พิมพ์หน้านี้ - [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: G-bazo ที่ 26-05-2015 20:29:33

หัวข้อ: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 26-05-2015 20:29:33
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.เรื่องสั้นให้จั่วคนว่าเรื่องสั้นด้วยนะครับ และนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สารบัญ


ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3073125#msg3073125)ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3075700#msg3075700)ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3078329#msg3078329)ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3082470#msg3082470)ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3088727#msg3088727)ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3093849#msg3093849)ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3096233#msg3096233)ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3104974#msg3104974)ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3106847#msg3106847)ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3111310#msg3111310)ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3119158#msg3119158)ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3125039#msg3125039)ตอนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3132124#msg3132124)ตอนที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3134252#msg3134252)ตอนที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3142905#msg3142905)ตอนที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3151571#msg3151571)ตอนที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3158866#msg3158866)ตอนที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3163665#msg3163665)ตอนที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3167489#msg3167489)ตอนที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3169525#msg3169525)ตอนที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3171778#msg3171778)ตอนที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3175746#msg3175746)ตอนที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3180425#msg3180425)ตอนที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3208239#msg3208239)ตอนที่ 25 {end.}
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3225336#msg3225336)ตอนพิเศษ


 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47052.msg3347344#msg3347344)
[ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ]
                                                                                           
G-bazo

นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
ไม่มีเจตนาอื่นใดนอกเหนือจากนี้ ในขณที่กำลังอ่านโปรดใช้วิจารณญาณด้วยนะคะ :)
                                                           

เพจของเราค่ะ GgbazoStory (https://www.facebook.com/pages/Ggbazostory/1657458241137032)


Let's Enjoy


-บทนำ-


                 ภายในห้องประชุมของโรงพยาบาลใหญ่และมีชื่อเสียงอันดับต้นๆของประเทศ เหล่าแพทย์ในแขนงอื่นๆที่บางท่านเป็นถึงอาจารย์ พร้อมใจกันเข้าประชุมตามคำเชิญของผู้อำนวยการโรงพยาบาลดีกรีดอกเตอร์จากต่างประเทศ รวมทั้งประธานคณะบริหารโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วย


“ถ้าพร้อมกันแล้วดิฉันเริ่มเลยนะคะ” น้ำเสียงที่ราบเรียบของหญิงวัยกลางคนฟังดูแล้วมีอำนาจจนน่าขนลุก หากแต่ทุกคนก็เข้าใจดีว่าเธอเป็นคนจริงจังกับงานไม่ได้เลวร้ายอะไร


“เอ่อ หมอซันยังไม่มาครับ” นายแพทย์คนหนึ่งในห้องประชุมพูดขึ้น หลังจากที่เห็นว่าคนที่เขาพูดถึงยังมาไม่ถึงห้องประชุมเสียที ผู้อำนวยการสาวปรายสายตามองคนพูด ก่อนจะกดรีโมทเปิดจอภาพขนาดใหญ่ทันที


“มาช้าก็ไม่จำเป็นต้องรอ ที่ดิฉัน ...”


“ขอโทษครับที่มาช้า” ประตูห้องประชุมเปิดออกพร้อมกับเสียงทุ้มของผู้มาใหม่เรียกให้ทุกคนในห้องประชุมหันไปมองนายแพทย์หนุ่มเป็นสายตาเดียว เขายกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะก้มหัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทายและขอโทษในคราวเดียวกัน


“ผม ศ.นพ.ภูตะวัน วิวรรธน์ภคไพบูลย์ รายงานตัวครับ” เขากล่าวรายงานตัว ยกยิ้มมุมปากให้กับผู้อำนวยการตามนิสัยเจ้าตัว ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ว่างพร้อมรับฟังการประชุมในเช้าวันนี้


“ค่ะ ที่ดิฉันเชิญทุกคนมาเข้าประชุมในวันนี้ เพราะดิฉันอยากจะให้ทุกท่านได้แสดงความเห็นร่วมกันและศึกษาถึงปัญหาของผู้ป่วยรายนี้ค่ะ” ทุกคนมองไปที่จอโปรเทกเตอร์ด้านหน้าของห้องประชุมอย่างตั้งใจ เริ่มมีเสียงพูดคุยเกี่ยวกับเคสนี้ขึ้นมาบ้าง จนกระทั่งจอที่กำลังฉายนั้นหยุดลง


“ผู้ป่วยรายนี้เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบอย่างรุนแรงและมีอาการเจ็บหน้าอกที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา คุณหมอทุกท่านมีความเห็นกันอย่างไรคะ” เธอยืนกอดอกรอคำตอบ เพราะประสิทธิภาพของนายแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ถือว่าดี ซึ่งเธอเองก็คาดหวังเป็นธรรมดา


“ผมคิดว่าเราควรถ่างขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูนและใส่ขดลวดเพื่อช่วยลดโอกาสที่หลอดเลือดจะตีบใหม่” นายแพทย์มีอายุคนหนึ่งพูดขึ้นหลังจากใช้เวลาคิดครู่หนึ่ง


“ดิฉันเห็นด้วยกับคุณหมอชาญค่ะ การรักษาด้วยวิธีนี้จะเป็นการรุกล้ำร่างกายผู้ป่วยน้อยที่สุด” แพทย์หญิงเห็นด้วยกับวิธีการรักษาของนายแพทย์ใหญ่ ทำให้แพทย์อีกหลายท่านพยักหน้าเห็นด้วยกับการรักษาด้วยวิธีนี้ ต่างจากภูตะวันที่ได้แต่นั่งมองพวกแพทย์แสดงความเห็นกันด้วยท่าทางสบายๆ จนชายวัยกลางคนที่มีตำแหน่งเป็นถึงประธานบริหารโรงพยาบาลเห็นเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง


“หมอซันล่ะ ... คิดเห็นยังไงกับเคสนี้” คนถูกถามถอนหายใจก่อนจะลูบคางตัวเองไปมา


“ผมคิดว่าเราควรรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดบายพาส” พูดจบก็มีเสียงฮือฮาขึ้นมาทันที เนื่องด้วยวิธีการรักษานี้เป็นวิธีการรักษาที่ยากและเสี่ยงอันตรายมาก แต่เขากลับตอบด้วยท่าทางสบายๆไม่ได้มีความวิตกกังวลใดๆ


“เพราะอะไรเราถึงต้องรักษาด้วยวิธีนี้คะ?” ผอ.โรงพยาบาลถามต่อ


“การผ่าตัดบายพาสสามารถตัดต่อหลอดเลือดได้มากกว่าและได้ทีละหลายเส้นนี่ครับ ถึงอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ป่วยว่าอยากจะรักษาด้วยวิธีไหน”


“งั้นถ้าหากว่าผู้ป่วยมีความประสงค์ที่จะรักษาด้วยการผ่าตัดบายพาส ศัลยแพทย์ท่านอื่นก็ไม่ขัดข้องถ้าหมอซันจะเป็นคนผ่าตัดใช่มั้ยคะ?” เธอถามความเห็นของทีมศัลยแพทย์ในโรงพยาบาลส่วนหนึ่งที่เข้าร่วมประชุมและรอให้พวกเขาปรึกษากันเล็กน้อย


“หมอซันเองก็เป็นถึงศาสตราจารย์ อีกทั้งยังเป็นศัลยแพทย์เฉพาะทางหัวใจและหลอดเลือดที่เก่ง ทางเราก็ไม่มีอะไรจะขัดข้องและพร้อมให้ความช่วยเหลือเต็มที่ครับ” ภูตะวันเหลือบตามองคนพูดก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาไม่ค่อยชอบใจนักที่ถูกเยินยอ เพราะเขาเองยังไม่รู้สึกว่าตัวเองเก่งขนาดนั้นเสียด้วยซ้ำ

      
              จนเมื่อการประชุมจบลงตรงที่รอผู้ป่วยรายนี้ให้คำตอบว่าต้องการรักษาด้วยวิธีใด หากเป็นวิธีการผ่าตัดบายพาสก็จะเป็นภูตะวันที่เป็นศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัด ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ได้มีปัญหาที่ต้องกังวล เขาไม่ได้เชื่อว่าตัวเองเก่งหากแต่เขาเชื่อในความคิดของตนเองมาเสมอว่าเขาต้องทำได้ ..


“ซัน ... อยู่คุยกับอาก่อน” ในขณะที่ขายาวกำลังจะก้าวออกจากห้องประชุม กลับต้องชะงักเพราะเสียงเรียกของชายวัยกลางคนอายุราว 50 ปีที่มีศักดิ์เป็นอาแท้ๆของเขา


“ครับ?” หันมาตอบพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะยืนพิงประตูอย่างสบายๆพลางดูดกาแฟในแก้ว


“ทำไมมาสายล่ะเรา เมื่อคืนไปดื่มมาล่ะสิ” หมอซันหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ไม่ว่าเขาจะทำอะไรทั้งอาผู้ชายและอาผู้หญิงก็ดูจะเดาถูกไปเสียหมด


“นิดหน่อยครับ”


“โตจนจะแก่แล้วนะเราน่ะ สามสิบกว่าแล้ว อย่าทำให้อาเป็นห่วงกันนัก!” เสียงณิชชาอรหรืออาสะใภ้เพียงคนเดียวของเขาตำหนิขึ้นมาบ้าง ภูตะวันยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อยกับคำตำหนิที่ไม่จริงจังนัก


“ผมไปก่อนนะครับ มีนัดสัมภาษณ์ Resident” พูดจบก็หันหลังเดินออกมาจากห้องประชุม ทิ้งให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนได้แต่ส่ายหัวให้กับความดื้อรั้นของหลานตัวเอง
 


      หมอซันหรือ ศ.นพ.ภูตะวัน วิวรรธน์ภคไพบูลย์ เป็นทายาทเพียงคนเดียวของ ศ.ดร.นพ.ประวิตร – ศ.ดร.พญ.นวินดา วิวรรธน์ภคไพบูลย์ ครอบครัวที่ก่อตั้งโรงพยาบาลวิวรรธน์มาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า พ่อและแม่ของภูตะวันประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในขณะที่เขากำลังเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่สอง จากนั้นเขาก็ย้ายออกจากบ้านมาอยู่คอนโดแทนเพราะไม่อยากอยู่ในที่ที่มีแต่ความทรงจำของพ่อและแม่ แต่เขาก็ได้รับการเลี้ยงดูจากอาที่เป็นน้องชายแท้ๆของพ่อ คือ ดร.ประสิทธิ์ วิวรรธน์ภคไพบูลย์ ประธานคณะบริหารโรงพยาบาลวิวรรธน์ในปัจจุบัน รวมถึงอาสะใภ้ ผอ.ดร.ณิชชาอร วิวรรธน์ภคไพบูลย์ ที่คอยดูแลและให้ความรักกับเขามาโดยตลอด เพราะเขาทั้งคู่เองก็ไม่มีทายาทให้สืบสกุลต่อ ...





      ขาเรียวพาเจ้าของมาหยุดอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ดวงตากลมเหลือบมองป้ายชื่อโรงพยาบาลวิวรรธน์ด้วยสายตามุ่งมั่น เขากำแฟ้มในมือแน่นก่อนจะหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องบางต่อสายตรงไปหามารดาของตนทันที


“แม่ฮะ พายถึงโรงพยาบาลวิวรรธน์แล้วนะ”


***************


Talk : สวัสดีค่ะ เป็นครั้งแรกที่จีตั้งกระทู้ ยังไงขอฝากเนื้อฝากตัว
ฝากนิยายเรืองนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ :)

- แพทย์ Resident คือ แพทย์ประจำบ้าน เป็นแพทย์ที่เข้ามาศึกษาต่อเฉพาะทางในสาขาที่สนใจ
 หลังจากที่เรียนจบแพทย์และใช้ทุนรัฐจบถึงเรียกว่าแพทย์ประจำบ้านค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] #บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 27-05-2015 00:18:47
มาติดตามค่ะ เรื่องเกี่ยวกับหมอมันใกล้ตัวค่ะ  ขอแชร์ประสบการณ์นะคะ ศ.นพ.ที่สอนนัทสึนี่แก่เลยค่ะ อาจารย์ปู่สอนวิชานิติวิทยาศาสตร์ค่ะ ตั้งแต่เรียนมาจนถึงตอนนี้ที่กำลังเรียน Ph.D. เรียนกับศ. แค่ 4 คนเองค่ะ ส่วนใหญ่อาจารย์หนุ่มจะเป็นอาจารย์ หรือไม่ก็ผ.ศ. ค่ะ  เพราะประเทศไทยเรากำหนดเงื่อนไขเวลาในการทำตำแหน่งวิชาการค่ะ อ่านหมอซันแล้วจิ้นเป็นหมอหนุ่มไม่ออกเลยค่ะ 5555.
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 1 (27-05-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 27-05-2015 00:42:13
-1-


              ชายหนุ่มเดินเข้าไปในโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วยความประหม่าเล็กน้อย เขาอยู่ในชุดที่เป็นทางการ สายตากวาดมองไปรอบๆเพื่อจดจำรายละเอียดของที่นี่
   
               Rrrrrrrr Rrrrrrrr!! สมาร์ทโฟนในมือแผดเสียงดังจนเจ้าของต้องยกขึ้นมาดูว่าใครที่เป็นฝ่ายโทรฯเข้ามา นิ้วเรียวสไลด์รับสายทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นคนเขากำลังรอ


“ครับ”


(คุณหมอมาถึงหรือยังคะ ดิฉันรออยู่ตรงล็อบบี้) เสียงใสจากหญิงสาวเลขาผู้อำนวยการตอบกลับมา ชายหนุ่มก้าวเท้าเดินอีกครั้งพลางมองหาในส่วนที่เป็นล็อบบี้ของทางโรงพยาบาล


“ผมเห็นแล้วครับ” เขากดวางสายเมื่อเห็นคนที่พูดสายด้วยเมื่อครู่ เลขาสาวรีบเดินเข้ามาหาและยกมือไหว้สวัสดี จนเขาเองก็แทบจะรับไหว้ไม่ทันเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว


“สวัสดีค่ะคุณหมอ พร้อมใช่ไหมคะวันนี้?” เธอกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร หมอหนุ่มเห็นแล้วจึงคลายความประหม่าลงได้ไปบ้างและทำเพียงยิ้มตอบกลับไปเท่านั้น


“ถ้างั้นเดี๋ยวไปรอที่ห้องอาจารย์หมอกันดีกว่าค่ะ ท่านเพิ่งจะออกจากห้องประชุม ตอนนี้กำลังทานข้าว” หญิงสาวพูดให้เขาฟังในระหว่างที่กำลังพาเดินเข้าไปในตัวลิฟท์


      เธอพูดให้หมอหนุ่มฟังอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อยเกี่ยวกับโรงพยาบาลและอาจารย์หมอที่เขากำลังจะต้องไปเจอว่าเป็นคนยังไง จะว่าไปเขาเองก็ไม่รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับตัวอาจารย์หมอที่เขาต้องทำงานด้วยมากนัก รู้แค่ว่าเป็นใครหน้าตาเป็นอย่างไรก็เท่านั้น


“ถึงแล้วค่ะ คุณหมอตามสบายนะคะ อาจารย์หมอไม่น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ ดิฉันจะไปรายงานว่าคุณหมอมาถึงแล้วนะคะ” เธอบอกกับเขาก่อนจะปลีกตัวออกไป ทิ้งให้คุณหมอหน้าใหม่อยู่ภายในห้องทำงานใหญ่เพียงลำพัง

                เขานั่งลงที่โซฟารับแขกภายในห้องทำงาน พลางไล่สายตามองไปทั่วห้อง หลังโต๊ะทำงานเป็นตู้โชว์ขนาดใหญ่ที่มีโล่รางวัลมากมายที่เจ้าของห้องได้รับ อากาศภายในห้องเย็นจนเขาเผลอลูบแขนตัวเองไปมาเพื่อให้ความอบอุ่น ก่อนจะเอนหลังพิงกับพนักโซฟาพลางหลับตาลงหวังจะพักสายตาระหว่างรอ เพราะรู้สึกเพลียจากการพักผ่อนน้อยและเหนื่อยกับการเดินทาง ...


       ประตูห้องทำงานถูกเปิดออกพร้อมกับเจ้าของห้องที่เดินเข้ามา ชายหนุ่มร่างใหญ่เห็นคนที่ฝ่ายบริหารส่งมาให้ตนสัมภาษณ์กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนหลับตาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะสาวเท้าเข้ามายืนใกล้ๆโซฟาตัวนั้น เขาก้มมองพิจารณาคนตรงหน้าอย่างเงียบๆ ขนตายาวเรียงกันจนเป็นแพสวย จมูกโด่งเป็นสันที่ดูยังไงก็เป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้าง ปากอีกคนที่กำลังหลับสบาย พลางถือวิสาสะหยิบแฟ้มของอีกฝ่ายที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดอ่าน


“นายแพทย์พระพาย ภูวนัตถ์” เขาพูดตามสิ่งที่ได้อ่านออกมาเบาๆ แปลกใจกับชื่อที่ไม่เคยได้ยิน


      ภูตะวันเปิดแฟ้มประวัติของอีกคนอ่านไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดที่จะปลุกตัวจริงขึ้นมาสัมภาษณ์อย่างที่ควรจะทำ เพียงเพราะอยากให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวขึ้นมาเอง คงจะรู้สึกผิดมากกว่าที่เขาเป็นฝ่ายปลุก ลูกศิษย์ที่ปล่อยให้อาจารย์เป็นฝ่ายนั่งรอ ไม่เคยเจอ


                เสียงแกรกกรากของกระดาษเรียกให้คุณหมอหน้าหวานรู้สึกตัว ก่อนจะสะดุ้งอย่างนึกขึ้นได้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน พอๆกับที่อีกฝ่ายวางแฟ้มลงบนโต๊ะตามเดิมเพราะอ่านจบพอดี


“ผมอ่านประวัติคุณจบพอดี คุณหมอพระพาย” เขามองคนที่เพิ่งตื่นพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก เจ้าของชื่อเรียกรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษอย่างร้อนรน


“ขอโทษครับผมตั้งใจแค่จะพักสายตาเท่านั้น ไม่คิดว่า ...” คุณหมอตอบเสียงอ่อยในประโยคหลังเพราะรู้สึกผิดไม่น้อยที่เผลอหลับไปและปล่อยให้อาจารย์หมอตรงหน้าเป็นฝ่ายรอ


“เอาเถอะ ครั้งนี้ผมจะไม่ว่าเพราะเห็นว่าคุณเดินทางจากเชียงใหม่มาเมื่อเช้า คิดว่าคงจะเพลียน่าดู นั่งสิ” อาจารย์หมอผายมือให้อีกฝ่ายนั่งลงตามเดิม ก่อนจะเอนหลังพิงพนักโซฟาพร้อมกับวาดขายาวของตัวเองขึ้นไขว่ห้างอย่างสบายๆ


“ขอบคุณครับ” พระพายยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อมเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่กว่าหลายปี ก่อนจะนั่งลงด้วยความประหม่าเล็กน้อย ไม่กล้าสบตากับอีกฝ่ายเท่าไหร่นักด้วยยังรู้สึกผิดและคนตรงหน้าก็ดูน่าเกรงขาม


“ผมเรียกคุณว่าหมอพายได้ใช่ไหม?”


“ได้ครับ” เจ้าของชื่อรีบตอบออกไปทันที ก่อนจะหลุบตาต่ำลงมองแฟ้มบนโต๊ะแทน เพราะสายตานิ่งๆแต่ก็ดูน่ากลัวของอีกฝ่ายที่ทำให้เขาขาดความมั่นใจและเกิดความประหม่าขึ้นมา


“ในประวัติบอกว่าเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูง ผมคิดว่าไม่ใช่” เสียงทุ้มพูดจบพร้อมกับที่หมอพายเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของประโยคเมื่อครู่ อาจารย์หมอเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถามว่าเขามีอะไรจะพูดหรือเปล่า อีกฝ่ายจึงสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะขยับตัวเรียกความมั่นใจกลับคืน


“ผมยังยืนยันว่าเป็นคนมีความมั่นใจ แต่ที่ผมต้องหลบตาเป็นเพราะสายตาน่ากลัวของอาจารย์หมอและผมยังรู้สึกผิดที่ปล่อยให้อาจารย์หมอเป็นฝ่ายรอผมต่างหากครับ” หมอพายตอบด้วยน้ำเสียงฉะฉาน จนคนฟังยิ้มมุมปากอย่างเคยชิน


“ผมรับคุณเข้ามาร่วมทีมผมและยินดีที่จะให้ความรู้อย่างที่คุณต้องการ” หมอพายเบิกตากว้างเมื่อได้ยิน


“ไม่สัมภาษณ์ผมก่อนเหรอครับ!?”


“ผมคิดว่าคำตอบอยู่ในประวัติของคุณหมดแล้ว” ภูตะวันลุกขึ้นและเดินตรงไปยังโต๊ะทำงาน กดอินเตอร์โฟนไปยังหมายเลขที่ต้องการพร้อมบอกจุดประสงค์ทันทีว่าให้จัดห้องให้กับแพทย์ Resident พร้อมด้วยชุดแพทย์ให้เรียบร้อย โดยที่หมอพายไม่ทันได้แย้งอะไร


                เมื่อจัดการเสร็จแล้วอาจารย์หมอก็คว้าเสื้อกาวน์มาสวมก่อนจะบอกกับลูกศิษย์ว่ามีงานต้องทำแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป ปล่อยให้พระพายอึ้งค้างอยู่คนเดียวว่าทำไมทุกอย่างมันช่างง่ายดายและเป็นใจขนาดนี้ แต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเขายังไม่รู้ว่าต้องทำอะไรที่นี่ เพราะอาจารย์หมอก็ไม่ได้บอกอะไรกับเขา ถึงจะเรียนแพทย์มาหกปี ใช้ทุนด้วยการเป็นหมอในโรงพยาบาลชนบทมาอีกสามปี แต่ก็ไม่เคยทำอยู่ในโรงพยาบาลใหญ่ๆที่มีแพทย์หลากหลายสาขา เขารีบคว้าแฟ้มของตัวเองและวิ่งตามอาจารย์หมอที่เพิ่งจะออกไปทันที ..


“อาจารย์หมอครับ!”


“.............” คนถูกเรียกทำเพียงหยุดเดินและหันกลับมายังต้นเสียง


“ผมต้องทำอะไรบ้างครับ?”


“Resident ก็ต้องอยู่กับอาจารย์ที่ให้ความรู้คุณสิ ส่วนรายละเอียดอื่นๆส่วนกลางเขาจะจัดการให้” ภูตะวันยกยิ้มมุมปากก่อนจะหันหลังเดินจากไป เป็นคำตอบที่ทำให้พระพายต้องใช้เวลาคิดเล็กน้อย ก่อนจะเข้าใจว่าตัวเองต้องทำตัวติดกับอาจารย์หมอของตนเพื่อศึกษาและทำงานร่วมกัน หมอหน้าหวานเขกหัวตัวเองโทษฐานที่คิดช้าไปหนึ่งที ก่อนจะออกวิ่งตามอาจารย์ไปอีกครั้ง


“โอ้ะ! คุณหมอคะ เสื้อกาวน์ค่ะ!!” พยาบาลสาวที่รับหน้าที่จากเลขาคนก่อนให้เอาเสื้อกาวน์ของทางโรงพยาบาลมาให้เจอกับหมอพายที่ทางเดินพอดีจึงเรียกเอาไว้ทัน


“ขอบคุณมากครับ!” เขายกมือไหว้ขอบคุณ ก่อนจะรับเสื้อกาวน์มาสวมอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าจะตามไปทำงานกับอาจารย์หมอของตัวเองไม่ทัน


                 หมอพายเดินตามอาจารย์หมอไปอย่างเงียบๆ ระหว่างทางมีทั้งหมอ พยาบาล ผู้ช่วยอื่นๆ หรือแม้กระทั่งญาติคนไข้บางส่วนก็ต่างพากันไหว้ทักทายภูตะวัน พระพายเองก็ไหว้กลับไปเช่นกันด้วยเป็นนิสัยนอบน้อมที่ติดมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต
      พวกเขาเดินมาจนถึงแผนกผู้ป่วยในที่ส่วนใหญ่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด หมอซันเดินนำไปยังเคาท์เตอร์ที่มีพยาบาลประจำอยู่ ก่อนจะคีย์ข้อมูลของตัวเองคล้ายกับการเซ็นเข้างานเหมือนราชการและดูชาร์จของคนไข้เพิ่มเติมจากในแฟ้ม


“ผมคิดว่าคุณคงเข้าใจตรงนี้อยู่แล้วว่าการราววอร์ดคืออะไรและต้องทำยังไงบ้าง”


“ครับ ผมรู้” เขาตอบก่อนจะลองคีย์ข้อมูลของตนเองดูว่ามีชื่อขึ้นหรือยัง ปรากฏว่ามีแล้ว อดจะชื่นชมไม่ได้ที่ระบบการทำงานของที่นี่รวดเร็วเหลือเกิน พระพายไหว้ขอบคุณก่อนจะรับแฟ้มผู้ป่วยของแผนกนี้จากพยาบาลและเข้าตรวจเช็คอาการผู้ป่วยพร้อมกับอาจารย์หมอและพยาบาลอีกหนึ่งคน

                 ผู้ป่วยเป็นหญิงชราอายุราว 80 ปี ยกมือไหว้พวกเขาทุกคนจนแทบจะไหว้กลับไม่ทัน หมอพายเองรู้สึกไม่ดีนักที่ผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่าจะต้องยกมือมาไหว้ตน จึงเดินเข้าไปจับแขนหญิงชราที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้พร้อมกับบีบนวดเบาๆ


“คุณยายแก่กว่าไม่ต้องไหว้พวกผมก็ได้ครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หญิงชราก็อดจะเอ็นดูไม่ได้ก่อนจะหัวเราะแห้งๆตอบกลับมา


“ก็คุณหมอเป็นคนรักษายาย มีบุญคุณกับยาย” เสียงแหบแห้งตามวัยเรียกความใจหายและซาบซึ้งใจให้กับคนฟังอยู่ไม่น้อย ความจริงแล้วหน้าที่ของคนเป็นหมอก็มีหน้าที่รักษาคนไข้ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะเป็นบุญคุณเลยสักนิด


“วันนี้อาการเป็นยังไงบ้างครับ?” เสียงทุ้มของอาจารย์หมอถาม ก่อนจะพยักหน้าให้พยาบาลตรวจวัดความดัน หมอพายเป็นคนรับหน้าที่จดการตรวจรักษาลงในแฟ้ม ภูตะวันสั่งให้หมอพายตรวจฟังชีพจรของผู้ป่วยว่าปกติดี เขารับคำสั่งและฟังเสียงชีพจรอย่างตั้งใจ พลางเหลือบมองอาจารย์หมอที่ยืนอยู่อีกฝั่ง ก่อนจะเอาหูฟังชีพจรออกพร้อมกับฉีกยิ้มหวาน


“การเต้นของหัวใจคุณยายปกตินะครับ” คุณหมอหน้าหวานบอก หญิงชราพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ อาจารย์หมอที่เป็นคนช่างสังเกต เห็นว่าสีหน้าของลูกศิษย์ดูแปลกๆไปจึงเสียบหูฟังของตัวเองและฟังการเต้นของหัวใจผู้ป่วยอีกครั้ง


“เมื่อกี๊คงจะมีการฟังที่ผิดพลาด คุณยายมีอัตราการเต้นของหัวใจเร็วเกินไป มันอันตรายต่อโรคที่คุณยายเป็นตอนนี้มาก คุณยายต้องลดความเครียดลงบ้างนะครับแล้วเราจะได้ผ่าตัดกัน” หญิงชรามีอาการตกใจที่รู้ว่าหัวใจตัวเองเต้นเร็วกว่าปกติและเสี่ยงต่อชีวิต เธอมีน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาทันทีที่ฟังหมอพูดจบ หมอพายเมื่อได้ฟังก็มองอาจารย์หมอด้วยความไม่พอใจและไม่เข้าใจในคราวเดียวกัน


“คุณหมอช่วยรักษายายด้วยนะคะ ยายยังตายตอนนี้ไม่ได้ หลานชายคนเดียวของยายกำลังจะเรียนจบ” หญิงชราคว้าจับมือของภูตะวันและพระพายอย่างอ้อนวอน หมอพายรู้สึกเห็นใจ เขากระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตาที่เริ่มเอ่อคลอสองตา ก่อนจะยิ้มให้หญิงชราบนเตียงอย่างให้กำลังใจ


“คุณยายต้องหายและได้เห็นหลานชายรับปริญญาแน่นอนครับ” หมอพายบีบมือหญิงชราเบาๆ ทุกการกระทำของเขาอยู่ในสายตาของอาจารย์หมอตลอดเวลาและไม่เข้าใจว่าทำไมพระพายต้องโกหกทั้งที่เรื่องจริงผู้ป่วยคนนี้มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากแค่ไหน

                 จนเมื่อจบการตรวจผู้ป่วยในแล้ว อาจารย์หมอก็เตรียมตัวจะไปตรวจ OPD หรือการตรวจผู้ป่วยนอกที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาลต่อ


“ทำไมอาจารย์ถึงพูดอะไรไม่ระวังกับคุณยายแบบนั้นครับ?” เสียงของลูกศิษย์ทำให้ภูตะวันชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดินลง ก่อนจะหันมามองคนถามที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยสายตาไม่พอใจ


“ผมเป็นหมอ ผมพูดในสิ่งที่เป็นความจริงเพื่อไม่ให้คนไข้หวังอะไรลมๆแล้งๆแบบคุณ” 


“ตอนผมเรียนเขาบอกว่าการที่จะเป็นหมอที่ดีต้องใส่ใจคนไข้รวมถึงญาติคนไข้ด้วย ไม่ว่าจะด้วยคำพูดการกระทำหรือการรักษา มันไม่ใช่การพูดเพื่อหวังอะไรลมๆแล้งๆ แต่มันเป็นการพูดเพื่อให้เขามีกำลังใจที่จะต่อสู้กับโรคนี้ต่อไปต่างหากครับ” เขาพูดในสิ่งที่ตนเองคิดและกระทำมาตลอดของการเป็นหมอ


“แต่ผมก็ทำของผมมาแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การกระทำหรือการรักษา” ภูตะวันพูดเสียงเรียบ ก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้หมอพายได้แต่ยืนอึ้งกับคำตอบแสนใจร้ายของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์หมอ


                 ภูตะวันเดินเข้าลิฟท์เพื่อที่จะลงไปตรวจผู้ป่วยนอกที่ชั้นล่างด้วยความคุกรุ่นในใจ ตั้งแต่ที่เขาเป็นหมอมา ไม่เคยมีใครตำหนิหรือไม่พอใจเรื่องที่เขารักษาคนไข้เลยสักครั้ง แต่วันนี้หมอที่เขาเพิ่งจะรับเข้ามาให้มาเป็นแพทย์ Resident กลับเห็นไม่ตรงกันกับเขาและยืนตั้งคำถามเพื่อจะเอาชนะต่อหน้าพยาบาลประจำวอร์ด นับว่าเป็นการเจอกันครั้งแรกที่ดูไม่น่าประทับใจเสียเท่าไหร่นัก ...

      
***************
   


Talk : ตอบคุณนัทสึนะคะ ต้องเรียนยากมากแน่ๆเลย แต่เราก็สนใจเรื่องแพทย์นะคะ แต่สู้ไม่ไหวจริงๆ ฮ่าๆๆ
ยังไงก็ช่วยจินตนาการให้หมอซันยังดูหนุ่มเถอะค่ะ พลีสสส เป็นเรื่องสมมติเนาะ สมมติว่าหมอซันไม่ชราแล้วกัน อิอิ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 2 (29-05-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 29-05-2015 15:59:06
-2-


                  หมอพายเดินเข้ามาภายในห้องทำงานที่ถูกจัดเอาไว้ให้หลังจากราววอร์ดผู้ป่วยในช่วงเช้าเสร็จ กวาดสายตามองไปรอบๆห้องอย่างละเอียด มีโต๊ะทำงานอีกสองตัวที่อยู่ถัดจากโต๊ะของเขาไป นั่นหมายความว่าห้องนี้ไม่ได้มีเพียงเขา ...


“ห้องนี้จะมีแพทย์ Resident อยู่อีกสองคนค่ะ” เลขาสาวคนเดิมบอก


“ที่นี่มีศัลยแพทย์ทั้งหมดกี่คนเหรอครับ?” เขาถามพลางเดินสำรวจไปรอบๆห้อง มือเรียวไล่ไปตามสันหนังสือที่วางเรียงกันอยู่บนตู้อย่างใจเย็น


“โดยรวมมีทั้งหมด 30 คนค่ะ ส่วนแพทย์ประจำบ้านที่เข้ามาศึกษาต่อด้านศัลยศาสตร์มี 3 คนที่จัดห้องนี้ไว้ให้ แต่ก็แยกกันไปตามอาจารย์หมอที่จะให้ความรู้ค่ะ” เธอตอบข้อมูลที่หมอคนใหม่อยากรู้อย่างฉะฉาน พระพายเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเองที่ตอนนี้มีแค่เพียงอุปกรณ์เครื่องเขียนและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะวางอยู่เท่านั้น


“ส่วนการศึกษาต่อที่นี่ก็จะมีทั้งทฤษฎีและปฏิบัติค่ะ ในช่วงแรกคุณหมอจะต้องศึกษาหาความรู้จากวารสารและตำรา ชั้นบนสุดของโรงพยาบาลมีห้องสมุดทางการแพทย์ไว้ให้ค่ะ และจะมีการจัดบรรยายเกี่ยวกับความรู้และเทคนิคการผ่าตัดรักษาโรคต่างๆสำหรับแพทย์ประจำบ้าน ส่วนในรายละเอียดอื่นๆ อาจารย์หมอจะบอกอีกครั้งค่ะ” เลขาสาวพูดรายละเอียดในการเข้ารับการฝึกอบรมศึกษาต่อของแพทย์ประจำบ้านอย่างเขาไว้โดยละเอียด


“ครับ ขอบคุณมากครับ” หมอพายไหว้ขอบคุณ เลขาสาวจึงรับไหว้และยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนจะขอตัวไปทำงานของเธอต่อ พระพายพรูลมหายใจออกมาหลังจากที่เลขาสาวออกจากห้องทำงานไป นั่งลงเก้าอี้ทำงานที่บุนวมอย่างดี พลางเอนหลังพิงเพื่อผ่อนคลาย


“จะไหวป่ะวะไอ้พาย” หมอหนุ่มหลับตาลง ปลายนิ้วเรียวสวยยกขึ้นนวดเหนือหน้าผากที่ปวดหนึบ เขาผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเชื่องช้า พลางคิดถึงประโยคเมื่อครู่ของเลขาสาวที่บอกว่าอาจารย์หมอจะบอกรายละเอียดอื่นกับเขาอีกที จะเป็นไปได้หรือในเมื่อเขาเพิ่งจะต่อว่าอีกฝ่ายไปไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
   


                ก๊อก ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูไม้เนื้อดีดังขึ้นก่อนร่างระหงส์ของผู้มาใหม่จะปรากฏให้เห็น หมอพายลุกขึ้นยืนเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท ก่อนจะยกมือไหว้และกล่าวทักทาย


“สวัสดีค่ะ ดิฉันแพรดาวเรียกว่าหมอแพรก็ได้ แพทย์ประจำบ้านเหมือนกันค่ะ” เธอกล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร หมอหนุ่มจึงคลายอาการเกร็งลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ถือตัวอะไร


“ผมพายครับ พระพาย ยินดีที่ได้รู้จัก” หมอพายเอ่ยแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย คุณหมอคนสวยจึงยิ้มรับ ก่อนจะยื่นเอกสารบางอย่างให้


“หลักสูตรการศึกษาต่อเฉพาะทางแล้วก็ตารางปฏิบัติงานค่ะ ส่วนกลางฝากมาให้”


“อ่อ ขอบคุณครับ” คุณหมอคนสวยยิ้มก่อนจะหันหลังเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง พระพายนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมอีกครั้ง เปิดอ่านเอกสารที่เพิ่งได้มาเมื่อครู่อย่างตั้งใจว่าเขาต้องทำอะไรบ้างตลอด 4 ปีและดูเหมือนจะเป็นงานยากสำหรับเขาพอสมควร เพราะการพบกันครั้งแรกระหว่างเขากับแพทย์ที่จะให้ความรู้ดูไม่ประทับใจนัก ...



                   ภูตะวันนั่งทานข้าวอยู่ภายในศูนย์อาหารของทางโรงพยาบาลในช่วงพักกลางวัน สายตาคมเลื่อนอ่านข้อมูลทางการแพทย์ไปพลางๆ เขาคิดเสมอว่าแพทย์ไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ เขาจึงชอบอ่านและศึกษาค้นคว้าในสิ่งที่เขายังไม่รู้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งน้ำเปล่าขวดหนึ่งถูกวางตรงหน้าเขาจึงไล่สายตาขึ้นมองไปจนเห็นกรอบหน้าหวานของแพทย์ประจำบ้านที่เพิ่งจะรับเข้ามา ก่อนจะสนใจหนังสือในมือเช่นเดิม

                   หมอพายขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจนัก เขาเองก็รู้ว่าผิดที่ไปต่อว่าอาจารย์หมอเช่นนั้น แต่นั่นก็เป็นเพราะเขาใส่ใจคนไข้ซึ่งควรเป็นเรื่องน่าภูมิใจ เขาเข้ามาที่ศูนย์อาหารเพื่อหวังฝากท้องแต่บังเอิญเห็นว่าอาจารย์หมอกำลังนั่งทานข้าวอยู่ลำพัง ก็อยากจะแสดงน้ำใจและตั้งใจจะไปขอโทษเสียหน่อยก็เท่านั้น ทว่ากลับถูกเมินใส่อย่างกับว่าเขาเป็นธาตุอากาศไปเสียได้


“ผมซื้อน้ำมาให้แทนคำขอโทษเรื่องเมื่อเช้าครับ” หมอพายยอมเป็นฝ่ายพูดคำขอโทษ หากแต่อาจารย์หมอก็ดูจะไม่สนใจเขาเหมือนเดิม


“ผมขอโทษครับ แต่ถ้าหากอาจารย์ไม่พอใจและไม่ยินดีที่จะให้ความรู้กับผม ผมก็จะลาออกจากที่นี่ครับ” หมอซันเมื่อได้ยินก็พรูลมหายใจออกมาก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองลูกศิษย์หมาดๆ มุมปากหยักยกยิ้มเล็กน้อย ความจริงเขาก็ไม่ติดใจเอาความหรือโกรธเคืองอะไร


“คิดว่าแค่น้ำเปล่าขวดเดียว มันจะพอไถ่โทษที่คุณมายืนตำหนิผมปาวๆได้หรือไง?” ภูตะวันเลิกคิ้วสูง ก่อนจะหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของลูกศิษย์ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้และหยิบน้ำเปล่าขวดนั้นมาถือเอาไว้ ก่อนที่มุมปากจะยกยิ้มพร้อมกับยักคิ้วให้พระพายหนึ่งทีแล้วหันหลังเดินจากไป


“อะไรของเขา...” พระพายพึมพำกับตัวเอง กลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย หากว่าอาจารย์หมอจะเป็นอะไรก็เรื่องของเขา ในเมื่อเขาเองก็ได้ขอโทษอย่างที่ตั้งใจเอาไว้แล้ว ถือว่าไม่มีอะไรติดค้างในใจอีก



      เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็นหมอพายต้องราวน์วอร์ดในรอบเย็นกับแพทย์เรสสิเดนท์อีกสองคน คุณหมอหน้าหวานมาถึงเคาท์เตอร์แผนกผู้ป่วยศัลยกรรมก่อนใคร ก่อนจะคีย์ข้อมูลตัวเองเพื่อลงชื่อและเช็คข้อมูลของผู้ป่วย

                 เสียงฝีเท้าวิ่งตึกตักดังมาแต่ไกล ก่อนจะปรากฏร่างของเจ้าของเสียงสองคน คนหนึ่งเป็นคุณหมอสาวที่เขาพายเพิ่งจะรู้จักไปเมื่อเช้า กับคุณหมออีกหนึ่งคนที่เป็นผู้ชายหน้าตี๋ สูง หล่อและขาว จนพยาบาลรวมถึงญาติคนไข้มองกันเป็นตาเดียว


“ขอโทษค่ะที่ช้า อ่านหนังสือเพลินไปหน่อย” แพรดาวพูดถึงสาเหตุที่ตัวเองมาถึงวอร์ดช้า คุณหมอหน้าหวานยิ้มบางไม่ได้มีท่าทีตำหนิหรืออะไร ก่อนจะเบนสายตามองหมอหนุ่มอีกคนที่กำลังยืนยิ้มตาหยีส่งไปทั่ว จนหมอแพรต้องสะกิดเป็นเชิงให้เลิกสนใจอย่างอื่นก่อน


“อ้อ! สวัสดีครับ ผม นพ.อนุวัฒน์ เรียกว่าหมอเอิร์ธก็ได้ครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับทุกคน” หนุ่มตี๋ที่เพิ่งจะเอ่ยแนะนำตัวยิ้มหล่อส่งให้กับทุกคนบริเวณแผนก ก่อนจะส่งยิ้มให้กับหมอพายเป็นคนสุดท้าย


“ผมหมอพาย ขอตัวไปตรวจคนไข้ก่อนนะครับ” เขาแนะนำตัวเองกับหมอเอิร์ธเสร็จก็พยักหน้าให้กับพยาบาลสาวที่จะต้องเป็นผู้ช่วยเขาในการราวน์วอร์ดครั้งนี้ ขาเรียวก้าวผ่านเข้าไปในเขตผู้ป่วยรวมที่มีเตียงคนไข้เรียงรายอยู่เกือบสามสิบเตียงภายในห้อง

                 
               พระพายเดินเข้าไปยืนชิดเตียงคนไข้ทางด้านซ้าย ในมือถือแฟ้มรายละเอียดของคนไข้รายนี้ เขายกมือไหว้ก่อนจะกล่าวทักทายคนไข้ที่เป็นหญิงอายุราวห้าสิบต้นๆ เขามีสีหน้าอ่อนโยนทุกครั้งเมื่อได้ตรวจคนไข้จนพยาบาลสาวอดไม่ได้ที่จะขวยเขินแทนคนไข้ซะเอง


“คุณหมอหน้าไม่คุ้นเลย เพิ่งเข้ามาใหม่เหรอคะ?” คุณป้าเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม พระพายยิ้มบางก่อนจะพยักหน้าให้ช้าๆเป็นคำตอบ พยาบาลสาววัดความดันของคนไข้รวมถึงเช็คน้ำเกลือในขวดและปรับระดับให้เหมาะสม


“เดี๋ยวผมขอเจาะเลือดหน่อยนะครับ” คุณหมอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับรอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้า มือบางรับอุปกรณ์เจาะเลือดจากพยาบาลก่อนจะทำการเจาะเลือดที่ได้ร่ำเรียนมาอย่างเบามือ


“คุณหมอมือเบาแถมยังใจดี”


“ชอบไหมล่ะครับ?” เสียงนุ่มพูดเป็นเชิงหยอกล้อ ชวนคุยเพื่อไม่ให้คนไข้สนใจการเจาะเลือดมากนัก อีกทั้งยังมีรอยยิ้มหวานให้คนไข้ตลอดระยะเวลาในการตรวจ


“หมอใจดีคนไข้ที่ไหนก็ต้องชอบทั้งนั้นแหละจ้ะ เปรียบกับหมอซันคนไข้นี่กลัวกันหัวหดเลยนะคะ” คุณป้าพูดพลางยกมือที่เหี่ยวย่นขึ้นป้องปากราวกับกลัวว่าใครจะมาได้ยิน ทั้งที่เสียงพูดก็ไม่ได้เบาลงจากเดิม หมอพายระบายยิ้มก่อนจะค่อยๆดึงเข็มออกจากแขนของคนไข้อย่างระมัดระวัง


“เหมือนได้ยินใครบ่นถึงผมนะครับ คงคิดถึงกันน่าดู”


“หมอซัน!” คนไข้ร้องออกมาเสียงไม่เบาแต่ก็ไม่ได้ดังจนรบกวนคนไข้รายอื่นมากนัก ภูตะวันยกยิ้มที่มุมปากหยักก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามา ถึงแม้ว่าจะดุแต่คนไข้ก็อดจะชื่นชมไม่ได้ว่าหมอซันเองก็ทั้งหล่อและทั้งเก่งไม่แพ้หมอคนอื่นๆในระดับเดียวกัน


“คุณหมอจะมาทำอะไรป้าอีกล่ะคะวันนี้” คุณป้าพูดอย่างระอา พระพายระบายยิ้มที่เห็ฯความสนิทสนมกันระหว่างหมอกับคนไข้ที่นี่


“ผมแค่มาดูการปฏิบัติงานของลูกศิษย์น่ะครับ จะได้ประเมินถูกว่าสมควรให้ผ่านหรือเปล่า” พูดเสียงเรียบก่อนจะผายมือให้ลูกศิษย์ตรวจคนไข้ต่อ หมอพายก้มหัวเล็กน้อยเป็นการตอบรับ หากอาจารย์หมอไม่เข้ามาเขาก็คงไม่ต้องเกร็งแบบที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ รู้สึกทำอะไรไม่สะดวกเท่าที่ควรเพราะสายตาคมกริบที่จับจ้องการกระทำเขาอยู่ตลอดเวลา



                   การราวน์วอร์ดในรอบเย็นดำเนินไปได้ด้วยดี ด้วยการปฏิบัติงานทั้งหมดของคุณหมอหน้าหวาน ภายใต้การดูแลและให้คำปรึกษาของอาจารย์หมออย่างภูตะวันที่ตามประกบไม่ห่าง จนพระพายไม่มีอาการเกร็งหลงเหลืออยู่ เขาคิดว่าอาจารย์หมอเองก็ดูไม่ได้ใจร้ายใจดำหรือน่ากลัวอย่างที่คนอื่นพูดมากนัก ส่วนตัวเขาก็ปล่อยวางเรื่องสายตาเฉียบคมที่คอยจ้องมองออกไป และจดจ่ออยู่กับการตรวจคนไข้ตรงหน้าให้เสร็จ



                  อันที่จริงก็คงไม่แปลกอะไรที่แพทย์ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยนและดูใจดีในสายตาของคนไข้หรือแม้กระทั่งแพทย์ด้วยกันเอง ทว่าสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้ามันเกินกว่าภาพที่เขาเคยเห็นในชีวิตของการเป็นหมอ หมอซันใช้สายตามองทุกการกระทำของคนเป็นลูกศิษย์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องไม้เครื่องมือที่ดูคล่องแคล่ว การตรวจวินิจฉัยโรคต่างๆพระพายก็ทำได้ดี แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องทึ่งคือรอยยิ้มหวานที่แฝงความอ่อนโยน อีกทั้งสายตายามมองคนไข้เต็มไปด้วยแววตาที่อบอุ่นเป็นประกาย ผ่านออกมาจากหัวใจของคนเป็นหมอจริงๆ นี่คือสิ่งที่คนเป็นหมออย่างเขาไม่เคยมีทั้งที่ก็เป็นอาชีพที่ตัวเองรัก ทว่าเขากลับไม่เคยมีแบบที่พระพายมีเลย ...



****************
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] #บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: yupa ที่ 29-05-2015 17:52:11
ขอบคุณคะ  แต่ช่วงหลังโพสซ้ำปะคะ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 2 (29-05-58)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-05-2015 07:30:07
พระพายคงจะเป็นคุณหมอขวัญใจคนใข้คนใหม่ ฮา
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 2 (29-05-58)
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 30-05-2015 15:19:22
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 2 (29-05-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 30-05-2015 16:03:54
เพิ่งเข้ามาอ่าน มาเป็นกำลังใจให้หมอพายจ้า
เป็นหมอไม่ได้ง่าย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 2 (29-05-58)
เริ่มหัวข้อโดย: coolmaoil ที่ 30-05-2015 17:31:27
หมอพายใจดี ถ้ามีหมอแบบหมอพายเยอะๆก็คงจะดี
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 2 (29-05-58)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-05-2015 18:30:08
เรื่องน่าอ่าน เนื้อหาแน่นปึ้ก....55555
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 2 (29-05-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 30-05-2015 21:07:19
ติดตามจ้า~  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 3 (01-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 01-06-2015 02:41:32

-3-

                       
                 ถึงแม้ว่าโรงพยาบาลวิวรรธน์จะถูกจัดอันดับให้เป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่และครบวงจรในอันดับต้นๆของประเทศ ทว่าในเวลากลางคืนและยิ่งดึกดื่นเช่นนี้ก็คงไม่ต่างจากโรงพยาบาลทั่วไปมากนัก เสียงจอแจของผู้คนที่เคยมีก็หายไป ผู้คนก็บางตา รวมถึงหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เองก็ลดลงกว่าตอนกลางวันด้วยเช่นกัน

      ร่างสูงของใครบางคนวุ่นวายกับการเก็บของของตนลงกระเป๋า เขาสะบัดหัวไล่ความง่วงออกไป ก่อนจะก้าวขาออกจากห้องทำงานอย่างเหนื่อยล้า ทว่ายังไม่ทันที่จะเดินพ้นหน้าห้องทำงานของตัวเอง สมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงก็แผดเสียงดัง ถึงแม้จะสงสัยว่าใครเป็นเจ้าของสายที่โทรฯเข้ามาในเวลาตีสามเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ลังเลที่จะล้วงมันขึ้นมาเพื่อกดรับ สายที่โทรฯเข้ามาเป็นเบอร์ของแผนก ER (Emergency Room = ห้องฉุกเฉิน) นิ้วเรียวสไลด์จึงรีบรับสายทันที


“ครับ”


“อาจารย์หมอคะ มีเคสด่วนค่ะ!” เสียงพยาบาลเวรฟังดูร้อนรน


“ครับ ผมกำลังลงไป” เขารีบเดินเข้าลิฟท์เพื่อลงไปชั้นล่างของโรงพยาบาลทันที ภูตะวันพรูลมหายใจออกมาเบาๆ หลับตาลงอย่างอ่อนล้า ถึงจะอยากพักผ่อนเท่าไหร่แต่ยังไงแล้วชีวิตของคนไข้ก็สำคัญกว่า เมื่อลิฟท์พามาถึงชั้นล่างขายาวก็รีบวิ่งตรงไปยังแผนก ER อย่างรีบร้อน


“คนไข้โดนเหล็กแทงที่หน้าอกค่ะคุณหมอตรวจดูแล้วและได้ปรึกษาคุณหมอศัลยแพทย์อุบัติเหตุซึ่งท่านเห็นว่าควรจะส่งต่อให้อาจารย์หมอค่ะ เพราะคนไข้มีเลือดออกที่ช่องเยื่อหุ้มหัวใจ” พยาบาลเวรประจำแผนกอุบัติเหตุฉุกเฉินรีบรายงานให้อีกฝ่ายฟังอย่างละเอียด สายตาคมมองไปยังร่างผู้ชายวัยรุ่นบนเตียง มีแผลใหญ่บนอกอย่างเห็นได้ชัด


ผ่าตัดด่วน ติดต่อห้องผ่าตัดให้ผมด้วย” พยาบาลรับคำ เขาบอกให้แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน (เป็นแพทย์ที่ทำงานในห้องฉุกเฉิน) ให้ไปพักส่วนที่เหลือเขาจะจัดการต่อเอง เสร็จแล้วจึงรีบเดินออกจากห้องฉุกเฉินเพื่อจะขึ้นไปยังห้องผ่าตัดที่คุ้นเคย หากแต่พยาบาลสาวก็รีบเรียกเขาเอาไว้และยื่นกระเป๋าส่งให้


“ห้องผ่าตัดพร้อมแล้ว เหลือแค่รอสครับเนิร์สกับเซอร์คูเลตมาถึงค่ะ” พยาบาลสาวรีบบอก ภูตะวันขมวดคิ้วอย่างตึงเครียด ทว่ายังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ หางตาก็เหลือบไปเห็นลูกศิษย์เดินหาววอดๆออกจากลิฟท์ เขาหรี่ตาลงก่อนจะหันไปบอกกับพยาบาลคนเดิมที่รอคำสั่งจากเขาอยู่


“ไม่มีเวลารอใครแล้ว ชีวิตของคนไข้รอได้อย่างนั้นเหรอ!?” เขาพูดเสียงเข้ม รีบสาวเท้าไปหาลูกศิษย์จนถึงตัวและดึงข้อมือเอาไว้ จนคนถูกจับสะดุ้งด้วยความตกใจ


“ไปกับผม!” พูดจบก็ลากคนที่ตัวเล็กกว่าให้เดินตามไปในทันที โดยไม่ฟังคำทัดทานจากอีกฝ่ายที่ได้แต่งุนงงและยื้อแขนตัวเองเอาไว้สุดชีวิต หากแต่เท้าก็ยังก้าวฉับๆตามด้วยสู้แรงอีกฝ่ายไม่ไหว


“ไปไหนครับ ผมง่วง ผมจะกลับคอนโด” เขาพูดเสียงเหนื่อย ถูกลากเข้าลิฟท์ตัวเดิมที่เพิ่งจะออกมายังไม่ทันถึงสิบนาที ภูตะวันปล่อยข้อมือเล็กออกเพราะเห็นว่าอยู่ในลิฟท์แล้วอีกคนคงไม่หนีไปไหน ก่อนจะหันมาหาลูกศิษย์ เอนแผ่นหลังพิงกับผนังลิฟท์และเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างเคยชิน


“ง่วงแล้วทำไมเพิ่งจะกลับ เข้าเวร?”


“เปล่าครับ ผมเพิ่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุดเสร็จ ตกลงจะพาผมไปไหนครับ?” เขาพูดเสียงเนือย แต่ยังไม่ทันที่จะได้คำตอบข้อมือก็ถูกอีกฝ่ายจับไว้อีกครั้งและดึงออกจากตัวลิฟท์ทันทีเมื่อถึงชั้นที่ต้องการ


“อาจารย์ครับ!”


“ไปห้องผ่าตัด คุณคงรู้จักเครื่องมือและการทำงานในห้องผ่าตัดใช่ไหม ผมไม่มีผู้ช่วย เคสด่วนและรอไม่ได้ คุณถึงต้องเข้าไปกับผม”


“ผมเนี่ยนะ ผมเป็นแพทย์ประจำบ้านปี 1 นะครับอาจารย์!” พระพายร้องเสียงหลง จริงอยู่ที่เขาพอจะรู้เรื่องเครื่องไม้เครื่องมือในห้องผ่าตัด เรื่องการทำงานของแต่ละหน้าที่อยู่บ้าง แต่เรื่องผ่าตัดเขาไม่เคยทำอย่างมากก็แค่อยู่ในห้องผ่าตัดดูการทำงานของศัลยแพทย์ท่านอื่นเท่านั้น


“คุณเข้าไปไม่ต้องรอปี 3 คุณจะได้ชั่วโมงปฏิบัติงานในห้องผ่าตัดล่วงหน้าจากผม คุณได้ความรู้ก่อนแพทย์ประจำบ้านคนอื่นๆ คุณได้บุญที่ได้ช่วยเหลือคน คุณมีแต่ได้กับได้ จะกลัวอะไรผมไม่ได้ให้คุณผ่า แค่ให้คุณเป็นผู้ช่วยผมเฉยๆ” ภูตะวันพูดอย่างรวดเร็วให้ลูกศิษย์เข้าใจ พระพายจึงคิดตามและไม่ขัดข้อง ก่อนจะถูกคนตัวสูงลากเข้าห้องผ่าตัดไป


                 ทั้งสองคนเปลี่ยนชุดเป็นชุดสีเขียวฟ้าที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาอย่างดี ใส่หน้ากากอนามัย สวมหมวกคลุมผม รองเท้าทุกอย่างจะผ่านการซักรีดจนขั้นตอนของการฆ่าเชื้อก่อนนำมาไว้ยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่อยู่ในส่วนแรก  (Protective area) ก่อนจะพากันเดินเข้าสู่ส่วนที่สองคือบริเวณที่สะอาด (Clean area) เขาล้างมือให้สะอาดเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัดและสวมถุงมือยาง เสร็จแล้วจึงเดินเข้าสู่ส่วนที่สามคือส่วนที่ปลอดเชื้อหรือห้องผ่าตัด อากาศภายในเย็นเยียบและเงียบสงบ มีเพียงเสียงเครื่องมือการแพทย์ที่ดังเป็นระยะๆ


                ดวงตากลมโตทอดมองร่างเปลือยเปล่าที่มีผ้าคลุมปลอดเชื้อสีเขียวเหมือนกับชุดของเขาด้วยความเห็นใจ รอบกายมีสายเครื่องมือการแพทย์ระโยงระยาง มือบางแตะลงบนหลังมือคนไข้เบาๆ ส่งกำลังใจให้และหวังว่าคนที่นอนอยู่คงจะได้รับ ก่อนจะพุ่มมือไหว้คนไข้ที่จะต้องได้รับการผ่าตัดในอีกไม่กี่นาที เพราะเขาคิดเสมอว่าคนไข้ทุกคนคือครูอาจารย์ของเขา


                ภูตะวันกดด้ามมีดผ่าตัดลงที่กลางอกแล้วกรีดลงช้าๆอย่างเบามือ เลือดสีแดงสดผุดออกมาทันทีเมื่อกล้ามเนื้อแยกออก พระพายกระพริบตาปริบๆ หัวใจเต้นสั่นระรัว อดจะยอมรับไม่ได้ว่ากลัวกับภาพตรงหน้า ถึงแม้จะเป็นนายแพทย์มาแล้วทั้งหมด 9 ปี รู้ระบบภายในของมนุษย์ทั้งหมด ทว่าเขาก็ยังไม่ชินกับมันสักที

                 เมื่อแผลเปิดแล้วหมอพายจึงหยิบเครื่องมือถ่างขอบแผล เพื่อเปิดปากแผลให้ถ่างออกสะดวกต่อการผ่าตัดอย่างรู้หน้าที่ อาจารย์หมอจ้องเข้าไปภายในด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดวงตากลมของลูกศิษย์มองแผลสลับกับมองอาจารย์หมอว่าจะทำอย่างไรต่อ


“Clamp” (เครื่องมือใช้หนีบเพื่อห้ามเลือด) เสียงทุ้มบอกโดยที่ไม่ได้ละสายตาจากจุดที่กำลังผ่า หมอพายหยิบเครื่องมือวางบนมือใหญ่ด้วยความคล่องแคล่ว ภูตะวันใช้คีมห้ามเลือดจับที่ปลายหลอดเลือดเพื่อห้ามเลือดแต่ก็ช่วยได้ไม่มากในเคสนี้ จึงขอเครื่องจี้ไฟฟ้าที่ใช้กระแสความถี่สูงเพื่อจี้ให้เลือดหยุดไหล

      การผ่าตัดไร้บทสนทนาของทั้งคู่ มีเพียงแค่เสียงสั่งจากอาจารย์หมอเท่านั้น อาจจะเพราะความเครียดหรืออาจจะเป็นเพราะความร้อนจากไฟผ่าตัดที่ทำให้มีเม็ดเหงื่อผุดพราวขึ้นบนหน้าผากของอาจารย์หมอ พระพายจึงดึงทิชชู่ขึ้นมาและเอื้อมซับเหงื่อให้กับอีกฝ่ายอย่างเบามือ ภูตะวันหัวเราะหึในลำคอ ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าที่ปิดขึ้นมาเกือบถึงขอบตาล่างขึ้นสีระเรื่อ


“ดูละครบ่อยใช่ไหม?” มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองคนตรงข้ามก่อนจะสนใจจุดผ่าตัดเช่นเคย พระพายอายไม่ใช่น้อยที่ถูกอีกฝ่ายพูดกับเขาแบบนั้น เขาอาจจะดูละครบ่อยก็จริงแต่ในห้องผ่าตัดมันก็เป็นหน้าที่ของสครับเนิร์สที่ทำกันเป็นเรื่องปกติก็ไม่เห็นจะถูกแซวเหมือนตน


“ถ้างั้นอาจารย์ก็ทำไปคนเดียวแล้วกันนะครับ” ไหล่เล็กไหวเล็กน้อย อาจารย์หมอซ่อนยิ้มมุมปากอีกครั้ง เหลือบมองใบหน้าหวานที่ถึงแม้จะมีผ้าปิดไปเกือบครึ่งหน้าก็ยังมีสีระเรื่อให้ได้เห็น


“เสร็จพอดี เย็บแผลสิ”


“มือผมจับทิชชู่แล้วครับ ไม่สะอาด” พระพายชูสองมือที่สวมถุงมือยางขึ้น ภูตะวันพยักหน้าก่อนจะสั่งให้ลูกศิษย์ออกไปบอกเจ้าหน้าที่ให้พาคนไข้ไปยังห้องพักฟื้น พอดีกับที่ห้องผ่าตัดถูกเปิดออกอีกครั้งหลังจากที่หมอพายออกไปได้ไม่นาน พยาบาลผู้ช่วยสี่ห้าคนรีบวิ่งกรูกันเข้ามา พร้อมกับขอโทษขอโพยอาจารย์หมอเป็นการใหญ่


“ผมผ่าเสร็จแล้ว พวกคุณช่วยเช็คเครื่องมือและเย็บปิดแผลแล้วกัน” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ก้มหน้ารับไหว้พยาบาลผู้ช่วยกลุ่มนั้นเล็กน้อยแล้วหันหลังเดินออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงานชุดเดิมที่ใส่มาตั้งแต่เช้าจนจะครบ 24 ชั่วโมงในอีกกี่ไม่ชั่วโมงข้างหน้า เสร็จแล้วจึงออกมาหน้าห้องผ่าตัดเพื่อรอใครบางคนเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นกัน จนเมื่อประตูห้องผ่าตัดเปิดออก หมอพายเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยืนรออยู่


“คุณกลับยังไง เอารถมา?”


“แท็กซี่ครับ ผมไม่มีรถและขับรถไม่เป็นด้วย” เขาเดินทางมาที่โรงพยาบาลด้วยมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพราะระยะทางจากคอนโดและโรงพยาบาลไม่ไกลกันมากเท่าไหร่


“อยู่แถวไหนล่ะ ผมไปส่งแล้วกัน เพราะผมที่ทำให้คุณอยู่เกือบเช้า” คนตัวสูงพูดจบก็เดินนำไปโดยไม่รอฟังคำตอบอีกเช่นเคย ดวงตากลมกระพริบปริบๆ ยกมือเกาหัวแกรกๆให้กับความเผด็จการของหัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์คนนี้


“ความจริงอาจารย์ไม่ต้องไปส่งผมก็ได้นะครับ กลับไปพักผ่อนเถอะ ถึงในตอนนั้นอาจารย์จะไม่เรียกผมไว้ ยังไงผมก็ต้องกลับแท็กซี่อยู่ดีครับ” พระพายบอกในขณะที่เขาทั้งคู่เดินมาถึงหน้าโรงพยาบาล คนตัวสูงหยุดชะงักแล้วหันกลับมาด้วยสายตาเย็น ก่อนจะถือวิสาสะจับข้อมือเล็กนั่นเอาไว้และกึ่งลากกึ่งจูงเหมือนไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาไม่มีผิด



      นายแพทย์พระพาย ภูวนัตถ์ จึงได้มานั่งหน้าบูดอยู่ใน Mercedes benz สีบลอนด์เงินคันหรูของอาจารย์หมออย่างเลี่ยงไม่ได้ รถเคลื่อนไปบนถนนในเมืองใหญ่อย่างไม่รีบร้อน มีเสียงเพลงบรรเลงเปิดคลอทำลายบรรยากาศอันเงียบที่น่าอึดอัด สองข้างทางยังคงมีไฟแสงสีเปิดสว่างสมกับเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล พอๆกับรถราที่วิ่งกันหนาตาแต่ก็ไม่เท่ากับช่วงกลางวัน


“อาจารย์รู้เหรอครับว่าผมพักอยู่ที่ไหนถึงได้ขับออกมา” เขาถามอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่ถูกจับให้ขึ้นรถมาก็ยังไม่ได้พูดอะไรกับอาจารย์หมอหน้าหล่อแต่เผด็จการเลยด้วยซ้ำ


“ไม่รู้...” คนตัวเล็กกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย เขาผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆไม่ให้เสียมารยาทมากนัก ก่อนจะบอกออกไปว่าอยู่คอนโดหนึ่งที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล คนฟังทำเพียงยกยิ้มมุมปากและขับรถต่อไปเงียบๆ

             จู่ๆ เสียงท้องร้องโครกครากของบุคคลที่นั่งอยู่ข้างๆก็เกิดดังขึ้นมาแทรกเสียงเพลงบรรเลงที่เปิดคลอเอาไว้เบาๆจนเจ้าตัวต้องรีบตะครุบท้องตัวเองเอาไว้อย่างน่าอาย เสียงหัวเราะในลำคอของภูตะวันที่ตอนนี้รับหน้าที่เป็นสารถีทำให้พระพายอายจนอยากจะมุดลงไปใต้คอนโซลรถอยู่มะรอมมะร่อ


“ก็มันเช้าแล้วนี่ครับ...” เขารีบแก้ตัวออกไปอย่างอายๆ รู้ตัวอีกทีรถหรูก็จอดเทียบที่ฟุตบาธข้างทาง เยื้องกับร้านข้าวต้มโต้รุ่งที่เปิดไฟสว่างโร่ถึงแม้ว่าใกล้จะเช้าแล้วก็ยังไม่ปิด แถมยังมีลูกค้าอยู่สองสามโต๊ะอีกด้วย


“กินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับ” มือหนาดันหลังคนตัวเล็กให้เดินนำเข้าร้านไป ถึงเขาอยากจะคัดค้านเท่าไหร่เพราะก็ง่วงเต็มที แต่ความหิวและความหอมของกับข้าวในตู้ก็เรียกให้น้ำย่อยพากันงานทำงานอย่างขยันขันแข็ง


“สั่งเลยผมเลี้ยง คิดซะว่าเลี้ยงต้อนรับลูกศิษย์”


“ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ”


“... ถ้าเกรงใจครั้งหน้าก็ค่อยเลี้ยงผมคืนแล้วกัน” หมอซันยื่นข้อเสนอจนพระพายยอมรับข้อตกลง
ก่อนจะสั่งข้าวต้มกันคนละถ้วย กับข้าวอีกสองสามอย่างกับเด็กเสิร์ฟไป ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก ต่างคนต่างเงียบ

                 ภูตะวันเล่นสมาร์ทโฟนของตัวเองไป ส่วนพระพายก็นั่งดูดน้ำและมองนั่นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อย จนมาหยุดอยู่ที่คนตรงหน้า เขามองอย่างพิจารณา ใบหน้าหล่อ ขาวสะอาด คิ้วสีเข้ม ดวงตาทรงรีขนตาบาง จมูกที่เป็นสัน กับปากหยักสีชมพูที่ได้รูป ไม่น่าเชื่อว่าจะอายุสามสิบกว่าแล้ว


“ผมเคยเรียนวิชาจิตวิทยา อาจารย์บอกว่าถ้าเราก้มหน้านานๆ หากเงยหน้าขึ้นมาแล้วสบตากับใคร แสดงว่าคนนั้นกำลังมองเราอยู่ ... คุณกำลังมองผม” ภูตะวันยกยิ้มมุมปาก พลางดูดน้ำในแก้วด้วยท่าทางสบายๆ คนถูกกล่าวหาได้แต่อ้าปากค้างที่โดนจับได้ พยายามสรรหาข้ออ้างในการเอาตัวรอด


“กะ ... ก็มีอาจารย์กับผมสองคน เงยหน้ามาก็ต้องเจอผมสิครับ” โชคดีที่พอเขาพูดจบ อาหารก็ทยอยกันเอามาวางบนโต๊ะราวกับถูกปล่อยคิวมาอย่างดี พระพายก้มหน้าก้มตากินโดยที่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายเลย


“ผมเห็นคุณไหว้คนไข้ทุกครั้ง คิดอะไรอยู่ตอนนั้น” หมอหนุ่มชวนคุยเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเกร็งเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ คนถูกถามจึงเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดูด


“.... คนไข้ก็เป็นเหมือนครูให้กับหมออย่างพวกเรานี่ครับ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มและดวงตาที่เป็นประกาย ก่อนจะก้มลงสนใจกับข้าวต้มแสนอร่อยที่อยู่ตรงหน้า ภูตะวันมองคนตรงข้ามอย่างอึ้งๆ ไม่บ่อยนักที่เขาจะเห็นหมอเด็กรุ่นใหม่ที่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ เขายกยิ้มมุมปากและรู้สึกภูมิใจไม่น้อยที่ได้พระพายเป็นลูกศิษย์


               

               รถเบ๊นซ์คันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดภายในคอนโดแห่งหนึ่งหลังจากที่กินข้าวต้มข้างทางเสร็จ ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้นมาเล็กน้อย แต่คนตัวเล็กที่เพิ่งจะกินอิ่มไปเมื่อครู่กลับนอนหลับคอพับคออ่อนด้วยความเหนื่อยอยู่บนเบาะหนังสีแดงราวกับเด็กน้อย


“หมอพาย ถึงแล้ว” สะกิดเรียวแขนเล็กอย่างเบามือ แต่คนขี้เซาก็ยังไม่รู้สึกตัว จึงเพิ่มแรงสะกิดอีกเล็กน้อยพร้อมกับเสียงเรียกที่ดังขึ้นอีกจนอีกฝ่ายลืมตาขึ้นมางัวเงีย


“ถึงแล้ว”


“... ขอบคุณครับที่มาส่ง อีกสามชั่วโมงเจอกันครับ” ถึงแม้จะงัวเงียแค่ไหน แต่ก็ไม่ลืมที่จะประนมมือไหว้และกล่าวขอบคุณผู้ใหญ่ตามนิสัยที่ได้ถูกสั่งสอนมาอย่างดีจากครอบครัว ก่อนจะก้าวลงจากรถพร้อมปิดประตู จังหวะเดียวกับที่ประตูฝั่งคนขับก็ถูกปิดลงเช่นเดียวกัน


“ไม่ต้องขึ้นไปส่งก็ได้ครับ” อาจารย์หมอหัวเราะเบาๆและเดินนำไป พระพายถึงกับถอนหายใจที่ไม่สามารถขัดอะไรอีกคนได้เลย


“ชั้นอะไร?”


“8 ครับ” คนตัวสูงกดหมายเลขชั้นที่ลูกศิษย์บอกและชั้นถัดไปอีกสองชั้น หมอพายขมวดคิ้วและถามในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ออกไปทันที


“อาจารย์อยู่คอนโดนี้เหรอครับ!?”


“... ใช่” สิ้นคำตอบ มือบางตบเข้าที่หน้าผากตัวเองอย่างจัง ปล่อยไก่อีกตัวเบ้อเร่อ ทึกทักเอาเองว่าอาจารย์หมอสุดหล่อที่สาวๆหมายปองจะใจดีขึ้นมาส่งถึงหน้าห้อง แต่กลับกลายเป็นว่าเขาพักอยู่ที่คอนโดเดียวกัน


“ตอนเช้าถ้าจะไปพร้อมกันก็ลงมารอผมที่ล็อบบี้เก้าโมง ส่วนหนังสือมาเอาของผมไปอ่านก็ได้ จะได้ไม่ต้องนั่งอ่านคนเดียวที่ห้องสมุดดึกๆ ... ออกไปได้แล้ว” เขาพยักเพยิดหน้าให้ลูกศิษย์ที่ได้แต่มองตาปริบๆออกจากลิฟท์กลับห้องของตัวเอง


“ขอบคุณครับ ความจริง ... อาจารย์ก็ใจดีนะฮะ ไม่เห็นจะดุเหมือนคนอื่นเขาว่าเลย ไปแล้วนะครับ ... ” คนตัวเล็กโบกมือลาก่อนจะก้าวขาออกจากลิฟท์และตรงไปห้องพักของตัวเองด้วยรอยยิ้มบางๆ




***************




Talk : ขอบคุณพระเจ้าที่ยังมีคนอ่าน แหะๆ -0-
เริ่มเรื่องจะค่อยเป็นค่อยไปหน่อยนะคะ จะเน้นวิชาการนิดหน่อยเท่าที่จะหาข้อมูลได้
อาจมีผิดพลาดต้องขออภัยด้วยค่ะ เรื่องนี้ไม่รู้เรียกแนวอะไรดี (- -)
แต่ก็จะมีผ่าๆนี่แหละค่ะ ชีวิตรักหมอนักผ่านี่เนอะ อิอิ ยังไงก็ฝากติดตาม+คอมเม้นท์ด้วยนะคะ
อยากรู้ฟีดแบคว่าดีหรือไม่ดียังไง ขอบคุณค่าาา ^^
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 3 (01-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 01-06-2015 07:39:27
มาติดตามค่ะ  มาอัพบ่อยๆ ดีจัง เนื้อเรื่องหาสนใจดีค่ะ หมอพะพายน่ารัก ปูเรื่องมาอ่านไม่สะดุดเลยค่ะ  ทำการบ้านมาดีมากเลยวิชาการแน่นปึก
เป็นกำลังใจให้นะคะ ช่วงแรกๆ คนอ่านยังไม่พุ่งเป็นธรรมดาของนักเขียนมือใหม่ค่ะ  ที่เล้าเรื่องสนุกเยอะ อ่านไม่ทันเลย ตัวนัทสึเองมาลงแรกๆ ก็ลุ้นๆเหมือนกันค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังลุ้นๆอยู่ 5555

PS, นัทสึไม่ได้เรียนหมอหรอกค่ะ  แต่เรียนกฎหมาย สาขาบริหารยุติธรรมและนิติวิทยาศาสตร์ที่เราต้องทำงานกับหมอเฉพาะทางนิติเวชค่ะ อาจารย์ที่สอนจะเป็นอาจารย์หมอกับอาจารย์ตำรวจค่ะ ก่อนสอนจะเล่าชีวิตการเรียนหมอและประสบการณ์ในอดีต  ระลึกอดีตไปครึ่งชั่วโมง 55555  ตอนเห็นชื่อเรื่องนี้ แอบสงสัย หมอนักผ่า นี่หมอผ่าศพหรือหมอศัลย์นะ 555
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 3 (01-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: yupa ที่ 01-06-2015 07:52:22
ขอบคุณคะ เป้นกำลังใจให้จ้า :L2: :L2: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 3 (01-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 01-06-2015 09:11:01
สนุกมากๆๆๆ
เนื้อหาเเน่นปึก หมอพายน่ารัก
ติดตามค่ะ
ชอบ อ.หมอจัง
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 3 (01-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: premierfour ที่ 01-06-2015 11:59:41
อ่านแล้วนึกถึงหมอพัคคคค  :-[
สนุกดีครัชชชช
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 3 (01-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: coolmaoil ที่ 01-06-2015 15:48:37
 :-[  :katai4: :katai5:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 3 (01-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 01-06-2015 16:58:43
หมอหมอพายเขาอยู่คอนโดเดียวกันด้วย คงได้ไปทำงานด้วยกันบ่อยๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 3 (01-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 01-06-2015 17:01:53
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 3 (01-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 01-06-2015 18:31:36
แฟนนิยายหมออย่างเรามิพลาดค่า ชอบๆ อัพบ่อยๆ น๊า อย่าทิ้งเค๊ารอเก้อน๊า ^^
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 3 (01-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: yupa ที่ 03-06-2015 09:31:06
 :L2: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 4 (05-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 05-06-2015 01:00:55
-4-


                 ผ่านไปหลายวันกับการเป็นแพทย์ประจำบ้านที่นี่ ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน เพื่อนร่วมงาน รวมถึงคนไข้ พระพายยังคงใช้ชีวิตเหมือนวันแรกที่เข้ามาในอาณาจักรของโรงพยาบาลวิวรรธน์ ราวน์วอร์ด ตรวจคนไข้และฟังอภิปรายเกี่ยวกับความรู้และเทคนิคการผ่าตัดรักษาโรคต่างๆจากอาจารย์หมอศัลยศาสตร์ท่านอื่น

                ทุกวันเขาเลือกที่จะอาศัยมอเตอร์ไซค์วินแทนที่จะรอไปพร้อมกับอาจารย์หมอของตัวเอง แค่เรื่องเลี้ยงข้าวต้มในคืนนั้นเขาเองก็เกรงใจแทบแย่ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยปากถามว่าทำไมถึงไม่ไปพร้อมกัน แต่เขาก็ยังยืนยันว่าไม่อยากจะรบกวน ขณะเดียวกันก็ไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ที่เกือบจะอึดอัดบนรถกันสองคน สุดท้ายแล้วก็เลือกวิธีที่ตัวเองจะสบายใจดีกว่า

      ทว่าความสัมพันธ์ของอาจารย์หมอและลูกศิษย์อย่างเขาก็ไม่ได้ดูแย่ แต่ก็ไม่ดีเท่าแพทย์ประจำบ้านคนอื่นที่ดูจะสนิทกับอาจารย์หมอของตนเองมากทีเดียว อาจารย์หมอให้หนังสือเกี่ยวกับการแพทย์เฉพาะทางศัลยศาสตร์กับเขาเอาไว้ศึกษา ให้คำปรึกษาหากเขามีข้อสงสัย ไม่ได้คุยกันมากกว่าที่เคยหรือพูดจากวนประสาทกันเหมือนอาจารย์หมอและลูกศิษย์ท่านอื่น เพราะเขาเองก็รู้ว่าบุคลิกของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน


“เสร็จแล้วเหรอหมอพาย” เสียงใสร้องทักอย่างสนิทสนมเมื่อเขาผลักประตูห้องทำงานเข้ามาหลังจากตรวจคนไข้ที่หอผู้ป่วยในเสร็จ ด้วยระยะเวลาไม่นาน แต่ก็ได้เห็นกันทุกวัน อายุอานามก็ไล่กันมา ทำให้พวกเขาสนิทกันในเวลาอันรวดเร็ว


“เสร็จแล้ว เดี๋ยวมีฟังบรรยายวิชาการไม่ใช่เหรอ ไม่เตรียมตัวกันล่ะ?” เขามองเพื่อนสองคนสลับกันไปมา หมอเอิร์ธหนุ่มตี๋นอนหลับเอนหลังพิงเก้าอี้ทำงาน ส่วนหมอแพรกำลังก้มหน้าสนใจสมาร์ทโฟนที่อยู่ในมือ เพียงครู่สั้นๆเธอก็วางมันลง ก่อนที่จะเงยหน้ามองเขา


“อีกตั้งครึ่งชั่วโมง ยังพอมีเวลาพัก ครั้งก่อนนะเราเบื่อจะแย่อาจารย์หมอพูดแบบน่าหลับมากกกก” แพรดาวพูดพลางทำหน้าขยาด พระพายคลี่ยิ้มบ้างกับท่าทางของเพื่อนร่วมอาชีพ ก่อนขาเรียวจะพาเจ้าของมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง


      จนกระทั่งใกล้ถึงเวลาที่แพทย์ประจำบ้านอย่างพวกเขาต้องเข้ารับฟังบรรยายวิชาการเกี่ยวกับความรู้และเทคนิคการผ่าตัดรักษาโรคต่างๆ ทั้งสามคนมุ่งหน้าไปยังห้องประชุมเล็กที่ใช้ในการบรรยายอย่างไม่รีบร้อน ด้วยเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลืออยู่บ้าง แต่ก็เป็นเวลาไม่นานพวกเขาก็เข้ามาถึงจุดหมาย เอกสารการเข้ารับฟังอยู่ตรงหน้า พร้อมกับจอโปรเทกเตอร์ขนาดกลางที่ฉายหัวข้อที่จะรับฟังวันนี้ ทว่าอาจารย์หมอที่รับหน้าที่บรรยายในครั้งนี้ยังไม่เข้ามา


“การผ่าตัดรักษาโรคหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลัง” อนุวัฒน์หมอหนุ่มตี๋พูดขึ้น ก่อนจะพ่นลมออกจากปากบางเสียพรูใหญ่ราวกับว่าจะต้องเจอศึกหนักในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเสียอย่างนั้น


“ถ้างั้นก็ต้องเป็นอาจารย์หมอภูตะวันสิ!” หญิงสาวมีสีหน้าตระหนก ได้ยินกิตติศัพท์อาจารย์หมอคนนี้มาหนาหูว่าเขามีบุคลิกที่เคร่งขรึม เย็นชา ยิ้มยาก แถมยังเจ้าระเบียบ ทำให้หลายๆคนกลัวและไม่กล้าที่จะเข้าหา


“... คงงั้นมั้ง” พระพายตอบด้วยท่าทีสบายๆ ไม่ได้มีความวิตกกังวลเหมือนกับหมอแพร อาจจะเพราะเขาคิดว่าอาจารย์หมอไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นเขาพูดกันก็เท่านั้น


                 จากนั้นไม่นานร่างสูงสมส่วนของอาจารย์หมอวัยสามสิบต้นๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มไล่มองแพทย์ประจำบ้านทีละคนจนหยุดที่นายแพทย์พระพายเป็นคนสุดท้ายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนละสายตาจากลูกศิษย์ ดึงไมค์ตั้งโต๊ะให้หันเข้าหาตัว


“พวกคุณคงรู้จักผมอยู่แล้ว ผมเริ่มบรรยายเลยแล้วกัน... ” เขาพูดเสียงเข้มพร้อมกับสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะกดเลื่อนสไลด์ที่จอคอมพิวเตอร์ไปยังบทบรรยายในวันนี้


“Surgery for Acquired Heart Disease หรือการผ่าตัดหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลัง อย่างที่พวกคุณรู้คือโรคหัวใจที่ทำการผ่าตัดรักษาได้แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดและโรคหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลัง” อาจารย์หมอบรรยายเกี่ยวกับการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจอย่างชำนาญและเชี่ยวชาญ เป็นไปอย่างไม่รีบร้อน เพราะเขาอยากให้แพทย์ประจำบ้านได้เข้าใจเนื้อหาอย่างถี่ถ้วน เนื่องจากเป็นศาสตร์ที่ต้องใช้ความจำเยอะอยู่พอสมควร จนเมื่อเวลาผ่านไปพอสมควร เขาจึงเลือกที่จะตั้งคำถามเพื่อให้แพทย์ประจำบ้านได้มีส่วนร่วมในการเข้ารับฟังการบรรยายครั้งนี้


“ครั้งที่แล้วพวกคุณได้เข้าฟังการบรรยายเรื่อง Pre-operative workup (การเตรียมการก่อนผ่าตัด) กันใช่ไหม ผมขอถามหน่อยว่ามันมีขั้นตอนอะไรบ้าง” ภูตะวันย้ายตัวเองไปนั่งเก้าอี้ตัวใหญ่หลังจากที่ยืนมาได้สักพัก เขาเอนหลังพิงพนักและวาดขายาวขึ้นไขว่ห้าง พลางไล้นิ้วมือเรียวที่กลีบปากของตนอย่างรอคำตอบ


“History, review of systems and physical exams , Blood count , Chemistry and typing , Urinalysis ครับ” อนุวัฒน์ชิงตอบก่อนและเหลือให้เพื่อนอีกสองคนได้ตอบบ้าง เป็นการไม่อวดรู้และไม่เป็นการหักหน้าเพื่อนร่วมอาชีพ


“CxR , 12 leads EKG , Coronary angiography , Exercise testing” หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวเป็นฝ่ายตอบบ้าง ก่อนทุกคนจะเบนสายตาไปยังแพทย์ประจำบ้านอีกคนที่ยังเหลืออย่างพระพาย


“Radionuclide myocardial imaging , PFT , ABG , Cardiac rehabilitation ,  Assessment of risk and benefit , Discussion ครับ” ภูตะวันยิ้มขรึมเมื่อได้รับคำตอบที่พอใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนอีกครั้งเพื่อบรรยายในส่วนที่ยังเหลือ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดบายพาส ภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัด การเลือกใช้กราฟสำหรับการผ่าตัดบายพาส การดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัดและผลของการผ่าตัด


                 จนกระทั่งให้แพทย์ประจำบ้านสรุปเนื้อหาการบรรยายทั้งหมดของวันนี้ว่าได้รับความรู้และมีความเข้าใจในเนื้อหามากน้อยเพียงใด และหมอพายที่ดูจะรู้เรื่องและตั้งใจมากที่สุดในสามคน ก็ถูกยัดเยียดให้เป็นคนสรุปทั้งหมด


“การผ่าตัดรักษาโรคหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลัง มีหลักการรักษาเช่นเดียวกับการรักษาผ่าตัดโรคหัวใจอื่นๆครับ สิ่งสำคัญคือการเตรียมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด เข้าใจถึงแนวทางการรักษา ข้อบ่งชี้ของการผ่าตัดและการดูแลรักษาหลังผ่าตัด นอกจากนี้ควรจะประเมินอัตราเสี่ยงของการผ่าตัดโรคหัวใจที่เกิดขึ้น เพื่อทำการผ่าตัดที่ถูกต้องแม่นยำและได้ผลการผ่าตัดที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจครับ” เขาพูดด้วยความมั่นใจ สีหน้าจริงจัง เสียงปรบมือเบาๆดังขึ้นจากบุคคลที่นั่งข้างๆพร้อมกับนิ้วโป้งที่ยกขึ้นเป็นรางวัล หมอพายไหวไหล่ก่อนจะยักคิ้วให้เพื่อนทั้งสองของตน ทุกการกระทำของพวกเขาตกอยู่ในสายตาของภูตะวันทั้งหมด ต้องยอมรับว่าแท้จริงแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความฉลาดของลูกศิษย์คนนี้ มีดีหลายอย่างเกินไปแล้ว


“บ่ายวันนี้ผมและทีมศัลยแพทย์มีผ่าตัดใหญ่ ถ้าพวกคุณว่างก็ควรจะเข้าห้องอัฒจรรย์ อาจารย์หมอของแต่ละคนจะให้ชั่วโมงปฏิบัติงานในภาคปฏิบัติตามชั่วโมงที่ใช้ในการผ่าตัดทั้งหมด” เขาพูดจบก็ก้าวขายาวๆเดินจากไป ทิ้งให้แพทย์ประจำบ้านสามคนได้แต่มองตามกันคอตก พวกเขาต้องทำงานในภาคปฏิบัติอย่างน้อย 28 เดือนรวมราวๆสองปีกว่า อีกทั้งเมื่อหมดปีพวกเขาจะต้องสอบข้อเขียนในภาคทฤษฎีอีกด้วย


“ตกลงต้องไปใช่มั้ยเนี่ยยยย” คุณหมอหน้าตี๋บ่นกระปอดกระแปด ถึงแม้จะรักอาชีพหมอแต่หมอก็ยังคงต้องการเวลาพักแม้สักนิดหน่อยก็ยังดี แพรดาวตวัดสายตามองเพื่อน ก่อนจะพรูลมหายใจออกมา


“พูดขนาดนี้แล้วก็ต้องไปสิ ยังไงเราก็มีแต่ได้กับได้อยู่แล้ว ได้ชั่วโมงปฏิบัติงานแถมยังได้บันทึกลง e-log book อีกต่างหาก คิดจะเรียนต่อก็อย่าขี้เกียจไปหน่อยเลยคุณหมอเอิร์ธ” หมอแพรแกล้งพูดกระแทกให้อีกคนรู้สึกสำนึก หมอเอิร์ธได้แต่เกาหัวแกรกๆเพราะเถียงไม่ออก ทว่าจบลงด้วยประโยคกระเซ้าปิดท้ายจากพระพาย ที่ทำให้เอาเพื่อนสองคนที่เหลือถึงกับมีสีหน้าตกใจสุดขีด


“สองคนนี้เถียงกันบ่อยๆ ระวังเถอะสุดท้ายจะได้กัน” คนพูดคลี่ยิ้ม ทิ้งให้คุณหมอสองคนที่เหลือได้แต่มองตามอย่างอึ้งๆพลางคิดในใจว่านั่นมันเหมือนรอยยิ้มของปีศาจต่างหาก ก่อนจะตวัดสายตามองกันอย่างขยาดๆ ยังไงเขาสองคนก็ไม่มีทางได้กันอย่างที่หมอพายว่าแน่ๆ


                 หลังจากบรรยายให้กับแพทย์ประจำบ้านเสร็จได้ไม่นาน ภูตะวันก็ลงมานั่งจิบกาแฟกับหมอบีหรือแพทย์หญิงสโรชา สูตินารีแพทย์คนสวยประจำโรงพยาบาลวิวรรธน์อย่างผ่อนคลาย ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เป็นนักศึกษาแพทย์และห่างกันไปหลังเรียนจบ เนื่องจากหมอบีบินไปเรียนต่อที่เมืองนอก ก่อนจะกลับมาทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ-นารีเวชที่โรงพยาบาลวิวรรธน์ธุรกิจครอบครัวของเพื่อนอย่างภูตะวัน
      
                  เขารู้มาตลอดว่าหมอบีรู้สึกยังไงเพราะเธอไม่เคยปิดบัง เธอมักจะบอกว่าชอบและถามเขาอยู่บ่อยๆว่าเมื่อไหร่จะยอมใจอ่อนและมาคบกับเธอสักที ทว่าเขากลับปฏิเสธเธอทุกครั้งและสบายใจที่จะให้เธอและเขาเป็นเพียงเพื่อนกันเหมือนที่เคยเป็นมากกว่า


“ทำงานที่เดียวกันแต่ไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะศัลยแพทย์มือหนึ่ง” เธอทักขึ้นมากวนๆ หากแต่หมอซันกลับคิดว่ามันคือประโยคแขวะเขาเสียมากกว่า ชายหนุ่มแสยะยิ้มก่อนจะแขวะเธอกลับเช่นกัน


“ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ-นารีเวชอย่างแพทย์หญิงสโรชาก็ดูจะไม่ค่อยว่างเหมือนกันนะครับ วันๆคงได้แต่ล้วงๆควักๆคนไข้จนมือเปื่อย”


“ไอ้หมอลามก!” เธอแหวใส่เขาอย่างไม่จริงจังมากนัก ซึ่งคนถูกด่ากลับหัวเราะในลำคอเบาๆพลางจับหลอดในแก้วกาแฟเย็นยี่ห้อดังขึ้นดูดอย่างสบายอารมณ์


“ช่วงนี้มีอบรมเรสสิเดนท์ใช่ไหม เป็นไงบ้าง มีหมอสาวๆมายุ่งกับแกไหมเนี่ย แกก็อย่าไปหลงกลเด็กมันเข้าล่ะ เห็นใจฉันบ้างฉันเฝ้าแกมาตั้งหลายปี” หมอบีรัวคำถามใส่อีกฝ่ายไม่ยั้งก่อนจะปิดท้ายประโยคตัดพ้อทีเล่นทีจริง กระทั่งหมอหนุ่มแค่นหัวเราะเสียงเบา


“ก็ไปเฝ้าคนอื่นซะสิ เฝ้าฉันก็มีแต่เสียเวลา”


“แกเป็นเกย์ป่ะเนี่ย สวย เก่ง ดูดี มีชาติตระกูลอย่างฉันแกกล้าปฏิเสธเป็นสิบๆครั้งได้ยังไง” หญิงสาวทำหน้าฉงน ถึงแม้ว่าจะถูกอีกฝ่ายปฏิเสธมาหลายสิบครั้ง ทว่าเธอก็ยังแน่วแน่และหวังว่าหมอซันคงจะใจอ่อนและยอมรับรักเธอเข้าสักวัน จนกว่าที่นายแพทย์ภูตะวันคนนี้จะมีคนรักเป็นตัวตน วันนั้นเธอจะเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปเอง


      ภูตะวันฟังแล้วกลอกตาไปมากับความหลงตัวเองของเพื่อน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่เธอกล่าวมาเป็นเรื่องจริง หมอบีเป็นคนสวย ฉลาด เก่ง พื้นฐานครอบครัวดี เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรักเธอ ไม่มีเหตุผลอะไรมากมายในการปฏิเสธเธอคนนี้ทุกครั้ง มีเพียงเหตุผลเดียวก็คือคนบางคนเหมาะจะเป็นแค่เพื่อนมากกว่าคนรักเท่านั้นเอง


“แค่ปฏิเสธก็หาว่าเป็นเกย์ เพ้อเจ้อ” เขาพูดติดตลก คุณหมอคนสวยอมลมจนแก้มป่องอย่างงอนๆที่ถูกกล่าวหา ก่อนจะยกข้อมือขึ้นดูเวลา หน้าปัดนาฬิกาบอกว่าใกล้ถึงเวลาที่จะต้องเตรียมผ่าตัด เขายกแก้วกาแฟพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง


“มีผ่าตัดใหญ่ ไปละ ไว้เจอกัน” หญิงสาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะปิดท้ายประโยคที่ทำเอาหมอซันถึงกับส่ายหัวระอาพร้อมรอยยิ้มมุมปากให้กับความดื้อรั้นของคุณหมอคนสวย


“ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก รู้ไว้ด้วย!” หมอบีตวัดสายตามองค้อนหมอหนุ่มพลางยักคิ้วหลิ่วตาอย่างเหนือกว่าใส่ จนอีกฝ่ายเดินลับตาไป
   


      เข็มนาฬิกาเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนในหนึ่งวันจะผ่านไปเร็วเสียเหลือเกิน ท้องฟ้าภายนอกมีก้อนเมฆสีดำ
ทะมึน ส่อแววว่าอีกไม่นานฝนคงจะตกลงมา พระพายชอบมองท้องฟ้าแต่เหมือนวันนี้ท้องฟ้าจะไม่ค่อยอยากให้เขามองมากนัก ลมหายใจอุ่นร้อนถูกปล่อยออกมาที่ปลายจมูก อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจะต้องเข้าห้องอัฒจรรย์เพื่อดูการผ่าตัดครั้งใหญ่ของทีมศัลยแพทย์ เขาละสายตาจากท้องฟ้านอกหน้าต่างมายังรูปใบเล็กที่ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์อย่างดี รูปที่มีเขากับบุคคลอันเป็นที่รัก ...




      ห้องอัฒจรรย์ขนาดปานกลาง บรรยากาศเย็นเยียบจนน่าขนลุกเพราะเครื่องปรับอากาศ ภายในห้องมีบุคคลที่เป็นแพทย์ในตำแหน่งใหญ่ๆที่เขาไม่รู้จักอยู่สองสามคน หมอพายพุ่มมือไหว้ทำความเคารพตามมารยาท ก่อนจะนั่งลงข้างเพื่อนแพทย์ประจำบ้านด้วยกันที่นั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว


“มาช้า บอกว่าให้มาพร้อมกันก็ไม่มา” หมอแพรเอนตัวกระซิบ


“ก็ยังไม่เริ่มซะหน่อย” พระพายหันไปยิ้มตอบ ดวงตากลมโตทอดมองลงไปยังห้องผ่าตัดเบื้องล่าง ที่พยาบาลผู้ช่วยหลายชีวิตกำลังตระเตรียมทุกอย่างให้พร้อมรอแพทย์ผู้ผ่าตัดเข้ามา

               หญิงสาววัยกลางคนเป็นผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัด นอนไม่ได้สติจากฝีมือหมอดมยา สายเครื่องมือการแพทย์ระโยงระยางรอบตัว เขาเหลือบมองที่จอ LCD ขนาดใหญ่สองตัวด้านบนภายในห้องอัฒจรรย์ ตัวหนึ่งฉายให้เห็นภาพมุมกว้างที่เห็นห้องผ่าตัดทั้งหมด ส่วนอีกตัวเห็นเพียงแค่เพียงช่วงหน้าอกของผู้ป่วยเป็นจุดที่จะต้องผ่าตัด

                เพียงไม่นานทีมศัลยแพทย์ที่นำโดยหัวหน้าทีมอย่างภูตะวันก็เดินเข้ามาด้วยชุดปลอดเชื้อ เขาช้อนสายตาขึ้นมองด้านบนที่เป็นห้องอัฒจรรย์และสบตากับเจ้าของดวงตาคู่สวยอย่างพระพายเพียงชั่วครู่ ก่อนแพทย์ประจำบ้านสามคนจะรีบลุกขึ้นยืนพุ่มมือไหว้ทำความเคารพผู้ใหญ่อย่างรู้หน้าที่ หลังจากนั้นพยาบาลผู้ช่วยก็กรูกันเข้ามาช่วยใส่เสื้อคลุมสำหรับผ่าตัด สวมถุงมือยาง มัดผ้าปิดปากปิดจมูก รวมถึงผ้าคลุมศีรษะ เรียกได้ว่าทีมศัลยแพทย์ทำแค่ผ่าตัดอย่างเดียวก็ว่าได้


“ผู้ป่วยป่วยด้วยภาวะหัวใจวายหรือภาวะหัวใจล้มเหลวระยะสุดท้าย ก็คือความสามารถในการบีบตัวของหัวใจลดเหลือน้อยกว่า 25% ของภาวะปกติ เราถึงต้องทำการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ” ภูตะวันเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ บอกให้แพทย์ประจำบ้านรู้ถึงเคสที่กำลังจะผ่าตัด

               เขารับมีดผ่าตัดจากพยาบาลผู้ช่วย กดมีดลงที่กลางอกของผู้ป่วยช้าๆ ศัลยแพทย์มือสองก็ช่วยจับเนื้อของผู้ป่วยให้แยกออกจากกันจนเห็นอวัยวะภายในที่เป็นช่วงอกทั้งหมด พระพายรวมถึงแพทย์คนอื่นๆมองบนจอที่ฉายภาพการผ่าตัดอย่างชัดเจนสลับกับมองไปด้านล่างบ้างเป็นครั้งคราวอย่างตั้งใจใฝ่รู้


“อาจารย์หมอจะผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจแบบไหนครับ?”


“ตัดหัวใจออก เหลือบางส่วนของหัวใจห้องบนซ้าย” ภูตะวันตอบศัลยแพทย์ในทีมทั้งที่กำลังก้มหน้าก้มตาเริ่มตัดส่วนของหัวใจออกทีละนิดๆ จนเหลือห้องบนซ้ายอยู่บางส่วนที่ต้องการ


“หัวใจที่บริจาคล่ะ พร้อมหรือยัง?” เขาหันไปถามพยาบาลผู้ช่วย ก่อนจะได้รับคำตอบว่ากำลังเดินทางมาพร้อมกับศัลยแพทย์หลอดเลือดและปลูกถ่ายอวัยวะ เมื่อได้รับคำตอบเขาจึงพยักหน้าเข้าใจ

               เพียงไม่กี่นาทีห้องผ่าตัดก็ถูกเปิดออกพร้อมด้วยร่างของศัลยแพทย์ที่ค่อนข้างมีอายุ ในมือของชายสูงวัยถือกล่องเหล็กที่ในนั้นมีหัวใจของผู้ป่วยที่ก้านสมองตายและญาติยินยอมบริจาคให้กับส่วนกลาง เขาเหลือบตามองขึ้นไปด้านอัฒจรรย์พร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างคนใจดี

                ทุกคนที่อยู่ภายในห้องนั้นต่างพากันยกมือไหว้เคารพ ทว่ายังมีแพทย์ประจำบ้านอีกคนที่ยังคงนั่งค้างอยู่แบบนั้น แววตาสั่นระริกจับจ้องที่ศัลยแพทย์สูงวัยก่อนจะกลายเป็นแววตาที่แข็งกร้าวในเวลาไม่กี่นาที หัวใจเต้นระรัว เลือดในกายวิ่งพล่านไปทั่วร่าง เขาขยำเสื้อกาวน์ของตัวเองแน่นจนยับคามือ หมอสูงวัยหน้าตาใจดีไม่ได้สนใจอะไรพวกเขานัก เขาย่างกรายเดินเข้าไปยังเตียงผ่าตัดที่หลากหลายชีวิตกำลังรุมล้อม การกระทำของพระพายตกอยู่ในสายตาคู่คมของภูตะวันอย่างนึกสงสัย ก่อนจะละสายตาจากด้านบนมายังศัลยแพทย์สูงวัยที่เขาให้ความเคารพเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง


“ว่าไงหมอซัน ฝีมือไม่ตกเลยนะ มือหนึ่งยังไงก็อย่างงั้น” เขาทักพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี


“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ว่าแต่อาหมอกลับมาจากอังกฤษเมื่อไหร่” ภูตะวันถามพลางประคองหัวใจของผู้บริจาคไว้อย่างเบามือ นายแพทย์พฤติพงศ์หรือหมอโจ จึงตอบอีกฝ่ายเพิ่งจะกลับมาถึงเมื่อคืนนี้ หลังจากไปประชุมสัมมนาเพราะตัวแทนของศัลยแพทย์ปลูกถ่ายอวัยวะที่ประเทศอังกฤษ


               ทั้งที่ในห้องนี้อากาศเย็นเสียจนขนลุกขนชัน ทว่าร่างกายของพระพายกำลังร้อนดั่งถูกไฟเผา แววตาที่เคยสะท้อนประกายสวยกลับเป็นแววตาแข็งกร้าวดุดัน แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นนอกจากหมอซันที่เหลือบมองขึ้นมาเป็นระยะๆอย่างสงสัยว่าลูกศิษย์ของเขาเป็นอะไร ถึงได้แสดงท่าทางแบบนั้นออกมา
      
               ในขณะที่ภูตะวันกำลังเย็บต่อห้องหัวใจและหลอดเลือดหัวใจของผู้บริจาคเข้ากับหลอดเลือดของผู้ป่วยอย่างตั้งใจอยู่นั้น เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พระพายรู้สึกหูอื้อและตาลายขึ้นมายามเมื่อนึกถึงอดีต เขาโกรธจนอยากจะวิ่งลงไปห้องผ่าตัดและหยิบมีดผ่าตัดหรือเมโยกระซวกเข้าไปที่ชายโครงของชายแก่ที่สร้างภาพว่าตัวเองเป็นคนจิตใจดีคนนั้นให้ล้มตายตรงหน้า หากแต่เขากลับทำไม่ได้ อาหารมื้อกลางวันแสนอร่อยกำลังทยอยตีขึ้นมาจนเขาอยากจะอาเจียนมันขึ้นมาเสียดื้อๆ


“อุ๊บ!” มือบางยกขึ้นปิดปากตัวเองทันที สีหน้าของเขาแดงจัดและมีน้ำตาเอ่อคลอที่ขอบตาทั้งสอง ก่อนจะลุกวิ่งออกจากห้องไปในทันที ภูตะวันเงยหน้าขึ้นมาจากจุดผ่าตัดและช้อนสายตาขึ้นมองไปยังคนด้านบน เขาหรี่ตามองตามคนที่วิ่งออกไปอย่างสงสัย แพรดาวและอนุวัฒน์เองก็ตกใจไม่แพ้กันจึงได้พากันวิ่งตามเพื่อนไปด้วยความเป็นห่วง


“แพทย์ประจำบ้านล่ะสิ สงสัยเห็นเลือดนานๆแล้วจะเป็นลม” ชายสูงวัยหัวเราะเสียงก้องไปทั่วห้องผ่าตัดถึงแม้ว่าจะมีผ้าปิดปากอยู่ก็ยังได้ยินเสียงนั้นชัดเจน ภูตะวันไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะตั้งใจผ่าตัดต่อให้เสร็จและให้มันผ่านไปได้ด้วยดี ทว่าเขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในหัวของเขาตอนนี้กลับมีเรื่องของลูกศิษย์หัวรั้นที่เพิ่งจะวิ่งออกไปแทนที่จะเป็นผู้ป่วยที่นอนไม่ได้สติให้เขาผ่าตัดอยู่ตรงหน้า ...





      พระพายนั่งเก้าอี้ชิงช้าไม้ตัวใหญ่อยู่บริเวณสวนหย่อมชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาล ชิงช้าถูกแกว่งไกวเบาๆด้วยปลายเท้าทั้งสอง เขาทอดสายตามองไปที่ท้องฟ้าเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอย หยาดฝนโปรยลงมาไม่ขาดสายหากแต่เขากลับไม่ได้สนใจมันสักนิด เพราะเห็นว่าไม่ได้ตกหนักจนทำให้ร่างกายเขาเปียกปอนได้

      เขาใช้เวลาหลังจากออกจากห้องอัฒจรรย์นั้นอาเจียนเอาสิ่งที่ตีขึ้นออกมาจนหมด ก่อนจะพาร่างตัวเองขึ้นมาบนชั้นสูงสุดของตึกนี้หวังให้ใจเย็นลงได้บ้าง เพราะหมอแก่คนนั้นที่ทำให้เขานึกถึงอดีต อดีตที่เลวร้ายของครอบครัว อยากจะต่อสายถึงมารดาและร้องบอกว่าเขาได้เจอผู้ชายใจร้ายคนนั้นแล้ว คนที่ทำให้เขาเลือกที่จะเรียนหมอมาทั้งชีวิต ทว่าเขากลับทำได้แค่คิดอยู่ในใจเท่านั้น หากบอกมารดาของตนไปก็คงจะทำให้หญิงอันเป็นที่รักไม่สบายใจขึ้นมาก็ได้ จึงเลือกที่จะเก็บไว้คนเดียวคงจะดีกว่า


“... ซื้อมาคืน” เสียงทุ้มพร้อมด้วยน้ำเย็นหนึ่งขวดถูกแนบที่แก้มใสเบาๆ แต่เพราะความเย็นและตกใจก็ทำให้เขาสะดุ้งไม่น้อย พระพายช้อนสายตาขึ้นมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามา ในมือชายคนนั้นถือร่มคันสีดำสนิททำให้เขาไม่โดนเม็ดฝนที่โปรยลงมา มือบางรับขวดน้ำเย็นมาถือไว้ ก่อนคนตัวสูงจะนั่งลงข้างๆและยังคงถือร่มไว้แบบนั้น


“ขอบคุณครับ” เสียงนุ่มเอ่ยขอบคุณ พลางเปิดฝาและยกมันขึ้นดื่มให้ฉ่ำปอด ภูตะวันมองลูกศิษย์ของตัวเองดื่มน้ำที่เขาซื้อมาให้
ไปเสียอึกใหญ่และยังนึกสงสัยอยู่ในใจว่าพระพายเป็นอะไร ไวเท่าความคิดจึงเอ่ยถามในทันที


“เป็นอะไรถึงวิ่งออกจากห้องมาแบบนั้น” พูดจบก็เบนสายตามองไปยังท้องฟ้ามืดครึ้มเบื้องหน้าแทนที่จะมองคนข้างๆ เพียงต้องการเว้นที่ว่างให้อีกฝ่ายได้คิดและไม่ให้รู้สึกเหมือนว่าเขาละลาบละล้วงจนเกินไป


“... โรคเครียดกำเริบน่ะครับ ไม่มีอะไร” พระพายตอบแบ่งรับแบ่งสู้ เขาเป็นโรคเครียดมาหลายปีตั้งแต่ที่พ่อของเขาจากไป รักษาไม่หายแค่เยียวยาได้ด้วยการกินยาเท่านั้น แต่ถ้าในวันไหนที่มีเรื่องให้เขาต้องคิดหรือรู้สึกมากอย่างเช่นวันนี้ อาการก็จะปรากฏขึ้นมาทันที ภูตะวันหันกลับมามองอีกคนพลางหรี่ตาลงคล้ายยังไม่หมดความสงสัย


“แค่นั้น?”


“... ครับ แค่นั้น” เขารู้ว่าที่จริงแล้วมันไม่ได้มีแค่นั้นอย่างที่อีกฝ่ายตอบ แต่ก็เลือกที่จะไม่ซักถามหรือเค้นเอาความจนสร้างความกดดันหรือทำให้พระพายรู้สึกไม่ดีกับตัวเขา โดยปกติแล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่อยากรู้อะไรเรื่องของคนอื่นมากนัก ทว่าพอเป็นเรื่องของลูกศิษย์อย่างพระพาย เขากลับให้ความสนใจอย่างกับรู้จักกันมานานนม อาจจะเป็นเพราะความเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์หรือไม่ก็อาจจะเพราะแววตาน่าสงสารคู่นั้นที่ทำให้เขาไม่สนใจไม่ได้ ...


“กลับกันเถอะ!” อาจารย์หมอลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แต่ถึงอย่างนั้นร่มสีดำคันใหญ่ก็ยังไม่หลุดจากรัศมีที่พระพายนั่งอยู่แม้แต่น้อย เขามองอาจารย์ของตนเองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ อาจารย์หมอที่ใครๆก็มองว่าเย็นชาไร้ความรู้สึก กลับสนใจความรู้สึกลูกศิษย์ตัวเล็กๆอย่างเขา ทั้งที่จะมองข้ามมันไปแล้วทำเป็นไม่เห็นไม่สนใจก็ยังได้ อาจารย์หมอของเขาไม่ใช่คนเย็นชาอย่างที่คนอื่นพูดจริงๆหรอก เพราะตอนนี้คนเย็นชาที่ใครๆว่ากลับทำให้เขาอบอุ่นหัวใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ...



**************************


Talk : ตอนนี้พิมพ์ไป 4 วัน ขอบคุณที่สนใจนิยายเรื่องนี้นะคะ
อยากบอกว่าตั้งใจมากจริงๆ ^^ ในตอนนี้ตัวละครสำคัญเริ่มปรากฏแล้วค่ะ
พร้อมๆกับปมของหมอพายที่ค่อยๆเกริ่นขึ้นมา หวังว่าเรื่องนี้จะถูกใจกันนะคะ
เนื้อเรื่องหลักส่วนใหญ่เกิดที่โรงพยาบาลค่ะ แหงล่ะ เพราะตัวเอกเป็นหมอนี่เนอะ ฮ่าๆๆๆ
ยังไงฝากไว้ด้วยแล้วกันนะคะ แล้วพบกันใหม่ ขอบคุณค่ะ :)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 4 (05-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 05-06-2015 02:36:17
สนุกมากเลยยยยยยยยยย
ชอบหมอพายกับหมอซัน รอดูวันที่รักกัน555555
ว่าแต่หมอโจคนนั้นต้องเป็นคนรักษาพ่อของหมอพายมั้ยอะ แบบว่ารักษาผิดพลาดไรเงี้ยยย ละพ่อหมอพายเลยเสียชีวิต หมอพายเลยเลือกเรียนหมอ
นั่งเดาสุดดดด 555555555
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 4 (05-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 05-06-2015 06:12:33
 :z13: เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 4 (05-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 05-06-2015 06:27:03
หมอซันน่ารักกกกกก
ไอ่หมอคนนั้นทำอะไรครอบครัวพาย
สู้ๆ นะคะ รออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 4 (05-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 05-06-2015 07:21:42
หมอโจคนนั้นทำอะไรไว้ ทำให้หมอพายเกิดอาการได้ขนาดนี้
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 4 (05-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: yupa ที่ 05-06-2015 08:32:00
 :L2: :L2: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 4 (05-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-06-2015 09:11:30
หมอซันมีแฟนแล้ว??? ได้ไง แล้วหมอพายล่ะ
อาจารย์หมอใส่ใจลูกศิษย์ดีมาก แต่ท่าทางลูกศิษย์จะดื้อมิใช่น้อย
หมอโจนี่เป็นผู้ร้ายรึ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 4 (05-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ม่วงระย้า ที่ 05-06-2015 10:17:11
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไป

อ่านแล้วคิดถึง หมอคิตามิ เลย ฮ่า ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 4 (05-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 05-06-2015 12:09:18
รออ่านอยุ่น่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 4 (05-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: mek_it ที่ 05-06-2015 15:35:01
รออ่านต่อนะครับ / เป็นกำลังใจให้คนเขียน
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 4 (05-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 05-06-2015 16:18:53
เรื่องอ่านแล้วทำให้นึกถึงเรื่อง iryu team medical dragon เลย เราจะรออ่านตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 5 (11-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 11-06-2015 02:12:04
-5-


กึก กึก กึก
           เสียงดังกึกก้องดังขึ้นจากส้นรองเท้าคัทชูผู้ชายสีดำเป็นเงาวับ สองขายาวก้าวฉับๆอย่างคล่องตัวไปตามทางเดินพื้นหินอ่อนของโรงพยาบาลด้วยความรีบร้อน เมื่อได้รับข่าวว่าคนไข้เด็กผู้หญิงรายหนึ่งอาละวาดอย่างหนักเนื่องจากไม่ยอมให้พยาบาลเจาะเลือด เขาถึงได้รีบมาทำให้เหตุการณ์สงบเพื่อไม่ให้รบกวนผู้ป่วยรายอื่น เพราะเป็นห้องพักรวม 


“อาจารย์หมอทางนี้ค่ะ!” พยาบาลหญิงวัยกลางคนเรียกเขาด้วยความร้อนรน ก่อนจะรีบเดินนำไปยังเตียงผู้ป่วยรายนั้นทันที ในขณะเดียวกันก็ยังได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังลอยมาแต่ไกล

               สายตาคมจับจ้องไปที่ผู้ป่วยเด็กรายนั้นที่ตอนนี้พยาบาลสองคนได้ถอยห่างให้อาจารย์หมออย่างเขาเป็นฝ่ายจัดการ สีหน้าเรียบเฉยของเขาบวกกับความเย็นชาที่สะท้อนออกมาจากแววตานิ่งๆ ทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ เด็กสาวสงบลงและมองมาทางคุณหมอร่างสูงใหญ่อย่างไม่มีความเกรงกลัวใดๆ


“เด็กก้าวร้าว ระวังจะไม่มีใครรัก” ภูตะวันพูดเสียงเรียบ รับเข็มจากนางพยาบาลก่อนจะจับแขนเล็กของเด็กสาวเอาไว้พร้อมสำหรับการเจาะเลือด ทว่าเธอกลับสะบัดแขนข้างนั้นออกอย่างแรง


“อย่ามายุ่ง!!!”


“ถ้าเธอไม่ให้หมอเจาะเลือด เธอจะตาย” ถึงแม้จะรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับกิริยาก้าวร้าว แต่เขาก็เลือกที่จะไม่สนใจเสียงตวาดจากผู้ป่วยร่างเล็กฤทธิ์เยอะบนเตียง กลับพูดเป็นเชิงขู่เสียงเรียบ ทำให้เด็กสาวอายุราว 7 ขวบชะงักไป สีหน้าเธอดูสลดในขณะที่ดวงตาก็สะท้อนความเศร้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด


“... หนูก็คงได้ไปอยู่กับพ่อแม่บนสวรรค์” เธอพูดตัดพ้อน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาเหม่อลอยมองออกไปยังท้องฟ้านอกหน้าต่างบานใหญ่ ต่างทำให้คนที่อยู่ในห้องอดสงสารเด็กน้อยคนนี้ไม่ได้ เพราะพวกเขาต่างก็รู้ว่าเธอถูกสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าส่งมาให้รักษาตัวเนื่องจากป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วตั้งแต่กำเนิด ภูตะวันอาศัยจังหวะที่เด็กสาวเผลอ เตรียมพร้อมที่จะกดเข็มแหลมลงไป แต่เธอก็กลับรู้ตัวเสียก่อนและกรีดร้องเสียงดังลั่น


“กรี๊ดดดดดดดดดด!! หนูไม่ให้ทำ!!!!! กรี๊ดดดดดดดดดด!!” เธอกรีดร้องพร้อมกับสะบัดแขนและขาอย่างแรง พยาบาลสาวรีบเข้ามาช่วยกันจับร่างของเธอให้สงบลงแต่ก็ไม่เป็นผล เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีดิ้นรนเพื่อปกป้องตัวเอง มือเล็กทุบตีสะเปะสะปะใส่อาจารย์หมอไม่ยั้งราวกับคนขาดสติ เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายผู้ป่วยรายอื่นพากันแตกตื่น ภูตะวันรีบวางเข็มลงในถาดก่อนจะรวบมือน้อยที่ก็ยังรัวใส่เข้าไม่ยั้งให้หยุดลง จังหวะเดียวกันกับที่พระพายวิ่งเข้ามาพร้อมกับเพื่อนเรสสิเดนท์อีกสองคน


“ช่วยกันจับหน่อย!” อาจารย์หมอหนุ่มบอกเสียงดัง ทุกคนจึงพากันตรงเข้าไปจับแขนขาของเด็กสาวฤทธิ์เยอะอย่างกับรู้ตำแหน่งโดยอัตโนมัติ จนเธอไม่สามารถตวัดแขนและขาได้อีก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงไม่หมดฤทธิ์ เธอดิ้นพล่านอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลย


“ฉีดยานอนหลับไหมครับ!?” หมอเอิร์ธโพล่งขึ้นมาท่ามกลางความชุลมุน อาจารย์หมอที่เห็นด้วยว่าการที่จะทำให้เด็กคนนี้สงบลงก็คงจะมีแต่ให้ยานอนหลับวิธีเดียวเท่านั้น จึงพยักหน้าบอกพยาบาลให้ไปเตรียมเข้ามา ทว่าพระพายกลับไม่เห็นด้วยที่จะให้
ยานอนหลับกับเด็กที่อายุเพียงแค่นี้


“ไม่ต้องครับผมมีวิธี!! ขออนุญาตครับอาจารย์” เขาพูดเสียงเบาลงในประโยคหลัง ก่อนจะเดินไปยืนแทนที่ภูตะวัน ทุกสายตากำลังจับจ้องไปที่คุณหมอหน้าหวานว่าจะมีวิธีแก้ให้เด็กสาวคนนี้สงบลงด้วยวิธีใด พระพายล้วงหยิบของบางอย่างขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อกาวน์ของตนออกมาชูตรงหน้าของคนป่วยที่กำลังมีสีหน้าแดงจัด แต่ทันทีที่เธอเห็นของสิ่งนั้นเธอก็ค่อยๆสงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ


“... รางวัลของเด็กดี ถ้าหนูหยุดร้องหยุดดิ้นและอยู่เฉยๆ พี่จะให้หนู อยากได้ไหม?” พระพายพูดเสียงนุ่มพร้อมกับรอยยิ้มใจดี หากแต่เด็กสาวก็ยังมองเขาด้วยสายตาระแวง เพราะเธอก็ยังเห็นว่าผู้ชายใจดีตรงหน้าใส่ชุดไม่ต่างอะไรกับคุณหมอหน้าดุแถมยังใจร้ายคนที่ยืนอยู่ข้างกัน เธอมองพระพายกับอาจารย์หมออย่างหวาดระแวง ทำให้พระพายสังเกตอาการของเธอออก ก่อนจะลูบหัวกลมแผ่วเบา


“พี่เป็นหมอใจดี” สายตาคมกริบของหมอซันมองพระพายอย่างไม่สบอารมณ์นัก เหมือนกับว่าเขาโดนลูกศิษย์ตัวดีด่าอ้อมๆว่าเป็นหมอใจร้ายก็ไม่ปาน เด็กสาวรับน้ำตาลปั้นรูปหัวใจหน้ายิ้มหลากสีมาถือไว้เอง พระพายช่วยเธอแกะถุงที่ใส่ออกอย่างใจดี ลิ้นเล็กแตะลงบนขนมหวานของรางวัลอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะไม่เคยเห็นและไม่เคยกินมาก่อน แต่พอได้ลิ้มรสเธอก็คลี่ยิ้มถูกใจกับของรางวัลชิ้นนี้นักหนา จนคนให้อดไม่ได้ที่จะยิ้มตามไปเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ


“หมอไม่ได้ใจร้ายทุกคนหรอกนะ ถ้าหนูให้ความร่วมมือหนูก็จะหาย ได้กลับไปหาเพื่อนๆ พี่หมอจะซื้อน้ำตาลปั้นไว้เยอะๆให้หนูเอาไปฝากเพื่อนๆที่บ้านด้วย แต่ต้องให้พี่หมอเจาะเลือดนะครับเด็กดี” หมอพายค่อยๆตะล่อมพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มน่าฟัง สัมผัสนุ่มนวลบนกลุ่มผมสีดำเงาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและวางใจ ก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงเป็นการอนุญาตให้เจาะเลือดได้ถึงแม้ว่าในใจจะกลัวอยู่ก็ตาม พระพายรับเข็มเจาะเลือดจากพยาบาลก่อนจะค่อยๆทำอย่างเบามือ พร้อมกับสังเกตสีหน้าของเด็กสาวไปด้วยว่ามีอาการตอบสนองอย่างไร


“เสร็จแล้ว เห็นไหมแป๊ปเดียวเอง เจ็บไหมครับ?”


“เหมือนมดกัด” เด็กน้อยพูดอย่างใสซื่อ พระพายหัวเราะเอ็นดูก่อนจะส่งหลอดเลือดให้กับพยาบาลนำไปส่งตรวจก่อนผ่าตัด เขาแปะพลาสเตอร์ปิดแผลให้เธอเป็นอันเสร็จเรียบร้อย ทุกคนต่างพากันถอนหายใจ หมอซันเบือนสายตามองไปทางอื่น เมื่อรู้สึกว่าเขามองลูกศิษย์ของตัวเองด้วยความรู้สึกที่แปลกไป


                  หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อย บรรดาหมอก็พากันเดินออกมาด้วยสีหน้าผ่อนคลาย แพรดาวพูดชมเพื่อนตัวเองใหญ่ว่าเอาเด็กฤทธิ์เยอะแบบนั้นจนอยู่หมัดได้อย่างไร เช่นเดียวกันกับหมอเอิร์ธที่แทบจะปาดเหงื่อเมื่อเจอคนไข้แบบนี้ อาจจะเป็นเพราะเขาเองไม่ชอบเด็กเป็นทุนเดิม แพรดาวเอ่ยชวนให้ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน ในขณะที่ภูตะวันก็เดินเลี่ยงพวกเขาไปอีกทาง พระพายหันไปมองก่อนจะหันกลับมาหาเพื่อนของตน


“เดี๋ยวเราตามไป” เขาพูดแค่นั้นก่อนจะวิ่งออกไปตามทางเดินที่อาจารย์หมอของเขาเพิ่งจะเดินออกไปก่อนหน้านี้ไม่นาน


“อาจารย์ครับ!” คนถูกเรียกหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย เขากลับหลังหันพลางเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถามว่ามีอะไร ขาเรียวก้าวเข้ามาหาช้าๆ สายตาคมกริบมองด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนที่มือบางจะยกขึ้นจับที่ต้นคอเขาอย่างเบามือ


“... คออาจารย์มีเลือดออก สงสัยเล็บเด็กคนนั้นข่วนเอา ไปทำแผลเถอะครับ” หมอซันยกมือขึ้นแตะจุดที่ลูกศิษย์บอกเบาๆ เขาสะดุ้งเล็กน้อยเพราะแสบนิดๆเมื่อนิ้วเรียวยาวแตะโดนปากแผลที่มีเลือดซิบออกมา ดวงตาคมมองดูเลือดจางๆที่ติดอยู่ปลายนิ้ว เห็นว่าไม่ได้เป็นแผลใหญ่อะไรมากมายนักคงไม่จำเป็นจะต้องทำแผลแค่แปะพลาสเตอร์ก็คงพอ


“นิดหน่อย ไม่ต้องทำหรอก”


“มันอาจจะติดเชื้อ อาจารย์เป็นหมอก็น่าจะรู้นี่ครับ ไปครับ” พูดจบก็คว้าข้อมือหนามาจับไว้ กึ่งลากกึ่งจูงไปยังเคาท์เตอร์แผนกผู้ป่วยที่พวกเขาเพิ่งจะเดินจากมาเมื่อครู่นี้ สายตาคมมองมือบางที่วางอยู่บนข้อมือตัวเองสลับกับแผ่นหลังบางที่ไม่ได้ต่างจากแผ่นหลังของผู้ชายปกติทั่วไปนัก ทว่าพระพายก็ยังเป็นผู้ชายตัวเล็กสำหรับเขาอยู่ดี


“ช่วยทำแผลให้อาจารย์หมอของผมหน่อยครับ” เขากดไหล่หนาของอีกฝ่ายให้นั่งลงบนเก้าอี้เป็นเชิงบังคับ จับไหล่หนาไว้แบบนั้นกันไม่ให้ลุกหนี พยาบาลสาวก็รีบกุลีกุจอเตรียมอุปกรณ์ทำแผลก่อนจะนั่งลงตรงหน้าอาจารย์หมอสุดหล่อที่ใครๆต่างก็พากันชื่นชม


“คุณไปทำงานเถอะ ผมทำเองได้” เสียงทุ้มเอ่ยบอกกับพยาบาลสาว พลางหยิบถาดวางอุปกรณ์ทำแผลทั้งหมดลุกขึ้นไปด้านหลังของเคาท์เตอร์ที่เป็นอ่างล้างมือโดยไม่สนใจลูกศิษย์ที่ยืนทำสีหน้างุนงงไม่เข้าใจกับการกระทำของเขา พระพายถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเดินตามอาจารย์หมอของตนเองเข้าไป


              ภูตะวันยืนอยู่หน้ากระจกอ่างล้างมือ เขาเอียงคอปรับองศาเพื่อจะได้ทำแผลที่ลำคอของตนได้ถนัด นิ้วเรียวลูบไล้รอบแผลเบาๆ รอยเล็บข่วนไม่ทำให้แผลใหญ่หากแต่ก็ทำให้เจ็บแสบได้อยู่ไม่น้อย พระพายยืนมองอยู่ไม่นานก่อนจะเดินเข้าไปจับคุณหมอตัวสูงให้พลิกตัวมาหาเขาแทน


“ทำไมดื้อนักล่ะครับ ทำเองมันจะถนัดได้ยังไง ...” เสียงนุ่มเปรยขึ้นมา คิ้วเรียวเข้มได้รูปขมวดผูกกันเป็นปม เขาหยิบก้านสำลีที่ชุบแอลกอฮอล์ล้างแผลไว้ก่อนแล้ว วางลงบนรอยแผลนั้นอย่างเบามือ ด้วยความสูงที่ต่างกันทำให้ใบหน้าของพระพายอยู่ตรงต้นคอของภูตะวันพอดี จึงไม่ลำบากในการทำแผลมากนัก


“พกน้ำตาลปั้นมาทำงานด้วยรึไง” หมอซันเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบของเขาสองคน พระพายคลี่ยิ้มก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนถาม ทว่ากลับต้องชะงักเมื่อรู้สึกว่าใบหน้าของเขากับอาจารย์หมออยู่ใกล้กันเกินไปและอีกฝ่ายก็กำลังก้มมองเขาด้วยสายตาที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ เขาจึงเลือกที่จะก้มหน้ามองแผลที่คอเจ้าของแทน


“มีคนให้มาน่ะครับ”


“ใคร?”


“ก็คนไข้ที่เป็นเด็กๆนี่แหละครับ ตรวจจนสนิทกัน” มือบางวางสำลีลงบนถาด ก่อนจะหยิบยาทาแผลขึ้นมาเทลงบนสำลีอีกหนึ่งก้านจนชุ่ม เขาแตะลงบนรอยแผลเบาๆแต่นั่นก็ทำให้ภูตะวันสะดุ้งไปเล็กน้อย


“... คุณคงชอบเด็ก” เขาถามอย่างไม่ได้คิดอะไร เพียงแต่เห็นความใจดีบวกกับความอ่อนโยนของพระพายที่มีต่อเด็กคนนั้นแล้วมันทำให้เขารู้สึกดีอย่างประหลาดและนั่นอาจจะเป็นเพราะหมอพายถูกชะตากับเด็กจึงทำให้เข้ากันได้ง่าย ต่างกับเขาที่ไม่ค่อยจะชอบใจเด็กเสียเท่าไหร่


“ก็ไม่เชิงครับ ตอนเป็นหมอใช้ทุนบนดอย ส่วนใหญ่ก็มีแต่เด็กๆที่พ่อแม่พามาหาหมอ เลยพอจะรู้วิธีหลอกล่อให้เขายอมตรวจอยู่บ้าง” เขาตอบแต่ก็ยังคงสนใจรอยแผลเล็กๆบนคออาจารย์หมออย่างกับว่าเป็นแผลใหญ่นักหนา บรรจงติดพลาสเตอร์สีเนื้อบนรอยแผลนั้นอย่างเบามือ โดยไม่รู้ตัวว่ามีดวงตาคมกริบคู่หนึ่งกำลังจับจ้องทุกการกระทำของเขาไม่วางตา


“เสร็จแล้วครับ” พูดจบก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะถอยเว้นระยะห่างระหว่างกันออกมาหนึ่งก้าว ภูตะวันเอียงคอหันกลับไปส่องกระจกดูรอยแผลที่ตอนนี้มีพลาสเตอร์สีเนื้อปิดไว้อย่างดี หมอพายจึงเก็บทำความสะอาดอุปกรณ์ทำแผลเข้าที่ให้เรียบร้อย


“... ไปกินข้าวกันไหม?”


“ครับ?” เขาหันมาถามคนตัวสูงที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงพิงอ่างล้างหน้าอย่างแปลกใจ คิดยังไงถึงได้ชวนกันไปกินข้าวทั้งที่ร้อยวันพันปีก็ไม่แม้แต่จะได้ยิน เพราะเห็นกี่ครั้งอาจารย์หมอก็มักจะไปนั่งกินคนเดียวหรือไม่ก็กับเพื่อนหมอคนอื่นๆ


“คุณติดเลี้ยงข้าวผมอยู่หนึ่งมื้อ” ภูตะวันเห็นใบหน้าหวานนั่นคิ้วขมวดแสดงความสงสัย จึงเอ่ยตอบไขข้อข้องใจให้กับลูกศิษย์ ก่อนจะยิ้มกวนๆและเลิกคิ้วขึ้นเร่งเร้าเอาคำตอบจากอีกฝ่าย


“ผมมีนัดแล้วครับ”


“โอเค ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร” หมอซันพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันกลับไปล้างมืออย่างไม่ได้ติดใจจะถามอะไรต่อ พระพายล้วงกระเป๋าเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดหยิบน้ำตาลปั้นรูปหัวใจหลากสีอีกหนึ่งอันขึ้นมา เขาคลี่ยิ้มบางเมื่อคนตัวสูงหันกลับมา


“ผมให้ครับ เผื่อเด็กคนนั้นอาละวาดขึ้นมาอีก ... ผมคงมาไม่ทันทุกครั้ง แต่ถ้าเธอไม่อาละวาดแล้ว อาจารย์จะเก็บไว้กินเองก็ได้นะครับ กินของหวานแล้วจะได้อารมณ์ดี” ดวงตาคมกริบหรี่ลงอย่างสงสัย แต่ก็ยอมรับน้ำตาลปั้นรูปหัวใจหน้ายิ้มมาถือไว้ในมือ เขามองและพลิกมันไปมา หัวเราะหึในลำคอที่เหมือนจะถูกด่าทางอ้อมอยู่กลายๆ


“เห็นผมเป็นคนอารมณ์ร้ายใจร้ายมากหรือไง?”


“อาจารย์ก็ยิ้มเยอะๆสิครับ ยิ้มเหมือนน้ำตาลปั้นแบบนี้” เขาพยักเพยิดหน้าไปที่น้ำตาลปั้นในมือของอีกฝ่าย ภูตะวันยิ้มมุมปากมองน้ำตาลปั้นกับลูกศิษย์สลับกันไปมา ก่อนจะก้าวเท้าเดินออกจากเคาท์เตอร์พยาบาลแผนกผู้ป่วยเพื่อจะกลับไปทำงาน ทว่ากลับถูกเสียงเรียกจากลูกศิษย์รั้งไว้


“ตอนเที่ยงผมไม่ว่าง เป็นตอนเย็นแทนแล้วกันนะครับ” หากหมอพายทันสังเกตสักนิดก็คงจะได้เห็นรอยยิ้มเล็กๆจากคนยิ้มยากบางคน เขาระบายยิ้มหวานก่อนจะพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ ยอมรับว่าอาการเกร็งเวลาอยู่กับอาจารย์หมอลดลงไปบ้างแล้ว อาจจะเพราะคนเย็นชาคนนั้นที่มอบความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดให้ในวันนั้นที่เขาอ่อนแอ ...



                  มือหนาผลักประตูไม้บานใหญ่ให้เปิดเข้าไป ก้าวเท้าผ่านธรณีประตูตรงไปยังโต๊ะทำงาน นั่งลงที่เก้าอี้ตัวใหญ่พลางเอนหลังพิงพนักอย่างผ่อนคลาย ก่อนจะหยิบน้ำตาลปั้นไม้นั้นที่ลูกศิษย์เพิ่งจะให้มาขึ้นมา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจับจ้องไปที่น้ำตาลปั้นรูปหัวใจหลากสี นิ้วเรียวหมุนที่ปลายไม้ของมันไปมา พลางนึกถึงใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับประโยคที่บอกให้เขายิ้มเยอะๆเหมือนเจ้าน้ำตาลปั้น ก็ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาใส่มันไว้ในกระป๋องเครื่องเขียนที่วางอยู่บนโต๊ะ ขยับให้หน้ายิ้มของมันอยู่ในองศาที่ต้องการ ก่อนจะหยิบแฟ้มเอกสารการประชุมออกจากห้องไป ...





                  บรรยากาศยามเย็นของเมืองหลวงแห่งนี้ อาจจะไม่ใช่บรรยากาศที่ดูจะโรแมนติกเหมือนต่างจังหวัดเสียเท่าไหร่ ทั้งรถที่ติดกันเป็นแถวยาว ฝุ่นควันฟุ้งกระจายลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ ผู้คนเดินกันให้ขวักไขว่ รวมถึงสองร่างของคุณหมอที่เดินคู่กันไปอยู่บนฟุตบาธริมถนนใหญ่ ด้วยเพราะความเบื่อการจราจรในเมืองหลวง คนที่อยู่ต่างจังหวัดมาตลอดอย่างพระพายจึงเลี่ยงการเดินทางด้วยยานพาหนะแล้วเปลี่ยนเป็นเดินเท้าแทน เพราะเขาเลือกร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดที่พักอยู่มากนัก


“ร้านนี้เหรอ?” เสียงทุ้มถามพลางเงยหน้ามองป้ายชื่อร้านที่อยู่สูงขึ้นไป พระพายยิ้มก่อนจะชูสองนิ้วบอกกับพนักงานว่าเขามากันสองคน พนักงานชายเดินนำพวกเขาเข้าไปนั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนริมบ่อน้ำเล็กๆของทางร้าน


“ผมมีปัญญาเลี้ยงอาจารย์ได้ดีเท่านี้แหละครับ อาหารแพงๆในห้างผมคงสู้ไม่ไหว” พระพายหัวเราะเบาๆ อีกคนที่มาด้วยกันหันกลับมามองเขาพร้อมกับยิ้มมุมปาก


“ผมเลี้ยงคุณแค่ข้าวต้มธรรมดาไม่กี่ร้อยบาท คุณเลี้ยงดีกว่าผมซะอีกนะ” ภูตะวันหัวเราะในลำคอ ก่อนจะกวาดสายตามองไปทั่วร้าน เสียงดนตรีสดกำลังบรรเลงให้ลูกค้าในร้านได้ฟังระหว่างมื้ออาหาร คนเดินกันให้วุ่นวายเนื่องจากเป็นร้านหมูกะทะแบบบุฟเฟ่ท์ที่เขาไม่เคยได้เข้ามาลิ้มลอง ทำให้พระพายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามต้องเผลอมองตามสายตาที่เขามอง


“ผมเห็นว่าคนเยอะทุกวันคงน่าจะอร่อย บรรยากาศก็ดี อาจารย์เคยมาที่นี่ไหมครับ?” เขาช่วยรับจานและแก้วจากพนักงานที่เข้ามาเสิร์ฟ ก่อนจะเอียงตัวหลบเตาร้อนๆที่เอามาวางไว้บนกลางโต๊ะ


“ไม่เคย ผมไม่ค่อยว่างมากินอะไรแบบนี้หรอก” เขาตอบพลางรับจาน ช้อนและตะเกียบจากลูกศิษย์ที่เลื่อนส่งมาให้จากอีกฝั่ง พระพายขมวดคิ้วอย่างสงสัย หากไม่ว่างมากินอะไรแบบนี้แล้วทำไมวันนี้ถึงว่างมากิน ทั้งที่ในเวลานี้อาจารย์หมอก็ควรจะยังอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อวิจัยนู่นนี่เสียด้วยซ้ำ


“แล้วทำไมวันนี้หมอถึงว่างล่ะครับ?”


“... ก็เพราะว่าคุณเลี้ยงไงผมถึงว่าง” เมื่อได้รับคำตอบพระพายกลอกตาไปมา ยอมใจกับความคิดของผู้ชายตรงหน้าจริงๆ ภูตะวันหัวเราะในลำคอเบาๆเมื่อเห็นกิริยาของลูกศิษย์ หมอพายลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะชี้นิ้วไปที่โซนตักอาหาร


“เดี๋ยวผมไปตักอาหาร อาจารย์รออยู่ที่นี่นะครับ” พูดจบก็เดินออกไปโดยที่ไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดต่อ เขาได้แต่นั่งอ้าปากค้างเพราะเมื่อครู่นี้เพียงอยากจะเอ่ยปากบอกว่าเขาจะเป็นฝ่ายไปตักเอง แต่เมื่อมองดูที่เก้าอี้ตรงข้ามก็เห็นกระเป๋าสะพายของลูกศิษย์วางอยู่ จึงต้องจำใจนั่งอยู่กับที่เฉยๆรอให้อีกฝ่ายกลับมา



      ใบหน้าสดใสของพระพายที่กินไปและเล่าเรื่องตอนเป็นแพทย์ใช้ทุนอยู่บนดอยไป ทำให้ภูตะวันเผลอจ้องมองอยู่หลายครั้ง รอยยิ้มที่แสนมีความสุขของคนตรงหน้าทำให้เขาลืมว่าลูกศิษย์คนนี้เป็นโรคเครียดไปเสียสนิท คนที่มองโลกในแง่ดี สดใสอย่างพระพายควรเป็นคนที่จะเป็นโรคเครียดแบบนี้หรือ รอยยิ้มสดใสบนใบหน้ามันน่ามองมากกว่าใบหน้าเรียบเฉยกับดวงตาที่สะท้อนความเศร้าออกมาอย่างที่เขาเห็นในวันนั้นเสียอีก


“ยิ้มเยอะๆนะ มีคนยังอยากจะเห็นรอยยิ้มของคุณอยู่” แววตาที่จริงจังนั้นยืนยันได้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นกลั่นออกมาจากใจจริง พระพายชะงักมือที่กำลังจะคีบเนื้อย่างชิ้นสวย เหลือบตามองอีกฝ่ายที่กำลังมองเขาอยู่เช่นกัน แต่ทันใดนั้นสายตาคู่ตรงข้ามก็กะพริบสองสามทีก่อนจะสนใจเนื้อย่างบนเตาแทน


“... ผมหมายถึงคนไข้ของคุณไง เห็นชอบนักหนาอะไรก็หมอพายๆ เขาก็คงอยากจะเห็นคุณยิ้มให้เขาบ่อยๆ”


“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ ... ว่าแต่น้ำตาลปั้นไม้นั้นสรุปอาจารย์ได้ใช้อีกไหมฮะ เธออาละวาดอีกไหม?” เมื่อพูดถึงคนไข้ก็ทำให้เขานึกถึงคนไข้เด็กสาวที่อาละวาดไปเมื่อเช้าว่าได้อาละวาดอีกหรือไม่ ก่อนจะได้รับคำตอบเป็นการส่ายหัวจากอีกฝ่ายแทน


“ผมให้เด็กคนอื่นไปแล้ว” เขาตอบโดยไม่ได้มองหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะคีบเนื้อย่างชิ้นสวยไปวางบนจานของลูกศิษย์อย่างไม่ได้คิดอะไร พระพายก้มหัวเล็กน้อยเป็นการขอบคุณ เบ้ปากใส่เมื่อได้รับคำตอบว่าน้ำตาลปั้นที่เขาให้กลายเป็นของคนอื่นไปเสียแล้ว


“โธ่ คิดว่าอาจารย์จะเก็บไว้กินเองซะอีก”


“ผมไม่ชอบกินของหวาน” ภูตะวันกลั้นยิ้มเมื่อเห็นปฏิกิริยาของลูกศิษย์ที่ก้มหน้าก้มตาทำปากมุบมิบเหมือนกำลังต่อว่าเขาอยู่เบาๆไม่ให้ได้ยิน



      มื้ออาหารเพียงหลักร้อยก็ทำให้พวกเขาทั้งสองอิ่มท้องไปได้ทั้งคืน ก่อนจะพากันเดินกลับคอนโดท่ามกลางบรรยากาศที่รถยังคงติดอยู่ถึงแม้จะล่วงเลยช่วงเย็นมาแล้วก็ตาม ลมในเวลากลางคืนก็เย็นพอที่จะทำให้พระพายยกแขนขึ้นกอดอกและลูบแขนตัวเองไปมาเพื่อให้ความอบอุ่น


“อาจารย์สนิทกับหมอพฤติพงศ์มากไหมครับ?” เขาเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อจู่ๆก็นึกไปถึงวันที่ได้เจอหมอคนนั้นที่โรงพยาบาลวิวรรธน์ครั้งแรกและเห็นเขาทั้งสองคนทักทายกันอย่างสนิทสนม หมอซันเหลือบตามองอีกฝ่ายก่อนจะล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกง


“... หมอโจน่ะเหรอ? จะว่ายังไงดีล่ะ ก็ไม่ได้ถึงขั้นสนิทสนมกลมเกลียวหรือคลุกคลีกันมาก แต่ก็เป็นหมอที่ผมนับถือเหมือนญาติผู้ใหญ่ เขาอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อผม มีอะไรรึเปล่า?” เขาหันมามองคนที่เดินข้างๆ ที่ตอนนี้เดินกอดอกก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองที่กำลังก้าวเดินเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง


“เปล่าครับ ผมก็แค่อยากรู้จักเขาไว้บ้าง บางทีผมอาจจะสนใจเรื่องการปลูกถ่ายอวัยวะมากกว่าหัวใจและหลอดเลือดก็ได้ครับ” เขาตอบเสียงเรียบก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย สายตาคมกริบหันมองคนพระพายแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองด้านหน้าแบบที่อีกฝ่ายกำลังมองอยู่



      คนตัวสูงยืนอยู่หน้าห้องพักห้องหนึ่งบนชั้นแปดของอาคาร ก่อนที่ลูกศิษย์จะเดินออกมาที่หน้าประตูพร้อมกับหนังสือเล่มหนาสองสามเล่มที่เขาให้ยืมอ่านไป ทั้งที่บอกว่าไม่รีบใช้ไว้ค่อยคืนทีหลัง ทว่าลูกศิษย์หัวรั้นก็ดื้อแพ่งต้องการจะคืนท่าเดียว ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นคนไม่รักษาของกลัวว่าจะทำหาย


“ผมคืนเท่านี้ก่อนครับ ที่เหลือจะทยอยคืนให้หลังอ่านจบ”


“อืม อย่าลืมกินยาล่ะ เดี๋ยวอ่านหนังสือแล้วโรคเครียดกำเริบ อยู่คนเดียวมันจะลำบาก” เขาเตือนอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วงเพราะเห็นว่าพักอยู่คนเดียวหากเป็นอะไรขึ้นมาจะแย่ พระพายคลี่ยิ้มบางก่อนจะใช้นิ้วชี้จิ้มที่อกของอาจารย์หมอเบาๆ


“ก็ไปหาอาจารย์ไงครับ”


“รู้ห้อง?”


“ก็บอกผมสิครับ”


“อยากรู้ก็หาเอาเอง ไปละ ไม่กินก็เรื่องของคุณ” เขายิ้มมุมปากก่อนจะหันหลังเดินเข้าลิฟท์เพื่อกลับห้องพักของตัวเอง ทิ้งให้
พระพายถึงกับเบ้ปากอย่างหมั่นไส้กับท่าทางของคนที่เพิ่งกลับไป เขาปิดประตูห้องลงพร้อมกับรอยยิ้มบางที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ขาเรียวยาวก้าวไปยังตู้เย็นบริเวณที่เป็นโซนครัว หยิบกระปุกยาที่คุ้นเคย แววตาเป็นประกายมองมันก่อนจะเปิดเทออกมาสองเม็ดส่งเข้าปาก ตามด้วยน้ำเปล่า



      เวลาแค่สัปดาห์เดียว อาจารย์หมอของเขากลับทำให้เขารู้สึกดีขึ้นอยู่ทุกวันอย่างน่าประหลาด ไม่ว่าจะเป็นเพราะคำพูดกวนๆ รอยยิ้มมุมปากที่ไม่ค่อยน่ามอง การกระทำที่บางครั้งก็ดูเหมือนไม่ใส่ใจ แต่นั่นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาจริงๆ เขาคิดว่ามันไม่ใช่ความรู้สึกในเชิงชู้สาว หากแต่เป็นความรู้สึกดีระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์ที่มีให้กันในการร่วมงานกันมากกว่า เขาหวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้น ...

                       

******************


Talk : ตอนนี้มีแต่ตัวเอกของเราทั้งตอนเลย
ไม่เบื่อกันเนาะ อยากให้เห็นถึงพัฒนาการความสัมพันธ์ของทั้งคู่นิดนึง อิอิ
มีอะไรติชมได้เลยนะค้าาาา :)

ใครที่เล่นทวิตเตอร์ แฮชแท็ค #ชีวิตรักหมอนักผ่า กันได้น้าาา
เราจะแอบเข้าไปอ่าน แหะๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 5 (11-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: yupa ที่ 11-06-2015 04:40:02
 :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 5 (11-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 11-06-2015 06:36:43
หมอพายน่ารัก  :mew1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 5 (11-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 11-06-2015 06:42:49
 o13
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 5 (11-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 11-06-2015 06:54:37
บางทีหมอซันก็ตรงไปนะ คนไข้ตกใจหมด
สงสัยต่อไปหมอพายจะเป็นขวัญใจเด็กๆแน่
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 5 (11-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 11-06-2015 09:36:05
หมอซันหมอพาย น่าร๊ากกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 5 (11-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 11-06-2015 14:34:34
น่ารักมากเลยยยนยนนยยย
หมอซันเรื่มติดใจรอยยิ้มหมอพายแล้วใช่ม้าาาา

หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 5 (11-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ม่วงระย้า ที่ 11-06-2015 15:45:41
ชอบจ้า ยิ่งอ่านเราว่าอาจารย์หมอคล้ายคิตามิมากเลย แต่ไม่ใช่ในซีรี่ย์หรอก คล้ายในมังงะมากกว่า หล่อ ชายในฝันของสาว ๆ เงียบขรึม ใจดีหลบใน เป็นอาจารย์ที่ดี ไม่ค่อยยิ้ม ต่างตรงหมอคิตามิใจดีกับเด็ก ๆ 555 ส่วนซีรี่ย์อิมเมจไม่ตรงกับหมอคิตามิเลย

พระพายก็เป็นหมอที่น่ารักมาก เหมาะสมกันดีค่ะ และอยากรู้เรื่องครอบครัวของพระพายจัง หมอโจไปทำอะไรไว้หนอ ปลูกถ่ายอวัยวะผิดพลาดหรือไง

จะรอตอนต่อไปนะค๊า
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 5 (11-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 11-06-2015 17:03:57
รอตอนต่อไป ค่า  ตัวละคร ค่อยๆพัฒนาความรู้สึก อ่านแล้วไหลลื่นดีจัง 
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 5 (11-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 13-06-2015 09:59:04
เราไม่อยากให้เป็นแค่อาจารย์กับลูกศิษย์นะคะหมอพาย อิอิ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 6 (15-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 15-06-2015 20:00:49
-6-

   
                 พระพายยืนรอลิฟท์ของคอนโดให้เคลื่อนตัวมายังชั้นของตนเหมือนทุกเช้าก่อนไปทำงาน เขาหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมากดดูไปพลางๆ จังหวะเดียวกันกับที่ลิฟท์มาถึงพอดี จึงเงยหน้าขึ้นมองแต่ก็ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่มุมลิฟท์เป็นอาจารย์ของตน


“สวัสดีครับ วันนี้อาจารย์ออกแต่เช้าเลยนะครับ” เขายกมือไหว้พร้อมเอ่ยทักทายคนอายุมากกว่าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม คนถูกทักรับไหว้พลางหัวเราะหึในลำคอเบาๆ


“ปกติผมก็ไม่ได้ออกสายกว่านี้เท่าไหร่ จะไปด้วยกันเลยไหมล่ะ?” หมอซันเหล่ตามองอีกฝ่ายเอาคำตอบ ก่อนจะเสมองตัวเลขสีแดงด้านบนที่ค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามชั้น พระพายเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยมองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มเผล่ออกมาราวกับเด็กน้อยได้ของเล่นที่ถูกใจ


“... ไปก็ได้ครับ ไม่เปลืองค่าวิน” ภูตะวันเหล่มองอีกฝ่ายด้วยหางตา ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ทีเมื่อก่อนทำปฏิเสธไม่ไปกับเขามาตลอด พอมาตอนนี้กลับตอบได้รวดเร็วเหมือนไม่ได้คิด แต่ก็ไม่อยากจะพูดออกไปให้ลูกศิษย์ต้องอายหากรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ พระพายเองก็เหมือนอ่านใจอาจารย์หมอของตนออก เพราะเขาเองก็คิดแบบที่อีกฝ่ายคิดเช่นและเลือกที่จะทำเป็นเฉยๆไปให้ตัวเองไม่ต้องอายเสียดีกว่า


              ประตูลิฟท์เปิดออกเมื่อมาถึงชั้นล่างที่เป็นล็อบบี้ของคอนโด เสียงเอะอะโวยวายและผู้คนที่กำลังมุงอะไรสักอย่างอยู่เบื้องหน้า เรียกให้คุณหมอสองคนขมวดคิ้วสงสัยและรีบสาวเท้าออกจากลิฟท์ไปตามสัญชาติญาณของความเป็นหมอ


“โทษนะครับ เกิดอะไรขึ้น!?” พระพายรีบถามคนที่มุงดูเหตุการณ์อยู่ เพราะเขากับอาจารย์เข้าไปไม่ถึงเนื่องด้วยคนมุงดูอยู่เป็นจำนวนมากในบริเวณนี้


“เด็กโดนกระจกบาดค่ะ!!” เสียงจากผู้หญิงที่มุงดูเหตุการณ์รีบบอกด้วยอาการตกใจ พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่คิดว่าน่าจะเป็นเสียงของผู้ปกครองเด็กผู้เคราะห์ร้ายที่อยู่ในอาการใจสลาย คนเป็นหมอรีบแหวกผู้คนที่มุงดูอยู่เพื่อเข้าไปดูอาการและทำการรักษาเบื้องต้น


“ขอทางด้วยครับ พวกผมเป็นหมอ!!” เสียงเข้มของภูตะวันดังขึ้นทำให้ทุกคนหันมามองที่พวกเขาและพร้อมที่จะหลีกทางให้ถึงตัวเด็กที่ประสบเหตุอย่างเร่งด่วน


               พระพายใจหายวาบเมื่อเห็นร่างเด็กผู้ชายตัวเล็กที่อายุราว 8 ขวบนอนสลบแน่นิ่ง เลือดไหลออกมาหลายจุด ที่ต้นคอของเด็กชายคนนั้นก็มีรอยบาดลึกทำให้เลือดไหลออกมาไม่หยุด ข้างๆกันหญิงสาววัยกลางคนจับมือลูกชายของตนไม่ปล่อย เธอร้องไห้ไม่หยุดไม่ต่างอะไรกับเลือดสีเข้มที่ออกมาจากตัวเด็กน้อยเลย


“ช่วยลูกชายฉันด้วยค่ะ ฮืออออออออ!! ใบบุญลูกแม่” เธอพูดออกมาทั้งน้ำตา เสียงที่เธอพูดออกมาขาดห้วงราวจะขาดใจ จนหมอพายต้องคุกเข่าลงนั่งข้างๆและจับไหล่เธอเบาๆเป็นการให้กำลังใจ


อีกด้านภูตะวันกำลังดูอาการของเด็กชายตัวเล็กอย่างเคร่งเครียดว่าเบื้องต้นมีอาการอย่างไรบ้าง


“ตอนนี้เรายังเคลื่อนย้ายเขาไม่ได้ เรียกรถพยาบาลจากโรงพยาบาลวิวรรธน์ให้มาแสตนด์บายรอด้วยครับ กระจกไม่โดนเส้นเลือดใหญ่ที่ไปเลี้ยงสมอง แต่เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจได้รับความเสียหาย พายคุณกดแผลเอาไว้ก่อนนะ” พระพายพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กับอาจารย์หมอของตน ภูตะวันใช้ปลายนิ้วคลำชีพจรช่วงคอของเด็กชายอย่างใช้สมาธิ


“ชีพจรยังปกติดีอยู่” คนมุงดูต่างพากันถอนหายใจที่เห็นว่าเด็กชายที่นอนแน่นิ่งยังคงมีลมหายใจ เช่นเดียวกันกับหญิงสาวข้างกายหมอพายที่ถึงแม้จะยังเป็นห่วงลูกชายแทบจะขาดใจแต่เมื่อได้ยินว่าชีพจรยังคงเป็นปกติก็โล่งใจแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี


ภูตะวันสังเกตการหายใจของเด็กว่าเป็นอย่างไร ถึงแม้เขาจะไม่ใช่แพทย์เฉพาะทางที่เกี่ยวกับเด็กโดยตรง แต่ก็ได้ศึกษากายวิภาคของมนุษย์มาซึ่งแน่นอนว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ไม่ต่างกัน และในเคสนี้เป็นเคสที่ต้องผ่าตัดซึ่งศัลยแพทย์อย่างเขาต้องทำได้ โดยในกรณีนี้ที่เป็นเด็กถ้าระบบหายใจล้มเหลวจะทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ จึงจำเป็นที่จะต้องรักษาการหายใจของเขาไว้ให้ได้


“ผมขออุปกรณ์ทำแผลด้วยครับมีไหม!? คัตเตอร์ด้วย!!” เสียงเข้มตะโกนเสียงดังลั่น เจ้าหน้าที่ล็อบบี้รีบวิ่งเข้าไปด้านในเพื่อหาสิ่งที่คุณหมอต้องการทันทีอย่างเร่งด่วน หญิงสาวเจ้าหน้าที่ประจำล็อบบี้ของคอนโดจะวิ่งออกมาพร้อมด้วยกล่องอุปกรณ์ทำแผลที่มีทั้งหมดมาวางไว้ พระพายรีบเปิดกล่องออก เขาใช้แอลกอฮอล์ราดลงบนคัตเตอร์ที่เธอส่งให้สะอาดถูกหลักและส่งให้อาจารย์หมอของตนอย่างรู้หน้าที่


                 ก่อนที่คัตเตอร์จะถูกกรีดลงบนผิวเนื้อของเด็กชาย บุรุษพยาบาลและพยาบาลจากทางโรงพยาบาลของเขาเองก็วิ่งกรูกันเข้ามาพร้อมด้วยอุปกรณ์ที่สำคัญๆและจำเป็น คัตเตอร์จึงถูกเปลี่ยนเป็นมีดผ่าตัดแทนทันที คนที่มุงดูจึงช่วยกันหลีกทางเพื่อให้พวกเขาได้ทำงานกันอย่างสะดวกและช่วยกันลุ้นอย่างใจจดใจจ่อเพื่อให้เด็กชายคนนี้รอดชีวิต


“คุณหมอ~” เสียงคนเป็นแม่ร้องครางอย่างกับจะขาดใจเพราะเป็นห่วงลูกชาย


“ไม่ต้องห่วงนะครับ”


“เตรียมน้ำเกลือด้วยครับ!” พระพายบอกกับพยาบาล เท่าที่เรียนมาหลายปีเขาก็รู้ว่าจะต้องทำการรักษาด้วยวิธีใด ก่อนจะช่วยอาจารย์หมอหาเส้นเลือดในตัวเด็กเพื่อทำการเจาะน้ำเกลือเข้าไป ทว่าช่วยกันหาเท่าไหร่ก็ไม่พบเพราะการเสียเลือดมากทำให้เส้นเลือดหดตัว


                  เมื่อเจอเส้นเลือดแล้วพยาบาลและพระพายช่วยกันสอดสายยางส่งน้ำเกลือเข้าไปอย่างรวดเร็ว บุรุษพยาบาลอีกคนบีบถุงน้ำเกลือด้วยมือเพื่อให้น้ำเกลือผ่านเข้าสู่ร่างกายเด็กโดยเร็ว คนที่มุงดูเหตุการณ์เอาใจช่วยทีมแพทย์กันตั้งแต่แรกจนเมื่อการรักษาเบื้องต้นผ่านพ้นไปจึงพากันโล่งอกและเอ่ยชื่นชมกันหนาหู จนถึงขั้นตอนที่ต้องนำเด็กขึ้นรถพยาบาลเพื่อส่งให้หมอเฉพาะทางเด็กผ่าตัดต่อที่นั่นทันที


“ปลอดภัยนะใบบุญ” พระพายยิ้มบางมองรถพยาบาลที่วิ่งออกจากคอนโดจนลับตาไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาพรูใหญ่เช่นเดียวกันกับอาจารย์หมอตัวสูงที่มีเหงื่อซึมตามไรผม


“อาจารย์ครับ เสื้อเปื้อนเลือด” เขาชี้ที่ปกเสื้อสีขาวสะอาดตาของอีกฝ่าย คนตัวสูงก้มมองเสื้อของตัวเองตามที่ลูกศิษย์บอกก่อนจะกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย ยังไงซะเขาก็คงต้องกลับขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ถึงแม้ว่าจะเลยเวลาทำงานมาแล้วก็ตาม


“ผมจะขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ถ้าจะไปพร้อมผมก็รอก่อน” พระพายยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา อีกไม่นานก็จะได้เวลาราวน์วอร์ดตรวจคนไข้ หากรีบไปก็ยังทันและเขาไม่อยากให้เพื่อนอีกสองคนต้องทำแทน มันดูขาดความรับผิดชอบไปหน่อย เสียค่าวินเตอร์ไซค์อีกสามสิบบาทคงไม่เป็นไรเพราะถึงยังไงเขาก็จ่ายอยู่ทุกวัน


“ผมไปก่อนดีกว่าครับ ไม่อยากทิ้งงาน”


“งั้นก็ตามใจ” หมอซันบอกก่อนจะกลับหลังเดินเข้าลิฟท์ตัวเดิมเพื่อกลับไปที่ห้องพักตัวเองอีกครั้ง สายตาคมกริบมองลูกศิษย์ของตนเดินออกจากคอนโดไปจนกระทั่งประตูลิฟท์ปิดลง




                  เสียงฝีเท้าหนักวิ่งตามทางเดินของโรงพยาบาลตรงมายังแผนกผู้ป่วยในที่ต้องมาทุกวัน เขาหยุดหายใจหอบเมื่อถึงบริเวณเคาท์เตอร์ที่มีนางพยาบาลประจำทำหน้าที่อยู่ หัวหน้าพยาบาลที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดียกมือรับไหว้จากคุณหมอหน้าหวานมารยาทดีประจำแผนก


“เห็นว่าเมื่อเช้ามีอุบัติเหตุเหรอคะ?” หัวหน้าพยาบาลสาวพูดด้วยรอยยิ้ม เธอได้ยินคนพูดกันเมื่อเช้าว่าหมอซันกับหมอพายช่วยกันช่วยชีวิตเด็กเคราะห์ร้ายนอกสถานที่ ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในสัญชาติญาณความเป็นหมอของพวกเขา คนถูกทักพยักหน้าพร้อมกับยิ้มบาง


“แล้วอาจารย์หมอไปไหนละคะ ไม่เข้าราวน์ด้วยกันเหรอ?” เธอถามพลางมองหา เพราะส่วนใหญ่ก็จะเห็นว่าพวกเขาเข้าราวน์ผู้ป่วยพร้อมกัน


“เช้านี้อาจารย์หมอคงไม่ได้เข้าครับ อาจจะเข้าโรงพยาบาลสายสักหน่อย” พระพายตอบรับพร้อมกับยิ้มบางๆ ก่อนจะรับแฟ้มคนไข้จากนางพยาบาลมาถือไว้ ก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงขอตัวและเดินเข้าห้องผู้ป่วยรวม

                สายตากวาดมองไปทั่วบริเวณ คนไข้ส่วนใหญ่กำลังอยู่ในเวลาอาหารเช้า บางส่วนก็นั่งคุยกับญาติที่มาเยี่ยม เขาระบายยิ้มออกมากับภาพที่เห็น ความสุขของคนเป็นหมอก็คงจะเป็นการที่ได้เห็นคนไข้ที่ตนรักษาใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ไร้การเจ็บป่วยอีกและได้เห็นรอยยิ้มของคนไข้กับญาติที่ได้พูดคุยกันอย่างออกรส

                พระพายยิ้มอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเพื่อนเรสสิเดนท์อีกสองคนยืนตรวจคนไข้อีกมุมหนึ่งของห้อง ก่อนจะรีบสาวเท้าเข้าไปหา พวกเขายิ้มทักทายกันเพียงอย่างเดียวโดยไร้บทสนทนา เพราะกำลังอยู่ในเวลาตรวจคนไข้ ผ่านไปหลายสิบคนในเวลาชั่วโมงกว่าจนกระทั่งถึงเด็กสาวที่เคยอาละวาดไปเมื่อหลายวันก่อน หมอพายระบายยิ้มอย่างเอ็นดูเป็นการทักทายเธอที่นอนมองพวกเขาตาปริบๆ


“เด็กดีเวลาเจอผู้ใหญ่ควรทำยังไงครับ?” พระพายเอ่ยถามเสียงนุ่ม เด็กสาวประนมมือขึ้นไหว้อย่างเขินๆ เป็นที่น่าเอ็นดูให้กับแพทย์เรสสิเดนท์จนต้องยิ้มออกมา มือบางวางบนกลุ่มผมนุ่มของเธอพร้อมกับลูบเบาๆ


“เก่งมากครับ” เขาเอ่ยชมพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่จะเริ่มตรวจดูอาการเบื้องต้นว่าเป็นยังไงบ้าง พร้อมสำหรับการผ่าตัดหรือยัง โดยหมอพายรับหน้าที่เป็นคนตรวจ ส่วนหมอแพรกับหมอเอิร์ธก็รับหน้าที่จดโน๊ตตามที่พระพายบอกในระหว่างตรวจ


“เด็กหญิงกุลธิดาเข้าผ่าตัดได้สบาย ไม่มีอะไรต้องกลัวเลย” เขายิ้มให้กำลังใจเด็กน้อยที่แค่มองดูก็รู้ว่าเธอมีอาการกลัวและกังวลกับการผ่าตัดที่จะมาถึงอีกไม่กี่วันนี้


“จริงเหรอคะ?” เด็กน้อยถามเสียงสั่น นัยน์ตาวูบไหวเผยความกลัวออกมาอย่างปิดไม่มิด พระพายจับมือเล็กๆของเธอที่กำชายเสื้อตัวเองไว้แน่นให้คลายออก


“จริงสิครับ ไม่เชื่อพี่หมอเหรอ หื้มม?” หมอใจดีถามด้วยน้ำเสียงนุ่มฟังดูอ่อนโยน รอยยิ้มหวานที่ปรากฏให้เด็กสาวเห็นตลอดในระหว่างการรักษา แรงบีบนวดที่มือเล็กเบาๆช่วยให้เธอเบาใจรวมถึงอาการกลัวของเธอก็ผ่อนคลายลงไปได้มาก

                 พระพายไม่เคยมีน้องแม้กระทั่งพี่เขาก็ไม่มี เขาเป็นลูกคนเดียวที่เติบโตมากับความเจ็บปวดและฝังใจ เขาโหยหาความสุขที่แท้จริงมาโดยตลอดจนกระทั่งค้นพบว่าความสุขในแบบของเขาก็คือการได้มอบความสุขให้กับคนอื่น


“หนูจะไม่เป็นอะไร เชื่อคุณหมอสุดหล่อเถอะจ้ะ” แพรดาวพูดเสริมเพื่อน เพื่อมอบความกล้าและความเชื่อมั่นให้กับหนูน้อยที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัด พระพายหัวเราะเบาๆกับประโยคของเพื่อนที่ดูจะพูดเกินจริงไปเสียหน่อย


“หล่อสุดก็มีแต่พี่หมอเอิร์ธคนเดียวนี่แหละครับ” หมอหน้าตี๋ที่ยืนเงียบอยู่นานก็พูดเสริมขึ้นมาบ้าง เรียกเสียงหัวเราะให้กับพวกเขารวมถึงเด็กสาวที่หัวเราะตาปิดจนลืมความกลัวการผ่าตัดไปเสียสนิท
      


                เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงเวลาพักเที่ยง แพทย์เรสสิเดนท์ปีหนึ่งพากันมากินข้าวกลางวันที่ศูนย์อาหารของโรงพยาบาลหลังจากฟังอภิปรายทางวิชาการจากอาจารย์แพทย์ท่านหนึ่งเสร็จเรียบร้อย เสียงคุยดังจอแจและผู้คนเดินกันให้ขวักไขว่เป็นภาพที่ชินตาของแพทย์ที่นี่ทุกคน พระพายแยกไปซื้อข้าวและน้ำก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะที่มีเพื่อนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขามองสองคนสลับกันไปมาเพราะเห็นว่าสองคนกำลังซุบซิบราวกับว่ากำลังพูดถึงใครบางคนจนไม่ได้สนใจเขาที่นั่งอยู่


“มีอะไรรึเปล่า?”


“เห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะนั้นไหม?” หมอเอิร์ธถามแต่สายตาก็ไม่ได้ละจากผู้หญิงคนนั้นเลย พระพายมองตามไปยังเป้าหมายที่เพื่อนบอก ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร มีอะไรให้เพื่อนสองคนต้องนั่งพูดถึง


“เขาพูดกันว่าเป็นแฟนอาจารย์หมอภูตะวัน เราคิดว่าคนเย็นชาอย่างอาจารย์หมอจะไม่สนใจความรักซะอีก ที่ไหนได้แอบมีแฟนซะสวยเชียว” แพรดาวผู้หญิงพูดขึ้นไขข้อสงสัยให้กับพระพาย เขาเองก็ได้แต่คิดในใจว่าอาจารย์หมอของเขามีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมเขาถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งที่เขาก็ใกล้ชิดกับอาจารย์หมอมากกว่าเพื่อนสองคนนี่เสียอีก แต่ก็ไม่อยากจะสนใจใครจะเป็นแฟนกับใครก็ไม่ใช่เรื่องของเขา อาจารย์หมอจะมีแฟนก็คงไม่เห็นแปลก อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว หมอพายจึงก้มหน้าจัดการอาหารตรงหน้า แต่เพียงครู่สั้นๆเขาต้องเงยหน้าขึ้นมองโต๊ะที่ห่างออกไปอีกครั้งเมื่อได้ยินเพื่อนทั้งสองคนพูดว่าอาจารย์หมอของเขามา


“นั่งคู่กันแล้วดูยังไงก็เหมาะ คนหนึ่งสวยคนหนึ่งหล่อ”


“อิจฉาอาจารย์หมอโคตรๆ เก่งไม่พอยังได้แฟนสวยอีก”


“อย่าสนใจเลยเรื่องของผู้ใหญ่ รีบๆกินข้าวเถอะ” พระพายที่นั่งฟังเงียบๆพูดตัดบทเพื่อน ดวงตากลมมองชายหญิงคู่นั้นอีกครั้ง ถึงจะไม่ใช่เรื่องของเขาแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่ไม่สงวนท่าทีของอาจารย์หมอเวลาอยู่กับหมอผู้หญิงคนนั้นมันปฏิเสธไม่ได้ว่าทำให้เขาหงุดหงิดเสียจริง พระพายกลอกตาไปมาอย่างเซงๆ เบ้ปากอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะสนใจอาหารตรงหน้าแทน ...



      หลังจากอาหารมื้อกลางวันจบลง แพทย์เรสสิเดนท์ต่างพากันแยกย้ายมีเวลาส่วนตัวของตัวเอง เพราะช่วงบ่ายจะว่างยาวไปจนถึงราวน์วอร์ดในช่วงเย็น พระพายแยกกับเพื่อนๆและตรงไปยังจุดหมายที่ตนเองต้องการ เขาไม่เคยลืมว่านอกจากรักษาคนไข้แล้วเขาเข้ามาที่นี่เพราะอะไร อย่าปล่อยให้เวลาผ่านเลยไป ควรจะเริ่มมันได้ซะที ...

      ขาเรียวก้าวฉับๆมายังแผนกงานเวชระเบียนชั้นล่างสุดของโรงพยาบาล ถึงแม้จะยังไม่คุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่เวชระเบียนแต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากสำหรับเขาหากจะตีสนิทใครสักคน หากไม่นับการได้เกิดมาเป็นมนุษย์หน้าตาและรอยยิ้มที่เป็นมิตรคงเป็นสิ่งดีเพียงสิ่งเดียวที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขา เพราะการได้เกิดมาเป็นมนุษย์มันไม่ใช่สิ่งที่เขาปรารถนา หากต้องเกิดเพื่อมารับรู้เรื่องราวที่เจ็บปวดของครอบครัว ...


“สวัสดีครับ” เขายกมือไหว้เจ้าหน้าที่เวชระเบียนสาวอย่างอ่อนน้อม


“มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าคะคุณหมอ?” เธอรับไหว้เขาและถามกลับอย่างมีมารยาท นิ้วเรียวเคาะบนเคาท์เตอร์อย่างใช้ความคิด เขาใช้สายตาสังเกตรอบกายเมื่อเห็นว่าไม่ได้มีใครสนใจจึงหันกลับมามองเจ้าหน้าที่เวชระเบียนสาวคนเดียวด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรของเจ้าตัว


“ผมอยากทราบว่าเวชระเบียนของผู้ที่เข้ามารับการรักษาทั้งหมดที่นี่ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ถูกจัดอยู่ในห้องเอกสารเวชระเบียนหรือระบบดิจิตอลครับ” เขาพูดสิ่งที่อยากรู้ด้วยเสียงที่ไม่ดังและไม่เบาจนเกินไป


“มีทั้งที่อยู่ในห้องเวชระเบียนและในระบบดิจิตอลค่ะ ถ้านับตั้งแต่ที่โรงพยาบาลก่อตั้งขึ้นส่วนใหญ่ก็จะถูกทำลายไปค่ะ เพราะทาง
เราจะเก็บเวชระเบียนคนไข้ไว้อย่างน้อย 5 ปี แต่หากเป็นเคสที่พิเศษหรือยากๆหน่อยก็จะเก็บเอาไว้ที่ห้องเวชระเบียนในส่วนของเอกสารเก่าหลายปีค่ะ” เธอตอบเขาพร้อมรอยยิ้ม งานเวชระเบียนเป็นไม่ใช่ความลับแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเปิดเผยได้ทั่วไป จึงรู้ได้แค่แพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น


“ถ้าผมจะขอเข้าไปดูได้ไหมครับ?”


“ได้ค่ะ แต่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่หน้าห้อง” พระพายพยักหน้าและคลี่ยิ้มบางอย่างเข้าใจ เขายกมือไหว้ขอบคุณเจ้าหน้าที่สาว ก่อนจะเดินตรงไปทางลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังชั้นที่เก็บงานเวชระเบียนของคนไข้ทั้งหมด นิ้วเรียวกดชั้นที่ต้องการทันที ลมหายใจอุ่นถูกพ่นออกมาที่ปลายจมูก เปลือกตาสีน้ำตาลปิดลงระหว่างรอให้ลิฟท์ไปถึงชั้นที่ต้องการ เพียงเวลาไม่นานเสียงเตือนบอกชั้นก็ดังขึ้น เขาลืมตาขึ้นมาพร้อมๆกับหัวใจที่เต้นระรัว


“เชิญครับคุณหมอ มีอะไรถามผมได้เลยครับ” เจ้าหน้าที่ผู้ชายจากที่คะเนทางสายตาอายุคงน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา พระพายคลี่ยิ้มบางๆก่อนจะเดินเข้าห้องที่เก็บเวชระเบียนของคนไข้ไว้ทั้งหมด


      ดวงตาสีน้ำตาลกวาดมองไปทั่วห้องที่ใหญ่กว้างขวาง ตู้ไม้เนื้อดีหลายร้อยตู้ถูกใช้จัดเรียงเวชระเบียนคนไข้จนเต็มเนื้อที่ กลิ่นเก่าๆของเอกสารลอยมาแตะปลายจมูก เขายกมือขึ้นถูปลายจมูกของตัวเองเบาๆ ภายในห้องมีแสงสว่างจากหลอดไฟแค่เพียงบางส่วนที่ถูกเปิดเอาไว้ด้วยเพราะไม่มีคนเข้ามาบ่อยนัก

                 ขาเรียวยาวค่อยๆก้าวอย่างเชื่องช้า พระพายเหลือบตามองป้ายด้านบนที่จำแนกประเภทของผู้ป่วยเอาไว้ เสียงส้นร้องเท้าของเขาดังก้องไปทั่วทั้งห้องชวนให้ตื่นเต้น ปลายนิ้วเรียวลากผ่านแฟ้มเวชระเบียนแต่ละอันช้าๆ ด้วยหวังจะเจอของใครบางคนที่เขาต้องการ ทั้งที่รู้ว่ายังไงวันนี้ก็คงหาไม่เจอแต่เขาก็ยังอยากจะใช้เวลาที่มีได้อยู่ในห้องนี้นานอีกหน่อย ให้คุ้มกับเวลาที่เขารอคอยมาหลายสิบปี

                ผ่านไปนานเกือบสองชั่วโมงที่คุณหมอหน้าหวานยังคงอยู่ในห้องเวชระเบียน เขายังคงทำแบบเดิมเหมือนตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวเข้ามาภายในห้องนี้ จนรู้สึกเหมือนจะตาลายคล้ายๆว่าอาการเครียดของเขาจะกำเริบขึ้นมาเสียอย่างนั้น พระพายหลับตาลงสะบัดศีรษะเล็กน้อยเพื่อดึงสติและบอกตัวเองในใจว่าอย่าเครียดเกินไป ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างช้าๆไม่รีบร้อน แขนเรียวยกขึ้นเท้ากับขอบตู้ไม้ ก่อนจะวางหน้าผากของตัวเองลงไว้เพื่อพักสายตาและให้ความเครียดที่เหมือนจะกำเริบบรรเทาลง โดยที่ไม่รู้ตัวว่ามีสายตาของใครบางคนมองเขาอยู่ตลอดเวลา จนเมื่อรู้สึกว่ามีลมหายใจอุ่นๆที่ไม่ใช่แค่ของเขาอยู่ใกล้ๆเขาจึงเงยหน้าขึ้นมา


“อาจารย์!” เขาพูดเสียงดังขึ้นมาเล็กน้อยอย่างตกใจ ก่อนจะเบนหน้าออกมาให้ห่างจากใบหน้าคมของอีกฝ่ายเล็กน้อย สายตาคมกริบจ้องมองเขาไม่วางตาจนทำให้เขาต้องเป็นฝ่ายหลบตาเสียเอง


“ผมจะไม่ถามว่าคุณเข้ามาทำอะไรในนี้อยู่นานสองนาน แต่ที่ผมจะพูดคือ ... อย่าเครียดให้มาก ยาก็หัดกินซะบ้าง” เขาพูดเสียงเรียบทว่าคนฟังกลับรู้สึกแปลกพิกล พระพายเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์หมอของตนอีกครั้ง เขาจ้องลึกไปในดวงตาคู่สีน้ำตาลเข้มอย่างต้องการรู้อะไรบางอย่าง ทว่าเขากลับอ่านอะไรจากดวงตาคู่นั้นไม่ออกเลย ราวกับว่าเจ้าของต้องการปิดบังไม่ให้ใครรู้ ลูกศิษย์หัวรั้นหลุบตาลงต่ำก่อนจะหันหลังเดินออกจากตรงนั้นไป ทิ้งให้อาจารย์หมอตัวสูงยืนถอนหายใจมองจนลับตาไป



      เขาทอดสายตามองไปยังทางที่ลูกศิษย์เพิ่งจะเดินออกไปด้วยความสงสัย บังเอิญเห็นพระพายคุยกับเจ้าหน้าที่เวชระเบียนด้านล่างทั้งที่รู้ว่าทั้งสองคนไม่ได้รู้จักหรือสนิทกันแน่ ด้วยความที่เป็นอาจารย์แพทย์ของพระพาย บวกกับเขาก็มีเรื่องที่สงสัยในตัวลูกศิษย์คนนี้อยู่แล้วจึงไม่รีรอที่จะตามขึ้นมาห้องเก็บเวชระเบียนห้องนี้

                 สายตาเศร้าๆคู่นั้นยังติดตาเขาไม่หาย รอยยิ้มสวยๆที่เขาเคยเห็นอยู่ทุกวัน เมื่อครู่นี้กลับไม่ปรากฏให้เห็น ปฏิเสธไม่ได้ว่าก็เป็นห่วงลูกศิษย์คนนั้นไม่น้อยเลย อยากจะเป็นอาจารย์ที่พอจะทำให้ลูกศิษย์ไว้ใจที่จะเล่าหรือระบายอะไรให้ฟังได้ แต่เขาก็ไม่รู้จริงๆว่าต้องทำยังไงให้พระพายเปิดใจรับเขาและพร้อมที่จะเล่าเรื่องทุกข์ใจที่เจอให้ฟัง  หมอซันถอนหายใจหนักๆออกมาอีกครั้ง กลอกตาไปมาอย่างเซงๆ ...



“คุณเข้ามาที่นี่เพราะอะไร พระพาย ...”




***********************


Talk : กว่าจะผ่านไปได้แต่ละตอน เลือดตาแทบกระเด็น T^T
ปล่อยให้มันค่อยเป็นค่อยไปนะคะ เรื่องปม เรื่องรักๆใครๆ ฮ่าๆๆ
ขอบคุณที่อ่าน+คอมเม้นท์กันนะ เราชอบอ่านมาก อ่านแล้วยิ้มทุกข้อความเลย ^^

ฝากทวิตเตอร์ด้วยนะคะ @Ggbazo ไปคุยกันได้นะ :)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 6 (15-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 15-06-2015 20:29:02
โชคดีของเด็กที่ได้หมอซันหมอพายไว้

อดีตที่เจ็บปวดทำให้หมอพายเครียดอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 6 (15-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 15-06-2015 21:43:38
ตามฮะ มีปมอะไรหนอออออ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 6 (15-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 15-06-2015 22:42:01
ชอบตอนนี้จังเลย จินตนาการตามแล้วเหมือนซีรี่ย์เกาหลี อิอิ

มาอัพบ่อยๆ นะคะ ติดเรื่องนี้อ่ะ ชอบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 6 (15-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ม่วงระย้า ที่ 16-06-2015 15:45:32
ตื่นเต้นและลุ้นตามทุกช็อตเลยค่ะ บรรยายได้เห็นภาพและเข้าใจง่าย เขียนได้ดีมากเลยค่ะ ชอบจริง ๆ นิยายเกี่ยวกับหมอส่วนมากจะเขียนได้ยากยิ่งถ้าพูดกันด้วยภาษาแพทย์จะเข้าใจยาก การบรรยายแบบนี้เราว่าเห็นภาพชัดดี

โดยเฉพาะสถานะการณ์ฉุกเฉินของสองหมอช่วยกันทำการรักษา ยิ่งทำให้เรื่องน่าติดตามมาก เราสนุกกับตอนนี้มากเลยนะ อย่างกับอ่านมังงะเลยแน่ะ

แล้วจะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 6 (15-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 16-06-2015 19:20:07
หมอพายมีอดีตอะไร  :ling1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 6 (15-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 16-06-2015 21:39:54
คงมีปนที่หนักมาก ไม่งันคนที่อ่อนโยนแบบพระพาย คงไม่แข็งกร่าวเวลาเจอหมอคนนั้นได้ขนาดนี้
แต่พระพายกับซันนี้ แอบสนใจซึ่งกันและกันแล้วแน่ๆ ลุ้นว่า ความรักจะเติบโตขึ้นมาเมื่อไร ><
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 7 (18-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 18-06-2015 02:08:23
-7


                    บรรยากาศในห้องผ่าตัดวันนี้ยังคงเหมือนเดิมทุกวัน อากาศเย็นยะเยือกและเสียงที่เงียบกริบจนดูน่าอึดอัด ทว่าทุกคนที่ทำการผ่าตัดวันนี้ดูจะเป็นไปอย่างสบายๆไม่ได้เคร่งเครียดอะไร ทั้งที่เคสวันนี้ก็ดูจะยากสำหรับหมอเรสสิเดนท์อย่างพวกเขาเลยทีเดียว เด็กผู้หญิงที่พระพายเคยให้น้ำตาลปั้นวันนี้ได้ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดแล้ว เธอนอนหลับตานิ่งไม่ไหวติงด้วยฝีมือของหมอดมยา พระพายได้แต่ภาวนาในใจขอให้การผ่าตัดซ่อมแซมลิ้นหัวใจของเธอผ่านพ้นไปได้ด้วยดีและมีชีวิตใหม่ที่ดีเช่นกัน ...


                  เพียงครู่สั้นๆประตูห้องผ่าตัดก็ถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับร่างสูงของอาจารย์หมอเจ้าของไข้ ภูตะวันอยู่ในชุดสีน้ำเงินเข้มสวมหมวกพร้อมด้วยผ้าปิดปาก สายตาคมกริบมองมายังเตียงผ่าตัดที่อยู่ส่วนกลางของห้องในระหว่างที่พยาบาลผู้ช่วยสวมชุดปลอดเชื้อสีฟ้าทับอีกชั้นและสวมถุงมือยางให้กับเขา เสร็จแล้วจึงเดินตรงไปประจำตำแหน่งที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี โดยมีแพทย์และผู้ช่วยคนอื่นๆยืนตามลำดับความสำคัญ


“อัตราการเต้นของหัวใจ 160 ความดันโลหิต 80/40 ครับ” แพทย์ฝั่งหัวเตียงรายงานตามหน้าที่ อาจารย์หมอพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเริ่มทำการผ่าตัดซ่อมแซมลิ้นหัวใจที่รั่วของเด็กน้อยให้ใช้งานได้ปกติ โดยมีแพทย์เรสสิเดนท์อย่างพระพายคอยดูเพื่อเป็นกรณีศึกษา


“blade” (blade = มีดผ่าตัด) สครับเนิร์ส (Scrub nurse = พยาบาลที่คอยส่งเครื่องมือต่างๆให้กับศัลยแพทย์ผ่าตัด) วางสิ่งที่ภูตะวันต้องการลงบนมือหนาที่แบรออยู่ด้วยความคล่องแคล่ว มีดเล็กๆที่แสนจะคมกริบถูกกรีดลงบนผิวเนียนของเด็กสาวเป็นทางยาวตั้งแต่ช่วงอกจนถึงลิ้นปรี่ เลือดสีสดไหลซึมออกมาอย่างรวดเร็ว แพทย์ที่อยู่ถัดไปใช้ผ้าก๊อซซับเลือดอย่างรู้หน้าที่โดยที่หมอซันไม่ต้องบอก อีกฝ่ายก็ช่วยกันใช้ retractors (retractors = เครื่องมือถ่างแผล) เปิดช่องอกให้กว้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการผ่าตัด


“non-tooth tissue forceps” (non-tooth tissue forceps = คีมชนิดไม่มีเขี้ยวใช้จับอวัยวะที่บอบบาง)


“มีรูรั่วอยู่ประมาณหนึ่งเซนติเมตร” แพทย์อายุรกรรมโรคหัวใจที่เข้ามาดูการผ่าตัดด้วยพูดเสริม หมอซันหรี่ตาลงมองที่รอยรั่วของหัวใจดวงเล็กๆของหนูน้อย ก่อนจะขอกรรไกรเมโย (mayo scissors = กรรไกรที่ค่อนข้างใหญ่และหนา ใช้ตัดเนื้อเยื่อที่หนา เช่น ผังผืด) จากสครับเนิร์ส เมื่อได้แล้วจึงตัดรูรั่วทั้งสองให้เป็นรูใหญ่รูเดียว


พระพายที่ยืนห่างออกไปขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าอาจารย์หมอของเขาจะรักษาด้วยวิธีใด เพราะตอนประชุมวางแผนการผ่าตัดแพทย์เรสสิเดนท์ปีหนึ่งอย่างพวกเขาถูกจำกัดไม่ให้เข้าไป


“อาจารย์หมอกำลังจะทำอะไรครับ?” ไวเท่าความคิดเขาจึงเอ่ยถามออกไปทันทีด้วยความสงสัย เพราะไม่อยากให้ข้องใจอยู่นาน อยากรู้เดี๋ยวนั้นก็ต้องถามเลยเป็นนิสัยที่ติดมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเขาคิดมาเสมอว่ามันเป็นสิ่งที่ดีในการที่จะเรียนรู้


“ใช้เยื่อหุ้มลิ้นหัวใจปะเพื่อปิดรูรั่ว” เสียงทุ้มตอบโดยที่ไม่ได้ละสายตาจากจุดผ่าตัดแม้สักนาที ภูตะวันรับกรรไกรเม็ทเซ็นบอมจากสครับเนิร์สอีกครั้งและรอให้แพทย์ผู้ช่วยดูดเลือดให้ลดน้อยลง เสร็จแล้วจึงทำการตัดเลาะเนื้อเยื่อของลิ้นหัวใจมาปะปิดรอยรั่วใหญ่


“เย็บ” อาจารย์หมอเอ่ยสั่งอีกครั้ง ก่อนจะลงมือเย็บไหมแบบละลายอย่างคล่องแคล่วโดยมีผู้ช่วยที่คอยช่วยจับอุปกรณ์ เมื่อเย็บปิดรูรั่วเสร็จแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายก็คือการเย็บปากแผลที่ได้ทำการผ่าเปิดช่องอกเอาไว้อย่างพิถีพิถัน การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี ทำให้ทุกคนที่อยู่ภายในห้องผ่าตัดอันเย็นเยียบยิ้มได้


“ชีวิตใหม่ของเด็กหญิงกุลธิดา” พระพายเผลอพึมพำเบาๆกับตัวเอง ในขณะเดียวกันภูตะวันกำลังจะออกจากห้องผ่าตัดกลับต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงพูดของลูกศิษย์ที่ถึงแม้ไม่ดังมากนักแต่ก็ไม่เบาจนเขาไม่ได้ยิน ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองพระพายที่กำลังทอดสายตามองเด็กน้อยบนเตียง ถึงแม้ลูกศิษย์หัวรั้นของเขาจะมีผ้าปิดปากที่ปิดไปแล้วครึ่งหน้า เขาก็รู้ว่าภายใต้ผ้าปิดปากนั้นกำลังมีรอยยิ้มบางๆซ่อนอยู่ ก่อนขายาวจะก้าวออกจากห้องผ่าตัดไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไร

                   พระพายมักจะห่วงและเอ็นดูคนไข้เสมือนเป็นญาติของตนเสมอ อีกทั้งยังให้กำลังใจและให้ความหวังกับคนไข้ว่าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อทั้งที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเป็นไปได้ไหม จริงอยู่ที่ใครๆต่างก็คิดว่าคนเป็นหมอต้องมีจิตใจที่อ่อนโยนและพร้อมช่วยเหลือชีวิตผู้คน แต่ต่างกันกับเขา ภูตะวันคิดมาตลอดว่าหมอไม่ใช่พระเจ้า กำหนดชีวิตใครไม่ได้และให้ความหวังลมๆแล้งๆกับคนไข้ไม่ได้เช่นกัน ...

      

                    แพทย์เรสสิเดนท์สามคนเดินคุยกันถึงเคสผ่าตัดวันว่าไม่ตึงเครียดเหมือนครั้งก่อนๆที่ผ่านมา อีกทั้งผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มยังเอ่ยชมอาจารย์หมออย่างภูตะวันว่าเก่งสมคำร่ำลือก้าวขึ้นเป็นศาสตราจารย์ตั้งแต่อายุยังน้อย


“ชมเฉยๆก็พอมั้ง หน้าไม่เห็นต้องเคลิ้มขนาดนั้น” อนุวัฒน์เอ่ยแซวพลางใช้ศอกกระทุ้งเพื่อนผู้หญิงคนเดียวให้หลุดออกจากภวังค์เพราะดูจากท่าทางแล้วคงจะกำลังเพ้อฝันถึงอาจารย์หนุ่มหล่ออยู่แน่ พระพายที่เห็นเพื่อนสองคนหยอกล้อกันก็ได้แต่ระบายยิ้ม ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นใครบางคนที่เขาแสนเกลียดยืนคุยกับชายวัยกลางคนหนึ่งคนหน้าห้องผู้ป่วยแผนกระบบทางเดินอาหารและการปลูกถ่ายอวัยวะ


“ไปกันก่อนเลยนะ เดี๋ยวเราตามไป” เขารีบบอกเพื่อนอีกสองคน ก่อนจะปลีกตัวออกมายืนอยู่อีกมุมหนึ่งที่ไม่ไกลจากแผนกนี้เท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าจะเกลียดเสียจนไม่อยากเห็นหน้า แต่ก็ต้องทำใจที่จะเผชิญ


เขาเงียบฟังบทสนทนาของสองคนนั้นอย่างตั้งใจว่าพูดคุยเรื่องอะไรกัน ชายหนุ่มสูงวัยแพทย์ที่มีชื่อเสียงด้านระบบทางเดินอาหารและการปลูกถ่ายอวัยวะของโรงพยาบาลแห่งนี้ ดูแก่ลงไปมากจากหลายสิบปีก่อนที่พระพายเคยเห็น มันยืนคุยกับชายอีกคนด้วยสีหน้าและท่าทางสลด


“ถ้าเกิดทำการผ่าตัด โอกาสรอดของภรรยาคุณจะมีน้อยมากครับ”


“ผมควรจะย้ายโรงพยาบาลดีไหมครับหมอ?”


“โรงพยาบาลของเราเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดแล้วนะครับ ไม่ว่าจะที่ไหนๆก็คงจะพูดเหมือนกัน ผมขอโทษจริงๆครับ”


                   ชายคนนั้นปล่อยโฮออกมาเมื่อประโยคของแพทย์สูงวัยจบลง พระพายหรี่ตามองอย่างสงสัยว่าโรคที่ภรรยาของชายคนนั้นเป็นคืออะไร ร้ายแรงขนาดไหนถึงขนาดที่โอกาสรอดในการผ่าตัดน้อย อีกทั้งยังเป็นมันที่เขาแสนเกลียดเป็นเจ้าของไข้ด้วยแล้ว เขาควรต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองสามีภรรยาคู่นี้และมันเกี่ยวข้องอะไรมากกว่าการเป็นแพทย์เจ้าของไข้หรือไม่



      พระพายใช้เวลาว่างหลังจากพักเที่ยงกลับมาที่แผนกระบบทางเดินอาหารและการปลูกถ่ายอวัยวะอีกครั้ง เขาอ้างกับพยาบาลประจำแผนกว่าจะขอเข้าไปดูคนไข้เพื่อเป็นกรณีศึกษา ดวงตากลมทอดมองชายหนุ่มที่เห็นเมื่อเช้านี้นั่งอยู่ข้างเตียงหญิงสาวคนหนึ่งที่คงจะเป็นภรรยา ขาเรียวค่อยๆก้าวไปหาอย่างเชื่องช้าด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย มันตื้ออยู่ในอกเมื่อเห็นแววตาเศร้าสร้อยของชายคนนั้นที่รู้ว่าคนที่ตัวเองรักกำลังจะต้องจากไปทั้งที่ไม่อยากให้ไป


“โทษนะครับ ผมถามได้ไหมว่าภรรยาคุณเป็นอะไร” หมอเอ่ยถามอย่างมีมารยาท ไม่บุ่มบ่ามจนทำให้พวกเขาตกใจ สองสามีภรรยาหันมาทางเขา เมื่อเห็นว่าเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลจึงยกมือขึ้นไหว้จนพระพายเองต้องรีบห้ามเอาไว้ด้วยตัวเองอายุน้อยกว่า


“ดิฉันมีเนื้อร้ายในตับระยะสุดท้ายแล้วค่ะ” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม ทว่านัยน์ตากลับสะท้อนความเศร้าออกมาเหลือเกิน พระพายรู้สึกเศร้าใจและสะเทือนใจกับสิ่งที่สองคนตรงหน้านี้ต้องเผชิญอย่างมาก เขาเอื้อมมือวางบนหลังมือของเธอแผ่วเบาอย่างให้กำลังใจ


“เราเพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่นาน ยังไม่มีโอกาสได้เป็นพ่อแม่คนเลยด้วยซ้ำ” สามีของเธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พระพายมองเขาด้วยอย่างเห็นอกเห็นใจ ทั้งที่ตนเป็นหมอทว่าตอนนี้เขากลับช่วยอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ


“อยากไปเดินเล่นไหมครับ?” เขาเอ่ยถามหญิงสาวที่ร่างกายซีดเซียวพร้อมกับยิ้มบางๆ เห็นหน้าตาที่ดูโทรมเหมือนคนอดนอน ก็อยากจะช่วยให้ชายคนนั้นได้พักบ้าง การดูแลคนไข้และญาติคนไข้ก็เป็นหน้าที่ของหมออย่างเขาเหมือนกัน เธอหันมองหน้าสามีเป็นการขอความเห็น ก่อนจะได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้ากลับมา


“ผมจะกลับไปทำงาน ยังไงฝากหมอด้วยนะครับ เลิกงานแล้วผมจะรีบกลับมา” ชายคนนั้นลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาก้มลงจุมพิตที่หน้าผากมนของภรรยาด้วยความรัก พระพายเบือนหน้าออกจากภาพที่เห็น กระพริบตาปริบๆเพื่อไล่น้ำตาที่เอ่อคลอสองขอบตาให้หมดไป หากวันหนึ่งภรรยาของเขาต้องจากไป อีกหนึ่งชีวิตก็คงจะเหมือนตายทั้งเป็น ภาพสะท้อนครอบครัวของเขาไม่มีผิดเพี้ยน




      ล้อจากรถเข็นของโรงพยาบาลถูกล็อคเอาไว้อย่างดี ลมเย็นๆของบ่ายวันนี้ทำให้อากาศไม่ร้อนมากนัก เส้นผมยาวปลิวไสวตามแรงลม เธอหลับตาลงพร้อมกับรอยยิ้มบาง พระพายเผลอยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อเห็นว่าการที่เขาได้พาเธอออกมาสูดอากาศข้างนอกบนชั้นดาดฟ้าทำให้เธอหน้าตาสดชื่นได้บ้าง


“อากาศดีนะคะ”


“ครับ” เขาตอบรับพร้อมกับยืนมองท้องฟ้าเบื้องหน้าผืนเดียวกันกับเธอ เมฆหนาสีขาวค่อยๆลอยผ่านไปอย่างช้าๆ ลมเย็นโชยมาปะทะหน้าอยู่ตลอดเวลาทำให้เขาต้องหรี่ตาลง


“... คุณหมอมีความฝันไหมคะ?” พระพายเอียงหน้าไปมองเธอเล็กน้อยด้วยความสงสัย แต่เมื่อเห็นเธอยังคงมองท้องฟ้าอยู่อย่างนั้นก็เลือกที่จะไม่ตอบอะไร เธอไม่ได้อยากรู้ว่าเขามีความฝันหรือเปล่า เธอแค่อยากจะพูดความฝันของเธอเท่านั้นเอง แต่ถ้าจะให้ตอบจริงๆ ความฝันของเขาก็คงจะเป็นการได้เห็นโลกนี้มีความเป็นธรรมเกิดขึ้นกระมัง ...


“ความฝันของฉันคือการที่ได้เห็นคนที่ฉันรัก ไม่ต้องทุกข์ใจเพราะฉันอีก เราสู้มาด้วยกันตลอดเวลา สู้มาหลายเดือน จนกระทั่งวันนี้ที่รู้ว่าเราสู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว ...” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเหน็ดเหนื่อยเหลือทน ไม่มีน้ำตาจากเธอแม้แต่หยดเดียวให้คนเป็นหมอเห็น เป็นไปได้ว่าเธอคงจะผ่านการทำใจมามากแล้ว พระพายนั่งลงข้างรถเข็นของเธอ เขาจับมือเธอบีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะหันไปมองท้องฟ้าเบื้องหน้าอีกครั้ง


มีโอกาสรอดชีวิตจากการผ่าตัดน้อย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีไม่ใช่เหรอ



                   ถึงเวลาเลิกงานของภูตะวัน เขาเก็บของที่จำเป็นของตัวเองลงกระเป๋าสะพาย พร้อมกับถอดเสื้อกาวน์แขวนกับราวเอาไว้ เหลือเพียงเชิ้ตสีดำเรียบกับกางแสลคเท่านั้น อันที่จริงเวลาเลิกงานของเขาก็ไม่เป็นเวลานัก ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขามากกว่า ทว่าวันนี้อยากจะกลับไปพักผ่อนเสียหน่อย แต่ในระหว่างที่กำลังจะเดินผ่านห้องทำงานของลูกศิษย์กลับต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าแพทย์ที่เขาเคารพนับถือเดินตรงดิ่งเขามาด้วยท่าทางโมโหสุดขีด


“ภูตะวัน!!!” พฤติพงศ์ตะเบ็งสุดเสียงใส่หน้า เหมือนคนโกรธแค้นกันมาหลายปี ภูตะวันกัดกรามแน่นด้วยความไม่พอใจ ถึงแม้จะยังสงสัยว่าเรื่องอะไรแต่ก็ไม่พอใจที่จู่ๆคนที่เขาเคารพมาตะเบ็งเสียงใส่กันแบบนี้ พยาบาลและแพทย์เรสสิเดนท์ที่เห็นเหตุการณ์ก็พากันวิ่งออกมาดูรวมถึงพระพายด้วยเช่นกัน


“....... ” ภูตะวันไม่ได้พูดอะไรถึงแม้ว่าจะโมโหมากเหมือนกันก็ตาม อายุมากกว่าก็ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรตามอำเภอใจได้แบบนี้ พระพายยืนมองหมอโจตาแข็ง


“ทำงานข้ามหน้าข้ามตากันง่ายๆแบบนี้เหรอ กฎไม่ต้องมีแล้วใช่ไหมหรือคิดว่าเป็นทายาทของโรงพยาบาลเลยจะทำอะไรก็ได้น่ะห๊ะ!?!?” พฤติพงศ์ตะเบ็งเสียงดังอีกรอบ คนฟังอย่างภูตะวันได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดเรื่องอะไร


“ผมไม่เข้าใจ” ภูตะวันพูดเสียงเข้ม กัดกรามอย่างไม่พอใจที่ถูกกล่าวหาโดยที่ไม่มีหลักฐาน สายตาคมกริบจ้องอีกฝ่ายไม่วางตา พฤติพงศ์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พยายามระงับอารมณ์ให้เย็นลง เพราะถึงยังไงภูตะวันก็เป็นลูกชายและหลานชายของโรงพยาบาลที่ให้เขาทำงาน หากทำอะไรบุ่มบ่ามใจร้อนกว่านี้เห็นทีคงจะพึ่งพากันไม่ได้อีกต่อไป


“...ผมเป็นคนบอกญาติคนไข้ว่าอาจารย์หมอสามารถช่วยชีวิตภรรยาของเขาได้ ... พวกเราเป็นหมอไม่ใช่เหรอครับ ถึงแม้ว่าการผ่าตัดจะมีโอกาสรอดน้อยแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีนี่ครับ” หลังจากที่สามีของเธอคนนั้นกลับมาในเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เขาได้คุยและบอกกับทางนั้นว่าแผนกเขาสามารถทำการผ่าตัดให้ได้ ทำไมจะต้องปล่อยให้หนึ่งชีวิตตายไปต่อหน้าทั้งที่รู้ว่าหนทางรักษายังมี ทุกคนที่ได้ยินหันมองพระพายอย่างไม่คาดคิด


“เป็นแค่เรสสิเดนท์เอาความมั่นใจมากจากไหน หรือว่าอาจารย์ของคุณเขาสอนแบบนี้?” พฤติพงศ์ตำหนิด้วยคำพูดที่ทำให้พระพายต้องกำหมัดแน่น ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองอีกฝ่ายอย่างไม่มีความเกรงกลัวใดๆ มีแต่ความเกลียดชังเท่านั้นที่เขาจะมอบให้


“ไม่มีใครสอนผมหรอกครับ ผมก็มั่นใจแบบนี้มาตั้งแต่เกิด คุณหมอก็เป็นหมอไม่รู้เหรอครับว่าชีวิตคนไข้มีค่ามากแค่ไหน ทั้งที่ก็รักษาได้ทำไมไม่ทำล่ะครับหรือว่าคุณหมอมีเหตุผลอื่นนอกจากอยากให้คนไข้ตายไหมล่ะครับ” พระพายพูดเสียงแข็ง มองอีกฝ่ายอย่างท้าทาย คนถูกกล่าวหากัดกรามดังกรอดแสดงอารมณ์ที่ปะทุอย่างที่สุด สองมือกำแน่นแทบอยากจะยกบีบคอเด็กเหลือขอตรงหน้า


“พาย~” แพรดาวจับแขนเพื่อนตัวเองเพื่อให้สงบสติอารมณ์ลงและเห็นว่าไม่สมควรที่เรสสิเดนท์อย่างพวกเขาจะยืนพูดจาสบประมาทแพทย์ที่อายุมากกว่าแบบที่พระพายทำอยู่นี้


“... คงจะสอนกันแบบนี้จริงๆสินะ ว่างๆนี่คุณให้เด็กพวกนี้มันดึงผมเล่นหรือเปล่าหมอซัน”
“มันไม่ใช่ความผิดของอาจารย์หมอ จะด่าก็ด่าผมสิครับ เป็นแค่เรสสิเดนท์ก็สมควรถูกด่าแล้วนี่ครับ” พระพายรีบพูดเพื่อปกป้องภูตะวันที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เขาเริ่มรู้สึกผิดที่เอาอาจารย์หมอเข้ามาเกี่ยวและโดนหมอแก่ตรงหน้าต่อว่าทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของอีกฝ่ายเลยสักนิด


“... พระพาย เงียบ!” ภูตะวันที่เงียบฟังอยู่นานตะเบ็งสุดเสียง เขากลอกตาไปมาพลางดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มตัวเองอย่างเหลืออด ทำให้พระพายตกใจเล็กน้อยและยอมเงียบลงตามคำสั่ง


“จัดการไอ้เด็กนี่ซะ เก่งมากก็ให้ไปเก่งที่อื่นไม่ใช่ที่นี่” พฤติพงศ์พูดเสียงเรียบ มองหน้าภูตะวันกับพระพายสลับกันไปมาก่อนจะหันหลังเดินกลับไปทางเดิม คนที่ยืนดูเหตุการณ์ค่อยๆทยอยเดินออกไปทำหน้าที่ของตนตามเดิม เหลือแต่ภูตะวันและพระพายที่ค่อยๆเงยหน้ามองอาจารย์ของตนอย่างกล้าๆกลัวๆ


“อาจารย์ครับ ผมขอ ..” ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยจนจบประโยค อีกฝ่ายก็ไม่แม้แต่จะรอฟังคำขอโทษจากเขา คนตัวสู.เดินออกไปจากตรงนั้นด้วยอารมณ์คุกรุ่น อยากจะพูดให้เคลียร์แต่คิดว่าตอนนี้อารมณ์ของเขาคงไม่เย็นพอที่จะคุยจนรู้เรื่องจึงเลือกที่จะเดินออกมาก่อนจะดีกว่า แต่พระพายที่เป็นคนมีอะไรก็ต้องถามต้องเคลียร์จึงรีบวิ่งตามอาจารย์หมอของตนไปอย่างรีบร้อน


“อาจารย์ครับ!! อาจารย์!!” ภูตะวันชะงักเท้าลง เขาถอนหายใจออกมาพรูใหญ่ ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับลูกศิษย์ที่วิ่งกระหืดกระหอบตามมา ตาสีน้ำตาลเข้มมองอีกฝ่ายที่กำลังหายใจหอบ หมอพายกลืนน้ำลายอึกใหญ่ราวกับจะเรียกกำลังใจให้กับตัวเองก่อนจะเริ่มพูดสิ่งที่ตนต้องการพูดกับอีกฝ่าย


“ผมเห็นว่าในเมื่อแผนกนั้นไม่ผ่าตัด เราที่เป็นศัลยแพทย์ก็ควรทำ มันไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสรอดเลยนะครับ อาจารย์รู้ไหมว่าสามีของเธอทุกข์ใจขนาดไหนที่ต้องรู้ว่าคนที่ตัวเองรักกำลังจะจากไป”


“แล้วคุณรู้ไหมว่าสิ่งที่คุณทำมันผิดกฏ ผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ คนจะเป็นหมอควรใช้ความถูกต้องเป็นเหตุเป็นผลในการรักษา ไม่ใช่ใช้ความรู้สึก อย่าคิดว่าต้องรักษาคนไข้โดยที่ไม่สนว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามหลัง ผมเป็นหมอไม่ใช่พระเจ้า” ภูตะวันพูดเสียงเรียบ สีหน้าไม่สะท้อนอารมณ์ใดๆออกมาให้เห็น พระพายมองนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มครู่หนึ่งก่อนจะหลุบตาลงต่ำ เหตุผลเขามีมากกว่านั้นทว่าเขากลับพูดออกไปไม่ได้


“ถ้าเป็นผม ผมจะทำโดยที่ไม่ลังเล ผมจะไม่ปล่อยให้เธอตายทั้งที่รู้ว่ามีโอกาสรอด ถึงแม้ว่าจะน้อยก็ตามที” พระพายยังหนักแน่นในความคิดของตัวเอง ดูเหมือนเขาจะต้องการพูดกระทบอีกฝ่ายไปในคราวเดียวกัน คนตัวสูงกว่าถอนหายใจออกมาอีกครั้ง หัวรั้นเสียจริง


“ถ้าสงสารหรือเห็นใจมาก โดยที่ไม่สนความถูกต้อง ก็ลาออกไปอยู่มูลนิธิช่วยเหลือคนซะ อย่ามาเป็นหมอ” พูดจบก็หันหลังเดินไปโดยที่ไม่ได้เหลียวหลังมอง ดวงตากลมทอดมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่ค่อยๆเดินไกลออกไปอย่างรู้สึกผิดหวัง



       

               ภูตะวันอยู่ในชุดนอนสบายตัว เท้าแขนกับขอบระเบียงห้องพักบนชั้นสูงของคอนโด เขาครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นในขณะที่กำลังยืนมองทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองหลวง สิ่งที่พระพายทำคือการย้ายคนไข้มาทำการรักษาโดยที่ไม่ได้คุยกับแพทย์เจ้าของไข้ เป็นเรื่องที่ผิดตามหลักจรรยาบรรณในวิชาชีพ ไม่ต่างอะไรกับการขโมยคนไข้อย่างที่พฤติพงศ์พูดจริง

               เป็นเพราะพระพายใช้ความรู้สึกของตัวเองที่มีค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะด้วยความสงสารหรือเห็นใจอะไรก็ตามแต่ เขาไม่ได้โกรธที่พระพายทำเช่นนั้น แต่หากคิดที่จะเป็นหมอก็ต้องคำนึงถึงเหตุผลในการรักษา ไม่ใช่สงสารใครก็รักษาไปเสียหมด ในเมื่อแพทย์เจ้าของไข้วินิจฉัยว่ามีโอกาสรอดน้อย เขาก็คงจะพูดออกมาไม่ต่างกัน

                อีกทั้งคำพูดก้าวร้าว สายตาท้าทายและแข็งกร้าวของพระพายยามที่มองนายแพทย์พฤติพงศ์ทำให้เขารู้สึกสงสัยในตัวของอีกฝ่ายไม่น้อย ต้องมีเรื่องราวอะไรระหว่างลูกศิษย์คนนี้กับหมอที่เป็นเหมือนญาติคนหนึ่งของเขาแน่ เพียงแต่ไม่ยอมปริปากออกมาให้ใครรู้ เขาครุ่นคิดอย่างหนัก พลางคิดไปถึงประโยคสุดท้ายที่พูดกับอีกฝ่ายไปเมื่อเย็นว่ามันฟังดูรุนแรงไปหรือไม่


‘ถ้าสงสารหรือเห็นใจมาก โดยที่ไม่สนความถูกต้อง ก็ลาออกไปอยู่มูลนิธิช่วยเหลือคนซะ อย่ามาเป็นหมอ’



              ลมหายใจอุ่นถูกพ่นออกมาจรดปลายจมูก เปลือกตาสีน้ำตาลปิดลง นิ้วเรียวบีบสันจมูกตรงหว่างคิ้วตัวเองเบาๆ ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง มือหนายกสมาร์ทโฟนในมือขึ้นมาเลื่อนหาเบอร์ใครบางคนแล้วชะงักไปเมื่อหาพบ เขาชั่งใจอยู่นานกว่าจะกดต่อสายไป


(ครับ) เสียงนุ่มจากปลายสายตอบรับหลังจากที่รอสายได้ไม่นาน ภูตะวันนิ่งไปอย่างคนไม่รู้จะพูดอะไร


(... อาจารย์โทรมามีอะไรหรือเปล่าครับ?) เสียงปลายสายของพระพายเรียกดึงสติเขากลับมาอีกครั้ง ภูตะวันกลอกตาไปมานึกรำคาญตัวเองอยู่ไม่น้อย รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังง้อลูกศิษย์อยู่เสียอย่างนั้น


“คุณยังอยู่ที่โรงพยาบาลรึเปล่า?”


(ครับ ผมอยู่เวร)


“เมื่อเย็นผมลืมว่าได้สั่งให้เพิ่มการให้ Rt-PA กับกุลธิดาหรือเปล่า ฝากคุณเช็คด้วย” (Rt-PA (อาร์ที-พีเอ) หรือ Alteplase (แอลทีเพลส) = ยาละลายลิ่มเลือด)


(ได้ครับ ผมจะเช็คให้)


“ขอบใจมาก ผมโทรมาแค่นี้แหละ” ภูตะวันกดวางสายทันทีหลังจากพูดจบ เขาทอดสายตามองทิวทัศน์ของค่ำคืนใจกลางเมืองหลวงแห่งนี้และถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากเพียงเล็กน้อย


***************************





หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 7 (18-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 18-06-2015 03:20:30
ตื่นเต้นทุกครั้งที่อ่านฉากในห้องผ่าตัด

แต่งเก่งมากๆ เลยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 7 (18-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: yupa ที่ 18-06-2015 07:52:25
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 7 (18-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 18-06-2015 13:31:34
ชอบเรื่องนี้จัง
เริ่มคลายปมเรื่องที่บ้านหมอพายมาแล้ว
หมอซันจะช่วยหมอพายได้ไหม   รอติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 7 (18-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 18-06-2015 14:25:22
อย่าบอกนะว่าอิหมอโจอะไรนั่นป ไม่ยอมรักษาพ่อของหมอพาย เพราะจะได้นำอวัยวะไปปลูกถ่ายให้คนอื่น หรือแบบมีคนรวยมาขอซื้อ เลยเลือกที่จะให้พ่อหมอพายตายไปซะ ดีกว่ารักษา ถึงแม้เปอร์เซ็นรอดมันจะน้อย !!!!! ตอนนี้คิดออกแค่นี้เลย  ฮรืออออออ .เอาใจช่วนหมอพายกับอาจารย์หมอน้าาาา
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 7 (18-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-06-2015 14:40:13
มันมาก หมอพายปะ ฉะ ดะ ได้กับทุกคนเลย
รอวันกระชากหน้ากากหมอโจ
อ่านฉากช่วยชีวิตเด็ก ตื่นเต้น ลุ้นระทึกไปด้วย หมอซันเก่งจริง ๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 7 (18-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ม่วงระย้า ที่ 18-06-2015 23:27:05
หมอโจไม่ผ่าเพราะกลัวพลาดหรือไง หรือโอกาสรอดมีเปอร์เซ็นต์ต่ำมากเลยไม่ทำการผ่า

อยากรู้ว่าพระพายจะช่วยคนไข้ได้ไหม เคยดูซีรี่ย์ญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งที่อายุเยอะแล้วมาเป็นหมอ พยายามรักษาคนไข้อย่างสุดโต่งเพราะห่วงคนไข้แบบพระพาย สุดท้ายคนไข้ก็ไม่รอด คนเสียใจคือหมอ กรณีนี้กับมะเร็งระยะสุดท้ายทำไมพระพายถึงอยากให้ผ่า หรือพระพายคำนวณไว้แล้วว่ามีโอกาสรอดสูง หรืออาการคนไข้ไม่ได้หนักตามที่หมอโจแจ้ง น่าสงสัยเนอะ รอดูว่าจะทำไงต่อไป และคนทำการผ่าตัดเคสยากแบบนี้ได้ต้องเก่งมาก เอ้า!คราวนี้ แล้วอาจารย์หมอจะทำยังไงล่ะ?
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 7 (18-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 20-06-2015 21:46:52
แวะไปโพสห้องนิยายแนะนำมาให้แล้วค่ะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=3986.msg3099104#msg3099104

เป็นกำลังใจให้แต่งผลงานดีๆ มาให้อ่านเยอะๆ นะคะ

เรื่องนี้เป็นนิยายหมอๆ ที่เราชอบมากที่สุดเรื่องนึงตั้งแต่เคยอ่านมาเลย ^^ เก่งมากๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 7 (18-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 22-06-2015 10:01:16
แต่งได้น่าติดตามมากครับ  อ่านครั้งแรกก็หลงรักเลย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 7 (18-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 22-06-2015 12:20:25
เหมือนดูซีรี่ส์ญี่ปุ่น สนุกค่ะ o13
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 7 (18-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: WannaSay ที่ 25-06-2015 22:47:35
สนุกตื่นเต้น มีปมให้ติดตาม คนเขียนเก่งมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 8 (26-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 26-06-2015 00:18:48
-8-

   

“คุณทำแบบนี้ทำไม!? คุณทำลายความหวังของครอบครัวผมทำไม!?”


“ผม ... ขอโทษครับ”


               เสียงดังของชายคนหนึ่งสั่นเครือดังมาจากมุมหนึ่งที่ไม่ไกลจากแผนกผู้ป่วย เขามองหน้าคุณหมอฝึกหัดอย่างพระพายด้วยความผิดหวัง เมื่อได้รู้ว่าสิ่งที่คุณหมอคนนี้ได้พูดกับเขาไม่สามารถเป็นจริงขึ้นมาได้ พระพายได้แต่ขอโทษและยืนก้มหน้านิ่งด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจอย่างสุดซึ้ง


“คุณเอาความหวังของคนมาล้อเล่นแบบนี้ทำไม ทำไมๆๆ!?!?” สามีของหญิงที่มีเนื้อร้ายตะคอกใส่เขาด้วยเสียงที่ดังลั่น พร้อมกับจับไหล่พระพายเขย่าอย่างแรงเหมือนคนขาดสติ น้ำตาของเขาไหลออกมาไม่ขาดสาย พระพายเม้มปากแน่นสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย เขาเองก็เสียใจไม่แพ้กันและไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้


“อย่าครับ!!” เสียงเข้มที่คุ้นหูดังขึ้น เขารีบจับแขนแกร่งของญาติคนไข้ออกจากไหล่ของลูกศิษย์ พระพายได้แต่ก้มหน้าอย่างคนรู้สึกผิด ไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับอีกฝ่าย ภูตะวันพรูลมหายใจเมื่อเห็นว่าญาติคนไข้มีท่าทีสงบลงเล็กน้อย


“... ใจเย็นๆแล้วฟังผมนะครับ” ภูตะวันพูดอย่างใจเย็น ญาติคนไข้ยืนหายใจหอบจากความโมโหเมื่อครู่ ก่อนจะหันหลังให้กับหมอทั้งสองและเท้าแขนไว้กับขอบหน้าต่างกระจกบานใหญ่เพื่อสงบสติอารมณ์ รวมทั้งไม่อยากจะฟังคำพูดอะไรจากคนเป็นหมออีก


“ผมจะผ่าตัดให้ภรรยาคุณ” พระพายเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงกว่าด้วยความแปลกใจ เมื่ออยู่ๆอาจารย์หมอก็เปลี่ยนใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น เช่นเดียวกับสามีของผู้ป่วยที่หันกลับมามองคนพูดอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เขาหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ กลัวว่าฝ่ายคุณหมอจะพูดให้ความหวังเขาอีก


“ไปขอชาร์จคนไข้จากแผนกนั้นมาให้ผมที่ห้องทำงานด้วย” อาจารย์หมอสั่งลูกศิษย์เสร็จก็หันหลังเดินจากไปทันที ทิ้งความข้องใจไว้ให้กับพระพายอย่างใหญ่หลวงว่าเพราะอะไรอาจารย์หมอของเขาถึงเปลี่ยนใจที่จะรักษาภรรยาของชายคนนี้



      แผ่นหลังกว้างพิงพนักเก้าอี้ตัวใหญ่ในห้องทำงาน นิ้วเรียวนวดคลึงบริเวณสันจมูกโด่งของตนอย่างคิดไม่ตกว่าสิ่งที่ตัดสินใจทำนั้นดีแล้วหรือไม่ เมื่อคืนนี้เขาทบทวนคำพูดของลูกศิษย์หัวรั้นจนนอนไม่หลับ หากพระพายเห็นว่าการรักษาคนไข้โดยที่ไม่สนว่าอะไรจะเกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เขาก็จะคิดเสียว่าการให้โอกาสคนไข้ได้มีชีวิตอยู่ต่อก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน ภูตะวันแทบไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดของลูกศิษย์อย่างพระพายจะมีผลกับความคิดและการกระทำของเขาได้ขนาดนี้


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“เชิญ” เขาอนุญาตเมื่อได้ยินเสียงเคาะที่หน้าประตู พระพายเดินถือแฟ้มของผู้ป่วยเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาวางแฟ้มลงบนโต๊ะทำงานและถอยมาหนึ่งก้าวเพื่อเว้นระยะห่าง สองมือกุมกันไว้ด้านหน้าอย่างสุภาพ

              ภูตะวันเหลือบมองหน้าลูกศิษย์เล็กน้อย ก่อนจะหยิบแฟ้มชาร์จผู้ป่วยมาเปิดอ่าน ในขณะเดียวกันที่พระพายเหลือบไปเห็นบางอย่างที่คุ้นตาเสียบอยู่ในกระป๋องใส่ปากกาของเจ้าของห้อง คิ้วเรียวได้รูปขมวดมุ่นอย่างสงสัย ตอนนั้นอีกฝ่ายบอกเขาว่าให้เด็กคนอื่นไปแล้ว แต่ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่ได้ ภูตะวันกระแอมออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าพระพายเห็นน้ำตาลปั้นไม้นั้นแล้ว ลืมไปเสียสนิทว่าหากเจ้าของมาเห็นจะถูกจับได้ ทางที่ดีที่สุดคือการอยู่เฉยๆและทำเป็นไม่รู้เรื่องเสียดีกว่า ...


“บ่ายโมงเรียกประชุมทีมเรื่องการผ่าตัดเคสนี้ด้วย”


“ครับ” พระพายรับแฟ้มคืน แต่ก็ยังมีเรื่องที่เขาข้องใจหากออกจากห้องไปตอนนี้ เห็นทีว่าเขาคงจะอยู่กับความคับข้องใจนี้ไปทั้งวันโดยหากยังไม่ได้คำตอบ ภูตะวันละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์มองหน้าลูกศิษย์อย่างสงสัยว่าทำไมถึงยังไม่ออกไปจากห้องนี้เสียที


“มีอะไรรึเปล่า?”


“... ผมอยากทราบว่าทำไมอาจารย์ถึงเปลี่ยนใจผ่าตัดเคสนี้ครับ” คนถูกถามพรูลมหายใจออกมา ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ภูตะวันเดินอ้อมมากึ่งนั่งกึ่งยืนที่ขอบโต๊ะทำงานตัวใหญ่ตรงหน้าลูกศิษย์ที่รอคำตอบอยู่ เขากอดอกพลางมองหน้าพระพายด้วยสายตานิ่งๆ


“เมื่อคุณเห็นว่าการรักษาคนไข้เป็นเรื่องสำคัญ ผมก็จะเห็นว่าการให้โอกาสคนไข้มีชีวิตอยู่ต่อก็น่าจะสำคัญเหมือนกัน”
“ทั้งที่อาจารย์รู้ว่ามีความผิดอย่างนั้นเหรอครับ?”


“ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง” เขาพูดด้วยสีหน้าเครียด ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าความผิดฐานที่ดึงคนไข้ข้ามแผนกมันคืออะไร เขาก็พร้อมที่จะยอมรับกับคำตัดสินของคณะกรรมการบริหารของโรงพยาบาลและยังยึดมั่นในการตัดสินใจของตนที่จะผ่าตัดเคสนี้ให้สำเร็จต่อไปเช่นเดียวกัน


“ผมเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ผมก็ควรจะรับผิดชอบด้วยครับ” พระพายพูดขึ้นเพื่อแสดงเจตนาของตนบ้าง หากจะมีใครผิดในเรื่องนี้ก็คงเป็นเขาแต่เพียงผู้เดียว จะให้อาจารย์หมอมารับผิดชอบทั้งหมด เขาก็จะดูขาดสามัญสำนึกไปหน่อย สายตาคมกริบมองอีกฝ่ายอย่างตำหนิ ในเมื่อเขาเป็นหัวหน้าแผนกก็ควรจะรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดนั่นก็ถูกแล้ว


“คุณจะฟังผมสักเรื่องได้ไหมพระพาย” ภูตะวันพูดด้วยน้ำเสียงระอา ไม่ได้มีการตะคอกเสียงดังทว่ากลับทำให้พระพายรู้สึกผิดอย่างมหันต์กับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ในขณะเดียวกับที่ประตูห้องถูกเปิดออกโดยไม่มีเสียงเคาะประตู อาจารย์หมอเหลือบมองคนเข้ามาใหม่ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างระอากับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวที่ดูจะประเดประดังเข้ามาในชีวิตช่วงนี้ของเขาเหลือเกิน


“โทษที ไม่รู้ว่ามีแขก” หญิงสาวร่างระหงส์ ผู้เป็นหัวหน้าแผนกสูตินารีเวชที่พระพายเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่งที่ศูนย์อาหารของโรงพยาบาล วันนี้ได้เห็นเธอใกล้ๆก็รู้สึกได้ถึงความสวยและสง่าของเธอมาก เหมาะกับอาจารย์หมออย่างไม่มีที่ติ เขายกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อมเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายอายุมากกว่า หญิงสาวรับไหว้เธอด้วยรอยยิ้ม ดวงตากลมสวยเหลือบมองอาจารย์และลูกศิษย์สลับไปมา ประเมินเอาว่าเหตุการณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก จากประโยคเมื่อครู่ที่เธอได้ยิน


“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ” พูดจบก็เปิดประตูออกจากห้องไปทันที ดวงตาสีน้ำตาลเข้มได้แต่จ้องมองแผ่นหลังบางจนลับตา ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องอย่างอ่อนแรงเพราะความเครียด ทั้งเรื่องผ่าตัดเรื่องคนไข้ที่ต้องเจอวันละหลายราย ยังมีเรื่องลูกศิษย์ที่หาเรื่องมาให้เขาปวดหัวอยู่เรื่อย หญิงสาวได้แต่มองอาการของคนที่ตัวเองรักอย่างเห็นใจ


“งานหนักเลยสิ”


“อืม” เขาตอบรับพลางหลับตานวดสันจมูกตรงหว่างคิ้วไปด้วย หมอบีหันมองไปที่ประตูห้องอีกครั้งก่อนจะหันมองศัลยแพทย์มือ
หนึ่งของแผนกหัวใจอย่างใช้ความคิด


“แกดูแคร์เด็กคนนั้นมากเลยนะซัน” เธอพูดพร้อมกับยิ้มบางๆ คำพูดที่เธอได้ยินจากปากของเพื่อนที่เธอรัก สายตาของเขาที่มองเด็กคนนั้น มันไม่เหมือนกับที่ภูตะวันมีให้เธอเลยสักนิด เธอไม่รู้ว่ามันคือความรู้สึกแบบไหนเพียงแต่เธอไม่เคยได้รับจากเขาในแบบนี้เท่านั้น ภูตะวันเปิดเปลือกตาขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างสงสัยว่าหมายความว่ายังไงกับสิ่งที่พูด


“... ยังไง?” เธอหัวเราะเบาๆกับคำถามของอีกฝ่าย ก่อนจะพูดออกตามสิ่งทีเธอรู้สึกและสัมผัสได้จากเขา


“ก็จากสายตาและคำพูดของแก ... ไม่รู้สิ บางทีฉันก็อยากให้แกมองฉันแบบที่แกมองเขา อยากให้แกตำหนิฉันเหมือนที่แกตำหนิเขา เพราะมันหมายถึงแกให้ความสนใจ” สโรชาฝืนยิ้มสดใสราวกับว่าไม่ได้คิดอะไร ทว่าภายในหัวใจกลับหม่นหมองสิ้นดี ภูตะวันชะงักไปเพียงครู่สั้นๆในระหว่างที่เธอกำลังพูด ก่อนจะหัวเราะเบาๆออกมาราวกับว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นเรื่องน่าขบขัน


“พระพายเขาเป็นลูกศิษย์ฉัน ไม่แปลกที่ฉันจะต้องสนใจและคอยตำหนิเมื่อเขาทำผิด ... แล้วที่เข้ามามีธุระอะไรหรือเปล่า?” เขาถามเธอหลังจากตอบคำถามเธอเสร็จ ถือว่าเป็นการเปลี่ยนประเด็นไปในคราวเดียวกัน ถึงแม้คำพูดของเพื่อนจะรบกวนจิตใจ แต่ภูตะวันก็เลือกที่จะสลัดมันทิ้งไปเสียในตอนนี้ดีกว่า ยังมีเรื่องที่สำคัญมากกว่าเรื่องเล็กน้อยนี้อยู่มากโข สโรชาถอนหายใจเบาๆพลางเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างผ่อนคลาย


“เพิ่งคุยกับอาหญิงของแกเสร็จ ก็เลยแวะเข้ามาหา”


“เรื่องเดิมๆสินะ” หมอบียิ้มเล็กน้อย ภูตะวันจึงเดาเอาว่านั่นคือคำตอบว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง

                  อาหญิงของเขามักจะคุยกับหมอบีอยู่เสมอๆ เช่นเดียวกับวันนี้ที่อาหญิงหรือผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเรียกเธอไปพบ ด้วยรู้จักกันมาค่อนข้างนานตั้งแต่ทั้งสองยังเป็นเพียงนักศึกษาแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นการคุยเรื่องราวชีวิตทั่วไป การทำงานของเธอ และมักจะจบที่เรื่องการคบหากับหลานชายอย่างภูตะวัน หมอซันรู้ว่าอาของเขาไม่ได้บังคับให้เขาทั้งสองต้องตกลงปลงใจกัน หากแต่รู้ว่าผู้ใหญ่อยากให้เขาทั้งสองคบหากันให้เป็นเรื่องเป็นราว ด้วยเห็นว่าต่างฝ่ายก็ต่างไม่มีใครและค่อนข้างที่จะสนิทกันมานาน


“อย่าโกรธท่านเลยนะ ฉันรู้ว่าท่านรักและหวังดีกับแกมากๆ อยากให้แกมีครอบครัวที่มั่นคง พร้อมจะดูแลโรงพยาบาลต่อและได้ผู้หญิงดีๆอย่างฉันเป็นภรรยาในอนาคต” หมอบีพูดติดตลก คนฟังได้แต่หัวเราะหึในลำคอเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทอวยตัวเองเป็นการปิดท้ายประโยค ก่อนจะหลุบตาลงพลางถอนหายใจเบาๆ


“ไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้ เอาเวลาไปคิดวินิจฉัยโรคของคนไข้เพื่อการผ่าตัดจะดีกว่า ไม่ได้รักก็คือไม่ได้รัก แกให้ฉันได้แค่ความเป็นเพื่อน ฉันบอกกับผู้อำนวยการไปแบบนั้นแล้วและครั้งนี้ก็คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ท่านจะถาม เพราะฉะนั้นสบายใจได้” เธอระบายยิ้มสวย ดวงตาสีดำเป็นประกายดูมีเสน่ห์ไม่น้อย ภูตะวันมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธออย่างแคร์ความรู้สึก ถึงเขาไม่ได้รักเธอในแบบคนรัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอยากให้เธอเจ็บปวด เพราะอย่างน้อยหมอบีก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา สโรชาพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร ราวกับรู้ความคิดของภูตะวันผ่านดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้น


“ขอบใจแกมากนะ” หมอซันตบหลังมือเรียวของเธอเบาๆ ก่อนจะระบายยิ้มออกมาอย่างที่ไม่มีใครได้เห็นบ่อยนัก นอกจากคุณหมอแห่งแผนกสูติ-นารีเวชอย่างแพทย์หญิงสโรชา ทว่ากลับมีดวงตาอีกคู่ของใครบางคนลอบมองพวกเขาอยู่ผ่านทางช่องว่างมู่ลี่กระจกห้องทำงาน ใบหน้าของเขาเรียบดั่งผิวน้ำที่นิ่งสงบเหมือนกำลังจมอยู่กับความรู้สึกของตัวเองบางอย่าง


      เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ภูตะวันได้คุยกับสโรชา เขาก็ถูกผู้อำนวยการโรงพยาบาลหรืออาสะใภ้ของตนเรียกให้มาพบ เขาไม่ได้มีท่าทีกังวลใจแต่อย่างใดเพราะรู้ว่ายังไงวันนี้ก็ต้องถูกเรียกให้มาคุยเรื่องที่แผนกของเขาเอาคนไข้จากแผนกอื่นมา

      มือหนาเคาะประตูห้องเพียงสองสามครั้ง ก่อนจะจับลูกบิดเปิดประตูเข้าไป ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองคนในห้องที่เห็นว่าเป็นอาสะใภ้ของตนเองนั่งรออยู่ ทว่ากลับมีอีกคนที่นั่งรออยู่เช่นเดียวกัน แพทย์สูงวัยที่เขานับถือเหมือนญาติผู้ใหญ่ในครอบครัว ...


“นั่งลงสิ” สายตาของหญิงวัยห้าสิบปีมองหลานชายของตนเองอย่างตำหนิ ที่ทำงานอย่างไม่เป็นระบบทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน อาจารย์หมอหนุ่มนั่งลงที่โซฟานุ่มตรงข้ามกับหมอโจแพทย์แผนกระบบทางเดินอาหาร ซึ่งอีกฝ่ายก็มองภูตะวันอย่างไม่พอใจเช่นเดียวกันที่ถูกหมอรุ่นลูกทำงานข้ามหน้าข้ามตา


“รู้ใช่ไหมว่าอาเรียกมาพบเรื่องอะไร” ที่จริงเธอเรียกทั้งภูตะวันและพระพายให้เข้ามาพบพร้อมกันเพื่อจัดการปัญหานี้ ทว่าหลานชายของเธอตกลงที่จะยอมรับผิดทั้งหมดไว้แต่เพียงผู้เดียว เธอจึงไม่ได้คัดค้านอะไร


“ครับ” ภูตะวันตอบรับ เขามองผู้ใหญ่ทั้งสองคนสลับกันไปมา ทั้งสามคนนั่งกันอย่างสบายๆด้วยไม่ได้เป็นการคุยกันอย่างเป็นทางการในระบบบริหาร หากแต่หัวข้อที่คุยก็เป็นเรื่องที่ซีเรียสไม่น้อย


“ขอบคุณหมอโจซะที่ไม่เรียกประชุมบอร์ดบริหารทั้งหมดให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต” ณิชชาอรพูดเสียงเรียบ พยักหน้าให้หลานชายตนเองเล็กน้อยเพื่อต้องการให้เขาทำอย่างที่พูด ภูตะวันกัดกรามก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณอีกฝ่าย เขาเองก็ไม่หวั่นกลัวอะไรอยู่แล้วหากจะเป็นเรื่องราวใหญ่โตถึงขึ้นเรียกฝ่ายบริหารทั้งหมดเข้าห้องประชุม ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องซาบซึ้งน้ำใจของอีกฝ่ายที่มีให้ เพราะยังไม่พอใจกับเหตุการณ์ครั้งนั้นอยู่มาก


“พระพายแพทย์เรสสิเดนท์ปีหนึ่งทำเรื่องนั้นโดยพลการ เป็นการกระทำที่ผิดกฏของโรงพยาบาล หมอซันในฐานะที่เป็นอาจารย์จะรับผิดชอบเรื่องนี้ยังไง?”


“ผมจะผ่าตัด อย่างที่หมอพระพายลูกศิษย์ของผมได้พูดไว้กับญาติของผู้ป่วย” พฤติพงศ์ได้ยินถึงกับเลือดขึ้นหน้า ไม่คิดว่าอีกฝ่ายยังจะดันทุรังต่อไปทั้งที่เขานำเรื่องนี้มาแจ้งกับผู้อำนวยการแล้วแท้ๆ สายตาคมกริบจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้ หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวขมวดคิ้วอย่างสงสัยในการตัดสินใจของหลานชายตนเอง ภูตะวันไม่เคยแม้แต่จะทำผิดกฏไม่ว่าจะข้อใดของ
โรงพยาบาล ทว่าในครั้งนี้ทำไมถึงกล้าทำเป็นเพราะคำพูดของแพทย์เรสสิเดนท์หรือเป็นเพราะอะไร


“อาขอเหตุผลจากซันได้ไหม?”


“... ผมไม่เคยให้ความหวังกับผู้ป่วยตลอดการเป็นแพทย์มาสิบกว่าปี แต่พระพายทำให้ผมรู้ว่าหมอคือความหวังของผู้ป่วยและญาติของเขา ในเมื่อแผนกของอาหมอโจไม่ทำ ผมก็จะทำ” ภูตะวันเหลือบมองอาสะใภ้ของตนราวกับจะให้เข้าใจตัวเขาก่อนจะเบนสายตามองชายอีกคนที่ก็จ้องเขาอย่างไม่วางตา เขาทบทวนคำพูดของพระพายอยู่ตลอดเวลา จนทำให้รู้ว่าหมอไม่ต่างอะไรกับการเป็นความหวัง ความหวังของผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย ฉะนั้นการให้โอกาสผู้ป่วยมีชีวิตอยู่คือหน้าที่ของคนเป็นหมอ


“การให้ความหวังผู้ป่วยทั้งที่รู้ว่าจะไม่มีโอกาสรอด ภูตะวันคุณเป็นศัลยแพทย์ที่แย่ที่สุด!” หมอสูงวัยพูดเสียงกร้าว มือที่เหี่ยวย่นตบโต๊ะกลางเสียงดังลั่นห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พอใจอย่างที่สุด คนเป็นกลางอย่างผู้อำนวยการได้แต่มองสองคนสลับไปมาพลางถอนหายใจ หมอซันยกยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยิน


“ถ้าอย่างนั้นเหตุผลที่หมอโจไม่ผ่าตัดคืออะไรคะ?” ก่อนที่ทั้งสองคนจะได้ระเบิดอารมณ์กันมากกว่านี้ ผู้อำนวยการหญิงสาวจึงหันไปถามหมอโจบ้าง ภูตะวันกัดกรามแน่นระงับอารมณ์ กลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย แพทย์อายุมากที่สุดภายในห้องกลืนน้ำลายลงคอ เขาเหลือบมองหมอรุ่นลูกฝั่งตรงข้ามก่อนจะหันไปสนใจหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงกลางแทน


“เพราะผมรู้ว่าเธอไม่มีโอกาสรอด”


“เธอมีครับ เธอมีโอกาสรอด 20% ผมและทีมของผมจะทำให้สำเร็จ” ภูตะวันพูดแทรกในขณะที่ผู้อาวุโสกว่ายังพูดไม่จบ หมอโจขมวดคิ้วมองสีหน้าไม่พอใจอย่างไม่ปกปิด


“แผนกของคุณจะเป็นฝ่ายตรงข้ามกับผมใช่ไหม ถ้าผมย้ายคนไข้แผนกของคุณมาแผนกผมบ้าง คุณก็คงจะไม่ขัดข้องอะไร” พฤติพงศ์ยกยิ้มมุมปากอย่างท้าทาย อาจารย์หมอหนุ่มหลุดหัวเราะออกมา ราวกับว่าเรื่องได้ที่ยินมันเป็นเรื่องตลกขบขันที่สุดในชีวิต


“คงไม่มีวันนั้นครับ เพราะผมจะไม่ปล่อยให้คนไข้ของผมนอนรอวันตายโดยที่ผมไม่ได้ช่วยเหลือ” ภูตะวันยิ้มอีกครั้งอย่างผู้ชนะ พฤตพงศ์ได้แต่กัดกรามระงับความโกรธอยู่ในใจ ดวงตาสีดำมองแพทย์รุ่นลูกอย่างโกรธแค้นเสียเต็มประดา

            ไม่คิดว่าคนที่เคยเคารพเขามาตลอดจะกล้าทำเรื่องอย่างนี้เพียงเพราะลูกศิษย์ในทีม พฤติพงศ์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะก้าวฉับๆออกจากห้องพร้อมด้วยเสียงประตูที่ปิดลงดังลั่น อาจารย์หมอหนุ่มถอนหายใจพลางทิ้งตัวลงกับพนักพิงของโซฟาอย่างแรง


“ยังไงซะเรื่องที่ซันกับลูกศิษย์ของซันทำก็ผิด ถึงจะไม่ถึงคณะกรรมการบริหารคนอื่นๆ แต่อาก็ต้องลงโทษ อาจะงดการให้เงินเดือนของซันกับหมอพระพายคนละหนึ่งเดือน ซันเข้าใจอาใช่ไหม?” ณิชชาอรพูดอย่างเห็นใจ ถึงแม้ว่าภูตะวันจะเป็นหลานชาย แต่เธอก็เป็นถึงผู้อำนวยการที่ถูกก็ว่าไปตามถูก ผิดก็ว่าไปตามผิด


“ผมขอรับผิดทุกอย่างเอง อาหญิงเพิ่มเป็นสองเดือนได้เลยครับ...” เขาปิดเปลือกตาลงพร้อมกับวางต้นคอบนขอบพนักพิงนุ่มของโซฟาราคาแพง เพราะพระพายคือคนในทีมที่เขาควรจะปกป้อง ถึงแม้ว่าเรื่องที่พระพายทำจะเป็นเรื่องที่ผิด ทว่าตอนนี้เขากลับตัดสินใจเดินทางเดียวกับพระพายแล้วก็ควรจะรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียวในฐานะหัวหน้าแผนกและอาจารย์ ณิชชาอรถอนหายใจก่อนจะลุกไปนั่งข้างหลานชายของตน พลางลูบผมของอีกฝ่ายเบาๆด้วยความรัก


“อาเชื่อว่าซันทำได้” เธอระบายยิ้มสวยมองหลานชายที่หลับตาลงอย่างภูมิใจ


             ภูตะวันไม่เคยทำให้คนในครอบครัวผิดหวัง ภูตะวันคือความภาคภูมิใจของวิวรรธน์ภคไพบูลย์เสมอมา เขาถอดแบบความมุ่งมั่นในหน้าที่การงาน ความเชื่อมั่นในตนเองมาจากพ่อของเขาไม่มีผิดเพี้ยน ความละเอียดรอบคอบ ความเป็นระเบียบก็ถอดมาจากมารดามาอย่างไม่มีที่ติ ภูตะวันคือส่วนผสมที่ลงตัวของหมอประวิตรและหมอนวินดาผู้จากไป เวลาที่เธอและสามีมองหลานชายที่มีเพียงคนเดียวก็มักจะคิดถึงทั้งสองเสมอ...

      


                 ท้องฟ้าในช่วงฤดูฝนดูไม่ค่อยสดใสมากเท่าไหร่นัก เช่นเดียวกับบ่ายแก่ๆวันนี้ เมฆสีดำทะมึนเริ่มก่อตัว ต้นไม้น้อยใหญ่ในสวนบนดาดฟ้าต่างกันกัดพัดไหว ดวงอาทิตย์ที่เคยมีกลับถูกเมฆกลุ่มใหญ่บดบัง ร่างสูงของอาจารย์หมอใช้แผ่นหลังพิงราวกั้น สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างไม่รู้จะเอาไว้ตรงไหน ลมเย็นปะทะร่างกายของเขาหนแล้วหนเล่า ถึงสายลมจะพัดแรงเพียงใดเขาก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไร เพราะกำลังจมอยู่กับความคิดและความรู้สึกของตัวเองที่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในสมอง


                   หลังจากที่ประชุมทีมเกี่ยวกับเคสของผู้ป่วยมะเร็งตับรายนั้นเสร็จ เขาก็ปลีกตัวขึ้นมาบนดาดฟ้าเพื่อทบทวนเรื่องต่างๆที่รบกวนจิตใจตลอดวันมานี้ การผ่าตัดครั้งใหญ่ที่โอกาสรอดมีเพียงน้อยนิดกำลังใกล้จะมาถึง ความหวังของทุกคนฝากไว้ที่เขาแต่เพียงผู้เดียว ภูตะวันหลับตาลงพลางพรูลมหายใจออกมาก่อนจะเปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง เขาพลิกตัวกลับไปอีกด้าน วางแขนกับราวกั้นเหล็กที่สูงเกือบเท่าอก

       คำพูด สีหน้าของสโรชาในขณะที่พูดถึงพระพายลูกศิษย์หัวรั้นของเขา ค่อยๆถูกดึงกลับมาจากเสี้ยวหนึ่งในสมอง เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่สโรชาบอก เพราะสิ่งที่เธอพูดล้วนมาจากการกระทำที่เขาเองไม่รู้ตัว เขาไม่รู้ว่ามองพระพายแบบไหนหรือต้องรู้สึกอะไรในขณะที่มอง เขาแสดงออกอย่างที่ตัวเองรู้สึก ตำหนิอย่างที่อยากตำหนิในเมื่ออีกฝ่ายทำผิด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาอยากเห็นลูกศิษย์หัวรั้นคนนั้นยิ้มมากกว่าทำหน้าเศร้า

                  พระพายเปลี่ยนความคิดบางอย่างของเขาไป ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาชอบให้พระพายวิ่งโร่มาถามเขาในสิ่งที่ไม่เข้าใจ เพราะเขาจะยินดีตอบถึงแม้จะทำหน้าดุใส่ก็ตาม แม้กระทั่งวันนั้นที่เขาตวาดให้พระพายลาออกจากการเป็นหมอไป เขายังต้องเก็บมาคิดว่าคนฟังจะเสียใจแค่ไหน สุดท้ายจึงต้องหาข้ออ้างของการโทรไปหาด้วยการให้ให้อีกฝ่ายเช็คว่าเขาเพิ่มยาให้กับผู้ป่วยรายนั้นหรือยัง ทั้งที่เขาจำได้ดีว่าเขาสั่งไปอย่างเด็ดขาดแล้ว

                   ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะทำอะไร รู้สึกอะไรหรือเจอเรื่องแย่ๆอะไรมาก่อนหน้านี้ ก็จบตรงที่สิ่งที่เขาสนใจพระพายมาโดยตลอด ภูตะวันยกยิ้มเมื่อสิ่งที่เขาคิดเป็นเหมือนเรื่องตลก เขาจะรู้สึกพิเศษกับพระพายที่เป็นผู้ชายด้วยกันได้อย่างไร อาจารย์หมอหนุ่มปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง ก่อนจะพรูลมหายใจออกมา เขายกยิ้มเล็กน้อยเมื่อใบหน้าปะทะเข้ากับลมเย็นๆของฤดูฝน


‘พระพาย แปลว่า เทพเจ้าแห่งลม’



*****************************


Talk : เป็นยังไงกันบ้างคะ มาถึงตอนที่แปดแล้ว ^^
ยังหวังอยู่เหมือนเดิมว่าคนอ่านจะชอบกัน ตอนนี้อาจารย์หมอเริ่มรู้สึกกับลูกศิษย์แล้ว
แต่เหมือนยังสับสนอยู่ อิอิ ตอนหน้าหมอซันจะรู้ปมของพระพายแล้วนะคะ
จริงๆจะใส่ในตอนนี้แต่รู้สึกว่าจะยาวเกินไป เอาไว้ตอนหน้าดีกว่า

ยังคงขอบคุณเช่นเคยค่ะคนอ่าน+คอมเม้นท์
เราชอบที่มีคนอินและเดาว่าจะเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ เราสนุกกับมัน
บางทีก็กลับมาอ่านคอมเม้นท์หลายๆรอบ มันเป็นกำลังใจจริงๆค่ะ ขอบคุณนะ :)

อ้อ! ขอบคุณที่โพสต์ในกระทู้แนะนำนิยายด้วยนะคะ ขอบคุณมาก
เคยเห็นแต่นิยายของคนอื่นอยู่ในกระทู้แนะนำ พอเห็นนิยายของตัวเองแล้วปริ่มเลย

แฮชแท็กในทวิตเตอร์มีนะคะ #ชีวิตรักหมอนักผ่า
ทวิตเตอร์เราคือ @Ggbazo เข้าไปพูดคุยกันได้ค่ะ พบกันตอนหน้าค่าา ^^
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 8 (26-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 26-06-2015 00:39:41
หมอซันยอมผ่าตัดให้เคสนี้แล้ว ออกตัวจนคนใกล้ชิดสังเกตุได้
รอลุ้นการผ่าตัดอย่างใจจดจ่อเลย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 8 (26-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 26-06-2015 01:52:10
หมอซันเริ่มมีความความรู้สึกเเบบนุ่มนวลขึ้นนะ 555
เหลือเเต่เรื่องหมอพระพายนิะ จะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 8 (26-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: yupa ที่ 26-06-2015 07:41:38
 :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 8 (26-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 26-06-2015 08:37:38
ชอบตอนนี้ หมอซันน่ารัก เราอยู่ #ทีมหมอซัน เต็มตัวเลยยยย
ว่าแต่พระพายแอบดูเพื่อนสนิทเขาคุยกันเหร  โถ อย่าคิดมากๆ เลี้ยงข้าวอ.หมอด้วยนะ อดเงินเดือนตั้งสองเดือน

ปล....อย่าทิ้งกันนานนะคะ อยากอ่านต่อมากๆๆๆๆๆๆๆ เลย บวกเป็ดเป็นกำลังใจค่า
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 8 (26-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 26-06-2015 10:14:47
อาจารย์หมอแคร์ใจพระพายมาก 5555555
ขนาดเพื่ินยังดูออก รีบๆรู้ใจนะ อยากเห็นหมอเค้าจีบกัน อร้ายยยย ว่าแต่อิหมอโจนี่เอาบทตัวร้ายไปเลยค่ะ รอปมเฉลยของพระพายด้วย

หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 8 (26-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 26-06-2015 10:28:59
ส่วนตัวชอบ้รื่องนี้มาก  แนวนี้หาอ่านยากมาก
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 8 (26-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-06-2015 10:57:37
อ้อ ที่ทำไปทั้งหมดนี่ยังไม่รู้ตัวเลยสินะหมอซัน แหม ๆๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 8 (26-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar ที่ 26-06-2015 20:17:40
 :mew1:

ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ สารภาพเลยว่าสมัครสมาชิกเพราะเรื่องนี้

เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ รออ่านเสมอเลย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 9 (27-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 27-06-2015 21:24:42
-9-


                 ท้องฟ้าค่ำคืนนี้มีเพียงเม็ดฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย ดวงตาคู่หม่นเฝ้ามองมันผ่านหน้าต่างบานใหญ่ไม่มีทีท่าว่าจะซาลง หากฝนต้องการจะชะล้างสิ่งใด เขาก็ปรารถนาจะให้ล้างความหมองเศร้าที่เกิดขึ้นภายในจิตใจให้หมดไปเสียที ชีวิตของคนหนึ่งคนที่พบเจอความสูญเสียครั้งใหญ่ตั้งแต่วัยเดียงสา เด็กคนนั้นกลายเป็นเขาในวันนี้ วันที่จะทวงคืนความยุติธรรมให้กับครอบครัว ...

                  พระพายถอนหายใจเบาๆให้กับชีวิตของตนเอง แต่แทนที่จะปล่อยวางให้สมองได้หยุดพัก ทว่ารอยยิ้มของอาจารย์หมอที่มีให้แพทย์หญิงคนนั้นกลับผุดขึ้นมาในหัว รอยยิ้มที่เขาไม่เคยได้เห็น ไม่แปลกหากคนรักจะยิ้มให้กัน แต่กลับแปลกที่ใจเขากลับเก็บมันมาคิดวุ่นวายให้คันยุบยิบในหัวใจแปลกๆ เขาสะบัดหัวเล็กน้อยไล่ความคิดชั่ววูบนั้นออกไปก่อนเสียงเรียกเข้าของสมาร์ทโฟนคู่ใจจะดังเบนความสนใจไป คิ้วเรียวขมวดอย่างสงสัย เมื่อเห็นว่าอาจารย์หมอโทรฯเข้ามาในเวลานี้


"ครับ"


(ว่างใช่ไหม ออกมาหาผมหน่อย) ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงที่แปลกไปจากทุกครั้งที่เขาได้ยิน พระพายเอียงคออย่างสงสัยว่าอาจารย์หมอของตนมีธุระอะไรหรือเปล่า แต่ยังไม่ทันที่จะได้ถามออกไป คนปลายสายก็บอกพิกัดกับเขาและตัดสายไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย


"อะไรของเขา ..." พระพายพึมพำกับตัวเองอย่างมึนงง ก่อนจะถอนหายใจและเดินกลับเข้าไปในห้องนอนในเวลาต่อมา




                   เสียงเม็ดฝนกระทบลงบนหลังคาสังกะสีของร้านขายของชำแข่งกับเสียงรถที่แล่นผ่านไปมาประปราย ร่างสูงของอาจารย์หมอหนุ่มนั่งอยู่ตรงโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าร้าน สายตาคมกริบมองกระป๋องเบียร์ในมือเหมือนคิดอะไรบางอย่าง แต่ไม่นานเสียงเฉอะแฉะของรองเท้าที่ย่ำน้ำดังใกล้เข้ามา เขาถึงได้เหลือบตาขึ้นมอง


"อารมณ์ไหนครับเนี่ย ดื่มเบียร์หน้าร้านของชำในค่ำคืนที่ฝนตก" พระพายทักอย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นอาจารย์ของตนนั่งดื่มเบียร์อยู่คนเดียวหน้าร้านของชำที่ปิดประตูไปแล้วด้วยชุดสูทสีดำเต็มยศ ดวงตาคู่สวยมองกระป๋องเบียร์มากมายที่ยังไม่ได้เปิดกองรวมกันอยู่ในถุงบนโต๊ะ เขาวางร่มสีดำสนิทลงกับพื้น ก่อนจะใช้มือยีหัวตัวเองไปมาเพื่อไล่ละอองน้ำฝน


"ผมไม่ชอบเสียงดัง นั่งสิ" ภูตะวันมองลูกศิษย์ที่สวมเสื้อยืดกางเกงผ้าขายาวสบายๆอย่างแปลกตา ปกติเห็นแต่ใส่ชุดทำงานสวมทับด้วยเสื้อกาวน์เท่านั้น ก่อนจะยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายนั่งลง


"ดื่มรึเปล่า?" เขาถามพลางเลื่อนกระป๋องเบียร์ที่ยังไม่ได้เปิดให้อีกฝ่าย


"ครับ" พระพายตอบรับก่อนจะหยิบเบียร์กระป๋องขึ้นมาเปิดและจิบมันเล็กน้อย เขาเป็นผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งที่ดูบอล เล่นเกม ดื่มเหล้าดื่มเบียร์ เหมือนผู้ชายทั่วไป เพียงแต่เขาเป็นหมอ พระพายลอบสังเกตอาจารย์หมอของตนที่เอาแต่มองกระป๋องเบียร์ในมือ เหมือนคนกำลังมีเรื่องบางอย่างให้ต้องคิด


“... ทะเลาะกับแฟนมาเหรอครับ?" ไวเท่าความคิดจึงเอ่ยถามออกไป ด้วยเห็นว่าคงเป็นเรื่องเดียวที่จะทำให้หมอซันไม่สบายใจ ในเมื่อการประชุมผ่าตัดก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย ภูตะวันเหลือบตาขึ้นมองลูกศิษย์ขี้สงสัยก่อนจะหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆ


"แฟน?"


"ก็ .. หมอผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่แฟนอาจารย์เหรอครับ?" พระพายตอบอย่างลังเล เมื่อเห็นสีหน้าเหมือนกับล้อเขาอยู่ของอีกฝ่าย เอิร์ธกับแพรก็บอกว่าใครๆเขาก็พูดกันว่าแพทย์หญิงคนนั้นเป็นคนรักของอาจารย์หมอ แล้วเขาเข้าใจผิดตรงไหน


"ไม่ใช่" เขาตอบแค่นั้นและไม่คิดจะขยายความให้อีกฝ่ายฟัง พระพายได้แต่กลอกตาไปมาอย่างอายๆที่เข้าใจผิดไปแบบนั้น นึกอยากจะตำหนิเพื่อนอีกสองคนที่พูดกรอกหูเขาทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริง หมอพายยกเบียร์ขึ้นดื่มอึกใหญ่อย่างไม่รู้จะทำอะไรเมื่ออีกฝ่ายจ้องมองอยู่


"... ในสายตาคุณผมดูเป็นคนยังไง?" ภูตะวันถามด้วยสีหน้าจริงจัง คนเป็นลูกศิษย์ชะงักมือที่ถือกระป๋องเบียร์ไปครู่หนึ่ง เขาจ้องลึกไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มของคนตรงหน้าอย่างต้องการรู้ความรู้สึก ทว่ากลับไม่พบคำตอบอะไรในดวงตาคู่นั้น จึงพรูลมหายใจออกมา


"เป็นคนเก่ง เด็ดขาด จริงจังกับงาน ไม่ค่อยยิ้ม บางทีผมก็คิดว่าอาจารย์เกลียดผม แต่เอาเข้าจริงๆทุกครั้งที่ผมมีปัญหาอาจารย์ก็จะอยู่ข้างผมเสมอ เพราะอาจารย์น่ะขี้สงสาร ... ถึงจะดูเย็นชาแต่ผมรู้ว่าจริงๆแล้วอาจารย์เป็นคนอ่อนโยน โดยเฉพาะกับคนที่รู้สึกพิเศษด้วย" พระพายยิ้มบางหลังพูดจบ เขาพูดอย่างที่เขารู้สึกและสัมผัสได้


"แล้วสายตาที่ผมมองคนอื่นกับมองคุณ มันแตกต่างกันหรือเปล่า?" ภูตะวันเปิดเบียร์อีกระป๋องเหมือนกับว่าเขาไม่ได้สนใจคำตอบเท่าไหร่นัก ทั้งที่เป็นคำถามที่เขาอยากได้คำตอบจากอีกฝ่ายมากที่สุด เป็นเพราะคำพูดของสโรชาแท้ๆที่ทำให้เขาต้องคิดมากขนาดนี้ ในเมื่อเพื่อนสนิทรู้สึก คนถูกมองจะรู้สึกแบบนั้นบ้างไหม ...


"ก็ .. ไม่รู้สิครับ คงจะเหมือนๆกัน" คนฟังยกยิ้มนิดๆเมื่อได้คำตอบเป็นนัยๆว่าอีกฝ่ายไม่รู้สึกหรืออาจจะไม่เคยสังเกตเช่นเดียวกันกับเขา พระพายระบายยิ้มก่อนจะยกเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด
จะว่าไม่แตกต่างก็คงไม่แตกต่าง แต่จะว่าแตกต่างก็คงจะแตกต่างเช่นเดียวกัน บางครั้งสายตาของอาจารย์หมอไม่ได้ทำให้เขารู้สึก หากแต่เป็นการกระทำบางอย่างต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกว่าเขาแตกต่างจากคนอื่น


"ดื่มกันเถอะ" หมอซันยกกระป๋องเบียร์ขึ้นระดับสายตาด้วยรอยยิ้มนิดๆ พระพายคลี่ยิ้มพลางยกเบียร์กระป๋องใหม่ขึ้นชน ทั้งคู่นั่งดื่มกันอย่างเงียบๆไร้ซึ่งบทสนทนา เป็นความสบายใจที่ไม่น่าอึดอัดอย่างเคย ...



                เวลาล่วงเลยไปเป็นชั่วโมง สายฝนเริ่มซาลงไปบ้างแล้ว รถราบนท้องถนนก็วิ่งกันบางตา อาจารย์และลูกศิษย์ยังคงปักหลักนั่งกันอยู่ที่เดิมและพูดคุยกันเป็นระยะ คุณหมอเรสสิเดนท์เริ่มหน้าขึ้นสีด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ต่างกับอาจารย์หมอที่ทุกอย่างยังคงปกติ อาจเป็นเพราะลูกศิษย์ของเขาไม่ค่อยได้ดื่มบ่อยนัก


"อาจารย์รู้ไหมครับว่าทำไมผมถึงอยากเป็นหมอที่โรงพยาบาลวิวรรธน์" พระพายดื่มเบียร์อึกใหญ่ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้สติเขาลดลง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เลอะเลือน ภูตะวันรอให้อีกฝ่ายพูดต่อโดยไม่ขัดอะไร


"... พ่อผมตายที่นี่ ด้วยฝีมือของมัน" พระพายพูดเสียงเรียบ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทอดมองถนนเมืองหลวงยามราตรีชุ่มฉ่ำ พลางคิดถึงเรื่องในอดีต อาจจะเป็นเพราะเบียร์หลายกระป๋องหรืออาจจะเป็นความไว้เนื้อเชื่อใจคนตรงหน้าที่ทำให้เขากล้าพูดเรื่องที่เก็บไว้คนเดียวออกมา


"หมอโจ?"


"มันปลอมเอกสารการบริจาคอวัยวะของพ่อผม มันผ่าเอาตับและไตของพ่อผมไปให้เศรษฐีเห็นแก่ตัวพวกนั้น มันทำให้พ่อผมตายทั้งที่ยังไม่ตาย ..." พระพายแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธว่าใช่คนที่หมอซันพูดหรือไม่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ กลืนน้ำลายเพราะรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ คนฟังหัวใจเต้นรัวเมื่อได้ยิน มองลูกศิษย์ด้วยความเห็นใจ ถึงแม้พระพายจะไม่ได้ตอบ ตนก็พอรู้ว่าคนที่อีกฝ่ายพูดถึงเป็นใคร


"ผมไม่มีหลักฐานไปเอาผิด ไม่มีอะไรเลย ครอบครัวผมไม่มีเงินมากพอที่จะจ้างทนายดีๆ ไม่มีชื่อเสียงพอที่จะสู้รบปรบมือกับใคร ผมปล่อยให้พ่อตายโดยที่ผมช่วยอะไรไม่ได้เลย" ดวงตากลมโตสั่นระริก น้ำใสๆเอ่อคลอสองขอบตาก่อนมันจะไหลลงมาจนเจ้าของไม่ทันได้ตั้งตัว

                 พระพายเมื่อในอดีตอายุเพียงแปดขวบ ตอนนั้นเขารู้แค่ว่าพ่อเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ พ่อเขาโดนรถชนและหลังผ่าตัดพักฟื้นเพียงไม่กี่วันก็ไปสวรรค์ เขารู้เท่าที่แม่และยายอยากให้รู้ จนกระทั่งวันหนึ่งบังเอิญได้ยินผู้ใหญ่คุยกันเรื่องหลักฐานฟ้องหมอรายนั้นที่ทำพ่อเขาตาย พระพายถึงได้คาดคั้นเอากับแม่และยายจนได้ความจริงมาทั้งหมด


"ผมให้สัญญากับตัวเองว่าจะเรียนหมอ ผมเรียนหมอเพื่อเข้ามาที่นี่ ผมมักจะวนเวียนอยู่ห้องเวชระเบียนเพื่อหาหลักฐานทั้งหมด ผมเชื่อว่าไม่ได้มีแค่ครอบครัวผมที่สูญเสียเพราะมัน" มือเรียวปาดน้ำตาตัวเองออกอย่างลวกๆ เขายกเบียร์ขึ้นดื่มอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มฝืนว่าเข้มแข็งให้อีกคนเห็น ภูตะวันเอื้อมไปแตะที่หลังมือบางก่อนจะตบเบาๆเป็นจังหวะช้าๆอย่างให้กำลังใจ


"ผมจะช่วยคุณเอง ..." เขาบอกอย่างจริงใจผ่านสีหน้าและแววตา พระพายคลี่ยิ้มบางๆมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่แปลกไป เขามองเห็นความจริงใจของอาจารย์หมอที่ไม่ได้ปิดบัง



              นาฬิกาบอกเวลาล่วงข้ามวัน สายฝนยังคงโปรยปรายไม่หยุดหย่อน ทว่าเบากว่าช่วงหัวค่ำมากแล้ว ภูตะวันแหงนมองท้องฟ้าค่ำคืนนี้ที่มืดมิด ก่อนจะเบนสายตามองลูกศิษย์หัวรั้นที่ฟุบกับโต๊ะไปเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ เขากัดกรามแน่นอย่างโมโห ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในโรงพยาบาลของครอบครัวโดยที่ไม่มีใครทราบเรื่อง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองลูกศิษย์อย่างเห็นใจและนับถือในความเข้มแข็งของอีกฝ่ายอย่างมาก ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง โยนกระป๋องเบียร์หลายสิบกระป๋องลงถังขยะ เดินอ้อมมาหาลูกศิษย์และสะกิดให้ตื่น


"พระพาย"


"พระพาย" เขาเรียกอีกครั้งหลังไม่ได้รับการตอบรับ คนถูกเรียกปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย เห็นอาจารย์หมอเป็นภาพลางๆ ทุกสิ่งรอบตัวหมุนเคว้งจนปวดหัว


"ครับ~" ตอบกลับเสียงยาน ภูตะวันถอนหายใจก่อนจะถอดสูทสีดำสนิทพาดไว้กับแขนของตน


"กลับได้แล้ว" เขาพูดเสียงเข้มมองอีกฝ่ายที่กำลังพยักหน้าช้าๆ ลุกขึ้นมาอย่างโงนเงนจนเขาแทบจะรับไม่ทัน อาจารย์หมอกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองซ้ายขวาว่ามีคนพลุกพล่านหรือเปล่า ก่อนจะนั่งยองลงกับพื้น


"ขึ้นหลังผมมา เร็วเข้า!" ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะต้องมาดูแลลูกศิษย์ขี้เมาอีกทั้งยังให้ขึ้นหลัง หงุดหงิดตัวเองไม่น้อยเลย พระพายสะบัดหัวไล่ความมึนเมาแต่ไม่ได้ผล ตากลมกระพริบปริบๆมองแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่าย ก่อนจะทิ้งตัวลงบนแผ่นหลังนั้นทันที


"หนักชิบ!" หมอซันบ่นเล็กน้อย เขาค่อยๆยืนขึ้นเต็มความสูง กระชับร่างของคนบนหลังให้มั่น หยิบร่มสีดำที่อีกฝ่ายถือมากางไว้ ก่อนขายาวจะก้าวเดินไปท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมา โดยมีแขนเรียวกอดคอเขาไว้อย่างหลวมๆ


"ถ้าพรุ่งนี้ไปทำงานสาย ผมจะไม่ให้คุณเข้าดูการผ่าตัดหนึ่งอาทิตย์" คนตัวสูงเหล่มองใบหน้าอีกฝ่ายที่ซบอยู่บนบ่าข้างขวาของตัวเอง คนฟังเบ้ปาก เอียงคอมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ


"ใจร้าย"


"ไหนบอกว่าผมอ่อนโยนไง"


"ผมขอคืนคำ~" อาจารย์หมอหัวเราะกับคำพูดของอีกคน ขายาวหยุดเดินเมื่อเห็นคนบนหลังเงียบไป เขาเอียงใบหน้ามองลูกศิษย์เห็นว่าหลับไปแล้วจึงเดินกลับคอนโดที่อยู่ไม่ไกลต่อ ภูตะวันยิ้มออกมาอย่างที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นบ่อยนัก ยิ้มที่พระพายมักจะคิดเสมอว่าเขาไม่เคยได้รับ ...




                 ร่างสูงค่อยๆวางลูกศิษย์ลงบนเตียงหลังกว้าง แรงยวบทำให้คนที่กำลังหลับขมวดคิ้ว ภูตะวันเอื้อมไปดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวอีกฝ่าย ก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงบนพื้นข้างเตียง พระพายเหมือนผู้ชายวัยทำงานทั่วไปที่พบเจอ ตัวไม่ได้เล็กราวกับเด็กมัธยม หุ่นไม่ได้บางเหมือนผู้หญิง แต่เขากลับรู้ว่าผู้ชายคนนี้ต่าง ครั้งแรกที่เจอกันเขายอมรับว่าทุกส่วนของใบหน้าพระพายสะกดสายตาเขาได้เป็นอย่างดี เปลือกตาสีน้ำนม ขนตายาวเป็นแพ คิ้วเรียวหนารับกับรูปหนา จมูกโด่งเป็นสันและเรียวปากบางสีส้มแดงดูสุขภาพดี

                 เขาไม่เคยคิดว่าจะสนิทกับลูกศิษย์คนนี้มากกว่าคนอื่น เว้นระยะความเป็นอาจารย์และลูกศิษย์มาเสมอ แต่สุดท้ายพระพายก็เป็นคนที่เขาสนใจตลอดมา ลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่ากำลังหลับฝันดี ภูตะวันยกยิ้มก่อนจะเอื้อมมือลูบกลุ่มผมนิ่มของอีกฝ่ายแผ่วเบา


"จากนี้ไปคุณจะไม่ได้สู้เพียงคนเดียว ผมสัญญา"





               แสงสว่างของพระอาทิตย์ในยามเช้าลอดผ่านผ้าม่านสีขาวเข้ามา เปลือกตาสีน้ำนมปรือขึ้นก่อนมือเรียวจะยกขึ้นมาขยี้ดวงตาซ้ำๆ พระพายเผลอยิ้ม เพราะจำเรื่องเมื่อคืนได้ดี ตั้งแต่แรกจนกระทั่ง ...


"ชิบหายละ!" เขาหันขวับมองนาฬิกาบนหัวเตียงเมื่อนึกถึงคำพูดของอาจารย์หมอระหว่างเดินกลับคอนโดได้ว่าถ้าหากไปทำงานสายจะโดนอะไร อีกครึ่งชั่วโมงจะได้เวลาเข้างาน พระพายจึงรีบลุกจากที่นอนและวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำทันที




              ปลายนิ้วเรียวยาวลูบไล้ริมฝีปากของตัวเองแผ่วเบาอย่างใช้ความคิด หัวคิ้วขมวดมุ่นในขณะที่กำลังดู x-ray บนจอคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ดูจากลักษณะฟิล์มในวันนี้แล้วเนื้อร้ายได้ขยายขนาดจากวันก่อนมาก ซึ่งบางจุดก็มองด้วย x-ray อย่างเดียวไม่ได้ ภูตะวันถอนหายใจก่อนจะพับจอลงเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู


"เข้ามา" เขาบอกออกไปเสียงเข้ม ก่อนจะเอนหลังพองพนักเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ ขายาววาดขึ้นนั่งไขว่ห้าง สายตาก็จ้องมองไปที่บานประตูขณะกำลังเปิด ลูกศิษย์หัวรั้นเดินเข้ามาอย่างเกร็งๆคล้ายกับว่าเกรงใจก็ไม่เชิง


"คุณจำเรื่องที่เราคุยกันได้หมดใช่ไหม?" เขาถามด้วยสีหน้าจริงจัง พระพายมองอีกฝ่ายก่อนจะพยักหน้าช้าๆเป็นคำตอบว่าเขาจำได้ทุกอย่างก่อนที่ตัวเองจะเผลอหลับไป


"ผมเชื่ออาจารย์นะครับ แต่ผมไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ เพราะผมยังไม่ไว้ใจใคร" ภูตะวันถอนหายใจก่อนจะตอบรับว่าเขาจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ พระพายระบายยิ้มเมื่อได้รับคำตอบที่พอใจ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นน้ำตาลปั้นไม้เดิมที่เขาเห็นเมื่อวันก่อน


"เอ่ออ .."


"มีอะไรอีก?" อาจารย์หมอถามเสียงเรียบ มองหน้าลูกศิษย์อย่างรอคำตอบ


"ไหนอาจารย์บอกว่าเอาไอ้นี่ให้เด็กๆไปแล้วไงครับ แล้วทำไม ..." พระพายถามอย่างกล้าๆกลัวๆเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจที่เขาถามนอกเรื่องขึ้นมา อาจารย์หมอเปิดจอคอมพิวเตอร์ขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะตอบคำถามที่เป็นคำถามมากกว่าคำตอบ


"ผมเคยพูดอย่างนั้นเหรอ?"


"ผมคงฟังผิด ถ้างั้นผมขอตัวนะครับ" พระพายอมยิ้มทันที่ที่พูดจบก่อนจะเดินออกจากห้องไป หากตีความจากคำถามเมื่อครู่ไม่
ผิด เป็นเพราะอาจารย์หมอตั้งใจจะเก็บน้ำตาลปั้นหน้ายิ้มเอาไว้เอง


                 ภูตะวันมองอีกคนเดินไปจนลับตา ริมฝีปากหยักยกยิ้มอย่างนึกขัน คงน่าอายไม่น้อยหากลูกศิษย์ตัวดีรู้ความจริงว่าเขาตั้งใจเก็บมันไว้เอง ...


                  บรรยากาศเดิมๆในห้องผ่าตัดที่คุ้นเคย ดูเหมือนไม่มีอะไรที่น่าวิตกกังวล ทว่าแพทย์เรสสิเดนท์ปีหนึ่งอย่างพระพายกลับรู้สึกเหมือนถูกขังอยู่ในห้องมืด มือเขาเย็นเฉียบ หัวใจเต้นรัวแรง อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นต้นเหตุของการผ่าตัดเคสนี้ หมอพายพรูลมหายใจออกมาช้าๆผ่านผ้าปิดปาก พลางหลับตาลงให้ตัวเองผ่อนคลาย จนได้ยินเสียงประตูห้องผ่าตัดเปิดออก

                  อาจารย์หมอภูตะวันเดินหน้าเข้มเข้ามา เขายืนนิ่งให้พยาบาลผู้ช่วยจัดการเครื่องแต่งกายเหมือนทุกครั้ง เขาเหลือบตามองห้องอัฒจรรย์ที่ใช้ดูการผ่าตัดด้านบน ผู้อำนวยการ ประธานที่เป็นครอบครัวที่เหลืออยู่ของเขามองอย่างให้กำลังใจ ข้างๆมีแพทย์ที่เคยเป็นแพทย์เจ้าของไข้ของหญิงสาวโชคร้ายยืนกอดอกมองเขาอยู่เช่นกัน แต่ที่ไม่เหมือนกันคือไม่ได้ให้กำลังใจเขาอยู่แน่ๆ


"ผมจะลงมีดที่ใต้ชายโครงด้านขวา" หมอซันในฐานะศัลแพทย์ผู้ผ่าตัดพูดเสียงเรียบ สครับเนิร์สส่งมีดที่คมกริบให้เขา ก่อนจะกดลงกับผิวเนื้อแล้วกรีดลงเป็นทางยาว ทีมศัลแพทย์คนอื่นๆช่วยกันใช้คีมถ่างแผลออกเพื่อสะดวกต่อการผ่าตัด อาจารย์หมอหรี่ตาลง มองก้อนเนื้องอกที่เกิดขึ้นในอวัยวะที่เรียกว่าตับของผู้ป่วย โชคร้ายที่มันขยายขนาดอย่างรวดเร็ว แต่ก็โชคดีที่ไม่ลุกลามไปยังอวัยวะอื่น


"อัลตร้าซาวด์ระหว่างผมผ่าตัดไปเรื่อยๆ" ภูตะวันสั่งผู้ช่วย หัวอัลตร้าซาวด์ปลอดเชื้อจะช่วยให้เห็นตำแหน่งของก้อนมะเร็งชัดขึ้น ศัลยแพทย์อย่างเขาจะได้รู้ว่าต้องผ่าตัดอย่างไร อีกทั้งยังช่วยตรวจก้อนมะเร็งที่อาจจะไม่สามารถตรวจพบได้จากเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ อาจารย์หมอเริ่มทำการผ่าเอาก้อนเนื้อร้ายออกทีละนิดๆรวมถึงเอาเนื้อดีรอบๆเนื้อร้ายออกไปด้วย เพื่อความแน่ใจว่าเอาเนื้อร้ายออกหมด ก่อนจะส่งไปชิ้นเนื้อไปส่องกล้องตรวจเซลล์มะเร็งต่อไป ดูเหมือนว่าทุกอย่างใกล้จะสำเร็จ แต่มันไม่ใช่ ..


"อาจารย์หมอครับ มีก้อนมะเร็งอยู่ใกล้เส้นเลือดสำคัญครับ!!" ทุกคนภายในห้องผ่าตัดรวมถึงห้องอัฒจรรย์ด้านบนต่างพากันตกใจกับคำบอกของผู้ช่วยที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อดูเอ็กซเรย์ สายตาหลายคู่จับจ้องไปที่ศัลแพทย์มือหนึ่งราวกับเป็นคำถามนัยๆว่าจะทำยังไงต่อไปดี ภูตะวันหันมองไปยังจอคอมพิวเตอร์ที่ขึ้นภาพอวัยวะภายในของผู้ป่วยอย่างใช้ความคิด


"ความดันและชีพจรลดลงครับ!!" อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ในห้องดูโกลาหลทั้งที่ทุกคนยังยืนประจำที่ของตนเอง หมอซันรีบหันกลับมาที่เตียงผ่าตัดทันที ก่อนความดันและชีพจรจะกลับมาคงที่เช่นเดิม เขาเหลือบมองพระพายที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างกัน


"RFA" (radiofrequency thermal ablation (RFA) = เป็นการผ่าตัดรักษามะเร็งตับอีกวิธีหนึ่งเมื่อตรวจพบนอกเหนือจากเอ็กซเรย์) อาจารย์หมอลงมือผ่าตัดอีกครั้ง ถึงแม้ว่าการผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกจนหมดแต่ก็ยังต้องฉายแสงต่อไปเพื่อความแน่ใจว่าจะหมดไปแล้วจริงๆ


"ใส่สายระบายและเย็บปิดแผลให้เรียบร้อย" สั่งคนในทีมด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายลง การใส่สายระบายหลังจากผ่าตัดเสร็จ ก็เพื่อการติดตามว่ามีอาการเลือดออกหรือท่อน้ำดีรั่วจากการผ่าตัดตับครั้งนี้หรือไม่ พระพายยิ้มบางอย่างโล่งใจที่การผ่าตัดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี


"หมอพาย คุณอยากจะออกไปบอกญาติผู้ป่วยด้วยตัวเองไหม?" เขาสะดุ้งเมื่อจู่ๆอาจารย์หมอก็หันมาพูดด้วย จึงวางมือจากการช่วยหยิบจับนั่นนี่ลงและเดินตามอาจารย์หมอออกไป


"ขอบคุณนะครับอาจารย์ ขอบคุณที่ให้โอกาสเธอได้มีชีวิตอยู่ต่อ" พระพายพูดอย่างซึ้งใจในระหว่างเดินไปหน้าห้องผ่าตัดเพื่อพบญาติผู้ป่วย คนตัวสูงกว่าหัวเราะในลำคอ


"ขอบคุณตัวเองเถอะ ที่กล้าบ้าบิ่นไปขโมยคนไข้แผนกอื่นเขามา หึหึ" ภูตะวันเหล่มองลูกศิษย์พลางยิ้มเล็กน้อย คนถูกแซวได้แต่ยิ้มเก้ออย่างอายๆ แต่ยังไงแล้วถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์หมอที่เปลี่ยนใจยอมผ่าตัด การกระทำของเขาก็เป็นการกระทำที่สูญเปล่าเท่านั้น ...



********************


Talk : จะบอกว่าคอมพัง นี่พิมพ์ในไอโฟน ตาเหลือกมาก (- -)
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ กำลังใจของจี เย่ <3

พูดคุยกันได้ที่ @Ggbazo
Hashtags #ชีวิตรักหมอนักผ่า
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 9 (27-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: WASHABHI ที่ 27-06-2015 21:36:44
ลุ้นตามมากๆๆๆๆ นึกว่าจะแย่ซะแล้ววววว  :katai1: :katai1:


หมอโจนี่เลวจริงๆๆ พระพายต้องหาหบักฐานให้เจอนะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 9 (27-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 27-06-2015 21:40:58
หมอโจเลวมาก  :z3:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 9 (27-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 27-06-2015 22:22:43
ลุ้นกับการผ่าตัดมาก แล้วในที่สุดก็ผ่าตัดเสร็จ
ดีใจกับคนป่วย

สงสารหมอพายเรื่องของพ่อ ตอนนี้มีหมอซันช่วยอีกแรง
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 9 (27-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 27-06-2015 22:48:08
อ๊าคคคค ดีใจน้ำตาไหล ได้อ่านต่อไวมากๆๆๆๆๆๆๆ ขอบคุณนะคะ พิมพ์ในไอโฟนด้วย คารวะเลย เทพจริงๆ

แต่น้ำตาแทบไหล ไอ่หมอชั่วทำแบบนี้ได้ยังไง เลวววววมาก

ตอนนี้ทำให้รู้สึกอบอุ่นมากเลย สองหมอก้าวข้ามไปอีกขั้นแล้วอ่ะ

ที่สำคัญ หลงรักหมอซัน กรี๊ดดดดดดดด พระพายอย่าให้พลาดนะคะ 555
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 9 (27-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar ที่ 27-06-2015 22:51:13
มาต่อไวมาก รักคนแต่งที่สุดเลย

ชอบตอนนี้จัง ชอบๆๆๆๆๆ ไม่มากไม่น้อย พอดี๊พอดี

แต่งเก่งจังเลย อ่านแล้วคิดว่าคนแต่งเรียนหมอนะเนี่ย

หมอซันไม่มีแฟน ทางสะดวกแล้วหมอพาย เข้าทางน้ำตาลปั้นเล้ยยย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 9 (27-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 28-06-2015 20:29:13
ดีใจที่การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 9 (27-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 28-06-2015 21:27:42
ชอบความนิ่งของอาจารย์หมอ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 9 (27-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 28-06-2015 22:52:41
ติดตามจ้า เรื่ิองน่าสนใจจ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 9 (27-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 29-06-2015 01:23:08
ตอนนี้น่ารัก 555
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 9 (27-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 29-06-2015 12:22:43
 :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:เข้ามาติดตามด้วยคนจ้าาาา :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 9 (27-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 29-06-2015 19:44:59
หมอซันเก่งเทพ
พึ่งอ่านตำนานโรงเรียนแพทย์จบไป ช่วยยืนยันทีว่าคนเขียนคนละคน กลัวใจมาก
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 9 (27-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 30-06-2015 17:01:58
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 9 (27-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 30-06-2015 22:55:40
สนุกมากกกกกกก

หมอพายน่าร้ากกกก

หมอซันก็ทำให้ใจสั่น

อิหมอโจเลว!

หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 9 (27-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 30-06-2015 23:13:54
กรี้ดดดดดดดดด นี่ชั้นทายปมหมอพายถูกหรือนี่ โอ้ยยยยย ครั้งแรกเลยที่เดาถูก 5555555
อิหมอโจ ชั่วมากค่ะ คำว่าชั่วยังดูน้อยไปกับสิ่งที่ทำเลยด้วยซ้ำ !!!!!
อาจารย์หมอคอยช่วยะระพายด้วยน้าาา .เริ่มรู้สึกำด้ถึงความสัมพันธ์ที่กำลังก่อตัวของคู่นี้ บางทีอาจจะต้องรอเวลาให้ความรู้สึกมันชัด้จนกว่านี้
อร้ายยยยย อดใจรอตอนที่หมอนักผ่าเค้าสวีทกันแมบไม่ไกวแล้ววววว ~
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 9 (27-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: karuwarn ที่ 01-07-2015 13:45:35
 :ling1: :ling1: อ๊ายยย อยากอ่านต่อเเล้วอ่ะๆๆ เริ่มมีออร่าชมพูฟุ้งฟิ้ง ขึ้นมารอบตัว 5555
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 9 (27-06-58)
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 01-07-2015 21:37:44
อาจารย์หมอกับหมอพายเค้ามุ้งมิ้งกันอยู่สองคน
รออ่านตอนต่อไปจร้า
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 10 (02-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 02-07-2015 01:07:08

-10-


                เสียงเพลงแจ๊สดังคลอเบาๆในระหว่างที่พระพายกำลังวุ่นอยู่กับการเป่าผมให้แห้ง วันนี้เป็นวันหยุดหลังจากที่เขาเรียนและทำงานหนักติดกันมาหลายอาทิตย์ แต่หากมีเหตุฉุกเฉินเขาก็แสตนบายด์รออยู่ตลอด

          ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เขาปิดไดร์เป่าผมลงเพื่อฟังเสียง เมื่อได้ยินชัดเจนแล้วว่ามีคนมาเคาะก็รีบวิ่งออกจากห้องไป ด้วยความรีบร้อนกลัวว่าผู้มาเยือนจะรอนานไม่ได้ส่องตาแมวดูว่าเป็นใคร จึงผลุนผลันเปิดประตู


"อาจารย์" เขาทักอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าเป็นอาจารย์ของตนมายืนอยู่หน้าห้องในเวลาเช้าตรู่แบบนี้ ถึงหมอซันจะไม่ชอบให้เขาหรือใครเรียกว่าอาจารย์แต่ก็มีบางครั้งที่เขาพูดออกมาเพราะถึงยังไงแล้วอีกฝ่ายก็คืออาจารย์ที่ให้ความรู้เขาอยู่ดี


"คุณเปิดประตูทั้งที่ไม่รู้ว่าใครมาเคาะเนี่ยนะ" คิ้วหนาขมวดเล็กน้อย หากว่าพระพายส่องตาแมวแล้วก็คงไม่ทำหน้าฉงนเมื่อเห็นเขายืนอยู่ตรงนี้แน่ แล้วถ้าคนที่มาเคาะไม่ใช่เขา อาจจะเป็นโจร ผู้ไม่หวังดีหรือใครที่คิดร้าย อีกฝ่ายจะทำยังไง


"ผมรีบนี่ครับกลัวว่าจะรอนาน"


"ไปแต่งตัวใหม่" คนตัวสูงกว่าดันให้อีกฝ่ายเดินเข้าห้อง ก่อนจะปิดประตูลงและเดินเข้ามานั่งเอกเขนกที่โซฟาหน้าโทรทัศน์


"ที่โรงพยาบาลมีเคสฉุกเฉินเหรอครับ" พระพายถามอย่างสงสัย คนถูกถามยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ก่อนจะตอบออกไปว่าไม่เกี่ยวกับโรงพยาบาล และให้เวลาเขาแต่งตัวใหม่เพียงสิบห้านาทีเท่านั้น



       แม้ยังสงสัยว่าคนตัวสูงต้องการอะไร แต่ก็ยอมเข้าห้องมาแต่งตัวใหม่ให้สุภาพกว่าเดิม ด้วยไม่อยากให้คนแก่กว่าต้องรอนานหรือพูดอะไรซ้ำๆให้ขุ่นเคือง
                พระพายเลือกใส่เชิ้ตสีเทาตัวโคร่งยาวปิดบั้นท้าย กับสกินนี่แบบของผู้ชายสีดำสนิทอวดเรียวขา เห็นว่าอาจารย์แต่งตัวไม่ต่างไปจากเขามากนัก ต่างก็ตรงที่อีกฝ่ายใส่เชิ้ตแขนสั้นสีกรมท่ากับกางเกงยีนส์ขายาวทรงกระบอก ออกจะแปลกตาไม่น้อยเพราะปกติแล้วเขาจะเห็นแค่อาจารย์หมอใส่เชิ้ตผูกไทด์กางเกงแสลคและสวมทับด้วยเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดตา หรือหากว่าถอดเสื้อกาวน์ออกก็จะได้เห็นอีกฝ่ายอยู่ในชุดสูทเต็มยศ


"เสร็จแล้วครับ" เขาเดินออกมาพร้อมกระเป๋าสะพายข้างสีดำใบเก่ง ภูตะวันพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและเดินนำออกจากห้องไป


"ว่าแต่จะพาผมไปไหนครับเนี่ย?" ตั้งแต่มาเคาะประตูหน้าห้องจนถึงตอนนี้ที่นั่งอยู่ในรถ พระพายก็ยังไม่เห็นว่าอาจารย์หมอของตนจะปริปากบอกสักคำว่าจะพาเขาไปไหน


"นั่งเฉยๆเถอะน่า เดี๋ยวก็รู้เอง" พูดจบก็หมุนพวงมาลัยรถคันหรูออกจากตัวคอนโดทันที ด้วยความเคลือบแคลงใจของลูกศิษย์ที่นั่งอยู่ข้างๆ


"ลักพาตัวชัดๆ" พระพายบ่นอุบอิบ ดังพอที่จะทำให้คนที่กำลังขับรถหัวเราะออกมาเบาๆตามสไตล์ของเจ้าตัวที่ไม่ใช่คนเปิดเผยอะไรมากนัก


"มีอะไรให้น่าลักพาตัวงั้นเหรอ?" เขายิ้มขำโดยที่ไม่ได้มองอีกฝ่ายว่ามีสีหน้าแบบไหน ภูตะวันเลือกที่จะมองบรรยากาศภายนอกรถที่เขาเห็นจนชินตาทุกเช้า ทว่าวันนี้กลับดูไม่น่าเบื่ออย่างเช่นทุกวันที่เคยมอง



                เมอสิเดสเบ๊นซ์คันหรูจอดที่หน้าสถานที่แห่งหนึ่ง ผู้คนกำลังเดินกันพลุกพล่านวุ่นวาย พระพายอ่านป้ายจึงรู้ว่าเป็นตลาดสดยามเช้า เวลานี้จึงเป็นเวลาที่คนมาจับจ่ายซื้อของกันเยอะพอดู


"ซื้อกับข้าวเหรอครับ?"


"นี่ เจ้าหนูจำไมเข้าสิงหรือไง"


"ถ้าอาจารย์บอกผม ผมก็คงไม่ถามหรอกครับ" พระพายพูดอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมากนัก ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำเข้าตลาดที่แสนวุ่นวายไป คนตัวสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่ไม่ใช่เพราะไม่พอใจพระพาย หากแต่รู้สึกไม่ดีที่ทำให้อีกฝ่ายคิดว่าถูกตนเองต่อว่า


"ทางนี้" เขาตามไปดึงข้อมือลูกศิษย์ให้เดินมาอีกทาง อาจารย์หมอเดินนำมาจนถึงโซนขายของสด เขาหันมามองคนข้างหลังเล็กน้อย พื้นที่เปียกเช่นนี้อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้หากเดินไม่ระวัง ทั้งสองคนมาหยุดที่แผงขายดอกไม้สดหลากชนิด ภูตะวันเลือกดอกเยอบีร่าสีขาวบริสุทธิ์มาหนึ่งกำก่อนจะจ่ายเงินให้กับแม่ค้าแล้วพากันเดินกลับไปที่รถทันที


                 คุณหมอทั้งสองนั่งเงียบๆโดยมีเสียงเพลงแจ๊สขับกล่อมแข่งกับเสียงเครื่องปรับอากาศในรถจนถึงสถานที่ที่ภูตะวันคุ้นเคย พระพายมองผ่านกระจกรถถึงรู้ว่าที่นี่คือวัด เป็นวัดที่สงบ อยู่แถบชานเมืองติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เลือกมาวัดนี้ก็เพราะว่าครอบครัวของตนไปมาหาสู่มาตั้งแต่รุ่นคุณทวดจนปัจจุบัน วิวรรธน์ภคไพบูลย์มักจะบริจาคช่วยวัดนี้อยู่เสมอๆจนกลายเป็นความผูกพันไปเสียแล้ว


"ไม่บอกผมก่อนว่าจะมาวัด ผมจะได้เตรียมสังฆทานมาถวาย"


"ผมเตรียมมาอยู่หลังรถ ไปกันเถอะ" เขายกยิ้มเล็กน้อย ด้วยวันนี้เป็นวันหยุดที่นานทีจะมี ภูตะวันจึงใช้โอกาสนี้มาทำบุญให้กับพ่อและแม่ รวมถึงพาลูกศิษย์มาด้วย หากถามหาเหตุผลก็คงอยากให้พระพายได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลและอยากให้อีกฝ่ายสบายใจไม่เครียดกับปัญหาที่เจอ อาจจะช่วยไม่ได้มากแต่เขาก็หวังว่ามันจะบรรเทาลงได้บ้างแม้เล็กน้อยก็ยังดี



              สายลมเบาๆพัดระฆังใบเล็กที่ห้อยต่องแต่งจนเกิดเสียงดังฟังดูไพเราะ ราวกับเป็นเสียงต้อนรับการมาถึงของพวกเขา พระพายเดินเคียงคู่ไปกับอาจารย์ของตนอย่างเว้นระยะ เด็กวัดตัวเล็กเนื้อตัวมอมแมมสองสามคนวิ่งกรูกันเข้ามาหาจนเขาเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อย แต่เห็นทีว่าเด็กพวกนี้จะคุ้นเคยกับคนตัวสูงข้างๆมากกว่า


"พี่ไม่มาตั้งนานเลย" เด็กตัวเล็กคนหนึ่ง รูปร่างผอมบางอย่างกับขาดสารอาหารพูดขึ้น พอเมื่อมีคนเริ่มอีกฝ่ายก็ตามๆกันไป


"ใช่ๆ เราขาดรายได้" เด็กอ้วนท้วนตัวใหญ่กว่าอีกสองคนมากโขเหมือนหลุดพูดออกมา รีบปิดปากตัวเองทันควัน แต่เด็กยังไงก็คือเด็กกลายเป็นความเอ็นดูในคำพูดนั่นเสียมากกว่า


"หึหึ ถ้างั้นก็เอานี่ไปแล้วไปตามหลวงตาบอกว่าพี่หมอมา รออยู่ที่โบสถ์" ภูตะวันยิ้มขำก่อนจะควักธนบัตรสีแดงยื่นให้เด็กวัดทั้งสามคนเหมือนทุกครั้งที่มา ก็ไม่แปลกหากเด็กจะบอกว่าขาดรายได้


"เยอะไปรึป่าวครับ?" หมอพายไม่เข้าใจ จริงอยู่ที่อาจารย์หมออาจจะรวยแต่ก็ไม่ได้ความว่าให้เงินใครง่ายๆแบบนี้ เขาก็ไม่ได้ใจจืดใจดำแต่หากจะให้ก็แค่สิบยี่สิบบาทเท่านี้เด็กก็น่าจะพอใจแล้ว ทำแบบนี้นานๆเข้าเด็กมันก็ติดเป็นนิสัย


"ช่างเถอะ เด็กพวกนี้เขาไม่มีพ่อแม่ เงินอาจจะเป็นสิ่งเดียวที่ซื้อความสุขของพวกเขาได้" ภูตะวันตอบเสียงเรียบก่อนจะเดินถือสังฆทานเดินเข้าโบสถ์ไป ทิ้งให้อีกคนได้แต่มองตามอย่างอย่างคิดไม่ตก หมอซันคิดว่าตัวเองเหมือนเด็กพวกนั้นหรือยังไง ...


"โยมหมอ ไม่มาเสียนาน" ชายสูงวัยร่างซูบผอมห่มจีวรสีเหลืองแก่ เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าตามนิสัยของคนแก่ สัญชาติญาณของหมอมองปราดเดียวก็รู้ว่าคงไม่แข็งแรงมากเท่าไหร่นัก ภูตะวันรีบลุกไปประคองพระสงฆ์รูปนั้นให้มานั่งที่อาสนะหน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่อย่างระมัดระวัง


"ผมไม่ค่อยว่างน่ะครับ หลวงตาดูผอมลงไปมาก ไปหาหมอให้เขาตรวจบ้างหรือเปล่าครับ" เขาพูดอย่างเป็นเป็นห่วงระคนกังวล ด้วยเห็นว่าหลวงตาก็เหมือนคนสนิทในครอบครัว หลวงตากระแอมไออย่างอารมณ์ดีโบกมือไม้ปฏิเสธเป็นพัลวัน


"ไม่ต้องห่วงหลวงตา คนแก่ก็เป็นแบบนี้จะแข็งแรงเหมือนหนุ่มสาวก็กระไรอยู่ เอ้า! วันนี้พาใครมาด้วยล่ะ" สายตาที่ฝ้าฟางภายใต้กรอบแว่นสายตามองผู้ชายอีกคนที่นั่งพับเพียบอย่างเรียบร้อยข้างๆอาจารย์หมอ คนถูกทักยิ้มก่อนจะก้มลงกราบอย่างนอบน้อม


"พระพายครับ เป็นลูกศิษย์"


"อืมม มาๆจะถวายก็ยกมา จะได้กรวดน้ำรับพรกัน" หลวงตาพูดกลั้วหัวเราะหลังจากได้รับคำบอกกล่าวจากหมอซันว่าคนที่พามาด้วยเป็นลูกศิษย์


       ทั้งสองต่างช่วยกันยกถังสังฆทานถวายหลวงตาอย่างตั้งอกตั้งใจ เสร็จแล้วหลวงตาก็ให้กรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว แน่นอนว่าทั้งสองต้องอุทิศให้กับบุพการีเป็นคนแรกตามมาคือญาติและจบด้วยเจ้ากรรมนายเวร มือบางแตะที่ข้อศอกของอาจารย์หมอเบาๆในระหว่างที่กรวดน้ำจนบทสวดจบลง


"อยู่เกื้อหนุนกันแบบนี้ต่อไปนะ สร้างบุญต่อกันไว้มากๆ จำไว้ว่าชีวิตจะดีขึ้นเมื่อเรารู้จักอโหสิกรรม"


"หลวงตาท่านพูดเหมือนรู้อะไรเลยนะครับ" เขาพูดขึ้นในระหว่างที่เดินออกมาจากโบสถ์ด้วยความสงสัย


"ท่านก็พูดทั่วไป ไม่เห็นจะดูพิเศษตรงไหน เรารู้จักกันท่านก็ให้เกื้อหนุนเป็นกัลยานิมิตรที่ดี ทำดีให้กันมากๆ แล้วก็ไม่แปลกหากท่านจะบอกว่าให้เรารู้จักอโหสิกรรม ในเมื่อท่านเป็นพระ ..." หมอซันเลิกคิ้วขึ้นสูงราวกับเป็นเชิงถามอีกฝ่ายว่าสิ่งที่เขาพูดมันจริงหรือไม่ก่อนจะเดินหนีไป พระพายคิดตามพยักหน้าขึ้นลงช้าๆเป็นอันว่าเข้าใจ ทว่าเงยหน้ามาอีกทีก็พบว่าเขาถูกทิ้งให้ยืนคนเดียวอีกแล้ว



               เสียงกรอบแกรบของใบไม้แห้งที่ถูกรองเท้าผ้าใบสีหม่นจากแบรนด์ดังเหยียบย่ำ ภูตะวันคุกเข่าลงก่อนจะวางดอกเยอบีร่าสีขาวบริสุทธิ์ที่หน้ารูปถ่ายพ่อและแม่ของเขา สถูปเก็บอัฐิของบุพการีสูงใหญ่เป็นสง่าสร้างอย่างสมเกียรติ ริมฝีปากหยักยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้มองรูปถ่ายของบิดามารดาที่กำลังยิ้มให้เขาเช่นกัน

                พระพายเดินเข้ามาเงียบๆและยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนักเพื่อไม่ให้รบกวนอาจารย์ของตน มือบางประนมมือไหว้สถูปที่ยังดูสะอาดสะอ้านเหมือนได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ เขามองด้วยแววตาที่เห็นใจพลันนึกไปถึงพ่อของตนที่จาก ความรู้สึกของการสูญเสียก็คงจะเหมือนกัน มันทำให้เสียศูนย์ ...


"อาจารย์เหมือนพ่อกับแม่มากนะครับ" พระพายพูดขึ้นหลังจากที่เห็นว่าอีกฝ่ายนั่งเงียบอยู่หน้าสถูปได้ครู่หนึ่งแล้ว อาจารย์หมอคลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง


"เพียงเราได้มองแค่รูปถ่ายของเขา มันน่าแปลกที่กลับทำให้เราสบายใจขึ้นมาทุกครั้ง" ภูตะวันยังคงทอดสายตามองรูปบิดามารดาด้วยรอยยิ้มบางๆ ทั้งสองเป็นเหมือนที่พักพิง รอคอยวันที่เขากลับมาหา แม้ว่าจะนานเท่าไหร่ก็ยังอยู่ตรงนี้เพื่อรอเขา หลายครั้งที่เขารู้สึกอ่อนล้าเขาก็มักจะดูรูปถ่ายของพ่อกับแม่เสมอ ...


"ผมไม่เคยรู้สึกว่าผมขาด เพราะผมรู้ว่าความรักของพ่อกับแม่อยู่กับผมเสมอ"


"ผมอยากเข้มแข็งให้ได้ครึ่งของอาจารย์จัง ตั้งแต่ที่พ่อผมจากไป ผมได้แต่ภาวนาขอให้คนที่เหลืออยู่ในชีวิตของผมอยู่กับผมไปนานๆ" พระพายพูดอย่างใจลอย การสูญเสียครั้งนั้นเป็นบาดแผลลึกที่ยากจะลืมเลือน ทั้งที่รู้ว่าคนเราเกิดมาสุดท้ายก็ต้องตายจากกันไป ทว่าก็ขอเวลาได้เตรียมใจได้ใช้เวลาอยู่กันนานๆเสียหน่อย

             ภูตะวันถอนหายใจ มือหนายกขึ้นวางบนศีรษะกลมของคนเป็นลูกศิษย์อย่างไม่ลังเล ไม่มีคำพูดใดหลังจากที่พระพายพูดจบนอกจากความรู้สึกห่วงใยที่หวังว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ได้ผ่านมืออุ่นๆข้างนี้ สิ่งแปลกประหลาดบางอย่างกำลังก่อตัวเหมือนคลื่นลูกใหญ่คอยปั่นป่วนความรู้สึกข้างในของพระพาย ในขณะที่ดวงตาของทั้งสองก็จ้องมองกันอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะเป็นพระพายที่หลบสายตาไป ยืนเก้กังอย่างคนทำอะไรไม่ถูก


"ผมขอโทษแทนพ่อแม่ผมด้วยที่บริหารงานไม่ดี ปล่อยให้เกิดเรื่องเลวๆพรรค์นั้นในโรงพยาบาล" คนตัวสูงบอกอย่างคนรู้สึกผิด เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยเป็นการยอมรับความผิดนั้นแทนบุพการีทั้งสอง


"คนผิดมีแค่มันกับคนรู้เห็น เราจะช่วยกันเอาผิดพวกมันยังไงดีครับ อาจารย์มีวิธีรึเปล่า" ภูตะวันมีสีหน้าครุ่นคิดและเคร่งเครียดไม่ต่างจากอีกฝ่าย ก่อนจะถอนหายใจอย่างคนคิดไม่ตก


                 ภายในห้องทำงานของหัวหน้าแผนกทางเดินอาหารและการปลูกถ่ายอวัยวะ มีบุคคลที่เป็นศัลยแพทย์ทั้งวันหนุ่มวัยสูงอายุนั่งกันอยู่สองสามราย ส่วนพฤติพงศ์หัวหน้าแผนกนั้นนั่งอยู่โซฟาตัวกลาง นัดกันมาหารือกันอย่างเคร่งเครียด


"เจ้าหน้าที่บอกมาว่าแพทย์เรสสิเดนท์ปีหนึ่งที่เพิ่งจะเข้ามาใหม่ แวะเวียนไปที่ห้องเวชระเบียนบ่อยมากครับ" ศัลยแพทย์ในแผนกคนหนึ่งพูดขึ้นถึงเรื่องที่ได้รับฟังมา


"เด็กนั่นมันเข้าไปทำอะไร รู้หรือเปล่า?" เสียงเข้มของหัวหน้าแผนกพูดอย่างสงสัย หากแพทย์จะเข้าไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ทว่าแพทย์เรสสิเดนท์คนนั้นกลับเข้าไปบ่อยเสียจนเจ้าหน้าที่ที่อยู่ฝ่ายเขาต้องรายงานถึงพฤติกรรมอันน่าสงสัย


"เหมือนหาอะไรบางอย่าง"


"จับตาดูมันกับหมอซันไว้ให้ดี มีอะไรผิดปกติรีบรายงานฉันทันที" เขาพูดเสียงเย็นก่อนจะยกแก้วชาร้อนๆขึ้นจิบแก้กระหาย ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเห็นพระพาย สายตาเด็กคนนั้นมันมีอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ บางครั้งก็เหมือนกับว่าเด็กนั่นไปล่วงรู้ความลับอะไรบางอย่างมา แต่ก็ยังไม่แน่ใจเสียทีเดียว การจับตาดูความเคลื่อนไหวไปก่อนน่าจะดีที่สุด รวมถึงภูตะวันที่ช่วงหลังมานี้มีปัญหากับเขาเรื่องการย้ายคนไข้รายนั้น แถมยังดูให้ท้ายลูกศิษย์ตัวเอง ยังไงซะก็ไม่น่าไว้วางใจ


"ถ้างั้นช่วงนี้เราควรหยุดไปก่อนดีไหมครับ?" ศัลยแพทย์สูงวัยอีกคนพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล ดูจากรูปการแล้วไม่ควรวางใจทำเรื่องเสี่ยงนั้นต่อไป หากฝืนทำต่อเกรงว่าอาจจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต นำความเสียหายมาสู่ตน


"อืม ก็ดี ... บอกกับวงในว่าเราจะหยุดพักไว้ก่อน หากแน่ใจแล้วว่าเด็กคนนั้นไม่ได้รู้เห็นอะไรก็จะทำทุกอย่างเหมือนเดิมเป็นปกติ"


              พฤติพงศ์ครุ่นคิดถึงการทำงานเสี่ยงกฏหมายอย่างเขาด้วยการเอาวิชาชีพมาบังหน้า มีแค่กลุ่มคนเล็กๆเท่านั้นที่รู้ เศรษฐีทั้งไทยและเทศยอมจ่ายเงินในราคาสูงแลกกับชีวิตที่ดีขึ้น รายไหนเงินมากหน่อยก็ได้ลัดคิว พวกเขาทำทุกอย่างอย่างรัดกุมและเลือกผู้ป่วยที่ฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจนหรือความรู้น้อย เพื่อจะได้มั่นใจว่าหลังเสียชีวิตคนพวกนั้นจะไม่สามารถมาเอาผิดได้อีก
       
             

             พระพายออกมายืนรับลมเย็นๆของค่ำคืนนี้ตรงระเบียงห้อง ดวงตาคู่สวยทอดมองไปยังดวงจันทร์ที่ขึ้นเพียงเสี้ยวเดียวสว่างอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าสีดำสนิท เขานึกถึงบางอย่างที่ก่อกวนอยู่ข้างในมาตลอดหลายวันนี้อย่างสงสัย

                ครั้งแรกที่เจออาจารย์หมอจวบจนวันนี้เป็นเวลาเดือนกว่าๆ ทบทวนการกระทำทุกอย่างของผู้ชายคนนั้นอย่างถี่ถ้วน บางครั้งเย็นชาราวกับคนไม่มีหัวใจ หากบทจะอ่อนโยนก็อ่อนโยนขึ้นมาเสียดื้อๆ โดนที่เขาเองไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่ว่าความรู้สึกปั่นป่วนแปลกๆจะเป็นความรู้สึกแบบไหน ทว่าเขากลับรู้สึกดีที่อย่างน้อยเขาก็ได้เห็นแง่มุมที่อ่อนโยนของอาจารย์และหวังว่าจะมีโอกาสได้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเผยรอยยิ้มน้อยๆ พาตัวเองดื่มด่ำกับบรรยากาศในคืนนี้ ปล่อยความคิดให้ลอยไปกับสายลม บางทีพระจันทร์เสี้ยวนั้นอาจจะรู้คำตอบก็ได้ว่าสิ่งที่มันปั่นป่วนข้างในมันคืออะไรกันแน่ ...



***************



Talk : พิมพ์ในไอโฟนเช่นเคย (- -") สิบตอนผ่านไป อยู่ในช่วงสับสนความรู้สึกตัวเองกันทั้งคู่ ปล่อยให้ความใกล้ชิดมันเป็นเครื่องมือพิสูจน์ความรู้สึกกันดีกว่าเนอะ อิอิ อย่างเพิ่งเบื่อกันน้าาาา

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เลยนะคะ :)
ดีใจที่เห็นว่ามีคนชอบและคอยติดตาม มีอะไรที่จะให้เราแก้ไขบอกได้เลยนะคะ น้อมรับทุกคำติชมเลยค่ะ การบรรยายอาจจะไม่ดีมาก ด้วยเพิ่งเขียนเป็นเรื่องแรก จะพยายามปรับปรุงตัวเองเรื่อยๆค่ะ ...

#ชีวิตรักหมอนักผ่า : แท็กนี้ในทวิตเตอร์เราเข้าไปอ่านทุกวันน้า แต่ไม่ค่อยมีหรอก 55555555

@Ggbazo : ทวิตเตอร์เข้าไปพูดคุยกันได้น้า
แล้วพบกันตอนหน้าค่าาา :)

หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 10 (02-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 02-07-2015 06:08:37
ไม่เบื่อเลยยยยยยยย
ขอบคุณที่มาต่อค๊า
รออ่านเสมอๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 10 (02-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 02-07-2015 06:27:54
สนุกมากกก

ลุ้นทั้งรักทั้งจับคนเลว

สะกิดใจนิดหนึ่งที่พระพายเรียกหมอซันว่า 'หมอ' เรารู้สึกว่าน่าจะเรียก 'อาจารย์' มากกว่าเพราะในกลุ่มหมอกันเองไม่น่าจะเรียกกันและกันว่า 'หมอ' อาจจะเรียกแบบคุณ....นำหน้าถ้าไม่สนิท ใกล้ชิดหน่อยก็ พี่..., น้อง...., หรือเรียกชื่อเฉยๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 10 (02-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 02-07-2015 06:50:32
ค่อยๆ รักกันไปเรื่อยๆ นะคะคุณหมอทั้งสอง
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 10 (02-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 02-07-2015 07:53:52
สนุกมากครับ  เป็นนิยายเรื่องแรกที่ต้องดูว่ามาอัพหรือยังตอดเปิดเข้าบอร์ด
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 10 (02-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: WASHABHI ที่ 02-07-2015 08:09:54
นี่พยายามคิดตามตลอดเลย ร่วมมือกัน จับคนผิดให้ได้นะ
เป็นกำลังใจให้คนแต่งน๊าาา ~
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 10 (02-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 02-07-2015 08:12:29
เหมือนจะรู้สึกแปลกๆนะ
หมอบอกไปเลย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 10 (02-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 02-07-2015 10:53:58
หมอพายหวั่นไหวไปหมอซันแล้ว หมอซันก็คงเหมือนกัน
ขอให้รู้ใจกันเร็วๆ

ทำเป็นขบวนการเลย ชีวิตหมอซันหมอพายเริ่มจะไม่ปลอดภัย
ถ้าคนพวกนั้นสืบรู้ว่าหมอพายเป็นใคร คงไม่อยู่เฉยแน่
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 10 (02-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: xmana ที่ 02-07-2015 12:32:23
รอเลิฟซีน เหอๆๆๆ -,.-
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 10 (02-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 02-07-2015 14:30:18
หุหุ เริ่มรู้สึกดีต่อกัน
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 10 (02-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar ที่ 03-07-2015 21:30:04
อบอุ่นละมุนละไม ชอบมากกกกกกกกกกกก

รออ่านต่อค่ะ คนแต่งเก่งและพยายามมากๆ ที่ใช้ไอโฟนพิมพ์ได้เรียบร้อยขนาดนี้ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 10 (02-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 03-07-2015 22:01:04
รอวันที่ความจริงถูกเปิดเผย วันที่คนชั่วจะได้รับผลกรรมที่มันก่อไว้ !!!!!!!

ทำไมตอนนี้มันละมุนจัง ดูหมอซันแคร์ใจพระพายขึ้นเยอะเลย โอ้ยยยยย อยากมีแฟนเป็นหมอ 555555
ความรู้สึกกำลังก่อตัวเนอะ ค่อยๆเรียนรู้กันไป มันน่ารักดี
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 10 (02-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 03-07-2015 23:05:29
หึยยย ที่จริงก็มีเงื่อนง่ำจริงๆ
ไม่มีจรรยาบรรณกันเลย เเก่ป่านนี้ละ ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้

เอาใจช่วยนะฮร่ะ เราตามอ่านตลอดดด
 ปล.ทำไมพระว่าไว้อย่างนั้น
พ่อเเม่หมอซันมีส่วนรู้เห็นด้วยหรอ
หรือว่าอวัยวะที่ใช้เป็นของคนที่บ้านของพระพาย?? มโนไปไกล
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 10 (02-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 04-07-2015 21:57:00
ตามมาจากนิยายแนะนำ สนุกดีค่ะ เราเป็นคนชอบนิยายแนวคุณหมออยู่แล้ว ยิ่งลงรายละเอียดเกี่ยวกับหมอมากๆเรายิ่งชอบ แต่หาอ่านได้ไม่มากนักดีใจที่แต่งมาให้อ่านนะคะ แล้วจะดีมากเลยถ้าแต่งจบ มีหลายเรื่องสนุกมากแต่ไม่มาต่อ เราจะรอค่ะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 10 (02-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: xmana ที่ 07-07-2015 14:27:45
 :m15: :m15: :m15: :m15:
รอไม่ไหวเเล้ววววว เเง้ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 10 (02-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 07-07-2015 19:47:12
Done ค่ะ Done

คิดถึงอจ.หมอกะลศ.พายแล้ว
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 11 (10-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 10-07-2015 10:49:44
-11-


             หลังจากราววอร์ดตรวจผู้ป่วยในช่วงเช้าเสร็จ พระพายและเพื่อนคนอื่นๆก็แยกกันไปตามหน้าที่ของตน เขาเอาแฟ้มประวัติของผู้ป่วยมายังเคาท์เตอร์ประจำแผนกเช่นทุกวัน คุ้นเคยกับพยาบาลที่นี่เป็นอย่างดี ก่อนจะเช็คการให้ยาและติดตามอาการผู้ป่วยในข้อมูลคอมพิวเตอร์นิดหน่อย เสร็จแล้วจึงหันหลังเพื่อจะลงไปตรวจ OPD (ผู้ป่วยนอก) กับอาจารย์หมอ ทว่าก็ชนเข้ากับใครบางคนอย่างจัง


"ขอโทษครับ!!" พระพายรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ทั้งที่ตนเองก็เจ็บจากแรงกระแทกไม่น้อย


"ใช่พายรึเปล่า?" เมื่อเห็นหน้าอีกฝ่าย เขารีบถามออกมาอย่างไม่แน่ใจนัก พลางขยับแว่นสายตาที่สวมเพื่อมองคนตรงหน้าให้ชัดยิ่งขึ้น พระพายหรี่ตามอง เขาคุ้นหน้าหากแต่จำชื่อผู้ชายคนนี้ไม่ได้


"เราบอสไง ม.6/1 เลขที่ 11" เขาแนะนำตัวและเป็นการเตือนความจำอีกฝ่ายไปในตัว พระพายพยายามนึกก่อนจะยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ เมื่อจำได้ว่าบอสคือคนที่นั่งอยู่หลังห้องเรียนเป็นประจำ อีกทั้งเลขที่ก็อยู่ถัดจากเขาไปตำแหน่งเดียว


"ตั้งแต่จบ ม.6 ก็ไม่ได้เจอกันเลย นี่เป็นหมอแล้ว ดีใจด้วยว่ะ" มือบางตบไหล่เพื่อน สื่อให้รู้ว่าดีใจอย่างที่พูดจริงๆ บอสหัวเราะขันก่อนจะจับสาบเสื้อกาวน์สีขาวของเพื่อนเก่าไว้


"ก็เป็นหมอเหมือนกัน จะตื่นเต้นทำไม"


"เออจริงด้วย ลืมตัว" หมอพายเกาหัวแกรกๆอย่างเก้อเขิน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาบนฝาผนังที่ใกล้เวลาลงไปตรวจผู้ป่วย OPD (ผู้ป่วยนอก) ที่ห้องตรวจกับอาจารย์หมอแล้ว


"เห้ย! เรามีตรวจอะ เดี๋ยวยังไงพักเที่ยงเจอกันที่ศูนย์อาหาร ไปก่อนนะ!" โบกมือลาเพื่อนก่อนจะรีบวิ่งไปทันที ทิ้งให้อีกฝ่ายได้แต่มองตามด้วยรอยยิ้ม


               บอส นายแพทย์ธนบูรณ์ แพทย์ประจำบ้านภาควิชากุมารเวชศาสตร์ (กุมารแพทย์) ของโรงพยาบาลวิวรรธน์ ถึงแม้จะอยู่ห้องเดียวกันมาสามปีแต่บอสก็เป็นแค่เพื่อนร่วมห้องของพระพายเท่านั้น พระพายเป็นคนเงียบๆ เหมือนสร้างโลกของตัวเองเอาไว้ เขารู้แค่ว่าพ่อของพระพายเสียจึงอาจทำให้พระพายพาตัวเองออกจากสิ่งต่างๆรอบตัว สิ่งเดียวที่ทำให้บอสกล้าเข้าไปคุยกับพระพายก็มีแค่เพียงเรื่องการเรียนเท่านั้น เพราะอีกฝ่ายเรียนเก่งเป็นอันดับต้นๆของห้อง พระพายเป็นคนที่แค่อยู่เฉยๆก็ยังดูน่าสนใจ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพื่อนร่วมห้องคนนี้มีเสน่ห์อยู่ไม่น้อยเลย ยิ่งไปกว่านั้นไม่คิดว่าโลกจะหมุนให้พวกเขาได้มาพบกันอีก ...



                 ภายในห้องตรวจผู้ป่วยนอก อาจารย์หมอ ลูกศิษย์ รวมถึงผู้ป่วยที่เข้ามาตรวจเช็คอาการของตนเองต่างรอผลเอ็กซเรย์อย่างใจจดใจจ่อ เนื่องด้วยอาการที่เธอเจ็บหน้าอกจากการหายใจและมีการแน่นหน้าอกร่วมด้วย หลังจากที่ภูตะวันตรวจฟังเสียงปอดของเธอแล้วพบว่าผิดปกติจึงส่งเอ็กซเรย์ทันที


"ผลเอ็กซเรย์มาแล้วครับ" หมอเอิร์ธเรียกให้ทุกคนดูที่โทรทัศน์จอขนาดปานกลางภายในห้องตรวจ ภูตะวันลุกขึ้นยืนดูใกล้ๆ เขาวินิจฉัยก่อนจะหันมาหาคู่สามีภรรยาวัยกลางคนทั้งสองที่กำลังรอฟังผล


"ปอดของคุณรั่วครับ" ทันทีที่ได้ฟังเธอถึงกับเข่าอ่อนไปเสียดื้อๆ ด้วยไม่รู้ว่าอาการปอดรั่วที่เธอเป็นมันร้ายแรงเพียงใดและมีวิธีรักษาให้หายหรือไม่ เพราะปอดเป็นอวัยวะสำคัญของการหายใจ อีกทั้งเธอเพิ่งจะคลอดลูกน้อยออกมาได้เพียงไม่นาน


"มีวิธีรักษาให้หายไหมครับหมอ!?" สามีของเธอถามอย่างวิตกกังวล ประคองภรรยาไว้ไม่ห่าง พระพายอดจะชื่นชมในความรักของเขาทั้งคู่ไม่ได้ ปัจจุบันนี้ความรักดีดีมันหายากแล้ว


"ไม่ต้องกังวลไปครับ มีวิธีรักษาด้วยการผ่าตัดและสอดท่อเข้าไปในปอดเพื่อให้ลมและน้ำในปอดระบายออก" ภูตะวันอธิบายอย่างใจเย็น ถึงแม้ว่าสีหน้าและน้ำเสียงจะไม่ได้ฟังดูอ่อนโยนเหมือนกับคุณหมอท่านอื่นๆ ทว่าความเรียบที่ดูน่าเชื่อถือก็ทำให้คนฟังสบายใจไปได้บ้าง


"จะหายขาดไหมครับอาจารย์?" พระพายถามในขณะที่กำลังจดโน๊ตเพื่อเป็นกรณีศึกษาและเอาไว้ทำเล่มในวันที่จบหลักสูตรแพทย์ประจำบ้านภาควิชาศัลยศาสตร์


"หลังจากที่เราสอดท่อเข้าไป จะมีอาการดีขึ้น 2-3 วันแต่หากในกรณีที่กลับมาเป็นอีกก็ต้องผ่าตัดใหญ่เพื่อเย็บรอยรั่วภายใน"


"ดิฉันมีลูกที่ยังเล็ก ต้องให้นมกับเขา การผ่าตัดจะเป็นปัญหาสำหรับการให้นมรึเปล่าคะ?" เธอถามด้วยสีหน้ากังวลใจ หากการผ่าตัดทำให้ลูกกินนมเธอเองไม่ได้ก็คงจะลำบาก การให้เด็กทารกที่เพิ่งจะมีอายุเพียงเดือนกว่าๆกินนมผงคงไม่ดี อย่างน้อยเธอก็อยากให้ลูกน้อยได้กินนมของเธอเอง หมอซันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่


"คุณอาจจะเจ็บจากการสอดท่อ แต่ผมคิดว่าคุณจะทนได้เพื่อลูก เราจะให้แพทย์และพยาบาลแผนกเด็กมาดูแลร่วมด้วยครับ" ภูตะวันเผยยิ้มเล็กน้อยเพื่อให้ผู้ป่วยสบายใจ เพราะหากเครียดก็จะเป็นอันตรายในการผ่าตัด


                   ภูตะวันไม่ได้กลับไปที่ห้องทำงานของตัวเองในทันทีหลังจากที่ตรวจ OPD เสร็จ หากแต่เขาตรงไปยังห้องของท่านประธานโรงพยาบาลน้องชายแท้ๆของพ่อเขาแทน


"มีอะไรล่ะมาหาอาถึงห้อง ไม่บอกล่วงหน้า?" ประสิทธิ์ทักหลานชายที่เป็นเหมือนลูกชายด้วยสีหน้าแจ่มใส รอยยิ้มที่เหี่ยวย่นของคนอายุห้าสิบต้นๆทว่าก็ยังดูดีและเหมือนพ่อของเขาเสมอ ภูตะวันยกมือไหว้ทักทายก่อนจะนั่งลงที่โซฟารับแขกหน้าโต๊ะทำงานของห้องนี้


"คิดถึงมั้งครับ" คนเป็นหลานชายพูดยียวน ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ ประสิทธิ์คลี่ยิ้มเอ็นดูเขาปิดแฟ้มเอกสารก่อนจะลุกขึ้นมานั่งที่โซฟาตัวตรงข้ามกับหลานชายเพียงคนเดียว เขารู้ดีว่าเจ้านี่ไม่ได้มาเพราะคิดถึงอย่างที่ปากว่าแน่ๆ แต่ถึงกระนั้นก็อยากจะยียวนกลับเพราะหลานชายไม่เคยกลับบ้านร่วมทานอาหารด้วยกันมาสักพักแล้ว


"คิดถึงก็กลับบ้านสิ อาอยู่กับอาหญิงสองคนเหงาจะแย่ มีหลานอยู่หนึ่งคนก็ไม่เคยดูดำดูดี หึหึ" ถึงจะน้อยใจอยู่บ้าง หากแต่ก็เข้าใจว่าเพราะอะไรที่ทำให้ภูตะวันไม่ค่อยกลับไปที่บ้าน นอกจากเรื่องงานที่วุ่นๆพอกัน ก็คงจะเป็นการกลับไปอยู่ในที่เดิมๆที่เคยมีพ่อและแม่ของตนอยู่ ถึงแม้รู้ว่าหลานชายของตนเข้มแข็ง แต่บาดแผลใหญ่ถึงแม้จะปิดสนิททว่าก็ยังมีแผลเป็นที่ทำให้หวนคิดถึง


"ผมมีเรื่องอยากจะถามอาน่ะครับเกี่ยวกับโรงพยาบาลของเรา ตั้งแต่รุ่นคุณทวดเลย" อาจารย์หมอเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นมาเมื่อเริ่มพูดเข้าเรื่องที่ตั้งใจมาคุยกับอาของตน


"อาก็จะตอบเท่าที่อารู้ ซันมีอะไรหรือเปล่า?"


"เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย เรื่องไม่ดีภายในองค์กรของเราเกิดขึ้นรึเปล่าครับ" ประสิทธิ์ครุ่นคิดก่อนจะตอบออกไปว่าไม่มีเพราะเขาเองก็ไม่เคยได้ยินหรือได้รู้มา หากมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอย่างน้อยต้องมีคนติฉินนินทาพูดให้เข้าหูบ้างแล้ว

ภูตะวันกัดกรามแน่นเมื่อนึกไปถึงหน้าหมอคนร้ายคนนั้น คงจะทำกันอย่างแนบเนียนที่สุดหรือไม่ก็เป็นความสะเพร่าของโรงพยาบาลที่ไม่ตรวจตราเอกสารเวชระเบียนต่างๆ ไม่ติดตามอาการของคนไข้ รู้เท่าที่แพทย์รายงานเท่านั้น แต่ก็เข้าใจว่าเพราะความไว้เนื้อเชื่อกันแท้ๆ


"มีอะไรรึเปล่า เราไปรู้อะไรมา?" ประสิทธิ์ถามด้วยความวิตกกังวล กลัวว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในโรงพยาบาลอย่างที่หลานชายสงสัย หากเป็นเช่นนั่นเท่ากับการทำหน้าที่บริหารของเขาและครอบครัวที่ผ่านแม่แย่มาก

ภูตะวันลำบากใจพระพายไม่อยากให้คนรู้เรื่องนี้มากนัก เพราะกลัวว่าฝ่ายนั้นจะไหวตัวทันและอาจทำลายหลักฐานทั้งหมดทิ้ง แต่การให้ผู้ใหญ่ในครอบครัวและเป็นถึงประธานบริหารของโรงพยาบาลรับรู้ ก็เท่ากับว่าเป็นใบเบิกทางให้ทำอะไรได้ง่ายขึ้นไม่ใช่หรืออย่างไร


"มันมีครับ แต่ผมยังบอกอาไม่ได้ อาครับผมอยากได้เวชระเบียนผู้ป่วยของแผนกหนึ่งทั้งหมดออกมา ผมทำได้ไหมครับ?" ประสิทธิ์ถอนหายใจแต่ก็เคารพการตัดสินใจของหลานชายตน เพราะรู้ดีกว่าใครว่าภูตะวันเป็นคนคิดจะทำอะไรแล้วก็ต้องมุ่งมั่นและจริงจังกับมัน หากอีกฝ่ายไม่พร้อมจะบอกนั่นหมายถึงการรอให้มั่นใจและการทำด้วยตัวเองก่อน


"ทำได้ แต่ซันก็ต้องทำเรื่องขอเอาออกมา ผ่านแพทย์เจ้าของไข้หรือแพทย์ผู้ผ่าตัด จะเอาออกมาดื้อๆไม่ได้ เพราะนั่นเท่ากับว่าเราขโมย ผิดกฏหมาย"


"บางทีคนทำผิดก็คงไม่เอาหลักฐานออกมาวางไว้ให้เราเห็นหรอกจริงไหมครับ" ภูตะวันยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขารู้ว่ามันไม่ง่ายแต่เขาก็จะทำ เพื่อคำสัญญาที่ให้ไว้กับลูกศิษย์และเพื่อทวงคืนความบริสุทธิ์โปร่งใสให้กับโรงพยาบาลวิวรรธน์แห่งนี้


                 เสียงจอแจของผู้คนรวมถึงเสียงจานช้อนกระทบกันดังระงมทั่วศูนย์อาหารของโรงพยาบาล พระพายพูดคุยกับเพื่อนเก่าอย่างออกรส หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาหลายสิบปี ถึงเขาจะไม่สนิทกัน แต่การได้กลับมาเจอกันในสายอาชีพเดียวกัน ความรู้สึกก็คงจะเหมือนกันการเจอคนไทยด้วยกันในต่างแดนนั่นล่ะ ...


"แสดงว่าชอบเด็กถึงเรียนกุมารฯ" พระพายถามเพื่อนในระหว่างทานอาหาร แพรดาวและอนุวัฒน์ก็รอฟังอย่างสนใจเช่นเดียวกัน


"ก็ชอบนะ แต่จริงๆก็อยากเห็นเด็กเขาได้เติบโตขึ้นมา ได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้นานๆแบบพวกเรา" บอสยิ้มดวงตาเป็นประกาย แพรดาวกระพริบตาปริบๆ สีหน้าชวนฝันจนเอิร์ธต้องโบกมือไปมาเรียกสติเพื่อนตัวเอง


"เราก็ชอบเด็กนะ คบกับเราสิ"


"แรงมากผู้หญิงสมัยนี้" หมอเอิร์ธบ่นเพื่อนตัวเองอย่างไม่จริงจังมากนัก กลายเป็นเรื่องขำๆเฮฮากันไปในหมู่แพทย์เรสสิเดนท์ปีหนึ่งต่างแผนก


"ไปดีกว่าว่าจะไปหาหนังสืออ่านที่ห้องสมุด ไปด้วยกันไหม?" แพรดาวหันถามเพื่อนที่เหลือ หมอเอิร์ธพยักหน้าหงึกๆก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ถือจานข้าวเตรียมเอาไปเก็บ พระพายส่ายหัวดิกเพราะหนังสือที่เขาได้มาจากอาจารย์หมอก็ไม่ต่างกันกับที่ในห้องสมุดมีเท่าไหร่ บางเล่มในห้องสมุดยังไม่มีด้วยซ้ำ


"ไปกันเถอะ เราเอาของอาจารย์หมอมาอ่าน เจอกันที่ห้องผ่าตัดเลย"


"อาจารย์ไม่เห็นให้พวกเราบ้างเลยว้าา~" หมอเอิร์ธแสร้งทำหน้าเศร้า พูดเชิงตัดพ้อ เขาหัวเราะก่อนจะเดินไปออกจากโต๊ะไปพร้อมแพรดาว เหลือเพียงหมอพายและหมอบอสเพื่อนเก่าที่โต๊ะ


"พายพูดเก่งขึ้นเยอะเลยนะ"


"ไม่ได้พูดเก่งหรอก แค่โตขึ้นน่ะ" เขาระบายยิ้มส่งให้อีกฝ่าย เพราะว่าโตขึ้นจึงทำให้เขาต้องพูดกับผู้คนมากขึ้นเท่านั้นเอง ทั้งสองคนพูดคุยกันถึงเรื่องในอดีตสมัยเรียนเสียส่วนใหญ่ ทำให้บทสนทนาค่อนข้างออกรส เมื่อไหร่ที่ย้อนไปนึกถึงวัยเรียน มักจะมีเรื่องให้ต้องยิ้มเสมอ ทว่ารอยยิ้มของเขาสองคนที่ส่งให้กันกลับมีสายตาคู่คมจากมุมหนึ่งกำลังมองอยู่



ปึก! ปึก! ปึก!
           เสียงลูกบาสกระทบกับพื้นสนามหลังโรงพยาบาลในเวลาพักเที่ยงที่ไม่มีใครใช้สนามในเวลานี้ด้วยอยู่ในฤดูฝนและเหมือนฟ้าจะเริ่มตั้งเค้าส่อแววว่าฝนจะกระหน่ำลงมาในอีกไม่ช้า

           ร่างสูงของใครบางคนยืนเด่นหราอยู่กลางสนาม เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อนช่วงแขนถูกพับขึ้นมาช่วงข้อศอก ด้านหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาหอบหายใจถี่หลังจากชู้ตลูกกลมๆสีส้มเข้าห่วงมาได้สักพัก ก่อนจะตั้งใจชู้ตมันอีกครั้งราวกับว่าต้องการระบายอารมณ์บางอย่างจนพอใจ


"ซัน!" เสียงใสตะโกนเรียกเจ้าของชื่อที่ยืนอยู่กลางสนาม ในมือเธอมีข้าวใส่กล่องพลาสติกและน้ำเปล่ามาด้วย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหันมาเห็นตนแล้วจึงนั่งลงที่ม้านั่งตัวยาวข้างสนามใกล้กับเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดที่พาดอยู่ หมอซันโยนลูกบาสทิ้งก่อนจะเดิน
เข้ามาหาเพื่อนที่นั่งรออยู่


"มาได้ไง?" เขาถามเสียงนิ่งก่อนจะเปิดฝาขวดน้ำที่หมอบีถือมายกดื่มอึกใหญ่ มือหนาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกสองสามเม็ดเผยให้เห็นแผงอกหนาเป็นสัดส่วนเพื่อระบายความร้อน ก่อนจะนั่งลงข้างๆหญิงสาวเพื่อนสนิท


"หัวใจสั่งให้มา" เธอแสร้งทำหน้าจริงจัง เมื่อเห็นว่าคนฟังชะงักไปจึงหลุดขำออกมา แค่อยากจะแกล้งเพื่อนเท่านั้นถึงแม้ในใจจะยังรู้สึกดีมากแค่ไหนก็ตาม เขาผลักหัวเพื่อนเบาๆอย่างหยอกล้อ พลางเอนหลังพิงพนักของม้านั่งอย่างใจเย็น


"เห็นว่ายังไม่ได้กินข้าวเลยซื้อมาให้ รู้นะว่าหงุดหงิดอะไรมา" สโรชาพูดอย่างรู้ทัน เพราะรู้จักหมอซันดี ในขณะที่เธอนั่งทานข้าวอยู่กับเพื่อนหมอด้วยกันในศูนย์อาหาร เธอดันเหลือบไปเห็นเพื่อนสนิทยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งตั้งใจว่าจะตะโกนเรียก ทว่าหากสังเกตดีๆอีกฝ่ายกำลังสนใจกับอะไรบางอย่าง จึงมองตามสายตานั้นไปก็เห็นว่าลูกศิษย์แสนพิเศษของเพื่อนตัวเองนั่งอยู่กับใครอีกคน


"........." ภูตะวันเงียบไปราวกับถูกจี้จุด เขาคว้ากล่องข้าวที่เพื่อนเอามาให้เปิดออก หมอบีขยับตัวหันไปหาเพื่อนสนิทที่นั่งเขี่ยข้าวอยู่ข้างๆต้องการที่จะพูดด้วย


"แกหงุดหงิดที่เห็นเขาคุยกับคนอื่นที่ไม่ใช่แก แกชอบเด็กคนนั้นจริงๆใช่ไหมซัน?"


"..... คงงั้นมั้ง" เขาตอบแบ่งรับแบ่งสู้ พลางตักข้าวเข้าปากอย่างกับว่าไม่ได้คิดอะไร ทั้งที่จริงๆแล้วเขากำลังคิดสับสนอยู่ในใจ ปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ใช่เขาไม่ได้ชอบ ทว่าความรู้สึกกลับฉายฉัดขึ้นมาทุกที เขาหงุดหงิดและไม่พอใจที่เห็นพระพายพูดคุยหยอกล้อกับหมอเด็กคนนั้นอย่างออกรส หงุดหงิดที่คนตรงหน้าพระพายไม่ใช่เขา


"นี่ฉันรักเกย์มาตลอดเหรอวะเนี่ย"


"ไม่ใช่เกย์เว้ย ฉันแค่รู้สึกว่าพระพายพิเศษกว่าผู้ชายคนอื่น ถ้าไม่ใช่พระพายแค่คิดฉันก็ขนลุกแล้ว"


"ชอบก็ไปบอกเขาสิ" สโรชาแนะเพื่อนสนิท ภูตะวันไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ยังไม่เห็นต้องบอกในเมื่อเขาเองก็ยังไม่แน่ใจความรู้สึกของตัวเองมากนัก นานไปอาจจะรู้ว่าความรู้สึกที่ผ่านมามันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบเดียวที่เผลอไปก็ได้


"อาจารย์หมอครับ!!" เสียงเรียกจากอีกฝั่งของสนามเรียกให้ทั้งสองคนหันไปมอง คนที่ถูกพูดถึงเมื่อครู่ยืนหายใจกระหืดกระหอบอยู่ ก่อนจะรีบวิ่งตรงมาหาพวกเขา


"อยู่นี่เองผมหาตั้งนาน โทรมาก็ไม่รับ" พระพายพูดพลางหอบหายใจเพราะเหนื่อยจากการวิ่งตามหา สโรชาได้แต่ลอบมองปฏิกิริยาของคนสองคนอยู่เงียบๆ


"ผมลืมเอาลงมา มีอะไรรึเปล่า?"


"คุณไอรดาหายใจไม่ออก เธอปวดหลังซีกซ้ายด้วยครับ ต้องเลื่อนเวลาผ่าตัดด่วน" พระพายรีบรายงานถึงอาการของสาวคนเมื่อเช้านี้ หมอซันวางกล่องข้าวลงก่อนลุกขึ้นยืนคว้าเสื้อกาวน์มาถือไว้ มือหนาขยี้ผมเพื่อนรักที่นั่งอยู่อย่างแรง ก่อนจะเดินนำพระพาย


"พระพาย" หมอบีเรียกอีกฝ่ายเอาไว้ คนถูกเรียกชะงักเท้าก่อนจะรีบหันกลับมาเพื่อรออีกฝ่ายพูด


"ครับ"


"ว่างๆก็ตรวจหัวใจให้เพื่อนฉันบ้างนะ มันน่ะตรวจแต่คนอื่น จนไม่รู้ว่าตัวเองก็กำลังเป็นโรค"


"อาจารย์ป่วยเหรอครับ!?" พระพายเบิกตากว้าง หันไปหาอาจารย์หมอของตนเพื่อเอาคำตอบ ภูตะวันถลึงตาใส่เพื่อนตัวเองที่กำลังทำหน้าล้อเลียนอยู่อย่างหมั่นไส้ พูดอะไรไม่เข้าท่า


"โรคไม่รู้หัวใจตัวเองน่ะ" พระพายขมวดคิ้วทันทีที่ได้ฟังจบ ไม่ใช่ใสซื่อเสียจนไม่รู้ว่าที่คุณหมอสาวสวยพูดหมายถึงอะไร ก็ในการแพทย์โรคนี้มีจริงที่ไหนกัน ก่อนหน้าจะเห่อร้อนขึ้นมาเสียดื้อๆกับสายตาที่มองเขากับหมอซันสลับกันอย่างต้องการจะสื่ออะไร


"ยัยบ้านี่ก็เพ้อเจ้อแบบนี้ อย่าไปฟังเลย รีบไปกันเถอะ" ภูตะวันเอ่ยตัดบทก่อนจะคว้าข้อมือของลูกศิษย์ให้วิ่งไปด้วยกัน ก่อนจะยกยิ้มมุมปากน้อยๆที่พระพายไม่เห็น ...



                 บรรยากาศเดิมๆในห้องผ่าตัดที่เหล่าบรรดาแพทย์และพยาบาลคุ้นเคยกันดี แต่ที่แตกต่างก็คือแต่ละเคสที่ต้องเจอ เคสของไอรดาไม่ต้องดมยาสลบเพียงแค่ฉีดยาชาเท่านั้นเพราะเป็นการผ่าตัดเล็กเพื่อสอดท่อเฉยๆ   อาจารย์หมอกรีดมีดลงบนเนื้อเนียนอย่างใจเย็น ก่อนแพทย์ผู้ช่วยคนอื่นๆจะช่วยกันเปิดขยายปากแผลออกให้กว้างขึ้น


"เอาท่อมา" หมอซันเอ่ยสั่งเมื่อได้สิ่งที่ต้องการก็เริ่มสอดท่อเข้าไปในปอดอย่างระมัดระวัง


"เจ็บหน่อยนะครับ ท่อจะอยู่ตรงกลางระหว่างซี่โคร่ง เวลาหายใจจะเจ็บต้องอดทนนะ" เขาบอกกับผู้ป่วยที่ยังมีสติครบถ้วน เธอพยักหน้าช้าๆ สีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวดไม่น้อย


"เย็บ" หมอซันสั่งให้หมอผู้ช่วยเย็ยปิดแผล ก่อนจะเดินออกมาล้างไม้ล้างมือ เขาเลือกที่จะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อรอตรวจผู้ป่วยนอกในช่วงบ่าย


"จากนี้ดูแลดีๆ ประสานกับแผนกเด็กให้เข้ามาช่วยดูแลคนไข้เรื่องการให้นมลูกด้วย" ภูตะวันบอกกับลูกศิษย์และผู้ช่วยคนอื่นๆหลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น


"ผมประสานเองก็ได้ครับ มีเพื่อนเป็นหมอแผนกนั้นพอดี" พระพายอาสาจะเป็นคนประสานงานเอง เพราะอย่างน้อยก็เป็นเพื่อนกัน คุยกันง่ายอีกทั้งยังได้ร่วมงานกันระหว่างแผนกซึ่งไม่ได้มีบ่อยๆ


"ไปรู้จักสนิทสนมกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงเรียกว่าเพื่อนน่ะ" คนตัวสูงพูดเหน็บก่อนจะเดินหนีไป ทิ้งให้พระพายได้แต่ยืนงงว่าทำไมถึงไม่รอฟังคำตอบจากเขาว่ารู้จักกับบอสมาตั้งนานแล้ว




                ค่ำคืนนี้ชุ่มช่ำอีกเช่นเคย แต่อาจจะต่างไปตรงที่วันนี้ดูตกหนักกว่าที่เป็นอีกทั้งยังมีลมที่กระโชกแรงราวกับไปโมโหใครมา ภูตะวันนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะทำงานริมหน้าต่างห้อง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองออกไปข้างนอกอย่างใช้ความคิด คิดว่าจะเอาหลักฐานออกมาด้วยวิธีไหน


ก๊อก ก๊อก ก๊อก ...
                 เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นดึงให้เขากลับมาอยู่กับปัจจุบัน ลุกขึ้นไปส่องตาแมวดูว่าใครมาเคาะห้องในเวลาใกล้จะเที่ยงคืนแบบนี้ ลูกศิษย์ตัวดียืนรออยู่หน้าห้องแบบหน้าง่วงๆ ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมา ก่อนจะเปิดประตูออก


"มาถูกได้ยังไง?" เขาถาม จำได้ว่าไม่เคยบอกเลขห้องกับพระพายว่าเขาอยู่ห้องอะไร พระพายรู้แค่ว่าอยู่ชั้นสิบเท่านั้น


"ผมก็เคาะมันทุกห้องบนชั้นนี้แหละครับ" เขาตอบเล่นๆทว่ากลับทำสีหน้าจริงจังอย่างกับพูดเรื่องจริง ทั้งที่จริงเขาแอบถามกับยามเฝ้าคอนโดมาตั้งนานแล้วต่างหาก


"บ้ารึเปล่า" ตำหนิอีกคนอย่างไม่จริงจัง พลางเบี่ยงตัวหลบเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะเดินเข้ามา เขาปิดประตูลงอีกครั้ง ก่อนเดินนำลูกศิษย์ให้มานั่งที่โซฟารับแขก


"ผมนอนไม่หลับ นอนคิดเรื่องหาหลักฐานจนปวดหัว ผมอยากให้มันได้รับกรรมเร็วๆ" พระพายพูดอย่างเหนื่อยใจ ไปห้องเวชระเบียนเท่าไหร่ก็ดูจะไม่ได้ผล ยิ่งหาเหมือนยิ่งไม่เจอ ไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทร


"เพราะเราทำกันแค่สองคนไง" พระพายมองหน้าอาจารย์ของตนอย่างต้องการคำอธิบาย


"ฝ่ายนั้นอาจจะทำกันเป็นขบวนการ ซึ่งแน่นอนว่ากำลังเขามีมากกว่าเรา เราก็ต้องหาแนวร่วมเราเหมือนกัน คุณไม่ต้องห่วงผมจัดการได้ อย่างน้อยก็ถือเป็นการไถ่โทษจากครอบครัวของผมที่ปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในโรงพยาบาล"


"ก็ได้ครับ ผมเชื่อ" คุณหมอหน้าหวานพยักหน้าเข้าใจ เพราะแววตาแสดงความจริงใจที่สะท้อนออกมาจากดวงตาคู่นั้น ก่อนที่จะเบนความสนใจไปที่หนังสือนิทานบนโต๊ะรับแขก มือบางหยิบขึ้นมาพลิกดูอย่างสนอกสนใจด้วยหน้าปกสีฟ้าขาวและชื่อเรื่อง


"เจ้าชายลมหนาว" เขาพูดชื่อเรื่องพลางหันไปหาเจ้าของเป็นเชิงถามว่าอาจารย์หมออ่านนิทานด้วยหรือและเหมือนว่าภูตะวันจะรู้ว่ากำลังถูกถามจึงตอบออกไปว่าเด็กๆให้มาเป็นของขวัญที่รักษาจนหายดี


"ตามสบายนะ ผมจะอ่านหนังสือ" คนตัวสูงบอกก่อนจะลุกไปยังมุมโต๊ะทำงานที่อยู่ไม่ไกล พระพายนั่งลงบนพื้นพรม เปิดหนังสือนิทานอ่านอย่างสนใจ


               ในขณะที่อ่านนิทานเจ้าชายลมหนาว พระพายเผลอยิ้มออกมาตลอดเวลา ด้วยเนื้อหาที่น่ารักและภาพประกอบที่น่าดู ถึงแม้ว่าความง่วงจะเข้าครอบงำจนทำให้เผลอหลับในไปบ้างแต่ก็ยังฝืนเพื่อให้รู้จุดจบของเจ้าชายลมหนาว จนถึงหน้าสุดท้ายที่ยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนจะฟุบหลับคาโต๊ะไป

                เวลาผ่านไปได้สักพัก เสียงเปิดกระดาษหนังสือเงียบไป ภูตะวันจึงได้ชะเง้อคอมองว่าลูกศิษย์ยังอยู่หรือเปล่าหรืออาจจะกลับไปแล้ว เป็นเพราะพระพายนั่งที่พื้นทำให้โซฟาบังจนเขามองไม่เห็น เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินไปยังโซฟาหน้าทีวี ก่อนจะหัวเราะหึเมื่อเห็นว่าพระพายฟุบหลับคาหนังสือนิทานที่เปิดอยู่หน้าสุดท้ายไปแล้ว
                ขายาวค่อยๆก้าวเข้าไปหาเงียบๆ เพื่อไม่ให้รบกวนคนที่กำลังฝันดี ทิ้งตัวนั่งลงที่พื้นข้างๆกัน คลี่ยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าหวานหลับราวกับเด็กน้อย นิ้วเรียวจับเส้นผมที่ปรกหน้าของลูกศิษย์ออกเบาๆ ก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังลืมตาขึ้นมาช้าๆ


"อาจารย์จะไม่แช่แข็งหัวใจตัวเองเพื่อไม่ให้รักใครเหมือนเจ้าชายลมหนาวใช่ไหมครับ?" พระพายถามช้าๆ ใบหน้าด้านขวายังคงฟุบอยู่กับโต๊ะ คนถูกถามยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะลูบเส้นผมนุ่มเบาๆอีกครั้ง


"ผมไม่ใช่เจ้าชายลมหนาว คุณก็ไม่ใช่หญิงสาวในนิทานที่ตายเพราะความหนาวเหมือนกัน"


"แต่อาจารย์หมอเป็นเจ้าชายเย็นชา" พระพายระบายยิ้มน้อยๆ ถึงแม้จะง่วงงุนเพียงใด ก็อยากจะคุยกับอาจารย์หมอที่ตนรู้สึกดี
ด้วยเสียก่อน คนถูกกล่าวหาหัวเราะเบาๆแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป


"ผมชอบฤดูหนาวเหมือนหญิงสาวในนิทาน"


"แต่คุณจะไม่ตายเหมือนในนิทาน" เพราะเจ้าชายเย็นชาเป็นหมอไม่ทำให้ใครตาย ทั้งสองคนยิ้มให้กันด้วยความรู้สึกที่แปลกไป คล้ายกับว่าสิ่งที่สับสน คอยปั่นป่วนก่อกวนอยู่ในหัวใจมันหายไป กลายเป็นคำตอบที่ต่างคนต่างรู้อย่างชัดเจนว่าคืออะไร เพียงแต่ยังไม่พูดกันไปตรงๆเท่านั้นเอง


                   
***************



Talk : ไร้แก่นสารมากตอนนี้ สาระอยู่ไหน 55555
เขารู้หัวใจตัวเองกันแล้วนะคะ รอวันสารภาพ ใครสารภาพก่อนแพ้ อิอิ พบกันตอนหน้าที่เริ่มเข้มข้นขึ้นแล้ว มาดูกันว่าฝั่งคนร้ายจะเคลื่อนไหวยังไง

ขอบคุณทุกคอมเมนท์เช่นเคยค่ะ :)
ขอบคุณนิทานเรื่องเจ้าชายลมหนาวด้วยค่ะ
เป็นนิยายฝันดี บังเอิญเราเคยอ่านเจอในกระทู้นึงในเน็ต
คิดว่าใช่หมอซันเลย 555555 ยังไงลองไปหาอ่านกันดูนะคะ

ปล.มีตัวละครใหม่เข้ามาคือ บอส เพื่อนสมัยมัธยมปลาย
มาดูกันว่าบอสอยู่ฝั่งคนร้ายหรือคนดี จริงๆเรื่องนี้ไม่มีปมอะไรซับซ้อนค่ะ
เราแต่งซับซ้อนไม่เป็น เรื่องแรกก็เอาเบาๆไปก่อน ไม่ต้องคิดอะไรเยอะค่ะ55555555
               
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 11 (10-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 10-07-2015 11:35:13
โรคหีวใจหมอซันต้องให้พายเริ่มขึ้นเท่านั้น
 หมอพายรู้จักห้องหมอซัน ต่อไปคงได้ใช้บริการบ่อย(เข้าปรึกษางาน)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 11 (10-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 10-07-2015 11:40:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 11 (10-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 10-07-2015 12:08:50
บอสเหมือนเป็นตัวกระตุ้นปฏิกิริยา เข้ามากระตุ้นความรู้สึกของหมอพายและหมอซัน
เค้่ารู้ใจตัวเองกันแน่แท้แล้วววววว อร้ายยยยยย ชอบซีนมองตากันจัง งื้อออออออ อยากให้พระพายสารภ่พก่อน เอ้ะ รึหมอซันดี เอาไงดี 555555555
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 11 (10-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 10-07-2015 18:22:43
หมอบีน่ารักอ้ะ ชอบๆๆๆ

พระพายมาอ่อยซันถึงห้องเลย 55555

จะใจแข็งไปได้นานสักแค่ไหนกัน
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 11 (10-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 10-07-2015 19:39:03
เขากำลังจีบกันใช่ไหม....อิอิ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 11 (10-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 10-07-2015 19:40:38
 :mew1: :mew1: ใจตรงกันแล้ว
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 11 (10-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 10-07-2015 20:22:39
กรี๊ดดดด รักหมอบี เธอช่างเลอค่าาาาาาาาาาาา มุกหมอๆ ช่างน่ารัก
ฟินละมุนๆ รักเลยค่าาาาา
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 11 (10-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 12-07-2015 12:15:31
รอตอนต่อไปฮับบ  :katai5:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 11 (10-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar ที่ 13-07-2015 19:16:01
ง่อววววว อ่านตอนนี้แล้วเขิลลลจุง ค่อยๆรักกันเบาเบา

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 11 (10-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-07-2015 00:08:33
หมอซันสารภาพรักเร็ว ๆ หน่อย ระวังคนอื่นจะแซงนะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 11 (10-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 14-07-2015 14:23:20
บอกตรงเลยว่าเพิ่งเห็นเรื่องนี้ สะดุดตรงชื่อเริ่องเลยเข้ามาอ่าน
พอได้อ่านตอนแรก ก็ไม่ผิดหวังเลย ชอบเนื้อเรื่องมาก
เหมือนเป็นนิยายในฝันเราเลยอ่ะ คืออยากอ่านแนวนี้มานานแล้ว
โดยส่วนตัวเรา ชอบอ่านการ์ตูน ดูหนังที่เกี่ยนกับแพทย์มาก
เพราะมันน่าตื่นเต้นดี
พอมาเจอนิยายแนวนี้ยิ่งชอบเลย  o13 
เนื้อเรื่องดำเนินไปแบบค่อยเป็นค่อยไป หมอพายน่ารักมาก
น่าสงสารที่น้องต้องมาเจออะไรแบบนี้แต่ก็โชคดีที่มาเจอหมอซัน
หมอซันดูเย็นชา แต่กับน้องพายหมอดูอบอุ่น (รู้สึกอิจฉาน้อง) :-[

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ  แล้วจะคอยติดตามตอนต่อๆไปค่า
 :impress2:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 11 (10-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 15-07-2015 12:17:33
 :o8: :-[ :o8: :-[
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 11 (10-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 15-07-2015 12:57:59
สนุกมากค่ะ
เราอ่านรวดเดียวเลย ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆนะคะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 15-07-2015 23:08:49
-12-

             
                  ร่างสูงใหญ่ของนายแพทย์หนุ่มเดินตรงมายังห้องทำงานของผู้อำนวยการของโรงพยาบาลหลังจากตรวจผู้ป่วย OPD ในช่วงเช้าเสร็จ


"อากำลังรอซันอยู่เลย" ณิชชาอรเอ่ยทักด้วยสีหน้าวิตกกังวล ด้วยล่วงรู้มาจากปากสามีว่าภูตะวันเข้าพบและพูดคุยถึงเรื่องไม่ดีในโรงพยาบาล เธอเองเมื่อได้ฟังก็เกิดความไม่สบายใจ จึงได้เรียกหลานชายรวมถึงสามีให้มาพบพร้อมหน้ากันในวันนี้


"สวัสดีครับ" เขาพุ่มมือไหว้ผู้อาวุโสกว่า ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้โซฟาตัวที่เหลือ


"ซันไปรู้เรื่องอะไรมา ... อาสองคนทำหน้าที่บริหารเป็นอย่างนี้อาไม่สบายใจ"


"บอกมาเถอะ จะได้ช่วยกันแก้ไข" ภูตะวันทำสีหน้าลำบากใจไม่น้อย ทั้งสองจะรู้สึกอย่างไรหากรู้ว่าผู้ร้ายที่ทำเรื่องไม่ดีในโรงพยาบาลเป็นคนใกล้ชิดที่ไว้เนื้อเชื่อใจเคารพนับถือกันอย่างญาติผู้ใหญ่มาโดยตลอด


"ซัน" ณิชชาอรร้องขอหลานชายด้วยแววตาสั่นระริก


ภูตะวันครุ่นคิด ถึงยังไงเขาคงไม่อาจนิ่งเฉยใจเย็นกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวศิษย์หน้าหวานได้นานนัก ยิ่งเห็นว่าคนทำผิดยังคงลอยนวลและอยู่อย่างสุขสบายยิ่งปล่อยไว้ไม่ได้ อีกทั้งสีหน้ากังวลใจอย่างหนักของอาทั้งสองที่เขารัก เขาคงเก็บไว้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว ...


"ผมคิดว่ามีการซื้อขายอวัยวะกันในโรงพยาบาลของเรา"


"จริงเหรอ!? ฉันอยากจะบ้าตาย" เธอสบถออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อนักว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น โดยที่เธอไม่ระแคะระคายมาก่อนเลย


"แน่ใจรึเปล่าซัน?" ถึงแม้จะโกรธเมื่อได้ยิน แต่ประสิทธิ์ก็อยากจะแน่ใจเสียก่อนว่าเรื่องที่หลานชายบอกมาไม่ได้เป็นเพียงแค่ความคิดลอยๆหรือข่าวที่ลือกันมา


"อาจำพระพายลูกศิษย์ของผมได้ไหมครับ?"


"จำได้สิ อาเป็นคนส่งเขาไปอยู่แผนกของซัน" เธอตอบพลันนึกถึงใบหน้าหวานของคุณหมอที่เธอได้เห็นผ่านรูปแต่ก็ยังจำได้ดี เขาพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มเล่าสิ่งที่พระพายและครอบครัวได้เจอเมื่อหลายสิบปีก่อนให้อาทั้งสองได้ฟัง


"หมอโจเนี่ยนะ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ... เราจะแน่ใจได้ยังไงว่าลูกศิษย์ซันไม่ได้โกหก"


"แล้วเขาจะโกหกเพื่ออะไรล่ะ"


"ใช่ครับ ผมไม่ได้คิดว่าเขาโกหก แต่ผมก็ต้องการหลักฐานการรักษาของหมอโจทั้งหมดเพื่อยืนยันว่าลูกศิษย์ของผมพูดเป็นเรื่องจริง"


               ทั้งสามคนมีสีหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างกัน ใจหนึ่งก็ไม่ได้คิดว่านายแพทย์หนุ่มหน้าหวานคนนั้นจะพูดโกหกในเมื่อไม่มีเหตุผลมาลบล้างกันได้ ส่วนจะปักใจเชื่อว่านายแพทย์รุ่นใหญ่อย่างพฤติพงศ์จะทำเรื่องเลวๆแบบนั้นก็ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดนอกจากคำพูดลอยๆของแพทย์อายุน้อย


"อาสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง ถ้าหมอโจเขาทำจริง ทำไมพวกเราถึงไม่เคยระแคะระคาย ทั้งที่การจะรักษาผู้ป่วยหรือการผ่าตัดมันต้องผ่านกระบวนการหลายอย่าง"


"อันนี้ผมไม่แน่ใจ แต่เขาอาจจะทำอะไรสักอย่างกับผู้ป่วยให้อาการหนัก จนต้องนำเข้าห้องผ่าตัดด่วนและให้ญาติเซ็นยินยอม สุดท้ายก็เสียชีวิตลงหลังจากที่ได้อวัยวะไปแล้ว" ภูตะวันอธิบายในสิ่งที่ตัวเองคะเนเอาไว้


"แต่ในกรณีของหมอพระพายคือมีการปลอมแปลงเอกสารการบริจาคอวัยวะด้วย หากคนที่ไม่รู้มันคือการได้อวัยวะไปอย่างถูกต้อง ทั้งที่จริงแล้วเป็นเอกสารปลอม ถ้ามันคือเรื่องจริง เขาทำได้ยังไง ..." ณิชชาอรถอนหายใจ เธอไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้เลยจริงๆ


"ซันเคยบอกกับอาว่าอยากได้พวกเวชระเบียน ประวัติการรักษาทั้งหมดใช่ไหม?" ประสิทธิ์นึกได้ถึงเรื่องที่เคยคุยกับหลานชายเอาไว้ เขายังไม่ปักใจเชื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดนัก จึงอยากจะพิสูจน์ความจริง


"ครับ ผมอยากได้เวชระเบียน ประวัติการรักษาผู้ป่วยที่หมอโจเขารับผิดชอบเท่าที่จะหาได้" นายแพทย์หนุ่มบอกสิ่งที่ตัวเองต้องการ เพื่อหาประวัติของผู้ป่วยที่เสียชีวิตไปแล้ว หากได้มันมาทุกอย่างก็จะดูง่ายขึ้น


          ณิชชาอรพูดถึงระบบงานเวชระเบียนของโรงพยาบาลว่าที่นี่เก็บเวชระเบียนไว้ทั้งแบบเก่าและแบบใหม่ บางส่วนเมื่อครบ 5 ปีก็ถูกทำลาย บางส่วนก็ยังมีเก็บไว้เผื่ออีก 5 ปี และเธอคิดว่าเวชระเบียนของพ่อพระพายคงจะถูกทำลายไปแล้ว แต่หากว่าเป็นช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา ก็จะเป็นเวชระเบียนระบบอิเล็คทรอนิกส์ซึ่งไม่เคยทำลายทิ้ง


"ผมจะเอาเท่าที่ผมหาได้แล้วกันครับ" ภูตะวันพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แววตามุ่งมั่นสะท้อนออกมาผู้ใหญ่ทั้งสองเห็นจนชินตาเมื่อหลานชายคิดจะลงมือทำอะไรสักอย่าง


"อาจะให้นักโปรแกรมของโรงพยาบาลช่วยเราหาอีกแรง" ประสิทธิ์พูดเสริม


"แต่ขอให้เก็บเป็นความลับนะครับ ผมไม่อยากให้เขารู้ตัวว่าเรากำลังทำอะไร"


สามคนของตระกูลวิวรรธน์ภคไพบูลย์ ต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดกับหัวข้อสนทนาที่เพิ่งจะจบลง ภูตะวันยกข้อมือดูนาฬิกาเห็นว่า
ใกล้จะได้เวลาพักเที่ยงแล้ว จึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเตรียมลาผู้ใหญ่ที่ตนเคารพเพื่อให้เวลาส่วนตัวกับทั้งสอง


"ซัน" ณิชชาอรรั้งหลานชายเอาไว้ก่อนที่คนตัวสูงจะเดินออกจากห้องทำงานของตนไป


"ครับ?"


"วันหลังพาคุณหมอพระพายมาทานข้าวกับอานะ อาอยากคุยกับเขา" เธออยากจะรู้จักนายแพทย์คนนี้ให้มากขึ้นว่าเป็นคนอย่างไร หากเป็นเรื่องจริงเธอและสามีก็อยากจะเป็นตัวแทนของวิวรรธน์ภคไพบูลย์ขอโทษกับการบริหารดูแลที่นี่ไม่ดีพอ ภูตะวันแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเปิดประตูและเดินออกจากห้องไป ...


นิ้วเรียวสไลด์หน้าจอสมาร์ทโฟนหารายชื่อใครบางคนที่ต้องการก่อนจะกดต่อสายทันทีระหว่างที่เดินกลับแผนก


(ครับ) ปลายสายตอบรับเสียงเบากว่าปกติ จนทำให้ภูตะวันขมวดคิ้วอย่างสงสัย


"อยู่ไหน?"


(ห้องเก็บเวชระเบียนครับ อาจารย์มีอะไรรึเปล่า?)


"มันใช่ที่ที่คุณจะเข้าไปได้บ่อยๆไหมพระพาย" เขาตำหนิ เพราะเห็นว่าพระพายเข้าไปที่ห้องนี้บ่อยเกินไป เกรงว่าจะมีคนสงสัยและถูกจับตามอง


(อีกสักพักก็จะออกไปแล้วครับ สวัสดีครับ) พระพายกดตัดสายเขาทิ้งทันทีหลังพูดจบ


"ตัวแสบ" เขากัดฟันเข่นเขี้ยวคนเดียวกับความดื้อรั้นของอีกฝ่ายที่เพิ่งอยู่ในสายเมื่อครู่ กลอกตาไปมาก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายจากห้องทำงานของพระพายและกลุ่มเพื่อนที่อยู่ในแผนกไปยังห้องเก็บเวชระเบียนแทน



                เนื่องจากเป็นเวลาใกล้พักเที่ยงพอดี เจ้าหน้าที่ฝ่ายห้องเก็บเวชระเบียนจึงบางตา ที่มีอยู่ก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะเข้าจะออกภูตะวันจึงเดินเข้าไปอย่างปกติ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกวาดมองหาลูกศิษย์ว่าอยู่ส่วนไหนในห้องกว้างที่เงียบสงัดเช่นนี้

ตึก ตึก ตึก
                เสียงส้นรองเท้าดังก้องห้องเก็บเวชระเบียนอันแสนเงียบ พระพายลดสมาร์ทโฟนในมือลงกระเป๋าเสื้อกาวน์สีขาวสะอาด เขาโผล่ศีรษะออกจากตู้ไม้เพื่อดูว่าใครคือที่มาของเสียง สอดส่ายสายตามองไปทั่วบริเวณที่ควรจะเห็น ทว่ากลับไม่พบอะไรและเสียงฝีเท้าที่ดังเมื่อครู่ก็เงียบลงไปแล้ว ถอยหลังมาหนึ่งก้าวด้วยหัวใจเต้นระรัว ก่อนจะสะดุ้งเมื่อรู้สึกหนักที่บ่าข้างซ้าย ครั้นจะส่งเสียงมือหยาบกร้านก็ปิดปากเขาทันที ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่กระทำการอุกอาจเช่นนี้เป็นใคร


"ผมเอง" อาจารย์หนุ่มมองอีกฝ่ายหน้าเครียด ไม่ได้อยากแกล้ง หากแต่กลัวลูกศิษย์จะตกใจและอาจจะแหกปากร้องตะโกนได้


"ผมตกใจนะครับ หัวใจจะวาย" มือบางทุบหน้าอกตัวเองราวกับจะบอกให้ก้อนเนื้อข้างในเต้นช้าลงกว่านี้เสียหน่อย ภูตะวันหัวเราะกับสีหน้าและท่าทางที่ดูน่ารักของอีกฝ่าย ก่อนจะพิงไหล่กับตู้ไม้เนื้อดี


"ได้หลักฐานอะไรบ้างล่ะ" ถามประชดประชันเพราะเห็นว่าแพทย์หน้าหวานเข้ามาบ่อยเหลือเกิน แต่กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายแสยะยิ้มอย่างคนเหนือกว่าจนเขาเองแปลกใจ


"ระดับพระพายไม่พลาดหรอกครับ" แกว่งสมาร์ทโฟนที่เพิ่งจะเก็บลงไปตรงหน้าร่างสูงของอาจารย์หมอด้วยรอยยิ้มอย่างผู้ชนะ แต่ยังไม่ทันที่ภูตะวันจะได้พูดอะไรก็มีเสียงฝีเท้าของใครบางคนดังก้องไปทั่วห้องกว้าง ทั้งสองคนหันมาสบตากันก่อนที่อาจารย์หมอจะเป็นฝ่ายแอบมองผ่านช่องว่างของตู้ไม้ว่าใครที่เข้ามา


"... หมอโจ" ภูตะวันพูดเสียงเรียบ ทว่าลูกศิษย์กับมีสีหน้าเครียดลงและหัวใจสูบฉีดขึ้นทันที เขากำสมาร์ทโฟนในมือไว้แน่น มือหนาที่หยาบกร้านเพราะผ่านการผ่าตัดมาอย่างหนักคว้ามืออีกฝ่ายมาจับไว้ก่อนจะดึงให้ลดตัวลงนั่งกับพื้นเย็นเฉียบ


"ทำไงดีครับ?" พระพายถามเสียงเครียด กลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าเขาเข้ามาในนี้เพราะหาหลักฐานมัดตัว ถ้าเป็นเช่นนั้นทุกอย่างที่กำลังทำก็คงจะล้มเหลวไม่เป็นท่า ซึ่งนั่นเขายอมไม่ได้


"ชู่วววว์" ส่งสัญญาณให้ลูกศิษย์เงียบเพื่อฟังเสียงฝีเท้าว่าดังอยู่บริเวณใด ด้วยเสียงที่ดังไม่พร้อมกันก็คาดว่าคงไม่ได้เข้ามาคนเดียวแน่


'วันนี้เด็กนั่นมันเข้ามารึเปล่า'


'ยังไม่เห็นนะครับ'


ทั้งสองเงี่ยหูฟังบทสนทนาของคนที่เข้ามาใหม่ พระพายค่อนข้างมั่นใจว่าหมายถึงตนแน่ๆ ตอนที่เขาเข้ามา นายนั่นฟุบหลับคาโต๊ะไปแล้วทางก็เลยสะดวก เพราะคนอื่นดูจะไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก


'จับตาดูมันต่อไป มีอะไรก็รีบรายงาน'


'ครับ'


เสียงเดินดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนอาจารย์และศิษย์เริ่มใจหาย มือที่จับกันไว้บีบเข้าหากันแน่นอย่างวิตกกังวลเกรงว่าจะถูกจับได้และจะทำให้อะไรๆมันยากขึ้น


'ฉันว่ามันไม่ใช่แค่เรสสิเดนท์ธรรมดาๆแน่'


พระพายลอบกลืนน้ำลาย ขยับตัวเข้าหาร่างหนาอย่างต้องการที่พึ่งพิง ถึงภายนอกเขาเองจะดูเข้มแข็งไม่ยอมคนเพียงใด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เกรงกลัวต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตน หากยังเอาความยุติธรรมกลับคืนมาให้ครอบครัวไม่ได้ เขาก็ยังเป็นอะไรไม่ได้เช่นเดียวกัน ...


"เงียบไปแล้ว" ศิษย์หน้าหวานพึมพำเบาๆ ภูตะวันจึงชะโงกดูว่ายังอยู่หรือไม่ เมื่อคิดว่าคงจะออกไปกันแล้วถึงได้พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ


"ทีหลังไม่ต้องเข้ามาแล้วนะ" เขาดุ ยกมือข้างที่ยังจับมืออีกฝ่ายขึ้นชี้หน้า เหมือนว่าอาจารย์และลูกศิษย์จะลืมไปว่ากำลังจับมือกันอยู่โดยไม่มีใครคิดปล่อย


"ก็ได้ครับ แต่ผมก็ได้คนไข้ที่เคยรักษากับไอ้หมอคนนั้นแล้วเสียชีวิตมาหนึ่งคน หาจนตาลาย เดี๋ยวยังไงผมจะปริ๊นท์ออกมาแล้วให้อาจารย์ดูนะครับ"


"ได้แล้วก็พอ อย่าเข้ามาอีก" พระพายพยักหน้าอย่างจำยอม ยังไงเขาก็เชื่อว่าอาจารย์หมอจะจัดการอย่างที่พูดเอาไว้ได้ จากนี้เขาคงได้แต่รอที่จะจัดการขั้นต่อไป ภูตะวันลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มือที่ยังไม่ปล่อยออกจากกันทำให้กลายเป็นว่ากระชากอีกฝ่ายเซตามแรงไปเล็กน้อย


"ลุก ผมหิวข้าวแล้ว" เลิกคิ้วสูงเป็นเชิงเร่งอีกฝ่าย พระพายมองด้วยสีหน้างุนงงแต่ก็ยอมลุกขึ้นตามแต่โดยดี ก่อนที่อาจารย์หนุ่มหล่อจะเป็นฝ่ายปล่อยมือออกไปก่อน



               เสียงทุบโต๊ะดังลั่นห้องควบคุมกล้องวงจรปิดห้องหนึ่ง โรงพยาบาลวิวรรธน์เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่จึงมีห้องควบคุมวงจรปิดอยู่หลายห้องเพื่อประสิทธิภาพของตัวผู้ควบคุมเอง หากมองอะไรที่เป็นมุมกว้างไปนานๆจะทำให้อ่อนล้าและประสิทธิภาพลดลง จึงเป็นเหตุให้ต้องมีห้องควบคุมจำนวนหลายห้อง


                นายแพทย์พฤติพงศ์ใช้เงินซื้อพนักงานควบคุมห้องกล้องวงจรปิดห้องนี้อย่างไม่รู้สึกผิด เพราะห้องนี้มีมุมกล้องตัวสำคัญ ห้องทำงานของเขาและห้องเก็บเวชระเบียน ...


"ฉันจ่ายเงินให้พวกแกมากกว่าที่เจ้าของโรงพยาบาลมันให้ แต่แกกลับปล่อยปละละเลย ให้มันเข้าไปโดนไม่รายงาน!" นายแพทย์สูงวัยตวาดเสียงดัง สายตาคมกริบภายใต้แว่นสายตามองพนักงานชายสองคนอย่างไม่พอใจอย่างมาก


"ผมลงไปซื้อข้าวครับ"


"ห้องควบคุมมีพนักงานห้องละสองคนไว้ทำอะไร?"


"... ผมเห็นว่าเป็นเวลาพักเที่ยง ไม่คิดว่าจะมีใครเข้า ก็เลยออกไปเข้าห้องน้ำครับ" เขาก้มหน้าพูดอย่างเกรงกลัวอำนาจของอีกฝ่าย หากทำอะไรผิดเขาอาจจะเป็นฝ่ายนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดแทนผู้ป่วยรายอื่น


พฤติพงศ์นวดสันจมูกตัวเองอย่างเคร่งเครียด หลังจากได้รับโทรศัพท์ที่รายงานว่าอาจารย์หมอและลูกศิษย์แผนกหัวใจนั้นออกมาจากห้องเก็บเวชระเบียนคล้อยหลังเขาไม่นาน จึงรีบขึ้นมาห้องควบคุมเพื่อดูวงจรปิดทันที มั่นใจว่าสองคนนั้นต้องได้ยินสิ่งที่เขาพูดแน่และไม่รู้ว่าได้อะไรจากห้องนั้นไปหรือเปล่า ...


"ทางโรงพยาบาลติดประกาศว่าคืนนี้จะปรับปรุงระบบกล้องวงจรปิด พวกแกก็กลับไปพักผ่อนซะ เสร็จแล้วก็รีบกลับมาทำงาน อย่าปล่อยให้มันขาดสายตาอีก"


"ครับ" พนักงานสองคนตอบรับอย่างแข็งขัน รู้สึกโล่งใจไม่น้อยที่ไม่โดนทำโทษอะไรนอกจากการตวาดเสียงดัง พฤติพงศ์เดินออกจากห้องควบคุมสีหน้าเครียดไม่น้อย ฝ่ายนั้นต้องสงสัยอะไรบางอย่างในตัวเขาแน่




             บนโต๊ะอาหารของเหล่าเรสสิเดนท์ในวันนี้ ดูบรรยากาศจะอึมครึมแปลกไปจากทุกวัน เมื่ออาจารย์แพทย์หนุ่มหล่อที่ได้ชื่อว่าแสนเย็นชามานั่งร่วมโต๊ะด้วย จะมีก็แต่เรสสิเดนท์แผนกกุมารฯที่ไม่ได้ทุกข์ร้อนกับความเงียบอันน่าอึดอัดบนโต๊ะสักนิด


"ทุกคนรู้ไหมครับว่าเมื่อก่อนพายตัวเล็กมาก ถึงตอนนี้จะตัวโตกว่าเดิม แต่ก็ยังตัวเล็กสำหรับผมอยู่ดี" นายแพทย์หนุ่มต่างแผนกหัวเราะตาหยี โดยที่อนุวัฒน์และแพรดาวได้แต่ยิ้มเล็กน้อยเป็นมารยาทในการเป็นผู้รับฟังที่ดีและไม่อยากจะพูดรบกวนการทานอาหารของอาจารย์หมอ


"เราสูงตั้งร้อยเจ็ดสิบกว่า มาตรฐานชายไทยตัวเล็กตรงไหน" พระพายเถียงเสียงขึ้นจมูก ไม่ชอบใจนิดหน่อยที่ใครก็หาว่าเขาตัวเล็ก ทั้งที่เขาก็สมส่วนทุกอย่างตามมาตรฐาน


"แต่เราสูงร้อยแปดสิบ" บอสพูดอย่างผู้ชนะ ชอบเวลาที่ได้เห็นเพื่อนหน้าหวานคนนี้ทำหน้าเหมือนถูกขัดใจเหมือนผู้ป่วยเด็กในแผนกของตน เพราะมันดูน่ารัก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นบ่อยนักก็ตาม


สายตาคมกริบของอาจารย์แพทย์เพียงคนเดียวในโต๊ะช้อนมองทั้งสองคนสลับกันด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขากินข้าวไปเงียบๆราวกับไม่ได้สนใจบทสนทนาที่ส่วนใหญ่จะพูดถึงพระพายจากเรสสิเดนท์ต่างแผนก ทว่ากลับรู้สึกหงุดหงิดและไม่พอใจ ผู้ชายคนนี้มองพระพายไม่ต่างจากที่เขามองและศิษย์ตัวดีก็ดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องอะไร


"อิ่มแล้วเหรอครับ?" พระพายถามอาจารย์ของตนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดื่มน้ำและรวบช้อนส้อมแล้ว


"อืม ขอตัว" เขาลุกพร้อมกับยกจานข้าวเพื่อจะเอาไปเก็บแต่ลูกศิษย์หน้าหวานกับคว้าจานเอาไว้เสียก่อนพร้อมกับเอ่ยปากว่าจะเป็นฝ่ายเอาไปเก็บให้


"ฝากด้วยแล้วกัน" ภูตะวันจึงตอบเสียงเรียบและปลีกตัวออกมาโดยที่มีสายตาของเรสสิเดนท์หนุ่มต่างแผนกมองตามจนลับตา



            คนตัวสูงถอดเสื้อกาวน์วางพาดกับม้านั่งตัวเดิม ปลดกระดุมเสื้อที่ข้อมือและสาบเสื้อเผยแผงอกหนาได้รูป ก่อนจะคว้าลูกบาสสีส้มสดจากตะกร้าใส่ที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะเล็งเป้าหมายและชู้ตมันทันที เสียงลูกบาสกระทบแป้นดังก้อง หากแต่ไม่มีครั้งไหนที่ลูกกลมๆจะลงห่วง ร่างหนาของอาจารย์หมอเซไปเพราะแรงกระแทกจากทางด้านหลังและแย่งลูกบาสจากมือเขาไปชู้ตเข้าห่วงต่อหน้าต่อตา


"เล่นบาสก็ต้องมีสมาธิสิครับอาจารย์" คนมาใหม่พูดพร้อมรอยยิ้มมุมปากก่อนจะเดาะลูกบาสกระทบพื้นและยกขึ้นมาชู้ตลงห่วงอีกครั้งโดยที่ลูกบาสไม่โดนแป้นแม้แต่น้อย ภูตะวันหลับตาพลางใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอย่างสงบสติอารมณ์


"อยากเล่นก็ต้องแย่งนะครับ" นายแพทย์หนุ่มเพื่อนเก่าของลูกศิษย์ยิ้มมุมปากเป็นเชิงท้าทายก่อนจะวิ่งเดาะลูกบาสไปทั่วสนามรอให้เขาไปแย่งอย่างที่พูด ภูตะวันหัวเราะหึ ตามประกบตัวบอสไม่ห่างเพื่อจะแย่งลูกบาสที่ควรจะเป็นของเขาคืน


"มันเป็นของฉันมาตั้งแต่แรก ฉันไม่ควรจะให้นายถือไว้นาน" พูดจบก็คว้าลูกบาสจากอีกฝ่าย วิ่งไปชู้ตลงห่วงโดยที่ไม่กระทบแป้นไปอย่างสวยงาม บอสกลอกตาไปมาเข้าใจความหมายดีว่าอาจารย์หมอของเพื่อนคงไม่ได้หมายถึงลูกบาสจริงๆ  แค่มองก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรกับเพื่อนของเขา คิดเหมือนที่เขาคิด ...


"จริงๆมันอยู่กับผมมาก่อนน่ะครับ ผมถึงต้องมาทวงคืน" เขาพูดและประกบแย่งลูกบาสจากอีกฝ่ายมาชู้ต แต่ครั้งนี้กลับไม่ลงห่วง ลูกบาสกระทบแป้นอย่างแรง จนกระเด็นออก ทำให้ภูตะวันได้โอกาสคว้าลูกบาสมาไว้ ใช้ไหล่กระแทกอีกฝ่ายที่จะเข้ามาแย่งจนล้มไปกับพื้นสนามก่อนจะชู้ตลงห่วงไปอย่างสวยงามอีกครั้ง


"บอกแล้วไงว่ามันเป็นของฉันมาตั้งแต่แรกและจะเป็นตลอดไป ... จบเกมส์" อาจารย์หมอชูลูกบาสที่อยู่ในมือ ยิ้มหยันอย่างผู้ชนะ ก่อนจะเดินไปฉวยเสื้อกาวน์แล้วเดินจากไป


"โธ่เว้ย!!" บอสสบถ ทุบกำปั้นลงบนพื้นสนาม กัดกรามแน่นด้วยความไม่พอใจ ยังไงเขาก็ไม่จบเกมส์อย่างที่อาจารย์พูดแน่ๆ

               
(reply ถัดไปค่ะ)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 11 (10-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 15-07-2015 23:11:42
(ต่อค่ะ)

                 พระพายเดินก้มหน้าอ่านเอกสารคนไข้ที่ได้จากพยาบาลกลับมาที่แผนก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกเหมือนใครยืนอยู่ตรงหน้า เขาใช้สายตาสำรวจอีกฝ่ายที่ได้ถอดเสื้อกาวน์ออกไปแล้วและที่บ่าข้างซ้ายก็มีกระเป๋าสะพายอยู่


"อาจารย์จะกลับแล้วเหรอครับ?"


"อืม มีเดท" ภูตะวันตอบประชดอีกฝ่าย ด้วยอารมณ์ยังคุกรุ่นจากเมื่อตอนบ่าย อยากจะดูท่าทีของคนตัวเล็กกว่าเสียหน่อยว่าจะเป็นอย่างไรหากรู้ว่าเขามีเดท


"อ่อครับ สวัสดีครับ" นายแพทย์หนุ่มหน้าตึงไปเล็กน้อย นอกจากอีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่รู้สึกอะไรแล้วยังยกมือไหว้เขาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว จึงถอนหายใจอย่างเซ็งๆและรีบเปลี่ยนเรื่อง


"อยู่เวรก็อย่าแอบหลับล่ะ"


"คร้าบบบ~" พระพายแสร้งยิ้มตาปิดเพื่อกวนอีกฝ่าย มองคนตัวสูงเดินจากไปจนลับตา ก่อนตัวเองจะถอนหายใจและเดินคอตกกลับแผนก ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไร อยากรู้ว่าไปเดทกับใคร แต่จะใช้สิทธิ์อะไรในการถาม ...


             
                  ช่วงกลางคืนของโรงพยาบาลวิวรรธน์ แผนกที่พระพายประจำอยู่ไม่ใช่แผนกฉุกเฉินจึงไม่วุ่นอะไรมากนัก อย่างมากก็เดินไปเดินมาระหว่างวอร์ดผู้ป่วยในและห้องทำงานในแผนกเท่านั้น พระพายจึงใช้เวลาว่างในตอนนี้ปริ๊นท์เวชระเบียนของผู้ป่วยที่แอบถ่ายมาจากห้องเก็บเวชระเบียนเมื่อตอนพักเที่ยง เมื่อได้เป็นแผ่นออกมาแล้วจึงใช้แม็คเย็บเอกสารสองใบติดกัน ก่อนจะนั่งอ่านคนเดียวเงียบๆ


"เสียชีวิตเพราะมะเร็งระบบทางเดินอาหาร" เขาพึมพำตามที่ได้อ่านเบาๆ คิ้วเรียวเข้มขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด หากเป็นมะเร็งจริงเท่ากับว่าอวัยวะภายในเริ่มใช้งานไม่ได้แล้ว ฉะนั้นการจะเสียชีวิตเพราะการขโมยอวัยวะไปก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ พระพายถอนหายใจ เก็บเอกสารใส่ซองสีน้ำตาลอย่างดี เอาไว้ให้อาจารย์ของตนอ่านและวินิจฉัยอีกทีในวันพรุ่งนี้ ก่อนจะออกจากห้องและไปที่วอร์ดอีกครั้ง หากอยู่ในห้องนี้นานๆโดยที่ไม่มีอะไรทำเขาอาจจะเผลอหลับคาโต๊ะ ...



                 ภายในห้องนอนที่มีแสงสลัว ร่างของเจ้าของห้องนอนเอาแขนก่ายหน้าผาก ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองเพดานอย่างใช้ความคิด และคนในความคิดนั้นคงจะเป็นใครไม่ได้นอกจากศิษย์หน้าหวานที่ไม่รู้ว่าเข้ามาอยู่ในหัวเขาตั้งแต่เมื่อไหร่


"ตัวแสบเอ๊ย! ทำให้หัวใจผมวุ่นวายขนาดนี้ได้ยังไงกัน" ภูตะวันรำพึงกับตัวเองด้วยความรำคาญใจ ไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะต้องมารู้สึกพิเศษอะไรกับลูกศิษย์ที่เป็นผู้ชายด้วยกัน รู้ตัวอีกทีก็มีใบหน้าหวานลอยอยู่ในหัวเต็มไปหมด

ยิ่งเมื่อรู้ว่ามีใครอีกคนที่ก็คิดเหมือนๆกัน ยิ่งทำให้เขาไม่อยากจะนิ่งเฉย ในหัวใจรู้สึกร้อนระอุคุกรุ่นจนแทบอยากจะระเบิดใส่เรสสิเดนท์ไร้มารยาทคนนั้นให้แหลกเป็นจุล ภูตะวันลุกขึ้นนั่งแล้วถอนหายใจออกมายาวๆ ...




                ขาเรียวก้าวไปตามทางเดินที่ปราศจากผู้คนอย่างไม่รีบร้อน เขาไล่ความง่วงงุนด้วยการสะบัดหัวไปมา มือบางยกขึ้นปิดปากที่กำลังหาววอดๆ ตอนนี้เขาไม่ได้คิดถึงอะไรนอกจากเตียงนอนแสนนุ่มที่คอนโดตัวเอง

                 พระพายกลับมาที่ห้องทำงานในแผนกอีกครั้ง ตั้งใจว่าจะมาพักผ่อนสักครึ่งชั่วโมงก็ยังดี แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไป เขากลับพบร่างของใครบางคนที่กำลังรื้อค้นอะไรบางอย่างอยู่ในความมืด


"เห้ย! แกเป็นใคร!?" เขาตระหนกกับสิ่งที่เห็น รีบตรงเข้าไปคว้าคอร่างใหญ่ปริศนาให้หันมา ก่อนจะส่งหมัดเข้าที่แก้มด้านซ้ายของมันอย่างจังถึงแม้จะมีโม่งปิดบังใบหน้าทั้งหมดก็ตาม


"ช่วยด้วยครั..!!" นายแพทย์หนุ่มหน้าหวานส่งเสียงร้องให้คนช่วยยังไม่ทันจบประโยค ก็โดนมันใช้มือที่หยาบกร้านปิดปากไว้พร้อมกับล็อคคอเขาไว้แน่นไร้ทางหนี พระพายดิ้นรนหาทางรอดให้กับตัวเอง ก่อนจะกระทุ้งศอกเข้าที่ชายโครงของคนด้านหลังจนมันเสียหลักทำให้เขาหลุดจากพันธนาการ


"ช่วยด้วยครับ ใครอยู่แถวนี้บ้าง โอ๊ย!!" ขาเรียวจะวิ่งออกไปนอกห้องแต่ก็ถูกคนร้ายกระชากผมเสียจนต้องร้องโอดโอย
ผัวะ!! ผัวะ!!


ร่างของแพทย์หนุ่มทรุดลงไปนอนตัวงอที่พื้นห้องเย็นเฉียบเพราะถูกชกเข้าที่ท้องเต็มแรงถึงสองครั้ง จุกจนร้องไม่ออก แต่เพียงเสี้ยววินาทีชายลึกลับก็กระเด็นไปติดฝาผนังอย่างแรง


"อา .. จารย์" เสียงหวานขาดห้วงเพราะความจุกที่ยังไม่เจือจาง อยากจะช่วยอาจารย์ของตนต่อสู้กับคนร้าย ทว่าแม้แต่แรงจะขยับตัวก็แทบไม่มีเหลือ


                ภูตะวันและคนร้ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด กำปั้นหนารัวใส่หน้าอีกฝ่ายไม่ยั้งมือ ก่อนจะเสียหลักล้มลงเมื่อถูกชายลึกลับถีบเข้าเต็มแรง เขาพยายามจะลุกขึ้นอีกครั้ง ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายตรงเข้ามาคร่อมร่างเอาไว้ไม่ทันได้ตั้งตัว


"อึก!!" ชายลึกลับในชุดสีดำร้องไม่ออก เมื่อถูกอาจารย์หมอหนุ่มบีบคออย่างไม่ออมแรง ไม่ได้หมายจะเอาชีวิตเพราะอย่างไรเขาก็เป็นหมอ หากแต่จะทำให้คนด้านบนที่คร่อมร่างตนอยู่หมดแรงลงก็เท่านั้น


"แค่กๆๆ" คนร้ายไอโขลกไถลร่างลงไปนอนกับพื้น ภูตะวันได้โอกาสดึงคอเสื้อชายลึกลับให้ยืนขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะเหวี่ยงมันไปชนกับผนังอย่างแรงและตามเข้าล็อคคอเอาไว้ให้ชิดผนัง


"พระพาย ไหวไหม? โทรหา รปภ. หรือใครก็ได้" หันไปหาศิษย์หน้าหวานที่กำลังพยายามพยุงร่างตัวเองลุกขึ้นนั่ง พระพายมองหาสมาร์ทโฟนของตัวเองว่าคงจะตกอยู่ที่ไหนสักที่ในห้องนี้ระหว่างที่สู่กับคนร้าย แต่ในระหว่างนั้นเองที่ชายลึกลับหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าและแทงมันลงที่ท้องของอาจารย์หมออย่างไม่ลังเล


"อึก!!" ภูตะวันเบิกตาโพลง เขาปล่อยมือที่ล็อคคอคนร้ายเอาไว้ก่อนจะเซถอยหลังและล้มลงเพียงเวลาไม่นาน คนร้ายอาศัยจังหวะนี้วิ่งหนีออกไป


"อาจารย์ครับ!!" พระพายร้องอย่างตกใจที่เห็นคนตัวสูงนอนกุมท้องตัวเองขณะที่เลือดสดๆเริ่มไหลออกมา ทั้งที่เขาเองก็ยังไม่หายจุกแต่อาจารย์หมอก็เจ็บกว่าเขามากนัก ศิษย์หน้าหวานจึงพยุงร่างของตัวเองมาหาอาจารย์ของตนอย่างทุลักทุเล


"ผมไม่เป็นอะไร"


"อย่าเพิ่งพูดเลยครับ ผมจะตามคนมาช่วย" พระพายน้ำตาคลอ ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ต่อหน้าต่อตา ยิ่งเป็นคนใกล้ชิดเขายิ่งใจเสีย ภูตะวันหอบหายใจหนัก หลับตาลงหวังระงับความเจ็บปวด ทว่ามันกลับช่วยอะไรไม่ได้เลย



               ร่างของอาจารย์หมอถูกส่งเข้ามาที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน แพทย์เวรช่วยกันปฐมพยาบาลและวินิจฉัยว่าโดนจุดสำคัญหรือไม่ ในขณะที่พระพายก็ดูอาการอยู่ไม่ห่างและความจุกก็เริ่มบรรเทาลงบ้างแล้ว


"โชคดีนะครับที่ไม่โดนจุดสำคัญ ทำให้ไม่ต้องผ่าตัด เย็บแผลก็เรียบร้อยแล้ว แต่อาจารย์อย่าเพิ่งขยับมากนะครับ แผลอาจจะฉีกได้" แพทย์เวรฉุกเฉินที่อายุน้อยกว่าพูดพลางปิดปากแผลให้กับอาจารย์อย่างเบามือ


"ทีหลังอย่าบุ่มบ่ามทำอะไรแบบนี้อีกนะครับ มันไม่ได้โชคดีอย่างนี้ตลอดแน่" พระพายพูดเสียงเข้ม ถึงจะรู้สึกดีที่อีกฝ่ายเข้ามาได้ทันเวลา แต่ก็รู้สึกไม่พอใจที่อีกฝ่ายทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนั้น หากเป็นอะไรมากกว่านี้ ... เขาจะทำยังไง


"อย่าเสียงดังได้ไหม นี่มันโรงพยาบาลนะ" ภูตะวันตอบเสียงเหนื่อย สีหน้าของเขาตอนนี้ซีดเผือดไร้สีเลือด ลูกศิษย์ถอนหายใจหนึ่งทีก่อนจะสั่งให้ย้ายอาจารย์หมอไปห้องพักฟื้น


"คนร้ายล่ะ?"


"หนีไปได้ครับ ผมจะเข้าไปเช็คที่ห้องว่ามีอะไรหาย แล้วจะตามไปที่ห้องพักฟื้นนะครับ" ถึงแม้อยากจะอยู่ดูแล แต่ก็ต้องจัดการเรื่องที่ยังค้างคา ตำรวจกำลังรอสอบปากคำ สายตาเป็นห่วงกันและกันส่งออกมาอย่างไม่มีปิดบัง ภูตะวันคว้ามือของอีกฝ่ายมาจับเอาไว้และบีบมันเบาๆ


"... ดูแลตัวเองด้วย" พระพายอมยิ้ม หัวใจดวงน้อยเต้นรัวราวกับกลองเมื่อได้ฟังและได้เห็นสายตาอบอุ่นที่สะท้อนออกมา ก่อนจะพยักหน้าช้าๆและเดินออกจากห้องฉุกเฉินไป


                  ภูตะวันถูกย้ายเข้ามาในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล เขานึกขำอยู่ไม่น้อยที่วันนี้กลับมาเป็นผู้ป่วยนอนอยู่บนเตียงเสียเอง ทุกครั้งที่เขาขยับตัวจะต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ จึงเลือกที่จะนอนอยู่เฉยๆถึงแม้ว่าแผลจะไม่ได้ใหญ่มากก็ตามเนื่องจากเป็นมีดพกอันเล็ก   


ก๊อก ก๊อก ก๊อก
                  เสียงเคาะประตูห้องเบาๆก่อนจะเปิดเข้ามาช้าๆ พร้อมกับร่างของศิษย์หน้าหวานที่คิดถึงจนต้องกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งแต่ไม่คิดว่าจะเจอเรื่องร้ายๆที่ผ่านมาไม่นาน


"โอ๊ย!!" คนเจ็บแสร้งร้องโอดโอยเมื่อลูกศิษย์เดินเข้ามาหา สีหน้าบ่งบอกว่าเจ็บปวดไม่น้อยจนพระพายเองรู้สึกสงสาร แต่หารู้ไม่ว่ามันคืออาการแกล้งทำของอีกคนชัดๆ


"เจ็บก็อย่าขยับสิครับ" พระพายนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงพลางมองอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วงและกังวล ก่อนจะหลุบตาลงต่ำ


"ผมเป็นห่วงรู้บ้างไหมครับ?"


"ต้องให้บอกกี่ครั้งว่าไม่เป็นอะไร หื้มม?" นิ้วเรียวกรีดหยาดน้ำใสที่หางตาลูกศิษย์แผ่วเบา ส่งยิ้มอบอุ่นให้อีกฝ่ายเบาใจว่าเขาไม่เป็นอะไร


".........." พระพายยิ้มบางๆตอบกลับไปแทนคำพูด กลุ่มผมนุ่มถูกมือหนาลูบเบาๆคล้ายกับจะปลอบโยน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าอาจารย์บอกมีเดท หากแต่กลับมาที่นี่อีกทำไม


"อ้อ! แล้วอาจารย์กลับมาทำไมครับ ไหนบอกว่ามีเดท?" เขาเบะปากอย่างหมั่นไส้เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อเย็น นิ้วเรียวอยู่ไม่สุขไม่รู้จะเอาวางตรงไหน จึงเล่นขนของผ้าห่มที่ภูตะวันห่มอยู่แทน


"ก็ผมคิดถึงคุณ มาหาไม่ได้หรือไง?" ริมฝีปากหนายกยิ้มเมื่อเห็นลูกศิษย์เบิกตากว้างราวกับตุ๊กตา พระพายหลบสายตาที่อีกฝ่ายจ้องมองอย่างรู้สึกขัดเขินแปลกๆ อยู่ๆก็มาบอกว่าคิดถึงกัน โดนมีดแทงแล้วคิดจะพูดอะไรก็พูดได้หรือไง


"... เอ่อ" มือหนากุมมือของเขาเอาไว้เบาๆ ก่อนจะพูดบางอย่างที่ทำให้พระพายต้องเบิกตากว้างและหัวใจสั่นรัวอีกครั้ง


"คบกับผมนะ ..."


"ครับ เห้ย! ว่าไงนะครับ!?" ภูตะวันหัวเราะกับท่าทางของลูกศิษย์ที่ดูจะตกใจเสียเกินเหตุ ดวงตากลมโตมองเขาอย่างต้องการคำอธิบายของประโยคก่อนหน้า


"ผมชอบคุณ คบกับผมได้ไหมพระพาย?" พูดเสียงอ่อนลงพร้อมด้วยสีหน้าที่จริงจังไม่มีแววล้อเล่นแต่อย่างใด เขาไม่เคยชอบผู้ชายและไม่คิดจะชอบด้วยซ้ำ ยกเว้นพระพายที่พิเศษกว่าผู้ชายคนอื่น ต้องขอบคุณเรสสิเดนท์ต่างแผนกที่ทำให้เขากล้าที่จะสารภาพออกมาว่ารู้สึกยังไงกับคนตัวเล็กตรงหน้า


"อาจารย์จะไม่จีบผมหน่อยเหรอครับ ..." พระพายเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มกวนๆในทันที


"จีบทำไมในเมื่อคุณก็มีใจให้ผมอยู่ดี คบๆกันไปจะได้ไม่เสียเวลา หึหึ" คนเจ็บนอนยิ้มอย่างคนรู้ทัน จนคนฟังต้องเบะปากอย่าง
หมั่นไส้ที่ทำมารู้ทันความคิดของคนอื่น ก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อยและส่งยิ้มบางให้อีกฝ่าย


"พักผ่อนเถอะครับ ดึกมากแล้ว"


"ตอบผมก่อน ..." อาจารย์หมอไม่ยอมแพ้ เขากล้าสารภาพและขอคบ พระพายก็ควรจะกล้าตอบเขาเหมือนกันเพราะถึงยังไงต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีว่ารู้สึกยังไงต่อกัน


"เอาไว้อาจารย์หายดี เรามาคุยกันเรื่องนี้อีกทีแล้วกันครับ อย่างน้อยระหว่างนี้เราทั้งสองคนก็มีเวลาทบทวนความรู้สึกตัวเอง" เขายิ้ม ลูบแขนแกร่งของอีกฝ่ายแผ่วเบา ไม่ใช่ว่าอยากจะเล่นตัวหรืออะไร หากแต่อยากให้แน่ใจความรู้สึกตัวเองมากกว่านี้เสียหน่อย ความรักมันไม่ได้จบแค่การบอกชอบและขอคบเป็นแฟน สำหรับพวกเขาอาจารย์และลูกศิษย์มันมีมากกว่านั้น


"... ตามใจคุณแล้วกัน" ภูตะวันพูดเสียงเรียบ ถึงแม้พระพายจะไม่ได้ปฏิเสธหรือยอมรับ แต่เขาก็ผิดหวังไปจากที่คาดไปเล็กน้อย มือหนาลูบหัวกลมของลูกศิษย์ก่อนจะผละออก แต่กลับถูกพระพายจับมาวางลงบนแก้มเนียนของตัวเองก่อน อาจารย์หมอส่งยิ้มอบอุ่น ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยแก้มเนียนของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน พร้อมกับดวงตาสองคู่ที่มองกันอย่างมีความหมายลึกซึ้ง ...



***************


Talk : ตอนนี้ยาวมากกก ตัดออกไปตอนหน้าไม่ได้เลย ฟินกันมั้ยคะ อาจารย์หมอเราสารภาพและขอคบไปเลยทีเดียว พอดีอาจารย์แกเป็นคนรวบรัดชอบอะไรเร็วๆ ไม่เสียเวลา แต่ดั๊นนนน โดนคุณหมอพระพายเบรคซะถนนเป็นรอยไหม้ อย่างที่บอกค่ะพระพายคิดเยอะ ความรักแบบอาจารย์และลูกศิษย์ค่อนข้างเป็นเรื่องรับได้ยาก แถมยังเป็นผู้ชายด้วยกันอีก ก็ต้องดูความรู้สึกกันไปสักพักก่อนเนอะ :)


พบกันตอนหน้านะคะ ขอบคุณค่าา ^^
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 16-07-2015 01:16:03
คนร้ายรู้ตัวแล้ว  เกิดเรื่องจนได้ดีนะทึ่หมอซันมาช่วยหมอพายทันเวลา
แต่ก็เจ็บตัวจนได้

หมอซันพอมีคู่แข่งก็รุกเร็วเลย ขอคบหมอพายได้รวบรัดมาก
แต่เจอหมอพายเบรกไว้ก่อน หมอพายคิดเยอะ คิดมากด้วย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 16-07-2015 01:32:35
ทำไมหนูไม่ตอบตกลงไปล่ะพระพายลูกกกก 555555555
ตกลงไปเลย อิพี่หมอซันมันทอดมาขนาดนี้ละ
ชอบตอนเรียกว่าพระพายจัง อ่านแล้วเขิน  :hao7:
ขอตอนที่ 13 ต่อเลยค่ะ/โดนตบ
ตอนฉากเล่นยาสนี่ตู้หู้วมาก ชอบบบบ เห็นคนแย่งพระพายกันแล้วรู้สึกปริ่ม ลูกแม่ 5555555555
เรารักคนเขียนจัง ฮริ้ง  :mew1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 16-07-2015 03:30:15
55555555555เงิบไปดิหมอซัน ขอน้องคบแต่น้องเบรกไว้ซะหงายเงิบ
ไม่เป็นไรเดี๋ยวขอจนกว่าจะยอมคบ
บอกเลยว่าคู่เเข่งไม่มีผล คนเค้าใจตรงกันแล้วย้ะะะ
เบ้ปากใส่ค่ะ55555
ส่วนหมอโจเบวเสมอต้นเสมอปลาย ความเลวคงที่ความดีไม่ปรากฏ สักวันปลกรรมจะสนองแกอย่างสาสม !!!!!!!!
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: toevaey ที่ 16-07-2015 03:36:47
หมอที่เป็น ศ. นี่คือแก่ๆทั้งนั้นเลยนะคะ อย่างผศ.ที่เราเรียนด้วยก็อายุอานามปาเข้าไป 40+ แล้วค่ะ ถ้าสามสิบต้นๆคือเพิ่งจบดร.กันใหม่ๆเลย 

ไม่งั้นหมอซันนี่ขยันทำวิจัยมากค่ะ TT//ไม่เป็นไรค่ะ อ่านเพื่อความฟิน แหะๆ

หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 16-07-2015 07:42:32
อ.หมอ เอาแต่ใจคิดจะรวบรัด นี่ถ้าไม่เห็นว่าเจ็บตัวอยู่จะสมน้ำหน้ากว่านี้นะเนี่ย พระพายน่ารัก ทำถูกแล้วคับ 555+

แต่หมอใหญ่โดนแทงในรพ.ขนาดนี้ เรื่องยาวแน่นอนนน อยากอ่านต่อไวๆ จังเลย ตื่นเต้นๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: question09 ที่ 16-07-2015 08:15:50
 :sad4:  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

จารย์หมอโดนแทงเลย พระพายดูแลด่วน
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 16-07-2015 08:27:08
ถามกันโต้งๆ ดีชัดเจนดี 55555 พะพายสู้ๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-07-2015 09:21:42
เข้มข้นมาก ผู้ร้ายก็มา คู่แข่งก็มา หมอซันโดนหนักเลย
ไม่เป็นไรนะหมอพายรักเดียวใจเดียวอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 16-07-2015 09:26:22
อาจารย์หมอ

น่ารักไปแล้วนะ

ต้องใช้เวลาคิดทบทวนอีกหรอ
มองตาก็รู้ใจกันแล้วนะ

เขินแทนเลย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 16-07-2015 10:08:17
รุกเร็วจริงๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 16-07-2015 12:09:49
อ้ากกกก ิใช่ไหมทีบอกต้องจิกหมอนนน โอ้ยย ฉันฟิน

คนร้ายหมอโจจ้างมาใช่ไหม จัดการๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 16-07-2015 13:04:14
อยากเป็นลูกบาสพระพาย ใครๆ ก็มารุมแย่งชิง 5555

หมอซันมาเร็วเคลมเร็วที่สุด!

หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Maledbook ที่ 16-07-2015 16:18:30
หมอซันมาได้จังหวะมาก o13

ปล. pm ไป ไม่ทราบได้รับหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 16-07-2015 16:51:19
หมอซันมาได้จังหวะมาก o13

ปล. pm ไป ไม่ทราบได้รับหรือเปล่า

ได้รับค่าาา :)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 16-07-2015 22:24:58
หมอซันตรงมากกกกกก
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 16-07-2015 23:09:16
ติดใจเรื่องนี้อย่างรุนแรงงงงง
แง้งงง เชียร์พี่หมอซันให้แพ้ ให้สารภาพก่อน
อยากเห็นคนเย็นชาสารภาพรักกกกก
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 17-07-2015 22:55:21
พึ่งได้เข้ามาอ่านครั้งแรก อ่านไปติดหนึบเลยค่าชอบมากๆเลยการดำเนินเรื่องมีความสมจริงไม่เพ้อมากไปแถมได้ความรู้เรื่องการผ่าตัดอีกชอบมากๆเลยเวลามีการผ่าตัดรู้สึกเหมือนได้ดูซีรีย์เรื่องนึง ตัวละครแต่ละตัวทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่ไม่ได้มีแต่รักใคร่ แต่สอดแทรกเรื่องราว อาชีพ ในแต่ละวันมาด้วย ชอบมากๆๆๆค่า :mew1: :mew1:   รอติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Mickey199663 ที่ 19-07-2015 10:33:01
หมั่นไส้หมอซัน 555 มีการแกล้งเจ็บอีก สำออยอ่ะ 55555
เห็นด้วยนะว่าหมอไม่คิดจะจีบหน่อยเหรอ เป็นไงโดนน้องเบรคเลย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar ที่ 21-07-2015 21:34:54
อยากอ่านต่อๆๆๆๆ จิลงแดงค๊าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 12 (15-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 22-07-2015 19:51:31
DONE DONE DONE คิดถึงพระพายอยากอ่านต่อออออ
 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 13 (22-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 22-07-2015 20:41:49
-13-


                 ข่าวอาจารย์แพทย์หนุ่มโดนทำร้ายในโรงพยาบาลเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในเช้าวันนี้ ถึงแม้ว่าจะพยายามปิดข่าวแค่ไหนก็ตาม ไม่ว่าพระพายจะเดินผ่านแผนกไหนก็มักจะได้ยินคนจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเรื่องนี้และเดาสาเหตุกันไปต่างๆนาๆ


"พาย!" เสียงตะโกนเรียกให้เจ้าของชื่อชะงักเท้า ก่อนจะหันกลับมามองยังต้นเสียง ร่างสูงของเรสสิเดนท์หนุ่มต่างแผนกวิ่งกระหืดกระหอบตรงเข้ามาหาเขาที่หยุดรออยู่


"มีอะไรรึเปล่า ทำไมต้องรีบขนาดนั้น?" พระพายเอียงคอถามอย่างสงสัย


"เราเพิ่งรู้เรื่องเมื่อกี๊นี้เอง พายเป็นอะไรไหม มันทำร้ายรึเปล่า แล้วคนร้ายเป็นใคร ต้องการอะไร?" เขาถามอย่างร้อนรน พลางจับเพื่อนตัวเล็กหันไปมาเพื่อดูว่าบาดเจ็บตรงไหน เมื่อครู่ที่รู้เรื่องก็ตกใจและเป็นห่วงมากก่อนจะรีบออกมาหาเพื่อนที่แผนก แต่กลับเจอระหว่างทางเสียก่อน


"ใจเย็นๆ เราไม่เป็นอะไร อาจารย์หมอมาช่วยไว้ก่อน ส่วนคนร้ายเราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นใครเหมือนกัน"


"แล้ว ... อาจารย์ของพายเป็นยังไงบ้างล่ะ" คุณหมอกุมารฯถามอ้อมแอ้ม จะว่าเป็นห่วงอาการของอาจารย์หมอคนนั้นไหมก็ใช่ แต่ก็รู้สึกไม่ดีเล็กน้อยที่อาจารย์อาจจะได้ใจของพระพายไปจากเหตุการณ์ครั้งนี้


"โชคดีที่มีดอันเล็ก เข้าไม่ลึกมาก" บอสพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ พระพายยิ้มบาง ก่อนบอกเพื่อนของตนว่าต้องรีบไปก่อน   อีกฝ่ายจึงไม่คิดจะรั้งไว้


                    ขายาวก้าวฉับๆตรงไปยังห้องพักฟื้นของอาจารย์หมอ หลังจากกลับไปคอนโดในเวลาออกเวรช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เขาเองก็แทบไม่ได้พักผ่อน เรื่องที่ฝ่ายนั้นขอคบทำเอาเขาคิดหนักจนหลับตาไม่ลง อาจารย์กับศิษย์จะมีความสัมพันธ์แบบนั้นได้อย่างไร หากใครๆรู้เข้าอาจารย์หมอเองที่จะเป็นฝ่ายดูไม่ดีในสายตาคนอื่น แต่ก็อดจะยอมรับไม่ได้ว่าประโยคขอคบนั้นทำเอาหัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะไปและรู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อยที่หัวใจของตนและอีกฝ่ายตรงกัน ...

                    ตาคู่สวยแอบมองคนเจ็บผ่านช่องสี่เหลี่ยมที่ประตูไม้บานใหญ่ของห้องพักฟื้น เมื่อเห็นว่าคนในห้องกำลังนอนหลับใหลจึงเปิดประตูเข้าไปเงียบๆ ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องก็ถึงกับต้องห่อไหล่เพราะข้างในอุณหภูมิเย็นเฉียบ แต่คนเจ็บกับนอนห่มผ้าแค่ช่วงเอวหนาเท่านั้น


"เป็นหมีขั้วโลกหรือไง" คุณหมอหน้าหวานบ่นอุบ พลางหยิบรีโมทเครื่องปรับอากาศเพิ่มระดับอุณหภูมิให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ก่อนจะดึงผ้าห่มหนาให้ขึ้นมาอยู่ในระดับอกของอาจารย์หมอ


พระพายนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง ตาคู่สวยมองคนนอนหลับอย่างพินิจ ตั้งแต่ได้รู้จักกันมาก็ไม่เคยได้เห็นอีกฝ่ายในขณะหลับแบบนี้ คนที่ใครๆต่างก็พูดกันว่าใจร้ายและแสนเย็นชาราวกับคนไม่มีหัวใจ แต่ในตอนหลับใหลกลับเป็นผู้ชายธรรมดาๆที่ไร้พิษสงใดๆ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเมื่อใช้สายตามองอาจารย์ของตนได้สักพัก จนอีกฝ่ายขยับตัวและนิ่วหน้าด้วยความเจ็บที่แผลเล็กน้อย


"ขยับเบาๆสิครับ" เขาพูดเมื่อเห็นภูตะวันปรือตาขึ้นมา พลางช่วยจัดท่าทางให้อีกฝ่ายนอนได้สบายมากยิ่งขึ้น


"... เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ได้พักผ่อนเลยใช่ไหม?" เห็นลูกศิษย์มีสีหน้าอิดโรยก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เข้าใจดีว่าการเป็นหมอย่อมมีเวลาพักน้อยกว่าคนอื่นเพราะเขาเองก็เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว แต่ก็อยากให้ลูกศิษย์ของตนใช้เวลาที่พอมีพักผ่อนเสียบ้าง ไม่ใช่ว่าเอาเวลาที่ควรจะพักมาหาเขาแบบนี้


"สักพักแล้วครับ อาจารย์เจ็บแผลรึเปล่าฮะ?" พระพายไม่ตอบประโยคหลังและเลี่ยงมาเป็นถามกลับแทน เพราะคิดว่าอีกฝ่ายก็คงจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว


"ไม่เป็นไรมากแล้ว คุณไปพักผ่อนเถอะ" อาจารย์หมอพูดเสียงเหนื่อย มองนาฬิกาเห็นว่ากว่าจะได้เวลาทำงานก็อีกตั้งชั่วโมงกว่า จึงอยากให้ลูกศิษย์ได้ใช้เวลาที่มีอยู่นี้พักผ่อน


"ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ อาจารย์ต่างหากที่ควรจะพักผ่อน พูดมากระวังแผลจะอักเสบ"


"เด็กดื้อเอ๊ย!" ภูตะวันบ่นอย่างไม่จริงจังนัก เอื้อมมือไปขยี้ผมอีกฝ่ายที่กำลังหัวเราะเบาๆอยู่จนยุ่งเหยิง


"ซัน! เป็นยังไงบ้าง!?" ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาอย่างแรงพร้อมด้วยเสียงตกใจของอาสะใภ้ภูตะวัน เขาเหลือบตาขึ้นบนเล็กน้อยอย่างเบื่อหน่ายว่าอาของเขาทั้งสองคนรู้เรื่องได้อย่างไรในเมื่อไม่ให้ใครบอก


"อารู้กันได้ยังไงครับเนี่ย"


"คิดว่าอาไม่มีหูไม่มีตาหรือไง" ประสิทธิ์พูดตำหนิอีกฝ่ายที่คิดจะปกปิดเรื่องใหญ่โตแบบนี้กับคนเป็นอาอย่างเขา ถ้าหมอท่านหนึ่งที่สนิทกันไม่โทรไปบอก พวกเขาก็คงจะรู้เรื่องทีหลังคนอื่น


"ก็ผมไม่อยากให้อาเป็นห่วงไงครับ แล้วอีกอย่างผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากด้วย" นายแพทย์หนุ่มตอบสีหน้าเหนื่อย เพราะรู้สึกเจ็บแผลขึ้นมาเสียดื้อๆ อาจจะเพราะพูดมากเหมือนที่ลูกศิษย์พูดจริงๆ พระพายที่คิดว่าตอนนี้ตัวเองคงเป็นคนนอกอยากจะให้ครอบครัวได้พูดคุยกัน ทว่ากลับหาโอกาสพูดแทรกไม่ได้เสียที


"แล้วคิดว่าถ้าอารู้ทีหลังจะห่วงเราน้อยกว่านี้หรือไงตาซัน" ณิชชาอรเอ่ยตำหนิหลานชายที่ชอบทำให้เขาเป็นห่วงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ด้วยอีกฝ่ายไม่ชอบให้เขาประคบประหงมมากจึงมักจะไม่ค่อยบอกอะไรให้พวกเขารู้


"ขอโทษครับ" ภูตะวันรู้สึกผิดที่ทำให้คนในครอบครัวที่เหลือทั้งสองคนเป็นห่วงมากขนาดนี้ จึงยอมประนมมือไหว้และขอโทษอาทั้งสอง ณิชชาอรถอนหายใจจับมือหลานชายไว้เป็นการรับคำขอโทษ ทอดมองคนเจ็บด้วยความเป็นห่วงเป็นใย


"เอาล่ะๆไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว แล้วตำรวจว่ายังไงบ้าง?" ประสิทธิ์ถามความคืบหน้าของคดีความ ภูตะวันที่ไม่รู้เรื่องเพราะไม่ได้เป็นฝ่ายคุยกับตำรวจจึงมองลูกศิษย์ที่ยืนอยู่อีกฝั่งแทน คนแก่กว่าทั้งสองจึงได้มองตาม


"ตายจริง! มัวแต่ตกใจไม่ทันได้สังเกตว่าคุณหมออยู่ด้วย เสียมารยาทจริงๆ ขอโทษด้วยนะคะ" ณิชชาอรบอกอย่างรู้สึกผิด พระพายเองที่เด็กกว่าก็ไม่คิดถือโทษโกรธอะไร กลับเข้าใจเสียด้วยซ้ำ ก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองตามนิสัยนอบน้อมที่ถูกพร่ำสอนมาจากมารดาและยาย


"ไม่เป็นไรเลยครับ" คุณหมอหน้าหวานระบายยิ้ม ก่อนจะเล่าถึงเรื่องที่คุยกับตำรวจเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา


"เท่าที่ผมเช็คมันไม่ได้อะไรไปครับ ตำรวจเขาสันนิษฐานว่ามันน่าจะมาหาอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่ทรัพย์สินมีค่า"


"ส่วนกล้องวงจรปิดเช็คแล้วว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา มีการปรับปรุงระบบจึงทำให้กล้องใช้งานไม่ได้จนถึงแปดโมงเช้าของวันนี้ครับ"


"แสดงว่าต้องเป็นคนที่รู้ว่าเมื่อคืนกล้องจะใช้งานไม่ได้ คุณมีอะไรเอกสารหรือว่าอะไรที่สำคัญรึเปล่าพาย?" ภูตะวันถามอย่างสงสัย ตามที่ได้ฟังอีกฝ่ายเล่ามาก็น่าจะจับใจความได้ไม่ยากว่าคนร้ายคงจะเป็นคนในที่รู้การเคลื่อนไหวของโรงพยาบาล


"...เวชระเบียน" พระพายใช้เวลาเพียงครู่สั้นๆในการคิด ก่อนจะเหลือบตามองภูตะวันอย่างตกตะลึงเมื่อคิดว่าสิ่งที่มันต้องการอาจจะเป็นเวชระเบียนผู้ป่วยที่เขามีอยู่จริงๆ


"อาจจะเป็นหมอโจอย่างนั้นเหรอ?" ประสิทธิ์ถามเพื่อความแน่ใจว่าความคิดของตนตรงกับที่หลานชายคิดหรือไม่ ทว่าพระพายกลับขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าทำไมประธานของโรงพยาบาลถึงคิดว่าเป็นหมอโจ แต่ก็ยังเก็บความสงสัยนั้นต่อไป


"... ก็อาจจะเป็นไปได้ครับ" ภูตะวันตอบหน้าเครียด จากที่ลำดับเหตุการณ์ ตั้งแต่ที่พวกเขาเข้าไปในห้องเก็บเวชระเบียน และฝ่ายนั้นก็อาจจะรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเขาถึงได้แอบเข้าไปในห้องทำงานของพวกเรสสิเดนท์ในแผนก แต่บังเอิญพระพายเข้าไปเห็นพอดี สิ่งที่คาดเดาไว้ก็ไม่น่าจะผิดเพี้ยน


"แล้วเราจะทำยังไงกันต่อ?" ณิชชาอรเครียดไม่แพ้กัน ถ้าหากเป็นไปตามที่สามีและหลานชายของเธอคิด เท่ากับว่าฝ่ายนั้นถือไพ่เหนือกว่าพวกเขาอยู่มาก


"เราก็ต้องสู้ไปตามหลักฐานที่มี แต่ก็ต้องคำนึงถึงความรอบคอบและปลอดภัยให้มาก"


"อาให้นักโปรแกรมของโรงพยาบาลหาข้อมูลให้แล้วนะ สักสองสามวันคงจะได้" ประสิทธิ์พูดก่อนจะถอนหายใจ เครียดและกังวล
ไม่น้อยที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นใช้อาวุธกันในโรงพยาบาล ซึ่งอาจจะทำให้องค์กรขาดความน่าเชื่อถือได้


"จะทำอะไรก็ระวังด้วยนะซัน แล้วก็พักผ่อนเยอะๆ ระหว่างแผลยังไม่หายก็ไม่ต้องเข้าผ่าตัดล่ะรู้ไหม?" ณิชชาอรกำชับหลานชายอีกครั้ง ถึงแม้ว่าภูตะวันจะมีความเป็นผู้ใหญ่อยู่มาก แต่สำหรับเธอเขาดื้อเงียบอยู่เสมอตั้งแต่เล็กจนโต คนเจ็บจึงทำได้แต่ยิ้มน้อยๆแทนคำตอบ


"ต้องขอโทษคุณหมอด้วยนะคะที่เกิดเรื่องไม่ดีในโรงพยาบาล ตาซันหายดีเมื่อไหร่หวังว่าคงจะได้ทานข้าวร่วมกัน ดิฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วย" ณิชชาอรพูดทิ้งท้ายกับคุณหมอหน้าหวานที่ได้แต่เหล่มองอาจารย์ของตนเป็นเชิงขอคำตอบ ซึ่งภูตะวันก็ทำได้เพียงพยักหน้าเล็กน้อย พระพายจึงระบายยิ้มและตอบรับผู้ใหญ่กลับไป


"อาของคุณรู้เรื่องครอบครัวผมแล้วเหรอครับ?" ถามในสิ่งที่สงสัยทันทีเมื่อทั้งสองคนออกจากห้องไป


"อืม แต่คุณไม่ต้องห่วงหรอกว่าเรื่องจะแพร่งพรายออกไป มีแค่พวกเราเท่านั้นที่รู้และอาผมจะช่วยเราได้มาก"


"ครับ" พระพายพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ เขาอยู่กับอาจารย์หมอได้สักพักจึงขอตัวออกไปทำหน้าที่ของตนอย่างเช่นทุกวัน โดยที่ไม่
ได้พูดอะไรกันถึงเรื่องเมื่อคืนอีก หมอซันเองก็ไม่อยากที่จะเซ้าซี้ถามด้วยไม่ใช่นิสัยของตนเป็นทุนเดิม จึงปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลาและเป็นเรื่องของลูกศิษย์ที่จะตัดสินใจเอง



               แพรดาวและอนุวัฒน์ประจำอยู่ที่วอร์ดผู้ป่วยในอย่างทุกวัน ระหว่างที่กำลังดูชาร์จผู้ป่วย พยาบาลสาวก็จับกลุ่มคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทั้งสองเองก็ตกใจแต่เมื่อรู้ว่าเพื่อนและอาจารย์หมอปลอดภัยจึงคลายกังวลลงไปบ้าง แต่แพรดาวก็ยังข้องใจและอยากจะรู้รายละเอียดให้มากกว่านี้ตามนิสัยของผู้หญิง จนเมื่อพระพายเดินเข้ามา


"สวัสดีครับ" พระพายทักทายพยาบาลสาวที่อายุมากกว่าอย่างที่ทำทุกวัน จนเหล่านางพยาบาลและผู้ช่วยต่างพากันชื่นชมในความมีเป็นเด็กมีสัมมาคารวะของคุณหมอพระพาย


"เป็นไงมั่งพาย ทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้นได้?" แพรดาวเอ่ยถามทันที เช่นเดียวกันกับอนุวัฒน์ที่ก็ยืนรอฟังคำบอกเล่าของเพื่อนอย่างตั้งใจ


"ไม่เป็นไง มาขโมยของนี่แหละ แต่ไม่ได้อะไรไป" เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ด้วยเป็นคนโกหกไม่เก่งจึงต้องเลี่ยงการสบตาด้วยการอ่านชาร์จผู้ป่วยที่ได้จากรุ่นพี่พยาบาลแทน


"แล้วอาจารย์หมอเป็นไงบ้าง?"


"ไม่เป็นไรแล้ว ราวน์เสร็จก็ไปเยี่ยมสิ" พระพายระบายยิ้มก่อนจะเดินนำเข้าห้องผู้ป่วยรวมที่ยังมีนักศึกษาแพทย์และอาจารย์หมอกลุ่มอื่นอยู่ในนั้นด้วย แต่แยกกันทำงานคนละอย่าง


"... แต่แปลกนะ อาจารย์อยู่ที่นั่นตอนนั้นได้ยังไง มันควรจะเป็นเวลาพักผ่อนของเขามากกว่า" อนุวัฒน์ตั้งข้อสงสัยของเขาเองเฉยๆ


"นั่นสิ เมื่อวานเย็นเราก็เห็นอาจารย์กลับไปแล้วหรือว่าอาจารย์มาหาพาย" แพรดาวพูดเสริมขึ้นมาบ้าง ทำให้พระพายชะงักเท้า เงยหน้าขึ้นมาจากชาร์จที่ถืออยู่หันกลับมาหาเพื่อนสองคนที่เดินตามหลัง


"... โรงพยาบาลเขานี่ จะมาเมื่อไหร่ก็ได้ ก็แค่บังเอิญ คิดอะไรกันมากมาย" พระพายตอบแกมหัวเราะ เดินหนีเพื่อนทั้งสองคนเพื่อทำการตรวจอาการของผู้ป่วยตามปกติ แพรดาวและอนุวัฒน์จึงทิ้งความสงสัยไว้ต่อไปและตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองแทน



 Rrrrrr Rrrrr!!
สมาร์ทโฟนเครื่องบางที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงผู้ป่วยแผดเสียงดัง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองว่าใครที่โทรเข้ามา เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์จากแพทย์รุ่นใหญ่แผนกอายุรกรรม จึงรับสายทันที


"ครับ"


(ขอโทษที่รบกวนนะหมอซัน ผมรู้ว่าคุณอยู่ในช่วงพักฟื้น แต่มีเคสที่ค่อนข้างยากและต้องอาศัยทีมแพทย์จากหลายสาขา) ปลายสายบอกเสียงเครียด


"ถ้างั้นเจอกันที่ห้องทำงานผมนะครับ" เขาตอบรับปลายสายไปในทันทีโดยไม่ลังเล ยังไงชีวิตของผู้ป่วยก็สำคัญ ก่อนจะกดเรียกพยาบาลให้ต่อสายถึงพยาบาลประจำแผนกของตนให้เรียกทีมแพทย์ในแผนกไปรวมกันที่ห้องทำงานของเขาเอง



                  ตึกๆๆๆๆ เสียงฝีเท้าหลายคู่วิ่งกรูกันมาที่ห้องทำงานของอาจารย์แพทย์ภูตะวันด้วยความรีบร้อนและสงสัย เรสสิเดนท์ปีหนึ่งทำความเคารพรุ่นพี่ต่างแผนกที่ไม่ค่อยเห็นหน้ากันนักที่ก็ถูกเรียกตัวเข้ามาด้วย


"ต้องมีเรื่องด่วนแน่ๆ" แพรดาวยืนหอบหายใจก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะยาวสำหรับนั่งประชุมในห้องทำงานใหญ่ของเจ้าของห้อง


"ก็ดูสิมากันหลายสาขาขนาดนี้ เรื่องใหญ่ชัวร์" อนุวัฒน์เอนตัวกระซิบกับเพื่อนเสียงเบา พระพายได้แต่มองบรรยากาศภายในห้องเงียบๆ หัวใจเขาเต้นระรัวเพราะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรถึงต้องเรียกมาด่วนและพร้อมหน้ากันขนาดนี้


             ระหว่างนั้นประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง ร่างของอาจารย์แพทย์ยังหนุ่มก็เดินเข้ามาหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักเนื่องจากแผลยังสดใหม่ แต่ถึงอย่างนั้นอาจารย์หมอก็พยายามปรับสีหน้าให้ดีขึ้น ไม่อยากให้ใครหลายๆคนต้องเป็นห่วง โดยเฉพาะศิษย์หน้าหวานที่กำลังมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจนัก


"อาจารย์ยังไม่หายดี ออกมาก่อนทำไมครับ?" พระพายคิ้วขมวด พลางลุกขึ้นไปช่วยพยุงอีกฝ่ายให้นั่งลงเก้าอี้ตัวที่ยังว่าง


"ผมไม่เป็นไรแล้ว" ถึงแม้จะตอบไปแบบนั้น แต่มือข้างซ้ายก็ยังคงจับไว้บริเวณที่เป็นแผลเบาๆ เพราะไม่อยากให้สะเทือนมาก พระพายได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเดินกลับมานั่งที่ของตัวเองเพื่อรอฟังการประชุม


"ต้องขอโทษหมอซันด้วยจริงๆที่รบกวน" นายแพทย์รุ่นใหญ่แผนกอายุรกรรมบอกอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตึงเครียด โดยปกติการรักษาก็ต้องร่วมมือกับแพทย์สาขาอื่นบ้างในบางเคสอยู่แล้ว ทว่าหากเกิดในขณะที่ภูตะวันศัลยแพทย์ที่เก่งและฝีมือดีในแผนกหัวใจและหลอดเลือดไม่บาดเจ็บอยู่เขาก็คงจะไม่เกรงใจอีกฝ่ายมากขนาดนี้


"ขอโทษทำไมครับ การช่วยชีวิตผู้ป่วยก็เป็นหน้าที่หมออย่างเราที่ต้องร่วมมือกันอยู่แล้ว" ภูตะวันคลี่ยิ้มเล็กน้อยเพื่อให้แพทย์ต่างแผนกสบายใจ ก่อนจะบอกให้เริ่มการประชุมได้เลย


"ผู้ป่วยรายนี้เป็นโรคซับซ้อนขั้นวิกฤติ เขามาด้วยความดันตกและช็อคหมดสติไป รวมถึงมีท้องอืดใหญ่ เท่าที่ทางเราตรวจดูคือมีการสูญเสียเลือดทางช่องท้อง" แพทย์อายุรกรรมบอกรายละเอียดให้กับแผนกของภูตะวันได้ฟัง


"สิ่งที่เรานึกถึงมากที่สุดในผู้ป่วยอายุมากและเป็นโรคเส้นเลือดตีบ จึงวินิจฉัยว่าหลอดเลือดแดงโป่งพองแตก จึงได้ให้น้ำเกลือและยาเพิ่มความดันไป ก่อนจะส่งไปเอ็กซเรย์ที่แผนกรังสี"


"ขอดูผลเอ็กซเรย์ครับ" ภูตะวันพูด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากชาร์จคนไข้ในแฟ้มไปที่จอโปรเทคเตอร์


"ผลตรวจพบว่ามีเส้นเลือดแดงโป่งพองในช่องท้องประมาณ 8 เซนติเมตร" รังสีแพทย์ (แพทย์ที่ใช้รังสีในการรักษา รวมถึงการตรวจและแปรผลด้วยรังสี เครื่อง CT Scan อัลตราซาวน์) บอกหลังจากที่เปิดผลเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ให้แพทย์ภายในห้องได้ดู


"เส้นเลือดแดงในช่องท้องของคนปกติทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 1.8-2.2 เซนติเมตร ถือว่าผู้ป่วยรายนี้ค่อนข้างผิดปกติ ขอขยายใหญ่กว่านี้อีกนิดครับ" ภูตะวันบอกทีมรังสีแพทย์ ก่อนจะหรี่ตาลงเล็กน้อย มองผลเอ็กซเรย์บนจออย่างตั้งใจ โดยมีสายตาของลูกศิษย์หน้าหวานลอบสังเกตอยู่เป็นระยะ


"เส้นเลือดมีรอยแตกต่ำกว่าเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงไต ทำให้เลือดไหลออกไปอยู่ในช่องท้อง ต้องรีบผ่าตัดด่วนครับ ไม่อย่างนั้นเขาจะเสียชีวิต" อาจารย์หมอคนเก่งวินิจฉัยทันทีเมื่อได้ดูผลเอ็กซเรย์ แพทย์สามสาขาในห้องต่างมีความเครียดไม่หยิ่งหย่อนไปกว่ากัน


"คุณบาดเจ็บอยู่ ใครจะเป็นศัลยแพทย์ผ่าตัด?" แพทย์อายุรกรรมพูดเสียงเครียด ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจศัลยแพทย์คนอื่น ทว่าภูตะวันเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านนี้ที่เก่งและดีที่สุด ที่ใครๆต่างก็นับถือและเคสนี้ค่อนข้างยาก การจะให้ศัลยแพทย์ที่ยังไม่เจนจัดมากนักก็ตัดสินใจลำบาก


"... ผมจะผ่าตัดเอง"


"อาจารย์ครับ!!" พระพายพูดเสียงดัง จนคนที่อยู่ในห้องต่างหันมามองเขาเป็นตาเดียว ภูตะวันไม่ได้หันไปมองหน้าลูกศิษย์แต่อย่างใด เพราะถ้าหากเขาหันไป ก็คงจะได้เห็นสีหน้าและสายตาของอีกฝ่ายที่อาจทำให้เขาใจอ่อนไม่ผ่าตัดเคสนี้


"ขอโทษครับ" หมอพายกล่าวอย่างรู้สึกผิดและก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงขอโทษ เขาไม่ได้อยากจะขัดขวางการรักษา เพียงแต่ห่วงใยอีกฝ่ายเท่านั้น หากเข้าผ่าตัดต้องยืนตลอดการผ่าตัด อีกทั้งยังต้องขยับเคลื่อนไหวร่างกาย อาจทำให้แผลอักเสบและติดเชื้อได้ เขามีเจตนาเพียงเท่านี้ ทว่าอีกคนกลับทำเป็นไม่รับรู้


"ผู้ป่วยรายนี้เป็นโรคหัวใจร่วมด้วยเคยทำการบายพาสเมื่อหลายสิบปีก่อน ทำให้การบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจไม่ดีนัก รวมถึงปอดก็ทำงานได้ไม่ดีเนื่องจากการสูบบุหรี่" ภูตะวันคิดหนักกว่าเดิม เมื่อเป็นโรคที่ซับซ้อน ถึงแม้จะผ่าตัดก็ยังมีความเสี่ยงอยู่สูงกว่าปกติ แต่ถึงอย่างไรการผ่าตัดก็คือทางออกที่ดีที่สุด


"มีอัตราการเสี่ยงของการเสียชีวิตมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ทางเดียวคือต้องผ่าตัดฉุกเฉิน และต้องทำภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 นาที หากเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆไม่ทันจะเกิดปัญหาตามมา"


"ถ้างั้นก็ตามนี้ ผมจะส่งผู้ป่วยเข้าผ่าตัดอีกหนึ่งชั่วโมง" แพทย์อายุกรรมมองภูตะวัน แพทย์รุ่นใหม่ฝีมือดีอย่างเชื่อมั่นและฝากความหวังไว้กับเขา ก่อนทุกคนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน


"อึก!!" อาจารย์หมอหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงด้วยความรีบร้อนไปหน่อย จึงทำให้เจ็บแผลจนต้องทรุดนั่งลงที่เก้าอี้อีกครั้ง ท่ามกลางสายตาของเหล่าแพทย์ที่เหลือ


"อาจารย์!! ไหวไหมคะ?" แพรดาวและอนุวัฒน์เป็นฝ่ายที่วิ่งเข้าไปดูอาการของอาจารย์ตนเอง ซึ่งพระพายได้แต่หักห้ามใจตัวเองไม่ให้เข้าไปหาอีกฝ่ายถึงแม้ในใจจะเป็นห่วงแค่ไหนก็ตาม หากจะโกหกว่าไม่เป็นไรก็ควรที่จะแสดงว่าไม่รู้สึกเจ็บอะไรให้แนบเนียนกว่านี้เสียหน่อย


"พวกคุณไปเตรียมตัวเข้าผ่าตัดกันเถอะ" เขาบอกลูกศิษย์ด้วยเสียงเนือย มือยังกุมแผลเอาไว้หวังบรรเทาความเจ็บปวด แพรดาวและอนุวัฒน์จึงพยักหน้าเล็กน้อยแทนคำตอบ


"ตามไปนะ" แพรดาวบอกกับพระพาย เพราะคิดว่าเพื่อนคงอยากจะคุยกับอาจารย์ที่คุ้นเคยกันมากกว่าตน พระพายจึงพยักหน้าตอบกลับไป ก่อนจะเหลือบตามองคนเจ็บที่ก็นั่งมองเขาอยู่เช่นกัน


"จะโกหกกันก็ทำให้เนียนๆสิครับ" พูดตัดพ้อจนอาจารย์หมออย่างภูตะวันรู้สึกผิดขึ้นมา พระพายไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไร ก้าวเท้าจะเดินออกจากห้องด้วยอารมณ์ขุ่นมัว


"พาย!" ภูตะวันเรียกลูกศิษย์เอาไว้ พร้อมกับลุกขึ้นพุ่งไปรั้งเอวอีกฝ่ายเอาไว้ทำให้ตัวของทั้งคู่ชนกันเจ้าเต็มแรง


"โอ๊ย!!" ภูตะวันร้องเสียงดัง สีหน้าเจ็บปวดอย่างที่สุด แต่มือข้างที่ว่างก็ยังไม่ปล่อยออกจากเอวของลูกศิษย์ที่ตอนนี้พิงเขาไว้ทั้งตัว ตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงร้องของอีกคน


"เจ็บมากไหมครับ!?" เขาพยายามดันตัวเองออกจากร่างสูงใหญ่ของอีกคนเพื่อจะดูว่าแผลอักเสบหรือไม่ แต่ก็ถูกมือหนารั้งเอวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย


"ไม่มีอะไรเจ็บเท่าคุณเมินผมหรอก" เขาพูดเสียงนุ่ม คลี่ยิ้มบางเมื่อเห็นว่าลูกศิษย์มีสีหน้าเปลี่ยนไป จากตกใจเมื่อครู่ก็กลายเป็นบึ้งตึงแทน


".........." พระพายไม่พูดอะไร ได้แต่มองจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มของอีกฝ่ายเป็นเชิงบอกให้รู้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกดีกับประโยคเมื่อครู่ ภูตะวันจึงกระชับมือที่โอบเอวอีกฝ่ายให้ชิดเข้ามาและมองตาคู่สวยที่จ้องมองเขาอย่างไม่พอใจเพื่อจะบอกให้รู้ความรู้สึกของเขาบ้าง


"ผมขอโทษ ผมไม่อยากให้คุณไม่สบายใจว่าผมเจ็บแค่ไหน คุณจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงและกังวลเรื่องผม"


"... ถ้าอย่างนั้นก็ควรพักครับ ผมจะได้ไม่เป็นห่วง"


"ผมต้องเข้าผ่าตัด ความหวังของคนไข้และญาติของเขาฝากไว้กับผม" คนตัวเล็กกว่าถอนหายใจ ก่อนจะดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของอีกคน


"ผมเข้าใจนะครับว่าชีวิตคนไข้ฝากกับหมอ แต่ถ้าหากหมอไม่ดูแลตัวเอง คนไข้จะเชื่อใจหมอได้ยังไงล่ะครับ?"


"ผมทำได้ แผลแค่นี้เจ็บนิดหน่อยไม่ถึงตายหรอก คุณงอนแบบนี้เหมือนเราเป็นแฟนกันเลยรู้ไหม? หึหึ" อาจารย์หมอหัวเราะในลำคอ ยิ่งรู้จักยิ่งรู้สึกว่าพระพายจะน่ารักขึ้นทุกวัน ซึ่งคนถูกแซวถึงกับเบะปากอย่างหมั่นไส้


"ผมไม่ได้งอน แค่เป็นห่วงต่างหาก" หมอพายตอบอ้อมแอ้ม ก่อนจะถูกคนตัวสูงรั้งเข้าไปกอดเบาๆและเขาเองก็ไม่ได้คิดที่จะขัดขืน ด้วยกลัวว่าจะกระทบกับแผลของอีกฝ่าย


"...ขอบคุณ" ภูตะวันระบายยิ้ม นานแค่ไหนที่หัวใจไม่ได้เต้นรัวแรงแบบนี้ นานแค่ไหนที่ไม่ได้รู้สึกอยากจะรักใครสักคน จนคนตัวเล็กนี่เดินเข้ามา เมื่อถึงวันที่พระพายพร้อมจะคบกับเขา เขาก็ไม่คิดที่จะปิดบังหรือแคร์สายตาใครต่อใคร ในเมื่อเขาก็เป็นผู้ชายธรรมดาที่รักคนหนึ่งที่บังเอิญเป็นผู้ชายเหมือนกันเท่านั้นเอง ...


             พระพายยกมือขึ้นกอดตอบอีกฝ่ายเบาๆ หากแต่สีหน้ามีแต่ความกลัวและกังวลอยู่เต็มหัวใจ ด้วยหน้าที่การงานที่ต่างกันและความรักในแบบผู้ชายกับผู้ชาย ทำให้เขากลัวและกังวลไปต่างๆนาๆ อยากจะรักเหมือนที่ใจบอกก็กลัว อยากจะหยุดเอาไว้ก็ทำไม่ได้ ต้องทำยังไงถึงจะก้าวผ่านความกลัวนี้ไปได้เสียที ...

           

***************


Talk : ผ่าตัดเอาไว้ตอนหน้าเนาะ ตอนนี้รู้สึกจะยาวเกินไป เรื่องดำเนินช้ามาก แต่รอให้หมอซันหายก่อนเถอะ หึหึ บู๊กระหน่ำแน่ (ใช่เหรอ?) พบกันตอนหน้าเร็วๆนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 13 (22-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 22-07-2015 21:00:24
สวมวิญญาณหนูพระพาย
ตอบตกลงไปเลย.  5555  :z2:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 13 (22-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 22-07-2015 21:12:03
หมอซันอึดมาก เจ็บตัวอยู่ก็ยังไม่ทิ้งหน้าที่ จบเคสแล้วดูแลตัวเองด้วยนะ
เดี๋ยวคนเป็นห่วงเขาจะเสียใจ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 13 (22-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 22-07-2015 21:23:42
กรี๊ดดดดดดดดด ดีใจ ขออ่านได้อ่านเลยพอดิบพอดี
 :katai2-1:
หมอซันเนียนกอดเชียวนะ ทียังงี้ไม่เจ็บแผลเลยน๊า 555
หมอพายอย่าคิดมาก ใครมองยังไงช่างเค้าเหอะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 13 (22-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 22-07-2015 21:56:52
 :-[ :-[

รอตอนต่อไป~~
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 13 (22-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 22-07-2015 23:12:51
รู้สึกว่าตอนนี้หมอซันน่าร้ากกกก

อยากเอาพระพายมาเลี้ยงที่บ้าน จะน่ารักไปไหน
 :ling1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 13 (22-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 23-07-2015 03:54:55
หมอซันสปิริตสูงมากกกก แต่กลัวแผลจะปริตอนลงมือผ่านี่ดิ แค่ร้องเจ็บพระพายยังงอน ถ้าแผลปริ มีง้อกันยาวอะ 555555555
แต่ก็ดีใจ เห็นคนเค้าห่วงกันอคร์กัน น่ารักกก
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 13 (22-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 23-07-2015 10:28:24
อาจารย์หมอไม่หวงตัวเองเลย
ไม่รู้จะว่ายังไงชีวิตคนไข้ก็สำคัญ
แต่หมอก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ
หมอพายต้องดูแลอย่างใกล้ชิดนะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 13 (22-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 23-07-2015 11:10:34
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ สนุกมาก เรื่องลื่นไหลดี ชอบๆ

ยิ่งตอนหมอซันขอคบนี่ ตรงดีมาก ไม่เสียเวลาอ้อมค่อมเลย เลิศจริงๆ 555555
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 13 (22-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-07-2015 13:45:40
หมอซันฝืนก็ไม่ดีนะคะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 13 (22-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 23-07-2015 15:43:16
หนักเลยหมอซัน ตัวก็เจ็บ งานก็ด่วน ต้องง้อเด็กอีก
จับผู้ร้ายให้ได้น้า
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 13 (22-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar ที่ 23-07-2015 21:21:40
อร้ายยย หมอซันลุยเลยๆๆๆ เจ็บๆ เนี่ยอ้อนหนักๆ เลย

ขอบคุณคนต่งค๊า รออ่านต่อๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 13 (22-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 23-07-2015 22:05:04
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 13 (22-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 24-07-2015 00:54:09
หมอซันรุกหนักมากก หนูพายก้คิดเยอะเกินน
หมอซันสู้ๆค่ะ ผ่าตัดนี่กลัวแผลปริจัง
แต่ก้นะ เจ็บแลกรักนะงานนี้
รอค่ะ สนุกมากกเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 13 (22-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 24-07-2015 18:51:01
หมอโจนี่ร้ายจริงๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 13 (22-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 24-07-2015 19:05:49
อ้อนเข้าไป!

อิจฉาเว้ย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 13 (22-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 24-07-2015 20:43:06
ตอนหน้าลุ้นมากแน่นอน ทั้งห่วงหมอ ทั้งลั้นความสัมพันธ์ คนไข้จะหายไหม รอนะคะ :katai5:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 13 (22-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 24-07-2015 22:03:00
ลุ้นๆ  หมอซันน่ารักดีค่ะ  เรื่องนี้อ่านแล้วให้คะแนนความตั้งใจ เอาไป100 เต็มเลยค่ะ ติดตามอยู่นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 14 (24-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 24-07-2015 23:28:16

-14-


                  ทุกคนมาพร้อมกันในห้องผ่าตัด พร้อมกับทีมแพทย์อายุรกรรม ทีมรังสีแพทย์ที่นั่งอยู่บนห้องอัฒจรรย์เพื่อเฝ้าดูการผ่าตัดเคสนี้ วิสัญญีแพทย์ (วิสัญญีแพทย์ = หมอดมยา) ให้ยาสลบกับคนไข้เรียบร้อย ก็เป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์มือหนึ่งอย่างภูตะวันและแพทย์เฟลโล่ (Fellow = แพทย์ผู้ช่วยอาจารย์ เป็นแพทย์ที่จบเฉพาะทางแล้วต่ออนุสาขาย่อยลงไปอีก)


"ถ้าไม่ไหวรีบบอกนะครับ" แพทย์ผู้ช่วยที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามบอกกับภูตะวันด้วยความเป็นห่วง เขาพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะมองไปยังลูกศิษย์หน้าหวานที่ยืนสังเกตการณ์การผ่าตัดอยู่ไม่ไกล ถึงอีกฝ่ายจะมีผ้าปิดปากปิดบังอยู่ แต่ก็รู้ว่าภายใต้ผ้าปิดปากนั้นพระพายกำลังยิ้มให้เขา


"ผมจะผ่าด้านข้างทั้งหมดสองแผล แผลแรกคือเข้าทางช่องอกเพื่อหนีบเส้นเลือดแดงใหญ่เหนือกระบังลม แผลที่สองทางช่องท้องโกยอวัยวะทุกอย่างขึ้นมาเพื่อหาเส้นเลือดแดงโป่งพองที่แตกให้เจอและหนีบเส้นเลือดแดงที่ยังไม่แตกใกล้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงไต ต้องทำให้ได้ภายใน 30 นาที .. เริ่มจับเวลา" เขาอธิบายการผ่าตัดครั้งนี้ให้ทุกคนได้ฟังเพื่อจะได้เข้าใจตรงกัน รับมีดผ่าตัดจากพยาบาลผู้ช่วยในเวลาเดียวกับที่เวลาเริ่มนับถอยหลัง


"Blunt" (Blunt = ใช้เลาะบริเวณที่มีหลอดเลือดหรือเส้นประสาททอดผ่าน) หมอซันชะงักมือที่กำลังจะเลาะบริเวณที่มีหลอดเลือด นิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อรู้สึกเจ็บปวดที่แผล ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็วและลงมือทำหน้าที่ของตัวเองต่อ


"forceps" รับคีมจับหลอดเลือดเพื่อหนีบเส้นเลือดแดงใหญ่เหนือกระบังลม โดยมีแพทย์ผู้ช่วยคอยช่วย เมื่อทำในส่วนนี้เสร็จก็เริ่มลงมือแผลที่สองด้านข้างช่องท้องทันที โดยที่เวลาก็นับถอยหลังไปเรื่อยๆ โดยมีพระพายสังเกตอาการของเขาสลับกับสังเกตการผ่าตัดอยู่ตลอดเวลา


"เหลือเวลา 15 นาทีครับ" บุรุษพยาบาลร้องบอก เรียกความตื่นเต้นและกดดันให้กับทุกคนในห้องผ่าตัดรวมถึงเหล่าแพทย์ต่างสาขาที่บางคนถึงกับนั่งไม่ติด ต้องลุกขึ้นมายืนดูภาพจริงอย่างใกล้ชิด


"อาจารย์ครับ" แพทย์เฟลโล่เห็นอาการของอาจารย์ไม่ดีนัก ด้วยเหงื่อที่ผุดพราวออกมาเยอะกว่าปกติทั้งที่พยาบาลก็คอยซับอยู่ตลอด มือที่จับอุปกรณ์ก็ค่อนข้างไม่มั่นคงจึงเรียกเป็นเชิงถามว่าอีกฝ่ายไหวหรือเปล่า ภูตะวันหลับตาลงเป็นเวลาสั้นๆหวังระงับความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะกระชับมือที่จับอุปกรณ์ผ่าตัดและเริ่มต้นผ่าอีกครั้ง


"เราว่าอาจารย์จะไม่ไหวแล้ว ถึงเห็นแค่ครึ่งหน้าแต่ก็รู้ว่าหน้าเริ่มไม่มีสีเลือด" แพรดาวพูดเสียงเบากับเพื่อนทั้งสองคน ซึ่งพระพายที่สังเกตอาการของอีกคนมาตลอดย่อมรู้ดีว่าเป็นอย่างไร ห่วงแค่ไหนตอนนี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากภาวนาให้มันจบลงเร็วๆ


"ความดันลดลงมากครับ!!"


"ชีพจรล่ะ!?"


"อ่อนครับ!!" เสียงของศัลยแพทย์และวิสัญญีแพทย์พูดกันเสียงดังแข่งกับเสียงเตือนของเครื่องวัดชีพจรและความดัน ทำให้ภูตะวันและแพทย์ผู้ช่วยต้องรีบเร่งโกยอวัยวะภายในขึ้นเพื่อหาเส้นเลือดแดงโป่งพองที่แตกออกให้ทันอย่างระมัดระวัง


"ระวังด้วย" ภูตะวันบอกเสียงเครียด ระหว่างที่ค่อยๆขยับอวัยวะภายในร่างกายออกจากตำแหน่งของมันไปเพื่อหาเส้นเลือดที่แตกออกให้เจอทันเวลา


"เจอแล้วครับ!!" เสียงแพทย์ผู้ช่วยร้องดัง อาจารย์จึงเริ่มขั้นตอนต่อไปคือการหนีบเส้นเลือดแดงใหญ่ที่ไปเลี้ยงไตและเปลี่ยนเส้นเลือดแดงที่โป่งพองเข้ากับเส้นเลือดเทียม"


"ทุกอย่างกลับมาปกติแล้วครับ" วิสัญญีแพทย์บอกอีกครั้ง ภูตะวันเหลือบมองเครื่องวัดชีพจรและความดันเล็กน้อย เขากัดกรามแน่นเมื่อความเจ็บปวดแผลยังไม่ทุเลาลง จนทำการผ่าตัดเสร็จลงในที่สุด ภายในระยะเวลา 25 นาที


"ผมเปลี่ยนเส้นเลือดเทียมเข้าไปแล้ว คุณจัดการต่อด้วย" เอ่ยสั่งแพทย์ผู้ช่วยให้จัดการเย็บปิดแผลต่อ ก่อนที่ทุกคนจะก้มหัวเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ เขาจึงพาร่างของตัวเองเดินออกจากห้องผ่าตัดช้าๆและรู้สึกเหมือนทุกอย่างรอบตัวหมุนเคว้งไปหมด


"เราไปดูอาจารย์นะ"


"อืม รีบไปเถอะ" อนุวัฒน์บอกเพื่อนให้รีบไป ด้วยเข้าใจว่าทั้งสองสนิทกันไม่แปลกหากเพื่อนจะเป็นห่วง พระพายจึงรีบวิ่งออก
จากห้องผ่าตัดและตามอีกคนไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าบริเวณคลีนโซนทันที



              เมื่อตามเข้ามาก็เห็นคนตัวสูงในชุดผ่าตัดสีน้ำเงินเข้มนั่งพิงผนังพลางหลับตาอย่างเหนื่อยอ่อน เขาเดินเข้ามานั่งข้างๆอีกฝ่าย พลางจับมือหนาที่กุมแผลของตัวเองอยู่ออก ก่อนจะค่อยๆเปิดเสื้อผ่าตัดเนื้อบางขึ้นดู


"ทำไมไม่อยู่สังเกตการณ์ให้จบ" อาจารย์หมอพูดเสียงอ่อนระโหย เหลือบมองลูกศิษย์ที่กำลังเปิดเสื้อเขาออกอย่างช้าๆ


"ผมเย็บแผลเป็นแล้วครับ" ตอบกลับไปเสียงนิ่ง คนฟังจึงหัวเราะเบาๆกับความดื้อรั้นที่แสนน่ารักของอีกคน พระพายใช้มืออีกข้างจับชายเสื้อให้เหนือแผล หน้าท้องที่เป็นลอนสวย มีผ้าก๊อซขนาดใหญ่ปิดแผลเอาไว้


"เลือดออกนี่ครับ แผลอักเสบแน่ๆ ไปทำแผลเดี๋ยวนี้เลยครับ ผมจะทำให้" ลูกศิษย์คิ้วขมวด ทำหน้าเครียดยิ่งกว่าคนเจ็บที่กำลังมองเขาและยิ้มมุมปากทั้งที่ใบหน้าก็แทบจะไม่มีสีเลือดอยู่แล้ว ซึ่งพระพายก็ได้แต่ถอนหายใจให้กับความไม่จริงจังของอีกฝ่าย ก่อนจะพาคนเจ็บไปพักที่ห้องทำงาน


                พระพายกลับเข้ามาในห้องทำงานของอาจารย์หมออีกครั้งพร้อมด้วยอุปกรณ์ทำแผล ก่อนจะนั่งลงที่โซฟาข้างคนเจ็บที่ตอนนี้เอาศีรษะพาดกับพนักโซฟาอย่างหมดสภาพ


"จับชายเสื้อไว้ครับ" มือบางดึงชายเสื้อขึ้นให้อีกฝ่ายจับเอาไว้ ภูตะวันทำตามที่ลูกศิษย์บอกอย่างว่าง่าย เขาหายใจถี่เนื่องจากความเจ็บไม่ทุเลาลงเลยตั้งแต่อยู่ในห้องผ่าตัด ก่อนที่พระพายจะเริ่มทำแผลโดยการแกะผ้าก๊อซที่ปิดแผลไว้ออก


"แผลอักเสบแล้วครับเนี่ย" เขาพูดเสียงเข้ม พลางใช้คีมหนีบสำลีที่ชุบแอลกอฮอล์เอาไว้แล้วมาทาแผลเพื่อทำความสะอาด คนเจ็บได้แต่สูดปากร้องเมื่อเจ็บและแสบอย่างที่สุด กัดฟันแน่นอย่างทรมาน พลางผงกหัวมาดูแผลของตัวเอง


"เป็นถึงศัลยแพทย์ที่มีฝีมือ แต่ปล่อยให้แผลอักเสบ" พระพายบ่นแต่ก็ทำแผลให้อาจารย์ของตนอย่างตั้งใจ ก่อนใช้สำลีชุบยาใส่แผล


"เจ็บแล้วยังจะไปผ่าตัด ไม่เป็นลมล้มพับไปก็ดีเท่าไหร่แล้วครับ"


"พูดมากจังพระพาย" ภูตะวันมองลูกศิษย์ที่พูดบ่นเขาไม่หยุด ก่อนจะเอื้อมมือข้างที่ว่างไปปิดปากอีกฝ่ายเอาไว้ พระพายจึงรีบเอามือนั้นออก ค้อนวงโตใส่ จิ้มสำลีกดไปที่แผลอย่างหมั่นไส้ อวดเก่งแล้วยังทำเหมือนรำคาญเขาอีก


"... ถ้ารำคาญผมก็ขอโทษแล้วกันครับ" พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ทำแผลให้อีกฝ่ายต่อ โดยมีสายตาของภูตะวันมองไม่วางตาเพราะประโยคเมื่อครู่


"... ผมไม่ได้รำคาญ ผมแค่แปลกใจที่คุณพูดเยอะกว่าปกติ ถ้าทำให้คุณคิดแบบนั้นผมขอโทษ" พระพายขมวดคิ้วก่อนจะระบายยิ้มออกมาเมื่อเห็นสีหน้ารู้สึกผิดของอีกคน


"ผมไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย อย่าจริงจังขนาดนั้นสิครับ ที่ผมพูดมากเพราะเป็นห่วงอาจารย์มากหรอกนะ" เขาหัวเราะน้อยๆ ใช้ผ้าก๊อซสีขาวสะอาดปิดปากแผลจนเสร็จเรียบร้อย


"เสร็จแล้วครับ อาจารย์ก็ควรกลับไปนอนพักที่คอนโดนะครับถ้าไม่อยากนอนให้น้ำเกลืออยู่ห้องพักฟื้น"


"ผมมีงานต้องทำ" หมอซันปิดชายเสื้อลง พลางขยับท่านั่งเล็กน้อย คนฟังถอนหายใจเพิ่งจะบ่นไปแล้วแท้ๆยังจะไม่ยอมฟัง


"จะฟังผมบ้างได้ไหมครับ?" พระพายมองอีกฝ่ายอย่างน้อยใจ ทั้งที่ก็รู้ว่าเขาเป็นห่วงแต่ก็ยังไม่ยอมฟังกันบ้าง


"โอเคๆ กลับก็กลับ" ยอมกลับง่ายๆเพียงเพราะสีหน้าแววตาของลูกศิษย์ที่ทำให้เขาอ่อนใจ


         
                 หลังจากที่ภูตะวันกลับไปพักที่คอนโดได้ไม่นาน ก็เป็นเวลาพักของบรรดาแพทย์และบุคลากรในโรงพยาบาล กลุ่มแพทย์เรสสิเดนท์อย่างพระพายก็ลงมานั่งกินข้าวกันตามปกติเหมือนทุกวัน


"วันนี้บอสไม่มานั่งด้วยกันเหรอพาย?" แพรดาวถามอย่างสงสัย เพราะหลายวันมานี้ที่โต๊ะอาหารของพวกเขามักจะมีบอสมาร่วมด้วยเสมอ


"ไม่ว่างล่ะมั้ง" พระพายตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนัก เพราะก่อนหน้านี้ก็ใช่ว่าจะเคยเจอกันในโรงพยาบาลด้วยโรงพยาบาลก็มีหลายตึกและแผนกของบอสก็อยู่กันคนละตึกกับเขา


"เออ แล้วอาจารย์เป็นไงบ้าง?"


"กลับไปพักที่คอนโดแล้ว" เขาตอบก่อนจะตักข้าวเข้าปาก ถึงแม้จะกลับไปพักแล้วแต่เขาก็ยังเป็นห่วงอยู่ดีว่าฝ่ายนั้นจะกินยาหรือยังหรือว่าทำอะไรอยู่ ได้นอนพักหรือเปล่า เขาเองก็ไม่กล้าจะโทรไปด้วยกลัวว่าจะรบกวน


"แต่นับถือสปิริตอาจารย์เลยนะ เจ็บขนาดนั้นยังเข้าผ่าตัดเองจนเสร็จโคตรเท่เลย"


"เท่ตรงไหน ทำอย่างกับตัวเองเป็นยอดมนุษย์" พระพายพูดขัดที่อวยอาจารย์เกินจริง แพรดาวกับอนุวัฒน์จึงได้แต่มองหน้ากันอย่างแปลกใจที่อยู่ๆเพื่อนก็ทำเหมือนหงุดหงิดอะไรขึ้นมา ก่อนที่ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มจะสะกิดเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆเมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามาในศูนย์อาหาร


"หมอโจมา เราไปกันเถอะ" ทั้งแพรดาวและอนุวัฒน์อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นที่พฤติพงศ์บุกมาหาเรื่องภูตะวันถึงแผนกเรื่องขโมยคนไข้ คำพูดดูถูกเหล่านั้นทำให้ทั้งสองมีอคติกับหมอคนนี้ไปโดยปริยาย พระพายหันไปมองเป็นจังหวะเดียวกับที่ฝ่ายนั้นเห็นเข้าพอดี พฤติพงศ์ยิ้มเย็นๆพลางเดินตรงเข้ามายังโต๊ะของพวกเขา


"ไปเถอะ ไม่อยากหายใจร่วมด้วย" พระพายพูดเสียงขุ่น พลางลุกขึ้นยืนถือจานข้าวเตรียมเอาไปเก็บ ทว่าร่างสูงของหมอแก่ก็ขวางเอาไว้ก่อน เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ข่มใจตัวเองให้ใจเย็นกลัวว่าโรคที่เป็นจะกำเริบขึ้นมา


"ฉันเพิ่งรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ยังไงก็ระวังตัวกันมากกว่านี้ล่ะ มันอาจจะไม่โชคดีไปตลอด" พฤติพงศ์แสร้งทำสีหน้าเป็นห่วงเสียเต็มประดา หากแต่พระพายกลับรู้ดีว่าที่เห็นนั่นมันคือหน้ากากที่มันใส่เอาไว้แสดงละครเท่านั้น


"ขอบคุณมากนะครับที่เป็นห่วง ผมจะระวังตัวไว้ให้มาก แต่ผมว่าคนร้ายมันก็คงจะไม่โชคดีไปตลอดเหมือนกันครับ วันนี้มันหนีไปได้ ต่อให้ผ่านไปอีกสิบปียี่สิบปี ผมก็จะเอามันเข้าคุกให้ได้ครับ" ปิดท้ายประโยคด้วยรอยยิ้มหวานที่ประดับบนใบหน้า ทำเอาพฤติพงศ์หน้าชาและเผลอกำหมัดแน่น ก่อนจะแสร้งยิ้มกลับเช่นเดียวกัน


"ยังไงก็พยายามเข้านะ อย่าปล่อยให้มันลอยนวลนาน ... เพราะมันอาจจะตามมาปิดปากคุณก็ได้" พฤติพงศ์เหยียดยิ้มเย็น ไม่มีท่าทีหวาดหวั่น พระพายมองอีกฝ่ายเขม็งทำท่าจะเดินเลี่ยงไป แต่ก็ไม่วายทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ


"ถึงผมตาย คนที่ยังอยู่ก็จะพามันเข้าคุกเองครับ" คำพูดอวดดีของแพทย์เรสสิเดนท์ทำให้พฤติพงศ์โกรธและคาใจอยู่ไม่น้อย ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะรู้เบื้องลึกของตัวเขามากแน่ๆ เขากดโทรศัพท์ต่อสายถึงคนสนิทที่คอยช่วยงานกันทันที


“สืบให้ฉันทีว่า นายแพทย์พระพาย ภูวนัตถ์ เป็นใคร มาจากไหน"




"พายกล้าไปพูดกับเขาแบบนั้นได้ยังไง เขาดูน่ากลัวออก เหมือนหมอจิตๆ" แพรดาวทำท่าขยาด ขนลุกเกรียว ในระหว่างที่กำลังเดินออกจากศูนย์อาหาร


"รอยยิ้มอย่างกับปีศาจ" อนุวัฒน์พูดเสริมอีกคน รอยยิ้มเย็นๆของหมอคนนั้นยังติดตาเขาไม่หาย พระพายได้แต่เงียบและถอนหายใจ ยังดีที่เพื่อนทั้งสองไม่ได้สนใจว่าเขากับไอ้หมอนั่นมีความหลังอะไรกันมา ไม่นานฝ่ายนั้นคงรู้แน่ว่าเขาเป็นลูกชายของคนที่มันปลอมเอกสารและขโมยอวัยวะไปอย่างหน้าตาเฉยโดยที่ไม่มีใครทราบเรื่อง



               ตั้งแต่ภูตะวันกลับคอนโดไป เขาก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกจนกระทั่งเวลาเลิกงาน พระพายจึงกลับคอนโดด้วยมอเตอร์ไซค์รับจ้างเช่นเคย ถึงแม้จะสนิทสนมคุ้นเคยกับอาจารย์หมอ ทว่าเขาก็ยังเว้นระยะห่างของอาจารย์กับลูกศิษย์อย่างถูกต้องเสมอ นานครั้งถึงจะมาหรือกลับพร้อมอีกคน ...

              เมื่อถึงห้องก็ทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างด้วยสภาพอิดโรยจากที่ไม่ได้นอนมาเกือบสองวัน นึกถึงคำพูดเชิงข่มขู่ของพฤติพงศ์เมื่อกลางวันที่ผ่านมา หากฝ่ายนั้นพูดแบบนั้นออกมาได้ ก็เท่ากับว่าต่างฝ่ายต่างรู้ความลับของกันและกัน ก่อนที่เสียงสมาร์ทโฟนในกระเป๋าสะพายจะแผดเสียงดังขึ้นมาให้เขาหลุดออกจากความคิดเมื่อครู่นี้


"ครับแม่"


(พายทำอะไรอยู่ลูก เสียงดูเหนื่อยๆ ได้พักบ้างรึเปล่า) คุณหมอหน้าหวานระบายยิ้มบางๆเมื่อสัมผัสถึงความเป็นห่วงในน้ำเสียงของบุคคลอันเป็นที่รัก


"พายเพิ่งเลิกงาน คิดถึงแม่กับยายจัง ไว้ถ้าพายว่างจะกลับไปหานะ" พระพายพูดเสียงออดอ้อนราวกับเด็กน้อย และมักจะเป็นแบบนี้เสมอหากเขาได้คุยกับแม่และยายที่รักอย่างสุดหัวใจ


(แม่ก็คิดถึงจ้ะ ยายก็บ่นคิดถึงทุกวัน ถ้างานมันหนักนักไม่ต้องทำแล้วก็ได้นะพาย เรื่องนั้นก็ด้วยเหมือนกัน หยุดซะเถอะลูก แม่กลัวพายจะเป็นอะไร) น้ำเสียงของผู้เป็นแม่อ่อนระโหย พระพายถอนหายใจเบาๆ รู้ว่ามารดาเป็นห่วงตนมากแค่ไหน เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยสนับสนุนให้เขามาแก้แค้น มีแต่ตัวเขาเองเท่านั้นที่ดึงดันจะทำ เอาความถูกต้องเป็นธรรมกลับมาให้ครอบครัว


"พายรู้นะว่าแม่เป็นห่วง แต่พายดูแลตัวเองได้ อีกไม่นานหรอกแม่เดี๋ยวมันก็จบแล้ว ... พายรักแม่กับยายนะ" เขาบอกคนปลายสายด้วยน้ำเสียงหนักแน่น กดวางสายเมื่อฝ่ายนั้นบอกให้ดูแลตัวเองเพื่อรอวันกลับไปเจอกันอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงและเตรียมขึ้นไปหาคนที่คอยทำให้หัวใจเขาคิดหนักวันละหลายหนอย่างอาจารย์ภูตะวัน




                 กำปั้นเล็กเคาะลงบนประตูไม้เนื้อดีไม่ดังมากนัก ทั้งที่ก็ไม่อยากให้คนในห้องเป็นฝ่ายลุกมาเปิดด้วยกลัวว่าแผลจะอักเสบจนหายช้ากว่าเดิม แต่ก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อเขาไม่มีคีย์การ์ดเข้าห้องนี้ รออยู่ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออก พระพายชะงักไปนิดเมื่อคนที่มาเปิดประตูคือหญิงสาวแพทย์สูติ-นารี


"เอ่อ สวัสดีครับ" เขายกมือไหว้อย่างมีมารยาท แต่น้ำเสียงก็ตะกุกตะกัก แปลกใจเล็กน้อยที่เห็นว่าคุณหมอสาวสวยอยู่ในห้องอาจารย์ของเขาด้วย


"สวัสดีจ้ะ เข้ามาสิ ซันหลับอยู่" ขายาวเดินก้าวเข้าไปด้วยจังหวะไม่มั่นคงนัก สโรชาอยู่ในชุดทำงานสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนทำอาหาร


"คุณหมอ ... เข้ามาได้ยังไงเหรอครับ?" ถามอย่างสงสัย ในเมื่ออาจารย์ของตนหลับอยู่และเพิ่งจะเป็นเวลาเลิกงานได้ไม่นาน หากอาจารย์เป็นคนเปิดก็คงไม่น่าจะหลับไปเร็วขนาดนั้น


"ฉันมีคีย์การ์ด ซันเคยให้เอาไว้ใช้เวลาฉุกเฉิน ก็ไม่เคยได้ใช้จนวันนี้นี่แหละ เข้าไปดูมันเถอะ" พระพายพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเปิดประตูเลื่อนเข้าห้องนอนไปจนเห็นว่าคนเจ็บนอนหลับอยู่และสีหน้าดูดีขึ้นกว่าเมื่อเช้ามากแล้ว



               เขานั่งลงที่พื้นข้างเตียง มองหน้าคมเข้มของอีกฝ่ายที่กำลังนอนหลับสนิท ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ พระพายเบะปากด้วยความรู้สึกหมั่นไส้เล็กๆ


"สนิทกันขนาดไหนครับ ถึงได้ให้คีย์การ์ดเข้าห้องได้ มีหลายใบเลยสิท่า" ตาคู่สวยเหล่มองอีกคนอย่างไม่ชอบใจนัก ก่อนจะพูดอีกครั้งเป็นการทิ้งท้ายก่อนออกจากห้องเพราะไม่อยากรบกวนคนเจ็บที่กำลังพักผ่อนอยู่


"หมอบีเธอเป็นผู้หญิงนะครับ ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วมาอยู่ในห้องสองต่อสอง มันน่าเกลียด" พูดจบก็ถอนหายใจและลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทว่ายังไม่ทันที่จะได้เดินออกไปก็ถูกมือหนารั้งข้อมือเอาไว้และดึงจนเขาเสียหลักล้มลงบนเตียงไปอย่างไม่ทันตั้งตัว


"เห้ย!!!" คนตัวเล็กกว่าร้องเสียงหลง เมื่อคิดว่าคนที่หลับอยู่กลับไม่ได้หลับอย่างที่คิด พระพายดิ้นขลุกๆให้หลุดจากพันธนาการของอ้อมแขนแข็งแกร่ง


"อย่าดิ้น! ผมเจ็บ" ภูตะวันบอกเสียงแข็ง อีกฝ่ายก็กลัวว่าอาจารย์ของตนจะเจ็บจริงๆจึงนอนนิ่งให้อีกฝ่ายกอดเอาไว้และยื่นใบหน้ามาใกล้กันเพียงคืบ


"ปล่อยผมสิครับ" พยายามดึงแขนอีกคนออกแต่ก็ไม่เป็นผล เหนียวยิ่งกว่าตีนตุ๊กแก แน่นยิ่งกว่าหนวดปลาหมึก พระพายจึงต้องยอมนอนนิ่งอย่างอ่อนใจ


"รู้ไหมว่าทำตัวน่ารัก" ภูตะวันยิ้มละมุน เขาได้ยินสิ่งที่พระพายพูดตั้งแต่ประโยคแรก ถึงจะหลับไปแล้วแต่เขาก็เป็นประเภทรู้สึกตัวง่าย เพราะเป็นหมอมาหลายปีการจะหลับสนิทจึงเป็นเรื่องยาก


"ไม่เข้าใจครับ" ลูกศิษย์ตอบซื่อๆพร้อมด้วยแววตาสงสัย อยู่ๆก็มาพูดว่าทำตัวน่ารักทั้งที่เขาเองยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ ภูตะวันหัวเราะเบาๆเอ็นดูกับท่าทางของคนในอ้อมกอดที่นอนตัวแข็งทื่อ


"คุณหึงผมกับบี" คนฟังเบิกตากว้างอย่างตกใจสุดขีด เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้หึง ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นหรือบางทีเขาอาจจะไม่เข้าใจว่านี่คืออาการของคนที่กำลังหึงหวง ไม่เคยรู้ ไม่เคยสนใจความรักเพราะชีวิตที่ผ่านมาอยู่กับเป้าหมายในชีวิตของตัวเองมาโดยตลอด


"ผะ ผมไม่ได้หึง ผมแค่ ..."


"แค่อะไร?" สายตาคมกริบมองลูกศิษย์ ราวกับหมาป่าที่กำลังต้อนลูกแกะให้จนมุม ใบหน้าคมเคลื่อนเข้ามาใกล้จนเว้นระยะห่างไม่ถึงคืบ


"... ไม่รู้ครับ!" พระพายพูดเสียงห้วน ดันหน้าอีกฝ่ายออกห่าง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของอาจารย์ที่มองมันทำให้เขารู้สึกเก้อเขินแปลกๆ ทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ภูตะวันหัวเราะนิดๆ ไม่พูดล้อให้อีกฝ่ายต้องเขินอายมากกว่านี้ เดี๋ยวจะกลายเป็นไม่ชอบใจกันเสียเปล่าๆ ก่อนจะลูบหัวกลมของลูกศิษย์แผ่วเบาด้วยความเอ็นดู


"อาการเจ็บดีขึ้นรึยังครับ?" เมื่อเงียบไปนาน พระพายก็ถามถึงอาการเจ็บของอีกคนและนอนสบายตัวมากขึ้น เมื่ออาจารย์คลายอ้อมกอดที่รัดแน่นออกเหลือเพียงโอบไว้หลวมๆเท่านั้น


"ดีขึ้นแล้ว ไม่ได้โกหก"


"ถ้างั้นก็ลุกไปกินข้าวครับ หมอบีเขาทำไว้ให้แล้ว"


"... ผมกับบีเป็นเพื่อนสนิทกันมาก ไม่มีอะไรนอกเหนือกว่าความเป็นเพื่อน สบายใจได้" ภูตะวันตอบสีหน้าจริงจัง ลูบแก้มใสของอีกฝ่ายอย่างเบามือ


"ผมก็ไม่ได้คิดอะไรนี่ครับ" พระพายตอบอ้อมแอ้มก่อนจะจับแขนของอีกฝ่ายที่โอบเอวของตัวเองออกแล้วลุกจากเตียง เดินหนีคนเจ็บออกจากห้องไปทันที ทิ้งให้อาจารย์หมอได้แต่นอนยิ้มกับตัวเอง



"ซันตื่นหรือยังล่ะ?" สโรชาถามระหว่างจัดโต๊ะอาหารเย็น เมื่อเห็นว่าพระพายเดินออกมาจากห้องนอนของเพื่อนสนิทตตัวเอง


"ตื่นแล้วครับ" พระพายคลี่ยิ้ม ก่อนจะช่วยหญิงสาวจัดโต๊ะอาหาร ไม่ใช่ว่าไม่คิดจะหาอะไรให้อาจารย์ทานเป็นอาหารเย็น ขึ้นมาหาเพราะอยากจะถามว่าอยากกินอะไรทว่ากลับกลายเป็นสโรชามาหาและจัดการทุกอย่างก่อนแล้ว


"เดี๋ยวฉันต้องรีบไปแล้ว มีเข้าเวรต่อ นี่ก็แว้บมา เดี๋ยวมันจะหาว่าฉันใจจืดใจดำ เพื่อนเจ็บแล้วไม่ดูแล"


"ไม่อยู่ทานก่อนเหรอครับ?"


"ตามสบายเถอะจ้ะ" สโรชายิ้มสวย พลางถอดเสื้อกันเปื้อนออกในขณะที่หมอซันเดินออกมาจากห้องนอนพอดี


"ฉันทำอาหารไว้ให้ กินแล้วกินยาด้วยล่ะ ฉันกลับละอยู่เวร หายๆไวนะแก"


"อืม ขอบใจ" ภูตะวันพยักหน้าตอบเล็กน้อย เป็นเรื่องธรรมดาที่เพื่อนสนิทคนนี้จะชอบทำอาหารและชอบดูแลคนอื่น โดยเฉพาะเขา ทุกครั้งที่อยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากสโรชาจะเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่อยู่ข้างเขาเสมอ


"ถ้างั้นผมลงไปส่งครับ" พระพายอาสาเดินลงไปส่งเธอที่ข้างล่างตึก แทนคำขอบคุณแทนอาจารย์ที่เธอสละเวลามาทำอาหารให้



                บรรยากาศภายในลิฟท์ดูจะอึดอัดไม่น้อย เมื่อทั้งสองคนที่ไม่สนิทกันเลยมาอยู่ด้วยกันและด้วยความที่เป็นผู้ใหญ่เห็นอีกฝ่ายมีอาการประหม่าอยู่บ้างจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาทำลายความเงียบก่อน


"โชคดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก ตอนรู้เรื่องก็ตกใจเหมือนกัน" พระพายทำเพียงยิ้มบางๆเท่านั้นเพราะไม่รู้จะพูดอะไรด้วยไม่สนิทกันและอีกฝ่ายโตกว่าเขาจึงประหม่าอยู่บ้าง


"กับซันเป็นยังไงบ้าง?" เธอถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ ถึงแม้ในใจจะยังรู้สึกกับผู้ชายที่ชื่อภูตะวัน แต่ไม่ว่าเธอพยายามมากเท่าไหร่ เขาก็เหมือนจะไกลออกไปทุกที จนต้องปล่อยทุกอย่างเอาไว้และเข้าใจโลกของความเป็นจริง


"... ก็ ไม่มีอะไรนี่ครับ ยังเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์เหมือนเดิม" พระพายตอบอย่างไม่สะดวกใจ เงยหน้ามองตัวเลขสีแดงบอกที่บอกชั้นไปเรื่อยๆ


"อย่าหาว่าฉันยุ่งเลยนะ ถ้าไม่ได้คิดอะไรก็บอกมันไปซะ ซันมันเป็นคนเย็นชา แข็งกระด้าง น่ากลัว อ่อนโยนไม่เป็น บางทีอาจจะเข้าถึงยาก" ลิฟท์เปิดออกในขณะที่สโรชายังพูดไม่จบ เธอหยุดพูดพักหนึ่งและเดินเลี่ยงคนที่จะเข้าลิฟท์ต่อ ก่อนจะเดินไปอย่างช้าๆคู่กันกับลูกศิษย์ของเพื่อนไปที่รถ


"แต่รู้ไหมว่าคนเย็นชาเวลารักใครแล้วเขาจะอบอุ่นและดูแลดีมาก ตอนนี้ฉันเห็นว่าซันมันเป็นแบบนั้น ฉันถึงบอกว่าถ้าไม่ได้คิดอะไรก็ควรบอกตั้งแต่ตอนนี้ อย่ายื้อเวลาเพื่อรอคำตอบของใจตัวเอง คนเย็นชาเวลาเขาเสียใจก็เจ็บหนักเหมือนกัน ..."


"... แค่ใจตรงกันแล้วรักกันได้ โลกนี้ก็คงมีคนสมหวังเต็มไปหมดแล้วครับ" นายแพทย์หนุ่มหน้าหวานถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะหันมายิ้มบางๆให้กับหญิงสาว


"ถ้าเป็นฉัน ... ฉันจะทำสิ่งที่ใจฉันต้องการ ความรักมันไม่มีเงื่อนไขอะไรหรอก เราต่างหากที่ตั้งเงื่อนไขให้กับมัน" หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เธอวางมือบนบ่าของพระพายที่ตัวสูงกว่าเธอเล็กน้อยพร้อมกับบีบมันเบาๆให้กำลังใจ ก่อนจะเดินไปที่รถ ทิ้งให้พระพายจมอยู่กับความคิดของตัวเองถึงบทสนทนาระหว่างเขาและเธอเมื่อครู่



"ส่งถึงไหน ไปซะนาน" ภูตะวันพูดเสียงขรึม คนที่เพิ่งเข้ามาห้องมาคลี่ยิ้มให้แทนคำตอบก่อนจะเดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร


"มียาก่อนอาหารรึเปล่าครับ?"


"กินเรียบร้อยแล้ว ผมรอคุณมากินข้าวด้วยกัน" พระพายเบะปากยิ้มๆ ตักข้าวสวยร้อนๆใส่จานอีกฝ่ายอย่างพอดี


"วันนี้ผมเจอมันด้วย" เขาพูดเสียงขุ่น จนหมอซันต้องเงยหน้าจากจานข้าวขึ้นมองใบหน้าอีกฝ่ายว่าหมายถึงใคร แต่เมื่อเห็นลูกศิษย์ทำหน้าบูดเบี้ยวก็รู้ว่าเป็นใครไม่ได้นอกจากพฤติพงศ์


"พูดไม่เพราะเลย เขาแก่กว่า .. แล้วเขาทำอะไรคุณรึเปล่า?" ตำหนิลูกศิษย์ด้วยเสียงที่นุ่มนวลและถามต่อด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าฝ่ายนั้นจะทำอะไรให้ลูกศิษย์ต้องเจ็บตัวหรือโกรธเคือง


"เป็นฆาตรกรยังจะให้พูดเพราะด้วยอีก" บ่นเบาๆพลางเขี่ยข้าวในจาน จนอีกคนต้องจับมือให้หยุดเขี่ยแล้วคุยกันก่อน


"เขาทำอะไรไหม?"


"ไม่ครับ แต่หลังจากนี้ผมว่าเขาต้องทำแน่" ตาคู่สวยมองคนตรงหน้าด้วยความกังวลเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างกังวลใจ


"เราก็ต้องเร่งมือหาหลักฐานเหมือนกัน อาผมได้ข้อมูลผู้ป่วยเมื่อไหร่เราคงทำอะไรได้ง่ายขึ้น"


"เอาไว้ก่อนเถอะครับ อาจารย์ยังไม่หายดี" เมื่อลูกศิษย์พูดแบบนั้นเขาจึงไม่อยากจะขัดใจ แต่ถึงยังไงก็คงไม่ปล่อยให้ช้ากว่าฝ่ายนั้นแน่ๆ ก่อนที่ทั้งสองจะนั่งกินข้าวกันไปเงียบๆโดยมีเสียงจากโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งเอาไว้ไม่ให้ห้องเงียบจนเกินไป ...



***************



Talk : เสร็จเร็วมากตอนนี้ พิมพ์ในไอโฟนมือหงิก เรื่องเรียนยังไม่ขยันขนาดนี้เลย เขินจัง >///< 5555555555 มันก็เริ่มเข้มข้นขึ้นบ้างแล้วล่ะ ตอนหน้าอาจารย์หมอสุดหล่อของเราก็น่าจะหายได้แล้ว พร้อมระเบิดภูเขา เผากระท่อม ชำแหละหมอโจเอาคืนให้น้องพายอย่างเลือดเย็น (?) ไม่ใช่ละ นั่นแหละ แค่อยากให้ติดตามกันต่อไป อิอิ


เราอ่านคอมเม้นท์ตลอดนะ เม้นท์ได้เราชอบอ่าน อ่านแล้วชอบยิ้ม เราเป็นบ้า 555555555 พบกันตอนหน้าค่าาาา :3
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 14 (24-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 25-07-2015 00:25:36
กรี๊ดดดด มาต่อไวมาก ดีใจน้ำตาไหล ชอบอ่านฉากในห้องผ่าตัดมากๆๆๆๆ ขอบคุณคนแต่งค่า

หมอซันผู้เย็นชา เป็นจิ้งจอกจะตะครุบน้องพายผู้น่ารักชัดๆ เลย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 14 (24-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: nuja ที่ 25-07-2015 08:33:50
หมอซันเท่มากกกกกกกกกเลย หายไวไวนะคะ

คนชั่วจะออกลายแล้ว เดี๋ยวหมอพายจะโดนทำร้าย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 14 (24-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 25-07-2015 09:16:23
ลุ้นเป็นห่วงหมอซันในช่วงผ่าตัด แล้วก็ผ่านไปด้วยดี
แต่โดนมาพายบ่นแทน

หมอซันรีบหายจะได้ช่วยหมอพายเอาผิดหมอโจ
คงไม่นิ่งนอนใจ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 14 (24-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 25-07-2015 12:38:37
รอดูหมอซันบู๊เพื่อปกป้องน้องพาย กรี๊ดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 14 (24-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 25-07-2015 14:23:25
อร้ายยยยยย เค้ามีหึงกันด้วยอะ น่ารักกกกก
ว่าแต่หมอซันนี่พร้อมจะเบิดภูเขาเผผากระท้อมเพื่อพระพายเลนหรอ 555555555

ส่วนหมอโจยิ่งจิตขึ้นทุกวัน
อยากให้พระพายระวังตัวมากกว่านี้ คนลอบกัดมันก็ลอบกัดวันยังค่ำ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 14 (24-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 25-07-2015 16:56:48
หมอซันเก่งมาก เท่มากด้วย น้องพายก็รีบรับรักหมอซันซะที คนอ่านลุ้น
ศัตรูออกตัวแรงอย่างนั้น ปะทะเดือดแน่ ระวังตัวกันด้วยนะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 14 (24-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 25-07-2015 18:28:41
สนุกมากชอบที่สุดเลย เรื่องหมอๆเนี่ยะ






ต้องเข้ามาเป็นแฟนหมอซันกับหมอพระพายแล้วละ







แต่ตาแก่หมอโจนี่ จะร้ายไปถึงใหน







ไม่กลัวเป็นมะเร็งในสมองตายหรือไงตาแก่นี่
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 14 (24-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar ที่ 25-07-2015 21:26:04
หมอซันโหมดอินเลิฟเนี่ย มันช่างน่ารักได้อกได้ใจจริงจริ๊ง เชียร์สุดตัวเลยแบบนี้

หมอบีก็น่ารักอ่ะ เป็นหญิงที่แมนนนนนมาก สุดยอดเลย

ตั้งตารออ่านต่อนะค๊า อยากเห็นหมอซันจัดหนักๆ กับตาหมอโจแล้ว
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 14 (24-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 25-07-2015 23:46:35
หมอซันมีความรัก น่าร้ากกกกกก
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 14 (24-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 26-07-2015 03:49:47
หมอซันเก่งมากกก ใส่ใจหมอพายมากๆๆๆด้วย
กลัวน้องเค้าโกรธจนต้องรีบกลับไปพัก น่ารักกกก
หมอพายก้หึง หวง ห่วงแบบไม่รุตัว เมาๆมึนๆ 5555
ส่วนหมอบีนี่คือดีอะ ผญเข้าใจโลกและรับความจริงได้ เธอแมนมากก
แต่หมอโจนี่ควรโดนเก็บ น่าหมั่นไส้
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 14 (24-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 26-07-2015 09:35:30
โอ๊ยยยยยยยย หมอขี้ซันอ้อนจริงรุกเรื่อยๆแบบนี้แหละพระพายจะได้ตกลงเร็วๆ ว่าแต่อีตาหมอโจนี่น่ากลัวนะ ไม่น่าเรียกหมอเลยเสียหมด ดูจิตด้วย 

ดีใจที่มาต่อเร็วนะคะ รักษาเวลาในการมาต่อเร็วแบบนี้ได้เราจะรักมากเลย 5555
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 14 (24-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 26-07-2015 18:28:31
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 14 (24-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 29-07-2015 14:06:16
เรื่องนี้น่ารักมากกกกกกกกกกก
สนุกมากกกกกกก

มีปมเล็กๆ
ตัวละครมีสเน่ห์

แถมรายละเอียดในวงการแพทย์ก็แน่นกว่าหลายๆเรื่อง
ขนาดผู้แต่งไม่ได้เรียนแพทย์นะ แสดงว่าทำการบ้านมาดีมาก

ชอบมากครับ อยากแนะนำคนอื่นๆให้อ่านจริงๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 14 (24-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: kpHJstdy ที่ 29-07-2015 23:03:18
เพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรกชอบมากกกกกกก เป็นนิยายเกี่ยวกับหมอที่ดีงามเลอค่าสุดๆ แบบดีมากกก อ่านแล้วลุ้นตลอดเลย ชอบตอนผ่าตัดมากๆเลยค่ะ อ่านแล้วอินนึกว่าโดนผ่า 55555555555 อันนี้ไม่ใช่และ คนแต่งเก่งมากเลย สุดยอดในความตั้งใจสุดๆเลยค่ะ หาข้อมูลและแต่งได้ขนาดนี้เรานับถือมาก แถมสนุกมากด้วย มีปมให้ชวนลุ้น อ่านแล้วเกลียดหมอโจมากกกก เลวสุดๆ  แล้วตอนนี้พี่หมอซันสุดหล่อของเรา(???) ยิ่งน่ารักคิดเรื่อยๆเลย ฮื้อออออออ ขอคบหมอพายแล้วความน่ารักของอาจารย์หมอของเรานี่พุ่งทะลุมากกกกกกกก อยากให้หมอพายคิดให้น้อยลงแล้วตกลงคบกับพี่หมอซันเถอะนะคะ   :hao5:   จะรอตอนต่อไปนะคะ ชอบมากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 14 (24-07-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 01-08-2015 12:27:19
งวดนี้คนแต่งหายไปนานจัง คิดถึงค่าาา
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] up. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 02-08-2015 07:28:11

-15-


"พระพาย ภูวนัตถ์ เป็นลูกชายของนายพีระ ภูวนัตถ์ เสียชีวิตไปหลายสิบปีก่อน เคยเป็นคนไข้ของคุณหมอครับ" ชายร่างสูงที่ถูกแพทย์รุ่นใหญ่ว่าจ้างให้สืบเรื่องราวของฝ่ายนั้น รายงานด้วยความนอบน้อมเพราะอีกคนมีอำนาจเหนือกว่าตนอยู่มาก


"พีระ ภูวนัตถ์ ... เสียชีวิตเพราะอะไร" ดวงตาภายใต้กรอบแว่นสายตาหรี่ลงมองชายร่างสูงอย่างต้องการคำตอบที่แน่ชัด ตลอดชีวิตการเป็นหมอเขาผ่านคนไข้มาหลายราย จึงจดจำได้ไม่ทั้งหมด


"ผ่าตัดหลังเกิดอุบัติเหตุครับ แต่มีเอกสารการบริจาคอวัยวะของนายพีระ ซึ่งผมคิดว่า .."


"เอกสารปลอม ฉันพอจะเดาทางของเด็กคนนั้นออกละ มันคงโกรธแค้นฉันมากที่ทำให้พ่อมันตาย ฉันก็ไม่ได้ให้พ่อมันตายฟรีๆเสียหน่อย เงินค่าทำศพฉันก็หยิบยื่นให้แต่ครอบครัวมันไม่เอาเอง ... ช่วยไม่ได้"


"จากนี้คุณหมอจะทำยังไงต่อครับ?"


"... มันกำลังรนหาที่ตาย มีอวัยวะครบดีๆไม่ชอบ ให้คนจับตาดูมันไว้ ฉันปล่อยให้มันเล่นสนุกนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว" พฤติพงศ์สั่งเสียงเรียบ ก่อนจะลุกเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ มองออกไปข้างนอกด้วยสีหน้าครุ่นคิด ชายร่างสูงจึงเดินออกจากห้องไปอย่างรู้หน้าที่ของตัวเอง



                 ภายในห้องทำงานของแพทย์เรสสิเดนท์ตอนนี้เงียบจนได้ยินเสียงเดินของเข็มนาฬิกาติดผนัง ปากกาด้ามสีดำถูกมือเล็กหมุนไปมาอยู่ครู่ใหญ่ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างใช้ความคิด


"พาย"


"พระพาย!" เสียงเรียกที่ดังขึ้นพร้อมแรงจับบนไหล่ทำให้พระพายสะดุ้งเล็กน้อย เขาเงยหน้ามองแพรดาวที่เป็นคนเรียกเขาให้หลุดออกจากความคิดของตัวเอง


"เป็นอะไร หลายวันมานี้ดูเครียดๆเหม่อๆนะ" แพรดาวถามอย่างเป็นห่วงระคนสงสัย หลายวันมานี้ดูพระพายจะไม่ค่อยปกติเท่าไหร่นัก อีกฝ่ายเหมือนมีเรื่องให้คิดตลอดเวลา ซึ่งเธอไม่รู้ว่าเรื่องอะไร


"... ไม่มีอะไรหรอก" พระพายตอบปัดพลางส่งยิ้มบางให้อีกฝ่ายสบายใจ ถึงแม้แพรดาวจะไม่เชื่อเท่าไหร่ก็ตาม แต่เธอก็ไม่เซ้าซี้ถาม เพราะถ้าพระพายอยากจะเล่าก็คงจะเล่าให้ฟังตั้งแต่แรกแล้ว


"อ้อ! วันนี้อาจารย์จะกลับมาทำงานแล้วใช่ไหม? OPD คิวรอตรวจแน่นเลย"


"อืม เราไปรออาจารย์ที่วอร์ดกันเลยเถอะ" เขาลุกจากเก้าอี้และเดินนำแพรดาวออกไปจนถึงวอร์ด ก็พบว่าอาจารย์หมอกำลังยืนอ่านชาร์จคนไข้พร้อมกับอนุวัฒน์อยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองคนจึงยกมือไหว้สวัสดีทั้งอาจารย์และพยาบาลสาวประจำวอร์ดอย่างเช่นทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ


"ทำไมมาช้ากันจัง" หมอเอิร์ธโอดครวญ ให้เขายืนอยู่กับอาจารย์หมอที่ได้ชื่อว่าโหดและดุของแผนก เขาเองก็เกร็งไปบ้างเหมือนกัน ถึงแม้จะอยู่ที่นี่มาได้สักพักแล้วก็ยังไม่สนิทกับอาจารย์หมอเท่ากับพระพาย


"โทษพายเลย พายมัวแต่นั่งเหม่อ ไม่รู้มีเรื่องอะไรให้คิดนัก" แพรดาวระบายยิ้ม แกล้งโยนความผิดให้เพื่อนก่อนจะรับชาร์จคนไข้ในแผนกจากพยาบาลสาวมาเปิดอ่าน ภูตะวันละสายตาจากชาร์จเหลือบขึ้นมองลูกศิษย์หน้าหวานเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายเอาแต่นั่งเหม่อ คนถูกมองหลบสายตาก่อนยื่นหน้าอ่านชาร์จร่วมกับแพรดาวอีกคน


"ไปกันได้แล้ว" ภูตะวันบอกเสียงเรียบก่อนจะเดินนำทุกคนไปยังห้องพักฟื้นพิเศษของผู้ป่วยเพื่อตรวจอาการหลังจากผ่าตัด นึกเป็นห่วงอีกคนใจจะขาดว่าเรื่องใดที่ทำให้ลูกศิษย์เก็บมาคิด แต่ก็ต้องละเอาไว้ด้วยคิดว่าหากถามไปตอนนี้ก็คงจะไม่เหมาะนักเมื่อไม่ได้อยู่ในเวลาที่สมควรพูดเรื่องส่วนตัว



                 คณะแพทย์นำโดยภูตะวันมาถึงที่ห้องพักฟื้นของผู้ป่วยที่เขาเพิ่งจะทำการผ่าตัดไปเมื่อหลายวันก่อน วันนี้เป็นวันแรกที่ได้กลับมาทำงานอีกครั้งหลังจากพักฟื้นจากแผลถูกแทงจนดีขึ้นแล้ว จึงเป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่เขาได้มาตรวจเยี่ยมอาการ


"สวัสดีครับ" ภูตะวันทักทายญาติผู้ป่วยด้วยรอยยิ้มเพียงเล็กน้อย คณะแพทย์และพยาบาลที่เหลือจึงค้อมหัวลงเล็กน้อยเป็นการแสดงความเคารพ


"สวัสดีค่ะ มากันเยอะเลยนะคะวันนี้" หญิงผู้เป็นบุตรสาวของผู้ป่วยเอ่ยทักอย่างเป็นกันเองพร้อมระบายยิ้มสวยที่ทำเอาหลายคนหัวใจกระตุก


"หลายวันมานี้มีอาการอะไรผิดปกติหรือเปล่าครับ?" ภูตะวันถามพลางเดินเข้าไปชิดเตียง ก่อนชายสูงอายุที่เป็นผู้ป่วยจะขยับตัวเล็กน้อยและลืมตาขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรรบกวนการนอน


"ก็มีแค่บ่นว่าปวดแผลนะคะ นอกนั้นก็ไม่มีอะไร" อาจารย์หมอพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้ เขาตรวจคลื่นหัวใจและวัดความดัน เรสสิเดนท์และแพทย์คนอื่นต่างก็จดโน๊ตไว้ในสมุดของตัวเองเพื่อเป็นความรู้ พระพายมองหญิงสาวที่สวยดูมีสง่าสลับกับมองอาจารย์หมอของตน หากเขาไม่ได้คิดมากไปสายตาของหญิงสาวที่มองอีกฝ่ายนั้น ต่างจากสายตาของญาติผู้ป่วยและหมอทั่วไป


"อีกสองสามวันก็กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้วล่ะครับ จากนี้ผมก็ขอให้ดูแลเรื่องการสูบบุหรี่ ควรจะเลิกนะครับ หลังจากนั้นหมอรังสีจะนัดมาตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์อีกที"


"ค่ะ ขอบคุณคุณหมอมากนะคะที่ช่วยผ่าตัดพ่อจนปลอดภัย เห็นพยาบาลบอกว่าตอนนั้นคุณหมอเองก็เจ็บอยู่ด้วย ..." เธอมีสีหน้าเกรงใจเล็กน้อยแต่ก็ขอบคุณออกมาจากใจจริงๆและชื่นชมสปิริตของภูตะวันไม่น้อย


"เป็นหน้าที่ของพวกผมอยู่แล้วล่ะครับ" อาจารย์หมอคลี่ยิ้มบาง ผู้หญิงที่ดูสวยและมั่นใจแฝงเสน่ห์ไว้ในดวงตาคู่สวยที่ไร้แววแต่งแต้มจากเครื่องสำอาง ไม่แปลกนักหากผู้ชายอย่างเขาจะคิดว่ามันดูน่ามอง


"ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆค่ะ" หญิงสาวระบายยิ้ม พระพายกลอกตาไปมาแอบยู่ปากที่เห็นอาจารย์กับเธอพูดคุยกันราวกับว่าในห้องนี้มีเพียงเขาสองคนทั้งที่ยังมีอีกหลายชีวิตยืนมองพวกเขาอยู่อย่างเงียบๆ


                หลังจากการราววอร์ดในช่วงเช้าเสร็จ พวกเขาก็ต้องไปตรวจ OPD ที่ชั้นของผู้ป่วยนอกต่อ เนื่องจากภูตะวันเป็นแพทย์ที่เก่งในระดับต้นๆของโรงพยาบาล ผู้ป่วยหลายรายจึงยอมจองคิวรอเพื่อจะได้ตรวจกับเขา ทำเอาพระพายแอบภูมิใจและชื่นชมอีกฝ่ายอยู่ในใจและด้วยการตรวจที่ค่อนข้างยาวนานจึงทำให้ทั้งสองคนไม่ได้มีเวลาพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวเลยจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนถึงพักกลางวัน ...


"ไม่ไปทานข้าวด้วยกันก่อนเหรอคะอาจารย์?" แพรดาวเอ่ยถาม


"ไม่ล่ะ เชิญพวกคุณตามสบายแล้วเจอกันที่ประชุม" ปฏิเสธเสียงเรียบ ในขณะที่กำลังจะเดินแยกไปอีกทาง เสียงของลูกศิษย์ปากแข็งก็รั้งเอาไว้เสียก่อน


"อยากทานอะไรฮะ ผมจะซื้อขึ้นไปให้" หมอพายพูดเสียงอ่อน ถึงแม้จะยังหงุดหงิดจากเรื่องเมื่อเช้าแต่ความเป็นห่วงอีกฝ่ายก็มีมากกว่า


"... ไม่เป็นไร ผมไม่ค่อยหิว" คนตัวสูงยิ้มบางให้อีกคนวางใจว่าเขาไม่หิวอย่างที่พูดจริงๆ ก่อนจะเดินจากไปเพื่อให้ลูกศิษย์มีเวลาส่วนตัวกับเพื่อนบ้าง พระพายจึงถอนหายใจเมื่ออีกฝ่ายเดินลับตาไปแล้ว



                ภูตะวันนั่งอ่านทบทวนประวัติของผู้ป่วยในระบบคอมพิวเตอร์ที่เข้ามาตรวจเมื่อเช้านี้เพื่อนำไปวินิจฉัยต่ออย่างละเอียดอีกครั้งอย่างเคร่งเครียด ก่อนที่เสียงเคาะประตูห้องจะดังขึ้นและประตูก็ถูกเปิดในเวลาต่อมาโดยที่เขายังไม่ได้อนุญาตด้วยซ้ำ


"ขออนุญาตครับ"


"พระพาย" อาจารย์หมอพูดเสียงเบา แปลกใจที่อีกฝ่ายมาหาในเวลานี้ทั้งที่อีกตั้งเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาประชุม แต่เมื่อไล่สายตาลงไปก็พบว่ามือเล็กถือถุงที่ข้างในบรรจุกล่องข้าวเข้ามาด้วย


"ต้องให้ผมบอกกี่ครั้งครับว่าเป็นหมอก็ต้องดูแลตัวเองด้วย ถึงจะยุ่งแค่ไหนก็ควรหาเวลากินข้าวนะครับ" พระพายพูดเสียงเรียบเช่นเดียวกับสีหน้าพลางเดินไปนั่งลงที่โซฟาและจัดแจงเอากล่องข้าวออกมาจากถุง หมอซันอมยิ้มเล็กน้อยถึงแม้ลูกศิษย์จะทำเหมือนไม่ค่อยพอใจแต่เขากลับมองว่ามันดูน่ารักที่อีกฝ่ายเป็นห่วงเป็นใยตน


"มากินสิครับ เดี๋ยวจะเย็นหมด" พระพายเรียกอีกฝ่ายเสียงดังขึ้นเล็กน้อย เรียวคิ้วขมวดมุ่นไม่พอใจที่อีกฝ่ายเอาแต่นั่งมองเขาจากโต๊ะทำงานทั้งที่เขาก็เตรียมทุกอย่างให้จนพร้อมแล้ว

ภูตะวันหัวเราะเล็กน้อยกับความดุที่ดูน่ารักมากกว่าของลูกศิษย์ก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับพระพาย นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองอีกฝ่ายอย่างขอบคุณ


"สายตาแบบนี้ของอาจารย์ ใช้มองทุกคนที่สนใจเลยรึเปล่าครับ"


"หมายถึงอะไร?"


"ก็! ... ไม่มีอะไรครับ" หมอพายปฏิเสธเสียงเบาในประโยคหลัง หลังคิดขึ้นมาได้ทันว่าไม่ควรที่จะพูดไป ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้มีสิทธิ์ไม่พอใจ หากพูดไปก็คงจะไม่เหมาะ


"ผมอยากให้คุณมีอะไรก็พูดออกมา เล่าออกมาให้ผมฟัง เหมือนกับที่คุณพูดตอนผมหลับ" ภูตะวันพูดด้วยสีหน้าจริงจังและรู้สึกน้อยใจอยู่ลึกๆที่อีกฝ่ายไม่กล้าที่จะพูดความจริงกับเขา มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่สำคัญกับอีกคนเลย พระพายเองก็รู้สึกแย่ขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าของอาจารย์หมอ เขาจึงสูดหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ก่อนจะพูดสิ่งที่อัดอั้นอยู่ข้างในออกมา


"... ผมเห็นนะครับสายตาที่อาจารย์มองลูกสาวคนสวยของคนไข้เมื่อเช้า เธอเองก็ดูจะชอบอาจารย์ด้วยเหมือนกัน ถ้าอาจารย์ชอบเธอก็ควรจะบอกผมให้รู้ก่อน จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจของผม ... ให้ตายเถอะ ผมไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย ผมขอตัวครับ" เขาพูดรัวเร็วจนแทบจะไม่ได้หยุดหายใจ ก่อนจะลุกออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกที่แปลกประหลาดปะปนกันไปหมด ทิ้งให้อาจารย์หมอได้แต่อึ้งไปกับประโยคที่รัวมาเป็นชุดของลูกศิษย์ ก่อนจะหัวเราะเบาๆเมื่อจับใจความทั้งหมดได้


"... พระพาย ผมแค่มอง" เขาส่ายหัวไปมาเล็กน้อย นึกขำที่อีกฝ่ายคิดเองไปต่างๆนาๆ ทั้งที่ความจริงเขาไม่ได้คิดอะไรกับฝ่ายหญิงเลยด้วยซ้ำ เขาเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ชอบมองผู้หญิงที่น่ามองเหมือนผู้ชายทั่วไป จะให้คิดเป็นอื่นได้อย่างไรในเมื่อหัวใจมีใครอีกคนจองพื้นที่เดินเล่นจนเต็มหัวใจไปแล้ว ...



              ถึงเวลาประชุมของแผนกหัวใจและหลอดเลือดในช่วงบ่าย ทีมแพทย์มากันเกือบจะครบแล้ว ขาดก็แต่เรสสิเดนท์สามคนที่ยังไม่ถึงที่ประชุมเสียที ภูตะวันและคนอื่นๆนั่งรออย่างใจเย็น เพราะยังเหลือเวลาอยู่อีกนิดหน่อยก่อนประชุม


"มาแล้วครับ" แพทย์เฟลโล่พูดขึ้นเมื่อเห็นว่ารุ่นน้องเรสสิเดนท์เข้ามาแล้ว อาจารย์หมอขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นเพียงแพรดาวและอนุวัฒน์


"พระพายล่ะ?"


"เขาขอกลับไปก่อนค่ะ เห็นบอกว่าไม่ค่อยสบาย" แพรดาวตอบคำถามอาจารย์ตามที่พระพายบอกเอาไว้ก่อนออกไป โดยที่เธอเองไม่ได้รับคำอธิบายอะไรมากนักจากอีกคน


"เป็นอะไรมากรึเปล่า?" ภูตะวันถามอย่างร้อนใจ เมื่อพักกลางวันฝ่ายนั้นก็ยังดูปกติทุกอย่าง ไม่มีอาการอะไร เมื่อถูกถามแพรดาวและอนุวัฒน์จึงทำได้เพียงส่ายหัวช้าๆเพราะเขาไม่รู้อะไรมากกว่านั้นจริงๆ คนตั้งคำถามจึงได้แต่ถอนหายใจ ถึงจะเป็นห่วงมากแค่ไหนก็ละทิ้งหน้าที่ของตัวเองไม่ได้


"เริ่มเลยไหมครับ?" แพทย์หนุ่มพูดหลังจากที่แพรดาวและอนุวัฒน์นั่งลงแล้ว เมื่อได้รับการอนุญาตที่เป็นเพียงการพยักหน้าลงเล็กน้อยจากอาจารย์หมอที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ เขาจึงเปิดจอโปรเทคเตอร์เป็นภาพเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ของผู้ป่วยรายหนึ่ง

การประชุมที่คล้ายกับการแลกเปลี่ยนความคิดทางวิชาการแพทย์จึงเริ่มขึ้นไปอย่างเรื่อยๆ โดยที่สมองของภูตะวันก็สลับกันคิดเรื่องของลูกศิษย์และเรื่องผู้ป่วยบนจอฉายข้างหน้าอย่างไม่มีติดขัด


              เสียงเครื่องบดกาแฟดังลั่นร้านแต่ก็ไม่ทำให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการหงุดหงิด อาจเป็นเพราะกลิ่นกาแฟที่หอมอบอวล ชวนให้รู้สึกอบอุ่นและสบายใจ เช่นเดียวกับนายแพทย์หนุ่มที่ใช้ช้อนคนกาแฟร้อนในแก้วอย่างใจลอย


"โทษทีจ้ะที่ให้รอ" เสียงใสของแพทย์หญิงสโรชาดังขึ้น เรียกให้พระพายหลุดออกจากโลกของตัวเอง พลางลุกจากเก้าอี้เพื่อเป็นการให้เกียรติคนมาใหม่


"ผมต่างหากครับที่ต้องขอโทษ ผมนัดฉุกละหุกเกินไป แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณนะครับที่มา"


"ไม่เป็นไรจ้ะ ถ้าว่างฉันก็มา ... นัดฉันมากะทันหันแบบนี้ เรื่องซันใช่ไหม?" สโรชาถามลูกศิษย์ของเพื่อนอย่างไม่อ้อมค้อม เพราะที่พระพายนัดเธอมาอย่างกะทันหัน คงไม่มีเรื่องอะไรนอกจากเรื่องของคนที่ไม่ได้มาด้วย


"... คือ" พระพายอึกอัก เมื่อถูกจี้ถามตรงๆโดยที่เขาเองยังไม่ทันตั้งตัว ถึงแม้จะนัดเธอมาเพราะเรื่องนี้แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายถูกจี้ให้ตอบ


"ถ้าเป็นเรื่องซัน ฉันว่าวันนั้นฉันพูดไปหมดแล้ว"


"ผมสับสน คิดมาก ... และกลัว" เขาสับสนและกลัวไปหมด ความรู้สึกหลากหลายประเดประดังเข้ามา นัยน์ตาวูบไหวไปมาจนสโรชารู้สึกเห็นใจ ไม่รู้ว่าพระพายต้องจมอยู่กับความรู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว แต่กลับกันเธอก็พอรู้ว่าภูตะวันก็คงจะผ่านช่วงเวลาแบบที่พระพายเป็นมาก่อน


"แต่ฉันก็คิดว่าเพื่อนของฉันคงไม่ได้ตัดสินใจอะไรโดยที่ไม่คิดให้ดีซะก่อน ซันคงจะผ่านช่วงเวลาสับสนในหัวใจมาแล้วเหมือนกัน เขาไม่เคยรักหรือชอบผู้ชายคนอื่นจนมาเจอคุณ คุณคิดว่าเขาจะไม่สับสนเลยเหรอ ... ความกลัวฉันคิดว่าเขาก็เคยมี แต่เขาก็ก้าวข้ามเส้นความกลัวนั้นมา เพื่อมาหาคุณ"


"..........." พระพายอึ้งไปกับคำพูดของหญิงสาว รู้สึกผิดในใจอยู่ลึกๆที่เขาเองก็มองและสนใจแต่ความรู้สึกตัวเองจนลืมไปว่า อาจารย์ของเขาก็อาจจะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากเหมือนอย่างเขาตอนนี้มาก่อนแล้วก็ได้


"คนที่เขาแสดงความรู้สึกออกมาไม่เก่ง เขาอาจจะซ่อนความเจ็บไว้ลึกๆในใจก็ได้ ... รอได้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรอตลอดไปหรอกนะ" สโรชาพูดอย่างเข้าใจทั้งสองฝ่าย ภูตะวันเองไม่ใช่คนที่แสดงความรู้สึกออกมาได้เก่งนัก เขาอาจจะเสียใจอยู่ลึกๆหากรักครั้งนี้มันไม่สมหวังและเธอเองก็เข้าใจพระพายอีกเช่นเดียวกันว่ากำลังรู้สึกอย่างไรในขณะนี้ แต่ในเมื่อเพื่อนของเขาก้าวออกมาจากความกลัวนั้นแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่พระพายจะต้องคิดมากหรือกังวลอีก พระพายถอนหายใจ ก่อนจะเสตามองออกไปนอกกระจกบานใหญ่แทน



               ร่างสูงของอาจารย์หมอเดินวนไปมาอยู่ในห้องพักคอนโดของตัวเองอย่างวิตกกังวล เมื่อติดต่อลูกศิษย์ไม่ได้ตั้งแต่ช่วงเย็นหลังการประชุมจบลง จนตอนนี้ก็หัวค่ำแล้ว ไปหาที่ห้องก็ไม่มีใครเปิดประตู เป็นห่วงแทบขาดใจเพราะกลัวจะเกิดเรื่องที่ไม่ดี อีเมล์จากผู้เป็นอาที่ส่งเวชระเบียนคนไข้ของพฤติพงศ์ก็ไม่มีกะจิตกะใจจะเปิดดูในตอนนี้
 
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
                เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นเพียงไม่กี่ครั้ง ขายาวก็วิ่งถลาไปเปิดประตูทันที หวังจะให้เป็นบุคคลที่ตนกำลังรอ ทันทีที่เห็นใบหน้าหวานของลูกศิษย์ปรากฏก็ถอนหายใจโล่งอกทันที


"ไป.." ยังไม่ทันจะถามจนจบประโยค ร่างที่เล็กกว่าก็ก้าวเข้ามาสวมกอดเขาเบาๆ จนภูตะวันเองก็งงอยู่ไม่น้อย ไม่รู้ว่าคนตัวเล็กกว่าไปเจออะไรมา


"เป็นอะไร บอกผมได้ไหม?" ถามเสียงอ่อนโยน พลางยกมือขึ้นกอดตอบร่างของอีกฝ่ายและลูบหลังช้าๆอย่างปลอบโยน


"... หลายวันมานี้ผมรู้สึกแปลกๆ ไม่สิ อาจจะเป็นมานานแล้ว แต่ช่วงนี้ผมแค่รู้สึกว่ามันแปลกกว่าปกตินิดหน่อย" พระพายพูดเสียงอูอี้อยู่กับบ่าของคนที่สูงกว่า เขารู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นเร็วกว่าปกติมาก ทำให้การพูดของเขามันดูวกไปวนมา


"ผมหงุดหงิดง่ายๆที่เห็นว่าอาจารย์ใกล้ชิดกับผู้หญิงคนอื่น ..." เสียงที่สั่นเครือของคนพูด ทำให้ภูตะวันต้องดันคนที่อยู่ในอ้อมกอดออกเบาๆแล้วจ้องมองนัยน์ตาคู่สวยที่ตอนนี้เริ่มแดงก่ำเหมือนคนจะร้องไห้แต่กลั้นเอาไว้


"... อาจารย์ทำให้ผมสับสนและกลัวไปหมด ว่าถ้าผมตัดสินใจไป พรุ่งนี้ของเรามันจะเป็นยังไงต่อ คนอื่นที่เขามองเราเขาจะมองด้วยความรู้สึกแบบไหน ... ผมเห็นแก่ตัวที่เอาแต่กลัวกับสิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้น จนมองข้ามความรู้สึกของอาจารย์ และวันนี้ผมอยากตอบคำถามนั้นของอาจารย์อีกครั้ง ถามผมอีกรอบได้ไหมครับ?" คนตัวสูงเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงมีสีหน้าจริงจัง ก็เลือกที่จะถามประโยคนั้นอีกครั้งตามที่ขอ


"... คบกับผมได้ไหม พระพาย"


"... ตกลงครับ ผมจะคบกับอาจารย์" ภูตะวันค่อยๆระบายยิ้มออกมาช้าๆเมื่อได้รับคำตอบที่รอมานาน พระพายอมยิ้มเล็กน้อย เขาก้มหน้าหลบสายตาอีกฝ่ายที่มองอย่างล้อๆ ก่อนจะถูกจับที่ปลายคางให้เงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าอีกครั้ง


"ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ผมจะพาคุณผ่านมันไปด้วยกัน" ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยแก้มใสของอีกคนเบาๆและเขามองกันอย่างมีความหมายลึกซึ้ง


"ผมเชื่ออาจารย์เสมอครับ" พระพายตอบด้วยรอยยิ้มหวาน เมื่อได้พูดมันออกไปแล้ว ความรู้สึกที่เคยเป็นก็เหมือนจะค่อยๆหายไป ทำตามที่หัวใจสั่งมันไม่ใช่เรื่องผิด คนฟังขมวดคิ้วพลางหัวเราะเล็กน้อย จนลูกศิษย์มองอย่างสงสัยว่าตนพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า


"เพื่อไม่ให้รู้สึกว่าเราต่างกัน เราควรเปลี่ยนสรรพนามกันดีไหม เลิกเรียกผมว่าอาจารย์ได้แล้ว"


"ไม่ได้หรอกครับ อยู่ที่โรงพยาบาลก็คืออาจารย์ของผมอยู่ดี" พระพายยืนยันเสียงแข็ง จนภูตะวันต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะจับมือเล็กทั้งสองข้างเอาไว้


"ถ้าอยู่กันสองคน ไม่เป็นอาจารย์กับลูกศิษย์ได้ไหม?"  เขาทำสีหน้าเว้าวอนพร้อมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง จนพระพายใจอ่อนยอมพยักหน้าตกลง ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเย็นหรือหนักหนาอะไร


"... ขอบคุณที่ยอมเชื่อใจและตกลงคบกับผม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ คุณจะมีผมอยู่ข้างคุณเสมอ" พระพายระบายยิ้มกับคำพูดที่ฟังดูน่ารักของอีกฝ่าย ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ เมื่อคนตัวสูงโน้มหน้าเข้ามาใกล้ พร้อมฝังจูบที่หน้าผากมนแผ่วเบาแล้วผละออก ก่อนจะสวมกอด กอดที่เต็มไปด้วยความรัก กอดที่แนบแน่นเป็นครั้งแรก แน่นจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน ...


***************



Talk : กรี๊ดดดดดด เขาคบกันแล้ววว ไม่ชอบพิมพ์ตอนหวานๆเลยให้ตายเถอะ รู้สึกไม่ถนัดอย่างแรง 5555555555 ต่อไปนี้ก็เอาใจช่วยให้พวกเขาสู้กับศัตรูด้วยนะคะ เมล์จากอาส่งมาให้หมอซันแล้ว คงจะเริ่มจริงจังเรื่องคนร้ายได้แล้ว หมอโจเองก็คงจะไม่อยู่เฉยแล้วล่ะ หมอซันกับหมอพายก็คงจะไม่อยู่เฉยเหมือนกัน ลุ้นให้รักกันแล้วก็ไปลุ้นให้จับคนร้ายได้ต่อ จะลุ้นอะไรนักหนาเนาะ อิอิ


เราได้อ่านทุกคอมเม้นท์ในนี้ อ่านตาม #ชีวิตรักหมอนักผ่า ในทวิตเตอร์ และได้เห็นอยู่ในกระทู้แนะนำนิยายด้วย ... ต้องขอบคุณจริงๆค่ะกับการตอบรับเรื่องแรกดีขนาดนี้ เราไม่ใช่นักเขียนที่ดีที่สุด แต่จะพัฒนาการเขียนต่อไปให้ดีกว่านี้ ฝากติดตามเราต่อไปด้วยนะคะ :)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 02-08-2015 07:47:24
จิ้มจึกๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: nuja ที่ 02-08-2015 07:58:59
คบกันแล้ววววววววววววววววววววววววววว

หวานง่ะ แอบเขิน  :o8:  :-[  :o8:  :-[

ตามต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: supernatural ที่ 02-08-2015 08:16:02
รอมานานมาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ZYSQ_ ที่ 02-08-2015 08:37:52
มาทำเอาเขินตอนสามวิสุดท้าย(ฮา)
รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: acorntan ที่ 02-08-2015 09:50:34
กรี้ดดดดดด
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 02-08-2015 09:55:31
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 02-08-2015 10:03:26
คบกันแล้ว ต้องขอบคุณหมอสโรชาด้วย
ที่ช่วยให้หมอพายตัดสินใจได้สักที
หมอซันก็แอบหวานนะท้ายตอน
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 02-08-2015 10:42:53
อ๊ายยยยย....สุดท้ายก็ยอมรับหัวใจตัวเองเสียที   เราก็เคยเป็นอาการอย่างหมอพาย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 02-08-2015 11:11:52
แม่คะะะะะะะ เขาเป็นแฟนกันแล้ว
เกร้ดดดดดดดดดดดดดดด :ling1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 02-08-2015 11:20:18
หมอเลี่ยนอะ 5555
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-08-2015 11:34:56
กรี๊ดดดดด ด้วยคน ลุ้นมาตั้งนานคู่นี้
เวลาหมอพายสับสนก็ดูน่ารักดีนะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 02-08-2015 13:23:27
แม่จย๋าาาาา เค้าคบกันแล้วค่า ดีใจที่สุด ตอนหน้าเข้มข้นขึ้นแน่เลย ไอ้โจนี่มันเลวจริงๆนะเนี้ยยย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 02-08-2015 14:13:16
เคยหวังใว้ลึกๆ ว่าหมอโจ เมื่อรู้ว่าพระพายคือใคร







หมอโจจะรู้สึกเศร้าใจนิดๆ สำนึกผิดหน่อยๆ







แต่ไม่เลย ไม่สำนึกสำเหนียกอะไรเลย ไอ้แก่ไร้จิตสำนึก







หมอซันหมอพาย ช่วยกันเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้เลยนะ







แต่อยากให้บาปกรรม ลงโทษลงทัณฑ์ไอ้แก่นี้มากกว่า
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 02-08-2015 14:42:58
แอร๊ยยยยยย!!!!

"รักตลอดชีวิตพี่"

พี่ซันหวานไปม๊ายยยยยยยย

น้องพายละลายแล้วววววว
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: puengmimsweety ที่ 02-08-2015 15:18:46
อ๊ายยยยย เค้าหวานกันแล้วอ่าาาาาาาาา  :mew3:

แอบอยากรู้การผ่าตัดเคสผู้ป่วยที่แย่งมาจากหมอโจ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 02-08-2015 15:27:38
ระทวย :-[
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Quipblur1994 ที่ 02-08-2015 18:32:11
โฮกกกกกกกกกกก ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่เค้าเป็นแฟนกันนนนนนนนนน :o8: :o8:
แล้วอีกอย่างที่ถูกใจแม่ยกก็คือ เค้าจะเรียกกันมุ้งมิ้งงุ้งงิ้งกันแล้วค่ะ!! รอมานานแสนนาน พี่ซันกับน้องพาย เอร้ยยย แค่คิดก็ก๊าวใจ ตอนนี้มันก๊าวมากๆ ฮร่อลลลล  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 02-08-2015 19:19:20
เขาเป็นแฟนกันแล้ววววว!  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: kpHJstdy ที่ 02-08-2015 21:57:45
กรีดร้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ตอนหมอพายหึงว่าน่ารักแล้ว
ตอนพี่หมอซันแทนตัวเองว่าพี่กับพายนี่ ตายยยยยย  :hao5: :hao5: :hao5: 
บ้าจริงงงงงงง อาจารย์หมอนี่ ทำไมน่ารัก ฮื้อออออออออออ
แถมตอนนี้เขาคบกันแล้วนะคะ  :o8: แล้วหลังจากนี้เรื่องของหมอโจก็จะเข้มข้น ขอให้ทั้งคู่ฝ่าฟันไปด้วยกันน้า
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 03-08-2015 10:13:37
ลุ้นกันต่อไป กำลังสนุกเลย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 03-08-2015 15:29:45
โอ้ยยยยย ฟินลืมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 04-08-2015 00:24:50
เขินนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 04-08-2015 08:47:02
อร๊ายยยยยย คบกันแล้ว
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar ที่ 06-08-2015 00:30:15
เขิลลลลลลลลลลลลลจัง เขายอมรับว่ารักกันแล้ววววววว
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 07-08-2015 01:01:26
หื้มมมมมมมมมมมม....มม


อ่านรวดเดียว ถึงล่าสุดเลย  สะใจ

ว่าแต่จะมาต่อให้อ่านอีกเมื่อไหร่หว่า  อิอิ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 15 (02-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-08-2015 11:58:46
คบกันแล้ว แบบนี้ต้องเลี้ยงขอบคุณหมอสโรชา นะเนี่ย ผู้ชี้ทางสว่าง 555
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 1ุุ6 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 11-08-2015 23:13:56
-16-

 
                 อากาศยามเช้าของวันนี้ช่างสดชื่นกว่าทุกวัน ด้วยเพราะเมื่อคืนฝนตกมาตลอดทั้งคืนจนเกือบย่ำรุ่ง ทำให้เช้านี้อากาศสดชื่นและเย็นสบาย เจ้าของห้องเปิดหน้าต่างออกเพื่อให้ลมพัดโกรกเข้ามา แสงแดดอ่อนๆที่โผล่พ้นจากก้อนเมฆส่องลอดเข้ามาทำให้ห้องสีขาวสะอาดดูสว่างสดใส พระพายระบายยิ้มเล็กน้อยพลางคิดในใจว่าหน้าต่างที่ถูกเปิดออกบานนี้ คงเหมือนการเปิดอ้าเพื่อรับความสดใสให้กับชีวิตในเช้าวันนี้

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
      เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เรียกให้เจ้าของห้องละสายตาจากทิวทัศน์ตึกระฟ้าของเมืองหลวงไปมองยังที่มาของเสียง ก่อนจะรีบเดินไปเปิดให้คนมาใหม่โดยที่ไม่ส่องตาแมวเพราะรู้อยู่แล้วว่าคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอาจารย์หมอของตนที่ตอนนี้ได้เลื่อนขั้นเป็นคนรักไปหมาดๆ


“ไม่โทรมาล่ะครับ ผมจะได้ขึ้นไป” เมื่อเห็นอีกฝ่ายถือถุงข้าวต้มมาด้วยจึงคว้าไปถือไว้แทน พลางเบี่ยงตัวให้เดินเข้ามา


“พี่มาหาก็ไม่ได้ลำบาก ... แล้วเป็นอะไรทำไมทำหน้าอย่างนั้น” ภูตะวันขมวดคิ้วหรี่ตามองเล็กน้อย เหตุใดคนรักถึงได้มีสีหน้าเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่หลังจากเขาพูดประโยคนี้จบลง พระพายถอนหายใจพลางเดินเข้าครัวไปเพื่อจัดการข้าวต้มสำหรับมือเช้านี้ โดยมีคนตัวสูงเดินตามไม่ห่าง


“มันไม่ชินเลยนี่ครับที่เราต้องใช้สรรพนามที่ไม่เคยพูดกันมาก่อน” เขาดูจะขัดเขินอยู่ไม่น้อยที่ได้ยินสรรพนามแทนตัวเองของอีกฝ่ายแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน


“จะคิดมากอะไร เดี๋ยวก็ชินไปเอง” อาจารย์หมอพูดเสียงอ่อน รับชามข้าวต้มทั้งสองชามมาวางบนโต๊ะทานอาหารที่มุมหนึ่งของห้อง ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกัน


“ถ้าพายลืมเผลอพูดเหมือนที่เคย อย่าโกรธพายนะ มันต้องใช้เวลา” ภูตะวันหัวเราะเบาๆอย่างเอ็นดูที่คนรักดูท่าจะเขินอายมากจริงๆกับการใช้สรรพนาม รวมถึงความจริงจังในการใช้อีกด้วย


“ไม่เป็นอะไร อย่าคิดเยอะสิ ... พี่ก็แค่อยากให้เราคุ้นเคยกันมากกว่านี้ แต่ความจริงจะเรียกอะไรก็ไม่สำคัญนักหรอก แค่รู้ว่าเรารู้สึกยังไงต่อกันก็พอแล้ว” คนฟังอมยิ้มเขิน อดจะแซวอีกฝ่ายในใจไม่ได้ที่ไปสรรหาคำพูดหวานเลี่ยนแบบนี้ที่ไหนมา แต่ก็ได้แต่คิดในใจเพราะถ้าหากว่าพูดออกไปก็กลัวว่าจะไม่ได้ยินมันอีก ...


“แล้ววันนี้มีเวรรึเปล่า?”


“ไม่มีครับ มีอะไรเหรอฮะ?” เขาถามอย่างสงสัย เมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา


“อาพี่ส่งเมล์ที่เป็นเวชระเบียนของคนไข้หมอโจมาแล้ว พายไม่มีเวรคืนนี้เราจะได้ช่วยกันอ่านและรวบรวมข้อมูล” หัวใจของคนฟังเต้นแรงเมื่อรู้สึกเหมือนสิ่งที่รอใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ถึงแม้จะรู้ดีว่าคงไม่มีทางหาเวชระเบียนของพ่อตนเจอเพราะอาจจะถูกทำลายทิ้งไป แต่อย่างน้อยก็ยังมีของคนอื่นที่สามารถใช้เป็นหลักฐานสำคัญได้อีกเช่นกัน พระพายเชื่อว่าไม่ได้มีแค่ครอบครัวเขาแน่ที่ต้องเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้


“ใกล้แล้วสินะ ...” พระพายพึมพำเบาๆ ทอดสายตามองออกไปยังท้องฟ้านอกหน้าต่าง อีกไม่นานเรื่องนี้คงจบลงโดยที่เขาต้องเอาคนร้ายมารับกรรมให้ได้ มือหนายื่นมาวางบนหลังมือเล็กเบาๆก่อนจะบีบอย่างให้กำลังใจ


“แต่เราก็ต้องระวังตัวให้มากขึ้น อย่าชะล่าใจ พี่ว่าทางนั้นเขาคงไม่ยอมถูกเรากระทำฝ่ายเดียวแน่” ภูตะวันพูดอย่างคนรู้จักหมอโจดี เพราะเขาก็เคยนับถือเป็นเหมือนคนในครอบครัวมานาน รู้ดีว่าพฤติพงศ์ไม่ใช่คนยอมคนนัก หากเขาอยากได้อะไรก็ต้องได้ งานนี้ฝ่ายนั้นคงไม่อยู่เฉยแน่ ดีไม่ดีตอนนี้อาจจะให้คนจับตามองอยู่ก็เป็นได้ เป็นห่วงก็แต่คนตัวเล็กกว่าตรงหน้าว่าจะได้รับอันตราย


“พายจะระวังตัว พี่ก็ด้วยนะครับ ห้ามโดนแทงอีกไม่งั้นพายจะโกรธ”


“ถ้าพี่เป็นอะไร จะยกเคสให้พายเป็นคนผ่าตัดเลยดีไหม พี่อนุมัติ” ภูตะวันพูดติดตลก หัวเราะเบาๆกับการขู่ที่ดูยังไงก็น่ารัก ทว่าคนฟังกลับชะงักมือที่ถือช้อนแล้วเงยหน้ามองคนพูดด้วยสายตาตระหนกกับที่ประโยคที่ได้ยิน


“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ ฟังแล้วรู้สึกไม่ดีเลย”


“พี่ขอโทษ กินข้าวเถอะ” อาจารย์หมอรู้สึกผิดไม่น้อยที่พูดโดยไม่คิด ตั้งใจจะหยอกคนรักเล่นเพียงเท่านั้น ไม่คิดว่าคำพูดที่เขาไม่ได้ตั้งใจพูดจะทำให้คนฟังที่ชอบคิดมากอย่างพระพายรู้สึกไม่ดีไปด้วย แต่ถ้าลองคิดจริงจัง เกิดวันหนึ่งเขาเป็นอะไรขึ้นมาอย่างที่ว่าจริงๆ หากยังพอมีโอกาสรอดชีวิตจากเหตุการณ์นั้น ศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดเขาก็คงจะต้องเป็นพระพายที่เป็นทั้งลูกศิษย์และคนรัก


จู่ๆโทรศัพท์มือถือเครื่องบางก็แผดเสียงดังพร้อมกับสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงแสลคสีดำสนิทของเจ้าของ มือหนาวางช้อนลงก่อนจะรีบหยิบมันขึ้นมาสไลด์รับสายเมื่อเป็นหมายเลขแผนกต่อสายเข้ามา


“ฮัลโหลครับ”


(อาจารย์หมอคะ มีเคสด่วน อาการตอนนี้ไม่ค่อยดีเลยค่ะ!!) เสียงพยาบาลที่เขาคุ้นเคยพูดรัวเร็ว ภูตะวันรีบลุกขึ้นยืนสะพายกระเป๋า ทำให้พระพายต้องรีบทำตามด้วยท่าทางรีบร้อนเช่นเดียวกัน


“อาการเป็นยังไง!?” หมอซันคว้ามือเล็กมาจับเอาไว้แล้วรีบเดินเข้าไปลิฟท์ไปด้วยกันหลังจากที่ปิดประตูห้องลง คนตัวเล็กกว่ามองคนรักที่คุยโทรศัพท์สีหน้าเคร่งเครียดทำให้เขาพลอยเป็นกังวลไปด้วย


(มีไข้สูง ชาที่แขน ขาและลำตัวทางด้านซ้ายมาได้สามสี่วันค่ะ หลังจากที่ตรวจพบว่ามีลิ้นหัวใจรั่วโดยบังเอิญ)


“โอเค ผมกำลังรีบไป” ภูตะวันกดวางสายเป็นจังหวะที่ลิฟท์เปิดออกที่ชั้นล่างพอดี เขาจับมือพระพายไม่ปล่อยให้รีบวิ่งไปขึ้นรถพร้อมกัน


“อาการหนักมากไหมครับ?” พระพายถามทันทีหลังจากที่ขึ้นนั่งและคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว ภูตะวันจึงได้แต่บอกออกไปว่าไม่แน่ใจนัก หากได้ตรวจอาการคงจะวินิจฉัยได้ว่าหนักมากหรือไม่ คนถามจึงเข้าใจและไม่คาดคั้นเอาความต่อ



                 เมื่อถึงโรงพยาบาลแล้วอาจารย์และลูกศิษย์ต่างพากันวิ่งตรงไปยังห้องฉุกเฉินด้วยความรีบเร่ง เพราะถ้าหากช้าเพียงหนึ่งวินาทีนั่นก็หมายชีวิตหนึ่งชีวิตที่อาจจะต้องสูญเสียไป พวกเขาสาวเท้าเข้าไปภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ขณะนี้กำลังทั้งพยาบาลและแพทย์ต่างเดินกันให้วุ่นวาย


“อาจารย์หมอคะ ทางนี้ค่ะ” เมื่อเห็นว่าอาจารย์หมอมาถึงแล้ว พยาบาลสาวจึงเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าเครียดก่อนจะนำทางไปยังเตียงผู้ป่วยทันที


“พี่! เอ่อ ... อาจารย์ครับ เสื้อกาวน์” คุณหมอหน้าหวานส่งเสื้อกาวน์ที่ตนถือพาดแขนไว้ให้ ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อทุกคนกำลังสนใจหน้าที่ของตัวเอง ไม่ได้ยินว่าเมื่อครู่เขาเผลอพูดอะไรออกไป คนตัวสูงจึงรีบรับไปสวม พลางจับต้นแขนของคนรักเบาๆอย่างเป็นการขอบอกขอบใจก่อนจะหันไปสนใจผู้ป่วยแทน


“ให้ยาลดไข้ไปแล้วค่ะ” พยาบาลสาวอีกคนรายงานให้คุณหมอทราบทันที ภูตะวันตรวจทุกอย่างตามกระบวนการรักษาเบื้องต้นอย่างละเอียด พบเพียงผู้ป่วยเป็นไข้สูง หากจะรู้รายละเอียดกว่านี้จะต้องส่งแผนกรังสีเพื่อเอ็กซเรย์ภายในว่าอาการตอนผู้ป่วยเข้ามาเป็นเพราะอะไร


“ผมขอดูชาร์จหน่อย”


“นี่ค่ะ เขาไม่เคยรักษาที่นี่มาก่อน ในชาร์จจึงเป็นการทำประวัติใหม่ รายละเอียดบางอย่างจึงเป็นการบอกคร่าวๆของญาติค่ะ” ภูตะวันอ่านชาร์จอย่างตั้งใจและรีบจับใจความทั้งหมดให้ได้ หากช้ากว่านี้ผู้ป่วยก็อาจจะได้รับอันตราย


ในประวัติการรักษาของคนไข้จากการบอกกล่าวของญาติ บันทึกไว้เพียงว่าเขาเพิ่งจะตรวจพบว่าเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วมาได้ไม่นานและเริ่มมีหัวใจโตร่วมด้วย แพทย์แนะนำให้รักษาด้วยการผ่าตัดแต่ผู้ป่วยขอกลับบ้านไปจัดการธุระเสียก่อนแพทย์จึงอนุญาต ทว่าเพียงสี่ห้าวันกลับมีไข้และชาที่ลำตัวด้านซ้ายทั้งหมดอย่างที่พยาบาลได้รายงานเขาไว้ ภูตะวันพอเข้าใจได้ว่าหัวใจที่รั่วนั้นคงไม่รั่วมากกว่าเดิมและหัวใจที่โตก็คงจะไม่โตขึ้นมากภายในสองหรือสามสัปดาห์แน่ แต่ทำไมเพียงไม่กี่วันผู้ป่วยถึงมีอาการแทรกซ้อน


“ส่งเอ็กซเรย์และแอดมิดเข้าแผนกผมด่วนเลย!” อาจารย์หมอสั่งเสียงดัง เครียดไม่น้อยกับเคสนี้ที่ยังไม่เคยเจอมาก่อน พระพายยืนสังเกตการณ์อยู่ไม่ไกลนักก็อดจะเป็นห่วงทั้งผู้ป่วยทั้งคนเป็นหมอไม่ได้ ผู้ป่วยก็ห่วงว่าจะเป็นโรคที่ร้ายกว่านี้ คุณหมอเองก็ห่วงว่าจะเครียดจนเกินไป


“พระพายตามญาติผู้ป่วยไปพบผมที่ห้องตรวจด้วยนะ” อาจารย์หมอเอ่ยสั่ง พระพายพยักหน้ารับก่อนจะรีบออกไปด้านนอกหาญาติผู้ป่วยตามที่ได้รับมอบหมายทันที



              นัยน์ตาคมจ้องมองสิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ภายในห้องตรวจ ผลเอ็กซเรย์ของผู้ป่วยส่งตรงจากแผนกรังสีมาถึงห้องตรวจด้วยระบบออนไลน์ ภูตะวันอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อวินิจฉัยอาการจากเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ที่ได้ ไม่เคยเจอเคสแบบนี้มาก่อนทำให้เขาค่อนข้างจะกังวล


“ญาติคนไข้มาแล้วครับ” พระพายเลื่อนประตูห้องที่เปิดแง้มไว้อยู่เล็กน้อยเพื่อรายงานอาจารย์หมอว่าญาติคนไข้ที่ต้องการพูดคุยด้วยมาถึงห้องตรวจแล้ว เมื่อภูตะวันพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงอนุญาต ลูกศิษย์จึงพาญาติของคนไข้ที่เป็นผู้หญิงสองคนเข้าพบ


“สวัสดีค่ะคุณหมอ” หญิงสาววัยกลางคนเข้ามาด้วยสีหน้ากังวลระคนเศร้าใจยกมือไหว้เขา คะเนจากสายตาแล้วอายุคงประมาณอาทั้งสองของตน หมอซันรับไหว้เธอและหญิงสาวอีกคนที่ดูจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับพระพายก่อนจะเชิญทั้งสองคนให้นั่งลง


“ผมเรียกมาพบเพื่อดูผลเอ็กซเรย์และแจ้งอาการของคนไข้ให้ทราบนะครับ” เขาชี้แจ้งด้วยความสุภาพ แต่สีหน้าก็แสดงออกถึงความเครียดอยู่มากจนคนที่รอฟังเริ่มจะใจคอไม่ดี


“คนไข้มีภาวะติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ ที่แย่ไปกว่านั้นคือเชื้อโรคพวกนี้แตกออกและลอยไปตามกระแสเลือดไปอุดหลอดเลือดที่สมองทำให้มีอาการชาครึ่งซีก” ภูตะวันชี้ผลเอ็กซเรย์ตามตำแหน่งที่ได้บอกไป พระพายยังคงเกิดความสงสัยในโรคนี้ สิ่งที่ได้ร่ำเรียนมาวนเวียนอยู่ในหัว แต่ก็เลือกที่จะยืนฟังเงียบๆต่อไป ด้วยยังเป็นเวลาของอาจารย์หมอและญาติของคนไข้ หญิงสาวทั้งสองมีสีหน้าตกใจอยู่มากหลังจากที่ได้ฟังการวินิจฉัย หัวใจวูบไปราวกับมีใครมาคว้ามันออกไปจากอก


“ร้ายแรงมากไหมคะ พ่อฉันจะหายไหม!?” ลูกสาวของคนไข้มีสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความกังวล ทว่านัยน์ตากลับฉายแววเศร้าออกมาให้คนอื่นได้เห็น คนเป็นหมอถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถ้อยคำต่อไปให้อีกฝ่ายได้ฟัง


“โชคดีครับที่มาโรงพยาบาลเร็ว ตอนนี้เราได้ให้ยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดเชื้อที่ลิ้นหัวใจและทำให้เชื้อที่สมองไม่เติบโตเป็นฝีขึ้นมา เมื่อได้รับยาครบจึงจะผ่าตัดเพื่อเอาลิ้นหัวใจที่รั่วและติดเชื้อออก แล้วเปลี่ยนเป็นลิ้นหัวใจเทียมครับ”


“ดีที่บ้านอยู่ใกล้ค่ะ ถ้าไม่อย่างนั้นคงแย่แน่” คนเป็นภรรยาถอนหายใจโล่งอก แต่ความเป็นห่วงสามีก็ยังมีเต็มหัวใจ ภูตะวันหรี่ตาลงอย่างแปลกใจ เธอบอกว่าบ้านอยู่ใกล้โรงพยาบาลจึงมาทัน ทั้งที่นี่ก็ยังเป็นศูนย์โรคหัวใจอีกด้วยแล้วทำไมครั้งที่ตรวจพบว่าเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วถึงไม่มาที่นี่ตั้งแต่แรก หากแต่เขาก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจเพราะถึงยังไงก็เป็นการตัดสินใจของญาติคนไข้และตัวคนไข้เองอยู่แล้ว


“แล้วทำไมถึงไม่มาที่นี่ตั้งแต่แรกล่ะครับ?” พระพายเผลอโพล่งออกไปอย่างเสียมารยาท ภูตะวันมองอย่างตำหนิเล็กน้อยเช่นเดียวกับหญิงทั้งสองคนที่มองเขาอย่างอึ้งๆจนพระพายรู้ตัวว่าตัวเองได้ทำเสียมารยาทกับญาติผู้ป่วย


“เอ่อ ผมไม่ได้จะว่าโรงพยาบาลอื่นไม่ดีนะครับ เพียงแต่สงสัยเพราะเห็นว่าที่นี่อยู่ใกล้บ้าน ขอโทษที่เสียมารยาทครับ” เขายกมือไหว้ขอโทษทั้งสองคนอย่างรู้สึกผิด


“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะสงสัยเหมือนคุณหมอ โรงพยาบาลวิวรรธน์ใกล้บ้านก็จริง ดีในอันดับต้นๆของประเทศก็จริง แต่ ...”


“แม่...” หญิงสาวเอ่ยปรามผู้เป็นแม่ ด้วยกลัวว่าหากพูดไปอาจจะเป็นอันตรายแก่ครอบครัว เธอไม่แน่ใจนักว่าคุณหมอสองคนจะไว้ใจได้หรือไม่ ภูตะวันหรี่ตามองอย่างสงสัยกับพฤติกรรมของหญิงทั้งสองที่ดูเหมือนมีอะไรเก็บไว้และไม่สามารถพูดออกมาได้


“... ดิฉันเคยมารักษาที่โรงพยาบาลนี้เมื่อสามปีก่อน ฉันประสบภาวะเส้นเลือดในสมองตีบและเป็นอัมพาต ก็เข้ามารักษาตัวที่นี่ หมอบอกกับลูกสาวว่าฉันไม่มีทางจะดีขึ้นและคงไม่รอดชีวิต ให้บริจาคอวัยวะของฉันให้กับโรงพยาบาล ทางเราจึงย้ายโรงพยาบาลในทันทีเคราะห์ดีที่ฉันอาการดีขึ้นจนเป็นปกติ นี่คือเหตุผลที่ฉันไม่อยากพาสามีมาที่โรงพยาบาลนี้อีก”


“แต่ทางเราก็ไม่ได้คิดจะฟ้องร้องอะไร เพราะไม่มีหลักฐานไปเอาผิดเขา” ลูกสาวของเธอพูดเสริม สีหน้าและแววตาของทั้งคู่ยามที่เล่าเรื่องในอดีตยังซ่อนความกลัวไว้จนภูตะวันและพระพายสังเกตเห็น คนเป็นหมอทั้งสองคนในห้องรู้สึกอึ้งอยู่ไม่น้อย ไม่คิดว่าจะเจอหลักฐานที่พวกเขาพยายามรวบรวมอีกหนึ่งชิ้น


“หมอคนนั้นชื่ออะไรจำได้ไหมครับ?”


“... พฤติพงศ์ ฉันจำได้ไม่ลืม” สิ้นคำบอกของหญิงสาว อาจารย์และลูกศิษย์ก็หันมองหน้ากันด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไร้วี่แววตระหนกตกใจเพราะเดาไว้อยู่แล้วว่าคงไม่ใช่ใครที่ทำเรื่องเลวๆแบบนี้ได้


“ผมจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและจะเอาคนผิดมารับโทษให้ได้ ส่วนเรื่องคุณณรงค์เดชผมจะรักษาอย่างสุดความสามารถ เขาจะหายดีครับ” ภูตะวันบอกน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อให้ทั้งสองเชื่อใจในตัวเขาว่าเขาจะทำได้อย่างที่พูดอย่างแน่นอน


ก่อนที่ญาติคนไข้ทั้งสองจะออกจากห้องตรวจไป ภูตะวันได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่าขอให้เรื่องนี้ยังเป็นความลับต่อไปเพื่อความปลอดภัยของครอบครัวของพวกเขาเอง และหากในวันที่เขาเอาคนผิดมารับโทษก็ขอให้ครอบครัวนี้ช่วยเป็นพยานเสริมอีกแรง


“พายว่าพายคิดไม่ผิดที่เรียนหมอแล้วมาอยู่ที่นี่” เขายิ้มบางๆให้กับคนรัก หากในตอนนั้นเขาไม่เลือกเรียนหมอ ก็คงจะไม่ได้เห็นความพินาศของคนผิดอย่างพฤติพงศ์ที่เริ่มใกล้เข้ามาทุกทีๆเช่นวันนี้ ...



                ช่วงพักกลางวันภูตะวันและพระพายแยกกันทานข้าวกันอย่างปกติ เพื่อให้ต่างฝ่ายได้มีเวลาเป็นส่วนตัวและไม่อยากให้การตัดสินใจคบกันของพวกเขามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก หมอซันจึงออกมาทานข้าวที่ร้านอาหารข้างนอกไม่ไกลจากโรงพยาบาลกับเพื่อนสนิทอย่างสโรชาที่ไม่ค่อยจะได้เจอกันเท่าไหร่ แต่เมื่อเจอกันแต่ละทีก็มักจะต้องมีเรื่องให้พูดคุยกันอยู่เสมอ ...


“เป็นยังไงบ้าง?”


“ถ้าเรื่องร่างกายของฉัน ฉันสบายดี แต่ถ้าเรื่องหัวใจ ... ฉันรู้สึกเจ็บเป็นบางครั้ง ถ้าแกว่างก็ตรวจให้ฉันบ้างนะ” หญิงสาววางมือลงบนตำแหน่งของหัวใจตัวเองพร้อมกับแสร้งทำสีหน้าเจ็บปวด


“เพ้อเจ้อ” ภูตะวันเบ้ปากพลางหัวเราะหึในลำคอกับท่าทางเสแสร้งแกล้งทำของเพื่อนสนิท คุณหมอสาวจึงได้แต่หัวเราะแห้งๆ ก่อนจะถามถึงเรื่องหัวใจของอีกฝ่ายกับลูกศิษย์


“อะแล้วแกล่ะ กับพระพายไปถึงไหนละ?”


“ก็ ... เขาเพิ่งจะตอบตกลงคบกับฉันเมื่อคืน แต่แกอย่าเที่ยวไปบอกใครล่ะ ฉันไม่อยากให้ใครมานั่งจับตามองและพายก็จะไม่สบายใจไปด้วย” นายแพทย์หนุ่มตอบปรับสีหน้าจริงจังขึ้นมา เขาไม่ค่อยสนใจคนอื่นที่ไม่มีผลกับชีวิตเขามากนัก ทว่ากับเรื่องที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้เขาก็ไม่อยากให้คนรักต้องไม่สบายใจ คบกันไปเรื่อยๆแบบเงียบๆไม่หวือหวาก็น่าจะดีกว่า


“ถ้าฉันจะพูดฉันคงพูดไปนานแล้ว ว่าแต่แกจริงจังใช่ไหมกับเด็กคนนี้?” สโรชาผงกหัวเล็กน้อยแทนคำขอบคุณที่พนักงานบริการของร้านยกอาหารมาวางบนโต๊ะจนครบ


“ฉันรู้สึกว่าเขาพิเศษสำหรับฉัน ฉันอยากดูแลและอยากมีเขาอยู่ในทุกวันของฉัน ...” หญิงสาวคลี่ยิ้มบางเมื่อได้ฟัง แววตาของภูตะวันเวลาที่พูดถึงพระพายคนรักมันทอประกายและเต็มไปด้วยความอ่อนโยน น้อยครั้งนักที่เธอจะได้เพื่อนสนิทที่สุดจะแสดงอาการเช่นนี้


“ฉันดีใจกับแกจริงๆนะ ส่วนเรื่องอาทั้งสองคนของแกฉันว่าไม่ยาก แกจัดการได้ได้สบาย” เธอยักคิ้วอย่างรู้ทัน เพราะไม่ว่าภูตะวันจะพูดหรือทำอะไรอาทั้งสองคนของเขาก็ไม่เคยขัด เมื่อหลานชายมีเหตุผลที่ดีให้เสมอ เรื่องหัวใจสโรชาก็หวังว่าเพื่อนจะจัดการได้


“เรื่องนั้นฉันยังไม่ได้คิด อยากให้มันค่อยเป็นค่อยไป” เพราะยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าที่เขาและพระพายต้องช่วยกันจัดการให้มันจบไป เรื่องหัวใจจึงยังไม่ได้ให้ความสำคัญมากเกินไปนัก แค่มีพระพายอยู่ในชีวิต อยู่ให้กำลังใจและคอยดูแลกันเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว


“จ้า พ่อพระเอก ยังไงฉันก็ขอให้ผ่านไปด้วยดีนะ” คุณหมอระบายยิ้มหวาน พลางตบหลังมือเพื่อนสนิทเบาๆอย่างให้กำลังใจ ภูตะวันเองก็ยิ้มมุมปากอย่างที่ชอบทำส่งให้ สายตาสองคู่มองประสานกันอย่างรู้ใจ


“ขอบใจแกมากนะ เอาไว้ฉันจะหาผู้ชายให้แกสักคนเป็นการตอบแทน” ภูตะวันหัวเราะในลำคออย่างชอบใจที่ได้แกล้งเพื่อนให้หน้าหงิกขึ้นมาได้ หญิงสาวเบะปากพลางยกส้อมขึ้นชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างโกรธๆแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร


“ไม่รับรักฉันน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ยัดเยียดฉันให้คนอื่นนี่จี๊ดเลยนะ จี๊ดเลย!!” เขากลอกตาไปมา ยิ้มออกมาเล็กน้อยกับกริยาท่าทางงอนๆที่ดูน่ารักของอีกฝ่าย พลางตักอาหารใส่จานให้เธอแทนคำขอโทษ ซึ่งเธอเองก็ได้แต่ตวัดค้อนวงโตใส่เขา ก่อนที่ทั้งสองคนจะหัวเราะให้กันอย่างอารมณ์ดี


                 ถึงแม้ในแต่ละครั้งที่เจอกันสโรชาจะยังมีความเจ็บปวดจากความรักที่ไม่สมหวังหลงเหลือ ทว่าเธอก็ไม่คิดที่จะบังคับหัวใจเพื่อนให้มารักตนและเคารพหัวใจของเพื่อนสนิทเธอเสมอ อย่างน้อยก็ยังได้เป็นเพื่อนกันอย่างที่เคยเป็น ภูตะวันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากที่เคยเป็นเลย มันดีแล้วและเพียงพอแล้วสำหรับเธอ ...


 (Reply ถัดไปค่ะ)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 11-08-2015 23:15:56

(ต่อค่ะ)


             เมื่อถึงเวลาที่เลิกงาน ขาเรียวก้าวฉับๆอย่างรีบร้อนเพื่อไปตามที่นัดหมายกับคนรักเอาไว้ว่าอีกฝ่ายจะรอเขาอยู่ที่รถที่ตึกจอดรถของโรงพยาบาล เขาจึงไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องรอนาน ถึงแม้จะเป็นคนรักแต่การให้รออะไรนานๆคือการเสียมารยาท แต่แล้วขาที่ก้าวกับต้องหยุดลงอย่างฉับพลันเมื่อมีใครบางคนวิ่งมาดักตรงหน้า


“บอส! มีอะไรหรือเปล่า?”


“คือตอนแรกก็มี แต่พอเห็นพายรีบเราไม่รบกวนดีกว่า” บอสทำสีหน้าเกรงใจ ทำให้พระพายเกิดใจอ่อนอยากจะอยู่คุยกับเพื่อนเสียก่อน หากแต่ก็ยังติดว่ามีใครอีกคนรออยู่


“ไม่เป็นไร แต่รีบคุยหน่อยนะเพราะเราก็รีบเหมือนกัน” คุณหมอหน้าหวานบอกเพื่อนด้วยรอยยิ้มเพียงเล็กน้อย ถึงยังไงแล้วบอสก็เป็นเพื่อนสมัยมัธยม ถ้ามีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน ก่อนจะปลีกตัวออกไปต่อสายหาอาจารย์หมอที่ยังคงรอกลับคอนโดพร้อมกัน ทิ้งให้คุณหมอต่างแผนกยืนยิ้มกว้างด้วยหัวใจที่เบิกบาน



             เสียงดนตรีบรรเลงส่งให้บรรยากาศภายในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งดูอบอุ่นและโรแมนติกขึ้นมาก อาหารหน้าตาน่าทานอย่างสเต๊กเนื้อชั้นดีหรือจะเป็นซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง ถูกทยอยลำเลียงมาวางไว้บนโต๊ะอาหาร ไวน์แดงยี่ห้อดีที่ใครๆต่างพากันขนานขนามว่ารสชาติดีเลิศ ทว่าก็ไม่ได้ทำให้ใครบางคนมีความสุขกับอาหารมื้อนี้เลย หากแต่เต็มไปด้วยความอึดอัดในเวลานี้


“พายทานน้อยจัง ไม่อร่อยเหรอ?” หมอหนุ่มต่างแผนกถามเพื่อนเก่าที่ตนแอบรักอย่างสงสัย ด้วยเห็นว่าอีกฝ่ายแทบจะไม่ได้แตะอะไรบนโต๊ะด้วยซ้ำ ตั้งแต่เข้ามาที่ร้านอาหารแห่งนี้ก็เลี่ยงที่จะตอบคำถามของเพื่อนมาตลอดว่ามีอะไรจะคุย เพราะเห็นว่ายังไม่ถึงเวลา อยากจะทานมื้อเย็นแสนอร่อยด้วยกันเสียก่อน พระพายจึงเอาแต่นั่งเงียบมาได้ครู่ใหญ่ๆแล้ว


“เราไม่ค่อยหิว บอสมีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า เรามีธุระ” ถึงแม้ว่าจะไม่พอใจที่อีกฝ่ายที่ยืดเยื้อเวลาแต่พระพายก็ยังเลือกที่จะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบและสีหน้านิ่งๆเพื่อเป็นการรักษาน้ำใจ นายแพทย์หนุ่มต่างแผนกหัวเราะขำเบาๆก่อนจะยกมือสองข้างขึ้นเป็นเชิงว่ายอมแพ้


“โอเคๆ คือเรามีเรื่องอยากจะปรึกษา”


“อะไร?”


“... เราชอบคนอยู่คนหนึ่ง เขาเป็นคนน่ารัก เรียนก็เก่ง ทำงานก็เก่ง บางครั้งเขาก็ดูดุนะ แต่เราว่ามันไม่น่ากลัวเลย ออกจะน่ารักซะด้วยซ้ำ พายว่า ... ถ้าเราสารภาพรักกับเขาเราจะพอมีหวังรึเปล่า?” หมอหนุ่มแววตาเป็นประกาย พยายามใช้สายตาสื่อความรู้สึกที่มีให้กับอีกฝ่ายได้รับรู้ จนพระพายเองก็รู้สึกแปลกๆไปกับคำพูดและสายตาของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ก็คิดว่าตัวเองอาจจะคิดมากไปเองจึงพยายามระบายยิ้มให้อีกคนสบายใจ


“เราไม่ถนัดเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ บอสน่าจะถามเราเรื่องการแพทย์มากกว่า ขอโทษด้วยนะที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย” เขาหัวเราะกลบเกลื่อน ก่อนจะผินหน้าไปทางอื่นและหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นจิบ


“ช่วยได้สิ พายช่วยได้ เพราะคนที่เราหมายถึง ... คือพาย” พระพายนิ่งงันไปหลังจากที่ประโยคเมื่อครู่จบลง อยากจะคิดว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเป็นเรื่องล้อเล่น ทว่าสีหน้าจริงจังของเพื่อนที่กำลังจ้องมาที่เขาอย่างรอคำตอบมันทำให้รู้ว่ามันคือเรื่องจริง


“บอส ... คือเราไม่ได้ชอบผู้ชายแล้วเราก็ไม่ได้คิดกับบอสแบบนั้น”


“แล้วอาจารย์หมอของพายล่ะ?”


“เราไม่ได้ชอบผู้ชายคนไหนก็ได้ เพราะอาจารย์เขาพิเศษสำหรับเราและถึงจะไม่มีอาจารย์เราก็ไม่ได้คิดแบบนั้นกับบอสอยู่ดี ขอโทษนะเราขอตัว” เขาพูดน้ำเสียงราบเรียบ หงุดหงิดใจเล็กน้อยที่อุตส่าห์สละเวลายอมผิดนัดกับอาจารย์หมอเพราะคิดว่าเพื่อนมีปัญหากังวลใจ สุดท้ายก็เหมือนกับว่าถูกหลอกมา รวมถึงสายตาที่เหมือนจะดูถูกเขาเรื่องอาจารย์หมอด้วยนั้นทำให้เขาไม่ค่อยจะพอใจนัก


                 พระพายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหลังจากพูดจบ ก่อนจะเดินออกจากร้านไปทิ้งให้ธนบูรณ์หมอหนุ่มต่างแผนกได้แต่นั่งกัดกรามแน่นอย่างรู้สึกผิดหวังและโทษตัวเองว่าทำอะไรที่บุ่มบ่ามเกินไปทั้งที่คิดว่าตัวเองคิดมาดีแล้วที่ทำแบบนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าผลลัพธ์ไม่เป็นอย่างที่เขาหวังเลย แม้สักนิดก็ไม่มี ...



                 เสียงเปิดเอกสารดังแข่งกับเสียงเครื่องปรับอากาศที่อยู่ในห้องกว้างของอาจารย์หมออย่างภูตะวัน เอกสารเวชระเบียนคนไข้ถูกปริ๊นท์มาจากเมล์ที่อาของตนเป็นคนส่งให้วางกองเต็มโต๊ะกลางของห้องนั่งเล่น เขาอ่านมันในระหว่างรอคนรักคุยธุระกับหมอต่างแผนก ถึงเขาจะไม่ชอบหน้าแต่ก็ผู้ใหญ่พอที่จะแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นอะไร ดีแค่ไหนที่พระพายพูดความจริงกับเขาอย่างตรงไปตรงมา
      
                 ไม่นานเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น ภูตะวันจึงรีบลุกขึ้นไปเปิดประตูต้อนรับในทันที คุณหมอหน้าหวานที่ยืนอยู่หน้าห้องตอนนี้ระบายยิ้มบางให้คนรัก พลางเดินเข้าห้องตามเจ้าของมา


“กินข้าวหรือยัง?” ภูตะวันถามอย่างเป็นห่วงเพราะเห็นว่าเวลาล่วงเลยจากเลิกงานไปหลายชั่วโมงแล้ว


“ยังครับ พายรู้ว่าพี่จะรอกินพร้อมกัน” ภูตะวันระบายยิ้มที่อีกฝ่ายรู้ทัน พลางยกมือขยี้กลุ่มผมนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะพาเดินไปยังโต๊ะอาหารที่มีกับข้าวอยู่สองสามอย่างวางอยู่


“พี่รอฟังนะเนี่ยว่าพายจะเล่าให้ฟังรึเปล่าว่าคุยอะไรกับเพื่อนมานานสองนาน” นั่งเท้าคางมองคนรักนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม พระพายจึงย่นจมูกใส่อีกฝ่ายก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆให้กับความอยากรู้ของคนรัก


“ถูกหลอกให้ไปฟังเขาสารภาพรักน่ะสิครับ”


“จริงเหรอ แล้วพายว่ายังไง?” ภูตะวันถามยิ้มๆ ไม่ได้มีท่าทีที่จะตกใจแต่อย่างใด เพราะเขารู้มาก่อนแล้วว่าฝ่ายนั้นชอบพอคนรักของตน แต่ไม่คิดว่าจะใช้วิธีนี้สารภาพรักกับพระพายก็เท่านั้น คนถูกถามขมวดคิ้วเล็กน้อยที่อีกฝ่ายดูไม่ตกใจกับเรื่องที่เขาพูดเลย


“พายบอกว่าพายไม่ได้คิดกับเขาแบบนั้น แต่พี่ไม่ตกใจเลยเหรอที่เขาชอบพาย พายอึ้งไปเลยตอนเขาบอก ตอนเรียนด้วยกันเขาดูเจ้าชู้จะตายไป ผู้หญิงไม่เคยซ้ำหน้าเลยนะครับ” เขาเล่านิสัยในอดีตของเพื่อนเก่าให้คนรักฟัง ไม่คิดว่าผู้ชายที่ดูเจ้าชู้ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าจะหันมาชอบคนที่เป็นผู้ชายด้วยกันอย่างเขา อดจะแปลกใจไม่ได้จริงๆ


“ก็พายน่ารัก ใครๆก็เลยชอบไง” คำพูดและสายตาหวานหยดทำเอาพระพายก้มหน้างุดและเงียบไป จนภูตะวันแอบขำ ขำที่คนอย่างเขากล้าพูดออกไปแบบนั้นได้ยังไง คงจะจริงอย่างที่ใครเคยบอกเอาไว้ว่าถ้าหากคนเย็นชาได้ลองรักใครเมื่อไหร่ เขาจะอบอุ่นและอ่อนโยนขึ้นมาก



                  ในค่ำคืนนี้ถึงแม้จะไม่มีฝนตกโปรยลงมา ทว่าบนชั้นสูงของตึกก็มีลมพัดแรงและอากาศดีจนทำให้เจ้าของห้องต้องปิดเครื่องปรับอากาศและเปิดหน้าต่างออกเพื่อรับลมเย็นของราตรีนี้ เสียงเปิดเอกสารดังไม่หยุดตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนเกือบจะข้ามคืน สองอาจารย์และลูกศิษย์ช่วยกันอ่านและแยกเอกสารอย่างตั้งใจจนแทบไม่อยากจะพักผ่อนให้พร้อมสำหรับการทำงานในวันพรุ่งนี้


“ไม่ง่วงหรือไงเรา?” ภูตะวันมองคนรักที่นั่งแยกเอกสารประวัติการรักษาของคนไข้ที่ผ่านมาที่เสียชีวิตและไม่เสียชีวิต เพื่อให้ง่ายต่อการคัดกรองให้เป็นไปทีละขั้นตอน


“พายอยากทำให้เสร็จครับ” เขาตอบทั้งที่ตายังอ่านเอกสารอยู่ หมอซันหัวเราะเอ็นดูก่อนจะพูดออกไปว่าจะเสร็จได้ยังไงในเมื่อมันเยอะเสียขนาดนี้ ทั้งที่บางส่วนเขาก็แยกออกไปบ้างแล้ว



                  การทำงานเอกสารในครั้งนี้ถือว่าเป็นงานที่ยากสำหรับพวกเขาจริงๆ เพราะต้องอ่านเอกสารที่มีอยู่ว่าใครที่รักษากับพฤติพงศ์แล้วไม่เสียชีวิตหรือเสียชีวิตบ้าง หากเสียชีวิตเขาก็จะแยกออกมาเพื่อมาอ่านพิจารณาว่าโรคที่เข้ามารักษาคืออะไรและเสียชีวิตไปเพราะสาเหตุใด หากสมเหตุสมผลเขาก็จะแยกออกไปถือว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แต่หากว่าการเสียชีวิตนั้นไม่มีที่มาที่ไปหรือไม่มีเหตุผลเพียงพอก็จะต้องใช้การพิจารณาอีกหลายๆขั้นตอนจนกว่าข้อมูลจะแน่ชัดและออกตามหาญาติผู้เสียชีวิตเพื่อพูดคุยและใช้เป็นพยานสำคัญในการเอาผิดคนร้าย เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงต้องสู้ให้ถึงที่สุด สู้เพื่อคนอื่นและสู้เพื่อกันและกัน ...

                  แต่เมื่อสายตาและร่างกายล้าเกินกว่าจะต้านทาน ทั้งสองคนจึงต้องพาร่างของตัวเองทิ้งลงบนเตียงนอนหลังกว้างสีกรมท่าด้วยกัน หัวใจดวงน้อยของพระพายเต้นรัวแรงจนกลัวว่าคนรักที่นอนอยู่ข้างกันจะได้ยิน กลับกันภูตะวันเองก็ตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยที่คืนนี้มีร่างของคนรักมานอนอยู่ข้างกันเป็นครั้งแรก


“เอ่อ พายว่าเราดูนอนเกร็งๆกันนะครับ” พระพายหัวเราะแห้งๆ เขานอนหงาย สองมือวางประสานกันบนหน้าอก ตากลมเพ่งมองเพดานห้องที่อยู่ในความมืดมิด


“พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ” เจ้าของห้องพูดจบก็พลิกตัวหันไปหาอีกฝ่ายเป็นจังหวะเดียวกับที่พระพายก็พลิกหันมาหาเขาพอดี ถึงแม้ในห้องจะมืดแต่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่าตอนนี้สายตาทั้งคู่กำลังมองกันอย่างลึกซึ้ง

                    มือหนาค่อยๆยกขึ้นลูบแก้มขาวของคนรักแผ่วเบา ปลายนิ้วโป้งลูบเรียวปากบางนุ่ม ใบหน้าคมขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองเขาด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดอยู่ใกล้ๆ ก่อนที่ริมฝีปากอุ่นจะประทับลงบนริมฝีปากบางของคนรักแผ่วเบา
                   ไม่มีการรุกล้ำ ทำเพื่อส่งผ่านความรักที่มี ให้คนรักได้อุ่นใจและคลายกังวลจากเรื่องที่กำลังเป็นปัญหา ภูตะวันถอนริมฝีปากตัวเองออกอย่างช้าๆและยิ้มบางๆในความมืด เขาเลื่อนมือออกจากใบหน้าหวานลงมากระชับเอวอีกฝ่ายเข้ามาให้แนบชิดและโอบกอดเอาไว้ พร้อมกับสอดแขนแกร่งให้คนรักได้หนุนนอน


“หายเกร็งขึ้นแล้วใช่ไหม หื้ม?”


“เกร็งมากกว่าเดิมอีกครับ” เขาตอบอ้อมแอ้ม พลางซุกหน้าเขาหาอกหนาที่อบอุ่นของคนรัก ภูตะวันหัวเราะเบาๆเอ็นดูกับความเขินอายที่น่ารักของคนในอ้อมกอด ก่อนจะหอมกลุ่มผมนุ่มสีดำสนิทและกระชับกอดให้แน่นขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย คืนนี้คงเป็นคืนที่ดีกว่าคืนไหนๆ ...



***************


Talk : ขอโทษที่หายไปหลายวันค่ะ ทำเล่มรายงานฝึกงาน ไม่รู้ว่าลืมกันไปหรือยัง ตอนนี้มีคอมใหม่แล้ว เย้ ไม่ต้องปวดตาพิมพ์ในไอโฟนแล้วค่ะ 55555555 ตอนนี้เป็นยังไงบอกกันมั่งน้า มันเริ่มใกล้เข้ามาแล้วล่ะค่ะจุดจบของคนร้าย รับรองว่าตอนต่อๆไประทึกแน่ค่ะ หึหึหึ อย่าเพิ่งลืมกันน้าาา :)


ปล.เรื่องใหม่รอติดตามนะคะ กำลังเกลา อิอิ
พูดคุยกันได้ที่ Twitter : Ggbazo หรือ Hashtag #ชีวิตรักหมอนักผ่า
กำลังคิดอยู่ว่าอาจจะสร้างกลุ่มในเฟสบุ๊คนะคะ เอาไว้แจ้งข่าวสาว แจ้งอัพนิยายและพูดคุย
ถ้ายังไงจะบอกอีกทีนะจ๊ะ :D พบกันใหม่น้าาา
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 11-08-2015 23:43:56
เป็นกำลังใจให้หมอพายหมอซันหาหลักฐานมาเอาผิดคนร้ายได้ไวๆ
แอบหวาน เขาได้นอนร่วมเตียงกันด้วยล่ะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: kpHJstdy ที่ 12-08-2015 00:16:23
ฮื่ออออ เข้ามาดูพอดี ดีใจมากกก เห็นอัพ
ตอนนี้ก็ได้พยานไปอีกหนึ่งคนแล้ว หลักฐานมัดตัวคนร้ายเพิ่มขึ้น  แถมบอสมาสารภาพรักกับพายแล้ว จะยอมลามือหรือจะตอแยต่อ ก็จะรอดู แต่อิจฉาหมอพายยยยย  พี่ซันน่ารักกกกกกก แงงงงงงง  ผู้ชายแบบนี้เวลารักใครแล้วทำไมน่ารักขนาดนี้ อ่านแล้วเคลิ้ม นึกว่าตัวเองเป็นหมอพาย 5555555555555
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 12-08-2015 00:27:43
กรี๊ดดดดดด หมอสองคนมุ้งมิ้งกันน่ารัก อ๊าคคคค #จิกทึ้งหัวตัวเอง ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar ที่ 12-08-2015 07:32:10
ตอนนี้น่ารักม๊ากกกกกกกกกกกกก
พี่ศัน น้องพาย ฟินนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-08-2015 09:11:57
ได้หลักฐานและพยานหนาแน่นขึ้นยิ่งอันตราย เพราะคนร้ายคงไม่ยอมอยู่เฉยแน่ ห่วงหมอซันกับหมอพายจัง
แนะนำบอสให้กับสโรชาดีไหม คนอกหักให้ไปรักกันเอง (ดูใจร้ายเนอะ)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 12-08-2015 09:32:05
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 12-08-2015 12:27:00
หมอพายสู้ๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 12-08-2015 14:01:19
แล้วมันจะหายเกร็งได้ยังไงห๊ะ!

คนอ่านยังลุ้นแทบไม่หายใจว่าจะแค่จูบหรือเปล่า 55555555
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 12-08-2015 16:34:59
กำลังรอลุ้นจุดจบของคนเลวอยู่ค่ะ มาต่อไวๆนะ  :call:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 12-08-2015 17:19:04
อย่าบอกนะว่าหมอบอส



ผิดหวังจากหมอพายแล้ว จะโกรธ แล้วพาลโง่ไปตกเป็นเครื่องมือ



ให้ตาแก่หมอโจเอามาเล่นงานพี่หมอกับน้องพาย



ลุ้นให้จัดการกับ ไอ้แก่หมอโจใจร้าย สำเร็จเร็วๆเถอะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 12-08-2015 20:52:07
ทำไมพึ่งเคยเข้ามาอ่านเนี่ยยย สนุกมากน่าติดตามสุดๆ
ลุ้นทุกตอนเลยค่ะ ตอนผ่าตัดก็ตื่นเต้นมากๆเลย
ทั้งหมอซันหมอพายน่ารักทั้งคู่

อยากเห็นจุดจบของหมอโจด้วย ต้องให้สาสมนะคะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 12-08-2015 23:24:49
ขอให้ได้หลักฐานมามัดตัวคนร้ายเร็วๆนะจ๊ะ
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Quipblur1994 ที่ 13-08-2015 18:06:13
โง้ยยยยยยยยยย ตอนท้ายนี่หวีดกันจริ๊งงงงงงง หนูพายของแม่น่ารักที่สู๊ดดดดด เขินจนอยากจะฟัดๆๆๆ พี่หมอทนไปได้ยังงายยย
เป็นจุ๊บที่ละมุนมากๆ ค่ะ เอร้ยยยยย :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: cookie_ ที่ 13-08-2015 18:14:57
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 14-08-2015 00:51:41
แม่!!!!! เขานอนเตียงเดียวกัน!
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 14-08-2015 02:07:02
ตื่นเต้นๆ   หึ๊ย...ยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar ที่ 16-08-2015 20:17:20
หวานละมุนละไม โอ้ยยยย หลงหมอซันมากค่าาาา
อยากอ่านต่อ เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 17-08-2015 10:03:14
อ้าาาา น่ากลัวบอส จะทำเรื่องร้ายๆจัง
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 18-08-2015 13:59:10
รออ่านอยู่นะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 16 (11-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 18-08-2015 20:43:23
คิดถึงๆๆ อยากอ่าน
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 20-08-2015 23:14:08

-17-


                คณะกรรมการบริหารของโรงพยาบาลวิวรรธน์เข้ามาพร้อมหน้ากันภายในห้องประชุมใหญ่ นำโดยสองสามีภรรยาที่ดำรงตำแหน่งประธานและผู้อำนวยการ หลายคนที่แปลกใจกับการเรียกพบในเช้าของวันนี้ เพราะดูเหมือนจะมีเรื่องด่วนและสำคัญพอสมควร จึงพูดคุยกันเสียงไม่ดังมากนักถึงที่มาของการเรียกพวกเขาเข้าห้องประชุมกันอย่างเร่งด่วน

                แต่เพียงจากนั้นไม่นานประตูไม้บานใหญ่ก็ถูกเปิดออก ร่างของแพทย์สูงวัยผมสีดอกเลาที่ใครๆต่างพากันเคารพยืนมองผู้คนภายในห้องด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพราะเขาเองก็แปลกใจเฉกเช่นกับคนอื่นที่ถูกเรียกเข้ามา ก่อนจะปั้นหน้ายิ้มแย้มทักทายอย่างปกติและนั่งลงที่เก้าอี้ที่ถูกจัดไว้ให้แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความแคลงใจไม่หาย

      ประตูห้องถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับอาจารย์และลูกศิษย์แผนกหัวใจและหลอดเลือดอยู่หลังประตู สายตาคมกริบของภูตะวันค่อยๆกวาดมองไปทั่วห้อง ก่อนจะก้มศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการแสดงความเคารพผู้อาวุโสกว่า ต่างจากพระพายที่พุ่มมือไหว้อย่างนอบน้อมและเดินไปนั่งเก้าอี้ที่เหลืออยู่ข้างๆคนรัก


“มาพร้อมกันแล้ว ผมเริ่มหัวข้อการพูดคุยของเราวันนี้เลยแล้วกันนะครับ” ประสิทธิ์พูดเสียงนิ่ง เพียงเท่านั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบที่มีเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่เท่านั้น


“เมื่อประมาณสองเดือนที่ผ่านมา ... อาจารย์ภูตะวันและคุณหมอพระพายที่เป็นลูกศิษย์ ได้ทำการย้ายตัวคนไข้จากคุณหมอพฤติพงศ์ที่เป็นแพทย์เจ้าของไข้มาทำการรักษาโดยพลการ ซึ่งถือว่าเป็นความผิดที่ร้ายแรง” หลายคนในห้องนี้ที่ยังไม่รู้ต่างก็มีเสียงฮือฮาอย่างตกใจ ไม่คิดว่าอาจารย์ที่ตั้งใจทำงานอย่างภูตะวันจะกระทำการเช่นนี้ คนผิดอย่างภูตะวันได้แต่มีสีหน้าเรียบเฉย หลุบตามองมือของตัวเองที่ประสานกันไว้บนโต๊ะอย่างไม่แสดงอาการใดๆ เช่นเดียวกับพระพาย


“เรื่องก็เกิดขึ้นมาได้สักพักใหญ่แล้ว ทำไมพวกเราถึงไม่รู้เรื่องครับ? อาจารย์ภูตะวันและลูกศิษย์ได้รับโทษอะไรหรือเปล่า?” คณะกรรมการคนหนึ่งถามอย่างไม่ยอมความ ด้วยเป็นเรื่องที่ค่อนข้างร้ายแรงและผิดจรรยาบรรณของแพทย์มาก ทว่าคณะกรรมการหลายๆคนกลับไม่รู้เรื่องเลยสักนิด


“ผมและคุณหญิงต้องกราบขอโทษทุกท่านที่ต้องปิดบัง เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาให้โรงพยาบาลและตัวบุคคลเองต้องเสียชื่อเสียง” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิด พฤติพงศ์มองอย่างสงสัยกับหัวข้อที่พูดคุยกันในวันนี้ ในเมื่อเรื่องทุกอย่างก็ผ่านมานานแล้วทำไมถึงต้องเอามาพูดถึงอีก


“แล้วเพราะอะไรถึงต้องเปิดเผยในที่ประชุมวันนี้?” พฤติพงศ์ถามสิ่งที่สงสัยออกไปทันที ภูตะวันและพระพายเหลือบตาขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะหันมองสามีภรรยาทั้งสองที่นั่งอยู่หัวโต๊ะประชุม


“เพราะมีข่าวหลุดออกไป ดิฉันเกรงว่าอาจจะกลายเป็นการพูดถึงกันในวงกว้าง จึงขอเรียนทุกท่านให้ทราบเรื่องและขอโทษจากใจจริงที่ปิดบังและให้โทษอาจารย์ภูตะวันกับคุณหมอพระพายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สมควร ไม่มีความยุติธรรม” ณิชชาอรพูดขึ้นมาบ้างพร้อมยกมือไหว้ขอโทษคณะกรรมการกับเรื่องที่เกิดขึ้น ภูตะวันถอนหายใจกลอกตาไปมาอย่าง
ไม่ชอบใจที่อาของตนต้องมาออกรับเรื่องทั้งหมดแทน โดยที่เขาไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้


“โทษที่พวกเขาได้รับคืออะไรครับ?”


“... ดิฉันงดการให้เงินเดือนของพวกเขาทั้งสองคนคนละหนึ่งเดือน แต่อาจารย์ภูตะวันขอรับผิดชอบทั้งหมดจึงรวมเป็นสองเดือนแทนลูกศิษย์ค่ะ” มีเสียงฮือฮาขึ้นมาอีกรอบเมื่อโทษของผู้กระทำผิดเป็นเพียงโทษที่น้อยนิดหากเทียบกับสิ่งที่ทำผิด พระพายเองก็ดูจะตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ เขาหันมองคนรักข้างกายที่ยังคงนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา


“แต่ที่ดิฉันเรียกทุกท่านมาในวันนี้ ไม่ใช่แค่จะบอกให้ทราบเรื่อง แต่จะแจ้งถึงโทษที่พวกเขาควรจะได้รับจริงๆ คือการพักงานเป็นเวลาทั้งหมดหนึ่งสัปดาห์”


“อาหญิงครับ!!” ภูตะวันโวยเสียงดังเมื่อรู้ว่าโทษที่ได้รับคือการพักงาน หนึ่งสัปดาห์อาจจะเป็นเวลาไม่นานสำหรับใครหลายๆคน แต่สำหรับคนเป็นหมอเวลาเพียงหนึ่งวันเขาสามารถช่วยชีวิตใครต่อใครได้อีกหลายสิบคน


“มีใครไม่เห็นด้วยไหมครับ?” ประสิทธิ์ถาม พลางกวาดสายตามองทุกคนในห้องประชุมที่กำลังหันไปปรึกษาหารือกันสำหรับโทษที่อาจารย์และลูกศิษย์ที่ทำผิดได้รับว่าสมควรหรือไม่


“ผมไม่เห็นว่าจะต้องถึงกับพักงาน ในเมื่อเขาก็ได้รับโทษไปแล้ว” พฤติพงศ์ค้าน ทำให้ภูตะวันและพระพายคิ้วกระตุกอย่างผิดคาดไป การที่พวกเขาไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาลก็น่าจะเรื่องดี เพราะหมอพายเองค่อนข้างจะมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการให้เขาอยู่ที่นี่ ทว่ากับกลายเป็นตรงกันข้าม


“ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องอื่นตามมา ผมก็เห็นด้วยครับ” เมื่อคนหนึ่งพูด หลายๆคนที่เห็นด้วยกับบทลงโทษนี้ ทำให้เสียงข้างน้อยอย่างพฤติพงศ์ต้องพ่ายไป เขากัดกรามเล็กน้อยอย่างไม่พอใจ เพราะคิดว่าหากทั้งสองคนนี้ยังอยู่เขาก็จะติดตามความเคลื่อนไหวและทำอะไรได้ง่ายกว่ามาก


“ไม่ต้องห่วงครับ ถ้าเรื่องการผ่าตัด ยังมีศัลยแพทย์ที่เก่งอยู่อีกมาก อาจารย์ภูตะวันมาทำงานไม่ได้แต่เขายังให้คำปรึกษากับทุกคนที่ต้องการได้ครับ”



                 เมื่อหัวข้อการพูดคุยจบลง คณะกรรมการต่างก็พากันทยอยออกจากห้องประชุมไป พฤติพงศ์มองหน้าคนที่เหลืออยู่ทั้งสี่คนสลับกันไปมา ก่อนจะถอนหายใจและเดินออกไปทันที


“ขอบคุณอามากนะครับ” อาจารย์หมอยกมือไหว้ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพทั้งสองคนอย่างจริงใจ ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างที่ทั้งสองคนให้กับเขามาโดยตลอด


“อารู้ว่าซันกำลังทำอะไร อาจะไม่ช่วยได้ยังไงในเมื่อที่นี่มันเป็นของครอบครัวเรา” ประสิทธิ์ตบบ่าหลานชายที่ตัวสูงกว่าเบาๆอย่างให้กำลังใจ


“ตอนเย็นเจอกันที่บ้านนะลูก คุณหมอด้วยนะคะ”


“ครับ” พระพายระบายยิ้มตอบผู้อำนวยการสาวอาของคนรัก ก่อนที่ผู้ใหญ่ทั้งสองคนจะเดินออกจากห้องประชุมไปเหลือเพียงเขาทั้งสองคนที่ยังคงยืนอยู่


“แสดงละครเก่งเหมือนกันนะครับ” คนตัวเล็กกว่าพูดแซวคนรักถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาในห้องประชุมว่าเป็นเพียงการเล่นละครตบตาทุกคนโดยเฉพาะพฤติพงศ์เท่านั้นที่พวกเขาวางแผนกันมาอย่างดีว่าจะให้ตัวเองถูกพักงานเพื่อจะได้มีเวลาติดตามเรื่องผู้ป่วยที่เสียชีวิตไปได้อย่างเต็มที่


“ถ้าไม่ได้มาเป็นหมอ พี่ก็คงเป็นดาราไปแล้ว” เขาพูดกลั้วหัวเราะ แต่ไม่นานก็ถูกกำปั้นเล็กๆต่อยเข้าที่ต้นแขนไม่แรงนัก จนต้องมองหน้าอีกคนอย่างสงสัยว่าตนทำอะไรผิด


“ไม่ต้องมาหัวเราะอารมณ์ดีเลยครับ ทำไมไม่บอกว่าพายก็ถูกงดเงินเดือนเหมือนกัน ทำไมต้องรับผิดไว้คนเดียว เป็นพระเอกเหรอครับ!?”


“เพราะพี่เป็นอาจารย์เราไง พี่โตกว่าเราพี่ก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ... จะคิดอะไรมากมาย” คนฟังยู่ปากไม่ชอบใจนิดหน่อยที่อีกฝ่ายรับผิดไว้คนเดียวทั้งๆที่ต้นเหตุทั้งหมดเป็นเพราะตน แต่สุดท้ายก็พุ่มมือไหว้ขอบคุณคนรักที่ยอมรับโทษแทน


“ไม่เป็นไรครับ” มือหนาตบหัวกลมของคนรักเบาๆพลางยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนที่สมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงจะสั่นเตือน เขาล้วงมันขึ้นมากดรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของแพทย์รุ่นน้องคนที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี


“ว่าไง?”


(พี่ซัน ว่างไหมพี่!? มีเคสอยากให้มาดูหน่อย)


“ได้ เดี๋ยวรีบไป” เขาตอบตกลงพร้อมกับจับมือของคนรักรีบเดินออกจากห้องประชุมทันที ทว่าพระพายกลับยื้อเอาไว้ก่อนด้วยคิดว่ามันไม่เหมาะสม


“เดี๋ยวครับปล่อยก่อน! มีเรื่องอะไรครับ”


“หมอท็อปเรียกให้ไปดูเคสของคนไข้ พายตามอนุวัฒน์กับแพรดาวให้ไปเจอกันที่ห้องตรวจด้วย”


“ได้ครับ งั้นเดี๋ยวพายตามไปนะ” ภูตะวันพยักหน้าก่อนจะปลีกตัวไปก่อน ส่วนพระพายก็รีบวิ่งกลับไปที่ห้องทำงานของตนและเพื่อนอีกสองคน เรียกไปตามคำสั่งของคนเป็นอาจารย์เพื่อไปศึกษาข้อมูลเรียนรู้เคสต่างๆอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน



                   อาจารย์หมอเปิดประตูเข้าห้องตรวจที่มีนายแพทย์รุ่นน้องนั่งอยู่ที่เก้าอี้ ตรงหน้าเขามีผู้ชายวัยกลางคนและหญิงสาววัยรุ่นนั่งอยู่พร้อมกับยกมือไหว้ตน


“นี่อาจารย์ภูตะวันครับ เป็นศัลยแพทย์มือหนึ่งด้านหัวใจของโรงพยาบาลเรา” นายแพทย์หนุ่มแนะนำผู้ปกครองกับลูกสาวให้รู้จัก ก่อนที่ภูตะวันจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆและไม่นานนักเหล่าแพทย์เรสสิเดนท์ของแผนกก็เปิดประตูเข้ามา พวกเขาสวัสดีคนที่แก่กว่ารวมถึงคนไข้ที่เด็กกว่าด้วย พลางยืนหลบอยู่มุมหนึ่งของห้องตรวจเพื่อไม่ให้เกะกะการทำงานมากนัก


“คืองี้ครับ ผมทำเอคโค่ให้น้อง ผลออกมาคือเหมือนน้องเขามีก้อนอะไรสักอย่างอยู่ในหัวใจ เลยอยากจะขอความชัวร์จากพี่ว่าผมวินิจฉัยถูกหรือเปล่า” (การตรวจเอคโค่ = การตรวจหัวใจอย่างหนึ่ง คือการอัลตร้าซาวด์ดูหัวใจนั่นแหละ) ภูตะวันฟังจบจึงขอฟังเสียงหัวใจของผู้ป่วย เขาเสียบสเตโทสโคปเข้าที่หูเพื่อฟังเสียงหัวใจเพียงไม่นานก็ถอดออก


“เสียงหัวใจผิดปกติ มันเหมือนอะไรอยู่ข้างในนั้นจริงๆ ขอดูชาร์จหน่อย” ผู้ปกครองและผู้ป่วยอึ้งไปเล็กน้อยรวมถึงแพทย์เรสสิเดนท์เองเช่นกัน เนื่องจากอาจารย์ของพวกเขาได้ฟังแค่เสียงหัวใจเท่านั้นก็สามารถรู้ได้ว่าข้างในหัวใจมีปัญหานายแพทย์รุ่นน้องส่งชาร์จผู้ป่วยให้กับรุ่นพี่ของตนตามคำขอ เขาเปิดอ่านเพียงไม่นานก็สรุปได้ทันที


“มีก้อนในหัวใจไปขวางทางเดินของหลอดเลือดครับ การไหลเวียนของเส้นเลือดใหญ่จึงน้อยลง ทำให้หัวใจทำงานหนักมากขึ้น ผมคิดว่าเป็นเคสที่ยากมาก การรักษามีทางเดียวคือต้องผ่าตัดครับ” ผู้ปกครองและผู้ป่วยสีหน้าเครียดลงไป เพราะในตอนแรกแค่หวังไว้ว่าคุณหมอท่านแรกอาจจะวินิจฉัยคลาดเคลื่อนไป แต่เมื่ออาจารย์หมออย่างภูตะวันยืนยันอีกครั้งทำให้พวกเขาเครียดและรู้สึกไม่ดี


“อาจารย์หมอจะผ่าตัดยังไงเหรอครับ?” คนเป็นพ่อถามอย่างเป็นกังวลกับการผ่าตัดใหญ่ครั้งแรกในชีวิตของลูกสาว


“ตัดชิ้นเนื้อบางส่วนส่งเข้าห้องแล็ปเพื่อตรวจว่าเป็นก้อนนี้เป็นเนื้อร้ายหรือเนื้อดี ถ้าผลออกมาว่าเป็นเนื้อดีก็จะเอาออก แต่ถ้าเป็นเนื้อร้ายหรือที่เรียกว่ามะเร็งนั่นแหละครับ ก็ต้องเหลือไว้เพื่อรักษาด้วยการให้ยาคีโม ต้องเข้าผ่าตัดเร็วที่สุดนะครับ วันนี้ได้จะดีมาก”


“... ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอปรึกษากับครอบครัวดูก่อน” ทั้งสองคนยกมือไหว้และกล่าวขอบคุณหมอทุกคนที่อยู่ภายในห้องตรวจก่อนจะพากันเดินออกไปด้วยความกังวลที่มีเต็มหัวใจ


“ถ้าเขาไม่ผ่าตัดวันนี้ แกก็ต้องทำ เพราะฉันถูกพักงานหนึ่งอาทิตย์” เขาบอกเสียงเรียบ ถึงแม้ใจจะอยากเป็นคนผ่าตัดแค่ไหน แต่โทษก็คือโทษ ในเมื่อเขาเป็นคนตัดสินใจเอง


“จริงดิพี่!! มันต้องใช้ทีมใหญ่นะเคสยากขนาดนี้ พี่ไม่อยู่ได้ยังไงล่ะ!?” นายแพทย์หนุ่มรุ่นน้องพูดเสียงดังอย่างตกใจ ไม่คิดว่ารุ่นพี่ที่เป็นถึงอาจารย์อย่างภูตะวันจะถูกพักงานไป


“แกก็เป็นศัลยแพทย์เหมือนกันจะห่วงอะไร ฉันเชื่อฝีมือแก” หมอซันยักคิ้วพลางยกยิ้มมุมปากอย่างเคยชิน ตบบ่ารุ่นน้องเพื่อให้กำลังใจ


                 อาจารย์หมอพยักหน้าให้ลูกศิษย์เดินตามออกมาจากห้องตรวจ ทันทีที่ออกจากห้องตรวจแพรดาวที่ตกใจเล็กน้อยกับข่าวถูกพักงานที่อาจารย์พูดเมื่อครู่ก็ถามทันที


“อาจารย์ถูกพักงานเหรอคะ!?”


“อืม ผมไม่อยู่ก็ตั้งใจศึกษาหาความรู้และตั้งใจทำงานจากอาจารย์ท่านอื่นๆด้วยนะ” เขาพูดพลางยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับเดินลิ่วๆนำหน้าทีมลูกศิษย์ แพรดาวและอนุวัฒน์จึงหันมาหาเพื่อนอีกคนของตนที่เดินอยู่ข้างๆอย่างต้องการคำอธิบายมากกว่านี้


“ก็เรื่องนั้นนั่นแหละ”


“งั้นแสดงว่าพายก็ด้วย!?” อนุวัฒน์พูดเสียงสูง พระพายจึงพยักหน้าเป็นคำตอบ หัวเราะเบาๆกับท่าทางตกใจเกินจริงของเพื่อนทั้งสองคน ก่อนจะบอกออกไปว่าเพียงแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น ก็กลับมาทำงานและเรียนเหมือนเดิมแล้ว อนุวัฒน์และแพรดาวจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะคิดว่าอาจารย์กับเพื่อนจะถูกพักงานนานกว่านี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็อดจะใจหายไม่ได้อยู่ดีที่จะไม่ได้เห็นทั้งสองคนอยู่ในโรงพยาบาล ...



                    ถึงเวลาพักเที่ยง ศูนย์อาหารก็ยังคงครึกครื้นผู้คนพลุกพล่านเหมือนกับทุกวัน เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลใหญ่ พวกเขาสามคนนั่งลงพร้อมกับจานข้าวที่มีกับข้าวที่ตัวเองชอบวางลงบนโต๊ะ ทว่าหลังจากที่ก้นแตะเก้าอี้ได้เพียงไม่กี่นาที นายแพทย์หนุ่มต่างแผนกเพื่อนเก่าของพระพายก็วางจานข้าวของตัวเองลงบนโต๊ะฝั่งตรงข้ามพระพาย


“เราขอนั่งด้วยได้ไหม?”


“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เราไม่ได้นั่งกินด้วยกันครั้งแรกซะหน่อย” แพรดาวพูดกลั้วหัวเราะ ทุกทีก็ไม่เห็นว่าจะต้องขอนั่งด้วยกัน เขาทำอย่างกับว่าเป็นคนอื่นคนไกลกันเสียอย่างนั้น พระพายเหลือบมองคนมาใหม่เล็กน้อย ก่อนจะสนใจข้าวในจานแทน

 
              ระหว่างมื้ออาหารมีเพียงแพรดาวและอนุวัฒน์เท่านั้นที่พูดคุยกัน ทำให้บนโต๊ะไม่เงียบจนน่าอึดอัดเกินไป เพราะพระพายเป็นคนไม่ค่อยพูดมากนักเพื่อนๆจึงไม่สงสัยว่าเหตุใดเขาถึงเงียบไป

              จนกระทั่งข้าวในจานหมด คุณหมอหน้าหวานจึงลุกขึ้นและบอกกับเพื่อนว่าตนขอตัวไปเคลียร์งาน เพราะหลังจากนี้ตนต้องพักงานแล้ว นายแพทย์ต่างแผนกเห็นดังนั้นจึงรีบลุกตามเพื่อนเก่าของตนไปหวังปรับความเข้าใจถึงเรื่องคืนนั้น


“เราขอคุยด้วยได้ไหม แป๊ปเดียวก็ได้” พระพายเห็นแววตาขอร้องของเพื่อนเก่าที่ถึงยังไงก็คงตัดกันไม่ขาดอยู่ดี ถึงแม้จะยังไม่พอใจเรื่องนั้นแต่ก็ไม่เสียหายอะไรหากจะอยู่คุย


“อืม ตามมาแล้วกัน” เขาพูดแค่นั้นก่อนจะเดินนำธนบูรณ์ไปยังจุดหมายที่ต้องการ


                สนามบาสเก่าที่ยังไม่ถูกบูรณะจากทางโรงพยาบาล เพราะมีสนามบาสที่ใหม่กว่าแล้ว ถูกเลือกเป็นสถานที่คุยของเขาทั้งสองคนในพักกลางวันนี้ ด้วยเพราะเงียบผู้คนไม่พลุกพล่านและลมพัดเย็นสบาย


“บอสมีอะไร?” พระพายเริ่มเปิดประเด็นเพราะไม่อยากเสียเวลามากนัก ก่อนจะนั่งลงที่มานั่งตัวยาวพลางทอดสายตามองไปเบื้องหน้าที่เป็นตึกสูงระฟ้าของเมืองหลวง แพทย์ต่างแผนกนั่งลงข้างๆพลางถอนหายใจ นัยน์ตาคมมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเพื่อนเก่าอย่างรู้สึกผิด


“เราขอโทษที่พูดแบบนั้นออกไป แต่เราไม่ได้ตั้งใจทำให้พายรู้สึกไม่ดี”


“แต่เราก็รู้สึกไม่ดีไปแล้ว ช่างมันเถอะ ...”


“เราขอถามอะไรพายอย่างหนึ่งได้ไหม?” พระพายละสายตาจากภาพเบื้องหน้า หันมาสบตากับเพื่อนของตนด้วยสายตาที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ซึ่งบอสรับรู้ได้แต่เขาก็พยายามไม่ใส่ใจเพื่อไม่ให้ตัวรู้สึกผิดหวังมากไปกว่านี้


“... พายกับอาจารย์หมอถึงขั้นไหนกันแล้ว” พระพายนิ่งไปก่อนจะเบือนหน้าหนี มองออกไปเบื้องหน้าอีกครั้ง ไม่รู้ว่าควรตอบยังไงดีหากบอกความจริงก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมีได้รู้นอกจากเขาและคนรัก แต่หากจะโกหกก็กลัวว่าจะเป็นการให้ความหวังเพื่อนคนนี้ไป


“แล้วแต่บอสจะคิดดีกว่า เราห้ามความคิดของใครไม่ได้หรอก”


“อืม ... ขอโทษอีกครั้งนะ หวังว่าพายจะยังเห็นเราเป็นเพื่อนเหมือนเดิม” บอสพูดขึ้นลอยๆ ก่อนจะลุกขื้นยืนและเดินออกจากตรงนั้นไปหลังจากพูดจบ ทิ้งให้พระพายนั่งมองตนเดินจากไปด้วยความรู้สึกใจหายและรู้สึกผิดในใจอยู่เล็กน้อยที่ตนโกรธเพื่อนเกินไปหรือเปล่า ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงด้วยซ้ำ


“บอส!!” พระพายตะโกนเรียกเสียงดังก้อง ก่อนจะวิ่งไปเมื่ออีกฝ่ายหยุดรอ เขามองเพื่อนเก่าด้วยสายตานิ่งเฉย ก่อนจะค่อยๆระบายยิ้มออกมา พลางต่อยต้นแขนอีกฝ่ายอย่างแรงเป็นการหยอกล้อ


“ก็ต้องเป็นเพื่อนกันดิ!! ... แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นไม่เอานะ” หมอต่างแผนกยิ้มกว้าง ทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างรู้สึกดี บอสถอนหายใจเล็กน้อยถึงจะไม่ได้อะไรกลับมาแต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียความเป็นเพื่อนกับพระพายไป



                  คงเป็นเรื่องปกติไปแล้ว สำหรับห้องสี่เหลี่ยมห้องนี้ที่ทุกค่ำคืนจะมีเพียงเสียงเปิดเอกสารแข่งกับเสียงเครื่องปรับอากาศ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองคนที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างพินิจ คิ้วเรียวเข้มขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นปม ดวงตากลมโตหรี่ลงเพ่งมองหน้าจออย่างตั้งใจ เขาจึงวางเอกสารในมือลง


“พาย ...”


“ครับ” คนถูกเรียกตอบรับโดยที่สายตาก็ยังไม่ได้ละจากแผ่นเอกสารสีขาวเลยแม้แต่น้อย


“เราได้กินยาบ้างรึเปล่า?” ภูตะวันถามคนรักอย่างเป็นห่วง เพราะเห็นว่าคนตัวเล็กเครียดกับเรื่องที่กำลังสืบหาจนเกินไปจนเกรงว่า
จะลืมกินยาเป็นประจำ


“ถ้านึกได้ก็กินครับ แต่พายดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะแล้ว” หมอหน้าหวานคลี่ยิ้ม ก่อนจะก้มลงอ่านเอกสารในมือเช่นเคย เวลาหนึ่งสัปดาห์ที่เขาถูกพักงานปลอมๆจะต้องสืบหาหลักฐานมามัดตัวคนร้ายให้ได้


“พี่ซัน! พายว่าเคสนี้เหมือนของพ่อพายเลย”


“ได้รับอุบัติเหตุ แต่เสียชีวิตหลังจากเข้าห้องผ่าตัด” ภูตะวันอ่านเอกสารที่คนรักยื่นมาให้ดู เขาเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าอีกฝ่ายอย่างเห็นด้วยว่าเป็นเคสที่คล้ายกัน ก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งใกล้กับอีกคนเพื่อให้อ่านข้อมูลได้ถนัดมากยิ่งขึ้น


“จันทบุรี ... เตรียมเอกสารแล้วไปหาญาติผู้เสียหายกันคืนนี้เลย”


“ครับ” พระพายรวบรวมเอกสารข้อมูลที่พอเป็นหลักฐานสำคัญที่พวกเขาพอหาได้ รวมถึงเอกสารการบริจาคอวัยวะที่เป็นของปลอมด้วย เขาไม่ลืมจดสถานที่อยู่ของผู้เสียชีวิตที่ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะยังคงอยู่ที่เดิม




                ทั้งสองคนขับรถออกจากกรุงเทพฯกันในทันที หลังจากที่เตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ไม่ได้หวังว่าจะต้องได้หลักฐานทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยก็ไปเพื่อพูดคุยเป็นข้อมูลเอาไว้สนับสนุนและแกะรอยต่อๆไปได้อีก ...


‘ทั้งสองคนเพิ่งขับรถออกจากคอนโดครับ’


(ตามพวกมันไป แล้วคอยรายงานฉัน อย่าปล่อยให้คาดสายตาแม้นาทีเดียว)





                รถคันหรูขับเคลื่อนไปตามเส้นทางหลวงที่ทอดยาว แสงไฟสีส้มข้างทางส่องให้ถนนสว่างเป็นระยะๆ พระพายนั่งอยู่เบาะข้างคนขับด้วยหัวใจที่เต้นรัว ตื่นเต้นและกังวลกับวันพรุ่งนี้ที่จะต้องพบกับญาติผู้เสียชีวิตที่ดูเหมือนจะไปตอกย้ำซ้ำเติมให้คิดถึงคนที่จากไปอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นเพื่อความถูกต้องพวกเขาก็จำเป็นต้องทำ

                 ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบขึ้นมองกระจกมองหลังพลางหรี่ตาลงช้าๆอย่างสงสัย ด้วยเห็นว่ารถคันหลังนี้ขับตามพวกเขามาได้ระยะหนึ่งแล้ว ถึงจะไม่ได้ขับมากระชั้นกระชิด หากแต่ก็เว้นระยะได้ไม่ไกลมากนัก จึงทำให้เขาสงสัยว่าอาจจะกำลังถูกสะกดรอยตาม เขาละสายตาจากกระจกและมองมายังคนรักที่นั่งสีหน้ากังวลอยู่ข้างๆจนเขาสังเกตได้ ก่อนจะกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้หลวมๆ


“พี่ไม่อยากให้พายเครียดมาก พรุ่งนี้เราพักผ่อนสักวันหนึ่งก่อนแล้วกัน หลังจากนั้นค่อยไปหาพวกเขา” พระพายหันมองหน้าคนรักที่กำลังขับรถอยู่ด้วยความเร็วปกติอย่างสงสัย แต่ก็ไม่อยากจะค้านความคิดของคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า เพราะคิดว่าพักผ่อนแล้วค่อยลุยงานก็ดีเหมือนกัน

เหตุผลอีกอย่างหนึ่งของภูตะวันคือถ้าหากว่าถูกสะกดรอยตามจริง อย่างน้อยก็น่าจะตบตาพวกนั้นได้อยู่บ้างว่าเขาเพียงแค่มาพักผ่อนตามประสาคนรักกันก็เท่านั้น และไม่อยากบอกให้พระพายได้รับรู้เพราะเกรงว่าจะทำให้คนตัวเล็กของเขามีความเครียดสะสมมากกว่านี้



                อาจารย์หมอขับรถเข้ามาจอดที่สอร์ทติดชายทะเลแห่งหนึ่งของเมืองจันทบุรีในเวลาเที่ยงคืนของคืนวันเดียวกัน หลังจากที่ดับเครื่องยนต์แล้วก็ช่วยคนรักถือกระเป๋าเพื่อเข้าติดต่อห้องพัก คล้อยหลังพระพายเดินเข้าไปที่ฟร้อนท์ของรีสอร์ทได้ไม่นาน รถคันที่ตนสงสัยก็เข้ามาจอดอีกฝั่งหนึ่งของลานจอดรถทันที สายตาคมกริบเพ่งมองก่อนจะกัดกรามแน่นเป็นสัน สิ่งที่ฝ่ายนั้นเผยแพร่ออกไปก็ดีกว่าจะถูกจับได้ว่าแท้จริงแล้วเขาทั้งสองคนมาที่นี่เพราะอะไร ...


“นอนเถอะ พรุ่งนี้จะพาไปกินของอร่อย” อาจารย์หมอระบายยิ้มอบอุ่นให้คนรักคลายความเครียดลง พระพายจึงถอนหายใจก่อนจะคลี่ยิ้มบ้างให้อีกฝ่ายและล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มของรีสอร์ท


“... เราทำได้ใช่ไหมครับ?” เสียงนุ่มแผ่วถามคนรักข้างกายอย่างกังวล ร่างหนาขยับมานอนใกล้อีกฝ่าย พร้อมกับใช้แขนซ้ายให้ได้หนุนแทนหมอน ส่วนอีกข้างก็แตะรอบเอวคอดเอาไว้


“ทำได้สิ เราจะผ่านมันไปด้วยกัน” ริมฝีปากก้มจูบกลุ่มผมนุ่มของคนรักแผ่วเบา ส่งความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าเป็นความรู้สึกที่ออกมาใจจริง พระพายยิ้มบางพลางหลับตาลงช้าๆเมื่อริมฝีปากนุ่มของอีกคนไล่จูบลงมาเรื่อยๆจากหน้าผากจนถึงปลายจมูก ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากบางของตน


              พระพายรู้สึกเจ็บที่หน้าอกข้างซ้ายเล็กน้อยเพราะเหมือนกำลังมีคนตีกลองอยู่ในหัวใจดวงเล็กๆของเขาจนเหมือนจะระเบิดออกมาเสียให้ได้ ริมฝีปากของอีกฝ่ายกดทับลงมาดูดดึงให้เผลอเผยอปากคล้อยตาม ปลายลิ้นสอดแทรกเข้ามาช้าๆแต่เต็มไปด้วยความละมุน ลมหายใจร้อนเป่ารดทั่วหน้าจนรู้สึกว่าแก้มของตัวเองเห่อร้อน ภูตะวันถอนริมฝีปากออกเพื่อให้อีกฝ่ายได้มีจังหวะหายใจแต่เพียงไม่นานก็จูบย้ำลงที่เดิมอีกครั้ง

               มือหนาที่พระพายเคยคิดว่าอบอุ่นทุกครั้งที่ได้สัมผัส บัดนี้กลับเย็นยะเยือกจนเขาแทบจะสะดุ้งเมื่อมือข้างนั้นสัมผัสที่ผิวเนื้อด้านในเสื้อยืดตัวบางของเขาและขยับขึ้นมาจนเกือบจะถึงแผ่นอกบาง พร้อมกับริมฝีปากที่ย้ายมาดูดดึงอยู่ที่ซอกคอขาวแผ่วเบา ก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดลงเมื่อพระพายดันร่างของคนรักออก


“นอนได้แล้วครับ พายอยากกินของอร่อยๆแต่เช้า...” เขาพูดเสียงแผ่ว พลางยกมือเช็ดปากตัวเองเบาๆ ภูตะวันถอนหายใจยาวๆอย่างควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ก่อนจะจูบเน้นที่หน้าผากมนของพระพายอีกครั้งและค่อยๆลุกจากที่คร่อมคนรักอยู่เป็นนอนหงายแทน


“กู๊ดไนท์นะครับ” พระพายพลิกตัวตะแคงหันเข้าหาคนรัก ขยับเข้าไปจนแนบชิด ภูตะวันระบายยิ้มเอ็นดูก่อนจะยกแขนซ้ายขึ้นรองให้อีกฝ่ายได้หนุนนอนแทนหมอนอีกครั้ง แขนเรียวโอบกอดเอวหนาไว้ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ถึงแม้ค่ำคืนนี้จะผ่านไปได้ยากสำหรับพวกเขาที่ต้องพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง แต่ก็ได้แต่ปลอบใจว่าอีกไม่นานก็เช้า ...




***************



Talk : โอยย กว่าจะคลอดมาได้แต่ละตอน เลือดตาแทบกระเด็น 5555555
ผ่านไปอีกหนึ่งตอนนะคะ เป็นยังไงกันบ้าง หลักฐานเริ่มมาเรื่อยๆ ความร้ายกาจของใครบางคนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
คอยติดตามกันต่อไปนะ ว่าพวกเขาจะจะหาหลักฐานมัดตัวคนร้ายได้ยังไง จะผ่านมันไปด้วยวิธีไหน

ตอนหน้าจะได้สวีทกันมั้ย? คนร้ายจะเชื่อหรือเปล่าว่ามาพักผ่อน? จะได้เจอญาติผู้เสียหายมั้ย?
นิยายเราไม่ต้องคิดเยอะค่ะ เราคิดอะไรซับซ้อนไม่เป็นหรอก 555555555

ตอนนี้เปิดเทอมแล้ว แต่ก็จะรีบมาต่อให้ได้ อิอิ
คาดว่าไม่น่าเกิน 25 ตอนก็จบแล้วล่ะ ซียูนะคะ :)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 21-08-2015 00:07:03
อีกไม่ถึง10ตอนก็จะจบเเล้วหรอ โหห
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 21-08-2015 00:34:02
จะสวีททั้งทีก็ไม่เป็นใจ รอเรื่องงานเสร็จก่อน
อยากเห็นคู่นี้สวีท

หมอโจน่ากลัว ให้คนตามติดหมอซันหมอพายเลย ทำงานลำบากขึ้นเยอะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 21-08-2015 00:37:28
ง่อวววว ไม่อยากให้จบเลย ติดหนึบมากค่ะ

พี่ซัน รักแล้วรอหน่อยละกันนะจ๊ะ 555
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-08-2015 00:38:11
อือ น้องพายใจร้ายกับพี่ซันจัง
คนร้ายนี่ก็ร้ายกาจจริง ๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 21-08-2015 00:46:49
ใกล้จบแล้วหรอเนี่ยย
คู่นี้นี่สวีทขึ้นเรื่อยๆเลยย เกือบแล้วววตอนนี้ 55555
หาคนดามใจหมอบอสเลยค่ะ เหนแก่ที่ไม่หลงผิดไปโกรธหมอพาย
รอลุ้นต่ออค่ะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 21-08-2015 01:49:43
 :hao6:ใจเย็นๆค่ะพี่หมอซัน ยุบหนอ พองหนอ ท่องไว้ค่ะ เสร็จงานใหญ่แล้วใส่เกียร์เดินหน้าโลดเลยระะ แอร๊ยยยยย แค่คิดก็ฟินแล้ว  :-[
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 21-08-2015 07:54:14
ฮ่าๆ สงสารพี่หมอซันชอบกลนะ



หวังว่าอิหมอโจ จะไม่ดึงบอสมาร่วมมือทำเรื่องร้ายๆนะ



แต่ก็นะ อิหมอโจก็แก่มากแล้วทำไมไม่คิดหยุดทำเรื่องเลวๆ อย่าบอกนะว่าเอาเงินไปเลี้ยงหนุ่มๆหมด
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 21-08-2015 08:23:46
อาจารย์หมอใจเย็นนนนนนนนนนนนนนนน
พายก็ยอมหน่อยก็ไม่ได้
ลุ้นๆไม่ใช่จับคนร้านนะ
เรื่องอื่น ....
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-08-2015 08:27:27
น้องพายใจร้ายกับพี่ภูจังเลย งานเสร็จเมื่อไหร่  :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 21-08-2015 08:48:49
ยิ่งอ่านยิ่งลุ้น
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 21-08-2015 09:24:28
ทำไมต้องอดทนด้วยพระพายยยยย
น่าจะยอมอาจารย์หมอหน่อยนะ ฮ่าๆๆ

แต่..พาย...ป่วยใช่ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 21-08-2015 10:22:56
หมอโจเริ่มน่ากลัวขึ้นไปอีกกกกก
รอเรื่องจบค่อยสวีทให้เต็มที่ก็ได้นะหมอซันหมอพายยย
เอาใจช่วยนะคะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 21-08-2015 12:57:29
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar ที่ 21-08-2015 21:37:34
อจ.หมอ ไหวม๊ายค๊าาาา

ขอบคุณมากค่ะ สนุกขึ้นเรื่อยๆ อยากอ่านต่อๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 22-08-2015 07:37:16
สู้ๆจ้าาา
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 22-08-2015 09:35:38
โอ้ยยย หวีด
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 22-08-2015 11:22:29
ขอให้คู่นี้ปลอดภัยด้วยนะ กลัวใจหมอโจจริงๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 22-08-2015 14:46:46
คนเลวมีอยู่ทุกวงการจริงๆสินะ ขอให้ได้รับกรรมเร็วๆค่ะ  :call:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: secretowl ที่ 24-08-2015 22:50:50
ตามมาจากกระทู้แนะนำนิยายค่าาาา
สนุกมากเลย
ลุ้นด้วยค่ะ
หมอพายสู้ๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 24-08-2015 23:39:10
นานแห๊ะ  กว่าจะคลอดแต่ละตอน  แต่สนุกครับ 

ติดตามอ่านอยู่น๊า   ...
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 25-08-2015 13:23:05
มารอตอนต่อครับ ^^

กำลังลุ้นเลยเรื่อง
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 25-08-2015 18:44:03
หวังว่าจะไม่มีอะไรอันตรายอีกน๊าา แค่คราวที่แล้วโดนแทงก็ใจหายวาบแล้วจ้าา  ขอให้ได้หลักฐานไวๆ  :call:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 17 (20-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 25-08-2015 21:22:47
 :call:

ชอบมากเลย ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 26-08-2015 21:48:41

-18-


                แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ในยามเช้า ส่องลอดผ้าม่านสีขาวบางของรีสอร์ทเข้ามา ในขณะที่พระพายกำลังหลับใหลแต่ยังมีใครอีกคนที่ยังไม่ได้นอน ภูตะวันนั่งพิงหัวเตียงใหญ่ นัยน์ตาคมจับจ้องไปที่ดวงหน้าหวานของคนรักที่นอนหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ฝ่ามือหนาลูบกลุ่มผมนุ่มแผ่วเบาเกรงว่าจะรบกวนจนอีกคนตื่นขึ้นมา เขาไม่รู้เลยว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เขานึกไม่ออกจริงๆว่าถ้าพระพายจัดการคนเดียวจะเป็นยังไง เพราะดูเหมือนยิ่งเข้าใกล้ความจริงเท่าไหร่ อันตรายก็เพิ่มทวีคูณมากเท่านั้น


“.... ตื่นนานแล้วเหรอครับ?” พระพายถามอย่างงัวเงียพร้อมกับขยี้ตาตัวเองเบาๆ


“อรุณสวัสดิ์” เขาเลี่ยงที่จะตอบคำถาม แต่เปลี่ยนเป็นทักทายคนรักแทน พลางยกมือลูบแก้มใสเบาๆอย่างอ่อนโยน พระพายคลี่ยิ้มบาง เขาลุกขึ้นนั่งมองหน้าคนรักอย่างชั่งใจ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาอีกฝ่าย ประกบปากลงบนริมฝีปากหนาแล้วผละออกอย่างรวดเร็ว โดยที่ภูตะวันเองรู้สึกตกใจเพราะเป็นสิ่งที่ตนไม่คาดคิดว่าพระพายจะเป็นฝ่ายจูบเขาก่อน


“อรุณสวัสดิ์ครับ” คุณหมอหน้าหวานรีบผละเข้าห้องน้ำไปในทันทีด้วยความอายเล็กๆ ทิ้งให้อาจารย์หมอได้แต่นั่งอมยิ้มเอ็นดูกับกิริยาที่ดูน่ารักของของคนรัก เพียงเท่านั้นสิ่งที่เฝ้ากังวลมาตลอดทั้งคืนก็ดูจะหายไปเกือบครึ่ง



              หลังจากที่ทั้งสองได้ทำธุระส่วนตัวของตัวเองจนเสร็จ ก็ออกมานั่งทานอาหารเช้าที่ทางรีสอร์ทได้จัดไว้ให้ โดยที่ภูตะวันเองก็ยังคงมีสายตาที่ระแวดระวังตลอดเวลา เพราะไม่รู้ว่าคนพวกนั้นจะยังคอยเฝ้าติดตามพวกเขาอยู่หรือไม่และยังต้องคอยทำตัวไม่ให้ดูมีพิรุธจนพระพายรู้สึกได้ หากแต่คุณหมอหน้าหวานที่เป็นคนช่างสังเกตอะไรรอบๆตัว บังเอิญเห็นชายชุดดำอยู่มุมหนึ่งของรีสอร์ทที่คล้ายกับว่ากำลังมองมายังโต๊ะพวกเขา ดวงตากลมหรี่มองอย่างสงสัยและเหมือนจะคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ภูตะวันที่เห็นว่าคนรักของตนเงียบไปจึงมองตามสายตานั้นไป ชายคนนั้นที่เริ่มจะรู้ตัวจึงรีบหลบไปในทันทีเป็นจังหวะเดียวกับที่พระพายจำได้แล้วว่าสายตาของชายผู้นั้นเขาเคยเห็นมันที่ไหน


“มันคือคนที่แทงพี่ไง ที่ห้องทำงานพายวันนั้น พายจำสายตามันได้!!” เขาพูดเสียงดังอย่างไม่เกรงใจใคร ก่อนจะรีบลุกขึ้นเพื่อจะวิ่งตามชายคนนั้นไป ทว่าคนตัวสูงกลับคว้าแขนเล็กเอาไว้ไม่ให้วิ่งตามไปเพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย


“อย่าไปพาย!!”


“มันตามเรามานะครับ พายไม่ยอมให้สิ่งที่เรากำลังทำเสียแน่!” คนตัวเล็กกว่าพยายามจะวิ่งออกไปอีกครั้ง หากแต่สู้แรงฉุดรั้งจากภูตะวันที่มีแรงกว่าเยอะไม่ได้ เขาจับอีกฝ่ายให้นั่งลงที่เก้าอี้ตามเดิมและคอยจับมือบางเอาไว้เพื่อให้ใจเย็นลง


“พายฟังนะ”


“.............”


“... อาจจะเป็นแผนของมันก็ได้ที่อยากให้เราตามไป พายแค่ทำเป็นไม่รู้เห็นแล้วทำตามวิธีของพี่ก็พอ” เขาพูดเสียงเข้มแต่ก็แฝงความใจเย็นอยู่ในนั้น วิธีที่เขาเลือกทำอาจจะเป็นวิธีที่ดูอิงละครเกินไปหน่อย แต่เขาก็คิดว่ามันน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดกว่าการแจ้งตำรวจโดยตรง เพราะเขาเองก็ไม่มีหลักฐานอะไรหากตำรวจจะสาวถึงต้นตอของการสะกดรอยตาม


“วิธีอะไรครับ?”



             ภูตะวันถามทางจากพนักงานในรีสอร์ทหลังจากที่เก็บข้าวของและเช็คเอาท์เรียบร้อยแล้ว ทั้งที่ตั้งใจจะอยู่พักผ่อนอีกสักคืน แต่ตอนนี้คงไม่มีอารมณ์จะทำอะไรมากกว่าการทำเรื่องที่ยังค้างคาอยู่ให้เสร็จโดยไว รวมถึงพระพายเองก็เครียดเกินกว่าจะมีอารมณ์มาเที่ยวเล่นพักผ่อนอย่างที่คนรักต้องการให้เป็นแบบนั้น ในเมื่อต่างฝ่ายต่างเข้าใจความรู้สึกของกันและกันก็เป็นอันว่าตกลงรีบเร่งมือให้เรื่องที่กำลังทำอยู่สำเร็จบรรลุผลอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ โดยที่ไม่มีอุปสรรคใดๆมาขวาง


“คันนั้นใช่ไหมครับที่ตามเรามา?” พระพายถามเสียงเรียบ มองรถเก๋งคันหนึ่งที่ขับเว้นระยะออกไปไม่ไกลมากนักผ่านกระจกมองข้างฝั่งที่ตนนั่ง คนขับเหลือบมองกระจกมองหลังเล็กน้อยก่อนจะวางมือข้างที่ว่างลงบนมือบางของคนรักพร้อมกับบีบเบาๆ


“อืม ... กลัวไหม?” อาจารย์หมอเอ่ยถามพลางเหลือบมองหน้าคนรักสลับกับมองถนนเป็นระยะ พระพายส่ายหน้าช้าๆระบายยิ้มให้กับอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน


“มีพี่อยู่ พายไม่กลัวครับแล้วพี่ล่ะ?”


“ไม่ พี่ไม่เคยกลัวตายแต่พี่กลัวว่าถ้าตายแล้วจะไม่ได้อยู่กับเรามากกว่า” คนฟังถึงกับใบหน้าแดงระเรื่อ เขาเกาหางคิ้วตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้าหนีมองออกไปนอกกระจกฝั่งตัวเองพลางอมยิ้มเบาๆ ภูตะวันกระแอมไอเล็กน้อยอย่างเก้อเขินที่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าพูดอะไรอย่างนั้นออกไป



                 รถสีบลอนด์เงินเลี้ยวเข้ามายังจุดหมายที่ต้องการ ทั้งสองคนเหลือบมองกระจกว่าคนพวกนั้นที่ขับตามมาจะเผลอเลี้ยวตามเข้ามาหรือไม่ ทว่ามันขับผ่านไปอย่างช้าๆอย่างที่พวกเขาหวัง ภูตะวันหัวเราะหึ ยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจที่แผนการเลี้ยวรถเข้ามาในสถานีตำรวจนั้นได้ผล คนพวกนั้นไม่กล้าขับตามพวกเขาแน่ แต่ถึงอย่างนั้นก็คงต้องรอเวลาให้ผ่านไปสักพัก เพื่อให้มั่นใจว่าพวกมันจะไม่ตามอีกต่อไปซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าพวกมันจะละความพยายามไปหรือไม่

           
                 ชายชุดดำคนของพฤติพงศ์นั่งอยู่ในรถฝั่งข้างคนขับด้วยสีหน้ากังวล พวกเขาขับมาจอดในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับสถานีตำรวจที่ภูตะวันและพระพายเลี้ยวเข้าไป ถึงแม้จะไม่อยากทำแต่คำว่าผู้มีพระคุณก็ค้ำคอ พฤติพงศ์เป็นคนดึงเขามาทำงานในโรงพยาบาลวิวรรธน์ ทำให้เขามีงานมีเงินเพื่อจุนเจือครอบครัวและถ้าไม่ทำเขาก็ไม่แน่ใจว่าครอบครัวของเขาจะปลอดภัยหรือไม่


‘พวกเขามาที่สถานีตำรวจของอำเภอหนึ่งในจังหวัดครับ จะให้ทำยังไงต่อครับคุณหมอ’


(มันรู้ตัวหรือเปล่า?)


‘... ผมไม่แน่ใจ’


(บ้าชิบ! พวกแกกลับมาก่อน)

                  พฤติพงศ์วางสายไปทันทีหลังจากพูดจบด้วยความฉุนเฉียว ต่อให้ไม่รู้ว่าภูตะวันกับลูกศิษย์กำลังทำอะไรกัน ยังไงเรสสิเดนท์ที่ชื่อว่าพระพายก็ต้องได้รับโทษจากการรู้มากอยู่ดี เพราะฉะนั้นไม่ว่าการสะกดรอยตามจะเป็นผลหรือไม่ ทางออกสุดท้ายของสองคนนั้นคือชีวิต ... ไม่ใครก็ใคร




                   จนเวลาผ่านไปได้หลายชั่วโมง ทั้งสองคนก็มองหารถคันที่ขับตามมาว่ายังอยู่แถวนี้หรือไม่ เมื่อแน่ใจว่าไม่เห็นแล้วเขาจึงรีบขับออกมาจากสถานีตำรวจแล้วตรงไปยังจุดหมายที่ตั้งใจเอาไว้ตอนแรกทันที โดยที่มีพระพายคอยบอกทางจากแผนที่คร่าวๆที่พนักงานรีสอร์ทเขียนเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น


“ทางเข้าหมู่บ้านชาวประมงข้างหน้าครับ” พระพายชี้บอกทางกับคนรักอย่างตื่นเต้น อาจารย์หมอเลี้ยวรถเข้ามาในซอยเล็กๆที่สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านคนสลับกับพื้นที่ป่าชายเลนเป็นระยะๆ


“บ้านคนเยอะขนาดนี้ขับรถหาคงไม่เจอ พายว่าเราจอดรถแล้วเดินหากันดีกว่าไหมครับ?”


“โอเค” หมอซันจึงจอดรถที่วัดเล็กๆภายในหมู่บ้านของชาวประมง ก่อนที่ทั้งสองคนจะลงจากรถพร้อมกับกระเป๋าเอกสารที่พระพายถือไว้เก็บรักษาเป็นอย่างดี


                ภูตะวันอ่านที่อยู่ของบุคคลที่ต้องการพบอีกครั้งและออกเดินตามหา ทันทีที่ชาวบ้านเห็นพวกเขาก็พากันมองอย่างสงสัยเพราะดูยังไงก็ไม่ใช่คนในพื้นที่


“เอ่อโทษนะครับ ผมตามหาบ้านหลังนี้ ไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหนรู้ไหมครับ?” อาจารย์หมอเป็นฝ่ายเข้าไปถามชาวบ้านในละแวกนั้น พวกเขาต่างพากันมารุมดูกระดาษใบเล็กที่เขียนชื่อและที่อยู่เอาไว้


“อยู่ฝั่งนู้นพ่อหนุ่ม ต้องข้ามสะพานไป เดี๋ยวป้าให้ไอ้เท่หลานป้ามันพาไป ไม่ไกลๆ”


“ขอบคุณครับ” ทั้งสองคนระบายยิ้มกับสิ่งที่ได้พบเจอ คนที่นี่ถึงจะไม่ได้รวยเงินทองแต่ก็ดูรวยน้ำใจกว่าคนที่มีหลายเท่านัก
ป้าใจดีตะโกนเรียกหลานเสียงดังโหวกเหวก ไม่นานเด็กตัวเล็กๆรูปร่างผอมบาง ผิวคล้ำ เนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าย้วยๆเก่าๆก็วิ่งออกมาพร้อมเพื่อนที่ตัวไล่ๆกันอีกสองคน พระพายอมยิ้มที่เห็นภาพเด็กพวกนี้ เพราะทำให้เขาเห็นภาพตัวเองตอนที่ยังเด็กตอนที่ยังอยู่กันพร้อมหน้าครอบครัวในเวลาสั้นๆ


“เอ็งไปส่งพวกคุณเขาข้ามไปฝั่งนู้นที แล้วรีบกลับมาล่ะอย่าเถลไถล” เด็กสามคนเงยหน้ามองพวกเขาพร้อมขมวดคิ้วอย่างสงสัยตามประสาเด็ก แต่สุดท้ายก็พยักหน้าและเดินนำเขาทั้งสองคนไป


                 ทางเดินที่จะข้ามไปหมู่บ้านอีกฝั่งเป็นดินทราย ข้างทางเป็นป่าชายเลนทั้งสองฝั่งทำให้แสงแดดยามบ่ายเช่นนี้ไม่ลงมากระทบผิวหน้าให้ร้อนมากนัก เสียงจิ้งหรีดเรไรร้องกันดังระงมถึงแม้จะไม่ใช่ยามค่ำคืน เพื่อนร่วมทางต่างวัยส่งเสียงเจื้อยแจ้วกันตลอดทาง อาจารย์หมอลอบสังเกตสีหน้าของคนรักที่เดินอยู่ข้างๆก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มและทอดสายตามองเด็กสามคนอย่างเอ็นดู


“ยิ้มอะไรนัก หื้มม?”


“...พวกเขาเหมือนพายตอนเด็ก”


“พายตัวดำแบบนี้เหรอ?” คนตัวสูงพูดกลั้วหัวเราะ จนคนฟังยู่หน้าตวัดมองค้อนเล็กน้อยอย่างไม่จริงจังนักที่ทำเสียบรรยากาศในการคิดถึงตัวเองสมัยยังเป็นเด็ก


“พายชอบเล่นจนเนื้อตัวมอมแมมแล้วพ่อก็ชอบเอาก้านมะยมมาขู่จะตีถ้าพายไม่ไปอาบน้ำ ตอนนั้นพายก็กลัววิ่งหนีไม่อยากโดนพ่อตี แต่ตอนนี้ ... พายอยากให้พ่ออยู่ตีพายดุพายทุกวัน”


“มันผ่านมาแล้ว แต่พายก็รู้ใช่ไหมว่าท่านไม่ได้ไปไหน ท่านแค่ย้ายมาอยู่ในความทรงจำของเรา” เขาบอกพร้อมกับลูบศีรษะคนรักพร้อมกับสายตาและรอยยิ้มที่อบอุ่น แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ เด็กชื่อเท่ผู้นำทางพร้อมกับสมุนก็ตะโกนขัดขึ้นมาเสียงดังลั่นป่า


“ถึงแล้วจ้ะพี่ เดินข้ามสะพานนี้ไป แต่ว่าต้องเดินทีละคนนะ” นิ้วสั้นๆป้อมๆชี้ไปยังสะพานตรงหน้า ไม้กระดานสองแผ่นมีราวจับที่ทำจากไม้ไผ่เชื่อมฝั่งนี้กับฝั่งนู้นให้ไปมาหาสู่กันได้ง่าย สูงจากผืนน้ำด้านล่างค่อนข้างมาก ซึ่งคงจะเป็นการร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านที่ทำขึ้นเอง


เด็กๆวิ่งลิ่วข้ามไปโดยใช้เวลาเพียงสั้นๆ คงเพราะเจ้าตัวคุ้นชินกับทางแถวนี้แล้ว พอถึงฝั่งนู้นก็กวักไม้กวักมือเรียกให้คุณหมอทั้งสองคนรีบตามไปจนพระพายต้องหัวเราะออกมาเบาๆกับความทะเล้นของพวกเด็กน้อย อาจารย์หมอให้พระพายข้ามไปฝั่งนู้นก่อนเพราะเขาไม่สามารถทิ้งให้คนรักต้องอยู่ฝั่งนี้คนเดียวได้

      พระพายเดินข้ามสะพานไม้ที่มีเพียงแผ่นไม้สองแผ่นวางขนานกันและจับราวไม้ไผ่อย่างระมัดระวัง โดยมีภูตะวันที่รออยู่ด้านหลังยืนลุ้นและเตรียมพร้อมเสมอหากเกิดอะไรที่ผิดพลาด แต่สุดท้ายคุณหมอหน้าหวานก็เดินข้ามไปรวมอยู่กับพวกเด็กๆอย่างปลอดภัย เขาจึงโล่งใจและเดินตามอีกคนไปในเวลาถัดมา


“พวกหนูส่งพี่แค่นี้นะ เดี๋ยวกลับช้าแล้วจะโดนตีเอา คิกๆ” เจ้าเท่พูดไปหัวเราะไป เรียกความเอ็นดูจากหมอทั้งสองคนได้ไม่น้อย หมอซันจึงควักธนบัตรใบสีแดงให้คนละใบเป็นสินน้ำใจ เด็กๆหูตาแพรวพราวดีใจเป็นการใหญ่ที่ได้ค่าขนมเอาไปฝากยายให้เก็บไว้ ก่อนจะรีบวิ่งข้ามสะพานกลับไปฝั่งเดิม


“นอกจากจะเป็นหมอแล้วก็ยังเป็นป๋าด้วยนะครับเนี่ย” พระพายแซวคนรักด้วยรอยยิ้ม คนถูกแซวหัวเราะเล็กน้อยพลางยกมือหยิกแก้มอีกฝ่ายเบาๆอย่างเอ็นดูแล้วพากันเดินเข้าหมู่บ้านชาวประมงฝั่งนี้ไปเพื่อหาบ้านของคนที่ต้องการพบ



               อาจเพราะเป็นวันและเวลาทำงานจึงไม่ค่อยชาวบ้านเดินไปมาในหมู่บ้านมากนัก คงจะอยู่ที่ท่าเรือของหมู่บ้านหรือบางคนก็อยู่ แต่ในบ้านจึงไม่กล้าที่จะรบกวนถามไถ่เลยต้องเดินหากันต่อไปจนเมื่อเจอหญิงสาวที่เป็นเจ้าของร้านขายของชำในหมู่บ้านก็รีบเดินเข้าไปในทันที แต่จะให้เดินเข้าไปถามเฉยๆพระพายเองก็เกรงว่าจะน่าเกลียดจึงขอซื้อน้ำเปล่าจากเขาสักสองขวด ก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่ต้องการ


“พอดีผมมาหาบ้านหลังนี้น่ะครับ พอจะรู้ไหมฮะว่าอยู่ตรงไหน?” หญิงสาวอ่านชื่อและที่อยู่ในกระดาษสีขาวใบเล็กที่พระพายเป็นคนจดมา เธอใช้เวลาอ่านไม่นานก็ส่งให้หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลให้ช่วยดูอีกแรงเพื่อความแน่ใจก่อนจะบอกออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้าของบ้านหลังนี้ได้ย้ายออกไปนานแล้ว


“ย้ายไปไหนครับ!?” พระพายถามด้วยความตระหนกตกใจเพราะไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองตั้งใจทำมาตลอดดูเหมือนจะกลายเป็นศูนย์เพียงแค่คำว่าย้ายออกไปแล้วของคนที่เขาต้องการพบ อาจารย์หมอเองก็ใจหายไม่น้อยแต่ก็ยังคงมีสติไม่ตระหนกตกใจจนทำให้ชาวบ้านที่พวกเขามาขอความช่วยเหลือต้องแปลกใจและสงสัยพวกเขาจนเกินไป


“พอจะบอกได้ไหมครับว่าเขาย้ายไปอยู่ที่ไหน? ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับเขาจริงๆ” หญิงสาวทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างชั่งใจว่าควรจะบอกไปดีหรือไม่ แต่เท่าที่ดูจากหน้าตา การแต่งตัวและกิริยาท่าทางของชายทั้งสองคนแล้วก็ดูไม่น่าจะมีพิษมีภัยอะไรจึงตัดสินใจบอกออกไป


“ย้ายไปทำรีสอร์ทเล็กๆอยู่ที่หาด....”


“ทำรีสอร์ท” พระพายพึมพำอย่างแปลกใจว่าพวกเขาเอาเงินจากไหนมาทำรีสอร์ท เพราะในประวัติการรักษาของผู้ป่วยที่เสียชีวิตไปแล้วครอบครัวเป็นเพียงชาวประมงเท่านั้น อีกทั้งค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดคู่กรณีก็เป็นคนจ่ายให้


“ตั้งแต่ที่ลูกชายแกเสีย แกก็ย้ายออกไปเห็นบอกว่าจะไปทำรีสอร์ท แกน่าจะได้เงินจากประกันชีวิตลูกหรือไม่ก็คู่กรณีเขาให้ค่าทำขวัญ” หญิงวัยกลางคนบอกกึ่งสันนิษฐานไปด้วย ทว่าพระพายกลับเดาเรื่องออกว่ามันอาจไม่ใช่อย่างที่เธอคิดทั้งหมด เงินที่พวกเขาได้มาอาจจะเป็นเงินค่าทำศพจากไอ้หมอชั่วคนนั้น


“ชื่อรีสอร์ทอะไรพอทราบไหมครับ?”


“........” หญิงชาวบ้านส่ายหัวช้าๆด้วยสีหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อยที่เธอไม่สามารถช่วยเหลืออะไรพวกเขาได้มากกว่านี้ เพราะพวกเธอก็ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นใช่ชื่อรีสอร์ทว่าอะไร รู้แค่เพียงว่าก่อนย้ายออกไปสองสามีภรรยาบอกแค่เพียงว่าจะย้ายออกไปทำรีสอร์ทให้เป็นสมบัติของลูกสาวคนเล็กที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว


“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้พวกผมก็ขอบคุณมากแล้ว” คุณหมอยกมือไหว้ขอบคุณหญิงสาวทั้งสองที่ให้ความช่วยเหลือ ก่อนจะลากลับและรีบพากันเดินออกจากหมู่บ้านชาวประมงทันที เพราะนี่ก็ใกล้จะเย็นแล้ว


“เราจะหารีสอร์ทพวกเขาจากไหนดีครับ?” พระพายถามอย่างกังวลในขณะที่มือของตนก็ถูกอีกฝ่ายจับจูงไปตลอดทาง


“อันดับแรกเราไปที่หาดนั้นก่อน หาที่พักแล้วหาชื่อเขาจากรายชื่อผู้ประกอบกิจการในอินเทอร์เน็ต”



               ภูตะวันขับรถออกจากหมู่บ้านชาวประมงและขับไปตามแผนที่ในสมาร์ทโฟนที่นำไปหาดที่เป็นจุดหมายต่อไป เขาดูอิฐโรยและสีหน้าเหนื่อยล้ามากเนื่องจากไม่ได้นอนมาทั้งคืนและวันนี้ยังต้องขับรถเกือบจะทั้งวันอีกทั้งยังต้องเดินตระเวนหาบ้านของคนที่ต้องการพบท่ามกลางไอแดดจากทะเล หากแต่ก็ไม่ย่อท้อเพราะหนักกว่านี้ช่วงทำวิจัยหรือผ่าตัดหลายชั่วโมงก็ผ่านมันมาแล้ว


                เวลาล่วงเลยมาจนกระทั่งเย็นพอดี รถคันหรูก็เทียบจอดที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งขนาดไม่ใหญ่นักที่ริมชายหาดอันเงียบสงบของอำเภอนี้ หลังจากที่เช็คอินเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้วอาจารย์หมอก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มทันที ภูตะวันหลับตาลงพลางถอนหายใจออกมาพรูใหญ่


“นอนพักเถอะครับ ขับรถมาทั้งวัน”


“ไปเดินเล่นกัน”


“แต่ว่า....” คุณหมอหน้าหวานตอบอย่างลังเลใจ เพราะอีกใจก็อยากจะหารายชื่อของฝ่ายนั้นให้เจอ จะได้พบกับพวกเขาเร็วๆอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ทว่าอาจารย์หมอหนุ่มก็ไม่ยอมแพ้เขาลุกขึ้นจากเตียงและจูงคนรักออกจากห้องไปโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายได้ท้วงอะไรอีก


                 ภูตะวันพาพระพายเดินลงมาที่ชายหาดสีขาวทอดยาวไปไกลสุดตา นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองไปยังท้องทะเลยามเย็นที่ดูสบายตา เสียงคลื่นลูกเล็กวิ่งมากระทบปลายเท้าชวนให้ผ่อนคลายไม่น้อย พระอาทิตย์ดวงใหญ่ที่ใกล้จะลาลับขอบฟ้าดูเหมือนจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของชีวิตไปเมื่อได้ยืนดูมันกับคนรัก


“ไม่เหนื่อยเหรอครับ ถึงชวนออกมาเดินเล่น” เอียงใบหน้าถามคนรักที่ตัวสูงกว่าเล็กน้อย ภูตะวันยกยิ้มบางๆพลางปัดปอยผมด้านหน้าของคนรักที่ถูกลมพัดออก


“พี่เจอหนักกว่านี้มาตั้งเยอะ แค่นี้สบายมาก” เขาจับมือจูงกันไปบนหาดทรายสีขาวที่ทอดตัวเป็นแนวยาวสุดลูกหูลูกตาและดูเหมือนจะมีเพียงแค่เขาสองคนเท่านั้นบนหาดทรายในวันธรรมดาเช่นนี้


“...คิดแล้วก็ตลกดีนะครับที่เราสองคนมาคบกันได้”


“ตลกยังไง?” เขาถามเสียงนุ่มพลางดึงมือบางให้หยุดเดินและนั่งลงบนขอนไม้ใหญ่ริมชายหาดข้างๆกัน


“ไม่รู้สิครับ พี่ดูเหมือนไม่ชอบพายตั้งแต่วันแรกทำอะไรก็เหมือนถูกจับตามองตลอดเวลา พายก็ไม่ค่อยถูกชะตากับพี่เท่าไหร่ด้วย” ภูตะวันหัวเราะกับคำบอกเล่าของคนรักที่พูดย้อนไปเมื่อหลายเดือนก่อน


“...เพราะพี่ชอบพายมากต่างหากพายถึงอยู่ในสายตาพี่ตลอดไง” คนฟังถึงกับหน้าขึ้นสี อมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้าหนีมองท้องทะเลยามเย็นที่สะท้อนแสงสีส้มแดงจากพระอาทิตย์ดวงใหญ่แทน


“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่จะไม่มีวันปล่อยมือพาย พี่จะทำให้ดีที่สุดนะ” พระพายหันไปสบตากับอีกคน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มสะท้อนความจริงใจและความอ่อนโยนให้เขาเห็น เขาระบายยิ้มบางๆอย่างรู้สึกดีไม่น้อยที่ได้รับความรักความจริงใจจากชายคนนี้มากมายเหลือเกิน


“...ถึงพี่จะปล่อยมือพาย พายก็ไม่ยอมให้ปล่อยหรอกฮะ พายดื้อพี่ก็รู้ เพราะฉะนั้นเราจะเดินไปด้วยกัน ขอบคุณนะครับ ... พายรักพี่นะ” พูดจบก็เอนศีรษะซบลงกับไหล่หนาของคนรักพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่สุด ภูตะวันที่ได้ฟังก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะละสายตาจากคนรักมองพระอาทิตย์ที่โผล่พ้นน้ำทะเลอยู่ครึ่งดวง สองมือกระชับแน่นเพื่อยืนยันว่าจะจับมือกันเดินไปไม่มีวันปล่อย ...



***************



Talk : คลอดมาอีกตอน อย่าว่าเลยนะคะที่อัพช้า T^T บางทีเวลามีแต่อารมณ์ไม่มีก็พิมพ์ไม่ออกค่ะ 555555
เราไม่ได้ยืดเยื้อให้ไม่จบซักทีน้าาา แต่แหมมม มันก็ต้องมีอุปสรรคกันมั่งเนอะ จะมาหากันเจอง่ายๆได้ไง
คนไม่รู้จักกันมาก่อนเนอะ อิอิ แต่เดี๋ยวอีกนิดก็จบแล้วล่ะค่ะ ใกล้ความจริงแล้ว

เป็นกำลังใจให้ด้วยน้าาา :)
อ้อ! เรามีเรื่องใหม่ ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ #หลงเหลี่ยมรัก ลองอ่านกันดูนะ ^^
เจอกันตอนหน้าค่าาาา จุ้บๆ :3
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 26-08-2015 21:56:21
จิ้มจึกๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 26-08-2015 22:50:30
พระพาย  แรดอ่ะ .....   ๕๕๕๕๕
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 26-08-2015 23:17:45
พี่ซันหล่อไปอีกกก :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 26-08-2015 23:50:42
อิหมอชั่วก็ชั่วได้โล่จริงๆ  :เฮ้อ:
หมอซันกับพายสู้นะะะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 27-08-2015 00:11:24
อ้าวหมดตอนเเล้ว
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-08-2015 00:54:29
เอาใจช่วยพี่ซันน้องพายตามหาพยานหลักฐานเจอเร็ว ๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 27-08-2015 01:06:45
อย่ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นเลยน๊าาา
ที่เข้ามาพักนี่จะใช่รีสอร์ทของบ้านนั้นรึเปล่า TT
อยากอ่านต่อแล้วหง่าาาาา
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 27-08-2015 02:19:30
โอ้ยยยยยยยยยยยยย ทะเลเชื่อมเลยจ้าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 27-08-2015 08:33:34
ว่างกันเป็นเดือน พี่หมอซันอย่าลืมพาหมอพาย



ไปฝึกศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว พร้อมฝึกยิงปืนนะ



ดูท่าอิหอโจจะเล่นไม่เลิกแถมเล่นแรงด้วยอะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 27-08-2015 08:46:35
เอาใจช่วยหมอซันหมอพาย ถ้าโชคดีรีสอร์ทที่ไปพัก
อาจจะเป็นของคนที่ตามหาก็ได้
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-08-2015 10:25:01
ซันกับพายสวีทไม่เกรงใจกันเลย
ลุ้นว่าทั้งคู่จะจัดการเรื่องไอ้หมอเลวยังไง
หวังว่าทั้งคู่จะไม่ต้องเจ็บตัวมากนักนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 27-08-2015 11:45:23
ตอนหน้าน่าจะเพิ่มความตื่นเต้นขึ้นแน่ๆ
มาลุ้นกันต่อครับ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 27-08-2015 15:25:01
รอลุ้นไปด้วยกัน จะได้ข้อมูลเพิ่มกันหรือเปล่า
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 27-08-2015 15:45:27
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 27-08-2015 20:31:22
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 27-08-2015 21:22:38
หวั่นใจจังง อย่าให้ใครเป็นอะไรมากนะไรท์ กลัวดราม่าจังงง เกลียดอิหมออเลว
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 28-08-2015 00:31:30
มดขึ้นทะเลแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Sugar ที่ 28-08-2015 21:22:24
ฟินจังเลยยยยยยยยยยย อยากอ่านต่ออออออออออออ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 30-08-2015 01:59:58
เพิ่งเคยอ่ายเรื่องนี้ ตามอ่านทันแล้วววว สนุกมากๆ ค่ะ อ่านไปลุ้นไป พี่ซันกับน้องพายอบอุ่นมากเวลาอยู่ด้วยกัน ชอบตรงที่มีการสอดแทรกเนื้อหาการผ่าตัดไว้ในตอนอ่านแล้วเหมือนอยู่ในห้องผ่าตัดด้วยเลย คนไข้จะรอดมั้ยๆ 555555

รออ่านตอนต่อไปนะค้า เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 18 (26-08-58)
เริ่มหัวข้อโดย: kpHJstdy ที่ 30-08-2015 22:04:31
แงงงงงงงงง กำลังเพลินนนน ตอน18จบซะแล้ว  จริงๆเห็นตอน17แล้ว กะจะอ่านแต่ก็วุ่นๆจนมาอ่านรวมกับตอน18ซะได้  สองคนนี้เค้าน่ารักกกกก  ฮื้ออออ ถึงจะโดนตามล่า สืบหาข้อมูลเพื่อตามจับคนร้ายแต่ก็ยังมีบรรยากาศละมุนมากกกกก แล้วอ่านเรื่องนี้ทีไรเพลินสุดๆ พอเห็นคนแต่งบอกใกล้จบแบบอยากจะงอแง  5555555 รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 19 (1-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 01-09-2015 00:41:59

-19-



                    บรรยากาศยามค่ำคืนของทะเลนอกเมืองเต็มไปด้วยความวังเวงและเงียบสงัด มีเพียงเสียงพัดของสายลมแรงดังแข่งกับเสียงเกลียวคลื่นที่ซัดเข้าหาชายฝั่งของผืนทะเลกว้าง ท้องฟ้าสีดำมืดมิดไร้แสงสว่างของดวงจันทร์และดวงดาวเพราะถูกกลุ่มเมฆก้อนใหญ่เข้ามาปกคลุม
      
                    เม็ดฝนเล็กๆโปรยปรายลงมาแต่เพียงชั่ววินาทีสายฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย  ลมด้านนอกห้องพักพัดแรงจนต้นไม้ไหวเอน ท้องฟ้าที่มืดดำส่งเสียงร้องอื้ออึงทำให้คนที่อยู่ในห้องเข้าใจได้ว่าคงจะเกิดพายุเสียแล้ว


“ไม่รู้ว่าไฟจะดับหรือเปล่า พี่จะออกไปขอเทียนจากคนดูแลที่นี่นะ” เขาปิดผ้าม่านลงหลังจากที่ยืนมองบรรยากาศภายนอกห้องพักได้สักครู่แล้ว


“จะไปยังไงล่ะครับ ร่มก็ไม่มี มันอาจจะไม่ได้ดับก็ได้” พระพายค้านคนรักก่อนจะไล่หาชื่อของคนที่ต้องการพบในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คว่าอยู่รีสอร์ทแห่งใดต่อ แต่ไม่ทันที่ภูตะวันจะได้พูดอะไรข้างนอกก็เกิดเสียงดังขึ้นมาก่อนที่ไฟจะดับลงเหลือเพียงแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์บนตักของพระพาย


“หม้อแปลงคงระเบิด”


“... พูดยังไม่ทันขาดคำ” พระพายบ่นงึมงำพลางเพ่งมองคนรักที่กำลังเดินเข้ามานั่งข้างๆ ต่างคนต่างใช้เวลาคิดว่าควรจะทำยังไงดีในเวลาที่ไฟเกิดดับขึ้นมาแบบนี้ จะนอนตั้งแต่หัวค่ำเลยหรือว่าควรจะใช้เวลาหารายชื่อที่ต้องการต่อในความมืดแม้จะทำให้สายตาเสีย ห้องพักในรีสอร์ทเล็กๆก็ไม่มีเบอร์ภายในให้ติดต่อหากต้องการความช่วยเหลืออะไร


ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
      เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นท่ามกลางเสียงสายฝนที่ตกกระทบหลังคา พวกเขาต่างหันมองหน้ากันอย่างแปลกใจที่มีเสียงเคาะประตูในเวลานี้ที่ฝนตกหนักเช่นนี้ แต่เสียงที่ได้ยินต่อมาก็ทำให้โล่งใจได้ไม่น้อย


“คุณคะ ป้าเองนะ” ภูตะวันลุกขึ้นไปแง้มผ้าม่านดู ก่อนจะเปิดประตูออกเมื่อเห็นว่าเป็นคุณป้าที่ดูแลรีสอร์ทที่นี่ เธอลดร่มคันใหญ่ในมือลงยื่นเทียนไขหนึ่งกล่องให้ภูตะวันด้วยรอยยิ้มใจดี


“ป้าเอาเทียนมาให้ ขอโทษด้วยนะจ๊ะ คงจะลำบากแย่ แต่แจ้งทางการไฟฟ้าแล้วเดี๋ยวคงจะมาจัดการให้” เธอเห็นว่าพระพายกำลังนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์จึงเข้าใจว่าคงจะทำงาน แต่ไฟเกิดดับขึ้นมาคงจะทำให้ลำบากในการทำงานจึงขอโทษอย่างรู้สึกผิด


“ไม่เป็นไรครับ”


“มาเที่ยวช่วงโลวซีซั่นก็แบบนี้แหละจ้ะ ป้าจะปิดรีสอร์ทก็กลัวว่าจะไม่มีกินมีใช้ ... ป้าไปก่อนนะ มีอะไรให้ป้าช่วยเหลือก็เรียกได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”


“ครับ ขอบคุณนะครับ” ภูตะวันเอ่ยขอบคุณพร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อย แต่ในขณะที่เธอกำลังจะหันหลังเดินออกจากหน้าบ้านพักของพวกเขาไป พระพายที่นั่งเงียบๆอยู่นานก็เกิดอยากจะรู้อะไรขึ้นมาจึงพุ่งตัวลงมาจากเตียงพร้อมกับร้องเรียกเธอเอาไว้เสียก่อนจนคนรักอย่างภูตะวันเองก็สงสัย


“เดี๋ยวครับคุณป้า!!”


“คะ?”


“คือ ... คุณป้าพอจะรู้จักคนชื่อกฤษฎา เกิดผลรึเปล่าครับรีสอร์ทเขาอยู่ที่ไหน?” เขาถามในสิ่งที่อยากรู้ทันที เพราะคิดว่าคงเป็นโอกาสที่จะได้คุยกันและเธอก็คงพร้อมที่จะช่วยเหลือ หากจะลองถามก็ไม่น่าเสียหายอะไร ข้อมูลอาจจะเร็วกว่าที่เขามานั่งไล่หารายชื่อที่มีเป็นพันเป็นหมื่นรายชื่อของเจ้าของรีสอร์ททั้งประเทศเสียอีก


“ก็ที่นี่ไงคะ สามีป้าเอง” เธอตอบอย่างไม่ได้คิดอะไรตามประสาชาวบ้านนอกเมืองที่เป็นเจ้าถิ่น คนต่างถิ่นมาก็ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ คุณหมอทั้งสองคนที่ได้ฟังก็หันหน้ามองกันอย่างอึ้งไป คนที่กำลังตามหาอยู่ใกล้เพียงแค่ปลายจมูกเท่านั้น


“ตอนนี้คุณลุงกำลังทำอะไรครับ ผมอยากพบเขา!?” คุณหมอหน้าหวานถามอย่างร้อนรนจนภูตะวันต้องปรามให้ใจเย็นลงด้วยการกุมมือเล็กเอาไว้ในความมืด การกระทำที่ดูจู่โจมหรือร้อนรนเกินไปอาจจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความสงสัยอย่างมากและอาจจะทำให้เขาไม่ไหว้ใจได้


“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”


“พวกผมแค่อยากคุยกับคุณลุงครับ” ภูตะวันตอบอย่างสุขุมแต่ก็แฝงด้วยความจริงจังในสายตาไมให้คนมองต้องรู้สึกว่าพวกเขาละลาบละล้วงเกินไปนัก เธอไม่ได้ตอบอะไรทว่าเสียงย่ำน้ำบนพื้นดินที่เฉอะแฉะพร้อมด้วยแสงไฟจากหลอดไฟฉายกำลังเข้ามาใกล้พวกเขาท่ามกลางเม็ดฝนและลมที่เริ่มเบาลงบ้างแล้ว


“นวล! แกทำอะไรอยู่น่ะมาตั้งนมนาน รบกวนอะไรคุณเขา!?” เจ้าของแสงไฟจากไฟฉายตะโกนเสียงดังและเดินใกล้เข้ามาจนหยุดอยู่ที่หน้าบ้านพักด้วยชุดเสื้อกันฝนตัวใหญ่และสวมหมวกสาน พระพายลอบกลืนน้ำลายอย่างกังวลและตื่นเต้นที่ได้เห็นคนที่เขาตามหาอยู่ตรงหน้า


“มาพอดี คุณเขาถามหาบอกว่าอยากคุยด้วย” เธอหันไปบอกสามีทันทีที่เขามาถึง


“มีอะไรเหรอครับ?” ถึงแม้จะแปลกใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็เอ่ยถามออกไปอย่างสุภาพในฐานะที่อีกฝ่ายเป็นลูกค้ารีสอร์ทเล็กๆของพวกเขา ทั้งภูตะวันและพระพายต่างก็เงียบไปเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดีเพราะพวกเขาเจอในเวลาที่ไม่ทันได้ตั้งตัว


“คือ ... พวกผมเป็นหมอจากโรงพยาบาลวิวรรธน์ ต้องการที่จะ”


“ผมไม่มีอะไรจะคุย ยายนวลกลับกันเถอะ!!” ชายเจ้าของรีสอร์ทปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยตั้งแต่ที่ได้ยินว่ามาจากโรงพยาบาลวิวรรธน์ เขาดึงแขนภรรยาให้ออกจากบ้านพักหลังนี้ทันทีและเดินออกมาด้วยความเร็ว ภูตะวันรีบใส่รองเท้าและวิ่งตามพวกเขาออกไปทันที ในขณะที่พระพายกลับไปที่เตียงหยิบซองเอกสาร โทรศัพท์มือถือของตัวเองและวิ่งตามออกมาท่ามกลางสายฝนที่ยังตกไม่หยุด


“คุณลุงครับ!! ฟังพวกผมก่อนนะครับ!!” คนตัวสูงวิ่งฝ่าความมืดตามสองสามีภรรยาไป แต่ไม่มีวี่แววว่าฝ่ายนั้นจะหยุดลงเลยแม้แต่น้อย จนในที่สุดเจ้าของรีสอร์ทก็ปิดประตูบ้านพักของตนเองลงก่อนที่ภูตะวันจะมาถึงเพียงเสี้ยววินาที


“คุณลุงคุณป้าครับ พวกผมมาเพื่อช่วยเหลือ ได้โปรดออกมาคุยกันเถอะครับ” พระพายที่วิ่งตามมาถึงหน้าบ้านพักก็พูดออกไปทั้งที่ยังเหนื่อยหอบและเนื้อตัวเปียกปอนไม่ต่างจากคนรัก ก่อนจะล้วงมือถือในกระเป๋าตัวเองขึ้นมาโชคดีที่มันยังใช้งานได้เปียกไม่มากนักและซองเอกสารก็เป็นซองหนัง


“พวกคุณกลับไปเถอะ ผมไม่มีอะไรจะคุย!!” เสียงในบ้านตะโกนตอบกลับมา ทว่าหมอทั้งสองคนก็ไม่ย่อท้อ กว่าจะมาถึงวันนี้ได้พวกเขาเหนื่อยและพยายามกันขนาดไหนจะปล่อยไปง่ายๆก็คงจะไม่ได้


“ผมไม่กลับง่ายๆหรอกครับ จะนั่งรออยู่อย่างนี้จนกว่าคุณทั้งสองคนจะออกมา” ภูตะวันพูดเสียงนิ่งและจริงจัง เขาดึงคนรักให้นั่งลงที่เก้าอี้หินอ่อนหน้าบ้านพักที่มืดสนิท



                 จนเวลาผ่านไปได้สักพักใหญ่ ฝนก็เริ่มเบาบางลงมากเหลือเพียงเสียงของมันที่หยดจากหลังคาลงมาสู่พื้นดินเท่านั้น ไฟฟ้าที่เคยดับก็สว่างขึ้นทำให้มองเห็นอะไรได้ชัดขึ้น จากนั้นไม่นานเสียงเปิดประตูบ้านก็ดังขึ้นที่ด้านหลังของพวกเขา จึงรีบหันกลับมามอง


“ผ้าจ้ะ” เธอเอาผ้าขนหนูสองผืนยื่นให้พวกเขาและยังมีรอยยิ้มที่ใจดีเช่นเคยถึงแม้จะไม่เท่าครั้งแรกที่ได้รับ อาจจะเป็นเพราะแววตาของเธอที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน พวกเขายื่นมือรับพร้อมกับเอ่ยขอบคุณเธออย่างจริงใจ ก่อนที่เธอจะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรง
ข้ามพวกเขา


“เดี๋ยวลุงเขาก็ออกมาจ้ะ”


“...........” พวกเขาไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยกยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น เพราะในเวลานี้คงจะเป็นเวลาที่ค่อนข้างตึงเครียด สีหน้าของอีกฝ่ายก็ดูจะไม่ค่อยสู้ดีนักเพราะเหมือนกับว่าพวกเขามารื้อฟื้นความเศร้าใจของคนที่สูญเสียให้กลับมาอีกครั้ง


เพียงไม่นานเจ้าของรีสอร์ทก็เดินออกมานั่งลงข้างๆภรรยาของเขา แสงจากหลอดไฟที่สว่างทำให้คุณหมอทั้งสองเห็นสีหน้าของเขาชัดมากขึ้น สีหน้าที่ดูเศร้าลงไปถนัดตา


“อยากจะคุยอะไรล่ะ?” เขาถามเสียงเรียบ


“...เรื่องการเสียชีวิตของลูกชายคุณลุงกับคุณป้าน่ะครับ ต้องขอโทษจริงๆครับที่พวกเราอาจจะทำให้รู้สึกไม่ดี แต่เพื่อความถูกต้องและเป็นธรรมผมจึงอยากขอความร่วมมือและให้ความคุ้มครองเต็มที่ครับ” ภูตะวันพูดอย่างสุภาพ ผู้ใหญ่ทั้งสองคนถอนหายใจก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย พระพายพุ่มมือไหว้เป็นการขออนุญาตก่อนจะวางเอกสารและมือถือลงกลางโต๊ะ


“ผมขออนุญาตบันทึกเสียงเอาไว้เป็นหลักฐานนะครับ ส่วนนี่เป็นเอกสารที่พวกเราหามาได้ รบกวนเล่าให้ฟังได้ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”


“...ลูกชายผมทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ คืนนั้นผมได้รับโทรศัพท์ว่ามันถูกรถชนแต่คู่กรณีเขาก็จะรับผิดชอบทุกอย่าง เขาพาไปรักษาที่โรงพยาบาลวิวรรธน์ ผมรอเช้าอีกวันหนึ่งก็เดินทางไปกัน ไปถึงพวกเราก็พูดคุยกันปกติไม่มีทีท่าว่าลูกชายผมมันจะตาย” สองสามีภรรยานั่งก้มหน้าอย่างเศร้าใจในขณะที่เล่าให้พวกเขาฟัง


“แต่พอผ่านไปสักสองสามวันอยู่ๆมันก็ทรุดจนต้องเข้าห้องผ่าตัด เขาเอาเอกสารมาให้เซ็นยินยอม จนสุดท้ายผมได้เจอลูกชายตอนที่ออกจากห้องผ่าตัดโดยที่ไม่มีลมหายใจแล้ว ทางนั้นให้เงินช่วยเหลือครอบครัวมาห้าแสนและให้เราสวดและเผาศพที่วัดในวันนั้นเลย”


“ตอนนั้นไม่ได้สงสัยอะไรเลยเหรอครับ?” ภูตะวันถามอย่างสงสัยและไม่พอใจกับการกระทำของหมอในโรงพยาบาลของครอบครัวตัวเองอย่างมาก


“ศพถูกผ่าตั้งแต่หน้าอกยาวจนถึงหน้าท้อง ผมไม่สงสัยอะไรจนตอนที่ทางนั้นเขาบอกว่าเอาไตของลูกผมไปแล้ว เขาเอาเอกสารการบริจาคไตที่ลูกชายผมเซ็นไว้มาให้ดู ปกติมันทำอะไรมันก็บอกพ่อกับแม่หมด บริจาคอวัยวะมันเป็นเรื่องใหญ่นะแต่ทำไมมันไม่บอก อันนี้คือสิ่งที่ผมสงสัย แต่ความสงสัยก็ถูกแทนที่ด้วยคำว่าอาจจะไม่มีอะไร ซึ่งผมไม่ใช่หมอผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปโต้เถียงการรักษาของเขาได้อยู่แล้ว ...”


“แต่หลังจากที่เผาศพเสร็จ ระหว่างเดินทางกลับมาบ้านเหมือนมีอะไรทำเราฉุกคิดขึ้นมาว่าพวกเราถูกหลอก ซึ่งตอนนั้นป้าเองก็ได้แต่คิดว่าคงเพราะวิญญาณของลูกอาจจะอยากบอกความจริง เราเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวตั้งแต่เริ่มจนวันสุดท้าย ... เรายังคุยกันดีๆอยู่ ลูกดูปกติมากเพียงแค่ขาหักทำไมอยู่ๆต้องผ่าตัด ทำไมผ่าตัดแล้วตายเลย ทำไมทางนั้นต้องให้เงินเราโดยที่คู่กรณีก็ไม่ต้องเสียค่ารักษาสักบาทเดียว ทำไมศพลูกถึงถูกผ่ายาวขนาดนั้น แล้วทำไมต้องจัดงานให้เราเผาในวันเดียว ... แต่เมื่อเรารู้มันก็สายไปแล้ว เราไม่มีอะไรไปสู้เขา”


“พวกเราก็เลยให้รีสอร์ทนี้เป็นตัวแทนของลูกชายที่เสียไปแล้ว ... ”


“...........” พระพายพูดอะไรไม่ออก เขาได้แต่นั่งฟังเงียบๆอย่างเศร้าใจและทำให้คิดถึงพ่อของตนที่จากไปเมื่อนานมาแล้ว เหมือนกำลังนั่งฟังเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวตัวเองอยู่เสียอย่างนั้น


“เสียใจด้วยนะครับ เรื่องที่คุณลุงกับคุณป้าเล่าเป็นประโยชน์อย่างมาก พวกเราสัญญาว่าจะเอาคนผิดมาลงโทษแน่นอนครับ”


“หมอดีๆก็ยังมีอยู่เนาะพ่อ” เธอระบายยิ้มสวยกับสามี แต่นัยน์ตาก็ยังสะท้อนความเศร้าให้คนมองได้เห็น จากนั้นทั้งสี่คนอ่านเอกสารกันเล็กน้อยว่าเป็นมาอย่างไร นำเอกสารมาเทียบกันว่าอันไหนจริงอันไหนปลอม ก่อนที่คุณหมอทั้งสองคนจะลากลับห้องพักของตนเมื่อดึกมากแล้ว


“ทำไมเงียบไปล่ะเรา ง่วงเหรอ?” อาจารย์หมอถามคนรักที่เดินอยู่ข้างระหว่างกลับห้องพัก


“เปล่าครับ แค่เศร้าใจ ... คนจนมักจะถูกคนรวยกระทำเสมอเลยนะครับ ไม่ว่าจะอาชีพอะไรก็แล้วแต่ เมื่อไหร่สังคมที่คนจนตกเป็นเหยื่อของคนรวยจะหายไปสักที” เขาถอนหายใจออกมาพรูใหญ่ ภูตะวันมองคนรักอย่างประทับใจ พระพายที่ไม่ดูถูกและให้เกียรติคนอื่นเสมอ



                   แสงสว่างในยามเช้าตรู่ทำให้บรรยากาศของทะเลวันนี้ค่อนข้างสดใส กลุ่มปุยเมฆสีขาวกระจายอยู่บนท้องฟ้า ลมทะเลพัดแผ่วเบาปะทะกับใบหน้าหวานของคุณหมอ ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอคงจะจริงอย่างที่ใครบอกไว้และได้แต่หวังว่าชีวิตของเขาและคนอื่นที่เจอปัญหาก็คงจะสดใสขึ้นเช่นเดียวกัน

                   นานแล้วที่ไม่ได้ยืนมองผืนทะเลกว้างแบบนี้ นานแล้วที่ไม่เคยได้เที่ยวทะเลตั้งแต่ที่พ่อของตนจากไป นานแล้วเหมือนกันที่ชีวิตหาความสุขแทบไม่เจอ ต้องขอบคุณความโกรธแค้นที่มีต่อพฤติพงศ์เพราะมันทำให้เขาเจอผู้ชายคนหนึ่งที่พร้อมเสี่ยงไปกับเขา เจอความสุขของการมีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ...



*****************



Talk : ฮูเร่ ตอนที่ 19 แล้วววว ... สวัสดีเดือนกันยายนค่ะ นี่เราอยู่ด้วยกันเกือบสี่เดือนแล้วนะเนี่ย เร็วมาก
ความจริงก็เริ่มใกล้เข้ามาแล้วล่ะ ใกล้จะจบแล้วจริงๆ ติดตามกันต่อไปนะคะ


ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เลยนะ อ่านทุกข้อความจริงๆค่ะ :)
เจอกันตอนหน้าน้าาาาาา ...
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 19 (01-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 01-09-2015 01:21:04
กรี๊ดดด มีหนทางไปสู้คนเลวแล้ว เอาใจช่วยค่า รออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 19 (01-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 01-09-2015 02:05:32
สั้นจุง    :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 19 (01-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 01-09-2015 05:40:30
ได้หลักฐานมาบ้างแล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 19 (01-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 01-09-2015 09:25:09
ได้หลักฐานเพิ่มแล้ว
สู้ๆๆ
จัดการมันให้ได้
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 19 (01-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 01-09-2015 09:51:07
โห๋..อิหมอโจ แกฆ่า คนมากี่คนแล้ว :m31: :m31:






จับมันมาลงโทษให้ได้นะ หมอซัน หมอพาย






หมอซันคะ ป้าแนะนำห้ลองไปรื้อคดี ที่คุณพ่อคุณแม่ประสพอุบัติเหตุค่ะ






ว่าเป็นอุบัติเหตุจริงหรือฝีมือ อิหมอโจค่ะ






เพราะมันน่าสงสัยแล้วละที่ อิหมอโจฆ่าคนมาเยอะขนาดนี้






ผู้อำนวยการ จะไม่ระแคะระคายเลย ท่านอาจจะเริ่มรู้เลยโดนกำจัด






(อิป้า เริ่มเข้าสู่โหมด มโน ศิษย์โคนัน)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 19 (01-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 01-09-2015 11:42:48
ใกล้เวลาเอาคนเลวมารับผิดแล้ว ระวังตัวด้วยนะสองหนุ่ม
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 19 (01-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 01-09-2015 12:01:35
เริ่มมีหลักฐานมากขี้นแล้ว หมอโจต้องได้รับกรรม
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 19 (01-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 01-09-2015 12:08:34
เอาใจช่วยทั้งสองคนเลย
ขอให้ปลอดภัยเนอะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 19 (01-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 01-09-2015 13:25:29
เอาใจช่วยค่า  :L2:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 19 (01-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-09-2015 16:11:59
หาหลักฐานมาให้แน่นนะ ไอ้หมอโจจะได้ดิ้นไม่หลุด

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 19 (01-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 01-09-2015 16:20:33
ลุ้นๆๆ จับตัวคนร้ายได้ไวๆ (ขบวนการแบบนี้น่ากลัว)
ได้หลักฐานเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง ขอให้คุณหมอทั้งสองปลอดภัย
เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 19 (01-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 01-09-2015 20:44:12
 :ling1:  ยังไม่จุใจเลยค่ะ แต่จะรอนะคะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 20 (03-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 03-09-2015 23:00:11

-20-


                 ภูตะวันกับพระพายลาสองสามีภรรยาเจ้าของรีสอร์ทที่เป็นผู้สูญเสียจากการกระทำเลวๆของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหมอ พวกเขากลับมากรุงเทพฯด้วยความมั่นใจและความหวังที่เปี่ยมล้นว่าจะสามารถเอาคนผิดมารับโทษตามกระบวนการทางกฏหมายให้ได้ ทุกอย่างเป็นไปด้วยความระมัดระวังและรัดกุมมากขึ้นกว่าเดิม

                 รถเบนซ์คันหรูเทียบจอดสนิทที่บ้านหลังใหญ่ของตระกูลวิวรรธน์ภคไพบูลย์ในช่วงเย็น เขาตรงเข้ามาที่นี่ก่อนกลับไปที่คอนโดเพราะได้นัดกับอาทั้งสองของตนเไว้แล้ว พระพายเดินตามคนรักเข้าบ้านหลังใหญ่ด้วยความประหม่าเล็กน้อย ถึงแม้จะเคยเจอผู้อำนวยการและประธานที่โรงพยาบาลมาก่อน ทว่าความรู้สึกมันก็ต่างกันอาจจะเพราะสถานที่ที่ได้พบเจอ


“มากันแล้วเหรอ อาเพิ่งจะถึงบ้านได้ไม่นาน” หญิงวัยกลางคนทักทายด้วยความใจดีพร้อมกับรับไหว้คนอายุอ่อนกว่าทั้งสองคน


“หิวกันรึเปล่าล่ะ ทานอะไรก่อนไหม?” ประสิทธิ์เอ่ยถามด้วยเห็นว่าทั้งสองคนเดินทางมาหลายชั่วโมง หากจะให้เริ่มพูดคุยเรื่องสำคัญก็เกรงว่าคงจะใช้เวลานานพอสมควร หลานชายเจ้าของบ้านหันไปหาคนข้างกายเป็นเชิงถาม พระพายจึงยิ้มบางๆก่อนที่จะตอบออกไป


“ยังไม่หิวครับ”


“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มคุยกันเลยแล้วกัน” เจ้าของบ้านเดินนำไปนั่งยังโซฟาตัวใหญ่ภายในห้องรับแขกที่มีประตูกั้นแบ่งโซนด้านนอกไว้อย่างชัดเจนเพื่อความเป็นส่วนตัว เมื่อทุกคนนั่งกันหมดแล้วภูตะวันจึงนำเอกสารที่มีทั้งหมดวางลงบนโต๊ะกลางก่อนที่พระพายจะวางโทรศัพท์ของตัวเองไว้เช่นกัน


“อาฟังดูนะครับเป็นเสียงจากผู้เสียหายที่ถูกบันทึกเอาไว้”
พระพายกดเปิดเสียงที่บันทึกไว้ทันทีให้ผู้ใหญ่ทั้งสองได้ฟัง เสียงเริ่มเล่นไปเรื่อยๆตั้งแต่เริ่ม คุณหมอหน้าหวานลอบสังเกตสีหน้า

อาทั้งสองคนรักพวกเขามีสีหน้าเรียบนิ่งกันมากคงเป็นเพราะตั้งใจฟัง แต่ในบางครั้งท่านประธานบริหารก็แสดงความไม่พอใจออกมาเพียงเล็กน้อยจนกระทั่งเสียงนั้นเล่นจนจบลง


“มันกล้ามากที่ทำแบบนี้ อาว่ามันไม่ได้ทำคนเดียวแน่” ประสิทธิ์ขบกรามแน่น นึกโทษตัวเองที่บริหารงานด้วยความสะเพร่าไม่เคยระแคะระคายเรื่องพวกนี้มาก่อนเลยและโกรธแค้นไม่น้อยที่คนที่ตนไว้ใจเหมือนญาติพี่น้องกระทำการที่ผิดจรรณยาบรรณเช่นนี้


“เพราะความโลภของเขาแท้ๆ” ณิชชาอรรำพึงเบาๆอย่างเศร้าใจและรู้สึกผิดอย่างที่สามีของเธอรู้สึก ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับโรงพยาบาลที่ได้จัดอยู่อันดับต้นๆของประเทศ โรงพยาบาลที่พวกเขาสร้างและประคับประคองมันมาด้วยความรักของคนในครอบครัว


“ผมคิดว่าคงจะมีศัลยแพทย์แผนกอื่นร่วมด้วย แต่หลักฐานที่เรามีก็น่าจะมัดตัวการหลักอย่างหมอโจได้แล้วล่ะครับ” เพราะจากที่เขานำเอกสารที่หาได้มาเทียบกันพร้อมกับคำบอกเล่าของผู้เสียหาย มันสอดรับกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเอกสารการรักษา ใบเซ็นยินยอมผ่าตัดและบริจาคอวัยวะที่เป็นของปลอม


“อาจะปรึกษากับทนายแล้วกัน ทางเราพร้อมเมื่อไหร่ก็เรียกตัวเขาเข้าห้องประชุม สู้กันด้วยหลักฐานที่มี ให้โอกาสเขาได้อธิบายก่อนจะถูกดำเนินคดีทางกฏหมาย” ภูตะวันพยักหน้ารับเล็กน้อยและรวบรวมเอกสารทั้งหมดใส่ซองไว้อย่างดี แต่จู่ๆโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็เกิดสั่นขึ้นมา พระพายมองดูหน้าจอเป็นบอสที่โทรเข้ามา แต่เขาก็เลือกที่จะไม่รับเพราะยังอยู่ในการพูดคุยเรื่องสำคัญกับผู้ใหญ่


“ไม่รับล่ะ?”


“ไม่เป็นไรครับ ไว้ค่อยโทรกลับก็ได้” ตอบคนรักไปแบบนั้นภูตะวันจึงพยักหน้าเข้าใจ


“คุณหมอครับ”


“เรียกผมว่าพระพายเฉยๆก็ได้ครับ” พระพายปฏิเสธการเรียกของประสิทธิ์ เพราะเกรงใจที่อีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่กว่าอีกทั้งยังเป็นเจ้าของโรงพยาบาลที่ให้เงินเดือนแก่เขา อีกฝ่ายจึงระบายยิ้มบางๆทว่าแววตาเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่จนเขาสังเกตเห็น


“ผมขอเป็นตัวแทนของวิวรรธน์ภคไพบูลย์เพื่อขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของคุณหมอ พวกเราผิดเองที่บริหารงานอย่างสะเพร่าไม่รอบคอบทำให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายแบบนั้นขึ้น”


“ไม่เป็นไรครับไม่ต้องไหว้!!” พระพายพุ่งตัวลงนั่งคุกเข่าที่พื้นอย่างตกใจพร้อมกับจับมือของผู้ใหญ่ทั้งสองคนเอาไว้ไม่ให้ไหว้ขอโทษตน ภูตะวันจึงนั่งลงที่พื้นข้างๆคนรักอย่างรู้สึกผิดเช่นเดียวกัน เพราะถึงยังไงครอบครัวของเขาก็มีส่วนผิดด้วยที่บริหารงานไม่ดี


“ขอโทษด้วยจริงๆนะ” เสียงทุ้มพูดเบาๆ คุณหมอหน้าหวานหันไปหาคนรักพร้อมกับมองนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่กำลังวูบไหวรู้สึกได้ถึงความจริงใจที่ครอบครัวนี้มีให้ตน มือเล็กวางลงบนมือของคนรักพร้อมกับบีบเบาๆเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร


“คนที่ต้องขอโทษผมคือเขาต่างหากครับ ไม่ใช่พวกคุณ” เขาพูดพร้อมกับคลี่ยิ้มบางๆ ผู้ใหญ่ทั้งสองคนก็มองด้วยความเอ็นดูกับความสุภาพและอ่อนโยนของคุณหมอลูกศิษย์หลานชายตน แต่เพียงครู่สั้นๆเท่านั้นที่ภูตะวันสังเกตเห็นว่าแววตาอาทั้งสองของเขาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่


“อามีอะไรหรือเปล่าครับ?”


“.........” ผู้ใหญ่ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างลำบากใจ ไม่มีใครยอมพูดสิ่งที่สงสัยและอยากได้คำตอบก่อน หากแต่สายตาคาดคั้นของหลานชายที่นั่งคู่กันกับลูกศิษย์ก็ทำให้ต้องใจอ่อน


“คือว่า ....”


“อะไรครับอา?”


“เมื่อบ่ายวันนี้ที่โรงพยาบาลเขาลือกันให้ทั่วไปหมดว่าเราสองคนกำลังคบกัน ... มันจริงรึเปล่าซัน?” ภูตะวันกับพระพายหันมองหน้ากันอย่างตระหนก คนที่เข้ามาในหัวพระพายแวบแรกหลังจากที่ได้ยินคือบอส เพราะเขาเป็นคนเดียวเท่านั้นที่รู้เรื่องของเขากับอาจารย์หมอ


“ว่ายังไงซัน?” ประสิทธิ์คาดคั้นหลานชายเสียงเข้ม หมอซันหันมองคนรักอย่างลังเลว่าควรจะพูดความจริงหรือยังไงดี พระพายส่ายหัวตอบเพียงเล็กน้อยพอให้เข้าใจกันสองคนว่าไม่ควรพูดออกไป เพราะผู้ใหญ่สองคนคงจะรับไม่ได้แน่หากรู้ว่าหลานชายของตนรักชอบเพศเดียวกัน


“.... จริงครับ ผมกับพายกำลังคบกัน” คนฟังทั้งสามคนต่างตกใจพร้อมกัน แต่ความตกใจของพระพายนั้นต่างออกไป ไม่คิดว่าคนรักจะกล้าพูดออกมาต่อหน้าผู้ใหญ่ในครอบครัว เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยอมรับได้ สองสามีภรรยาอึ้งไปหลังจากที่ได้ยินถึงจะเตรียมใจมาบ้างแล้วว่าอาจจะเป็นไปได้เพราะเห็นว่าทั้งสองคนนี้ก็สนิทกัน แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นเรื่องจริงขึ้นมา


“........” พระพายก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตากับผู้ใหญ่ สองสามีภรรยามองหน้ากันแล้วถอนหายใจยาวอย่างปลงตก ยอมรับความจริงโดยดุษฎี


“มันก็ค่อนข้างหนักใจอยู่เหมือนกันนะ แต่ซันทำเพื่อคนอื่นมามากแล้วจะทำเพื่อตัวเองบ้างก็ไม่เห็นจะเป็นไร” เขาพูดพร้อมกับรอยยิ้มบางๆมองเด็กทั้งสองคนด้วยความเอ็นดู ตั้งแต่ที่แพทย์เรสสิเดนท์ที่ชื่อพระพายเข้ามาก็เห็นว่าหลานชายของตนดูจะมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากนัก จึงเข้าใจว่าทั้งสองคนคงจะรักกันจริงๆ


              ภูตะวันและพระพายหันมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยทว่าดวงตาของทั้งสองคนกลับเป็นประกายสะท้อนความดีใจออกมาไม่น้อยที่ผู้ใหญ่ไม่ว่าอะไรหากเขาจะคบหากัน


“แล้วที่เขาลือกันเราจะทำยังไง?”


“... ช่างเขาเถอะครับ ใครจะพูดอะไรก็ปล่อยเขาในเมื่อมันก็เป็นเรื่องจริง แต่เดี๋ยวอีกไม่นานเขาก็ลืม”


“อืม แต่เราก็อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อล่ะ” ณิชชาอรปรามหลานชายเสียงเข้มเพราะไม่อยากให้ใครเอาไปพูดจนกลายเป็นเรื่องสนุกปากแล้วทั้งสองคนจะเสียหาย อาจารย์และลูกศิษย์จึงพยักหน้าและรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ



                 หลังจากที่คุยเรื่องสำคัญจนเวลาผ่านไปพอสมควร เจ้าของบ้านจึงชักชวนให้หลานชายและคนรักอยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันเสียก่อนที่จะกลับ มื้ออาหารเย็นวันนี้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนก็ดูจะอิ่มเอมอยู่ไม่น้อย ด้วยเพราะได้อยู่พร้อมหน้ากันอาหลานอีกทั้งยังมีคนรักของหลานชายเพิ่มอีกหนึ่งคน ถึงแม้ว่าลึกๆภายในจิตใจของแต่ละคนจะยังมีความกังวลกับเรื่องนั้นอยู่ก็ตาม

                 ในระหว่างมื้ออาหารพระพายเองก็ยังมีเรื่องของเพื่อนเก่าอย่างบอสวนเวียนอยู่ในหัวด้วยความไม่พอใจเล็กๆที่นำเรื่องของตนไปพูดจนกลายเป็นเรื่องที่ลือกันสนุกปาก เขาจึงขอตัวจากโต๊ะอาหารเพื่อต่อสายไปหาบอสทันที


(ฮัลโพลพาย)


“เรามีเรื่องจะคุยด้วย บอสว่างหรือเปล่า?”


(ว่างสิ เราก็อยากคุยกับพายเหมือนกัน) ปลายสายตอบเสียงร้อนใจ


“เจอกันที่ร้านเดิมนะ ที่เคยพาเราไป” พระพายพูดเสียงเรียบและกดวางสายทันทีหลังพูดจบโดยที่ไม่ได้ฟังคำตอบรับของอีกฝ่าย ก่อนจะเดินกลับเข้าไปห้องอาหารของบ้านหากออกมานานจะเป็นการเสียมารยาทเอาได้



      พวกเขาขับรถกลับคอนโดกันในเวลาหัวค่ำ ระหว่างทางไม่มีการสนทนาใดๆเกิดขึ้นมีเพียงเสียงวิทยุที่เปิดคลอไว้เพียงเบาๆจะได้ไม่เงียบจนเกินไป จนกระทั่งรถจอดติดไฟแดงอยู่นานพระพายจึงหันไปหาคนรักที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา


“พี่ไม่สงสัยเหรอครับว่าใครเอาเรื่องของเราไปพูด”


“อยากถามหรือว่าอยากบอกพี่กันแน่” ภูตะวันพูดกลั้วหัวเราะพร้อมกับยกมือโยกหัวอีกฝ่ายเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว


“ไม่รู้สิครับ แต่บอสรู้เรื่องนี้คนเดียว พายไม่เข้าใจว่าเขาจะพูดเพื่ออะไร”


“...อย่าลืมสิว่าหมอบีเขาก็รู้” ภูตะวันนึกถึงเพื่อนสนิทของตน ถึงแม้ว่าจะมั่นใจมากพอควรว่าสโรชาจะไม่พูดแน่ๆ แต่ก็ไม่อยากให้คนรักต้องไปกล่าวหาเพื่อนของตัวเองโดยที่ไม่ได้มีหลักฐานอะไรและถึงแม้จะพูดจริงๆก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีในเมื่อเรื่องมันก็หลุดออกมาแล้ว


“........” พระพายนิ่งคิด สโรชาไม่ได้อยู่ในความคิดของเขาเลยแม้แต่น้อยแต่ที่เขาคิดว่าจะเป็นบอสก็เพราะไม่กี่วันก่อนหน้านี้ฝ่ายนั้นเพิ่งจะมาถามตนเรื่องอาจารย์หมอ ซึ่งก็มีสิทธิ์เป็นไปได้มากกว่าอยู่แล้ว


“ช่างมันเถอะ อย่าเก็บมาคิดเลยเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง” เขาลูบหัวคนรักอย่างอ่อนโยนเพื่อให้อีกฝ่ายคลายกังวล พระพายจึงยิ้มตอบเล็กน้อยให้สบายใจแต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็ยังค้างคาใจและต้องการคุยกับฝ่ายนั้นอยู่อยู่ดี



      ถึงที่คอนโดต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันกลับห้องตัวเอง แม้ว่าจะอยากให้คนรักนอนด้วยกันคืนนี้แต่ก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงอยากจะมีเวลาเป็นของตัวเองบ้างจึงไม่อยากก้าวก่ายมากนักแล้วก็อยากให้พระพายได้พักผ่อนด้วยเพราะเดินทางเหนื่อยมาทั้งวัน

      ทั้งที่ความจริงหลังจากกลับเข้าห้องพักของตนได้เพียงไม่นาน พระพายก็ออกจากห้องมาอีกรอบเพื่อตรงไปหาบอสที่ยังรออยู่ทันที เขาไม่ต้องการให้อาจารย์หมอต้องรับรู้ว่านัดกับบอสเอาไว้เพื่อคุยเรื่องที่มันค้างคาใจเพราะฝ่ายนั้นคงจะห้ามไม่ให้ไปหรือไม่ก็คงจะต้องตามไปด้วย ซึ่งเขาเองก็ไม่อยากให้คนรักต้องคิดมากหรือเป็นกังวลเรื่องของตนมากนัก รวมถึงไม่ต้องมาเหนื่อยเพราะตนอีกทั้งที่ขับรถมาตลอดวันไม่ได้พัก

      พระพายเดินออกมารอแท็กซี่หน้าคอนโดด้วยความเร่งรีบเพราะไม่อยากให้เพื่อนต้องรอนาน ในเวลานี้รถราบนถนน
ยังคงวิ่งกันวุ่นวายเหมือนทุกวัน หากแต่ไม่ค่อยมีคนเดินริมฟุตบาธมากนัก เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าค่ำคืนนี้ที่ยังคงไร้ดาวเช่นเคย ลมพัดเย็นขึ้นเรื่อยๆคาดว่าอีกไม่นานฝนคงจะตกลงมาจึงพยายามชะเง้อหน้ามองหาแท็กซี่ที่ในเวลานี้คงจะหายากอยู่พอควร


“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่ารู้จักร้านนี้หรือเปล่า?” เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากท้องถนนให้พระพายหันมามองด้านข้าง เขาตกใจเล็กน้อยที่โดนจู่โจมถามอย่างไม่ทันตั้งตัวแต่ก็ยินดีจะช่วยเหลือด้วยการอ่านแผ่นกระดาษที่อีกฝ่ายยื่นให้


“อุ๊บ!” เพราะมัวแต่สนใจกระดาษแผ่นน้อยโดยที่ไม่ทันได้ระวังตัว ผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดผืนเล็กก็ถูกโปะลงบนจมูกของพระพายอย่างจัง กลิ่นฉุนแสบจมูกของมันทำให้เขาเบิกตากว้างและรู้ดีว่ามันคือยาสลบที่เขาคุ้นเคย พระพายพยายามดิ้นร้นขัดขืนจนสุดกำลังที่มีทว่าเพียงไม่นานยาสลบที่ไม่เคยคิดว่ามันอันตรายก็ออกฤทธิ์จนสติเขาดับวูบลงไปในวินาทีต่อมา


“เสียเวลาให้พวกผมเฝ้าตั้งนานนะครับคุณหมอ” เสียงเย็นของชายหนุ่มพูดขึ้นในขณะที่กำลังพยุงร่างไร้สติของคุณหมอหน้าหวานขึ้นรถไปอย่างทุลักทุเล เสร็จแล้วจึงกวาดสายตามองโดยรอบว่ามีใครเห็นเหตุการณ์หรือไม่ แต่ในเวลานี้ที่ต่างคนต่างสนใจชีวิตของตัวเองบนท้องถนนคงไม่มีใครสนใจพวกเขาแน่




      ร้านอาหารสุดหรูบรรยากาศเย็นสบาย หากแต่ต่างกับใจของนายแพทย์หนุ่มแผนกกุมารเวชอย่างบอสที่กำลังร้อนรุ่มอยู่ไม่น้อย เขาไม่สบายใจเมื่อรู้ว่าที่โรงพยาบาลมีข่าวลือเกี่ยวกับเพื่อนของตัวเองและอาจารย์หมอว่ากำลังคบหากัน เขากลัวว่าพระพายจะเข้าใจผิดหาว่าตนเป็นคนปล่อยข่าวลือนี้ออกมาจึงอยากพูดคุยให้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย ทว่าตอนนี้เขากลับไม่สบายใจกว่าเก่าที่รู้ว่าพระพายยังมาไม่ถึงร้านทั้งที่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วอีกฝ่ายส่งข้อความมาบอกว่ากำลังออกมาแล้ว ติดต่อกลับไปอีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับสายหรืออ่านข้อความของเขาเลย


“หรือว่าอาจารย์หมอไม่ให้มาแล้ววะ” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ อาจจะเป็นไปได้ที่ฝ่ายนั้นไม่ยอมให้เพื่อนของตนออกมาเจอเพราะไม่ไว้ใจเขาแต่ถ้าเป็นอย่างนั้นพระพายก็น่าจะติดต่อกลับมาบอกเขาเสียหน่อย เขาจะได้ไม่ต้องรออยู่แบบนี้



      บอสตัดสินใจต่อสายถึงแพรดาวเพื่อขอเบอร์ติดต่ออาจารย์หมอของเพื่อนทันที ถ้าอีกฝ่ายจะห้ามไม่ให้ออกมาก็ควรจะโทรบอกกันหรือไม่ก็รับสายสักหน่อย ไม่ใช่จู่ๆก็หายไปเงียบๆแล้วปล่อยให้เขารอ แพรดาวบอกให้บอสใจเย็นลงเพราะคิดว่าอาจารย์คงจะไม่ใช่คนแบบนั้น อีกทั้งยังบอกอีกว่าก่อนหน้านี้ไม่นานตนโทรไปหาพระพายก็ไม่รับเช่นกัน ก่อนที่จะวางสายและชั่งใจอยู่สักพักว่าควรจะโทรไปหาอาจารย์หมอดีหรือไม่ หากแต่สุดท้ายก็โทรไปด้วยความร้อนใจ


“ครับ?” ภูตะวันรับสายอย่างสุภาพเพราะว่าเห็นเป็นเบอร์แปลกที่โทรเข้ามา


(อาจารย์หมอครับ ผมบอสนะครับเพื่อนพระพาย ผมรู้นะครับว่าอาจารย์หวงพายมาก แต่เรามีเรื่องที่จะคุยกันและนัดกันไว้แล้ว ได้โปรดให้พายออกมาพบผมเถอะครับ) คนฟังขมวดคิ้วมุ่นอย่างแปลกใจว่าปลายสายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร เพราะหลังจากที่เขารับสายอีกฝ่ายก็พูดรัวๆใส่


“คุณพูดเรื่องอะไร ผมไม่ได้อยู่กับพระพาย”


(พายนัดกับผมไว้ว่าจะคุยเรื่องข่าวลือที่โรงพยาบาลกัน แต่เขาบอกว่ากำลังออกมาหาผมตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ตอนนี้ผมยังไม่เห็นเขามาถึงเลยคิดว่าอาจารย์ไม่ให้เขาออกมา) ภูตะวันใจกระตุกวูบและรีบวิ่งออกจากห้องตัวเองทันทีโดยที่ไม่ได้วางสายจากเพื่อนของคนรัก


“ผมกำลังลงไปดูที่ห้องเขา!” นิ้วเรียวกดลิฟท์ด้วยความร้อนใจแต่ลิฟท์ก็ช้าเกินกว่าที่เขาจะรอได้ทั้งที่มันก็ทำงานอย่างปกติของมันเหมือนทุกวัน ขายาวจึงรีบวิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็วเพียงไม่นานก็ถึงห้องของคนรัก เขาเคาะประตูอยู่นานและได้แต่ภาวนาว่าขอให้อีกฝ่ายยังอยู่ในห้อง แต่ก็ไร้เสียงตอบรับหรือการเปิดประตูต้อนรับเขาจากคนในห้องแต่อย่างใด


“โธ่เว้ย!!!!” เขาสบถเสียงดังไปทั่วชั้น ขบกรามแน่นจนเป็นสันด้วยความโมโหและโกรธตัวเองที่ไม่รั้งให้พระพายอยู่ด้วยกัน เสียงจากปลายสายตะโกนเรียกอาจารย์อยู่เรื่อยๆก่อนสายจะตัดไป ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจใครมากกว่าไปคนรักที่หายตัวไปโดยที่ติดต่อไม่ได้เลย ไม่ว่าจะโทรหาสักกี่สิบสายก็ไม่มีวี่แววตอบกลับมา



      ภูตะวันกดลิฟท์ไปยังชั้นล่างสุดเพื่อไปที่ล็อบบี้ เขาถามยามที่คุ้นเคยกันดีว่าเห็นพระพายออกจากที่นี่ไปหรือเปล่า ทันทีที่ยามตอบออกมาว่าพระพายออกไปได้เกือบชั่วโมงแล้วเขาก็แทบจะทรุดลงตรงนั้นเพราะค่อนข้างจะเป็นไปได้ว่าพระพายอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตราย



ปริ๊น ปริ๊นนนน!!!
      เสียงบีบแตรจากรถที่จอดเทียบหน้าคอนโดเรียกความสนใจจากภูตะวันและยามให้หันไปมอง กระจกจากฝั่งข้างคนขับลดลงเรื่อยๆ พร้อมปรากฏหน้าเจ้าของรถในเวลาต่อมา


“อาจารย์ครับ ออกไปตามหากันเถอะครับ!!” แพทย์หนุ่มตะโกนเสียงดัง ภูตะวันจึงรีบวิ่งไปฝั่งคนขับเพื่อที่จะขับเองอย่างไม่ลังเล เพราะคิดว่าตนขับจะได้ดั่งใจมากกว่า


“ผมขับเอง!!” บอสรีบลุกจากที่นั่งคนขับและวิ่งไปขึ้นที่นั่งอีกฝั่งอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่วินาทีรถสีดำสนิทของนายแพทย์หนุ่มเพื่อนพระพายก็ขับออกจากคอนโดด้วยความเร็วจากแรงเหยียบของภูตะวัน


      ทั้งสองคนช่วยกันกวาดสายตามองคนที่ตามหาด้วยความหวัง ตรงไหนที่มีคนพลุกพล่านเช่นป้ายรถเมล์ เขาก็จะชะลอความเร็วลง จนเวลาผ่านไปได้สักพักก็ยังไร้วี่แววของพระพาย ภูตะวันแทบจะอยู่ไม่ติด เขากลัวไปหมดว่าพระพายจะเป็นอะไรและพยายามนึกว่าคนรักจะไปที่ไหนได้ในตอนนี้ หากถูกจับตัวไปจริงๆจะถูกจับไปไว้ที่ไหน


“บ้านหมอโจ!” คิดได้ดังนั้นก็ตีไฟเลี้ยวขวาและหักรถยูเทิร์นทันที เสียงยางของล้อรถเสียดสีกับถนนจนเกิดเสียงดังแสบแก้วหู ก่อนที่รถคันสีดำจะถูกแล่นไปบนถนนด้วยความเร็วสูงอีกครั้ง


      ระหว่างนั้นเสียงเตือนข้อความในสมาร์ทโฟนของภูตะวันก็ดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาและรีบเปิดอ่านทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นชื่อของคนที่ตามหาส่งเข้ามา ... มันเป็นเพียงการส่งสถานที่มาบอกเขาเท่านั้นว่าตอนนี้เจ้าของโทรศัพท์อยู่ที่ไหน ภูตะวันกัดกรามแน่นและส่งสมาร์ทโฟนให้อีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆท


“คอยดูทางให้ผม” บอสรับคำและรีบกดดูเพื่อให้แผนที่นำไปยังจุดหมายที่ต้องการทันที สายตาคมกริบของภูตะวันมองถนนตรงหน้าเขม็ง มือกำพวงมาลัยรถแน่นอย่างโกรธและแค้น ไม่ว่าคนที่เอาพระพายไปเป็นใคร ทางออกสุดท้ายของมันคือบทลงโทษจากนรก ...


**************


Talk : เรามีเพจใน facebook แล้วนะคะ  >>GgbazoStory (https://www.facebook.com/pages/Ggbazostory/1657458241137032) <<
เอาไว้พูดคุย ติดตามอัพเดทนิยายกันเนอะ :) เจอกันตอนหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 20 (03-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 04-09-2015 06:57:53
หมอซันช่วยหมอพายให้ได้นะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 20 (03-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 04-09-2015 07:28:36
หมอซันคะตั้งสติค่ะ โทรไปบอกคุณอาก่อนค่ะ



อย่าเพิ่งใจร้อนบุ่มบ่าม เดี๋ยวกลายเป็นผลเสียใหญ่โต



แล้วอิหมอแก่โจ นางยิ่งเป็นคนฉลาดมากๆ



นางคงวางแผนใว้รัดกุมแล้วละ คิดให้รอบคอบเถอะนะคะหมอซัน



ดีใจนะ ที่หมอบอสไม่ได้เลวร้ายไปกับพวกหมอนรกนั่น
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 20 (03-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Zappp ที่ 04-09-2015 08:30:52
หมอโจ !!!!  ช่วยหมอพายให้ได้นะค่ะหมอซัน
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 20 (03-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-09-2015 09:48:26
หมอซันช่วยพายให้ได้นะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 20 (03-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-09-2015 11:48:54
กำลังตื่นเต้นเลย  ตอนแรกไม่ค่อยไว้ใจ บอส เท่าไรนะ จะไม่พลิกกลับมาร้ายใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 20 (03-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 04-09-2015 13:14:07
ง่าาา พระพายไม่ระวังตัวเลยยย
อิคนเลว อย่าทำอะไรพระพายน๊า
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 20 (03-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: tararatart ที่ 04-09-2015 13:46:16
ผ่านเรื่องเรื่องนี้ไปหลาบรอบล่ะ. ชื่อเรื่องดูน่ากลัว5555. แต่ไม่ผิดหวังที่เข้ามาอ่านสนุกมากคาแรคเตอร์ตัวละครน่าสนใจชอบหมอซันดูดุเย็นชาพอมีความรักก็มุ้งมิ้งให้ได้กระชุ่มกระขวยหัวใจ. อ่านล่ะลุ้นตลอดเวลาว่าพระพายจะโดนจับตอนไหน. มันส์พะย่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 20 (03-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 04-09-2015 15:04:07
หมอพายต้องไม่เป็นอะไรนะ
ใกล้จะจับตัวหมอโจได้แล้วสินะหลักฐานก็มีแล้ว หมอโจเลยเล่นหนักขึ้นไปอีกหละสิ
ช่วยหมอพายให้ได้นะหมอซันหมอบอส TT
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 20 (03-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 04-09-2015 15:15:18
หมอโจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจ
 :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 20 (03-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 05-09-2015 12:30:19
ม่ะ ม่ะ หมอพาย......
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 20 (03-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: aoraor ที่ 05-09-2015 15:37:16
หมอบี........ คงไม่ได้ทำอะไรลงไปสินะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 20 (03-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 05-09-2015 20:28:19
พี่ซันไปช่วยพายให้ทันนะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 20 (03-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 05-09-2015 22:26:44
โอ้โหหหหหหหหหหหหหห หมอซันใจเย็นนะ ช่วยน้องพายให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 20 (03-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 06-09-2015 11:04:31
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 20 (03-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 06-09-2015 13:26:53
รู้สึกเหมือนได้ยินเสียง ฉับบบ!!!!!! อยู่ในหัว
โหดร้ายมากกกกกกก ฮือออออออออ

 :กอด1: คนเขียน
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 21 (06-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 06-09-2015 21:25:49


-21-



                 ดวงตากลมโตค่อยๆเปิดขึ้นอย่างช้าๆ กระพริบตาเป็นจังหวะเชื่องช้าจนภาพที่พร่าเบลอชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสติที่ขาดหายฟื้นตัวขึ้นมา เขาหลับตาลงอีกครั้งพร้อมกับทบทวนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ก่อนจะเบิกตาโพลงสิ่งเดียวที่คิดได้คือการติดต่อภูตะวัน แต่เมื่อขยับตัวกลับพบว่าแขนและขาถูกรัดอย่างแน่นนากับขอบเตียง แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้างที่พวกมันไม่ได้เอาโทรศัพท์มือถือของเขาไป
      
                เขาพยายามอย่างที่สุดเพื่อหยิบสิ่งที่ต้องการในกระเป๋ากางเกง เพราะข้อมือถูกรัดเอาไว้จึงทำให้การหยิบนั้นลำบากอยู่มากแต่ก็คงไม่เกินความพยายาม เขาล้วงมันออกมาได้ในที่สุดและรีบส่งสถานที่ไปหาคนรักทันทีก่อนจะเก็บมันไว้ที่เดิม
      
                พระพายลองกระตุกแขนอย่างแรงหวังว่าอาจจะหลุดพ้นจากพันธนาการ ทว่ามันถูกรัดอย่างแน่นหนาทั้งที่เขาออกแรงมากมายขนาดนี้สิ่งที่รัดเอาไว้ดูเหมือนว่าจะไม่สะเทือนแม้แต่น้อย ดวงตากลมกวาดมองไปรอบๆห้องที่สภาพเก่าจนไม่คิดว่าจะมีใครอาศัยอยู่ได้ อากาศค่อนข้างอับถึงแม้จะมีพัดลมเพดานที่พัดเอื่อยๆก็ไม่ช่วยระบายอากาศภายในห้องนี้ได้ แต่ที่สะดุดตาคงจะเป็นอุปกรณ์หลักๆทางการแพทย์ที่วางอยู่ข้างเตียง ไม่ต่างอะไรจากห้องผ่าตัดขนาดย่อม เขาใจหายวาบเมื่อคิดสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวเองต่อจากนี้
      
                คนบนเตียงพยายามดิ้นสุดแรงที่มี แต่ต้องชะงักและหยุดการกระทำลงในเวลาต่อมาเมื่อเขาได้ยินเสียงคนคุยกันดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สุดท้ายจึงต้องแกล้งทำเป็นว่ายังหมดสติลงอีกครั้ง


“ไหนหมอบอกว่าช่วงนี้จะพักไปก่อนไงครับ” ศรัทธาศัลยแพทย์รุ่นน้องของพฤติพงศ์ประจำแผนกอุบัติเหตุถามอย่างขำๆ เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายบอกจะพักเรื่องนี้ไว้เสียก่อนแต่วันนี้กลับตามเขามาอย่างเร่งด่วน คนถูกถามหัวเราะในลำคอก่อนจะบิดลูกบิดประตูที่มีใครอีกคนนอนอยู่เข้ามา


“ลูกค้ารายนี้ใจกว้าง เงินถึง อีกอย่างฉันก็หมั่นไส้ไอ้เด็กนี่มัน ทำมาสู่รู้อวดดี”


“นี่มัน ... หมอเรสสิเดนท์ลูกศิษย์หมอซันนี่ครับ” ศรัทธาพูดอย่างแปลกใจที่เห็นแพทย์เรสสิเดนท์ที่เคยเจอหน้ากันตอนอีกฝ่ายเข้าเวรที่ห้องอุบัติเหตุมานอนอยู่บนเตียงผ่าตัดลับๆของพฤติพงศ์


“ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรกับภูตะวัน ฉันก็จะไม่ปล่อยมันให้มาทำลายชีวิตฉันแน่” พฤติพงศ์พูดเสียงเย็นจนพระพายที่กำลังแกล้งหมดสติถึงกับลอบกลืนน้ำลายและได้แต่ภาวนาให้คนรักของตนตามมาช่วยเขาได้ทันเวลา


“แล้วหมอซันมันจะไม่ตามหาแย่เหรอครับ ข่าวลือว่าแอบคบหากันซะขนาดนั้น ถ้าเป็นเรื่องจริงมันคงไม่ปล่อยให้คนรักของมันต้องตกอยู่ในอันตรายแน่”


“เรื่องคงดังทั่วโรงพยาบาลแล้วสินะ ไม่เสียแรงที่ฉันให้ลูกน้องมันปล่อยข่าวออกไป เพราะฉันรู้ว่ามันต้องวิ่งโร่ไปเอาเรื่องเพื่อนที่กุมความลับของมันไว้แน่ ... และถึงไอ้ภูตะวันมันจะตามหรือไม่ตาม เด็กนี่มันก็กลายเป็นศพก่อนอยู่ดี” เขายกยิ้มมุมปาก ดวงตาคมกริบมองร่างบนเตียงอย่างชิงชัง ความโกรธแค้นของพระพายเพิ่มทวีคูณเมื่อได้ยินคำพูดจากอีกฝ่ายที่ทำให้เขาไม่พอใจบอสทั้งที่ไม่ได้เป็นคนทำ


“ว่าแต่ทำไมยังไม่ฟื้น ลูกน้องหมอมันโปะยาเยอะเกินไปหรือเปล่าครับ” ปลายนิ้วสากจับปลายคางมนของคนบนเตียงพลิกไปมาเบาๆ พฤติพงศ์ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาก่อนจะเหลือบตามองพระพายที่นอนหมดสติพลางหัวเราะหึอย่างคนรู้ทัน


“ฉันรู้ว่าแกฟื้นแล้ว ลืมตา!!” หมอสูงวัยพูดเสียงเข้ม ทว่าพระพายก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมา แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกตัวเช่นเคย อย่างน้อยก็ยังได้ยืดเวลารอให้อาจารย์หมอมาช่วยได้อีกหน่อย หากแต่แรงตบบริเวณแก้มจากมือที่สากและใหญ่ของคนใจร้ายก็แรงพอที่จะทำให้เขาลืมตาขึ้นมาด้วยความเจ็บ


“แผนสูงนักนะ คิดว่าฉันโง่หรือไง”


“ไอ้เลว!!” เขาตะโกนด่าคนที่ยืนอยู่สองฝั่งของเตียง มองตาขวางกัดกรามแน่นอย่างโกรธแค้น แต่คนถูกด่ากลับหัวเราะราวกับว่าสิ่งที่พระพายพูดเมื่อครู่เป็นเรื่องตลกขบขัน ก่อนจะริดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกทีละเม็ด


“จะทำอะไร ปล่อย!!!!! บอกให้ปล่อยไง!!!!!” เขาตะโกนสุดเสียงและดิ้นสุดแรง แต่พวกมันก็ไม่ยอมหยุดมันปลดกระดุมจนถึงเม็ดสุดท้ายและแหวกสาบเสื้อให้แยกออกจากกัน เผยให้เห็นผิวขาวตั้งแต่แผ่นอกจนถึงหน้าท้อง พระพายน้ำตาเอ่อคลอ หายใจรัวเร็วด้วยความกลัวสุดขีดเมื่อคนที่ยืนอยู่ทั้งสองคนเริ่มสวมถุงมือยาง


      มีดผ่าตัดที่พระพายไม่เคยกลัวตอนนี้มันกลับทำให้เขากลัวจนตัวสั่นและน้ำตาไหลออกจากตาคู่สวยทั้งสองข้างเมื่อมีดเล่มนั้นอยู่ในมือของพฤติพงศ์ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนวูบไหวถึงแม้จะอยากขอร้องให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจแต่ก็โกรธแค้นเกินกว่าจะเอ่ยปาก หากจะต้องตายจริงๆก็ขอให้ได้เห็นคนทำผิดได้รับกรรมที่มันทำไว้ แม้จะเป็นวินาทีสุดท้ายของชีวิตก็ขอให้เขามีลมหายใจถึงเวลานั้น


“คงไม่ต้องเซ็นยินยอมอะไร เพราะถึงยังไงมันก็เป็นของปลอมอยู่ดี เอาเป็นว่าฉันขอไตแกแล้วกันนะ หึหึ” พฤติพงศ์ยิ้มเย็น แววตาของชายแก่คนนี้เปลี่ยนไปในทันที แววตาของฆาตกรที่มองอย่างเลือดเย็น


“ฉีดยาชาให้เขาหน่อยไหมครับหมอ?”


“พวกคุณยังกล้าเรียกตัวเองว่าหมอกันอีกเหรอวะ!?” พระพายพูดเสียงสั่นทั้งกลัวทั้งโกรธ อาชีพที่ใครๆต่างเทิดทูนอย่างกับพระเจ้าและมีไว้เป็นที่พึ่งยามเจ็บไข้ได้ป่วย แต่กลับต้องเสื่อมเสียเพราะพวกโลภเห็นแก่เงินและเห็นแก่ตัวที่ใช้อาชีพที่มีเกียรติบังหน้า


“ก็นี่ไงอาชีพหมอของฉัน ต้องช่วยเหลือคนแต่เป็นคนที่รวยกว่าเท่านั้นเอง แกเองก็เป็นหมอน่าจะเข้าใจ เพราะฉะนั้นก็บริจาคให้คนไข้ที่เขารอการบริจาคจากแกไปเถอะ ... ช่วยเหลือไง” พระพายกำหมัดแน่นขยะแขยงกับความคิดสกปรกของผู้ชายตรงหน้า


      ดวงตากลมหลุบต่ำมองปลายมีดผ่าตัดที่ถูกจรดลงบนกลางแผ่นอกของตัวเองด้วยหัวใจที่สั่นรัว ก่อนจะเหลือบตามองเจ้าของมีดอย่างท้าทายและไม่เกรงกลัวอะไรอีกต่อไป หากจะต้องตายก็คงต้องตายอยู่ดี พฤติพงศ์ยิ้มมุมปาก ยกนิ้วโป้งข้างที่ว่างชูให้คนบนเตียงอย่างชื่นชมที่ใจกล้าส่งสายตาท้าทายขนาดนี้

      โครม!!! ภูตะวันถีบประตูเข้ามาอย่างแรงจนมันเปิดออก ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาเขาฟิวส์ขาดตรงเข้าถีบชายสูงวัยที่นับถือและเคารพเหมือนญาติพี่น้องจนอีกฝ่ายล้มลง ก่อนจะปรี่เข้ามาหาคนรักของตัวเองเพื่อช่วยปลดที่รัดข้อมือและขาออก ส่วนนายแพทย์หนุ่มต่างแผนกอย่างบอสก็วิ่งตามศรัทธาที่วิ่งออกไปทางด้านหลังของตัวบ้านทันทีเมื่อพวกเขาบุกเข้ามา


“พายคิดว่าพี่จะไม่มา” พระพายน้ำตาไหลออกมาเปรอะสองแก้ม คนตัวสูงโอบกอดคนรักเอาไว้แนบอกอย่างปลอบประโลมพลางจูบลงบนกลุ่มผมนุ่มอยู่หลายครั้งด้วยความโล่งใจที่มาช่วยอีกฝ่ายไว้ได้ทัน


      เสียงไซเรนจากรถตำรวจดังใกล้เข้ามา พฤติพงศ์เบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนกและตกใจไม่น้อย สิ่งเดียวที่คนทำผิดเกรงกลัวก็คงจะเป็นผู้รักษากฏหมายบ้านเมือง เขาลุกขึ้นพร้อมกำมีดผ่าตัดในมือแน่น ตรงเข้ามาหาภูตะวันทางด้านหลังด้วยความเร็ว พระพายเบิกตาโพลงก่อนจะตะโกนร้องอย่างสุดเสียง


“พี่ซันระวัง!!!!!”


“อึก!!”  จังหวะที่ภูตะวันหันไปพอดีกับที่พฤติพงศ์เข้ามาประชิดตัว ทำให้มีดผ่าตัดเสียบเข้าที่ใต้ราวนมด้านซ้ายก่อนคนทำจะชักออกและตามเข้ามาอีกแผลใกล้ๆกัน หมอโจดึงมีดออกอย่างแรงด้วยสีหน้าเคียดแค้นก่อนจะวิ่งหนีออกไปทางประตูด้านหลังอย่างรวดเร็ว


“พี่ซัน!!” พระพายตกใจสุดขีดเมื่อเห็นคนรักถูกแทงต่อหน้าอีกครั้ง คนเจ็บทรุดลงอย่างรวดเร็วพระพายจึงรีบลงจากเตียงไปรับร่างของคนรักเอาไว้ก่อนที่ศีรษะจะฟาดพื้น ดวงตากลมมีน้ำใสๆเอ่อคลอเต็มสองตามองแผลที่ถูกแทงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด วางมือลงบนแผลเบาๆด้วยกลัวว่าหากแรงกว่านี้อาจจะทำให้คนรักต้องเจ็บหนักมากกว่าเดิม


“พี่อดทนนะ” ภูตะวันคลี่ยิ้มบางพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย ปลายนิ้วโป้งยกเกลี่ยน้ำตาที่เปรอะสองแก้มของคนรักออกให้อย่างอ่อนโยน เจ็บมากและเหมือนจะไม่ไหวแต่ก็ไม่อยากให้คนที่รักสุดหัวใจต้องร้องไห้


“พี่...มีโอกาสจะ...รอดไหม?” ภูตะวันถามเสียงขาดห้วงไปด้วยลมหายใจที่ไม่ค่อยจะคงที่มากนักในตอนนี้ คนฟังพยักหน้ารัวเร็ว
ทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม


“รอดสิครับ ครั้งที่แล้วพี่ยังไม่เป็นไรเลย” ถึงจะพูดไปอย่างนั้นแต่เขาก็รู้ดีแก่ใจว่าครั้งนี้หนักกว่าครั้งก่อนมากนัก ด้วยตัวคนร้ายที่ทำเป็นหมอย่อมรู้ดีว่าแทงส่วนไหนถึงจะอันตราย ภูตะวันพยายามคลี่ยิ้มบางอย่างอ่อนแรงกับคำพูดที่ให้กำลังใจจากคนรัก


“เคยบอกแล้ว...ใช่ไหมว่าอย่าพูด...ให้ความหวัง...คนไข้ คนเป็นหมอ...พูดออกมาแล้วต้อง...รับผิดชอบนะ”
“พายจะรับผิดชอบ พายจะผ่าตัดให้พี่เอง” เขาพูดด้วยเสียงสะอื้น น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหยดลงบนเสื้อยืดเนื้อดีของคนเจ็บจนเปียกเป็นวงกว้าง ภูตะวันหลับตาลงด้วยรอยยิ้มบางๆก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นมามองหน้าคนรักอีกครั้ง


“ถ้าพี่ไม่รอด...พี่เสียดายอยู่...อย่างเดียว...ที่พี่ได้ใช้เวลา...อยู่กับพายน้อยไป” เขามองตากันอย่างมีความหมาย พระพายกระชับกอดคนเจ็บไว้แนบอกด้วยความรักอย่างที่สุด น้ำตาไหลเป็นทางอย่างไม่ขาดสาย จนกระทั่งได้ยินเสียงวิ่งดังมาจากด้านนอกและดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


“จับพวกเขาได้แล้วนะ!! อาจารย์~” นายแพทย์หนุ่มหวังจะเข้ามาแจ้งข่าวดีที่ตำรวจด้านนอกจับคนร้ายทั้งสองคนได้แล้ว แต่เมื่อเห็นภาพที่เพื่อนของตนกอดอาจารย์หมอที่มีเลือดมากมายเปื้อนอยู่ก็ต้องใจหายวาบ แต่เพียงไม่นานประสิทธิ์และณิชชาอรที่มาพร้อมตำรวจเพราะหลานชายโทรไปแจ้งข่าวก็วิ่งตามบอสเข้ามาติดๆและอึ้งไปกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า


“ซัน!!!” ณิชชาอรกรีดร้องเสียงดังก่อนจะปรี่เข้ามาหาหลานชายของตนที่นอนเจ็บอยู่และหายใจรวยรินพร้อมกับประสิทธิ์ที่แทบจะทำอะไรไม่ถูก


“บอสโทรตามรถพยาบาลหน่อย” เขาพูดทั้งที่ยังคงสะอื้นและมีน้ำตาไหลออกมาตลอดเวลา ประคองร่างของคนรักไว้อย่างทนุถนอมที่สุด แพทย์หนุ่มต่างแผนกพยักหน้าและรีบโทรเรียกรถพยาบาลของโรงพยาบาลวิวรรธน์ที่อยู่ไม่ไกลให้รีบมาอย่างเร็วที่สุด


“ซันอดทนนะลูกนะ” ณิชชาอรหลั่งน้ำตาออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มือที่เหี่ยวย่นไปตามวัยลูบใบหน้าของหลานชายอย่างเบามือ คนเจ็บไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยิ้มบางๆให้เท่านั้น


“แกอย่าเป็นอะไรนะซัน เราเหลือกันอยู่แค่นี้นะ” ประธานโรงพยาบาลผู้เป็นอาจับมือใหญ่ของหลานชายแท้ๆของตนเอาไว้แน่น
มองภาพหลานชายที่เห็นตั้งแต่แรกคลอดนอนเจ็บอยู่ก็เศร้าใจไม่น้อย หากเป็นไปได้ก็อยากให้เป็นเขาที่ต้องเป็นฝ่ายเจ็บแทนภูตะวันที่อนาคตกำลังไปได้สวย


      ภูตะวันหลับตาลงไปอีกครั้งแต่ครั้งนี้เนิ่นนานกว่าครั้งก่อนมากที่เขาไม่ลืมตาขึ้นมาเลย จนพระพายและผู้ใหญ่ทั้งสองเริ่มอยู่ไม่ติด แต่เพียงไม่นานเสียงความหวังที่เริ่มจะหดหายก็เหมือนจะกลับมาอีกครั้งเมื่อเสียงไซเรนจากรถพยาบาลดังอยู่ไม่ไกล

      นางพยาบาลและบุรุษพยาบาลรีบวิ่งกรูกันเข้ามาพร้อมกับอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น พระพายผละออกแต่ยังคงยืนอยู่มองอยู่ไม่ห่างด้วยความเป็นห่วงจับใจ เขาปาดน้ำตาออกครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไม่มีทีท่าว่ามันจะหมดลง คนเจ็บถูกใส่หน้ากากช่วยหายใจ แทงเข็มเพื่อให้น้ำเกลือก่อนร่างจะถูกยกขึ้นบนเปลนอนและนำออกจากตัวบ้านขึ้นรถพยาบาลทันทีโดยที่พระพายก็ตามขึ้นไปด้วย ส่วนบุคคลที่เหลือก็รีบขับรถตามกันออกมา

      ตี๊ดดดดดดด!!! เสียงแหลมแสบแก้วหูของเครื่องบอกชีพจรคนไข้ดังลั่นรถพยาบาล เสียงที่เหมือนปลิดขั้วหัวใจของคนที่ได้ยินและของเจ้าของชีพจรเองด้วย พระพายเบิกตากว้างใจหายวาบเมื่อได้ยิน


“ไม่จริง” เขาพึมพำอย่างไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ไม่รอช้าที่จะประสานสองมือของตัวเองวางไว้บนกลางหน้าอกของคนรักเพื่อช่วยปั๊มหัวใจให้ชีพจรของอีกฝ่ายกลับมาเต้นอีกครั้ง พระพายทำมันทั้งน้ำตาแม้มือ


“มีเวลาแค่สี่นาทีนะคะคุณหมอ!!” พระพายไม่สนใจคำพูดของพยาบาลฝั่งตรงข้าม เพราะเขารู้ว่าหากเกินสี่นาทีอาจารย์หมอจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกตลอดกาล มือเขาสั่นอย่างที่สุดแต่ถึงอย่างนั้นก็มั่นคงในเวลาเดียวกัน ออกแรงปั๊มหัวใจเพื่อช่วยคนรักอย่างต่อ
เนื่อง จนในที่สุด ...


“ชีพจรกลับมาแล้วค่ะ!”


“....ขอบคุณครับ ขอบคุณที่กลับมา” พระพายถอนหายใจอย่างโล่งอก ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาที่อีกฝ่ายยังอยากมีลมหายใจต่อกับเขา



      รถพยาบาลเทียบจอดยังไม่ทันสนิทดีที่หน้าโรงพยาบาล บุรุษพยาบาลที่ประจำหน้าที่อยู่แล้วก็เปิดประตูหลังออกเพื่อนำร่างของคนเจ็บตรงเข้าห้องผ่าตัดให้ทันเวลา พระพายวิ่งตามเตียงผู้ป่วยไม่ห่าง รวมถึงประสิทธิ์ ณิชชาอรและบอสที่วิ่งตามมาติดๆ ก่อนที่พระพายจะแยกออกไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดผ่าตัดทันที โดยที่ยังไม่ได้บอกให้ใครรู้ว่าตนจะเป็นฝ่ายผ่าตัดคนรักของเขาเอง .



****************



Talk : เจอกันตอนหน้านะฮะ ขอฝากเพจหน่อยเผื่อใครไม่รู้ อิอิ
GgbazoStory (https://www.facebook.com/pages/Ggbazostory/1657458241137032)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 21 (06-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 06-09-2015 21:34:00
หมอซันสู้ๆนะ น้องหมอพายกำลังจะช่วยผ่าตัด
เอาใจช่วยหมอพาย คงเป็นการผ่าตัดที่ลุ้นและเครียดสุดๆ
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 21 (06-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: tararatart ที่ 06-09-2015 21:43:11
ไม่รู้ว่าอ่านเรื่องนี้เรากลั้นหายใจไปกี่ครั้ง 5555โดยเฉพาะตอนนี้ตื่นเต้นมาก
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 21 (06-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 06-09-2015 21:57:55
ต้องรอดนะ หมอโจโรคจิตมากจริงๆ
สงสารเเพทย์อีกคนที่เป็นคนช่วยอะ อนาคตดับเลย เเต่ก็นะ ทำผิดอะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 21 (06-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 06-09-2015 22:02:37
ว่าแล่วเชียว ว่าแล้วเชียว ว่าหมอซันต้องโดน แป้วมาตั้งแต่บทก่อนหน้าที่ว่าจะตายแทนแล้ว ฮืออออ
หมอพายช่วยหมอซันให้ได้น้าาา หมอซันสู้ๆน้าาาา จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป  :mew2:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 21 (06-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 06-09-2015 22:05:30
โอ้ยยย พี่ซันเจ็บอีกแล้วววว
พี่ซันอย่าเป็นอะไรนะ พายก็สู้ๆ!
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 21 (06-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: nuja ที่ 06-09-2015 22:49:37
ใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

หมอซันอย่าเป็นไรนะคะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 21 (06-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 07-09-2015 12:45:50
หมอซันเจ็บตัวอีกแล้ว
 :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 21 (06-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 07-09-2015 13:18:49
กำลังลุ้นเลย ต้องลงโทษคนผิดให้สาสมนะ เลวจริงๆ

หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 21 (06-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 07-09-2015 16:02:53
 :z6:ถีบไอ้แก่มักมาก!!!!!!
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 21 (06-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 07-09-2015 17:57:28
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 21 (06-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 07-09-2015 18:28:32
หมอซันกับหมอพายสู้ๆนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 21 (06-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: kpHJstdy ที่ 07-09-2015 22:02:30
ว่างมาอ่านแล้วค่ะ  ตอนล่าสุดใจเต้นแรง ถึงกับกลั้นหายใจ ลุ้นมากกกกกก โอ้ยยยยย กรรมอะไรของพี่หมอซันเนี่ยยยยยย พ่อคุณเอ่ยยยยย  สงสารรรรรรรร น้ำตาจะไหลตามพายแล้ว ฮื่อออออ  พี่หมอออออ อย่าเป็นอะไรเลยนะ  ไอ้หมอโจโครตเลวเลย ชั่วมากกกกก อ่านแล้วโมโหหหหห  มาทำพี่หมอของฉันนนน เลวววววว TTTTTTTTTTTTT
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 21 (06-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 07-09-2015 22:47:08
แง หมอซันนนนน TT
หมอซันเจ็บตัวอีกแล้ว ใจไม่ดีเลยยย รีบมาต่อนะคะ ไม่อยากลุ้น แงงงงงงงง T v T
สงสารหมอซันนนนนนนน ฮือออออออ หมอพายต้องช่วยหมอซันให้ได้น๊าา
ทรมาณใจแทนหมอพายเลย ฮึก
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 21 (06-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 09-09-2015 00:15:14
หมอซันต้องรอดนะ ต้องกลับมาอยู่กับน้องนะ ,_,
สงสารพระพาย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 11-09-2015 23:47:21

-22-


                 ตาคู่สวยมองเข้าไปในห้องผ่าตัดขนาดใหญ่ที่กำลังวุ่นวายเตรียมการผ่าตัดให้กับคนรักของเขา ร่างที่นอนนิ่งๆอยู่บนเตียงผ่าตัดราวกับคนหลับไปเฉยๆต่างที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์มากมายรอบตัว พระพายก้มมองมือสองข้างของตัวเองด้วยความรู้สึกหลากหลาย มือสองข้างนี้ที่อาจจะทำให้คนๆนั้นหายดีและอาจจะทำให้จากไปได้เช่นกัน ...


“พระพาย” เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้คนที่กำลังจะกดสวิตซ์ประตูห้องผ่าตัดให้เปิดออกต้องหยุดชะงักลงและหันกลับไปยังที่มาของเสียง


“ตำรวจรอสอบปากคำอยู่นะ” ประสิทธิ์บอกกับคนรักของหลานชาย เขาและภรรยามองคนตรงหน้าด้วยความเห็นอกเห็นใจที่คนที่พวกเขารักต้องเจ็บหนักปางตายขนาดนี้ พระพายหันกลับไปมองภายในห้องผ่าตัดอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงสุดหัวใจจะให้ทิ้งตรงนี้ไปเขาเองก็คงทำไม่ได้


“เข้าไปข้างในเถอะจ้ะ ซันคงอยากให้คนที่เขารักอยู่ให้กำลังใจเขาในห้องนั้นด้วย” ณิชชาอรพูดเสียงสั่นแต่ก็ยังเผยยิ้มบางๆออกมาให้ได้เห็น


“...ถ้าผมจะขอเป็นศัลยแพทย์ผ่าตัดให้กับอาจารย์จะได้ไหมครับ?” เขาพูดออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆในคำตอบ ทั้งสองคนหันมองหน้ากันอย่างตกใจและหนักใจในเวลาเดียวกัน เพราะอีกฝ่ายเป็นเพียงแพทย์ประจำบ้านที่เขามาศึกษาต่อเฉพาะทางเท่านั้น ถึงจะเข้าห้องผ่าตัดเพื่อศึกษาอยู่บ่อยครั้งหากแต่ยังไม่เคยได้ฝึกผ่าตัดอย่างจริงจังเลย ฉะนั้นการที่จะฝากชีวิตของคนไข้ไว้ก็เป็นเรื่องที่หนักใจพอควร


“ผมทำได้ เชื่อผมนะครับ”


“..........” สองสามีภรรยามองหน้ากันอย่างลำบากใจ รู้ว่าไม่เหมาะสมแต่ก็เห็นใจที่อีกฝ่ายคงอยากจะรักษาคนรักด้วยมือของตัวเอง ราวกับว่าจะตกลงกันด้วยสายตาได้แล้ว ประสิทธิ์จึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะวางมือบนบ่าของพระพายและบีบเบาๆ


“อาอนุญาต แต่ต้องมีอาจารย์หมอท่านอื่นคอยควบคุมตลอดการผ่าตัดนะ” พระพายระบายยิ้มออกมาทั้งน้ำตาที่เอ่อคลอ ดีใจและโล่งใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายอนุญาตให้เขาเป็นคนผ่าตัดในครั้งนี้


“อาฝากด้วยนะ”


“ขอบคุณมากครับที่เชื่อใจผม” เขายกมือไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทั้งสองท่าน ก่อนจะกลับหลังหันกดสวิตซ์ให้ประตูห้องผ่าตัดเปิดออกและก้าวเข้ามาในห้องที่กำลังวุ่นวายอยู่ในขณะนี้


“ผมจะเป็นคนผ่าตัดเองครับ” คุณหมอหน้าหวานพูดเสียงนิ่ง ดวงตาสีน้ำตาลกวาดตามองคนที่อยู่ในห้องผ่าตัดนับสิบชีวิตรวมถึงเพื่อนของเขาอีกสองคนด้วย ทุกคนในห้องที่ได้ยินต่างพากันหันมองเขาอย่างอึ้งๆ


“แต่ว่าคุณหมอ ...” พยาบาลผู้ช่วยสาวรายหนึ่งกำลังจะค้านเพราะไม่เห็นด้วยที่จะให้แพทย์ที่กำลังศึกษาอยู่เป็นศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดให้กับผู้ป่วยที่อาการค่อนข้างหนักและคนอื่นๆก็ไม่เห็นด้วยเช่นเดียวกัน


“ขอให้ทุกคนเคารพการตัดสินใจของพวกเราด้วยครับ ผมอนุญาตแล้ว การผ่าตัดของคุณหมอพระพายจะอยู่ภายใต้การควบคุมของอาจารย์หมอนิรุตน์ ช่วยแนะนำเขาด้วยนะครับ” เสียงดังจากห้องอัฒจรรย์ด้านบนเรียกให้ทุกคนเงยหน้าขึ้นไปมอง ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยแต่ในเมื่อประธานบริหารและผู้อำนวยการของโรงพยาบาลที่เป็นญาติของคนไข้อนุญาตนั่นก็หมายความว่าพวกเขาได้ตัดสินใจกันมาอย่างดีแล้ว


“ผมว่าเราเริ่มผ่าตัดกันเลยดีกว่าครับ ทุกอย่างพร้อมแล้ว” ศัลยแพทย์อีกคนหนึ่งพูดขึ้น ทุกคนจึงให้ความสนใจร่างที่นอนนิ่งสนิทของภูตะวันแทน สครับเนิร์สช่วยสวมชุดผ่าตัด ถุงมือยางให้กับพระพายเป็นอย่างดี ก่อนที่เขาจะเดินมายืนอยู่ที่ประจำของศัลยแพทย์มือหนึ่งที่ที่เขาเห็นภูตะวันยืนจนชินตา


“คนไข้ถูกแทงรวมสองแผลด้วยกัน บริเวณใต้ราวนมและหน้าท้อง ผลเอ็กซเรย์พบว่าเส้นเลือดแดงใหญ่ได้รับความเสียหาย เลือดขังอยู่ในช่องอกเป็นจำนวนมาก แต่โชคยังดีค่ะที่ไม่ใช่เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ส่วนบริเวณหน้าท้องทะลุเข้ากระเพาะอาหารค่ะ” พยาบาลสาวรายงานให้ทุกคนได้ฟัง


      พระพายมองร่างที่นอนหมดสติเพราะยาสลบด้วยความรัก ร่างกายของภูตะวันถูกทำความสะอาดจนเห็นบาดแผลได้อย่างชัดเจน ไร้อาภรณ์ใดๆมีเพียงผ้าคลุมสีฟ้าปกปิดส่วนล่างตั้งแต่ช่วงสะโพกไปจนถึงปลายเท้า สีหน้าไร้สีเลือด อีกทั้งริมฝีปากที่แห้งผากก็ยังต้องสอดท่อเพื่อช่วยการหายใจ พระพายพุ่มมือสวยและกราบลงบนอกของคนที่ตนรักด้วยความเคารพและเป็นการขอขมาที่จะต้องล่วงเกินร่างกายของเขา ก่อนจะรับมีดผ่าตัดจากพยาบาลผู้ช่วยมาถือไว้


“เราจะเริ่มผ่าที่จุดแรกก่อนนะครับ” พระพายพูดเสียงสั่น หัวใจเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมานอกอก แต่ก็พยายามเก็บอาการตื่นเต้นและความกลัวเอาไว้ข้างใน จรดปลายมีดเหนือปากแผลอย่างกล้าๆกลัวๆ มือสั่นเสียจนทุกคนสังเกตเห็น


“หมอ” ศัลยแพทย์หนุ่มที่ยืนอยู่อีกฝั่งของเตียงเอ่ยเรียกให้พระพายมีสติ พระพายช้อนตาขึ้นมองก่อนจะหลับตาลงและสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติและกำลังใจให้กับตัวเอง กระชับมีดผ่าตัดให้มั่นคงและกรีดมันลงบนปากแผลให้เปิดกว้างมากขึ้น


“ดูดเลือดออกด้วยครับ” เมื่อปากแผลถูกเปิดออกด้วยเครื่องมือถ่างแผล ภายในมีเลือดออกอยู่มากเขาจึงสั่งให้ผู้ช่วยเอาเครื่องมือดูดเลือดออกไปให้หมดและคอยใช้ผ้าก๊อซช่วยซับออกอีกแรง


“ขอกรรไกรครับ” เขารับกรรไกรและจับมันให้ถนัดมือ จ้องบริเวณอวัยวะที่เสียหายเขม็ง เมื่อเส้นเลือดแดงใหญ่ที่สำคัญมากได้รับความเสียหายการรักษาจึงต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ ถึงแม้เขาจะศึกษาเกี่ยวกับเส้นเลือดและอวัยวะภายในมาเยอะพอสมควร ทว่าเมื่อถึงสถานการณ์จริงเขากลับประหม่าจนไม่กล้าตัดสินใจทำอะไร


“ตัดส่วนที่เสียหายออกแล้วทดแทนหลอดเลือดแดงใหญ่ด้วยเส้นเลือดเทียม” อาจารย์นิรุตน์พูดแนะนำเบาๆ พระพายพยักหน้าเข้าใจก่อนจะลงมือตัดเส้นเลือดแดงที่ได้รับความเสียหายออกอย่างระมัดระวัง พลางสังเกตใบหน้าซีดเซียวของคนรักอยู่เป็นระยะ ทั้งที่เขาควรจะให้ความสนใจแค่จุดที่ต้องผ่าตัด หากแต่คนที่ได้รับการผ่าตัดกลับเป็นคนสำคัญมันจึงทำให้เขาละจากความรู้สึกเป็นห่วงนั้นไม่ได้


“ชีพจรเป็นยังไงบ้าง?”


“ชีพจรอ่อนคงที่ค่ะ ความดันปกติ” พระพายหัวใจเต้นเร็วแรงกับบทสนทนาของพยาบาลและอาจารย์นิรุตน์ แต่ก็ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองต่อ มือที่เคยสั่นเริ่มมั่นคงแต่ความเครียดและความกดดันยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยม เหงื่อที่ผุดพราวขึ้นบนใบหน้าถูกสครับเนิร์สซับออกครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ดูเหมือนจะไม่หมดไปเสียที


“เลือดยังออกไม่หยุดเลยครับ ถ้าเกิน 150ซีซี โอกาสเสียชีวิตเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์นะครับ!!”


“นอกจากเส้นเลือดแดงใหญ่แล้วมีส่วนไหนที่ได้รับความเสียหายอีกบ้าง รีบหาให้เจอ!” เป็นเรื่องธรรมดาของทางการแพทย์ที่บางครั้งผลเอ็กซเรย์จะพบเพียงแค่จุดใหญ่ๆเท่านั้น แต่จุดเล็กๆที่ได้รับความเสียหายจะถูกพบภายหลังหลังจากการผ่าตัดเปิดแผลและศัลยแพทย์ต้องรีบแก้ไข้ให้ทันท่วงที


      พระพายเย็บเส้นเลือดแดงใหญ่กับเส้นเลือดเทียมให้เข้ากันอย่างเรียบร้อย โดยที่คนอื่นยังคงหาส่วนที่ผิดปกติที่ทำให้เลือดยังไหลออกมาไม่หยุด ถึงแม้จะใจไม่ดีแต่เขาเองก็ยังคงตั้งใจและมีความหวังอยู่เต็มหัวใจว่าคนที่ตัวเองรักจะมีชีวิตรอดอีกครั้ง


“เจอแล้วครับ! ผนังปอดได้รับความเสียหายเล็กน้อยครับ” เขาเงยหน้ามองที่จอแสกนอวัยวะภายในตามที่แพทย์อีกคนบอก เมื่อเข้าใจและวินิจฉัยว่าควรรักษายังไงได้แล้วเขาก็ละสายตาจากจอทันที ไม่รอช้าที่จะเริ่มแก้ไข้ให้เลือดหยุดไหล


“เย็บซ่อมผนังปอด ขอ needle forceps ด้วยครับ” (needle forceps=คีมจับเข็มและด้าย) ระหว่างทำการเย็บซ่อมผนังปอด ผู้ช่วยจะคอยใช้เครื่องมือดูดก้อนเลือดออกสลับกับใช้เครื่องจี้คอยห้ามเลือดอยู่ตลอดเวลา แต่ดูเหมือนคนเจ็บจะไม่ให้ความร่วมมือมากนัก ภูตะวันเกิดอาการช็อคและทำให้การสูบฉีดของเลือดรุนแรงขึ้นจนเลือดไหลออกมาไม่หยุด


“ชีพจรอ่อนมากกว่าเดิมค่ะ ความดันเลือดสูงมาก!!” พระพายเริ่มกระวนกระวายและทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้ยินสิ่งที่พยาบาลสาวรายงาน เขามองหน้าคนรักและได้แต่พูดกับอีกฝ่ายในใจว่าขอให้อดทนแล้วมันจะผ่านไปด้วยดี พยายามเย็บซ่อมผนังปอดที่ได้รับความเสียหายต่ออย่างมีสติให้มากที่สุดจนเสร็จ แต่ดูเหมือนว่าคนเจ็บจะทนรอไม่ไหวเสียแล้ว ...


ตี๊ดดดดดดดดดด!!!!
      เสียงที่กลับมาทำให้พระพายใจหายอีกครั้ง กราฟท์ชีพจรเป็นเส้นตรงเป็นสัญญาณที่บอกว่าภูตะวันได้จากไปแล้ว  ทุกคนในห้องผ่าตัดรวมถึงประสิทธิ์และณิชชาอรตกใจกันอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่ทำหน้าที่เป็นคนผ่าตัดที่มองอย่างอึ้งไป พระพายรีบประสานสองมือของตัวเองวางกลางอกของคนรักเพื่อปั๊มหัวใจอีกครั้ง


“กลับมาสิครับ กลับมาหาพายนะ” เขาพูดในขณะที่ยังคงปั๊มหัวใจไม่หยุด พลางมองหน้าของคนรักด้วยน้ำตาและมีความหวังอยู่ตลอดเวลาว่าอีกฝ่ายจะกลับมาหาเขา


“ได้โปรดครับ กลับมาหาพาย ตื่นมาดุพายว่าพายผ่าตัดให้พี่แย่ขนาดไหน ตื่นนะครับได้โปรด” เขาพูดอ้อนวอนเสียงสั่นปนสะอื้นราวกับจะขาดใจ หากแต่ก็ยังไม่ยอมลดแรงที่กำลังปั๊มหัวใจให้คนรักฟื้นขึ้นมา จนเป็นที่น่าเวทนาให้กับหลายๆคนที่ก็ใจหายไม่แพ้กัน


“เอาเครื่องกระตุ้นหัวใจมา!!” เมื่อทนเห็นไม่ได้ ศัลยแพทย์หนุ่มอีกหนึ่งคนจึงร้องขอให้ผู้ช่วยนำเครื่องกระตุ้นหัวใจมาเตรียมรอ แพรดาวกับอนุวัฒน์เข้ามาดึงตัวเพื่อนตัวเองให้ออกห่างจากเตียงผ่าตัดเล็กน้อยเพราะดูเหมือนพระพายจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว


“พายออกมาก่อนนะ ทำใจดีๆไว้” แพรดาวเอ่ยปลอบเพื่อนของตัวเองด้วยเสียงที่นุ่มนวล ตาคู่สวยมองดูคนรักที่กระตุกด้วยเครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยความเจ็บปวด เขาไม่ได้ฟูมฟายเพียงแต่มองภาพตรงหน้าและน้ำตาไหลออกมาเงียบๆ ไม่ต่างจากอาทั้งสองของภูตะวันที่ยืนมองลงมาจากด้านบนด้วยความเสียใจอย่างที่สุด แต่ลึกๆก็ยังคงหวังว่าภูตะวันจะกลับมา


“เพิ่มกระแสไฟด้วยครับ!” ร่างของอาจารย์หมอกระตุกแรงขึ้นกว่าครั้งก่อน แต่ก็ไร้การตอบรับจากคนที่จากไป พระพายเดินเข้าไปกอดร่างที่ไร้ลมหายใจของคนรักพร้อมกับก้มลงกระซิบเบาๆที่ข้างหู


“พายรักพี่นะ ตื่นเถอะครับอีกนาทีเดียวพี่จะจากพายไปจริงๆแล้วนะ” เขาพูดทั้งน้ำตา ก่อนจะมองหน้าที่ซีดจางของคนรักด้วยความอาลัย มือเล็กลูบแก้มที่ไร้สีเลือดอย่างเบามือ


“ผมขออีกครั้งนะครับ” ศัลแพทย์แพทย์หนุ่มเอ่ยบอก ทำให้พระพายต้องถอยห่างออกมาเพื่อให้ทำงานได้สะดวก


“เคลียร์!!” ร่างที่ไร้ลมหายใจกระตุกอย่างแรงอีกครั้ง ท่ามกลางความหวังของคนทุกคน พระพายหลับตาลงและวิงวอนต่อพ่อของตนและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้พาภูตะวันกลับมา ขอให้ความรักที่พวกเขามีต่อกันนำพาให้กลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่ง



ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด
      เสียงชีพจรของภูตะวันกลับมาเต้นเบาๆอีกครั้งหนึ่ง ทำให้คนที่ต่างหมดหวังหันมองอย่างดีใจและเร่งการผ่าตัดอีกหนึ่งจุดที่ยังเหลือ ซึ่งไม่ได้รับความเสียหายมากเท่าไหร่นัก พระพายยิ้มทั้งน้ำตาก่อนจะเงยหน้ามองคนด้านบนห้องอัฒจรรย์พร้อมกับส่งยิ้มให้กันอย่างโล่งใจ


      หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้นลง ภูตะวันถูกย้ายไปอยู่ในห้องพักฟื้นที่ปลอดเชื้อและยังคงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพราะร่างกายยังไม่สมบูรณ์พอที่จะหายใจเองได้ อีกทั้งยังต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดด้วยกลัวว่าเขาอาจจะติดเชื้อหรือต่อต้านยาที่แพทย์ให้ได้ ...

      ถึงแม้พระพายจะมีอาการเพลียพอสมควรเพราะตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ใกล้จะเช้าเสียแล้ว ขอบตาแดงบวมช้ำเพราะผ่าน
การร้องไห้มาอย่างหนักและไม่ได้พักผ่อนร่วมด้วย แต่หลังจากผ่าตัดเสร็จและจิตใจของเขาก็เริ่มดีขึ้นเล็กน้อย จึงมาให้ปากคำกับตำรวจที่สถานีพร้อมกับบอส เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการกระทำเลวๆของพฤติพงศ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันให้กับตำรวจฟัง


“ฝากบอกเขาด้วยนะครับว่าเอาไว้เจอกันที่ศาล” เขาพูดเสียงราบเรียบ สีหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ก่อนจะพากันเดินออกจากสถานีตำรวจและตรงมายังรถของบอสที่จอดไว้ในเวลาที่ฟ้าเริ่มใกล้จะสว่างแล้ว


“พายเจอเรื่องแย่ขนาดนี้ ทนเก็บไว้คนเดียวมาได้ยังไง” นายแพทย์หนุ่มต่างแผนกพูดอย่างหัวเสีย เขาเพิ่งจะรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็ตอนที่พระพายให้ปากคำกับตำรวจ เขาเองยังทนไม่ได้ทำไมเพื่อนเขาถึงต้องทนเก็บไว้คนเดียวไม่ยอมบอกให้ใครรู้เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือ


“............” พระพายไม่ได้ตอบอะไรนอกจากสิ่งยิ้มบางๆให้เพียงเท่านั้น บอสเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัยเพราะเหมือนอีกฝ่ายมีอะไรบางอย่างอยากจะพูดกับตน


“จ้องหน้าเราแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่า?”


“.... เราขอโทษนะที่เข้าใจผิด”


“ไม่เป็นไร มันก็น่าคิดอยู่ใช่ไหมล่ะ ช่างมันเถอะ” นายแพทย์หนุ่มยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายสบายใจ หากเขาเป็นพระพายก็คงจะคิดแบบนั้นเช่นเดียวกัน จึงไม่อยากให้เพื่อนต้องไม่สบายใจกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้


“... ขอบคุณนะ” คำขอบคุณแทนทุกเรื่องราวระหว่างตนและบอส มิตรภาพที่มีให้กันอีกทั้งยังคอยช่วยเหลือ แพทย์หนุ่มยิ้มกว้างอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายส่งยิ้มจริงใจมาให้ เล่นเอาทำตัวไม่ถูกไปเหมือนกัน ก่อนจะตัดบทด้วยการชวนให้อีกฝ่ายขึ้นรถเพื่อออกจากสถานีตำรวจนี่เสียที


“ให้เราไปส่งที่ไหน?”


“โรงพยาบาล” พระพายตอบเสียงเบา สายตามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย ในทุกความคิดและความรู้สึกของเขาตอนนี้มีภูตะวันเข้ามาเต็มพื้นที่ส่วนนั้นจนหมด ถึงการผ่าตัดจะผ่านไปได้ด้วยดีทว่าอาการก็ยังคงน่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย


“พายควรพักผ่อนบ้างนะ” เขาพูดอย่างเป็นห่วงเพราะเห็นเพื่อนท่าทางดูอิฐโรยไปมาก แต่ไม่รู้ว่าความรู้สึกของเขาส่งไปถึงอีกฝ่ายหรือไม่ เพราะพระพายก็ไม่ได้ตอบอะไรเขายังเหม่อมองออกไปนอกบานหน้าต่างรถเช่นเดิมตั้งแต่ที่รถเคลื่อนตัวออกมา
      

      พระพายกลับเข้ามาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง เขาสวมชุดปลอดเชื้อทับชุดนอกที่ตัวเองสวมใส่อยู่ กลิ่นยาฆ่าเชื้อลอยคลุ้งอยู่ทั่วห้องที่เสียงชีพจรยังคงดังเป็นจังหวะช้าๆแต่ดูมันแผ่วเหลือเกิน พระพายก้าวเท้าเข้าไปใกล้เตียงคนเจ็บด้วยหัวใจที่เต้นรัว ตาคู่สวยวูบไหวแล้วน้ำใสๆก็เอ่อคลอขึ้นมาเต็มสองตา เขาจับมือใหญ่ของคนรักขึ้นมาอย่างเบามือ สัมผัสอุ่นๆจากมือข้างนี้เขายังคงจำมันได้เสมอ ทว่าในตอนนี้มันเย็นเสียจนเขารู้สึกกลัว กลัวว่ามันจะไม่กลับมาอุ่นอีกครั้ง


“เข้มแข็งนะครับ อดทนเอาไว้นะ ... พายอนุญาตให้พี่นอนพัก แต่อย่านานนะครับต้องรีบกลับมานะ เพราะพายรออยู่”


*****************


Talk : จะจบแล้ววว ใกล้แล้วจริงๆ เอาใจช่วยพวกเขาด้วยนะคะ
เจอกันตอนหน้าน้าาาา :D
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 12-09-2015 00:33:43
น้ำตาไหลพราก...
ฮึกกกก พี่ซันนน อย่านอนนาน รีบตื่นนะ
พายน่าสงสารมาก ตื่นมาอยู่ข้างพายนะๆๆๆๆๆ   :o12:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 12-09-2015 02:45:06
เขียนดีมากค่ะ รอตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: kpHJstdy ที่ 12-09-2015 02:52:31
ฮื้อออออออออออออ ร้องไห้ตามหมอพายยยยยยย ใจไม่ดีเลย โอ้ยยยยย น้ำตาไหล พี่หมอซันคนดีของน้องรีบๆหายไวๆนะคะ  สงสารหมอพาย ฮื้อ รีบๆฟื้นแล้วหายเร็วๆนะ ตื่นมาหาหมอพายนะ TT
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 12-09-2015 03:08:37
 :o12:ไม่ไหว!!!! อ่านตอนนี้แล้วเหนื่อยมาก โคตรลุ้น
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 12-09-2015 06:53:08
ลุ้นมาก นึกว่าพี่ซันจะไปแล้ว
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: nuja ที่ 12-09-2015 08:01:47
แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

ร้องไห้หนักมากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-09-2015 08:47:56
พี่ซันรีบฟื้นนะสงสารน้องพาย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 12-09-2015 08:55:47
คุณหมอซันฟืนเร็วๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 12-09-2015 15:07:32
หมอซันรีบฟื้นนะ สงสารหมอพาย
กว่าหมอซันจะฟื้นกลัวว่าหมอพายจะทรุดไปอีกคน
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 12-09-2015 16:10:06
กลับมานะคะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 12-09-2015 17:22:43
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 12-09-2015 18:35:22
อ่านไปลุ้นไป
หมอพายเก่งมาก  o13
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 12-09-2015 19:35:09
บีบหัวใจเหลือเกินนน TT
อย่านอนนานนะพี่ซัน สงสารหมอพาย ฮือ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 12-09-2015 19:40:45
คือบับ ......  ทำไม  สั้นจุงเบย  จะจบแว๊วอ่ะ  ฮือๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: painture ที่ 12-09-2015 22:38:50
แงงงหมอซันฟื้นเดี๋ยวนี้
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-09-2015 22:44:43
ขอบคุณที่พาพี่ซันกลับมา หน่วงมาก ลุ้นหนัก
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 13-09-2015 00:38:28
โอ้ยยยยยยยยจะร้องไห้
ตอนหัวใจหยุดเต้นน คือจะทรุดดด
รีบหายน้า พายรออยู่
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: PookPick ที่ 13-09-2015 22:41:22
 :hao5:  รอตอนต่อไป สู้ๆนะหมอซัน อย่าให้หมอพายร้องไห้อีกเลย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 15-09-2015 15:14:44
ลุ้นตามมากครับ เอาใจช่วยพายนะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 16-09-2015 00:09:06
น้ำตาไหลเป็นทางงงงงงงง
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: gwaiplay ที่ 16-09-2015 00:15:36
 :man1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 22 (11-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 16-09-2015 13:16:13
สงสารพระพาย ,_,
หมอซันรีบๆฟื้นสิ้
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 18-09-2015 00:13:50

-23-
      

                  ครบ 24 ชั่วโมงพอดีที่ภูตะวันพักรักษาตัวอยู่ในห้องปลอดเชื้อ อาการของเขาทรงๆทรุดๆสลับกันอยู่ตลอดทำให้แพทย์ต้องดูแลกันอย่างใกล้ชิด พระพายเองก็แทบจะไม่เป็นอันทำอะไร อย่างน้อยที่สุดเขาก็จะได้ทำหน้าที่เฝ้าคนเจ็บตรงนี้แทนผู้ใหญ่อีกสองคนที่ต้องรับผิดชอบหน้าที่บริหารที่ใหญ่หลวงของตัวเอง เพราะเกิดเหตุการณ์แบบนี้แน่นอนว่ามันทำให้ชื่อเสียงของโรงพยาบาลเสื่อมเสียและขาดความน่าเชื่อถือไป
      
                  ข่าวนี้ดังจนลงหน้าหนังสือพิมพ์และออกโทรทัศน์ แม่ของเขาต่อสายมาหาทันทีที่รู้ข่าวอย่างเป็นห่วง ทว่าเขาไม่พร้อมที่จะพูดอะไรมากไปกว่านั้น เพียงแค่บอกแม่และยายว่าตนปลอดภัยดีให้ท่านได้สบายใจและบอกให้รู้เรื่องทั้งหมดในภายหลัง ...
      พระพายไม่ยอมทานอะไรและไม่ยอมพักผ่อนจนทำให้บรรดาเพื่อนต่างเป็นห่วง พากันสลับมาดูแลอยู่ตลอดเวลา บังคับให้เขาทานอาหารที่เตรียมมาให้โดยอ้างว่าหากจะอยู่รอให้อาจารย์หมอฟื้นขึ้นมาก็ต้องทานอาหารบ้างจะได้มีแรงกว่านี้ พระพายจึงยอมอย่างช่วยไม่ได้แต่สายตาของเขาไม่เคยละจากประตูห้องปลอดเชื้อเลยแม้สักนาที


“พระพาย”


“..... หมอบี” พระพายหันไปตามเสียงเรียก เป็นหมอบีที่เดินเข้ามานั่งข้างๆเขา พร้อมด้วยสายตาของเธอที่ก็มองไปยังประตูบานใหญ่ตรงหน้าเช่นเดียวกัน


“24 ชั่วโมงแล้วสินะที่ซันมันยังไม่ตื่น มันยังนอนพักไปตั้งนานคุณเองก็กลับไปพักบ้างเถอะ ถ้ามันรู้ก็คงจะไม่พอใจที่คุณไม่ดูแลตัวเองในตอนที่มันไม่สามารถดูแลคุณได้” สโรชาพูดเสียงเรียบพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ เธอใจหายไม่น้อยเมื่อทราบข่าวรีบรุดมาหาในตอนเช้าและมาอีกครั้งในตอนดึกวันนี้ จึงพอจะรู้ว่าคนรักของเพื่อนสนิทตนนั้นไม่ได้กลับไปพักอย่างแน่นอน


“.... ผมหลับไม่ลงหรอกครับ ถ้าไม่ใช่เพราะผมเขาคงไม่ต้องมาเจ็บแบบนี้ ตั้งแต่ที่ผมเข้าไปในชีวิตเขา มันไม่เคยมีเรื่องดีเกิดขึ้นเลย ... ผมอยากให้เขาตื่นขึ้นมาฟังคำขอบคุณและคำขอโทษจากผม” พระพายเอ่ยเสียงแผ่ว ดวงตาคู่สวยฉ่ำน้ำมองไปที่บานประตูอย่างไม่ละสายตา ก่อนที่มือเรียวสวยของสโรชาจะจับไหล่ที่กำลังสั่นสะท้านของอีกฝ่ายเบาๆอย่างให้กำลังใจ


“อย่าโทษตัวเองเลย ซันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นหรอก” ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีก พวกเขานั่งเงียบๆเพื่อรอการตอบสนองจากคนเจ็บที่นอนอยู่ในห้องอย่างมีความหวัง คนหนึ่งคือคนรักอีกคนหนึ่งคือเพื่อนรักที่ยังคงรักมากกว่าเพื่อน ...


      ช่วงเช้าของวันพระพายกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง หลังจากกลับไปคอนโดเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการไปขึ้นศาลในตอนสาย เวลาแต่ละนาทีมันช่างยาวนานเหลือเกิน ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมตั้งแต่ที่เขากลับไป ภูตะวันยังคงนอนนิ่งไร้การตอบสนอง มีเพียงเสียงเครื่องวัดชีพจรที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่องให้รู้ว่าเจ้าของยังมีลมหายใจ

      มือเล็กขยับผ้าห่มของคนเจ็บให้สูงขึ้นกว่าเดิมอีกนิดเพราะอากาศในห้องค่อนข้างเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ตาคู่สวยมองหน้าที่ซีดเผือดของคนรักด้วยความสงสารอย่างจับใจ ยังรู้สึกโทษตัวเองไม่หายที่เป็นต้นเหตุทำให้คนที่รักต้องเจ็บตัว พระพายค้อมตัวลงเล็กน้อยจุมพิตที่ข้างแก้มเย็นเฉียบแผ่วเบา


“วันนี้ต้องขึ้นศาลแล้ว พายและทุกคนจะทำให้เต็มที่ ... วันตัดสินเราต้องไปด้วยกันนะครับ ไปดูความสำเร็จของเรากันนะ” เขากระซิบที่ข้างหูก่อนจะจุมพิตที่แก้มเย็นเฉียบของภูตะวันอีกครั้ง แม้ไม่อยากจะห่างกันแม้สักวินาที หากแต่ก็ต้องตัดใจยอมเดินออกมาจากห้องนั้นเพื่อไปทำเรื่องสำคัญที่รออยู่


      รถเก๋งคันสีดำสนิทของนายแพทย์หนุ่มแผนกกุมารฯเคลื่อนตัวมาจอดสนิทที่หน้าศาลอาญาในกรุงเทพมหานคร  พระพายก้าวเท้าลงจากรถอย่างช้าๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเพ่งมองตราสัญลักษณ์ของศาลอาญาที่มีที่มาจากตราแผ่นดินด้วยความรู้สึกหลากหลายผสมปนเปกันไปหมด ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อเพื่อนจับไหล่เบาๆและพากันเดินเข้าไปในศาลสถานที่ที่เขาคิดว่ามันศักดิ์สิทธิ์


“ไหวแน่ใช่ไหม?” ธนบูรณ์แพทย์ต่างแผนกถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เพราะในระหว่างที่นั่งรถมาเขาสังเกตว่าสีหน้าพระพายดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักจึงลองถามและได้คำตอบกลับมาแค่การพยักหน้าให้เพียงเท่านั้น


      การพักผ่อนน้อยของคนที่เป็นหมอมักเป็นเรื่องที่ธรรมดาพวกเขาเจอกับมันจนเคยชิน หากแต่ที่พระพายเป็นในตอนนี้มันเทียบกันไม่ได้เลย พระพายไม่พัก ทานอาหารน้อยและมีจิตใจที่เป็นกังวล คอยเป็นห่วงอาจารย์หมออยู่ตลอดเวลา จึงทำให้อ่อนแรงไปมาก ทว่าคุณหมอหน้าหวานกลับพยายามฝืนร่างกายตัวเองทำทุกอย่างให้ดูเป็นปกติที่สุดเพื่อไม่ให้ใครต้องเป็นห่วง ...
      

      ไม่นานนักประสิทธิ์กับณิชชาอรก็เดินทางมาถึงพร้อมกับชายคนหนึ่งคะเนจากสายตาอายุน่าจะราวสี่สิบต้นๆ ที่แขนมีชุดคลุมพาดอยู่ทำให้รู้ว่าคือทนาย แพทย์หนุ่มทั้งสองคนยกมือไหว้ทักทายผู้ใหญ่ด้วยความนอบน้อม พระพายสังเกตเห็นสีหน้าของผู้ใหญ่ทั้งสองดูไม่ดีเท่าไหร่นัก พวกเขามองตากันอย่างเข้าใจว่าต่างฝ่ายต่างกับรู้สึกแบบเดียวกัน การขึ้นศาลวันนี้ไม่ได้ทำให้พวกเขากังวลมากมายนัก เพราะมีสิ่งที่เขาห่วงและกังวลกว่านั่นคือภูตะวันที่ยังนอนไม่รู้สึกตัว


“นี่ทนายณภัทร” ประสิทธิ์แนะนำให้หมอหนุ่มรู้จัก คนที่อ่อนกว่าจึงพากันยกมือไหว้อีกครั้งอย่างมีมารยาท ทนายณภัทรจึงรับไหว้พร้อมกับยิ้มให้ด้วยความจริงใจ


“ฝากด้วยนะครับ”


“มันเป็นหน้าที่อยู่แล้วครับ ไม่ต้องห่วง” ทนายณภัทรตอบกลับพระพายด้วยเสียงที่หนักแน่น เพื่อให้ทุกคนเชื่อมั่นว่าตนจะสามารถทำให้พวกเขาชนะคดีได้ เพราะพยานหลักฐานที่มีก็ค่อนข้างจะแน่นพอ อีกทั้งฝ่ายจำเลยอย่างพฤติพงศ์ก็ได้รับสารภาพในชั้นสอบสวนแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่ที่ศาลว่าเมื่อได้ฟังพยานโจทก์แล้วจะเชื่อหรือไม่ว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงเพื่อความยุติธรรมของทั้งสองฝ่าย


      ก่อนที่พวกเขาจะหันไปมองรถตู้คันหนึ่งที่จอดเทียบบันได้หน้าศาล คนขับรถตู้รีบวิ่งลงมาเปิดประตูเพื่อให้คนที่อยู่ในรถลงมา ทันทีที่เห็นว่าเป็นใครพระพายจึงรีบวิ่งลงบันไดไปรับพวกเขาทันที สองสามีภรรยาเจ้าของรีสอร์ทผู้เสียหายอีกหนึ่งราย พระพายเป็นคนส่งรถตู้ไปรับพวกเขาที่จันทบุรีโดยที่ไม่ได้บอกให้ใครทราบ


“หมอซันเป็นยังไงบ้างหมอพาย หายดีหรือยัง?” ทันทีที่เห็นหน้าเธอก็ถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วงและอยากรู้อาการล่าสุดของคุณหมอที่ครอบครัวของเธอยกย่อง พวกเขาทราบข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อวันก่อน พอพระพายติดต่อไปว่าจะให้รถตู้มารับก็ไม่ได้คุยอะไรกันมาก วันนี้ได้เจอกันถึงได้รีบถาม


“ยังไม่ฟื้นเลยครับ ... เดินทางเหนื่อยไหมฮะ?” เขาตอบเพียงแค่นั้นเพราะไม่อยากพูดถึงให้ต้องกังวลและจะทำให้เขาไม่มีสมาธิในการเบิกความต่อศาลในวันนี้ จึงเบี่ยงเบนประเด็นด้วยคำถามใหม่


“ไม่เหนื่อยหรอกจ้ะ จันทบุรีกับกรุงเทพฯใกล้กันแค่นี้”


      ในเวลาไล่เลี่ยกัน คู่แม่ลูกคู่หนึ่งที่พระพายนัดหมายเอาไว้ก็มาถึง พระพายยกมือไหว้สวัสดีด้วยรอยยิ้มบางๆและพาพวกเขามาแนะนำให้ได้รู้จักกันทั้งหมด


“นี่คุณประสิทธิ์ คุณณิชชาอรเจ้าของโรงพยาบาลครับ ส่วนนี่ทนายณภัทรแล้วก็หมอบอสเพื่อนผมเองครับ” พระพายเอ่ยแนะนำทุกคนให้ผู้ที่เพิ่งมาถึงได้รู้จัก พวกเขากล่าวสวัสดีและยิ้มแย้มอย่างคนต่างจังหวัดที่มีแต่ความจริงใจ เช่นเดียวกันสองแม่ลูกที่พุ่มมือไหว้และยิ้มสวยให้กับพวกเขา ทว่าประสิทธิ์กับณิชชาอรทำเพียงยิ้มตอบเล็กน้อยเท่านั้นเพราะยังสงสัยว่าสองคนนี้ที่พระพายพามาคือใคร


“คุณอาครับ นี่ลุงพรกับป้านวล ... คนที่ผมกับอาจารย์ไปตามหาพวกเขาที่จันทบุรี ส่วนนี่คุณพิมประภาและคุณภารดาลูกสาวครับ ... พวกเขาเป็นเหยื่อของพฤติพงศ์เหมือนกันแต่โชคดีที่ไม่หลงกล” สิ้นคำบอกกล่าวของพระพาย อาทั้งสองของภูตะวันก็มองอย่างอึ้งๆไป แววตาของทั้งคู่วูบไหวไม่น้อยก่อนจะพุ่งตัวมาหาอีกฝ่ายพร้อมกล่าวคำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างรู้สึกผิดอยู่เต็มหัวใจ


“คุณครับ! พอเถอะ พวกเราไม่ได้โกรธพวกคุณเลย” ลุงพรพูดห้ามพลางประคองร่างสองสามีภรรยาให้ยืนอย่างเต็มตัวไม่ต้องขอโทษตนด้วยการคุกเข่าทั้งที่ไม่ใช่ความผิดตัวเองแบบนี้


“ผมเป็นผู้บริหารที่แย่มาก ยกโทษให้พวกเราด้วยนะครับ” ประสิทธ์พูดเสียงสั่นอย่างรู้สึกผิด ณิชชาอรเองก็น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ถึงแม้จะไม่เคยมีลูกแต่ก็เข้าใจถึงความรู้สึกของการสูญเสียเป็นอย่างดีว่ามันทรมานแค่ไหนกว่าจะผ่านเวลานั้นมาได้


“พวกเราจะยกโทษให้คุณได้ยังไงคะ ในเมื่อพวกเราไม่ได้ถือโทษโกรธพวกคุณเลย ... แต่หมอคนนั้นต่างหากที่เขาต้องชดใช้” ป้านวลปาดเช็ดน้ำตาของตัวเองออกพร้อมรอยยิ้มแห่งความประทับใจ ประทับใจหัวใจที่กล้าหาญ ความแสดงการรับผิดชอบ มีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันของสองสามีภรรยาคู่นี้


“อย่าโทษตัวเองเลยนะคะ เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว ต่อจากนี้เรามาสู้เพื่อความถูกต้องกันดีกว่าค่ะ” พิมประภาที่เกือบจะต้องเสียชีวิตของตัวเองไปพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอ หดหู่ไม่น้อยเมื่อได้รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ข้างกันได้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปโชคดีแค่ไหนที่เธอรอดมาได้จนถึงวันนี้


“ใกล้จะได้เวลาแล้ว เข้าไปข้างในกันดีกว่าครับ” ไม่อยากจะขัดบทสนทนาของพวกเขาเท่าไหร่นัก ทว่านาฬิกาบนข้อมือบอกเวลาว่าใกล้จะต้องเข้าไปข้างในเพื่อพิจารณาคดีกันแล้ว ทนายณภัทรจึงต้องพูดขัดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้


      พวกเขาเดินเข้ามาในห้องพิจารณาคดีอย่างสุภาพและให้ความเคารพต่อสถานที่ พระพายและทนาย ณภัทรเดินแยกไปนั่งฝั่งซ้ายมือของศาลเป็นที่ที่ศาลจัดให้นั่งสำหรับทนายฝั่งโจทก์ ส่วนคนอื่นที่เหลือก็นั่งในที่นั่งของพยาน พระพายมองรอบๆห้องด้วยหัวใจที่เต้นรัว ก่อนสายตาจะไปสะดุดที่สัญลักษณ์รูปตาชั่งหน้าบัลลังก์ ศาลคือที่พึ่งสุดท้ายที่จะนำมาซึ่งความยุติธรรม

      เพียงครู่สั้นๆพฤติพงศ์และศรัทธาผู้ตกเป็นจำเลยตามฟ้องก็ปรากฏตัวพร้อมกับทนายที่ศาลได้จัดหาไว้ให้หนึ่งคนเพื่อความยุติธรรมของทั้งสองฝ่าย พวกเขาตัดสินใจที่จะไม่จ้างทนายส่วนตัวของตัวเอง เพราะเขาเองก็เหนื่อยที่จะต้องสู้แล้วเหมือนกัน หากคดีพลิกศาลไม่เชื่อในหลักฐานก็ถือว่ายังมีความโชคดีในความโชคร้ายของตน แต่ถ้าหากว่าแพ้และต้องจำคุกก็นับว่าใช้กรรมที่ทำไปเพียงไม่กี่ปีก็ได้ออกมา เพราะการสารภาพทำให้โทษลดไปได้เยอะ จำเลยทั้งสองคนเดินไปนั่งฝั่งขวาของศาลซึ่งตรงข้ามกับพระพายพอดิบพอดี หมอสูงวัยที่ตกเป็นจำเลยจึงยิ้มมุมปากเป็นการทักทายที่ไม่ได้เจอกันหลายวัน ซึ่งพระพายทำเพียงมองด้วยสายตานิ่งๆเท่านั้น


      ในห้องเงียบสงบแม้แต่เสียงเครื่องปรับอากาศก็แทบจะไม่ได้ยิน ทำให้ห้องนี้ดูศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาอีกเท่าตัว เป็นเวลาไม่นานที่ผู้พิพากษาและตุลาการเดินออกมาจากด้านหลังพร้อมด้วยเสมียนศาลที่ทำหน้าที่จดบันทึกคำให้การและคำพยาน ทุกคนยืนขึ้นพร้อมกับก้มหัวเล็กน้อยเป็นการแสดงความเคารพก่อนจะนั่งลงเมื่อผู้พิพากษานั่งลงแล้ว


“เริ่มการพิจารณาคดีได้” ผู้พิพากษากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ดังก้องไปทั้งห้องฟังดูแล้วทรงอำนาจ ฝ่ายพระพายที่เป็นโจทก์เดินขึ้นมายืนบนแท่นพยาน เขาประนมมือขึ้นมองกระดาษที่เป็นคำสาบานก่อนให้การติดอยู่บนแท่น ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยเสียงที่หนักแน่น


“ข้าพเจ้าขอสาบานต่อพระแก้วมรกต เจ้าพ่อหลักเมือง พระสยามเทวาธิราชและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายว่าข้าพเจ้าจะเบิกความต่อศาลด้วยความสัตย์จริงทั้งสิ้น หากข้าพเจ้านำความเท็จมากล่าวแม้แต่น้อย ขอภยันตรายและภัยพิบัติทั้งปวงจงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าและครอบครัวโดยพลัน แต่หากข้าพเจ้ากล่าวความจริงต่อศาลขอให้ข้าพเจ้าและครอบครัวประสบแต่ความสุขความเจริญ”


      พระพายพูดความจริงทั้งหมดตั้งแต่เรื่องในอดีตจนถึงเรื่องปัจจุบันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาที่เขาเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดแต่โชคดีที่ภูตะวันและบอสเข้ามาช่วยไว้ทัน เมื่อทนายถามหาพยานเขาจึงบอกว่าธนบูรณ์หรือบอสรวมถึงประสิทธิ์และณิชชาอรเป็นพยานในวันเกิดเหตุได้

      ส่วนลุงพรและป้านวลสองสามีภรรยาที่สูญเสียลูกชายไปหลายปีก่อนก็ได้เบิกความต่อศาลเช่นเดียวกันถึงวันเกิดเหตุในวันนั้นที่พวกเขายังจำมันได้ดี รวมถึงพิมประภาที่เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดที่สุดเพื่อให้คำพยานเป็นประโยชน์ที่สุด
      พอถึงคราวที่ฝ่ายจำเลยต้องพูดบ้าง ศรัทธาพฤติพงศ์กล่าวคำสาบานตามที่พระพายได้อ่านไปแล้วด้วยน้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ก่อนจะยอมรับสารภาพข้อกล่าวหาตามฟ้องทั้งหมดโดยไม่มีการปฏิเสธหรือกลับคำใดๆทั้งสิ้น ศาลจึงขอพิจารณาคดีก่อนเพื่อใช้เวลาสืบพยานว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริงและจะนัดฟังคำพิพากษา ส่วนจำเลยทั้งสองคนตำรวจจะต้องฝากขังที่ศาลเพราะหมดอำนาจในการดูแล


“เดี๋ยวเราพาไปกินข้าว เสร็จแล้วค่อยกลับไปโรงพยาบาล” บอสพูดชวนเมื่อเดินพ้นจากห้องพิจารณาคดีแล้ว เพราะเห็นว่าเพื่อนของตนไม่ได้พักและดูเหมือนว่าคงจะไม่ยอมทานอะไรอีกเช่นเคย


“กลับโรงพยาบาลกันเลยเถอะ เราอยากไปหาอาจารย์”


“แต่ว่า...”


“เราขอร้อง” น้ำเสียงอ่อนระโหยพร้อมกับนัยน์ตาเศร้า ทำให้บอสไม่เซ้าซี้ต่อยอมทำตามที่อีกคนร้องขอ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ให้กับความดื้อรั้นของเพื่อนและเดินนำไป


“หมอพาย”


“ครับ”


“ป้ากับลุงขอไปเยี่ยมหมอซันเขาก่อนกลับได้ไหมจ๊ะ?” แววตาเว้าวอนและแฝงความห่วงใยอยู่ข้างในทำให้พระพายรู้สึกซึ้งใจที่คนที่เพิ่งจะเคยเจอกันเพียงครั้งเดียวกลับแสดงความห่วงใยออกมาจนเขารับรู้ได้ คุณหมอหน้าหวานมองหน้าผู้ใหญ่ของคนรักเป็นเชิงขออนุญาต ณิชชาอรจึงพยักหน้าน้อยๆพร้อมกับรอยยิ้มเป็นคำตอบ


      พวกเขาแยกย้ายกันออกมาจากศาล พิมประภาและลูกสาวตรงกลับบ้านเนื่องจากสามีของเธอยังไม่หายดีนัก ส่วนประสิทธิ์และภรรยาก็แยกไปคุยเรื่องคดีความกับทนาย พระพายให้เพื่อนขับกลับไปที่โรงพยาบาลเพียงคนเดียวเพราะตัวเองขอนั่งรถตู้ไปกับลุงพรและป้านวลไปเยี่ยมภูตะวันที่โรงพยาบาล


      เมื่อถึงโรงพยาบาลแล้วสองสามีภรรยาชาวจันทบุรีมองตัวอาคารของโรงพยาบาลด้วยความรู้สึกเศร้าใจ หวนนึกถึงวันเก่าที่ได้พูดคุยกับลูกชายครั้งสุดท้ายที่โรงพยาบาลแห่งนี้ พระพายทอดสายตามองพวกเขาอย่างเห็นใจและเข้าใจถึงความรู้สึกของการสูญเสีย ครั้งสุดท้ายที่เขาเจอพ่อก็ในตอนที่ท่านไม่มีลมหายใจแล้ว ...


“คิดถึงลูกมันเนอะแม่” ลุงพรพูดเสียงสั่นฝืนยิ้มออกมาทั้งที่ในใจเจ็บปวดเหลือเกิน หากวันนั้นตนฉุกคิดหรือฉลาดขึ้นกว่านี้เสียหน่อย อาจจะไม่ต้องเสียลูกชายที่หวังจะพึ่งพายามแก่เฒ่าให้กับความโลภและความเห็นแก่ตัวของคนพวกนั้นที่จิตใจต่ำทรามยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน


“อีกหน่อยมันคงไปสบายถ้าพวกนั้นได้รับโทษ เข้าไปเยี่ยมหมอซันกันเถอะพ่อ” ป้านวลหันมายิ้มให้กับคนเป็นหมอที่ยืนอยู่ข้างๆ พระพายระบายยิ้มบางก่อนจะพาทั้งสองคนเดินเข้าตัวอาคารไปอย่างไม่รีบร้อน


      เนื่องจากเป็นเวลาพักกลางวันทำให้ผู้คนเดินกันขวักไขว่ ทั้งที่เห็นจนชินตาแต่วันนี้กลับรู้สึกว่าภาพที่เห็นตรงหน้ามันทำเขาตาลาย พระพายหยีตาเพื่อปรับให้มันชัดขึ้นพลางยืนรอลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังชั้นที่คนรักนอนพักรักษาตัว

      ลิฟท์ที่เคยกว้างดูแคบไปถนัดตาเมื่อจำนวนผู้คนหนาแน่น นิ้วเรียวกดเลขชั้นที่ต้องการจะไป ยืนพิงผนังลิฟท์ที่เย็นเฉียบอย่างอ่อนแรง เปลือกตาสีนวลปิดลงช้าๆหลีกหนีความวุ่นวายที่แออัดตรงหน้าเพื่ออยู่ในโลกของตัวเองที่มีภาพของคนรักลอยวนอยู่ในหัว เสียงเตือนชั้นของลิฟท์ดังซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะแต่ละคนต่างมีจุดหมายไม่เหมือนกัน เมื่อคนเก่าออกไปคนใหม่ก็เข้ามา พระพายเริ่มรู้สึกว่าอยู่ดีๆใบหน้าก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาอีกทั้งเหงื่อเม็ดพราวที่ผุดพราย


“หมอไม่สบายหรือเปล่า ดูหน้าซีดลงไปนะ”


“เปล่าครับ ผมแค่ร้อนนิดหน่อย” เขาตอบแค่นั้นทั้งที่เริ่มรู้แก่ใจดีว่าร่างกายของตัวเองตอนนี้เป็นยังไง เครื่องจักรมันยังต้องพักนับประสาอะไรกับมนุษย์อย่างเราๆที่ก็ต้องการเวลาพักเช่นกัน ทว่าพระพายพักไม่ได้เขาไม่อยากพลาดแม้สักวินาทีที่จะเห็นคนรักลืมตาขึ้นมาเพื่อมองหน้าเขาอีกครั้ง โรคเครียดที่คิดว่าเริ่มจะดีขึ้นกลับมาเป็นซ้ำแบบเดิมให้ร่างกายมันแย่ลง


“ถึงแล้วครับ” บอกพร้อมกับจูงมือคนอายุมากกว่าให้เดินตามออกมาจากลิฟท์ ทันทีที่เขาออกมาก็สูดหายใจเข้าปอดลึกๆพลาง
เช็ดเม็ดเหงื่อเล็กๆบนใบหน้าของตนออก ก่อนจะพาสองสามีภรรยาตรงไปยังห้องพักฟื้นปลอดเชื้อที่ภูตะวันนอนอยู่


“ห้องนี้แหละครับ” พระพายพาพวกเขามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักฟื้นบานใหญ่ ทั้งสามคนยืนมองคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงกลางห้องสีขาวสะอาดผ่านกระจกใสของประตู


“เขาต้องเจ็บเพราะช่วยผม หลังจากที่ผ่าตัดเขาก็หลับไปหนึ่งวันเต็ม” พระพายพูดเสียงเบา ทอดสายตามองคนรักด้วยความเจ็บปวดหากไม่ใช่เพราะเขา ภูตะวันคงไม่ต้องเจ็บแบบนี้เขายังเฝ้าโทษตัวเองไม่หาย


“อย่าโทษตัวเองอย่างนั้นสิหมอ ถ้าเขาไม่รักเขาก็คงไม่ทำหรอก” ลุงพรพูดให้กำลังใจและเตือนสติไม่ให้เฝ้าโทษตัวเองอยู่แบบนี้ เขาไม่ได้รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้เป็นอย่างไร ทว่าการที่ภูตะวันช่วยเหลือพระพายเอาไว้โดยไม่ห่วงว่าตัวเองจะได้รับอันตรายหรือไม่หากว่าคนคนนั้นไม่สำคัญจริงๆก็คงจะไม่มีใครกล้าทำ


“........” คนฟังคลี่ยิ้มตามช้าๆหากแต่ความเศร้าก็ยังคงซ่อนอยู่ในดวงตาคู่สวยคู่นี้ เขามองคนที่นอนอยู่บนเตียงอีกครั้ง อยากให้รีบๆตื่นขึ้นมาเหลือเกิน ตื่นขึ้นมาฟังคำขอโทษและคำขอบคุณจากเขา ความรักของภูตะวันที่มีต่อเขามันช่างยิ่งใหญ่เสียจนเขารู้สึกว่าไม่รู้จะหาอะไรมาตอบแทนได้


“เข้าไปข้างในห้องไหมครับ?”


“ไม่ดีกว่าจ้ะ ให้หมอเขาได้พักผ่อนเถอะ ป้าจะกลับแล้ว ... เชื่อป้านะว่าคุณหมอเขาต้องฟื้นขึ้นมาแน่นอน คนดีพระต้องคุ้มครอง ป้าเอาใจช่วยนะ”


“... ขอบคุณคุณลุงกับคุณป้ามากนะครับ” พระพายยกมือไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่ทั้งสองคนอย่างซึ้งใจ คำพูดและแววตาจากสองท่านนี้แสดงออกถึงวามจริงใจที่มีต่อพวกเขา มันประทับใจเหลือเกิน ทำไมคนดีๆถึงได้ถูกคนเลวทำร้ายได้ลงคอ ทำไมเบื้องบนถึงได้ใจร้ายกับพวกเขานัก


      พระพายลงมาส่งลุงพรและป้านวลขึ้นรถตู้กลับจันทบุรีบ้านเกิด พร้อมยังบอกอีกว่าเมื่อศาลนัดฟังคำพิพากษาแล้วตนจะติดต่อกลับไปและหากว่าภูตะวันฟื้นเมื่อไหร่เขาก็จะรีบโทรฯไปบอกทันที ก่อนจะยืนมองรถตู้ที่ค่อยๆขับออกจากโรงพยาบาลจนลับตาไปถึงได้หันหลังกลับเดินเข้ามาในตัวอาคารอีกครั้ง

      ขาเรียวหยุดยืนตรงตู้กดน้ำมุมหนึ่งพลางหยิบแก้วกระดาษมารองน้ำดื่มที่ไหลออกมาอย่างช้าๆจนเกือบล้นแก้ว ล้วงหยิบตลับใส่ยาในกระเป๋าสะพายข้างขึ้นมาและกรอกยาใส่ปากตามด้วยน้ำจนหมดแก้ว ก่อนจะโยนมันทิ้งลงถังขยะข้างๆอย่างไม่ใยดี เขาทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างคนหมดแรง สะบัดศีรษะไปมาไล่ความมึนงงและพิงมันลงกับผนังปูนพร้อมกับหลับตาลงช้าๆ ตอนนี้หัวใจของเขาเต้นแรงและเร็วเหลือเกิน มันเหมือนจะทะลุออกมานอกอกอยู่รอมร่อ ถ้าไม่อยากอาการหนักกว่านี้เห็นทีคงถึงเวลาที่เขาจะต้องพักแล้วจริงๆ ...



Rrrrrrrr Rrrrrrrr!!!
      แต่ยังไม่ทันจะถึงสิบนาทีที่เขานั่งลง สมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงก็แผดเสียงดังรบกวน คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างคนโดนขัดใจแต่ก็รีบล้วงมันออกมาเพื่อดูรายชื่อ เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของแผนกไอซียูห้องปลอดเชื้อที่โทรฯเข้าก็กดรับสายด้วยหัวใจที่เต้นรัวแรงกว่าเดิม ถ้าไม่ใช่ว่าภูตะวันฟื้นก็คงจะเป็นภูตะวันทรุดลง มีแค่หนึ่งในสองอย่างเท่านั้นที่เขาจะได้ยินมันต่อจากนี้ ...


“ค ครับ...” เขารับสายด้วยเสียงที่สั่นเครือและตั้งใจฟังจุดประสงค์ของปลายสายที่โทรฯเข้ามาด้วยหัวใจที่เต้นแรง ก่อนจะเบิกตากว้างและกดวางสาย ก่อนจะรีบวิ่งตรงไปที่ลิฟท์ในทันที

      คนใช้ลิฟท์ยังเยอะอยู่เช่นเดิมเพราะยังอยู่ในช่วงเวลาพักซึ่งมันทำให้เขารอไม่ไหว พระพายเลือกที่จะใช้บันไดหนีไฟแทน เขาผลักประตูเข้าไปอย่างรวดเร็วและรีบวิ่งขึ้นบันไดไปแม้ร่างกายจะไม่อำนวย เลขชั้นเปลี่ยนไปเรื่อยๆยิ่งสูงยิ่งทำให้จังหวะการวิ่งผ่อนลง ใบหน้าหวานตอนนี้ดูซีดลงไปมาก เลือดสูบฉีดเร็วขึ้นและการหายใจเปลี่ยนเป็นหอบถี่รัว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ยอมแพ้อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น แค่นิดเดียว ...


      ประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับร่างโปร่งที่อยู่ในชุดปลอดเชื้อ นัยน์ตาสีน้ำตาลวูบไหวไปมาน้ำใสๆเอ่อคลอสองขอบตาก่อนมันจะไหลลงมาอย่างรวดเร็วเพียงเสี้ยววินาที หัวใจเขาเต้นเร็วเสียจนหายใจจะไม่ทัน ริมฝีปากสีสวยค่อยๆระบายยิ้มอย่างช้าๆ คนบนเตียงกำลังมองมาที่เขามองมาด้วยความรู้สึกเดียวกัน


“พี่ฟื้นแล้ว ... พี่กลับมาหาพายแล้วจริงๆด้วย” พูดจบก็วูบและล้มพับลงไปในทันทีทั้งที่รอยยิ้มยังไม่จางหาย ต่อหน้าแพทย์ พยาบาลและภูตะวันที่ตกใจอย่างที่สุดและด้วยสัญชาติญาณที่อยากจะช่วยคนรักจึงทำให้เขาเด้งตัวขึ้นมา แต่ด้วยร่างกายที่ยังไม่แข็งแรงและสายอะไรต่างๆนาๆที่ยังอยู่มันทำให้เขาทำได้แค่มองร่างของคนรักถูกอุ้มออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกเป็นห่วงจับใจ



*******************


Talk : มาถึงตอนที่ 23 แล้วเด้ออ เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง 55555555
ขอบคุณท่านที่อยู่กันตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เลยนะ เราเดินทางมาด้วยกันเลยอะ ปริ่ม ><
ขอบคุณที่อ่าน+คอมเม้นท์กันนะคะ ไม่มีอะไรจะเม้าท์เลย ฮ่าๆๆ

อ้อ! เรื่องกฏหมายนี่ไม่เก่งจริงๆค่ะ อาจจะมีอะไรผิดพลาดไปบ้างต้องขออภัย
จริงๆแล้วจะขึ้นศาลนี่จะส่งฟ้องคงต้องใช้เวลาหลายวัน แต่เนื่องจากเป็นนิยายจึงขอรวบรัดทีเดียว ไม่ว่ากันเนอะ อิอิ
ปล.ขอถามหน่อยค่ะ ไม่รู้ถามในนี้ได้มั้ย ได้ไม่ได้ยังไงบอกด้วยนะคะจะแก้ไขค่ะ
อยากทราบว่า ... หากจะรวมเล่มจะมีท่านใดสนใจมั้ยคะ ^^

ขอฝากเพจ Ggbazostory (https://www.facebook.com/Ggbazostory-1657458241137032) ไปถูกใจกันเยอะๆน้า :D
ส่วนนี่ Twitter : Ggbazo ตามไป follow ได้เลยยย

เจอกันตอนหน้าค่ะ :)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 18-09-2015 01:04:03
หมอซันฟื้นแล้ว แต่หมอพายทรุดแทน
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 18-09-2015 02:26:03
เอ้ะะะยังไง ผลัดกันทรุดดดดด
รีบหายป่วยกันน้า จะได้มาหวานกันบ้างง
ส่วนไอ่หมอชั่ว ขังคุกสักห้าสิบปีได้ม้ะ เอาให้แมร่งแก่ตายในคุกยังน้อยไปด้วนซ้ำกับความเลวในชีวิตที่มันทำกับคนอื่น สารเลวววว !!!!
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 18-09-2015 03:10:05
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 18-09-2015 09:52:05
ฟื้นแล้วๆๆๆๆ หมอซันกับหมอพาย นี่ควรลาพักยาวๆๆ เลยนะ ทรหดอดทนกันสุดๆ เลยเนี่ย โดยเฉพาะหมอซันโดนมีดจิ้มอยู่เรื่อยเลย 555
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-09-2015 10:19:50
พี่ซันฟื้นแล้ว :กอด1: :กอด1:
คนหนึ่งฟื้น คนหนึ่งสลบเลยจะกลายเป็นว่าคนป่วยดูแลคนป่วย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 18-09-2015 11:54:00
ในที่สุดก็มาถึงตอนท้ายละ ใกล้จบแล้วสำหรับเรื่องนี้ สนุกจริงๆครับ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 19-09-2015 02:15:13
ฮือ จะจบแล้วหรอออออออ
หมอพายทรุดแล้ว โถถถถ พักผ่อนเยอะๆนะคะ
หมอซันตื่นแล้ว เย้

อีตาหมอชั่วนั่นขอให้โดนขังลืมไปเลยค่ะ!
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: DE SaiKuNee ที่ 19-09-2015 15:52:59
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 19-09-2015 23:54:46
พี่ซันฟื้นแล้วววว
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 21-09-2015 03:34:30
หมอพายนะหมอพาย  .......   ม่ายรักตัวเองเล๊ย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥♥ดอกช่อบานสะพรั่ง♥♥ ที่ 21-09-2015 14:38:46
เป็นกำลังใจให้  :L2:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 29-09-2015 17:58:09
อ่านรวดเดียว ชอบมาก พี่ซันฟื้นพายหลับต่อแทน สงสัยต้องมานอนแอดมิดห้องเดียวกันแน่ :mew4:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 29-09-2015 19:03:02
พี่หมอฟื้นแต่พายดันมาทรุด
รีบหายกันไวไวน่ะ
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 29-09-2015 19:58:12
รอหมอซันหมอพายอยู่นะ
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Panehove ที่ 03-10-2015 23:42:55
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน สนุกมากเลยค่ะ ในที่สุดพระเอกก็ฟื้น ดีใจจัง มาต่ออีกนะคะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 05-10-2015 00:50:11
 :call: :call: :call: :call:
 :ling1: :ling1: :ling1:
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 05-10-2015 01:03:22
หายปายหนายนานมากกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ice.sp0211 ที่ 05-10-2015 17:45:59
รออออออออออ

มันสนุกมากๆเลย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: WannaSay ที่ 05-10-2015 21:45:57
รอจนจิลงแดง :z3:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: cookie_ ที่ 05-10-2015 22:13:42
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 05-10-2015 23:36:12
ทำไมพระพายไม่ห่วงตัวเองเลยนะ!!!
น่าตีจริงๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: cookie_ ที่ 16-10-2015 22:02:21
คิดถึงแล้วค่าาา  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: PookPick ที่ 18-10-2015 11:03:41
ไม่นะ หมอพาย!!! รอตอนต่อไปค่ะ อย่าเป็นอะไรเลย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 18-10-2015 13:50:39
ในที่สุดหมอซันก็ฟื้นแล้ววว
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 18-10-2015 13:53:49
 :katai5: :katai5: :call:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 18-10-2015 23:00:22
ยังรอเสมอ ฮรือออ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 19-10-2015 21:24:17
กลับมาแล้วววววว

คนทำผิดสมควรชดใช้

คนร่างกายอ่อนแอควรพักผ่อนนะจ๊ะ พาย

หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 23 (18-09-58)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-10-2015 21:36:52
:pig4:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 20-10-2015 00:04:54
-24-


                ภูตะวันนั่งอยู่บนขอบเตียงนุ่มเฝ้ามองคนรักที่นอนหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอมาหลายชั่วโมงแล้ว แม้ตัวเองจะยังไม่หายดีแต่ก็เป็นห่วงอีกคนเกินกว่าจะนอนอยู่เฉยๆ เมื่อแพทย์ตรวจอาการของเขาแล้วและพบว่าไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงอีกนอกจากให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นกว่านี้ เขาจึงขอให้พามาที่นี่เพื่อมาเฝ้าดูอาการของคนรักอย่างใกล้ชิด
   
           พระพายหมดสติไปเพราะการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอรวมถึงความเครียดที่ทับถม แพทย์ที่ดูแลจึงให้ยานอนหลับเพื่อให้เขาได้พักผ่อนสักระยะ ใบหน้าที่เคยซีดขาวกลับมีสีเลือดฝาดขึ้นมาอีกครั้ง มือใหญ่ข้างที่ไม่ได้เจาะสายน้ำเกลือยกกุมหน้าอกตัวเองด้วยอาการเจ็บก่อนจะเอื้อมไปลูบหลังมือขาวของคนรักอย่างแผ่วเบาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
   
           สักครู่เปลือกตาสีอ่อนก็เปิดขึ้น เพียงแค่เห็นหน้าภูตะวันรอยยิ้มหวานก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแม้ตัวเองจะเหนื่อยล้าสักแค่ไหนก็ตาม ก่อนจะดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียง


“พี่ปลอดภัย ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมครับ?” ภูตะวันพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มบางๆเป็นคำตอบ อีกคนยิ้มดีใจพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก


“พายเป็นห่วงพี่จนแทบบ้า” แววตาของเขาที่สะท้อนออกมาว่าไม่ได้โกหก ภูตะวันจับมือของพระพายเอาไว้พร้อมกับบีบเบาๆแทนความรู้สึกตื้นตันใจก่อนจะยกขยี้ผมอีกคนจนยุ่งไปเล็กน้อยอย่างเอ็นดู


“ตรงนี้ ... พายเป็นคนทำใช่ไหม?” เขาวางมือบนหน้าอกข้างที่ถูกผ่าตัดของตัวเอง คนถูกถามลังเลใจที่จะตอบด้วยไม่รู้ว่ามีอะไรผิดพลาดจนทำให้คนรักไม่พอใจหรือไม่ หากแต่ก็จำใจยอมพยักหน้าให้เป็นคำตอบ รอยยิ้มมุมปากจากอาจารย์หมอค่อยๆเผยขึ้น
ทีละนิดจนพระพายแปลกใจไป


“แล้วเห็นตัวเองอยู่ในนั้นหรือเปล่า?”


“... พายไม่ได้ผ่าตัดหัวใจให้พี่ซะหน่อย” ยิ้มอย่างเขินๆพลางกลอกตาไปมา ไม่คิดว่าคนเจ็บที่เพิ่งจะฟื้นตัวจากการผ่าตัดจะกล้าเล่นมุกอะไรแบบนี้กับตน


“เราก็อยู่ทุกส่วนในร่างกายพี่นั่นแหละ หึหึ ... ขอบคุณนะ” หมอซันยกยิ้มเจ้าเล่ห์พลางหัวเราะเบาๆ


“พายต่างหากที่ต้องขอบคุณ ขอบคุณนะครับที่กลับมา” ภูตะวันรั้งร่างคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอด พระพายเองอยากจะกอดตอบให้แน่นกว่านี้แต่ก็ยังกลัวว่าคนรักที่เพิ่งจะฟื้นตัวจะบาดเจ็บอีกจึงทำเพียงสวมกอดเบาๆแต่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน เขาหลับตาพริ้มด้วยความรู้สึกตื้นตันใจอย่างที่สุด


      อาจารย์หมอถามพระพายถึงเรื่องคดีความว่าเป็นยังไงคืบหน้าไปถึงไหน ทว่าพระพายกลับตอบเพียงว่ามันกำลังจะจบลงด้วยดี เขาไม่อยากลงรายละเอียดอะไรมากนักในตอนที่คนรักยังไม่แข็งแรงดี และในวันตัดสินคดีคนที่เขาอยากให้อยู่ด้วยรองจากแม่และยายก็คือภูตะวันที่ร่วมกันสู้มาจนถึงวันนี้


      หลังจากวันที่ภูตะวันฟื้นขึ้นมาร่างกายเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับแต่แพทย์ยังไม่ให้ทำอะไรที่หักโหมมากนัก พระพายเองก็แข็งแรงขึ้นเพราะมีกำลังใจที่ดีจากคนรักและคนรอบข้าง เขากลับมาทำงานตามปกติและดูเหมือนจะมีความสุขมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ก่อนจะราววอร์ดเช่นทุกเช้าเขาจะเข้ามาเยี่ยมอาจารย์หมอก่อนเสมอถึงแม้ว่าพวกเขาจะห่างกันแค่ตอนที่พระพายกลับคอนโดไปอาบน้ำแต่งตัวก็ตาม


“แหม วันนี้หน้าตาสดชื่นมาเชียวนะ” แพรดาวทักทายอย่างล้อๆเมื่อเห็นว่าเพื่อนเดินมาแผนกผู้ป่วยในเพื่อเตรียมราววอร์ดในช่วงเช้า คนถูกทักทำเพียงยิ้มตอบออกมาก่อนจะเช็คชาร์จการรักษาของผู้ป่วย


“อาจารย์เป็นไงบ้าง?”


“... เท่าที่เห็นก็ดีขึ้นนะ แต่ยังเจ็บแผลผ่าตัดอยู่นิดหน่อย” เขาละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ หันไปตอบเพื่อนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม


“แล้วตกลงไอ้ข่าวที่ลือกันทั่วโรงพยาบาลนี่เรื่องจริง?” หมอเอิร์ธถามเสียงสูงทั้งที่ก็พอจะเดาออกว่าคงจะเป็นจริงแน่ๆ ในเมื่อทั้งอาจารย์หมอและเพื่อนของตนดูเป็นห่วงกันมากมายขนาดนั้น คนถูกถามยิ้มเล็กน้อยและไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจคล้ายกับจะบอกเป็นนัยๆว่าแล้วแต่จะคิด ก่อนจะหยิบแฟ้มเดินเข้าห้องพักของผู้ป่วยไป


“เออพาย แล้วเรื่องคดีเป็นยังไงบ้างล่ะ ไปถึงไหนแล้ว?” แพรดาวถามเสียงเบาลงเมื่อเดินตามเพื่อนเข้ามาในห้องพักฟื้นผู้ป่วยรวมของแผนก


“อีกสามวันก็ตัดสินคดีแล้ว ... วันนี้อาการเป็นยังไงบ้างครับ?” คุณหมอหน้าหวานตอบคำถามเพื่อน แต่ก็ไม่ละหน้าที่ของตัวเองเขาถามถึงอาการของผู้ป่วยหญิงสูงวัยรายหนึ่งด้วยเสียงที่อ่อนโยนและน้ำเสียงที่อบอุ่น


“ไม่ค่อยเจ็บแผลแล้วจ้ะ” เธอตอบด้วยสีหน้าสดชื่น หลังจากที่ผ่านการผ่าตัดมาและพักฟื้นได้ระยะหนึ่งแล้ว


“ถ้าเป็นแบบนั้น คุณป้าก็คงจะได้กลับไปพักผ่อนที่บ้านแล้วนะครับ” เขายิ้มหวานส่งให้พลางเขียนรายงานในแฟ้ม ก่อนจะเดินไปที่เตียงผู้ป่วยรายอื่นต่อ โดยมีกลุ่มเพื่อนที่ต้องทำการตรวจพร้อมกัน ทว่ากลับหันมาเห็นสีหน้าแพรดาวที่กำลังคิ้วขมวด


“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ เป็นอะไร?”


“เขาจะยอมแพ้คดีง่ายๆอย่างนั้นเหรอพาย” แพรดาวพูดสิ่งที่กังวล เมื่อคิดว่าพฤติพงศ์คงไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ หากว่าเป็นเช่นนั้นเพื่อนของเธอจะต้องทำยังไงต่อไป แต่แทนที่พระพายจะกังวลกับสิ่งที่เพื่อนคิด เขากลับหัวเราะออกมาเบาๆและหันกลับไปฉีดยาให้กับผู้ป่วยอีกรายอย่างตั้งใจจนเสร็จ


“วันที่ขึ้นศาลกันวันนั้นเขาก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรนะ แม้แต่ทนายเขาเองก็ไม่ได้เอามา ... อย่ากังวลไปเลย หลักฐานเรามีมัดตัวเขาได้ไม่หลุดแน่ เขาจะไม่มีวันชนะเราได้อีกแล้ว ...” พระพายกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปตรวจยังเตียงอื่นต่อไป แพรดาวจึงได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆและทิ้งความกังวลให้หมดไป ในเมื่อพระพายเชื่อแบบนั้นเธอเองก็จะเชื่อว่าเวรกรรมมีอยู่จริง ใครทำอะไรไว้ยังไงก็ต้องรับผิดชอบ


      หลังจากที่เสร็จงานแล้ว ในช่วงพักกลางวันพระพายปลีกตัวจากเพื่อนเพื่อกลับมาที่ห้องพักฟื้นของอาจารย์หมอ เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปก็พบว่าในห้องมีอาทั้งสองคนของภูตะวันอยู่ด้วย พร้อมกับอาหารมากมายอยู่บนโต๊ะ


“อ้าว มาพอดีเลย ตาซันกำลังจะโทรหา เขาห่วงว่าเราจะไม่ได้ทานข้าว” ณิชชาอรหัวเราะพลางรับไหว้คนรักของหลานชายที่ยกมือไหว้เขาทั้งสองคนอย่างนอบน้อมเหมือนทุกครั้ง


“มาๆทานข้าวกัน”


“ครับ” เขาตอบรับคำชวนของประธานโรงพยาบาลด้วยรอยยิ้ม


“งานเยอะไหม?” ทันทีที่หย่อนก้นลงเก้าอี้ ก็ได้รับคำถามจากคนรักพร้อมด้วยอาหารที่ถูกนำมาวางลงบนจานตรงหน้า


“ก็เยอะเป็นปกตินั่นแหละครับ พี่ทานยาก่อนอาหารหรือยัง?” ถึงแม้ว่างานจะเยอะแต่ก็ไม่ลืมที่จะเป็นห่วงสุขภาพของอาจารย์หมอที่ควรจะต้องได้รับยาอย่างต่อเนื่อง ภูตะวันทำเพียงพยักหน้าเป็นคำตอบเท่านั้น ก่อนที่ทุกคนจะลงมือทานอาหารกันไปอย่างเงียบๆ จนเวลาผ่านไปได้สักพักประสิทธิ์จึงพูดขึ้นมาอย่างนึกขึ้นได้


“วันนี้อากับคณะผู้บริหารประชุมกันเกี่ยวกับโรงพยาบาลของเรา ตั้งแต่ก่อตั้งมาเราทำบุญโรงพยาบาลไปแค่ครั้งเดียวคือตอนเปิดโรงพยาบาล เราเลยลงความเห็นกันว่าจะทำบุญครั้งใหญ่ให้โรงพยาบาลและจะมีกิจกรรมพิเศษเล็กน้อยให้คนไข้และญาติๆรวมถึงบุคลากรของเราได้ผ่อนคลายกันบ้าง ซันว่ายังไง?”


“.... ก็ดีนะครับ แล้วอาจะจัดเมื่อไหร่?”


“คิดไว้ว่าหลังวันติดสินคดีน่ะ”


“เห็นตาซันบอกว่าเราอยู่กับแม่และยาย ชวนท่านมาด้วยสิจ๊ะ มาทำบุญด้วยกัน” ณิชชาอรถามอย่างใจดี หากว่าแม่และยายของพระพายมากรุงเทพฯ เธอกับสามีก็คงจะได้ขอโทษด้วยตัวเองกับเรื่องร้ายๆที่พวกเขาปล่อยให้มันเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด


“ผมตั้งใจจะไปรับแม่กับยายมาฟังตัดสินคดีอยู่แล้วครับ เพราะท่านเองก็รอวันนั้นไม่ต่างจากผม ยังไงผมขออนุญาตลางานสักสองวันนะครับ” พระพายพูดอย่างฉะฉาน ถึงแม้แม่และยายจะไม่เคยพูดให้เขาต้องเอาคืนคนที่มันทำลายครอบครัวพวกเขา แต่เขาก็รู้ดีว่าท่านทั้งสองรอวันที่จะได้เห็นคนผิดถูกลงโทษมาเสมอ


“พี่ไปด้วย” ทุกคนหันไปมองภูตะวันที่เพิ่งจะฟื้นตัวจากการผ่าตัดกันเป็นตาเดียว


“พี่จะปล่อยให้พายไปคนเดียวได้ยังไง”


“พายกลับบ้านนะครับ ไม่ได้ไปเสี่ยงชีวิตที่ไหน” เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ยอมรับว่าหงุดหงิดใจเล็กน้อยที่ภูตะวันไม่นึกห่วงตัวเองบ้างทั้งที่ก็เพิ่งจะผ่านการผ่าตัดมาและเขาไม่อยากให้ตัวเองเหมือนเป็นภาระของคนอื่น อาจารย์หมอได้แต่จ้องหน้าคนรักอย่างเงียบๆไม่ได้พูดอะไรต่อ จนผู้ใหญ่ทั้งสองคนเห็นถึงบรรยากาศที่ไม่ค่อยดีนัก


“แต่ซันก็ยังไม่ค่อยแข็งแรงนะลูก” ณิชชาอรพูดเสริมอีกแรงเพื่อให้หลานชายเปลี่ยนใจ นึกถึงร่างกายของตัวเอง


“ผมเป็นหมอนะครับอาหญิง ผมรู้ว่าร่างกายตัวเองไหวหรือไม่ไหว” เขาพูดเสียงเรียบ ผู้ใหญ่ทั้งสองคนต่างพากันถอนหายใจกับความดื้อรั้นเอาแต่ใจของหลานชายเพียงคนเดียว ภูตะวันหันกลับมามองพระพายอีกครั้งบอกผ่านสายตาว่ายังไงเขาจะต้องไปด้วย


“ตอนมาที่นี่พายก็ยังมาคนเดียวได้ พายดูแลตัวเองได้นะครับ” พระพายพูดเสียงอ่อนลง พยายามเข้าใจว่าอาจารย์หมอเป็นห่วงเขามาก อาจจะเพราะว่าที่ผ่านมาพวกเขาเสี่ยงอันตรายมาด้วยกันเยอะจึงทำให้ภูตะวันยังเป็นห่วง


“แต่ตอนนี้พายเป็นแฟนพี่ พี่ก็ต้องดูแลพาย ถ้าตอนนั้นเราเป็นแฟนกัน พี่ก็คงไม่ปล่อยให้พายมาเจอกับอะไรแย่ๆแบบนี้คนเดียวหรอกครับ เข้าใจพี่ไหม?” มือหนายกลูบกลุ่มผมนุ่มของคนรักอย่างอ่อนโยน เขาแค่อยากอยู่ใกล้ๆกับคนที่ตัวเองรัก อยากไปเห็นบ้านที่อบอุ่น ครอบครัวที่น่ารักของพระพายด้วยตัวเอง คุณหมอหน้าหวานถอนหายใจช้าๆยอมจำนนต่อความเป็นห่วงที่มากล้นของผู้ชายคนนี้ ก่อนจะแอบชำเลืองมองผู้ใหญ่อีกสองคนที่นั่งมองเขาสองคนสลับกันด้วยสายตาล้อๆ


“หลานชายคุณนี่มันจริงๆเลยนะคะ”


“ก็หลานคุณเหมือนกันนั่นแหละคุณหญิง” ผู้ใหญ่หัวเราะร่วน เห็นหลานตัวเองมีความสุขกับคนที่รักก็ไม่คิดจะขัดขวางอะไรให้ต้องขุ่นเคืองกันในครอบครัว เพราะก็มีเหลือกันเพียงแค่นี้ อีกทั้งพระพายก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ที่ทำได้ก็คงจะมีแต่เป็นกำลังใจให้ทั้งสองคนต่อสู้กับอะไรที่ต้องเจอในชีวิตกันต่อไป


      ในวันถัดมาภูตะวันก็ได้ออกจากโรงพยาบาลโดยที่ไม่มีใครเห็นด้วยเลยแม้สักคนเดียว แต่ก็ต้องยอมในเมื่ออีกฝ่ายดึงดันที่จะขอออกไปพักฟื้นที่บ้านเอง พระพายจึงต้องรับหน้าที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด

      อาของภูตะวันได้ให้คนขับรถมาส่งพวกเขาที่สนามบินและพระพายขอให้พนักงานนำวีลแชร์มารับที่รถด้วยถึงอาจารย์หมอจะบอกว่าไม่เป็นไรเพราะเขาเดินเองได้แต่ครั้งนี้พระพายจะไม่ยอมใจอ่อนให้เด็ดขาด ในระหว่างการเดินทางเขาจะคอยสังเกตคนรักที่นั่งอยู่ข้างๆอยู่เสมอเพราะกลัวว่าแผลผ่าตัดจะได้รับการกระทบกระเทือนและอาจจะทำให้เขาทรุดได้


“พี่อยากเดินบ้าง” ทันทีที่เครื่องลงจอดภูตะวันก็เอ่ยปากบอกในสิ่งที่ต้องการ เพราะเขาเบื่อกับการนั่งเฉยๆเป็นภาระให้คนรักต้องคอยดูแลทั้งที่อยากจะมาดูแลอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำ คนถูกขอร้องมองหน้าพลางระบายยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้าให้เป็นคำตอบ ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินออกจากตัวเครื่องบินโดยมีพระพายคอยจับแขนเอาไว้อย่างไม่สนใจสายตาใคร


“บ้านพายอยู่นอกเมือง พายก็เลยเช่ารถตู้เอาไว้ ตอนนี้คงมาถึงแล้ว”


“แล้วจะแนะนำพี่กับที่บ้านว่ายังไง?” ภูตะวันถามยิ้มๆ อยากจะรู้ว่าพระพายจะแนะนำเขาว่าเป็นอะไรกับตัวเองให้แม่และยายได้รับรู้ แต่ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะแนะนำว่าอย่างไรเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจมากมายนัก เพราะถึงยังไงทั้งสองคนก็รู้อยู่ในใจว่ารักกัน


“อืมม ... เอาไว้เดี๋ยวพี่ก็รู้เองตอนไปถึง” พระพายหัวเราะเบาๆ ในขณะเดียวกันที่รถตู้ที่จองไว้ก็มาถึง คนตัวเล็กกว่าช่วยประคองคนรักให้ขึ้นไปนั่งรอคนขับเก็บกระเป๋าไว้ที่ท้ายรถ ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ แต่พระพายก็ไม่วายกำชับคนขับว่าให้ขับอย่างระมัดระวัง ไม่ต้องเร็วและให้ขับนิ่มที่สุด จนอาจารย์หมอถึงกุมขมับแต่ลึกๆในใจก็อดจะดีใจไม่ได้ที่คนรักเป็นห่วงตนมากมายขนาดนี้ ...


      จากตัวเมืองเชียงใหม่นั่งรถประมาณสองชั่วโมงกว่าๆก็มาถึงบ้านที่แสนอบอุ่นของครอบครัวภูวนัตถ์ในเวลาใกล้เที่ยง อาจารย์หมอมองข้างนอกผ่านกระจกรถเขาเห็นหญิงสาววัยกลางคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับคนรักของเขาไม่มีผิดเพี้ยน เพราะพระพายเหมือนแม่มากทำให้ใบหน้าค่อนไปทางหวานเล็กน้อย หญิงสูงอายุที่คะเนทางสายตาอายุน่าจะราวๆแปดสิบปียืนระบายยิ้มอยู่ข้างๆกัน


“แม่กับยายของพายครับ” พระพายระบายยิ้มหวาน เห็นคนรักมองผู้ใหญ่ที่ตนรักทั้งสองคน ก่อนที่คนขับรถตู้จะเปิดประตูให้ พระพายประคองอาจารย์หมอให้ลงรถอย่างระมัดระวัง ทิ้งท้ายบอกคนขับรถตู้ให้มารับพรุ่งนี้ในช่วงเย็นเพื่อไปที่สนามบิน


“... ไม่เห็นบอกว่าจะพาเพื่อนมาด้วยแม่จะได้จัดห้องเอาไว้ให้ เรานี่นะ!” เมื่อเห็นว่าลูกชายของตนไม่ได้มาเพียงคนเดียวก็อดที่จะเอ็ดไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้จริงจังมากนัก


“พายจัดการเองได้น่า ... แม่กับยายพายครับ นี่อาจารย์พายเองฮะ” พระพายกอดเอวแม่ของตนเอาไว้ ก่อนจะแนะนำให้คนรักกับครอบครัวของตนให้ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ ภูตะวันยกมือไหว้ผู้ใหญ่อย่างสุภาพ เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรที่พระพายแนะนำในฐานะอาจารย์และลูกศิษย์ เพราะเข้าใจดีว่าหากจะให้บอกออกไปในทันที คงไม่มีผู้ใหญ่คนไหนจะรับได้อย่างแน่นอน


“อ๋อ ที่พายเล่าให้ยายกับแม่ฟังใช่ไหมว่าเขาดุ เจ้าพายมันต้องดื้อมากๆเลยใช่ไหมคะอาจารย์” คนแก่หัวเราะร่วน จะมีก็แต่พระพายที่ยู่หน้าเล็กน้อยที่ถูกหาว่าดื้อ


“ก็นิดหน่อยครับ เอ่อ .. เรียกผมว่าซันเฉยๆก็ได้ครับ”


“จ้ะๆ ขึ้นบ้านกันก่อนเถอะ จะได้กินข้าวกัน ข้างนอกอากาศร้อน” มารดาของพระพายเอ่ยชวนให้ทุกคนขึ้นบ้าน ถึงแม้ว่าแสงแดดจะแรง แต่บ้านของพระพายเป็นบ้านทรงเรือนไทยใต้ถุนสูง รอบๆบ้านก็มีต้นไม้ปลูกไว้จนร่มรื่นทำให้อากาศไม่ได้ร้อนมากมายนัก


      พระพายยกกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองและอาจารย์หมอขึ้นมาบนบ้าน ภูตะวันถูกพาไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวแบบนั่งพื้นบริเวณชานบ้านที่ร่มรื่น พระพายอาสาจะช่วยแม่ยกสำหรับอาหารมาที่โต๊ะแทน จนอาหารพื้นเมืองชาวเหนือหน้าตาน่าทานถูกวางอยู่บนโต๊ะ พร้อมด้วยทุกคนที่นั่งประจำที่กันเรียบร้อยแล้ว


“อาหารเหนือ กินได้ใช่ไหมจ๊ะ?”


“ได้ครับ” ภูตะวันตอบผู้เป็นมารดาของพระพาย ค้อมหัวเล็กน้อยที่ผู้ใหญ่ตักข้าวใส่จานให้ ยายของคนรักก็รีบตักกับข้าววางบนจาน อยากจะให้ได้ชิมฝีมือทำอาหารของตัวเองตามประสาของคนแก่ แต่ยังไม่ทันที่จะได้กินอะไร พระพายที่นั่งอยู่ข้างๆก็ลุกพรวดขึ้นจากเบาะที่นั่งโดยที่ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับถุงยามากมายของภูตะวัน


“ยาก่อนอาหารครับ” เขาจัดออกมาให้กับคนรักอย่างละเอียดไม่มีขาดสักเม็ดตามคำสั่งของแพทย์ ท่ามกลางความสงสัยของผู้ใหญ่ทั้งสองคนว่าอาจารย์ของลูกชายและหลานชายเป็นอะไร


“หมอซันไม่สบายเหรอลูก?” หญิงสูงวัยถามอย่างเป็นห่วง คนถูกถามมองหน้าคนรักอย่างต้องการตัวช่วยว่าควรจะตอบว่าอะไรดี หากจะพูดความจริงว่าเป็นอะไรก็เกรงว่าจะไม่เหมาะในเวลานี้ พระพายจึงเป็นฝ่ายตอบแทน


“อาจารย์เขาเพิ่งผ่าตัดน่ะฮะ อุบัติเหตุ”


“ตายจริง! แล้วก็พากันเดินทางมาตั้งไกล”


“ผมอยากมาน่ะครับ อยากพักผ่อนด้วย” ภูตะวันบอกผู้ใหญ่ เพราะไม่อยากให้คนรักต้องถูกต่อว่าที่พาคนเพิ่งจะผ่านการผ่าตัดเดินทางมาถึงเชียงใหม่ ผู้ใหญ่ทั้งสองคนจึงได้แต่กำชับให้พระพายคอยดูแลให้ดีๆ ก่อนจะลงมือทานข้าวกันด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ตั้งแต่พระพายไปทำงานที่กรุงเทพฯเป็นเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ก็ไม่เคยได้กลับมาที่นี่อีกเลย นานๆได้กลับมาสักทีคนแก่ก็ดีใจไม่น้อย


“เดี๋ยวเสร็จแล้วพายไปจัดห้องให้อาจารย์เขานะลูก ห้องแม่น่ะ ...”


“ไม่เป็นไรครับ ผมนอนที่ไหนก็ได้ห้องพายเขาก็ได้ครับ อย่าลำบากจัดให้ใหม่เลยฮะ ผมรบกวนแค่คืนเดียว” ภูตะวันปฏิเสธด้วยความเกรงใจ ไม่อยากให้ใครต้องลำบาก ทว่าพระพายกลับหัวใจเต้นรัวขึ้นมาเสียดื้อๆเมื่อได้ยินว่าอาจารย์หมอจะนอนห้องเดียวกับเขา หากเป็นที่อื่นก็คงจะไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ หากแต่ที่นี่เป็นบ้านของเขา บ้านที่มีผู้ใหญ่ที่เคารพรักอยู่


“ห้องพายเล็กนะครับแล้วเตียงก็แคบด้วย”


“ผมนอนได้ สบายมาก” ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้อีกฝ่ายพลางกระตุกยิ้มมุมปาก เพียงแค่อยากจะแกล้งคนรักเท่านั้นไม่ได้คิดหวังจะทำอะไรที่ดูไม่เหมาะสมที่นี่


“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจแล้วกันจ้ะ” สิ้นคำของผู้เป็นแม่ พระพายก็แอบถลึงตาใส่อย่างคาดโทษ พร้อมกับหยิกหน้าขาของคนรักใต้โต๊ะโดยไม่ให้ผู้ใหญ่เห็น อาจารย์หมอก็ได้แต่อมยิ้มเงียบๆคนเดียว


      ช่วงหัวค่ำของคืนนี้ หลังจากที่มื้ออาหารเย็นจบลงพวกเขาอยู่นั่งคุยกันได้สักพัก ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน พระพายให้อาจารย์หมอกินยาก่อนนอนและให้พักผ่อนได้เต็มที่ โดยที่ภูตะวันเองก็ไม่อิดออดเพราะเขาเองก็เพลียมากในวันนี้ เมื่อเห็นว่าคนรักหลับตาลงแล้วตัวเองก็ปลีกตัวออกมาเพราะไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อน อีกทั้งก็อยากจะใช้เวลานี้ได้คุยกับมารดาของตนด้วย


“หมอซันล่ะลูก?” เมื่อเห็นว่าลูกชายออกจากห้องมาโดยที่ไม่มีอาจารย์ตามออกมาด้วย ก็อดไม่ได้ที่จะถามถึง พระพายระบายยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนตักอุ่นๆของคนเป็นแม่ที่กำลังเอนหลังดูโทรทัศน์อยู่กลางบ้าน


“หลับแล้วครับ แม่ ... แม่ดีใจไหม?”


“เรื่องอะไรล่ะ?” มือที่เหี่ยวย่นไปตามวัยลูบหัวกลมๆของลูกชายอย่างเอ็นดู


“คนชั่วมันจะได้รับกรรมที่มันทำแล้ว แม่ดีใจไหม?”


“แม่ก็ต้องดีใจสิ พระพายของแม่เก่งมาก ... ตอนนี้พ่อก็คงมองเราจากที่ไหนสักที่ อาจจะกำลังยิ้มกว้างดีใจที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทำจนสำเร็จอยู่ก็ได้” เธอหัวเราะเสียงใสทั้งที่น้ำตาก็เริ่มเอ่อคลอ ดีใจและภูมิใจไม่น้อยที่ลูกชายเพียงคนเดียวสู้มาจนถึงวันนี้ สู้เพื่อความถูกต้องเป็นธรรมให้กับครอบครัว


“... ถ้าพายสู้คนเดียวก็อาจจะมาไม่ถึงวันนี้ก็ได้”


“............”


“อาจารย์หมอ ... เขาเป็นทายาทเจ้าของโรงพยาบาลวิวรรธน์ที่พายทำงานอยู่ ครอบครัวของเขาไม่เคยรับรู้เรื่องพวกนี้เลยแม่ ตอนที่เขารู้เรื่องของเรา เขาสัญญาว่าจะช่วยพายและเขาก็ทำได้จริงๆ เขาไม่เคยทิ้งพายให้สู้คนเดียวเลย จนวินาทีสุดท้ายที่ลมหายใจเขาหมดลงเขาก็ทำเพื่อพาย ...”


“พายหมายความว่ายังไงลูก!?” เธอทำเสียงตระหนก พระพายจับมือคนเป็นแม่ลูบไปมาอย่างใจเย็น พร้อมกับคลี่ยิ้มบางทั้งที่อีกฝ่ายยังคงมีสีหน้าฉงน


“วันที่จับหมอคนนั้นได้ พายถูกจับตัวไป ถ้าอาจารย์มาช่วยไม่ทันอวัยวะภายในของพายคงหายหมด ... ที่เขาเพิ่งจะผ่านการผ่าตัดมา เพราะเขาถูกไอ้โรคจิตนั่นแทงเพราะช่วยพาย เขาหยุดหายใจต่อหน้าพายไปหลายครั้ง แต่ในที่สุดเขาก็ฟื้นขึ้นมา ... พายเป็นคนผ่าตัดให้อาจารย์เองเลยนะ” พระพายระบายยิ้มเล็กน้อย ดวงตากลมโตมีน้ำใสๆเอ่อคลอ ต่างจากผู้เป็นแม่เมื่อได้ฟังแค่เพียงไม่นานน้ำตาก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่คิดว่าลูกชายของตนจะต้องเผชิญอะไรเลวร้ายขนาดนี้และไม่คิดว่าคนที่หลับอยู่ในห้องของลูกชายจะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยลูกของเธอ


“แม่อย่าร้องไห้ ...”


“แม่ไม่รู้จะขอบคุณอาจารย์หมอของพายยังไงดี ... แม่ไม่อยากคิดว่าถ้าแม่ต้องเสียพายไปอีกคน แม่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ยังไง” เธอร้องไห้ออกมาไม่หยุด น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าถูกมือเล็กๆของลูกชายเช็ดออกอยู่ตลอดเวลา


“พายอยู่กับแม่แล้วนี่ไง อย่าร้องนะ”


“เจ้าเด็กดื้อ!!” คนเป็นแม่ออกแรงตีก้นลูกชายไม่แรงนัก ก่อนจะหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา ไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกอะไรในตอนนี้ รู้เพียงแค่ว่าเธอโล่งใจเป็นอย่างมากที่ลูกชายกลับมาอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้ง


“..... แม่ชอบเขาไหม?” พระพายลองเลียบๆเคียงๆถาม ไม่อยากจะต้องปิดบังอะไรต่อไปอีก คนถูกถามขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจว่าลูกชายหมายถึงอะไร


“หมอซันน่ะเหรอ?” พระพายพยักหน้าบนตัก กอดอกรอคำตอบของคนเป็นแม่อย่างตั้งใจ


“อืมมม ลูกชอบใครแม่ก็ชอบด้วยนั่นแหละ รักใครแม่ก็รัก”


“แม่!!!!!!” พระพายเบิกตากว้าง ร้องเสียงดังลั่น ไม่อยากจะเชื่อว่าแม่ของตนจะพูดแบบนี้ออกมา ลูกขึ้นนั่งประจันหน้ากับแม่ตนอย่างตระหนกตกใจ พลางหันซ้ายหันขวามองรอบบ้านว่ามีใครได้ยินหรือไม่ ถึงแม่ตอนนี้ในบ้านจะอยู่กันแค่สี่คนก็ตาม


“จะเสียงดังทำไมเนี่ย เดี๋ยวยายกับหมอซันเขาก็ตื่นกันพอดี”


“แม่พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่าฮะ!?”


“รู้สิ แม่เกิดก่อนเรามากี่ปี ทำไมเรื่องแค่นี้แม่จะมองไม่ออก ... ไม่มีใครที่จะกล้าเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องคนหนึ่งคนหรอกลูกถ้าคนนั้นไม่ได้พิเศษกับเขาจริงๆ เราก็เป็นห่วงเขาจนออกนอกหน้าซะขนาดนั้น หาหยูกหายาให้กินสามเวลาไม่เคยขาด สายตาเวลาที่เราสองคนมองกันมันเป็นสายตาธรรมดาซะที่ไหนกัน” พระพายหน้าขึ้นสี ไม่กล้าสบตากับคนเป็นแม่ขึ้นมาเสียเฉยๆ ก่อนจะสวมกอดหญิงผู้เป็นที่รักของตนเอาไว้แน่น


“... แม่โกรธพายไหม?”


“แม่จำเป็นต้องโกรธที่พายมีความรักเหรอลูก ความรักของพายมันเป็นเรื่องที่ผิดอย่างนั้นเหรอ ... พายเป็นลูกแม่ ถ้าแม่ไม่เข้าใจพายจะให้ไปเข้าใจหมาที่ไหนล่ะ ลูกทำถูกแล้วที่ทำตามความรู้สึกของตัวเอง อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดนะลูกนะ ... ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแม่อยู่ข้างพายเสมอ”


“พายรักแม่ที่สุดในโลก” พระพายเสียงสั่น น้ำตาหยดจนชุดนอนของคนเป็นแม่จนเปียกเป็นวงกว้าง การมีครอบครัวที่รักและเข้าใจเสมอเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว


      ประตูไม้ของห้องนอนห้องหนึ่งถูกปิดลงเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มของใครบางคน ภาพที่ได้เห็นกับสิ่งที่ได้ยิน คงทำให้เขานอนหลับฝันดีไปอีกหลายคืน นับตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป ที่จากนั้นไม่นานประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับร่างของคนตัวเล็กที่ก้าวเข้ามาพร้อมด้วยสีหน้าสงสัยเล็กน้อยที่คิดว่าคนรักหลับไปแล้ว ภูตะวันกางแขนกว้างด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่อีกฝ่ายจะ
โถมตัวกอดเขาเอาไว้แน่น พลางโยกตัวไปมา


“พี่ได้ยินแล้วใช่ไหม?” เขาถามเสียงอู้อี้อยู่กับบ่าของคนตัวสูง น้ำตาแห่งความดีใจหลั่งรินออกมาไม่หยุด ภูตะวันพยักหน้ากับไหล่บางเป็นคำตอบ พลางลูบหัวกลมของคนรักอย่างเอ็นดูก่อนจะผละออกจากกัน


      สองมือหนาประคองใบหน้าของคนรักอย่างทนุถนอม ก่อนจะพรมจูบลงบนหน้าผากมน ไล่ต่ำลงมายังปลายจมูกโด่ง พระพายหลับตาพริ้มรับสัมผัสอย่างไม่ขัดขืน ริมฝีปากหนาไล่จูบลงมาที่กลีบปากของคนรัก ปลายลิ้นอุ่นไล้เลียแผ่วเบาเป็นเชิงขออนุญาต เพียงครู่สั้นๆเรียวปากบางนั้นก็เผยอออกเล็กน้อย เกี่ยวกระหวัดกันอย่างเนิบนาบแต่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น ก่อนที่จะหมดลมหายใจไปภูตะวันจึงเป็นฝ่ายผละออก


“ถ้าที่นี่ไม่ใช่บ้านเรา เราเสร็จพี่ไปแล้วพระพาย” มือหนาโยกหัวกลมของคนรักไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว


“ติดไว้ก่อนแล้วกันนะครับ” พระพายหัวเราะน้อยๆ ปลายเท้าเล็กเขย่งขึ้นเล็กน้อย จูบริมฝีปากหนาของคนรักเป็นการปิดท้ายก่อนเข้านอนในคืนนี้ อาจารย์หมอได้แต่หัวเราะหึก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆกันด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ อย่างที่ใครๆบอกไว้ ฟ้าหลังฝนมันสวยงามเสมอ ...




********************


Talk : ขอโทษที่หายไปนานเลย กลับมาแล้วน้าา
ตอนนี้เป็นยังไงกันบ้างคะ? ตอนหน้าตอนสุดท้ายแล้วน้าาา เศร้าแรง T^T
เตรียมใจร่ำลาอาจารย์หมอกับคุณหมอพระพายไว้กันหรือยัง ...

ก่อนไปขอขอบคุณทุกคอมเม้นท์จนถึงตอนนี้เลยนะคะ
ขอบคุณคนที่ยังคอยอ่านอยู่เสมอๆ
ขอบคุณคนที่เพิ่งเข้ามาอ่านด้วยขอให้สนุกและอินกับทุกตอนนะคะ

ซียูกันตอนหน้าค่ะ บ๊ายบาย :)

หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 20-10-2015 00:55:44
ตอนหน้าจบแล้วหนอคะ แงงงงง ขอต่ออีกสัก100 ตอนได้มั้ยยย
ยังไม่จุใจเลย คิดถึงงงง รักหมอซันกับหมอพายมาก ฮือ
ตอนนี้อยอุ่นหัวใจมากเลยค่ะ ดีจังงง
ตอนหน้าจะจบแล้วทำใจไม่ทัน ฮือ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: alt1991 ที่ 20-10-2015 01:56:39
 :m15: มีตอนพิเศษอีกหลาย ๆ ตอนก็ได้  :- :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 20-10-2015 08:12:54
เปิดตัว
เขินแทนจูบละมูน
ฟ้าหลังฝนย่อมดีกว่าเสมอ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 20-10-2015 08:48:32
คุณอาทั้งสองของหมอซันจิตใจดดและอบอุ่นมาก







คุณแม่กับคุณยายของพระพรายก็น่ารักและอบอุ่นเหมือนกัน







ดีใจที่หมอซันกับพระพราย  เอาไอ้หมอแก่โรคจิตเข้าคุกได้






ต่อไปทั้งคู่คงจะมีความสุขมากๆ กับครอบครัวที่อบอุ่นซะที
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 20-10-2015 09:45:59
ดีใจกับหมอซันหมอพายด้วย
ที่บ้านทั้งคู่เข้าใจ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-10-2015 12:39:50
ถึงตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้าย :mew4:

เรายังหวังตอนพิเศษได้ใช่ไหม  :mew2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥♥ดอกช่อบานสะพรั่ง♥♥ ที่ 20-10-2015 15:57:56
 o13
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 20-10-2015 16:38:17
จะจบแล้ว :z3: ขอหวานๆปิดท้ายนะ :z2:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 20-10-2015 16:42:40
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 21-10-2015 13:17:36
เข้ามารอตอนจบครับ ^^
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 21-10-2015 22:23:39
จริงๆแล้วพี่ซันแอบหื่น!!
พระพายนี่ก็แอบขี้อ่อย 55555555555
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 21-10-2015 23:04:49
ตอนนี้อะไรก็ดีจังเลย.

หมอซันก็รอให้หายเจ็บก่อนนะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: DE SaiKuNee ที่ 24-10-2015 22:50:24
 :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: tistaek ที่ 25-10-2015 07:29:12
 :-[ชอบจัง
จะแล้วหรือคะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ToeyTato ที่ 25-10-2015 09:25:24
โอยยยยจะจบแล้ว ดีใจที่หมอซันฟื้น ขอให้แฮปปี้ค่า
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 25-10-2015 11:12:39
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: poohanddew ที่ 25-10-2015 15:20:27
ตอนหน้าขอหวานๆเลยน่ะ
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: zleep ที่ 25-10-2015 22:28:30
ภาวนาให้หมอโจหมดฤทธิ์หมดเดชสักทีนะ อย่าได้ทำบาปทำกรรมแบบนี้อีกเลย
หมอพายจะได้หมดเรื่องกังวลแล้วมีความสุขตลอดๆกับหมอซันสักที
ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอแหละเนอะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: DE SaiKuNee ที่ 31-10-2015 18:46:11
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: kpHJstdy ที่ 01-11-2015 06:54:08
ช่วงนี้ยุ่งๆ ไม่ได้มาอ่านเลย พอมาอ่านแล้วเจออีกตอนเดียวจบ ฮื้ออออออออ ไม่เอาได้มั้ยยยยยยยยย  :z3: :z3: :z3:
กำลังน่ารักเลยค่ะ ชอบมากกกกก พี่หมอซันนี่พูดจา เราเขินนนนน มโนว่าตัวเองเป็นหมอพายอยู่ 555555555
เรื่องคลี่คลายไปได้ดีมากๆ อ่านแล้วก็ยังสนุกเหมือนเดิม ชอบมากเลยค่ะ จะรอตอนต่อไป แต่ขอตอนพิเศษซัก100ตอนนะคะ  :hao5:   
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {END.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 09-11-2015 00:00:50

-25-
‘END CHAPTER’


                เช้าตรู่ของวันใหม่ ภูตะวันตื่นด้วยเสียงวิทยุประจำสายของหมู่บ้าน เขาลืมตามองคนในอ้อมกอดที่กำลังหลับตาพริ้มพร้อมกับลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอ ก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากมนของอีกฝ่ายแล้วค่อยๆขยับกายลุกออกจากเตียงเพราะไม่อยากรบกวนการพักผ่อนของคนรักมากนัก
      เขาจัดการทำธุระส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อย ถึงได้ออกมาจากห้องนอนมายืนซึมซับบรรยากาศของธรรมชาติที่หาไม่ได้ในเมืองหลวง อากาศเย็นเล็กน้อยพร้อมกับหมอกจางๆเป็นภาพที่เขาไม่ค่อยได้เห็นบ่อยครั้งนักอาจจะตั้งแต่เป็นหมอ เสียงเดินบนพื้นบ้านที่เป็นไม้ดังอยู่ด้านล่างทำให้ภูตะวันหันหลังกลับไปมองก่อนจะเผยรอยยิ้มน้อยๆออกมา


“ตื่นแต่เช้าเลยนะจ๊ะ แล้วเจ้าพายล่ะ?” แม่ของคนรักทักทายยามเช้าด้วยรอยยิ้มที่สดใส อาจารย์หมอดูเก้อเขินไปเมื่อคิดถึงสิ่งที่
ได้ยินจากแม่และพระพายคุยกันเมื่อคืน แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีอะไรเขาจึงผ่อนคลายลง


“ยังไม่ตื่นเลยครับ”


“ปล่อยให้เขานอนไป หมอไปใส่บาตรพระกับแม่ไหมล่ะ” เธอเอ่ยชวนกลัวว่าแขกของบ้านจะเบื่อที่ไม่มีอะไรทำเสียก่อน ภูตะวันตอบตกลงพร้อมกับช่วยถือถาดใส่อาหารสำหรับตักบาตร ก่อนจะเดินตามแม่ของพระพายออกไปที่หน้าบ้านและเห็นว่าคุณยายก็ได้นั่งรอที่จะใส่บาตรอยู่ก่อนแล้ว


“อ้าว คุณหมอตื่นแล้วเหรอ เจ้าพายมันยังไม่ตื่นล่ะสิ มาๆใส่บาตรกับยาย” หญิงสูงวัยทักทายพร้อมกับชักชวนอาจารย์หมอด้วยรอยยิ้มใจดี เขายิ้มรับก่อนจะนำถาดอาหารวางบนโต๊ะที่ตั้งเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย เสร็จแล้วจึงกวาดสายตามองไปรอบๆ แถวนี้มีบ้านคนไม่เยอะนัก แต่ละบ้านก็จะมารอใส่บาตรพระกันเป็นกิจวัตร ใครผ่านไปมาก็ทักทายบ้างยิ้มบ้างเหมือนจะรู้จักกันหมด ทั้งหมดทั้งมวลเป็นภาพที่เขาแทบจะไม่เคยเห็นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ


“หมอซันได้ใส่บาตรบ่อยไหมลูก แต่เป็นหมอคงจะไม่ค่อยมีเวลาใช่ไหม?”


“....ครั้งล่าสุดก็คงจะเป็นปีที่แล้วมั้งครับ” เขาใช้เวลาคิดคำตอบแค่ชั่วครู่และรู้ว่าตัวเองแทบจะนับครั้งการตักบาตรพระในตอนเช้าได้เลย ครั้งล่าสุดที่ตอบออกไปคงจะเป็นวันครบรอบการจากไปของพ่อกับแม่ตน หญิงสูงวัยระบายยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันไปเห็นว่าพระกำลังเดินใกล้เข้ามาแล้ว


“พระมานู่นแล้ว” ภูตะวันถอดรองเท้าที่ใส่ออก พลางช่วยพยุงยายของคนรักให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ก่อนที่พระท่านจะเดินมาถึงเสียงวิ่งลงบันไดตึงตังก็ดังมาจากข้างหลังพร้อมด้วยเสียงตะโกนที่คงจะดังไปสามบ้านแปดบ้านของลูกชายเจ้าของบ้าน


“รอพายด้วย!!!” พระพายใส่รองเท้าและวิ่งตรงมายังหน้าบ้านอย่างรีบร้อนด้วยชุดที่ใส่นอนเมื่อคืนนี้ ทุกคนได้แต่หันไปมองและยิ้มอย่างเอ็นดู ต่างกับพระพายที่มาถึงหน้าบ้านก็หน้ามุ่ยลง


“ไม่เห็นจะมีใครปลุก”


“ก็เห็นว่ากำลังหลับสบาย” ภูตะวันเป็นฝ่ายตอบแทน ก่อนจะดันแผ่นหลังบางของคนรักให้มายืนข้างๆ ไม่นานพระก็เดินมาถึง พวกเขาช่วยกันใส่บาตรพระอย่างเงียบๆและมีสมาธิ โดยเฉพาะตอนกรวดน้ำที่ตั้งใจแผ่กุศลบุญครั้งนี้ให้กับบุพการีของตน จนเสร็จเรียบร้อยภูตะวันและพระพายจึงได้รับหน้าที่ช่วยกันเก็บของเข้าบ้าน


“พายพายายขึ้นไปพักผ่อนบนบ้านแล้วก็อาบน้ำอาบท่าซะเราน่ะ” มารดาของเขาเอ่ย พระพายจึงได้แต่ทำหน้างงๆที่จู่ๆก็เร่งให้เข้าอาบน้ำเสียอย่างนั้นทั้งที่ตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่มาก แต่ก็ไม่คิดจะโต้เถียงอะไรก่อนจะพายายของตนเดินขึ้นบ้านตามที่แม่บอก


“แม่อยากจะคุยกับหมอซันสักหน่อย”


“.... ได้ครับ” เขาพอจะรู้ว่ามารดาของคนรักอยากจะคุยเรื่องอะไรจึงไม่ได้สงสัยอะไรมากนักและเดินตามเธอไปที่ศาลาในสวนเล็กๆหลังบ้านด้วยท่าทางสุขุม


“... พายเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง แม่ขอบคุณหมอมากๆที่ช่วยชีวิตลูกชายแม่เอาไว้ จนแม่ไม่รู้ว่าจะต้องตอบแทนยังไง ขอบคุณที่รักและดูแลลูกชายของแม่อย่างดี ขอบคุณจริงๆจ้ะ” มือที่เหี่ยวย่นไปตามวัยเอื้อมไปจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมกับบีบอย่างแรงแทนความรู้สึกขอบคุณอย่างที่สุด


“ไม่ต้องตอบแทนอะไรผมหรอกครับ ผมทำเพราะผมรักเขา ... ส่วนผมเองก็มีเรื่องที่อยากจะขอโทษ ขอโทษแทนครอบครัวของผมที่ปล่อยให้เรื่องแย่ๆเกิดขึ้น ผมขอโทษจริงๆครับ” อาจารย์หมอประนมมือไหว้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อม เขารู้สึกแย่และอยากจะขอโทษครอบครัวของพระพายมาตลอดระยะเวลาที่รับรู้เรื่องนี้


“...........” เธอน้ำตารื้นขึ้นมาเสียดื้อๆ ยกมือรับไหว้ผู้ชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เขามีความเป็นผู้ใหญ่และมีความรับผิดชอบอยู่มาก ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดอะไรของตัวเองด้วยซ้ำแต่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนผิดในเรื่องนี้ เธออดจะชื่นชมผู้ชายตรงหน้าเสียไม่ได้


“ถ้าอย่างนั้นแม่ก็อยากจะขอโทษด้วยเหมือนกัน...”


“ครับ?” ภูตะวันทำหน้างงเมื่ออีกฝ่ายพูดอะไรที่ตนเองไม่เข้าใจ


“ขอโทษที่ต่อจากนี้ ... แม่จะต้องฝากพระพายไว้เป็นภาระให้หมอดูแล” เธอยิ้มพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้สาเหตุ มันมีความรู้สึกที่มากมายเจือปนอยู่ในนั้น หากในวันที่เธอไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้วเธอก็วางใจที่ลูกชายสุดรักเพียงคนเดียวจะมีใครอีกคนที่รักเขาคอยดูแลต่อจากเธอ


“ผมเต็มใจมากๆครับ”
      
เธอมั่นใจว่าเธอเองดูคนไม่ผิด ผู้ชายคนนี้จะเป็นคนที่รักและดูแลพระพายของเธอได้ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง อย่างที่เธอได้บอกกับลูกชายเอาไว้ว่าคงไม่มีใครที่จะสามารถเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อรักษาชีวิตของใครอีกคนได้หรอกหากว่าคนนั้นไม่ได้พิเศษกับเขาจริงๆ พระพายบอบช้ำมามากพอแล้ว จากนี้พระพายลูกชายของเธอคงจะเป็นพระพายที่มีความสุขกับคนอื่นเขาบ้างเสียที ...




วันตัดสินคดี ...
      ครอบครัวของพระพายและอาจารย์หมอมากันพร้อมหน้า ทั้งสองครอบครัวสนิทกันได้อย่างรวดเร็วโดยที่พวกเขาเองก็คาดไม่ถึง อาจจะเป็นเพราะความดีและความจริงใจที่พวกเขามีให้กันถึงทำให้สนิทกันได้เร็วขนาดนี้ ส่วนครอบครัวที่ตกเป็นเหยื่อความโลภของพฤติพงศ์และศรัทก็มาฟังคำพิพากษาของศาลด้วยเช่นกัน
      
                พฤติพงศ์และศรัทธาถูกนำตัวออกมาเพื่อยืนรับฟังคำตัดสินที่ด้านหน้าบัลลังก์ สภาพของพวกเขาเปลี่ยนไปมาก ซูบผอมเหมือนคนไม่ได้กินอะไรและโทรมลงไปมาก ทั้งสองคนมีสีหน้าที่นิ่งสงบ พระพายกุมมือแม่และยายไว้แน่นและมองจำเลยทั้งสองคนไม่ละสายตา เมื่อผู้พิพากษาเดินเข้ามาทั้งหมดจึงยืนทำความเคารพ หลังจากนั้นจึงเริ่มพิพากษาคดี


“ในชั้นพิจารณา จำเลยคือนายพฤติพงศ์ ฉัตรพิทักษ์ชัยและนายศรัทธา บุญบรรยงค์ให้การรับสารภาพว่าได้ปลอมแปลงเอกสารการบริจาคอวัยวะและร่วมกันผ่าตัดนำอวัยวะของคนไข้ออกไปจนถึงแก่ความตายตามฟ้อง”


“ศาลชั้นต้น พิเคราะห์แล้วรับฟังข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติได้ว่า ก่อนที่จำเลยจะลงมือปลิดชีวิตผู้ตายและโจทย์นั้น โจทย์ไม่อยู่ในสภาพที่ขัดขืนหรือต่อสู้จำเลยได้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการกระทำที่อำมหิตและเกินกว่าเหตุ จึงเป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน” พระพายและทุกคนตั้งใจฟังอย่างชัดเจนทุกคำ ทว่าจำเลยทั้งสองคนกลับนิ่งเฉยและดูเลื่อนลอยราวกับว่ารับรู้ชะตากรรมของตน


“พิพากษาว่า ... จำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 โทษจำคุก 5 ปี มาตรา 288 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต” สิ้นคำพิพากษาของผู้พิพากษาพระพายถอนหายใจออกมาราวกับปลดปล่อยสิ่งที่อึดอัดใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย

      แม่และยายของเขาน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่หลังจากได้ฟังคำตัดสิน ในที่สุดวันนี้ก็มีจริง วันที่พวกเขาไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริง คนเลวได้รับผลจากกระทำของเขาแล้ว ญาติของผู้เสียชีวิตคนอื่นๆพากันกอดคอร้องไห้ด้วยความดีใจ
      ก่อนที่พฤติพงศ์จะถูกนำตัวออกไปเพื่อส่งตัวไปยังเรือนจำ เขาหยุดมองหน้าพระพายด้วยสายตาที่นิ่งเฉย ไม่มีความเคียดแค้น ไม่มีการรู้สึกผิด มีเพียงความว่างเปล่าที่พระพายไม่สามารถเดาออกได้เลยว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร แม้กระทั่งคำขอโทษหรือขอขมาจากอีกฝ่ายก็ไม่มี แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการได้รับจากคนเลวพวกนั้น สิ่งเดียวที่ต้องการคือเห็นคนเลวได้ชดใช้ให้กับสิ่งที่ทำลงไป ซึ่งตอนนี้เขาทำมันสำเร็จแล้ว ...


“ต้องขอบคุณคุณหมอทั้งสองคนมากๆนะคะ ที่ช่วยกันหาหลักฐานเอาคนร้ายเข้าคุกได้”


“ใช่ค่ะ ขอบคุณจริงๆ” ญาติของผู้เสียชีวิตรวมถึงคนที่เกือบจะถูกหลอกเข้ามาขอบคุณแพทย์ทั้งสองจากใจจริงที่ช่วยทำให้พวกเขามีหวังและสมหวังขึ้นมา


“ไม่เป็นไรครับ ถือว่าช่วยๆกัน” พระพายตอบรับ ซึ่งอาจารย์หมอก็ได้แต่อมยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนแม่และยายของพระพายก็พากันยิ้มภูมิใจไม่น้อยที่ลูกชายและภูตะวันไม่ได้เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยตัวเองฝ่ายเดียวแต่ยังได้ช่วยอีกหลายครอบครัวที่ตกเป็นเหยื่อของคนเลวอีกด้วย


      พระพายเดินเข้ามากอดยายและแม่ของตัวเองเอาไว้แน่น หลับตาลงช้าๆและยิ้มออกมาอย่างมีความสุข รู้สึกอบอุ่นเหมือนพ่อของเขาจะอยู่ตรงนี้ด้วย


“พายดีใจยิ่งกว่าตอนสอบติดหมอซะอีก”


“หลานยายเก่งที่สุด”


“แล้วยังอยากจะเป็นหมออยู่ไหม หื้มม?” คำถามของมารดาทำเอาเขาชะงักไปเล็กน้อย บางทีเขาก็หลงลืมไปว่าที่อยากเป็นหมอเพราะอะไร เมื่อวันนี้สิ่งที่เขาต้องการมันสำเร็จแล้วเขายังอยากที่จะมันต่ออยู่ไหม เขาเงียบอยู่สักพักเพื่อหาคำตอบให้กับตัวเอง เสมองไปหาคนรักที่ยืนนิ่งสีหน้าเรียบเฉยอยู่ไม่ไกล แต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายก็รอคำตอบจากเขาอยู่เหมือนกัน


“... ถึงมันจะยากสำหรับพายไปหน่อย แต่พายก็รักอาชีพนี้ไปแล้ว พายทิ้งไม่ได้หรอกฮะ” ดูเป็นคำตอบที่น่าเอ็นดูสำหรับผู้ใหญ่ที่ได้ฟัง เขาส่งยิ้มให้อาจารย์หมอโดยที่อีกฝ่ายก็กำลังยิ้มกับคำตอบที่ได้ฟังอยู่เช่นกัน ถึงอาชีพนี้มันจะยากสำหรับเขาจริงๆแต่ก็อยู่กับมันมาหลายปีจะให้ทิ้งไปเสียดื้อๆก็คงไม่ได้


“ถ้าอย่างนั้นก็กลับไปทำงานเถอะลูก ป่านนี้คนไข้คงคิดถึงแย่แล้ว” อรวีณ์พูดกลั้วหัวเราะ คนอื่นจึงหัวเราะกันตามไปด้วย พระพายก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองจะต้องกลับไปทำงานต่อหลังจากที่ลาหยุดไปสองวัน ถึงแม้ว่าอยากจะอยู่กับแม่และยายให้คุ้ม เพราะใช่ว่าพวกเขาจะได้เจอกันบ่อยๆแต่หมออย่างเขาทุกวินาทีก็สำคัญกับคนไข้เช่นเดียวกัน


“เดี๋ยวตอนเย็นพายรีบกลับไปหานะ ฝากแม่กับยายด้วยนะครับคุณอา” คุณหมอหน้าหวานเอ่ยอย่างนอบน้อมและเกรงใจในคราวเดียวกัน


      แม่และยายของเขาพักที่บ้านหลังใหญ่ของภูตะวันเป็นการชั่วคราว ครั้นจะให้นอนคอนโดของเขาก็มีเพียงห้องเดียวและจะไม่สะดวกสบาย อาจารย์หมอจึงเสนอให้ไปพักที่บ้านของเขา ซึ่งฝ่ายเขาเองก็ยินดีอย่างยิ่ง พระพายจึงไม่อยากจะขัดใจ อีกทั้งอาทั้งสองของหมอซันก็ให้เหตุผลว่าผู้ใหญ่จะได้อยู่เตรียมของทำบุญที่บ้านกันให้พร้อม ส่วนเขาทั้งสองคนก็รับหน้าที่ดูแลที่โรงพยาบาลไป


“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ”   


“พาน้องไปทำงานได้แล้วซัน” ประสิทธิ์บอกกับหลานชาย ภูตะวันจึงพยักหน้ารับก่อนจะไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้งสี่แล้วพาคนตัวเล็กกว่าออกมาจากศาลเพื่อตรงไปโรงพยาบาลในทันที


“ตอนเย็นเลิกงานพี่จะส่งเรากลับบ้านก่อนนะ”


“แล้วพี่ล่ะฮะ?”


“พี่ต้องอยู่เตรียมงานที่โรงพยาบาลก่อนไง” พระพายรีบหันขวับไปมองคนที่กำลังขับรถทันทีหลังจากที่เขาพูดจบประโยค


“เรามีหน้าที่รับผิดชอบด้วยกันนี่ครับ พี่อยู่พายก็ต้องอยู่”


“แต่แม่กับยายไม่ได้มาหาพายบ่อยๆ กับพี่เราจะอยู่เมื่อไหร่ก็ได้นี่นา”


 “.... เอางั้นเหรอครับ?” พระพายถามอย่างลังเลใจ ใจหนึ่งก็อยากจะกลับไปอยู่กับแม่และยายอย่างที่คนรักว่า แต่อีกใจก็อยากจะอยู่ช่วยเตรียมงานทำบุญครั้งใหญ่ของโรงพยาบาลด้วยและกลัวว่าคนรักจะเหนื่อยอยู่คนเดียวและเพิ่งจะหายจากการผ่าตัดได้ไม่นาน


“ครับ” ภูตะวันหันมองคนข้างๆที่มีสีหน้าหนักใจอยู่ไม่น้อย เขาหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูก่อนจะยกมือขยี้หัวอีกฝ่ายเบาๆ ถึงเขาจะออกแรงเยอะเหมือนก่อนผ่าตัดได้ไม่มาก แต่ก็นับว่าตอนนี้ดีขึ้นมากกว่าวันแรกที่ฟื้นขึ้นมา งานที่ต้องช่วยเตรียมก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสหรือใช้แรงอะไรเพียงแค่ช่วยคิดและดูให้เรียบร้อยเท่านั้น จึงรับหน้าที่ดูแลอย่างไม่กังขา



      ทันทีที่ถึงโรงพยาบาลต่างฝ่ายก็ต่างแยกย้ายกันรับผิดชอบงานของตัวเอง ภูตะวันเคลียร์งานที่คั่งค้างเอาไว้ ส่วนตัวพระพายเองก็มีหน้าที่ที่จะต้องทำงานเพื่อศึกษาต่อให้จบหลักสูตร

      เมื่อเปิดประตูห้องทำงานของตัวเองก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าเพื่อนอยู่กันครบ แพรดาว เอิร์ธและบอส ที่อยู่ต่างแผนกกันก็อยู่ในห้องนี้ด้วยราวกับกำลังจับกลุ่มคุยเรื่องอะไรกัน


“ไม่มีงานทำกันเหรอเนี่ย”


“ก็รอฟังข่าวเรื่องคดีจากพายนั่นแหละ เป็นไงบ้าง?” บอสเป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อนใคร


“... จำคุกตลอดชีวิต” เขาตอบพลางไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เพราะสิ่งที่เขาต้องการมันจบลงแล้ว หมอทั้งสามที่รอฟังข่าวต่างพากันถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เรื่องร้ายๆก็ได้ผ่านไปเสียที


“เห้ออ หมดเคราะห์หมดโศกกันสักที” หมอเอิร์ธตบไหล่เพื่อนตัวเล็กของตัวเองเป็นการให้กำลังใจ ถึงแม้จะไม่ได้มีส่วนช่วยเหลือพระพายมากนัก แต่เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องเจอกับอะไรมาหนักหนาพอสมควรจึงอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เมื่อเห็นว่าเรื่องร้ายๆผ่านไปก็ดีใจกับเพื่อนมากจริงๆ


“.... แต่เราว่ายังไม่หมด”


“..........” ทุกคนต่างหันไปมองแพรดาวที่นั่งหน้าเครียดอย่างกับว่ามีเรื่องอะไรทุกข์ใจมากมายเสียอย่างนั้น


“ทุกคนรู้ใช่ไหมว่าวันงานทำบุญของโรงพยาบาลเรา ทางฝ่ายกิจการเขาให้แต่ละแผนกคิดโชว์ขึ้นมา แล้วเราได้ยินมาว่าแต่ละแผนกไม่ได้ธรรมดาเลยนะ อย่างกุมารฯก็มีการแสดงละครเป็นนิทานให้เด็กๆดู แต่ดูแผนกเราสิอาจารย์หมอก็ยังไม่หายดีเลย”


“นึกว่าเรื่องอะไร...ไม่มีก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ เขาไม่ได้บังคับซะหน่อย” บอสพรูลมหายใจเพราะเมื่อครู่กลั้นใจไว้เสียนาน คิดว่าแพรดาวรู้เรื่องอะไรที่ไม่ดีมาอีก


“แหมมม แผนกนายมีแล้วก็พูดได้นี่ ใช่ว่ากิจกรรมแบบนี้มันจะมีบ่อยๆที่ไหนล่ะ”


“เธออยากโชว์อะไรหรือไงล่ะ?” หมอเอิร์ธแขวะหญิงสาวคนเดียวในห้องที่ดูจะตื่นเต้นกับการแสดงโชว์ในครั้งนี้เหลือเกิน แพรดาวยู่ปากใส่พวกผู้ชายที่ไม่เข้าใจอารมณ์ผู้หญิงอย่างเธอ เธอก็แค่อยากจะให้แผนกของเธอมีโชว์กับแผนกอื่นเขาบ้างก็เท่านั้น


“ช่างเถอะน่า ไปทำงานกันเถอะ” พระพายส่ายหัวยิ้มๆที่เห็นเพื่อนต่อล้อต่อเถียงกัน ก่อนจะคว้าเสื้อกาวน์ที่พาดอยู่กับราวแขวนขึ้นมาใส่พร้อมกับเป็นฝ่ายเดินนำออกจากห้องทำงานไป


      เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ หลังจากที่หายหน้าจากแผนกพอกลับมาคนไข้ก็ต่างพากันบ่นคิดถึงและคอยถามว่าตัวเองหายไปไหน พระพายเองก็อดจะรู้สึกดีไม่ได้ที่อาชีพหมอไม่ได้ทำให้คนไข้กลัวแต่กลับทำให้คนไข้ผูกพันกับหมอเหมือนญาติพี่น้อง เพราะในแผนกของเขาส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนไข้ที่ต้องอยู่รักษาตัวค่อนข้างนานและยังเป็นคนคนสูงวัยที่ต้องการกำลังใจไม่ต่างจากเด็กๆเลย



      ช่วงเย็นหลังจากเลิกงาน ภูตะวันขับรถมาส่งพระพายกลับมาที่บ้าน ส่วนตัวเองก็กลับไปที่โรงพยาบาลต่อเลย ถึงแม้พระพายอยากจะอยู่ด้วยกันขนาดไหนแต่เขาก็ต้องเข้าใจตามที่ได้คุยกันเมื่อช่วงบ่าย ถึงจะไม่ได้อยู่ช่วยอาจารย์หมอที่โรงพยาบาล แต่อยู่บ้านก็ได้ช่วยผู้ใหญ่เตรียมของที่บ้านแทนเพื่อให้พร้อมสำหรับงานบุญที่จะเกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้น

      ประตูห้องของบ้านหลังใหญ่ดังขึ้นในช่วงกลางดึก แต่ก็ไม่ได้ดังจนทำให้คนที่กำลังนอนหลับสบายตื่นขึ้นมา ขายาวก้าวช้าๆตรงไปยังเตียงใหญ่กลางห้องที่เห็นเพียงลางๆ ร่างที่เล็กกว่าเขาเพียงเล็กน้อยนอนขดอยู่ในผ้าห่มหนาผืนใหญ่เพราะอุณหภูมิในห้องเย็นเกินไป จึงหยิบรีโมทเพื่อเพิ่มองศาของเครื่องปรับอากาศให้สูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ก้มจุมพิตบนหน้าผากมนของคนรักแผ่วเบา เพราะไม่อยากรบกวนอีกฝ่าย ก่อนจะพาตัวเองเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวทันที
      ทว่าหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำ กลับเห็นเงาตะคุ่มๆนั่งอยู่บนเตียงในสภาพที่น่าเอ็นดูไม่น้อย ไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปหา ก่อนจะกดเปิดสวิตซ์โคมไฟบนหัวเตียงให้สว่างขึ้น


“พี่เสียงดังเหรอ ทำเราตื่น”


“ตีสามแล้วนะครับ ทำไมพี่เพิ่งกลับล่ะ?” พระพายถามขึ้นทันทีเมื่อมองนาฬิกาแล้วเห็นว่าเป็นเวลาที่เกือบจะเช้าอยู่แล้ว ทั้งที่ตอนแรกเขาก็นอนรอให้อีกฝ่ายกลับมา แต่อยู่ๆก็หลับไปซะเฉยๆ จนรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงคนอาบน้ำดังออกมา


“.... มีเคสผ่าตัดด่วนน่ะ” พูดจบก็ลุกไปแต่งตัว โดยที่พระพายไม่ได้พูดอะไรต่ออีกนอกจากมองตามอีกฝ่ายไป ก่อนจะล้มตัวลงนอน ไม่นานอาจารย์หมอก็ตามมานอนข้างๆพร้อมกับดึงคนรักเข้ามากอดเอาไว้หลวมๆไม่ให้อึดอัดกันจนเกินไปนัก แต่นั่นก็ทำให้พระพายรู้สึกอบอุ่นเสมอ ...



(มีต่อ Reply ถัดไป)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {END.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 09-11-2015 00:07:09
(ต่อ)


                วันรุ่งขึ้นพวกเขามาถึงโรงพยาบาลวิวรรธน์กันตั้งแต่เช้าตรู่ ห้องกิจกรรมของโรงพยาบาลถูกจัดให้เป็นห้องสำหรับการทำบุญในวันนี้ และได้เชิญชวนบุคลากร ญาติผู้ป่วยหรือแม้กระทั่งผู้ป่วยที่ร่างกายไม่ได้เป็นอะไรมากแต่หากอยากจะทำบุญก็ร่วมทำบุญด้วยกันได้
      ถึงเวลาทำบุญต่างคนก็นั่งฟังพระสวดอย่างตั้งใจและมีสมาธิ เป็นการทำบุญที่คล้ายๆกับการทำบุญบ้าน เพราะโรงพยาบาลก็เปรียบเสมือนบ้านอีกหลังของบุคลากรหรือแม้แต่ตัวคนไข้บางรายที่อาจจะต้องอยู่พักรักษาตัวนาน พระท่านก็มีการรดน้ำมนต์ ปัดเป่าสิ่งไม่ดีให้หมดไปจนพิธีเสร็จสิ้นลง จากนั้นก็เป็นการทานอาหารร่วมกัน


“ไม่อยากให้แม่กับยายกลับเลย” ขณะที่นั่งกินข้าวพระพายก็พูดออกมาเบาๆให้แม่กับยายของตัวเองได้ยินเพียงสองคน เพราะไม่อยากให้คนอื่นในโต๊ะได้ยินเดี๋ยวจะโดนแซว ถึงจะโตเป็นผู้ใหญ่ขนาดไหนแต่พอได้อยู่กับคนที่เลี้ยงดูมาก็ยังอยากจะอ้อนเป็นเด็กอยู่ดี


“ให้แม่ย้ายมาอยู่กับพายที่นี่เลยไหมล่ะ” พระพายพยักหน้าหงึกๆ จนคนแก่สองคนหัวเราะอย่างเอ็นดู


“ได้ที่ไหนกัน อยู่ที่นู่นสงบกว่าเยอะเลย เอาไว้แม่จะมาหาพายบ่อยๆ”


“พูดแล้วนะ ห้ามหลอกพายด้วย” อรวีณ์ลูบหัวของลูกชายด้วยความรัก คงไม่มีพ่อแม่คนไหนที่อยากจะให้ลูกของตัวเองไปอยู่ไกลสายตา ทว่าหน้าที่การงานก็เป็นเรื่องจำเป็น ฉะนั้นเวลาที่มีก็คงจะต้องใช้ให้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด


      ช่วงต่อไปคือจะเป็นแสดงโชว์จากแผนกต่างๆที่ส่งตัวแทนมา เพราะยังต้องมีคนที่จะต้องดูแลผู้ป่วยในแผนกอยู่ด้วย เมื่อแผนกกุมารฯที่เพื่อนสนิทอย่างบอสขึ้นแสดงก็ได้รับเสียงปรบมือกันดังก้อง เด็กๆที่เป็นคนไข้ของแผนกนี้ก็ถูกพยาบาลพามาเพื่อเป็นการผ่อนคลายที่ต้องอยู่แต่ในห้องพัก

      บอสแสดงเป็นตัวการ์ตูนจากวันพีช พระพายมองว่าเขาแต่งตัวตลกมากแถมการแสดงก็ยังไม่ประสีประสา แต่ก็ทำให้ดูตลกไม่น้อยจนต้องยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอเก็บเอาไว้ล้อเจ้าตัวหลังจากลงจากเวทีแล้ว ทว่าทุกการกระทำของพระพายก็ไม่รอดพ้นสายตาของคนรักขี้หวงอย่างอาจารย์หมอ


“น้อยๆหน่อยเราน่ะ ยิ้มปากจะฉีกแล้ว”


“พี่ไม่ตลกเหรอครับ บอสหน้าตาตลกจะตาย” พูดไปก็หัวเราะไป ซึ่งหมอซันเองก็ได้แต่เหล่มองอย่างไม่จริงจังนัก ไม่ได้รู้สึกหึงหวงอะไรมากมายแต่ก็แอบน้อยใจที่ตอนนี้สายตาของพระพายจับจ้องแค่หมอบอสบนเวทีมากกว่า


      การแสดงของแผนกอื่นๆจบลงตามลำดับ พิธีกรบนเวทีประกาศว่าต่อไปเป็นโชว์จากแผนกหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งได้รับเสียงฮือฮากันมาก เพราะไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเตรียมการแสดงมาในวันนี้ด้วย แม้แต่พระพายเองก็ไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ ทำให้เขาต้องหันขวับไปหาคนรักทีและเพื่อนสนิทของตัวเองที


“โชว์อะไรกันครับ!?”


“เดี๋ยวก็รู้ นั่งดูเฉยๆไปเถอะ” คำตอบที่ได้รับจากอาจารย์ภูตะวัน ทำเอาพระพายได้แต่อ้าปากค้าง น้อยใจอยู่ไม่ใช่น้อยที่ทุกคนซ้อมโชว์มาแต่ดันไม่มีเขารวมอยู่ด้วย ทั้งที่เขาก็กำลังศึกษาอยู่แผนกนี้ด้วยเหมือนกัน


      เพียงแค่ภูตะวันอาจารย์หมอที่ดูขรึม เนี้ยบ แต่ก็หล่อและเป็นที่หมายปองของสาวๆในโรงพยาบาล ขึ้นนั่งบนเก้าอี้ตัวสูงกลางเวทีก็ได้รับเสียงปรบมือ เสียงชมกันจนหนาหู พระพายเหลือบมองไปรอบๆงานก็พบว่าทุกสายตาจับจ้องไปที่คนรักของเขาไม่วางตาเลย

      เจ้าหน้าที่เวทีช่วยกันยกเครื่องดนตรีขึ้นมาบนเวที แพรดาวนั่งอยู่หน้าเปียโนหลังใหญ่ ตามด้วยหมอเอิร์ธหนุ่มหน้าตี๋ที่ดูดีมากเมื่ออยู่กับแซ็กโซโฟน สุดท้ายคงจะดูดีที่สุดในหัวใจของพระพายแล้ว ภูตะวันนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวสูงพร้อมด้วยกีตาร์หนึ่งตัวกับไมโครโฟนด้านหน้า อาจารย์หมอในสายตาของทุกคนกลายเป็นนักดนตรีสุดเท่ไปแล้ว ...


“ทุกคนคงจะไม่ได้เห็นผมในมาดนี้บ่อย เพราะฉะนั้นอย่ากระพริบตานะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาผ่านไมโครโฟน เป็นเสียงที่ดูน่าฟังกว่าปกติหลายเท่า ทุกคนในห้องปรบมือเสียงดังก่อนจะเงียบลงเมื่อเสียงเกากีตาร์จากปลายนิ้วของภูตะวันดังขึ้นก่อนจะตามด้วยเสียงแซ็กโซโฟนที่อบอุ่นของหมอเอิร์ธ



‘ฉันไม่คิดว่าฉันจะรู้ว่าคนเรานี้เกิดมีความรักอย่างไรกัน
ราวกับเป็นดั่งเช่นนิทานเรื่องราวเล่าขานว่ากาลครั้งหนึ่งวันนั้น

เริ่มจากคนสองคนที่เดินเข้ามา สบตาต่อกันสบตาประสานจิตใจ
เกิดเป็นความหมายต่อกัน อยากอยู่ใกล้ชิดผูกพันกันเรื่อยไป

เกิดเป็นความรัก .... ขึ้นในหัวใจ

ฉันไม่คิดว่าฉันจะรู้ว่าใจของฉันเกิดมีความรักเธอเมื่อใด
รู้แต่เพียงว่าจำภาพเธอขึ้นใจ จดจำเธอไว้เมื่อกาลครั้งที่เจอกัน
พบว่าลมหายใจเข้าออก ฉันมีเธอมีแต่เธอเท่านั้น
หลับตาก็เห็นหน้าเธอ เร่งวันให้พบหน้ากัน
อยากอยู่ใกล้ชิดผูกพันกันเรื่อยไป

เกิดเป็นความรัก ... ให้เธอทั้งใจ

หากเธอนั้นต้องการจะถาม ยากจะหาถ้อยคำอธิบาย
มันเกิดขึ้นที่หัวใจ บอกเธอได้แค่นี้’



            จนเมื่อเพลงจบลง นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่พระพายเชื่อคำพูดภูตะวันอย่างสนิท เขาไม่อาจละสายตาไปจากใบหน้าของคนรักได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ทุกท่วงทำนอง ทุกถ้อยคำของเนื้อเพลง รวมถึงรอยยิ้มและสายตาที่อาจารย์หมอส่งมา มันทำให้เขาประทับใจอย่างที่สุด


“ออกมากับพี่หน่อย” หลังจากที่ลงเวทีมาแล้วก็ตรงมาจูงมือคนรักทันที พระพายเองก็งงไม่น้อยแต่ก็ยอมลุกตามไปโดยมีสายตาหยอกล้อจากผู้ใหญ่และเพื่อนสนิท


“ไปไหนครับ”


“ไปหาที่คุยกัน”


      ร่างสูงพาคนรักขึ้นมาที่ดาดฟ้าสูงของตึกหนึ่งในโรงพยาบาล เป็นดาดฟ้าที่ไม่ได้เป็นสวนย่อมเหมือนตึกอื่นแต่เป็นเพียงพื้นที่โล่งๆเท่านั้น แสงแดดในตอนสายๆไม่ได้ทำให้อากาศร้อนมากนัก ลมที่พัดก็ไม่ได้แรงจนเกินไป พระพายมองไปรอบๆด้วยรอยยิ้มเล็กๆ เขาไม่เคยขึ้นมาบนดาดฟ้าที่ตึกนี้มันเป็นมุมที่สวยกว่าที่เขาเคยเห็นมาเสียอีก


“ชอบรึเปล่า?”


“.........”


“เพลงที่พี่ร้องไง พี่ร้องให้เรานะ”


“ขอบคุณนะครับ ... ที่ทำให้พายรู้จักเพลงนี้ ถ้าพี่ไม่ร้องพายไม่รู้จักแน่ๆ มันไม่ใช่เพลงสมัยพาย” ภูตะวันมีสีหน้าผิดหวังลงไปถนัดตา เขาทำคอตกก่อนจะเบือนหน้าหนีและมองไปยังวิวเบื้องหน้าแทน พระพายได้แต่กลั้นขำที่แกล้งอีกฝ่ายได้สำเร็จ


“พายล้อเล่นน่า อะไรที่พี่ทำมันมาจากใจให้พาย พายชอบหมดแหละครับ”


“.... พี่จริงจังกับพายจริงๆนะ” คนตัวสูงไม่มีแววล้อเล่นแต่อย่างใด เขาจับสองมือของคนรักมากุมเอาไว้ พระพายระบายยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกดี แม้ไม่ใช่คำบอกรักแต่ฟังแล้วก็มีความหมายที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขา สายตาของภูตะวันที่ส่งมามันไม่ได้โกหกเขาเลย


“พายก็จริงจัง”


“ถ้างั้นขอจูบหน่อย จะได้รู้ว่าจริงจัง” ไม่เพียงแค่พูดแต่หมอซันยื่นหน้าไปหาทันที พระพายที่ไหวตัวทันชักเท้าถอยหลังทันทีด้วยสัญชาติญาณ ดวงตากลมมองรอบๆอย่างระมัดระวัง


“อยู่บนดาดฟ้า ใครจะมาเห็น”


“............” พระพายเม้มปากอย่างครุ่นคิด แต่ในที่สุดก็ยอมให้กับผู้ชายตรงหน้า เปลือกตาสีอ่อนปิดลงรับสัมผัสที่นุ่มนวลจากคนรักที่ค่อยๆประทับจูบเขาช้าๆ มือหนาโอบเอวของคนตัวเล็กกว่ารั้งเข้ามาให้แนบชิดจังหวะเดียวกับที่พระพายยอมเปิดปากให้เขาสัมผัสมันมากยิ่งขึ้น เป็นเวลาชั่วครู่ถึงได้ผละออกและมองกันด้วยรอยยิ้มที่แสนจะอบอุ่น


“เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ!!!!”


“............” เสียงเฮและเสียงพลุกระดาษดังขึ้นจากด้านหลังจนพระพายสะดุ้งและหันไปมองอย่างตกใจ ก่อนจะวิ่งไปหลบด้านหลังของคนรักตัวใหญ่ด้วยความเขินอายทันที เพราะคนที่เปิดประตูเข้ามาคือบรรดาหมอเพื่อนสนิทของเขา


“หลบทำไมพาย!?” บอสตะโกนถามเพื่อนอย่างขำขันเมื่อเห็นว่าพระพายหลบอยู่ด้านหลังและกอดเอวของอาจารย์หมอเอาไว้ โดยที่ภูตะวันก็ได้แต่เอี้ยวตัวมองพร้อมกับหัวเราะไปด้วยเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมโผล่หน้าออกมาเจอคนอื่นเลย


“เราอาย!!”


“อายทำไม พวกเราเห็นหมดแล้ว!!” กลายเป็นทำให้พระพายอายหนักยิ่งกว่าเก่า ทุกคนต่างหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน มีเพียงพระพายที่อายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีแต่สุดท้ายก็ยอมออกมาเจอทุกคน ด้วยใบหน้าที่แดงจัดจนภูตะวันต้องโอบไหล่เอาไว้


“ไอ้พวกบ้าเอ๊ย!”


“พวกเราไปกันดีกว่า ปล่อยให้เขาจูบกันต่อเถอะ” หมอเอิร์ธพูดแซวบ้างก่อนจะโบกมือลาพร้อมกับหน้าตาล้อเลียนจนพระพายได้แต่กลอกตาไปมาให้กับความกวนของบรรดาเพื่อนตัวเอง


“เฮ้อออออ”


“นี่ .. ย้ายแผนกไปเรียนต่อก็อย่าไปหลงหมอแผนกนั้นรู้ไหม?” อาจารย์หมอใช้นิ้วชี้จิ้มปลายจมูกของคนรักเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว อีกไม่กี่เดือนพระพายก็ต้องย้ายไปแผนกอื่นเพื่อเป็นเรสสิเดนท์ของแผนกนั้นต่อ


“พี่ก็เหมือนกัน เดี๋ยวก็ต้องมีเรสสิเดนท์หน้าใหม่เข้ามา ห้ามเลยนะครับห้ามเกินความเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์นะ” หมอหน้าหวานกลายเป็นหน้าดุทันทีเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ถึงแม้จะไว้ใจและเชื่อใจว่าคนรักจะไม่เป็นคนแบบนั้น แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ที่ต้องมีใครใหม่ๆเข้ามา


“รับทราบ” พระพายยิ้มพอใจกับคำตอบ ก่อนจะสวมกอดคนตัวสูงเอาไว้ด้วยความรัก มือหนาลูบหัวกลมของคนรักอย่างเอ็นดูพร้อมกับกอดตอบอีกฝ่ายไว้


      ความรักมันไม่ได้เริ่มจากว่ารู้จักกันนานเท่าไหร่ทว่ามันอยู่เขาใช่มากแค่ไหนสำหรับเรา สำหรับเขาทั้งคู่แล้วการที่ได้ทำงานด้วยกันผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย มันทำให้เขารู้จักกันและให้ความสำคัญของกันและกันมากขึ้น มาเติมเต็มความไม่พอดีของกันและกันจนมันสมบูรณ์

      คงพูดไม่ได้ว่าจะรักกันตลอดไปเพราะไม่มีใครรู้อนาคต แม้กระทั่งคนที่เป็นหมออย่างพวกเขาก็ไม่สามารถกำหนดชะตาชีวิตใครได้ หมอไม่ใช่พระเจ้า ... แต่พวกเขาก็จะเดินไปด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ ชีวิตของหมอที่อาจจะไม่มีเวลาให้กัน แต่ก็จะผ่านมันไปให้ได้ด้วยความเข้าใจ ...



**********************************




Talk : คงพูดไม่ได้ว่าเป็นตอนจบที่สมบูรณ์ที่สุด แต่เราก็ชอบมันที่สุดนะ
คู่นี้เขาไม่ได้หวือหวากันมาตั้งแต่แรก แค่อาจารย์หมอร้องเพลงให้ก็ว่าเกินคาดละค่ะ 55555



ตอนนี้คงต้องขอบคุณทุกคนจริงๆ
ขอบคุณที่คอยติดตามการอัพ
ขอบคุณที่อ่านนิยายของเรา (ไม่คิดว่าจะมีคนอ่านเยอะด้วยซ้ำ)
ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์เลยนะคะ
ขอบคุณจริงๆค่ะ *กราบบบบ*


ถ้าคิดถึงกันไปคุยกับเราได้ที่ twitter : @Ggbazo นะคะ
หรือถ้าแฟนเพจก็ได้น้าาาา บ๊ายยบายยยย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: gasia ที่ 09-11-2015 00:21:43
แอร๊ยยยย จบแล้ววววววววววว รอตอนพิเศษนะคะ ต้องคิดถึงหมอซันกับหมอพายแน่ๆเลย
คู่นี้น่ารักกันจนหยดสุดท้ายจริงๆ
อาจารย์หมอร้องเพลงอ้ะ ว๊ายยยย ><
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 09-11-2015 00:28:18
หมอซันอบอุ่นเหมือนชื่อ ชอบบบ

จบอย่างสวยงาม ขอบคุณคนเขียนมากนะคะสำหรับนิยายดีๆ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 09-11-2015 06:15:34
น่ารักมากๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 09-11-2015 07:14:38
เราจะรอภาคสองน้าาาา เรื่อยๆน่ารัก ไม่หวือหวา แต่อบอุ่นกัวใจ :)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 09-11-2015 08:49:09
น่ารักไปค่ะคุณหมอ
อิจฉาจังเลย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 09-11-2015 08:51:35
เป็นตอนจบที่อบอุ่น
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-11-2015 09:08:21
จะภาคสองหรือจะตอนพิเศษเราก็รอทั้งนั้น

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 09-11-2015 11:07:12
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmieri ที่ 09-11-2015 14:26:55
แงงงงง น่าร้ากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 11-11-2015 12:38:24
จบอย่างสวยงาม น่ารักมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 11-11-2015 13:23:27
เรื่องร้ายๆ ผ่านไปได้ด้วยดี คนผิดก็ได้รับโทษที่ตัวเองก่อ
ดีใจกับหมอทั้งสองคนด้วย

ปล.ขอบคุณสำหรับนิยาย :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Pandora20 ที่ 16-11-2015 13:35:14
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีนะคะ อบอุ่นมากกกกกก //อยากอ่านตอนพิเศษพี่หมอกดน้องจุงงงง 5555 #เรียกร้อง
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 16-11-2015 13:59:51
เป็นอีกเรื่องที่สนุกมากๆครับ
น้องหมอพายน่ารักดี

คำบรรยาย การเขียน ไหลลื่นดีมากครับ
สำนวนการแต่งทำให้อ่านแล้วสบายตาสบายใจครับ

ขอบคุณผู้แต่งสำหรับเรื่องดีๆนะครับ
หวังว่าจะแต่งเรื่องสนุกเรื่องอื่นให้อ่านอีก

แนะนำสำหรับคนที่ลังเลนะครับ เรื่องนี้อ่านเหอะ สนุกครับ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: DE SaiKuNee ที่ 21-11-2015 18:16:59
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 26-11-2015 00:26:27
เพิ่งตามมาอ่านตอนจบ
ขอบคุณคนแต่งอีกครั้งนะคะ
เป็นนิยายอีก 1 เรื่องที่รักมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 26-11-2015 15:27:06


อ่านเพลิน

ได้ความรู้

เห็นแล้วรักเลย

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 27-11-2015 08:51:15
สนุกมากค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 27-11-2015 09:47:57
 :pig4: :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 27-11-2015 20:30:19
สนุกมากๆค่ะ อยากให้มีรวมเล่ม
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 28-11-2015 01:40:09
ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้ สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 28-11-2015 03:00:00
ระทึกและใสๆดีค่าาาาาาา ประหนึ่งได้เป็นหมอเองเลย ฮ่าๆๆๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-11-2015 13:32:52
น่ารักมากๆ ครับ //ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารักๆ แบบนี้นะครับ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: pphingxoxo ที่ 28-11-2015 15:36:20
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
เนื้อเรื่องน่าติดตาม และ ให้ความรู้ดีค่ะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 28-11-2015 15:52:57
แปะป๊าบ!!!!!
เป็นนิยายที่ดีจริงๆค่ะ อาจจะไม่ได้ตลก รักกันหวานแหวว หรือมีฉากNC สะท้านโลกา แต่นิยายเรื่องดีให้ความรู้สึกละมุน อ่านสบาย ทั้งลุ้นทั้งให้ความรู้
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 28-11-2015 16:37:58
อ่านรวดเดียวจบ. น่ารักมากค่ะ.  ละมุนอบอุ่น เป็นกำลังใจในคนเขียนสร้างผลงานต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ยอดมนุษย์ขนมปัง ที่ 28-11-2015 16:43:58
สนุกมากๆเลยค่ะ รู้สึกตื้นตันในความรักของทั้งสองหมอเลย

ยังอยากอ่านภาคต่ออยู่นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 28-11-2015 20:26:34
สุดยอด บอกเลยว่าเรื่องนี้สุดยอดมาก  o13 o13 o13

ตอนแรกเห็นชื่อเรื่อง มโนเอาประมาณง่า เป็นเรื่องรักหวานของหมอ แต่พอมาอ่านแล้ว ถึงกับแปลกใจเลย ว่าเรื่องผิดจากที่เดาเยอะ มีการเล่นในเรื่องฆ่าคน ลักลอบเอาอวัยวะภายในด้วย ผูกเรื่องได้ดีมาก ได้ความรู้ในเรื่องการแพทย์ระดับนึง

ความรักที่น่ารักมาก ไม่หวือหวาเกินไป ความรักในรูปแบบเพื่อน และ ครอบครัว

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ สนุกๆ ที่มีมาให้อ่านกันครับ อ่านแล้วเหมือนจะเครียด แต่ไม่เครียดเลย อ่านแล้ววางแทบไม่ลง เลยอ่านรวดเดียวจบเลย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 29-11-2015 03:39:41
ชอบหมอพายค่ะ หมอซันด้วย โอ๊ยย หลง ต่อไปต้องไปโรงบาลจะไม่กลัวหมอศัลย์แล้วค่ะ 5555

ขอแก้คำผิดที่เห็นบ่อย ๆ  ให้หน่อยนะคะ คำว่า อิดโรย ต้องสะกดแบบนี้นะคะ ไม่ใช่ อิฐโรย
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: z9_0 ที่ 29-11-2015 09:03:34
เห้ยคือดีงามมากค่ะ หมดซันน่ารักมาก พายก็น่ารักน่ะ เป็นความที่ไม่หวือหวาอะไรแต่หวานได้ดังใจมาก เป็นเรื่องที่ดีมาก ภาษาการเขียนก็ดี ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่ดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 29-11-2015 13:42:19
 o13
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: psyche ที่ 30-11-2015 16:38:47
เป็นนิยายที่ไม่หมือหวา ไม่หวานแหวว ไม่มีฉากรักร้อนแรง
แต่เป็นนิยายที่อ่านแล้ว อยากอ่านตอนต่อไปเรื่อยๆ
สนุกค่ะ รอนิยายเรื่องต่อไปของผู้แต่งนะคะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 30-11-2015 19:52:50
สนุกมากๆๆๆๆ ไม่หวือหวา แต่อ่านแล้วสบายใจค่ะ ฮือออ รอตอนพิเศษนะคะะะ รึภาคสองน้อออ  :hao3:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: popuri ที่ 04-12-2015 07:24:26
พึ่งได้มาอ่านค่ะ รวดเดียว 25 ตอนเลย ฮือออออ ชอบมากกกก
เป็นนิยายหมอๆ ที่ประทับใจที่สุดของเราตอนนี้เลยค่ะ
ความสัมพันธ์ค่อยเป็นค่อยไป มีประเด็นให้ติดตาม
สุดท้ายก็ได้ชื่นใจ ดีมากจริงๆค่ะ ฟีลกู้ดมากๆ  :hao5:

ปล ชอบหมอซันจังเลยค่ะ ชอบคาแรคเตอร์แบบนี้มากๆ แต่ยอมให้พายละกัน 5555
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 04-12-2015 14:37:02
อ่านรวดเดียวจบสนุกมาก ชอบชอบ น่ารัก
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: maykiz ที่ 06-12-2015 11:35:03
น่ารักมาก ขนาดไม่มีnc ยังสนุกเลย คือดีอะ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Kamung ที่ 06-12-2015 14:16:39
สนุกมากฮะ อ่านรวดเดียวจบ วางไม่ลงงง งื้ออออ  :z2: :hao7:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 22-12-2015 18:04:55
สนุกมากกก ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 23-12-2015 00:37:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 11-01-2016 13:08:04
ขอบคุณค่ะ เรื่องสนุกมาก  :mew3:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 13-01-2016 22:07:41
สนุกมากๆเลยเรื่องนี้ เรื่องราวน่าสนใจ ใช้สำนวนดีมาก แถมยังได้ความรู้เกี่ยวกับทางการแพทย์อีกด้วย แล้วตอนที่อาจารย์หมอกับลูกศิษย์หวานๆใส่กันนี้ก็ทำเอายิ้มแก้มแตกเลย ชอบบบบบบ


 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 15-01-2016 23:45:49
โอ้ยยย เราพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงเนี่ย!!
ยกให้เป็น 1 ในเรื่องที่ดีที่สุดที่เราเคยอ่านมาเลย

พลอตดี แหวกใหม่ แทรกความรู้
ไม่ยื้อเรื่องจนยืดเหมือนหลายๆ เรื่องที่เคยอ่าน
ที่สำคัญ.. สนุก มากกกกกกกกกกกกกก มากกกกกกก มากกกกกก
เราอ่านแล้วลุ้นตามไปตลอดเลย

เราชอบความรักแบบนี้ด้วยหละ ไม่ต้องหวือหวามาก โตๆ กันแล้ว
อ่านปล้วมันละมุนนะ อิ่มใจด้วย

เรื่องปมของหมอนี่ทำให้ลุ้นไปด้วยตลอดจริงๆ
แต่แอบติดใจว่าทำไมคนที่ร้ายขนาดนี้ถึงยอมรับโทษ ดูแปลกๆ
เสียดาย น่าจะตีฉากนี้ให้เข้าใจอีกนิด
(แต่ถ้ามองในมุมคนนอกก็คงไม่รู้แบบนี้หละ5555)

อีกอย่างที่อยากขอบคุณคือเรื่องการแพทย์ เขียนข้อมูลจริงจังมาก
เรารู้สึกเหมือนอ่านนิยายวงการแพทย์ที่จริงจังอยู่เรื่องหนึ่งไปเลย
ขอบคุณมากกก

โอ้ย ไม่รู้จะชมอะไรดี รู้สึกชอบมาก อยากชมเต็มไปหมดเลย

ยังไงต้องขอบคุณที่เขียนเรื่องดี ๆ แบบนี้มาให้อ่านนะคะ :-)
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 16-01-2016 04:40:17
สนุกมาก อ่านทีเดียวจบ หุหุ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: SWIM ที่ 17-01-2016 22:25:10
สนุก มีสาระ อบอุ่น ชอบมากกกกก ><
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: jennyha ที่ 19-01-2016 22:13:17
โอ้ยยหวานอ่าา สนุกมากเลยคะะ
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: san ที่ 23-01-2016 18:12:34
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: แม่หมู ตัวอ้วน ที่ 27-01-2016 09:56:16
 :L2: ขอบคุณคนเขียนนะคะ นิยายดีมากกกกกกกกกก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 25 {end.} (09-11-58)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥MPEGz♥ ที่ 05-02-2016 20:11:15
 :o8: อ่านเรื่องนี้แล้วเขินแรง ปริ่มมากค่ะ น้องพายกับพี่ซัน เขินนนนนน5555 นิยายเลอค่ามากค่ะ อยากบอกว่าชอบเรื่ิองนี้จัง :L2:
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 31-03-2016 16:22:18

ตอนพิเศษ
‘Old Friend.’



      หนึ่งปีการศึกษาผ่านไป แพทย์ประจำบ้านปีหนึ่งได้เลื่อนชั้นขึ้นเป็นแพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่สอง หลักสูตรศัลยศาสตร์ในปีที่ 2 นี้มีข้อกำหนดของการฝึกอบรบและประสบการณ์เรียนรู้เป็นระยะเวลา 24 เดือนหรือโดยรวมคือ 2 ปีเต็ม ซึ่งต้องมีการหมุนเวียนปฏิบัติในสาขาต่างๆของภาควิชาศัลยศาสตร์ทั้งหมดตามที่หลักสูตรกำหนดไว้ให้
      แพทย์ประจำบ้านปีสองหมาดๆ นั่งจับกลุ่มคุยกันในเวลาว่างเกี่ยวกับหลักสูตรในปีนี้อย่างออกรส ดูเหมือนว่าอนุวัฒน์จะเป็นคนเดียวที่ดูจะโอดโอยกับหลักสูตรปีนี้มากกว่าคนอื่น

   “ศัลยศาสตร์อุบัติเหตุสิบสองเดือน อยู่แต่ OPD กับ OR อันนี้ไม่ต่างจากปีที่แล้วเท่าไหร่...” (OPD=Outpatient Department แผนกผู้ป่วยนอก , OR=Operating room ห้องผ่าตัด)

   “แต่ฝึกอบรมสาขาอื่นๆของศัลยศาสตร์แต่ละสาขาเป็นเวลาหนึ่งถึงสามเดือน ซึ่งรวมแล้วต้องได้ 20 เดือน หินมาก!! ฉันอยากฝึกวิชาเลือกจะแย่แล้วววว” อนุวัฒน์ทำหน้าเบื่อเมื่อเห็นหลักสูตรทั้งหมด เขาทิ้งตัวกับพนักเก้าอี้จนเกือบหงายหลัง เป็นเหตุทำให้เกิดเสียงหัวเราะในกลุ่มเพื่อนอย่างตลกขบขัน

   “พูดถึงวิชาเลือก อยากฝึกอะไรกันเหรอ?” พระพายถามขึ้นด้วยความสนใจ เพราะที่ผ่านมาก็แทบจะไม่เคยคุยกันเรื่องวิชาเลือกที่ต้องเลือกศึกษาเลย ด้วยเพราะตอนนั้นคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา

   “เราอยากศึกษาประสาทศัลยศาสตร์” แพรดาวตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ แต่เพื่อนสองคนของเธอกับมีสีหน้าตกใจ ไม่คิดว่าผู้หญิงอย่างแพรดาวจะสนใจเรื่องนี้ มันดูยุ่งยากพอสมควรทีเดียว

   “ทำไมล่ะ?”

   “เพราะฉันอยากเห็นสมองคนจริงๆน่ะสิ” แพรดาวตอบพระพายด้วยเสียงที่ฟังดูน่าขนลุก แต่สายตาที่แน่วแน่ของเธอนั่นทำให้รู้ว่าเธอชอบและตั้งใจอยากจะศึกษาจริงๆ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะได้เห็นแพรดาวเป็นศัลยแพทย์เฉพาะทางประสาทก็ได้

   “แกล่ะเอิร์ธ สนใจอะไรจ๊ะ?” หญิงสาวถามอีกฝ่ายอย่างกวนๆ เป็นปกติที่จะเห็นสองคนนี้คอยกวนคอยแกล้งกัน ดูเหมือนจะไม่ลงรอยหากมองคนภายนอก แต่ถ้าได้รู้จักทั้งสองคนสนิทและหวังดีต่อกันมาก

   “อายุรศาสตร์ระบบทางเดินอาหาร” พระพายนิ่งไปเมื่อฟังอนุวัฒน์พูดจบ

      ระบบทางเดินอาหารมันอดจะทำให้เขานึกถึงพฤติพงศ์ไม่ได้ ผ่านไปหนึ่งปีที่เรื่องร้ายๆนั้นมันจบลง เขาไม่รู้ข่าวของผู้ชายคนนั้นอีกเลยและไม่เคยที่จะนึกถึงมันอีก แต่คำพูดของอนุวัฒน์ก็ทำให้เขานึกถึงมันขึ้นมา

   “พาย!” เจ้าของชื่อสะดุ้งเมื่อเสียงเพื่อนที่เรียกเตือนสติดังอยู่ใกล้หู พร้อมกับทำหน้าเหวอจนเพื่อนสองคนทำสีหน้าแปลก
ใจที่อยู่ดีๆก็เหม่อไปเสียอย่างนั้น

   “เหม่ออะไร!? เราถามว่าแล้วพายล่ะสนใจสาขาไหน?” แพรดาวถามย้ำอีกครั้ง

   “อ๋อ เราเหรอ ยังไม่รู้เลยอะ...คงต้องปรึกษาอาจารย์อีกที” เขาตอบอย่างหนักใจ เพราะเอาเข้าจริงๆเขาเองก็ยังไม่ได้คิดเลยด้วยซ้ำ ด้วยความที่ไม่ได้อยากเรียนหมอตั้งแต่แรกจึงไม่มีอะไรที่สนใจเป็นพิเศษนัก แต่พอได้ซึมซับความเป็นแพทย์มาหลายปีก็พอจะมีอยู่ในใจบ้างแต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันจะใช่จริงๆไหม

   “ดีเน้อออ มีแฟนเป็นอาจารย์หมอ” อนุวัฒน์แซวเพื่อนด้วยความอิจฉาเล็กๆ พระพายไหวไหล่พร้อมกับเบะปากเล็กน้อยอย่างผู้ชนะ ปกติจะอายและค่อนข้างถ่อมตัวแต่เมื่อถูกแซวบ่อยๆเขาก็เริ่มจะชิน

      ทั้งสามคนคุยกันสนุกสนานแม้ว่าเรื่องหลักสูตรของปีนี้จะยากขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ก็ไม่อยากจะเก็บเอามาเครียดในเมื่อก็ต้องเจอกับมันอย่างหลีกหนีไม่ได้อยู่ดี อีกอย่างหากว่ามันเป็นสิ่งที่ชอบก็คงไม่มีอะไรจะยากเกินความสามารถของคนเรา...


      ช่วงเย็นหลังจากที่เลิกงาน ภูตะวันและพระพายก็กลับคอนโดด้วยกันเหมือนทุกวัน แม้จะมีคนสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆว่าทั้งคู่เป็นอะไรกัน พวกเขาก็เริ่มจะไม่ใส่ใจว่าจะรู้หรือไม่รู้ จะคิดว่าเป็นอาจารย์ลูกศิษย์เหมือนเคยหรือจะคิดว่าพัฒนาความสัมพันธ์จนเป็นคนรักยังไงก็ตามแต่ สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถทำลายอะไรได้อยู่ดี เพราะการที่เขาจะรักกันไม่ได้ทำให้มาตรฐานในการรักษาลดน้อยลงแต่อย่างใดหรืออีกแง่หนึ่งคือมันไม่ได้เกี่ยวกันเลย...

   “เย็นนี้กินข้าวข้างนอกดีไหม?” ภูตะวันเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาในระหว่างที่ขับรถกลับคอนโด

   “หืม? อารมณ์ไหนครับ” พระพายหัวเราะเล็กน้อยถามคนรักด้วยความแปลกใจ ไม่บ่อยนักที่เขาทั้งคู่จะใช้เวลาทานข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารข้างนอก

   “อืมมม อารมณ์อยากฉลองให้นายแพทย์พระพายที่ได้เป็นแพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่สองแล้วไง” เขาพูดเหตุผลของตัวเองพลางเหลือบตามองคนข้างๆที่กำลังนั่งหัวเราะกับเหตุผลของเขา

   “เลี้ยงใช่ไหมครับ?”

   “แน่นอน อยากกินอะไร?”

   “...ข้าวต้มแล้วกันครับ” เขาใช้เวลาคิดแค่เพียงชั่วครู่เท่านั้น ก่อนจะตอบคำถามของอีกฝ่ายออกมาด้วยรอยยิ้มเล็กๆโดยที่ภูตะวันไม่เห็น

   “ร้านไหน?”

   “เดี๋ยวพายบอกแล้วกันครับ กลับไปอาบน้ำกันก่อนดีกว่าค่อยออกมา”

   “ลับลมคมในเยอะนักนะเรา” อาจารย์หมอบ่นอุบ ไม่เคยรู้ว่าแค่การจะเลือกร้านกินข้าวต้มจะต้องเป็นความลับที่บอกตอนนี้ไม่ได้ คนถูกบ่นได้แต่นั่งอมยิ้มหัวเราะอยู่คนเดียวไม่ได้สะทกสะท้านอะไร ทว่าหมอซันกลับมองว่ามันเป็นความน่ารักที่เจ้าตัวทำออกมาอย่างธรรมชาติโดยไม่รู้ตัว


      แม้จะเป็นช่วงหัวค่ำแต่กลับเป็นช่วงเวลาที่รถยังคงติดหนักอยู่เหมือนเดิม กว่ารถเบ๊นซ์คันหรูจะพาทั้งสองคนมาถึงก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมงทั้งที่ก็ไม่ได้ไกลจากคอนโดเสียเท่าไหร่นัก และเพียงแค่เคลื่อนรถมาจอดก็ทำให้ภูตะวันค่อนข้างจะแปลกใจ เพราะร้านที่พระพายเป็นฝ่ายบอกทางคือร้านที่ขับรถผ่านอยู่ทุกวันแต่ไม่เคยได้สนใจ ที่สำคัญเป็นร้านที่เขาเคยพาอีกฝ่ายมาเมื่อนานมาแล้ว...

   “ไม่คิดว่าพายจะจำร้านนี้ได้”

   “จำได้สิครับ อาหารมื้อแรกที่เรากินด้วยกัน” พระพายตอบด้วยรอยยิ้ม ทำให้อาจารย์หมอยิ้มตามอย่างรู้สึกดี ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กน้อยที่น่าจะลืมไปแล้วเสียด้วยซ้ำเพราะเขาเองก็เกือบลืมมันไป แต่อีกฝ่ายยังจำมันได้ดีแม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วทั้งๆที่ตอนนั้นเขายังไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกันเลย

   “ไปเถอะครับ พายหิวแล้ว” มือเล็กตบท้องตัวเองพร้อมกับทำหน้ายู่ให้รู้ว่าหิวจริง เพราะกว่าจะฝ่ารถติดมาได้นานเกือบชั่วโมง ทำเอาหิวจนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด

      ได้โต๊ะนั่งก็สั่งกับข้าวที่อยากกินและไม่ลืมที่จะสั่งข้าวต้มของสำคัญ ภูตะวันอดจะนึกถึงบรรยากาศในวันนั้นไม่ได้ จึงหลุดยิ้มออกมาในระหว่างที่ทบทวนถึงวันนั้น

   “ยิ้มอะไรครับ?” พระพายถามอย่างระแวง อยู่ดีๆคนรักก็นั่งยิ้มออกมาคนเดียว

   “พายในวันนั้นกับพายในวันนี้ เหมือนคนละคน” เขาพูดพลางมองคนตรงหน้าด้วยแววตาหวานเชื่อม จนอีกฝ่ายออกอาการอายเล็กน้อยแต่ก็สงสัยในคราวเดียวกันว่าเขาในวันนั้นกับวันนี้ต่างกันยังไง

   “ยังไงครับ?”

   “ตอนนั้นพายเป็นลูกศิษย์พี่ แต่ตอนนี้พายเป็นแฟน...” พระพายกระพริบตาปริบๆกับมุขเสี่ยวของอาจารย์หมอ ถึงแม้ในใจลึกๆจะเขินแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ ก่อนจะคิดอะไรออก

   “...พี่ก็เหมือนคนละคนเหมือนกันครับ”

   “.............” ภูตะวันเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม

   “ตอนนั้นน่ากลัว ตอนนี้ติ๊งต๊อง” พระพายหัวเราะชอบใจ อาจารย์หมอมองอย่างคาดโทษก่อนจะกระแอมอย่างเก้อเขินพร้อมกับขยับตัวนั่งให้ความมีภูมิฐานของตัวเองกลับคืน ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนรักเขาอาจจะไม่ประเมินผ่านให้เด็กคนนี้ก็ได้

      แต่สิ่งที่พระพายพูดก็อาจจะถูก เพราะตั้งแต่มีพระพายเข้ามาชีวิตของภูตะวันก็ดูมีสีสันมากขึ้น เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเพราะความรักหรือเพราะพระพายที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ เขาสนใจคนรอบข้างมากขึ้น ยิ้มมากขึ้น ใจดีมากขึ้นจนคนไข้ก็เริ่มไม่ค่อยกลัวกันแล้ว แม้กระทั่งบุคลากรในโรงพยาบาลก็กล้าที่จะพูดคุยกับเขามากขึ้น ก็คงนับได้ว่าเป็นเรื่องดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิตแม้คนรักจะหาว่าติ๊งต๊องก็ตามที...

   “พี่จำได้ว่าตอนนั้นพายแอบมองพี่ คิดอะไรอยู่...บอกได้ไหม?” หมอซันพูดในระหว่างที่กำลังทานข้าว พระพายแทบสำลักข้าวออกมาเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงเรื่องน่าอายของตัวเองในตอนนั้น

   “อยากรู้ทำไมครับ” ดวงตากลมมองล่อกแล่ก หันไปหยิบน้ำขึ้นมาจิบเพราะไม่อยากจะตอบ

   “ก็อยากรู้ว่าตอนนั้นพายคิดอะไร” พระพายเม้มปากสูดลมหายใจเข้าลึกๆรวบรวมพลังก่อนจะพ่นออกมาเบาๆ มองคนรักด้วยสายตาแน่วแน่

   “...พาย”

   “...........” ภูตะวันเงียบไม่พูดอะไรเพราะกำลังรอฟัง

   “พายมององค์ประกอบของใบหน้าพี่ พี่หล่อ พายไม่คิดว่าพี่จะแก่แล้ว” แสร้งทำหน้าซื่อ เพราะสุดท้ายแล้วประโยคหลังก็ทำให้เขาได้แก้เผ็ดคนรักที่ขุดเรื่องน่าอายของตนขึ้นมา อาจารย์หมอหุบยิ้มมองคนรักตาเขม็งทว่าพระพายกลับไม่รู้สึกเกรงกลัวสักนิด หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่กล้า

   “ร้ายขึ้นทุกวัน” บ่นอย่างไม่จริงจังนัก แต่ก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายร้ายใช่เล่น ซึ่งจริงๆแล้วเขาเองก็ไม่ได้ไม่ชอบออกจะรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เห็นพระพายร่าเริงขี้เล่นไม่ต้องมีเรื่องให้เครียด

   “จะไม่รักก็ได้นะครับ” พระพายพูดอย่างผู้ชนะ คนฟังยิ้มมุมปากก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้พระพายถึงกับหน้าคว่ำหน้างอ ตวัดตามองค้อนคนรักเล็กน้อย

   “ไม่ได้หรอก เดี๋ยวมีคนร้องไห้”

   “นิสัย...” อาจารย์หมอหัวเราะหลังจากอีกฝ่ายพูดออกมา เป็นปกติที่มักจะแกล้งกันไปแกล้งกันมาแบบนี้ เพราะรู้กันดีว่าไม่ได้จริงจังอะไร เพราะสุดท้ายแล้วก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิม

   “แล้วหลักสูตรปีนี้เป็นยังไง หนักเลยล่ะสิ”

   “ก็หนักอยู่ครับ พายว่าจะปรึกษาพี่ว่าวิชาเลือกพายจะเลือกอะไรดี”

   “ไม่มีที่พายชอบเป็นพิเศษเลยเหรอ?”

   “...กุมารศัลยศาสตร์ก็น่าสนใจดีนะครับ” ถึงจะไม่ได้ชอบมาก แต่ก็ดูน่าสนใจมากที่สุดในตอนนี้สำหรับเขา แต่ยังพอมีเวลาอีกนานที่เขาจะตัดสินใจ พรุ่งนี้เขาอาจจะเปลี่ยนไปสนใจสาขาอื่นก็ได้

   “ก็ดีนะ พายชอบเด็กน่าจะอยู่กับเด็กได้” ภูตะวันนึกถึงเวลาที่คนรักได้อยู่กับผู้ป่วยเด็ก พระพายจะอ่อนโยนกับเด็กๆเสมอ ผู้ป่วยเด็กในแผนกของเขามีไม่มากนักแม้นานๆจะมีหลุดเข้ามาแต่สุดท้ายเด็กเหล่านั้นก็จะติดใจความใจดีของหมอพายและมักจะร้องหาคนรักของเขาอยู่บ่อยๆ

   “เอาไว้พายค่อยคิดอีกทีแล้วกันครับ” พระพายเอ่ยตัดบทยังไม่อยากพูดถึงเท่าไหร่นัก จะทำให้เก็บไปคิดมากเสียเปล่าๆ จึงปล่อยผ่านไปก่อนเดี๋ยวใกล้ถึงเวลาค่อยตัดสินใจ


      จนเวลาผ่านไประหว่างที่ขับรถกลับคอนโด ความเงียบอาจจะทำให้มีเวลาได้นึกถึงเรื่องบางอย่างที่อยู่ในใจ จู่ๆพระพายก็นึกถึงเรื่องของพฤติพงศ์ขึ้นมาอีกครั้งอาจเป็นเพราะยังคาใจตั้งแต่เมื่อเช้า ฝ่ายนั้นจะเป็นยังไงบ้างไม่อยากจะยอมรับว่าเหมือนตัวเองจะรู้สึกห่วงและอดจะรู้สึกผิดในใจลึกๆไม่ได้ที่ทำให้พฤติพงศ์ต้องเข้าไปชดใช้ความผิดในเรือนจำทั้งที่ฝ่ายนั้นทำกับครอบครัวเขาไว้จนเกินจะอภัยได้

      พระพายพรูลมหายใจออกมาเบาๆ ไม่เข้าใจตัวเองว่าจะต้องเอามาคิดให้ปวดหัวทำไม เมื่อก่อนก็ไม่เคยนึกถึงเลยเสียด้วยซ้ำ เขาเกาหัวตัวเองอย่างรู้สึกหงุดหงิดใจจนหมอซันที่ขับรถอยู่หันมามอง

   “เป็นอะไร?”

   “...อยู่ๆพายก็คิดเรื่องหมอโจขึ้นมา พี่ว่าเขาจะเป็นยังไงบ้างครับ”

   “เขาจะเป็นยังไงก็เรื่องของเขาพายจะสนใจทำไม” ภูตะวันตอบอย่างไม่ใส่ใจ คนเลวๆแบบนั้นสมควรแล้วที่จะได้รับผลตอบแทนที่เหมือนตายทั้งเป็น แม้ครอบครัวของเขาจะเคยสนิทกับพฤติพงศ์แค่ไหนก็ไม่อาจลบล้างความผิดอย่างมหันต์ที่ฝ่ายนั้นสร้างขึ้นมา เห็นใจแต่ก็สมควร

   “นั่นสิฮะ” พระพายพูดเสียงแผ่ว ทั้งที่ก็คิดแบบคนรักว่าจะสนใจทำไมแต่ภายในใจก็แย้งกันอยู่ดี
      

      คืนนั้นพระพายเอาแต่คิดเรื่องของพฤติพงศ์ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงต้องนึกถึง อาจจะเพราะความรู้สึกผิดในใจอย่างนั้นเหรอเขาเฝ้าแต่ถามตัวเองและปฏิเสธไปในคราวเดียวกันว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น ความจริงแล้วอาจจะเพราะเขายังมีความเป็นมนุษย์ที่เห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
      หลังจากที่ภูตะวันหลับพระพายก็แอบค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ตว่าการเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังในเรือนจำว่าต้องทำอย่างไรบ้าง แต่ก็จบตรงที่เขาไม่กล้าพอที่จะไปและคิดในใจว่าควรจะไปหรือไม่ หากไปแล้วฝ่ายนั้นไล่ตะเพิดเขากลับมามันคงจะน่าอายจะไปให้เขาด่าทำไม ทั้งที่อีกใจก็เกลียดเสียจนไม่อยากมองหน้าแต่ก็อยากจะไปให้เห็นกับตาจะได้เลิกคิดสักที...


      เช้าวันต่อมาพระพายนั่งอยู่ห้องนั่งเล่นด้านนอกด้วยความตื่นเต้น กังวลและกลัวไปหมด วันนี้เขาจะลาป่วยและจะต้องโกหกคนรักเพราะถ้าบอกความจริงอีกฝ่ายต้องไม่ให้เขาไปแน่ เขาหลับตาพรูลมหายใจออกมาช้าๆราวกับจะให้ตัวเองใจเย็นลง ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสียงประตูห้องนอนดังขึ้นพร้อมกับคนตัวสูงที่มองเขาอย่างแปลกใจ

   “อ้าว นึกว่าอาบน้ำแล้ว ไปอาบน้ำเดี๋ยวสาย” เขาถามอย่างแปลกใจเพราะปกติหากใครตื่นก่อนก็จะอาบน้ำก่อน ไม่ต้องรอกัน แต่นี่ยังเห็นว่าพระพายยังอยู่ในชุดนอนเมื่อคืนอยู่

   “...วันนี้พายลาป่วยน่ะครับ พอดีเพื่อนเก่าสมัยเรียนกลับมาจากต่างประเทศ ไม่ได้เจอกันนานเลย”

   “เหรอ? ทำไมกะทันหันขนาดนี้”

   “ใช่ครับ! เมื่อตอนดึกเพื่อนโทรฯมาบอกพายยังตกใจเลย” พระพายเอานิ้วชี้และนิ้วกลางไขว้กันที่ด้านหลังอย่างรู้สึกผิดและขอโทษคนรักในใจ หากกลับมาแล้วจะบอกความจริง

   “แล้วไปหาเพื่อนที่ไหนล่ะ? พี่ไปส่ง” ปกติแล้วพระพายจะไม่ค่อยไปไหนเอง เพราะไม่ใช่คนกรุงเทพฯ ภูตะวันจึงอาสาจะไปส่งด้วยความเป็นห่วงคนรัก แต่พระพายกลับรีบปฏิเสธซะจนเขาเองรู้สึกว่าจะต้องตกใจอะไรขนาดนั้น

   “ไม่ต้องครับ พายนั่งแท็กซี่ไปเองได้ ไม่ต้องเป็นห่วง”

   “แน่ใจนะ?” พระพายพยักหน้าหงึกหงัก ภูตะวันมองคนรักอย่างกังวล แต่ด้วยความที่ไม่อยากจะทำตัวเป็นผู้ปกครองให้อีกฝ่ายต้องอึดอัด ก็ได้แต่ปล่อยให้พระพายได้ทำอะไรเองและได้แต่เป็นห่วงอยู่ห่างๆ

   “ถึงแล้วโทรฯหาพี่ กลับก็โทรฯบอกด้วยพี่จะได้ไม่เป็นห่วง รู้ไหม?”

   “รับทราบครับ!” คนตัวเล็กตะเบ๊ะแบบทหาร จนอาจารย์หมอหัวเราะออกมาเล็กน้อยกับความทะเล้นของคนรัก


      พระพายออกจากคอนโดในตอนสาย ระหว่างที่นั่งแท็กซี่เขาบีบมือเข้าหากันแน่นจนมือชื้นเหงื่อ หัวใจเต้นระรัวจนกลัวว่าจะออกมากองข้างนอก ความรู้สึกหลากหลายตีกันไปหมด ทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัวจนเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ยังยืนยันว่าจะไป จนเมื่อแท็กซี่จอดและบอกว่าต้องต่อมอเตอร์ไซค์วินเข้าไปเพราะเขาไม่อนุญาตให้เอารถยนต์ภายนอกเข้าไปภายในนั้น
      เขาตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปโดยไม่นั่งมอเตอร์ไซค์เพราะมันไม่ไกลมาก ไม่ได้จะประหยัดเงินหรืออะไรเพียงแต่การเดินจะทำให้เขาพอมีเวลาที่จะรวบรวมกำลังใจให้กับตัวเอง จู่ๆก็คิดถึงอาจารย์หมอขึ้นมาเพราะเหมือนกับเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดของตน จึงไม่รอช้าที่จะต่อสายไปหาคนรักในทันที

   (ถึงแล้วเหรอ?) ปลายสายถามอย่างใจดี จนคนฟังเผลอยิ้มออกมา

   “ครับ ตื่นเต้นจัง”

   (ไม่ได้เจอเพื่อนนานล่ะสิ เดี๋ยวเจอก็หาย อย่ากังวล) แค่ได้ยินเสียงของคนรัก ก็เหมือนกับอีกฝ่ายมาพูดอยู่ข้างๆหู รู้สึกดีขึ้นอย่างน่าประหลาด

   “เดี๋ยวเสร็จแล้วพายไปหานะ”

   (ลาป่วยไม่ใช่หรือไง เดี๋ยว HR เห็นว่าไม่ป่วยโดนหักเงินเดือนแน่)

   “ไม่กลัวครับ แฟนเป็นลูกหลานเจ้าของโรงพยาบาล” เขาระบายยิ้มบางๆ ได้ยินเสียงหัวเราะจากปลายสายก็ทำให้มีกำลังใจขึ้นมาเป็นกอง ไม่ได้คิดอย่างที่พูดจริงๆเพียงแต่พูดให้บรรยากาศมันดีขึ้นก็เท่านั้น หากจะโดนหักเงินเดือนเขาเองก็พร้อมจะรับผิด 


(reply ถัดไป)
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: G-bazo ที่ 31-03-2016 16:25:04
(ต่อ)


                พระพายเดินเข้ามาอย่างเก้ๆกังๆ สายตากวาดมองไปทั่วเพราะไม่เคยมาสถานที่แบบนี้มาก่อน สายตาผู้คนมองเหมือนเขาเป็นตัวประหลาด มือบางกำสายกระเป๋าสะพายแน่นและพรูลมหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะตรงเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ว่าเขามีความประสงค์จะเข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง

   “ขอบัตรประชาชนด้วยครับ” เจ้าหน้าที่พูดกับเขา พระพายรีบล้วงหากระเป๋าสตางค์ตัวเองอย่างรีบร้อน มองเจ้าหน้าที่ที่ทำงานทุกขั้นตอน จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ส่งแบบฟอร์มขอเยี่ยมญาติให้กับเขา เขารับมันมาอย่างงงๆก่อนจะอ่านทำความเข้าใจ

   “ผมไม่ทราบว่าเขาอยู่แดนไหน”

   “ชื่ออะไรครับ?”

   “...พฤติพงศ์ ฉัตรพิทักษ์ชัย” เขาพูดชื่อสกุลที่จำได้แม่น ดวงตาแข็งกร้าวปรากฏขึ้นมาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะอ่อนลงเมื่อได้ยินเสียงของเจ้าหน้าที่บอกว่าพฤติพงศ์อยู่แดนที่เท่าไหร่

      เขากรอกข้อมูลลงมาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ความสัมพันธ์กับนักโทษ ปลายปากกาถูกยกขึ้นเหนือกระดาษ พระพายเหลือบตามองเจ้าหน้าที่ที่มองเขาอยู่อย่างต้องการความช่วยเหลือและเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าเขาเองมีอะไรอยู่ในใจ อาจจะเพราะสีหน้าหนักใจของเขาที่ปรากฏให้เห็น

   “ถ้าไม่อยากยุ่งยาก ก็กรอกว่าเป็นญาติกับนักโทษ” เพราะการจะเข้าเยี่ยมนักโทษจะต้องเป็นญาติแต่หากเป็นบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ญาติก็จะต้องมีญาติของนักโทษมาด้วย หลังจากได้ฟังพระพายกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ รู้สึกอยากจะยอมแพ้ไม่เข้าเยี่ยมตั้งแต่ตอนนี้ แต่มาถึงขนาดนี้ก็ต้องจำใจกรอกว่าเป็นญาติกับพฤติพงศ์อย่างปฏิเสธไม่ได้

   “นั่งรอก่อนนะครับ” พระพายพยักหน้าก่อนจะเดินออกมานั่งรอที่เก้าอี้ที่จัดไว้ให้

                เขามองไปจนทั่วผู้คนจำนวนหนึ่งนั่งรอแบบเขา รอที่จะได้เจอคนที่ทำความผิดซึ่งอาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่พระพายเชื่อเหลือเกินว่าทุกคนมาด้วยใจที่อยากเจอจริงๆรวมถึงตัวเขาด้วยเช่นกัน นั่งรออยู่ไม่นาน ก็ได้รับการอนุญาตเข้าเยี่ยม แต่ตามกฎต้องฝากของไว้ในตู้ล็อกเกอร์ก่อนเสร็จแล้วจึงเข้าไปได้

                ระหว่างทางที่เดินเข้าไปพระพายรู้สึกอึดอัดจนเหมือนหายใจไม่ออก ไม่ใช่เพราะว่าทางมันแคบแต่เขารู้สึกว่าที่นี่มันคือคุก มันคือความหดหู่และความเศร้าสำหรับเขาเพราะมันคือที่ปิดกั้นความเป็นอิสรภาพของคนที่อยู่ในนี้ มันเหมือนโลกอีกโลกหนึ่งไปเลย

      ดวงตากลมกวาดมองไปจนทั่วห้องเข้าเยี่ยม ซึ่งเป็นห้องยาวๆห้องหนึ่งเหมือนในละครที่เคยเห็น มีกระจกและเหล็กกั้นเอาไว้ มีช่องกลมๆไว้ให้นักโทษกับญาติได้คุยกัน แม้จะดูลำบากแต่ทุกคนก็พยายามที่จะคุยแข่งกับเวลาเข้าเยี่ยม 20 นาทีสำหรับคนอื่นอาจจะเร็วแต่สำหรับเขามันช่างยาวนานเหลือเกิน

      พระพายยืนอึ้งราวกับโดนแช่แข็งเมื่อเจอคนที่ต้องการพบนั่งรออยู่ ไม่พบกันนานแล้ว เขากระพริบตาถี่เพราะรู้สึกเหมือนจะร้องไห้โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ความรู้สึกหลากหลายมันปะปนกันไปหมด เขาก้าวเท้าเดินไปอย่างเช้าๆมือเล็กกำแน่นด้วยความตื่นเต้น จนเมื่อถึงเก้าอี้จึงนั่งลงตรงหน้าพฤติพงศ์ที่ก้มหน้าอยู่ ไม่มีใครพูดอะไรก่อน ต่างคนต่างเงียบจนเวลาผ่านไปเกือบห้านาที

   “...คุณดูผอมไปมาก” พระพายพูดขึ้นหลังจากใช้สายตามองอีกฝ่ายอย่างพินิจ พฤติพงศ์ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ พระพายหลบสายตาไปเพราะไม่กล้าสบตาเท่าไหร่นัก ไม่ใช่กลัวแต่เพราะทำตัวไม่ถูกและไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกอาย

   “มาทำไม” เสียงเข้มที่ยังคงมีอำนาจถามขึ้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ พระพายจึงหันกลับมามองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ

   “ผมแค่อยากรู้ว่าคุณเป็นยังไงบ้าง” พฤติพงศ์กระตุกยิ้มมุมปากเล็กๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนีคล้ายกับว่าไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดจะเป็นเรื่องจริง ตนทำเรื่องเลวร้ายขนาดนั้นจะมาอยากรู้ทำไมว่าเป็นยังไง

   “เสียใจล่ะสิที่ฉันยังสบายดี”

   “ไม่ใช่ครับ ผมเสียใจที่ดูเหมือนคุณจะยังสำนึกไม่ได้...”

   “..........” พฤติพงศ์จ้องพระพายตาแข็งเขากัดกรามแน่นเป็นสัน ก่อนน้ำตาจะไหลลงมาช้าๆและถูกเขาปาดมันออกอย่างไม่ใยดีในเวลาต่อมาแต่ก็ทันที่พระพายจะเห็นและอึ้งไป

   “สำนึกเหรอ? สำนึกแล้วได้อะไรในเมื่อฉันก็ต้องอยู่ที่นี่จนตายอยู่ดี...สำนึกแล้วฉันได้แก้ตัวอย่างนั้นสิ”

   “ฉันรู้ว่าสิ่งที่ทำมันผิด...แกเคยตกอยู่ในสถานการณ์บังคับไหม?” พระพายหรี่ตาลงอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไรกับเขา

   “ครั้งแรกที่ฉันทำเพราะสถานการณ์บังคับ ฉันเคยมีผู้มีพระคุณ เขาส่งเสียฉันทุกอย่างเพราะฉันกำพร้า เขาเหมือนพ่อบุญธรรมของฉัน...อยู่มาวันหนึ่งพ่อบุญธรรมของฉันกำลังจะตายแต่เขาตายไม่ได้ ฉันจึงถูกบังคับให้เอาไตจากคนอื่นไปให้เขา จากนั้นเขารู้ว่าฉันทำได้เขาก็ทำเป็นธุรกิจแต่เขาก็อยู่ได้ไม่นานก็ตายเพราะเป็นหลายโรค...”

   “...แต่คุณก็ยังไม่หยุด” พระพายอึ้งไปหลังจากที่ได้ฟัง เพราะไม่เคยรู้เรื่องครอบครัวของพฤติพงศ์มาก่อนและมั่นใจว่าภูตะวันเองก็คงจะไม่รู้เช่นเดียวกัน

   “จากที่พ่อบุญธรรมได้ทั้งหมด ก็กลายเป็นฉันที่ได้เต็มๆ...ฉันหลงมัวเมาในเงินทองที่มหาศาล จนฉันหยุดไม่ได้” พฤติพงศ์สีหน้าสลด เขาลูบหน้าตัวเองอย่างเครียดๆ จริงแล้วภายใต้จิตใจของเขาก็รู้สึกสำนึกผิดแต่กลับโลกความจริงมันทำให้เขารู้ว่าสำนึกผิดไปก็เท่านั้นเพราะมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

   “...ฉันขอโทษ”

      พระพายน้ำตาไหลออกมาจนห้ามไม่อยู่ ทั้งเห็นใจ สงสารและก็เจ็บใจไปในคราวเดียวกัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่คนที่ตกเป็นเหยื่อของธุรกิจพวกนั้นคือคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ คนจนที่แค่ป่วยและหวังว่าจะหายกลับต้องตายเพราะฝีมือคนรวยบางคนที่เห็นแก่ตัว


      พระพายเดินออกจากสถานที่แห่งนั้นด้วยจิตใจที่หดหู่เหลือเกิน เขาเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จุดหมาย การได้พบกับเพื่อนเก่าที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเขามาเนิ่นนานในวันนี้ เขาได้รู้ว่าชีวิตคนเรามันเลือกไม่ได้จริงๆ บางสิ่งบางอย่างมันถูกกำหนดมาไว้แล้ว คนบางคนภายใต้จิตสำนึกอาจไม่ใช่คนเลวแต่เพราะสถานการณ์บังคับให้ต้องเลวก็ต้องทำอย่างเช่นพฤติพงศ์ คนบางคนก็เลือกไม่ได้ว่าจะรวยหรือจน คนจนก็จนวันยังค่ำคนรวยก็รวยเอาๆ
      

      สวนสาธารณะขนาดเล็กที่อยู่ห่างจากโรงพยาบาลวิวรรธน์ไม่มาก ถูกเลือกให้เป็นสถานที่นัดพบกันระหว่างพระพายและภูตะวันแทนที่จะเป็นในโรงพยาบาล ในเวลานี้พระพายเปลี่ยนใจที่จะไม่เข้าไปหาคนรักในนั้น วันนี้เขายังไม่อยากเห็นคนเจ็บ คนป่วย คนตาย คนร้องไห้เพราะมันทำให้เขารู้สึกหดหู่

      อากาศในตอนนี้ไม่เย็นแต่ก็ไม่ร้อนมากนัก เพราะต้นไม้น้อยใหญ่ที่ให้ร่มเงาอยู่เต็มสวน รวมถึงสายลมที่พัดอ่อนๆจึงไม่ทำให้ร้อนจนเกินไป ใบไม้ที่ร่วงหล่นบนพื้นถูกลมพัดจนเกิดเสียง เขายกกาแฟที่ซื้อมาขึ้นดูดอย่างใจเย็นเพื่อรอให้ภูตะวันมาถึง แต่หลังจากที่วางแก้วลงบนม้านั่ง เสียงฝีเท้าของใครบางคนก็ดังใกล้เข้ามา พระพายหันไปมองยังที่มาของเสียงก่อนจะระบายยิ้มออกมาบางๆเมื่อเห็นว่าเป็นคนรักที่มาถึง

   “ไม่ร้อนหรือไง ทำไมไม่เข้าไปที่โรงพยาบาล” ภูตะวันถามอย่างแปลกใจ แต่ก็ยอมนั่งลงบนม้านั่งข้างกันกับคนรัก พลางรับกาแฟอีกแก้วหนึ่งที่อีกฝ่ายซื้อมาให้

   “พายเบื่อโรงพยาบาล อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง” เขาตอบด้วยท่าทีสบายๆ พลางทำท่าสูดอากาศที่คิดว่าบริสุทธิ์เข้าไปให้เต็มปอดก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

   “แล้วไปเจอเพื่อนเป็นยังไงบ้าง สนุกไหม?”

   “...เพื่อนเก่าน่ะเหรอครับ” พระพากไม่ได้มองหน้าคนถาม เขามองตรงไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย สูดลมหายใจเข้าลึกๆและพ่นมันออกมา ตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นว่าหลังจากที่กลับจากสถานที่นั้นแล้วจะเล่าให้อาจารย์หมอฟัง แต่พอถึงเวลากลับกลัวโดนดุขึ้นมาเสียอย่างนั้น ก่อนจะหันไปมองหน้าคนรักอีกครั้ง

   “ถ้าพายเล่าให้พี่ฟัง พี่อย่าโกรธพายได้ไหม” ภูตะวันเลิกคิ้วขึ้นสูงไม่ได้พูดอะไรนอกจากขยับตัวเอนหลังพิงพนักม้านั่งเพื่อรอฟังว่าคนรักจะเล่าอะไรให้ตนฟัง พระพายเห็นท่าทีของอีกฝ่ายที่ดูสบายๆเขาจึงเบาใจไปได้บ้าง ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเช่นเดียวกันและหลุบสายตาไปมองแก้วกาแฟในมือแทน

   “...พายไปหาหมอโจมา”

   “.........” หมอซันไม่ได้พูดอะไร เขาหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนรักที่มองแก้วกาแฟอยู่เหมือนคนมีอะไรอยู่ในใจ แม้จะตกใจเล็กน้อยที่คนรักกล้าจะไปสถานที่แบบนั้นเพียงคนเดียวโดยที่ไม่ได้บอกใครแต่ก็เงียบและรอจะฟังเหตุผลและความรู้สึกของคนรักต่อ

   “พายก็ไม่รู้ว่าพายอยากจะไปเจอเขาทำไมทั้งๆที่พายเกลียดเขา อาจจะเพราะพายเป็นคนทำให้เขาต้องเข้าไปอยู่ที่นั่น พายคงเป็นคนดีมากๆมั้งครับที่รู้สึกผิดกับคนเลว”

   “พายสงสารเขา...แต่พายก็เกลียดเขาด้วยเหมือนกัน” เขาเหมือนคนที่กำลังสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง จนทำให้ตอนนี้ไม่สบายใจและรู้สึกไม่ดี ทั้งที่การไปเจอกับพฤติพงศ์ในวันนี้มันน่าจะจบลงด้วยดีอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

   “...ไม่แปลกหรอกที่พายจะรู้สึกแบบนั้น เพราะพายยังเป็นมนุษย์ มีความรู้สึกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่ใจพายจะสบายกว่านี้ไหมถ้าพายอภัยให้เขา พายอโหสิกรรมให้เขาไหม?” ภูตะวันแตะหลังมือคนรักเบาๆอย่างปลอบประโลมและให้กำลังใจในคราวเดียวกัน สายตาของเขาทำให้พระพายรู้สึกอบอุ่นและโล่งใจอย่างน่าประหลาด

   “..........” พระพายไม่พูดอะไร เขายิ้มบางๆพร้อมกับพยักหน้าเป็นคำตอบ เขาพร้อมจะอโหสิกรรมให้ฝ่ายนั้น เพราะในตอนนี้คนทำผิดก็ได้รับโทษแล้ว

   “แต่คราวหน้าอย่าโกหกเข้าใจไหม?”

   “ขอโทษครับ” เขาพุ่มมือไหว้ขอโทษคนอายุมากกว่าอย่างนอบน้อมและขอโทษจากใจจริงที่พูดโกหก หมอซันไม่ได้โกรธอะไร เขายกมือขยี้หัวกลมของคนรักจนยุ่งพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆของทั้งสองคนแข่งกับเสียงลมที่พัดใบไม้ให้ร่วงโรยลงมา


      ในสถานที่ที่พระพายไปวันนี้ ทุกคนที่อยู่ในนั้นเขารู้ว่าไม่ใช่คนไม่ดีทั้งหมด บางคนอาจจะทำผิดเพราะไม่มีทางเลือก เขาอาจจะหาทางเลือกที่ดีกว่านี้ไม่ได้ หากวันหนึ่งคนเหล่านั้นได้กลับมาสู่โลกแห่งความจริงใบนี้อีกครั้งพวกเขาอาจจะอยากกลับอยู่ในนั้นเหมือนเดิมก็ได้ เพราะมันไม่ได้สวยงามขนาดนั้น แต่ก็ยังเชื่อและหวังว่าพวกเขาเหล่านั้นจะได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกันหลังจากที่ได้ออกมา เพราะทุกคนในโลกใบนี้เกิดมาเพื่อช่วยเหลือกัน

      แม้คำสุดท้ายที่พฤติพงศ์บอกกับเขาว่าไม่ต้องมาอีก แต่เขาจะมา มาเพื่อให้กำลังใจและมาคุยเป็นเพื่อน เพราะอย่างน้อยก็คือเพื่อนร่วมโลก หากเป็นเขาอยู่ในนั้นก็คงจะเหงาไม่น้อยเคยได้ใช้ชีวิตอยู่แบบสุขสบายสุดท้ายได้มาอยู่ในเรือนจำที่ไม่มีใครอยากจะเข้าไป ถึงแม้จะเป็นผลกรรมที่คนทำผิดได้รับ แต่คนที่สำนึกผิดก็ควรได้รับการอภัยด้วยเหมือนกัน...


******************


Talk : เล็กๆน้อยๆพอให้หายคิดถึงนะคะ :)
เร็วๆนี้ชีวิตรักหมอนักผ่าจะออกมาเป็นรูปแบบหนังสือ
เพื่อนนักอ่านท่านใดที่สนใจ รอติดตามนะคะ ขอบคุณค่ะ

Twitter : @Ggbazo
Facebook Fanpage : GgbazoStory (https://www.facebook.com/pages/Ggbazostory/1657458241137032)
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 31-03-2016 18:35:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: Tatangth ที่ 31-03-2016 23:17:49
ขอบคุณที่เอาตอนพิเศษมาให้อ่านนะค้า -/\-
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 31-03-2016 23:23:37
ชีวิตคนมีหลายด้าน เราไม่ได้รู้ทั้งหมดหรอก
บางอย่างอภัยได้ก็อโหสิไป คนที่แบกเอาไว้ก็หนักเองแหละ

ชอบพี่ซันกับพาย ดูเป็นความรักที่โตแล้ว เข้าใจกัน ดูแลกัน
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-04-2016 00:15:16
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: yupa ที่ 01-04-2016 10:57:51
 :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 01-04-2016 13:28:22
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 03-04-2016 19:38:22
เฮ้ออออ นึกว่าตอนพิเศษจะหวานจับใจ มีหน่วงปนมาซะเยอะเหมือนกัน :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ตอนพิเศษหน้าขอหวานจนน้ำตาลขึ้นตาเลยนะคร้าบบบ  :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 03-04-2016 19:50:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: mamarin_smile ที่ 10-04-2016 02:00:57
 :mew1: ขอบคุณคะอ่านรอบเดียวจบเลย สนุกมาก
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 11-04-2016 03:18:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: Niinuii ที่ 08-05-2016 16:47:03
สนุกมาก!!!
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-05-2016 01:34:08
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ ชอบมากเลยค่ะ อ่านเพลินมาก
หมอพายน่ารัก หมอซันถึงจะดุแต่ก็อบอุ่น
ขอบคุณที่แต่เรื่องดีๆมาให้อ่านกันนะคะ
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 29-10-2016 13:11:03
อ่านจบแล้ว ........ เป็นเรื่องที่ต่างจากเรื่องอื่นที่เคยอ่าน หมอซันอบอุ่นมาก หมอพายน่ารัก

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-10-2016 09:16:45
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: Pakbung ที่ 30-10-2016 15:02:28

 ชอบเรื่องนี้สนุกมาก แอบลุ้นและกลัวไปด้วยกับฉากผ่าตัด เป็นคนกลัวเข็มอ่านทีไรก็เกร็งตลอด 5555

 ขอบคุณมากนะคะที่แต่งนิยายสนุกๆและมีสาระให้อ่าน  :L2:
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: kanunsak ที่ 30-10-2016 21:03:07
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ  และก็ขอบคุณความรู้ใหม่ๆที่สอดแทรกเข้ามาในเนื้อเรื่องเป็นระยะๆด้วยค่ะ  รับรู้ถึงความเหน็ดเหนื่อยของคนที่ำอาชีพนี้เลย
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 02-11-2016 00:07:28
สนุกมากเลย เนื้อเรื่องดีสุดๆ
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมสัมปันนี ที่ 02-11-2016 15:33:45
สนุกมากเลย ขอบคุณนะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 03-11-2016 14:43:55
ชอบมากค่ะ อ่านรวดเดียวจบเลย
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่มีมาให้อ่านกันะคะ
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 17-11-2016 13:18:18
อ่านแล้วหลงง  :-[
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 03-12-2016 04:28:48
อ่านรวดเดียว...สรถกมาก


ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ


 :bye2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: Monamod ที่ 11-04-2017 10:29:15
งุ้ยยยเพิ่งอ่านเรื่องนี้จบำปกรี๊ดหมอซันชอบหมอพายมากค่ะน่ารักจังดูอบอุ่นไม่หวือหวาแต่มั่นคง
ร้องไห้ตามเลยค่ะตอนนี้ที่หมอซันโดนแทงชอตสอง สะเทือนหัวใจมากลุ้นสุดกลัวเปนแซดเอน
ดีใจมากจริงค่ะที่สองคนนั้นป่านเรื่องร้ายๆมาได้ ฟ้าหลังฝนสดใสเสมอ ^^

จริงๆมีอีกคู่ที่เราแอบเชีย บอสเอิร์ธ XD น่ารัก
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 10-11-2017 18:04:20
 :3123:
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: TaemyG ที่ 03-12-2017 20:54:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 05-12-2017 20:51:21
เราเจอเรื่องนี้ช้าไปจริงๆ คืออ่านจบแล้วยังอินอยู่เลย ต้องไปหาซื้อรูปเล่มมาเก็บไว้แล้วค่ะ :hao5:
ได้ความรู้เกี่ยวกับการผ่าตัดหลายเรื่องเลย คนเขียนทำการบ้านเก่งมากๆค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 10-12-2017 07:38:31
สำนวนดีจังค่ะ
สะกดผิดน้อยมาก และดูรู้ว่าผิดเพราะพิมพ์พลาด
มากกว่าจะผิด เพราะผิดประจำ

ชอบเนื้อหา น่าสนใจ ข้อมูลแน่นดีด้วย
ชื่นชอบค่ะ ...

ดีใจที่ได้คลิกเข้ามาอ่านจนจบ
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 10-12-2017 20:57:02
ถึงเส้นเรื่องจะไม่เหมือน แต่บางเหตุการณ์เหมือนกับในซีรีย์เกาหลี เรื่อง Good doctor มาก
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: ✪PATTY✪ ที่ 04-02-2018 01:55:19
 o13
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: Nunng ที่ 04-02-2018 23:55:59
สนุกมากเลย ขอบคุณที่แต่งให้อ่านนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 31-03-2018 22:33:56
 :pig4:ชอบจัง ไม่ค่ยรู้เรื่องศัพท์หมอแต่สนุกมากคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 02-04-2018 01:07:58
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 04-12-2018 22:51:19
บีบหัวใจมากค่ะ นาทีชีวิตมีให้ได้น้ำตาไหล หลายรอบเลย
พายมาพร้อมกับความเครียดและอยากให้คนผิดได้รับโทษ
ซันอยู่กับความมั่นใจ และมั่นคงกับตัวเองมาตลอด

ต่างคนต่างอยู่ แล้ววันหนึ่งมาเจอกัน ได้ช่วยเหลือกัน
พายเป็นคนจิตใจดีนะ ซันก็ไม่ต่างกันแค่ไม่แสดงออก

ต้องขอบคุณทุกคนรอบตัวที่เป็นคนดี เจอแต่คนดี
ทำให้พายไม่ต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดไปตลอด
และซันก็เจอคนที่ใช่ ที่มาปลดปล่อยความเป็นตัวตน
น่ารักดีค่ะ ตอนแหย่ ตอนแกล้งแล้วพายงอแง 5555

ตอนแรกแอบงง ทำไมหมอโจรับผิดง่ายจัง
แต่ก็นั่นแหละ ยอมรับ ทำดี สักวันก็พ้นโทษ

ขอบคุณมากนะคะ เรื่องราวน่าติดตามตลอดเลย
และได้ความรู้มาพร้อมกันด้วย
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 05-12-2018 22:25:30
หลงหมอ รักหมอเลยเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: Piiiimsen ที่ 02-01-2019 20:53:35
แงงง จบแล้วอ่ะ ทั้งหมอภูและหมอพายน่าร๊ากก
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: HunHan9407 ที่ 01-09-2019 20:57:15
เรื่องนี้ดีงามมากๆเลยค่ะ บางตอนร้องไห้ตาม ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีค่ะ
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 02-09-2019 22:30:22
เป็นนิยายที่ดีมากๆ เลย ข้อมูลแน่นมาก
อ่านไปบีบหัวใจไป ลุ้นมากค่ะ
ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายดีๆ มาให้เราอ่าน
เป็นกำลังใจให้และจะรอติดตามผลงานต่อไปจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 11-09-2019 14:50:57
เนื้อเรื่องสนุกและมีสาระแทรกอยู่ในเนื้อหา แต่ไม่ทำให้น่าเบื่อเลย

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 24-09-2019 10:12:30
 :mew1:  ชอบเรื่องเกี่ยวกับหมอมากค่ะ  ให้กำลังใจคนแต่งนะคะ  พยายามแต่ฃเรื่องใหม่นะคะ
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 30-12-2019 22:22:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [ ชีวิตรัก หมอนักผ่า ] UP. ตอนที่ 24 (20-10-58)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 06-10-2021 07:04:19
 เรื่องนี้ขาดความสมเหตุสมผลมาก
1. อายุ30กว่าได้เป็นศาสตรจารย์
2.เป็นรพ.เอกชน แต่มีหมอประจำบ้านมาฝึกหัดเพื่อกลับไปใช้ทุนรัฐบาล
3.จับผู้ร้ายได้2วันขึ้นศาลแล้ว
4.ผ่าตัดหัวใจได้2-3ลุกขึ้นมาเฝ้าคนนอนเป็นลมได้
นี่แค่หลักๆนะ
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 23-10-2021 23:29:03
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ ค่ะ
เรื่องนี้น่ารักดีค่ะ  ชอบหมอพาย
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: ringomaga ที่ 24-10-2021 23:56:21
 :mew4:
ละมุน​มากกค่ะ
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: Kochiro ที่ 28-10-2021 02:10:36
 :mew1:สนุกมากคะ
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 30-10-2021 13:54:15
ตามอ่านรวดเดียวจนจบ รวมถึงตอนพิเศษด้วย
ขอบคุณนักเขียนมาก ๆ ครับ สำหรับเรื่องราวของหมอซันและพระพาย ^^
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 09-11-2021 04:47:50
อ่านรวดเดียวจบไปเลย แอบหมั่นไส้หมอซันนิดนึง อิอิ
ไม่หวือหวาดีตามสไตล์หมอ สนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 10-12-2021 17:05:42
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 18-01-2022 13:02:10
 :katai2-1: :katai2-1: