซัสต้องหยุดชะงักลง เขารีบกลับไปดูมาร์คัสใกล้ๆว่าเขาตื่นจริงหรือเปล่า
แต่กลับไม่ใช่แถมมาร์คัสยังเพ้อให้เขาหนีไปออกมาเป็นระยะๆ
“ตัวเองไม่ยอมห่วงหรือไงนะ ไล่ข้าให้หนีอยู่ได้” นาซีซัสยิ้มให้กับมาร์คัสก่อนที่จะเอามือไปจับหน้าเขา
“เฮ้ย!! ทำไมตัวร้อนแบบนี้ละ แย่แล้วต้องรีบเช็ดตัว” นาซีซัสร้อนใจอย่างมาก
เขารีบไปหยิบอ่างน้ำกับผ้าเพื่อจำปที่ธารน้ำเล็กในถ้า
แต่ด้วยความร้อนรนเขาเหยียบหินพลาดลื่นจนจะหกล้ม
ด้วยความตกใจเขาเลยใช้ท่ามารฟ้าไร้ลักษณ์ออกมาโดยไม่รู้ตัว
เขาไม่เพียงไม่ล้มแต่กลับพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนเขายังตกใจกับตัวเอง
นาซีซัสใช้ท่าร่างมารฟ้าไร้ลักษณ์จนมาถึงธารน้ำ
ตูม!!
เขากลับหยุดท่าร่างไม่ทันหล่นลงไปในน้ำจนเปียกไปหมด
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” แทนที่เขาจะโมโหตัวเองกลับหัวเราอย่างชอบใจ
“นี่ข้าทำแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน สงสัยเจ้าจะเป็นอัจฉริยะนะซาซีซัส” เขาชมตัวเอง
“ไม่สิมาร์คัสรอข้าเช็ดตัวอยู่ ข้าต้องรีบแล้ว” เขารีบลุกขึ้นตักน้ำจนเต็มอ่าง
นาซีซัสลองใช้ท่าร่างมารฟ้าไร้ลักษณ์อีกครั้ง ครั้งนี้เขาใช้ได้ชำนาญมากขึ้น
เขากลับมาถึงมาร์คัสในชั่วอึดใจเท่านั้น เข้ารีบเข็ดตัวให้มาร์คัส
เขาค่อยๆเอาผ้าเช็ดตามหน้าและแขนให้กับมาร์คัส แต่อาการยังไม่ดีขึ้นแม้แต่น้อย
ตัวของมาร์คัสยังคงมีไข้สูลมากอยู่เหมือนเดิม
“มาร์คัสข้าไม่ได้คิดจะทำอะไรท่านนะ ข้าจะช่วยท่านจริงๆ” นาซีซัสก้มไปกระซิบบอกที่ข้างหูมาร์คัส
เขาคงคิดว่ามาร์คัสจะได้ยินที่เขาพูด แล้วตื่นขึ้นมาคงไม่ว่าเขาแน่นอน
นาซีซัสค่อยถอดเสื้อมาร์คัสออกอีกครั้ง เขากระคองร่างมาร์คัสไว้ในอ้อมกอด
นาซีซัสค่อยๆเช็ดตัวให้มาร์คัสทุกส่วนตามร่างกาย
เขาเช็ดตัวให้มาร์คัสไปหน้าเขาก๊รู้สึกร้อนฉ่าขึ้นเรื่อยๆ ทำไมเขาต้องอายเมื่อถูกตัวมาร์คัสด้วยนะ
นาซีซัสยังสับสนกับตัวเอง แต่เขาก็เช็ดต่อไปจนมาร์คัสเริ่มข้าลดลง
เขาหาเสื้อผ้าเก่ามาใส่ให้มาร์คัสแทนตัวเก่าที่ชุมไปด้วยเลือด
“หนาววว   ขะ ข้า นะ  นะ หนาวเหลือเกินนน นน” มาร์คคัสเพ้อว่าหนาวออกมา
“เมื่อกี้ไข้ขึ้นครั้งนี้หนาวอีกแล้วข้าจะทำยังไงดีล่ะ” นาซ๊ซัสรีบไปหาผ้าที่ดีๆมาห่มให้มาร์คัสเพิ่ม
แต่มาร์คัสก็ยังคงนอนตัวหนาวสั่นอยู่เหมือนเดิม
“แล้วข้าจะทำยังไงดีเนี่ยคราวนี้” นาซีซัสเห็นมาร์คัสอาการยังไม่ดีขึ้น
“อ่อ ข้านึกได้แล้ว ป้าหม่าเคยบอกว่าตัวคนเรานี่แหละอบอุ่นที่สุด”
เมื่อนาซีซัสคิดถึงคำของป้าหม่าได้ เข้าก็ค่อยซุกตัวแทรกเข้าไปใต้ผ้ากับมาร์คัส
“ที่ข้าทำไปเพราะช่วยเจ้านะ อย่าหาว่าข้าคิดอะไรกับเจ้าล่ะ”
นาซีซัสพูดกับมาร์คัสที่นอนตัวสั่นอยู่ตรงหน้า
เขาค่อยโอบกอดมาร์คัสไว้ขาก็ก่ายช่วงร่างของมาร์คัสไว้เหมือนกัน
ร่างของมาร์คัสดูเหมือนจะหนาวสั่นน้อยลง นาซีซัสพยายามกอดให้แน่นขึ้น
เขานอนกอดมาร์คัสได้สักพักเขาก็หลับ เพราะวันนี้เขาทำอะไรหลายอย่างมาก



“อนัสตกาลท่านได้ข่าวอะไรมาบ้าง พอจะบอกข้าได้หรือไม่”
แอนนาถามตอนนี้พวกเขาเข้ามาอยู่ในห้องประชุมลับของตึกเอ็มไพร์สเตท
ตอนนี้ในห้องนี้มีเพียงคนอยู่แค่สี่คนเท่านั้น นั่นคือ แอนนา อนัสตกาล มิรันด้า และชวิน
ชวินได้รับการยกเว้นให้เจ้าฟังครั้งนี้เพราะเขาจะต้องคอยเป็นคนประสานงานให้
อนัสตกาลเล่าถึงแผนการของกลุ่มโซดิเอคที่ตนสืบได้มา
เขารู้ว่ากลุ่มโซดิเอคคิดจะขึ้นมายึดครองแผ่นดินใหญ่ พวกมันทนความแร้นแค้นบนหมู่เกาะนั่นแล้ว
เจ้าฟ้าผู้นำกลุ่มเลยสั่งให้พวกสิบสองราศีเริ่มเคลื่อนไหวมาที่แผ่นดินเราแล้ว
แล้วที่เขารู้อีกอย่าง งานที่ได้รับคำสั่งมาอย่างแรกคือ กำจัดพวกที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำอย่างพวกเขา


“กำจัดพวกเรา มันคิดว่าพวกมันจะทำได้ง่ายๆหรือยังไงกัน”
แอนนาบนออกมาอย่างไม่พอใจ เพราะมันเหมือนการดูถูกพวกเขาอย่างมาก
“แต่ข้าคิดว่าพวกมันทำได้ ดูอย่างวันนี้สิแค่แคปริคอร์นคนเดียว เรายังต้องร่วมมือกันแล้วไม่ใช่หรือ”
อนัสตกาลช่วยเตือนความจำแอนนา เธอลดท่าทีลงทันที
“นั่นเพราะข้าประมาทกับท่านไม่ได้ใช้ฝีมือเต็มที่มากกว่า” แอนนาหาเรื่องแก้ตัว
อนัสตกาลก็พอจะเข้าใจแต่เอไม่อยากผิดใจกับแอนนาเรื่องแค่นี้เขาจึงไม่ได้ตอบอะไร
“ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญนะท่านทั้งสอง” เสียงเล็กๆฟังแล้วไพเราะของมิรันด้าพูดแทรกขึ้นมา
“ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือ ท่านมิรันด้า”
แอนนาหันไปมองมิรันด้าหญิงสาวผมสีฟ้าอ่อนหน้าหวาน ที่กำลังนั่งลูบหัวของสุนัขสีขาวตัวใหญ่อยู่
“ข้าสืบทราบมาว่า จริงๆแล้วโบรอนเนะก็เป็นหนึ่งในสิบสองราศีที่แฝงตัวเข้ามาอยู่กับพวกเรา”
แอนนากับอนัสตกาลทำหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เพราะคนระดับโบรอนเนะก็รับมือยากเช่นกัน
เพราะธุรกิจที่มันทำอยู่ค่อนข้างใหญ่โตแล้วยังมีอิทธิพลพอสมควร
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงท่าทางศึกครั้งนี้เราเสียเปรียบหลายอย่างเสียแล้ว”
แอนนาบ่นออกมาเบาๆก่อนที่จะนิ่งแล้วใช้ความคิด


“ข้าพอจะคิดวิธีได้บ้างแล้วไม่รู้ว่าทุกคนจะเห็นด้วยไหม”
แอนนาพูดทำลายความเงียบขึ้นมา เมื่อเธอคิดบางสิ่งออก
คนอื่นๆเงยหน้าขึ้นมาเพื่อรอฟังความคิดของเธอ
“ข้าคิดว่าข้าจะจัดกลุ่มสมาพันธ์อาญาสวรรค์ขึ้นมา เพื่อต่อต้านพวกกลุ่มโซดิแอคและกำจัดคนทรยศให้หมดไป กลุ่มนี้เราจะให้พี่มาร์คัสเป็นผู้นำ แล้วเราจะส่งเทียบเชิญไปยังจักรพรรดิและจอมทัพที่เหลือให้มาเข้าร่วม แล้วข้อตกลงหรือตำแหน่งต่างๆรอพี่มาร์คัสกลับมาค่อยจักกันอีกที พวกท่านว่ายังไงกันบ้าง”
แอนนาค่อยๆมองหน้าคนอื่นๆเพื่อรอฟังว่าความคิดของเธอดีพอหรือไม่
“อืมข้าก็คิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ว่าเรายังไม่รู้ว่าจักรพรรดิกับจอมทัพที่เหลือใครเป็นคนของโซดิแอคบ้างนี่สิ”
อนัสตกาลทำหน้ากังวล เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงแผนการทั้งหมดก็จะรั่วไหลออกมา
“แต่ข้าว่าแบบนี้ดีแล้ว” มิรันด้ากล่าวต่อ
“ยังไงท่านช่วยอธิบายได้ไหม” อนัสตกาลถามต่อ
“ประการแรกถ้าเราส่งเทียบเชิญไปแล้วคนไหนไม่มาให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นสายให้กับพวกโซดิแอค ประการที่สองถ้าพวกเราทุกคนมารวมกันที่นี่หมดแล้ว เราจะได้จับสังเกตได้ถ้ามีใครเป็นคนของโซดิแอคจริงๆ แล้วเราค่อยร่วมมือกันจัดการมันอีกที”
มิรันด้าอธิบายเหตุผลที่เธอคิดออกไป ทั้งหมดเห็นด้วยกับความหลักแหลมของเธอ
“แต่..คนอื่นจะยอมมาจริงๆหรือครับ เพราะพวกท่านแต่ละคนต่างหยิ่งในศักศรีของตัวเองกันทั้งนั้น
ชวินทักขึ้นมา เพราะเขาเจอคนระดับผู้นำบ่อยๆทำให้เขาเข้าใจนิสัยคนเหล่านี้ดี
“ไม่เป็นไรหรอก เดี่ยวข้ากับแอนนาจะลงชื่อในจดหมายเองทั้งสองคน ข้าคิดว่าชื่อเสียงของข้ากับแอนน่านาจะทำให้น่าเชื่อถือเพียงพอ แล้วอีกอย่างเรามีมิรันด้าอยู่นี่แล้วทั้งคน มันน่าจะยืนยันคำพูดของพวกเราในเรื่องนี้ได้”
อนัสตกาลหันไปบอกกับชวิน
เมื่อได้ยินแบบนี้ชวินก็เริ่มเห็นโอกาสมากยิ่งขึ้น เขาต้องรีบดำเนินการโดยด่วนเสียแล้ว
“ชวินเจ้ารีบส่งเทียบเชิญออกไป แล้วรีบส่งคนตามพี่มาร์คัสกลับมาให้เร็วที่สุดให้เอาจดหมายของข้าไปด้วย”
เมื่อเห็นหนทางแอนนารีบสั่งการให้ชวินดำเนินการอย่างรวดเร็ว
“เรื่องของมาร์คัสให้ข้าจัดการให้เองดีกว่านะ” มิรันด้าเสนอตัวออกมา
“เจ้าจะไปเองได้ยังไงมิรันด้า ตอนนี้พวกเราต้องรวมตัวกันเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้คนอื่นๆเข้าร่วมนะ”
แอนนารีบบอก มิรันด้ายิ้มตอบอย่างใจเย็น
“นี่ท่านลืมไปแล้วหรือว่ากลุ่มข้าเป็นกลุ่มที่ขายข่าวทั่วทั่วแผนดินนี้นะ ข้าจะไม่มีคนมีฝีมือได้อย่างไร”
มิรันด้ายิ้มให้แอนนากับอนัสตกาลที่มองนางอยู่
“ลมดำเจ้าออกมาได้แล้วข้ามีเรื่องจะใช้เจ้า” มิรันด้าเรียกลูกน้องของตัวเองออกมา
คนที่ไม่อยากเชื่อคือแอนนากับอนัสตกาล เพราะถ้ามีคนแอบอยู่จริงระดับเขาทั้งสองคนน่าจะจับพลังได้บ้าง
แต่นี่กลับไม่สามารถสัมผัสอะไรได้เลยแม้แต่เพียงน้อยนิด แต่ถ้าเป็นจริงคนๆนี้ต้องเป็นยอดฝีมือไม่แพ้หกจอมทัพแน่
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังแปลกใจก็ปรากฏเงาสีดำคาดผ้าปิดตายืนก้มหัวทำความเคารพทั้งสองคนอยู่ข้างมิรันด้าแล้ว
นี่ไม่ใช่เรื่องโกหกอีกต่อไป ทั้งอนัสตกาลกับแอนนาเชื่อแล้วที่มีข่าวลือว่ากลุ่มต่างๆมียอดฝีมือหน้าใหม่ซ่อนอยู่มากมาย


“นี่คือลมดำลูกน้องคนสนิทของข้า ด้วยความสามารถของเขาเขาน่าจะตามมาร์คัสได้เร็วๆนี้”
มิรันด้าดูท่าทางมั่นใจในตัวลมดำอย่างมาก
“ท่าทางไม่ใช่ย่อย สงสัยข่างโบรอนเนะก็คงได้มาเพราะเจ้าสินะ” แอนนาพูดแบบไม่พอใจเล็กน้อย
“เอาเถอะน่า งานใหญ่ต้องมาก่อน แอนนาท่านรีบเขียนจดหมายให้ลมดำเถอะ”อนัสตกาลรีบพาทั้งสองคนเลี่ยนเรื่องคุย
แอนนาหยุดแล้วเดินไปเขียนจดหมายให้มาร์คัสแทน
“อะนี่จดหมายเจ้าห้ามเปิดอ่านแล้วส่งให้ถึงมือพี่มาร์คัสเท่านั้น เข้าใจไหม” แอนนากำชับลมดำขณะส่งจดหมายให้
“ท่านไม่ต้องห่วงหรอก ลมดำเขาตาบอดไม่มีทางอ่านจดหมายได้แน่นอน”
มิรันด้าบอกเสริม แอนนากับอนัสตกาลยิ่งแปลกใจ แต่ก็ไม่กล้าถามต่ออีก
แล้วทั้งหมดก็แยกย้ากันไปทำหน้าที่ตามที่ตกลงกันไว้ทันที
ความวุ่นวายครั้งใหญ่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นในยุคนี้อีกแล้ว



หน้าอกข้าซ้ายของจางอี้ค่อยๆพองออกมาที่ละนิดจนน่ากลัว พลังทั้งสองสายยังส่งเข้าร่างเขาตลอด
แต่สักพักเนกิก็เข้าใจ เพราะเขามองเห็นกระสุนสีทองกำลังถูกพลังทั้งสองสายดันออกมาช้าๆ
กิ้งงงงงงง
ลูกปืนหลุดออกมากระทบกับพื้นก่อนที่จะสบายกลายเป็นควันสีทองหายไปทันที
เมื่อกระสุนออกมาแล้วคีย์รัสกับไป่อี้มองหน้ากัน ทั้งสองใช่ผ่ามืออีกข้างเข้าปะทะกัน
ร่างของทั้งคู่กลับมานั่งตำแหน่งเดิมเหมือนตอนแรก
คีย์รัสกับไป่จงรีบดำเนินขั้นต่อไปทันทีเขาทั้งสองใช้พลังประสานกันยกร่างจางอี้ขึ้นบนอากาศ
แล้วทั้งสองคนก็ยิ่งพลังดัชนีเข้าใส่ร่างจางอี้ที่ลอยหมุนอยู่ในอากาศ
แสงสีฟ้ากับน้ำเงินเข้มพุ่งเข้าสู่จุดชิพจรต่างๆของร่างกายจางอี้
เลือดที่หน้าอีกหยุดไหลออกมาแล้ว สีหน้าของจางอี้ดูมีสีเลือดกลับมาบ้างแล้ว
แสดงว่าการรวมมือของทั้งสองคนได้ผล
เนกิคลายความกังวลลงอย่างมาแล้วตอนนี้ แต่เขาก็ยังต้องรอต่อไป


“แค่กๆ!!” เสียงไอดังออกมาจากจางอี้เบาๆ คีย์รัสกับไป่จงรีบหยุดมือทันที
ไป่จงรีบพุ่งตัวขึ้นไปสวมกอดร่างของจางอี้ในอากาศ
ก่อนค่อยๆร่อนลงสู่พื้นอย่างแผ่วเบา
“ท่านอาจารย์ ท่านเป็นยังไงบ้างครับ” ครั้งนี้เนกิเข้ามาใกล้อาจารย์เขาได้แล้ว
จางอี้ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ไป่จงยิ้มต้อนรับเขาอย่างดีใจอย่างมาก
“จางอี้เจ้าไม่เป็นอะไรแล้ว ข้าดีใจเหลือเกิน” ไป่จงกอดจางอี้แน่นขึ้น
“อืมม ข้ารอดมาได้เพราะท่านทั้งสอง ข้าขอขอบคุณมาก” จางอี้กล่าวหลังจากที่ฟื้น
“เพื่อเจ้าข้าทำได้ทุกอย่าง” ไป่จงตอบอย่างภูมิใจ
“ข้ายินดีเช่นกัน เพราะตอนนี้ท่านก็เปรียบเสมือนอาจารย์ข้าอีกคนเช่นกัน” คีย์รัสบอก
“ถึงยังไงข้าก็ต้องขอบใจท่านทั้งสองคนอยู่ดี เจ้าก็หยุดร้องไห้ได้แล้วเนกิ”
จางอี้เอื้อมมือไปลูบหัวลูกศิษย์คนโปรด
“ก็ข้าดีใจนี่น่า ทีแรกข้าคิดว่า ข้าคิดว่า” เนกิพูดไม่ถูกแล้วตอนนี้
“ข้าก็ไม่เป็นแบบที่เจ้าคิดแล้ว นี่ไงข้ายังไม่ตายเสียหน่อย” จางอี้ยิ้มให้เนกิด้วยความเอ็นดู
“แต่ข้าคงต้องพักรักษาตัวอีกนาน ท่านคีย์รัสข้ามีเรื่องรบกวนท่านได้หรือไม่”
จางอี้หันมามองคีย์รัส ที่เดินเข้ามาใกล้ๆเขาแล้ว
“เชิญท่านว่ามาเถอะ ข้ายินดีช่วยเหลือทุกเรื่อง” คีย์รัสกล่าวอย่างหนักแน่น
“ดี งั้นข้าขอฝากเนกิไว้กับเจ้าในระหว่างที่ข้าพักรักษาตัว ถึงเขาจะไม่รู้วิชาการต่อสู้แต่ว่าความรู้เรื่องการต่อสู้ที่เขามีน่าจะช่วยท่านได้บ้าง”
“ท่านอาจารย์ข้าอยากอยู่รับใช้ท่านนะครับ” เนกิพูดแทรกขึ้นมา เขาไม่อยากห่างจากจางอี้ตอนนี้
“เนกิข้าอยากให้เจ้าได้ท่องโลกกว้างบ้าง เพื่อเจ้าจะได้ไปอ่านหนังสือที่อื่นๆอย่างที่เจ้าฝันไง แล้วอีกอย่างไป่จงจะค่อยดูแลข้าเอง” จางอี้หันไปมองหน้าไป่จงทั้งสองส่งสายตาให้กันอย่างลึกซึ้ง

“แต่ท่านอาจารย์ข้า” “เนกิเจ้าไม่ฟังข้าแล้วหรือไง”
“ไม่ครับ ข้าจะติดตามท่านคีย์รัสก็ได้ครับ” เนกิก้มก้มหน้ารับปากอาจารย์ของเขา
“ท่านคีย์รัสข้ามีสิ่งสุดท้ายที่จะแนะนำท่าน” จางอี้หันกลับมาทีคีย์รัส
“เชิญท่านว่ามาเถอะ ข้าพร้อมรับฟัง”
“ข้าเพียงอยากบอกท่านว่า เพลงกระบี่คือทวน เพลงทวนคือกระบี่ หลอมรวมเป็นหนึ่งซ้ายกระบี่ขวาทวน ถ้าท่านทำได้เมื่อใดท่านจะไม่เป็นสองรองใครแน่นอน” จางอี้ยิ้มให้คีย์รัสก่อนเรียกให้ไป่จงก้มหน้าลงมาใกล้ๆเขาแล้วกระซิบอะไรบางอย่าง

เมื่อทั้งสองคนคุยกันเสร็จไป่จงก็ค่อยๆวางจางอี้กับพื้นแล้วเขาลุกหันหลังไปที่ลานกว้าง
ไป่จงใช้พลังดึงทวนหยดขาวของคีย์รัสที่จางอี้ฝังไว้ขึ้นมา
เขานำทวนหยกขาวมาที่จางอี้ แล้วเมื่อจางอี้พยักหน้าไป่จงโยนทวนหยกขาวขึ้นไปในอากาศ
ชิ้ง
ไป่จงชักกระบี่ไร้ลักษณ์ฟันขึ้นไปในพริบตา
ทวนหยกขาวขาดาดออกเป็นสองท่อน ไป่จงตัดส่วนท้ายของทวนออกหนึ่งส่วนสาม
ก่อนที่ทวนจะตกถึงพื้นเขาก็ใช้พลังผลักให้ทวนหยกขาวกลับไปสู่เจ้าของ
“ท่านทำเช่นนี้เพื่ออะไรกัน” คีย์รัสรับทวนไว้ในมือ แต่ก็อดสงสัยกับการกระทำของทั้งสองไม่ได้
“สักวันท่านจะเข้าใจเอง ไป่จงเราไปกันเถอะ” ไป่จงเดินเข้ามาอุ้มจางอี้ไว้
“เนกิเจ้าต้องเขื่อฟังท่านคีย์รัสนะ อย่าสร้างปัญหาให้เขาล่ะ แล้วพวกข้าจะกลับมาเมื่อถึงเวลาที่สมควร”
จางอี้พูดจบกันไปสบตากับไป่จงพร้อมกับยิ้มให้
ไป่จงก็ยิ้มตอบออกมาอย่างมีความสุข เขากระโดดออกไปตัววิชาตัวเบาของเขา
เพียงพริบตาเดียวคีย์รัสกับเนกิก็เห็นเพียงแสงสีน้ำเงินเข้มจางๆหายไปจากสายตา


ต่อไปนี้เขาต้องดูแลเนกิให้จางอี้หรือนี่ แล้วเขาจะไหวไหมครั้งนี้
เพราะคีย์รัสชินกับการที่อยู่คนเดียว เดินทางคนเดียวมากกว่ามาแต่ไหนแต่ไร
แต่ในเมื่อเขารับปากไปแล้วก็ต้องทำตามสัญญา
“ไปกันเถอะเนกิ เรายังมีทีต้องไปอีกหลายทีตอนนี้” คีย์รัสบอกพร้อมกับเดินนำออกมา
“เราจะไปที่ไหนกันบ้างหรือ นี่เจ้าไม่คิดจะบอกข้าบ้างหรือไง” เนกิวิ่งตามหลังพร้อมกับถามคำถามคีย์รัส
“ก็ที่อยู่ของราชันย์ยุคนี้ไงละ” คีย์รัสตอบพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก

TBC.
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งหลัง) UP!! [P:4] 09-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 09-09-2010 15:56:19
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆดีใจจังจางอี้ไม่ตายแล้ว

แต่ไป่จงกับจางอี้ :-[จะกลับมาเมื่อไรน๊า :pig4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังค์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งหลัง) UP!! [P:4] 09-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 09-09-2010 16:08:01
 :sad2:
มาคัสสลบตลอด
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งหลัง) UP!! [P:4] 09-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: CYPINUS ที่ 09-09-2010 17:39:24
จางอี้รอดตายแล้ว  :mc4:  :mc4:  :mc4:
ลุ้นๆ นาซีซัสจะฝึกวิชามารได้ถึงขั้นไหนกัน  :z2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งหลัง) UP!! [P:4] 09-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: Shock_n2n ที่ 09-09-2010 18:27:07
ทั้งสองหมุ่นตัวกลางอากาศก่อนที่จะซัดฝ่ามือลงที่กลางกระหม่อมของจางอี้
น่ากลัว นะเนี่ย 
อิอิ
ยิ่ง อ่าน ยิ่งชอบ คู่ นี้ จังเลย ไป่จง กับ จางอี้
อิอิ  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งหลัง) UP!! [P:4] 09-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 09-09-2010 19:43:29
ไป่จง x จางอี้ ก็เหมาะกันดี  :-[

 :m7: รอลุ้นทางมาร์คัสต่อ~
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งหลัง) UP!! [P:4] 09-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: rei ที่ 09-09-2010 20:13:24
ดีใจที่จางอี้ไม่เป็นไร  :-[

แต่ท่านอาจารย์จะหาคู่ให้เนกิเหรอ  :fire:

เอาเถอะ สมกันดีกับคีรัสน่ะ อิอิ

แล้วเมื่อไหร่มาคัสจะฟื้นล่ะเนี่ย  :z3:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งหลัง) UP!! [P:4] 09-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 09-09-2010 23:54:57
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆดีใจจังจางอี้ไม่ตายแล้ว

แต่ไป่จงกับจางอี้ :-[จะกลับมาเมื่อไรน๊า :pig4:

ปล่อยให้เขาอยู่ด้วยกันสองคนสักพักนะคร้าบบ เดี๋ยวก็มา

:sad2:
มาคัสสลบตลอด

555 เขาต้องการเวลาพักฟื้น เดี่ยวก็ฟื้นแล้วคร้าบ

จางอี้รอดตายแล้ว  :mc4:  :mc4:  :mc4:
ลุ้นๆ นาซีซัสจะฝึกวิชามารได้ถึงขั้นไหนกัน  :z2:


สงสยอยากให้เกิดคู่พดุงความเที่ยงธรรม งั้นลุ้นกันครับ

ทั้งสองหมุ่นตัวกลางอากาศก่อนที่จะซัดฝ่ามือลงที่กลางกระหม่อมของจางอี้
น่ากลัว นะเนี่ย 
อิอิ
ยิ่ง อ่าน ยิ่งชอบ คู่ นี้ จังเลย ไป่จง กับ จางอี้
อิอิ  :L2: :L2: :L2:

มันเป็นท่าทางช่วยชีวิตอะคร้าบบ ไม่งั้นจางอี้ไม่รอดแล้ว เฮ้อออ เกือบเสียจางอี้ไปแล้ว

ไป่จง x จางอี้ ก็เหมาะกันดี  :-[

 :m7: รอลุ้นทางมาร์คัสต่อ~

ตอนหน้ามาร์คัสจะมีบทเยอะแล้วคร้าบ รออ่นนะคร้าบ

ดีใจที่จางอี้ไม่เป็นไร  :-[

แต่ท่านอาจารย์จะหาคู่ให้เนกิเหรอ  :fire:

เอาเถอะ สมกันดีกับคีรัสน่ะ อิอิ

แล้วเมื่อไหร่มาคัสจะฟื้นล่ะเนี่ย  :z3:

ตกลงหวงเนกิหรือคีย์รัสคร้าบบบ 555

 :กอด1: คนอ่าน :จุ๊บๆ: คนเม้น

 :z2: :z2: :z2:

เรียกคนอ่านเพิ่มอีก
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งหลัง) UP!! [P:4] 09-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 10-09-2010 13:11:19
คุณชายนักดนตรีรอดแล้วดีใจจังเลย
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งหลัง) UP!! [P:4] 09-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 10-09-2010 23:13:42
จ้างอี้สุดที่รักไม่เป็นอะไรแล้วดีใจมากๆ :m3:
อ่ะจริงด้วยเค้าลืมขอจ้างอี้กจากไรท์เตอร์ว่าแล้วขอเลยก็แล้วกัน :m12:
ไรท์เตอร์เค้าขอจ้างอี้ตัวเองยกให้เค้านะ  :m23:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งหลัง) UP!! [P:4] 09-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 11-09-2010 00:45:35
เริ่มแทคทีมเป็นคู่ๆๆ แล้ว
นะ คีย์รัสทำไมจะดูแลเนกิไม่ไหวหล่ะ ออกจะน่ารักอยู่ อิอิ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งหลัง) UP!! [P:4] 09-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: ทับทิมกรอบ ที่ 11-09-2010 14:21:40
 :haun4: นาซีซัสคิดอะไรกับมาคัสล่ะเนี่ย

 :o12: อย่าลืมมาต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งหลัง) UP!! [P:4] 09-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 12-09-2010 00:06:06
ตกมาหน้า2ไวมาก

อึ๊บบบบบบ :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งหลัง) UP!! [P:4] 09-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 13-09-2010 01:29:27
 :เฮ้อ:ไรท์เตอร์หายไปไหนนี้ไมไม่มาต่อ

ตกมาหน้าที่ 2 เป็นวันที่ 2 แล้วนะไรท์เตอร์ มาต่อด่วน :call:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งหลัง) UP!! [P:4] 09-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: CYPINUS ที่ 13-09-2010 13:37:51
ไรท์เตอร์หายไปไหน ส่ายเรียกไรท์เตอร์กลับมา  :z2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งหลัง) UP!! [P:4] 09-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 13-09-2010 16:14:32
คุณชายนักดนตรีรอดแล้วดีใจจังเลย

ดีใจด้วยคนคร้าบบ ตอนหลังจะมีบทบาทเยอะมากเลยคร้าบ

จ้างอี้สุดที่รักไม่เป็นอะไรแล้วดีใจมากๆ :m3:
อ่ะจริงด้วยเค้าลืมขอจ้างอี้กจากไรท์เตอร์ว่าแล้วขอเลยก็แล้วกัน :m12:
ไรท์เตอร์เค้าขอจ้างอี้ตัวเองยกให้เค้านะ  :m23:

ยกได้คร้าบบ แต่ต้องค่าสินสอดด้วยน้าคร้าบบ ไม่ขออะไรมาก รักคนเขียนเพิ่มด้วยได้ไหมคร้าบ

เริ่มแทคทีมเป็นคู่ๆๆ แล้ว
นะ คีย์รัสทำไมจะดูแลเนกิไม่ไหวหล่ะ ออกจะน่ารักอยู่ อิอิ


ยกให้เนะดูแลดีกว่ามั้งแบบนี้ 555 ชอบอะดิ

ตกมาหน้า2ไวมาก

อึ๊บบบบบบ :z2: :z2:

 :กอด1: :กอด1: ขอบคุณคร้าบบ พอดียุ่งมากๆเสาร์อาทิตย์นี้อะคร้าบบ กำลังเขียนตอนใหม่แล้วครับคืนนี้ได้อ่านแน่นอน

ไรท์เตอร์หายไปไหน ส่ายเรียกไรท์เตอร์กลับมา  :z2:

กลับมาแล้วคร้าบบบ กำลังรีบเขียนเรื่องตอนต่อไปแล้วคร้าบบ  :กอด1:

 :กอด1: คนอ่าน :จุ๊บๆ: คนเม้น  ขอโทษที่ทำให้รอนานนะคร้าบ คืนนี้ได้อ่านแน่นอน
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่6สอนครั้งเดียวอาจารย์ตลอดไป(ครึ่งหลัง) UP!! [P:4] 09-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 15-09-2010 00:40:45
แหะๆ ขอโทษทีนะคร้าบ ลงช้าไปหนึ่งวัน ร่างกายไม่อำนวยเอาเสียเลยช่วงนี้

ขอโทษจริงๆคร้าบบ

....................................

กำเนิดมารฟ้าคนใหม่


อือออ อืออออ
มาร์คัสค่อยๆรู้สึกตัว เขาลืมตาขึ้นอย่างช้าๆและยากเย็น
เขารู้สึกหนักไปทั้งตัว นี่เขาบาดเจ็บมากขนาดนี้เลยหรือ
มาร์คัสเลยก้มลงมองที่ร่างกายของตัวเอง
เขาก็รู้แล้วว่าอะไรที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองหนักแบบนี้
เพราะว่านาซีซัสได้นอนทับอยู่บนตัวเขาทั้งตัว แถมกำลังหลับอย่างสบายใจอย่างมาก
ทีแรกมาร์คัสคิดจะปลุกให้นาซีซัสตื่นขึ้นมา
แต่เขาเห็นหน้าของนาซีซัสตอนหลับแล้วก็เลยปล่อยให้นอนต่อ

คร่อกกกก  ซูดดดด
“น้ำลายยยยย” มาร์คัสร้องออกมาพร้อมกลับผลักร่างนาซีซัสจนหล่นจากตัวเขา
“ทำไมเจ้าถึงได้ซกมกขนาดนี้นะ”
มาร์คัสลุกขึ้นนั่งพร้อมกับหยิบผ้ามาเช็ดคราบน้ำลายของนาซีซัสที่หน้าอก
งืมมม 
นาซีซัสยังงัวเงียอยู่เขาขยี้ตามองมาร์คัสที่นั่งมองหน้าเขาอยู่
“นี่เจ้าฟื้นแล้วหรือ ข้านึกว่าเจ้าจะแย่เสียแล้วนะ” นาซีซัสโผจะเข้าไปกอดมาร์คัส
แต่มาร์คัสเอามือขึ้นมาดันหัวนาซีซัสไว้ไม่ให้เข้าใกล้
“อะไรของเจ้านี่ ข้าอุตสาห์ดูแลเจ้าทั้งคืนเลยนะ ยังทำแบบนี้กับข้าอีกนะ”
นาซีซัสพูดทั้งๆที่กำลังพยายามจะกอดมาร์คัสเหมือนเด็กๆ
“ข้าไม่ได้รังเกียจเจ้าหรอกนะ เพียงแต่...”
มาร์คัสไม่รู้จะบอกยังไงเพราะหน้าของนาซีซัสเลอะคราบน้ำลายเต็มไปหมด
“เพียงแต่อะไร” นาซีซัสแปลกใจ
“ก็ที่หน้าเจ้านะสิ” มาร์คัสยังไม่ยอมบอกตรงๆ
“หน้าข้ามีอะไรงั้นหรือไง” นาซีซัสมองหากระจกบริเวณนั้น
เขาหยิบจานสีเงินมันวาวขึ้นมาส่องแทน
“เฮ้ยยยย” นาซีซัสร้องออกมาเมื่อเห็นหน้าของตัวเองเลอะไปด้วยคราบน้ำลาย
เขารีบวิ่งออกมาข้างนอกอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกอายกับตัวเองมาก

มาร์คัสค่อยๆประคองตัวเองเดินตามออกมาข้างนอกบ้าง
เขาแปลกใจกับสถานที่แห่งนี้พอสมควร เพราะมันทั้งกว้างใหญ่และโอ่โถงมาก
นาซีซัสเจอที่แบบนี้ได้ยังไงกันนะ หรืออาจเป็นโชคช่วยเขาก็ได้
นาซีซัสวิ่งกลับมาพร้อมกับล้างหน้ามาเรียบร้อยแล้ว
เขารีบวิ่งมาหามาร์คัสพร้อมกับพาไปนั่งที่มุมหนึ่งของถ้ำ
มุมนั้นเหมาะกับการนั่งพักผ่อนมาก เพราะใกล้กับลำธารที่ไหลผ่านในถ้ำทำให้เย็นสดชื่น
หลังจากที่พามาร์คัสมานั่งแล้วเขารีบเตรียมที่ทางทำอาหารให้มาร์คัสทันที

มาร์คัสนั่งมองนาซีซัสที่กำลังเตรียมอาหารให้เขา
เขาเองก็อดยิ้มกับท่าทางเก้ๆกังๆ ของนาซีซัสไม่ได้
นาซีซัสตั้งใจทำอาหารให้กับมาร์คัสอย่างเต็มที

“ข้าขอบใจเจ้ามากนะถ้าไม่ได้เจ้าข้าคงแย่แน่ๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกข้าได้ช่วยราชันย์อย่างท่าน แถมท่านยังบอกจะสอนวิชาข้าอีกด้วย ไม่มีอะไรวิเศษไปกว่านี้อีกแล้ว”
นาซีซัสยิ้มออกมาอย่างมีความสุขใจที่ได้ทำให้มาร์คัส
มาร์คัสเองก็กลับรู้สึกดีที่มีนาซีซัสเป็นคนดูแลเขา
“แต่ท่านต้องไม่ลืมสัญญาที่ให้กับข้าไว้นะ ว่าท่านจะสอนวิชาให้กับข้า” นาซีซัสมานั่งข้างๆมาร์คัส
“อืม แน่นอนข้าเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น แต่คงต้องให้ข้ารักษาตัวเองก่อนได้ไหม”
“ได้สิ ข้าก็ไม่อยากให้ท่านเป็นอะไรไปอีกเหมือนกัน แล้วข้างนอกจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ตอนนี้”
“ข้าก็เป็นห่วงเหมือนกัน แล้วเจ้าส่งข่าวตามที่ข้าบอกหรือยัง” มาร์คัสหันมามองหน้า
“ยังเลยข้ามัวแต่ทำแผลกับดูแลเจ้านะ แหะ แหะ” นาซีซัสหัวเราะแก้เขิน
“ข้าก็ไม่คิดจะว่าอะไรเจ้าอยู่แล้ว งั้นเจ้าช่วยข้าหน่อยแล้วกันนะ”
หลังจากมาร์คัสพูดเขาก็ยกฝ่ามือขึ้นมา เกิดรังสีม่วงอ่อนขึ้นรอบๆมือเขา
เขากำมือเข้ารังสีม่วงอ่อนก็เข้าไปรวมในฝ่ามือเกิดแสงสว่างลอดตามง่ามนิ้วออกมา
“เจ้าช่วยเอามันไปปล่อยลงในน้ำให้ข้าหน่อยแล้วกันนะ”
มาร์คัสยื่นสัตว์รูปร่างคล้ายปลาแต่มีครีบใหญ่เหมือนปีกตัวสีม่วงอ่อนให้นาซีซัส
“อะไร นี่มันตัวอะไร แล้วมันทำอะไรได้” นาซีซัสยังงงกับสิ่งที่มาร์คัสให้มา
“มันคือสัตว์ที่เกิดจากเนกิสข้าเอง มันจะไปยังที่ที่ข้าต้องการให้ไปแล้วส่งข่าวเอง เจ้าช่วยเอามันไปลงน้ำให้ข้าได้ไหม”
“ได้สิเรื่องแค่นี้เอง” นาซีซัสรับแล้วรีบวิ่งไปที่ธารน้ำเล็กในถ้ำ
โอ๊ะ!! นาซีซัสสะดุดก้อนหินที่ใกล้ๆธารน้ำ
เผละ เขาเหยียบเจ้าปลาสีม่วงที่มาร์คัสฝากมาเมื่อกี้สลายหายไปทันที
/แย่แล้ว ทีนี้เราจะทำยังไงดีล่ะ มาร์คัสจะว่าเราไหมคราวนี้/
นาซีซัสรีบหันกลับไปมองเห็นมาร์คัสกำลังนั่งเดินพลังรักษาตัวเองอยู่
/เอาวะ มาร์คัสไม่ทันมอง/
แล้วนาซีซัสก็รีบหยิบหินก้อนเล็กๆมาแทน แล้วเขาก็ทำเป็นโยนหินนั่นลงน้ำไปแทน
แล้วเขาก็รีบกลับมาหามาร์คัส
“ข้าส่งมันไปแล้วนะ” เขารีบบอกเมื่อเห็นว่ามาร์คัสมองหน้าเขา
“ขอบใจเจ้ามาก ข้าคงต้องเดินพลังรักษาตัวสักครึ่งวัน เจ้าหาอะไรทำไปก่อนได้ไหม”
“อืมได้สิ ข้าจะไม่รบกวนเจ้าหรอก งั้นข้าออกไปอีกฝั่งนะ”
นาซีซัสเข้าใจความหมายที่มาร์คัสบอก เขาเดินออกมามาร์คัสก็ตั้งสมาธิทันที
มาซีซัสเห็นรังสีม่วงอ่อนพวยพุ่งออกมารอบๆตัวมาร์คัสตลอดเวลา
/สักวันข้าจะเก่งแบบเจ้าให้ได้/ นาซีซัสรอบนึกในใจ


เขาเดินออกมาที่อีกฝากหนึ่งของถ้ำ พร้อมกับนั่งลงเล่นก้อนหินไปเรื่อยๆ
“จริงสิเรายังมีหนังสือวิชานั้นนี่นา” แล้วนาซีซัสหยิบหนังสือเก้ามารฟ้าออกมา
“เราฝึกขั้นหนึ่งผ่านได้ยังไงกันนะ ไหนบอกว่าฝึกยากไง” เขาแอบชมตัวเอง
เขาเปิดหนังสืออ่านต่อเพราะเขาคิดจะฝึกท่าต่อไป
“จริงสิลองอ่านสี่ท่าสุดท้ายดูดีกว่า เผื่อหนังสือมันจะหลอกเรา”
นาซีซัสรีบปิดไปที่สี่บทสุดท้าย พอเขาเปิดมาจนถึงท่าที่เก้า
เกิดควันสีดำพวยพุ่งออกมาจากหน้าสุดท้ายอย่างมากมาย
นาซีซัสรีบโยนหนังสือลงไปบนพื้น พร้อมกับจะวิ่งออกไปหามาร์คัส
“อ๊ะ เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงขยับตัวไม่ได้” นาซีซัสยืนตัวแข็งในท่ากำลังจะวิ่ง
ควันสีดำที่ลอยคละคลุ้งเริ่มมารวมตัวกันอยู่ตรงหน้าเขา
ควันสีดำเริ่มรวมตัวเป็นรูปร่างคล้ายคนสูงใหญ่
แต่ต่างตรงที่มีเขาบนหัวกับดวงตาสีแดงกล่ำ
“เหวอออ มาร์คัสช่วยข้าด้วยยย” นาซีซัสตะโกนสุดเสียงหวังให้มาร์คัสช่วย
“ทำไม ทำไมไม่มีเสียงออกมาล่ะ มาร์คัส” เขาพยายามตะโกนอีกครั้ง
แต่เสียงของเขาก็ยังไม่ยอมดังออกมาเหมือนเดิม
“ฮ่า ฮ่า เจ้าอย่าหวังจะให้ใครมาช่วยเลย วันนี้เจ้าโชคดีแล้วที่มาเจอกับข้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เสียงของเงาดำนั้นดังขึ้นในหัวเขาโดยตรง
“เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่ แล้วจะทำอะไรข้า” นาซีซัสถาม
“ข้าคือมารเด็ดดาว ผู้คิดค้นวิชานี้ขึ้นมาเจ้าไม่ต้องกลัวข้าหรอก”
“มารเด็ดดาว คือใครกันแล้วตกลงท่านเป็นคนหรือเป็นผีกันแน่”
“ข้าไม่ใช่ทั้งคนทั้งผี แต่ข้าเป็นมาร แล้วข้าจะทำให้เจ้าเป็นมารต่อจากข้าอีกคน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

หลังจากที่พูดประโยคสุดท้าย ควันดำนั้นก็พุ่งเข้าหานาซีซัส
พร้อมกับค่อยๆซึมเข้าตามร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว
อ๊ากกกกก
นาซีซัสร้องออกมาอย่างไม่มีเสียง เพราะว่าตอนนี้ร่างกายเขาร้อนราวกับโดนไฟเผา
พลังงานมากมายวิ่งเข้าสู่ร่างกายของเขา ภาพท่าทางของวิชาเก้ามารฟ้าก็ลอยขึ้นมาในหัว
ร่างกายของเขาเริ่มขยับท่าทางตามภาพที่เกิดขึ้นในหัวอย่างอัตโนมัติ
หลังจากที่ร่างกายเขาขยับไปเอง พลังที่เข้ามาในร่างกายก็ค่อยรวมกับตัวเขาอย่างสมบูรณ์
แต่เมื่อร่างกายเขาขยับไปเรื่อยๆ ความรู้สึกอยากเห็นเลือดกับความโหดเหี้ยมเขาก็เพิ่มขึ้นตาม
ความรู้สึกนึกคิดของนาซีซัสค่อยๆกลายเป็นมารเพิ่มขึ้นทีละน้อยๆ
ตอนนี้เขาเริ่มอยากเห็นแต่เลือด อยากเห็นซากศพของคนที่ตายด้วยฝีมือเขา
/ต่อไปเจ้าจะเป็นมารฟ้าคนที่สอง จงสนุกกับการฆ่าคนเสียเถอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า/
เสียงนั้นดังก้องในหัวของนาซีซัสก่อนที่จะเงียบไป
ความคิดต่างๆของเขาเริ่มเปลี่ยนไป เขาอยากทดสอบพลัง เขาอยากเห็นเลือด
ต่างกายของเขากลับมาขยับได้ดังใจเหมือนเดิมแล้ว
“หึ หึ ต่อไปข้าก็เป็นอันดับหนึ่งสินะ” นาซีซัสลองปล่อยหมัดออกไป
ตูมมม
ก้อนหินขนาดใหญ่ในถ้ำแตกสลายด้วยพลังของเขาทันที
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้ามีพลังขนาดนี้ก็ไม่ต้องกลัวใครแล้ว” ตอนนี้นิสัยเขาเปลี่ยนไปแล้ว


“นาซีซัสเกิดอะไรขึ้น” มาร์คัสรีบเข้ามาดูเมื่อได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น
แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นนาซีซัสที่มีดวงตาสีแดงกล่ำกำลังยืนจ้องกลับมาที่เขา
“นี่เจ้าเป็นอะไรไป” มาร์คัสรีบตรงเข้าไปจะช่วยเหลือ
ฮึบ
เขากลับต้องกระโดดถอยหลังหลบออกมา เพราะนาซีซัสปล่อยคลื่นพลังสีดำเข้าใส่เขา
“นี่มันอะไรกัน นี่เจ้ามีพลังแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” มาร์คัสแปลกใจ
แต่นาซีซัสกลับไม่ตอบ เขาปล่อยคลื่นสีดำเข้าใส่มาร์คัสอีกครั้ง
มาร์คัสแกร่งพลังไว้ที่หมัดทันที เขาใช้หมัดต้านพลังนั้นออกไปด้านข้าง
เขาต้องเซถอยหลังไปถึงสองก้าวเมื่อปะทะกับพลังนั้น
“นี่มันพลังอะไรกัน เจ้าเป็นอะไรไปนาซีซัส” มาร์คัสพยายามเรียกสตินาซีซัส
แต่กลับไม่เป็นผล นาซีซัสกลับพุ่งเข้ามาใส่เขาแทน
นาซีซัสพุ่งเข้ามาพร้อมกับไอสีดำรอบตัว มาร์คัสรีบตั้งท่ารับมือ
“พลังมาร” มาร์คัสพอจะเดาออกแล้วว่าพลังของนาซีซัสเป็นแบบไหน
แต่เขาก็แปลกใจว่านาซีซัสทำไมมีพลังมารที่ตัวได้
มาร์คัสใช้เพลงหมัดราชันย์เข้าต้านกับนาซีซัสที่พุ่งเข้ามา
เพียงพริบตาเดียวทั้งสองผลัดกันรุกรับไปสิบกว่าท่า
แต่มาร์คัสเป็นฝ่ายเสียเปรียบกว่าเพราะเขายังมีอาการบาดเจ็บอยู่
เขาเริ่มถอยหลังหลบการรุกของนาซีซัสทีละน้อย

ถ้าคนที่รับมือนาซีซัสตอนนี้ไม่ใช่มาร์คัส คนนั้นก็คงจบชีวิตลงไปนานแล้ว
เพลงหมัดของวิชาเก้ามารฟ้าก็รวดเร็วและรุนแรงอย่างมาก
ต่อให้มาร์คัสปกติก็ยังรับมือได้ยากอยู่แล้ว ดีที่ว่าร่างกายนาซีซัสยังไม่คุ้นกับการใช้พลังนี้
แต่ถึงกระนั้นก็ทำให้มาร์คัสลำบากอย่างมากแล้ว
ตุบ  อ๊อกกกกก
นาซีซัสปล่อยหมัดเขาที่หน้าอกของมาร์คัสเต็มหมัด
จนมาร์คัสกระอักเลือดออกมาแล้วทรุดลงไปนั่งกับพื้น
เลือดอุ่นๆของมาร์คัสพุ่งเลอะเต็มตัวและหน้าของนาซีซัส
นาซีซัสหยุดการโจมตีทันที ท่าทางของเขาดูแปลกไปตอนนี้
สายตาเขาเริ่มสับสน เนื้อตัวของเขาเริ่มสั่นเทา
อ๊ากกกกกกกก
นาซีซัสร้องออกมาอย่างทรมานก่อนที่จะล้มลงเช่นกัน
มาร์คัสรีบประคองตัวเองแล้วเข้าไปหานาซีซัสที่ล้มลง
“นาซีซัสเจ้าเป็นยังไงบ้าง” มาร์คัสเขย่าตัวนาซีซัส
“อืออ” นาซีซัสค่อยๆลืมตาขึ้นมา
“มาร์คัส ข้ากลัว มันอยู่ในตัวข้า ข้าจะทำยังไงดี” นาซีซัสพูดอย่างร้อนรนและหวาดกลัว
“เจ้าใจเย็นๆก่อน เจ้าค่อยๆเล่าให้ข้าฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น” มาร์คัสกอดนาซีซัสเพื่อปลอบใจและให้ตั้งสติได้
“ข้า ข้ากลัว มาร์คัส ข้ากลัว” นาซีซัสกอดมาร์คัสไว้แน่นด้วยความกลัว
“เจ้าใจเย็นๆก่อนข้าอยู่นี่แล้ว ค่อยๆเล่าให้ข้าฟังสิ” มาร์คัสปลอบใจ


หลังจากที่มาร์คัสปลอบใจให้นาซีซัสตั้งสติพักใหญ่
นาซีซัสก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เขาฟังอย่างละเอียด
มาร์คัสมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างมาก
เพราะเขารู้จักวิชานี้เป็นอย่างดี ถึงเขาจะเกิดไม่ทันยุคของมารเด็ดดาว
แต่ก็ได้มีการบันทึกไว้ที่ทำการของราชันย์อย่างเขามากมาย
แล้วเขาจะช่วยนาซีซัสได้อย่างไร คงมีเพียงจางอี้เท่านั้นที่จะรู้วิธี
แต่จางอี้เก็บตัวเงียบมานานมากแล้ว เขาจะหาเจอหรือไม่ก็ยังไม่แน่ใจ


นาซีซัสหลับไปเพราะร่างกายยังไม่ชินกับพลังของวิชาเก้ามารฟ้า
มาร์คัสรีบเดินพลังรักษาตัวเอง เพราะถ้าเขายังไม่หายดีอาจช่วยนาซีซัสไม่ไหว
ขณะที่เขากำลังเดินพลังรักษาตัวอยู่นั้น เขาก็รู้สึกถึงพลังมารเริ่มก่อตัวขึ้นอีก
มาร์คัสรีบคลายการเดินพลัง เขามองเห็นนาซีซัสกำลังออกไปข้างนอก
เขารีบตามไปทันที เขามั่นใจว่านาซีซัสต้องโดนมารครอบงำอีกแล้ว
มาร์คัสแอบติดตามนาซีซัสไปอย่างห่างๆ เขาอยากรู้ว่าร่างมารของนาซีซัสจะทำอะไรกันแน่


นาซีซัสมาจนถึงหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง ที่เงียบสงบเพราะผู้คนเข้านอนหมดแล้ว
เขายืนอยู่บนหลังคาของบ้านหลังที่ใหญ่ที่สุดแล้วมองไปรอบๆ
นาซีซัสยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น ก่อนที่เขาจะกระโดดปล่อยพลังคลื่นสีดำเข้าใส่บ้านหลังหนึ่ง
ตูมมมม!!!
บ้านหลังนั่นระเบิดกระจัดกระจาย ฝุ่นควันคละคลุ้งไปทั่ว
ผู้คนในหมู่บ้านตื่นเปิดไฟรีบออกมาดูที่บ้านหลังนั้นอย่างรวดเร็ว
คลื่นสีดำพุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่ออกมาจากบ้าน
ฮึบ!!
มาร์คัสรีบเข้ามาขวางคลื่นสีดำนั้นไว้ไม่ให้เข้าไปทำร้ายชาวบ้าน
“รีบหนีไปจากตรงนี้เร็วเข้า ข้าจะต้านไว้ไม่ไหวแล้ว” มาร์คัสรีบตะโกนบอกชาวบ้านข้างหลังเขา
เพราะตอนนี้เขาค่อยๆถอยหลังเขาไปหาชาวบ้านเรื่อยๆแล้ว
ชาวบ้านถึงจะไม่รู้เรื่องอะไรแต่ก็วิ่งหลบตามที่มาร์คัสบอก
เมื่อเห็นว่าชาวบ้านหลบพ้นทางของพลังแล้ว เขาก็กระโดดอ้อมไปด้านหน้าของพลัง
ปล่อยให้พลังพุ่งต่อไปโดนบ้านเรือนของชาวบ้านพังครืนลงมา
“นาซีซัส เจ้าได้สติเสียทีสิ เจ้าอยากฆ่าชาวบ้านพวกนี้หรือไง” มาร์คัสตะโกนเตือนสตินาซีซัส
แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล แล้วตอนนี้ชาวบ้านก็เริ่มแตกตื่นวิ่งกันโกลาหลไปหมด
นาซีซัสไม่สนใจที่มาร์คัสบอกกับพุ่งเข้าใส่ชาวบ้านแทน
มาร์คัสรีบพุ่งเข้าไปขัดขวาง ครั้งนี้เขาไปมือเปล่าคงรับมือยาก
เขาหยิบดาบเทวะราชันย์มาไว้ในมือ พร้อมกับพันไปที่นาซีซัส
คลื่นดาบสีม่วงอ่อนพุ่งเข้าใส่นาซีซัสอย่างรวดเร็ว
กิ้ง
นาซีซัสไม่เพียงไม่หลบคลื่นดาบนั้น กับใช้มือที่ห่อหุ้มด้วยพลังสีดำรับไว้
นาซีซัสยิ้มให้มาร์คัสเล็กน้อยก่อนที่เขาจะปาพลังดาบของมาร์คัสกลับคืนเจ้าของ
มาร์คัสตกตะลึกกับเหตุการณ์ที่เห็น เพราะเขาไม่เคยคิดว่าจะมีคนรับพลังของเขาได้ด้วยมือเปล่า
แถมยังใช้มือเพียงข้างเดียว พลังของวิชาเก้ามารฟ้าช่างสูงส่งอะไรอย่างนี้
แต่ถึงจะตกใจยังไงมาร์คัสก็ยังมีสติพอที่จะตั้งรับพลังของตัวเองที่โดนส่งกลับมา
มาร์คัสรีบร่ายเพลงดาบเทวะราชันย์ท่า สะท้านสิบทิศ เข้าต้านพร้อมกับรุกคืนไปในตัว
คลื่นดาบสีม่วงอ่อนสิบสายพุ่งเรียงตัวกันออกไป สายหนึ่งเขาชนกับพลังที่โดนส่งกลับมา
ส่วนอีกเก้าสายพุ่งตรงไปที่นาซีซัส ที่มาร์คัสลงมือเต็มทีเช่นนี้เพราะเขารู้ถึงความแข็งแกร่งของนาซีซัสตอนนี้ดี
นาซีซัสเร่งพลังสูงขึ้น จนมีคลื่นสีดำมาห่อหุ้มตัวไว้
เขาตรงเข้าใช้หมัดต่อยคลื่นพลังของมาร์คัสให้สลายไป
แต่พลังทั้งเก้าสายมีเยอะเกินกว่าที่เขาจะตั้งรับไปหมดคราวเดียว ทำให้เขาโดนพลังเข้าไปสองสามครั้ง
และที่น่าแปลกคือนาซีซัสไม่มีท่าร่างอะไรพิเศษ การต้านพลังก็เหมือนการใช้หมัดต่อยออกมาเท่านั้น
สิ่งนี้เองมาร์คัสก็สังเกตได้
/หรือว่านาซีซัสจะมีแต่พลัง แต่กลับไม่มีท่าร่างแบบนี้เป็นโอกาสของเราแล้ว/
มาร์คัสเห็นโอกาสที่เหมาะสม เขารีบร่ายท่าต่อเนื่องออกมา เขาหวังจะสยบนาซีซัสให้ได้โดยเร็ว
เขารีบเร่งพลังให้สูงสุดก่อนที่จะร่ายท่า เก้าทัพกำชัย
เมื่อร่ายท่านี้ออกมา คลื่นสีม่วงจากดาบนับร้อยแผ่พุ่งไปทั่วบริเวณ
เมื่อคลื่นพลังสัมผัสสิ่งใดสิ่งนั้นจะขาดเป็นชิ้นเล็กๆทันที
มาร์คัสบังคับคลื่นพลังนั้นให้ล้อมรอบนาซีซัสไว้
นาซีซัสที่ไร้สติเร่งพลังให้สูงขึ้นเหมือนกัน ควันสีดำพวยพุ่งออกมาจากร่างกายเขา
จนมองไม่เห็นตัวของเขาแม้แต่น้อย คลื่นพลังของมาร์คัสพุ่งเข้าใส่เขาทุกทิศทางนับร้อยสาย
ตูม!!!
เกิดเสียงตูมตามดังอย่างไม่ขาดสาย มาร์คัสเองหวังว่าคงไม่รุนแรงเกินไปจนทำให้นาซีซัสเกิดอันตราย
สักพักใหญ่เสียงระเบิดที่ดังต่อเนื่องหยุดลง หมอกควันเริ่มจางไป
มาร์คัสตกตะลึงกับภาพที่เห็น เพราะเขาเห็นกลุ่มก้อนสีดำที่เกิดจากการก่อตัวของพลังนาซีซัสยังอยู่
เขารีบจับดาบตั้งท่าอีกครั้ง ควันสีดำนั้นหายกลับเข้าไปในตัวนาซีซัสอย่างรวดเร็ว
ร่างของนาซีซัสทรุดนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น มีเลือดไหลออกมาที่มุมปากเล็กน้อย
แต่ตามตัวไม่มีบาดแผลอะไรแม้แต่น้อย พลังป้องกันตัวของวิชาเก้ามารฟ้าช่างสุดจะประมาณเหลือเกิน
เพราะขนาดมาร์คัสทุ่มพลังเต็มที่เพื่อหวังจะจัดการให้สลบแล้ว แต่กลับไม่เป็นผลแม้แต่น้อย


แตร๊ง  แตร๊รรรรง แตร๊ง
เสียงพิณดังแววมาตามสายลม แต่กลับได้ยินอย่างชัดเจน
นาซีซัสดูมีท่าท่างกระวนกระวายขึ้นมาทันที
มาร์คัสเองก็แปลกใจกับเสียงพิณนั้น เพราะเวลาแบบนี้ใครยังมีใจมาเล่นพิณ
แถมเสียงพิณยังแฝงด้วยพลังที่กล้าแข็งอีกด้วย

แตร๊ง แตร๊ง แตร๊ง
เสียงพิณเร่งเร้าทำนองมากขึ้น ยิ่งกระตุ้นให้นาซีซัสกระวนกระวายมากขึ้น
ฟุบ
นาซีซัสพุ่งตัวออกไปตามเส้นทางที่เสียงพิณลอยมา
มาร์คัสรีบตามไปทันที เขาคิดว่าเขาจะต้องช่วยให้นาซีซัสมีสติกลับมาให้ได้
แล้วอีกอย่างเขาก็อยากรู้ว่าใครเป็นคนดีดพิณเพื่อเรียกให้นาซีซัสตามไปกันแน่



TBC.
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่7กำเนิดมารฟ้าคนใหม่ UP!! [P:5] 15-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: CYPINUS ที่ 15-09-2010 08:55:56
นาซีซัสถูกพลังมารเข้าครอบงำซะแล้ว  o22
มาคัสช่วยนาซีซัสให้ได้นะ  :กอด1:
คนที่ดีดพิณ คงเป็นจางอี้นะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่7กำเนิดมารฟ้าคนใหม่ UP!! [P:5] 15-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 15-09-2010 19:01:05
 :a5:
พระเอกเราฟื้นขึ้นมาก็โดนซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่7กำเนิดมารฟ้าคนใหม่ UP!! [P:5] 15-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 15-09-2010 19:55:03
นาซีซัสโดนสิง  :o
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่7กำเนิดมารฟ้าคนใหม่ UP!! [P:5] 15-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 15-09-2010 19:59:03
มาคัสอย่าให้นาซีซัสโดนสิงนะ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่7กำเนิดมารฟ้าคนใหม่ UP!! [P:5] 15-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 17-09-2010 00:41:35
แย่ละนาซีซัสโดนพลังมารครอบง่ำ

จางอี้ออกมาช่วยนาซีซัสที ไวๆนะเดียวไม่ทันการณ์
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่7กำเนิดมารฟ้าคนใหม่ UP!! [P:5] 15-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 17-09-2010 17:45:23
นาซีซัสถูกพลังมารเข้าครอบงำซะแล้ว  o22
มาคัสช่วยนาซีซัสให้ได้นะ  :กอด1:
คนที่ดีดพิณ คงเป็นจางอี้นะ  :impress2:


มาร์คัสเขาช่วยเต็มที่อยู่แล้วครับ งานนี้ช่วยเต็มที่

:a5:
พระเอกเราฟื้นขึ้นมาก็โดนซะแล้ว

แหมนิดหน่อยเองคร้าบบ แต่ก็ยังเก่งเหมือนเดิม

นาซีซัสโดนสิง  :o

จริงๆน่าจะตามหมอผีเนอะ ไม่ใช่ให้มาร์คัสช่วย  :laugh:

มาคัสอย่าให้นาซีซัสโดนสิงนะ

โดนไปแลเหลือแต่ช่วยให้ควบคุมมันได้เท่านั้นเองคร้าบบ

แย่ละนาซีซัสโดนพลังมารครอบง่ำ

จางอี้ออกมาช่วยนาซีซัสที ไวๆนะเดียวไม่ทันการณ์

จางอี้แฟนคลับเหนี่ยวแน่น ตอนหน้าจะใช่จางอี้ไหมน้อ รอลุ้นนะคร้าบบ

 :กอด1: คนอ่าน :จุ๊บๆ: คนเม้น ขอบคุณทุกคนนะคร้าบ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่7กำเนิดมารฟ้าคนใหม่ UP!! [P:5] 15-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: ทับทิมกรอบ ที่ 17-09-2010 20:02:48
มารฟ้าช่างร้ายกาจนัก  :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่7กำเนิดมารฟ้าคนใหม่ UP!! [P:5] 15-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 17-09-2010 22:20:57
มาร์คัส เหนื่อยหน่อยนะ ที่นาซีซัสเป็นแบบนี้
กอดๆๆๆ ต้อนรับเนกิด้วยความยินดี อิอิ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่7กำเนิดมารฟ้าคนใหม่ UP!! [P:5] 15-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 19-09-2010 17:48:25
มาดันไว้ก่อน คืนนี้ลงตอนใหม่ค่อยตอบเม้นนะคร้าบบ

 :z2: :z2: :z2:

มาตอบเม้นที่เหลือแล้วครับ

มารฟ้าช่างร้ายกาจนัก  :m31: :m31: :m31:

ทั้งร้ายทั้งเก่งเลยนะครับ ตอนหน้ารู้แน่นอน

มาร์คัส เหนื่อยหน่อยนะ ที่นาซีซัสเป็นแบบนี้
กอดๆๆๆ ต้อนรับเนกิด้วยความยินดี อิอิ

กอดเด็กๆใหญ่เลยนะเนะ เนกิเค้าหวงน้า
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่7กำเนิดมารฟ้าคนใหม่ UP!! [P:5] 15-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 19-09-2010 20:55:25
อัจฉริยะถือกำเนิด


มาร์คัสรีบติดตามนาซีซัสมาติดๆ แต่เขาไม่ได้เข้าไปขัดขวาง
เพราะเขาก็ต้องการที่จะรู้เหมือนกันว่าใครกันที่สามารถเรียกความสนใจของนาซีซัสได้
นาซีซัสวิ่งตามมาได้สักพักใหญ่ก็หยุดที่หน้าทะเลสาบแห่งหนึ่ง
กลางทะเลสาบมีบ้านหลังเล็กๆตั้งอยู่ เสียงพิณลอยมาจากบ้านหลังนั้น
นาซีซัสร่ายวิชาตัวเบาวิ่งบนผิวน้ำไปที่บ้านหลังนั้น
มาร์คัสตามติดไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนนาซีซัสไม่ได้สนใจมาร์คัสแม้แต่น้อย
ดูเหมือนเขาจะพุ่งความสนใจไปที่คนที่ดีดพิณอยู่ในบ้านมากกว่า

โครม!!!
นาซีซัสปล่อยพลังเข้าทำลายประตูบ้านทันทีที่ถึงพื้นดินกลางทะเลสาบ
แต่เขาก็ไม่ได้เข้าไปในบ้านหลังนั้น กลับยืนมองอยู่ภายนอกเท่านั้น
มาร์คัสตามมาหยุดอยู่ที่ข้างหลังนาซีซัส เขามองเข้าไปข้างในบ้าน
“ท่านจางอี้” มาร์คัสร้องทักทันทีที่เข้าเห็นคนที่อยู่ในบ้าน
มาร์คัสย่อมรู้จักจางอี้เป็นอย่างดี เพราะเขาเป็นราชันย์คนแรก
และเป็นคนสร้างกฎต่างๆในการประลองขึ้น และเป็นคนที่เคยแนะนำเขาในการฝึกวิชาอีกด้วย

นาซีซัสมีท่าทีที่แปลกไปเมื่ออยู่ต่อหน้าจางอี้
คงเพราะเมื่ออดีตคนที่ปราบมารฟ้าลงได้ก็คือจางอี้คนนี้
เขาเร่งพลังเนกิสในกาย จนเกิดรังสีดำจางๆรอบๆตัวเขา
“เจ้าต้องช่วยข้าปราบมารฟ้าก่อน ไม่งั้นเราจะช่วยเด็กคนนี้ไม่ได้”
จางอี้ส่งเสียงผ่านพลังเนกิสมาบอกมาร์คัสที่กำลังยืนงงอยู่
“แต่ข้ากลัวนาซีซัสบาดเจ็บ” มาร์คัสตอบกลับไปด้วยพลังเนกิสเช่นกัน
“ถ้าเจ้าไม่ทำเด็กคนนี้อาจกลายเป็นมารเต็มตัว แล้วเราก็จะช่วยเขาไม่ได้นอกจากจะต้องฆ่าเขาเท่านั้น”
มาร์คัสทำหน้าเคร่งเครียดทันทีเมื่อได้ยินจางอี้พูดแบบนี้
เพราะจางอี้คงไม่เอาเรื่องแบบนี้มาหลอกเขาแน่นอน
แล้วเขาเองก็รู้แล้วด้วยว่าพลังมารฟ้าร้ายกาจขนาดไหน
เขาไม่มีทางที่จะรับมือนาซีซัสคนเดียวไหวแน่นอน
“ก็ได้ข้าจะร่วมมือกับท่าน แต่ท่าโปรดอย่ารุนแรงกับนาซีซัสมากนะครับ”
มาร์คัสยังเป็นห่วงสวัสดิภาพของนาซีซัสอยู่ดี
“ได้ข้ารับปากเจ้า” จางอี้รับปาก
“แต่ข้าไม่รับปาก” เสียงดังขึ้นมาจากหลังจางอี้ ก่อนที่จะมีคนเดินออกมาจากมุมมืด
“ท่านไป่จง” มาร์คัสตกใจที่เห็นไป่จงก็อยู่ที่นี่ด้วย
ถึงไป่จงจะเป็นแค่จักรพรรดิ แต่เขาก็มีพลังไม่ด้อยไปกว่าเขาแน่นอน
แถมไป่จงยังเป็นคนที่เคยประมือกับมารฟ้ามาพร้อมกับจางอี้เมื่อหลายสิบปีก่อน
เขาต้องเสียเพื่อนไปหลายคนจากการต่อสู้ครั้งนั้น
เขาคงมีความแค้นกับมารฟ้าอยู่พอสมควร แต่นี่มันนาซีซัสไม่ใช่มารเด็ดดาว
ยิ่งทำให้มาร์คัสกังวลยิ่งขึ้น
“ท่านไป่จง เด็กคนนี้ไม่รู้เรื่องด้วยนะครับ ท่านอย่าเอาความแค้นในอดีตมาปนกันสิครับ”
“นี่เจ้ากล้าสั่งสอนข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กันมาร์คัส” ไป่จงตอบด้วยพลังที่กล้าแข็ง
“ข้าไม่กล้าสั่งสอนท่านแน่นอน เพียงแต่ข้าอยากแจ้งให้ท่านทราบเท่านั้นเองครับ”
“หึหึ นับว่าเจ้าใจกล้าขึ้นไม่น้อย ก็ได้ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าเด็กคนนี้แต่ถ้าเราปราบมันไม่ได้ข้าก็จะไม่ปราณีอีก”
ไป่จงรับปากก่อนที่จะชักกระบี่ไร้ลักษณ์ออก
มาร์คัสเองก็ก็หยิบแคปซูลขึ้นมาบีบแล้วโยนขึ้นฟ้า ทวนเทวะนาคราชออกมาจากแคปซูลนั่น
เขารับทวนที่ตกลงมาแล้วพุ่งเข้าหานาซีซัสจากด้านหลังทันที
เพลงทวนนาคราชถูกใช้ออกไป ทวนที่แทงออกไปเคลื่อนไหวคดเคี้ยวคล้ายการเคลื่อนที่ของพญานาค
นาซีซัสหันกลับมาใช้มือเปล่าที่ห่อหุ้มด้วยพลังสีดำผลักปลายทวนให้พุ่งไปทางพวกจางอี้กับไป่จง
ตูมมมม
พลังของทวนพุ่งเข้าไปในบ้านเกิดระเบิดจนฝุ่นคละคลุ้งไปทั่ว
รังสีกระบี่สีน้ำเงินเข้มพุ่งลงมาจากบนฟ้านับสิบสายเข้าใส่นาซีซัส
เขาใช้วิชาตัวเบาหลบได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ไม่มีเวลาให้เขาพักหายใจมากนัก
เพราะจางอี้จู่โจมด้วยคลื่นพลังสีขาวเข้ามาทางที่เขากำลังหลบ
ฮึบ
นาซีซัสเกร็งพลังใช้หมัดต้านพลังของจางอี้ ก่อนที่จะผลักไปหาไป่จงที่ลอยอยู่บนอากาศ
มาร์คัสตั้งหลักพลิกตัวแทงทวนเข้าใส่นาซีซัสอีกครั้ง
กิ้ง
เสียงทวนเหมือนกระทบกับเหล็กกล้าเมื่อเขาแทนถูกที่กลางหลังนาซีซัส
“มารฟ้าอลงกรณ์” มาร์คัสเปรยออกมา
“ท่าทางมารฟ้าจะเริ่มคุ้นกับร่างนี้แล้ว เราต้องเร่งมือกันแล้ว”
จางอี้บอกกับไป่จงกับมาร์คัส พร้อมกับปล่อยคลื่นพลังเข้าใส่นาซีซัสอีกครั้ง
ทางด้านมาร์คัสกับไป่จงก็ลงมือพร้อมกัน

พลังจากยอดฝีมือแห่งยุคทั้งสามคนพุ่งเข้าใส่นาซีซัสพร้อมกัน
ต่อให้เป็นคนที่มีพลังกล้าแข็งก็ไม่สามารถรับพลังทั้งสามคนนี้พร้อมกันแน่นอน
บรึ้มมมมมม
เสียงระเบิดของพลังทั้งสามคนดังสนั่นหวันไหว ถึงขนาดแผ่นดินสะเทือนออกไปเป็นวงกว้าง
ฝุ่นควันคละคลุ้งไปไกลหลายร้อยเมตร นี่คงเป็นการประสานพลังที่รุนแรงที่สุดของยุคนี้ก็ได้
ทั้งสามคนยืนมองเข้าไปที่กลางกลุ่มควัน เพื่อรอดูว่าจะสยบนาซีซัสลงได้หรือไม่
ฟิ้วววว
คลื่นพลังสีดำพุ่งเข้าใส่ทั้งสามคนพร้อมกัน ทั้งหมดรีบตั้งรับทันที
“ดูเหมือนมันจะแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมากนัก หรือว่าเด็กคนนี้จะมีพลังพิเศษในตัว”
จางอี้ดูกังวลมากขึ้น
“ทุกคน เราออมมือต่อไปไม่ได้แล้วนะ ถ้าอยากช่วยเด็กคนนี้ก็ต้องลงมือเต็มที่”
จางอี้ตะโกนบอกพร้อมกับเร่งพลังให้สูงขึ้นไปอีก
รอบตัวเขาเกิดรังสีขาวอ่อนสว่างพวยพุ่งออกมาสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า
ทางด้านมาร์คัสกับไป่จงก็ก็ทำเช่นเดียวกัน
ถ้าคนอื่นที่มองจากที่ไกลๆจะมองเห็นเสาแสงสีขาว ม่วง และน้ำเงินพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า


มารฟ้าในร่างนาซีซัสก็เร่งพลังจนสูงสุดเช่นกัน
รังสีดำทะมึนแผ่กระจายคลอบคลุมเกาะกลางทะเลสาบไว้
ทั้งสามคนได้พลังเนกิสของตัวเองช่วยห่อหุ้มร่างกายเอาไว้
เลยไม่เกิดผลกระทบจากรังสีดำทะมึนนั่น แต่ต้นไม้กับสัตว์ที่อยู่บนนั้นล้มตายแห้งเหี่ยวลงไปหมด
ทั้งสามคนหันไปมองหน้ากันก่อนที่จะพุ่งทะยานเข้าไปหานาซีซัสพร้อมๆกัน
เพียงชั่วพริบตาร่างของทั้งสามคนก็เข้าไปถึงนาซีซัสพร้อมกัน
ทั้งสามลงมือโจมตีพร้อมกัน
นาซีซัสตกเป็นฝ่ายตั้งรับบ้างคราวนี้ เพราะต่อให้เก่งยังไงก็รับมือกับยอดฝีมือถึงสามคนไม่ไหวแน่นอน
ตอนนี้ตามร่างกายเขาเริ่มเกิดบาดแผลขึ้นมาหลายแห่ง
แต่พวกมาร์คัสเองก็มีบาดแผลเกิดขึ้นเหมือนกัน ทั้งขนาดสามรุมหนึ่งยังรับมือนาซีซัสลำบาก
นี่ถ้าทีแรกมาร์คัสลงมือคนเดียวอาจแพ้ไปแล้วก็ได้


มาร์คัสเห็นจังหวะ ใช้เพลงทวนนาคราชท่านาคาจำศีลออกมา
รังสีทวนม่วงอ่อนพุ่งออกมาแล้วกระจายออกปักตรึงร่างนาซีซัสไว้มันที
แต่พลังแค่คนเดียวคงหยุดนาซีซัสได้ไม่นานจางอี้จึงใช้ท่าหยุดนิ่งฟังทำนองออกมาเสริม
สายพิณในมือเขาพุ่งออกมาพันร่างนาซีซัสไว้อีกที
เขาปล่อยพลังเนกิสผ่านสายพิณเพื่อไม่ให้นาซีซัสทำลายมันได้
ไป่จงเห็นเป็นโอกาสที่เหมาะเขาแทงกระบี่เข้าไปที่กลางหน้าผากนาซีซัส



“คีย์รัสแล้วเจ้าจะไปยังไงล่ะ ที่อยู่ของมาร์คัสไกลมากเลยนะ” เนกิถามเมื่อเขาเดินทันคีย์รัส
“ถ้าสำหรับข้ามันไม่ไกลขนาดนั้นหรอก” คีย์รัสพูดพร้อมกับจับตัวเนกิมาแบกไว้
“เหวอออ นี่เจ้าจะทำอะไรข้า” เนกิถามเสียงหลง
“เจ้าอยู่เงียบๆเถอะน่า เดี๋ยวข้าพาไปเอง” คีย์รัสพูดพร้อมกับใช้วิชาตัวเบาพาเนกิทะยานขึ้นท้องฟ้าไป
“ว้าวววว บินบนท้องฟ้ามันเป็นแบบนี้นี่เอง ต่อไปเจ้าพาข้าบินบ่อยๆนะ”
เนกิชอบการลอยตัวบนอากาศ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนพาเขาบินบนอากาศ
“นี่ท่านจางอี้ไม่เคยพาเจ้าทำแบบนี้หรือไง” คีย์รัสสงสัย
“ไม่เคยเลย ข้าอยู่กับอาจารย์ที่กระท่อมนั่นตลอดเวลา ไม่เคยไปไหนเลยมากสุดก็ไปแค่ตลาดเท่านั้นเอง”
ฟิ้วววว
มีดบินกางเขนทองพุ่งเข้ามาที่คีย์รัส
เขากอดเนกิไว้จนแน่นก่อนที่จะหมุนตัวหลบมีดบิน
เขาร่อนลงพื้นอย่างรวดเร็วคีย์รัสรีบวางเนกิลงก่อนที่จะให้มาหลบข้างหลังเขา
เพราะตอนนี้มีมีดบินพุ่งเข้ามาอีกหลายเล่ม
คีย์รัสใช้มือรับมีดบินทั้งหมดที่บินเข้ามาหาเขาจนหมด
“มีดบินกางเขนทองคำ กลุ่มโซดิเอค หรือว่าเป็นพวกเดียวกับที่ทำร้ายอาจารย์” เนกิบอกออกมาเมื่อเขาเห็นรูปร่างมีดบินชัดๆ
“เจ้านี่ฉลาดไม่เลยนะ”คีย์รัสบอกพร้อมกับเขวี้ยง มีดบินกลับคืนไปทิศที่มันมา
มีเงาสองสายพุ่งออกมาจากหลังพุ่มไม้พร้อมกับใช้มีดบินต้านของคีย์รัสที่ส่งกลับคืนมา
คนที่ปรากฏกายออกมาตอนนี้คือไวท์มอลล์ ทั้งสองคนไม่ได้หนีกลับไป
แต่ทั้งสองคนรอโอกาสที่จะให้คีย์รัสอยู่ตามลำพังแล้วค่อยลงมือ
เพราะเขามั่นใจว่าสามารถเอาชนะคีย์รัสได้ถ้าอยู่คนเดียว

“วันนี้เป็นวันตายของเจ้าแล้ว คีดินยะ” ไวท์บอกพร้อมกับเดินล้อมเข้ามาคนละทิศกลับมอลล์
“ถ้าเจ้าจะฆ่าคีดินยะคงช้าไปเสียแล้ว เพราะเขาได้ตายไปแล้ว ส่วนข้าคือคีย์รัสต่างหาก”
คีย์รัสบอกพร้อมกับหยิบกระบี่นิลกาลออกมา
“เจ้าไม่ต้องมาโกหกข้าเลย ข้าจำพวกเจ้าได้ทุกคนอยู่แล้ว” มอลล์ตอบกลับ
“คีย์รัสสองคนนี้คงเป็นราศีเจมินี่แน่ๆ ท่านระวังนะ ข้าอ่านมาว่าทั้งพวกที่ประจำราศีจะมีฝีมือสูงส่งมากนะ”
เนกิเดินเข้ามากระซิบบอกคีย์รัส ทำเอาคีย์รัสแปลกใจกับความรู้ของเนกิ
“เจ้าจะเป็นคีดินยะหรือคีย์รัสข้าก็ไม่สนใจ เอาเป็นว่าวันนี้เจ้าทั้งคู่ต้องตาย”
หลังจากพูดจบไวท์มอลล์ก็ซัดมีดบินออกมาพร้อมกัน
มีดบินของทั้งสองคนพุ่งเข้ามา คีย์รัสพาเนกิหลบอย่างง่ายดาย
แต่พอหลบพ้นมีดบินที่ผ่านไปก็ไปกระทบกับมีดบินของอีกคนเปลี่ยนทิศกลับมาที่เขาใหม่
“วิชามีดบินประสานใจ ท่าสองใจผลักดัน คีย์รัสเจ้าต้องสกัดมีดของคนฝั่งซ้ายมือเพื่อทำลายท่านี้”
เนกิบอกขณะที่เขายังอยู่ในอ้อมกอดของคีย์รัสที่พาเขาหลบมีดบิน
คีย์รัสไม่มีเวลาตัวสินใจมากนัก เขาทำตามที่เนกิบอกมันที


คีย์รัสหันหน้าไปทางมอลล์ที่อยู่ทางซ้ายตามที่เนกิบอก
เขาใช้เพลงกระบี่ใจออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต่อสู้ด้วยวิชากระบี่
คีย์รัสใช้ท่าใจประสานสัมผัสเข้าใส่มอลล์
รังสีฟ้าอ่อนยืดออกมาจากปลายกระบี่ ทำให้กระบี่เหมือนยาวขึ้นอีกสองฟุต
รังสีที่พุ่งออกมาตรงเข้าใส่มอลล์ทันที จนมอลล์ต้องถอยหลังหลบ
ทำให้เข้าไม่มีเวลาซัดมีดบินเข้ามาช่วยมีดบินของไวท์
เมื่อไม่มีมีดของมอลล์ช่วยคีย์รัสก็หลบมีดบินได้อย่างง่ายดาย
คีย์รัสหันไปที่ไวท์พร้อมกับพุ่งกระบี่เจ้าไปหาไวท์
ไวท์เปลี่ยนเป็นมาถือมีดสั้นไว้ในมือแทน แล้วใช้มันรับกระบี่ของคีย์รัส
“คีย์รัสมันจะใช้ท่าสองใจมั่นคง ท่านระวังที่ขาไว้ให้ดี” เนกิกระซิบบอกคีย์รัสอีกครั้ง
เขาไม่มีเวลาที่จะปล่อยเนกิลงเขาเลยเหวี่ยงเนกิให้ไปขี่หลังเขาไว้
แล้วก็เป็นอย่างที่เนกิบอกไวท์หลอกโจมตีด้านบ่นก่อนที่จะแอบเตะมีดบินออกจากเท้าเพื่อทำร้ายขาของคีย์รัส
ดีที่เนกิเตือนเขาไว้ก่อนแล้วทำให้เขาหลบการโจมตีครั้งนี้ได้
ไวท์เองก็แปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มอลล์รีบตามมาสมทบอีกแรงแล้วตอนนี้
“คีย์รัสท่างระวังข้างหลังเดี๋ยวเขาจะซัดมีดบินมาที่เท้าซ้ายของท่าน ต่อจากนั้นคนข้างหน้าจะแทงเข้ามาที่หัวใจ”
เนกิยังคอยกระซิบบอกต่อเนื่องเป็นระยะๆ
คีย์รัสระวังตามที่เนกิบอกทุกอย่างทำให้เขาแก้ท่าของไวท์มอลล์ได้ทุกครั้ง

“กร็อดดด นี่เจ้ารู้ท่าของพวกเราได้ยังไง” ไวท์สงสัยมากจนอดถามไม่ได้
“เรื่องแค่นี้ทำไมข้าจะไม่รู้ วิชามีดบินที่หายสาบสูญไปหลายสิบปี มีดบินประสานใจ”
คีย์รัสพูดตามที่เนกิกระซิบบอกทุกคำ
ไวท์มอลล์หน้าถอดสีทันทีเมื่อรู้ว่ามีคนรู้ว่าเขาใช้วิชาอะไร
จริงๆแล้วถ้าไม่ใช่เนกิก็คงไม่มีใครรู้เหมือนกัน เพราะวิชานี้หายสาบสูญไปนานแล้ว
จริงๆแล้วมาร์คัสก็แปลกใจไม่แพ้ทั้งสองคน เพราะเขารู้ว่าเนกิไม่มีวิชาการต่อสู้ติดตัว
แต่เขากลับรู้จักวิชาต่างๆมากมายแถมยังรู้ท่าทางของวิชาเหล่านั้นอย่างละเอียดเสียด้วย

เนกิกระซิบบอกท่าต่างๆของไวท์มอลล์ให้คีย์รัสตลอดเวลา
ถึงจะเจอสองรุมหนึ่งแต่คีย์รัสกลับเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างมาก
หลังจากที่คีย์รัสรุกเข้าไปไม่กี่ท่าไวท์ก็พลาดท่าโดนกระบี่แทงเข้าที่ไหล่ซ้าย
ดีที่มอลล์เข้ามาช่วยไว้ทันเขาถึงรอดจากการฟันซ้ำไม่งั้นหัวเขาคงหลุดจากบ่าไปแล้ว
ไวท์มอลล์รู้ว่าไม่มีทางสู้คีย์รัสได้เขาปาระเบิดควันพรางตัวแล้วหนีไป

“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าสองคนนั้นใช้วิชาอะไร” คีย์รัสถามเมื่อเนกิลงจากหลังเขาแล้ว
“ก็อาจารย์ข้าให้อ่านหนังสือพวกนี้ตั้งมากมาย ข้ารู้มาจากหนังสือพวกนั้นทั้งหมดนั่นแหละ”
เนกิพูดอย่างภาคภูมิใจ
คีย์รัสยิ่งแปลกใจเข้าไปอีก คนที่ทำจำหนังสือได้มากขนาดนี้คงต้องเป็นอัจฉริยะแน่นอน
และคนคนนั้นก็อยู่กับเขาเสียด้วย ยิ่งฝีมือระดับเขาบวกกับความรอบรู้ของเนกิ
เชื่อว่าตอนนี้คงไม่มีใครที่เขารับมือไม่ได้แน่นอน
“ต่อไปขาคงต้องพึ่งเจ้าอีกเยอะแน่นอน” เขาดีใจกอดเนกิไว้แน่น
หน้าของเนกิแนบกับหน้าอกของเขา จนเนกิได้ยินเสียงหัวใจของคีย์รัสเต้นเบาๆ
เนกิได้แต่แอบหน้าแดงขึ้นมาโดยที่คีย์รัสไม่รู้ตัวสักนิด


ฟ้าวววว
เสียงกระบี่ไร้ลักษณ์ตัดผ่านอากาศตรงไปที่หว่างคิ้วของนาซีซัส
ปลายกระบี่แทงเข้าไปลึกประมาณ3ซม. ไป่จงก็รั้งกระบี่ไว้
เขาถ่ายเทพลังเนกิสของเขาผ่านกระบี่เข้าไปที่นาซีซัส
ควันสีดำค่อยๆซึมออกจากตัวนาซีซัสช้าๆ แต่มันก็พยายามต่อต้านจะกลับเข้าร่างให้ได้
“จางอี้เจ้ารีบมาช่วยข้าก่อน” ไป่จงตะโกนบอก
“มาร์คัสเจ้าตรึงร่างไว้ให้ดีนะ ข้าจะคลายพลังแล้ว” จ้างอี้บอกมาร์คัส
เขารั้งสายพิณกลับมาขึงบนพิณใหม่อีกครั้ง ก่อนที่จะพุ่งตัวไปช่วยไป่จง
มาร์คัสเร่งพลังในการใช้ท่าตรึงร่างนาซีซัสให้สูงยิ่งขึ้น
จางอี้ตรงเข้าไปใช้สองมือวางที่กลางหลังของไป่จง
เขาถ่ายเทพลังเนกิสเข้าร่างของไป่จงเพื่อช่วยเพิ่มพลังให้ไป่จง

อ๊ากกกกกกกก
นาซีซัสเริ่มร้องทุรนทุรายเมื่อพลังของทั้งสองคนค่อยๆไล่ควันสีดำออกจากร่างเขา
ควันสีดำค่อยๆออกมารวมรูปร่างเป็นคนอีกครั้งหลังจากที่ออกมาจากตัวนาซีซัส
จางอี้เห็นดังนั้นเขารีบผละออกจากไป่จง เขาแผ่พุ่งพลังสีขาวเข้าใส่เงาดำนั้น
เงาดำนั้นโดนพลังของจางอี้ล้อมรอบไว้ทันที มันก็พยายามที่จะดิ้นรนหนีออกมา
นาซีซัสทิ้งร่างลงไปนอนสลบอยู่ที่พื้นแล้วตอนนี้
ไป่จงรีบเข้าไปกางม่านพลังช่วยจางอี้จับวิญญาณมารฟ้าไว้
“มาร์คัสเจ้าไปเอาโถหาญหยางในบ้านมาให้ข้าทีเร็วด้วย”
โถหาญหยางเป็นของวิเศษอีกอย่างหนึ่งของยุคนี้ มันสามารถที่จะดูดทุกสิ่งเข้ามาอยู่ภายในมันได้
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมีพลังมากขนาดไหนหรือใหญ่ขนาดไหน โถนี้ก็สามารถกักไว้ได้
มาร์คัสรีบเข้าไปหาโถหาญหยางอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเปิดโถแล้วโยนไปที่มารฟ้าทันทีเลย เร็วเข้า” จางอี้บอกเมื่อมาร์คัสนำโถกลับมา
มาร์คัสรีบทำตาม เมื่อโถลอยไปที่มารฟ้า เกิดแสงสีเขียวสว่างขึ้น
แล้วเกิดลมดูดร่างควันของมารฟ้าเข้าไปทันที แถมยังดูดพลังของจางอี้กับไป่จงเข้าไปด้วย
ไป่จงดีดพลังดัชนีไปปิดฝาทันทีที่มารฟ้าเข้าไปในนั้นแล้ว

อ็อค
จางอี้กระอักเลือดออกมากองใหญ่ ไป่จงรีบวิ่งเข้ามาประคองจางอี้ที่กำลังจะล้ม
“ท่านจางอี้ ทำไมท่านเป็นเช่นนี้” มาร์คัสรู้สึกแปลกใจ
เพราะเขาไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับจางอี้มาก่อน เขาเลยคิดว่าจางอี้ไม่น่าจะบาดเจ็บได้ขนาดนี้
จางอี้ยังไม่ทันตอบไป่จงก็ประคองร่างจางอี้กลับเข้าไปในบ้านแล้ว
มาร์คัสเลยรีบไปอุ้มนาซีซัสตามเข้าไปด้วย
เข้ามาข้างในจางอี้กำลังนั่งเดินพลังรักษาตัวเองอยู่ โดยมีไป่จงยืนอยู่ใกล้ๆ
มาร์คัสวางร่างนาซีซัสที่ไร้สติลงบนโซฟา ก่อนที่เขาจะเดินมาหาจางอี้
เขามายืนรอจางอี้เดินพลังสักพัก จางอี้ก็ลืมตาคลายการเดินพลังลง
“ทำไมท่านถึงเป็นเช่นนี้ หรือว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้” มาร์คัสถาม
จางอี้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับมาร์คัสฟัง ยกเว้นเรื่องคีย์รัสกับเนกิ
“ข้าว่าเจ้ารีบกลับไปที่สำนักงานใหญ่เถอะ ป่านนี้ที่นั่นคงวุ่นวายกันแล้วแน่นอน”
จางอี้แนะนำมาร์คัสซึ่งมาร์คัสก็เห็นด้วยแต่เขาเป็นห่วงนาซีซัสมากกว่า
“แต่นาซีซัสยังไม่ฟื้นเลย ข้าเป็นห่วงเขาอยากรอให้เขาฟื้นขึ้นมาก่อน”
มาร์คัสแสดงอาการเป็นห่วงนาซีซัสมาก
“เจ้าไม่ต้องห่วงเด็กคนนั้นหรอก เดี๋ยวข้ากับไป่จงจะดูแลให้เอง”
“แต่ข้า...”
“นี่เจ้าไม่ไว้ใจข้าแล้วหรือไง”
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ ถ้าเป็นท่านจางอี้กับท่านไป่จง คงไม่มีใครกล้าทำอะไรนาซีซัสแน่นอน”
มาร์คัสรีบตอบ
“แต่ท่านจะทำอะไรกับนาซีซัสต่อไปครับ” มาร์คัสสงสัยถาม
“เด็กคนนี้น่าจะเป็นอัจฉริยะอีกคนของยุคนี้ ไม่แน่เขาอาจเก่งกว่าข้ากับเจ้าก็ได้ ข้าจะสอนวิชาที่ถูกต้องกับเขาเอง”
จางอี้บอกอย่างตื่นเต้นละคนดีใจ ที่เขาได้คนพบอัจฉริยะอีกคนแล้ว
“อีกคน!! ท่านหมายความว่ามีอัจฉริยะคนอื่นอยู่อีก แล้วเขาอยู่ที่ไหนล่ะครับ”
มาร์คัสสงสัยในคำพูดของจางอี้ จางอี้ยิ้มให้เขา
“เดี๋ยวเจ้าก็จะเจอเองเร็วๆนี้ หึหึ” จางอี้หัวเราะออกมาเบาๆ
“เจ้ารีบเดินทางไปได้แล้ว ป่านนี้คงมีเรื่องให้เจ้าต้องสะสางอีกมากมาย แล้วเมื่อถึงเวลาข้าจะไปช่วยเจ้าเอง”
“ครับงั้นข้าขอลาก่อน ข้าขอฝากนาซีซัสกับท่านทั้งสองด้วยนะครับ”
มาร์คัสกำลังจะหันหลังออกไปตามคำบอกของจางอี้
“เดี๋ยวก่อนมาร์คัส” จางอี้เรียกเขาไว้ก่อนที่จะออกไป
“ครับ มีอะไรจะบอกข้าอีกหรือครับ” มาร์คัสหันกลับมารับคำ
“ข้าอยากแนะนำเจ้านิดหน่อยก่อนไป” จางอี้บอก
“ครับ เชิญท่านบอกมาเถอะ”
“เจ้าเรียนวิชาหลากหลายมากเกินไป ทำไมเจ้าไม่ลองรวมวิชาทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียวละ ลองคิดวิชาที่เป็นของเจ้าเองขึ้นมาสิ ข้ารับรองแม้แต่ข้าก็อาจสู้เจ้าไม่ได้อีกต่อไป ข้าอยากบอกเจ้าแค่นี้แหละ”
“ขอบคุณที่แนะนำครับ” มาร์คัสทำความเคารพจางอี้ ก่อนจะหันไปทางไป่จงด้วย
แล้วเขาก็ร่ายท่าร่างวิหกเล่นลมออกไปทันที
เขารีบมุ่งหน้ากลับไปที่ตึกเอ็มไพรสเตร์ทด้วยความเร็วสูงสุด
เรื่องยุ่งยากทั้งหมดกำลังรอเขาอยู่อีกมากมายข้างหน้านี้
มาร์คัสรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ยังไงต่อไป



TBC.
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่8อัจฉริยะถือกำเนิด UP!! [P:5] 19-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 19-09-2010 21:58:56
ในที่สุกนาซีซัสก็ปลอดภัย

แต่จางอี้นี้สิน่าห่วงมากที่สุด :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่8อัจฉริยะถือกำเนิด UP!! [P:5] 19-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 19-09-2010 22:09:52
จ้างอี้เก่งจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่8อัจฉริยะถือกำเนิด UP!! [P:5] 19-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 20-09-2010 00:23:38
เนกิน่ารัก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่8อัจฉริยะถือกำเนิด UP!! [P:5] 19-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: CYPINUS ที่ 20-09-2010 08:50:22
นาซีซัสไม่ได้เป็นจอมมารแล้ว โล่งอก   :mc4:
มาคัสเป็นห่วงนาซีซัสขนาดนี้ เริ่มคิดอะไรกับหนูนาแล้วใช่มั้ย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่8อัจฉริยะถือกำเนิด UP!! [P:5] 19-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: ทับทิมกรอบ ที่ 20-09-2010 10:09:20
 :L2: นาซีซัสปลอดภัย แล้ว  :laugh:

เนกิอายคีรัสด้วยอ่ะ  :-[

มาต่อไวๆน่ครับไรเตอร์  :really2: :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่8อัจฉริยะถือกำเนิด UP!! [P:5] 19-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 21-09-2010 13:17:59
จะเป็นไงต่ออ่ะครับรู้แต่ตอนนี้ร่วงมาหน้า2แล้วนะครับผม
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่8อัจฉริยะถือกำเนิด UP!! [P:5] 19-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: missyouallday ที่ 21-09-2010 18:30:30
เป็นอีกเรื่องที่ชอบมากกกกกก สนุกดี ขอให้มาต่อบ่อย ไม่บ่อยไม่ว่ากัน ขอแค่อย่าหายไปก็พอ  o13

หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่8อัจฉริยะถือกำเนิด UP!! [P:5] 19-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 21-09-2010 21:35:06
ในที่สุกนาซีซัสก็ปลอดภัย

แต่จางอี้นี้สิน่าห่วงมากที่สุด :เฮ้อ:

จางอี้มีไป่จงดูแลใกล้ชิดขนาดนั้น สบายใจได้คร้าบบ

จ้างอี้เก่งจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน  :กอด1:


ไม่เป็นไรอยู่แล้วครับ คนเด่งซะอย่างเนอะ

เนกิน่ารัก  :กอด1:

ค่าคิดค่ากอดเนกินา  แต่คิดก่อนเอาอะไรด :laugh:

นาซีซัสไม่ได้เป็นจอมมารแล้ว โล่งอก   :mc4:
มาคัสเป็นห่วงนาซีซัสขนาดนี้ เริ่มคิดอะไรกับหนูนาแล้วใช่มั้ย  :กอด1:


ก็ต้องคอยลุ้นกันแหละคร้าบบ แต่ว่าจะได้เจอกันอีกตอนไหนเนอะ

:L2: นาซีซัสปลอดภัย แล้ว  :laugh:

เนกิอายคีรัสด้วยอ่ะ  :-[

มาต่อไวๆน่ครับไรเตอร์  :really2: :really2: :really2:

จะพยายามต่อให้ไวคร้าบบบ มีคิวอีกหลายเรื่องเลยอะ สู้ๆ(ให้กำลังใจตัวเอง)

จะเป็นไงต่ออ่ะครับรู้แต่ตอนนี้ร่วงมาหน้า2แล้วนะครับผม

มันตกเร็วอ่ะครับ เดี่ยวจะรีบต่อให้เลยคร้าบตามคิวนิดนึง แนวนี้ตกหน้าสองเร็วตลอดครับ แต่ไม่สนใจคนอ่านผมน่ารักทุกคนอยู่แหละ  :กอด1:

เป็นอีกเรื่องที่ชอบมากกกกกก สนุกดี ขอให้มาต่อบ่อย ไม่บ่อยไม่ว่ากัน ขอแค่อย่าหายไปก็พอ  o13



ไม่หายแน่นอนครับ เพราะหลัวคนอ่านคิดถึงอะครับ อาจมีช้าบ้างเร็วบ้าง ตามสภาพร่างกายอะครับ ช่วงนี้ป่วยบ่อยด้วย

 :กอด1: คนอ่าน :จุ๊บๆ: คนเม้น จะบเขียนนะครับ วันนี้ขอเขียนมนต์รักบ้านทุ่งก่อน
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่8อัจฉริยะถือกำเนิด UP!! [P:5] 19-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 21-09-2010 21:37:46
มาต่อได้แล้วครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่8อัจฉริยะถือกำเนิด UP!! [P:5] 19-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: missyouallday ที่ 21-09-2010 22:40:06
ดูแลสุขภาพด้วยเน้อ คนอ่านเป็นห่วงน้า  :L1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่8อัจฉริยะถือกำเนิด UP!! [P:5] 19-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 23-09-2010 19:37:57
เพิ่งเจอเรื่องนี้ น่าสนุกจังมีวิทยายุทธด้วย ชอบๆๆ
มาขอตามอ่านอีกเรื่องนะ
ดีนะที่หนูนาซีไม่ได้เป็นจอมมารแล้วดูท่าจะเป็นอัฉริยะเจออาจารย์ดีด้วยจิ

รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่8อัจฉริยะถือกำเนิด UP!! [P:5] 19-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 24-09-2010 13:54:14
มาต่อได้แล้วครับ

กำลังเขียนเลยคร้าบบตอนนี้ ดึก ดึกๆ ดึกดึ้กดึ๊กดึก คงได้อ่านคร้าบ  :z2: รอก่อนได้เลย

ดูแลสุขภาพด้วยเน้อ คนอ่านเป็นห่วงน้า  :L1:

ขอบคุณคร้าบ ดีขึ้นมากแล้วครับ มีแรงเขียนแล้ว สู้ๆคร้าบ

เพิ่งเจอเรื่องนี้ น่าสนุกจังมีวิทยายุทธด้วย ชอบๆๆ
มาขอตามอ่านอีกเรื่องนะ
ดีนะที่หนูนาซีไม่ได้เป็นจอมมารแล้วดูท่าจะเป็นอัฉริยะเจออาจารย์ดีด้วยจิ

รอตอนต่อไปจ้า

ขอบคุณครับที่ชอบ ผมพยายามหาแนวใหม่ๆมาให้อ่านกันเรื่อยๆนะครับ :pig4:

 :กอด1: คนอ่าน :จุ๊บๆ: คนเม้น

ปล. คืนนี้คงได้ลงตอนใหม่ครับ กำลังปั่นอยู่เลย
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่8อัจฉริยะถือกำเนิด UP!! [P:5] 19-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 24-09-2010 13:57:54
ไรท์เตอร์ขยันแบบนี้ใครได้เป็นแฟนรักตายเลย555
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่8อัจฉริยะถือกำเนิด UP!! [P:5] 19-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 24-09-2010 17:51:20
(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/619344382309ff2ab8998f87_resize.jpg)

พีรัน(PEERUN)

ชื่อ :        พีรัน     ไบร์ท
อายุ :           21 ปี
ส่วนสูง  :      184 cm.
หนัก :          60 kg.
กรุ๊ปเลือด :    B
ตำแหน่ง :    จักรพรรดิ
สิ่งที่ชอบ :    การท่องเที่ยว
สิ่งที่เกลียด :    -
อาวุธประจำตัว :    1.หมัด
ฉายา :      หมัดจ้าวพิภพ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด UP!! รูปตัวละครที่จะเพิ่มเข้ามาครับ [P:5] 24-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 24-09-2010 18:13:29
ดันๆกระทู้เอาไว้
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด UP!! รูปตัวละครที่จะเพิ่มเข้ามาครับ [P:5] 24-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 24-09-2010 19:50:45
แวะมาอ่านขอรับ
อ่านทันแล้ว สู้กันมันส์มากมาย :z2:

ชอบเนกิจังขอรับ
ปอลิง รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อขอรับ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด UP!! รูปตัวละครที่จะเพิ่มเข้ามาครับ [P:5] 24-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 24-09-2010 20:01:05
มารอตอนต่อไป คืนนี้ใช่ม่ะ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด UP!! รูปตัวละครที่จะเพิ่มเข้ามาครับ [P:5] 24-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: CYPINUS ที่ 24-09-2010 20:31:17
มารอด้วยคน  o1
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด UP!! รูปตัวละครที่จะเพิ่มเข้ามาครับ [P:5] 24-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 25-09-2010 00:00:46
ดันๆกระทู้เอาไว้

 :กอด1: :กอด1: ขอบคุณครับที่ช่วยดันครับ

แวะมาอ่านขอรับ
อ่านทันแล้ว สู้กันมันส์มากมาย :z2:

ชอบเนกิจังขอรับ
ปอลิง รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อขอรับ :กอด1:


ตอนต่อไปมาแล้วคร้าบบ อย่าลืมตามมาอ่านอีกนะคร้าบบ  :pig4:

มารอตอนต่อไป คืนนี้ใช่ม่ะ

ลงแล้วนะครับ อย่าลืมมาอ่านนะครับ

มารอด้วยคน  o1

มาแล้วคร้าบไม่ต้องรอแล้วครับ

 :z2: :z2: :z2:

เรียกให้คนรู้ว่ามาลงตอนใหม่แล้ว
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด UP!! รูปตัวละครที่จะเพิ่มเข้ามาครับ [P:5] 24-09-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 25-09-2010 00:02:29
สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน



คีย์รัสพาเนกิเดินทางไปหามาร์คัสที่ตึกเอ็มไพร์สเตร์ททันที
เพราะเขาสนใจกับเหตุการณ์ที่พวกกลุ่มโซดิเอคเดินทางมาที่แผ่นดินใหญ่นี้
เขาอยากรู้ว่ามาร์คัสจะรู้เรื่องหรือยังแล้วจะทำยังไงต่อไป
“คีย์รัสข้าอยากลองไปกินอาหารที่ร้าน จี้จิงฉวน ข้าเคยแต่อ่านในหนังสือ ข้าไม่เคยไปสักทีเลย”
เนกิเดินเข้าไปเกาะแขนคีย์รัสไว้ เพราะเขาอยากไปมากจริง
“แต่ข้ามีเรื่องสำคัญต้องรีบไปทำนะ เจ้าไม่รู้หรือไงนะ” คีย์รัสทำเสียงดุ
เนกิทำหน้าจ๋อยลงไปพร้อมกับปล่อยแขนที่เกาะคีย์รัสไว้
“ก็ข้าอยากไปจริงๆนี่นา เกิดมาข้าก็เพิ่งเคยออกมาข้างนอกครั้งแรกนี่นา ทำไมต้องดุข้าด้วยนะ”
เนกิบ่นเบาๆคนเดียวอย่างน้อยใจ พร้อมกับเดินช้าลง
แต่ทุกคำพูดคีย์รัสได้ยินหมด เขาจึงหันไปไปมองเนกิที่เดินหน้าจ๋อยยู่ข้างหลัง
“ก็ได้เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปเอง แต่ต้องรีบกินรีบไปนะ”
คีย์รัสบอกเนกิเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ทันที เขาวิ่งเข้ามากอดเอวคีย์รัสอย่างลืมตัว
“เจ้าพูดแล้วห้ามคืนนะ” เนกิพูดอย่างดีใจ
“ข้าไม่ผิดสัญญาแน่นอน” คีย์รัสพูดพร้อมกับรู้สึกใจเต้นเล็กน้อย
“งั้นเรารีบไปกันเถอะ เรายังต้องไปที่อื่นต่ออีกด้วย เดินไปแบบนี้คงอีกนานเจ้าขี่หลังข้าไปแล้วกัน”
คีย์รัสบอกพร้อมกับย่อตัวหันหลังให้เนกิขึ้นขี่
เนกิลังเลใจเล็กน้อย เพราะตอนนี้เขาก็เริ่มรู้สึกใจเต้นขึ้นมาเหมือนกัน
“เอาเร็วสิ ถ้าเจ้าช้าข้าอาจเปลี่ยนใจไม่พาไปแล้วนะ” คีย์รัสเร่งเร้า
“ไปสิไปๆ” เนกิรีบขึ้นไปขี่หลังคีย์รัสทันที เพราะเขากลัวคีย์รัสจะเปลี่ยนใจ
คีย์รัสใช้วิชาตัวเบาพาเนกิทะยานขึ้นท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว



มาร์คัสเร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืนเพื่อที่จะกลับไปที่สำนักงานของเขา
แต่ในใจเขาก็ยังยังคงเป็นห่วงนาซีซัสอยู่ตลอด
แต่เขาก็ทำได้เพียงเชื่อใจจางอี้กับไป่จงเท่านั้นเอง
ระหว่างที่เขากำลังเร่งเกินทางกลับมานั้น เขาสัมผัสถึงพลังที่แข็งแกร่งอีกกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้าไปทางเดียวกับเขา
มาร์คัสรีบซ่อนพลังของตัวเองทันทีก่อนที่จะเข้าไปหลบหลังพุ่มไม้
เขาอยากรู้ว่าคนที่กำลังมุ่งหน้าไปทางเดียวกับเขาจะเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่
สักพักพวกที่เขากำลังรอก็ผ่านมาทางที่เขากำลังซ่อนตัวอยู่พอดี
มาร์คัสรีบออกจากที่ซ่อน เพราะถ้าเป็นศัตรูเขาจะได้จัดการตั้งแต่ตอนนี้ไปเลย
“หยุด!!” มาร์คัสตะโกนบอกเมื่อกลุ่มคนเหล่านั้นวิ่งอย่างไม่ใส่ใจเขา
กลุ่มคนที่มามีด้วยกันสามคน ทั้งหมดใส่เสื้อหนังติดด้วยขนสัตว์ตามสาบเสื้อ
มาร์คัสรู้ได้ทันทีว่าเป็นพวกใดจากเครื่องแต่งกายของพวกเขา
กลุ่มหมัดทักษิณเป็นกลุ่มของหนึ่งในสามจักรพรรดิที่ชื่อว่าพีรัน


“มาร์คัสเจ้าทำไม่มาอยู่ที่นี่ แล้วใครใช้ชื่อเจ้าเรียกประชุมพวกเราสามจักรพรรดิกับหกจอมทัพล่ะ”
ชายผมสียาวสีทองที่รวบไว้หลวมๆเดินออกมาทักเขา
“พีรัน เจ้ามาด้วยหรือนี่” มาร์คัสทักกลับทันทีที่เห็นคนที่เดินเข้ามาทัก
“แต่เจ้าพูดเรื่องอะไรข้าไม่เห็นเข้าใจเลย ข้าก็กำลังจะกลับไปที่นั่นเหมือนกัน”
มาร์คัสก็ทำหน้าสงสัยไม่ต่างกับพีรันที่เดินมาหาเขา
มาร์คัสกับพีรันค่อนข้างจะสนิทเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว
ด้วยที่ว่าทั้งสองคนชอบนิสัยใจคอของกันแหละกัน
ทำให้ถ้ามีเวลาว่างทั้งสองจะทั้งสองคนจะนัดสังสรรค์กันเสมอๆ

“ก็นี่ไงจดหมายส่งเชิญพวกข้าทั้งหมดให้มาหารือกันเรื่องกลุ่มโซดิเอคที่ต้องการยึดครองแผ่นดินเราไง”
พีรันยื่นจดหมายให้กับมาร์คัส เขาหยิบขึ้นมาเปิดดูอย่างสนใจ
หลังจากที่เขาอ่านจบเขาก็คิดว่าคงเป็นแอนนาที่ทำแบบนี้ เพราะแอนนาคงตามหาเขาไม่เจอเป็นแน่
แต่เขาก็ได้ให้นาซีซัสเอาตัวส่งข่าวมาบอกแล้วนี่นา หรือว่ามีเรื่องผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นนะ
“คงเพราะข้าออกมาอยู่ข้างนอก แอนนาเลยต้องทำอะไรโดยพละการแน่ๆ หรือว่าเกิดเรื่องขึ้นที่สำนักงานของข้า”
มาร์คัสเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาเมื่อเห็นแบบนี้
“เจ้าอย่าเพิ่งคิดมากไปเลยไว้ไปถึงที่นั้นเราก็รู้เองแหละ ข้าว่าเรารีบเดินทางกันดีกว่า”
พีรันบอกพร้อมกับชวนมาร์คัสรีบออกเดินทางไปต่อ
มาร์คัสสังเกตว่าลูกน้องทั้งสองคนที่ติดตามพีรันมามีพลังฝีมือไม่ใช่ย่อยเลย
แต่ละกลุ่มคงซุ่มซ่อนลูกน้องที่มีพลังฝีมือกันเต็มที่แน่นอน
เพราะว่าก่อนที่จะถึงงานคัดเลือกราชันย์คนใหม่
ปีนี้ได้จัดให้มีการคัดเลือกจูเนียร์ของแต่ละตำแหน่งต่างๆยกเว้นตำแหน่งราชันย์
เพราะฉะนั้นกลุ่มใดมีคนดำรงตำแหน่งจูเนียร์มาก แสดงว่ากลุ่มนั้นมีคนที่มีพลังฝีมือกล้าแข็งอยู่มาก


ระหว่างที่ทั้งหมดกำลังเร่งกันเดินทางเพราะเป็นห่วงทางแอนนา
บรึ้ม บรึ้ม
เสียงระเบิดเกิดขวางหน้าพวกเขาทั้งสี่คนที่ใกล้จะถึงจุดหมาย
แต่ไม่ทันที่มาร์คัสกับพีรันจะออกหน้า คนติดตามทั้งสองของพีรันเข้าบังพวกเขาทั้งสองไว้
พีรันหยุดแล้วยืนมองอย่างใจเย็น มาร์คัสแปลกใจว่าทำไมพีรันถึงมั่นใจในตัวลูกน้องมากขนาดนี้
ทั้งสองคนเกร็งพลังกางฝ่ามือแล้วผลักออกไปตรงๆ เกิดเงารูปฝ่ามือขนาดใหญ่สีเหลืองอ่อนออกมา
ฝ่ามือของทั้งสองคนบังพลังของระเบิดนั้นไม่ให้เข้ามาถึงพวกเขาได้แม้แต่น้อย
แต่ท่านี้ช่างคล้ายท่าพันกรดับฟ้าของอนัสตกาลมาก เพียงแต่ใช้ฝ่ามือเป็นตัวขับพลังเท่านั้น
พีรันก็เหมือนรู้ใจมาร์คัสเขารีบอธิบายทันที
“นี่เป็นท่าใหม่ที่ข้าคิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้ต้านท่าของธิดาพันกร มันมีชื่อว่า ฝ่ามือป้องภพ” พีรันเรียกอีกฉายาของอนัสตกาล
มาร์คัสเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะถ้าพันกรดับฟ้าจะมีพลังทำลายมหาสาร
แต่ท่านี้กลับมีพลังในการป้องกันอย่างน่ากลัวเหมือนกัน ท่าทั้งสองท่านี้ปะทะกันจะเกิดอะไรขึ้นนะ
มาร์คัสอดนึกถึงผลของพลังทั้งสองท่านี้ไม่ได้


หลังสิ้นเสียงระเบิดก็มีคนกลุ่มหนึ่งกรูกันเข้ามาล้อมเขาทั้งสี่คนไว้
ทั้งหมดใส่เสื้อสีขาวมีสัญลักษณ์ไม้กางเขนอยู่ที่หน้าอกทั้งหมด
“พวกโซดิเอคสินะ” มาร์คัสเปรยออกมา
“ท่าจะใช้ ดูท่าพวกมันจะดักรอคนที่จะเดินทางเข้าไปหาเจ้านะ” พีรันบอกตามที่คาดเดา
“อืม ท่าทางที่สำนักงานข้าคงจะรับศึกหนักเหมือนกัน เรารีบจัดการให้เสร็จเถอะ”
มาร์คัสบอกพร้อมกับเร่งพลังขึ้น เพื่อที่จะจัดการเรื่องราวต่างๆให้จบโดยเร็ว
“ระดับพวกเราไม่ต้องลงมือให้เปลืองแรงหรอก ไวเปอร์ ชินจิ พวกเจ้าลงมือได้เต็มทีเลยคราวนี้”
พีรันหันไปบอกลูกน้องทั้งสองคนของเขาแทน
พอพีรันอนุญาตทั้งสองคนก็เร่งพลังเต็มที่ทันที จนเกิดออร่าสีเหลืองอ่อนขึ้นมา
ไวเปอร์เป็นเด็กวัยรุ่นผมสีน้ำตาลอ่อนตาโตผิวขาวคล้ายพวกฝรั่ง
สวนชินจิผิวขาวผมดำเข้มตาชั้นเดียวสไตล์คนจีนหน้าตาหล่อเหล่าทั้งคู่
พอทั้งคู่พร้อมแล้วก็พุ่งเข้าใส่กลุ่มคนที่ล้อมอยู่คนละทิศทันที
เสียงหมัดปะทะกับอาวุธดังไปทั่วบริเวณนั้น มาร์คัสแอบลอบสังเกตตลอดเวลา
ทั้งสองคนท่าทางจะฝึกวิชาได้ไม่ต่ำกว่า7ส่วนของพีรันแล้วแน่นอนถึงมีพลังฝีมือขนาดนี้
เพียงชั่วอึดใจทั้งสองคนก็จัดการกับคนที่มาล้อมไว้จนหมด
ขณะที่ไวเปอร์กำลังจะกลับมารายงานต่อพีรัน เข็มสีทองขาดเล็กจำนวนมากพุ่งตามหลังเขามา
“ไวเปอร์ระวังข้างหลัง” พีรันตะโกนบอกไวเปอร์
ไวเปอร์รีบพลิกตัวกลับแล้วใช้ท่าฝ่ามือป้องภพเข้ารับทันที
เข็มทั้งหมดถูกพลังฝ่ามือต้านจนตกลงพื้นดิน
“เจ้าเป็นใครแน่จริงอย่ารอบกัดสิ” ไวเปอร์ตะโกนท้าทาย
“ฝีมือร้ายไม่เบา ข้านึกว่าวันนี้จะได้ประมือกับราชันย์หรือจักรพรรดิซะแล้ว”
ชายร่างผอมสูงจนน่ากลัวเดินออกมาอย่างสบายใจ ชายคนนี้ก็สวมชุดสีขาวมีรูปกางเขนที่หน้าอกเหมือนกัน
“เจ้าเป็นใคร ทำไมต้องลอบกัดกันแบบนี้” ไวเปอร์ถามชินจิเข้ามาอยู่ข้างมาร์คัสกับพีรันเพื่อคอยระวังให้แล้ว
“ข้าคือหัวหน้าหน่วยย่อยของกลุ่มแคบปริคอร์น นามว่า ใบหลิว ข้าจะจัดการพวกเจ้าไม่ให้ไปสมทบกันได้เอง”
“เจ้าคิดว่าจะทำเช่นนั้นได้หรือ” ไวเปอร์ตอบกลับก่อนที่จะหันไปมองหน้าพีรันเหมือนรอคำสั่ง
พีรันไม่ตอบแต่กลับพยักหน้าให้เหมือนเป็นการอนุญาตอะไรบางอย่าง
พอไวเปอร์เห็นว่าพีรันอนุญาตแล้วเขาก็หันกลับไปเร่งพลังสูงขึ้นไปอีก
ทำให้มาร์คัสรู้ว่าจริงแล้วทั้งสองคนยังซ่อนฝีมือไว้อีกมากแน่ๆ


ใบหลิวไม่รอให้ไวเปอร์ตั้งตัวได้ก่อนเขา เขาซัดเข็มสีทองจำนวนมากออกมา
ไวเปอร์ไม่ยอมหลบเพราะเขากลัวว่าจะไปโดนพวกพีรันเขา
เขาใช้ท่าฝ่ามือป้องภพออกมาอีกครั้งเพื่อต้านเข็มทั้งหมด
พร้อมกับกระโดนขึ้นไปบนอากาศวาดมือเป็นวงกลมเกิดวงแหวนสีเหลืองขึ้นตามมือเขา
หลังจากที่ลงสู่พื้นอีกครั้งเขาก็ใช้หมัดต่อยวงแหวนนั่นใส่ใบหลิวอย่างรวดเร็ว
วงแหวนสีเหลืองแตกกระจาย กลายเป็นวงแหวนอีกสิบวงออกไป
ใบหลิวยังไม่ทันตั้งตัวถูกวงแหวนสิบวงนั้นสวมเข้าส่วนต่างๆของร่างกาย
“เจ้าอย่าขยับดีกว่าถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่” ไวเปอร์เตือน
“แค่วงแหวนกระจอกๆ คิดว่าข้าจะกลัวหรือไง” ใบหลิวไม่ได้กลัวคำขู่ของไวเปอร์แม้แต่น้อย
เขากลับขยับร่างกายโดยการกระโดดหมุนตัวเองออกมาเพื่อให้พ้นจากวงแหวนทั้งสิบ
“หึ หึ ที่แท้ก็แค่คำขู่จริ......” ไม่ทันที่ใบหลิวจะพูดจบร่างกายเขาก็แยกออกเป็นส่วนเสียแล้ว


“ไม่รู้จักท่าวงแหวนแยกร่างแล้วยังจะมาอวดเก่งได้อีก” มาร์คัสถึงกับเปรยออกมา
ที่เขาแปลกใจมากกว่าก็ตรงที่ไวเปอร์สามารถใช้ท่าวงแหวนแยกร่างที่เป็นท่าขั้นสูงของหมัดเจ้าพิภพ
แล้วชินจิจะมีฝีมือระดับไหนกันแน่เขาเริ่มประเมินไม่ถูกเสียแล้ว เพราะจากพลังที่เขาสัมผัสได้ชินจิมีพลังมากกว่าไวเปอร์พอสมควร
“เรียบร้อยแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะ ท่าทางที่สำนักงานของเจ้าจะต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ” พีรันบอกพร้อมกับใช้วิชาตัวเบาออกไปก่อน โดยมีไวเปอร์กับชินจิตามไปติดๆ
มาร์คัสรีบตามไปเพราะเขาก็ร้อนใจเป็นห่วงแอนนากับพวกของเขาเหมือนกัน


“อือออ” นาซีซัสค่อยๆลืมตาขึ้นมา เขามองไปรอบๆตัวเอง
นี่เขาไม่ได้อยู่ในถ้ำหรือนี่ กลับเป็นบ้านหลังเล็กๆแล้วเขานอนอยู่บนเตียงที่นุ่มสบาย
เขาค่อยๆดันตัวเองลุกขึ้นอย่างช้าๆ เพราะเขารู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วทั้งตัว
เขาได้ยินเสียงเพลงบรรเลงลงเข้ามาอย่างแผ่วเบาและไพเราะ
เขาค่อยๆลุกเดินตามเสียงเพลงไป เพราะเขารู้สึกว่ามันทำให้เขาสบายตัวขึ้น
พอเดินออกมานอกบ้าน เขาก็พบกับชายหนุ่มคู่หนึ่งที่เขาคิดว่าทั้งสองคนช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก
เขาเดินเข้าไปหาทั้งสองคนอย่างช้าๆ
“เจ้าตื่นแล้วหรอนาซีซัส” จางอี้เงยหน้าขึ้นมาถามเมื่อเขาจับสัมผัสได้
“เออ... ข้า ข้า ไม่เป็นไรแล้วครับ” นาซีซัสตอบแบบงง เพราะเขาไม่รู้จักทั้งสองคนมาก่อน แล้วทำไมทั้งสองคนถึงรู้จักเขาได้
“เจ้าไม่ต้องแปลกใจหรอกที่เรารู้จักชื่อเจ้าได้อย่างไร เพราะเจ้าคงจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้สินะ”
จางอี้บอกให้นาซีซัสหายข้องใจ แต่เขาก็ยังทำหน้าแปลกใจอยู่ดี
จางอี้เลยเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับนาซีซัสฟัง
เขาตกใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เขาก็พอจะเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้
“แล้วมาร์คัสไปไหนแล้วละครับ” นาซีซัสมองหามาร์คัสไม่เห็น
“เขาต้องรีบไปจัดการเรื่องของกลุ่มโซดิเอค ข้าขอให้เจ้าอยู่นี่กับข้าก่อน”
“ให้ข้าอยู่กับท่านเพื่ออะไรครับ” นาซีซัสแปลกใจ
“ข้าจะสอนวิชาให้กับเจ้าเอง เจ้าจะได้ไม่ถูกมารฟ้าครอบงำอีก” จางอี้อธิบาย
“จริงหรอครับท่านจะสอนวิชาให้กับข้า แต่ข้าอยากเรียนกับมาร์คัสมากว่าเขาเป็นถึงราชันย์เลยนะ”
นาซีซัสแสดงความผิดหวังเล็กออกมา
“นี่เจ้าไม่รู้หรือไงว่าคนคนนี้เป็นใคร” ไป่จงพูดออกมาบ้าง
“เออ ข้าไม่รู้จริงครับ” นาซีซัสบอกทำหน้างงๆ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถ้าเจ้ารู้คงจะตกใจ คนนี้คือจางอี้ราชันคนแรกของยุคนี้” ไป่จงบอกนาซีซัส เขาทำหน้าตกใจทันที
เพราะจางอี้เป็นเหมือนตำนานของยุคคนหนึ่งทีเดียว
“ไป่จงเจ้าไปแกล้งเด็กทำไมนี่” จางอี้ต่อว่าออกมา
“ไป่จงท่านคือหนึ่งในสามจักรพรรดิหรือนี่ ทำไมท่านทั้งสองถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
นาซีซัสทำหน้าแปลกใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อรู้ว่าทั้งสองคนเป็นใคร
“แล้วท่านทั้งสองคนจะสอนวิชาให้ข้าจริงๆหรือครับ”
นาซีซัสถามอย่างตื่นเต้น
“เขารับปากคนเดียวไม่เกี่ยวกับข้านะ” ไป่จงรีบบอก
“เจ้าก็อย่าแกล้งเด็กสิไป่จง ข้ารับปากกับมาร์คัสไปแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วงข้าสอนเจ้าแน่นอน”
จางอี้บอกพร้อมยิ้มออกมา นาซีซัสดีใจมากที่สุดแล้วตอนนี้



.....................
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งแรก) UP!! [P:6] 25-09-10 [0:00]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 25-09-2010 00:12:56
งี้นายเอกจะเก่งกว่าพระเอกมั้ยเนี่ย...................
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งแรก) UP!! [P:6] 25-09-10 [0:00]
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 25-09-2010 02:52:47
อ่านแล้วเหมือนรู้สึกว่าเข้าไปต่อสู้จริงๆเลย
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งแรก) UP!! [P:6] 25-09-10 [0:00]
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 25-09-2010 04:07:40
อยากเห็นนาซีซัสฝึกวิชาไวๆแล้วสิขอรับ :z2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งแรก) UP!! [P:6] 25-09-10 [0:00]
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 25-09-2010 06:59:30
เมื่อคืนหลับไปซะก่อน มาอ่านตอนเช้าแทนนิ.... ไ่ม่ผิดหวังๆ ฮี่ๆ 

งานนี้ถ้ามาร์คัสคิดรวมวิชาให้เป็นหนึ่งไม่ได้ ดูท่าหนูนาซีซัสจะเก่งกว่านะนี้

คนเิ่ริ่มเยอะขึ้นแฮะ เดี๋ยวกลับไปอ่านใหม่อีกรอบดีกว่า เริ่มจำไม่ได้ใครอยู่ข้างใคร 55+
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งแรก) UP!! [P:6] 25-09-10 [0:00]
เริ่มหัวข้อโดย: CYPINUS ที่ 25-09-2010 16:34:25
ดูเหมือนมาร์คัสจะมีคู่แข่งที่เก่งๆเยอะเลย สนุกดี  :interest:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งแรก) UP!! [P:6] 25-09-10 [0:00]
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 25-09-2010 19:00:26
นาซีซัส..ได้คนสอนฝึกวิชาแล้ว ต่อไปน่าจะเก่งกว่ามาร์คัสแน่ๆๆ
เนกิ เนกิ ฉลาดเก่งแบบนิ่มๆๆๆ น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งแรก) UP!! [P:6] 25-09-10 [0:00]
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 25-09-2010 20:46:42
เค้าเข้ามาเชียร์ไป่จงกะจางอี้อ่ะไรเตอร์  ชอบชอบชอบ

คีย์รัสกะนากิด้วยนะเอออออออออออออออ

ครึ่งหลังมาให้ไวเลยน๊า :z2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งแรก) UP!! [P:6] 25-09-10 [0:00]
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 25-09-2010 21:31:54
จ้างอี้ใจดีที่สู๊ดดดดดด :กอด1:
คู่ที่น่าจะได้หวานกันก่อนคู่อื่นน่าจะเป็นคีย์กับเนกิ :o8:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังŦ
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 27-09-2010 19:36:21
เค้าแวะมาดัน
อยากอ่านต่อมากมายขอรับ :z2:

นั่งรออย่างใจจดใจจ่อ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งแรก) UP!! [P:6] 25-09-10 [0:00]
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 27-09-2010 19:38:23
มาได้แล้วไรเตอร์ คนรอกันเต็มแล้ว :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งแรก) UP!! [P:6] 25-09-10 [0:00]
เริ่มหัวข้อโดย: ทับทิมกรอบ ที่ 27-09-2010 20:15:57
ไป่จงเอาแต่ใจจัง  :z2:

มิน่าล่ะ จางอี้ต้องเอาใจตลอด คิคิคิ  :-[
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งแรก) UP!! [P:6] 25-09-10 [0:00]
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 30-09-2010 00:31:35
มาดันและมารอ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งแรก) UP!! [P:6] 25-09-10 [0:00]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 30-09-2010 23:28:18
เออ ขอติดตอบเม้นไว้ก่อนแล้วกัน ไว้รวบตอนหน้าทีเดียวเลยนะครับ

ส่วนเรื่องมนต์รักถ้าใครอ่านรอหน่อยนะคร้าบบ พรุ่งนี้คงได้ลงคร้าบ

.................................


“แต่ก่อนที่ข้าจะสอนอะไรเจ้า เจ้าต้องท่องหนังสือเล่มนี้ให้ได้เสียก่อน”
จางอี้ใช้พลังผลักหนังสือข้างตัวให้ลอยมาหานาซีซัส
เขาเพียงแค่ยกมือขึ้นมาหนังสือก็หล่นเข้ามาใส่มือเขาแล้ว
นาซีซัสก้มลงมองอ่านที่ปกหนังสือ
“คัมภีร์สยบมาร” เขาอ่านออกมาเบาๆ
“ถูกต้องที่ข้าให้เจ้าท่องเพราะว่าเจ้าจะได้ไม่ถูกมารฟ้าครอบงำอีก” จางอี้อธิบาย
“ครับ ข้าเข้าใจแล้วครับ” นาซีซัสเข้าใจโดยง่าย
“งั้นข้าจะส่งเจ้าไปที่ที่ไม่มีคนรบกวนเจ้าได้”
จางอี้ดีดพิณเกิดคลื่นสีขาวหอบตัวนาซีซัสลอยข้ามทะเลสาบไป
นาซีซัสลอยข้ามไปตกลงที่กลางป่าไผ่ใกล้ๆทะเลสาบ
“ถ้าเจ้าท่องคัมภีร์ได้หมดเมื่อไหร่ เจ้าจะสามารถออกมาจากค่ายกลปราบมารได้เอง แล้วเมื่อนั้นข้าจะสอนวิชาให้กับเจ้า”
จางอี้ส่งเสียงผ่านเสียงพิณมาบอกนาซีซัส ที่กำลังแปลกใจกับสถานที่อยู่พอดี
เมื่อเขาเข้าใจทุกอย่างแล้วเขาก็นั่งลงอ่านหนังสือทันที
เพราะเขาต้องการที่จะออกไปเพื่อเรียนวิชากับจางอี้ และเขาก็รู้สึกเป็นห่วงมาร์คัสด้วย


คีย์รัสพาเนกิมาที่ร้านจี้จิงฉวนตามที่สัญญากันไว้
เนกิดูตื่นเต้นกับสถานที่แบบนี้มาก เพราะเขาไม่เคยออกไปไหนมาก่อนเลย
คีย์รัสเดินเข้ามาอย่างผ่าเผยต่างกับเนกิที่เดินเกาะหลังเขาแน่น
พนักงานออกมาต้อนรับอย่างเต็มที่ เพราะคีย์รัสตอนใช้ชื่อคีดินยะก็เป็นคนดังพาสมควร
“ขอเชิญท่านที่ห้องพิเศษดีกว่าครับ” พนักงานรีบเข้ามาต้อนรับ
ทั้งสองคนเดินตามไปที่ห้องรับรองพิเศษภายในห้องตกแต่งด้วยไม้ประดับมุกทั้งห้อง
เนกิดูตื่นตากับสถานที่เอามากๆ
อาหารที่ดีที่สุดเข้ามาเสริฟหลังจากเขาเข้ามาไม่นาน
“นี่เป็นอาหารที่ดีที่สุดของที่นี่เลยนะ เจ้าลองกินสิ” คีย์รัสบอกเนกิ พร้อมจับให้เขานั่งลง
“จริงด้วย นี่ไก่สวรรค์5ฟ้า ส่วนนี่ก็เอ็นกวางตุ๋นสมุนไพร” เนกินั่งไล่ชื่ออาหารทั้งหมด
คีย์รัสเองก็ทึ่งในความสามารถของเนกิยิ่งขึ้น เพราะเพียงเห็นอาหารเขาก็บอกชื่อได้หมด
หลังจากที่ทั้งสองคนกินอาหารเสร็จแล้ว
พอจะเดินออกมาข้างนอกพนักงานของร้านก็เข้ามาหา
“ขอเชิญท่านคีดินยะกับสหายขึ้นรถด้วยครับ”
คีย์รัสมองไปข้างหน้า มีรถรีมูซีนสีขาว ติดสัญลักษณ์หมอเทวะของอนัสตกาลที่ด้านข้าง
“เจ้าจะให้ข้าไปที่ไหนกันแน่” คีย์รัสถาม
“เป็นที่ที่ท่านต้องการจะไปอยู่แล้วครับ แต่มันจะทำให้ทานเดินทางได้สะดวกสบายขึ้น”
พนักงานผายมือเชิญทั้งสองคนให้ขึ้นรถ
“แต่เจ้าเรียกชื่อนั่นก็ดีแล้ว เจ้าช่วยไปประกาศบอกทุกคนที่เข้ามาทีนี่ด้วย ต่อไปนี้ไม่มีคนชื่อคีดินยะแล้ว มีแต่ข้าที่ชื่อคีย์รัสเท่านั้น” คีย์รัสบอก ก่อนที่จะเดินนำเนกิขึ้นรถไป
รถออกตัวมุ่งหน้าไปทิศที่จะไปตึกเอ็มไพร์สเตรท
คีย์รัสก็ได้แต่แปลกใจว่ามีอะไรเกิดขึ้นกันแน่ แล้วอนัสตกาลรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะมาแวะที่นี่
แต่เขารอเก็บคำถามทั้งหมดไปถามกับเจ้าตัวดีกว่า


มาร์คัสกับพีรันรีบเดินทางจนมาถึงจุดหมาย
ทันทีที่มาถึงการ์ดของตึกก็รีบกรูกันเข้ามาล้อมพวกเขาไว้ทันที
“พวกเจ้าถ่อยกลับไปดีกว่า ทีนี้ไม่ยอมให้พวกเจ้ายึดแน่นอน” ชายชุดชาวคลิบเขียวตะโกนบอก
มาร์คัสเห็นแบบนี้เลยเดินออกหน้าขึ้นมาแทน
“นี่พวกเจาลืมข้าแล้วหรือยังไงกัน” มาร์คัสเอ่ยเบาๆ
“องค์ราชันย์” คำอุทานสั้นๆก่อนที่มั้งหมดจะคุกเข่าทำความเคารพอย่างรวดเร็ว
“แอนนากับชวินอยู่ที่ไหน ไปตามมาพบข้าด่วน” มาร์คัสบอกพร้อมกับเดินเข้าไปข้างในตึก
พวกพีรันก็เดินตามเข้ามาภายในด้วยเช่นกัน

สักพักแอนนากับชวินก็รีบเข้ามาหามาร์คัสที่ห้องประชุม
“พี่มาร์คัสเกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ...” แอนนาหันไปมองคนที่ยืนอยู่ด้วยก่อนที่จะพูดต่อ
“พีรัน นี่ท่านมากับพี่มาร์คัสได้ยังไงกัน” แอนนาถามด้วยความแปลกใจ
“เอาเถอะเรื่องอื่นเอาไว้ก่อน เจ้ารีบรายงานข้ามางว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วตอนนี้ใครไปสืบข่าวของวพกโซดิเอคหรือยัง”
มาร์คัสตัดบทเพราะเขาเป็นห่วงสถานการณ์ตอนนี้มากกว่า
“ค่ะ ตอนนี้กลุ่มโซดิแอคทยอยส่งพวก 12 ราศี เข้ามากำจัดยอดฝีมือของพวกเราแล้ว ตอนนี้ทางเรากำลังเร่งหาข่าวอยู่ว่ากลุ่มไหนบ้างที่โดนรอบโจมตีแล้ว” แอนนารีบรายงาน
“แล้วเรื่องจดหมายเชิญทุกคนมารวมตัวล่ะ เจ้ามีคำอธิบายไหม” มาร์คัสถามเรื่องจดหมาย
“ข้าเป็นคนบอกให้ส่งเองแหละ” อนัสตกาลพูดแทรกขณะยืนอยู่ที่หน้าประตู
มาร์คัสกับพีรันหันไปมองทันที เพราะเขาไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่
“นี่เจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วยหรอ” มาร์คัสถาม
“นอกจากข้ายังมีมิรันด้าอีกคน ตอนนี้คงกำลังตามมา” อนัสตกาลบอก
“ข้าว่าคงต้องมีเรื่องสำคัญมาก พวกเจ้าถึงมารวมตัวกันทีนี่” พีรันทำหน้าแปลกใจ
“แต่เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกข้ามาถึงแล้วและอยู่ที่นี่” มาร์คัสถาม
“ไม่ต้องแปลกใจ ก็ลมดำของมิรันด้าเป็นคนมาบอกข้าเอง ตอนนี้กำลังรายงานบางอย่างกับมิรันด้าอยู่”
อนัสตกาลตอบพร้อมกับเดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะด้วย
ก่อนที่ทั้งหมดจะเปิดการสนทนากันอีกครั้ง มิรันด้าก็เข้ามา
“ตอนนี้คีย์รัสกำลังจะเดินทางมาถึง ส่วนคนอื่นๆกำลังรวบเดินทางมา คิดว่าไม่เกินวันพรุ่งนี้น่าจะถึง”
มิรันด้าเข้ามารายงานเรื่องที่เธอรู้มาจากลมดำ
“อืมดีเลยเราจะได้ประชุมกันอย่างเป็นทางการกันเสียที” อนัสตกาลพูด
“แต่ว่าคีย์รัสนี่เป็นใครกัน ทำไมถึงต้องให้ความสำคัญขนาดนั้นด้วย” พีรันถาม
“คีย์รัสก็คือคีดินยะ ข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมอยู่ๆเขาถึงเปลี่ยนชื่อ”
มิรันด้าบอกตามที่เธอได้รับรายงานมา

“นี่พวกเจ้ามีอะไรกัน ทำไมไม่รอข้าบ้างเลย” เสียงดังมาจากหน้าประตู
ทั้งหมดหันไปมองต้นเสียงพร้อมกัน
เป็นคีย์รัสที่เดินเข้ามาพร้อมกับเนกิ
ทั้งหมดไม่แปลกใจที่เห็นคีย์รัส แต่แปลกใจกับเนกิที่มาพร้อมกัน
“เราก็ยังไม่ได้คุยอะไรกันมาก รอเจ้ามานี่แหละ แต่ว่าเด็กคนนี้เป็นใครกัน” มาร์คัสเป็นฝ่ายเปิดฉากถามก่อน
“เด็กคนนี้เป็นเด็กที่คนมีบุญคุณข้าฝากไว้ ทำไมพวกเจ้ามีปัญหาอะไรหรือไง” คีย์รัสถามกลับ
“เปล่าเพียงแต่เรื่องที่เราคุยกัน มันสำคัญมากเจ้าช่วบให้เขารอข้างนอกได้ไหม” มาร์คัสบอก
“ไม่ได้หรอก เขาต้องอยู่ในสายตาข้า ถ้ามีปัญหาข้าก็จะกลับ” คีย์รัสบอกพร้อมกับจูงมือเนกิหันหลังกลับ
“เดี๋ยวก่อนสิ ท่าทางเด็กคนนี้คงจะสำคัญมากสินะ เราอย่าเอาเรื่องนี้มาให้เสียงานเลย”
อนัสตกาลขัดทั้งสองคน มิรันด้าเดินเข้าไปแล้วจูงมือเนกิให้เดินเข้ามาข้างในทำให้คีย์รัสเดินเข้ามาด้วย


ตอนนี้ผู้ที่มีตำแหน่งสูงที่สุดทั้งหมดมารวมกันเกือบหมดที่นี่แล้วขาดเพียงไป่จงคนเดียวเท่านั้น
ทั้งหมดผลัดกันเล่าเหตุการณ์ที่เจอมาให้คนอื่นฟัง
คีย์รัสบอกว่าไลบร้าโดนกำจัดไปแล้วด้วยฝีมือของไป่จง
หลังจากที่คุยกันนานกว่าครึ่งวันทั้งหมดก็ตกลงกันได้
ทั้งหมดตกลงรวมมือกันเฉพาะกิจ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกแล้ว
ทั้งหมดเปลี่ยนชื่อสมาคมอาญาสวรรค์ที่อนัสตกาลตั้งไว้เป็น
สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน แทนแล้วแบ่งตำแหน่งดังนี้
ประธานสมาพันธ์ มาร์คัส
ที่ปรึกษาสมาพันธ์  จางอี้ ไป่จง
รองประทานสมาพันธ์ คีย์รัส พีรัน
เสนาธิการ  จะมีการสรรหาที่หลัง
ผู้พิทักษ์กฎสมาพันธ์ฝ่ายซ้าย แอนนา
ผู้พิทักษ์กฎสมาพันธ์ฝ่ายขวา อนัสตกาล
หน่วยย่อยอีก 5 หน่วย รอให้จอมทัพมาครบก่อนถึงตั้งอีกที
ตามข้อตกลงทุกกลุ่มไม่ต้องขึ้นกับฝ่ายใด ปกครองตนเองเหมือนเดิม
เพียงแต่ถ้าเกิดเรื่องสมาพันธ์ขอกำลังเสริมต้องจัดส่งกำลังมาช่วยเหลือ
แต่ละคนสามารถสั่งงานได้เลยโดยไม่ต้องรอขออนุญาตจากสมาพันธ์
ส่วนกฎต่างๆจะตั้งอีกครั้งเมื่อครบองค์ประชุม


หลังจากที่ตกลงกันได้แล้ว ทุกคนก็หารือเรื่องใครที่จะเหมาะสมเป็นเสนาธการของสมาพันธ์
ต่างคนต่างถกเถียงกันอย่างมาก เพราะคนที่จะมาดำรงตำแหน่งนี้ต้องเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถอย่างมาก
ขณะที่กำลังไล่รายชื่อเพื่อคนคนเหมาะสมกันอยู่นั้น
“พวกเจ้าจะเลือกกันไปทำไม ในเมื่อมีคนเหมาะสมอยู่ที่นี่แล้ว” คีย์รัสผลักเนกิออกมาข้างหน้า
ทุกคนมองเนกิเป็นสายตาเดียวกัน ทำไมคีย์รัสถึงได้เสนอเด็กแบบนี้ขึ้นมา
“นี่เจ้าเห็นเป็นเรื่องเล่นหรือไงคีย์รัส เด็กคนนี้จะรับตำแหน่งได้ยังไง” พีรันรีบถาม
“เจ้ายังไม่รู้อะไร เนกิเป็นลูกศิษย์คนแรกของท่านจางอี้เชียวนะ ถ้าเจ้าเครงใจเรื่องอะไรลองทดสอบดูได้เลย”
คีย์รัสท้าอย่างมั่นใจ เพราะเขารู้ถึงความฉลาดของเนกิเป็นอย่างดี

มาร์คัสนึกถึงคำของจางอี้ขึ้นมาได้ที่บอกว่าเดี๋ยวเขาจะพบอัจฉริยะอีกคน
หรือว่าจะเป็นเด็กคนนี้ ดังนั้นเขาคิดจะลองภูมิเนกิดูเสียหน่อย
“ได้งั้นถ้าเนกิผ่านการทดสอบจากพวกข้าทั้งสี่คนได้ ข้าจะยอมรับเขา”
มาร์คัสตอบแทนทุกคน คีย์รัสยิ้มออกมาทันที



TBC.
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งหลัง) UP!! [P:6] 30-09-10 [11:25PM]
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 30-09-2010 23:57:45
 :z13:+ :กอด1:
เอาใจช่วยเนกิให้ผ่านในการทดสอบ
อย่างว่าเนกิเป็นเด็กอัจฉริยะคงผ่านการทดสอบได้อย่างสบาย o13
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งหลัง) UP!! [P:6] 30-09-10 [11:25PM]
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 01-10-2010 00:03:30
ถูกต้อง จะต้องไปหาที่ไหนให้ยุ่งยากนิ ในเมื่อมีอัจฉริยะอย่างเนกิอยู่ทั้งคน อิอิ

เอาใจช่วยให้หนูนาสำเร็จยุทธไวๆน่ะ :z2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งหลัง) UP!! [P:6] 30-09-10 [11:25PM]
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 01-10-2010 01:30:33
ร่วมด้วยช่วยกันสู้ๆนะทุกๆคน

ได้เนกิเป็นเสนาธิการดหมาะสมมาก
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งหลัง) UP!! [P:6] 30-09-10 [11:25PM]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 01-10-2010 02:12:19
เนกิผ่านได้อย่างสบายอยู่แล้ว................
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งหลัง) UP!! [P:6] 30-09-10 [11:25PM]
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 01-10-2010 12:26:10
 :กอด1:เนกิ คนเก่งของเรา จะได้เป็นถึงเสนาธิการเลย เย้...
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งหลัง) UP!! [P:6] 30-09-10 [11:25PM]
เริ่มหัวข้อโดย: CYPINUS ที่ 01-10-2010 14:52:50
เนกิ สู้ สู้  :ped149:
เพื่อตำแหน่งเสนาธิการ  :a2:

หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งหลัง) UP!! [P:6] 30-09-10 [11:25PM]
เริ่มหัวข้อโดย: ทับทิมกรอบ ที่ 02-10-2010 17:24:01
 :L2: :L2: :L2: :L2: ให้ไรเตอร์

เนกิออกโรงแว้วๆๆๆๆๆๆ  :-[

หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งหลัง) UP!! [P:6] 30-09-10 [11:25PM]
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 03-10-2010 16:19:32
มารอครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งหลัง) UP!! [P:6] 30-09-10 [11:25PM]
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 08-10-2010 12:37:49
ท่านจอมยุทธ ไปฝึกยุทธอยู่ที่ไหนหนออออ
รอคอยต่อไป
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งหลัง) UP!! [P:6] 30-09-10 [11:25PM]
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 08-10-2010 13:08:50
ไรท์เตอร์หายสาบสูญใครเจอช่วยบอกทีมีคนรออยู่
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งหลัง) UP!! [P:6] 30-09-10 [11:25PM]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 08-10-2010 18:50:34
:z13:+ :กอด1:
เอาใจช่วยเนกิให้ผ่านในการทดสอบ
อย่างว่าเนกิเป็นเด็กอัจฉริยะคงผ่านการทดสอบได้อย่างสบาย o13

ยังไงก็ต้องรอเอาใจช่วยนะคร้าบบ (กำลังรีบเขียนเลยคร้าบ)

ถูกต้อง จะต้องไปหาที่ไหนให้ยุ่งยากนิ ในเมื่อมีอัจฉริยะอย่างเนกิอยู่ทั้งคน อิอิ

เอาใจช่วยให้หนูนาสำเร็จยุทธไวๆน่ะ :z2:

แต่คนอื่นเขาไม่เชื่อนี่ครับ ต้องรอการพิสูจน์ก่อนนะคร้าบบ

ร่วมด้วยช่วยกันสู้ๆนะทุกๆคน

ได้เนกิเป็นเสนาธิการดหมาะสมมาก

ผมก็ว่าแบบนั้น แต่ต้องเอาใจช่วยเนกิก่อนนะคร้าบบ

เนกิผ่านได้อย่างสบายอยู่แล้ว................

 :กอด1: แทนเนกิ ส่งใจมาช่วยเนกิด้วยนะครับ

:กอด1:เนกิ คนเก่งของเรา จะได้เป็นถึงเสนาธิการเลย เย้...

555 เนะ ออกนอกหน้าไปหรือเปล่านิ

เนกิ สู้ สู้  :ped149:
เพื่อตำแหน่งเสนาธิการ  :a2:



แรงเชียร์ขนาดนี้ผ่านได้แน่ๆคร้าบบ

:L2: :L2: :L2: :L2: ให้ไรเตอร์

เนกิออกโรงแว้วๆๆๆๆๆๆ  :-[



ขอบคุณสำหรับดอกไม้คร้าบบบ

มารอครับ

มาแล้วคร้าบบ แต่ขอเขียนก่อนนะคร้าบบ

ท่านจอมยุทธ ไปฝึกยุทธอยู่ที่ไหนหนออออ
รอคอยต่อไป

กลับมาแล้วคร้าบบ พอดียุ่งนิดหน่อยที่บ้านเลยไม่ว่างอะคร้าบบ

ไรท์เตอร์หายสาบสูญใครเจอช่วยบอกทีมีคนรออยู่

มารายงานตัวแล้วคร้าบบบบ


พอดีหลานสุดที่รักป่วย จนต้องคอยดูแลเลยไม่มีเวลาเขียนเลยคร้าบบ

ตอนนี้ก็ยังไม่หายแต่เข้านอนโรงบาลแทน เลยพอมีเวลาบ้าง

จะรีบเขียนนะคร้าบบ เพิ่งเขียนมนต์รักบ้านทุ่งเสร็จ กำลังเขียนตอนต่อไปอยู่คร้าบบ(ปาดเหงื่อ)
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่9 สมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดิน(ครึ่งหลัง) UP!! [P:6] 30-09-10 [11:25PM]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 09-10-2010 13:47:20
(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/6fc494d348251d193af3cf25_resize.jpg)

ผิงหนาน (PINGHNAN)


ชื่อ :        ผิงหนาน    เซียว
อายุ :           22 ปี
ส่วนสูง  :      168 cm.
หนัก :          45 kg.
กรุ๊ปเลือด :    O
ตำแหน่ง :    จอมทัพ
สิ่งที่ชอบ :    ความยุติธรรม
สิ่งที่เกลียด :    ความไม่เป็นธรรม
อาวุธประจำตัว :    1.กระบี่พิทักษ์ธรรม
ฉายา :      หยกขาวไร้ความรู้สึก


(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/13923696_resize.jpg)

เอเดรียน(ADRIAN)

ชื่อ :        เอเดรียน    หวัง
อายุ :           20 ปี
ส่วนสูง  :      187 cm.
หนัก :          60 kg.
กรุ๊ปเลือด :    AB
ตำแหน่ง :    จอมทัพ
สิ่งที่ชอบ :    เสียงดนตรี
สิ่งที่เกลียด :    ความเงียบ
อาวุธประจำตัว :    1. -
ฉายา :      หมัดทักษิณ


(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/01c1a846750315106b63e525_resize.jpg)

โอมะ(OMA)

ชื่อ :        โอมะ    เย่หมิง
อายุ :           21 ปี
ส่วนสูง  :      182 cm.
หนัก :          62 kg.
กรุ๊ปเลือด :    A
ตำแหน่ง :    จอมทัพ
สิ่งที่ชอบ :    ความสงบ
สิ่งที่เกลียด :    ขนมหวาน
อาวุธประจำตัว :    1. ดาบเขี้ยวมังกร
ฉายา :      จ้าวมังกรขาว
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด UP!! รูปสำหรับตอนใหม่ครับ [P:6] 9-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 10-10-2010 12:19:42
ผิงหนานน่ารักสุดๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด UP!! รูปสำหรับตอนใหม่ครับ [P:6] 9-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 10-10-2010 13:52:04
เห็นด้วย~*
รูปผิงหนางดูดีจริงๆ  :L1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด UP!! รูปสำหรับตอนใหม่ครับ [P:6] 9-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: CYPINUS ที่ 10-10-2010 16:12:50
เรื่องนี้มีแต่คนหล่อๆ  อิ อิ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด UP!! รูปสำหรับตอนใหม่ครับ [P:6] 9-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 10-10-2010 22:06:17
บทที่10บททดสอบของเนกิ


หลังจากที่มาร์คัสคิดที่จะทดสอบเนกิเขาเรียกพวกแอนนาประชุมทันที
คีย์รัสพาเนกิออกมาไปที่ห้องรับรองที่แอนนาจัดไว้ให้
ทั้งสองคนเดินตามคนนำทางขึ้นมาจนถึงชั้นเกือบบนสุด
ที่นี่มีห้องรับรองเพียงสี่ห้องเท่านั้น แต่ละห้องมีประตูลักษณะแตกต่างกันออกไป
คนนำทางพาคีย์รัสกับเนกิมาหยุดที่ห้องที่มีประตูทำด้วยไม้สักทองบานใหญ่
เมื่อทั้งสองเปิดประตูเข้ามาก็ให้ตื่นตาตื่นใจมากขึ้นกว่าเดิม
เพราะภายในเป็นห้องที่มีขนาดกว้างขวางประมาณครึ่งสนามฟุตบอล
มีเฟอร์นิเจอร์อย่างดีจัดไว้อย่างลงตัว โดยห้องที่มั้งสองคนนี้เขามาตกแต่งสไตล์ชนเผ่าทางเหนือ
ทำให้คีย์รัสรู้สึกถึงบรรยากาศที่บ้านของเขาขึ้นมาทันที
“คอยดูนะเนกิ สักวันข้าจะขึ้นครองที่นี่ให้เจ้าดู” คีย์รัสพูดอย่างเครียดแค้น
“เอาเถอะน่า ของสิ่งให้มันจะเป็นของเรา สักวันมันก็ต้องเป็นของเราอยู่ดีแหละ” เนกิจับมือคีย์รัสไว้
คีย์รัสหันมามองหน้าเนกิที่ให้กำลังใจเข้าอยู่ เขากลับรู้สึกดีกลับคำพูดของเนกิครั้งนี้
“แต่ว่าเจ้าเถอะ เจ้าพร้อมหรือไม่กับการทดสอบครั้งนี้” คีย์รัสเองก็เป็นห่วงเนกิเหมือนกัน
เพราะเขาคิดว่าการทดสอบจากคนทั้งสี่คนต้องไม่ใช่เรื่องง่ายๆแน่ๆ
“นี่เจ้าเป็นห่วงข้าเหมือนกันหรอ” เนกิยิ้มออกมา
“แต่ไม่ต้องกังวลหรอกข้าพร้อมเสมอ ถ้าไม่ผ่านก็ไม่ผ่านก็แค่นั้นเอง” เนกิยิ้มอย่างสบายใจ
คีย์รัสก็ได้แต่โล่งใจที่เห็นเนกิไม่ได้กดดันหรือกังวลอะไรในเรื่องนี้


นาซีซัสฝึกเดินพลังพร้อมกับสงบใจตามหนังสือที่จางอี้ให้เขามาได้สามวันแล้ว
เขาเริ่มควบคุมพลังมารฟ้าในตัวได้แล้วในตอนนี้
เขาสามารถที่จะใช้วิชามารฟ้าออกมาได้โดยไม่รู้สึกถึงพลังด้านมืดอีกแล้ว
พลังจากคัมภีร์สยบมารทำให้เขามีสมาธิและพลังใจที่กล้าแข็งมากขึ้น
นอกจากจะทำตามคัมภีร์สยบมารแล้ว นาซีซัสยังทบทวนวิชาเก้ามารฟ้าอยู่ตลอด
ทำให้เขาเริ่มใช้งานมันได้อย่างคล่องแคลวมากขึ้น แถมเขายังจับจุดอ่อนของของวิชานี้ได้อีกด้วย
อย่างที่มาร์คัสเคยสงสัยไว้ว่าวิชานี้เน้นแต่พลังแต่กลับไม่มีท่าร่าง
ถึงจะมีพลังมากแต่กลับถูกดักทางได้ง่าย ถ้าเจอยอดฝีมือรุมเข้ามายังไงก็ต้องพ่ายแพ้แน่ๆ
หลังจากที่เขาศึกษาคัมภีร์สยบมารมาหลายวัน ทำให้เขาเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาได้
เขาได้ลองนำท่าการร่ายรำเพื่อฝึกสมาธิจากคัมภีร์สยบมารมาประยุกต์เป็นท่าทางการต่อสู้


นาซีซัสลองคิดค้นและประยุกต์เอาพลังทั้งสองอย่างมาผสมกัน
ทีแรกเขารู้สึกถึงการต่อต้านกันภายในตัวของเขาอย่างมาก
แต่ด้วยความพยายามของเขาเลยทำให้พลังทั้งสองค่อยผสมรวมตัวกันได้ที่ละนิด
จนตอนนี้เขาคิดค้นท่าร่างในการต่อสู้ของเขาออกมาได้ถึง 8 ส่วนแล้ว
เหลืออีกเพียงสองถ้าสุดท้ายที่เขายังคิดไม่ออก
ตอนนี้นาซีซัสเริ่มมั่นใจในตัวเองมากขึ้น แล้วเขาก็อยากที่จะไปหามาร์คัสแล้วด้วย
เขาจึงคิดที่จะออกไปจากป่าไผ่นี่เสียที
ทันทีที่เขาเริ่มก้าวเท้าแตะเข้าป่าไผ่ ต้นไผ่ก็ไหวเอนเข้าหาเขาทันที
เพียงพริบตาเดียวเขาก็โดนต้นไผ่ล้อมไว้แล้ว


หลังจากที่ตกลงเรื่องทดสอบเนกิกันเรียบร้อยแล้ว
มาร์คัสสั่งจัดสถานที่ภายในตึกทั้งหมดสี่ชั้น
โดยทั้งสี่คนจะคุมคนละชั้นเริ่มจากชั้นแรกมีแอนนาเป็นคนดูแล
ชั้นที่สองเป็นของพีรัน ชั้นที่สามเป็นของอนัสตกาล
ชั้นสุดท้ายเป็นของมาร์คัส
มาร์คัสเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเนกิจะสามารถฝ่ามาจนถึงเขาได้หรือไม่

คีย์รัสพาเนกิมาส่งที่ชั้นแรก เขาตบไหล่เนกิเบาๆ
“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องทำได้ ข้าเชื่อใจเจ้านะทำให้เต็มทีแล้วกัน”
เขาบอกให้กำลังใจเนกิ ที่ตอนนี้ทำท่ามุ่งมั่นเต็มที่
“อืม ข้าจะไม่ทำให้ความเชื่อใจของเจ้าเสียเปล่าแน่นอน”
เนกิรับคำก่อนที่จะเดินเข้าด่านแรกไปอย่างมั่นใจ
คีย์รัสมองตามหลังของเนกิไปอย่างกังวล ทำไมเขาต้องรู้สึกห่วงเนกิขนาดนี้ด้วยนะ


เนกิเดินเข้าห้องไปเมื่อถึงข้างในแอนนายืนคอยอยู่แล้ว
“ด่านของข้าอาจจะง่ายที่สุดของทั้งสี่คนก็ได้นะ ทีนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าแล้ว”
“ข้าจะพยายามสุดความสามารถก็แล้วกัน” เนกิพูด
“อืม งั้นเริ่มทดสอบกันได้เลย ด่านของข้าจะแบ่งเป็นสี่ด่านย่อย แต่ละด่านเป็นค่ายกลโบราณที่ข้าศึกษามาจากหนังสือ ถ้าเจ้าสามารถออกจากค่ายกลทั้งสี่ได้เจ้าก็ไปด่านต่อไปได้ ข้ามีเวลาให้เจ้าแค่5ชั่วโมงเท่านั้นนะ”
แอนนาอธิบายถึงรายละเอียดและเงื่อนไขในด่านของเขาให้เนกิฟัง
หลังจากที่เนกิรับรู้เรื่องราวทั้งหมดเขาก็เดินเข้าไปใน
ด่านแรกที่เขาเห็นเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งเรียงรายเต็มไปหมด
เนกิรู้ได้ทันทีว่านี่ค่ายกลปฐพีที่อาศัยหลักการวางก้อนหินขนาดใหญ่ตามหลักของดวงดาว
เพียงเข้าไปข้างในวงล้อมของก้อนหิน ก็จะไม่สามารถออกมาได้อีกเลย
เนกิก้าวเข้าไปข้างในอย่างมั่นใจ ก้อนหินทั้งหมดเริ่มเคลื่อนที่สลบกันไปมา
แต่ไม่ทำให้เขาเสียสมาธิได้ เขาเดินไปตามตำแหน่งของดาวเหนือทั้งเจ็ดดวง
เขาค่อยๆเดินผ่านหินมาที่ละก้อนเรื่อยๆ จนเขาหลุดออกมาจากด่านปฐพีได้แล้ว
แอนนาทึ่งกับความสามารถในการแก้ไขด่านแรงได้อย่างง่าย แต่เขายังมั่นใจในอีกสามด่านี่เหลือของเขา


เมื่อป่านด่านปฐพีออกมาได้แล้ว เนกิก็สัมผัสได้ถึงลมแรงที่พัดโดนตัวเขา
“ด่านต่อไปค่ายกลวายุสินะ ท่าทางแอนนาจะทดสอบเราด้วยค่ายกลสี่ธาตุแน่ๆ”
เนกิบอกกับตัวเอง แต่เขาก็ยังมั่นใจว่าจะผ่านไปได้เหมือนเดิม
ยิ่งเขาเดินหน้าเข้าไปมากขึ้นเท่าไหร่ ลมที่พัดใส่ตัวเขาเริ่มแรงมากขึ้น
จนเขาต้องเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อทรงตัวไว้
“ค่ายกลวายุจะมีจังหวะที่ลมอ่อนแรง เมื่อถึงตอนนั้นให้เขาไปหลบด้านข้าง เดินไปอีกประมาณ10ก้าวจะเจอก้อนหินใหญ่ที่ช่วยต้านลดแรงลมลงได้ ก่อนที่จะเข้าไปทำลายต้นกำเนิดลมที่อยู่ด้านในสุด” เนกิบอกกับตัวเองตามตำราที่เขาจำได้
แล้วก็เป็นจริงอย่างที่เขาบอก ลมจากที่แรงจนแทบจะพัดเขาให้ปลิวได้ตอนนี้กลับเบาลงขนัดตา
เนกิรีบทำตามที่เขาจำได้ทันที ตอนนี้เขาเข้ามาจนถึงด้านในสุด
แอนนาใช้พัดลมขนาดใหญ่เป็นเครื่องกำเนิดลมแทนสัตว์จักรกลที่อาจอันตรายเกินไป
เมื่อมาถึงเนกิถอดเสื้อคลุมออกแล้วโยนเข้าไปให้พันกับใบพัดขนาดใหญ่
วี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ใบพัดโดนเสื้อพันจนไหม้ทำให้ลม
เขาผ่านค่ายกลวายุออกมาได้อย่างง่ายดาย


เนกิมุ่งหน้าเข้าด่านต่อไปทันที
“ค่ายกลนที คราวนี้ต้องระวังให้ดีกว่าเดิมแล้ว” เนกิทำหน้าเคร่งเครียด
เขามองทางน้ำข้างหน้า มีเสาหินมากมายตั้งอยู่น้ำเพื่อให้เดินข้ามไปได้
เนกิพยายามมองตำแหน่งทั้งหมดของเสาหินในน้ำ ก่อนที่เขาจะวาดมันลงบนพื้น
เนกิจ้องมองภาพที่เขาวาดอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะเงยหน้าแล้วยิ้มกับตัวเอง
“วางหินตามตำแหน่งของกลุ่มดาวคนโทนี่เอง แอนนานี่ก็ฉลาดไม่ใช่เล่นเหมือนกัน”
เนกิอดชื่นชมแอนนาทีเป็นคนออกแบบค่ายกลนี้ไม่ได้
หลังจากเขาแก้การวางตำแหน่งของหินได้แล้ว เนกิก็เดินไปบนหินตามตำแหน่งที่เขาคิดไว้
เขาผ่านด่านนี้ออกมาจนได้ เขาเดินเข้าด่านต่อไปทันที


“ค่ายกลอัคคี ไม่รู้แอนนาจะตั้งไว้แบบไหนนะ คงต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิมเสียแล้ว”
เนกิเตือนตัวเองก่อนก้าวเข้าไปช้าๆ พอก้าวเข้ามาถึงไฟลูกใหญ่ก็พุ่งเข้ามาใส่เขาอย่างรวดเร็ว
เนกิรีบพุ่งหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ลูกไปเฉียวผมเขาไปนิดหน่อย
“ผมข้า ผมข้า” เนกิจับผมตัวเองที่โดนไปไหม้ไปนิดหน่อย
ก่อนที่เขาจะต้องมองข้างในเพื่อสังเกตว่ามีอะไรบ้าง
ด่านนี้มีเสาหินติดไฟตั้งอยู่มากมาย พร้อมกับมีเครื่องยิงลูกไป ที่ยิงออกมาเป็นระยะๆ
“อืม ถ้าไม่ระวังสงสัยเราจะถูกไฟเผาคราวนี้แหละ” เนกิพึมพำ
เขาจ้องมองตำแหน่งของเสาทั้งหมด แล้วคำนวณทันที
เขาคิดสักพักก็ยิ้มออกมา ก่อนที่จะวิ่งไปที่กลุ่มเสาหินที่ติดไฟ
เมื่อวิ่งมาถึงที่หมายเนกิก้มลงไปหยิบทรายที่พื้นขึ้นมา
เขาใช้ทรายดับไฟที่เสาหินตามตำแหน่งที่เขาคิดไว้
เนกิดับไปที่เสาหิน5ตนก่อนที่เขาจะลากเส้นตามเสาเป็นรูปดาวห้าแฉก
“ดีนะที่ข้าเตรียมตัวไว้แล้ว” เนกิพูดพร้อมกับหยิบขวดน้ำเล็กๆออกมาจากกระเป๋ากางเกง
เนกิหยดน้ำลงบนเส้นท่เขาวาดไว้ สายน้ำวิ่งไปตามลายเส้นที่เขาวาดไว้
เสาหินทั้งห้ากลายเป็นน้ำแข็งทันที ก่อนที่จะระเบิดออกพร้อมกัน
เนกิรีบก้มหลบสะเก็ดเสาที่ระเบิดออกมา แรงระเบิดทำให้เสาที่อยู่รอบๆล้มเรียงกันเป็นโดมิโน่
หลังจากสิ้นเสียงดังโครมครามจากการล้มของเสาหินเนกิก็ลุกขึ้นปัดฝุ่นออกจากตัวเอง
เขาทำลายด่านอัคคีลงได้อย่างง่ายดาย เขาเดินพ้นห้องของแอนนาออกมา
มีคนมารอต้อนรับเขออยู่เพื่อพาไปชั้นต่อไปทันที


นาซีซัสเมื่อต้นไผ่ล้อมเขาไว้จนลอบ ต้นไผ่บางต้นโน้มกิ่งลงมาโจมตีใส่เขาทันที
นาซีซัสใช้ท่าร่างหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่เขาจะกระโดดขึ้นไปยืนบนยอดไผ่
เขากระโดดออกจากวงล้อมของต้นไผ่ลงมาที่หน้าทะเลสาบ
นาซีซัสคิดที่จะข้ามไปหาจางอี้เพื่อบอกถึงผลการฝึกที่ผ่านมา
เขาคิดว่าเขาคงไม่ต้องให้จางอี้สอนวิชาเขาอีกแล้ว แล้วเขาก็จะไปหามาร์คัส

ฟ้าววว ฟ้าวววว
รังสีกระบี่สีน้ำเงินนับสิบสายพุ่งตรงมาที่เขา
นาซีซัสรีบกระโดดหลบไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว
“หึ หึ ไม่คิดว่าเจ้าจะออกมาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้” ไป่จงร่อนตัวลงตรงริมทะเลสาบ
“ท่านไป่จง นี่ท่านจะทำอะไรครับ” นาซีซัสแปลกใจ
“ก็ข้าจะทดสอบเจ้าไงว่าเจ้าควบคุมพลังมารฟ้าได้หรือยัง ที่ออกมาแบบนี้”
พูดจบไป่จงก็แทงกระบี่เข้าใส่นาซีซัสทันที ปลายกระบี่พุ่งตรงมาทีลำคอของนาซีซัสอย่างรวดเร็ว
เขายกมือขึ้นผสานกันปิดลำคอไว้แล้วเร่งพลังไว้ที่ฝ่ามือจนเกิดแสงสีเทาเรืองๆออกมาจากมือทั้งสองข้าง
กิ้ง
เสียงกระบี่ของไปจงเหมือนกระทบเข้ากับเหล็กกล้าเข้าให้
ไป่จงออกแรงแทงกระบี่เข้าไปอีก จนนาซีซัสต้องถอยหลังลดแรงกดดันของเขา
นาซีซัสเห็นไป่จงเสียจังหวะนิดหน่อยตอนที่เขาถอยหลัง
เขาจึงหมุนฝ่ามือทั้งสองข้างเป็นวงกลม คลื่นพลังสีเทาหมุนวนรอบกระบี่ของไปจงไว้
ไป่จงรู้สึกเหมือนกระบี่เขาโดนพลังบางอย่างดึงให้หลุดจากมือ
เขาออกแรงรั้งกระบี่กลับมาทันที
“ทาท่างเจ้าจะพัฒนามากว่าที่ข้าคิดนะนี่ งั้นข้าไม่ออมมืออีกต่อไปแล้ว”
ไป่จงบอกพร้อมกับเร่งพลังเนกิสในตัวให้สูงขึ้น จนกระบี่ของเขาเรื่องแสงสีน้ำเงินเข้มออกมา
“ข้าเตือนเจ้าไว้ก่อนนะ ถ้าไม่ลงมือเต็มที่เจ้าอาจบาดเจ็บได้ แล้วจะหาว่าข้าไม่เตือนเจ้านะ”
ไป่จงพูดจบเขาก็ใช้เพลงกระบี่พิสดารท่าสังหารท่าที่สอง พิสดารร้อยสาย
เมื่อเขาร่ายท่าออกมา เกิดรังสีกระบี่น้ำเงินจำนวนร้อยสายพุ่งเข้าใส่นาซีซัส
นาซีซัสตั้งเตรียมตัวตั้งรับอย่างเต็มที่ทันที


............................
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งแรก)UP!! [P:7] 10-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 11-10-2010 00:05:10
ค่ายกลสี่ธาตุเริ่ดมากๆ

แล้วคนทดสอบคนสุดท้าย

คือมาร์คัสเนกิจะผ่านไหมนี้ :เฮ้อ:

ส่วคนทดสอบมาซีซัสคือ ท่านไป่จง แล้ว นาซีซัสจะบาดเจ็บไหมนี้ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งแรก)UP!! [P:7] 10-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 11-10-2010 07:28:19
ด่านแรกของเนกิผ่านไปอย่างสบาๆ แต่ด่าน 3-4 นี้ซิถ้าจะยากน่ะ แต่ก็คงผ่านไปได้นั้นแหละนะ

ของหนูนาซีซีสนี้ซิเจอท่านไป่จงตั้งแต่ด่านแรกเลย แล้วคงไปเจอท่านจางอี้ต่ออีก ท่าจะหนักนะ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งแรก)UP!! [P:7] 10-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 11-10-2010 08:43:57
เชียร์เนกิกับ นาซีซัสโลดขอรับ :a1:
เอาใจช่วย  :z2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งแรก)UP!! [P:7] 10-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 11-10-2010 12:56:35
 :110011: เนกิ กะนาซีซัส สู้ ๆๆ
ชอบค่ายกลธาตุทั้งสี่ พื้นฐานของการรวมพลังธาตุ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งแรก)UP!! [P:7] 10-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 17-10-2010 02:54:04
มารอครับ :z2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งแรก)UP!! [P:7] 10-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 19-10-2010 15:04:48
มาต่อแล้วคร้าบบ หนีน้ำท่วมซะหลายวัน ไม่ว่ากันนะคร้าบบบ  :o8:

............................

หลังจากที่เนกิผ่านด่านของแอนนาได้แล้วก็มีคนนำทางเขาขึ้นลิฟมาชั้นต่อไป
เนกิก็ได้แต่ลุ้นว่าเขาจะเจอกับใครต่อไป แต่จากที่ผ่านมาเขาคงประมาทไม่ได้อีกแล้ว
เพราะแค่ด่านแอนนาก็ทำให้เขาประเมินได้แล้วว่าอีกสามคนที่เหลือคงลำบากมากกว่านี้แน่นอน
ลิฟท์เลื่อนขึ้นมาได้สามสี่ชั้นก่อนที่จะหยุดลง
“เชิญท่านเนกิค่ะ นี่คือด่านต่อไปที่ท่านต้องเข้าไปทดสอบ ขอให้ท่านโชคดีนะคะ”
คนนำทางสาวสวยยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
เนกิไม่ได้ตอบอะไรเพียงยิ้มคืนเท่านั้นก่อนที่จะเดินออกจากลิฟท์มา
เขาเดินตามทางที่มีแสงไฟสลัวๆจนมาถึงหน้าประตูบานใหญ่อีกครั้ง
เนกิค่อยๆเปิดประตูเข้าไปอย่างระมัดระวัง

“ในที่สุดเจ้าก็ผ่านมาจนได้นะ นับว่าเจ้าเก่งมากทีเดียว แต่ด่านของข้าไม่ง่ายอย่างของแอนนาแน่นอน”
เสียงพีรันดังขึ้นจากมุมมืด ก่อนที่เขาจะเดินออกมาหาเนกิ
“ด่านนี้เป็นของท่านพีรันหรือครับ” เนกิทำท่าทางแปลกใจ เพราะเขาคิดว่าพีรันน่าจะเป็นด่านที่สาม
“ฮ่า ฮ่า ใช่ด่านนี้เป็นของข้าเอง เพราะข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่ผ่านถึงด่านข้านะสิ ข้าถึงได้ขอประจำด่านนี้”
พีรันยิ้มให้เนกิอย่างอ่อนโยน ดูท่าทางพีรันจะถูกใจเนกิอยู่บ้าง
“ดูท่าท่านจะดูถูกข้ามากไปหรือเปล่าครับ” เนกิตอบพร้อมกับยิ้มให้อย่างมั่นใจ
“ข้าละชอบความมั่นใจของเจ้าจริงๆ งั้นมาเริ่มด่านของข้าเลยดีกว่า”
พีรันตบมือสองครั้งไปที่สลัวอยู่ภายในก็ดับลงทั้งหมดทันที
“จากข่างกรองของข้า ข้ารู้มาว่าเจ้าจำวิชาทุกชนิดที่เจ้าได้อ่านมาจากท่านจางอี้แล้วหาท่างแก้ได้ทั้งหมด ดังนั้นข้าอยากทดสอบดูสิว่า คำที่เขาพูดกันมันจะเกินจริงหรือไม่” พีรันเว้นจังหวะนิดหน่อย ก่อนที่เขาจะตบมืออีกหน
ตรงกลางห้องปรากฏแสงไปจำนวนเจ็ดสิบหกจุดสว่างขึ้นมา
เนกิจ้องมองตำแหน่งของแสงไฟที่สว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว
“แล้วท่านต้องการทดสอบอะไรข้า แล้วไปทั้งเจ็ดสิบหกจุดนี่คืออะไรกัน” เนกิถาม
“โอ้ เพียงพริบตาเจ้าก็นับจำนวนไฟทั้งหมดได้อย่างถูกต้องเสียแล้ว” พีรันอดทึ่งกับความฉลาดของเนกิไม่ได้
“งั้นข้าจะอธิบายเลยแล้วกัน ไปทั้งเจ็ดสิบหกจุดนี้จะเป็นตำแหน่งท่าก้าวของหลายๆวิชาที่ขาค้นคว้ามา ข้าอยากให้เข้าลองแก้ออกมาให้ข้าหน่อยว่ามีวิชาอะไรบ้างข้าคิดว่าคงไม่ยากเกินไปสำหรับเจ้าหรอกนะ”
เนกิจ้องมองตำแหน่งของไฟอีกครั้งทันที
“ข้ามีเวลาให้เจ้าแค่ห้าชั่วโมงเท่านั้นนะ ถ้าเกินแม้แต่นาทีเดียวข้าจะถือว่าเจ้าไม่ผ่านด่านของข้าทันที” พีรันบอกเงื่อนไขทั้งหมด
แต่คำพูดของพีรันไม่ได้ทำให้เนกิเสียสมาธิที่จ้องมองไฟทั้งหมดอยู่
พีรันเห็นเนกิกำลังใช้สมาธิเขาจึงหลบออกไปอย่างเงียบๆ


หลังจากที่เนกิจ้องมองตำแหน่งทั้งเจ็ดสิบหกอยู่นานเขาก็เริ่มขยับตัว
เขามองไปรอบๆบริเวณ เห็นโต๊ะที่มีกระดาษปากกาพร้อมโคมไฟวางไว้ให้ที่มุมห้อง
เนกิไม่รอช้าเขาไปนั่งที่โต๊ะนั้นก่อนที่จะล่างตำแหน่งทั้งเจ็ดสิบหกลงไปบนกระดาษอย่างรวดเร็ว
เนกิค่อยๆลากปากกาไปตามจุดต่างๆตามท่าก้าวของวิชาต่างๆที่เขารู้มา
นี่ถือว่ายากมากเพราะว่าวิชาต่างๆในโลกนี้มีมากกว่าร้อยสาขาวิชา
แค่วิชากระบี่อย่างเดียวก็แตกแขนงได้เป็นร้อยวิชาเข้าไปแล้ว
ดังนั้นจึงถือว่าด่านของพีรันยากยิ่งนัก เนกิครุ่นคิดลองขีดเส้นร่างตามท่าต่างๆที่เขาจำได้
เมื่อลากไปแล้วคิดว่าไม่ใช่เนกิจะเปลี่ยนกระดาษใบใหม่ทันที
ดูท่าเนกิจะตกที่นั่งลำบากขึ้นมาแล้ว เขาเขียนแล้วทิ้งไปไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแล้ว
พีรันได้แต่คอยสังเกตอยู่ไกลๆ ดูเขามีความสนใจในตัวเนกิมากเป็นพิเศษ
ครั้งนี้เนกิคงตกที่นั่งลำบากจริงๆเสียแล้ว


รังสีกระบี่นับร้อยสายพุ่งตรงเข้ามาหานาซีซัสอย่างรวดเร็ว
แต่เขาก็เตรียมตัวรับมือไว้แล้ว เขาเร่งพลังทั้งหมดไว้ที่ฝ่ามือจนมีแสงสีเทาเปล่งออกมาจากฝ่ามือ
นาซีซัสกลับพุ่งเข้าใส่รังสีกระบี่ของไป่จงแทนที่จะยืนตั้งรับ
เขาใช้ฝ่ามือปัดรังสีกระบี่ให้กระจายออกไปทั่วทิศทาง
ไป่จงเองยังอดทึ่งกับความสามารถของนาซีซัสไม่ได้ที่กล้าพุ่งเข้ามารับรังสีกระบี่ของเขาตรงๆ
“เจ้าอย่าคิดว่าวิชาของข้ามันจะหมดแค่นี้สิ” ไป่จงบอกพร้อมกับหมุ่นตัวร่ายกระบี่อีกครั้ง
รังสีกระบี่ที่โดนนาซีซัสปัดออกไปวกกลับมาพุ่งเข้าใส่เขาอีกครั้ง
ครั้งนี้ทำให้รังสีกระบี่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง ถ้าไม่มีสามเศียรหกกรคงรับมือไม่หมดแน่นอน


นาซีซัสเห็นว่าท่าทางจะรับไว้ไม่ไหวแน่นอน เขาหยุดอยู่กับที่ประสานมือไว้ที่หน้าอก
เกิดคลื่นพลังสีเทาหมุนวนอยู่ระหว่างฝ่ามือทั้งสองของเขา
พลังนั้นขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีขนาดใหญ่ประมาณหนึ่งฟุต
เขาดันลูกพลังนั้นไปไว้บนอากาศเหนือหัวของตัวขาเอง
ไป่จงแปลกใจกับลูกพลังนั้น เพราะมันเป็นพลังที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
หลังจากที่ลูกพลังนั้นอยู่บนอากาศมันก็เริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว
ทำให้เกิดแรงดึงดูดมหาสารดูดรังสีกระบี่ทั้งหมดของไป่จงเข้าไปทันที
ไป่จงเห็นดังนั้นเขารีบรั้งรังสีกระบี่ไว้แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล รังสีกระบี่ของเขาถูกลูกพลังนั้นดูดเข้าไปจนหมด
หลังจากที่รังสีกระบี่ของไปจงถูกดูดไปจนหมดนาซีซัสเรียกลูกพลังกลับมาไว้ที่ฝ่ามือ
ลูกพลังสีเทาเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มตามพลังของไป่จง
นาซีซัสค่อยดูดพลังนั้นกลับเข้าฝ่ามือตัวเองไปนี่คงเป็นท่าที่ดัดแปลงมาจากท่ามารฟ้าจักรวาล
ที่สามารถดูดซึมซับพลังจากคู่ต่อสู้มาเพิ่มพลังให้กับตัวเองได้
หลังจากที่นาซีซัสดูดซับพลังจนหมดแล้วเขาก็เป็นฝ่ายเริ่มจู่โจมบ้าง
เขาชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้วเกิดรังสีเป็นรูปกระบี่ไล้ลักษณ์ของไป่จง
“ดาบนั้นคืนสนองรึ” ไป่จงยิ้มที่มุมปากก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าหานาซีซัสเหมือนกัน
เพียงพริบตาเดียวทั้งสองรับมือกันไม่ต่ำกว่าสิบกระบวนท่า
ทั้งสองประทะกันจนกระเด็นถอยหลังห่างกันออกไป
พอตั้งหลักได้นาซีซัสก็ปล่อยพลังเข้าใส่ไป่จงอย่างรวดเร็ว
พลังของเขากลายเป็นรูปกระบี่ไล้ลักษณ์ขนาดใหญ่พุ่งออกไป
ไป่จงรีบเร่งพลังแล้วแทงกระบี่ออกไปตั้งรับทันที
เกิดรังสีกระบี่สีน้ำเงินขนาดใหญ่ออกไปต้านกันไว้ตรงกึ่งกลางระหว่างคนทั้งสอง
แต่ถ้าเทียบกันในด้านพลังเนกิส ไป่จงฝึกฝนมานานกว่าแถมยังให้ได้คล่องกว่า
ทำให้พลังเริ่มถ่อยหลังเข้าหานาซีซัสทีละน้อย ถ้าพลังทั้งสองย้อนกลับมาโดนเขาคงบาดเจ็บสาหัสแน่นอน


เนกิตั้งสมาธิกับการแก้จุดทั้งเจ็ดสิบหกจุด เขาเขียนแล้วทิ้งไปไม่ต่ำกว่าห้าสิบรอบแล้ว
ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาสี่ช่วงโมงกว่าได้แล้ว หรือว่าเขาจะไม่ผ่านที่ด่านนี้จริงๆ
พีรันกลับมายืนดูเนกิอยู่ใกล้ๆตั้งแต่เมื่อไหร่เนกิก็ไม่รู้ตัว
พีรันจ้องมองหน้าเนกิที่กำลังขะมักเขม้นตลอดเวลา เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
ว่าทำไมเขาถึงอยากมองหน้าเนกิมากขนาดนี้  แต่เขาก็ยังไม่ลืมหน้าที่ตัวเอง
เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือเพื่อดุเวลาที่เขากำหนดไว้ ซึ่งก็เหลืออีกไม่ถึงสิบนาที
หรือว่าเนกิจะไม่ผ่านด่านของเขาจริงๆ เขาก็แอบดีใจเพราะเขาก็ไม่อยากให้เนกิมาเสี่ยงกับเรื่องนี้
ขณะที่เขากำลังจะนับถอยหลังเพราะเหลือเวลาไม่ถึงสามสิบวินาที
“เสร็จแล้ว ข้าทำเสร็จแล้ว” เนกิเงยหน้าขึ้นมาบอกอย่างดีใจ
เขารีบเอากระดาษที่เขาเขียนมาส่งให้พีรันทันที
“ข้าหวังว่ามันคงยังทันเวลานะ” เนกิยิ้มให้พีรัน เขาก้มลงมองนาฬิกา
“ยังทันสิแต่ฉิวเฉียดไปนิดเดียวเองนะ” พีรันบอกพร้อมกับรับกระดาษมาไว้ในมือ
แต่พอรับกระดาษมาเนกิก็ทรุดตัวลงทันที พีรันรีบเข้าไปประคองเขาไว้อย่างทันท่วงที
“เนกิเจ้าเป็นยังไงบ้าง” พีรันถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเนกิอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“ข้าคงเครียดมากไปหน่อย ขอข้าพักสักหน่อยก็หายแล้ว” เนกิบอกอย่างหมดเรี่ยวแรง
พีรันรีบอุ้มเนกิไปนอนที่โซฟาอีกมุมที่เขาหลบอยู่ทันที
เขาเป็นห่วงเนกิมากกว่าที่จะสนใจดูคำตอบของเนกิที่อยู่ในมือเขาเสียอีก
“งั้นเจ้านอนพักที่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวข้าจะหาน้ำมาให้เจ้าเอง”
“ข้าไม่เป็นไรหรอก แต่ท่านดูคำตอบข้าหรือยังว่าถูกหรือไม่” เนกิกลับห่วงเรื่องคำตอบมากกว่า
เพราะเขาอยากพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นๆเห็น แล้วอีกอย่างเขากลับไม่อยากทำให้คีย์รัสผิดหวังในตัวเขา
พีรันหยิบกระดาษขึ้นมาอ่านทันที เขากลับทึ่งทันทีที่เห็นคำตอบของเนกิ
เพราะไม่เพียงตอบท่าร่างได้ถูกต้องเนกิยังโยงท่าร่างทั้งหมดมาให้พร้อม พร้อมกับบอกว่าท่านี้เป็นของใครอีกต่างหาก
มันเกินสิ่งที่เขาต้องการมากนัก นี่แสดงให้เห็นถึงความอัจฉริยะของเนกิได้อย่างดี
ยิ่งเห็นแบบนี้พีรันกับยิ่งรู้สึกดีกับเนกิมากขึ้น ตอนนี้เขาคิดว่าเนกิน่าจะมาอยู่ข้างเขามากกว่าคีย์รัส
เพราะมันคงทำให้เนกิสบายกว่าที่จะไปอยู่กับคีย์รัสที่เป็นชนเผ่าเมืองหนาว
แต่ตอนนี้มีเรื่องอื่นสำคัญกว่าเขายังไม่อยากมีเรื่องกันเองภายใน เขาได้แต่คิดว่าหลังจากจบเรื่องครั้งนี้เขาจะลองคุยกับเนกิดูเองสักครั้ง
พีรันสั่งให้คนหาน้ำกับอาหารอย่างดีมาให้เนกิ เพื่อเพิ่มพลังให้เขาก่อนที่จะไปด่านต่อไป
“ตกลงว่ายังไง ข้าตอบถูกหรือเปล่า” เนกิถามอีกครั้งหลังจากที่เขากลับมามีแรงอีกครั้ง
“อืม ถูกสิแถมยังตอบมามากว่าที่ข้าต้องการอีกด้วย” พีรันบอก
“มาข้าจะเป็นคนไปส่งเจ้าไปด่านต่อไปเอง” พีรันบอกพร้อมกับยื่นมือให้เนกิ
ทีแรกเนกิลังเลใจก่อนที่เขาจะยื่นมือไปจับมือพีรันเพื่อดึงตัวเองให้ลุกขึ้น
พอลุกขึ้นมาได้เขาคิดจะปล่อยมือแต่พีรันกับจับมือเขาไว้จนแน่นแล้วพาเดินออกไป
พีรันเดินจูงมือเนกิมาจนถึงหน้าด่านต่อไป
“ข้ามาส่งเจ้าได้เท่านี้นะ ต่อไปเจ้าต้องเข้าไปเองแล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะผ่านได้อีกเหมือนกันนะ”
พีรันบอกพร้อมกับปล่อยมือ เขาเอามือขึ้นขยี้หัวเนกิเบาๆ
“ข้าไปก่อนล่ะ ขอให้เจ้าโชคดีนะ”
เนกิงงกับการกระทำของพีรัน เขาให้มือตัวเองจับหัวที่พีรันจับเมื่อกี้
แต่เขาก็กับรู้สึกดีเหมือนกัน ถึงมันจะแตกต่างจากคีย์รัสก็เถอะ
แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาที่จะคิดเรื่องอื่นอีกแล้ว เพราะว่าด่านต่อไปอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
เขาสลัดความคิดทั้งหมดออกไปจากหัวก่อนที่จะเปิดประตูเข้าสู่ด่านต่อไป


พลังทั้งสองต้านกันอยู่กลางอากาศแต่เคลื่อนที่เข้าหานาซีซัสทีละน้อย
จนตอนนี้เริ่มเข้าไกล้เขาแล้ว นาซีซัสก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะถ้าเขาสลายพลัง พลังทั้งหมดจะพุ่งมาที่เขาทันที
แล้วเขาก็คงไม่มีเวลาที่จะหลบพลังนั้นอีกด้วย เขาทำได้แต่ต้านทานมันไว้
เขาเร่งพลังจนถึงขีดสุดแต่ก็ยังต้านไว้ไม่ได้ ยิ่งใช้พลังนานขึ้นพลังของเขาก็ยิ่งอ่อนลง
นาซีซัสกัดริมฝีปากจนมีเลือดซึมออกมาที่มุมปาก
แตร๊งงงงงง!!!
เสียงพิณดังขึ้นพร้อมคลื่นพลังสีขาวเข้าปะทะกับพลังทั้งสองจนเปลี่ยนทิศออกไปด้านข้าง
ตูมมมมม!!!
พลังทั้งสามพุ่งออกไปจนชนเข้ากับก้อนหินขนาดใหญ่ ก้อนหินนั้นสลายเป็นผงลงในพริบตา
“ท่านก็ทำเกินไปแล้วนะไป่จง แค่ทดสอบไม่เห็นต้องจริงจังมากขนาดนี้ก็ได้”
จางอี้บอกพร้อมกับล่อนตัวลงมายืนข้างๆนาซีซัส เขาพยุงนาซีซัสที่ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นให้ลุกขึ้น
ไป่จงไม่ได้ตอบอะไรจางอี้ เขาเพียงเก็บกระบี่แล้วยืนหันหลังให้เท่านั้น
“เจ้าก็อย่าถือสาไป่จงเลยนะ นิสัยเขาก็เป็นแบบนี้แหละ ทำอะไรตามใจตัวเองเสมอ”
จางอี้บอกนาซีซัสอย่างอ่อนโยน
“ครับ ข้าไม่คิดเช่นนั้นแน่นอน”
“นับว่าเจ้าพัฒนาไปมากจริงๆ ข้าดูคนไม่ผิดเลย” จางอี้พูดพร้อมกับมองนาซีซัสอย่างภูมิใจ
“แต่ข้าก็ยังคิดว่ามันไม่สมบูรณ์อยู่ดีครับ เพราะข้าคิดสองท่าสุดท้ายไม่ได้สักที” นาซีซัสบอกข้อข้องใจของเขา
“เจ้าไม่ต้องรีบร้อนเพราะว่าเจ้ายังไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้มากพอ ต่อไปเจ้าจะคิดได้เองเมื่อเจ้าอยากปกป้องใครสักคน” จางอี้บอก
“ครับ”
“ข้าคงไม่มีอะไรจะสอนเจ้าแล้ว ที่เหลือเจ้าต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองเท่านั้น”
“ครับข้าจะพยายาม ข้าต้องขอบคุณท่านทั้งสองมากที่ช่วยดูแลข้ามา”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่เจ้าไม่กลับเป็นมารข้าก็ดีใจแล้ว แต่ข้าขออะไรเจ้าอย่างได้หรือไม่”
“ขอข้า ท่านจะขออะไรจากข้าหรอครับ” นาซีซัสแปลกใจ
“ก็ข้าขอตั้งชื่อวิชาที่เจ้าคิดขึ้นมาจะได้ไหม” จางอี้บอก
“ได้สิครับ ข้ารู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่ท่านจะช่วยข้าคิดชื่อให้” นาซีซัสดูตื่นเต้นทันที
“งั้นต่อไปวิชาของเจ้าให้เรียกว่า มารฟ้ากลับใจ เจ้าว่ายังไงนาซีซัส” จางอี้ถามความคิดเห็น
“ข้าชอบชื่อนี้ครับ ขอบคุณท่านมากเลยครับ” นาซีซัสยิ้มอย่างดีใจ
“แล้วเจ้าคิดจะทำอะไรต่อไป” จางอี้ถามถึงแผนการของนาซีซัส
“ข้าจะไปหามาร์คัสครับ ข้าไปอวดวิชากับเขาด้วยแล้วเขาก็คงห่วงข้าแล้วป่านนี้” นาซีซัสมีประกายแววตาที่ตื่นเต้น
“อืมก็ดี เจ้าคงเป็นกำลังสำคัญให้เขาได้อย่างมากเลยทีเดียว ข้าขอให้เจ้าโชคดีนะ” จางอี้อวยพร
“ครับ งั้นขอขอลาท่านทั้งสอง” นาซีซัสก้มทำความเคารพทั้งสองคน
เขารีบเร่งออกเดินทางไปหามาร์คัส เพราะเขาอยากจะอวดพลังฝีมือของเขาให้มาร์คัสเห็นยิ่งกว่าใคร


เนกิเดินเข้ามาที่ห้องทดสอบต่อไป ภายในห้องตั้งเต็มไปด้วยหมอยามากมาย
“ต้องเป็นของหมอเทวดาแน่ๆ คราวนี้คงจะทดสอบความรู้เรื่องสมุนไพรแน่ๆ”
เนกิบ่นกับตัวเอง
“หึ หึ ดูท่าทางเจ้าฉลาดไม่เบานี่นา ที่ผ่านมาได้ถึงสองด่านแบบนี้ แต่ด่านข้าถ้าพลาดเจ้าอาจตายได้เลยนะ เจ้าจะยอมทดสอบหรือไม่”
อนัสตกาลส่งเสียงดังมาจากด้านใน เนกิเลยเดินเข้าไปหา
“ข้าผ่านมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่มีเหตุผลที่ข้าจะไม่ทดสอบต่อนี่นา” เนกิตอบอย่างใจเย็น
“ดีนับว่าเจ้าใจกล้าไม่เบาที่เดียวนะเนกิ งั้นข้าจะอธิบายกฎของด่านข้าให้ฟัง ด่านของข้าไม่มีอะไรมากในเมื่อเป็นเสนาธิการย่อมต้องมีความรู้เรื่องพาไว้บ้าง เผื่อจะได้แก้สถานการณ์ได้ทัน ดังนั้นข้าจะให้เจ้าดื่มยาพิษเข้าไปสามชนิด ข้าจะบอกส่วนผสมของยาพิษทั้งหมดไว้ในกระดาษแผ่นนี้ แล้วเจ้าก็มาศึกษาเอาเองว่าเป็นยาพิษชนิดใด ส่วนยาแก้ข้าปรุงไว้ให้แล้วทั้งหมดร้อยแปดชนิด เจ้าเพียงเลือกให้ถูกทั้งสามอย่างจากร้อยแปดอย่างเท่านั้นเอง” อนัสตกาลยิ้มออกมา
“แต่ถ้าเจ้าเลือกไม่ถูกเจ้าก็อาจตายได้ ถ้าเจ้าคิดจะทดสอบก็เชิญ ยาพิษทั้งสามอยู่ที่ตรงนี้” อนัสตกาลชี้ไปที่ขวดยาที่อยู่ตรงหน้า
ขวดยาทั้งสามบรรจุของเหลวสีฟ้าสีเขียวและสีม่วงอยู่ภายใน
“ได้ข้าไม่ยอมแพ้ท่านแน่นอน” เนกิบอกพร้อมกับเดินไปหยิบขวดยาทั้งสามมาไว้ในมือ
เขาจ้องมองขวดยาทั้งสามสักพักก่อนที่จะเปิดขวดสีเขียวแล้วยกขึ้นกินทันที
หลังจากที่น้ำยาสีเขียวผ่านคอเขาไป เขารู้สึกร้อนวูบขึ้นมาในท้องทันที ความร้อนค่อยๆแผ่ขยายไปทั่วร่างกายเขาอย่างรวดเร็ว
เขารีบเดินไปดูกระดาษที่อนัสตกาลจดส่วนผสมของยาพิษไว้ให้
หลังจากเขาอ่านส่วนผสมทั้งหมดเนกิก็ครุ่นคิดทันที เพราะเขารู้ว่าเขาคงมีเวลาไม่มากแล้ว
“ที่ข้ากินไปเมื่อกี้คือพิษเพลิงนรก ยาพิษจะค่อยๆเร่งเผาผลาญพลังในร่างกายให้สูงขึ้น จนร่างกายลุกเป็นไฟแล้วตายในที่สุด ข้ามีเวลาอีกสี่สิบห้านาทีคงต้องรีบหายาแก้ให้เจอเสียแล้ว”
เนกิรีบเดินวนไปรอบๆหมอยาที่ตั้งอยู่รอบห้องอย่างรวดเร็ว
พอเดินผ่านหม้อเขาเอามืออังไปที่ปากหม้อก่อนที่จะเดินผ่านไป
เขาเดินผ่านทั้งร้อยแปดหม้อ ก่อนที่เขาหยิบหม้อสามใบมาไว้หน้าตัวเอง
ตอนนี้เขาร้อนรุ่มไปหมดทั้งตัว เหงื่อไหล่ออกมาตามร่างกายจนเสื้อเปียกชื้นไปหมด
“ข้าคิดว่าเป็นสามหม้อนี้แน่นอน แต่มันจะเป็นหม้อไหนกันแน่นะ คิดให้ออกสิเนกิ เจ้าต้องคิดได้” เนกิเริ่มบ่นกับตัวเอง
อนัสตกาลเองก็อดชื่นชมกับเนกิไม่ได้ เพราะยาที่เขาเลือกมานั้นเป็นกลุ่มที่อยู่ในยาแก้พิษจริงๆ
เพราะยาทั้งสามเขาปรุงให้มีลักษณะคล้ายกันเพื่อให้ยากต่อการเลือกขึ้นไปอีก
เนกิค่อยหยิบยาแก้พาขึ้นมาพิจารณาทีละหม้อช้าๆ เขาพยามยามสังเกตถึงความแตกต่างของแต่ละหม้อให้ดีที่สุด
“ยาแก้พิษเพลิงนรกจะมีความเย็นเป็นที่สุด แล้วสามหม้อนี้ก็เย็นเหมือนกันเสียด้วยแต่แตกต่างกันที่สีเท่านั้นเอง”
เนกิหยิบหม้อแรกขึ้นมาดูอีกครั้ง
“หม้อนี้เป็นสีเขียวใสหอมเย็นสดชื่น มีไอเย็นจนหม้อที่ตั้งไฟอยู่ยังไม่รู้สึกร้อนเลย” เขาวางแล้วหยิบใบถัดมา
“หม้อนี้เป็นสีเขียวเหมือนกัน แต่กลิ่นไม่หอมเท่าหม้อแรก แต่ความเย็นที่ได้จากการสัมผัสหม้อกลับเย็นมากกว่าหม้อแรกมาก”
“หม้อสุดท้ายออกสีฟ้านิดหน่อยแต่กลับไม่มีกลิ่นอะไรเลย แถมความเย็นสู้สองหม้อแรกไม่ได้ด้วย”
เนกิเริ่มแยกพิจารณาอย่างละเอียด
“เท่าที่ข้าเคยอ่านมายาแก้พิษเพลิงนรก คือยามรกตน้ำแข็ง เพราะฉะนั้นมันต้องมีสีเขียว หม้อสุดท้ายตัดทั้งไปก่อน ทีนี้เหลือแค่สองหม้อแล้ว แล้วทั้งสองก็มีลักษณะคล้ายกันมากอีกด้วยสิ” เนกิทำท่าหนักใจ
ตอนนี้เขาร้อนจนต้องถอดเสื้อคลุมทิ้งหมดแล้วเขาเหลือเพียงเสื้อซับบางๆเท่านั้น
“เวลาใกล้จะหมดเต็มทีแล้วสินะ” เนกิสังเกตจากความร้อนในตัวของเขาเอง
เขาก้มมองน้ำยาในหม้อทั้งสองอีกครั้ง เขามองไปมองมาหลายรอบ
“เจอแล้วหม้อนี้นี่เอง” ว่าแล้วเขาก็หยิบหม้อแรกขึ้นมายกดื่มทันที
ความเย็นของยาแก้พิษเข้าไปต้านกับยาพาในร่างของเขา จนเขารู้สึกอึกอัดไปหมด
หรือว่าเขากินยาแก้พาพากันแน่นะ ความร้อนเย็นในตัวเขาเริ่มตีกันปั่นป่วนไปหมด
จนเนกิเริ่มรู้สึกว่าสติเขาเองเริ่มเลือนราง หรือว่าเขากินยาผิดจริงๆ
เขาจะมาจบชีวิตด้วยวัยแค่นี้เองหรือนี่ แล้วคีย์รัสจะว่ายังไงถ้าเกิดเขาเป็นอะไรไป
เนกิค่อยหลับตาหมดสติลงต่อหน้าของอนัสตกาลอย่างช้าๆ


.............................
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10.1 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งกลาง)UP!! [P:7] 19-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 19-10-2010 17:09:39
:z13: แอบจิ้ม
เหมือนวันนี้จะได้จิ้มบ่อยจังขอรับ :a11:

เนกิจะเป็นอะไรไหมนะขอรับ
รอลุ้นตอนต่อไปโลด :a9:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10.1 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งกลาง)UP!! [P:7] 19-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 20-10-2010 10:05:41
 :z2: :z2: :z2:

ดันเรื่องตัวเองไว้ก่อน ตกเร็วจริง

คนอ่านหายไปกับน้ำท่วมแล้วหรอไงคร้าบบบ :sad4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10.1 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งกลาง)UP!! [P:7] 19-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 20-10-2010 11:58:02
ยังอยู่จ้ายังอยู่ แต่คอมเสียอ่ะ อยากอ่านจะแย่แล้วนิ ดีใจๆได้อ่านแล้วววว

น้องเนกิไม่เป็นไรอยู่แล้วนิ หยิบยาถูกอยู่แล้วล่ะ แต่คงมีผลเอฟเฟคบ้างนิ ใช่ไหมไรเตอร์....
ส่วนน้องนาซีซัสก็ผ่านด่านแล้ว แต่จะพบกับอะไรบ้างนะกว่าจะมาถึงท่านมาร์คัสนี้น่ะ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10.1 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งกลาง)UP!! [P:7] 19-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 20-10-2010 12:41:12
ว้าว นาซีซัส สำเร็จวิชาละ :mc4:

แล้ว เนกิ จะเป็นอะไรมากรึป่าวนี้  :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10.1 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งกลาง)UP!! [P:7] 19-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 21-10-2010 22:08:07
 มา :z2:ครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10.1 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งกลาง)UP!! [P:7] 19-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 25-10-2010 12:36:34
มารออ่านครับ :call:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10.1 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งกลาง)UP!! [P:7] 19-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 28-10-2010 10:10:21
 :z2: :z2: :z2:

ใต้นๆดันไว้ก่อน คืนนี้จะลงตอนใหม่ครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10.1 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งกลาง)UP!! [P:7] 19-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: thanagorn ที่ 28-10-2010 11:28:01
 :z2: :z2: :z2: :z2:
ช่วยดันอีกแรงค๊าบ เอ๊า ฮุยเลฮุย
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10.1 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งกลาง)UP!! [P:7] 19-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 28-10-2010 13:36:49
คงไม่เป็นไรนะ เนกิที่รัก
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10.1 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งกลาง)UP!! [P:7] 19-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 28-10-2010 14:37:35
จะรอครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10.1 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งกลาง)UP!! [P:7] 19-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 29-10-2010 00:17:18
ช่วงนี้คิดตอบเม้นก่อนนะคร้าบ เขียนเรื่องจะไม่ทันแล้ว ไม่ว่ากันเนอะ :-[

............................................


เนกิสลบลงไปนานเท่าไหร่เขาไม่รู้เลยเขารู้แต่เขาตื่นขึ้นมาอยู่บนเตียงหนานุ่ม
เขามองสำรวจไปรอบๆตัวทันทีถึงรู้ว่าตัวเองอยู่ในด่านของอนัสตกาลเหมือนเดิม
เขากลับมาสวมเสื้อผ้าอย่างเดิมแล้ว ใครกันแน่ที่พาเขามานอนที่นี่
“ฟื้นตัวเร็วเหมือนกันนี่นา” อนัสตกาลเดินเข้ามาหาเนกิที่ลุกนั่งอยู่บนที่นอน
“เออ ท่านช่วยข้าไว้หรือครับ” เนกิตอบเพราะเขาคิดว่าเขาคงเลือกยาผิดทำให้อนัสตกาลต้องยื่นมือเข้ามาช่วย
“อืม ใช่ข้าเป็นคนช่วยเจ้าไว้เอง มีอะไรหรือไง”
“แสดงว่าข้าเลือกยาแก้พิษผิดใช่หรือไม่” เนกิทำหน้าผิดหวัง
“เปล่าเจ้าไม่ได้เลือกยาแก้ผิด ข้าแค่อยากให้เจ้านอนสบายเท่านั้นเอง” อนัสตกาลตอบแบบเรียบเฉย
“ข้าไม่ได้เลือกผิด งั้นข้าก็ยังทดสอบต่อไปได้ใช่ไหมครับ” เนกิพูดอย่างตื่นเต้นที่เขายังไม่สอบตก
เขาพูดพร้อมกับรีบลงจากเตียงเพื่อจะทดสอบยาพิษชนิดต่อไป
“เดี๋ยวก่อน” อนัสตกาลเรียกเนกิที่กำลังจะไปหยิบยาพิษชนิดต่อไป
“อะไรหรือครับ หรือว่าข้าไม่ผ่านกฎข้อไหนที่ท่านตั้งเอาไว้ครับ” เนกิแปลกใจที่โดนห้าม
“เปล่าเจ้าไม่ได้ผิดกฎแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าเจ้าได้แสดงให้เห็นถึงจิตใจที่ห้าวหาญและพร้อมจะยอมเสียสละให้ข้าเห็นแล้ว ข้าถือว่าเจ้าผ่านด่านของข้าได้แล้ว เพราะฉะนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องทดสอบอีกต่อไป”
อนัสตกาลบอกพร้อมกับยิ้มออกมาให้เนกิเป็นครั้งแรก
เพราะเขารู้แล้วว่าเนกิไม่ใช่เด็กธรรมดาเสียแล้ว เขาจึงคิดที่จะลองเชื่อใจเนกิดูเหมือนกัน
“หมะ หมายความว่า ข้าผ่านด่านของท่านแล้วใช่ไหมครับ” เนกิยังงงกับท่าทีของอนัสตกาล
“ใช่ เจ้าไปด่านต่อไปได้แล้ว แต่ข้าบอกไว้ก่อนนะ ว่ามาร์คัสไม่ได้ใจดีเหมือนพวกข้าที่ผ่านๆมา เจ้าจงระวังตัวและใช้ความสามารถทั้งหมดที่เจ้ามีออกมาที่ด่านของเขา ข้าขอให้เจ้าโชคดีแล้วกันนะเนกิ”
อนัสตกาลบอกพร้อมกับเดินมาตบไหล่เนกิเบาๆ ก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในความมืด
เนกิเองก็ยังคงงงกับอนัสตกาลที่มีท่าทางอ่อนโยนต่อเขามากกว่าที่เจอกันครั้งแรกๆ
แต่เขาก็สลัดความสงสัยทั้งหมดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว เพราะด่านสุดท้ายยังรอเขาอยู่
เขาก้าวเท้าออกไปอย่างมั่นคงเพื่อมุ่งหน้าไปสู่ด่านสุดท้าย ด่านที่มีราชันย์เป็นคนทดสอบ


นาซีซัสรีบเดินทางไปหามาร์คัส
ฟิ้ววววววว
เสียงวัตถุบางอย่างลอยตามหลังเขามา เขารีบพลิกตัวกลับไปรับวัตถุนั่นไว้อย่างรวดเร็ว
วัตถุที่พุ่งเข้ามาหาเขากลับเป็นพัดสีขาวที่ทำจากวัตถุแปลกประหลาด
เมื่อคลี่ออกมาดูจะเป็นผ้าเนื้อละเอียดสีเงินสะท้อนแสง
เมื่อสังเกตดีๆจะเห็นกระดาษแผ่นเล็กๆติดอยู่นาซีซัสจึงแกะออกมาก็เห็นข้อความด้วยลายมือที่บรรจง
“ข้าเห็นว่าเจ้ายังไม่มีอาวุธติดตัว วิชาเจ้าน่าจะเหมาะกับของชิ้นนี้ด้วยความสามารถของเจ้า ข้าคิดว่าเจ้าคงจะใช้มันให้เป็นประโยชน์นะ   จางอี้”
ที่แท้เป็นสิ่งของที่จางอี้ส่งมาให้เขานี่เอง เขาเน็บพัดไว้ที่เอวข้างหลัง
ด้วยความเร็วของพลังมารฟ้าทำให้นาซีซัสเดินทางใกล้ถึงตึกเอ็มไพร์สเตรท
เขาดีใจที่จะได้เจอกับมาร์คัสเสียทีเพราะเขามีเรื่องอยากเล่าให้มาร์คัสฟังมากมาย
รวมถึงเรื่องที่เขามีพลังพอที่จะช่วยเหลือคนอื่นๆรวมถึงช่วยงานมาร์คัสได้แล้ว
ฟ้าววววววว
เสียงบางอย่างพุ่งมาทางเขาอย่างรวดเร็ว แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะแฝงมากับรังสีการเข่นฆ่า
นาซีซัสหยุดแล้วตั้งรับอย่างทันท่วงที เขาใช้หมัดที่ห่อหุ้มด้วยพลังต่อยมันให้เปลี่ยนทิศทางไป
ก่อนที่เขาตั้งตัวก็มีรังสีกระบี่สีมุกพุ่งตรงมาที่เขาจากทางด้านหลัง
เขาหมุนตัวกลับไปปัดรังสีกระบี่นั้นออกไป เขามองหาผู้ที่ใช้มันออกมา
แต่เขากลับมองเห็นเพียงชุดสีขาวเคลื่อนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เขารีบผสานพลังเข้ากับดวงตาเพื่อจับสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่นั้น
นาซีซัสมองเห็นวัตถุที่เคลื่อนไหวได้อย่างชัดเจนแล้วคราวนี้
สิ่งที่เขาเห็นเป็นสตรีที่สวมชุดสีขาวสวยงามเคลื่อนที่ไปมาอย่างรวดเร็ว
แต่ที่น่าแปลกเธอกลับสวมหน้ากากหยกสีขาวไว้ด้วย ทำไมเธอถึงต้องปกปิดหน้าตาด้วยนะ
แต่เขาไม่มีเวลาสงสัยอะไรมากนัก เพราะสตรีคนนั้นได้จู่โจมเข้ามาที่เขาแล้ว
ท่าวิชาที่เธอร่ายออกมาดูอ่อนช้อยงดงามมาก แต่พลังที่ออกมากลับรุ่นแรงและรวดเร็วนัก
เพียงแค่เผลอนิดเดียวอาจไปสู่ปรโลกได้อย่างไม่รู้ตัว
นาซีซัสเกร็งพลังไว้ที่ฝ่ามือแล้วพุ่งเข้าต้านพลังจากสตรีนางนั้น
ตูมมม!!!
เสียงพลังทั้งสองคนปะทะกันดังสนั่นไปทั่ว แต่ดูเหมือนนาซีซัสจะมีพลังเหนือกว่า
ทำให้เขารุกเข้าใส่สตรีคนนั้นได้ต่อ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทางวิตกอะไรออกมา
กลับรีบเปลี่ยนท่าร่างเป็นตั้งรับนาซีซัสที่กำลังพุ่งเข้ามาแทน
เธอผลักกระบี่สีเงินปรอดออกมาด้านหน้าตัวเอง ก่อนที่จะใช้ผ่ามือบังคับให้กระบี่หมุนอยู่ตรงหน้า
เมื่อนาซีซัสเขามาถึงเขาก็รัวหมัดนับสิบออกไปในชั่ววินาที
เธอคนนั้นใช้กระบี่ที่หมุนวนจนคล้ายโล่ตั้งรับหมัดของนาซีซัส
แต่ด้วยพลังของมารฟ้าทำให้พลังของนาซีซัสเหนือกว่าเธอคนนั้น เธอกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว
แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บแต่อย่างใด คงเพราะประสบการณ์การต่อสู้ของเธอมากกว่านาซีซัสมาก
เลยทำให้เธอได้เปรียบเขาตรงนี้ เพราะถึงเธอจะเสียหลักแต่เธอก็จู่โจมกลับทันที
เธอพุ่งกระบี่เข้าใส่กลางหน้าผากของนาซีซัส แต่นาซีซัสก็ยังไม่ประมาท
เขายกมือขึ้นมาบังที่หน้าผากไว้
กิ้ง!!
เสียงกระบี่กระทบกับมือของนาซีซัส เธอคนนั้นคงแปลกใจอย่างมาก
เธอเลยออกแรงในการแทงกระบี่มากยิ่งขึ้นไปอีก นาซีซัสต้องถอยหลังลดแรงกดดัน
เขาถอยไปจนชนกับตนไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างหลัง เขาจึงใช้ฝ่ามืออีกข้างสัมผัสไปที่ต้นไม้นั้น
เขาถ่ายทอดพลังของผู้หญิงคนนั้นเคลื่อนไปที่ต้นไม้ด้านหลังแทน

ตูมมม!!!
ต้นไม้ต้นนั้นหักล้มลงทันทีที่นาซีซัสถ่ายพลังใส่เข้าไป
บ่งบอกให้เห็นถึงพลังที่มหาสารของผู้หญิงคนนั้น
“ท่านผิงหนาน เกิดอะไรขึ้นหรือครับ” คนชุดขาวกลุ่มใหญ่วิ่งเข้ามาที่ทั้งสองคนสู้กันอยู่
“พวกเจ้าหลบไป คนๆคนนี้มีฝีมือรายกาจยิ่งนัก” เธอพูดผ่านหน้ากากหยกขาว
“แต่ท่านผิงหนาน.....”
“ไม่ต้องพูดแล้ว พวกเจ้ารีบหลบไปแล้วไปรายงานมาร์คัสโดยด่วน” ผิงหนานบอก
นาซีซัสเห็นมีโอกาสเขาใช้พลังผลักให้ผิงหนานกระเด็นถอยหลังออกมา
“เดี๋ยวก่อน ข้ามาดีนะ ข้ามาหามาร์คัสเรานัดกันไว้” นาซีซัสรีบอธิบาย
“เจ้าอย่ามาหลอกพวกข้าให้ยากเลย เพราะพลังที่สัมผัสได้จากเจ้ามันเป็นพลังฝ่ายมาร เจ้าต้องเป็นพวกโซดิเอคแน่ๆ”
ผิงหนานยังคงไม่เชื่อนาซีซัส คงเพราะพลังสายมารของเขาแน่ๆ
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อช่วยกลับไปบอกมาร์คัสด้วยว่าข้า นาซีซัส มาหาเขาตามสัญญาแล้ว”
นาซีซัสบอกพร้อมกับนั่งลงตรงที่เขายืนอยู่
“นี่เจ้าจะทำอะไรกันแน่” ผิงหนานถามอย่างแปลกใจ
“ข้าจะนั่งอยู่ที่นี่จนกว่าพวกเจ้าจะไปรายงานมาร์คัส แล้วทุกอย่างก็จะกระจ่างเอง”
“ได้ งั้นข้าจะเป็นคนดูเจ้าไว้เอง พวกเจ้ารีบไปรายงานมาร์คัสโดยด่วน” ผิงหนานสั่งพวกชุดขาวที่ยืนรออยู่
พริบตาเดียวชายชุดขางทั้งหมดก็หายไปจากตรงนั้น
ผิงหนานถอยไปอยู่บนต้นไม้อีกฝั่งคอยสังเกตท่าทางของนาซีซัส
ถ้ามีอะไรผิดสังเกตเขาจะได้ลงมือได้อย่างทันท่วงที



เนกิออกจากด่านของอนัสตกาลเพื่อไปยังด่านสุดท้าย
ด่านที่มาร์คัสเป็นคนดูแลอยู่เขาเองก็อดหวั่นกับคำเตือนของอนัสตกาลไม่ได้
เพราะเขาเคยรู้เรื่องของมาร์คัสมาเหมือนกันว่าเป็นคนที่ฉลาดและเก่งมากด้วย
เนกิเดินเปิดประตูเข้าไปยังด่านสุดท้าย พอพ้นประตูเข้าไปเขากลับยืนอยู่บนหน้าผาสูงชัน
เขาเองก็แปลกใจว่าทำไมในตึกถึงมีสถานที่แห่งนี้ได้
“เจ้าไม่ต้องแปลกใจหรอก ที่เจ้าเห็นอยู่นี้คือภาพโฮโรแกรมที่ข้าสร้างขึ้นมาเอง แต่ถ้าเจ้าตกลงไปมันจะสร้างความรู้สึกให้เหมือนว่าเจ้าตกลงไปจริงๆ เจ้าอาจขาดใจตายก็ได้นะ”
มาร์คัสบอก เขายืนอยู่ที่หน้าผาอีกฝั่งหนึ่ง แต่เสียงเขากลับดังได้ยินชัดเจน
“แล้วท่านจะทดสอบอะไรข้าเชิญบอกมาได้เลย” เนกิบอกด้วยความห้าวหาญ
“หึ หึ นับว่ากล้าหาญมิใช่น้อย แล้วที่ผ่านมาได้สามด่านนับว่าเจ้าเก่งจนหาใครเทียบได้ยากแล้วตอนนี้ แต่ยังไงเจ้าก็ต้องทดสอบด่านสุดท้ายของข้า” มาร์คัสยิ้มที่มุมปาก
“เชิญท่านบอกมาได้เลยข้าพร้อมเสมออยู่แล้วตอนนี้” เนกิยืนยัน
“ได้ ด่านข้าคงง่ายกว่าทุกด่านที่เจ้าผ่านมา เพียงแค่เจ้าข้ามมาหาข้าได้เจ้าก็ถือว่าผ่านด่านข้าแล้ว”
เนกิมองไปจนถึงอีกฝั่ง เขาเห็นตรงกลางมีเสาหินอยู่เพียงต้นเดียว
แล้วเขาจะข้ามไปได้อย่างไรในเมื่อเขาไม่ได้มีวิชาตัวเบาเหมือนกับคนอื่นๆ
“มีอุปกรณ์มากมายให้เจ้าเลือกอยู่ด้านหลัง เชิญเจ้าเลือกใช้ได้ตามสบาย” มาร์คัสบอก
เนกิหันไปมองข้างหลังมีอุปกรณ์มากมายมีกระทั่งของที่ไม่จำเป็นจำพวกพลั่วกระทะตะหลิวอยู่ด้วย
“ข้าจะข้ามไปวิธีไหนก็ได้ใช่ไหม เพียงขอให้ข้าข้ามไปหาท่านได้ก็พอ” เนกิตะโกนถามข้อสงสัย
“ใช่ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม เพียงเจ้าข้ามมาหาข้าได้ถือว่าเจ้าผ่านด่านข้าแล้ว”
“ได้งั้นท่านรอข้าอยู่ที่ตรงนั้นดีๆแล้วกัน ข้าจะไปหาท่านเดี๋ยวนี้แหละ” เนกิพูดอย่างมั่นใจ
หลังจากพูดจบเขาก็หันหลังให้มาร์คัส ประดิษฐ์อะไรบางอย่างอยู่พักใหญ่ๆ
เขาก็หันกลับมาพร้อมสิ่งประดิษฐ์หน้าตาแปลกประหลาด
“ข้าจะไปหาท่านแล้วนะ รอข้าอย่าหนีไปไหนล่ะ”
หลังจากพูดจบเนกิกางของที่อยู่ในมือออก มันมีลักษณะคล้ายร่มแต่ไม่มีผ้าติดตามซี่ลวด
เขาขึ้นไปเหยียบที่ก้านร่มที่ดูยาวเป็นพิเศษก่อนที่เขาจะกระตุกเชือกเส้นหนึ่ง
พรึ่บๆๆๆ
ซี่ลวดหมุนตัวอย่างรวดเร็วจนเกิดแรงลมยกตัวของเนกิให้ลอยขึ้นจากพื้น
เนกิใช้อีกมือดึงเชือกอีกเส้นเขาก็เริ่มเคลื่อนที่มาข้างหน้าอย่างช้าๆ
แต่พอออกมาพ้นหน้าผาเขาก็ค่อยๆล่วงลงไป มาร์คัสเตรียมตัวจะปิดสวิทเครื่องสร้างภาพโฮโรแกรม
แต่แล้วเขาก็เห็นเนกิค่อยๆลอยสูงขึ้นมาเรื่อยๆ พร้อมกับเคลื่อนทีมาที่เขาอย่างช้าๆ
มาร์คัสอดชื่นชมในความฉลาดของเนกิไม่ได้ สมแล้วที่จางอี้บอกว่าเขาเป็นอัจฉริยะของยุคนี้
เขายืนรอสักพักเนกิก็ลอยตัวจนมาถึงที่เขายืนอยู่
“เจ้าเก่งกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก ตกลงตำแหน่งเสนาธิการตกเป็นของเจ้า” มาร์คัสบอกเมื่อเนกิลงมายืนข้างๆเขา

ฟุบ ฟุบ
ชายชุดขาวสองคนปรากฏตัวข้างหลังมาร์คัส
“พวกเจ้ามีเรื่องอะไรถึงได้ด่วนเข้ามาหาข้าอย่างนี้ ไม่รู้หรือไงว่าข้ากำลังทำเรื่องสำคัญอยู่”
มาร์คัสเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ
“พวกข้าต้องขออภัยอย่างยิ่งครับ เพียงแต่ทางใต้ที่ท่านผิงหนานดูแลอยู่มีผู้บุกรุกครับ”
ชายคนหนึ่งรีบรายงานอย่างรวดเร็ว
“เป็นพวกโซดิเอคหรือยังไง แล้วผิงหนานรับมือไม่ไหวหรือไร”
มาร์คัสถามอย่างกังวล เพราะเขาเองก็รู้ฝีมือของผิงหนานดีว่าไม่น่าจะพ่ายแพ้ใครง่ายๆ
“ไม่ใช่ครับ เป็นเด็กหนุ่มผมสีเงิน เห็นบอกว่าชื่อนาซีซัส แถมยังบอกว่านัดกับท่านไว้ด้วยครับ”
“นาซีซัสหรือ แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนแล้ว” มาร์คัสรีบถามอย่างตื่นเต้น
เพราะเขาอยากเจอนาซีซัสมากกว่าใครๆตอนนี้ เขาเป็นห่วงมาตลอดที่แยกกันมา
“เขานั่งรออยู่ทางเข้าทิศใต้ครับ ท่านผิงหนานเฝ้าอยู่ครับ”
“เดี๋ยวข้าไปดูเอง พวกเจ้าไม่ต้องให้ใครตามมาเด็ดขาด”
พูดจบมาร์คัสก็หายไปจากตรงนั้นทันที ยากที่ใครจะมองทันว่าเขาไปทางไหน


มาร์คัสเร่งฝีเท้าเพื่อที่จะไปให้ถึงทางเข้าทิศใต้อย่างรวดเร็ว
เพราะเขาอยากรู้ว่าเด็กคนนั้นจะใช่นาซีซัสตัวจริงหรือเปล่า
แล้วนาซีซัสจะเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนเขาคิดวุ่นวายไปหมดในหัวตอนนี้
เขามาถึงทางเข้าทิศใต้ เขามองหาคนที่เขาอยากเจอมากที่สุดทันที
มาร์คัสไม่ได้สังเกตถึงสิ่งรอบข้างที่ถูกทำลายลงแม้แต่น้อย
เขากวาดสายตาไปจนทั่วจนเห็นเด็กหนุ่มผมสีเงินนั่งอยู่หน้าต้นไม้ใหญ่ที่หักโคนลง
เขารีบสาวเท้าเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว


TBC.
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10.2 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งหลัง)UP!! [P:7] 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 29-10-2010 00:36:16
อร๊ายยยยยยยยยยยยย

นาซีซัสและมาร์คัสได้พบกันแล้ววว :-[

ดีใจจังที่เนกิผ่านด่านทั้งสี่ อัจฉริยะจริงๆ :L2:

หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10.2 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งหลัง)UP!! [P:7] 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: comprivate ที่ 29-10-2010 03:38:50
สนุกมากๆเลยนะครับ ไม่เคยอ่านแนวนี้มาก่อนเลยแปลกดี แถมสนุกมากๆ ๆอีกต่างหาก จริงๆอยากจะเร่งให้มาแต่งไวๆ แต่ก็อย่างว่าผมยังดองนิยายตัวเองเลยอ่ะ ยังไงก็มาต่อไวๆนะครับ รออ่านอยู่ เอิ๊กๆๆๆ 
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10.2 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งหลัง)UP!! [P:7] 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 29-10-2010 07:20:40
เจอกันแล้วได้เจอกันแล้วววว
จะได้ร่วมสู้ด้วยกันแล้วนะ ได้คนเก่งมาร่วมด้วยอีกคนหนึ่ง
แต่ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายจะมีฝีมือโหดกว่าเยอะๆนะ ไรเตอร์
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10.2 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งหลัง)UP!! [P:7] 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: woradach ที่ 29-10-2010 19:46:41
สนุกจังเลยคัรบ ช่างเป้นนิยายที่น่าสนใจมากเลยคัรบ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10.2 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งหลัง)UP!! [P:7] 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 29-10-2010 20:05:36
นาซีซัสและเนกิเก่งที่สุดเลย  :กอด1:


หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10.2 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งหลัง)UP!! [P:7] 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 29-10-2010 21:02:13
อร๊ายยยยยยยยยยยยย

นาซีซัสและมาร์คัสได้พบกันแล้ววว :-[

ดีใจจังที่เนกิผ่านด่านทั้งสี่ อัจฉริยะจริงๆ :L2:



รอลุ้นก่อนนะครับ ทั้งสองคนจะยังไงกันต่อไป

สนุกมากๆเลยนะครับ ไม่เคยอ่านแนวนี้มาก่อนเลยแปลกดี แถมสนุกมากๆ ๆอีกต่างหาก จริงๆอยากจะเร่งให้มาแต่งไวๆ แต่ก็อย่างว่าผมยังดองนิยายตัวเองเลยอ่ะ ยังไงก็มาต่อไวๆนะครับ รออ่านอยู่ เอิ๊กๆๆๆ 

ขอบคุณครับที่ชอบ คิดว่าจะแหวกแนวเกินไปเสียอีก ถ้าไม่ผิดพลาดอะไรก็เขียนออกมาเรื่อยๆครับ

เจอกันแล้วได้เจอกันแล้วววว
จะได้ร่วมสู้ด้วยกันแล้วนะ ได้คนเก่งมาร่วมด้วยอีกคนหนึ่ง
แต่ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายจะมีฝีมือโหดกว่าเยอะๆนะ ไรเตอร์

อีกฝ่ายยังมาไม่ครบเลย แต่รับรองว่าเก่งกว่าจะคาดเดาได้ครับ

สนุกจังเลยคัรบ ช่างเป้นนิยายที่น่าสนใจมากเลยคัรบ

ขอบคุณครับ นึกว่าจะไม่มีคนชอบเสียแล้วทีแรก ลุ้นอยู่นาน

นาซีซัสและเนกิเก่งที่สุดเลย  :กอด1:




แหมก็ทั้งสองคนเป็นอัจฉริยะนี่นา ไม่เก่งได้ไง

 :กอด1: คนอ่าน :จุ๊บๆ: คนเม้นคร้าบบ

 :z2: :z2: :z2:

เรียกคนอ่านเพิ่ม
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10.2 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งหลัง)UP!! [P:7] 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 29-10-2010 22:24:01
มา :z2:รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10.2 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งหลัง)UP!! [P:7] 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 30-10-2010 10:20:21
นาซีซัส กับ มาร์คัส จะได้เจอกันอีกครั้งแล้ว :man1:
รอตอนต่อไปโลดขอรับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่10.2 บททดสอบของเนกิ (ครึ่งหลัง)UP!! [P:7] 29-10-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 01-11-2010 19:08:42
จอมทัพคนใหม่นาซีซัส


“นาซีซัส นั่นใช่เจ้าจริงๆใช่ไหม” มาร์คัสรีบตะโกนถามเมื่อเขาเข้าใกล้ต้นไม้ใหญ่นั้น
เจ้าของผมยาวสีเงินรีบหันกลับมายังเสียงที่ทักเขาทันที
นาซีซัสยิ้มออกมาอย่างดีใจก่อนที่จะรีบลุกวิ่งไปที่มาร์คัส
เพราะว่าในที่สุดเขาก็ได้เจอกับมาร์คัสแล้ว
นาซีซัสก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงอยากเจอมาร์คัสมากแบบนี้
“มาร์คัสข้าควบคุมพลังนั้นได้แล้วนะ ข้ารีบมาหาท่านเลยนะเจ้ารู้ไหม”
นาซีซัสวิ่งมาหยุดตรงหน้ามาร์คัส เขายืนจ้องหน้ามาร์คัสอย่างไม่วางตา
มาร์คัสเองก็มองหน้านาซีซัสอย่างดีใจเพียงแต่เขาต้องเก็บอาการต่างๆไว้ เพราะว่ามีคนอีกหลายคนที่มองเขาทั้งสองอยู่
เขาทำเพียงยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะวางมือลงบนไหล่ของนาซีซัสเบาๆ
“เจ้ารีบเดินทางมาคงเหนื่อยมากสินะ เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะเลย แล้วอีกอย่างข้าอยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าจะเก่งขึ้นแค่ไหน” มาร์คัสพูดอย่างใจเย็น
“อืม ข้าก็มีเรื่องจะเล่าและจะอวดท่านมากมายเลย”
“งั้นเรามาลองวิชากันดีกว่า เจ้าเห็นตึกนั่นใช่ไหม เรามาแข่งกันว่าใครจะถึงที่นั่นก่อนกัน คราวนี้ข้าไม่ยอมออมมือให้เจ้าแน่นอน” มาร์คัสบอกเพราะเขาต้องการรู้เหมือนกันว่านาซีซัสจะก้าวหน้าไปมากขนาดไหน
“อืมได้สิ ข้าก็จะเต็มที่เหมือนกัน ท่านระวังแพ้ข้าแล้วกัน งั้นข้าเป็นคนให้สัญญาณเริ่มนะ”
“ตกลงเจ้าพร้อมเมื่อไหร่เริ่มได้เลย”
“งั้น เริ่มได้” พูดจบนาซีซัสก็ทะยานตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
“นี่เจ้าขี้โกงข้าหรือไง” มาร์คัสรีบพุ่งตัวตามไปทันที
มาร์คัสไล่ตามติดนาซีซัสมาอย่างติดๆ นาซีซัสรีบเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีกเพื่อให้ทิ้งห่างจากมาร์คัส
แต่มาร์คัสก็ยังตามติดมาได้ทุกครั้ง ไม่ว่าเขาจะพยายามทิ้งห่างมากสักเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล
“เจ้าหนีข้าได้เท่านี้เองหรือไง งั้นข้าขอนำไปก่อนนะ” มาร์คัสทะยานตัวลอยข้ามหัวนาซีซัสทันที
เขาเร่งฝีเท้าจนทิ้งห่างนาซีซัสออกไป จนเขามาถึงที่ตึกที่เป็นเส้นชัยก่อน
นาซีซัสตามหลังเขามาเพียงชั่วครู่ ทำเอามาร์คัสยังแปลกใจ
“นับว่าเจ้าเก่งขึ้นมากเลยนะ ต่อไปข้าคงไม่ต้องคอยคุ้มครองเจ้าแล้วมั้ง”
“ไม่หรอกข้ายังมีอีกตั้งหลายเรื่องที่ยังไม่รู้ ท่านต้องคอยสอนข้าก่อนสิ ก็ท่านสัญญากับข้าแล้วไม่ใช่หรือไง”
“ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้นก็ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไร เข้าไปพักผ่อนดีกว่ายังมีงานให้ข้าต้องทำอีกเยอะ”
มาร์คัสพานาซีซัสเข้ามาข้างในตึกเพื่อไปพักผ่อนพร้อมกับฟังเรื่องราวที่นาซีซัสจะเล่าให้เขาฟัง


กลางดึกมีชายหนุ่มยืนอยู่บนยอดตึกเอ็มไพร์สเตรทเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างสงบ
ชายหนุ่มคนนั้นกระโดดลงมาจากยอดตึกถึงพื้นอย่างแผ่วเบา
ก่อนที่จะมุ่งไปยังทิศเหนือ ชายคนนั้นหายไปหลังจากวิ่งมาถึงภูเขา
น่าแปลกเพราะทั่วทั้งตึกมีการวางเวรยามไว้อย่างแน่นหนา แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นคนๆนี้
หรือว่าจะเป็นยอดฝีมือจากกลุ่มโซดิเอคที่ส่งมาเพื่อสืบข่าว
หรือว่าความลับของพวกมาร์คัสจะรั่วไหลเสียแล้ว จะเกิดเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้นอีกนะ


มาร์คัสเรียกประชุมด่วน เพราะเขาต้องการรู้ว่ามีใครที่มาเข้าร่วมแล้วบ้าง
เขาต้องการรู้ถึงกำลังที่จะเข้ารวมเสียก่อนจะได้วางแผนขั้นต่อไป
เขาสั่งให้ชวินจัดห้องรับรองขนาดใหญ่ไว้สำหรับผู้ที่ดำรงตำแหน่งต่างๆ
ชวินจัดห้องโดยที่ตรงกลางห้องเป็นโต๊ะทรงวงรีขนาดใหญ่ตั้งอยู่
หัวโต๊ะมีเก้าอี้ตั้งอยู่สามตัว ตัวตรงกลางดูหรูหราที่สุด บุนวมกับหนังสีแดงอย่างดีเป็นที่สำหรับมาร์คัส
สองข้างเป็นเก้าอี้ขนาดย่อมลงมา  เป็นสีขาวทั้งสองตัวเป็นที่ของที่ปรึกษาทั้งสองคน
ถัดลงมาฝั่งขวามือ มีโต๊ะอีกชุดวางอยู่ บนนั้นมีคอมพิวเตอร์และเครื่องคิดต่อสื่อสารครบครัน
ชวินจัดไว้ให้สำหรับเนกิโดยเฉพาะ เพื่อความสะดวกในการวางแผนกับสื่อสารกับคนอื่น
รอบๆโต๊ะใหญ่ยังมีเก้าอี้ลักษณะต่างๆจัดวางไว้อีกสิบตัว


มาร์คัสเข้ามาที่ประชุมพร้อมกับนาซีซัส เขาเข้ามาดูแลความเรียบร้อยก่อนจะเริ่ม
มาร์คัสอยู่ในชุดสูทสีขาวทั้งตัวคาดด้วยเนคไทสีม่วง
นาซีซัสใส่ชุดที่มาร์คัสเตรียมไว้ให้เป็นเสื้อสูทสีครีม
หลังจากตรวจความเรียนร้อยเสร็จแล้วเขาให้นาซีซัสรออยู่ที่ห้องเล็กข้างหลังก่อน
ก่อนเที่ยงคนอื่นก็เข้ามาที่ประชุมอย่างพร้อมกันทั้งหมดนั่งตามตำแหน่งอย่างพร้อมเพียง
ขาดที่นั่งอยู่สี่ที คือของจางอี้ ไป่จง บีซางซอน และโบรอนเนะ
“ท่านจางอี้กับไป่จงจะยังไม่มาในครั้งนี้ โบรอนเนะคงไม่มาเพราะเรารู้ฐานะของเขาแล้ว ส่วนบีซางซอนเขายั....”
“ใครบอกว่าข้าจะไม่มาล่ะงานนี้ หึ หึ หึ” บีซางซอนเปิดประตูเข้ามาอย่างกะทันหัน
“ทีนี้ก็ถือว่ามาครบกันแล้ว” มาร์คัสพูดต่อแบบไม่ได้ตื่นเต้นอะไร
“บีซางซอน กร๊อดดด” คีย์รัสกัดฟันตัวเองแน่น
เพราะเขามีความแค้นกับบีซางซอนมาก่อน มาร์คัสสังเกตได้ทันที
“เรื่องส่วนตัวเก็บไว้ก่อน ไว้ให้จบเรื่องต้านศัตรูคราวนี้ก่อน ข้าจะไม่ว่าเจ้าเลย”
มาร์คัสส่งเสียงผ่านพลังเนกิสส่งให้คีย์รัสโดยตรง เขาหันมามองหน้ามาร์คัสก่อนพยักหน้ารับคำ
“เจ้ามาก็ดีห้ามก่อเรื่องเด็ดขาดไม่งั้นข้าก็จะไม่ไว้หน้าเจ้าเหมือนกัน” มาร์คัสหันไปบอกบีซางซอน
“หึ หึ ข้าไม่โง่พอที่จะมาก่อเรื่องในที่แบบนี้หรอกน่า” บีซางซอนพูดพร้อมกับนั่งยกเท้าขึ้นมาพาดบนโต๊ะอย่างไม่สนใจใคร
“งั้นเรามาเริ่มประชุมกันเลยดีกว่า เรื่องแรกที่ข้าจะบอกนะที่นี้ก็คือตำแหน่งเสนาธิการที่ว่างลงเราได้คัดสรรมาเรียบแล้ว คนนั้นก็คือ เนกิ”
มาร์คัสพูดจบเนกิก็เดินออกมาจากด้านหลังเขา
เนกิก้มศีรษะทำความเคารพทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ก่อนที่จะเดินไปที่โต๊ะของเขาที่จัดไว้ให้
“เด็กแบบนี้จะวางแผนอะไรให้พวกเราได้ ท่าทางพวกเจ้าจะเสียสติกันหมดแล้วแน่ๆ” บีซางซอนแทรกขึ้นมา
“เดี๋ยวถึงเวลาเจ้าก็จะรู้เองแหละ บีซางซอน” มาร์คัสออกตัวแทน
“ยังมีอีกเรื่องที่ข้าอยากจะปรึกษาทุกคนในนี้” มาร์คัสเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว
ทุกคนหันมองมาร์คัสเป็นจุดเดียวเพราะว่าเขาไม่คิดว่าจะมีเรื่องอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงแล้วตอนนี้
“ข้าอยากเสนอคนให้เข้าไปอยู่ในตำแหน่งจอมทัพที่ว่างลง ทุกคนจะว่ายังไงกันบ้าง”
ทั้งหมดแปลกใจกับมาร์คัส เพราะเวลาแบบนี้จะมีเวลาคัดเลือกได้อย่างไร
“นี่ท่านหมายความว่ายังไง เวลาแบบนี้เราจะคัดเลือกทันได้อย่างไร” อนัสตกาลถามขึ้น
“ข้าได้เลือกคนที่คิดว่าเหมาะสมไว้แล้ว แต่ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะเห็นด้วยหรือไม่”
“หมายความว่ายังไง ท่านเลือกใครไว้แล้วหรือยังไง” พีรันถาม
“นาซีซัสเจ้าออกมานี่ได้แล้ว” มาร์คัสเรียกนาซีซัสก็เดินออกมาจากด้านหลัง
ในที่นี้คงมีแต่ผิงหนานคนเดียวที่เคยเจอนาซีซัส แล้วรู้ว่าเขามีฝีมือระดับไหน
คนอื่นๆมองนาซีซัสด้วยทาทีแปลกใจ เพราะเขาคิดว่าเด็กคนนะหรอที่จะมาเป็นจอมทัพคนใหม่
“นี่ท่านจะล้อเล่นเรื่องอะไรก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยนะมาร์คัส จะเอาเด็กคนนี้มาเทียบกับเราเลยหรือไง”
เอเดรียนหนึ่งในหกจอมทัพไม่ยอมรับในตัวนาซีซัสคนแรก
“ใช่ข้าก็คิดเหมือนกับเอเดรียน อยู่ๆท่านจะให้เด็กคนนี้ขึ้นมาเป็นจอมทัพเหมือนเราได้ยังไงกัน” โอมะเสริม
“เห็นไหม ใครๆก็คิดเหมือนข้าทั้งนั้น พวกเจ้าว่าไงผิงหนาน บีซางซอน เจ้าด้วยมิรันด้า” เอเดรียนหันไปถามคนอื่นๆ
“สำหรับข้า ข้าคิดว่าเขาเหมาะสมแล้ว” ผิงหนานพูดออกมาสั้นๆ
เอเดรียนกับคนอื่นๆต่างงงกับคำพูดของผิงหนาน เพราะปกติเธอไม่เคยยอมรับใครง่ายๆมาก่อน
เมื่อเอเดรียนเห็นว่าผิงหนานไม่รวมด้วยเขาจึงหันไปทางบีซางซอน
แต่บีซางซอนก็ทำเหมือนไม่สนใจว่าใครจะมาเป็นจอมทัพก็ตาม
“ข้าก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน” อนัสตกาลเข้าข้างเอเดรียน
ทำให้เอเดรียนเริ่มมีร้อยยิ้มออกมาได้ เพราะระดับราชินีก็ยังไม่เห็นด้วยเหมือนกับเขา
ยังมีอีกหลายคนที่ยังเงียบไม่ยอมออกความคิดเห็น
เพราะเขากำลังประเมินว่ามาร์คัสคิดอะไรอยู่กันแน่
คีย์รัสไม่กล้าพลีผามขัดเพราะเขาพอจะรู้ว่านาซีซัสได้รับการฝึกมาจากจางอี้
ถ้าเขาเกิดขัดเพราะคิดว่านาซีซัสฝีมือไม่ถึงขั้น เขาอาจเสียหน้าก็ได้งานนี้
เขาเลยทำเงียบเฉยไว้ก่อนดีกว่ารอดูคนอื่นๆไปก่อน
แล้วเนกิก็แอบส่งสัญญาณให้เขารู้แล้วว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
แอนนาคิดไม่เหมือนคนอื่น จริงๆเธออยากสนับสนุนนาซีซัสเหมือนกัน
เพราะเธอรู้มาเหมือนกันว่านาซีซัสสนิทกับมาร์คัส มันจะยิ่งทำให้กำลังของกลุ่มพวกเธอเข้มแข็งยิ่งขึ้น
แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะออกหน้ามากจนเกินไปเลยนั่งเงียบไว้ดีกว่า
คนอื่นๆคิดไม่แตกต่างจากทั้งสองคนเลยรอดูสถานการณ์ไปก่อน



“แต่ข้าว่าตอนนี้ไม่มีใครเหมาะสมกับตำแหน่งนี้เท่ากับเขาอีกแล้วนะ” มาร์คัสยืนยัน
“ข้าจะเชื่อท่านได้อย่างไร เด็กแบบนี้นะหรือที่จะมีฝีมือเทียบเท่ากับพวกเรา ข้าว่านับวันท่ายิ่งแปลกนะมาร์คัส เอาเด็กมาเป็นเสนาธิการไม่พอ ยังจะให้เด็กที่ไหนมาเป็นจอมทัพอีก” เอเดรียนพูดอย่างไม่พอใจ
“ข้าว่าข้าไม่ได้คิดผิดแต่อย่างใดนะ งั้นพวกท่านมาพนันกับข้ากันดีกว่า ถ้าข้าชนะจะเป็นการพิสูจน์ฝีมือของสองคนนี้ไปในตัวด้วย” มาร์คัสยิ้มเล็กน้อย
“ได้สิ ท่านจะทำยังไงลองว่ามา” เอเดรียนรับคำท้า
“ดีมาก สมกับเป็นเจ้าจริงๆ ข้าคิดไว้แล้วว่าอีกหลายคนต้องแคลงใจ เนกิกับนาซีซัส ข้าเลยได้เตรียมงานไว้งานหนึ่งเรียบร้อยแล้ว”
มาร์คัสพูดจบทุกคนทำท่าทางแปลกใจ
“ท่านว่ามาเลยเถอะ อะไรที่จะพิสูจน์ได้อย่ามัวมากเรื่องอยู่เลย” อนัสตกาลเริ่มสนใจอยากรู้
“จะยากอะไรก็ให้ข้าทดสอบซะก็สิ้นเรื่อง” บีซางซอนพูดพร้อมกับกระโดดหายจากเก้าอี้ของเขาทันที
จริงๆมาร์คัสมองเห็นเขาจะห้ามก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่เขาอยากให้คนเห็นฝีมือของนาซีซัสบ้างเขาเลยดูเฉยๆ

บีซางซอนไปอยู่ข้างหลังนาซีซัสเขาฝาดฝ่ามือเข้าใส่กลางหลังนาซีซัสอย่างรวดเร็ว
วูบบบบ
มือของเขาถูกเพียงร่างเงาของนาซีซัสพร้อมกับทะลุเลยออกไป เขารีบหันมองรอบๆทันที
นาซีซัสอยู่ข้างบนเพดานห้องเขาทิ้งตัวลงพร้อมกับปล่อยหมัดออกมา
พลังสีเทาพุ่งออกจากหมัดของเขาก่อนที่จะขยายใหญ่ขึ้น
ท่านี้คล้ายๆท่าของพีรันกับอนัสตกาลมากทั้งสองถึงกลับแปลกใจ
บีซางซอนรีบเร่งพลังขึ้น เขาปล่อยพลังพิษสีเขียวเข้าต้านพลังหมัดนั้น
คีย์รัสรีบเข้าไปพาเนกิถอยออกมาเพราะอาจจะโดนลูกหลงได้
พลังทั้งสองเข้าปะทะกันจนสิ่งของในห้องสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งห้อง
“ข้าว่าคงพอได้แล้วมั้ง” มาร์คัสบอกพร้อมกับเดินออกไป
“เจ้าไม่ต้องงานนี้ข้าขอจัดการเอง” พีรันเดินไปขวางหน้ามาร์คัส
เขาพุ่งตัวเข้าไปยังทั้งสองคนที่กำลังต้านพลังกันอยู่
“สลายพลัง” พีรันตะโกนออกมาพร้อมกับยื่นผ่ามือทั้งสองเข้าไปพร้อมกับหมุนเป็นวงกลม
พลังสีเขียวกับสีเทาหมุนวนรวมกันเป็นก้อนกลมกลางฝ่ามือทั้งสองของพีรัน
นาซีซัสกับบีซางซอนต่างคนต่างกระเด็นออกไปคนละทาง
พีรันบีบมือทั้งสองเข้าหากันเกิดแสงสว่างวาบขึ้นมาพร้อมกับแรงลมออกมาจากมือของเขา
พลังของทั้งสองคนสลายหายไปอย่างหมดจดไม่มีสิ่งใดในห้องต้องพังลงเลยแม้แต่น้อย
พีรันต้องการที่จะแสดงให้เห็นว่ายังไงพลังของเขาก็เหนือกว่าทั้งสองคน
“เอาละพอกันได้แล้ว เรามาเข้าเรื่องของเจ้ากันดีกว่ามาร์คัส” พีรันเดินกลับมาพร้อมกับควันสีขาวรอยออกจากมือทั้งสอง
“งั้นเรามาเข้าเรื่องกันต่อได้แล้ว” มาร์คัสบอก ทั้งหมดกลับนั่งที่ตามเดิม
บีซางซอนดูไม่พอใจเล็กน้อยที่นาซีซัสรับมือเขาได้


“จริงๆข้าคิดว่าเพียงเมื่อครู่ก็น่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่านาซีซัสเหมาะสมหรือไม่ แต่ข้ายังอยากให้เงื่อนไขยังดำเนินต่อไป” มาร์คัสพูดหลังจากทุกคนดูพร้อมกันแล้ว
“ท่านจะให้ทั้งสองคนทำอะไรกันแน่” แอนนาเริ่มสงสัยเหมือนกัน
“สายของเรารายงานมาว่ากลุ่มมารโลหิตของโบรอนเนะกำลังมีการเคลื่อนไหว ตอนนี้มันได้แอบซ่อนกำลังลับไว้ที่อินเดีย
ข้าเลยคิดว่าจะให้เนกิกับนาซีซัสทั้งสองคนช่วยกันทำลายรังของพวกโบรอนเนะ”
“เดี๋ยวก่อน ข้าว่ามันไม่ยากเกินไปหรือไงพี่มาร์คัส” แอนนาแทรกขึ้นมา
“ยากสิดี เพราะว่าจะได้ทำให้คนอื่นรู้เรื่องราวของทั้งสองคนและยอมรับทั้งสองคนด้วยไง” มาร์คัสกล่าวเสริม
“แต่ถ้าผิดพลาดไม่ทำให้พวกมันรู้ตัวหรือไง” โอมะเอ่ยขึ้นมาบ้าง
“ข้าคิดว่าคงไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน ด้วยการวางแผนของเนกิกับฝีมือของนาซีซัสคงทำลายรังของพวกมันได้ไม่ยาก”
มาร์คัสดูมั่นใจมาก
“แต่ข้าก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี ข้าจะตามไปด้วยเผื่อผิดพลาดอะไรขึ้นมาจะได้ช่วยทัน” เอเดรียนเสนอตัว
“ก็ไม่มีปัญหาถ้าท่านเสนอตัว แต่มีข้อแม้อย่างนึงที่ท่านต้องรับปากข้าก่อน”
มาร์คัสยื่นเงื่อนไขให้กับเขา
“ข้อแม้อะไรท่านว่ามาเถอะ” เอเดรียนถามกลับ
“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเพียงท่านต้องเชื่อฟังเนกิด้วยเท่านั้นเอง เพราะเขาจะเป็นคนสั่งการและวางแผนทั้งหมด ถ้าเจ้ายอมรับข้าก็ยอมให้เจ้าตามไปได้”
เอเดรียนมองหน้าเนกิเล็กน้อย เขาครุ่นคิดสักพัก
“ได้ข้าจะฟังคำสั่งของเนกิ แต่ถ้ามันผิดพลาดเจ้าต้องเป็นคนรับผิดชอบกับเรื่องนี้นะมาร์คัส”
เอเดรียนวางเงื่อนไขกลับ
“ได้สิถ้างานนี้ผิดพลาดข้าจะรับผิดชอบเอง ข้าจะลาออกจากต่ำแหน่งทั้งหมด เจ้าพอใจหรือยัง”
“มาร์คัสท่านอย่าทำแบบนี้สิ” นาซีซัสรีบวิ่งเข้ามาพูด
“ข้าเชื่อใจเจ้านะ เจ้าอย่าทำให้ข้าผิดหวังแล้วกัน” มาร์คัสตบไหล่นาซีซัสเบาๆ
นาซีซัสไม่ได้พูดอะไรต่อได้แต่พยักหน้ารับความจริงใจของมาร์คัส
“เจ้าด้วยนะเนกิข้าต้องฝากนาซีซัสกับเจ้าด้วยเหมือนกัน” มาร์คัสหันไปบอกเนกิอย่างอ่อนโยน
เนกิยิ้มพร้อมกับก้มศรีษะรับคำของมาร์คัสเพราะอย่างน้อยมาร์คัสก็ไว้ใจเขา
“งั้นเป็นอันตกลงตามนี้ไว้พวกเอเดรียนกลับมาก่อนเราจะดำเนินการแผนต่อไป”
“แล้วเราจะเริ่มเมื่อไหร่ล่ะ” อนัสตกาลถาม
“พรุ่งนี้เช้าเครื่องบินจะมารออยู่ที่สนามด้านหลังตึก พวกเจ้าสามคนเตรียมตัวให้พร้อมด้วยแล้วกัน” มาร์คัสบอกพร้อมกับบอกเลิกประชุม



.........................
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส UP!! [P:7] 01-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 01-11-2010 21:51:23
เข้ามารอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส UP!! [P:7] 01-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 01-11-2010 22:24:04
 o13เลย

เนกิกับนาซีซัสจะได้โชว์ผลงานก็คราวนี้ :mc4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส UP!! [P:7] 01-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 01-11-2010 22:33:56
เข้ามารอตอนต่อไปโลดขอรับ :a9:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส UP!! [P:7] 01-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 02-11-2010 02:57:43
รอตอนต่อไปนะ........
จะมีตอนหวานๆของมาร์คัสกะนาร์บ้างมั้ยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส UP!! [P:7] 01-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 02-11-2010 06:53:13
ได้โชว์พลังแล้ว...
ว่าแต่ เกลือเป็นหนอนหรือเปล่าน่ะ.... เหมือนจะมีลาง
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส(ครึ่งกลาง) UP!! [P:8] 03-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 03-11-2010 23:23:17
กลางดึกปรากฏเงาคนยืนอยู่ที่ยอดตึกอีกเหมือนเมื่อวาน
คนนั้นจ้องมองท้องฟ้าก่อนที่จะกระโดดลงมาแล้วมุ่งหน้าหายไปยังภูเขาทางทิศเหนือเหมือนเช่นเดิม
นาซีซัสตื่นแต่เช้าเพราะเขารู้สึกตื่นเต้นจนตื่นแต่เช้า เพราะว่านี่เป็นงานแรกของเขาที่จะได้แสดงฝีมือ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำเอานาซีซัสสะดุ้งเล็กน้อย
เขาเดินมาเปิดประตูเพราะคิดว่ามาร์คัสคงส่งคนมารับเขา
“มาร์คัส” นาซีซัสเรียกชื่อคนที่มายืนอยู่หน้าห้องอย่างลืมตัว
เขารู้สึกดีในมากที่มาร์คัสมาหาเขาตอนนี้
“เจ้ารู้สึกยังไงบ้างนาซีซัส” มาร์คัสถามอย่างห่วงใย
“ข้าตื่นเต้นมากเลยมาร์คัส ข้าประหม่าไปหมดแล้วตอนนี้ กลัวทำงานที่ท่านให้ทำไม่สำเร็จนะสิ”
นาซีซัสบอกสิ่งที่เขาเป็นกังวลต่อมาร์คัส เขารู้สึกไม่อยากปิดบังทุกเรื่องต่อมาร์คัส
“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก เจ้าจงเชื่อมันในพลังของตัวเองแล้วเจ้าก็จะทำสำเร็จเอง”
มาร์คัสจับไหล่นาซีซัสพร้อมกับบีบเบาๆให้กำลังใจ
“ข้าจะพาเจ้าไปขึ้นเครื่องเอง” มาร์คัสยิ้มให้นาซีซัสอย่างอ่อนโยน
เขาหันหลังเดินนำหน้านาซีซัสออกมา นาซีซัสรีบหยิบกระเป๋าเป้แล้วเดินตามมาทันที


มาร์คัสกับนาซีซัสเดินมาที่ลานจอดเครื่องบินด้านหลัง
พอมาถึงเขาเห็นคีย์รัสกับเนกิมารออยู่แล้ว คีย์รัสเมื่อมองเห็นพวกมาร์คัสก็เดินเข้ามาหา
“นาซีซัส ข้าฝากดูแลเนกิด้วยนะ ถึงเขาจะฉลาดก็จริงแต่เขาไม่รู้วิชาป้องกันตัวอะไรเลย”
คีย์รัสออกอาการเป็นห่วงเนกิจนสังเกตได้
“ถึงท่านไม่พูดข้าก็ต้องดูแลเขาอย่างดีอยู่แล้ว อย่างน้อยเขาก็เหมือนรุ่นพี่ข้าที่จบมาจากท่านจางอี้เหมือนกัน”
นาซีซัสพูดออกมาแบบนี้ทำให้คีย์รัสเบาใจลงได้บ้าง
ทั้งสองขึ้นเครื่องบินที่เตรียมรอไว้
“แต่ท่านเอเดรียนล่ะ ทำไมเขายังไม่มาอีก” เนกิหันมาถามก่อนจะเดินขึ้นเครื่องบิน
“เออ ใช่ เอเดรียนทำไมยังไม่มาอีกนะ” นาซีซัสก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้
“พวกเจ้าสองคนไม่ต้องมานินทาข้าเลย ข้าขึ้นมารอนานแล้วมัวแต่ล่ำลากันอยู่ได้”
เอเดรียนนั่งยกขาพาดเบาะข้างหน้ารออยู่อย่างสบายใจ
เนกิกับนาซีซัสเดินเลี่ยงไปนั่งด้วยกันสองคน


“ข้ายังไม่ได้ทำความรู้จักเจ้าเลย ข้าชื่อนาซีซัสเจ้าชื่อเนกิใช่ไหม” นาซีซัสหาเรื่องคุยกับเนกิ
“ใช่ข้าชื่อเนกิ ข้าได้ข่าวว่าเจ้าได้ท่านอาจารย์ฝึกวิชาให้จริงหรือเปล่า”
“อืมท่านจางอี้เป็นคนบอกเคล็ดวิชากับข้า ไม่งั้นข้าคงไม่ได้มาอยู่ที่นี่หรอก” นาซีซัสพูดอย่างเคารพ
“งั้นเราก็ถือว่าเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกัน ตามลำดับข้าต้องเป็นรุ่นพี่สินะ” เนกิยิ้ม
“อืมคงเป็นแบบนั้น แต่ข้าไม่เรียกเจ้าว่าพี่หรอกนะ” นาซีซัสรีบออกตัว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก ข้าแค่หวังว่าเราจะทำงานด้วยกันได้อย่างราบรื่นต่างหากล่ะ”
แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกันอีกที ดูท่าทั้งสองคนจะถูกคอกันไม่น้อย
เอเดรียนได้แต่แอบมองมาทางสองคนที่คุยกันออกรสเป็นระยะๆ


เครื่องบินบินมาส่งทั้งสามคนใกล้ชายแดนอินเดียใหม่เพราะเนกิเป็นคนบอกให้ส่งลงที่ตรงนี้
เนกิคิดว่าถ้าบินเข้าไปโดยตรงจะทำให้พวกของโบรอนเนะตรวจสอบได้ง่าย
เลยจะใช้แผนรอบเข้าไปจะดีกว่า
พอลงจากเครื่องเนกิก็บอกให้เปลี่ยนเสื้อผ้าเผื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตา
เนกิเตรียมเสื้อผ้ามาให้ทั้งสองคนอย่างเสร็จสรรพ เขาคิดเรื่องนี้ไว้แต่แรกแล้ว
เขาให้นาซีซัสใส่ผ้าโพกหัวปิดบังผมสีเงินของเขาไว้ เพราะว่านาซีซัสเคยไปที่กลุ่มมารโลหิตมาก่อน
เผื่อจะยังมีคนจำเขาได้ พวกเนกิอยู่ในชุดตะวันออกกลางที่เป็นเนื้อผ้าระบายความร้อนได้อย่างดี
ตอนนี้สภาพของอินเดียส่วนมากเป็นทะเลทราย ที่มีอุณหภูมิสูงช่วงกลางวันแต่ตอนกลางคืนจะหนาวอย่างมาก
เนกิจ้างวานรถจี๊บจากชายแดนเพื่อวิ่งเข้าไปในตัวเมืองที่เป็นระยะทางอีกหลายร้อยกิโลเมตร


ทั้งสามคนเข้ามาถึงตัวเมืองก็เริ่มมืดแล้วเนกิเตรียมเสื้อหนังไว้เพื่อกันความหนาวเย็นยามค่ำคืน
เอเดรียนเริ่มรู้สึกว่าเนกิไม่ใช่เด็กธรรมดาเสียแล้ว เพราะเขาทำทุกอย่างมีแบบแผนและรอบครอบอย่างมาก
รถที่จ้างพาทั้งสามคนไปยังโรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในซอกเล็กๆของเมือง
“นี่เจ้าจะพักที่นี่จริงหรือเนกิ” เอเดรียนถามเมื่อเห็นสภาพของโรงแรม
“ใช่สิ เราพักที่นี่แหละไม่เป็นที่สะดุดตาของดี เพราะว่าที่นี่คงมีสายของกลุ่มมารโลหิตอยู่เต็มไปหมด แล้วท่านก็เป็นที่สะดุดตาคนมากเกินไปด้วย”
“ข้านี่หรอเป็นที่สะดุดตา” เอเดรียนแปลกใจ
“ใช่ท่านนั่นแหละ เพราะใครๆก็ต้องรู้จักและเคยเห็นท่านแน่นอน เอเดรียนหนึ่งในหกจอมทัพ แต่ถ้าพักที่นี่เขาอาจคิดว่าไม่ใช่ เพราะคนระดับท่านคงไม่พักที่ซ่อมซ่อแบบนี้แน่นอน” เนกิอธิบายเพิ่มเติม
เหตุผลของเนกิทำให้เอเดรียนไม่สามารถขัดอะไรได้อีกเขาจึงยอมทำตาม
หลังจากเข้าที่พักเรียบร้อยแล้วทั้งสามคนมารวมตัวกันที่ห้องของเนกิเพื่อฟังแผนการต่อไป


“ข้าได้วางแผนการไว้เรียบร้อยแล้ว พวกท่านรบกวนทำตามที่ข้าบอกทีได้หรือไม่” เนกิพูดอย่างนอบน้อม
ทั้งสองคนพยักหน้ารับคำพร้อมกับรอฟังแผนจากเนกิ
เนกิหยิบกระดาษแผ่นใหญ่ขึ้นมากางลงบนโต๊ะ
บนกระดาษเขียนแผนที่ต่างๆของเมืองไว้อย่างละเอียดพร้อมกับมาร์คจุดต่างๆไว้สองสามจุดด้วยกัน
เนกิเริ่มอธิบายแผนการที่เขาคิดไว้ให้กับเอเดรียนกับนาซีซัสฟังอย่างละเอียด
คนที่ต้องแปลกใจคงเป็นเอเดรียนเพราะเขาไม่คิดว่าเนกิจะฉลาดและรอบครอบถึงเพียงนี้
เพราะแผนการที่ฟังมาช่างรัดกุมและแยบยลอย่างมากยากที่จะผิดพลาดได้
“ท่านทั้งสองคนเข้าใจแผนของข้าแล้วนะ ท่านเอเดรียนท่านไปที่จุดด้านซ้ายของเมืองคืนนี้ท่านทำเพียงแค่สำรวจว่าใช่ที่ซ่องสุมกำลังของกลุ่มมารโลหิตหรือไม่ เจ้าก็เช่นกันนาซีซัสแค่สำรวจกลับมาห้ามลงมือหรือเปิดเผยตัวเด็ดขาด ข้าหวังว่าคงไม่ยากเกินไปสำหรับทั้งสองคนนะ” เนกิย้ำแผนวันนี้
“ได้สิเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” นาซีซัสรับคำ เอเดรียนพยักหน้า
ทั้งสองคนเมื่อได้ฟังแผนเสร็จก็กลับห้องของตัวไปทันที


นาซีซัสใส่ชุดรัดรูปสีดำสนิทพร้อมกับโพกผมไว้ด้วยผ้าสีดำจนมิดชิด
ก่อนออกจากห้องเขาหยิบหน้ากากสีดำที่ทำจากโลหะพิเศษที่มาร์คัสเตรียมให้มาขึ้นใส่
เขาเหน็บพัดไว้ในเสื้อเพื่อไม่ให้สีขาวของมันเป็นที่สังเกตได้
นาซีซัสทะยานออกทางหน้าต่างอย่างแผ่วเบาไปทางใต้ของเมืองตามจุดที่เนกิบอกไว้
ชุดของเขาเข้ากับความมืดมิดได้อย่างลงตัวยากที่จะสังเกตเห็นได้
นาซีซัสมาถึงจุดหมายอย่างรวดเร็วตอนนี้เขาอยู่บนหลังคาทรงดอกบัวตูม
เขาเริ่มมองหาฐานของกลุ่มมารโลหิตอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเห็นตึกใหญ่หลังหนึ่งที่วางเวรยามอย่างแน่นหนา
“คงเป็นตึกนี้แน่ๆ ต้องลอบเข้าไปดูข้างในหน่อยแล้ว”
นาซีซัสแฝงตัวกับความมืดไปจนถึงยอดตึกนั้น ก่อนที่เขาจะใช้พลังเปิดประตูดาดฟ้าตึกเข้าไปข้างใน
เขาพยายามจดจำรายละเอียดภายในตึกทั้งหมด ยิ่งในตัวตึกยิ่งมีการรักษากำลังอย่างแน่นหนา

นาซีซัสลงมาได้สามชั้นก็เจอกับคนที่เขาคุ้นหน้ากำลังยื่นสั่งงานบางอย่างกับคนกลุ่มหนึ่ง
เขาพยายามนึกเลยนึกขึ้นได้ว่าคนคนนั้นคือบอน ดาบอสูรฟ้า ที่เป็นมือขวาของโบรอนเนะ
เขารีบรวบรวมสมาธิไว้ที่หูเพื่อแอบฟังคำพูดของบอน
“พวกเจ้าต้องตรวจตราให้ดีๆนะ เพราะสายข่าวเรารายงานมาว่าพวกมาร์คัสกำลังจะส่งคนมาที่นี่ ถ้าพวกมันรู้ว่าเรากำลังทำอะไรกันที่นี่มีหวังได้ลงไปนอนในโลงกันหมดนี่แน่นอน” บอนสั่งการอย่างเคร่งเครียด
หลังจากที่สั่งเวรยามเสร็จบอนก็รีบเดินเข้าห้องที่อยู่แถวนั้นไปอย่างรวดเร็ว
ท่าทางเหมือนรีบจะเข้าไปทำอะไรซักอย่าง นาซีซัสเฝ้ามองเพื่อหาโอกาสตามเข้าไปเช่นกัน
เมื่อเวรยามเดินเลยผ่านหน้าห้องนั้นไปหมดนาซีซัสรีบลงมาจากเพดานแล้ววิ่งเข้าประตูบานนั้นไปทันที
พอเข้าไปข้างในเขากลับพบเพียงห้องว่างๆไม่มีสิ่งใดอยู่ในนั้นเลย
แต่เป็นไปไม่ได้เขาเห็นบอนเข้ามาในห้องนี้จริงๆนี่นา หรือว่ามันมีทางลับอยู่ในนี้
นาซีซัสพยายามสังเกตสิ่งต่างๆภายในห้องทั้งหมดแล้วเขาก็มองเห็นสิ่งผิดปกติที่ผนังด้านหนึ่ง
ทีแรกเขาคิดจะเข้าไปข้างในแต่กลัวว่าบอนอาจจะรู้ตัวก่อนก็ได้
คงต้องกลับไปปรึกษาเนกิดูก่อนคงจะดีกว่า หลังจากตัดสินใจได้เขาก็รีบออกจากตึกกลับมาที่โรงแรม


พอเข้ากลับเข้ามาในห้องเอเดรียนกับเนกิก็มานั่งรออยู่แล้ว
“ทางเจ้าเป็นยังไงบ้างนาซีซัสเจออะไรบ้างไหม” เนกิถาม
“ข้าคิดว่าข้าเจอที่ตั้งของกลุ่มมารโลหิตแล้วล่ะ” นาซีซัสพูดพร้อมถอดหน้ากากออก
“เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าที่นั้นเป็นฐานของพวกมารโลหิต” เนกิถามย้ำ
“ก็ข้าเจอบอนอยู่ที่นั้นด้วยนะสิ”
“บอน ดาบอสูรฟ้าก็อยู่ที่นี่หรือ ท่าทางจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆเสียแล้ว” เอเดรียนพูดขึ้นมาบ้าง
“ข้าก็เห็นด้วยกับท่านเอเดรียนนะ ถึงขนาดให้ดาบอสูรฟ้ามาที่นี่ แสดงว่าต้องมีอะไรที่สำคัญมากแน่ๆ” เนกิวิเคราะห์สถานการณ์ 
“ข้าก็คิดเช่นนั้น ข้าแอบตามบอนเข้าไปจนถึงห้องๆนึงแต่พอข้าเข้าไปกลับไม่พบสิ่งใดเลย” นาซีซัสเล่าต่อ
“คงมีท่าลับอยู่ในนั้น” เนกิพูด
“ใช่ข้าก็คิดเช่นนั้น ข้าหาดูจนพบทางลับนั้นแต่ยังไม่กล้าพลีพลามเข้าไปกลัวว่าพวกมันจะรู้ตัวก่อน ข้าเลยกลับมาปรึกษาเจ้านี่ไง”
“ดีแล้วที่เจ้ากลับมา เพราะถ้าพวกมันรู้ตัวก่อนพวกเราอาจจะดำเนินการขั้นต่อไปยากมากกว่านี้” เนกิเริ่มครุ่นคิด
“วันนี้พวกเจ้าพักผ่อนกันก่อน พรุ่งนี้เราค่อยออกไปสำรวจที่นั่นกันอีกที” เนกิบอกพร้อมกับเดินกลับห้องไป


ช่วงสายๆทุกคนไปรวมตัวที่ห้องเนกิอีกครั้งเพื่อฟังแผนการขั้นต่อไป
“วันนี้เราต้องรู้ให้ได้ว่าพวกมารโลหิตกำลังทำอะไรอยู่ แล้วเราค่อยทำลายฐานของพวกมันที่หลัง” เนกิพูด
“แต่ว่าเราจะรู้ได้อย่างไร ในเมื่อมันวางกำลังแน่นหนาขนาดนั้น นาซีซัสเองก็บอกไว้แล้ว” เอเดรียนแย้งถาม
“ข้ามีแผนไว้แล้วแต่ท่านคงต้องเหนื่อยหน่อยนะ” เนกิหันไปมองเอเดรียน
“ไหนเจ้าลองว่ามาสิ” เอเดรียนพูด
“แผนของข้าคือให้ท่านไปขอท้าประลองกับดาบอสูรฟ้าเพื่อดึงดูดความสนใจ ส่วนข้าจะให่นาซีซัสพาเข้าไปข้างในฐานลับนั่น ข้าจะได้ดูว่าพวกมันกำลังวางแผนทำอะไรอยู่กันแน่” เนกิบอกแผนที่เขาคิดไว้
“แล้วทำไมไม่ให้นาซีซัสเป็นคนไปท้าประลองล่ะ” เอเดรียนถามกลับ
“ก็เขาเป็นคนที่รู้เส้นทางข้างในดีที่สุด ถ้าเกิดท่านกับข้าหลงทางขึ้นมาอาจเสียแผนได้ อีกอย่างข้าอยากให้ท่านลงมือได้เต็มที่เลย ยิ่งทำให้พวกมันวุ่นวายมากแค่ไหนยิ่งดี”
“นี่ให้ข้าลงมือได้เต็มที่ใช่ไหม งั้นข้าจะอาละวาดขนาดไหนก็ได้ใช่ไหม” เอเดรียนถามอย่างตื่นเต้น
“ใช่” เนกิตอบสั้นๆ เพราะเขาพอจะรู้นิสัยของเอเดรียนอยู่บ้าง ว่าเขาเป็นคนมุทะลุถ้าได้ลงมือแล้วอะไรก็หยุดเขาไม่อยู่
“งั้นก็ตกลง ข้าจะเป็นคนไปก่อกวนข้างหน้าเอง ข้าไม่ได้ยืดเส้นยืดสายมานานมากแล้ว” เอเดรียนดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
“หลังจากกินข้าวเที่ยงแล้วเราดำเนินการตามแผนได้เลย” เนกิบอกกำหนดการ


พระอาทิตย์ขึ้นตรงหัวเอเดรียนเดินเข้าหาตึกของพวกมารโลหิตอย่างเปิดเผย
เขาสวมหูฟังเปิดเพลงฟังอย่างสบายใจ เขามาหยุดอยู่ตรงประตูใหญ่หน้าตึก
เนกิกับนาซีซัสหลบอยู่บนยอดตึกใกล้เพื่อรอจังหวะหาทางเข้าภายใน
“เจ้าเป็นใครไม่รู้หรือไงว่าที่นี่เขาห้ามคนภายนอกเข้าออก” ชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนเฝ้าหน้าตึกตะโกนถามเอเดรียน
เขาทำเป็นสนใจกับคนพวกนั้นแล้วเดินหน้าเข้าไปอย่างช้าๆ
“สงสัยไม่เคยตายเสียแล้ว พวกเราไล่มันออกไป”
สิ้นคำสั่งเวรยามแถวนั้นกรูกันเข้ามาหาเอเดรียนนับสิบคน
เอเดรียนยิ้มที่มุมปากก่อนเร่งเสียงเพลงของเขาให้ดังขึ้น
เขาหันมองพวกที่วิ่งเข้ามาก่อนที่จะขยับตัวตามทำนองเพลงร็อคที่เปิดฟัง
เพียงชั่วพริบตาคนทั้งสิบก็ลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น เอเดรียนหยิบเพลงมาหรี่เสียงลงก่อนที่จะเดินหน้าเข้าไปใหม่
“กร็อดดดด ไปตามพวกเรามาให้หมด อย่าให้เสียชื่อกลุ่มมารโลหิตได้” ชายร่างใหญ่คนนั้นสั่งการต่อ
ฟุบ!!!
เอเดรียนย้ายไปอยู่ตรงหน้าชายร่างใหญ่คนนั้น มือของเขาบีบอยู่ที่คอของมัน
“ไปตามหัวหน้าของพวกเจ้ามาดีกว่า ข้าไม่อยากฆ่าพวกลูกเจี๊ยบแบบเจ้า” เอเดรียนใช้รังสีฆ่าฟันข่มขู่จนคนอื่นๆไม่กล้าขยับตัว
“เร็วสิ รีบไปตามท่านบอนมาเร็วๆ” ชายร่างใหญ่รีบสั่งอย่างรวดเร็ว
ลูกน้องของชายร่างใหญ่รีบวิ่งเข้าไปในตึกทันที เนกิกับนาซีซัสรอจังหวะที่บอนออกมา


สักพักชายร่างผอมสูงก็เดินออกมาจากด้านในตึก นาซีซัสจำได้ทันทีว่าเป็นบอนเขารีบให้เนกิขี่หลังพร้อมกับกระโดดข้ามไปที่ตึกของพวกมารโลหิตทันที
“ข้านึกว่าใครมาหาเรื่องทีนี่ ที่แท้ก็เอเดรียนจอมทัพปลายแถวนี่เอง” บอนพูดออกมาอย่างไม่เกรงกลัวเอเดรียน
“เดี๋ยวนี้เจ้าปากเก่งตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือตั้งแต่ไม่ต้องซ่อนตัวว่าเป็นพวกโซดิเอคเลยปีกกล้าขาแข็งกันใหญ่เลยสินะ”
เอเดรียนเหวี่ยงชายร่างใหญ่ปลิวข้ามถนนไปอีกฟากของตึก
เขาพุ่งเข้าหาบอนอย่างรวดเร็วพร้อมกับปล่อยหมัดเข้าใส่จนบอนตั้งตัวไม่ทันถอยหลังพร้อมกับดึงลูกน้องที่อยู่ใกล้เข้ามารับหมัดแทน
เปรี้ยง เปรี้ยง
เสียงหมัดสายฟ้าของเอเดรียนซัดโดนลูกน้องที่บอนเอามาบังร่างกายทั้งสองคนเหมือนโดนไปซ๊อตจนร่างกระตุกแล้วทรุดลงกับพื้น
“เก่งจริงเจ้าจะหลบข้าทำไมล่ะ หรือว่าดาบอสูรฟ้ามีดีแต่ปาก” เอเดรียนยั่วยุบอน
คำพูดของเอเดรียนได้ผลบอนหยุดหนีพร้อมกับหยิบดาบจ้าวอสูรของเขามาไว้ในมือ
แต่เอเดรียนหาได้หวั่นเกรงไม่เขายังคงพุ่งเข้าไปต่อ ที่หมัดทั้งสองข้างเขาเกิดสายฟ้าสีเหลืองอ่อนขึ้น
บอนรีบร่ายท่าแสงอสูรเข้าใส่ต้านเอเดรียนที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
รังสีสีแดงจากดาบพุ่งออกมาพร้อมกับขยายขนาดจนเป็นดาบขนาดยักษ์ฟันใส่เอเดรียนโดยตรง
เอเดรียนไม่ได้สะทกสะท้านแม้แต่น้อยเขาต่อยหมัดออกเข้าใส่ดาบขนาดยักษ์นั้นให้หันทิศทางไปที่ลูกน้องของบอนที่อยู่ด้านข้าง
ลูกน้องของบอนที่ไม่ทันตั้งตัวโดนรังสีดาบล้มตายไปกว่าสิบคน
เอเดรียนต่อยหมัดสายฟ้าอีกหมัดเข้าใส่บอน บอนรีบเปลี่ยนท่าใช้ดาบตั้งรับหมัดสายฟ้านั้นตรงๆ
บอนกระเด็นถอยหลังไปจนหลังติดกับกำแพงตึก พลังสายฟ้าของเอเดรียนแล่นผ่านดาบเข้าสู่แขนของบอน
ตอนนี้มือข้างขวาที่ถือดาบของเขาชาไปหมด แต่เขายังคงแกล้งทำเหมือนว่าไม่เกิดอะไรขึ้น
แต่เรื่องนี้คงไม่มีใครรู้ดีเท่ากับเอเดรียน เขารีบพุ่งตัวเข้าไปโจมตีบอนอย่างต่อเนื่อง
บอนยังไม่สามารถใช้ดาบได้ตอนนี้เขารีบหลบให้พ้นจากรัศมีของหมัดเอเดรียน
ตูมมม!!!
หมัดของเอเดรียนต่อยทะลุกำแพงที่บอนยืนพิงอยู่เมื่อกี้
บอนเริ่มหน้าถอดสีเพราะถ้าเขาโดนหมัดเมื่อกี้ไปเต็มๆเขาคงไม่รอดแน่นอน
ทีแรกเขาเคยคิดว่าพลังฝีมือเขาคงเทียบเท่ากับหกจอมทัพได้อย่างสบายๆ
แต่ตอนนี้เขารู้ตัวเองแล้วว่าเขาคิดผิดมากขนาดไหน

นาซีซัสลอบพาเนกิเข้ามาข้างในตึก เขาจำทุกเส้นทางได้อย่างดี
ครู่เดียวเขาก็พาเนกิเข้ามายังห้องที่เขาเห็นบอนเข้ามาเมื่อคืนนี้
เขาชี้ให้เนกิสังเกตผนังที่มีเหมือนเส้นรอยแยกเล็กๆอยู่
“ข้าว่านี่คงเป็นประตูทางลับ แต่ข้าไม่รู้วิธีที่จะเปิดมันนะสิ” นาซีซัสบอกเนกิ
“ขอข้าดูรอบๆสักหน่อยนะ” เนกิพูดจบก็เดินสำรวจทั่วๆบริเวณห้อง
“เจอแล้ว นาซีซัสเจ้ามานี่หน่อยสิ” เนกิเรียก
“เจ้าใช้พลังดันพื้นตรงนี้ให้ยุบลงไปได้ไหม” เนกิบอกเมื่อนาซีซัสมายังจุดที่เขาอยู่
นาซีซัสค่อยๆใช้พลังฝ่ามือกดพื้นตรงที่เนกิบอกให้ยุบลงไปช้าๆ
ครื่นนนนนน
เรียงกำแพงเคลื่อนตัวเยกออกจากกันอย่างช้าๆตรงหน้าทั้งสองคน
“ทีนี้เราก็เข้าไปกันได้แล้ว” เนกิบอกพร้อมกับเดินนำนาซีซัสเข้าไปข้างใน
หลังทางลับเป็นบันไดแคบๆทอดลงมาข้างล่าง ทั้งสองคนค่อยๆเดินอย่างแผ่วเบา
เพราะเขาไม่รู้ว่าจะมีใครอยู่ข้างล่างนี้อีกหรือไม่
ทั้งสองคนเดินลงมาจนสุดบรรไดเนกิค่อยชะโงกหน้าออกมามองสำรวจ
“เนกิระวัง” นาซีซัสร้องเตือน เมื่อเขาเห็นมีดบินเล่มหนึ่งพุ่งเข้าหาเนกิ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส(ครึ่งกลาง) UP!! [P:8] 03-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 04-11-2010 00:07:34
เกิดไรขึ้น  เนกิอย่าเป็นอะไรนะ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส(ครึ่งกลาง) UP!! [P:8] 03-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 04-11-2010 00:50:03
เข้ามาลุ้นตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส(ครึ่งกลาง) UP!! [P:8] 03-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 04-11-2010 02:46:15
เกิดไรขึ้น นาร์กะเนกิจะโดนจับมั้ยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส(ครึ่งกลาง) UP!! [P:8] 03-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 08-11-2010 10:49:14
มารอครึ่งหลัง
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส(ครึ่งกลาง) UP!! [P:8] 03-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 08-11-2010 15:35:48
เกิดไรขึ้น  เนกิอย่าเป็นอะไรนะ

เนกิจะเป็นอะไรได้ไงละครับ นาซีซัสอยู่ทั้งคนเนอะ แต่ลุ้นเหมือนกันเนอะๆๆๆ

เข้ามาลุ้นตอนต่อไปครับ

ไม่ต้องลุ้นแล้วคร้าบบ เอามาต่อให้แล้ว รีบตามเข้ามาอ่านนะคร้าบบ

เกิดไรขึ้น นาร์กะเนกิจะโดนจับมั้ยอ่ะ

ระดับเนกิจะโดนจับง่ายได้ไงละครับ แถมนาซีซัสก็อยู่นะ

มารอครึ่งหลัง

มาแล้วครับไม่ต้องรอแล้ว อ่านกันเร็วผมก็รีบเขียนให้คร้าบบ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:8] 08-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 08-11-2010 15:38:27
ทันทีที่นาซีซัสร้องเตือนเข้าก็ดึงตัวเนกิให้พ้นเส้นทางของมีด
แต่มีดบินเล่มนั้นกลับพุ่งตรงมาที่เขาแทน หรือว่าจุดประสงค์ของคนปามันมาจริงๆคือเขากันแน่
นาซีซัสรีบเกร็งพลังไว้ที่ฝ่ามือแล้วป้องกันมีดบิน
“เนกิเจ้าหลบอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวข้าจัดการเอง” นาซีซัสบอกก่อนพุ่งหายเข้าไปด้านในห้องลับ
วี๊ดดดด ๆ กิ้ง กิ้ง ตูมมม
เสียงการประทะกันของนาซีซัสกับคนลึกลับดังขึ้นไม่ขาดระยะ
เนกิเองก็เป็นกังวลเหมือนกันเพราะเขากลัวคนที่อยู่ข้างในจะเป็นไวท์มอลล์หนึ่งในสิบสองราศี
ถ้าเป็นเช่นนั้นเนกิจะรับมือไหวหรือไม่ แล้วด้านนอกก็ไม่รู้ว่าเอเดรียนจัดการสยบบอนลงได้หรือยัง
อ๊อดด อ๊อดด  อ๊อดดด
เสียงสัญญาณเตือนภัยของตึกดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน แสดงว่าพวกมันรู้ตัวแล้ว
คงเพราะเสียงของการต่อสู้ของนาซีซัสแน่นอน
เนกิรีบหยิบเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กขึ้นมาใส่ไว้อย่างรวดเร็ว
“เอเดรียน เอเดรียนท่านได้ยินข้าหรือไม่” เนกิรีบติดต่อไปที่เอเดรียน
“ได้ยินแล้ว เกิดอะไรขึ้นข้างใน” เอเดรียนถามกลับ
“มันซ่อนกำลังไว้ในห้องลับ ท่านรีบจัดการบอนแล้วตามเข้ามาข้างในโดยเร็ว พวกมันรู้ตัวแล้วเราคงต้องทำให้มันจบในวันนี้” เนกิบอกแผนการใหม่
“ได้ข้าจะรีบตามเข้าไป” พูดจบเอเดรียนก็ตัดสัญญาณทิ้ง
“นาซีซัส ทางเจ้าเป็นยังไงบ้าง” เนกิติดต่อด้านนาซีซัสบ้าง
“เจ้าเข้ามาได้แล้วข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว ข้าอยากให้เจ้ารีบเข้ามาดูข้างในนี่หน่อย” นาซีซัสบอก
เนกิรีบออกจากที่ซ่อนแล้วเข้าไปในห้องลับอย่างที่นาซีซัสบอกอย่างรวดเร็ว
พอเข้ามาข้างในเขาเห็นเด็กฝาแฝดสองคนที่ไม่คุ้นหน้าโดนจับมัดติดกันไว้
“ใช่ไวท์กับมอลล์นิ” เนกิสงสัย
เด็กทั้งสองคนรีบมองหน้าเนกิเมื่อได้ยินชื่อไวท์มอลล์
“นี่แกรู้จักรุ่นพี่ไวท์มอลล์ด้วยหรอ ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนรีบบอกพวกข้ามา” หนึ่งในสองคนดูร้อนใจ
“ทีแท้เป็นศิษย์อาจารย์เดียวกันนี่เองถึงได้มีวิชาเหมือนกัน ส่วนเรื่องสองคนนั้นข้าก็บอกไม่ได้ว่าอยู่ที่ไหน รู้แต่เพียงว่าหนีตายไปเหมือนหมาข้างถนนเลยล่ะ” เนกิพูดยั่วยุ
เพราะตอนนี้เขาเริ่มคิดจะสืบเรื่องของกลุ่มโซดิเอคจากพวกนี้
“เจ้าเอาอะไรมาพูดรุ่นพี่เก่งกว่าเราจนเทียบไม่ติด ฝีมืออย่างพวกเจ้ามีหรือจะทำให้เขาต้องหนีได้”
“ใช่ฝีมือพวกข้าอาจยังไม่ถึงขั้น แต่ถ้าเป็นหนึ่งในจักรพรรดิของแผ่นดินใหญ่นี้ละ เจ้าว่าพอจะไหวไหม”
เนกิเพิ่มความยียวนเข้าไปอีก เพราะเขาพอจะเดานิสัยแฝดคู่นี้ออกแล้วว่าเป็นคนแบบไหน
“ยังไงข้าก็ไม่เชื่อเจ้าแน่นอน ท่านเจ้าปฐพีเป็นคนบอกพวกข้าเองว่าพวกรุ่นพี่เก่งเทียบเท่ากับสามจักรพรรดิแล้ว เจ้าอย่ามาหรอกพวกข้าเสียให้ยากเลย” แฝดที่ถูกมัดทางซ้ายพูดอย่างภูมิใจ
“เจ้าปฐพี หมายความว่าพวกมันไม่ได้มีแค่เจ้าฟ้าอย่างที่พวกเราเข้าใจหรือนี่” เนกิพึมพำกับตัวเอง
“เนกิเจ้าอย่ามัวเสียเวลากับพวกมันมากไปแล้วนะ รีบเข้ามาดูนี่เร็ว” นาซีซัสออกมาเรียก
เนกิเลยเก็บขอสงสัยไว้ก่อนแล้วเข้าไปด้านใน
เมื่อเข้ามาด้านในเนกิต้องตะลึงกับภาพที่เห็น ด้านในเป็นเหมือนโรงงานผลิตสารเคมีอะไรบางอย่าง
ตรงกลางมีตู้กระจกขนาดใหญ่ใส่สารสีเขียวเรื่องสารไว้เกือบเต็ม
มีสายยางใสดูดสารสีเขียวเรื่องแสงส่งตามโต๊ะต่างๆรอบๆตู้นั้น
แต่ละโต๊ะมีเครื่องมือทันสมัยที่ใช้สำหรับแยกสารประกอบต่างๆ
พวกโซดิเอคคิดจะผลิตสารอะไรกันแน่นะ เนกิรีบเดินเข้าไปดูตามโต๊ะทันที
แล้วเขาก็เจอแฟ้มเอกสารเข้าที่โต๊ะหนึ่ง
ผลการทดสองยาเร่งพลังเนกิส XZ-2021
“ยาเร่งพลังเนกิส” เนกิอุทานออกมาเมื่ออ่านที่หน้าปกแฟ้มนั้น
“นาซีซัส เจ้ารีบเกบตัวอย่างยาแต่ละโต๊ะเร็วเราต้องรีบไปจากที่นี่แล้ว” เนกิตะโกนสั่งนาซีซัสทันที
เขาฉีกกระดาษทั้งหมดจากในแฟ้มแล้วยัดใส่เสื้อไว้ก่อนจะไปหยิบกล่องบรรจุยามาให้นาซีซัส
ทั้งสองคนเก็บตัวอย่างยาตามโต๊ะอย่างรวดเร็ว เนกิเดินไปทำอะไรบางอย่างกับคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงกลางห้อง
“เรียบร้อยเรากลับกันได้แล้ว” เนกิหันเรียกนาซีซัส
“เอเดรียนทางท่านยังจัดการไม่สำเร็จอีกหรือไง” เนกิติดต่อกลับไปที่เอเดรียน
“มันมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นนะสิ เจ้าบอนมันฉีดอะไรเข้าตัวไม่รู้ตอนนี้พลังของมันสูงขึ้นมากเลย”
เอเดรียนรายงานกลับมา เนกิรู้ได้ทันทีว่าคืออะไร
“เดี๋ยวพวกข้าจะรีบไปช่วยหวังว่าท่านคงรับมือไหวนะ”
“เจ้าอย่ามาดูถูกข้าเกินไปนัก กว่าเจ้าจะออกมาข้าคงจัดการมันไปเรียบร้อยแล้วล่ะ”



ทั้งสองคนรีบขึ้นมาจากห้องลับอย่างรวดเร็ว เมื่อขึ้นมาถึงข้างบนด้านหน้าทางออกมีพวกมารโลหิตมารออยู่นับสิบคน
“พวกเจ้าหาเรื่องตายเองนะ” พูดจบทั้งสิบก็ยิงปืนกลเข้าใส่ทั้งสองคน
นาซีซัสอุ้มเนกิไว้อย่างรวดเร็วพร้อมกับให้ท่าร่างมารไร้ลักษณ์หลบกระสุนทั้งหมด
พริบตาเดียวนาซีซัสพสเนกิมาอยู่ข้างหลังกลุ่มคนทั้งสิบแล้ว
“เฮ้ยมันอยู่ทางนี้” หนึ่งในนั้นสังเกตเห็นรีบตะโกนบอกเพื่อนๆ
“เจ้าอยู่ข้างหลังข้านะ” นาซีซัสรีบปล่อยเนกิลง
ปังๆๆๆๆๆ ปังๆๆๆๆๆๆ
เสียงปืนยิงรัวออกมาอีกครั้งที่ทั้งหมดหันมาหาทั้งสองคน
นาซีซัสประกบฝ่ามือไว้ที่กลางอก เกิดม่านพลังสีเทาขยายออกมาคลุมร่างทั้งสองไว้
“จักรวาลดูดซับ” นาซีซัสเอ่ยชื่อท่าออกมาเบาๆ
ลูกกระสุนนับร้อยหยุดอยู่ที่ม่านพลังสีเทาของเขา แต่พวกมารโลหิตยังไม่เลิกระดมยิง
แกร๊กๆๆ
เสียงกระสุนของทุกคนหมดลง  ทั้งหมดเห็นกระสุนลอยหยุดนิ่งอยู่รอบตัวของทั้งสองคน
“จักรวาลแผ่พุ่ง ไป” นาซีซัสผลักฝ่ามือทั้งสองข้างไปข้างหน้า
พลังสีเท่าแตกกระจายออกทันที ลูกกระสุนทั้งหมดสะท้อนกลับไปหาคนทั้งสิบอย่างรวดเร็ว
อ๊ากกกกส์
เสียงร้องดังขึ้นมาสั้นๆก่อนคนทั้งสิบจะสิ้นใจนอนจมกองเลือดด้วยกระสุนของตัวเอง
“เราไปหาเอเดรียนกันเถอะ” นาซีซัสบอกพร้อมกับให้เนกิขี่หลัง
เพล้งงงง!!
เขาซัดพลังไปที่กระจกหน้าต่างภายในห้องจนแตกทั้งหมด
“เราจะไปทางลัดกันเจ้าจับข้าให้ดีแล้วกันนะ” นาซีซัสบอกพร้อมวิ่งไปทางหน้าต่าง
เขากระโดดออกมาจากหน้าต่างชั้น5ของตึกเพื่อลงมาข้างล่าง
เนกิกอดคอนาซีซัสไว้จนแน่นเพราะเขากลัวหล่นเหมือนกัน
ทั้งสองคนลงมาอยู่ด้านข้างของตึก
ตูมมมม
เสียงระเบิดจากทางด้านหน้าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง นาซีซัสเลยรีบมุ่งไปทันที
“เอเดรียนท่านเป็นยังไงบ้าง” เนกิรีบตะโกนถามเมื่อมาถึง
เอเดรียนกำลังใช้หมัดที่มีคลื่นพลังสีเหลืองห่อหุ้มต้านดาบของบอนอยู่
ข้าไม่เป็นอะไรข้าแค่ถ่วงเวลารอเจ้าเท่านั้นเอง” เอเดรียนหันมาตอบพร้อมกับยิ้ม
“เมื่อเจ้าออกมาปลอดภัยแล้วข้าก็จะเอาจริงให้ดูเป็นขวัญตา เจ้าเด็กนั่นจะได้รู้ว่าจอมทัพจริงๆเป็นยังไง”
ทีแท้เอเดรียนก็ต้องการจะแสดงฝีมือให้นาซีซัสเห็นนี่เอง
เขาเร่งพลังดันบอนจนกระเด็นออกไป ก่อนหันมามองนาซีซัสแล้วชี้บอกให้จับตาดูเขาให้ดีๆ
เอเดรียนเร่งพลังให้สูงขึ้นไปอีกขั้น เกิดกระแสไฟฟ้าสีเหลืองแปลบปลาบออกมาจากตัวเขา
เขาหยิบถุงมือหนังสีดำที่เย็บรายสายฟ้าด้วยเงินจากกระเป๋าหลังมาใส่
“เจ้าดูดีๆนะ เอเดรียนคงจะใช้ท่าไม้ตายแล้วล่ะ เขาถึงหยิบถุงมืออัสนีบาตรมาใช้แบบนี้” เนกิกระซิบบอกนาซีซัส
ทางบอนเองก็รู้เหมือนกันหยิบยาขึ้นมาฉีดให้ตัวเองอีกครั้ง
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกส์
บอนร้องออกมาอย่างเจ็บปวดก่อนลุกขึ้นยืนพร้อมกับพลังที่สูงขึ้นไปอีก
ดวงตาทั้งสองของเขาเป็นสีแดงกล่ำเหมือนเลือด เส้นเลือดตามตัวปูดโปนออกมา
เขาเตรียมใช้ท่าสังหารเทพท่าไม้ตายของเขาเหมือนกัน
“เอเดรียนบอนจะใช้ท่าสังหารเทพ ท่าระวังให้ดีล่ะ” นาซีซัสร้องเตือน
เขาเคยเห็นท่านี้มาก่อนตอนที่บอนสู้กับมาร์คัส แล้วตอนนี้บอนเพิ่มพลังมากขนาดนี้เห็นทีจะประมาทไม่ได้
เนกิเองก็คิดจะเตือนเพียงแต่นาซีซัสเร็วกว่า
“ขอบใจที่บอก งั้นเจ้าก็จะได้เห็นว่าสังหารเทพ กับอัสนีบาตรทะลายฟ้าใครจะแน่กว่ากัน” เอเดรียนหันมาบอกอย่างมั่นใจ
ตอนนี้ฝ่ามือทั้งสองข้างของเขาถูกอัดแน่นไปด้วยพลังสายฟ้าที่เขาสะสมไว้จนเกิดแสงสว่างอย่างชัดเจน
เอเดรียนกางขาย่อตัวลงเล็กน้อยยกกำปั้นทั้งสองข้างมาประสานกันไว้
บอนเองเหมือนจะรู้ตัวว่ารับพลังเร่งจากยาไม่ไหวแล้วเขาจึงใช้ท่าสังหารเทพทันที
รังสีดาบสีแดงขนาดใหญ่สิบเล่มพุ่งออกมาทันที
แต่ครั้งนี้พลังและความเร็วแตกต่างจากตอนที่สู้กับมาร์คัสมาก
แต่เอเดรียนกลับไม่ได้แสดงอาการตื่นกลัวแม้แต่น้อยเขายังคงสบงนิ่งอยู่กับที่
ดาบทั้งสิบพุ่งเข้ามาใกล้เขาอย่างรวดเร็ว
“อัสนีบาตรทะลายฟ้า” เอเดรียนตะโกนออกมาพร้อมกับต่อมหมัดทั้งสองเข้าต้าน
ตูม ตูม
เสียงระเบิดของพลังทั้งสองดังไปทั่วบริเวณ กระจกของตึกข้างๆแตกกราวลงมาทั้งหมด
เอเดรียนต้านรับดาบทั้งสิบได้อย่างง่ายดายตอนนี้เขาพุ่งตัวไปอยู่ตรงหน้าบอนแล้ว
“อัสนีบาตรทะลายฟ้า” เขาปล่อยหมัดเขาใส่บอนเต็มกลางลำตัว
ร่างของบอนกระเด็นไปจนติดกำแพงตึก จนปูนที่กำแพงยุบลงไปกว่าสองนิ้ว
บอนลอยอยู่บนกำแพงจนพลังกระแสไฟฟ้าของเอเดรียนหมดลง ร่างเขาค่อยล่วงลงพื้น
แต่สิ่งที่เกิดตามมาก็คือร่างของเขาค่อยๆละลายกลายเป็นกองเลือดอยู่ตรงนั้น
“นี่เป็นเพราะพลังของท่านหรอเอเดรียน” นาซีซัสรีบถาม เพราะเขารู้สึกว่ามันโหดร้ายเกินไป
“เปล่าพลังของข้าไม่ได้แสดงผลเช่นนั้น” เอเดรียนเองก็งงเหมือนกัน
“ข้าว่าคงเป็นผลข้างเคียงของยาที่เขาใช้เมื่อกี้แน่ๆ ยา ยา แย่แล้ว พวกเรารีบไปจากทีนี่เร็ว”
ดูเหมือนเนกิจะเพิ่งนึกอะไรบางอย่างที่สำคัญออก
ทั้งสองคนถึงแม้จะงงกับเนกิแต่ก็รีบพุ่งตัวหนีออกมาทันที
บรึ้มมมมมมมม!!!~
เพียงแค่ทั้งสามคนคล้อยหลังออกมาเท่านั้น มีการระเบิดออกมาจากชั้นบนสุดของตึก
ก่อนที่ตึกทั้งตึกจะทรุดลงจนฝุนตลบอบอวลไปทั่ว
“นี่เจ้าทำอะไรไว้เนกิ” นาซีซัสถามอย่างสงสัย
“ก็ข้าแค่ใส่คำสั่งให้คอมพิวเตอร์ในห้องลับนั้นทำลายตัวเองเท่านั้นเอง ข้าก็ไม่คิดว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้”
เนกิบอกทั้งสองคน
พอทั้งสามคนกลับมาถึงที่โรงแรม มาร์คัสก็ส่งรถมารับพวกเขาทั้งหมดรีบเดินทางกลับตึกเอ็มไพร์สเตรททันที

TBC.

ปอลอ. ตอนต่อไปผมอาจช้าหน่อยนะครับ ผมกำลังรวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับวิชาแต่ละคนอยู่ เดี๋ยวเขียนไปเขียนมาแล้ววิชาย้ายสำนักจะแย่เอา หุหุ แต่คงไม่เกิน 3 วันหรอกครับ ไม่ว่ากันนะครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:8] 08-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 08-11-2010 17:59:53
เข้ามาให้กำลังใจคนเขียนครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:8] 08-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 08-11-2010 18:07:37
จะรอตอนต่อไปนะ
เนกิฉลาดดีอ่ะ สมกับเปนหนอนหนังสือ
แต่นาร์ยังแสดงพลังไม่ค่อยเด่นเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:8] 08-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 10-11-2010 15:27:07
เข้ามาให้กำลังใจคนเขียนครับ

ขอบคุณครับ กำลังใจเพียงนิดช่วยให้มีแรงเขียนได้เยอะเลยครับ แถมเรื่องแนวนี้ด้วยคนอ่านน้อยแต่คนอ่านน่ารักทุกคนจริงๆ  :กอด1: :กอด1:

จะรอตอนต่อไปนะ
เนกิฉลาดดีอ่ะ สมกับเปนหนอนหนังสือ
แต่นาร์ยังแสดงพลังไม่ค่อยเด่นเลยอ่ะ

นาซีซัสยังมีอีกหลายตอนที่ได้แสดงพลังมากกว่านี้แน่นอนคร้าบบบ ตอนน้าก็จะได้เห็นแล้วคร้าบบ แต่รอแปบนะคร้าบเรื่องนี้ข้อมูลเยอะมาก


 :กอด1: :กอด1: :กอด1: คนอ่านทุกคนนะคร้าบบ

ผมแอบลองวาดแผนที่ของโลกใหม่ไว้แต่อายไม่กล้าเอามาโชว์อะ :-[
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:8] 08-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: teerasak ที่ 10-11-2010 19:03:03
 :L2: แอบเข้ามาอ่านตลอดเลยครับ ชอบนิยายกำลังภายในแบบนี้ครับ  o13 ต้องยกนั้วให้เลยครับ เขียนได้สนุก น่าติดตาม
แล้วก็แอบเป็นกำลังใจให้คนเขียนนะครับ คราวหน้าเข้ามาอ่าน แล้วจะเม้นให้กำลังใจนะครับ  :L1:ชอบมากๆครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:8] 08-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: comprivate ที่ 10-11-2010 19:32:25
เป็นกำลังใจให้นะครับ สนุกดีครับ ต้องขอชื่นชมนะครับ ว่าเป็นนักเขียนที่มีความคิดสร้างสรรค์ดีจริงๆครับ คิดเรื่องในแบบฉบับที่แตกต่าง แล้วก็ยังมีความเชื่อมั่นในตัวเองอีกด้วย  o13
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:8] 08-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 10-11-2010 19:54:17
เนกิเริ่ดมาก

2 นายเอกของเรา o13ที่สุด
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:8] 08-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 11-11-2010 00:59:06
เข้ามาลุ้นตอนต่อไป รู้สึกว่าเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:8] 08-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 11-11-2010 12:51:13
เนกิเก่งนะนี้ขนาดไม่มีวิทยายุทธกลับทลายตึกได้ทั้งตึก
นาซีซัสก็ดูจะเก่งแต่ยังสำแดงฤทธิ์ไม่เต็มที่ใช่ไหม?

ผมแอบลองวาดแผนที่ของโลกใหม่ไว้แต่อายไม่กล้าเอามาโชว์อะ :-[

โชว์เลยๆๆ อยากดูแล้วอ่ะ

หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:8] 08-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 11-11-2010 13:48:40
เหอะ ๆ ต้องรออีกตั้งสามวันได้อ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:8] 08-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 11-11-2010 15:21:42
:L2: แอบเข้ามาอ่านตลอดเลยครับ ชอบนิยายกำลังภายในแบบนี้ครับ  o13 ต้องยกนั้วให้เลยครับ เขียนได้สนุก น่าติดตาม
แล้วก็แอบเป็นกำลังใจให้คนเขียนนะครับ คราวหน้าเข้ามาอ่าน แล้วจะเม้นให้กำลังใจนะครับ  :L1:ชอบมากๆครับ

 :กอด1: :กอด1: กอดไว้ก่อนคราวหน้าจะได้เจอกันง่ายๆๆ ขอบคุณครับสำหรับกำลังใจเสมอมา(พูดอย่างกับได้รับรางวัลเลย) จะรีบเขียนตอนต่อไปให้นะครับ

เป็นกำลังใจให้นะครับ สนุกดีครับ ต้องขอชื่นชมนะครับ ว่าเป็นนักเขียนที่มีความคิดสร้างสรรค์ดีจริงๆครับ คิดเรื่องในแบบฉบับที่แตกต่าง แล้วก็ยังมีความเชื่อมั่นในตัวเองอีกด้วย  o13

 :pig4: :pig4: ขอบคุณครับที่ชื่นชม ผมอยากให้คนอ่านได้อ่านอะไรที่ใหม่ๆดูบ้างแหละครับ แต่ไม่รู้จะใหม่ไปหรือเปล่าแต่ผมก็จะพยายามต่อเรื่อยนะครับ

เนกิเริ่ดมาก

2 นายเอกของเรา o13ที่สุด

นายเอกเก่ง พระเอกของเราจะลำบากเอาสิครับแบบนี้ สงสัยโดนข่มแน่ๆเลยทั้งมาร์คัสทั้งคีย์รัส

เข้ามาลุ้นตอนต่อไป รู้สึกว่าเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะครับ

กำลังจะเขียนแล้วครับคิดว่าคงรอไม่นานหรอกครับ แต่ตอนนึงมันยาวมากขอเวลานิดนะคร้าบบ

เนกิเก่งนะนี้ขนาดไม่มีวิทยายุทธกลับทลายตึกได้ทั้งตึก
นาซีซัสก็ดูจะเก่งแต่ยังสำแดงฤทธิ์ไม่เต็มที่ใช่ไหม?

ผมแอบลองวาดแผนที่ของโลกใหม่ไว้แต่อายไม่กล้าเอามาโชว์อะ :-[

โชว์เลยๆๆ อยากดูแล้วอ่ะ



ใช่ครับ นาซีซัสยังไม่ได้แสดงฝีมือเต็มที่เลยครับ แต่ตอนหน้าได้อ่านเต็มๆแน่นอนครับ ส่วนเรื่องรูปอืมๆๆเดี๋ยวลงให้ดูก็ได้คร้าบบ แต่อย่าขำผมน่ะ-///-

เหอะ ๆ ต้องรออีกตั้งสามวันได้อ่านต่อ

เนะมาช้าอีกแหละ จนมันจะครบกำหนดแล้วนะเพิ่งมาบ่น ก็งี้แก่แล้วช้าตลอดอะ 555+


เดี๋ยวจะรีบเขียนตอนต่อไปนะครับ อดใจรออีกนิดนึงนะครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่11 จอมทัพคนใหม่นาซีซัส(ครึ่งหลัง) UP!! [P:8] 08-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 12-11-2010 19:33:48
ตอนใหม่มาแล้วคร้าบบบ นาซีซัสจะได้โชว์ฝีมือคราวนี้แหละคร้าบแต่แบ่งเป็นสามช่วงเหมือนเดิมนะครับ

เรื่องรูปแผนที่เดี๋ยวผมเอามาลงให้นะครับ-////-


................................................................

ข้าจะปกป้องเจ้าเอง


หลังจากที่ทั้งสามคนขึ้นรถที่มาร์คัสส่งมารับ
“เอเดรียนข้าอยากจะไหว้วานท่านก่อนกลับได้หรือไม่” เนกิหันมาพูดเมื่อรถออกไปสักพักใหญ่
เอเดรียนหันมามองหน้าเนกิอย่างสงสัย เพราะว่าภารกิจที่ได้รับมาก็เสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ก็ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรให้ต้องกลับไปทำอีก
“เจ้าลองว่ามาเถอะ แล้วข้าจะตัดสินใจเองว่าจะทำหรือไม่” เอเดียนตอบแบบยกตัวเองไว้นิดหน่อย
“ข้าอยากให้ท่านย้อนกลับไปซุ่มดูที่ตึกนั่นอีกครั้ง เพราะข้ารู้สึกว่ายังมีบางอย่างซ่อนอยู่ที่นั่นอีกแน่ๆ” เนกิทำหน้าเหมือนคลางแคลงใจอะไรบางอย่างที่ตึกนั้น
“ถ้าเรื่องนี้เจ้าให้นาซีซัสทำก็ได้นี่นาไม่เห็นต้องเป็นข้าเลย” เอเดรียนบ่ายเบียง
“ก็ใช่ แต่ที่ข้าอยากให้เป็นท่านเพราะข้าคิดว่าประสบการณ์ของท่านน่าจะทำให้หาข้อมูลกลับมาได้มากกว่า และท่านน่าจะรู้จักอะไรมากกว่านาซีซัสที่ออกมาท่องโลกครั้งแรกแบบนี้” เนกิให้เหตุผล
เอเดรียนไม่รู้จะตอบโต้เนกิเรื่องนี้อย่างไรเหมือนกัน เพราะถ้าเขายังบ่ายเบียงอีกก็ย่อมหมายความว่าเขานั้นมีฝีมือด้อยกว่านาซีซัส คำพูดของเนกิประโยคเดียวทำให้เขาไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้เลย ทำให้เขายอมรับในตัวเนกิมากขึ้นไปอีก
“ก็ได้ข้าจะกลับไปสืบมาให้ แต่ถ้าเจ้าระแวงมากเกินไปข้าจะกลับมาเล่นงานเจ้าที่ทำให้ข้าเหนื่อยเปล่า” เอเดรียนขู่เนกิ
เนกิหาได้กลัวกับคำขู่นั้นไม่ เขายิ้มให้เอเดรียนเหมือนไม่ได้ยินคำขู่นั้น
“เดี๋ยวก่อน ท่านเอาจดหมายนี่ไปด้วย หลังจากถึงเมืองแล้วท่านค่อยเปิดอ่านนะ ท่านอย่าลืมละหลังจากถึงเมืองแล้วถึงเปิดอ่าน” เนกิกำชับเรื่องการเปิดอ่านจดหมายก่อนยืนให้เอเดรียน เขารับแล้วยัดใส่กระเป๋าเสื้อด้านในไว้
เอเดรียนเปิดประตูรถแล้วพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะ ทีนี้ก็มาถึงปัญหาของพวกเราสองคนแล้วนะ” เนกิหันมาพูดกับนาซีซัส
“เจ้าหมายความว่าอะไรกัน” นาซีซัสงงกับท่าทางของเนกิตอนนี้
“เปิดเผยตัวออกมาได้แล้ว” เนกิหันไปพูดกับคนขับรถ นาซีซัสมองตามอย่างงงๆ
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดด!!
คนขับเหยียบเบรกกะทันหัน นาซีซัสรีบคว้าตัวเนกิไว้ไม่ให้พุ่งไปข้างหน้าตามแรงเบรก
กึก กึก
นาซีซัสพยายามเปิดประตูรถ แต่มันกลับล็อคไว้เสียแล้วคนขับรถหันมามอง แสงสีสองพุ่งเข้าใส่ทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว
ตูมมมม!!~
ประตูหลังของรถเบ็นซ์สีดำกระเด็นออกมากลางผืนทรายพร้อมกับร่างของทั้งสองคน ที่แขนซ้ายของนาซีซัสมีเลือดไหลออกมา
“อืมมม นาซีซัสเจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” เนกิรีบพยุงตัวลุกขึ้นดูนาซีซัสที่กอดตัวเขาไว้เพื่อกันแรงกระแทก
“ข้าไม่เป็นไรมากหรอก แค่แผลเล็กน้อยเท่านั้นเอง” นาซีซัสลุกขึ้นยืนก่อนดันเนกิไปข้างหลัง
เขาจ้องมองไปที่รถคนที่เขาพังประตูออกมา ตอนนี้คนขับที่อยู่ในชุดสูทสวมหมวกสีดำสนิททั้งตัวกำลังเปิดประตูลงจากรถเดินมาที่เขาทั้งสองคนอย่างช้าๆ
“เจ้ามั่นใจในตัวเด็กนี่เกินไปหรือเปล่า ถึงได้แยกให้เอเดรียนลงไปก่อนแบบนั้น ถ้ามีสองคนก็คงพอจะรับมือข้าไหวอยู่หรอก" ชายสูทดำพูดพร้อมกับหยิบบุหรี่จากกระเป๋าเสื้อสูทขึ้นมาจุดสูบอย่างสบายใจ
“เจ้าเป็นใครกันแน่ แล้วใครส่งเจ้ามาทำร้ายพวกเรา” นาซีซัสถาม
ชายคนนั้นทำเหมือนไม่สนใจยืนสูบบุหรี่ต่อจนหมดมวน เขาทิ้งก้นบุหรี่ลงบนผืนทรายก่อนใช้เท่าขยี้เบาแล้วถึงเงยหน้ามามองหน้านาซีซัสกับเนกิ
“ข้าคงไม่จะเป็นต้องบอกคนที่กำลังจะตายหรอกมั้ง แต่ถ้าเจ้าเอากล่องตัวอย่างยาคืนให้ข้า ข้าอาจปล่อยพวกเจ้าไปก็ได้นะ” ชายคนนั้นยื่นข้อเสนอให้ด้วยการแลกกล่องตัวอย่างยาที่เนกิเก็บไว้กับชีวิตของทั้งสองคน
“ข้าไม่ให้เจ้าหรอก เพราะถึงให้ไปพวกข้าก็คงต้องตายอยู่ดี” เนกิพูดเมื่อเดินมายืนข้างๆนาซีซัส
“ถึงเจ้าไม่บอกข้าก็พอเดาได้ว่าเจ้าต้องเป็นพวกโซดิเอค แล้วฝีมือเมื่อกี้น่าจะเป็นถึงระดับสิบสองราศีด้วยสินะ” เนกิวิเคราะห์ฝ่ายตรงข้ามทันที
“นับว่าเจ้าฉลาดกว่าที่ข้าได้ยินมาอีกนะนี่ เจ้าไม่คิดจะหันมารับใช้เจ้าฟ้าของเราหรือไง” ชายคนนั้นหันมาชักชวนเนกิแทน
“ถ้าเรายึดแผนดินนี้สำเร็จอย่างเจ้าต้องได้สุขสบายไปตลอดชาติแน่นอน” เขายังไม่เลิกหว่านล้อมเชิญชวนเนกิ
“ขอขอบคุณท่านที่หวังดี แต่จะให้ไปสุขสบายด้วยการหักหลังคนอื่นๆกับประเทศชาติของตัวเองแบบนั้น ข้ายอมเป็นยาจกไม่มีกินแล้วตายอย่างหมาข้างถนนยังจะดีกว่า” เนกิแสดงความเด็ดเดี่ยวและปณิธานของเขาออกมา
“เฮ้อ น่าเสียดายจริงๆ งั้นเจ้าสองคนคงต้องเป็นอาหารอีแร้งในทะเลทรายแห่งนี้เสียแล้ว”
แสงสีทองสองสายพุ่งเข้าใส่ทั้งสองคนอย่างรวดเร็วทันทีที่สิ้นคำพูดของชายคนนั้น
ฮึบ!!~   กิ้ง กิ้ง
นาซีซัสที่ระวังตัวอยู่แล้วพุ่งตัวใช้หมัดต่อยแสงสีทองทั้งสอง จนแสงทั้งสองกระเด็นออกไปคนละทิศคนละทาง แต่ก่อนที่เขาจะตั้งตัวแสงสีทองอีกสี่สายก็พุ่งตรงมาที่เขาอีกครั้ง
แสงสีทองพุ่งมาเร็วเกินไปที่จะตั้งรับ นาซีซัสเลยตัดสินใจพุ่งเข้าหาลำแสงทั้งสี่
ฉึก ฉึก กิ้ง กิ้ง
แสงสีสองสองสายปักที่ไหล่ขวากับท้องด้านซ้ายของเขา ส่วนอีกสองสายเขาปัดออกไปได้ แต่เขาจะมามัวสนใจอาการบาดเจ็บของตัวเองไม่ได้ เขายังคงพุ่งตัวต่อไปจนถึงชายคนนั้น
ฮึบ ฮึบ ฮึบ
นาซีซัสต่อยหมัดที่มีคลื่นพลังสีเทาของเขาเข้าใส่อย่างถี่ยิบ ชายคนนั้นถอยหลังเล็กน้อยก่อนหยิบบางอย่างเล็กสีทองมาไว้ในมือพร้อมกับรับหมัดทั้งหมดของนาซีซัส
นาซีซัสรู้สึกได้ทันทีว่าหมัดของเขาสัมผัสโดนอะไรบางอย่างสีทองนั่นเท่านั้น ไม่ได้สัมผัสโดนร่างกายของชายคนนั้นแม้แต่น้อย แถมเขายังใช้เพียงมือข้างเดียวในการรับหมัดที่เขาระดมต่อยเข้าใส่อีกด้วย
ฟิ้ววว ฟิ้วววว
ระหว่างตั้งรับนาซีซัสอีกมือชายสูทดำก็ซัดแสงสีทองสองสายเข้าใส่เนกิ
นาซีซัสเห็นแบบนั้นรีบเร่งพลังเนกิสระเบิดพื้นทรายบริเวณนั้นจนชายสูทดำต้องกระโดดถ่อยหลังหลบออกไป
เขารีบร่ายท่าร่างมารฟ้าไร้ลักษณ์ไปทางเนกิทันที ชั่วพริบตัวเขามาอยู่ด้านหน้าเนกิเขากอดเนกิไว้ก่อนจะพาหมุนตัวหลบแสงทั้งสองสายนั้น
แสงทั้งสองสายเฉียดหลังของทั้งสองไปเพียงไม่กี่มิลลิเมตร แต่แค่นั้นก็สร้างบาดแผลเรียกเลือดไว้ที่กลางหลังของทั้งสองคนแล้ว
เนกิเริ่มรู้สึกว่าเขาประเมินฝีมือของพวกสิบสองราศีผิดไป เขาเคยคิดว่านาซีซัสน่าจะรับมือได้ดีกว่านี้ จริงๆแล้วพลังของนาซีซัสไม่ได้ด้อยกว่าฝ่ายตรงข้ามเพียงแต่ประสบการณ์ในการต่อสู้ของเขายังไม่มากพอเท่านั้น เขายังไม่รู้จักพลิกแพลงท่าทางและจังหวะของการใช้พลัง เลยทำให้เขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบดูท่าเนกิคงจะลืมนึกถึงข้อนี้ไป
“เนกิเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” นาซีซัสรีบถามเมื่อพ้นวิกฤต
“ข้าไม่เป็นไรหรอก แต่เจ้าสิ” เนกิสองสำรวจร่างกายนาซีซัส
มีเข็มสีทองปักอยู่ที่ไหล่ขวากับท้องของนาซีซัส เขารีบนึกให้ออกทันทีว่าวิชาแบบไหนที่ใช้อาวุธแบบนี้
“อย่าจับมันนะ” เนกิรีบตะโกนบอกเมื่อเห็นนาซีซัสกำลังจะจับที่เข็มนั่น
นาซีซัสหยุดมืออย่างรวดเร็วก่อนหันมามองเนกิ ที่ยิ้มออกมาที่มุมปากเล็กน้อยแล้วตอนนี้
“ถ้าเจ้าจับเข็มทองมันจะมุดเข้าไปในร่างเจ้าทันที แล้วมันจะเคลื่อนตัวไปทำลายอวัยวะภายใจของเจ้า วิชาเข็มบินกร่อนลำไส้ เป็นวิชาที่หายสาบสูญไปนานแล้ว” เนกิอธิบายให้นาซีซัสเข้าใจ
แปะ แปะ
เสียงปรบมือดังมาจากชายสูทดำที่ค่อยเดินเข้ามาหาทั้งสองคนช้าๆ เหมือนว่าการจะฆ่าทั้งสองคนไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
“ยิ่งได้ยินแบบนี้ยิ่งเสียดายที่จะฆ่าเจ้าทิ้ง เจ้าไม่สนใจที่จะมาอยู่กับพวกเราจริงๆหรือ” ชายสูทดำยังคงอยากได้ความสามารถของเนกิอยู่
“ต่อให้เข้าเอาเข็มทองของเจ้ามาจ่อหน้าผากข้า ข้าก็ยืนยันคำเดิมว่า ไม่” เนกิเน้นเสียงที่คำว่าไม่ เพื่อให้ชายสูทดำได้ยินอย่างชัดเจน
“น่าเสียดายทั้งความเด็ดเดียวทั้งความสามารถของเจ้า แต่ถ้าไม่ฆ่าทิ้งก็คงไม่ได้เพราะเจ้าคงเป็นตัวปัญหาของพวกเราในภายหน้าแน่นอน” ชายสูทดำกำเข็มสีทองไว้ในมือข้างละสิบเล่ม
“พิรุณน้อยสาดแสง” เขาเอ่ยช้าๆเบาก่อนจะสะบัดมือทั้งสองข้างขึ้นไปบนท้องฟ้า
“นาซีซัสเจ้าไม่มีอาวุธอะไรเลยหรือไง” เนกิรีบถาม เพราะเขารู้แล้วว่าท่านี้จะสำแสงฤทธิ์แบบไหน
“มีสิท่านจางอี้ให้มา” นาซีซัสรีบหยิบพัดสีเงินออกมาจากเสื้อตัวใน
“งั้นเจ้ารีบใช้มันป้องกันเร็ว เข็มจะตกลงมาจากท้องฟ้า” นาซีซัสรีบเงยหน้ามองบนฟ้า
เขาเห็นประกายสีทองมากมายกำลังพุ่งตกลงมาที่เขายืนอยู่ แต่เขาจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ เพราะเขาไม่เคยใช้พัดด้ามนี้มาก่อนเลย แต่ตอนนี้สถานการณ์ขับขันเขาคงต้องลองใช้มันออกไปเสียแล้ว
นาซีซัสรีบถ่ายพลังเนกิสลงไปที่พัดจนพัดเปล่งประกายสีเงินสว่างมากขึ้น นาซีซัสกางพัดออกพร้อมกับชูขึ้นไปไว้เหนือหัวเขาคิดอะไรไม่ทันแล้ว เขาจึงใช้พลังเนกิสบังคับพัดให้หมุนวนอยู่บนหัวเขาเกิดคลื่นสีเงินกระจายออกมาเป็นวงกลมเหมือนร่มขนาดใหญ่ขึ้น
เข็มทั้งยี่สิบเล่มที่พุ่งลงมาโดนพัดกับพลังของนาซีซัสสกัดไว้จนหมด ชายสูทดำถึงกับตกใจเล็กน้อยแต่เขารีบเก็บอาการอย่างรวดเร็ว เพราะท่านี้ของเขาต่อให้ผู้มีพลังเนกิสขั้นสูงกางม่านพลังกันไว้ เข็มของเขาก็สามารถแทงทะลุเข้าไปได้
นาซีซัสเห็นเข็มทองกระจายไปหมดแล้วเขารีบคว้าจับพัดกลับมาไว้ในมือ แล้วตรงเขาหาชายสูทดำอย่างรวดเร็ว เขาแทงพัดที่แฝงพลังของเขาไว้เข้าไปที่หน้าชายสูทดำ
ฟ้าวววว
ปลายพัดเฉียดหน้าชายสูดดำเลยไปโดนหมวกกระเด็นออกจากหัวเขาเผยให้เห็นเส้นผมสีบรอนด์ ข้างแก้มเขามีรอยแผลเป็นทางยาวเกิดขึ้น
“กร็อดดดดด ตายซะเถอะ” ชายสูทดำซัดฝ่ามือเข้าใส่หน้าอกของนาซีซัส
นาซีซัสระวังตัวอยู่แล้วเขาใช้มืออีกข้างตบฝ่ามือนั้นออกไปให้พ้นตัว
ตูมมมมม!!
ทรายด้านหลังของนาซีซัสระเบิดออกเป็นหลุมขนาดใหญ่ นี่ถ้าเขาปัดออกไม่ทันเขาคงร่างกายแหลกเหลวไปแล้ว แต่เขายังตั้งสติไว้ได้เขากางพัดออกแล้ววาดเข้าใส่ช่วงหัวของชายสูทดำ พร้อมกับพลิกมือข้างที่ใช้ปัดมือเมื่อกี้คว้าจับข้อมือมือของชายสูทดำไว้เพื่อไม่ให้ถอยหลังหนี
ชายสูทดำจะถอยหลังหนีแต่โดนนาซีซัสจับข้อมือไว้ เขาเตะเข้าที่ขาข้างซ้ายของนาซีซัสจนทรุดตัวลงนาซีซัสก็ไม่ยอมพลาดท่าเขาดึงข้อมือชายสูทดำให้ทรุดตัวตามลงมาด้วย
เป็นว่าตอนนี้ทั้งสองคุกเขาอยู่ที่ทรายต่างฝ่ายต่างแลกหมัดผลัดกันรุกผลัดกันรับกันอย่างหนักหน่วงและรวดเร็ว



เนกิจ้องมองนาฬิกาอย่างกังวลเหมือนรออะไรบางอย่างอยู่ แต่เสียงต่อสู้ที่ดุเดือดของนาซีซัสทำให้เขายิ่งร้อนใจมากขึ้นไปอีก เพราะยิ่งสู้กันนานมากขึ้นดูท่าทางนาซีซัสจะต้องพลาดท่าแน่นอน
ตูมมมมม!!!
เสียงทั้งสองคนปะทะฝ่ามือกันจนต่างฝ่ายต่างกระเด็นออกไปคนละทาง นาซีซีสรีบหมุนตัวตั้งหลักก่อนกลับมาอยู่ข้างเนกิ
เพราะเขากลัวชายสูทดำลอบทำร้ายเนกิอีก
ทั้งสองคนตั้งหลักเดินพลังเนกิสรักษาตัวเองอยู่กับที่ นาซีซัสจ้องหน้าชายสูดดำที่ตอนนี้ไม่มีหมวกแล้ว
“แคนเซอร์” นาซีซัสอุทานออกมา เพราะเขาเคยเจอแคนเซอร์ที่กลุ่มมารโลหิตมาแล้วหนนึง
“นี่เจ้ารู้จักมันด้วยหรอ” เนกิถึงกับสงสัยว่านาซีซัสรู้จักคนระดับนี้ได้ยังไง
“ก็ข้าเคยเจอตอนที่ไปที่กลุ่มมารโลหิตกับมาร์คัสนะสิ” นาซีซัสบอกสั้นๆ
“อืมเพราะแบบนี้เองโบรอนเนะถึงยอมเปิดเผยตัว” เนกิเริ่มประมวลผลในหัวอีกครั้ง
“ท่านพี่แคนเซอร์แค่เด็กสองคนป่านนี้ยังจัดการไม่ได้อีกหรือครับ” เสียงดังมาจากภูเขาทรายที่อยู่ไกลออกไป
ท่าทางแคนเซอร์จะมีกำลังเสริมมาสมทบด้วย ถ้าเป็นระดับสามัญทั่วไปคงพอมีทางออก แต่ถ้าเป็นระดับสิบสองราศีเห็นทีจะลำบากแน่นอนครั้งนี้ เนกิรีบก้มมองนาฬิกาอีกครั้งอย่างร้อนใจ


.......................................................


หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งแรก) UP!! [P:8] 12-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 12-11-2010 20:29:52
จะเกิดไรขึ้นต่อเนี่ย.................
ขอครึ่งหลังเลยได้มั้ยอ่า......................
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งแรก) UP!! [P:8] 12-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 12-11-2010 21:14:29
ใครจะมาช่วยเนกิกบนาซีซัสละนี้
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งแรก) UP!! [P:8] 12-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 12-11-2010 21:21:49
รอลุ้นๆ :z2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งแรก) UP!! [P:8] 12-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 12-11-2010 21:53:03
แหมคุณwhistle ช่วงกลางยังไม่มาจะเอาครึ่งหลังเลยหรอคร้าบบ

ต้องรอลุ้นนะคร้าบคุณเล็กซ่าว่าใครจะมาช่วยเนกิกบนาซีซัส แต่นาซีซัสผมไม่ใช่กบน้า หุหุ (ล้อเล่นนะคร้าบบบบ)

กำลังเขียนต่ออยู่เลยคร้าบบคุณกรองเทียน แวะพักนิ้วเข้ามาอ่านนิยายคนอื่นนิดหน่อย แล้วจะรีบกลับไปเขียนนะครับ

แต่ตอนนี้เนกิกับนาซีซัสตึงมือน่าดู ไม่รู้ว่าเนกิวางแผนอะไรไอกหรือเปล่า

คอยลุ้นเอาใจช่วยทั้งสองคนต่อไปนะครับ  :กอด1: :กอด1: คนอ่านทุกคนครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งแรก) UP!! [P:8] 12-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: teerasak ที่ 12-11-2010 22:43:49
 o22 ยังไงต่อละทีนี้ ปล่อยให้ลุ้นจิงๆ :กอด1: มันน่ากอดคนเขียนนัก ปล่อยให้ค้าง

มารอลุ้นตอนต่อไป :bye2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งแรก) UP!! [P:8] 12-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 12-11-2010 23:14:31
ลุ้นจริงๆ เลยนะครับ ตอนนี้ :serius2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งแรก) UP!! [P:8] 12-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 14-11-2010 14:09:31
อ่านไปได้หน่อยนึง  ต้องไปทำงานต่อแระ อิอิ

ว่างๆจะมาอ่านต่อ  หนุกดีๆ o13
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งแรก) UP!! [P:8] 12-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: mete ที่ 14-11-2010 14:58:36
สนุกคับ รอตอนต่อไป  o13
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งแรก) UP!! [P:8] 12-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 16-11-2010 23:02:04
รู้งี้ปล่อยค้างบ่อยๆดีกกว่าคุณธีรศักดิ์จะได้กอดตั้งนานแล้ว :-[

เอาตอนต่อมาลงให้แล้วนะครับคุณ cloundy จะได้หายลุ้นเสียทีหรือว่าจะลุ้นเพิ่มเข้าไปอีกนะ  o18

น็อตว่างๆค่อยเข้ามาอ่านก็ได้แต่อย่านานนะ ไม่งั้นมันจะเยอะเอาได้

คุณmete ขอบคุณครับที่ติดตาม ตอนต่อไปมาแล้วมาเอิใจช่วยเนกิกับนาซีซัสกันต่อเลยนะครับ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: คนอ่านทุกคนเลยครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9] 16-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 16-11-2010 23:03:34
เอเดรียนรีบเดินทางกลับเข้าเมืองอย่างที่เนกิสั่งอย่างรวดเร็ว
พอเข้ามาถึงพื้นที่เขตเมืองเขารีบหยิบจดหมายที่เนกิให้มาอ่านตามที่รับปากไว้


ท่านเอเดรียน เมื่อท่านเปิดอ่านจดหมายท่านคงกลับมาถึงตัวเมืองตามที่สัญญาไว้นะครับ เมื่อท่านกลับมาถึงเมืองข้าอยากให้ท่านรีบกลับไปที่ตึกนั้นอีกครั้ง เพราะข้าคิดว่ามันยังมีอะไรซ่อนอยู่อีกถ้าเราได้รู้ความลับนั้นมาจะทำให้เราสามารถรับมือกลุ่มโซดิเอคได้มากยิ่งขึ้น และอีกเรื่องที่ข้าจะต้องรบกวนท่าน ท่านช่วยโทรไปที่เบอร์ 00035 78954 2146 แล้วบอกเขาว่ารถที่เรานั่งมุ่งหน้าไปทิศไหน หวังว่าคงไม่ลำบากท่านใช่ไหม
                     ชีวิตข้ากับนาซีซัสขึ้นอยู่กับท่านแล้ว
                           เนกิ



เอเดรียนอ่านข้อความจนจบเขางงกับประโยคหลังของเนกิเป็นอย่างมาก
ถึงจะงงแต่เขาก็ไม่รอช้ารีบติดต่อไปตามที่เนกิบอกทันที
เขายังไม่ได้ถามอะไรมากเพียงแค่บอกว่ารถมุ่งหน้าไปทางไหนปลายสายก็วางไปเสียแล้ว
แต่ตอนนี้เขาคงไม่มีเวลาจะคิดเรื่องนี้อีกแล้วละมั้ง เพราะตอนนี้พวกกลุ่มมารโลหิตล้อมเขาไว้เสียแล้ว
“ท่าทางพวกเจ้าจะรู้ว่าข้าจะกลับมาสินะ” เอเดรียนเริ่มพดจะเข้าใจความหมายของเนกิแล้วตอนนี้
เขาคงโดนซุ่มโจมตีจากพวกกลุ่มมารโลหิตเหมือนกันแน่ๆ
แต่ทำไมถึงยังส่งให้เขากลับมาหาข้อมูลเพิ่มเติมอีก แต่เวลาคิดไม่มีแล้วเขาคงทำได้เพียงเชื่อในมันสมองของเนกิกับฝีมือของนาซีซัสเท่านั้น
เอเดรียนเมื่อตัดสินใจได้ก็วิ่งเข้าใส่พวกมารโลหิตที่ล้อมเขาอยู่ทันที



“ใครใช้ให้เจ้ามาช่วยข้า เรื่องนี้ข้าจัดการคนเดียวได้” แคนเซอร์ตะโกนตอบอย่างไม่พอใจ
ตอนนี้เขาไม่ต้องการให้ใครมาช่วยเขาทั้งนั้น เพราะเขาเป็นถึงหนึ่งในสิบสองราศีแต่กลับสู้ชนะเด็กที่ไม่มีใครรู้จักไม่ได้
แต่นี้มันก็ทำให้เขาเสือมเสียเกรียติมากพออยู่แล้ว นี่กลับต้องให้คนอื่นยื่นมือเข้ามาช่วยอีกแบบนี้
แต่ไปเขาจะมีหน้าไปสั่งสอนคนอื่นได้อย่างไร
“ท่านพี่ก็ทำเป็นฉุนเฉียวไปได้ ข้าก็ไม่อยากมานักหรอก ถ้าไม่ใช่ท่านเจ้าปฐพีสั่งให้ข้ามาข้าคงไม่มาหรอก” เด็กหนุ่มร่างผอมผิวซีดขาว มีดวงตาสีฟ้าโดดเด่นเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
ด้านนาซีซัสรีบอาศัยจังหวะที่ทั้งสองคุยกันเร่งเดินพลังรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเขาเอง
จริงๆถ้าเขาอยู่คนเดียวในสถานการณ์แบบนี้เขาคงหนีไปแล้ว แต่นี่เขามีเนกิอีกคนทำให้เขาไม่สามารถไปไหนได้
ตอนนี้เขาคิดว่ายังไงก็แค่ตายแต่เขาต้องช่วยเนกิให้ได้ เพราะอย่างน้อยเนกิก็ช่วยเหลือมาร์คัสในการรับศึกครั้งนี้ได้
แต่ที่เขาเสียดายก็คือเขายังไม่ได้ช่วยอะไรมาร์คัสได้มากอย่างที่ใจหวัง กับเรื่องที่จะไม่ได้กลับไปเจอหน้ามาร์คัสอีก
“ทำไมท่านเจ้าถึงทำเช่นนี้ แสดงว่าท่านไม่ไว้ใจฝีมือข้าตั้งแต่แรก” แคนเซอร์ลอบเจ็บใจเพราะมันเหมือนการดูถูกเขาอย่างมาก
“คงไม่ใช่แบบนั้นหรอกท่านพี่ ท่านเจ้าคงอยากให้มันแน่นอนและรวดเร็วมากกว่า ท่านพี่อย่าคิดมากเลย” เด็กคนนั้นเดินมาจับไหล่แคนเซอร์เหมือนไม่ได้ให้ความเคารพเท่าไหร่
“งั้นเจ้าอยากทำอะไรก็เชิญ ข้าจะเป็นฝ่ายขอดูมั่ง”
“จะเป็นฝ่ายขอดูหรือว่า ไม่มีแรงจะสู้แล้วกันแน่ หึหึ” เด็กหนุ่มยิ้มถากถางให้แคนเซอร์ เขากลับยืนนิ่งไม่สนใจ
“ก็ได้ถ้าท่านพี่อยากให้ข้าลงมือข้าก็จะลงมือเอง” เด็กหนุ่มคนนั้นหยิบขวดน้ำที่ห้อยไว้ที่เอวออกมา
เขาค่อยๆเทมันลงบนมืออีกข้างอย่างช้าๆ น้ำที่โดนฝ่ามือเขาค่อยรวมตัวกันเป็นแท่งน้ำแข็งรูปไม้กางเขนขนาดใหญ่
นาซีซัสสัมผัสพลังที่ออกมาจากเด็กหนุ่มคนนั้นได้ว่ามีมากกว่าแคนเซอร์ แบบนี้นี่เองถึงได้ทำตัวไม่เคารพแคนเซอร์แม้แต่น้อย
“พวกเจ้ามีอะไรจะสั่งเสียก่อนหรือไม่” เด็กคนนั้นถาม
“พวกเราคงไม่มีอะไรให้สั่งเสียหรอก ถ้าจะมีก็มีเพียงข้อความฝากกลับไปบอกนายพวกเจ้าด้วยเท่านั้น ว่าชาตินี้อย่าหวังจะได้ครอบครองแผ่นดินใหญ่เลย” เนกิตะโกนตอบไปอย่างไม่เกรงกลัว
“เจ้าเด็กน้อยปากดีนักนะ ข้าจะให้เจ้าตายคนแรก”
เด็กหนุ่มสะบัดน้ำที่เหลือในขวดมาทางเนกิ หยุดน้ำที่พุ่งเข้ามากลายเป็นกระสุนน้ำแข็งสีฟ้าใสนับสิบลูก
นาซีซัสรีบใช้ท่าจักรวาลดูดซับดึงกระสุนน้ำแข็งให้พุ่งมาที่เขาแทน
กระสุนน้ำแข็งลอยวนอยู่รอบตัวนาซีซัส
“ไป” เขาตะโกนสั้นๆ พร้อมกับผลักกระสุนน้ำแข็งกลับไปใส่เด็กคนนั้น
เด็กคนนั้นทำหน้าตกใจไม่น้อยแต่ก็ยังให้กางเขนน้ำแข็งขนาดใหญ่ต้านกระสุนน้ำแข็งที่โดนสะท้อนกลับคืนไว้ได้
“เป็นไงอคอรีอัส ยังคิดว่าเด็กพวกนี้ด้อยฝีมืออยู่ไหม” แคนเซอร์ใช้น้ำเสียงเยาะเย้ย
เด็กคนนี้คืออควอรีอัสหรือนี่ ตอนนี้เท่ากับว่าเนกิกับนาซีซัสต้องเผชิญหน้ากับสองราศีพร้อมกัน
คราวนี้ท่าจะแย่ลงกว่าเดิม เนกิก้มลงมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง
นาซีซัสอยากถามถึงท่าทางแปลกๆแบบนั้น แต่ว่าตอนนี้คงไม่มีเวลาแล้ว
เพราะอควอรีอัสกำลังมุ่งหน้ามาทางเขาแล้ว
เมื่อเขาระยะใกล้กางเขนน้ำแข็งก็พุ่งเข้ามาที่กลางหน้าผากเขาอย่างรวดเร็ว
นาซีซีดยกพัดในมือขึ้นมาต้านไว้ แต่แรงปะทะรุนแรงมากจนตัวเขาถอยลังตามแรงกระแทก
เขาพยายามเกร็งพลังต้านแรงกระแทกนั้นไว้
กึก เขาหยุดร่างได้เมื่อถอยหลังมาหลายเมตร เขาพยายามต้านปลายกางเขนน้ำแข็งนั้นกลับไป
แต่อควอรีอัสกับเพิ่มพลังขึ้นอีก ตอนนี้ทั้งสองต่างใช่พลังเนกิสเขข้าต้านกันจนทรายที่อยู่รอบๆเริ่มหมุนวนขึ้นมา


เนกิได้แต่มองเอาใจช่วยนาซีซัสเพราะตอนนี้เขาคงต้องฝากความหวังกับนาซีซัสเท่านั้น
ฟ้าววววว ฟ้าวววว
เนกิรีบหันกลับไปมอง เขาเห็นแสงสีทองสองเส้นตรงมาจะถึงตัวเขา เขารีบล้มตัวลงพื้นอย่างรวดเร็ว
อ๊ากกกกกส์
แต่ยังเร็วไม่เพียงพอสำหรับหลบเข็มบินของแคนเซอร์ เขาโดนเข็มทองปักเข้าที่หัวไหล่ทั้งสองเล่ม
“นับว่าประสาทไวไม่เบา ข้ากะให้เจ้าไปสบายๆเสียหน่อย แบบนี้เจ้าอยากทรมาณเองนะช่วยไม่ได้” แคนเซอร์เดินเข้ามาหาเนกิที่นอนอยู่บนผืนทรายอย่างช้าๆ
นาซีซัสไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้ในตอนนี้ เพราะถ้าเขาเสียสมาธิเขาต้องโดนพลังของอควอรีอัสเล่นงานทันที
แคนเซอร์เดินมาถึงตัวเนกิเขาจ้องมองด้วยสายตาอำมหิตก่อนจะยิ้มออกมาเหมือนเห็นเนกิเป็นของเล่นของเขาแล้วตอนนี้
ผลัก
แคนเซอร์เตะเข้าไปที่ช่วงท้องของเนกิจนตัวไถลไปกับพื้นทรายเป็นทางยาว
“เจ้าจะมาว่าข้าโหดไม่ได้นะ ข้าชวนเจ้าแล้วเจ้าไม่ยอมเปลี่ยนใจเอง” แคนเซอร์เดินเข้าไปหาเนกิที่นอนขดตัวเพราะแรงเตะเมื่อกี้
อ๊ากกกกกกกกกกกส์
เขาเดินเข้าไปเหยียบมือของเนกิพร้อมกับบทขยี้ลงไปกับพื้นทรายอย่างเลือดเย็น
“เนกิ” นาซีซัสเร่งพลังจนถึงขีดสุดพร้อมกับผลักอควอรีอัสจนกระเด็นออกไปได้
เขารีบพุ่งตัวมาช่วยเนกิอย่างรวดเร็ว แคนเซอร์เห็นดังนั้นเขารีบหยิบเข็มทองออกมาเล็งไปที่หัวเนกิทันที
ทางด้านอควอรีอัสเห็นโอกาสที่นาซีซัสกำลังไม่ระวังตัว เขารีบขว้างกางเขนน้ำแข็งตามหลังทันที
เข็มทองพุ่งตรงเข้ากลางหน้าผากเนกิ กางเขนน้ำแข็งก็พุ่งเข้าสู่ตำแหน่งหัวใจของนาซีซัสจากทางด้านหลัง



เอเดรียนจัดการพวกมารโลหิตไปได้ไม่ยากนัก เขารีบซ่อนตัวจากพวกมารโลหิตกลุ่มอื่นๆที่ออกตามหาเขา
เขามาจนถึงตึกที่พังลงด้วยฝีมือเนกิอย่างไม่ยากเย็นนัก
เขาซ่อนตัวอยู่บนยอดตึกข้างๆเพื่อดูการเคลื่อนไหวของกลุ่มมารโลหิต
คลืนนนนนน
ซากตึกค่อยๆเคลื่อนตัวแยกออกจนเห็นทางเดินลงไปห้องใต้ดินขนาดใหญ่
“เป็นอย่างที่เนกิสงสัยจริงๆ ยังมีห้องลับอยู่ที่นี่อีก” เอเดรียนดูเชื่อมั่นในตัวเนกิมากยิ่งขึ้น
เขาสังเกตทางลับใต้ดินอยู่นานก็เห็นคนกลุ่มใหญ่เดินขึ้นมา
เป็นพวกนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงหลายคนกับคนที่เขาไม่คิดว่าจะเจอที่นี่นั้นคือ โบรอนเนะ
เอเดรียนรีบซ่อนตัวเพราะเขายังไม่อยากปะทะกับโบรอนเนะตอนนี้
“เจ้าไม่ต้องซ่อนหรอกเอเดรียน ไหนไหนมาถึงนี่แล้วก็ออกมาเจอกันก่อนดีกว่า” โบรอนเนะหันไปตะโกนบอกเอเดรียนที่กำลังจะหลบออกไป
เอเดรียนหยุดหันหลังกลับทันที โบรอนเนะจับสัมผัสเขาได้ยังไงกันนะเขาคิดว่าเขาซ่อนพลังจนหมดจดแล้วแท้ๆ
“ข้าไม่ได้ซ่อนเจ้าเสียหน่อย ข้าก็คิดจะออกไปหาเจ้าอยู่แล้ว” เอเดรียนเดินมาที่ด้านหน้าของยอดตึกมองลงมาที่โบรอนเนะ
“ยังปากดีไม่เปลี่ยนเลยนะเจ้านะ” โบรอนเนะยิ้มที่มุมปากอย่างดูถูก
“ถึงข้าจะปากดีแต่ก็ไม่ได้ขายชาติขายแผ่นดินเหมือนแกหรอก”
ตูมมมมมม
สิ้นคำเอเดรียนโบรอนเนะก็ปล่อยพลังเป็นรูปดาบเจ้าหมาป่าเข้าใส่เอเดรียน ดีที่เขาระวังตัวอยู่แล้วเลยหลบทัน
เอเดรียนกระโดดเข้าหาโบรอนนะพร้อมกับต่อยหมัดเข้าใส่
โบรอนเนะกระโดดเข้ามารับมือกลางอากาศ หมัดของเอเดรียนปะทะกับฝ่ามือของโบรอนเนะที่ให้แทนดาบ
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ ที่จริงที่เขารีบขึ้นต้านเอเดรียนไว้เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์ได้หลบหนี
ทั้งสองผลัดกันรุกรับไปมาบนอากาศไม่ต่ำกว่าสิบกระบวนท่าก่อนที่จะแยกกันลงพื้นคนล่ะฝั่งของซากตึก
พอลงถึงพื้นโบรอนเนะใช้มือแทนดาบปล่อยพลังออกมาอย่างรวดเร็ว
เกิดรูปดาบสีแดงขนาดใหญ่พุ่งออกจากมือของเขาพุ่งแหวกกองซากตึกออกเป็นสองทาง
เอเดรียนรีบตั้งรับด้วยท่าตั้งรับสูงสุดของเขาทันที
“โล่อัสนีบาตร” เขาต่อยหมัดทั้งสองข้างเข้าหากัน
สายฟ้าสีเหลืองอ่อนสะท้อนแปลบปราบออกมา ก่อนที่จะขยายตัวเป็นโล่สีเหลืองอ่อนด้านหน้าเขา
เปรี้ยงงงงงงงงง
เสียงพลังของโบรอนเนะปะทะกับโล่พลังของเอเดรียน ซากตึกที่ถล่มอยู่รอบตัวเขากระจายออกไปเป็นวงกว้าง
แสงสีเหลืองกับสีแดงสว่างจ้าไปทั่วทั้งเมือง นี่หรือคือพลังระดับจอมทัพเมื่อสู้กันเต็มฝีมือ



นาซีซัสไม่ได้สนใจตัวเองว่ามีกางเขนน้ำแข็งพุ่งตามหลังมา เขาเป็นห่วงแต่เนกิเท่านั้นตอนนี้
เข็มทองของแคนเซอร์พุ่งเข้าใส่ศีรษะเนกิอย่างรวดเร็ว เนกิหลับตาแน่นเพราะเขาคิดว่าเขาต้องตายแน่นอน
กิ้ง    ตูมมมมมมมมมม
เนกิได้ยินเสียงกิ้งเบาๆกับเสียงระเบิดอย่างรุนแรงดังมาจากทางนาซีซัส
เขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ที่เขาแน่ใจที่สุดคือเขายังไม่ตายแน่นอน เขายิ้มขึ้นมาทันที
“พวกท่านมาช้ากันเสียจริง” เนกิลืมตามอง ตอนนี้เขาไม่ได้เห็นแคนเซอร์อยู่ตรงหน้าอีกแล้ว
มันเป็นหลังของคนที่เขารอยคอยมาตั้งแต่แรก คนที่ยืนอยู่หน้าเขาก็คือคีย์รัสนั่นเอง
“จากนี้ไปข้าจะปกป้องเจ้าเอง” คีย์รัสบอกพร้อมกับหันหลังมาพยุงให้เนกิลุกขึ้น
เนกิหันไปมองทางนาซีซัสว่าเป็นอย่างไรบ้าง เขาเห็นมาร์คัสกำลังประคองนาซีซัสอยู่แล้วในตอนนี้
ที่จริงเขานึกว่าทั้งสองคนจะมาช้าไปเสียแล้ว นี่นับว่าดวงของพวกเขาคงยังไม่ถึงฆาต
คีย์รัสหันไปมองมาร์คัสก่อนที่จะอุ้มเนกิขึ้นมา
วิ้วววววววววว วิ้วววววววววว
เขาผิ้วปากยาวสองครั้ง นกมรกตสัตว์ประจำเผ่าของเขาก็ปรากฏจากท้องฟ้า
คีย์รัสรีบอุ้มเนกิกระโดดขึ้นไปบนนั้นพร้อมกับสั่งให้นกมรกตบินออกไปทันที


“เจ้ายังไหวไหมนาซีซัส” มาร์คัสถามเมื่อเขาพยุงตัวนาซีซัสขึ้นมา
“อืม ข้าไม่เป็นไรมากหรอก แต่พวกท่านมาได้ยังไง” นาซีซัสถาม
“เรื่องนี้เอาไว้ก่อนเดี๋ยวข้าเราให้ฟังที่หลังเจ้าเกาะข้าให้แน่นๆนะ” มาร์คัสหันไปสบตาคีย์รัส
เมื่อคีย์รัสผิวปากเขารีบหยิบรีโมทเล็กๆออกมากดทันที
บรื้นนนน  บรื้นนนน
รถมอเตอร์ไซด์ฮาเลย์ รุ่น Harley Davidson FLTRI Road Glide Touring 1584cc. ปี 2007
ก็วิ่งมาจอดที่หน้าทั้งสองคน มาร์คัสรีบขึ้นไปขี่โดยมีนาซีซัสซ้อนท้าย
“เกาะแน่นๆนะ” เขาบอกก่อนที่จะเร่งเครื่องออกไปด้วยความเร็วเต็มที่



......................................................
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9] 16-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 16-11-2010 23:49:15
พระเอกมาช่วยนายเอกแล้ว o13 :-[
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9] 16-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: mete ที่ 17-11-2010 00:10:56
ชอบตอนนี้จัง  :man1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9] 16-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 17-11-2010 01:09:07
ที่แท้ก้ให้คีย์รัสกะมาร์คัสมาช่วยนี่เอง...........
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9] 16-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 17-11-2010 14:03:25
ค่อยยังชั่ว ที่คีย์รัสกะมาร์คัสมาทันนะนี้ ไม่งั้นไม่อยากคิด หึหึ
ว่าแต่แล้ว แคนเซอร์กับอควอรีอัส ไปไหนอ่ะ
มันค้างนะนี้ อยากรู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9] 16-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: teerasak ที่ 17-11-2010 18:44:32
 :m16: ทำให้ลุ้นอยู่ตั้งนาน แต่ก็เกือบไปแล้ว สมกับที่รอลุ้น มาๆ :กอด1: กัน

เอ แล้วยังไงต่อละนี่ :pig4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9] 16-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 17-11-2010 22:51:31
พระเอกมาช่วยนายเอกแล้ว o13 :-[

เวลาคับขันแบบน้ก็ต้องเป็นเวลาของพระเอกสิครับ ไม่งั้นใครจะเท่ห์ล่ะครับ

ชอบตอนนี้จัง  :man1:

 :กอด1: ผมก็ชอบคร้าบบ ชอบตอนที่พระเอกมานี่แหละ เท่ห์ระเบิดเลยแต่ละคน

ที่แท้ก้ให้คีย์รัสกะมาร์คัสมาช่วยนี่เอง...........

ก็หนูเนกิจะไว้ใจใครไปมากกว่าคีย์รัสล่ะครับ

ค่อยยังชั่ว ที่คีย์รัสกะมาร์คัสมาทันนะนี้ ไม่งั้นไม่อยากคิด หึหึ
ว่าแต่แล้ว แคนเซอร์กับอควอรีอัส ไปไหนอ่ะ
มันค้างนะนี้ อยากรู้ๆๆ

รอนิดนึงนะคร้าบได้รู้แน่ๆ จิบน้ำรอก่อนนะคร้าบ

:m16: ทำให้ลุ้นอยู่ตั้งนาน แต่ก็เกือบไปแล้ว สมกับที่รอลุ้น มาๆ :กอด1: กัน

เอ แล้วยังไงต่อละนี่ :pig4:

 :กอด1: :กอด1: ยังไงต่อก็พอ..... ยังไม่บอกดีกว่ารออ่านนิดนึงนะคร้าบบ

 :กอด1: :กอด1: คนอ่านทุกคนเลยครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9] 16-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 17-11-2010 23:36:37
ลุ้นๆๆๆ นึกว่าจะไม่รอดซะแล้วนะครับ
แต่ฉากพระเอกออกมาเท่มากๆๆ เลยนะครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9] 16-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 18-11-2010 02:04:19
อ่านแล้วลุ้นเอาใจหายใจคว่ำนึกว่าจะไม่รอดกันซะแล้ว
มาร์คัส กับ คีย์รัส มาอย่างเท่ :man1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9] 16-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: mete ที่ 18-11-2010 19:58:42
มารอๆ  :onion_asleep:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9] 16-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 19-11-2010 19:27:09
นึกว่าเนกิ กะ นาซีซัสจะไม่รอดซะแล้ววว
แล้ว โบรอนเนะ จะตายตอนนี้หรือป่าวเนี่ย
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9] 16-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: mete ที่ 19-11-2010 23:51:55
อยากเห็นหัวหน้าตัวโกงจัง ว่าเท่ไหมอ่า มาแต่งไวๆนะคับ

ไปลอยกระทงที่ไหนกันคับ !!!(จะตามไปลอยด้วยอะไม่ใช่)
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9] 16-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 23-11-2010 12:33:37
นาซีซัสกับมาร์คัสแล้วก็เนกิกับคีย์รัส

ไปลอยกระทงกันที่ไหนน๊า ยังไม่กลับมาอีก อิอิ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9] 16-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 24-11-2010 19:56:34
เข้ามาลุ้นตอนต่อไปครับ หายไปนานเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9] 16-11-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 24-11-2010 22:05:31
เครื่องnotebook เน่าอีกแล้วอะคร้าบบ

คราวนี้หนักมากเปิดไม่ติด ตอนนี้กำลังแก้ปัญหาด้วยการมาอ่านเรื่องในเล้าช่วยในการแต่งอะครับ

คิดว่าคงจะเร็วๆนี้แหละครับ อย่าเพิ่งงอนกันนะครับ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9]แจ้งข่าว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 24-11-2010 22:42:31
รับทราบครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9]แจ้งข่าว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 24-11-2010 23:02:22
จะรอนะคะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9]แจ้งข่าว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 24-11-2010 23:46:01
รับทราบครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9]แจ้งข่าว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 25-11-2010 13:07:59
รับทราบจ้า จะเจี๊ยะเต้รอน่ะ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9]แจ้งข่าว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: mete ที่ 26-11-2010 16:49:26
 :o12: :o12: :o12: เสียใจด้วยนะคับ แต่จะเป็นกำลังใจให้  o13
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9]แจ้งข่าว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 28-11-2010 22:10:33
ตามมาแล้ว...ตามมาแล้ว
ตามมาจากเรื่องรุ่นน้องฯ(จบแล้ว)
กะเรื่องมนรักฯ(ยังตามไม่ทันอิก5ตอนจะทันแล้ว) :mc4:
แวะมาก็อปเรื่องนี้ไปเก็บก่อน เด๋วค่อยไปอ่านมนรักฯต่อ
แล้วค่อยเริ่มอ่านเรื่องนี้อ่ะ

ตอนแรกอ่านชื่อเรื่องนึว่าเป็นแนวย้อนยุก ประวัติศาสตร์อะไรงี้ซะอีก
แต่พอเข้ามาดู เอะ มันแฟนตาซีนี
ชอบๆๆ ชอบอ่านแนวแฟนตาซี :o8:
เวลาอ่านนิยายแฟนตาซีจะชอบจับคู่ให้ตัวละครในเรื่อง
(จิ้นวาย)เพราะตัวละครส่วนใหญ่จะเป็นชายอ่ะ555 :laugh:

เด๋วอ่านแล้วจะมาเม้นต่อน้า...
คนเขียนมาต่อเร็วๆน้า...
เป็นกะลังใจให้ตัวละครกะคนเขียนด้วยน้า...
 :L2: :L2: :L2:


 :pig4:คนเขียน
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9]แจ้งข่าว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ทับทิมกรอบ ที่ 29-11-2010 00:44:16
ภาวนาให้น้องโน๊ตบุคหายป่วยไวๆน่ะครับ

แล้วเรื่องก็เข้มข้นเรื่อยๆ

อยากอ่านต่อจัง :z3:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9]แจ้งข่าว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 30-11-2010 12:41:18
โอมมมม เพี้ยง โน๊ตบุค จงหายยยป่วย เพี้ยงง
หลังจากจิบน้ำชารอแล้ว ตอนนี้กำลังกินหนมรอไปด้วยล่ะ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9]แจ้งข่าว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: teerasak ที่ 02-12-2010 23:22:22
 :เฮ้อ:มารอ อย่าง :m16:

สู้ๆๆๆๆ :really2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9]แจ้งข่าว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 06-12-2010 20:17:35
ตามทันแล้วจ้า.... o13
แต่คนเขียนยังไม่มาต่อเลย :z3:

รอต่อปายยย :z2:

 :L2:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9]แจ้งข่าว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 06-12-2010 20:39:42
เข้ามารอต่อไปครับ :z10: :z10:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) UP!! [P:9]แจ้งข่าว!!!
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 11-12-2010 21:36:25
กำลังเขียนให้จบตอนนี้ครับ แล้วจะพักไปเขียนอีกทีหลังปีใหม่นะครับ

คงไม่ว่ากันนะครับ เพราะหลังน้ำท่วมผลัดกันป่วยเข้าโรงบาลทั้งบ้าน

รวมถึงตัวผมเองด้วย เลยขอพักชาร์ตพลังหน่อยนะครับ

คิดถึงคนเขียนทุกคนเลยนะครับ

อย่าเพิ่งลืมกันนะคร้าบบบ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) [P:9]แจ้งข่าว!!! 11-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 11-12-2010 22:05:34
รับทราบจ้าาา
คิดถึงคนเขียนเหมือนกันจ้า
ขอให้สุขภาพแข็งแรงกันทั้งครอบครัวเลยน่าาา
จะรอต่อไปจ้าพักให้หายเหนื่อยแล้วมานะ



หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) [P:9]แจ้งข่าว!!! 11-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: teerasak ที่ 11-12-2010 23:28:57
 :monkeysad:เข้ามารอ

สู้ๆนะครับ เอาใจช่วยนะครับ  :กอด1:

 :L1: คนเขียน
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) [P:9]แจ้งข่าว!!! 11-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 11-12-2010 23:55:03
รับทราบแล้วครับ ขอให้หายไวๆ นะครับ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) [P:9]แจ้งข่าว!!! 11-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 24-12-2010 14:40:22
แวะมาบอกข่าวดีเรื่องนี้นิดหน่อย

วันอาทิตย์ผมจะมาลงต่อให้จบตอนนี้ครับ แล้วคงลงอีกทีหลังปีใหม่หรือหลังมีการเปลี่ยนแปลงของเล้าแหละครับ

แบบทนคิดถึงคนอ่านไม่ไหวเหมือนกันอะ  :-[
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) [P:9]แจ้งข่าว!!! 11-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 24-12-2010 14:41:44
รับทราบครับ แล้วจะปูเสื่อรอครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) [P:9]แจ้งข่าว!!! 11-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 24-12-2010 15:58:49
รอนานน๊านนาน
แต่ยังรอต่อไป

ตอนใหม่มาเร็วๆเพี้ยงงงง :call:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) [P:9]แจ้งข่าว!!! 11-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 26-12-2010 01:01:21
เมอรี่คริสต์มาสค่ะ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งกลาง) [P:9]แจ้งข่าว!!! 11-12-10
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 06-01-2011 08:39:10
มาต่อแล้วคร้าบ ตอนนี้สั้นๆก่อนนะครับให้จบตอน

ตอนหน้าเลือดท่วมจอแน่ๆ

.......................................

คีย์รัสกับมาร์คัสต่างแยกกันไปคนละทิศตามที่ตกลงกันไว้
คีย์รัสมุ่งหน้าลงไปทางใต้มาร์คัสมุ่งหน้าไปทางเหนือ
ทั้งสองมุ่งหน้าไปด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อที่จะไปขึ้นเครื่องบินที่เตรียมไว้อีกที
‘ฟิ้วววววว’
เข็มทองจำนวนมากพุ่งตามหลังนกมรกตกับคีย์รัสมาอย่างรวดเร็ว
“ฮึบ” มาร์คัสออกแรงบังคับให้นกมรกตหลบเข็มทองทั้งหมดอย่างเต็มกำลัง
เขาไม่คิดว่าแคนเซอร์จะตามเขามาได้รวดเร็วขนาดนี้เพราะว่านกมรกตเป็นหนึ่งในหน้าของสัตว์อสูรที่รวดเร็วที่สุด
ต่อให้คนที่มีวิชาตัวเบาเป็นเลิศยังยากที่จะตามมาได้รวดเร็วขนาดนี้
แต่ก่อนที่เขาจะคิดอะไรต่อมากกว่านี้เข็มทองอีกชุดก็ตรงมาที่พวกเขาอีกครั้ง
“เจ้าจับนกมรกตแน่นๆนะ มันจะพาเจ้าไปยังที่ปลอดภัยเอง เดี๋ยวข้าตามเจ้าไป”
คีย์รัสบอกพร้อมกับจับมือเนกิให้เกาะนกมรกตไว้ให้แน่นๆก่อนที่เขาจะกระโดดลงจากหลังนกมรกตไป
“ฮึบ” คีย์รัสรีบร่ายเพลงกระบี่ใจท่าที่สี่ชื่อท่าปิดใจสยบมารออกมาขณะทิ้งล่างลงสู่พื้น
รังสีกระบี่สีฟ้าห้าสายแผ่พุ่งออกมาจากกระบี่นิลกาลในมือเขาทันที
รังสีกระบี่ทั้งห้าสายกระจายกันออกพร้อมกับหมุนวนเป็นวงกลมสีฟ้าห้าวงเข้าต้านเข็มทองทั้งหมดไว้


คีย์รัสทิ้งร่างลงสู่พื้นอย่างแผ่วเบาเขามองไปยังทิศทางที่เข็มทองถูกใช้ออกมา
เขาเห็นแคนเซอร์นั่งอยู่บนหลังสัตว์อสูรไล่ตามเขามา เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าพวกหมู่เกาะโซดิเอคจะมีสัตว์อสูรไว้ครอบครอง
สัตว์อสูรที่แคนเซอร์ขี่มานั้นคือราชาเสือเขี้ยวดาบที่ถูกจัดให้มีความเร็วเป็นอันดับสองรองจากกินรีที่สูญพันธ์ไปแล้ว
คีย์รัสรอบตัดสินใจกับตัวเองว่าเขาจะต้องทำลายสัตว์อสูรตัวนี้ทิ้งเพื่อไม่ให้เป็นกำลังสำคัญให้กับศัตรูในภายหน้า
เขารวบรวมพลังใช้ท่าเปิดใจถามทางพร้อมพุ่งเข้าใส่ราชาเสือเขี้ยวดาบทันที
รังสีกระบี่สีฟ้ายืดออกมาจากกระบี่นิลกาลยาวกว่าครึ่งเมตรพุ่งตรงเข้ากลางหน้าผากราชาเสือเขี้ยวดาบ
แคนเซอร์รีบซัดเข็มทองออกมาต้านอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังช้ากว่ากระบี่ของคีย์รัส
รังสีกระบี่แทงเข้าไปที่กลางหน้าผากของราชาเสือเขี้ยวดาบเรียบร้อยแล้ว
เกร็ดน้ำแข็งครอบคลุมตั้งแต่ส่วนหัวลามไปทั้งตัวราชาเสือเขี้ยวดาบอย่างรวดเร็ว
แคนเซอร์รีบกระโดดลงมาก่อนที่จะโดนพลังไอเย็นของคีย์รัสเข้าเล่นงานด้วยเหมือนกัน
แต่คีย์รัสไม่เปิดโอกาศให้แคนเซอร์ได้ตั้งตัวทันเขาตวัดกระบี่เข้าใส่แคนเซอร์อย่างต่อเนื่อง
แคนเซอร์ทำได้เพียงหลบคมกระบี่ของคีย์รัสเท่านั้น แต่ถึงแนเซอร์จะหลบได้อย่างรวดเร็วก็ปรากฏรอยแผลตามตัวเขาถึงสามแผล
“เร็วกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีกนะ ดูสิคราวนี้จะหลบได้อีกไหม” คีย์รัสบอกพร้อมกับเริ่มโจมตีอีกครั้ง
เขาใช้ท่าจิตใจดังสายลมออกมา ท่าจิตใจดังสายลมเป็นกระบวนท่าขั้นกลางของเพลงกระบี่ใจของจางอี้
คีย์รัสแทงกระบี่ออกไปเกิดริ้วกระบี่สีฟ้าจำนวนหนึ่งร้อยแปดสายกระจายออกมาทันที
ริ้วกระบี่มีความรุนแรงกว่ารังสีกระบี่มากเพราะว่าริ้วกระบี่อคือการบีบอัดของรังสีกระบี่จำนวนมากเพื่อสร้างขึ้นมา
มีแต่ผู้ที่มีพลังเนกิสที่สูงมากเท่านั้นถึงจะใช้ออกมาได้ เท่าที่เคยปรากฏในยุคนี้มีเพียงสามคนเท่านั้นที่เคยแสดงแถบริ้วกระบี่ออกมาได้
แต่ตอนนี้มีคีย์รัสเพิ่มขึ้นอีกคน แคนเซอร์เองก็ถึงกับหน้าถอดสีเมื่อเห็นแถบริ้วกระบี่จำนวนมากพุ่งตรงมาที่เขา
จริงๆแล้วท่าจิตใจดังสายลมสามารถแผ่พุ่งแถบริ้วกระบี่ออกมาได้สูงสุดสองร้อยสิบหกสาย
แสดงว่าคีย์รัสยังไม่ชำนาญในการใช้ท่านี้หรือไม่ก็พลังเนกิสเขายังไม่สูงเพียงพอ
แต่เพียงเท่านี้ก็ถือว่าเหนือกว่าแคนเซอร์เป็นอย่างมาก
แคนเซอร์รีบใช้ไม้ตายของเขาออกมาตั้งรับแถบริ้วกระบี่ทั้งร้อยแปดทันที
และแล้วท่าสุดท้ายของวิชาเข็มทองที่หายสาบสูญไปนานก็ได้ปรากฏออกมาอีกครั้งในยุคนี้
ท่าเข็มทองรวมศูนย์ก็ถูกใช้ออกมาเรียบร้อยแล้ว เข็มทองทำนวนหนึ่งพันแปดร้อยเล่มถูกซัดออกมาพร้อมกัน
เข็มทองทั้งหนึ่งพันแปดร้อยเล่มห่อหุ้มไว้ด้วยพลังเนกิสของแคนเซอร์อีกชั้นหนึ่ง
ทำให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก เข็มทั้งหมดเมื่อถูกใช้ออกมาก็รวมตัวกันเป็นรูปปูสีทองอร่ามขนาดใหญ่
ปูยักษ์สีทองขยับก้ามทั้งสองเข้าต้านแถบริ้วกระบี่ทั้งร้อยแปดของคีย์รัสจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

ก้ามปูทองคำทั้งสองข้างแตกออกเมื่อตั้งแถบริ้วกระบี่ได้เก้าสิบสายแถบริ้วกระบี่ที่เหลือพุ่งเข้าโจมตีแคนเซอร์
แถบริ้วกระบี่พุ่งมาด้วยความเร็วประดุจกระสุนปืนยากที่จะหลบเลี่ยงได้
ฉับ ฉับ
ร่างของแคนเซอร์ถูกตัดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนยากที่จะบอกได้ว่าเป็นชิ้นส่วนของใครมาก่อน
‘อึก’ เข็มทองเล่มสุดท้ายที่แคนเซอร์ลอบใช้ออกมาก่อนที่ร่างกายจะแยกออกเป็นชิ้นๆ
ปักเขาที่ไหล่ซ้ายของคีย์รัส แต่ว่าเข็มสุดท้ายอาบยาพิษไว้ด้วย

คีย์รัสรีบใช้พลังไอเย็นของเขาเข้าต้านอย่างรวดเร็วก่อนใช้พลังขับเข็มทองให้ออกมาจากร่างกาย
เนกิรีบบังคับให้นกมรกตบินลงมาหาคีย์รัสที่นั่งลงเพื่อใช้พลังรักษาตัว
“คีย์รัสเจ้าเป็นยังไงบ้าง” เนกิถามด้วยความเป็นห่วง
แต่เขาไม่กล้าสัมผัสตัวของคีย์รัสเพราะเขารู้ว่าอาจทำให้คีย์รัสเสียสมาธิแล้วพลังไหลย้อนกลับจนบาดเจ็บมากกว่าเดิมได้
เนกิใช้ผ้าหยิบเข็มทองที่คีย์รัสขับออกมาจากร่างกายพร้อมกับแทงลงบนก้อนแป้งสีขาว
ก้อนแป้งเปลี่ยนเป็นสีม่วงอมน้ำเงินทันที
“พิษสลายพลังหรือนี่ แคนเซอร์มันคงคิดจะทำให้คีย์รัสศูนย์เสียพลังเนกิสจนไม่สามารถต่อสู้ได้แน่ๆ”
เนกิรีบค้นบางอย่างในเสื้อของเขาอย่างรวดเร็ว
“เจอแล้ว!” เขาดีใจเมื่อค้นหาสิ่งที่เขาต้องการเจอ
“คีย์รัสท่านอ้าปากกินยานี่ก่อนแล้วรีบเดินพลังให้ยากระจายทั่วตัว”
เนกิบอกพร้อมกับค่อยป้อนยาเม็ดสีเขียวอ่อนสามเม็ดใส่ปากคีย์รัส
หลังจากที่กลืนยาลงไปคีย์รัสทำตามที่เนกิบอก พิษที่อยู่ในตัวเขาค่อยสลายไปอย่าช้าๆ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงคีย์รัสก็รักษาตัวเองจนหายเป็นปกติ
“เจ้าเอาอะไรให้ข้ากิน” คีย์รัสถามอย่างแปลกใจ
“ก็ยาแก้พิษนะสิ ท่านอนัสตกาลใหข้าติดตัวไว้น่ะ” เนกิบอกพร้อมกับหยิบขวดยาเม็ดหลากสีออกมาโชว์ให้คีย์รัสดู
“ข้าว่าเรารีบไปที่จุดนัดพบกันเถอะเสียเวลามานานมากแล้ว” คีย์รัสอุ้มเนกิขึ้นนกมรกตบินออกไปทันที



TBC.
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งหลัง) [P:10] 6-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 06-01-2011 12:35:58
มาแล้วๆๆๆ

เกือบไปแล้วซิ คีย์รัส 
แต่ดีที่กำจัดสัตว์อสูรและศัตรูลงไปได้อีก 1

รอลุ้นต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งหลัง) [P:10] 6-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: teerasak ที่ 06-01-2011 12:36:48
 :mc4:สุดยอด สมกับการรอคอย แต่ :m16:น้อยไปหน่อย

แต่ก็ขอบคุณมากที่มาต่อนะครับ

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งหลัง) [P:10] 6-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 06-01-2011 15:15:22
นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งหลัง) [P:10] 6-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 06-01-2011 17:29:56
หายไปนานเลยอ่ะ
รอตอนของมาร์คัสนะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งหลัง) [P:10] 6-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 06-01-2011 21:29:10
หายไปนานเลยนะครับ
เข้ามารอตอนต่อไปครับ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งหลัง) [P:10] 6-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: ทับทิมกรอบ ที่ 06-01-2011 23:30:30
มาแล้ว มาแล้ว  :z2:

 :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งหลัง) [P:10] 6-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 09-01-2011 16:21:59
ขอบคุณคร้าบบที่ยังติดตามกันอย่างเหนี่ยวแน่น

 :กอด1: :กอด1: ทุกคนเลยครับ

Me_kame_nishi --- กำลังเร่งเขียนเรื่องอื่นๆด้วยครับ คิดว่าตอนต่อไปจะมาเร็วๆนี้ ว่างๆก็ติดตามเรื่องอื่นของผมไปพลางๆก่อนนะครับ

teerasak --- ตอนหน้าจัดให้ยาวเลยครับ เพราะบทบู่อยู่ที่คู่พระเอกกับนายเอกของเราเต็มๆตอนเลยครับ

rakza --- ทำไมจะไม่มาล่ะคร้าบบ กลัวคุณรักษ์คิดถึง  :laugh:

whistle --- ตอนหน้าเลยครับ แอบสปอยนิดนึงตอนหน้าจะเจอกับหนึ่งในสามเจ้าแล้วล่ะครับ มารอลุ้นกันดีกว่าเนอะ

cloundy --- กำลังตามคิวเลยคร้าบบ น่าจะภายในอาทิตย์หน้าแหละครับ คงไม่ช้าไปเนอะ

ทับทิมกรอบ ---  :z2: :z2: :z2: เต้นด้วยเป็นเพื่อนคุณทับทิมกรอบ

 :กอด1: :กอด1: สวัสดีปีใหม่อีกทีเผื่อลืมบอกใครไปอะครับ หุหุ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งหลัง) [P:10] 6-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 09-01-2011 19:34:54
เข้ามาให้กำลังใจคนเขียนครับ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งหลัง) [P:10] 6-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: teerasak ที่ 10-01-2011 00:18:34
 :กอด1: ให้ใจไปเต็มๆเลย จะคอยรออ่าน และเป็นกำลังใจให้นะครับ

แต่อย่าลืมมาต่อเร็วๆด้วยละครับ :mc4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งหลัง) [P:10] 6-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 10-01-2011 23:07:43
 :กอด1: คุณcloundy แน่นๆจะได้มีกำลังใจเยอะๆ :o8:

ตอนนี้ก็กำลังเร่งเขียนอยู่ครับกำลังปั่นเรื่องสั้นอีกเรื่องน่ะครับ รอนิดนึงนะครับคุณteerasak

รู้สึกว่าผมลืมลงรูปตัวละครไปหลายตัวเลยใช่ไหมครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เอามาลงให้นะครับ

 :-[ สงสัยจะแก่แล้วเลยขี้ลืมไปหน่อย
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งหลัง) [P:10] 6-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 10-01-2011 23:57:41
เข้ามารอครับ มาไวๆ นะครับ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งหลัง) [P:10] 6-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 11-01-2011 19:11:43
(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/Day_fable_by_feimo_resize.jpg)

รีส(REES)

ชื่อ :      รีส    ไฮน์กรีท
อายุ :      16 ปี
ส่วนสูง :      182 cm.
น้ำหนัก :      64 kg.
กรุ๊ปเลือด :   AB
ตำแหน่ง :   อควอริอัส(AQUARIUS)
สิ่งที่ชอบ :    ดอกไม้/ธรรมชาติ
สิ่งที่เกลียด :    คนที่ทำลายดอกไม้ต่อหน้าเขา
อาวุธประจำตัว :   1. กางเขนน้ำแข็ง
ฉายา :      วารีฟ้า

(http://i809.photobucket.com/albums/zz13/snats44/Other/king%20of%20king/137808_1235980618_submedium.jpg)

อันชิ(Anchi)
ชื่อ :      อันชิ    ไฮน์กรีท
อายุ :      40 ปี
ส่วนสูง :      192 cm.
น้ำหนัก :      75 kg.
กรุ๊ปเลือด :   AB
ตำแหน่ง :   เจ้าปฐพี
สิ่งที่ชอบ :    สงคราม
สิ่งที่เกลียด :    ความพ่ายแพ้
อาวุธประจำตัว :   หอกปฐพี
ฉายา :      นักรบนิลกาล
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งหลัง) อัพรูป [P:10] 11-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: mete ที่ 11-01-2011 21:32:56
เย้ๆ มาต่อแล้ว  :mc4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งหลัง) อัพรูป [P:10] 11-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 17-01-2011 13:33:59
รูปอัลชิเท่ห์มากๆ ดูดาร์กๆดี หุหุ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งหลัง) อัพรูป [P:10] 11-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 17-01-2011 23:12:00
สั้นมั่ก   :z3:
แต่ :pig4:ที่มาต่อ
รอตอนต่อไปน้า :L2:

รอเรื่องอื่น(มนรัก,เรื่องสั้น)ด้วย


 :call:มาต่อไวๆเพี้ยงงงๆๆๆๆ :call:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งหลัง) อัพรูป [P:10] 11-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 18-01-2011 19:52:38
เย้ๆ มาต่อแล้ว  :mc4:

วันนี้ต่อตอนใหม่แล้วนะคร้าบบบ

รูปอัลชิเท่ห์มากๆ ดูดาร์กๆดี หุหุ

เก่งมากด้วยครับ อ่านตอนนี้แล้วจะรู้เลยครับ

สั้นมั่ก   :z3:
แต่ :pig4:ที่มาต่อ
รอตอนต่อไปน้า :L2:

รอเรื่องอื่น(มนรัก,เรื่องสั้น)ด้วย


 :call:มาต่อไวๆเพี้ยงงงๆๆๆๆ :call:

เรื่องอื่นต่อเรื่อยๆเหมือนเรื่องนี้แหละจ้า น้องแพนใช่ม่ะถ้าจะไม่ผิด ถ้าจำผิดขอโทดด้วยนะครับ

ลงตอนใหม่แล้วนะครับ ลุ้นกันต่อได้เลยครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งหลัง) อัพรูป [P:10] 11-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 18-01-2011 19:53:25
ราชันย์ VS เจ้าปฐพี



ใจกลางอินเดียใหม่ ณ ตึกสาขากลุ่มมารโลหิต
มีลำแสงสีแดงพวยพุ่งขึ้นบนท้องฟ้าทางทิศใต้ กับลำแสงสีเหลืองสว่างจ้าพุ่งเข้าปะทะกันเป็นระยะๆ
ทุกที่ที่แสงทั้งสองผ่านไปพังทลายลงจนรัศมีครึ่งกิโลเมตรรอบๆพังราบเป็นหน้ากอง
โบรอนเนะกับเอเดรียนต่อสู้กันสุดฝีมือ เพราะว่าถ้าใครพลาดพลังฝ่ายนั้นคงตกจบชีวิตเป็นแน่
หลังจากการปะทะกันทั้งสองกระเด็นออกห่างกันประมาณ30ก้าว
เอเดรียนหายใจอย่างเหนื่อยหอบตามตัวเขามีบาดแผลตามไหล่แขนและลำตัวไม่ต่ำกว่า5แห่ง
ทางโบรอนเนะก็มีสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่เพียงแต่มีบาดแผลที่เป็นรอยไหม้จากหมัดอัสนีบาต
ทั้งสองคนรวบรวมพลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ ทั้งสองคนคิดจะปิดฉากกันในการจู่โจมครั้งนี้
เอเดรียนยืดตัวขึ้นตรงต่อยหมัดเข้าหากันจนถุงมือเสียดสีกันเกิดประกายสายฟ้าขึ้นเป็นระยะๆ
โบรอนเนะเร่งพลังจนมือเป็นสีแดงฉาดตอนนี้เขานึกเสียใจที่ประมาทไม่ได้พกดาบเจ้าหมาป่าติดตัวมาด้วย
เพราะการที่เขาใช้มือแทนดาบทำให้วิชาที่เขาใช้แสดงพลังออกมาได้ไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
เขาเร่งพลังเพื่อจะใช้ท่าสุดท้ายในวิชามารโลหิตคือท่ามารร้ายคืนวิญญาณ


เอเดรียนเร็วกว่าครึ่งวินาทีในการสะสมพลังเขาจึงฉวยโอกาสนี้โจมตีเข้าไปก่อน
เขาปล่อยหมัดอัสนีบาตไร้ประมาณท่าไม้ตายของเขาออกมาห้าหมัดซ้อน
หมัดสายฟ้าสีเหลืองห้าหมัดพุ่งเข้าใส่โบนอนเนะอย่างรวดเร็วดุจลูกกระสุนปืนกล
โบรอนเนะรีบใช้ท่ามารร้ายคืนวิญญาณเข้าต้านทันทีเขาวาดมือขวาที่แดงฉานทำมุมประหลาด
ร่างมารร้ายสวมผ้าคลุมสีแดงสดปลายผ้าคลุมขาดหลุดลุยปรากฏออกมาจากการวาดมือของโบรอนเนะ
มารร้ายทะยานตัวเข้าต้านหมัดสายฟ้าของเอเดรียนมันชักดาบเล่มโตที่อยู่ที่เอวเข้าต้าน
ตูม ตูม ตูม
หมัดอัสนีบาตรไร้เทียมทานของเอเดรียนรวดเร็วกว่าสามหมัดโจมตีเข้าร่างของมารร้ายจนมันสลายหายไป
อีกสองหมัดพุ่งเข้าใส่กลางหน้าอกกับลำตัวของโบรอนเนะกระแสไฟฟ้านับแสนโวลต์วิ่งผ่านร่างโบนอนเนะ
ร่างของเขาลอยขึ้นไปตามแรงดันของกระแสไฟฟ้าพุ่งหายเขาไปในตึกแห่งหนึ่ง
เอเดรียนรีบตามเข้าไปดูเขาเห็นเพียงกองขี้เถ้ากองหนึ่งอยู่ในนั้น ในกองขี้เถ้ามีกระดุมเจ้าหมาป่าของโบรอนเนะปนอยู่
เอเดรียนเลยคิดว่าร่างของโบรอนเนะคงต้านทานพลังหมัดเขาไม่ไหวจนกลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว
เขาก้มลงเก็บกระดุมเจ้าหมาป่าไว้เผื่อมีประโยชน์ในภายภาคหน้าแล้วรีบไปที่จุดนัดพบทันที





กลางทะเลทรายทางทิศใต้
มาร์คัสเร่งเครื่องยนต์ด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อจะไปให้ถึงจุดนัดหมายโดยไว
ขณะที่เขาใกล้ถึงจัดหมายเขาสัมผัสพลังบางอย่างที่กล้าแข็งได้
‘เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดด’ มาร์คัสเบรกรถจนรถหมุนหันหน้ากลับไปทางที่เขาเพิ่งผ่านมา
“เกิดอะไรขึ้นหรือมาร์คัส” นาซีซัสถามอย่างงุนงง
“นี่เจ้าจับสัมผัสไม่ได้เลยหรือไง”
พอมาร์คัสพูดนาซีซัสรีบรวบรวมสมาธิอย่างรวดเร็ว เขาสัมผัสได้ถึงพลังชั่วร้ายที่แข็งแกร่งกำลังตามหลังพวกเขามา
“มาร์คัสมันคืออะไรกันแน่ ข้าไม่เคยสัมผัสพลังมหาศาลขนาดนี้มาก่อนเลย” นาซีซัสเริ่มกังวล
“ข้าเองก็ยังไม่แน่ใจ แต่เจ้ารีบปรับพลังรักษาตัวก่อนดีกว่า ท่าทางเราอาจต้องร่วมมือกันก็ได้ครั้งนี้”
มาร์คัสดันตัวกระโดดลงจากรถมอเตอร์ไซด์พร้อมกับกดรีโมท
รถที่นาซีซัสนั่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วกลายเป็นลักษณคล้ายกล่องขนาดใหญ่คลุมตัวนาซีซัสไว้
ภายในมีทั้งแสงสว่างและระบบระบายอากาศอย่างดีทำให้รู้สึกเย็นสบาย
“นี่เจ้าจะทำอะไรข้าจะช่วยเจ้าสู้นะมาขังข้าไว้ทำไม” นาซีซัสตะโกนออกมา
“ข้าไม่ได้ขังเจ้าแต่อยากให้เจ้าปรับพลังรักษาตัวเร็วๆต่างหาก ไม่งั้นเจ้ามาช่วยข้าก็จะกลายเป็นตัวถ่วงข้าเปล่าๆ”
มาร์คัสพูดจบเดินเข้าไปหยิบกล่องลูกบาศก์ขนาดใหญ่ตรงหน้าขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว
ก่อนที่เขาจะระเบิดทรายจนเป็นหลุมกว้างเขาค่อยวางกล่องนั้นลงไปก่อนที่ทรายจะไหลลงมากลบกล่องจนหมด
“เจ้าซ่อนอยู่ในนั้นเมื่อรักษาตัวหายดีแล้วเจ้ากดปุ่มสีเขียวด้านขวามือแล้วเจ้าจะออกมาได้เอง”
มาร์คัสพูดส่งผ่านพลังเนกิสโดยตรงเพื่อให้นาซีซัสได้ยิน
หลังจากซ่อนนาซีซัสเรียบร้อยแล้วเขาใช้วิชาวิหกเล่นลมพาตัวเองออกห่างจากจุดที่นาซีซัสซ่อนอยู่มาประมาณสามกิโลเมตรก่อนจะหยุดลง
เขาหยิบแคบซูลที่แน็บไว้ข้างเอวมาบีบให้แตกก่อนโยนขึ้นฟ้า
‘ปุ้ง’ แคปซูลระเบิดกลายเป็นทวนเทวะนาคราชร่วงลงมาสู่มือเขา
ทวนเทวะนาคราชเป็นทวนที่ทำจากเหล็กที่สกัดมาจากหินอุกกาบาตจึงมีสีดำสนิท
มีน้ำหนักเบาแต่กลับแข็งแกร่งสามารถป่นหินหมื่นปีที่แข็งแกร่งลงได้อย่างกับตีลงบนก้อนเต้าหู้
มาร์คัสต้องใช้เวลาในการหลอมเหล็กหินอุกกาบาตนานถึงปีกับแปดเดือนเพื่อทำเป็นทวนเทวะนาคราช
ทวนมีความยาวเมตรหกสิบห้าเซ็นต์ฯมีลวดลายพญานาคแปดตัวพันทวนไว้ทั้งหมด
ดวงตาของพญานาคทั้งแปดตัวฝังอัญมณีต่างชนิดกันทำให้นอกจากจะดูน่าเกรงขามแล้วยังดูสวยงามปนกันอีกด้วย
เมื่อทวนมาอยู่ในมือมาร์คัสเขาก็จ้องมองไปทางขุมพลังที่กล้าแข็งพร้อมกับรออย่างใจเย็น


“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ช่างกล้าหาญสมกับตำแหน่งราชันย์จริงๆ ราชันย์มาร์คัส” เสียงดังกังวานมาแต่ไกล
บ่งบอกให้รู้ถึงพลังเนกิสที่มหาศาลอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้มาร์คัสหวั่นเกรง
“จะสมกับตำแหน่งหรือไม่เจ้าเดี๋ยวเจ้าก็คงจะรู้ อย่าดีแต่ปากหดหัวอยู่ในกระดองอยู่เลยรีบปรากฏตัวออกมาจะดีกว่า”
“เจ้าเด็กปากไม้สิ้นกลิ่นน้ำนม คิดว่าตัวเองเก่งที่สุดแล้วหรือไงถึงกล้ามาด่าข้าแบบนี้ ขนาดเจ้าจางอี้มันยังไม่กล้าเท่าเจ้าเลย”
‘ตูมมมมมมมมมม’ สิ้นคำพูดหอกสีดำทะมึนเล่มใหญ่ยาวไม่ตำกว่าสองเมตรปักลงพื้นทราย
ก่อนที่ชายร่างกายสูงใหญ่มาพร้อมกับชุดเกราะแนบเนื้อสีดำทั้งตัวตัดกับผมยาวสีขาวทั้งหัวของเขา
จะร่อนตัวลงยืนอยู่บนปลายหอกด้านที่ชี้ขึ้นฟ้า เขายืนเอามือไขว้หลังไว้อย่างใจเย็นก่อนก้มหน้ามองมาร์คัส
“เจ้าเด็กน้อยข้าออกโรงเองแบบนี้ วันนี้ต้องเป็นวันตายของเจ้าเสียแล้ว” เขายิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
ขนาดชายชราแค่มองลงมาที่มาร์คัสเฉยๆยังกดดันเขาได้แล้ว
แสดงให้เห็นถึงระดับพลังฝีมือที่เหนือกว่าเขาเป็นอย่างมาก
“เพื่อกำจัดข้าหนึ่งในสามเจ้าถึงกับต้องลงมือเองเลยหรือ”
“เก่งนี่ถึงกับดูออกว่าข้าเป็นหนึ่งในสามเจ้าของหมูเกาะโซดิเอค แต่เจ้าคงไม่ต้องรู้หรอกมั้งว่าข้าคือใคร เพราะคนตายคงไม่จำเป็นต้องรู้”
ชายผมขาวแค่นยิ้มออกมาก่อนที่จะลอบปล่อยพลังใส่มาร์คัส
มาร์คัสเห็นเงาคลื่นพลังสีดำก่อนถึงตัวเขาเพียงไม่กี่เซ็นต์ฯเขารีบก้มตัวหลบอย่างฉิวเฉียด
“เก่งเหมือนกันที่หลบท่าเงาทมิฬของข้าได้ แต่คงไม่มีครั้งแต่ไปแล้วล่ะ”
ชายผมขาววาดมือเป็นวงกลมช้าๆก่อนจะยิ้มออกมา
มาร์คัสรวบรวมพลังไว้ที่ดวงตาทั้งสองข้างทำให้เขามองเห็นท่าเงาทมิฬของชายคนนั้น
เงารูปหอกเจ็ดสายกำลังพุ่งตรงมาที่ตัวเขาอย่างรวดเร็ว เขารีบยกทวนเทวะนาคราชเข้าต้าน
‘กิ้ง กิ้ง กิ้ง’ เสียงทวนปะทะกับเงาหอกดังสนั่นรอบบริเวณ
มาร์คัสใช้ทวนปัดออกไปได้ห้าสายอีกสองสายยังพุ่งเข้ามาที่ลำตัวเขา
มาร์คัสหมุนบิดตัวในองศาประหลาดเพื่อหลบพลังทั้งสองสายนั้น
แต่เสื้อเขาก็ยังขาดเป็นทางยาว
“ท่าทางเก่งกว่าที่จะได้รับรายงานมาเสียแล้ว ต่อไปข้าคงต้องเอาจริงแล้ว”
ชายผมขาวลงมายืนข้างหอกพร้อมกับหยิบขึ้นมาอย่างใจเย็น
“ข้าพอจะเดาออกแล้ว เจ้าคงเป็นเจ้าปฐพีสินะ” มาร์คัสถาม
“โอ้ ฉลาดเหมือนกันนี่ แต่เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าเป็นเจ้าปฐพี” เจ้าปฐพีย่นหน้าสงสัย
“ก็ไม่เห็นจะเดายาก อย่างแรกถ้าเป็นเจ้าสมุทรสถานที่กลางทะเลทรายเช่นนี้เขาลงไม่มาเพราะว่าคงทำให้เขาใช้พลังได้ไม่เต็มที่ ส่วนเจ้าฟ้าคงไม่ยอมลดตัวลงมาง่ายเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นอาจทำให้กลุ่มของพวกเจ้าลั่นคลอนได้ ดังนั้นก็เหลือเพียงเจ้าปฐพีที่จะมาสถานที่แบบนี้ แล้วอีกอย่างที่ๆเป็นทะเลทรายแบบนี้เจ้าคงจะแสดงพลังได้เต็มที่ด้วยไม่ใช่หรือไง”
“มันก็จริงอย่างที่เจ้าพูด แบบนี้ยิ่งไว้ชีวิตเจ้าไม่ได้เสียแล้ว” แววตาของเจ้าปฐพีเปลี่ยนไปทันที
เขาแทงหอกเจ้าปฐพีเข้าใส่มาร์คัส ความเร็วของหอกที่พุ่งเข้ามารวดเร็วราวกับกระสุนปืน
มาร์คัสยกทวนขึ้นต้านชั่วพริบตาเดียวมาร์คัสตั้งรับการโจมตีของเจ้าปฐพีไปยี่สิบสามท่า
จนเขากระเด็นถอยหลังไปห้าเมตรถึงจะหยุดตัวลงได้ เสื้อผ้าของเขาขาดหลายแห่งแต่ไม่ปรากฏบาดแผลตามตัวเขา
จากการปะทะกันครั้งนี้คนที่แปลกใจที่สุดกลับเป็นเจ้าปฐพีเพราะเขาไม่เพียงไม่สามารถล้มมาร์คัสลงได้
เขายังไม่อาจสร้างบาดแผลให้มาร์คัสได้อีกด้วย เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
ทำให้เขาแค้นใจยิ่งนักเพราะมันทำให้เขารู้สึกเสียเกรียติของหนึ่งในสามเจ้าอย่างมาก
“ดูท่าข้าจะเล่นกับเจ้ามากเกินไปเสียแล้ว คราวนี้ร่างเจ้าจะฝังไว้ใต้ทะเลทรายแห่งนี้”
เจ้าปฐพีระเบิดพลังเนกิสออกมา รังสีสีทำพวยพุ่งออกจากตัวของเขา
ทรายรอบๆตัวโดนพลังพัดกระจายออกมาทั่วบริเวณ มาร์คัสต้องปล่อยพลังต้านแรงกดดันจากพลังของเจ้าปฐพี
“เยี่ยม ไม่กระเด็นไปเพราะพลังข้ามีเจ้าเป็นคนที่สามเองนะนี่” เจ้าปฐพีอดชมมาร์คัสไม่ได้
“แต่น่าเสียดายที่ต้องมาตายในวันนี้เสียแล้ว ข้าจะสงเคราะห์ไม่ไห้เจ้าทรมานก็แล้วกัน เจ้าเป็นคนแรกที่จะได้เห็นหนึ่งในสองท่าไม้ตายของข้าที่ชื่อว่าสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน” พูดจบแววตาของเจ้าปฐพีเปลี่ยนไปอีกครั้ง
เขาระเบิดพลังให้ทรายคละคลุ้งอีกครั้ง มาร์คัสรีบใช้พลังเข้าต้านไล้ทรายออกไป
แต่เจ้าปฐพีหายไปจากตรงหน้าเขาแล้ว แต่แรงกดดันของพลังยังคงวนเวียนอยู่จนเขาจับสัมผัสของเจ้าปฐพีไม่ได้
มาร์คัสเร่งพลังใช่ท่านาคาพันเศียรออกมาเพื่อตั้งรับ
ท่านาคาพันเศียรเป็นท่าที่ตั้งรับที่แข็งแกร่งสุดของวิชาทวนนาคราช
หลังจากถ่ายพลังลงไปที่ทวนเทวะนาคราชลายพญานาคทั้งแปดบนทวนเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมาทันที
มาร์คัสหมุนตัวเป็นวงกลมพร้อมกับวาดทวนไปตามพื้นเกิดแสงสีม่วงเป็นวงกลมตามรอยวาดนั้น
เขาหมุนทวนขึ้นเหนือหัวก่อนปักลงบนพื้น พญานาคสีม่วงอ่อนแปดตัวพุ่งขึ้นจากพื้นพันล้อมรอบตัวมาร์คัสอย่างรวดเร็ว
‘เจ้าคิดว่าแค่นี้จะกันท่าสะเทือนฟ้าสะเทือนดินของข้าได้หรือ’
เสียงของเข้าปฐพีลอยเข้ามาอย่างไร้ทิศทางยากที่จะคาดเดาได้
‘สะเทือนฟ้า’ เสียงเจ้าปฐพีดังขึ้นพร้อมกับหอกเจ้าปฐพีลอยขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้า
เมื่อหอกปฐพีลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ปล่อยพลังสีดำออกมาจนท้องฟ้ารอบๆกลายเป็นสีดำทมึน
เสียงท้องฟ้าร้องสะเทือนเลื่อนลั่นมาร์คัสเงยหน้าขึ้นไปมองเห็นเจ้าปฐพีลอยตัวอยู่กลางอากาศเหนือหมอกสีดำนั่น
‘แปรสภาพ’ เมือสิ้นเสียงหมอกสีดำรวมตัวกันกลายเป็นหอกเจ้าปฐพีอีก7เล่มรวมที่อยู่ในมือของเจ้าปฐพีด้วยเป็นแปด
หอกทั้งเจ็ดลอยวนอยู่รอบตัวของเจ้าปฐพี
“ดูสิว่าพลังของเจ้าจะทนได้สักกี่อัน” เจ้าปฐพีดิ่งตัวเข้าใส่มาร์คัสจากท้องฟ้าเขาเหน็บหอกเจ้าปฐพีไว้ที่หลัง
ก่อนหยิบหอกที่วนรอบตัวมาไว้ในมือทั้งสองข้าง
“สะเทือนดิน” เจ้าปฐพีตะโกนออกมาพร้อมกับขว้างหอกในมือทั้งสองเข้าใส่ร่างมาร์คัสที่มีพลังนานคาพันเศียรป้องกันอยู่

‘เปรี้ยงงงงงงงงง เปรี้ยงงงงงงงงงงง’ เสียงปะทะกันท่าสะเทือนดินกับนาคาพันเสียงดังสนั่นไปไกลไม่ต่ำกว่าสิบกิโล
หอกสีดำถูกพญานาคสี่ตัวพุ่งขึ้นมาพันไว้ก่อนที่จะสลายไปด้วยกัน
แต่ยังไม่ทันจะได้พักหายใจหอกสีดำอีกสามเล่มก็พุ่งเข้ามาจนเกือบถึงตัวมาร์คัสอีกครั้ง
‘เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง’ มาร์คัสรีบส่งพลังเข้าต้าน มังกรอีกหกตัวพุ่งทะยานออกไปพันหอกทั้งสามเล่มไว้
แต่หอกทั้งสามเล่มกลับมีพลังกล้าแข็งกว่าสองเล่มที่แล้วยังคงพุ่งตรงเข้าใส่มาร์คัสอย่างรวดเร็ว
มาร์คัสซัดพลังเข้านาคาพันเศียรออกมาอีกครั้ง พญานาคอีกหกตัวพุ่งเข้าไปช่วยสองตัวแรก
หอกทั้งสามสลายหายไปกลับมีหอกอีกสองอันพุ่งต่อกันมาจนถึงหน้ามาร์คัส
เขารีบใช้พลังจอมราชันย์ซึ่งเป็นพลังป้องกันตัวขั้นสูงที่สุดของตัวเขาออกมาอย่างกะทันกัน
เกราะสีม่วงอ่อนออกมาห่อหุ้มร่างของเขาทั่วทั้งตัวหอกสีดำพุ่งปักตรงเข้ากลางอกมาร์คัส
เกิดเสียงดัง ‘คลื่นนน’ สะเทือนจนทรายฝุ้งกระจายออกราวกับโดนพายุพัด
หอกสีดำค่อยๆแทงดันม่านพลังสีม่วงเข้ามาทีละน้อยๆมาร์คัสเร่งพลังเข้าต้าน
‘อึก อึก’ เขากระอักเลือดออกมาคำใหญ่ก่อนที่เขาจะพยายามฝืนกลืนมันกลับเข้าไป
“สลาย” มาร์คัสเร่งพลังจนถึงขีดสุดม่านพลังสีม่วงสลายหายไปพร้อมกับหอกทั้งสองเล่ม
‘ฉึก’ ปลายหอกในมือของเจ้าปฐพีแทงทะลุท้องของมาร์คัส
ดีทีว่ามาร์คัสจับสัมผัสพลังของเข้าปฐพีได้เล็กน้อยเขาจึงเบียงตัวหลบทำให้เขาโดนแทงที่ท้องแทนที่จะเป็นหัวใจ
“เจ้าเป็นคนแรกที่รอดจากท่านี้ของข้าแบบนี้ยิ่งเอาไว้ไม่ได้เสียแล้ว” เจ้าปฐพีดึงหอกออกจากท้องของมาร์คัสทันที
‘อ๊ากกกกกกกกกกกกก’ มาร์คัสร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับทรุดตัวลง
เลือดของเขาไหลออกจนทรายรอบๆตัวเขาโดนย้อมเป็นสีแดงฉาดไปหมด
“ข้าจะช่วยให้เจ้าหายทรมานเอง ตายซะเถอะ”
เจ้าปฐพีวาดหอกเป็นรูปจันทร์เสี้ยวใส่มาร์คัส เห็นทีตัวเขาคงขาดครึ่งแน่นอนคราวนี้
‘กิ้ง’ พัดสีเงินบินเข้ามากระแทกกับหอกจนปลายหอกเปลี่ยนทิศทางไป
เจ้าปฐพีถึงกับตกใจว่ายังมีคนที่ต้านหอกของเขาได้อีกหรือถ้าไม่ใช่ราชันย์กับสามจักรพรรดิ


TBC.
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่12 ข้าจะปกป้องเจ้าเอง(ครึ่งหลัง) อัพรูป [P:10] 11-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 18-01-2011 22:45:22
สั้นมั่ก   :z3:
แต่ :pig4:ที่มาต่อ
รอตอนต่อไปน้า :L2:

รอเรื่องอื่น(มนรัก,เรื่องสั้น)ด้วย


 :call:มาต่อไวๆเพี้ยงงงๆๆๆๆ :call:

เรื่องอื่นต่อเรื่อยๆเหมือนเรื่องนี้แหละจ้า น้องแพนใช่ม่ะถ้าจะไม่ผิด ถ้าจำผิดขอโทดด้วยนะครับ

ลงตอนใหม่แล้วนะครับ ลุ้นกันต่อได้เลยครับ

ไม่ใช่น้องแพนค่า  น้องชื่อฝ้ายค่า
พี่มาต่อเรื่อยๆ  น้องก็ตามเรื่อยๆ(หาเรื่องสั้นไม่เจออ่ะ-*-

รอตอนต่อๆ
 :L2:กำลังใจ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่13 ราชันย์ VS เจ้าปฐพี [P:10] 18-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 18-01-2011 23:01:32
มาให้กำลังใจคนเขียนครับ
เรื่องเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะครับ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่13 ราชันย์ VS เจ้าปฐพี [P:10] 18-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 19-01-2011 01:22:23
 :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่13 ราชันย์ VS เจ้าปฐพี [P:10] 18-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 19-01-2011 11:22:19
สั้นอ่า ไม่ยอมอะ ตอนหน้าขอยาวๆให้หายคิดถึงนะ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่13 ราชันย์ VS เจ้าปฐพี [P:10] 18-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: nonae ที่ 19-01-2011 21:12:53
 :z13: นัทแรง ๆ เลย เกือบลืมแล้ว หายไปนานคิดถึง
จะให้โบรอนเนะตายแล้วหรือนี่ อิอิ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่13 ราชันย์ VS เจ้าปฐพี [P:10] 18-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: teerasak ที่ 20-01-2011 00:08:21
 :fire: โห กำลังลุ้น เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ มันส์มาก แต่ :m16:มันสั้นไม่จุใจเลย

มาต่อเร็วๆนะ  :กอด1: ให้กำลังใจ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่13 ราชันย์ VS เจ้าปฐพี [P:10] 18-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 20-01-2011 11:19:07

ไม่ใช่น้องแพนค่า  น้องชื่อฝ้ายค่า
พี่มาต่อเรื่อยๆ  น้องก็ตามเรื่อยๆ(หาเรื่องสั้นไม่เจออ่ะ-*-

รอตอนต่อๆ
 :L2:กำลังใจ สู้ๆ

 :-[ จำผิดคน มา :กอด1:ปลอบใจให้นะคร้าบบ

แล้วตกลงน้องฝ้ายหาเรื่องสั้นเจอยังคร้าบบ

มาให้กำลังใจคนเขียนครับ
เรื่องเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะครับ  :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณคร้าบสำหรับกำลังใจ ใช่คร้าบเรื่องกำลังเข้มขึ้นเรื่อยๆ

เพราะว่าไม่น่าจะเกินตอนที่25คงจบภาคโซดิเอคนี่แหละครับ

:a5: :a5: :a5:

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: หายช็อคยังครับ

สั้นอ่า ไม่ยอมอะ ตอนหน้าขอยาวๆให้หายคิดถึงนะ

คร้าบบ ตอนหน้ายาวมากแน่นอน

:z13: นัทแรง ๆ เลย เกือบลืมแล้ว หายไปนานคิดถึง
จะให้โบรอนเนะตายแล้วหรือนี่ อิอิ


 :z2: เต้นหลบ 555 ทำไมตายเร็วไปหรือไงโบรอนเนะอะ แต่เนะหนังเหนี่ยวนี่น่าเอ๋ยโบรอนเนะ :laugh:

:fire: โห กำลังลุ้น เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ มันส์มาก แต่ :m16:มันสั้นไม่จุใจเลย

มาต่อเร็วๆนะ  :กอด1: ให้กำลังใจ

คร้าบบ ตอนหน้าจะยาวแน่นอนครับ สัญญาเลย

 :pig4: :pig4: :pig4:


ที่ยังติดตามกันเหนี่ยวแน่นนะครับ น่ารักทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่13 ราชันย์ VS เจ้าปฐพี [P:10] 18-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 20-01-2011 18:28:52
มาต่อไวๆ นะครับ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่13 ราชันย์ VS เจ้าปฐพี [P:10] 18-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 05-02-2011 23:23:51
มารอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่13 ราชันย์ VS เจ้าปฐพี [P:10] 18-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 06-02-2011 03:01:58
คงอีกวันสองวันนะครับ เพราะว่าตอนนี้ยุ่งมากเรื่องเลี้ยงหลาน

เขียนได้วันละครึ่งหน้าเองครับ  :L1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่13 ราชันย์ VS เจ้าปฐพี [P:10] 18-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 06-02-2011 04:11:44
เข้ามารอและดันกระทู้ครับ :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่13 ราชันย์ VS เจ้าปฐพี [P:10] 18-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 06-02-2011 11:03:03
มาไวๆนะครับ

กำลังค้างอยู่เลย
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่13 ราชันย์ VS เจ้าปฐพี [P:10] 18-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 07-02-2011 03:08:29
เข้ามารอและดันกระทู้ครับ :z2: :z2:

ขอบคุณคร้าบที่ช่วยดันนะคร้าบบบบ วันนี้เลยเอามาลงให้ครึ่งนึงก่อนนะครับ

มาไวๆนะครับ

กำลังค้างอยู่เลย

เอามาลงให้แล้วนะครับ แต่เอาไปครึ่งนึงก่อนเนอะ กลัวรอกันนานคงไม่ว่ากันนะคร้าบบ  :-[

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่13 ราชันย์ VS เจ้าปฐพี [P:10] 18-01-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 07-02-2011 03:10:19
สองคนหนึ่งใจ


เจ้าปฐพีรีบมองตามพัดสีเงินที่กำลังวนกลับไปหาเจ้าของของมัน
เขามองเห็นเด็กหนุ่มร่างเล็กผมยาวสีเงินยืนอยู่ที่เนินทรายห่างไปไม่ไกลนัก
เขาพยายามคิดทบทวนว่าคนที่มีพลังฝีมือขนาดนี้เป็นใครแต่เขาก็คิดไม่ออก
“เจ้าเป็นใครยื่นมือเข้ามายุ่งทำไม ถ้ายังไม่อยากตาย” เจ้าปฐพีพูดพร้อมกับส่งจิตสังหารเพื่อข่มขู่
นาซีซัสต้องใช้พลังเข้าต้านจิตสังหารนั้นไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองบาดเจ็บภายในเพิ่มขึ้น
เขามองเห็นมาร์คัสนั่งทรุดลงพร้อมกับเลือดที่ย้อมสีทรายรอบตัวของเขา
นาซีซัสเห็นดังนั้นจึงรีบสงบใจก่อนที่จะตะโกนตอบ
“ถ้ากลัวตายข้าคงไม่เข้ามายุ่งตั้งแต่แรก แต่ข้าขอเตือนเจ้าไว้อย่างอย่าคิดประมาทข้าแล้วกัน”
พูดจบนาซีซัสร่อนพัดสีเงินออกมาอีกครั้ง พัดพุ่งตรงเข้าใส่เจ้าปฐพีอย่างรวดเร็วพร้อมพัดทรายคละคลุ้งไปทั่ว
เจ้าปฐพีรีบควงทวนในมือเพื่อป้องกันฝุ่นจากพัดสีเงิน
พอฝุ่นทรายจางหายไปหมดนาซีซัสก็พามาร์คัสถอยห่างเขาออกไปแล้ว
เจ้าปฐพีอันชุรู้สึกเหมือนโดนลูบคมอย่างแรง เพราะเขาไม่เคยคิดว่าเด็กอย่างนาซีซัสจะแย่งมาร์คัสไปจากเขาได้
นาซีซัสรีบใช้ผ้าพันแผลที่ท้องให้มาร์คัสเพื่อช่วยห้ามเลือด
แต่อันชุไม่ยอมปล่อยให้เป็นแบบนั้นแน่ๆเขาแทงหอกในมือเข้าใส่ทั้งสองคนอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
นาซีซัสยกพัดขึ้นมาพร้อมกับแผ่พุ่งพลังเนกิสไปที่พัดของเขาจนมันเรืองแสงสีเงินออกมา
เขาหมุนพัดเป็นวงกลมจนเกิดวงกลมสีเงินนวลเหมือนจันทร์เต็มดวงลอยอยู่ตรงหน้าของเขากับมาร์คัส
“จันทร์ส่องชำระใจ” นาซีซัสโบกพัดไปข้างหน้า วงกลมพุ่งตัดแนวขวางเข้าใส่อันชุดุจลูกกระสุนปืน
แต่อันชุหาได้กลัวไม่เขาหมุนข้อมือเล็กน้อยเปลี่ยนทิศของปลายหอกเข้าปะทะกับพลังของนาซีซัส
‘เปรี้ยงงงง’ 
เสียงดังสนั่นเลื่อนลั่นไปทั่วเมื่อหอกกับพลังปะทะกันอันชุถึงกับต้องหยุดตัวลงเพื่อตั้งรับพลังนั้น
หลังการปะทะกันเขารู้สึกชาที่มือข้างที่จับหอกเล็กน้อย มันยิ่งทำให้เขาแปลกใจมากขึ้นไปอีกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาเป็นใคร
แต่ตอนนี้จะเป็นใครเขาก็ไม่สนเขาคงต้องกำจัดทิ้งด้วยอีกคนเพราะว่าเด็กคนนี้ต้องเป็นอุปสรรคต่อแผนการของพวกเขาแน่ๆ
นาซีซัสใช้พลังรักษาบาดแผลให้มาร์คัสแต่ทำได้แค่ห้ามเลือดเพราะว่าบาดแผลมันลึกมาก
แต่แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้มาร์คัสลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
“ดูท่าทางข้าคงต้องกำจัดเจ้าทิ้งพร้อมกันเสียแล้ว” อันชุเร่งพลังเนกิสให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก
“นาซีซัสข้าว่าเราคงต้องรวมพลังกันแล้วล่ะครั้งนี้ ไม่งั้นเห็นที่เราจะไม่รอดทั้งสองคน ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสามเจ้าจะมีพลังมากขนาดนี้” มาร์คัสพูดกับนาซีซัสอย่างเป็นกังวล
เพราะว่าขนาดเจ้าปฐพีที่ว่ามีพลังฝีมืออ่อนสุดในสามเจ้ายังรายกาจมากขนาดนี้
อีกสองเจ้าที่เหลือจะมีพลังฝีมือมากขนาดไหนจนยากที่เขาจะประมาณได้
“ข้าเห็นด้วยกับเจ้า ถ้าเราไม่รวมมือกันคราวนี้คงจะรอดยาก” นาซีซัสหันหน้าไปสบตามาร์คัสก่อนที่ทั้งสองจะพยักหน้าให้กัน


พริบตาเดียวทั้งสองคนหายไปจากจุดที่ยืนอยู่เสียแล้ว
อันชุยังคงยืนนิ่งไม่ยอมขยับไปไหน เขาหลับตาลงเพื่อทำสมาธิ
‘ฮึบ’ อันชุส่งเสียงออกมาพร้อมกับแทงหอกขึ้นไปบอกหัวสามครั้งติดต่อกัน
‘กิ้ง กิ้ง กิ้ง’ ปรากฏร่างของนาซีซัสใช้พัดปายปัดป้องกันคมหอกอยู่บนอากาศ
‘ฮึบ’ อันชุส่งเสียงอีกครั้งก่อนที่จะใช้มืออีกข้างรับการโจมตีจากมาร์คัส
เขาใช้มือเปล่ารับเพลงทวนนาคราชของมาร์คัสได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
ตอนนี้มือที่ถือหอกของเขาโจมตีไปที่นาซีซัสส่วนอีกมือตั้งรับการโจมตีของมาร์คัสได้อย่างไม่เพรียงพล้ำแม้แต่น้อย
เวลาผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่นาทีทั้งสามคนสู้กันไม่ต่ำกว่า30กระบวนท่า
“ช่างน่ารำคาญจริงๆ” อันชุระเบิดพลังเนกิสออกมาอีกครั้งจนร่างของทั้งสองคนกระเด็นห่างออกไป
“ข้าจะไม่เล่นกับพวกเจ้าทั้งสองอีกต่อไปแล้วเตรียมตัวตายได้” ตอนนี้เหมือนมีหมอกสีดำออกมาปกคลุมตัวอันชุไว้
มาร์คัสกับนาซีซัสรีบรวบรวมพลังทั้งหมดอีกครั้งทันที
ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างเข้าใจว่าถ้าไม่ใช่ท่าไม้ตายตอนนี้คงต้องพบจุดจบทั้งคู่แน่ๆ
มาร์คัสมายืนข้างนาซีซัสก่อนจ้องหน้าเขา
“เจ้าอาจตายพร้อมข้าวันนี้ก็ได้ เจ้าจะเสียใจไหม”
“ไม่ข้าไม่คิดเสียใจแน่นอนที่ได้ตายพร้อมเจ้า” นาซีซัสตอบอย่างหนักแน่น
“ดีงั้นเรามาเสี่ยงพร้อมกัน” มาร์คัสแบมือพร้อมกับยื่นไปให้นาซีซัส
นาซีซัสมองหน้ามาร์คัสครู่หนึ่งก่อนวางมือลงไปบนมือนั้น
นี่เป็นสัมผัสที่เขารู้สึกว่าอบอุ่นที่สุดในตอนนี้ ถึงตายไปพร้อมกับสัมผัสนี้ก็คงไม่เป็นไร
ทั้งสองจ้องตากันก่อนจะพยักหน้าพร้อมกัน ทั้งสองเร่งพลังเนกิสขึ้นพร้อมกัน
“ย๊ากกกกกกก” ทั้งสองพุ่งเข้าใส่เจ้าปฐพีอันชุทั้งที่ยังจับมือกันอยู่
“นาคาทลายภูผา” มาร์คัสใช้ท่าสุดท้ายของเพลงทวนนาคราชออกมา
รังสีทวนสีม่วงจำนวนมหาศาลรวมตัวกันเป็นแถบริ้วทวนจำนวนมากก่อนที่จะรวมตัวจนกลายเป็นรูปพญานาคห้าเศียรทะยานออกไป
“มารฟ้าสละชีพ” นาซีซัสก็ใช้ท่าไม้ตายที่รุนแรงที่สุดที่เขาคิดค้นได้ในตอนนี้ออกมา
รังสีสีเทาแผ่พุ่งออกจากพัดสีเงินรวมตัวกันเป็นรูปมารฟ้าที่มีหน้าตาดุดันถือดาบเล่มใหญ่ไว้ในมือ
พลังทั้งสองพุ่งออกไปพร้อมกันพญานาคเข้าไปพันห่อหุ้มร่างกายของมารฟ้าเอาไว้
อันชุเห็นดังนั้นจึงใช้ท่าไม้ตายของเขาเข้าต้าน
“มังกรถล่มปฐพี” อันชุหมุนตัวเป็นวงกลมหนึ่งรอบก่อนแทงหอกลงพื้นทราย
พลังของอันชุทำให้พื้นทรายแยกออกเป็นแนวกว้างไปทางมาร์คัสกับนาซีซัส
มังกรสีดำตัวใหญ่ค่อยๆทะยานขึ้นจากรอยแยกนั้นพร้อมกับพุ่งเข้าหาร่างมารฟ้าทันที
‘ตูมมมมมม เปรี้ยงงงงงง ตูมมม’ เสียงพลังสามสายปะทะกันอย่างต่อเนื่อง
มารฟ้าใช้ดาบโจมตีมังกรดำที่กลางลำตัว แต่มังกรดำใช้ปากคาบดาบไว้ได้
พญานาคที่พันรอบตัวพุ่งออกมาช่วยรัดตัวมังกรดำ ทำให้มังกรดำปล่อยดาบที่คาบไว้
มารฟ้าจึงถือโอกาสฟันดาบลงอีกครั้ง
‘กิ้งงงง’ ดาบของมารฟ้าสะท้อนกลับเมื่อโดนร่างมังกรดำ
มังกรดำพลิกตัวสะบัดร่างทำให้ร่างของพญานาคหลุดออกจากตัวก่อนที่มันจะใช้ตัวพันทั้งพญานาคกับมารฟ้าไว้ด้วยกัน
‘บรึ้มมมมมมมมมมมมมมม’
พลังทั้งสามระเบิดหายไปพร้อมกันจนเกิดหลุมทรายกว้างกว่าร้อยเมตรขึ้นระหว่างคนทั้งสาม
มาร์คัสกับนาซีซัสโดนพลังกระแทกจนทรุดลงไปกับพื้นก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาคำโตทั้งสองคน
บ่งบอกให้รู้ว่าทั้งสองคนบาดเจ็บภายในเป็นอย่างมาก
ทางด้านอันชุเซถอยหลังไปเล็กน้อยก่อนที่จะให้หอกเจ้าปฐพีหยุดตัวเองไว้
อันชุเองก็มีเลือดไหลซึมออกจากมุมปากเหมือนกันเพียงแต่อาการไม่หนักเท่าสองคนนั้น
“ร้ายกาจไม่เบาถ้าข้าประมาทอาจเป็นฝ่ายแพ้ก็ได้” เขาพูดออกมากับตัวเอง
‘ฟุบ’ อันชุย้ายร่างมาอยู่หน้าทั้งสองคนที่ทรุดตัวลงอยู่กับพื้น
อันชุยกหอกเจ้าปฐพีขึ้นมา มาร์คัสกับนาซีซัสหันมามองหน้ากันก่อนหันไปมองปลายหอกสีดำตรงหน้า
“เจ้าทั้งสองไปลงนรกพร้อมกันได้แล้ว”
เขาวาดหอกเป็นแนวขวางหมายสังหารทั้งสองคนทิ้งในคราเดียว



..............................
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ [P:11] 07-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 07-02-2011 03:24:04
ใครจะมาช่วยพระเอกนายเอกของเรานี้ มาต่อไวๆนะครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ [P:11] 07-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 07-02-2011 11:24:38
มาต่อตอนใหม่ไวๆ  โอมเพี้ยงๆ :call:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ [P:11] 07-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 07-02-2011 19:02:35
เข้ามารอตอนต่อไปครับ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ [P:11] 07-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: TON1974 ที่ 08-02-2011 16:49:00
"โครตมันเลย"
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ [P:11] 07-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 08-02-2011 18:29:16
เอิ้บบบ ไมมาหยุดตอนนี้พอดีอ่ะ.....
ลุ้นเหนื่อยนะนี่
พวกพระเอกรอดอยู่แล้ว ใช่ไหม?
แต่ใครจะมาช่วยได้ละนี่ ตัวร้ายเก่งจริงๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ [P:11] 07-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: lovelucifer ที่ 08-02-2011 20:37:51
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ [P:11] 07-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 08-02-2011 21:22:33
รอต่อไปโลด  :man1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ [P:11] 07-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 10-02-2011 01:17:36
สนุกมากๆ

ดำเนินเรื่องได้น่าติดตามครับ 

ชอบมากๆ  ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ครับ 

รออยู่นะครับ


ปล. มีคำผิดบ้าง และพิมพ์ชื่อตัวละคร สลับกันนิดๆหน่อยๆ  แต่โดยรวม "สุดยอด" ครับ  o13
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ [P:11] 07-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 10-02-2011 23:59:20
ใครจะมาช่วยพระเอกนายเอกของเรานี้ มาต่อไวๆนะครับ

อันนี้ต้องลุ้นนะคร้าบบ หรือว่าเราจะเสียใครไปคนหนึ่งดีอะ หุหุ

มาต่อตอนใหม่ไวๆ  โอมเพี้ยงๆ :call:

แหม ใจเย็นๆนะคร้าบบ ตั้งแต่เลี้ยงหลานเวลาเขียนนิยายเหลือน้อยมากเลยอะ  :sad4:

เข้ามารอตอนต่อไปครับ  :pig4: :pig4:

เร่งเขียนแล้วครับ พรุ่งนี้น่าจะได้อ่านนะครับ

"โครตมันเลย"

ขอบคุณครับ กำลังใจมาเพียบเลยยย

เอิ้บบบ ไมมาหยุดตอนนี้พอดีอ่ะ.....
ลุ้นเหนื่อยนะนี่
พวกพระเอกรอดอยู่แล้ว ใช่ไหม?
แต่ใครจะมาช่วยได้ละนี่ ตัวร้ายเก่งจริงๆอ่ะ

ก็ตัวร้ายเขาเป็นถึง1ใน3เจ้านี่ครับ เลยเก่งหน่อย เอาใจช่วยพระเอกนายเองของเราด้วยนะครับ

รอตอนต่อไปจ้า

คร้าบๆๆ รีบเขียนแล้วครับ

รอต่อไปโลด  :man1:

 :กอด1: :กอด1: รีบเขียนให้แล้วนะครับ

สนุกมากๆ

ดำเนินเรื่องได้น่าติดตามครับ 

ชอบมากๆ  ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ครับ 

รออยู่นะครับ


ปล. มีคำผิดบ้าง และพิมพ์ชื่อตัวละคร สลับกันนิดๆหน่อยๆ  แต่โดยรวม "สุดยอด" ครับ  o13

ช่วงนี้ผมก็ต้องขออภัยเรื่องคำผิดกับชื่อตัวละครด้วยนะครับ เพราะว่าเขียนได้แต่ช่วงดึกๆเลยไม่มีเวลาทวนเลยครับ

ยังไงก็ของคุณคนอ่านทุกท่านนะครับที่ติดตามและให้กำลังใจเสมอมาครับ  :กอด1: :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ [P:11] 07-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 11-02-2011 00:13:31
 :กอด1: คนเขียบครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ [P:11] 07-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 11-02-2011 03:20:38
แหะๆ จะโดนว่าไหมเนี่ย แอบเอามาลงเสียดึกเลย

แบบพรุ่งนี้กลัวลืมลงอะครับ จะเตรียมตัวไปงานมิตติ้งอะครับ  :man1:


...........................................



‘กิ้งงงง’ มาร์คัสยกทวนขึ้นต้านไว้ก่อนที่นาซีซัสจะแทงพัดสีเงินเข้าไปที่ท้องของอันชิ
“อ๊อกก” อันชิร้องออกมาเบาๆก่อนถอยหลังไปสองสามก้าว
“ไม่คิดว่าจะยังมีแรงเหลือ ข้าคงประมาทพวกเจ้ามากไปจริงๆ”
อันชิกางมือออกมาที่ทั้งสองคน คลื่นพลังสีดำล้อมตัวทั้งสองคนไว้ทันที
“คราวนี้จะมีลูกเล่นอะไรอีกไหม” อันชิบีบมือเข้าพลังสีดำตรึงร่างของเขาทั้งสองไว้กับที่
“แต่ข้าจะให้ใครตายก่อนดีนะคราวนี้” อันชิค่อยๆก้าวเข้ามาอย่างช้าๆอีกรอบ
รอบนี้เขาระวังตัวมากขึ้นเพราะไม่อยากพลาดเป็นครั้งที่สองอีก
คราวนี้เขาเงื้อมมือข้างที่ถือหอกไปที่มาร์คัสก่อน คราวนี้เขาคงคิดที่จะกำจัดมาร์คัสก่อนเพื่อจะได้ไม่ผิดพลาดอีกหน
‘ฟ้าววว’ เสียงหอกแหวกอากาศตรงเข้าที่หัวใจของมาร์คัส

“ย๊ากกกก” นาซีซัสเห็นแบบนั้นเขาเร่งพลังในร่างกายขึ้นสู่จุดสูงสุดเพื่อทำลายพันธนาการของอันชิ
พลังสีดำที่ล้อมตัวเขาไว้สลายออกทันทีเขาพุ่งตัวเข้าไปขวางทางหอกของอันชิ
เขาใช้ด้ามพัดรับปลายหอกของอันชิไว้
‘เปรี๊ยะ’ พัดสีเงินแตกกระจายออกทันที
ปลายหอกสีดำสนิทพุ่งแทงทะลุกลางอกของนาซีซัส
โลหิตสีแดงอุ่นสาดกระจายเต็มใบหน้ากับผมสีขาวของเขา
บางส่วนกระเด็นโดนมาร์คัสที่อยู่เบื้องหลัง
“นาซีซัสสสสส” มาร์คัสตะโกนออกมาสุดเสียงกับภาพที่เห็นตรงหน้า
เขาเป็นห่วงนาซีซัสมากกว่าสิ่งใดแล้วตอนนี้ ทำให้เขาระเบิดพลังออกมาอย่างไม่รู้ตัว
อันชิเองก็สังเกตได้เขาจึงรีบชักหอกกลับทันที
“ฮึบ” แต่หอกกลับยังอยู่ในตัวนาซีซัสเหมือนเดิม
เพราะนาซีซัสใช้มือทั้งสองข้างยึดหอกเจ้าปฐพีไว้จนแน่น
“ไอ้เด็กเวรตายแล้วยังไม่ยอมปล่อยอีกหรือ” อันชิสบทออกมาเสียงดัง
แต่ก่อนที่เขาจะทำอะไรต่อทวนเทวะนาคราชก็เข้าปะทะที่กลางอกเขาแล้วเหมือนกัน
มาร์คัสใช้ท่านาคาพิโรธออกมา เมื่อทวนโดนอกของอันชิแล้ว
ก็ปรากฏพญานาคสีม่วงแปดตัวพุ่งออกมาจากตัวของเขาก่อนที่จะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไป
“อ๊ากกกกกก” อันชิเลือดพุ่งออกจากปากก่อนที่จะกระเด็นออกไป
มาร์คัสรีบเข้ามาประคองนาซีซัสไว้อย่างรวดเร็ว
“นาซีซัสเจ้าเป็นยังไงบ้าง” เขาจ้องมองใบหน้าที่ขาวซีดของนาซีซัสที่เปรอะได้ด้วยคราบเลือด
นาซีซัสนอนหลับตาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแต่อย่างใด
มาร์คัสค่อยๆดึงหอกออกจากหน้าอกของนาซีซัสอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะกดจุดห้ามเลือดให้
เขารีบจับชีพจรของนาซีซัสพบว่าชีพจรยังเต้นอยู่แม้จะอ่อนแรงมากก็ตาม
‘อนัสตกาล’ คนเดียวที่เขานึกออกในตอนนี้ที่จะช่วยนาซีซัสได้
เขารีบหยิบรีโมทมากดเรียกรถมอเตอร์ไซด์ทันที
เจ้าปฐพีอันชิค่อยๆลุกขึ้นมาข้างหลังเขาแล้ว
ถึงจะโดนพลังรุนแรงขนาดนั้นไปแต่ก็ไม่ทำให้เขาถึงกับเสียชีวิตลงได้
เขายืนโคจรพลังเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บทันที


‘บรื้นนนน’ รถคู่ใจของมาร์คัสมาถึงอย่างรวดเร็ว
เขารีบอุ้มนาซีซัสขึ้นรถโดยที่ไม่ได้หันมาเหลียวมองอันชิแม้แต่น้อย
เพราะตอนนี้เขาไม่สนใจสิ่งใดอีกแล้วนอกจากต้องการช่วยชีวิตของนาซีซัส
หลังจากขึ้นรถได้เข้ารีบออกตัวทันทีเพราะถ้าไปถึงที่นัดหมายเร็วโอกาสรอดของนาซีซัสก็ยิ่งจะเยอะมากขึ้น
“ใครใช้ให้เจ้าไป” อันชิหมายจะตามมาร์คัสไป แต่อาการบาดเจ็บของเขามันหนักกว่าที่เขาคิด
เขาลวงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเล็กๆที่เข็มขัด
ก่อนที่จะขว้างมันตามหลังมาร์คัสไป
มาร์คัสรีบขับรถด้วยความเร็วมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ถึงจุดหมายอย่างเร็วที่สุด
‘เจ้าต้องไม่เป็นอะไรนาซีซัส ข้าสัญญาว่าเจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร’
มาร์คัสพูดในใจกับตัวเองตลอดเวลา พอเขาก้มลงมองนาซีซัสทีไร
หน้าของนาซีซัสกลับยิ่งซีดมากขึ้นไปอีก
ไม่ถึงสิบนาทีเขาก็มาถึงจุดที่นัดหมายกันไว้
มีเครื่องบินความเร็วสูงจอดรอเขาอยู่แล้ว บนนั้นคีย์รัสกับเนกินั่งรอเขาอยู่แล้ว
คีย์รัสมองเห็นสภาพของมาร์คัสได้แต่ไกล เขารีบกระโดดลงไปช่วยทันที
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ใครสามารถเล่นงานพวกเจ้าได้ถึงขนาดนี้” คีย์รัสถามอย่างแปลกใจ
“อย่าเพิ่งถามเลยหลบทางข้าก่อน” มาร์คัสอุ้มนาซีซัสไว้ก่อนที่จะทะยานขึ้นไปบนเครื่องบิน
“เร็วเข้ารีบกลับฐานบัญชาการโดยด่วน เนกิเจ้าช่วยติดต่ออนัสตกาลให้เตรียมตัวไว้ด้วย”
มาร์คัสรีบสั่งการทันที เครื่องบินออกตัวอย่างรวดเร็วตามคำสั่ง
“เจ้าบอกข้าได้หรือยังว่าใครมันเล่นงานเจ้าสองคนได้ถึงขนาดนี้” คีย์รัสถามอีกครั้ง
“เจ้าปฐพี สามเจ้าเริ่มเคลื่อนไหวแล้ววววว........” มาร์คัสพูดจบก็ฟุบตัวลงไปบนตัวนาซีซัส
ที่กลางหลังของเขามีอาวุธลับปักอยู่ คงเพราะเขาเป็นห่วงนาซีซัสมากจนลืมอาการของตัวเอง
“มาร์คัส มาร์คัส เจ้าได้ยินข้าไหม” คำเรียกของคีย์รัสดูเหมือนจะไม่เป็นผลเสียแล้ว
ถ้าตอนนี้มาร์คัสกับนาซีซัสเป็นอะไรไปฝ่ายสมาพันธ์พิทักษ์แผ่นดินคงตกเป็นรองพวกโซดิเอคแน่ๆ
ความกังวลของเขาแผ่ลามไปถึงเนกิ เพราะเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า1ใน3เจ้าจะมาลงมือด้วยตัวเอง
อาการบาดเจ็บของทั้งสองคนนี้เขาคงต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย
“เร่งเครื่องให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าไม่อยากให้นายเจ้าเป็นอะไรไปก่อน”
คีย์รัสตะโกนบอกนักบิน เพราะเลือดของมาร์คัสไหลออกมาไม่ยอมหยุดจากแผลที่โดนอาวุธลับนั่น
เขาคิดว่าอาวุธลับต้องมียาบางอย่างเคลือบไว้ด้วยแน่ๆ
ความหวังเดียวของพวกเขาตอนนี้คงหนีไม่พ้นหมอเทวดา ”อนัสตกาล” เสียแล้ว



TBC.
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ(ครึ่งหลัง) [P:11] 11-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 11-02-2011 17:40:28
อร๊ายยยยยยค้างอีกแล้วววววว :serius2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ(ครึ่งหลัง) [P:11] 11-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 11-02-2011 17:57:03
เข้ามารอครับ
กำลังมันส์เลย  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ(ครึ่งหลัง) [P:11] 11-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 11-02-2011 19:40:50
 :sad4:  แงงงง
มาร์คัส  จะเป็นไรไหมง่า...
ลุ้นๆๆๆ
v
v
v
ตอนต่อไปๆๆ

 :pig4: &  :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ(ครึ่งหลัง) [P:11] 11-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: TON1974 ที่ 13-02-2011 18:18:22
ยังไม่ถึงครึ่งเรื่องเลยพระเอกนายเอกจะเป็นไรได้ชิมิๆ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ(ครึ่งหลัง) [P:11] 11-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: lovelucifer ที่ 13-02-2011 21:35:58
อยากอ่านอีก
อยากอ่านอีก
อยากอ่านอีก
อยากอ่านอีก
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ(ครึ่งหลัง) [P:11] 11-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 14-02-2011 14:05:00
อร๊ายยยยยยค้างอีกแล้วววววว :serius2:

เดี่ยวจะรีบมาต่อนะคร้าบบ กลับจากงานขอต่ออีกเรื่องก่อนเนอะ

เข้ามารอครับ
กำลังมันส์เลย  :sad4: :sad4:

ส่งแรงใจช่วยพระเอกนายเอกของเราด้วยนะครับ กำลังแย่เลย

:sad4:  แงงงง
มาร์คัส  จะเป็นไรไหมง่า...
ลุ้นๆๆๆ
v
v
v
ตอนต่อไปๆๆ

 :pig4: &  :L2:

มาร์คัสคงหมดบทแล้วอะครับ(ล้อเล่นนะคร้าบบ) รอลุ้นต่ออีกนิดนะครับ

ยังไม่ถึงครึ่งเรื่องเลยพระเอกนายเอกจะเป็นไรได้ชิมิๆ

เออ จะบอกดีไหมน้า ยังไม่บอกดีกว่าให้รออีกนิดนะครับ หุหุ

อยากอ่านอีก
อยากอ่านอีก
อยากอ่านอีก
อยากอ่านอีก

คร้าบ รับทราบแล้วครับ ขอต่อเรื่องอื่นก่อนนะครับวันนี้ เพราะมันวันแห่งความรัก

ขอบคุณครับที่ติดตามแล้วจะรีบต่อให้นะคร้าบบ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ(ครึ่งหลัง) [P:11] 11-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: teerasak ที่ 14-02-2011 17:27:40
 :เฮ้อ:รอลุ้นกันต่อไป

เสียเลือดกันใหญ่เลย :jul1:

ดอาใจช่วยกันต่อไป :L1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ(ครึ่งหลัง) [P:11] 11-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 15-02-2011 00:18:15
มาต่อไวไว นะครับ

จะคอยเป็นกำลังใจให้ครับ

ps. Happy Valentine's Day!!
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ(ครึ่งหลัง) [P:11] 11-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 18-02-2011 14:59:09
มาร์คัสกับนาซีซัสจะเป็นอะไรมั้ยเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ(ครึ่งหลัง) [P:11] 11-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 26-02-2011 00:38:15
:เฮ้อ:รอลุ้นกันต่อไป

เสียเลือดกันใหญ่เลย :jul1:

ดอาใจช่วยกันต่อไป :L1:

แค่นี้ยังเล็กน้อยครับ ตอนนี้เลือดท่วมจอกว่าเดิม  :laugh:

มาต่อไวไว นะครับ

จะคอยเป็นกำลังใจให้ครับ

ps. Happy Valentine's Day!!

ขอบคุณครับสำหรับ Happy Valentine's Day!! มาต่อแล้วนะครับ ดีนะมาต่อไวไว ไม่ใช่มาม่า :laugh:

มาร์คัสกับนาซีซัสจะเป็นอะไรมั้ยเนี่ยยยย

ลุ้นๆๆเอาใจช่วยกันนะครับ

ตอนใหม่ผมจะเอามาลงให้เรื่อยแต่สั้นๆนะครับ  ผมเขียนไปเลี้ยงหลานไป

ถ้ารอยาวๆคงนานแน่ๆเลย แถมยังหยิบโหย่งอีกผม เขียนเรื่องนี้ นึกอีกเรื่องได้มีแวบไปเขียนก่อนอีกอะครับ

 :-[ คงไม่ส่าผมนะครับ แบบอยากให้อ่านเรื่องอื่นๆเท่าๆกัน
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่14 สองคนหนึ่งใจ(ครึ่งหลัง) [P:11] 11-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 26-02-2011 03:09:37
ลืมลงอะครับ  :-[ (อายจริงๆนะนี่)

นึกได้รีบเอามาลงให้เลยครับ 1ในสามของเรื่องก่อนนะครับ


.....................................................................



เจ้าสมุทร


ชั้น38ตึกเอ็มไพร์สเตรท
“ทุกคนเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้พร้อม จากที่ได้รับการติดต่อมาอาการทั้งสองคนหนักเอาการ”
อนัสตกาลสั่งลูกน้องของเธอที่กำลังเปลี่ยนชั้นที่38ทั้งชั้นให้กลายเป็นห้องพยาบาล
เธอเดินหยิบกล่องเครื่องมือขนาดใหญ่ขึ้นมาวางบนโต๊ะที่เตรียมไว้
เมื่อเปิดออกมาเครื่องมือแพทย์จำนวนมากรูปร่างแปลกตาเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่ในนั้น
“โจแอนเจ้าหลิงทั้งสองคนไปรอรับคนเจ็บที่ลานจอดเครื่องบิน เมื่อมาถึงรีบพามาที่นี่โดยด่วน”
“รับทราบค่ะ” หญิงสาวผมทองกับหญิงสาวเชื้อสายจีนรีบรับคำสั่ง


เครื่องบินบินด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อที่จะนำมาร์คัสกับนาซีซัสไปให้ถึงมืออนัสตกาลให้เร็วที่สุด
“เนกิเจ้าติดต่ออนัสตกาลเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” คีย์รัสมองร่างของมาร์คัสกับนาซีซัสด้วยความกังวล
“ข้าติดต่อไปเรียบร้อยแล้วไปถึงน่าจะทันการณ์นะ”
“แต่ตอนนี้เราไม่มีวิธีอะไรช่วยทั้งสองคนได้บ้างเลยหรือไง”
“ข้าพอจะมีวิธีอยู่บ้าง แต่คงต้องเสียงนะเพราะข้าไม่เคยลงมือจริงๆได้แต่อ่านในหนังสือเท่านั้นเอง”
เนกิทำหน้าลังเลกับความคิดของเขาเอง
“งั้นเจ้ารีบบอกมาเถอะ เดี๋ยวข้าช่วยเจ้าอีกแรงเองคงไม่เป็นไรแน่ๆ”
“ตกลง งั้นเจ้า............”  คีย์รัสเร่งทำตามที่เนกิบอก


‘อ๊อดดดดดดดดดดดด อ๊อดดดดดดดดดด’
เสียงสัญญาเตือนภัยภายในตึกเอ็มไพร์สเตรทดังขึ้น
“ท่านแอนนาท่านพีรันมีผู้บุกรุกเข้ามาทางทิศใต้ครับ”
ชวินเป็นคนวิ่งเข้ามารายงานแอนนากับพีรันที่กำลังนั่งวางแผนบางอย่างกันอยู่
“มันเป็นพวกไหนกันหรือว่าพวกโซดิเอค” แอนนาถาม
“ใช่ครับ เพียงแต่...” ชวินหยุดลงเล็กน้อย
“เพียงแต่อะไร” แอนนาแปลกใจกับท่าทางของชวิน
“เพียงแต่คนที่มาข้าคิดว่าน่าจะเป็นพวก12ราศีครับ” ชวินทำหน้าเคร่งเครียด
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นพวก12ราศี” พีรันถามขึ้นบ้าง
“เพราะทั้งหมดฝ่าค่ายกลกับทหารของเราได้อย่างง่ายดายนะสิครับ แล้วรู้เหมือนพวกมัยจะรู้ด้วยว่าองค์ราชันย์กับท่านคีย์รัสไม่อยู่ที่นี่” ชวินรีบรายงานต่อ
“เป็นไปได้ยังไง แผนของเราทั้งหมดเป็นความลับนี่นา” แอนนาแปลกใจ
“ข้าคิดว่าเราคงมีหนอนบ่อนใส้เสียแล้ว” พีรันพูด
“หรือว่าบีชางซอน” แอนนาพึมพำออกมา
“ข้างว่าเรื่องนี้พักไว้ก่อนจัดการเรื่องตรงหน้าก่อนดีกว่า แล้วเราค่อยกลับมาหาตัวสายลับอีกที” พีรันพุ่งตัวออกจากห้องไป แอนนารีบตามไปพร้อมกับชวินทันที
ณ ชั้นที่38
“ท่านเจ้าตำหนักคะ พวกโซดิเอคบุกเข้ามาแล้ว ไม่ทราบว่าท่านจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไปคะ”
หญิงสาวใส่ชุดพญาบาลสีขาวเดินเข้ามารายงานอนัสตกาล
เจ้าตำหนักเป็นชื่อที่คนในสังกัดของอนัสตกาลเรียกแทนคำว่าหัวหน้าหรือหมอเทวดา
“พวกเราไม่ต้องใส่ใจเตรียมตัวรักษาคนให้พร้อม ข้าเชื่อว่าพีรันกับแอนนาจัดการเรื่องนี้ได้ แล้วอีกเดี๋ยวโจแอนกับเจ้าหลิงก็คงพาคนเจ็บมาแล้ว” อนัสตกาลมีสีหน้าเคร่งเครียด
พีรันกับแอนนามุ่งออกมาข้างหน้าตึกก่อนออกมาแอนนาสั่งการชวินบางอย่างก่อนที่เขาจะแยกตัวออกไป
ออกมาข้างนอกทั้งสองคนได้ยินเสียงดังตลอดเวลาจากทางทิศใต้จึงรีบมุ่งหน้าไป
‘ฟุบ ฟุบ’
มิรันด้ากับผิงหนานปรากฏกายข้างๆทั้งสองคน
“พวกข้าไปด้วย ท่าทางคราวนี้จะตึงมือหน้าดู” มิรันด้าบอก
ทั้งสี่คนรีบมุ่งหน้าไปยังจุดที่ปะทะกันอย่างรวดเร็ว


“พวกเราเตรียมพร้อมเครื่องบินลงจอดแล้ว” โจแอนรีบสั่งการลูกน้องที่มารอรับมาร์คัสกับนาซีซัสด้วยกัน
“โจแอนเจ้ารีบพาคนเจ็บไปหาท่านเจ้าตำหนัก เดี๋ยวข้าจะคุ้มครองเอง” เจ้าหลิงหันไปบอกโจแอนเมื่อเธอสัมผัสพลังกลุ่มหนึ่งได้
โจแอนเองก็จับสัมผัสได้เขาถึงรีบร้อนที่จะทำการเคลื่อนย้ายคนเจ็บทันที
“ได้ แต่เจ้าต้องระวังตัวด้วยนะ ท่านคีย์รัสก็อยู่บนเครื่องคงช่วยอะไรเราได้บ้าง”
เจ้าหลิงแยกตัวออกจากโจแอนอย่างเงียบๆ
เครื่องบินร่อนลงเรียบร้อยพวกโจแอนรีบตรงเข้าไปอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบ
พอมาถึงเครื่องบินเธาเข้าไปหาร่างที่สลบไสลของมาร์คัสกับนาซีซัส
แต่แล้วเธอก็แปลกใจเพราะบนร่างกายของทั้งสองคนมีเข็มทองฝั่งอยู่เพื่อห้ามเลือดกับพิษไม่ให้กระจายไปทั่วร่างกาย
“นี่ใครเป็นคนทำคะท่านคีย์รัส” โจแอนถามอย่างแปลกใจ
เพราะว่าจุดต่างๆที่ฝังเข็มลงไปได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ
เพราะบางจุดถ้าพลาดอาจทำให้เลือดไหลออกมามากกว่าเดิมจนเสียชีวิตได้
“ข้าเองแหละ ข้าขอโทษที่ทำอะไรโดยพละการนะ” เนกิบอกพร้อมก้มหน้าเล็กน้อย
“เปล่าๆๆ ข้าจะบอกว่าท่านทำได้ดีเกินกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก”
“เรื่องนี้ต้องยกให้คีย์รัสเขาเพราะข้าแค่บอกจุดเขาเป็นคนฝังเข็ม” เนกิมองหน้าคีย์รัสพร้อมรอยยิ้ม
“เรื่องนี้ไว้ชมกันที่หลังเราต้องรีบพาทั้งสองคนไปให้ถึงท่านเจ้าสำนักก่อน ตอนนี้ดูเหมือนเราจะโดนซุ่มโจมตีรอบด้านเสียแล้ว”
เสียงดังจากการต่อสู้ดังขึ้นใกล้เข้ามา ท่าทางเจ้าหลิงจะปะทะกับศัตรูเสียแล้ว
“งั้นพวกเจ้ารีบไปก่อนเดี๋ยวข้าจะไปสกัดไว้เอง เนกิเจ้าไปกับพวกเขานะ” คีย์รัสบอกก่อนที่จะหายไปจากเครื่องบิน
พวกโจแอนรีบทำการเคลื่อนย้ายร่างที่ไร้สติทั้งสองไปอย่างรวดเร็ว



ทางทิศใต้ของตึกเอ็มไพร์สเตรท
ทหารยามชุดขาวจำนวนมากยืนล้อมผู้มาเยือนทั้งสี่คนไว้
รอบๆตัวทั้งสี่คนมีคนชุดขาวจำนวนมากล้มอยู่
“หยุด!!!!~” พีรันตะโกนระงับศึกก่อนที่จะมีคนล้มตายมากไปกว่านี้
ทหารชุดขาวหยุดทันทีที่ได้ยินคำสั่ง แต่ยังคงยืนล้อมคนทั้งสี่ไว้
“พวกเจ้าถอยออกมาให้หมด แล้วรีบกลับไปที่ฐานบัญชาการโดยด่วน” แอนนาสั่งการบ้าง
ทหารชุดขาวหายไปอย่างรวดเร็วเหลือเพียง 8 คนที่ยืนมองหน้ากันอยู่
ฝั่งตรงข้ามมีชายสองหญิงสอง
มีชายรูปร่างสูงโปร่งผมสีบรอนด์ทองนัยน์ตาสีฟ้าราวกับน้ำทะเลยามต้องแสงอาทิตย์ตอนแดดจัดๆ
สวมชุดสีขาวสะอาดตาประดับด้วยเครื่องประดับสีทองฝังด้วยไพรินดูเด่นยื่นอยู่ด้านหลังสุด
ถึงแม้คนผู้นี้จะยื่นอยู่หลังคนที่มีพลังกล้าแข็งถึงสามคนแต่เขาก็ยังกลับดูโดดเด่นยิ่งกว่าคนด้านหน้ายิ่งนัก
“พวกเจ้าเป็นใครบุกมาที่นี่ต้องการสิ่งใดกันแน่” แอนนาออกหน้าถามแทนทุกคน
ผู้หญิงผมยาวใส่ชุดสีเขียวสดราวกับใบไม้ที่เพิ่งเด็ดลงมาจากต้น
ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูอ่อนเอ่ยขึ้น
“เราไม่จำเป็นต้องบอกพวกเจ้า ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงไม่มีความสามารถเพียงพอที่เราจะต้องบอก”
“เวอร์โก้ระวังอาวุธบิน” ชายผมทองพูดเตือนเบาๆ แต่เสียงกลับไดยินอย่างชัดเจนทุกคน
อาวุธบินทรงกลมทำจากหยกสีขาวนวลพุ่งตรงไปที่กลางหน้าผากของเวอร์โก้อย่างรวดเร็วและเงียบสนิท
หลังจากที่ได้ยินคำเตือนเวอร์โก้เบี่ยงหน้าหลบอาวุธบินตัดเส้นผมของเธอขาดปอยเล็กๆ
“ดูสิว่าคราวนี้จะคู่ควรหรือไม่” ผิงหนานหยิบหน้ากากหยกขาวขึ้นมาใส่ก่อนทะยานเข้าหาเวอร์โก้
“ชิ อ๋องผิงหนานหรือนี่” เวอร์โก้สบถออกมาก่อนถอยร่นไปอีกทางรับการโจมตีของผิงหนาน
“แอรีส พรีส เจ้าไปช่วยทางนั้นก่อน ท่าทางฝีมือของหญิงชุดขาวนั่นจะมากกว่าที่คิดไว้”
ชายชุดขาวกับผู้หญิงผมสั้นใส่สูทสีขาวรีบแยกตัวไปทันที
“เดี๋ยวข้าไปช่วยทางนั้นเอง ปี๊ดดดดดดดดดดดด” มิรันด้าบอกพร้อมเป่าปากเสียงดัง
“โฮ่งๆๆ” สุนัขตัวโตสีขาวโผล่ออกมาหาเธอก่อนที่เธอจะขึ้นขี่มันแล้วมุ่งหน้าไปหาผิงหนาน
“ท่าทางท่านคงเป็นหนึ่งในสามเจ้า ไม่เช่นนั้นคงสั่งการพวก12ราศีไม่ได้แน่นอน” พีรันพูดความคิดของเขาออกมา
“สมกับเป็นจักรพรรดิพีรัน ขนาดอยู่ต่อหน้าข้ายังไม่มีอาการหวั่นวิตกออกมาให้เห็น” ชายคนนั้นเดินเข้ามาหาทั้งสองคนช้าๆ
“ที่พวกสามเจ้าออกมาลงมือเช่นนี้คงหมายสยบพวกเราให้ได้ในคราวนี้เลยใช่หรือไม่”
“ถูกต้อง เพราะว่าตอนนี้ทีนี่มีแต่เจ้าเท่านั้นที่มีฝีมือสูงที่สุด แล้วอีกอย่างท่านพี่เจ้าปฐพีคงจัดการกับเจ้ามาร์คัสเรียบร้อยแล้ว ที่นี่ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะอย่างสุภาพดังออกมา
“ข้าว่าเจ้าต้องผิดหวังเสียแล้ว เพราะพี่มาร์คัสกำลังกลับมาทีนี่ ป่านนี้คงใกล้ถึงแล้ว” แอนนาแทรกการสนทนาของทั้งสองคน
ชายผมทองทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อคำพูดของแอนนา แต่เขาคิดว่าทั้งสองคนไม่จำเป็นต้องโกหก
แต่ที่เขาแปลกใจคือท่านพี่เจ้าปฐพีไม่น่าจะทำงานผิดพลาดได้ขนาดนี้
“ถ้างั้นข้าคงต้องกำจัดเจ้าทั้งสองกู้ชื่อให้กับพวกเราเสียแล้ว”
ชายผมทองกางแขนออกไปด้านข้างทั้งสองข้าง
หยดน้ำกลั่นตัวขึ้นกลางอากาศอย่างรวดเร็วรวมตัวกันเป็นก้อนสีฟ้าใสหกก้อนด้านหน้า
“เจ้าสมุทร คนที่ใช่พลังน้ำคงเป็นเจ้าสมุทรแน่ๆ” พีรันกระซิบบอกแอนนา
เขาเร่งพลังมาไว้ที่ฝ่ามือทั้งสองข้างจนเป็นแสงสีเหลืองทองอร่ามตา
“หมัดเจ้าพิภพขั้นที่12” แอนนารู้สึกแปลกใจกับพลังของพีรัน
พลังหมัดเจ้าพิภพขั้นที่12ถือเป็นขั้นสูงสุดของเพลงหมัดชุดนี้
สามารถถล่มภูเขาได้ทั้งลูกด้วยหมัดเดียว ไม่มีใครสามารถฝึกถึงขั้นนี้ได้มานานกว่าหลายร้อยปีแล้ว
เจ้าสมุทรเองก็สังเกตได้เหมือนกัน เขารอบเพิ่มพลังลงไปในก้อนน้ำทั้งหกตรงหน้าเขา
“ข้าอยากรู้เหมือนกันว่าหมัดเจ้าพิภพขั้นสูงสุดจะแกร่งดังตำนานหรือไม่ รับมือได้”
เจ้าสมุทรหมุนตัวชายผ้าคลุมสะบัดมาปัดก้อนน้ำทั้งหกก้อนพุ่งเข้าใส่พีรันกับแอนนา
พีรันสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนที่จะพุ่งตัวออกหน้าไปคนเดียว


................................................


ปล. เดี๋ยวรูปตัวละครผมเอามาลงให้ตามหลังนะคร้าบ ขอกู้เครื่องหลักก่อนพรุ่งนี้ แหะๆ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่15 เจ้าสมุทร [P:11] UP!!! 26-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 26-02-2011 11:01:52
ค้างๆๆๆๆ เมื่อไรจะไม่ค้างอะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่15 เจ้าสมุทร [P:11] UP!!! 26-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 26-02-2011 17:47:20
ค้างเหมือนกันอ่ะ........................
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่15 เจ้าสมุทร [P:11] UP!!! 26-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: teerasak ที่ 26-02-2011 18:19:23
 :m31:โห แอบมาให้ค้างอีกแล้ว :z3:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่15 เจ้าสมุทร [P:11] UP!!! 26-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: KM ที่ 27-02-2011 09:18:39
หนุกมวากกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่15 เจ้าสมุทร [P:11] UP!!! 26-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: BExBOY ที่ 27-02-2011 20:46:14
วายเลิฟแนว ต่อสู้ วะฮ่าๆๆๆ
มันส์พะย่ะค่ะ


หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่15 เจ้าสมุทร [P:11] UP!!! 26-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 27-02-2011 21:15:34
 :call:  ขอบคุณครับ


ขอให้ พีรัน  กับแอนนา  รับมือ จ้าวสมุทร  แล้วถ่วงเวลาไว้ ด้วยนะๆๆ   หวังว่า  มาร์คัส กับนาร์ซีซัส จะปลอดภัยนะครับๆๆๆๆ


ปล.  Writer, FIGHTING!!!
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่15 เจ้าสมุทร [P:11] UP!!! 26-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 28-02-2011 12:31:55
ค้างๆๆๆๆ เมื่อไรจะไม่ค้างอะ :monkeysad:

 :-[ สักพักก็ไม่ค้างแล้วละครับ  :-[ (คิดถึงอะไรฟระตู)

ค้างเหมือนกันอ่ะ........................
 :serius2: :serius2: :serius2:

เดี่ยวรีบมาต่อให้ครับ วันนี้เย็นๆเอารูปมาลงเพิ่มให้นะครับ

:m31:โห แอบมาให้ค้างอีกแล้ว :z3:

แหะๆ กลัวมาตรงๆแล้วโดนจับตัวอะครับ เลยแอบมาทำให้ค้าง  :-[

หนุกมวากกกกกกกกกกกกก

 :pig4: ขอบคุณคร้าบบบ จะพัฒนาให้ยิ่งขึ้นไปอีกคร้าบ

วายเลิฟแนว ต่อสู้ วะฮ่าๆๆๆ
มันส์พะย่ะค่ะ




555 ก็ผมมันชอบแนวนี้อะครับ หวานมาไปเขียนไม่เป็น แหะๆๆ

:call:  ขอบคุณครับ


ขอให้ พีรัน  กับแอนนา  รับมือ จ้าวสมุทร  แล้วถ่วงเวลาไว้ ด้วยนะๆๆ   หวังว่า  มาร์คัส กับนาร์ซีซัส จะปลอดภัยนะครับๆๆๆๆ


ปล.  Writer, FIGHTING!!!

ขอบคุณคร้าบ มีคนเชียร์แบบนีสู้ตายเลยครับ  :กอด1:

เดี๋ยวเย็นนี้ผมเอารูปพวกโซดิแอคมาลงเพิ่มให้นะครับ

 :กอด1: คนอ่านทุกคนครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่15 เจ้าสมุทร [P:11] UP!!! 26-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: KM ที่ 28-02-2011 21:34:09
ยังไม่มาเง้อออออ อยากต่อแว้ว
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่15 เจ้าสมุทร [P:11] UP!!! 26-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 04-03-2011 19:54:29
ช่วงนี้เข้าบอร์ดลำบากจัง
แต่เข้ามาได้อ่านสมใจอ่ะ ตื่นเต้นๆ ว่าพีรัสจะสู้ต้านไว้ได้ไหม
ช่วงนี้เหล่าร้ายมีแต่คนเก่งๆทั้งนั้น คนเก่งของเราก็ได้รับบาดเจ็บร่อแร่...เฮ้ออออ

รออ่านตอนต่อไปจ้าา
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่15 เจ้าสมุทร [P:11] UP!!! 26-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: mete ที่ 05-03-2011 09:40:10
ค้างอะ :sad4:

แต่ว่าพวกโกงรู้สึกจะเทพเกินไปแล้ว :serius2:

ฝ่ายตัวเอกของพวกเราน่าจะมีการฝึกพิเศษ

แบบว่าได้ท่าไม้ตายใหม่ 555+(อย่างกับในการ์ตูนสู้ตัวโกงไม่ได้ก็ไปฝึกวิชา)

มาต่อไปไว้นะคับ :bye2:

เป็นกำลังใจให้

หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่15 เจ้าสมุทร [P:11] UP!!! 26-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 08-03-2011 23:30:46
เง้อ ขอโทษด้วยนะคร้าบที่ยังไม่ได้เอารูปมาลงให้เลย

เห็นเล้าฯป่วยๆเลยลืมไปเลยอะครับ

เดี๋ยวจะรีบจัดการให้นะคร้าบ  :call: :call:

ที่บอกว่าคนโกงเก่งๆก็เขาเตรียมตัวมาเต็มที่นี่ครับ

แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฝั่งคนดีก็เลเวลอัพครับ หุหุ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่15 เจ้าสมุทร [P:11] UP!!! 26-02-11
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 09-03-2011 00:02:18
รีบมา up เร็วๆ นะครับ
รออ่านอยู่ ด้วยใจจดใจจ่ออยู่ครับ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่15 เจ้าสมุทร(ครึ่งหลัง) [P:12] UP!!! 09-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 09-03-2011 17:10:36
แอบแวบเอาตอนท้ายมาลงก่อน

ส่วนรูปเดี๋ยวตามมาลงให้อีกรอบนะครับ

อย่าว่ากันเน้อออออออออ(สำเนียงซะ 55+)

......................................


เปรี้ยงงงงง เปรี้ยงงงงงงงงง
เสียงหมัดสีทองทำลายก้อนน้ำทั้งหกก้อนที่เจ้าสมุทรปล่อยออกมา
พีรันทำลายพลังของเจ้าสมุทรลงได้อย่างง่ายดาย
เขาไม่ปล่อยโอกาสใช่ท่าร่างสะท้านภพเคลื่อนที่เข้าไปหาเจ้าสมุทรอย่างรวดเร็วราวกระสุนปืน
“สะท้านพิภพ” พีรันเอ่ยชื่อท่าออกมาพร้อมพุ่งหมดคู่เข้าไปบริเวณหน้าอกของเจ้าสมุทร
คลื่นพลังสีทองจากหมัดทั้งสองหมุนวนเป็นเกรียวเข้าที่กลางหน้าอกศัตรูเพื่อหมายสังหารในคราวเดียว
ตุบ ตุบ
พีรันรู้สึกเหมือนต่อยโดนผิวน้ำมันทำให้พลังของเขากระจายตัวออกไปได้
เมื่อเขาจ้องมองดีๆก็เห็นม่านพลังสีฟ้าใสเหมือนกำแพงน้ำกันระยะห่างระหว่างหมัดเขากับหน้าอกของเจ้าสมุทรเพียงไม่กี่เซ็นต์ฯ
วืดดดดดดดดดดดดด
ม่านพลังนั่นกำลังยึดตัวออกมายืดมือของเขาทั้งสองข้างไว้
พีรันรีบเร่งพลังกระแทกเข้าใส่จนหลุดออกมาจากการจับกุมได้
เจ้าสมุทรถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนจะหยุดทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“รุนแรงอย่างที่ตำนานว่าไว้จริงๆ ข้าคงประมาทเข้าไม่ได้อีกต่อไปแล้ว” เจ้าสมุทรลอบกลืนเลือดที่กระอักออกมาเพื่อไม่ให้พีรันรู้ว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บ
พีรันเองก็ยังแปลกใจ เพราะเขามั่นใจกับกับพลังเจ้าพิภพขั้นสูงสุดของเขามาก
แบบนี้คงต้องลองดูอีกสักครั้งเขาเร่งพลังให้สูงขึ้นไปอีก
ตอนนี้หมัดของเหมือนถูกเคลือบด้วยทองคำทั้งสองข้าง
เจ้าสมุทรเองก็เร่งพลังตัวเองเหมือนกัน เพราะเขาไม่อาจประมาทพีรันได้อีกต่อไป
เขาประเมินแล้วคิดว่าพีรันอาจมีพลังมากกว่ามาร์คัสตอนนี้เสียด้วยซ้ำ
ช่างเป็นเสือซุ่มที่น่ากลัวมากที่เดียว แต่เขาก็ยังคิดว่าเขาน่าจะรับมือกับสถานการณ์นี้ได้
เจ้าสมุทรเร่งพลังเนกิสของตัวเองขึ้นบ้าง รอบตัวเขาเหมือนมีกระแสน้ำวิ่งวนไปมาอย่างรวดเร็ว
พีรันไม่รอให้ฝ่ายตรงข้ามโคจรพลังเสร็จเขาเคลื่อนตัวทันที
เพียงกระพริบตาเขาก็ยืนอยู่หน้าเจ้าสมุทรเสียแล้ว
เจ้าสมุทรรอตั้งรับอยู่แล้วเขารีบวาดมือจากร่างขึ้นบน
หอกสีฟ้าจางๆที่สร้างจากน้ำพุ่งขึ้นมาตามมือตรงเข้าใส่พีรันจำนวนมาก
“ก้องพิภพ” พีรันย่อตัวลงพร้อมกับต่อยหมัดสีทองลงสู่พื้นดินตรงหน้า
ครืนนนนนนนนนนน
คลื่นพลังสีทองพุ่งขึ้นมาจากพื้นตรงที่ต่อยหมัดลงไป
แล้ววิ่งเข้าปะทะกับหอกน้ำจนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวันไหว
ดูเหมือนพลังทั้งสองคนจะเสมอกันในรอบนี้
แอนนาที่ดูอยู่ห่างๆชักกระบี่คู่กายพร้อมกับรีบเข้ามาช่วยพีรันทันที
เพราะเขาคิดว่านั้นอาจทำให้เขากำจัดกำลังสำคัญของทัพศัตรูลงได้ในครั้งนี้




อีกฝากของตึกเอ็มไพร์สเตรทโจแอนกำลังนำร่างของมาร์คัสกับนาซีซัสกลับไปหาอนัสตกาลอย่างรวดเร็ว
เสียงต่อสู้เริ่มดังไปรอบทิศและไล่หลังพวกเขาเข้ามาทุกขณะ
“พวกเราเร่งฝีเท้ากันหน่อย” โจแอนเร่งลูกน้องให้เดินทางให้เร็วยิ่งขึ้น
ย๊ากกกกกกกส์
ชายชุดดำสวมสร้อยกางเขนสีทองสี่คนกระโดดลอบโจมตีพวกโจแอน
“ไปๆๆ พวกเจ้ารีบไปข้าจัดการเอง” โจแอนสั่งการก่อนพุ่งตัวออกไป
หัตน์ประทับฟ้าวิชาประจำตัวของนางถูกใช้ออกมาอย่างรวดเร็ว
อ๊อค
เสียงสั้นๆก่อนที่ชายชุดดำทั้งสี่คนจะล่วงลงสิ้นใจโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย
โจแอนรีบตามกลุ่มลูกน้องนางไปเพราะนางได้ยินเสียงดังขึ้น
พวกชุดดำอีกสิบกว่าคนกำลังกลุ้มรุมลูกน้องของนางอยู่ที่ทางเข้าของตึก
เพียงเข้าตึกไปได้ก็ไม่มีใครจะติดตามพวกนางได้อีก
“พวกเจ้าเข้าไปก่อนเลยทางนี้ข้าจัดการเอง”
โจแอนเข้าขวางรั้งคนสิบกว่าคนไว้ทันที
เพลงหัตน์ประทับฟ้าท่าพราวนภาถูกใช้เพื่อหยุดคนทั้ง
หมัดที่โจแอนต่อยออกแผ่พุ่งรัวสีหมัดสีเขียวอ่อนจำนวนสามสิบสองหมัดได้ในคราวเดียว
โจแอนหมายสังหารคนทั้งหมดในท่าเดียวแต่กลับผิดคลาด
เพราะว่ายังเหลือรอดอยู่ได้อีกสามคน แถมยังไม่ได้รับบาดเจ็บเสียด้วย
ดูเหมือนว่าในจำนวนนี้ก็มีคนที่มีพลังฝีมือที่ไม่ด้อยกว่าเขาอยู่ด้วย
แต่ก็ไม่น่าจะเป็นระดับสิบสองราศีหรือว่าจะเป็นพวก32ดาวเล็กก็เป็นได้
นางจึงไม่กล้าประมาทอีกต่อไป
แต่ที่นางวางใจอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้ลูกน้องของนางพามาร์คัสกับนาซีซัสเข้าตึกไปเรียบร้อยแล้ว
ทีนี้ก็คงเป็นหน้าของท่านเจ้าตำหนัก ส่วนนางจะคอยกันไม่ให้ใครตามเข้าไปในตึกได้



อนัสตกาลรออยู่ที่ชั้น38อย่างร้อนรน นางอยากลงไปช่วยทุกคนเหลือเกิน
แต่ว่าการรักษาคนเจ็บที่กำลังจะมาถึงก็สำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
ติ้ง เสียงลิฟท์ดังมาหยุดที่ชั้นของนาง
ลูกน้องของนางรีบนำร่างคนทั้งสองเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้าเข้าประจำตำแหน่ง เราจะรีบลงมือรักษากันแล้ว”
อนัสตกาลสวมถุงมือสีขาวทั้งสองข้างแล้วเริ่มการรักษาอย่างรวดเร็ว


ด้านหน้าตึกโจแอนขว้างรั้ง3ใน32ดาวเล็กไว้ได้แต่ก็เกิดบาดแผลขึ้นตามตัวหลายแห่ง
สามคนที่เหลือใช้อาวุธแตกต่างกัน คนหนึ่งใช้กระบี่ คนหนึ่งใช้ดาบ อีกคนใช้แส้เป็นอาวุธ
แถมการลงมือของทั้งสามคนยังผสานลงตัวกันทั้งรุกและรับ
ถ้าไม่ใช่โจแอนคงแพ้ทั้งสามคนไปนานแล้ว
“อย่าคิดว่าจะผ่านไปได้เลย”
โจแอนตะโกนบอกพร้อมกับใช้ท่าหัตน์ท่องนภาซึ่งเป็นท่าที่รวดเร็วที่สุดของนาง
ตอนนี้นางเหมือนมีมือเพิ่มขึ้นมาเป็น6มือ เข้ารับการโจมตีของคนทั้งสาม
ควับ!!
แส้สีส้มอ่อนที่ทำจากหนังงูเหลือมเข้าพันแขนข้างซ้ายของนางไว้
ก่อนที่ชายอีกคนจะแทงกระบี่เข้าใส่นางอีกข้างหนึ่ง
นางรีบยกมือขวาตั้งรับ คนที่ใช้ดาบถือโอกาสนี้แทรกตัวเพื่อที่จะเข้าไปในตึกทันที


ขณะที่เจ้าสมุทรกับพีรันกำลังปะทะกำลังกันอยู่นั้น
แอนนาก็ยื่นมาเข้าแทรกเขาทะยานตัวขึ้นบนฟ้า
พร้อมกับใช้ท่าวารีหยดเดียวที่เป็นท่าที่มีพลังทำลายมากที่สุดของเพลงกระบี่วารีทิพย์
รังสีกระบี่สีชมพูมารวมอยู่ที่ปลายกระบี่จนเกิดความแหลมคมมากขึ้นกว่าเดิม
คงไม่มีอะไรที่ท่านี้แทงไม่ทะลุ แม้แต่ผู้ที่ฝึกพลังคลุ้มครองกายขั้นสูงสุดก็ตาม
เธอพุ่งตัวลงแทงกระบี่ลงมาตรงกลางศีรษะเจ้าสมุทร
เจ้าสมุทรรับรู้ถึงอันตรายได้เขาหมุนมือซ้ายจากล่างขึ้นบน
สายน้ำพุ่งจากพื้นตรงที่เขายืนอยู่กลายเป็นหอกเล่มใหญ่เข้าต้านแอนนา
เจ้าสมุทรยืนต้านพลังของทั้งสองคนไว้อย่างไม่สะทกสะท้าน
ทำเอาทั้งพีรันและแอนนาแปลกใจ
“มันเป็นกับดัก”
พีรันยังพูดไม่ทันจบดีเจ้าสมุทรก็ชิงลงมือก่อนแล้ว
“ไหลตามมหานที”
เกิดกระแสน้ำไหลพาพลังของพีรันที่เจ้าสมุทรตั้งรับไว้ทีแรกให้พุ่งเข้าใส่แอนนา
“แอนนาระวังด้วย” ถึงใจพีรันหมายจะดึงพลังกลับคืนแต่ว่าเจ้าสมุทรมิยินยอมให้เป็นเช่นนั้น
แอนนาก็รู้ตัวแล้วรีบเปลี่ยนจากท่ารุกเป็นรับอย่างรวดเร็ว
“วารีสะท้อนจันทร์”
แอนนาปล่อยกระบี่ในมือออกแล้วใช้พลังเนกิสบังคับกระบี่ในมือให้หมุนวน
กระบี่แยกออกเป็น32เล่มเรียงต่อกันกลายเป็นโล่กระบี่
“เนกิสแยกกระบี่” พีรันรอบอุทานออกมา
เพราะเขานึกไม่ถึงว่าแอนนาจะมีพลังก้าวหน้ามากถึงกับใช้ท่านี้ได้
พลังของพีรันปะทะกับโล่กระบี่ทั้งสองลอยห่างกันออกไป
เจ้าสมุทรฉวยโอกาสเข้าประชิดตัวพีรัน
เพราะเขาคิดว่าพีรันอันตรายกว่าแอนนายิ่งนัก
หมัดทีล้อมด้วยพลังสีฟ้าต่อยเข้าท้องของพีรันอย่างเต็มที
ดีที่พีรันระวังตัวตลอดเวลาเขาเลยใช้พลังคุ้มครองร่างกายช่วยลดทอนอาการบาดเจ็บได้บ้าง
ฮึบ
พีรันกัดพันสวนหมัดเจ้าพิภพเข้าที่หน้าอกของเจ้าสมุทรเช่นเดียวกัน
อ๊อก
ทั้งสองกระอักเลือดพร้อมกับกระเด็นไปคนละทาง
แอนนาหลังจากตั้งตัวได้ก็รีบเข้าไปหาพีรันทันที



TBC.
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่15 เจ้าสมุทร(ครึ่งหลัง) [P:12] UP!!! 09-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 09-03-2011 17:39:27
สนุกมากครับ ตอนนี้มันส์จริงๆ ครับ  :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่15 เจ้าสมุทร(ครึ่งหลัง) [P:12] UP!!! 09-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 09-03-2011 17:57:43
มันย์มากมาย มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่15 เจ้าสมุทร(ครึ่งหลัง) [P:12] UP!!! 09-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 09-03-2011 22:29:48
ลุ้นนนนนนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่15 เจ้าสมุทร(ครึ่งหลัง) [P:12] UP!!! 09-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 10-03-2011 11:41:02
อิอิ มาดันป๋า

ขยันว่ะ หลายเรื่องมาก นี่ป๋ามีกี่ร่างเนี่ย

ขอยืมมาใช้มั่งดิ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่15 เจ้าสมุทร(ครึ่งหลัง) [P:12] UP!!! 09-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 12-03-2011 00:27:47
หุ หุ หุ สอบเสร้จแล้ว  เลยมาตามอ่านต่อ

ฝ่ายอธรรมเก่งจริงๆ  ก็เค้าเตรียมตัวมาดีอย่างที่พี่นัทว่าแหละ
ไม่งั้นคงไม่มั่นใจกล้าบุกถิ่นฝ่ายธรรมะหรอก
ฝ่ายธรรมะจะต้องเกือบแพ้ก่อน  แล้วถึงจะหาวิธีอัปพลังได้
หลังจากนั้นก็ค่อยไปปราบอธรรม  กอบกู้โลกสู่ความสงบสุขอีกครั้ง
แล้วสหายร่วมศึก จากที่เขม่นกันก็จะเป็นมิตรกันได้
พระ-นาง (เรื่องนี้คงต้องเป็น พระ-นาย)ก็จะรักกัน  สมหวัง(ถ้าไม่สิ้นชีวีในหน้าที่วะก่อน)

 :L2:และ :pig4: พี่นัท
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่15 เจ้าสมุทร(ครึ่งหลัง) [P:12] UP!!! 09-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 12-03-2011 01:47:01
ตื่นเต้นๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่15 เจ้าสมุทร(ครึ่งหลัง) [P:12] UP!!! 09-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 15-03-2011 16:35:34
และแล้วก็ยังไม่ได้เอารูปมาแปะให้ดูจนได้ ขออภัยอย่างยิ่งเลยนะครับ

เลยเอาตอนต่อไปมาฝากแทน ทดแทนกันได้ไหมครับ

สนุกมากครับ ตอนนี้มันส์จริงๆ ครับ  :3123: :3123:

กำลังเข้มข้นเลยล่ะครับ เพราะว่าถ้าฝ่ายมาร์คัสพลาดอาจแพ้ไปเลยก็ได้

มันย์มากมาย มาต่อไวๆนะ

มาต่อแล้วนะคร้าบ หุหุ เดี๋ยวแวบไปส่งข่าวถึงที่เลย

ลุ้นนนนนนนนนนนนนนนนนนน

คงต้องลุ้นต่ออีกนะครับ กำลังเจ้มจ้นเลย หุหุ

อิอิ มาดันป๋า

ขยันว่ะ หลายเรื่องมาก นี่ป๋ามีกี่ร่างเนี่ย

ขอยืมมาใช้มั่งดิ  :laugh:

มีร่างเดียวแหละน๊อต แต่มีสิบมือ เย้ยไม่ใช่ทศกัณน์

หุ หุ หุ สอบเสร้จแล้ว  เลยมาตามอ่านต่อ

ฝ่ายอธรรมเก่งจริงๆ  ก็เค้าเตรียมตัวมาดีอย่างที่พี่นัทว่าแหละ
ไม่งั้นคงไม่มั่นใจกล้าบุกถิ่นฝ่ายธรรมะหรอก
ฝ่ายธรรมะจะต้องเกือบแพ้ก่อน  แล้วถึงจะหาวิธีอัปพลังได้
หลังจากนั้นก็ค่อยไปปราบอธรรม  กอบกู้โลกสู่ความสงบสุขอีกครั้ง
แล้วสหายร่วมศึก จากที่เขม่นกันก็จะเป็นมิตรกันได้
พระ-นาง (เรื่องนี้คงต้องเป็น พระ-นาย)ก็จะรักกัน  สมหวัง(ถ้าไม่สิ้นชีวีในหน้าที่วะก่อน)

 :L2:และ :pig4: พี่นัท

นี่จะเดาเรื่องพี่จนจบเลยหรอคร้าบ แต่ไม่บอกหรอกครับ :laugh:

ตื่นเต้นๆๆๆๆ

ติดตามความมันส์ต่อไปได้เลยนะครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16 กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:12] UP!!!15-03-11[4:30]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 15-03-2011 16:37:29
กระบี่พิสดารแผลงฤทธิ์


“ห้ามเข้าไปนะ” โจแอนตะโกนห้ามชายที่กำลังจะเข้าไปในตึก
แต่ชายคนนั้นมิได้ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย
ฉับ ฉับ ฉับ
โจแอนได้ยินเสียงเหมือนมีใครตัดสิ่งของด้วยความเร็วสามครั้งเบาๆ
อ๊ากกกกกกกกกกส์
ชายคนที่กำลังจะเข้าไปในตึกขาดครึ่งในช่วงเอวลงไปกองอยู่ที่พื้น
สวนสองคนที่รั้งเธอไว้ตัวแยกออกเป็นสองท่อนโดยที่เธอไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าใครทำ
โจแอนรีบมองไปรอบเธอสัมผัสอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ใครกันแน่นะที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเธอเวลาคับขันได้อย่างพอดิบพอดี
“เกิดอะไรขึ้นโจแอน” เจ้าหลิงตามมาถึงหน้าตึกพร้อมกับคีย์รัส
“ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่มีคนมาช่วยข้าไว้แถมฝีมือสูงส่งมากด้วย”
คีย์รัสเดินไปสำรวจศพของคนทั้งสามอย่างเงียบๆก่อนที่จะยิ้มออกมาที่มุมปาก
“พวกเราไปข้างในกันเถอะ เรื่องข้างนอกคงวางใจได้แล้วในเมื่อคนนั้นเขามาช่วยแล้ว”
คีย์รัสบอกพร้อมกับนำหน้าเข้าไปในตึก โจแอนกับเจ้าหลิงยังคงงงกับคำพูดคีย์รัส
แต่ทั้งสองก็ตามเข้าไปในตึก เพราะเขาต้องรีบไปช่วยเจ้าตำหนักของเขารักษาคนต่ออีก



แอนนาเข้ามาประคองพีรันไว้ทำให้เขาไม่ล้มลงไปกับพื้น
“ขอบใจเจ้ามาก” พีรันพูดเบาๆ
“ข้าคิดว่าตอนนี้มันคงบาดเจ็บเหมือนกัน เดี่ยวข้าจะถ่วงเวลาไว้ให้เจ้ารักษาตัวสักครู่ แล้วเราค่อยรวมมือกันอีกครั้งหนึ่ง”
แอนนาส่งเสียงผ่านพลังเนกิสเพื่อให้ได้ยินกันสองคน
“ระวังตัวด้วยนะ” พีรันบอก
แอนนาปล่อยมือจากพีรันแล้วทะยานร่างไปหาเจ้าสมุทรด้วยความเร็วราวกับลูกธนู
ฮึบ
เธอใช้ท่าพิรุณลวงตาเมื่อเข้าใกล้เจ้าสมุทรอย่างรวดเร็ว
รังสีกระบี่สีชมพูแผ่กระจายออกไป180สายพุ่งตรงเข้าใส่ศัตรูตรงหน้า
แต่ในรังสีกระบี่ทั้งหมดนี้มีจริงบ้างหลอกบ้างทำให้ยากต่อการป้องกัน
เจ้าสมุทรที่ยังไม่ทันรักษาตัวจากการโดนสวนกลับของพีรันก้าวเท้าถอยหลังอย่างรวดเร็ว
แต่ก็ช้ากว่ารังสีกระบี่ของแอนนาไปครึ่งเก้ารังสีกระบี่ครอบคลุมตัวเขาไว้หมดแล้ว
ฮึบ
เจ้าสมุทรทิ้งน้ำหนักตัวลงไปที่พื้นจนเท้าเขายุบลงไปในพื้นเกือบครึ่งนิ้ว
ม่านน้ำสีฟ้าใสพุ่งขึ้นมาล้อมรอบตัวเขาไว้ราวกับลูกแก้วลูกใหญ่
ตูม ตูม ตูม
เสียงรังสีกระบี่ของแอนนาปะทะกับม่านน้ำของเจ้าสมุทร
แรงปะทะรุนแรงจนพื้นสั่นสะเทือนจนถึงจุดที่พีรันยืนอยู่
‘พี่น้องสงคนนี้จะแข็งแกร่งได้ขนาดไหนนะ’ พีรันรอบสงสัยในฝีมือของแอนนากับมาร์คัส
รังสีกระบี่ทั้ง180พุ่งตรงเข้าปะทะม่านน้ำอย่างไม่ลดละ
แต่ม่านน้ำนั้นก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าสิ่งใด รังสีกระบี่ทั้งหมดไม่สามารถทะลุเข้าไปได้แม้แต่เส้นเดียว
หลังจากที่รับการปะทะจากแอนนาจนหมดเจ้าสมุทรหมุนวนมือทั้งสองข้าง
บรึ้มมมมมมมมมม!!
เจ้าสมุทรระเบิดม่านน้ำกลายเป็นกระสุนน้ำนับร้อยกระจายตัวทั่วบริเวณ
แอนนาต้องรีบตั้งรับอย่างรวดเร็ว เธอถอยมาตั้งรับพร้อมกันกระสุนน้ำให้พีรันด้วย
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!~
เสียงกรีดร้องดังมาจากทางผิงหนานกับมิรันด้า
เสียงนี้หันแหความสนใจของแอนนากับพีรันได้ทันที
เพราะเขาคิดไว้แต่แรกแล้วว่าต่อให้ผิงหนานกับมิรันด้าจะเก่งยังไง
ก็ไม่น่ารับมือกับ12ราศีสามคนพร้อมกันไหว
การหันเหความสนใจของทั้งสองคนเพียงชั่วพริบตา
ก็เปิดโอกาสให้เจ้าสมุทรโจมตีเข้ามาแทน
เจ้าสมุทรใช้1ใน3ท่าไม้ตายของเขาออกมาอย่างรวดเร็ว
“เสาค้ำมหาสมุทร”
สายน้ำพุ่งขึ้นจากพื้นเป็นเสาต้นใหญ่ 7 ต้น ล้อมรอบทั้งสองคนไว้อย่างแน่นหนา
ก่อนที่จะหมุนวนเป็นวงกลมพร้อมกับขยับพื้นที่ให้แคบเข้า
แอนนาตัดสินใจแทงกระบี่เข้าใส่เพื่อหวังทำลายเสาน้ำ
เกร้ง
แอนนากระเด็นถอยหลังออกมาทันที เสานี้มีพลังบรรจุอยู่อย่างมหาศาล
พีรันลุกขึ้นยืนหลังจากโคจรพลังเนกิสได้สักพัก
“ข้าลองเอง” เขาต่อยหมัดเจ้าพิภพด้วยพลังขั้นสูงสุด
ตูมมมมมมมมมม
พลังของเขาทำลายเสาไปได้หนึ่งต้นแต่พื้นที่ก็แคบลงจนทำให้เขากับแอนนายืนเบียดกันแล้ว
“เราโจมตีพร้อมกัน” พีรันบอกแอนนา
ทั้งสองคนมองหน้ากันเล็กน้อย “เริ่ม” พีรันเป็นคนให้สัญญาณ
ทั้งสองคนใช้พลังเต็มที่ลงมือพร้อมกับโจมตีไปที่เสาน้ำตรงหน้า
ตูมมมมมมมมมม
เสาพังไปอีกต้น พีรันเห็นช่องว่างเล็กน้อยเขารีบดึงมือแอนนาแล้วทะยานตัวออกมาจากวงล้อมทันที
“มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอกนะ” เจ้าสมุทรพูดพร้อมยกมือทั้งสองข้างขึ้น
เสาน้ำที่เหลือลอยขึ้นจากพื้นพุ่งเข้าใส่ทั้งสองคนราวกับกระสุนปืนใหญ่
ทั้งสองคนคงตั้งรับไม่ทันแน่นอนเพราะเพิ่งใช้พลังในการทำลายเสาออกมาเมื่อกี้



เมื่อคนไข้ถึงการรักษาก็เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว
เครื่องมือการแพทย์หน้าตาแปลกถูกทยอยใช้อย่างเรื่อยๆ
โจแอนกับเจ้าหลิงเมื่อขึ้นมาถึงก็รีบเข้ามาช่วยอย่างรวดเร็ว
คีย์รัสยืนเฝ้าหน้าลิฟท์เพื่อป้องกันอันตรายให้
เนกิขอไปตรวจสอบอะไรบางอย่างกับเรื่องนี้แล้วแยกตัวออกไป


เสาน้ำที่เหลือพุ่งตรงเข้าหาทั้งสองคนจนยากเกินที่จะตั้งรับ
ฉึก ฉึก ฉึก
รังสีกระบี่สีน้ำเงินปักทะลุเสาทั้งหมดลงกับพื้นก่อนถึงตัวทั้งสองคนเล็กน้อย
“ท่านไป่จง” ทั้งสองประสานเสียงพร้อมกัน
“พวกเจ้ารีบไปช่วยทางผิงหนานก่อน ทางนี้ข้ารับมือเอง”
ไป่จงปรากฏกายขึ้นบนต้นไม้ห่างจากที่ต่อสู้หลายสิบเมตร
เจ้าสมุทรตีสีหน้าเคร่งเครียดทันทีเมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้
เขาไม่เคยคิดว่าจะมีคนหยุดท่าเสาค้ำมหาสมุทรของเขาได้ง่ายแบบนี้มาก่อน
พีรันกับแอนนาหายไปจากตรงนั้นทันที เพราะเขาวางใจได้เมื่อคนที่มาคือไป่จง
“ไป่จงหรือ เป้าหมายระดับ S ที่ต้องกำจัดให้ได้สินะ” เจ้าสมุทรพึมพำกับตัวเอง
“จะมัวคิดมากทำไม ถ้าเจ้าไม่ลงมือข้าเริ่มก่อนเลยนะ”
ไป่จงหายไปจากยอดไม้เพียงพริบตา เขามาอยู่ตรงหน้าเจ้าสมุทรแล้ว
กระบี่พิสดารพุ่งเข้ากลางหว่างคิ้วของเจ้าสมุทร
เจ้าสมุทรตั้งรับไม่ทันจึงทิ้งตัวลงไปด้านหลังเพื่อหลบคมกระบี่แทน
ปลายกระบี่ถากหว่างคิ้วเขาไปจนเลือดซึมออกมา
แต่กระบี่พิสดารไม่หยุดแค่นั้น กลับหักมุมแปลกพุ่งตามศัตรูต่อไป

เจ้าสมุทรจำเป็นต้องกลิ้งตัวไปกับพื้นเพื่อหลบการโจมตีครั้งนี้
“นี่หรอ1ใน3เจ้าไม่เห็นเก่งอย่างที่คิด” ไป่จงเย้ยหยัน
เจ้าสมุทรไม่เคยโดนใครดูถูกแบบนี้มาก่อนในชีวิต
“ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้” เจ้าสมุทรระเบิดพลังทั้งหมดออกมา
พื้นดินรอบตัวเขาแตกออกเป็นทางยาว
พลังที่เปล่งออกมามากกว่าตอนที่สู้กับพีรันและแอนนาเป็นเท่าตัว
ไป่จงหาได้สะทกสะท้านไม่เขาแทงกระบี่ไปอีกครั้งตรงบริเวณขาทั้งสองของเจ้าสมุทร
เจ้าสมุทรถอยหลังสองสามก้าวเพื่อหลบวิถีกระบี่
แต่แล้วกระบี่ที่แทงลงกลับหักมุมพิสดารอีกครั้งตรงเข้าใส่ใต้คางแทน
เจ้าสมุทรรวบรวมพลังมาต้านไว้ที่บริเวณคออย่างรวดเร็ว
กริ้ง
เสียงกระบี่เหมือนแทงเข้าใส่แผ่นเหล็กเข้าอย่างแรง
ถึงจะไม่บาดเจ็บแต่แรงของไป่จงก็ส่งให้เจ้าสมุทรตัวลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
แต่ไป่จงสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง เพราะว่าด้วยแรงของเขาเจ้าสมุทรไม่น่าจะลอยสูง
ก่อนที่เขาจะรู้ตัวสายน้ำก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินกลายเป็นหอกน้ำจำนวนมากตรงที่ไป่จงยืนอยู่
ไป่จงรีบหมุนตัวพร้อมกับวาดกระบี่ไปรอบตัว
กระบี่พิสดารตัดหอกน้ำออกเป็นสองท่อนก่อนจะสลายตัวไป
ยังไม่ทันที่เขาจะตั้งตัวได้เจ้าสมุทรพุ่งตัวลงมาพร้อมกับสายน้ำรอบตัวเขาไว้
เป้าหมายคือไป่จงที่ยืนอยู่เบื้องล่างที่ตอนนี้ยากจะหลบหนีไปได้แน่นอน


.......................................
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16 กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:12] UP!!!15-03-11[4:30]
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 15-03-2011 18:47:16
ไม่นะ  ไป่จงต้องไม่เป็นอะไร
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16 กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:12] UP!!!15-03-11[4:30]
เริ่มหัวข้อโดย: KM ที่ 15-03-2011 21:35:26
มาแล้วววววววววววว
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16 กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:12] UP!!!15-03-11[4:30]
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 15-03-2011 23:42:05
แต่ละตอน รู้สึกมันส์ขึ้นเรื่อยๆเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16 กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:12] UP!!!15-03-11[4:30]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 16-03-2011 19:26:37
ไม่นะ  ไป่จงต้องไม่เป็นอะไร

ต้องเอาใจช่วยเยอะๆเลยนะครับ ถึงจะเก่งยังไงแต่สู้กับ1ใน3เจ้าตัวต่อตัวเลยนะนี่

มาแล้วววววววววววว

อะไรมาแล้วคร้าบบ อิอิ สงสัยจริงๆ

แต่ละตอน รู้สึกมันส์ขึ้นเรื่อยๆเลยนะครับ

ก็เรืองมันกำลังเข้มข้นเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16 กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:12] UP!!!15-03-11[4:30]
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 16-03-2011 19:32:57
อ๊าา ตัดฉับนี้ก็ลุ้นเหนื่อยอ่ะซิ.........
รออีกแล้ว.........
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16 กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:12] UP!!!15-03-11[4:30]
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 18-03-2011 13:05:02
อ่านทันแระ
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16 กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:12] UP!!!15-03-11[4:30]
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 24-03-2011 18:33:57
อ๊าา ตัดฉับนี้ก็ลุ้นเหนื่อยอ่ะซิ.........
รออีกแล้ว.........

คิดว่าคืนนี้ดึกคงได้อ่านแล้วครับ แต่ขอไปกินหมูกระทะก่อน หุหุ

อ่านทันแระ
เป็นกำลังใจให้ครับ

ขอบคุณคร้าบ อาจลงช้าบ้างเร็วบ้างก็อย่าเพิ่งทิ้งกันนะครับ

แวะมาแปะรูปที่ติดไว้เสียนาน คงไม่ว่ากันนะครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16 กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:12] UPรูป!!!24-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 24-03-2011 18:49:01
(http://upic.me/i/yt/drifter_of_ice_wizard_by_yue_iceseal.jpg) (http://upic.me/show/8033727)

รีฟเวอร์ (RIVER)

ชื่อ :        รีฟเวอร์      ไฮน์กรีท
อายุ :           26 ปี
ส่วนสูง  :      185 cm.
หนัก :          58 kg.
กรุ๊ปเลือด :    O
ตำแหน่ง :    เจ้าสมุทร
สิ่งที่ชอบ :    ท้องทะเล
สิ่งที่เกลียด :    -
อาวุธประจำตัว :    น้ำ
ฉายา :      -


(http://upic.me/i/21/0dbb77031571219ad43f7cea.jpg) (http://upic.me/show/22123152)

ชื่อ :        ลัค      ไฮน์กรีท
อายุ :           21 ปี
ส่วนสูง  :      179 cm.
หนัก :          58 kg.
กรุ๊ปเลือด :    A
ตำแหน่ง :    ไพรซ์[PISCES]
สิ่งที่ชอบ :    -
สิ่งที่เกลียด :    -
อาวุธประจำตัว :    ยังไม่เปิดเผย
ฉายา :      หมัดสายฟ้า


(http://upic.me/i/sq/5048b939cb2b2cfd3a87ceb1.jpeg) (http://upic.me/show/7551794)

ชื่อ :        มีล      ไฮน์กรีท
อายุ :           19 ปี
ส่วนสูง  :      182 cm.
หนัก :          61 kg.
กรุ๊ปเลือด :    AB
ตำแหน่ง :    เอรีส[ARIES]
สิ่งที่ชอบ :    เจ้าฟ้า
สิ่งที่เกลียด :    ทุกคนที่ใกล้ชิดเจ้าฟ้า
อาวุธประจำตัว :    ยังไม่เปิดเผย
ฉายา :      บุรุษไร้ใจ


(http://upic.me/i/gt/d7499719bbe1701d34fa4137.jpg) (http://upic.me/show/22123543)

ชื่อ :        โรส      ไฮน์กรีท
อายุ :           20 ปี
ส่วนสูง  :      173 cm.
หนัก :          49 kg.
กรุ๊ปเลือด :    B
ตำแหน่ง :    เวอร์โก้[VIRGO]
สิ่งที่ชอบ :    กรีท
สิ่งที่เกลียด :    คนที่กรีทชอบ
อาวุธประจำตัว :    ยังไม่เปิดเผย
ฉายา :      กุหลาบป่า

หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16 กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:12] UPรูป!!!24-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: Goodfellas ที่ 24-03-2011 19:13:02
โอ้ว ขยันจริงๆป๋า 555

มีภาพประกอบให้จิ้น  +ไปเรย  o13
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16 กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:12] UPรูป!!!24-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 24-03-2011 20:19:16
ขอบคุณครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16 กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:12] UPรูป!!!24-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: KM ที่ 24-03-2011 23:47:02
เอาอีก มาแต่รูปอ่ะ แง้
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16(ครึ่งหลัง)กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:13]UP 25-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 25-03-2011 01:58:35
เอาตอนหลังมาลงแล้วนะครับ ดึกไปหน่อยคงไม่ว่ากันเนอะ :call:


.........................................

ไป่จงยังคงสงบนิ่งไม่ร้อนรนไปกับการโจมตีครั้งนี้
เขาหมุนตัววาดกระบี่ไปรอบตัวหนึ่งรอบเกิดคลื่นพลังสีนำเงินขึ้นรอบตัวเขา
คลื่นพลังหมุนเกลียวพุ่งขึ้นด้านบนเข้าต้านเจ้าสมุทร
แต่มันก็ทำได้เพียงชะลอความเร็วของเจ้าสมุทรลงเท่านั้น
สายน้ำที่ล้อมรอบตัวเขาก็ยังไม่หายไปกลับเพิ่มความแรงเพื่อหมายจับยึดตัวเขาไว้
ไป่จงแค่นยิ้มออกมาอย่างชอบใจเพราะเขาไม่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือแข็งเกร่งแบบนี้มานานแล้ว
เขาเร่งพลังเนกิสให้สูงขึ้นมากกว่าเดิมเพราะเขาจะลงมือเต็มที่แล้ว

ไป่จงยกกระบี่พิศดารขึ้นระดับอกพร้อมกับถ่ายทอดพลังไปที่กระบี่
กระบี่พิศดารส่งเสียงร้องวิ้งๆออกมาอย่างประหลาดพร้อมกับเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำเงินเข้ม
“พิศดารเห็นธรรม” ไป่จงแทงกระบี่ขึ้นไปด้านบน
พิศดารเห็นธรรมเป็นหนึ่งในสามท่าไม้ตายของกระบี่พิศดารไปจง
เมื่อใช้ออกมาจะปรากฏแถวริ้วกระบี่เป็นรูปดอกบัวตูมสีน้ำเงินเข้มสามดอกพุ่งออกมา
ซึ่งถ้ายังไม่สำเร็จวิชากระบี่พิศดารถึงขั้น12จะไม่สามารถใช้เพลงกระบี่นี้ได้
ดอกบัวทั้งสามจะกระจายออกไปสามทิศ ซ้าย ขวา และตรงกลาง
เมื่อดอกบัวทั้งหมดเข้าใกล้จะแตกเป็นบัวบานอีกอันละเจ็ดดอก
ยากที่จะหลบนี้ได้คราวนี้เขากะจบการต่อสู้ครั้งนี้ให้ได้

เจ้าสมุทรรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของการโจมตีครั้งนี้
แต่เขาก็ไม่สามารถถอนการโจมตีของเขาได้
ดอกบัวสีน้ำเงินเข้มทั้งสามดอกลอยมาล้อมตัวเขาไว้อย่างรวดเร็ว
ก่อนกระจายตัวเป็นดอกบัวบานยี่สิบเอ็ดดอกครอบคลุมร่างเขาไว้
พลังของแถบริ้วกระบี่เหนือกว่าพลังของรังสีกระบี่หลายเท่า
แล้วยิ่งแถบริ้วกระบี่ที่สามารถรวมตัวกันจนเป็นรูปร่างได้ขนาดนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความรุนแรงของมัน
ถึงแม้จะหยุดการโจมตีไม่ได้แต่เขาก็เปลี่ยนการโจมตีนั้นเข้าตั้งรับท่าของไป่จงแทน
สายน้ำรอบตัวเขาแผ่พุ่งออกมาเป็นรูปกางเขนขนาดใหญ่สี่อัน
กางเขนทั้งสี่วนล้อมรอบตัวเขาเหมือนเป็นเกราะป้องกันชั้นยอด
นอกจากนั้นเจ้าสมุทรยังรีบใช้ท่าไม้ตายอีกท่าหนึ่งออกมา
“นทีซ่อนเงาจันทร์” ท่าไม้ตายที่รุนแรงที่สุดของเจ้าสมุทรได้ถูกใช้ออกมาพร้อมกันสองท่า
ท่าหนึ่งเพื่อป้องกันตัว อีกท่าเพื่อการโจมตี
ท่านทีซ่อนจันทร์คือการกลั่นพลังเนกิสให้ใสดุจน้ำบริสุทธิ์จนยากที่จะมองเห็น
ซึ่งบ่งบอกให้เห็นถึงความสูงส่งของผู้ใช้ที่สามารถแปลงสภาพพลังเนกิสของตัวเองได้

ตูมมมมมมม!!!
ดอกบัวเข้าปะทะกับร่างของเจ้าสมุทร
อ๊อก
ร่างของเจ้าสมุทรลอยถอยหลังออกไปพร้อมกับกระอักเลือดคำโตออกมาจากปาก
ตามร่างกายปรากฎบาดแผลจากกระบี่ขึ้นหลายแห่ง
แต่จริงๆร่างของเขาน่าจะแยกออกเป็นชิ้นสวนเล็กๆไปแล้วเพราะท่าไม้ตายของไป่จง
นับว่าการป้องกันของเขามีพลังสูงส่งยิ่งนัก

ทางด้านไป่จงยืนนิ่งไม่ไหวติงก่อนที่จะทรุดตัวลงชันเข่าลงกับพื้นช้าๆ
เขายกมือขึ้นกุมบริเวณหน้าอกด้านซ้ายที่มีตอนนี้มีรอยแผลยาวลึกปรากฏขึ้น
มันเป็นผลที่เกิดจากท่าของเจ้าสมุทรการโจมตีครั้งนี้ทำให้ต่างฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งคู่
แต่เหมือนว่าเจ้าสมุทรจะบาดเจ็บหนักกว่าเขา
เมื่อเป็นแบบนี้มีหรือว่าเขาจะยอมพลาดโอกาสที่จะกำจัดศัตรูคนสำคัญ
เขาจี้จุดรอบๆบาดแผลทำให้เลือดหยุดไหลก่อนรวบรวมพลังโจมตีเจ้าสมุทรที่ยังไม่ทันตั้งตัว
ฟ้าววววว
กางเขนสีทองจำนวนมากพุ่งเข้ามาขวางไป่จงไว้
ก่อนที่จะมีคนชุดดำสี่คนมาพาเจ้าสมุทรหายไปทันที
ไป่จงได้แต่ตั้งรับอาวุธลับจำนวนมากไม่อาจติดตามไปได้
ปังงงง!!!~
ดอกไม้ไฟรูปไม้กางเขนสว่างไสวอยู่บนท้องฟ้าเหนือตึกเอ็มไพร์ทสเตรท
เพียงสิ้นแสงของดอกไม้ไปคนของกลุมโซดิเอคก็หายไปจากที่นั้น
ราวกับว่าเหมือนไม่เคยมีใครมาเยือนที่นี่มาก่อน


เมื่อศัตรูทั้งหมดล่าถอยไปแล้วไป่จงก็ทรุดตัวลงอีกครั้ง
เพราะการฝืนใช้พลังเมื่อกี้ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสมากยิ่งขึ้น
พีรันกับแอนนารีบกลับมาหาไป่จงหลังจากแน่ใจว่าศัตรูไปหมดแล้ว
ทางด้านเขามิรันด้าก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกันถ้าพวกเขาไปช่วยช้ากว่านี้เธออาจไม่รอดก็ได้
พีรันรีบพาไป่จงกับมิรันด้ากลับไปที่ตึกเพื่อไปให้อนัสตกาลรักษาอย่างรวดเร็ว
แอนนารีบกลับมาสั่งการเพื่อเพิ่มเวรยามกับระดมกำลังเพื่อรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น
โดยมีเนกิออกมาช่วยในการวางแผนพร้อมกับเพิ่มค่ายกลรอบๆตึกให้ซับซ้อนยิ่งขึ้น

ศึกครั้งนี้ถึงฝ่ายแอนนาแม้จะไม่ได้เสียยอดฝีมือไปมากเท่าไหร่
แต่กำลังหลักของพวกเขาก็บาดเจ็บสาหัสมากกว่าหนึ่งในสามของทั้งหมด
ถ้าศัตรูระดมกำลังย้อนกลับมาใหม่ทางพวกเขาอาจจะพ่ายแพ้ก็ได้ถ้าตั้งรับไม่ดี
และที่สำคัญเขายังไม่รู้อีกด้วยว่าใครกันแน่ที่เป็นหนอนบ่อนใส้คอยส่งข่าวให้พวกโซดิเอค
แอนนาทำได้แต่ฝากความหวังที่อนัสตกาล เพราะตอนนี้เขาคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยรักษาทุกคนได้


TBC.
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16(ครึ่งหลัง)กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:13]UP 25-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: lovelucifer ที่ 25-03-2011 02:04:19
ทำไมมาน้อยจัง
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16(ครึ่งหลัง)กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:13]UP 25-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 25-03-2011 02:46:19
เฝ้ารอต่อไปด้วยใจระทึกพลันครับ มาน้อยไปหน่อย
แต่ยังต้องลุ้นอยู่เหมือนเดิมนะครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16(ครึ่งหลัง)กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:13]UP 25-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 25-03-2011 09:55:49
สั่นอะ เขาไม่ยอมนะ  กำลังมันส์
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังŦ
เริ่มหัวข้อโดย: KM ที่ 25-03-2011 12:18:59
แอะ น้อย
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16(ครึ่งหลัง)กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:13]UP 25-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 25-03-2011 14:05:02
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16(ครึ่งหลัง)กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:13]UP 25-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 25-03-2011 22:02:02
โอว สนุกมากๆเลยครับ :sad4:

มันส์มากกกกก
ไม่ค่อยได้เจอนิยายวายแนวนี้ด้วย 
แบบว่าบู๊ล้างผลาญ ฆ่ากันเลือดสาด แต่ถึงใจที่สุด :impress2:

ยอมรับว่าเก่งจริงครับ จะคอยติดตาม
แนวนี้เพิ่งเคยเจอครั้งแรกด้วย ชอบจริงๆ :L2:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16(ครึ่งหลัง)กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:13]UP 25-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 25-03-2011 23:59:04
พี่นัท  ทำไม...ญาติพี่น้องตระกูล ไฮน์กรีท มันเยอะแยะจังอ่ะ  -*-?

ปล.ครึ่งหลังสั้นจัง  *=3=


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16(ครึ่งหลัง)กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:13]UP 25-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 26-03-2011 11:11:17
lovelucifer --- ตอนนี้มันจบแค่นี้พอดีไงครับ ตอนหน้าได้อ่านจุใจแน่ๆครับ(กำลังหาข้อมูลบางอย่างอยู่ครับ)

rakza --- รักคร้าบ สั้นบ้างยาวบ้างเนอะ แต่ตอนหน้ายาวแน่นนอนจ้า

*-*คาเมะ*-* --- โดนบ่นสามคนติด  :z3: ไว้ตอนหน้านะคร้าบมันต้องจบตรงนี้พอดี

ken_krub ---  :กอด1: รับกำลังใจแน่นๆ(เนียนกอดคนอ่านตลอด)

toffee245 --- ขอบคุณครับที่ชอบ แอบบอกตอนเขียนครั้งแรกยังกลัวไม่มีคนอ่านอยู่เลยครับ  :-[

penda --- ไฮน์กรีท มันเป็นนามสกุลที่มีเบื้องหลังอะ เดี๋ยวตอนหลังจะเฉลยอีกทีนะจ๊ะน้องฝ้าย

 :กอด1: :กอด1: คนอ่านทุกคนนะครับ

ปล.ฝากติดตาม The Rainbow Project ด้วยนะครับ

















หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16(ครึ่งหลัง)กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:13]UP 25-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 26-03-2011 18:43:03
จิ้ม :z13:

และมาเต้นรอ :z2:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16(ครึ่งหลัง)กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:13]UP 25-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 27-03-2011 12:03:18
toffee245 --- เข้ามาเต้นรอแต่วันแบบนี้เลยหรอคร้าบ (แอบเร่งผมป่าวเนี่ย)
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16(ครึ่งหลัง)กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:13]UP 25-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 30-03-2011 00:58:49
 :z13:พี่นัท
นึกว่าเข้ามาอัปอ่ะ :sad4:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16(ครึ่งหลัง)กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:13]UP 25-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: KM ที่ 30-03-2011 09:30:50
มาได้แล้วเน้อ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16(ครึ่งหลัง)กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:13]UP 25-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 30-03-2011 17:36:23
หายหน้าไป แอบไปอ่าน ดรากอน วอร์
แต่เรื่องนี้ มาต่อซ่ะทีเถอะน๊า :z3:
อยากอ่านแล้ว :call: :call:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่16(ครึ่งหลัง)กระบี่พิศดารแผลงฤทธิ์ [P:13]UP 25-03-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 03-04-2011 13:11:50
:z13:พี่นัท
นึกว่าเข้ามาอัปอ่ะ :sad4:

 :L2: :pig4: :L2:

พี่ไม่ได้แกล้งน้า วันนี้เอามาอัพให้แล้วเน้อ

มาได้แล้วเน้อ

มาแล้วนะคร้าบ รีบตามมาไวๆนะครับ

หายหน้าไป แอบไปอ่าน ดรากอน วอร์
แต่เรื่องนี้ มาต่อซ่ะทีเถอะน๊า :z3:
อยากอ่านแล้ว :call: :call:

 :กอด1:

มาแล้วรับคราวต่อไปจะช้าๆอีกดีไหมน้อ จะได้ตามอ่านเรื่องอื่นอีก หุหุ

หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่17 เข็มหมื่นฟ้า [P:13]UP!!! 03-04-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 03-04-2011 13:14:19
เข็มหมื่นฟ้า


ณ ชั้นที่ 38 ตึกเอ็มไพร์สเตรท
“โจแอน แยกลักษณะคนบาดเจ็บแล้วแบ่งกลุ่มไว้เร็ว เจ้าหลิงรีบรักษาพวกที่บาดเจ็บเล็กน้อยแล้วพาไปที่ชั้นพักฟื้นก่อน”
อนัสตกาลตะโกนสั่งทั้งสองคนในขณะที่กำลังวุ่นวายกับการรักษาให้นาซีซัส
ภายในชั้นที่38ตอนนี้กำลังสับสนวุ่นวายไปหมดเพราะมีคนที่บาดเจ็บจากการต่อสู้เป็นจำนวนมาก
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อนัสตกาลเสียสมาธิลงได้ เขากำลังใช้พลังเนกสเข้าไปตรวจร่างกายของนาซีซัสอยู่
เพื่อจะได้ทำการรักษาได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
ระหว่างรักษาเขาแอบลอบชื่นชมในความสามารถของเนกิที่รู้เรื่องจุดต่างๆบานร่างกายได้เป็นอย่างดี
เพราะถ้าไม่ได้เขาช่วยฝังเข็มห้ามเลือดมาป่านนี้ทั้งสองคนอาจถึงขั้นวิกฤติไปแล้วก็ได้
เธอหลับตารับสัมผัสตามจุดต่างๆบนร่างกายของนาซีซัสที่พลังเนกิสวิ่งผ่าน
นี่เป็นความสามารถพิเศษที่ยังหาใครทำตามไม่ได้


หลังจากพลังเนกิสวิ่งวนรอบตัวของนาซีซัสสองรอบอนัสตกาลก็ลืมตาขึ้นมา
เธอตรวจสอบถึงสิ่งผิดปกติภายในร่างกายของนาซีซัสได้ทั้งหมดแล้ว
เธอหันไปหยิบห่อผ้าซาตินสีแดงสดเดินด้วยดินทองลายนกยูงมาวางที่โต๊ะตรงหน้าเธอ
เมื่อคลีออกภายในเป็นเข็มสีทองส่องประกายแวววับจำนวนมากเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ
เธอเลื่อนโต๊ะมาวางระหว่างเธอกับนาซีซัสที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้
เธอหลับตาทบทวนกระแสพลังเนกิสที่ได้สัมผัสมาอีกครั้งก่อนจะลืมตาช้าๆ
แววตาของเธอทอประกายสีส้มอ่อนๆก่อนเปลี่ยนเป็นสีทองในชั่วพริบตา
“หัตน์พร่างนภา”
อนัสตกาลเคลื่อนไหวมืออย่างรวดเร็วจนมองเห็นเหมือนว่าเธอมีมือเพิ่มมาอีกข้างละห้ามือ
พริบตาเดียวเข็มสีทองนับสิบปักอยู่ตามจุดต่างๆบนร่างของนาซีซัส
“โจแอนกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้า0.5แอมป์ทุก30วินาทีนาน1ชั่วโมง”
อนัสตกาลหันไปสั่งก่อนเดินไปที่เตียงของมาร์คัส
โจแอนรีลลากเครื่องมือขนาดใหญ่บางอย่างที่มีสายไฟระโยงระยางเต็มไปหมด
เธอรีบต่อสายไปเข้ากับปลายเข็มทองที่อนัสตกาลฝังไว้ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
โจแอนหันมาปรับค่าตามที่ได้รับคำสั่งมาอย่างชำนาญ
หลังจากเริ่มเปิดสวิตเมื่อกระแสไฟฟ้าเดินผ่านเข็มทองเข้าไปในร่างของนาซีซัสร่างกายของเขากระตุกเล็กน้อย
แต่หลังการกระตุกบาดแผลที่ท้องก็ค่อยๆแห้งและใบหน้าก็เริ่มมีสีเลือดขึ้นมาทีละน้อย
การรักษาของหมอเทวดาช่างน่าอัศจรรย์เสียจริง การฝังเข็มแต่ละจุดช่างแม่นยำและรวดเร็วยิ่งนัก


อนัสกาลเดินมาที่ร่างมาร์คัสแผลบริเวณกลางหลังเป็นสีม่วงคล้ำเป็นวงกว้าง
แต่ยังมีเข็มเงินฝังสกัดไว้ทำให้สีม่วงนั้นไม่กระจาย นี่ก็เป็นฝีมือของเนกิอีกเช่นกัน
อนัสตกาลเริ่มชักอยากไห้เนกิมาเป็นผู้สืบทอดวิชาแพทย์แต่ติดที่ว่าเขาเป็นลูกศิษย์ของท่านจางอี้
เอาไว้ลองคุยกับท่านจางอี้ดูอีกทีเพราะเวลานี้ไม่ใช้เวลามาคิดหาผู้สืบทอด
เธอสลัดความคิดทั้งหมดทิ้งทันที
“โจแอนทางนั้นเสร็จหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วคะ” โจแอนรีบเดินมาหา
“ดีมาก รีบเตรียมอ่างเงินกับเข็มหมื่นฟ้าเร็ว”
“เข็มหมื่นฟ้า” โจแอนทวนคำอย่างตกใจ
“ใช่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามามัวเสียดายของ รีบไปเอามาเร็ว” อนัสตกาลออกคำสั่ง
เข็มหมื่นฟ้าที่พูดถึงกันนั้น เป็นเหมือนของวิเศษประจำตำหนักหมอเทวดา
ขนาดเศรษฐีที่ต้องการรักษาตัวทุมเงินกว่าพันล้านทางตำหนักยังไม่ยินยอมที่จะขายให้เลย
เพราะทั้งโลกตอนนี้สามารถสร้างเข็มหมื่นฟ้าขึ้นมาได้เพียงสามอันเท่านั้น
อันแรกอาจารย์ของอนัสตกาลได้นำไปช่วยผู้มีพระคุณเมื่อ20ปีก่อน
ตอนนี้เลยเหลืออยู่เพียงสองอันเท่านั้นและหนึ่งในสองกำลังจะถูกใช้ ณ ที่แห่งนี้

เข็มหมื่นฟ้าเป็นเข็มที่สร้างจากอัญมณี 7 ชนิด ที่มีสรรพคุณในการรักษาฟื้นฟูและเพิ่มพลังได้
อัญมณีทั้ง 7 ได้แก่ เพชร ทับทิม โกเมน มรกต บุษราคัม ไพริน และ นิล
โดยที่อัญมณีทั้ง 7 จะผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติต่างว่าเป็นอัญมณีที่สมบูรณ์ที่สุดหรือไม่
หลังจากนั้นก็ผ่านขั้นตอนการแช่น้ำยาต่างๆตามสรรพคุณที่เข้าได้กับอัญมณีนั้นๆ
แล้วทำการเจียรไนจนเล็กเรียวเหมือนเข็มเล่มเล็กๆทั้งหมดหมื่นเล่ม
ไม่เพียงกรรมวิธีการทำที่ยุ่งยากแล้ว วัตถุดิบที่ใช้ทำก็หาได้ยากรวมถึงราคาที่สูงเกินจะประมาณได้
ทำให้มีความเชื่อกันว่าผู้ใดที่ได้รับการรักษาด้วยเข็มหมื่นฟ้าแม้ตายไปแล้วก็สามารถฟื้นคืนชีพได้
ส่วนถ้าคนปกติก็จะมีอายุยืนขึ้นไปอีก 20 ปี ยิ่งถ้าผู้ที่ฝึกพลังในการต่อสู้จะทำให้พลังเพิ่มพูนขึ้นอีกหลายเท่าตัว
ดีที่ว่ามันอยู่ในการดูแลของตำหนักหมอเทวดาเลยไม่มีใครกล้าเข้ามาแย่งชิง
เพราะทุกคนคงไม่มีใครโง่พอที่จะเป็นปฏิปักกับหมอเทวดาแน่นอน


โจแอนนำกล่องสีทองอร่ามที่สลักลายกิเลนสองตัวไว้ด้านหน้ากล่องมายื่นให้อนัสตกาล
ที่ด้านบนกล่องมีกุญแจล็อคไว้อย่างแน่นหนาถึงสามดอก
“เจ้าหลิงโจแอนเอาสิ่งนั้นออกมา” อนัสตกาลสั่งทั้งสองคน
เจ้าหลิงกับโจแอนยื่นแขนขวาออกมาข้างหน้าเจ้าตำหนักของเธอ
อนัสตกาลเปลี่ยนแววตาชั่วขณะก่อนที่จะสะบัดมือออกไปสองครั้งอย่างรวดเร็ว
แสงสีส้มกรีดที่ท้องแขนของทั้งสองคนเป็นแผลกว้าง
โจแอนกับแอนนาใช้นิ้วมือล้วงเข้าไปในบาดแผลอย่างรวดเร็ว
พอดึงนิ้วออกมาก็มีลูกกุญแจสีทองที่เปื้อนเลือดติดออกมาด้วย
ทางอนัสตการใช้ฝ่ามือตบเข้าที่หน้าท้องของตัวเองก่อนที่จะสำรอกกุญแจสีทองออกมาอีกดอก
หลังจากที่มีกุญแจครบสามดอกแล้วทั้งสามรีบใส่เข้าที่ฝากล่องพร้อมกัน
ทั้งสามมองหน้ากันเหมือนรอสัญญาณอะไรบางอย่าง
“สาม” อนัสตกาลพูดขึ้น ทั้งสามลงมือบิดกุญแจอย่างพร้อมเพียงกัน
ฝาสีทองค่อยๆแยกออกเกิดแสงหลากสีแวววาวระยิบระยับออกมาทั่วบริเวณ
กล่องสีทองแผ่บานออกเป็นเหมือนผ้าปูรองโต๊ะบนนั้นมีเข็มหลากสีจำนานมากส่องประกายออกมา
“ยื่นแขนมา” อนัสตกาลออกคำสั่งอีกครั้ง
โจแอนกับเจ้าหลิงยื่นแขนข้างที่มีบาดแผลออกมา
อนัสตกาลหยิบกุญแจขึ้นมาสองดอกก่อนที่จะฝังมันลงไปที่แขนของทั้งสองคนอีกครั้ง
หลังจากนั้นเธอใช้ฝ่ามือปิดที่บาดแผลของทั้งสองคนแสงสีส้มสว่างขึ้นจากมือทั้งสองข้างก่อนที่จะเอาฝ่ามือออก
เมื่อเอาฝ่ามือออกบาดแผลที่ปรากฏอยู่เมื่อสักครูหายสนิทไม่เหลือร่องรอยแม้แต่น้อย
“หัตน์คืนชีพ” ไป่จงที่เพิ่งเข้ามาถึงเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี
“ไม่นึกว่าท่านจะก้าวหน้ายิ่งกว่าผู้เป็นอาจารย์มากขนาดนี้ ช่างน่าชื่นชมยิ่งนัก” ไป่จงกล่าวชื่นชมกับภาพที่เห็น
“ขอท่านอย่าพูดเช่นนั้นเลย เราไฉนเลยจะกล้าเทียบเท่าท่านอาจารย์ ขอท่านโปรดรอสักครู่เราเสร็จทธุระทางนี้แล้วเราจะรักษาท่านด้วยตัวเอง” อนัสตกาลก้มศีรษะเล็กน้อยทำความเคารพแก่ไป่จง ก่อนเดินไปหามาร์คัส


เมื่อมาถึงร่างที่หมดสติของมาร์คัสนางยืนมองเข็มหมื่นฟ้าก่อนถอนหายใจ
“ถือว่าเป็นวาสนาของเจ้าแล้วกันนะมาร์คัส หลังจากนี้ข้าก็ไม่อาจประมาณฝีมือเจ้าได้อีกต่อไป”
เธอบอกก่อนใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างวางลงบนแสงที่เรื่องรอง
พอยกขึ้นมาเข็มเล็กๆหลากสีจำนวนมากติดขึ้นมาเต็มทั้งสองฝ่ามือ
“ล็อคแขนขาไว้” สิ้นคำสั่งพยาบาลชุดขาวก็รีบเข้ามาใช้เชือกผูกแขนขาของมาร์คัสไว้กับเตียงอย่างแน่นหนา
หลังจากเรียบร้อยแล้วอนัสตกาลวนฝ่ามือที่กลางหลังมาร์คัสเข็มเงินที่ปักอยู่ครั้งแรกลอยออกมา
รอยคล้ำสีม่วงเริ่มกระจายออกอย่างรวดเร็วทันที
“หมื่นฟ้าเบิกทาง” อนัสตกาลทาบฝ่ามือข้างขวาลงบริเวณท้ายทอยแสงทั้งเจ็ดสีที่ฝ่ามือค่อยๆซึมหายเข้าไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากแสงหายไปจากฝ่ามือหายไปหมดรอยคล้ำสีม่วงเริ่มมารวมกันอยู่ที่กลางหลังเป็นวงกลมขนาดประมาณไข่ไก่
“อ่างเงิน” เธอตะโกนบอก โจแอนรีบหยิบอ่างเงินมาส่งให้
เธอโยนอ่างเงินขึ้นไปบนอากาศก่อนที่จะใช้พลังกรีดที่กลางหลังตรงจุดสีม่วงนั้นอย่างรวดเร็ว
เลือดสีม่วงเข้มพุ่งออกมาจากรอยแผลเข้าไปที่อ่างเงินอย่างแม่นยำ
“หมื่นฟ้าชำระล้าง” อนัสตกาลซัดเข็มที่อยู่ที่ฝ่ามือซ้ายไปที่ปากแผลกลางหลังกลังจากเลือกสีม่วงพุ่งออกไปหมดแล้ว
เกิดแสงหลากสีสว่างวูบวาบตลอดเวลาที่ใช้เข็มหมื่นฟ้า ร่างของมาร์คัสเริ่มดิ้นจากปฏิกิริยาของเข็มหมื่นฟ้า
หลังจากเข็มหมื่นฟ้าหมดจากมือทั้งสองข้างเธอก็เอามือไปวางยังเข็มหมื่นฟ้าที่เหลืออีกครั้ง
“หมื่นฟ้าเปิดวิถี” เธอทาบฝ่ามือขวาลงกลางกระหม่อมของมาร์คัส
แสงสว่างกระจายรอบบริเวณชั้น 38 ทุกคนต่างจ้องมองการรักษาครั้งนี้อย่างตาไม่กระพริบ
ตอนนี้ร่างของมาร์คัสเริ่มมีแสงทั้ง 7 สี วิ่งวนอยู่รอบๆ
“หมื่นฟ้าฟื้นฟู” อนัสตกาลทาบฝ่ามือซ้ายที่บั้นเอว
แสงต่างๆเรื่องรองมากยิ่งขึ้น เธอหันไปทาบฝ่ามือที่เข็มหมื่นฟ้าเป็นรอบที่สาม
“หมื่นฟ้าเพิ่มพูน หมื่นฟ้าโคจร” เธอกระโดดขึ้นจากพื้นจนตัวลอยขึ้นอยู่เหนือร่างของมาร์คัส
เธอทาบฝ่ามือทั้งสองข้างลงที่บริเวณไหลทั้งสองข้างก่อนหมุนตัวกลับลงมายืนที่พื้น
เธอทาบฝ่ามือที่เข็มหมื่นฟ้าอีกครั้ง
คราวนี้ที่กล่องไม่ปรากฏแสงใดอีกต่อไป เพราะแสงทั้งหมดอยู่ที่ฝ่ามือข้างขวาของอนัสตกาลหมดแล้ว
“หมื่นฟ้าพิสุทธิ์” เธอทาบฝ่ามือลงที่กลางหลังตรงรอยแผลอีกครั้ง
แสงทั้งสว่างเรื่องรองออกมาทั่วร่างอันไรสติของมาร์คัสก่อนที่ร่างของเขาจะเริ่มดิ้นอย่างทุรนทุราย
ดีที่มีผ้ายึดแขนขาไว้ไม่งั้นร่างของเขาคงหล่นลงจากเตียงเป็นแน่
อนัสตกาลซับเหงื่อที่ซึมออกมาบนหน้าก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“ทีนี้ต้องขึ้นอยู่กำตัวของมาร์คัสเองแล้ว” อนัสตกาลบอกก่อนหันหลังไปรักษาคนอื่นต่อ
เธอเดินมาหาไป่จงที่นั่งรอยู่อีกมุมหนึ่งพร้อมกับทำความเคารพอีกครั้ง
“ท่าทางคู่ต่อสู้คงไม่ใช่ธรรมดาแน่นอน ท่านถึงได้รับบาดเจ็บมาขนาดนี้”
เธอบอกเมื่อเห็นบาดแผลที่เป็นทางยาวจากหัวไหล่ผ่านลงมาถึงหน้าอกเป็นแผลลึกจนมองเห็นกระดูกข้างใน
“เจ้าสมุทร” ไป่จงตอบสั้นๆ
อนัสตกาลมีสีหน้าเคร่งเครียดเพราะว่าสามเจ้าท่าทางจะฝีมือสูงสงกว่าที่ได้ยินมา
“ข้าต้องขออภัยท่านด้วย” เธอกล่างอย่างสุภาพ
“อย่ามากมารยาทอยู่เลย ลงมือรักษาเถอะ” ไป่จงบอกพร้อมกับหลับตาลง
อนัสตกาลยกฝ่ามือทั้งสองประกบกันไว้ระหว่างหน้าอก
แสงสีส้มเรืองรองออกจากมือทั้งสองข้างก่อนที่จะทาบลงที่บาดแผล
บาดแผลค่อยสมานตัวอย่างช้าๆจนหายสนิทราวกับไม่เคยเกิดบาดแผลมาก่อน
เธอค่อยเลื่อนมืออย่างช้าๆจนบาดแผลสมานกันทั้งหมด
เหงื่อเม็ดโตซึมออกจากใบหน้าของเธอ คงเพราะว่าต้องใช้พลังติดต่อกันเป็นเวลานาน
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” เธอบอกไป่จง
“ขอบใจมาก คราวนี้เจ้าคงลำบากไม่น้อย”
“เพื่อส่วนรวมแล้วข้ายินดีค่ะ ข้าขอตัวไปรักษาคนอื่นก่อนนะคะ” นางทำความเคารพอีกครั้งก่อนเดินไป
การต่อสู่ครั้งนี้คนบาดเจ็บเยอะมากกว่าที่เขาคาดคิดไว้
อาจเป็นเพราะพวกเขาประมาทศัตรูมากเกินไป ยังดีที่ฝ่ายศัตรูก็สูญเสียมิใช่น้อย
น่าจะทำให้การรุกรานยังไม่เกิดขึ้นในช่วงนี้แน่นอน
ระยะเวลาคงเพียงพอให้ฝ่ายเขาได้เตรียมตัวให้ดีกว่าคราวนี้ เธอหวังให้เป็นเช่นนั้น


TBC.
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่17 เข็มหมื่นฟ้า [P:13]UP!!! 03-04-11
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 03-04-2011 16:04:38
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่17 เข็มหมื่นฟ้า [P:13]UP!!! 03-04-11
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 03-04-2011 20:59:04
ลุ้นอีกแล้วนะครับ ศึกครั้งต่อไปหวังว่าฝ่ายพระเอกน่าจะเก่งขึ้นนะครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่17 เข็มหมื่นฟ้า [P:13]UP!!! 03-04-11
เริ่มหัวข้อโดย: KM ที่ 03-04-2011 22:39:07
ลุ้นมาก
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่17 เข็มหมื่นฟ้า [P:13]UP!!! 03-04-11
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 04-04-2011 02:46:18
อนัตกาล เริ่ดมาก o13
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่17 เข็มหมื่นฟ้า [P:13]UP!!! 03-04-11
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 04-04-2011 08:07:56
เยี่ยมมากๆ อนัสตกาล เก่งจริงๆ
แล้วแบบนี้ถ้ามาร์คัสฟื้นขึ้นมากก็จะเก่งขึ้นมากๆใช่ไหมนี้ เค้าหวังอยู่นะเข็มหมื่นฟ้าาาาาาาาาาาาาาาาา

รอตอนต่อไป อิอิ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่17 เข็มหมื่นฟ้า [P:13]UP!!! 03-04-11
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 06-04-2011 17:11:25
หมื่นฟ้า มารักษาข้าบ้างที :z2:

ป่วยเป็นโรคติดนิยาย :z10: :z10:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่17 เข็มหมื่นฟ้า [P:13]UP!!! 03-04-11
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 11-04-2011 23:47:51
อยากอ่านต่อแย้วอ่ะ
อยากรู้ว่าตื่นมาแล้วเก่งขึ้นขน๊าดอ่ะป่าว

มาเต้นรอดีกั่ว :z2: :z2:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่17 เข็มหมื่นฟ้า [P:13]UP!!! 03-04-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 19-05-2011 20:48:42
รอแปบนะครับ ขอจบมนต์รักฯตอนนี้ก่อน

แล้วจะต่อเรื่องนี้ให้นะคร้าบบบบ

ขออภัยมานะที่นี้ด้วยนะคร้าบบบบบบบบ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่17 เข็มหมื่นฟ้า [P:13]UP!!! 03-04-11
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 20-05-2011 02:30:18
o13 สุดยอด สมกับฉายาหมอเทวดาจริงๆ
นาซีซัสกับเนกิ น่ารักมากๆเลยจร้า แถมเก่งสุดๆอีกตั้งหาก ฮ่าๆ
ดูท่าทางงานนี้พระเอกทั้งสองคนจะต้องรับมือหนักแน่ๆเลย
อยากเห็นฉากหวานจังเลย >-<  
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่17 เข็มหมื่นฟ้า [P:13]UP!!! 03-04-11
เริ่มหัวข้อโดย: KM ที่ 20-05-2011 11:39:05
ยังไม่มาอีกหรอ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่17 เข็มหมื่นฟ้า [P:13]UP!!! 03-04-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 21-05-2011 22:22:39
มาต่อแล้วนะครับ แต่ว่าสั้นๆไปก่อนนะครับ กลัวว่าถ้ารอเขียนจนจบยิ่งรอนาน

ยังไม่จบตอนนี้นะ (ตอนนี้จะได้เห็นฉากหวานๆบ้างแล้ว แต่ช่วงไหนยังบอกไม่ได้นะคร้าบ  :-[ )


..........................................

พักฟื้น


ร่างของมาร์คัสกับนาซีซัสถูกนำมาไว้ที่อีกห้องเพื่อรอเวลาเท่านั้นเอง
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับร่างกายของมาร์คัส
ร่างของเขาเกิดการเรืองแสงหลากสีขึ้นมาอีกครั้ง
แขนขาเริ่มหดเล็กลงจนหลุดจากเชือกที่รัดไว้ ร่างกายเล็กลงจนคล้ายเด็กอายุ 15
เกิดกระแสลมหมุนขึ้นรอบตัวหอบร่างมาร์คัสรอยสูงขึ้นจากเตียง
แสงหลากสีค่อยซึมซับเข้าตามจุดสำคัญของร่างกายอย่างช้า ๆ
ร่างกายเริ่มขยายตัวกลับคืนทีละเล็กละน้อยผิวหนังเริ่มลอกออก
รอยแผลเป็นหรือตำหนิต่าง ๆ บนร่างกายลอกหลุดหายไป
ร่างของมาร์คัสหมุนตามเข็มนาฬิกาอยู่บนอากาศพร้อมกับการผสานของแสงหลากสี
ท่าทางมาร์คัสจะบรรลุพลังระดับสุดยอดที่เรียกว่าย้อนวัยคืนร่างเสียแล้ว

ย้อนวัยคืนร่างคือการบรรลุพลังในระดับเหนือธรรมชาติขึ้นไป
ร่างกายจะย้อนตัวเองกลับไปยังวัยที่เหมาะสมต่อการถ่ายโอนพลังมากที่สุด
ก่อนที่จะกลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง จุดต่าง ๆ ในร่างกายจะถูกพลังทะลวงจนสามารถเดินพลังได้อย่างไม่มีอะไรขวางกั้น
นั่นหมายความว่าคนที่สำเร็จจะสามารถเรียกใช้พลังยังไงก็ได้โดยไม่มีข้อกำหนด
และสามารถหยิบยืมพลังจากธรรมชาติมาเสริมพลังของตัวเองได้อย่างอิสระ
ตั้งแต่โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงมา มีเพียงปรมาจารย์เอียงเฉินที่หายตัวไปเท่านั้นที่บรรลุถึงขั้นนี้
แต่ตอนนี้กำลังจะปรากฏบุคคลคนที่สองขึ้นมาแล้ว นี่อาจเป็นผลเพราะเข็มหมื่นฟ้าก็เป็นได้

ร่างที่ไร้สติหยุดหมุนก่อนจะค่อย ๆ ร่วงลงนอนบนเตียงคนไข้เหมือนเดิม
มาร์คัสในตอนนี้ร่างกายดูเปร่งปลั่งจนแทบจะเรื่องแสงออกมาได้
หน้าตาดูอ่อนวัยลงไปอีกสองถึงสามปี ผิวหมดจดบริสุทธิ์ไร้รอยตำหนิ
แสดงว่าได้บรรลุพลังย้อนวัยคืนร่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทางด้านนาซีซัสเองก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นเช่นเดียวกัน
กระแสไฟที่ถูกกระตุ้นเข้าจุดสำคัญของร่างกายได้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ตรืดดดดด!! ตรืดดดดดดดดด!!
กระแสไปในห้องพักฟื้นตกเป็นระยะ ๆ กระแสไฟถูกดูดเข้ามาในตัวของนาซีซัส
เลือดที่อุดตันตามจุดต่าง ๆ สลายออกจนหมด
พลังสายมารฟ้าผสมเข้ากับพลังสายธรรมที่จางอี้ถ่ายทอดมาให้
ทำให้พลังของนาซีซัสรวมกันเป็นหนึ่งได้แล้วในตอนนี้
จุดต่าง ๆ ก็ได้รับการรักษาทำให้ใช้พลังได้คล่องมากขึ้นแถมพลังยังเพิ่มมากขึ้นเพราะกระแสไฟฟ้าที่ถูกดูดเข้ามาไว้ในร่าง
เชื่อว่าพลังของเขาในตอนนี้คงไม่ด้อยกว่าระดับจักรพรรดิแล้วเป็นแน่


การเปลี่ยนแปลงของทั้งสองอยู่ในสายตาของชายใส่ชุดดำตลอดเวลา
ชายชุดดำได้คาดการล่วงหน้าไว้แล้วเขารอบเข้ามาในตึกแบบไม่ให้ใครรู้
“เดี๋ยวข้าจะแวะไปดูพี่ข้าหน่อย พวกเจ้าไปตรวจดูรอบ ๆ ให้เรียบร้อยนะ” เสียงแอนนาดังแววเข้ามา
ขณะที่เธอเปิดประตูมีสายลมวูบใหญ่พัดผ่านหน้าเธอไปจนเธอต้องหลับตา
หลังจากสายลมหายไปลืมตาขึ้นมาในห้องก็ว่างเปล่าไม่มีร่างของมาร์คัสกับนาซีซัสอีกแล้ว
มีเพียงอักษรเขียนไว้บนผนังด้วยพลังฝีมือที่ล้ำลึก
‘ข้าพาทั้งสองคนไปก่อน เขาจะกลับมาเมื่อฝึกสำเร็จแล้ว’
แอนนารีบส่งสัญญาณเตือนภัยทันที เพราะเขาบอกไม่ได้ว่าใครพาทั้งสองคน
เพียงชั่วพริบตาแกนหลักก็มาถึงห้องที่แอนนารออยู่
“เราจะทำยังไงกันต่อไปดี ถ้าเกิดว่าเราเสียทั้งสองคนไปกำลังหลักของเราคงต้านไม่ไหวแน่ ๆ” แอนนาวิตกกังวลอย่างมากจนแสดงออกทางสีหน้า
“ข้าว่าพวกเจ้าอย่าเพิ่งคิดมากจะดีกว่า เขาบอกว่าจะกลับมาเมื่อฝึกวิชาสำเร็จ อย่างน้อยก็ไม่ได้คิดร้ายแน่นอน” ไป่จงบอกในฐานะผู้อาวุโส
“ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน” พีรันถึงดูสงบนิ่งแต่ก็ฉายแววกังวลออกมาทางสายตา


************************

ยังมีต่อนะครับ  :L1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.1 พักฟื้น [P:13]UP!!! 21-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 22-05-2011 02:57:53
หายไปซะนานเลยนะครับ ยังมีอะไรๆให้ลุ้นอยู่อีกเหมือนเดิมเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.1 พักฟื้น [P:13]UP!!! 21-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 22-05-2011 08:11:45
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.1 พักฟื้น [P:13]UP!!! 21-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 22-05-2011 16:11:48
ค่ำๆ จะเอาตอนต่อไปมาลงนะครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.1 พักฟื้น [P:13]UP!!! 21-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: teerasak ที่ 22-05-2011 17:22:23
 :เฮ้อ:รออ่านตั้งนาน แต่ก็สมควรกับการรอคอย
เป็นกำลังใจให้ครับ :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.1 พักฟื้น [P:13]UP!!! 21-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 22-05-2011 20:04:51
กว่าจะมาได้ :z3:

มาต่อไวๆน๊า :mc4:

หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.1 พักฟื้น [P:13]UP!!! 21-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 22-05-2011 21:01:53
กำลังเขียนอยู่นะครับ อดใจรอนิดนึงนะครับ  :L2:

แหม ชื่อจันทร์ผา นึกตั้งนาน คุณรักษ์นี่เอง  o18

ปล. มีใครเปลี่ยนยูสอีกไหมนี่  :really2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.1 พักฟื้น [P:13]UP!!! 21-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 23-05-2011 12:45:05
มาแล้วๆๆๆ


ปรมาจารย์เอียงเฉิน มาพาตัวทั้งคู่ไปหรือเปล่าหนอออ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.1 พักฟื้น [P:13]UP!!! 21-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: teerasak ที่ 23-05-2011 22:52:26
 :m16: เมื่อไหร่จะมานะ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.1 พักฟื้น [P:13]UP!!! 21-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 24-05-2011 02:18:29
มาต่อแล้วนะครับ แต่ยังไม่จบ ตอนนี้ 60% แล้วนะครับ


.....................................

“อือ   อือ....  อืมม....” มาร์คัสเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาหลังจากที่หมดสติไปนาน
เขาพยายามขยับตัวแต่กลับรู้สึกเหมือนโดนบางอย่างทับอยู่ มือทั้งสองข้างถูกใช่ยกสิ่งที่ทับตัวเองออกโดยที่ยังไม่ลืมตา
“ฮือ!!”
มาร์คัสตกใจเมื่อสิ่งที่สัมผัสมันกับเนียนนุ่มมือมาก เขาพยายามลืมตาให้ได้มากที่สุดทันที สิ่งแรกที่เขาเห็นเป็นผมสีขาวเงินคุ้นตานอนหนุ่นหน้าอกเขาต่างหมอน สายตามองไปรอบ ๆ ไม่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้แม้แต่น้อย แต่ที่แน่ใจคือพวกเขาอยู่ในถ้ำแน่นอน
“นาซีซัส นาซีซัส เจ้าเป็นยังไงบ้าง” มาร์คัสขยับเขย่าร่างที่หนุนเขาอย่างระมัดระวัง เพราะคิดถึงอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้
แต่กลับไม่เป็นผลร่างเล็กเพียงขยับเล็กน้อยพอทำให้มาร์คัสขยับตัวได้บ้าง
เขาจับร่างบาง ๆ นั่นให้มานอนหนุนตักก่อนลุกนั่งมองสำรวจรอบตัวอีกครั้ง ตรงบริเวณที่เขานอนอยู่กับนาซีซัสเป็นพื้นที่โล่งกว้าง มีทางเชื่อมต่ออยู่ด้านขวามือของเขา ทางด้านซ้ายมือเป็นกำแพงหินรูปทรงแปลกตา
มาร์คัสไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วสลบนานเท่าไหร่ แล้วอาการบาดเจ็บของเขาหายหรือยัง เขาจึงลองเดินพลังเนกิสในตัวเองทันที
วูมม!!
พลังเนกิสจำนวนมหาศาลแผ่พุ่งออกมาอย่างรุนแรง  จนร่างของนาซีซัสที่นอนหนุนตักอยู่กระเด็นออกไป
“เฮ้ยย!!”
มาร์คัสตกใจกับพลังที่เพิ่มขึ้นของตน แต่ก็น้อยกว่าตอนนี้ที่ร่างของนาซีซัสกำลังลอยอยู่บนอากาศและร่วงหล่นลงมา เขาขยับตัวหมายจะเข้าไปรับตัวนาซีซัสไว้
“เหวอออ!!”
ร่างเขากลับพุ่งเลยร่างที่กำลังล่วงหล่นออกไปอีกทาง เขาควบคุมพลังที่เพิ่มมากขึ้นในตัวเองไม่ได้เลยในตอนนี้
ฟุบ!!
ร่างเล็กสวมชุดสีดำพุ่งเข้ามารับร่างนาซีซัสไว้แทนก่อนที่จะหล่นสู่พื้น
“เด็กเอ๋ย เด็กน้อยจริง ๆ มีพลังแต่กลับควบคุมไม่ได้” เสียงที่พูดราวกับกระซิบ แต่กลับได้ยินอย่างชัดเจน
มาร์คัสลงพื้นอีกฝั่งของถ้ำ เขารีบหันกลับมามองคนที่เข้ามาในตอนนี้
“ปล่อยตัวนาซีซัสลงเดี๋ยวนี้นะ” มาร์คัสตะโกนข่มขู่
“ถ้าข้าไม่ปล่อยแล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้ ลำพังตอนนี้แค่ควบคุมพลังของตัวเองก็ทำให้ได้เสียก่อนเถอะ” รอยยิ้มเยาะเย้ยเกิดขึ้นที่ใบหน้าชายปริศนาผู้นั้น
“เจ้า...” มาร์คัสหมดคำแก้ตัวเพราะว่าเขาควบคุมพลังของตัวเองไม่ได้จริง ๆ ในตอนนี้
“แล้วเจ้าเป็นใคร ที่นี่ที่ไหน” มาร์คัสเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ
“ข้าเป็นใครพวกเจ้าไม่ต้องรู้หรอก รู้เพียงว่าข้ามาช่วยเจ้าทั้งสองคนก็พอ...” ชายชุดดำหยุดเล็กน้อย
“เจ้าคนนี้ท่าทางฉลาดน่าดู”
หลังจากพูดจบชายชุดดำโยนร่างนาซีซัสเจ้าใส่มาร์คัส แต่แทนที่ร่างจะพุ่งมาตรง ๆ กลับหมุนตัวลงยืนข้างมาร์คัสได้อย่างแผ่วเบา
“คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้าแกล้งหลับ คิดลอบทำร้ายข้าสินะฉลาดไม่เบา” เขาเอยชมนาซีซัสไม่ขาดปาก
“แต่ท่านก็ยังรู้” นาซีซัสมองอย่างสงสัย
“นับว่าเจ้ามีพรสวรรค์มากจริง ๆ เพียงชั่วขณะก็สามารถควบคุมพลังได้แล้วบ้างแล้ว” สายตาเข้ามองนาซีซัสก่อนหันไปมองมาร์คัสที่ยืนเคียงข้างกัน
“นับว่าไม่เสียชื่อราชันย์แห่งยุคจริง ๆ เริ่มควบคุมพลังได้แล้วเหมือนกันนี่” เพียงมองแค่แวบเดียวเขาก็สัมผัสพลังของทั้งสองคนได้แล้ว
“ท่าทางท่านเองก็คงมิใช่สามัญเช่นกัน แต่ถ้าไม่ตอบคำถามก็คงต้องใช้กำลังบังคับกันแล้วคราวนี้” มาร์คัสลอบส่งสายตาให้นาซีซัสที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
ฮึบ!!
มาร์คัสหายไปจากตรงที่ยืนอยู่อย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตาเขาก็โผล่ข้างหลังชายชุดดำเรียบร้อยแล้ว
เพลงหมัดราชันย์ได้ถูกใช้ออกมาทันที มาร์คัสรัวหมัดออกไปถี่ยิบแต่ฝ่ายตรงข้ามทำเพียงเอี้ยวตัวหลบเท่านั้น
นาซีซัสเห็นแบบนั้นเลยพุ่งเข้าไปช่วยอย่างรวดเร็ว นาซีซัสมองหาจังหวะแล้วลงมือต่อยหมัดออกไปทันที
ฮึบ!!
หมัดของนาซีซัสทำชายชุดดำส่งเสียงออกมาก่อนเอี้ยวตัวหลบ ด้วยวิธีการบิดตัวในแนวองศาที่แปลกประหลาด
ราวกับตัวชายชุดดำคนนั้นไม่มีกระดูกอยู่ในร่างกาย
หลังจากหลบการโจมตีของทั้งสองคนได้สักพัก ชายชุดดำหันมายิ้มชั่วแวบหนึ่ง
ก่อนแววตาจะเปลี่ยนไป ฉายแววเอาจริงเอาจังมากขึ้น
ฮึบ!!
สิ้นเสียงร่างของมาร์คัสกับนาซีซัสก็กระเด็นออกไปคนละทิศทันที
กลางหน้าอกของทั้งสองคนมีรอยฝ่ามือปรากฏอยู่
“แฮก แฮ่ก แฮก....” ทั้งสองคนหายใจเหนื่อยหอบมองไปยังชายชุดดำ
สิ่งเดียวที่เขาแน่ใจก็คือว่าชายคนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
“นับว่าพัฒนากันได้เร็วมา แต่ข้าก็เห็นจุดอ่อนของเข้าทั้งสองคนแล้ว”
เพียงได้ยินเช่นนี้มาร์คัสคลายท่าต่อสู้ออกพร้อมกับผสานมือทำความเคารพ
ฝ่ายนาซีซัสเห็นทีแรกแปลกใจแต่ก็รีบทำตามอย่างมาร์คัส
“งั้นพวกข้าคงต้องขอคำชี้แนะจากท่านแล้ว ท่านปรมาจารย์เอียงเฉิน” คำพูดของมาร์คัสทำเอาชายชุดดำหัวเราะออกมา
“ข้าคิดไว้แล้วว่าคงปิดเจ้าได้ไม่นาน นับว่าเจ้าฉลาดไม่เบา”
หลังจากเจ้าตัวยอมรับ มาร์คัสรีบคุกเขาทำความเคารพอย่างรวดเร็ว
นาซีซัสเองไม่ได้รับรู้เรื่องราวในยุคนี้มากเท่าไหร่ยืนคงเล็กน้อย แต่ก็รีบทำคุกเขาตาม
“เอาเถอะข้าไม่มีเวลามามากพิธี พวกเจ้าลุกขึ้นเถอะแล้วมาตรงหน้าข้า”
ทั้งสองคนทำตามคำสั่งอย่างง่ายดาย
“มาร์คัสวิชาของเจ้าหลากหลายเกินไป” ฝ่ามือถูกวางลงที่กลางกระหม่อมมาร์คัส
‘ห้ารวมเป็นหนึ่ง แต่ละวิชามีจุดดีของมันเจ้าเพียงเอาจุดดีเหล่านั้นมารวมกัน แล้วคิดคนวิชาใหม่ของเจ้าเอง’
สิ้นเสียงที่ส่งผ่านสมองเขาโดยตรง ภาพวิชาต่าง ๆ ที่เขาฝึกลอยกลับมาในหัวอย่างรวดเร็ว
เหมือนดูหนังฉายย้อนกลับนับร้อยรอบ ก่อนที่ภาพต่าง ๆ จะย้อนมารวมกันเป็นท่าร่างแบบใหม่ที่เขาไม่เคยฝึกมาก่อน
‘จงจดจำไว้ให้ดี ข้าชี้แนะเจ้าได้เพียงเท่านี้’
สิ้นเสียงภาพทั้งหมดก็หายไป พร้อมกับฝ่ามือที่ถูกยกออก
“ขอบคุณที่ชี้แนะครับ” มาร์คัสคุกเข่าคำนับอีกครั้ง
“ส่วนเจ้าถ้าคิดสองท่าสุดท้ายได้ ก็ยากจะให้ใครต้านทานอีกต่อไป” เอียงเฉินยื่นพัดมีเงินสองด้ามให้
นาซีซัสรับไว้ก่อนคุกเขาทำความเคารพเช่นกัน
“ฝึกสำเร็จเมื่อไหร่พวกเจ้าจะเจอทางออกเอง” ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นมาเอียงเฉินก็หายไปแล้ว
นอกจากสิ่งที่แนะนำแล้วยังมีตำราหนังสภาพเก่าสองเล่มวางอยู่ตรงหน้าแต่ละคน
ทั้งสองคนหยิบขึ้นมาดูอย่างใครรู้
‘ธาตุทั้ง 6’
มาร์คัสอ่านที่ปกหนังสือของตัวเอง
‘เทพมารสะท้านโลกันต์’
นาซีซัสอ่านปกหนังสือของตนเองเช่นเดียวกัน


.....................................

ตอนต่อจะมาเรื่อย ๆ นะคร้าบ คุณ teerasak ใจเย็น ๆ นะครับ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.2 พักฟื้น [P:14]UP!!! 24-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: teerasak ที่ 24-05-2011 06:01:46
 :impress3: ขอบคุณนะครับ สุดยอดเลย
 :L1:รักคนแต่งนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.2 พักฟื้น [P:14]UP!!! 24-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 24-05-2011 06:37:25
ว้าวๆๆๆ เดาถูกแฮะ...

ตานี้มาร์คัสกับนาซีซัสจะได้เก่งจนสู้กับพวกเหล่าร้ายได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.2 พักฟื้น [P:14]UP!!! 24-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 24-05-2011 09:04:20
โอ้ว   สุดยอดวิชา
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.2 พักฟื้น [P:14]UP!!! 24-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: lovelucifer ที่ 24-05-2011 10:19:18
จะไม่หนีหายไปนานๆอีกแล้วใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.2 พักฟื้น [P:14]UP!!! 24-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 24-05-2011 14:22:30
teerasak --- รักคนอ่านเหมือนกันครับ  :กอด1: :กอด1:

Me_kame_nishi --- ก่อนเก่งให่สวีทกันในถ้ำสักหน่อยเนอะผมว่า  :-[

จันทร์ผา --- ยังมีอะไรมากกว่านี้อีกนะ หุหุ ไม่บอกดีกว่าครับ

lovelucifer --- ผมไม่เคยหนีหายไปไหนนะคร้าบ แ่ต่อาจช้าไปบ้าง ไม่หายไปไหนอีกแน่นอนสัญญาครับ

รอลุ้นช่วงจบนะครับ มีอะไรหวาน ๆ ให้อ่านกันบ้างแล้ว  :-[
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.2 พักฟื้น [P:14]UP!!! 24-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 25-05-2011 00:40:49
เรื่องเข้นข้นขึ้นเรื่อยๆแล้วนะครับ อยากเห็นฉากหวานๆบ้างนะครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.2 พักฟื้น [P:14]UP!!! 24-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 25-05-2011 10:13:30
เป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.2 พักฟื้น [P:14]UP!!! 24-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 25-05-2011 23:37:31
มาต่อไวไวนะ  คิดถึงมาร์คัสมากมายอ่ะครับ  หายคิดถึงไปหน่อย  แต่อย่าช้าเน่อ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.2 พักฟื้น [P:14]UP!!! 24-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 27-05-2011 14:44:35
cloundy --- ไม่รู้ว่าฉากนี้จะหวานหรือเปล่า แต่ว่านักสู้คงหวานได้เท่านี้ก่อนนะครับ

ken_krub --- ขอบคุณครับ  :กอด1:

K3n0 --- ต่อให้แล้วนะครับผม

ตอนนี้ก็ถือว่าลงครบ100%ของตอนที่ 18 แล้วนะครับ

ตอนต่อไปรอสักหน่อย ยังก็แวะอ่านเรื่องใหม่ผมด้วยนะครับ "บ่วงนาคราช"  :pig4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.3 พักฟื้น100% [P:14]UP!!! 27-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 27-05-2011 14:46:18
“มาร์คัสมากินข้าวได้แล้ว วันนี้เลิกฝึกก่อนเถอะ” นาซีซัสตะโกนเรียกมาร์คัสจากอีกห้องหนึ่ง
มาร์คัสกำลังนั่งสมาธิฝึกวิชาจากหนังสือธาตุทั้งหก
แสงหลากสีผุดขึ้นจากสิ่งของรอบ ๆ ตัวเขาราวกับแสงของหิ่งห้อยนับร้อยตัว
มาร์คัสวาดมือเป็นวงกลมอยู่เบื้องหน้าตนเอง แสงหลากสีถูกดูดมาหมุนวนอยู่ระหว่างสองฝ่ามือ
มาร์คัสค่อยดูดซึมซับแสงนั้นเข้าไปในใจกลางฝ่ามืออย่างช้า ๆ จนแสงหายหมดไป
เขาลืมตาขึ้นช้า ๆ หลังจากผสานพลังทั้งหมดเข้าไปในตัวแล้ว
“ข้ากำลังไป..” มาร์คัสตะโกนบอกหลังจากผึกเสร็จ

นาซีซัสรับหน้าที่ทำอาหารเพราะว่าหลังจากวิชาของเขาไม่สามารถเร่งฝึกได้
แต่ด้วยความอัจฉริยะที่มีอยู่ในตัวเขาสามารถสำเร็จไปแล้วถึงหนึ่งในสามส่วนด้วยกัน
ภายในถ้ำมีลำธารไหลผ่าน มีปลาหลงเข้ามามากมาย
นาซีซัสกับมาร์คัสเลยได้อาศัยปลาในลำธารเลี้ยงตนเมื่อยามหิว
“ผ่านอีกขั้นแล้วใช่ไหมแบบนี้” นาซีซัสทุกเมื่อเห็นมาร์คัสเดินเข้ามาพร้อมด้วยสีหน้าเปร่งปรั่ง
“อืม.. เหลืออีกสองขั้นก็จะสำเร็จแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะเมื่อไหร่เพราะว่าที่นี้มีธาตุลมน้อยมาก” มาร์คัสบอกพร้อมกับนั่งลงตรงหน้านาซีซัส
“เดี๋ยวข้าคิดก่อนนะ มีที่หนึ่งเป็นเหมือนช่องระบายอากาศ มีลมผ่านเข้ามาได้ง่าย เดี๋ยวข้าจะพาท่านไป”
นาซีซัสบอกเพราะเขาเป็นคนที่สำรวจภายในถ้ำมากที่สุด
มาร์คัสส่วนมากต้องใช้สามาธิกับการฝึกวิชาเลยไม่ค่อยได้ไปไหน
“ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ว่าแต่เจ้าเถอะฝึกไปถึงไหนแล้ว”
“ท่านไม่ต้องห่วงข้าหรอก เดี๋ยวข้าแสดงอะไรให้ดูแล้วกัน”
นาซีซัสลุกขึ้นยืนพร้อมกับหยิบพัดออกมาร่ายรำอย่างอ่อนช้อยและสวยงาม
เส้นผมสีเงินพลิ้วไหวตามท่วงท่ารับกับพัดสีเงินเงาวาว
แต่ท่าทางเหล่านั้นกลับแฝงไว้ด้วยพลังอย่างมหาศาล
มาร์คัสเองยังลอบชื่นชมไม่ได้ แต่ด้วยความเป็นนักสู้เมื่อเห็นแบบนี้แล้วก็อยากลองประมือดู
แล้วอีกอย่างเขาอยากรู้ว่านาซีซัสจะพัฒนาไปมากขนาดไหนแล้วอีกด้วย
“ฮึบ!!”
ร่างของมาร์คัสหายไปจากที่นั่งราวกับสายลม
เพียงพริบตาก็มาอยู่ตรงหน้านาซีซัสที่กำลังร่ายรำเพลงพัดอยู่
นาซีซัสเห็นก็เข้าใจจุดประสงค์ของฝ่ายตรงข้ามทันที
เขาไม่ได้หยุดการร่ายรำแต่กลับโจมตีไปพร้อมกันในคราเดียว
พัดสีเงินพุ่งเข้าใส่ช่วงลำตัวของมาร์คัสราวกับสายฟ้า
มาร์คัสยิ้มออกมาเมื่อเห็นแบบนั้นหาได้เกรงกลัวไม่
เขายกฝ่ามือขึ้นมาผนึกพลังลงไปเกิดออร่าสีม่วงห่อหุ้มมือไว้ทันที
กิ๊ง!!
มาร์คัสใช่มือปัดพัดออกไปอย่างง่ายดาย แต่เหมือนนาซีซัสจะรู้อยู่แล้ว
พัดที่อีกมือหมุนวนเข้าโจมตีที่ศีรษะแทนทันที แถมคราวนี้รวดเร็วและรุนแรงกว่าการโจมตีเมื่อครู่
“นี่เจ้าใช้แผนหลอกข้าหรือ” มาร์คัสพูดพร้อมกับทะยานตัวหลับไปข้างหลัง
“ใครใช้ให้ท่านประมาทเองล่ะ ระวังจะเจ็บตัวไม่รู้ด้วยนะ” นาซีซัสเตือนพร้อมกับลงมือโจมตีอย่างต่อเนื่อง
เพียงพริบตาทั้งสองคนปะมือกันไปไม่ต่ำกว่าสามร้อยท่า
มาร์คัสแปลกใจกับท่าร่างของนาซีซัสที่เป็นท่าเดิมแต่สามารถแปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
แถมพลังเนกิสยังเพิ่มขึ้นอย่างมากและใช้ออกมได้อย่างคล่องแคล่วไม่เหมือนเมื่อก่อน
นี่ถ้าเขาไม่มีวาสนาสำเร็จพลังย้อนวัยคืนร่างตำแหน่งราชันย์อาจเปลี่ยนมือก็เป็นได้
เมื่อคิดแบบนั้นเห็นทีต้องลองแสดงฝีมือที่แท้จริงสู้กับนาซีซัสสักครั้งดู
“ต่อไปข้าจะเอาจริงแล้วนะ เจ้าก็อย่าออมมือเด็ดขาดล่ะ” มาร์คัสเตือนเพราะเขากลัวพลาดทำนาซีซัดบาดเจ็บ
“ก็ย่อมได้แต่เราย้ายไปห้องเหล็กไหลกันเถอะ ไม่งั้นที่นี่คงได้พังแน่นอน” นาซีซัสเสนอก่อนทะยานร่างร่วงหน้าไปอย่างรวดเร็ว

ห้องเหล็กไหล
ห้องนี้เป็นห้องกว้างขนาดใหญ่กว่าสนามฟุตบอลสามเท่า
ผนังทั้งสี่ด้านเป็นแร่เหล็กกล้ายากที่จะทำลายลงได้ทั้งสองคนเลยตั้งชื่อให้ว่าห้องเหล็กไหล
นาซีซัสเข้ามายืนรอมาร์คัสอยู่ที่กลางห้องอย่างตื่นเต้น เพราะเขาไม่เคยคิดว่าจะได้ประมือกับมาร์คัสอย่างจริงจัง
“ห้ามออมมือเด็ดขาด” มาร์คัสเตือนก่อนที่จะเร่งพลังของตนเอง
นาซีซัสเองก็เช่นกันออร่าสีเทาพวยพุ่งออกจากร่างสร้างความกดดันให้ฝ่ายตรงข้าม
มาร์คัสเองไม่คิดว่าพลังของนาซีซัสจะเพิ่มมากขึ้นขนาดนี้
ตัวเขาเองก็แผ่พุ่งออร่าสีม่วงอ่อนเข้าต้าน ตอนนี้ออร่าสีม่วงกับสีเทากำลังปะทะกันอยู่กลางห้อง
แต่ถ้าเทียบกันที่พลังเนกิสนาซีซัสเริ่มจะเสียเปรียบ เพราะมาร์คัสมีพลังธาตุเข้ามาช่วยเสริม
นาซีซัสเลยต้องเปลี่ยนมาใช้ท่าร่างในการโจมตีแทน
ฟ้าว!! ฟ้าว!!
พัดสีเงินถูกลอบใช้ออกมาจากด้านหลังอย่างลับ ๆ
“ราหูอมจันทร์”
พัดทั้งสองอันลอยไปบังหน้าของมาร์คัสไว้ นาซีซัสคลายพลังที่สู้กับมาร์คัสออกพร้อมกับหายตัวไปจากตรงนั้น
มาร์คัสใช้พลังผลักให้พัดกระเด็นออกเพื่อจะได้มองเห็นรอบข้างได้แต่มองหานาซีซัสไม่เห็นแล้ว
“เทพมารแยกร่าง” หลังจากได้ยินเสียงร่างของนาซีซัสก็กระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของห้อง
“คิดหรือว่าข้าไม่รู้ว่าคนไหน” มาร์คัสกระโดดขึ้นไปหาร่างที่อยู่บนหัวตัวเองทันที
เขาหมุนตัวต่อยหมัดออกไป แถบริ้วหมัดนับร้อยพุ่งออกมาล้อมรอบร่างเงานั้นทันที
ตอนนี้การปล่อยแถบริ้วพลังเป็นเรื่องปกติของทั้งสองคนไปแล้ว
“ท่านเก่งมาก อสุระจำแรง” นาซีซัสเปลี่ยนท่าทันที
ท่าอสุระจำแรงถูกใช่ออกมาทั้งเป็นการตั้งรับ และเป็นการโจมตีไปในตัว
ริ้วพลังจากฝ่ามือของนาซีซัสรวมตัวกันเป็นรูปเทพบุตรถือดาบขนาดยักษ์พุ่งเข้าใส่มาร์คัส
ถึงรูปร่างจะดูสวยงามแต่พลังที่ตามมารุนแรงไม่ต่างจากพลังของเจ้าอสูรเลยทีเดียว
ตูม!!
พลังทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ ร่างของนาซีซัสกระเด็นไปชนผนังด้านบน
มาร์คัสเห็นแบบนั้นรีบร่ายท่าร่างวิหกเล่นลมแบบพิสดารเข้าไปช้อนร่างเล็กนั้นไว้
“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” มาร์คัสถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเขาโอบกอดร่างของนาซีซัสไว้แล้ว
“ข้าไม่เป็นอะไรหรอก ท่านเป็นห่วงมากเกินไปแล้ว” นาซีซัสหน้าร้อนผ่าวเมื่อตกอยู่ในอ้อมออกของมาร์คัส
ร่างของทั้งสองคนร่วงลงสู่พื้นอย่างช้า ๆ มาร์คัสจ้องมองหน้านาซีซัสที่อยู่ห่างไปไม่กี่นิ้ว
สายตาของทั้งสองประสานกัน สร้างความอบอุ่นให้กับทั้งสองคนอย่างมาก
จนกระทั้งลงมายืนอยู่บนพื้นมาร์คัสก็ยังคงโอบกอดร่างของนาซีซัสไม่ได้ปล่อย
ทั้งสองต่างสื่อความหมายกันโดยใช้สายตาเป็นทางเชื่อม
ตุบ ตุบ ตุบ!!
เสียงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นของนาซีซัสที่เกิดจากความตื่นเต้น
หน้าเริ่มร้อนผ่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ คงจะร้อนยิ่งกว่าการโดนพลังย้อนกลับเวลาฝึกวิชามาก
เพราะมันทำให้หน้าเขาแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
มาร์คัสเองก็แทบไม่ต่างกันเพียงแต่เขาใช้วิชาสะกดใจไว้ทำให้อาการต่าง ๆ แสดงออกมาได้น้อยมาก
ยิ่งสายตาทั้งสองผสานกันนานมากขึ้นเท่าไหร่ หน้าของทั้งสองคนก็ใกล้กันยิ่งขึ้นเท่านั้น
หน้าของทั้งสองขยับมาใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นของกันและกัน ปลายจมูกสัมผัสกันเล็กน้อย
“ไปกินข้าวกันดีกว่าข้าหิวแล้ว” นาซีซัสโผล่งพูดขึ้นมา ทำเอามาร์คัสสะดุ้งเล็กน้อย
“นั่นสิ ป่านนี้คงเย็นหมดแล้วล่ะ” มาร์คัสรีบพูดแก้เขิน
เขาปล่อยตัวนาซีซัสให้ยืนด้วยตัวเอง ก่อนที่นาซีซัสจะหันหลังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เพราะเขากลัวว่ามาร์คัสจะสังเกตเรื่องหน้าที่เป็นสีแดงกล่ำของเขาได้ในตอนนี้
มาร์คัสเองก็ยืนสงบจิตใจอยู่สักครู่ เพราะเมื่อกี้หัวใจของเขาก็เต้นแรงไม่เป็นจังหวะเหมือนกัน


*************

โปรดติดตามตอนต่อไป  :L1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.3 พักฟื้น100% [P:14]UP!!! 27-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 27-05-2011 14:58:28
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.3 พักฟื้น100% [P:14]UP!!! 27-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: teerasak ที่ 27-05-2011 18:17:25
 :m25: แบบนี้แหละที่รอ หวานกันแล้ว

 :pig4: ที่เอามาลง แบบไม่ต้องรอนานมาก
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.3 พักฟื้น100% [P:14]UP!!! 27-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 27-05-2011 18:20:30
ในที่สุดก็หวานกันได้ซะที
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.3 พักฟื้น100% [P:14]UP!!! 27-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 27-05-2011 18:49:54
อยากได้ฉาก ที่ฝึกพลังด้วยกันแล้ว มี NC ด้วยน่าจะพิลึก :z1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.3 พักฟื้น100% [P:14]UP!!! 27-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 28-05-2011 00:16:39
สวีทกันแล้วๆๆๆ  กิ๊วๆๆๆๆๆ  :-[  เขิลลลแทนนนน
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.3 พักฟื้น100% [P:14]UP!!! 27-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 28-05-2011 03:02:57
หวานกว่านี้มีอีกมั้ย......... :impress2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.3 พักฟื้น100% [P:14]UP!!! 27-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 29-05-2011 19:45:14
ken_krub  ---  :กอด1: กอดตอบครับ

teerasak --- ตอนต่อไปรอหน่อยนะครับ แต่ไม่รู้จะหวานอีกหรือเปล่านะครับ  :-[

cloundy --- ไม่รู้ว่าจะหวานถูกใจคนอ่านของผมหรือเปล่าน้อ

จันทร์ผา --- แอบคิดไว้เหมือนกัน แต่มันเป็น NC แบบพิศดารแน่ ๆ  :laugh:

K3n0 --- กว่าจะได้ออกจากถ้ำ เพิ่มอีกสักฉากสองฉากดีไหมครับแบบนี้

whistle --- หวานกว่านี้มีแน่นอนครับ สัญญา แต่ไม่บอกว่าจะมาตอนไหนนะครับ

คอบคุณที่ยังติดตามให้กำลังใจกันเสมอมาครับ  :กอด1: คนอ่านทุกคนเลยครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.3 พักฟื้น100% [P:14]UP!!! 27-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: aum_15597 ที่ 04-06-2011 14:02:52
ติดตามมานานแล้วค่า
แต่เพิ่งสมัครได้ มาเป็นเม้นแรกเลย
สนุกมากๆค่า อัพเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.3 พักฟื้น100% [P:14]UP!!! 27-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 04-06-2011 15:18:12
ยินดีต้อนรับครับ ฝากผลงานอื่นๆด้วยนะครับ  :pig4:

+1 ต้อนรับด้วยครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.3 พักฟื้น100% [P:14]UP!!! 27-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 04-06-2011 21:56:52
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด  อ่านทันแย้ววววววววววว
ค้างมากมายอ๊าาา   :serius2: :serius2: :serius2:  (อยากอ่านNCอ่ะ  :กอด1:)
ยังไงๆก็มาต่อไวๆนะคะ  เป็นกำลังใจให้จ้า
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.3 พักฟื้น100% [P:14]UP!!! 27-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 08-06-2011 23:59:56
หวานรูปแบบบู๊น่ะเนี่ย :pigha2:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.3 พักฟื้น100% [P:14]UP!!! 27-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: aum_15597 ที่ 11-06-2011 22:22:28
แงๆๆๆๆๆ หลายวันแล้วน่าค่า
มาอัพเถอะน่าอย่าโยนลงไหเลย
คิดถึงจะแย่แล้วค่า
:z2: :z2:เต้นรอออออ :call: :call: :call:บวกจุดธูปอันเชิญ- -
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.3 พักฟื้น100% [P:14]UP!!! 27-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 11-06-2011 23:44:28
เห็นคุณ aum_15597 งอแงเลยรีบมาตอบก่อน

ตอนต่อไปกำลังเขียนครับ ไม่ได้โยนลงไหแน่นอน พรุ่งนี้คงได้อ่านกัน พร้อมกับ น้องกุญแจอีกเรื่องครับ

ToffeE_PrincE --- แหะ ก็มันนิยายบู๊นี่เนอะ เลยต้องหวานแบบบู้ ๆ  :o8: (แถตอบไปได้)

sanri --- ฝากติดตามต่อเื่รื่อย ๆ นะครับ NC แนวเรื่องนี้กำลังคิดอยู่ครับ ว่าจะเขียนยังไง  :impress2: แต่ขอจังหวะนิดนึงตอนนี้กำลังช่วงรบเนอะ  o18

คิดว่าพรุ่งนี้คงเสร็จตอนต่อไป ไม่ได้ดองเรื่องไหนเลยนะครับ เขียนวน ๆ ไปเรื่อย ๆ ช้าหน่อยอย่าว่ากันนะครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่18.3 พักฟื้น100% [P:14]UP!!! 27-05-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 14-06-2011 11:07:20
ตอนที่ 19 หวนคืนถิ่น


หลังจากที่ได้สถานที่ฝึกที่มีธาตุลมไหลผ่านอย่างดีแล้ว มาร์คัสก็สามารถฝึกการรวมธาตุต่าง ๆ ได้จนสำเร็จ
นาซีซัสเองตอนนี้ก็สามารถใช้สองท่าไม้ตายสุดท้ายได้อย่างคล่องแคล่ว
ท่าไม้ตายทั้งสองมีเพียงมาร์คัสคนเดียวที่ได้เห็นและได้สัมผัส
เพียงแค่นึกถึงก็ทำให้มาร์คัสต้องแอบกลัวนิด ๆ เพราะถ้าเขาไม่สำเร็จพลังหกธาตุกับพลังย้อนวัยคนร่าง เขาคงได้ตายไปไม่ต่ำกว่าสิบครั้งจากสองท่าสุดท้ายนี้แน่นอน
“ข้าว่าพวกเราสมควรออกจากที่นี่ได้แล้วล่ะ ไม่รู้ว่าข้างนอกจะเป็นยังไงบ้างตอนนี้” มาร์คัสพดขณะกินอาหารเย็นกับนาซีซัส
“ข้าก็คิดเหมือนกับท่าน แต่ว่าเราจะออกไปได้ยังไงกัน ข้าพยายามหาทางออกแล้วแต่กลับไม่เจอสักที” นาซีซัสทำหน้ากังวลกับเรื่องที่พูด
“ข้ารู้ว่าทางออกอยู่ที่ไหน แต่ข้าอยากถามอะไรเจ้าบางอย่างก่อนออกไป เจ้าจะตอบข้าได้หรือไม่” มาร์คัสมองหน้านาซีซัส
“ท่านก็ถามมาสิ ถ้าข้าตอบได้ข้าก็จะตอบ ท่านก็รู้ว่าข้าเรียนหนังสือมาน้อย”
“ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความรู้หรอก ข้าเพียงแค่อยากถามเจ้าว่า...” มาร์คัสดูลังเลใจยู่เล็กน้อย
“ถ้าออกไปได้เจ้าจะอยู่เคียงข้างข้าตลอดไปได้หรือไม่” มาร์คัสกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนที่จะพูดประโยคนี้ออกมา
นาซีซัสรู้สึกร้อนวูบไปทั้งหน้าลามไปทั่วตัวราวกลับโดนพลังหมุนทวนทิศภายในร่างกาย
เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากคนอื่นมาก่อน เพราะคนที่ไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างเขาไม่เคยติดว่าจะมีคนให้ความสำคัญ
โดยเฉพาะคนที่มีตำแหน่งเป็นผู้นำสูงสุดของแผ่นดินใหญ่ในเวลานี้
“ทะ ท่าน อย่ามาล้อข้าเล่นนะ” นาซีซัสพยายามฝืนอาการตอบ
“ข้าไม่ได้ล้อเจ้าเล่นนะ จริง ๆ แล้วข้ารู้สึกดีต่อเจ้าตั้งแต่แรกพบแล้ว” มาร์คัสรู้สึกอายเพิ่มมากขึ้นเมื่อพูดเรื่องนี้
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าของคนที่ถูกถามอย่างหยุดไม่ได้เมื่อรู้ความจริง
“ข้าดีใจที่สุดเลย ข้าคิดว่าข้าจะรู้สึกไปคนเดียวเสียแล้วซะอีก” นาซีซัสโผเข้ากอดคอมาร์คัสไว้อย่างลืมตัว
มาร์คัสเองไม่ได้ว่าอะไร กลับมีรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นมาแล้วในตอนนี้
“ข้าถือว่าเจ้าตอบรับข้าแล้วนะ” มาร์คัสกอดนาซีซัสไว้บ้าง
“ยังต้องให้ข้าพูดตอบอะไรอีกหรือไง” นาซีซัสหน้าร้อนผ่านมากขึ้นเรื่อย ๆ
มาร์คัสกอดนาซีซัสแน่นขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้รู้ว่าเขาดีใจมากขนาดไหน

“เจ้าพร้อมแล้วนะ” มาร์คัสหันมาถามนาซีซัสเมื่อทั้งสองคนมายืนอยู่ที่ริมธารน้ำภายในถ้ำ
“ข้าพร้อมแล้ว” นาซีซัสจับมือมาร์คัสไว้พร้อมมองหน้าอย่างเชื่อใจ
ซูม!!
ทั้งสองคนจับมือกันไว้กระโดดลงไปในธารน้ำพร้อมกัน

“ทุกคนต้านมันไว้ อย่าให้มันยึดหมู่บ้านเราได้” เสียงดังมาจากชุมชนที่อยู่ใกล้ ๆ ตึกเอ็มไพร์สเตรท
“ลำพังชาวบ้านอย่างพวกเจ้าจะสู้อะไรพวกเรา 3 คนที่อยู่ในระดับ 32 ดาวเล็กได้ พวกเราฆ่าอย่าให้เหลือ เราจะยึดที่นี่ทำที่มั่นไว้รอท่านเจ้าฟ้า” หนึ่งใน 32 ดาวเล็กตะโกนสั่ง
32 ดาวเล็กที่มาในครั้งนี้เป็นอันดับที่ 8 9 10 จาก 32 คน ถือว่าเป็นระดับที่มีฝีมือใกล้เคียงกับ กลุ่ม 12 ราศีเลยก็ว่าได้
ลำดับ 8 ไซฟง ฝึกพลังดาบคิมหันต์ถึงขั้นที่สิบ เพลงดาบคิมหันต์สามารถแช่แข็งคู่ต่อสู้ได้ในพริบตา
ลำดับ 9 จอร์นนี่ ฝึกพลังคชสารเป็นศิษย์น้องกับราศี ทอรัส สำเร็จพลังขั้นที่สิบ เพลงดาบที่ทรงพลังสามารถทำลายได้เกือบทุกสิ่ง
ลำดับที่ 10 มินนี่ ผู้หญิงที่อยู่ในอันดับสูงสุด สำเร็จวิชาอาวุธลับขั้นสูง เพียงแต่ว่ามีโรคประจำตัวเลยไม่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองได้มากกว่านี้
สิ้นคำสั่งลูกน้องที่อยู่ด้านหลังทั้งสองคนพุ่งทะยานเข้าหากลุ่มคนทันที
ถึงทั้งสามคนจะพาลูกน้องมาเพียงสิบคน แต่ทั้งหมดล้วนถูกคัดสรรมาเรียบร้อยแล้ว
เพื่อเตรียมสถานที่ไว้ให้กับเจ้าฟ้าที่กำลังเดินทางมาที่แห่งนี้
ชาวบ้านธรรมดาไหนเลยจะสู้ได้ ต่อให้ฝึกวิชามาบ้างก็ยังไม่ใช่คู่มืออยู่ดี
คนต่อต้านเริ่มล้มตายลงไปทีละคนอย่างช้า ๆ
“หยุดนะ!!”
เสียงดังขึ้นจากด้านหลัง สามดาวเล็ก ทำเอาทั้งสามคนตกใจรีบหันกลับไปดู
ถึงแม้ว่าทั้งหมดจะไม่ได้เก่งที่สุด แต่ว่าการมาอยู่ข้างหลังของทั้งสามคนได้ก็เป็นเรื่องยาก
ทั้งสามเห็นชายสองคนยืนอยู่ในสภาพที่เนื้อตัวยังเปียกอยู่
“ถ้ารักตัวกลัวตายก็อย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องของพวกเรากลุ่มโซดิเอค” จอนนี่คนที่ใจร้อนที่สุดข่มขู่ก่อน เพราะรู้สึกเสียหน้าที่มีนมาอยู่ข้างหลังแล้วไม่รู้ตัว
“เพราะเป็นพวกโซดิเอคนี่แหละ พวกข้าถึงต้องเข้ามายุ่ง” มาร์คัสเอ่ยตอบ พร้อมกับลอบเร่งพลังธาตุไฟทำให้เสื้อผ้าของตนและนาซีซัสแห้งอย่างรวดเร็ว
“รู้จักพวกข้าด้วย แสดงว่าเป็นพวกที่อยู่ในตึกแน่ ๆ แต่อย่าคิดว่าพวกข้าจะกลัวเจ้านะ ต่อให้เป็นมาร์คัสมาเองเจอพวกข้าสามคนก็ยังต้องพ่ายแพ้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” จอนนี่หัวเราะอย่างหยิ่งผยอง
“ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะทำได้อย่างที่พูดหรือไม่”
“เจ้าพูดอย่างกับว่าเจ้าคือมาร์คัสเสียเอง” ไซฟงพูดขึ้นมาบ้าง เพราะเขาลอบเห็นการเปลี่ยนแปลงจากทั้งสองคนตรงหน้า
“ถ้าใช่แล้วพวกเจ้าจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่าล่ะ” มาร์คัสมองหน้านาซีซัสอย่างรู้กัน
นาซีซัสใช้ท่าร่างมารไร้ลักษณ์ที่พัฒนาใหม่หายตัวไปอยู่ตรงหน้านักฆ่าทั้งสิบที่กำลังเข่นฆ่าชาวบ้านอย่างสนุกมือ
มาร์คัสเดินตรงเข้าหา 3 ดาวเล็กอย่างช้า ๆ แสดงให้เห็นว่า ทั้ง 3 ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาในตอนนี้
“หน่อยคิดดูถูกพวกเราทั้งสามหรือไง รับไป คชสารทลายภูผา” จอนนี่เริ่มลงมือก่อนทันที
ถึงแม้ไม่รู้ว่าคนข้างหน้าจะเป็นตัวจริงหรือไม่ แต่ด้วยนิสัยวู่วามของจอนนี่ ทำให้เขาชิงลงมือก่อน
รังสีดาบสีแดงฉานขยายใหญ่พุ่งเข้าใส่มาร์คัสอย่างรวดเร็วและรุนแรงราวช้างตกมัน
“ใช้ได้ ข้าจะได้ลองวิชาใหม่ให้เต็มที่เสียที” มาร์คัสคิดทดสอบวิชาใหม่กับทั้งสามคนนี้
ฮึบ!!
รังสีดาบของจอนนี่ถูกมาร์คัสรับไว้ด้วยมือข้างเดียวก่อนจะผลักกลับไปยังคนทั้งสาม
ทั้งสามรีบแยกย้ายกันหนีอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตื่นตกใจ เพราไม่คิดว่าจะมีคนรับพลังของจอนนี่ได้ง่ายดายเช่นนี้
“หรือว่ามันจะเป็นตัวจริง แต่ท่านเจ้าปฐพีบอกว่ามันบาดเจ็บสาหัสเหมือนกันนี่นา” ไซฟงหันมาถามทั้งสามคน
“ช่างมันก่อน ตัวจริงตัวปลอมไม่ต้องสนใจ ตอนนี้เรามารวมมือกำจัดมันเอาผลงานก่อนดีกว่า” มินนี่เสนอเพราะเธอคิดว่าถ้ารวมมือกันสามคนต่อให้เก่งแค่ไหนก็ต้องสยบลงได้
“ตกลง กำจัดมันให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน” ทั้งสามมองหน้ากันอย่างรู้ใจ
มินนี่ซัดเข็มพิษหางหงส์ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าของยอดอาวุธลับเข้าใส่ทันที
ไซฟงแผ่ไอเย็นออกจากตัวพร้อมกับใช้เพลงดายคิมหันต์ท่าที่สี่ เหมันต์ตราตรึง เพื่อยึดร่างมาร์คัสไว้
จอนนี่รู้ว่าออกกำลังต่อไม่ได้แล้วเขาใช้ท่าไม้ตายออกมารวมผสานด้วยทันที
รังสีดาบสีแดงนับร้อยพุ่งเข้าใส่มาร์คัสพร้อมกับแฝงไว้ด้วยเข็มพิษหางหงส์ไป
ไอเย็นเข้าล้อมรอบตัวมาร์คัสไว้จนมองเห็นเป็นก้อนน้ำแข็งสีขาวใส
“ราชันย์ออกศึก” มาร์คัสพูดเบา ๆ แต่พลังที่ออกมากลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
น้ำแข็งที่หุ้มตัวเขาแตกกระจายออก พร้อมกับแถบริ้วกระบี่สีม่วงจำนวนมากแผ่พุ่งออกมาทั่วบริเวณนั้น
อ็อค!!
ร่างของสองในสามแยกออกจากกันอย่างไม่ทันรู้ตัวแม้แต่น้อยแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของพลังอย่างเห็นได้ชัด
“จิตกระบี่ เป็นบุญตายิ่งนัก” ไซฟงพูดก่อนกระอักเลือดออกมาสิ้นใจตามเพื่อนทั้งสองไป
จิตกระบี่เป็นการสำเร็จเพลงกระบี่ขั้นสูงสุด ถึงขั้นไม่จำเป็นต้องพกกระบี่ติดตัว เพียงอากาศธาตุก็สามารถสร้างเป็นกระบี่ได้ เป็นเพียงท่าในตำนานที่กล่าวขานกันมาหลายร้อยปีเท่านั้น แต่วันนี้กลับปรากฏอีกครั้งแล้ว

เมื่อมาร์คัสสยบทั้งสามคนลงในท่าเดียว ก็หมายจะไปช่วยนาซีซัส
แต่นาซีซัสกลับนั่งมองเขาอยู่บนตึกใกล้ ๆ กับที่เขาต่อสู้อยู่แล้ว
“เรากลับกันเถอะ” มาร์คัสบอกนาซีซัสก็มาปรากฏกายข้างเขาแล้ว
ก่อนที่ชาวบ้านจะกล่าวขอบคุณ ทั้งสองคนก็ทะยานขึ้นฟ้าหายไปอย่างรวดเร็ว



โปรดติดตามตอนต่อไป  :L1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่19 หวนคืนถิ่น [P:15] UP!!! 14-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: Me_kame_nishi ที่ 14-06-2011 13:24:51
โย่ว....มาร์คัสกับนาซีซีสสำเร็จวิชาแล้วววว
ไปถล่มพวกมันให้หมดเลยยยย

(มาดิท พิมพ์ผิดจ้า ความหมายคนละเรื่องเลยอ่ะ)
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่19 หวนคืนถิ่น [P:15] UP!!! 14-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 14-06-2011 17:41:30
มาต่อเร็วๆ นะครับ กำลังสนุกเลยครับ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่19 หวนคืนถิ่น [P:15] UP!!! 14-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: aum_15597 ที่ 14-06-2011 21:14:52
เย้ๆๆ มาอัพแล้ววว
ฝึกสำเร็จแล้วไปถล่มมารร้ายซะ-^-
แต่ แอบมีหวานเล็กๆนะเนีย-//-
จะมีหวานอย่างนี้อีกอ่ะป่าวอ่า อิอิ
เป็นกำลังใจจจ :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่19 หวนคืนถิ่น [P:15] UP!!! 14-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 15-06-2011 00:13:25
มาสั้นมากกกกกกก ตอนหน้าขอยาวๆนะครับ :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่19 หวนคืนถิ่น [P:15] UP!!! 14-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 15-06-2011 13:15:29
+เป็นกำลังใจให้เสมอครับ+
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่19 หวนคืนถิ่น [P:15] UP!!! 14-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 17-06-2011 17:32:42
วิชาของท่านทั้งสองช่างล้ำลึกยิ่งนัก
สุโค่ย :sad4:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่19 หวนคืนถิ่น [P:15] UP!!! 14-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 19-06-2011 00:15:27
ว๊ายๆๆ  กำลังหนุกหนานเยยอ๊า   :กอด1:
มาต่อไวๆนะคร๊า ^^
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่19 หวนคืนถิ่น [P:15] UP!!! 14-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: ||toxic-love|| ที่ 19-06-2011 00:25:47
คุ้มกับที่รอมานาน ^ ^
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่19 หวนคืนถิ่น [P:15] UP!!! 14-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 20-06-2011 18:50:59
 o13
กลับมาอ่านแล้ว
แฮ่ะ แฮ่ะ

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่19 หวนคืนถิ่น [P:15] UP!!! 14-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 28-06-2011 23:14:06
มาต่อแล้วนะครับ ไม่ได้หายไปไหนนะ

อยากสารภาพพอดีเรืองนี้ในเครื่องหาย ต้องย้อนกลับมาอ่านใหม่หมดเลย

ทำให้ช้าไปหน่อยครับ อย่างเพิ่งว่ากันนะครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่19 หวนคืนถิ่น [P:15] UP!!! 14-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 28-06-2011 23:17:45
ดับสามราศี


                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                           
มาร์คัสและนาซีซัสมุ่งหน้ากลับไปที่ตึกเอ็มไพร์สเตรทเพื่อจะได้สมทบกับคนอื่นๆ
ระหว่างทางทั้งสองคนเห็นการเคลื่อนไหวบางอย่างที่ผิดปกติ
มีการเคลื่อนย้ายวัตถุบางอย่างไปที่หมู่บ้านเล็กๆ ห่างจากตึกเอ็มไพร์สเตรทเพียงยี่สิบกิโลเมตร
ทั้งสองคนตกลงกันว่าจะลองสืบดูก่อนที่เผื่อพวกโซดิเอคจะวางแผนอะไรไว้
ทั้งสองคนติดตามวัตถุที่ถูกขนมาอย่างลับจนถึงหน้าหมู่บ้าน
หมู่บ้านวิญญูชน
ป้ายบอกชื่อหมู่บ้านขนาดใหญ่ตอนนี้ห้อยจนเหมือนจะตกลงมาเมื่อไหร่ก็ได้
หน้าหมู่บ้านมีเวรยามเฝ้าอยู่เพียงสี่คน แต่ทั้งสี่คนหาได้ด้อยฝีมือไม่
จากการตรวจจับพลังของมาร์คัสทำให้รู้ว่าทั้งสี่คนน่าจะอยู่ในระดับ32ดาวเล็ก
“แค่หมู่บ้านเล็กๆ ถึงกับต้องใช้32ดาวเล็กมาเฝ้าเชียวหรือ” มาร์คัสส่งเสียงบอกนาซีซัสผ่านพลังเนกิส
“ข้าว่าสิ่งที่ขนมาต้องมีความสำคัญมากแน่ๆ เราลองสืบดูก่อนจะดีกว่านะ” นาซีซัสเสนอ
“ข้าก็คิดเหมือนกัน แต่เราต้องตรวจสอบให้แน่ใจเสียก่อนว่ามีใครอยู่อีกบ้าง”
หลังจากตกลงกันได้ทั้งสองคนซ่อนพลังเนกิสของตนเองไว้จนยากที่จะจับสัมผัสได้
ท่าวิหกเล่นลมแปลงกับท่ามารไร้ลักษณ์แปลงถูกใช้ลอบเข้าในหมู่บ้าน
ต่อให้32ดาวเล็กเก่งขนาดไหนก็ยากที่จะจับการเคลื่อนไหวของทั้งสองคนได้
ทั้งสองคนลอบเข้าไปแอบในบ้านหลังเล็กกลางหมู่บ้านใกล้จุดที่มีการนำวัตถุประหลาดมาเก็บไว้
ตรงที่เก็บวัตถุนั้นยิ่งมีเวรยามเฝ้าอย่างแน่นหนากว่าเดิม 7 ใน 32 ดาวเล็กคอยดูแลอยู่ลอบๆ
และทั้งสองคนยังจับพลังที่รุนแรงได้จากภายในอีกสามคน คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่ม 12 ราศี
ของพวกนี้มีความสำคัญอย่างไรกันถึงได้ต้องมีการคุ้มกันมากขนาดนี้
มาร์คัสตั้งสมาธิเพื่อฟังคนข้างในสนทนากัน ตั้งแต่เขาบรรลุพลังขั้นสูงเขาสามารถได้ยินสิ่งรอบข้างในระยะ 200 เมตรได้
“ถ้าเราประกอบอาวุธชิ้นนี้เสร็จเมื่อไหร่ พวกเราก็จะได้ครอบครองที่นี่เสียที”
“แต่ว่าสิ่งนี้มันยังไม่สำเร็จดีเลยนี่นา ไม่น่ารีบเอาออกมาใช้เลยนะ”
“ทำยังไงได้ล่ะท่านเจ้าปฐพีเป็นคนสั่งมาเองนี่นา พวกเราอย่าทำให้พลาดแล้วกัน ไม่งั้นท่านเจ้าปฐพีมาถึงได้ตายไม่ดีแน่ๆ”
ข้อความที่ได้ยินทำให้รู้ว่าสิ่งที่ขนมาเป็นอาวุธร้ายแรงเพื่อมาทำลายพวกเขา
“ข้ารู้แล้วมันคืออะไรเห็นทีเราจะต้องกลับช้าเสียแล้ว” มาร์คัสหันไปบอกนาซีซัส
“ข้าเองก็ได้ยินแล้ว” นาซีซัสตอบทำเอามาร์คัสแปลกใจ นี่เขาก้าวหน้าถึงขั้นไหนกันแน่นะ
“ข้าว่าเรารอจนมืดก่อนแล้วลงมือทำลายของชิ้นนี้ซะ ก่อนที่มันจะประกอบสำเร็จ” มาร์คัสเสนอแผน
“ข้าเห็นด้วย ถ้าปล่อยไว้พวกเราคงล้มตายกันอีกมาก”

กลางดึก
ฟ้าว!! ฟ้าว!!
ทั้งสองคนรอบเข้าไปในตึกที่เก็บของหลังจากที่เห็นโอกาส
“เจ้าไปทางซ้าย ข้าไปทางขวา ถ้ามีอะไรส่งสัญญาณแจ้งทันที” มาร์คัสบอกนาซีซัสก่อนที่ทั้งสองคนจะแยกกันออกไป
มาร์คัสขึ้นมาชั้นสองทั้งชั้นเป็นพื้นที่โล่ง มีกล่องวางอยู่ตรงกลางหลายใบ
เขารีบเข้าไปสำรวจอย่างรวดเร็ว
ฟุบ!! ฟุบ!!
เข็มพิษจำนวนมากพุ่งออกมาจากกล่องทันทีที่เปิดออก
ฮึบ!!
มาร์คัสกระโดดถอยหลังพร้อมกับวาดมือเป็นวงกลมด้านหน้าตนเอง
เกิดกระแสลมหมุนวนเข็มพิษทั้งหมดมาไว้ที่ตรงหน้าเขา ก่อนที่จะผลักเข็มพิษออกไปนอกหน้าต่าง
พรึบ!!!
แสงไฟทั้งชั้นสว่างขึ้นอย่างทันท่วงที
“ท่าทางเราจะจับหนูตัวใหญ่ได้แล้วแน่ๆ ท่านพี่ทอรัส” ชายร่างเล็กผมสีน้ำแดงซีดเดินออกมาจากมุมห้องพร้อมกับอีกสองคน
“ทำไมเจ้าถึงพูดเช่นนั้นหรือว่าเจ้ารู้ว่ามันเป็นใคร” ชายร่างสูงใหญ่สวมเสื้อคลุมยาวสีแดงต่างจากผมยาวสีขาว
“ทำไมข้าจะไม่รู้ล่ะท่านพี่ทอรัส ข้าเลยพบเขามาแล้ว คนคนนี้คือราชันย์มาร์คัสท่านพี่”
เมื่อเอ่ยชื่อออกมา ทั้งสองคนถึงกลับหันกลับมามองทันที
“อควอรีอัส ซาจิทารัส เห็นทีจะประมาทไม่ได้เสียแล้ว” ทอรัสพูดเตือนทุกคน
มาร์คัสเมื่อรู้ทั้งสามคนเป็นใครก็ไม่ประมาทเช่นกัน
ทั้งสามคนหยิบอาวุธประจำตัวออกมา
ทอรัสหยิบอาวุธขนาดใหญ่จนยากที่จะเรียกว่าอะไรได้ เพราะถ้าเรียกกระบี่ก็ต้องเล็กกว่านี้ ถ้าเรียกดาบก็ต้องมีคมเดียว เป็นอาวุธประหลาดอย่างหนึ่ง
ซาจิทาริอัสหยิบถึงมือที่ทำจากทองคำขาวผสมโลหะพิเศษออกมาสวมทั้งสองข้าง พร้อมหยิบหน้ากากโหละมาสวมไว้
อควอรีอัสสร้างไม้กางเขนน้ำแข็งขนาดใหญ่จากน้ำที่พกไว้รอบเอว
มาร์คัสหยิบกระบี่เทวะดารามาไว้ในมือ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะใช้วิชาใหม่กับกระบี่จริง ซึ่งเขาเองยังยากที่จะจินตนาการถงความรุนแรงของมันได้
“ลุย!!” ทอรัสสั่งพร้อมฟาดอาวุธยักษ์เข้าใส่ รังสีทองรูปครึ่งวงกลมพุ่งเข้าใส่มาร์คัส
อีกสองคนที่เหลือกระจายตัวออกไปซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว
มาร์คัสวาดกระบี่เป็นวงกลมตรงหน้าเกิดโล่พลังสีม่วงขึ้นกันเขาทันที
“คิดว่าจะทำได้ง่ายขนาดนั้นหรือไง หรือเจ้าลืมพวกเราไปแล้ว” อควอรัสพูดพร้อมกับแผ่พลังไอเย็นไปที่โล่พลังของมาร์คัส
เกร็ก!!
โล่พลังแข็งตัวพร้อมกับแตกออกอย่างง่าย รังสีหมัดสีทองพุ่งเข้าหาจากทางด้านซ้าย
รังสีครึ่งวงกลมกรีดพื้นจนเป็นรอยลึกขณะพุ่งเข้าหามาร์คัส
ถึงจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาร์คัสยังคงความเยือกเย็นไว้ได้
เขาก้าวถอยหลังไปสามก้าวพร้อมแล้วหยุด
“ราชันย์ไร้ปราณี”
มาร์คัสหมุนตัวเป็นวงกลมพร้อมกับแทงกระบี่ออกไปยังคนทั้งสามที่ล้อมตนอยู่
ริ้วกระบี่สีม่วงอ่อนหมุนวนเป็นวงแหวนจำนวนมากออกมา
ทั้งสามราศีรีบรั้งท่าโจมตีกลับอย่างรวดเร็วเพื่อเปลี่ยนเป็นตั้งรับแทน
เพราะแถบริ้วกระบี่ยากที่จะตั้งรับทั้งๆ ที่ยังโจมตีอยู่
ตูม!! ตูม!! ตูม!!
วงแหวนริ้วกระบี่เข้าปะทะทั้งสามคน ที่เหลือพุ่งชนกำแพงตึกรอบข้างจนพังทลายลงมา
หลังคาชั้นสองถล่มลงมาเพราะความรุนแรงจากพลังของมาร์คัส
มาร์คัสทะยานตัวหลบออกมาก่อนที่หลังคาจะพังลงมา แต่ทั้งสามราศียังอยู่ในนั้น
ตูม!!!!
เสียงซากปรักหักพังระเบิดออก ทั้งสามคนทะยานออกมา โดยที่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยสร้างความแปลกใจให้มาร์คัสอย่างมาก
แต่เมื่อสังเกตก็จะเห็นเกร็ดน้ำแข็งหล่นลงมาจากเสื้อผ้าของทั้งสามคน
“โล่น้ำแข็งนี่แข็งแกร่งไม่เบานี่นา” มาร์คัสชม
“เราสามคนรวมมือกันเจ้าก็อย่าดูถูกให้มากนักเลย” อควอรีอัสพูดพร้อมกับปล่อยไอเย็นออกมาปกคลุมพื้นที่จนทั่ว
ไอเย็นบดบังสายตาของมาร์คัสไว้ มาร์คัสหลับตาเรียกธาตุลมอย่างรวดเร็ว
ลมหมุนเกิดขึ้นรอบตัวมาร์คัสจนเกิดช่องว่างของไอเย็น
“ต้องกำจัดคนใช่ไอเย็นก่อน” มาร์คัสลอบตัดสินใจ
ขณะที่กำลังตัดสินใจรังสีหมัดสีทองนับสิบพุ่งเข้าใส่จากด้านหลัง
ด้านหน้ารังสีรูปจันทร์เสี้ยวสีทองอีกจำนวนมากพุ่งเข้ามาเช่นกัน
มาร์คัสวาดมือไปข้างหน้า
“กระจาย”
สายลมกรรโชกกระจายตัวออกไปโดยมีมาร์คัสเป็นจุดศูนย์กลาง
แรงของลมทำไปเย็นหายไปอย่างรวดเร็ว
“กำแพงปฐพี”
มาร์คัสตบเท้าลงพื้นเศษซากสิ่งก่อสร้างหมุนวนก่อตัวเป็นกำแพงด้านหน้าเขาอย่างรวดเร็ว
ตูม!! ตูม!!
รังสีรูปจันทร์เสี้ยวปะทะกับกำแพงที่เกิดขึ้นจนฝุ่นคละคลุ้งไปทั่ว
เมื่อฝุ่นจางหายไปมาร์คัสก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นอีกแล้ว
ทั้งสามคนมองหาอย่างรวดเร็ว
“เจ้ามองหาข้าหรือไง” มาร์คัสอยู่ด้านหลังอควอรีอัส
“ราชันย์ออกศึก”
ท่าที่ใช้กำจัด 3 ดาวเล็กถูกใช้ออกมา แต่คราวนี้ใช้พร้อมกับอาวุธในมือ อนุภาพย่อมต่างกัน
ริ้วกระบี่จำนวนมากพุ่งออกมา ก่อนจะกลับมารวมกันเป็นรูปกระบี่เทวะดาราสีม่วงเข้มพุ่งเข้าใส่อควอรีอัส
อควอรีอัสรนรานรีบใช้ไม้ตายสูงสุดของตนเองเข้าต้านทันที
“ธิดาเหมันต์พิโรธ”
ไม้กางเขนน้ำแข็งในมือแตกกระจายกลายเป็นเกร็ดหิมะจำนวนมาก
เกร็ดหิมะนี้แช่แข็งทุกอย่างที่มันพัดผ่าน รวมถึงริ้วกระบี่ของมาร์คัสด้วย
ถึงจะโดนแช่แข็งแต่ริ้วกระบี่ก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้าเหมือนเดิมเพียงแต่ลดความเร็วลง
อีกสองคนเห็นว่าอควอรีอัสคงรับมือไม่ไหวแน่นอนรีบเข้าไปช่วย
พรึบ!!!
เปลวไฟเป็นทางยาวลุกขึ้นล้อมทั้งสองคนไว้ ทำให้ทั้งสองชะงักลงไป
“กระจาย”
มาร์คัสตะโกน รังสีกระบี่แตกตัวออกทันทีทำลายเกร็ดหิมะที่ห่อหุ้มไว้จนหมด
อ๊ากกก!!
ร่างของอควอรีอัสแยกออกเป็นชิ้นๆ จนยากที่จะต่อคืน
“ศิษย์น้อง แกตาย” ทอรัสควบคุสสติไม่อยู่เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น
ท่าไม้ตายสูงสุดระเบิดใช้ออกมา
“คชสารทลายปฐพี”
รังสีสีทองรวมตัวกันเป็นรูปช้างตัวใหญ่วิ่งตรงเข้าหามาร์คัสราวช้างกำลังตกมัน
“วารีต้านสมุทร”
ท่าไม้ตายของซาจิทาริอัสถูกใช้ออกมาสมทบทันที
รังสีหมัดถูกปล่อยออกมาจนมองเห็นเหมือนกระแสน้ำขนาดใหญ่ตามหลังช้างของทอรัสมา
ต่อให้เป็นมาร์คัสตอนนี้ก็ยากที่จะประมาทการรวมพลังของทั้งสองคนได้
“ราชันย์ทลายกองทัพ”
มาร์คัสใช้ท่าไม้ตายท่าแรกจากสามท่าเข้าต้าน
กระบี่เทวะดาราในมือพุ่งเข้าต้านพลังทั้งสอง
มาร์คัสประกบมือเข้าหากันก่อนแยกออกกระบี่แยกออกเป็นสองเล่ม
เขาวาดมือขวาเป็นวงกลมกระบี่หมุนตัวเป็นวงกลมพร้อมกับมีไฟติดขึ้นเป็นเหมือนกงจักรไฟ
มือขวาขยับเหวี่ยงไปด้านหน้ากงจักรไฟพุ่งเข้าใส่พลังของทอรัสทันที
มือซ้ายมาร์คัสลากจากซ้ายไปขวากระบี่แยกตัวออกเป็นแนวยาวนับหลายสิบเล่ม
มาร์คัสหมุนมือกระบี่เรียงอยู่หมุนรอบตัวเองก่อนพุ่งเข้าใส่คลื่นพลังของซาจิทาริอัสราวกับลูกธนู
ตูม!! ตูม!!
พลังทั้งสามปะทะกันจนตึกที่ยืนอยู่พังลงไปทั้งหลัง
อ๊อค!!
มาร์คัสกระอักเลือดออกมุมปากเล็กน้อยพร้อมถอยหลังไปสามก้าว
แต่เมื่อหันกลับไปมองทั้งสองคน
ทอรัสตัวขาดตั้งแต่ช่วงเอวช่วงบนหล่นลงมาอยู่บนพื้นโดยที่ยั้งตั้งท่าโจมตีอยู่
ซาจิทาริอัสมีกระบี่เทวะดาราปักอยู่ที่กลางหน้าผากทะลุหน้ากากเหล็กเข้าไป
ทรุดตัวนั่งคุกเข่าสิ้นใจทั้งที่ตายังลืมอยู่
“ท่าทางจะประมาทไม่ได้เสียแล้ว”
มาร์คัสบอกกับตัวเองเพราะรู้แล้วว่าถ้าศัตรูรวมพลังกันมีพลังมากกว่าที่เขาคิด
ถ้าประมาทคนที่พ่ายแพ้อาจเป็นเขาก็ได้
แล้วทางด้านนาซีซัสล่ะเป็นยังไงบ้าง เพราะว่าตอนนี้ตึกก็ถล่มลงมาจากการปะทะกันของเขาเสียแล้ว


โปรดติดตามตอนนต่อไป  :L1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่20 ดับสามราศี [P:15] UP!!! 28-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: จันทร์ผา ที่ 29-06-2011 02:05:19
กำลังมันส์ มาแต่ละทีสั้นจริงๆๆ ชิส์
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่20 ดับสามราศี [P:15] UP!!! 28-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: cloundy ที่ 29-06-2011 02:43:53
คุ้มค่าสมการรอคอยครับ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่20 ดับสามราศี [P:15] UP!!! 28-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: aum_15597 ที่ 29-06-2011 20:33:42
ในที่สุดการ :call: :call:ก็เป็นผลสำเร็จจ
รอคอยอย่างใจจดจอ(เลยโดยแม่ด่า เพราะเค้าใกล้สอบแล้วอ่า)
พระเอกของเราก็ยังเก่งเหมือนเดิม :-[
ต้องรอดูนาซีซัสแล้วจะเป็นยังไงบ้าง
เพราะช่วงนี้อากาศเปลียนแปลงบ่อย รักษาสุขภาพด้วยนะค่า :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่20 ดับสามราศี [P:15] UP!!! 28-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: ken_krub ที่ 30-06-2011 18:46:12
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่20 ดับสามราศี [P:15] UP!!! 28-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 01-07-2011 14:22:03
คุณผู้เขียนคร้าบบบ  อยากได้บทที่มันแอบ กุ๊กกิ๊กกันบ้างได้ป่ะฮะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่20 ดับสามราศี [P:15] UP!!! 28-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 08-07-2011 01:20:38
บู๊กระหน่ำเหมือนเดิม ชอบๆๆ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่20 ดับสามราศี [P:15] UP!!! 28-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 15-07-2011 01:31:37
>-< บู้กันมันส์สะใจไปเลย สนุกมากๆ
ดีใจสุดๆที่ทั้งสองคนฝึกวิชาสำเร็จ แถมยังรู้ใจตัวเองอีกตั้งหาก
อยากเห็นฉากหวาน >///< ของ มาร์คัสกับนาซีซัสจังเลย
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่20 ดับสามราศี [P:15] UP!!! 28-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 17-07-2011 23:59:14
 :z3: กำลังเข้มข้นเย้ยอ๊า   :serius2:
(มาสั้นอีกตามเคย  :sad4:)
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่20 ดับสามราศี [P:15] UP!!! 28-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: mana_ai ที่ 18-07-2011 22:20:33
สนุกมากกกเลยค่ะ
นั่งอ่านจนลืมไปนอนเลยค่ะ ^ ^
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่20 ดับสามราศี [P:15] UP!!! 28-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 26-07-2011 12:29:30
ตอนใหม่ไม่เกินวันอาทิตย์ครับ

ได้อ่านแน่นอน
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่20 ดับสามราศี [P:15] UP!!! 28-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: aum_15597 ที่ 03-08-2011 22:30:36
จะรอค่ะ :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่20 ดับสามราศี [P:15] UP!!! 28-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: Coolsipie ที่ 05-08-2011 19:36:42
เป็นพลังที่แข็งแกร่งมากเลย o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่20 ดับสามราศี [P:15] UP!!! 28-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 27-12-2011 20:57:35
พายุสงบก่อนศึกใหญ่

หลังจากที่ทั้งสองคนได้กำจัดกำลังลับของกลุ่มโซดิเอคแล้วก็กลับมาตึกเอ็มไพรสเตรท เมื่อมาถึงสร้างขวัญกำลังใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก เพราะทุกคนรู้สึกได้ถึงพลังที่เพิ่มมากขึ้นของทั้งสองคน คีย์รัสเองยังรู้สึกแปลกใจ เพราะถ้ามาร์คัสเพียงคนเดียวไม่เท่าไหร่แต่นี่ทั้งสองคนกลับเพิ่มพลังได้ในเวลาอันสั้น
ทั้งสองคนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นขณะที่กำลังเดินทางกลับมา ยิ่งทำให้ทุกคนมีกำลังใจมากยิ่งขึ้น มาร์คัสเรียกประชุมหลังจากกลับมาได้ไม่นาน เพราะเขาต้องวางแผนรับมือให้รัดกุมยิ่งขึ้น และตอนนี้อาจเป็นโอกาสดีเพราะเจ้าปฐพีและเจ้าสมุทรของฝ่ายศัตรูกำลังได้รับบาดเจ็บ ทำให้อาจพลิกสถานการณ์จากครั้งแรกได้
ขณะที่ทั้งหมดกำลังประชุมชวินเร่งเข้ามาที่ห้องประชุมอย่างเร่งด่วน พร้อมด้วยซองจดหมายสีฟ้าอ่อน เขานำมาให้มาร์คัสอย่างรวดเร็ว
“สารจากเจ้าฟ้าครับ” ชวินบอกก่อนถอยออกไป
มาร์คัสรับจดหมายมาแกะอ่านโดยมิได้ระวัง เพราะเขาคิดว่าคนระดับเจ้าฟ้าคงไม่เล่นตุกติกวางยาพิษแน่นอน

ถึง ราชันย์มาร์คัส

   เรื่องยึดแผ่นดินใหญ่เราขอเวลาอีกครึ่งปี เมื่อครบกำหนดเราจะนำกำลังทั้งหมดไปตัดสินกับท่าน ขอให้เตรียมการไว้ให้พร้อม

                        เจ้าฟ้า

หลังจากที่อ่านเนื้อความในจดหมายแล้ว มาร์คัสก็บอกเรื่องทั้งหมดกับทุกคน
“หลังจากนี้อีกครึ่งปีจะเกิดศึกใหญ่แน่นอน เพราะฉะนั้นทุกคนจงกลับไปเตรียมตัวพัฒนาตนเองให้พร้อม เพื่อรักาแผ่นดินของตนเองเอาไว้ แม้ตายจะได้ไม่เสียดายแล้วอีกครึ่งปีกลับมาเจอกันที่นี่”
มาร์คัสบอกก่อนเดินออกจากห้องไป นาซีซัสลุกวิ่งตามออกไป
“นาซีซัสเราไปกันเถอะ” มาร์คัสหันมาบอกนาซีซัสที่เดินตามมาที่หลัง
“เราจะไปที่ไหนหรือ” นาซีซัสแปลกใจ
“ไปให้ทั่วแผ่นดิน เวลาครึ่งปีนี้เราจะต้องสำรวจและจัดการกับเรื่องภายในทั้งหมดให้เสร็จ ไม่เช่นนั้นอีกครึ่งปีเราจะต้องรับศึกทั้งภายในและภายนอก คงยากที่จะชนะแน่” มาร์คัสมีสีหน้าครุ่นคิด
“ไปสิข้าไปไหนก็ได้ที่มีท่าน” นาซีซัสเอื้อมจับมือมาร์คัสไว้พร้อมยิ้มให้ มาร์คัสยิ้มตอบ
ทั้งสองมองหน้ากันก่อนทะยานออกจากตึกไป ทิ้งกระดาษไว้เพียงแผ่นเดียว
‘แอนนาฝากดูแลที่นี่ด้วย อีก 3 เดือนข้าจะกลับมา’


จบภาคโซดิเอค
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่20 ดับสามราศี [P:15] UP!!! 28-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 27-12-2011 20:59:34
ขอจบภาคก่อนนะครับ


แล้วจะ Re ให้อ่านใหม่พร้อมภาคสองนะครับ

ตอนนี้เวลาน้อยกลัวแต่งแล้วไม่สนุกครับ

รอติดตามภาคสองเร็วๆ นี้แหละครับ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด ตอนที่20 ดับสามราศี [P:15] UP!!! 28-06-11
เริ่มหัวข้อโดย: aum_15597 ที่ 27-12-2011 20:59:41
จิ้มมมมมมมม
มาต่อภาคใหม่เร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด จบภาค พายุสงบก่อนศึกใหญ่ [P:15] 27/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: controlamp ที่ 28-12-2011 12:23:07
รีบมาต่อนะ  :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด จบภาค พายุสงบก่อนศึกใหญ่ [P:15] 27/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 08-08-2012 21:11:43
 :o8: :-[ เป้นคล้ายหนังจีนกำลังภายใยเลย บู้สนั่น มันส์มากเลยอ่ะ o18
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด จบภาค พายุสงบก่อนศึกใหญ่ [P:15] 27/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 09-08-2012 09:25:15
อ่านรวดเดียวจบ สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด จบภาค พายุสงบก่อนศึกใหญ่ [P:15] 27/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: PLUB ที่ 24-08-2012 00:23:44
รออ่านภาคสองอยู่เด้ออออ
 o13 o13
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด จบภาค พายุสงบก่อนศึกใหญ่ [P:15] 27/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: nataxiah ที่ 30-08-2012 19:08:04
เพิ่งตามแวะมาเห็น ขอบคุณที่ตามอ่านกันนะครับ

ตอนสองเร็วๆ นี้ครับ เอาชื่อภาคมาบอกนิดหน่อย

ชื่อภาค เทพศาสตรา ครับ

อดใจอีกนิดหน่อยนะครับ ^^

(กอด:1)
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด จบภาค พายุสงบก่อนศึกใหญ่ [P:15] 27/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ayla ที่ 20-07-2013 05:50:51
รออ่านภาคสอง
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด จบภาค พายุสงบก่อนศึกใหญ่ [P:15] 27/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 04-06-2014 18:36:34
จบแล้ว

สนุกมากมายขอรับ

แม้ข้าเจ้าจะจำตัวละครได้ไม่ค่อยหมด(ความจำสั้น)

บรรยายได้ดีจริงๆเหมือนชมอยู่ข้างเลย

รอภาคต่อไปขอรับ

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่แบ่งปันขอรับ


หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด จบภาค พายุสงบก่อนศึกใหญ่ [P:15] 27/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 15-02-2015 17:40:37
สนุกมากกกๆๆๆ o13 o13 o13 :katai3: :katai3: :katai3:

รอภาคต่อไปน่ะค่าาา :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด จบภาค พายุสงบก่อนศึกใหญ่ [P:15] 27/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 06-09-2016 10:27:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด จบภาค พายุสงบก่อนศึกใหญ่ [P:15] 27/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-02-2017 20:03:42
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด จบภาค พายุสงบก่อนศึกใหญ่ [P:15] 27/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 07-04-2017 14:56:38
สนุกมากเลยค่ะ
ชอบแนวนี้มากๆ
ว่าแต่ภาคต่อไปอยู่ไหน อยากอ่านต่อมากเลย
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด จบภาค พายุสงบก่อนศึกใหญ่ [P:15] 27/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 24-01-2020 07:11:21
สนุกมาก


อ่านเพลิน


ลุ้นเพลิน


ไท่มีติดขัดเลย


ใครก็ได้


ชี้เป้าภาคต่อให้หน่อย


ภาคต่อ อยู่หนใด
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด จบภาค พายุสงบก่อนศึกใหญ่ [P:15] 27/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 17-03-2020 10:51:01
 o13 o13
หัวข้อ: Re: ราชันย์บัลลังก์เลือด จบภาค พายุสงบก่อนศึกใหญ่ [P:15] 27/12/54
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 10:12:00
 :pig4: