พิมพ์หน้านี้ - ++ Love me Love my cat ++ บทที่22 ที่ใดในโลก (ตอนจบ) [23-12-19] *P.5

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: MA_LEE ที่ 30-11-2017 20:56:39

หัวข้อ: ++ Love me Love my cat ++ บทที่22 ที่ใดในโลก (ตอนจบ) [23-12-19] *P.5
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 30-11-2017 20:56:39
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





Love me Love my Cat


(https://www.picz.in.th/images/2018/06/28/4F2qBu.png)


บทนำ
บทที่1พู่กัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg3745865#msg3745865)
บทที่2ชบา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg3748281#msg3748281)
บทที่3จูบนี้สำคัญไฉน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg3752120#msg3752120)
บทที่4พ่อบ้าน? (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg3756942#msg3756942)
บทที่5ของขวัญ? (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg3760237#msg3760237)
บทที่6 ปฏิบัติการตีเนียน!! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg3766104#msg3766104)
บทที่7 แค่เธอก็พอ!! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg3770224#msg3770224)
บทที่8 ยอมรับความจริงซะ!! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg3780286#msg3780286)
บทที่9 จริงๆแล้วผมก็ชอบเค้า!! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg3786355#msg3786355)
บทที่10 คำพูดง่ายๆ.. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg3793310#msg3793310)
บทที่11 สีน้ำกับปูนใส (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg3800101#msg3800101)
บทที่12 แฟนกัน..วันแรก!! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg3803893#msg3803893)
บทที่13 แผ่นดินกับดอกทานตะวัน.. (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg3813388#msg3813388)
บทที่14 เสม็ดเสร็จไหมล่ะ?! (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg3821422#msg3821422)
บทที่15 เสม็ดมันเสร็จจริงๆว่ะ! (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg3827688#msg3827688)
บทที่16 มนต์รักน้ำเงี้ยว (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.90)
บทที่17 ที่รัก..ผมขอโทษ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg3849720#msg3849720)
บทที่18 วิถีพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง! (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg3855694#msg3855694)
บทที่19 ว่าด้วยเรื่องของหมี (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg3871614#msg3871614)
บทที่20 ทูนหัวของดิน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg3886569#msg3886569)
บทที่21 ลูกอมของหมี (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg3901704#msg3901704)
บทที่22  ที่ใดในโลก(ตอนจบ)




 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64124.msg4018818#msg4018818)
เรื่องอื่นๆ
เรื่องสั้น โปรดหันมาที่ผมสักครั้ง(Please) [ตอนเดียวจบ]
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66321.msg3796141#msg3796141)
เรื่องยาว ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ  [ยังไม่จบ] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66430.0)

Twitter -  MA_LEE_01 (https://twitter.com/MA_LEE_01)




บทนำ



จะมีสักกี่คนที่อกหักซ้ำๆโดยการโดนบอกเลิก แต่ไม่ขยาดกับการมีความรักสักที


ยังคงตามหาความรักที่พอดีและลงตัวกับใจเราอยู่ ผมคือคนนั้นครับ คนที่ถูกบอกเลิกรวมครั้งล่าสุดก็3 ครั้งได้ละครับ


สาเหตุที่ถูกบอกเลิกคือ ‘ผมดีเกินไป’ ผมรู้จริงๆผมไม่ได้ดีเกินไปหรอก


เพียงแต่ผมดีไม่พอสำหรับเธอคนนั้นต่างหาก หรือพูดง่ายๆคือเธอเจอคนที่ดีกว่าผม


คำว่าดีเกินไปคนพูดอาจจะคิดว่าเป็นคำบอกเลิกที่เจ็บน้อยสุด แต่จริงๆแล้วมันโคตรเจ็บมากเลยต่างหากละ!!


ยังคงเฝ้าตามหาหนึ่งคนที่ฟ้าสร้างมาเพื่อกัน

คนที่จะบอกกับฉัน  ว่ารักแท้ยังเป็นเรื่องจริง

ขอแค่รู้ตอนนี้เธออยู่ไหน ฉันจะไปบอกรักให้ฟังใกล้ๆ

If you wanna hear that I love you รักษาเธอไว้ให้ดี

คนที่ฉันบอกรักคนสุดท้าย อยู่ไหนบนโลกใบนี้

แค่เพียงได้พบสักที Oh baby ฉันยอมไม่รักใครอีกแล้ว   

         
   

 เพลงนี้คือเพลงที่ผมอินมากที่สุด ณ ตอนนี้ แล้วผมก็ฟังมันซ้ำๆ ไม่มีเบื่อ แต่พวกที่เบื่อคือเพื่อนผมเอง



“ไอ้พู่ มึงจะเปิดเพลงนี้แค่เพลงเดียวรึไง กูเบื่อ” ไอ้หมีนั่งอยู่บนรถผมเริ่มโวย ขณะที่เพลงนี้เปิดซ้ำมาเกือบ10รอบ


“เออ กูก็เบื่อ กูฟังเพลงนี้จนร้องตามได้ละเนี้ย!!” ไอ้ปูนบ่นสมทบตามไอ้หมี


“แต่กูไม่เบื่อ กูอิน” ผมพูดพร้อมทำหน้าไม่แคร์


“แต่กูไม่อิน กูมีเมียแล้วโว้ย!!”  พูดพร้อมกันซะด้วย ไอ้พวกไม่โสด


“แต่กูไม่มี กูอยากมีเมีย มึงเข้าใจมะ!! ”


“เรื่องแบบนี้ มันขึ้นอยู่กับพรหมลิขิตโว้ย เดี๋ยวมึงก็เจอคนที่ใช่เองแหละ เดี๋ยวเขาก็มา ใจเย็นดิ ถือว่าช่วงนี้เป็นช่วงพักใจละกัน

มึงเพิ่งเลิกกับแฟนได้ไม่ถึง2เดือนเองนะโว้ย จะรีบไปไหน ไอ้ห่า” ไอ้หมีบ่น แล้วทำหน้าเอือมใส่กูอี๊ก!!


ใช่ซี๊...มึงมันคนมีคู่ จะไปเข้าใจอะไร!!



                เฮ้อ.....ได้แต่ถอนหายใจ!!

 

  *TBC*


............................................................................

สวัสดีค่ะ  ฝากนิยายเรื่องแรกด้วยนะค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องรักใสๆ ฟิวกู้ดๆ  หวังว่าจะถูกใจกันนะค่ะ^^


ปล. ขอขอบคุณเพลง ที่ใดในโลก ของ กฤษ กรกวรรษ ที่เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจในการแต่งนิยายเรื่องนี้ด้วยค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=gBxB2y9J1ng
 (https://www.youtube.com/watch?v=gBxB2y9J1ng)
 :mew1:

หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ ตอนที่1 30-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 30-11-2017 22:52:45
บทที่1 พู่กัน


ผมชื่อ พู่กัน หรือ นายทอศิลป์ ผมเรียนคณะสัตวแพทย์ชั้นปีที่2 ที่มหาวิทยาลัยที่จังหวัดเชียงใหม่

มีเพื่อนสนิทอยู่2คน คือ ไอ้ปูน และไอ้หมี  ผมและไอ้ปูนเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่มัธยม  เราจบโรงเรียนเดียวกันมา

ส่วนไอ้หมีมาจากโคราช สนิทกันตอนปี1ครับ เราอยู่หอในด้วยกัน

จริงๆมันไม่ได้ชื่อหมีหรอกครับมันชื่อกู๊ด แต่ตัวมันใหญ่เหมือนหมี เพื่อนๆเลยเรียกว่าหมี



ดูจากชื่อผมแล้วเดาได้ไม่ยากเลยว่าพ่อกับแม่ผมทำอาชีพอะไร

พ่อผมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยท่านสอนศิลปะ แต่ไม่ใช่มหาลัยเดียวกันกับที่ผมเรียนนะ

ส่วนแม่ผมเป็นจิตกรที่มีชื่อเสียงในระดับหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่

ผมเป็นคนเชียงใหม่ตั้งแต่กำเนิด มีพี่ชายหนึ่งคนชื่อ พี่สีน้ำ หรือ นายรักษ์ศิลป์ อายุมากกว่าผม3ปี

ตอนนี้มันเรียนคณะวิจิตศิลป์ อยู่ปี5 ที่มหาลัยเดียวกัน มันเป็นลูกไม้หล่นใต้ต้นครับ ได้รับเลือดศิลปินมาเต็มๆ


แต่ผมก็วาดรูปเป็นนะรักในงานศิลปะเหมือนกัน  เพราะถูกปลูกฝังและโตมากับศิลปะตั้งแต่เด็ก

และอีกสิ่งหนึ่งที่โตมาด้วยกันคือ พวกสัตว์เลี้ยง   ตั้งแต่จำความได้บ้านผมเต็มไปด้วยน้องหมา และน้องแมวหลายตัว

บ่อปลาที่มีปลาคราฟมากกว่า10ตัว   กระต่ายขนปุกปุยหลายตัวในกรงใหญ่ที่อยู่หลังบ้าน


ซึ่งสิ่งเหล่านี้ปลูกฝังให้ผมเป็นคนรักสัตว์ นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมเลือกเรียนสัตวแพทย์

โชคดีที่ครอบครัวผมไม่เคยบังคับ อยากเรียนอะไรก็ได้ตามใจ ขอให้พวกผมมีความสุขกับสิ่งที่รักก็พอ




พักเที่ยงที่โรงอาหารกลาง คนจะเยอะไปไหน มาถึงรีบมองหาที่วางก่อนเป็นอันดับแรก เจอปุ๊บโยนกระเป๋าจองก่อนเลย


“แดกไรพวกมึง แมร่งคนเยอะชิบหาย”  ไอ้หมีทั้งถามทั้งบ่น



“กูแดกข้าวขาหมู เอาด้วยป่ะ”  ไอ้ปูนหันมาถามขณะที่วางกระเป๋าลงบนเก้าอี้



“งั้นกูแดกเหมือนมึง เดี๋ยวกูนั้งเฝ้าโต๊ะให้” ผมว่าขณะนั่งลงบนเก้าอี้



“โอเค รับทราบ” พร้อมทำท่าตะเบ๊ะ แบบทหาร



“กูแดกก๋วยเตี๋ยวดีกว่า อยากกินเส้น ไม่เอาหรอกข้าวขาหมู อ้วน ” ไอ้หมีมันพูดจบ พวกผมได้แต่ทำหน้าเอือม


ไม่นานไอ้ปูนก็เดินกลับมาพร้อมกับข้าวขาหมู2จาน



“มึงเอาน้ำไร เดี๋ยวกูไปซื้อ” ผมอาสาบ้าง



“เหมือนมึงละกัน” พวกผมมักจะเป็นแบบนี้ครับกินอะไรคล้ายกัน จริงๆคือขี้เกียจคิด แล้วก็ไม่เสียเวลาด้วย


สั่งเหมือนกันทีเดียวง่ายดี   


ผมเดินกลับมาพร้อมชามะนาว 3แก้ว เผื่อไอ้หมีมันด้วยโดยไม่ต้องถามมัน ไอ้นี้มันแดกได้ทุกอย่างแหละครับ



“อ่ะนี่ ชามะนาว”



“แต๊ง เพื่อน”  ไอ้ปูนพูด แต่ไอ้หมีไม่สน โซ้ยก๋วยเตี๋ยวเอาเป็นเอาตาย นี่มึงตายอดตายอยากมาจากไหนเนี้ย!!



“ไหนมึงบอกไม่แดกข้าวขาหมู เพราะมันจะอ้วนไง นี่มึงแดก2 อย่างเลยนะเนี้ย”  ผมพูดพร้อมส่งสายตาด่ามันครับ..มันซื้อมาทั้ง

ก๋วยเตี๋ยวและข้าวขาหมู



“เออน่า คนกำลังโต” โตบ้านมึงสิ โตกว่านี้ก็ช้างละ จากหมีจะกลายเป็นช้างเข้าสักวัน


ไอ้นี้มันสายแดกจริงๆครับกินได้ไม่หยุด ปากนี่ไม่เคยหยุดเคี้ยว สายแดกไม่พอ สายขี้อีกต่างหาก


กินเส็ดไม่เกิน3ชั่วโมงก็จะขี้แตก พูดง่ายๆคือเป็นพวกต่อตรงกินปุ๊บขี้ปั๊บ



“แดกเยอะเดี๋ยวก็ขี้แตกอีก คาบบ่ายแลคเชอร์ยาวซะด้วย” ไอ้ปูนว่า



“เออ กูอั้นได้น่า”



“อั้นห่าไร กูขี้เกียจนั่งดมตดมึงทั้งคาบนะโว้ย”  ผมบ่น



“ตอนเรียนมึงไปนั้งไกลๆพวกกูเลยนะ ไอ้ตัวปล่อยมลพิษ”



“เอาน่า ดมตดกู ดีกว่าดมกลิ่นบุหรี่ ปอดไม่เสีย”



“ไอ้ควาย!!” ผมกับไอ้ปูนประสานเสียงด่ามันพร้อมกัน



“ฮ่าๆๆๆ” มันหัวเราะชอบใจเสียงดัง  จัญไรจริงๆเพื่อนผม



พวกเราเลิกเรียนตอนบ่ายสามครึ่ง นัดกันว่าหลังเรียนเส็ดพวกเราจะไปหาซื้อพวกของใช้ส่วนตัวที่ห้างกัน


เราถึงห้างกันตอน4โมง เดินเลือกซื้อของกันไปเรื่อยๆ



“มึงว่า โฟมล้างหน้ายี่ห้อนี้จะใช้ดีมั้ยวะ”   ไอ้ปูนหยิบโฟมล้างหน้าหลอดนั้นขึ้นมาแล้วถามผม



“กูก็ไม่รู้ว่ะยี่ห้อนี้ไม่เคยใช้  ยี่ห้อเดิมใช้ไม่ดีเหรอวะ ”



“ก็ดีนะ แต่อยากลองเปลี่ยนดูบ้าง”



“งั้นก็ตามใจมึง ว่าแต่ไอ้หมีมันหายไปไหน” ผมซึ่งสังเกตเห็นว่าไอ้หมีมันหายไปสักพักละ



“เห็นมันเดินไปคุยโทรศัพท์ทางนู้น เดี๋ยวคงมา”



พวกผมเดินซื้อของต่อ พวกสบู่ ยาสีฟัน ไม่นานไอ้หมีก็เดินกลับมา



“ไอ้พู่ มึงอยากเลี้ยงแมวเพิ่มอีกสักตัวป่ะ พอดีเมื่อกี้เพื่อนกูโทรมา มันเจอแมวถูกทิ้งแถวหอมัน ที่หอเขาไม่ให้เลี้ยงสัตว์เลี้ยง

มันเลยอยากหาคนรับเลี้ยง  มันเลยโทรหากูเผื่อกูช่วยมันได้ ”



“ก็เลี้ยงได้นะ ก็ไม่ได้ลำบากอะไร” ผมเป็นคนรักสัตว์ โดยเฉพาะแมวเห็นไม่ได้เลยใจอ่อนทุกที มันน่ารักโดยเฉพาะเวลามัน

อ้อนยิ่งน่ารักเข้าไปอีก



“โอเค เดี๋ยวกูโทรบอกมันก่อน” แล้วมันก็คุยโทรศัพท์กับเพื่อนมันอีกสักพัก



“พรุ่งนี้ 5โมงเย็น ไปรับแมวกันที่หอเพื่อนกู โอเคนะ ”



“โอเค” ผมรับคำ


โดยไม่คิดเลยว่า คำว่า โอเค ในวันนี้ จะทำให้ชีวิตรักของผมเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง และเป็นรักที่ไม่เหมือนครั้งไหนๆที่ผ่านมา


ไม่เหมือนเลยจริงๆ!!





*TBC*


................................................................

สวัสดีค่ะ ตอนที่1มาแล้ววววว
เกริ่นๆก่อนว่าพู่กัน เป็นใครมาจากไหน
เดี๋ยวตอนหน้า พระเอก (เอ๊ะ หรือว่านายเองน๊า ให้เดากันเอาเองก่อน) จะเปิดตัวแล้วน๊า
หวังว่าจะถูกใจกันนะค่ะ  ขอบคุณมากค่ะที่หลงเข้ามาอ่านกัน เอ๊ะ!! ยังไง ฮ่า ฮ่า
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ   จุฟ^^ 
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทนำ 30-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 01-12-2017 12:11:21
มีน้องเหมียวต้องน่ารักแน่เลย :mew3:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทนำ 30-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 02-12-2017 15:49:52
รออ่านจ้า
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทนำ 30-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 02-12-2017 16:14:09
ต่อสิต่อ นะๆๆ :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทนำ 30-11-2017
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 04-12-2017 01:25:57
บทที่ 2 จะมาต่อวันอังคาร รอก่อนน๊า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่2 04-12-2017
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 04-12-2017 23:39:34
บทที่2 ชบา




     
  5โมงเย็นพวกเรากำลังเดินทางไปรับแมว ที่หอเพื่อนไอ้หมีกันครับ  ซึ่งอยู่แถวหลังมอ ไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่

ครอบครัวผมมีบ้านอยู่2หลัง หลังที่ผมอยู่ตอนนี้เป็นบ้านให้เช่ามาก่อน  แต่พอผมเข้าเรียนมหาลัยก็ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ซึ่งอยู่

ใกล้กับมหาลัย เราจะเรียกบ้านหลังนี้ว่าบ้านเล็ก เพราะเป็นบ้านชั้นเดียว สีขาวล้วนสไตล์คอทเทจ
 
ส่วนอีกหลังนึงเราจะเรียกว่าบ้านใหญ่  อยู่ที่อำเภอสันกำแพงเป็นบ้าน2ชั้นสไตล์ล้านนาประยุกต์
 
เป็นบ้านที่ตอนนี้พ่อกับแม่อาศัยอยู่ที่นั้นเพราะมีพื้นที่กว้างกว่า  เหมาะกับการทำงานศิปละของพวกท่าน
 
ส่วนพี่เฟรมมันก็ไปๆมาๆ นอนบ้านใหญ่บ้าง บ้านเล็กบ้าง แล้วแต่อารมณ์ศิลปินของมัน...


        ซึ่งบ้านเล็กผมเลี้ยงแมวสีขาวล้วนไว้สองตัว ที่เหมือนกันอย่างกับแฝด ชื่อจำปี กับจำปา
 
เหตุผลที่ชื่อเป็นดอกไม้เพราะ แม่ของเจ้าเหมียวทั้งสองตัว ชื่อมะลิ เป็นแมวเปอร์เซียสีขาวล้วน ตัวอ้วนขนฟูยาว

จำปีกับจำปาเป็นลูกครึ่งแมวเปอร์เซียกับแมวไทย ขนจึงสั้นเหมือนแมวไทยแต่ฟูกว่าแมวไทยเล็กน้อย
 
โดยไม่รู้ว่าพ่อของเจ้าเหมียวทั้งสองตัว เป็นแมวของบ้านไหน  ที่มาแอบขโมยความซิงของมะลิไป..!!!


“ว่าแต่เพื่อนมึงนี่ใครวะ” ไอ้ปูนถาม จริงๆผมก็สงสัยนะ ว่าเพื่อนมันคนไหน


“ไอ้ดินไง เพื่อนกูที่มาจากโคราชเหมือนกัน” อ่อเคยได้ยินมันเล่าเหมือนกันครับ ว่ามีเพื่อนสนิทที่มาจากโคราชด้วยกัน แต่ก็ไม่เคยเจอกันสักที


“กูว่าจะพามาหาพวกมึงหลายทีละ แต่ก็ไม่เคยว่างตรงกัน เลยไม่ได้เจอกันสักที ”

จากนั้นไม่นาน พวกผมก็มาถึงหน้าหอเพื่อนไอ้หมี


“เดี๋ยวกู ไลน์บอกมันแป๊ป”  ไอ้หมีพูดพร้อมกับก้มลงกดโทรศัพท์

พวกเราเลยนั้งรออยู่ม้าหินอ่อน ตรงบริเวณสวนหย่อมหน้าหอ

“เฮ้ย ทางนี้” ไอ้หมียกมือเรียกเพื่อนที่กำลังเดินมาทางพวกผม

  ...จะว่าไงดีละ เพิ่งรู้ว่าไอ้หมีมีเพื่อนที่หน้าตาดีขนาดนี้   เป็นผู้ชายที่ตัวสูงน่าจะสัก180 มันต้องชอบออกกำลังกายแน่ๆ

หุ่นโคตรจะดีอ่ะ เห็นแล้วอิจฉา  แล้วดูใบหน้านั้นสิทุกอย่างมันลงตัว คิ้วเข้ม ตาเรียวคม จมูกโด่งสวย ริมฝีปากได้รูปไม่บางไม่

หนาเกินไป ทุกอย่างมันดูลงตัวกับใบหน้าเรียวยาวนั้น ผิวก็ขาวเหลืองตามแบบคนเอเชียบ้านเรา แต่ติดจะคล้ำแดดนิดๆ
     
  ...เอาเป็นคำนิยามสั้นๆว่า โคตรเท่    พอเทียบกับไอ้หมีแล้ว นี่มันเจ้าชายกับอสูรชัดๆ


“ไอ้พู่  ไอ้พู่กัน!!”


“มึงจะแหกปากทำไมเนี้ย ไอ้หมี”


“ก็เรียกมึงไม่ตอบสักที ใจลอยเพื่อ!!”


“นี่เพื่อนกูไอ้ดิน  ส่วนนี้ไอ้พู่กับไอ้ปูน”  ไอ้หมีแนะนำพวกเรา


“หวัดดี ได้เจอกันสักทีไอ้หมีเล่าให้ฟังนานละ”  ไอ้ปูนพูดพร้อมยิ้มทักทาย


“หวัดดี ”  ผมยิ้มทักทาย


“หวัดดี” ไอ้ดินพูดพร้อมยกมือขึ้นทัก แต่หน้ามันนิ่งมาก...

               สงสัยตะคริวขึ้นหน้า !!


        ลูกแมวตัวน้อยสีดำ อายุประมาณสองเดือน นอนขดอยู่ในกล่อง ผมลูบหัวแมวตัวน้อยเบาๆ

มันลืมตาขึ้นมองจองหน้าผมนิ่ง  ตาของมันกลมโต สีเหลืองใส

“ไม่ต้องกลัวไปอยู่ด้วยกันนะเหมียวน้อย” เหมือนเจ้าแมวตัวน้อยจะรู้สึกได้ว่าผมเป็นมิตร  มันหลับตาพริ้มเมื่อผมเกาคางมันเบาๆ

 
“ว่าแต่จะตั้งชื่อว่าอะไรวะ”  ไอ้ปูนถามพร้อมกับเกาคางเหมียวน้อยไปด้วย


“แมวมึงมีแต่ชื่อดอกไม้ ลั่นทมดีไหม ให้ไปอยู่ตระกูลดอกไม้ด้วยกัน” ไอ้หมีเสนอ


“นี่มึงเอาอะไรคิด ไม่มงคลเลย แมวกูคงทุกข์ระทมไปทั้งชาติ”


“หน้าวัว   ชงโค   บานไม่รู้โรย”  ยังครับ มันยังไม่หยุดพล่าม


“ยัง”


“ยังไม่โอเคเหรอวะ”


“ยังไม่หยุดอีก มึงอ่ะ” ไอ้ปูนบ่นพร้อมส่ายหน้า


“ชื่อแต่ละดอกมึง มีแต่วัว กับโค มึงอยากให้แมวกูเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องรึไง”  บักงัวเอ้ย!!


“กูคิดมาแล้ว ชบาละกัน คล้องจองกันดี  จำปี จำปา ชบา ”


“ตรงไหน!!” พูดพร้อมกันเลยนะมึง  เพื่อนชั่ว!!


“เออน่า ดีกว่าบานไม่รู้โรยของมึงละกัน”  ชื่อแม่งจะยาวไปไหน


“เป็นเด็กดีนะ ชบา ไว้จะไปหาบ่อยๆนะ”  ไอ้ดินบุคคลที่เงียบมานานพูดพร้อมกับลูบหัวชบาเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้ม...เป็นรอยยิ้มที่

ละมุนเชียว ทีคุยกะเราทำหน้าอย่างกับอมตด..


“มองไร” มันถาม  ผมไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอจ้องมัน


“เปล๊า..!!” ผมยักไหล่

จะให้บอกได้ไงว่าเผลอมองรอยยิ้มของมัน...แต่เดี๋ยวนะ แล้วทำไมผมต้องเผลอมองรอยยิ้มของผู้ชายด้วยละ!?!?


“ขอเบอร์หน่อย” ไอ้ดินพูดหน้านิ่งพร้อมกับยื่นมือถือมาให้ผม


“.....”


“จะเอาไว้ติดต่อกับชบา”   เดี๋ยวนะ นี่มึงคุยภาษาแมวได้ด้วยเหรอ!!

ขี้เกียจเถียงเลยกดๆเบอร์ให้มันไป

“ไอ้ดิน วันศุกร์นี้กลุ่มเพื่อนมัธยมเขานัดกัน ไปด้วยนะมึง” ไอ้หมีอยู่ๆก็ตะโกน ขึ้นมา  เสียงดังเพื่อ อยู่ใกล้กันแค่นี้!!


“ที่ไหน?”


“ร้านเดิม ไว้กูจะไลน์บอกอีกที” 


“งั้นพวกกูไปนะ” ไอ้ดินพยักหน้า   พร้อมกับลูบหัวชบาอีกครั้ง



        หลังจากไปส่งไอ้หมีกับไอ้ปูนที่หอเสร็จ  ก็กลับมาถึงบ้านเกือบ6โมงเย็น

พาชบาเข้าบ้านให้ทำความคุ้ยเคยกับสถานที่  และทำความคุ้นเคยกับเจ้าเหมียว2แสบ จำปี กับจำปา

“จำปี จำปา มาหาน้องเร็ว”  ผมเรียก2แสบเข้ามาหาชบา   

เจ้าเหมียว2ตัวค่อยๆดมชบาอย่างสนใจ  ส่วนชบาก็นอนหมอบนิ่งๆให้พี่ๆดม
 
ไม่นานนักเหมือนจะเริ่มคุ้นเคยกัน  ชบาก็นอนหงายท้องให้พี่ๆเลียขน
             
ตอนแรกนึกว่าชบาจะกลัวพี่ๆ  แล้วพวกพี่ๆก็จะขู่น้อง  เห็นเข้ากันดีแบบนี้ก็โล่งใจครับ

พวกเหมียวๆกินข้าวกันเสร็จก็พากันนอนกองกันอยู่ที่เบาะนอนสำหรับแมว
 
ก็ถึงเวลาที่ผมต้องหาอะไรมาใส่ท้องบ้าง ขากลับไม่ได้ซื้ออะไรมาด้วยสิเพราะต้องรีบพาชบากลับบ้าน

จะให้ออกไปซื้อข้าวตอนนี้ ก็ขี้เกียจออกไปละ

เปิดตู้เย็นดูก็พอจะมีพวกข้าวกล่องแช่แข็งที่เคยซื้อตุนไว้เหลืออยู่บ้าง หยิบมากล่องนึงมาอุ่นในไมโครเวฟ 

เทใส่จานถือมานั่งกินตรงโชฟาหน้าทีวี กินไปเรื่อยๆ ดูรายการในทีวีไปเรื่อยเปื่อย 

...อยู่ๆอารมณ์เหงาที่อยากมีใครสักคนก็เข้ามาในห้วงของความรู้สึกอีกครั้ง...เฮ้อ เมื่อไหร่ผมจะเจอใครคนนั้นสักทีนะ
 
คนที่ผ่านมาก็ไม่ใช่สักที แต่ผมยังมีหวังใช่ไหม? ผมคงไม่เกิดมาเพื่ออยู่เป็นโสดหรอกใช่ไหม?

       พระเจ้าคงไม่ใจร้ายกับผมหรอกเนอะ!!


เพ้อได้ไม่นาน ก็มีสายเรียกเข้าดึงสติให้ผมกลับมาอยู่กับปัจจุบัน

เบอร์แปลก ใครหว่า??


“ฮัลโหลครับ” ผมรับสาย


“.....” ปลายสายเงียบ


“ฮัลโหล” ผมตอบรับอีกครั้ง


“แมว....เป็นไงบ้าง”  แมว? กูชื่อพู่ ไม่ได้ชื่อแมว!!!


“เออ ไม่ทราบว่าใครพูด ครับ”


“ชบาน่ะ เป็นไงบ้าง”


“ดิน ?”


“เออ กูเอง   ชบาเป็นไงบางอยู่ได้รึป่าว”  ไอ้ดินถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนิ่ง เหมือนเดิม


“ก็โอเคนะ เข้ากับจำปี จำปา ได้ดี”


“ขอบคุณ ” 


“เรื่อง??” อะไรของมัน อยู่ดีๆก็ขอบคุณ


“ก็ขอบคุณที่รับเลี้ยงชบาไง”


“อ๋อ ไม่เป็นไร เต็มใจ” ผมตอบตามจริง  เราช่วยได้ก็ควรช่วย ถือว่าช่วยชีวิตสัตว์รวมโลกด้วยกัน

 ถึงจะเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆแต่ก็มีค่า ไม่รู้ว่าคนที่เอาสัตว์เลี้ยงไปทิ้งเขาคิดอะไรกันอยู่

มันมีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้นะผมว่า จิตใจเขาทำด้วยอะไรถึงทิ้งสัตว์เหล่านั้นได้ลงคอ

หรือเป็นเพราะผมใจดีหรือจิตใจอ่อนไหวมากเกินไป!?!?


“พรุ่งนี้ตอนเย็น ว่างไหม”


“ไม่แน่ใจว่ะ  มึงมีไรรึป่าว”


“พรุ่งนี้จะเข้าไปหาที่บ้าน 6 โมงเย็น”


“เดี๋ยวๆ กูบอกไม่แน่ใจไงว่าจะว่างรึป่าว”


“จะ เข้า ไป หา ที่ บ้าน 6 โมง ” มันถอนหายใจ แล้วพูดเน้นอีกที  นี่มึงรู้จักคำว่ามารยาทไหมเนี่ย จะมาหาเขาแต่บังคับให้เขา

ต้องว่างเนี่ยนะ!!


“แล้วมึงจะมาบ้านกูทำไม”


“คิดถึง”


“.....”


“ชบา”  มึงจะเว้นวรรคเพื่อ!!  ใจกูกระตุกเลย


“เออ ตามใจมึง ถ้ามาแล้วไม่เจอก็อย่าโวยวายทีหลังล่ะ ”


“เจอกัน”  พูดเสร็จปุ๊ป ก็วางปั๊บ   เฮ้อ..เอากับมันสิ หน้านิ่งไม่พอ ไร้มารยาท แถมเผด็จการอีก 

รู้สึกว่าคุยกับมันแล้วเหนื่อยใจเหมือนกันนะเนี้ย...

       
                                   เพลียจิต !!



       
        6โมงเย็น ไม่ขาดไม่เกิน ไอ้ดินมากดกริ่งที่หน้าบ้าน พร้อมถือถุงพะรุงพะรัง จริงๆวันนี้มีนัดเตะบอลกับพวกไอ้ปูน

แต่ขี้เกียจก็เลยขอตัวกลับบ้านก่อน


“ไหนบอกไม่ว่าง”  เห็นหน้าปุ๊บก็บ่นปั๊บ


“กูบอกว่าอาจจะไม่ว่าง ไม่ได้บอกว่าไม่ว่าง” นี่มึงต้องให้กูแปลไทยเป็นไทยอีกรึไง


“เอ้านี้ ช่วยกูถือหน่อย เห็นป่ะเนี้ยว่าถือของเยอะแยะ ไม่มีน้ำใจ” เดี๋ยวๆ ตกลงว่ากูผิด อะไรของมันเนี่ย


“แล้วมึงซื้ออะไรมา เยอะแยะ”


“อาหารแมวไง เอามาให้ชบา ถือว่าช่วยๆกันเลี้ยง ไม่อยากเป็นภาระมึง”


“ก็บอกแล้วไงว่า เต็มใจ”


“ตามนั้น เป็นเจ้าของร่วมกัน จบนะ!!”  เออตามนั้น พูดไปก็เปล่าประโยชน์ แม่งพูดเองเออเอง ลืมไปว่ามันเผด็จการ


“เดี๋ยวนะ อาหารแมวน่ะเข้าใจ แต่ผักพวกนี้คือไร  แมวไม่แดกผักป่ะ”  มึงจะให้แมวเป็นมังสวิรัติ รึไง


“ป่าว นี่เอามาให้มึง”


“เพื่อ??”


“จะทำกับข้าวให้มึงกิน ถือว่าเลี้ยงขอบคุณ ที่รับเลี้ยงชบา”


“.....”  มึงถามกูรึยังว่ากูอยากกิน ถามไหมว่าบ้านกูพร้อมให้มึงทำกับข้าวรึป่าว แล้วมึงถามรึยังว่ากูอยากกินอะไร
 
มัดมือชกตลอดดดดด!!   นอกจากมันจะหน้านิ่งแล้ว มันยังมีความหน้ามึนอีกต่างหาก !!


“ไปสิ รออะไร พากูไปห้องครัวหน่อย”  ตกลงนี่บ้านใคร  เผด็จการอีกละ แล้วก็สั่งกูจัง...มึงเป็นฮิตเลอร์กลับชาติมาเกิดรึไง


“ถือของไปห้องครัวก่อนเลย กูขอเล่นกับพวกเหมียวๆก่อน เดี๋ยวตามเข้าไป” สั่งๆๆ กูเป็นเบ้มึงรึไง นี้มึงกำลังขอบคุณกูหรือมา

เป็นภาระกูเนี่ย
 
     บะฮ้าปันต๋าย!!  ขอด่ามันเป็นภาษาบ้านเกิดสักทีเหอะ  ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ !!


“มึงทำกับข้าวเป็นรึป่าว” มันเดินอุ้มชบาเข้ามา พร้อมถามผม


“พอทำได้  อย่าบอกนะว่ามึงทำไม่เป็น”


“อย่าโง่ดิ  ทำไม่เป็นแล้วจะซื้อของมาทำไม”  เอ้า ไอ้นี่ ปากเหรอนั้น ดีดปากแตกสักทีดีไหมเนี่ย..

นอกจาก เผด็จการ หน้านิ่ง หน้ามึนแล้ว ยังค้นพบอีกอย่างว่ามัน ปากเสีย!!


“ตกลงจะทำอะไรกินล่ะ” เริ่มโมโหละ ลีลาพูดมากอยู่ได้


“ผัดผักรวม กับแกงจืดเต้าหู้หมูสับละกัน  มึงกินผักรึป่าว” มันหันมาถามหลังจากว่าชบาลงที่พื่น


“แล้วถ้ากูบอก  กูไม่กินผักละ”

มันยักไหล่  “ก็ช่วยไม่ได้ กินไข่เจียวแทนละกัน”  ดูมันตอบ นี้จะทำกับข้าวเลี้ยงขอบคุณกูจริงๆใช่ไหม..ตอบ!!


“ดีจังเนาะ มาทำกับข้าวให้เขากิน แต่ไม่ถามสักคำว่าเขาชอบกินอะไร” ทำได้อย่างเดียวในตอนนี้ คือประชดมันครับ

 
“จริงๆ กูกินผักได้ ยกเว้นมะเขือเทศ กับผักบุ้ง กูแพ้ผักบุ้ง”


“กระแดะ!! มึงเป็นโรคดารารึไง กลัวหรือแพ้อะไรแปลกๆ” เอ้า ไม่เชื่อกูอีก จริงๆนะครับผมกินผักบุ้งทีไร ท้องเสียทุกที กินเข้าไป

ยังไงก็ออกมาแบบนั้นเลย จริงๆนะ!!


“ไม่เชื่อก็ตามใจ  ตกลงจะให้กูช่วยทำอะไรว่ามา” คุยกับมันนี่เสียเวลาจริงๆ


“ล้างผัก” พูดเสร็จมันก็หยิบสารพัดผักออกจากถุงมาให้ล้าง ดีหน่อยที่ไม่มีผักบุ้ง

จากนั้นมันก็จัดการหมักหมูสับ เพื่อปั้นเป็นก้อนใส่ในแกงจืด ดูมันคล่องแคล่วดี จากนั้นก็หั่นเนื้อหมูเพื่อใส่ในผัดผัก ดูสกิลการใช้

มีดมันมืออาชีพมาก มองแล้วก็เพลินดีครับ


“มองอยู่ได้  ล้างผักเสร็จรึยัง” 

“สะ..เสร็จแล้ว” สะดุดเลยกู เผลอมองมันอีกละ


“เสร็จแล้วก็ช่วยหั่นผักหน่อย  อ่ะ เอาแครอทไปหั่น หั่นเป็นรึป่าว? ”


“สบ๊ายยย” หั่นผักแค่นี้ธรรมดาครับ ผมทำกับข้าวเป็นครับเพราะช่วยแม่ทำกับข้าวบ่อยๆ แต่อาจจะไม่คล่องเท่าไอ้ดินมัน


“เสร็จแล้วหุงข้าวด้วยนะ..ที่บ้านมึงเครื่องครัวครบดีเนาะ ชอบทำกับข้าวเหรอ”  นี่ครั้งแรกเลยนะที่มันชวนคุยก่อน


“ก็ไม่เชิงอ่ะ ส่วนใหญ่จะทำพวกง่ายๆ เตาอบอะไรพวกนี้ไม่ค่อยได้ใช้หรอก ส่วนใหญ่แม่จะใช้มากกว่า

เวลาแม่มาหาแกชอบอบเค้กไว้ให้”  แม่ผมทำอาหารกับขนมเก่งมากครับ ที่บ้านใหญ่เราจะกินข้าวนอกบ้านน้อยมาก

ส่วนใหญ่จะทำกินเองมากกว่า แม่ชอบบอกว่าทำอาหารก็เหมือนทำงานศิลปะชิ้นนึง...อารมณ์ศิลปินมาเต็ม


“แล้วอยู่คนเดียวเหรอ ไอ้หมีบอกว่าพ่อกับแม่มึงอยู่บ้านอีกหลังนึง” มันยังถามต่อ


“พ่อกับแม่อยู่บ้านใหญ่  ที่สันกำแพง”


“บ้านใหญ่?”  มันทำหน้าสงสัย พร้อมกับคนแกงจืดในหม้อไปด้วย


“เราเรียกบ้านหลังนี้ว่าบ้านเล็ก  ส่วนบ้านที่สันกำแพงเรียกว่าบ้านใหญ่ เพราะหลังใหญ่กว่าและมีพื้นที่มากกว่า”  มันพยักหน้า

 พร้อมมองหน้าผมนิ่ง


“อะไร  มีอะไรติดหน้ากูรึป่าว”  สงสัยไง อยู่ๆมาจ้องหน้า

มันไม่ตอบ แต่กับก้มหน้าก้มตาหั่นเต้าหู้สำหรับใส่แกงจืด 

จริงๆผมแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย ผักที่เหลือมันก็ก็จัดการหั่นเองหมด   มันใช้มีดเก่งจริง อันนี้ยอมรับ

ไม่นาน ผัดผักรวม กับแกงจืดเต้าหู้หมูสับก็เสร็จ  เรายกมาวางที่โต๊ะกินข้าว นั่งกินกันไปเรื่อยๆ เจ้าเหมียวสามตัว ได้กลิ่นอาหาร 

ก็มาคลอเคลียใกล้ๆ

“แง้ว” เสียงจำปาร้องพร้อมกับกระโดดขึ้นมาบนตักผม


“อะไร จำปา ไม่ต้องกระโดดขึ้นมาเลย ของหนูอยู่ตรงนู้นไปกินเลย”  พูดพร้อมจับเจ้าเหมียววางลงพื้น


“ตกลงจำปาเป็นแมว หรือ หนู”   กวนตีน!!


“แดกๆไปมึงอ่ะ พูดมาก”


“อ่ะ งั้นหนูก็แดกเยอะๆนะจ๊ะ จะได้โตไวๆ” มันพูดหน้านิ่ง พร้อมตักสารพัดผักใส่จานผม
 
ยัง...ยังไม่หยุดตักอีก ทั้ง แครอท ข้าวโพดอ่อน เห็ด ขึ้นฉ่าย บลาๆๆ มีแต่ผักเต็มจานผมไปหมด


“ไอ้ดิน กูขอหมู ใจคอจะให้กูแดกแต่ผักรึไง”


“ตักเองสิ”


“....”  กวนตีนกูป่ะเนี่ย


“มึงก็หยุดตักให้กูสักทีเซ่!!” ผมตอบเสียงดัง พร้อมทำหน้ามุ่ย


“โกรธเหรอ?  แค่ห่วง อยากให้มึงกินของที่มีประโยชน์” ยังคงคอนเซ็ปต์หน้านิ่งเหมือนเดิม


“แล้วหมูมันไม่มีประโยชน์ตรงไหน  แล้วมึงรู้ได้ไงว่าที่ผ่านมากูกินอะไรบ้าง มีประโยชน์ หรือไม่มีประโยชน์”

มึงเป็น ริว จิตสัมผัส รึไง!!


แต่เดี๋ยวนะ... ก่อนหน้านี้มันพูดอะไรนะ  ห่วง งั้นเหรอ  ห่วงทำไม ห่วงเพื่อ?
 
 
                                  แล้วใจผมจะแกว่งเพื่อ!!

       

        และแล้วมื้อเย็นก็จบลง ด้วยการที่ผมกินผักไปเป็นกิโล!!!  ไอ้ดินอยู่เล่นกับเจ้าเหมียวทั้งสามต่ออีกสักพัก ก็ขอตัวกลับ

เฮ้อ...กลับสักที  ทำไมรู้สึกเหนื่อยเหมือนไปวิ่งมาสักร้อยรอบก็ไม่รู้ ผอมแน่ๆเลยกู...

                         (ก็ต้องผอมสิ ได้แดกแต่ผัก  ฮึม!!!)






*TBC*


______________________________________________


สวัสดีค่ะ  บอกว่าจะมาต่อวันอังคาร  แต่แอบมาก่อน อิอิ

และแล้วพระเอกของเราก็มา

ยังไงขอฝาก น้องพู่กัน กับน้องดิน ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจคนอ่านทุกๆท่านด้วยนะค่ะ ^^

เจอกันอังคารหน้าค่ะ  จุฟฟฟ

 :mew1:

ปล. มีใครแพ้ผักบุ้งเหมือนน้องพู่บ้างเอ่ย  น้องไม่ได้กระแดะจริงๆนะ.. :mew6:






 





หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 3 (11-12-2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 11-12-2017 22:58:42
บทที่ 3 จูบนี้สำคัญไฉน



       
         วันศุกร์แห่งชาติ  ร้านเหล้าแถวมหา’ลัย คลาล่ำไปด้วยผู้คน ‘ร้านโต๊ะกลม’ ก็เช่นกัน

ร้านโต๊ะกลมเป็นร้านของพี่มด ที่ตัวไม่มดสมชื่อ เป็นผู้ชายตัวโต เครางาม ผมยาวสลวย

พี่มดเป็นรุ่นพี่ที่คณะของพี่สีน้ำ แกเรียนจบปุ๊บ ก็เปิดร้านปั๊บ

ร้านของพี่มด รีโนเวทมาจากบ้านไม้สองชั้นสีขาว ซึ่งเป็นบ้านของแกเองที่ได้รับมรดกมาจากยาย

เดิมทีเป็นเซฟเฮาส์ของเด็กสาขาจิตรกรรม ที่มักจะมาสิงสถิตทำงานศิลปะกันที่นี่ ไอ้พี่น้ำก็เป็นหนึ่งในนั้น 

จริงๆแล้วตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่นะ เพียงแต่เหลือแค่ชั้นสองเท่านั้นที่เอาไว้ทำงานศิลปะ
 
ส่วนชั้นล่างก็เปิดเป็นร้านเหล้า

ร้านพี่มดเป็นร้านเล็กๆ บรรยากาศสบายๆ เหมาะแก่การแฮงค์เอ้าท์ นั่งชิลล์ๆ

ในร้านจะเต็มไปด้วยงานศิลปะ ทั้งของแกเองและของรุ่นน้อง คือใครอยากแสดงงานศิลปะก็สามรถนำผลงานมาแสดงได้

ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของร้าน  และเอกลักษณ์อีกอย่างของร้านคือ ร้านนี้ไม่มีเด็กเสิร์ฟ

ลูกค้าต้องบริการตัวเอง โดยสั่งเครื่องดื่มที่เค้าเตอร์บาร์ จ่ายตัง รับของ แล้วถือไปที่โต๊ะด้วยตัวเอง

แต่บางทีก็จะมีพวกรุ่นน้องของแกที่มาสิงสถิตทำงานที่ชั้นบนมาช่วยบ้าง และอีกอย่างร้านพี่มดไม่มีกับข้าวหรือกับแกล้ม

ดีสุดมีแค่ถั่วทอดที่ทำเป็นถุง ถุงละ20บาท วางขายอยู่ที่เค้าเตอร์ ถ้าอยากกินอย่างอื่นก็ซื้อเข้ามากินเองได้
 
ที่ร้านจะมีถ้วยจานบริการ ถือเป็นเสน่ห์ของร้าน

และร้านนี้ไม่ได้มีดนตรีสดทุกวัน จะมีแค่เดือนละสองครั้ง คือวันหวยออก
 
จะเป็นวงของรุ่นน้อง หรือไม่แกก็ร้องเอง  .....ติสแตกดีมั้ยล่ะร้านนี้ !!

ด้วยที่รู้จักกับเจ้าของร้าน และบรรยากาศสบายๆเป็นกันเอง  ร้านโต๊ะกลมจึงเป็นร้านประจำของพวกผม
 

“พี่มด หวัดดี”  ผมกับไอ้ปูนยกมือไหว้ทักทาย พี่มดที่ยืนอยู่ด้านหลังเค้าเตอร์


“เอ้า หวัดดีไอ้พู่ น้องปูน”  พี่มดทักพวกผมขณะที่กำลังเช็ดแก้วเบียร์


“โห่พี่ สองมาตรฐานอ่ะ  ผมก็น้องพี่นะไม่เห็นเรียกผมว่าน้องพู่บ้างเลย ” ผมแกล้งทำหน้ามุ่ย


“แหม่ ไอ้ห่าพู่ดูตัวมึงหน่อย มึงไม่เหมาะกับคำว่าน้องหรอก  มันต้องแบบน้องปูนนี่ตัวเล็กน่ารัก เหมาะกับคำว่าน้อง ” พี่มดพูด

พร้อมส่ายหน้า


“โธ่พี่มด ชอบบอกว่าผมน่ารักอยู่เรื่อย ผมเป็นผู้ชายก็ต้องบอกว่าผมหล่อดิ”  ไอ้ปูนบ่นหน้ามุ่ย...

ไอ้ปูนมันเหมาะกับคำว่าน่ารักจริงๆนั้นแหละครับ เป็นผู้ชายตัวเล็กสูงประมาณ 168ซม. หน้าตามันน่ารัก ตากลมโต ผิวขาวใส

ถ้าจับมันใส่วิกผมยาวคงโคตรโมเอะอ่ะ  ส่วนผมก็ไม่ได้สูงอะไรมากมายหรอกถ้าเทียบกับพี่มด หรือไอ้หมี ผมสูง177ซม. 

แต่ก็ถือว่าสูงกว่าไอ้ปูนอ่ะนะ!!

พี่มดยิ้มพร้อมส่ายหน้า “ไม่จริงอ่ะ ใครๆก็ชมว่าน้องปูนน่ารัก ใช่มั้ยไอ้น้ำ!!”

แล้วอยู่ๆก็หันไปถามพี่สีน้ำที่เพิ่งเดินเข้ามาด้านหลังเค้าเตอร์


“จริงอะไรของพี่?”  ไอ้พี่น้ำทำหน้างง


“ก็น้องปูนไง  ตัวเล็กน่ารักเหมาะกับคำว่าน้อง มากกว่าคำว่าไอ้นำหน้า”


“อืม น่ารัก” ไอ้พี่น้ำมันตอบพร้อมทำหน้ายิ้มใส่ไอ้ปูน


“....”  ไอ้ปูนเบิกตากว้าง


“แล้วน้องละ น้องพู่กันไม่น่ารักเหรอพี่สีน้ำ”  ผมเขย่าแขนมันพร้อมแกล้งทำหน้าอ้อน


“ขนลุกไอ้พู่ หนังหน้ามึงอ่ะน่ารักอยู่หรอก แต่จะให้เรียกน้องพู่กูเรียกไม่ได้อ่ะ กระดากปาก!!” ไอ้พี่ชั่ว

ตอนเด็กๆยังเรียกกูน้องอยู่เลย  แต่เอาจริงๆก็น่าขนลุกอยู่หรอกถ้าจะให้มันเรียกน้องพู่ แบบนี้แหละดีแล้ว...


“พอเหอะพี่ หยุดคุยเรื่องนี้ก่อนเหอะ   จะแดกไรไอ้พู่ เหล้า หรือเบียร์?” ไอ้ปูนรีบเบรก แล้วหันมาถามผม


“เบียร์ละกัน  ไอ้หมีไม่อยู่ขอเบาๆละกัน”  วันนี้เรามากันสองคนครับ ไอ้หมีไม่ได้มาด้วย มันไปกับแก๊งโคราชของมัน


“เออ ว่าจะถามอยู่ว่าไอ้หมีหายหัวไปไหน”  พี่มดถามขึ้น


“มันไปร้านแถวท่าช้างกับกลุ่มเพื่อนโคราชของมันอ่ะพี่ มีตติ้งโคราชบ้านเองอะไรของมันนี่แหละ...

 เบียร์สองขวด น้ำแข็งหนึ่ง นะพี่ ” ผมตอบพี่มดพร้อมกับสั่งเครื่องดื่ม


“ไปนั่งด้วยกันมั้ย พี่น้ำ”  ไอ้ปูนชวนไอ้พี่น้ำ ขณะที่ยืนรอเครื่องดื่ม


“ตามสบายเลยครับ ช่วงนี้งดแอลกอฮอล์ อาทิตย์ที่แล้วหนักไปหน่อย งานเลยไม่เสร็จ เดี๋ยวก็ขึ้นไปทำงานข้างบนต่อละ ”

ไอ้พี่น้ำตอบน้ำเสียงนุ่มพร้อมรอยยิ้ม  ทีกับน้องในไส้ไม่เคยอ่ะที่จะพูดเพราะๆ   หมั่นไส้!!

ถ้าไม่ติดว่าไอ้พี่น้ำมันมีแฟนแล้ว ซึ่งแฟนมันโคตรจะสวย ดีกรีระดับดาวมหาลัย


                           ผมคงคิดว่ามันชอบไอ้ปูนอยู่แน่ๆ !!


        เรานั้งจิบเบียร์กันไปเรื่อยๆ เพิ่งจะเปิดขวดที่สอง ไอ้หมีก็เดินเสนอหน้ามาให้เห็น

“อ้าว ไหนมึงบอกไปมีตติ้งไง กลับไวจังว่ะ” ผมถามไอ้หมีขณะที่มันลากเก้าอี้มานั่ง


“แม่งที่ร้านสาวเยอะก็จริง แต่คนเยอะว่ะอึดอัด อยากมากับพวกมึงมากกว่า ” มันว่าพร้อมกับทำหน้าเบื่อ


“แล้วเพื่อนมึงล่ะ เขาไม่ว่ามึงเหรอ หนีกลับก่อน”


“ไม่ว่าหรอก จริงๆวันนี้ก็ไปกันไม่ครบ ไว้ครั้งหน้ากูนัดมาที่ โต๊ะกลม ดีกว่า..เออเดี๋ยวเพื่อนกูจะตามมาอีกสามคนนะ”

 พูดเสร็จมันก็ลุกไปเอาแก้ว เดินกลับมาพร้อมเบียร์อีกหกขวด ..สายแดกตัวจริงมาละครับ กะว่าวันนี้ขอเบาๆ

 กูคงได้เมาอีกตามเคยสินะ.. เพื่อนมึงก็ยังไม่มา จะรีบสั่งเบียร์มาตั้งหกขวด เพื่อ!!


“เพื่อนมึงทำไมมาช้าจังว่ะ” ไอ้ปูนถามหลังจากนั้งดื่มกันไปได้สักพักใหญ่


“กูให้มันแวะซื้อของกินเข้ามาอ่ะ เดี๋ยวก็คงมา” ไอ้หมีพูดไม่ทันขาดคำเพื่อนมันก็เดินเข้ามา


“ไอ้ดินทางนี้” ไอ้หมีตะโกนพร้อมโบกมือเรียกไอ้ดิน

ไอ้ดินเดินเข้ามาพร้อมถือถุงของกินเต็มมือ  มาถึงก็วางลงบนโต๊ะ แค่นี้ไม่พอ

เพื่อนมันอีกสองคนก็วางถุงลงบนโต๊ะอีกคนละ2ถุง!!

จะว่าไปตั้งแต่วันที่มันมาทำกับข้าวให้กินที่บ้านก็ไม่ได้เจอมันอีก จะมีแค่ไลน์มาถามเรื่องของชบาบ้างเท่านั้น


“ซื้อไรมาเยอะแยะวะ”  ไอ้ปูนถามไอ้ดิน แต่มันยังไม่ทันตอบไอ้หมีก็สาระแนตอบ


“กูสั่งซื้อเองแหละ กูหิว”


“มึงจะแดกถึงชาติหน้าเลยรึไง  แดกห่าไรเยอะแยะ เดี๋ยวก็ขี้แตกอีก” เอือมมันจริงๆ


“เออน่า กูขี้มาแล้ว  อีกอย่างอยู่กันตั้งหลายคนกินด้วยกัน...  นี่ๆกูแนะนำเพื่อนกูก่อน” มันยังพล่ามต่อ


“นี่ไอ้สมใจ ส่วนไอ้แว่นนี่ ชื่อนพ   แล้วนี่ไอ้พู่กับไอ้ปูนเพื่อนที่คณะกู”  เราต่างทักทายกัน   


“มาๆนั่งก่อนเพื่อน”  ผมตบเก้าอี้ด้านข้างผมที่ว่าอยู่ ให้สมใจนั่ง เพราะไอ้นพมันนั่งข้างไอ้หมีที่นั่งตรงข้ามผม 

แต่ไอ้มนุษย์หน้านิ่งกับแทรกตัวมานั่งแทน  ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อีก...

           ไอ้หน้าด้าน!! กูชวนเพื่อนมึงไม่ใช่มึง


“ไอ้พู่ มึงไปเอาจานมาดิ นั่งทำซากอะไร บริการเพื่อนหน่อยดิ๊” เอ้าไอ้นี่ ซื้อมาแดกเอง เสือกมาใช้กูอิ๊กกก!!

แต่ก็เถียงอะไรมันไม่ได้ เลยลุกไปเอาจาน แต่ก่อนจะเดินออกจากโต๊ะ เลยตบหัวมันทีนึง


“ป๊าบ!!”   ฮ่าฮ่า   สะ ใจ


“ไอ้ห่านี่” มันทำท่าจะถีบผม เลยรีบวิ่งออกมาทันที  ได้ยินเสียงหัวเราะจากเพื่อนในโต๊ะตามมา

                      เถียงมันไม่ได้ก็ใช้กำลังกับมันนี่แหละ แฟร์ดี!!


“พี่มด  ขอจาน5 ช้อน6 ครับ”


“ซื้อไรมาแดกเยอะแยะวะ  ไอ้หมีมาสินะมีของกินแบบนี้ รอแปปเดี๋ยวไปหยิบมาให้” เป็นอันรู้กันครับว่าไอ้หมีมันสายเขมือบ

ขณะยืนรอจานจากพี่มด ก็รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอยู่ข้างหลัง พอหันหลังไปดูถึงกับตกใจ


“อุ้ย!!  แม่งตกใจหมด มึงจะเอาอะไรเพิ่มรึป่าว” จะไม่ให้ตกใจได้ไงล่ะ แม่งมายืนช้อนผมอยู่ด้านหลัง

แถมยังเอามืออีกข้างนึงค้ำไว้กับเค้าเตอร์  นี่มันเหมือนกอดผมกลายๆ!!


“ไม่ได้เอาอะไร มาช่วยมึงถือของ” มันก้มหน้าลงมาตอบ  เออ กะ...ใกล้ ไปมั้ย

                            ใจ   ใจกูเต้นแรงเพื่อ..    ฮือ!!


“มะ...ไม่ต้องจานไม่กี่ใบเอง  แล้วอีกอย่างที่ด้านข้างกูก็ว่างตั้งเยอะ มึงไม่ต้องไปยืนอยู่ข้างหลังกูก็ได้” ถึงกับเสียงสะดุดเลยกู


“ทำไม  เสียวเหรอ”


“เสียว พ่อง!!” ไอ้บ้านี่ พูดห่าไรของมัน  แล้วสาบานได้เลยว่าผมเห็นมุมปากมันยิ้ม

แต่แปปเดียว แปปเดียวจริงๆ 0.1วิ น่าจะได้ ..กะอิแค่ยิ้มมันจะตายมั้ย  สงสัยมันเพิ่งฉีดโบท็อกมา หน้าเลยตึง!!

แล้วไอ้พี่มด แม่งไปเอาจานนานจังวะ มึงไปช่วยเขาขุดดินเอามาทำจานรึไง...แล้วมันก็เดินมาพร้อมจานในมือ 

 ถุย!! กูก็นึกว่าจานเซรามิค แม่งจานพลาสติก!!


“โทษทีๆ แม่งจานไม่ได้ล้าง” มันยื่นจานเปียกๆที่เพิ่งผ่านการล้างหมาดๆมาให้


“เอ้า พี่ไม่บอกผมอ่ะ ผมล้างเองก็ได้” จริงๆก็เกรงใจพี่แกเหมือนกัน


“ได้ไงละ มึงเป็นลูกค้ากูก็ต้องบริการมึงสิ   แล้วไอ้หน้าหล่อนี่ใครวะ  ผัวมึงเรอะ!!”


“เห้ย จะบ้าเหรอพี่ นี่ไอ้ดินเป็นเพื่อนไอ้หมี คนที่ผมเอาแมวมาเลี้ยงอ่ะ”  ไอ้ดิน ยกมือไหว้ที่มด
 
...แล้วแทนที่มึงจะช่วยแก้ต่างกับยืนทำหน้านิ่งไม่ตอบโต้


“อ๋ออออออ” ไอ้พี่มดมันลากเสียงยาวพร้อมกับทำท่าหลิ่วตา


“ทำหน้าแบบนั้น หมายวามว่าไงวะพี่?  แต่เดี๋ยวนะ แล้วทำไมผมต้องเป็นเมียด้วยละ หน้าอย่างผมต้องเป็นผัวสิ!! ”

ต้องรีบท้วงครับ เพราะรู้สึกว่าไม่แมน เสียเชิงชายยังไงก็ไม่รู้


“หน้าอย่างมึงอ่ะ เป็นเมียน่ะถูกแล้ว หน้ามึงสวยกว่าผู้หญิงอีกไม่รู้ตัวรึไง   ใช่มั้ยไอ้ดิน”  ไอ้พี่มดพูดพร้อมส่ายหน้า

 แล้วยังหันไปถามไอ้ดินอีก


“ครับ” เอ๊า!! ไอ้นี่ หันควับเลยผม แทนที่มึงจะช่วยกู แต่กับเออออไปกับไอ้พี่มดมันอีก


“พอๆๆ  กลับโต๊ะละ พี่แม่งพูดอะไรก็ไม่รู้ ไร้สาระ” เซ็งครับ ถูกชมว่าหน้าสวยแม่งเฟลเลยกู   แต่ที่จริงแล้วผมก็เกือบจะชินแล้ว

ล่ะ เพราะมีหลายคนชอบบอกว่าผมอ่ะหน้าสวยกว่าผู้หญิง เพื่อนผู้หญิงบางคนถึงขั้นมาบอกว่าอิจฉาอยากแลกหน้ากับผม !!

                                          ฮือ..นี่ผมควรดีใจมั้ยเนี่ย !!


“มึงไปเอาจานที่ช่องแคบมะละกา มารึไง นานสัด แม่งกูหิว”  ไอ้หมีโวยวาย โมโหหิวสินะ


“จานไม่ได้ล้าง รอพี่มดล้างมาให้  มึงทนไม่ไหวไม่กัดก้นถุงดูดแม่งเลยล่ะ”

 
“สถุน!! ไร้อารยธรรม!!”  อื้อหือถ้าจะด่ากูขนาดนี้ เอาจานตบหน้ากูเลย..เพื่อนชั่ว!


“อ่ะ เอาไปไอ้ผู้ดี  แดกให้หมดด้วย ถ้ามึงแดกไม่หมดกูจะสาดใส่หน้ามึง” ผมพูดพร้อมยื่นจานให้ใส่หน้ามัน

มันเลยรีบผละออก เกือบหงายหลังตกเก้าอี้       สม!!


“สบาย แค่นี้ไม่ถึงครึ่งท้องกูหรอก” นั้นสินะ ท้องมึงมันท้องควาย มึงถึงได้ตัวควายขนาดนี้ไง

น่าจะเปลี่ยนจากชื่อหมีเป็นควายนะ       ไอ้ควาย!!


“ว่าแต่ สมใจกับนพ มึงเรียนคณะไหนวะ”  ไอ้ปูนถาม เพื่อนเบรกการทะเลาะของผมกับไอ้หมี


“พวกกูเรียนเกษตร คณะเดียวกันกับไอ้ดินนั้นแหละ” ไอ้สมใจตอบ 

ไอ้ดินมันเรียนคณะเกษตรศาสตร์เอกพืชสวนครับ ไอ้หมีมันเคยเล่าให้ฟังว่า ที่บ้านของไอ้ดินเป็นเกษตรกร

มันเลยเลือกเรียนเกษตร จบไปจะได้เอาไปพัฒนาที่สวนของมัน


“มึงเป็นเด็กโคราชเหมือนกันเหรอวะ” ผมถามบ้าง


“ไอ้สมใจอ่ะใช่ แต่กูอ่ะเด็กร้อยเอ็ด” ไอ้นพตอบบ้าง


“โห มาไกลนะมึง”


“จริงๆก็ไม่ไกลนะ แม่กูเป็นคนเชียงใหม่  ช่วงสงกรานต์จะมาเยี่ยมยายที่เชียงใหม่ทุกปีอยู่แล้ว”

“อ่อ งั้นคิงอู้กำเมืองได้ก่อ”


“ไม่ได้อ่ะ เว้าได้แต่ภาษาอีสาน”


“อะไรของพวกมึง อยู่ในช่วงเรียนภาษาถิ่นกันรึไง มาๆชนแก้ว หมดแก้ว!!” ไอ้หมีพูดแทรกขึ้น ขัดจังหวะกูตล๊อดดด

 ‘แกร๊ง’ ทุกคนดื่มหมดแก้ว ยกเว้นผมที่ดื่มไปแค่ครึ่งแก้ว จริงๆแล้วผมคออ่อนครับ

ยิ่งไปตามน้ำไอ้หมีมัน เมาเละทุกที วันนี้ไม่อยากเมาไง กะมากินเบาๆ


“ใครไม่หมดแก้ว ตุ๊ดนะคร้าบ” ไอ้หมีพูดแล้วมันก็ปรายตามามองผม จริงๆแม่งก็ทุกสายในโต๊ะนั้นแหละ
                 
                    มองกูหมด!!


ฟังแล้วก็ขึ้นแฮะ เหมือนจี้ใจดำตั้งแต่ไอ้พี่มดบอกว่าหน้าสวย แล้วก็บอกว่าไอ้ดินเป็นผัวละ 

ได้ยินแบบนี้แล้ว รีบกระดกเบียร์หมดแก้ว


“พอใจยัง” ผมพูดพร้อมกระแทกแก้วลงบนโต๊ะ


“แมนมากเพื่อน” ไอ้หมีมันพูดพร้อมยกนิ้วหัวแม่มือ สายตามันดูกรุ้มกริ่มไม่น่าไว้ใจยังไงชอบกล

            แม่งเกลียดสายตาแบบนี้ของมันจริงๆ !!


หันไปมองด้านข้างก็เจอสายตาของไอ้ดินที่มองมาที่ผม

“มองอะไร” แหนะไม่ตอบ ยังไม่เลิกมองอีก


“คิงผ่อหน้าฮา หยัง?” โมโหทีไร ภาษาบ้านเกิดต้องมา


“ผ่อคนงาม” แหน่ะ ตอบเป็นภาษาเหนือซะด้วย แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มันว่าไงนะ?


“อะไรนะ!!” คนงามอะไรของมัน


“โต๊ะข้างๆมึงไง” ผมเลยค่อยๆหันไปดู เป็นโต๊ะผู้หญิงสาวสวยสามคน

 
“คนไหนล่ะ” ก็มีตั้งสามคน ถามเพราะอยากรู้ว่ามันจะชอบคนไหน ตรงกับผมรึป่าว

 เพราะผมเล็งผู้หญิงเสื้อแดงผมยาวไว้ นมตู้มดี!!


“เสื้อสีขาว” ไหนวะ สีขาวอะไรของมึง


“มึงตาบอดสี รึไง  ในโต๊ะไม่เห็นมีใครใส่เสื้อสีขาวสักคน” สาบานได้ว่าตอนมันพูดมันไม่ได้มองไปโต๊ะด้านข้างเลย

มันมองแต่หน้าผมตลอด  มองซะกูทำตัวไม่ถูกเลย!!


“มีสิ”


“ไหน”


“นี่ไง” แล้วมันก็ชี้นิ้วมาจิ้มที่แก้มผม   เออใช่ คนนี้ไงเสื้อสีขาว   แต่เดี๋ยวววก่อนนน นี่กูเอง!!


“กวนตีนละ   แดกๆไปเลยมึง” แล้วผมก็จับแตงกวาที่อยู่ในจานลาบที่มันซื้อมา ยัดปากมัน


“ขออีกชิ้นสิ”


“แดกเองสิ  เป็นง่อยรึไง”


“ทีเมื่อกี้มึงยังป้อนก็อยู่เลย” มันพูดหน้านิ่ง แต่สายตามันไม่นิ่งเลย ระริก ระรี้เชียว


“กูไม่ได้ป้อน กูแค่จับยัดปากให้มึงหยุดพูด” เสร่อเข้าใจกูผิดอีก “แล้วมึงช่วยเขยิบออกไปหน่อยดิ
 
นั้งเบียดกูเกินไปแล้วเนี่ย  จะสิงกูรึไง!!”


“อยากสิง ให้สิงป่ะล่ะ”


“แค่กๆ”  กำลังยกเบียร์ขึ้นจิบ ถึงกับสำลัก  มึงเป็นผีรึไง  ...ไอ้ผีบ้า


“ก็โต๊ะมันเล็ก มันก็ต้องเบียดกันดิ” โต๊ะร้านพี่มด เป็นโต๊ะกลมสมชื่อร้าน โต๊ะนึงนั่งสี่คนกำลังดี

แต่นี่หกคนมันก็อึดอัดนิดหน่อย แต่ผมกับรู้สึกว่าอึดอัดมากเกินไป

จริงๆแล้วมันจะเขยิบออกไปนิดนึงก็ได้นะ แต่นี่มันตั้งใจที่จะนั่งเบียดกับผม แถมยังเอามือมาค้ำที่เก้าอี้ผมอีก!!


“มึงใช้แชมพูอะไร” อยู่ๆมันโน้มหน้าเข้ามาใกล้กระซิบถามที่หู


“ทำไม”


“หอมดีเนาะ!!” มันพูดพร้อมสูดลมหายใจใกล้กับหน้าผม


“...” พูดไรไม่ออก แดกเบียร์ดีกว่า...    แล้วกูจะเขินทำไม!!


“ไอ้สองตัวนั้น คุยอะไรกันงุ้งงิ้งๆ  จีบกันเหรอมึง!”  ไอ้หมีที่คงนั่งมองมานานแล้ว พูดขึ้น


“จีบพ่อง!!” ผมตะโกนใส่ไอ้หมี


“ไม่จีบก็ไม่จีบสิ  มึงจะหน้าแดงเพื่อ!!”  ผมรีบจับหน้าตัวเองอยากลืมตัว แล้วทั้งโต๊ะก็หัวเราะคิกคัก

 ยกเว้นไอ้คนหน้านิ่ง ที่เอาแต่มองหน้าผมด้วยสายตากรุ้มกริ่ม     

 มึงแกล้งกูอีกแล้วสินะไอ้หมี  ไอ้เพื่อนระยำ!!


“หมดแก้วคร้าบ เพื่อนฝูง” ไอ้หมีชวนชนอีกครั้ง  ได้ข่าวว่ากูเพิ่งหมดแก้วไปเมื่อกี้


“แดกไม่หมดอีกละเชื่ยพู่” มึงจะจับผิดกูอะไรนักหนาเนี่ย


“ไอ้ปูน ไอ้นพ ไอ้สมใจก็ไม่หมดเหมือนกูป่ะวะ”  พูดจบไอ้สามตัวนั้นก็รีบยกหมดแก้ว  เพื่อนเลว!!


“เอางี้ ถ้ามึงตอบคำถามนี้ได้ แก้วนี้มึงไม่ต้องยกหมด แต่ถ้าตอบไม่ได้มึงต้องเบิ้ลอีกแก้ว” อะไรของมึงเนี้ย

มาจองเวรจองกรรมอะไรกับกูนักหนา


“คำถามอะไรมึง ว่ามา”


“เดือนอะไรมี32 วัน” มาละคำถามปัญญาอ่อน  แต่ที่ปัญญาอ่อนกว่าก็กูนี่แหละ เสือกเล่นตามมัน


“ไม่มีหรอก มีแค่30วัน กับ31วัน ”


“ผิด ยอมยังมึง”  เกลียดยิ้มตอนนี้ของมันจริงๆ  มันยิ้มเหมือนผู้มีชัย


“เออยอม” แม่งขี้เกียจคิด


“ก็เดือนกว่าๆไง  ตึ้งโป๊ะ”  ฮ่าๆๆๆ แล้วมันก็หัวเราะเสียงดังอย่างกับคนบ้า  แล้วทุกคนก็หัวเราะตามมัน

รวมถึงไอ้หน้านิ่งด้วย มันยิ้มตามไอ้พวกผีบ้านั่น


“ยิ้มอะไรของมึง” ผมหันไปเหวใส่มัน โมโหแล้วพาลครับ มันแค่ยักไหล่ หัวเราะ หึๆ ในลำคอ


“คำถามเหี้ยไรของมึงไอ้หมี  แต่ที่เหี้ยกว่าคำถาม ก็ไอ้คนถามนี่แหละ”  ไอ้เหี้ย!! เดือนกว่าๆพ่องมึงสิ


“เอาไป หมดแก้วพร้อมเบิ้ลอีกแก้ว” ไอ้ปูนรีบรินเบียร์ใส่แก้วให้  ไอ้นี่ก็ขยันชงจัง มึงเกิดปีชงรึไง..

เพื่อนกูแต่ละคนรักกูทั้งนั้น      เพลียใจเหลือเกิน!!


แล้วผมก็ซัด เบียร์ติดกันสองแก้วติด  ถามว่าเมามั้ย ขอตอบเลยว่ามาก

“อึก” นั้นไงมันมาละ ถ้าผมเริ่มเมา ผมจะสะอึกครับ


“ฮ่าๆๆ สำเร็จ” ไอ้หมีมันหัวเราะ พร้อมกับตีมือกับไอ้ปูน


“ไอ้เพื่อนชั่ว นี่พวกมึงตั้งใจมอมกูใช่มะ...อึก”


“กูแค่พิสูจน์” ไอ้หมีมันว่าพร้อมกับกระดกเบียร์ หมดแก้ว  นี่มึงแดกเยอะกว่ากูอีก แม่งทำไมมันไม่เมาวะ

คอแข็งยิ่งกว่าคอทองแดง ก็ไอ้หมีนี่แหละ คอทองเค!!!


“พิสูจน์ห่าอะไรของมึง”


“กูเล่าให้เพื่อนกูฟังว่า ถ้ามึงเมามึงจะสะอึก แต่พวกนี้ไม่เชื่อไง กูกับไอ้ปูนเลยต้องพิสูจน์” ถึงว่าละมันยิ้มกรุ่มกริ่ม

สายตาไม่น่าไว้ใจ     แม่งตบหัวคนละทีดีมั้ยเนี้ย เพื่อนเวร!!


“อึก................อึก”  โอ๊ย  รำคาญตัวเอง เมาแล้วเป็นแบบนี้ทุกที


“น้ำเปล่ามั้ย?” ไอ้ดินถามผม ขณะที่ผมสะอึกไม่หยุด  ผมพยักหน้า แล้วมันก็ลุกไปซื้อน้ำกับพี่มดมาให้
 
ผมดื่มน้ำเปล่าไปครึ่งขวด ผลของมันคือ

“อึก”  ฮือ ไม่หาย


“มึงกลั้นหายใจดิ เผื่อหาย” ไอ้หมีแนะนำวิธี   ผมเลยกลั้นหายใจ กลั้นได้สิบวิก็สะอึกตามาอีก


“กลั้นนานๆดิ กลั้นแค่นี้มันจะหายรึไง”


“วิธีมึงแม่งไม่ได้ผลหรอก” ไอ้ห่า กลั้นนานกว่านี้กูคงได้ขาดใจตายก่อน 


แล้วทุกคนในโต๊ะก็แนะนำสารพัดวิธี  ผมก็ลองทำตามหมด แต่ผลสุดท้ายก็ “อึก”


“กูไม่แดกละนะ  แก้วนี้แก้วสุดท้าย......อึก” ผมบอกไอ้หมี


“พอก็พอ กูรู้ว่ามึงแม่งอ่อน”  ได้แต่มองค้อนมันครับ  กูสะอึกเพราะการพิสูจน์บ้าบอของพวกมึงนี่แหละ!!


“หมดขวดนี้กลับกันนะมึง .....อึก” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ยกเว้นไอ้หมี  เกลียดมัน ไอ้คอทองเค


“ไอ้พู่มึงกลับกับไอ้ดินนะ” ไอ้ปูนพูดขึ้น ก่อนทุกคนจะยกแก้วสุดท้าย 


“เอ้า ทำไมละ กูมากับมึงก็ต้องกลับกับมึงสิ”  จะปล่อยให้กูกลับกับมันไม่ได้นะ รู้สึกไม่ปลอดภัย

ใจกูนี่แหละที่ไม่ปลอดภัย อยู่ใกล้มันทีไร ใจสั่นแปลกๆทุกที!!


“ก็มึงกลับทางเดียวกัน  กูขี้เกียจอ้อมไปอ้อมมา  ประหยัดพลังงานช่วยชาติ  อีกอย่างกูมาววว”

แค่พูดคำว่าเมาคำเดียวก็จบ  มึงไม่ต้องชักแม่น้ำทั้งโลกมาอธิบาย  ....สุดท้ายก็โดนเพื่อนเท!!


“หมี กูกลับด้วยคนสิ ” ต้องพูดดีๆกับมันครับ เพราะมันเป็นความหวังสุดท้าย ผมไม่อยากกลับกับไอ้ดินจริงๆ


“ไม่!”   โห นี่มึงจะไม่คิดก่อนตอบเลยเรอะ..   “กูต้องไปส่งไอ้สมใจ กับไอ้นพ มึงกลับกับไอ้ดินนะถูกแล้ว ทางเดียวกัน”   

 มึงก็เทกูอีกคนสินะ         ฮือ เสียใจ!!


“กูฝากเพื่อนกูด้วยนะ” ไอ้ปูนพูด พร้อมตบบ่าไอ้ดิน



        00.15นาที ผมนั่งอยู่ในรถเอสยูวี สีดำของไอ้ดิน

“อึก” ตลอดทางกลับบ้าน ไม่มีใครพูดอะไร นอกจากเสียงสะอึกของผม...  ฮือ น่าอายจริงๆ

ใช้เวลาไม่ถึง20นาที ก็ถึงหน้าบ้านผม


“ขอบใจมากที่มาส่ง...อึก” พูดเสร็จก็เปิดประตูลงจากรถ  ยืนหากุญแจรั่วบ้าน แล้วไอ้ดินก็เดินตามลงมา


“อะไรของมึง” ผมหันไปถามทำหน้าสงสัย


“ขอเข้าไปหาชบาหน่อยได้ป่ะ”


“วันอื่นได้ป่ะ กูง่วงอยากนอน... อึก”  มันยังคงมองหน้าผมนิ่ง เหมือนจะบอกว่ายังไงกูก็จะเข้าไป

ยังไงก็จะเข้ามาให้ได้สินะ โอเค...กูยอม

ไขกุญแจรั้วได้ มันก็เดินตามเข้ามา  พอเปิดประตูบ้านก็เห็นเจ้าเหมียวทั้งสามตัวนอนขดอยู่บนที่นอน


“หลับกันหมดแล้ว  เอาไงมึงจะเข้ามารึป่าว...อึก” ผมพูดขณะถอดรองเท้าเสร็จ เข้ามายืนตรงประตูด้านในบ้าน

หันหน้าไปถามไอ้ดินที่ยืนอยู่ตรงประตูด้านนอก


“ไม่เป็นไร ได้เห็นแค่นี้ก็ดีใจละ!!” มันพูดพร้อมจ้องหน้าผมนิ่ง


“อึก”  โอ๊ย กูนี่ก็สะอึกจัง  ไม่หายสักที


“งั้นกูไม่ออกไปส่งนะ ฝากล็อกประตูรั้วด้วยละกัน” คือขี้เกียจเดินแล้วอ่ะ ง่วงอยากนอน

ผมกำลังดึงประตูเข้ามาปิด ไอ้ดินก็จับค้างไว้ไม่ให้ปิด พร้อมพูดว่า


“มึงอยากหายสะอึกป่ะ กูช่วยได้นะ”


“อึก...ช่วยยังไงวะ”


     พูดจบไอ้ดินก็ค่อยๆโน้มหน้าเข้ามาจูบที่ริมฝีปากผมเบาๆแต่แนบเน้น แล้วผละออก 

จากนั้นมันก็ยิ้ม เป็นยิ้มที่ไม่เคยเห็นจากมันมาก่อน  มันทั้งละมุนและอ่อนโยนกว่ายิ้มที่ผมเคยเผลอมองตอนนั้น   

ผมยืนนิ่งอึ้งเหมือนถูกสาป   แล้วมันก็ปล่อยมือที่จับประตูไว้ให้ค่อยๆปิดลง

‘ปัง’ เสียงประตูปิดลงทำให้ผมได้สติ ไม่รู้จะทำยังไงยังงงกับสถานการณ์นี้อยู่

ผมค่อยๆไถลตัวลงนั่งที่พื้นพิงกับประตู ใช้มือข้างนึงเตะที่ริมฝีปากตัวเอง

ความรู้สึกอุ่นจากริมฝีปากไอ้ดินยังคงอยู่

...นี่ผมเป็นอะไร ใจผมยังคงเต้นแรงไม่หยุด หน้าก็ร้อนเหมือนจะระเบิด  อารมณ์อุ่นๆในอกนี่อีกมันคืออะไร?

ตอนจูบกับคนอื่นไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นรุนแรงขนาดนี้มาก่อน  และที่น่าแปลกกว่านั้นคือ

ทำไมผมยอมให้มันจูบ? ทำไมผมไม่ต่อยมัน!! มัวแต่ยืนอึ้งให้มันเดินกลับไปอย่างง่ายดาย

แล้วไอ้รอยยิ้มบ้านั่นอีก ทำไมมันยังติดตา ยิ่งนึกถึงยิ่งอุ่นในใจ


                     ...ฮืออออ  ผมเป็นอาไร........ใจ  ใจกูพัง!!...


        ไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงนี้นานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงแจ้งเตือนจากไลน์ดังขึ้น

 มาจากใครสักคนเลยหยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกง มากดดู


‘เป็นไง หายสะอึกยัง?’ ไอ้ดินส่งข้อความมา พร้อมกับสติ๊กเกอร์แมวยิ้มหน้าระรื่น

ติดตามผลงานสินะมึง ไอ้บ้า ไอ้ชั่ว ไอ้คนฉวยโอกาส ไม่รู้จะด่ามึงยังไงแล้วเนี่ย


...แต่จะว่าไปหลังจากโดนจูบผมก็หายสะอึกทันที  ไม่อยากจะยอมรับเลยว่ามันได้ผล

แค่นึกถึงตอนโดนจูบหน้าผมก็ร้อนขึ้นมาดื้อๆ !!


‘ไอ้บ้า กูเกลียดมึง’ สติ๊กเกอร์แมวกระโดดถีบ


‘ฝันดีนะ หมอพู่’ สติ๊กเกอร์แมวนอนกอดกัน


                     ตึกๆ   ฮือ...ใจกูเต้นแรงอีกแล้ว แค่มันบอกฝันดีแค่นี้เอง


                              จูบเดียวทำเอากูเสียอาการขนาดนี้    ไอ้ดินมึงทำอะไรกู!!!!!





*TBC*

....................................................................................



สวัสดีค่ะ  แอบมาก่อนอีกแล้ว อิอิ

เค้าจูบกันแล้วววว...เป็นวิธีแก้สะอึกที่ได้ผลนะเออ ^^

เจอกันอังคารหน้าค่ะ  จุฟ
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 4 พ่อบ้าน? (19-12-2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 19-12-2017 23:43:14

บทที่ 4  พ่อบ้าน?



พาร์ต ของแผ่นดิน

                   
เมื่อไม่นานมานี้  ผมจอดรถเพื่อรับโทรศัพท์อยู่ตรงหน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากหอของผมมากนัก 

ระหว่างคุยโทรศัพท์สายจากแม่ที่โทรมาจากโคราช ก็เหลือบไปเห็นแมวสองตัว สีขาวล้วน

ที่กำลังนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนสนามหญ้าหน้าบ้าน 

เป็นแมวสีขาวตัวอ้วนขนสั้นฟู ที่เหมือนกันอย่างกับแฝด ถ้าไม่ใช่เจ้าของคงแยกไม่ออกว่าตัวไหนเป็นตัวไหน

เห็นแล้วก็คิดถึงไอ้เสือแมวที่บ้าน  เสือเป็นแมวไทยสีส้มตัวอ้วนกลม ที่อ้วนเหมือนกับเจ้าเหมียวกาฟิวส์ในการ์ตูน

ไม่นานก็มีชายหนุ่มผิวขาว อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับผม เดินออกมาจากตัวบ้าน
 
นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวยาวที่อยู่ใต้ต้นลีลาวดีต้นใหญ่ตรงสนามหญ้าหน้าบ้าน 

เจ้าเหมียวสองตัวเห็นชายหนุ่มจึงรีบวิ่งไปหา ตัวนึงกระโดดขึ้นตัก ตัวนึงมาคลอเคลียอยู่ที่ขา 

ชายหนุ่มซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของเจ้าเหมียวสองตัวนั้น  อุ้มเจ้าเหมียวตัวนึงขึ้นมา พร้อมกับจุ๊บที่จมูกเจ้าเหมียว

พร้อมกับพูดอะไรสักอย่างด้วยรอยยิ้ม  ก่อนจะอุ้มเจ้าเหมียวอีกตัวแล้วทำแบบเดิม ผลัดกันทำแบบนั้นซ้ำๆ


ไม่รู้ว่าผมเผลอมองเหตุการณ์ตรงหน้านั้นนานแค่ไหน  นานจนวางสายจากแม่ไปนานแล้ว

ผมก็ไม่สามารถละสายตาออกจากเหตุการณ์ตรงหน้าได้  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจ้าเหมียวสีขาวสองตัวนั้น

หรือเป็นเพราะ ชายหนุ่มผิวขาวที่น่าจะเป็นเจ้าของเจ้าเหมียว คนนั้นกันแน่...

ไม่รู้สิ เมื่อมองเหตุการณ์นั้น ความรู้สึกอบอุ่นมันก็ชัดเจนขึ้นมาในหัวใจ!!
 
น่าแปลกปกติผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครนอกจากคนในครอบครัว
 
และที่น่าแปลกกว่านั้นคือ หลังจากนั้น เมื่อผมขับรถผ่านบ้านหลังนี้จะคอยมองเข้าไปในบ้านหลังนี้เสมอ

เผื่อจะเห็นเจ้าเหมียวสองตัวนั้น หรือไม่ก็ ชายหนุ่มผิวขาวคนนั้น!!

และก็น่าแปลกอีกที่หลังจากนั้นผมไม่เคยเห็นเจ้าเหมียว หรือเจ้าของเจ้าเหมียวอีกเลย....จนมาถึงวันนี้ 

วันที่ไอ้หมีเพื่อนผมตั้งแต่สมัยมัธยม จะพาเพื่อนของมันที่เรียนคณะเดียวกัน มารับแมวไปเลี้ยงต่อจากผม
 
จะว่าเป็นแมวที่ผมเลี้ยงก็ไม่เชิง เจ้าเหมียวตัวนี้เป็นแมวน้อยสีดำล้วน อายุน่าจะสักสองเดือน

ผมเจอมันนอนร้องอยู่แถวๆที่ลานจอดรถของหอ ตอนแรกคิดว่าน่าเป็นลูกแมวของบ้านแถวๆนี้
 
แต่พออีกวันผมก็ยังเห็นมันร้องอยู่บริเวณที่เดิม เริ่มเอะใจว่าน่าจะมีคนเอามาทิ้ง 

เลยเดินไปอุ้มเจ้าเหมียวที่นอนตัวสั่นเทาอยู่ใต้ท้องรถ


“ไงเจ้าเหมียว  โดนทิ้งมาสิท่า” ผมคุยกับเจ้าเหมียวพร้อมกับอุ้มขึ้นมาแล้วลูบหัวปลอบเบาๆ


 “ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันจะหาที่อยู่ให้แกเองนะ”  ว่าแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาตัวช่วย


“ฮัลโหล ไอ้สมใจ มึงพอรู้มั้ยว่ะ ว่าเพื่อนเรามีใครเลี้ยงแมว หรืออยากเลี้ยงแมวบ้างมั้ยวะ”


[ “ไม่แน่ใจว่ะ  ทำไมวะ” ]


“แม่งกูเจอลูกแมวถูกทิ้งแถวหอกูอ่ะ แต่ที่หอกูไม่ให้เลี้ยงสัตว์ด้วยไง  สงสารมันเลยหาคนรับเลี้ยง  ”


[“มึงลองถามไอ้หมีดู มันเรียนสัตวแพทย์ อาจจะช่วยได้มากกว่ากู  เดี๋ยวกูลองถามพวกเพื่อนๆให้อีกแรง”]


“โอเค  เดี๋ยวกูโทรหาไอ้หมีก่อน   ขอบใจมากเพื่อน”

วางสายจากไอ้สมใจ ก็โทรหาไอ้หมีทันที ต่อสายไม่นานมันก็รับสาย


“ไอ้หมี มึงมีเพื่อนที่เลี้ยงแมวป่ะวะ หรือใครก็ได้ที่อยากเลี้ยงแมว”


“ทำไม มึงไปขโมยแมวใครมา”  ไอ้นี่ กวนตีนเสมอต้นเสมอปลาย


“ไอ้ห่า ไม่ใช่สิ กูเจอแมวถูกทิ้งที่หอกู เลยอยากหาคนรับเลี้ยง  พอจะมีใครรับเลี้ยงป่ะวะ”


“อืมมมมมมม   น่าจะมีอยู่นะ  เดี๋ยวกูลองถามไอ้พู่เพื่อนกูให้  ไอ้นี่มันชอบแมว 

ตอนนี้กูก็อยู่กับมันเดี๋ยวถามให้ แล้วจะโทรกลับนะมึง  ”  พูดเสร็จปุ๊บมันก็วางสายทันที

รอไม่ถึง10นาที ไอ้หมีก็โทรกลับมา 


“ตกลงได้มั้ยวะ เพื่อน” ผมรีบถามมันก่อนเลย


“โอเค ไม่มีปัญหา เดี๋ยวไอ้พู่จะรับเลี้ยงให้ บ้านมันเลี้ยงแมวอยู่แล้ว อีกอย่างมันรักสัตว์

 มึงไม่ต้องห่วงแมวตัวนั้นโชคดีละที่ได้มาอยู่กับไอ้พู่ ” ได้ยินแบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย


“เพื่อนมึงสะดวกมารับแมววันไหน?”


“แล้วแต่มึงเลย ไอ้ห่านี่วางตลอดแหละ”


“งั้นพรุ่งนี่ 5โมงเย็นที่หอกูนะ”


“ โอเค”


“ขอบใจมากเพื่อน”


“เออ ไม่เป็นไร คนที่มึงควรขอบคุณ น่าจะเป็นไอ้พู่มากว่า  งั้นแค่นี้นะ พรุ่งนี้เจอกันมึง ” 


“เจอกันเพื่อน”  วางสายเสร็จก็ก้มลงคุยกับเจ้าแมวน้อย


“จะมีบ้านอยู่ละนะเจ้าเหมียว พรุ่งนี้จะมีคนใจดีมารับแกไปอยู่ด้วย ว่าแต่คืนนี้จะนอนที่ไหนดีละ?” กำลังคิดว่าจะแอบเอาเจ้าแมว

น้อยไปไว้ที่ห้องก่อน  ลุงยามที่เห็นผมนั่งก้มๆเงยๆ แถวลานจอดรถ ก็เดินมา ถามว่ามีอะไรให้ช่วยรึป่าว

เลยเล่าให้แกฟังและขอฝากแมวไว้กับแกที่ป้อมยาม  แกก็ใจดี จะดูแลเจ้าเหมียวให้จนถึงวันพรุ่งนี้   


          5 โมงเย็น  ไอ้หมีก็ไลน์มาบอกว่ามาถึงแล้ว  ผมเลยรีบลงไปหา

ผมเดินออกจากหอไปหาไอ้หมี ที่นั่งรออยู่ตรงม้าหินอ่อนด้านหน้าหอ


“เฮ้ย ทางนี้” ไอ้หมียกมือเรียก   เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ผมก็เห็นไอ้หมี นั่งอยู่กับเพื่อนอีกสองคน

คนหนึ่งเป็นผู้ชายตัวเล็ก ผิวขาวตาโต  เหมือนเด็ก...ส่วนอีกคนหนึ่ง!!

ผมถึงกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าจะเป็นคนคนเดียวกันกับคนที่ผมคอยมองหามาตลอดเกือบ2อาทิตย์
 
เขาคือชายหนุ่มผิวขาว เจ้าของเจ้าเหมียวแฝดสีขาวนั่น        บังเอิญจัง!!

เมื่อเดินไปถึง เจ้าของแมวแฝดสีขาวก็จ้องหน้าผมนิ่ง หรือว่าเขาจะเห็นผมที่ไปชะลอรถแอบมองเข้าไปในบ้านเขา!!


“ไอ้พู่  ไอ้พู่กัน!!”  ไอ้หมีตะโกนเรียกเจ้าของเจ้าเหมียวแฝด   

                ...พู่กันงั้นเหรอ  ชื่อน่ารัก  !!


“มึงจะแหกปากทำไมเนี่ย  ไอ้หมี”  เจ้าของเหมียวแฝดสะดุ้ง เลยบ่นไอ้หมี


“ก็เรียกมึงไม่ตอบสักที ใจลอยเพื่อ!!”   ใจลอยงั้นเหรอ หรือเขาจะเคยเห็นผมที่หน้าบ้านจริงๆ !!

แล้วไอ้หมีก็แนะนำเราให้รู้จักกัน


“นี่เพื่อนกูไอ้ดิน   ส่วนนี้ไอ้ปูน และก็นี่ไอ้พู่ที่จะรับแมวไปเลี้ยง”

 
“หวัดดี ได้เจอกันสักทีไอ้หมีเล่าให้ฟังนานละ”   คนที่ชื่อปูน พูดพร้อมกับยิ้มทักทาย


“หวัดดี ”  เจ้าของเหมียวแฝด ยิ้มทักทายผม


ตึก ตึก  หัวใจผมเต้นแรง ไม่คิดว่าจะได้เห็นรอยยิ้มในวันนั้นอีกครั้ง และครั้งนี้มันชัดเจนมาก  มันดูสดใสกว่าที่เคยคิดไว้


“หวัดดี” ผมได้แต่พูดหน้านิ่ง พร้อมยกมือขึ้นทัก   ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะกลัวจะเก็บอาการไม่อยู่ ว่าผมดีใจ

และตื่นเต้นขนาดไหน

    ...อือ เจ็บ ผมหยิกแขนตัวเอง  นี่ไม่ใช่ฝัน  โชคดีจริงๆ...


ผมเดินไปยกกล่องที่มีลูกแมวนอนขดอยู่ จากป้อมยามที่ฝากลุงยามไว้  มาวางบนไว้บนโต๊ะ


“ไม่ต้องกลัว ไปอยู่ด้วยกันนะเหมียวน้อย” เจ้าของแมวคนใหม่ พูดพร้อมรอยยิ้ม พร้อมกับลูบหัวเจ้าแมวน้อยเบาๆ


     
 ...ให้ตายสิ  ทุกการกระทำ ทุกรอยยิ้ม มันน่ามองไปหมด  ยากมากที่จะควบคุมอารมณ์ไม่ให้สั่นไหว!!...
                           
   
             แล้วเจ้าแมวตัวน้อยก็มีชื่อ   ‘ชบา’


“เป็นเด็กดีนะ ชบา ไว้จะไปหาบ่อยๆนะ”  ผมยิ้มให้เจ้าแมวน้อย พร้อมกับลูบหัวเบาๆ
 
พอเงยหน้าขึ้นก็สบตากับพู่กันที่มองผมอยู่นานแล้ว


“มองไร” ผมถามด้วยใบหน้านิ่ง ที่ดูเหมือนจะเป็นคาแรคเตอร์ของผมไปเสียแล้ว


“เปล๊า..!!” เจ้าตัวสะดุ้งตอบเสียงสูง พร้อมยักไหล่

แล้วผมก็มีความคิดบางอย่างแว๊บเข้ามาในหัว


“ขอเบอร์หน่อย”  ผมพูดพร้อมกับยื่นมือถือให้


“.....” เจ้าตัวทำหน้างง   ผมเลยรีบอธิบาย


“จะเอาไว้ติดต่อกับชบา”  แต่ในใจนะบอกว่า  เอาไว้ติดต่อกับเจ้าของชบาต่างหากล่ะ !!

เจ้าตัวไม่พูดอะไรแต่ก็ยื่นมือมารับมือถือ กดเบอร์แล้วส่งคืนให้


“ไอ้ดิน วันศุกร์นี้กลุ่มเพื่อนมัธยมเขานัดกัน ไปด้วยนะมึง” อยู่ๆไอ้หมีก็ตะโกนบอกผมเสียงดัง

จนทุกคนตกใจ หันไปมองมันตาขวาง


“ที่ไหน?” ผมเลยถามมันต่อ


“ร้านเดิม ไว้กูจะไลน์บอกอีกที  งั้นพวกกูไปนะ” ผมพยักหน้า  พร้อมกับลูบหัวชบาอีกครั้ง

       รู้สึกโชคดีที่มีคนรับเลี้ยงชบา   และที่โชคดีไปกว่านั้นคือ เจ้าของชบาคือ พู่กัน

อย่างน้อยผมก็ได้รู้จักกับเขาแล้ว  ไม่ต้องคอยไปแอบมองที่หน้าบ้านเขาอีก..
               


                  ช่วงหัวค่ำ ผมนั่งทำงานอยู่ในห้อง แต่ไม่มีสมาธิเลย มัวแต่นึกถึงรอยยิ้มบนใบหน้าสวยนั่น

...สวย!! ใช่ครับผมพูดไม่ผิด ใบหน้าของพู่กันนั้นสวย  เครื่องหน้าที่อยู่บนใบหน้าเรียวนั้นมันดูลงตัว

โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น  ที่คมสวยเหมือนกับดวงตาของแมว  จมูกโด่งสวย รับกับริมฝีปากบางสีพีช

พอรวมกันแล้วมันดูน่ามอง  โดยเฉพาะเวลาที่ใบหน้านั้นยิ้ม ใบหน้าสวยนั้นก็จะแปรเปลี่ยนเป็นความสดใส

ได้เห็นเพียงครั้งเดียว ผมถึงกลับเอามานอนเพ้อ   

พู่กันไม่ได้สูงเท่าผม แต่ร่างบางนั้นก็ดูสูงโปร่ง  ผิวขาว ยิ่งได้เห็นใกล้ๆยิ่งดูนวลเนียน เหมือนกับผิวเด็ก

ไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นผิวของผู้ชาย เจ้าตัวคงดูแลตัวเองเป็นอย่างดี

รูปร่างและใบหน้านั้น พอรวมกันแล้ว จะใช้คำว่า งดงาม ก็คงไม่ผิด!!


ไม่น่าเชื่อว่าผมจะเพ้อได้ขนาดนี้  นี่เป็นครั้งแรกที่ผมสนใจใครก่อน
 
และที่ไม่น่าเชื่อไปกว่านั้นคือเขาคนนั้น เป็นผู้ชาย!! ที่มีทุกอย่างหมือนกันกับผม

ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยมีแฟน ตั้งแต่เกิดมาผมเคยมีแฟนอยู่หนึ่งคน เป็นผู้หญิงรุ่นน้องที่หน้าตาน่ารัก
 
ตอนผมเรียนอยู่ม.6 เธอมาจีบผม  ผมเห็นความทุ่มเทและตั้งใจของเธอเลยลองคบดู

แต่สุดท้ายไม่นานเราก็เลิกกันเพราะผมทนความงอแงไร้สาระ  ซึ่งมันมากเกินไปของเธอไม่ไหว

จากนั้นผมก็ไม่คบใครอีกเลย  มีคนเข้ามามากมาย แต่ผมกับรู้สึกเฉยๆกับความรัก 

ผมไม่ได้ดิ้นรนเพื่อจะมีความรัก หรือยอมรับความรักจากใครหลายคนที่หยิบยื่นมาให้

เพราะผมรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่  หลายคนบอกว่าผมปิดกั้นต่อความรัก แต่เปล่าเลย

ผมแค่ยังไม่เจอคนนั้นๆที่ตรงกับใจของผมต่างหาก  ผมเลยไม่อยากเสียเวลา...   

จนกระทั่งผมมาเจอกับพู่กัน  ผมยอมรับเลยครับ ว่าผมตกหลุมรักพู่กันตั้งแต่วันแรกที่ผมเห็นเขาเล่นกับแมวที่หน้าบ้าน!!   


ความรักนี่ก็แปลกดีนะ  บทจะรักก็รักขึ้นมาได้ง่ายๆ   รักคนที่เราไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเขา
 
รักเพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มของเขา...  แต่ก็นั้นแหละผมรู้สึกอย่างนั้นไปแล้ว และผมก็ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง

ผมก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ความรักนั้นมา   แม้ปลายทางนั้นมันจะไม่สมหวังก็ตาม
 
        แต่ผมก็พร้อมที่จะเสี่ยง !!!

 
   จบพาร์ตของแผ่นดิน





              เช้าวันเสาร์ ผมถูกปลุกด้วยเจ้าเหมียวสามตัว  ที่มาร้องอยู่บนเตียง  เหมือนจะมาบอกว่า ตื่นสิ ฉันหิวแล้ว!!

“เหมี๊ยว ๆ   แง้วๆๆ   ” แต่ละตัวเสียงช่างต่างกันเหลือนเกิน


“ขออีกห้านาทีได้มั้ย เด็กๆ”  ผมพูดงัวเงีย รู้สึกปวดหัวตึบๆ  เพราะไอ้เพื่อนบ้าที่มอมเบียร์ผมเพื่อพิสูจน์ห่าเหวอะไรของมันไม่รู้

และรู้สึกเหมือนนอนไม่พอ เพราะกว่าจะข่มตาลงนอนได้ก็ปาเข้าไปเกือบตีสาม เพราะหลับตาลงทีไร

หน้าไอ้ดินตอนที่โน้มหน้าลงมาจูบก็ผุดขึ้นมาทุกที        เกลียดมันจริงๆ!!


หยิบมือถือมากดดูเวลา  10โมง  มิน่าละ  เจ้าเหมียวคงหิวกันมากสินะ  คิดได้ดังนั้นก็ยันตัวเองลุกขึ้นมา


“ปะ พี่ปี พี่ปา นู๋ชบา กินข้าวกัน” ว่าแล้วก็ลุกลงจากเตียง เจ้าเหมียวทั้งสามก็วิ่งตามออกมาจากห้องนอน

จัดการให้อาหารเจ้าเหมียวทั้งสามเสร็จก็กลับเข้ามาในห้องนอน เพื่อจะนอนต่อ   

หัวถึงหมอน ไม่ถึงสามวิ  มือถือที่วางอยู่โต๊ะข้างหัวเตียงก็สั่น


“ครืด ครืด” เห็นชื่อคนโทรมาแล้วไม่อยากรับ       ไม่รับแม่ง!!

สุดท้ายก็ทนไม่ไหว  ไอ้ดินแม่งกระหน่ำโทรมาอย่างกับ ใครจะเป็นจะตาย 


“โหล” รับสายมันอย่างหงุดหงิด


“ตื่นยัง” มันถามด้วยน้ำเสียงนิ่งทุ้มเหมือนเดิม


“ยัง”


“ยังไม่ตื่น แล้วทำไมรับสายได้ล่ะ”


“อย่ากวนตีน มีไรว่ามา”  ลีลาอยู่ได้


“หมู ไก่ ปลา เนื้อ”


“อะไรของมึง  อย่ากวนประสาท” ผมถามอย่างหงุดหงิด คนยิ่งปวดหัวอยู่


“ตอบมาก่อน” 


“ไก่”  ขี้เกียจเถียงตอบๆไป จะได้นอนต่อ


“ผักล่ะ กินอะไรไม่ได้บ้าง” มันยังถามต่อ


“เคยบอกไปแล้ว จำไม่ได้รึไง ” ตอบมันอย่างหงุดหงิด


“ก็นึกว่าจะมีอะไรนอกเหนือจากนั้น ตกลงไม่กินมะเขือเทศ กับผักบุ้งนะ”


“อือ” จะว่าไปความจำมันก็ดีเหมือนกันนะ ไม่คิดว่ามันจะจำได้จริงๆ


“ผลไม้ล่ะ ชอบกินอะไร”


“อะไรก็ได้ที่ไม่เปรี้ยว   ถามจริงๆ นะไอ้ดิน มึงจะมาถามกูเพื่ออะไร แม่งกูปวดหัว อยากนอน ” ผมโวยวายใส่มัน


“ปวดหัวเหรอ” น้ำเสียงมันดูตื่นตระหนก


“เออ กูขอนอนก่อนนะ”


“เดี๋ยว กินข้าวกินยายัง”  ยังจะถามอีก กูอยากนอนโว้ย!!


“ยัง  แค่นี่นะ” พูดเสร็จก็วางสายทันที แม่งรำคาญ ถามมากอยู่ได้ คนจะหลับจะนอน


       ยัง ยังจะโทรมาอีก ปิดเครื่องแม่ง!!


หลับไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง  เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น


“กริ๊งๆๆๆๆๆๆ”  แม่งจะกดอะไรหนักหนาวะ

เดินออกจากห้องด้วยอารมณ์บูดบึ้ง พอเดินมาเปิดประตูบ้านเท่านั้นแหละ เห็นไอ้ดินทำหน้านิ่งยืนอยู่หน้ารั้ว

               หงุดหงิด!!


เดินปึงปัง ไปเปิดประตูรั้วให้มัน


“มาทำไม” ถามมันด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด


“ซื้อข้าวต้มมาให้กิน มึงจะได้กินยา”  ได้แต่มองหน้ามันอย่างสงสัย  ว่ามันทำเพื่อ ไปขอร้องมันตอนไหน!!


ว่าแล้วมันก็เดินนำหน้าผมเข้าบ้าน   ตกลงนี่บ้านใคร?!!

เดินตามมันเข้ามา มันก็จัดการเทข้าวต้มใส่ถ้วย  พร้อมกับหันมาถาม


“บ้านมึงมีกาแฟป่ะ”


“มี  แต่เป็นกาแฟสดนะ อยู่ในตู้ข้างตู้เย็น  อยากกินก็ชงเอาเอง ”  มันได้แต่พยักหน้าแล้วยกข้าวต้มมาวางที่โต๊ะกินข้าว


“มากินข้าว  เดี๋ยวมันจะหายร้อนซะก่อน” มันว่าพร้อมกับลากเก้าอี้ให้ผมนั่ง


“แล้วมึงไม่กินด้วยล่ะ”


“กูกินตั้งแต่เช้าแล้ว มึงกินไปเหอะ”

ผมได้แต่ยักไหล่ ค่อยๆตักข้าวต้มเข้าปาก กินได้ไม่กี่คำก็เริ่มกินไม่ลง   คือคนแฮงก์อ่ะ  ไม่ค่อยอยากกินอะไรสักเท่าไหร่

เลยนั่งมองกาแฟที่ค่อยๆไหลออกจากเครื่องชงกาแฟอย่างช้าๆ มองไอ้ดินหยิบจับนู้นนี้นั้น

จะว่าไปมันก็เหมาะกับคำว่าพ่อบ้านดีเหมือนกัน  ลุคมันดูเหมือนผู้ชายอบอุ่น รักสัตว์ ทำอาหารเก่ง

ใครได้มันเป็นแฟนนี่คงโชคดี  ตายห่า!!


ไม่นานก็ได้กลิ่นหอมของกาแฟลอยมาเตะจมูก  อยากกินจัง  แต่ไม่กล้าขอให้มันชงให้ เดี๋ยวเสียฟอร์ม!!

แล้วไอ้ดินก็วางแก้วกาแฟ ลงข้างถ้วยข้าวต้ม  ผมได้แต่เงยหน้ามองมันอย่างสงสัย


“ดื่มซะ  กาแฟดำเข้มๆ แก้เมาข้างได้ดี”  ผมได้แต่มองหน้ามัน อึ้งๆ  แล้วก็ยกกาแฟขึ้นดื่ม 

กลิ่นหอมและรสของกาแฟทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น


“ข้าวต้มกูกินไม่หมดนะ อิ่มแล้ว”  ผมบอกมันหลังซัดกาแฟหมดแก้ว

มันมองหน้าผมแล้วส่ายหน้า  “เอามานี่  เสียดายของ”   ว่าแล้วมันก็เอาข้าวต้มไปกินต่อเฉยเลย

... แต่เดี๋ยวนะ  เปลี่ยนช้อนก่อนมั้ย   กูยังไม่ได้แปรงฟัน  มึงกำลังแดกขี้ฟันกู!!!


“มึงไปนอนต่อก็ได้นะ เดี๋ยวกูล้างจานเสร็จก็จะกลับ ” มันพูดหน้านิ่ง พร้อมกับตักข้าวต้มที่เหลือเข้าปาก


“ไม่เป็นไรกูรอได้  แล้วก็จาน เดี๋ยวกูล้างเอง เอาแช่ไว้ในอ่างนั้นแหละ และก็ขอบใจที่ซื้อข้าวมาให้ ”  ขณะผมพูด

มันมองหน้าผมนิ่ง...มองแบบนี้อีกละ มองแบบนี้ที่ไรผมมักจะทำอะไรไม่ถูกทุกที


“มะ  มองไร”  เห็นมั้ยขนาดถามกูยังกระตุกอ่ะ


“...” ยัง ยังไม่ตอบ  มัยยังคงจ้องผมนิ่ง


“...” ไม่เลิกจ้องใช่มั้ย   ได้!!  กูจ้องกลับแม่ง!!


5นาทีผ่านไป เรายังนั่งเท้าค้างจ้องหน้ากันอยู่ตรงโต๊ะกินข้าว  ไม่มีใครยอมใคร  ไม่รู้ศึกนี้จะจบลงอย่างไร 

และแล้ว... ผู้ห้ามศึกครั้งนี้ก็คือ  ชบา ผู้กล้าหาญของเรานั่นเอง เจ้าเหมียวตัวสีดำกระโดดขึ้นมาบนโต๊ะ

พร้อมกับคลอเคลียหน้าผม  เจ้าเหมียวไม่รักดี แกจะทำให้ฉันแพ้   มันถูไม่หยุด ผมกำลังจะจาม 

ไม่ได้ต้องอดทน   ต้องทน   และแล้ว   “ฮัด  ชิ้ว ”  บ้าเอ้ย จามจนได้


“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”  ได้ดินมันหัวเราะเหมือนคนบ้า  หืม..หัวเราะงั้นเหรอ  ยิ้มว่ายากแล้ว แต่นี่มันหัวเราะ 

กูขอแอบถ่ายคลิปตอนมันหัวเราะได้มั้ย นี่มันเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญเลยนะเนี่ย!!
   
เมื่อผมเห็นมันหัวเราะ เลยหัวเราะตามมันไปด้วย  แล้วเราก็ต่างหัวเราะกับความบ้าบอที่เราเล่นอะไรกันก็ไม่รู้เหมือนเด็กๆ

                       ช่วงเวลาตอนนี้ รู้สึก สุขใจ แปลกๆแฮะ!!


“ขอบใจมากนะชบาที่ทำให้พี่ชนะ  เอาขนมรส แซลมอน หรือทูน่าดี?” ไอ้ดินพูด พร้อมกับลูบหัวชบา 

แล้วมึงเป็นแมวรึไง ถึงมีน้องเป็นแมวน่ะ  โธ่...ไอ้แมววว!!!


จากนั้นมันก็เดินไปหยิบขนมสำหรับแมวที่มันซื้อมาครั้งก่อน แล้วนั่งลงกับพื้นเพื่อป้อนขนมแมว

พร้อมกับเรียกเจ้าเหมียวสีขาวอีก2ตัวไปกินด้วย

“จำปี  จำปา มากินขนมเร็ว” เจ้าเหมียวสีขาวสองตัวที่นอนเล่นอยู่บนโซฟาได้ยินเสียงถุงขนมก็รีบวิ่งไปหาไอ้ดินทันที   

           ไอ้แมวตะกละ!!


ไอ้พี่แมวนั่งป้อนขนมน้องๆอยู่บนพื้นโดยน้องๆมันสามตัวล้อมหน้า ล้อมหลัง พร้อมส่งเสียงเหมี๊ยวๆ

ผมนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม หันข้างไปมองไอ้ดินที่ป้อนขนมเจ้าเหมียวทั้งสาม 


แล้วก็เผลอมมองมันอีกจนได้     ใบหน้ามันตอนที่ยิ้มน้อยๆให้กับพวกเจ้าเหมียว มันดูอ่อนโยนดีจัง
 
แล้วความรู้ สุขใจ มันก็แล่นเข้ามาในหัวใจอีกครั้ง  ผมว่า หัวใจผมคงผิดปกติ  ต้องไปให้หมอตรวจดูสักหน่อยแล้วล่ะ !!

แล้วไอ้ดินก็เงยหน้า สบตาเข้ากับผมพอดี   ผมเลยรีบหลบตา เซมองไปทางอื่น   จะให้มันรู้ว่าผมแอบมองไม่ได้  อาย!!


“เพิ่งรู้ว่าจำปาตาสองสี ตอนแรกคิดอยู่ว่าคงแยกจำปีกับจำปาไม่ออก  แต่ตอนนี้ดูไม่ยากละ ” อยู่ๆมันก็พูดขึ้นมา


“จะไปอยากอะไร มึงก็ดูปลอกคอสิ  สีฟ้าจำปี  สีส้มจำปา”  มึงจะโง่รอดูตาแมวเพื่อ!! 
 
แล้วมันก็ไม่พูดอะไร ก้มหน้าก้มตาป้อนขนมแมวต่อ 

แล้วมันก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง “มึงหายปวดหัวยัง?”


“ดีขึ้นแล้ว” ได้กาแฟดำไปแก้วนึง ก็รู้สึกดีขึ้นมาก


“งั้นออกไปซื้อของกัน”


“ซื้ออะไร กูขี้กียจออกไป ตั้งใจวันนี้อยากนอนอยู่บ้านทั้งวัน”


แล้วมันก็จ้องหน้าผม เกลียดสายตาแบบนี้จริงๆ  มันเหมือนบังคับว่ายังไงกูก็ต้องไปกับมึง


 สายตาเดียวกับเมื่อคืนที่มันขอเข้ามาในบ้านแล้วมันก็จูบผม       ฮือ..แค่คิดหน้าก็ร้อนอีกแล้ว!!


                     ยังไงก็ต้องไปใช่มั้ย?      แล้วทำไมผมต้องยอมมันทุกทีด้วยล่ะ?!!



หนึ่งชั่วโมงให้หลัง ผมออกมาซื้อของกับไอ้ดินที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่ 


“มึงเลือกไก่ใช่ป่ะ”  อยู่ๆมันก็พูดขึ้นหลังจากเข็นรถเข็นเข้ามาในซุปเปอร์


“...?” อะไร กูไปเลือกอะไรตอนไหน


“ก็ที่โทรถามตอนเช้าไง  หมู  ไก่ ปลา เนื้อ แล้วมึงก็เลือกไก่”


“แล้วไง”


“จะทำสเต็กให้มึงกิน  ครั้งก่อนที่กูทำกับข้าวให้มึงกินมึงบอกว่ากูไม่ถามความคิดมึงไง ครั้งนี้เลยโทรถามก่อน” มันพูดซะยาว


“เข้าใจที่โทรมาถามก่อน  แต่สิ่งแรกที่มึงควรถาม คือถามว่ากูอยากกินรึป่าว ”   ผมอธิบายให้มันฟังช้าๆ


“...” มันไม่ตอบแต่สีหน้า มันดูผิดหวัง


“อ่ะๆ กินก็กิน  ต้องซื้ออะไรบ้างล่ะ”  เห็นสีหน้าหงอยๆของมันแล้วรู้สึกผิด  เอ๊ะ..แล้วทำไมผมต้องแคร์ มันด้วยวะ!!


“อกไก่ละกันเนาะ”  อื่อหื้อ เปลี่ยนสีหน้าเร็วมาก  มึงเป็นกิ้งก่ารึไง!!


“แล้วแต่มึงเลย กูกินได้”


“มึงชอบกินมันบด รึป่าว?” มันถามขณะเลือกเนื้อไก่


“ก็ชอบนะ  แล้วมึงทำเป็นเหรอ?” ถามเพราะสงสัยว่ามันทำอาหารเป็นทุกสัญชาติเลยเหรอวะ


“ก็พอทำได้นะ กูชอบทำอาหาร ตอนอยู่บ้านก็หัดทำเรื่อยๆ” มันพูดพร้อมหยิบจับของไปเรื่อยๆ  พลิกดูฉลาก เลือกอย่างดี

ไม่ใช่หยิบส่งๆใส่รถเข็น  มันถึงเหมาะกับคำว่า พ่อบ้าน จริงๆนั้นแหละ!!


“มึงน่าจะไปเรียนด้านที่เกี่ยวกับอาหารมากกว่าเรียนเกษตรนะ ” มันชอบทำอาหารน่าจะเรียนไปทางอาหารมากกว่า


“บ้านกูไม่ได้มีร้านอาหาร จบไปก็เอาไปช่วยอะไรเขาไม่ได้  เรียนเกษตรนะดีแล้ว ”


“เขาบังคับให้มึงเรียนเหรอ” สงสัยไง บ้านทำสวนแล้วลูกจำเป็นต้องเรียนเกษตรด้วยเหรอวะ?


“เปล่า กูอยากเรียน”   โอเค   จบ   ตามนั้น


“แล้วมึงละ ที่บ้านบังคับให้เรียนสัตวแพทย์รึป่าว” มันยังถามต่อ


“เปล่า  กูอยากเรียน” ผมส่ายหน้า พร้อมกับตอบ


“เห็นมั้ยล่ะ  เหตุผลเดียวกัน”  พูดเสร็จมันก็ยิ้มพร้อมกับขยี้หัวผมเบาๆ  จากนั้นก็เข็นรถเข็นไปทางแผนกผัก

  ปล่อยให้ผมยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น 

 
            ...อะไร  เกิดอะไรขึ้น!!     สายตาและสัมผัสอ่อนโยนเมื่อกี้คืออะไร?!!


               ใครก็ได้ตอบที  ว่าทำไมผมต้องใจเต้นแรงกับสัมผัสนั้นด้วย ?!!


           พังอีกแล้วใจ   คงได้ไปหาหมอจริงๆแล้วล่ะ  ใจผมมันอ่อนไหวง่ายเกินไปแล้ว!! 



       
 
 มีต่อด้านล่าง 
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 4 พ่อบ้าน? (19-12-2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 19-12-2017 23:49:13
       ซื้อของ พร้อมกับกินข้าวเที่ยงเสร็จ  ก็กลับถึงบ้านเกือบบ่ายสอง


“มึงจะกลับหอมึงก่อนก็ได้นะ” พูดขณะวางของลงบนโต๊ะในห้องครัว


“เดี๋ยว5โมงก็ทำข้าวเย็นละ  ขออยู่จนถึงค่ำเลยได้มั้ย ขี้เกียจไปๆมาๆ ”


“อื่อ ตามใจ” พูดเสร็จผมก็ไปนั่งดูทีวีที่โซฟา


แล้วมันก็ตามมานั่งข้างๆ รู้สึกถึงแรงยวบที่โซฟา

 
“มึงชอบดูการ์ตูนของ จิบลิ เหรอ เห็นมีแผ่นซีดีเยอะเลย”


“ใช่ กูชอบดูพวกการ์ตูนอนิเมชั่น โดยเฉพาะค่าย สตูดิโอจิบลิ เนื้อเรื่องดี ภาพก็สวย  มึงก็ชอบเหรอ?” ผมหันไปถามมันบ้าง


“ไม่เชิงอ่ะ เคยดูแค่เรื่องเดียวจำชื่อเรื่องไม่ได้  เรื่องที่มันมีตัวโทโทโร่อ่ะ ”


“อ่อ มันชื่อเรื่องว่า ‘My Neighbor Totoro’  มึงอยากดูอีกป่ะ หรือจะดูเรื่องอื่นก็ได้ ” ผมยกกล่องที่ใส่แผ่นซีดีการ์ตูน

ที่วางอยู่ชั้นวางทีวีมาให้ไอ้ดินเลือก  มันเลือกอยู่สักพัก ก็หยิบซีดีแผ่นนึงมายื่นให้ผม


“เรื่องนี้ละกัน มีชบาอยู่บนปกด้วย”

หืม..เรื่องที่มันหยิบมาให้คือเรื่อง แม่มดน้อยกิกิ หรือ Kiki’s Delivery Service หน้าปกเป็นรูปเด็กผู้หญิงผมสั้น

คาดผมด้วยโบว์ใหญ่สีแดง ข้างๆก็มีแมวน้อยสีดำตาโต จะว่าไปก็เหมือนชบาอย่างที่ไอ้ดินมันว่าเหมือนกันนะ..


“เจ้าแมวตัวนี้ชื่อ จิจิ เป็นแมวพูดได้  ตกลงดูเรื่องนี้นะ? ” ผมชูแผ่นหนังถามมันอีกครั้ง มันพยักหน้า


ผมเลยลุกไปหยิบแล็ปท็อปที่อยู่ในห้องนอน  เพื่อมาเปิดหนัง

เรานั่งบนพื้นพิงโซฟา ดูหนังในแล็ปท็อปที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟา ส่วนบนโซฟาก็มีเจ้าเหมียวสีขาวสองตัวนอนอยู่

ส่วนชบานั่งอยู่บนตักผม  เรานั่งดูหนังกันไปเรื่อยๆมือไอ้ดินก็เอื้อมมาลูบหัวชบาที่นอนอยู่ตักผม เป็นพักๆ


ใครมาเห็นเราในตอนนี้ คงคิดว่าเราเป็นคู่รักที่ใช้เวลาในวันหยุด  ดูหนังด้วยกัน อยู่กับบรรดาสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย
 
        อืม..แม่งโคตรโลกสวยอ่ะ!!   

หารู้ไม่ กูเพิ่งรู้จักมันได้ไม่กี่วัน อยู่ๆมันก็เข้ามาวุ่นวายในชีวิต   

แต่ก็น่าแปลกตรงที่กูยอมให้มันเข้ามาวุ่นวายนี่แหละ     ไม่ยักจะรำคาญ!!


“น่ารักดี” อยู่ๆไอ้ดินก็พูดขึ้น


“อะไร จิจินะเหรอ” ในการ์ตูนตอนนี้เป็นฉากที่แม่มดน้อยกิกิกำลังขี่ไม้กวาดอยู่บนท้องฟ้า โดยมีแมวน้อยจิจินั่งอยู่บนกระเป๋า

สะพายสีส้มของแม่มดน้อยกิกิ ใบหน้าของเจ้าจิจิลู่ลม ดูน่ารักดี

“เปล่า” มันตอบ  ผมเลยสงสัยหันไปมองหน้ามัน ก็สบเข้ากับสายตาของไอ้ดินที่มองหน้าผมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

แววตาแบบนี้ หมายความว่าไง หน้านิ่ง แต่แววตามันยิ้มไหวระริก


“แล้วอะไรละที่น่ารัก” ผมถามกลับ แต่ใจสั่นแปลกๆ

“ชบาไง น่ารักกว่าจิจิ อีก ” พูดเสร็จมันก็เกาคางให้ชบา  เห้อ..ค่อยโล่งอกหน่อยที่คำตอบคือชบา

 เอ๊ะ นี่ผมควดหวังคำตอบอะไรอยู่


“อืม น่ารักหมดนั้นแหละ” จะแมวตัวไหนสำหรับผมก็น่ารักทั้งนั้น


“อืม ใช่ น่ารักหมด เจ้าของมันก็น่ารัก”  ท้ายประโยคมันพูดเสียงเบา แต่ผมกลับได้ยินชัดเจน


 ตึก ตึก ใจผมเต้นแรง  ตอนนี้หน้าผมต้องแดงแน่ๆๆ   

ไม่รู้จะทำยังไงกลัวมันจะเห็นสีหน้าผม เลยรีบอุ้มชบาไปวางไว้ที่ตักมัน  แล้วรีบลุกขึ้น


“กูไปเข้าห้องน้ำนะ เดี๋ยวมา”  แล้วก็รีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ  เพื่อสงบสติอารมณ์


       บ้า..บ้าไปแล้วแน่ๆ อยู่ๆมาชมกันแบบนี้ได้ไง  แล้วไอ้อาการตอบสนองต่อคำชมของมันนี่อีก  จะเขินทำไม?

มองหน้าตัวเองในกระจก แดงอย่างกับลูกตำลึง ไอ้ดินมันจะทันเห็นมั้ยวะ  ถ้ามันเห็น บอกได้คำเดียวว่า อาย!!




 แล้วกว่ามันจะทำสเต็ก  กว่าจะกินเสร็จ   กว่ามันจะกลับ  อยู่ด้วยกันแบบนี้มีหวัง  หัวใจกูพังแน่นอน!!!


                                                   
                               ฮือ....จะบ้าตาย!!#$%#@!




  *TBC*
...........................................................................................

สวัสดีค่ะ  มาตามคำสัญญา
พี่ดินของเราเริ่มรุกแล้วนะค่ะ 
สุดท้ายก็ยังไม่ได้กินสเต็ก เอ๊ะ หรือว่าเค้าจะกินอย่างอื่นแทน ติดตามต่อบทหน้าเนาะ สปอยๆ^^
เจอกันอังคารหน้าค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 4 พ่อบ้าน? (19-12-2017)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 20-12-2017 02:59:32
 o13 พึ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ ...  o13 เรื่องน่ารักมากกก  :hao7: มาต่อเร็วๆนะค่ะ ชอบบบบค่ะ   o13 ฝุ่นน่ารักน่าหยิกมากกก ดิน นี้แบบ  :hao3: เนียนสุดๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 4 พ่อบ้าน? (19-12-2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 20-12-2017 09:07:25
แผ่นดินรุกหนักมาก :-[
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 4 พ่อบ้าน? (19-12-2017)
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 20-12-2017 12:07:48
โอ๊ย >//< น่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 4 พ่อบ้าน? (19-12-2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-12-2017 13:48:42
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน น่ารักมาก รวมทั้งพี่หมีไส้ตรงด้วย55**
ตอนหน้ามาวันจันทร์ดีไหม คริศมาส จะได้มากินสเต็กกัน โรแมนติกนะ

 :L2: :L1: :pig4:
ขอบคุณและติดตาม
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 4 พ่อบ้าน? (19-12-2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 20-12-2017 15:44:01
ขอบคุณมากนะค่ะ ที่เอ็นดูน้องพู่กันกับน้องแผ่นดิน^^

ปล.  อาจมีเซอร์ไพร์สวันคริสต์มาสค่ะ..   :mew1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 4 พ่อบ้าน? (19-12-2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-12-2017 16:11:34
ขอบคุณมากนะค่ะ ที่เอ็นดูน้องพู่กันกับน้องแผ่นดิน^^

ปล.  อาจมีเซอร์ไพร์สวันคริสต์มาสค่ะ..   :mew1:

ดีใจ รอเลย :L1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 5 ของขวัญ? (25-12-2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 25-12-2017 23:19:02
บทที่ 5 ของขวัญ?



           
หลังจากที่เราดูการ์ตูนเสร็จก็เกือบห้าโมง  ไอ้ดินก็เข้าครัวเพื่อทำสเต๊ก โดยที่มีผมเป็นลูกมือ

“ให้กูทำไรบ้าง ว่ามาเลย” ผมอาสา  ช่วยกันทำจะได้เสร็จไว้ๆ


“งั้นต้มมันฝรั่งให้หน่อย ไม่ต้องปลอกเปลือกแค่ล้างก็พอ” พูดเสร็จมันก็หันไปจัดการกับเนื้อไก่


ผมก็จัดการตามที่มันสั่ง ล้างมันฝรั่ง จากนั้นก็หย่อนมันฝรั่งลงต้มในหม้อ   เมื่อเสร็จแล้วก็ถามมันต่อ “ให้ทำไรเพิ่มอีก?”


“ไม่มีละ แค่นั่งเป็นกำลังใจก็พอ!!”


“...” แดกจุด


“อยากช่วยเหรอ งั้นขอน้ำดื่มสักแก้วสิ” มันคงเห็นที่ผมวางงานเกินไปจึงหาอะไรให้ทำ  แต่นี้ไม่เกี่ยวกับทำอาหารเลยนะ!!


“อ่ะ” ผมรินน้ำใส่แก้ว พร้อมกับยื่นให้มัน


“ป้อนหน่อย” แล้วมันก็ชูมือที่เลอะให้ดู

แล้วผมก็ค่อยจรดแก้วที่ริมฝีกปากไอ้ดินช้า รู้สึกเกร็งแปลกๆ


“ชื่นใจจัง ขอบคุณนะ ” แล้วมันก็ยิ้มกว้างให้ผม แล้วก็ลงมือทำสเต็กต่อ

    รอยยิ้มนั้นทำให้ผมสตั้นไปสามวิ!! 


“ถ้าไม่มีไรให้ช่วย กูไปรดน้ำต้นไม้หน้าบ้านนะ” ต้องรีบออกจากสถานการณ์นี้ครับ  ไม่งั้นตายแน่..หัวใจ

ไม่รอให้มันพูดอะไร รีบหมุนตัวออกจากห้องครัวทันที


          ความเย็นจากสายน้ำที่ออกมาจากสายยาง และสีเขียวของต้นไม้ มันช่วยให้จิตใจสงบขึ้น

จากที่เมื่อกี้ใจมันเต้นแรงอย่างกับจะทะลุออกมาจากอกให้ได้   ให้ตายสิ!! ผมมีอาการแบบนี้ทุกที เมื่อเห็นรอยยิ้ม
 
หรือสัมผัสที่มาจากไอ้ดิน     ทำยังไงถึงจะหายวะ?!!


 รดน้ำต้นไม้เสร็จ ก็นั่งเล่นกับเจ้าเหมียวสามตัวอยู่หน้าบ้าน 


“ไหนๆ ขอจุ๊บแหมบพี่ปีหน่อยจิ” ผมชอบเล่นแบบนี้กับแมวครับ ชอบจุ๊บจมูกของมัน  ไม่รู้ว่าผมเป็นโรคจิตรึป่าว   ฮ่า ฮ่า

ผมอุ้มจำปีขึ้นมา แล้วก็จุ๊บหลายๆทีไปที่จมูกเจ้าเหมียว  พอเงยหาขึ้นก็เห็นไอ้ดินยืนยิ้ม มองผมอยู่ด้านข้าง

ไม่รู้ว่ามันเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่    มันเห็นผมเล่นกับแมวแบบนี้ มันจะคิดว่าผมปัญญาอ่อนรึป่าววะ

ยิ่งเวลาคุยกับแมวตอนที่เล่นแบบนี้ผมจะใช้เสียงสองซะด้วยสิ    ฮือ..น่าอายจัง

แล้วไอ้ดินก็เดินมานั่งข้างผม  พร้อมกับลูบหัวจำปากับชบาที่นั่งคั่นกลางระหว่างผมกับไอ้ดิน


“สเตีกเสร็จแล้วนะ กินเลยมั้ย?”  แล้วมันก็พูดขึ้น


“อีกสักหน่อยละกัน ยังไม่ค่อยหิว  หรือมึงหิวแล้ว?”

   
“รอได้ แล้วแต่มึงเลย”


“...”ไม่มีใครพูดอะไร อย่างฝ่ายต่างนั่งเล่นกับเจ้าเหมียวไปเงียบๆ   รู้สึกบรรยากาศแปลกๆ


“บ้านมึงต้นไม้เยอะดีนะ  ดูร่มรื่นดี” แล้วไอ้ดินก็เริ่มชวนคุย


“ส่วนใหญ่แม่ปลูกน่ะ  แกชอบต้นไม้  แต่คงสู้บ้านมึงไม่ได้  บ้านมึงทำสวนคงมีต้นไม้มากกว่า”

มันไม่ตอบอะไร นั่งเกาคางเจ้าเหมียวไปเรื่อยๆ


“ว่าแต่บ้านมึงทำสวนอะไรวะ” มันไม่ตอบเลยถามต่อ


“หลายอย่าง ทั้งดอกไม้ ผลไม้  อยากรู้ก็ไปเที่ยวบ้านกูสิ หน้าหนาวทุกปีพวกไอ้หมีก็จะไปตั้งแคมป์ที่บ้านกู ”


อ่อ บ้านไอ้ดินนี่เอง เพราะคริสมาสปีที่แล้วไอ้หมีมันชวนผมไปตั้งแคมป์ที่บ้านเพื่อนมันที่โคราช 

แต่ตอนนั้นไม่ได้ไปเพราะติดแฟน!!   แต่ปีนี้ไม่มีแฟนก็อาจจะไป!!


“ค่อยว่ากัน  แต่ตอนนี้หิวละ ” ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้น เดินเข้าบ้านโดยที่มีไอ้ดินเดินตามมาข้างหลัง

บนโต๊ะมี สเต๊กไก่ มันบด และสลัดผักชามโตที่วางอยู่กลางโต๊ะ  อืม..ดูน่าอร่อยแฮะ


“หน้าตาดีนะเนี่ย แต่ไม่รู้ว่ารสชาติจะดีเหมือนหน้าตารึป่าว”  จะชมแต่ก็อดไม่ได้ที่จะแขวะด้วย


“คนทำหน้าตาดีไง อาหารก็เลยออกมาหน้าตาดี  ส่วนรสชาติต้องลองชิมดูแล้วจะติดใจ 

ส่วนคนทำอยากจะลองชิมดูด้วยก็ได้นะเผื่อจะติดใจ”  มันพูดพร้อมขยิบตา  หือ..นี่กูตาฝาดรึป่าว ไอ้ดินเนี่ยนะ ขยิบตา!!
 
ไปโดนตัวไหนมาวะ ...แล้วมั่นหน้ามากที่กล้าชมตัวเองว่าหน้าตาดี     กูยอม!!


“พูดบ้าอะไรของมึง  ใครจะอยากไปชิมมึง”


“ไม่อยากเหรอ?  แต่กูอยากชิมมึงนะ  ได้ชิมเมื่อคืนไปนิดนึง ปากมึงหวานเจี๊ยบเลย!!” มันพูดพร้อมกับทำหน้ายิ้มกริ่ม


“แค่กๆ  ไอ้บ้า มึงหยุดพูดเลยนะ  ถ้าไม่หยุดกูจะเอามีดแทงมึง ”  สำลักเลยกู   ผมโวยวาย พร้อมกับชูมีดสเต๊กในมือขึ้นขู่

มันได้แต่หัวเราะหึๆ ในลำคอ แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินต่อ    พูดเรื่องจูบขึ้นมาแล้วกินไม่ลงเลยกู 

แต่ที่ยอมกินเนี่ย เพราะหิวต่างหากล่ะ!!  ไม่ใช่เพราะความอร่อยนะอย่าเข้าใจผิด!!     ฮึม..ยัดเข้าปากๆ โมโหหิว

ไม่ใช่เพราะเขินนะอันนี้ก็อย่าเข้าใจผิด..


“ค่อยๆกินก็ได้ เดี๋ยวก็ติดคอหรอก” มันขำที่ผมกินอย่างมูมมาม


“อย่ามายุ่งกะกู”  กูเกลียดมึง  อย่ามาคุยกับกู   รีบกินให้เสร็จมันจะได้กลับ  รู้สึกพลังงานกูเริ่มจะหมดละ


“มึงนี่น๊า  กินเลอะเป็นเด็กๆไปได้” พูดเสร็จมันก็เอื้อมมือ มาเช็ดครีมสลัดที่เลอะตรงมุมปากผม

พร้อมกับดูดนิ้วที่เลอะครีมที่มันเช็ดออกจากปากผม 
               
   บู้มมมมม !! ขอระเบิดพลีชีพตัวเอง   ณ ตรงนี้ 

มึงทำอะไรกู  มึงเล่นของใส่กูแน่ๆ  ตั้งแต่มึงเข้ามาในชีวิตกู มาอยู่ใกล้ๆกูมึงทำให้กูสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง
 
มันขัดเขินไปหมดเวลามึงมาใกล้ๆ  ใจกูบางลงไปเลย  บางจังหวะใจกูก็ตุ๊ดไปหลายวิ!!   
 
                     ฮืออออ......ฮาไค่ไห้ง่าว!!!!!



      ...และแล้วมื้อเย็นก็จบลง  อย่างทุลักทุเล     ใจผมนี่แหละที่รอดมาได้อย่างทุลักทุเล!!




       บ่ายวันจันทร์กับอากาศที่แสนจะสดใส   หรา?!!  ร้อนจะตายห่า เหงื่อนี่แตกพลั่กๆ จักแร้เปียกหมดละเนี่ย!!

ขนาดในห้องเรียนเปิดแอร์นะยังเอาไม่อยู่  นี่ขนาดหน้าหนาวนะ อากาศประเทศไทยแลนด์เวรี่ฮอตแอนด์สไปรซี่จริงๆ!!

พวกผมนั่งเรียนคาบบ่าย แต่วันนี้อาจารย์เข้าเลทครึ่งชั่วโมง เลยนั่งรออาจารย์อยู่ในห้องเรียน


“ได้ข่าวว่ามีเดือนคณะเกษตร ไปทำสเต๊กให้กินเหรอมึง” ไอ้หมีที่นั่งข้างผมหันมาถาม


“จุ จุ จุ ไม่ธรรมดานะเนี่ย เปลี่ยนสเปคจากดาวคณะ มาเป็นเดือนคณะแล้วเหรอมึง ” ไอ้ปูนที่นั่งข้างไอ้หมีชะโงกหน้ามาแซวผม

ผมเลยเอาปากกายื่นไปเขกหัวมัน  แต่มันหลบทันซะก่อน   ตีไม่โดน เลยเขกหัวไอ้หมีแทน  เสือกมานั่งใกล้กูเองช่วยไม่ได้!!


“โอ๊ยยย  ตีหัวกูทำไมเนี่ย สมองกูเสื่อมขึ้นมาทำไง” มันร้องซะดังจนเพื่อนๆหันมามอง เล่นใหญ่ไปนะมึง  นี่ปากกาไม่ใช่ค้อน!!


“สมองมึงมันไม่เสื่อมหรอก เพราะมันไม่เหลือให้เสื่อมแล้ว ” ไอ้ปูนแซวไอ้หมีบ้าง ผมกับไอ้ปูนหัวเราะชอบใจ  ไอ้หมีเลยเอา

ปากกาเคาะหัวไอ้ปูนแทน  ไอ้ปูนได้แต่ทำหน้ามุ่ย


“ไอ้พู่มึงอย่ามาทำเป็นเฉไฉไม่ตอบ ” มันยังถามไม่เลิก


“ตอบอะไรละ” ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้


“ก็วันเสาร์ไง ไอ้ดินมันไปทำสเต๊กให้แดกใช่มะ  ไม่ชวนกูนะมึง  กะจะสวีทกันสองคนละสิ” ไอ้หมีมันทำสายตากรุ้มกริ่ม


“สวีทบ้าบอ อะไรของมึง  อยู่ๆมันก็มาของมันเอง กูก็งงๆอยู่เนี่ย” ผมงงกับการกระทำของมันจริงๆนะ อยู่ๆมันก็มาไม่มีบอกกล่าว

 แถมมาแต่ละที  ก็มาทำให้ผมใจสั่นแปลกๆอีกต่างหาก!!

แล้วไอ้เพื่อนขี้เสือกสองคนก็ทำสายตาไม่เชื่อ  ในสิ่งที่ผมพูด


“กูว่ามันไม่ปกติ  มันมีอะไรแปลกๆ ” ไอ้หมีพูดพร้อมส่ายหน้าช้าๆ ทำท่าครุ่นคิด


“แปลกไงวะ” ไอ้ปูนถาม  ไอ้นี่ก็ขี้เสือกจัง   จะมาจริงจังอะไรกับเรื่องกูนักหนาวะ


“ไอ้ดินไงที่แปลก ตั้งแต่รู้จักกับมันมา 7ปี มันไม่เคยสนใจใครหรือไปยุ่งกับใครก่อน 

หลายคนชอบบอกว่ามันเป็นพวกปิดกั้นตัวเอง กำแพงสูง  หน้าตาดีแต่มนุษยสัมพันธ์ติดลบ

 แต่กับคนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทมันจะเป็นอีกอย่าง มันเป็นคนกวนตีนคนนึง  ” 

แล้วไอ้หมีมันก็ตบโต๊ะดัง ‘ปัง’  แล้วสะบัดหน้ามาทางผม “แต่...เพราะมึง ไอ้พู่  มึงทำให้มันปลี่ยนไป!! “ พูดพร้อมกับชี้หน้าผม


“กูไม่ได้ทำอะไร  กูอยู่ของกูเฉยๆ” ผมตีนิ้วของมันที่บังอาจมาชี้หน้าผม


แล้วไอ้หมีก็จ้องหน้าผมนิ่ง พร้อมกับลูบคางตัวเอง เหมือนคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะพูดว่า..


“ไอ้ดินมันชอบมึงชัวร์ !!  ฟันธง”  มันพูดเสียงดังพร้อมตบโต๊ะเสียงดัง  เพื่อนๆในห้องต่างหันมามองพวกเราอีกครั้ง


“แค่กๆ “ ถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง   “ ฟังธงห่าอะไร  เดี๋ยวกูจะฟันหน้ามึง”  พูดจามั่วซั่วจริงๆ


“มึงเชื่อกู  ไอ้ดินเพื่อนสนิทกู รู้จักกันตั้งแต่หรรมเท่าไข่นกกระทา จนตอนนี้หรรมใหญ่เท่าไข่นกกระจอกเทศ.. 

มันสนใจมึงชัววววว!!”   ถ้าหรรมมึงใหญ่เท่าไข่นกกระจอกเทศ มึงคงเดินไม่ได้อ่ะ หนักหรรมตายห่า!!

 นี่ถ้านึกถึงตอนแก่ หรรมมึงคงยานไปถึงตาตุ่ม!!! 


“มึงก็พูดไร้สาระ มันก็ผู้ชายกูก็ผู้ชาย มันจะมาชอบกูได้ยังไง?” พยายาม หาเหตุมาอธิบายมัน ยังไงผมก็ไม่เชื่ออ่ะ


“มึงอย่ามองเรื่องเพศดิ  ชอบก็คือชอบป่ะวะ จะหญิงหรือชายมันก็เหมือนกันนั้นแหละ

มันก็ใช้คำว่ารักหรือคำว่าชอบที่สะกด เหมือนกันนั้นแหละ”  อื่อหือ คมคาย


“ไอ้หมี  มึงเป็นแฟนคลับพี่อ้อย พี่ฉอดเหรอวะ ” ไอ้ปูนที่นั่งเสือกอยู่นาน ถามขึ้นพร้อมกับทำสายตาไม่น่าเชื่อว่า

คำพูดพวกนี้จะออกมาจากปากไอ้หมี


“กูน้องพี่อ้อย พี่ฉอดโว้ย  เรียกกูว่าพี่ออด!!”    ออด พ่อง!! ไอ้ปูนกับผมสายหน้า มีสาระได้ไม่ถึง5นาทีมึงอ่ะ


“ แก๊งหมอ’หมา’ คุยอะไรกันเสียงดังไปถึงข้างนอก” อาจารย์นภา ที่เดินเข้ามาก็บ่นพวกผมทันที

พวกเพื่อนๆในคณะ กับอาจารย์ส่วนใหญ่ จะเรียกพวกเราว่าแก๊งหมอ ‘หมา’ นี่และครับ

แก๊งหมอ’หมา’มีที่มาจาก ไอ้หมีคนเดียวล้วนๆ ‘หมา’ ในที่นี้ หมายถึงปากหมา
 
ผมกับไอ้ปูนที่อยู่กลุ่มเดียวกับมันเลย ได้ฉายาแก๊งหมอ’หมา’ไปโดยปริยาย!!   


“ตั้งใจเรียนนะค่ะ นักศึกษา ท้ายคาบมีควิซเก็บคะแนน”  อาจารย์นภา พูดเสร็จก็มีเสียงบ่นอุบอิบตามมาของนักศึกษา

จากนั้นพวกเราก็ตั้งใจเรียนไม่คุยอะไรที่มันไร้สาระจนหมดคาบเรียน  เหมือนพวกเราจะไร้สาระ
 
แต่เวลาเรียนพวกเราจะตั้งใจกันมากครับ  จริงๆนะ!!

พอขึ้นปีสองยิ่งรู้สึกว่าต้องตั้งใจเรียนมากกว่าเดิม เพราะวิชาที่เรียนเริ่มยากขึ้น จะเป็นวิชาที่เกี่ยวกับสัตวแพทย์มากขึ้น

หรือที่เรียกว่า preclinic ซึ่งต่างจากปี1ที่เรียนพื้นฐาน เคมี ชีวะ เหมือนทบทวนจากที่เรียนมาสมัยมัธยม


หลังจากเรียนเสร็จพวกเราก็มานั่งคุยกันตรงม้านั่งใต้ต้นไม้ที่คณะ


“พวกมึงไปกินนมหน้าม. กัน” ผมชวนไอ้ปูนกับไอ้หมี อยากหาอะไรเย็นๆกินจะได้ผ่อนคลายสักหน่อย


“กูไม่ว่าง”ไม่หมีรีบตอบ


“กูก็ไม่ว่าง”  ไอ้ปูนก็ตอบอีกคน


“อะไรกันพวกมึง จะเทกูเหรอ?”


“วันนี้ไม่ได้จริงๆว่ะ กูนัดพี่ส้มไปดูหนังวะ ช่วงนี้ต้องทำคะแนน “ พี่ส้ม ของไอ้หมี คือรุ่นพี่ปี4คณะบริหารที่มันตามจีบมาได้สัก

ระยะหนึ่งแล้ว แต่ความสัมพันธ์ยังไม่ใช่แฟนสักที สถานะของมันตอนนี้คือ น้องชายคนสนิท ที่ซั่มกันได้!!!


ไอ้หมีมันชอบผู้หญิงที่อายุมากกว่าครับ คำนิยามผู้หญิงในสเปคของมันคือ ‘พี่สาวนมตู้ม  เซ็กซี่ขยี้ใจ’  แบบเด็กๆน่ารักใสๆ

หมีบอกไม่ใช่แนวครับ  มันเคยบอกว่า พวกเด็กใสๆมันไม่ถึงใจ  ยิ่งแก่ยิ่งมากประสบการณ์!!   

เหอะ..มึงไม่หาแฟนรุ่นยายไปเลยล่ะ!!!


ส่วนไอ้แนวน่ารักใสๆ ต้องยกให้ไอ้ปูน ครับ ‘ผู้หญิงผิวขาว ตัวเล็ก น่ารัก’ นี่คือสเปคของมัน

ส่วนสเปคผมนะเหรอ ได้หมด จะสวยหรือน่ารักก็ได้ เป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้องก็ไม่เกี่ยง ขอแค่เราเข้ากันได้ก็พอ...

แต่ตอนนี้ยังหาไม่เจอ อยู่แบบเหงาๆ เพ้อๆ ไปก่อน!!


“แล้วมึงล่ะไอ้ปูน ทำไมไม่ว่าง”ผมถามมัน ซึ่งปกติมันจะว่างเสมอ เพราะแป้ง แฟนของมันที่คบกันตั้งแต่ม.6  ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น

มันจะไม่ว่างแค่ตอนดึก เพราะเป็นช่วงที่โทรคุยกันกับแป้ง


“พอดีญาติมาจากกรุงเทพวันนี้ต้องกลับไปกินข้าวที่บ้าน”  ไอ้ปูนมันเป็นคนกรุงเทพ ตั้งแต่กำเนิดครับ

ย้ายมาอยู่เชียงใหม่ตอน ม.4 พ่อมันซึ่งเป็นตำรวจย้ายมารับตำแหน่งที่เชียงใหม่  เลยได้ย้ายมากันหมดบ้าน

บ้านมันมีกัน3คนครับ พ่อ แม่ ลูก ซึ่งมันเป็นลูกชายคนเดียว  ครอบครัวของไอ้ปูนน่ารักครับ แม่ของมันก็ใจดีมาก

แล้วก็เลี้ยงหมาหลายตัว  เมื่อก่อนผมชอบไปเล่นที่บ้านมันบ่อยๆ


สรุปไม่มีใครว่าง  ผมเลยมาร้านนมที่หน้าม.คนเดียว  ซึ่งไม่แปลกหลังจากที่ผมเลิกกับแฟนซึ่งวันนี้ครบ3เดือนพอดี

ผมก็กล้าที่จะไปไหนมาไหนคนเดียวถ้าพวกไอ้หมอ’หมา’มันไม่ว่าง แต่ช่วงแรกๆไม่กล้าที่จะนั่งกินข้าวคนเดียวที่ร้าน รู้สึกไม่ชิน
 
ส่วนใหญ่จะทำกินเองหรือซื้อไปกินที่บ้าน โดยเฉพาะร้านที่ต้องมากันเป็นคู่หรือเป็นกลุ่มอย่างร้านนมเนี่ยไม่กล้าเลย

มันรู้สึกแปลกที่มานั่งกินคนเดียว    แต่ตอนนี้สบ๊าย!! ภูมิคุ้มกันเริ่มดีขึ้น  เพราะผมเชื่อเรื่องของเวลา

ว่าเวลาจะช่วยทุกอย่างให้เราดีขึ้นเอง  นี่ก็สามเดือนละ ผมว่ามันเป็นเวลาที่มากพอที่ทำให้ผมหายดี.. 

แต่ไอ่เรื่องเหงาที่อยากมีใครสักคนเข้ามาในชีวิต ยังคงตามหาอยู่นะ เพราะผมเชื่อว่าคนเรามันต้องมีคู่

 การอยู่ด้วยกัน ยังไงมันก็ดีกว่าการอยู่คนเดียว!!


ผมสั่งโกโก้ปั่นมาแก้วนึง กับขนมปังปิ้งเนยถั่วของโปรดมาอีกอย่างนึง นั่งกินไปพร้อมกับเล่นมือถือไปเรื่อยๆ

ผมเป็นคนไม่ค่อยติดโซเชียลสักเท่าไหร่  ไม่เล่นอินสตาแกรม หรือทวิตเตอร์  จะมีแค่เฟสบุ๊ค แต่ก็ไม่ค่อยได้โพสอะไรมากมาย

ส่วนใหญ่จะเอาไว้ติดตามพวกเพจฟุตบอล หรือเพจที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงอะไรพวกนี้มากกว่า กับเอาไว้ติดต่อเพื่อนบ้าง

เลื่อนหน้าจอมือถือดูเฟสบุ๊คไปเรื่อยๆ ก็ไปสะดุดกับภาพๆหนึ่งที่มีแคปชั่นใต้ภาพว่า ‘รอยยิ้มแสนล่ำค่า’ ที่เพื่อนผู้หญิงในคณะ

ของผมคนนึงกดถูกใจ ซึ่งมันเป็นเพจคิ้วบอยของมหาลัย

 ซึ่งภาพนั้นมันเป็นภาพของไอ้ดิน!!   เป็นภาพถ่ายทีเผลอ เป็นมุมที่ไอ้ดินมันนั่งหันข้าง กำลังยิ้มอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆของมัน

ผมกดเข้าไปดูในคอมเม้น ที่มีคนมาคอมเม้นเกือบห้าร้อยคน!!

‘ฉันรักเค้า’

‘เห็นยิ้มเธอแล้ว..อยากชวนเธอมายิ้ม!!’

‘หน้านิ่งๆว่าเท่แล้ว ยิ้มมาทีนึงละลายเลยค่ะ’

‘ถ้าปีที่แล้วขาไม่หัก ดินต้องได้เป็นเดือนมหาลัยแน่นอน’

‘หล่อวัวตาย ควายล้มค๊า’

‘ผัวฉัน’

‘วันนี้ได้เห็นดินใกล้ๆด้วยแหละ  หน้าใสและหล่อมากกกกกก’  และอีกบลาๆๆๆ

เพิ่งรู้ว่ามันเป็นบุคคลของสาธารณะขนาดนี้  มิน่าละตอนที่อยู่ร้านเหล้าของไอ้พี่มด ผู้หญิงมองมันเกือบทุกโต๊ะ

ตอนไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตอีก ผู้หญิงหลายคนก็มองมัน บางคนมองมันแล้วก็ซุบซิบยิ้มหน่อยยิ้มใหญ่

เพิ่งรู้ว่ามันเป็นเดือนคณะ จะว่าไปเมื่อตอนบ่ายตอนที่ไอ้หมีมันแซวเรื่องสเต๊ก เหมือนมันจะพูดทำนองว่าไอ้ดินเป็นเดือนคณะ

เหมือนกัน  แต่ถ้าผมจำไม่ผิดตอนประกวดดาวเดือนเมื่อปีที่แล้ว เดือนคณะเกษตรไม่น่าจะใช่มันนะ 

แต่ในคอมเม้นก็บอกว่าถ้ามันไม่ขาหักคงได้เป็นเดือนมหาลัย  งงๆแหะ  ช่างเหอะ..ไว้ค่อยถามมัน   

แล้วทำไมผมต้องสนใจเรื่องของมันด้วยวะ!!   สงสัยติดนิสัยขี้เผือกมาจากไอ้เพื่อนสองตัวนั้น..


ผมเผลอนั่งมองรูปของไอ้ดิน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีคนมา เรียกชื่อ

“พู่ พู่ใช่ป่ะ”  เป็นไอ้สมใจที่ร้องทัก  พอผมเงยหน้าขึ้นก็เห็นไอ้สมใจ  ไอ้นพ แล้วก็ไอ้ดิน ยืนอยู่หน้าโต๊ะที่ผมนั่ง
 
ผมรีบเก็บมือถือ ไม่รู้ว่าไอ้ดินมันจะทันเห็นรึป่าว ว่าผมนั่งจ้องรูปมันอยู่   ให้ตายสิ!!


“มาคนเดียวเหรอ ไอ้หมี กับไอ้ปูนละ” ไอ้นพถามหาไอ้สองตัวนั้น


“อื่อ มาคนเดียว ไอ้หมีติดหญิง ส่วนไอ้ปูนกลับบ้าน” ผมตอบ แล้วอยู่ๆไอ้คนหน้านิ่ง ก็นั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆผมเฉยเลย
 
พร้อมกับพูดว่า


“นั่งด้วยคนนะ  โต๊ะเต็ม”  ผมหันไปดูรอบๆร้าน  โต๊ะเต็มพ่อง!!  ว่างตั้งหลายโต๊ะ กำลังจะขัดมัน แต่ไอ้นพก็พูดขึ้นมาซะก่อน


“เดี๋ยวพวกกูนั่งเป็นเพื่อน”  ไอ้นพพูดพร้อมลากเก้าอี้มานั่ง    ถามกูรึยังว่ากูอย่างมีเพื่อนนั่ง!!   

 แต่เอาเหอะ..ดีเหมือนกันจะได้มีเพื่อนคุย

แล้วพวกไอ้ดินก็ต่างพากันสั่งเครื่องดื่มพร้อมกับขนม  ซึ่งตอนนี้มันเต็มโต๊ะไปหมด


“ไอ้พู่ กินด้วยกันนะหรือสั่งเพิ่มก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจ  ไอ้ดินมันเลี้ยง วันนี้มันอารมณ์ดีเป็นพิเศษ” ไอ้สมใจพูดขึ้นพร้อมกับทำ

สายตายิ้มกริ่มไปที่ไอ้ดินที่นั่งทำหน้านิ่ง    แล้วทำไมไอ้ดินมันต้องเลี้ยงด้วยวะ? 


“มึงถูกหวยเหรอ!!” ผมสงสัยเลยหันไปถามมัน  แต่มันไม่ตอบ


“ชิมนี่สิ” มันจิ้มฮันนีโทส  มาจ่อตรงปากทำท่าจะป้อนผม   


“กูกินเองได้” ผมนิ่งอึ้งไปแปปนึง กำลังเอื้อมมือขึ้นมาจับส้อมที่จ่อตรงปากผม แต่มันกลับชักมือออก

 
“อ้าปาก” มันยื่นขนมมาอีกครั้ง  ผมเลยจำใจต้องอ้าปากงับไอ้ขนมปังชิ้นนั้น   ลืมไปว่าไอ้บ้านี่มันเผด็จการ!!


“อร่อยมั้ย” มันยังถามต่อ


“จะอร่อยกว่านี้ถ้ากูแดกเอง” 


“อยากกินขนมปังเนยถั่ว”


“ก็กินสิ”


“หยิบไม่ถึง ป้อนหน่อย”  ผมรีบหันหน้าไปมองหน้ามัน  มึงเป็นไร?

แล้วคำว่ามันแปลกไปที่ไอ้หมีพูดเมื่อตอนบ่ายก็พุดขึ้นมาในหัว แต่มันบอกแปลกไปเพราะชอบผมนะ  มันชอบผมจริงๆเหรอ!! 

ว้าวุ่นอีกแล้วใจกูอยู่ใกล้มึงทีไร หัวใจไม่เคยสงบสักที..


“อะไรของมึง จานมันก็อยู่แค่นี้ หยิบเอง เป็นง่อยรึไง”

“อยากให้มึงป้อน ทีเมื่อกี้กูยังป้อนมึงเลย ถือว่าแลกกัน”  ได้ข่าว มึงยัดเยียดป้อนกูเองนะ  ได้แต่ถอนหายใจแรงๆ 

ได้!! อยากให้ป้อนมากใช่มั้ย   ผมจิ้มขนมปังเนยถั่วให้ได้มากที่สุดเท่าที่ไอ้ส้อมอันเล็กนี้มันจะจิ้มได้ 

แล้วก็ได้อยู่5ชิ้น ไอ้ดินที่มองขนมปังที่ผมจิ้ม ได้แต่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ  ส่วนเพื่อนมันต่างพากันหัวเราะคิกคัก  มึงเจอกู!!


“อ้าปาก !!” ผมบอกมันเสียงดัง  ไอ้ดินทำตาปริบๆ พร้อมกับค่อยๆอ้าปาก  แต่ก่อนที่มันจะงับขนมปังนั้น

มันจับมือผมที่ถือส้อมไว้ แล้วมันก็งับขนมปังเข้าไปพร้อมกับงับส้อมไม่ยอมปล่อย  มือที่จับมือผมมันก็ไม่ยอมปล่อย

แล้วมันก็จ้องเข้ามาในดวงตาผม จังหวะนั้นผมรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หน้าก็ร้อนขึ้นมาถ้าใช้ปรอทวัดคงแตกไปแล้ว!!
 
ผมเลยออกแรงแล้วรีบดึงซ้อมออกมาพร้อมกับหัวใจที่เหมือนจะระเบิด   
   
ให้ตายสิ!!  อาการแบบนี้มันชักจะเกิดขึ้นบ่อยเกินไปละนะ


“อร่อยดีเนาะ  เป็นขนมปังเนยถั่วที่อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยกินมาเลยล่ะ” มันพูดพร้อมกับเคี้ยวอย่างยากลำบาก คงจะฝืดคอน่าดู!!

แต่สีหน้ามันดูมีความสุข  จนหน้าหมั่นไส้!!


“นพ เค้าอยากกินขนมปังเนยถั่ว ป้อนเค้าหน่อยจิ” ไอ้สมใจที่ทำหน้าได้ตอแหลมากกก


“ได้สิ เดี๋ยวป้อนให้นะจ๊ะ สมใจ” ไอ้นพก็เสือกเล่นตาม พวกมึงจะเล่นละครน้ำเน่าอะไรให้กูดู?!!


“แต่ขอชิ้นเดียวนะ  เดี๋ยวติดคอตายจ๊ะ”  กูขอให้ติดคอมึงตาย ไอ้ผีบ้า!!


“อ้าปากจ๊ะ”


“อื้อ อร่อยจังเลย  เป็นขนมปังเนยถั่วที่อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยกินมาเลยล่ะจ๊ะ ” แล้วไอ้ผีบ้า2ตัวมัน ก็จับมือกันแกล้งทำตาหวานซึ้ง

        กูจะอ้วกกก!!

“เป็นบ้าอะไรพวกมึง แดกๆไปเลยนะ สั่งมาทำห่าอะไรไม่รู้เยอะแยะ แดกให้หมดนะ” อยู่กับไอ้หมีก็ปวดหัวมากพอละ มาเจอไอ้

สองตัวนี้ยิ่งหนักเข้าไปอีก  เพื่อนแต่ละคนมีแต่พวกไม่เต็มเต็ง !!


“ไอ้พู่ วันเสาร์นี้ว่างป่ะ  สนใจไปเที่ยวโคราชกับพวกกูมั้ย?”  ไอ้สมใจที่นั้งดูดนมเย็นจนหมดแก้ว ถามขึ้น


“ก็ว่างอยู่นะ ไม่น่าจะติดอะไร ว่าแต่ไปกับใครบ้างวะ” 


“คงมีแค่พวกกู กับไอ้หมี   ไอ้หมีมันก็เพิ่งจะตอบตกลง กูเพิ่งชวนมันในไลน์เมื่อกี้ แล้วก็ฝากมันชวนไอ้ปูนด้วย” ถึงว่าละว่าทำไม

ไอ้หมีมันไม่ชวนผมเอง


“ขอคิดดูอีกทีละกัน” ยังไม่แน่ใจไง วันเสาร์ที่จะถึงนี้ มันตรงกับวันคริสต์มาส  เผื่อที่บ้านนัดกินข้าวอะไรแบบนี้


“ไปเหอะน่า ถือว่าเป็นของขวัญคริสต์มาสให้กับคนแถวนี้!!”กูเนื่ยนะจะไปเป็นของขวัญให้ใคร??


“ไอ้ปูนก็ไปนะ  ไอ้หมีเพิ่งไลน์มากบอก”  ไอ้สมใจพูดพร้อมกับยื่นข้อความในมือถือที่มันคุยกับไอ้หมีมาให้ดู


“กูขอถามที่บ้านก่อนละกันเผื่อที่บ้านกูนัดกินข้าว”  จริงๆก็ไปได้นะ เพราะบ้านผมก็นับถือพุทธ

ไม่ได้สำคัญอะไรว่าผมต้องกลับบ้านในวันนั้น


“โอเค ขอคำตอบพรุ่งนี้นะมึง” ไอ้นพมันพูด พร้อมกับหันไปมองหน้าไอ้ดินที่ทำหน้านิ่ง ซึ่งมันดูนิ่งมากกว่าปกติ


“โอเค เดี๋ยวพรุ่งนี้กูให้คำตอบ   งั้นกูกลับก่อนนะมึง แมวที่บ้านคงจะหิวกันละ” ผมพูดพร้อมกับยื่นเงินฝากจ่ายในส่วนของผม

ให้กับไอ้ดินที่นั่งข้างผม


“ไม่เป็นไร เลี้ยง” มันพูดหน้านิ่ง


“ได้ไงละ  รับๆไปเหอะน่า” ผมคะยั้นคะยอให้มันรับเงิน


“เก็บไว้เอาไปซื้ออาหารแมวเหอะ  ค่านมกูเลี้ยง  จบนะ”   โอเค   จบ

 เถียงไปก็เท่านั้นครับ  ไอ้ดินผู้เหนือโลกเถียงมึงไม่เคยชนะหรอก!!

แล้วก็เหมือนไอ้ดินมันจะพูดอะไร  แต่สุดท้ายมันก็ไม่พูด  ผมเลยขอตัวกลับ


          กลับมาถึงบ้าน  ก็เห็นเวสป้าคันเก่าสีขาว ของไอ้พี่น้ำจอดอยู่หน้าบ้าน  ได้ฤกษ์กลับบ้านแล้วสินะ

“ออกจากถ้ำแล้วเหรอ?” ผมทักไอ้พี่น้ำที่นอนแผ่บนโซฟา  พร้อมมีเจ้าเหมียวทั้งสามตัวนอนอยู่บนตัวมัน 

ไอ้นี้มันประหลาดครับ ชอบนอนแล้วให้แมวนอนทับบนตัวมัน


“ไอ้แมวสีดำตัวนี้ชื่อไร” มันไม่ตอบแต่ถามคำถามแทน


“ชบา” ผมตอบพร้อมกับเดินไปนั่งที่โซฟาตัวข้างๆ


“ตามันสวยดีเนาะ” มันชมพร้อมกับเกาคางให้ชบา


“วันเสาร์กลับบ้านรึป่าว” ผมถามพร้อมกับอุ้มจำปาที่นอนอยู่บนท้องมันมานั่งบนตักผม


“ไม่ได้กลับวะ วันเสาร์มีออกทริปไปปายกับชมรม” ชมรมที่มันว่าคือชมรมศิลปะของมหาลัยครับ


“พ่อกับแม่นัดกินข้าวรึป่าว”


“ไม่เห็นแกว่าไง ทำไมมึงจะไปไหน”


“ว่าจะไปโคราชกับพวกไอ้หมี”


“ก็ไปดิ  น้องปูนไปด้วยรึป่าว”


“ไป ทำไมวะ?”


“มึงน่าจะบอกกูเร็วกว่านี้ กูจะไปด้วย!!   แม่งกูรับปากกับชมรมไปด้วยแล้วสิ ” มันบนพึมพำ


“อะไรของมึง  นี่มึงชอบไอ้ปูนเหรอว่ะ!!” มันแปลกๆตั้งแต่ร้านไอ้พี่มดครั้งก่อนละ


“น้องมันน่ารักดี”  มันไม่ตอบตรงๆ   


“แล้วพี่นุ่นล่ะ” ผมถามถึงแฟนมัน


“เลิกกันแล้ว” มันยักไหล่ ตอบแบบไม่สะทกสะท้าน


“ฮะ!!  ตั้งแต่เมื่อไหร่” ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยวะ


“เดือนนึงละมั้ง กูก็ไม่ได้นับวะ  ไม่ค่อยอยากจำคนที่ทำเหี้ยกับเราไว้เท่าไหร่”


“เห้ย!! เหี้ยเลยเหรอวะแรงไปรึป่าว”  ไอ้พี่น้ำมันเป็นคนปากจัดครับ แต่กับผู้หญิงมันไม่น่าจะใช้คำนี้นะ แม้จะพูดลับหลังก็ตาม


“ไม่ให้เหี้ยได้ไงล่ะ  กูแม่งโคตรคิดถึงอุตส่าห์รีบทำงานให้เสร็จจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน  พองานกูเสร็จเลยซื้อดอกไม้

กะไปเซอร์ไพรสที่ห้อง  แต่แล้วกูเสือกโดนเซอร์ไพรส์ซะเอง   แม่งนอนซั่มกันกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ กูเห็นคาตา”


“เห้ยยย แม่งเหี้ยจริงวะ  แล้วตอนนั้นมึงทำไงวะ”  เป็นผมคงยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกแน่ๆก็เห็นแฟนตัวเองเล่นหนังสด

กับคนอื่นซะขนาดนี้


“กูพูดแค่อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก แล้วก็ปิดประตูเดินออกมาเลย”


“แค่นี้?  มึงไม่โมโห หรือต่อยผู้ชายคนนั้นเหรอวะ”


“กูโคตรโมโห  แต่ที่กูไม่ต่อยเพราะกูขยะแขยง  ไม่อยากเอาตัวกูไปแลกกับมัน แล้วก็ไม่อยากเห็นภาพที่มันอุจาดตา

 ขอเดินออกมาแบบหล่อๆดีกว่า” อื่อหือ พระเอกจริงๆพี่กู  แล้วมันยังพูดต่อ


“มึงไม่ต้องห่วงกู  กูไม่เป็นไรกูโอเค  กูไม่เอาเวลาไปเสียใจกับคนที่ไม่ซื่อสัตย์กับกูหรอก”

ผมได้แต่พยักหน้า  จะว่าไปไอ้พี่น้ำมันเป็นคนเข้มแข็งครับ มันไม่เคยเก็บเรื่องที่ทำให้บั่นทอนจิตใจมาไว้กับตัว


“ว่าแต่มึงเหอะ มีสาวใหม่ยัง?”  ที่มันถามน่ะเพราะมันห่วงผม ผมรู้ แต่มันไม่เคยถามหรือแสดงออกตรงๆว่าเป็นห่วงผม


“ยังอ่ะ ยังไม่เจอคนที่ใช่ หาให้สักคนสิ”ผมพูดทีเล่นทีจริง


“หาทำไม ก็เจอแล้วนิ  ได้ข่าวว่ามาทำกับข้าวให้กิน2ครั้งละ  อย่าคิดว่ากูไม่อยู่บ้านเล็กแล้วกูจะไม่รู้เรื่องของมึงนะ สายกูเยอะ!!”


“เดี๋ยวๆ นั่นเพื่อน  อีกอย่างนั่นผู้ชาย ไม่ใช่สาว”  แล้วมันก็หรี่ตามองผม   


“บางที คนที่อยู่ใกล้กับเราอาจจะเป็นคนที่ใช่ก็ได้นะ มึงไม่ต้องตามหาให้เหนื่อยหรอก แค่เปิดใจก็พอ!! ”  มันพูดพร้อม

กับตบไหล่ผม  แล้วก็ลุกขึ้นยืน  พร้อมกับตดดัง   ป๊าดดด!!

   
 “กูไปขี้ก่อน”  แล้วมันก็ทำหน้าหล่อเดินไปเข้าส้วม


  ไอ้สัด!!  กูควรจะซึ้งในคำพูดมึง หรือกูควรจะอ้วกกับกลิ่นตดมึงดี    มึงแดกขยะเปียกมารึไง  ไอ้ไส้เน่า!!



   



มีต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 5 ของขวัญ? (25-12-2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 25-12-2017 23:26:47
     เดินเข้าห้องนอน ว่าจะนั่งทำงานที่อาจารย์นภาสั่งในชั้นเรียนวันนี้สักหน่อยแล้วค่อยไปอาบน้ำ

แต่ยังไม่ทันได้หย่อนตูดลงนั่งมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่น  ‘ไอ้ดิน’

“ว่าไง” ผมกดรับสาย


“ทำไรอยู่” มันถามเสียงนิ่ง


“คุยกับมึงไง”


“อย่ากวนตีนดิ” พูดเรื่องจริง มาด่ากูอีก


“กำลังจะทำการบ้าน  มึงกำลังโทรมารบกวนกู ฉะนั้นมีไรว่ามา ” บอกตรงๆไม่ชอบ ชอบแบบแดกดันใช่มะ?


“วันเสาร์ไปโคราชด้วยกันนะ” น้ำเสียงมันดูร้องขอ


“ทำไมกูต้องไป ขอเหตุผลหน่อย”


“มึงจะได้รู้ไงว่าที่บ้านกูปลูกอะไรบ้าง  สนุกนะไปตั้งแคมป์กัน” อ๋อ..ไปโคราชนี่หมายถึงไปบ้านมึงสินะ


“บอกไปแล้วจะให้คำตอบพรุ่งนี้”  จริงๆก็ตกลงไปตั้งแต่คุยกับไอ้พี่น้ำแล้วละว่าที่บ้านไม่ได้นัดอะไรไว้  แต่ขอเล่นตัวนิดนึง


“วันเสาร์ที่บ้านมึงก็ไม่ได้นัดกินข้าวไม่ใช่เหรอ” 


“มึงรู้ได้ไง”


“ไอ้หมีบอก”  เดี๋ยวนะแล้วไอ้หมีมันรู้ได้ไงวะ  ไอ้พี่น้ำบอกสินะ  ไอ้พี่ชั่ว!!   


“เออๆ  ไปก็ไป”


“ตกลงแล้ว ห้ามเบี้ยวนะ ” น้ำเสียงมันดูดีใจ  หรือผมคิดไปเองวะ?


“เออ ไม่เบี้ยวหรอกน่า  แล้วจะไปกันยังไง” ถามเพราะจะได้เตรียมถูก


“เอารถกูไป วันศุกร์มึงมีเรียนถึงกี่โมง”


“มีเรียนแค่ตอนเช้า ตอบบ่ายอาจารย์ติดประชุมยกเลิกคาบบ่าย” 


“งั้นดีเลยวันศุกร์พวกกูไม่มีเรียน งั้นออกเดินทางวันศุกร์บ่ายละกัน จะได้มีเวลาเที่ยวเพิ่มมาอีกนิด”


“อืม เอาตามที่มึงสะดวกเลย” คือไม่อยากเรื่องมาก แล้วแต่คนขับรถเลยละกัน


“แล้วพวกเหมียวๆละจะทำยังไง” มันถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง


“เดี๋ยวเอาไปฝากไว้ที่บ้านใหญ่ ไม่มีปัญหาหรอก มีอะไรอีกป่ะ กูจะได้ทำการบ้าน”


มันเงียบไปสักพักแล้วก็พูดด้วยเสียงทุ้มที่ฟังดูจริงจัง


“ขอบคุณนะพู่กัน ที่ตกลงไปด้วยกัน”  พูดจบมันก็วางสาย

ไอ้ดินมันแปลกจริงๆอย่างที่ไอ้หมีมันว่านั้นแหละ..ทำไมต้องขอบคุณ?  ทำไมต้องทำเหมือนผมเป็นคนสำคัญ?

หรือผมควรจะเปิดใจอย่างที่ไอ้พี่น้ำบอก!!



           วันศุกร์วันเดินทางก็มาถึง อยู่ๆอากาศก็เย็นลงสมกับเป็นหน้าหนาวสักที !!

รถเอสยูวี สีดำเจ็ดที่นั่งของไอ้ดิน  ที่ไปรับคนอื่นก่อนแล้วค่อยวนมารับผมเป็นคนสุดท้าย

ที่นั่งที่ว่างคือด้านหน้าข้างคนขับ กับที่นั่งตอนกลางที่มี3ที่นั่ง โดยมีไอ้หมีกับไอ้ปูนนั่งอยู่

ส่วนไอ้นพ กับไอ้สมใจนั่งตอนหลังสุดที่มี2ที่นั่ง  ผมเปิดประตูด้านหลังคนขับว่าจะนั่งกับไอ้หมีกับไอ้ปูน  ก็โดนไอ้หมีไล่

“ไปนั่งข้างหน้าเลยมึง  จะมาเบียดกูทำไม มึงดูตัวกูดิ ” เออ มึงมันตัวเท่าควาย  ไอ้ควาย..

ผมจึงจำยอม ไปนั่งข้างไอ้ดิน 


“มึงนั่งตรงนั้นแหละถูกแล้ว  อย่าให้ไอ้ดินมันเปลืองน้ำมันโดนสูญเปล่ามันอุตส่าห์ยอมเสียเวลา

ไปรับพวกกูก่อน แล้วค่อยวกมารับมึง”  ไอ้สมใจที่ยื่นหน้ามาพูดเสียงดัง 


“นี่มึงอยากให้กูนั่งข้างมึงขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ผมหันไปถามมัน มันไม่ตอบแต่ทำท่าตั้งใจขับรถซะเต็มประดา

ตอนแรกก็สงสัยว่าทำไมไม่มารับผมก่อน ทั้งๆที่บ้านผมใกล้กับหอมัน จะเสียเวลาไปรับพวกนั้นก่อนทำไม

แต่ถ้ามันมารับผมก่อน ผมก็คงไม่นั่งข้างมันแน่ๆ!!


22.45นาที ใช้เวลาเกือบ10ชั่วโมง  พวกเราก็มาถึง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา หรือโคราช
 
ที่เป็นบ้านเกิดของไอ้ดิน  ไอ้หมี และไอ้สมใจ   

ที่มันช้าเนี่ยเพราะไอ้หมีตัวเดียว แวะขี้ กับแวะซื้อของกินทุกปั๊ม กินแล้วก็ขี้วนๆอยู่แบบนี้แหละ  ..เอือมมันจริงๆ

ตอนนี้เราขับรถเข้ามาในบ้านสวน รักษ์ดิน  ที่เป็นบ้านของไอ้ดิน

ขับรถเข้ามาถึงกับตะลึง ที่มันไม่ใช่ชาวไร่ ชาวสวนธรรมดา นี่มันระดับเจ้าสัวชัดๆ!!


บ้านสวนรักษ์ดิน  เป็นสวนดอกกล้วยไม้ และดอกเบญจมาศขนาดใหญ่ ที่ส่งออกต่างประเทศและในประเทศ

พร้อมทั้งมีบริการให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมในตอนกลางวันด้วย

รวมถึงมีไร่องุ่น ทั้งองุ่นสำหรับทานสด และองุ่นสำหรับทำไวน์  รวมพื้นที่ทั้งหมดน่าจะหลายร้อยไร่!!

บ้านของไอ้ดินจะแยกออกจากบริเวณสวนมีรั้วแบ่งอย่างชัดเจน เป็นสัดส่วน 

บ้านไอ้ดินเป็นบ้านสไตล์โคโรเนียลสีขาวตัดกับสีฟ้าอ่อน บริเวณบ้านก็กว้างขวาง ร่มรื่นหน้าอยู่   

ลงจากรถ  ก็มีหมาโกลเด้นตัวใหญ่2ตัวออกมาต้อนรับ เจ้าหมาสองตัวมีชื่อว่าถุงเงินและถุงทอง

พอมันเห็นไอ้ดิน ก็แกว่งหางดีใจกันใหญ่


“ว่าไง ถุงเงิน ถุงทอง คิดถึงจัง” ไอ้ดินคุยกับเจ้าหมาตัวใหญ่พร้อมกับลูบหัว   แล้วเจ้าหมาสองก็หันมาสนใจผู้มาใหม่


“ไง ไอ้เงิน ไอ้ทอง  ไม่เจอกันนานอ้วนกว่าเดิมนะพวกแก” ไอ้หมีที่คุยกับเจ้าหมาที่แข่งกันแกว่งหางกันใหญ่
 

“กูสองคนเข้าไปรอในบ้านก่อนนะมึง ” ไอ้สมใจพูดเสร็จมันก็รีบวิ่งเข้าบ้าน ไอ้นพกับไอ้สมใจไม่ค่อยถูกชะตากับหมาตัวใหญ่สัก

เท่าไหร่มันเลยรีบเข้าบ้านไปก่อน

ส่วนผมกับไอ้ปูนชอบหมาตัวใหญ่อยู่แล้ว ยิ่งบ้านไอ้ปูน เลี้ยงแต่หมาพันธ์ใหญ่ มีทั้งเกรตเดน เซนต์เบอร์นาร์ด
 
และบูลมาสทีฟฟ์   ซึ่งไม่เหมาะกับเจ้าของมันเลยหมาตัวใหญ่กว่าคนเลี้ยงอีก!!

และตอนนี้ผมได้ลงไปนอนที่พื้นเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับมีเจ้าหมาสองตัวรุมเลียหน้าอยู่


“ฮ่าๆ ใจเย็นถุงเงิน  ถุงทอง” ไอ้หมีกับไอ้ปูนได้แต่ยืนขำ พวกมันรู้อยู่แล้วว่าผมชอบให้หมาเลียหน้า!!


“ถุงเงิน  ถุงทอง  หยุดเลย” ไอ้ดินเอ็ดเจ้าหมาตัวใหญ่ พร้อมกับช่วยดึงให้ผมลุกขึ้น


“มึงไม่ต้องช่วยมันหรอกไอ้ดิน ปล่อยให้มันโดนหมาเลียจนหน้าแฉะอยู่ตรงนี้แหละ  ไอ้นี่มันโรคจิตชอบให้หมาเลียหน้า”

ไอ้หมีพูดพร้อมกับทำหน้าเอือม


“เข้าบ้านก่อนเหอะดึกแล้ว  พรุ่งนี้ค่อยให้มันเลียใหม่เอาให้หน้าเปื่อยไปเลยดีมั้ย  หรือคืนนี้จะให้กูเลียให้ต่อ?!!” ไอ้ดินพูดพร้อม

กับสายตากรุ้มกริ่ม

“....” ถึงกับพูดไม่ออก  กูไม่ได้โรคจิตขนาดนั้นป่ะวะ


“คืนนี้เค้าจะเลียให้กันด้วยว่ะ” ไอ้หมีหันไปพูดกับไอ้ปูน  ที่ทำท่าเขินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่


“เลียหน้ามึงสิ ไอ้หมี ”ผมหันไปด่าไอ้หมี


“อุ้ย มีเขินด้วย” ยัง  ยังแซวไม่เลิก


“เขินพ่อง!!”  ผมรีบเดินเข้าบ้าน  ขืนอยู่ต่อมีหวังโดนแซวเละแน่


ภายในบ้านไอ้ดิน ตกแต่งด้วยไม้สน ตัดกับสีขาว เรียบง่ายแต่ให้ความรู้สึกที่ดูอบอุ่น

เข้ามาก็เจอไอ้สมใจกับไอ้นพ นั่งคุยกับพ่อและแม่ของไอ้ดินที่โซฟารับแขกตรงกลางบ้าน พวกผมรีบยกมือไหว้สวัสดีพวกท่าน

“พ่อ แม่ สวัสดีครับ” ไอ้ดินยกมือไหว้ พร้อมกับเดินไปนั่งข้างแม่ของมัน


“มาแล้วเหรอลูก มาให้แม่กอดให้หายคิดถึงหน่อย” ว่าแล้วแม่ไอ้ดินก็กอดลูกชาย พร้อมหอมแก้มซ้าย ขวา


“ขับรถเหนื่อยมั้ยลูก” พ่อของไอ้ดินหรือเจ้าสัวไพบูลย์ ถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม


“ผลัดกันขับเลยไม่เหนื่อยครับพ่อ   นี่เพื่อนผมที่มหาลัย  พู่กันกับปูนครับ ” ไอ้ดินแนะนำผมกับไอ้ปูน


“สวัสดีครับ คุณลุง คุณป้า” ผมกับไอ้ปูนยกมือไหว้อีกครั้ง


“เรียกพ่อกับแม่ก็ได้ลูก”  ป้าอร หรือคุณนายอรอนงค์ พูดด้วยใบหน้าใจดี  พร้อมกับชวนให้พวกผมนั่งลง


“หมีอ้วนขึ้นรึป่าวลูก” ป้าอร ถามไอ้หมีที่นั่งลงข้างๆผม


“นิดหน่อยครับแม่ ช่วงนี้เรียนหนัก เครียดก็เลยกินเยอะไปหน่อย” ไอ้หมีตอบแต่มือหยิบกินองุ่นที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขกเข้าปาก

ไม่หยุด  มึงคงเครียดมากจริงๆ แดกไม่หยุด!!


“พู่กับปูนลองชิมองุ่นนี่สิลูก  ที่สวนเราปลูกเอง ปลูกแบบอินทรีย์ปลอดภัยไม่มียาฆ่าแมลงแน่นอนจ๊ะ”

ผมกับไอ้ปูนก็หยิบองุ่นมาชิม


“อร่อยมั้ยลูก”


“อร่อยครับ หวานมากเลย”  อร่อยจริงๆครับมิน่าละ ไอ้หมีแดกไม่หยุด


“หิวกันมั้ยลูก แม่ให้คนไปซื้อโจ๊กมาไว้ให้  ถ้าหิวแม่จะให้แม่บ้านไปอุ่นมาให้กิน” ป้าอรถามด้วยความเป็นห่วง


“พวกเรากินก่อนเข้ามาแล้วละครับแม่ ” ไอ้ดินตอบ


“จ๊ะ งั้นก็ตามสบายไม่ต้องเกรงใจนะลูก ห้องนอนแม่ก็ให้แม่บ้านทำความสะอาดเตรียมไว้ให้ละ   

พ่อกับแม่ขอตัวไปนอนก่อนนะลูก” ป้าอร หันมาบอกพวกผม ก่อนจะเดินขึ้นห้องนอนที่อยู่บนชั้นสองของบ้าน


“ไอ้พู่ มึงนอนห้องไอ้ดินนะคืนนี้ พวกกูสี่คนจะห้องนอนแขก” แล้วไอ้หมีก็พูดขึ้น


“อ้าว ไหงงั้นอ่ะ  กูนอนกับพวกมึงด้วยดิ”  ทำไมต้องแยกกูออกมาด้วยวะ?


“ไม่ได้ ห้องนั้นเป็นห้องประจำของพวกกู เป็นเตียงสองชั้น สองเตียง  นอนได้สี่คน  มึงนอนห้องไอ้ดินน่ะถูกแล้ว”


“แล้วทำไมต้องเป็นกู?!!”  กูไม่เข้าใจๆๆๆๆ


“ก็ต้องเป็นมึงสิ มึงสองคนเป็นเจ้าของชบารวมกันก็ต้องนอนด้วยกันสิ” ตรรกะอะไรของมึงเนี่ย เชี่ยหมี


“กูนอนพื้นก็ได้ ให้กูนอนด้วยคนนะ” ผมยังไม่ยอมง่ายๆ


“ไม่ได้!!” แล้วไอ้เพื่อนชั่วทั้งสี่คนก็พูดขึ้นพร้อมกัน    ไม่มีใครรักกูเลยยยยย!!


“ปะๆ พวกเราไปนอนกัน ง่วงจะตายห่าอยู่ละ” แล้วไอ้หมีก็เดิน ผิวปากเดินขึ้นบันได ส่วนไอ้สมใจกับกับไอ้นพ ก็เดินมาตบบ่าผม

คนละข้าง พร้อมกับทำหน้ายิ้มกริ่ม แล้วก็เดินตามไอ้หมีไป


“นอนเฉยๆล่ะ อย่าไปเผลอปล้ำไอ้ดินมันนะ” ไอ้ปูนพูดพร้อมกับรีบวิ่งขึ้นไปข้างบน ก่อนที่ผมจะถีบมัน

เกลียดจริงๆเลย ไอ้พวกเพื่อนเวรทั้งหลาย


“ไปสิ รออะไร กูจะรู้มั้ยว่าห้องมึงห้องไหน?” ผมหันไปเหวใส่ไอ้ดิน ที่นั่งทำหน้านิ่งไม่รู้ไม่ชี้   หรือว่านี่จะเป็นแผนของมันอีก!!

แล้วมันก็เดินนำผมขึ้นไปยังห้องของมัน   ห้องไอ้ดินใช้สีแบบเอิร์ธโทน เป็นสีฟ้าอมเทา เฟอร์นิเจอร์ก็เป็นสีดำเกือบทุกชิ้น

แต่มันก็เหมาะกับลุคของเจ้าของห้องดีเหมือนกัน   แต่พอเหลือบไปเห็นเตียงนอน ถึงกับต้องถามขึ้น

“จะให้กูนอนโซฟาหรือเตียง?”


“ทำไมละ นอนบนเตียงด้วยกันสิ”  จะนอนได้ไงเตียงห้องมันเป็นเตียงเดี่ยว   จะให้ผู้ชายที่ตัวก็ไม่ได้เล็กทั้งคู่นอนเบียดกันได้ไง

 ถึงแม้ตัวผมจะไม่ตัวใหญ่เท่ามันก็เหอะ


“เตียงมันเล็ก จะให้นอนเบียดกันได้ไง” ผมรีบโวยวาย


“งั้นมึงก็นอนบนเตียง” มันตอบหน้านิ่ง


“มึงพูดเองนะ อย่าเปลี่ยนใจทีหลังล่ะ” ดีเหมือนกัน เดินทางมาเมื่อยๆก็อยากนอนสบายๆ


“มึงไปอาบน้ำก่อนเลย จะได้รีบนอน” มันพูดพร้อมกับยื่นผ้าเช็ดตัวมาให้ผม

ผมที่เริ่มง่วง ไม่ได้ขัดอะไร รับผ้าเช็ดตัวมาแต่โดยดี เดินเข้าห้องน้ำอย่างว่าง่าย

อาบน้ำไม่นานก็เสร็จ  เดินออกจากห้องน้ำโดยมีแค่ผ้าเช็ดตัวสีขาวพันอยู่ที่เอว อยู่ๆก็รู้สึกถึงสายตาคู่นึงที่จ้องมองมา

รู้สึกเหมือนไม่ปลอดภัย รีบค้นเสื้อผ้าในกระเป๋าขึ้นมาใส่   ยัง ยังไม่เลิกจ้อง

“มองอะไร  รีบไปอาบน้ำได้แล้วมึง”


“ตัวมึงขาวจัง   หัวนมมึงก็...” ไม่ปล่อยให้มันพูดจบรีบปาเสื้อที่ถืออยู่ใส่หน้ามัน


 “หยุดพูด  ไปอาบน้ำเลยไอ้ดิน”  พูดพร้อมกับชี้หน้ามัน  แล้วกูจะปาเสื้อใส่มันทำไมวะ เสียเวลาหาเสื้ออีกรอบเลยเนี่ย

 แม่งมีเวลาให้มันจ้องหุ่นผมต่ออีก


“เอวมึงเล็กดีจัง  ” ตอนมันพูดหน้ามันหื่นมาก  กูเริ่มกลัวละนะ!!


 “ถ้ามึงไม่หยุดพูดกูจะไปนอนกับไอ้หมี”  เจอสักทีไอ้เสื้อบ้าหายากหาเย็น   รีบใส่เลยทันที  แล้วมันก็หุบปากลง

แล้วผมก็เห็นอะไรบางอย่าง ที่มันนูนขึ้นมาตรงกึ่งกลางสะโพกของไอ้ดิน   แล้วผมก็เผลอชี้นิ้วไปที่เป้าของมัน
 
มันก้มหน้าลงมองเป้าตัวเอง ก่อนจะพูดด้วยใบหน้านิ่งว่า “อาบน้ำนานหน่อยนะ!!  ไม่ต้องรอนอนก่อนเลย”  แล้วมันก็เดินเข้า

ห้องน้ำทันที   อย่าบอกนะว่าที่อาบน้ำนานเพราะมันจะทำให้ไอ้ที่มันนูนขึ้นมาสงบลง!!  มันจะปล้ำผมมั้ยเนี่ย   พระเจ้าช่วย!!

ผมรีบสวดมนไหว้พระ รีบนอนห่มผ้ามิดชิดมาถึงคอ  กะว่าให้มันหลับก่อนผมค่อยหลับ เพราะกลัวมันจะทำมิดีมิร้ายผม!!

ยี่สิบนาทีผ่านไปไอ้ดินยังไม่ออกมาจากห้องน้ำ ผมที่เหนื่อยกับการเดินทางก็เผลอหลับไป

มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รู้สึกถึงไออุ่นจากด้านหลังและลมหายใจอุ่นๆที่รดลงมายังต้นคอ  ด้วยความตกใจจึงรีบพลิกตัวกลับไปดู

จึงสบเข้ากับสายตาของไอ้ดินพอดี   ใบหน้าของเราตอนนี้อยู่ใกล้กันมากจนรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน 

 ผมนอนตัวแข็งทื่อ รู้สึกประหม่ากับสถานการณ์แบบนี้


“นอนไม่หลับเหรอ” ไอ้ดินถามเสียงเบา


“ไหนบอกจะนอนโซฟา” ผมไม่ตอบแต่ถามมันแทน


“กูยังไม่ได้พูดสักคำว่ากูจะนอนโซฟา” ให้ตายสิ  ผมโดนมันหลอกอีกแล้ว


“งั้นกูไปนอนที่โซฟาเอง”  ผมที่กำลังจะลุก แต่ไอ้ดินกลับคว้าเอวของผมดึงให้เข้าไปชิดพร้อมกับกอดผมด้วยมือข้างเดียว

หัวใจของผมเต้นแรง ตอนนี้หน้าของผมซบอยู่ที่ตรงอกของมันพอดี  ซึ่งนั้นทำให้ผมได้ยินเสียงหัวใจ

ของไอ้ดินที่เต้นแรงเหมือนกัน

“นอนด้วยกันตรงนี้แหละ” มันกระซิบพูด โดยที่เกยคางไว้บนศีรษะผม


“มึงก็ปล่อยกูก่อนสิ” ผมพยามยามที่จะดันตัวเองออก  แต่ไอ้ดินกับกระชับวงแขนกอดผมแน่นขึ้น


“อย่าพูดมากน่า  นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะ”


“...” ผมไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่นอนนิ่งฟังเสียงหัวใจของไอ้ดินที่ยังเต้นแรงไม่ต่างจากผม


“ขอบคุณนะที่มาด้วยกัน  แล้วก็ Merry Christmas มึงคือของขวัญวันChristmasที่ดีที่สุด  ฝันดีนะ พู่กัน” พูดจบไอ้ดินก็จรดริมฝีปากลงที่กลางศีรษะของผมเบาๆ

เข็มนาฬิกาบอกเวลาว่าตอนนี้ล่วงเข้าวันใหม่แล้ว วันนี้วันที่25 ธันวา เป็นวัน Christmas แล้วสินะ..

 
        น่าแปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกรังเกียจแต่กลับรู้สึกสบายใจ มันเหมือนไออุ่นจากอ้อมกอดนี้ทำให้ผมอุ่นใจ และปลอดภัย

ผมเลยหลับตาลงโดยไม่มีการโต้แย้งใดๆ

       ไม่รู้ว่าพอลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ความรู้สึกระหว่างผมกับไอ้ดินจะเปลี่ยนไปรึเปล่า?!!! 





*TBC*


..........................................................................................

Merry Christmas ค่ะทุกคน
สุดท้ายเค้าก็กินแค่สเต๊กกันอย่างเดียว ไม่ได้กินอย่างอื่นเลย!!
แต่เค้านอนกอดกันด้วยแหละ...มาช่วยกันลุ้นให้พู่กันของเราเปิดใจให้แผ่นดินเร็วๆด้วยนะค่ะ^^
ปล. ขออนุญาตแก้ไข เปลี่ยนชื่อพี่ชายของพู่กันจากเฟรมเป็นสีน้ำ หรือไอ้พี่น้ำนั่นเอง  ไม่สับสนกันเนาะ^^
..เจอกันอังคารหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 5 ของขวัญ? (25-12-2017)
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 28-12-2017 14:43:34
 :-[ อินมากเลยค่ะ จินตนาการไปว่า เป็นคู่ชายหญิง
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 5 ของขวัญ? (25-12-2017)
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 29-12-2017 16:57:40
   
        รอๆๆๆ     :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 6 ปฏิบัติการตีเนียน!! (05-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 05-01-2018 15:57:00
 


บทที่ 6  ปฏิบัติการตีเนียน!!



พาร์ตของแผ่นดิน


       
ผมดีใจมากครับที่พู่กันยอมมาโคราชด้วยกัน  ถือเป็นคริสต์มาสที่ดีที่สุดในรอบหลายปี

เรื่องระหว่างผมกับพู่กันมีทั้งเรื่องบังเอิญ และเรื่องที่ตั้งใจ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้

ต้องขอบคุณทีมงานคุณภาพ(หรา?) ที่ช่วยจัดฉากเรื่องที่ตั้งใจให้เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ

จริงๆแล้วเรื่องบังเอิญมันมีแค่เรื่องเดียว คือเรื่องที่พู่กัน หรือชายหนุ่มผิวขาวที่ผมคอยแอบมองที่บ้านของเค้าเป็นเพื่อนของไอ้หมี

นั้นคือเรื่องบังเอิญเรื่องเดียว  ที่เหลือคือเรื่องตั้งใจล้วนๆ

อย่างที่ผมเคยบอกว่าพู่กันคือคนที่ใช่ผมก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ความรักนี้มา

ความตั้งใจจึงเกินขึ้นโดยมีกองหนุนคอยช่วย  โดยผมสารภาพกับไอ้หมีตรงๆว่าผมชอบเพื่อนมัน

ซึ่งมันไม่แปลกใจเลยตอนผมบอก  มันแค่พูดว่า ‘กูว่าละ’  ไอ้หมีมันเป็นเพื่อนที่ผมสนิทที่สุด เราคุยกันทุกเรื่อง
 
แค่มองก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่  มันบอกว่าผมแปลกๆตั้งแต่อยู่ที่ร้าน’โต๊ะกลม’แล้ว  หลังจากนั้นทุกคนทั้งในกลุ่มผมและกลุ่ม

ของพู่กันก็ต่างรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับพู่กัน

วันนั้นที่ร้านนมหน้าม. ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ผมเจอกับพู่กัน  ไอ้หมีไลน์มากบอกว่าตอนนี้พู่กันอยู่ที่ร้านนมคนเดียว

ตอนนั้นผมกำลังนั่งคุยเรื่องที่จะไปเที่ยวบ้านผมกับพวกไอ้สมใจอยู่ที่คณะพอดี เลยชวนกันไปร้านนม เพื่อทำปฎิบัติการตีเนียน!!

แล้วปฎิกิริยาตอนที่พู่กันเห็นผม เค้ารีบเก็บมือถือทันที เหมือนกลัวผมจะเห็นอะไรบางอย่าง

และถ้าผมตาไม่ฝาดผมเห็นรูปตัวเองอยู่ในนั้น   มันทำให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองว่า เค้าก็อาจจะสนใจผมเหมือนกัน!!

แล้วไอ้สมใจก็เริ่มปฎิบัติการตีเนียน โดยการเริ่มชวนพู่กันไปเที่ยวโคราช โดยไม่ได้บอกว่าไปบ้านผม

เพราะถ้าบอกตรงๆก็กลัวเค้าจะปฏิเสธ  แต่พู่กันก็ไม่ได้ตกลงหรือปฏิเสธ บอกว่าขอคิดดูก่อนแล้วจะบอกอีกที 

นั้นทำให้ผมแอบเครียด เพราะอยากให้เค้าไปจริงๆ อยากให้ไปเจอสิ่งแวดล้อมที่ผมเติบโตมา

และตั้งใจจะสารภาพความในใจที่สวนดอกไม้ของที่บ้าน  แค่คิดก็โรแมนติกละ หรือผมจะเพ้อไปเอง!!


หลังจากที่พู่กันกลับไปแล้ว  ผมรีบโทรหาไอ้หมีทันที  แต่โทรเท่าไหร่มันก็ไม่รับไลน์ไปมันก็ไม่ตอบ
 
ผมเลยกระหน่ำโทรไปเรื่อยๆ  จนไอ้สมใจกับไอ้นพ บอกให้ใจเย็น

“เดี๋ยวมันก็โทรกลับมา มันอยู่กับสาวมันรึป่าว มึงก็ใจเย็นๆ” ไอ้สมใจพูดพร้อมกับตบบ่าผมแรงๆ   เออ..แรงไปเพื่อน!!


“มึงอย่าเพิ่งคิดมากดิ  กูว่ายังไงมันก็ไปเพราะไอ้ปูนมันก็ไปด้วย มันไม่พลาดหรอก” ไอ้นพพูดให้กำลังใจอีกคน
 
   
...ไม่นานไอ้หมีก็ไลน์กลับมา


‘มึงกระหน่ำโทรหากู มีอะไรรึป่าวไอ้ดิน กูอยู่ในโรงหนัง ดูหนังกับพี่ส้มอยู่ ’ มันโวยวายก่อนเป็นอันดับแรก


‘ ไอ้หมี พู่กันบอกว่าวันเสาร์พ่อกับแม่เค้าอาจจะนัดกินข้าวที่บ้านว่ะ  กูกลัวพู่จะไม่ได้ไปด้วย กูอยากให้เค้าไปด้วยจริงๆนะมึง ’

ผมตอบกลับอย่างร้อนรน


‘ ใจเย็นๆ ไอ้ดิน  เดี๋ยวกูไลน์ถามพี่น้ำให้ มึงไม่ต้องห่วงเดี๋ยวกูจัดการเอง ’  แล้วมันก็ส่งสติ๊กเกอร์หมีหัวเราะ

มันคงจะตลกผมเพราะผมไม่เคยว้าวุ่นใจเพราะใครแบบนี้มาก่อน


‘ มึงต้องทำให้เค้าไปบ้านกูให้ได้นะไอ้หมี ’ ผมย้ำมันอีกครั้ง


‘ เออน่า ไอ้พู่มันไปแน่นอนเชื่อกูดิ ’    แล้วบทสนทนาก็จบลง 

หนึ่งชั่วโมงให้หลังไอ้หมีก็ไลน์มาบอก ว่าวันเสาร์พู่กันว่าง ที่บ้านไม่ได้นัดอะไร เพราะพี่น้ำก็ไม่ได้อยู่บ้านเหมือนกัน

แล้วความรู้สึกก็กลับมาลิงโลดอีกครั้ง..   อยากฟังคำตอบด้วยเองเลยโทรหาเองซะเลย  ต่อสายไม่นานพู่กันก็รับสาย


“ว่าไง”  น้ำเสียงติดจะรำคาญ  แต่ผมก็ชินแล้วล่ะ ผมรู้ว่าเค้าไม่ได้รำคาญผมจริงๆหรอก  ไม่งั้นเค้าคงไม่ยอมคุยกับผม


“ทำไรอยู่”


“คุยกับมึงไง” จะคุยดีๆ แบบไม่กวนได้มั้ยเนี่ย ผมได้แต่ส่ายหน้า


“อย่ากวนตีนดิ”


“กำลังจะทำการบ้าน  มึงกำลังโทรมารบกวนกู ฉะนั้นมีไรว่ามา” เค้าตอบด้วยน้ำเสียงประชดประชัน อันนี้คงเริ่มไม่พอใจผมขึ้นมา

จริงแล้วล่ะ  งั้นรีบเข้าเรื่องเลยดีกว่า


“วันเสาร์ไปโคราชด้วยกันนะ” ผมพูดด้วยน้ำสียงขอร้อง เพราะอยากให้ไปด้วยกันจริงๆ ไม่อยากฟอร์มแล้วอ่ะ


“ทำไมกูต้องไป ขอเหตุผลหน่อย”  จะพาไปสารภาพความในใจไง!!  แต่ไม่กล้าพูดออกไปหรอก


“มึงจะได้รู้ไงว่าที่บ้านกูปลูกอะไรบ้าง  สนุกนะไปตั้งแค้มป์กัน” ผมเลือกที่จะตอบด้วยเหตุผลนี้ น่าจะเข้าท่าที่สุด


“บอกไปแล้วจะให้คำตอบพรุ่งนี้”  นั่นไงตอบแบบนี้  มีหวังไม่ไปด้วยแน่ๆ


“วันเสาร์ที่บ้านมึงก็ไม่ได้นัดกินข้าวไม่ใช่เหรอ” ผมรีบพูดดักไว้ก่อนเลยครับ


“มึงรู้ได้ไง” พู่กันถามด้วยน้ำเสียงตกใจ


“ไอ้หมีบอก” ผมรีบบอก ให้ไอ้หมีรับกรรมไป ขอโทษด้วยนะเพื่อน!!


“เออๆ  ไปก็ไป” เยส!!  ปฏิบัติการแรกสำเร็จ


“ตกลงแล้วห้ามเบี้ยวนะ”


“เออ ไม่เบี้ยวหรอกน่า  แล้วจะไปกันยังไง”


“เอารถกูไป วันศุกร์มึงมีเรียนถึงกี่โมง” ผมถามเพราะวันศุกร์ผมไม่มีเรียน เผื่อพู่กันเลิกเรียนไวเราจะได้เลื่อนเดินทางเป็นวันศุกร์


“มีเรียนแค่ตอนเช้า ตอบบ่ายอาจารย์ติดประชุมยกเลิกคาบบ่าย” 


“งั้นดีเลยวันศุกร์พวกกูไม่มีเรียน งั้นออกเดินทางวันศุกร์บ่ายละกัน จะได้มีเวลาเที่ยวเพิ่มมาอีกนิด”

            โป๊ะเชะ!!  ทุกอย่างดูเป็นใจ!!


“อืม เอาตามที่มึงสะดวกเลย”  บทจะว่าง่ายก็ว่าง่ายดีเนอะ อันนี้ผมได้แต่คิดในใจไม่กล้าพูดเดี๋ยวเค้าจะเปลี่ยนใจไม่ไปด้วย!!


“แล้วพวกเหมียวๆละจะทำยังไง” เพิ่งจะนึกเรื่องของเจ้าเหมียวออก เลยถามกลับไป


“เดี๋ยวเอาไปฝากไว้ที่บ้านใหญ่ ไม่มีปัญหาหรอก มีอะไรอีกป่ะ กูจะได้ทำการบ้าน”  ได้ยินแบบนี้แล้ว ค่อยโล่งใจหน่อย


ผมเงียบไปอึดใจนึงแล้วก็พูดในสิ่งที่รู้สึกตอนนั้นออกไป


 “ขอบคุณนะพู่กัน ที่ตกลงไปด้วยกัน”     เพราะผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ..

           
           
        วันเดินทางมีความวุ่นวายเกิดขึ้นนิดหน่อย เพราะผมต้องเสียเวลาไปรับพวกเพื่อนๆผู้ร่วมปฏิบัติการก่อนที่จะไปรับพู่กัน

    ..มันเป็นหนึ่งในแผนปฏิบัติการตีเนียน!!

ตามจริงผมต้องแวะรับพู่กันก่อน เพราะต้องขับรถผ่านหน้าบ้านเค้าอยู่แล้ว แต่ทุกคนลงความเห็นให้ไปรับพวกมันก่อนเพราะถ้า

แวะรับพู่กันก่อน ไม่มีทางที่เค้าจะนั่งข้างผม แถมพวกนั้นยังบอกอีกว่า ถ้าผมไม่แคร์ก็แวะรับพู่กันก่อนได้เลย

..แต่ผมแคร์!!  ผมเลยต้องยอมเสียเวลา เสียน้ำมันรถเปลืองทรัพยากร เพื่อที่จะให้พู่กันได้นั่งข้างผม..

แม้เค้าจะหลับมาตลอดทางก็ตาม!!


เราใช้เวลาเดินทางเกือบ10ชั่วโมงมาถึงบ้านผม หรือบ้านสวนรักษ์ดิน  ที่มันช้าเพราะไอ้หมี ที่มันทั้งแดกทั้งขี้มาตลอดทาง


ที่บ้านผมทำสวนกล้วยไม้ และดอกเบญจมาศ  สำหรับตัดดอกขายครับ ส่งออกทั้งต่างประเทศ และในประเทศ

และมีไร่องุ่นสายพันธุ์สำหรับทานสด และสายพันธุ์ที่สำหรับทำไวน์ครับ เราไม่ได้บ่มไวน์เองแต่ส่งให้กับโรงงานที่ผลิตไวน์ครับ

และช่วงไม่กี่ปีให้หลัง เราแบ่งบางโรงเรือนเอาไว้เปิดให้นั่งท่องเที่ยวได้มาเข้าชมหรือมาถ่ายรูป พร้อมกับตัดดอกเองได้

     
       เมื่อขับรถมาถึงตัวบ้าน ลงจากรถก็มีลูกสมุนมารับ   ‘ถุงเงิน และถุงทอง’ คือเจ้าหมาโกลเด้นริทรีฟเวอร์ตัวใหญ่ขนสีทอง

ที่เลี้ยงมาตั้งแต่ก่อนผมไปเรียนที่เชียงใหม่ มันเห็นผมก็ดีใจใหญ่รีบเข้ามาทักทาย

“ว่าไง ถุงเงิน ถุงทอง คิดถึงจัง”  ผมพูดพร้อมกับลูบหัวเจ้าหมาตัวใหญ่สองตัว

แล้วไอ้หมีก็เดินเข้ามาทักทายเพื่อนสี่ขาที่คุ้นเคยกันดี เพราะมันมาบ้านผมบ่อยมาก


“ไง ไอ้เงิน ไอ้ทอง  ไม่เจอกันนานอ้วนกว่าเดิมนะพวกแก” เจ้าสองตัวที่จำกลิ่นไอ้หมีได้ก็ต่างดีใจแกว่งหางกันใหญ่ 

ส่วนไอ้สมใจกับไอ้นพ ไม่ค่อยชอบหมาเท่าไหร่ โดยเฉพาะหมาตัวใหญ่ มันจังรีบเดินเข้าบ้านไปก่อน

เมื่อปีที่แล้วไอ้นพมาบ้านผมเป็นครั้งแรก ก็โดนรับน้องจากเจ้าเพื่อนสี่ขา โดยการกระโดดเลียหน้าจนไอ้นพลงไปนอนกับพื้น
 
ปีนี้มันก็คงขยาดไม่ยอมเดินมาใกล้เลย ส่วนไอ้สมใจมันมาบ้านผมบ่อยพอๆกับไอ้หมี แต่ตอนเด็กมันโดนหมากัดเลยจำฝังใจ

ก็เลยไม่กล้าเข้าใกล้เจ้าพวกสี่ขาสักเท่าไหร่

แต่คงไม่เป็นปัญหาสำหรับพู่กันและไอ้ปูนที่ตอนนี่กำลังฟัดกับเจ้าถุงเงินกับเจ้าถุงทองอยู่ 

โดยเฉพาะพู่กันตอนนี้ลงไปนอนที่พื้นปล่อยให้เจ้าหมาสองตัวรุมเลียหน้าอยู่ แต่เจ้าตัวกับหัวเราะคิกคักมีความสุข


“ฮ่าๆ ใจเย็นถุงเงิน  ถุงทอง” ดูๆยังไม่ยอมลุกขึ้นมาอีก  ชอบแบบนี้เหรอ?!!


“ถุงเงิน  ถุงทอง  หยุดเลย” ผมเอ็ดเจ้าหมาตัวใหญ่ พร้อมกับช่วยดึงให้เจ้าตัวลุกขึ้น  ที่ห้ามเนี่ยเพราะผมหึง!!

ขนาดกูยังไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้เลย นี่พวกแกเพิ่งจะเจอพู่กันเมื่อกี้มีสิทธิ์อะไรไปเลียหน้าเค้า!!

เป็นเอามากเหมือนกันนะผม  หึงแม้กระทั่งหมาตัวเอง!!


“มึงไม่ต้องช่วยมันหรอกไอ้ดิน ปล่อยให้มันโดนหมาเลียจนหน้าแฉะอยู่ตรงนี้แหละ  ไอ้นี่มันโรคจิตชอบให้หมาเลียหน้า” ไอ้หมี

พูดพร้อมกับทำหน้าเอือมใส่พู่กัน


“เข้าบ้านก่อนเหอะดึกแล้ว  พรุ่งนี้ค่อยให้มันเลียใหม่เอาให้หน้าเปื่อยไปเลยดีมั้ย  หรือคืนนี้จะให้กูเลียให้ต่อ?!!” ผมพูดพร้อมกับ

ทำสายตากรุ้มกริ่ม  ชอบให้เลียก็ไม่บอกเดี๋ยวจะเลียให้ยันเช้าเลย!!!

พู่กันได้แต่ทำหน้าอึ้งกับคำพูดของผม  แล้วไอ้หมีก็พูดแซวขึ้นมา


“คืนนี้เค้าจะเลียให้กันด้วยว่ะ” ไอ้หมีหันไปพูดกับไอ้ปูน ที่แกล้งทำเป็นเขิน


“เลียหน้ามึงสิ ไอ้หมี ” แล้วไอ้หมีมันก็โดนด่า สมน้ำหน้ามัน


“อุ้ย มีเขินด้วย”  มันยังแซวต่อไม่เลิก


“เขินพ่อง!!”  ด่าไอ้หมีเสร็จ พู่กันก็รีบเดินเข้าบ้าน    เอ๊ะ..หรือเค้าจะเขินจริงๆ!!


เข้ามาในบ้านผมก็เจอพ่อกับแม่นั่งรออยู่ที่โซฟารับแขก โดยมีไอ้สมใจ กับไอ้นพนั่งอยู่ด้วย


“พ่อ แม่ สวัสดีครับ” ผมเดินไปนั่งข้างแม่ของผมที่อ้าแขนรอ


“มาแล้วเหรอลูก มาให้แม่กอดให้หายคิดถึงหน่อย” ผมเข้าไปในอ้อมกอดแม่ ให้แกกอดให้หายคิดถึง แล้วแม่ก็จับหอมแก้มผม

ซ้ายที ขวาที แม่จะทำแบบนี้ทุกครั้งที่ผมกลับบ้าน


“ขับรถเหนื่อยมั้ยลูก” พ่อของผม ถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
 

“ผลัดกันขับเลยไม่เหนื่อยครับพ่อ” 

พ่อและแม่ของผมท่านเป็นคนใจดีครับ แต่ก็ไม่เคยตามใจผมจนเสียคน อยากได้อะไรผมต้องทำงานแลกถึงจะได้สิ่งนั้น
 
นั้นทำให้ผมเป็นคนที่รู้จักคุณค่าของสิ่งของ และคุณค่าของเงิน  แต่เรื่องเรียนหรือเรื่องความชอบท่านไม่เคยบังคับ
 
ผมมีความสุขกับสิ่งไหนท่านก็มีความสุขด้วยครับ


“นี่เพื่อนผมที่มหาลัย  พู่กันกับปูนครับ ” ผมแนะนำทั้งสองคนให้พ่อกับแม่รู้จัก ส่วนไอ้เพื่อนอีก3คนไม่ต้องแนะนำเพราะเคยมา

บ้านผมแล้วโดยเฉพาะไอ้หมี กับไอ้สมใจที่คุ้นเคยกับที่บ้านผมดี มาบ่อยตั้งแต่สมัยมัธยม


“สวัสดีครับ คุณลุง คุณป้า” พู่กันกับไอ้ปูนยกมือไหว้พ่อกับแม่


“เรียกพ่อกับแม่ก็ได้ลูก”  แม่ผมพูดพร้อมกับชวนให้ทั้ง2คนนั่งลง แล้วแม่ก็หันมาขยิบตาให้กับผม 


เป็นอันรู้กันว่าคนนี้แหละ ’พู่กัน’    ใช่แล้วครับ แม่ของผมรู้เรื่องของพู่กัน ผมคุยกับแม่ทุกเรื่องรวมถึงเรื่องของความรัก

ถ้าแม่ผมรู้นั้นหมายความว่าพ่อผมก็ต้องรู้ด้วยเช่นกัน   โชคดีที่บ้านผมค่อนข้างเปิดกว้างกับเรื่องของความรัก

ไม่ได้จำกัดว่าผมต้องชอบแค่ผู้หญิงเท่านั้น   

และนี่คือสิ่งที่แม่คุยกับผมในวันที่ผมโทรมาสารภาพกับแม่ว่าตอนนี้ผมกำลังแอบชอบผู้ชายอยู่

‘ความรักมันไม่ผิดหรอกลูก ตราบใดที่เราไม่ได้ทำผิด หรือทำร้ายใคร การที่เราชอบหรือรักใครแม้คนนั้นจะเป็นเพศเดียวกับเรามัน

ไม่ผิดหรอกลูก  แม่เข้าใจ ว่าสังคมตอนนี้มันเปิดกว้าง เรื่องเพศก็เช่นเดียวกัน  ถ้าลูกชอบใครมีก็ชอบคนนั้นด้วย’


เป็นคำพูดที่ผมฟังแล้วรู้สึกโชคดีที่สุดในโลก ที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อและแม่..

จากนั้นพ่อและแม่ก็นั่งคุยต่ออีกสักพัก ก็ขอตัวขึ้นไปนอน


..แล้วปฏิบัติการที่2ก็เริ่มขึ้น!! 


“ไอ้พู่ มึงนอนห้องไอ้ดินนะคืนนี้ พวกกูสี่คนจะนอนห้องนอนแขก” แล้วไอ้หมีก็เป็นผู้เริ่มปฎิบัติการที่2


“อ้าว ไหงงั้นอ่ะ  กูนอนกับพวกมึงด้วยดิ”  เจ้าตัวเริ่มโวยวาย


“ไม่ได้ ห้องนั้นเป็นห้องประจำของพวกกู เป็นเตียงสองชั้น สองเตียง  นอนได้สี่คน  มึงนอนห้องไอ้ดินน่ะถูกแล้ว”  ไอ้หมีเริ่ม

สาธยาย


“แล้วทำไมต้องเป็นกู?!!”  พู่กันพูดพร้อมกับทำหน้าไม่เข้าใจ


“ก็ต้องเป็นมึงสิ มึงสองคนเป็นเจ้าของชบารวมกันก็ต้องนอนด้วยกันสิ” ไอ้หมีอธิบายต่อ  ผมที่นั่งนิ่งได้แต่ลุ้นในใจ เถียงเข้าไป

ไอ้หมี ถึงแม้เหตุผลที่มึงพูดมันจะดูงี่เง่าด็ตาม!!


“กูนอนพื้นก็ได้ ให้กูนอนด้วยคนนะ” เจ้าตัวยังไม่ยอมครับ  นี่ไม่อยากนอนกับผมขนาดนั้นเลยเหรอวะ!!


“ไม่ได้!!” แล้วไอ้เพื่อนทั้งสี่คนก็พูดขึ้นพร้อมกัน  สงสัยจะรำคาญในความดื้อของพู่กัน


“ปะๆ พวกเราไปนอนกัน ง่วงจะตายห่าอยู่ละ” ไอ้หมีที่พูดอย่างสบายใจ ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม แล้วมันก็เดินผิวปากขึ้นบันไดไป

 ส่วนไอ้นพกับไอ้สมใจ ก็หันมายักคิ้วให้แล้วเดินตามไอ้หมีไป


“นอนเฉยๆล่ะ อย่าไปเผลอปล้ำไอ้ดินมันนะ” ไอ้ปูนพูดแซวพู่กันพร้อมกับรีบวิ่งขึ้นไปข้างบน เพราะพู่กันกำลังทำท่าจะถีบไอ้ปูน

  ผมได้แต่คิดในใจว่ากูนี่แหละที่จะเผลอปล้ำเพื่อนมึง!!


“ไปสิ รออะไร กูจะรู้มั้ยว่าห้องมึงห้องไหน?” เจ้าตัวหันไปเหวใส่ผม พร้อมกับทำหน้ามุ่ย

 ทำปากแบบนี้น่าจับมาจูบจริงๆ!!    ใจเย็นไว้แผ่นดิน !!


ผมเดินนำเค้ามาที่ห้องนอนผม  เมื่อเข้ามาพู่กันคงจะเห็นเตียงที่เป็นเตียงเดี่ยว เลยถามขึ้น


“จะให้กูนอนโซฟาหรือเตียง ?”


“ทำไมละ นอนบนเตียงด้วยกันสิ”  ผมที่พูดด้วยใบหน้านิ่ง แต่ในใจนี่โคตรลิงโลด


“เตียงมันเล็ก จะให้นอนเบียดกันได้ไง” เจ้าตัวรีบโวยวาย


“งั้นมึงก็นอนบนเตียง” ผมที่ยังคงตอบด้วยใบหน้านิ่ง  ไม่ได้พูดต่อให้จบว่าผมก็จะนอนบนเตียง

ก็จะให้เสียแผนได้ไงล่ะ อุตส่าห์โทรมาบอกพี่นิดที่เป็นแม่บ้านให้เปลี่ยนเตียงที่ห้องผม ให้เป็นตียงเดี่ยว!!!


“มึงพูดเองนะ อย่าเปลี่ยนใจทีหลังล่ะ” ผมเลยพยักหน้าส่งๆไป


“มึงไปอาบน้ำก่อนเลย จะได้รีบนอน” ผมยื่นผ้าเช็ดตัวให้ เพราะพู่กันคงจะเพลียกับการเดินทางเลยอยากให้เค้าได้พักผ่อนไวๆ

เจ้าตัวก็คงจะง่วงแล้ว เลยรับผ้าเช็ดตัวไปอย่างว่าง่าย ไม่ได้เถียงหรือพูดอะไรต่อ

ไม่นานพู่กันก็เดินออกจากห้องน้ำ ในสภาพที่ล่อแหลมโดยมีแค่ผ้าเผ็ดตัวสีขาวผืนเดียวผันอยู่ที่เอว หยดน้ำยังเกาะอยู่บนผิว 
 
ให้ตายสิ!! นี่มันยั่วกันชัดๆ แล้วดูผิวนั่นจะขาวไปไหน ผิวข้างนอกว่าขาวแล้ว เจอผิวในร่มผ้านี่ขาวยิ่งกว่า

แล้วหัวนมก็ชมพูซะอยาก...  แล้วผมก็รู้สึกปวดหนึบตรงหว่างขา   ให้ตายสิ!! เห็นแค่นี้ผมก็แทบจะทนไม่ไหวซะแล้ว!!     

             พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์  ซ่อยข่อยแน!!


พู่กันที่คงรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองของผม เริ่มลุกลี้ลุกลนหาเสื้อในกระเป๋าเป้มาใส่

ผมก็ยังคงจ้องมองรูปร่างอันงดงามนั้นต่อไป!!  อารมณ์หื่นมาเต็ม!!


“มองอะไร   รีบไปอาบน้ำได้แล้วมึง” เจ้าตัวรีบไล่ผม


“ตัวมึงขาวจัง   หัวนมมึงก็...” ผมพูดเพราะยังไม่อยากไปอาบน้ำตอนนี้ ยังอยากมองต่อ  แล้วพู่กันก็ปาเสื้อที่ถืออยู่ใส่หน้าผมไม่

ให้ผมพูดให้จบประโยค   ดี!! โยนมาเยอะๆเลย โยนมาทั้งกระเป๋าเลยก็ได้ ไม่ต้องใส่มันหรอกเสื้อผ้าน่ะ!!


“หยุดพูด  ไปอาบน้ำเลยไอ้ดิน”  พู่กันพูดพร้อมกับชี้หน้าผม  แล้วเหมือนจะรู้ตัวว่ากำลังเสียเปรียบอยู่ที่ปาเสื้อใส่ผม

 จึงรีบค้นเสื้อต่ออย่างรีบร้อน 


“เอวมึงเล็กดีจัง  ” ให้ตายสิ ผมก็ยังคงหยุดพูดไม่ได้ ผมแค่อยากชมว่าเจ้าตัวหุ่นดี  หุ่นของพู่กันดีจริงๆนะครับ ผมไม่คิดว่าผู้ชาย

จะเอวบางได้ขนาดนี้  มันไม่ได้ผอมแห้ง ถึงจะไม่มีกล้ามหน้าท้อง แต่มันก็ดูแบนราบสมส่วน

น่าจะจับพอดีมือถ้าเข้าขึ้นค่อมบนตัวผม   นี่ผมคิดอะไรอยู่!!!   แล้วแผ่นดินน้อยของผมก็ปวดหนึบอีกครั้ง  ใจเย็นๆลูกพ่อ!!


 “ถ้ามึงไม่หยุดพูดกูจะไปนอนกับไอ้หมี”  พู่กันพูดพร้อมกับใส่เสื้อที่หาเจอแล้ว แล้วผมก็รีบหุบปากทันที

 เพราะผมกลัวเค้าจะไปนอนกับพวกไอ้หมีจริงๆ 

แล้วอยู่ๆพู่กันก็ชี้มาที่เป้าของผม  ด้วยใบหน้าตกใจ  ผมก้มลงมองตามนิ้วของพู่กันที่ชี้มา

อื้อหือ ไม่คิดว่าแผ่นดินน้อยจะผงาดได้ขนาดนี้!!


“อาบน้ำนานหน่อยนะ!!  ไม่ต้องรอนอนก่อนเลย” ผมตอบด้วยใบหน้านิ่ง แล้วรีบตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำทันที

ก่อนจะทำปฏิบัติการตีเนียน ต้องพักยกมาทำปฏิบัติการโลกสวยด้วยมือเราก่อน !!!

ใช้เวลาในห้องน้ำเกือบชั่วโมง  ออกมาจากห้อน้ำพู่กันก็หลับไปแล้ว เห็นเค้านอนก็อดขำไม่ได้

พู่กันนอนห่มผ้ามิดชิด คงกลัวว่าผมจะทำอะไรเค้า   ก็อยากทำจริงๆนั้นแหละ แต่ไม่กล้าหรอก ต้องรอให้เค้าเต็มใจก่อน


ใส่เสื้อผ้าเสร็จ เดินไปปิดไฟห้องนอน ผมค่อยๆขึ้นเตียงเบาๆกลัวเค้าจะตื่น ค่อยๆซุกตัวลงในผ้าห่มผืนเดียวกับพู่กัน

ด้วยขนาดเตียงที่เล็ก และตัวของเราทั้งคู่ก็ไม่ได้เล็ก ทำให้เรานอนเบียดกัน พู่กันนอนตะแคงหันหลังให้กับผม

ผมก็นอนตะแคงเช่นเดียวกันหันหน้าไปทางพู่กัน 
 
เหมือนพู่กันจะเริ่มรู้ตัว ถึงลมหายใจของผมที่อยู่ด้านหลังจึงพลิกตัวหันมา ทำให้ใบหน้าของผมกับเค้า ในตอนนี้ใกล้กันมาก
 
ผมรู้สึกถึงลมหายใจของพู่กัน และได้กลิ่นของพู่กันอย่างชัดเจน ซึ่งกลิ่นของพู่กันเป็นกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์
 
มันเป็นกลิ่นที่หอมหวาน เหมือนผลไม้อะไรสักอย่างที่ดูหอมหวาน ได้ชิมแล้วจะรู้สึกสดชื่น

ใจผมเต้นแรง อยากจะสัมผัสริมฝีปากนั้นอีกครั้ง มันช่างเย้ายวนใจผมเหลือเกิน ผมได้แต่อดทนไม่ให้ผมเผลอทำอะไรลงไป


“นอนไม่หลับเหรอ” ผมกระซิบถามพู่กันที่ตอนนี้นอนตัวแข็งทื่อ คงจะตกใจที่อยู่ๆผมก็มานอนบนเตียงด้วย 


“ไหนบอกจะนอนโซฟา” เจ้าตัวไม่ตอบ แต่ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ


“กูยังไม่ได้พูดสักคำว่ากูจะนอนโซฟา” ผมพูดไปตามจริง


“งั้นกูไปนอนที่โซฟาเอง”  พู่กันที่กำลังจะลุก ผมก็รีบคว้าเอวของพู่กันดึงให้เข้ามาชิดพร้อมกับกอดเอาไว้

ทำให้หน้าของพู่กันซบอยู่ตรงที่อกผม  เค้าคงจะได้ยินเสียงหัวใจของผมว่ามันเต้นแรงขนาดไหน


“นอนด้วยกันตรงนี้แหละ” ผมกระซิบพูด เกยคางไว้บนศีรษะของพู่กัน ที่เส้นผมนั้นทั้งหอมและนุ่มลื่น จนผมต้องเผลอสูดกลิ่นนั้น

เข้าไปอย่างอดใจไม่ไหว


“มึงก็ปล่อยกูก่อนสิ” พู่กันพยายามดันตัวเองออก แต่ผมไม่ยอมจึงกระชับวงแขนกอดพู่กันแน่นขึ้น 

ใครจะยอมปล่อยง่ายๆล่ะ ตัวหอมน่ากอดซะขนาดนี้ ปล่อยก็โง่แล้ว!!


“อย่าพูดมากน่า นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะ” ผมพูดแต่ก็ยังคงกอดไม่ยอมปล่อย รู้สึกดีจังกับช่วงเวลานี้ 

อยากจะหยุดเวลานี้ไว้นานๆ


 “...” พู่กันไม่ได้พูดอะไร นอนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดผม  ผมจึงพูดสิ่งที่รู้สึกตอนนี้ออกไป


“ขอบคุณนะที่มาด้วยกัน  แล้วก็ Merry Christmas มึงคือของขวัญวันChristmasที่ดีที่สุด  ฝันดีนะ พู่กัน”  พูดจบผมก็จรดริม

ฝีปากลงที่กลางศีรษะของพู่กัน  พู่กันไม่ได้พูดหรือโวยวายอะไรที่ผมหอมที่หัวเค้า

แต่กลับยอมให้ผมกอดไม่ได้ขืนตัวออกเหมือนทีแรก ไม่นานพู่กันก็เข้าสู่ห้วงนิทราเพราะฟังจากเสียงหายใจที่เข้าออกอย่าง

สม่ำเสมอ  หรือที่เค้ายอมนอนในอ้อมกอดผมเพราะเค้าง่วงเลยไม่อยากจะเถียงกับผม!!

แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างเหอะ  ยังไงตอนนี้ผมก็’สุขใจ’ที่ได้กอดเค้าไว้แบบนี้ 

แล้วผมก็หลับตาลง ขอพรกับพระเจ้า ขอให้พู่กันเป็นของขวัญวันChristmasแบบนี้ทุกปี..


      7.00 น. เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือของผมก็ดังขึ้น ผมค่อยๆลืมตา รู้สึกถึงไออุ่นของคนในอ้อมกอด

แล้วผมก็เผลอยิ้มออกมาไม่น่าเชื่อว่าพู่กันจะยอมนอนในอ้อมกอดของผมจนถึงเช้า เจ้าตัวคงจะเพลียที่ตอนนี้ยังหลับสนิท

แม้เสียงนาฬิกาปลุกก็ไม่ทำให้เจ้าตัวตื่น  ผมค่อยๆเกลี่ยเส้นผมที่ปรกลงมาปิดบังดวงตาที่ตอนนี้ปิดสนิทของพู่กันเบาๆ
 
จริงๆเวลานี้ผมควรจะลุกไปอาบน้ำได้แล้ว แต่ผมกลับนอนจ้องใบหน้าสวยในยามหลับใหลของพู่กัน  ขนตาของพู่กันยาวเป็นแพ

สวย แก้มก็ขาวใสน่าหอมชะมัด แล้วริมฝีปากบางเล็กนี่อีกน่าจูบเป็นที่สุด ผมได้แต่กลืนน้ำลายไม่กล้าทำให้สิ่งที่คิด

เพราะกลัวเค้าจะตื่น  กลิ่นตัวของพู่กันก็ยังคงหอมหวาน  สุดท้ายผมก็อดใจไม่ไหวขอลิ้มรสอันหอมหวานนี้อีกสักครั้ง
 
ด้วยการจูบเบาๆที่ริมฝีปากบางสวยของพู่กัน

อืม..มันหวานจริงๆ!!


“เห้ย มึงทำอะไร” เหมือนพู่กันจะรู้ตัว รีบดันตัวผมออก พร้อมกับใช้หลังมือปิดปากตัวเอง


“morning kiss” ผมตอบหน้านิ่ง


“morning kiss อะไรของมึง หลายทีแล้วนะมึงที่จูบกู” พู่กันโวยวาย ด้วยใบหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าโกรธหรือว่าเขินกันแน่  ..น่ารักดี


“ปลุกมึงไง ก็มึงไม่ยอมตื่น”


“มึงก็ปลุกกูดีๆดิวะ  แม่ง!!” พูดเสร็จพู่กันก็ลุกพรวด เดินไปเข้าห้องน้ำด้วยใบหน้าบึ้งตึง


ผมได้แต่แอบขำ มันน่ารักดีครับ ปฏิกิริยาแบบนี้ มันน่าจะเขินมากว่าโมโห!!

ระหว่างรอพู่กันอาบน้ำ ผมก็เดินมาดูห้องข้างๆ ว่าพวกเพื่อนๆตื่นกันรึยัง

ทุกคนตรียมพร้อมหมดแล้ว เหลือไอ้ปูนที่เข้าห้องน้ำเป็นคนสุดท้าย

 
“เป็นไง ไอ้ดินกี่น้ำวะเมื่อคืน” พอเห็นหน้า ไอ้หมีก็เริ่มแซว


“กี่น้ำอะไรของมึง ”


“กระจอกจริงๆเลยนะมึงอ่ะ” ไอ้หมีพูดพร้อมส่ายหน้า


“ว่าแต่มึงนอนเตียงเดียวกันรึป่าววะ” ไอ้สมใจถามพร้อมทำหน้าเสือกเต็มกำลัง


“เออ นอนเตียงเดียวกัน กูนอนกอดเค้าถึงเช้า”


“ฮิ้วววว   ไม่ธรรมดาไอ้แผ่นดิน” ไอ้นพกับไอ้สมใจ โห่ร้องแซว  มีแต่ไอ้หมีที่ส่ายหน้า ใครจะไปไวไฟเหมือนมึงล่ะ

คุยกับสาวไม่ถึงชั่วโมงก็พาเค้าขึ้นเตียงละ!!


“คุยอะไรกันเสียงดังแต่เช้าวะ” ไอ้ปูนที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ทำหน้าสงสัย


“คุยเรื่องเพื่อนมึงได้กับเพื่อนกูไง” ไอ้สมใจ ร้องบอก


“จริงดิ มันกับมึงได้กันแล้วเหรอวะ” ไอ้ปูนถามพร้อมทำหน้าตื่นเต้น  นี่มึงอยากให้กูได้กับเพื่อนมึงขนาดนั้นเลยเหรอวะ!!


“ยัง กูนอนกอดเฉยๆ” ผมตอบตามความจริง


“จริงดิ!! มันยอมให้มึงกอดด้วยเหรอวะ”  ไอ้ปูนทำหน้าไม่เชื่อ ก่อนจะพูดต่อว่า


“กูว่านะ มันมีใจให้มึงชัวร์!!  เพื่อนกูถ้ามันไม่ชอบใครมันไม่เคยฝืน กูรู้จักมันดี”  ไอ้ปูนพูดพร้อมกับทำหน้ามั่นใจ

            เป็นแบบนั้นจริงๆก็ดีนะสิ!!


“แล้วจะเอายังไงต่อ กับปฏิบัติการตีเนียนของมึงน่ะ” ไอ้นพที่นิ่งเงียบมานานถามขึ้น


“กูว่าตอนไปที่สวนดอกไม้ กูจะสารภาพว่ากูชอบเค้าว่ะ”


“กูเอาช่วยมึงนะ กูว่ามันคงไม่ปฎิเสธมึงอ่ะ ” ไอ้ปูนพูดพร้อมกับเดินมาตบไหล่ผมเพื่อให้กำลังใจ
   
   
  ต่อด้านล่าง             
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 6 ปฏิบัติการตีเนียน!! (05-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 05-01-2018 16:09:59
   

     
ก๊อกๆ แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พร้อมกับพู่กันที่เปิดประตูเข้ามา


“หนีมาอยู่นี่เองไอ้ดิน ไปอาบน้ำได้แล้ว” แล้วทุกคนก็หันมาทำสายตายิ้มกริ่มใส่ผม


“พวกกูลงไปรอข้างล่างนะ”  ไอ้หมีพูดเสร็จ ทุกคนก็เดินมาตบไหล่ผมทีละคนแล้วก็เดินออกจากห้อง 
 
มีแต่พู่กันที่ยืนทำหน้างง


“ไปดิไอ้พู่ลงไปแดกข้าวข้างล่าง” ไอ้หมีเรียกพู่กันที่กำลังยืนงง


ผมจึงเดินกลับห้องไปอาบน้ำ  ไม่นานก็ลงมาสบทบกับเพื่อนๆที่รออยู่ข้างล่าง


“น้องดิน รับข้าวต้มเลยนะค่ะ” พี่นิดแม่บ้าน ถามขึ้นขณะที่เห็นผมเดินลงบันได


“ครับ พ่อกับแม่ละครับพี่นิด”


“คุณลุงกับคุณป้า ออกไปที่สวนตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ” พี่นิดหันมาตอบขณะตักข้าวต้มหันผม ครอบครัวของพี่นิดเป็นคนงานเก่าแก่ที่

ทำงานให้กับที่บ้านผมตั้งแต่เริ่มทำสวนแรกๆ เราจึงสนิทกันเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน  สรรพนามที่ใช้เรียกจึงเรียกเหมือน

คนในครอบครัวเดียวกันมากกว่า  จริงๆแล้วคนงานในสวนก็เรียกพ่อกับแม่ผมแบบนับญาติมากกว่า แกจะไม่ให้เรียกว่าเจ้านาย

หรือเรียกอะไรที่มันฟังแล้วเหนือชั้นกว่า เพราะยังไงก็เป็นคนไร่คนสวนเหมือนกัน


“ใครจะรับข้าวต้มเพิ่มอีกมั้ยค่ะ  น้องหมีล่ะต่อถ้วยที่สามมั้ย” พี่นิดหันไปถามเพื่อนๆผมอย่างใจดี พร้อมกับแซวไอ้หมี


“อิ่มแล้วครับพี่นิดกินเยอะเดี๋ยวจุก เดี่ยวมื้อเที่ยงค่อยจัดหนักต่อ” ไอ้หมีหันไปตอบพี่นิดพร้อมกับซดข้าวต้มคำสุดท้าย

 
“งั้นเดี๋ยวผมช่วยยกถ้วยไปเก็บนะครับ” พู่กันอาสาที่จะช่วยเก็บถ้วยที่กินเสร็จแล้ว


“ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นหน้าที่พี่ค่ะ น้องพู่ไม่ต้องเกรงใจ” พี่นิดพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แล้วหันมายิ้มให้กับผม


     อย่าบอกนะว่าแม่ก็บอกเรื่องพู่กันให้พี่นิดรู้  คงจะรู้กันหมดทั้งสวนแล้วล่ะ!!


“ว่าแต่วันนี้เราจะไปที่ไหนกันบ้าง” พู่กันถามขึ้นหลังจากกินข้าวกันอิ่มแล้ว


“จะพาไปดูสวนดอกเบญจมาศ กับกล้วยไม้ แล้วก็ไปเก็บองุ่นกัน ตอนบ่ายก็ไปซื้อของมาทำบาบีคิวสำหรับตั้งแค้มป์ตอนเย็น”

ผมบอกโปรแกรมสำหรับวันนี้


“พร้อมกันรึยัง ปั่นจักรยานไปกันนะ” ผมหันไปถามทุกๆคน อากาศกำลังดีครับวันนี้เย็นสบาย ไม่หนาวจนเกินไป


“เอารถกอล์ฟไปได้มั้ยวะ กูขี้เกียจปั่น” ไอ้หมีตัวปัญหาเริ่มโวยวาย


“อากาศดีแบบนี้ต้องปั่นจักรยานดิวะ” ไอ้สมใจเห็นด้วยกับผม


“เออ พวกกูจะปั่นจักรยาน มึงก็เอารถกอล์ฟไปเองคนเดียวละกัน  ปะพวกเราไปกัน” ไอ้ปูนพูดเสร็จพวกเราก็เดินออกมาหน้าบ้าน

ที่มีจักรยานจอดรออยู่


“เห้ย รอกูด้วย” ไอ้หมีตะโกน พร้อมกับวิ่งตามมา





ที่แรกที่ผมพามาคือ โรงเรือนกล้วยไม้ เป็นกล้วยไม้หวายสำหรับตัดดอก ที่สวนจะมี2สีหลักๆ คือสีม่วงแซมขาวและสีขาวล้วน

ไอ้ปูนกับไอ้นพ เป็นพวกชอบถ่ายรูปเป็นงานอดิเรกอยู่แล้ว รีบลงจากจักรยานไปถ่ายรูปทันที

ส่วนไอ้หมีกับไอ้สมใจก็เดินตามไอ้ช่างภาพสองคนนั้นไป เหมือนจะเปิดโอกาสให้ผม..


“อยากลองตัดดอกดูมั้ย” ผมถามขณะที่เดินตามพู่กันมา


“ตัดได้เหรอ ” พู่กันถามพร้อมทำหน้าสนใจ


“ได้สิ เดี๋ยวไปยืมกรรไกรพี่เค้าให้” ตอนนี้ในสวนมีคนงานกำลังตัดดอกกล้วยไม้อยู่ แต่ก็ใกล้จะเสร็จงานกันแล้วเพราะเค้าจะตัด

ดอกกล้วยไม้กันช่วงเช้ามืด ตั้งแต่ตี5ถึง9โมงเช้า เพื่อคุณภาพดอกที่ดีและทันเวลาในการขนส่ง


“เดี๋ยวจะตัดให้ดูก่อนนะ ตัดก้านช่อดอกให้เกือบชิดโคนก้านแบบนี้เลย” ผมสาธิตให้พู่กันดู ก่อนจะยื่นกรรไกรให้พู่กัน



แล้วพู่กันก็ค่อยๆตัดก้านช่อดอกกล้วยไม้ด้วยสีหน้าตั้งใจ พอตัดเสร็จก็ยิ้มดีใจเหมือนทำสำเร็จ

ผมเห็นภาพนั้นก็อดยิ้มตามไม่ได้ จะว่าไปใบหน้าสวยของพู่กันก็เหมาะกับดอกไม้ดีเหมือนกัน!!


“ตัดอีกได้ป่ะ หนุกดี” พู่กันหันมาถาม สงสัยเริ่มติดใจ


“เอาสิ ตัดทั้งสวนเลยก็ได้นะ”


“เยอะไปละ แต่ขอตัดดอกสีขาวฝั่งนู้นได้ป่ะ”


“เชิญครับ” ผมผายมือเชิญให้พู่กันเดินไปทางฝั่งโรงเรือนกล้วยไม้สีขาว


จากนั้นพู่กันก็สนุกกับการตัดดอกไม้ ผมเลยหาจังหวะที่เค้าเผลอหยิบมือถือมาแอบถ่ายรูปของพู่กันเก็บเอาไว้


“แล้วเราจะเอาดอกไม้นี้ไปรวมกับของพี่ๆคนงานป่ะ” แล้วพู่กันก็ถามขึ้นหลังตัดดอกกล้วยไม้ได้กำใหญ่


“ไม่ทันแล้วล่ะ พี่ๆเค้ากลับกันหมดแล้ว ตัดถึงแค่9โมงเช้า” ดูนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบจะ10โมงละ


“นึกว่าจะตัดทั้งวันซะอีก” พู่กันทำหน้ามุ่ยเสียดาย


“เอาไปใส่แจกันที่บ้านก็ได้  พอรึยัง เดี๋ยวพาไปตัดดอกเบญจมาศต่อ” ผมพูดเสร็จ เจ้าตัวก็รีบพยักหน้ายิ้มดีใจ

เหมือนเด็กได้ของเล่น  ...น่ารักดีแฮะ!!

แล้วผมกับพู่กันก็เดินไปหาพวกไอ้หมีที่อยู่อีกโรงเรือนนึง


“พวกมึงถ่ายรูปกันเสร็จยัง เดี๋ยวไปที่สวนดอกเบญจมาศกันต่อ”

“โอเค พวกมึงไปก่อนเลยเดี๋ยวพวกกูตามไป” ไอ้หมีตะโกนบอกผม พร้อมกับส่งยิ้มที่รู้ๆกันว่าหมายถึงอะไร

ผมกับพู่กันปั่นจักรยานมาที่โรงเรือนดอกเบญจมาศที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรือนดอกกล้วยไม้มากนัก

ตอนนี้ที่โรงเรือนดอกเบญจมาศเต็มไปด้วยดอกหลากหลายสีสันที่แข่งกันบานสะพรั่ง พู่กันที่เดินอยู่ท่ามกลางมวลหมู่ดอกไม้สวย

เหล่านี้มันช่างดูกลมกลืนดีเหลือเกิน แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพของพู่กันเอาไว้


“สวยดีเนอะ กูคิดว่าดอกเบญจมาศจะมีแต่สีขาวกับสีเหลืองซะอีก เห็นแม่ซื้อมาไหว้พระบ่อยๆ” พู่กันพูดพร้อมกับทำหน้าตื่นต้น 

มองแล้วก็อดยิ้มไม่ได้..น่ารักอีกแล้ว!! 


“จริงๆมันมีหลายสี หลายสายพันธุ์ ทั้งดอกเล็กดอกใหญ่”  ที่สวนจะมีโรงเรือนที่เปิดให้สำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ 

แต่ผมพาพู่กันมาที่โรงเรือนที่ไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวจะได้เป็นส่วนตัวหน่อย


“ที่นี่ก็ตัดดอกได้ใช่ป่ะ” พู่กันหันมาถาม


“ตัดได้สิ  อยากตัดเท่าไห่ก็ตัดเลย” ผมพูดพร้อมกับยื่นกรรไกรให้


“ตัดยังไง มึงสอนกูก่อนสิ”    


“ตัดห่างจากโคนต้นขึ้นมาสัก15-20เซนติเมตร แบบนี้” ผมกะระยะให้พู่กันตัดตามที่ผมบอก 


“มึงโตมาในที่แบบนี้ ดีจังเนาะ” พู่กันพูดพร้อมกับตัดดอกไม้ไปเรื่อยๆ


“ทำไม มึงชอบดอกไม้เหรอ?”


“ชอบสิ ก็มันสวยดี มีใครบ้างไม่ชอบดอกไม้?”


“กูก็ชอบ ทั้งสวยทั้งน่ารัก” ผมพูดพร้อมกับสบตาของพู่กัน


“...” พู่กันไม่ได้พูดอะไร แต่แววตาไหวระริกแล้วก็รีบก้มหน้าตัดดอกไม้ต่อ  แต่ถ้าผมมองไม่ผิดผมเห็น

แก้มของเค้ามีสีเข้มขึ้น...เขิน?


“พู่กัน” ผมว่ามันถึงเวลาที่ผมควรบอกความในใจแล้วล่ะ


“...” พู่กันเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม


“รู้มั้ยว่ามึงเหมาะกับดอกไม้ มึงสวยเหมือนกับดอกไม้ แต่ดอกไม้พวกนี้มันต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่มันถึงจะเบ่งบานสวยได้

แบบนี้  มึงก็ควรจะมีใครสักคนมาดูแลเอาใจใส่เหมือนกัน”


“...”


“รู้ตัวมั้ย ว่าตัวเองพิเศษ” ผมยังคงสบตากับพู่กันนิ่ง


“พิ..พิเศษยังไง” พู่กันถามด้วยน้ำเสียงที่ติดขัด


“พิเศษสำหรับกู” ผมตอบด้วยแววตาและน้ำเสียงที่จริงจัง เพราะพู่กันคือคนพิเศษสำหรับผมจริงๆตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเห็นเค้า


“...”


“ตรงๆเลยนะ...กู ชอบ มึง พู่กัน!!


“...!!” พู่กันทำหน้าตกใจ เมื่อได้ยินคำสารภาพตรงๆ


“มึงไม่จำเป็นต้องตอบอะไรตอนนี้ กูจะยังไม่ถามว่ามึงชอบกูรึป่าว  แต่กูขอแค่โอกาส..โอกาสที่จะจีบมึงได้มั้ย?”


“กูเป็นผู้ชายมึงจะมาชอบกูได้ไง อีกกอย่างกูชอบผู้หญิง!!” พู่กันพยายามอธิบาย


“แล้วไง มึงรังเกียจกูเหรอที่กูชอบมึง?!!” ผมถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ  ถ้าเค้ารังเกียจผมจริงๆล่ะ จะทำไง?!!


“ไม่ใช่อย่างนั้น กูไม่ได้รังเกียจมึง” พู่กันตอบเสียงเบา


“งั้นลองเปิดใจให้กู  แค่ครั้งเดียว..ครั้งเดียวก็พอ”


“...”


“นะ พู่กัน” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอน


“เออๆ ตามใจมึง อยากทำอะไรก็ทำ เพราะยังไงกูก็ชอบผู้หญิง!!”


“แค่มึงให้โอกาสกูแค่นี้ก็ดีมากแล้ว   เตรียมตัวมาตัดดอกไม้ที่สวนได้เลย มึงได้ตัดจนเมื่อยมือแน่

ว่าที่ลูกสะใภ้บ้านสวนรักษ์ดิน!! ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มกว้างดีใจที่สุด ที่พู่กันให้โอกาสผม


“ไอ้บ้า ลูกสะใภ้อะไรของมึง” พู่กันโวยวายด้วยใบหน้าแดงก่ำ  ก่อนจะรีบหันหลังเดินหนีผม
 

“ลูกเขยก็ได้ กูยอม” ผมตะโกนบอก  สิ่งที่ได้กลับมาคือ นิ้วกลางของพู่กันที่เจ้าตัวชูขึ้นมาเหนือหัว


                 
       ..อีกไม่นานได้เจอของจริงแน่ ไม่ต้องห่วง ใหญ่กว่านิ้วกลางหลายเท่า!!! หึหึ





*TBC*

................................................................................

สวัสดีค่ะ ทุกๆคน แอบมาช้าไป2วัน
ติดภาระกิจช่วงปีใหม่นิดนึงค่ะ ยังไงก็ขออวยพรให้ผู้อ่านทุกๆท่านมีความสุขตลอดปี2018นี้นะค่ะ^^

ปล. บทนี้พี่ดินของเราแอบหื่นเนาะ ^^
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 6 ปฏิบัติการตีเนียน!! (05-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 05-01-2018 21:52:22
  เย้ๆ พี่ดินกับพี่พู่มาแล้ว   :L1:

          พี่ดินแอบหื่นจริงๆด้วย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 6 ปฏิบัติการตีเนียน!! (05-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 05-01-2018 23:31:50
หึหึ ตีเนียน
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 6 ปฏิบัติการตีเนียน!! (05-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 06-01-2018 01:26:28
น่ารัก ^^
หวังให้พู่กันเปิดใจและรับรักแผ่นดินเร็วๆ นะครับ //เอาใจช่วย
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 6 ปฏิบัติการตีเนียน!! (05-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-01-2018 02:36:41
 :-[


พี่ดินคนหื่น2018

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 6 ปฏิบัติการตีเนียน!! (05-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 06-01-2018 17:15:40


    เนียนนะ แผ่นดิน   o13






หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 6 ปฏิบัติการตีเนียน!! (05-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 06-01-2018 22:06:06
ไอ้ดินจะหื่นไปไหนเนี่ย  :hao6: 555
อินจัด
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 7 แค่เธอก็พอ!! (12-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 12-01-2018 18:49:49

บทที่ 7 แค่เธอก็พอ!!


       
              ‘ตรงๆเลยนะ กู ชอบ มึง พู่กัน’



        กูชอบมึง   กูชอบมึง   กูชอบมึง
     
       
   
เสียงของไอ้ดินยังคงก้องอยู่ในหัวของผม พร้อมกับใจที่เต้นแรง เกิดมา20ปีเพิ่งจะมีผู้ชายมาบอกชอบ แล้วผมดันให้โอกาส

มันจีบด้วย เพราะคำว่า ‘เปิดใจ’ ของไอ้พี่น้ำที่มันพูดตอนนั้นผุดขึ้นมา ทำให้ผมยอมตกลง

แต่ยังไงผมก็ยังมั่นใจว่าผมไม่มีทางที่จะชอบผู้ชาย?!!


“ตัดดอกไม้พอรึยัง เดี๋ยวพาไปเก็บองุ่นต่อ” ไอ้ดินที่เดินตามหลังผมมาถามขึ้น  อุตส่าห์เดินหนีมา แม่ง!!หน้ากูหายแดงรึยังวะ!!


“พวกไอ้หมีล่ะ” ผมถามกลับ แต่ยังไม่กล้าหันหน้าไปสบตามัน


“กูไลน์บอกพวกมันแล้วว่าให้ไปเจอกันที่สวนองุ่น”


“ไปสิ” พูดเสร็จผมก็รีบหมุนตัวเดินนำมันออกจากโรงเรือน ไม่แม้แต่จะกล้าสบตา ทำไมผมต้องกลัวสายตาของมันด้วยวะ !!

ปั่นจักรยานไม่ไกลมากนักก็มาถึงสวนองุ่น ของบ้านสวนรักษ์ดิน สวนที่ไอ้ดินพามาเป็นองุ่นแบบทานสด

ต้นองุ่นเรื้อยขึ้นเป็นเถาสวย มีพวงองุ่นสีดำห้อยลงมาเต็มไปหมด เห็นแล้วน่ากินชะมัด


“เด็ดมากินได้เลยรึป่าว” ผมถามไอ้ดินที่มันเอาแต่จ้องหน้าผม  จ้องอะไรนักหนาวะ!!


“อยากได้กี่พวงก็ตัดได้เลยตามสบาย เอาไปฝากที่บ้านมึงด้วยก็ได้นะ” มันพูดพร้อมกับยื่นกรรไกรมาให้


“หวานจัง ไม่มีเมล็ดด้วย” จะว่าไปมันเป็นองุ่นคนละพันธุ์กับที่แม่ไอ้ดินให้ชิมวันนั้นที่เป็นองุ่นแดงลูกใหญ่

 แต่นี่เป็นองุ่นสีดำลูกเล็กกลมๆ


“เค้าเรียกว่าพันธุ์ Beauty Seedless เป็นองุ่นดำไร้เมล็ด”


“บิ้วตี้สมชื่อ ลูกมันกลมๆน่ารักดี”


“อืม น่ารัก” ไอ้ดินพูดแต่สายตามันไม่ได้มององุ่นเลย มันมองแต่หน้าผม องุ่นที่ถือในมือแทบร่วง

มือไม้อ่อนไปหมดตั้งแต่มันบอกว่าชอบผม


“มองหน้ากูแบบนี้หมายความว่าไง”


“มองคนที่ชอบผิดตรงไหน”


“...”  เออ..ไม่ผิด กูนี่แหละที่ผิดไม่น่าถามมึงเลย ฮือออ


“รีบเก็บเหอะ แดดเริ่มแรงแล้ว เดี๋ยวจะไม่สบาย”


“กูไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”  ถึงหุ่นกูจะไม่ฟิตแอนด์เฟิร์มเหมือนมึง แต่กูก็แข็งแรงโว้ย


“แต่ไม่เป็นไร ถ้ามึงไม่สบายกูก็จะดูแลมึงเอง  เพราะ มึงคือดอกไม้ของกู ที่กูต้องดูแลเอาใจใส่อยู่แล้ว”


“เดี๋ยวๆ กูไปเป็นดอกไม้ของมึงตอนไหน” ไอ้นี่พูดเองเออเอง


“เมื่อกี้ไง มึงให้โอกาสกูจีบมึงแล้ว แสดงว่ามึงยอมเป็นดอกไม้ของกูให้กูดูแล” มันยังคงพูดด้วยใบหน้านิ่ง


“มีใครเคยบอกมึงมั้ย ว่ามึงโคตร มโนเก่ง”


“ตามนั้น”  เออเอากะมันสิ ลืมไปว่ามันจอมมึนอยู่แล้ว  เถียงไปก็เท่านั้น ไอ้เผด็จการ!!


“กูยอมให้มึงจีบ ไม่ได้หมายความว่ามึงจะจีบกูติดนะ” ผมพูดเพราะไม่อยากให้มันหวังมากเกินไป


“ติดสิ” มันพูดอย่างมั่นใจ นี่มึงจะไม่คิดก่อนพูดเลยเรอะ?!!


“อะไรทำให้มึงมั่นใจขนาดนั้น”


“เพราะกูหล่อ” ผมได้แต่เบะปากมองบน  มั่นหน้ามากมึงอ่ะ


“แต่กูไม่ชอบคนหล่อ กูชอบคนสวย”


“กูก็ชอบคนสวย” แล้วมึงจะมาจีบกูเพื่อ??


“งั้นมึงก็ไปจีบผู้หญิงสิ” แล้วมันก็สายหน้าเหมือนว่าผมไม่เข้าใจที่มันพูด ก่อนจะพูดต่อว่า


“มึงเคยส่องกระจกป่ะ”


“ก็ส่องทุกวัน?” ใครบ้างวะ ไม่เคยส่องกระจก


“ยังไม่รู้ตัวอีกว่าตัวเองสวย!!”


“กูหล่อ ไม่ได้สวย กูเป็นผู้ชาย ใครจะชมผู้ชายว่าสวยกันวะ”


“เบื่อไม่คุยกับมึงละ พวกไม่ยอมรับความจริง”


“เอ้า ตกลงกูผิด!!”


“ผิด!!  ผิดที่ทำให้กูชอบมึง  ฉะนั้น มาเป็นแฟนกู!!แล้วกูจะยกโทษให้”


“โอ้ย..กูมากกว่าที่ไม่ควรคุยกับมึง แม่ง!!”  ยิ่งคุยยิ่งปวดหัว จะบ้าตาย!!


ตั้งแต่มันสารภาพว่าชอบผม รู้สึกว่ามันจะมีความมึนเพิ่มขึ้นเป็น10เท่า ปวดหัวกับมันจริงๆ

แล้วไอ้พวกเพื่อนเวรมันหายหัวไปไหนกันหมดวะ ไหนบอกจะตามมาไง นี่มันปล่อยให้ผมอยู่กับไอ้ดินตามลำพังตั้งแต่ที่สวน

ดอกไม้แล้วนะ  หรือจะเป็นแผนของพวกมันวะ  อย่าให้รู้นะมึง แม่งกูจะตบกระบาลเรียงตัวเลยคอยดู!!


“ฮัลโหล ไอ้ปูนมึงอยู่ไหน” รีบต่อสายหาไอ้ปูนทันที แม่งรู้สึกไม่ปลอดภัย


“กูกลับมาที่บ้านแล้ว” มันตอบด้วยน้ำเสียงสบายใจ


“เอ้า มึงไม่มาสวนองุ่นเหรอ”


“ไม่อ่ะ ที่บ้านไอ้ดินก็มีให้กิน จะไปเก็เองทำไมให้เมื่อยวะ”  ตกลงกูเมื่อยอยู่คนเดียวใช่มั้ย!!


“ทำไมไม่บอกกูวะ ปล่อยให้กูอยู่กับไอ้ห่าดินอยู่ตั้งนาน”


“เห็นมึง2คนสวีทกันกูก็ไม่กล้าเข้าไปขัด” มันพูดด้วยน้ำเสียงล้อๆยังไงชอกล


“สวีทบ้าบออะไรของมึง” ผมรีบโวยวายมันทันที


“เออๆ ถ้างั้นก็กลับบ้าน เค้าจะแดกข้าวกันแล้ว” พูดจบมันก็วางสายทันที


     กลับมาถึงบ้านไอ้ดิน ทุกคนกำลังกินข้าวกันอยู่ที่โต๊ะอาหารในบ้านไอ้ดิน

“พู่กัน มากินข้าวเที่ยงลูก วันนี้แม่ลงมือทำขนมจีนน้ำยาป่าเองเลยนะลูก” แม่ไอ้ดินรีบจูงมือผมไปที่โต๊ะทันที   

บนโต๊ะมีหม้อขนมจีนหม้อใหญ่ กับสารพัดผักเคียงที่ดูน่าทาน แล้วแม่ไอ้ดินก็ตักขนมจีนใส่จานให้ผม


“นี่จ๊ะ กินเยอะๆนะลูก”


“ขอคุณครับแม่”  แม่ไอ้ดินยิ้มให้อย่างเอ็นดู


“พู่ทำอาหารเป็นมั้ยลูก” แล้วจู่ๆแม่ไอ้ดินก็ถามขึ้น


“พอทำได้ครับแม่ ส่วนมากจะทำอาหารหารเหนือ”


“งั้นมาครั้งหน้า มาทำน้ำเงี้ยวให้แม่กินนะลูก แม่ชอบกิน” แม่ไอ้ดินพูดพร้อมกับยื่นนิ้วก้อยมาให้  ผมได้แต่ทำหน้างง แต่สุดท้าย

ก็เข้าใจ เลยยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวก้อยสัญญา


“สัญญาแล้วนะลูก” แม่ไอ้ดินพูดพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ผมรู้ละว่าไอ้ดินมันมีรอยยิ้มเหมือนใคร!!


“ครับ” ผมรับคำ แต่ทำไมผมรู้สึกว่าผมเขินก็ไม่รู้  อาจจะเป็นเพราะสายตาแม่ไอ้ดินที่เหมือนจะยิ้มตลอดเวลา

มันดูกรุ้มกริ่มยังไงชอบกล!!


        หลังจากไปซื้อของที่ตลาดกันเรียบร้อยแล้ว ตอนเย็นเราตั้งแค้มป์กันที่บริเวณสวนหลังบ้านไอ้ดิน

โดยเรากางเต็นท์ทั้งหมด3หลัง นอนเต็นท์ละ2คน ให้ทายผมนอนคู่กับใคร อยากที่คุณๆคิดกันนั่นแหละครับ

ไอ้ดินเจ้าเก่าเจ้าเดิม!!  ด้วยเหตุผลเดิมเพราะผมกับมันเป็นเจ้าของชบาร่วมกัน!!


“ไอ้พู่มึงก่อไฟดิ” ไอ้หมีสั่ง ขณะที่มันเดินถือถาดบาร์บีคิวมาวางบนโต๊ะ ในถาดน่าจะมีบาร์บีคิวสักร้อยไม้ได้
 
นี่มึงทำแดก หรือมึงทำขาย ตอบ!!


“กูทำเป็นซะที่ไหน” ผมทำอาหารเป็นก็จริง แต่เรื่องก่อไฟขอยอมแพ้ ทักษะติดลบ


“อ่อนจริงๆเลยมึงอ่ะ ตอนเด็กมึงไม่เคยไปเข้าค่ายลูกเสือรึไง” มันพูดพร้อมทำหน้าเอือม


“พูดมาก มึงก่อเป็นมึงก็ทำดิ”


“ไอ้ดิน ก่อไฟให้กูหน่อย”  แล้วมันก็หันไปใช้ไอ้ดิน


“ทำไมมึงไม่ทำเองล่ะ สั่งคนนั้นคนนี้อยู่ได้” ผมโวยวายไอ้หมีทันที


“กูทำไม่เป็น!!” แล้วมันก็ตะโกนตอบซะเสียงดัง

 
“ถุยย!! ไอ้กระจอก แล้วทำเป็นมาว่ากู”


“กูเกิดมากับเตาแก๊สโว๊ย พ่อครัวยุคใหม่เข้าใจป่ะ ” แม่มึงคลอดมึงข้างเตาแก๊สรึไง ถึงว่าตัวมึงใหญ่อย่างกับถังแก๊ส!!


“พ่อครัวห่าไร มึงทำกับข้าวเป็นที่ไหน แดกเป็นอย่างเดียวมึงอ่ะ”  ไอ้หมีมันทำกับข้าวไม่เป็นครับ ทักษะติดลบยิ่งกว่าผมซะอีก

ทุกวันนี้มันยังแยกไม่ออกเลยว่าอันไหนกะเพรา อันไหนโหระพา!!


“มึง2ตัว มัวแต่เถียงกันอยู่นั้นแหละเมื่อไหร่จะได้แดกวะ” ไอ้ปูนที่ยกลังเบียร์เข้ามา เอ็ดผมกับไอ้หมี


       ไม่นานเตาย่างบาร์บีคิวก็มีไฟลุกโชน ด้วยฝีมือไอ้ดิน นี่แหละวิถีของพ่อบ้านตัวจริง!!

ส่วนมือปิ้งย่างต้องยกให้ไอ้สมใจ กับไอ้นพ มันบอกเมนูที่ถนัดคือจี่หอย?!! มันเหมือนกันตรงไหนวะ??


“หน้ามึงเลอะอ่ะ” หน้าไอ้ดินมีรอยเปื้อนสีดำ คงจะมาจากถ่านที่มันใช้ก่อไฟเมื่อกี้


“ตรงไหน” มันถามหน้านิ่ง


“ตรงแก้ม” ผมบอกพร้อมกับทำท่าประกอบชี้ไปที่แก้มของตัวเอง แต่มันยิ่งเช็ดหน้ามันก็ยิ่งเลอะ เพราะมือมันเปื้อน


 “เลอะกว่าเดิมอีก” ผมพูดพร้อมกับส่ายหน้า


“เช็ดให้หน่อย” มันยังคงพูดด้วยใบหน้านิ่ง


“กูว่ามึงไปล้างมือ แล้วค่อยเช็ดจะดีว่า”


“....” มันยังมองหน้าผมนิ่ง มาอีกละสายตาแบบนี้ สายตาที่ยังไงกูก็ต้องทำ แล้วสุดท้ายกูก็ยอมทุกที!!


“มึงนี่น๊า” ผมพูดพร้อมกับหยิบทิชชู่ที่วางอยู่บนโต๊ะ มาเช็ดตรงแก้มไอ้ดิน ถูๆๆ แม่งโมโห  โมโหตัวเองนี่แหละที่ยอมมันทุกที!!


“มือหนักนะเราอ่ะ” มันพูดพร้อมกับจับมือผมให้ถูหน้ามันเบาๆ


“หนังหน้ามึงมันหนาไงเช็ดเบาๆไม่ออกหรอก”


“ตัวมึงหอมดีเนอะ” นี่มึงฟังที่กูพูดมั้ยเนี่ย นึกอยากจะพูดอะไรก็พูดใช่มะ!!


“หอมอะไรของมึง ตัวมีแต่กลิ่นเหงื่อ น้ำก็ยังไม่ได้อาบ” พูดจามั่วซั่วจริงๆเลยไอ้บ้านี่ พึ่งจะรู้ตัวว่าตอนนี้ผมกับมันอยู่ใกล้กันมาก

ไอ้ดินที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ส่วนผมยืนอยู่ด้านหน้ามัน โดยที่มันจับมือผมที่กำลังเช็ดหน้ามันอยู่ ท่าทางดูล่อแหลมยังไงชอบกล!!


“เนี่ย หอมจริงๆนะ” พูดเสร็จมันก็ดึงตัวผมเข้าไปใกล้ แล้วหอมที่หน้าท้องของผมอย่างรวดเร็วโดยผมไม่ทันตั้งตัว

เพราะมันนั่งที่เก้าอี้ส่วนผมยืนอยู่ กลายเป็นว่าหน้าของไอ้ดินอยู่ระดับเดียวกับหน้าท้องของผม


จังหวะนั้นเหมือนถูกไฟซ็อต ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ


“ชะ..เช็ดออกหมดแล้ว” พอได้สติ  ก็รีบหมุนตัวเดินไปหาไอ้หมีที่อยู่ตรงเตาย่างบาร์บีคิว


มาถึงก็เจอสายตากรุ้มกริ่ม ของไอ้เพื่อนทั้ง4ตัวที่มองอย่างจับผิด  รู้สึกทำตัวไม่ถูก


“มองอะไร” ผมตวาดใส่ไอ้4ตัวนั่น


“ทำไมหมูมันหวานจังวะ” ไอ้หมี ไอ้ห่านี่ก็ไม่ได้สนคำพูดผมเลย แล้วก็เคี้ยวหมูบาร์บีคิวซะเสียงดัง


“ไส้กรอกอันนี้ก็โคตรหวานวะ” ไอ้สมใจกัดไส้กรอกคำโตก็พูดขึ้นอีกคน


“ข้าวโพดอันนี้ก็หว๊าน หวาน” ไอ้ปูนก็เล่นกับเค้า เหลือไอ้นพ ดูมันสิมันจะเล่นอะไรต่อ?!!


“อื่อ ขนาดพริกยังหวานอ่ะ ไม่เชื่อมึงลองดู” ไอ้นพพูดเสร็จก็ยัดใส่ปากไอ้หมี ไอ้หมีไม่ทันตั้งตัวเลยเผลองับพริกเข้าไปทั้งเม็ด

 
“อื่อหือ โคตรหวาน   น้ำ เอาน้ำมาให้กู!!”  ไอ้หมีพูดพร้อมขึงตาใส่ไอ้นพที่หัวเราะไม่หยุด


“สมน้ำหน้า เผ็ดละสิมึง” ผมพูดพร้อมยื่นแก้วน้ำให้มัน


“ไม่เผ็ด แต่พริกมันติดคอกู!!” ไอ้หมีพูดพร้อมกับปากเจ่อ   สมน้ำหน้า ล้อกูดีนัก


“ไหนมีใครจะบอกว่าอะไรหวานอีกมั้ย” ผมพูดประชดไอ้พวกเพื่อนเวรทั้งหลาย


“ตัวมึงไงที่หวาน!!” ไอ้ดินที่เดินมาหยุดที่ข้างหลังผมพูดขึ้น ผมหันหลังกลับไปตามเสียงของมันทำให้หน้าของผมกับมันแทบจะ

ชนกัน  ให้ตาย!! นี่มึงมาใกล้กูมากเกินไปมั้ย?!!  รีบผละตัวออกแทบไม่ทัน


“หวานจริงเหรอวะ ไหนกูขอชิมหน่อย” ไอ้หมีพูดแซวขึ้น


“ไม่ได้!! กูชิมได้คนเดียว” ไอ้ดินรีบพูดขัดทันที


“มีหวงด้วยว่ะ” ไอ้หมีพูดพร้อมกับหันไปยิ้มให้กับเพื่อนอีก3ตัวที่คอยเป็นลูกคู่รอแซวช่วยมันอยู่


“หยุดเลยมึง2ตัว กูไม่ใช่ของกินจะมาชิมกูได้ไง อ่ะนี่หวานมากใช่มั้ย แดกเข้าไป” แล้วผมก็จับพริกยัดใส่ปากไอ้หมีอีก2เม็ด 

ให้ปากมันเจ่อเข้าไว้จะได้ไม่พูดมาก รำคาญ!!


“ไอ้สัดพู่  กูเผ็ด!! แล้วแก้วน้ำกูหายไปไหนนนน” ไอ้หมีโวยวายหาแก้วน้ำที่ไอ้สมใจแอบเอาไปซ่อน       

       รักดอกจึงหยอกเล่น มีแต่เพื่อนที่รักมึงทั้งนั้นไอ้หมี!!!


“ชิมนี่ดู” ไอ้ดินยื่นเนื้อบาร์บีคิวที่ปิ้งสุกแล้วมาให้ผม


“กูไม่แดกเนื้อ มึงแดกเลย” แล้วมันก็มองหน้าผมนิ่ง เหมือนคิดอะไรบางอย่าง


“...”


“มีอะไรหลายอย่างที่กูไม่รู้เกี่ยวกับมึงเยอะเลย” แล้วจู่ๆมันก็พูดขึ้น


“แล้วไง??” ผมได้แต่ทำหน้าสงสัย ทำไมมึงต้องมารู้เรื่องเกี่ยวกับกูด้วยล่ะ


“ก็กูจีบมึงอยู่!! เลยอยากรู้จักมึงให้มากกว่านี้”


“มันก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปดิวะ มึงจะรีไปไหน” ผมตอบไปตามที่ใจคิดตอนนั้น ไม่ได้คิดว่าจะส่งผลอะไรกับไอ้ดิน


“...” มันไม่พูดอะไร แต่ยิ้มกว้างกับคำพูดของผม


“…” จังหวะนั้นทำให้หัวใจผมเต้นแปลกๆ


“นั้นน่ะสินะ ไม่เห็นต้องรีบเลย ยังไงมึงก็ให้โอกาสกูแล้ว สุดท้ายมึงก็ต้องมาเป็นแฟนกูอยู่ดี!!”


“ไม่คุยกะมึงละ เอาหมูไม้นั้นมากินดิ” กินแก้เขินดีกว่า  แล้วกูจะเขินทำไมเนี่ย!! หัวใจๆ


“มาๆ ได้เวลาตั้งวงแล้วเพื่อนๆ” ไอ้หมีพูดขึ้นพร้อมกับถือเบียร์มาวางบนโต๊ะ


“อย่ามอมกู เพื่อพิสูจน์ห่าเหวอะไรของมึงอีกนะ” ผมรีบพูดดักพวกมันไว้ก่อน เดี๋ยวจะโดนเหมือนคราวที่แล้ว


“อย่าสำคัญตัวไอ้พู่” ไอ้หมีพูดพร้อมส่ายหน้าระอา  ทำหน้าแบบนี้น่าตบให้คว่ำจริงๆ มึงนั่นแหละตัวดี!!


“มาๆ ชนแก้ว ถือว่าฉลองคริสต์มาสย้อนหลังละกัน”  จากนั้นเบียร์ก็พร่องลงเรื่อยๆ เพราะไอ้หมีคอทองเค!!


“พ่อกับแม่ไม่ออกมาเหรอ” ผมถามไอ้ดินที่กำลังรินเบียร์ใส่แก้วให้ผม


“ชวนแล้วแต่แกบอกว่า ให้วัยรุ่นสนุกกันเหอะแก่แล้วขอพักผ่อน” ผมได้แต่พยักหน้ากับคำตอบของไอ้ดิน   

จะว่าไปพ่อกับแม่ของไอ้ดินยังดูไม่แก่นะ อาจจะผิวคล้ำแดดตามอาชีพของแก แต่ก็ยังถือว่าไม่แก่

ยิ่งแม่ของไอ้ดิน ถ้าบางคนไม่รู้อาจจะคิดว่าเป็นพี่สาวไอ้ดินก็ได้ นี่ผมไม่ได้โม้นะ แม่ไอ้ดินยังดูสาวและก็สวยมากครับ

โดยเฉพาะตาที่คมสวย ไอ้ดินก็ถอดแบบแม่มันมาเป๊ะ ไม่แปลกที่มันจะเป็นบุคคลสาธารณะมีคนมาชอบมันเยอะแยะ 

พูดถึงคนชอบมันก็นึกเรื่องที่มันเป็นเดือนคณะขึ้นมา ลองถามมันดูดีกว่า


“ได้ยินมาว่ามึงเป็นเดือนคณะเกษตรเหรอ”


“เป็น แต่มันขาหักเลยไม่ได้ประกวดดาวเดือนมหาลัย กูยังเสียดายเลยถ้ามันไม่ขาหักซะก่อนนะ ไอ้ดินได้เป็นเดือนมหาลัย

แน่นอน” ผมถามไอ้ดิน แต่ไอ้หมีเสือกตอบแทน


“เออ แม่งโคตรซวยอ่ะ ดันขาหักก่อนวันประกวด2วัน ไอ้ว่านรองเดือนคณะต้องขึ้นประกวดแทน ดีนะที่มันพอจะมีความสามารถ

เล่นกีต้าร์ร้องเพลงได้ ไม่งั้นเตรียมตัวไม่ทันแน่ คณะคงต้องสละสิทธิ์อ่ะ” ไอ้สมใจอธิบายพร้อมกับทำหน้าเสียดาย


“มึงไปทำอะไรขาถึงหักวะ” ไอ้ปูนถามขึ้น


“เตะบอล” ไอ้ดินตอบหน้านิ่ง


“โห นี่มึงเล่นแรงกันขนาดนี้เลยเหรอวะ”


“มันเป็นจังหวะมันพอดีน่ะ” มันยังตอบหน้านิ่งเหมือนเดิม


“มันเป็นแผนของมึงรึป่าวที่ไม่อยากเป็นเดือนน่ะ” ไอ้นพถามทำหน้าเหมือนมีเลสนัย


“กูไม่ลงทุนเจ็บตัวขนาดนั้นหรอก อีกอย่างกูก็ได้เป็นเดือนคณะอยู่ดีป่ะวะ” ไอ้ดินอธิบาย


“ตงลงมึงเป็นเดือนคณะเกษตร เพียงแต่วันประกวดดาวเดือนมหาลัยมึงไม่ได้ขึ้นประกวด” ผมหันไปถามมันบ้าง  ไอ้ดินพยักตอบ


“มาๆ แก้วนี้ดื่มให้เพื่อนกูที่หล่อ มีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะ” ไอ้หมีที่หาเรื่องชนแก้วตลอด  ไม่เกี่ยวกันมั้ยวะ เรื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว!!


ชักจะเริ่มมึนละแฮะ ไอ้หมีแม่งชนแก้วบ่อยเกิ๊น!!


“อากาศเริ่มหนาวแล้วใส่เสื้อกันหนาวอีกตัวสิ”  ผมตอนนี้ใส่แค่เสื้อยืดแขนยาวตัวบาง ไอ้ดินเลยยื่นเสื้อกันหนาวของมันมาให้ผม


“เดี๋ยวกูเข้าไปเอาเสื้อของกูในบ้านก็ได้ มึงใส่ของมึงไปเหอะ” ผมตั้งใจจะไปเอาเสื้อข้างในบ้านอยู่แล้ว


“ใส่ๆไปเหอะน่า” มันพูดพร้อมกับคลุมเสื้อกันหนาวของมันให้ผม แล้วก็เดินหนีเข้าไปในบ้าน 

อะไรของมัน?!!   ผมเลยยอมใส่เสื้อของมันแต่โดยดี ไออุ่นของไอ้ดินยังอยู่  อุ่นดีแฮะ!!

ไม่นานไอ้ดินก็เดินกลับมา พร้อมกับใส่เสื้อกันหนาวตัวใหม่ และผ้าพันคอในมือ


 
    ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 7 แค่เธอก็พอ!! (12-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 12-01-2018 19:09:44
“พันผ้าพันคอซะ ยิ่งดึกยิ่งหนาว” แล้วมันก็ยื่นมาให้ผม


“ไม่ได้หนาวขนาดนั้นสักหน่อย ผิงไฟตอนนี้ก็อุ่นดี”


“เชื่อกู อย่าดื้อ!!”


“กูไม่ใช่เด็ก อย่ามาใช้คำนี้กับกู” ไม่ชอบเลยเวลามีคนบอกว่าดื้อ โดยเฉพาะคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อกับแม่


“งั้นก็รับไปซะ หรือจะให้กูพันให้”  มันพูดด้วยน้ำเสียงแกมบังคับ


“ไม่ต้อง!!” ผมรีบคว้าผ้าพันคอมาพันคอตัวเองอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าไม่ทำเองมันทำให้แน่นอน!!


“เป็นห่วงเป็นใยกันดีจังนะ พวกกูไม่เห็นห่วงบ้างเลย” ไอ้สมใจพูดขัดขึ้น  เพราะทุกการกระทำอยู่ในสายตาของเพื่อนทุกคน


“พวกมึงหนังหนา หนาวแค่นี้ทำอะไรผิวพวกมึงไม่ได้หรอก” ไอ้ดินตอบกลับหน้านิ่ง


“ชิชะ กูบอกว่าไอ้พู่ขี้หนาว นี่มึงเป็นห่วงเป็นใยดูแลมันขนาดนี้เลยเหรอ ไม่เอาผ้านวมมาให้มันห่มเลยล่ะ ” ผมหันหน้าไปมอง

ไอ้หมีทันที นี่มึงบอกเรื่องอะไรของกูให้ไอ้ดินรู้บ้างเนี่ย  มึงเป็นสายให้ไอ้พี่น้ำไม่พอมึงเป็นสายให้ไอ้ดินอีกเหรอ?!!


“หุบปากเลยเชี่ยหมี แดกๆไปมึงอ่ะ” ไอ้ดินหันไปว่าไอ้หมี


“เรื่องพวกมึง2คนพักไว้ก่อน  ตอนนี้มาเล่นเกมส์อะไรสนุกๆกันดีกว่า” แล้วไอ้หมีก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์
 
กูเริ่มระแวงขึ้นมาทัน หวยมาออกที่กูแน่ๆๆ !!


“เกมส์อะไรวะ” ไอ้ปูนถามพร้อมทำหน้าตื่นเต้น  แต่มันดูตอแหลยังไงชอบกล!!


“เกมส์ที่เราจะเล่นคือ truth or dare dare dare” มึงจะใส่แอ๊คโค่เพื่อ เล่นใหญ่ไปนะมึง


“truth or dare คืออะไรวะ” ไอ้สมใจทำหน้างง


“บักงัว!! truth or dare คือ พูดหรือทำ คืองี้หมุนขวดไปที่ใครคนนั้นมีสิทธ์เลือกที่จะพูดหรือทำ โดยคนที่หมุนขวดจะเป็นคน

เลือกเองว่าให้พูด หรือทำอะไร แต่ถ้ามึงไม่ยอมพูดหรือทำ มึงก็ต้องแดกเบียร์หมดแก้วเป็นการลงโทษ เก็ทป่ะ?”


“โอเค เก็ท” ไอ้สมใจพยักหน้าเข้าใจหงึกๆ


“โอเค งั้นกูเริ่มหมุนขวดก่อนนะ ขวดไปตกที่ใครคนนั้นก็ค่อยเป็นคนหมุนขวดคนต่อไป ผลัดกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ โอเค๊?” 

ว่าแล้วไอ้หมีก็หมุนขวดเบียร์ และแล้วปากขวดสีเขียวก็หยุดนิ่งที่ ที่ กูเอง!!

       ว่าแล้วหวยต้องมาออกที่กู แม่ง!!


“ฮ่าๆๆ ไอ้พู่เลือกมาพูดหรือทำ?” ไอ้หมีถามผมด้วยสายตาไม่น่าไว้ใจสุดๆ


“พูด” ผมเลือกพูด ถ้าเลือกทำมันคงให้ทำอะไรพิเรนท์ๆแน่


“โอเค งั้นกูถามนะ ถ้าให้เลือกระหว่างไอ้ดิน กับไอ้แผ่นดินเป็นแฟนมึงจะเลือกใคร?”


“ถามเหี้ยไรของมึงเนี่ย!! ไอ้ดินกับไอ้แผ่นเดินมันก็คนเดียวกันป่าวว่ะ” กูว่าละสายตามันไม่น่าไว้ใจ


“พูดมา มันเป็นเกมส์ ไม่พูดก็แดกหมดแก้ว เอาไง?” ไอ้หมีพูดด้วยสายตาเจ้าเล่ห์สุดๆ


“ไอ้ดิน!!” แล้วผมก็โพร่งตอบออกไป แม่ง ท่องไว้มันเป็นเกมส์ๆ  อย่าให้ถึงตากูนะไอ้หมี กูจะเอาคืนแม่ง

        ไอ้สัด ไอ้เหี้ย ไอ้เพื่อนเวร!!


“โอเค ก็แค่เนี้ย!!” แค่เนี้ยพ่องมึงสิ  ผมได้แต่ทำสายตาอาฆาตใส่มัน


“ตากูหมุนใช่มั้ย?” ผมถามต่อ เจอกูแน่ไอ้หมี!!  แล้วผมก็เริ่มหมุนขวด  แล้วปากขวดก็ไปหยุดที่ไอ้สมใจ!!เกือบแล้วอีกนิดเดียว

มันก็จะไปหยุดอยู่ที่ไอ้หมีอยู่แล้วเชียว


“พูดหรือทำ” ผมถามไอ้สมใจ


“พูด” ถามไรมันดีวะ?


“ในหนึ่งอาทิตย์มึงชักว่าวกี่ครั้ง”


“7ครั้ง วันละครั้ง!!”  อื่อหือ หมูที่เคี้ยวๆอยู่แทบติดคอ


“เหี้ย!! นี่มึงเงี่ยนขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ไอ้ปูนที่ถามด้วยความตกใจ เออ กูก็ตกใจ!!


“ก็เด็กมันยั่วจะให้กูอดใจไหวได้ยังไงวะ!!” ไอ้สมใจตอบ พร้อมกับทำหน้าหื่น


 “เด็กที่ไหน ทำไม่กูไม่รู้นี่มึงแอบซุกเด็กเหรอวะไอ้สมใจ” ไอ้หมีโวยวาย


“ก็น้องshoko น้องaki  น้องameri และอีกหลายๆน้องที่มึงส่งคลิปมาให้กูไงไอ้หมี ทำให้กูต้องบริหารข้อมือทุกวัน”

ไอ้สมใจพูดพร้อมทำหน้าหื่น  ไอ้พวกนี้มีเรื่องจัญไร เรื่องสาระหามีไม่!!


“กูโหลดมาใหม่อีกหลายน้องเลยนะโว้ย แจ่มๆทั้งนั้น เดี๋ยวไว้กูส่งให้ ไอ้ดินเอาด้วยป่ะ” แล้วมันก็หันไปถามไอ้ดิน

พร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์


“ไม่เอา ไม่จำเป็น”


“ลืมไป ของมึงใช้แค่รูปไอ้พู่รูปเดียวก็พอ ฟินยาวไปทั้งคืน ฮ่าๆๆ” แล้วไอ้หมีมันก็หัวเราะเหมือนคนบ้า


“อะไร มึงเอารูปกูไปทำอะไร” ผมหันไปถามไอ้ดินทันที ไอ้บ้านี่เอารูปกูไปทำมิดีมิร้ายแน่ๆ


“เอาไว้ดูตอน..คิดถึง ทำไมแค่นี้หวงรึไง”


“...” คิดถึงบ้าบออะไรของมัน แล้วกูต้องเขินทุกทีสิน่า!!


“ตามึงไอ้สมใจ รีบหมุนเลย” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันที ไม่งั้นมันพูดเรื่องผมไม่หยุดสักทีแน่

ไอ้สมใจหมุนขวด แล้วมันก็ไปหยุดอยู่ที่ไอ้ดิน  ตามึงโดนบ้างละ สมน้ำหน้ามัน


“truth or dare” ไอ้สมใจถามไอ้ดินพร้อมกับยักคิ้ว อย่างกวนบาทา


“dare” ไอ้ดินตอบหน้านิ่ง


“dare แปลว่าไรวะ??” ไอ้สมใจถามทำหน้างงอีกครั้ง


“บะง่าว dareก็ ทำ ไง” ไอ้นพหันไปด่าในความโง่ของไอ้สมใจ


“แม่ง มึงก็รู้ว่ากูโง่ ภาษาอังกฤษกูผ่านมาได้ด้วยD ทุกเทอมก็เป็นบุญโขมากพอละ ไอ้สัด” แล้วมันก็พูดต่อ


“มึงเลือกทำใช่มั้ยไอ้ดิน  ดี!! กูจะให้มึงอัพรูปลงเฟสบุ๊คของมึง รูปที่จะให้อัพ คือรูปที่กูส่งให้มึงตอนหัวค่ำ พร้อมกับแคปชั่นอะไร

ก็ได้ 3คำ  กล้ามั้ย ไม่กล้าแดกหมดแก้วคร้าบบบ” ไอ้สมใจพูดพร้อมกับยักคิ้วจึกๆ

แล้วไอ้ดินก็หันมามองหน้าผมนิ่ง  อะไร!! ลางสังหรณ์มันบอกว่าหวยต้องมาออกที่กูอีกแน่ๆ


“ได้กูจะลง!!”  แล้วไอ้ดินก็หยิบมือถือของมันขึ้นมา พร้อมกับก้มลงกดมือถือยิกๆ


“ที่สุดของแจ้ จริงๆเพื่อนกู” ไอ้สมใจพูดพร้อมกับสายตายิ้มกริ่ม แล้วทุกคนยกเว้นผมก็ตั้งตารอไอ้ดินมันอัพรูปลงเฟสบุ๊คจนเสร็จ


"เห้ย คนจริงวะ เพื่อนกู" ไอ้หมีพูดพร้อมกับยกนิ้วให้เมื่อเห็นรูปที่ไอ้ดินมันโพส

ผมไม่มีเฟสบุ๊คไอ้ดินเลยไม่รู้ว่ารูปที่มันลงคือรูปอะไร  ผมเลยขอดูจากไอ้หมี


“แน่ใจเหรอว่ามึงจะดู”


“ทำไมวะ กูอยากดู” แม่งพูดแบบนี้ยิ่งอยากดู

แล้วมันก็ยื่นมือถือของมันมาให้ผม  !!! what the f*ck !!! นี่มันรูปบ้าอะไรเนี่ย!!

มันเป็นรูปไอ้ดินตอนที่มันฉวยโอกาสหอมหน้าท้องของผมเมื่อตอนหัวค่ำที่ผมเช็ดรอยเปื้อนออกจากหน้ามัน!!

และถ้าสังเกตุดีๆ หน้าไอ้ดินตอนนั้นมันกำลังยิ้ม!! แล้วไอ้แคปชั่น3คำของมันคือ ‘ตัว หอม จัง

มึงลงไม่ถึงนาที ทำไมคนมากดไลท์ เยอะจังวะ!!

ฮือ..กูอยากจะร้องไห้  หน้าผมต้องแดงมากแน่ๆตอนนี้ ไม่รู้ว่าแดงเพราะโมโห หรือเขินกันแน่!!


“ไอ้เหี้ย!! มึงลงรูปอะไรเนี่ย แล้วใครเป็นคนถ่ายรูป!!” โมโห...ใช่ ผมควรจะโมโห!!


“มันเป็นเกมส์ มึงอย่าซีเรียสไอ้พู่” ไอ้หมีพูดพร้อมกับกลั้นขำ


“ไม่ซีเรียสได้ไง มึงดูรูปดิ คนอื่นเค้าจะคิดยังไง” ผมโวยใส่ไอ้หมี


“สนใจคนอื่นทำไม ไมเห็นต้องแคร์เลย ให้กูลงรูปแบบนี้กับไอ้ปูน ไอ้นพ หรือไอ้สมใจก็ได้นะ กูไม่แคร์

มึงแคร์ป่ะไอ้ปูน” แล้วมันก็หันไปถามไอ้ปูน


“กูไม่แคร์ เพื่อนเล่นกันขำๆ” แล้วมันก็ตอบแบบไม่แคร์สื่อ!!


“ไอ้สัด กูไม่ขำ!!!” มึงไม่เป็นกูแม่งไม่เข้าใจหรอก หันไปมองไอ้ดินที่นั่งทำหน้านิ่ง

ก็ยิ่งโมโหไอ้บ้านี่ก็เสือกบ้าจี้เล่นตามไอ้พวกบ้านี่อีก


“เอาน่าๆ มาเล่นต่อ ตามึงหมุนไอ้ดิน” ไอ้สมใจที่เบรกสถานการณ์นี้ไว้แล้วชวนให้ทุกคนกลับมาเล่นต่อ

ไอ้ดินหมุนขวดเริ่มเกมส์อีกครั้ง แล้วปากขวดก็ไปหยุดที่ไอ้ปูน


“พูดหรือทำ” ไอ้ดินถามไอ้ปูนหน้านิ่ง


“พูดดีกว่า”


“ระหว่าง กู ไอ้หมี ไอ้สมใจ ไอ้นพ มึงอยากให้ใครเป็นแฟนกับไอ้พู่มากที่สุด?!!”  ไอ้ดินถามไอ้ปูนหน้านิ่ง แต่สายตามันยิ้มกริ่ม   

นี่มันถามเหี้ยอะไรวะ!!


“ก็มึงไง เหมาะที่จะเป็นแฟนไอ้พู่มากที่สุด” ไอ้ปูนตอบพร้อมกับหันมายิ้มให้ผม  หวยมาออกที่กูอีกแล้ววว!! นี่ถ้าได้เงินจริงๆกูคง

รวยตายห่าไปแล้วล่ะ!!

ผมที่กำลังจะอ้าปากเถียง ไอ้ปูนก็เอามือมาปิดปากผมไว้


“มึงไม่ต้องพูดห่าอะไร มันเป็นเกมส์”  พูดเสร็จมันก็หมุนขวดต่อ  แล้วขวดมันก็มาหยุดที่ไอ้นพ


“นึกว่ากูจะไม่ได้เล่นซะแล้ว กูเลือกทำ” ยังไม่ทันได้ถาม มันก็รีบตอบก่อน สงสัยมันอยากเล่นมากจริงๆ!!


“ทำใช่มะ? งั้นมึงแดกนี่”  แล้วไอ้ปูนก็จัดการทำค็อกเทลสูตรใหม่ โดยการผสมซอสมะเขือเทศ ซอสพริก มายองเนส ลงไปในเบียร์

พร้อมกับท็อปปิ้งด้วยแตงกวาสไลด์  อืม...ดูดีเชียว!! 

ทุกคนมองดูเบียร์แก้วนั้น ด้วยสายตาขยะแขยง แดกเข้าไปมีหวังขี้แตกแน่ๆ!!


“กูไม่แดก  กูยอมกินเบียร์แบบเพียวๆ ดีกว่า” พูดจบก็ยกเบียร์ขึ้นดื่มหมดแก้ว  เออ..มันฉลาดวะ ยังไงก็ต้องได้แดกเบียร์อยู่ดี

อยู่ที่ว่าจะเลือกแดกเบียร์ออริจินอล หรือเบียร์สูตรใหม่โดยบาร์เทนเดอร์ปูน!!


“กากวะ ไอ้นพ” แล้วไอ้ปูนก็พูดแขวะไอ้นพ


“งั้นมึงโชว์ความเทพ แดกให้กูดูเป็นบุญตาหน่อยดิ” ไอ้นพพูดพร้อมกับดันกรอบแว่นขึ้น


“ไม่อ่ะ กูก็กากเหมือนมึงนี่แหละ แฮะๆ  เทพตัวจริงอยู่นี่ เทพหมีแดกให้พวกนี้ดูเป็นบุญตาหน่อยครับ” แล้วไอ้ปูนก็ยื่นแก้วเบียร์

สูตรพิเศษไปให้ไอ้หมี สุดท้ายหวยก็ไปออกที่ไอ้หมี!!


“มันจะเป็นไรไป มันก็เหมือนมึงกินของทีละอย่าง แล้วตามด้วยเบียร์ แต่นี่แค่ผสมรวมกันแบบ3in1ไง” พูดจบมันก็แดกหมดแก้วใน

พริบตา ไอ้สัดกูจะอ้วก!!!  มึงนี่แดกได้ทุกอย่างจริงๆ!!


“หมุนต่อๆ ไอ้นพ” แดกเสร็จมันก็พูดต่อ


“มึงยังจะเล่นอีกเหรอ พอเหอะ” ผมหันไปถามไอ้หมี อยากนั่งกินสบายๆมากกว่า นี่กูเกร็งยิ่งกว่าลุ้นหวยอีกนะเนี่ย!!


“เออๆ ตาสุดท้ายละ”  แล้วไอ้นพก็หมุนขวดครั้งสุดท้าย  ปากขวดมาหยุดที่ไอ้ดินอีกครั้ง!!

    ทำไมกูรู้สึกเสียวสันหลังจังวะ!!


“พูดหรือทำ ไอ้ดินครั้งสุดท้ายละ กูขอเน้นๆ”  ไอ้นพถามพร้อมใบหน้าสนุกเต็มที่


“พูด” นี่มึงหน้านิ่งไปมั้ย มีอารมณ์กับเค้าบ้างรึป่าว กูนี่เกร็งฉี่แทบเล็ด!!


“งั้นพูดอะไรก็ได้กับไอ้พู่หน่อย ขอแค่3คำ”  มาลงที่กูอีกละ!! อะไรกับกูนักหนาวะเนี่ย  แล้วไอ้3คำห่านี่ก็ตามมาหลอกหลอนกูจัง

แล้วไอ้ดินก็หันมาทางผม ก่อนจะบอกว่า “ขอ จูบ หน่อย!!”


“....” อึ้งแดก


“จูบเลยๆๆๆ” แล้วเพื่อนเวรทั้งหลายก็ตบมือพร้อมกับเชียร์ให้ผมกับไอ้ดินจูบกัน  นี่กูไม่ใช่เจ้าบ่าวเจ้าสาวนะที่จะมาเชียร์

ให้จูบกันแบบนี้น่ะ!!


“จูบกับผีนะสิ” ผมโวยวาย พร้อมทำท่าจะเขกกระบาลไอ้ดิน ชักจะเอาใหญ่แล้วนะมึง กูไม่น่าให้โอกาสมันเล้ยยย..ไม่คิดว่ามันจะ

รุกหนักขนาดนี้!! 

หลังจากจบเกมส์บ้าบอของไอ้หมี พวกเราก็นั้งคุยกันจิบเบียร์ผิงไฟกันไปเรื่อยๆ แล้วไอ้หมี ก็หยิบกีต้าร์ มาเล่นคลอเบาๆ

     
        อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง...

              เอิม..เสียงอย่างกะควายออกลูก!!


“ไอ้ดินจัดให้สักเพลงดิ” ไอ้สมใจที่นั่งเอามืออุดหู ทนฟังเสียงไอ้หมีไม่ไหวพูดขึ้น


“อะไรวะ เสียงกูไม่เพราะตรงไหน?”


“ทุกตรง!!” แล้วทุกคนก็พูดขึ้นพร้อมกัน ยกเว้นไอ้ดิน


“เสียงตดกูยังเพราะกว่าอ่ะ” ไอ้นพพูดพร้อมกับนวดหูตัวเอง


“โด่ อ่ะเอาไปไอ้ดิน จัดมาสักหนึ่งซิงเกิ้ลดิ๊” ไอ้หมีพูดพร้อมกับ ยื่นกีต้าร์ให้ไอ้ดิน


           
                 เสียงเกากีต้าร์เบาๆ มาพร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มน่าฟัง..


สิ่งที่ฉันไม่เคยรู้สึก สิ่งที่ฉันไม่เคยจะนึกว่ามี

แต่แล้วฉันก็พบจาก ได้พบจากเธอ เธอคนนี้


แค่เธอก็พอ ฉันไม่ขอมากกว่านี้

แค่เธอก็พอ ฉันจะไม่ขออะไรอีก

แค่เธอก็พอ ชีวิตฉันเพียงพอแล้วแค่คนนี้


จะไม่มีวันรักใคร และจะไม่มีวันไปไหน

ฉันสัญญาว่าฉันจะ จะรักกับเธอเป็นคนสุดท้าย



เหมือนโดนต้องมนต์สะกด ใบหน้าของไอ้ดินตอนร้องเพลง มันสบตาผมนิ่ง เหมือนจะสื่อความหมายให้ผมรู้ว่าเพลงนี้มันตั้งใจที่

จะร้องให้กับผม..


แค่เธอก็พอ ฉันไม่ขอมากกว่านี้

แค่เธอก็พอ ฉันจะไม่ขออะไรอีก

แค่เธอก็พอ ชีวิตฉันเพียงพอแล้วแค่คนนี้..



หัวใจของผมมันกำลังทำงานหนัก มันเต้นแรงกับสายตาของไอ้ดินที่มองมาอย่างลึกซึ้งว่ามันคิดกับผมยังไง

ประกอบกับเสียงที่ไพเราะของไอ้ดิน พร้อมกับบรรยากาศที่เป็นใจในตอนนี้ ไออุ่นจากเปลวไฟที่ทำให้อุ่นไปทั้งตัว

รวมถึงอุ่นไปทั้งหัวใจ!!

ถ้าเปรียบเทียบหัวใจของผมในตอนนี้คงเหมือนกับขี้ผึ้ง ที่มันยิ่งอยู่ใกล้เปลวไฟมากเท่าไหร่มันยิ่งละลายเร็วมากขึ้นเท่านั้น

เหมือนกับหัวใจของผมในตอนนี้ ที่อยู่ใกล้กับความอบอุ่นของไอ้ดินมากเท่าไหร่ มันยิ่งละลายยอมรับไอ้ดินเร็วมากขึ้นเท่านั้น!!!


 
    *TBC*



..................................................................................................


สวัสดีค่ะ

และแล้วหัวใจของพู่กัน ก็เริ่มละลายทีละนิดให้กับความเนียนของแผ่นดิน^^

เจอกันบทหน้าค่ะ...


ปล. ขอขอบคุณเพลง 'แค่เธอก็พอ' ของGroove Riders ด้วยค่ะ^^

https://www.youtube.com/watch?v=dvVQaWu2USI (https://www.youtube.com/watch?v=dvVQaWu2USI)

หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 7 แค่เธอก็พอ!! (12-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 12-01-2018 23:37:26
มีหอมทงหอมท้อง เขินเด้ออออ :-[
ขอบคุณเกมที่ทำให้ดินได้ประกาศจองพู่กันอย่างเป็นสาธารณะ หนีไม่พ้นเเล้วลูกเอ้ย :laugh:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 7 แค่เธอก็พอ!! (12-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 13-01-2018 13:19:48


คือดี^^ มีความอบอุ่น   :3123:

ละลายและระทวยไวๆนะพู่กัน  :hao3:

หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 7 แค่เธอก็พอ!! (12-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 13-01-2018 20:12:04
  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 7 แค่เธอก็พอ!! (12-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 13-01-2018 20:23:24
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 7 แค่เธอก็พอ!! (12-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 14-01-2018 12:13:23


ชอบหมี กินได้ทุกอย่างจริงๆ!!      o22
   
เสียงตดยังเพราะกว่าเสียงร้องเพลง เสียงคงจะห่วยสุดๆ หมีเอ้ย...   :laugh:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 7 แค่เธอก็พอ!! (12-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 15-01-2018 20:48:10
 
ขอบคุณทุกคนมากค่ะ ที่เอ็นดูเด็กๆ ^^

             :pig4:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 8 ยอมรับความจริงซะ!! (29-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 29-01-2018 22:24:10
บทที่8 ยอมรับความจริงซะ!!


       หลังจากกลับมาจากไปเที่ยวบ้านไอ้ดินตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว ชีวิตยังคงดำเนินตามปกติจะมีที่แปลกๆไปคือ

ไอ้ดินมักจะเข้ามาทำให้หัวใจปั่นป่วนอยู่เสมอๆ วันนี้ก็เช่นกัน..

เย็นวันอาทิตย์หลังจากกลับมาจากบ้านใหญ่ กำลังจะเลี้ยวรถเข้าบ้าน ก็เจอรถไอ้ดินจอดขวางอยู่หน้าบ้านเลยต้องจอดรถต่อจาก

รถมันแล้วลงมาดูว่าไอ้เจ้าของรถมันอยู่ไหน ไปส่องดูที่รถก็ไม่ยักจะเห็นมัน ไปไหนของมันวะ แล้วแทนที่มันจะจอดรถตรงข้างรั้ว

เสือกมาจอดขวางประตูรั้วบ้านอีก อ่านหนังสือไม่ออกรึไงป้ายก็แขวนอยู่ตรงรั้วว่าอย่าจอดขวางหน้าบ้าน  น่าโมโหจริง!!

เอ๊ะ หรือว่าไม่ใช่รถมันลองสำรวจรถดีๆ ก็ใช่นี่หว่า รถมันก็ยี่ห้อนี้ สีนี้ ป้ายทะเบียนโคราช แล้วมันไปไหน?!!


ไม่อยากเสียเวลาคิดเอาของไปเก็บในบ้านก่อนดีกว่า วันนี้แม่ทำบราวนี่ กับชีสเค้กให้ นี่แหละคือเหตุผลที่กลับบ้านใหญ่

เห็นแก่กินจริงๆเลยผม สงสัยติดนิสัยมาจากไอ้หมี!!

เดินเข้ามาถึงประตูบ้านก็ได้ยินเสียงงุ้งงิ้งๆอยู่ข้างหลังบ้าน  ใครวะ?!! หรือว่าขโมย!!

รีบวางของทั้งหมดลง แล้วหยิบไม้กวาดที่วางอยู่ใกล้ๆแล้วย่องไปหลังบ้าน แม่จะฟ้าดให้หลังหักเลยค่อยดูไอ้โจรชั่วบังอาจมา

ขโมยของบ้านกู ..ค่อยๆย่อง ย่อง ย่อง และสิ่งที่เห็นคือ ไอ้ดินนอนคว่ำตรงเก้าอี้ไม้ตัวยาวให้แมวนวดหลังให้อย่างสบายใจ

 ฟู่..ถอนหายใจโล่งอกนึกว่าจะเจอกับขโมยจริงๆซะแล้ว!!

“ตรงนั้นแหละๆพี่ปี  เด็กดีเดี๋ยวกินขนมกันเนาะ” ไอ้ดินตอนนี้นอนคว่ำมีจำปีนวดให้ตรงกลางหลัง


จำปีเป็นแมวที่ชอบนวดเห็นเรานอนไม่ได้เลยเจ้าเหมียวจะกระโดขึ้นมานวดให้ทันที ส่วนจำปาก็นอนหันหน้าเอาจมูกเตะกับจมูก

ไอ้ดิน ส่วนชบานอนหงายท้องสบายใจอยู่ตรงหว่างขาของไอ้ดิน

ไม่น่าเชื่อว่าบุคคลหน้านิ่งอย่างไอ้ดินจะมีมุมมุ้งมิ้งแบบนี้ ถ้าแฟนคลับมันได้เห็นภาพนี้คงระทวยกันเป็นแถบๆ

ว่าแล้วก็หยิบมือถือมาแอบถ่ายรูปมันไว้ดีกว่า

‘แชะ’ เสียงชัตเตอร์ ทำให้ไอ้ดินรู้ตัว มันหันมาทำหน้าตกใจ รีบลุกขึ้นนั่ง


“แม่มาแล้ว ไปหาแม่กัน” มันพูดพร้อมกับเดินมาทางผม ตามด้วยลูกสมุนทั้ง3ตัว


“ใครแม่ มึงพูดให้มันดีๆ”


“ก็มึงไงเป็นแม่แมว แถมยังใจร้ายปล่อยให้พ่อแมวกับลูกแมวรออย่างเหงาหงอยตั้งนาน” มันพูดพร้อมกับช้อนตามองผม นี่มึงชัก

จะมุ้งมิ้งเกินไปละ ไม่เข้ากับหนังหน้าและสารร่างมึงเลย!!


“หุบปากมึงเลย พูดจาไร้สาระ แล้วนี่เข้ามาบ้านกูได้ยังไง แถมยังจอดรถขวางประตูรั้วอีก”ผมร่ายยาวเป็นชุดใส่มัน


“ก็ถ้าจอดไกลเดี๋ยวมึงไม่รู้ว่ากูมา แล้วกูก็ปีนรั้วเข้ามา คิดว่ามึงคงอนุญาต มาอยู่เป็นเพื่อนเด็กๆด้วยไง” มันพูดเสียงอ่อนเหมือน

เด็กที่กำลังโดนดุและพยายามแก้ตัว  แปลก..วันนี้มันจะเอาโหมดนี้เข้าสู้ใช่มะ?!!

ได้หัวใจกูแข็งแรงพอไม่หวั่นไหวกับโหมดงุ้งงิ้งมุ้งมิ้งของมึงหรอก??!!


“เออๆ คราวหลังก็โทรบอกกูก่อน มาปีนเข้าบ้านแบบนี้คนอื่นเห็นแล้วเค้าเข้าใจผิดคิดว่ามึงเป็นขโมยโทรแจ้งตำรวจ

ขึ้นมาจะทำไง” ผมบ่นมันอีกครั้ง อย่าให้กูได้บ่นนะ กูบ่นทีนึงมึงได้หูชาแน่ๆ


“ขอโทษ” มันพูดเสียงอ่อน พร้อมกับทำหน้าหงอย  ..อย่านะใจ อย่าไปหลงใจอ่อนกับหน้าเสแสร้งแกล้งทำของมันเด็ดขาด!!


“แล้วมึงมาทำไม”


“มาหา อยากเจอ คิดถึง” มันพูดพร้อมกับสบตาผมนิ่ง


“คิดถึงเด็กๆเหรอ”


“ป่าว คิดถึงมึง” มันพูดพร้อมกับโน้มหน้าเข้ามาใกล้  โอ้ย..ใกล้ไปแล้ว ใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจ


.. กลิ่นเปปเปอร์มินต์?  ไม่ได้การหัวใจผมกำลังจะพัง!! รีบผลักอกมันออกอย่างว่อง


“คิดถึงอะไร วันศุกร์ก็เพิ่งเจอกัน” เมื่อวันศุกร์มันก็เพิ่งแวะมาหาชบาที่บ้าน มาซะดึกบอกว่าออกมาเซเว่นเลยแวะมาหาพร้อมกับ

สารพัดนมและขนมปังหลากหลายยี่ห้อที่มีขายในเซเว่นมันเหมามาหมด


“แต่เมื่อวานไม่ได้เจอไง ความจริงไม่ได้เจอแค่ชั่วโมงเดียวก็คิดถึงแล้ว” มันพูดพร้อมกับโน้มหน้าเข้ามาอีกครั้ง


ผมที่ยังถือไม้กวาดไว้ในมือเลยเอาปลายด้ามไม้กวาดดันอกมันเอาไว้ ไม่ให้มันเข้ามาใกล้มากกว่านี้


“...” ได้แต่มองบน อะไรจะเวอร์วังขนาดนั้น กูยังไม่ใช่แฟนมึงสักหน่อยจะคิดถึงอะไรกันนักกันหนา


“แล้วมึงล่ะ คิดถึงกันบ้างรึยัง!!” มันถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมกับรอยยิ้มละมุน


“...”  บึ้ม.. ได้ยินเสียงอะไรมั้ย หัวใจแข็งแรงแค่ไหน ก็ต้านทานไม่อยู่  มาโหมดนี้กูยอม!!


“พอเลยไอ้ดินอย่าเข้ามาใกล้กูมาก เดี๋ยวกูฟาดด้วยไม้กวาด” ผมทำท่าจะเอาไม้กวาดฟาดมัน ไอ้ดินเลยยอมผละออก


“เขินรุนแรงเหมือนกันนะเราเนี่ย” ยัง..ยังจะพูดอีกไม่ได้กลัวที่กูขู่เลยใช่มั้ยเนี่ย!!


“หยุดพูดแล้วไปขยับรถให้กูได้ละ จะได้เอารถมาจอดในบ้านสักที”


“โอเค รับทราบครับ” มันพูดพร้อมกับทำท่าตะเบ๊ะแบบทหาร แล้วก็รีบวิ่งไปย้ายรถให้ทันที  แปลก..วันนี้มันมาแปลกจริงๆ

หรือที่จริงแล้วมันเป็นไบโพลาร์วะ!!

หลังจากย้ายรถมาจอดในบ้านเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลากินเค้กสักที


“กินด้วยรึป่าว” ผมถามไอ้ดินขณะที่แบ่งเค้กใส่จาน


“กิน” มันตอบสั้นๆ ด้วยใบหน้านิ่ง..เปลี่ยนโหมดแล้วสินะ  กูต้องตามอารมณ์มึงให้ทันใช่มะ?


“มาแบ่งใส่จานเองละกันนะ” พูดเสร็จผมก็ถือจานเค้กที่มีบราวนี่กับชีสเค้กอยู่อย่างละชิ้นมาว่างบนโต๊ะหน้าโซฟา

กินไปดูรายการวิเคราะห์บอลก่อนบอลเตะไปพลางๆ วันนี้บอลพรีเมียร์ลีกคู่แรกเตะเร็วหน่อยหกโมงครึ่ง

แต่คู่สำคัญที่คืนนี้ห้ามพลาดคือคู่ดาร์บี้แมตช์ระหว่างแมนยูที่เตะกับทีมเพื่อนบ้านผู้น่ารำคาญอย่างแมนซิตี้

แมตซ์นี้มีความสะเด่าฮาร์ดคอร์ไม่ต่างกับแมตช์แดงเดือดที่ปีศาจแดงแข่งกับเป็ดแดง

ออกตัวแรงขนาดนี้ไม่บอกก็รู้ว่าผมคือแฟนเรดอาร์มี่หรือแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดตัวจริงเสียงจริง ผ่ามพ้าม!!


“อร่อยมั้ย?” อยู่ๆไอ้ดินก็ถามขึ้น ก็นึกว่ามันลุกไปเอาเค้กในครัวแต่มันยังนั่งอยู่ที่เดิม


“เค้กแม่กูอร่อยอยู่แล้ว” ผมพูดพร้อมกับตักชีสเค้กคำโตใส่ปาก


“ไหนชิมหน่อย” พูดปุ๊บมันก็แย่งช้อนในมือผมตักเค้กใส่ปากมันเฉยเลย!!


“...”


“อร่อยจริงๆด้วย ทำขายได้สบายเลยนะเนี่ย” มันพูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก


“อะไรมาแย่งกูกินเพื่อ?”


“ก็เมื่อกี้มึงชวนกูกิน”


“กูหมายถึงให้มึงกินชิ้นใหม่ ไม่ใช่ชิ้นเดียวกับกู” ทำไมกูต้องมาเสียเวลาแปลไทยเป็นไทยด้วยวะ!!


“ไม่เอากูจะแย่งมึงกิน” มันตอบหน้าตาย แล้วยังหน้าด้านตักบราวนี่คำโตใส่ปากมันอีก


“เป็นหมารึไง ชอบแย่งของกิน”


“อื่อ เป็นหมานี่กำลังแย่งกินเค้กของหมาอยู่” เอิม..เหมือนโดนหลอกด่าว่าเป็นหมา


“อ่ะ กินเข้าไปพูดมากจัง” แล้วไอ้หมามันก็ตักเค้กมายัดใส่ปากผม

กลายเป็นว่าไอ้ดินยึดช้อนไปครองมันเลยตักเค้กเข้าปากมันคำนึงสลับกับป้อนผมคำนึง กินสลับกันแบบนี้จนเค้กทั้ง2ชิ้นในจาน

หมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว  น่าแปลกแทนที่ผมจะลุกไปหยิบเค้กชิ้นใหม่มากินก็ได้

แต่ผมกับเต็มใจยอมให้ไอ้ดินมันป้อนสลับกันกินทีละคำกับมันแบบนี้  และก็คิดอีกว่าผมน่าจะหยิบเค้กใส่จานมาให้มากกว่านี้จะ

ได้ยืดเวลาออกไปอีกหน่อย!!  นี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่วะ?!! แม่ต้องใส่ส่วนผสมอะไรผิดลงไปในเค้กแน่ๆ ลูกชายแม่กินเข้าไปถึง

ขั้นเคลิ้มกับการกระทำของคนที่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆได้ขนาดนี้!!


“แย่งหมากินอร่อยจัง” หมดกันกูไม่น่าหลงเคลิ้มไปกับมึงเล้ยยย!!!


“มึงสิหมา เอาจานไปล้างด้วยนะไอ้หมาโทษฐานที่บังอาจมาแย่งเค้กกูกิน”


“แน่นอน มันเป็นหน้าที่พ่อบ้านอย่างกูอยู่แล้ว ส่วนแม่บ้านอย่างมึงนั่งดูทีวีให้สบายใจนะจ๊ะ เดี๋ยวจะเอาชาพีชเย็นๆมาเสริฟให้จ๊ะ”


“...” แม่คงใส่ส่วนผสมอะไรผิดลงไปในเค้กจริงๆนั้นแหละ ไอ้ดินแม่งเพี้ยนไปละ!!

แล้วไอ้หมาที่กลายร่างเป็นพ่อบ้านก็เอาชามาเสริฟหลังจากที่มันล้างจานแค่ใบเดียวเสร็จ


“นี่จ๊ะ” มันพูดพร้อมกับวางแก้วชาพีชลงบนโต๊ะ มันถือมาแค่แก้วเดียว อย่าบอกนะว่าจะแย่งกูกินอีก

ไม่มีทางหรอก ผมรีบยกชาพีชขึ้นดื่มทีเดียวหมดแก้ว ไอ้สัดเย็นขึ้นหัวแม่งดื่มไวไปหน่อย


“หึๆ” ไอ้ดินหัวเราะในลำคอ ก่อนจะพูดต่อว่า


“หมาไม่กินชา ไม่ต้องรีบกินขนาดนั้นก็ได้”


“ตกลงมึงยอมรับว่ามึงเป็นหมาแล้วสินะ!!”


“เป็นอะไรก็ได้ที่มึงอยากให้เป็น รวมถึงเป็นแฟนมึงด้วยเมื่อไหร่มึงจะอยากให้เป็นสักที?”


“ไม่รู้!!...เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น!!!” ผมโพล่งตอบออกไปเสียงดัง แต่ประโยคหลังตอบด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว


“...” ไอ้ดินไม่ได้พูดอะไร แต่กับยิ้มกว้างกับคำพูดของผม


“เมื่อไหร่มึงจะกลับหอสักที” ผมถามเพราะมันชักจะอยู่นานเกินไปละ หัวใจผมก็เริ่มแกว่งมากขึ้นทุกที


“ยังไม่กลับรอดูบอล เดี๋ยวพวกไอ้หมีจะตามมาดูบอลด้วย” มันตอบหน้าตาย


“ฮะ..ทำไมกูไม่รู้เรื่อง” ตกลงนี่ใช่บ้านกูรึป่าววะ?!!


“...” มันแค่ยักไหล่ไม่ตอบ


“เฮ้อ เอาที่มึงสบายใจละกัน” ผมพูดเสร็จไอ้ดิน ก็โน้มหน้าเข้ามาทำท่าจะจูบผม


“ทำอะไรของมึง” ผมพูดพร้อมกับใช้ฝ่ามือดันปากมันให้ออกห่าง แต่ก่อนที่มันจะผละตัวออกมันก็จุ๊บที่ฝ่ามือผมเต็มๆ  แมร่ง!!!


“จูบไง ก็มึงบอกเองว่าเอาที่สบายใจละกัน!!”


“...” หมดคำจะอู้ บะฮ้าปันต๋าย บะวอก บะจ้าดง่าว ฟังภาษาคนบ่าฮู้เรื่อง!!!!!!


“อะๆ ไม่แกล้งละ ดูทำหน้าเข้าสิ หน้าย่นหมดละเป็นหมาพันธุ์ชาเป่ยรึไง” ไหนบอกไม่แกล้งแล้วไง

มาหลอกด่าว่ากูเป็นหมาอีกละ  เถียงมันไม่เคยชนะสักที โมโห!! หมาก็หมาวะ งับแขนแม่ง!!!


“โอ้ย เจ็บนะเนี่ย เป็นหมาจริงๆด้วย” ไอ้ดินพูดพร้อมกับกลั้นขำ


“...”


“ดูดิ เป็นรอยเลย” แล้วมันก็โชว์รอยเขี้ยวบนแขนให้ผมดู  สมน้ำหน้า!!


“ฮัลโหลเพื่อนฟูง ได้เสียกันรึยังจ๊ะ เพื่อนมาขัดจังหวะอะไรรึป่าวเอ่ย” ไอ้หมี เอ่ยปากแซวตั้งแต่เดินเข้าประตูมา วันนี้มันใส่ชุด

แมนยูทีมเย้าฤดูกาล2017-2018มาซะเต็มยศ เหลือแค่รองเท้าสตั๊ดมึงก็ลงสนามได้เลย มันขาดแค่รองเท้าจริงๆนะ

แม่งมันใส่ถุงเท้ากับสนับแข้งมาพร้อม!!


“เป็นอะไรไอ้พู่ ทำหน้าอย่างกับหมาขี้หักใน” หมาอีกละ เดี๋ยวกูก็กัดซะเลยนิ แฮ่!!


“ซื้ออะไรมากินบ้าง เอาไปเทใส่จานมากินดิ๊” เห็นไอ้หมีมันถือของกินมาพะลุงพะลัง เลยใช้ให้มันไปเทใส่จานไม่อยากเถียงกับ

มันแค่ไอ้ดินคนเดียวก็ปวดหัวมากพอละ


“โว๊ะ โมโหหิวก็ไม่บอก ไอ้ดินมาช่วยกูหน่อยดิ” แล้วไอ้หมีก็เรียกไอ้ดินให้ไปช่วยในครัว


“มาละๆ ตำบักหุ่งแซ่บๆ” นี่คืออะไรปาร์ตี้อาหารอีสานเรอะ มีทั้งส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว ซุปหน่อไม้

ลาบเป็ด ก้อยเนื้อ ต้มแซ่บ อื่อหื้อ เห็นแล้วก็น้ำลายแตก  กำลังจะจกข้าวเหนียวในถุงก็โดนเบรกด้วยไอ้ดินซะก่อน


“เดี๋ยวก่อน  ล้างมือรึยัง” ไอ้ดินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ


“ไม่เป็นไรหรอกน่า วันนี้วันอาทิตย์เชื้อโรคไม่ทำงาน” ผมพูดไม่แคร์ ตั้งหน้าตั้งตาจะกินต่อ


“พู่กัน!!” ไอ้ดินทำเสียงดุ พร้อมกับทำหน้านิ่ง ที่นิ่งมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า


“เออๆ ล้างก็ล้าง” แล้วผมก็ลุกไปล้างมือ ทำไมกูต้องกลัวสายตากับน้ำเสียงของมันด้วยวะ!!


“ของมึงจานนี้ ตำไทยใส่พริก2เม็ด เผ็ดระดับอนุบาล” ไอ้หมีเลื่อนจานตำไทยที่สีสันดูจืดชืดมาทางผม ทำไมมันดูกระจอกจังวะ


“แต่กูอยากกินตำปูปลาร้าอ่ะ” อยากกินปลาร้า มันดูแซ่บนัวมากกก


“จานนี้มันเผ็ดระดับ10กะโหลก ถ้าคิดว่าแดกได้ก็แดกเลย” มึงสบประมาทกูมากไปแล้วไอ้หมี ลิ้นกูมันพัฒนามากขึ้นละเว้ย 

ว่าแล้วก็กินโชว์มันสักหน่อย ตักส้มตำปูปลาร้ามาคำโตเข้าปากยังไม่ทันได้กลืน

   อื่อหือ เผ็ดฉิบหายวายป่วง!!


 “มึงไม่สั่งตำพริกไปเลยวะ ไอ้สัดโคตรเผ็ด” ผมรีบรับน้ำที่ไอ้ดินยื่นมาให้ ดื่มจนหมดแก้ว


“เป็นไงละมึง อวดเก่งดีนัก” แล้วไอ้หมีก็หัวเราะกับการพยายามกินเผ็ดของผม ทุกครั้งที่มันกินเผ็ดผมมักจะขอกินด้วย

เพราะรู้สึกว่ามันเป็นรสชาติของผู้ใหญ่ แต่ลิ้นผมมันก็ระดับอนุบาลจริงๆนั้นแหละ นี่ยังถือว่าพัฒนามามากแล้วนะที่กินส้มตำใส่

พริก2เม็ดได้ เมื่อก่อนต้องสั่งว่าเอาพริกติดครก อ่อนจริงๆเลยกู!!


“กินไม่ได้ก็อย่ากินสิ ดูสิหน้าแดงหมดละ” ไอ้ดินพูดพร้อมกับใช้ทิชชู่ซับเหงื่อที่ปลายจมูกให้ผม

ไม่รู้ว่าผมเริ่มชินกับการดูแลของมันรึป่าวถึงไม่ได้ขัดเขินหรือปฏิเสธกับการกระทำของมัน

โดยลืมไปว่าไอ้หมีกำลังจ้องมองเราสองคนอยู่ด้วยใบหน้ากลั้นยิ้ม..


“ไอ้ปูนไม่มาเหรอ” ปกติมันจะมาเป็นคู่หูดูโอ้กับไอ้หมีอยู่แล้ว


“เดี๋ยวมันตามมา กินข้าวกับที่บ้านก่อน”


“แล้วไอ้นพกับไอ้สมใจล่ะ” ผมถามหาเพื่อนอีก2คนที่ช่วงหลังมานี้ เรามักจะไปไหนมาไหนด้วยกัน6คน


“ไอ้ห่า2ตันั่นมันไม่มา มันป๊อด!!”


“ทำไมวะ” ผมถามด้วยความสงสัย


“เด็กเป็ดอย่างมันไม่กล้ามาหรอก ตอนนี้ไปเป็นกองแช่งอยู่ร้านเหล้าแถวหน้ามอกับเพื่อนแก๊งเป็ดแดงของมันนู้น” ไอ้หมีพูด

พร้อมกับจกก้อยเนื้อเข้าปาก มึงเป็นผีดิบรึป่าววะ ของดิบของคาวชอบจังนะมึง


จะว่าไปไม่ว่าแมนยูจะแข่งกับทีมอะไรทีมนั้นจะมีกองเชียร์เพิ่มขึ้นชั่วคราวซึ่งมาจากบรรดาแฟนคลับลิเวอร์พูลเสมอๆ!!


“แล้วมึงไม่ไปกับไอ้พวกสมใจเหรอ” ผมหันไปถามไอ้ดินบ้าง


“ไปทำไม กูเชียร์แมนยู..เห็นมั้ยว่าเราใจตรงกัน เป็นแฟนกูได้ยัง” มันพูดหน้านิ่ง พร้อมกับฉีกไก่ย่างใส่จานให้ผม

มึงขอกูเป็นแฟนง่ายๆเหมือนพูดเรื่องดินฟ้าอากาศแบบนี้ก็ได้เหรอ?!!


“แค่กๆ ไอ้บ้า งั้นกูคงได้เป็นแฟนกับคนที่เชียร์แมนยูทุกคนเลยละสิ” กูใจตรงกับคนเกือบค่อนโลก!!


“เออ..อย่าเพิ่งจีบกันออกหน้าออกตาขนดนั้นครับ เกรงใจกูด้วย แล้วไก่ย่างก็ไม่ต้องฉีกให้มันเยอะขนาดนั้นก็ได้นะไอ้ดิน

มันจะแดกไม่ทันอยู่ละเหลือไว้ให้กูแดกบ้าง จะดูแลเอาใจใส่มากกันเกินไปละ 

กูล่ะเหม็นความรักจริงจริ๊ง!!” ไอ้หมีบ่นยืดยาวแต่ปากยังเคี้ยวไม่หยุด  พูดไปด้วยแดกไปด้วยน้ำลายกระเด็นลงจานไหนไม่รู้เป็น

จานไหน นี่กูต้องแดกส้มตำผสมกับน้ำลายมึงไปด้วย อร่อยนัวฉิบหาย!!



ปาร์ตี้อาหารอีสานจบลงพร้อมกับเสียงเป่านกหวีดหมดครึ่งแรกของบอลคู่แรกที่เตะในวันนี้

เอฟเวอร์ตันเจ้าบ้านนำเวสแฮมอยู่1-0


“คู่นี้มึงเชียร์ใครวะ หมี” ผมหันไปถามไอ้หมีที่กำลังนั่งกินเค้กล้างปากอยู่ นี่แค่กินล้างปากนะปาไป5ชิ้นละ

ถ้ากินจริงจังอย่านับเป็นชิ้นหรือปอนด์เลยนับเป็นกิโลง่ายกว่า!!


“กลางๆวะ ไม่รู้จะเชียร์ใครดี ยังไงก็มีเด็กเก่าแมนยูทั้งคู่ ทั้งรูนีย์ ทั้งชิชาริโต้ ให้เสมอละกันแบ่งกันคนละแต้ม”


“แสดงว่ามึงไม่ได้แทงบอลคู่นี้ไว้สินะ ถึงได้ตอบแบบนี้” ผมหรี่ตาถามมันอย่างจับผิด


“รู้ดีนะมึงอ่ะ วันนี้กูเต็งแมนยูทีมเดียวเว้ย กูมั่นใจตัวทีเด็ดอย่างพอล ป็อกบา กับน้องหมากของกู มาแน่ๆวันนี้” ไอ้หมีพูดพร้อมกับ

ทำหน้ามั่นใจ ขอให้มาแน่ๆอยากมึงว่าเหอะ แพ้มาโดนแฟนบอลบางทีมรอซ้ำเติมเละแน่ๆ!!

บอลเริ่มครึ่งหลังได้ไม่นาน ไอ้ปูนก็มาถึง พร้อมกับเบียร์หนึ่งลัง ไม่บอกก็รู้ว่าใครบงการให้มันซื้อมา


“เอามาค่าเบียร์หกร้อย” วางลังเบียร์ปั๊บไอ้ปูนก็กระดิกนิ้วรัวๆทวงค่าเบียร์กับไอ้หมีทันที


“หารกันดิวะมึงไม่แดกไง อ่ะเอาไปห้าร้อย อีกร้อยนึงมึงจ่ายละกัน”


“โด่ ไม่ป๋าเลยมึงอ่ะ”


“เดี๋ยวรอคืนนี้แมนยูชนะ ป๋าให้อีกห้าร้อยเลย แต่เดี๋ยวนะมึงลืมซื้อน้ำแข็งมาใช่มั้ยไอ้ปูน ให้แดกเบียร์อุ่นป๋าไม่โอเคอ่ะ”


“มึงก็ออกไปซื้อเองดิ กูขี้ข้ามึงรึไง เบียร์กูก็ซื้อมาให้แดกละ”


“เดี๋ยวกูไปซื้อให้เอง น้ำยาล้างจานบ้านมึงหมดนะไอ้พู่” ไอ้ดินพูดหลังจากมันให้อาหารเจ้าเหมียวทั้ง3ตัวเสร็จ

แล้วมันก็หันมาบอกผม


“ยังไม่ต้องล้างก็ได้แช่ไว้อย่างนั้นแหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจัดการเอง”


“ไม่ได้ กูไม่ชอบมันเหม็น สกปรก” เออเอากะมันสิ ผมลืมบอกอีกอย่างว่าไอ้ดินเป็นคนสะอาด เห็นอะไรเลอะหรือหยดลงพื้นหรือ

ที่โต๊ะนิดหน่อยไอ้ดินจะรีบเช็ดทันที!!


“เออๆตามใจมึง งั้นเดี๋ยวกูไปซื้อเอง”


“ไปด้วยกัน!!” มันพูดพร้อมบังคับผมด้วยสายตา ว่ากูต้องไปกับมึง!!


“เออๆ เอาแค่น้ำแข็งใช่มะ” ผมหันไปถามไอ้หมีอีกที


“ขนมขบเคี้ยวด้วยก็ดี เหงาปาก”


“...” เหงาปากพ่อง..ตอนที่มึงพูดปากมึงยังไม่หยุดเคี้ยวเลย!!


 “เอามอไซค์ไปนะ เซเว่นตรงปากซอยนี่เอง” ผมหันไปบอกไอ้ดินที่เดินตามหลังมา


“...”


“ขึ้นมาดิ ยืนบื้ออยู่ได้ หรือมึงจะขี่?”


“ไม่อ่ะ กูจะรอขี่แค่มึง!!” สายตาตอนมึงพูดหื่นฉิบหาย


“...” พูดไม่ออกเลยกู กูเริ่มกลัวมึงขึ้นมาละนะ!!


ผมค่อยๆขี่เจ้าสโกมาดิสีขาวแดง ด้วยความเกร็ง จะไม่ให้เกร็งได้ไงละ ก็ไอ้ดินเล่นกอดเอวผมแน่นซะขนาดนี้ตัวก็โตเท่าควาย

คนที่เห็นผมกับมันตอนนี้คงคิดว่ามันเป็นภาพที่แปลกพิลึก!!


“เดี๋ยวๆ ไม่ต้องกอดขนาดนั้นก็ได้มั้ง ไม่ตกง่ายๆหรอก”


“ว่าไงนะ ไม่ได้ยิน ” 


ผมกำลังจะหันหน้าไปบอกมัน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่ไอ้ดินยื่นหน้ามาพอดี

โป๊ะเชะ..ปากเราชนกันพอดิบพอดี!!  นี่มันพล็อตละครน้ำเน่าหลังข่าวชัดๆ

ผมรีบเลี้ยวรถจอดข้างทางทันที ขื่นขับต่อรถล้มแน่ๆ ขาเขออ่อนไปหมด!!


“อะไร อยากจูบกับกูก็ไม่บอก” ไอ้ดินพูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก แถมยังกอดเอวผมไม่ยอมปล่อยอีก


“...” ตั้งสติๆพู่กัน  ผมไม่พูดอะไรตั้งใจขับรถต่อพร้อมกับแกะมือไอ้ดิน แกะยังไงมันก็ไม่ยอมปล่อย

ทำตัวเหมือนกับเป็นลูกหมีโคอาลาที่เกาะหลังแม่มันไม่ยอมปล่อย  แต่หนังหน้ามันไม่เหมาะกับหมีโคอาลา อย่างมันต้องหมี

ควาย!!

ยิ่งขี่เร็วมันก็ยิ่งกอดแน่น ผมเลยต้องค่อยๆคลานอย่างกับเต่า!!


และแล้วก็มาถึงเซเว่นอิเลฟเว่นโดยสวัสดิภาพ ด้วยสภาพที่หัวใจเกือบจะวาย!! โดยใช้เวลาเดินทางเกือบ20นาที

ซึ่งปกติแว๊นมาแปปเดียวอย่างช้าไม่เกิน7นาที!!


“น้องดิน!!”   อยู่ๆก็มีผู้หญิงคนนึงมาทักไอ้ดิน หันไปมองเท่านั้นแหละ อื่อหือ..นมหรือส้มโอวะ ใหญ่กว่าหัวกูอีก!!

 แล้วนั่นกางเกงขาสั้นหรือกางเกงใน ก้มทีนึงเห็นไปถึงง่ามดาก แม่เจ้าโว้ย!! อะไรจะแท็กซี่ขนาดนั้น!!


“หวัดดีครับพี่แปม” ผมเห็นไอ้ดินยกมือไหว้ เลยไหว้ตามมัน แต่ตาพี่แกไม่ได้มองมาที่ผมเลยมองแต่ไอ้ดินด้วยสายตาหวานเยิ้ม

  กูไม่ใช่อากาศธาตุนะ!!


“พอดีเลย ช่วยพี่เลือกหลอดไฟหน่อยสิพอดีโคมไฟอ่านหนังสือพี่มันหลอดขาด น้องดินช่วยดูให้หน่อยสิว่าพี่ต้องซื้อหลอดแบบ

ไหน พี่ซื้อไม่เป็นอ่ะ ”  ขอเบ๊ะปากกับความตอแหลของพี่แกได้มะ เห็นๆอยู่ว่าเมื่อกี้ตอนนางเห็นได้ดินนางรีบหยิบหลอดไฟที่อยู่

ในตะกร้ากลับเอาไปวางที่เดิม!!  แล้วยืนคุยเฉยๆไม่ได้ใช่มะ ทำไมต้องคล้องแขนไอ้ดินด้วย นมก็ถูแขนไอ้ดินไปสิ!!

..แล้วทำไมกูต้องหงุดหงิดด้วยวะ!!   


“กูไปรอที่รถนะ” ผมบอกมันเสียงห้วน ..หึ กูซื้อของเสร็จแล้วมึงยังอยู่ที่เดิมเลือกไม่ได้สักทีกะอีแค่หลอดไฟ

จะเลือกอะไรกันนักกันหนา!! 


“ป่ะ กลับกัน” ไอ้ดินเดินหน้านิ่งมาหาผมที่รถ


“ไม่ไปซ่อมโคมไฟให้พี่เค้าที่ห้องเลยละ” อารมณ์เหวี่ยงมากบอกเลอ!!


“...” ไอ้ดินไม่พูดอะไร แต่กับยิ้มกว้าง


“ยิ้มอะไร”  กูไม่ตลก


“รู้ป่ะว่า มึงกำลังหึง!!”


“...”  หึง  หึง...ไม่จริ๊ง!!!!


“หึงบ้าอะไรของมึง”


“พี่แปมเป็นพี่ที่คณะ เค้าแค่ขอให้ช่วยเลือกหลอดไฟ ไม่ได้มีอะไร”


“บอกทำไม” มึงจะเลือกกันกี่หลอดก็ไม่ต้องมาอธิบายให้กูฟัง


“ก็เดี๋ยวมึงเข้าใจผิด”


“เพ้อเจ้อ กูไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น”


“มึงนั้นแหละ คิดเพ้อเจ้อไปเรื่อย ดูดิโมโหจนหน้าแดงหมดละเนี่ย” แล้วมันก็เอื้อมมือมาจับแก้มผมเบาๆ เกลียดสีหน้าและน้ำ

เสียงของมันจริงๆ!! ทำไมต้องทำเหมือนกับว่าแคร์กูด้วยวะ!!


“ขึ้นรถ จะกลับมั้ย?”

ขึ้นรถปุ๊บก็สเต็ปเดิม เกาะกูแน่อย่างกะตีนตุ๊กแก แต่รอบนี้ไม่กอดอย่างเดียว เอาคางมาเกยบนบ่าผมด้วย!!


“กูชอบกลิ่นตัวมึงจัง มันหอมเหมือนผลไม้อะไรสักอย่างแต่กูนึกไม่ออกว่ามันคือผลไม้อะไร” ไม่พูดเปล่า มันสูดลมหายใจข้างๆ

แก้มผม   ไอ้สัด!!ขนลุกเลยกู


“กลิ่นตะขบมั้ง” ผมตอบกวนตีนมัน


“เหรอ ตะขบหอมขนาดนี้เลยเหรอ ไหนขอดมพิสูจน์อีกทีสิ” แล้วมันก็โน้มหน้ามาหอมแก้มผมฟ้อดใหญ่


“ไอ้ดินนน!!” ผมโวยเสียงดังลั่น  ไอ้นี้กูขับรถอยู่หรอกนะ ไม่งั้นมึงเจอกูตบกะบาลแน่


“หอมดีเนอะ ตะขบลูกนี้” มันพูดด้วยน้ำเสียงระรื่น ถึงไม่เห็นหน้าของมันเดาได้เลยว่ามันกำลังยิ้มแน่ๆ!!

..ไม่น่าตอบกวนตีนมันเลย!!


ถึงบ้านสักที..เหนื่อย!! นี่กูขี่มอไซค์ไปเซเว่นที่ปากซอยหรือไปแข่งโมโตครอสมาวะ!!


“มึงไปเซเว่นสาขาสุไหงโกลกมาเหรอวะ นานสัดๆ” ไอ้หมีที่นอนเหยียดยาวบนโซฟา บ่นแบบไม่ใส่ใจนัก

หมั่นไส้ มึงไม่รู้หรอกว่าเมื่อกี้กูเจอกับอะไรมาบ้าง เอาถุงน้ำแข็งไปว่างบนหน้ามันแม่ง!!




  มีต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 8 ยอมรับความจริงซะ!! (29-01-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 29-01-2018 22:37:05

“โวะ ไอ้พู่ไอ้สัด เย็น แล้วเป็นห่าไรหน้าบูดอย่างกะตูดลิง”


“...” ไม่พูดไม่อยากคุยกะใครทั้งนั้น หงุดหงิด!! ว่าแล้วก็เดินไปเข้าห้อง อาบน้ำสงบสติอารมณ์สักหน่อยดีกว่า


เสียงไอ้หมีก็ตะโกนตามหลังมา “ไม่ดูบอลรึไงไอ้พู่ เดี๋ยวบอลเตะแล้วนะเว้ย”

อีกตั้งครึ่งชั่วโมงจะรีบไรนักหนา ..อาบน้ำไปทบทวนตัวเองไปว่าเมื่อกี้ทำไมผมต้องหงุดหงิดไอ้ดินมันด้วยความจริงมันก็ไม่ได้ทำ

ผิดอะไรเลย ‘หึง’ งั้นเหรอ? ทำไม? และเพราะอะไร??  แล้วที่มันแต๊ะอั๋งบ่อยๆอีก

ชินแล้วเหรอ? ทำไมไม่เคยโกรธมันจริงจังสักที!!  ช่างเหอะ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว อาบน้ำให้สดชื่นแล้วไปดูบอลอย่างสบายใจดี

กว่า..


“ไอ้สัดดิน กับพี่แปมนี่ยังไงวะ” ไอ้หมีที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาลุกพรวดขึ้นมาถามไอ้ดิน เมื่อเห็นอะไรบางอย่างในมือถือ


“อะไร?”


“ก็พี่เค้าแท็กมึงในเฟสบุ๊ค เอาไปดู” มันพูดพร้อมกับยื่นมือถือให้ไอ้ดิน


“ไม่มีไรแค่บังเอิญเจอในเซเว่น พี่เค้าเลยให้ช่วยเลือกหลอดไฟให้”


“แค่นั้น?”


“อืม” ไอ้ดินตอบหน้านิ่ง


“แต่ดูพี่เค้าโคตรอยากได้มึงอ่ะ ไม่จัดให้พี่แกหน่อยเหรอว่ะ ดูไฟคู่หน้าของพี่แกสิโคตรสะบึ้มอ่ะ”


“ไม่อ่ะ มึงก็อย่าแซะกูมาก คนแถวนี้กำลังโมโหหึงอยู่”


“มึงหึงเหรอไอ้พู่ มิน่าละหน้าบูดอย่างกะตูดลิง กูจะบอกอะไรให้นะ พี่สาวนมตู๊มเซ็กซี่ขยี้ใจอย่างพี่แปมมันสเปคกูเว้ย

ไอ้ดินไม่ชอบหรอกมันชอบแบบอกแบนๆเรียบๆเหมือนไม้กระดานแบบนี้เว้ย” ไม่พูดเปล่ามันพูดพร้อมกับจิ้มมาที่หน้าอกแบนๆ

ของผม รีบปัดมือมันออกอย่างเร็วรี่ ไอ้ห่ามึงจิ้มหัวนมกู!!


“หึงพ่องมึงดิ กูไม่ได้หึงโว้ย!!”


“จ๊ะ ไม่หึงก็ไม่หึง แต่ว่างานพี่เค้าดีจริงๆนะมึง เห็นแล้วอยากจะซุกหน้าลงไปดอมดมเหลือเกิน” ไอ้หมีพูดด้วยหน้าตาอันหื่น

กระหาย


“งานดีจริงๆด้วยว่ะ มึงว่าของจริงของปลอมวะ” ไอ้ปูนที่กำลังจ้องนมของพี่แปมที่เหมือนกับตูดเด็กแบบตาไม่กระพริบมันหันมา

ถามผม พร้อมกับยื่นมือถือให้ผมดู    ไอ้นี่ก็หื่นจริง เดี๋ยวกูจะฟ้องแฟนมึง!!


“ไม่รู้ เรื่องแบบนี้ก็ถามไอ้หมีสิ” กูไม่รู้อะไรทั้งนั้น รู้อย่างเดียวคือตอนนี้กูหงุดหงิด!!

เมื่อก่อนอาจจะอินกับเรื่องนมตู๊มๆของสาวๆ แต่ตอนนี้กูบอกเลยกูไม่อิน!!!

มันเป็นรูปเซลฟี่ของรุ่นพี่ไอ้ดินที่ถ่ายมุมสูงเห็นร่องดูมๆชัดเจนอย่างกับภาพ3มิติ โดยมีไอ้ดินเป็นฉากหลังที่กำลังตั้งใจเลือก

หลอดไฟอยู่ รูปไม่เท่าไหร่แต่แฮชแท็กของพี่แกพร้อมกับแท็กไอ้ดินด้วยนี่สิ

 #เลือกหลอดไฟให้แล้วมาเปลี่ยนหลอดไฟให้ที่ห้องด้วยสิ รออยู่ค่ะ


หึ..ยอดไลค์ก็บานตะไท ข้อความแสดงความคิดเห็นก็เด้งขึ้นมาไม่หยุด กูอยากจะกดเขาไปอ่านเหลือเกินแต่ต้องฟอร์มไว้ก่อน

ไว้คืนนี้แหละกูจะแอบอ่าน!!

ว่าจะไม่กินเบียร์กับพวกไอ้หมี แต่สุดท้ายก็ต้องกินเพราะตอนนี้อารมณ์เกรี้ยวกราดเหลือเกิน แถมทีมโปรดอย่างแมนยูเสือกโดน

นำอีกต่างหาก  แมร่ง!!


“รินเบียร์ให้กูดิ๊ ไอ้ปูนทำหน้าที่บกพร่องนะมึง” ผมที่เริ่มมึนๆหันไปสั่งไอ้ปูน


“ไอ้สัด กูลุ้นบอลอยู่มะ” ไอ้ปูนตอบแบบไม่ละสายตาจากทีวี


“กินเยอะไปแล้วนะพู่กัน” ไอ้ดินหันมาเอ็ดผมเบาๆ


“ทำไม กูจะกินนี่บ้านกู ถ้าเมากูก็นอนตรงโซฟามันนี่แหละ”


ไอ้ดินได้แต่สายหน้ากับคำพูดของผม แต่สายตามันดูอ่อนโยนยังไงก็ไม่รู้บอกไม่ถูก


“ลากไปอย่างนั้นแหละดี  ไปๆ ส่งๆ นั้นแหละ  ยิง!! ” ไอ้หมีที่ตอนนี้ลุ่นตัวโก่ง รวมถึงพวกเราทุกคน


“เฮ่!!!!” 


“เป็นไงล่ะทีเด็ดกู ป๊อกบาาา” ไอ้หมีที่พูดอย่างสะใจสุดๆ แล้วแมนยูก็ตีเสมอจนได้ สกอร์ตอนนี้เสมอกันอยู่1-1

แต่เหลือเวลาไม่ถึง10นาทีก็จะหมดเวลา  ตอนนี้พวกเราทุกคนลุ้นแทบจะไม่หายใจ ปวดเยี่ยว ปวดขี้ก็ยังต้องอั้นไว้ก่อน


เกมส์ในสนามตอนนี้ก็ดุเดือดเลือดพล่าน สมกับเป็นดาร์บี้แมตซ์คู่ปรับร่วมเมือง

เวลาดำเนินมาถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ คิดว่าผลน่าจะจบลงที่เสมอกัน

ปลอบใจตัวเองว่าเสมอก็ยังดีว่าแพ้วะ แต่ใครจะไปคิดว่านาทีที่90+2 เหลืออีกแค่1นาทีก็จะหมดเวลา แมนยูได้ลูกเตะมุม

และเป็นกองหลังอย่างคริส สมอลลิ่งโหม่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย จากที่โดนนำก่อนสุดท้ายแมนยูก็โกงความตายพลิกกลับมาชนะ

คู่ปรับร่วมเมืองได้!!

วินาทีที่แมนยูขึ้นนำพวกเราเฮดีใจกันดังลั่น  มันเป็นโมเม้นต์ที่เกิดขึ้นเร็วมากผมเผลอกอดไอ้ดินด้วยความดีใจ

รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เราสบตากัน ด้วยความเขินที่ผมเป็นฝ่ายกอดมันก่อน เลยเนียนหันไปดีใจกับไอ้หมีและไอ้ปูนที่ตอนนี้ดีใจและ

สะใจจนสติหลุดไปแล้ว!!


จากนั้นเราก็ฉลองให้กับชัยชนะในศึกครั้งนี้ ผลก็คือ กูเมาเละครับ!!



“พู่  พู่กันเจ็ดโมงแล้ว ตื่น” เสียงใคร? แล้วจะสะกิดอะไรกันนักกันหนา


“อื่อ ปวดหัว” ผมตอบทั้งที่ไม่ลืมตา ใครเอาค้อนมาทุบที่หัวกูว่ะปวดหัวโคตรๆ


“เดี๋ยวไปเรียนสายนะ ตื่นเร็ว” ผมค่อยๆลืมตาอย่างอยากเย็น สิ่งที่เข้ามาในม่านสายตาคือใบหน้าของไอ้ดินที่ห่างกับหน้าผมแค่

คืบ รีบดันตัวมันให้ออกห่าง ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นนั่ง ว่าแต่มานอนที่เตียงได้ไงวะ จำอะไรไม่ได้เลยแฮะ

ภาพตัดไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ และถ้าจำไม่ผิดเมื่อคืนผมไม่ได้ใส่ชุดนี้นี่หว่า หรือว่า...


“ไอ้ดิน มึงทำอะไรกู เมื่อคืนกูไม่ได้ใส่ชุดนี้”  ผมรีบโววายใส่มัน


“รู้ตัวรึป่าวว่าเมื่อคืนมึงเมามาก คออ่อนแล้วยังไม่เจียม อ้วกแตกไปทั่วบ้านเหนื่อยกูอีกที่ต้องคอยเก็บอ้วกมึง

เสื้อผ้ามึงก็เลอะอ้วกมึงไงลำบากกูเปลี่ยนให้มึงอีก” นี่มึงกำลังบ่น หรือกำลังแร๊พ หยุดหายใจก่อนก็ได้นะหรือมึงหายใจทาง

เหงือก!!


“...” ถึงกับพูดไม่ออก  นี่คงเป็นครั้งแรกที่ไอ้ดินมันบ่นยืดยาวขนาดนี้ กูขอบันทึกลงกินเนสส์บุ๊คได้มะ!!


“ยังจะนั่งอมขี้ฟันอีก ไปอาบน้ำได้แล้วมีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอ”


“บ่นๆ มึงเป็นแม่กูรึไง”


“ยังจะเถียงอีก จับจูบเลยดีมั้ย!!”


“จูบดิ จูบทั้งขี้ฟันกูนี่แหละ กล้ามั้ยละ” เพราะคิดว่าคนสะอาดอย่างมันคงไม่กล้าเลยกล้าท้าพร้อมกับทำปากจู๋ให้มันจูบ

 ด้วยความไวแสงไอ้ดินรีบประกบปากจูบผมทันที มันบดปากของมันลงมาอยากหนักหน่วงเหมือนจะบอกว่านี่คือการลงโทษ

ที่ผมอวดดีกับมัน


“อื่ออออออ” ได้แต่ส่งเสียงในลำคอ พร้อมกับทุบบ่ามันรัวๆ  กูหายใจไม่ทัน ไอ้ห่า!!


เมื่อมันยอมปล่อยปาก ผมรีบตักตวงอากาศเข้าปอดทันที กูกำลังจะตาย?!!


“จะไปอาบน้ำได้รึยัง  หรือต้องให้กูทำมากกว่านี้” มันพูดพร้อมกับสายตาเจ้าเล่ห์

เชื่อละว่ามึงคนจริง แล้วจะรออะไรละคร้าฟ เด้งตัวลุกจากเตียงไปห้องน้ำอย่างเร็วรี่ด้วยหัวใจที่เต้นรัว!!

          ฮือ..ใจกู


“เอ้า ทำไมมึงยังไม่กลับ ไม่มีเรียนรึไง” อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ออกจากห้องนอนก็เห็นไอ้ดินกำลังง่วนอยู่ในครัว


“มากินแซนวิช กับกาแฟดำก่อน เดี๋ยวกูจะไปส่งมึงที่คณะ” ได้ยินที่กูถามมั้ย?


“...”


“กูมีเรียนบ่าย”


“แล้วทำไมต้องไปส่ง กูไปเองได้”


“มึงเป็นดอกไม้ของกูที่กูต้องดูแล อย่าลืม”


“เหอะ มึงก็คิดเองเออเอง กูไปตกลงกับมึงตอนไหน”


“รีบกิน เดี๋ยวสาย”  เปลี่ยนเรื่องไวเหลือเกิน


       ...สุดท้ายผมก็จำยอม ให้ไอ้ดินมาส่งที่คณะ 


“เมื่อคืนไอ้หมีกับไอ้ปูนกลับยังไง”


“ก็ขับรถกลับ พวกมันไม่ได้เมาเหมือนมึง” เกลียดสายตาตำหนิของมันจริงๆ มึงด่ากูมาตรงๆเลยดีกว่า!!


“แล้วทำไมมึงไม่กลับหอมึงล่ะ”


“หมามันอ้วกเมาไม่รู้เรื่อง เลยต้องอยู่ดูแล”  เออกูเมาเพราะหงุดหงิดมึงนั่นแหละ!!


“แล้วมึงนอนตรงไหน โซฟา?”


“เปล่า นอนบนเตียงกอดมึงทั้งคืน”


“...!!!” อึ้งแดก


“ตอนมึงเมานี่ก็ดีเหมือนกันนะ กูทำไรมึงก็ไม่ขัดขืนเลย”


“...!!!” อึ้งแดกครั้งที่2


“ตอนมึงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กูมึงปิดไฟรึป่าว” ถามมันอย่างกล้าๆกลัวๆ ขอละอย่าให้เป็นอย่างที่คิดไว้เลย


“ถามโง่ๆ ปิดไฟก็มองไม่เห็นสิ ตัวมึงอย่างขาว พู่กันน้อยของมึงก็น่ารักน่าชัง กูอดใจแทบไม่ไหว!!”


“เชี่ย!! หมายความว่าไง” พอมาคิดๆดูแล้ว เมื่อคืนผมใส่กางเกงใน แต่ตอนเช้ากางเกงในหายไปไหน?? ถึงว่าทำไมมันโล่งๆ


“ก็มึงอ้วกเลอะทั้งเสื้อทั้งกางเกง กูก็เลยเปลี่ยนให้ เห็นมึงนุ่งกางเกงในนอนแล้วอึดอัด เลยถอดให้ นุ่งแต่กางเกงบอลน่าจะสบาย

กว่า”


“มึงนี่แมร่ง!! มึงเป็นหรรมกูรึไงถึงรู้ว่ามันอึดอัดอ่ะ” กูไม่รู้จะด่ามึงยังไงละเนี่ย ทำไมกูรู้สึกเหมือนเสียซิงให้มันยังไงก็ไม่รู้

ให้ตายเหอะ!!


“ไม่ต้องเขินๆ อีกหน่อยก็ชิน” ยัง ยังไม่สำนึกอีก


“หรือมึงกลัวจะเสียเปรียบ เดี๋ยวเย็นนี้กูถอดกางเกงให้มึงดูแผ่นดินน้อยของกูมะ” ไอ้ห่าพูดมาได้หน้าระรื่น


“ไอ้สัด ไอ้หน้าด้าน เย็นนี้ก็ไม่ต้องมาหากู กูขออยู่อย่างสงบสักวันเหอะ!!!” กูขอสงบจิตสงบใจสักวันเหอะ!!


 “เดี๋ยวตอนเย็นมารับนะ” ไอ้ดินพูดเมื่อรถมันมาจอดอยู่ที่หน้าคณะผม


“ไม่ต้อง!! จะกลับกับไอ้หมี” ไม่รอให้มันตอบ รีบลงจากรถ ปิดประตูแรงๆใส่แมร่ง!!


หงุดหงิดฉิบหาย กล้าดียังไงมาถอดกางเกงในกู  สาบานเลยกูจะไม่เมาง่าวๆแบบนี้อีกแล้ว!!

มาถึงห้องเรียนด้วยเวลาอันฉิวเฉียด ไอ้พวกหมอ’หมา’มาถึงก่อนแล้วพวกมันไม่ได้พูดอะไรเพราะได้เวลาเรียนแล้ว

แต่พวกมันมองผมด้วยสายตามีเลศนัย

อย่างที่ผมเคยบอกเวลาเรียนพวกเราจะตั้งใจเรียนไม่คุยอะไรไร้สาระในคาบเรียน แต่หลังจากเรียนเสร็จนะเหรอ..


“เมาเละเลยนะมึง รู้ตัวรึป่าวว่าทำอะไรลงไปบ้าง” ไอ้หมีพูดก่อนเป็นคนแรกหลังจากเดินออกห้องเรียน คงอั้ดอั้นมากสินะมึงอั้น

มาตั้ง3ชั่วโมง!! 


“ทำไรวะ?!!” ผมถามอย่างสงสัย ดูจากสายตามันเริ่มใจไม่ดีละกู!!


“ไอ้ดินไม่ได้บอกมึงเหรอ?”


“ไม่ต้องบอกมันให้มันไปถามไอ้ดินเอาเอง” ไอ้ปูนกระซิบอกไอ้หมี พร้อมกับทำหน้าระรื่นที่ได้แกล้งผม


“เห้ย ไรวะ บอกกูมาเร็วๆ” ไอ้เพื่อนเวรมึงอยากเห็นกูอกแตกตายรึไง!!


“ฮ่าๆๆ ไม่บอกเว้ย”


“พวกมึงบอกกูมาเตอะ  เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าว” ต้องเอาเรื่องกินล่อไอ้หมีเข้าไว้


“พวกกูไม่ได้เห็นแก่กิน ใช่มั้ยไอ้หมี” ไอ้ปูนที่ตอบอย่างมั่นใจ


“ชาบู หน้ามอ ”


“สัดหมี มึงแม่งเห็นแก่กินจริงๆ” ไอ้ปูนได้แต่ส่ายหน้าระอา กับการเห็นแก่กินของไอ้หมี


“หรือมึงไม่กิน”


“แหะๆ กิน”


“ตงลงชาบูนะไอ้พู่”


“เออ”


“อ่ะเอาไปดู เล่าเฉยๆจะไม่เห็นภาพ ดูเองเลยละกัน”


“....!!!” บ๊ะ นั่นใช่กูจริงๆเหรอ ใครก็ได้บอกทีว่ามันไม่จริง  ไอ้หมียื่นมือของมันมาให้ผมดูรูปที่มันถ่ายเอาไว้เมื่อคืน

 มันคือรูปผมที่ขึ้นไปนั่งคร่อมบนตักไอ้ดินพร้อมกับใช้แขนโอบคอมันเอาไว้

ส่วนอีกรูป คือรูปที่ผมกับไอ้ดินนั่งในท่าเดิม แต่..แต่ผมกับมันกำลังจูบกัน  ไม่จริ๊งงงง!!! ฝันแน่ๆ

ผมได้แต่มองหน้าเพื่อนทั้งสองคนสลับกับมองรูปตัวเองในมือถือ  ฮืออออ ทำไมกูเมาแล้วเรื้อนได้ขนาดเน๊!!

แล้วทำไมกูจำอะไรไม่ได้เลยวะ!!  บอกได้คำเดียวว่า อาย!! ดีที่ไอ้ดินมันไม่พูดอะไรไม่งั้นทำตัวไม่ถูกแน่ๆ!!


“ไม่คิดว่ามึงจะหึงไอ้ดินได้ขนาดนี้” แล้วไอ้ปูนก็เริ่มเปิดประเด็นอีกครั้ง


“…??” กูหึงไรอิ๊กกก!!


“ตอนมึงเมา มึงโวยวายแต่เรื่องพี่แปมที่ให้ท่าไอ้ดิน” ไอ้ปูนพูดพร้อมกับทำหน้ากลั้นขำ


“แถมยังไปขึ้นค่อมไอ้ดิน แล้วให้ไอ้ดินจับอกแบนๆของมึงอีก ฮ่าๆๆ” ไอ้หมีระเบิดเสียงหัวเราะ


“...!!” ไม่จริงอ่ะ พวกมึงกำลังตอแหลกูใช่มะ


“จริงๆกูถ่ายคลิปไว้นะ แต่ไอ้ดินขอให้กูลบ เพื่อนกูก็สุภาพบุรุษเกิ๊น” ไอ้หมีทำหน้าเสียดาย ดีแล้วล่ะที่กูไม่ได้ดู

แค่ภาพนิ่งกูก็สมเพชตัวเองมากพอละ ถ้าเป็นภาพเคลื่อนไหวกูคงได้เอาปี๊บมาคลุมหัว!!


“ละ..แล้วที่กูกับมันจูบกัน กะ..กูจูบมันก่อนเหรอวะ” ผมถามอย่างกล้าๆกลัวๆ


“มันจูบมึง มันบอกเป็นวิธีที่จะทำให้มึงหยุดสะอึก” จำได้ใช่มั้ยครับ ถ้าผมเมาผมจะสะอึก


“แล้วมึงก็เสือกหยุดสะอึกจริงๆ ฮ่าๆๆ” คราวนี้เป็นไอ้ปูนที่ระเบิดเสียงเราะที่อั้นมานาน


“มึงตกหลุมที่ไอ้ดินมันขุดไว้แล้วล่ะ หลุมลึกซะด้วยสิ ไอ้พู่เอ๋ย!!” ไอ้หมีตบไหล่ผมปุๆ


“ยอมรับความจริงได้แล้วว่ามึงก็มีใจให้มัน จะปีนขึ้นมาจากหลุมก็คงยากแล้วล่ะ ไม่สิ..มึงไม่มีทางปีนขึ้นมาได้หรอก มึงไม่รอด

แน่ไอ้พู่เตรียมตัวมีผัวเป็นเดือนเกษตรได้เลย!!”



   ..ยอมรับความจริงงั้นเหรอ? ความจริงอะไร? แล้วถ้าผมชอบมันขึ้นมาจริงๆผมต้องทำยังไง?!!



                   ...ใครก็ได้ช่วยบอกผมที!!!!




    *TBC*




..........................................................................................


สวัสดีค่ะ หายไป2อาทิตย์ เนื่องด้วยติดธุระมากมายก่ายกอง   

ช่วยบอกน้องพู่กันเค้าหน่อยนะคะว่าควรจะทำยังไงดี เมื่อรู้ตัวว่าตกหลุมที่แผ่นดินขุดไว้เข้าเต็มๆ^^




หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 8 ยอมรับความจริงซะ!! (29-01-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-01-2018 01:35:59
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 8 ยอมรับความจริงซะ!! (29-01-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-01-2018 08:20:57
 :L2: :L1: :pig4:

น่ารัก
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 8 ยอมรับความจริงซะ!! (29-01-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 30-01-2018 08:22:58
ตกลงไปแล้วก็ไม่ต้องขึ้นมาให้เหนื่อยค่ะน้องพู่ :z1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 8 ยอมรับความจริงซะ!! (29-01-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 30-01-2018 23:17:24


 :impress2:  ตกแล้วตกเลยไม่ต้องขึ้นมาหรอกน้องพู่ ยังไงก็มีพ่อบ้านอย่างแผ่นดินคอยดูแล  :-[

หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 8 ยอมรับความจริงซะ!! (29-01-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 31-01-2018 22:30:22
 :-[ อิอิ
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 8 ยอมรับความจริงซะ!! (29-01-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 01-02-2018 00:20:51

   
            เริ่มรู้ใจตัวเองแล้วสินะ..พู่กัน   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่9 จริงๆแล้วผมก็ชอบเค้า!! (09-02-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 09-02-2018 01:01:37
บทที่ 9 จริงๆแล้วผมก็ชอบเค้า?!!


พาร์ตของแผ่นดิน

     
     ผมอึ้งถึงอึ้งมากที่สุด ไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น เมื่อคืนพู่กันกินเบียร์จนเมาเละ เค้าว่ากันว่าคนเมามักจะพูดความจริง?!

งั้นสิ่งที่พู่กันพูดและแสดงออกเมื่อคืนมันก็เป็นเรื่องจริงสินะ เค้าหึงผมจริงๆ!!

 ..งั้นแปลว่าเค้ามีใจให้ผม?!! 

        และนี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น..

“ไอ้ดิน!!” อยู่ๆพู่กันก็ตะโกนเรียกผมซะเสียงดังแล้วก็ขึ้นมานั่งค่อมบนตักผมเฉยเลย!!


“ทำไมเมิงไม่ปายเปลี่ยนหลอดไฟให้พี่เค้าที่ห้องวะ    อึก”  พู่กันโอบรอบคอผมพร้อมกับสะอึกไปด้วย

 
“...” หึงจริงๆด้วยสินะ


“เค้ารอให้เมิงไปเสียบหลอดไฟห้าย รีบไปเซ่   อึก”


“...” ไปทำไม รอเสียบของคนที่นั่งสะอึกอยู่บนตักเนี่ย!! จะว่าไปท่านั่งตอนนนี้ก็เหมาะเจาะพอดีนะ!!


“อึก..นมตู๊มๆ ม่ายชอบงาย” หน้าตาเวลาที่พูดก็หวานเยิ้มเชียว อยากจะจับจูบแรงๆสักที มันเขี้ยว!!


“...” ไม่ชอบ ชอบนมของคนที่นั่งคร่อมอยู่บนตักตอนนี้ต่างหาก


“พี่เค้ายั่วเมิงขนาดนั้น เมิงม่ายสนเหรอ แล้วถ้ากูยั่วเมิงบ้างล่ะ สนป่ะ” พูดพร้อมกับช้อนตามองผมด้วยสายตายั่วยวน สนสิ..สนจน

จะทนไม่ไหวอยู่แล้วเนี่ย ถ้าไอ้เพื่อนสองตัวนี้ไม่อยู่โดนจับปล้ำแน่ๆ  ฮึม..


“อกแบนๆแบบกูเมิงชอบจริงเหรอ อ่ะกูให้จาบ   อึก” ไม่พูดเปล่าพู่กันจับมือผมให้ไปทาบหน้าอกของตัวเอง..โคตรพีคอ่ะ!!   


“...!!” อึ้ง..นี่จะยั่วกันจริงๆใช่มะ  เห็นใจกันบ้างเหอะ แผ่นดินน้อยมันปวดหนึบไปหมดแล้วเนี่ย!!


“ดอกไม้ทำไมน่ารักแบบนี้ ฮึ” ผมพูดพร้อมกับลูบแก้มเจ้าตัวเบาๆ


“อึก” เมาทีไรสะอึกทุกทีสินะ  ให้ตาย ทำไมดอกไม้ของผมถึงน่ารักได้ขนาดนี้นะ..


“จูบนะ  จะได้หายสะอึก” เจ้าตัวไม่พูดอะไรแต่เอียงหน้าให้น้อยๆ ผมประกบจูบริมฝีปากนั้นทันทีอย่างแผ่วเบา..มันเป็นรสจูบที่

หวานปนความขมของเบียร์ให้ความรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด จูบไม่นานก็ผละออก เพราะไอ้เพื่อนสองตัวมันกำลังจ้องอยู่ด้วย

สายตากรุ้มกริ่ม พร้อมกับถ่ายคลิปไปด้วย

       ..ส้นตีนจริงๆไอ้สัดหมี!!


“...” พู่กันมองผมด้วยแววตาฉ่ำปรือ มันน่าโดนมากกว่าจับจูบนะ ฮึม..


“...”


“เห็นมั้ยหยุดละ” ผมยิ้มพร้อมกับแตะริมฝีปากบางนั้นเบาๆ


“....”


 “ไอ้ดิน   อื่อ  กูจาอ้วก” แล้วเจ้าตัวก็รีบวิ่งปิดปากไปยังห้องน้ำ ..แต่ไม่ทันซะแล้ว


“อ้วกกกกกก”  อ้วกพุ่งอย่างกับเขื่อนแตกกระจายเต็มหน้าห้องน้ำ  พวกผมต่างก็วิ่งมาหาด้วยความเป็นห่วง


“ไอ้พู่ เป็นไงบ้างวะ” ไอ้หมีที่ค่อยๆพยุงพู่กันที่นั่งจุมปุ๊กให้ลุกขึ้น จากนั้นผมกับไอ้หมีก็ช่วยกันพาร่างของพู่กันมายังห้องนอน


“พวกมึงกลับเหอะ ดึกแล้ว” ผมพูดหลังจากไอ้ปูน กับไอ้หมีเดินออกมาจากห้องนอนของพู่กัน


“แล้วอ้วกพวกนี้ล่ะ” ไอ้ปูนทำหน้าคิดหนักที่จะต้องจัดการกับกองอ้วกพวกนี้


“กูจัดการเอง พวกมึงมีเรียนเช้ากันนิ กลับเหอะ”


“ตามใจมึง งั้นกูฝากดูแลเพื่อนกูด้วยนะ”


“ไอ้หมี กูขอไรอย่างดิ ลบคลิปที่มึงถ่ายเมื่อกี้ได้มั้ยวะ กูไม่อยากให้พู่เค้าลำบากใจวะ”


“เออๆเดี๋ยวลบให้ ห่วงใยกันดีเหลือเกิน ยังไงก็ยินดีกับมึงด้วยนะ ” แล้วไอ้หมีก็เดินมาตบบ่าผม


“...?”


“มึงจีบไอ้พู่ติดแล้วหละ เหลือแค่ว่ามันจะยอมรับความจริงเมื่อไหร่


      ..นั่นน่ะสินะ ต้องทำยังไงเค้าถึงจะรู้ใจตัวเองสักที?!!


หลังจากที่เพื่อนทั้งสองคนกลับ ผมก็หันมาจัดการกับคนเมาที่ตอนนี้นอนสลบไสลอยู่บนเตียง


“พู่  ลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเร็ว”


“....” ไม่มีสัญญาณตอบรับ


“งั้นเปลี่ยนให้นะ”  ไม่ตอบถือว่าอนุญาตแล้ว ผมจึงค่อยๆถอดเสื้อและกางเกงที่เลอะอ้วกออกเบาๆ ตอนนี้ร่างกายของพู่กัน

เปลือยเปล่าเหลือแค่กางเกงในสีขาวเพียงตัวเดียว  ใจผมเต้นแรงเมื่อเห็นร่างกายขาวเนียนของพู่กัน  จากนั้นผมก็ค่อยๆเช็ดตัว

ให้พู่กันอย่างเบามือ ..ทุกครั้งที่สัมผัสโดนผิวขาวๆของพู่กันใจผมก็จะเต้นรัวทุกครั้งพร้อมกับอาการตื่นตัวของแผ่นดินน้อยของ

ผม!!


“ใจเย็นๆ ลูกพ่อ” ให้ตาย ได้แต่ห้ามใจตัวเองไม่คิดว่าร่างกายผมจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบรุนแรงได้ขนาดนี้

ขณะที่กำลังเช็ดไปตามแผงหน้าอกสวยนั้นก็อดใจไม่ไหวที่จะมองอย่างสำรวจ ทำไมยอดอกถึงได้สีสวยขนาดนี้นะ

แล้วผมก็อดใจไม่ไหวเผลอใช้มือไปสัมผัสลูบไล้เบาๆตรงยอดอกสีชมพูระเรื่อของพู่กัน


 “อื่อออ” พู่กันที่นอนหลับใหลอยู่ร้องครางออกมาเบาๆ  เสียงครางของพู่กันเกือบจะทำให้สติผมขาดกระเจิง!!

ไม่ได้ๆ อดกลั้นไว้  เค้าเมาต้องรอให้เค้าเต็มใจก่อนสิ!! นี่ผมต้องต่อสู้กับด้านมืดของตัวเองอย่างยากเย็น

เมื่อมองต่ำลงไปเรื่อยๆก็เห็นกางเกงในมีรอยเลอะคาบอ้วกที่คงซึมลงไปตอนอ้วกเลอะกางเกง


“เอาไงดีวะ!!” ได้แต่ถามตัวเองว่าจะเปลี่ยนกางเกงในให้พู่กัน หรือจะปล่อยไว้แบบนั้น..มันก็ต้องเปลี่ยนสิทิ้งไว้แบบนั้นก็สกปรก

แย่ แล้วใจผมจะต้านทานไหวมั้ยเนี่ยแค่เห็นหน้าอกกับร่างขาวๆก็แทบอดใจไม่ไหว นี่ต้องเห็นพู่กันน้อยเลยนะ!! ใครจะไปอดใจ

ไหววะ  แล้วผมก็ต้องต่อสู้กับความคิดตัวเองอีกครั้ง..


“เอาวะ!!” แล้วผมก็กลั้นใจถอดกางเกงในของพู่กันออก แล้วรีบสวมกางเกงขาสั้นตัวใหม่ให้กับคนที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่ตอนนี้  นี่ถ้า

ผมจับปล้ำขึ้นมาจริงๆก็คงไม่รู้สึกตัวสินะ!!


“ฟู่” ได้แต่เป่าปากโล่งอก สุดท้ายก็ต้านทานด้านมืดของตัวเองได้สำเร็จ นี่ถ้าผมเมาพู่กันเสร็จผมไปแล้วแน่ๆ บอกเลย!!

จัดการกับเจ้าของอ้วกเสร็จ ก็ต้องมาจัดการเก็บอ้วกต่อ แต่แปลกผมไม่ได้รังเกียจแต่กับเต็มใจที่จะทำ..

แบบนี้สินะที่เรียกว่า ความรัก!!

ทำความสะอาดทุกอย่างเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบตีสอง..เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย

“ไหนดูสิ สภาพคนเมาเป็นบ้าง” พู่กันยังคงหลับใหลไม่ได้สติ   ดี!!เป็นแบบนี้จะนอนกอดให้หนำใจไปเลย

เมาแบบนี่บ่อยๆก็ดีเหมือนกันนะ จะกอดจะหอมตรงไหนก็ไม่มีขัดขืนเลย แต่ต้องเมาตอนที่ผมอยู่ด้วยนะ

แล้วต้องเป็นผมคนเดียวที่ได้สัมผัสด้วย หวง!!


“พู่  พู่กันเจ็ดโมงแล้ว ตื่น” ผมสะกิดพู่กันเบาๆให้ตื่น ปลุกอยู่นานกว่าพู่กันจะรู้สึกตัว


“อื่อ ปวดหัว” พู่กันตอบทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา  แฮงค์จนปวดหัวสินะตอนนี้


“เดี๋ยวไปเรียนสายนะ ตื่นเร็ว” ผมยื่นหน้าไปกระซิบใกล้ๆ เป็นจังหวะที่พู่กันลืมตาตื่นพอดี

เจ้าตัวรีบดันตัวผมให้ออกห่างด้วยความตกใจ ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นนั่งพร้อมกับทำหน้างงมองหน้าผมสลับกับก้มมองชุด

ที่ตัวเองใส่อยู่...


“ไอ้ดิน มึงทำอะไรกู เมื่อคืนกูไม่ได้ใส่ชุดนี้”  เจ้าตัวรีบโวยวายใส่ผม


“รู้ตัวรึป่าวว่าเมื่อคืนมึงเมามาก คออ่อนแล้วยังไม่เจียม อ้วกแตกไปทั่วบ้านเหนื่อยกูอีกที่ต้องคอยเก็บอ้วกมึง เสื้อผ้ามึงก็เลอะ

อ้วกมึงไงลำบากกูเปลี่ยนให้มึงอีก” จริงๆผมก็แกล้งบ่นไปแบบนั้นแหละ อยากจะรู้ว่าพู่กันจะมีปฏิกิริยายังไง


“...” ปรากฏว่าอึ้งครับอ้าปากค้างถึงกับพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าอึ้งเพราะรู้ว่าเมาแล้วอ้วก หรืออึ้งเพราะผมบ่นได้ยืดยาวแบบนี้กันแน่!!


“ยังจะนั่งอมขี้ฟันอีก ไปอาบน้ำได้แล้วมีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอ” ดูๆ ยังนั่งทำหน้าอึ้งไม่หาย จับจูบให้อึ้งอีกรอบดีมั้ยเนี่ย!!


“บ่นๆ มึงเป็นแม่กูรึไง” พอได้สติก็รีบโวยวายเลยนะ


“ยังจะเถียงอีก จับจูบเลยดีมั้ย!!”


“จูบดิ จูบทั้งขี้ฟันกูนี่แหละ กล้ามั้ยละ” โอ้โห..มีท้าซะด้วย รออะไรละคร้าบ รีบจับจูบทันที

ผมบดปากลงไปอย่างหนักหน่วงแต่ไม่ได้ล่วงเกินอะไรไปมากกว่านั้น เดี๋ยวดอกไม้จะตกใจไปมากกว่านี้


“อื่ออออออ” ดอกไม้ได้แต่ส่งเสียงในลำคอ พร้อมกับทุบบ่าผมรัวๆ  เหมือนจะประท้วงว่าหายใจไม่ทัน

พอผมปล่อยปาก ดอกไม้ก็หอบหายใจอย่างถี่รัวพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำ  ..น่าเอ็นดู


“จะไปอาบน้ำได้รึยัง  หรือต้องให้กูทำมากกว่านี้” ต้องขู่ด้วยวิธีนี้ถึงจะได้ผล  พู่กันรีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันที


ระหว่างที่รอพู่กันอาบน้ำก็ทำแซนวิชกับชงกาแฟรอไว้ให้


“เอ้า ทำไมมึงยังไม่กลับ ไม่มีเรียนรึไง” พู่กันเดินออกจากห้องพร้อมกับกลิ่นกายที่หอมกรุ่น ให้ตายผมชอบกลิ่นนี้จริงๆ!!


“มากินแซนวิช กับกาแฟดำก่อน เดี๋ยวกูจะไปส่งมึงที่คณะ”


“...”  พู่กันได้แต่ทำหน้างง


“กูมีเรียนบ่าย”


“แล้วทำไมต้องไปส่ง กูไปเองได้”


“มึงเป็นดอกไม้ของกูที่กูต้องดูแล อย่าลืม”


“เหอะ มึงก็คิดเองเออเอง กูไปตกลงกับมึงตอนไหน”


“รีบกิน เดี๋ยวสาย”  ตอนนี้ยังไม่ตกลง แต่เดี๋ยวรออีกไม่นานหรอกหนีไม่รอดแน่ๆ หึๆ


        ...สุดท้ายพู่กันก็ยอมมานั่งเป็นดอกไม้หน้ารถ ให้ผมไปส่งที่คณะ..


“เมื่อคืนไอ้หมีกับไอ้ปูนกลับยังไง” ที่นั่งเงียบมานานคงระลึกอยู่สินะว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง


“ก็ขับรถกลับ พวกมันไม่ได้เมาเหมือนมึง” ผมแกล้งทำสายตาตำหนิใส่


“แล้วทำไมมึงไม่กลับหอมึงล่ะ” ถามกลับด้วยอารมณ์เหวี่ยง  หน้าตอนเหวี่ยงก็น่ารักดีเหมือนกันนะ..


“หมามันอ้วกเมาไม่รู้เรื่อง เลยต้องอยู่ดูแล” 


“แล้วมึงนอนตรงไหน โซฟา?”


“เปล่า นอนบนเตียงกอดมึงทั้งคืน”  หอมด้วยจูบด้วย อันนี้ไม่กล้าบอก!!


“...!!!”  ท่านี้มาอีกละ อ้าปากค้าง


“ตอนมึงเมานี่ก็ดีเหมือนกันนะ กูทำไรมึงก็ไม่ขัดขืนเลย” ผมพูดแหย่ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์


“...!!!”  ดูทำหน้าเข้า ตกใจตาโตเท่าไข่ห่าน  ดอกไม้นะดอกไม้..


“ตอนมึงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กูมึงปิดไฟรึป่าว” หึ เริ่มกลัวขึ้นมาแล้วสินะ


“ถามโง่ๆ ปิดไฟก็มองไม่เห็นสิ ตัวมึงอย่างขาว พู่กันน้อยของมึงก็น่ารักน่าชัง กูอดใจแทบไม่ไหว!!” อันนี้พูดเรื่องจริง

เกือบโดนจับปล้ำแล้วมั้ยล่ะ หึๆ


“เชี่ย!! หมายความว่าไง” ดอกไม้ของเราโมโหแล้ว!!


“ก็มึงอ้วกเลอะทั้งเสื้อทั้งกางเกง กูก็เลยเปลี่ยนให้ เห็นมึงนุ่งกางเกงในนอนแล้วอึดอัดเลยถอดให้ นุ่งแต่กางเกงบอลน่าจะสบาย

กว่า” ผมตอบตามความจริง ก็มันน่าอึดอัดใครเค้านุ่งกางเกงในนอนกันล่ะ!! แค่ถอดกางเกงในให้ก็วัดใจมากพอแล้ว

อย่าให้ต้องใส่เข้าไปอีกรอบเลยไม่งั้นไม่รอด..ดอกไม้นั้นแหละที่จะไม่รอด!!


“มึงนี่แมร่ง!! มึงเป็นหรรมกูรึไงถึงรู้ว่ามันอึดอัดอ่ะ” ผมได้แต่กลั้นขำกับคำพูดของพู่กัน ไม่ได้เป็นหรรมแต่อยากเป็นเจ้าของหรรม

ต่างหาก!!


“ไม่ต้องเขินๆ อีกหน่อยก็ชิน”


“หรือมึงกลัวจะเสียเปรียบ เดี๋ยวเย็นนี้กูถอดกางเกงให้มึงดูแผ่นดินน้อยของกูมะ” อันนี้ก็พูดเรื่องจริงอีกเต็มใจถอดให้เลย ถ้าเค้า

บอกให้ถอดตอนนี้ผมก็จะถอดเอ้า!!


“ไอ้สัด ไอ้หน้าด้าน เย็นนี้ก็ไม่ต้องมาหากู กูขออยู่อย่างสงบสักวันเหอะ!!!”


 “เดี๋ยวตอนเย็นมารับนะ” ผมพูดเมื่อมาถึงที่หน้าคณะแล้ว


“ไม่ต้อง!! จะกลับกับไอ้หมี” โอ๊ะ มีปิดประตูใส่ แถมยังเดินหน้าบึ้งไปเรียนอีก ผมได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับขำ

       
              ..ให้มันได้แบบนี้สิดอกไม้ของผม!!


 จบพาร์ตของแผ่นดิน



       คำว่ายอมรับความจริงของไอ้หมีมันยังก้องอยู่ในหัว  ผมมีใจให้กับไอ้ดินจริงๆเหรอวะ?!!

คาบบ่ายผมแทบจะไม่มีสมาธิในการเรียน มัวแต่คิดเรื่องนี้ซ้ำๆ เครียดยิ่งกว่าตอนเรียนซะอีก แล้วนี่ก็ใกล้สอบแล้วด้วย เรียนไม่รู้

เรื่องแบบนี้เละแน่ๆเลยกู


“พวกมึงลงไปรอกูใต้ตึกนะ กูขอไปขี้ก่อนแม่งอั้นมาเกือบชั่วโมงละ” ไอ้หมีพูดขณะที่พวกเรากำลังเดินออกจากห้องเรียน  ถึงว่า

ช่วงท้ายคาบกูเหม็นอะไร มึงตดให้กูดมตลอด!!


“กูไปด้วย ปวดเยี่ยว” ไอ้ปูนพูดพร้อมกับทำท่าบิดตัวไปมา


“เออ งั้นกูรอใต้ตึกนะ”

เดินลงมานั่งรอไอ้เพื่อนหมอ’หมา’ที่ใต้คณะ  ก็ได้ยินเพื่อนผู้หญิงที่นั่งโต๊ะใกล้ๆพูดขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องเบาๆ

“แกๆ ใช่ดินเดือนคณะเกษตรรึป่าวอ่ะ” ผมหันไปมองตามสาวๆ ก็ใช่อ่ะดิไอ้ดินไงจะใครล่ะ!! มาทำไมวะกูบอกกลับกับไอ้หมีไง

แม่งไม่เคยฟังที่กูพูดเล้ย!!


“ใช่ๆ หล่ออ่ะแก”


“เค้ามาทำไมวะแก แฟนเค้าเป็นเด็กสัตแพทย์เหรอ” ไอ้พวกผู้หญิงพวกนี้ก็ตื่นเต้นเหลือเกิน


“เค้ามีแฟนแล้วเหรอ ฮือ..ไม่นะ”


อย่า อย่าเดินมาหากูนะมึง ไม่งั้นทุกสายตาจับจ้องมาที่กูแน่ เออ..ให้มันได้แบบนี้สิ ไอ้ดินเดินตรงดิ่งมายังผมพร้อมกับรอยยิ้ม

น้อยๆของมันแล้วก็นั่งแหมะลงข้างผมๆ...ครับ!!ตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผม เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

และบางสายตาก็เต็มไปด้วยความอาฆาต!! 


“มาทำไม” แม่งโมโห เพราะมึงทำให้กูไม่มีสมาธิในการเรียน แถมยังต้องมาเจอสายตาจับผิดอีก


“บอกแล้วไงว่าจะมารับ”


“บอกแล้วไงว่าจะกลับกับไอ้หมี”


“บอกตอนไหน”


“กวนตีนละไอ้ดิน”


“ไปสิกลับกัน” นี่ได้ฟังที่กูพูดบ้างมั้ยเนี่ย เหมือนคุยกันคนละภาษา กูละหน่ายจริงๆ!!


“นี่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องใช่มะ..” กำลังจะด่ามันต่อ แต่เพื่อนผู้หญิงชั้นปีเดียวกับผมที่ชื่อน้ำหวานก็เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน


“เออ ขอโทษนะ ใช่ดินรึป่าวคะ” น้ำหวานสาวหมวยร่างท้วมพูดด้วยท่าทางเขินอาย


“ครับ”


“พู่รู้จักกับดินด้วยเหรอ” แล้วน้ำหวานก็หันมาถามผมด้วยความไม่มั่นใจว่าคนอย่างผมจะรู้จักกับไอ้ดิน..ทำไมคนอย่างผมจะรู้จัก

มันไม่ได้วะ มันวิเศษวิโสมาจากไหน ชิ!!หมั่นไส้  แล้วสายตาระยิบระยับของผู้หญิงพวกนี้อีกคืออาไร?!!


“รู้จักผ่านๆอ่ะ ไม่ได้สนิทอะไรมากมายหรอก” มันต่างหากที่เข้ามาตีสนิทกับกู  รู้แล้วเธอจะอึ้ง!!


“...”ไอ้ดินได้แต่หันมามองหน้าผมนิ่ง


“คืองี้ เราจะขอถ่ายรูปดินเอาไปลงเพจที่เราเป็นแอดมินอ่ะ ได้รึป่าว”


“ไม่ได้ครับ” ไอ้ดินตอบหน้านิ่ง


“...”น้ำหวานถึงกับหน้าถอดสี


“ให้เค้าถ่ายๆไปเหอะน่า เล่นตัว”


“ให้ถ่ายไม่ได้ครับ เดี๋ยวคนแถวนี้จะโมโหหึง”  ใครวะ?!!


“อ้าวไอ้ดิน มาไงวะ” ไอ้หมีที่โผ่หัวมาจากส้วมพูดทักขึ้น


“มารับดอกไม้กลับ” ไอ้หมีได้แต่ทำหน้าเหม็นเบื่อ กับคำตอบของไอ้ดิน


“ว่าแต่น้ำหวานรู้จักไอ้ดินด้วยเหรอ” ไอ้ปูนถาม คาดว่าน่าจะเนื่องด้วยความเสือกล้วนๆ


“เปล่าหรอก เรามาขอถ่ายรูปดินเอาไปลงเพจ แต่ดินไม่ยอมให้ถ่าย” น้ำหวานพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวัง


“ขอผิดคนแล้วล่ะ ถ้าจะถ่ายรูปไอ้ดินต้องขอไอ้พู่มันถึงจะถูก” ไอ้หมีพูดซะเสียงดัง ไอ้ห่านี่เอะอะก็มาลงที่กู ..เวรตะไลจริงๆ


“ทำไมต้องขอกูด้วยละ เกี่ยวไรกับกู”


“เอ้า ก็มันเป็นผัวมึง!!” ผมรีบเอามือปิดปากไอ้หมี ไอ้สัด พูดซะเสียงดังคนจากที่มองอยู่แล้ว ยิ่งมองกันมากขึ้นไปอีก


“....” น้ำหวานได้แต่ทำหน้าอึ้งแดก


“ตบปากมึงเดี๋ยวนี้ไอ้หมี พูดจาเพ้อเจ้อ”


“กูไม่ตบกูพูดความจริง ถึงตอนนี้จะยังไม่ใช่ แต่อนาคตใช่แน่นอน ใช่มั้ยเพื่อน”แล้วมันก็หันไปถามไอ้ดินที่นั่งทำหน้านิ่ง


“อือ ไม่รอดหรอก!!” ไอ้สัด มึงไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ตอบ!!


“เออ ตกลงเราถ่ายได้มั้ย” น้ำหวานพูกแทรกขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัวๆพร้อมกับหน้ามึนงง


“ถ่ายก็ได้ครับแต่ต้องเป็นรูปคู่ของผมกับพู่กัน”  อ้าว ไหงงั้นอ่ะ!!


“จริงเหรอ ได้สิๆ จริงๆเราตั้งใจจะขอถ่ายรูปพู่ไปลงเพจอยู่แล้วล่ะ ได้รูปคู่แบบนี้ก็ยิ่งดีสิ” แล้วน้ำหวานก็ยิ้มร่าหน้าบานเป็นกระด้ง


“พู่ยิ้มหน่อย” น้ำหวานที่ตอนนี้กลายเป็นช่างภาพสั่งให้ผมยิ้ม ก็กูไม่เต็มใจอ่ะ!! แล้วดูไอ้ดินจะใกล้ชิดอะไรนักหนามือน่ะก็ไม่ต้อง

โอบกูขนาดนี้ก็ได้นะ  เมื่อกี้หน้ามึงยังนิ่งอยู่เลย แล้วดูตอนนี้ฉีกยิ้มไปถึงรูหู!!  ผมเลยต้องฝืนยิ้มอย่างแกนๆ..

 
“เราขอถ่ายรูปเดี่ยวของพู่ ได้ป่ะ”


“เอาสิ” รูปเดี่ยวผมเต็มใจครับ แต่รูปคู่กับไอ้ดินไม่โอเค บอกเลอ!!


“ปูนด้วย เราขอถ่ายรูปปูนด้วยนะ”


“เราด้วยเหรอ เอาสิๆ” ไอ้ปูนที่ดีใจจนออกนอกหน้า เก็บอาการหน่อยเพื่อน!!


“ไม่ถ่ายรูปเราบ้างเหรอ น้ำหวาน” แล้วไอ้หมีก็เสนอหน้าเข้าไปบังกล้องที่น้ำหวานกำลังจะถ่าย


“ของหมีต้องอีกเพจนึง เดี๋ยวเราจะบอกให้เค้ามาถ่ายให้นะ เรารู้จักแอดมินเพจนั้นพอดี”


“เพจไรเหรอ” ไอ้หมีถามด้วยความตื่นเต้น


“เพจสมาคมนิยมหมี”


“คือรั้ย?”


“ก็เพจเกย์ที่หุ่นหมีๆ แบบหมีนี่ไง” ผมกับไอ้ปูนต่างก็หัวเราะพรืด  ฮ่าๆ เกย์หุ่นหมี..


“น้ำหวาน เราผู้ชายแมนทั้งแท่งคร้าบ พิสูจน์มะ” ไอ้หมีพูดพร้อมทำสายตาหื่น กับเพื่อนกับฝูงก็ไม่เว้นนะมึง


“นี่แหน่ะ พิสูจน์ห่าไรละ ทะลึงนะมึงอ่ะ” ไอ้ปูนตบหัวไอ้หมีฉาดใหญ่ ไอ้หมีได้แต่ลูบหัวตัวเองป้อยๆ


“เราขอบคุณทุกคนมากนะที่ให้เราถ่ายรูป แล้วก็ขออนุญาตเอารูปไปลงเพจด้วยนะ”


“ว่าแต่มันคือเพจไรเหรอ” ไอ้ปูนถามเนื่องด้วยความเสือกอีกครั้ง


“เพจ น.ศ.(ช)แซ่บ!!” อื่อหื่อ แค่ชื่อก็น้ำลายแตก


“เพจ น.ศ.ขายส้มตำเหรอ” ที่ถามเพราะไม่รู้จริงๆนะ ไม่ได้ง่าว!!


“ไม่ใช่สิ แซ่บหมายถึงหน้าตาดี น่ากินอะไรประมาณนี้อ่ะ”  เพิ่งจะรู้ว่าหน้าตัวเองก็แซ่บ!!!


“ป่ะ กลับกัน” ไอ้ดินที่เงียบมานานก็พูดขึ้นหลังจากน้ำหวานเดินกลับไปที่โต๊ะพร้อมกับสาวๆที่กรูเข้ามาหาน้ำหวานเพื่อมาขอดูรูป

ที่ถ่ายพร้อมกับเสียงกรี๊ดกร๊าด ไม่บอกก็รู้ว่ากำลังกรี๊ดรูปใคร!!


“บอกแล้วไงว่ากลับกับไอ้หมี”


“กูกับไอ้ปูนไม่ว่าง ใช่มั้ยมึง” ไอ้หมีพูดพร้อมกับหันไปพยักพเยิดกับไอ้ปูน


“ใช่!!ไม่ว่าง กูจะไปเป็นเพื่อนไอ้หมี มันจะไปตรวจภายใน!!”


“ฮะ!! ตรวจภายในผู้หญิงเค้าตรวจกันไม่ใช่เหรอวะ” แถ อะไรของมึงเนี่ย ไอ้ห่าหมีแม่งมีมดลูก!!


“หมายถึงตรวจท้องน่ะ มันขี้บ่อยไงเลยจะไปตรวจว่าลำไส้มีปัญหารึป่าว ใช่มั้ยไอ้หมี”


“ใช่ กูจะให้หมอเค้าต่อไส้ให้ยาวขึ้น จะได้ไม่ขี้บ่อยวันละ88รอบแบบนี้ไง” ไอ้หมีตอบหน้าตาย ไอ้สัดต่อไส้พ่อง!!


“กูไปด้วยดิ”


“ไม่ได้!!” ประสานเสียงเพื่อ!!


“ไหนมึงบอกจะพาชบาไปซีดวัคซีนไง นี่ไงก็ไปกับไอ้ดินดิ” ไอ้ปูนเริ่มเสนอความคิดทันที


“ชาบูไม่แดกแล้วเหรอ?” เอาเรื่องกินมาล่อมันอีกครั้ง


“แดกๆทุ่มนึงเจอกันที่ร้าน พวกกูไปก่อนนะ ป่ะไอ้ปูน” พูดเสร็จไอ้เพื่อน2ตัวก็รีบวิ่งหน้าตั้งออกไปจากตึกทันที

เพื่อนชั่ว เทกูตลอดด!!


“จะพาชบาไปฉีดวัคซีน ทำไมไม่เห็นบอกกู” ไอ้ดินถามด้วยสีหน้าบึ้งตึง ทำไมรู้สึกว่าน้ำเสียงมันดูผิดหวังยังไงชอบกล


“กูพาไปเองได้ ไม่อยากลำบากมึงไง”


“กูได้พูดรึยังว่ามันลำบาก มึงลืมไปรึป่าวว่าชบาเป็นแมวของเรา!!”


“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ใครพาไปก็เหมือนกันนั้นแหละ”


“ไม่เหมือน!! เพราะนี่เป็นเรื่องของเรา เข้าใจมั้ย” ไอ้ดินพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น


“ทำไมมึงต้องโมโหด้วยวะ” ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าของไอ้ดิน ทำให้ผมวูบโหวงในใจแปลกๆรู้สึกว่าตัวเองผิด


..แล้วมันก็เดินหนีผมเฉยเลย!! อ้าวเฮ้ยยยย


“ไอ้ดินรอก่อน” ผมรีบวิ่งตาม คว้าแขนมันเอาไว้


“...”


“เป็นห่าไรเนี่ย”


“...”


“มึงโกรธกูเหรอ”


“...” มันไม่ตอบ ได้แต่ถอนหายใจแรงๆ พร้อมกับทำสีหน้าผิดหวัง


“กูขอโทษ” ผมขอโทษมันทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมทำผิดอะไร!! ผมแคร์มัน?!


“...” มันมองผมด้วยแววตาที่อ่อนลง แต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไร


“โอเค มึงคงไม่พร้อมที่จะคุยกับกูตอนนี้ งั้นกูกลับล่ะ” แมร่ง กูก็น้อยใจเป็นเหมือนกันนะกูว่าเรื่องนี้กูไม่ผิด แต่กูก็ยังขอโทษมึง

มึงเสือกไม่คุยกับกูอีก  ตามใจแม่งละกัน!!

แม่งแล้วกูจะกลับยังไงวะเนี่ย ขึ้นรถแดงกลับแล้วกันผมเดินออกมาเรื่อยๆซึ่งไกลพอสมควร จู่ๆก็มีคนวิ่งมากอดผมจากด้านหลัง

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร..


“ขอโทษ” ไอ้ดินกอดผมจากด้านหลัง พร้อมกับพูดเสียงอ่อนที่มาคู่กับเสียงหอบหายใจ..มันวิ่งตามผมมา!!


“...” ทำไมรู้สึกว่าขอบตามันร้อนผ่าวแบบนี้วะ


“กูแค่น้อยใจ กูนึกว่าเรื่องชบาจะเป็นเรื่องของเราชะอีก”


“...”


“ขอโทษที่โมโหใส่ ป่ะกลับบ้านกัน” ไอ้ดินพูดพร้อมกับหมุนตัวผมให้หันหน้าไปทางมัน เป็นจังหวะเดียวกับที่น้ำตาผมหยดแหมะ

ลงพอดี


“...” ไอ้ดินทำหน้าอึ้งที่ได้เห็นน้ำตาผม


“ขอโทษ” มันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับปาดน้ำตาให้ผมเบาๆเท่านั้นแหละ น้ำตาผมไหลอย่างกับเขื่อนแตก นานแค่ไหน

แล้วที่ไม่มีคนแคร์ความรู้สึกแล้วก็อ่อนโยนกับผมแบบนี้ ความรู้สึกแบบนี้มันเป็นสิ่งที่ผมโหยหามาตลอดเพราะที่ผ่านมาเจอแต่

ความผิดหวังและเสียใจ


  ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 9 จริงๆแล้วผมก็ชอบเค้า!! (09-02-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 09-02-2018 01:14:50
“มึงนี่แมร่ง” ผมได้แต่ทุบอกมันแรงๆ


“ดอกไม้ทำไมขี้แยแบบนี้ล่ะ” มันดึงผมเข้าไปกอดพร้อมกับโยกตัวปลอบเบาๆ ดีนะที่ตรงนี้่ค่อนข้างลับตาคนไม่งั้นได้อายแน่ๆ


“ปล่อยกูเลย กูจะกลับบ้าน” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้อยู่ในอ้อมกอดของไอ้ดิน


“ไปสิ กลับบ้านกัน” แล้วมันก็จับมือผมให้เดินไปด้วยกัน ความรู้สึกในตอนนี้มันเต็มตื้นไปหมด อธิบายไม่ถูก

แล้วคำว่าผมมีใจให้ไอ้ดินก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง ผมควรทำยังไงต่อไปดี?!! สับสนจังวะ..


หลังจากขึ้นรถแล้วไอ้ดินก็จับมือผมไว้อีกครั้ง..


“มึงควรขับรถสองมือนะ ขับมือเดียวมันอันตราย” ผมพูดแต่ก็ยังยอมให้มันจับมือไว้อยู่ดี


“ไม่เอาเดี๋ยวดอกไม้ร้องไห้”


“ตลก ใครเค้าร้องไห้กะอิแค่มึงไม่จับมือ ปล่อย”


“แล้วร้องไห้เพราะอะไรล่ะ” มันถามด้วยสายตารู้ทันว่าผมร้องไห้เพราะอะไร


“ไม่ได้ร้อง แค่เหงื่อไหล” งานนี้แถอย่างเดียวครับ ใครจะไปยอมรับละว่าดีใจที่มันแคร์ผม!!


“เหงื่อไหลออกตาได้ด้วย ไหนดูดิเหงือออกเยอะจนตาบวมหมดแล้วเนี่ย” แล้วมันก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้ กลิ่นนี้อีกแล้ว..กลิ่นเปป

เปอร์มินต์!! แล้วมันก็จ้องมาที่ริมฝีปากผมรีบเม้มริมฝีปากทันทีมันยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะจุ๊บหน้าผากผมแรงๆทีนึงแล้วผละออก


“อื่อ” ผมได้แต่ทำเสียงประท้วงในลำคอ


“ว่าแต่จะพาชบาไปหาหมอที่ไหนดี” เปลี่ยนเรื่องไวเหลือเกิน..หน้ากูยังไม่หายร้อนเลย ใครปิดแอร์วะ!!


“ไปคลินิกรุ่นพี่อยู่ใกล้ๆแถวนี้แหละ”


“โอเค งั้นไปรับชบาก่อนเนาะ”


ใช้เวลาขับรถไม่นานก็มาถึงบ้านผม  เวสป้าคันเก่าสีขาวของไอ้พี่น้ำจอดอยู่หน้าบ้าน วันนี้กลับบ้าน?


“สวัสดีครับพี่น้ำ” ไอ้ดินไหว้พี่น้ำที่นั่งซดมาม่าคัพอยู่ที่โซฟา


“หวัดดีน้องเขย!!”


“น้องเขยเชี่ยไร!!” ผมรีบโวย


“ก็มันเป็นน้องเขยกูไม่เกี่ยวกับมึง”


“ก็กูน้องมึง ถ้ามันเป็นน้องเขยมึงมันก็ต้องเป็นผัวกูสิ” รู้สึกเหมือนเผลอพูดอะไรออกไป


“ร้อนตัวนะมึง น้องกูก็มีหลายคนมะน้องที่คณะกูเยอะเยอะไม่ได้หมายถึงน้องในไส้อย่างมึง”


“แล้วมันเป็นใครล่ะ!!” หัวร้อนเลยกู


“ม่ายบอก” มันพูดพร้อมส่ายหน้ากวนตีน


“เออ เรื่องของมึง ไปอุ้มชบามาสินั่งบื้ออยู่ได้”ผมหันไปแหวใส่ไอ้ดินที่นั่งอมยิ้มอยู่


“จะพามันไปไหน” ไอ้พี่น้ำถามขึ้นหลังจากซดน้ำจากถ้วยมาม่าจนหมด ไอ้นี่ก็แดกหมดจนหยดสุดท้ายมึงเป็นญาติไอ้หมีแน่ๆ

จะว่าไปไอ้พี่น้ำมันก็แดกทุกอย่างไม่ต่างจากไอ้หมี อย่าถามว่ามันไม่กินอะไรบ้าง มันบอกว่ามันกินได้ทุกอย่างเพราะพื้นเพมัน

เป็นคนตะกละ!! กูมีพี่เป็นชูชก!!


“ฉีดวัคซีน”


“ไอ้ตัวขาวล่ะ ไม่ฉีดเหรอ”


“ยังไม่ครบกำหนด แล้วมึงช่วยเรียกชื่อให้มันดีๆหน่อย เรียกตัวขาวตัวดำอยู่ได้” ผมละเบื่อกับมันจริงๆ ไอ้นี่ชอบเรียกอะไรตามที่

ตามันเห็น แม้จะมีชื่อให้เรียกก็ตาม!!

ไอ้ดินเดินออกมาจากหลังบ้านพร้อมกับกล่องใส่แมวที่มีชบานั่งอยู่ข้างใน


“ขากลับแวะซื้อข้าวมาให้กินด้วยดิ”


“แล้วที่มึงแดกเมื่อกี้ละ?!”


“รองท้อง”


“ทุ่มนึงจะไปกินชาบูกับพวกไอ้หมีไปด้วยกันมั้ยล่ะ”


“น้องปูนไปมั้ย”


“ไป”


“เออ งั้นกูไปด้วย” ทำไมต้องถามหาไอ้ปูนตลอดด้วยวะ?


‘ธันวาสัตวแพทย์’ คือคลินิกรักษาสัตว์ของพี่มุ้ย ทวดรหัสของผม ตอนผมอยู่ปี่1ที่มุ้ยอยู่ปี6 สายรหัสผมมักจะนัดเจอกันเสมอๆ

สายรหัสเราเลยสนิทกัน


“พี่หมอหวัดดีครับ”


“อ้าวพู่หวัดดี ไม่เจอกันนานเลยสบายดีมั้ย”


“สบายดีครับพี่หมอ แหม่แต่เราก็เพิ่งเจอกันเมื่อต้นเดือนนี่เอง ยังไม่นานสักหน่อย”


“สำหรับพี่แค่วันเดียวก็นานแล้ว” พี่หมอขยี้หัวผมเบาๆพร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่นที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของพี่มุ้ยอดีตเดือนมหา

ลัยเมื่อหกปีที่แล้ว..


พอหันไปทางไอ้ดินก็รู้สึกถึงรังสีอำมหิตบางอย่าง..ทำไมกูรู้สึกขนลุกจังวะ!!

“มากับเพื่อนเหรอ หรือว่า...”


“เพื่อนครับ!!” ผมรีบตอบก่อนที่แกจะพูดประโยคที่ไม่น่าฟังออกมา


“หวัดดีครับพี่ชื่อมุ้ยเป็นทวดรหัสของพู่ ยินดีที่ได้รู้จัก” แล้วพี่หมอก็หันไปแนะนำตัวกับบุคคลหน้านิ่งที่ตอนนี้ยืนนิ่งเป็นยักษ์วัด

แจ้ง!!


“สวัสดีครับ ผมชื่อดิน” ไอ้ดินยกมือไหว้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย


“ครับน้องดินว่าแต่วันนี้พาเจ้าเหมียวน้อยมาทำอะไรเอ่ย”


“ฉีดวัคซีนครับ”


“ไหนดูสิ ชื่อไรเอ่ยเจ้าเหมียว”


“ชบาครับ”


“ใช่แมวที่พู่เล่าให้พี่ฟังรึป่าว” แล้วพี่หมอก็หันมาถามผม


“ตัวนี้แหละพี่หมอ”


“อ่อ งั้นดินกับพู่ก็เป็นเจ้าของร่วมกันอย่างที่ปูนบอกละสิ”


“ไอ้ปูนเหรอพี่?”


“อาทิตย์ที่แล้วปูนพาพี่เบิ้มมาฉีดวัคซีนน่ะ เลยเล่าเรื่องของพู่ให้พี่ฟังนิดหน่อย” พี่เบิ้มคือหมาพันธุ์บลูมาสทีฟฟ์ของไอ้ปูนที่ตัว

บิ๊กเบิ้มสมชื่อ


“...” เหอะ นิดหน่อยจริงเหรอ ตอนนี้พี่หมอคงรู้พอๆกับที่ไอ้ปูนมันรู้นั้นแหละ ไอ้เพื่อนปากมาก!!


“งั้นทำประวัติก่อนละกันเนาะ ใช้ชื่อใครดี”


“ชื่อมึงละกัน” ไอ้ดินหันมาบอกผม ผมยักไหล่ไม่มีปัญหาชื่อใครก็ได้ทั้งนั้น หลังจากกรอกประวัติ ชั่งน้ำหนักชบาเสร็จก็ถึงเวลาที่

เจ้าเหมียวตัวน้อยของเราจะต้องโดนเข็ม!!


“ช่วยจับชบาให้พี่หน่อยนะ”


“มึงจับสิ”


“มึงไม่จับละฝึกไว้ เผื่อวันไหนมึงได้มาคนเดียวไง”


“ไม่อ่ะ” ไอ้ดินบอกด้วยสีที่หน้าที่เกร็ง อย่าบอกนะว่า..


“มึงกลัวเข็มเหรอ!!”


“ป่าวสักหน่อย แค่ไม่ชอบ” ไอ้ห่าแล้วใครเค้าชอบเข็มกันว่ะ ใครจะไปคิดว่าผู้ชายแมนแอนด์แฮนซั่มอย่างมันจะมุมที่กลัวอะไร

แบบนี้..


“อ่อนจริงๆเลยมึงอ่ะ” ผมพูดอย่างล้อๆ กูเจอจุดอ่อนของมึงล้าววว!!


“กูไปรอข้างนอกนะ”พูดจบมันก็รีบหมุนตัวออกไปรอข้างนอกทันที ผมกับพี่หมอได้แต่ขำกับอาการกลัวเข็มของไอ้ดิน


“น้องเค้าดูเป็นคนดีนะ” อยู่ๆพี่หมอก็พูดขึ้นหลังจากฉีดวัคซีนให้ชบาเสร็จ


“...?!” ไอ้ปูนมึงเล่าอะไรให้พี่หมอฟังบ้างเนี่ย!!


“เค้าดูหึงเรามากนะ สีหน้าที่เค้าเห็นพี่จับหัวเราเมื่อกี้ ดูก็รู้ว่าเค้าหวงและไม่พอใจ”


“ไม่มีไรหรอกพี่ หน้ามันก็นิ่งแบบนี้แหละ”


“ลองเปิดใจดู พี่ว่าเค้าเหมาะกับเรานะพู่” พี่หมอขยี้หัวผมเบาๆเป็นจังหวะที่ไอ้ดินเดินเข้ามาพอดี หน้าของไอ้ดินในตอนนี้บึงตึง

ขึ้นมาทันที ดูก็รู้ว่ากำลังไม่พอใจ


“เห็นมั้ยดูหน้าของดินสิ ปากคว่ำหมดละ” พี่หมอกระซิบบอกผมอย่างล้อๆ


“เรียบร้อยแล้วครับ พี่ฉีดวัคซีนรวมให้แล้วนะครับ ส่วนนี่ก็ใบนัดกับรายละเอียดของวัคซีนที่ฉีดไป” พี่หมอยื่นใบนัดกับเอกสารการ

ทำวัคซีนสำหรับแมวให้ไอ้ดิน


“ขอบคุณครับ” ไอ้ดินตอบด้วยใบหน้านิ่งเหมือนเคย

ก่อนออกจากคลินิกไม่รู้ว่าพี่หมอกระซิบอะไรกับไอ้ดิน ตอนนี้มันถึงได้ยิ้มหน้าระรื่นต่างจากเมื่อกี้ที่ทำหน้าบึ้งอย่างกับไปกิน

รังแตนที่ไหนมา!!


“พี่หมอบอกอะไรมึง” ผมถามมันทันทีหลังจากขึ้นรถ


“ไม่มีอะไร”


“โกหก แล้วมึงยิ้มอะไรเมื่อกี้ยังทำหน้าบูดใส่กูอยู่เลย”


“ก็เมื่อกี้คนมันหวง!! ทำไมล่ะ”


“หวงเพื่อ?!”


“เหมือนมึงหวงกูกับพี่แปมไง”


“ไม่เคยอ่ะ มั่ว!!” ผมรีบตอบมันทันควัน


“แต่ตอนนี้ไม่หวงละ พี่หมอเค้าเป็นคนดีจังเนาะ”


“อะไรของมึง?” กูตามอารมณ์มึงไม่ทันจริงๆ


       ..ว่าแต่พี่หมอบอกอะไรกับมันวะ?!!


“ฮัลโหล” ยังไม่ทันจะถึงบ้านไอ้พี่น้ำก็โทรมาหา


“ไอ่พู่ จะถึงบ้านยังวะกูอยู่ร้านชาบูกับไอ้หมีกับน้องปูนแล้วนะ มึงตามมาได้เลย”


“กำลังจะถึง แล้วไหนพวกมันนัดทุ่มนึงไงวะ”


“กูบอกให้มาก่อนเองแหละ กูหิว  แค่นี้นะน้องกุ้งรอกูอยู่” พูดจบมันก็ตัดสายทันที น้องกุ้งไหนของมันวะเจอเด็กอีกแล้วละสิ!!


“มึงไปกินชาบูด้วยกันมั้ย” ลืมไปว่ายังไม่ได้ชวนมัน


“ไปสิ มึงจะทิ้งกูให้กินข้าวคนเดียวได้ไงล่ะ”


“ไม่ได้ทิ้ง กูถึงได้ชวนมึงนี่ไง!!” เขินเลยกู..นี่กูพูดอารายออกปายยย!!


“...” ไอ้ดินได้แต่หันมามองหน้าผมเหมือนกับไม่เชื่อว่าผมจะพูดประโยคที่เหมือนว่าแคร์มันออกไป แล้วหน้านิ่งของมันก็เปลี่ยน

เป็นยิ้มกว้างทันที   วันนี้มึงชักจะยิ้มมากเกินไปแล้วนะ..

พาเจ้าเหมียวน้อยกลับบ้านเรียบร้อยแล้วผมกับไอ้ดินก็ตรงดิ่งไปร้านชาบูหน้ามอทันทีด้วยความหิว..แมร่งกูจะฟาดเรียบให้หมด

วันนี้กูจะกินแข่งกับไอ้หมี!!


“ไอ้พู่ทางนี้ๆ” ไอ้ปูนที่โบกมือหย่อยๆเมื่อเห็นผม

อื่อหือ..หัวกุ้งกับเปลือกกุ้งกองเป็นภูเขา กูรู้ละว่าน้องกุ้งไหน ไอ้พี่น้ำมันตัวแดกกุ้งครับบุฟเฟ่ต์ร้านไหนที่มีกุ้งไอ้ห่านี่จะฝาดเรียบ

กูละสงสารเจ้าของร้านจริงๆ!!นี่ยิ่งดูโอ้กับไอ้หมีตัวแดกเนื้อ บอกได้คำเดียวครับว่า เจ้ง!!


“มาๆเจ้ามือของมื้อนี้ เชิญนั่งครับ” ไอ้ห่าหมีพูดประจบสอพลอ


“ทำไมมึงถึงได้เลี้ยงพวกนี้วะ ใจดีอะไรของมึง” ไอ้พี่น้ำหันมาถามผมพร้อมกับยัดกุ้งสามตัวใส่ปาก   
     
      กูขอให้กุ้งติดคอมึง!!

“มันเป็นข้อแลกเปลี่ยนพี่” ไอ้หมีพูดแทรกขึ้น ผมได้แต่มองหน้ามันด้วยสายตาห้ามปรามว่ามึงอย่าพูดนะกูไม่อยากให้ไอ้พี่น้ำมัน

เห็นรูปบ้านั้น เดี๋ยวมันจะหาว่ากูแรด!!


“ข้อแลกเปลี่ยนไรวะ?” มึงจะอยากรู้ไรนักหนา มึงติดความขี้เผือกของไอ้ปูนที่นั่งข้างมึงมาแน่ๆ


“เดี๋ยวผมส่งไลน์ให้พี่ดู” ไอ้หมีพูดพร้อมกับยักคิ้วให้ผม เพื่อนชั่ว!!


“อ่ะนี่ กินเยอะๆ” แล้วไอ้ดินก็ตักหมูและสารพัดผักที่สุกแล้วมาใส่จานผม พร้อมกับคีบผักบุ้งที่ติดมาออกให้..ซึ้งเลยกู!!

    กูแพ้ผักบุ้งไม่พอยังต้องมาแพ้ใจมึงอีก!!  ฮือ..

ด้วยความใส่ใจในโหมดพ่อบ้านของไอ้ดิน ผมแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย มีหน้าที่คีบหมูเข้าปากอย่างเดียวที่เหลือมันจัดการให้

หมดเลย พร้อมกับใส่ใจรายละเอียดว่าผมกินอะไรบ้างไม่กินอะไรบ้างด้วยการดูแลที่ออกหน้าออกตาทำให้หมีและเผือกบางตัว

หมั่นไส้


“ไอ้พู่ มึงเป็นง่อยรึไง” ไอ้หมีทำหน้าหมั่นไส้


“อิจฉาโว้ย” ไอ้ปูนก็ทำเป็นตะโกนข้ามหัวผม


“น้องปูนชอบแบบนี้เหรอ งั้นเดี๋ยวพี่ตักให้นะ” แล้วไอ้พี่น้ำก็ตักหมูหมากาไก่ทุกอย่างที่อยู่ในหม้อใส่จานให้ไอ้ปูน พร้อมกับแกะ

กุ้งให้เป็นออฟชั่นเสริม กูน้องมึงแท้ๆมึงไม่เคยแกะกุ้งแม้แต่ตัวเดียวให้กูแดกเลย!!


“ผมพี่หลุดหมดแล้ว” เนื่องด้วยการสวาปามอย่างเมามันของไอ้พี่น้ำทำให้ผมที่มัดไว้หลุดลุ่ยปรกหน้าปรกตาไปหมด

ไอ้ปูนที่คงทนเห็นไม่ไหวเลยทักขึ้น


“มัดให้พี่หน่อยสิ มือพี่เลอะ” ไอ้พี่น้ำหันไปบอกไอ้ปูนที่นั่งข้างกันพร้อมกับหันหลังให้มันมัดผมให้ ไอ้ปูนมัดผมให้ไอ้พี่น้ำด้วย

ความเงอะงะปนเขิน?!! ใช่!!มันเขิน เพราะหน้ามันแดง!! ส่วนไอ้พี่น้ำก็ยิ้มแป้นแล้น  หน้าตบจริงๆเชียว ผมกับไอ้หมีหันไปมอง

หน้ากันด้วยสายตาที่อ่านออกว่า ’คู่นี้แม่งแปลกๆ!!’


“ฮ่าๆๆ” แล้วไอ้พี่น้ำก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งหลังจากมันก้มดูมือถือของตัวเอง


“...”


“ยินดีด้วยน้องเขย มาๆชนแก้ว” แล้วมันก็ชนแก้วกับไอ้ดินที่ทำหน้างงว่าพี่มึงดีใจห่าไร ส่วนไอ้ชนแก้วที่ว่าก็ไม่ใช่เหล้านะชนโค้ก

ครับ  ถุยย!!


“อย่าทำหน้างงๆ” ไม่พูดเปล่าไอ้พี่น้ำมันชูมือถือของมันที่เปิดรูปผมนั่งคร่อมตักไอ้ดินโชว์หราให้ผมและไอ้ดินดู  กูจะบ้าตาย!!

มึงจะประจานกูเพื่อ?!! กำลังจะลุกออกจากโต๊ะไปหาของหวานกินเพื่อหนีความอายก็มีเสียงผู้หญิงที่ผมคิดว่าผมคุ้นเคยกับเสียงนี้

มาก่อนทักขึ้น


“พู่”


“ไข่มุก” ผมได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ เสียงหัวเราะของทุกคนที่หยอกล้อกันเมื่อครู่หยุดลงโดยทันทีทุกคนสีหน้าเป็นกังวลแทนผม

ยกเว้นไอ้ดินที่ไม่รู้จักว่าเธอเป็นใคร..


“ดีใจจังที่เจอ มุกโทรหาพู่แต่พู่ไม่รับสายมุกเลย”


“มุกมีอะไรกับพู่รึป่าว”


“ต้องมีอะไรด้วยเหรอถึงจะโทรหาพู่ได้” เธอทำน้ำเสียงน้อยใจ


“...”


“มุกเลิกกับพี่พีแล้วนะ” แล้วไง?!


“ถ้าพู่ยังไม่มีใครเรากลับมาคุยกันเหมือนเดิมได้มั้ย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอน


“ไม่ได้หรอก” อยู่ๆไอ้หมีก็โพล่งขึ้น


“ไอ้พู่มันมีคนที่ชอบแล้วล่ะ ใช่มั้ยมึง” แล้วมันก็โยนมาทางผม ไอ่ห่าหมี!!


“ขอโทษนะมุก พู่ว่าเรื่องของเรามันจบตั้งแต่วันที่มุกเลือกพี่พีแล้วล่ะ”เค้าไม่ได้ฟังที่ผมพูดเลย แถมยังถามต่อด้วยสีหน้าไม่พอใจ


“จริงเหรอที่พู่มีคนที่ชอบแล้วน่ะ”


“...”


“พู่ตอบมุกมาสิ” มุกเริ่มขึ้นเสียง


“อืม พู่มีคนที่ชอบแล้ว” ผมตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง แล้วผมก็เหลือบตาไปมองไอ้ดิน มันมองผมนิ่งด้วยสายตาที่คาดหวังกับคำ

ตอบของผม


“มันเป็นใคร!!” แล้วมุกก็เริ่มโวยวาย


“นี่ ถ้าจะโวยวายก็กลับไปเหอะ อย่าลืมว่าเธอเป็นคนทิ้งน้องฉันไปแล้วเธอจะกลับมาหามันอีกทำไม” ไอ้พี่น้ำพี่นั่งนิ่งอยู่นานพูด

ด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง แต่เห็นแล้วน่ากลัวชะมัด!!


“อ่อ อีกอย่างถ้าจะมาขอคืนนี้กับไอ้พู่ บอกไว้เลยนะว่าพี่ชายมันไม่ยินดี” มันพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่เยือกเย็น


แล้วไข่มุกก็ออกจากร้านไปด้วยความไม่พอใจ...


“รักมึงจังพี่ชาย ขอบคุณนะที่ช่วยพูดให้กู” ผมเข้าไปกอดไอ้พี่น้ำอย่างออดอ้อน


“กูไม่ได้ช่วยมึง กูช่วยน้องเขยกูเว้ย”


“ใครน้องเขยมึง”


“แถวๆนี้แหละ” ผมเหลือบตามองไอ้ดินอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทำไมรู้สึกหัวใจมันเต้นแปลกๆ หน้าก็ร้อนไปหมด ผมรู้ความหมายของไอ้

พี่น้ำว่ามันหมายถึงใคร แล้วคนที่ผมชอบก็มีตัวตนจริงๆไม่ได้แค่ตอบส่งๆไป

สุดท้ายผมก็ต้องยอมรับว่าผมชอบไอ้ดินเข้าแล้วจริงๆ ให้ตายสิเขินเว้ย แทบจะไม่กล้ามองหน้ามันเลยทำตัวไม่ถูกวุ้ยย!!


หลังจากอิ่มหมีพีมันจนพุงแทบแตกก็แยกย้ายกันกลับ ตั้งใจว่าจะกลับกับไอ้พี่น้ำเพราะยังไงก็บ้านเดียวกัน

แต่มันดันบอกว่าวันนี้จะนอนบ้านใหญ่ ทำให้ผมต้องกลับกับไอ้ดินเหมือนเดิม


“มึงช่วยแวะเซเว่นที่จะถึงข้างหน้านี้หน่อยนะ” ผมบอกไอ้ดินขณะที่เราออกจากร้านชาบูมาได้ไม่ไกลนัก


“จะซื้อไร ยังไม่อิ่มอีกเหรอ”


“กูจะซื้อขนมปัง เอาไว้กินพรุ่งนี้เช้า”


“รอในรถนะ” ไอ้ดินบอกผมหลังจากที่ถึงเซเว่น


“เอาไรป่ะ” ผมถามมันอย่างใจดี


“ถุงยาง!!” มันตอบหน้านิ่ง


“เฮ้ย ไอ้สัดมึงเอาไปใช้กับใคร” ด้วยความตกใจเลยเผลอถามออกไป


“กับมึง” มันหันมาตอบด้วยสายตากรุ้มกริ่ม


“เชี่ย!!” รีบลงจากรถทันที สัด!!แล้วใจกูจะเต้นแรงทำไมเนี่ย..


หลังจากซื้อของเสร็จรถไอ้ดินก็ออกตัวอีกครั้ง ขับมาไม่นานรถไอ้ดินก็ขับแซงมอไซค์คันนึง ซึ่งมันคือเวสป้าคันเก่าของไอ้พี่น้ำ

โดยมีไอ้ปูนซ้อนท้าย แต่ประเด็นคือทั้งสองคนหัวเราะกันอย่างมีความสุขซึ่งมันดูเหมือนคู่รัก เฮ้ย..คู่รักเหรอ?!!!


“มึงเห็นมั้ยเมื่อกี้” ผมหันไปถามไอ้ดินด้วยใบหน้าที่อึ้ง


“อืม อย่าไปยุ่งกับเค้าเลย” ไอ้ดินตอบเสียงเรียบโดยไม่หันมามองหน้าผม


“ได้ไงนั้นพี่กูกับเพื่อนกูนะ กูก็ต้องมีสิทธิรู้สิ”


“ถึงเวลาเดี๋ยวเราก็รู้เองแหละ” ไอ้ดินตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ทุกข์ร้อน แต่กูนี่สิอยากเผือกเต็มแก่คืนนี้ต้องโทรไปเม้าส์กับไอ้หมีสัก

หน่อย ไอ้ห่านี่ต้องรู้อะไรมากกว่ากูแน่ๆ

       
             ...กูว่าแล้วคู่นี้มันแปลกๆ!!!


จากนั้นเราก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเพราะผมมัวแต่คิดเรื่องไอ้พี่น้ำกับไอ้ปูนจนตอนนี้รถไอ้ดินมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านผม


“เข้าไปในบ้านรึป่าว” ปกติมันจะเข้าไปเล่นกับเจ้าเหมียวก่อนแล้วค่อยกลับ


“คนที่มึงชอบคือใคร?!” อยู่ๆมันก็ถามขึ้น นึกว่ามึงลืมไปแล้วนะเนี่ย!!


“…” ไอ้ห่าถามแบบนี้กูจะตอบไงวะ แม้แต่หน้ามึงกูยังไม่กล้ามอง


“ชอบใคร?” แล้วมันก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้ พร้อมกับจับหน้าผมให้หันไปสบตาของมัน แววตาของมันตอนนี้ดูจริงจัง


“มะ ไม่ได้ชอบใครกูตอบส่งๆไปงั้นแหละ” ผมตอบโดยไม่สบตาของมัน


“จริงเหรอ”


“...” ตอนนี้หน้าเราใกล้กันมาก มากจนริมฝีปากเราแทบจะชนกัน ผมเริ่มรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง


“ดอกไม้!! ชอบกันบ้างรึยัง” อยู่ๆก็เปลี่ยนคำถาม พร้อมกับน้ำเสียงที่อ่อนโยน


“...” มันเรียกผมว่าดอกไม้ทีไร ใจผมก็จะเต้นแรงทุกครั้ง ..หัวใจกูจะวาย!!


“ยังไม่ต้องตอบก็ได้ แต่ก็พอจะรู้คำตอบแล้วล่ะ หน้าแดงซะขนาดนี้” นี่หน้ากูแดงขนาดนั้นเลยเหรอมืดขนาดนี้มึงยังดูออก!!


“กูจะเข้าบ้านแล้ว” ผมดันตัวมันออกด้วยหัวใจที่สั่นระรัว


“ขอจูบก่อนเข้าบ้านได้ป่ะ”


“ทะ..ทำไมต้องจูบด้วยละ!!”


“นะ ดอกไม้” ทำไมต้องทำเสียงอ้อนขนาดเน้!! เรียกดอกไม้อีกแล้ว ระทวยเลยกู แล้วผมก็เสือกหลับตายอมให้มันจูบอีกต่างหาก

แค่รู้ใจตัวเองว่าชอบมันผมถึงขั้นใจง่ายยอมให้มันจูบเลยเรอะ!!  ใจหนอใจ..

หลับตาลงแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักทีผมก็ค่อยๆลืมตา เลยเห็นไอ้ดินยิ้มสว่างจ้าอยู่ตรงหน้า!!


“น่ารักจัง” มันพูดด้วยใบหน้ายิ้มละมุนแล้วมันก็ค่อยๆประทับริมฝีปากลงมาอย่างแผ่วเบา

       ไอ้บ้า!!มึงหลอกให้กูลืมตา ฮือ..


     ไอ้ดินค่อยๆจูบผมอย่างแผ่วเบาอ้อยอิ่งด้วยความอ่อนโยน รสสัมผัสจากริมฝีปากของไอ้ดินทำให้ผมเผลอรับรสจูบนี้อย่าง

ลืมตัว จังหวะที่ผมเผยอปากเพื่อจะหายใจไอ้ดินก็ฉวยโอกาสสอดปลายลิ้นเข้ามาในโพรงปากของผม

เรียวลิ้นอุ่นรุกล้ำเร่งเร้าแปรเปลี่ยนเป็นรสจูบที่เร้าร้อนในทันที จูบของไอ้ดินทำให้ผมแทบหลอมละลายสติของผมขาดกระเจิง

สมองตอนนี้ก็ขาวโพลนไปหมด ลมหายใจของเราหอบกระชั้นเรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดอย่างดูดดื่มทำให้ผมสั่นสะท้านไปทั้งตัว!! 

ไอ้ดินค่อยๆผละจูบออกด้วยความอดกลั้น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบพล่า


“เข้าบ้านได้แล้วดอกไม้ ก่อนที่กูจะอดใจไม่ไหว” สิ้นเสียงของไอ้ดินสติของผมก็เริ่มกลับมา ผมพอจะรู้ความหมายของมันว่า

หมายถึงอะไร สถานการณ์ตอนนี้มันช่างล่อแหลม ผมค่อยๆพยุงร่างตัวเองด้วยแรงที่เหลืออันน้อยนิดลงจากรถของไอ้ดินให้เร็ว

ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะผมก็ไม่ไว้ใจตัวเองเหมือนกัน!!!


..เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น นี่คือครั้งแรกที่ผมจูบตอบกลับไอ้ดิน ที่ผ่านมาเป็นมันฝ่ายเดียวที่ฉวยโอกาสจูบผม

แต่เดี๋ยวนะ..เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ทำไมถึงใจง่ายยอมจูบกับมันล่ะ?!!

แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธความรู้สึกเมื่อกี้เลยว่า..มันดีชะมัด!!!




 *TBC*


..................................................................................................



  สวัสดีค่ะ  บทนี้มาซะดึกไม่ยอมหลับยอมนอน^^

  ในที่สุดพู่กันก็ยอมรับใจตัวเองสักที เหลือแค่สารภาพมันออกมา..ว่าแต่เมื่อไหร่ละ?!! รออีกนิดโนะ^^

  ส่วนไอ้พี่สีน้ำกับน้องปูนนี่ก็แปลกๆ..เอ๊ะยังไง!!

  บทนี้มีตัวละครเยอะนิดนึง ไม่งงกันเนาะ

  พูดยาวไปละ..ยังไงก็ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ^^ จุ๊ฟ


หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 9 จริงๆแล้วผมก็ชอบเค้า!! (09-02-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 09-02-2018 10:53:54
เขินนนน :-[
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 9 จริงๆแล้วผมก็ชอบเค้า!! (09-02-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-02-2018 11:17:31
 :hao3: :hao3: :-[

 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 9 จริงๆแล้วผมก็ชอบเค้า!! (09-02-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 09-02-2018 18:38:28
 :mew1:น่ารักกก
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 9 จริงๆแล้วผมก็ชอบเค้า!! (09-02-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 09-02-2018 22:01:33


 
      เขินจุง  :-[  :L2:


หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 9 จริงๆแล้วผมก็ชอบเค้า!! (09-02-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 10-02-2018 17:35:00

   
             น่ารัก    :3123:   :m3:

หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 9 จริงๆแล้วผมก็ชอบเค้า!! (09-02-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 11-02-2018 23:17:02
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 9 จริงๆแล้วผมก็ชอบเค้า!! (09-02-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 12-02-2018 12:04:11
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 10 คำพูดง่ายๆ (21-02-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 21-02-2018 01:16:14
 

บทที่10 คำพูดง่ายๆ

      
          วันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นมากมาย แต่เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันมีบางจุดที่สะกิดให้ผมรู้ใจตัวเอง ว่าผมรู้สึกยังไงกับไอ้ดิน

แต่ปัญหาคือผมควรบอกมันยังไงดีว่าผมก็ชอบมันเหมือนกัน  บอกมันตรงๆเลยดีมั้ย?!! หรือรอให้มันถามอีกครั้งแล้วค่อยสารภาพ

ออกไป ว่าแต่เมื่อไหร่ที่มันจะถามอีกครั้งล่ะ!! โอ้ย..คิดจนหัวจะแตก ทำไมมึงมีอิทธิพลกับชีวิตกูจังวะ!! มึงเป็นเจ้ากรรมนายเวร

ของกูแน่ๆ!!  นั่นไง แค่คิดมึงก็โทรมาวุ่นวายกูทันที


“ว่าไง” ผมรับสายจากไอ้ดินด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ


“ถึงหอแล้วนะ”


“บอกเพื่อ?!!”


“ก็อยากให้รู้ เพราะมึงสำคัญไง”


“...” พูดแบบนี้ แล้วกูจะตอบยังไงล่ะ!!


“อาบน้ำยัง”


“ยังอ่ะ ขี้เกียจ”


“...”


“เออ..มึง กูมึงเรื่องจะบอก....” บอกมันออกไปตอนนี้ดีมั้ยวะ!!


“ว่า?”


“เออ..ไม่มีไร กูไปอาบน้ำก่อนนะ วางล่ะ” ให้ตาย!! เอาเข้าจริงๆก็ไม่กล้า


“เดี๋ยว.. ฝันดีนะพู่กัน”


“...” ผมไม่พูดอะไรรอให้มันวางสายก่อน


“...” แต่เหมือนว่ามันก็รอให้ผมวางก่อนเหมือนกัน


“วางดิ” ผมบอกมัน


“บอกฝันดีก่อนสิ กูรอมึงบอกอยู่”


“เอ่อ...ฝันดีนะ”


“ครับ” แล้วมันก็วางสาย แค่ ‘ครับ’ คำเดียวทำไมใจกูเต้นแรงได้ขนาดนี้วะ..
 

      วันนี้คือวันศุกร์ที่16 เป็นวันหวยออก นั้นหมายความว่าวันนี้เราจะมาลุ้นหวยกัน แฮ่!! ไม่ใช่สิ

วันนี้จะมีดนตรีสดที่ร้านโต๊ะกลมต่างหากละครับ โดยวงที่จะเล่นวันนี้คือวงของไอ้พี่น้ำวงขาประจำของร้านไอ้พี่มด

เหตุผลที่ได้เล่นบ่อยไม่ใช่ร้องเพราะอะไรนักหนานะ แต่เพราะค่าจ้างถูกพวกมันไม่รับเงินสดขอแค่เมาเดียวก็พอ!!

อ่อ..ลืมบอกชื่อวงของมันครับ วงของไอ้พี่น้ำชื่อวง ‘จิปาถะ’  ครับตามนั้น จิปาถะร้องได้ทุกงานทั้งงานราช งานหลวง งานบวช

งานแต่ง งานแซยิดอากง อาม่า รับหมดฮะ!!


“มึง พี่ต่อมันแขนหักไม่ใช่เหรอวะ หายแล้วเหรอ”ผมถามไอ้พี่น้ำตอนนี้เรานั่งกินขนมปังรองท้องก่อนไปเรียน ส่วนไอ้พี่น้ำเมื่อคืน

มานอนที่บ้านเล็ก จะว่านอนก็ไม่เชิงเพราะตอนนี้มันยังไม่ได้นอน มันบอกว่าเห็นนิมิตรห่าเหวอะไรของมันก็ไม่รู้เลยลุกขึ้นมาวาด

รูปตั้งแต่ตี1จนถึงตอนนี้ ศิลปินขนานแท้เลยพี่กู!!


“ยังไม่หาย” พี่ต่อที่ผมถามถึงคือมือกีต้าร์วงไอ้พี่น้ำที่ตอนนี้แขนหักใส่เฝือกอยู่


“ใครมาเล่นแทนวะ”


“น้องเขยกู!!”


“ใครละน้องเขยมึงอ่ะ” ไม่อยากจะถามเพราะกลัวคำตอบของมัน จริงๆก็เขินนั้นแหละ  แต่อยากรู้ไงว่าใครจะมาเล่นกีต้าร์แทนเผื่อ

คำตอบจะไม่ใช่อย่างที่ผมคิดเพราะไอ้พี่น้ำก็ไม่เคยบอกตรงๆสักทีว่าน้องเขยของมันคือใคร!!


“ไอ้ดินไง!! แม่งเล่นกีต้าร์อย่างเทพ” มันเล่นเก่งเหรอ?! นึกว่าพอเล่นได้ซะอีก


“มึงรู้ได้ไง” จะว่าไปไอ้สองตัวนี้มันไปรู้จักมักจี่กันตอนไหนวะ ผมก็ยังงงอยู่


“ไอ้หมีแนะนำให้ เมื่อวานก็นัดซ้อมกันแล้วรอบนึงฝีมือไม่ธรรมดา เห็นว่าเคยมีวงตอนมัธยม”


“...”


“ไปมั้ยละเย็นนี้ ไปเชียร์ผัวมึงหน่อย”


“ตบปากเลยไอ้พี่เวร” ผมปาขนมปังใส่มันทันที มันก็ไม่สะทกสะท้านหยิบขนมปังที่หล่นพื้นแล้วมาใส่ปากเฉยเลย..ลืมไปว่ากูมีพี่

เป็นชูชก!!


“ไม่ไปก็ตามใจนะ สาวเยอะนะเว้ย” ไอ้ความหมายของมันไม่ได้หมายถึงให้ผมไปดูสาวนะ แต่หมายถึงให้ผมไปเฝ้าไอ้ดินเพราะ

สาวเข้าหามันแน่นอน!! แล้วไงใครแคร์?!!ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ..ฮือ เอาตรงๆกูแคร์!! 


      ..และแล้วสองทุ่มผมก็มานั่งหน้าสลอนอยู่ที่โต๊ะหน้าเวทีอีกต่างหาก ไอ้พี่น้ำมันเป็นคนจองโต๊ะนี้ครับอย่าเข้าใจผิด

ส่วนไอ้ปูนกับไอ้หมีกำลังตามมา ส่วนผมแว๊นมากับไอ้พี่น้ำด้วยเวสป้าสีขาวคันเก่าคู่ใจของมัน ส่วนไอ้ดินนะเหรอ มีเรียนถึงเย็น

แล้วก็เงียบหายไปเลย?!! ปกติมันจะมาหาที่บ้านบ้าง ไลน์มาถามบ้างแต่วันนี้เงียบตั้งแต่ตอนเที่ยงบอกแค่ว่ามีเรียนบ่ายแค่นั้น

ซึ่งผมก็ไม่เคยเป็นฝ่ายทักมันก่อนอยู่แล้ว

ไม่นานไอ้คนในความคิดก็โผล่หัวมาพร้อมกับสะพายกระเป๋ากีต้าร์ไว้ข้างหลัง..จะว่าไปก็ดูเท่ดี!!

ไอ้ดินมักจะแต่งตัวง่ายๆ ตั้งแต่รู้จักกับมันมาผมเห็นมันใส่เสื้อแค่สองสี คือเสื้อยืดสีขาวและสีดำซึ่งเป็นสีล้วนไม่มีลายใดๆ บางทีก็

จะมีแจ็คเก็ตยีนส์สีซีดคลุมทับบ้าง มันน่าจะมีกางเกงยีนส์ตัวโปรดอยู่แค่สองตัว เพราะผมเห็นมันใส่บ่อยคือกางเกงยีนส์สีดำและ

กางเกงยีนส์สีซีดขาดเข่าดูให้ลุดเชอร์ไปอีกแบบ ซึ่งวันนี้มันใส่กางเกงยีนส์สีซีดตัวนี้มากับเสื้อยืดสีขาวลล้วนเจ้าเก่าเจ้าเดิมของ

มัน อยากจะรู้เหมือนกันว่าตู้เสื้อผ้าของมันจะมีเสื้อเกินสองสีมั้ย!!


“มายังไง” มันถามเมื่อมาถึงโต๊ะ


“มากับพี่น้ำ”


“โทษทีที่ไม่ได้ไปรับ ปวดหัวนิดหน่อยกลับถึงห้องก็นอนยาวเลยเพิ่งตื่นก็เลยรีบมา” ถึงว่าสีหน้ามันดูเพลียๆ


“กูไปไหนมาไหนเองได้น่า ไม่ต้องลำบากมึง”


“...”


“กินยายัง” ผมถามมันเสียงเบา ตาก็เซมองไปทางอื่น มันเขินนี่หว่า


“อะไรนะ”กูรู้ว่ามึงได้ยิน สายตามันยิ้มอย่างดีใจจนออกนอกหน้าที่ผมถามมัน


“กูถามว่ากินยารึยัง” ผมตะโกนถามมันอีกครั้ง


“กินแล้ว แค่มึงห่วงกูแค่นี้ก็หายเป็นปลิดทิ้งแล้วล่ะ” ไอ้ห่า กูไม่ใช่ยารักษาโรคนะ!!


“เวอร์..ใครห่วงมึง กูห่วงวงพี่กูจะล่มต่างหากล่ะ”


“ขอบคุณนะดอกไม้” ได้ฟังที่กูพูดมั้ยเนี่ย ให้ตาย..ยังไงก็ไม่ชินกับคำเรียกของมันสักที มันจั๊กจี้หัวใจแปลกๆ!!


“หวัดดีครับพี่น้ำ พี่ต้า” แล้วไอ้หัวหน้าวงกับมือกลองก็ลงมาจากเซฟเฮาส์ข้างบนร้าน


“ไงไอ้ดิน ไหวมั้ยมึง” พี่ต้ามือกลองทักขึ้น


“ไหวพี่ นี่ก็ดีขึ้นแล้ว”


“พี่ต้าหวัดดีพี่”


“สวยขึ้นนะไอ้พู่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”


“โธ่พี่ ผมผู้ชายครับจะสวยได้ไงล่ะ”


“หน้ามึงสวยกว่าหน้าเมียกูอีก เมียกูโคตรอิจฉาเง้าหน้ามึงอ่ะ เมื่อวานเห็นดูเพจแซ่บๆอะไรสักอย่างนี่แหละอิจฉาเร่าๆ”

       
           ..จะว่าไปก็ยังไม่ได้ดูเพจของน้ำหวานเลยนี่หว่า ขอเข้าไปดูสักหน่อยละกัน..

     
      ภาพที่ผมกับไอ้ดินถ่ายด้วยกันเป็นภาพที่ไอ้ดินนั่งกอดคอผมยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมส่วนผมจะเรียกว่ายิ้มก็คงไม่ใช่

น่าจะแสยะยิ้มมากกว่า!! แคปชั่นใต้รูปคือ

หนุ่มหน้าเท่กับหนุ่มหน้าสวย(เค้าบอกว่ารู้จักกันแค่ผ่านๆ ไม่สนิทกันจ๊ะ) #แผ่นดินเกษตรศาสตร์ปี2 #พู่กันสัตว

แพทยศาสตร์ปี2


คนมากดไลค์กันบานตะไท ส่วนคอมเม้นก็ยาวเป็นหางว่าว เหอะ..ไม่มีใครชมว่ากูหล่อสักคน!!

นู๋’ นา  คู่นี้แปลกๆ มีซัมติงแน่ๆ

      หน้ากากนกยูง ใช่ๆ ดินมาหาพู่กันด้วยนะ รูปนี้ถ่ายที่ตึกคณะสัตวแพทย์

เหมียว หง่าว  เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ T_T

Kae kai  ตาร้อนเลยค่ะ

มนุดY  เค้าดูเหมาะกันจัง อยากให้เป็นแฟนกันจริงๆ^^

ผู้สาวนักดนตรี  ขอยอมแพ้เง้าหน้าของพู่กันค่ะ สวยกว่ากูอีก..ฮือ

 ‘ผู้สาวนักดนตรี’ผมรู้จักครับ พี่แนนนี่ผู้สาวพี่ต้าจะใครล่ะ!!

Nu kukkai  ครั้งก่อนดินก็ลงรูปคู่กับคนนี้นะ หอมท้องกันด้วย ว่าแต่เค้าเป็นใครฉันอิจฉาเค้า!!

        Wan amaii  พู่กัน เพื่อนเราเองเด็กสัตวแพทย์ ตัวจริงหน้าเป๊ะมาก ยอมค่ะ

ผู้สาวขาเลาะ ดินอย่างเท่อ่ะ อยากได้!!

หมอFun พู่กันน่ารัก เค้ามีแฟนยังครับ

        ข้าคือศิลปินผู้ยิ่งหย่าย ยังไม่มีแต่กำลังจะมีครับ!!

ส่วนไอ้ ‘ข้าคือศิลปินผู้ยิ่งหย่าย’ จะใครซะอีกล่ะดูจากชื่อของมัน พี่ชายสุดที่เลิฟของผมเองครับ

มึงเสือกไปตอบเค้าทามมายยย!!

..และอีกบลาๆๆ แม่งไม่อยากอ่านละ อ่านแล้วไม่มีอะไรจรรโลงใจกูเลย!!


“ป่ะไปเตรียมตัวไอ้ดิน เดี๋ยวขึ้นเล่นละ” ไอ้พี่น้ำหันมาบอกไอ้ดิน ส่วนไอ้พี่ต้าเดินนำไปก่อนละ


“ครับพี่”

“นั่งคนเดียวได้ใช่มั้ย” แล้วมันก็หันมาถามผมด้วยสีหน้ากังวล


“ถามแปลก ก็ต้องได้สิกูไม่ใช่เด็กๆนะ ”


“...”


“เดี๋ยวไอ้หมีก็มา” ผมพูดให้มันหายกังวล แคร์มันอีกแล้วสิให้ตาย!!


“กูมีเพลงนึงตั้งใจจะร้องให้มึงฟัง รอฟังนะดอกไม้!!” มันขยี้หัวผมเบาๆแล้วก็เดินไปที่เวที


“...” ตึกๆ ใจผมเต้นแรงอีกแล้ว!!


..เดี๋ยวนะ เสียงกรี๊ดกร๊าดนี่คือไร ศิลปินเกาหลีมาเรอะ?!


“กรี๊ด ดินหล่ออ่ะอยากจะกรี๊ดดังๆ ” แค่นี้ยังดังไม่พอเรอะ! หูกูจะแตก ผู้หญิงที่นั้งโต๊ะใกล้ผมคุยกันซะเสียงดัง พร้อมกับเสียง

ของอีกหลายๆโต๊ะ


“ดินเล่นกีต้าร์เป็นด้วยเหรอ เท่คูณสองไปอีกอ่ะแก”

ได้แต่เบ๊ะปากมองบน แค่เล่นกีต้าร์เป็นจะอะไรกันนักกันหนา!!


 “ไงจ๊ะที่รัก” ที่รักพ่อง!! ไอ้หมีกับไอ้ปูนพึ่งจะโผล่หัวมา ปล่อยกูนั่งหน้าสลอนอยู่คนเดียวตั้งนาน


“ไมมาช้าวะ”


“ไอ้ห่าหมีนั่นแหละ มารับกูช้า”


“ก็พี่ส้มไม่ยอมให้กูกลับจัดซะหลายยก น้ำกูจะหมดตัวละเนี่ย!!” มันพูดพร้อมกับยกขวดเกลือแร่สปอนเซอร์ขึ้นดื่มอั๊กๆ   ครับ!!

ตามนั้น เรื่องในมุ้งของมึงกูไม่ขอออกความเห็น..


“ไอ้นพ กับไอ้สมใจล่ะ?” ผมถามไอ้หมีรู้สึกว่าช่วงนี้สมาชิกในทีมหายไป


“ไอ้สมใจติดหญิง ส่วนไอ้นพก็ติดเกมส์”


“มันไม่มาดูเพื่อนมันเล่นดนตรีเหรอวะ?” ไอ้ปูนหันไปถามไอ้หมีบ้าง


“มันบอกมันเคยเห็นละ!” ครับ!!ตามนั้น จบแยกย้าย..



“สวัสดีครับพวกเรา วงจิปาถะครับ พบกับพวกเราได้ในบางงวด!!ของวันหวยออกที่ร้านโต๊ะกลมครับ” และแล้วก็ถึงเวลาของวง

จิปาถะ


“กรี๊ดดดด แผ่นดินมาได้ไง” แล้วก็มีเสียงผู้หญิงตะโกนถามอย่างตื่นเต้น


“วันนี้เรามีมือกีต้าร์รับเชิญเนื่องจากต่อมือกีต้าร์ของเราแขนหัก  น้องแผ่นดินครับ” ไอ้ดินพยักหน้าน้อยๆพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากเป็นการทักทาย คิดว่าเท่เหรอ ..เออ เท่!! กูยอม!


“กรี๊ดดดดดด” ครับ!!


“มาเล่นประจำแทนพี่ต่อเลยได้รึป่าว..กรี๊ดด” ครับบบ!!!


“ส่วนผมสีน้ำร้องนำ และต้ามือคาฮองเจ้าเก่าเจ้าเดิมครับ”

ไอ้พี่น้ำแนะนำตัวพร้อมกับเสียงกรี๊ดของสาวๆอินดี้แฟนคลับของมัน


“เพลงแรก มอบให้สำหรับคนที่กำลังมีความรักหรือกำลังตกหลุมรักใครสักคน และมือกีต้าร์ของเราก็อยากมอบเพลงนี้ให้กับใคร

คนนึง โปรดฟังมันอย่างตั้งใจนะ..น้องกู” แล้วไอ้พี่น้ำก็หันมาทางผมเหมือนจะบอกว่าเพลงนี้ไอ้ดินมันต้องการที่จะสื่อถึงผม

พอผมหันไปทางไอ้ดินมันก็สบตาผมนิ่งอย่างสื่อความหมาย..
 
     
      เสียงกีต้าร์จากไอ้ดินเริ่มบรรเลงขึ้นตามทำนองของเพลงที่ไพเราะ เป็นทำนองที่ฟังแล้วคุ้นหูพร้อมกับเสียงร้องของไอ้พี่น้ำ

ที่ผมฟังแล้วรู้สึกว่าอินเนอร์มันมาเต็ม!!  มันคือเพลง..รักแรกพบ ของTattoo Colourครับ


“มีจริงหรือ รักแรกพบเพียงสบตาแค่หนึ่งครั้ง
แค่แรกเห็นเดินผ่านมาไม่พูดจา
ไม่ทักไม่ทาย ไม่รู้ว่าใคร เหตุใดจึงรักกัน”


ทำไมผมถึงเป็นรักแรกพบของมันล่ะ?! จริงเหรอวะ?!


“ไม่มีทาง เรื่องเพ้อฝันความผูกพันอย่างง่ายดาย
รักแรกพบมีอยู่จริงในนิยาย
หนังสือนิทาน เพลงรักแสนหวาน กับความฝัน”


นั้นนะสิเรื่องพวกนี้มันมีแต่ในนิยายป่ะวะ ขนาดผมยังไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลย แต่แปลกไอ้ดินไม่ใช่รักแรกพบของผม แต่มันค่อยๆซึมเข้ามาทำให้หัวใจผมค่อยๆอุ่นอย่างน่าประหลาด!!



“แต่วันหนึ่งฉันผ่านมาพบเธอตรงนั้น
ดวงใจ เป็นเดือดเป็นร้อนช่างทรมาน
ราวกับโดนมนตร์แม่มดสะกดพลัน
นาทีนั้น ฉันรักเธอทันใด”


จริงเหรอวะ?! จำได้ตอนเจอกันครั้งแรกที่ไปรับชบาเหมือนมันจะไม่ชอบขี้หน้าผมด้วยซ้ำ!!


“รักแรกพบแท้จริงเป็นอย่างไร
เพราะเธอใช่หรือไม่ เปิดใจใครที่ฉันเป็น
จากวันนั้น หัวใจรู้สึกเอง ชัดเจนว่าทุกสิ่ง
เกิดขึ้นจริงใช่ฝันไป ได้พบจึงเข้าใจ มีอยู่จริง

มีเหตุผล กว่าจะรักใครสักคนไม่ง่ายดาย
เรื่องลึกซึ้งความอ่อนบางของหัวใจ
ว่าเขาเป็นใคร มาถึงเมื่อไร
ไม่มีทางจะเข้าใจมันได้เลย

แต่วันหนึ่งฉันผ่านมาพบเธอตรงนั้น
ดวงใจ เป็นเดือดเป็นร้อนช่างทรมาน
ราวกับโดนมนตร์แม่มดสะกดพลัน
นาทีนั้น ฉันรักเธอทันใด”


ด้วยความหมายของเพลงทำให้ผมไม่สามารถละสายตาออกจากไอ้ดินได้เลย ซึ่งมันก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมเป็นพักๆด้วยสายตาที่จริงใจ


"รักแรกพบแท้จริงเป็นอย่างไร
เพราะเธอใช่หรือไม่ เปิดใจใครที่ฉันเป็น
จากวันนั้น หัวใจรู้สึกเอง ชัดเจนว่าทุกสิ่ง
เกิดขึ้นจริงใช่ฝันไป ได้พบจึงเข้าใจ มีอยู่จริง”

“สุดท้ายก็เข้าใจ มีอยู่จริง”


ท่อนสุดท้ายไอ้ดินร้องตามเบาๆ พร้อมกับสบตาของผมนิ่ง เหมือนจะสื่อให้รู้ว่ามันคิดแบบนั้นกับผมจริงๆ.

หัวใจผมตอนนี้มันพองโตอย่างน่าประหลาด แต่มันก็ปนด้วยความสงสัยว่าผมเป็นรักแรกพบของมันจริงเหรอ?!!

จบเพลงเสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดของสาวๆก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงซุบซิบของผู้หญิงในหลายๆโต๊ะแต่ที่ได้ยินชัดเจนก็โต๊ะข้าง

หลังผมนี่แหละ


“ดินเค้าหมายถึงใครอ่ะแก ฉันแน่เลย!!”.


“มโนจ๊ะ”


“ก็เค้ามองมาทางนี้อ่ะ”


“ดูโต๊ะข้างหน้าเราก่อน คนที่ลงรูปคู่กันกับดินในเพจ ’น.ศ.(ชาย)แซ่บ’ไง คนเดียวกับที่ดินเคยโพสลงเฟสครั้งก่อนมีหอมทงหอม

ท้องกันมุ้งมิ้งเชียว แกไม่เห็นเหรอ” หมายถึงกูใช่มะ!!


“ใช่คนที่หน้าสวยๆป่ะ ฮือฉันยอม”  เออนี่ซุบซิบกันหรือตะโกนคุยกัน กูได้ยินทุกคำพูด!!


“มึงคิดยังไงกับไอ้ดิน” จู่ๆไอ้หมีก็ถามขึ้น


“เรื่องอะไรล่ะ”


“กูรู้ว่ามึงเข้าใจในสิ่งที่กูถาม” มันพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง


“กูไม่รู้ว่ะ กูสับสน มันผู้ชายกูก็ผู้ชายนะเว้ย มันยังมีความรู้สึกแปลกๆอยู่” ว่าแล้วก็ยกเบียร์ขึ้นจิบสักหน่อยจะได้หายสับสน!!


“ตกลงมึงกลัว”


“ตอนที่ไอ้ดินอยู่กับมึง มึงรู้สึกยังไง” ไอ้ปูนยื่นหน้ามาถามพร้อมกับดึงแก้วเบียร์ในมือผมออก


“...” ทำไมต้องเค้นกูขนาดนี้ด้วยยยย


“ทำไมมึงต้องหลอกตัวเองด้วยวะ กูรู้ว่ามึงรู้สึกดีที่มีไอ้ดินอยู่ข้างๆ หรือมึงจะปฎิเสธว่าที่กูพูดมันไม่จริง?!”


“...” เออกูรู้สึกดี!!


“หลอกใครก็หลอกได้นะไอ้พู่ แต่มึงหลอกความรู้สึกตัวเองไม่ได้หรอก ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองหน่อยสิ” ไอ้ปูนพูดด้วยสีหน้า

จริงจัง ทำไมวันนี้ทุกคนมาโหมดจริงจังกันหมดวะ ..อยากให้กูได้กับไอ้ดินกันขนาดนั้นเลยเหรอ!!


“แต่..” กำลังจะอธิบาย ไอ้หมียกมือขึ้นห้ามก่อนจะพูดในสิ่งที่ผมกังวลอยู่ออกมา


“กูรู้ว่ามึงกังวลเรื่องอะไร  เรื่องเพศน่ะตัดออกไปได้เลย รักก็คือรัก จะเพศไหนก็ใช่คำนี้เหมือนกัน เข้าใจป่ะ!!” พูดจบมันก็ยก

เบียร์ขึ้นดื่มหมดแก้ว วางแก้วกระแทกกับโต๊ะด้วยความหงุดหงิด กูผิดอาร้ายย!!


“แล้วไอ้เพลงที่ใดในโลกที่มึงฟังมันทุกวันน่ะ เลิกฟังได้แล้วกูว่ามึงเจอคนนั้นแล้วล่ะ ขนาดมันอยู่บนเวทีมันยังไม่สนใจห่าไรเลย

มันมองมาที่มึงคนเดียว!!” ผมสบตากับไอ้ดินอีกครั้งเมื่อผมเงยหน้าขึ้นไปมองที่เวที มันคือคนนั้นที่กูตามหาจริงๆเหรอวะ!!


“ถ้ามึงคิดว่ามันไม่จริงใจกูรับประกันได้เลยว่ามันโคตรจะจริงใจกับมึง อย่างที่กูเคยบอกเพื่อนกูมันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนแต่กับ

มึงมันโคตรจะทุ่มเททุกเรื่อง” ไอ้หมีพูดพร้อมกับตบอกตัวเองด้วยความมั่นใจ


“เปิดใจแล้วก็ยอมรับความจริงซะ” ไอ้ปูนพูดพร้อมกับชูกำปั้นขึ้นมาเพื่อให้กำลังใจผม


“...” ความจริงกูก็รอให้มันถามว่ากูชอบมันรึป่าวอีกรอบอยู่ไง จะให้กูบอกมันก่อนว่าชอบได้ไงละ อุตส่าห์ฟอร์มมาตั้งนาน!!

มัวแต่คุยกัน จนไม่ได้ฟังไอ้พี่น้ำมันร้องเพลงสักเท่าไหร่ แต่รู้สึกว่ามันจะร้องแต่เพลงรักเกือบทุกเพลง!!


“ครับ แล้วก็มาถึงเพลงสุดท้ายของวันนี้แล้วนะครับ เพลงสุดท้ายนี้มือกีต้าร์ของเราจะเป็นคนร้องครับ”


“กรี๊ดดดดด” หูกูจะแตก!!

ไอ้ดินค่อยๆจัดขาตั้งไมค์ให้พอดีกับมันที่ตอนนี้มันนั่งอยู่บนเก้าอี้ทรงสูง ก่อนจะพูดว่า..


“เพลงนี้คือสิ่งที่ผมอยากบอกให้คนๆนึงได้รู้ ตั้งใจฟังนะดอกไม้!!”


“กรี๊ดดดดดดดด” หูกูดับละครับ!!


“ดอกไม้ อะไรคือดอกไม้ อ๊าย ฉันเขิน” อดไม่ได้ที่จะหันไปดูโต๊ะข้างหลัง ตอนนี้ระทวยกันเป็นแทบๆ


คำพูดง่ายๆ ของพี่นพ พรชำนิครับ” ไอ้ดินยิ้มน้อยๆแต่ก็ดูเขินๆ   ไม่เคยเห็นมุมนี้ของมันเลยแฮะ!!


“ตั้งแต่วันแรกเลยที่เราได้รู้จักกัน จนถึงวันนี้
หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตของเราก็เปลี่ยนไป
ทุกครั้งที่เราได้พบกัน ได้เจอกัน ได้พูดคุยกัน
มันทำให้ผมรู้สึกประทับใจและอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกันครับ
ผมก็ไม่รู้นะครับว่าผมรู้สึกอย่างงี้อยู่คนเดียวรึเปล่า
แต่มันก็นานกว่าผมจะเข้าใจและรู้ในใจของผมเอง
และวันนี้ ผมมีอะไรจะบอกคุณครับ ฟังนะครับ”


จริงๆแล้วผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของค่ายเพลงเบเกอรี่มิวสิค ผมร้องตามได้แทบทุกเพลงไม่คิดว่าไอ้ดินก็รู้จักเพลงนี้เหมือนกัน

ผมตั้งใจฟังท่อนนี้อย่างตั้งใจซึ่งมันเป็นท่อนพูดครับไม่ใช่ท่อนร้อง จะว่าอะไรมั้ยถ้าผมจะบอกว่าผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน

ตั้งแต่เจอไอ้ดินชีวิตผมก็เปลี่ยนไปจริงๆครับมันเป็นความรู้สึกดีที่เริ่มก่อตัวขึ้น มันแคร์ผมและผมก็แคร์มัน และผมจะอุ่นใจทุกครั้ง

ที่มันยิ้มให้กับผมและอยู่ใกล้ๆผม

ผมรู้ความรู้สึกของมันแล้ว เหลือเพียงแต่ผมที่ต้องเป็นฝ่ายบอกความรู้สึกของผมให้มันได้รับรู้ ว่าผมก็รู้สึกไม่ต่างจากมัน!!


“อยากมีคำพูดง่ายๆ อยากกระซิบเธอใกล้ๆ บอกความหมายในหัวใจของฉัน
ลึกๆ ข้างในนั้น เฝ้ารอคอยด้วยความหวัง ว่าเธอนั้นคงมีใจรู้สึกเหมือนกัน
คำพูดเพียงสั้นๆ อาจจะฟังดูง่ายๆ แต่ความหมายนั้นมากมาย...กว่านั้น
จากใจฉัน...ว่าฉันรักเธอ”


ใจผมเต้นแรง กับการบอกรักผ่านบทเพลงของไอ้ดิน หน้าผมร้อนไปหมดจนไม่กล้าสบตาของไอ้ดินที่มองมาอย่างลึกซึ้ง

แต่ถึงมันจะเป็นคำพูดง่ายๆแต่จะให้พูดออกมามันไม่ง่ายเลย!! แต่เอาวะ..ผมรู้ว่ามันคงจะอึดอัดใจน่าดูกับการอยากรู้คำตอบของ

ผมว่าคิดยังไงกับมัน ถึงเวลาที่ผมควรจะใจกล้าพูดมันออกไปได้แล้ว..


“ฉันก็รู้ว่า...ตัวฉันนั้นรู้สึกเช่นไร
อยากจะขอให้เธอ ได้โปรด...ฟัง ความในใจ...ของฉันนี้”


“อยากมีคำพูดง่ายๆ อยากกระซิบเธอใกล้ๆ บอกความหมายในหัวใจของฉัน
ลึกๆ ข้างในนั้น เฝ้ารอคอยด้วยความหวัง ว่าเธอนั้นคงมีใจรู้สึกเหมือนกัน
คำพูดเพียงสั้นๆ อาจจะฟังดูง่ายๆ แต่ความหมายนั้นมากมาย...กว่านั้น
จากใจฉัน...ว่าฉันรักเธอ

แล้ว...ในวันนี้ ขอให้เธอ...ได้โปรดรับฟังฉันอีกสักครั้ง
คำพูดที่ดังออกจากหัวใจ คงไม่มีคำๆ ไหน แทนคำ...นี้
นอกจาก...

..I found you...ฉันพบแล้วคนที่ใช่”


น้ำเสียงที่ไพเราะของไอ้ดินยิ่งทำให้ผมเข้าใจในความรู้สึกของมันชัดเจน..และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเพลงนี้จบลง!!


กูรักมึง..พู่กัน” บึ๊มมมมมมมมมมมมมมม ตายเลยกู!! ใครจะคิดว่ามันจะพูดออกมาโต้งๆแบบนี้


กูควรทำไงดีวะ ทุกสายตามหันมามองที่กูหมด เอาไงดี..วิ่งสิครับรออะไร!! ไว้เดี๋ยวกูค่อยบอกมึงทีหลังแล้วกันนะ

ตอนนี้กูขอสวมวิญญาณยูเซน โบลต์วิ่ง100เมตรออกจากร้านให้เร็วที่สุดก่อน แม่งอยู่ต่อได้ไงละ..เขินนะเว้ย..ตัวกูจะแตก!!


“อ้าว ไอ้พู่จะไปไหนวะ”เสียงไอ้หมีตะโกนไล่หลังมา กูไม่สนครับ วิ่งหน้าตั้งอย่างเดียวครับ อาย..มาบอกรักต่อหน้าสาธารณชน

แบบนี้ได้ไง!!


“จะไปไหน” วิ่งออกมาได้50เมตร ไอ้ดินก็วิ่งตามผมมาแล้วคว้าแขนผมเอาไว้


“กลับบ้าน” ไม่กล้าสบตามันครับ เขินโคตรๆ


“หน้าแดงจังเหนื่อยเหรอ” มันถามด้วยสีหน้าล้อๆ


“ก็วิ่งออกมาไง เหนื่อยสิ”


“แล้ววิ่งออกมาทำไม”


“...”


“หือ..ดอกไม้วิ่งออกมาทำไม คนเค้ากำลังสารภาพรัก หนีออกมาแบบนี้ก็เสียหน้าแย่สิ” มันพูดพร้อมกับขยับหน้าเข้ามาใกล้


“กะ ก็..มันเขินเว้ย”


“รักนะดอกไม้” มันพูดพร้อมกับจับมือผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน


“...” ได้แต่ก้มหน้างุดๆไม่กล้าสบตา


“รักกันบ้างรึยัง?!”


“...”


“ว่าไงครับ” ยิ่งผมไม่ตอบมันก็ยิ่งโน้มหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

เอาวะ ในเมื่อรอมันถามนี่มันก็ถามแล้วผมก็ควรจะตอบมันสักที ควรจะซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองอย่างที่ไอ้ปูนบอก!!


“อืม” ผมเงยหน้าตอบมัน


“อืม หมายความว่าไง”


“ก็ชอบไง”


“แค่ชอบเองเหรอ” หน้าของไอ้ดินตอนนี้ยิ้มแก้มแทบแตก!!


เออ รัก กูรักมึง พอใจรึยัง” ผมตะโกนบอกมันออกไป เฮ้อ..โล่งอกพูดออกมาแล้ว!!


“ก็แค่นี้แหละ” พูดจบมันก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด พร้อมกับจุ๊บหน้าผากผมเบาๆ

แล้วผมก็กอดมันตอบเหมือนกันรู้สึกซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน


“เป็นแฟนกันแล้วนะดอกๆไม้” ไอ้ดินกระซิบบอกกับผม แต่ผมได้ยินมันชัดเจน


“เป็นตอนไหน” ผมแอบยิ้มในอ้อมกอดของมัน


“อ้าว คนรักกันก็ต้องเป็นแฟนกันสิ ไม่รู้แหละ เราเป็นแฟนกันแล้ว” น้ำเสียงมันดูมีความสุขจัง..


“เอาแต่ใจ”


“เอาอย่างอื่นด้วย”


“ทะลึ่ง”


“หมายถึงเอาใจ มึงนั้นแหละทะลึ่ง”


“ไอ้บ้า”


“ป่ะ กลับกัน”


“ไม่เข้าไปข้างในแล้วเหรอ” ผมถามกลับอย่างสงสัย


“ไม่อายแล้วเหรอ แต่กูอายอ่ะ” ไอ้ห่า มาอายอะไรเอาป่านนี้


“มึงเพิ่งจะมารู้ตัวอะไรตอนนี้ ตอนร้องเพลงกับตอนบอกรักกันโต้งๆบนเวทีน่ะไม่รู้จักอาย”


“ตกลงจะกลับมั้ย” มันพูดด้วยสีหน้าเขินๆ


“กลับ” แมร่งหน้ากูก็บางนะ ไม่กล้ากลับเข้าไปหรอก ดีนะเพลงที่มันร้องเป็นเพลงสุดท้ายพอดี ไม่งั้นวงพี่กูได้ล่มกลางคันแน่ๆ

เพราะผมเชื่อว่ายังไงมันก็จะต้องวิ่งตามผมมาแบบนี้อยู่ดี!!

แล้วเราก็เดินจับมือกันไปที่รถของไอ้ดินด้วยหัวใจที่พองโต ..จะว่าไปตัวมันร้อนนะ ไหนบอกแค่ปวดหัวนี่มึงเป็นไข้นี่หว่า!!



 ต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 10 คำพูดง่ายๆ.. (21-02-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 21-02-2018 01:23:27
“ดิน”


“หืม”


“ไม่สบายใช่มั้ย” ผมถามไอ้ดินขณะที่เราอยู่บนรถของมันแล้ว


“นิดหน่อยน่ะ กินยาไปแล้วตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้นละ”


“อย่าโกหก ตัวมึงร้อน” ผมจ้องมันด้วยสายตาค้าดคั้น


“อื่อ ปวดหัวโคตรๆเลย อยากนอนพักแล้ว” มันถอนหายใจแล้วตอบออกมาอย่างเชื่องช้า


“ให้กูขับรถให้มั้ย” ดูจากสีหน้ามันแล้วดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไข้คงจะเริ่มขึ้นแล้วล่ะ


“ไม่เป็นไรกูไหว”


“อย่าดื้อ ลงรถแล้วมานั่งตรงนี้”


“ทำไมแฟนผมดุจัง” แฟนเหรอ!! ไม่ชินกับคำนี้แฮะ..ฮือ หน้าแดง


ถึงมันจะบ่นแต่สุดท้ายมันก็ยอมให้ผมขับรถให้


“นอนไปเลยนะแล้วไม่ต้องพูดมาก ถึงแล้วจะปลุก”


“คร้าบแฟน” พูดจบมันก็เอนเบาะลงไปนอน เวลาป่วยแล้วพูดง่ายดีแฮะ!!


..ไม่น่าเชื่อว่าผมจะมีแฟนอีกครั้ง แถมยังเป็นผู้ชาย!!ที่ป๊อปปูล่าในหมู่สาวๆอีกด้วย ผมจะโดนแฟนคลับมันตามตบมั้ยเนี้ย!!


“ไอ้ดิน..ดิน”


“อื่อ”


“ถึงแล้วลุกเร็วจะได้ไปนอนต่อที่ห้อง”

แล้วคนป่วยที่ว่านอนสอนง่ายก็ลงจากรถอย่างสลึมสลือ ผมพาคนป่วยมาส่งถึงห้อง จะว่าไปนี่คือครั้งแรกที่ผมมาที่ห้องของไอ้ดิน

ห้องมันสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยตามนิสัยรักสะอาดของมัน เห็นแล้วก็อายห้องตัวเองที่ไม่มีความเป็นระเบียบเอาซะเลย!!


“ยาอยู่ไหน กินยาอีกรอบนะ” ผมถามไอ้ดินขณะที่มันกำลังล้มตัวลงนอน


“อยู่บนหัวเตียง”


“ไม่สบายแล้วทำไมไม่บอกกัน จริงๆวันนี้ไม่ควรไปเล่นดนตรีด้วยซ้ำ” ผมพูดขณะไปกดน้ำจากกาน้ำร้อนที่อยู่ตรงเค้าเตอร์ครัวเล็กๆ


“รับปากพี่น้ำไปแล้วไง อีกอย่างก็เตี๊ยมกับพี่น้ำไว้แล้วด้วย”


“มึงนี่น๊า เอ้าลุกมากินยาก่อน” แล้วมันก็ลุกมากินยาอย่างว่าง่าย


“ขอบคุณนะดอกไม้” มันเอามือมาจับแก้มผมเบาๆ สัมผัสจากฝ่ามือของไอ้ดินทำให้ผมรู้สึกถึงไอร้อนที่มาจากพิษไข้


“ตัวมึงร้อนจังวะ เช็ดตัวนะ”


“ตามใจครับ” มันพูดก่อนจะค่อยๆล้มตัวลงนอน


“มีผ้าขนหนูผื่นเล็กๆมั้ย”


“อยู่ในตู้เสื้อผ้าชั้นล่าง”


จัดการหาอุปกรณ์สำหรับเช็ดตัวให้คนป่วยเสร็จผมก็มานั่งลงตรงขอบเตียงพร้อมกับปลุกไอ้ดิน


“ไอ้ดิน เช็ดตัวก่อน”  ผมค่อยๆเริ่มเช็ดที่หน้ามันเบาๆ


“พู่กัน”


“ว่าไง”


“จะกลับยังไง” ห่วงตัวเองก่อนมั้ยก่อนที่จะห่วงกูเนี่ย เสียงพูดแทบจะไม่มีอยู่ละ!!


“เดินกลับ”


“ได้ไงล่ะ เอารถกูกลับก็ได้นะ”


“ไม่อ่ะ บ้านกูแค่นี้เอง”


“ไม่เอา งั้นคืนนี้นอนนี่นะ”


“...!!”


“ตอนดึกกูไข้ขึ้นจะทำไงล่ะ เป็นแฟนกันก็ต้องเป็นห่วงเป็นใยกันสิ” มันพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน


“ก็เพราะห่วงนี่ไงถึงได้นั่งเช็ดตัวให้อยู่เนี่ย” ผมพูดขณะที่ค่อยๆเช็ดลำคอให้ไอ้ดินอย่างช้าๆ


“นอนนี่นะ” เอาแต่ใจจริงๆเล้ย


“เออๆ แล้วอย่าคิดทำอะไรพิเรนท์ๆล่ะ” ที่ยอมตกลงก็เพราะเป็นห่วงมันจริงๆนั้นแหละ


“ผมป่วยจะทำอะไรได้ล่ะคร้าบ” ผมมองหน้าคนป่วยอย่างไม่ไว้ใจ


“ถอดเสื้อนะ จะได้เช็ดสะดวกๆ” แล้วมันก็ชูแขนขึ้น ทำท่าให้ผมถอดเสื้อให้  อื้อหือ ทำไมหุ่นมันดีแบบนี้วะ ซิคแพคกับกล้าม

เนื้อที่เป็นมัดสวยนี่คือไรถึงจะไม่ได้เด่นชัดแต่มันก็ดูดีจนน่าอิจฉา  โอ๊ยใจ..เช็ดไปมือก็สั่นไป!!


“ถอดกางเกงด้วยก็ได้นะ อยากดูแผ่นดินน้อยมั้ยจะได้ถอดกางเกงในให้ จะได้หายกันที่ตอนนั้นกูเห็นพู่กันน้อยของมึงไง!!”


“ไอ้บ้า!! นี่ถ้าตัวมึงไม่ร้อนกูคงคิดว่ามึงแกล้งป่วยแน่ๆ”


“...”


“เออ ถอดกางเกงด้วยก็ได้มึงใส่กางเกงยีนส์น่าจะอึดอัด แต่ไม่ต้องกอดกางเกงในนะเหลือแค่บ๊อกเซอร์ก็พอ” ผมค่อยๆถอดกาง

เกงยีนส์สีซีดของไอ้ดินออก ละ..และสิ่งที่ปรากฏสู่สายตา..แม่เจ้าโว้ยนี่มันไม่ใช่เจ้าโลกแล้ว มันเป็นเจ้าจักรวาลชัดๆ!!

ไอ้ดินใส่กางเกงในขาสั้นสีเทาซึ่งไอ้กางเกงในแบบเนี่ยมันยิ่งรัดเป้ามองเห็นเป็นรูปเป็นร่างชัดเจน

อู้ฟู่แทบจะชนเบ้าหน้ากูอยู่ละ!!


“...!!” พูดไม่ออกได้แต่อึ้งกับเจ้าจักรวาลของมัน


“กูไม่ได้ใส่บ๊อกเซอร์”


“...!!” มึงมาบอกอะไรตอนเน้!!


“เออๆ เดี๋ยวเอากางเกงขาสั้นให้” หมุนตัวมาที่ตู้เสื้อผ้าของมันทันที อยู่ไหนวะกางเกงขาสั้น ไอ้สัดแล้วกูจะลนลานเพื่อ!!


“อ่ะ ใส่เองกูจะไปเปลี่ยนน้ำมาเช็ดตัวมึงอีกรอบ” ผมโยนกางเกงฟุตบอลสีดำของทีมแมนยูให้มัน พร้อมกับถือถ้วยใบใหญ่ไปที่

ห้องน้ำ พึ่งจะสังเกตว่าห้องน้ำไอ้ดินมันโคตรโล่ง อุปกรณ์อาบน้ำมีแค่สบู่เหลวขวดเดียวพร้อมกับยาสีฟันกับแปลงฟันและมีดโกน

หนวดหนึ่งด้ามตรงชั้นวางหน้ากระจกตรงอ่างล้างหน้า ไร้ซึ่งแชมพู โฟมล้างหน้า ครีมโกนหนวด อย่าบอกนะว่ามันใช่สบู่เหลว

ให้เป็นแบบ3in1 แล้วทำไมหนังหน้ามันดีจังวะ!!


“นอนได้แล้ว” ผมพูดหลังจากเช็ดตัวให้มันเสร็จเรียบร้อย แต่กว่าจะเรียบร้อยหัวใจของผมก็เกือบจะวายเช็ดช่วงล่างให้มันนี่ไม่

ง่ายเลย!!


“นอนไม่หลับแล้ว มีแฟนมาลูบๆคลำๆตัวให้แบบนี้ตื่นหมดเลย!!” เออกูรู้ ขนาดใส่กางเกงแล้วกูยังเห็นเจ้าจักรวาลของมึงมันโด่

อยู่เลย!!


“ทะลึ่ง เช็ดตัวพูดให้มันดีๆ”


“มึงก็มานอนได้แล้ว” มันตบที่นอนข้างๆมันเบาๆ


“ยังอ่ะ กูจะกลับบ้านไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อยกลับมาเฝ้าไข้มึง”


“ทำไมไม่อาบที่นี่ล่ะ?” มันถามด้วยความสงสัย


“กูจะเอาเสื้อที่ไหนเปลี่ยน อีกอย่างกูจะอาบได้ไงล่ะห้องน้ำมึงไม่มีห่าไรเลย มีแค่สบู่เหลวขวดเดียว กูจะเอาไรล้างหน้ากับสระ

ผม!!”


“ก็สู่เหลวไง ดีนะสูตรนี้ใช้แล้วผมนุ่มดี” ตอบได้หน้าตายมาก!!


“ไม่อยากจะเชื่อว่าคนสะอาดอย่างมึงจะใช้แค่สบู่เหลวขวดเดียว”


“ใช้ดีออก ไม่ยุ่งยาก”


“มึงไม่เอาแปรงฟันด้วยเลยล่ะ”


“ลองแล้วมันขม ไม่โอเค”


“...!!” มึงกวนตีนกูป่ะเนี่ย


“เสื้อผ้าก็ค้นเอาได้เลยตามสบาย ตรงลิ้นชักตู้เสื้อผ้ามีแปรงฟัน โฟมล้างหน้ากับแชมพูอยู่นะ เอาไปใช้ได้เลย มึงใช้ยี่ห้ออะไร

คราวหลังจะซื้อเตรียมไว้ให้ เผื่อวันไหนมึงมาค้างที่นี่”


“ไม่ต้องอ่ะ!!” ใครจะมาค้างที่นี่ล่ะ แม่งไม่ปลอดภัยสุดๆ วันนี้ที่กูยอมเพราะมึงป่วยต่างหากล่ะ!!


“งั้นกูไปค้างบ้านมึงก็ได้ ดีมะ!!”


“ไม่ดี..มึงนอนที่ห้องมึงนั้นแหละดีแล้ว”


“เวลามึงหิวตอนอ่านหนังสือตอนดึกๆ กูก็จะทำกับข้าวให้กินไง ไม่ดีเหรอ”


“พูดมากจังวะ ดีขึ้นแล้วใช่มะกูจะได้กลับไปนอนบ้าน”


“ปวดหัวอยู่เลย ตัวก็ยังไม่หายร้อนไม่เชื่อมาจับดูสิ” เปลี่ยนน้ำเสียงทันทีเลยนะมึงเมื่อกี้ยังระรื่นอยู่เลย!!


“นอน!!” พูดเสร็จผมก็ไปอาบน้ำทันที ยิ่งยืนอยู่ที่เดิมมันก็ยิ่งชวนคุย ไม่รู้ว่ากลายเป็นคนพูดมากตั้งแต่เมื่อไหร่ ไอ้ดินคนหน้านิ่ง

เงียบขรึมหายสาปสูญไปไหนแล้วก็ไม่รู้!!

     ผมอาบน้ำเสร็จก็มาหาเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าของได้ดิน เสื้อที่พอจะใส่ได้ก็เป็นพวกเสื้อบอล การที่ได้ค้นตู้เสื้อผ้าของไอ้ดินทำให้

รู้ว่านอกจากเสื้อยืดสีขาวและสีดำยังมีเสื้อแบบอื่นและสีอื่นบ้างประปราย แต่เสื้อยืดสีขาวล้วนกับสีดำล้วนเยอะสุดน่าจะเกือบๆยี่สิบตัว!!

ไอ้ดินตอนนี้นอนหลับแล้วสงสัยยาคงออกฤทธิ์ ผมค่อยๆใช้หลังมือแตะที่หน้าผากมันเบาๆเพื่อดูว่าไข้มันลดรึยัง ความร้อนลดลง

กว่าตอนแรกนิดนึง ตอนดึกคงได้ลุกมาเช็ดตัวให้อีกรอบว่าแล้วก็ตั้งปลุกในมือถือ หลังจากนั้นก็ไลน์บอกทั้งไอ้พี่น้ำ และไอ้เพื่อน

หมอ‘หมา’ทั้งสองตัว ว่าผมอยู่ไหนและเพราะอะไร พวกมันก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ

ปิดไฟในห้องแล้วก็ค่อยๆซุกตัวลงนอนข้างๆมัน แสงไฟจากข้างนอกสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ถึงจะเป็แสงสลัวๆแต่ก็ทำให้มองเห็นใบหน้ายามหลับใหลของมันชัดเจน

ขนาดหน้าตอนที่มันหลับยังดูเท่อ่ะ จมูกโด่งรับกับใบหน้าที่เรียวคม ขนตาของมันก็ยาวดีเหมือนกันแฮะ ปากก็เป็นกระจับสวย

ผิวหน้าก็ดีถึงจะไม่ได้ขาวแต่มันก็ดูใสแบบสุขภาพดี ไม่น่าเชื่อว่ามันจะใช้แค่สบู่เหลวล้างหน้า!!


ไอร้อนจากร่างกายของไอ้ดิน..ทำให้ผมสงสารคนป่วยขึ้นมาจับใจ ป่วยแท้ๆยังฝืนสังขารไปร้องเพลงเพื่อจะสารภารรัก!!

น่าขำ..แต่ทั้งหมดมันก็ทำเพื่อผม ซึ้งจังวะว่าแล้วผมก็กอดมันไว้อย่างหลวมๆ

เหมือนคนป่วยจะรู้สึกตัว เพราะมันก็กอดผมเช่นเดียวกัน


“ขอบคุณนะพู่กัน ที่เปิดใจให้คนอย่างกู” หืม..แกล้งหลับเหรอ?!


“มึงบอกว่ากูเป็นรักแรกพบ จริงเหรอวะ” อดไม่ได้ที่จะถามออกไป


“จริง!! ที่จริงแล้วกูเคยเจอมึงมาก่อนที่มึงจะมาหาชบา”


“...”


“วันนั้นกูบังเอิญจอดรถที่หน้าบ้านมึงพอดี แล้วก็เห็นมึงกำลังเล่นกับจำปี จำปา ตั้งแต่นั้นมากูก็มองหามึงตลอดเวลาที่กูขับรถผ่าน

บ้านมึง บางวันถึงขั้นจอดรถที่หน้าบ้านมึงเผื่อจะเห็นมึง แต่แปลกตั้งแต่วันแรกที่เจอมึงกูก็ไม่เห็นมึงอีกเลย จนสุดท้ายมาเจอมึงที่

หอตัวเองกูแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าจะได้เจอมึงอีกครั้งแถมยังมาเป็นเจ้าของชบาอีกด้วย มันคงเป็นโชคชะตาที่ทำให้กูได้เจอ

มึงอีกครั้ง!!”


“...”


“กูชอบมึงตั้งแต่แรกเห็น กูหลงรักในรอยยิ้มของมึง และยิ่งรู้จักกูยิ่งชอบมึงมากขึ้นไปอีก จากชอบมันก็เปลี่ยนเป็นรัก กูอยากดูแล

มึง อยากอยู่กับมึง อยากผ่านทุกช่วงเวลาไปด้วยกัน กูรักมึงจริงๆนะพู่กัน” ไม่น่าเชื่อว่ามันเคยเจอผมมาก่อน โชคตางั้นเหรอ!!

ก็คงจะใช่ ถ้างั้นชบาคงเป็นโชคชะตาที่นำพาให้เรามาเจอกัน!! ซึ้งอีกล่ะ..เวลานี้ผมควรบอกรักมันกลับไปใช่มะ..


“ขอบคุณนะที่รักกู กูก็รักมึงเหมือนกันแผ่นดิน” เราต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน


“อยากจูบจัง แต่กลัวมึงจะติดไข้ไปด้วย”


“...” ถ้าจะพูดขนาดนี้จูบกูเลยเหอะ!! ตอนที่มึงพูดปากก็แทบจะชนกันอยู่ละ!!


“ดอกไม้”


“หืม” ผมเงยหน้าขึ้นสบตาของมัน มันใช้จังหวะนี้จูบลงมาที่ริมฝีปากของผมอย่างอ่อนโยน

ครั้งนี้ผมยอมรับจูบของไอ้ดินอย่างเต็มใจเพราะมันเป็นจูบที่ชัดเจนในความรู้สึกที่สุดว่าผมก็รักมัน เพราะจูบครั้งก่อนมันเต็มไป

ด้วยความสับสนมึนงง.. ไอ้ดินจูบผมอย่างเชื่องช้าเหมือนจะค่อยๆซึมซับความรู้สึกนี้เอาไว้ให้นานๆ ลมหายใจของเราเริ่มกระชั้น

ขึ้น ริมฝีปากก็เริ่มบดเบียดกันอย่างเร่าร้อน ปลายลิ้นของไอ้ดินสอดเข้ามาในโพรงปากของผม เรียวลิ้นของเราดูดดึงควาน

หาความหวานซึ่งกันและกัน มือของไอ้ดินข้างนึงประคองใบหน้าผมไว้ส่วนอีกข้างนึงก็เข้ามาในเสื้อลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของ

ผม หลังจากผละริมฝีปากออกไอ้ดินก็พรหมจูบไปทั่วใบหน้าผมและขบเม้มที่ติ่งหูผมเบาๆทำให้ขนผมลุกชันไปทั้งตัว

จากนั้นมันก็ซุกไซร้ริมฝีปากลงมาที่ลำคอของผมลิ้นเรียวลากวนไปทั่วทั้งลำคอ ไอ้ดินเลิกเสื้อผมขึ้น

ก่อนจะลากเรียวลิ้นมาที่หน้าอกของผม ทำให้ร่างผมสั่นสะท้าน


“อ๊ะ” ผมเผลอร้องออกมา อย่างลืมตัวเมื่อเรียวลิ้นแฉะของไอ้ดินมาหยุดตรงที่ยอดอกของผม


“ไอ้ดิน ดิน หยุดก่อน” ผมพูดพร้อมกับใช้มือดันตัวมันออกแม้เรี่ยวแรงของผมจะเหลือเพียงน้อยนิดก็ตาม


“ดอกไม้ ทำไมน่ารักแบบนี้”ไอ้ดินพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบพล่าและสายตาที่ฉ่ำปรือ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพิษไข้หรือเพราะอารมณ์ตอนนี้ของมันกันแน่!!


“มันเร็วไป ยัง..ยังไม่ใช่ตอนนี้”จู่ๆผมก็รู้สึกกลัวจนตัวสั่น น้ำตาก็รื้นขึ้นมา ไอ้ดินหยุดทันทีที่เห็นน้ำตาของผม!!


“ดอกไม้ขอโทษ กูใจร้อนเอง ไม่ทำแล้วๆ” ไอ้ดินค่อยจูบซับน้ำตาที่ค่อยๆไหลออกมาให้ผมอย่างแผ่วเบา


“กูกลัว ฮือ” สุดท้ายผมก็ร้องไห้..น่าอายชะมัด!!


“โอเคๆ ไม่ต้องกลัวไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว นอนกันเนาะ” ไอ้ดินกอดแล้วลูบหลังผมเบาๆ


“ฮือ..กูจะกลับบ้าน”


“ได้ไงละ เดี๋ยวกูไข้ขึ้นทำไงล่ะ”


“ไม่ขึ้นแล้วละมั้ง มึงมีแรงปล้ำกูได้ขนาดนนี้”


“โธ่ ดอกไม้ขอโทษนะ ก็ตัวมึงหอมอ่ะแถมยังบอกรักกูอีก กูเลยอดใจไม่ไหว”


“ต่อไปกูจะไม่บอกรักมึงอีกแล้ว!!” ไม่ปลอดภัยสุดๆ!! ฮือ..


“โอ๋ๆ หยุดร้องได้แล้วครับ” สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าคนป่วยต้องกล่อมผมให้นอนหลับ!!

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังทำหน้าที่แฟนที่ดี ด้วยการลุกมาเช็ดตัวให้มันอีกรอบตอนกลางดึก แล้วก็นอนกอดกันด้วยหัวใจที่เป็นสุข

การมีแฟนมันดีแบบนี้นี่เอง..ไม่สิ การมีแฟนเป็นไอ้ดินมันดีแบบนี้นี่เอง!!


     


        สีน้ำ (ผมขอพูดอะไรนิ๊ดนึง)


       มีคนบอกว่าผมเป็นผู้ชายห่ามๆ ปากหมา บางทีก็พูดตรงเกินไป และบางทีก็พูดไม่รู้เรื่องติสแตกเกินไป!!

เหรอว่ะ?!! ผมว่าตัวผมออกจะเพอร์เฟ็ก รูปก็หล่อพ่อก็รวย(นิดๆ) วาดรูปก็เก่ง ร้องเพลงก็เพราะ เอาใจก็เก่ง เอากันก็เก่ง!!

แต่สุดท้ายแฟนแต่ละคนที่เคยคบมาก็ทิ้งผมโดยการไปมีชู้!!กับคนที่เอาใจเก่งกว่า และเอาเก่งกว่า!!!

บางทีผมก็สูญเสียการเป็นตัวของตัวเอง ต้องสร้างภาพว่าผมเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้พอผมเหนื่อยก็เลยเป็นตัวตัวของเอง

เธอพวกนั้นกลับยอมรับไม่ได้ พวกเธอต่างบอกว่าผมติสแตกเกินไป!!

แต่ตอนนี้มีอยู่คนนึงที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่ต้องสร้างภาพไม่ต้องแสแสร้ง อาจเพราะเรารู้จักกันมานานจนรู้นิสัยของกันและ

กัน ถามว่าตอนนี้ผมกับเค้าสถานะคืออะไร น่าจะเป็นคนพิเศษของกันและกัน

เรายังไม่ได้บอกความสัมพันธ์ของเราให้ใครรู้ แต่จริงๆเราก็ยังไม่มีอะไรลึกซึ้งมากสุดคือหอมแก้มครับ

เป็นไงล่ะผมก็สุภาพบุรุษนะคร้าบบบ!! เพราะคนพิเศษของผมคนนี้ทั้งน่ารักและน่าทะนุถนอม ผมอยากจะค่อยๆเป็นค่อยๆไปใน

ความสัมพันธ์นี้และนี่คือครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าความรักนี้มันช่างสวยงาม!!


      ..ฮะ คุณถามว่าคนพิเศษของผมเป็นใครน่ะเหรอ ...ก็น้องปูนของผมยังไงละคร้าบ!!..




 *TBC*



……………………………………………………….............................


สวัสดีค่ะทุกๆคน บทนี้แอบมาเลทสมองกลวงมากเลยช่วงนี้ T_T กราบขออภัยคนอ่านที่น่ารักทุกๆคนของมาลีด้วยนะค่ะ^^

และแล้ว..เค้าก็เป็นแฟนกันล้าววว!!  เป็นแฟนกันวันแรกแผ่นดินก็เกือบจะจับพู่กันทำเมียซะแล้วหื่นจริงๆเชียว!! #ดินคน

หื่น2018 #ดินผู้อดกลั้น2018


เค้าเขียนฉากNC ไม่ได้เรื่องเลย ถ้าอ่านกันแล้วมันขัดๆต้องขอโทษด้วยน๊า พยายามสุดๆแล้ว  :mew6:

**บทหน้าจะเป็นบทเต็มของพี่สีน้ำและน้องปูนเด้อจ้า**



ปล.ขอขอบคุณเพลง คำพูดง่ายๆ ของพี่นภ พรชำนิ และเพลง รักแรกพบ ของวงtattoo colour มา ณ.ที่นี้ด้วยนะค่ะ

 https://www.youtube.com/watch?v=GL3K2RJFrd0 (https://www.youtube.com/watch?v=GL3K2RJFrd0)

https://www.youtube.com/watch?v=rc7KnQAh_1I (https://www.youtube.com/watch?v=rc7KnQAh_1I)

หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 10 คำพูดง่ายๆ.. (21-02-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-02-2018 01:33:06
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 10 คำพูดง่ายๆ.. (21-02-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 21-02-2018 16:50:06
 

    cute!!     :-[   :pig4:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 10 คำพูดง่ายๆ.. (21-02-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 22-02-2018 21:31:48

เป็นแฟนกันสักที   :mew1:   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 10 คำพูดง่ายๆ.. (21-02-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 23-02-2018 17:20:30
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 11 สีน้ำกับปูนใส (04-03-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 04-03-2018 22:43:54
บทที่11 สีน้ำกับปูนใส


 
พาร์ตของสีน้ำ

      ร้านโต๊ะกลมชั้นบน หรือเซฟเฮ้าส์ของพวกเด็กจิตรกรรมผมมักจะขลุกตัวอยู่ที่นี่ นอนที่นี่บ่อยกว่าบ้านตัวเองซะอีก
และที่นี่ยังเป็นที่สุมหัวของพวกเราชาวแก๊ง’ปฏิบัติการตีเนียน’จริงๆผมไม่ออกแรงทำอะไรหรอกแต่ผมอยู่เบื้องหลังแผนการพวกนี้ต่างหาก!! ทำไมผมถึงยอมช่วยให้ไอ้ดินมันจีบไอ้พู่น้องชายของผมนะเหรอ เพราะมันเป็นเนื้อคู่กันไง!!เซ้นต์ผมมันบอก ผมรู้ทุกเรื่องแหละครับยกเว้นเรื่องตัวเอง!! 

ความจริงแล้วคือไอ้หมีมันพาไอ้ดินมาหาผมถึงถิ่น ด้วยความใจกล้าบวกกับความจริงใจผมเลยยอมช่วยมัน คนจริงแบบนี้แหละที่มันเหมาะกับน้องผมถึงมันจะเป็นผู้ชายเหมือนกันก็เหอะ ความจริงแล้วหน้าอย่างไอ้พู่มันไม่เหมาะกับผู้หญิงหรอก มันเหมาะกับพวกตัวทึกอย่างไอ้ดินนี่แหละ อีกอย่างไอ้ดินมันหล่อผมจึงยอมให้จีบน้องผม ข้อนี้แหละสำคัญสุด!!! 
และที่เซฟเฮ้าส์แห่งนี้ยังเป็นที่นัดพบของผมกับน้องปูน ถ้าจะให้เริ่มเท้าความว่าผมกับน้องปูนไปสะกิดกันได้ยังผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ มันน่าจะมาจากเหตุการณ์เมื่อเกือบสามอาทิตย์ก่อนที่ผมบังเอิญไปเจอน้องปูนนั่งหง่อยๆกินไอติมอยู่หน้าเซเว่นแถวหอของน้องปูน

“น้องปูนมานั่งทำอะไรตรงนี้”

“อ้าว พี่น้ำหวัดดีครับ” น้องพูดพร้อมกับใช้หลังมือปาดน้ำตาลวกๆ เอ้า!!ร้องไห้เฉยเลย แล้วไม่ได้อายสายตาหลายคู่ที่มองมาด้วยความเสือก!!

“ทำไมถึงร้องไห้ละ ใครทำอะไรเราบอกพี่สิ” น่าแปลกผมเห็นน้ำตาของน้องแล้วในใจมันวูบโหวงแปลกๆ มันทั้งน่าเอ็นดูและน่าสงสาร

“ผม..ผมเลิกกับแป้งแล้วครับ แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วเพราะผมเตรียมใจไว้แล้ว” ไม่เป็นไรแต่น้ำตาไหลไม่หยุด แถมยังตักไอติมเข้าปากไม่ยอมหยุดอีกต่างหาก..เด็กน้อเด็ก

“ป่ะ มากับพี่” ผมยื่นมือให้น้อง น้องมองหน้าผมอย่างงงๆแต่ก็ยอมส่งมือมาให้ผม แล้วผมก็พาน้องไปที่เวสป้ารุ่นป้าคันเก๋าของผม

“ไปไหนครับ?”

“เดี๋ยวจะพาไปหาที่ร้องไห้ ร้องหน้าเซเว่นมันคงไม่เท่เท่าไหร่” การเสียน้ำตาสำหรับผมบางครั้งมันก็เป็นเรื่องเท่นะผมว่า ดีกว่าเสียใจแทบตายแล้วกลั้นเอาเพราะคิดเพียงแค่ว่าคนร้องไห้คือคนที่แพ้ เปล่าเลยอย่างน้อยคนที่ร้องไห้ก็คือคนที่ยอมรับความจริง!!

“ถ้าอยากร้องก็ร้องออกมาเถอะ เอาออกมาให้หมดจะได้ไม่หลงเหลือน้ำตาของความเสียใจนี้อีก” ผมพูดหลังจากที่พาน้องมาถึงสถานที่ที่จะให้น้องร้องไห้ คนอย่างผมจะไปที่ไหนได้ล่ะ เซฟเฮ้าส์ร้านโต๊ะกลมยังไงล่ะครับ ร้องไห้ต่อหน้างานศิลปะพวกนี้แหละเท่จะตาย!!

“พี่น้ำ..ฮือ” เท่านั้นแหละครับปล่อยโห่ออกมาทันทีเหมือนจะอั้นมานานตลอดทาง ผมไม่พูดอะไรนั่งวาดรูปที่ทำค้างไว้ไปเรื่อยๆ ปล่อยให้คนร้องไห้ร้องออกมาให้สาสมใจ โชคดีที่ตอนนี้มีแค่เราสองคน

เสียงสะอื่นค่อยเบาๆลง จนเงียบสนิทเหลือเพียงเสียงสูดน้ำมูกเป็นพักๆ หน้าตาของคนขี้แยตอนนี้ ตาบวมและขอบตาแดงก่ำ รวมถึงจมูกก็แดงเหมือนลูกเชอรี่ เหมือนเด็กน้อยแต่ก็น่ารักในสายตาผมอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน!!


“ยังไง ดีขึ้นยัง”

“ขอโทษนะพี่น้ำ ที่มาเสียเวลาฟังปูนร้องไห้ตั้งนาน” น้องมักจะแทนตัวเองด้วยชื่อเวลาที่รู้สึกผิด ..ผมว่ามันน่ารักดี!!

“ไม่เป็นไร ว่าแต่อยากเล่าให้พี่ฟังมั้ย”

“ผมเพิ่งจะโทรบอกเลิกกับแป้ง”

“น้องปูนเป็นคนบอกเลิก? ทำไมละ?”

“แป้งมีคนอื่น ผมเลยชิงบอกเลิกก่อนจะได้ไม่รู้สึกเสียใจมากกว่าโดนบอกเลิกเอง” โธ่ เด็กน้อย แบบไหนมันก็เสียใจอยู่ดีนั้นแหละ!!

“ทำไมเราถึงรู้ล่ะ?”

“แฟนใหม่ของแป้งเค้ามาบอกผมเองครับ เพราะเราเป็นเพื่อนกันตอนมัธยมเหมือนกันเค้าไม่อยากให้มันคาราคาชังเลยสารภาพกับผมตรงๆ”

“...”

“แต่ที่น่าเสียใจที่สุดคือ สองคนนี้เค้าเริ่มคบกันตั้งแต่ก่อนจะจบม.6แล้วเลือกไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นด้วยกัน ผมไม่เข้าใจว่าทำไมแป้งไม่บอกเลิกผมตั้งแต่ตอนนั้น ปล่อยให้ผมโง่มาได้ตั้ง2ปี ” แล้วน้องก็หัวเราะเยาะตัวเองด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ เหมือนน้ำตาจะเริ่มไหลอีกรอบ

“พวกไอ้พู่รู้เรื่องนี้รึยัง”

“ยังครับ ผมไม่อยากบอกเดี๋ยวพวกนั้นจะเครียดตามไปด้วย ไว้ผมหายดีแล้วค่อยบอก” ทำไมรักเพื่อนขนาดนี้นะ บางทีระบายให้เพื่อนฟังบ้างก็ได้

“งั้นถ้ามีอะไรหรืออยากระบายก็มาลงกับพี่ได้นะ พี่เป็นคอห่านที่ดีนะจะบอกให้”

“ฮ่าๆ ขอชักโครกได้ป่ะคอห่านมันนั่งไม่สะดวก” แล้วน้องก็หลุดหัวเราะออกมา ดีจัง..ยิ้มออกสักที

“ได้หมดแล้วแต่น้องปูนจะให้เป็น เอาเป็นว่าพี่เป็นส้วมให้ละกันอยากระบายอะไรก็เชิญครับ”

“ขอบคุณครับ พี่น้ำใจดีแบบนี้เสมอไอ้พู่โชคดีจังที่มีพี่ชายแบบพี่น้ำ” เหอะๆ อยากหัวเราะ กับไอ้พู่กูไม่เคยอ่อนโยนกับมันแบบนี้ครับ มันโตมาด้วยลำแข้งและคำด่าของผมนี่แหละ ทำผิดอย่าโอ๋ครับต้องด่าอย่างเดียวถึงจะจำ อย่ามาเป็นน้องชายพี่เลยน้องปูน!!

“หกโมงแล้ว หิวรึยัง”

“ยังไม่หิวครับ อยากกินอะไรหวานๆมากกว่า คิดถึงเค้กของแม่ดาจัง” แม่ดาคือแม่ของผมเองครับ เคยได้ยินไอ้พู่มันพูดเหมือนกันว่าเวลาที่น้องปูนเครียดจะชอบกินอะไรที่หวานๆแก้เครียด  เอาน้ำตาลปี๊บให้น้องกินดีมั้ยวะ!!

“พรุ่งนี้ไปบ้านพี่กัน อยากกินเค้กไรสั่งได้เลย”

“เกรงใจแม่ดาจัง”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก แม่พี่ยังถามหาอยู่เลยว่าช่วงนี้ปูนไม่ค่อยไปกินเค้กบ้าน งั้นบราวนี่ละกันเนอะพี่จะได้บอกแม่ไว้”  ผมจำได้ว่าน้องชอบกินบราวนี่

“ก็ได้ครับ แต่ตอนนี้พี่น้ำไปกินไอติมเป็นเพื่อนปูนหน่อยได้มั้ยครับ” หลุดเรียกชื่อตัวเองอีกละ รู้สึกผิดอีกละสิ

“เมื่อกี้ก็กินไปแล้วหนิ พี่ต้องวาดรูปต่อด้วยสิ” อดที่จะแกล้งแหย่ไม่ได้ อยากเห็นหน้ามุ่ยของน้อง มันน่ารักดี!!

“งั้นผมไปคนเดียวก็ได้ครับแต่ช่วยพาผมไปส่งที่เดิมได้มั้ยครับรถผมจอดอยู่ที่นั่น” หน้าหงอยเลยแฮะ แต่ก็น่ารัก

“ฮ่าๆ พี่ล้อเล่น ไปสิเดี๋ยวพี่เลี้ยง” แล้วเด็กน้อยก็ยิ้มดีใจที่จะได้กินไอติม

“สั่งเต็มที่เลยนะน้องปูนกินเท่าที่น้องอยากกิน กินให้มันลืมเศร้าไปเลย!!” ผมบอกน้องเมื่อเรามาถึงร้านไอติมใกล้กับมหา'ลัย

“ครับ”

“รับอะไรดีคะ” พนักงานสาวสวยน่ารักยื่นเมนูให้เราสองคน

“ผมขอเอริ์ทธเควกครับ”

“รับไอศกรีมรสอะไรดีค่ะ ทั้งหมดได้แปดสกู๊ปค่ะ” ไอติมแปดลูกเลยเหรอ จะกินหมดมั้ยเนี่ย

“พี่น้ำกินกับปูนมั้ย ปูนให้พี่น้ำเลือกไอติมก่อนเลย”

“พี่ขอวนิลาละกัน” ขออะไรเบสิคๆก่อนละกัน ไอติมจะหลากรสไปไหน กูเลือกไม่ถูก ของหวานไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ ถ้าเป็นของคาวล่ะกูสู้ตาย

“สองลูกพอมั้ยครับ” น้องเงยหน้าจากเมนูขึ้นมาถามผม ผมเลยพยักหน้าเป็นคำตอบ

“งั้นเอาวนิลาสองสกู๊ป ที่เหลือขอเป็นรัมลูกเกดหมดเลยครับ”

“ทางร้านมีเมนูใหม่แนะนำ เป็นบิงชูสนใจรับมั้ยคะ” พนักงานสาวสวยพูดพร้อมกับยื่นเมนูแนะนำมาให้ อยากจะถามว่าเห็นผมมากันเป็นฝูงเหรอครับ นี่มาแค่สองคนแล้วก็สั่งไปแล้วตั้งแปดลูก ถึงผมจะสายแดกแต่ของหวานผมมีกระเพราะจำกัด!!

“ครับ งั้นขอบิงซูชาเขียวถั่วแดงละกันครับ” อ้าวเฮ้ย สั่งเฉยเลย!!

“รับเป็นถ้วยใหญ่หรือถ้วยปกติคะ” ยังจะถามอี๊ก!! มากันสองคนครับ

“ถ้วยปกติครับ” ค่อยยังชั่วนึกว่าจะสั่งถ้วยใหญ่ซะแล้ว

“ทำไมไม่สั่งไอติมรสอื่นล่ะ” ถ้าเป็นไอ้พู่ได้ไอติมแปดลูกมันคงสั่งแปดรส!!

“ผมชอบไอติมรสรัม ไม่รู้ทำไมเหมือนกันชอบทั้งกลิ่นทั้งรส มันอร่อยดี ในเซเว่นไม่มีขายได้มากินที่ร้านทั้งทีขอกินให้จุใจเลยละกัน”น้องพูดด้วยรอยยิ้มอย่างดีใจ เหมือนเด็กๆที่ได้ของเล่นถูกใจ

ผมกินไปได้นิดเดียวก็อิ่มครับ นั่งมองเด็กน้อยกินเพลินกว่า เวลาที่น้องกินดูมีความสุขเหมือนลืมความคิดทุกสิ่งอย่างแล้วจดจ่ออยู่แค่ของหวานตรงหน้าแล้วก็กินมันอย่างมีความสุข..และไม่น่าเชื่อว่าไอติมทั้งหมดกับบิงซูหายวับไปกับตาลงไปอยู่ในท้องของน้องปูนเรียบร้อยแล้ว

“ตัวเล็กนิดเดียว ทำไมกินเก่งแบบนี้หึ” ผมพูดอย่างเอ็นดูก่อนจะใช้มือเช็ดที่มุมปากของน้องที่เลอะไอติมออกให้ พร้อมกับดูดนิ้วตัวเอง..อื่อหวานดีแฮะ

“...”

“เป็นอะไรทำไมตัวแข็งทื่อแบบนี้ล่ะ หนาว?” คงจะหนาวนั้นแหละ ซัดไอติมไปซะขนาดนั้น แอร์ในร้านก็เย็นอีกต่างหาก ผมเลยถอดแจ็คเก็ตยีนส์ตัวโปรดของผมให้น้องใส่

“ขะ ขอบคุณครับ” น้องรับเสื้อของผมไปใส่..และถ้าตาไม่ฝาดน้องหน้าแดง!! เวลาหนาวหน้าเราแดงรึป่าววะ?!


       หลังจากวันที่พาน้องไปกินไอติมผมก็พาน้องไปบ้านผมหมายถึงบ้านใหญ่นะครับไม่ใช่บ้านที่ไอ้พู่อยู่ เพื่อไปกินเค้กฝีมือแม่ผม ทั้งคนทำเค้กกับคนกินเค้กต่างก็ดีใจใหญ่ที่ได้เจอกัน ปูนค่อนข้างที่จะสนิทกับที่บ้านผมเพราะน้องสนิทกับไอ้พู่เมื่อก่อนน้องจะมานอนที่บ้านใหญ่บ่อยๆ

หลังจากนั้นถ้าแม่ผมทำเค้ก ผมก็มักจะเอาไปให้น้องปูนเสมอๆเราได้เจอกันบ่อยขึ้น คุยกันบ่อยขึ้น บางที่ก็พาน้องมากินเค้กที่เซฟเฮ้าส์ร้านพี่มด ความรู้สึกบางอย่างมันก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว!!


“กูนึกว่ามึงลืมทางกลับบ้านใหญ่แล้วซะอีก” ผมทักไอ้พู่ที่มันเพิ่งจะลงจากรถ วันนี้วันอาทิตย์ครับผมอยู่บ้านทั้งวันไม่ได้ออกไปไหน

“ใครจะลืมกูก็มาเกือบทุกอาทิตย์ เนอะแม่เน๊อะ” ว่าแล้วมันก็ออเซาะไปกอดแม่ที่เดินออกมาจากครัว

“อะไรกันพี่น้องคู่นี้ เจอหน้ากันก็ทะเลาะกัน” แม่บ่นไม่จริงจังนัก

“ไอ้พี่น้ำนั้นแหละแม่ เห็นหน้าหนูก็หาเรื่องก่อนเลย” หนูห่าไรตัวเท่าควาย!! ไอ้พู่จะเรียกแทนตัวเองว่าหนูเวลาคุยกะแม่ครับ  มันสายมุ้งมิ้งมาตั้งแต่เด็กแล้วครับอาจจะเพราะเป็นลูกคนเล็กเลยชอบอ้อน ไม่เหมือนผมสายห่ามแมนๆคุยกันครัช!!
 
“พอเลยทั้งคู่ ค้างบ้านใหญ่มั้ยลูกวันนี้" แล้วแม่ก็หันไปถามไอ้พู่

“ไม่ครับแม่ แวะมาเอาเค้กเฉยๆ เย็นๆกลับครับ”

“มึงเห็นบ้านเป็นร้านเค้กรึไง”

“หุบปาก”

“เอาอีกละ สองคนนี้พอเลยๆ  มาลูกมาชิมชีสเค้กแม่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อคืนละ ตอนนี้กำลังอบบราวนี่ให้พี่น้ำอยู่ รอเอาไปด้วยนะ”

“มึงเนี่ยนะอยากกินบราวนี่” แล้วมันก็หันมาถามผมด้วยความสงสัยไอ้นี่มันรู้ว่าขนมไม่ใช่ทางของผม

“เออ ทำไมวะกูก็แดกทุกอย่าง” ความจริงจะเอาไปให้น้องปูนต่างหากละแต่ไม่มีข้ออ้างที่จะไปเจอ

 คิดถึงไม่ได้เจอตั้งสองวัน!!

“กูรู้ว่ามึงแดกทุกอย่าง แต่ขนมมึงแดกไม่น่าเกินสองชิ้น เสียเวลาให้แม่ทำเปล่าๆ เมนมารึไง?!”

“เออ เมนกูมาไปซื้อผ้าอนามัยมาให้กูหน่อยดิ๊ ขอแบบมีปีกด้วยนะ กูอยากบินได้!!”

“ไอ้ห่า ไปยืมของแม่นู้นไป๊!!”

“แม่เมนหมดแล้ว ตอนนี้กำลังเข้าสู่ช่วงวัยทองด่ากูทุกทีที่กลับบ้าน มึงไม่นอนบ้านใหญ่มึงไม่รู้หรอก”

“แม่พี่น้ำมันว่าแม่ เป็นผู้หญิงวัยทอง” ไอ้น้องชั่ว!!


“มึงคืนนี้ไปดูบอลที่ไหน” มันหมายถึงบอลคู่ระหว่างแมนยู-แมนซิตี้ พวกเราเชียร์แมนยูกันทั้งบ้านครับ ตั้งแต่ปู่ยันเหลน!!

“ร้านไอ้พี่มดมั้ง”

“ไม่มาดูที่บ้านเล็กกับกูอ่ะ”

“ไม่อ่ะขี้เกียจไปดูบอลเสร็จจะได้วาดรูปต่อเลย” ความจริงมีแผนว่าจะเอาเค้กไปให้น้องปูนแล้วชวนน้องไปดูบอลด้วยกันที่ร้านไอ้พี่มด..แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องมีนัดรึยัง

“มึง น้องปูนไปดูบอลที่บ้านเล็กกับมึงป่ะ”

“ไม่รู้มัน กูยังไม่ได้ชวนใคร ทำไม?”

“เปล่า”

“...” มันไม่พูดอะไรแต่สายตามันโคตรเต็มไปด้วยความสงสัย
จริงๆก็อยากเล่าเรื่องที่น้องปูนเลิกกับแฟนให้ไอ้พู่ฟังนะ แต่เจ้าตัวเค้ายังไม่พร้อมให้บอกเลยต้องอั้นไว้ก่อน


หลังจากที่ไอ้พู่กลับบ้านเล็กผมก็รีบโทรหาน้องปูน เพราะกลัวว่ามันจะนัดน้องปูนตัดหน้าไปซะก่อน

“น้องปูนอยู่หอรึป่าว”

“ตอนนี้อยู่บ้านครับกำลังจะกลับหอ”

“งั้นถึงหอแล้วบอกพี่นะ เดี๋ยวเอาเค้กไปให้วันนี้มีชีสเค้กกับบราวนี่”

“ดีใจจัง เดี๋ยวผมรีบกลับครับ”น้องตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงดีใจ

“เดี๋ยว น้องปูนไปดูบอลที่ไหนวันนี้”

“บ้านเล็กครับ ไอ้หมีเพิ่งโทรมาชวนเมื่อกี้” ไอ้หมีมึงตัดหน้ากู!!

“งั้นเหรอ ถ้างั้นถึงหอแล้วบอกพี่ด้วยนะ”

หลังจากนั้น20นาทีน้องปูนก็ไลน์มาบอกว่าถึงหอแล้ว  ผมเลยรีบแว๊นออกจากบ้านใหญ่ทันที


“ขอบคุณมากนะครับพี่น้ำ ดีจังปูนกำลังอยากกินอยู่พอดีเลย” ปูน!! ดีใจสินะถึงหลุดเรียกชื่อตัวเอง

“ไม่เป็นไรครับพี่เต็มใจ”

“พี่น้ำไปดูบอลบ้านเล็กด้วยกันมั้ยครับ”

“พี่นัดกับพี่มดไว้แล้วน่ะ ให้พี่ไปส่งที่บ้านเล็กมั้ย?” เสียดาย ไอ้หมีแม่งตัดหน้ากู แต่ช่างเหอะได้เจอแค่ดีก็ดีแล้ว

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมต้องไปซื้อเบียร์ให้ไอ้หมีมัน”

“โอเค งั้นไว้เจอกันนะ” ผมพูดพร้อมกับขยี้หัวน้องเบาๆ แล้วเหมือนน้องจะดูอึ้งๆไป!!


       หลังจากบอลจบก็นั่งกินเหล้าฉลองชัยที่แมนยูชนะกับพวกพี่มด ตอนแรกตั้งใจจะขึ้นไปวาดรูปต่อ แต่เปลี่ยนใจแดกเหล้าดีกว่า

“มึงช่วยกูคิดหน่อย วันหวยออกงวดนี้เอาใครมาร้องเพลงที่ร้านกูดีวะ”

“วงผมไง” ผมมีวงครับชื่อ ‘วงจิปาถะ’ ก็จิปาถะสมชื่อนั่นแหละรับทุกงาน

“มึงดูสภาพไอ้ต่อมันก่อนใส่เฝือกซะขนาดนี้ หรือจะให้มันใช้ตีนดีด” ไอ้ต่อคือมือกีต้าร์วงผม เมาแล้วรถล้มแขนหักตอนนี้ใส่เฝือกอยู่ แต่ก็ไม่ได้สำนึกห่าอะไรตอนนี้ก็กำลังนั่งซดเหล้าอยู่แถมยังขับรถมาด้วยมือข้างเดียวอีกต่างหาก!!

“ผมหาคนมาเล่นแทนไอ้ต่อได้พี่ เทพกว่าไอ้ต่ออีก”

“ใครวะ!?” ไอ้ต่อกับพี่มดพูดขึ้นพร้อมกัน

“น้องเขยผม!!”

“ไอ้ดินนะเหรอ ไอ้พู่ยอมเป็นเมียมันแล้วเหรอวะ” พี่มดถามอย่างตื่นเต้น

“ยังพี่ แต่ไม่รอดหรอก” จะว่าไปผมก็พาไอ้ดินมานอกรอบกัน2คนที่ร้านโต๊ะกลมหลายครั้งแล้วเหมือนกัน จึงสนิทกับพี่มดและเพื่อนของผม

“ว่าแต่มันเล่นกีต้าร์เป็นเหรอวะ”

“ฝีมือไม่ธรรมดา ไอ้หมีบอกมาแบบนี้”

"ถ้างั้นวงมึงก็มาเล่นละกัน ตามนี้นะ”

“โอเคพี่”


ที่บ้านเล็กจะเป็นไงกันบ้างน๊อ คงจะดีใจและสะใจกันน่าดูที่แมนยูชนะ กำลังคิดในใจเสียงแจ้งเตือนข้อความจากไลน์ก็ยังขึ้น

Poon’Poon  แมนยูชนะ เย้ๆ  สติกเกอร์หมีดีใจ

  เด็กน้อยคงจะดีใจมาก ถึงขั้นทักผมมาก่อน

WaterColor สติกเกอร์ควายสะใจ  กลับหอรึยังเอ่ย

Poon’Poon อีกสักพักคงกลับ เริ่มมึนๆแล้ว มีเรื่องไอ้พู่จะเม้าเยอะเลย

WaterColor พรุ่งนี้ตอนเย็นเดี๋ยวพี่ไปหา เม้ากันๆ

Poon’Poon สติกเกอร์หมีโอเค

แล้วก็จบบทสนทนาระหว่างผมกับน้อง แต่ในใจรู้สึกลิงโลดอย่างน่าประหลาด


.....................................
อ่านต่อหน้า3ค่ะ
   
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 11 สีน้ำกับปูนใส (04-03-2018) *P.2
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 04-03-2018 22:53:14
     เที่ยงคืนหลังจากช่วยไอ้พี่มดเก็บร้าน ก็ตั้งใจว่าจะกลับไปนอนบ้านใหญ่วันนี้ไม่มีอารมณ์วาดรูปเท่าไหร่ ค่อยๆขับเวสป้าชิวๆรับลมไปเรื่อยๆ แต่ไม่รู้อะไรดลใจทำให้ผมเลี้ยวไปทางที่จะไปหอของน้องปูน มารู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่หน้าหอของน้องแล้ว ให้ตาย!!ทำไมช่วงนี้ในหัวมีแต่เรื่องของน้องปูนก็ไม่รู้ ง่ายๆคือคิดถึงตลอดเวลา!!  ไม่รู้ว่าน้องกลับมาจากบ้านเล็กรึยังหรือนอนแล้วก็ไม่รู้ ไม่อยากกวนบางทีก็กลัวน้องจะรำคาญเพราะช่วงนี้ผมหาเรื่องเจอน้องเกือบทุกวัน อยู่กับความคิดตัวเองได้ไม่นาน น้องปูนก็ขับรถมาจอดใกล้ๆผม

“อ้าวพี่น้ำ มาทำอะไรครับ” น้องคงแปลกใจที่เห็นผมในเวลานี้

“พอดีหลงมาน่ะ” ผมตอบหน้าตาย

“...!!”

“เมารึป่าว”

“มึนๆนิดหน่อยครับ แต่ไอ้พู่เมาเละเลย อ้วกแตกเต็มบ้าน” น้องพูดอย่างขำๆ

“ใครดูมันอยู่ละตอนนี้”

“จะใครซะอีกล่ะ ไอ้ดินน้องเขยพี่ไง ไล่ให้พวกผมกลับมาด้วยนะ”

“ทำไมมันถึงได้เมาขนาดนั้นล่ะ”

“พิษรักแรงหึง ฮ่าๆๆ”

“งั้นพรุ่งนี้ไปกินไอติมกันจะได้เม้าให้พี่ฟัง ตอนนี้ดึกแล้วน้องปูนไปนอนเหอะ” ข้ออ้างที่ใช้บ่อยสุดรองจากเอาเค้กมาให้ก็เรื่องของไอ้พู่นี่แหละ..กูรักมึงก็ตรงนี้แหละ..น้องรัก!!

“ได้ครับ พรุ่งนี้เรียนเสร็จแล้วปูนจะโทรหานะ” รอยยิ้มแบบนี้อีกแล้ว นับวันยิ่งจะหวั่นไหวและใจเต้นแรงกับรอยยิ้มของน้อง แล้วคำที่เรียกแทนตัวเองว่า‘ปูน’อีก ได้ยินแล้วมันรู้สึกดีชะมัด!!

“เออ..น้องปูน พี่ขออะไรอย่างนึงสิ”

“อะไรครับ”

“เออ..ไม่มีไร เข้าไปข้างในเหอะดึกแล้ว”

“ครับ เจอกันพรุ่งนี้..ฝันดีนะครับพี่น้ำ”

“เดี๋ยว!!” แล้วผมก็คว้าแขนของน้องไว้ ก่อนจะทำการใหญ่ด้วยการหอมแก้มน้องฟ้อดใหญ่ มันอดไม่ไหวจริงๆนะครับ เมื่อก่อนผมไม่เคยต้องอดกลั้นขนาดนี้มาก่อน ถูกใจใครก็พาขึ้นเตียงหมายถึงตอนโสดนะอย่าเพิ่งเข้าใจผิดถ้าผมคบใครผมก็รักเดียวใจเดียว

ไม่เคยตะตอนยอนขนาดนี้ แต่เป็นเพราะน้องปูนผมเลยเต็มใจเพราะน้องไม่เหมือนใคร และผมก็ไม่อยากให้น้องเหมือนใครด้วยความรู้สึกตอนนี้มันพิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา!!


“พะ พี่ขอโทษ” เมื่อเห็นน้องยืนนิ่งก็เริ่มใจไม่ดี น้องไม่ได้พูดอะไรแต่จับแก้มที่แดงปลั่งของตัวเองแล้วรีบวิ่งเข้าไปในหอโดนไม่มองหน้าผมแม้แต่นิดเดียว..โกรธเหรอ? กูทำอะไรลงไปเนี่ย!!

สุดท้ายก็กลับมาร้านพี่มด กลับมาวาดรูปเพื่อสงบจิตสงบใจสักหน่อย..ทบทวนตัวเองที่ผ่านมาถึงจะมีแฟนมาแล้วหลายคนลึกๆแล้วยังไม่เจอคนที่ใช่ แต่เป็นคนที่พอใจที่จะคบด้วยมากกว่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่นคือความรักรึป่าว  แต่สำหรับน้องปูนมันพิเศษทุกอย่างมันคือความสบายใจโดยไม่ต้องพยายามหรือแสแสร้ง น้องปูนคือคนที่ใช่สำหรับผมเพราะใจมันบอกแบบนั้น!!
ผมว่าทุกอย่างมันกำลังลงตัว เพราะน้องมาในเวลาที่ใช่เราก็คนก็ต่างโสด อีกอย่างเราก็รู้จักกันมานานถึงจะไม่ได้สนิทกันมากมายแต่ก็พอรู้นิสัยใจคอของกันและกันบ้าง ผมว่ามันถึงเวลาที่ผมควรจะจริงจังกับความรู้สึกนี้สักที!!

สุดท้ายก็นอนไม่หลับคิดมากกลัวว่าน้องจะโกรธที่ผมหอมแก้ม โชคดีที่วันนี้ไม่มีเรียนกลับไปนอนต่อที่บ้านเล็กดีกว่า
 
“ไงตัวขาว ตัวดำ” ผมทักเจ้าแมวอ้วนสีขาวสองตัว กับเจ้าตัวเล็กสีดำที่มันมาคลอเคลียที่ขาผม

“แม่พวกแกไปเรียนแล้วล่ะสิ” ตอนนี้เก้าโมงเช้า ไอ้พู่คงออกไปเรียนนานแล้ว

พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายไม่รู้นอนไปนานเท่าไหร่ ตกใจตื่นอีกที ตายห่า4โมงเย็นแล้ว  ดีนะที่กูไม่ไหลตาย  หิวฉิบหาย!!

มีแต่มาม่าคัพ กับเค้กของแม่ กินมาม่ารองท้องไปก่อนก็ได้วะ แล้วค่อยไปหาอะไรกินข้างนอกเพราะตอนนี้โคตรหิว 
นั่งซดมาม่าไปสองถ้วย ไอ้พู่กับน้องเขยก็โผล่มา แสดงว่าน้องปูนก็ต้องเลิกเรียนแล้วน้องยังจะไปกินไอติมอยู่มั้ยวะ ไม่กล้าโทรหาเลยอยู่ๆก็ป๊อดขึ้นมาซะงั้น

“สวัสดีครับพี่น้ำ”

“หวัดดีน้องเขย!!”

“น้องเขยเชี่ยไร!!”  ไอ้พู่รีบโวยวาย ทำหน้าแม่งโคตรตลก

“ก็มันเป็นน้องเขยกูไม่เกี่ยวกับมึง”


“ก็กูน้องมึง ถ้ามันเป็นน้องเขยมึงมันก็ต้องเป็นผัวกูสิ”  ก็ผัวมึงไง ยังไม่รู้ตัวอีก!!

“ร้อนตัวนะมึง น้องกูก็มีหลายคนมะน้องที่คณะกูเยอะเยอะไม่ได้หมายถึงน้องในไส้อย่างมึง”

“แล้วมันเป็นใครล่ะ!!”

“ม่ายบอก” การกวนตีนไอ้พู่เป็นงานอดิเรกของผมครับ

“เออ เรื่องของมึง ไปอุ้มชบามาสินั่งบื้ออยู่ได้”เอ้าเถียงไม่ได้ก็ไปลงที่ไอ้ดินซะงั้น กูรู้อนาคตมึงเลยไอ้ดินกลัวเมียแน่ๆ!!

“จะพามันไปไหน”

“ฉีดวัคซีน”

“ไอ้ตัวขาวล่ะ ไม่ฉีดเหรอ”

“ยังไม่ครบกำหนด แล้วมึงช่วยเรียกชื่อให้มันดีๆหน่อย เรียกตัวขาวตัวดำอยู่ได้” เอ้าก็มันสีขาวกับสีดำ กูผิดตรงไหน

“ขากลับแวะซื้อข้าวมาให้กินด้วยดิ” ขี้เกียจออกไปละ ใช้ไอ้พู่นี่แหละ

“แล้วที่มึงแดกเมื่อกี้ล่ะ?!”

“รองท้อง”

“ทุ่มนึงจะไปกินชาบูกับพวกไอ้หมีไปด้วยกันมั้ยล่ะ”

“น้องปูนไปมั้ย”

“ไป” ไอ้พู่ตอบด้วยสีหน้าสงสัย มันคงจะสงสัยจริงๆนั้นแหละเพราะผมจะถามหาน้องปูนทุกครั้ง รอให้มึงถามกูถึงจะบอกถ้ามึงไม่ถามกูก็ยังไม่บอกละกัน

“เออ งั้นกูไปด้วย” ค่อยไปขอโทษที่ร้านชาบูก็ได้วะ

หลังจากที่ไอ้พู่กับไอ้ดินออกไปแล้ว ผมก็นอนเล่นกับไอ้ตัวขาวทั้งสองตัวอยู่บนโซฟาไม่นานน้องปูนก็ไลน์มา!! ผมรีบลุกขึ้นนั่งเปิดอ่านด้วยความไวแสง

Poon’Poon  คงไม่ได้ไปกินไอติมแล้วนะครับ จะไปกินชาบูกับไอ้หมี พี่น้ำไปด้วยกันมั้ย?

 น้องไม่โกรธ?! แถมยังชวนผมด้วย!!

WaterColor ไปครับ เมื่อกี้ไอ้พู่เพิ่งจะชวนพี่

Poon’Poon  ผมกับไอ้หมีจะไปก่อนคงรอทุ่มนึงไม่ไหวตอนนี้ตอนนี้หิวมากเลย  สติกเกอร์หมีหิวโหย

..น่ารัก!!

WaterColor ไปสิ ค่อยให้ไอ้พู่ตามมาทีหลังพี่ก็หิวเหมือนกัน

Poon’Poon  งั้นเจอกันที่ร้านนะครับ

WaterColor สติกเกอร์ควายโอเค

ดีจังวะที่น้องไม่โกรธ แล้วหัวใจก็กลับมาลิงโลดอีกครั้ง!!

เมื่อไปถึงร้านชาบูน้องปูนกับไอ้หมีก็ยืนรอที่หน้าร้าน

“หวัดดีครับพี่น้ำ” น้องปูนกับไอ้หมีไหว้ทักทายผมพร้อมกัน แต่ที่แปลกไปคือน้องปูนดูเขินๆไม่ค่อยกล้าสบตาผมสักเท่าไหร่!!

“หวัดดีๆ ป่ะเข้าไปข้างในกัน”

มาถึงโต๊ะสั่งเครื่องดื่มอะไรเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะไปหาน้องกุ้งก็โทรบอกไอ้พู่มันก่อนว่าพวกเรามารอที่ร้านแล้ว ผมชอบกินกุ้งครับ ร้านบุพเฟ่ต์ที่มีกุ้งนี่มันดีจริงๆ!!

“โห พี่น้ำกุ้งทั้งทะเลเลยมั้งนั้น” ไอ้หมีแซวผมที่ผมตักแต่กุ้งมาล้นจานอยู่สามจาน นี่แค่เบาๆนะ!!

“อย่าว่าแต่กู ดูมึงก่อนวัวกี่ตัววะนั้น” ผมละสงสารเจ้าของร้านจริงๆ ผมกับไอ้หมีไปร้านบุเฟ่ต์ที่ไหนร้านนั้นคงจะสาหัสน่าดู!!

“กินผักกันด้วยนะครับ อย่ามัวกินแต่เนื้อกับกุ้ง” น้องปูนพูดพร้อมกับเด็ดผักใส่หม้อ ทำไมดูแล้วรู้สึกเหมือนแม่บ้านจังแฮะ

“ไม่กินเดี๋ยวขาดทุน” ไอ้หมีพูดพร้อมกับสวาปามเนื้อเข้าปากคำโต..กูว่าดูแดกน่ากลัวแล้วนะมาเจอมันนี่กูยอมเลย!!

“เจ้าของร้านต่างหากที่ขาดทุน ไม่ใช่มึง” น้องปูนโวยใส่ไอ้หมี พร้อมทำหน้าเอือมกับตรรกะของมัน

“พูดมาก แดกๆ”

“น้องปูนกินกุ้งมั้ย เดี๋ยวพี่แกะให้” ผมบอกน้องอย่างใจดี

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมแกะเอง พี่น้ำกินผักด้วยนะ” แล้วน้องก็ตักผักมาใส่จานให้ผม

“ขอบคุณครับ” ความรู้สึกนี้คืออะไร!!อยู่ๆก็ใจเต้นแรง เหมือนน้องใส่ใจผมเลย!!

“ไอ้พู่ทางนี้ๆ” เรานั่งกินไปได้สักพักไอ้พู่กับไอ้ดินก็มาถึง น้องปูนจึงโบกมือเรียก ไอ้พู่มันมองหน้าผมเมื่อเห็นเศษเปลือกกุ้งกองอยู่เต็มโต๊ะ สายตามันเหมือนจะด่าว่ามึงแดกห่าเข้าไปได้ยังไงขนาดนั้น!! แล้วไงไม่แคร์

“มาๆเจ้ามือของมื้อนี้ เชิญนั่งครับ” ไอ้หมีพูดพร้อมกับลากเก้าอี้ให้ไอ้พู่นั่ง

“ทำไมมึงถึงได้เลี้ยงพวกนี้วะ ใจดีอะไรของมึง” ผมถามเพราะสงสัย ปกติไอ้พู่แม่งขี้เหนียวจะตาย!!

“มันเป็นข้อแลกเปลี่ยนพี่” ไอ้หมีพูดแทรกขึ้นมาทันที

“ข้อแลกเปลี่ยนไรวะ?”

“เดี๋ยวผมส่งไลน์ให้พี่ดู” ไอ้หมีพูดด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม ต้องเป็นเรื่องเมื่อคืนที่ไอ้พู่มันเมาเละแน่ๆ..

     นั่งกินไปเรื่อยๆก็สังเกตว่าน้องเขยผมมันดูแลไอ้พู่ดีมาก ดีจนเกินหน้าเกินตาจนหลายคนหมั่นไส้

“ไอ้พู่ มึงเป็นง่อยรึไง” ไอ้หมีพูดพร้อมทำหน้าหมั่นไส้

“อิจฉาโว้ย” น้องปูนพูดอย่างแซวๆ

“น้องปูนชอบแบบนี้เหรอ งั้นเดี๋ยวพี่ตักให้นะ” ชอบแบบนี้ก็ไม่บอกจัดให้ครับ แกะกุ้งให้ด้วย ถ้ายอมให้ป้อนพี่ก็จะป้อน!! 

น้องยิ้มอย่างขำๆคงนึกว่าผมทำล้อไอ้ดิน แต่เปล่าเลย..ตั้งใจครับ!!

“ผมพี่หลุดหมดแล้ว” จู่ๆน้องก็พูดขึ้น ผมกินเพลินไปหน่อยจริงๆก็รู้ตัวอยู่หรอก แต่มือเปื้อนเพราะแกะกุ้งเลยทนๆไปก่อน

“มัดให้พี่หน่อยสิ มือพี่เลอะ” จริงๆผมก็ลองพูดไปอย่างนั้นแหละ ไม่คิดว่าน้องจะมัดให้จริงๆ น้องค่อยๆรวบผมของผมอย่างช้าๆก่อนจะมัดผมให้เบาๆ คงจะกลัวว่าผมจะเจ็บ ด้วยความน่ารักผมจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา แล้วก็เจอสายตาของไอ้พู่และไอ้หมีที่มองมาด้วยสายตาสงสัยปนอึ้ง..ไว้ให้มันชัดเจนกว่านี้แล้วกูจะบอกพวกมึง

แดกกุ้งไปน่าจะ88ล้านตัวได้ ไอ้หมีก็ส่งข้อความมาที่ไลน์ผม เปิดดูเท่านั้นแหละ ถึงกับฮาแตก..ทำไมน้องกูมันแรดขนาดนี้วะ ฮ่าๆๆ

“ยินดีด้วยน้องเขย มาๆชนแก้ว” แล้วผมก็ชนแก้วโค้กกับไอ้ดินที่ตอนนี้ทำหน้างง ว่าผมดีใจห่าอะไร

“อย่าทำหน้างงๆ” ผมเลยเอารูปไอ้พู่ตอนแรดให้มันดู ไอ้ดินได้แต่ยิ้มอย่างเขินๆส่วนไอ้พู่ได้แต่ส่งสายตาอาฆาตมาให้ 
ผมกับไอ้หมีและน้องปูนกำลังหัวเราะกับสิ่งที่ไอ้พู่ทำลงไปเมื่อคืน แต่แล้วเสียงหัวเราะก็ต้องหยุดลง เพราะผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่ทิ้งน้องชายผมไปอย่างไม่ใยดี!!

“พู่”

“ไข่มุก” เธอคือแฟนเก่าของไอ้พู่ จริงๆแล้วผมไม่ค่อยถูกชะตาด้วยเท่าไหร่ตอนที่ไอ้พู่พามาแนะนำให้ผมรู้จักว่าเป็นแฟนมัน

“ดีใจจังที่เจอ มุกโทรหาพู่แต่พู่ไม่รับสายมุกเลย” ทำไมมีความหน้าด้านแบบนี้วะ ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลยเหรอ?!

“มุกมีอะไรกับพู่รึป่าว”

“ต้องมีอะไรด้วยเหรอถึงจะโทรหาพู่ได้”

“...”

“มุกเลิกกับพี่พีแล้วนะ” แล้วไงวะ น้องกูต้องรีบแจ้นไปหางั้นเหรอ ตลก!!

“ถ้าพู่ยังไม่มีใครเรากลับมาคุยกันเหมือนเดิมได้มั้ย” ทำไมชีวิตมันง่ายขนาดนั้นวะ บทจะเลิกก็ง่ายบทจะกลับมาคบกันใหม่ก็ง่าย  เคยแคร์ความรู้สึกน้องกูบ้างมั้ยเนี่ย!!

“ไม่ได้หรอก” แล้วไอ้หมีก็โพล่งขึ้น  ดีมาก

“ไอ้พู่มันมีคนที่ชอบแล้วล่ะ ใช่มั้ยมึง” อยู่ที่คำตอบของไอ้พู่แล้วละ ดีๆนะมึง แล้วดูเหมือนว่าทุกคนจะตั้งใจฟังคำตอบของไอ้พู่อยู่

“ขอโทษนะมุก พู่ว่าเรื่องของเรามันจบตั้งแต่วันที่มุกเลือกพี่พีแล้วล่ะ”

“จริงเหรอที่พู่มีคนที่ชอบแล้วน่ะ”

“...”

“พู่ตอบมุกมาสิ” ไอ้พู่ไม่ยอมตอบ เธอก็เริ่มโวยวาย ธาตุแท้เริ่มออกแล้วสินะ

“อืม พู่มีคนที่ชอบแล้ว” ให้มันได้แบบนี้สิ ไม่เสียแรงที่เกิดมาเป็นน้องกู ตอนที่มันตอบมีแอบมองหน้าไอ้ดินด้วยนะ รู้ใจตัวเองสักทีนะมึง!!

“มันเป็นใคร!!” เกลียดผู้หญิงที่ชอบโวยวายแบบนี้จริงๆ

“นี่ ถ้าจะโวยวายก็กลับไปเหอะ อย่าลืมว่าเธอเป็นคนทิ้งน้องฉันไปแล้วเธอจะกลับมาหามันอีกทำไม” สุดท้ายผมก็ทนไม่ไหว ถึงเวลาที่ผมต้องทำหน้าที่พี่ชายปกป้องน้องชายของผมแล้วล่ะ

“อ่อ อีกอย่างถ้าจะมาขอคืนนี้กับไอ้พู่ บอกไว้เลยนะว่าพี่ชายมันไม่ยินดี” ใช่กูไม่ยินดี กูอยากได้น้องเขยไม่ใช่น้องสะใภ้!!

“รักมึงจังพี่ชาย ขอบคุณนะที่ช่วยพูดให้กู” หลังจากที่ไข่มุกเดินออกไปอย่างหัวเสีย ไอ้พู่ก็เข้ามากอดผมอย่างออดอ้อน ขนลุก!! เราไม่เคยพูดแสดงความรักกันครับ แต่ใช้การกระทำแบบเมื่อกี้มากว่าเป็นตัวแสดงว่าเรารักกัน

“กูไม่ได้ช่วยมึง กูช่วยน้องเขยกูเว้ย” ผมแกล้งโวยก่อนจะแกะมือที่มันกอดผมออก

“ใครน้องเขยมึง” ยังจะถามกูอีก

“แถวๆนี้แหละ” แล้วมันก็เหลือบตาไปมองไอ้ดิน แล้วหน้ามันก็ค่อยๆแดง แรดจริงๆน้องกู!!

หลังจากที่อิ่มจากกินชาบูไม่สิอิ่มจากกินกุ้ง ตั้งใจว่าจะคุยกับน้องปูนแต่น้องมากับไอ้หมีเอาไงดีวะ!? ชวนตรงๆเลยละกัน

“เออ น้องปูนเดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“ผมกลับกับไอ้หมีก็ได้ครับ”

“พี่มีเรื่องจะคุยด้วย กลับกับพี่นะ”

“ก็ได้ครับ”

“มึง..”

“เออ กูได้ยินแล้ว งั้นผมฝากไอ้ปูนด้วยนะพี่” ไอ้หมีมองหน้าผมด้วยความสงสัยอีกครั้ง

“พี่น้ำมีอะไรจะคุยกับปูนเหรอ”

“กินไอติมมั้ย”

“หืม?”

“ร้านไอติมคงปิดแล้ว ซื้อที่เซเว่นละกันเนอะ ไปกัน” น้องทำหน้างงๆ แต่ก็ย้อมซ้อนท้ายเวสป้าของผม

“เมื่อกี้ก็กินไอติมที่ร้านชาบูมาแล้ว ผมอิ่มละครับ”

“พี่รู้ว่าเรื่องไอติมปูนมีอีกกระเพราะนึง ให้ตอบใหม่ว่าจะกินมั้ย” แล้วน้องก็หัวเราะออกมา

“กินก็ได้ครับ” เด็กน้อยเอ้ย!

“เซเว่นไหนดี”

“แถวหอปูนก็ได้ครับ” ปูน!! ดีใจสินะที่จะได้กินไอติม  เวลาดีใจกับรู้สึกผิดคำว่าปูนจะหลุดออกจากปากเสมอ!!

“เอาแค่นี้เหรอ จะพอเหรอ”

“พี่น้ำประชดผมเหรอ” ใช่ครับ ประชด น้องหยิบไอติมออกจากตู้น่าจะสัก10อันได้

“จะกินทันมั้ยเนี่ยละลายก่อนกินหมดแน่เลย”

“ไม่ได้กินหมดนี่สักหน่อย ซื้อไปเผื่อตอนอ่านหนังสือตอนดึกๆต่างหาก ไอติมที่ตุนไว้ที่ห้องหมดพอดี”

“งั้นต้องรีบกลับ เดี๋ยวจะละลายซะก่อน”

“ครับ”

  ใช้เวลาไม่ถึง5นาทีก็มาถึงหอของน้องปูน..

“พี่ขอขึ้นไปที่ห้องน้องปูนได้รึป่าว จะได้คุยทีเดียวน้องปูนจะได้ไม่ต้องเสียเวลาขึ้นๆลงๆ”

“ก็ได้ครับ” เหมือนน้องจะหยุดคิดไปแปปนึง แต่ก็ยอมให้ผมขึ้นห้อง  ทำไมตื้นเต้นแบบนี้วะ..ตื่นเต้นกว่าได้ขึ้นห้องสาวซะอีก!!

เมื่อมาถึงห้อง น้องปูนก็รีบเอาไอติมแช่ตู้เย็น แต่สิ่งที่ปะทะกับสายตาของผมก็คือ ขนมหวานเต็มห้องไปหมดทั้งช็อคโกแล็ต ลูกอม อมยิ้มมันว่างอยู่ทั่วทุกมุมห้อง เหมือนอยู่ส่วนไหนของห้องก็สามารถกินได้เลยไม่ต้องเดินไปที่ตู้เย็นเพียงที่เดียว..นี่มันงานศิลปะชัดๆ แล้วในตู้เย็นก็อัดแน่นไปด้วยเค้ก ขนมไทยที่รสหวานๆอย่างพวกทองหยิบทองหยอด น้ำหวานต่างๆเยอะแยะเต็มไปหมด  เห็นแล้วก็รู้สึกกลัว..กลัวน้องจะเป็นเบาหวาน!!

“ไม่คิดว่าน้องปูนจะชอบขนมหวานขนาดนี้” อดไม่ได้ที่จะหันไปคุยกับน้องที่ตอนนี้กำลังเอาเค้กใส่จานอยู่..ยังจะเกินอีกเรอะ!!

“ผมชอบ..พี่น้ำอยากกินอะไรหยิบได้เลยตามสบายนะครับ..ว่าแต่พี่น้ำมีเรื่องอะไรจะคุยเหรอครับ”

“มานั่งนี่สิ” ผมบอกให้น้องมานั่งโซฟาข้างๆผม

“...” น้องก็เดินมาอย่างว่าง่าย

“น้องปูนคิดว่าระหว่างเรามันมีอะไรแปลกๆมั้ย?”

“...”

“งั้นถามใหม่ ปูนยังเสียใจเรื่องแป้งอยู่มั้ย”

“ก็ไม่ละครับ เพราะทำใจไว้แล้วตั้งแต่แป้งเลือกไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น”

“ปูน พร้อมจะเปิดใจให้ใครคนใหม่รึยัง”

“ผมไม่เข้าใจ?”

“ถ้ามีคนมาจีบปูนอะไรแบบนี้น่ะ จะคุยกับเค้ามั้ยหรือจะปิดใจ”

“ก็ไม่ได้ปิดอะไร ถ้าคนนั้นไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรก็คุยได้ครับ”

“แล้วถ้าคนๆนั้นเป็นพี่ละ”

“...!!”

“จะเปิดใจให้พี่มั้ย?!”

“พี่น้ำหมายความว่า..” แล้วหน้าของน้องก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ

“รู้สึกยังไงที่พี่หอมแก้มปูนเมื่อวาน”

“...”

“รังเกียจมั้ย?”

“มะ ไม่ครับ” น้องตอบเสียงเบาพร้อมกับใช้ช้อนจิ้มเค้กในจานจนตอนนี้มันเละไปหมด จะเขินรุนแรงอะไรเบอร์นั้น!!

“แล้วถ้าพี่หอมอีกครั้งล่ะจะได้มั้ย”

“...!!” จากที่ก้มหน้าจิ้มเค้กในจานไม่หยุดน้องรีบเงยหน้ามองผมด้วยความตกใจ..โคตรน่ารัก!!

“ได้รึป่าว?”

“เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยทำไมต้องหอมด้วยล่ะ” น้องตอบอ้อมแอ้มด้วยความเขิน

“แล้วต้องเป็นอะไรกัน ถึงจะหอมแก้มกันได้ล่ะ” ผมสบตากลมโตของน้องนิ่ง

“ฟะ..แฟน”

งั้นเป็นแฟนกับพี่มั้ยล่ะ!!

“...!!”

“ว่าไงครับ” ผมค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปใกล้ น้องเอียงตัวหลบก่อนจะพูดว่า..

“พี่น้ำยังไม่ได้จีบปูน เออจีบผมเลยจะเป็นแฟนกันได้ไง” โธ่ เด็กน้อยพี่ต้องบอกก่อนเหรอว่าพี่กำลังจีบเราอยู่นะแบบนี้น่ะเหรอ..

“ส่งเค้กให้ทุกวันแบบนี้ ยังไม่เรียกว่าจีบอีกเหรอหึ..เด็กน้อย แล้วก็เลิกแทนตัวเองว่าผมได้แล้ว แทนตัวเองว่าปูนนั้นแหละดีแล้ว น่ารักดีพี่ชอบ”

“ผม..”

“ปูนไม่ใช่ผม”

“ปะ ปูนยังไม่ตอบตอนนี้ได้มั้ย เออ..พี่น้ำช่วยจีบปูนต่ออีกหน่อยได้มั้ยครับ” น้องปูนพูดด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ พร้อมกับเสียงที่เบาหวิว แต่ผมได้ยินมันชัดเจนทุกคำ ผมโคตรดีใจที่น้องขอแบบนี้ นี่มันเกินคาดกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก!!

“กล้าขอพี่ก็กล้าให้ แต่พี่ขอหอมแก้มมัดจำไว้ก่อนนะ” ไม่รอให้น้องอนุญาตผมรีบโน้มหน้าไปหอมแก้มน้องทันที แก้มยุ้ยๆของน้องมันโคตรนุ่มอ่ะ  ผมชอบจริงๆ!!


จบพาร์ตของสีน้ำ



  *TBC*


____________________________________________________________

สีน้ำกับน้องปูนมาแล้วค่ะ มาทีเดียวแซงทางโค้ง แต่เค้ายังไม่เป็นแฟนกันนะ ให้น้องปูนได้เล่นตัวนิ๊ดนึง^^
ขอบคุณมากๆที่ตามอ่านกันมานะคะ นี่ก็ตอนที่11เริ่มเข้าสู่ครึ่งทางแล้ว เป็นกำลังให้กันด้วยนะคะ
จะพยายามเขียนออกมาให้ดีที่สุดค่ะ ฮึบๆ^^
 


หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 11 สีน้ำกับปูนใส (04-03-2018) *P.2+3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-03-2018 10:36:07
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 11 สีน้ำกับปูนใส (04-03-2018) *P.2+3
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 05-03-2018 18:35:06


  สีน้ำมีความใส  :3123:

  น้องปูนมีความให้จีบต่อ น่าร๊ากก  :L2:



หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 11 สีน้ำกับปูนใส (04-03-2018) *P.2+3
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 05-03-2018 18:48:10
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 11 สีน้ำกับปูนใส (04-03-2018) *P.2+3
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 06-03-2018 20:16:41

   :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 12 แฟนกัน..วันแรก!! (14-03-2018) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 14-03-2018 02:42:42
บทที่12 แฟนกัน..วันแรก!!




“ดอกไม้ ตื่นได้แล้ว”

“...”

“ดอกไม้ ดอกกกกกกกกกกก” หือ ดอกเต็มหูกู!!

“หลอกด่ากูเหรอ”

“เปล่าสักหน่อยพูดยังไม่จบประโยคเลย”

“ดีขึ้นรึยัง” แต่ก็น่าจะดีขึ้นแล้วล่ะ กวนตีนได้ขนาดนี้

“ดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณนะดอกไม้ที่คอยเช็ดตัวให้ทั้งคืนเลย”

“ก็แฟนกันไม่ใช่เหรอ” พูดเองก็เขินเอง  อ๊อยยย!!

“นั้นน่ะสินะ เป็นแฟนกันเค้าทำอะไรกันบ้างน๊า!!” นี่หรือคนป่วย!!แล้วมันก็เสแสร้งทำหน้าครุ่นคิด เกลียดสีหน้าของมันตอนนี้จริงๆ

“ทะลึ่ง” ผมพูดพร้อมกับหลับตากะจะนอนต่อ จู่ๆไอ้ดินก็แนบหน้าผากลงมาที่หน้าผากของผม ผมรีบลืมตาด้วยความตกใจ

“ทำอะไร!!”

“วัดไข้ให้หน่อย ตัวกูหายร้อนรึยัง” จะบ้าตาย บอกกูดีๆก็ได้มะ  มาทำแบบนี้กูใจไม่ดี!!

“อุ่นๆ วันนี้ไม่ต้องออกไปไหน นอนพักจะได้หายดี ใกล้สอบละด้วย” โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ไม่ต้องถ่อสังขารไปเรียน

“ลุกสิไปกินข้าวกัน”

“เจ็ดโมงเช้าอยู่เลย ยังไม่หิวอยากนอนต่อ” ไอ้ดินมันเป็นมนุษย์ตื่นเช้าครับ ไม่รู้จะรีบไปไหน

“งั้นก็นอน เดี๋ยวทำอะไรง่ายๆให้กิน แต่ไม่มีกาแฟนะ”

“ได้ไง มึงไม่สบายนะนอนพักสิ”

“ไม่เป็นไร ดีขึ้นมากแล้ว”

“ไม่ต้อง มานอนพักเดี๋ยวกูทำเอง”

“ไม่เป็นไรน่า อย่าดื้อสิ”

“มึงนั้นแหละ อย่าดื้อ มานอน!!” บอกดีๆไม่ชอบ ต้องให้ขึ้นเสียง

“โอเคครับ ทำไมแฟนผมดุจัง” แล้วมันก็ยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้ เออดี ยอมกูบ้างเหอะ!!

“จะกินไร”

“ขอโจ๊กกับโกโก้ร้อนแก้วนึงครับ”

พอเดินไปที่ครัวเล็กๆก็มีพวก โจ๊กกึ่งสำเร็จรูป ขนมปัง แยม เนยถั่ว!!ของโปรดผมนี่หว่า
แต่ไม่มีกาแฟอย่างที่มันบอก มีแต่โกโก้ กับนม

ผมเลยจัดการเสียบปลั๊กกาต้มน้ำ แล้วปิ้งขนมปังสำหรับไว้กินเอง ไม่เห็นมีอะไรอยากแค่นี้สบายมาก พอหันหลังออกจากครัว ก็เจอสายตาของไอ้ดินที่ตอนนี้มันนั่งจ้องผมอยู่ที่โซฟาด้วยสายตายิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“การมีแม่บ้านดูแลมันรู้สึกแบบนี้นี่เอง”

“อะไรของมึง”

“แต่มึงไม่เหมาะ ให้กูดูแลนั่นแหละดีแล้ว”

“มันก็ต้องช่วยๆกันสิ จะให้มึงดูแลกูอยู่ฝ่ายเดียวได้ไงล่ะ” พูดเองก็เขินเอง..อีกละ

“ขอบคุณนะ กูรู้สึกว่ากูโชคดีจัง” พูดจบมันก็สวมวิญญาณยูเซนโบลด์ วิ่งสองเมตรมาหอมแก้มผมด้วยความไวแสง ตกใจขนมปังในมือแทบร่วง!!

“แปรงฟันยังเนี่ย!!”

“ยังครับ” มันตอบหน้าตาย

“เอาน้ำลายบูดมาโดนแก้มกู!!” จริงๆก็โวยวายแก้เขินไปงั้นแหละ รู้สึกทำตัวไม่ถูก!!

“ปะ งั้นไปแปรงฟังกัน” แล้วมันก็จูงมือผมไปที่ห้องน้ำ ผมก็ยอมเดินตามมันไปอย่างง่ายดาย ไม่รู้จะเล่นตัวไปทำไมเพราะผมก็ยัง
ไม่ได้แปรงฟันเหมือนกัน...ก็แค่แปรงฟันน่า!!

จู่ๆห้องน้ำก็แคบลงถนัดตาเพราะมีผู้ชายสองคนที่ตัวก็ไม่เล็กยืนอยู่ในห้องน้ำ ผมแปรงฟันด้วยความขัดเขิน จะไม่ให้เขินได้ไงล่ะก็ไอ้ดินเล่นจ้องผมในกระจกด้วยสายตาพราวระยับ ผมแปรงฟันเสร็จก่อนไอ้ดินด้วยความเร็วรี่เพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของมัน ..รู้สึกว่าแปรงขี้ฟันออกยังไม่ถึงครึ่งปากเลย แต่ก็ช่างหัวขี้ฟันมันเหอะ!!

“มึงก็ชอบกินเนยถั่วเหมือนกันเหรอ?” หลังจากแปรงฟันเสร็จก็มานั่งกินอาหารเช้าง่ายๆที่โต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ยหน้าโซฟา ไอ้ดินมีโจ๊กกับโกโก้ร้อน ส่วนผมก็มีขนมปังปิ้งทาด้วยเนยถั่วกับนมหนึ่งแก้ว เห็นเนยถั่วก็อดไม่ได้ที่จะถามมัน..

ตอนแรกไม่ได้ชอบซื้อมาเพราะคิดถึงมึง!! ตอนที่เจอกันที่ร้านนมหน้ามอจำได้ว่ามึงชอบกินเนยถั่ว แต่พอกินไปเรื่อยๆก็เริ่มชอบจนกลายเป็นของโปรดกินคู่กับขนมปังทุกเช้าไม่มีเบื่อเหมือนมึงไงยิ่งรู้จักก็ยิ่งรัก รักมากขึ้นเรื่อยๆไม่มีเบื่อ” แววตาและน้ำเสียงที่อ่อนโยน ทำให้หัวใจผมอุ่นขึ้นอย่างน่าประหลาด..

“...” หน้าร้อนเลยกู!!แทบกลืนขนมปังไม่ลง

“เดี๋ยวกูจะกลับบ้านนะไปเอาข้าวให้เด็กๆก่อน” ต้องหาเรื่องคุยมาดับความร้อนที่หน้า ไม่งั้นแก้มแตกแน่ๆ

“เมื่อคืนพี่น้ำไม่ได้นอนบ้านเล็กเหรอ”

“นอน แต่คงยังไม่ตื่นไม่รู้ว่ามันได้เทอาหารไว้ให้รึป่าว แล้วตอนบ่ายกูจะกลับบ้านใหญ่ด้วยแต่เดี๋ยวตอนเที่ยงจะแวะซื้อข้าวเข้ามาให้ มึงก็นอนพักไป”

“ไปด้วยดิ”

“มึงป่วยนะไอ้ดิน ควรพักให้หายดีก่อนค่อยออกไป”

“ดีขึ้นมากแล้ว ไม่ปวดหัวแล้วด้วย มึงห่วงกูก็ต้องไม่ปล่อยให้กูอยู่คนเดียวสิ”

“...”

“นะ..ไปด้วยนะครับ” สายตาและน้ำเสียงออดอ้อนแบบนี้ใครจะปฏิเสธลงวะ แม้จะไม่เข้ากับสารร่างถึกๆของมันก็ตาม

“เออๆ งั้นก็รีบกินจะได้กินยา”

“ได้ครับ” ตั้งแต่คบกัน(พูดเหมือนนานเน๊อะยังไม่ถึง24ชม.ด้วยซ้ำ) มันพูดครับบ่อยเหลือเกิน!!


ตอนนี้เก้าโมงเช้าพวกผมกลับมาที่บ้านเล็กเพื่อมาดูความเป็นอยู่ของเจ้าเหมียวทั้งสามตัวว่ายังอยู่ดีกันมั้ย โดนไอ้พี่น้ำมันจับกินไปแล้วรึป่าว!!

“ว่าไงชบาน้อย โตไวจังจะเป็นหนุ่มแล้วนะเรา” คุยกะแมวก็ได้ครับ

“ไอ้พี่น้ำแม่งไม่อยู่ละ ยังดีที่มันเทอาหารไว้ให้อยู่” ดีที่มันไม่ลืมหน้าที่

“บ่ายๆค่อยออกไปกัน ไปนอนพักก่อนมั้ย นอนที่ห้องกูก็ได้”

“ไปนอนด้วยกัน”

“ไม่อ่ะ ไม่ง่วงแล้ว”

“งั้นก็ไม่นอน”

“ทำไมมึงดื้อจังวะ รู้ตัวรึป่าว”

“เป็นแค่กับมึง”

“งั้นกูขอเป็นคนอื่นได้มะ มึงจะได้ไม่ดื้อกับกู”

ไม่ได้!!ถ้ามึงเป็นคนอื่นกูก็จะไม่ได้รักมึง เพราะกูรักได้แค่มึงคนเดียวดอกไม้

“...” กำลังจะอ้าปากเถียง ถึงกับเถียงไม่ออก

“ใช่มั้ยนู๋ชบา” เอ้าเปลี่ยนอารมณ์แล้วหันไปคุยกับแมวเฉยเลย!!

“อืม กูก็รักคนอื่นไม่ได้เหมือนกัน” ผมตอบมันเสียงเบา เขินอีกแล้วกู วันนี้คงได้เขิน88รอบ!!

 “ว่าไงนะ” สายตามันยิ้มกริ่มมาก

“ตามนั้นแหละ เดี๋ยวกูไปทำข้าวต้มให้ตอนเที่ยงจะได้กิน”

“ให้ช่วยรึป่าว”

“นอนพักไปมึงอ่ะ”

ทำข้าวต้มไม่นานก็เสร็จ ออกมาดูไอ้ดินก็เห็นมันนอนหลับอยู่บนโซฟา กับเจ้าเหมียวทั้ง3ตัว
เห็นแล้วก็อดที่จะถ่ายรูปเก็บไว้ไม่ได้ ..ใครจะเชื่อว่าผมจะมีแฟนตัวโข่งขนาดนี้ ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมผมถึงรักมัน รู้แค่ว่ามันสุขใจและอุ่นใจที่มีมันอยู่ใกล้ๆ แค่จับมือกันก็รู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ..



“ยังไม่ต้องบอกใครนะว่าเราคบกัน”

“ทำไมล่ะ?”

“กูยังไม่พร้อม ยิ่งที่บ้านยิ่งห้ามบอกมึงอย่าแสดงทีท่าให้มันมากนักนะ กูกลัวพ่อกับแม่รับไม่ได้ ขอเวลาอีกนิดแล้วค่อยบอก”

“แล้วแต่มึง แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกูจะไม่ทิ้งมึง”

“ขอบคุณนะ กูก็จะไม่ทิ้งมึงเหมือนกัน”

“ซึ้งจัง..จุ๊บทีนึง”

“กูขับรถอยู่มะ ไอ้บ้า” ไม่ทันละครับ จุ๊บมาที่บ้องหูผมเต็มๆ ถึงกับขนลุกชูชันเลยทีเดียว!!


“แม่หวัดดีครับ”

“หวัดดีจ๊ะลูก พาเพื่อนมาด้วยเหรอ” สายตาของคุณนายรดาถึงกับตาลุกวาวเมื่อเห็นไอ้ดิน

“นี่ดินเพื่อนหนู” อย่าขำกันนะครับอยู่ที่บ้านผมจะแทนตัวเองว่าหนู น่ารักช๊ะ!!

“สวัสดีครับ”

“ดิน? หล่อกว่าที่แม่คิดไว้นะเนี่ย” ครับ!!แม่ผมบ้าคนหล่อ ว่าแต่รู้จักมันเหรอ?

“อะไรแม่รู้จักไอ้ดินเหรอ”

“พี่ชายของลูกบอกว่าเค้าเป็นว่าที่ลูกเขยของแม่”

“เห้ย!!” ผมโคตรตกใจไม่ต่างกับไอ้ดินที่ตอนนี้ทำหน้าตกใจไม่ต่างกัน

“ตกใจอะไรของลูก”

“แม่อย่าไปฟังไอ้พี่น้ำมัน มันเลอะเทอะ” ผมรีบแก้ตัวทันควัน

“อ้าว แม่อุตส่าห์ดีใจที่ลูกเขยแม่หล้อหล่อ”

“เห้ย!!”

“อะไรของลูกเนี่ย!!”

“แม่ไม่โกรธหนูเหรอถ้าหนูมีแฟนเป็นผู้ชาย”

“ทำไมแม่ต้องโกรธ บอกเหตุผลแม่มาสิ?”

“ก็...”

“หนูคิดว่าแม่ใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอลูก”

“...” แม่ผมไม่เคยใจร้าย ท่านใจดีแต่ทุกอย่างต้องมีเหตุผลเสมอ

“เอาน่า  แม่ไม่ว่าอะไรถ้าแฟนหนูจะเป็นผู้ชาย ตกลงว่าเป็นแค่เพื่อนกัน?”

“ผมกับพู่เราเป็นแฟนกันครับคุณแม่” เห้ย ไอ้นี่บอกว่าอย่าเพิ่งบอกไง มันพูดพร้อมกับจับมือผมเอาไว้แน่น

“สุภาพบุรุษที่สุด ถูกใจแม่มากกก..ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของเรานะจ๊ะหนูดิน” แล้วแม่ก็กอดไอ้ดินที่ยืนอึ้งแดก แม่งกูก็อึ้งแดกเหมือนกันครับ!! ไม่คิดว่าแม่จะบ้าผู้ชาย เอ้ย ไม่คิดว่าแม่จะยินยอมง่ายดายขนาดนี้

“ขอบคุณครับคุณแม่” ไอ้ดินพูดด้วยรอยยิ้มดีใจ พร้อมกับกราบงามๆไปที่บ่าแม่ผม

“แล้วพ่อละครับแม่” ผ่านด่านแม่ไปแล้ว ยังเหลือด่านของพ่อ อดที่จะกังวลไม่ได้เลย

“โอ้ย รายนั้นจะไปว่าอะไรละลูก หนูไม่ได้อะไรผิดสักหน่อย”

“ขอบคุณครับแม่ หนูรักแม่ที่สุด” พูดจบก็หอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ ดีใจจังที่ได้เกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่

“กินอะไรมารึยังลูก”แม่หันไปถามไอ้ดิน  เห็นลางอะไรบางอย่างว่าอีกไม่นานกูหัวเน่าแน่ๆ!!

“ตอนเที่ยงพู่ทำข้าวต้มให้กินแล้วครับแม่” แม่มีสีหน้าแปลกใจที่ได้ยินว่าผมทำกับข้าวให้ไอ้ดิน

“ไอ้ดินไม่สบายนะแม่ เมื่อคืนไข้ขึ้นหนูต้องคอยเช็ดตัวให้ทั้งคืน”

“ดีแล้วละลูกคนรักกันก็ต้องดูแลกัน ไม่น่าเชื่อว่าลูกชายแม่จะใจดีขนาดนี้” แม่พูดด้วยใบหน้าที่อ่อนโยนพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ

“ลูกพาหนูดินไปพักที่ห้องก่อนสิ รอกินข้าวเย็นก่อนค่อยกลับนะ แม่จะทำซุปไก่ให้คนป่วยด้วย”

“ครับแม่”

ผมเดินเข้าห้องด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก ไม่คิดว่าความกลัวและความกังวลที่คิดไว้มันจะหายวับไปกับตาได้เร็วขนาดนี้ แต่มันยังเหลือในส่วนของพ่ออีกส่วนหนึ่งขอให้เป็นอย่างที่แม่บอกจริงๆด้วยเถอะ..สาธุ

“ดีใจจังที่แม่ยอมรับเรื่องของเรา ลึกๆแล้วกูก็แอบกลัวเหมือนกัน” ไอ้ดินพูดหลังจากเข้ามาในห้องนอนของผมแล้ว

“ยังเหลือพ่อ ไม่รู้ว่าจะยอมรับได้จริงๆรึป่าว”

“ว่าแต่แกไปไหน ไม่เห็นเลย”

“น่าจะอยู่เรือนไม้หลังบ้าน”

“เรือนไม้?”

“อื่อ เป็นพื้นที่สำหรับทำงานศิลปะน่ะ วาดรูปหรือพวกงานปั้นก็จะไปทำกันที่นั่น” เรือนไม้ที่ว่าคือ บ้านไม้ชั้นเดียวสไตล์ล้านนา เป็นที่เอาไว้ทำงานศิลปะและเก็บงานศิลปะของบ้านผมครับ

“พาไปหาพ่อหน่อยสิ มันเสียมารยาทนะที่กูมาแล้วไม่ไปทักทายท่านก่อนน่ะ”

“เดี๋ยวตอนกินข้าวก็เจอน่า”

“...” มาอีกละสายตาแกมบังคับแบบนี้

“เออๆ ไปก็ไป”

เมื่อมาถึงเรือนไม้หลังบ้าน พ่อกำลังนั่งทำงานปั้นอยู่ที่แป้นหมุนสำหรับขึ้นรูปดินให้เป็นรูปทรงต่างๆ
ผมเข้าไปหาพ่อด้วยใจที่เต้นรัว บอกตรงๆว่ากลัว!!

“พ่อหวัดดีครับ”

“มาเมื่อไหร่ลูก”

“สักพักแล้วละครับ  พ่อนี่ดินเพื่อนผมครับ”

“สวัสดีครับคุณพ่อ”

“ในที่สุดพ่อก็ได้เจอลูกเขยสักที!! หล่ออย่างที่เจ้าน้ำบอกจริงๆด้วย” พ่อพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ..พ่อก็บ้าคนหล่อกับเค้าอีกคนเรอะ!!

“…!!” ไม่อยากจะเชื่อ นี่มันหนังม้วนเดียวกันกับแม่ชัดๆ ไอ้พี่น้ำแม่งมันบอกใครไปบ้างวะ

“อยากลองปั้นดูมั้ย สนุกนะเดี๋ยวพ่อสอนให้” ครับ!!ใครมาที่บ้านพ่อผมจะชวนให้ทำงานศิลปะหมดละครับ

“อยากลองเหมือนกันครับพ่อ ท่าทางสนุก”

“มา มานั่งตรงนี้”

“พ่อ ไอ้ดินมันไม่สบายอยู่ วันหลังค่อยทำเหอะ ”

“อ้าวเหรอ ไม่สบายเหรอลูก งั้นไว้ครั้งหน้านะอยากมาเมื่อไหร่ก็มาได้เลยบ้านนี้ยินดีต้อนรับเสมอ”

“ขอบคุณครับคุณพ่อ” ไอ้ดินพนมมือไหว้อย่างสวยงาม ถ้ามันก้มลงกราบได้มันคงทำไปแล้วล่ะ!!

“พี่น้ำไม่ได้กลับมาเหรอพ่อ”

“ยังไม่โผล่หัวมาเลย สงสัยอยู่กับเด็กของมันละมั้ง”

“เด็ก?”

“เห็นว่าช่วงนี้ติดเด็กเอาเค้กไปส่งให้เช้าเย็น”

“ใครวะ?” แต่ไม่รู้ทำไมจู่ๆผมก็นึกถึงไอ้ปูนขึ้นมา ไม่มั้ง!!

“ตามสบายเลยนะลูก”

“ครับพ่อ”

“กูว่าไปบ้านใหญ่เหอะ”

“ตามใจมึง..ว่าไงเจ้าเหมียว พู่แมวตัวนี่ชื่ออะไร” ยังไม่ทันเดินออกจากเรือนไม้ แม่มะลิแมวเปอร์เซียสีขาวล้วนก็มาคลอเคลียที่ขาไอ้ดิน ปกตินางโลกส่วนตัวสูงไม่สุงสิงกับคนแปลกหน้า  แต่ทำไมกับไอ้ดินมันเข้ามาหาวะ?! ตงลงว่าบ้านนี้บ้าผู้ชายหล่อกันทั้งบ้าน ไม้เว้นแม้กระทั่งแมว!!

“แม่มะลิ  แม่ของจำปี จำปาไง”

“แม่มะลิ น่ารักจังคนสวย” ตกลงจะสวย หรือน่ารัก

“ปะเข้าบ้านได้แล้ว” แล้วมันก็อุ้มมะลิเดินตามมา

“ไอ้ปูนมาได้ไงวะ” ผมทักไอ้ปูนด้วยความประหลาดใจแล้วคำว่าเด็กของไอ้พี่น้ำก็ผลุดขึ้นมาอีกครั้ง ไอ้ปูนมันก็มองผมด้วยความตกใจ

“พี่น้ำพามากินเค้กแม่ดา” มันตอบด้วยความกระอักกระอวน

“มึงตามกูมาที่ห้องหน่อยสิ” ผมว่าถึงเวลาที่ต้องคุยกับมันแล้วล่ะ  ปล่อยให้ไอ้ดินนั่งเล่นกับแม่มะลิไปก่อน

“มึงกับพี่น้ำนี่ยังไง กูสงสัยมานานละ” ผมพูดทันทีเมื่อปิดประตูห้อง

“ก็..ไม่มีอะไรหนิ”

“กูเพื่อนมึงรึป่าว คิดจะโกหกกูเหรอ”

“มึงคิดยังไงถ้ากูกับพี่มึงจะคบกัน” แล้วมันก็ตัดสินใจพูดออกมา

“มึงชอบมันรึป่าวล่ะ”

“คิดว่าชอบ”

“...??”

“พี่น้ำจีบกู แล้วก็ขอกูเป็นแฟน”

“แต่กูแม่งความรู้สึกช้าพึ่งจะรู้ตัวไม่นานว่าพี่เค้าจีบกูอยู่ ..กูเลยขอให้พี่เค้าจีบกูต่ออีกหน่อย” แทบขำ ทำไมมันใส่ซื่อได้ขนาดนี้วะ แต่ก็นั้นแหละไอ้ปูน

“แล้วยังไง มันจีบมึงต่อรึป่าว”

“อืม กูยังสับสนอยู่แต่กูก็ไม่ได้รังเกียจพี่เค้า รู้สึกดีด้วยซ้ำพี่เค้าดีกับกูมาก” เหอะ อยากเห็นมุมทำดีของไอ้พี่น้ำมันจริงๆ

“แต่เดี๋ยวนะ..แล้วแป้งละ?!”

“กูเลิกกับแป้งแล้ว”

“เห้ย ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วทำไมไม่บอกกู” อยู่ๆก็รู้สึกน้อยใจ ผมกับไอ้ปูนเป็นเพื่อนสนิทกันเรื่องสำคัญแบบนี้น่าจะบอกกันบ้าง

“กูขอโทษที่ไม่ได้บอกมึง กูกลัวมึงโมโห”

“เล่ามา!!”

“กูบอกเลิกแป้งเองแหละ”

“เพราะไอ้พี่น้ำอ่ะนะ?!”

“ไม่ใช่ เพราะไอ้ที” ไอ้ทีคือเพื่อนสมัยมัธยมไม่ได้สนิทกันมาก แต่ก็ถือว่าอยู่กลุ่มเดียวกัน

“...”

“แป้งกับไอ้ทีคบกันตั้งแต่ตอนที่พวกเราจบม.6 แล้วไปเรียนต่อด้วยกันที่ญี่ปุ่น”

“เฮ้ย..ไอ้เหี้ยที ไอ้สัด ถ้ามันกลับมาเชียงใหม่เมื่อไหร่กูไม่ปล่อยมันไว้แน่ แม่งทำแบบนี้ได้ไงวะโคตรเลวอ่ะ” ผมโคตรโมโหบอกเลย

“มึงใจเย็นๆดิ เพราะแบบนี้ไงกูเลยไม่บอกมึง”

“ก็มันน่าโมโหมั้ยละ มันสวมเขาให้มึงมาตั้ง2ปีนะเว้ย มึงไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอวะ”

“รู้สึกดิ กูก็โมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ไง กูโคตรเสียความรู้สึกไม่คิดว่าแป้งจะทำกับกูแบบนี้สู้บอกเลิกกูให้มันจบๆไปตั้งแต่ตอนนั้นมันก็จะได้ไม่รู้สึกแย่เท่าตอนนี้”

“...” ผมสงสารมันวะ แต่ไม่กล้าพูดเดี๋ยวจะยิ่งตอกย้ำความรู้สึกมัน

“แต่กูดีขึ้นแล้ว มึงไม่ต้องห่วง”

“เพราะไอ้พี่น้ำละสิ”

“ใช่ พี่เค้าเป็นคอห่านให้กู”

“ฮ่าๆ มันรู้มั้ยว่ามึงเรียกมันว่าคอห่าน”

“รู้สิเพราะพี่น้ำบอกเองว่าจะเป็นคอห่านให้กู” เห้ย ไอ้พี่น้ำมันเอาจริงเหรอวะ!!

“แต่กูก็ยังไม่เข้าใจ มึงบอกว่าเป็นฝ่ายบอกเลิกหนิ”

“ไอ้ทีโทรมาหากู เล่าทุกอย่างให้ฟังมันก็คงอึดอัดเหมือนกันที่แป้งก็ยังไม่ยอมเลิกกับกู ทั้งๆที่2คนนั้นคบกันแล้วก็พักอยู่ด้วยกัน  กูเลยโทรไปบอกเลิกแป้ง เพราะไม่อยากดูน่าสมเพชไปมากกว่านี้ถ้ากูจะเป็นฝ่ายโดนบอกเลิกซะเอง”

“มึงโอเคขึ้นแล้วจริงๆนะ” อดห่วงความรู้สึกมันไม่ได้จริงๆ

“อืม กูโอเคออกจะมีความสุขด้วยซ้ำ”

“ไอ้พี่น้ำมันจริงใจนะเวลามันรักใคร กูสงสัยมานานละว่าไอ้พี่น้ำมันต้องคิดไม่ซื่อกับมึง แล้วแม่งก็ใช่จริงๆด้วย ถ้ามึงสองคนจะคบกันกูก็ยินดี และมึงจะไม่มีวันเสียใจถ้าเลือกไอ้พี่น้ำ” ที่พูดไม่ได้อวยพี่ชายตัวเองนะ แต่ไอ้พี่น้ำ ถึงมันจะม้อไปทั่วแต่ถ้ามันได้รักใครก็โคตรจะจริงจัง

“ฮือ..ไอ้พู่กูซึ้ง” แล้วมันก็โผมากอดผม ทีเรื่องเลิกกับแฟนมึงไม่ร้องไห้สักแอะ ทีเรื่องนี้กับน้ำตาแตก เป็นเอามากเหมือนกันนะเนี่ย!!

“เห้ย ทำอะไรกันอ่ะ” ไอ้พี่น้ำเปิดประตูห้องเข้ามาพอดี

“คนรักกันเค้าก็กอดกันเป็นเรื่องปกติ” เจอหน้ามันก็อดที่จะกวนตีนมันไม่ได้

“หมายความว่าไงน้องปูน แล้วร้องไห้ทำไม” ไอ้พี่น้ำตอนนี้สีหน้าเคร่งเครียด พอๆกับไอ้ดินที่เดินตามเข้ามา

“ปูนแค่ซึ้ง”ไอ้ปูนใช้หลังมือเช็ดน้ำตาป้อยๆ  แม่งมันเหมาะกับคำว่าน่ารักจริงๆนั้นแหละ ขนาดร้องไห้ยังน่ารักอ่ะ ไอ้พี่น้ำมึงได้หลงไอ้ปูนหัวปักหัวปำแน่!!

“เรื่องอะไร”

“ความลับครับ!!” เอ้ามึงก็เสือกไปกวนตีนมันอีก

“แล้วคนรักกันคืออะไร” เหมือนจะโวยวายแต่ก็ไม่กล้า  มึงเตรียมไปอยู่ชมรมคนกลัวเมียได้เลย!!

“ก็ปูนกับไอ้พู่เป็นเพื่อนรักกัน พี่น้ำลืมไปแล้วเหรอ”

“ไม่รู้แหละพี่หึง!!” พูดออกมาได้ไม่อายปาก

“โธ่ ไอ้พู่มันก็มีแฟนแล้วนะครับยืนอยู่ข้างหลังพี่ทนโท่”

“เห้ย มึงรู้ได้ไง” ผมว่าผมยังไม่ได้บอกใครนะ ทำไมคนรอบข้างรู้เรื่องกันหมดแล้ววะ

“พี่น้ำบอก”

“แล้วมึงรู้ได้ไงไอ้พี่น้ำ”

“น้องเขยกูบอก เค้ารู้กันหมดทั้งบ้านตั้งแต่เช้าแล้ว”

“ไอ้ดิน!!” ที่คุยกันตอนเช้าคือไร มึงโร่บอกเค้าไปทั่ว

“…” ไม่ตอบ ทำหน้าตายใส่กูอิ๊ก!!

“ไปกินเค้กกันน้องปูน ปล่อยให้คู่รักข้าวใหม่ปลามันได้สวีทกันเหอะ” ตบให้คว่ำนะสิไม่ว่า!!

“เดี๋ยว พี่ชายวันนี้ไปนอนบ้านเล็กด้วยนะครับ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

“อย่ามาสั่ง กูพี่มึงนะ”

“แต่ไอ้ปูนเพื่อนรักกูนะ” แล้วมันก็หันหน้าไปมองไอ้ปูน มันคงเริ่มเข้าใจแล้วว่าเมื่อกี้ผมกับไอ้ปูนคุยเรื่องอะไรกัน

“โอเคครับน้องชาย” ฮ่าๆๆ กูอยู่เหนือมึงก็คราวนี่แหละ

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” แล้วไอ้ดินก็ถามขึ้นหลังจากที่ห้องเหลือแค่เราสองคน

“สองคนนั้นมีซัมติงอย่างที่กูคิดไว้จริงๆด้วยวะ ไม่คิดว่าคนอย่างไอ้พี่น้ำจะมาสยบให้คนอย่างไอ้ปูน”

“ช่างเรื่องคนอื่นเค้าเถอะน่า มานอนได้แล้ว” อาราย สกิลการเผือกของมึงนี่ต่ำจริงๆ

“ใครป่วยก็นอนไปสิ”

“พู่กัน..อยากกอดมานอนด้วยกันหน่อย จะได้หายเร็วๆไง” กูเกลียดน้ำเสียงออดอ้อนแบบนี้ที่สุด ขอซื้อทิ้งได้มะ

“เกี่ยวกันมั้ย” ปากก็พูดไปงั้นแหละแต่ก็ยอมล้มตัวลงนอนข้างๆมันอยู่ดี

“เกี่ยวที่สุด” แล้วมันก็กอดผมเอาไว้แน่น..กูหายใจบ่ออก!!

“ไม่กลัวว่ากูจะติดไข้มึงบ้างเหรอ”

“ถ้าติดคงติดตั้งแต่จูบกันเมื่อคืนแล้วล่ะ” แล้วหน้าก็แดงขึ้นมาดื้อๆเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ฮือ

“ไอ้บ้า หยุดพูดเลย”

“พิสูจน์อีกทีมั้ย”

“หยุด!!พ่อกับแม่อยู่บ้านมะ เกรงใจหน่อย”

“ขอโทษ กลับบ้านเล็กค่อยว่ากันเน๊อะ” นี่หรือคนป่วย!!พูดออกมาได้หน้าระรื่น

“ไม่รู้..นอนได้แล้วพูดมากจัง” ลึกๆก็ยอมมันนั่นแหละ..เพราะผมก็ชอบรสจูบของมันเหมือนกัน!! แรดจริงๆเลยกู!!

     

 ต่อด้านล่างค่ะ

หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 12 แฟนกัน..วันแรก!! (14-03-2018) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 14-03-2018 02:47:58
     ในที่สุดยาก็ออกฤทธิ์ให้คนป่วยมันเงียบปากสักที ผมเลยค่อยๆลุกออกจากเตียงไม่ได้ไปไหนไกลหรอก นั่งอ่านหนังสือในห้องนี่แหละดีนะที่หยิบหนังสือติดมือมาด้วย..คณะผมเรียนหนักครับ เวลาว่างแบ่งเอาไปไร้สาระได้นิดหน่อยส่วนที่เหลือก็ต้องเอามาอ่านหนังสือ ช่วงนี้ยิ่งใกล้สอบแล้วด้วยช่วงเวลาของการอ่านหนังสือแบบมาราธอนก็เริ่มใกล้เข้ามาแล้วววว!!

“ก๊อกๆ” ใครเอ่ยมาเคาะประตู คนที่มีมารยาทเคาะประตูก็มีแค่พ่อกับแม่ ตัดไอ้พี่น้ำออกไปได้เลยรายนั้นเรียกได้ว่าต่ำตม!!

“เชิญครับ”

“กินข้าวจ๊ะ ปลุกดินได้แล้วลูก”

“ครับ”

“ขนาดนอนหลับยังหล่อ ลูกเขยแม่เนี่ย” แล้วไอ้ดินก็ได้ติ่งแฟนคลับไปอีกหนึ่ง รุ่นเดอะซะด้วย!!

“ทำไมต้องลูกเขย ลูกสะใภ้ไม่ได้เหรอแม่”

“ส่องกระจกจ๊ะ ดูสิหน้าเหมือนแม่อย่างกะฝาแฝดสวยหยดซะขนาดนี้” ใช่แล้วครับ แม่ผมสวยจริงๆไม่รู้ควรจะดีใจหรือเสียใจที่เกิดมาหน้าเมือนแม่เป๊ะขนาดนี้..

“ถ้าไอ้ดินเป็นลูกเขยมันเหมือนหนูเป็นผู้หญิงยังไงก็ไม่รู้อ่ะ” ยังไงผมก็ผู้ชายนะ

“งั้นเอาแบบนี้ แม่มีลูกชายเพิ่มมาอีกคนละกันเนาะ”

“คร้าบ อาจจะเป็นสองคนก็ได้นะ”

“หืม?!”

“สังเกตุตอนเรากินข้าวนะแม่”

“พี่น้ำกับหนูปูนเหรอ” แล้วแม่ก็ปิดปากด้วยความตกใจ

“ไม่แน่..”

“เหมือนแม่จะได้ลูกสะใภ้เลยเน๊อะ ตื่นเต้นจัง”

“แม่ครับ หนูถามจริงๆนะแม่ไม่เสียใจเหรอที่จะไม่มีหลาน”

“ไม่จ๊ะ คนเรามันบังคับจิตใจกันไม่ได้นิ อีกอย่างเรื่องหลานมันก็เป็นเรื่องของอนาคตที่ยังมาไม่ถึงจะรีบคิดไปทำไม ใช่มั้ย” บ้านผมแม่งโคตรชิวว่ามั้ย!! แต่ก็โคตรดีอ่ะ

“แม่..”แล้วผมก็โผกอดแม่ รู้สึกซึ้งใจและดีใจจนบอกไม่ถูก

“ปะไปกินข้าว ปลุกหนูดินได้แล้ว อ้าวตื่นแล้วเหรอลูก” ไม่รู้ไอ้ดินตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ มันกำลังนั่งมองผมกับแม่กอดกันอยู่ด้วยใบหน้าซาบซึ้ง

“แม่ครับ ผมขออนุญาตกอดแม่หน่อยได้มั้ยครับ” จู่ๆมันก็พูดขึ้น แม่ไม่ว่าอะไรแต่อ้าแขนกว้างรอรับอ้อมกอดของไอ้ดิน

“ขอบคุณนะครับ ที่ไม่กีดกัดพวกเราผมดีใจมากจริงๆ และสัญญาจะดูแลลูกชายแม่อย่างดีที่สุดครับ”

“จ้า เกิดวันข้างหน้าทะเลาะกันหรือไม่เข้าใจอะไรก็ให้นึกถึงวันนี้นะลูก จะได้รักกันนานๆ” ผมมองไอ้ดินกับแม่แล้วอดไม่ได้ที่จะน้ำตาซึม

“ครับคุณแม่”

“แล้วบ้านหนูละลูกเค้ารู้เรื่องรึยัง ให้แม่ช่วยพูดให้มั้ย” นั้นน่ะสินะ ลืมคิดถึงบ้านไอ้ดินไปเลย

“ทางบ้านทราบตั้งแต่ตอนที่ผมเริ่มจีบพู่แล้วละครับ พ่อกับแม่ท่านก็ยินดีถ้าผมจะคบกับพู่”

“อย่าบอกนะว่าตอนที่ไปบ้านมึง แม่มึงก็รู้” มิน่าสายตาของแม่ไอ้ดินถึงได้กรุ้มกริ่มเวลาที่มองผม

“ดีจัง แฮปปี้ ปะไปกินข้าวกันลูกแล้วจะได้กินยาเนอะ”

“ครับ”

ผมกับไอ้ดินต่างก็หันมายิ้มให้กัน มันเป็นรอยยิ้มที่ทั้งโล่งใจและดีใจ ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นแต่นี่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของเรา..

       แกงฮังเล น้ำพริกอ่อง หมูทอด ของโปรดของผมทั้งนั้น เพิ่มซุปไก่ของไอ้ดินมาอีกอย่างวันนี้ต้องอิ่มมากแน่ๆ

“มาๆ กินข้าวกันลูก” พ่อที่นั่งหัวโต๊ะชวนพวกเราให้มานั่งกินข้าว

“อ่ะนี่จ๊ะซุปไก่ ของหนูดินโดยเฉพาะ” แล้วแม่ก็เลื่อนชามซุปไก่มาตรงหน้าไอ้ดิน

“ขอบคุณครับ”

“ทานเยอะๆนะ หนูปูนด้วยนะลูก”

“ครับแม่ดา” ไอ้ปูนยิ้มจนตาหยี

“น้องปูนชอบสามชั้นใช่มั้ยเดี๋ยวพี่ตักให้นะ” แล้วไอ้พี่น้ำก็เลือกตักแต่หมูสามชั้นที่อยู่ในแกงฮังเลให้ไอ้ปูนจนเต็มจาน มึงได้อ้วนแน่ๆงานนี้ไอ้ปูน  ผมหันไปสบตากับแม่แกก็ขยิบตาให้เป็นอันรู้กันว่าแม่ได้ลูกชายเพิ่มมาอีกคนแน่ๆ

“มากินข้าวกับพ่อกับแม่บ่อยๆนะลูก พ่อเบื่อพี่น้ำมันละ” พ่อผมชอบหยอก แต่จะหยอกแบบหน้าตาย บางทีก็ชอบเล่นมุกแป๊ก แต่ก็ต้องขำ ขำให้กับวามพยายามของแก..

“โธ่ พ่อ”
“ดินอยู่หอกับเพื่อนหรืออยู่คนเดียวล่ะลูก” พ่อไม่สนใจไอ้พี่น้ำหันมาถามไอ้ดินต่อ

“อยู่คนเดียวครับ”

“ย้ายมาอยู่กับพู่ที่บ้านเล็กสิ จะได้ช่วยดูแลกัน เพราะพี่น้ำก็ไม่ค่อยจะยู่บ้านเล็กเท่าไหร่ เป็นห่วงเหมือนกันเวลาที่พู่มันอยู่บ้านคนเดียว” อะไรของพ่อเนี่ย!!! ใจดีไปรึป่าววววว

“พ่อ หนูผู้ชายนะไม่ต้องห่วง”

“อยู่ด้วยกันก็ดีกว่าอยู่คนเดียวนะ แม่เห็นด้วยกับพ่อ” แล้วแม่ก็เสริมอีกหนึ่งเสียง  อาไรวะ

“ย้ายพรุ่งนี้เลยนะ”   รีบไปไหนเนี่ย!!

“พ่อ เจ้าตัวเค้ายังไม่ตอบตก..” พูดยังไม่ทันจบประโยค ไอ้ดินก็ตอบรับทันควัน

“ผมตกลงครับ” น่าระรื่นเชียวนะมึง

“เดี๋ยวพรุ่งนี้กูไปช่วยขนของ จะบอกพวกไอ้หมีให้ไปช่วยด้วย” มีน้ำใจขึ้นมาเลยนะไอ้ปูน กูเกลียดรอยยิ้มของมึงจริงๆ

สุดท้ายก็ได้สมาชิกใหม่แห่งบ้านทรายของมาอีกหนึ่ง ให้ตาย!!ใครจะไปคิดว่าพาไอ้ดินมาบ้านใหญ่แล้วพ่อกับแม่จะปลื้มมันได้ขนาดนี้  บ้านเล็กมีก็แค่สองห้องคงต้องนอนห้องเดียวกันสินะ..รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาวาบๆ!!


“ตื่นเต้นจังที่จะได้อยู่บ้านเดียวกันกับมึง มันเป็นความฝันกูเลยนะ!!” ไอ้ดินพูดขึ้นทันทีที่เราขึ้นรถ

“...” ฝันร้ายละสิไม่ว่า

“มึงไม่ดีใจเหรอ”

“ก็ดี” อยู่ๆก็เริ่มกลัว กับสิ่งที่คิดว่ายังไงก็ต้องเกิดขึ้นแน่ๆสักวัน เพราะกูต้องโดนมึงจับกดไง ฮือ..

“ทำไมทำหน้าแบนั้นละ”

“ไม่มีไร”

“งั้นคืนนี้นอนด้วยได้มั้ย จะได้ปรับตัวเวลาที่ต้องมาอยู่จริงๆ” แถๆๆๆ

“กูต้องอ่านหนังสือ ต้องการสมาธิ”

“กูจะไม่กวนแม้แต่นิดเดียวเลย กูก็จะอ่านหนังสือเหมือนกัน”

“...”

“นะครับ”

“เออๆ งั้นกลับหอมึงไปเอาของก่อนใช่มั้ย”

“ครับ แฟนใจดีจัง”

“พรุ่งนี้เรียนกี่โมง”

“เช้า”

“งั้นมึงขับรถตามมาบ้านกูละกัน ตอนเช้าจะได้ไม่วุ่น”

“ใช้รถมึงได้มะ กูไปส่งมึงก่อนแล้วเดี๋ยวตอนเย็นไปรับ”

“กูเลิกช้า มีทำแลปไม่รู้จะเลิกกี่โมง”

“มึงเลิกแล้วก็โทรบอกกูไง”

“ตามใจ” เถียงเผด็จการอย่างมันไปก็เท่านั้น

“กูรอที่รถนะ” ผมบอกเมื่อรถมาจอดอยู่ที่หน้าหอของมัน

“งั้นรอแปปนะ”

กำลังจะหยิบมือถือขึ้นมาเล่นระหว่างรอไอ้ดินก็มีสายเข้า ‘ไอ้หมี’ ข่าวไปไวจริงๆนะ

“ฮัลโหลว่าไง”

“ได้ข่าวว่ามีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้ว แถมยังจะย้ายไปอยู่ด้วยกันอีก ซีวิตดีดี๊นะมึงอ่ะ” ดีกับผีน่ะสิ!!

“ใครบอกมึง”

“โดนบอกรักหน่อยเดียวแจ้นไปหาผู้ชายถึงห้องเลยนะมึง” ไม่ตอบกูอีกกก

“แล้วมึงรู้รึป่าวว่าผู้ชายที่มึงพูดถึงมันไข้ขึ้น ป่วยจะตายห่าอยู่ละเสือกลากสังขารไปเล่นดนตรี”

“ก็เพราะมึงไง ไอ้ควาย!!”

“จะโทรมาด่ากูใช่มะ”

“แสดงความยินดีต่างหาก”

“คราวหลังไม่ต้องขอบคุณ แค่นี้นะ”

“เดี๋ยวดิ จะรีบไปไหนกูยังแสดงวามยินดีไม่หมด”

“กูจะขับรถ”

“ไปไหนวะ” ถามมากจังวะ

“กลับบ้าน”

“ไปบ้านใหญ่มาเหรอ”
“ป่าว อยู่หอไอ้ดิน วันนี้มันจะไปนอนบ้านกู จบนะ ถามจู้จี้จุกจิกอยู่ได้ไอ้สัด!!”

“ฮ่าๆ ก็แค่นี้แหละที่กูอยากฟัง”  แล้วมันก็วางสายเฉยเลย ไม่รอให้ผมได้ด่ามันก่อน

“ไอ้สัด!!” โมโหโทรกลับไปหามันใหม่ แล้วพูดแต่คำเดียวแล้ววางสายทันที  ค่อยยังชั่ว..สบายใจละ

“คุยกะใครเหรอ” ไอ้ดินที่เดินมาพร้อมกระเป๋าเป้หนึ่งใบกับชุดนักศึกษาที่รีดแล้วถามขึ้น ทำไมสายตามันดีจังวะขนาดอยู่ในรถมืดก็มืดยังเสือกเห็นอีก

“เพื่อนรักมึงไง”

“ไอ้หมีเหรอ มันมีอะไรรึป่าว”

“โทรมาเสือกเฉยๆ มึงบอกมันอีกสินะ”

“กูไม่ได้บอก”

“แล้วใครบอก”

“พี่น้ำมั้ง”

“แล้วใครบอกไอ้พี่น้ำ”

“กู”

“ไอ้พี่น้ำรู้คนทั้งโลกก็คงรู้”

“ทำไม อายเหรอที่คนกับกู” จู่ๆก็เปลี่ยนน้ำเสียง

“ไม่ได้อาย  เออๆช่างเหอะ” ไม่อยากทะเลาะไหนๆก็รู้กันหมดแล้วมันก็ช่วยไม่ได้


“ชบาเราจะได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ ดีใจมั้ย”ถึงบ้านแล้วมันก็รีบลงจากรถไปหาแมวทันที

“ไม่ดีใจ” กูตอบแทนชบาให้ละกัน

“ว้า น่าน้อยใจจัง”

“ไปอาบน้ำได้ละเวิ้นเว้อนะมึงอ่ะ”

ระหว่างที่ไอ้ดินอาบน้ำ ผมก็อ่านหนังสือรอที่จะอาบต่อเวลาช่วงใกล้สอบช่างมีค่าเหลือคณานับ ไม่ถึง15นาทีไอ้ดินก็ออกมาจากห้องน้ำ ทั้งร่างห่อหุ้มด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวตัวไปเต็มไปด้วยหยดน้ำ ผมที่ยังเช็ดไม่แห้งมีน้ำค่อยๆหยดลงมา ทุกอย่างที่อยู่บนสารร่างมันช่างดูเซ็กซี่ผมเผลอมองจนตาค้าง

“ดอกไม้งับปากหน่อย แมลงวันบินเข้าไปเป็นฝูงละ” ผมรีบงับปากทันที แม่งลืมตัวทุกที

“เวอร์”

“ไปน้ำสิ”

“กำลังจะไปนี่ไง” จู่ๆก็เริ่มทำตัวไม่ถูก


“ไม่มีกำลังใจอ่านหนังสือเลย” มันพูดหลังจากที่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำเสร็จสรรพ ไม่เปลี่ยนข้างนอกหรอกมันล่อแหลมเดินไป!!

“อะไรของมึง”

“ขอหนึ่งจูบจะเป็นกำลังใจที่ดีมากกกก”

“ไม่เอา อย่ามาอ้างอ่านๆไป” แล้วมันก็เอาคางมาเกยบนบ่าผม ขณะที่ผมกำลังยืนทาครีมที่หน้ากระจกตรงตู้เสื้อผ้า

“อืมหอมจัง กลิ่นของมึงมันคือกลิ่นนี่นี้เอง”

“ชอบก็เอาไปทาสิ” ผมยื่นโลชั่นทาผิวที่ไอ้ดินมันบอกว่าหอมให้มันทา

“ไม่ทา กูชอบที่กลิ่นมันติดผิวมึงต่างหาก ขอดมที่ตัวมึงนะ” พูดจบก็ซุกหน้ามาที่ซอกคอ ขนลุกขนชันขึ้นทันที

“อื่อ ไอ้ดินหยุดจะอ่านหนังสือแล้ว”

“ขอห้านาที แล้วจะไม่กวนอีกเลย”

“ขะ ขอไปทำไม”

แล้วมันก็ดันตัวผมไปติดกับตู้เสื้อผ้า ก่อนจะประกบริมฝีปากลงมาอย่างจาบจ้วงเหมือนตายอดตายอยากมาจากไหน

“อื่อ ไอ้ดินใจเย็น” ผมได้แต่ดันตัวมันออก แต่ด้วยเรี่ยวแรงที่ร่อยหรอไปกับรสจูบแรงเลยเท่ากับแรงมดไอ้ดินไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เลยจำยอมให้มันจูบจนหนำใจ..กูเกือบตาย!!

“หลังสอบเสร็จมึงไม่รอดแน่..ตั้งใจอ่านหนังสือนะดอกไม้” แล้วมันก็คว้าหนังสือของมันที่วางอยู่บนโต๊ะเดินออกไปข้างนอกทันที ปล่อยให้ผมยืนอึ้งแดกกับคำว่าไม่รอดของมัน!!

ไอ้ห่า!!มึงเล่นพูดมาแบบนี้ กูจะเอาอะไรไปตั้งใจวะ ‘คำว่ามึงไม่รอดแน่’ ดังก้องอยู่ในหัวไม่ยอมหยุด!!

...ถ้ามันย้ายเข้ามาอยู่ด้วยจริงๆ กูคงไม่รอดแน่ๆ กูต้องเตรียมพร้อมยังไงวะ...

                         ใครก็ได้ช่วยผมที  help me please!!!
 




   TBC.



........................................................................................
 
 มีบ้านไหนชิวไปกว่าบ้านของพู่อีกมั้ยน้อ^^

 จู่ๆก็จะได้มาอยู่บ้านเดียวกันเฉยเลย!!จะเกิดอะไรขึ้นบ้างน๊าแล้วพู่กันจะรอดมั้ยน้อ..
 
 ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ จุฟ

หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 12 แฟนกัน..วันแรก!! (14-03-2018) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 14-03-2018 16:50:53


 :impress2: :impress2: :impress2:

หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 12 แฟนกัน..วันแรก!! (14-03-2018) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 15-03-2018 14:28:53

   
            อยู่บ้านเดียวกันพู่กันเสร็จดินแน่ๆ   :-[ :-[

หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 13 แผ่นดินกับดอกทานตะวัน (04-04-2018) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 04-04-2018 16:03:05


บทที่13 แผ่นดินกับดอกทานตะวัน




       กว่าจะสลัดคำว่า ‘มึงไม่รอดแน่’ ที่ไอ้ดินพูดทิ้งไว้ก่อนออกจากห้องก็ใช้เวลาอยู่นานโขกว่าสติและสมาธิจะกลับมาอ่านหนังสือได้ ผมอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ ดูนาฬิกาอีกทีก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ไอ้ดินเพิ่งหายไข้นอนดึกคงไม่ดี คิดได้ดังนั้นจึงเดินออกไปตามให้มันเข้ามานอน

“หิวเหรอ” ไอ้ดินเงยหน้าจากหนังสือเมื่อเห็นผมเปิดประตูห้อง
 
“ป่าวจะมาตามมึงให้ไปนอน มึงยังไม่หายดี นอนได้แล้ว”

“มึงง่วงแล้วเหรอ” แหนะไม่ตอบ แต่ถามกลับน่าตบจริงๆ

“ยังอ่ะ จะอ่านต่ออีกสักพัก”

“งั้นกูก็ยังไม่นอน จะนอนพร้อมมึง”

“ไอ้ดิน!!”

“โอเคๆ นอนก็ได้คร้าบ”

“ยาก่อนนอนก็อย่าลืมกินล่ะ”

“ครับแม่” ผมรีบค้อนขวับ..คนอุตส่าห์เป็นห่วงตบคว่ำเลยดีมะ

“กูออกไปอ่านข้างนอกนะ เปิดไฟเดี๋ยวมึงนอนไม่หลับ” ผมพูดพร้อมกับหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงในขณะที่ไอ้ดินกำลังล้มตัวลงนอน

“ไม่เอา กูนอนได้ มึงอ่านในห้องนี่แหละ” ไม่พูดเปล่าไอ้ดินเอื้อมมือมาจับแขนผมไว้พร้อมกับสายตาออดอ้อน ตั้งแต่คบกันไอ้ดินมีความอ้อนเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว มันก็ดีอยู่นะที่มันอ้อนแบบนี้ แต่มันไม่ดีต่อหัวใจผมเท่าไหร่!! มันทำงานหนักเกินไป
ไม่ชินสักทีถึงจะเป็นแฟนกันแล้วก็ตาม!!

สุดท้ายเลยจำยอมนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะข้างเตียงเหมือนเดิม อ่านไปสักพักก็เริ่มรู้สึกไม่มีสมาธิ ก็จะให้มีได้ไงล่ะ ก็ไอ้ดินเล่นนอนจ้องผมด้วยสายตาวาววับอยู่แบบนี้

“จะจ้องกูอีกนานมั้ย”

“หน้าตอนมึงตั้งใจ น่ารักจัง”

“เฮ้อ!! ถ้าไม่เลิกจ้องกูออกไปอ่านข้างนอกนะ”

“โอเคครับๆ ไม่จ้องแล้ว” พูดเสร็จมันก็พลิกตัวหันหลังให้ผม

ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่นานก็ได้ยินเสียงหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ยาออกฤทธิ์ช่วยให้ผมได้อ่านหนังสือสักที..


ผมเข้านอนตอนตีสอง ล้มตัวลงนอนช้าๆข้างไอ้ดินพร้อมกับกอดมันไว้หลวมๆเหมือนคนโดนกอดจะรู้สึกตัวไอ้ดินพลิกตัวกลับมาแล้วกอดผมให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแทน

“ฝันดี..ดอกไม้” ไอ้ดินกระซิบบอกเบาๆ ก่อนจะจูบที่หน้าผากผมอย่างอ่อนโยนพร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น น่าแปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดกลับซุกตัวนอนหลับตาพริ้มในอ้อมกอดที่อบอุ่นของไอ้ดิน..รู้สึกว่าคืนนี้ต้องนอนหลับฝันดี..

เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่สดใส เมื่อคืนผมนอนฝันดีด้วยจริงๆสิ
หยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาดูเวลา เก้าโมง ว่าแต่ไอ้ดินไปไหน?

เดินออกจากห้องนอน ภาพที่เห็นคือไอ้ดินใส่ผ้ากันเปื้อนกำลังง่วนอยู่ที่หน้าเตาโดยมีเจ้าเหมียวสามตัวคลอเคลียอยู่ที่ขา
ผมอดยิ้มกับภาพที่เห็นไม่ได้ นี่สิพ่อบ้านในแบบที่มันอยากเป็น

“ทำอะไรครับคุณพ่อบ้าน” ผมอดไม่ได้ที่จะแซวมัน

“ตื่นแล้วเหรอ มานั่งนี่สิ” ไอ้ดินหันมาบอกผมด้วยรอยยิ้มละมุน  ให้ตาย!!ไม่ชินสักที รอยยิ้มของมันมีผลต่อการเต้นของหัวใจผมจริงๆ

“ข้าวต้มกุ้ง กับกาแฟ” เห็นกุ้งสีส้มตัวงอในชามข้าวต้มก็นึกถึงไอ้พี่น้ำ 'ตัวแดกกุ้ง' ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของมันกับไอ้ปูนคืบหน้าไปถึงไหนละ  หลังสอบเสร็จต้องจับเข่าคุยกับไอ้ปูนสักหน่อย!!

“มึงไปซื้อกุ้งมาตอนไหนวะ” ผมจำได้ว่าในตู้เย็นไม่มีกุ้ง

“กูไปตลาดมาตอนเช้า” สมกับเป็นพ่อบ้านตัวจริงกระทิงแดง!!

“เดี๋ยวตอนบ่ายกูจะให้พวกไอ้หมีช่วยขนของที่หอกูมาบ้านมึงนะ”

“ไอ้ดิน”

“ว่าไง”

“กูว่ามึงย้ายเข้ามาหลังสอบเสร็จดีมั้ย”

“ทำไม มึงไม่อยากอยู่กับกู?” สีหน้ามันดูผิดหวัง

“ไม่ใช่ คือช่วงสอบกูต้องการสมาธิ”

“...” จะบอกมันยังไงดีวะ ว่าตอนอยู่กับมันผมมักจะเกร็ง และยังตื่นเต้นกับสัมผัสของมันอยู่ ยิ่งอยู่ด้วยกันมันยิ่งชอบฉวยโอกาสกับผมอยู่เรื่อยสมาธิของผมก็ยิ่งเตลิดไปไกล

“คือ..”

“เข้าใจแล้ว” อ้าว แล้วทำไมสีหน้ากับน้ำเสียงมันถึงเรียบเฉยแบบนี้ล่ะ แล้วทำไมกูต้องรู้สึกผิดด้วยวะ!!

“ไอ้ดิน”

“กินก่อนเหอะ เดี๋ยวข้าวจะหายร้อน”

เราต่างนั่งกินข้าวไปเงียบ ไอ้ดินก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรแต่มันทำให้ผมอึดอัด..

“ก็ได้ ตอนบ่ายไปขนของกัน” แล้วผมก็เป็นฝ่ายพูดก่อน ไม่ชอบเห็นสีหน้าเรียบเฉยของมันเลยเห็นแล้วใจไม่ดี

“ไม่เป็นไร รอหลังสอบเสร็จก็ได้กูเข้าใจมึง” เข้าใจแล้วทำไม มึงต้องงอนก็ด้วยวะหน้าจะนิ่งไปไหนนึกว่าเป็นแฟนกันแล้วกูจะไม่ได้เห็นโหมดนี่แล้วซะอีก

“เข้าใจว่าอะไร”

“มึงต้องการสมาธิไม่อยากให้กูรบกวน”

“เฮ้อ กูอยากอยู่กับมึงนะดิน แต่กูกลัว”

“กลัวอะไร”

“กลัว..ช่างเหอะ เอาเป็นว่าถ้ามึงอยากจะย้ายมาวันนี้กูก็ไม่ขัด”

“กลัวอะไรบอกมา คุยกันให้เข้าใจ” สัด มันพูดง่ายซะที่ไหนล่ะกูก็หน้าบางเหมือนกัน

“...”

“พู่กัน”

“กูกลัวมึงจะจับกดกู!! พอใจรึยัง” ในที่สุดผมก็โพล่งออกไป แมร่ง!!

“ฮ่าๆ โธ่ดอกไม่ กูบอกแล้วไงว่าหลังสอบเสร็จ!!”

“จะจูบจะหอมก็ไม่ได้ มันทำให้สมาธิกูหาย กว่าจะเรียกกลับมาได้เสียเวลาอ่านหนังสือกูหมด” ผมก้มหน้างุด อธิบายด้วยเสียงเบา

“ขอโทษ เอาเป็นว่ากูเข้าใจแล้วกูจะไม่รุ่มร่ามกับมึงแต่ให้กูย้ายมาวันนี้เถอะนะ ถ้ากูไม่ได้ย้ายมาวันนี้กูก็คงไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเหมือนกัน”

“...” น้ำเสียงจริงจังแต่แววตากับอ่อนโยน ทำให้ผมไม่สามารถปฎิเสธได้เลย

“ตามใจมึง แต่สัญญาแล้วนะว่าจะไม่รุ่มร่ามกับกู”

“สัญญา” แล้วไอ้ดินก็ยื่นนิ้วมาเกี่ยวก้อยสัญญากับผม พร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ..กูจะเชื่อใจมึง

     

      แก้วกาแฟเซรามิคสองใบ ใบนึงเป็นแก้วสีขาวเพ้นท์รูปแมวสีดำ ส่วนอีกใบนึงเป็นแก้วสีดำเพ้นท์รูปแมวสีขาว..แก้วคู่!!  กับรองเท้าสลิปเปอร์ใส่ในบ้านสองคู่ คู่นึงสีขาวส่วนอีกคู่สีดำที่สกรีนเป็นรูปหนวดแมว..เกิบคู่!! 
งานคู่ก็มา..มาจากไหนล่ะ?ก็มาจากเพื่อนผู้น่ารักน่าตบที่นั่งหน้าสลอนอยู่ในบ้านผมตอนนี้ไง หลังจากที่ไปช่วยขนของจากหอไอ้ดินมาที่บ้านผม ซึ่งของก็มีเยอะมาก(ประชด)ผมกับมันช่วยกันย้ายแค่สองคนก็ได้ ไม่รู้จะเรียกพวกนี้มาเป็นสักขีพยานทำไม

“ของอภินันทนาการจากกูใช้ดีๆนะเว้ย อย่าให้แตกกูซื้อมาแพง” ไอ้สมใจพูดพร้อมกับหยิบแก้วคู่ที่มันซื้อมาดูอย่างภาคภูมิใจ

“ใครซื้อพูดให้มันดีๆมึงออกเงินแค่ร้อยเดียว อีกสี่ร้อยกูออก” ไอ้นพพูดพร้อมกับทำหน้าเอือมใส่ไอ้สมใจ

“เอาน่าๆ เหมือนกันนั้นแหละ กูบอกให้มึงซื้อแก้วพลาสติกมึงก็ไม่ยอมซื้อเอง ถูกก็ถูก ไม่แตกง่ายๆด้วย”

“มันไม่ชิค!!”

“เออ งั้นมึงออกสี่ร้อยก็ถูกแล้วซื้อความชิคของมึงไง” ไอ้สมใจพูดพร้อมกับตบบ่าไอ้นพ สงสารไอ้นพมันจริงๆที่มีเพื่อนอย่างไอ้สมใจ มึนได้มึนดี..เออกูก็เพื่อนมันด้วยนี่หว่า!!

“รองเท้ามึงใส่สีดำนะ ให้ไอ้ดินใส่สีขาว” ไอ้ปูนกำชับบอกผม

“ทำไมกูต้องใส่สีดำ?”  ผมถามกลับอย่างสงสัย

"ก็สีดำมันคือตัวแทนของไอ้ดินไง ส่วนมึงก็สีขาว มึงใส่สีดำน่ะถูกแล้ว" ตรรกะไรของมึงว่ะ ไอ้ปูน

“ส่วนนี่ของกู” ไอ้หมีพูดพร้อมกับยัดกล่องอะไรสักอย่างลงมาในกระเป๋ากางเกงของผม ผมเลยล้วงขึ้นมาดู..
ไอ้สัด!! ถุงยาง กลิ่นสตอเบอรรี่ซะด้วย!!

“โทษๆ กูให้ผิดคนมึงได้ใช้ก็จริงแต่มึงไม่ใช่คนใส่” แล้วมันก็คว้ากล่องถุงยางที่อยู่ในมือผมยื่นให้ไอ้ดินแทน ไอ้ดินก็ยื่นมือไปรับหน้าตาเฉย!!

“ทดลองใช้คืนนี้เลยนะมึง” ไอ้สมใจกระชิบกระซาบบอกไอ้ดิน

“ไม่ได้ สัญญาไว้แล้วว่าหลังสอบเสร็จ” ไอ้ดินตอบหน้านิ่ง

“ไอ้ดิน!!” มึงจะป่าวประกาศเพื่อ!!

“กลับได้แล้วพวกมึงอ่ะ” ผมรีบไล่ไอ้พวกนี้กลับทันที ยิ่งอยู่ผมก็ยิ่งเหมือนเป็นเป้านิ่งให้พวกมันได้เทะโลม

“พอพวกกูหมดประโยชน์ก็เฉดหัวทิ้งเลยนะมึง” ไม่ทันที่จะได้เถียงกับไอ้หมีต่อ เสียงไอ้พี่น้ำก็ดังขึ้นมาขัดซะก่อน


“มาแล้วๆ” เสียงไอ้พี่น้ำตะโกนมาแต่ไกล มันเดินเข้ามาพร้อมกับถุงหิ้วพะรุงพะรัง

“ผมช่วยครับ” ไอ้ปูนรีบรับถุงจากไอ้พี่น้ำมาช่วยถือ

“ขอบคุณครับ” รอยยิ้มละมุนนี้คือรัย? หมั่นไส้!!

“คู่นี้แปลกๆ มึงว่ามั้ย” แล้วไอ้หมีหันมากระชิบกับผม จะว่าไปตั้งแต่ไปกินชาบูครั้งก่อนว่าจะคุยเรื่องนี้กับไอ้หมีก็ยังไม่คุยสักที

“มึงว่าไงถ้าสองคนนี้มันจะคบกัน”

“เห้ย!! แล้วแฟนมันที่ญี่ปุ่นล่ะ” ไอ้หมีเริ่มลดเสียงลงทันทีแล้วกระซิบถามผมเสียงเบา

“เลิกกันแล้ว”

“เห้ย!! กูงง แล้วมันกับพี่น้ำอะไรยังไงเมื่อไหร่วะ”

“กูก็งงพอๆกับมึงนั้นแหละ” ผมหยุดคุยเมื่อเห็นทุกคนที่เข้าไปช่วยไอ้พี่น้ำในครัวเดินออกมา

“ไม่ช่วยกันเลยนะมึง กะรอแดกอย่างเดียวรึไง” ไอ้สมใจบ่นไม่จริงจังนักพร้อมกับวางจานส้มตำลงบนโต๊ะ

“เออ ก็กูสายแดกไหนมีไรให้แดกบ้าง” ไอ้หมีรีบปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว แต่สีหน้ามันก็มีความสงสัยอยู่เมื่อมันมองไปที่ไอ้ปูนกับไอ้พี่น้ำ

“มื้อนี้กูเลี้ยงเอง ต้อนรับน้องเขยเข้าบ้าน” ปาร์ตี้อาหารอีสาน อีกแระ..

“นี่ของมึงโดยเฉพาะ ตำไทยใส่พริกสองเม็ด” แล้วไอ้พี่น้ำก็เลื่อนจานส้มตำมาที่ผม..กูควรซึ้งมั้ย?

“ส่วนนี่ของน้องปูน ไก่ย่างเดี๋ยวพี่ฉีกให้นะครับ”

“...” เหมือนทุกคนยกเว้นไอ้ปูนจะอึ้งกับเสียงสองของไอ้พี่น้ำที่คุยกับไอ้ปูน ส่วนไอ้ปูนนะเหรอ..หน้าแดงยิ่งกว่าพริกในจานส้มตำซะอีก!! เหอะ..ออกหน้าออกตาเลยนะมึง

“กินๆ อึ้งแดกอะไรพวกมึง ไม่เคยเห็นคนจีบกันรึไง”

“เห้ย!!” ไอ้หมี ไอ้นพและไอ้สมใจต่างประสานเสียงพร้อมกัน

“อย่าเพิ่งถามอะไร แดกก่อนกูหิว” ไอ้พี่น้ำพูดพร้อมกับตักส้มตำใส่ปากคำโตก่อนจะฉีกไก่ย่างให้ไอ้ปูน

ทุกคนยกเว้นเจ้าของเรื่องกินข้าวด้วยความงงปนสงสัย มีเพียงแต่ไอ้ดินที่แดกได้หน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เพราะสกิลการเผือกของมันติดลบยังไงล่ะ!! ผมควรจะดีใจรึป่าวที่มีแฟนไม่ขี้เผือก..


“ยังไงๆ เล่ามาไอ้ปูน” หลังจากปาร์ตี้อาหารอีสานจบลงไอ้หมีก็ดึงตัวไอ้ปูนมานั่งที่โซฟาเตรียมซักฟอกเต็มที่

“จริงเหรอว่ะที่พี่น้ำจีบมึง” ไอ้สมใจรีบซักทันควัน

“อื่อ”

“เมื่อไหร่ทำไมกูไม่รู้ มึงคิดจะมีความลับกับพวกกูเหรอ” ไอ้หมีโวยวายไม่จริงจังนัก

“ป่าว ไอ้พู่ก็รู้” ไอ้ห่า โยนมาที่กูเฉย

“อ้าว เนียนเลยนะมึงไหนบอก มึงก็งงเหมือนกูไง” ไอ้หมีหันมาโวยวายใส่ผมแทน

“กูก็เพิ่งรู้เมื่อวาน แต่มันไปสปาร์คกันตอนไหนอันนั้นกูก็ไม่รู้” อันที่จริงมันจะสปาร์คกันตอนไหนก็ไม่สำคัญหรอก  แค่อย่าปิดบังเราก็พอเมื่อถึงเวลาที่คบกัน

“งั้นเล่ามา”

“ก็ไม่มีอะไร พี่เค้ากำลังจีบกู”

“แล้ว?”

“อีกไม่นานกูก็คงให้คำตอบพี่เค้า”

“คำตอบดีหรอไม่มีวะ”

“คิดว่าดีนะ” ไอ้ปูนเอียงหน้าตอบแบบอายๆ เพราะมันน่ารักแบบนี้ไงไอ้พี่น้ำมึงได้หลงหัวปักหัวปำแน่

ผมเงยหน้าขึ้นสบตาเข้ากับไอ้พี่น้ำพอดี ไม่รู้มันเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้อย่างเดียวว่าตอนนี้มันยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งที่ได้ยินคำตอบของไอ้ปูน

“น้องปูนกลับกันเถอะเดี๋ยวพี่ไปส่ง แวะกินไอติมก่อนแล้วค่อยอ่านหนังสือต่อดีมั้ย?”

“อ้าวพี่ พวกผมล่ะไปด้วยดิ”

“ไม่ได้โว้ย เขาจะสวีทกันสองคนมึงมาเกะกะป่าวๆ”

“ไรว้า ไม่รักน้องเลย” ไม่หมีแสร้งทำหน้าเศร้า

“ไม่รัก กูรักน้องปูนคนเดียว”

“ฮิ้ววววว” เสียงแซวประสานขึ้นทันทีพร้อมกับหน้าแดงๆของไอ้ปูน..หมั่นไส้คนมีความรัก

แล้วไอ้คนในความรักของผมมันหายหัวไปไหนวะ  อ่ออยู่นี่เอง ไอ้ดินกำลังล้างจานอยู่ในครัวทำหน้าที่พ่อบ้านได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เดี๋ยวหลังสอบเสร็จผมจะมอบโล่พ่อบ้านดีเด่นให้เป็นรางวัล!!



      แล้วช่วงสอบก็มาถึง ผมอ่านหนังสือมามากพอก่อนสอบ ช่วงสอบจึงไม่ต้องอ่านจนหามรุ่งหามค่ำมากนัก แต่ก็เครียดกับมันพอสมควร การที่ไอ้ดินย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันก็ไม่ทำให้สมาธิผมเสียมากเท่าไหร่ เพราะมันก็ไม่ได้รุ่มร่ามกับผมตามที่มันสัญญาไว้ เพราะมันก็ต้องมีสมาธิกับการสอบเช่นกัน
แต่ความรู้สึกยังไม่คุ้นชินสักเท่าไหร่ที่เห็นของใช้หลายอย่างจากที่มีอันเดียวกลายมาเป็นคู่อย่างแปรงสีฟันที่นอนโดดเดี่ยวเดียวดายในห้องน้ำตอนนี้ก็มีคู่มานอนเคียงข้างไม่อ้างว้างอีกต่อไป!! เวลาดื่มกาแฟในตอนเช้าก็จะมีความเขินหน่อยๆเพราะแก้วคู่สกรีนรูปแมวที่เพื่อนผู้น่ารักน่าาตบซื้อให้เป็นของขวัญ มันช่างจั๊กจี้ใจดีแท้เวลาที่ยกแก้วขึ้นมาดื่ม
แต่ความรักที่เรามีให้กันก็ยังเหมือนเดิม ผมก็ยังนอนในอ้อมกอดของมันทุกคืน ไอ้ดินจะตื่นก่อนผมเป็นประจำและเป็นคนปลุกผมเสมอ และทุกๆเช้าจะมีอาหารเช้าเตรียมไว้ มันคือการเอาใจใส่เล็กๆน้อยๆแต่พอมันทำสม่ำเสมอมันก็ทำให้ผมซึ้งใจและสุขใจไม่น้อย..


“พู่ตื่นได้แล้ว” นี่ก็เป็นอีกเช้าหนึ่งที่ไอ้ดินปลุกผม

“อื่อ ขออีก5นาที”

“ไม่ได้เดี๋ยวไม่ทัน”

“...” ไม่สน ขออีก5นาที เมื่อคืนเครียดกว่าจะขมตานอนได้ ไม่ใช่เครียดเพราะเรื่องสอบนะ เครียดเพราะว่าวันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของผม ส่วนไอ้ดินสอบเสร็จตั้งแต่เมื่อวาน  สอบเสร็จหมายความว่าไงนะเหรอ เหอะๆ อย่างที่ทุกๆคนรู้กันนั้นแหละครับ เหมือนกำลังนับถอยหลังรอวันโดนเชือดยังไงก็ไม่รู้!!

“ไม่ตื่น จูบนะ”

พรึ่บ รีบลุกด้วยความเร็ว ขู่แบบนี้คิดว่ากลัวเหรอ เออ กูกลัว!!


บนโต๊ะอาหารวันนี้รู้สึกว่าจะจัดเต็มกว่าทุกวันคงเพราะไอ้ดินสอบเสร็จแล้วเลยมีเวลาเตรียมมากกว่าทุกครั้ง

“กินเยอะๆ เดี๋ยวคืนนี้อาจจะได้ใช้แรงเยอะ”

“...” มือที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากถึงกับชะงัก สายตาตอนมันพูดก็กรุ้มกริ่มเหลือเกิน นิ้วจิ้มให้ตาบอดเลยดีมะ!!

“เอ้า รีบๆกินเดี๋ยวก็ไปสอบไม่ทันหรอก”

“กินไม่ลง ไปละแล้วมึงก็ไม่ต้องไปส่งวันนี้กูไปเอง”

“เดี๋ยว” ไอ้ดินรีบคว้าแขนผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะลุกออกจากโต๊ะ

“...”

“ขอโทษ กูแค่แซวเล่น กูไม่ทำอะไรมึงหรอกถ้ามึงไม่เต็มใจ กูก็ไม่อยากเห็นคนที่กูรักต้องฝืนใจเหมือนกัน” มันพูดพร้อมกับบีบมือผมเบาๆให้ผมมั่นใจในคำพูดของมัน

“นั่งลงแล้วกินข้าว แล้วเดี๋ยวกูไปส่งนะ” ผมเชื่อในคำพูดของมันเลยยอมนั่งลงกินข้าวแต่โดยดี


“ตั้งใจสอบนะ สอบเสร็จเดี๋ยวกูมารับ” ไอ้ดินบอกก่อนที่ผมจะลงจากรถ

“อืม สอบเสร็จแล้วจะโทรหา”

“สู้ๆ”แล้วมันก็โน้มหน้ามาจุ๊บหน้าผากผมเบาๆ ..มึงก็เป็นอีกกำลังใจนึงที่สำคัญสำหรับกูเหมือนกัน..


      ร้านโต๊ะกลม เวลาสามทุ่มคราคร่ำไปด้วยผู้คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่สอบเสร็จแล้ว ที่ออกมาฉลองหลังสอบเสร็จเพื่อปลดปล่อยความเครียด รวมถึงพวกผมที่ตอนนี้กำลังนั่งจิบเบียร์ที่ไม่ได้ดื่มมานานตลอดช่วงสอบ (นานจริงหรา!!)

“พวกมึง ปิดเทอมไปเที่ยวทะเลกันมั้ย” ไอ้สมใจเริ่มเปิดประเด็น ยังไม่ทันที่จะได้ออกความเห็น ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมานั่งเบียดข้างๆไอ้ดิน

“น้องดิน” พี่แปมพี่สาวคัพอี เจ้าเก่าเจ้าเดิมจะใครล่ะ

แม่เจ้าโว้ย แหกกว่านี้มีอีกมั้ย สายเดี่ยวเสียวหลุดจริงๆ เสื้อสายเดี่ยวที่ผูกเป็นโบว์ที่ไหล่ทั้งสองข้างคอเสื้อก็เหว้าลึกแทบจะถึงสะดือ ถ้ากระตุกให้โบว์บนบ่านั้นหลุดไม่อยากจะคิดภาพเล้ย !!

ตัดภาพมาที่ไอ้หมีที่ตอนนี้มองพี่แปมจนน้ำลายแตกไม่เก็บอาการเลยสักนิด รวมถึงไอ้สมใจกับไอ้นพที่ตอนนี้เลือดกำเดาแทบพุ่ง ส่วนไอ้ปูนก็จองหน้าอกคู่นั้นด้วยความฉงน มึงคงกำลังวิเคราะห์สินะว่าแม่หรือหมอที่เป็นคนใหม่มา..

“หวัดดีครับ พี่แปม” หน้าของไอ้ดินนิ่งไม่แสดงอาการใดๆ ส่วนผมนะเหรอรู้สึกหนังตามันกระตุกๆพิกล!!

“พี่ขอนั่งรอเพื่อนได้มั้ยคะ นัดเพื่อนไว้แต่ยังไม่มากันเลย” สายตาที่มองไอ้ดินแทบจะกลืนกิน ถ้ากินได้ไอ้ดินคงโดนแดกลงท้องไปนานละ

“เชิญครับ นั่งนานๆเลยก็ได้ครับ” ไอ้หมีตอบด้วยสายตาหื่นกระหาย ถ้าเป็นเมื่อก่อนกูคงกระหายตามมึงแต่ตอนนี้บอกเลยว่า ไม่!! แถมยังหงุดหงิดใจอีกต่างหาก

“พี่แปมดื่มเบียร์ด้วยกันก่อนนะครับ” ไอ้สมใจยื่นแก้วเบียร์ให้กับพี่แปมด้วยท่าทางระริกระรี้

“ขอบใจจ๊ะ ว่าแต่น้องอีกสามคนพี่ยังไม่รู้จักเลย พี่ชื่อแปมนะคะเป็นรุ่นพี่ที่คณะของน้องดิน สมใจ และก็นพ”  เห็นหัวกูแล้วเหรอจ๊ะ นั่งตั้งนาน ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องคล้องแขนไอ้ดินไว้ด้วย ไอ้นั่นก็นั่งหน้านิ่งมองมาที่ผมเหมือนให้ผมเห็นใจส่วนมือก็พยายามแกะมือที่เกาะแน่นเหมือนกับปิงของพี่แปมออกแต่ก็ไม่ยอมหลุดสักที

“ผมชื่อกู๊ดครับ ส่วนนี่พู่กัน แล้วก็ปูนครับ” ไอ้หมีเริ่มเสนอหน้าแนะนำตัวเองทันที ยังไม่ลืมกันใช่มั้ยครับว่าจริงๆแล้วมันชื่อกู๊ดไม่ได้ชื่อหมี

“น้องพู่กัน คนที่ดินเคยลงรูปในเฟสใช่ป่ะ มีแต่คนเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนกัน ดินของเราก็นี่หน้าตีจริงๆแกล้งเพื่อนแบบนี้ไม่น่ารักเลย” ดินของเรา!? คือไร? แล้วทำไมต้องซบไหล่มันด้วย

สถานการณ์แบบนี้ผมควรทำยังไง ตะโกนออกไปเลยมั้ยว่า ผมนี่แหละแฟนมัน!! แล้วทำไมไอ้ดินไม่ทำอะไรสักอย่างวะ น่าหงุดหงิดจริงๆ

ไม่ได้เข้าใจผิดกันหรอกครับ พู่กันเป็นแฟนผมจริงๆ!!” มันต้องอย่างนี้สิ หน้าที่งอง้ำของผมยิ้มออกมาในทันที ไอ้ดินลุกขึ้นยืนแล้วย้ายมานั่งข้างผม พร้อมกับจับมือผมแล้วประสานนิ้วเข้าด้วยกัน

“ฮ่าๆ น้องดินก็ เลิกอำได้แล้ว”

ไม่ได้อำครับ ผมเป็นแฟนดิน เราเป็นแฟนกันครับ” ด้วยอารมณ์หวงผมจึงต้องแสดงความเป็นเจ้าของ..ก็มันเป็นสิ่งที่ผมต้องทำนี่นา ไอ้ดินถึงกับยิ้มแก้มปริที่ผมแสดงตัวว่าเป็นแฟนมัน

“พวกมันเป็นแฟนกันจริงๆครับ แล้วตอนนี้ไอ้ดินก็ย้ายมาอยู่บ้านของไอ้พู่แล้วด้วย” ไอ้ปูนที่นั่งนิ่งมานาน ช่วยพูดยืนยันให้อีกคน ครอบครัวเดียวกันมันต้องช่วยกันแบบนี้สิ พี่สะใภ้กู!!

“ใช่ครับ ไอ้ดินตามจีบไอ้พู่ตั้งนานกว่าไอ้พู่จะตอบตกลง พวกผมก็ลุ้นแทบตาย” ไอ้หมีช่วยตอกย้ำความจริงเข้าไปอีก คือไอ้พวกนี้มันก็รู้ว่าผมอึดอัดกับสถานการณ์แบบนี้ จึงช่วยไขข้อกระจ่างให้พี่แปมและเป็นเชิงไล่กลายๆ

“หุ่นสะบึ้มไม่ใช่สเป๊กไอ้ดินมันหรอกพี่..” ไอ้สมใจพูดไม่ทันจบประโยคพี่แปมก็โพล่งขึ้นมาซะก่อน

“พอ!!  ฉันรู้แล้ว ผู้ชายกินกันเองเสียของชะมัด!!” พูดจบพี่แปมก็สะบัดตูดออกจากโต๊ะไปอย่างหัวเสีย


“ปล่อยมือได้แล้ว” ผมหันไปบอกไอ้ดิน ตอนนี้มือของเราทั้งคู่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ

“จับไว้แบบนี้แหละ คนจะได้รู้ว่ากูมีเจ้าของแล้ว” สายตาพราวระยับของไอ้ดินทำให้ใจผมเต้นรัว             
เจ้าของงั้นเหรอ! เขินกับคำนี้จัง

“เฮ้ย พวงมึงคุยเรื่องไปเที่ยวทะเลกันต่อเหอะ” ไอ้สมใจพูดเรื่องที่มันค้างไว้ต่อ

“เอาดิ ทะเลที่ไหนดีวะ” ไอ้นพถามด้วยความสนใจ

“เสม็ด ญาติกูมีรีสอร์ทที่นั่น”

“กูไป” ไอ้นพชูมือขึ้นเป็นสัญลักษณ์ว่าไปด้วย

“กูด้วย แล้วมึงละไอ้ดิน ไอ้พู่” ไอ้หมีตอบตกลงพร้อมหันมาถามไอ้ดิน กับผม

“กูแล้วแต่พู่”

“เมียเป็นใหญ่นะมึงอ่ะ”

“ไปก็ไป กูไม่ได้ไปทะเลมานานมากแล้วเหมือนกัน”

“มึงไปมั้ยไอ้ปูน”ผมหันไปถามปูนที่ตอนนี้ทำท่าคิดหนัก

“เออ..กูขอถามพี่น้ำก่อนได้ป่ะ”

“อะไรวะ ไหนมึงบอกยังไม่ได้คบกันไง”

“ก็กูอยากให้พี่เค้าไปด้วย” ไอ้ปูนตอบด้วยท่าทางเขินอาย

“มึงไปเหอะ เชื่อดิว่าไอ้พี่น้ำมันไปด้วยแน่นอนถ้ามันรู้ว่ามึงไป” เชื่อดิว่าไอ้พี่น้ำมันไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้สวีทกับไอ้ปูนหลุดลอยไปหรอก

“ตงลงดิว ไปกัน7คนนะ เดี๋ยวที่เหลือกูจัดการเอง ไปวันไหนยังไงเดี๋ยวกูบอกพวกมึงอีกที เอ้าชนแก้ววว”

ตงลงว่าเรื่องไปเที่ยวทะเลไอ้สมใจจะเป็นจัดการ พวกผมแค่ทำตัวให้พร้อมก็พอ

            เสม็ดงั้นเหรอ?! เสม็ดเสร็จทุกราย!!!



เที่ยงคืนกลับถึงบ้าน ถามว่าเมามั้ย นิดนึงพอกรึ่มๆ

“ดอกไม้ หิวรึป่าว”

“ไม่อ่ะ”

“งั้นมึงอาบน้ำก่อนเลย เดี๋ยวกูไปปิดบ้านให้” ไอ้ดินอุ้มชบาขึ้นมาว่างไว้บนบ่า ก่อนจะเดินไปสำรวจความเรียบร้อยของบ้าน
พ่อบ้านทำหน้าที่ได้ดีจริงๆ อย่างที่ผมเคยบอกใครได้มันเป็นแฟนนี่คงโชคดี ตายห่า!!

      และผมคือผู้โชคดีคนนั้น..ผมกำลังจะตายห่า!!


“หอมจัง” ไอ้ดินพูดคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอของผม

“ง่วงแล้ว”

“ง่วงก็นอนสิครับ” แล้วมันก็เปลี่ยนตำแหน่งมากระซิบที่ข้างๆหู

“ดิน”

“ว่า”

“มึง..ไม่โกรธกูนะที่กูยังไม่พร้อมน่ะ” เพราะผมแคร์มันผมเลยต้องถาม ผมก็ผู้ชายเหมือนมันจึงรู้ว่าความต้องการของเราก็มีไม่ต่างกัน แต่เพราะผมจะเป็นฝ่ายถูกกระทำ เลยต้องขอเวลาทำใจสักหน่อย..

“ไม่โกรธ กูรอได้และกูเข้าใจความรู้สึกมึง”

“ขอบคุณนะ”

“แต่ขอหนึ่งจูบ มัดจำไว้ก่อนได้มั้ยครับ”

“จูบอย่างเดียวนะ”

“ครับ จูบอย่างเดียว” สิ้นเสียงของไอ้ดิน มันค่อยๆเชยคางผมขึ้น แล้วค่อยๆประกบริมฝีปากลงมามันเป็นจูบที่อ่อนหวานแต่ก็ซาบซ่านอยู่ในที ก่อนจะค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นจูบที่เร่าร้อนดุดันเมื่อปลายลิ้นของไอ้ดินรุกล้ำเข้ามาควานหาความหวานในโพร่งปากของผม ลิ้นของเราตอดรัดปลายลิ้นก็หยอกล้อซึ่งกันและกัน น้ำลายก็ค่อยๆไหลออกมาเปรอะที่มุมปาก เสียงหายใจของเราต่างหอบกระชั้นขึ้น ผมรู้สึกถึงอวัยวะบางอย่างของไอ้ดินที่แข็งตัวขึ้นและกำลังดันอยู่ที่ต้นขาของผม ทำให้ผมผละตัวออกด้วยความตกใจ

“นอนเถอะ” ไอ้ดินพูดด้วยน้ำเสียงแหบพล่า ก่อนที่มันจะลุกหนีหายไปเข้าห้องน้ำ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันเข้าไปทำอะไร 
ไม่ใช่ว่ามันจะตื่นตัวแค่คนเดียวเพราะผมก็รู้สึกปวดหนึบตรงที่หว่างขาเหมือนกัน ว่าแล้วผมก็ลุกไปเข้าห้องน้ำอีกห้องที่อยู่นอกห้องนอน เพื่อจัดการกับสิ่งที่กำลังตื่นตัวอยู่ในตอนนี้ให้มันสงบลง

    ..หรือมันถึงเวลาที่ผมควรจะทำใจได้แล้ว แล้วปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติว่ามั้ย?!


“ดอกไม้ตื่น 10โมงแล้ว”

“อื่อ”

“กับข้าวเย็นหมดแล้ว”

“ไม่หิวกินตอนเที่ยงทีเดียวได้ป่ะ” ผมตอบเสียงอู้อี้ สอบเสร็จแล้วอยากนอนทั้งวันไม่อยากไปไหนเลย

“วันนี้ต้องไปซื้อของเข้าบ้านนะ ตื่นนะครับ”

“ตื่นแล้วๆ” ที่ผมยอมตื่นเพราะปากของไอ้ดินที่อยู่ไม่สุก ซุกไซร้ไปทั่วใบหน้าและลำคอผม ไม่ตื่นก็บ้าแล้วแถมยังตื่นไปทั่วทั้งตัว..ให้ตายสิ!!

“หึๆ”

ยังมีหน้ามาขำอีก มึงชักจะร้ายกาจเกินไปแล้วนะ..


“นี่ถามหน่อย มึงเรียกกูว่าดอกไม้ กูคือดอกอะไรสำหรับมึง” กลัวคำตอบเหลือเกิน อย่าตอบว่าดอกทองนะ ไม่งั้นข้าวผัดไข่ที่กำลังแดกอยู่ตอนนี้ได้ไปอยู่บนหัวมึงแน่!!

“ดอกทานตะวัน”

“มึงจะบอกว่ากูหน้าบานเหมือนดอกทานตะวันเรอะ!!” เจ็บพอๆกับดอกทองเลยนะนั้น

“มึงสดใสเหมือนดอกทานตะวัน โดยเฉพาะเวลาที่มึงยิ้ม” แล้วมันก็เอื่อมมือมาจับแก้มผมเบาๆ แน่ใจนะว่าไม่ได้หลอกด่าว่ากูหน้บาน

“จะบอกว่ามึงก็จะเป็นแสงอาทิตย์ให้กูงั้นสิ แหวะ เลี่ยน”

“ป่าว จริงอยู่ที่ดอกทานตะวันต้องคอยหมุนตามแสงอาทิตย์ แต่สำหรับดอกทานตะวันอย่างมึงชื่อกูมันก็บอกอยู่แล้ว กูเป็นแผ่นดินให้มึงต่างหากล่ะ ถ้าไม่มีดินดอกทานตะวันต้นนี้ก็ไม่สามารถงอกงามแบบนี้ได้ความงอกงามในที่นี้ก็หมายถึงความสุขของมึงไง

แถมแผ่นดินนี้ยังได้อยู่กับดอกทานตะวันต้นนี้ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืนไม่เหมือนแสงอาทิตย์ที่พอตะวันลับฟ้าก็ไม่ได้เจอกับดอกทานตะวันต้องรอถึงเช้าวันใหม่กว่าจะได้เจอ รวมถึงวันที่ดอกทานตะวันต้นนี้โรยรา แผ่นดินนี้ก็ยังคงอยู่เคียงข้างไปไหน  เหมือนกูไงกูก็จะรักมึงแบบนี้ตลอดไป  รักนะดอกไม้” คำพูดที่อ่อนโยน และสัมผัสที่อบอุ่นที่ประทับลงมาที่แก้มผมเบาๆ ทำให้ผมตัวลอย

“ซึ้ง..แต่ปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ก็ได้นิ ไม่ต้องใช้ดิน” นี่ผมไม่ได้กวนตีนะ

“ไม่สวยเท่าปลูกบนดินหรอกเชื่อกูสิ มันก็ไม่ต่างกันถ้ามึงไปคบคนอื่นที่ไม่ใช่กูมึงก็ไม่มีความสุขเท่ากับได้คบกับกูหรอก” นั่นนะสินะถ้าตอนนี้ไอ้ดินไม่ได้เข้ามาในชีวิตผม ผมก็ไม่รู้ว่าชีวิตตอนนี้จะมีความสุขเท่าตอนนี้รึป่าว

                ..ยอมๆแผ่นดินนี่แหละดีที่สุด..



 TBC.

.................................................................................................

บทนี้เรื่อยๆมาเรียงๆ
บทหน้าไปเที่ยวเสม็ดกัน จะเสร็จรึป่าวค่อยมาลุ้นกัน^^
ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกๆคนที่ติดตามอ่านกันมานะคะ หนึ่งคอมเม้นคือกำลังใจที่ดีที่สุดค่ะ^^


หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 13 แผ่นดินกับดอกทานตะวัน.. (04-04-2018) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 04-04-2018 23:37:35
 :impress2: ฟินจิกหมอนเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 13 แผ่นดินกับดอกทานตะวัน.. (04-04-2018) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 05-04-2018 12:29:41



เค้าว่ากันว่า เกาะเสม็ดเสร็จทุกราย!! นู๋พู่กันไม่น่ารอด  :hao3:




หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 13 แผ่นดินกับดอกทานตะวัน.. (04-04-2018) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 08-04-2018 16:45:04


 :L2:  :pig4:



หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 13 แผ่นดินกับดอกทานตะวัน.. (04-04-2018) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 08-04-2018 21:30:51
โอยยยย ยอมแผ่นดินเลย หวานอะไรขนาดนี้เนี่ยคุณพ่อบ้าน
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 14 เสม็ดเสร็จไหมล่ะ?! (23-04-2018) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 23-04-2018 01:02:54
บทที่14 เสม็ดเสร็จไหมล่ะ?!



“พวกมึงเตะบอลที่ชายหาดกัน” ไอ้สมใจชวนหลังจากพวกเราเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว

พวกเราอยู่ที่ไหนกันน่ะเหรอ? ก็เกาะเสม็ดยังไงล่ะครับ
ผู้ร่วมทริปในครั้งนี้มีด้วยกันทั้งหมดเจ็ดคน หรือสามคู่กับคี่(ขี้)อีกหนึ่งกอง (กองใหญ่ซะด้วย)
คู่แรกคือผมกับไอ้ดิน’คู่ข้าวใหม่ปลามัน’ผมไม่ได้พูดเองนะก็พวกไอ้หมีมันเรียกกันแบบนั้น
คู่ที่สอง’คู่ว่าที่คู่รัก’ ไอ้พี่น้ำกับไอ้ปูน ส่วนคู่ที่สามคู่รูมเมทไอ้นพกับไอ้สมใจหัวหน้าทริปในครั้งนี้           
ส่วนคี่กองใหญ่อีกหนึ่งกองคือไอ้หมีผู้ไร้ซึ่งคู่เพราะไม่เคยคิดจะจริงใจกับใครเขา!


พวกผมมาพักที่รีสอร์ทของน้าไอ้สมใจที่มันเรียกว่า แม่  แม่พรคือน้าของไอ้สมใจที่เลี้ยงมันมาตั้งแต่เด็กเนื่องจากพ่อและแม่ของไอ้สมใจรับราชการครู แม่พรซึ่งตอนนั้นยังไม่มีครอบครัวเลยช่วยดูแลไอ้สมใจ   
มันเลยรักเหมือนแม่อีกคนนึง ส่วนแม่พรก็รักไอ้สมใจเหมือนลูกแท้ๆเพราะแกก็ไม่มีลูก เนื่องจากสามีของแม่พรหรือลุงปีเตอร์ที่ไอ้นพมันเรียกเป็นหมันไม่สามารถมีลูกได้

การเดินทางในครั้งนี้ก็สะดวกสบายกว่าที่คิด พวกเรานั่งเครื่องบินจากเชียงใหม่ที่บินตรงมายังสนามบินอู่ตะเภา จากนั้นน้าของไอ้สมใจก็ส่งคนมารับที่สนามบินและพามาส่งขึ้นเรือที่ท่าเรือบ้านเพ พอมาถึงท่าเรือหน้าด่านเกาะเสม็ด ก็มีคนที่รีสอร์ทมารับไปยัง ‘อ่าววงเดือน’ ที่เป็นที่ตั้งของ’วงเดือนเสม็ด บีทรีสอร์ท’ของน้าไอ้สมใจ

พวกเรามาถึงตะวันก็เริ่มบ่ายคล้อย กิจกรรมที่ทำได้ในตอนนี้คือเดินเล่นถ่ายรูป เล่นน้ำ หรือไม่ก็เตะบอลเหมือนที่ไอ้สมใจกำลังชวนอยู่ในตอนนี้

“กูไม่เล่นนะ เดี๋ยวกูเป็นกรรมการให้” ไอ้พี่น้ำที่นอนอยู่บนเก้าอี้ชายหาดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงง่วงงัน..ทะเลสีฟ้าสดใส ลมทะเลพัดโชยมาเอื่อยๆแดดตอนนี้ก็ไม่แรง ..บรรยากาศมันเหมาะแก่การนอนจริงๆนั้นแหละ

“โอเคพี่ งั้นมาแบ่งทีมกัน ง่ายๆเลยพวกมึงสามคนหมอ‘หมา’อยู่ด้วยกัน ส่วนพวกกูที่เหลือสามคนอยู่ด้วยกัน” ไอ้สมใจจัดการแบ่งทีมเองเสร็จสรรพ

“โกงป่าววะ แบบนี้พวกมึงก็ชนะดิ” ผมโวยวาย แม่งก็พวกมันเป็นนักบอลของคณะ แล้วดูทีมผมโดยเฉพาะไอ้ปูนตัวเท่าลูกหมาเมื่อเทียบกับไอ้พวกสามตัวนั่น

“กลัวไรวะ พวกมึงก็เตะบอลให้คณะ” นั่นมันจำเป็นต่างหากละ มีแต่เด็กเนิร์ดจะไปสู้พวกถึกๆอย่างคณะมึงได้ไงวะ แข่งทีไรตกรอบแรกทุกที!!

“เออ กูไม่กลัว” ไอ้หมีพูดขึ้นด้วยความฮึกเหิม ถ้ากูตัวเท่ามึงกูก็ไม่กลัวหรอก..ห่า

“ทีมที่แพ้ต้องโดนลงโทษ โดยเลือกมาแค่คนเดียวที่จะโดนลงโทษ” ทำไมรู้สึกว่าคนโดนลงโทษจะเป็นกูวะ!!

“บทลงโทษคือไรวะ”

“แล้วแต่ทีมที่ชนะจะสั่ง”

“มาๆ สู้ๆ กลัวห่าไรเราก็นักบอลของคณะนะเว้ย” ช่างกล้าพูดเนอะไอ้ปูน คณะที่ได้แชมป์ของมหา’ลัย กับคณะที่ตกรอบแรก..ถถถถถถ

“เดี๋ยวทีมพวกกูจะถอดเสื้อเอง พวกพวกมึงก็ใส่เสื้อปกติ” ไอ้นพพูดเท่านั้นทั้งสามคนก็ถอดเสื้อโดยพร้อมเพรียง..อื่อหือ ไอ้พวกเด็กเกษตรทำไมหุ่นแม่งดีกันจังวะ เห็นแล้วอดน้ำลายไหล เอ้ย!! อดอิจฉาพวกมันไม่ได้!!

ไอ้สมใจใช้ไม้มาขีดผืนทรายแบ่งเป็นเส้นขอบสนามง่ายๆ ถ้าบอลเลยเส้นท้ายสนามฝั่งของใครถือว่าเป็นประตู

“น้องปูนสู้ๆ” ไอ้พี่น้ำตะโกนบอกไอ้ปูนที่ยืนเป็นโกล์อยู่เส้นท้ายสนามด้วยเสียงสอง..กูล่ะหมั่นไส้!!

แล้วไอ้กรรมการกิตติมศักดิ์ก็มายืนตรงเส้นกลางสนามพร้อมใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบลูกบอลเอาไว้

“ครึ่งละสิบนาที อ่ะ เป่ายิ้งฉุบใครชนะได้เขี่ยลูกเล่นก่อน” อืมนะ เป่ายิ้งฉุบ อินเตอร์เนชั่นแนลมาก!

กัปตันหมีออกค้อนเป็นฝ่ายชนะกัปตันสมใจที่ออกกรรไกร อืม..นี่ลุ้นยิ่งกว่าบอลโลกอีกแหนะ!!

“ทีมใส่เสื้อเป็นฝ่ายเขี่ย ห้ามโกง ห้ามกัดหู!! เริ่มได้” ไอ้กรรมการพูดเอื่อยเฉื่อยก่อนเดินออกสนามไปนั่งดูดน้ำมะพร้าวสบายใจ..ถีบกรรมการสักดอกจะผิดไหม!!

ไอ้หมีเขี่ยบอลมาให้ผม ผมค่อยๆลากเลื้อยไปตามริมเส้นประหนึ่งสวมวิญญาณ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก่อนจะมีร่างถึกของไอ้ดินเข้ามาแย่งบอลที่เท้าผม

“ไอ้พู่ ส่งมาให้กู” เสียงไอ้หมีที่โวยวายอยู่ริมเส้นอีกฝังหนึ่ง จังหวะที่ยื้อยุดกันอยู่ไอ้ดินก็ฉวยโอกาสหอมแก้มผมเข้ามาเต็มแรง แล้วมันก็ใช้จังหวะที่ผมยืนอึ้ง แย่งบอลไปด้วยสายตายิ้มกริ่ม

“ฟาวล์!! กรรมการมึงไม่เห็นเหรอ” ผมหันไปฟ้องไอ้กรรมการ ที่ตอนนี้กำลังเอานิ้วแคะมะพร้าวที่อยู่ในลูกอย่างเอาเป็นเอาตาย

“กูบอกว่าห้ามกัดหู ฉะนั้นหอมแก้มได้ไม่ฟาวล์!!” มันตอบมาหน้าตาย

“แม่ง กรรมการไม่ยุติธรรม”

“อย่าเถียง เดี๋ยวโดนใบเหลือง” เดี๋ยวกูจะโดดกัดหูมึงไอ้กรรมการชั่ว ฮึมมมม

หันไปมองไอ้หมีก็ไม่เห็นมันจะเดือดร้อนห่าอะไร หัวเราะเอิ๊กอ๊าก..รู้สึกได้กลิ่นตุๆ ว่าบทลงโทษปริศนานั้นต้องเป็นของกู!!

ไอ้ดินส่งบอลให้กับไอ้สมใจ จากนั้นมันก็ยิงตูมเดียวลูกบอลเลยเส้นหลังเป็นประตู ไอ้ปูนได้แต่ยืนขาตาย

จากนั้นก็มีเสียงตะโกนมาจากไอ้กรรมการชั่ว

“ทีมน้องเขยนำ1ต่อ0  แต่กรรมการขอเตือนว่าอย่าเตะบอลอัดใส่โกล์ฝั่งนี้ไม่งั้นโดนใบแดง” มันพูดพร้อมทำหน้าโหด ห่า..ทีกูล่ะไม่เคยปกป้อง ไอ้คนโดนปกป้องก็ยิ้มหน้าบานเชียว กูล่ะเหม็นความรักจริงจริ๊ง!

ไอ้สมใจเปลี่ยนไปเป็นโกล์แทนไอ้นพที่ตอนนี้กำลังส่งบอลให้ได้ดิน ผมเลยเข้าไปแย่งบอลจากมัน ทั้งดึง จิก ตบ แม่งกูแค้น!! ไอ้ดินใช้แผ่นหลังเปล่าเปลือยที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามบังผมไว้ คิดว่าจะอ่อยกูเหรอไม่ได้ผลหร๊อก!..หน้าผมสัมผัสกับแผ่นหลังแข็งแรงนั่นจู่ๆขาก็อ่อนยวบลงมาดื้อๆ..ให้ตายสิถึงกับระทวย!!

แล้วมันก็ส่งบอลให้กับไอ้นพก่อนที่ไอ้นพจะลากบอลเข้าไปใกล้ไอ้ปูน ก่อนจะใช้ไม้ตาย

“เฮ้ย สาวที่ไหนมานั่งกับพี่น้ำวะ” พูดจบไอ้ปูนก็หันขวับไปมองไอ้พี่น้ำทันที จากนั้นไอ้นพก็แค่กระดิกตีนเขี่ยบอลข้ามเส้นไป

Goal!!!

…ให้มันได้อย่างนี้สิ พับผ่า!!


“กรรมการ ผมโดนโกง” ไอ้ปูนรีบหันไปฟ้องกรรมการทันที แต่ไอ้กรรมการกับยิ้มหน้าบาน

“ไม่โกงสักหน่อย ดีซะอีกทำให้พี่รู้ว่าน้องปูนก็หึงพี่..ทำดีมากไอ้นพ” ไอ้คนถูกชมยกมือขึ้นชูสองนิ้ว..อะไร?ขอสองดอกเรอะ?!

“พี่น้ำ!!” ไอ้ปูนได้แต่ทำหน้ามุ้ย


       และแล้วก็จบเกมส์การแข่งขันด้วยสกอร์5-0 ไม่ต้องบอกเนอะว่าทีมไหนแพ้...แม่ง!! ทั้งแพ้ทั้งโดนไอ้ดินแทะโลม พอเริ่มครึ่งหลังมันทั้งกอดทั้งหอม จนสติผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัว..

“พวกมึงเลือกได้ยังว่าใครจะโดนลงโทษ” ไอ้สมใจหันมาถามพวกผมที่ตอนนี้นั่งหอบแดกโดยเฉพาะผมที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ก็ต้องอ่านหนังสือไงเลยไม่มีเวลา นี่ไม่ได้แก้ตัวนะ (หรา!)

“มาเป่ายิ้งฉุบกัน” ไอ้หมีหันมาพูดกับผมและไอ้ปูน

“ทีเดียวเลยนะมึง ใครแพ้โดนลงโทษ” รู้สึกเหมือนไอ้หมีมันจะขยิบตากับไอ้ปูน รู้สึกว่ากูจะโดนโกง ไม่ได้ๆกูไม่ยอม

“กูขอเปลี่ยนเป็นโอน้อยออก แล้วมึงสองตัวอย่าส่งซิกกัน อย่าคิดว่ากูไม่รู้”

“เปล๊า!!” ไอ้เพื่อนชั่วทั้งสองประสานเสียงสูงพร้อมกัน

“ม่ะ รอบเดียวพอ ใครออกไม่เหมือนคนอื่นคนนั้นโดนลงโทษ”

“โอ  น้อย  ออก” เชี่ย!! กูแม่งหงายมืออยู่คนเดียว แต่ก่อนที่จะเริ่มผมรู้สึกเหมือนมีใครชูไม้ชูมืออยู่ข้างหลัง พอหันไปก็เจอไอ้พี่น้ำทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไอ้นี่มันส่งซิกให้ไอ้สองตัวนั่นป่าววะ?!

“เยส!!” ไอ้หมีกับไอ้ปูนแสดงสีหน้าดีอกดีใจจนออกนอกหน้า

“บทลงโทษคือไร ว่ามา” แมนๆ แพ้ก็ต้องยอมรับครับ  แต่ในใจแม่งตุ๊มๆต่อมๆขออย่าให้เป็นอะไรพิเรนทร์ๆ เล้ย..สาธุ

“ไม่รู้ยังคิดไม่ออก ไว้พวกกูปรึกษากันก่อน มึงไม่ต้องกลัวยังไงก็โดนแน่ๆ” ทั้งน้ำเสียงและสายตาของไอ้สมใจแม่งโคตรเจ้าเล่ห์!!



      มื้อเย็นวันนี้ แม่พรจัดอาหารซีฟู้ดชุดใหญ่ไว้ให้พวกเรา ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลาที่โคตรสดส่งตรงจากทะเลที่ใกล้แค่เอื้อม  ไอ้พี่น้ำตัวแดกกุ้ง เห็นกุ้งเผาแล้วแทบจะโดดเข้าใส่ แล้วมันก็แดกแบบไม่บันยะบันยัง!!

   ..กูขอให้มึงขี้แตก!!

“ให้กูไปขอน้ำจิ้มเด็กให้มั้ย” ไอ้ดินหันมาถามผมด้วยความเป็นห่วงปนเอ็นดู..เอ็นดู?คิดว่างั้นนะถ้าผมอ่านสายตามันไม่ผิด

“กูกินได้ เผ็ดแค่นี้กูไหว” เอาจริงมะ น้ำจิ้มซีฟู้ดที่แม่พรทำโคตรเผ็ดอ่ะแต่มันก็อร่อยมาก ถ้าไม่เผ็ดมันก็ไม่อร่อยใช่มะ!  อีกอย่างคำว่า น้ำจิ้มเด็ก ฟังแล้วโคตรอ่อน!

“แน่ใจนะ ปากเจ่อหมดแล้วเนี่ย แบบนี้เหมือนมึงกำลังยั่วกูอยู่เลย” แล้วมันก็แตะมือมาที่เรียวปากผมเบาๆ

“อะ อะไร?!”

“ก็ปากมึงน่าจูบน่ะสิ" มันก้มกระซิบบอกที่ข้างหู

“...!!” ประสาทจะแดก..ไม่รู้จะตอบยังไงผมเลยก้มหน้าก้มตาแดกปูต่อ ไอ้ปูห่านี่ก็แกะยากแกะเย็น แล้วทำไมกูต้องรนด้วยวะ

   ..บ่เข้าใจเลย?!

“หึๆ เอานี่” ไอ้ดินหัวเราะเบาๆกับอาการเขินของผม แล้วมันก็ยื่นจานที่มีสารพัดอาหารทะเลที่แกะเรียบร้อยแล้วมาให้ผม

“ขอบใจ” ผมเอ่ยขอบคุณมันเบาๆ เป็นแฟนกันมาสักพักแล้วทำไมผมยังเขินมันอยู่ก็ไม่รู้ ไอ้บ้านี่ก็ชอบให้ใจเต้นแรงอยู่เรื่อย!!

“ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่พ่อบ้านอย่างกูอยู่แล้วและกูก็เต็มใจ..กินเยอะๆนะดอกไม้ คืนนี้ต้องใช้แรง!” ประโยคหลังมันกระซิบบอกเบาๆ

“...” คืนนี้!  ใช้แรง!  แค่คิดผมก็หน้าแดงขึ้นมาดื้อๆพร้อมกับใจที่เต้นโครมคราม..ถามว่าพร้อมรึยัง ก็คงพร้อมแล้วล่ะมั้ง?!

“นี่ถ้าจะคุยกันสองคนไปนั่งโต๊ะอื่นเลยไป๊ กูเหม็น”

“เหม็นเชี่นไร หมี” แม่งกูไม่ได้ตดสักหน่อย

“เหม็นความรักของพวกมึงสองคนไง” แล้วมันก็ทำท่าปิดจมูกได้หน้าถีบมาก!

“เค้าเรียกว่าอิจฉา มึงกำลังอิจฉาพวกมันอยู่” ไอ้พี่น้ำพูดพร้อมกับแกะกุ้งใส่ปากตัวเองไม่หยุด

“โธ่พี่ ผมจะไปอิจฉาพวกมันทำไมล่ะ”

“มึงก็ลองจริงใจกับใครสักคนดูสิ หมี”

“มันหาเจอได้ง่ายๆก็ดีนะสิพี่” ไอ้หมีพูดแบบไม่ใส่ใจมากนัก

“เออ กูขอให้มึงเจอคนๆนั้นของมึงเร็วๆละกัน” ไอ้พี่น้ำใช้มือที่เลอะกุ้งตบบ่าไอ้หมีปุๆ ..เนียนเลยนะมึง

“ขอบคุณมากพี่ มาๆชนแก้วกันดีกว่า” ไม่ว่าจะไปที่ไหน เหล้าเบียร์อย่าให้ขาดตกบกพร่อง

“สรุปว่าบทลงโทษ พวกกูตกลงกันแล้วว่าจะให้ไอ้ดินเป็นคนคิดแล้วแต่มันเลย”

“งั้นก็บอกมาสิ จะให้กูทำอะไร” ผมหันไปถามไอ้ดิน

“ไว้บอกตอนอยู่ด้วยกันสองคนที่ห้อง” สายตาแม่งไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด

“บอกที่นี่ไม่ได้เหรอวะไอ้ดิน” ไอ้สมใจทำหน้าล้อๆ

“ไม่ได้ ความลับ” ไอ้นี่ก็ตอบหน้าตาย

“จะลงโทษอะไรก็เบาๆหน่อยนะมึง เกรงใจห้องข้างๆด้วย” ไอ้พี่น้ำแกล้งตีหน้าขรึม..นี่มึงหวงกูบ้างรึป่าววะ

“เค้าจะทำอะไรกันอ่ะพี่น้ำ” ไอ้ปูนแกล้งทำหน้าแบ้วไร้เดียงสาถามไอ้พี่น้ำ..คิดว่าน่ารักเหรอ เออมึงน่ารัก!

ไอ้พี่น้ำถึงกับสตั้นไปสามวิ กับหน้าแบ้วๆของไอ้ปูน..กูรู้ว่ามึงกำลังใจเต้นแรงมึงหนีไม่รอดแน่ๆไอ้พี่น้ำ

“ถ้าอยากรู้เดี๋ยวคืนนี้พี่ทำให้ดู” แล้วมันก็กระซิบบอกไอ้ปูน ส่งผลให้หน้าของไอ้ปูนมีสีระเรื่อขึ้น พวกผมมองว่าที่คู่รักด้วยสายตาสงสัย ว่าพวกมึงคบกันแล้ว?

“พวกมึงคบกันแล้วเหรอ” เป็นผมเองที่โพล่งถามออกไป

“ยัง!!” ไอ้ปูนโพล่งตอบขึ้น ด้วยหน้าแดงก่ำ

“เหรอวะ กูนึกว่ามึงคบกับพี่น้ำแล้วซะอีก” ไอ้หมีหรี่ตาถามอย่างจับผิด

“เอาน่า พวกมึงไม่ต้องกลัว เดี๋ยวกูคบกับน้องปูนเมื่อไหร่กูจะแถลงการณ์ให้ทราบอย่างเป็นทางการแน่นอน”


    จบมื้อเย็นด้วยความอิ่มหนำสำราญจนพุงกาง ก็แยกย้ายเข้าห้องอาบน้ำอาบท่า แล้วนัดเจอกันที่ห้องไอ้หมีเพื่อก๊งเหล้ากันต่อ
ผมให้ไอ้ดินอาบก่อนเพราะมันอาบไวกว่าผม รอไม่นานไอ้ดินก็เดินออกจากห้องน้ำโดยสวมกางเกงบอลขาสั้นสีดำเพียงตัวเดียว พร้อมกับเดินเช็ดผมที่หมาดไปด้วยน้ำ แล้วมันก็มานั่งข้างๆผมที่ปลายเตียง

เห็นหน้ามันระยะใกล้ๆผมก็อดสำรวจหน้ามันไม่ได้ หน้ามันใสมากทั้งๆที่ไม่ได้บำรุงห่าอะไรเลย ใช่แค่สบู่เหลวเพียงอย่างเดียวในการทำความสะอาดทั้งร่างกายของมัน โฟมล้างและครีมบำรุงคืออะไร? ถ้าถามหนังหน้าของมันคงได้คำตอบกลับมาว่ากูไม่รู้จัก!

แต่มันเคยบอกว่าถ้าภายในร่างกายของเราดีก็จะส่งผลถึงภายนอกด้วย..มันเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างดูแลตัวเองหมายถึงดูแลจากภายในอ่ะนะ เพราะมันจะกินแต่ของที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ อ่ออีกอย่างไอ้ดินเป็นคนชอบดื่มน้ำ ในหนึ่งวันมันน่าจะดื่มน้ำมากกว่าแปดแก้ว ถึงว่าหน้ามันถึงใส ..you are what you eat สินะ

“มองไร ไปอาบน้ำได้แล้ว”

“มองหนังหน้ามึงไง” ผมบอกตามตรง

“อยากหอมเหรอ เอาสิ” แล้วมันก็ทำแก้มป่องให้ผมหอม อย่าท้า..ผมทำใจกล้าหอมแก้มของมันอย่างรวดเร็วก่อนจะวิ่งหายไปอาบน้ำ..แฟนกันน่า!!


“บอกกี่ครั้งละว่าให้เช็ดผมให้หมาดก่อนออกจากห้องน้ำ” ไอ้ดินบ่นผมอย่างไม่จริงจังนัก น่าจะอ่อนใจซะมากกว่า เพราะมันก็บ่นแบบนี้เกือบทุกวันตั้งแต่มันย้ายมาอยู่กับผมที่บ้าน  ผมออกจากห้องน้ำด้วยเส้นผมที่ยังเปียกโชก เลยทำให้น้ำหยดเป็นทางยาว ไอ้ดินเลยถือวิสาสะหยิบผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนบ่าผมแล้วสั่งให้ผมนั่งลง จากนั้นมันก็ขยี้เช็ดหัวผมด้วยน้ำหนักมือกำลังดี..อืมสบายจัง

“มึงไม่ต้องไปห้องไอ้หมีนะ” ไอ้ดินพูดขณะที่มือของมันยังง่วนอยู่ที่หัวของผม

“ทำไมล่ะ?”

“นี่คือบทลงโทษ”

“หืม?!” ด้วยความสงสัย ผมเลยเงยหน้าขึ้นมองมัน

“กูอยากอยู่กับมึง..สองคน” สายตามันดูอ่อนโยนก่อนจะโน้มหน้าลงมาจูบที่เรียวปากของผมแผ่วเบา

ตึก ตึก ใจผมเริ่มเต้นแรง ไม่รู้ว่าผมเข้าใจตรงกับมันรึป่าว ในความหมายว่าอยากอยู่ด้วยกันสองคน!!

“ละ แล้วพวกมันจะไม่ว่าอะไรเหรอ”

“ไม่ว่า ตอนที่มึงอาบน้ำกูเดินไปบอกพวกมันแล้ว”

“...”

“ไปเดินเล่นกันมั้ย”

“อืม ไปสิ” ผมลุกลงจากเตียงด้วยเส้นผมที่แห้งหมาดด้วยฝีมือของไอ้ดิน


      รีสอร์ทของป้าไอ้สมใจตั้งอยู่บริเวณหัวอ่าวซึ่งค่อนข้างเงียบสงบมีความเป็นส่วนตัวเหมาะแก่การพักผ่อน ต่างจากบริเวณกลางอ่าวที่มีความครึกครื้นที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและบาร์
เราสองคนเดินเคียงคู่กันไปตามแนวชายหาด ลมทะเลที่พัดโชยและกลิ่นอายของทะเลทำให้ผมรู้สึกโล่งสบาย
ทะเล..มันเหมาะแก่การพักผ่อนจริงๆนั้นแหละ ความเครียดหลังสอบหายเป็นปลิดทิ้ง

พอนึกมาถึงตรงนี้ก็ตลกกับชีวิตของตัวเอง ใครจะไปคิดว่าวันนึงผมจะได้มีโอกาสเดินจูงมือกับแฟนที่ชาดหาดซึ่งมันเป็นหนึ่งในความฝันว่าถ้ามีแฟนจะพามาสวีทที่ทะเล แต่ก็เลิกกันซะก่อนไม่เคยได้พามาสักที
แต่แล้วในวันนี้ผมกับมาเดินจับมือกับ’แฟน’ที่ริมทะเลอย่างที่เคยจินตนาการไว้ จะมีผิดจากที่คิดไว้นิดน้อยก็ตรงที่แฟนของผมคือ ผู้ชาย

..แต่ก็นั้นแหละก็ผมรักไปแล้วหนิจะทำไงได้ ความรักมันไม่สำคัญหรอกว่าต้องเป็นเพศตรงข้าม..

“ตั้งแต่กูย้ายมาอยู่กับมึงที่บ้าน  มึงอึดอัดรึป่าว”

“ไม่นะ”

“แล้วมีความสุขรึป่าว”

“จู่ๆมาถามอะไรของมึงเนี่ย” ผมเลือกไม่ตอบ ก็มันเขินหนิ

“ตอบก่อน”

“อืม”

“อืมอะไร”

“มีความสุข อยากอยู่กับมึงทุกวัน พอใจรึยัง” แล้วมันก็ยิ้มกว้างกับคำตอบของผม

“กูรักมึงนะพู่กัน” มันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน คำบอกรักของไอ้ดินยังคงก้องอยู่ในหัวจนกลบเสียงของเกลียวคลื่นจากทะเลซึ่งผมแทบจะไม่ได้ยิน..น่าแปลกนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันบอกรักผม แต่ทำไมคำบอกรักที่เอ่ยออกมาในครั้งนี้ผมฟังแล้วรู้สึกพิเศษกว่าครั้งไหนๆ..อาจจะเพราะบรรยากาศล่ะมั้ง!

“กูก็รักมึง แผ่นดิน” คงเพราะบรรยากาศจริงๆนั้นแหละ ผมถึงได้กล้าบอกรักมันด้วยความมั่นใจกว่าทุกครั้ง!

“กลับห้องกันเหอะ กูอยากจูบมึงมากกว่านี้” ไอ้ดินพูดหลังจากที่มันถอนริมฝีปากออกจากเรียวปากของผมหลังจากผมเอ่ยคำบอกรักจบ  แล้วมันก็ดึงมือผมให้ออกวิ่งตามมันเพื่อกลับไปที่ห้องพัก..จะรีบอะไรขนาดนั้น!!

“แฮกๆ” เสียงหอบของผมดังไม่หยุดหลังจากการถูกลากให้วิ่งมาที่ห้อง

“ออกกำลังกายบ้างนะ วิ่งแค่นี้ก็เหนื่อยซะแล้ว” ผมได้แต่มองหน้าไอ้ดินอย่างเคืองๆ มึงนั้นแหละจะพากูวิ่งทำไม!!

“กูไปหาพวกไอ้หมีได้มั้ย” จู่ๆผมก็เริ่มกลัว

“ไม่ได้ มึงจะฝืนบทลงโทษเหรอ”

“แล้วถ้ากูฝืนล่ะ”

“ลองดูสิ” แล้วมันก็เดินเข้ามาหาผมอย่างมาดมั่นจนผมต้องเดินถอยหลังจนแผ่นหลังชิดกับฝาผนัง

“..จะทำอะไร” มันไม่ตอบ แต่ทำตอบมันคือการกระทำหลังจากนี้..ไอ้ดินโน้มหน้าลงมาใกล้ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วจูบลงมาที่เรียวปากผมอย่างเอาแต่ใจ มันเป็นจูบที่ดูดดื่มวาบหวาม แขนของผมโอบรอบคอของไอ้ดินพร้อมกับเงยหน้ารับจูบของมันอย่างเต็มใจ ดีที่แผ่นหลังของผมพิงกับฝาผนังพร้อมกับมือของไอ้ดินที่โอบสะโพกของผมเอาไว้ ไม่อย่างนั้นผมคงทรุดไปกองกับพื้น เพราะรสจูบของไอ้ดินมันช่างมีพลังทำลายล้างสูง มันเหมือนจะทำให้ร่างของผมหลุดลอย!!

ไอ้ดินถอดเสื้อยืดสีอ่อนของผมออก ผมเลยถอดเสื้อยืดสีขาวของมันบ้าง ท่อนบนของเราทั้งคู่เปลือยเปล่า
ไอ้ดินหมุนตัวผมแล้วผลักผมลงไปนอนที่เตียงแล้วมันก็ตามขึ้นมาโดยคร่อมร่างของผมเอาไว้ แล้วเริ่มครอบครองเรียวปากของผมอีกครั้ง ไอ้ดินจูบเม้มริมฝีปากผมอย่างอ้อยอิ่งลิ้นร้อนลามเลียที่เรียวปากอยากวาบหวาม ก่อนจะค่อยๆแปรเปลี่ยนรสจูบให้ดุดันเร่าร้อน เรียวลิ้นร้อนลุกล้ำเข้ามาในโพลงปากของผม ผมเผยอปากรับอย่างเต็มใจ ลิ้นของเราเกี่ยวรัดกันดูดดื่ม

เสียงหอบหายใจของผมเริ่มดังขึ้น ไอ้ดินก็ใจดีปล่อยให้ผมได้หายใจกอบโกยอากาศเข้าปอดอีกครั้ง แต่เรียวปากของไอ้ดินยังไม่หยุดนิ่ง มันจูบพรหมไปทั่วใบหน้าจากนั้นก็แวะมาขบเม้มที่ติ่งหูผมเบาๆ จนขนผมลุกซู่ไปทั้งตัว
ก่อนจะค่อยๆลากปลายลิ้นเลียไปทั่วลำคอไล่ลงมาเรื่อยๆ ผ่านแอ่งชีพจรลงมาแล้วมาหยุดที่หน้าอกของผม เสียงหอบหายใจของมันดังขึ้นเหมือนกับว่าใกล้ที่จะหมดความอดกลั้นที่พยายามกลั้นเอาไว้
เรียวปากหยักได้รูปของไอ้ดินครอบครองดูดเม้ม และไล่เลีย วนอยู่ที่ยอดอกของผม อย่างละโมบ

“อ๊ะ!!” ความวาบหวาบเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จนผมหลุดเสียงร้องออกมา ส่วนยอดอกอีกข้างก็โดนหยอกล้อด้วยนิ้วของไอ้ดินไม่หยุด

“ดอกไม้ ตัวมึงหวานหอมจนกูอดใจแทบไม่ไหว” ไอ้ดินพูดด้วยน้ำเสียงแหบพล่า แล้วจูบหนักๆลงมาที่เรียวปากของผม
ก่อนจะชะงักทุกอย่างลง แล้วนอนหงายหอบหายใจอย่างหนักหน่วงอยู่ข้างๆผม

“...?!” การกระทำนี้ทำให้ผมมึนงง ผมไม่ได้ปฏิเสธมันเหมือนครั้งก่อนๆ หรือมันยังคิดว่าผมยังไม่พร้อมต้องรอให้ผมพูดออกจากปากก่อนว่าผมพร้อมแล้ว อย่างนั้นเหรอ?!

...อารมณ์ของผมตอนนี้คือ’ค้างเติ่ง’ ไอ้ดินก็คงไม่ต่างจากผม

แล้วความคิดหนึ่งก็แล่นเข้าสู่สมอง หรือที่จริงแล้วมันจะทำไม่ลง เพราะยังไงผมก็ผู้ชายมีทุกอย่างเหมือนกับมัน ไม่ใช่ผู้หญิงที่เนื้อตัวอ่อนนุ่ม!! พอคิดแบบนั้นน้ำตาก็รื้นขึ้นมาทันที

จังหวะที่ไอ้ดินพลิกตัวหันมาทางผม น้ำตาก็ไหลออกจากหางตาพอดิบพอดี

“ดอกไม้!! ร้องไห้ทำไม” ไอ้ดินรีบปาดน้ำตาให้ผมด้วยความตกใจ

“ทำไม มึงไม่ทำต่อ” ไอ้ดินกำลังจะอ้าปากอธิบาย แต่ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจของผมเลยชิงพูดตัดหน้ามันซะก่อน

“มึงคงรังเกียจกูจนทำไม่ลงสินะ กูเข้าใจเพราะยังไม่กูก็ไม่ใช่ผู้หญิง”

“โธ่ ดอกไม้ทำไมคิดมากแบบนี้ รู้รึป่าวว่ากูต้องอดทนแค่ไหน ที่กูไม่ทำเพราะถ้าทำลงไปแล้วมึงก็จะเจ็บแล้วเที่ยวไม่สนุกต่างหากล่ะ นี่เรามาเที่ยวกันนะกูก็อยากให้มึงได้เที่ยวและพักผ่อนให้เต็มที่”

..ที่แท้มันก็ห่วงผม ความน้อยเนื้อต่ำใจเมื่อครู่แตกเป็นเสี่ยงๆเมื่อได้ฟังคำอธิบายของมัน..ผมนี่มันโง่จริงๆ!!

“หยุดร้องไห้ได้แล้วคนดี ขอโทษนะที่ทำให้อารมณ์ค้าง” มันพูดด้วยสายตาพราวระยับ

“มึงก็ค้างเหมือนกันนั้นแหละ” แม่ง กูไม่ยอมอายคนเดียวหรอก

“นั้นนะสิ” แล้วมันดึงมือผมให้ไปจับที่แกนกายของมันที่ตอนนี้กำลังแข็งโป๊ก..โอ้ว ลืมไปเลยว่านี่มันเจ้าจักรวาล!!

“ทะ ทำอะไรของมึง”

“ก็อารมณ์ค้างกันทั้งคู่ งั้นเราก็มาช่วยกันให้มันสงบลงดีกว่ามั้ย”

“ไหนมึงบอกว่าไม่อยากให้กูเจ็บเดี๋ยวเที่ยวไม่สนุกไง”

“วิธีนี้ไม่เจ็บ รับรองได้” มันกระซิบบอกคลอเคลียที่เรียวปากของผม ก่อนจะปิดปากผมให้เงียบลงด้วยเรียวปากของมัน

ไอ้ดินเริ่มเล้าโลมใหม่ตั้งแต่ต้น แต่ความเร่าร้อนเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณต่างจากตอนแรก
ร่างเปลือยเปล่าแค่ท่อนบน แต่ตอนนี้เปลือยเปล่าล่อนจ้อนกันทั้งคู่ ผมหุบขาลงทันทีที่แกนกายของผมสัมผัสกับความเย็นภายในห้อง..ก็มันอายนี่หว่าเมื่อเทียบกับเจ้าจักรวาลของไอ้ดิน  ไอ้ดินกางขาผมออกอีกครั้ง ก่อนจะใช้ฝ่ามืออันร้อนรุ่มของมันกำแกนกายที่กำลังขยายตัวของผม

“อะ  อ๊ะ” เสียงผมร้องครางเมื่อไอ้ดินเริ่มเคลื่อนไหวมือที่กำแกนกายของผมแล้วขยับขึ้นลงช้าๆ ก่อนจะค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้น มืออีกข้างที่ว่างเว้นของไอ้ดินก็หยอกล้ออยู่ที่ยอดอกของผม จากนั้นมันก็โน้มหน้าเข้ามาครอบครองเรียวปากของผมอีกครั้ง จูบร้อนแรงและเร่าร้อนแสดงถึงความต้องการของเราทั้งคู่

จากนั้นไอ้ดินที่ค่อมเหนือร่างผมมันก็รวบแกนกายของเราทั้งคู่เข้าไว้ด้วยกันและเคลื่อนไหวขึ้นลงด้วยความเร็วที่มากขึ้นกว่าเมื่อครู่ สติของผมพร่าเลือนหลอมละลาย เหงื่อของไอ้ดินที่ไหลหยดลงมาโดนแก้มผมแม้อุณหภูมิในห้องจะเย็นฉ่ำ ก็ช่วยดับความรุ่มร้อนของของเราไม่ได้เลย
เสียงหอบหายใจกระเส่า ไม่รู้ว่าของใครเป็นของใครดังไปทั่วห้อง อารมณ์ปลุกเร้าของผมใกล้ถึงขีดสุด

“อึก  อ๊ะ ไอ้ดิน มะ ไม่ไหว จะไม่ไหวแล้ว” ผมร้องบอกไอ้ดินแทบไม่เป็นภาษาด้วยเสียงกระเส่า

“อา พร้อมกันนะ ดอกไม้” ไอ้ดินกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงแหบพล่า  จากนั้นมันก็เร่งจังหวะขยับแกนกายของเราทั้งคู่ขึ้นลงให้ถี่ขึ้น
จนเราทั้งคู่ถึงปลายทางแทบจะพร้อมๆกัน ของเหลวสีขาวขุ่นกระจายไปทั่วหน้าท้องของผม

ไอ้ดินจูบซับเหงื่อที่ซึมออกมาบริเวณไรผมและปลายจมูกของผมอย่างอ่อนโยน จากนั้นมันใช้ทิชชู่เช็ดของเหลวที่เปรอะเปื้อนบริเวณหน้าท้องออกให้ผม ก่อนจะค่อยๆอุ้มผมที่ตอนนี้นอนหมดแรงไปยังห้องน้ำ

ผมปล่อยให้ดินทำหน้าที่ดูแลโดยไม่ขัด ทุกการกระทำทุกสัมผัสอ่อนโยนที่มันเอาใจใส่ทำความสะอาดให้ผมโดยไม่รังเกียจ ทำให้ผมซึ้งใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก..การกระทำของมันแทนคำพูดได้ดีว่ามันรักผมอย่างที่มันพูดจริงๆ

ิ   ..ผมรักมันจัง

“เสร็จแล้ว นอนพักนะ” ไอ้ดินซับตัวให้ผมจนแห้ง พร้อมกับนุ่งผ้าเช็ดตัวให้เสร็จสรรพเอ่ยบอกเบาๆ ก่อนจะลุนหลังผมให้เดินออกจากห้องน้ำ  แต่ผมดันขืนตัวไว้หันกลับไปกอดมันไว้แน่น

“ขอบคุณนะ ขอบคุณที่รักกู” ผมเอ่ยออกมาจากก้นบึ้งของความรู้สึก จากนั้นไอ้ดินก็โน้มหน้าลงมาจูบซับหน้าผากผมอย่างอ่อนโยนแทนคำพูด

“มึงเล่นมากอดกูแบบนี้ กูก็แย่อ่ะดิ” ไอ้ดินที่ตอนนี้ยังตัวเปลือยล่อนจ้อนก้มมองแกนกายของตัวเองผมเลยมองตามมันไปด้วย  ภาพที่เห็นคือเจ้าจักรวาลของมันกำลังจะผงาดค้ำโลกอีกครั้ง!!

..และแล้วจังหวะรักของเราก็เริ่มบรรเลงขึ้นอีกครั้ง..ในห้องน้ำ

ผมไม่รู้ตัวว่าตัวเองขึ้นมานอนบนเตียงได้อย่างไร รู้เพียงแต่ว่าอ้อมกอดที่กำลังกอดผมอยู่นั้นมันอุ่น อุ่นจนผมกลัว..กลัวว่าจะสูญเสียมันไป ผมเลยกระชับอ้อมกอดของตัวเองให้แน่นขึ้น เพื่อเป็นการปกป้องของรักของหวงของตัวเอง..




ภาพตัดมาที่ห้องไอ้หมีที่ตอนนี้ทุกคนกำลังรวมตัวก๊งเหล้ากันอยู่

“เมื่อกี้ยังได้ยินเสียงคุยกันอยู่เลย แต่ตอนนี้เงียบไปแล้วว่ะ” ไอ้หมีเอาหูแนบกับฝาผนังห้องเงี่ยหูฟังอย่างเอาเป็นเอาตาย

“ป๊าบ”

“อู๊ย ไอ้ปูนมึงตบหัวกูทำไมวะ”

“อย่าไปเสือกเรื่องของเพื่อนน่า นั่งลงมาแดกเหล้าได้แล้ว”

“มึงว่าพวกมันจะเสร็จกันมั้ยวะ” ไอ้สมใจถามด้วยความตื่นเต้น

“กูว่าเสร็จ” ไอ้นพตอบพลางทำหน้าครุ่นคิด

“กูก็ว่าเสร็จ ถุงยางที่กูซื้อให้ไม่หมันแน่ๆงานนี้”

“แต่กูว่าไม่เสร็จ”

“อ้าวทำไมล่ะพี่”

“น้องเขยกูมันสุภาพบุรุษ แล้วมันก็รักน้องกูมาก มันคงไม่ยอมให้เมียตัวเองตูดแหกตอนมาเที่ยวหรอกว่ามั้ย”

“เออว่ะ” แล้วทุกคนก็ประสานเสียงขึ้นพร้อมกัน

“ถุงยางกูเป็นหมันอีกแล้ว” ไอ้หมีพูดด้วยน้ำเสียงสุดเซ็ง


     สรุปแล้วทุกคนคิดว่าคืนนั้น ‘คู่รักข้าวใหม่ปลามัน’ ยังไม่มีใครเสร็จใคร แต่ความจริงแล้ว เสร็จจ้า!!
     
     ...แต่ยังไม่แหก!!!




  TBC.

……………………………………………………………………………………..

บทนี้มาแบบสั้นๆรวบรัดตัดตอน แฮะๆ
บทหน้ายังอยู่ที่เสม็ด มาดูคู่ของพี่น้ำกับน้องปูน ว่าจะเสร็จหรือจะแหกรึป่าว!!
ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านกันนะคะ^^

Twitter -  MA_LEE_01 (https://twitter.com/MA_LEE_01)


หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 14 เสม็ดเสร็จไหมล่ะ?! (23-04-2018) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 23-04-2018 11:46:40


เสร็จกันแล้วววววว!!   :laugh:




หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 14 เสม็ดเสร็จไหมล่ะ?! (23-04-2018) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 23-04-2018 20:19:00


 :hao7: :hao7:




หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 14 เสม็ดเสร็จไหมล่ะ?! (23-04-2018) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 24-04-2018 17:05:39
 :mew4:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 14 เสม็ดเสร็จไหมล่ะ?! (23-04-2018) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 02-05-2018 13:29:07
ฮาตรงแก๊งค์เพื่อนนี่แลลล
หัวข้อ: Re:++ Love me Love my cat ++ บทที่ 15 เสม็ดมันเสร็จจริงๆว่ะ![NC] (06-05-18)*P.3
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 06-05-2018 18:21:33


บทที่ 15 เสม็ดมันเสร็จจริงๆว่ะ!



พาร์ตของปูนใส


“น้องปูน”

“ครับ”

“ไปเล่นน้ำกัน”

“ไม่ดีกว่าครับ ปูนว่ายน้ำไม่แข็งปูนกลัว”

“พี่มีห่วงยาง อีกอย่างอยู่กับพี่ไม่ต้องกลัว!” พี่น้ำชูห่วงยางเด็ก!ให้ผมดูด้วยรอยยิ้มกว้าง

“...”

“มาเหอะมาทะเลทั้งทีก็ต้องเล่นน้ำทะเลสิ” พี่น้ำคว้าข้อมือผมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ชายหาด ผมเลยต้องจำใจลุกตามแรงดึงของพี่น้ำ

“ทำไมพี่น้ำไม่ไปดำน้ำกับพวกไอ้พู่ล่ะครับ” พวกไอ้พู่จองทริปดำน้ำไว้ ออกไปตั้งแต่เที่ยงผมที่ไม่ค่อยถูกกับกิจกรรมทางน้ำสักเท่าไหร่เลยเลือกที่จะนอนอ่านหนังสือ(เรียน)สบายๆอยู่ที่ริมหาดดีกว่า..แต่แปลกที่พี่ไม่ได้ไปด้วย ด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวผมเหงา!

“แล้วใครจะอยู่กับน้องปูนล่ะ”

“ปูนอยู่ได้” ผมอยู่ได้จริงๆ ดีซะอีกจะได้อ่านหนังสือสบายๆเงียบหูโดยไม่มีมลพิษทางสียงจากผองเพื่อน!

“แต่พี่อยู่ไม่ได้!”

“...!!” ไอ้คำพูดแบบเนี้ย ผมฟังแล้วก็เขินอยู่เรื่อย!


..แปลกดีเหมือนกันทั้งที่รู้จักกันมาตั้งนานผมไม่เคยเขินหรือตื่นเต้นเวลาที่อยู่ใกล้พี่น้ำ แต่พอหลังจากที่เลิกกับแป้งแล้วพี่น้ำบังเอิญเจอผมนั่งร้องไห้อยู่หน้าเซเว่นวันนั้น พี่น้ำก็วนเวียนอยู่ใกล้ผมเสมอและมักจะมีเค้กแสนอร่อยจากแม่ดามาให้ผมบ่อยๆจนผมเกิดความรู้สึกแปลกๆ และเขินกับบางคำพูดและสายตาของพี่น้ำ..ผมรู้สึกดีเวลาที่พี่น้ำอยู่ใกล้ๆ มันสบายใจอย่างบอกไม่ถูก มารู้ตัวอีกทีผมก็ชอบพี่น้ำเข้าให้แล้ว!

ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าพี่น้ำกำลังทำอะไรทำไมถึงชอบทำให้ใจผมปั่นป่วนอยู่เรื่อย..กระทั่งวันที่พี่น้ำมาที่ห้องของผม และขอผมเป็นแฟน! ผมถึงได้รู้ว่าการกระทำที่ผ่านมาของพี่น้ำคือพี่เขากำลังจีบผม..ผมนี่มันซื่อบื้อจริงๆ!!

ผมไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธคำขอเป็นแฟนนั่น แต่ผมขอให้พี่น้ำจีบผมต่ออีกหน่อย เพราะที่ผ่านมาผมไม่รู้ตัว และไอ้การถูกจีบ..มันก็รู้สึกดีชะมัด!!

การที่ผมไม่ปฏิเสธและขอไปแบบนั้นหวังว่าพี่น้ำจะเข้าใจว่าจริงๆแล้ว..เราใจตรงกัน!


“อยู่แค่ตรงนี้ก็พอครับ” ผมบอกพี่น้ำให้หยุดเดินต่อ เพราะตอนนี้ระดับน้ำมันเท่าอกผมแล้ว แต่มันเท่าแค่สะดือของพี่น้ำเอง..ก็ผมมันพวกฮอบบิท  ฮือออ

“ไม่ต้องกลัวครับน้องปูนอยู่ในห่วงยางนะ อีกอย่างพี่บอกแล้วไงว่าอยู่กับพี่ไม่ต้องกลัว พี่จับมือเราไว้อยู่รับรองพี่ไม่ปล่อยเด็ดขาด” แล้วพี่น้ำก็จูงมือผมให้เดินไปในระดับน้ำที่ลึกกว่าเดิม กระทั้งเท้าผมไม่สัมผัสโดนกับผืนทราย

“พี่น้ำ~” ทั้งตัวและน้ำเสียงผมเริ่มสั่น

“โอเคๆ พี่ขอโทษไม่คิดว่าเราจะกลัวขนาดนี้” พี่น้ำที่รับรู้ถึงความกลัวของผมพูดด้วยน้ำเสียงปลอบโยนก่อนที่จะจูงมือผมให้ลอยตัวมายังบริเวณที่เท้าผมแตะถึง

“พี่ขอโทษนะ” พี่น้ำพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ

“ไม่เป็นไรครับ พี่น้ำไปว่ายน้ำก็ได้นะครับ เดี๋ยวปูนรออยู่ตรงนี้”

“ได้ไง พี่บอกแล้วไงว่าจะไม่ปล่อยมือเรา!”

“ตรงนี้น้ำไม่ลึก ปูนไม่กลัวครับ” น้ำมันแค่เอวผม แถมยังอยู่ในห่วงยาง ถือว่าปลอดภัยผมเลยไม่กลัว

“แน่ใจนะ!”

“ครับ”

ผมลอยตัวเล่นน้ำอยู่ในห่วงยางสู้กับแดดอันเจิดจ้าในเวลานี้ ส่วนพี่น้ำก็ดำผุดดำว่าย อยู่ไม่ไกลจากผมเท่าไหร่ แต่สายตาก็ยังคงหันมองมาที่ผมเป็นระยะๆ แบบนี้พี่น้ำก็ไม่สนุกน่ะสิมัวแต่กังวลผม

..ทำไมอ่อนแอขนาดนี้วะไอ้ปูน มึงจะกลัวอะไรห่วงยางก็มี อีกอย่างพี่น้ำก็อยู่นี่ ทำไมต้องกลัว!
แล้วคำพูดของพี่น้ำก็ดังเข้ามาในความคิด ‘อยู่กับพี่ไม่ต้องกลัว’ นั้นสิ ไม่มีพี่ต่างหากที่ผมกลัว!
คิดได้ดังนั้น ผมเลยใจกล้าค่อยๆลอยตัวไปใกล้พี่น้ำ จนเท้าเตะไม่ถึงพื้นทรายใจผมก็กระตุกวาบ ภาพที่ไม่น่าจดจำในอดีตฉายวับเข้ามาในความคิด..ผมกลั้นหายใจจับห่วงยางไว้แน่นพร้อมกับหลับตาปี๋

“น้องปูน!” พี่น้ำเรียกผมด้วยความตกใจ..แต่ที่ตกใจมากกว่าก็ผมนี่แหละ! เพราะว่าตอนนี้หน้าของพี่น้ำใกล้กับหน้าของผมมาก มากจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของพี่น้ำ

“เป็นอะไรรึป่าว ทำไมไม่เรียกพี่เดี๋ยวพี่ไปหาเราเองตรงนี้มึนลึกนะ” ทั้งน้ำเสียงและสายตาของพี่น้ำเต็มไปด้วยความห่วงใย

“ปูนแค่อยากมาเล่นกับพี่น้ำ”

“ไม่กลัวแล้วเหรอ?!”

“พี่น้ำบอกเองว่าอยู่กับพี่น้ำไม่ต้องกลัว ปูนเชื่อครับว่าพี่น้ำจะปกป้องปูนได้ พี่น้ำคงไม่ปล่อยให้ปูนจมน้ำใช่มั้ยครับ” ผมพูดในสิ่งที่ใจคิด เพราะเวลาผมอยู่กับพี่น้ำผมรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก

“น้องปูน~ เชื่อใจพี่ได้เลยครับ” พี่น้ำพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง จากนั้นพี่น้ำก็จับมือผมทั้งสองข้างจูงผมให้ล่องลอยไปตามผิวน้ำ..สัมผัสอุ่นจากมือพี่น้ำส่งผ่านมายังหัวใจผมที่ตอนนี้มันอุ่นวาบไปทั้งสี่ห้องหัวใจ ผมเชื่อใจพี่น้ำจนลืมความกลัวไปหมดสิ้น..

“พี่ถามได้มั้ย ทำไมน้องปูนถึงกลัวน้ำ เอ๊ะหรือว่ายังไม่ได้ฉีดยา” แหนะ! ยังจะตลกอีก

“ปูนฉีดยาแล้ว!..ตอนเด็กปูนเคยจมน้ำ ปูนเลยไม่ค่อยถูกกับน้ำสักเท่าไหร่”

“แล้วน้ำคนนี้ล่ะถูกด้วยรึป่าว” สายตาที่ถามช่างเป็นประกายวาววับ

“อืม...นั่นสิ น่าจะถูกครับ แบบพี่น้ำคงไม่แพง” ผมแกล้งแซวเพื่อกลบเกลื่อนความเขิน ผมเข้าใจความหมายในคำพูดของพี่น้ำว่าหมายถึงอะไร ถ้าไม่ถูกด้วยคงไม่กล้าลอยตัวเข้ามาหาในน้ำที่ลึกแบบนี้!

“ฮ่าๆ น้องปูนก็! คนกำลังจะเข้าโหมดซึ้งพาเลี้ยวมาตลกเฉยเลย มุกแบบนี้อย่าไปเล่นที่ไหนนะสงสัยอยู่กับไอ้หมีมากไปแน่เลย”

“ฮ่า ๆ คงงั้นมั้งครับ”

“คำตอบของพี่ที่ถามไปตอนนั้น พี่ขอคำตอบตอนนี้เลยได้มั้ยครับ” ทั้งสายตาและคำพูดของพี่น้ำแปรเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งขึ้นมาทันที

“ปูนชอบพี่น้ำครับ” ผมตอบออกไปทันทีเพราะไม่รู้จะเก็บมันไว้อีกทำไม ในเมื่อความรู้สึกของเรามันชัดเจนขนาดนี้

“แล้ว?!”

“...” ผมก็บอกชอบไปแล้วไง! ทำไมผมต้องพูดต่อด้วยล่ะ ไอ้พี่น้ำนี่ มันต้องเป็นหน้าที่พี่สิ!

“น้องปูน แล้วยังไงต่อครับ”

“ไม่ยังไงครับ ปูนขึ้นฝั่งดีกว่าอยู่ในน้ำนานละ” เขิน จะให้ผมขอเป็นแฟนก่อนได้ไงล่ะ!

“โธ่ น้องปูนอย่าเพิ่งไปสิ..เป็นแฟนกับพี่ก่อนแล้วค่อยไป” แล้วพี่น้ำก็ถึงห่วงยางผมไว้ไม่ให้ผมได้ขยับตัว

“...” ขี้โกงที่สุด

“ว่าไง ถ้าไม่ยอมก็อยู่ในน้ำนี่แหละให้ตัวเปื่อยไปเลย”

“ฮ่าๆ เป็นก็ได้ครับ” ก็ขอแล้วนี่นะ ก็ถึงเวลาที่ผมต้องตอบ

“จริงๆนะ พูดแล้วห้ามคืนคำนะ” พี่น้ำพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น จนทำอะไรไม่ถูกได้แต่กระโดดโหยงๆอยู่ในน้ำ

..น่ารักดีแฮะ!

“ครับ เราเป็นแฟนกัน” ผมตอบชัดเจนและจริงใจที่สุด และต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กันไม่รู้ว่ายิ้มของใครกว้างกว่ากันแต่ที่รู้ๆดวงตาเป็นประกายของเราทั้งคู่มันเปล่งประกายยิ่งกว่าประกายแสงแดดที่กระทบกับผืนทะเลตอนนี้เสียอีก..

“น่ารักที่สุด เด็กน้อยของพี่” แล้วพี่น้ำก็ดึงผมเข้าไปกอดโดยมีห่วงยางขวางกั้น ..ผมไม่ชอบให้ใครเรียกผมว่าเด็กแต่สำหรับพี่น้ำผมยอม!

“น้องปูนพี่ขออะไรอย่างนึงได้มั้ยครับ”

“อะไรครับ?”

“จูบ” พี่น้ำพูดพร้อมกับจ้องลึกมาที่นัยน์ตาของผม

“มะ ไม่ได้” ผมรีบหลบสายตาก่อนจะปฏิเสธเสียงสั่น

“ทำไมล่ะก็เราเป็นแฟนกันแล้ว รู้มั้ยว่าปากแดงๆของเราน่าจูบแค่ไหน” ท้ายประโยคเสียงของพี่น้ำเริ่มแผ่ว พร้อมกับแตะเรียวนิ้วมาที่เรียวปากของผมเบาๆ

“ปูนอยากขึ้นฝั่งแล้ว” ขืนไม่ขึ้นตอนนี้น้ำทะเลคงได้เดือดแน่ๆ เพราะไม่ใช่แค่หน้าที่ร้อนแต่มันร้อนไปทั้งตัวความเย็นจากน้ำทะเลก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย!

“จูบพี่ก่อน เดี๋ยวให้ขึ้น” พี่น้ำก็ยังคงงอแง เหมือนเด็กเอาแต่ใจ..ตกลงใครเป็นเด็กน้อยกันแน่!!

“เจ้าเล่ห์นะค...” ประโยคที่ผมกำลังพูดขาดหายโดยพลันเมื่อพี่น้ำโน้มหน้าลงมาจูบ แม้สัมผัสจะบางเบาแต่ทว่ากับทำให้หัวใจของผมเต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอก!!

“ปากของน้องปูนเป็นอย่างที่พี่จิตนาการไว้เลย” ใบหน้าของพี่น้ำยังคลอเคลียไม่ห่างจากใบหน้าของผมที่ตอนนี้มันคงแดงปลั่ง

“จิตนาการอะไรครับ?”

“มันหวานและหอมเหมือนไอติมวนิลาเลย!” เสียงกระชิบบอกใกล้กับมุมปากของผม จากนั้นพี่น้ำก็แนบเรียวปากลงมาชิมไอติม
รสวนิลาจากเรียวปากของผมอีกครั้ง!


                ....บึ้มมมมมม ลาก่อนหัวใจดวงน้อยของผม!!



จบพาร์ตของปูนใส

....................................................



“เฮ้ย!! สองคนนั้นน่ะ จะจู๋จี๋กันอีกนานมั้ย ฉลามจะแดกหัวพวกมึงอยู่แล้ว” ผมตะโกนแซวไอ้ว่าที่คู่รัก ที่ตอนนี้คงจะเป็นคู่รักโดยสมบูรณ์แล้ว ไม่งั้นคงไม่จูบกันกลางทะเล!

“พวกกูเห็นนะเมื่อกี้น่ะ” ไอ้หมีแกล้งถามอย่างจับผิด เมื่อทั้งสองคนขึ้นมาบนชายหาด

“ก็คนเป็นแฟนกันจะทำไมวะ มึงอิจฉาล่ะสิไอ้หมี” ไอ้พี่น้ำพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ ส่วนไอ้ปูนนะเหรอแก้มแทบแตก!

“แฟนกัน!!” แล้วทุกคนก็ประสานเสียงขึ้นพร้อมกัน ยกเว้นไอ้ดินที่แค่ยิ้มน้อยๆ ดีนะที่มันยังยิ้มถือว่ายังมีอารมณ์ร่วม!!

“แหม่ๆ พวกกูไม่อยู่แป๊ปเดียวได้เสียเป็นแฟนกันซะละ” ไอ้หมีเอ่ยแซวอย่างล้อๆ

“ได้เสียพ่องดิ ยังโว้ย” ไอ้ปูนโวยวาย แต่หน้ามันแดงแปร๊ดอย่างกะตูดลิง

“เฮ้ยอย่าให้เสียชื่อเสม็ดดิวะ เสม็ดเสร็จทุกรายนะเว้ย” ผมแกล้งแซวมันไม่เลิก สนุกจริงๆเข้าใจอารมณ์พวกมันละเวลาที่พวกมันแซวผมเรื่องไอ้ดิน

“มึงก็ยังไม่เสร็จไอ้ดินเหมือนกันนั้นแหละ!” อ้าว วกมาที่กูซะงั้น

“มึงรู้ได้ไง”

“เดินได้ปร๋อขนาดนี้คงเสร็จไปแล้วล่ะมั้ง”  รู้ดี!! แต่ก็เสร็จอยู่นะคนละสองน้ำ ฮ่าๆ แต่ใครจะง่าวบอกล่ะ

“เออ ไอ้ดินแม่งอ่อน หรือว่าไอ้พู่หุ่นมันไม่เร้าใจวะ กูหาสาวให้มะ” ไอ้หมีแกล้งทำสีหน้าผิดหวัง ตอนไปดำน้ำมันก็บ่นตลอดทริปว่าถุงยางและอุปกรณ์ในการร่วมรักที่มันซื้อให้เป็นของขวัญต้องเป็นหมัน จนผมรำคาญอยากจะเอากล่องถุงยางปาหัวมันจริงๆ!!

“สาวพ่อง เงียบไปเลยไอ้หมี” เสร่อ!!

“ไม่ต้องหรอกแค่นี้ก็เร้าใจจนกูแทบจะอดใจไม่ไหวแล้ว”

“ไอ้ห่าดิน!! มึงไม่พูดก็ไม่มีใครว่ามึงเป็นใบ้นะ” ทีเรื่องแบบนี้เสือกมีอารมณ์ร่วม! แต่เสือกพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยขัดกับคำว่าเร้าใจซะเหลือเกิน!

“อย่างไอ้พู่เนี่ยนะเร้าใจ กูนึกภาพไม่ออกว่ะ” ไอ้สมใจเดาะลิ้น แล้วมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับสายหน้า

“มันขาวไง ไอ้ดินแม่งชอบของขาวมึงก็รู้” ไอ้นพยืนกอดอก หรี่ตามองผมผ่านกรอบแว่นของมันคล้ายสำรวจ..นี่กูตัวอะไร!? มายืนพินิจพิจารณาอยู่ได้!

“พวกมึงไม่ต้องอยากรู้หรอก กูเร้าใจของกูก็พอ..ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วจะยืนโชว์หัวนมอีกนานมั้ย” เอ้า จู่ๆก็เข้าโหมดหงุดหงิดแล้วก็มาลงที่กูซะงั้น!!

“หัวนมห่าไรของมึง กูก็ใส่เสื้อมะ”

“เสื้อเปียกแนบกับตัวขนาดนี้ ก้มดูตัวเองดิ”

“โว๊ะ ไร้สาระกูก็ผู้ชายมะ เสื้อมึงก็เปียกเห็นหัวนมมึงเหมือนกันนั่นแหละ” ไม่ยอมครับ ขอเถียงสุดใจขาดดิ้น

“ไม่รู้กูหวง!”

“มึงแมร่ง”

“อย่าเถียง เดี๋ยวจับจูบ” ครับ! จบที่ตรงนั้น กูยอม!!

“เอ่อ ถ้าจะจูบกันรบกวนไปที่ห้องนะครับ” ไอ้สมใจผายมือไปยังห้องพักของผมกับไอ้ดิน

“ป่ะ” แล้วมันก็ดึงแขนผมให้เดินตามมัน

“จะไปไหน”

“ไปจูบที่ห้อง!”

“เพื่อนกู แม่งคนจริงเว้ย!!” เสียงไอ้สมใจที่ตะโกนไล่หลังมา พร้อมกับเสียงโห่แซวของผองเพื่อน มันช่างน่าถีบซะจริงๆ!




“อะไรของมึงเนี่ย” ผมสะบัดมือออกเมื่อเข้ามาในห้อง

“ไปอาบน้ำ หรือจะให้กูอาบให้เหมือนเมื่อคืน” ไอ้ดินจ้องหน้าผมด้วยสายตาวาววับ

“ไม่ต้อง!!” ขืนให้มึงอาบให้มันไม่จบแค่อาบน้ำแน่ๆ!

ผมออกจากห้องน้ำ ไอ้ดินก็เดินสวนเข้าไปในห้องน้ำต่อผมทันที..เป็นห่าอะไรของมันอีก!!


..ไอ้ดินออกจากห้องน้ำผมก็นั่งหน้าหงิกรอคุยกับมันอยู่บนเตียง..แม่งตามอารมณ์มันไม่ทันจริงๆครับ!

“เป็นไรของมึง” ผมถามไอ้ดินที่ตอนนี้นั่งเช็ดหัวอยู่ที่ปลายเตียง แล้วมันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเขยิบมาใกล้แล้วใช้ผ้าขนหนูที่มันใช้เช็ดหัวตัวเองมาเช็ดหัวให้ผมที่ตอนนี้มันยังเปียกชื้น ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบก่อนที่ไอ้ดินจะเป็นฝ่าตอบคำถามของผม

“กูขอโทษ..กูหวงมึงมากไปหน่อย”

“กูไปทำอะไรให้มึงต้องหวงไหนว่ามาสิ” ผมไม่อยากให้มีปัญหาค้างคา ต้องรีบคุยกันให้เข้าใจ ไม่อยากปล่อยผ่านไม่อย่างนั้นมันจะบั่นทอนจิตใจเปล่าๆ

“เพราะมึงน่ารักกูก็เลยหวง!”

“...!!” ประสาท  ผมได้แต่ทำหน้าไม่เข้าใจ

“ก็ตอนไปดำน้ำ พวกฝรั่งต่างก็มองมึงอย่างกับจะแดกมึงลงท้อง ไม่ใช่แค่ฝรั่งสิ พวกทัวร์จีนก็ด้วย มีแต่พวกขาวตี๋ทั้งนั้นต่างก็มองมึงตาเป็นมัน” โว๊ะ! ถ้าจะบ้า สงสัยแฟนผมจะอาการหนัก! หึงหวงได้มั่วซั่วมาก ไม่คิดว่าโมเมนต์นี้จะเกิดขึ้นกับไอ้ดิน เฮ้อ..ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือจะหนักใจดี

น่าขำ..แต่ก็ขำไม่ออก เพราะสีหน้ามันเป็นกังวลมาก!!


“เราห้ามสายตาใครไม่ได้หรอกนะ เขาก็แค่มองป่าววะ มึงจะคิดมากไปทำไม”

“…”

“ยังไงกูก็อยู่นี่กับมึง ทั้งตัวและก็..” ผมละคำพูดสุดท้ายไว้แต่บอกด้วยภาษากาย ผมจับมือของไอ้ดินมาทาบที่หน้าอกซ้ายของผมแล้วก็ทาบทับมือของตัวเองทั้งสองข้างไว้บนหลังมือของมัน..หัวใจของผมตอนนี้มันเต้นแรงแต่มั่นคง เพื่อจะบอกให้ไอ้ดินรับรู้ว่า ใจที่มั่นคงของผมดวงนี้เป็นของมัน..

“กูขอโทษ..ดอกไม้กูมันงี่เง่าเอง” สีหน้าของไอ้ดินอ่อนลงทันที แล้วมันโอบกอดผมด้วยมืออีกข้างที่ว่างเว้นจากการเกาะกุมหัวใจของผม

“มึงไม่จำเป็นต้องแคร์คนอื่น คนที่มึงควรแคร์คือคนที่มึงรักต่างหาก” ผมไม่ได้พูดตรงๆว่ามันควรแคร์ผม หวังว่ามันจะเข้าใจว่าคนที่มันรักผมหมายถึงใคร

“กูรักมึงมากนะพู่กัน แล้วกูก็แคร์มึงมากๆด้วย แต่บางครั้งกูก็กลัว..กูกลัวจะเสียมึงไป”

“เป็นกูต่างหากมั้ยที่กลัว แฟนคลับมึงเยอะจะตาย แต่ที่กูไม่กังวลเพราะกูเชื่อใจมึงไงล่ะ..แผ่นดิน”

“...” ไอ้ดินเหมือจะอึ้งไปกับคำพูดของผม เพราะผมไม่เคยจริงจังขนาดนี้มาก่อน และผมไม่เคยแสดงออกว่าจริงจังด้วยล่ะมั้ง ไอ้ดินถึงได้กลัวและกังวลขนาดนี้..ผมผิดเอง!

“มึงจะเชื่อใจกูเหมือนที่กูเชื่อใจมึงได้รึป่าว” ผมใช้มือทั้งสองข้างประคองหน้าของไอ้ดินแล้วสบเข้าไปนัยน์ตาของมัน เพื่อจะสื่อว่าผมจริงใจแค่ไหน แล้วถามมันอย่างอ่อนโยน

“กูรักมึง กูเชื่อใจมึง และกูขอโทษที่ทำให้มึงคิดมาก”

“กูก็ขอโทษมึงเหมือนกัน”

“มึงจะขอโท..” ไม่รอให้มันพูดจบผมโน้มหน้าของไอ้ดินลงมาจูบ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว รักก็คือรัก เชื่อใจก็คือเชื่อใจ ผมเลิกพูดแล้วใช้ภาษากายบอกมันแทนว่าผมขอโทษที่ทำให้มันกังวลและผมรักมันแค่ไหน..



 
  อ่านต่อด้านล่างค่ะ

หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 15 เสม็ดมันเสร็จจริงๆว่ะ! [NC] (06-05-18) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 06-05-2018 18:23:47
..ไอ้ดินอึ้งกับการจู่โจมก่อนของผม ก่อนสติมันจะกลับมาแล้วเป็นฝ่ายจู่โจมผมแทน


     จูบครั้งนี้ต่างจากจูบครั้งไหนๆ มันอ่อนนุ่มแต่ก็แฝงไปด้วยความดุดัน เป็นจูบที่อ้อนวอน ร้องขอและเป็นจูบที่ต้องการครอบครอง  เราจูบกันอย่างดูดดื่มเร้าร้อน จากนั้นเราก็ผละออกจากกัน สบตากันแล้วเราก็ยิ้มให้กัน ..รอยยิ้มของไอ้ดินเป็นรอยยิ้มที่สวยที่สุดตั้งแต่ผมเคยเห็นมา

“กูรักมึงพู่กัน”

“กูก็รักมึงแผ่นดิน”

สิ้นเสียงคำบอกรักของเราไอ้ดินก็ประกบปากลงมาที่เรียวปากผมอีกครั้ง จูบอ่อนโยน ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นจูบที่เร่าร้อนแทบแผดเผา ไม่ต่างจากความต้องการของเราทั้งคู่ที่กำลังลุกโชน ..ก่อนทุกอย่างจะจบลงแบบค้างเติ่งเหมือนครั้งก่อนๆ ผมผละออกจากปากของไอ้ดินแล้วพูดความต้องการจากใจจริงออกไป

“ดิน ครั้งนี้ไม่ต้องหยุดนะ ทำต่อไปเลย” ผมพูดออกไปโดยไม่อายปาก เพราะความต้องการของผมในตอนนี้มันมีมากเกินกว่าจะมาเหนียมอาย!

“คืนนี้มึงอาจจะป่วย มึงจะไม่สบายตัวอย่าลืมว่าตอนนี้เราไม่ได้อยู่บ้าน” ไอ้ดินกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงแหบพล่า ด้วยสีหน้าที่อึ้งเล็กน้อย

..ผมรู้ว่ามันต้องอดกลั้นมากกว่าผมเสียอีก เพราะแบบนี้ไงผมถึงเต็มใจ!

กูต้องการมึง..แผ่นดิน” ผมคล้องแขนโอบรอบคอของไอ้ดิน พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นปนออดอ้อน

มึงแน่ใจนะ เพราะครั้งนี้กูคงถอยหลังอีกไม่ได้แล้ว” ไอ้ดินสบตาผมนิ่ง ผมจูบมันแทนคำตอบเป็นสัญญาณว่าผมแน่ใจ
 
จูบรุกเร้าจากไอ้ดินเป็นคำตอบได้ดีว่าครั้งนี้มันถอยไม่ได้แล้วจริงๆ ปลายลิ้นร้อนที่สอดเข้ามาในโพรงปากไล่สำรวจไปทุกซอกทุกมุมก่อนจะดูดดึงเรียวลิ้นของผมอย่างจาบจ้วงดุดัน ผมไม่ปฏิเสธดูดรัดปลายลิ้นร้อนของไอ้ดินเป็นการตอบโต้เช่นกัน

ไอ้ดินผละจูบแสนเร่าร้อนออก จากนั้นก็ดูดซับน้ำลายที่เปรอะมุมปากและข้างแก้มออกอย่างอ่อนโยนแต่ก็วาบหวามอยู่ในที ลิ้นร้อนของไอ้ดินไล่วนไปทั่วใบหน้าก่อนจะมาหยุดที่ใบหูมันทั้งดูดดึงและขบเม้น ทำให้ขนอ่อนของผมลุกเกรียวไปทั้งตัว ในขณะที่ปากของไอ้ดินทำหน้าที่ไม่หยุดนิ่ง มือของมันก็ไม่หยุดนิ่งเช่นกันลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของผม ทุกการกระทำทุกสัมผัสล้วนเป็นตัวกระตุ้นความต้องการให้ลุกโชนมากขึ้นกว่าเดิม

เสื้อยืดของผมถูกถอดออกโดยคนที่คร่อมอยู่บนตัวผม มันโยนเสื้อทิ้งอย่างไม่ใยดีผิดวิสัยพ่อบ้านรักสะอาดอย่างมัน ไอ้ดินตอนนี้กลายร่างจากสัตว์กินพืชมาเป็นสัตว์กินเนื้อที่หิวกระหาย และผมคือเหยื่ออันโอชะที่เต็มใจให้มันกิน!!

ลิ้นร้อนที่ไล่วนอยู่ที่ยอดอก ทั้งเลียทั้งดูดเม้นมันเสียวซ่านจนผมต้องแอ่นตัวขึ้นรับสัมผัสนั้น จากนั้นมันก็ทิ้งรอยแดงไปทั่วหน้าอกของผม  ความเสียวซ่านเพิ่มระดับมากขึ้นไปอีกเมื่อไอ้ดินลากลิ้นไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆ แล้ววนอยู่ที่หน้าท้องจนผมเริ่มหายใจติดขัด จากนั้นมันก็ใช้นิ้วเกี่ยวขอบกางเกงขาสั้นและกางเกงในของผมพร้อมกันแล้วเกี่ยวดึงลงอยากรวดเร็ว ไอ้ดินกำแกนกายของผมที่กำลังตื่นตัวและตวัดปลายลิ้นร้อนลงมายังที่ส่วนปลายอย่างรวดเร็ว

“อ๊ะ ไม่ได้ ไอ้ดิน ห้ามใช้ปาก” ผมรีบท้วงทันทีและผลักหัวมันออกจากบริเวณนั้น

“ทำไม” มันเงยหน้าขึ้นถามแต่มือที่กำแกนกายของผมก็ยังไม่หยุดขยับขึ้นลง

“มันสกปรก ชะ ใช้มือก็พอ”

“กูเต็มใจ” จากนั้นมันก็ก้มหน้าครอบครองส่วนนั้นด้วยปากของมันอีกครั้ง ทั้งดูดดึงและไล่เลีย

อืม..ผมรู้สึกดีกับสัมผัสนั้นโคตรๆ  ความเสียวซ่านแผ่ไปทั่วร่างกายผมเผลอขยุ้มไปที่หัวของไอ้ดินอย่างลืมตัว เสียงหอบหายใจดังขึ้นอย่างหนักหน่วงไม่ต่างจากคนที่กำลังครอบครองแก่นกายของผมอยู่ในตอนนี้

ร่างกายของผมแทบจะปลดปล่อยออกมาในทันใดเมื่อไอ้ดินเร่งจังหวะเร็วขึ้น แต่แล้วไอ้ดินก็หยุดชะงักถอนริมฝีปากออก ผมยกตัวขึ้นมองหน้ามันอย่างสงสัย มีเพียงแค่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มันส่งมาให้ แล้วมันก็ก้มหน้าไปตรงจุดที่ผมคาดไม่ถึง

“อ๊ะ!” ปลายลิ้นร้อนของไอ้ดินตอนนี้กำลังไล่เลียวนอยู่ที่ช่องทางนุ่มหยุ่นข้างหลังของผม

     ประหลาด..มันรู้สึกดีแฮะ!!

“เป็นไง”

“อื่อ แปลกๆ แต่รู้สึกดี”

“กูจะค่อยๆเอานิ้วเข้าไปนะ”

“...” ผมหายใจเข้าลึกๆ เตรียมพร้อมกับสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้ามาในตัวผมเป็นครั้งแรก!

ไอ้ดินค่อยๆชโลมเจลหล่อลื่นลงบนนิ้วของมันและช่องทางด้านหลังของผม ก่อนจะค่อยๆสอดนิ้วชี้เข้ามาจนสุดแล้วนิ่งค้างไว้  ถ้าไอ้หมีมันรู้ว่าอุปกรณ์ร่วมรักที่มันซื้อให้ไม่เป็นหมันอีกแล้วมันคงดีใจตายห่า!

“เจ็บมั้ย ดอกไม้”

“นิดๆ แต่กูรู้สึกอึดอัดมากกว่า”

“งั้นกูจะเริ่มขยับนะ” ไอ้ดินบอกผมทุกขึ้นตอน เพื่อให้ผมเตรียมพร้อม

“อะ ดินเจ็บ” ผมรีบกำท่อนแขนของมันไว้ เพื่อให้มันหยุดก่อน

“อย่าเกร็งดอกไม้ ของมึงรัดนิ้วกูแน่นมาก ผ่อนคลายหน่อย” มืออีกข้างที่ว่างเว้นลูบแก้มผมอย่างแผ่วเบา พร้อมกับโน้มหน้าลงมาจูบซับเรียวปากของผมอย่างอ่อนโยน ส่วนมือที่อยู่ด้านล่างก็ขยับเข้าออกอย่างช้าๆ

จูบที่ปลอบประโลมทำให้ผมลืมความเจ็บที่อยู่ด้านล่าง จากนั้นความเจ็บก็แปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่าน ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ไอ้ดินได้เพิ่มจำนวนนิ้วจากหนึ่งกลายเป็นสาม มันทำให้ผมรู้สึกทั้งเสียวและอึดอัด

“ดอกไม้ มึงคงจะพร้อมแล้วกูจะใส่ของกูเข้าไปแล้วนะ” ไอ้ดินบอกด้วยน้ำเสียงแหบพล่า จากนั้นมันก็ปลดเปลื้องอาภรของตัวเองด้วยความรวดเร็ว มันคงใช้ความอดกลั้นเป็นอย่างมากจนรอมาถึงเวลานี้!

ผมพยักหน้าให้มันแรงๆพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พร้อมรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น..แต่ผมเต็มใจ!

เจ้าจักรวาลของไอ้ดินตอนนี้ก็พร้อมเต็มที่ที่จะใช้งาน ผมเห็นความยิ่งใหญ่ของมันแล้วก็แอบหวั่นใจไม่ได้ แต่ผมก็ถอยไม่ได้อีกแล้วเหมือนกัน

ไอ้ดินใช้เจลชโลมช่องทางนุ่มหยุ่นของผมอีกครั้ง จากนั้นมันก็ใช้ปากฉีกซองถุงยางและใส่ให้กับตัวเองด้วยความคล่องแคล่ว ไหนบอกไม่เคยวะ?!

“อ๊าา เจ็บ” เจ้าจักรวาลของดินเข้ามาในตัวผมแค่ส่วนปลาย ผมก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บ ให้ตาย!ไม่คิดว่ามันจะเจ็บขนาดนี้

“อดทนนะดอกไม้ กูจะเข้าไปให้เบาที่สุด” ไอ้ดินพูดด้วยเสียงหอบหายใจที่หนักหน่วง
 
 ผมกัดฟันด้วยความเจ็บปวด ในที่สุดแกนกายของไอ้ดินก็เข้ามาจนสุด มันใหญ่จนคับแน่นไปหมด!

 ..ร่างกายของเราตอนนี้เชื่อมต่อกันแนบสนิท

“ดอกไม้อย่าเกร็ง ของมึงมันรัดแน่นเกินไปกูจะขยับยากนะแล้วมึงจะยิ่งเจ็บ”

“ดินกูเจ็บ”

“เราต้องผ่านจุดนี้ไปให้ได้ มึงเข้าใจใช่มั้ยดอกไม้” ไอ้ดินประกบปากจูบปลอบประโลมอีกครั้ง พร้อมกับขยับสะโพกเข้าออกช้าๆ

..เจ็บเหมือนร่างจะแตกเป็นเสี่ยงๆ น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ส่วนมือก็โอบแผ่นหลังของไอ้ดินไว้แน่นราวกับจะช่วยให้ความเจ็บปวดนั้นลดน้อยลง

ทั้งเจ็บและจุกไปทั่วบริเวณสะโพกและท้องน้อย ..แต่แล้วมันก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด!


“อ๊ะ ดิน อา”  เสียว! แต่ความเจ็บปวดยังคงหลงเหลือแต่ไม่มากเท่าตอนแรก

“อืมม ดอกไม้ ” ไอ้ดินครางเสียงต่ำ พร้อมกับเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น

..เหงื่อที่ไหลริน ลมหายใจอันหนักหน่วง เสียงเนื้อกระทบกัน และเสียงครางกระเส่า ดังลั่นไปทั่วห้อง แอร์ที่เย็นฉ่ำก็ไม่สามารถดับความร้อนรุ่มของเราได้เลย

“ดิน อะ กูจะไม่ไหวแล้ว” มือข้างซ้ายของไอ้ดินจับสะโพกผมไว้แน่นแล้วสวนกายเข้าออกถี่และเร็วกว่าเดิม ส่วนมืออีกข้างก็ขยับแกนกายของผมขึ้นลงเร็วไม่ต่างกัน

“อ๊ะ อาาา” ของเหลวสีขาวขุ่นของผมพวยพุ่งออกมาเปรอะเปื้อนบริเวณหน้าท้องเมื่อผมถึงปลายทาง

ไอ้ดินก้มลงจูบอย่างหนักหน่วง ก่อนจะเงยหน้าแล้วจับสะโพกผมไว้แน่นแล้วขยับแกนกายเข้าออกอย่างถี่รัว

“กูรักมึง พู่กัน” เสียงหอบหายใจอย่างหักหน่วงเมื่อมันใกล้ถึงปลายทาง จากนั้นผมก็รับรู้ถึงแรงกระตุกที่ช่องทางด้านหลังของผม ไอ้ดินฟุบหน้าลงกับอกผมก่อนจะจูบซับหน้าผากผมอย่างอ่อนโยนโดยที่ร่างของเราก็ยังคงเชื่อมต่อกัน

“ไหวมั้ยดอกไม้ อาบน้ำกัน”

“...” ผมได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ บอกเลยว่าเรี่ยวแรงตอนนี้แทบหมดสิ้น แล้วความเจ็บปวดก็แทรกซึมขึ้นมาอีกครั้ง!

“อ๊า” ผมอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาเมื่อไอ้ดินถอนแกนกายออก

       ..จากนั้นผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย จนกระทั้งไอ้ดินมากระซิบเรียกที่ข้างหู


“พู่  พู่กัน”

“อื่อ”

“กินข้าว กับกินยาก่อนเร็ว”

“ฮือ ปวดตัว” เสียงพูดนั้นช่างแหบแห้ง ฮือออ

“นั้นไง มึงต้องกินยา” ไอ้ดินค่อยๆประคองผมลุกขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียง..โอ้ยย ปวดร้าวไปถึงทรวงใน!

“กินยาเลยได้มั้ย กูไม่หิว”

“ไม่ได้! อย่าดื้อเดี๋ยวกูป้อน” แน่นอนว่ามึงต้องป้อนกู แค่ขยับกูก็ร้าวไปทั้งทรวง!!

ผมฝืนกินข้าวต้มที่ไอ้ดินป้อนได้ไม่กี่คำก็ไม่ไหว ผมอยากนอนพักแล้วมันทั้งปวดหัวและปวดเนื้อปวดตัวไปหมด

“กินอีกสัก2คำนะ ดอกไม้”

“เอายามา!”

“โอเคครับ” ไอ้ดินยื่นยาหลายเม็ดมาให้กับผม ก่อนที่ผมจะฝืนกลืนลงคออย่างยากลำบาก

“โอ้ยยย” ด้วยความเคยชินผมไถลตัวลงนอนอย่างลืมตัว แต่ด้วยร่างกายที่ไม่ปกติทำให้ผมต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“พู่กัน!” ไอ้ดินรีบมาประคองผมด้วยความตกใจ

“...” น้ำตาแทบร่วง สัด! เจ็บ

“กูขอโทษนะดอกไม้ ไม่คิดว่ามึงจะเจ็บขนาดนี้”

“...” ผมส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มให้มันน้อยๆ ไม่อยากให้มันต้องกังวล

“นอนพักนะ เดี๋ยวกูไปกินข้าวแล้วจะรีบกลับมา”

“เดี๋ยว..มึงไปเอายาพวกนี้มาจากไหน” น้าไอ้สมใจน่าจะมีแค่ยาพารา

“ก็ของที่ไอ้หมีมันซื้อให้ไง มียาด้วย” อืม..ผมควรขอบใจมันดีมั้ย!

“เดี๋ยวกูรีบมา ถ้ามีอะไรก็โทรหาทันทีเลยนะ” แล้วมันก็หยิบมือถือของผมที่วางอยู่บนโต๊ะมาไว้ให้ที่ข้างหมอน..โหมดพ่อบ้านของมันกลับมาอีกครั้ง! ความจริงมันกลับมาตั้งแต่มันเช็ดเนื้อเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมแล้วล่ะ

ผมนอนเป็นผักเฉาอยู่บนเตียง จากนั้นก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายข้างนอกห้องเลยสลึมสลือตื่น

“ไอ้ดิน! มึงทำน้องกูแรงไปรึป่าววะ มันถึงได้นอนเปลี้ยขนาดนี้”

“พี่น้ำผมขอโทษครับ แต่ผมเบาที่สุดแล้วนะพี่ นี่ครั้งแรกของพู่ด้วยหวังว่าพี่น้ำจะเข้าใจนะครับ”

“เออกูเข้าใจ..ไอ้พู่มึงโอเคป่าววะ” แล้วมันก็เขย่าตัวผมถามด้วยความเป็นห่วง

"อืออ" มึงช่วยห่วงกูแบบเบาๆได้มั้ยวะ กูจะไม่โอเคก็เพราะมึงนี่แหละ ผมทำได้เพียงส่งสายตาเคืองๆไปให้มัน แรงด่าไม่มีครับแค่กระพริบตากูยังเจ็บบอกเลอ!!

“ให้พู่นอนพักเถอะพี่”

“เออๆ มีไรบอกกูนะเว้ย”

“ครับพี่” หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงเปิดและปิดประตู แล้วห้องก็เข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง


“เป็นไงบ้าง อยากได้อะไรมั้ย” ผมค่อยๆลืมตา มองเจ้าของเสียงที่ตอนนี้มันนั่งอยู่ข้างเตียง

“ขอน้ำหน่อย”

“ค่อยๆนะ” ไอ้ดินประคองขวดน้ำที่มีหลอดดูดแล้วค่อยๆจ่อมาที่ปากผม โดยที่ตัวผมยังนอนราบเหมือนเดิม

“ทำไม ไอ้พี่น้ำเข้ามาคนเดียวล่ะ พวกนั้นไปไหนกันหมด”

“รออยู่ข้างนอกกูไม่ให้เข้ามาเองแหละ ไม่อยากให้รบกวนมึง วุ่นวายเปล่าๆ”

“ขอบใจ มึงมานอน” ผมตบที่นอนข้างๆเบาๆ จากนั้นไอ้ดินก็ซุกตัวลงในผ้าห่มแล้วสวมกอดผมเบาๆมันคงกลัวผมจะเจ็บ..ก็เจ็บจริงๆนั้นแหละผมต้องกัดปากตัวเองเพื่อไม่ให้หลุดเสียงร้องออก

“พู่”

“หืม”

“กูรักมึงนะ” มันบอกรักผมพร้อมกับลูบหลังมือของผมอย่างอ่อนโยน

“กูก็รักมึง”

“อาทิตย์หน้าไปบ้านกูนะ..แม่ถามหา”

“ถามหากูเหรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ มึงสัญญาอะไรกับแม่ไว้ล่ะ”

“สัญญา?” ผมไปสัญญาอะไรกับแม่ไอ้ดินตอนไหนว่ะ จำไม่ได้แฮะ

“มึงสัญญาว่าจะทำน้ำเงี้ยวให้แม่กิน อาทิตย์หน้ากลับบ้านกับกูนะ”

น้ำเงี้ยว!! อ่อ พอจะนึกออกละตอนนั้นแม่ไอ้ดินเกี่ยวก้อยสัญญากับผมด้วย นึกว่าแกจะพูดเล่นซะอีก!

“แล้วแม่รู้เรื่องกูกับมึงรึป่าว” ผมชักเริ่มกังวลเรื่องของครอบครัวของมัน มันเป็นลูกคนเดียวซะด้วยสิ ถ้าเกิดว่าที่บ้านมันรู้ว่าคบกับผมไม่อยากจะนึกภาพเลย!

“รู้ก่อนที่มึงจะรู้ซะอีก”

“ฮะ!”

“แม่รู้ก่อนที่มึงจะไปบ้านกูแล้ว”

“กูไม่เข้าใจ?”

“ตอนที่กูรู้ตัวว่าชอบมึง กูเลยเล่าให้แม่ฟัง”

“งั้นแสดงว่าตอนไปบ้านมึงแม่รู้ว่ากูคือคนที่มึงชอบงั้นเหรอ”

“ใช่แล้ว”

“แม่ไม่ว่า?”

“ไม่ว่า เหตุผลเดียวกับที่บ้านมึงนั่นแหละ”

“เราโชคดีจัง ที่ครอบครัวเราเข้าใจ” ผมรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

“อืม เพราะมึงกูถึงรู้ว่ากูโชคดี”

“เหมือนกัน”

“ถ้ากูจูบมึงตอนนี้จะเจ็บป่ะ” ไอ้ดินเอ่ยกระซิบถามอย่างแผ่วเบา พร้อมกับรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น..มันอุ่นจนความเจ็บปวดแทบจางหาย

“เจ็บ แต่กูอยากให้มึงจูบ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าออดอ้อนที่สุดให้กับรอยยิ้มแสนอบอุ่นนั้น

             ...ถ้าเจ็บแล้วมันแลกมาด้วยความสุขของเรา..ผมก็ยอม!






  TBC.

……………………………………………………………………...........

ได้กันอย่างเป็นทางการสักที!
บทนี้เขียนด้วยความเหนื่อยยากจริงๆ เค้าไม่ถนัดเขียนฉากNCเลยยย หากอ่านแล้วมันดูติดขัด..เค้าขอโต๊ด

ปล. ขอขอบคุณผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพทางเพศ จากเสี่ยหมี!!

หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 15 เสม็ดมันเสร็จจริงๆว่ะ! [NC] (06-05-18) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 06-05-2018 23:36:05
เสม็ดเสร็จทุกราย!!  :katai2-1:

ต้องขอบคุณของขวัญจากหมี  :laugh:

หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 15 เสม็ดมันเสร็จจริงๆว่ะ! [NC] (06-05-18) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 07-05-2018 04:18:10
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 15 เสม็ดมันเสร็จจริงๆว่ะ! [NC] (06-05-18) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 07-05-2018 18:12:45


 พู่กันอ่อยก่อนซะด้วย!  o18  :katai2-1:




หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 15 เสม็ดมันเสร็จจริงๆว่ะ! [NC] (06-05-18) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 08-05-2018 12:47:30
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 15 เสม็ดมันเสร็จจริงๆว่ะ! [NC] (06-05-18) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-05-2018 01:28:43
สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 15 เสม็ดมันเสร็จจริงๆว่ะ! [NC] (06-05-18) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 09-05-2018 18:17:04
 :hao6: :hao6: :hao6: ดินละมุนมาก  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 15 เสม็ดมันเสร็จจริงๆว่ะ! [NC] (06-05-18) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 10-05-2018 00:32:41
เค้าได้กันแล้ว.  :-[
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 15 เสม็ดมันเสร็จจริงๆว่ะ! [NC] (06-05-18) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 10-05-2018 23:34:13
สนุกกกกกก
อ่านไปยิ้มไป
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 16 มนต์รักน้ำเงี้ยว (07-06-18) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 07-06-2018 23:40:54

บทที่ 16 มนต์รักน้ำเงี้ยว



        ด้วยสัญญาน้ำเงี้ยวที่ให้ไว้กับแม่ของไอ้ดิน การซ้อมมือจึงเกิดขึ้นโดยคุณนายรดาผู้เขียนสูตรให้อย่างระเอียดถี่ถ้วนอย่างกะสูตรเคมี แถมยังกำชับมาว่าเครื่องแกงน่ะต้องตำเองจะได้ถึงเครื่อง

“ดินชื้อพริกแกงสำเร็จรูปดีมั้ยว่ะ” ผมหันไปถามไอ้ดินที่ตอนนี้สองมือมันเต็มไปด้วยถุงที่ใส่วัตถุดิบที่จะใช้ซ้อมมือทำน้ำเงี้ยวในวันนี้กับของฝากมาตรฐานสากลจากเชียงใหม่ที่หนีไม่พ้น แคบหมู ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่มที่ซื้อไปฝากที่บ้านของมันเพราะพรุ่งนี้ผมกับมันต้องเดินทางไปยังโคราชบ้านเกิดของไอ้ดิน
ส่วนผมน่ะเหรอ มือไม่ว่างเหมือนกันครับข้างหนึ่งถือถุงกล้วยแขกส่วนอีกข้างก็หยิบเข้าปากไง เอิ๊กกก


“แม่บอกให้ตำเองไม่ใช่เหรอ กูว่าตำเองน่าจะดีกว่านะ” พ่อบ้านอย่างไอ้ดินที่ปรุงทุกอย่างเองทุกขั้นตอนไม่สนับสนุนให้ผมซื้อเครื่องแกงสำเร็จรูปอยู่แล้ว แต่กูไม่อยากแขนเปลี้ยไง กว่าจะตำแหลกต้องใช้แรงมากโข นอกซะจาก...


“งั้นตำก็ได้ แต่มึงต้องเป็นคนตำนะ” ผมหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ให้มัน แต่กับเจอสายตาที่เจ้าเล่ห์กว่า..


“ได้เลย หน้าที่ ’ตำ’ มันเป็นหน้าที่กูอยู่แล้ว”

  ฉ่าาาาา ได้กลิ่นอะไรไหม้มั้ยครับ..เอิมมมหน้ากูเอง!



     กลับจากตลาดก็เข้าครัวทันที..วันนี้เชฟพู่หมึกดำลงมือเข้าครัวเองรับรองอร่อยเหาะไปถึงดาวพลูโต!

“พริกแห้ง รากผักชี กระเทียม หอมแดง กะปิ ถั่วเน่าแผ่นปิ้ง เกลือ” ผมพึมพำดูส่วนผสมเครื่องแกงที่อยู่ในครกซึ่งคิดว่าน่าจะครบแล้ว ก็ได้เวลาตำซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่หน้าที่ผม  ยกหน้าที่นี้ให้กับพ่อบ้านมือตำอันดับหนึ่งจากโคราชให้มันรับหน้าที่นี้ไปโดยไม่ต้องร้องขอ


“หน้าที่มึง มาตำเลย” ผมกวักมือเรียกไอ้ดินที่นั่งมองผมเข้าครัวด้วยสายตายิ้มละมุน..เขินวุ้ย


“ตำเลยเหรอ”


“เออสิ จะรออะไรล่ะ..เฮ้ย! มึงจะทำอะไรวะ” ผมร้องด้วยความตกใจที่จู่ๆไอ้ดินก็มาสวมกอดผมจากด้านหลัง


“ก็ตำกันไง” ไอ้ดินกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์


“กูหมายถึงตำน้ำพริก โคลกพริกแกงอ่ะ ไอ้บ้านี่!” เสียงหลงเลยกู


“หึๆ” ยังมีหน้ามาหัวเราะ เดี๋ยวเหอะกูจะเอาสากกะเบือตำหน้ามึงแหก แต่ตอนนี้หน้ากูแทบระเบิดก็เมื่อกี้มันไม่ได้แค่กระซิบมันดันทะลึ่งเลียหูผมด้วย  บะฮ้าปันต๋าย!!



     ผมปล่อยให้มือตำทำหน้าที่ของมันต่อไป ส่วนผมก็หันมาตั้งหม้อเพื่อต้มซี่โครงหมู จากนั้นก็หั่นเตรียมส่วนผสมอื่นๆ เสร็จแล้วก็รอจนกว่ามือตำจะโคลกเครื่องแกงละเอียด


“ละเอียดพอยัง” รอไม่นานแขนที่ขยับตำไม่หยุดอย่างเครื่องจักรกลของไอ้ดินก็หยุดลงพร้อมกับเรียกให้ผมไปตรวจงาน


“ไหนดูดิ อืม..ใช้ได้ละ” สมแล้วที่เป็นมือตำอันดับหนึ่ง! ว่าแต่ใครให้ตำแหน่งนี้กับมัน จะใครซะอีกก็เชฟพู่หมึกดำคนนี้ไง! สำหรับไอ้ดินแล้วมันเป็นอันดับหนึ่งทุกเรื่องสำหรับผมอยู่แล้ว   แอร๊ยยยย (สลิดดก)


“แล้วไงต่อ”


“เดี๋ยวกูจะผัดเครื่องแกง ส่วนมึงก็ตำกระเทียมต่อแล้วเจียวให้ด้วย โอเค๊”


“โอเค” มันยักไหล่เหมือนว่าแค่นี้สบ๊าย ดี!กูจะให้มึงตำจนแขนหลุดเลยคอยด



     หลังจากที่ได้เครื่องแกงที่ละเอียดยิบจากแรงถึกของไอ้ดิน จากนั้นผมก็ผัดเครื่องแกงกับหมูบด พอหมูเริ่มสุกก็เทลงในหม้อที่ต้มซี่โครงหมูไว้ ใส่ดอกงิ้วที่แช่น้ำจมนิ่มแล้วลงไป รอซี่โครงหมูเปื่อยดีก็ใส่เลือดไก่กับมะเขือเทศรอเดือดอีกครั้งเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการน้ำเงี้ยวกลอยใจอร่อยไกลไปถึงดาวพลูโต!

     กลิ่นหอมของน้ำเงี้ยวตลบอบอวลไปทั่วบ้าน แม้แต่แมวยังทนไม่ไหวเจ้าเหมียวทั้งสามตัวทำจมูกฟุตฟิตๆดมหาที่มาของกลิ่นหอม


“หอมจัง” แล้วมนุษย์แขนจักรกลก็เดินตามกลิ่นเข้ามาพร้อมกับลูกสมุนอีกสามตัว


“ชิมๆ” ผมตักน้ำแกงใส่ช้อนเป้าให้หายร้อนแล้วป้อนให้ไอ้ดินชิม


“...” ชิมแล้วหน้าเครียดคิ้วขมวด หมายความว่าไงวะ?!


“เป็นไง ไม่หร่อยเหรอวะ” ใจกูเริ่มเสียละ แต่ชิมเมื่อกี้รสชาติมันสุโก้ยมากเปิดร้านขายได้เลย นี่ไม่ได้อวยตัวเองนะ!


“อย่าไปทำให้ใครกินนะ” อ้าว!


“แย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” เสียใจเลยกู


“ป่าว มันอร่อยมาก กูกลัวคนอื่นจะหลงเสน่ห์ปลายจวักมึงต่างหาก ให้กูหลงได้คนเดียวก็พอ”


“โว๊ะ! กูลุ้นจนเยี่ยวเหนียว ว่าแต่มึงไม่ได้อวยกูนะ”


“อร่อยมาก แฟนผมนี่เก่งจริงๆ” คงอร่อยจริงๆเพราะอย่างไอ้ดินไม่ใช่สายอวย ปากมันตรงยิ่งกว่าไม่บรรทัด


        แบบนี้ค่อยมั่นใจหน่อยสำหรับสนามจริง ถ้าจะให้โทษก็ต้องโทษไอ้ดินนั้นแหละที่ทำให้ผมสูญเสียความมั่นใจในการทำอาหารเพราะตั้งแต่มันย้ายมาอยู่ด้วย มันทำหน้าที่พ่อบ้านอย่างไม่ขาดตกบกพร่องสมกับเป็นพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทองซึ่งผมมอบตำแหน่งนี่ให้มันเองแหละ จนผมแทบไม่ได้เข้าครัวจะหยิบจับอะไรมันก็รีบห้ามแล้วจัดการแทนทุกครั้ง อย่าว่าแต่น้ำเงี้ยวเลยแค่ไข่ต้มผมก็ไม่มีสิทธิ์ทำ นอกซะจากมันจะป่วยเหมือนครั้งก่อนถึงจะได้โชว์สกิลในการทำอาหาร!



“กลิ่นหอมไรวะ กลิ่นคุ้นๆ” มาละครับตัวแดก


“หวัดดีครับพี่น้ำ”


“หวัดดีน้องเขย ทำไรกินวะกลิ่นหอมไปถึงหน้าบ้าน” อย่างมันไม่ต้องจุดธูปเรียก มันจะลอยมาตามกลิ่นของอาหาร


“น้ำเงี้ยวครับพี่”


“จัดมาสักจานดิ๊ กินข้าวไม่อิ่มแม่งร้านบะหมี่ที่กูไปกินให้น้อยอย่างกะเซ้นเจ้าที่” เขาให้น้อยหรือมึงแดกเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม 
ไอ้กระเพราะควาย


“งั้นรอแปปนะพี่” ไอ้นี่ก็บริการดีเหลือเกิน ให้มันไปตักเองก็ได้มะ


“ไหนบอกไปกินข้าวกับไอ้ปูน”


“แคนเซิล น้องปูนไปกินข้าวกับที่บ้านพอดีญาติมาจากกรุงเทพ” มันพูดอย่างไม่สบอารมนัก เซ็งอ่ะดิไม่ได้เจอหน้าแฟน


“ได้ละครับพี่น้ำ”


“แต๊งกิ้วๆ” เมื่อขนมจีนน้ำเงี้ยวอยู่ตรงหน้ามันก็ไม่รีรอโซ้ยเข้าปากทันที


“เป็นไง อร่อยมั้ย” ผมถามมันอย่างลุ้นๆ


“อร่อยว่ะ น้องเขยกูแม่งเก่งสัดๆ”


“ผมไม่ได้ทำเองครับพี่”


“อ้าว ซื้อร้านไหนวะวันหลังกูจะไปซื้อมาแดกบ้าง”


“เชฟพู่ลงครัวเองครับวันนี้”


“ฮะ!! มึงเนี่ยนะทำเอง” แล้วมันก็ใช้ส้อมชี้หน้าผม  ห่ารากเดี๋ยวผีผลักส้อมจิ้มตากูบอด!


“เออสิ ลำก่อ” ผมยักคิ้วให้มันสองที เป็นไงน้องมึงเก่งล่ะสิ คิดว่าจะได้คำชมกลับมาเหรอ อย่าได้หวัง


“เออๆ ก็พอแดกได้ เอามาอีกจานดิ๊กูหิวเฉยๆนะ ไม่ได้อร่อยขนาดนั้น” จ้าไม่อร่อย แข็งกว่าหินก็ปากพี่กูนี่แหละ แต่ถ้าไอ้ปูนทำถึงรสชาติแม่งห่วยแตกมันก็จะบอกว่าอร่อยอยู่ดี เชื่อดิ!


“เหอะ นี่มึงจะชมน้องมึงบ้างก็ได้นะ ไม่ตาย”


“เออ ลำขนาด น้องกูเก่งง่าว” จะดีอยู่แล้วเชียว คำว่าง่าวไม่น่ามา  แต่เอาเถอะนานๆมันจะชมผมตรงๆสักที


“กูจะไปทำให้ที่บ้านไอ้ดินชิม มึงว่าเขาจะชอบมั้ยวะ”


“กูว่าผ่าน”


“จริงเหรอวะ”


“เออดิ กูแดกจะสามจานอยู่ละ กูไม่ได้ลิ้นจระเข้นะมึง เอาไปเลยสามผ่านนน” บทมึงจะอวยมึงก็อวยง่ายๆเน๊อะ


“ว่าแต่มึงจะไปกี่วันนะ” ในที่สุดไอ้พี่น้ำมันก็เงยหน้าจากจานถามผมหลังจากมันสวาปามขนมจีนน้ำเงี้ยวหมดไปสามจานพร้อมกับเรอเอิ๊กลั่นบ้านขนาดเจ้าเหมียวทั้งสามตัวยังสะดุ้งตกใจเสียงเรอของมัน สถุล!


“3คืน4วัน มึงแน่ใจนะว่าจะเฝ้าบ้านให้ ถ้าไม่ว่างกูจะเอาเจ้าเหมียวไปฝากบ้านใหญ่”


“กูว่าง นักศึกษาจบใหม่อย่างกูจะมีไรให้ทำวะนอกจากกินกับนอน” เออว่ะ ลืมไปเลยว่ามันเพิ่งเรียนจบนี่หว่า


“มึงคิดยังว่าอนาคตจะทำอะไร”


“ยัง แต่ก็คงหนีไม่พ้นงานที่เกี่ยวกับศิลปะ กูอาจจะเรียนต่อมั้งอาจจะเป็นอาจารย์สอนศิลปะแบบพ่อ”


“เพราะไอ้ปูนสินะ มึงถึงคิดเรื่องเรียนต่อ” อย่างไอ้พี่น้ำที่รักอิสระ อาชีพอาจารย์ไม่เคยอยู่ในสมองมันหรอก แต่เพราะความรักอาจทำให้ความคิดของมันเปลี่ยน


“ประมาณนั้น กูอยากคู่ควรกับน้องเขาอยากให้ความมั่นคงและคิดไม่ผิดที่จะฝากชีวิตไว้กับกู รูปแบบความรักอย่างเรามันยิ่งยากอยู่ด้วยในสังคมนี้ กูอยากให้พ่อแม่เขายอมรับในตัวกูด้วย ถ้ากูยังเป็นแค่ศิลปินไส้แห้งกูว่ามันคงไปไม่รอด”


“แล้วมันฝืนความรู้สึกมึงมั้ยล่ะ”


“ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะฝืน แต่สำหรับน้องปูนกูเต็มใจที่จะเปลี่ยนตัวเองเพื่อที่เราจะได้ก้าวไปด้วยกัน กูอยากเห็นน้องเขามีความสุขเพราะความสุขของเขาก็คือความสุขของกู”

อนุภาคของความรักช่างยิ่งใหญ่ คนอย่างไอ้พี่น้ำที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครกลับยอมทำทุกอย่างเพื่อผู้ชายตัวเล็กๆอย่างไอ้ปูน..ซึ้ง


“ถึงมึงไม่เปลี่ยนตัวเองไอ้ปูนมันก็ยังมีความสุขกับมึงอยู่ดีเพราะมันเลือกมึงแล้ว แต่ก็นะเรื่องของอนาคตใครจะไปรู้ ก็ดีแล้วล่ะที่มึงคิดที่จะทำอนาคตให้มั่นคง อยากทำอะไรก็ทำไปเหอะถ้ามันทำให้มึงกับไอ้ปูนมีความสุข เพราะมึงก็พี่กูส่วนไอ้ปูนก็เพื่อนรักกู กูก็อยากให้คนที่กูรักทั้งสองคนมีความสุข”


“น้องชายกูรักมึง กอดทีนึงดิ๊”

ผมที่กำลังซึ้งจะเข้าไปสวมกอดพี่ชาย แต่ไอ้ห่ารากมันเรอใส่หูโผ๊มมม

 
“เอิ๊กกกก” คิดว่าจะจบซึ้งเหรอ   ฝัน!  หูกูดับครับ จบที่ตรงนั้น







       ตี 5:50 นาที ฤกษ์งามยามดีในการออกเดินทางมุ่งหน้าสู่’โคราชบ้านเอง’  หลังจากกลับมาจากเกาะเสม็ดก็ได้เวลาออกเดินทางอีกครั้ง ทริปนี้เราออกเดินทางกันแค่สองคน ส่วนผองเพื่อนทั้งหลายก็ใช้เวลาในช่วงปิดเทอมเดินทางกลับบ้านเกิด

โดยไอ้นพกลับร้อยเอ็ดไปเมื่อสี่วันที่แล้ว ส่วนไอ้สมใจกับไอ้หมีก็เดินทางกลับโคราชบ้านเกิดเช่นกัน ถามว่าทำไม่ผมกับไอ้ดินไม่กลับพร้อมกับพวกไอ้หมีเพื่อจะได้ประหยัดพลังงานช่วยชาติ  ก็เพราะตอนนั้นช่วงล่างผมมันยังร้าวระบมอยู่น่ะสิ!

ผมต้องนอนเปลี้ยสามวันเต็มๆกว่าช่วงล่างจะฟื้นคืนกลับมา ใครจะไปคิดว่ามันจะร้าวระบมได้ขนาดนี้
คิดแล้วก็ละเหี่ยใจดีแท้ เมื่อนึกถึงตอนที่นั่งเครื่องกลับจากระยอง ผมร้องโอดครวญมาเป็นระยะๆเมื่อเครื่องบินตกหลุมอากาศ!  ผมไม่น่าถวายตัวให้มันก่อนเล้ย


เจ้าของรถเอสยูวีสีดำโดยพ่วงตำแหน่งพลขับมือวางอันดับหนึ่ง กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วยอารมณ์สุนทรีย์


‘ ยิ่งฉันฝืนไม่คุยกับเธอ ยิ่งฉันฝืนไม่มองหน้าเธอ
ใจของฉันก็ยิ่งอยากเจอ ยิ่งคิดถึงเธอทุกที
กลัวพูดมากันว่าฉันจะหวัง กลัวยิ้มมาแล้วฉันจะพัง
กลัวหัวใจที่มันจริงจัง จะตั้งความหวังกับเธอคนนี้
ก็เธอนั่นแหละน่ารักขึ้นทุกที ’


  เออ ช่วยมองทางด้วย อย่ามองแต่หน้ากู..เขินแต่เช้าวุ้ย


‘ พยายามค้นหาว่าเพราะอะไร ใจของฉันจึงไม่ไปไหน
ยิ่งฉันฝืนจะไม่ใส่ใจ ยิ่งแย่ลงไปทุกที
ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ไม่ว่าเธอจะไปกับใคร
รู้ไหมฉันไม่เคยเปลี่ยนใจ ก็ได้แต่มองเธอในแง่ดี
ก็เธอนั้นแหละน่ารักขึ้นทุกที อย่างนี้

อยากมองเธอในแง่ร้าย ให้จิตใจได้หยุดพัก
แต่ยิ่งมองเท่าไร มันช่างยิ่งตกหลุมในความรัก
ไม่เข้าใจสงสัย เพราะเหตุใดประหลาดนัก
ยิ่งระวังเท่าไร ฉันยิ่งตกหลุมรักเธอ ’

‘ ฉันยิ่งตกหลุมรักเธอ ’


“หลุม!”


“หลุกรักไง”


“หลุมรักพ่อง!   หลุม ข้างหน้าระวัง!!” ไอ้สัดมัวแต่ร้องเพลงแล้วมองแต่หน้ากู โชคดีที่ไอ้ดินมันหักหลบหลุมไปได้ฉิวเฉียด ก่อนจะตกหลุมรัก มึงจะได้ตกหลุมกลางถนนตายซะก่อน!

  โอย..พ่อแก้วแม่แก้วช่วยอิลูกโตย


“เป็นห่าไรของมึงเนี่ย ตั้งใจขับรถหน่อย”


“กูกำลังตกหลุมรักมึงอีกครั้ง” พูดออกมาได้หน้าตาเฉย ไม่มีความรู้สึกผิดต่อเหตุการณ์เมื่อครู่เลยสักนิด..เออ เอากับมันสิ


“ประสาท”


“กูตกหลุมรักมึงมากขึ้นทุกวันๆ ยิ่งหน้าตอนที่มึงอยู่ใต้ร่างกูแม่งยั่วกูฉิบหายนึกแล้วก็ของขึ้น ดอกไม้ขอบดีพคิสห้านาที” ด้วยความไวแสงแล้วมันก็หักรถจอดข้างทางพร้อมกับโน้มหน้าจูบผมด้วยความเร็วรี่ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนผมตั้งตัวไม่ทัน 
โอ๊ยยยย แล้วจะถึงมั้ยโคราชบ้านเองน่ะ!


“ไอ้ห่าดิน หยุดเลย จะมาหื่นอะไรเวลานี้” ผมรีบดันตัวมันออกหลังจากที่สติกลับมา


“ไม่ได้เหรอ” ยังจะมาถามอิ๊ก  หน้าตาละห้อยแต่นัยน์ตามึงวาววับ กูล่ะเกลียด


“ไม่ได้!!  ลงมาเลยเดี๋ยวกูขับเอง”


“ไม่เป็นไร พลขับมือสองนอนรอไปก่อนได้เลย” นอนพ่อง มึงได้ฉวยโอกาสจูบกูอีกอ่ะดิ


“งั้นก็ตั้งใจขับ อย่าเล่นบ้าๆแบบนี้อีก ไม่งั้นกูไม่กลับด้วย เชิญมึงกลับบ้านคนเดียวเลย”


“โอเคครับ” หลังจากนั้นไอ้มนุษย์หื่นก็กลายร่างเป็นพลขับมือวางอันดับหนึ่งขับรถด้วยความตั้งใจตามเดิม




     13:45นาที ตอนนี้พวกเราเข้าสู่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ใช้เวลาเดินทางต่ออีกประมาณ20นาทีรถก็เลี้ยวเข้าสู่ ‘บ้านสวนรักษ์ดิน’ สวนดอกเบญจมาศและสวนกล้วยไม้ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวไอ้ดิน
ขับรถมาทางด้านหลังของสวนดอกไม้ก็จะเจอบ้านสไตล์โคโรเนียลสีขาวตัดกับสีฟ้าที่ตั้งเด่นเป็นสง่าท่ามกลางแมกไม้สีเขียวชอุ่ม

“ถึงแล้ว เข้าไปหาพ่อกับแม่กันเถอะ” เมื่อรถจอดสนิทไอ้ดินก็หันมาพูดกับผม


“ตื่นเต้นว่ะ” ถึงผมจะเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่งก็ตามเหอะ แต่มาในครั้งนี้สถานะของผมกับไอ้ดินมันเปลี่ยนไปก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้


“ใจเย็นๆ ทุกคนที่นี่รักมึงเชื่อกูดิ” ความอบอุ่นที่ส่งผ่านจากฝ่ามือของไอ้ดินมายังฝ่ามือผมทำให้ความเต้นตื่นนั้นลดน้อยลงแปรเปลี่ยนเป็นความเชื่อมั่น แต่ลึกๆมันก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ดี

เหมือนเดจาวู เมื่อลงจากรถเจ้าหมาโกลเด้นริทรีฟเวอร์ขนสีทองสวยสองตัวก็ปรี่เข้ามาหาแกว่งหางสวิงด้วยความตื่นเต้น


“ถุงเงิน ถุงทอง" ยังไม่ทันได้เอ่ยทักทาย เจ้าหมาทั้งสองตัวก็กระโดดเกาะผมโดยที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว สรุปคือก้นจ้ำเบ้า  ครับ! แล้วก็ได้รับการต้อนรับด้วยการเลียหน้า  แต่นี่แหละคือสิ่งที่ผมโปรดปราน!


“พอเลย ถุงเงิน ถุงทอง ไม่สนใจกันเลยนะ” มีงอนหมาด้วยครับ


“ว้าย ตายแล้ว ถุงเงิน ถุงทองทำอะไรพี่พู่ล่ะลูก”


“คุณแม่สวัสดีครับ” ผมไหว้แม่ไอ้ดินทั้งๆที่ยังนั่งอยู่กับพื้นส่วนหน้าก็เยิ้มไปด้วยน้ำลายของเพื่อนร่วมโลกทั้งสองตัว


“หวัดดีลูก ดินช่วยพู่ลุกขึ้นมาสิลูก”


“น้ำลายหมาของชอบเขาเลยล่ะแม่” ผมได้แต่ส่งสายตาอาฆาตไปให้มัน ถึงปากไอ้ดินจะพูดแบบนั้นแต่มันก็ยื่นมือมาฉุดผมให้ลุกขึ้นอยู่ดี


“ไม่เอาๆลูก เข้าบ้านไปล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วมากินข้าวกัน แม่เตรียมกับข้าวไว้ให้เยอะเลย”


แม่ของไอ้ดินจูงมือผมเข้ามาในบ้าน ก่อนจะพาผมมายังห้องน้ำเพื่อให้ผมล้างหน้า


“เป็นไงหายตื่นเต้นยัง” ไอ้ดินที่ตามเข้ามาในห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กที่ตอนนนี้มันกำลังช่วยซับหน้าให้ผม


“เจอเจ้าหมาสองตัว ความตื่นเต้นก็หายไปเลย ส่วนคุณแม่ก็น่ารักไม่ได้ทำให้กูรู้สึกประหม่าเลย”


“บอกแล้วว่าคนที่นี่รักมึง ป่ะไปกินข้าวกัน”


“อย่าจูงมือสิ กูเดินเองได้” พูดไปก็เท่านั้นครับเพราะฝ่ามือใหญ่ของไอ้ดินยิ่งกระซับฝ่ามือของผมแน่นขึ้น


ที่โต๊ะอาหารพ่อและแม่ของไอ้ดินนั่งรออยู่ก่อนแล้ว


“คุณพ่อสวัสดีครับ”


“หวัดดีลูก ขับรถไกลเลยเหนื่อยไหมลูก”


“ไม่เหนื่อยครับ ผมได้ขับไม่มากเท่าไหร่ ถ้าเหนื่อยคงนอนจนเหนื่อยมากกว่า แฮะๆ” สายตาที่มองมาจากพ่อของไอ้ดินเปี่ยมไปด้วยความเอ็นดูซึ่งผมรับรู้ได้ จึงกล้าพูดอะไรแป๊กๆออกไป


“หึๆ งั้นเหรอลูก มาๆกินข้าวคงจะหิวกันแล้ว”


“ดินตักผัดผักบุ้งหมูกรอบนี่ให้พู่สิ”


“พู่แพ้ผักบุ้งครับแม่ มันกินไม่ได้ แต่หมูกรอบน่ะของโปรด” แล้วไอ้ดินก็ตักเฉพาะหมูกรอบมาให้ผมจนล้นจาน..เออ ให้กูกินอย่างอื่นด้วย


“แปลกจัง แล้วกินผักอย่างอื่นได้ไหมลูก”


“ทานได้ครับ แต่ผักบุ้งทานไม่ได้จริงๆ ทานทีไรท้องเสียทุกที”


“น่าเอ็นดูจริงๆ อ่ะนี่จ๊ะ” แล้วแม่ไอ้ดินก็ตักหมูกรอบมาใส่จานผมเพิ่มอีก..สมแล้วที่เป็นแม่ลูกกัน อย่างอื่นผมก็กินได้ จบมื้อนี้ชั้นไขมันใต้ผิวหนังได้เพิ่มมาอีกชั้นแน่ๆ!


“พรุ่งนี้มื้อเที่ยงแม่ไม่ต้องเตรียมกับข้าวนะครับ เดี๋ยวพู่กันจะโชว์ฝีมือทำน้ำเงี้ยวให้ทาน”


“จริงเหรอลูก ดีจังที่ไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับแม่” ขอสารภาพตรงๆว่าจริงๆน่ะลืมไปแล้ว แฮะๆ


“จริงครับคุณแม่ นี่ผมเตรียมดอกงิ้วแห้ง กับถั่วเน่าแผ่นมาครบถ้วน”


“พู่กันลูก แม่ขออะไรอย่างหนึ่งสิ”


“ครับ?”


“แทนตัวเองว่าพู่ได้ไหมลูก แทนตัวเองว่าผมฟังดูแล้วมันห่างเหินกันจัง” โธ่ คุณแม่ก็ผมเขินนนน


“ก็ได้ครับ” ผมตอบด้วยท่าทางเก้อเขิน


“จะแทนว่าหนู เหมือนคุยกับแม่มึงก็ได้นะ”


“ไม่เอา! กูก็เขินเป็นมะ” ผมหันไปเอ็ดไอ้ดินเบาๆ ไม่กล้าออกฤทธิ์มาก


“น่าเอ็นดู จะแทนว่าหนูก็ได้นะแม่ชอบ”


“ขอเป็นพู่เฉยๆดีกว่าครับ”


“ว่าแต่ดินสร้างความลำบากให้รึป่าวที่ย้ายไปอยู่ด้วย”


“ไม่ครับพ่อ ดีซะอีกมีคนทำข้าวเช้าให้กิทุกวัน แฮะๆ”


“ดีแล้วล่ะลูกอยู่ด้วยกันก็ช่วยดูแลกัน”


“สิ้นปีแม่จะไปเชียงใหม่ แล้วแม่จะแวะไปหานะลูก เอาของฝากเล็กๆน้อยๆไปฝากพ่อกับแม่พู่ด้วย เป็นการขอบคุณที่เอ็นดูลูกชายแม่”


“ครับ” ผมหันไปมองไอ้ดินที่มันมองผมด้วยรอยยิ้มละมุนอยู่ก่อนแล้ว ..เขินจัง พ่อแม่ของเราจะได้เจอกัน เอ๊ะ หรือว่านี่จะเป็นการสู่ขอ  แอร๊ยยย


มื้อนี้จบด้วยด้วยอิ่มหนำ ทั้งพ่อและแม่ของไอ้ดินต่างก็เอ็นดูผมชวนผมคุยสัพเพเหระเพื่อที่จะไม่ให้ผมรู้สึกอึดอัด..สุขใจอย่างบอกไม่ถูกแฮะ

 
  อ่านต่อด้านล่างค่ะ

หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 16 มนต์รักน้ำเงี้ยว (07-06-18) *P.3
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 07-06-2018 23:45:20
“นอนพักก่อนนะ มึงคงเหนื่อย” ไอ้ดินบอกผมหลังจากเราขนสัมภาระเข้ามาในห้องของมันเรียบร้อยแล้ว


“ไม่เหนื่อย กูนอนมาเยอะแล้ว มึงนั่นแหละที่ควรพัก เดี๋ยวกูนวดให้เอามั้ย เซอร์วิสพิเศษ”


“มีเซอร์วิสที่พิเศษมากกว่านวดมั้ย” สาตาวาววับเกิ๊น  จิ้มตาบอดแม่ง!


“ไม่มี! นี่พิเศษสุดแล้ว จะนวดไม่นวด”


“นวดดีเดี๋ยวป๋ามีรางวัล” ดูจากสาตาของป๋าแล้ว..รางวัลนั้นช่างน่ากลัว!


     บ่าของไอ้ดินนั้นค่อนข้างแข็ง คงจะเมื่อยพอดู ระยะทาง641กิโลเมตร พลขับมือวางอันดับสองอย่างผมได้ขับแค่ประมาณ70กิโลเมตร ผมอยากขับอยากให้ไอ้ดินได้พักบ้างแต่มันไม่ยอมให้ผมขับด้วยเหตุผลที่ว่าผมไม่ชินทางเท่ามันนั่งเป็นดอกไม้หน้ารถเคียงคู่มันก็พอ!  ระยะทางอีก571กิโลเมตรจึงเป็นหน้าที่ของพลขับมือหนึ่งอย่างไอ้ดิน


“พอแล้วล่ะ หายเมื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย” ไอ้นี่ก็เวอร์ กูไม่ใช่หมอนวดเทวดาสักหน่อย


“มึงก็นอนพักดิ”


“แล้วมึงจะทำอะไร เบื่อรึป่าว”


“กูจะอ่านหนังสือ” ถึงปิดเทอมยังไงก็ต้องอ่านหนังสือครับ เรียนหมอนี่ไม่ง่ายเลย ถึงจะเป็นหมอสัตว์ก็ตาม


“งั้นเดี๋ยวป๋าให้รางวัลพาไปอ่านหนังสือในที่ดีๆ ป่ะไปกัน”


“เดี๋ยว ใจเย็นให้กูหยิบหนังสือก่อน” ปุ๊บปั๊บอะไรของมัน






“นั้งดีๆเดี๋ยวตก” ไอ้ดินหันมาเอ็ดผมแบบไม่จริงจังนะเพราะผมนั่งซ้อนท้ายจักรยานโดยหันหลังให้กับไอ้ดิน พิงศีรษะกับแผ่นหลังของมันอย่างสบายใจ
 

“ไม่ตกหรอกน่า ออกรถได้โชเฟอร์” จักรยานญี่ปุ่นคันสีขาวที่ตะกร้าหวายหน้ารถอัดแน่นไปด้วยตำราเรียนของผม มีน้ำและขนมอีกเล็กน้อย ส่วนจุดหมายปลายทางที่ไอ้ดินมันจะพาไปนั้นไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะพาไปไหน ถึงบอกผมก็ไม่รู้อยู่ดี เพราะแปลกที่แปลกทางตอนนี้รู้สึกหลงทิศไปหมด ถ้ามันพาผมไปปล่อยผมคงหาทางกลับไม่เจอแน่ๆ
 
จักรยานสีขาวค่อยๆพาเราลัดเลาะไปตามทางเล็กๆที่สองข้างทางเป็นโรงเรือนดอกเบญจมาศและดอกกล้วยไม้ที่บานสะพรั่งสีสันสวยงามและบรรยากาศโดยรอบต็มไปด้วยผีเสื้อตัวเล็กจิ๋วสีขาวนวลที่กำลังบินว่อนไปทั่วบริเวณ
มองแล้วรู้สึกเพลินตา..บรรยากาศดีชะมัด

เมื่อผ่านโรงเรือนดอกไม้ก็จะพบกับโรงเรือนองุ่นที่ห้อยเป็นพวงระย้าสวยน่ากิน

“มึงอยากกินองุ่น”


“ได้สิ” แล้วไอ้ดินก็จอดจักรยานอยู่ที่หน้าโรงเรือนองุ่นซึ่งไม่รู่ว่าสายพันธู์อะไร แต่มันดูน่าอร่อย


“พู่มึงอยู่นิ่งๆนะ”


“อะไร?”


“น่า อย่าพึ่งขยับ” แล้วไอ้ดินล่วงมือถือออกจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะกดถ่ายรูปผมด้วยสายตาอ่อนโยน
..อะไรของมันอยากถ่ายรูปก็ไม่บอก ผมเลยยิ้มแฉ่งชูสองนิ้วให้ซะเลย


“ขยับได้รึยัง”


“อื่อได้ละ อ่ะดูนี่” แล้วมันก็ยื่นมือถือที่ในนั้นมีรูปผมที่เพิ่งถ่ายเมื่อกี้ให้ดู


“เฮ้ย! ตอนนี้มันไปรึยัง” ผมหมายถึงผีเสืื้อตัวเล็กสีขาวนวลตัวนึงที่มันเกาะอยู่บนหัวผม..ไม่รู้สึกตัวเลยแฮะ


“ยังไม่ไปสงสัยมันจะชอบมึง ดูๆไปก็เหมือนมึงติดกิ๊ฟรูปผีเสื้อเลยนะ” พูดซะตุ๊ดเลยกู


“ใครว่ากิ๊ฟติดผม นี่ทูตประจำตัวกูต่างหาก” ผมใช้หน้าจอมือถือส่องดูบนหัว เจ้าผีเสื้อน้อยยังเกาะอยู่ที่เดิม..ดีจัง


“ดูการ์ตูนมากไปป่ะ”


“อิจฉาล่ะสิ”


“หึ เด็กน้อย” แล้วมันก็ขยี้หัวผมเบาๆ ส่งผลให้เจ้าผีเสื้อน้อยบินหนีไป


“มึง ทูตกูบินหนีเลย มึงอิจฉากูจริงๆใช่มะ”


“อืม อิจฉา เพราะกูต่างหากที่เป็นทูตของมึง” มันพูดพร้อมกับโน้มหน้าลงมาจูบบริเวณที่ผีเสื้อน้อยเกาะอยู่เมื่อครู่..เพราะน้ำเสียงและสัมผัสที่อ่อนโยนหรือเป็นเพราะบรรยากาศกันแน่นะที่ทำให้หัวใจผมพองโตอย่างน่าอัศจรรย์ ใครว่าเป็นแฟนกันแล้วความหวานจะลดลง ทฤษฎีนี้ใช้กับไอ้ดินไม่ได้หรอก



‘ อยากหอม ทุกครั้งที่เธอชิดใกล้
กลิ่นกายของเธอช่างมีความหมาย
และตรึงติดภายในใจข้างใน ลึกเข้าไป ’


  ฮัมพลงแบบนี้ คุ้นๆมั้ยครับ แล้วแม่งต้องจอดรถแล้วทำอะไรบ้าๆกับกูแน่

“ไอ้ดินมึงปั่นต่อไปเลยนะแล้วอย่าคิดจอดทำอะไรหื่นๆเหมือนตอนเช้าล่ะ” ต้องดักคอมันไว้ก่อน ว่าแต่มันคงชอบพี่โป้ โยคีย์ เพลย์บอยมากแน่ๆ เพลงที่มันฮัมแต่ละเพลงของพี่โป้ทั้งนั้น เพลย์ลิสต์ที่ฟังในรถอีกน่าจะทุกอัลบั้มของโยคีย์ เพลย์บอย


“ฮ่าๆ รู้ทัน กูไม่ทำอะไรหรอกน่า คืนนี้มีเวลาอีกถมเถ” ทำอะไรมันไม่ได้เลย เกลียดนัก


“ยังไม่ถึงอีกเหรอ มึงจะพากูไปอ่านหนังสือในป่ารึไง” ผมกินองุ่นเกือบหมดพวงก็ยังไม่ถึงที่ที่ไอ้ดินจะพามาสักที และตอนนี้สองข้างทางก็เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่รกทึบดูยังไงก็ป่าชัดๆ


“ใกล้ถึงแล้ว”

     หืม เสียงอะไร? เหมือนเสียงน้ำไหล ศีรษะของผมที่พิงหลังของไอ้ดินอยู่ค่อยๆเอียงหูฟังอย่างตั้งใจกับเสียงที่ได้ยินมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่นานนักจักรยานสีขาวก็หยุดอยู่กับที่ ผมรีบกระโดดลงจากเบาะท้ายของจักรยานแล้วหันหน้าไปยังที่มาของเสียงที่ได้ยิน


ว๊าว สุดยอด ข้างหน้าผมเป็นลำธารเล็กๆที่มีน้ำไหลเอื่อยๆ น้ำใสแจ๋วเดาว่าน้ำคงจะต้องเย็นเจี๊ยบแน่ๆ  ไอ้ดินแม่งโชคดีชะมัด ที่โตมาในบรรยากาศที่ดีสุดๆแบบนี้


“มานั่งนี่สิ” เฮ้ย มีชิงช้าด้วยผมรีบเดินไปนั่งข้างไอ้ดินด้วยความตื่นเต้น


“ดีอ่ะ ไม่คิดว่าจะมีที่แบบนี้ด้วย”


“ชอบมั้ย”


“โคตรชอบอ่ะ ครั้งก่อนไม่เห็นพากูมาเลย”


“ครั้งก่อนเพื่อนมาเยอะไง กูอยากให้ที่นี่เป็นที่พิเศษสำหรับเรา”


“หืม หมายความว่าพวกไอ้หมีไม่เคยมาที่ตรงนี้เหรอ” ที่พิเศษสำหรับเรางั้นเหรอ ดีจัง โอย..หุบยิ้มไม่ได้เลย


“อืม ตอนเด็กๆกูชอบมาเล่นตรงนี้ พอโตมาหน่อยที่ตรงนี้ก็เป็นที่อ่านหนังสือประจำ ความเย็นและเสียงน้ำไหลมันทำให้มีสมาธิอย่างน่าประหลาด กูก็เลยหวงที่ตรงนี้น่ะไม่อยากให้ใครเข้ามายกเว้นมึงคนเดียวเพราะมึงคือคนพิเศษ”


“ขอบคุณนะ” แล้วสัมผัสอ่อนโยนก็ประทับลงมาที่หน้าผากของผมอย่างแผ่วเบาแต่ทว่ามันอบอุ่นไปถึงขั้วหัวใจ


     ผมนั่งอ่านหนังสือที่ชิงช้าไม้ตัวยาวด้วยสมองที่ปลอดโปร่งสุดๆ ส่วนไอ้ดินก็นั่งพิงกับต้นไม้ใหญ่ทอดสายตาไปยังลำธารยาวที่ไม่รู้ว่าจุดจบมันอยู่ที่ไหน หน้าด้านข้างของมันนี่เท่ดีแฮะ นี่ไม่ได้อวยแฟนตัวเองนะ!

แล้วเสียงแจ้งเตือนไลน์ก็ดังขึ้นมาไม่หยุดหย่อนทำให้ผมเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ และมองไปยังที่มาของเสียงที่ตอนนี้กำลังนั่งกดมือถือยิกๆ


“คุยกับใคร?”


“ไอ้หมีน่ะ มันชวนไปร้านในเมืองเย็นนี้กลุ่มเพื่อนที่โรงเรียนเก่านัดกัน แต่กูไม่ไปหรอก”


“อ้าวทำไมไม่ไปล่ะ นานๆจะเจอเพื่อน”


“กูไม่อยากให้มึงเหนื่อย เดินทางมาทั้งวันแล้ว”


“กูไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย กูก็อยากเจอเพื่อนมึงเหมือนกัน” นอกจากไอ้หมีและไอ้สมใจ ผมก็ไม่รู้จักเพื่อนคนอื่นของมันเลย


“กูก็อยากให้เพื่อนกูรู้จักมึงเหมือนกัน แต่กูห่วงมึงไง”


“มึงห่วงกูมากเกินไปล่ะ เอาเป็นว่าตกลงไปนะ”


“อืม ตามนั้น งั้นกลับบ้านกันแสงเริ่มจะหมดละ”


“โอเค”


     ตะวันบ่ายคล้อยแสงสีส้มยามเย็นทอแสงเป็นประกาย ผีเสือน้อยที่โบยบินเริ่มหาที่เกาะตามยอดหญ้าเป็นที่พักพิงชั้นดีเพื่อรอยคอยแสงตะวันในวันรุ่งขึ้น ส่วนที่พักพิงชั้นดีสำหรับผมก็นักปั่นน่องเหล็กคนนี้นี่ไง!
     





     สองทุ่มตรง ร้านอาหารกึ่งบาร์ในตัวเมืองโคราชที่ไอ้ดินพามาคึกคักไปด้วยผู้คนที่มาฉลองวันศุกร์แห่งชาติที่รอมาทั้งสัปดาห์

“ไอ้ดิน ไอ้พู่ทางนี้” ไอ้หมีแหกปากตะโกนเรียกผมกับไอ้ดินพร้อมกับโบกมือให้อย่างดี๊ด๊า

ในโต๊ะมีผู้ชายทั้งหมดห้าคนนอกจากไอ้หมีและไอ้สมใจอีกสามคนผมก็ไม่รู้จักใคร

“หวัดดีเพื่อน” ผู้ชายอ้วนใส่แว่นทักไอ้ดินก่อนคนแรก


“หวัดดีไอ้หมู พวกมึงนี่พู่กันแฟนกู” มีอึ้งกันไปเล็กน้อยที่จู่ๆก็เปิดตัวผมด้วยคำว่าแฟน ผมก็ไม่คิดว่ามันจะแนะนำกันโต้งๆขนาดนี้ ..ทำตัวไม่ถูกแฮะ


“หวัดดี" ผมโบกมือทักทายทุกคนที่อยู่ในโต๊ะ


“หวัดดีพู่กันเราชื่ออ๊อฟ ยินดีที่ได้รู้จัก” อ๊อฟคือหนุ่มหน้าตี๋ พิมพ์นิยมของสาวๆในยุคนี้เลย


“ส่วนเราชื่อเกมส์ พู่กันนี่ห้าสวยสมคำเล่าลือจริงๆ” ส่วนเกมส์หนุ่มหัวฟู ไม่รู้ว่าฟูธรรมชาติหรือว่าตั้งใจกันแน่ แต่รับรู้ได้ถึงความกวนตีนอย่างเปี่ยมล้น


“อย่าแม้แต่จะคิดนะไอ้เกมส์” ไอ้ดินตอบหน้านิ่ง


“แหม๋ ชมนิดชมหน่อยทำหวง”


“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งตีกันให้กูแนะนำตัวก่อน เราชื่อหมูยินดีที่ได้รู้จักครับ” ส่วนหมูก็หมูสมชื่อจริงๆ


“หวัดดีทุกคนเราชื่อพู่กันนะ ยินดีที่ได้รู้จัก” ผมแนะนำตัวเองอีกครั้ง


     หมู อ๊อฟ เกมส์เป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกันกับไอ้ดิน ไอ้หมีและไอ้สมใจทั้งสามคนต่างก็ไปเรียนต่อที่กรุงเทพ
ปิดเทอมถึงจะได้รวมตัวกันแบบนี้ แต่ถ้าสังเกตดีๆบนโต๊ะมีแก้วและจานอีกชุดที่ใช้แล้ว แต่ไม่เห็นเจ้าของ หรือว่าจะมีเพื่อนอีกหนึ่งคน แล้วความสงสัยก็หายไปในบัดดล เมื่อผู้หญิงน่ารักโคตรๆคนหนึ่งสวมเดรสสั้นสีฟ้าเดินมานั่งที่ว่างข้างๆไอ้เกมส์ที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับผม เมื่อเธอเห็นไอ้ดินสายตาเธอก็ลุกวาวขึ้นทันที

“พี่ดิน สวัสดีค่ะ ไม่คิดว่าพี่ก็มาด้วย ดีใจจังที่ได้เจอ เออแล้วคนข้างๆพี่..”


“หวัดดีครีม นี่พี่พู่กันแฟนพี่เอง”


“แฟน!” ผมคร่อมศีรษะเป็นเชิงทักทาย ถึงปากเธอจะยิ้มให้แต่รู้สึกว่าสายตาที่มองมาของเธอมันดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่..


“อึดอัดรึป่าว” ไอ้ดินกระซิบถามผมใกล้ๆ


“ไม่นะ ฟังเพื่อนมึงคุยกันแล้วก็สนุกดี” ในโต๊ะทุกคนคุยกันอย่างออกรสออกชาติเหมือนไม่ได้เจอกันเป็นชาติ ผมที่ไม่ค่อยรู้เรื่องที่พวกมันคุยกันเลยได้แต่นั่งฟังเพลินๆ ส่วนไอ้หมีกับไอ้สมใจที่นั่งอีกด้านหนึ่งของผมก็ชวนคุยเป็นพักๆ พวกมันก็คงจะกลัวผมอึดอัดเหมือนกัน  แต่ถ้าจะให้พูดตรงๆก็คงอึดอัดกับสายตาของผู้หญิงคนเดียวในโต๊ะที่มองผมเหมือนจะจิกกัด..หรือกูเผลอเหยียบตีนน้องเขาวะ!


“กูไปห้องน้ำ เดี๋ยวมานะ” ผมหันไปบอกไอ้ดินที่กำลังขำกับเรื่องเล่าสมัยวัยเรียนมัธยมของพวกมัน


“ให้กูพาไปมั้ย”


“ไม่ต้อง กูไปเองได้น่าโตแล้ว”

ไอ้นี่ก็ห่วงผมเกิ๊น ทำอย่างกับผมเป็นเด็กห้าขวบ





“พี่พู่ ครีมขอคุยด้วยหน่อยค่ะ” อะไรกัน? ตามมาถึงหน้าห้องน้ำชาย


“ว่าไงครับน้องครีม”


“ครีมแค่อยากรู้ว่าพี่พู่ทำยังไงผู้ชายเพอร์เฟคอย่างพี่ดินถึงตกหลุมผู้ชายแบบพี่”  อะไรของน้องเขาวะ


“พี่ไม่เข้าใจ?”


“ครีมเป็นแฟนเก่าของพี่ดิน เราเคยบกัน”


“แล้ว?” บอกกูเพื่อ!


“ก็ไม่..” เธอไม่ทันพูดจบประโยคผมก็เห็นสายตาเธอชำเลืองไปทางด้านหลังผม ก่อนจะทำการใหญ่โดยการตบหน้าตัวเอง!!


“เฮ้ย! น้อง”


“พู่ทำอะไร” อ่อ อย่างนี้นี่เองที่ชำเลืองมองเมื่อกี้ก็คงเห็นไอ้ดินสินะ เยี่ยม!


“พี่ดิน ช่วยครีมด้วยค่ะ” แล้วน้องนางก็ปรี่ไปซบอกไอ้ดิน


“เป็นอะไรน้องครีม ทำไมเลือดออกล่ะ” ไอ้ดินประคองน้องครีมแล้วพูดด้วยความตกใจ ก่อนจะมองหน้าผมเหมือนจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น


“ครีมบอกพี่พู่ว่าครีมเป็นแฟนเก่าพี่ดิน แล้วจู่ๆพี่พู่เค้าก็ตบหน้าครีม” เอาออสก้าไปเลยจ้า บีบน้ำตาอย่างกะสั่งได้ไปเป็นนักแสดงท่าจะรุ่ง แถมแรงดีตบหน้าตัวเองจนปากแตก นี่ถ้าเป็นนักแสดงแล้วไม่รุ่งแนะนำให้ไปเป็นนักวอลเลย์บอล!


“จริงเหรอพู่กัน” น้ำเสียงที่เข้มขึ้นไม่ต่างกับใบหน้าที่ดูผิดหวัง  แต่นั่นมันทำให้ผมผิดหวังมากกว่า อย่าบอกนะว่ามึงเชื่อ?


“มึงคิดว่าคนอย่างกูจะตบหน้าผู้หญิงเพียงเพราะเหตุผลแค่นี้น่ะเหรอ มึงน่าจะรู้จักกูดีนะ”


“มึงจะบอกว่าน้องเขาตบหน้าตัวเองงั้นสิ” คำพูดและสีหน้าของมึงตอนนี้ก็เหมือนกำลังตบหน้ากูเหมือนกัน


“มึงเลือกเอาเองละกันว่ามึงจะเชื่อใคร แต่ถ้ามึงไม่เชื่อกู กูบอกได้คำเดียวว่ากูโคตรผิดหวังในตัวมึง”


"กูต่างหากที่ผิดหวังกับสิ่งที่มึงทำลงไป”


เหมือนฟ้าผ่าลงมาที่กลางใจ ทั้งคำพูดและสายตาของไอ้ดินที่มองผมตอนนี้มันทำให้ผมเจ็บ  เจ็บจนหายใจไม่ออก

            ที่ผ่านมาไอ้ดินมันไม่เคยเชื่อใจผมเลย ไม่เคยเลยจริงๆ



  TBC.

…………………………………………………………………………


แผ่นดินของเรามีทักษะเป็นเลิศหลายด้านเนอะ ไม่ว่าจะเป็นพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง มือตำอันดับหนึ่งแขนจักรกล พลขับมือวางอันดับหนึ่ง นักปั่นน่องเหล็ก  คาดว่าคงจะมีเพิ่มอีกบลาๆตามแต่อิคนเขียนผีบ้ามันจะสรรหามาให้

ว่าแต่..ใครต้มมาม่า!!  :a5:


 ปล. เพลงพี่โป้ เพราะๆ
 อยากมองเธอในแง่ร้าย https://www.youtube.com/watch?v=G16_V6SGRCc
 (https://www.youtube.com/watch?v=G16_V6SGRCc)
คืนนี้ขอหอม https://www.youtube.com/watch?v=6AOGxpfgVao (https://www.youtube.com/watch?v=6AOGxpfgVao)
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 16 มนต์รักน้ำเงี้ยว (07-06-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 08-06-2018 01:50:16
 :m16: :m16: :m16: ยังไม่ทันไรเรื่อล่มซะแล้ว  :fire: กลับบ้านเรา อย่าอยู่เลย เซ็งแระ  :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 16 มนต์รักน้ำเงี้ยว (07-06-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 08-06-2018 15:12:15


 ไม่เอามาม่า   :serius2:




หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 16 มนต์รักน้ำเงี้ยว (07-06-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 08-06-2018 15:15:46
 :m31: ถ้าไมไม่เชื่อกันอย่างนี้ก็ไม่ต้องพูดกันแล้ว  :m31:  :m31: โกรธพ่นไฟเผาเลย  :m31:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 16 มนต์รักน้ำเงี้ยว (07-06-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 09-06-2018 13:07:06
ครึ่งวันเต็ม ๆ กับ 15 บทแรก
มีความสุขมากกกกกกกกกกกกกกก
ชอบเรื่อง ชอบสมาชิกทั้งสองครอบครัว ชอบเพื่อน ๆ

แล้วมันคืออะไรกับบทที่ 16
โฮ ... ไม่น่าอ่านก่อนเลย
น่าจะรอให้จบก่อนนนนนนนนนนนนนนนน  :ling1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 16 มนต์รักน้ำเงี้ยว (07-06-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 09-06-2018 21:06:31
 
   No  :angry2:  :m16:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 16 มนต์รักน้ำเงี้ยว (07-06-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 10-06-2018 04:36:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 16 มนต์รักน้ำเงี้ยว (07-06-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 10-06-2018 20:21:31
มันเกิดอะไรขึ้นทำไมดินง่าวอย่างนี้ละ  :m31: :m31: :m31: 
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 16 มนต์รักน้ำเงี้ยว (07-06-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 10-06-2018 21:25:10
อย่าดราม่านะ...............ทำไมดินง่าวจัง เชื่อชะนี
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 16 มนต์รักน้ำเงี้ยว (07-06-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 14-06-2018 21:28:20
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 17 ที่รัก..ผมขอโทษ (21-06-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 21-06-2018 22:12:57
บทที่ 17  ที่รัก..ผมขอโทษ



     

     ผมพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล และฝืนพาร่างตัวเองไปยังโต๊ะด้วยขาที่อ่อนแรง

“กู๊ด” ผมเรียกไอ้หมีและบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น 

ไอ้หมีมองผมด้วยสีหน้าตกใจปนสงสัยเพราะถ้าผมเรียกชื่อเล่นจริงๆของมันเมื่อไหร่ นั้นแปลว่าผมไม่ไหวแล้วจริงๆ

“กลับมั้ยมึง ไปค้างบ้านกู” ไม่มีคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นมันรับรู้ได้ว่าผมต้องการออกจากที่ตรงนี้ ผมไม่ปฏิเสธพยักหน้าตกลงในทันใด


“พู่กัน” ผมไม่สนคำเรียกของไอ้ดิน เดินออกจากร้านโดยไม่ได้ล่ำลาใครอาจจะเสียมารยาทแต่ถ้าผมอยู่ต่อแม้วินาทีเดียวน้ำตาที่กลั้นไว้คงไหลออกมา

   เมื่อประตูรถปิดลงน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ล่วงหล่นทันที ไม่มีคำพูดใดออกจากปากไอ้หมีมันคงรู้ดีว่าตอนนี้ผมยังไม่พร้อมที่จะพูด มันเลยปล่อยให้ผมร้องไห้จนสาแก่ใจ

“หมี! จอดรถ กูจะอ้วก” ความรู้สึกปั่นป่วนมวนท้องจู่โจมขึ้นทันทีเมื่อสมองนึกถึงสีหน้าและน้ำเสียงของไอ้ดินนั่นทำให้ผมคิดมากและส่งผลให้ผมอ้วกออกมาในที่สุด..และซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ได้เมา ผมดื่มไปไม่ถึงสองแก้วด้วยซ้ำ


“อ้วกกกกก”  ทรมาน..


“พู่ มึงโอเคมั้ยวะ” ไอ้หมีลูบหลังให้ผมถามด้วยความเป็นห่วง ถ้าจะบอกว่าโอเค ผมคงโกหก


“กูไม่โอเค  มึงกูไม่โอเค” ผมปล่อยโฮออกมาอีกครั้งพร้อมทรุดนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง  สีหน้าและน้ำเสียงผิดหวังของไอ้ดินยังคงชัดเจนในความรู้สึก        เจ็บ..เจ็บจนลุกขึ้นยืนไม่ไหว


“กูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่มึงใจเย็นๆก่อนนะ กูเห็นมึงเป็นขนาดนี้แล้วกูก็ไม่โอเคว่ะ” ไอ้หมีกอดผมที่เนื้อตัวสั่นโยนพร้อมกับปลอบประโลม ความห่วงใยจากเพื่อนยิ่งทำให้น้ำตาผมไหลไม่หยุด


  นั้นน่ะสิ ทำไมผมถึงเสียใจได้ขนาดนี้ คงเพราะรัก ผมรักมันมากจริงๆ  เมื่อรักมากก็เจ็บมากเมื่อมันมองผมในแง่ร้าย




“มึงพร้อมจะเล่าให้กูฟังได้ยังว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ไอ้หมีถามขึ้นเมื่อรถเคลื่อนตัวอีกครั้งและน้ำตาของผมก็หยุดไหลแล้ว


“น้องครีมมารอกูที่หน้าห้องน้ำ แล้วก็บอกกูว่าเป็นแฟนเก่าไอ้ดิน ตอนแรกกูก็ไม่เข้าใจว่าน้องเขาต้องการอะไร และเหมือนน้องจะเห็นไอ้ดินเดินมาพอดี ก็เลยตบหน้าตัวเองเพื่อสร้างสถานการณ์ว่ากูคือผู้ร้าย”


“ฮะ! ตบหน้าตัวเองเนี่ยนะ”


“อืม พอไอ้ดินเข้ามาก็ฟ้องว่ากูเป็นคนตบหน้าน้องเขา น้องเขาเรียนเอกการละครรึป่าววะ แม่งเล่นเนียนฉิบหาย แถมยังตบปากตัวเองแหกสมกับโดนผู้ชายตบอีกต่างหาก” หึ คิดแล้วก็อยากจะหัวเราะเยาะตัวเอง


“แล้วไง ไอ้ดินก็เชื่อว่ามึงเป็นคนตบงี้เหรอ”


“ก็ใช่น่ะสิ กูบอกว่ากูไม่ได้ทำ แถมยังย้อนกูอีกว่าน้องเขาตบหน้าตัวเองรึไง แต่ที่กูเสียใจคือมันพูดว่ามันผิดหวังในตัวกู แสดงว่ามันเชื่อแบบนั้นจริงๆ ถ้ามึงเป็นไอ้ดินมึงจะคิดยังไง?”


“เฮ้อ มันก็พูดยากว่ะ แว๊บแรกก็อาจจะคิดว่ามึงตบอ่ะนะ แต่มันก็ต้องเคลียร์กันอีกทีไง ยิ่งคนตรงอย่างไอ้ดินแล้วมันมีสิทธิ์ที่มันจะคิดแบบนั้นในตอนแรก แต่เชื่อดิว่าลึกๆแล้วไอ้ดินก็คงไม่ปักใจเชื่อหรอกว่ามึงเป็นคนทำ ตอนนี้มันก็คงหาหลักฐานแสดงความบริสุทธิ์ให้มึงอยู่ในฐานะที่กูเป็นเพื่อนกับมันมาเกือบสิบปีกูเชื่ออย่างนั้นนะ ตอนนี้มึงอย่างเพิ่งคิดมากเดี๋ยวก็เครียดจนอ้วกอีกกูเห็นแล้วใจไม่ดีว่ะ”


   ..ลึกๆมันเชื่อกูงั้นเหรอ?   มันเป็นแบบที่มึงคิดก็ดีสิหมี..





    ผมถึงบ้านไอ้หมีเกือบห้าทุ่ม โดยเจ้าของบ้านเข้านอนกันหมดแล้ว ถือว่าโชคดีเพราะสภาพผมตอนนี้คงไม่เหมาะที่จะทักทายใครสักเท่าไหร่ กลิ่นอ้วกที่เหม็นติดตัวกับร่างที่อ่อนล้าผมจึงไม่ขัดเมื่อไอ้หมีมันบอกให้ผมไปอาบน้ำ 

สายน้ำช่วยให้หัวใจอันหนักอึ้งเบาบางลงได้บ้าง ผมพยายามคิดทบทวนกับเรื่องบ้าๆที่เกิดขึ้น ลองคิดในทางกลับกันถ้าผมเป็นไอ้ดินในสถานการณ์นั้นผมจะคิดยังไง เอาเข้าจริงๆแว๊บแรกผมก็คงคิดไม่ต่างกับไอ้ดิน    ผมพอจะเข้าใจมันจริงอย่างไอ้หมีว่ายิ่งคนตรงอย่างไอ้ดินมันก็คงไม่เมคเซ้นเท่าไหร่ที่น้องครีมจะตบหน้าตัวเอง   
แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมต้องทำสีหน้าผิดหวังแบบนั้นกับผมด้วย มันเหมือนปักใจเชื่อแบบนั้นจริงๆ และนั้นคือสาเหตุที่ทำให้ผมเสียใจในตอนนี้




.....................................................


 
      แผ่นดิน


     หัวใจผมแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นคนที่ผมรักนอนร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน ยิ่งไอ้หมีบอกว่าพู่กันเครียดจนอ้วกนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด ใช่ครับ..ผมผิดเอง ผิดที่ใช้คำพูดทำร้ายจิตใจคนที่ผมรักจนส่งผลให้เขาเสียใจได้มากขนาดนี้  ไม่ใช่ผมไม่เชื่อใจพู่กันแต่สถานการณ์ตอนนั้นผมพูดตามสิ่งที่เห็นโดยไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีซะก่อน..นั้นแหละครับ ผมผิดเอง ผิดทุกอย่าง ผิดที่คิดน้อยไป
ตอนที่พู่กันเดินออกจากร้าน เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าผม นั้นทำให้หัวใจผมชาวาบ ความกลัวที่จะสูญเสียเขาไปเกาะกุมไปทั้งหัวใจ ..ผมมันงี่เง่าสิ้นดี


     เมื่อเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยความจริงกระจ่างว่าพู่กันบริสุทธิ์ เป็นอย่างที่พู่กันบอก น้องครีมตบหน้าตัวเองจริงๆ ซึ่งเหตุผลก็ไร้สาระสิ้นดีเพียงแค่อิจฉาแล้วต้องการเรียกร้องความสนใจจากผม ระหว่างผมกับน้องครีมเราคบกันไม่นานและเราก็เลิกกันนานแล้วแต่ยังเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน น้องครีมไม่น่าทำแบบนี้ เพราะผมคงอยู่ในฐานะพี่ชายอีกต่อไปไม่ได้ ต่อจากนี้เราคงเป็นได้แค่เพียงคนรู้จักกันเท่านั้น

     ผมรีบตามมาหาพู่กันที่บ้านไอ้หมีทันที ผมเป็นห่วง อยากอธิบาย อยากขอโทษในสิ่งที่พูดออกไป อยากกอดอยากสัมผัสว่าผมขอโทษและรักเขามากแค่ไหน



    ร่างที่นอนสะอื้นทำให้ผมทนยืนดูไม่ไหว ผมค่อยๆซุกตัวลงในผ้าห่มของคนตัวบางสวมกอดร่างนั้นด้วยความรู้สึกผิดที่มี ถ่ายทอดความรู้สึกลงไปในสัมผัส ไม่มีคำพูดใดๆจากพู่กันแต่แรงสะอื้นนั้นค่อยๆแผ่วลง   ผมจูบซับกลางกระหม่อมอย่างแผ่วเบาสัมผัสเย็นของเส้นผมที่ฉาบไปด้วยไอเย็นของเครื่องปรับอากาศ ทำให้หัวใจผมหนาวเหน็บเพราะพู่กันนิ่งมาก มากจนไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่..

     น้ำตาของผมค่อยๆไหล มันเป็นน้ำตาของคนที่สำนึกผิด เป็นน้ำตาของคนขาดกลัวที่จะสูญเสียสิ่งที่รักที่สุดไป ยิ่งนึกภาพสีหน้าผิดหวังและเสียใจของคนในอ้อมกอดนั่นยิ่งทำให้น้ำตาผมยิ่งไหล  ผมทำให้คนที่ผมรักเสียน้ำตา ผมผิดจนไม่น่าให้อภัยแต่คนผิดคนนี้ก็ยังต้องการการให้อภัยสักครั้ง เพราะผมคงทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียพู่กันไป

     เหมือนคนในอ้อมกอดจะรู้สึกถึงหยาดน้ำตาที่หยดสัมผัสโดนตัว  แต่ก็ยังไม่มีคำพูดใดๆ พู่กันค่อยๆพลิกตัวหันมาจากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วที่เย็นเฉียบปาดน้ำตาที่ไหลรินออกให้ผมด้วยมือที่สั่นเทา..

    แสงจันทร์ที่สาดแสงสลัวเข้ามาในห้องที่มืดมิดทำให้ผมเห็นดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตาจากนั้นมันก็ค่อยๆไหลอาบแก้มช้าๆ หัวใจผมชาวาบอีกครั้งราวกลับความรู้สึกผิดนี้มันลายล้อมอยู่รอบตัว ผมค่อยๆจูบซับน้ำตาของพู่กันออกให้อย่างอ่อนโยนเพื่อเป็นการสื่อว่าผมขอโทษและผมรักเขา


“ขอโทษ ดอกไม้กูขอโทษ อย่าหนีกูไปไหนนะ ยกโทษให้กูนะ กูรักมึง” คำพูดพรั่งพรูออกมาจากความรู้สึกผิดที่มี 
ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากของพู่กัน มีเพียงแต่เรียวแขนที่โอบกอดผมและซุกหน้าลงมาในอ้อมอก
..แต่แค่นี้มันก็เพียงพอแล้ว การไม่ผลักไสเท่ากับการให้อภัย หัวใจผมอุ่นขึ้นมาอีกครั้งและสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้พู่กันเสียน้ำตาอีกเด็ดขาด เพราะถ้าเป็นแบบนั้นผมคงไม่ให้อภัยตัวเอง..









“อรุณสวัสดิ์” ผมทักทายพร้อมกับจูบหน้าผากอย่างแผ่วเบาของคนในอ้อมกอด   ผมตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง จะว่าตื่นก็ไม่เชิงเพราะผมนอนไม่ค่อยหลับสักเท่าไหร่


“ตื่นแล้วเหรอ” พู่กันทักด้วยน้ำเสียงงัวเงีย  สงสารจับใจ ดวงตาเรียวสวยตอนนี้มันบวมแดงไปหมด


“ขอโทษนะดอกไม้” ผมเอ่ยขอโทษพร้อมกับเเตะขอบตาที่บวมซ้ำอย่างแผ่วเบา


“มึงก็ร้องไห้เหมือนกัน ” แล้วพู่กันแตะลงมาที่ขอบตาของผมเบาๆ ด้วยสีหน้าเหมือนจะสงสารแต่ก็สมน้ำหน้าอยู่ในที


“รักมึงนะ” มันคือคำพูดที่ผมอยากบอกเขามากที่สุด


“ทำไมถึงยอมเชื่อกูได้ล่ะ ว่ากูไม่ได้ทำ” ไม่รู้ว่าสีหน้าพู่กันตอนนี้เป็นอย่างไรเพราะเจ้าตัวซุกหน้าอยู่กับอ้อมอกของผมไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา


“ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ แต่เอาเหอะพูดไปก็เหมือนกูแก้ตัว กูขอโทษจริงๆที่พูดทำร้ายจิตใจมึง คือกูตั้งใจจะขอดูกล้องวงจรปิด เพราะลึกๆแล้วกูคิดว่ามึงไม่ได้ทำ” ผมตั้งใจจะเรียกพู่กันไปดูกล้องวงจรปิดด้วยกัน แต่เขาดันเดินหนีผมและกลับไปกับไอ้หมี แถมยังติดต่อไม่ได้อีกต่างหาก แต่ก็ไม่แปลกตอนนั้นเขาคงโกรธผมมาก


“ดูแล้วเป็นไงล่ะ”


“ไม่ได้ดู น้องครีมสารภาพออกมาก่อน” ซึ่งก็เป็นอยากที่ผมคิดไว้ว่าคนที่ทำผิดคงไม่กล้าที่จะเห็นสิ่งที่ตัวเองทำลงไปยังไงก็ต้องสารภาพออกมาเอง


“หึ ตลกดีนะผู้หญิงนี่น่ากลัวชะมัด แต่ที่น่ากลัวกว่าก็ผู้ชายที่ตกหลุมพรางนี่แหละ” แล้วพู่กันก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ..ครับ ผมยอมแล้ว


“โธ่ ยังไม่ได้ตกสักหน่อย ยังไงกูก็เชื่อใจมึงนะ แล้วก็ขอโทษอีกครั้งที่พูดไม่ดีกับมึง” ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากขอโทษเพราะผมรู้สึกผิดจริงๆ


“เอาเหอะๆ เลิกขอโทษได้แล้ว เรื่องมันก็จบไปแล้วถือว่าเป็นบทเรียนทำให้ความรักเราเข้มแข็งขึ้นละกัน สิ่งที่กูกลัวที่สุดคืออะไรรู้มั้ย คือการที่มึงไม่เลือกกู แต่ตอนนี้มึงยังอยู่กับกูแค่นี้มันก็พอแล้ว” หัวใจผมอุ่นวาบขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่พู่กันพูดมันคือสิ่งเดียวกับที่ผมกลัวเหมือนกัน


“กูก็กลัวจะเสียมึงไปเหมือนกัน ขอบคุณนะที่ให้อภัยกู  มึงไม่โกรธกูแล้วนะ”


“อืม”


“รักกันเหมือนเดิมใช่มะ”


“เหมือนเดิมเพราะกูไม่เคยคิดที่จะเลิกรักมึงอยู่แล้ว” คำพูดที่หนักแน่นจริงจัง แต่ทว่าใบหน้าของคนพูดขึ้นสีระเรื่อ มองแล้วช่างน่ารัก ..ผมรู้สึกขอบคุณพู่กันจริงๆที่เขารักผมและให้อภัยในสิ่งที่ผมทำลงไป


“ขอบคุณนะดอกไม้ กูก็ไม่คิดที่จะเลิกรักมึงเหมือนกัน” ไม่มีวันที่ผมจะเลิกรักเขาเช่นกัน มีแต่จะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ


      ผมบรรจงจูบลงบนเรียวปากสวยอย่างอ่อนโยน รสจูบนี้เต็มไปด้วยคำขอโทษ คำขอบคุณและคำว่ารักที่ล้นปรี่ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นจูบที่เร่าร้อนเพราะความโหยหา ตั้งแต่กลับมาจากเสม็ดเราก็ยังไม่มีจังหวะรักที่ลึกซึ้งครั้งที่สอง เพราะพู่กันเพิ่งจะหายเจ็บจากจังหวะรักที่เร่าร้อนในครั้งแรก..ของเรา

  ทุกครั้งที่สัมผัสกันมันยากมากที่จะหักห้ามใจครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมสอดลิ้นตักตวงรสสัมผัสของพู่กันด้วยความกระหาย

“อื่อออ พอแล้วเดี๋ยวไอ้หมีก็เข้ามาเห็นหรอก” พู่กันหอบเล็กน้อยพร้อมกับดันผมให้ออกห่างด้วยน้ำเสียงที่อ่อนระทวย


“มันไม่เข้ามาหรอก” แล้วผมก็ครอบครองเรียวปากนั้นอีกครั้งพร้อมกับลูบไล้ผิวขาวเนียนที่ทำให้ผมคลั่งทุกครั้งที่สัมผัส



“เป็นไง พวกมึ....โอ้วววว นี่กูมาขัดจังหวะอะไรรึป่าว”  ไอ้สัดหมี!


“ทำไมไม่เคาะประตูวะ” พู่กันรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความร้อนรนก่อนจะต่อว่าไอ้คนขัดจังหวะ


“ก็นี่บ้านกู เคาะทำไมให้เมื่อย” ไอ้หมีเดินมานั่งปลายเตียงด้วยหน้าตาตีมึน


“มารยาททราม” พู่กันยังแขวะไอ้หมีไม่เลิก


“ปากดีนะมึง รู้งี้กูปล่อยให้มึงนอนจมกองอ้วกก็ดี”


“ขอโทษนะ” พอนึกถึงภาพพู่กันที่ต้องอ้วกเพราะผมซึ่งคงจะทรมานน่าดู ผมก็อดไม่ได้ที่จะขอโทษอีกครั้ง


“พอแล้วน่า” พู่กันหันมาเอ็ดผมอย่างไม่จริงจังนัก


“ดีกันแล้วก็กลับบ้านกับช่อง” แล้วเจ้าบ้านก็ออกปากไล่ด้วยหน้าตาที่ยิ้มกรุ้มกริ่ม ไอ้หมีเองก็คงจะโล่งใจไม่น้อยที่เห็นผมกับพู่กันเข้าใจกันแล้ว


“ไปกินน้ำเงี้ยวด้วยนะเที่ยงนี้” พู่กันหันไปชวนไอ้หมี ผมคิดว่าพู่กันคงลืมเรื่องทำน้ำเงี้ยวไปแล้วซะอีก


“ไปแน่ แม่งจะฟาดให้เรียบ”




   ก่อนจะขึ้นรถไอ้หมีก็ตามมาพูดด้วยความเป็นห่วง

“มึงอย่าทะเลาะกันอีกนะ แม่งกูใจไม่ดี ยังไงมึงก็เพื่อนรักกูทั้งคู่”


“อืมครั้งนี้กูผิดเอง กูจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกเพราะกูก็ใจไม่ดีเหมือนกัน”


“อืม เห็นพวกมึงดีกันกูก็ดีใจ ไปๆกลับๆ” จากนั้นมันก็โบกมือไล่ให้พวกผมขึ้นรถ


“ขอบใจมากนะมึง ตอนเที่ยงมาด้วยล่ะ”


“เออ เจอกันๆ”


     เพื่อนในกลุ่มไอ้หมีถือเป็นเพื่อนที่สนิทกับผมมากที่สุด เราเรียนห้องเดียวกันตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม เพิ่งจะมาแยกกันตอนมหา’ลัย เพราะต่างคนต่างเลือกเรียนคณะที่ตัวเองชอบแต่ถึงอย่างนั้นก็มหา’ลัยเดียวกันอยู่ดี  ด้วยความไกลบ้านความสนิทและความเป็นห่วงเป็นใยในแบบเพื่อนก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงไม่แปลกที่มันจะเป็นห่วงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพู่กันเพราะพู่กันก็เป็นเพื่อนรักของมันเหมือนกัน..

จะว่าไปถ้าไม่มีไอ้หมีผมกับพู่กันเราก็คงไม่ได้รักกัน ตอนนี้ผมคงทำได้เพียงชะเง้อมองหาพู่กันที่หน้าบ้านของเขาอย่างที่เคยทำตอนที่ยังไม่รู้จักกัน  นอกจากเจ้าเหมียวชบาตัวน้อยที่นำพาให้ผมมาพบพู่กัน อีกหนึ่งคนสำคัญก็ไอ้หมีนี่แหละที่ถือเป็นคิวปิดที่ทำให้ผมและพู่กันได้เจอกันและช่วยให้เราได้รักกัน ผมอยากขอบคุณมันจริงๆ ไว้มีเวลาเหมาะๆเมื่อไหร่ผมจะต้องขอบคุณมันแน่นอน






 
 ทันทีที่เข้าบ้านแม่ผมก็นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“พู่กัน ทำไมตาบวมแบบนี้ล่ะลูกขึ้นไปพักก่อนะลูก ส่วนแผ่นดินเรามีเรื่องต้องคุยกัน” พู่กันได้ยิ้มแหยๆแล้วรีบขึ้นห้องตามที่แม่บอกทันที..เหลือไว้แต่เพียงผมกับน้ำเสียงที่เย็นเฉียบของแม่

แม่ผมพอจะทราบว่าเราทะเลาะกัน เพราะเมื่อคืนผมโทรมาบอกว่าจะค้างบ้านไอ้หมี เลยบอกเหตุผลไปคร่าวๆ อีกอย่างผมไม่เคยโกหกแม่ 

ผมเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง เหมือนแม่จะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ถึงอย่างนั้นผมก็โดนสวดยับหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ แต่ผมก็น้อมรับแต่โดยดี เพราะผมผิดจริงๆ



“เป็นไงบ้างมึง แม่ว่าอะไรมั้ย” พู่กันถามอย่างร้อนรนเมื่อผมเข้ามาในห้อง


“ไม่มีอะไร แค่หูชานิดหน่อย”


“ขอโทษนะ เพราะกูทำให้มึงต้องโดนแม่ดุ”


“ขอโทษทำไม กูทำผิดจริงๆก็ต้องโดนดุมันก็สมควรแล้ว ยิ่งทำผิดกับลูกสะใภ้สุดที่รักยิ่งโดนดุเป็นเท่าตัว”


“เพ้อเจ้อ! ลูกสะใภ้อะไรล่ะ” เวลาเขินทีไรต้องโวยวายทุกที..น่ารัก


“ตอนแม่ดุน่ากลัวมากเลยรู้ป่าว จูบปลอบใจผมหน่อยได้มั้ยครับ” ผมแค่อยากอ้อน จริงๆแม่ไม่ได้ดุหรอกแค่บ่นเฉยๆ


“ไม่เอา เดี๋ยวแม่มาเห็น”


“ล็อกห้องแล้ว อีกอย่างบ้านนี้มีมารยาทไม่เหมือนไอ้หมีหรอก”


“มึงทำผิดก็สมควรแล้ว มึงบอกเองนะ”


“โธ่ งั้นกอดก็ได้” ไม่รอให้ปฏิเสธผมสวมกอดพู่กันทันทีแล้วโน้มตัวลงบนเตียง เท่ากับตอนนี้พู่กันอยู่บนตัวผมโดยมีอ้อมแขนผมกักขังไว้


“ปล่อยได้แล้ว จะลงไปทำน้ำเงี้ยว”


“ไม่ต้องทำหรอก แม่สั่งมา”


“ได้ไง ตั้งใจไว้แล้วนะ”


“แม่อยากให้พักก่อนพรุ่งนี้ค่อยทำ ดูสิตายังไม่หายบวมเลย” ผมค่อยๆบรรจงจูบเปลือกตานั้นอย่างแผ่วเบา


“แต่กูเบื่ออ่ะ” ทำหน้ามุ่ยแบบนี้น่าจับกดชะมัด!


“เอาน่า ไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวลงไปกินข้าวกัน”


“ดิน”


“ว่าไงครับ”


“กินข้าวเสร็จแล้วพาไปที่ลำธารได้รึป่าว”


“ได้ครับผม” พู่กันพูดพร้อมถูแก้มคลอเคลียที่ไหล่ผมเหมือนเจ้าเหมียว..อ้อนขนาดนี้ใครจะปฏิเสธลง ถึงไม่ขอผมก็ตั้งใจจะชวนไปที่นั่นอยู่แล้วเพราะคิดว่าเจ้าตัวคงจะชอบที่นั่น







“ปั่นจักรยานไปเหรอลูก ถ้างั้นใส่หมวกด้วยนะลูกแดดร้อน แล้วก็นี่จ๊ะเผื่อหิว” พอแม่รู้ว่าพู่กันจะไปอ่านหนังสือที่ริมลำธารก็เตรียมของว่างให้อย่างกับจะไปปิคนิค เห็นแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้แม่ผมเอ็นดูพู่กันมากจริงๆ


“ขอบคุณครับคุณแม่”


“แล้วก็อย่าอยู่จนถึงเย็นล่ะลูก อากาศตรงนั้นมันเย็นอยู่นานเดี่ยวจะไม่สบาย”


“เห็นแบบนี้พู่กันแข็งแรงนะแม่ ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก”


“ได้ไงล่ะ ใครจะไปถึกเหมือนลูก แล้วก็ปั่นจักรยานดีๆอย่าล้มแล้วได้แผลกลับมาล่ะ”


“คร้าบบ” ผมชักจะเริ่มงงแล้วว่าใครลูกแม่กันแน่!


     พู่กันนั่งซ้อนท้ายจักรยานท่าเดิมเหมือนเมื่อวานโดยนั่งหันหลังแล้วใช้ศีรษะพิงกับแผ่นหลังของผม พร้อมกับฮัมเพลงเบาๆดูมีความสุข คงเพราะพู่กันมองโลกในแง่ดีและไม่ยึดติดกับสิ่งที่ทำให้บั่นทอนจิตใจ เขาจึงอารมณ์ดีได้เร็วแบบนี้

..ในขณะที่ผมยังรู้สึกผิดและอยากพูดขอโทษซ้ำๆ



“กินองุ่นมั้ย?” ผมหันไปถามขณะที่ผ่านโรงเรือนที่ปลูกองุ่น


“กิน!” ถ้าเป็นผลไม้พู่กันไม่มีทางปฏิเสธ ยกเว้นผลไม้จำพวงที่ต้องแกะเปลือกหรือมีน้ำเยอะๆเขาจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นองุ่นที่แค่หยิบเข้าปากแถมองุ่นที่ไร่ผมยังไร้เมล็ดอีกแบบนี้น่ะไม่หวั่น


“มึงเก็บองุ่นไปก่อนนะ เดี๋ยวกูมา”


“จะไปไหน?”


“เออน่า แป๊ปเดียว” จากนั้นผมก็วิ่งไปทางโรงเรือนด้านหลังซึ่งมันเชื่อมกับโรงเรือนดอกเบญจมาศ..ใช่แล้วครับผมกำลังจะไปเก็บดอกไม้



“พวงเดียวจะพอเหรอ”


“อื่อ พอแล้วยังมีน้ำองุ่นที่แม่ทำไว้ให้อีก แค่นี้น้ำตาลก็เยอะแล้ว ว่าแต่มึงไปไหนมา”


“อ่ะให้” ผมยื่นดอกเบญจมาศสีขาวดอกใหญ่ให้กับพู่กัน


“อะไร?” ส่วนคนรับก็รับด้วยสีหน้างงๆ


“ดอกเบญจมาศสีขาวเป็นสัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์ กูอยากให้มึงเชื่อใจกูได้เลยว่ากูไม่มีวันนอกใจและทิ้งมึงและขอโทษด้วยสำหรับเรื่องเมื่อคืนที่ทำให้มึงเข้าใจผิดคิดว่ากูไม่เชื่อใจมึง แล้วก็นี่” แล้วผมก็ยื่นดอกเบญจมาศสีแดงให้กับพู่กันอีกหนึ่งดอก


“...”


“ดอกเบญจมาศสีแดง เป็นดอกไม้แห่งความรัก  กูรักมึงมากนะพู่กัน” ไม่รู้ทำไมคำบอกรักในครั้งนี้ถึงทำให้ผมน้ำตาคลอ


“กูก็รักมึง ” พู่กันสวมกอดผมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


     ความรักที่ผมมีให้กับพู่กันมันมีมากกว่าคำว่า ‘กูรักมึง’ แต่มันไม่สามารถกลั่นออกมาเป็นคำพูดได้ นอกเสียจากจะกลั่นออกมาเป็นการกระทำที่แสดงต่อกันว่าเรารักเขาแค่ไหน และผมก็จะขออยู่เคียงข้างพู่กันเพื่อแสดงความรักทั้งการกระทำและคำพูด..ตลอดไป






   TBC.

.................................................................................

 แล้วเค้าก็คืนดีกัน  มามง มาม่าอะไรไม่มี๊^^

 ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ



หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 17 ที่รัก..ผมขอโทษ (21-06-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-06-2018 23:09:19
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 17 ที่รัก..ผมขอโทษ (21-06-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 22-06-2018 00:08:21
เฮ่อเครียดมาหลายวันเลย ดีแล้วๆรักกันๆนะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 17 ที่รัก..ผมขอโทษ (21-06-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 22-06-2018 06:19:06
 :mew1: :mew3:
เฮ้ออออออออออออออออออ โล่งใจ
แอบนอยด์มาหลายวันเลย

ไม่มีมาม่าแล้วนะ นะ
หรือถ้ามีก็ให้มีและเคลียร์จบในตอนเดียวนะ นะนะ นะ
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 17 ที่รัก..ผมขอโทษ (21-06-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 22-06-2018 19:43:40

  เฮ้อ....โล่งอก   :เฮ้อ:

  รักกันๆเหมือนเดิมเนอะ  :กอด1:



หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 17 ที่รัก..ผมขอโทษ (21-06-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 23-06-2018 16:50:48

ดีกันแล้ว รักกันๆ :katai2-1:

หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++บทที่ 18 วิถีพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง (04-07-18)*P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 04-07-2018 18:46:13

บทที่ 18  วิถีพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง!



       

        ผมตื่นสาย!  ไอ้ดินก็ไม่ยอมปลุกผม น่าหงุดหงิดจริงๆ เมื่อลงมาข้างล่างก็ได้กลิ่นที่คุ้นเคย..น้ำเงี้ยว!
สุดท้ายการทำน้ำเงี้ยวที่ฝึกปรือมาก็เป็นหมัน สรุปคือผมไม่ได้ทำ..แต่ไอ้ดินเป็นคนทำซะงั้น


“ตื่นแล้วเหรอลูก มาๆชิมน้ำเงี้ยว” แม่ไอ้ดินเอ่ยทักด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มพร้อมกับจูงแขนผมมาที่โต๊ะอาหาร


“ทำไมไม่ให้ผมทำล่ะครับคุณแม่”


“งานครัวไม่เหมาะกับหนูหรอกลูก แม่สงสารมือที่แสนจะบอบบางของหนู” มือที่ผ่านการทำงานมาอย่างหนักของแม่ไอ้ดินจับมือของผมแล้วลูบอย่างอ่อนโยน..โธ่คุณแม่


“แต่ผมสัญญากับคุณแม่ไว้แล้วนะครับ”


“น่าตีจริงๆเชียว แทนตัวเองว่าผมอีกแล้ว”  ผมได้แต่ยิ้มแหยๆให้คุณแม่ ไม่ชินสักที อยากจะตีปากตัวเองจริงๆ แม่ไอ้ดินลูบแขนผมด้วยความเอ็นดูก่อนจะให้คำสัญญาอีกครั้ง


“เอาไว้ทำตอนที่แม่ไปหาพู่ที่เชียงใหม่นะ สัญญาว่าจะไปหาถึงที่เลย” 


“สัญญาแล้วนะครับ” แล้วผมก็เกี่ยวก้อยสัญญากับแม่ไอ้ดิน..อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ไม่มีความงุนงงใดๆเหมือนครั้งก่อน


“สองแม่ลูกครับ มาทานได้แล้วครับ” ไอ้ดินเอ่ยบอกด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม ซึ่งผมและคุณแม่ก็ยิ้มตามมันไปด้วย พร้อมกับอาการเขินแปลกๆ


“คุณแม่เป็นคนทำเหรอครับ”


“เปล่าจ๊ะแม่เป็นแค่ลูกมือ วันนี้เชฟดินลงมือทำเองจ๊ะ”


“ทำไมไม่ปลุกกู” ผมหันไปเอ็ดมันเบาๆ


“เห็นมึงนอนหลับสบายเลยไม่อยากปลุก เอาน่ารีบๆกินเดี๋ยวจะหายร้อน” ไม่อยากเถียงต่อหน้าคุณแม่เลยก้มหน้ากินอย่างว่าง่าย



     ชิมน้ำเงี้ยวที่หน้าตาสีสันเหมือนอิมพอร์ตมาจากเชียงใหม่เข้าไปหนึ่งคำ ก็ต้องรีบเงยหน้าขึ้นมองคนทำซึ่งมันมองผมอยู่ก่อนแล้ว


“อร่อยล่ะสิ” ไม่อยากจะโกหก อร่อยกว่าผมทำซะอีก แม่ง..รสมือของมันดีกว่าของผมจริงๆ สมแล้วที่เป็นพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง!


“คุณพ่อล่ะครับ” ผมไม่ตอบเดี๋ยวไอ้พ่อบ้านดีเด่นเหรียญทองมันจะเหลิง


“พ่ออยู่ที่สวนกล้วยไม้จ๊ะ ไม่ต้องห่วงกินกันเลยลูกเดี๋ยวแม่แบ่งเอาไปให้พ่อที่สวนเอง” จากนั้นคุณนายอรอนงค์ก็หิ้วปิ่นโตที่บรรจุน้ำเงี้ยวไว้ภายในเดินออกจากบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม..คุณแม่ดูอารมณ์ดีจังแฮะ


“เออมึง โทรบอกไอ้หมียัง” เมื่อวานก็เบี้ยวมันไปรอบนึงละ


“ไม่อ่ะ ทำนิดเดียวไม่พอกินสำหรับมันหรอก อีกอย่างมันก็เคยกินจนเบื่อละ” ก็จริงของมึง อย่างไอ้หมีต้องทำเท่าขนาดทำโรงทานถึงจะอยู่ท้องมัน!







       วันนี้คือวันสุดท้ายที่อยู่บ้านไอ้ดิน พรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับเชียงใหม่ไปใช้ชีวิตในดินแดนตะตอนยอนตามเดิม

 กิจกรรมในวันนี้คืออาบน้ำให้เจ้าสี่ขาสองตัวที่นอนตัวเปื้อนโคลนอยู่หน้าบ้านไม่รู้ว่าแอบไปเล่นซนที่ไหนมา
ช่างเป็นกิจกรรมที่แอดเวนเจอร์สุดๆ!

ถามว่ามาเที่ยวทั้งทีทำไมไม่ออกไปเที่ยวข้างนอก ทั้งผมและไอ้ดินต่างก็ไม่ค่อยชอบเที่ยวที่มีคนพลุกพล่านสักเท่าไหร่ การกลับบ้านมาพักผ่อนทำกิจกรรมที่บ้านถือเป็นการผักผ่อนที่ดีที่สุดแล้ว อีกอย่างบ้านไอ้ดินก็บรรยากาศดีสุดๆอยู่ที่บ้านมันนี่แหละดีแล้ว


“มาเลยเจ้าถุงเงินมาอาบน้ำซะดีๆ ส่วนเจ้าถุงทองนอนรอไปก่อนนะแก” ผมบอกเจ้าสี่ขาทั้งสองตัวที่แกว่งหางสุดสวิงริงโก้


“ดินมึงจับสายยางนะ กูจะถูสบู่ให้เอง”


“รับทราบครับ”


“เฮ้ย! นี่มึงจะอาบน้ำให้หมาหรืออาบน้ำให้กูเนี่ย”


“โทษๆ ถุงเงินอยู่นิ่งๆสิ” เนียนดุหมานะมึง มึงจงใจฉีดน้ำมาทางกูชัดๆ


   อาบน้ำให้เจ้าสี่ขาตัวแรกเสร็จด้วยสภาพเปียกมะล่อกมะแล่ก ทั้งโดนเจ้าถุงเงินสะบัดน้ำใส่และไอ้ดินที่ทำเนียนฉีดน้ำใส่ผม
ดูสายตามันสิ ยิ้มกรุ้มกริ่มเดี๋ยวแม่งจกตาบอดซะเลยหนิ


“เดี๋ยวกูจับสายยางเอง มึงถูสบู่ให้ถุงทองบ้าง” ถึงเวลากูเอาคืนบ้างแล้ว หึๆ


“โอ๊ะ ถุงทองอยู่นิ่งๆดูสิพี่ชายแกเปียกหมดแล้ว” แล้วผมก็ยิ้มเจ้าเลห์ให้กับไอ้ดิน หึ มึงเล่นกูก่อนนะ


   จากนั้นการอาบน้ำให้หมาก็กลายเป็นสงครามแห่งสายน้ำ คืออะไร? สงกรานต์ย้อนหลังใช่มะ ทั้งหมาทั้งคนเปียกโชกไปหมด
แต่มันก็อบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข..



“พอแล้วพู่กันเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก ขึ้นไปอาบน้ำและทำตัวให้แห้งได้แล้ว” ผมไม่สนยังฉีดน้ำใส่มันไม่หยุด

  จากนั้นไม่ทันตั้งตัวไอ้ดินก็หยุดผมด้วยการเข้ามาประชิดตัวแล้วกระซิบที่ข้างหู

“เสื้อขาวๆของมึงเปียกจนเห็นหัวนมหมดแล้ว รู้มั้ยมึงกำลังยั่วกูอยู่ ถ้ามึงยังไม่เข้าไปอาบน้ำกูจะจับดูดนมแม่งมันตรงนี้แหละ”  ครับ! ผมหยุดเล่นแล้วเข้าบ้านไปอาบน้ำและทำตัวให้แห้งอย่างว่าง่ายทันที 

สายตาแม่งอย่างหื่น ขืนดื้อใส่มันมีหวังโดนดูดหัวนมโชว์แน่ๆ!       

      คิดแล้วก็สยิว เอ้ย! สยอง




     เมื่อทำตัวให้แห้งกันทั้งคู่แล้วก็ตั้งใจจะออกไปซื้อของฝาก แต่ยังไม่ทันได้ออกจากบ้าน คุณนายอรอนงค์ก็เข้าบ้านพร้อมกับหิ้วของพะรุงพะรัง ผมกับไอ้ดินปรี่เข้าไปช่วยแทบจะทันที


“ซื้ออะไรมาเยอะแยะครับแม่” ไอ้ดินช่วยแม่มันถือของถามขึ้นทันที


“ของฝากไงลูก ให้หนูพู่แล้วก็เอาไปฝากบ้านทางนู้นด้วย”


“เยอะจังครับแม่ พู่เกรงใจ จริงๆพวกเรากำลังจะออกไปซื้อออกฝากกันอยู่พอดี”


“จะให้หนูซื้อเองได้ไงล่ะลูก ให้แม่ซื้อให้น่ะถูกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าแม่จะแพ็คองุ่นให้เอาไปฝากครอบครัวกับเพื่อนๆพู่ด้วยดีมั้ย ”


“ขอบคุณครับคุณแม่” ผมกอดแม่ไอ้ดินด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจจริงที่เอ็นดูผม ไม่ได้ประจบประแจงแต่อย่างใด..ดีจังน๊า






     และแล้วก็ถึงวันเดินทางกลับเชียงใหม่  เราเดินทางกลับตั้งแต่เช้ามืด โดยทั้งคุณพ่อและคุณแม่มายืนส่งพร้อมเจ้าสี่ขาสองตัวถุงเงิน ถุงทอง และสมาชิกเก่าแก่อีกตัวหนึ่ง ‘เจ้าเสือ’ แมวไทยตัวสีส้มที่อ้วนเกินมาตรฐานแมวไทย..นี่แมวหรือหมูแคระ!
จำได้ว่าที่บ้านไอ้ดินก็เลี้ยงแมว มาตั้งหลายวันก็เพิ่งจะเจอตัวนี่แหละ ไอ้ดินบอกว่าเจ้าเสือเป็นแมวสันโดษ จะปรากฏตัวให้เห็นก็ต่อเมื่อเวลาหิว  ดีแท้..มันคงคิดว่าบ้านมันเป็นเซเว่น!





     14.15 น. เดินทางกลับถึงบ้านที่เชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ


“อ๊ะ  อืออ พี่น้ำเบาๆหน่อย” 


“ขอโทษครับ เจ็บเหรอ”


“อื่อ ลึกๆหน่อยครับ”


“อ่า ลึกพอมั้ย”


   นี่มันบทสนทนาอะไรกัน บัดสีที่สุด แล้วทำไมไม่ปิดประตูห้องแง้มไว้เพื่อ?!

ผมกับไอ้ดินได้แต่มองหน้ากันเลิกลั่ก  เสียงอืออา ยังคงดังไม่หยุด ทนไม่ไหวแล้วเว้ย ผมผลักประตูห้องของไอ้พี่น้ำทันที


“ทำแม่งอะไรกันวะ!” ภาพที่เห็นคือไอ้ปูนนอนตะแคงบนตักไอ้พี่น้ำ ส่วนในมือของไอ้พี่น้ำก็ถือก้านสำลี

       ปั๊ดโธ่เอ้ย  แม่งแคะหู!

ไอ้ดินได้แต่ขำกับความคิดของผม  มึงจะบอกว่าสุดท้ายก็เป็นกูเองที่คิดบัดสีใช่มะ 


“อ้าวกลับมาแล้วเหรอ” ไอ้ปูนลุกออกจากตักของไอ้พี่น้ำด้วยความไวแสงแล้วเดินออกมาหาผมทันที ส่วนไอ้พี่น้ำก็เดิมตามออกมาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย 


“ไอ้ดิน ได้ข่าวว่ามึงทำให้น้องกูร้องไห้” นั่นไงกูว่าละว่ามันผิดปกติ สีหน้าของไอ้พี่น้ำไม่มีแววขี้เล่นเหมือนทุกครั้ง นั่นทำให้ไอ้ดินหน้าถอดสี


“ผมขอโทษครับพี่ ผมยอมรับผิดทุกอย่าง” ไอ้ดินยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับน้ำเสียงที่จริงจัง


“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ เรื่องมันก็จบไปแล้วอย่าไปพูดถึงเลย” คือมันไม่มีอะไรแล้วจริงๆ ผมก็ไม่อยากให้บรรยากาศมันตึงเครียดแบบนี้


“ไม่ได้มันสัญญากับกูไว้ว่าจะไม่ทำให้มึงร้องไห้” มึงจะมาทำหน้าที่พี่ชายที่แสนดีอะไรตอนนี้ แล้วไปสัญญิงสัญญากันตอนไหนวะ


“แล้วมึงจะให้มันทำไง ให้เลิกกับกูงั้นเหรอ”


“...” ไอ้พี่น้ำได้แต่ทำหน้าหงุดหงิด


“มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของความรักรึป่าววะ มันก็ต้องมีสุข มีเศร้า หัวเราะ ร้องไห้เรื่องราวระหว่างทางพวกนี้ไม่ใช่เหรอที่ทำให้ความรักมันเข้มแข็งน่ะ”


“มึงมันเข้าข้างผัว” เอ้า! ไอ้พี่บ้า ผมได้แต่ส่ายหน้าระอา


“กูพูดความจริง มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดแล้วตอนนี้ก็เข้าใจกันดีแล้ว มึงเคยพูดเองนะเรื่องที่บั่นทอนจิตใจไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ กูก็ทำแบบที่มึงบอกไงหรือที่กูทำมันไม่ถูกต้อง?” ตอนที่มันเล่าเรื่องตอนที่เลิกกับแฟนเก่ามันเป็นคนบอกผมเองแท้ๆ


“เออตามนั้น  ไอ้ดินมึงอย่าให้มีครั้งที่สองนะไม่งั้นกูจะเอาน้องกูคืน” น้ำสียงและสีหน้ามันจริงจัง นานๆทีจะได้เห็นมันในโหมดนี้


“ครับ” ไอ้ดินรับคำสั้นๆ แต่ทว่าหนักแน่น


“พี่น้ำเป็นพี่ชายที่หวงน้องชายเหมือนกันนะเนี่ย” ไอ้ปูนพูดเพื่อทำลายบรรยากาศที่ตึงเครียดให้ผ่อนคลายลง  แต่ทว่า..


“ใครจะอยากให้คนในครอบครัวเสียน้ำตาล่ะจริงมั้ย” ยัง ยังจะดึงเข้าดราม่าอีก


“รักกันทะเลาะกันมันก็เป็นเรื่องปกติของคนสองคนนะพี่น้ำ อีกอย่างไอ้พู่ก็บอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ตอนนี้ก็โอเคแล้ว พี่น้ำก็คงไม่อยากเห็นคนในครอบครัวต้องเครียดเพราะตัวเองจริงมั้ยครับ”


“เฮ้อ ครับพี่เข้าใจแล้ว พอๆจบๆ ทุกอย่างจบด้วยดีก็โอเคแล้ว  งั้นตอนนี้เอาของฝากมาเซ่นกูซะดีๆไอ้น้องเขย”  สุดท้ายน้องพูดไม่ได้ผลต้องเมียพูดสินะ   โอเคชัดเจน 

   คำว่าน้องเขยหลุดออกจากปากแสดงว่าเข้าสู่สภาวะปกติ


“นี่ครับ องุ่นออแกนิคสดๆจากบ้านสวนรักษ์ดินครับ” องุ่นสีสวยถูกเซ่นไว้ข้างหน้าไอ้พี่น้ำ เอ้ย! วางไว้ข้างหน้าไอ้พี่น้ำ


“ปูนเคยชิมแล้วอร่อยจริงๆ ไม่มีเมล็ดด้วย” แล้วไอ้ปูนก็หยิบองุ่นเข้าปากทันที


“ป้อนพี่ทีครับ” เสียงสองของมันนี่ชวนสยองจริงๆ


“พึ่งรู้ว่านอกจากพี่น้ำจะเป็นพี่ชายที่หวงน้องแล้ว ยังเป็นง่อยอีก” ถึงปากไอ้ปูนจะเอ่ยแซวแต่มันก็ยัดองุ่นใส่ปากไอ้พี่น้ำอยู่ดี..ขอย้ำว่ายัดไม่ได้ป้อน


“อืมอร่อย หวาน  แต่หวานไม่เท่าไอติมวนิลาของพี่” แล้วแก้มไอ้ปูนก็แดงระเรื่อ อะไรของพวกมึงไอติมวนิลามาจากไหน?


“นี่ถ้าจะหวานกัน ก็ไปหวานกันไกลๆ ” เห็นหน้าเลี่ยนของไอ้พี่น้ำแล้วอยากจะอ้วก ไม่เข้ากะหนังหน้ามึงเลยสักนิด


“ไอ้น้องขี้อิจฉา เข้าห้องกันน้องปูนพี่อยากชิมไอติมวนิลาแล้ว”


“พี่น้ำ!!” ไอ้ปูนได้แต่ร้องโวยวายเมื่อโดนไอ้พี่น้ำลากเข้าห้อง แต่ก็ไม่ลืมที่จะหยิบองุ่นพวงโตเข้าไปด้วย


            ไอติมวนิลาอะไรวะ? ในห้องนอนมันไม่มีตู้เย็นสักหน่อย หรือว่าจะเป็นโค้ดลับ?!


     หรือว่า ว่า....


“พวกมึงได้กันแล้วเหรอ!!!” ผมโพล่งออกไปทันที แต่ไร้เสียงตอบรับ ทั้งสองคนที่หายเข้าไปในห้องต่างพากันเงียบกริบ   
ไม่นะไอ้พี่น้ำมึงจะทำบัดสีกับไอ้ปูนไม่ได้นะ  จู่ๆก็รู้สึกหวงเหมือนแม่หวงลูกสาวที่ต้องออกจากอ้อมอก

  ผมกำลังแนบหูฟังว่าเกิดเหตุการณ์อะไรในห้อง แต่จู่ๆก็มีแรงควายมาดึงผมออก


“ไม่เผือกดิ” กูเกลียดหน้าตายของมึง ไร้ซึ่งอารมณ์มาก ต่างจากกูอยากรู้อยากเห็นหูผึ่งสุดๆ


“คนขี้เสือกติดลบอย่างมึงไม่เข้าใจกูหรอก  เอ๊ะ นี่มึงหลอกด่ากูเหรอ” ผมหันไปว่ามันทันที


“ก็มันเป็นสิทธิ์ของเขาอย่าไปยุ่งเลย ป่ะเข้าห้องกันเถอะ ง่วงแล้วอยากพักขับรถมาทั้งวัน” ไม่พูดเปล่าเอาหัวมาซบที่หัวไหล่ผมเหมือนคนหมดแรง


“เหนื่อยก็เข้าไปพักสิ เกี่ยวอะไรกับกู”  ช่วยไม่ได้มันไม่ยอมให้ผมช่วยขับรถเอง ขาไปยังได้ขับแม้จะแค่70กิโลเมตร แต่ขากลับไอ้พลขับมือวางอันดับหนึ่งสั่งให้นั่งเป็นดอกไม้หน้ารถอย่างเดียว มันบอกแค่มีผมนั่งข้างๆก็เหมือนโดฟกระทิงแดงไป10ขวด!
..เวอร์วังมั้ยล่ะ


“เกี่ยวสิเพราะมึงเป็นดอกไม้ของกู”  อะไรของมัน นับวันยิ่งพูดจาไม่รู้เรื่อง


“ป่ะ เด็กๆเข้าห้อง” ขี้เกียจเถียงเลยเดินเข้าห้องโดยไม่ลืมที่จะเรียกเจ้าเหมียวทั้งสามตัวที่คลอเคลียอยู่ไม่ห่างให้เข้าห้องไปด้วยกัน


“ให้เด็กๆนอนข้างนอกได้มะ” เกลียดสายตา โคตรไม่น่าไว้ใจ


“มึงคิดจะทำอะไรของมึง หยุดคิดอะไรบ้าๆเลยนะ”


“เปล่าสักหน่อย มึงน่ะคิดมากเนาะนู๋ชบา ป่ะเด็กๆเข้าห้อง” แล้วมันก็อุ้มแมวทั้งสามตัวด้วยแขนถึกๆของมันเดินเข้าห้องด้วยหน้าตาตีมึน  ไม่รู้ตอนนี้มันอยู่ในโหมดไหน ตามมันไม่ทันจริงๆครับ

  ..เจ็บหัวง่าว! (แปลว่าปวดกะบาลโคตร)




“พู่กัน”


“หืม”


“เมื่อกี้กูกลัวพี่น้ำมากเลย กลัวเขาไม่ยกโทษให้กูที่ทำให้น้องชายเขาร้องไห้”


“ไอ้พี่น้ำเห็นแบบนั้นมันเป็นคนมีเหตุผลนะ มันไม่งี่เง่าถึงขนาดไม่ยกโทษให้มึงหรอก มันชอบมึงจะตายไม่งั้นมันคงไม่ช่วยมึงจีบกู”


“แต่กูก็รู้สึกผิดอยู่ดีที่ผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่น้ำ”


“มึงไปสัญญากันตอนไหน”


“ความลับ มันเป็นสัญญาของลูกผู้ชายมึงอย่ารู้เลย” อะไรของมึง แล้วกูไม่ใช้ลูกผู้ชายรึไง?


“เออไม่อยากรู้ด้วยกับพวกมึงหรอก นอนได้แล้ว เลิกนอยด์ เลิกรู้สึกผิด โอเค๊?”


“ก็ได้ครับ  ขอหนึ่งจุ๊บจะได้ฝันดี” แล้วผมก็จุ๊บไปที่ปากของมันหนึ่งที ห่มผ้าให้เสร็จสรรพ ไอ้คนในผ้าห่มก็หลับตาพริ้ม..บางทีก็งงนะว่าผมมีแฟนหรือมีลูก!




ผ่านไป2ชั่วโมงไอ้ดินก็ตื่นลุกขึ้นมาทำหน้าที่พ่อบ้านดีเด่นเหรียญทองอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง


“ล้างทำไมวะ มึงไม่ได้กินสักหน่อย” ไอ้ดินกำลังล้างจานที่ไอ้พี่น้ำมันใช้ น่าจะตั้งแต่วันที่ผมไปโคราชซึ่งมันเต็มจนล้นอ่างล้างจาน


“ไม่เป็นไร หน้าที่กูอยู่แล้ว อย่าลืมสิว่ากูอยู่บ้านมึงฟรีๆนะ”


“เดี๋ยวมันก็เคยตัวให้มันทำเองบ้าง  อีกอย่างมึงไม่ได้มาอยู่บ้านนี้ในฐานะเบ๊สักหน่อย”


“คิดมากน่า ถือเป็นเซอร์วิสพิเศษละกัน”


“ตามใจมึง” พูดไปก็เท่านั้นครับ ของมันชอบและมันก็เต็มใจ ห้ามไปก็เท่านั้น


“เย็นนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย”


“สเต็ก” จู่ๆก็นึกถึงช่วงแรกๆที่เจอกัน ตอนนั้นไอ้ดินตีมึนผสมเผด็จการที่จะทำสเต็กให้ผมกิน พอย้อนนึกถึงวันนั้นก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเหมือนกัน


“โอเค งั้นเดี๋ยวไปซื้อของกันแล้วแวะเอาของฝากไปให้ที่บ้านใหญ่ด้วย”






      ซุปเปอร์มาเก็ตเจ้าเก่าเจ้าเดิมที่ผมมาประจำเพราะใกล้กับที่บ้าน


“นี่เล่นเป็นเด็กๆ เดี๋ยวก็ตก” เมื่อไอ้ดินเริ่มเข็นรถเข็นผมก็กระโดนขึ้นนั่งขอบด้านหน้าของรถเข็นทันที จึงได้รับการเอ็ดกลับมาทันที ..แต่ใครจะสน


“ไม่ตกหรอกน่ามึงก็เข็นดีๆสิ   ออกรถได้ Let’go”  ไอ้ดินได้แต่ส่ายหน้ากับความเป็นเด็กของผม


“สเต็กไรดี”


“หมูๆ บุตะๆ” ผมชี้นิ้วไปทางเนื้อหมูที่วางเรียงรายไม่รู้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหนของหมูบ้าง ถึงจะพอทำอาหารเป็นก็ใช่ว่าผมจะรู้!


“โอเค งั้นพอร์คชอปนะ”


“โอเค ว่าแต่พอร์คชอปมันคือส่วนไหนของหมูอ่ะ” เคยสั่งกินบ่อยๆแต่ไม่รู้หรอกว่ามันคือส่วนไหนของหมู นี่ถ้ามันเป็นตรงส่วนตัวเดียวอันเดียว ผมคงกินหรรมหมูไปเกือบร้อยแท่งเป็นแน่แท้!!


“มันคือสันนอกติดกระดูก ถ้าเป็นเนื้อวัวจะเรียกว่าทีโบน”


“อ๋อแบบนี้นี่เอง สมแล้วที่เป็นพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง” ไอ้ดินได้แต่ยิ้มขำๆกับฉายาของมัน


“มันบดเอามั้ย”


“เอา” ตอบแบบไม่ต้องคิดเพราะผมชอบมันบดที่สุด


“งั้นไปแผนกผักกัน”


“มึงอันนี้ด้วย” เมื่อมาถึงแผนกผักผมกระโดดลงจากรถเข็นแล้วหยิบแครอทจิ๋วที่อยู่ในถุงชูให้ไอ้ดินดูทันที


“เบบี้แครอทเหรอ เอาสิ”


“กูว่าเราทำผักอบแทนสลัดผักดีมั้ย”


“แบบนั้นก็ได้ งั้นเชิญเลือกผักตามใจชอบได้เลยครับ”  รอยยิ้มละมุนพร้อมกับขยี้หัวผมเบาๆ ทำให้ผมเขินทุกทีสิน่า..



    ผักที่ผมเลือกมามีเบเบ้แครอท หน่อไม้ฝรั่ง ฝักทอง มะเขือเทศและหอมแขก ผักสองอย่างหลังผมไม่ได้ชอบหรอกของพ่อบ้านมัน


“พอรึยัง”


“พอแล้วล่ะ มึงล่ะได้ของครบยัง”


“ของคนครบแล้ว เหลือแต่ของเจ้าเหมียว”


“อะไรอาหารยังไม่หมดสักหน่อย”


“ขนม”


จริงๆเล้ย แมวไม่สนใจก็เอาขนมเข้าล่อ เจ้าเหมียวทั้งสามตัวติดไอ้ดินก็เพราะได้กินขนมจากมันนี่แหละ




    หลังจากซื้อของเสร็จก็แวะเอาของฝากจากโคราชไปให้ที่บ้านใหญ่..

เมื่อคุณนายรดาเห็นหน้าพวกเราก็ถลาเข้ามากอด..กอดไอ้ดิน ผับผ่าสิ  แม่นะแม่


“น้อยใจจังที่แม่ไม่กอดหนูเป็นคนแรก” แกล้งงอนไปงั้นแหละ ดีเสียอีกที่แม่เอ็นดูไอ้ดิน


“ก็พี่ดินเขาเดินมาก่อนไง แม่เลยต้องกอดพี่ดินก่อน แม่รักหนูพู่เหมือนเดิม มาๆให้แม่กอด”


“อายุเท่ากัน เรียกพี่ทำไมล่ะแม่”


“น่าเอ็นดูดีออกหนูพู่กับพี่ดิน  ยังไงพี่ดินเขาก็ตัวโตกว่าหนูปกป้องหนูได้เรียกแบบนี้ดูอบอุ่นดีออก เนอะพี่ดิน” ตรรกะอะไรของแม่เนี่ย!


“ครับคุณแม่” เอ้า ไอ้นี่ก็เป็นไปกับเขาอีกคน


“ไปโคราชเป็นไงกันบ้างลูก”


“อากาศดีสุดๆเลยล่ะแม่ หลังบ้านไอ้ดินมีลำธารด้วยอ่ะ” อันนี้อยากอวดสุดๆ


“จริงเหรอ น่าไปจัง”


“ไว้คุณแม่ไปเที่ยวสิครับ ส่วนนี่ก็ของฝากเล็กๆน้อยๆครับ”


“ลำบากเปล่าๆลูก ยังไงก็ขอบใจนะพี่ดิน”


“ไม่เป็นไรครับคุณแม่ องุ่นกับน้ำองุ่นมาจากที่ไร่ของบ้านผมเองปลูกแบบออแกนิค คุณแม่ลองชิมดูนะครับ”


“น่าทานจังลูก พ่อต้องชอบแน่ๆ” อืมใช่ พ่อน่าจะชอบเพราะแกสายเฮลตี้ ชอบอะไรปลอดสารแบบเกษตรอิทรีย์  หลังบ้านก็ปลูกผักกินเองนะ นี่ถ้ามีที่ดินมากกว่านี้คงปลูกข้าวกินเองเป็นแน่แท้!


“พูดถึงพ่อ แล้วพ่อไปไหนอ่ะแม่”


“ไปประชุมที่คณะ ยังไม่กลับมาเลยแต่เดี๋ยวสักพักคงมา แล้วนี่กินอะไรมารึยังลูก”


“ยังครับแม่ แต่ซื้อของเตรียมทำกับข้าวไว้แล้วครับ”


“งั้นเหรอ ถ้างั้นก็รีบกลับเถอะลูกนี่ก็เย็นแล้ว กว่าจะถึงบ้านกว่าจะทำเสร็จหิวโซกันพอดี” ทั้งสายตาและน้ำเสียงของแม่ปนไปด้วยความเอ็นดู  ทำให้ผมสุขใจไม่น้อย รู้สึกโชคดีทุกครั้งเมื่อได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว ทั้งครอบครัวผมเองและครอบครัวไอ้ดิน






   เมื่อกลับถึงบ้านไอ้พี่น้ำกับไอ้ปูนก็ออกไปแล้ว เห็นว่าจะไปดูหนังแล้วไอ้พี่น้ำวันนี้ก็จะนอนที่บ้านใหญ่ผมเลยไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อมัน ดีเหมือนกันไม่เปลือง!


“ดินกูจะทำผักอบเองนะ ที่เหลือมึงทำเอง”


“โอเค” ไอ้ดินหันมารับคำง่ายๆแล้วหันไปจัดการกับพอร์คชอปสองชิ้นที่อยู่บนเขียงต่อ



    ผักอบนั้นง่ายแสนง่ายไม่จำเป็นต้องมีทักษะในการทำอาหารก็สามารถทำได้
เบบี้แครอทไม่ต้องหั่นแค่ปลอกเปลือก หน่อไม้ฝรั่งก็หั่ยส่วนโคนที่แข็งออก มะเขือเทศและหอมแขกก็หั่น4ส่วน ส่วนฝักทองก็ปลอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำหนาประมาณ1นิ้ว จากนั้นนำผักทั้งหมดใส่ถาด ใส่น้ำมันมะกอก เกลือ พริกไทย ใบไทม์ ใส่น้ำผึ้งลงไปเล็กน้อยตามสูตรของคุณนายรดา ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน นำเข้าเตาอบ อบที่ไฟอุณหภูมิ 400 องศาฟาเรนไฮต์ 30นาที
(จะได้อรรถรสมากขึ้นให้นึกเสียงคุณป้าในรายการ กระจก66ด้าน ห้วนสั้นแต่ได้ใจความ!)



   ไม่นานสเต็กสำหรับสองที่ ผักอบและมันบดก็พร้อมขึ้นโต๊ะรับประทาน

ทุกอย่างดูราบรื่นปกติ แต่ที่ดูผิดแผกไปก็ไอ้ดินที่แหละ  มันปิดไฟครับ! แล้วก็จุดเทียน! ไม่รู้ผีตัวไหนเข้าสิงถึงได้คิดมีอารมณ์อยากจะโรแมนติก


“เปิดไฟเหอะ กูมองไม่เห็น” แสงสลัวๆผมรู้สึกว่ามันกินไม่อร่อยอ่ะ


“ก็มีแสงเทียนแล้วนี่ไง หรือมึงตาบอด” มึงจะสร้างภาพให้โรแมนติกเพื่อ?! ในเมื่อปากมึงมันร้ายขนาดนี้..หมดกัน!


   สุดท้ายบรรยากาศโรแมนติกที่ไอ้ดินพยายามสร้างขึ้นก็ถูกทำลายลงราบคาบด้วยน้ำมือ(ตีน)ของเจ้าเหมียวตัวอ้วนสีขาวสองตัว ไม่รู้ว่าวิ่งแตกตื่นอะไรมาจู่ๆจำปีและจำปาก็กระโดดขึ้นบนโต๊ะอาหารส่งผลให้เทียนล้ม


  ล้มแล้วยังไง?  ไฟไหม้ฟ้าปูโต๊ะยังไงล่ะ    ฮะ! ไฟไหม้!!!


   ผมมองไอ้ดินที่พยายามดับไฟด้วยความทุลักทุเล จากนั้นมันก็หันไปมองเจ้าเหมียวตัวการเหมือนมันจะบ่นแต่พอเจอสายตากลมโตใส่ซื่อของเจ้าเหมียว มันก็ทำได้เพียงถอนหายใจ


“ฮ่าๆๆๆ” สุดท้ายผมก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว กลับกลายเป็นว่าไอ้ดินก็หัวเราะตามไปด้วย


“ฮ่าๆๆๆ”


“กูบอกมึงแล้วให้เปิดไฟ”


“นั้นน่ะสินะ กูคงไม่เหมาะจะทำอะไรแบบนี้จริงๆ” ไอ้ดินได้แต่เกาหัวตัวเองแก้เก้อ


“เอาน่า แค่ทำกับข้าวด้วยกัน กินด้วยกันแบบนี้สำหรับกูก็โรแมนติกสุดๆแล้ว” ผมคิดแบบนั้นจริงๆนะไม่ได้จะปลอบใจมันแต่อย่างใด


“ดอกไม้ ทำไมมึงน่ารักแบบนี้วะ” จากนั้นมันก็จูบลงมาที่แก้มของผมด้วยความอ่อนโยน 


           เห็นมะแค่นี่ก็โรแมนติกสุดๆละ  ฮิ้วววว



    มื้อนี้จบลงด้วยการกินสเต็กท่ามกลางแสงนีออน!  สำหรับผมความโรแมนติกมันไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับบรรยากาศเสมอไป จะเป็นที่ไหนก็ได้ขอแค่เรานั่งกินกับคนที่เรารักแค่นั้นมันก็ดีต่อหัวใจสุดๆแล้ว..




   จากเหตุการณ์มื้อค่ำ ทำให้คืนนี้ผมเข้านอนด้วยความสุขใจ แต่แล้วความสุขใจก็แปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่าน!!


“พู่กัน หลับยัง”


“ยัง”


“มึงบอกว่ากูเป็นพ่อบ้านที่ดีใช่ป่ะ”


“อืม ใช่”


“แต่กูว่า..กูยังทำหน้าที่บกพร่อง”


“ยังไง”


“พ่อบ้านที่ดีต้องเก่งทั้งเรื่องงานบ้าน งานครัวและ..เรื่องบนเตียง”


“...”


“ตั้งแต่กลับมาจากเสม็ดเรายังไม่ได้อึ๊บกันเลย..รู้มั้ยพ่อบ้านใจจะขาดแล้ว  อีกอย่างใกล้จะเปิดเทอมแล้วด้วยถ้าอึ๊บตอนนี้มึงหายทันก่อนเปิดเทอมแน่นอน คืนนี้ขอนะครับ” .

ในขณะที่ปากมันร้องขอหาเหตุผลมาร้อยแปด แต่มือมันลูบไล้เข้ามาใต้เสื้อของผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แล้วยังไงล่ะ..ระทวยสิครับ


  ถ้าจะให้พูดความจริงผมก็ต้องการมันเหมือนกัน..ใช่มันคนเดียวซะที่ไหนที่ใจจะขาด!!


         และแล้ว..และแล้วภาพก็ตัดไปที่โคมไฟหัวเตียง เป็นอันรู้กันนะครับ    อ่าาา






  TBC.

………………………………………………………..

  มาแล้ววว ช่วงนี้มาลีป่วยค่ะแต่ใจสู้สุดๆ ถอดสายน้ำเกลือปุ๊บรีบมาปั่นบทนี้ทันที  :katai4:
  ตามจริงแล้วต้องเป็นคิวของฝรั่งใจ #พี่เบิ้มป้านด  แต่ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลในหัวคิดแต่เรื่องแผ่นดินพู่กัน เลยแอบลัดคิวลงเรื่องนี้ก่อน  แฮะๆ

  ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ^^



หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++บทที่ 18 วิถีพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง!(04-07-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 04-07-2018 21:01:46
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++บทที่ 18 วิถีพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง!(04-07-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-07-2018 21:14:15
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++บทที่ 18 วิถีพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง!(04-07-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-07-2018 21:34:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++บทที่ 18 วิถีพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง!(04-07-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 05-07-2018 06:08:30
 :katai2-1: :pig4:



หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++บทที่ 18 วิถีพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง!(04-07-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 05-07-2018 22:03:27


อยากได้พ่อบ้านเหมือนแผ่นดินสักคน  :katai2-1:

หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++บทที่ 18 วิถีพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง!(04-07-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 06-07-2018 09:05:04
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++บทที่ 18 วิถีพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง!(04-07-18) *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 06-07-2018 18:18:46
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่19 ว่าด้วยเรื่องของหมี [08-08-18 *P.4]
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 08-08-2018 15:06:02
       




บทที่19  ว่าด้วยเรื่องของหมี





      และแล้ววันเปิดภาคเรียนของปีการศึกษาใหม่ก็มาถึง มองสาวๆเฟรซชี่ปีหนึ่งแล้วช่างน่ารักสดใสเหมือนดอกไม้แรกแย้ม แต่พอมองไอ้เพื่อนที่นั่งข้างๆนี่มันดอกไม้เหี่ยวๆดีๆนี่เอง!

สามปีแล้วกับชีวิตนักศึกษาในรั้วมหา’ลัยช่างเร็วดีแท้..ส่วนปณิธานยังคงเหมือนเดิมเก็บแต้มกับสาวๆรุ่นพี่เซ็กซี่ขยี้ใจให้ครบ100คนก่อนเรียนจบ  ฮ่าๆๆ

     ส่วนเรื่องแฟนนะเหรอ ผมไม่สนครับ ไม่อยากมี  ผมไม่คิดจะจริงจังกับใครหรือพร้อมจะดูแลใคร..สำหรับผมแล้วรักแท้ไม่มีจริง! แม้ไอ้พู่หรือใครๆต่างก็บอกว่าผมยังไม่เจอคนนั้นๆต่างหาก   ไม่รู้สิ ผมว่าผมคงไม่เจอ.. มุมมองเรื่องความรักของผมกับไอ้พู่ต่างกันสิ้นเชิงไอ้นั่นเฝ้ารอคอยที่จะมีความรักแม้จะเจ็บมาหลายครั้งแต่ก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่เสมอซึ่งมันก็มีความสุขกับความรักที่มันตามหา..ส่วนความสุขของผมก็นมตู้มๆของสาวๆนี่แหละครับ   ฮ่า




“มึงเห็นหน้าหลานรหัสยังวะ” ไอ้ปูนได้ฤกษเงยหน้าจากมือถือถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเป็นธรรมดาของคนมีความรักครับ ตั้งแต่มันคบกับพี่น้ำโลกของมันก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูหวานมากกว่าของหวานที่มันชอบแดกซะอีก ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องจับมือถือแชทกับหลัวตลอด!   ตั้งแต่มานั่งที่ใต้ตึกคณะมันก็เพิ่งจะเงยหน้าจากจอมือถือนี่แหละ บางทีเห็นแล้วก็น่าหมั่นไส้..แต่ก็ดีแล้วล่ะที่เพื่อนมีความสุข


“ยังอ่ะ ไม่เห็นโรสว่าไง แต่กูอยากได้หลานรหัสผู้ชายวะ” โรสคือน้องรหัสของไอ้พู่ครับ และเหตุผลที่มันอยากได้หลานรหัสเป็นผู้ชายก็เพราะสายรหัสมันมีแต่ผู้หญิงจึงได้ฉายาว่า สายหวาน เพราะตั้งแต่ถือกำเนิดสายรหัสมันขึ้นมาพี่หมอมุ้ยทวดรหัสของมันคือผู้ชายคนแรกของสายรหัส และมันคือคนที่สอง..ส่วนสายรหัสของผมน่ะเหรอเรียกว่า สายแข็ง เพราะมันตรงข้ามกับสายของไอ้พู่โดยสิ้นเชิง มีแต่ชายฉกรรจ์ล้วนๆ ไม่พวกเนิร์ดแว่นหนาเตอะก็พวกหล่อลากไส้แบบผม ฮ่า  นัดเลี้ยงสายรหัสกันนึงนึกว่าจะไปก่อม็อบกันที่ไหน!


“สายหวานของมึงยังไงก็ได้ผู้หญิงอยู่แล้วล่ะกูขอฟันธง” ผมมั่นใจเลยยังไงสายหวานก็คือสายหวาน


“แต่สายกูผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้นะ ยังไงก็ได้” ไอ้ปูนตอบทั้งๆที่ยังไม่เหน้าจากจอมือถือ   ไอ้พู่บอกว่าพี่น้ำติดไอ้ปูนยิ่งกว่ากาวตราช้าง แต่ผมว่ามันก็พอกันทั้งคู่นั้นแหละ..


“ของมึงควรจะได้ผู้หญิง ถ้าได้ผู้ชายพี่น้ำหึงแน่นอน มึงก็ด้วยไอ้พู่” โดยเฉพาะไอ้ดิน เห็นหน้านิ่งๆแต่แท้จริงแล้วโคตรขี้หึง  ได้ผู้หญิงน่ะดีแล้วจะได้ไม่มีปัญหาตามมา พอมีปัญหากับหลัวทีไรเพื่อนหล่อลากไส้อย่างผมก็ปวดหัวตามไปด้วย!


“เอ้า มึงไม่คิดว่าผู้หญิงจะมาชอบกูบ้างเหรอวะ” กล้าพูดนะไอ้ปูน เหง้าหน้ามึงแบ๊วซะขนาดนี้


“นี่กูจะบอกให้นะ ตั้งแต่พวกมึงมีผัวฟีโรโมนพวกมึงก็เปลี่ยนเป็นดึงดูดแต่พวกเดียวกัน ที่จริงมันก็ดึงดูดมานานแล้วล่ะแต่พวกมึงแม่งไม่รู้ตัว  ไม่เชื่อมึงลองหันไปมองไอ้หน้าตี๋ที่นั่งอยู่โต๊ะใต้ต้นไม่นั่นดิ กูเห็นแม่งแอบมองไอ้ปูนนานละ” แล้วพวกแม่งก็หันพรึ่บไปมองแบบไม่เนียนเล้ย ไอ้หน้าตี๋แม่งก้มหน้าหลบแทบไม่ทัน!


“แค่ไอ้ปูนหรอกที่ดึงดูดแค่เพศเดียวกัน ยังไงกูก็เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงตั้งสามคนนะเว้ย” มันก็พอกันทั้งคู่ คนนึงน่ารัก คนนึงหน้าสวยจับใส่วิกแม่งเหง้าหน้าก็ผู้หญิงดีๆนี่เอง แต่พวกแม่งไม่รู้ตัวหรอก เพราะมีผมอยู่ด้วยและคอยใช้สรีระอันสูงใหญ่ประดุจนายแบบเป็นไม้กันหมาให้พวกมันอยู่เรื่อยจึงไม่มีชายใดกล้ามาจีบพวกมันไง..พี่น้ำกับไอ้ดินควรจะขอบคุณผมนะเนี่ย   ไม่ได้การละต้องเอาเรื่องนี้ไปเป็นข้ออ้างให้เลี้ยงชาบูสักหน่อยแล้ว  ลาภปากไอ้หมีล่ะงานนี้! 


“นี่พวกมึงตอนเย็นไปร้านพี่มด..    โอ้ย! ” ผมยังพูดไม่จบ จู่ๆก็มีวัตถุบางอย่างร่วงลงมาใส่หัวผม 

   ลูกอม!!  มันคือ ลูกอม  แล้วลูกอมหลากหลายรสก็ร่วงหล่นลงมาอย่างกับห่าฝน!

พวกผมต่างก็พากันแหงนขึ้นมองที่มาของห่าฝนลูกอม  มันมาจากกระเป๋าเป้ของใครคนหนึ่งที่ปิดไม่สนิทหรือไม่ก็ซิปแตก! ที่ยืนพิงกับระเบียงทางเดินชั้นสองซึ่งตรงกับโต๊ะที่เรานั่งพอดิบพอดี


“เฮ้ย!  ลูกอมตก” ผมตะโกนขึ้นบอก แต่ไอ้คนข้างบนมันไม่ได้ยินครับเพราะมันใส่หูฟังยืนพิงระเบียงก้มหน้าอ่านหนังสือในมืออย่างตั้งอกตั้งใจ

แม่งคนห่าอะไรมันจะชอบลูกอมขนาดถึงขั้นพกมาเต็มกระเป๋าได้ขนาดนี้วะ คงจะเป็นพวกชอบแดกหวานเหมือนไอ้ปูนแน่ๆ ซึ่งตอนนี้มันก็เป็นคนเดียวที่ดีด๊ากับปรากฎการณ์ห่าฝนลูกอม!


“ยี่ห้อนี้กูชอบ” ว่าแล้วไอ้ปูนแม่งก็แกะลูกอมแล้วเอาใส่ปากเฉยเลย!


“เฮ้ ลูกอมร่วง ลงมาเก็บด้วย” ไอ้พู่ช่วยตะโกนบอกอีกครั้งและเหมือนเดิมมันยังคงไม่รู้ตัว

ผมจึงตั้งใจปาลูกอมกลับขึ้นไปให้มันรู้ตัว  แล้วก็โดนหัวมันพอดีเป๊ะ  เสี้ยวหน้าที่เห็นเพียงขาแว่นตาสีดำค่อยๆหันกลับมาพร้อมกับดึงหูฟังออกจากหู
“ไอ้ลูกอม  มึงลงมาเก็บลูกอมของมึงเดี๋ยวนี้เลย” ผมชี้หน้าบอกแม่งด้วยความหงุดหงิด  แม่งอย่างกับโปรยทาน  ส่วนไอ้ปูนก็แกะลูกอมใส่ปากไม่หยุดมันน่าดีดปากแตกจริงๆ


   ไอ้เจ้าของลูกอมทำหน้าตกใจเมื่อรู้ตัวว่ามันทำลูกอมเกลื่อนเต็มโต๊ะที่พวกผมนั่ง ก่อนจะรีบวิ่งลงมาด้วยความร้อนรน
ไอ้เจ้าของลูกอมคือเด็กเนิร์ดใส่แว่นตาหนาเตอะ ความสูงพอๆกับไอ้ปูนน่าจะสายพันธุ์เดียวกัน แถมที่คอยังคล้องป้ายชื่อสีฟ้าที่ระบุชื่อและคณะเป็นสัญลักษณ์ที่ดีที่บ่งบอกถึงความเป็นเฟรชชี่

   ‘โอบบุญ  สัตวแพทย์’     อืม..ชื่อเพราะ


“ขอโทษครับพี่” ไอ้ลูกอมยกมือไหว้ขอโทษพร้อมกับรีบเก็บลูกอมใส่กระเป๋า


“รีบๆเก็บเลยไอ้บุญ บ้านมึงเป็นโรงงานผลิตลูกอมรึไง พกมาทำห่าอะไรเยอะแยะนี่มึงพกมากินหรือพกมาขาย” 


“....” มันไม่ตอบครับเพียงแค่ดันกรอบแว่นขึ้นแล้วก้มหน้าก้มตาเก็บลูกอมต่อ


“เอ้า รุ่นพี่ถามไม่ตอบ ไอ้บุญ”


“ผมชื่อโอบบุญครับ” มันเงยหน้าตอบพร้อมสบตาผมนิ่ง  โอ้ววว มึงคือรุ่นน้องคนแรกที่กล้าสบตากูอย่างท้าทาย นี่มึงไม่ได้ดูขนาดตัวกูกับมึงเลยใช่มั้ยไอ้เตี้ย


“ก็ใช่ไง กูอ่านออก แต่กูจะเรียกพยางค์เดียว หรืออยากให้เรียกสองพยางค์ จะได้ชิคๆงี้”


“ป่าวครับ ถ้าจะเรียกพยางค์เดียวควรเรียกว่าโอบครับ”


“กูจะเรียกบุญมีไรป่าว” ผมตอบมันด้วยใบหน้าที่คิดว่าน่าจะกวนประสาทสุดๆ  แต่หน้ามันยังนิ่งครับ


“ไม่มีครับ แต่นั่นชื่อคุณพ่อผม  ถ้าพี่จะคุยกับคุณพ่อเดี๋ยวผมต่อสายให้ครับ” แล้วไอ้เด็กลูกอมก็ล้วงมือถือจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาทำท่าเหมือนจะกดโทรหาคุณพ่อบุญของมันจริงๆ 

ไอ้ห่าเอ้ยยย  ผมได้แต่เกาหัวอย่างหงุดหงิด แม่งซื่อหรือกวนตีนวะ!

ส่วนไอ้เพื่อนสองตัวก็นั่งมองด้วยความสนุกสนานที่นานๆทีจะมีรุ่นน้องกล้าต่อปากต่อคำกับผม แถมยังหน้านิ่งไร้อารมณ์อีกต่างหาก 


“ไม่ต้อง! มึงกวนตีนกูป่ะเนี่ย” ชักเริ่มมีน้ำโห เตะตัดขาสั้นๆนั่นแม่งเลยดีมั้ย


“พี่จะแบ่งลูกอมไปก็ได้นะครับ” อ้าว  ไอ้ห่าไม่สนใจกูแล้วหันไปคุยกับไอ้ปูนเฉยเลย

 
“ได้เหรอ งั้นพี่ขอนะ” ไอ้เพื่อนเวรนี่ก็ตะกละตะกลาม กูขอให้แมงกินฟันมึงผุทั้งปาก!


“ได้ครับ”  ยิ้มเหรอ!  แม่งก็ยิ้มเป็นนี่หว่า


“แต้งกิ้วน๊า  พี่ชื่อปูนสัต’แพทย์ปี3  ยินดีที่ได้รู้จักนะน้องโอบบุญ ”


“ครับพี่ปูน เรียกผมว่าโอบก็ได้ครับ”


“ส่วนพี่ชื่อพู่ยินดีที่ได้รู้จักนะ เอ้ามึงแนะนำตัวกับรุ่นน้องในฐานะรุ่นพี่น่ารักหน่อยดิ๊” แล้วไอ้พู่ก็สะกิดแขนผมยิกๆพร้อมกับใบหน้าที่ชวนให้เตะตัดขาเช่นกัน


“เออๆ หวัดดีกูชื่อกู๊ด ยินดีที่ได้รู้จักไอ้ลูกอม”


“สวัสดีครับ แต่ผมชื่อโอบครับ”


“กูจะเรียกลูกอมมีปัญหาไรมั้ย หรือว่าเป็นชื่อของญาติฝ่ายไหนของมึงอีก”


“แล้วแต่ครับ” มันพูดด้วยไปหน้าเรียบเฉยก่อนจะดันกรอบแว่นขึ้นแล้วเงยหน้ามองผมนิ่ง จนผมต้องเป็นฝ่ายหลบสายตา ผมล่ะเกลียดสายตาเรียวเล็กที่มองผ่านกรอบแว่นแบบเฝ้าสังเกตของมันจริงๆ..ให้ตายเหอะ


“ไม่มีใครเรียกมันว่ากู๊ดหรอก ทุกคนต่างก็เรียกมันว่าหมี” แล้วไอ้ปูก็กระซิบบอก พร้อมกับเกะลูกอมเข้าปากอีกหนึ่งเม็ด กูขอให้ปากมึงเปื่อย!


“ก็เหมาะกับตัวดีนะครับ  อย่างพี่คงจะไม่กู๊ด” อีกแล้วครับพูดพร้อมกับเงยหน้าสบตาผมอย่างท้าทาย


“เดี๋ยวเหอะไอ้แว่น ตัวก็เล็กเท่าลูกหมาอย่าปากดี” ที่คณะไม่ได้มีการรับน้องแบบเคร่งครัดเหมือนคณะอื่นไม่ได้หมายความว่าจะมาปีนเกรียวแบบนี้นะเว้ย  เดี๋ยว..มึงเจอกู


“ตัวเท่าลูกหมาแล้วหนักหัวมึงรึงไง” นั่นไง ไอ้ปูนแม่งหัวร้อนตะโกนใส่หน้าผมพร้อมกับปาลูกอมรสคาราเมลที่มีมากที่สุดในบรรดาลูกอมที่มันร่วงลงมาใส่หัวผม


“กูว่ามึงสักคำรึยัง ร้อนตัวทำห่าไรเนี่ย” แม่งเจ็บเหมือนกันนะเนี่ย ผมได้แต่ลูบหัวตัวเองป้อยๆ


“ไม่รู้แม่ง มึงไม่เข้าใจฮอบบิทอย่างกูหรอก เนอะน้องโอบ ว่าแต่น้องโอบชอบกินของหวานๆเหรอ” อ้าวเปลี่ยนประเด็นเองเฉยเลย ก็ดีกูจะได้ไม่เจ็บตัว


“ครับ ชอบทุกอย่างที่เป็นของหวานเวลาทานแล้วรู้สึกอารมณ์ดีแล้วก็สดชื่นครับ”


“เน๊อะ เหมือนพี่เลย อยากให้น้องโอบมาเป็นหลานรหัสพี่จังจะพาไปกินเค้กอร่อยๆ ว่าแต่รู้รึยังว่าใครเป็นพี่รหัส?”


“ทราบแล้วครับ ชื่อพี่โก้ครับ”  เมื่อได้ยินชื่อโก้ ผมก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ


“โก้ไหน โก้หญิงหรือโก้ชาย” ไอ้พู่รีบถามในสิ่งที่ผมก็สงสัยทันที พร้อมกับส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้ น่าเตะตัดขามาก ณ.จุดๆนี้! 

 
“ผู้ชายครับ” นั้นไง!  ให้มันได้อย่างนี่ซี้   ปีสองมีคนชื่อโก้อยู่สองคน คือน้องโก้สาวหมวยหัวใจฟรุ้งฟริ้งดาวคณะเมื่อปีที่แล้ว กับไอ้โก้ชายหนุ่มสายร็อคผู้มีพี่ตูนเป็นไอดอล และแน่นอนมันเป็นน้องรหัสผม! ซึ่งนั้นหมายความว่า...


“ดีใจด้วยนะ น้องโอบบุญคุณได้หมีปากหมาเป็นลุงรหัส” แล้วไอ้พู่ก็แสดงความยินดีกับไอ้ลูกอมด้วยการตบบ่ามันเบาๆ พร้อมกับหันมาพยักหน้าบอกผมเป็นนัยๆว่าสนุกล่ะงานนี้

“สายกูจะไม่มีผู้หญิงกับเขาใช่มั้ยเนี่ย” ผมได้แต่ยกมือกุมขมับ ส่วนไอ้ลูกอมก็ทำหน้านิ่งไม่แสดงอาการใดๆเมื่อรู้ว่าผมเป็นลุงรหัสของมัน..แต่สายตามันยังคงหรี่มองแบบเฝ้าสังเกตเหมือนเดิม  อยากจับถอดแว่นแล้วแม่งจับถ่างตาให้รู้แล้วรู้รอด!


“ดีเลยหมี เมื้อกี้มึงจะชวนไปร้านพี่มดใช่ป่ะพาน้องโอบไปด้วยสิ” ไอ้พู่เสนอความคิดด้วยใบหน้านึกสนุกทันที


“เออๆงั้นก็ได้  ไอ้ลูกอมเดี๋ยวคืนนี้กูพาไปเลี้ยงเอาเบอร์มึงมา” แล้วผมก็ยื่นมือถือให้มันกดเบอร์ของตัวเอง


“ร้านพี่มดคือร้านอะไรครับ” ไอ้ลูกอมดันกรอบแว่นถามด้วยความสงสัยก่อนจะคืนมือถือให้กับผม


“ร้านเหล้า”


“ผมดื่มเหล้าไม่เป็นแล้วก็ไม่คิดจะดื่มด้วยครับ”


“ว่าแล้วเชียว หน้าคุณหนูอย่างมึงคงแดกนมอุ่นๆก่อนนอน  แล้วก็คงเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำสินะ”


“พี่รู้ได้ไง! แต่ผมเปลี่ยนเวลานอนมาเป็นก่อนเที่ยงคืนเพื่อจะได้มีเวลาอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น” หน้าตาแม่งจริงจังมากเวลาที่มันพูด  พวกผมสามคนได้แต่กระพริบตาปริบๆ ผมก็แซวมั่วซั่วไปงั้นแหละเพราะเหง้าหน้าแม่งได้ ใครจะไปคิดนี่มันลูกคุณหนูเด็กอนามัยของจริงนี่หว่า


“รุ่นพี่เลี้ยงยังไงก็ต้องไป อย่าเยอะมึงอ่ะ ไว้ตอนเย็นกูจะโทรหามึงอีกที”


“เอาน่าน้องโอบ ร้านเหล้าไม่ได้ขายแค่เหล้าสักหน่อย ถ้ามาคืนนี้น้องโอบได้จะได้ชิมบราวนี่ที่อร่อยที่สุดในเมืองมนุษย์” ไอ้ห่าปูนก็พูดเวอร์วัง


“จริงเหรอครับ” เออว่ะ อารมณ์แม่งเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังตีนแววตานี่ลิงโลดสุดๆ  สปีซีส์เดียวกับไอ้ปูนต้องเอาของหวานเข้าล่อสินะ!


“จริงสิ งั้นคืนนี้เจอกันน้า”


“ครับ” แล้วมันก็พยักหน้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม  เห็นแม่งยิ้มแล้วหมั่นไส้ว่ะ!


   ดี! คืนนี้กูจะเปิดประสบการณ์มึงไอ้ลูกอม รับลองแดกเหล้าอร่อยกว่าแดกลูกอมเป็นไหนๆ  หึหึ





     หกโมงเย็นผมมารับไอ้ลูกอมที่หอใน แม่งสงสัยเหมือนกันลูกคุณหนูขนาดนี้ทำไมถึงอยู่หอในวะ
       
“ไอ้ลูกอม ทางนี้” ผมเปิดกระจกรถตะโกนเรียกไอ้ลูกอมที่เดินออกจากหน้าหอด้วยหน้าตาเด๋อด๋า

ไอ้เด็กแว่น สวมเสื้อยืดสีขาวสกรีนลายสนูปี้และผองเพื่อน กางเกงขาสั้นเท่าเข่าสีครีมกับรองเท้าแตะรัดส้นสีดำ แม่งดูยังก็ลูกคุณหนู


“พี่กู๊ดสวัสดีครับ” แปลกครับ ถึงมันจะบอกว่าชื่อหมีเหมาะกับตัวผม แต่มันก็ยังเรียกชื่อเล่นจริงๆของผมอยู่ดี


“แดกข้าวยัง”


“ทานแล้วครับ” นี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าแม่งลูกคุณหนู พูดเพราะสัด อยากรู้เหมือนกันว่าตั้งแต่มันเกิดมาเคยพูดคำหยาบบ้างรึป่าว


“ที่ร้านไม่มีกับข้าวขาย อยากแดกอะไรบอก จะได้ซื้อเข้าไปเลยทีเดียว” ผมถามอย่างใจดี ก็มันเป็นหลานรหัสผมนี่น่าก็ต้องดูแลกันสักหน่อย เดี๋ยวจะหาว่า สายแข็ง ของเราแม่งอ่อน


“เค้กครับ” มันตอบกลับมาหน้านิ่ง


“กูหมายถึงข้าว หรือไม่ก็กับแกล้ม”


“ข้าวผมทานแล้ว ผมไม่ดื่มเหล้ากับแกล้มจึงไม่จำเป็น แต่ผมอยากทานเค้กครับ”


“เฮ้อ เค้กก็เค้ก” เท่านั้นแหละครับหน้าเรียบเฉยของมันก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม เด็กน้อยเอ้ย!


“ร้านไหนดีครับ” มันหันมาถามด้วยแววตาสดใส


“อ้าว กูจะรู้กับมึงมั้ย” มึงเป็นคนแดกกูจะรู้มั้ยเนี่ย


“ผมมาจากกรุงเทพฯเลยไม่รู้ว่ามีเค้กร้านไหนอร่อยบ้าง ส่วนใหญ่ก็ซื้อตามร้านกาแฟในมหา’ลัยครับ” อ่อ ลูกคุณหนูจากเมืองกรุงนี่เอง


“กูก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ เดี๋ยวพาไปร้านที่ไอ้ปูนมันชอบไปละกันน่าจะอร่อยล่ะนะ” 


   ร้านเค้กแถวๆหน้ามหา’ลัย ผมปล่อยให้ไอ้ลูกอมมันลงไปซื้อเค้กของมันตามสะดวกส่วนผมรอในรถ ก่อนจะโทรจองโต๊ะกับพี่มด เพราะวันนี้วันหวยออกคนน่าจะเยอะจึงรีบโทรจองที่นั่งหน้าเวทีไว้ก่อน

รอไอ้ลูกอมไม่ถึง10นาที มันก็เดินกลับมาที่รถด้วยใบหน้าแป้นแล้นพร้อมกับหิ้วถุงเค้กในมือ..พอใจละสินะ


“เท่าไหร่” เมื่อมันปิดประตูรถผมก็ถามทันที


“??” ส่วนมันก็หันมาทำหน้างงใส่


“ค่าเค้กน่ะเท่าไหร่”


“สามร้อยครับ”


“อ่ะนี่ เลี้ยง” ผมยื่นธนบัตรสีแดงให้มันสามใบ พอมันทำท่าจะปฎิเสธผมก็รีบดักคอมันทันที


“อย่าปฏิเสธ ถือว่าเลี้ยงหลานรหัส”


“ขอบคุณครับ” มันไหว้ขอบคุณก่อนจะควักลูกอมรสคาราเมลที่หวานบาดคอจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเกะใส่ปากแล้วหลับตาพริ้มอย่างอารมณ์ดี  เดี๋ยวเหล้าเข้าปากมึงได้อารมณ์ดีกว่านี้แน่ หึหึ


“ชอบมากเหรอ ไอ้ลูกเนี่ย” อดไม่ได้ที่จะถามครับ แม่งอมได้ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ


“ครับชอบ ความหวานมันทำให้ผมมีชีวิต” ดูมันตอบ มึงไปพวกน้ำตาลตกรึไงวะ?!


“ไม่ได้แดกแล้วจะตายรึไง”


“ไม่ตายครับแต่ขาดไม่ได้ เอามั้ยครับผมแบ่งให้” แล้วมันก็ยื่นไอ้เจ้าลูกอมเม็ดสีน้ำตาลมาให้ผม


“ไม่อ่ะ อมแล้วแม่งเหนียวคอ แบบเย็นๆอมแล้วชุ่มคอมีมั้ยวะ”


“ไม่มีครับ แบบนั้นมันเผ็ดผมไม่ชอบครับ” แล้วมันก็แกะลูกอมห่อนั้นเข้าปากตัวเองอีกเม็ดนึง  ตอนนี้ในรถคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นหวานของคาราเมล  ชักเลี่ยนล่ะสิ


“งั้นมึงเปิดเอาฮอลล์ตรงเก๊ะหน้ารถมาให้กูหน่อย”  ฮอลล์คูลแบบกล่องสีน้ำเงินก็ถูกยื่นมาให้ จะอมทั้งทีมันก็ต้องอมของเย็นๆชุ่มคอแบบนี้สิ...ค่อยยังชั่วค่อยหายเลี่ยนหน่อย
   





       ร้านโต๊ะกลมในวันหวยออกอัดแน่นไปด้วยผู้คน โดยเฉพาะแฟนคลับที่มารอชมการแสดงมหรสพจากวงเกือบประจำอย่างวงจิปาถะ ที่วันนี้ฟอร์มวงมาเต็มวง นำโดยนักร้องหนุ่มผมยาวพี่สีน้ำเจ้าเก่าเจ้าเดิมเพิ่มเติมคือมีเมียแล้ว!
ตามมาด้วยพี่ต้ามือกลองและพี่ต่อมือกีต้าร์ที่ผ่าเฝือกออกจากแขนแล้วเรียบร้อยและได้ของใหม่เป็นเฝือกขาซึ่งเป็นรางวัลจากสาเหตุเดียวกับแขนหักนั่นก็คือเมา แขนหักแล้วโชว์เท่โดยการเมาแล้วขับมอเตอร์ไซค์ด้วยมือข้างเดียวทำให้รถล้มอีกแล้ว!
ชีวิตพี่แกช่างโลดโผนดีแท้ นี่ขนาดยังไม่เบญจเพสนะ ถ้าเข้าเบญจเพสพี่แกคงใส่เฝือกทั้งตัว!!
ผมค่อนข้างสนิทกับพี่น้ำเลยสนิทกับเพื่อนๆในวงของพี่แกไปด้วยเจอหน้ากันทีไรเป็นอันต้องก๊งเหล้ากันทุกที!

พอเดินมาถึงหน้าร้าน ไอ้ลูกอมก็ยืนเงอะงะไม่ยอมเดินตามมาสักทีผมจึงคว้าข้อมือเล็กๆของมันให้เดิมตามมา  แม่งแขนโคตรเล็กจับแรงมีหวังหัก!


“น้องโอบทางนี้” ไอ้ปูนรีบโบกมือเรียกไอ้ลูกอม ดีใจอย่างกับได้เจอพวกเดียวกัน จะว่าไปก็เหมือนพี่น้องที่พัดพรากกันแต่ชาติปางก่อน ทั้งรูปร่างหน้าตาความชอบก็คล้ายๆกัน ต่างกันตรงที่ไอ้ลูกอมจะหุ่นบางกว่า ส่วนไอ้ปูนเจ้าเนื้อนิดๆยิ่งได้เค้กจากพี่น้ำที่เช้าถึงเย็นถึงขุนจนแก้มย้วยไปถึงตาตุ่ม!


“สวัสดีครับพี่ปูน พี่พู่” ไอ้ลูกอมยกมือไหว้ทักทายรุ่นพี่ทั้งสองคนของมันมัน รวมถึงไหว้ไอ้ดินและพี่น้ำที่ต่างก็นั่งเฝ้าเมียของตัวเอง


“เปลี่ยนแนวแล้วเหรอวะไอ้หมี” พี่น้ำแซวทันทีเมื่อก้นผมหย่อนลงเก้าอี้


“ใช่ที่ไหนล่ะพี่ นี่ไอ้โอบหลานรหัสผมพามาเปิดหูเปิดตาน่ะ”


“อ่อเหรอ นึกว่าเปลี่ยนแนวจากหญ้าแก่มาเป็นหญ้าอ่อนแล้วซะอีก”


“พี่เป็นวัวเหรอครับ” แล้วไอ้ลูกอมก็หันมาถามผมด้วยใบหน้าจริงจัง สาบานว่าโง่จริง ไม่ได้หรอกด่ากู!


“ไม่เผือกดิ นี่แนะนำก่อน พี่ผมยาวเคราดกคนนี้ชื่อพี่น้ำเป็นพี่ชายของไอ้พู่แล้วก็เป็นแฟนของไอ้ปูน  ส่วนไอ้ถึกที่นั่งหน้าหล่อเก๊กขรึมข้างไอ้พู่ชื่อไอ้ดินเพื่อนกูเอง แล้วก็เป็นผัวไอ้พู่มันด้วย” จบคำว่าผัวก็ได้รับเปลือกถั่วเขวี้ยงใส่หัวเป็นรางวัลจากเมียไอ้ดิน..ก็มันจริงนี่หว่าใครถูกจับกดคนนั้นก็ต้องเป็นเมีย อย่างไอ้พู่คงไม่มีปัญญากดไอ้ดินหรอกจริงมะ!?


“สวัสดีครับ” ไอ้ลูกอมไหว้อย่างเป็นทางการอีกครั้งด้วยสีหน้าอึ้งเล็กน้อยเมื่อรู้ว่ารุ่นพี่ของมันทั้งสองคนต่างก็มีแฟนเป็นผู้ชาย


“น้องโอบชิมบราวนีสิ”


“บราวนี่ที่พี่ปูนบอกว่าอร่อยที่สุดในเมืองมนุษย์น่ะเหรอครับ” พอเป็นเรื่องของหวานแววตามันจะเปลี่ยนเป็นเริงร่าทันที


“ใช่แล้ว ชิมๆ”


“รสสัมผัสหนึบๆ หอมช็อกโกแลตแล้วก็หวานกำลังดีอร่อยสุดๆไปเลยครับ  ร้านอยู่ตรงไหนครับผมจะซื้อมาทานบ้าง” เมื่อชิมคำแรกไอ้ลูกอมถึงกับเบิกตาโพลง


“ใช่มั้ยล่ะ  แต่ว่าไม่มีขายหรอกนะ แม่ของพี่พู่เป็นคนทำน่ะ ถ้าวันไหนคุณแม่ทำอีกพี่จะแบ่งมาให้นะ”


“ขอบคุณครับ ผมก็มีเค้กมาฝากเหมือกันครับ” แล้วมันก็ค่อยๆหยิบเค้กออกจากถุงวางบนโต๊ะทีละชิ้น


“ทีรามิสุของร้านsweetsนี่นา ร้านนี้เค้กอร่อยหลายอย่างเลยนะ”


“พี่กู๊ดพาไปซื้อครับบอกว่าเป็นร้านประจำของพี่ปูน”


“มึงนี่ดูแลหลานรหัสดีจริงๆนะหมี” แล้วไอ้พู่ก็หรี่ตาถามอย่างจับผิด แค่พาไปซื้อเค้กแปลกตรงไหน?


“แน่นอน สายกูมันไม่ธรรมดาเว้ย”


“ถ้างั้นก็จัดแจงหาเครื่องดื่มให้หลานมึงหน่อย”


“แดกไร โค้ก?”


“ผมไม่ดื่มน้ำอัดลม ขอน้ำเปล่าก็ได้ครับ” เป็นไงล่ะเจอเด็กอนามัยเข้าไป


“ทำไมไม่แดกน้ำอัดลมวะ” ชอบแดกหวานมันก็ต้องชอบสิ


“มันไม่ดีต่อสุขภาพเท่าไหร่”   ครับ!


“เหอะ ตลกน่ะมึงอ่ะไม่แดกน้ำอัดลมแต่แดกลูกอม ไม่ดีต่อสุขภาพเหมือนกันนั้นแหละ”


“แต่ผมทานอาหารครบห้าหมู่ ออกกำลังกาย แล้วก็ดูแลช่องปากอย่างดีแปรงฟันทุกครั้งหลังมื้ออาหาร”

ผมจ้องหน้ามันครับ จ้องไอ้ปากเล็กๆที่มันขยับเถียงไม่หยุด  เถียงกูได้เถียงกูดีจับมอมเหล้าแม่ง!


“แล้วถ้ามีน้ำหวานจะแดกมั้ย”


“ถ้ามีก็ดื่มครับ” ทีอย่างงี้ล่ะไม่ปฎิเสธ


“ดี! งั้นรอแปป” ต้องหาน้ำหวานให้มันครับ จะได้หยอดเหล้าลงไปโดยไม่ผิดสังเกต ไอ้เรื่องแผนชั่วขอให้บอกถนัดนัก








“พี่มดร้านพี่มีน้ำหวานป่ะ”


“มีแต่น้ำแดงเฮลบลูบอย กูเอาไว้ชงให้เจ้าที่อยากได้ก็แบ่งไป” ก็ยังดีวะ แบบนี้ยิ่งเมาง่ายถ้าผสมเหล้าขาวนี่แหล่มเลย นึกแล้วก็ส้มปาก!


แล้วผมก็จัดการชงน้ำแดงโดยหยอดเหล้าลงไปครึ่งฝาเบาๆ ผสมเยอะเดี๋ยวแม่งรู้ตัว   นี่ถึงขั้นลงทุนเปิดเหล้าขวดใหม่แล้วแอบฝากไว้กับพี่มดเลยนะเนี่ย  หึหึ อร่อยเหาะแน่ๆไอ้ลูกอมเอ๋ย


“ลับๆล่อๆนะมึงอ่ะ”


“เอาน่าพี่ถือว่าเปิดประสบการณ์เด็กมัน”


“ดีๆนะมึง อย่าให้มันเมาปลิ้นแล้วอ้วกใส่ร้านกูล่ะ”


“ไม่ต้องห่วงพี่ ยังไงมันก็หลานรหัสผม"


"เมาแล้วก็อย่าจับปล้ำล่ะ"


“ขนลุกพี่ ไม่ไหวๆ” ผมเนี่ยนะปล้ำไอ้ลูกอม ถ้าเป็นรุ่นพี่สาวๆนมตู้มก็ว่าไปอย่าง


“ให้มันจริง ไอ้พวกที่พูดขนลุกแบบมึงสุดท้ายแม่งก็หลงจนโงหัวไม่ขึ้นกูเห็นมาหลายรายละ”

“ไม่ใช่ผมแน่นอนพี่  กลับโต๊ะก่อนนะพี่เดี๋ยวมันสงสัย” ผมเนี่ยน่ะหลงไอ้ลูกอม ไม่มีทางเกิดขึ้นกับผมแน่นอน ผู้หญิงก็ไม่ใช่ แถมยังห่างไกลสเปคของผมมากโข เป็นรุ่นน้อง นมก็แบน ความเซ็กซี่ก็หามีไม่ดูยังไงๆก็เด็กประถม



  อ่านต่อด้านล่างค่ะ

หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่19 ว่าด้วยเรื่องของหมี 08-08-18 *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 08-08-2018 15:09:37

“อ่ะน้ำแดง กูอุตส่าห์หามาให้แดกให้หมดล่ะ”


“ขอบคุณครับ”


“เป็นไง” ผมถามด้วยใจระทึกเมื่อมันดื่มน้ำแดงอึกแรกลงคอ


“ผมว่ามันปะแล่มๆ ”


“เพราะลูกอมที่อยู่ในปากมึงรึป่าว” เหล้าแค่ครึ่งฝากลิ่นและรสไม่น่าจะแรงน่า แต่ก็อย่างว่าคนไม่เคยดื่ม ..แถไว้ก่อนล่ะงานนี้


“ก็อาจจะใช่ แต่ก็อร่อยดีครับ” จากนั้นมันก็ชัดน้ำแดงลงไปอีกครึ่งแก้ว เมาแน่ๆล่ะงานนี้ เหล้าบวกทั้งน้ำหวาน เค้ก แล้วก็ลูกอมรสคาราเมลของมัน  ยิ่งคนไม่เคยแดกเหล้ามาก่อนบอกได้คำเดี๋ยวว่าเป๋


เมื่อหมดแก้วหน้ามันก็เริ่มแดงครับ แถมยังยิ้มง่ายอีกต่างหาก


“เอาอีกมั้ย”


“เอา” มันพยักหน้าหงึกๆพร้อมกับยิ้มร่าแถมยังล้วงลูกอมรสคาราเมลในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาอมอีก อยากจะรู้จริงๆว่าในกระเป๋าแม่งยัดลูกอมได้กี่เม็ดวะ!


ผมเดินมาที่เค้าเตอร์บาร์อีกครั้งเพื่อจัดการชงน้ำแดงสูตรพิเศษให้กับไอ้ลูกอม โดยมีไอ้พู่เดินตามมาด้วย


“กูว่าแล้วมึงต้องแอบเติมเหล้าให้น้องมัน”


“แม่งหมั่นไส้อนามัยจัดดีนัก แอบหยอดเหล้าแม่ง”


“เมาเละขึ้นมาดูแลเองนะคร้าบ กูไม่เกี่ยวนะเว้ย”


“เออน่า”


“กูว่ามึงเอาน้ำแดงไปทั้งขวดเลยเหอะ แล้วพรุ่งนี้มึงซื้อมาคืนเจ้าที่กูด้วย” พี่มดพูดพร้อมกับยื่นขวดน้ำแดงมาให้ ไม่รู้ว่าพี่แกพูดจริงหรือว่าประชดกันแน่ แต่น่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า


“ไม่เอาพี่ เดี๋ยวแผนแตก” มันเห็นว่าแอบเติมเหล้าก็จบเห่กันพอดีสิ


“มึงถึงขั้นยืมน้ำแดงเจ้าที่เลยเหรอวะ เป็นเอามากนะมึงอ่ะ สนใจน้องมันอยู่รึไง”


“สนใจห่าไร ก็แค่หมั่นไส้ อยากแกล้งอ่ะเข้าใจป่ะ” สนใจเชี่ยไร พูดแล้วก็ขึ้นใส่เหล้าแม่งฝานึงเลยละกัน


“หึๆ  พี่คิดเหมือนผมป่ะ” แล้วไอ้พู่กันหันไปถามไอ้พี่มดที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ต่างกัน 

   
   อะไรของแม่งวะ?!





     กลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง ก็ถึงเวลาที่วง จิปาถะ ขึ้นร้องเพลงพอดี ส่วนไอ้ลูกอมก็แดกเค้กสามชิ้นที่ซื้อมาหมดเกลี้ยงพร้อมกับใบหน้าที่แดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆ


“อ่ะแก้วที่สอง รับรองรสดีกว่าแก้วแรก เพราะกูชงให้อย่างตั้งใจ ดื่มให้อร่อยนะหลานรหัส” ปากพูดอย่างใจดีแต่ในใจกูนี่กระหยิ่มยิ้มย่องมาก หึหึ


“ขอบคุณครับ” ครั้งนี้มันยิ้มขอบคุณด้วยครับ จะว่าไปใบหน้าเล็กๆของมันเวลายิ้มก็น่ารักดีนี่หว่า!


 
“สวัสดีครับ พบกับพวกเรา จิปาถะอีกครั้งในวันหวยออก เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไปฟังบทเพลงแรกของค่ำคืนนี้กันเลยครับ คนที่ยังไม่รู้ว่าใคร ” เสียงกรี๊ดจากแฟนคลับของพี่น้ำที่ตามมาเชียร์ทุกงวดหวยออก พี่น้ำมอบรอยยิ้มเป็นการทักทาย ก่อนจะโฟกัสสายตาไปที่ไอ้ปูนเพียงคนเดียวต่างฝ่ายต่างส่งสายตาหวานเชื่อมให้แกกันประหนึ่งทั้งร้านมีแค่พวกมึง2คน เห็นแล้วก็หน้าหมั่นไส้!

ส่วนอีกคู่ที่นั่งตรงข้ามผมไอ้ดินกับไอ้พู่ก็นั่งจับมือกันไม่ยอมปล่อย ร้อนตายห่าจับไปได้!

...แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าคนมีความรัก..ผมควรจะอิจฉาดีมั้ยวะ?!



ใครไม่รู้ได้เคยบอกไว้ ว่าในโลกนี้จะมีหัวใจ
อีกใจซ่อนไว้ ให้เราพบอยู่
แต่ทำไมฉันไม่เจอสักที หรือคนอย่างฉันไม่มีเนื้อคู่
แค่อยากจะรู้ว่าใครที่คู่กันกับฉัน


อย่างนั้นเหรอ? ผมไม่เห็นอยากรู้ เพราะคนอย่างผมไม่มีหรอกเนื่อคู่



อยากมีเธอ คนที่อยู่ในความฝัน
ได้มีเธอ คนที่อยู่เคียงข้างฉัน
จับมือนอนคุยทั้งค่ำคืน บอกรักเบาๆ เมื่อยามตื่น
ไม่รู้ว่าจะได้มีสักคนไหม


ก็เคยนะ ตื่นนอนแล้วมีคนนอนอยู่ข้างๆ ด้วยสภาพที่เปลือยเปล่าอีกต่างหากแถมยังไม่เคยซ้ำหน้ากันด้วย!  แต่จับมือนอนคุยกันทั้งคืนนี่ไม่เคย ถึงเตียงก็ซั่มทันทีจะคุยทำไมให้เสียเวลาว่ามั้ย?! 

คืนนี้ก็คงจะเหมือนกันเพราะสาวที่นั่งโต๊ะข้างๆที่สบตากันก็เป็นอันเข้าใจว่าต่างฝ่ายต่างคิดอะไร เมื่อเธอลุกไปเข้าห้องน้ำผมจึงตามไปดีล เป็นอันตกลงคืนนี้เจอกันที่ห้องของเธอ คนนี้ตรงสเปคสุดๆเป็นรุ่นพี่ปี4 นมก็คัพอี ยิ่งอยู่ในชุดลูกไม้รัดติ้วสีดำแม่งเซ็กซี่เป็นบ้า

แล้วอย่างนี้จะให้ผมมีโมเมนต์เหมือนในเพลงได้ยังไง แม่งนึกภาพไม่ออกจริงๆ..คงชาติหน้าตอนบ่ายแก่ๆ!


ใครคือคนนั้น That someone
คนที่ยังไม่เจอสักที Just give me someone
ที่ฉันจะให้คำว่ารักทั้งหมด จากใจที่ฉันมี
แค่ยังไม่เจอว่าเธอนั้นคือใคร
หากเธอคนนั้น That someone
ยังมีอยู่จริงเธออยู่ที่ไหน Just give me someone
แค่เพียงฉันได้มีใครคนหนึ่งคนที่ใช่ อีกนานเท่าไร
จะเจอคนที่ยังไม่รู้ว่าใคร


  ใครคือคนนั้น?????


แล้วหัวเล็กๆของไอ้ลูกอมก็ซบแหมะลงมาที่ไหล่ผมทำให้ผมหลุดออกจากความคิด


“พี่ โผมอยากกลับ สงสัยผมจาไม่สาบาย มึนๆหัวครับ” เหอะ เขาเรียกว่าเมาไอ้เด็กน้อยเอ๋ย เหล้าแค่ฝาครึ่งก็จัดการไอ้เด็กเถียงคำไม่ตกฝากได้ชงักงัน..แต่ผมคิดผิด ยิ่งเมามันยิ่งงอแงครับ


“วงพี่น้ำเพิ่งจะเล่นรีบกลับไปไหนวะ”


“พี่ ปายส่งผมหน่อย อึก” แล้วก็มันผละหัวออกจากไหล่ผมแล้วจ้องหาผมนิ่ง


ไอ้สัด! หน้ามันใกล้กับผมมาก ใกล้จนได้กลิ่นหวานๆจากตัวมัน ซึ่งก็หนีไม่พ้นกลิ่นคาราเมล คงเพราะมันชอบแดกลูกอมรสคาราเมลกลิ่นตัวมันถึงเป็นกลิ่นนี้ 


“วงพี่น้ำลงค่อยกลับ”


“พี่~”


“ไม่ไหวก็ซบลงมาที่ไหล่กู” แล้วหัวเล็กๆก็ซบลงมาที่ไหลผมอีกครั้ง พร้อมกับบ่นพึมพำอะไรของมันก็ไม่รู้

กลิ่นคาราเมลจากตัวมันก็เตะจมูกผมอีกครั้ง  ให้ตาย..กลิ่นกายของมันทำให้ผมเริ่มมึนซะแล้วสิ


“พี่อยากกินลูกอมมม” งอแง!


“ก็แดกดิ”


“หมดแล้วคร้าบ พาโผมไปซื้อหน่อย”


“ตกลงอยากกลับหรืออยากไปซื้อลูกอม”


“...” อ้าวนิ่ง แม่งน็อคไปแล้วครับ หัวที่โงนเงนไปมาจนผมต้องคอยประคอง..แก้มแม่งเนียนฉิบหาย!


“มึงกูว่าพาน้องมันกลับเหอะ เมาไม่ไหวละ” ไอ้พู่บอกผมด้วยความเป็นห่วง


“เมาเหรอ? น้องกินน้ำแดง เอ๊ะ หรือว่า..” ดูเหมือนไอ้ปูนจะยังไม่รู้ว่าน้องชายนอกไส้ที่พลัดพรากกันมานานของมันโดนผมมอมเหล้า


“เออ อย่างที่มึงคิดนั้นแหละ”


“มึงนี่เป็นลุงรหัสที่ชั่วมาก  พาน้องกลับหอเดี๋ยวนี้เลย แล้วก็ดูแลหลานรหัสมึงดีๆด้วย” ห่า เดือดร้อนยิ่งกว่าเป็นหลานรหัสตัวเอง


“เดือดร้อนทำไมเนี่ย มันแค่เมา ดีซะอีกจะได้รู้ว่าแดกเหล้าแล้วจะเป็นยังไง มันไม่มีทางเลี่ยงไปได้ตลอดชีวิตหรอกนะ”


“ข้ออ้าง มึงแค่อยากแกล้งน้องมัน” เออข้อนี้ไม่เถียง


“บ่นจริง  กูพามันกลับก็ได้วะ รำคาญ”


“หมี” แล้วไอ้คนที่นั่งนิ่งมาตลอดอย่างไอ้ดินก็เรียกผมไว้


“อะไร”


“...เปล่า พาน้องกลับดีๆล่ะ” อะไรของแม่ง เหมือนมีเรื่องอยากพูดแต่ก็ไม่พูด แปลก?!



     ผมพาไอ้ลูกอมออกจากร้านโดยการอุ้มท่าเจ้าสาว!  แม่งเมาแล้วหลับลึกฉิบหาย ไอ้ปูนกับไอ้พู่ต่างก็หัวเราะสมน้ำหน้าที่ผมต้องอุ้ม ผู้ชาย ออกร้าน  ส่วนไอ้พี่มดก็ยิ้มแซวประหนึ่งว่าระวังจะเป็นอย่างที่พี่แกพูดไว้..

แต่นั่นไม่สำคัญเท่าสาวที่ดีลไว้แม่งมองผมด้วยความงุนงง  ผมจึงส่งสัญญาณไปว่าเดี๋ยวโทรหานะ เธอจึงยิ้มตอบด้วยใบหน้าที่โคตรเย้ายวนของขึ้นเลยทีเดียวคืนนี้แหละน้องชายคนนี้จะจัดหนักให้ฟ้าเหลืองเลยคอยดู   แต่พอก้มมองคนในวงแขนอารมณ์ตื่นตัวเมื่อกี้ถึงกับอ่อนยวบ นี่มันเด็กน้อยดีๆนี่เอง

ผมรีบขับรถมาส่งไอ้ลูกอมด้วยความเร็วรี่ เพื่อจะรีบกลับไปสานต่อกับสาวชุดลูกไม้สุดเซ็กซี่

“ไอ้ลูกอมตื่น ถึงหอมึงแล้ว”


“...” เงียบครับ


“ไอ้เตี้ย ตื่น"

"...." เงียบเช่นเคย มีเพียงเสียงลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอ


"ไอ้แว่น ตื่น”


“อื่อ” แหนะทำเสียงรำคาญใส่กูอีก

     เขย่าก็แล้ว สะกิดก็แล้ว แม่งไม่ยอมตื่น กูไม่น่าให้มันแดกเหล้าเล้ย ใครจะคิดว่าแม่งจะอ่อนขนาดนี้
นี่กูต้องพามึงกลับห้องกูสินะ ซวยจริงๆกู บอกได้คำเดียว อดสิครับคืนนี้ ลาก่อนพี่สาวคัพอี

เมื่อถึงหอก็ท่าเดิมครับ อุ้มท่าเจ้าสาว ให้ตาย! เดินผ่านสาวที่ใต้หอต่างก็มองกันให้ควัก หมดกัน ภาพพจน์ที่สั่งสมมา!

เมื่อถึงห้องแม่งอยากจะโยนลงบนเตียงแต่พอเห็นปากแดงๆแล้วก็ทำไม่ลง จึงค่อยๆวางคนตัวเด็กลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลพร้อมกับถอดรองเท้าแตะรัดส้นของมันออกให้เสร็จสรรพ...ถถถถถ 

จัดแจงให้มันนอนเรียบร้อยดีแล้วก็ลงไปเอามือถือที่ลืมไว้ในรถ จากนั้นก็โทรหาพี่สาวคัพอี ขอโทษขอโพยที่ไปหาคืนนี้ไม่ได้และขอแก้ตัวไปหาคืนพรุ่งนี้ และคำตอบที่ได้ก็คือเซเยส  แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย ว่าแล้วก็อมฮอลล์สักเม็ด..แม่งเย็นไปถึงตับ สมกับสโลแกนเย็นชดชื่นคู่คนไทยจริงๆ!

กลับขึ้นห้องก็เจอ ไอ้ลูกอมก็นั่งหน้าเอ๋ออยู่กลางเตียง

“พี่ที่นี่ที่ไหนครับ” ฟื้นแล้วสินะมึง


“ห้องกู”


“ทำไมผมไม่รู้ตัวเลยครับ”


“มึงหลับปลุกแม่งไม่ยอมตื่น”


“ขอโทษครับ ผมยังปรับเวลานอนให้นอนดึกยังไม่ค่อยได้ ปกติผมเข้านอนก่อนสี่ทุ่ม แล้วยังรู้สึกมึนหัวอีกเลยหลับไม่รู้ตัว” เหอะเด็กอนามัยบวกความเมาสินะถึงได้หลับลึกขนาดนั้น


“เออๆ งั้นก็นอนที่นี่แหละกูขี้เกียจไปส่งมึงละ”


“พี่”


“อะไรอีก หรือต้องแดกนมก่อนนอนฮะไอ้เด็กอนามัย”


“ครับ” จริงดิ?!


“ในตู้เย็นมาแดกเอง”


“พี่มีแบบไม่เย็นมั้ยครับ”


“เรื่องมากจริงโว้ย ไม่มี มีแต่แบบนี้จะแดกไม่แดกก็ตามแต่”


“พี่~” อยากจะทึ่งหัวตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด จะเรียกกูอะไรนักหนา เมาก็งอแง ตื่นแล้วแม่งงอแงยิ่งกว่า


“ต้องการอะไรอีกครับคุณหนู” ผมกัดฟันพูดอย่างใจเย็น


“ลูกอม” มึงต้องแดกเพื่อมึงจะได้มีชีวิตสินะ ประหนึ่งค่าHpในเกมส์ใช่มะ


“มีฮอลล์อยู่หลังตู้เย็น” หน้าอย่างผมก็มีแต่ฮอลล์คูลนี่แหละ ของหวานๆไม่มีหรอก


“ไม่เอามันเผ็ดครับ” หน้ามุ้ย?!


“เรื่องมาก แดกนมแล้วหุบปากนอนได้แล้ว ขืนพูดอีกกูจะเอาฮอลล์ยัดปากมึง”


“...” มันจ้องหน้าผมนิ่งเหมือนโดนขัดใจ แล้วไอ้เด็กดื้อก็เปิดปากพูดจนได้


“พี่ผม..” ท้าทายใช่มะ ไม่รอให้มันพูดจบผมส่งฮอลล์จากปากผมเข้าปากมันทันที ไอ้ลูกอมก็สู้ครับมันดุนลิ้นส่งฮอลล์คืนกลับเข้ามาในปากผมทันที

  สู้ใช่มะ ได้!

   แล้วสงครามแลกลิ้นโดยมีลูกอมเม็ดสีขาวคั้นกลางก็เกิดขึ้น ต่างฝ่ายต่างส่งลูกอมโดยใช้ปลายลิ้นเป็นอาวุธ
ความเย็นจากเมนโท-ลิบตัส บวกกับความหวานจากโพรงปากของไอ้ลูกอม ทำให้ผมเกิดความรู้สึกประหลาด ใจแม่งเต้นแปลกๆ แถมไอ้ลูกชายก็ตื่นตัวขึ้นอย่างน่าประหลาด เมื่อรู้สึกถึงความคับแน่นตรงหว่างขา ผมจึงรีบผละออกจากอีกฝ่ายทันที

และผมก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ครับเพราะตอนนี้ลูกอมอยู่ในปากผม  ส่วนไอ้คนชนะก็หอบหายใจเข้าปอดถี่รัวด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ


“แดกนมแล้วนอนซะ” ผมพูดเพียงเท่านั้นก็รีบเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการกับสิ่งที่ตื่นตัวขึ้นทันที

ให้ตาย! นี่มันครั้งแรกที่ผมจูบกับผู้ชายถึงแม้จะเรียกว่าจูบไม่เต็มร้อยก็เหอะ ไม่อยากจะยอมรับเลยว่านอกจากจะไม่ขนลุกแล้วแต่มันรู้สึกดีโคตร แถมยังมีอารมณ์กับสัมผัสนั่นอีก เมื่อนึกถึงความหวานจากปากของไอ้ลูกอมลูกชายผมก็ยิ่งแข็งโป๊ก


        ห่าเอ้ย! ไอ้ลูกอมเนี่ยนะ ไม่จริง ไม่จริ๊งงงงงงง!!






  TBC.

…………………………………………………………

..และแล้วเนื้อคู่ของหมีก็ถือกำเนิด!!

ห่างหายไปนานเพราะความป่วย และทำให้ซึ้งกับคำว่าการไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐได้อย่างแจ่มแจ้ง
หลังจากบทนี้อาจจะห่างหายไปสักพักเพราะต้องเตรียมตัวขึ้นเขียงผ่าตัด ถ้าหายดีแล้วจะกลับมาปั่นต่อให้อย่างเร็วรี่ค่ะ

ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ จุฟ^^

เพลงเพราะๆที่หมีมันพยายามแย้งทั้งเพลง https://www.youtube.com/watch?v=Zvo5WtzrZxo (https://www.youtube.com/watch?v=Zvo5WtzrZxo)  คนที่ยังไม่รู้ว่าใคร-No One Else

หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่19 ว่าด้วยเรื่องของหมี 08-08-18 *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 08-08-2018 18:13:01
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่19 ว่าด้วยเรื่องของหมี 08-08-18 *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-08-2018 19:58:25
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่19 ว่าด้วยเรื่องของหมี 08-08-18 *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 09-08-2018 13:30:42
 

 
โอ้ววว สงครามแลกลิ้น    :hao6:




หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่19 ว่าด้วยเรื่องของหมี 08-08-18 *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 13-08-2018 20:12:12
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่20 ทูนหัวของดิน [13-09-18] *P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 13-09-2018 20:32:24



บทที่ 20 ทูนหัวของดิน


 
“เหมี้ยว เหมี้ยวววว” เสียงเจ้าเหมียวชบาส่งเสียงร้องอยู่ข้างหูแบบนี้เป็นประจำทุกคืน เจ้าเหมียวจะเข้านอนพร้อมผมทุกคืนและจะปลุกผมกลางดึกเสมอ คืนนี้ก็เช่นกัน 

     01:30นาที ที่นอนข้างๆยังคงว่างเปล่า พู่กันจะอ่านหนังสือจนดึกดื่นแบบนี้เป็นประจำและดูเหมือนว่าพอขึ้นปีสาม ระยะเวลาการอ่านหนังสือในแต่ละคืนจะยาวนานมากกว่าเดิม ซึ่งมันก็ทรมานคนนอนข้างๆอย่างผมเหมือนกัน  ผมไม่ได้รอพู่กันนะแต่พอสติมันรู้ว่าพู่กันอ่านหนังสืออยู่นอกห้องมันก็ทำให้ผมนอนไม่หลับหรือไม่ก็หลับๆตื่นๆ แต่พอเมื่อไหร่ที่พู่กันล้มตัวลงนอนข้างๆด้วยความเงียบเพราะกลัวว่าผมจะตื่นผมก็จะหลับใหลไร้ความกังวลทันที..


“ว่าไงนู๋ชบา จะออกไปหาแม่แล้วใช่ป่ะ” เจ้าเหมียวสีดำกระโดดลงจากเตียงเดินคลอเคลียตามผมมาที่ประตูห้อง พอเปิดประตูเจ้าเหมียวก็วิ่งไปหาพู่กันแล้วกระโดขึ้นตักทันที  ขนาดแมวยังเหงาแล้วนับประสาอะไรกับผมล่ะว่ามั้ย?!
ห่างกันแค่ผนังห้องกั้นยังเหงาจนนอนไม่หลับ  นี่ถ้าต้องห่างกันมากกว่านี้ผมคงเฉาตาย!
 
“จะตี2แล้ว นอนมั้ยดอกไม้ พักผ่อนเหอะ”


“อืม ขออีกนิด”


“หิวมั้ย นมอุ่นๆสักแก้วมั้ย?”


“ก็ได้” ในที่สุดดอกไม้ของผมก็เงยหน้าจากหนังสือสักที ชั่วโมงนี้ผมอยากจะแปลงร่างเป็นหนังสือซะเหลือเกิน!

     นมอุ่นๆถูกเทลงในแก้วเซรามิคสีขาวเพ้นท์รูปแมวสีดำ ของขวัญจากไอ้สมใจและไอ้นพที่ซื้อให้ผมหลังจากที่ย้ายเข้ามาอยู่กับพู่กัน เมื่อเห็นแก้วคู่ใบนี้แล้วก็อดที่จะก้มลงมองเท้าตัวเองที่สวมสลิปเปอร์สีขาวสกรีนเป็นรูปหนวดแมวด้วยไม่ได้  ถ้าไม่ใช่แก้วคู่และรองเท้าคู่ที่ใช้กับพู่กันแล้วล่ะก็ ของมุ้งมิ้งแบบนี้ผมไม่มีทางใช้แน่ๆ !


“นี่ครับ” นมอุ่นๆที่อยู่ในแก้วเซรามิคถูกวางเบาๆบนโต๊ะอ่านหนังสือของคนตัวขาวที่ตอนนี้กำลังลูบไล้ขนนุ่มสีดำขลับของเจ้าเหมียวชบาที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนตัก   


“ขอบคุณน้า” พู่กันถูแก้มลงมาที่แขนผมเบาๆ นี่คืออีกมุมนึงที่คนอื่นไม่เคยเห็นพู่กันมักจะอ้อนผมแบบนี้เสมอ สมแล้วที่เป็นแม่แมวขี้อ้อนไม่ต่างจากลูกๆเลย ผมจึงขยี้หัวแม่แมวอย่างเอ็นดู 

   แบบนี้จะไม่ให้หลงได้ไง..ทูนหัวของบ่าว!


“ขำไร?”


“นมเลอะ เด็กน้อย”


“ทิชชู่ให้หน่อยๆ”  หึ ไม่ต้องหรอก ผมจัดการเช็ดนมที่เลอะมุมปากออกให้โดยการจูบซับลงไปเบาๆที่มุมปากก่อนจะจูบย้ำหนักๆลงไปอีกทีหนึ่งอย่างหมั่นเขี้ยว


“ป๊าบ” แล้วก็โดนฟาดเข้าให้


“ใช้กระดาษให้เปลืองทรัพยากรทำไม แบบนี้ดีกว่าเยอะ”  ผมยิ้มให้อยากล้อๆ จึงได้รับฝ่ามือฟาดลงมาอีกหน..แสบๆคันๆ แต่ถือว้าคุ้ม!


“หยุดเลย เข้าไปนอนได้แล้วเดี๋ยวตามไป”


“ไม่เอา ไปนอนพร้อมกัน พักเหอะนะ  นะครับ” ถึงตาผมอ้อนถูแก้มที่แขนของพู่กันบ้าง 

ถ้าพวกไอ้หมี ไอ้สมใจมาเห็นมุมนี้ของผมคงอ้วกแตกกันเป็นแถวแน่!


“ก็ได้ๆ” พู่กันตอบรับอย่างอ่อนใจ แต่ก็ยอมให้ผมจูงมือเข้าห้องนอนอย่างว่าง่าย












     วันนี้ผมมีเรียนบ่ายแต่ถึงอย่างนั้นผมก็ลุกมาเตรียมมื้อเช้าให้กับพู่กันตามปกติ มันคือความเคยชินที่เกิดจากความตั้งใจไม่ได้ฝืนแต่อย่างใด


“ดอกไม้ ตื่นได้แล้ว” หน้าที่ปลุกก็เป็นหน้าที่ของผมอีกเช่นกัน


“อื่อออ  ขออีกสิบนาที” เป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า


“ไม่ได้จะเจ็ดโมงครึ่งแล้วนะ ลุกเร็วเข้าเดี๋ยวไปไม่ทันพอดี”


“ฮะ! ทำไมมึงไม่ปลุกให้ไวกว่านี้วะ” โวยวายครับ แต่ยังนอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่มไม่ยอมขยับ น่าจับคลุกวงในซะเหลือเกิน!  ขอสารภาพตามตรงว่าผมหื่นทุกเวลาที่อยู่ใกล้พู่กัน ยิ่งเช้าๆแบบนี้ มันน่านัก ฮึมมม..


“อย่าบ่นนอนดึกเองนะ เอ้า ลุกสิครับ” พู่กันเดินเข้าห้องน้ำด้วยความงัวเงียไม่ต่างกับดอกไม้เฉาๆ มันน่าจะโดนสักน้ำนึงจะได้ตื่นเต็มตา..หมายถึงดื่มน้ำสักแก้วนึง อย่าคิดลึก!



     สุดท้ายก็เกือบไม่ทัน ดีหน่อยที่วันนี้เตรียมอาหารง่ายๆอย่างแซนวิชจึงหยิบมากินบนรถได้พร้อมกับนมอีก1กล่อง


“วันนี้กูกลับกับไอ้หมีนะ ตอนเย็นกูมีแล็ปไม่รู้จะเลิกกี่โมง” พู่กันหันมาพูดพร้อมกับยัดแซนวิชคำสุดท้ายเข้าปาก  เวลาเคี้ยวตุ่ยๆแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ

   โอ้ยยย ผมท่าจะเป็นเอามากเห็นมุมไหนของดอกไม้ก็น่ารักไปหมด


“โอเค ห้าโมงกูมีซ้อมบอล งั้นมึงก็หาอะไรกินก่อนเลยไม่ต้องรอ” ปกติเราจะทานข้าวเย็นพร้อมกันซะเป็นส่วนใหญ่ มีบ้างที่ต่างฝ่ายต่างไปกับกลุ่มเพื่อนตัวเอง


“โอเค กูไปล่ะ” เมื่อรถจอดหน้าคณะพู่กันลงรถด้วยความรีบร้อนก่อนจะวิ่งเข้าไปในตึกคณะของตัวเอง

     ฉิวเฉียด อีก5นาที8โมง..ฟู่












“เมียมึงมาว่ะ” ไอ้สมใจที่นั่งพักอยู่ข้างสนามตะโกนบอกผมที่ยังซ้อมต่อบอลอยู่ในสนาม ผมจึงหันไปมองอย่างรวดเร็ว 
พู่กันเดินมาพร้อมไอ้หมีและหลานรหัสของมัน ..น่าแปลก ช่วงนี้ไอ้หมีไปไหนก็มักจะหนีบหลานรหัสของมันไปด้วย..


“สัด เห็นเมียแล้วยิ้มเลยนะมึง  ว่าแต่ไอ้หมีมันพาเด็กน้อยที่ไหนมาด้วยวะ” ไอ้นพเอ่ยแซวทันทีพร้อมกับความสงสัยที่เห็นข้างกายของไอ้หมีมีผู้ชายตัวเล็กๆตามติดมาด้วย


“หลานรหัสมัน กูไปพักก่อนนะ” ว่าแล้วผมก็วิ่งออกจากสนามมาหาพู่กันที่กำลังนั่งลงข้างๆไอ้สมใจ


“เหนื่อยมั้ย” พู่กันพูดพร้อมกับหยิบขวดเกลือแร่ที่อยู่ในถุงที่เจ้าตัวน่าจะซื้อมายื่นให้กับผม


“แค่เห็นหน้ามึงก็หายเหนื่อยแล้ว” ผมพูดจริงๆนะ แค่รอยยิ้มที่ยิ้มส่งมาให้แต่ไกลแค่นี้ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง


“อ้วกเหอะ กูขออ้วกนะ” ไอ้สมใจทำหน้าเหม็นเลี่ยนเต็มแก่


“กูพาเมียมึงมาส่งละเดี๋ยวกูพาเด็กแถวนี้ไปซื้อเค้กก่อนนะ”


“พึ่งรู้นะ ว่ามึงเปลี่ยนแนวจากรุ่นพี่เซ็กซี่ขยี้ใจมาเป็นเด็กเล็กอนุบาลหมีน้อยซะแล้ว” ไอ้สมใจเอ่ยแซวและคงแปลกใจไม่น้อย


“หลานรหัสกูเหอะ” ในขณะที่โดนแซวเด็กน้อยของไอ้หมีก็แกะลูกอมเม็ดสีน้ำตาลเข้าปาก หาได้สนใจคำแซวของไอ้สมใจไม่


“ดูแลดีเกิ๊น ปล่อยให้พี่รหัสมันดูแลบ้างก็ได้นะ” ผมก็อดแซวมันไม่ได้เหมือนกัน คนอย่างไอ้หมีที่ไม่ค่อยใส่ใจใครเนี่ยนะพาหลานรหัสไปซื้อเค้ก?! 


“พูดมากน่ารำคาญ ไปกันไอ้ลูกอม”


“ไปก่อนนะครับพี่ๆ” เด็กน้อยของไอ้หมียกมือไหว้ก่อนจะวิ่งตามตูดไอ้หมีที่ดินชิ่งออกไปแล้ว ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งโดนแซะสินะมึง


“กินข้าวยัง” ผมหันไปถามพู่กันที่กำลังนับถุงเสบียงที่วางกองกันอยู่หลายสิบถุง


“ยัง รอมึง ว่าแต่สวัสดิการของคณะมึงดีเนาะ น้ำกับขนมเพียบ กูไม่น่าซื้อมาเลย”


“สวัสดิการจากแฟนคลับผัวมึงต่างห่าง ดูโน้น” แล้วไอ้สมใจก็ชี้ไปทางฝั่งผู้หญิงที่นั่งรวมตัวกันอยู่บนอัฒจันทร์อีกฝั่งหนึ่ง


“กูไม่น่ามาเลยเนอะ เรทติ้งมึงตกหมด” ดอกไม้ของผมปากคว่ำแล้วครับ งานเข้าแล้วมั้ยล่ะ


“พูดอะไรแบบนั้นเล่า ใครสนเรื่องแบบนั้นกัน กูอยากให้มึงมาทุกวันเลยนะ” แค่เห็นหน้าดอกไม้ผมก็ดีใจสุดๆ ไม่คิดว่าเขาจะมาหาผมถึงที่


“ชิ!”


“อย่าทำหน้างอสิครับ ไปกินข้าวกัน”


“ซ้อมเสร็จแล้วเหรอ”


“ยังไม่เสร็จ แต่ไม่ซ้อมแล้ว ป่ะไปกัน”


“อ้าวเฮ้ย พวกกูไปด้วยดิ” ไอ้สมใจบอกก่อนจะหันไปเรียกไอ้นพที่ยังอยู่ในสนาม


     กขค.จริงๆพวกมึ่งเนี่ย!







     ร้านก๋วยเตี๋ยวหลังมอ ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือพระเจ้าอยากให้พวกผมรู้ว่าไอ้หมีมันกำลังจะกลืนน้ำลายตัวเอง..


“ไง เจอกันอีกแล้วน้องโอบ ซื้อเค้กเสร็จแล้วเหรอ พวกพี่นั่งด้วยนะ” พู่กันทักน้องคณะตัวเองก่อนจะนั่งลงข้างๆ


“ยังไม่ได้ซื้อครับ พี่กู๊ดหิวข้าว ผมว่าร้านคงปิดแล้วล่ะครับ” เด็กลูกอมหันหน้าไปจ้องไอ้หมีด้วยใบหน้านิ่ง


“กู๊ด!? กูไม่ได้ยินชื่อนี้มานานแค่ไหนแล้ววะ” ไอ้สมใจพูดอย่างแปลกใจ


“เออ กูก็ลืมไปเลยว่าแม่งชื่อกู๊ด” ไอ้นพทำหน้าเหมือนจะลืมชื่อเล่นของไอ้หมีไปแล้วจริงๆ


“พวกมึงเพื่อนชั่วไง ชื่อกูก็ออกจะดีไม่ยอมเรียก”


“ว่าแต่ไอ้ปูนไปไหนวะ หายหัว”


“ติดผัว” ไอ้หมีรีบตอบอย่างเร็วรี่


“อ่อ ส่วนมึงก็ติดเด็ก” ไอ้นพก็รีบต่ออย่างทันควัน


“เด็กพ่อง บอกแล้วไงว่าหลานรหัส”


“หราาา”


“หลานรหัสก็ให้พี่มันดูแลดิวะ” พู่กันพูดอย่างจับผิด


“พี่มันไม่ว่าง”


“จริงๆไม่ต้องดูแลก็ได้นะครับ ผมดูแลตัวเองได้ เพื่อนๆผมก็ไม่เห็นมีสายรหัสมาดูแลทุกวันแบบนี้เลย”


“แหนะ หมีคิดอะไรกับน้องมันรึป่าว” ไอ้สมใจใช้นิ้วสะกิดไหล่ไอ้หมีอย่างล้อๆ


“โว๊ะ พวกห่า เทคแคร์หลานรหัสมันผิดตรงไหนวะ”


“ผิด! เพราะมึงไม่เคยเทคแคร์ใคร ไอ้โก้น้องรหัสมึงมึงยังไม่ดูแลขนาดนี้เลย” พู่กันใช้ตะเกียบชี้หน้าไอ้หมีอย่างคาดคั้น  แล้วทุกสายตาก็จ้องมันอย่างจับผิด


“ห่าพูดมากกันจังวะ จะแดกอะไรก็รีบสั่งเลยพวกมึง  ส่วนมึงไอ้ลูกอมรีบแดกจะไปไม่ทันร้านเปิดเพราะมึงแดกช้ายิ่งกว่าสล็อตนี่แหละ” จากนั้นไอ้หมีก็โวยวายกลบเกลื่อนก่อนจะไปจบที่หลานรหัสของมัน


“ทานข้าวก็ต้องเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนสิครับกระเพราะจะได้ไม่ทำงานหนัก พี่ก็เหมือนกันเคี้ยวข้าวบ้างนะครับตักเข้าปากแล้วกลืนเลยแบบนี้ไม่ดีต่อกระเพราะนะครับ” เด็กลูกอมไม่ได้สนคำบ่นของไอ้หมีแต่อย่างใด ยังคงเถียงไอ้หมีด้วยใบหน้านิ่ง


“พูดมากไอ้เด็กอนามัย แดกให้หมด” ไอ้หมีทำหน้าเอือมเต็มแกกับความอนามัยของเด็กลูกอม แต่มันก็อนามัยจัดจริงๆนั้นแหละผมว่าผมสะอาดแล้วนะเจอเด็กลูกผมขอยอมแพ้ แต่ก็ดูเหมาะกันดีต่างคนต่างสุดโต่งกันคนละขั้วมาเจอกันตรงกลางก็น่าจะพอดี


“ผมอิ่มแล้วครับ”


“แดกไปแค่สามคำอิ่มได้ไงวะ”


“ผมไม่ทานเผ็ด พี่สั่งต้มยำให้ผมทำไมเล่า”


“เอ้า ก็มึงบอกเองว่าเอาเหมือนกู งั้นชามนี้เอามาให้กู เดี๋ยวกูสั่งให้ใหม่”


“ไม่เป็นไรครับผมอิ่มแล้วจริงๆ  แล้วพี่ก็ไม่ต้องทานของเหลือจากผมด้วย”


“ทำไมวะเสียดายของ เอามานี่” จากนั้นมันก็ดึงชามก๋วยเตี๋ยวไปไว้ตรงหน้ามัน โซ้ยสามคำก็หมดเกลี้ยง   ไอ้ห่านี่แดกไม่เคี้ยวเหมือนเด็กลูกอมว่าจริงๆ 


“พี่กู๊ด..ไม่เปลี่ยนช้อนกับตะเกียบก่อนเหรอครับ” เด็กลูกอมมองอย่างอึ้งๆ


“เปลี่ยนทำไมเสียเวลา ลูกอมเม็ดเดียวกันยังแดกมาแล้วเลย”


“หืมมมม”


“อารายยยย  ยังงายยยย”


“หมีๆๆๆ”


“เสือก!  ไปกลับจะแดกมั้ยเค้กอ่ะ” แล้วไอ้หมีก็ลุกพรวดออกไปจ่ายตังทันทีโดยไม่สนความเผือกของเพื่อนแม้แต่น้อย


“ไปก่อนนะครับพี่ๆ” เด็กลูกอมไหว้พวกเราก่อนจะวิ่งตามไอ้หมีออกไป


   จากนั้นหัวข้อสนทนาในโต๊ะก๋วยเตี๋ยวก็หนีไม่พ้นเรื่องไอ้หมีกับหลานรหัสของมัน..






       ออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวก็ตรงดิ่งกลับบ้าน  พอกลับถึงบ้านก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าเหมียวทั้งสามตัว เขาว่ากันว่าการถูไถคลอเคลียและการคำเสียงครืนๆเวลาอยู่ใกล้ๆเราเป็นภาษาบอกรักของเจ้าเหมียว ช่างเป็นสัตว์โลกที่น่ารักน่าชัง การได้ใช้ชีวิตร่วมกับเจ้าเหมียวทั้งสามตัวทำให้ผมรู้ซึ่งกับคำว่า..ทาสแมวอย่างแท้จริง..

..แต่ทาสแมวน่ะไม่เท่าไหร่ ทาสของแม่แมวนี่สิ ยอมถวายให้ทั้งตัวและใจ



“มึงไปอาบน้ำก่อนเลยนะ แม่งเหม็นเหงื่อ” ตั้งใจจะนั่งเล่นกับเจ้าเหมียวก็โดนแม่เหมียวไล่ไปอาบน้ำซะก่อน


“อาบด้วยกันมั้ย”  ชวนไปงั้นแหละ เผื่อฟลุค


“อืม ไปดิ”  เฮ้ย!  ฟลุคเฉย


“นี่กูฝันไปป่ะเนี่ย” ไม่อยากจะเชื่อ ทำไมดอกไม้ว่าง่ายจังวะ น่าแปลกแฮะ?!


เพี้ยะ!!  โดนตบจนหน้าสั่นขนาดนี้ไม่ใช่ฝันแล้วล่ะครับ จริงซะยิ่งกว่าจริง  ..ฮ่วย เจ็บอยู่เด๊ะล่ะ!


“จะอาบไม่อาบ”


“อาบครับๆ” กลัวดอกไม้เปลี่ยนใจรีบตอบแบบไม่ต้องคิดเลย 


พู่กันหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำโดยยังไม่ปิดประตู เป็นการย้ำแน่ชัดว่าวันนี้เราจะอาบน้ำด้วยกัน
แล้วผมจะรออะไรล่ะรีบถอดเสื้อผ้าออกอย่างเร็วรี่แล้ววิ่งตัวปลิวเข้าห้องน้ำอย่างไม่รอช้า




“ถูหลังให้หน่อย” ฟองน้ำถูตัวถูกยื่นมาให้จากคนตัวขาวที่ตอนนี้ทั้งตัวฉาบไปด้วยฟองสบู่

     เซ็กซี่เป็นบ้า!


   ผมถูแผ่นหลังขาวเนียนของพู่กันด้วยใจที่เต้นรัว  ใจเย็นๆไอ้ดินนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของมึงที่ได้เห็นเรือนร่างขาวๆของพู่กันสักหน่อย     แต่ก็นะ โธ่เว้ย! แบบนี้เหมือนดอกไม้กำลังยั่วผมชัดๆ!   ยิ่งหันหลังให้แบบนี้มันน่าจับเสียบยิ่งนัก!


   ผมต้องพยายามข่มใจอย่างหนักหน่วงเพราะวันนี้ไม่ใช่วันเสาร์  ความจริงแล้วพวกเรามีกฎครับ ในหนึ่งอาทิตย์เราสามารถมีเซ็กกันได้หนึ่งวัน นั่นคือวันเสาร์ ถามว่าทำไมต้องวันเสาร์ ด้วยตารางการอ่านหนังสือที่ดุเดือดของพู่กันวันเสาร์จึงเป็นวันที่สะดวกที่สุด ส่วนการจูบกอดลูบคลำสามารถทำได้ตามแต่สะดวก แต่ความสะดวกก็ช่างน้อยนิด..


“มึง อะไรทิ่มตูดกู”

  ฉิบหาย! ยืนยั่วให้ถูหลังแบบนี้ น้องชายผมก็ตั้งโด่สิครับ


“เอ่อ  โทษที กูถูหลังให้มึงเสร็จละมึงอาบต่อเลย เดี๋ยวกูแปรงฟันรอ”  ไม่ได้ครับ ต้องออกจากสถานการณ์นี้อย่างเร่งด่วนไม่งั้นดอกไม้โดนผมจับเสียบแน่ๆ มีหวังโดนลงโทษด้วยการแบนไปหลายเสาร์  นรกชัดๆ


“กูทำให้” นี่ผมหูฝาด??  ไม่อยากถามเดี๋ยวโดนพิสูจน์ด้วยการตบบ้องหู!

ไม่รอช้าพู่กันนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าน้องชายผมที่กำลังผงาดสุดกำลังพร้อมใช้งานเต็มที่..ผีเข้าดอกไม้รึไง หรือว่าแต้มบุญที่เหลือของผมได้ถูกใช้งานแล้ว


“มึง เดี๋ยวกูจัดการเอง” ผมดันมือพู่กันออกอย่างเกรงใจ ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่รู้จะเกรงใจทำไม?


“ทำไม รังเกียจ?”


“ใช่ที่ไหนเล่า ดีใจต่างหาก แต่กูว่ามันแปลก ปกติมึงไม่เคย..” คำพูดของผมขาดหายเมื่อมืออันบอบบางของดอกไม้จับแกนกายของผมแล้วเริ่มขยับขึ้นลง


“กูอยากทำให้มึง” จากนั้นก็ช้อนตาขึ้นมองด้วยสายตาที่ยิ้มยั่ว   ยั่ว?!


“...” เอาเลยจ๊ะ อยากทำอะไรก็ทำเลยจ๊ะ..ทูนหัวของดิน


“กูจะมัดใจมึง”


“มัดใจ?” มัดใจอะไรกัน แค่นี้ก็มัดซะปมแน่นจนดิ้นไม่หลุดแล้ว.. ดอกไม้ของผมคิดมากอะไรอีกล่ะเนี่ย?!

ไม่มีคำตอบครับ เพราะเรียวปากนั้นกำลังครอบครองแกนกายของผมอยู่!   โอ้ววว นึกว่าจะใช้แค่มือ ที่ไหนได้ใช้ปากให้ด้วยครับ   

      พีคในพีค!!


การมัดใจของพู่กันพาอารมณ์หฤหรรษ์ของผมพุ่งทะยานจนเกือบถึงจุดสูงสุด

“กู..กูจะถึงแล้ว”  ผมจับหัวของพู่กันให้ขยับตามจังหวะอย่างลืมตัว


โอ้ววว   พระเจ้า   มันซี๊ดดดดด  แต่ยัง ยังถึงไม่ได้


“ของมึงก็แข็ง กูทำให้นะ แล้วถึงพร้อมกัน” มันไม่แฟร๋ถ้าผมจะถึงฝั่งฝันเพียงคนเดียว


“งั้นทำกัน”    หืมมม?!! หูผมฝาดอีกแล้วใช่มั้ย?


“แต่วันนี้วันพุธ” ดอกไม้ของผมคงไม่ได้หลงวันหรอกนะ


“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เช้าอาจารย์งดคลาส”


“แล้ววันเสาร์ล่ะ” กลัวทำวันนี้แล้ววันเสาร์ก็อดไง


“ยังเหมือนเดิม” เยสสส  ลัคกี้  ..ทำไมวันนี้ใจดีวะ แต่ช่างเหอะเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน


อ่า ไม่รอช้า รีบอุ้มดอกไม้มาที่เตียงทันที เรื่องแบบนี้มันต้องทำที่เตียงจะได้ถนัดถนี่..

จากนั้นก็จัดการเผด็จศึกทันที เมื่อไม่มีกฎกำจัดว่าต้องกี่น้ำ วันนี้ดินเลยขอสอง จะต่อน้ำสามก็เกรงว่าดอกไม้ที่นอนใต้ร่างจะเฉาซะก่อน  ..ถ้าจะเปรียบก็คงเหมือนตันไม้ถ้าให้น้ำมากไปก็ไม่ดี!




“ดอกไม้” ผมเรียกพู่กันที่นอนซุกอยู่ในอ้อมกอดผมอย่างหมดแรง เกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าให้อย่างเบามือ


“หืมม” ดอกไม้ของผมขานรับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง ..น่าสงสารแต่ก็น่ารักอยู่ดี


“ที่บอกว่ามัดใจ หมายความว่าอะไร” มันเป็นสิ่งที่ผมอยากรู้จริงๆ เพราะว่าวันนี้พู่กันมาแปลกจริงๆ


“ไม่มีอะไร”


“ดอกไม้ครับ ผมรู้ว่ามันมี คุณกำลังคิดมากอะไรอยู่ใช่มั้ย?”


“กูเห็นแฟนคลับมึงวันนี้ กูกลัว” นั่นไง ว่าแล้วเชียว


“กลัวอะไร ไหนว่ามาสิ”


“กลัวมึงจะทิ้งกู แฟนคลับมึงมีแต่ผู้หญิงสวยๆ”


“คิดมาก บอกแล้วไงให้เชื่อใจกัน” ตั้งแต่เรื่องของน้องครีมที่ผมทำให้พู่กับเข้าใจผิด ผมสัญญาไว้แล้วว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดแบบนี้อีก  เพราะน้ำตาของพู่กันมันทำให้ใจผมแทบแตกสลาย..


“กูรู้  แต่มันอดคิดไม่ได้” พู่กันซุกหน้าลงมาที่อกพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ผมจึงกระซับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น


“ไม่มีอะไรจริงๆครับ สบายใจได้เลย  แต่เป็นแบบนี้บ่อยๆก็ดีเหมือนกันนะ ไม่ต้องอดทนรอให้ถึงวันเสาร์” อดที่จะหยอกไม่ได้  มัดใจโดยใช้ปากให้น่ารักเป็นบ้า


“นี่แหนะ” แล้วก็ได้รับการหยิกที่แขนเป็นรางวัล “ไม่ตลกเลยนะ”


“ไม่ตลก แต่เสียว”  เสียวจริง เสียวจนแทบบ้า


“ไอ้ดิน เดี๋ยวเหอะ” ผมรีบคว้ามือที่เงื้อขึ้นที่กำลังจะฟาดลงบนแขนผมกุมไว้ไม่ยอมปล่อยก่อนจะจูบหนักๆลงไปที่หลังมือขาวๆของพู่กันอย่างหมั่นเขี้ยว


“เอาน่า อย่าคิดมาก กูห้ามคนให้เข้ามาหาไม่ได้หรอกแต่กูห้ามใจกูได้เพราะกูไม่สนใจใครอยู่แล้วนอกจากมึงคนเดียว กูก็ไม่รู้จะพูดยังไงให้มึงเชื่อ แต่กูก็อยากขอ ขอแค่เชื่อใจกันก็พอ”


“กูเชื่อใจมึง ขอโทษนะที่กูคิดมากไป”


“ไม่ต้องขอโทษหรอก แล้วก็ไม่ต้องมัดใจอะไรด้วยแค่นี้ก็มัดซะจนกูดิ้นไปไหนไม่ได้แล้ว กูยอมมึงทุกอย่างนะพู่กันเพราะกูรักมึง”


“กูก็รักมึงแผ่นดิน” จบคำบอกรักของพู่กันเราต่างก็บอกรักกันอีกครั้งด้วยภาษากาย จูบอันอ่อนโยนและลึกซึ้งเป็นการกระทำที่แทนคำบอกรักได้ดีเช่นกัน

   

      ..ความจริงแล้วพู่กันไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแค่เป็นพู่กันในแบบตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว แค่นี้ผมก็ยอมเป็นทาสแบบเต็มใจเพราะพู่กันคือทูนหัวของผม..ทูนหัวของดิน






  TBC.

………………………………………………......................

 หายไปนานเพราะร่างกายบอบซ้ำกับการป่วย T_T
 ขอบคุณที่ยังติดตามอ่านกันนะคะ^^


หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่20 ทูนหัวของดิน [13-09-18] *P.5
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-09-2018 21:02:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่20 ทูนหัวของดิน [13-09-18] *P.5
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 13-09-2018 21:02:57
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่20 ทูนหัวของดิน [13-09-18] *P.5
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 14-09-2018 11:01:22



 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:




หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่20 ทูนหัวของดิน [13-09-18] *P.5
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 14-09-2018 21:09:55
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่20 ทูนหัวของดิน [13-09-18] *P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 15-09-2018 10:43:24
หวานมากทูนหัวของดิน
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่20 ทูนหัวของดิน [13-09-18] *P.5
เริ่มหัวข้อโดย: skykick ที่ 15-09-2018 19:15:14

    :-[ :-[        :pig4:


 

       
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่20 ทูนหัวของดิน [13-09-18] *P.5
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 16-09-2018 23:39:26
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่20 ทูนหัวของดิน [13-09-18] *P.5
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 17-09-2018 11:50:13
 :L2:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่21 ลูกอมของหมี [18-10-18] *P.5
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 18-10-2018 20:26:58
 




บทที่ 21 ลูกอมของหมี




     เด็กแว่นหนาเตอะ ดูยังไงแม่งก็เด็กเนิร์ด ชอบเถียงคำไม่ตกฝากด้วยใบหน้านิ่งไร้อารมณ์ แถมยังตัวเล็กเท่าตาตุ่ม อนามัยจัดสุดยอดและมีชีวิตอยู่ได้ด้วยน้ำตาลโดยเฉพาะ..ลูกอม

ตอนนี้ไอ้มนุษย์น้ำตาลกำลังนั่งแดกปังเย็นด้วยหน้าตาเบิกบานสุดขีดอยู่ที่ร้านนมหน้ามหา’ลัย
วันนี้เรามีนัดเลี้ยงสายรหัสกันครับ ที่เลือกร้านนมก็เพราะสายรหัสคนใหม่ของ สายแข็ง แดกเหล้าไม่เป็น ร้านนมจึงตอบโจทย์ที่สุด


“โอบอยากสั่งอะไรเพิ่ม สั่งได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ” พี่กายรุ่นพี่ปีสี่หรือก็คือพี่รหัสผมเองหันไปบอกเหลนรหัสอย่างใจดี


“ครับพี่กาย” ไอ้ลูกอมตอบด้วยใบหน้าอมยิ้มพร้อมกับตักปังเย็นเข้าปากคำโต


“ส่วนนี่ของขวัญจากพี่ แล้วก็ของพี่มาร์คกับพี่ตู้ฝากมาให้ด้วย” กล่องกระดาษใบโตถูกยกวางไว้บนโต๊ะ


“ส่วนนี่ของกู” แล้วไอ้โก้ก็ยื่นของขวัญที่อยู่ในถุงก๊อบแก็บให้กับน้องรหัสของมัน


ไอ้ลูกอมคงซาบซึ้งกับของขวัญจากพี่ๆของมันจนน้ำตาแทบไหล ของแต่ละชิ้นช่างภาคภูมิใจแก่วงศ์ตระกูลซะเหลือเกิน!


ซีดีอัลบั้ม คราม ของวงบอดี้สแลม จากไอ้โก้พี่รหัสของมันผู้ซึ่งมีพี่ตูนเป็นไอดอล!

อุปกรณ์ดูแดช่องปากครบชุด จากพี่กายปู่รหัสผู้ห่วงใยว่าแมงจะกินฟันเหลนรหัสตัวเองหมดปากก่อนจะเรียนจบ!

น้ำพริกตาแดงสองกระปุกจากพี่มาร์คทวดรหัสปี5  พร้อมกับข้อความสั้นๆ ‘กินแล้วติดใจสั่งซื้อได้ตามเพจที่ติดอยู่ข้างกระปุก’
สัด! ขายของเฉย แม้แต่เหลนรหัสก็ไม่เว้น  ก่อนหน้านี้พวกผมทั้งสายก็เจอให้ซื้อยกโหลมาแล้ว น้ำพริกแม่พี่แกทำขายครับ ไอ้สัดแม่งอร่อยอยู่หรอก แต่แม่งแดกไม่ทันไง กระปุกแรกแดกยังไม่ทันหมดอีก11กระปุกแม่งราแดก!

แต่ที่พีคสุดคือของพี่ตู้ปี6 หมวกกันน็อคสีดำลายไฟ! พร้อมกับข้อความบนกระดาษโพสอิทสีเขียวที่แปะอยู่บนหมวก ‘ขับขี่ปลอดภัยสวมใส่หมวกกันน็อค’   ครับ! สายรหัสผมมีแต่คนบ้า

ไอ้ลูกอมมันขับรถเป็นที่ไหนอย่าว่าแต่มอเตอร์ไซค์ จักรยานแม่งยังถีบไม่เป็น  แม่งลูกคุณหนูขนาดแท้
ตอนผมอยู่ปีหนึ่งของขวัญที่ได้จากที่ตู้ก็ซึ้งจนน้ำตาแทบไหลเช่นกัน ที่เปิดขวดจากงานแต่งของใครสักคนที่ผมไม่รู้จัก!


“ของมึงล่ะไอ้หมี ไม่มีให้น้องมันเหรอวะ” พี่กายถามผมอย่างสงสัยที่ผมมาตัวเปล่า


“ผมลืมเอามาพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเอาให้” ความจริงแล้วของที่ผมตั้งใจจะให้ไอ้ลูกอมยังมาไม่ถึงครับ ผมสั่งจากในเน็ตไว้ของจะมาส่งพรุ่งนี้  นี่ก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมผมถึงลงทุนเพื่อมันขนาดนี้?!















“ลูกอมกูอยู่ใต้หอมึง ลงมาเอาของกับกูหน่อย” ของขวัญที่สั่งไว้ให้มันมาถึงแล้วครับ


[พี่กู๊ด รอแปปึงนะครับ]


“ให้ไวๆ”



รอสักพักไอ้เด็กแว่นที่สวมเสื้อยืดลายมินเนี่ยนก็เดินมาหาผมด้วยใบหน้าไร้อารมณ์เหมือนเคย

“สวัสดีครับ” ไอ้ลูกอมยกมือขึ้นไหว้ผมพร้อมกับนั่งลงฝั่งตรงข้าม


“ทำไรวะ แม่งลงมาช้า”


“ตอนที่พี่โทรมา ผมพึ่งอาบน้ำเสร็จครับ” ถึงว่าได้กลิ่นแป้งเด็กมาจากมึงนี่เอง  เด็กน้อยเอ้ย!


“อ่ะ ของกูเมื่อวานที่ลืมเอาให้”


“ขอบคุณครับ”


“เปิดดูดิ”


   ไอ้ลูกอมค่อยๆแง้มถุงกระดาษสีน้ำตาลช้าๆจากนั้นหน้านิ่งไร้อารมณ์ของมันก็ค่อยๆยิ้มกว้างขึ้นทีละนิดเมื่อเห็นของที่อยู่ในถุง
ลูกอมคาราเมลยี่ห้อ Werther’s Original ยี่ห้อโปรดของไอ้ลูกอมทุกแบบทุกรสชาติเท่าที่จะหาได้ เป็นไงล่ะของขวัญจากลุงรหัสมึง ดีกว่าหมวกกันน็อคลายไฟเป็นแน่แท้!


“เฮ้ย! รสนี้หายากนะครับ พี่ไปซื้อมันมาจากไหน” แน่นอนว่าหายากเพราะกูรอมันมาตั้งสามวัน ไม่งั้นกูคงให้มึงตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ 


“กูเก่ง”


“ขอบคุณมากนะครับ รสนี้ผมชอบที่สุด” จากนั้นเด็กน้อยผู้เจอลูกอมที่ถูกใจก็แกะลูกอมแบบเคี้ยวหนึบรสคาราเมลเคลือบช็อคโกแลตเข้าปากทันที   สีหน้าของมันบ่งบอกถึงความสุขได้อย่างชัดเจน


   ..ฟินสินะมึง


ที่ผมลงทุนขนาดนี้ก็เพราะสีหน้าที่มีความสุขแบบนี้ละมั้งที่ผมอย่างเห็น   ผมว่ามันหน้ามอง!!

..เพราะใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มดีกว่าใบหน้าที่นิ่งไร้อารมณ์เป็นไหนๆ


“เออ มึงชอบก็ดีแล้ว แต่ตอนนี้กูโคตรหิวไปแดกข้าวกัน”


“ทานที่ไหนดีครับ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง” อารมณ์ดีหน้าบานเชียวนะมึง


“กินที่โรงอาหารใต้หอมึงนี่แหละ ข้าวมันไก่ย่างหอมึงเด็ดสุดกูไม่ได้แดกนานละ แล้วก็อีกอย่างกูเป็นพี่กูก็ต้องเลี้ยงมึงดิ”


“ไม่เอาครับ ครั้งนี้ผมเลี้ยงเอง”


“ตามใจมึง กูแดกเยอะนะบอกไว้ก่อน”


“สบายมากครับ เงินเก็บผมเยอะ” เหอะ เดี๋ยวกูจะแดกให้หมดตูดเลยคอยดู




ผมนั่งกินข้าวไปได้ครึ่งจานไอ้ลูกอมก็กลับมาพร้อมกับเครปในมือ


“ไหนล่ะข้าวมึง”


“นี่ไงครับ”


“เครป?  บ้านกูเรียกขนม”


“เหมือนๆกันแหละครับ”


“ไปซื้อข้าวมาแดกเลยนะมึง ถึงว่าตัวมึงเล็กเท่าตาตุ่ม”


“ผมไม่อยากทานข้าวนี่ครับ” ทำตัวอย่างกับเด็กห้าขวบ


“แต่มันสำคัญมึงต้องกินไอ้ลูกอม” เหอะ ส่วนกูก็เหมือนพ่อที่พยายามกล่อมให้ลูกกินข้าว


“...” มันไม่สนคำพูดผมครับ แดกเครปเย้ยกูอีก


“ไอ้ลูกอม”


“...”  ยังเฉยครับ


โอบ พี่บอกให้ไปซื้อข้าว” ใช้ไม้แข็งไม่ได้ผลก็ต้องลองใช้ไม้อ่อน


“ก็ได้ครับ” ไอ้ลูกอมเบิ้กตาตกใจกับสรรพนามที่ผมใช้...ซึ่งผมก็ตกใจตัวเองเหมือนกัน


 “อ้าว ไปสักทีสิรออะไร”


“ผมนึกไม่ออกว่าจะทานอะไรดี ที่นี่อะไรอร่อยครับ”  เอ้า ที่นี่หอมึงนะได้ข่าว


“งั้นเอานี่ไป” ผมเลื่อนจานข้าวมันไก่ย่างอีกจานที่ซื้อมาสองจานในตอนแรกให้กับไอ้ลูกอมที่นั่งทำหน้าเมื่อยกับการที่ต้องแดกข้าว   ..มึงนี่มันเด็กน้อยจริงๆ


“ขอบคุณครับ”


“ทำไมไม่ชอบกินข้าว ไหนมึงบอกแดกอาหารครบห้าหมู่ไงวะ” ผมจำได้มันเคยเถียงผมว่าถึงมันจะชอบแดกขนมหวาน แต่มันก็ออกกำลังกายสม่ำเสมอและกินอาหารครบห้าหมู่และก็ดูแลช่องปากอย่างดีห่าเหวอะไรของมันนี่แหละ


“ก็ครบแต่ไม่ทุกมื้อครับ”


“ถุย”


“พี่! น้ำลายกระเด็นใส่จานผม”


“น้ำลายกูมึงก็เคยแดกมาแล้วหนิ” จำตอนสงครามแลกลิ้นด้วยลูกอมฮอลล์กันได้อยู่ใช่มั้ยครับ
แล้วเหตุการณ์นั้นก็ทำให้ผมแดกฮอลล์ไม่ได้อีกเลย เพราะอะไรน่ะเหรอครับ อมฮอลล์แล้วหรรมแข็งเฉยเลย!


“...” นานๆทีจะเห็นมันเถียงไม่ออก  แล้วถ้าผมตาไม่ฝาดหน้ามันแดงครับ!


“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปกูจะมากินข้าวกับมึงทุกเย็น กูจะเป็นผู้ดูแลกระเพราะมึงเอง”


“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ผมดูแลตัวเองได้”


“ดูแลตัวเองด้วยการแดกเครปแทนข้าวเย็นเนี่ยนะ”


“ก็ได้ครับ” เออให้มันว่าง่ายแบบนี้สิ















       สองอาทิตย์ผ่านไปที่ผมกินข้าวเย็นกับไอ้ลูกอมทุกเย็น และดูเหมือนว่าการกินข้าวเย็นด้วยกันจะกลายเป็นความเคยชินสำหรับผมไปเสียแล้ว และสำหรับไอ้ลูกอมก็คงไม่ต่างกันเพราะมันมักจะรอผมเสมอแม้วันนั้นผมจะบอกให้มันกินก่อนก็ตาม


“โทษที วันนี้แลปเลิกช้าความจริงมึงกินก่อนเลยก็ได้”


“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้”


“กินไรดี?”


“แล้วแต่พี่กู๊ดเลยครับ”


“งั้นก็กินใต้หอมึงละกัน ตอนนี้กูแม่งหิวโคตรๆ”  หิวมากจริงๆเลยไม่อยากออกไปกินข้างนอกและไอ้ลูกอมมันก็คงหิวไม่ต่างจากผมเหมือนกัน เพราะมันหิ้วท้องรอผมตั้งสองชั่วโมง


ข้าวมันไก่ย่างไม่เอาน้ำจิ้ม คือสิ่งที่มันจะสั่งทุกครั้งเมื่อกินข้าวที่ใต้หอตัวเอง ไม่เคยจะลองอย่างอื่น ดูแล้วนิสัยของมันค่อนข้างจำเจ หรืออาจจะเรียกว่ายึดติดก็ได้มั้ง ไม่อย่างนั้นมันคงไม่อมลูกอมรสเดิมทุกๆวัน


“ไอ้ลูกอม/พี่กู๊ด..” เราสองคนต่างพูดขึ้นพร้อมกันพอดิบพอดี


“มึงพูดก่อนเลย”


“ไม่เป็นไรครับ พี่พูดก่อนเลย”


“พรุ่งนี้เย็นกูติดธุระ กูไม่ได้มากินข้าวด้วยนะ” พรุ่งนี้มีนัดพาพี่จ๋าไปดูหนัง หลังจากดูหนังก็คงไปกูเนื้อหนังของจริงกันต่อ ฮ่า
 
พี่จ๋าคือพี่สาวคัพอีที่ดิลกันที่ร้านพี่มด ก็วันเดียวกับวันที่พาไอ้ลูกอมไปมอมเหล้านั่นแหละครับ แต่แล้วผมก็ต้องชวดฟีทเจอริ่งกับพี่สาวคัพอีเมื่อหลานรหัสผมมันเมาสลบปลุกไม่ยอมตื่น แต่พอวันรุ่งขึ้นผมก็แก้ตัวกับพี่จ๋าได้อย่างสมศักดิ์ศรีถึงขั้นที่พี่จ๋าต้องนอนเปลี้ยอยู่บนเตียงถึงครึ่งวัน   


“ครับ”


“แล้วมึงล่ะจะพูดอะไร”


“ไม่มีอะไรครับ” ปากบอกไม่มีแต่ทำหน้ามันหง่อยๆชอบกล


“แน่ใจนะ มีอะไรบอกกูได้”


“ไม่มีอะไรจริงๆครับ”  อืม ไม่มีก็ไม่มี














“อีกชั่วโมงกว่าหนังจะฉายไปหาอะไรกินก่อนดีมั้ยน้องกู๊ด”


“ได้ครับ ตามใจพี่จ๋าเลย”


“กินไรดีน๊า”


“กินผมมั้ย อร่อยน๊า” ผมกระซิบบอกอย่างเจ้าเล่ห์


“ดูหนังจบแล้วพี่จะกินเราให้เรียบเลยคอยดู” ยิ้มยั่วแบบนี้ยอมแล้วจ้า ยอมเปลือยกายให้กินทั้งตัวเลยจ๊ะพี่จ๋าาา


“งั้นกินตอนนี้เลยมั้ย ผมไม่อยากดูหนังละ” อารมณ์หื่มมาเต็มบอกเลย ยิ่งช่วงนี้ตกเย็นก็อยู่แต่กับหลานรหัสไม่ค่อยได้นัดสาวอย่างที่เคยทำ มันก็จะอารมณ์เปลี่ยวๆหน่อย


“ได้ไงล่ะซื้อตั๋วแล้ว ใจเย็นๆสิจ๊ะเรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกยาว”


“โอเคคร้าบบ   เลือกได้ยังครับว่าจะกินอะไร”


“ช่วงนี้กำลังไดเอท สเต็กปลาล่ะกันจ๊ะ”


“ครับผม”



   ก่อนถึงร้านสเต็ก สายตาผมก็เหลือบไปเห็นไอ้มนุษย์เด็กที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยน้ำตาลกำลังนั่งแดกไอศกรีมด้วยใบหน้าที่ยิ้มปริ่มอยู่คนเดียวในร้านไอศกรีม
 
ผมไม่สามารถละสายตาออกจากใบหน้าอมยิ้มของไอ้ลูกอมได้เลย สติของผมกลับมาเมื่อพี่จ๋าที่คล้องแขนผมอยู่ใช้นมถูแขนผมยิกๆ


“กู๊ด อยากกินไอติมเหรอ” เมื่อเห็นผมจ้องร้านไอศกรีมพี่จ๋าเลยถามขึ้น


“อ่อ ป่าวครับ พี่จ๋าจะกินสเต็กใช่มั้ยครับ งั้นเรารีบไปกันเถอะ”


“โอเคจ๊ะ”


สติของผมตอนนี้ไม่ได้อยู่กับพี่สาวคัพอีตรงหน้าเลยแม้แต่น้อยมันกลับไปอยู่กับไอ้เด็กแว่นที่นั่งกินไอศกรีมอยู่คนเดียว ถึงหน้ามันดูมีความสุข แต่มันดูเหงาชอบกล


“พี่จ๋าผมนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ ขอโทษนะครับแล้วผมจะมาแก้ตัววันหลัง” ผมปล่อยให้หลานรหัสผมอยู่คนเดียวไม่ได้ว่ะ


“เดี๋ยวกู๊ดดดดด” พี่จ๋าได้แต่ตะโกนเรียกพร้อมกับสีหน้างุนงงสุดตีน





   เมื่อกลับไปที่ร้านไอศกรีม ไอ้ลูกอมก็หายตัวไปแล้วครับ  แม่งผมมาไม่ทัน พอกวาดสายตาไปรอบๆก็เห็นมันกำลังลงบันไดเลื่อนพอดิบพอดี   วิ่งตามสิครับรอไร
แล้วทำไมกูไม่โทรหามันวะ?  ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน?!  ไอ้ห่าตัวเล็กเท่าตาตุ่มแต่เดินไวฉิบหาย เห็นหลังไวๆว่ามันกำลังเดินเข้า Tops

อย่าบอกนะว่ามึงจะซื้อลูกอม? 

แล้วก็เดาไม่ผิดจริงๆ นี่ถ้าเป็นหวยกูคงรวยเละ  ไอ้ลูกอมกำลังหยิบลูกอมยี่ห้อโปรดและช็อคโกแลตอีกหลายแท่งลงในตะกร้า 

แล้วทำไมผมต้องทำตัวเหมือนสตอล์คเกอร์ตามแอบดูไอ้ลูกมันด้วยวะ?!   ในขณะที่กำลังงงกับตัวเองอยู่ไอ้ลูกอมก็เดินผ่านมุมที่ผมหลบอยู่พอดี   ฉิบหายกูหลบไม่ทัน


“พี่กู๊ด มาซื้อของเหรอครับ” เมื่อเห็นผมมันจึงทักขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม


“ใช่ๆ มึงล่ะ” แล้วมันก็โชว์ของในตะกร้าให้ผมดู


“ผมได้ของครบแล้วขอตัวกลับก่อนนะครับ”


“เดี๋ยว  มึงกลับยังไง”


“รถแดงครับ”


“เดี๋ยวกูไปส่ง”


“ไม่เป็นไรครับ พี่ยังซื้อของไม่เสร็จ”


“เอ่อน่า กูไม่ซื้อแล้ว” ว่าแล้วผมก็คว้าข้อมือของเด็กแว่นไปยังเค้าเตอร์คิดเงินพร้อมกับจ่ายเงินให้เสร็จสรรพ
ป๋าจริงๆเลยกู เสียค่าตั๋วหนังไปฟรีๆและแทนที่จะได้เลี้ยงข้าวพี่สาวนมโตและไปกินนมกันต่อที่ห้องอย่างถึงอกถึงใจกลับกลายเป็นว่ากูได้มาเลี้ยงลูกอมเด็กน้อยแทน! 





“นี่ครับ ค่าลูกอมที่พี่จ่ายให้เมื่อกี้” เมื่ออยู่บนรถไอ้ลูกอมก็ควักเงินให้ผมทันที


“เก็บไว้แดกข้าวเหอะ”


“พี่ซื้อให้ผมหลายครั้งแล้วผมเกรงใจ” ว่าแล้วมันก็ยัดเงินมาในกระเป๋ากางเกงผมด้วยใบหน้าไร้อารมณ์เช่นเดิม  สัด!แต่กูดันมีอารณ์เฉยเลย  ไอ้ห่าเฉี่ยวไข่กูไปนิดเดียวนะมึง!


“แล้วนี่แดกไรมารึยัง”


“เมื่อกี้ผมเพิ่งทานไอศกรีม”


“ทำไมไม่ชวนกู หรือเพื่อนมึงวะไปนั่งกินคนเดียวไม่เหงาเหรอมึง”


“ก็เมื่อวานพี่บอกว่าเย็นนี้ไม่ว่างน่ีครับ แต่ไม่เป็นไรผมไม่เหงาชินแล้ว แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่าผมไปนั่งทานคนเดียว”


“เอ่อ  ก็มึงไปซื้อของคนเดียวแสดงว่ามึงมาคนเดียวไง”  อย่าบอกนะว่าเรื่องที่จะพูดเมื่อวานแต่ไม่ยอมพูดออกมาคือจะชวนผมไปกินไอศกรีม โธ่เด็กน้อยเอ้ย..ถึงตอนเย็นกูไม่ว่างกูก็พามึงไปแดกตอนกลางวันก็ได้นี้หว่า



จากนั้นบทสนทนาก็เงียบลงมีเพียงเสียงเปิดถุงขนมจากคนตัวเล็กที่นั่งข้างๆ


“กินมั้ยครับ” จากนั้นมันก็ยื่นแท่งช็อคโกแลตที่กัดไปแล้วคำหนึ่งมาทางผม   ผมจึงกัดช็อกโกแล็ตแท่งนั้นตรงด้านที่มีรอยฟันของไอ้ลูกอมอย่างจงใจ


“หวาน แต่กูชอบ” ผมหันไปจ้องมันอย่างจริงจัง และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่มันหลบสายตาผม


“...” ไม่มีคำตอบจากคนข้างๆ แล้วมันก็งับช็อคโกแลตแท่งเดิมตรงรอยฟันของผมแทนที่มันจะงับอีกมุมหนึ่ง

การกระทำนั้นทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก..

จากนั้นเราก็ผลัดกันกัดคนละคำจนหมดคำสุดท้ายที่ผมพร้อมกับความรู้สึกแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในหัวใจ..ไอ้ความสุขเล็กๆนี้มันอะไรกันน้า ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นกับคนอย่างผมมาก่อน..




“หกโมงเย็นกูจะมารับมึงไปกินข้าวนะ” เมื่อมาถึงหน้าหอของไอ้ลูกอมผมจึงเอ่ยขึ้น


“แต่เมื่อวานพี่บอกว่าเย็นนี้พี่ไม่ว่างไงครับ”


“ก็ว่างแล้วไง”


“จริงๆพี่ไม่ต้องมาทานข้าวกับผมก็ได้นะครับ ผมว่าคงมีคนรอพี่อยู่”


“หมายความว่าไงวะ”


“จริงๆแล้วผมเห็นพี่กับแฟนที่ห้าง”


“กูยังไม่มีแฟน! นั่นพี่สาว” ทำไมกูต้องแก้ตัวด้วยวะ?


“เป็นพี่น้องที่สนิทกันดีนะครับเดินซบไหล่กันด้วย แล้วก็ไม่เห็นต้องทิ้งเธอแล้วแอบตามผมมา”


“มึงเห็น?”


“ก็พี่ตัวใหญ่อย่างกะหมีก็ต้องเห็นสิครับ” เอ่อนั้นน่ะสินะ กูได้ชื่อนี้มาเพราะตัวกูใหญ่เหมือนหมีนี่แหละ แม่ง


“ก็กูกลัวมึงเหงาเห็นนั่งแดกไอติมคนเดียว มึงเป็นหลานรหัสกูนะเว้ยกูก็ต้องเทคแคร์”


“ขอบคุณครับ แต่ผมโอเคที่จะไปไหนมาไหนคนเดียว”


“พูดแบบนี้ คือมึงรำคาญกู?” สัด อารมณ์น้อยใจมาเลยกู


“เปล่าครับ ผมต่างหากที่กลัวพี่รำคาญบางทีผมก็ให้พี่ดูแลมากไป”


“กูไม่ได้รำคาญ กูเต็มใจ มึงคือน้องในสายรหัสกูฉะนั้นมึงไม่ต้องเกรงใจ” ใช่ เพราะมันคือหลานรหัส ไม่ได้มีความพิเศษเหนืออื่นใด?!


“พี่โก้โชคดีจังนะครับ ที่มีพี่รหัสอย่างพี่กู๊ดเลยทำให้ผมโชคดีไปด้วย”  แม่งหน้าไร้อารมณ์กูเลยไม่รู้ว่ามึงพูดด้วยอารมณ์ไหน?




ไม่ลงไม่รอมันละ พามันไปเลยละกันเพราะอีกแค่ชั่วโมงเดียวก็จะหกโมงแล้ว


“แถวนี้มีร้านข้าวด้วยเหรอครับ” เมื่อจอดรถที่หน้าบ้านหลังหนึ่งไอ้ลูกอมก็ถามด้วยความสงสัย


“นี่บ้านไอ้พู่ วันนี้พวกมันนัดกันดูบอล มีข้าวให้แดกด้วย”


“อ้าวไหนมึงบอกมีเดทและคงลากยาวถึงเช้าไง” เมื่อเดินเข้ามาในบ้านไอ้พู่ก็ถามด้วยความสงสัยและคงแปลกใจยิ่งขึ้นเมื่อเห็นหลานรหัสของผมเดินตามเข้ามาด้วย


“กูเปลี่ยนใจกูอยากลากยาวกับเพื่อนมากกว่า”


“ใช่หราาา” เบื่อหน้าขี้เสือกของมันจังวะ


“มีไรให้แดก”


“ไอ้ดินทำข้าวซอยไก่ไว้ จะแดกก็เชิญบริการตัวเอง”


  น้ำข้าวซอยมันเผ็ดนี่หว่า แล้วไอ้แว่นข้างๆจะแดกได้มั้ยเนี่ย


“ข้าวซอยมันเผ็ด มึงจะแดกไรเดี๋ยวกูออกไปซื้อให้”


“ไม่เป็นไรครับ ผมยังไม่หิว”


“ไม่หิวก็ต้องแดก”


“ไอ้พู่กูยืมมอไซค์หน่อยดิ”


“จะไปไหนวะ”


“ซื้อข้าว”


“ก็ข้าวซอยไง ไม่แดก?”


“กูจะไปซื้อข้าวให้ไอ้ลูกอม มันแดกเผ็ดไม่ได้”


“ดูแลดี ใส่ใจและห่วงใย กูอยากมีลุงรหัสเหมือนมึงจังว้า” ประชดเก่ง ไอ้สัด


“แค่ผัวมึงคนเดียวก็เกินพอแล้วมั้ง”


“โอบ ข้าวผัดหมูกินได้มั้ย” แล้วไอ้ดินที่นั่งเงียบก็ถามขึ้น


“ได้ครับ”


“โอเคเดี๋ยวพี่ไปอุ่นมาให้ หมีมึงตามกูมา”


เมื่อตามมันเข้ามาในครัว มันก็ถามคำถามที่น่าแปลกใจขึ้นมาทันที


“ชอบน้องมันเหรอ”


“ตลกล่ะ”


“มึงใส่ใจ เป็นห่วงน้องมันซึ่งมึงไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน”


“ก็มันหลานรหัสกู”


“แล้วน้องรหัสมึงล่ะเคยใส่ใจแบบนี้มั้ย กูไม่เคยเห็นมึงพาไอ้โก้ไปแดกข้าวทุกเย็นแบบนี้เลย และมึงอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้โก้มันแดกเผ็ดได้รึป่าว”


“ก็ไอ้โก้แม่งแมนๆดูแลตัวเองได้ไง แต่ไอ้ลูกอมตัวเล็กเท่าเห็บหมาดูน่าเป็นห่วงมึงก็เห็น”


“ดูน่าเป็นห่วงมึงก็เลยห่วง”


“ก็ห่วง เพราะมันสายรหัสกูไง” มึงจะจี้กูไปถึงไหน


“มึงจะใช้คำว่าหลานรหัสหลอกตัวเองไปอีกนานแค่ไหน” หลอกตัวเอง ทำไมต้องหลอก?

‘ติ้ง’ ขอบคุณเสียงไมโครเวฟที่ดังช่วยชีวิตกูไว้ไม่งั้นกูโดนจี้จนพรุนแน่


“หึ หลอกใครก็หลอกได้นะแต่หลอกใจตัวเองไม่ได้นะมึง” กูว่ากูคุ้นกับประโยคนี้นะ  กูเคยพูดประโยคนี้กับไอ้พู่นี่หว่า

  ..แล้วมันวนมาหากูได้ยังไงกัน?!




ข้าวซอยไก่ที่ไอ้ดินทำแม่งอร่อยว่ะ ผมเลยซัดไปสามถ้วยแถมข้าวผัดที่ไอ้ลูกอมกินเหลืออีกครึ่งจาน

..กินข้าวอย่างกับแมวดม

จะว่าไปแล้วการกินของเหลือจากไอ้ลูกอมก็เป็นความเคยชินของผมเหมือนกัน เพราะมันกินข้าวเหลือทุกครั้งไอ้ผมที่เสียดายก็จัดการกินต่อซะเกลี้ยงอย่างที่ไม่เคยนึกรังเกียจสักนิด..


กินอิ่มได้สักพักไอ้ปูนกับพี่น้ำก็ตามมาสมทบพร้อมกับเครื่องดื่มสำหรับดูบอลในคืนนี้


“อะไรที่ทำให้ไอ้หมีเปลี่ยนใจจากพี่สาวเซ็กซี่ขยี้ใจมาเป็นเด็กน้อยหน้าใสแบบนี้ได้น้อ” เมื่อไอ้ปูนเห็นผมกับไอ้ลูกอมก็เอ่ยแซวทันที


“อะไรของมึง กูก็มาเชียร์บอลกับพวกมึงไง”


“ก็เมื่อวานมึงปฏิเสธทันทีที่พวกกูชวนเลยนี่หว่าว่ามีนัดกับพี่จ๊ะจ๋าสุดสะบึ้มอ่ะ”


“ก็แค่ไปกูหนังนี่ก็ดูเสร็จแล้ว ว่างแล้วก็มาหาพวกมึงนี่ไง” หึ กูโกหก นึกแล้วก็เสียดายค่าตั๋วหนังฉิบหาย ที่นั่งHoneymoon seat ซะด้วยสิ


“แล้วทำไมถึงมากับหลานรหัสสุดที่รักของมึงได้ล่ะ” สุดที่รักห่าไรล่ะ ถ้าพี่น้ำไม่นั่งแดกข้าวซอยอยู่ตรงนี้กูดีดปากมึงแตกไปแล้วไอ้ห่าปูน


“ตอนเย็นกูต้องพามันไปกินข้าวไง ก็เลยพามาด้วยซะเลย” จะซักอะไรนักหนาพวกมึงเป็นแฟ้บกันรึไงฮะ


“น้องโอบมากินเค้กกัน นี่ถ้าพี่รู้ว่าเรามาด้วยจะเอามาเผื่อเยอะๆเลย” เมื่อได้ยินคำว่า เค้ก หน้าเรียบเฉยของมันก็อมยิ้มขึ้นมาทันที  ไอ้เด็กน้ำตาลเอ้ย




บอลคู่แรกเตะหนึ่งทุ่ม แต่คู่หลักที่เรารอดูคือคู่สี่ทุ่ม แมนยูทีมรักเจอกับทีมเมืองหลวงอย่างเชลซี

เรานั่งดูนั่งดื่มกันไปเรื่อยๆ ส่วนไอ้ลูกอมผู้ไม่อินกับเกมส์ลูกหนัง หนีไปเล่นกับพวกเจ้าเหมียวที่พากันนอนกลิ้งอยู่บนโซฟา 
ดูๆแล้วก็เหมาะกันดีผมว่าไอ้ลูกอมก็เหมือนแมวนิ่งๆหยิ่งๆ แต่พอได้ของเล่นที่ถูกใจความดี้ด้าก็จะมาทันทีเหมือนเวลาที่ได้กินลูกอมหรือขนมหวานที่ถูกใจหน้าก็จะดีด้ามีความสุขขึ้นมาทันตา


อีกครึ่งชั่วโมงบอลคู่ที่รอคอยก็ใกล้จะเตะ ด้วยความที่กลัวว่าหลานรหัสจะเบื่อและคงง่วงเต็มแก่เพราะสี่ทุ่มเป็นเวลานอนของไอ้เด็กอนามัย จึงเดินไปดูซะหน่อยว่ากำลังทำอะไรอยู่กับพวกเจ้าเหมียวทั้งสามตัว

 
  นอนขดกับแมวบนโซฟา  ..สัด น่ารักฉิบหาย 

น่ารักงั้นเหรอ?! ไม่น่าเชื่อคำว่าน่ารักจะมีผลต่อหัวใจผม ทั้งที่ผ่านมาคำนี้ทำอะไรกับใจผมไม่ได้เลย


“มึงง่วงแล้วเดี๋ยวกูไปส่งมึงที่หอ” ผมสะกิดบ่าคนตัวเล็กเบาๆ จากนั้นมันก็ขยี้ตาเบาๆก่อนจะหยิบแว่นสายตาที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาสวม

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นตอนที่มันไม่สวมแว่นตา จะว่าไงดี ผมว่าดวงตาเรียวเล็กของมันดูคมสวยและมันดูลงตัวเมื่ออยู่บนใบหน้าเรียวเล็ก ยิ่งไร้กรอบแว่นบดบังมันยิ่งน่ามอง และคงจะน่ามองยิ่งขึ้นถ้ามันยิ้มสักนิด


สี่ทุ่มบอลกำลังเริ่มเตะ ผมก็ขอตัวพาไอ้ลูกอมที่ตอนนี้กำลังตาปรือสุดๆมาส่งที่หอก่อน และแน่นอนพวกผองเพื่อนผู้น่ารักก็พากันเอ่ยแซวว่าหลานรหัสผมนั้นสำคัญยิ่งกว่าพี่สาวคัพอี และแมนยูทีมโปรดที่ผมไม่เคยพลาดเชียร์สักนัด
 
..ก็เด็กมันง่วง บอลเดี๋ยวครึ่งหลังค่อยกลับมาเชียร์ก็ได้นี่หว่า



   ส่งไอ้ลูกอมเสร็จก็กลับไปเชียร์บอลที่บ้านไอ้พู่อีกครั้ง แต่ในระหว่างทางกลับกลิ่นของไอ้ลูกอมที่ยังอบอวลอยู่ในรถ..กลิ่นคาราเมลของมันทำให้หัวใจผมสับสนว่าแท้จริงแล้วที่ผมดูแลและใส่ใจไอ้ลูกอมนั้นเพียงเพราะมันเป็นแค่หลานรหัสของผมเท่านั้นจริงๆเหรอ?



  อ่านต่อด้านล่างค่ะ     

หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่21 ลูกอมของหมี [18-10-18] *P.5
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 18-10-2018 20:31:22





     ผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ไปดูบอลบ้านไอ้พู่หลังจากในวันนั้นการกินข้าวเย็นของผมกับไอ้ลูกอมก็ยังดำเนินไปตามปกติ จนกระทั่งวันนี้วันที่ผมนั่งกินข้าวเย็นคนเดียว..

เมื่อกลางวันไอ้ลูกอมโทรมาบอกว่าตอนเย็นไปกินเลี้ยงวันเกิดของรูมเมทที่ร้านนมจึงอยู่กินข้าวเย็นกับผมไม่ได้  ซึ่งผมก็ยินดีครับที่มันมีเพื่อนและได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อนบ้าง..แต่ผมกลับไม่ชิน มันเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง


หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จด้วยใจที่เหงาแปลกๆ ก็มีสายตรงจากพี่จ๋าเจ้าเก่าเจ้าเดิมต่อสายมาว่า คิดถึง และอยากเจอ เพราะหลังจากวันที่ผมทิ้งพี่แกให้ดูหนังคนเดียวเราก็ยังไม่ได้เจอกันเลย  ผมจึงตกลงทันทีที่จะไปหาเพราะความเหงาที่เกิดขึ้นในใจ..

ในขณะที่รถกำลังติดไฟแดง  ผมก็เห็นไอ้ลูกอมนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ผู้ชายหน้าแบดบอยคนหนึ่งซึ่งผมไม่รู้จักแต่คาดว่าน่าจะเป็นรูมเมทของมันขับผ่านไปอีกฝั่งหนึ่ง  ที่ผมจำมันได้ในทันทีว่าเป็นไอ้ลูกอมก็เพราะหมวกกันน็อคลายไฟของพี่ตู้นี่แหละ   ถ้าไปอยู่อีกสี่แยกนึงกูก็ยังเห็นอ่ะ แม่งเด่นฉิบหาย  ส่วนไอ้ลูกอมมึงก็กล้าใส่!

แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น ไอ้ลูกอมมันยิ้มครับดูมีความสุข แถมยังกอดเอวไอ้หน้าแบดบอยซะแน่น!
แล้วความหงุดหงิดก็ปะทุขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก..แต่ก็ช่างแม่งใครจะสนในเมื่อมันจะไปกินนม ผมก็จะไปกินนมเหมือนกัน นมสดๆจากเต้า ฮ่า






เคาะประตูห้องไม่นาน พี่สาวคัพอีก็เปิดประตูให้อย่างเชื้อเชิญด้วยชุดซีทรูสีดำสุดบางเบา


“วันนี้พี่ไม่ยอมให้เบี้ยวแล้วนะ” จบคำเอ่ยกระซิบที่ข้างหูจากนั้นพี่แกก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงจัดการกินผมก่อนด้วยความหิวกระหายและช่ำชอง    แม่งเซ็กซี่ได้ใจเป็นบ้า

ผมก็ตอบโต้ด้วยความหิวกระหายเช่นกัน  กำลังนัวเนียกันได้ที่  แต่แล้วภาพรอยยิ้มของไอ้ลูกอมที่นั่งกอดเอวซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์กับไอ้หน้าแบดบอยก็ผุดเข้ามาในหัว..หมดกันหรรมกูไม่แข็งครับ!



“ขอโทษครับสงสัยช่วงนี้นอนน้อย”


“ไม่เป็นไรจ๊ะ” ปากพี่มึงบอกไม่เป็นไรแต่หน้าแม่งเซ็งเป็ดสุดขีด   ไอ้สัดกูก็เซ็ง แม่งกูเป็นห่าไรวะ??


เดินหรรมหดออกจากห้องพี่จ๋าสติตอนนี้บอกผมว่า  มึงต้องไปที่ร้านนม
 
แม่งขอไปดูหน้าไอ้คนที่มันทำให้ผมหรรมหดสักหน่อยว่าตอนนี้มันกำลังทำหน้าตาแบบไหนกัน
 
..หึ แป้นแล้นมีความสุขเชียวนะมึง





ผมนั่งหลบมุมอยู่ในร้านนมที่คลาคล่ำไปด้วยนักศึกษา สั่งนมเย็นมาย้อมใจที่ไม่ได้ดูดนมจากเต้าเพราะหรรมไม่แข็งพร้อมกับเฝ้าสังเกตการณ์ไอ้ลูกอมอย่างเงียบๆ  ซึ่งก็ไม่รู้ว่าผมทำไปทำไม?

ไอ้ลูกอมมันไม่ได้มากับไอ้หน้าแบดบอยแค่สองคนแต่ยังมีผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกับผู้ชายที่หน้าเนิร์ดพอๆกับมันอีกสองคน จากนั้นไม่นานก็มีผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่ดูแล้วแม่งเท่ฉิบหาย เดินถือเค้กที่ปักเทียนเป็นตัวเลขบงบอกอายุเจ้าของวันเกิดได้อย่างชัดเจนมาวางไว้ตรงหน้าไอ้หน้าแบดบอย ซึ่งก็คงจะเป็นรูมเมทของไอ้ลูกอมมันจริงๆเพราะมันบอกผมว่า มาเลี้ยงวันเกิดของรูมเมท


หลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่วโมงก็มีการเคลื่อนไหว ทุกคนพากันแยกย้ายกันกลับ ซึ่งไอ้ลูกอมก็กลับกับรูมเมทของมันตามเดิม และในจังหวะที่กำลังข้ามถนนไอ้หน้าแบดบอยก็จูงมือไอ้ลูกอมข้ามถนนไปด้วยกัน..


..ไม่ใช่ผมแค่คนเดียวสินะที่สามารถมีสิทธิ์ห่วงและดูแลมันได้


   วินาทีนั้นผมรู้ซึ้งในทันทีว่าผมโคตรห่วงและหวง ไม่ใช่ในฐานะลุงรหัส แต่ในฐานะผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง

ไอ้ดินพูดถูกผมให้คำว่าหลานรหัสมาเป็นข้ออ้างในการหลอกตัวเองที่จะได้ใกล้ชิดกับหลานรหัสตัวเองมาตลอด

ผมไม่รู้ว่าผมเริ่มชอบมันตั้งแต่ตอนไหน หรืออาจจะตั้งแต่ตอนที่ผมจูบกับมันแล้วก็ได้..

มันคงถึงเวลาแล้วที่ผมจะเปิดใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหัวใจตอนนี้สักที..ไอ้ลูกอมกูชอบมึง และมึงต้องรู้!








   โรงอาหารใต้หอหกชายถ้าวันไหนผมเลิกเรียนช้าเราก็จะฝากท้องไว้ที่นี่


“โทษทีวันนี้แลปเลิกช้าตามเคย  หิวมากมั้ยวะ”


“ไม่เป็นไรครับ ผมทานเค้กรองท้องไว้แล้วนิดหน่อย”


“หืมม มึงออกไปซื้อเค้กมาเหรอวะ”


“ป่าวครับ ไปป์ชื้อมาฝาก”


“ไปป์?”


“รูมเมทผมเองครับ” ไอ้หน้าแบดบอย? ชักจะดูแลดีเกินหน้าที่ของรูมเมทละนะ


“เมื่อวานเป็นไง สนุกมั้ย”


“สนุกดีครับ เค้กวันเกิดอร่อยมาก” หึ กูเห็น ตอนมึงตักเค้กเข้าปากอมยิ้มไม่หยุด


“โอบ” อ่า แล้วไอ้หน้าแบดบอยหรือไอ้ไปป์ ก็เดินเข้ามาหาด้วยใบหน้าที่มันคงคิดว่าเท่  สัด เท่ตายล่ะ


“ว่าไงไปป์”


“วันนี้ไปป์กลับบ้านกับปิ๊งนะ นอนคนเดียวก็ล็อคห้องให้ดีด้วยล่ะ  อ่ะแล้วก็นี่ไปป์เห็นมันเหลือกระป๋องเดียวเมื่อกี้ไปเซเว่นมาเลยซื้อมาเผื่อ” นมตราหมีที่หุ้มด้วยกระดาษสีเหลืองหนึ่งแพ็คถูกวางลงบนโต๊ะ นมที่ไอ้ลูกอมมันต้องแดกก่อนนอนทุกคืน


“ขอบคุณมากน้า เดี๋ยวโอบคืนเงินให้นะ”


“ไม่เป็นไรๆ ถือว่าเป็นค่าที่ช่วยติวอิ้งให้ไปป์ละกัน เรากลับบ้านก่อนนะพรุ่งนี้เจอกัน”


“โอเค ขับรถดีๆนะไปป์”


“ครับผม”


“รูมเมทมึงเหรอ สนิทกันดีนะ” หน้าแม่งก็แบดบอยแต่เรียกแทนกันด้วยชื่อเนี่ยนะ หน้าหมั่นไส้ชะมัด!


“ครับ ไปป์นิสัยดี”


“มันกำลังจีบมึงอยู่รึป่าว”


“จีบ?”


“ก็มันทำดีกับมึง มันต้องหวังผลอะไรแน่ๆ”


“แต่ไปป์มีแฟนแล้วนะครับ คนนั้นไงปิ๊งแฟนไปป์” แล้วมันก็ชี้ไปที่ผู้หญิงคนนึงที่นั่งอยู่ใต้หอ..ผู้หญิงที่ถือเค้กเมื่อวาน

       
“...” อ่า หน้าแหกเลยกู แต่ก็โล่งใจที่ไร้คู่แข่ง


“ที่ไปป์ดีกับผมเขาบอกว่าผมเหมือนน้องชายของเขา  แล้วที่พี่ดูแลผมล่ะครับ แสดงว่าพี่หวังผลด้วยเหรอ?”  ใช่กูหวัง


“ก็มึงหลานรหัสกู ผิดตรงไหนที่กูจะดูแล”


“แล้วถ้าผมไม่ใช่หลานรหัสล่ะครับ พี่กู๊ดจะดูแลผมมั้ย”


“ดูแลสิ” ผมตอบด้วยความมั่นใจ


“ในฐานะอะไรครับ  รุ่นน้องในคณะ?”


“ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง”


“...”


“ฟังนะไอ้ลูกอม กู ชอบ มึง” สารภาพต่อหน้าข้าวมันไก่ย่าง  โรแมนติกสุดๆ! แต่เอาเหอะจังหวะมันได้แล้วนี่หว่า


“พี่กู๊ด” เสียงที่เปล่งออกมานั้นช่างเบาหวิวพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง


“กูชอบมึงในฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่อยากจะดูแลผู้ชายตัวเล็กๆอย่างมึง หลายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวกูมาก่อนมันทำให้กูสับสนนั้นก็เพราะมึง”


“...”


“มึงคือคนแรกที่กูสารภาพความในใจ และถ้ามึงใจตรงกับกูมึงก็จะเป็นแฟนคนแรกของกูเพราะที่ผ่านมากูไม่เคยคิดจะจริงจังกับใคร แต่กับมึงกูคิดที่จะจริงจังจริงๆ”


“...”


“ว่าไง สนใจอยากจะเป็นคนแรกของกูมั้ย แถมมีลูกอมให้แดกฟรีตลอดชีวิตด้วย” เป็นไงข้อเสนอแม่งโคตรเร้าใจ


“ฮ่าๆ” สัด ขำ?


“...”


“ไม่เอาลูกอมฮอลล์นะครับ”


“พูดแบบนี้หมายความว่ามึง..”


“นอกจากคนในครอบครัว พี่คือคนแรกที่ห่วงใยผม

พี่คือคนแรกที่บ่นผมเรื่องที่ผมชอบทานขนมหวานแต่สุดท้ายพี่ก็พาผมไปซื้อและก็ยังซื้อมาให้ผมอยู่ดี

พี่คือคนแรกที่บังคับผมทานข้าวเย็นได้สำเร็จ

และผมก็มีความสุขที่ได้นั่งทานข้าวกับพี่ทุกเย็น

แบบนี้เขาเรียกว่าใจตรงกันรึป่าวครับ”

ไอ้ลูกผมก้มหน้าพูดไม่กล้าเงยหน้ามาสบตาผมและประโยคสุดท้ายมันก็เคยหน้าขึ้นมาสบตาผมและยิ้มให้ผมอย่างจริงใจ ..มันเป็นรอยยิ้มที่ผมชอบเป็นรอยยิ้มที่คอยเฝ้ามอง..หรือมันก็คือรอยยิ้มที่ผมตามหามาตลอด..






     ความรักคืออะไร สำหรับผมแล้วก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน น่าแปลกนะครับไอ้ลูกอมมันคือสิ่งตรงข้ามที่ผมปฏิเสธมาตลอด ไม่รู้เหมือนว่าทำไมสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ผมชอบถึงเข้ามาอยู่ในหัวใจผมได้

ความรักเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ เพราะคนที่ไม่เคยคิดจะมีความรักและไม่คิดจะจริงจังกับใครกลับมีความคิดอยากจะดูแลใครสักคนและมีคนให้คอยห่วงใย  คิดอยากจะหยุดความเหลวไหลของตัวเอง   คิดอยากจะจริงจังกับความรักกับใครสักคนขึ้นมา และคนๆนั้นก็คือคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า..โอบบุญ


หรือแท้จริงแล้วความรักก็คือใครสักคนที่เข้ามาในชีวิตเราและหัวใจของเราจะเป็นตัวบอกเองว่าคนๆนั้นคือ ความรักของเรา  และหัวใจของผมก็บอกว่า โอบบุญคือความรักของผม..และเป็นลูกอมของหมี







  TBC.

..........................................................................

บทนี้เป็นโซโล่เดี่ยวของหมี สุดท้ายหมีก็กลืนน้ำลายตัวเอง  ฮ่า
บทหน้าจะเป็นบทสุดท้ายของ Love me Love my cat แล้วนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านกันค่ะ^^

หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่21 ลูกอมของหมี [18-10-18] *P.5
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 18-10-2018 22:05:44
 :give2:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่21 ลูกอมของหมี [18-10-18] *P.5
เริ่มหัวข้อโดย: fairy ที่ 19-10-2018 12:09:00
 :katai3:
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่21 ลูกอมของหมี [18-10-18] *P.5
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 20-10-2018 13:26:28


  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:




หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่22 ที่ใดในโลก(ตอนจบ) [23-12-19] *P.5
เริ่มหัวข้อโดย: MA_LEE ที่ 23-12-2019 21:54:13

บทที่ 22 ที่ใดในโลก (ตอนจบ)


       วันนี้เป็นวันที่ผมตื่นเต้นสุดๆ ตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนลุ้นผลสอบเข้ามหา’ลัยซะอีก..มันเกิดอะไรขึ้นน่ะเหรอครับ ก็วันนี้ครอบครัวของไอ้ดินมาเยี่ยมครอบครัวของผมถึงที่เชียงใหม่


ณ บ้านใหญ่

“อาหารที่แม่หนูพู่ทำอร่อยมากๆค่ะ ถ้าไม่รบกวนแม่อยากจะขอสูตรไปทำกินเองที่โคราชบ้าง”


“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวเราแอดไลน์กันแล้วแม่หนูดินอยากได้เมนูไหนถามมาได้ตลอดเวลาเลยค่ะ แม่ว่างคุยทั้งวัน”  เอิ่ม..แม่หนูพู่และแม่หนูดินต่างพูดคุยถูกคอประหนึ่งเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาแต่ชาติปางก่อน


..ส่วนพ่อนั้น


“พ่อหนูดินอยากได้ภาพวาดหรืองานปั้นชิ้นไหนเลือกกลับไปได้เลยนะครับ”  พ่อก็เอากับเขาด้วยเว้ย เขินปากกันบ้างมั้ยเนี่ยคุณพ่อคุณแม่..หนูเขินเว้ยยยยย


“เกรงใจครับ พ่ออุดหนุนดีกว่า”


“ไม่เป็นไรครับ ถือว่าเป็นของขวัญที่ครอบครัวของเราพบกัน พ่อหนูดินเลือกงานที่ชอบได้เลยครับไม่ต้องเกรงใจ”


“ขอบคุณครับ งั้นพ่อขอภาพทิวสนที่หนูน้ำวาดนะครับ” หนูน้ำ! เอิ่ม..คุณพ่อครับช่วยดูเหง้าหน้าหนูน้ำด้วยครับผมยาวเคราดกซะขนาดนี้ ไอ้นี่มันแพะภูเขาชัดๆ


“ยินดีครับ ภาพนั้นมันรอเจ้าของของมันมานานแล้วครับ” ไอ้หนูน้ำตอบด้วยความเต็มใจพร้อมกับยัดกุ้งของโปรดเข้าปาก


“ไว้พ่อจะส่งองุ่นกับผักมาให้อีกหลายๆเข่งเลยนะครับ” เอ่อ เกรงว่าจะแดกไม่หมดครับ เท่านี้ก็เยอะมากพอแล้วไม่รู้ว่าจะกินทันกันหรือเปล่า ก็ไอ้ดินบอกที่บ้านมันว่าแม่ผมชอบทำกับข้าวส่วนพ่อก็ชอบปลูกต้นไม้ ของอภินันทนาการจากบ้านสวนรักษ์ดินจึงเป็นองุ่นและผักหลายเข่งให้แม่ผมไว้ทำอาหารพร้อมกับต้นไม้หลายสายพันธุ์ที่อัดแน่นมาเต็มรถตู้ให้พ่อผมได้ปลูก บ้านใหญ่ที่ใกล้จะเหมือนป่าเข้าไปทุกทีคราวนี้ได้เป็นป่าของจริงแน่ๆ


“เอ่อ..แม่มีอีกเรื่องหนึ่งอยากจะขอจากแม่และพ่อของหนูพู่ค่ะ คือว่าแม่อยากจะสู่ขอให้หนูไปเป็นสัตวแพทย์ประจำฟาร์มเมื่อหนูพู่เรียนจบ” สู่ขอ!


“เรื่องนี้แล้วแต่เจ้าตัวเลยค่ะ พ่อกับแม่ไม่ขัดถ้าเจ้าตัวเขาอยากไป” แม่หันไปสบตาพ่อก่อนจะหันมาสบตาผมพร้อมรอยยิ้ม


“หนูพู่ว่ายังไงจ๊ะ”


“เอ่อ..ผมยังเรียนไม่จบนะครับ”


“ถ้าอย่างนั้นถือว่าแม่จองไว้ก่อน เอาเป็นว่าหนูพู่เรียนจบเมื่อไหร่ค่อยให้คำตอบแม่เนาะ”


“ครับคุณแม่” แล้วผมจะตอบอะไรได้เล่า..โธ่
   
 
   มื้ออาหารดำเนินไปเรื่อยๆผู้ใหญ่พูดคุยกันถูกคอครื้นเครง ส่วนลูกๆก็กินไปยิ้มไปด้วยความเขินแปลกๆ
สู่ขอให้ไปเป็นสัตวแพทย์ประจำฟาร์มมันก็แค่ข้ออ้าง แต่ทุกคนรู้ความหมายที่ลึกซึ้งว่า ‘สู่ขอ’ ที่ว่าหมายถึงอะไร ส่วนไอ้ดินก็จับมือผมไว้ใต้โต๊ะไม่ยอมปล่อยพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่รู้ดีใจอะไรนักหนา


“ยิ้มอะไร” ผมกระซิบถามเบาๆ


“ดีใจ จะได้เมียเป็นตัวเป็นตน”


“เดี๊ยะ” เมียบ้าบออะไรกัน แล้วทำไมกูต้องหน้าร้อนด้วยล่ะเนี่ย


   การพบกันครั้งแรกของทั้งสองครอบครัวผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พ่อแม่ของไอ้ดินขอตัวกลับโรงแรมเพื่อเตรียมตัวขึ้นดอยในวันรุ่งขึ้น เป็นทริปครบรอบแต่งงานของเขาล่ะ ส่วนผมและไอ้ดินก็ขอตัวกลับบ้านเล็กทาสอย่างพวกเราไปไหนนานๆไม่ได้ต้องกลับไปเสิร์ฟข้าวเสิร์ฟน้ำให้เจ้านายทั้งสามตัวที่บ้าน






     



     ร้านโต๊ะกลมในวันหวยออกเนืองแน่นไปด้วยผู้คนไม่ใช่ถูกหวยหรือถูกหวยแดกแต่อย่างใดแต่เพราะเจ้าของร้านแม่งอินดี้มีดนตรีสดให้ฟังแค่เดือนละสองครั้งนั้นคือวันหวยออก ตอนนี้ที่ร้านจึงเต็มไปด้วยแฟนคลับเด็กแนวของวง'จิปาถะ'    

วันนี้พวกเราอยู่กันครบองค์ประชุมทั้งแก๊งเชียงใหม่และแก๊งโคราช ที่หน้าสลอนกันครบก็เพราะไอ้หมีย้ำแล้วย้ำอีกว่าต้องมากันให้ครบเพราะมันจะเปิดตัวแฟนคนแรกของมันอย่างเป็นทางการ..แต่ก็นะพวกผมก็รู้อยู่แล้วแหละว่าแฟนของมันคือใคร..ก็เล่นตัวติดกับหลานรหัสของมันยิ่งกว่าเห็บหมาใครไม่รู้ก็ง่าวแล้ว


“ไหนวะแฟนมึง” ไอ้สมใจกวนตีนถามทันทีเมื่อไอ้หมีเดินจูงมือมากับเด็กลูกอมที่พยายามแงะมือไอ้หมีออกด้วยความเขิน


“เออ มึงบอกว่าพวกกูเคยเจอ พี่จ๋าเหรอวะแต่ทำไมกูเห็นมึงอยู่กับเด็กแว่นนี่บ่อยจังวะ แล้วไปจับมือน้องมันทำไมหลานรหัสนะไม่ใช่ลูก” ไอ้นพร่ายยาวเป็นชุด


“สัด นี่แหละเมียกู”


“จริง!” ตกใจแบบตอแหลได้พร้อมเพรียงกันมาก


“สาบานว่าพวกมึงไม่รู้” ไอ้หมีกรอกตาพร้อมกับชูมือที่จับมือกับเด็กลูกอมขึ้นมาโชว์


“ก็มึงชอบนมบึ้มๆไม่ใช่เหรอวะ เด็กแว่นแม่งมีนมซะที่ไหน” ไอ้นพยังไม่หยุดกวนประสาท


“ก็ชอบ แต่นมแบนๆก็เร้าใจไปอีกแบบ”


“พี่กู๊ด!” เด็กลูกอมหน้าแดงแปร๊ด


“เอ้าก็จริง ไม่เชื่อถามไอ้ดิน” ไอ้ดินที่นั่งนิ่งเสือกบ้าจี้ตาม พยักหน้ารับซะงั้นพร้อมกับส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้ผม


“ก็นะ แต่มึงไม่ชอบแนวน่ารักนี่หว่า” ผมอดที่จะแซะบ้างไม่ได้


“อย่าชมว่าน่ารัก”


“ก็เห็นๆอยู่ว่าน้องมันน่ารักอ่ะ”


“สัด กูชมได้คนเดียว!”


“หวงเก่ง อาการหนักนะมึง”


“พอๆ เซ้าซี้สัด นี่แหละแฟนกูโอบบุญจบนะ”


“จบจ้า”


     ความรักเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ สรุปแล้วแฟนคนแรกของไอ้หมีผู้ไม่เคยคิดจะจริงจังกับใครกลับกลายเป็นผู้ชายตัวเล็กๆที่ตรงข้ามกับสเปคที่มันชอบโดยสิ้นเชิง รุ่นพี่สาวคัพอีสุดเซ็กซี่กลับกลายเป็นเด็กหนุ่มรุ่นน้องสุดเนิร์ด ไม่มีหน้าอกตู้มๆอย่างที่มันชอบมีแต่ความน่ารักที่ไอ้หมีไม่เคยจะหวั่นไหว แต่ครั้งนี้มันดันตกหลุมที่มันไม่ชอบเข้าอย่างจังจนโงหัวไม่ขึ้นยอมเป็นทาสเด็กน้อยผู้คลั่งน้ำตาลคนนี้โดยสดุดี


“ว่าแต่มึงเหอะพ่อแม่ผัวมาเยี่ยมหนิ เป็นไงบ้างวะ” ไอ้หมีจบประเด็นของมันแล้วพุ่งมาที่ประเด็นของผมบ้าง แต่ให้ตายไม่ชินกับคำว่าผัวทุกทีสิน่า


“ก็ดี ผู้ใหญ่เขาก็เข้ากันได้ดี”


“แว่วๆมาว่ามาสู่ขอ” ผมรีบหันมองหน้าไอ้ดินทันที แว่วจากมึงสินะ


“ขอให้ไปทำงานด้วยต่างหากล่ะ สู่ขออะไรเล่า” ใครจะตอบตรงๆได้วะ แม่งเขินว่ะ


“หราาา”


“แบบนี้มึงก็ต้องย้ายไปโคราชอ่ะดิ  แล้วมึงจะไปป่ะ” ไอ้ปูนถามด้วยรอยยิ้มเขิน จะเขินแทนกูทำไมเนี่ย


“ก็ไปสิ งานมารอทั้งที”


“หรา กูนึกว่าอยากอยู่กับผัว” ไอ้หมีสวนกลับทันที


“ก็อยากสิ ก็เหมือนมึงอยากอยู่กับเมียมึงนั่นแหละ” แน่นอนว่าผมต้องอยากอยู่กับไอ้ดินอยู่แล้วและผมเชื่อเลยว่าถ้าไอ้หมีเรียบจบมันยังอยู่เชียงใหม่ต่อแน่ๆ  ส่วนคนที่ผมต้องย้ายไปอยู่ด้วยในอนาคตยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งไปแล้วจ้า


มันไม่เกี่ยวหรอกว่าผมต้องย้ายไปโคราชหรือไอ้ดินต้องย้ายมาเชียงใหม่ มันขึ้นอยู่กับจังหวะและเวลาต่างหาก ในเมื่อมีงานรอผมอยู่ที่นั่นรวมทั้งคนที่ผมรักและพ่อแม่ของผมก็ไม่ขัดข้อง ไม่ต้องเสียเวลาคิดคำตอบมันชัดเจนอยู่แล้ว..ว่าผมตกลง



“นี่กูอยู่ร้านเหล้าหรือร้านเค้กวะ”ไอ้สมปองพูดขึ้นเมื่อไอ้ปูนและเด็กลูกอมช่วยกันหยิบเค้กออกจากถุงมาเรียงบนโต๊ะ แล้วนั่งจ้องกันตาแป๋วว่าจะกินชิ้นไหนก่อนดี สมแล้วที่เป็นพี่น้องนอกไส้ผู้คลั่งน้ำตาล


“เอาน่า เด็กมันชอบ” ไอ้หมีรีบออกตัวแทนแฟนทันที ทุกคนได้แต่มองหน้ากันตาเหลือก หมีเปลี๊ยนไป๋!  เท่านั้นไม่พอมันยังทำให้พวกผมอึ้งอีกหน


“หนูดื่มอะไรดีครับ” พรวด!


“ไอ้ห่า พวกมึงเล่นสงกรานกันหรือไง”


“มึงสิ หนูเหี้ยไร” ผมสวนกลับทันทีด้วยสีหน้าอึ้งแดก


“อะไร ทีไอ้ดินยังเรียกมึงว่าดอกไม้เลย เข้ากับเหง้าหน้ามึงมะ”


“ออกจะสวย” คนที่นั่งเงียบสวนขึ้นทันควัน  เอ่อ..มึงไม่ต้องพูดก็ได้ไอ้ดิน กูก็เขินเป็นมะ


“ของมึงอีกพี่น้ำยังเรียกมึงว่าไอติมวนิลาห่าไรไม่รู้” ไอ้ปูนที่นั่งจ้วงเค้กเข้าไปถึงกับสำลัก


“แค่กๆ  พี่น้ำอยากกินไอติมวนิลาเหอะ”


“ใช่ครับ ตอนนี้พี่ก็อยากกิน” ไอ้พี่น้ำเดินมาที่โต๊ะพอดีพูดด้วยแววตากรุ้มกริ่ม


“นี่ครับ ไอ้ปูนตักเค้กให้คำโต”


“ไม่ใช่เค้ก  ไอติมวนิลาต่างหากครับถ้าได้กินจะเป็นกำลังใจที่ดีมากก่อนร้องเพลง”


“ตอนนี้ได้ที่ไหนเล่า!” ไอ้ปูนแหวขึ้นพร้อมกับอาการหูแดง พร้อมกับยัดเค้กเข้าปากไอ้พี่น้ำก่อนจะอ้อมแอ้มตอบเสียงเบา “กลับบ้านแล้วค่อยว่ากันนะครับ”


“น่ารักที่สุด” ไอ้พี่น้ำใช้นิ้วปาดครีมที่เลอะมุมปากของไอ้ปูนก่อนจะดูดนิ้วตัวเอง “ทดแทนด้วยเค้กส้มไปก่อนเนอะ” คนที่นั่งแดกเค้กถึงกับต้องวางช้อนแล้วหยิบเค้กทั้งชิ้นยัดเข้าปากตัวเองแก้เขิน



..เออเนาะ ความรักทำให้คนเป็นบ้า แต่เราก็ยอมบ้า..เพื่อที่จะได้รัก









   วันเสาร์เป็นวันที่ผมทำตัวขี้เกียจได้มากที่สุด สิบโมงแล้วผมยังนอนขดอยู่บนที่นอนเปิดแอร์เย็นฉ่ำซุกตัวในผ้าห่มอุ่นๆพร้อมกับเจ้าเหมียวทั้งสามตัวที่นอนหงายพุงอยู่บนเตียง


“หิวยังดอกไม้” ไอ้ดินที่สวมผ้ากันเปื้อนเปิดประตูเข้ามาถามด้วยสีหน้าอ่อนโยน อืม..ชอบจัง


“ยางงงง  ว่าแต่มีไรกินอ่ะ”


“ข้าวผัดไข่  นี่ก็สายแล้วนะกินข้าวก่อนมั้ยแล้วค่อยมานอนต่อ”


“ขอนอนต่ออีกแปปนึงนะ”


“เดี๋ยวกระเพาะก็ถามหาหรอก งั้นกินกูรองท้องก่อนมั้ย” สายตาแม่งโคตรเจ้าเล่ห์


“มะเหงกสิ”


“เดี๋ยวคืนนี้ก็ได้กิน ไม่รอดแน่ดอกไม้”


“ลุกแล้วๆ กินก็ได้” ไอ้บ้า รู้หรอกน่าวันนี้วันเสาร์ เป็นวันที่..โชะกันได้


“กินกู?”


“ข้าวผัดไข่! รีบไปอุ่นมาให้กินเลย” 


“รับทราบครับ”



     ไอ้ดินที่สวมผ้ากันเปื้อนเป็นอะไรที่คุ้นตาสำหรับผม ถ้าวันหนึ่งมันไม่ทำกับข้าวให้ผมกินแล้วจะเป็นยังไงน้า ไม่อยากนึกเลย  ผมเดินไปกอดมันจากด้านหลังด้วยความรู้สึกวูบโหวงในใจ


“เป็นอะไร ฮึ” ไอ้ดินที่ยืนรอข้าวผัดที่อุ่นในไมโครเวฟสะดุ้งน้อยๆก่อนหันมาถาม


“เสร็จยัง หิวแล้ว”


“ใกล้แล้ว ไหนเมื่อกี้บอกไม่หิวไง มาอ้อนแบบนี้อยากได้อะไรเพิ่ม?”


“อยากได้มึง” ผมตอบเสียงอู้อี้ตรงแผ่นหลังของไอ้ดิน


“หืม” ไอ้ดินพลิกตัวแล้วอุ้มผมนั่งลงบนเค้าน์เตอร์ครัวโดยท้าวแขนคร่อมผมไว้แล้วมองหน้าผมด้วยความสงสัยปนอึ้ง


“อะไรเล่า” จ้องแบบนี้กูก็เขินดิ


“ดอกไม้นั่นแหละอะไรเล่า พูดจาแปลกๆ มีอะไรจะพูดรึเปล่า” รู้ทันอยู่เรื่อยสิน่า


“มึง..จะอยู่ทำกับข้าวให้กูตลอดป่ะ”


“แน่นอนสิ” มันตอบพร้อมกับลูบแก้มผมเบาๆ


“ถ้าเรียนจบแล้วมึงก็ต้องกลับโคราช..” มันต้องเรียนจบก่อนผมตั้งสองปี


“อื่อ ก็กลับพร้อมกันไง แม่สู่ขอแล้ว”


“เดี๋ยวกูยังไม่ได้ตกลง อีกอย่างจะกลับพร้อมกันได้ไงในเมื่อมึงเรียนจบก่อนกู”


“ก็จบพร้อมกัน”


“เดี๋ยวกูงง มึงจะดรอปเรียน?”


“เรียนต่อสิ”


“แน่ใจว่าจะจบสองปี”


“กูเก่ง” เชื่อว่าแม่งเก่งจริง


“ถึงเกินสองปีกูก็รอกลับพร้อมมึงอยู่ดี”


“สรุปว่าตกลงแล้วว่าจะไปโคราชด้วยกัน?” ก็รู้คำตอบอยู่แล้วนี่


“..ก็แม่ขอ”


“รักนะดอกไม้”


“อื่อ รักมึงเหมือนกัน”

   ติ้ง เสียงไมโครเวฟดังขึ้นแต่ก็ไม่สามารถผละริมฝีปากที่แนบชิดอ่อนโยนของเราออกจากกันได้
ข้าวผัดไข่น่ะอร่อยนะ แต่ปากไอ้ดินอร่อยกว่า


..บ้าบอความรัก





   การตัดเล็บให้แมวเป็นสถานการณ์ที่วุ่นวายไม่น้อยเมื่อเจ้าเหมียวไม่ยอมให้ความร่วมมือ

“เด็กดี ใกล้เสร็จแล้วครับ  โอ๋ๆ ไม่เจ็บๆ เสร็จแล้วเดี๋ยวให้กินขนมนะ” ไอ้ดินที่จับเจ้าเหมียวชบานอนหงายท้องอยู่บนตัก พูดปลอบประโลมต่างๆนาๆให้เจ้าเหมียวสมยอม ผมมองคนตัวโตผิวแทนที่ปกติชอบทำหน้านิ่งแต่เวลาอยู่กับเจ้าเหมียวหน้าตาก็จะดูอ่อนโยนราวกับคนละคน ซึ่งผมชอบนะผมว่ามันน่ามอง




ยังคงเฝ้าตามหาหนึ่งคนที่ฟ้าสร้างมาเพื่อกัน

คนที่จะบอกกับฉัน  ว่ารักแท้ยังเป็นเรื่องจริง

ขอแค่รู้ตอนนี้เธออยู่ไหน ฉันจะไปบอกรักให้ฟังใกล้ๆ

If you wanna hear that I love you รักษาเธอไว้ให้ดี

คนที่ฉันบอกรักคนสุดท้าย อยู่ไหนบนโลกใบนี้

แค่เพียงได้พบสักที Oh baby ฉันยอมไม่รักใครอีกแล้ว   


เพลงที่เปิดคลอเบาๆในแล็ปท็อปตามเพลย์ลิสต์ที่ตั้งไว้บรรจบมาที่เพลงนี้พอดี นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้ฟังเพลงนี้ พอได้ฟังอีกครั้งความรู้สึกที่มีต่อเพลงนี้ก็เปลี่ยนไป..ใช่แล้วครับเพราะผมตามหาคนๆนั้นเจอแล้ว คนที่กำลังนั่งอยู่ในวงล้อมของเจ้าเหมียวทั้งสามตัวที่กำลังรอกินขนมอย่างใจจดใจจ่อสำหรับรางวัลที่ยอมตัดเล็บ

‘ไอ้ดิน’ คือคนนั้น คนที่ผมเฝ้าตามหา มันเกินความคาดหมายตรงที่มันเป็นผู้ชายเหมือนกับผมแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะเราใจตรงกัน สุดท้ายมันก็คือความรัก 
มันดีแค่ไหนที่เรามีคนคอยบอกรัก แคร์เรา ใส่ใจเรา และพร้อมจับมือเราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในอนาคตไม่มีใครคาดเดาได้แต่ผมมั่นใจว่าเราจะจับมือกันไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขแค่นี้มันก็เพียงพอแล้วสำหรับความรักที่ผมตามหา


...และที่ใดในโลกของผมคือไอ้ดิน






.......... The end ..........



 
....................................................

กว่าจะมาต่อตอนจบได้ปาไปเป็นปี ในที่สุดก็จบสักที

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะคะ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เขียนมีข้อผิดพลาดมากมายต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

..ขอบคุณอีกครั้งจากใจจริงค่ะ



ปล. ขอบคุณเพลงที่ใดในโลกอีกครั้งที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขียนนิยายเรื่องนี้ค่ะ

https://www.youtube.com/watch?v=gBxB2y9J1ng (https://www.youtube.com/watch?v=gBxB2y9J1ng)
 
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่22 ที่ใดในโลก (ตอนจบ) [23-12-19] *P.5
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 23-01-2020 16:19:10
หวานซึ้งไปอี๊กก อ่านรวดเดียว ฟิลกู๊ด หวานๆ ขำๆกับพวกพ้องเพื่อน และความน่ารักของพวกเจ้าแมวเหมียว จำปี จำปา
ชบา อยากเลี้ยงตามเลย 55555 สนุกกมากกกเลยค่ะ ชอบ ขอบคุณนะคะที่แต่งและมาลงในนี้ให้ได้อ่านกัน รอตามงานต่อไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่22 ที่ใดในโลก (ตอนจบ) [23-12-19] *P.5
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 13:33:08
 :pig4: