พิมพ์หน้านี้ - คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 06 :: ฝนอะไรเป็นใจจัง (100%) [07/04/20]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: pimpipam_s ที่ 21-02-2020 22:41:49

หัวข้อ: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 06 :: ฝนอะไรเป็นใจจัง (100%) [07/04/20]
เริ่มหัวข้อโดย: pimpipam_s ที่ 21-02-2020 22:41:49
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
หัวข้อ: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ สารบัญ [21/02/20]
เริ่มหัวข้อโดย: pimpipam_s ที่ 21-02-2020 22:45:20
- ส า ร บั ญ -

ตอนที่ 00 :: ฏีรดลวงศ์รวี  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71612.msg4026396#msg4026396)

ตอนที่ 01 :: ผักกาดและงานที่เขารัก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71612.msg4026405#msg4026405)

ตอนที่ 02 :: ไม่ชอบ..ก็มีเหตุผลที่ไม่ชอบ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71612.msg4026892#msg4026892)

ตอนที่ 03 :: ทะเลาะกัน ..น้อยลง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71612.msg4027851#msg4027851)

ตอนที่ 04 :: เรียกพี่ได้มั๊ย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71612.msg4029037#msg4029037)

ตอนที่ 05 :: เจ้าของห้องคนใหม่  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71612.msg4030123#msg4030123)

ตอนที่ 06 :: ฝนอะไรเป็นใจจัง  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71612.msg4031288#msg4031288)

ตอนที่ 07 :: TBC
หัวข้อ: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 00 :: ฎีรดลวงศ์รวี [21/02/20]
เริ่มหัวข้อโดย: pimpipam_s ที่ 21-02-2020 22:59:03
คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ

ตอนที่ 00 ::ฎีรดลวงศ์รวี (ดี-ระ-ดน & วง-ระ-วี)


อยากให้ได้รู้จัก จะได้รักกันและกัน


ผักกาด วงศ์รวี
อายุ 25 ปี

" ให้ผักกาดเป็นคนโสดต่อไปไม่ได้หรอ คุณฏี เอ่อ..พี่ฎี "



คุณฎี (D) ฎีรดล อายุ 28 ปี

" จะโสดไม่ได้แล้ว ผักกาดต้องเป็นของพี่ เข้าใจไหมครับ "





ถูกจีบแบบไม่รู้ตัว พอรู้ตัวแล้วต้องทำยังไง...

#คุณฎีของผักกาด #ฎีรดลวงศ์รวี



------------------------


คำชี้แจง

1. นิยายวาย ชายรักชาย เขารักกันมันไม่ผิด

2. เขียนขึ้นมาเนื่องจากอยากเขียนเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง

3. ทุกเรื่องราวและทุกเหตุการณ์ เป็นเพียงสถานการณ์สมมติ

4. มีการพูดคำหยาบ และคำสแลง

5. ภาษาที่ใช้อาจไม่สละสลวย อาจมีจุดผิดพลาด หรือบกพร่อง หากผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

---ไม่อนุญาตให้คัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไขเด็ดขาด---

นักเขียน
            เรื่องราวนี้เป็นเรื่องของผู้จัดการนักแสดง อย่างผักกาด วงศ์รวี (โสด) กับนักธุรกิจสุดคูล ซึ่งเป็นพี่ชายของผู้จัดซีรีย์ อย่างคุณฎี (D) ฎีรดล (อยากจีบคนโสด) และร่วมกับนักแสดงอีกมากมาย
            ฝากคุณฎี และคุณผักกาดไว้ในอ้อมอกอ้อมใจนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ ครั้งนี้เราขอสร้างโลกสมมติโลกหนึ่งขึ้นมาค่ะ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ใด เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในนิยายวายเรื่องนี้เกิดจากการสมมติขึ้นมาในโลกของผู้แต่งค่ะ

             


เปิดเรื่อง 21/02/2563

จบ xx/xx/25xx



:: pimpipam

ทวิตเตอร์ :: แม่น้องผักกาด @PimpipamS (https://twitter.com/PimpipamS)


หัวข้อ: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 01 :: ผักกาดและงานที่เขารัก [21/02/20]
เริ่มหัวข้อโดย: pimpipam_s ที่ 21-02-2020 23:48:37
คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ

ตอนที่ 01 :: ผักกาดและงานที่เขารัก  รักไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน



           
 
 


 
   ผมชื่อ (ผัก) กาด วงศ์รวี อายุ 25 ปี ชีวิตของผมหรอ… ช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่เรียนจบจนถึงปัจจุบันนี้ก็มีแต่งาน งาน และก็งานนะฮะ

   ถามถึงความรักก็ตอบได้เลยว่าพักก่อน

   หลายคนบอกกันว่าผมเป็นคนจริงจังและบ้างานเกินไป แต่ความจริงก็ไม่ขนาดนั้นผมไม่ได้บ้างาน แต่ที่ทำงานเยอะก็เพราะหาเงิน

   เงินมาอันดับหนึ่ง ทำงานก็ได้เงิน

   ทุกๆบาท ทุกๆแบงค์สำคัญจริงๆนะ ช่วงนี้เศรษฐกิจยิ่งย่ำแย่อยู่ด้วย

“ สวัสดีครับ กาดพูดครับพี่.. ”

   ผมว่าทุกคนมีจุดมุ่งหมายในชีวิตไม่เหมือนกันหรอกครับ เมื่อโตขึ้นคนเราจะรู้เองว่าอะไรต้องทำ อะไรควรทำ..

   ผมเป็นลูกคนโตมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่มากที่สุด และสำหรับผมต่อให้มันมากขึ้นแค่ไหน ผมก็จะต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้ใครในครอบครัวของผมต้องลำบาก

“ งานคู่หรอพี่.. วันไหนครับ..เสาร์? ”

   ผมมีหลายชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ แต่ดีหน่อยที่ตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้นมากแล้ว

   เหมือนสวรรค์มีตา ฟ้าปลง นรกให้อภัย มอบเด็กหน้าตาดีความสามารถเด่นหลายคนให้เข้ามาอยู่ในสังกัด U และมีไอ้กาดคนนี้ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการดูแลเด็กหน้าตาดีเหล่านั้น ในการส่งไปแคสงานทางด้านการแสดง การถ่ายแบบ และทำงานในวงการบันเทิงโดยมีผู้จ้างงานพวกเขามากมาย จนช่วงที่ผ่านมาก็ทำให้มีรายได้ และเงินเข้ากระเป๋ามามากมายทั้งนักแสดงและผู้จัดการอย่างผม

   และตอนนี้เงินเหล่านั้นมันเพียงพอต่อการปลดหนี้ปลดสิน จนเหลือกินเหลือใช้เลี้ยงดูคนในครอบครัวได้สบายไปอีกหลายปีๆ แต่ผมคงยังไม่หยุดทำงาน เหนื่อยแต่สนุก เหนื่อยแต่มีความสุข ผมนี่รักงานนี้ที่สุดเลยล่ะ

“ ติดต่อพี่ขนมผู้จัดการเก่งกล้าแลัวใช่มั๊ยครับ ..ทางนี้ก็รับครับ น้องคิวท์ว่างครับ ”


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ อะแฮ่มๆ คิวท์มาแล้วฮะ..จึยย! ”

“ ชู่ววว เบาเราเบา พี่ติดสายอยู่.. ”

   ผมเอ่ยเสียงเบาด้วยสีหน้าดุเหมือนเสือในคราบแมวเมี๊ยวเพื่อติติงคนเสียงดังที่เปิดประตูเข้ามาใหม่ จนคนที่เพิ่งถูกเอ่ยชื่อในบทสนทนาก่อนหน้าตาโตนิ่งค้าง

   คิวท์ที่รีบดึงสติกลับมายิ้มแห้งๆ พร้อมค่อยๆ เอ่ย ‘ขอโทษฮะพี่กาด’ เบาๆ ก่อนเงียบเสียงลงอีกครั้ง และพาตัวเองเดินมานั่งเล่นโทรศัพท์ เช็กความเคลื่อนไหวในทวิตเตอร์ โดยมีชื่อแอคเคาท์ว่า Cute Ariya (@CuteAriya_U) ระหว่างรอให้ผู้จัดการตัวเล็กของเขาคุยงานจนเสร็จ
 
 
“ พี่ไปรับชุดงานพรุ่งนี้มาแล้ว คิวท์จะลองอีกรอบมั๊ย พี่ว่าลองก็ดีนะเผื่อหลวมเผื่อแน่นยังไง จะได้ให้พี่เกดแก้ให้ ” ผมเอ่ยถามความคิดเห็นกับคิวท์ด้วยน้ำเสียงใจดี และสรุปให้เจ้าตัวลองชุดอีกรอบ หลังจากวางสายโทรศัพท์

“ ได้ครับพี่ เดี๋ยวคิวท์ลองอีกรอบฮะ ”

   คิวท์ยู้หน้าเล็กน้อย เมื่อเข้ามาในห้องผมก็พูดถึงเรื่องงานเป็นเรื่องแรกเลย ก่อนพยักหน้าตกลงตามคำแนะนำของผู้จัดการคนนี้อย่างเชื่อฟัง
 
   คิวท์ อริยะ อายุ 21 ปี ผู้เป็นเด็กในสังกัด U ที่ผมกำลังดูแล และยังเป็นนักแสดงนำชาย ซีรีย์วายที่กำลังโด่งดังอันดับต้น ๆ ของประเทศในขณะนี้

   สำหรับผม คิวท์คือน้องน้อยขี้อายที่น่ารักและมีความสามารถ จนได้รับบทบาทนักแสดงซีรีย์วาย และโด่งดังจนสามารถสร้างรายได้มหาศาลให้กับตัวเขาเอง สังกัด U และผลพลอยได้จากหน้าที่การงานนี้ทำให้ผู้จัดการอย่างผมที่ได้รับรายได้มากมายเช่นกัน ผมจึงขอปฏิญาณกับตัวเองเลยว่าจะทำหน้าที่ผู้จัดการและดูแลเด็กคนนี้อย่างดีที่สุด

“ อื้ม เห็นยังช่วงนี้แฟนคลับเขาทวิตจิ้นเรากับเก่งกล้าเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ เลยนะ ”

   ผมพูดเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานหลังจากตัวอย่างตอนต่อไปของซีรีย์ออนแอร์ ก็มีแท็ก #เก่งกล้าคิวท์ ขึ้นเทรนทวิตเตอร์ทันที จนผู้จัดการอย่างผมอดไม่ได้ที่จะทวิตข้อความบอกแฟนซีรีย์ว่า ‘ต้องรอดู คุ้มต่อการรอคอย’

“ ครับผม ผมก็เห็นบ่อยๆ อะฮะ ” คิวท์ยิ้มเล็กน้อย

   ผมมองรอยยิ้มของน้อง และยิ้มล้อเลียน เพราะดูออก

   ถ้าไม่ติดว่าเขินอยู่ คิวท์คงบอกกับผมมาแล้วว่าน้องมันเข้าเช็คในทวิตเตอร์ตลอดเวลาที่ว่างเลยก็ว่าได้
 

   นอกจากหน้าที่การเป็นผู้จัดการรับงานตามงานให้นักแสดงแล้ว ผมยังมีหน้าที่และตำแหน่งพ่วงที่ได้รับมอบหมายมาเป็นพิเศษจากแฟนคลับของคิวท์และเก่งกล้า นั้นก็คือ มือพายอันดับหนึ่ง

   นึกแล้วก็ตลกดีนะ ตอนนั้นซีรีย์เรื่อง ‘เพื่อน(ไม่)รักก็บ้าแล้ว’ ซึ่งเป็นซีรีย์เรื่องแรกของนักแสดงหน้าใหม่ทั้ง 2 คน อย่างคิวท์กับเก่งกล้า กำลังออกอากาศในอีพีแรก ผมเพียงแค่ตั้งใจว่าจะทวีตรูปภาพและข้อความสั้นๆ เกี่ยวกับเรื่องน่าขำของการเริ่มรู้จักกันและกันของคนทั้งคู่ที่ตอนแรกช่างเงอะงะ ทำตัวไม่ถูก ต่างคนต่างพากันยืนอยู่คนละมุมห้อง แต่หลังจากผ่านการเวิร์คช็อปละลายพฤติกรรมทำให้ทั้งคิวท์และเก่งกล้าสวมบทบาทตัวพระนายออกมาได้อย่างดีเยี่ยม

   แถมเมื่อรับงานอีเว้นท์คู่กัน ยังมีการเซอร์วิสชนิดที่แฟนคลับเขินบิดจนเลือดสูบฉีดขึ้นหน้าไม่หยุดหย่อน และเผลอๆ ท้องไส้ปั่นป่วนกันเลยทีเดียว จนผมเองยังแอบคิดว่าถ้าน้องน้อยของผมเปลี่ยนสถานะจากคู่จิ้นมาเป็นคู่จริงคงไม่มีปัญหาอะไรแน่ เพราะพ่อแม่ไฟเขียว แฟนคลับก็กลมเกลียวเชียร์ให้ได้กัน ส่วนเก่งกล้าก็ดูเหมือนจะรักจริงหวังแต่ง หึๆ

“ อีกอย่าง เมื่อวันก่อนที่ไปออกรายการแฟนคลับฝากพี่มาบอกว่าเราผอมไปนะ อยากให้เรากินเยอะขึ้นอีกนิดน่ะ ”

   ผมพูดแต่ไม่ได้มองหน้าน้องเพราะตั้งใจจดจ่อกับงานที่กำลังทำอยู่ แต่ก็คงสร้างความลังเลให้คนที่ผอมลงเกือบ 6 กิโล ในช่วง 2 เดือนมานี่ ผมสังเกตได้จากการที่น้องเริ่มส่งเสียงถอนหายใจออกมาหน่อยๆ แล้ว

“ ผมว่าแบบนี้กำลังพอดีแล้วนี่หน่า ”

“ ยังไงก็แล้วแต่เราตัดสินใจ ช่วงนี้งานเยอะด้วย ดูแลตัวเองดีๆ กินเยอะๆ พี่นี่แอบเห็นด้วยกับแฟนคลับเรานะ ”

“ ครับ เอ่อ.. พี่กาด.. ”
 

ครืดดดด ครืดดด

“ แป๊บนะ..สวัสดีครับ.. ”

   ผมกดรับสายสำคัญที่โทรเข้ามาเรื่องงานพร้อมอมยิ้มขำ หลังจากที่มองหน้างอแงของคิวท์ ทั้งยังทำปากขมุบขมิบบ่น พร้อมจ้องมองโทรศัพท์ของผมที่โทรเข้ามาอีกครั้งที่เท่าไร่ไม่รู้ของวันอย่างคาดโทษ

“ครับๆ ได้ครับพี่ยุ้ย ..อ่อ กลัวน้องเสร็จงานเช้าไม่ทันหรอฮะ.. ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ทันแน่นอน ..ครับผม .. ครับ .. สวัสดีครับ … เฮ้อ ..”

   ผมถอนหายใจไล่ความกังวล ก่อนละสายตาจากโทรศัพท์คู่ใจที่ถูกใช้งานมาเป็นระยะเวลา 3 ปีกว่าๆ ไปที่แท็บเล็ตเพื่อจดบันทึกข้อมูลที่คุยงานรายที่ 4 ที่โทรเขามาจองตัวและจ้างงานนักแสดงในสังกัดที่ผมดูแลไปร่วมงานด้วย

“ ผมว่านะ… ”

“ นี่งานเช้า …ต่อด้วยงานบ่าย จากนี่ห่างกัน 20 นาทีน่าจะทันนะ ”

“ พี่กาดน่ะ… ”

“ คิวงานของเราเยอะ และยาวจนพี่กลัวลืมเลยนะเนี่ย ”

“ พี่กาด..พี่.. พี่กาดโว๊ยยย ”

“ หือ ว่าๆ ..”

   เสียงเรียกชื่อเจื้อยแจ้วของคิวท์ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมาหาเจ้าของเสียง แต่เพียงแว็บเดียวเท่านั้น ก่อนผมจะกลับไปสนใจข้อมูลในแท็บเล็ตต่อ

“ โห ไรอะ ไม่ฟังที่คิวท์พูดเลยหรอ เนี่ยๆ จะงอนแล้วนาา..”

“ ทันใช่ป่าววะ.. รับงานไปแล้วต้องทันดิ ”

“ พี่กาดอ่ะ! ”

“ เอ้า! อะไรนะ? ขอโทษๆ ไม่ต้องหน้างอเลยยัยปลาทูน้อย มา..ว่ามาพี่จะตั้งใจฟังเราแล้ว ”

   ก่อนที่ผู้จัดการหัวฟูอย่างผมจะโดนงอนที่ไม่สนใจน้องน้อย ผมเลยรีบหอบแท็บเล็ตตรงดิ่งมาทิ้งตัวนั่งข้างนายคิวท์ที่กำลังกอดอก งอแงแก้มป่องทันที

“ พี่ฟังแล้วพี่ทำตามด้วยนาาา ต้องทำตามที่คิวท์บอกนะ ” เจ้าน้องก็รีบชี้นิ้วสั่งสอนใหญ่เชียว

“ ยากมั๊ย..? ” ผมเกิดอาการคิดหนัก กลัวเด็กน้อยบอกให้ทำอะไรที่ยากพิสดารหรืออะไรที่มันเกินตัวกว่าที่เราจะทำได้

“ ไม่ยากเลยพี่กาด จริงๆ ” คิวท์ส่ายหน้ารัวๆ เมื่อเห็นว่าผมไม่เออ-ออ

“ อะไรล่ะ? ”

   ถามไปแบบนั้น ก็เริ่มกังวลนิดหน่อย ได้แต่บอกตัวเองในใจว่าคงไม่มีอะไรเกินกว่าที่ผมจะทำไม่ได้ ยกเว้นเรื่องนั่นแหละนะ

“ คิวท์ว่าพี่กาดหาแฟนมั๊ย ”

“ เอิ่ม.. ก็นึกว่าเรื่องอะไร เรื่องเดิมเลยนะไอ้ปลาทู ”

   ผมทำหน้าเอื้อมระอา ส่งเสียงหัวเราะเหมือนเด็กตรงหน้ากำลังพูดเรื่องตลกกับผม ทั้งที่ในใจก็ขำไม่ออกเท่าไร

   ความจริงเรื่องนี้ก็ถูกคิวท์ยกเอามาเป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนาในแต่ละวันมาสักพักสองพักแล้วละ

   ไม่รู้อยู่ดีๆ ไอ้ตัวดีมันคิดอะไรถึงอยากให้ผมมีแฟนนักหนา ผมอยู่อย่างนี้ ทำงานไปแต่ละวันอย่างนี้ก็ดีแล้ว และไม่ได้มีเวลาไปคิดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องงานหรอกนะ

“ มีแฟนหน่อยเถอะพี่ ” คิวท์ยังเอ่ยต่อ

“ หึ เพ้อเจ้อใหญ่แล้วเรา ” ผมได้แต่ส่ายหน้า แม้ติดรำคาญยามคิวท์พูดถึงเรื่องนี้ทีไร ผมก็ยังไม่ลุกไปไหน นั่งทำงานโดยกลับไปสนใจแท็บเล็ตตามเดิม

“ ไม่ได้เพ้อเจ้อ พี่พักบ้างเถอะ ไปหาแฟนให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ ผมอยากให้พี่พักบ้าง ” คิวท์ปฏิเสธเสียงเบา ว่าไม่ได้เพ้อเจ้อ แต่ดูก็รู้ว่าเขากำลังคาดหวังกับคนไม่เคยมีแฟนอย่างผม

‘ หาแฟนมั๊ยพี่กาด ’

‘ ลองมีแฟนดูมั๊ยพี่ ’

‘ ถ้าพี่กาดมีความรักจะเป็นยังไง ’



“ คิวท์ อยากให้พี่กาดมีแฟนนน ”

“ พูดบ้าอะไรของแกวะ ไอ้คิวท์ แค่นี่กูยุ่งเรื่องงานเดี่ยวงานคู่ของแกกับฮันแทบตาย ยังจะไล่พี่ไปมีแฟน”

   อ้าว! ลืมตัว ต่อให้น้ำเสียงจะนิ่งๆ แต่พอรำคาญ ผมก็จะเริ่มขึ้นกูมึงกับน้องมันออกไปรัวๆ พอดีมันติดปากอะ สงสัยคำหยาบจะอยู่ในสมองไปแล้ว 50 เปอร์เซนต์ของพื้นที่สมอง

“ ของขึ้นซะงั้น ความจริงพี่ก็อยากมีแฟนใช่ป่าวล่ะ? ทำไมพี่กาดถึงไม่ชอบใคร แล้วทำไมไม่มีใครมาจีบพี่บ้างเลยอะ หน้าตาก็ไม่ได้แย่ แค่หน้าเหมือนแมวขี้งกเอง ”

   เอ๊ะ ตกลงเมื่อกี้ชมหรือด่า?

“ ผมชมนะพี่ แหะๆ ” คิวท์รีบเกาะไหล่ทั้งสองข้างของผมโยกไปมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ

“ ยุ่งอยู่น้า ออกๆ อย่าเกาะแกะ พี่กำลังทำงาน อย่ากวนดิ ไปลองชุดไปๆ ” ผมเอ่ยไล่คิวท์ด้วยน้ำเสียงเอื้อย สีหน้าเอือมระอา

“ แหะๆ ก็ได้ครับ ก็ได้ ”

   เมื่อคิวท์เดินออกไปแล้ว ผมก็พรู่ลมหายใจ และพยายามกลับมาจดจ่อกับตารางงานของเด็กในสังกัดอีกครั้ง แต่ต้องหยุดลงอีกครั้งเช่นกันเมื่อคำพูดของคิวท์มันยังวนกลับเข้ามาอยู่ในหัวของผม

   เกิดอาการตะหงิดและรำคาญใจอย่างบอกไม่ถูก

   นั่นสิ.. พอเรียนจบมาทำงาน ทำไม เขาไม่ชอบใคร

   แถมไม่มีสาวๆ คนไหนเข้ามาจีบ.. เลย
 


   จะมีก็แต่..
 
   ..ผู้ชาย

   เอ่อ! ได้ยินไม่ผิด ผู้ชายด้วยกันนี่แหละไอ้เหี้ยเอ้ย
 
 
 


 

เช้าวันใหม่ สดใสมากกก
 

“ น้องคิวท์ มาทำผมลูก ”

“ อ่า ครับ… ” คิวท์ที่นั่งเล่นเกมส์งูฆ่าเวลาอยู่เอ่ยตอบรับพี่ติ๊ด ช่างทำผม ก่อนลุกขึ้นพาตัวเองไปนั่งแหมะลงที่เก้าอี้หน้ากระจก

“ สวัสดีครับทุกคนนนน ”

“ พี่กล้า! พี่กล้ามาแล้วหรอ กินข้าวยัง? คิวท์มีขนมอยู่กับพี่กาดนะ พี่กาดฮะ.. ”

“ ได้ๆ เดี๋ยวพี่เอามาให้ ” ผมพยักหน้าให้กับคิวท์ พร้อมหยิบถุงบราวนี่กรอบออกจากกระเป๋าเป้ มายื่นให้กับเก่งกล้าที่เดินเข้ามาในห้องแต่งตัว พร้อมกับพี่ขนมผู้จัดการส่วนตัว ทั้งคู่กล่าวทักทายกับทีมงาน รวมถึงผมด้วย

“ สวัสดีครับ โห ขอบคุณมากเลยครับพี่กาด ของพี่กาดซื้อมาหรอ ”

“ ……… ”

“ ไม่ใช่นะสิ นู้นๆ ”

   ผมส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนส่งสายตาให้เก่งกล้าหันไปมองทางคิวท์ที่นั่งตัวตรงให้ช่างผมทำผมอยู่ ทางนู้นยิ้มเก้อเล็กน้อยเมื่อพี่กล้าของตัวเองทำเหมือนไม่สนใจที่เขาพูด และหันมาคุยกับผู้จัดการอย่างผมแทน

“ ขนมนี่น่าจะเป็นของพี่กาด ไม่ใช่หรอครับ? ” เก่งกล้ายังถามต่อกับพร้อมยิ้มขำ จนทำให้ผมรู้ทันทีว่าเก่งกล้าตั้งใจจะแกล้งไม่สนใจน้องน้อยของผม

“ หึ ของไอ้ปลาทูนู้น ..หน้างอแล้วนั้น ” ผมยิ้มขำ ก่อนตบไหล่เก่งกล้าที่ตัวสูงกว่าแปะๆ ให้หันกลับไปมองทางคิวท์ที่จ้องมองเราทั้งคู่ด้วยหน้างอแงผ่านทางกระจก

“ ไม่ได้หน้างอครับ คิวท์แค่ตึงๆ หนังหัว หน้า จมูก ปาก และคิ้วมันก็เลยไปเอง หึ! ”

“ หะ? พี่ติ๊ดได้ดึงผมแน่นไปหรอลูก ” ช่างผมตกใจตาโต พร้อมกับหวีเก็บทรงด้านข้างของคิวท์ให้อย่างเบามือเพราะกลัวจะทำให้น้องเจ็บ

“ เออ.. ไม่ขนาดนั้นครับพี่ติ๊ด ผมทนได้ฮะ ” คิวท์ส่ายหน้าเบาๆ ไม่ได้มองมาที่พวกเราเหมือนเดิมแล้ว แต่ผู้จัดการอย่างผมก็รู้ดีแหละนะว่าคิวท์น่ะมักไม่ชอบใจเวลาที่เก่งกล้าไม่สนใจตัวเองที่สุดแล้ว

“ หาเรื่องง้อกันหรือไงนะเก่งกล้า ” ผมพูดแซว ในขณะที่เก่งกล้าหยิบบราวนี่ขึ้นมากินเรื่อยๆ

“ หยอกๆ น่ะพี่กาด ก็เมื่อคืนเด็กมันหลับก่อนแล้วไม่ได้บอกฝันดีผมนี่หน่า เลยต้องแกล้งหน่อย ” เก่งกล้าพูดเสียงเบาให้เราได้ยินกันสองคน ก่อนที่จะหยิบบราวนี่กรอบชิ้นสุดท้ายขึ้นมากิน แล้วเอ่ยขึ้นลอยๆ พอให้น้องน้อยของผมได้แอบหลุดยิ้ม “ อร่อยนะครับเนี่ย คนซื้อมาให้นี่รู้ใจพี่จริงๆ ”

“ ………. ” แหม แค่เก่งกล้าพูดแค่นี้ ไอ้น้องน้อยยิ้มไม่หุบเลยน้าา


   จริงๆ ช่วงนี้กำลังอยู่ในการถ่ายทำซีรีย์วายเรื่องใหม่ที่เก่งกล้าและคิวท์ได้รับโอกาสแสดงเป็นพระนายคู่กันอีกครั้ง ทำให้กระแสคู่จิ้นที่เป็นที่นิยมของทั้งคู่ที่มีอยู่เดิมแล้ว กลับมาขึ้นเทรนทวิตเตอร์แทบทุกวัน

   ผู้จัดการนักแสดงอย่างผมไม่อยากเดาไปเองหรอกว่าความจิ้นที่แฟนคลับจิ้น และการใกล้ชิดกันของคนทั้งคู่จะทำให้พวกเขาเผลอมีใจให้กันมากพอที่จะเป็นคู่จริงได้หรือเปล่า

   แต่ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ก็ขอเป็นกำลังใจอยู่ห่างๆแล้วกัน เรื่องหัวใจของน้องน้อยผมจะไม่เข้าไปยุ่งมากมาย ตัดสินใจเองได้อยู่แล้วแหละ อื้ม! ..ถ้าไม่มีมือที่สามอะนะ!

   แล้วเรื่องหัวใจตัวเองล่ะวะผักกาด..

   เหอะ ไหนว่าโสดก็ไม่ตาย โสดก็อยู่ได้ โสดสบายไงผักกาด อยู่ดีๆจะมาคิดถึงเรื่องนี้ทำไมกัน
 



----------


หัวข้อ: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 01 :: ผักกาดและงานที่เขารัก (100%) [21/02/20]
เริ่มหัวข้อโดย: pimpipam_s ที่ 21-02-2020 23:53:49
ต่อ





 
“ น้องรดา คุณฎี เชิญเข้าไปรอที่ห้องรับรองก่อนมั๊ยคะ? ”

“ ได้ค่ะ หวังว่าขนมที่ซื้อมาน้องๆ จะชอบนะคะ ”

“ พี่แอบชิมแล้วค่ะ อร่อยมากค่ะ ”

“ ฮ่ะๆ เหลือเผื่อน้องๆ ด้วยนะคะ ...พี่ฎี แน่..มองหาใครอะ? รีบเดินตามดาสิคะ ”

   ผมเอียงหูฟังเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงใครหลายคนกำลังพูดคุยกันอยู่ด้านนอก และเหมือนกับว่ากำลังจะเดินผ่านมาทางนี้..

“ น้องคิวท์ล่ะครับ? ”

   แหม มาถึงก็ถามถึงคิวท์เลยนะ ผมพอจะรู้แล้วล่ะครับว่าใครมา..

“ น่าจะอยู่ในห้องแต่งตัวนะคะ อ้าว! น้องกาด ”

   O.O

   ผมละสายตาจากโทรศัพท์ขึ้นมองกลุ่มคนที่เดินเข้ามาใหม่ในห้องรับรอง รีบเด้งตัวยืนขึ้น หลังจากที่ตัวเองเพิ่งทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟารับรองได้ไม่นาน เมื่อกี้เพิ่งแอบฟังเสียงพวกเขา แต่ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะพากันเดินเข้ามาในห้องนี้ด้วย

“ สะ..สวัสดีครับพี่นีน่า สวัสดีครับพี่รดา สวัสดีครับ… ” ผมฉีกยิ้มบางๆ พร้อมกล่าวทักทายกับทั้งสามคน แต่เอ่ยชื่อเพียงแค่สองคนที่อยากเอ่ยเท่านั้น เพราะคนที่สามน่ะ เขาคือคนประเภทที่ผมไม่อยากสนทนาด้วย

   ถึงแม้ช่วงนี้ผมกับเขาจะเจอกันบ่อยเป็นพิเศษกว่าเมื่อก่อนก็ตาม แต่เขาก็ยังเป็นคนกวนประสาทและขี้แกล้งอันดับหนึ่งในใจ ที่ผมไม่อยากเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเหมือนเดิมและตลอดไป

   และ! และ! และที่สำคัญตอนนี้เขายังเป็นมือที่สามในความรักของน้องน้อยของผมอีกด้วย เข้าใจให้ตรงกันเลยนะว่าผมน่ะ.. #ทีมเก่งกล้าคิวท์ เท่านั้น!

“ สวัสดีจ้ะน้องกาด น้องนักแสดงของเราอยู่ข้างในเนาะ? ” พี่นีน่าผู้ช่วยผู้จัดเอ่ยถาม พร้อมชี้นิ้วไปทางห้องๆหนึ่งที่เขียนป้ายกำกับหน้าห้องว่า ‘ห้องแต่งตัวนักแสดง’

“ ครับ แล้ว..พอดีข้างในคนค่อนข้างเยอะนะครับ ผมก็เพิ่งออกมาจากห้องน่ะครับ ”

   ผมคงไม่ได้แสดงท่าทีพิรงพิรุธอะไรออกไปหรอกนะ

   ผมแค่จะบอกว่าผมไม่ได้อู้งานนะ และไม่ได้ร้อนตัวด้วย! ที่พูดเมื้อกี้ก็แค่พูดดักไว้ก่อน เพราะกลัวจะมีคนๆหนึ่งหาเรื่องมาว่าผมว่าอู้งานน่ะสิ

   ตอนแรกก็กะจะนั่งรอคิวท์อยู่ในห้องแต่งตัวด้วย แต่เนื่องจากทีมงานและนักแสดงมีจำนวนค่อนข้างเยอะมาก ผมก็เลยตัดสินใจบอกคิวท์ว่าจะออกมานั่งรอด้านนอกแทน เพื่อจะได้ไม่ไปเกะกะหรือขวางทางทีมงานที่กำลังทำงานกันอย่างแข็งขัน

“ สบายๆ เถอะจ้ะ นี่พี่ดีใจจังที่เจอน้องผักกาด” พี่รดาเอ่ย

“ ครับ ดีใจเหมือนกันครับ ” ผมตกใจเล็กน้อย ก่อนยิ้มตอบรับให้ผู้จัดคนสวยเดินเข้ามาจับมือผมอย่างตื่นเต้น

   แม้จะอายุเพียง 26 ปี แต่พี่รดาก็เป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในงานที่เขารัก เพราะพี่เขาเป็นทั้งเจ้าของนิยายวายที่โด่งดังหลายๆเรื่อง และยังเป็นเจ้าของบทประพันธ์ รวมถึงเป็นผู้จัดใหญ่ของซีรีย์วายที่สร้างชื่อเสียงให้กับคิวท์ที่รับบทเป็นนักแสดงนำด้วยกันมาแล้วสองเรื่อง และปัจจุบันเรื่องนี้คือเรื่องที่สาม

“ พี่นีก็นึกว่าผักกาดจะให้วาวามาดูแลน้องคิวท์ซะอีก ” ผู้ช่วยผู้จัดเอ่ยพร้อมวางถุงขนมหวานต่างๆ ที่หัวหน้าอายุน้อยของเธอตั้งใจซื้อมาให้ทีมงานและนักแสดงลงบนโต๊ะทั้งหมดจนเต็มโต๊ะ ก่อนพี่นีน่าจะทิ้งตัวนั่งลงเก้าอี้ใกล้ๆ

“ ช่วงนี้พี่ติณเขาให้เจ้าวาไปดูแลน้องจั๊บน่ะครับ ส่วนผมก็เลยสลับกลับมาดูแลคิวท์เหมือนเดิม ” ผมเอ่ยยิ้มๆ มองคนสวยใจดีทั้งสองที่ทั้งใส่ใจและช่างสังเกต

“ ดีเลย พี่อยากเจอเราบ่อยๆ พอดีพี่กำลังคิดพล็อตจะแต่งนิยายเรื่องใหม่อยู่นะ เห็นเราแล้วนึกออกมาได้เยอะแยะเลย เนาะพี่นีน่า>< ” พี่รดาที่ยังจับมือผมอยู่เอ่ยขึ้น แล้วหันไปหากำลังเสริมอย่างพี่นีน่า ก่อนที่ทั้งสองคนจะพยักหน้าเห็นดีเห็นงามพร้อมกัน เหมือนรู้เรื่องนี้กันอยู่แล้ว

“ อ่า ครับ ” ส่วนคนที่ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนอย่างผม ก็ได้แต่ยิ้มแห้งและเกาหน้าผากตัวเองเบาๆ

   เห็นผมแล้ว พี่รดาเขาจะคิดพล็อตนิยายออกได้ไงว่ะ งง

   ผมหวังว่าพี่รดาคงไม่ได้เอาผมไปเป็นอิมเมจตัวละครหรอกนะ

   เนื้อหานิยายหรือพล็อตก็คงจะประมาณว่า.. พระเอกนิยายบ้างาน หาแต่เงินไม่สนใจความรัก เป็นโสดจนแก่ และตายไป..

“ ฮ่ะๆ ” นึกแล้วก็ขำ ^^

“ อะไรหรอจ้ะ? ”

“ อ่อ เปล่าครับ พอดีกำลังคิดว่า..ถ้าตัวเองเป็นพระเอกนิยายของพี่รดาแล้วเรื่องราวมันจะเป็นยังไง ”

“ หืม? แต่พี่ไม่ได้ให้อิมเมจผักกาดเป็นพระเอกนิยายน่ะสิ ”

“ อะ..อ้าวหรอครับ แล้วอิมเมจผมเหมาะกับเป็นอะไรหรอครับ ”

“ เป็นนายเอก

“ หาา! นายเอกเนี่ยนะ? ” ผมตกใจตาโต ถ้าไม่ติดที่ว่ามีสติอยู่บ้างคงเกือบสะบัดมือคนสวยตรงหน้าไปแล้วล่ะ

“ หึๆ ”

   ระหว่างที่ผมกำลังมองพี่รดาที่พยักหน้ายืนยันคำตอบ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของใครสักคน ซึ่งก็เดาไม่ยากหรอกครับว่าใคร

“ ขำอะไรไม่ทราบครับ? ”

“ ขำคุณผักกาด ”

“ พี่ฎี! อย่าขำน้อง น้องไม่รู้ ” พี่รดาปล่อยผมเป็นอิสระแล้วหันไปห้ามปราบคนตัวสูงที่ยืนฟังบทสนทนา และหลุดหัวเราะออกมาหลังจากเห็นหน้าตาเหลอหลาของผม

“ ก็เวลาตกใจ หน้าคุณผักกาดเขามันนะ.. ”

“ ……. ” อะไร? พูดออกมาสิ จะจ้องหน้าผมนานๆเพื่อ

“ มัน.. ตลก ”

“ ตลก? ”

   เสียงหัวเราะในลำคอต่อเนื่องและเสียงพูดติดๆขัดๆของคนตัวสูงที่ถูกพี่รดาเอ่ยชื่อก่อนหน้า ทำให้ผมต้องเหลือบสายตาไปมองหน้าเขาอีกครั้งด้วยความไม่ชอบใจนัก แต่เจ้าตัวกลับทำเพียงแค่ส่งยิ้มมุมปากกลับมาให้กับผมแทน

“ ไม่ค่ะไม่ตลกเลย ไม่ต้องไปฟังพี่ฎีนะผักกาด ” พี่รดาหันมาพูดยืนยันกับผมอีกครั้งด้วยสีหน้าลำบากใจ ผมจึงพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อให้เธอสบายใจ แต่เหมือนพี่ชายของพี่รดาจะไม่ยอมจบ

“ หึๆ ก็คุณผักกาดเล่นตกใจ ตาโต อ้าปากค้าง จมูกกระตุกๆแบบนััน ไม่ตลกก็ไม่ไหวนะ ”

   เหอะ! พูดมาได้ ว่าหน้าตาผมมันตลก

   ตกใจแล้วมันตลกตรงไหนกัน ก็แค่ไม่รู้มาก่อนว่าตัวเองถูกเอาอิมเมจไปเขียนเป็นนายเอกนิยาย มันน่าตลกมากหรือไง!

   ไม่ชอบหน้าตาล้อเลียนของเขา

   ..และโคตรจะไม่ชอบรอยยิ้มของเขาเลยด้วย


“ พี่ฎีพอเลย ผักกาดไม่เห็นหน้าตาตลกเลย พี่ฎีห้ามไปว่าน้องแบบนั้นนะ! ผักกาดออกจะน่ารัก เหมาะกับเป็นอิมเมจนายเอกนิยายของดาที่สุด ”

   ผมยิ้มเห็นด้วยเล็กๆกับพี่รดาเรื่องห้ามคุณฎีว่าหน้าตาผมตลก แต่ไม่ค่อยเห็นด้วยที่ชมกันว่าผมน่ารักแล้วเอาไปเป็นอิมเมจนายเอกนิยาย ไม่เห็นด้วยอย่างแรงงง

“ เรื่องอิมเมจ... ”

“ ผักกาดอย่าคิดมากนะ พี่แค่อยากคิดพล็อตใหม่ๆ พอเจอผักกาดแล้วมันคิดอะไรออกมาได้เยอะแยะเลย ถ้าผักกาดไม่ชอบ..ก็ไม่เป็นไร พี่ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้เรา ” พี่รดาเอ่ยโบกมือไปมาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

“ อ่า.. ไม่เป็นไรครับ กาดไม่คิดมาก ถ้า..พี่รดาอยากแต่งก็แต่งได้เลย ผมโอเค  ” ผมพยักหน้ายืนยันอีกหนึ่งครั้ง

“ แงงง น่ารักมาก น่ารักแล้วยังใจดีอีก อนุญาตพี่แล้วนะ ”

“ เออ.. ครับผม ”

“ เย้ ขอบคุณนะคะ >< ” คนสวยยิ้มหวานจนตาหยี ผมเลยยิ้มรับรอยยิ้มสวยที่ยิ้มมาให้อย่างโล่งใจ เป็นอิมเมจนายเอกในนิยายมันคงไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกมั๊ง โอเค..เราสบายใจกันทั้งสองฝ่ายแหละ

“ รดาครับ ”

“ คะพี่ฎี? ”

“ ……… ” คุณฎีรดลกวักมือเรียกพี่รดาให้ขยับเข้าไปใกล้ๆ และเขาก็ก้มมากระซิบอะไรบางอย่างข้างหูพี่รดาไม่รู้ ปฏิกิริยาของเธอถึงได้แสดงถึงคงามตกใจจนตาโตขนาดนั้น

“ โอ้! มาย ก๊อดดดดด พี่ฎี! จริงมั๊ย.. รดาขอฟังอีกครั้งหนึ่ง ”

“ หึ ” คนตัวสูงอมยิ้มให้น้องสาวที่ยกมือไหว้เชิงขอร้อง ก่อนจะมองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูดประโยคที่ผมไม่อยากจะเชื่อออกมา “ พี่บอกว่า.. ถ้าผักกาดเป็นอิมเมจนายเอกของดาแล้ว งั้น..อิมเมจพระเอกก็ต้องเป็นพี่คนเดียว ”

“ หะ? ” อะไรนะ? ผมร้องออกมาอย่างไม่เก็บอาการ ขมวดคิ้วมองที่คนพูดอย่างไม่เข้าใจ

“ พี่ฎีจะเป็นอิมเมจพระเอกนิยายให้ดาจริงหรอคะ? ”

“ ครับ ”

“ พี่ฎีจะอนุญาตแล้ว..จริงๆนะคะ? ” พี่รดารีบพูดอย่างตื่นเต้น และเข้าไปกอดพี่ชายของเธออย่างดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่

“ ครับ พี่อนุญาต แต่..เฉพาะนายเอกที่เป็นผักกาดเท่านั้นนะ ”

   อันนี้ผมก็ไม่เห็นด้วยอะ ไม่โอเค ผมไม่อนุญาตโว๊ยย

“ กรี๊ดดด งั้นตกลงเลยค่ะ พี่ฎีได้รับอิมเมจเป็นพระเอกนิยายของดา ”

   พี่รดาก็อีกคน ได้ยินเสียงในใจผมมั๊ย ผมไม่เห็นด้วย ไม่โอเค ไม่อนุญาตอะ

   ผมยืนฟังบทสนทนาของพี่น้องหน้าตาดีคู่นี้ด้วยความกล้ำกลืนฝืนทน หันไปมองทางพี่นี่น่าเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ก็พบว่าเธอได้นั่งกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย ไม่สนใจใครมานานแล้ว

   ส่วนพี่รดาก็กระโดดโหยงๆดีใจอยู่ข้างๆคนกวนประสาทที่พูดบ้าอะไรขึ้นมาไม่รู้ วันนี้เขามาเพื่อกวนประสาทผมโดยเฉพาะเลยสินะ

“ พี่รดา ผมว่าไม่เอาดีกว่าครับ ” ผมเอ่ยกระซิบกับพี่รดาเบาๆ แต่พบว่าเธอกำลังทำหน้าตาน่าสงสารส่งกลับมาให้ผมอีกครั้ง จนผมต้องรีบแก้ตัวและหันหน้ามองคนตัวสูงด้วยสายตาคาดโทษ “ เอ่อ..คือ กาดหมายความว่าคุณฎีเขาอาจจะแค่พูดเล่น.. ”

“ พี่ไม่ได้พูดเล่นครับ ”

“ พูด เล่น สิ ครับ! ” ผมกัดฟันพูดและพยักหน้ายิ้มเล็กน้อยให้กับเขาเพื่อขอร้องให้เออ-ออและคล้อยตามไปด้วยกัน แต่..

“ ไม่ได้พูดเล่นครับ ” เขายังยืนยันชัดเจน โว๊ยย

“ ….. ” นี่คุณ!

“ จริงนะคะ ”

“ จริงค่ะ ”

“ พี่ฎียอมให้ดาแต่งได้แน่นะ ”

“ ตามสบายเลยค่ะน้องสาว ” เขาตอบได้หน้าตาเฉยมาก

   ผมกัดฟันยิ้มค้างมาซักพัก ค่อยๆทิ้งตัวนั่งลงโซฟาตัวเดิมอย่างไม่สบอารมณ์ ชำเลืองมองคนตัวสูงที่ขอตัวออกไปรับโทรศัพท์และยืนคุยอยู่ด้านนอกนานสองนานอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร้ลยกับเหตุการณ์ก่อนหน้า

   ส่วนที่รดาหรอ.. ตอนนี้ก็เอาแม็คบุ๊คขึ้นมานั่งพิมพ์อะไรต่อมิอะไรใหญ่เลย นั่งพิมพ์ไปด้วยแล้วก็ยิ้มไปด้วย พลางเงยหน้าขึ้นมามองผมสลับกันคุณฎีเป็นระยะๆ

   เฮ้อ ผมคิดถูกจริงๆใช่มั๊ยเนี่ย! 

“ อ่อ ผักกาด พี่ลืมสนิทเลย พี่ว่าจะเอาบทฉบับแก้ไขฝากให้น้องคิวท์พอดีเลย ” พี่รดาเอ่ยพร้อมยื่นหนังสือรวมบทฉบับแก้ไขมาให้กับผม เพื่อให้ทำหน้าที่เก็บไว้ให้กับน้องคิวท์

“ ครับผม ”

“ เอ่อ พี่นีน่า งั้นเราไปหาพี่สมาร์ทเพื่อคุยเรื่องงานฉากที่ต้องไปถ่ายต่างจังหวัดกันเถอะค่ะ พี่ฎีจะไปด้วยมั๊ยคะ หรือ..จะนั่งรอที่นี่ก็ได้นะ ”

   พี่รดาเอ่ยถามคุณฎีที่เดินกลับเข้ามาหลังจากออกไปรับโทรศัพท์ด้านนอก ผมเห็นเขาทำหน้าคิดสักพักหนึ่ง ก่อนจะเลื่อนสายตาเจ้าเล่ห์มาทางผม ผมจึงรีบหลบสายตาไปมองทางอื่น หลังจากที่เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองได้เผลอมองคุณเขามาตั้งนานแบบไม่รู้ตัว

   เชี่ย ..มารู้ตัวอีกทีก็คือโดนเขามองกลับมาซะแล้ว 

“ ไม่เป็นไรครับรดา เดี๋ยว..พี่นั่งรอน้องคิวท์อยู่กับคุณผักกาดขาวตรงนี้ก็ได้ ” 

   เหอะ ย้ำชื่อน้องคิวท์จังเลยนะ!

   แล้วยังมาย้ำชื่อเราอีก อะไรนะ.. คุณผักกาดขาวงั้นหรอ?

“ แน่ใจนะคะ ”

“ ครับ แน่ใจ พี่ว่าผักกาดเขาก็คงอยากให้พี่นั่งตรงนี้เป็นเพื่อนเขาด้วย ใช่มั๊ยครับ? ”

“ ……. ” ใครอยากให้คุณฎีนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยไม่ทราบ  “ ไม่.. ”

“ ไม่ปฏิเสธสินะครับ ”

“  ….. ” ไม่อยากนั่งด้วยโว้ยย

“ ไม่ตอบแสดงว่าอยากให้นั่งด้วย เดี๋ยวพี่รออยู่นี้ครับรดา ”

“ ….. ” แล้ว แต่ จะ คิด!

“ โอเคค่ะ รออยู่ที่นี่นะคะคุณพี่ชาย ”

   พี่รดายิ้มอีกครั้งจนตาหยีก่อนเดินออกไปจากห้องพร้อมกับพี่นีน่า ทิ้งให้ผมอยู่กับคนกวนประสาทอันดับหนึ่งที่เพิ่งก่อคดีไว้ แต่เขากลับนั่งยิ้มอารมณ์ดีอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อน เหอะ!

   ผมจะปล่อยไป ผมจะไม่สนใจๆ อยากทำอะไรก็ทำ อยากพูดอะไรก็พูด 
 
 



 
“ กินขนมได้นะ รดาเขาตั้งใจซื้อมาฝากทีมงานทุกคนน่ะ ”

“ ครับ ” ตอบรับเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงคุณฎีรดลที่พูดเหมือนกำลังบอกกับผม ยังไม่หายหงุดหงิดเรื่องเมื่อกี้หรอกนะ

   แต่ในการทำงานกับผู้ใหญ่หรือรุ่นพี่ แม้ตนจะไม่ค่อยชื่นชอบคนๆ นั้นสักเท่าไหร่ แต่ผมก็จะพยายามนึกเสมอว่างานก็คืองาน ทำงานก็ได้เงิน มันไม่ยากเท่าไหร่หรอก (มั๊ง?)

“ ช่วงนี้คิวท์เป็นไงบ้าง ”

“ ก็.. ปกติดีนะครับ ”

   เป็นไงบ้างเรื่องไหนล่ะครับ

   ? แม้จะตอบไปแล้วผมก็แอบทวนคำถามในใจ และค่อยๆ เงยหน้ามองคนที่นั่งลงโซฟาด้านขวาของตัวเองเล็กน้อย ก่อนหันกลับมาสนใจแท็บเล็ตอีกครั้ง แต่กลายเป็นว่าไม่ค่อยจะมีสมาธิเลย เพราะเหมือนถูกอีกคนจ้องอยู่ตลอดเวลา

ขวับ!

   นั้นไง .. ยังจ้องเราอยู่เลย

“ กินหน่อยสิ เดี๋ยวคนอื่นออกมาผักกาดก็อดกินพอดี ” คุณฎีเอ่ย พร้อมยื่นกล่องขนมมาให้ แม้ผมจะไม่อยากกิน แต่ผู้ใหญ่ให้ของก็ต้องรับสิ

“ ขอบคุณครับ แต่ผมยังอิ่มอยู่ เดี๋ยวกินทีหลังแล้วกันครับ ” ผมรับมาแล้วนำมาวางข้างกระเป๋าของตัวเอง พร้อมเอ่ยบอกคนที่ยื่นมาให้จะได้ไม่เสียน้ำใจคุณเขา

“ อืม ”

   วันนี้แม้คุณสปอนเซอร์ใหญ่จะมาในลุคสบายๆ เสื้อยืดกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบคู่เท่ แต่มันกลับดูดี ออร่าพุ่งมากๆ ไม่ต่างจากลุคหนุ่มนักศึกษาสมัยที่ผมเคยเห็นเมื่อหลายปีก่อนเลย

   คุณฏี ฎีรดล หรือพี่ฎี หนุ่มหล่อหน้าตาดี กีฬาเด่น แถมยังเคยเป็นเดือนมหาวิทยาลัยที่สาวๆ ชื่นชอบ จนถึงปัจจุบันนอกจากความหล่อที่มีแต่เพิ่มไม่เคยลดลง เขายังเป็นนักธุรกิจที่เพรียบพร้อมไปด้วยความเก่งกาจทางด้านบริหาร การจัดการและการสื่อสารทางด้านภาษาถึงห้าภาษา คนอะไรวะหล่อ รวย เก่ง สามผ่าน!

   ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนนิสัยขี้บังคับและชอบแกล้งกันมาก่อน เขาคงเป็นคนๆหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าเขาน่าอิจฉาชะมัด

   แค่หน้าตาหล่อก็กินขาดแล้ว ผิวหน้าผิวพรรณดีอีก

   ก็อย่างนี้แหละนะครับคนมีเชื้อสายฝรั่ง และเสี้ยวเวียดนาม ไหนจะส่วนสูง 185 ซม. ไหนจะหุ่นจะเหิ่นที่ได้มาจากการออกกำลังกาย แล้วเส้นเลือดที่แขนบึกนั้นอีก.. เพอร์เฟ็คเวอร์ๆ
 
   หื้ม?

   ว่าแต่ผมจะบรรยายถึงเขาทำไมนะ อุตส่าห์พยายามไม่นึกถึง

“ ทำไมทำหน้าเหมือนกำลังทะเลาะกับตัวเองล่ะครับ ”

   ระหว่างที่ผมกำลังสั่นหัวตัวเองไปมาเพื่อเรียกสติ ก็มีเสียงพูดติดตลกทักขึ้นมา ผมถอนหายใจ ทำเพียงมองเขานิ่งๆแล้วพูดแบบไม่ออกเสียงว่า ‘ผมกำลังใช้สมาธิในการทำงาน’ เพราะไม่อยากให้เขามายุ่งมายุ่มหย่ามกัน รายนั้นจึงทำเพียงส่ายหน้าให้เล็กน้อยอย่างไม่ใส่ใจ

   เฮ้อ ผมว่าเขาจะช่างสังเกตเกินไปแล้วนะ


“ วันนี้หลังจากเสร็จงานคิวท์มีคิวงานที่ไหนหรือเปล่า ”

“ …….. ”

“ ว่าไง? ”

   ยังไม่จบ คุณฎีเขาก็เป็นแบบนี้ ยิ่งเห็นว่าผมไม่อยากคุย เขาก็ยิ่งจะหาเรื่องมาพูดมาถาม โดยเฉพาะเรื่องของคิวท์เนี่ย เป็นประเด็นที่ถูกยกมาถามบ่อยที่สุดเลย

“ คือมันเป็นตารางงานของน้องอะครับ ”

“ ทำไม? ผมอยากรู้นี่หรือบอกไม่ได้ ”

“ ก็.. น้อง ว่าง ครับ ” ผมไม่อยากมีปัญหากับคุณฎีในตอนนี้เท่าไร เพราะยุ่งมากๆจนไม่มีเวลาไปทะเลาะ เลยตอบเสียงเบาหลังจากเปิดดูตารางงานเพื่อดูเวลาว่างของคิวท์ให้

“ อืม แล้วพรุ่งนี้ล่ะ? นอกจากมาที่กอง มีงานที่ไหนมั๊ย? ”

“ ..ไม่ครับ ” เขายังไม่หยุดอีกนะ ยังถามต่อไม่จบ

“ ทำไมคุณผักกาดดูเหมือนไม่อยากจะบอกผมเลยล่ะครับ? ”

   ก็ไม่อยากบอกไงโว้ย หมดคำจะพูด

“ เปล่าครับ.. ผมแค่คิดว่าบางทีน้องไม่มีงานตามตารางก็จริง แต่น้องก็ต้องมีเวลาส่วนตัวน่ะ มันไม่จำเป็นเลยที่ต้องเปิดเผยให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องรู้ ” ผมทำหน้าจริงจังขึ้นเล็กน้อย แล้วเอ่ยตอบแม้ในใจจะคิดอีกแบบก็เถอะ

“ แล้วทำไมชอบทำหน้าบึ้ง ไม่ยิ้มให้กันเลย ”

“ ตอนนี้ผมยุ่ง กำลังทำงาน ไว้ว่างๆจะยิ้มให้นะครับ  ” ผมตอบเขาด้วยคำพูดคำจากึ่งประชดประชัน ก่อนจะฉีกยิ้มให้เขากว้างๆ แล้วก้มหน้าสนใจแท็ปเล็ตในมือต่อ

“ อ่ะ แค่ก! ”

   ผมไม่รู้หรอกว่าคุณฎีเขาจะคิดอะไร จะตลกท่าทางและหน้าตาของผมเมื่อกี้มั๊ย ลองใช้หางตาเหลือบไปมองก็เห็นว่าคนตัวสูงกำลังยกขวดน้ำขึ้นมายกดื่มแก้อาการไอค่อกๆแค่กๆของตัวเอง สงสัยคงจะสำลักน้ำลายตัวเองล่ะมั๊ง

“ หึ ” ผมยิ้มขำคนเดียวเพราะตลกกับอากัปกริยาแปลกๆของเขา แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นนิ่งเฉย

“ ลองยิ้มอีกได้มั๊ยครับ ” คุณฎีพูดขึ้นเมื่อเขาหายจากอาการไอ

   ในจังหวะที่ผมเงยหน้าขึ้นมามอง เราก็สบสายตากันพอดี ครั้งนี้ฝ่ายนั้นกำลังส่งยิ้มด้วยสายตาแห่งความท้าทายและแฝงไปด้วยความคาดหวัง ซึ่งกวนลูกหูลูกตาสำหรับผมมาก 

   จะกวนกันอีกแล้วสินะ!
 
   แล้วนี่.. คุณฎีคนนี้เขาจะมองผมไม่วางตาเลยหรือไง

   ผมก็ทำได้แค่บ่นในใจ งับริมฝีปากตัวเองไว้แน่น และเป็นฝ่ายหลบสายตาก่อน ให้ตายเถอะ..เจอสายตาแบบนี้ไปใครจะไปยิ้มออก

“ ไม่ยิ้มก็ไม่ยิ้มครับ ”

“ …….. ”

“ แล้วตารางงานที่ว่า ทำไมยังมีให้แฟนคลับรู้ล่ะว่าน้องไปงานที่ไหนบ้าง ” เขาถามต่อเหมือนเพิ่งนึกขึ้นมาได้

“ ครับ แต่ตารางงานนั้น เป็นตารางงานที่ผมตกลงกับน้องและแฟนคลับของน้องแล้วว่า มันจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่เราเปิดเผยให้รับรู้ได้ ”

“ อืม พอเข้าใจแล้วครับ ”

“ บางทีเพื่อกันการวุ่นวาย เราเลยลงตารางงานผ่านโซเชียล เช่น ทวิตเตอร์ เราลงเฉพาะงานที่สามารถพบปะแฟนคลับได้ เราไม่จำเป็นต้องเปิดเผยทั้งหมด เพราะงานบางงานก็ยังเป็นความลับอยู่ ”

“ แล้วถ้าผมอยากรู้ล่ะ.. ”

“ ทะ..ทำไมครับ? ”

   ผมเผลอติดอ่าง เอ่ยถามไปอย่างอ้ำอึ้ง เมื่อเห็นคุณฎีเขยิบตัวจากโซฟาตัวเดิมเข้ามาใกล้โซฟาของผมมากขึ้น

“ ก็เปล่า ผมแค่จะได้แวะมาให้กำลังใจกันบ่อยๆ ”

“ ค..คงไม่ได้หรอกครับ ”

“ ไม่ได้ที่ว่านี่คือไม่ให้ตารางงาน หรือไม่ให้มาหากันแน่ ”

“ เอ่อ.. ผมหมายถึง ตารางงานน่ะครับคงให้ไม่ได้ เพราะอย่างที่บอกบางงานยังเป็นโปรเจ็คลับอยู่ ชะ..ช่วยอย่าเอาหน้าเข้ามาใกล้ขนาดนี้สิครับ ”

   นอกจากคุณฎีจะเขยิบตัวมานั่งใกล้กับผมแล้ว ยังยื่นใบหน้าที่มีจมูกโด่งๆ สันกรามชัดๆ เข้ามาใกล้กันอีก คมขนาดนี้ ถ้าบาดมือไอ้กาดได้คงบาดไปแล้ว เหอะ!

“ หึ ”

“ ……… ” อึดอัดชิบ

   รู้หรอกนะว่าคุณฎีคนนี้ต้องการจะกวนประสาทและแกล้งผม

   ผมเผลอคิดมาตลอดเลยว่านอกจากเคยเหยียบเท้าแล้ว ผมเคยไปทำอะไรให้ไม่พอใจอีกหรือเปล่า ถึงได้มากวนกันแกล้งกันแบบนี้ทุกครั้งที่เจอ ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้ใหญ่กว่าไอ้กาดคนนี้จะผลักหน้าหงายให้

“ งั้นแสดงว่าถ้าผมรู้เอง คุณก็อนุญาตให้ผมแวะไปหาได้ ”

“ ตามสะดวกเถอะครับคุณฎี คุณเป็นถึงสปอนเซอร์ใหญ่ แถมยังเป็นพี่ชายผู้จัดซีรีย์ คุณไม่ต้องขออนุญาตหรอกครับ ”

   นึกแล้วขำ.. อนุญาตหรอ? ใครจะกล้าห้ามกล้าขัดคุณกันล่ะ

“ งั้นก็ดีสิ งั้นผมจะแวะไปหาบ่อยๆ นะ ” คุณฏีรดลเอ่ยต่อ แล้วกระตุกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ แม้จะไม่ได้บอกว่าแวะไปหาใคร แต่ผมก็เข้าใจในความหมาย ณ ที่นี้ ว่าต้องหมายถึงคิวท์อยู่แล้ว

“ ครับ คิวท์คงดีใจนะครับ ” ผมตอบ พร้อมกับรอยยิ้มที่ค้างนานๆอีกหน่อยมอบให้กับคุณฎี ก่อนละสายตาไปหยิบโทรศํพท์มือถือขึ้นมากะว่าจะเช็คทวิตเตอร์ซะหน่อย เพราะก่อนออกมาจากห้องแต่งตัวได้ยินทีมงานข้างในแซวเก่งกล้ากับคิวท์เรื่องบราวนี่กรอบไม่หยุด

“ หึ อะแค่กๆ! ”

   ผมพยายามไม่สนใจเสียงพ่นลมหายใจหรือรอยยิ้มของคนตัวขาวที่กำลังแก้มขึ้นสีแดงแจ๋เพราะอาการร้อน แต่ก็ต้องเหลือบตาไปมองเป็นระยะๆอย่างเป็นห่วง เพราะคนตรงหน้าไอขึ้นมาอีกแล้ว
 
.
.
.

ผมเข้าทวิตเตอร์ในแอคเคาน์ Pakkard (@Pak_wongrawee) เลื่อนฟีดไปได้ไม่นาน ก็เห็นทวิตของเก่งกล้าที่แนบรูปรูปภาพถุงขนมเปล่าที่กินหมด มีฉากหลังเป็นรูปน้องน้อยที่ชื่อว่าคิวท์กำลังหน้างออยู่ จนทำให้ผมอดยิ้มตามไม่ได้
นี่ไงล่ะ!
_____________________________
KengKar @Bodin_kenhkar · 38 นาที
ปลาทูหน้างอและบราวนี่กรอบของเขา @CuteAriya_U
ขออนุญาตแนบรูปฮะ

////////////////
#เก่งกล้าคิวท์
______________________________

   แฟนคลับจะว่ายังไงนะ คงชอบใจและแซวกันใหญ่ว่าลูกเรือไม่ต้องพาย เพราะกัปตันเขาพายเองละ

“ ถ้าผมจะแวะไปหาบ่อยๆ คิวท์คงดีใจ? แล้วคุณผักกาดล่ะ... ”

   ขณะที่ผมกำลังก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถือ และตอบทวิตกับแฟนคลับของคิวท์อยู่ด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเสียงสดใสก็ต้องปรับอารมณ์ เมื่อเจอคำถามแปลกๆของคุณฎีรดลที่นั่งเงียบมาสักพักแล้วเหมือนอดไม่ได้จนต้องเอ่ยกวนผมขึ้นมาอีกครั้ง

“ หะ.. อะไรหรอครับ ” เขาทำไมนะ

“ ทำหน้าตลกดีนะ ผมหมายถึง..คุณก็ต้องไปอยู่ดูแลน้องคิวท์ทุกที่เลยใช่มั๊ย? คุณผู้จัดการส่วนตัว ”

“ อ่อ ..ใช่ครับ ”

   ผมตอบแบบเอ๋อๆเมื่อประมวลผลคำถามเมื่อกี้ของเขา

   อดนึกในใจไม่ได้ นึกว่าคุณฎีเขาจะถามผมว่า ‘ผมจะดีใจมั๊ยที่เขาจะแวะไปหาบ่อยๆ’ ซะอีก ถ้าให้ตอบก็คงตอบได้เลยว่า ‘ไม่’ ไม่ดีใจหรอกที่เจอ ไม่อยากเจอ หมั่นไส้

“ งั้นก็ดีเลย ผมจะได้เจอน้อง และเราสองคนก็จะได้เจอกันบ่อยๆ คุณอาจไม่ดีใจ แต่ผม..ดีใจนะ ”

“ ...... ” หะ! เออ..ทำไมคำพูดว่า งั้นก็ดีเลย กับ แต่ผมดีใจนะ ของคุณฎีรดลทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลังและขนหัวลุกแปลกๆ นะ ให้ตายเถอะ

“ พอดีช่วงนี้ผมก็ต้องดูแลโปรเจ็คนี้ร่วมกับรดา ได้เจอกันบ่อยๆ ก็..ดี ”
 
 
   O.O ดีกะผีสิ ผักกาดไม่อยากจะเจอคุณเลยเถอะ!




❤ 100 เปอร์เซนต์ (%)

----------------------



1 ไลค์ 1 คอมเมนต์ = 1 กำลังใจ ❤

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ

(◜◡‾) (‾◡◝)




นักเขียน :: ชอบตัวเองเวลาลงเรือ แล้วเป็นลูกเรือที่ไม่ต้องพาย เพราะกัปตันเเขาทำหน้าที่ได้ดี


หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 01 :: ผักกาดและงานที่เขารัก (100%) [21/02/20]
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 22-02-2020 08:33:29
ผักกาดขาวของคุณฎีเป็นคนซึน 555

รออ่านตอนต่อไป

เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียน
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 01 :: ผักกาดและงานที่เขารัก (100%) [21/02/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Nadaii20 ที่ 22-02-2020 16:43:27
หึย เรื่องนี้น่ารักดีนะเนี่ยยย

จะติดตามฮับบ
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 01 :: ผักกาดและงานที่เขารัก (100%) [21/02/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tawanwee ที่ 22-02-2020 18:50:21
วัยทำงานด้วยอะ ผักกาดน่ารักดี คุณฎีก็คงกรุบๆ ชอบน้องอะดิ จีบเลยๆ

น้องคิวท์กับเก่งกล้า ขอพายเรือนี้ด้วยค่าา
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 01 :: ผักกาดและงานที่เขารัก (100%) [21/02/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Yeewajj ที่ 24-02-2020 14:47:45
คุณผักกาดน่ารักดี
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 01 :: ผักกาดและงานที่เขารัก (100%) [21/02/20]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 25-02-2020 09:22:37
เนื้อเรื่องน่ารักค่ะ
มีหลายคู่ให้ติดตามแน่  ๆ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 02 :: ไม่ชอบ..ก็มีเหตุผลที่ไม่ชอบ (30%) [26/02/20]
เริ่มหัวข้อโดย: pimpipam_s ที่ 26-02-2020 23:36:50
คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ

ตอนที่ 02 :: ไม่ชอบ..ก็มีเหตุผลที่ไม่ชอบ



2 สัปดาห์ต่อมา

12.45 น.


ครืดดดด ครืดดดด

“ พี่กาด โทรศัพท์พี่ ”

“ หืม? ”

          ผักกาดบิดขี้เกียจไล่ความง่วง และหยี๋ตาเพื่อปรับการมองเห็นให้ภาพตรงหน้าโฟกัสและชัดขึ้น ก่อนค่อยๆหันไปมองตามเสียงนุ่มปนแหบของคิวท์ที่เดินเข้ามาหาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือเครื่องดีเครื่องทนทานของผม จำได้ว่าก่อนหน้านี้เหลือแบตเตอรี่อยู่เพียง 14 % เลยเอาไปชาร์ตไว้ตรงปลั๊กไฟมุมห้อง แล้วกลับมานั่งพักสายตาที่โซฟาจนเผลอหลับไป

          สองสามวันมานี้ ผมต้องตื่นไปรับคิวท์ที่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่ทุกวันเพื่อมาทำงาน เพราะคุณแม่ของคิวท์ติดสัมนากับบริษัท และได้ยินว่าจะกลับมาวันนี้เพื่อมารับคิวท์กลับต่างจังหวัด เนื่องจากเป็นวันหยุดของน้อง

“ ผมเห็นพี่ชาร์ตไว้อยู่นู้น พอดีรู้สึกว่ามันสั่นอยู่อะ เลยเอามาให้ ”

“ ขอบคุณมากคิวท์ ” ผมเอ่ยขณะที่ยื่นมือไปรับโทรศัพท์มือถือของตนมาดูว่าใครโทรมา หึ แกล้งไม่รับสายได้หรือเปล่านะ รายนั้นคงโกรธเขาแน่ๆ

“ ไม่เป็นไรครับ แอบหลับอีกแล้วนะคนเรา ” คิวท์เอ่ยด้วยสายตาล้อเลียน

“ อื้อหน่าา ”

“ ล้อเล่นครับ พักผ่อนเยอะๆนะพี่ ” คิวท์เอ่ยและเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานมาให้ 

“ จ้าๆ รับทราบ ” ผมพยักหน้า และทำมือปัดไล่น้องมันให้กลับไปที่เดิม


          หลังจากคิวท์เดินกลับไปนั่งเล่นเกมส์โทรศัพท์มือถือต่อกับเก่งกล้า และน้องๆ นักแสดงคนอื่นๆ ต่อ ผมก็กลับมาสนใจโทรศัพท์เครื่องเดิมที่ยังสั่นอยู่ต่อเนื่อง



ครืดด

F’ YamYu

“ ฮัลโล ว่าไงมึง คิด.. ”

‘ ผักกาด กรี๊ดดด! กูคิดถึงงงงง เย็นนี้ว่างมั๊ย? มาเจอกัน ‘

          ผมสะดุ้งถึงกับต้องเอียงคอเอียงหูหลบเสียงจากโทรศัพท์ที่แผดเสียงออกมา ก่อนนึกขึ้นได้ว่าควรกดลดระดับความดังของเสียง เพราะเสียงกรีดร้องราวกับเปิดลำโพงของคนในสาย ดังมากจนเกือบทำลายโสตประสาทการได้ยิน รู้แหละนะว่าตื่นเต้น

          แต่เดี๋ยวนะ.. มาเจอกัน?

“ ยังเสียงดังเสียงแหลมเหมือนเดิม นี่มึงกลับมาไทย? ”

‘ ช่ายยยย ฉลาดมากมึงหนิ นะ..เย็นนี้เจอกันหน่อย กูรู้มึงต้องว่าง ’

“ รู้ดีนักนะ หึ แต่..กูไม่ว่าง ”

‘ นิ! สัย! นี่กูกลับมาจากญี่ปุ่นเพื่อมาหามึงเลยนะ ’

“ คิดว่ากูจะเชื่อหรือไง ”

          ผมส่ายหัวอย่างไม่เชื่อ เมื่อได้ยินประโยคที่เพื่อนสนิทสุดรักบอกว่ากลับมาจากต่างประเทศเพื่อมาหา นี่เพื่อนไม่ใช่ผั.. เออ.. ไม่ใช่แฟน ใครก็รู้ว่ามันกลับมาหาแฟน

          คนในสาย คือแยม นลนัส เพื่อนสนิทของผมที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น ไว้ถ้ามีโอกาสได้เจอคงได้แนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการ และเมื่อได้รู้จักทุกคนจะคิดผิดที่อยากรู้จัก อึย ล้อเล่นครับ ต้องดีใจที่ได้รู้จักต่างหาก ^^

‘ อื้ออออ ไม่ว่างจริงอะ กูอยากเจอออ กูมีเรื่องจะบอกพวกมึง ขนาดไอ้วามันยังว่างเลย มึงทำงานที่เดียวกันทำไมมึงไม่ว่างหะ? พลีสส นะะเพื่อน ’ แยมเริ่มงอแงสลับกับโวยวาย ถ้าไม่ติดน้ำเสียงสุดท้ายที่เอ่ยออกมาเพื่อขอร้องผม เสียงอ้อนเชียวนะมึง

“ งานกูกับไอ้วาวันมีเวลาแน่นอนที่ไหนล่ะ แล้ว..เรื่องอะไร? บอกทางโทรศัพท์ไม่ได้หรือไง ”

‘ ไม่ได้จ้ะ ไม่ได้สิจ๊ะเพื่อน เรื่องนี่มันสำคัญนะ เจอกันนะ นะๆๆ  ’

“ อื้อๆ ก็ได้ เจอกันไหนล่ะ? ”

‘ เย้! ร้านเดิมเลยมึง เดี๋ยวกูจองร้าน 6 โมงเย็นนะ ’

“ อืม โอเค ”

          ผมยิ้มตอบพร้อมพยักหน้าให้คนในสายแม้มองไม่หน้าเห็นกัน ใจจริงผมก็อยากแกล้งให้คนในสายใจเสียไปอีกสักนิดเรื่องที่ตนไม่ว่าง แต่ก็ไม่สามารถทำได้นาน ไม่ใช่เพราะสงสารอะไรนะ แต่ถ้าไอ้แยมดันร้องไห้ขี้มูกโป่งขึ้นมา คนปลอบก็ต้องตกเป็นหน้าที่ผมเองไงล่ะ

          อืม.. การปลอบไอ้แยมนี่คืองานยากสุดขั้วเลยล่ะครับ

‘ น่ารักที่สุด ไอ้ต้าวผักกาด ’

“ ต้าวอะไรของมึง ฮ่ะๆ ”

‘ เออหน่า แค่นี่ก่อนนะ กูอยู่กับพี่ปัง รักนะจุ๊บๆ ไว้เจอกันมึงงงง ’

ตี๊ด!

“ อ่าๆ เจอกันๆ ” เอ่ยเบาๆ กับสายที่เพิ่งถูกตัดไปจากเพื่อนสนิท แหม..กะจะพูดยาวกว่านี้หน่อย แต่พูดทันมันที่ไหนล่ะ


          เรื่องสำคัญ? เรื่องไหนกันนะ หวังว่า..จะเป็นเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของมันอีกเรื่องแล้วกันนะ

 “ ว้าวววว เมื่อกี้ใครโทรมากันนะ หนุ่มหรือสาวที่ไหนหน่า ”

“ หือ? ” ผักกาดหันไปมองตามเสียงแซวของคิวท์ที่เดินถือหนังสือบทเข้ามา แถมยังเอาดินสอคาดหูจนต้องหลุดหัวเราะ รอดูเลยน้องมันจะลืมและหาดินสอไม่เจอ

“ มองอยู่ไกลๆ พี่กาดนี่ยิ้มเชียวนาา คุยกะใครอะ? ”

          นั่นมองไกลๆ ไง เลยเห็นว่าผักกาดยิ้ม แต่ถ้ามาได้ยินใกล้ๆ นี่เขาพูดมึงกูเต็มๆ หูเลยล่ะ ไอ้ปลาทูน้อยเอ้ยย

“ อะไรๆ ไปท่องบทนู้น เดี๋ยวพี่รดามาแล้วต้องซ้อมบทกับเก่งกล้าไม่ใช่หรือไง ” ผักกาดว่าให้เด็กที่ยืนอมยิ้ม และกอดหนังสือบทมองอย่างจับผิด

“ ใช่ครับ แต่..ให้คิวท์แซวพี่ก่อนไม่ได้หรือไง ไหนๆ เล่าหน่อยครับ ” คิวท์รีบสะกิดให้ผักกาดกระเถิบเว้นที่นั่งให้กับตน แล้วนั่งลงข้างๆ จนไหล่ติดกับผักกาดทันที

          เหอะ เด็กนี่เป็นคนอยากรู้อยากเห็นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร

“ ไม่เอาอ่ะ>< ไม่มีอะไรให้แซวหรอกหน่า ”

“ ถ้าคนโทรมาหาพี่เรื่องงานนี่คิวท์จะไม่ถามเลย แต่นี่คิวท์แอบมองและได้ยินไม่ใช่เรื่องงานชัวร์ แหม! คิวท์ล่ะดีใจที่มีคนโทรมาชวนพี่ไปนั่นไปนี ” คิวท์ถึงกับว่างหนังสือบทลงที่ตัก ก่อนประกบมือประสานไว้ใต้คางด้วยสีหน้าที่ปลื้มปิติ

“ เกินไปแล้วเรา รู้ได้ไงว่าชวนไปไหน ” ผักกาดแกล้งจิ้มหน้าผากของคิวท์เบาๆ โดยที่คิวท์ก็พยายามเกร็งคอไว้ไม่ให้ตัวเองหงายหลัง

“ แฮร่! ก็แอบได้ยินว่า เจอกันๆ นะสิ ต้องเป็นคนคุยพี่แน่เลย ” ^^ คิวท์ย่นคอตอบเสียงใส

“ หึ ไม่คิดหรอว่านอกจากคุยเรื่องงาน พี่ก็คุยกับแม่ น้อง แล้วก็เพื่อนพี่อีกเยอะแยะ เมื่อกี้ที่โทรมาคุย ก็คือไอ้แยม โอเค้? หูดีจริงๆ ”

          ผักกาดเอื้อมมือไปปัดหูไอ้น้องน้อยเบาๆ จนดินสอที่เหน็บหูตกลงไป คิวท์ก็โวยใหญ่ว่าหาดินสอตั้งนาน ที่แท้อยู่นี่เอง จนทีมงานหลายคนที่ได้ยินบทสนทนาหลุดขำไปด้วย

“ เมื่อกี้พี่กาดบอกว่าพี่แยมสุดสวยของคิวท์เองหรอฮะ ” คิวท์ยิ้มบางๆ ระหว่างที่กำลังก้มลงไปเก็บดินสอขึ้นมา และเขาก็ไม่ได้รู้สึกเขินอายที่ทายคนที่โทรมาหาพี่ผักกาดผิด

“ ^^ อืมมม มันโทรมาชวนไปกินข้าว ”

“ หรอฮะ งั้นคิวท์ฝากบอกพี่แยมด้วยนะพี่ ว่าคิวท์คิดถึ๊งคิดถึงงง ”

          ผักกาดส่ายหน้าน้อยๆ นึกถึงตอนที่คิวท์เจอกับแยมครั้งแรก ทั้งคู่นะดูสนิทกันเร็วมากเหมือนกับว่าเคยรู้จักกันมาเป็นปีๆ คิวท์ก็อัธยาศัยดี ส่วนไอ้แยมก็เข้ากับคนอื่นได้ง่ายแถมด้วยความพูดเก่ง กลายเป็นว่าพอไปด้วยกัน นอกจากจะชวนกันคุยแล้วยังแย่งกันพูดอีก

“ ไม่ไปด้วยกันเลยล่ะ ”

“ โอยพี่กาด วันนี้แม่ผมกลับมารับแล้วอะดิ แถมกลับภูเก็ตพรุ่งนี้ครับ พี่ลืมอะดิ ”

“ ไม่ได้ลืม แต่ชวนเพราะรู้ว่าแกไปไม่ได้ ”

“ ฮ่ะๆๆ พี่กาดร้ายๆ ”

“ ร้ายตรงไหน? ”

“ ตรงนี่แหละ กับน้องนี่แหละ ว่าแต่.. นอกจากพี่แยม ไม่มีสาวคนเลยโทรมาเลยหรอพี่ ”

“ ไม่มีโว้ย ” ผมส่ายหน้า

“ งั้นเปลี่ยน ...มีผู้ชายโทรมาหาพี่บ้างป่ะ ”

“ ……….. ” เฮ้อออ ไม่ตอบคิวท์เพียงแต่มองหน้ามันอย่างเหนื่อยหน่ายใจ หวังให้น้องมันเข้าใจที่ผมจะสื่อ


          ไอ้ผักกาดเอ้ยยย นี่เอ็งกลายเป็นสเป็กผู้ชายที่ชอบผู้ชายหรือเกย์ตั้งแต่เมื่อไรรรร


“ ไม่ตอบ..อย่างนี้แสดงว่ามีอะดิ ”

“ อืม แต่พี่ก็ไม่รับสายไง ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ”

“ ทำไมอะพี่ ไม่ลองเปิดใจหรือศึกษากันดูอะ ”

“ ก็ไม่ได้ชอบแบบนั้นนี่หว่า ” ผมตอบเบาๆ ..ถ้าถามว่าแบบไหน ก็คงจะตอบว่าแบบผู้ชายที่มาชอบเขาอะ

          ผักกาดไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องนี่เลย พูดแล้วก็อายที่เขาดันไม่เคยรู้ตัวมาก่อน จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัยมานั่นแหละที่เริ่มมีผู้ชายเข้ามาจีบ แต่ก็อย่างที่บอกว่า ตอนนั้นในหัวของไอ้กาดคนนี้มีแต่เรื่องเรียนกับทำงานพิเศษที่เยอะแยะไปหมด จนไม่มีเวลาสนใจเรื่องความรักเลย และหลายๆครั้งที่ผ่านมานั้น มันดันเป็นผู้ชายด้วยกันมากกว่าผู้หญิงอีกไงครับ

          ไม่ได้รังเกียจหรือปิดกั้นนะ เพียงแค่ยังไม่ชอบใคร เพราะแม้แต่ผู้หญิงยังไม่ได้ทำให้เขารู้สึกชอบหรือใจเต้นเลยนี่หน่า

“ ก็อย่างที่เคยเล่าให้ฟัง ถ้าไม่มีใครทำให้ใจเต้นหรือรู้สึกรัก พี่ก็จะโสดต่อไป ”

“ แต่คิวท์อุตส่าห์รอดู รอแซวตอนพี่มีแฟนเลยนาา ” คิวท์ตอบเสียงแผ่วเบา จนผมต้องเงยหน้าขึ้นมามองอีกรอบ

“ ก็หาให้แล้วกัน ถ้าอยากให้มีแฟนอะ ”

          พอเห็นคิวท์ทำหน้าหงอยอย่างคาดหวัง ผักกาดก็เผลอพูดบางอย่างออกไปด้วยความปากไว โดยไม่คิดเลยว่าสิ่งที่พูดออกไปเมื่อกี้จะจุดประกายความคิดหนึ่งขึ้นมาให้น้องน้อย

“ อ้าวๆ พูดแล้วนาาา งั้น..เอาแบบที่คนนั้นมาที ทำให้พี่กาดใจเต้นแรง แถมแก้มน้องนางนั้นแดงอ่องต่องเลยนะ โอเค้?? ” คิวท์เอ่ยด้วยสีหน้าสดใส แฝงไปด้วยความตื่นเต้น และดูจะคิดจริงคิดจัง

“ …... ” O.O

“ พี่กาดของคิวท์ต้องมีแฟนเร็วๆ นี้แน่นอน คิวท์พูดเลย ><  ”

          เหมือนมีพลังในแววตาเปล่งประกายคู่นั่นของคิวท์ นั่นคือสิ่งที่ผักกาดสัมผัสได้ว่าน้องน้อยของเขากำลังจริงจัง เอาไงดี.. เริ่มหวั่นๆ ในใจขึ้นมานิดหน่อยแล้วสิ

          แต่..ช่างเถอะ แค่นี้เด็กน้อยของเขาก็งานยุ่งจนแทบไม่มีเวลานอน จะเอาเวลาที่ไหนมาหาแฟนให้เขากัน เลิกกลัวไปเองได้แล้ว ผักกาด




“ ซงแซว ฟงแฟนอะไรกันหน้อ มาช้าพี่เลยพลาดหรอ? ไหนพูดดด   ”

“ …….. ” เอ๊?

“ อ้าว? พี่ฎี พี่รดา มาแแล้วววว หวัดดีครับผม ” คิวท์ยิ้มกว้าง ถลาเข้าไปกอดพี่รดาอย่างดีใจ ซึ่งพี่รดาก็เอ็นดูและกอดตอบ ก่อนคนน้องค่อยๆ ผละตัวเองออกมายืนข้างผักกาดเหมือนเดิม

“ สวัสดีครับพี่รดา ” ผมเอ่ยพร้อมกับยิ้มบางๆ ให้กับรดา แล้วเลื่อนสายตาไปมองคนข้างๆ รดา “ …คุณฎีรดล ”

          แม้ผักกาดยังยิ้มค้างไว้ให้กับคุณฎีรดล แต่สายตาที่สื่อและความหมายแฝงที่อยู่ในใจกลับไม่ใช่อย่างรอยยิ้ม เบื่อหน้าจริงๆ มาบ่อยเหมือนกันเนาะช่วงนี้ (?)


          ถ้าผมไม่ได้คิดไปเอง ..ฝ่ายนั่นก็เหมือนจะมองมาที่เขาก่อนแล้ว แต่แค่ไม่ได้ยิ้มกวนตี.. กวนสมาธิเขาเหมือนวันก่อนๆ เพียงแค่ทำหน้านิ่งๆ เหมือนคนขี้เก๊ก แต่..จะเก๊กทำไมเล่าคุณฎีรดล

“ มาด้วยหรอครับวันนี้ พี่ฎี?” คิวท์เอ่ยถาม พร้อมเดินเข้ามารับพวกถุงชาไข่มุกหลายๆถุงจากคุณฎี ที่แน่นอนว่าหนึ่งในนั่นต้องมีแก้วของน้องมันด้วย

“ พี่แวะมาส่งรดาเขานะ ” คุณฎีตอบ ทันทีที่รู้ว่าน้องคิวท์พูดกับตน แต่สายตาดันมองผ่านน้องมันมาอีกทาง


“ ครับ เออ.. ” คิวท์ยังขานรับคำตอบ และเอะใจ



.

.

เพราะดันสังเกตเห็นความไม่ปกติของแววตาที่จ้องมองผ่านเขาไปอย่างปกปิดไม่มิด จนต้องหันมองตามไปยังจุดโฟกัสของสายตาพี่ฎี “ หือ มีอะไรหรือเปล่านะ? ”



พี่ฎี มอง ...พี่กาด หรอ? แล้วสายตา แบบ.. แบบว่า...



“ อัยย๊ะ! ”



“ พึมพัมอะไร? ”

         เป็นผักกาดเองที่ยืนเยื้องไปด้านหลัง ได้ยินคนน้องพึมพัม และสั่นหัวแบบไม่เก็บอาการจนต้องชะโงกหน้ามามองด้วยความงุนงง



“ เปล่าครับ^^ ” คิวท์ส่ายหน้า และยิ้มอย่างกรุ่มกริ่มมาให้


          ไม่น่าไว้ใจเลยไอ้เด็กคนนี้


“ พอดี.. รถพี่เข้าอู่น่ะ พี่ชายสุดหล่อเลยอาสามาส่ง แล้วแวะซื้อชาไข่มุกมาให้น้องๆ ด้วย หยิบได้เลยนะจ๊ะ พี่ฎีเขาเลี้ยง ” พี่รดาทำท่ากระซิบท้ายประโยคพร้อมชี้ไปที่แก้วชาไข่มุกในถุงใหญ่นับสิบแก้ว

“ ฮ่ะๆ  ครับผม คิวท์อยากมีพี่ชายหล่อๆ บ้างเลยนะครับเนี่ย ”

“ แหม ก็พูดไปนะเราน่ะ ว่าแต่เมื่อกี้แซวอะไรผักกาดกันจ๊ะ ฟงแฟน? ” พี่รดาสะกิดถามคิวท์ แล้วชี้มาที่ผม

“ …… ” ผักกาดแกล้งยิ้มแทนคำตอบ มองไปที่คิวท์อีกคน เหมือนจะซวยเลยแฮะ -=-

          เพียงแค่คิดในใจว่า ถ้าหวังให้คิวท์ช่วยตอบพี่รดาว่า ‘ไม่มีอะไรหรอกครับ’ แล้วทุกอย่างจะจบ คงไม่มีทาง เพราะไม่ว่าพี่รดาจะถามอะไรมา ไอ้เจ้าคิวท์มันจะบอกทุกอย่างเลย

“ เออ.. คือ ”

          คิวท์ค่อยๆ หันมองพี่กาดที่(แกล้ง)ยิ้มบางๆ สลับกับพี่ฎีที่ยังมองมาที่ผักกาดอยู่หน่อยๆ ก่อนสะดุ้งเมื่อหันมองสบตารดาที่รอฟังคำตอบ “ ฮ่ะๆ ผมแซวไปเยอะเลยฮะพี่ดา ทั้งเรื่องพักผ่อนน้อย แล้วก็ไม่ค่อยกินข้าวเช้า แล้วเรื่องล่าสุดก็เรื่องมีสาวโทรมาหานะสิฮะ ”

นั่นไง

“ ล่าสุดของล่าสุดก็เรื่องแฟ… ”

“ ไอ้คิวท์ ๆ เบาได้เบาาา ” ผมรีบปราม ก่อนที่น้องมันจะหลุดพูดออกมาซะหมด แม้รู้ว่าจะไม่ทันแล้วก็ตาม เพราะจากสีหน้าของพี่รดาและคนข้างๆ ก็น่าจะเข้าใจหมดแล้วว่าเรื่องอะไรบ้าง

“ ดูคนน้องเผาพี่ผู้จัดการซะ ”

“ ไว้ใจไม่ได้หรอกครับ เจ้าคิวท์เนี่ย ” ผักส่งสายตาคาดโทษใส่คิวท์

“ รักแหละหน่าา ”

          คิวท์ไม่ได้สำนึกผิดแต่อย่างใด กลับทำท่าส่งมินิฮาร์ทให้ผักกาดอย่างกวนๆ แหม..ใครๆ ก็รู้ว่าผู้จักการของเขาน่ะ น่าแกล้งที่สุดในโลก^^

“ ไม่ต้องรักกันมากขนาดนั้น ไอ้ตัวดี ”

          ผักกาดส่ายหน้าให้พร้อมคำตอบ จนทำทุกคนหลุดหัวเราะออกมา ยกเว้นก็แต่คุณฎีที่ยังทำเป็นเหมือนไม่สนใจอะไร

“ เออ.. แล้วสาวที่ว่านี่แฟนหรอจ้ะ ”

“ เพื่อนน่ะครับ คิวท์มันแซวเล่นอะครับพี่ดา ” ผักกาดเอ่ย

“ แซวเล่นครับพี่ ” คิวท์สมทบ

“ อื้ม^^ ขอโทษที่ต้องถามนะ แต่พี่อะอยากรู้จริงๆ แล้วก็.. ถามให้ คน..แถวๆ..แถวๆเนี้ย ”

“ ครับ..”  (?)

          ผักกาดแสดงสีหน้าสงสัยว่าเรื่องอะไร แต่ก็พอเข้าใจเมื่อรดาขยายใจความสำคัญของเรื่อง ในประโยคถัดมา

“ ผักกาดไม่มีแฟนใช่มั๊ยจ๊ะ?  คือ.. พี่เห็นเรางานยุ่งตลอดเลย ทำงานทุกวัน ..มีเวลามีแฟนมั๊ย หรือยังโสดจ๊ะ เพราะพี่อะไม่เคยเห็นแฟนเราเลย ใช่มั๊ยคะน้องคิวท์ ..พี่ฎี ? ” พี่รดาเอ่ย และหาแนวร่วม นั่นก็หนีไม่พ้นคิวท์ที่เป็นคนเปิดประเด็น กับพี่ชายที่ยืนทำเหมือนไม่สนใจโลกอยู่ข้าง ๆ

“ อืม ”

“ ใช่ครับ ใช่ ..ตอบพี่รดาดิพี่กาด ” คิวท์พยักหน้ามายุให้ผมพูด จนผมอดไม่ได้แอบหันไปแยกเขี้ยวขู่ตอนพี่รดาเผลอ -////-



“ ก็เอ่อ.. โสดครับพี่ ”

           ผักกาดเอ่ยตอบrujรดา โดยไม่เข้าใจตัวเองว่าจะใช้ดวงตากลมๆ เหลือบไปมองทางคุณฎีรดลทำไม หรือ..อยากจะเห็นว่าคุณเขาจะทำหน้ายังไง เมื่อได้ยินคำตอบว่าตนยังโสด

“ ……. ” แต่..ก็ไม่เห็นจะทำหน้ายังไง แถมยังเก๊กยังนิ่งเหมือนเดิม เหอะ


“ หืม โสด>< โสดก็ดีแล้วล่ะค่ะ รอเจอคนดีๆที่รักเราดีกว่าเนอะ ผักกาดเนาะๆ ”

“ ครับ ”


.
.
.
          พอหาทางออกจากเรื่องนี้ไม่ได้ผักกาดเลยขอตัวพาคิวท์ไปเตรียมตัวในห้องซ้อมรอระหว่างรดาคุยกับทีมงานคนอื่นๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่า คนขี้เก็กที่ผักกาดว่าจะแอบหลุดยิ้มออกมาทันทีที่ผักกาดหันหลัง


“ น้องกาดจ้ะ อย่าเพิ่งไปลูก พี่ถามเรื่องคิวงานน้องคิวท์สักครู่สิ ”

“ อ่อ ได้ครับ ”

          ระหว่างที่กำลังจะเดินออกมา พี่นีก็ได้เดินเอา schedule ของตัวเองเข้ามาหาผม เพื่อคุยเรื่องคิวงานของคิวท์ที่ต้องขอเปลี่ยนแปลง ต่อด้วยเรื่องการเดินทางไปต่างจังหวัด จนเริ่มยาวขึ้น ผมเลยต้องบอกคิวท์ที่ยืนรอด้วยสัญลักษณ์มือว่าให้เดินไปก่อน

“ คิวท์ ”

          แต่ก็นั่นแหละ มีเสียงหนึ่งที่เรียกคิวท์ไว้ก่อนที่น้องจะเดินไป จนผมต้องหันไปมองอีกครั้ง

“ ครับพี่ฎี ”

“ อย่าลืมชาไข่มุกสิ มาเอาเร็ว ”

“ คร้าบบบ พี่กาดๆ เดี๋ยวคิวท์มานะพี่ ไปเอาชาไข่มุกแป๊บหนึ่งครับ ”

“ อ่าฮะๆ ” ผมพยักหน้า พร้อมมองตามน้องไป

          ผมรู้ว่าคุณฎีรดลและพี่รดาค่อนข้างจะสนิทกับคิวท์ และรู้จักกันมาก่อนที่คิวท์จะเข้าวงการเนื่องจากรุ่นพ่อแม่ของพวกเขาทำธุรกิจร่วมกัน

          แต่ตอนนี้นอกจากเรียกไปเอาชาไข่มุก ยังชวนกันคุยอะไรกันอีก ที่แท้คุณฎีก็เรียกร้องความสนใจของน้องด้วยชาไข่มุกสินะ

          ผมก็ได้แต่ใช้สายตามองตามเป็นระยะ แต่ไม่อาจได้ยินบทสนทนา เพียงเห็นรอยยิ้มของทั้งคู่เวลาคุยกัน รวมถึงสายตาเอ็นดูปนหยอกล้อกันที่คุณฎีมองคิวท์ และคิวท์มองคุณฎี ก็อดเกิดความกังวลขึ้นมาเล็กๆ ในใจ

          คุณฎีคงไม่ได้ชอบไอ้น้องน้อยของผมหรอกนะ



❤ 30 เปอร์เซนต์ (%)


หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 02 :: ไม่ชอบ..ก็มีเหตุผลที่ไม่ชอบ (30%) [26/02/20]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 27-02-2020 10:40:16
ถ้าคุณฏียังไม่ทำอะไรสักอย่าง
ระวังผักกาดเข้าใจผิดนะ


 :L2: :L2:
หัวข้อ: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 02 :: ไม่ชอบ..ก็มีเหตุผลที่ไม่ชอบ (ุ70%) [27/02/20]
เริ่มหัวข้อโดย: pimpipam_s ที่ 27-02-2020 17:38:37
มาต่อค่ะ


16.32 น.

“ โอเค วันนี้ดีมากเลยนะ เก่งกันมาก ขอบคุณน้องๆ มากเลยค่ะ ”

“ เฮ้ ขอบคุณคร้าบบ ขอบคุณนะครับ ”

“ กลับบ้านกันดีๆ นะ ”


   ทันทีที่เลิกงานผักกาดและคิวท์ก็บอกลาทีมงานทุกคน โดยผักกาดถือของและกระเป๋าสัมภาระช่วยคิวท์ไปที่รถแม่บัว แม่ของคิวท์ที่มารอรับน้องกลับบ้าน ก่อนที่ผักกาดจะขอตัวก่อนเพื่อขับรถของตัวเองไปยังห้างสรรพสินค้าที่นัดกันกับเพื่อนไว้ เขาตั้งใจเผื่อเวลาในการขับรถมากขึ้น เพราะเวลาช่วงนี้การจราจรคงค่อนข้างติดขัด


ไลน์กลุ่ม “กลุ่มผักแยมวา”

F’ YamYu
เจอกันร้านเดิมมึง ห้ามเบี้ยวนะ ใครเบี้ยวกูโกรธแน่
จุ๊บๆ

   ผักกาดเปิดดูข้อความทางไลน์กลุ่มที่ส่งเข้ามาจากแยม โดยสมาชิกกลุ่มก็ประกอบด้วยผักกาด แยม และวาวา สามคนนี่แหละ

F’ YamYu
ขึ้นอ่านหมดแล้วทำไมพวกมึงไม่ตอบ
หรือ..หรือพวกมึงจะไม่มา
ไม่ได้นะๆ

F’ WaWa
กู เพิ่งเลิกงานม่ะ
มึงหยุดโวยวายสักที

   ผักกาดส่ายหน้าให้กับนิสัยที่ชอบคิดไปก่อนของแยม พร้อมกับหลุดขำเมื่อเห็นไลน์จากวาวาที่ตอบกลับเข้าไปในไลน์กลุ่ม เขากำลังจะพิมพ์ตอบก็ดันเหลือบสายตาไปที่ไฟจราจรปรากฎสีเขียวก่อน เขาจึงตัดสินใจวางโทรศัพท์ลงเพื่อออกรถทันที โทษทีแล้วกันนะแยม กูขับรถไปหามึงอยู่ มึงอย่าเพิ่งโวยวายใส่กูนะ



-----

17.55 น.

“ สวัสดีค่ะ คุณลูกค้ามีที่นั่งหรือยังค่ะ ” พนักงานหญิงหน้าตาน่ารักกล่าวต้อนรับทันทีที่ผักกาดเดินมาถึงทางเข้าร้าน

          ตอนนี้ก็ใกล้เวลาแล้วละนะ ผักกาดมาถึงห้างสรรพสินค้าก็ประมาณ 17.30 น. เลยพาตัวเองไปเดินดูของใช้พวกเครื่องครัวนิดหน่อย จนได้กระทะกับตะหลิวมา 1 ชุด จนกระทั่งใกล้ถึงเวลานัด จึงตัดสินใจเดินมารอที่หน้าร้านอาหาร เพราะจากที่ผักกาดทักหาแยม มันก็บอกว่าถึงแล้ว แต่กำลังวนหาที่จอดรถ ซึ่งคงต้องวนหาต่อไปอีกซักพักใหญ่ และแยมยังบอกอีกว่าให้เขาเข้าไปนั่งรอในร้านอาหารก่อนเลย

“ มีแล้วครับ จองไว้ 6 โมงเย็น ” ผักกาดยิ้มให้กับพนักงานหญิง พลางมองหน้าอย่างตั้งใจ จากที่สังเกตน้องหน้าตาดีและดูสดใส อายุน่าจะ 19-20 ปี ถ้าน้องไปแคสเป็นนักแสดงหน้าใหม่น่าจะรุ่งนะ อื้ม! ผักกาดคงต้องให้นามบัตรสังกัด U ไว้ซะแล้ว

“ มะ..ไม่ทราบว่าจองชื่อว่าคุณอะไรคะ ” พนักงานหญิงเอ่ยถามอย่างขวยเขินเมื่อรู้ว่าถูกจ้องอยู่ ก่อนเดินเข้าไปในเคาน์เตอร์และกดคลิกที่จอแท็บเล็ต

“ เออ.. ขอโทษครับ ชื่อหรอ? ” ผักกาดได้สติ เอ่ยขอโทษที่จ้องหน้าจ้องตาของน้องเขานานเกินไปหน่อย พร้อมเดินตามน้องพนักงาน พลางนึกได้ว่าไม่ได้ถามเพื่อนเขาไว้เลยเรื่องการใช้ชื่อจองโต๊ะ

          ลืมสนิทเลย ไม่แน่ใจว่าแยม จะจองด้วยชื่อใคร ชื่อแยม หรือชื่อพี่ปัง

“ น่าจะ นลนัส หรือ ชิน..ดนัย ประมาณนี้อะครับ ”

“ สักครู่นะคะ เอ๊...ไม่มีชื่อนี้เลยค่ะ ” พนักงานเงยหน้ามาตอบ เมื่อเลื่อนหาแต่ไม่พบรายชื่อ ส่วนผักกาดก็แสดงอาการงุนงงและเหวอขึ้นมาทันที

“ หะ.. ”

          เดี๋ยวนะ หรือว่าไอ้แยมมันจะไม่ได้จองร้านนี้ แต่ปกติเวลาที่นัดเจอกันเราก็มักจะเป็นร้านนี้หนิหน่า ไอ้แยมมันคงไม่ได้แกล้งอะไรเขาหรอกนะ

“ อืม.. งั้นขอทราบจำนวนท่านที่ลูกค้าจองไว้ได้มั๊ยคะ ? ”

“ น่าจะ 4 คน ครับ ” ผักกาดคิดคำนวณ วันนี้ก็น่าจะมี แยม พี่ปัง ผักกาด และวาวา

“ 4 ท่าน สักครู่นะคะ.. ช่วง 6 โมงเย็น มีแค่หนึ่งโต๊ะ 5 ท่าน ใช่คุณฎะ.. ”

“ เออ! งั้นไม่เป็นไรครับน้อง เดี๋ยวพี่ไปรอข้างนอก รอให้เพื่อนพี่มาก่อนดีกว่า^^ ” เมื่อเห็นว่าน้องพนักงานยังเลื่อนหารายชื่อและจำนวน ด้วยความเกรงใจ และกลัวว่าตัวเองจะเข้ามาผิดร้านที่เพื่อนจอง จึงทำให้ผักกาดต้องรีบเอ่ยเพื่อขอตัวไปรอด้านนอกแทน

“ งั้นเชิญเข้ามานั่งรอในร้านก่อนก็ได้นะคะ ”

“ ไม่เป… ”

เราจองไว้ 5 ที่ครับ ชื่อฏีรดล

“ …….... ” หะ?

ฎี ร ดล !!

          ผักกาดหันไปมองตามเสียงของผู้มาใหม่ แล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อเจ้าของเสียงและชื่อดันเป็นคนที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกันอีกในวันนี้ คุณฎีรดล

“ คุณลูกค้า มา..ด้วยกันใช่มั๊ยคะ? ”

   หมับ

“ มะ/ใช่ครับ ” ผักกาดตอบไม่ทันจบ คุณฎีรดลก็เข้ามาโอบไหล่ของเขาไว้จนตัวจมไปในอ้อมแขน และตอบกลับพนักงานด้วยเสียงทุ้มข้างๆ หูของผักกาด จนเผลอกำมือที่ถือถุงหูหิ้วชุดกระทะตะหลิวแน่นขึ้น พร้อมเบิกตากลมขึ้นด้วยความตกใจ

          คือ..ตอนนี้ ตัวของเขาเองดันอยู่ในอ้อมแขนคุณฎีเนี่ยนะ

          เกิดอะไรขึ้นวะ?

“ หึ ” เป็นเรื่องน่าขำสำหรับฎีรดล แต่ก็กลัวว่าคนตากลมจะตกใจไปมากกว่านี้ ฏีรดลจึงเอ่ยกระซิบคำตอบเพื่อไขข้อสงสัยให้กับคนในอ้อมแขนทันที “ วันนี้น้องแยมกับไอ้ปังนัดพี่มาพร้อมๆกับเรา และให้พี่เป็นคนจองร้านนี้น่ะครับ ”

“ หาา? ” แทนตัวเองว่าพี่ด้วย?

“ เลิกเหวอได้แล้วครับ น้องผักกาด ”

          ไม่เหวอก็เหวอแหละวะ ร้อยวันพันปีคุณฎีไม่เคยแทนตัวเองว่าพี่ แถมตอนนี้ยังเรียกเขาว่าน้องผักกาดอีก ฟังแล้วมันจั๊กจี้หูไม่รู้หรือไงโว้ยยย

“ เออ งั้นเชิญลูกค้าด้านในเลยค่ะ 5 ที่ ยังไม่สั่งอาหารค่ะ ”

          ฎีรดลผละอ้อมแขนออกจากผักกาด เปลี่ยนไปใช้ฝ่ามือหนาจับเข้าที่ข้อมือเล็กจูงแขนให้เดินตามเขาเข้ามาแทน เมื่อมาถึงโต๊ะก็ดันหลังและกดไหล่คนตัวเล็กกว่าเบาๆ เพื่อให้นั่งลงที่เก้าอี้ ก่อนที่เขาเองจะเดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกัน

          แม้ฏีรดลจะสังเกตเห็นว่าผักกาดตกใจ แต่เขาก็ดีใจที่ไม่ถูกคนตัวเล็กสะบัดมือออก หรือหยิบกระทะตะหลิวที่ซื้อขึ้นมาฟาดหัวเขา อีกทั้งยังยอมเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับเขา สงสัยตอนเจอหน้าเขาคงตกใจจนสติรวนไปหมดล่ะมั๊ง

“ คุณฎี ” ผักกาดหลุดเรียกชื่อคนที่นั่งตรงข้ามขึ้น

“ ใช่ พี่เอง ”

“ เออ.. คุณฎีมาด้วยหรอครับ ”

“ ใช่ ไอ้ปังชวนน่ะ ”

“ ครับ ” ผักกาดตอบตัดจบบทสนทนา เมื่อกี้ก็พอจะรู้คำตอบอยู่แล้วแม้คุณฎีรดลไม่ได้อธิบายอะไรออกมา

          มันจะบังเอิญมั๊ยล่ะ ถ้าคุณฎีจะเป็นเพื่อนสนิทของพี่ปัง (แฟนของไอ้แยม) ตั้งแต่มัธยมและมหาวิทยาลัย ซึ่งการที่คุณฎีจะมาปรากฎตัวที่นี้ก็ไม่แปลก เพราะพี่ปังคงเป็นคนนัดมาแน่นอน แต่..พี่ปัังจะนัดคุณฎีมาพร้อมกันกับเขาทำไมวะ

“ ผักกาด ความจริงไม่ต้องเรียกพี่ว่าคุณฎีก็ได้นะ อย่างน้อยก็นอกเวลางานจะเรียกพี่ฎีเหมือนคนอื่นเขาเรียกก็ได้ ”

          ผักกาดเลิกคิ้มสงสัย กับข้อแนะนำของคุณฎี เพราะถ้าไม่ติดที่ผักกาดอคติจากการโดนแกล้งหรือกวนบาทาของคุณฎี คุณเขาก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไร(มั้ง?)

          คนสนิท หรือรุ่นน้องมหาวิทยาลัยเดียวกัน รวมถึงน้องๆ นักแสดงหลายคนก็เรียกคุณฎีว่าพี่ฎีกันอย่างสนิทสนม มีแต่เขานี่แหละที่ไม่เรียก

          ก็เขา..ไม่ได้อยากสนิทกับคุณฎีสักหน่อยย

“ อืม ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมเรียกแบบนั้นไม่ค่อยถนัดแล้ว ”

“ ก็ลองๆ เรียกดู เดี๋ยวก็ถนัดไปเอง เมื่อก่อนยังเคยเรียกเลย ”

          เมื่อก่อน.. มันก็นานมากๆ แล้วไง

“ ไว้จะเก็บไปพิจารณาแล้วกันนะครับ ” ผักกาดตอบแบบหลบสายตาพร้อมพยักหน้าน้อยๆ

“ ครับผม ”

          ผักกาดอยู่ในโหมดทำตัวไม่ค่อยถูก ปกติไม่เคยจะต้องมานั่งจ้องหน้ากับคุณฎีรดล สองต่อสองนานขนาดนี้ แล้วอีกอย่างคุณฎียังพูดจาดีด้วย ไม่กวนประสาทกันอีก

“ ช่วงนี้เราเจอกันบ่อย หรือผักกาดไม่คิดเหมือนพี่ ”

“ ก็..เราทำงานด้วยกันนี่ครับ แค่ทำงานน่ะ ”

“ หึ แล้วทุกๆ ครั้งก็ทำเหมือนไม่อยากเจอกับพี่เลยนะ หรือไม่อยากสนิทกัน ” คุณฏีเอ่ยเสียงนิ่งขรึม ก่อนจะค่อยๆ เผยยิ้มที่มุมปากเหมือนกำลังให้กำลังใจตัวเอง จนผักกาดต้องชะงักไปทันทีที่เห็น

“ เปล่า..ครับ ”

“ การกระทำชัดขนาดนี้ ยังปฏิเสธเก่งอีก ”

“ …… ” เอิ่ม เสียงโคตรหงอย แต่จะยิ้มให้ทำไมกัน

          เหมือนกับว่าคุณฎีตั้งใจจะทำให้ผักกาดสับสน อาการเดี๋ยวหงอยเดี๋ยวยิ้มกวนนี้มันยังไงกันนะ
   
          ผักกาดขอถอนคำพูดก่อนแล้วกันเรื่องคุณฎีพูดจาดี เพราะต่อจากนี้ไม่นานคุณฎีคงจะกลับมากวนประสาทเขาเหมือนเดิมแล้วล่ะ ดูจากรอยยิ้มนี้สิ ผักกาดไม่อาจจะเข้าใจในความหมายของมันเลยจริงๆ

“ ความจริงพี่ก็สนิทกับคิวท์ พี่ว่าผักกาดก็น่าจะลองสนิทกับพี่ดูบ้าง ”

          พูดเข้าเรื่องคิวท์จนได้ อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าคุณฎีรดลเขาคิดอะไรอยู่ เขาชอบคิวท์เกินกว่าพี่น้องหรือไง

“ อืม.. เรื่องคิวท์ ..งั้นระหว่างรอไอ้แยมกับพี่ปังมา ผมมีเรื่องจะถามคุณฎี ” ผักกาดยืดตัวขึ้นพร้อมเอามือขึ้นมาประสานกันบนโต๊ะ

“ ว่ามาสิ ” ฎีรดลทำเช่นเดียวกัน ทั้งยังมองผักกาดด้วยสีหน้าเดิม คือรอยยิ้มที่ผักกาดไม่ค่อยเข้าใจความหมาย

“ คุณฎีคิดยังไงกับคิวท์ ”

“ หือ? ” คนถูกถามเลิกคิ้ว

“ คือ.. ผมอยากรู้ว่าคุณฎีชอบคิวท์หรือเปล่า? ” ผักกาดถามตรงๆ ตามนิสัยของตัวเองที่เป็นคนที่ตรงประเด็น คิดยังไงก็มักจะพูดอย่างนั้น

“ อะไรทำให้คิดอย่างนั้นกัน เรานี่ดูหวงน้องจังนะ ”

“ ก็ผมเป็นผู้จัดการของน้อง ..ตกลงคุณฎีชอบคิวท์หรือเปล่า? ”

“ แล้ว..คิดว่าไงล่ะ? ” คุณฎีย้อนถาม

          ยังจะมากวนประสาทอีกนะคนเรา..

“ การที่คุณฎีสนิทกับคิวท์ก็ไม่แปลกนะครับ แต่ถ้าคุณคิดกับคิวท์มากกว่าพี่น้อง ผมว่ามันไม่น่าเหมาะ และคุณก็อย่าคิดแบบนั้นกับน้องเลยนะ เพราะตอนนี้น้องกำลังดัง แถมมีฐานแฟนคลับที่เป็นฐานคู่จิ้นคู่กับเก่งกล้า น้องและคุณอาจจะโดนตำหนิ ”

“ …... ”

“ หวังว่าคุณจะพอเข้าใจ มันมีผลกับตัวน้อง และงานของน้องด้วย ” คนโดนย้อนถามอย่างผักกาดเอ่ยตอบตรงๆ แบบไม่ยั้งคำตอบ เนื่องจากไม่ชอบความค้างคา ซึ่งสร้างความไม่พอใจเล็กๆให้กับฎีรดลเช่นกัน

“ พี่กับคิวท์รู้ดีว่ามันเป็นยังไง แล้วผักกาดเป็นถึงผู้จัดการของน้อง ก่อนที่จะมาถามพี่เราเคยถามคิวท์ก่อนหรือยังว่าน้องเขาคิดยังไงในเรื่องนี้ ” ฎีรดลเอ่ยออกมาเชิงติติงผักกาด ลึกๆ เขาก็ไม่ชอบใจนักกับประโยคที่คนอายุน้อยกว่าใช้ และกล่าวราวกับตำหนิในสิ่งที่เขาทำว่าไม่เหมาะสม ทั้งยังดูก้าวก่ายเขา แทนที่จะถามกับคิวท์ซึ่งเป็นเด็กในสังกัดที่ตัวเองดูแลมากกว่า

“ ผมขอโทษครับ ความจริงเรื่องนี้ผมยังไม่เคยถามกับน้อง ” ผักกาดเอ่ยพร้อมคิ้วขมวด เขาผิดจริง เขาเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังพูดกับผู้ใหญ่ ทั้งยังเปรียบเสมือนนายจ้างของเขาด้วย

          ผักกาดเหมือนเป็นคนกลางในเรื่องนี้มากกว่า ผักกาดรู้ว่าคิวท์กับเก่งกล้าอาจรู้สึกชอบกัน และที่เขาพูดถึงเรื่องความรู้สึกของคุณฎีที่มีต่อคิวท์ เพราะไม่อยากให้เกิดการถลำลึกของความรู้สึก แต่ดันใช้คำพูดที่ไม่ดีนัก
   

“ แล้วต้องให้พี่ทำยังไง เลิกยุ่งกับคิวท์? ” ฎีรดลเอ่ยและใช้สายตาสื่อว่าไม่เข้าใจมองมาที่ผักกาด

“ ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ” ผักกาดปฏิเสธ

“ แล้วต้องการให้มันเป็นแบบไหนครับคุณผู้จัดการ ”


ผมแค่ไม่อยากให้คุณชอบคิวท์

“ ทะ..ทำไม? ”

          คำตอบของผักกาดที่เอ่ยออกมา ทำให้คุณฎีที่นั่งอยู่ตรงข้ามมีอาการชะงักไปครู่หนึ่งเลย ฎีรดลบอกไม่ถูกว่าไม่เข้าใจในคำตอบ หรือดีใจเกินไปที่ได้ยินคำตอบกันแน่

ผม เท่ากับ ผักกาด

ผักกาดไม่อยากให้คุณชอบคิวท์



“ คือคิวท์กับเก่งกล้าเขา.. อาจชอบกันมากกว่าคู่จิ้นที่แฟนคลับจิ้น ผม.. ผมไม่อยากให้คนที่มาชอบน้องต้องเสียใจ ”

“ หึ.. ” ฎีรดลหลุดยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบ ความไม่พอใจเล็กๆก่อนหน้าพลันสลายหายไปหมด

          ในความไม่เข้าใจ ฎีรดลก็พอจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว ผู้จัดการคนนี้ชักจะน่ารักเกินไปแล้วนะ

“ ถ้า..คุณชอบน้อง คุณอาจจะเสียใจได้ ” ผักกาดตอบเสียงแผ่วเบา เพราะนี้คือเหตุผลที่เขาต้องการบอก เขา.. ไม่อยากให้มีใครต้องเสียใจ

“ ฟังพี่นะ ..เรื่องคิวท์กับเก่งกล้าก็คือเรื่องของพวกเขาสองคน ส่วนเรื่องพี่กับคิวท์ก็อยู่คนละส่วนกัน อีกทั้งพี่ว่าพี่ก็ชัดเจนนะว่าพี่คิดยังไง มีแค่เราหรือเปล่าผักกาดที่ดูไม่ออก ”

“ ผมดูไม่ออก? ดูไม่ออกตรงไหนกะ.. ” ผักกาดกำลังจะเถียง แต่ก็ต้องกลืนประโยคเหล่านั้นกลับคืนไป เมื่อเงยหน้ามาพบว่ารอยยิ้ม และสายตาที่มองมาที่เขา มันช่างกำลังมีความสุข ปนเอ็นดูเขาเหลือเกิน

-//////- ไม่ใช่หน่าา

“ เป็นไรไป แก้มแดงๆ นะเรา ”

“ เปล่าครับ! เอาเป็นว่า ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว ” ผักกาดรนราน ทำตัวไม่ถูกจนเผลอเอามือไปแตะแก้มของตัวเอง

   
“ แต่ถ้า..อยากให้มีอะไร เดี๋ยวพี่จะลองดู ” ฏีรดลเอ่ยบอกคนน่าแกล้ง

“ ลองดูอะไรล่ะ.. คือผมต้องการขอร้องให้คุณวางตัวใหม่ และขอให้คุณเข้าใจในเรื่องนี้ว่าน้องเป็นนักแสดง กำลังมีชื่อเสียง น้องมีคู่จิ้น เออ..น้องอาจไม่ได้ชอบคุณแบบนั้น ขอให้คุณเข้าใจ คุณจะได้ไม่เสียใจด้วย ”

          ผักกาดที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกแกล้ง ทั้งยังคิดเป็นจริงเป็นจังเมื่อได้ยินคุณฎีรดลบอกจนเผลอขมวดคิ้วอย่างอารมณ์เสียในที่สุด คนอะไรเข้าใจยากเหลือเกิน ผักกาดอุตส่าห์อธิบายมาตั้งนาน

“ พี่เริ่มไม่ค่อยเข้าใจแล้วสิ ไว้..ผักกาดค่อยมาอธิบายให้พี่ฟังอีกทีนะครับ ”

“ ....คุณฎี! ”


“ ผักกาดดดด พี่ฎี มาแล้วหรอค่ะเนี่ย >< สวัสดีค่ะ ”

“ ครับผม ”

“ วาวา มึงไปนั่งข้างไอ้กาดๆ ”

          ผักกาดยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรต่อไป ก็เหลือบเห็นแยมกับปังที่กำลังเดินเข้ามาที่โต๊ะพร้อมกับวาวา ซึ่งน่าจะบังเอิญเจอกันหน้าร้านพอดี

          ผักกาดแอบเห็นฎีรดลอบยิ้มอย่างพอใจ ผิดกับผักกาดที่ต้องเก็บความสงสัยและคับข้องหมองใจไว้เต็มอก คำว่า ‘จะลองดู’ ของคุณฎีรดลมันคืออะไรกันแน่

“ มึงมาถึงนานยัง? ” วาวาเอ่ยถามกับผักกาดที่นั่งคิ้วขมวด ผักกาดเพียงส่ายหน้าเบาๆ เป็นคำตอบ

          วาวาที่ช่างสังเกต ก็พอจะเข้าใจว่าเหตุของอารมณ์เสียน่าจะมาจากพี่ฎี รุ่นพี่มหาวิทยาลัยที่มักจะมีประเด็นกับผักกาดมาตลอดทุกครั้งที่เจอกัน แกล้งกันตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย จนปัจจุบันแม้ทั้งคู่ต้องทำงานเกี่ยวข้องกันก็ตาม

          แกล้งเพราะอะไร โดนแกล้งเพราะอะไรนี่วาวาก็พอจะดูออกอยู่นะ มีแต่เพื่อนชื่อผักกาดของเขาเท่านั้นแหละที่ไม่รู้

“ สั่งอาหารกันหรือยังมึง โทษทีที่ช้า หาที่จอดรถไม่ได้นะ ” ปังเอ่ยถามกับฎีที่นั่งยิ้มอยู่อย่างอารมณ์ดี

“ ยังๆ กูคุยกับผักกาดเพลินเลย มึงกับน้องแยมมากันพอดี ก็สั่งเลยแล้วกัน ” ฎีรดลตอบพร้อมยิ้มมุมปากให้กับผักกาดที่กำลังทำหน้าประหลาดใจ

          คุยกันเพลินเนี่ยนะ คุณฏีรดลช่างกล้าพูด

“ งั้นเดี๋ยวแยมเรียกพนักงาน โทษนะคะสั่งอาหารหน่อยค่ะ มึงกินอะไรผักกาด? ” แยมที่จัดแจงให้พี่ปัง แฟนหนุ่มของเธอไปนั่งข้างฎีรดล และเธอนั่งหัวโต๊ะยกมือเรียกพนักงานด้วยเสียงสดใส ก่อนหันมาสะกิดถามผักกาด

“ อืม.. ” ผักกาดค่อยๆ ปรับอารมณ์เผื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย ก่อนเลื่อนสายตาดูเมนูที่พนักงานนำมาวางไว้ตั้งแต่เขาเข้ามานั่ง “ เอานี่แล้วกัน นั่งหัวโต๊ะแสดงว่ามึงเลี้ยงนะ ”

“ โอเค พี่ปังเลี้ยง! คิคิ ”


❤ 70 เปอร์เซนต์ (%)





หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 02 :: ไม่ชอบ..ก็มีเหตุผลที่ไม่ชอบ (70%) [27/02/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Nadaii20 ที่ 27-02-2020 21:34:49
อ๋อ ผักกาดกลัวคุณฎีเสียใจ :mew3:
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 02 :: ไม่ชอบ..ก็มีเหตุผลที่ไม่ชอบ (70%) [27/02/20]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 28-02-2020 11:08:35
ติดตามต่อค่ะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 02 :: ไม่ชอบ..ก็มีเหตุผลที่ไม่ชอบ (100%) [28/02/20]
เริ่มหัวข้อโดย: pimpipam_s ที่ 28-02-2020 16:32:13
ต่อ

---------------

“ พี่ฏีมาพร้อมผักกาดหรอคะ ” หลังจากที่ทานอาหารไปได้ซักพัก แยมก็เริ่มเปิดประเด็นเพื่อแซวผักกาดและพี่ฎีโดยเฉพาะ หลังจากไม่ได้เอ่ยแซวแบบนี้กับทั้งคู่มาเป็นเวลาหลายปี

          ถ้าไม่บอกจะมีคนรู้มั๊ยนะ ว่าแยม นลนัสน่ะ เธอเป็นสาววายตัวยงตั้งแต่มัธยม และยังเป็นจอมจิ้นเพื่อนสนิทกับรุ่นพี่ผู้เป็นเพื่อนของแฟนอีกด้วย แยมเคยปฏิญาณว่าจะจิ้นจนกว่าเขาจะได้กัน แต่ตอนนี้กินเวลามา 7 ปีแล้วยังไม่ได้กันสักทีนี่น่ะสิ

          ผักกาดนี่ไม่รู้ตัวเลยหรือไง ว่าตัวเองน่ะเหมาะสมกับพี่ฎีมากแค่ไหน ลึกๆที่ไม่ชอบใคร ไม่คบกับใคร เพราะรอใครที่ตัวเองมีใจมาจีบอยู่หรือเปล่าล่ะ

          ส่วนพี่ฏีก็ไม่ยอมทำตามหัวใจตัวเองซักที ไม่รู้จะกักไปทำไม เดี๋ยวเพื่อนเขาไปใจเต้นแรงกับคนอื่นแล้วจะมาเสียใจทีหลัง ใครจะมาปลอบ

          แยมรู้ แยมสัมผัสได้ ..

“ ไอ้แยม ถามอะไรของมึง รถใครรถมัน ป่าวมาด้วยกันสักหน่อย ”

“ เอ๊ะ มึงนี่! กูถามพี่ฎี”

“ จิ! ..ก็มึงเอ่ยถึงชื่อกู กูก็ตอบได้มั๊ยล่ะ ” ผักกาดส่งเสียงจิปาก อย่างไม่ชอบใจ เขาจะตอบเธอไม่ได้หรือไง ก็ชื่อเขามันอยู่ในประโยคคำถามเมื่อกี้นิหน่า

“ แต่กูถามพี่ฎี พี่ฎีขาา ไว้คราวหน้าแยมต้องฝากดูแลเพื่อนแยมหน่อยนะคะพี่ฎี ช่วงนี้ขาดคนดูแลค่ะ ”

“ ไอ้แยมมม ” ผักกาดเรียก พร้อมส่งสายตาห้ามปราบ ไม่ว่ากี่ปีๆ เพื่อนของเขาก็ชอบยกเขาใส่พานถวายให้กับคุณฎีเสมอเลยนะ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจริงๆ

“ ได้ครับผม เนาะน้องผักกาด”

          เอ้า! ครั้งนี้คุณฎีก็เล่นกับไอ้แยมด้วยเฉย นอกจากจะพยักหน้าให้กัน ยังหันมาแจกรอยยิ้มให้กับเขาอีก มันจะเกินไปมั๊ย ผักกาดไม่ได้ตกลงหรือเห็นด้วยสักหน่อย

“ นี่แยม มึงเป็นล่ามหรือเป็นคนขายกาแฟ ชงเก่งจริง ”

“ แน่น้อนนน ว่าคนขายกาแฟ >< ” ว่าแล้วแยมก็ตบแปะมือกับวาวาที่เล่นมุขตบมุขกันอย่างชอบใจ

“ นอกจากเป็นคนขายกาแฟยังเป็นแฟนของพี่ด้วยนะครับ ” พี่ปังเอ่ยขึ้นมาด้วย และช่างเป็นคำตอบที่ถูกใจแยมที่สุด

“ ค่าๆ ”  แยมยิ้มหวานยีงฟันให้พี่ปัง ก่อนหันไปเอ่ยถามคุณฎีต่อด้วยความอยากรู้  “ แต่..ทำไมไม่ได้มาด้วยกันล่ะคะ เห็นว่าทำงานด้วยกันนี่หน่า ”

“ ส่วนใหญ่เป็นรดาเขาลุยหน้างานเองน่ะครับน้องแยม พี่แค่แวะไปบ้าง อาจไม่ได้เจอผักกาดบ่อยมากนัก ”

“ …… ” ไม่ต้องบ่อยก็ได้ครับคู้ณณณ!

“ อ้าว แล้ววันนี้ไม่ได้ไปที่กองหรอคะ? ทำไมไม่เลยมาด้วยกัน>< ”

“ ไอ้แยม ถามอะไรของมึง ก็..กูกับคุณฎีไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกันขนาดนั้น จะไปมาด้วยกันได้ยังไง ” ผักกาดพูดดักคอก่อนเพื่อนจะพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้ไปมากกว่านี้

“ ก็แบบพี่น้องไงมึง นี่พวกเรารู้จักกันเกือบตั้ง 7 ปี หรืออยากให้เป็นสถานะคนรู้ใจที่มากกว่านั้น ”

“ ไม่ใช่อย่างนั้น ”

“ รีบตอบเชียวน้าาา กลัวอะไรป่าวเนี่ย>< ” แยมยังยิ้มล้อ

“ ก็ไม่เสียหายนะครับถ้าจะเป็น.. พี่หรือน้อง หรือ..มากกว่านั้น ” ฎีรดลเอ่ยต่อด้วยสีหน้าท้าทาย จนผักกาดแทบตาถลน

“ ...... ” เอิม “ ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้อง ผมเกรงใจ ” ผักกาดไม่ยอมแพ้ แม้จะอึ้งไปพักนึง ก่อนเอ่ยคำตอบที่โดนใจ โดนแล้วเจ็บใจน่ะครับ

“ หึๆ วันนี้พี่ก็ไปครับน้องแยม แต่พี่ต้องแวะไปรับและส่งรดาเขากลับบ้านน่ะ ค่อยตามมาเจอผักกาดทีหลัง ” ฎีรดลเอ่ยเรียบๆเหมือนไม่ได้รู้สึกสะเทือน พร้อมยักคิ้วให้ผักกาดที่จ้องหน้าเขาอยู่ เหมือนพร้อมจะตอบกลับ

“ คุณตามมาเจอผมที่ไหน ผมมาถึงตั้งนานแล้ว ส่วนพวกเราก็..มาเจอกันหน้าร้าน ต่างหาก ” ผักกาดเอ่ยด้วยเสียงเบาท้ายประโยค เมื่อนึกถึงตอนที่ยืนงุนงงอยู่หน้าร้าน จู่ๆก็ถูกคุณฎีเข้ามาโอบไหล่ อีกทั้งยังจูงข้อมือให้เดินตามเข้ามาในร้านนี้อีก

          ไม่รู้ว่าพอนึกถึง ..ทำไมตอนนี้มันเกิดอาการร้อนหน้าแปลกๆ ด้วย

“ ใช่ครับ ตามที่ผักกาดบอกครับ เรา เจอ กัน หน้า ร้าน และ เดิน เข้า มา ใน ร้าน พร้อม กัน ” ฎีรดลพยักหน้า เอ่ยบอกช้าๆ ก่อนยกมือข้างขวาขึ้นมามองแล้วทำเป็นจับๆหมุนๆข้อมือข้างซ้ายที่สวมนาฬิกา จนผักกาดเข้าใจในความหมายที่คุณฎีต้องการจะสื่อ ก่อนรีบก้มหน้าหลบสายตาไปแล้ว

          หนอย นี่คุณฎีตั้งใจล้อเลียนเขาใช่มั๊ย ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นเขาสติรวน ประมวลผลไม่ออก จนไม่รู้ว่าตัวว่าถูกจูงข้อมือเดินตามอีกฝ่ายเข้ามาในร้าน เขาคงยกชุดกระทะตะหลิวขึ้นมาฟาด ข้อหาที่คุณฎีแตะเนื้อต้องตัวกันโดยไม่ได้รับอนุญาตแน่ๆ

“ แยมครับ น้องผักกาดว่ายังไง ไอ้ฎีมันก็ว่าอย่างนั้นแหละครับ ” พี่ปังเสริมพร้อมยิ้มให้แฟนสาว

“ เอ๋ ไม่ใช่ว่าพี่ฎี แอบเดินตามผักกาดอยู่ไกลๆ นะครับ ” วาวาที่นั่งฟังอยู่นานเอ่ยถาม จนผักกาดต้องเงยหน้าขึ้นมาส่งสายตาอย่างคาดโทษ แอบเดินตามอะไร ก็บอกว่าเรามาเจอกันหน้าร้านไง

“ พี่ว่าพี่ก็ไม่ได้แอบเดินตามนะครับ ก็เดินปกติ แค่ผักกาดเขาไม่เห็นต่างหาก ”

          ว่าไงนะ ไม่ได้แอบ เดินปกติ ..เดินตามเราเนี่ยนะ?

“ นี่คุณ..จริงหรอครับ ”

“ หึ แล้วผักกาดคิดว่าไง? ” คุณฎีถามย้อน พร้อมยักคิ้วก่อกวนให้กับผักกาดที่เหวอไปแล้ว

          แย่แล้ว..

          ถ้าอย่างนั้นคุณฎีก็ต้องเห็นตอนเขาแวะไปที่ชอปกางเกงชั้นในชายอะดิ!

          แม่ง จริงป่ะเนี่ย..น่าอายชิบ
          คุณฎีจะมาเดินตามเขาทำไมเล่า!

“ อ้าวๆ จริงหรือค่ะเนี่ย ผักกาดไม่รู้ตัวหรอกหรอ ” แยมเผยยิ้มกว้างกว่าเดิม

“ …. " คุณฎีส่งเสียงหัวเราะในลำคอ จนผักกาดต้องเงยหน้ามองคุณฎีอีกครั้ง การที่ไม่ตอบ แสดงว่าจริง ก็เชี้ยแล้ว><

“ มึงมันร้าย ” พี่ปังเอ่ยและตบไหล่คุณฎีอย่างพออกพอใจ

“  แซวเด็กมันเล่นหน่าา ”

“ ฮ่ะๆๆๆ ” 

          ชิ! รู้สึกหมั้นไส้คุณฎีที่สุด

          ทุกครั้งเลยสินะที่มีคุณฎีกับไอ้ผักกาดอยู่ด้วยกัน คนจะเลือกสนใจคุณฎีมากกว่า

          ไม่ว่าคุณฎีจะพูดอะไร ทุกคนก็พร้อมจะเห็นด้วย ชอบอกชอบใจอย่างเกินหน้าเกินตา ส่วนไอ้ผักกาดนะ พอพูดอะไรไป ไม่มีคนฟังเลย ...ให้ตายสิ ไม่มีคนเข้าข้างเข้าเลยแม้แต่เพื่อนของเขา

          อยากจะทำเป็นหูทวนลม ทำเป็นเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา แต่พอทุกคนหัวเราะชอบใจ กลับเป็นผักกาดเองที่ทำตัวไม่ถูก

“ เลิกแซวแล้วก็เลิกหัวเราะเถอะครับทุกคน ไอ้แยม>< หยุดหัวเราะเลยนะ! ” ลงกับใครไม่ได้ผักกาดเลยลงที่แยม เพราะรายนั้นหัวเราะชอบใจที่สุดในบรรดาทุกคนแล้ว

“ ทำไม กูแค่หัวเราะเรื่องที่พี่ฎีเขาบอกเองนะ ”

“ แต่มึงกำลังหัวเราะกูใช่มั๊ยล่ะ ” ผักกาดเอ่ยน้ำเสียงติดงอน

“ โหห กูหยอกเล่นนน ” แยมกลัวผักกาดโกรธ จึงรีบสะกิดให้หันกลับมามอง พร้อมพูดต่อเหมือนเป็นการย้อนความหลังให้กับผักกาด “ หรือเรื่องนั้น? โห กาดด มึงนี้ฝังใจอะไรขนาดนั้น เรื่องตอนนั้นมันก็ผ่านมานานแล้วนะ อีกอย่างหลังจากนั้นมามึงก็ไม่เคยสะดุดล้มให้กูเห็นอีกเลย แถมเป็นเรื่องดีที่มึงเป็นคนรอบคอบ ระมัดระวังขึ้นด้วยนะ ”

“ ไม่ต้องมาพูดเลย ตอนนั้นมีพี่ปังคนเดียวที่ช่วยกู ส่วนพวกมึง และคนอื่น หัวเราะกูกันหมด หึ ” ผักกาดว่าให้เพื่อนทั้งสอง รวมถึงคนที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างคุณฏี ก่อนแกล้งสะบัดหน้าไปอีกทาง

“ ไม่เอาหน่า น้องผักกาด ตอนนั้นพี่ก็รีบเข้าไปช่วย จนสะดุดขาตัวเองเหมือนกันเพียงแต่พี่แค่ไม่ล้มเหมือนกับผักกาด พี่อุตส่าห์จะโชว์แมนช่วยพยุงผักกาดต่อหน้าน้องแยมเลยนะครับ ถ้าพี่ล้มไปอีกคนตอนนั้นฮากระจายแน่ๆ ” เมื่อเห็นว่าผักกาดจะงอนให้แยม พี่ปังก็รีบห้ามทัพ พร้อมกับเอ่ยเล่าเรื่องราวด้วยน้ำเสียงติดตลก จนผักกาดก็นึกขำไปด้วย

“ โห นี่พี่ปังก็จะล้มด้วยหรอเนี่ย ”

“ ฮ่ะๆๆ ใช่น่ะสิครับ พื้นมันไม่เท่ากัน ส่วนขาเรามันก็เดินไม่ดี ใช่มั๊ยล่ะ ฮ่ะๆๆ ”

“ โธ่ พี่ปังงง ” ผักกาดเอ่ยและหัวเราะไปด้วยตามที่พี่ปังเล่า

          ความจริงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะพี่ปังคงไม่ได้ซุ่มซ่ามเหมือนเขา

          ในสถานการณ์ตอนนั้นพี่ปังเป็นคนดี และเป็นคนเดียวที่ช่วยเหลือเขาตอนที่เขาหกล้ม แถมยังซื้อชามะนาวแก้วใหม่ รวมถึงน้ำเกลือล้างแผล ยาใส่แผล ยาแก้ปวด ผ้ากลอส เทป และพลาสเตอร์ติดแผลมาให้เขาด้วยนะ

“ ตอนนี้กาดยังนึกขอบคุณที่พี่เลี้ยงชามะนาว แถมซื้อยามาให้กันอีก ”

“ หือ? ชามะนาวกับยาหรอ ” พี่ปังเลิกคิ้วในขณะที่กำลังกินถั่วทอดที่เหลือในจานออเดิร์ฟ ก่อนทวนคำพูดของผักกาดเหมือนลืมสิ่งเหล่านั้น เขาไม่ได้ซื้อนะ คนซื้อมันไอ้...

          ปังคิดในใจ เขาไม่ได้ซื้อเองนะ เขาแค่ถูกคนซื้อจริงๆ ฝากไปให้น้องต่างหาก

“ พี่ว่าพี่ปะ.. "

“ ไอ้ปังกินอีกสิ นี่อะชิ้นสุดท้ายพอดี ”

“ เออๆ ขอบคุณมึง อะแฮ่มม! แค่กๆ ”

          ไม่รู้กฏีรดลใจดีมาจากไหน รีบจิ้มขนมปังกระเทียมชิ้นสุดท้ายมาป้อนพี่ปังทั้งชิ้น ขณะที่พี่ปังกำลังจะตอบผักกาด ทำให้พี่ปังต้องหยุดพูดและเคี้ยวก่อน แต่คงไม่ละเอียดพอ จนทำให้ขณะกลืนเกิดอาการสำลักเพราะขนมปังที่กินเข้าไปแทน

“ คุณฎีทำอะไรน่ะ ” ผักกาดหันไปมองคนด้านหน้า นึกเป็นห่วงพี่ปังขึ้นมาทันที เพราะพี่ปังเริ่มไอเสียงดังขึ้น จนทุกคนต้องหยุดพูดคุยแล้วหันมามอง

“ มึงเป็นไรไอ้ปัง? ”

“ กู..แค่ก ติด..คอ ..ไอ้ฎี ทุบ..หลัง ”

“ สัดปัง! เคี้ยวยังไงของมึง ..น้องแยมวาวาขอทิชชูหน่อยครับ ผักกาดเติมน้ำให้พี่ที ” ฏีรดลรีบจัดแจ้งให้ทุกคนก่อนจะทำการช่วยเหลือโดยลุกขึ้นไปประกบด้านหลัง เอื้อมมือมฝโอบรอบเอวตรงบริเวณลิ้นปี่แล้วออกแรงกระทุ้ง สลับกับทุบสะบักหรือบริเวณหลังของพี่ปัง เพื่อให้เศษอาหารที่ติดอยู่กระเด็นออกมา จนอาการดีขึ้น

“ พี่ปังโอเคหรือเปล่าค่ะ น้องค่ะๆ พี่ขอทิชชูๆ ค่ะ ”

          แยมกับวาวารีบยกมือเรียกพนักงาน และรับกล่องทิชชูกับพนักงานมาดึงส่งให้กับพี่ปัง ส่วนผักกาดก็เอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำดื่มที่หมดไปแล้วของปังมาเติม โดยตอนที่ทุกคนกำลังอลมานก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าคุณฏีกำลังบอกอะไรกับพี่ปังที่ทำได้เพียงพยักหน้าเข้าใจ

“ ดื่มน้ำหน่อยนะพี่ ” ผักกาดถือแก้วน้ำที่ถูกเติมยื่นให้กับพี่ปัง โดยมีฏีรดลคอยจับประคองแก้วไว้ให้

“ นี่ทิชชูนะคะ ดีขึ้นแน่นะคะพี่ปัง ”

“ ครับแยม พอดี.. พี่รีบกลืนไปหน่อยนะ แค่ก! ”

“ ทำแยมใจหายหมดเลย ” แยมเอ่ยด้วยความตกใจไม่หาย

“ เมื่อกี้คุณฏีเล่นยัดขนมปังเข้าปากพี่ปังแบบนั้นมัน..” ผักกาดพูดอย่างอดไม่ได้ที่ถึงคนผิดตัวจริง

“ ไม่เป็นไรเลยครับผักกาด พี่เองพี่กินเอง พี่เคี้ยวไม่ละเอียด รีบกลืนจนมันติดคอ ไม่เกี่ยวกับไอ้ฎีเลยครับผม ”

“ ครับพี่ ทีหลังค่อยๆเคี้ยวนะพี่ ” ผักกาดพยักหน้าไม่ได้ติดใจอะไร ยังเอ่ยแนะนำด้วยความเป็นห่วง


“ อ่า ฮ่ะๆ เรามาเปลี่ยนเรื่องกันดีกว่า เอ๋..เรื่องไหนดีครับน้องแยม ”

“ อืม เมื่อวานกูกลับไปกาญมา อะนี่! แม่กูให้เอามาฝาก ” แยมหยิบถุงที่ใส่กล่องขนมและลูกชุบมายื่นให้ผักกาดและวาวาคนละกล่อง ทำให้ทั้งสองคนที่เห็นแสดงอาการดีใจออกมาอย่างเก็บไม่อยู่

          ขนมและลูกชุบ ฝีมือแม่ยิ้ม แม่ของไอ้แยม พวกเขาไม่ได้กินมานาน ยังคงอร่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแน่นอน


“ เออใช่ ก็ว่าจะถามอยู่เหมือนกัน แต่ดันลืมไปน่ะ ” ผักกาดเอ่ยเมื่อนึกขึ้นได้ พร้อมหยิบลูกชุบที่เพิ่งได้มาเข้าปากของตัวเอง

“ กูกลับมาถึงไทยเมื่อวาน แต่ไปหาแม่กับป๊าก่อน เพิ่งมากรุงเทพก็วันนี้ มาถึงก็บึ่งรถมาหาพวกมึงเลย ”

“ แสดงว่าเดินทางกันตลอดเลยหรอ ได้พักป่ะเนี่ย? ” เอ่ยถามต่อแม้จะเคี้ยวขนมจนแก้มตุ้ย

“ พักบ้างแล้ว แต่ไม่เหนื่อยหรอกเพราะกูนั่งเฉยๆ คนขับนู้น เหนื่อยมั๊ยคะที่รัก ” แยมตอบเพื่อนเสียงสดใส ก่อนเอื้อมมือเล็กไปหยิกแก้มและเอ่ยถามพี่ปังที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเสียงอ่อนเสียงหวาน จนคนที่เป็นเพื่อนสองคนอย่างผักกาดและวาวาได้แต่มองหน้ากันอย่างเลิกลั้ก ส่วนคุณฎีก็เพียงยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบเหมือนไม่สนใจ เพราะเห็นบ่อยแล้ว

“ ไม่เหนื่อยค่ะที่รัก ” พี่ปังก็ใช้น้ำเสียงไม่แพ้ไอ้แยมเช่นกัน


“ ว่าแต่.. ที่นัดมามีอะไร เห็นบอกว่าเรื่องสำคัญใช่ไหม ” วาวาถาม

“ อืม ”  แยมพยักหน้าและอมยิ้ม “ แต่ความจริงก็คืออยากกินข้าวนั่นแหละ คิดถึง>< ”

“ กินจะหมดทุกอย่างแล้วนี่ไง อย่ามาทำเป็นอ้ำๆ อึ้งๆ พูดมา! ” ผักกาดชูนิ้วชี้ส่ายไปมา พร้อมทำหน้าเล่นหูเล่นตาให้กับแยม ซึ่งไม่รู้ตัวว่าเป็นการเรียกรอยยิ้มให้กับคนที่กำลังมองมา

“ ทำหน้าซะน่ารักเลยนะมึงอะ ”

“ อ่ะๆ อย่าเปลี่ยนเรื่อง ที่สำคัญกูไม่ได้น่ารักซักหน่อย ”

“ ย๊ะ ” แยมส่งเสียงพร้อมยื่นจมูกให้ผักกาดรู้ว่ากำลังหมั่นไส้

“ ว่ามาเร็ว ”

“ อืม.. มึงจำตอนปี 1 วันแรกๆ ที่กูพูดถึงเรื่องพี่ปัง ได้ป่ะ ”

“ อืม จำได้ ” วาวาพยักหน้า

" จำได้หมดแหละ เรื่องของมึงน่ะ เล่นพูดกรอกหูพวกกูตั้งแต่ตอนชอบ ตอนคบ ตอนเลิก ตอนกลับมาคบ เหอะ! กูจำได้หมดอะ ” ส่วนผักกาดร่ายยาว

          นึกถึงเหตุการณ์ แต่ละเหตุการณ์ตอนนั้น ถ้าให้เล่าก็ยาว ผักกาดยังจำไม่ลืมเลย..




❤ 100 เปอร์เซนต์ (%)

----------------------



1 ไลค์ 1 คอมเมนต์ = 1 กำลังใจ ❤

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ

(◜◡‾) (‾◡◝)






นักเขียน :: ขอมีความสุขนานๆ ในโลกนิยาย ดีกว่าต้องรู้สึกชิบหายในโลกของชีวิตจริง

คำเตือน >> ถ้าคนพี่จะลุย คนน้องต้องทรงตัวให้มั่นคงล่ะ อย่าเซ อย่าหวั่นไหว โอเคไหม?



หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 02 :: ไม่ชอบ..ก็มีเหตุผลที่ไม่ชอบ (100%) [28/02/20]
เริ่มหัวข้อโดย: funndee ที่ 28-02-2020 19:23:44
เป็นกำลังใจให้ค่าา

รู้สึกว่าคุณฎีก็ชอบผักกาดมานานแล้วรึป่าว อาจจะตั้งแต่ 7ปีก่อน  :hao3:


หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 02 :: ไม่ชอบ..ก็มีเหตุผลที่ไม่ชอบ (100%) [28/02/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tawanwee ที่ 28-02-2020 21:12:02

เชียร์คุณฎีให้จีบน้องได้แล้วค่ะ เลิกแกล้งน้องได้แล้ว :impress3:

หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 02 :: ไม่ชอบ..ก็มีเหตุผลที่ไม่ชอบ (100%) [28/02/20]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 01-03-2020 03:20:09
แอบชอบกันทั้งคู่เหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 02 :: ไม่ชอบ..ก็มีเหตุผลที่ไม่ชอบ (100%) [28/02/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Yeewajj ที่ 03-03-2020 15:19:49
คุณฎีก็แกล้งเก่งจังเลย :hao3:
หัวข้อ: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 03 :: ทะเลาะกัน ..น้อยลง (30%) [07/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: pimpipam_s ที่ 07-03-2020 12:44:43
คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ

ตอนที่ 03 :: ทะเลาะกัน ..น้อยลง



ความทรงจำสมัยมหาวิทยาลัย ปี 1 ว่าด้วยเรื่องความรักของไอ้แยม

          ตอนนั้นพวกเราสามคนน่าจะกำลังนั่งอยู่ตรงลานม้าหินอ่อน คณะมนุษย์ศาสตร์ ช่วงนั้นเป็นช่วงเลิกเรียน พวกเราจึงตัดสินใจนัดรวมตัวกันเพื่อไปกินข้าว ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับหอพัก

‘ ผักกาด วาวา มึงจำรุ่นพี่ปี 4 ที่กูเคยพูดถึงได้มั๊ย ว่า… ’

‘ จำไม่ได้อะ! ’ ผักกาดตอบอย่างไม่รีรอ

‘ ………. ‘

‘ เอ้ย! ก็รีบตอบจังเลยล่ะกาด กูยังพูดไม่จบเลย แล้วมึงจะเก็ตป่ะว่าพี่คนไหน ’

          เสียงคนที่กำลังยืนค้ำเอวและโวยวายใส่ผักกาด คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก แยม นลนัส สาวสวยจากคณะมนุษยศาสตร์ สาขาเอกวิชาภาษาญี่ปุ่น เพื่อนรักเพื่อนสนิทของเขาเอง

‘ ฟังๆๆ เงยหน้ามาฟังกันหน่อยสิ เพื่อนรักทั้งสองของกู ’

‘ ไม่! / ว่ามา! ’

          หึย

          แยมวางช้อนที่กำลังจะตักเจลลี่องุ่นเข้าปากลงทันที เมื่อได้ยินคำตอบที่ฟังแล้วไม่ค่อยจะลื่นเสนาะหูของผักกาด แถมยังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่ออย่างไม่สนใจ ผิดกับวาวา เพื่อนอีกคนที่เงยหน้าจากโทรศํพท์ขึ้นมาเพื่อจะฟังอย่างตั้งใจแล้ว

พรึบ

‘ ไอ้แยมอ่า ’
   
‘ อ่ะ นี่ชามะนาวของมึง มึงอะ..สนใจกันหน่อยสิผักกาด นี่กูอุตส่าห์เลี้ยงมึงเลยนะ ’

‘ งืมม มึงนี่นะ ’ ผักกาดขมวดคิ้วเบะปากพึมพัม เมื่อแยมปิดหน้าหนังสือพร้อมดึงออกจากมือของเขา แล้วเลื่อนแก้วชามะนาวที่เสียบหลอดสีเขียวเข้ามาแทน เพราะรู้ว่าผักกาดชอบ

‘ อย่ามางอแงใส่กันนะ >< ’ แยมเบะปากตามด้วยสีหน้าที่ล้อเลียนผักกาด

‘ ใครงอแง? ’

‘ ไม่ใช่กูก็แล้วกันค่ะ ’

‘ อ่าๆ ใจเย็นๆ นี่กูต้องมาเพื่อฟังมึงเถียงกันหรือไง ’ วาวาได้แต่ส่ายหัวให้กับความเด็กของทั้งคู่ แยมเป็นคนไม่ยอมใครส่วนผักกาดก็ไม่ใช่คนยอมคน เนี่ยถึงได้เถียงกันตลอด โดยมักมีวาวาเป็นกรรมการไงหละ
 
          ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมต้นและเป็นคนกาญจนบุรีด้วยกัน พวกเขาทั้ง 3 คน จึงสนิทกันมาก จนมหาวิทยาลัยปี 1 ก็เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน แม้จะคนละคณะก็ตาม แต่แยม วาวา และผักกาดได้ทำสัญญาใจกันว่าพวกเขาจะต้องนัดเจอกัน ต่อให้ยุ่งมากแค่ไหน ก็ต้องหาเวลาที่จะมาเจอกันให้ได้ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และวันนี้ก็คือ วันที่พวกเขานัดกินข้าวเย็นกันก่อนแยกย้ายกับหอพัก

‘ ก็มึงเคยพูดถึงรุ่นพี่ปี 4 ไปตั้งหลายคนหนิ ’ ผักกาดพูดก่อนจิบชามะนาวแก้วโปรด

‘ แต่ไม่ใช่ไง.. ที่กูกำลังพูดถึง กูหมายถึงพี่ปัง ปี 4 คณะทันตะ ’

‘ โอย นึกไม่ออกหรอกนะะ ’ ผักกาดส่งเสียงโอดโอยพร้อมกับส่ายหน้า

‘ เอางี้ งั้น..พี่ปังนะเขาเป็นเพื่อนสนิทกับพี่ฎี ฎีรดล ปี 4 คณะบริหารอะ ’

‘ อืม พอคุ้นชื่อ พี่ฎีอะไรนี่แหละ แต่นึกหน้าไม่ออก ทำไมอ่ะ? ’ ผักกาดเลิกคิ้ว

‘ ก็นึกหน่อยสิไอ้นี่ กูว่ามึงไม่คุ้นพี่ปังไม่เป็นไรนะ แต่นี่..มึงต้องคุ้นพี่ฎีดิวะ แต่จริงๆมึงควรคุ้นกับทั้งสองคนนั้นแหละ ’

‘ เอ่อ ไม่เอาๆ กูไม่นึก ทำไมมีไร? รีบพูดดิ ’ ผักกาดเอ่ยอย่างรำคาญ ไม่เข้าใจว่าช่วงนี้ทำไมแยมชอบเอาเรื่องผู้ชายมาใส่ให้เขาหนักสมองด้วย

‘ ไม่ได้เด็ดขาด มึงต้องนึกให้ออกเดี๋ยวนี้ เอางี้มึงนึกหน้าพี่ฏีก่อนเลย ถ้ามึงนึกหน้าพี่เขาออกนะ มึงก็จะได้รับรู้ถึงคุณภาพของพวกพี่เขาไง เร็ว! ’ คุณภาพอิหยังวะ

‘ เอ่อๆ ก็ได้ นึกๆ ’ ผักกาดทำท่าคิด และพยายามคิด ประมวลผลว่าไอ้แยมมันหมายถึงใคร

          เพราะตั้งแต่เป็นเพื่อนกับมันมาตั้งแต่มอต้น มันก็มักจะชอบพูดแต่เรื่องความรงความรัก เรื่องแฟน เรื่องผู้ชาย หึ

          แล้วยิ่งเข้ามหาวิทยาลัยมานะครับ ด้วยความที่แยมมันเป็นพูดเก่ง คนร่าเริง อัธยาศัยดี เข้าชมรมไหนมันก็รู้จักเพื่อนรู้จักรุ่นพี่คนนั้นคนนี้ไปหมดทุกคณะเลย แถมยังว่านเสน่ห์ไปทั่ว

          แล้วใครต้องมาคุย มารับฟังเรื่องพวกนี้จากมัน ถ้าไม่ใช่ไอ้วาวา กับไอ้ผักกาดคนนี้!

‘ เอางี้ กูว่ากูหารูปให้ดู ’
 
‘ ไม่ต้องๆ เอาเป็นว่านึกไม่ออก ’

‘ จิ! เอางี้ดีกว่า กูว่ามึงต้องนึกออก.. แน่ๆ ’

‘ งืม ’ งืมตัดรำคาญมากแม่

‘ เอาพี่ฎีก่อนนะ พี่เขาเป็นผู้ชายตัวสูงงง ผิวขาว ผมน้ำตาลเข้ม ปลายผมลอนสั้นประมาณนี้ จมูกโด่งๆ หน้าคมๆ นึกนะ ’ แยมพูดพร้อมทำท่าทางประกอบ

‘ อืม นึกอยู่ ’ การเรียนพยายามอย่างนี้มั๊ย ไอ้แยม


‘ แล้วเราอะ เคยเดินผ่านพี่เขาที่ลานจอดรถคณะมนุษย์ตอนเราไปซื้อกาแฟด้วย ’

…ลานจอดรถ     …ซื้อกาแฟ


‘ กูกับวากำลังจะเข้าไปขอถ่ายรูปพี่เขา ’

..ถ่ายรูป


‘ แล้วมึงดันเดินสะดุดขาตัวเองหน้าคะมำ จนชามะนาวหก ’

อ่า กู..สะดุดขาตัวเองไปอีกก

อ่ะ เริ่มมารางๆ


‘ แล้ว… พี่ฎีเขาเลย.. หัวเราะมึงไง ’

ชัด!


‘ สัด นึกออกแล้ว ’

หน้าพี่มันอย่างชัด
 

‘ ฮ่ะๆๆ ’

‘ ยังมานั่งขำกูนะวาวา ’ เจ้าของมือเล็กฟาดเปี๊ยะลงที่มือวาวา แต่คนถูกตีก็ไม่ได้สะทกสะท้าน แต่กลับหัวเราะเสียงดังมากกว่าเดิม

‘ ก็มันขำจริงนี่หว่า ตอนนั้นมึงมันซุ่มซ่ามเก่งจะตาย ’

‘ จิ! มันคืออุบัติเหตุ ใครจะคิดว่ากูจะสะดุดขาตัวเอง ’ ผักกาดตาล่อกแล่ก ทั้งยังพยายามแก้ตัวต่อไป

‘ ฮ่ะๆๆ ’ วาวากุมท้องที่หัวเราะจนเจ็บ

‘ กูก็นึกว่าตอนกูล้มหน้าคะมำขนาดนั้น แล้วพี่มันจะเดินเข้ามาช่วยกัน ที่ไหนได้ ยืนหัวเราะกูพร้อมกับพวกมึงเฉย ’ น้ำเสียงบ่งบอกถึงความเสียอารมณ์โหมดอับอาย ชี้หน้าชี้ตาเพื่อนทั้งคู่

‘ มึงเดินไม่ดูทางเอง ’ วาวาตบมือชอบอกชอบใจกันกับแยม แหม..เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

‘ ……. ’ ขออนุญาตปลง ทำใจ เพื่อนไม่รัก แถมพอใจที่มีคนมาหัวเราะผมอีก


‘ เออ นั่นแหละ นึกออกแล้วใช่ป่ะ ’  แยมเอ่ยถามหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากที่พยายามหยุดหัวเราะผักกาดอยู่นานแสนนาน

          ตอนแรกแยมไม่ได้ตั้งใจจะรื้อฟื้นเรื่องนี้ แต่เพราะพูดไปเท่าไรผักกาดก็นึกไม่ออกสักที

‘ อืม ก็ชัดเลยแหละ! ’

‘ นั่นแหละ ส่วนพี่ปังของกู เป็นเพื่อนพี่ฎีนี่แหละ หน้าตาดีโคตรๆคนหนึ่งเลยเว้ย พี่ปังน่ะเขาคือคนที่เดินตามพี่ฎีมา แล้วมาช่วยพยุงมึงไง แถมเคยเอาชามะนาวและถุงยามาให้มึงด้วย ’

?

‘ รู้งี้กูแกล้งล้มตามมึงก็คงจะดี พี่ปังแม่งอย่างน่ารัก มาช่วยด้วย>< ’

‘ เออๆ นึกออกแล้ว พี่มันคนดีขนาดนั้นกูก็ต้องนึกออกแล้วล่ะ แต่ถ้าจำไม่ลืมก็ไอ้พี่ที่หัวเราะกูนั่นแหละ ’ ชื่อฎีฎีอะไรนั้นน่ะ

‘ เขาชื่อ พี่ฎีกับพี่ปังเว้ย ’

‘ อืมมม แล้วทำไมอ่ะ มีอะไรก็พูดเถอะ กูขี้เกียจนึกแล้วนะ ’

‘ มึงจะหัวร้อนทำไมอ่า กูไม่ได้ต้องการจะรื้อฟื้นนะ แค่อยากช่วยให้มึงนึกออกไวไว ’

‘ เออ รู้แล้วจ่ะ แต่ถ้าตอนนี้มึงไม่ยอมเข้าเรื่องสักที กูจะกลับหอแล้วนะ ข้าวก็ไม่ต้องกิน ’ ผักกาดกอดอกขู่เพื่อนคนสวย พลางนึกว่าตอนที่เขาล้มลำพังเพื่อนหัวเราะ ยังไม่อายเท่าโดนคนอื่นมาหัวเราะ มันน่าอายไม่รู้หรือไง

‘ กูจะตามมึงไปผักกาด ’ กรรมการอย่างวาวาพูดอย่างรำคาญมานาน ครั้งนี้ยืดเยื้อจนเลือกเข้าข้างและเชียร์ฝั่งผักกาด

‘ เดี๋ยวดิๆ ก็พี่ปังอะ พี่ปัง ทันตะ ’

‘ …… ’ ?

‘ คือกูชอบพี่เขา พี่เขาคือสเป็กกู แล้วคือ..พี่เขามีเล่นดนตรี กูจะมาชวนมึงไปดูพี่เขาเล่นดนตรีวันสุดท้ายของกีฬาเฟรชชี้ นะมึงงงงงง ’

‘ ……. ’

‘ กูชอบพี่ปัง กูอยากไปดูพี่เขาเล่นกีต้าร์สักครั้ง มึงเข้าใจอนาคตหมอฟันสุดหล่อแล้วมีโมเม้นต์เล่นดนตรีป่ะ โคตรชอบเลยยยย ’

เป็นเอามากเหมือนกันนะ เพื่อนเขาเนี่ย

‘ กูชอบเขา แค่ไปดู คนนี้ขอแค่ได้มอง นะๆๆๆ ไปกับกูน้าาาา ’ แยมที่ตอนแรกอ้ำๆอึ้งๆ รีบเอ่ยต่อเมื่อเห็นผักกาดและวาวากำลังเหวอ

‘ อืมมม ก็ได้ๆ"

" อืม จะไปเป็นเพื่อนมึงแล้วกัน ’ ผักกาดพยักหน้าตามวาวา

‘ เย้ มึงมันเพื่อนรักกกก ไว้ไปหน้าเวทีกันน! ’


-----


แล้วก็ผ่านไป 3 เดือน หลังจากที่ไอ้แยมชวนผักกาดและวาวาไปที่งานปิดกีฬาเฟรชขี่

          หลังจากวันนั้น ผักกาดกับวาวาก็รู้สึกเบาสบายหูขึ้น เพราะตั้วแต่ครั้งที่ไปกรี๊ดหน้าเวทีวันนั้น แยมก็ไม่ได้มากรี๊ดกร๊าดหรือพูดถึงพี่กลุ่มนั้นให้ฟังอีก  ถ้าคิดในแง่ดีแยมอาจจะเลิกสนใจพี่ปังไปแล้วก็ได้ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่เริ่มเรียนหนังสืออย่างจริงจังและเข้มข้น แถมกำลังอยู่ในช่วงกีฬาระหว่างคณะคาบเกี่ยวกับการสอบมิทเทอมอีกด้วย ทำให้มันคงไม่ได้มีเวลามาสนใจเรื่องความรงความรัก  หรอก ..มั้ง (?)

          แต่นั่น..มันก็แค่ความคิดของผักกาดครับ

          เพราะ
          ความจริงแล้ว การเงียบของไอ้แยม คือลางที่บอกว่ากำลังจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น..



          ณ ลานคณะมนุษยศาสตร์ ที่เก่าที่เดิม


‘ ผักกาด วาวา กูมีเรื่องจะบอก กูมีแฟนแล้วนะ กูกำลังคบกับพี่ปัง ’

‘ หะ! ว่าไงนะ? / คบตอนไหนเนี่ย! ’

          จากเสียงร้องอุทานและเสียงเอ่ยถาม คงแทบไม่ต้องเฉลยว่าเป็นเสียงของใครกับใคร นอกจากผักกาดที่ช็อคจนแทบพูดไม่ออก กับวาวาที่แค่ประหลาดใจแต่ก็อยากรู้มากกว่าไงล่ะ

‘ อืม กูคบกับพี่เขาแล้ว เมื่อวานนี้>< ’ แยมย้ำบอกกับเพื่อนสนิท เสมือนกับเป็นลูกสาวตัวน้อยที่กำลังสารภาพกับแม่ว่าตัวเองมีแฟน ด้วยรอยยิ้มขวยเขิน ยืนบิดไปมา มือไม้จับจีบกระโปรงยึกยักยึกยือ สะเปะสะปะเหมือนไม่มีที่ไว้

‘ ไปจีบกันตอนไหนเนี่ย? ’ วาวาเลิกคิ้วถามแทนผักกาด เพราะสังเกตได้ว่าผักกาดดูช็อคไปแล้วเรียบร้อยแล้ว คงประมาณแบบ นังลูกสาวตัวดี มันมีแฟนใหม่อีกแล้ว

          ก็คงจะช็อคอยู่หรอกนะ ผักกาดน่ะ คิดมาตลอดช่วงเริ่มเข้ามหาวิทยาลัย ว่าแยมน่าจะไม่จริงจังกับใครง่ายๆ เหมือนตอนสมัยเรียนมัธยม เพราะพอแยมจริงจังกับใคร ก็มักจะถูกนอกใจและเกิดการเลิกลาเสมอ

          10 ครั้งที่มันมีแฟน ก็คือ 10 ครั้งที่แยมต้องเลิกรา และเขาเองที่ต้องเห็นเพื่อนอย่างแยมร้องไห้

          นี้คือครั้งที่ 11 ที่มันบอกว่ากำลังคบกับคนๆ หนึ่ง

          ผักกาดเคยมั่นใจว่าแยมจะเข็ดขยาด และไม่น่าจะคบใครเป็นแฟนอีกง่ายๆ แต่ตอนนี้มันผิดคาดไปหมด เพื่อนสาวเดินเข้ามาบอกพวกเขาว่า มันมีแฟน

‘ ก็วันที่เราไปดูพี่เขาเล่นดนตรีไง ตอนพวกมึงเผลอกูเข้าไปขอไลน์พี่เขา ’

‘ มึงจีบพี่เขาก่อนเนี่ยนะ ’ วาวาถามต่อ

‘ ก็เปล่าป่ะวะ แค่ขอไลน์และแอดก่อน แต่หลังจากนั้นเขาทักมาคุยก่อน ก็เลย..คุยกัน 3 เดือน เมื่อวานก็..คบ ’

‘ เห็นเงียบๆ นี่ฟาดเรียบเลยนะ ’

‘ มึงแน่ใจใช่มั๊ย ’ ผักกาดเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

‘ คนนี้กูจริงจัง ..แหน่ๆ มึงจะบอกว่ากูจริงจังทีไรก็เสียใจทุกทีใช่มั๊ยล่ะ ’

‘ ก็กูเป็นห่วงมึง มึงก็รู้ ’

‘ กูไม่เคยกลัวว่าจะต้องเสียใจ กูขอแค่ได้ใช้หัวใจรักใครสักคน ’

‘ ….. ’

‘ กูเกิดมาเพื่อมีความรัก กูไม่รู้ว่าความรักครั้งนี้จะอยู่ตลอดไปหรือเปล่า แต่ตอนนี้เขารักกู กูรักเขา ถ้ามันจะใช่มันก็ใช่อะ ’

‘ …… ’ ผักกาดไม่เอ่ยอะไร เพียงพยักหน้าให้เพื่อนรู้ว่าเข้าใจ แต่ก็ยังไม่คลายความกังวล

‘ เอางี้ วันไหนกูเสียใจ กูขอแค่พวกมึงไม่ทิ้งกู อยู่กับกูตอนกูร้องไห้ โอเคม่ะ ’ แยมพูดติดตลก

‘ อืม ทางที่ดีมึงไม่ต้องร้องไห้มาหาพวกกูเลยก็จะดี ’

‘ ^^ ’

‘ กูขี้เกียจโอ๋มึงแล้ว บอกเลย ’

‘ หน่า โอ๋กูหน่อยน้าา ’

‘ หึๆ เออๆ มึงนี่..มีแต่เรื่องให้กูเซอร์ไพรส์ ’

‘ กูเห็นด้วย ฮ่ะๆๆ ’

 
----------


4 ปีต่อมา

          หลังจากนั้น ผ่านมา 4 ปีก็ถึงเวลาได้โอ๋มันจริงๆ สินะ

          เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดของไอ้แยมล้วนๆ เริ่มจากไอ้แยมถูกพี่ปังเลื่อนนัดหลายรอบ เลยเกิดความสงสัยและตามพี่ปังไป ทุกวันมันจะเห็นว่าพี่ปังขับรถไปรับและส่งผู้หญิงคนหนึ่งที่ร้านอาหารแถวหลังมหาวิทยาลัย โดยพี่ปังบอกแยมว่าไปส่งญาติ แต่ไอ้แยมไม่เชื่อ มันคิดเองเออเองว่าพี่ปังนอกใจ เพราะครั้งสุดท้ายที่มันไปเห็นคือผู้หญิงคนนั้นกำลังกอดพี่ปัง ไอ้แยมจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหา และบอกเลิกโดยไม่ถามพี่ปังสักคำ

          สรุปเข้าใจผิดไอ้เพื่อนง้าว ดีนะที่พี่ปังเขามาง้อและอธิบายว่าที่ไอ้แยมไปเห็นคือเขากอดลากันเพราะลูกพี่ลูกน้องพี่ปังจะเดินทางไปเรียนต่างประเทศ โดยพี่ปังไม่มีเวลาไปส่งที่สนามบิน ซึ่งพอพี่ปังมาง้อมัน ไอ้แยมก็เข้าใจ หายโกรธและกลับไปคืนดีด้วยทันที ไม่งั้นผักกาดกับวาวาได้ปลอบไอ้แยมครั้งที่ 11 ต่อด้วย 12 แน่ๆ

          จบ ขอตัดไปปัจจุบันเหอะ


----------


ปัจจุบัน

          ตั้งแต่วันแรกที่มันบอกชอบพี่ปัง จนถึงวันนี้ก็ผ่านมาเกือบ 7 ปีแล้ว


“ มึง..กูกำลังจะแต่งงาน ”

“ แต่งงาน! ” ผัดกาดหันไปสบตาวาวาด้วยสีหน้าและอาการเดียวกัน นี่มัน.. เรื่องจริงใช่มั๊ยมึง


“ หะ อะไรนะ มึงพูดว่าไงนะเมื่อกี้ ”

“ อืมมม เรียนจบกูจะแต่งงานกับคนที่กูรัก กูเคยพูดไว้แบบนั้น ”

“ ใช่ มึงเคยพูด แต่แบบว่ากู..แค่ ถามย้ำเพราะยืนยัน ว่า..ไม่ได้ฟังอะไรผิดไป ” ผักกาดพูดแบบเว้นวรรคประโยคแทบไม่ถูก


“ ไม่ได้ฟังผิด หึๆ พวกมึงนี่ทำหน้าตาตลกแล้ว ” แยมเอื้อมมือมือหยิกแก้มผักกาดเบาๆ และสะกิดวาวาเพื่อเรียกสติ

“ ขอชัดๆ อีกสักรอบสิ ” ผักกาดชูนิ้วชี้ขึ้นมา แถมยังทำตากลมแป๋วมองแยมและพี่ปังสลับกันไปมา

“ กูกำลังจะแต่งงาน แงงง ” แยมย้ำโดยมีพี่ปังพยักหน้ายืนยันอีกครั้ง

“ มึง.. ไม่ได้ท้อง? ” วาวาถามเสียงกระซิบๆ

“ ใช่.. กูไม่ได้ท้อง ” แยมก็ตอบเสียงกระซิบๆ

“ มึงขอพี่ปังแต่งงานก่อนใช่มั๊ยเนี่ย ”

“ บ้าา ไม่ใช่โว้ย! ”

          แล้วทุกคนก็หัวเราะชอบใจ เมื่อแยมร้องโวยใส่ผักกาดที่ถามตัวเองเสียงดัง เพราะนึกย้อนกลับไปสมัยจีบกัน ก็ไอ้แยมมันเคยเข้าไปขอไลน์พี่ปังก่อนนิหน่า

“ เป็นมึง ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น คำนี้คือจริง”

“ ย๊ะ! แต่กูไม่ได้จะคุยนะ แต่พี่ปังไปขอกูแต่งงานที่ญี่ปุ่น ม่ะม๊าพี่ปังก็ชอบกูมาก ซึ่งกูแฮปปี้ พวกเขาอยากได้กูเป็นสะใภ้ ม่ะม๊าบอกว่าอยากให้กูมีลูกมีหลานให้พวกเขา”

“ อะ..โอเค แล้ว.. กูควรพูดยังไงดี ไอ้วาๆ ”

“ เออๆ ดีใจด้วยไงว่ะ ไอ้กาดนี่มึงอึ้งจนคิดคำพูดไม่ออกหรอ ” วาวาตอบหน้ามึนๆ เพราะเจอคำถามอ๋องๆของผักกาด

“ เออใช่! ดีใจด้วยนะ จริงๆนะ ดีใจด้วย^^ มึง..แฮปปี้ใช่มั๊ย ” เสียงที่ผักกาดพูดตะกุกตะกักเพราะอาการตื่นเต้น ทำตัวไม่ค่อยถูก

          ผักกาดดีใจ แต่ไม่รู้ว่าแสดงสีหน้าประหลาดอะไรออกไป  จนเพื่อนสาวคนสวยที่บอกว่ากำลังจะแต่งงานหยกๆ ยกหลังมือขึ้นมาเช็ดแก้มที่มีหยดน้ำตาอยู่ปรอยๆ

“ แฮปปี้สิ ”

“ แล้วจะร้องไห้ทำไมเนี่ย ” แม้ถามแยมไป แต่ก็เผลอหลุดขำเลยสิ ผักกาดอะ

“ มึงบอกดีใจกับกู แล้วกูสัมผัสได้ น้ำตามันเลยไหล ฮึก ”

“ ไม่งอแงดิ ”

“ สัด รักพวกมึง ”

“ พี่ปังแน่ใจนะ ไอ้แยมมันงี่เง่านะ ”

“ ครับน้องวา พี่แน่ใจมา 7 ปีแล้ว ”

“ ไอ้แยม มากอดดิ ”

“ ฮื้ออออ กูกำลังจะมีครอบครัวมึงงงง ”

“ อือ มีหลานให้กูอุ้มด้วย กูจะทำงานเยอะๆ เลี้ยงเขาให้เอง ” ผักกาดพูดติดตลก แต่ในใจคือเขาคิดไปถึงขนาดนั้นแล้วจริงๆ หลานชายหลานหญิง กี่คนจัดมา น้าผักกาดคนนี้ พร้อมเปย์


          น่ารัก ..

          ผักกาดไม่อาจรู้เลยว่า ความน่ารักน่าเอ็นดูของตัวเองที่แสดงออกกับเพื่อนมันดันสร้างความประทับใจ และอยู่ในสายตาคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามจนไม่สามารถวางสายตาไปจากคนตากลมที่มีแววตาและสีหน้าเปลี่ยนไปตามความรู้สึก ริมฝีปากตอนพูดตอนจา ละสายตาไม่ได้เลย..




❤ 30 เปอร์เซนต์ (%)


----

หัวข้อ: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 03 :: ทะเลาะกัน ..น้อยลง (70%) [07/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: pimpipam_s ที่ 07-03-2020 13:46:01
มาต่อค่ะ


“ ถ่ายรูปกันมั๊ยครับ? ”

“ เป็นความคิดที่ดีเลยค่ะ แยมจะเอาไปลงไอจีแล้วแท็กทุกคนเลย ”

          แยมยิ้มหวานให้กับพี่ปังที่เสนอความคิดเห็นในหัวข้อ หาอะไรทำดีระหว่างที่เรากำลังรอของหวานที่เพิ่งสั่งไป


“ งั้นเดียวพี่ถ่ายให้ครับ ”  คุณฎียิ้มอาสาพร้อมยื่นมือไปรับโทรศัพท์ของแยม

“ พี่ฎีนี่ หล่อแล้วยังใจดีเหมือนเดิม ” แยมยกนิ้วให้ ทุกคนก็ยิ้มชื่นชมจนผักกาดนึกหมั่นไส้ ยังจำได้เลยว่าคนใจดีที่ว่าเนี่ย เคยยืนหัวเราะเขาตอนที่เขาหกล้ม คุณฎีทำเป็นใจดีกับทุกคน ยกเว้นเขานะสิ


กวนจะตายเหอะ

อุ๊บ!

เชี่ย เผลอลั่น

          ผักกาดเม้มปากแน่นหลังจากหลุดปากพูดเสียงที่มีขึ้นมาในความคิดดังเกินไป ทำให้เพื่อนทั้งสองของเขาตาโตรีบหันมาเรียกชื่ออย่างห้ามไม่ทัน

“ ไอ้กาดดด/มึงงงง ”

ได้ยินนะครับ

          แต่ก็นั้นแหละ ไม่ทันแล้ว เพราะคุณฎีที่ตอนแรกกำลังจะลุกขึ้นไปถ่ายรูปให้ กลับเปลี่ยนใจนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม และกอดอกมองมาที่ผักกาด



“ ดะ..ได้ยินว่าอะไรครับ ” ผักกาดพูดเสียงเบาและหลบสายตาในตอนแรก “ ผมไม่ได้ว่าคุณฎีว่ากวนสักหน่อยนะ ” ก่อนคิดได้ว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไร แค่แสดงแสดงความคิดเห็น เลยเงยหน้าส่งสายตาที่คิดว่าท้าทายสุดๆ ไปให้คนด้านหน้า ไม่ได้กลัวใครอยู่แล้ว

เสียงสั่นเพราะหนาว อืม


“ ….. ”

          แล้วก็ไม่พูดอีกแล้ว มอง มองอยู่นั้น

          คิดว่ามองมาแล้วไม่กล้ามองกลับหรือไง

          ผักกาดหน้างอ กอดอกพิงเก้าอี้ในท่าเดียวกัน แต่เบนสายตาไปมองทางอื่น

“ อะไรเล่า ไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ ”

          ซึ่งทางอื่นที่ว่าก็คือทางแยมกับวาวา เพื่อนของเขาที่จ้องอยู่กำลังทำสีหน้าคิดหนัก โดยเฉพาะแยมที่เคยพยายามจับคู่ผักกาดกับคุณฎีมาโดยตลอด แต่เพราะทั้งคู่ไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน แถมยังเถียงกันตลอด แต่บางทีก็เหมือนมีแค่เพื่อนตากลมที่เถียงพี่ฎีอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า

          บางทีคนสวยก็ถอดใจ ย้ำ แค่บางที

“ พี่ก็ไม่ได้พูดว่าพี่ได้ยินเสียงจากผักกาดหนิครับ พี่ได้ยินเสียงจากแมลงวันน่ะ ”

“ ….. ”   นี่.. เขาว่าผักกาดเป็นแมลงวันงั้นหรอ

          เอาจริงนะ มีใครเห็นหรือยังว่าคุณฎีอะกวนผักกาดอยู่เนี่ย

“ แล้วพี่ก็เพิ่งได้ยินชัดๆ นี่แหละครับว่าเราพูดอะไร กวนหรอ? แล้วเราว่าใครกวนล่ะครับ ”

          เซ็ง อยู่ดีๆในหัวก็มีคำนี้ขึ้นมา ทำไมผักกาดต้องรู้สึกเหมือนโดนจับผิด เหมือนโดนจับเข้าจนมุมด้วย

          ...อายชะมัด อายได้แต่แพ้ไม่ได้

“ ว่าพี่กวนเราหรอ ”

   ก็เออน่ะสิ!


“ ผม ว่าไอ้แยม ”

   หึย ผักกาดฝากไว้ก่อนแล้วกัน

“ อ้าวๆ กูไปกวนตอนไหน กูไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของมึงนาา ” แยมว่าแล้วลุกขึ้นผลักหัวผักกาดเบาๆ อย่างไม่เข้าข้าง จนคนตากลมหน้างอกว่าเดิม รีบปัดๆ ผมที่เสียทรงจากการโดนผลักหัวเมื่อกี้ลง

“ ..นี่มึงเพื่อนกูนะ ”

“ แต่กูทีมพี่ฎี ยูโน่ว? ”

“ เออ กูว่าตัวเอง กูว่าตัวเองๆ จบม่ะ ”

“ จบ ”

“ หึ ” ไม่ต้องหันไปมอง ผักกาดก็รู้ว่าไอเสียงพ่นลมหายใจกวนๆ แบบนี้เป็นของใคร

          จบ ทุกอย่างจบ ครั้งนี้เขาแพ้อีกแล้ว ดูก็รู้ว่าทุกคนนะเข้าไปอยู่ในทีมคุณฎีไปกันหมดแล้ว


“ ใจเย็นๆ นะครับทุกคน เอางี้ๆ เดี๋ยวเราถ่ายรูปกันก่อนเนาะ ” พี่ปังยกมือขึ้นสองข้างเพื่อห้ามทัพ มองหน้าผักกาดและบอกให้ใจเย็นลง

          ความจริงผักกาดใจเย็นนะ ไม่ใช่คนโกรธง่าย ไม่ใช่คนหัวร้อน จริงจริ๊งง

“ ดีเลยค่ะ ”

“ ไอ้ฎีมึงน่ะ ลุกไปถ่าย ”





แชะ!

แชะ!

“ นี่ครับ ”

          คุณฎีรดลกดชัตเตอร์ถ่ายรูปให้พวกเราที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารอย่างชำนาญและรู้มุม ผักกาดจำได้ดี เพราะเมื่อก่อนเหตุการณ์แบบนี้มันเคยเกิดขึ้นบ่อย ๆ

“ อย่าเพิ่งค่ะพี่ฎี แยมว่าเราเซลฟี่ด้วยดีมั๊ยค่ะ พี่ฎีจะได้เข้ากล้องด้วยกัน ”

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ ”

“ ไม่ได้ค่ะ ครั้งนี้แยมอยากมีรูปกับทุกคนนะ กี่ครั้งๆ พี่ฎีก็ไม่ค่อยยอมเข้ากล้องด้วยเท่าไร ครั้งนี้ขออีกสักครั้งนะคะ”

“ ถ่ายด้วยกันมึง ” พี่ปังเพยิกพยักหน้าขอร้องคุณฎีช่วยกันกับแยม เพียงไม่นานคุณฎีก็ตกลง สมกับเป็นพ่อคนดีของทุกคน

“ ก็ได้ครับ ให้พี่ถือกล้องใช่มั๊ย? ”

“ ใช่ค่ะ ”

“ มา ” คุณฎีกดปรับและเปลี่ยนกล้องหลังเป็นกล้องหน้า แล้วขยับมายืนใกล้กับทุกคนที่กำลังยืนจากเก้าอี้จัดมุมให้ตัวเองดูดีที่สุด ต่างจากผักกาดที่แทบไม่เห็นหัวตัวเองในกล้องเลย

แชะ!

“ ไอ้แยม วาวา มึงบังกูอะ ”

          ผักกาดโวยวายใส่แยมและวาวา เนื่องจากเขาอยู่ข้างในสุด ภาพที่ได้คือคุณฎีถือกล้องยืนอมยิ้มอยู่หน้าสุด มีแยม พี่ปัง วาวาอยู่หลังคุณฎี ซึ่งทั้งสามคนบังผักกาดที่อยู่หลังสุดอีกทีจนเห็นแค่เส้นผม

“ มึงลุกยัง พวกกูลุกกันหมดแล้วเนี่ย ”

“ ลุกแล้ว ก็มึงบังอะโธ่ -o- ”

“ มึงเตี้ยไง แล้วเนี่ยยังไปยืนอยู่ในสุดอีก ออกมานี่ ”

          ว่าไม่ทันจบ แยมก็รีบเอื้อมตัวไปดึงผักกาดที่ถอดใจนั่งลงให้ลุกยืนขึ้นอีกครั้ง และดันหลังเขาให้เดินมายืนข้างคุณฎีที่กำลังถือกล้องรออยู่

แชะ!

“ ไม่เอามึง ”

   ไม่ยืนข้างคุณฎีนะ

“ ไม่เอาได้ยังไง เนี่ยเห็นมึงแล้ว หน้าชัดสุดๆ ยิ้มเร็วยิ้ม ”

          กลายเป็นว่าภาพที่ปรากฎในกล้องตอนนี้คือ คุณฎีรดลถือกล้องอมยิ้มอยู่หน้าสุดโดยมีผักกาดยืนหน้างงอยู่ข้างๆ ส่วยแยม พี่ปัง และวาวายิ้มแย้มเฮฮาอยู่ด้านหลัง

“ ยิ้มๆ มึงยิ้มเก่งจะตายไอ้กาด ”

“ ไม่ยิ้ม ” แม้จะพูดปฏิเสธว่าไม่ แต่ผักกาดก็ยอมยิงฟันสวยให้กล้องแต่โดยดี

แชะ!


“ นั่นๆ มึงกำลังบังกูอะ แกล้งกูหรอ ”

          แยมที่อยู่ตรงกลางด้านหลัง โวยวายบ้างเมื่อถูกผักกาดที่อยู่ข้างหน้ายืดตัวไปบังตัวเองอยู่เหมือนกับตั้งใจแกล้ง จนผักกาดหัวเราะออกมาอย่างชอบใจที่เพื่อนสาวหัวเสีย

“ ไม่ได้แกล้ง จริงๆ ”

“ งั้นขยับหน่อยสิ ” ผักกาดได้ยินแยมบอกอย่างนั้นก็ยอมขยับไปซ้ายแต่โดยดี

“ ไม่ใช่โว๊ย ขยับไปทางขวาสิ ”


“ จิ! ไม่เอา ” ผักกาดส่ายหน้า ถ้าเขาขยับขวา เขาก็ยิ่งจะเข้าไปใกล้คุณฎีอะดิ ไม่เอาหรอก

“ ก็ยิ่งขยับซ้ายมึงยิ่งบังกูอะ เร็วเลยๆ มึงอย่ามาทำเป็นยึกยัก ขยับไปติดพี่ฎีเลย เร็ว ” แยมรีบดันตัวผักกาดให้ขยับไปทางขวาจนตัวผักกาดเซไปชนคุณฎี ก่อนจะรับเด้งตัวออก แยมชอบใจพร้อมกับเสียงหัวเราะคิก จนเขาอดไม่ได้หันไปด่าแบบไม่ออกเสียง

“ ไอ เพื่อน เลว ”

          นี่ไง อันนี้ต้องแผนที่มันคิดมาแล้ว หนึ่งในแผนที่แยมมันตั้งใจจะประเคนผักกาดใส่พานให้คุณฎีอีกแผนหนึ่งแน่

“ กลัวอะไรครับ พี่ไม่ทำอะไรหรอกนะ ”

“ ไม่ได้กลัว ”

“ งั้นก็ขยับมาสิครับ ” คุณฎียิ้มมุมปาก ด้วยสีหน้าแบบนี้อีกแล้ว

“ ไอ้กาด จะได้ถ่ายมั๊ยรูปเนี่ย พี่ฎีถือกล้องจนแขนล้าแล้วมั๊ง เพราะมึงเลยนะ ”

          ก็ใช่ ตั้งแต่เขาเถียงเรื่องย้ายมาข้างหน้า ขยับซ้ายขยับขวา คุณฎีก็ยังคงถือกล้องโทรศัพท์ค้างไว้แบบนั้นมาตั้งนานแล้ว แต่เจ้าตัวยังไม่บ่นเลยสักคำ มีแต่ผักกาดนี่แหละที่เรื่องมากเอง

“ เออ ก็ได้ ขยับก็ได้ ”

“ ยิ้มด้วย ยิ้มด้วย ”



หนึ่ง สอง สาม!



แชะ!



แชะ!



แชะ!



.
.
.
.

“ อูย พี่ฎีถ่ายได้สวยทุกรูปเลยค่ะ ”

          พอถ่ายรูปเกือบสิบๆ รูปเสร็จ ก็ต้องแยกย้ายแบบอายๆ กลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมของแต่ละคน

          ถ้าถามว่าทำไมอาย

          ก็คนเต็มร้าน ไม่ได้มีแค่พวกเรา จะไม่ให้อายได้ยังไงล่ะครับ ตอนแรกกะถ่ายสองสามรูปก็น่าจะพอ แต่ไอ้แยมดันไม่ยอม อยากได้หลายๆรูปเพื่อหาสามรูปที่ดีที่สุด บอกเลยว่าเป็นผู้ชายมาเซลฟี่ต่อหน้าลูกค้าในร้านคนอื่นๆ ก็ต้องมีอายกันบ้างแหละครับ

“ สวยๆ แสงรูปนี้สวย ”

          จะว่าไปพอถ่ายเสร็จ ไอ้แยมที่ดูรูปกับวาวาและพี่ปังก็ชื่นชมการถ่ายรูปของคุณฎีไม่หยุด มันจะอะไรขนาดนั้นกัน

“ รูปนี้ทุกคนดูดีหมดเลย ยกเว้นผักกาดอะนะ ”

“ ฮะ ไหน เอามาดูดิ! ”

          คนโดนกล่าวชื่อสะดุ้ง เรื่องความกังวลว่าตัวเองจะดูไม่ดีก็ต้องมีบ้างป่ะ

          พอรู้ตัวนะว่ารูปแรกๆ เขาไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร แต่พอถ่ายไปๆ ยื่นหน้าเข้ากล้องปุ๊บผักกาดมักจะมีฟิลลิ่งบางอย่างออกมาเองแบบไม่ต้องตั้งใจมาก อย่างยิ้มอย่างหัวเราะ โพสท่านู้นท่านี้ง่ายๆ อย่างสนุก ก็ผักกาดอะชอบถ่ายรูปอยู่พอตัวเลยนี่หน่า

“ ไม่ให้ รูปอะมันเป็นธรรมชาติของมึง ดีแล้ว ”

“ เอามา ”

“ ไม่ให้ แบร่ :p เก็บแล้ว รอไปกดไลค์ในไอจีตอนกูลงนู้น ”

“ ไอ้แยมอ่า ”

“ เออ กูล้อเล่น มึงน่ารักแหละหน่า ”

“ อย่ามาบอกว่ากูน่ารักนะ ”

“ ทำไมเล่า ก็มึงน่ารักๆ ”

“ กูไม่ได้น่ารัก ”

“ เพื่อนรักกกก มึงน่ารักจ้ะ ”

“ จิ! ”





----

.
.

“ กลับแล้วนะ ”

“ อาฮ่ะ บาย เดินทางดีๆนะ มึง ”

“ ต้องไปงานแต่งกูด้วยนะ ”

“ ไปอยู่แล้ว ”

“ พาแฟนมึงมาด้วย ”

“ บ้า ไม่มีแฟนโว้ย ”

          ผักกาดโวย ส่วนวาวาแค่ส่ายหน้าให้กับแยม ก่อนที่เขา วาวา และแยมบอกลากันเพื่อแยกย้ายกันจริงๆจังอีกครั้ง ไว้เจอกันใหม่ คือคำสุดท้ายก่อนเพื่อนจะหันหลังเดินออกไป เพราะตอนนี้แยมยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเคลียร์จึงต้องกลับไปญี่ปุ่น กลับมาอีกรอบก็ตอนเตรียมตัวแต่งงาน และไม่พ้นที่เขาและวาวาต้องไปช่วยเจ้าสาวมือใหม่แน่ๆ ถ้าได้ฤกษ์คงต้องเคลียร์คิวไว้เลย




“ กลับยังไง ”

          ผักกาดหันไปมองตามเสียงของคนถาม หลังจากแยกย้ายกับเพื่อน พบว่าตอนนี้เหลือเขา และ คุณฎี ที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ ไม่เดินไปไหน

          ทำไมยังไม่กลับ

“ ผมขับรถมาครับ คุณรออะไรอะ? ”

“ ….. ”

“ ผมหมายถึง คุณฎีไม่กลับหรอ? ”

“ พี่รอเรา ” เขาชี้ผักกาด

“ รอผมเนี่ยนะ ” ผักกาดชี้ตัวเอง “ รอทำไม? ”



“ ไปส่งพี่หน่อย ได้มั๊ยครับ ”

“ หะ? ” ผักกาดทำหน้างง ผิดกับอีกคนที่ดูไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่คิดหรือไงว่าเอ่ยขอกันง่ายไป ใครจะไปส่งคุณกัน


“ …….”

          อ้าว ไม่พูดอะไรต่อล่ะ จะมองหน้าเขาเงียบๆ ทำไม



“ แล้วรถคุณฎีล่ะ ” เป็นผักกาดไม่ชอบบรรยากาศที่ดูเงียบเกินไป เลยเอ่ยถามก่อน

“ จอดอยู่บริษัทครับ ”

“ ละ..แล้วคุณมายังไง ”

“ ผู้ช่วยมาส่ง ”

“ ก็ไหนบอกว่า.. ไปส่งพี่รดามาอะครับ? ” ผักกาดถามย้ำอีกรอบ นึกประโยคที่คุณฎีตอบแยมได้อยู่เลย

‘พี่ต้องแวะไปรับและส่งรดาเขากลับบ้านน่ะ ค่อยตามมาเจอผักกาดทีหลัง’



“ พี่ก็ไปส่งรดาที่บ้าน แล้วแวะเข้าไปบริษัทอีกรอบ ตอนออกมาก็เลยให้ผู้ช่วยมาส่งไงครับ ”

“ อ่อ แล้ว.. ”

          นี่ผักกาดต้องไปส่งเขาจริงหรอ

“ ไปส่งพี่หน่อยนะครับ ”

“ คุณรู้ตัวหรือเปล่าเนี่ย ” ผักกาดถามอย่างทำตัวไม่ถูก ถ้าไม่ติดว่ายั้งมือไว้ก่อนคงได้เอื้อมไปแตะหน้าผากคุณฎีแล้ว

“ รู้สิครับ แล้วพี่ก็สบายดีด้วย”

“ รู้จริงหรอ ผมว่าวันนี้คุณแปลกๆ ไม่ใช่สิตอนนี้เลย แปลกสุดๆ ”

          เจอกันตอนกลางวันไม่แปลกขนาดนี้ บอกตรงๆ

“ พี่คิดไปคิดมา เลยอยากถามผักกาดว่าเราไม่เบื่อหรือไงที่ชอบชวนพี่ทะเลาะ ” คนตัวโตยืนอมยิ้มรับเหมือนรู้อยู่แล้วว่าผักกาดจะพูดอะไรต่อ

“ ผมเนี่ยนะ ชวนคุณทะเลาะ ”

“ ใช่ จะว่าเราทั้งคู่ชวนกันทะเลาะก็ได้ ”

“ ไม่ใช่ผมสักหน่อย แค่คุณ.. ” ผักกาดเถียงเสียงเบาเหมือนไม่ค่อยมั่นใจ

“ หึๆ พี่เลยอยากจะชวนให้เราลองมาทะเลาะกัน ..น้อยลง ”

“ คะ..ความจริงเราก็ไม่ได้ทะเลาะขนาดนั้นสักหน่อย หรือคุณต้องการอะไร ” เป็นผักกาดที่เริ่มเป๋ มองคุณฎีอย่างไม่เข้าใจ

“ ไปส่งพี่หน่อยนะครับ เดี๋ยวพี่ขับให้ ”

          ผักกาดมองคนที่เริ่มขอร้องเขาผ่านทางสายตาที่คาดหวัง บ้าา คุณฎีจะมาคาดหวังอะไรจากเขากัน ก็แค่ขอร้องให้ไปส่งเพราะไม่มีรถกลับ แล้วอีกอย่างฝ่ายนั้นอาจคิดว่าเขาเป็นคนใจดี ต้องไปส่งแน่

          แต่ถ้าเขาอยากจะปฏิเสธจริงๆ ก็คง..ไม่เป็นไรหรอก

“ นะ ”

-o-

“ ผมไปส่งก็ได้ ให้ผมไปส่งที่บริษัทใช่มั๊ย? "

          ผักกาดเม้มปากหลังตอบออกไป ปากมันตรงกับใจเกินไปตรงที่ว่า ยอมไปส่งก็ได้ แล้วไหนว่าจะปฏิเสธไงว่ะ ผักกาด

“ ใช่ครับ ”

          ส่วนคนที่เหมือนส่งสายตาคาดหวัง ก็ตอบซะเร็วจริงเชียวล่ะ


“ แต่..เดี๋ยวผมขับเองนะ ”

          ไม่ได้อะไรสักหน่อย ยอมไปส่งก็เพราะ..ทางนั้นเป็นอีกทางผ่านหนึ่งที่จะไปหอพักของผักกาดเองอะ

“ ครับ พี่ขับให้นะ ”

“ ผมขอคิดดูก่อน ”

          ผักกาดพูดจบแล้วก็เดินนำคุณฎีทันที โดยมีจุดหมายที่ลานจอดรถชั้น 2

          ก็ไม่รู้ว่าเมื่อกี้ก่อนจะหันหลังเดินนำออกมา ตาของผักกาดมันฝาดไปหรือเปล่าที่เห็นคุณฎียิ้มกว้างขนาดนั้น







          ไม่ฝาดหรอก เพราะนอกจากฎีรดลจะยิ้มกว้าง ลับหลังเขาไปแล้ว ฎีรดลทำมากกว่าที่ผักกาดเห็นอีก


เยส!



❤ 70 เปอร์เซนต์ (%)





-----

หัวข้อ: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 03 :: ทะเลาะกัน ..น้อยลง (100%) [08/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: pimpipam_s ที่ 07-03-2020 23:59:41
ต่อ



.
.
.

“ เอากุญแจรถมาเถอะ เดี๋ยวพี่ขับเอง ”

          คุณฎียื่นมือมาขอกุญแจรถกับผักกาดทันทีที่ทั้งคู่เดินมาถึงรถคันเล็กๆ สีขาว ที่ช่างน่ารักเหมาะกับเจ้าของ

“ พี่ขับรถไม่น่ากลัวหรอก ให้พี่ขับเถอะครับ ”

          คิดว่าจะลองเชื่อใจดูดีมั๊ย

          ผักกาดทำท่าคิดหนัก เขาไม่ไว้ใจใครสักคนเวลาขับรถนอกจากตัวเขาเองเลย เขาจึงคิดแล้วคิดอีก แม้ว่าสุดท้ายจะยอมยื่นกุญแจรถที่ห้อยตุ๊กตาหุ่นไม้ตัวเล็กให้คุณฎีไปแล้ว ตามที่อีกฝ่ายบอก


.
.
.

“ โอเคใช่มั๊ย ”

“ ครับ? ”

“ พี่ขับรถ โอเคใช่มั๊ยครับ? ”

          ลองดูแล้ว.. ก็ไม่ได้แย่เลยสักนิด

“ ครับ ” ตอบแค่นั้นพร้อมกับพยักหน้า


“ วันนี้ที่น้องแยมบอกคงตกใจมากสินะ ”

“ อ๋อ เรื่องแต่งงานน่ะหรอครับ ”

          เมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัวมาได้สักพัก ผักกาดไม่ต้องการให้บรรยากาศในรถมันเงียบเกินไป จึงเอื้อมมือมาบลูทูธของรถกดให้เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ เพื่อเปิดเพลงที่อยู่ในเพลย์ลิสต์โปรด เป็นจังหวะเดียวกันที่คุณฎีเอ่ยถามเขาขึ้นมา

“ ใช่ ”

“ ก็ไม่คาดฝันมาก่อนเลยครับ อึ้งเลยอย่างที่เห็น ” ผักกาดพูดแล้วอมยิ้ม

“ ความจริงพี่เตรียมยาดมไว้ เพราะกลัวเราช็อคไปก่อน ”

          หาา ยาดมเนี่ยนะ?

“ จริงๆ นะ พี่เตรียมไว้เผื่อเราเป็นลม ”

“ เวอร์น่า..คุณฎี ผมดูตกใจมากหรือไงเล่า ”

“ หึ ”

          ผักกาดเหร่สายตามามองคนที่นั่งฝั่งคนขับอย่างเคืองๆ  เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะในลำคออย่างพอออกพอใจ

          นี่จะเยาะเย้ยเขาหรือไง ท่าทีที่เขาตกใจมันน่าตลกตรงไหน


“ ก็ใช่! ผมตกใจมาก แทบเป็นลม ”

          การยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ก็ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้น่าภูมิใจหนักหรอกหนาา


“ แยมมันเป็นเพื่อน แต่บางทีก็เหมือนลูกสาวของผม.. รู้สึกเหมือนลูกกำลังมาบอกว่าจะแต่งงาน ไม่อยากคิดว่าพ่อจริงๆของไอ้แยมจะอาการเป็นยังไง ” ผักกาดเล่าเสียงเบา นึกขำตัวเอง

          ไม่ได้ต้องการให้มีคนรับฟังหรอก แต่คุณฎีดันมานั่งอยู่ในรถของเขาเองนี่หน่า

“ อ่ะ พี่ให้ ”

          ผักกาดมองหลอดยาดมสีขาวๆ ที่คุณฎียื่นมาให้กับตน หลังจากหยิบออกจากกระเป๋าเสื้อ

“ ขะ..ขอบคุณ ครับ ”


          รับไว้ก็ไม่เสียหาย


          ก็คุณเขาบอกว่าเตรียมไว้ให้เรา


สูดดดดด~

          ดมซักเฮือกสองเฮือกก่อนเก็บใส่กระเป๋าหน่อยก็แล้วกัน



“ เชื่อใจไอ้ปังนะ มันไม่ทำแยมเสียใจหรอก ”

“ ครับ ผมเชื่อ ” ผักกาดหันไปตอบคุณฎีที่เอ่ยประโยคนั้นขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

          คุณฎีคงมั่นใจในความดีของเพื่อนอย่างพี่ปัง ไม่ต่างจากที่ผักกาดเชื่อในความมั่นคงและเต็มไปด้วยความรักของแยม

“ แล้ว..วันนี้คุณฎีไม่ตกใจหรอครับที่พี่ปังบอกว่าจะแต่งงานกับไอ้แยม ”

“ ไม่หรอกครับ ความจริงพี่รู้มาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะมันบอกพี่เองว่าจะขอน้องแยมแต่งงานที่ญี่ปุ่น”

“ รู้อยู่แล้วนี่เอง ”




“ เอ่อ.. ”

“ ครับ? ” ผักกาดมองเล็กน้อย เมื่อสังเกตมาสักพักเหมือนว่าคุณฎีจะพูดอะไรออกมา แต่ไม่พูดสักทีเอาแต่พึมพำในลำคอ


“ ช่วงนี้งานยุ่งมากมั๊ย? ”

          อ๋อ สงสัยจะวกเข้าเรื่องคิวท์เหมือนเดิมสินะ


“ ตารางงานของคิวท์ค่อนข้างแน่นเลยครับ ”

" …… "


          เอ้า เงียบไปซะงั้น

          ถ้าคุณเงียบ ผมก็จะเงียบ ลองมาดูกันว่าใครจะทนไม่ไหวพูดออกมาก่อนกัน



.
.
          ระหว่างที่ทุกอย่างเงียบลง รถทั้งคันมีเพียงเสียงเพลง เสียงฮัมเพลงตามเพลงในเพลย์ลิสต์ที่เปิดไปเรื่อยๆ และลมหายใจของผักกาด จะว่าไปนี่เป็นเพลงโปรดของเขาหรือของคุณฎีกันแน่ เพราะฝ่ายนั้นเหมือนจะรู้จักทุกเพลงเลย ร้องตามทุกเพลง

          แหนะ! มีการเคาะนิ้วตามจังหวะที่พวงมาลัยด้วย

“ คุณชอบหรอครับ ”

          ผักกาด อดถามไม่ได้ สรุปสุดท้ายเขาก็เป็นคนพูดขึ้นมาก่อน

“ ? ”

          คนถูกถามก็ทำสีหน้างง ทั้งยังมีคำถามกลับออกมาอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะเผยยิ้มมุมปากแบบที่ผักกาดเคยไม่ชอบ

          เออคุณ! จะงงหรือจะยิ้ม เอาให้แน่นะ


“ หมายถึงชอบอะไรหรือครับ? ”

          สงสัยคำถามของเราไม่เคลียร์เองล่ะมั๊ง ถึงถูกมองหน้าแบบนี้

“ ชอบลิสต์เพลงที่กำลังเปิดอยู่มั๊ย ผมเห็นคุณฎีร้องได้ทุกเพลง ”

“ ได้ยินหรอครับ? ”

“ ได้ยินสิครับ คุณฮึมฮัมๆ แต่มันก็เป็นเสียงร้องนะ ผมจำได้นะ คุณฎีร้องเพลงเก่ง ”

“ จำได้หรอครับ? ”

“ จำได้สิครับ ก็ตอนนั้นเคยได้ยิน ”

“ ตอนไหนหรอครับ? ”

“ ตอนที่อยู่มหาวิทยาลัย ผมเคยไปฟังกลุ่มคุณเล่นดนตรีบ่อยๆกับไอ้แยมไงครับ เสียงคุณเพราะนะ ”

“ แล้วตอนนี้ล่ะครับ ”

“ ตอนนี้ก็..ก็ยังเพราะนะครับ ”

“ …. ”

          คุณฎีไม่ได้ตอบอะไรต่อ เขาแค่พยักหน้าน้อยๆ และยิ้มออกมา ซึ่งดูอารมณ์ดีมากจนผักกาดแอบหมั่นไส้ จะว่าไปรอยยิ้มเมื่อกี้ที่มีออกมาก็ไม่ได้ยิ้มกวน แถมยังดูดีจนที่ผักกาดเผลอยิ้มตาม

          เดี๋ยวนะ ยิ้มตามเนี่ยนะ

          บ้าา เราไม่ได้ยิ้ม

          ..สักนิด

“ รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังชมพี่ ”

“ ผมเปล่าชมสักหน่อย ”

“ ก็ชมเมื่อกี้ ”

“ เปล่าชมนะ ”

“ ครับๆ ไม่ชมก็ไม่ชม แต่พี่ดีใจนะ ”

“ กะ..ก็ถ้าคิดว่ามันเป็นคำชม ก็แล้วแต่คุณฎีเลยแล้วกัน ”

“ งั้นพี่คิดนะครับ ”

“ ก็แล้วแต่คุณไงครับ ..เออ ตกลงผมถามคุณหรือคุณถามผมก่อนกันแน่ ไม่เห็นจะได้คำตอบเลย ”



          แล้วเมื่อกี้เหมือนจำได้ว่าผักกาดถามคุณเขาก่อน แต่กลายเป็นว่าถูกถามกลับซะงั้น ผักกาดน่ะ ยังไม่ได้คำตอบเลยว่าคุณฎีชอบเพลงในเพลย์ลิสต์นี่มั๊ย


“ พี่ก็ชอบนะ ”

เพลงอะหรอ?


“ ชอบทั้งหมด ”

หมายถึงเพลงทั้งหมด?


“ ทั้งหมดในรถคันนี้เลย ”

เอ๋ เขาถามแค่เรื่องเพลงนะ ทั้งหมดนี่คืออะไรบ้างอะ




เดี๋ยวนะ!!

“ นี่คุณฏี ตอนนี้คุณขับเลยบริษัทคุณมาแล้วนะครับ ”

“ สงสัยคุยเพลินน่ะครับ ”


หะ! พูดว่าคุยเพลินเนี่ยนะ แค่นี้?

          ระหว่างที่ผักกาดกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เมื่อฟังคำตอบของคุณฎี 'ทั้งหมดในรถ' นี่เขาชอบอะไรกัน ไม่เห็นมีอะไรที่น่าชอบเลยในรถกระจอกกระจ๋อยของผักกาดอะ แต่ตอนนี้พักเรื่องนั้นก่อน เพราะคุณฎีเล่นขับรถเลนใน แถมขับรถเลยบริษัทตัวเองเหมือนกับตั้งใจจะไม่จอด

“ คุณไม่จอดหรอครับ วนรถกลับก็ได้นะ ”

“ ไม่เป็นไรครับ ”

“ ได้ไงล่ะครับ แล้วนี่คุณฎีจะขับไปไหนเนี่ย? ”

“ เดี๋ยวพี่ไปส่งที่หอ ”

“ เฮ้ย แต่คุณให้ผมมาส่งคุณนะ ”

“ พี่รู้ ”

“ นี่รถผมนะ ..อย่าบอกนะครับว่าที่บอกว่าชอบรถผมเลยจะขโมยน่ะ ”

“ คิดอย่างนั้นหรอครับ คนเรา ” คุณฎีรดลหันมายิ้มขำ จนทำให้ผักกาดที่เป็นคนถามได้สติคืนมา

          บ้าแล้ว โชว์โง่อีกแล้ว คุณฎีเขารวยกว่าผักกาดจะตาย จะมาขโมยรถน้อยๆของเขาเผื่ออะไรกัน

“ ไม่ได้คิดจะขโมย แล้วจะทำอะไรอะครับ ”

“ พี่บอกไปแล้ว จะไปส่งที่หอไงครับ ”

“ จะไปส่งที่หอผมได้ยังไงกัน ”

“ ก็นี่ไง พี่กำลังทำอยู่ ”

          คนพูดพูดออกมาหน้าซื่อๆ พูดได้ง่ายๆ จนผักกาดเผลอตบแปะเข้าหน้าผากของตัวเอง คุณฎีหัวเราะก่อนหันกลับไปมองทางถนนด้านหน้า พร้อมหมุนพวงมาลัยเลี้ยวขวา นี่มันทางไปหอพักเขาชัดๆ

“ คุณฎีแป๊บหนึ่งนะครับ ผมหมายถึงถ้าคุณไปส่งผม แล้ว..คุณจะกลับยังไง ”

“ พี่นั่งแท็กซี่กลับก็ได้ ”

“ แล้วทำไมเมื่อกี้.. ” ไม่จอดเล่าาา


“ พี่แค่อยากไปส่งไงครับ ”


          คุณเขาเบลอป่ะ เขาพูดอะไรของเขาอีกเนี่ย


“ งั้นแสดงว่าตั้งใจไม่จอดหรอ ”

“ เก่งมาก รู้แล้วใช่มั๊ยว่าพี่ตั้งใจจริงๆครับ ”

“ อย่าเพิ่งพูดกวนกันสิครับ ”

“ ไม่ได้กวน จริงๆนะ เดี๋ยวเดือนหน้าพี่จะไม่ว่างพอที่จะไปเจอแล้ว ”

          เดือนหน้า หมายถึงทั้งเดือนเลยหรอ

“ ทั้งเดือนเลยครับ ที่พี่จะไม่อยู่ไทย แล้วก็ไม่ได้ไปกอง ”

“ กะ..ก็ดีแล้วครับ ห่างๆ จากคิวท์ไว้บ้างแบบที่ผมบอก คุณฎีจะได้ไม่ต้องเสียใจมาก ” ผักกาดพูดพร้อมกับเหร่สายตาไปมองคุณฎีเป็นระยะๆ

" เฮ้อ เรานี่นะ "

          อ้าว ..ผมหันขวับไปมองคนที่ถอนหายใจเหมือนเหนื่อยหน่ายกับอะไรมากๆ แต่ก็ยังตั้งใจขับรถต่อไป คนที่ต้องถอนหายใจมันควรเป็นไอ้ผักกาดคนนี้มั๊ยเล่า

          หรือ เขาเป็นอะไรไปอีกอะ หายใจทางจมูกไม่ออกหรือไง


“ ไม่ต้องทำหน้าตลกขนาดนั้น มองขนาดนี้ หรือว่ากลัวพี่เป็นอะไร ” ฎีรดลมองหน้าคนที่คิ้วขมวดเป็นปม

“ มองที่ไหน ผมไม่ได้มองคุณ ” ว่าแล้วก็หันหน้าหนีทันที

“ ขอไม่เชื่อนะครับ เห็นๆ กันอยู่น่ะ ”

          เหอะ ใครๆ ก็เคยบอกว่าพี่ฎี บริหาร ขึ้นชื่อเรื่องหน้าตาดี และความใจดี แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆแล้วเขาคนเนี่ย โคตรจะกวนตีน แถมหลงตัวเองด้วย

.
.

“ ผักกาดครับ ”

“ อะไรอีกอะครับ คุณฎี หืออ? ”  -.-


“ ที่บอกว่าโสด ทำไม..ถึงยังโสดล่ะ ”

O.O

“ ครับ? ”

“ คิดซะว่าพี่ถามเพราะหาเรื่องคุยแล้วกันนะ ”

          หาเรื่องคุย โดยเน้นคุยเรื่องของเราเนี่ยนะะ


“ ก็เห็นบอกทุกคนว่าไม่มีแฟน เห็นบอกว่าอยากเป็นโสด ”

“ โสดเพราะว่าไม่มีแฟนไงครับ ”

“ แล้วทำไมไม่มีล่ะ ” คุณฎีถามย้ำอย่างไม่ยอมแพ้

          เหอะ! ทีคุณฎียังตอบกวนผักกาดได้เลย แล้วทำไมผักกาดตอบกวนๆ กลับบ้างไม่ได้

    อยากรู้มากหรือไงกัน

“ พี่อยากรู้ ”


“ ก็ผม..ยังไม่มี ไม่มีคนทำให้รู้สึกเขิน หรือหัวใจเต้นแรงเลยนิหน่า ”

          ผักกาดเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เพียงอึดใจเดียวก็คลายออก ก็นั่นแหละคำตอบเค้าอะ


“ ไม่มี..จริงๆ เลยหรอครับ? ”

“ ไม่มี ” อย่าถามย้ำ อย่าถามย้ำ จะไม่ตอบแล้วนะ


“ แล้วอยากมีมั๊ยครับ ”

“ …… ” ////

          ผักกาดเผลอหันไปมองหน้าคนที่จอดรถนิ่งระหว่างติดไฟแดงอย่างจริงจังอีกครั้ง แต่ก็พบว่าเขาถูกมองอยู่ก่อนแล้ว

          ตา สบ ตา


“ ไม่อยากมีหรอครับ หรือว่ากลัวอะไร? ”

“ ……. ” คุณฎี นี่คุณถามอะไรออกมาเนี่ย


          ก็ไม่เข้าใจคุณฎีเท่าไรหรอกนะ ไม่อยากตอบอะไรไปด้วย เพราะพอถูกจ้องนานเข้า ปากมันก็พูดไม่ออก เลยทำได้เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ แล้วเบนสายตาไปมองทางอื่นแทน

          ไม่อยากมี มันก็คือคำพูดของคนไม่มีอย่างเขาแค่นั้น

          ความจริง
          กลัวว่าจะมี เริ่มกลัวว่าจะมีบางคนจะทำได้แล้วเหมือนกัน ..ให้ตายเถอะผักกาด


.
.
.


“ ไว้เจอกันนะครับ ”

“ เออ ..ครับ ”

          ตอนนี้ถึงหน้าหอพักผักกาดแล้วเรียบร้อย ผักกาดรีบลงจากรถมาสงบจิตสงบใจก่อน แอร์ข้างในรถหนาวมากจนเขาขนหัวลุก แต่ใบหน้าทั้งใบกลับรู้สึกเห่อร้อนไปหมด

          ผักกาดไม่รู้ว่าคุณฎียังจำทางมาหอพักของเขาได้ยังไง ทั้งที่ก็ผ่านมานานมากแล้วตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยที่ตอนนั้นไอ้แยมรีบยัดเขาใส่รถคุณฎีและขอให้มาส่ง


“ รถแท็กซี่มาพอดีเลย ”

          ผักกาดที่กำลังจะเดินนำคุณฎี ออกจากประตูรั้วหอพักไปที่ริมฟุตบาทเพื่อเรียกแท็กซี่ให้คนที่บอกว่าตั้งใจมาส่ง แต่ทุกอย่างก็ต้องหยุดชะงักไปหมด

หมับ!

“ ผักกาด เดี๋ยวก่อน ”

          ผักกาดไม่รู้ว่าคุณฎีกำลังคิดอะไรอยู่ถึงเอื้อมมือมารั้งเขาไว้ ฝ่ามือเย็นๆของเขากำลังถูกคนๆนี้กำลังจับเอาไว้

          และครั้งนี้ผักกาดรู้ตัวดี รู้ว่ามือนั้นมันอุ่นมากๆ

“ คุณฎี ? ”

          อยากจะถามว่ารั้งเขาไว้ทำไม รถแท็กซี่ไปนู้นแล้วเนี่ย! เห็นมั๊ย



.
.

“ รู้มั๊ยครับว่าเราน่ะ น่ารัก ”

“ หะ.. คุณพูดอะไรเนี่ย ” O.O


“ น่ารักครับ ”

“ คุณฎี ”


“ ตอนไหนก็น่ารัก ”

“ อย่าพูดแบบนี้ กะ..กลับเถอะครับ ”


“ พี่อยากบอกไว้ว่าเราน่ารัก ”

“ ผมขอร้อง คุณกำลัง.. ” ทำให้ผม..


“ ไม่รู้ตัวหรอครับ ”

“ ...... ”

“ น่ารักที่สุดเลยครับ ”

;")


คุณฎี
.
.
.
พอแล้ว


“ ผะ..ผมขอตัวนะครับ ”

ขอเผ่นไปตั้งหลักก่อนแล้วกัน


.
.

.
บ้าหน่าา




ไม่ใช่หรอก


เต้นแรงขนาดนี้ไม่ใช่หัวใจของไอ้ผักกาดแล้วแน่ ๆ






❤ 100 เปอร์เซนต์ (%)

----------------------



1 ไลค์ 1 คอมเมนต์ = 1 กำลังใจ ❤

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ

(◜◡‾) (‾◡◝)






นักเขียน :: ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ตอนที่ 3 แล้วเป็นยังไงกันบ้างเอ่ย



หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 03 :: ทะเลาะกัน ..น้อยลง (100%) [08/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Nadaii20 ที่ 08-03-2020 11:11:45
 :katai5: มาแล้ว น่ารักจังเลยค่ะ เขินดี
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 03 :: ทะเลาะกัน ..น้อยลง (100%) [08/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: funndee ที่ 08-03-2020 18:39:57
พอคุณฎีเรียก "ผักกาดครับ" นี่เราคิดถึงเสียงออกแล้วเขินน้วยไปหมดเลยอะ :-[
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 03 :: ทะเลาะกัน ..น้อยลง (100%) [08/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: hunya ที่ 10-03-2020 15:57:09
นิยายฟีลกู้ดใช่มั๊ยคะ :n1:
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 03 :: ทะเลาะกัน ..น้อยลง (100%) [08/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: luklukky ที่ 11-03-2020 11:28:48
" แล้วอยากมีมั๊ยครับ "

หมายถึงอยากมีแฟน หรืออยากมีพี่ฎีมั๊ยครับ หรอคุณฎี><
:-[ :-[
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 03 :: ทะเลาะกัน ..น้อยลง (100%) [08/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: orayassa ที่ 16-03-2020 13:50:47
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 03 :: ทะเลาะกัน ..น้อยลง (100%) [08/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tawanwee ที่ 17-03-2020 20:56:53
รอค่า มาต่อตอนไหนน้าาา o18
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 03 :: ทะเลาะกัน ..น้อยลง (100%) [08/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-03-2020 02:10:46
หยอดเก่งงงง
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 03 :: ทะเลาะกัน ..น้อยลง (100%) [08/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: ้ีืhunnaii ที่ 19-03-2020 15:16:04
ลุ้นไปด้วยแล้วเนี่ย
คุณฎีชัดเจนขนาดนี้ ผักกาดจะคิดว่าคุณฎีชอบน้องคิวท์ไม่ได้แล้วนะะะะ
:a5:
หัวข้อ: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 04 :: เรียกพี่ได้มั๊ย (30%) [19/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: pimpipam_s ที่ 19-03-2020 16:27:18
 
คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ

ตอนที่ 04 :: เรียกพี่ได้มั๊ย เรียกได้มั๊ยขอแค่นี้






 







“ เดี๋ยวครับผักกาด เราลืมอะไรหรือเปล่า  ”

เอี๊ยดด

เหยียบเบรกโดยอัตโนมัติ

ลืมอะไร ลืมใจหรือว่าลืมตาอะคร้าบบ (?)

มุกๆ ผมเล่นมุกนะ เข้าใจคำว่าขอหนีไปตั้งหลักมั๊ยอะครับ คุณฎี


“ กุญแจเราหรือเปล่าครับ ”

ใช่สิ เมื่อกี้เขาเป็นคนขับรถให้ผมนี่หน่า แสดงว่าตอนนี้กุญแจของผมก็ต้องอยู่กับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

“ แล้ว..ทำไมคุณฎีไม่รีบคืนผมล่ะครับ ”

ผมทำปากอุบอิบบ่นเสียงเบา หันกลับไปมองคนตัวสูงที่มีรอยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปากส่งมาให้ ทั้งยังยืนถือกุญแจห้อยตุ๊กตาไม้แกว่งไปมาอยู่ที่เดิม เหมือนรอให้ผมเป็นฝ่ายก้าวเดินเข้าไปเอา

“ พี่นึกว่า เราจะให้พี่ไว้ซะอีก มีกุญแจห้องด้วย ”

รู้ได้ไงว่านั่นเป็นกุญแจห้อง

“ ห้อง 407 หรอ ”

เลขห้องติดไว้ชัดเจนขนาดนั้น ก็รู้แหละเนาะ

“ ผมให้คุณฎีที่ไหนกัน ”

“ ก็เนี่ย ถ้าเราไม่เดินกลับมาเอา ก็หมายความว่าจะให้กุญแจพี่ไว้ ”

“ ผมไม่ได้ให้ เฮ้ย! เอาคืนมานะ ”

ผมตัดสินใจเดินก้าวฉับๆ เข้าไป หวังชิงกุญแจรถที่พ่วงด้วยกุญแจห้องคืนมาจากคนตัวสูง แต่ต้องร้องเสียงหลง เพราะรายนั้นไม่ยอมคืนแถมยกกุญแจขึ้นเหนือศีรษะสูงกว่าเดิม

ผมเขย่งปลายเท้าทั้งสองข้างก็แล้ว พยายามเอื้อมแขนสั้นๆ ไปให้ถึงก็แล้ว จับที่ปลายแขนก็แล้ว ก็ยังเอื้อมไม่ถึงมือใหญ่ที่กำกุญแจพวงนั้นไว้

“ ผมขอคืน เว๋อออ!”

เขาส่ายหน้า แล้วเอนหลบไปมาจนผมตัวเซตาม แต่เร็วเท่าความคิดก่อนที่ผมจะหน้าขมำไปจุ่มอกของเขา คุณฎีใช้แขนแข็งแรงอีกข้างมารวบตัวผมไว้

“ ปะ..ปล่อย! ”

ผมยั้งตัวเองไว้กับหน้าอกผายของคนขี้แกล้ง ถึงหน้าไม่ขมำไปจุ่มอกแต่ผมก็ไม่ได้อยากเอาตัวมาอยู่ในอ้อมแขนที่มีไอความร้อนของเขานานๆ นะ

“ เอื้อมถึงหรอเรา ตัวเท่าแมวไม่ได้กินนม ”

“ ขอโทษที่เตี้ยกว่าได้มั๊ยล่ะครับ! ” ผมทำได้แค่โต้ตอบไปเบาๆ ก่อนค่อยๆ ผละตัวเองออกจากอ้อมแขนนั้นอีกครั้ง

ดื่มๆๆ เรามาดื่ม ดื่มนมกันเถอะ ดื่มแล้วอย่าทำเลอะเทอะ ดื่มแล้วอย่าทำเลอะเทอะ ดื่มนมเยอะๆ ร่างกายแข็งแรง

อยู่ๆ เพลงนี้ก็แล่นเข้ามาในหัว ไอ้บ้าเอ้ย -o-

อดหงุดหงิดตัวเองไม่ได้เหมือนกันที่ตอนเด็กโดนคุณชัดเจนบังคับให้ดื่มนมเยอะๆ แล้ว แต่ผมไม่ยอมดื่มเอง เลยเตี้ยกว่าคนตรงหน้าที่มีสัดส่วนและส่วนสูงสมส่วนไปซะทุกอย่าง

“ พี่ไม่ได้ว่าเราเตี้ยเลยนะ ”

ครับๆ ไม่ได้ว่าเลยเนาะ แต่คุณมองผมด้วยแววตาและรอยยิ้มมุมปากที่เหนือกันสุดๆ

“ เอาคืนมา คุณฎี ” ผมถอยไปตั้งหลัก แบมือขอกุญแจของตัวเองคืน

“ พูดเพราะกว่านี้หน่อย แล้วห้ามทำหน้างอด้วย ”

“ ผมป่าวหน้างอ ”

“ หน้างอครับ ”

“ ผมป่าว! ”

“ นี่ไงครับ ขมวดคิ้วด้วย ”

พอเขาว่าอย่างนั้นพร้อมกับยิ้มขำ ผมก็ถอนหายใจเบาๆ

โอเค ขอเวลาทำหน้าทำตาให้มันดีๆ กว่านี้สักครู่แล้วกันครับ

ผมใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้ของตัวเองกดนวดที่หัวคิ้วเพื่อให้คลายปมคิ้วที่ขมวดเป็นลิปบิ้น พรู่ลมหายใจน้อยๆ ก่อนเผยยิ้มที่ใครหลายคนชอบบอกว่า เป็นรอยยิ้มที่กระชากใจ แม้ครั้งนี้จะฝืดๆฝืนๆ แต่ผมก็รู้ว่ามันก็ยังมีสเน่ห์พอสมควร

คุณฎีครับ ผมขอกุญแจของผมคืน

“ หื้ม ไม่กัดฟันพูดสิครับ ”

“ เฮ้อ นะครับ ”

ผมเลิกกัดฟันพูดตามที่เขาบอก ผมไม่อยากทำตามที่เขาต้องการก็เพราะงี้ไง เขาชอบได้ใจว่าถ้าเขาบอกอะไรมา ผมจะต้องยอมทำตามเสมอๆ


“ เรียกพี่ฎีสิครับ ”

เขาแกล้งผม ไอ้คนขี้แกล้ง

“ …. ”

“ เรียกแล้วพี่ฎีจะยอมคืนให้ผักกาดเลย ”

“ ไม่ใช่แหละ กุญแจก็ของผม ทำไมผมต้องทำตามด้วย ”

..ผมไม่อยากเรียกเลย หึ!

“ ไม่เรียก ก็ไม่คืนครับ ”

“ ทำไมผมต้องเรียก? ” ทำไมผมต้องเรียกพี่ด้วย เรียกคุณมันไม่เสนาะหูตรงไหน

“ พี่มีเหตุผลของพี่ ” เขาบอกปัด แล้วยังหลบสายตาผมอีก

เอ้า! ไหนเหตุผล คุณกำลังไม่มีเหตุผลอยู่นะเนี่ย ไอ้คนผมหยิกหน้าตาดีเอ้ย! ขอด่าในใจทีเถอะ (?)

“ ทำหน้างออีกก็จะไม่คืน ”

“ คุณตั้งใจแกล้งผมอะ! ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ พูดบ้าอะไรก็ไม่รู้ จะแกล้งอะไรผมนักหนา ”

ผมโวยลั่นเมื่อฟางเส้นสุดท้ายขาด(?) ทั้งๆ ที่ผมก็ปรับสีหน้า พยายามพูดจาดีๆ และยิ้มกระชากใจให้กับเขาแล้ว เขายังจะแกล้งผมต่ออีกอะ

“ พี่ไม่ได้แกล้งพูด เราน่ารักจริงๆ ยิ่งตอนโกรธยิ่งน่ะ.. ”

“ แกล้ง! เนี่ยเรียกว่าแกล้ง”

ห้ามพูดคำว่าน่ารักเลยนะ เลิกพูดซักที คำนี้มันเป็นคำต้องห้าม ไม่รู้หรือไง

บางคนที่ไม่รู้จริงๆ ผมมักจะปล่อยผ่านและน้อมรับ แต่ถ้าคนที่รู้จักผม ผมมักจะบอกใครต่อใครเสมอว่าอย่าพูดคำนี้เลย เพราะมันทำให้ผมทำตัวไม่ถูก

“ อืม ถ้าเราคิดว่าพี่จะแกล้ง แล้วจะยอมให้แกล้งมั๊ยครับ ”

“ ไม่ยอม คุณก็รู้ ”

“ งั้นเมื่อกี้พี่ไม่ได้แกล้งชมครับ พี่พูดความจริง แล้วตอนนี้ก็ไม่ได้แกล้ง ไม่ได้แกล้งจริงๆครับ พี่แค่อยากให้เราเรียกพี่ นี่เป็นเหตุผลข้อหนึ่งเลยนะครับ ”

คนที่ยึดกุญแจผมไปพูดเสียงอ่อนลงมาก ใช้ตาเรียวที่มีดวงตาสีน้ำตาลเหมือนใบไม้แห้งมองมาตรงนี้ พร้อมเอื้อมมืออีกข้างมาวางบนศีรษะและกลุ่มผมของผม ก่อนขยี้มันเบาๆจนสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากฝ่ามือที่มาจากตัวเขา

นี่คือเหตุผลข้อหนึ่งหรอ ..แค่อยากให้ผมเรียกเนี่ยนะ

แล้ว..ข้ออื่นๆ ล่ะ

“ เรียกพี่ฎี หรือไอ้พี่ฎี ที่เคยบอกว่าอยากจะเรียกก็ได้ครับ ”

เขาผละฝ่ามืออุ่นออกไปแล้ว แต่เหมือนสัมผัสมันยังคงอยู่ เพราะไอร้อนนั้นมันกำลังเคลื่อนตัวมาอยู่ที่ก้อนแก้มทั้งสองข้างของคนขี้โวยอย่างผม

วันนี้เขากำลังเล่นอะไรกับใจของผม? จะมาอยู่ใกล้ จะมาถามทำไมเรื่องที่ผมโสด จะมาชมทำไมว่าผมน่ารัก จะมาจงมาจับตัวกันให้ผมรู้สึกทำตัวไม่ถูกทำไม

“ นะครับ ”

แล้วอีกอย่างคือเขาจะรู้ตัวมั๊ยว่าตอนนี้กำลังทำหน้าคาดหวังใส่ผมอีกแล้ว ตกลงเอายังไงกับ(ใจ)ผม

“ ...... ” ผมตีหน้ามึนแล้วเบือนสายตาไปทางอื่น ก่อนพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เพื่อคลายความร้อนผ่าวที่อยู่บนหน้า ตอนนี้ผมต้องทำยังไงก็ได้ให้เขาคืนพวงกุญแจให้ผม

อ่ะๆ งั้นขอเวลาทำใจซัก 10 วินาทีได้มั๊ยล่ะ

“ พี่อยากได้ยิน แค่อยากได้ยินครับ ”

   ยังจะมาทำเสียงอ่อนเสียงหวานใส่ผมอีก ผมไม่ใช่คิวท์สักหน่อย ผมไม่ใช่คนที่คุณชอบนะ

“ คุณ.. ”

ความจริงผมไม่ใช่คนใจอ่อนนะ

“ พิ..พี่ฎี ขอกุญแจผมคืนด้วยครับ ”

ไม่ใช่คนยอมใครง่ายๆ ด้วย

“ นะครับพี่ฎี ”
   
…แต่กับบางคน ผมดันสูญเสียความเป็นตัวเองไปดื้อๆ

โฮะ! อย่ามายิ้มแบบนั้นไอ้พี่บ้าเอ้ย

“ ครับ พี่คืนก็ได้ครับ ยื่นมือมาสิครับน้องผักกาด ”

“ ...... ”

ผมหลบสายตาของตัวเองไปทางอื่นอีกครั้งและอีกครั้ง ยื่นมือไปแบหงายเพื่อรับของคืนจากเขา จนสัมผัสได้ถึงความเย็นของกุญแจที่ถูกวางลงบนฝ่ามือ ผมกำมันไว้แล้วรีบเอามือไขว้หลังอย่างรนรานน เพราะกลัวว่าจะถูกแย่งไปอีกครั้ง

“ ไว้เจอกันนะ ”

เกลียดจังเลย ไอ้จังหวะที่พอเงยหน้าขึ้นมาปุ๊บ ดันสบสายตาเขาพอดีเนี่ย

“ ขอตัว..นะครับ ”

มองไปทางอื่นบ้างก็ได้

“ ครับ พี่ก็..กลับแล้วนะ  ”

ผมรีบหันหลังเดินออกมา เพื่อหลบสายตาและสีหน้าของคนที่พยายามกลั้นยิ้มแห่งความดีใจ พร้อมกับได้ยินเสียงพูดไล่ตามหลังมา ก็ทำได้แต่พะงกหัวของตัวเองให้เป็นคำตอบ

“ ไว้เจอกันครับ ”

      

.
.
.
รู้สึกว่า

เสียอาการ
   
ใครสักคนกำลังเสียอาการ 










‘ น่ารักครับ ’

‘ คุณฎี ’

‘ น่ารักที่สุดเลยครับ ’



‘ เรียกพี่ฎีสิครับ ’

‘ พี่ฏี ’




ครืดดดด

เฮือก!

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา พลิกตัวไปมาเพื่อบิดขี้เกียจ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่สะดุ้งตื่นเป็นเพราะตอนนี้เป็นเวลาประจำที่ต้องตื่น หรือเพราะว่าโทรศัพท์ที่สั่นครืดอยู่บนหัวเตียงจากคนที่โทรเข้ามา หรือเพราะความฝัน
   
แต่ปกติคนเรามักจะสะดุ้งตื่นถ้าฝันนั้นเป็นฝันร้าย เช่น ฝันว่าวิ่งหนีเอาตัวรอดจากผี ฝันว่าตกจากที่สูงหรือจมน้ำ ฝันว่าคนที่เรารักตายจากเราไป

ผมไม่ขอสรุปว่าเมื่อกี้ที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาเป็นเพราะฝันแล้วกัน

..มันคงไม่ใช่หรอก ไม่ใช่แน่ๆ เพราะฝันเมื่อกี้มันคือฝันดีสำหรับผมเลยนะ ฝันมันดี..จนอยากกลับไปนอนฝันต่อ


อีกแล้วสิ
ในความฝันของผม มีเขาโผล่เข้ามาอีกแล้ว


ครืดดดด

Your video call is visible
N’ Pakkhom

Video calling...

“ อื้อ ผักโขม? ”

ผมกดรับสายของน้องชาย พร้อมพยุงตัวเองขึ้นนั่งพิงพนักพิงเตียง และใช้มืออีกข้างเอื้อมมือไปหยิบแว่นสายตาที่วางไว้ข้างหมอนหนุนมาใส่ ปรากฏภาพแสนน่ารักในจอที่เคยเลือนลางให้ชัดเจนขึ้น

“ พี่กาดดด/พี่กาดดด ”

เผลออมยิ้มเมื่อเห็นภาพน้องชายผิวเข้มที่นั่งอยู่ตรงกลาง ประกบสองข้างด้วยน้องสาวฝาแฝดที่นั่งกินอาหารเช้ากันอย่างอารมณ์ดี ได้ยินเสียงเมื่อกี้ที่ประสานกันเรียกชื่อก็คือน้องสาวสุดน่ารักของผมเอง

“ หัวฟูเชียวพี่ ยังนอนอยู่หรอ? ”

“ อืมมม ” ผมขานรับกับผักโขมแบบอึนๆ เพราะเพิ่งตื่น ส่องหน้าส่องตาตัวเองในหน้าจอ แล้วยกมือไปจัดผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงให้เป็นทรง

“ ตื่นเถิดชาวไทย อย่ามะ.. ”

“ โอย! พอๆ อย่าร้องอีกเลย ถ้าคุณคือนักร้องเสียงเพี้ยนอะ ”

ผมร้องห้ามน้องชายที่กำลังส่งเสียงแสนโหยหวนมาให้ จนต้องยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดหู นอกจากจะมีนิสัยเพี้ยนๆ เสียงก็ยังเพี้ยนไปด้วยอีก

“ โธ่ ให้น้องร้องหน่อยก็ไม่ได้ ”

“ พี่ตื่นแล้วล่ะ ไม่อยากฟังเสียงหมาหอน โอเค๊? ”

“ โหหห แรงมาก เป็นพี่แท้ๆ ของโขมป่ะเนี่ย โอ้ มาย ก๊อดดด ”


ไม่แท้มั๊งพ่อแม่ชื่อเดียวกันขนาดนี้

ผมน่ะ มีบ้านอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรีโดยพ่อเป็นคนกาญนะจ้ะ ส่วนแม่เป็นคนเชียงราย พวกเขาทั้งคู่แต่งงานกันโดยพ่อก็พาแม่ลงดอยมาปักหลักที่เมืองกาญ มีลูก 4 คน คือผักกาด ผักโขม และน้องสาวฝาแฝด ชื่อข้าวโพดกับข้าวฟ่าง

“ แล้วมีอะไรอ่ะ? คิดถึงหรอ ”

ผมถามน้องๆ พร้อมยักคิ้วล้อ แต่อย่าได้ถามผมกลับมาเชียวนะ มีร้องไห้นะขอบอก

ก็เพราะผมไม่กลับบ้านมาหลายเดือนแล้วน่ะสิ มีแต่พ่อกับแม่ที่พาน้องๆ แวะมาหาที่นี้

“ ทำม่ะ! ”  อีกแล้ว เกลียดสไตล์การพูดการจาของมันเหลือเกิน  “ ต้องมีอะไรด้วยหรอ เนี่ยๆ แค่นี้น้องก็โทรหาไม่ได้ คิดถึงก็ต้องให้ไปหาเอง ไม่ยอมกลับบ้าน รถก็มีขับมามั๊ยก็ไม่ แล้วยัง..”

“ พี่โขมคะ พอเถอะ ถือว่าข้าวโพดขอร้องนะ ”

“ ใช่คะ ข้าวฟ่างสงสารพี่กาดที่ต้องฟังพี่โขมพูดไม่หยุดเลยเนี่ย ”

ผมหลุุดขำ เมื่อน้องสาวทั้งสองแสดงสีหน้าเอือมๆ หันไปห้ามและบ่นพี่ชายคนกลางที่พูดไม่หยุด ก่อนสองแฝดจะหันมายิ้มให้ผมที่กำลังยกนิ้วโป้งให้อย่างชื่นชม น้องสาวทั้งสองคนอะ อยู่ทีมผมกันทั้งคู่

“ ใช่สิ ไอ้เรามันลูกคนกลาง น้องไม่แล พี่ก็ไม่รัก ”

ดราม่า หรือขายขำไอ้นี่

เออหน่า เข้าเรื่องเถอะ พี่กับน้องไม่รักแต่พ่อรักเอ็งเหมือนเดิม

“ โฮะๆๆๆ พ่อบอกรักโขมด้วย พี่กาดดูดิ พ่อรักโขม>< ”

ก่อนที่น้องชายคนกลางจะตัดพ้อที่น้องสาวและผมที่เป็นพี่ชายคนโตว่าไม่รักเขามากไปกว่านี้ ผมก็ต้องหัวเราะรั่วอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงคุณชัดเจนดังเข้ามาในสายด้วย ส่วนผักโขมก็ยิ้มร่าหันมายักคิ้วให้กล้องอย่างอวดโอ้ พร้อมทำเสียงสาวน้อยบอกรักพ่อเสียงดังเหมือนอวดคนทั้งโลก

“ พ่ออ่าา หนูรักพ่อนะ ”

น้องชายเขาอะ มันอะกวนตีนที่สุดในบ้านแหละ

“ เข้าเรื่องๆ สิ ”

“ ก็ด้ะๆ พอดีคุณชัดเจนกับแม่ให้โขมโทรมาถามเรื่องที่พักของเจ้าสองข้าวอะ ”

“ อ่อ เรื่องที่พัก? ”

“ คืองี้พี่กาด เจ้าสองข้าวจะต้องย้ายเข้าที่พักแล้วนะพี่ ”

“ เย้ย จริงสิ! พี่ลืมสนิทเลย อีกสองอาทิตย์มหาวิทยาลัยจะเปิดแล้วใช่มั๊ย ”

“ ใช่ครับ แต่มีกิจกรรมเฟรชชี้ไงพี่ เจ้าสองข้าวเลยต้องเข้ามอเพื่อไปทำกิจกรรมคณะอะครับ  ”

ผมว่าผมกำลังมีปัญหาเพราะความขี้ลืมของตัวเอง ผมลืมหาคอนโดใหม่ เนื่องจากความตั้งใจของผมก็คือ ผมจะย้ายออกจากหอพักเพื่อให้สองฝาแฝดได้เข้ามาอยู่แทน เพราะหอที่ผมอยู่ปัจจุบันนี้อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยมาก เวลาน้องๆ เดินทางไปเรียนจะได้สะดวกๆ

“ แล้ว..น้องเตรียมของกันหรือยัง พอดีช่วงนี้พี่ยุ่งๆ เลยลืมเรื่องจะหาคอนโดเลยอะ ”

“ เตรียมแล้วค่าพี่กาด / เยอะเต็มไปหมดเลยค่าา ”

เสียงสดในของข้าวฟ่างและข้าวโพดที่แย่งกันพูดเข้ามาในสายทำให้คนเป็นพี่ชายอย่างเขาอดหัวเราะไม่ได้

“ แย่งกันพูดอะไรขนาดนั้นเล่า ..นั่นแหละพี่กาด โขมจะถามว่าให้น้องเข้าหอวันเสาร์นี้ได้ป่ะพี่ ”

“ อืม ได้ๆ แต่พี่อาจจะต้องอยู่ห้องกับน้องต่อไปก่อนสักพักนะ อาจจะเบียดๆ กันหน่อย ”

“ งั้นเอางี้! เดี๋ยว.. โขมไปอยู่ด้วย จะได้เบียดมากกว่าเดิม ”

“ กวนตีนนัก ไอ้โขม ”

“ เอ้า พูดเล่นก็ไม่ได้ ”

“ เงียบก่อน จะคุยกับน้อง ” ผมเอ่ยเสียงดุ ทำให้ผักโขมรีบพยักหน้างืมรับทราบ ทำท่าอมมะนาว แล้วรูดซิปปากก่อนกอดอกให้พี่ชายพูดกับน้องบ้าง

“ เดี๋ยวพี่รีบหาคอนโดนะคะคนเก่ง ”

“ ไม่เป็นไรเลยค่าพี่กาด ความจริงไม่อยากให้พี่กาดย้ายออกเลย ” ข้าวฟ่างมองด้วนสีหน้าเศร้า เพราะเหมือนตัวเองมาสร้างความลำบากให้ผม

“ ช่ายยย อยู่ด้วยกันก็ได้นะะะ ” ข้าวโพดเสริม

“ ไม่ได้หรอก เพราะถ้าพี่อยู่ด้วยนะ สองข้าวก็หนีเที่ยวไม่ได้น่ะสิ ”

“ พี่กาดอ่า คะ..ใครจะหนีเที่ยวกันเนาะข้าวโพด ”

“ ช่าย เราสองคนจะไม่หนีเที่ยว เป็นเด็กดี ถ้าไปไหนจะบอกพี่กาดก่อนนะคะ ”

“ ล้อเล่นค่ะคนเก่ง พี่แค่อยากให้เวลาและพื้นที่ส่วนตัวของทั้งคู่น่ะ อีกอย่างพี่ก็ตั้งใจจะหาซื้อคอนโดอยู่แล้วด้วย ”

นึกอยากหยิกแก้มเจ้าสองข้าวที่พูดจาเอาใจอย่างน่ารัก แต่ติดที่ว่าเอื้อมมือเข้าไปในโทรศัพท์ได้ไม่ถึงกาญจนบุรีน่ะสิ

“ พี่กาดขาา พี่โขมสะกิดหนูไม่หยุดเลย สงสัยอยากพูดด้วยอะคะ ”

“ ครับ บอกพี่โขมพูดได้ครับ ” ผมพยักหน้าอนุญาต จนผักโขมก็รีบทำท่ารูดซิบปากเพื่อพูดต่อทันที

“ ขอบพระคุณที่อนุญาตคร้าบผม แล้วพอจะมีที่น่าสนใจยังอะพี่กาด?  ”

“ ก็พอจะดูๆ ไว้บ้างอะ แต่ที่ที่เคยสนใจบางทีก็คงเต็มแล้ว ”

“ คอนโดอะไรพวกนี้เขาต้องจองห้องไว้ล่วงหน้าเลยป่ะพี่ ”

“ ช่ายย ”

ผมมีแพลนว่าอยากซื้อคอนโดให้กับตัวเองมาซักพัก แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาผมทำงานเกือบทุกวัน และค่อนข้างยุ่ง จนทำให้ลืมเรื่องนี้ไป

“ แล้วนี่พี่จะโอเคป่ะ? ไม่ใช่พอเปลี่ยนห้องใหม่แล้ว ไม่ได้นอนจนเป็นหมีแพนด้าล่ะ”

พอผักโขมถามขึ้นมา ก็กังวลขึ้นมาเล็กน้อยแล้วเหมือนกัน เพราะการเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ หรือหาคอนโดที่ถูกใจสำหรับผม มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ผมเป็นพวกนอนไม่หลับในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย อย่างตอนเข้ามหาวิทยาลัยปี 1 น่ะกว่าจะนอนหลับสนิทในหอพักนี้ผมก็ต้องปรับตัวเองให้คุ้นชินกับห้องนอนตั้งหลายอาทิตย์นู้น กว่าจะนอนหลับสนิทจริงๆ ก็เป็นเดือนๆ

“ เดี๋ยวยังไงพี่จะลองถามลองหาข้อมูลอีกที ”

“ โอเคคร้าบ ”

“ แล้วโขมจะขับรถมาส่งน้องใช่มั๊ย? ”

“ เปล่าครับพี่ คุณชัดเจนบอกว่าจะขับไปจากกาญฯ เองครับผม ”

“ จริงหรอ พ่อเนี่ยนะ! ”

“  ครับ โหๆ พี่กาดไม่ต้องกังวลๆ พ่อขับรถเก่งจะตายพี่ก็รู้ ”

“ ไงก็ดูๆ พ่อหน่อยนะ บอกพ่อด้วยว่าสายตาแกก็ไม่ใช่จะดีเหมือนตอนหนุ่มๆ แล้ว ”

“ ครับ แต่พี่ พ่อฝากบอกมาว่า บอกไอ้กาดว่าไม่ต้องหาแล้วคอนดงคอนโด กลับมาทำงานที่บ้าน กลับมาอยู่บ้าน! กระแทกเสียงแบบนี้ด้วยอะพี่ ” ผักโขมเรียนแบบคำพูดพ่อได้ทั้งท่าทางและน้ำเสียง ก่อนทุกคนจะหัวเราะออกมา ได้ยินเสียงพ่อชมผักโขมใหญ่โต ว่าไอ้ลูกหมา ไอ้ลูกกวนตีน

สงสัยพ่อจะเดินวนเวียนอยู่ใกล้ๆนั่นแหละ แต่ไม่อยากเข้ามาในกล้องด้วย เพราะถ้าเห็นหน้าลูกชายคนโตอย่างผักกาดมีหวังน้ำตาซึม

“ พี่คิดว่าไง จะกลับมาอยู่บ้านมั๊ยล่ะ? กลับมาป่ะ? ” ผักโขมถามหน้ากวนๆ

“ ไม่เอาอะ งั้นฝากบอกพ่อด้วยว่า ไม่ กาดไม่กลับนะพ่อ ”

“ ฮ่ะๆ ..พ่อบอกว่าพี่ดื้อ ไอ้ลูกดื้อ ” ผักโขมยังเรียนแบบคำพูดพ่อต่อ

“ หึ คิดถึงเขาก็บอก ”

“ คุณชัดเจนคิดถึงพี่อะแหละ ” ผักโขมทำท่ากระซิบกระซาบ

ผักกาดกับน้องๆ พูดอะไรต่อกันเพียงเล็กน้อย โบกมือลาก่อนที่จะวางสายโทรศัพท์จากกัน

ตอนนี้ต้องเริ่มหาคอนโดอย่างจริงจังแล้วสิ บ้านในอนาคตของไอ้ผักกาดดดด อื้ม!
 




❤ 30 เปอร์เซนต์ (%)


----
หัวข้อ: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 04 :: เรียกพี่ได้มั๊ย (70%) [19/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: pimpipam_s ที่ 19-03-2020 16:59:00
มาต่อค่ะ

 
 



งานเช้าก็ต้องมา

ตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมาเกือบสองสัปดาห์แล้วที่ผักกาดยังหาคอนโดไม่ได้เลย และตอนนี้น้องสาวฝาแฝดก็ย้ายเข้ามาอยู่ห้องเดียวกับผักกาดแล้ว เขาให้น้องสองคนนอนที่เตียงในห้อง และเสียสละย้ายหมอนผ้าห่มมานอนโซฟาที่แยกออกมาจากห้องนอนแทนแม้จะปวดหลังนิดหน่อยก็ตาม

ช่วงแรกๆ ผักกาดก็ดื้อจะตื่นขับรถไปส่งน้องที่มหาวิทยาลัยทุกวัน แต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้วเพราะน้องสาวไม่ยอมอย่างเดียว น้องของเขายืนยันที่จะไปกันเอง ถ้าผักกาดไม่ยอมก็จะโกรธ ดังนั้นผักกาดจึงยอมทำตามแต่โดยดี



วันนี้วันทำงาน ผักกาดยอมตื่นเช้า ออกจากหอพักแต่เช้า และกินขนมปังแทนข้าวเช้าบนรถดีกว่าการที่ต้องไปติดอยู่ในท้องถนนที่มีการจราจรติดขัด วันนี้กำลังดีมีช่วงถนนโล่ง ถนนรถติดบ้าง แต่ก็ถือได้ว่าเขาทำเวลาได้ค่อนข้างดีเลย

“ พี่กาด เห็นพี่ติณบอกว่าพี่กำลังหาคอนโดหรอ? ”

“ ใช่ๆ ”

“ ทำไมอะพี่ แล้วหอพักเดิมพี่ล่ะ เห็นบอกว่าพี่อยู่มาตั้งแต่เรียน ปี 1 ไม่ใช่หรอครับ ”

“ อืม พี่อยากจะซื้อคอนโดตั้งนานแล้วล่ะ เพราะเวลามาทำงานก็จะได้สะดวกขึ้นด้วย ส่วนหอนี้ก็ตั้งใจให้น้องสาวมาอยู่แทน มันใกล้มหาวิทยาลัยด้วย แต่ที่พี่ยังอยู่ที่เดิมเพราะยังหาคอนโดไม่ได้ ”

“ อ๋อครับ แล้วนี่..พี่ชอบนอนไม่หลับถ้าแปลกที่ใช่มั๊ยล่ะ ”

“ อืมมม แต่ก็ปรับตัวได้ นอนทุกวันเดี๋ยวก็ชินเอง^^ ความจริงพี่อะนะอยากมีบ้านเป็นของตัวเองน่ะ แต่คงยากหน่อย เลยคิดว่าเป็นคอนโดที่มีห้องเป็นสัดส่วน มีเตียงนุ่มๆ แบ่งพื้นที่ไว้ทำงาน ชั้นวางหนังสือการ์ตูน มีโทรทัศน์เปิดดูหนัง มีครัวทำอาหาร เลี้ยงแมวได้ อืม.. ปลูกต้นไม้บนชั้นวางริมระเบียงได้ สำหรับการอยู่คนเดียว พี่ก็ถือว่าน่าอยู่แล้วล่ะนะ ”

“ โห พูดอย่างกับจะอยู่คนเดียว จะโสดตลอดชีวิตนะคนเรา ”

“ คงงั้น ”

" ไม่เอาน่าพี่กาด รอคิวท์หาแฟนให้พี่ก่อนค่อยตัดสินใจไม่ได้หรอ "

" ขี้เกียจรอหน่าาา"

ผมไม่เคยมีแฟนไม่เคยคบใคร แม้เมื่อก่อนเคยมีคนคุยๆบ้างตอนมอปลาย กับช่วงมหาวิทยาลัยปี 1 แต่ไม่ได้คบหรอก เพราะผมใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับการเรียนและการทำงานพิเศษ ทำงานพาร์ทไทม์ รับจัดเบรก ขายเสื้อผ้า สอนพิเศษ เพื่อหาเงินเรียน เรื่องรักๆใคร่ๆ เลยเป็นเรื่องที่รองลงมา จนตอนนี้ก็กลายเป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมจะคิด

" งั้นคิวท์จะรีบหาเลย ไม่ใช่สิ.. หาได้แล้วต่างหาก "

" ยังไม่เลิกคิดอีกหรือไง "

ผักกาดคิดหนัก ไม่น่าไปปากไวบอกคิวท์ให้หาให้เลย เพราะเด็กน้อยดูท่าจะจริงจัง ไม่ยอมแพ้เลย

" ไม่เลยครับโผมมม คิวท์หาแฟนให้พี่กาดได้ทันก่อนพี่จะได้คอนโดแน่ๆ ชัวร์! ยืนยันเลย "

" เพ้อๆ "

เฮ้อออ ไม่ใช่อะไรนะ

การเป็นนักรักมันยากอะ ดูอย่างไอ้แยมที่มันผ่านความรักมาเป็นสิบครั้ง ร้องไห้แทบตาย แค่นึกก็ท้อแท้

บางทีผักกาดก็อยากเปลี่ยนความคิดอยู่เหมือนกัน อยากมีความรู้สึกว่าการมีความรัก ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น

เพราะบางทีมันก็ขึ้นอยู่กับจังหวะชีวิตด้วย
 
“ สุดสวยของผมจะแต่งงานแล้วหรอพี่? ”

“ ใช่ มันเจอคนที่รักมันจริงๆ พี่ก็โล่งใจนะ ว่าแต่เรารู้ได้ยังไง? ”

“ พี่แยมโทรมาบอกครับ ”

“ มันนี่น้าา ”

“ เพื่อนรักพี่เลยนะนั่น ”

“ เพื่อนเหี้ยน่ะสิ ตอนมันอกหักกี่ครั้งๆนะ พี่กับไอ้วาน่ะเหนื่อยแทบแย่ ไม่เป็นอันกินอันนอนไปด้วย แต่มันก็ไม่เคยเข็ดกับความรักนะ ”

เวลา 7 ปี ที่ไอ้แยมกับพี่ปังคบกันก็ไม่ใช่น้อยๆ

เขาบอกกันว่าคู่รักที่คบกันมา 7 ปี ส่วนใหญ่จะเลิกรากัน แต่มันก็ไม่จริงเสมอไปหรอก ดูจากไอ้แยมสิ ตอนนี้ชีวิตแยมกำลังขับเคลื่อนไปด้วยความรักที่ดี

“ รักคืออะไร  ”

“  หือ? ความรักก็คือความรักน่ะพี่ นิยามรักของแต่ละคนมันก็ต่างกัน ไม่มีใครนิยามมันเหมือนกันหรอกพี่ ”

“ อืม แยมมันก็เคยบอกพี่ว่า มันเกิดมาเพื่อมีความรัก มันทุ่มเทกับทุกความสัมพันธ์ที่มันเคยรัก มันไม่รู้ว่าความรักครั้งนี้จะอยู่กับมันตลอดไปหรือเปล่า แต่ตอนนี้เขารักมัน มันรักเขา ถ้ามันจะใช่มันก็ใช่อะ หึ ”

“ โห ผมนับถือใจพี่แยมมากอะ ..แต่พี่อะ? ”

“ พี่ทำไม? ”

“ เปล๊า ไม่มีไรครับ ” เปล่าซะเสียงสูงเชียว แต่ผมก็ไม่ถามต่อหรอกนะ เพราะเดี๋ยวคิวท์คงจะวนเข้าเรื่องเดิมๆ

“ งั้นก็ช่วยหาคอนโดดิ เลิกพูดถึงเรื่องรงเรื่องรักได้แล้ว”

“ โธ่ คิวท์ช่วยอยู่แล้ว นี่ไงพี่กาด พอได้ยินจากพี่ติณบอกว่าพี่กาดกำลังหาคอนโด คิวท์เลยลองถามคนรู้จักให้พี่เรื่องคอนโดมาแล้ว เขาแนะนำที่นี่มา คือพี่เขาซื้อไว้ 2 ห้อง เขาอยู่ห้องหนึ่งแล้วอีกห้องไม่มีคนอยู่ เขาบอกถ้าพี่สนใจเขาจะขายต่อให้ ”

“ จริงอะ ที่ไหน? ”

ผมยื่นมือไปรับโทรศัพท์ที่มีรูปคอนโด และรายละเอียดจากคิวท์ ก่อนที่จะก้มลงไปอ่านชื่อคอนโด

ความจริงแล้วผมรู้จักที่นี้ และค่อนข้างสนใจที่นี้ตั้งแต่หาข้อมูลแล้วล่ะ แต่เคยโทรไปสอบถามเขาบอกว่าเต็มแล้ว ตอนนั้นก็นึกเสียดายอยู่เหมือนกัน

“ คอนโดนี้มีทำเลที่ดีมากเลยครับ แถมมีดีไซน์ที่โดดเด่นทันสมัย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ และระบบปลอดภัยของเขาก็ดี ถ้าคุณวงศ์รวีสนใจลอง..”

“ เดี๋ยวๆ ทำยังกะเป็นพรีเซนต์เตอร์ เราไปรับโฆษณาให้เขาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมพี่ไม่รู้ ” ผมเลิกคิ้วสงสัย หลังจากเห็นว่าคิวท์ยืนตัวตรง มือประสานกันไว้ด้านหน้าอย่างคนมีบุคลิกภาพดี บวกกับการพูดแนะนำคอนโดอย่างกับเป็นเจ้าของหรือพรีเซนเตอร์โครงการ

“ เปล่าครับ แต่ที่นี้ดีจริงๆ ถ้าเป็นคิวท์คิวท์ก็ซื้อ ”

“ แล้วทะ..”

“ พี่อย่าถามสิว่าทำไมไม่ซื้อ ผมมีบ้านพี่ก็รู้ แถมแม่ไม่ให้ซื้อแน่ๆ ”

“ เออจริง ”

“ แล้วพี่สนใจป่ะ ”

“ ก็สน แล้วเขาขายเท่าไรถ้าแพงเกินไปก็ไม่อะ ”

“ ไม่แพงเลยพี่กาด เขาบอกว่าถ้าพี่สนใจแต่ไม่มีเงินก้อน สามารถผ่อนจ่ายได้ไม่คิดดอกเบี้ย คุยกันได้ๆ ”

“ จริงมั๊ย ดีว่ะ พี่สนๆ ”

“ งั้นผมจะให้ไลน์พี่เขาไปนะ ”

“ โอเค ”


 
 



@Drd

ดี อาร์ ดี หรอ?


“ แน่ใจนะว่าถ้าพี่ทักไปแล้วเขาจะตอบพี่ ”

“ ทำไมถามงั้นล่ะพี่ ”

ผมถามคิวท์ขณะกำลังจะกดแอดไลน์คนที่เป็นเจ้าของคอนโดที่อยากจะซื้อต่ออย่างคิดไม่ตก

มีความกังวลเล็กๆ ว่าจะติดต่อเขาได้จริงมั๊ย เพราะพอกำลังจะกดแอดไปดันเห็นว่าคนนั้นเขาไม่ได้ใส่รูปอะไรเป็นรูปโปรไฟล์เลย

“ เขามีตัวตนใช่มั๊ยวะ ”

“ มีดิพี่กาด ถามไรเนี่ยย  แอดไปเลยพี่ ไว้ใจได้จริงๆ คิวท์เกริ่นๆกับพี่เขาไว้แล้วว่าพี่กาดสนใจซื้อคอนโดต่ออะ ” คิวท์ผู้เป็นนายหน้าไม่หวังผลตอบแทนพูดติดหัวเราะ

“ เออๆ แล้วเขาชื่ออะไรอะ? ”

“ หื้อ?? อ๋อ เขาหรอ ชื่อ.. เขาชื่อ.. อ้าว! โทรศัพท์เข้าอะพี่ แม่โทรมา เดี๋ยว..คิวท์ไปคุยกับแม่ก่อนนะ ”

“ ซะงั้น! ” ผมเผลอถอนหายใจ มองตามแผ่นหลังเด็กน้อยที่รีบเดินหันหลังออกไปพร้อมโทรศัพท์ในมืออย่างคาดโทษ มันจะบอกชื่อเขาก่อนจะเดินไปก็ไม่ได้


อะๆ งั้นแอดไปเลยล่ะกันเนาะ
ทักว่ายังไงดี..



Wongrawee
: สวัสดีครับ
: ผมชื่อวงศ์รวี ได้ไลน์คุณมาจากน้องคิวท์ อาริยะ ครับ

เออ แบบนี้ก็ง่ายดี ส-วัส-ดี ไว้ก่อน ตามสเต็ปด้วยการแนะนำตัว

Drd
: ครับ

เขาอ่านแล้ว
ตอบเร็วด้วยแฮะ

Drd
: รวี
: พี่เดาว่านั่นคือชื่อเล่นของน้องล่ะนะ

ผมชะงัก และไล่สายตาอ่านประโยคในข้อความไลน์อีกรอบ รวี?

ใช่เลย ผมอ่านไม่ผิดแน่ๆ แต่คุณคนนั้นมันเดาผิดไงโว้ย

ไม่เคยมีคนอื่นเรียกชื่อเล่นของผมว่ารวีเลยสักครั้ง ยกเว้นคนคนหนึ่ง แต่นั่นมันก็นานมาแล้ว

คนอื่นไม่เรียกกันเพราะทุกคนต่างก็รู้ว่าผมไม่ชอบ แถมผมเป็นผู้ชาย การเรียกรวีเฉยๆ มันค่อนข้างจะดูหวานแว๋วเกินไปจริงๆ ไม่เหมาะกับหน้าตาของผู้ชายแมนๆ อย่างผมเลยสักกะนิด แถมฟังแล้วไม่ค่อยจะเข้าหูด้วย

‘ ไอ้น้องรวี ’

‘ อย่าเรียกแบบนั้นได้ป่ะครับพี่ ผมบอกแล้วไงว่ามันไม่แมนอะ’

‘ น้องบอกว่ารวีเฉยๆ ไม่แมน งั้นผักกาดนี่แมนมากเลยมั๊ง ’

‘ โว๊ะ งั้นแล้วแต่พี่จะเรียกแล้วกัน ’

‘ งั้นกูจะเรียกรวี สลับกับผักกาดแล้วกันนะครับน้อง ’

‘ ไอ้.. ’

‘ หึ มีปัญหาอะไรกับพี่หรอครับน้องรวี ’

เหอะ! เลิกคิดถึงเสียงนั่นสักที ผมต้องรีบแก้ชื่อให้คุณเขาเรียกผมให้ถูก


Wongrawee
: เออ..
: ไม่ใช่ครับ ผมผักกาดนะฮะ   

Drd
: ผักกาด
: ผักกาดขาว

ผมหัวเราะแห้งๆ กับตัวเองหลังจากอ่านข้อความที่เขาตอบกลับมา เติมขาวให้เก่ง บางคนก็เติมเขียว

Drd
: ชื่อน่ารักนะครับ

Wongrawee
: ขอบคุณครับ


ขอเข้าเรื่องเลยได้ไหม ใจมันอ่อนแอ ไม่อยากให้ใครมาชงมาชมอะไรทั้งน้านน

Wongrawee
: พอดีผมสนใจที่จะซื้อคอนโดของคุณครับ

Drd
: สนใจพี่
: เฮ้ย สนใจคอนโดของพี่
: พิมพ์ตกไปน่ะครับ

Wongrawee
: ครับ

Drd
: ก่อนจะสนใจคอนโด อยากรู้จักชื่อพี่ไหม


เออ ผมลืม
ตอนแรกก็กะว่าจะถาม แต่ข้อความของเขาคนนี้ดันทำผมเป๋ไปไกล

Wongrawee
: เออ
: ขอโทษครับ ผมลืมถามเรื่องนี้กับคุณไปสนิท

Drd
: ลืม หรอครับ
: งั้นพี่ขอไม่บอกนะ

Wongrawee
: เดี๋ยวๆ ครับ
: ผมขอโทษจริงๆ ผมอยากทราบชื่อของคุณครับ

Drd
: ครับ ล้อเล่นนะ
: แกล้งง่ายเหมือนกันนะเรา
: เรียกพี่ว่า D

D Dog อะหรอครับ

เชี่ยๆ เกือบมือลั่น ได้ซวยพอดีไอ้ผักกาดด
   
ความจริงผมเป็นคนหยาบคายนะ หยาบคายในใจ ด่าในใจซะส่วนใหญ่ ไม่กล้าพูดออกไปตรงๆหรอก กลัวโดนต่อย
   
ชื่อ D d ดี  เนี่ยนะ ทำไมบังเอิญจังว่ะ

Wongrawee
: คุณ ดี หรอครับ

Drd
: จะเขียนแบบนั้นก็ได้

Wongrawee
: ชื่อคุณคล้ายกับคนที่ผมรู้จักเลยนะครับ

Drd
: หรอครับ
: ไม่แน่ เราอาจจะรู้จักกันนะ

Wongrawee
: ไม่หรอกมั๊งครับ

ในชีวิตของไอ้ผักกาดคนนี้ รู้จักคนชื่อฎี ที่เขียนว่าฎีเป็นคนแรก เขาเป็นคนเดียวที่เรียกผมว่ารวี เป็นคนขี้แกล้งแถมกวนประสาทที่หนึ่งในใจ แม้วันดีคืนดีจะมาด้วยหน้านิ่งๆ หรือยิ้มกวนก็ตาม แต่ล่าสุดเขาหายตัวไปอีกแล้ว

“ ว่าแต่..เขาบอกว่าจะไปไหนทั้งเดือนนะ เงียบหายไปเลยจริงๆ ด้วย ”

เอาล่ะๆ จะไปนึกถึงเขาทำไมกัน ผมสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆ นั่นออกไป ช่วงนี้มาอยู่ในความคิดกันบ่อยเกินไปแล้วนะ
   
ส่วนคนนี้ ชื่อดี คงแค่อ่านออกเสียงเหมือนกันเท่านั้นแหละ

Drd
: ชื่ิอพี่อ่านว่าดี
: แต่เขียนก็ได้หลายแบบนะ


นั่นไง จริงด้วย

บางทีชื่อเขาอาจมี ย ยักษ์ การันต์ล่ะมั๊ง เพื่อเพิ่มความกวนตีนอีก 87%

ดีย์ คิกๆๆๆๆๆ

แต่ช่างเถอะ ดีย์ ก็คือ ดี

ไม่ใช่ฎี แบบคุณฎีรดลหรอก ชื่อแบบนั้นคิดว่าคงมีคนเดียวในโลก


Wongrawee
: ครับคุณดี

Drd
: ไม่ใช่ คุณดีครับ
: เรียกพี่ว่าพี่เถอะครับ
: ไม่ยากๆ ลองเรียกดูสิครับ
: พี่ดี


แงะ ทำไมประโยคนี้มันดูคุ้น ๆ นะ ไอ้ประโยค ลองเรียกดูสิครับ เนี่ย

นอกจากจะชื่อออกเสียงเหมือนกัน ยังย้ำให้เขาเรียก 'พี่' เหมือนกันอีก

ไม่ได้เรียกลุงสักหน่อย ทำไมถึงต้องย้ำให้เรียกพี่กันจัง


Wongrawee
: ครับ
: พี่ดี

Drd
: เก่งมากครับ
: ค่อยดูสนิทกันง่ายขึ้นหน่อย


ผมเผลอถอนหายใจ

การสื่อสารกับใครสักคนที่ไม่รู้จักแบบนี้ โคตรเหนื่อยและใช้พลังงานอย่างเยอะเลย กดพิมพ์ไปพลางคิดไปด้วยว่าเขาจะรู้ตัวไหมนะว่าตัวเองค่อนข้างเหมือนผักโขมน้องชายของผมไม่มีผิด เรื่องพลังเยอะแล้วทำให้คนคุยด้วยรู้สึกเหนื่อย

แต่ก็นะ อย่ารู้จักกันน่ะดีที่สุด ไม่งั้นผมได้เหนื่อยคูณสองคูณสามแน่ๆ


“ พี่กาดหน้ามุ่ยเชียว เป็นไรอะ? ”

“ เปล่าๆ ”

“ เปล่าที่แปลว่าเป็นน่ะสิ ”

คิวท์ที่เดินบอกว่าออกไปโทรศัพท์กับแม่เมื่อกี้ รีบเดินตรงดิ่งกลับมานั่งข้างผักกาด เพราะเห็นว่าผู้จัดการของเขากำลังทำหน้ายุ่ง คิ้วขมวดผูกเป็นริบบิ้นห่อของขวัญ

“ ก็คนเนี่ยอะ เขาชื่อดีใช่ป่ะ? ”

“ เฮ้ย? ”

ไอ้น้องคิวท์มันจะร้องเฮ้ยอะไรของมัน ผมทำหน้าสงสัยเพราะคิวท์เล่นร้องซะเสียงดัง แถมทำหน้าตาอึ้งๆ ก่อนหลบสายตาเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

“ ตกใจอะไรขนาดนั้น? ”

“ พี่คุยกันแล้วหรอ รู้แล้วหรอ? ”

“ กำลังคุย ทักไปซักพักแล้ว เพิ่งได้รู้ชื่อเนี่ย ”

“ แล้ว เออ.. ”

“ เขาเป็นคนกวนตีนหรอวะคิวท์ หรือเค้าออกแนวเพี้ยนๆ ป่ะ? หรือคนชื่อนี้จะเป็นแบบนี้กันทุกคน? ”

ผมยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้คิวท์ดูข้อความในแชท เพื่อยืนยันว่าเขาเข้าใจไม่ผิด แต่ดันกลายเป็นว่าคิวท์ทำหน้างงมากกว่าเดิม

“ เออ ..พี่รู้แล้วจริงป่ะเนี่ย ”

“ เอ้า แล้วจะให้รู้อะไร? แต่เนี่ย..ชีวิตเราต้องมารู้จักคนชื่อดีหลายคนจังเนาะ เหอะ! ” ผมกรอกตาพร้อมกับเอ่ยปากบ่น

“ คนชื่อ ดี หลายคน? ไหนผมขออ่านใหม่สิ ”

ว่าแล้วคิวท์ก็ขอโทรศัพท์ของผมไปเปิดดูแชท และไล่อ่านอีกครั้ง ก่อนพยักหน้าเข้าใจอยู่คนเดียว ซึ่งสร้างความงุนงงให้ผมไม่สิ้นสุด

“ เออๆ ช่างมันเหอะ ” ผมว่าขณะที่รับโทรศัพท์ของตัวเองคืนมา

“ อ่าๆ โอเคพี่  ..สงสัยยังไม่รู้ ”

“ ว่าไงนะเมื่อกี้? ”

“ เปล่าๆ ไม่มีอะไร พี่กาดอะหูแว่ว ”

ไม่มีพิรุจเลย ดูทำหน้าเข้า

ผมมองคิวท์ที่ทำหน้าตาเลิกลักแล้วก้มหน้าหลบสายตาผมอีกครั้งไปสนใจโทรศัพท์มือถือของเขาแทน แต่ผมก็ไม่ได้ไปคาดคั้นอะไรอยู่แล้ว เพราะต่อให้คิวท์ทำหน้ามีพิรุจอย่างนั้นก็จริง แต่ความจริงไม่มีอะไรหรอก หรือถ้ามี ไม่นานน้องน้อยของผมก็จะบอกออกมาเอง
.
.







“ เรื่องคอนโดพี่กาดว่าไงอะ ”

“ พี่ยังไม่ได้ถามรายละเอียดเขาต่อเลยอะ ”

“ ครับ ”

“ ขอเก็บพลังก่อน คุยกับคนมีพลังเยอะแล้วมันเหนื่อยเราอะพี่ว่า ”

“ ฮ่ะๆๆ ครับผม ”

“ กลับดีๆ นะคิวท์ ”

“ ครับ เหมือนกันนะพี่กาด ”

ผมกับคิวท์บอกลาก่อนแยกกันเหมือนทุกวันเมื่อถึงเวลาเลิกงาน วันนี้มีกลุ่มเพื่อนน้องขับรถมารับเพราะน้องต้องรีบไปติวและอ่านหนังสือที่หอสมุดเตรียมสอบย่อยในบ่ายวันพรุ่งนี้


ตื้อดึ้ง

ผมกดเปิดแอปพิเคชั่นสีเขียวในโทรศัพท์ขึ้นมาดู วันนี้ที่มันสั่นครืดแทบทุกครึ่งชั่วโมงระหว่างที่ผมเฝ้าและดูความเรียบร้อยให้กับคิวท์เพื่อเข้าร่วมสัมภาษณ์กับเก่งกล้าในรายการรายการหนึ่ง

ปกติผมจะถือโทรศัพท์ไว้กับตัวตลอดอยู่แล้ว ถ้าไลน์เข้าผมก็อ่านมันแบบไม่ได้เปิดเข้าไปในแชทนั่นแหละ เพราะถ้ามันสำคัญเขาคงโทรมาหา การคุยกันโดยการโทรศัพท์มันง่ายที่สุด ถ้าให้มาพิมพ์ตอบกลับทั้งๆ ที่กำลังยุ่งก็จะเสียเวลาทำงานเปล่าๆ ไว้ผมว่างแล้วค่อยเปิดอ่านทีเดียวตอบกลับทีเดียวก็ได้ ผมว่านะ


ตื้อดึ้ง

แชทหรือข้อความที่เด้งเข้ามาเรื่อยๆ ระหว่างวันนั้นมีทั้งข้อความของพี่ติณที่เป็นหัวหน้างานที่ทักมาตามงาน

ในกลุ่มที่มีไอ้แยมไอ้วาทักมาเม้าท์มอยเรื่องเครื่องสำอางและรองเท้าลดราคา

น้องสาวอย่างข้าวโพด-ข้าวฟ่างที่ทักมาบอกว่าขอไปกินหมูกระทะกับเพื่อนใหม่

น้องชายอย่างผักโขมที่ทักมาบอกว่าอยากไปร้องคาราโอเกะด้วยเพราะเพื่อนมันไม่ยอมไป แถมยังบอกว่ามันร้องเพี้ยน

และแชทล่าสุดคือคุณดีเจ้าของคอนโด


15.22 น
Drd
: ทักมาแล้ว ก็หายไปทั้งวันเลยหรอครับ
: ไม่ว่างหรอครับ

16.39 น.
Drd
: ทักพี่มาได้ตลอดนะครับ

16.55 น.
Drd
: ผักกาดครับ

17.45 น.
Drd
: พี่รอได้


   หึ สงสัยเขาคงอยากขายคอนโดให้ผมเหมือนที่ผมอยากซื้อคอนโดของเขามาก หรือไม่เขาก็คงเหงา
   

Wongrawee
: ผมทำงานเพิ่งเสร็จครับพี่ ขอโทษที
: เดี๋ยวผมขอคุยกับพี่เรื่องคอนโดได้มั๊ยครับ

   ผมพิมพ์ต่อกแต่กตอบเขาไปแล้วก็เก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าสะพายของตัวเองอีกครั้ง ก่อนขับรถเพื่อกลับหอพัก และผมใช้เวลากับการแวะซื้อของมินิมาร์ทใต้หอนิดหน่อยพวกน้ำดื่มกับขนมจุกจิกเผื่อน้องสาว



❤ 70 เปอร์เซนต์ (%)





-----



หัวข้อ: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 04 :: เรียกพี่ได้มั๊ย (100%) [20/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: pimpipam_s ที่ 20-03-2020 14:33:35
ต่อ



.
.
.


เมื่อถึงหอพักก็เห็นว่าน้องสาวทั้งสองของผมกลับมาจากมหาวิทยาลัยกันแล้ว ทั้งคู่งอแงกันยกใหญ่เรื่องที่ผมไม่ได้ตอบไลน์จนต้องได้ขอเลื่อนนัดกินหมูกระทะกับเพื่อนไป และเปลี่ยนใจซื้อกับข้าวมากินกันที่ห้อง อีกทั้งจัดเตรียมโต๊ะอาหารเรียบร้อยเพื่อรอผมกลับมากินด้วยกัน ผมเลยไถ่โทษด้วยการนั่งกินข้าวและฟังน้องพูดคุยถึงเรื่องการรับน้อง รวมถึงเรื่องเพื่อนใหม่ที่มหาวิทยาลัย จนลืมสนใจโทรศัพท์มือถือของตัวเองไปเลย

กระทั่งผมอาบน้ำเสร็จ นาฬิกาที่ผนังก็บอกเวลาว่าตอนนี้เกือบสองทุ่มแล้ว ตั้งใจว่าจะเปิดเน็ตฟลิกซ์เพื่อนอนดูหนังหน้าโซฟาที่ตอนนี้เป็นที่นอนประจำของผมแล้ว

“ เฮ้ย โทรศัพท์ ”

ดันนึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้เปิดเช็คข้อความในโทรศัพท์เลยตั้งแต่กลับมาถึงห้อง ป่านนี้เจ้าของคอนโดจะตอบกลับมาหรือยังนะ หรือบล็อคผมไปแล้วก็ไม่รู้เพราะผมไม่ตอบเขากลับไปสักที ว่าแล้วผมก็รีบลุกไปหยิบกระเป๋าสะพายสีดำที่วางอยู่โต๊ะกินข้าวเปิดเอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมาดู

17.31 น.
Drd
: ได้ครับ
: คุยได้ทุกเรื่อง

17.53 น.
Drd
: แล้ววันนี้เหนื่อยมั๊ยครับ

18.20 น.
Drd
: สงสัยคงเหนื่อยอยู่

18.25 น.
Drd
: ผักกาดครับ
: ผักกาดขาว

19.05 น.
Drd
: ยังไม่ว่างหรอครับ

19.06 น.
Drd
: สงสัยไม่ว่างอีกแล้วสินะครับ

ผมเปิดอ่านข้อความไลน์ที่เขาพิมพ์ตอบมา อ่านแล้วก็เผลอหลุดขำกับการถามเองตอบเองของเขา

แปะ! ผมหน้าผากตัวเองแรงๆสักที เพื่อเรียกสติ >[<

ผมก็แย่นะ! ไปทักเขาไว้แต่ดันไม่ได้สนใจโทรศัพท์จนลืมตอบซะเอง ถ้าผมลองทักไปอีกรอบเขาจะยอมตอบกลับมามั๊ยก็ยังไม่รู้


Wongrawee
: ขอโทษนะครับ
: พอดีผมติดธุระนิดหน่อยครับ
: ไว้ผมขอทักไปสอบถามข้อมูลพรุ่งนี้นะครับ

พิมพ์และกดส่ง อย่างน้อยทักไปขอโทษไว้ก่อนแล้วกัน

ผมวางโทรศัพท์ไว้ที่พื้นข้างๆ ตัวเอง ก่อนหันไปสนใจโน๊ตบุ๊คเพื่อกดเลือกหนังที่อยากจะดู เมื่อเลือกได้แล้วก็เอื้อมไปหยิบสาย HDMI มาเชื่อมต่อโน๊ตบุ๊คเข้ากับจอโทรทัศน์ คลิกเมาส์เพื่อกดเล่น และ Skip Intro

ผมเอาหมอนนุ่มๆมากอด ค่อยๆ เอนตัวและไหลลงกับพื้นจนเอาหัวหนุนได้กับโซฟาพอดี กระดิกเท้าที่ยื่นเหยียดไปข้างหน้าอย่างสบายใจเฉิบ เอื้อมแขนไปหยิบถุงขนมมาฉีกและหยิบกินอย่างเอร็ดอร่อยแม้ว่าจะเพิ่งกินข้าวไป

ครืดด

แรงสั่นต่อเนื่องสองครั้งและแสงกระพริบของหน้าจอโทรศัพท์เรียกความสนใจให้ผมต้องละสายตาจากหนังในจอโทรทัศน์เหลือบไปส่องโทรศัพท์ดูแทนว่าใครส่งอะไรมา แต่มองไม่ถนัด จนต้องเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู

“ คุณดีเจ้าของคอนโดนี่เอง ” ผมกดเข้าไปในห้องแชท ขยับแว่นตาที่ตัวเองใส่และหยีตาเล็กน้อยหลังจากที่โดนแสงสว่างหน้าจอโทรศัพท์สาดส่องเข้ามาดวงตาเต็ม ๆ


Drd
: ทักกลับมาแล้ว ทำไมไม่คุยตอนนี้เลยล่ะครับ


“ ตอนนี้? ”

นาฬิกาในโทรศัพท์บอกเวลาสองทุ่มยี่สิบห้านาที ถ้าโทรหรือส่งข้อความหาใครสักคนที่สนิทกันเวลานี้คงไม่รู้สึกลำบากใจเท่ากับส่งข้อความหาคนที่ผมเพิ่งรู้จัก ซึ่งผมดันทำไปแล้ว


Wongrawee
: มันดึกแล้ว ผมกลัวจะรบกวน

Drd
: พี่คุยได้
: ไม่กวนเลยครับ
: วันนี้พี่รอเราทั้งวันเลยนะ
: รอเพื่อจะคุยกับเราเลย

อืม.. ประโยคของเขามันทำให้ผมรู้สึกผิดแหะ

ก็จริงที่ผมจะเป็นคนติดต่อไปก่อน และผมก็ยังไม่ได้เอ่ยถามรายละเอียดของคอนโดที่ผมต้องการจะซื้อจากเขาให้ชัดเจนเลย ผมบอกเขาไว้เพียงแค่ว่าสนใจเท่านั้น แต่คุณดีเขาน่าจะพอรู้เรื่องนี้มาจากคิวท์บ้างแล้วล่ะว่าผมสนใจที่นี่มากกก อยากได้ห้องในคอนโดนี้มากกก เขาถึงได้พิมพ์ตอบมาว่า เขารอเพื่อจะคุยกับผม แถมรอทั้งวันเลยด้วย

แต่ผมก็อดคิดและรู้สึกผิดไม่ได้ ผมก็ไม่ใช่คนที่เขาต้องมารอเลยด้วยซ้ำ


Wongrawee
: ขอโทษจริงๆครับ
: ตอนกลางวันผมติดงาน

Drd
: ครับ
: พี่พอจะรู้เรื่องนี้

หือ เขาจะมารู้ได้อย่างไร ใครเล่า

Drd
: รู้มาจากคิวท์นะครับ

อ๋อ น้องน้อยของผมเป็นสายรายงานให้คุณเขานี่เอง

Drd
: แล้ววันนี้เหนื่อยมากมั๊ยครับ

Wongrawee
: อ๋อ
: ไม่เหนื่อยครับ

Drd
: เก่งจังเลยครับ

เก่งเนี่ยนะ ..เขาจะมาชมผมทำไมกัน

ว่าแต่คุณดีคนนี้เขาเป็นใคร ทำงานอะไร มาจากไหนผมก็ไม่รู้เลย

เคยจะเอ่ยปากถามคิวท์ ไอ้เจ้าตัวดีก็ติดนู้นติดนี้ เดี๋ยวท่องบท เดี๋ยวซ้อม เดี๋ยวเข้าฉาก พอว่างก็วิ่งไปรับโทรศัพท์ของแม่บ้างของพ่อที ไม่ยอมสละเวลาหรือแวะมาตอบผมเลยจนถึงเวลาแยกย้ายกันกลับไอ้คนน้องก็รีบไปกับเพื่อน ผมเลยถอดใจไม่ถามแล้ว


Drd
: ตอนนี้เราว่างแล้วใช่มั๊ยครับ
: คุยกับพี่เลยมั๊ย
: พี่ตอบได้

เออ ผมจะต้องทำตัวยังไงวะ

เอาจริงผมก็กลัวมันรบกวนเวลาพักเขานะ และยังรู้สึกผิดไม่หาย แต่เขาบอกว่าตอบได้ก็คงจะได้จริงๆ นั่นแหละ งั้นผมไม่รอพรุ่งนี้แล้วนะ คุยกันให้ได้ข้อมูลและรายละเอียดมันวันนี้เลย

Wongrawee
: ผมขอโทษอีกรอบนะครับ

Drd
: ไม่เป็นไรครับ
: แต่พี่จะให้เราไถ่โทษด้วยการ..
: คุยกับพี่ทั้งคืน

คุยทั้งคืนก็ไม่ใช่แหละ -=-

Wongrawee
: แล้วจะไม่ง่วงหรอครับ

Drd
: ลองดูก็จะรู้ครับ
: ไม่ต้องนอนกันทั้งคู่
   
ผมส่ายหน้ากับตัวเอง คาราวะความกวนของเขาเลยที่ทำให้ความกังวลของผมลดลงได้

คนอะไร บอกจะคุยกับผมทั้งคืนไม่หลับไม่นอนเนี่ยนะ ผมหัวเราะเบาๆ พลางพิมพ์ต่อกแต่กเพื่อตั้งใจจะเข้าเรื่องเข้าประเด็นเลย

ไม่เอ่ยตกลงหรือปฎิเสธอะไรทั้งนั้น เพราะขี้เกียจ

ถ้าต้องให้พิมพ์คุยกันทั้งคืน ผมขอยอมแพ้ดีกว่า ตอนนี้ก็เริ่มง่วงแล้ว และไม่อยากมีอาการนิ้วล็อคหลังจากวันนี้ด้วย มันปวดๆ โปรดเข้าใจ


Wongrawee
: งั้นขอเข้าเรื่องนะครับ
: คอนโดอีกห้อง
: ขายจริงๆ ใช่มั๊ยครับ

Drd
: ขายครับ
: หมายถึง พี่ขายแค่คอนโดนะ

Wongrawee
: เออ
: อ๋อ
: โอเคครับ

ผมตอบกลับแบบไปไม่ถูก อ่านทวนอีกครั้งว่าตัวเองถามอะไรผิดหรือไง เขาถึงได้ตอบอะไรแปลกๆ กลับมา

คนอะไรขี้กวนสุดๆ นอกจากคอนโดจะขายอะไรเล่า ก็เราคุยเรื่องคอนโดมั๊ยล่ะคุณพี่!


Wongrawee
: ผมก็หมายถึงแค่คอนโดครับ

Drd
: แต่พี่หมายถึงเจ้าของคอนโดด้วย
: แบบนี้ไม่มีขายนะครับ

เฮ้อ ผมควรไปต่อหรือพอแค่นี้


Wongrawee
: ผมขอถามได้มั๊ยครับว่าทำไมถึงขาย

ผมเลือกไปต่อ โดยการเปลี่ยนเรื่อง ผลัดประเด็น
   
ชีวิตของเรามันต้องก้าวต่อไป เจอคนกวนประสาทชนเราต้องไม่ตาย !!

และที่สำคัญผมพยายามหลีกเลี่ยงการใช้สรรพนามที่จะใช้ในการเรียกเขา ผมถนัดใช้ ’คุณ’ กับคนที่เพิ่งจะทำความรู้จักกัน ในขณะที่อีกคนเขาต้องการให้ผมเรียกเขาว่า ‘พี่’


Drd
: งั้นพี่ขอถามเราก่อน
: เรากลัวผีมั๊ยครับ

เฮ้ย! ถามทำไมเนี่ย! ถามมาแบบไม่ให้ผมได้ตั้งตัวเลยด้วย

ที่ผมถามเขาถึงเหตุผลที่เขาตัดสินใจจะขายห้องหนึ่งก่อน ก็เพราะคอนโดนี้ทำเลดีและน่าอยู่มาก การที่เขาขายในราคาที่ถูกกว่าเดิมทั้งยังผ่อนจ่ายได้แบบไม่คิดดอกเบี้ยตามที่คิวท์บอกมา เขาจะไม่เสียดายหรอ

แต่นั่นแหละ มาเป๋เพราะเขาถามกลับเรื่องผี

การที่เขาถามกลับว่าผมกลัวผีมั๊ยทำให้ผมลังเลและเกิดความกังวลในใจเล็กน้อย อย่างตอนนี้ที่เหงื่อเริ่มผุดซึมตรงหน้าผาก

ถ้าจะให้ผมถามต่อว่า ‘คอนโดมีผีมั๊ย’ ผมก็ดันไม่อยากอ่านคำตอบของเขา ถ้าเขาบอกประโยคนั้นออกมาคือจบเลยนะ ไม่ด่าหูฉีกก็กดบล็อคไลน์กันไปข้างอะ

   
Wongrawee
: คือ..
: ผมแค่สงสัยน่ะครับ เห็นว่าห้องมันออกจะทำเลดี

Drd
: ตอบพี่ก่อนครับ กลัวผีมั๊ย?

เอ้า มีการถามย้ำด้วย
   
โห ไอ้ผมมันก็ไม่ใช่คนอยากโชว์ความกากความกลัวของตัวเองให้คนอื่นรู้สักหน่อย เราก็ต้องทำเป็นเข้มแข็ง ไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว ไม่งั้นก็จะถูกเอาไปล้อได้ เหมือนตอนนั้น..


   ‘ ไปดูหนังกับกู กูว่าจะไปกับไอ้ปัง ’

   ‘ ผมไม่ไปอะ แล้วอีกอย่างนะ.. พี่จะไปเป็นก้างขวางเพื่อนพี่กับเพื่อนผมเพื่อ? ’

   ‘ ไม่ได้เป็นก้าง กูจะนั่งแยกจากพวกมัน และมึง ผักกาดต้องไปกับกู ’

   ‘ หือ ไม่เอา ผมไม่ว่างพี่ ไม่ไปอะ ’

   ‘ อย่ามาส่ายหน้าปฏิเสธผักกาด มึงว่าง วันนี้มึงไม่ได้ทำงานพิเศษกูรู้ ไป!! ’

   ‘ โว๊ะ ทำไมพี่ฏีเป็นคนแบบนี้ ขี้บังคับกับผมตลอดเลย! ’



“ คนอะไรขี้บังคับโคตรๆ เหอะ! ”

ผมเกาหน้าผากตัวเองเบาๆ ดันไปนึกถึงสมัยที่ผมโดนคนกวนประสาทอันดับหนึ่งในใจลากไปเป็น กขค ไอ้แยมกับพี่ปัง

นอกจากเขาจะขี้แกล้งแล้ว ยังกวนประสาทผมด้วยการชอบล้อผมเรื่องกลัวผี ใครกันบอกว่าเขาจิตใจดี นิสัยดี ดูสิ่งที่เขาเคยทำกับผมไว้นะ แล้วผมให้โอกาสคิดใหม่เลย..

   
   ‘ หรือน้องกลัวผีล่ะ ถ้ากลัวก็แค่ยกมือแล้วตะโกนออกไปก็จบ! ไม่ต้องเข้าไปดู ’ ; D

   ‘ แยมขอบายค่ะ บรื๋อ  ’ l o l

   ‘ ไม่ได้ไอ้แยมห้ามยกมือนะ มึงจะกลัวไม่ได้! กูยังไม่กลัวเลย! ’ - = -

   ‘ หะ! ไอ้กาด มึงเนี่ยนะไม่กะ.. ’ o . O

   ‘ ใช่! ไม่กลัว ..จริงๆ ’ : ][

   ‘ ไม่ใช่แหละ มึงจะมายุขึ้นอะไรตอนนี้ หนังผีนะเว้ย! ’ : 0

   ‘ นั่นแหละ กูชอบหนังผี ’ = . =

   ‘ มึงงงง พักก่อน’ = u =
   
   ‘ ใกล้ถึงเวลาแล้วด้วยสิครับ พี่ว่าไปรอหน้าโรงเลยมั๊ย ’ ^ - ^

   ‘ เดี๋ยวก่อนไอ้ปัง รอให้น้องมันตัดสินใจก่อน เพราะถ้าน้องเขากลัว ก็แค่พากลับไป ’ - . =

   ‘ ผม ไม่ ได้ กลัว อยู่แล้ว เนาะไอ้แยม! ’ : P
   
   ‘ ไอ้กาด มึงอะตัวดี มึงกละ..’ o O o

   ‘ เข้าโรงกับกูเดี๋ยวนี้ไอ้แยม มา! มาครับพี่ปัง! พี่ด้วยตามมาเลย! ’ - w -

   ‘ ไม่เอาหน่าผักกาด ทำไมมึงเป็นคนแบบนี้ ’ T c T

   ‘ มา! ’ ; q

   ‘ กูกลั..อุ๊ป !@#%%$ไอ้^%(กาด%$ไอ้#@#()เพื่อน_*&%เยี้ยยย#%@&! ’ - m -




“ กูขอโทษที่เป็นตัวจุ้นจ้านในเดทของมึง แยม ”

คนอื่นเขาจะไปเดทโดยการดูหนังรัก แต่ไอ้คนขี้แกล้งที่อาสาไปซื้อบัตรดันซื้อบัตรเป็นหนังผี และวัดใจโดยการประกาศว่าใครกลัวให้ยกมือขึ้นและตะโกนว่ากลัว แล้วไม่ต้องดูก็ได้

แต่ตอนนั้นผมรู้สึกได้ถึงเสียงหัวเราะขบขันและสายตาที่ท้าทายส่งมาให้กัน ด้วยความที่ไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ ผมเลยปฏิเสธว่าไม่ได้กลัว ตัดสินใจลากและบังคับไอ้แยมให้เข้าไปดูหนังในโรงด้วยกันพร้อมกับพี่ปังและไอ้พี่คนท้า ผมจำได้ว่าถูกไอ้แยมด่ากราด
 

“ เฮ้อออออ ”

ผมขยับตัวขึ้นนั่งพิงโซฟาอีกครั้ง หลังจากที่รู้สึกว่าตัวเองค่อยๆ ไหลลงไปกองกับพื้นจนนอนอยู่ในแนวระนาบ

ไม่รู้ว่าเพราะตัวเองเป็นคนไม่ยอมใครหรือเพราะเป็นคนถูกยุแยงได้ง่าย ถึงยอมที่จะไปนั่งดูหนังผีกับคนที่ตัวเองไม่ชอบ


   ‘ กลัวผีมั๊ย? ’

   ‘ ไม่ครับ ’

   ‘ กลัวผีมั๊ย? กูถามจริงๆนะเนี่ย! ’

   ‘ ผม มะ..ไม่เคยกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว เฉยมาก เฉยๆ มาก ตะ..แต่ก็ไม่ได้ลบลู่ด้วยนะบอกไว้ก่อน ’

   ‘ เข้าไปในโรงอย่ากลัวจนกรี๊ดแล้วกัน ’

   ‘ ก็บอกแล้วไงครับ ว่าเฉยมากกก ’

   ‘ จริงหร้อ? ’

   ‘ อืมมมม ก็ใช่นะสิ ผมไม่ได้กลัว ผะ..ผมก็แค่ตกใจง่ายอะพี่ ตกใจนิดหน่อย ’

   ‘ หึ ถ้ากลัวก็เอาเสื้อกูไปปิดตา ’

   ‘ ไม่เอา! เอาคืนไปเลย ก็บอกว่า ไม่! ได้! กลัว! ไงเล่า>-< ’

   ‘ กู! ไม่! เชื่อ! ’

   ‘ เอ๊ะ! พี่นี่! ’

   ‘ โอเคๆ เอาเสื้อกูไปถือไว้ก่อนเถอะหน่า ถ้าไม่ปิดตาก็เอาไว้ห่ม ข้างในโรงหนังมันหนาว เข้าใจ๊? ’



ตอนนั้นเป็นช่วงรอเวลาก่อนเข้าไปในโรงหนัง ระหว่างที่พี่ปังเดินไปตามไอ้แยมที่ไปเข้าห้องน้ำรอบที่สาม ปล่อยผมยืนรับมือและสู้อยู่ในสงครามประสาทกับรุ่นพี่ขี้แกล้งที่ทำตัวเหมือนยักษ์จอมเซ้าซี้ยืนอยู่หน้าโรง ก็ไม่รู้ตอนนั้นเขาคิดอะไรอยู่ถึงได้มายัดเสื้อแขนยาวของตัวเองให้ผมถือไว้ทั้งที่ผมบอกว่าไม่ได้กลัว

แต่ตัดกลับมาปัจจุบันผมต้องยอมรับในสิ่งที่เป็นความจริง เพราะความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว

Drd
: ถ้ากลัวผี ต้องยอมรับว่ากลัวนะครับ

Wongrawee
: ก็กลัวนะครับ

   ก็กลัวของผม คือ โคตรกลัว กลัวจนขึ้นสมอง กลัวที่สุดในโลก


ตือดึง!
Drd
: แล้วชอบดูหนังผีมั๊ย?

ชอบดูหนังผีมั๊ย?

ผมทวนคำถามแล้วเงยหน้ามองไปที่จอโทรทัศน์ที่ตอนนี้กำลังฉายหนังตลกของต่างประเทศเรื่องหนึ่งอยู่ เป็นหนังตลกที่สร้างเสียงหัวเราะ และไม่เครียดมากเกินไป เพื่อให้ตัวเองผ่อนคลายก่อนนอน ก่อนที่จะมีภาพบางอย่างซ้อนทับเข้ามา


   ‘ ขนหัวลุกเลย ไอ้สัดเอ้ย! ’

   ‘ ไหนว่าไม่กลัวไง ’

   ‘ โห พี่ฎี! เลิกล้อผมสักทีได้ป่ะ! ’

   ‘ เออ ก็ได้ แล้วสนุกมั๊ย? ’

   ‘ สนุกดิ ผมโคตรชอบ ถ้าพี่อยากให้สาวกลัวแล้วซบอกอะนะ พามาดูเรื่องนี้อีกรอบเลย ’

   ‘ หรอ เหมือนที่มึงซบกูน่ะหรอ ’

   ‘ ถ้าใช่ก็เชี่ยแหละครับพี่! ผมซบพี่ตอนไหน ’

   ‘ ก็ตั้งหลายครั้ง ’

   ‘ บ้า! พี่คิดไปเองทั้งนั้น ผมนั่งนิ่งจะตาย’

   ‘ ไอ้เด็กไม่ยอมรับความจริงเอ้ย หึ! ’



“ อายชิบ! ”

นึกถึงตอนนั้นอีกแล้ว ให้ตาย.. โคตรน่าอาย น่าขายหน้า

ผมสะบัดหน้าไล่ความทรงจำสุดกระโปกของตัวเอง แล้วก้มหน้ามองจอโทรศัพท์ก่อนพิมพ์ตอบกลับคนในแชทไปอีกครั้ง แน่นอนว่า..


Wongrawee
: ชอบดูครับ
: ถึงผมกลัวผี แต่ผมชอบดูหนังผีมากๆ เลย
: มันสนุกดี

ผมไม่ได้โกหกนะ ผมชอบจริงๆ แม้มันจะมีความย้อนแย้งในตัวเองเล็กๆ ก็ตาม

ตั้งแต่ตอนนั้นที่ถูกท้าให้ไปดูหนังผี ผมก็เปิดใจดูเลยสิ แม้จะปิดตาไปแล้ว 80% ของเรื่องทั้งหมด แล้วเป็นไงล่ะ เห็นม่ะ! ว่าผมสามารถดูหนังผีได้ และชอบมากด้วย


Wongrawee
: แต่แค่ไม่ชอบดูหนังผีคนเดียวอะครับ

พิมพ์ตอบเขาต่อ พลางพยักหน้าสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง ผมเชื่อว่ามันต้องมีคนแบบผมเยอะแยะ กลัวนะแต่ว่าชอบดู ชอบดูมาก แต่ถ้าเลือกได้ผมก็ยืนยันว่าจะไม่เลือกดูหนังผีเด็ดขาดถ้าต้องนั่งดูนั่งกลัวอยู่คนเดียวแบบตอนนี้ มีหวังหลอนตาย


Wongrawee
: แล้วถามทำไมครับ

Drd
: พี่อยากยืนยันอะไรบางอย่าง
: พอดีพี่เคยมีคนรู้จัก เขากลัวผีมาก แต่เขาไม่ยอมรับนะครับ

กลัวผีมาก ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะดูหนังผีไม่ได้ซะหน่อย


Wongrawee
: ผมกลัวนะแต่ก็ดูได้
: ชอบมากด้วย
: แต่แค่ผมจะไม่ดูตอนอยู่คนเดียว555

Drd
: พี่ก็ชอบเหมือนกัน
: งั้นเดี๋ยวว่างๆ พี่จะพาเราไปดูหนังด้วยกันนะ

หะ! เดี๋ยว
ผมว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาด..

Wongrawee
: เดี๋ยวครับ

Drd
: ครับ
: เดี๋ยวแปลว่าตกลงหรอครับ

เข้าเรื่องให้ผมทีเถอะ ผมปวดขมับแล้วเนี่ย

Wongrawee
: แล้วเรื่องคอนโดที่จะขายล่ะครับ
: เมื่อกี้ ถามเหมือนมี..

Drd
: มีผี

Wongrawee
: เฮ้ย ผีหรอ!

   ผมต้องรีบพิมพ์ด่าเขาแล้วกดบล็อคเลยป่ะเนี่ย คอนโดมีพี่แล้วจะมาขายต่อคนอื่นได้ยังไง

Drd
: ใจเย็นครับ
: หยอกๆ พี่หยอกเล่นครับ
: ไม่ต้องกังวล คอนโดนี้ไม่มีผีแน่นอน

Wongrawee
: แล้วนี่จะเข้าเรื่องผีทำไม
: ถามผมทำไมเนี่ย

ไอ้คุณพี่ดีคนนี้เนี่ย ทำผมระแวงแล้วนะ


Drd
: เพราะพี่ชอบดูหนังผี

แล้วไง.. พี่ชอบ ผมก็ชอบ แต่ว่า แล้วยังไงต่อ?

Drd
: พี่หาเพื่อนดู เลยถามผักกาดไง
: เราจะได้มาดูด้วยกัน

Wongrawee
: แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องคอนโดที่ไหนล่ะครับ

Drd
: ทำไมจะไม่เกี่ยวครับ ถ้าผักกาดตกลงซื้อห้องต่อจากพี่
: จะได้เลือกถูกว่าจะไปดูหนังที่ห้องไหน
: ห้องเราก็ได้ ห้องพี่ก็ดี

เอิ่มม ผมคิดถูกมั๊ยนะ ผมคิดถูกใช่มั๊ยที่จะซื้อคอนโดต่อจากเขา ผมต้องรับมือกับคนแบบนี้อีกแล้วใช่มั๊ย

Wongrawee
: ไม่เอาดีกว่าครับ

Drd
: ปฏิเสธเร็วเชียว

Wongrawee
: เข้าเรื่องเถอะครับ
: คอนโด
: คอนโด
: คอนโด
: คอนโด

ผมไหว้พี่ผ่านโทรศัพท์เลยอะ เข้าเรื่องทีเถอะพี่


Drd
: ครับผม
: ไม่แกล้งแล้วครับ
: ความจริงคอนโดนี้พี่ซื้อไว้ให้น้องสาว
: แต่น้องไม่ย้ายเข้ามาซักที เพราะชอบอยู่บ้าน
: ไปๆมาๆ ไม่มีคนอยู่เลยตกลงกับน้องสาวว่าจะขายครับ

Wongrawee
: ครับ

Drd
: * Drd สร้างอัลบัม
: นี่คือรายละเอียดของคอนโดทั้งหมด

Wongrawee
: ขอบคุณครับ
: แต่ก่อนจะตัดสินใจ ผมจะขอเข้าไปดูห้องก่อนได้ไหมครับ

Drd
: ได้ครับ
: วันไหนดีครับ พรุ่งนี้เป็นไง

Wongrawee
: พรุ่งนี้หรอ?
: ได้ครับ

Drd
: แต่พรุ่งนี้พี่ไม่ว่างนะครับ
: พอดีพี่ยังติดธุระยังอยู่ต่างประเทศ


อ้าวล้อเล่นป่ะเนี่ย!

แล้วถามเขาว่าพรุ่งนี้เพื่ออะไรถ้าตัวเองไม่ว่าง คุยกันเป็นเรื่องเป็นราว แต่ทำไมเวลาตอบต้องทำเป็นยึกยักๆ คนอะไรกวนเป็นอันดับสอง ไม่มีคนเล่นด้วยหรือไง คนแบบนี้ไม่ทำคนอื่นรำคาญก็ทำให้ตัวเองโดนด่าอ่ะ


Drd
: อย่าเพิ่งด่าพี่นะครับ

ห้ามช้าไป ด่าไปแล้วครับผม เป็นชุด รัวๆ


Wongrawee
: เปล่าเลยครับ ไม่ได้ด่าเลย

Drd
: พรุ่งนี้พี่จะให้ผู้ช่วยของพี่พาผักกาดไปดูห้องแทน
: โอเคไหมครับ

เอ๊า มีผู้ช่วยด้วย


Wongrawee
: ครับผม

Drd
: งั้นประมาณ 10.00 น.
: เผื่อผักกาดตื่นสายนะครับ

กวนว่ะคนเรา ผักกาดเจอคนกวนเพิ่มอีกหนึ่งอัตรา


Wongrawee
: ครับ แต่ไม่เป็นไร
: ผมมีนาฬิกาปลุด

กวนมากวนกลับ ชนะใสๆ


Drd
: นาฬิกาปลุกครับ แก้ให้

จะกวนเขากลับก็ดันพิมพ์ผิด ไอ้ผักกาดด><

อย่าบอกใครว่าได้เกรดสี่ภาษาไทย


Wongrawee
: ครับผม
: ขอบคุณครับ

Drd
: เรียกพี่ให้ชื่นใจหน่อยสิครับ
: พี่รู้นะว่าเราพยายามหลีกเลี่ยงการใช้สรรพนามกับพี่

Wongrawee
: ผมไม่ได้หลีกเลี่ยงนะครับ

Drd
: ไม่รู้ล่ะครับ
: ถ้าคุยกันครั้งหน้าไม่เรียกพี่ดี
: พี่ขอไม่ขายคอนโดให้นะครับ

เชี้ยย ไอ้เชี้ยย

นี่ผักกาดกำลังคุยอยู่กับใครวะ แล้วเขาพูดจริงป่ะเนี่ย แค่ไม่เรียกพี่เขาจะไม่ขายคอนโดให้ผมเนี่ยนะ โคตรเอาแต่ใจเลย พิมพ์คุยกับคนแบบนี้กี่ครั้งๆ ก็รู้สึกหมดพลัง

ไม่ มี ทาง ที่เขาจะเรียกพี่ให้อีกฝ่ายได้ยิน

Wongrawee
: ครับ
: พี่ดี

เพราะเขาพิมพ์เอาโว้ย!!!







❤ 100 เปอร์เซนต์ (%)

----------------------



1 ไลค์ 1 คอมเมนต์ = 1 กำลังใจ ❤

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ

(◜◡‾) (‾◡◝)






นักเขียน :: คนขี้แกล้ง หรือ คนไม่ยอมรับความจริง อะเลือกทีมเลย



หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 04 :: เรียกพี่ได้มั๊ย (100%) [20/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: orayassa ที่ 21-03-2020 14:34:29
เปิดมาตอนแรกก็เขินเลย :ling1:
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 04 :: เรียกพี่ได้มั๊ย (100%) [20/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Nadaii20 ที่ 21-03-2020 14:43:28
ผักกาดมันน่ารัก พี่เขาชอบหนูลูก
ถามว่ากลัวผีมั๊ย จะชวนไปดูหนังด้วยกัน โอยอย่างชอบ
:heaven
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 04 :: เรียกพี่ได้มั๊ย (100%) [20/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tawanwee ที่ 21-03-2020 23:46:07
มันเป็นแผนนนนน
ชอบมากกก รออ่านต่อเลยจ้า :z2:
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 04 :: เรียกพี่ได้มั๊ย (100%) [20/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: funndee ที่ 23-03-2020 19:25:48
พี่ดี เท่ากับ พี่ฎีชัวร์ๆ  :m13:
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 04 :: เรียกพี่ได้มั๊ย (100%) [20/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Yeewajj ที่ 26-03-2020 14:28:51
น่ารักเกินไปแล้ววว
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 04 :: เรียกพี่ได้มั๊ย (100%) [20/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 27-03-2020 02:39:19
พี่ฎีร้ายนะเนี้ย :hao7: :hao7: ชอบ55555
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 04 :: เรียกพี่ได้มั๊ย (100%) [20/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: luklukky ที่ 28-03-2020 00:02:03
 :katai1: อยากอ่านต่อแล้ว รอน้าาาาาาาาาา
หัวข้อ: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 05 :: เจ้าของห้องคนใหม่ (30%) [28/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: pimpipam_s ที่ 28-03-2020 15:11:33
 
คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ

ตอนที่ 05 :: เจ้าของห้องคนใหม่ เจ้าของใจคนเก่า
 
 





เช้าวันถัดมา

ตอนนี้ผมอยู่บริเวณล็อบบี้ชั้นหนึ่งของคอนโดที่ผมต้องการจะมาดูห้อง โดยผ่านด่านพี่ รปภ. หน้าประตูทางเข้ามาได้อย่างง่ายดายเพียงแค่บอกชื่อของตัวเองออกไป ไม่ใช่ใหญ่โตมาจากไหนหรอกนะ แต่เพราะทางคุณดีเขาได้บอกกับผู้ดูแลคอนโดไว้เรียบร้อยแล้วต่างหาก ว่าจะมีคนเข้ามาที่ห้องของเขา

วงศ์รวีครับผม วงศ์รวีมาแล้ว

เมื่อวานหลังจากสอบถามข้อมูลจากคุณดีอะไรนั้นเสร็จ ผมก็รีบทักไลน์ไปหาคิวท์ทันที แต่เด็กนั้นดันไม่ยอมตอบอะไรผมเลยจนถึงตอนนี้ ก็รู้อยู่ว่าเป็นวันหยุดพักผ่อนของคิวท์ แต่ผมก็ไม่ได้จะทักไปถามเรื่องงานสักหน่อย ตอบผมกลับมานิดมาหน่อยก็ไม่ได้

ผมจะถามว่าคุณดีอะไรนั่น เขาคือใครไงล่ะ ทำงานที่ไหน และที่สำคัญหน้าตาเป็นยังไง ผมอยากเห็นจะแย่ กว่าเขาจะตอบแต่ละคำถามของผม และกว่าผมจะได้นอนก็เกือบเลือดขึ้นหน้า ไม่ได้เขินนะเว้ย โมโห><

Drd
: มีอะไรสงสัย ทักหาพี่ได้ตลอดนะครับ
: พร้อมตอบเสมอ

“ ถ้าผมมีอะไร ผมจะเลือกทักหาพี่เป็นคนสุดท้ายอะครับ ”

ผมไม่รู้เหมือนกันว่าฝ่ายนั้นเขาเป็นคนยังไง เพราะบางทีผมก็นึกตลกตัวเองเวลาพยายามคุยกับเขาให้รู้เรื่อง กว่าจะเข้าเรื่อง กว่าจะได้คำตอบ ผมท้อ -=- เหมือนกันไม่มีผิดคนชื่ออ่านว่า ‘ดี’ เนี่ย!

นาฬิกาข้อมือบอกเวลาเก้าโมงห้าสิบแปดนาทีซึ่งก็ใกล้เวลามากแล้ว ผมแค่รอให้ผู้ช่วยคุณดีเขามาหา แต่นอกจากผู้ชายหน้าตี๋คนหนึ่งที่นั่งอยู่โซฟาตรงกันข้าม ก็ไม่มีใครที่มีความเป็นไปได้แล้วนะ

ผมเห็นเขามองมาเป็นพักๆ แล้วก็ก้มลงไปเหมือนกำลังขีดเขียนหรือวาดอะไรสักอย่างในสมุดจดบันทึกอย่างใจเย็น

พรึบ!

ไอ้เชี่ย!

เขาลุกเดินมาแล้วว่ะ O-O

“ สวัสดีครับ คุณวงศ์รวีใช่มั๊ยครับ ”

“ หะ? ..เออครับ คุณคือ.. ”

“ ผมชานนครับ ผู้ช่วยของคุณดีระ.. เอ่อ คุณดีเจ้าของห้องในคอนโดนี้ครับ ”

“ ครับผม คือเมื่อกี้คุณ.. ” ผมอ้ำอึ้ง มองเขาแล้วชี้ไปที่โซฟาที่เขาเคยนั่ง จนเขาพยักหน้าเข้าใจในความหมายที่ผมจะสื่อ

“ ใช่ครับ ผมเองคนเดียวกันฮะ ไม่ใช่ผี อย่าเพิ่งตกใจนะครับ พอดีผมเห็นว่ามันยังไม่ถึงเวลานัด เลยไม่กล้าเข้ามาทักทายน่ะครับ อืม.. ตอนนี้ก็สิบโมงพอดีเลย ” เขาตอบพร้อมยิ้มหวานจนตาปิดให้ผม หลังจากก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเอง

“ ผมเห็นว่าคุณนั่งอยู่ก่อน แต่ไม่ทราบ.. ”

“ ครับ ผมพอจะดูออกว่าคุณวงศ์รวีอาจระแวงผม ”

“ ไม่นะครับ ผมแค่แปลกใจนิดหน่อย ” พูดเสร็จก็ยิ้มแห้งๆ ส่งไปให้เขาที่ดันรู้ทัน

“ ไม่ต้องคิดมากครับ ผมแซวเล่น^^ แล้ว.. คุณวงศ์รวีทานอะไรมาหรือยังครับ ”

“ เรียบร้อยแล้วครับ เอ่อ.. คุณชานนเรียกผมว่าผักกาดก็ได้ครับ ชื่อเล่นของผมน่ะครับ ” ผมเอ่ยบอกคุณผู้ช่วยหน้าตี๋เพื่อเป็นการเริ่มต้นการพูดคุยที่เป็นกันเองมากขึ้น

“ ผัก..กาด คุณคือคุณผักกาดหรอครับ? ”

“ ครับ ..ทำไมหรอครับ? ”

ผมเอ่ยถามเพราะอีกฝ่ายมีสีหน้าแปลกใจไปเล็กน้อย เมื่อผมบอกชื่อเล่นของตัวเองออกไป ก่อนที่เขาจะส่ายหน้าและอมยิ้มกลับมาให้เหมือนเดิม

“ คุณคือผู้จัดการน้องคิวท์? ”

“ ใช่ครับ ” หึย เขารู้จักน้องคิวท์ด้วยอะ

“ คือผมรู้จักกับคิวท์นะครับ แบบว่า..เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ”

“ หา! จริงหรอครับเนี่ย? ” ผมถามตาโต ตระกูลนี้เขาหน้าตาดีกันทั้งบ้านเลยหรอเนี่ย

“ จริงครับ โหห>< ดีใจจังได้เห็นหน้าคุณผักกาดสักที ผมเคยได้ยินแต่ชื่อของคุณ ไม่รู้จะขี้หวงอะไรขนาดนั้น ชอบมาพูดถึงตลอดแต่ไม่ยอมเอารูปให้ผมดู นึกแล้วโกรธคุณเขาจริงๆ แต่..วันนี้ได้เจอคุณผักกาดก็เลยดีใจสุดๆ อะครับ  ”

คนหน้าตี๋พูดรัวไม่หยุดทั้งยังทำหน้ายิ้มหน้าโกรธสลับไปมาจนผมงง แต่ก็ไม่กล้าถามกลับว่าโกรธใคร ยอมพยักหน้าเออๆออๆไปกับคุณชานนอยู่ดี

“ อ๋อ ขนาดนั้นเลยหรอครับเนี่ย^^ ”

“ ครับ ผมได้ยินน้องคิวท์กับเจ้านายผมพูดถึงคุณบ่อยๆ บ่อยมาก โดยเฉพาะเจ้านาย คิกๆๆ อุ๊ป! ผมไม่ได้อยากเม้าท์เจ้านายหรอกเนาะ แค่หลุดนิดหลุดหน่อยเอง ” คุณชานนพูดเหมือนตกใจแต่เต็มไปด้วยน้ำเสียงที่ตลกขบขัน เหมือนไม่ได้คิดอะไรมากมาย 

“ เจ้านาย? หมายถึงคุณดีน่ะหรอครับ ”

“ ครับ พอดีเขาไปต่างประเทศน่ะครับ ไปกับท่านประธานเกือบเดือนแล้ว พอดีทางบริษัทได้ไปตั้งฐานการผลิตที่ญี่ปุ่นเลยต้องไปดูด้วยตัวเอง เขาค่อนข้างงานยุ่งน่ะครับ อู้ย! แล้วนี่ผมออกนอกเรื่องไปไกลเลย วันนี้ผมมีหน้าที่พาคุณผักกาดมาดูห้องต่างหาก ” เขาเอ่ยแล้วเตรียมตัวจะลุกขึ้น แต่ก็ทิ้งตัวนั่งโซฟาตัวเดิมอีกครั้ง

“ มีอะไรหรอครับ? ”

“ลืมเลย เอางี้ดีกว่าผมให้คุณผักกาดเรียกผมว่าชาเฉยๆ นะครับ ”

“ ครับ คุณชา ”

“ อื้ม! ทานน้ำมั๊ยครับ พอดีผมซื้อชามะนาวมาให้ครับ ”

“ หา? ”

ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินไปที่โซฟาตัวแรกที่เขานั่ง เปิดกระติกเก็บความเย็นสี่เหลี่ยมเล็กๆที่อยู่ตรงนั้น ซึ่งผมเพิ่งเห็นว่าเขาพกมันมาด้วย แต่ทำหน้างงได้ไม่นาน เจ้าตัวก็เดินกลับมาพร้อมถุงที่มีแก้วอะไรบางอย่างยื่นให้ผม

“ นี่ครับ ชามะนาว ”

ผมหลุดยิ้มแล้วเอื้อมมือไปรับกับคุณชาอย่างเกรงใจ เป็นถุงน้ำชามะนาวแยกน้ำแข็งในแก้วที่เริ่มละลาย เออ..ของโปรด

“ ขอบคุณมากจริงๆ ครับ ”

“ ขึ้นไปกันเลยมั๊ยครับ เดี๋ยวน้ำแข็งจะละลายไปมากกว่านี้ ”

“ ได้ครับ ”

“ งั้นผมขออนุญาตนำนะครับ ”

ผมยิ้มบางๆ ให้กับคุณชานนอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเดินนำทางไปที่ลิฟท์ เขาค่อนข้างหน้าตาดี ยิ้มแย้มเก่ง นิสัยก็น่ารัก ดูเป็นมิตรกับทุกคนบนโลกใบนี้ ซึ่งผิดกับบุคลิกในตอนแรกที่ผมเห็นเลย ตอนนั้นเขานิ่งๆ เหมือนคนพูดจาไม่เก่ง

เขาตัวสูงกว่าผมไม่กี่เซนติเมตร แต่ค่อนข้างผอมเพรียวกว่า ดูจากหน้าตาของเขาแล้ว เขาน่าจะรุ่นๆ เดียวกับผมนะ






ผมตามคุณชานนขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 17 เดินออกจากลิฟท์จนถึงหน้าประตูห้องริมสุดของชั้นที่มีเลขห้องระบุชัดเจนว่า 1701 คุณชานนอธิบายว่าห้องนี้สามารถใช้กุญแจไข บัตรสแกน รหัสที่ตั้งไว้ หรือลายนิ้วมือเจ้าของห้องเพื่อเปิดประตูก็ได้

พอประตูห้องถูกเปิดด้วยการแสกนบัตร ผมก็เดินเข้าไปสำรวจทันทีพบว่าตรงกลางคือทางเดิน แบ่งห้องเป็นสัดส่วนซ้ายและขวา

“ เชิญตามสบายนะครับ ”

“ ครับ ” ผมพยักหน้ารับเป็นอันเข้าใจกัน ก่อนเดินแยกจากคุณชานนที่ขอตัวออกไปรับโทรศัพท์

ทางด้านซ้ายมือของประตูห้องจะเจอโซนของครัวเป็นอันดับแรก มีเคาน์เตอร์บาร์ ตู้ดูดควัน ที่ติดตั้งเตา ซิงก์ล้างมือ ตู้เย็นและโต๊ะสำหรับทานอาหารสำหรับ 4-6 คน และเนื่องจากห้องนี้เป็นห้องริมสุด ตรงครัวจึงมีบานกระจกเล็กๆ ให้มองออกไปเห็นคุณก้อนเมฆบนท้องฟ้าด้วย และถ้าเอาม่านสีเขียวพาสเทลมาติดไว้ด้วยคงโคตรของโคตรจะน่ารัก

ถัดไปจะเป็นห้องน้ำแบบมินิมอล กะทัดรัด สีขาวสลับเทาดูปลอดโปร่ง มีพัดลมระบายอากาศ ด้านในสุดแบ่งโซนเปียกด้วยประตูกระจกกั้น มีอ่างอาบน้ำขนาดพอเหมาะและพื้นที่อาบโดยใช้ฝักบัว ข้างกันเป็นโถส้วมแบบชักโครกอยู่ตรงกลางห้อง และริมด้านนอกสุดเป็นอ่างล่างหน้า บิ้วอินด้วยชั้นลายหินอ่อน และชั้นไม้สีอ่อนด้านข้าง

ข้างๆ กันเป็นห้องนอนที่มีประตูห้องสีขาว ซึ่งผมยังไม่เปิดเข้าไปดู ผมเดินมาด้านตรงข้างกันที่เป็นพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งก็คือห้องนั่งเล่นที่นี้มีเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอรนิเจอร์อยู่บางส่วน โซฟาสีเทาหลังใหญ่วางอยู่ศูนย์กลางของห้อง มีชั้นวางโซนมัลติมีเดียและโทรทัศน์ติดตั้งกับผนังที่แข็งแรง ผนังที่ยังว่างถ้าผมเอาตู้หรือทำชั้นวางหนังสือขึ้นมาใหม่คงเป็นอีกมุมโปรดที่ผมมาคลุกตัวอยู่บ่อยๆแน่

เมื่อเดินตรงถัดเข้าไปจากห้องนั่งเล่นจะเจอประตูกระจกที่มีม่านสีขาวปิดอยู่

แกร็ก! ครืดด

ผมเปิดประตูกระจกนั้นเพื่อออกไปยังริมระเบียง ตอนนี้แดดเริ่มร้อนระอุ แต่ถ้าตอนกลางคืนอากาศไม่ร้อนระเบียงนี้คงน่าออกมานั่งเล่น หรือเอาฟูกใหญ่ๆ ออกมานั่งพิงนอนพิงทำงาน กินข้าว หรืออ่านหนังสือการ์ตูนได้นะ อืม..ริมระเบียงด้านซ้ายและขวาที่เป็นระแนงไม้ ผมก็จะหาต้นไม้มาปลูกไว้ ทำชั้นสวยๆ ขึ้นมาเลยก็จะดีมาก

ผมเดินเข้าไปในห้องนอนเป็นอันดับสุดท้าย และอยู่ในนั้นนานเป็นพิเศษ ห้องนอนคือสถานที่ที่ใช้ในการพักผ่อนและหลับนอน 1 ใน 3 ของวัน ต้องไร้สิ่งรบกวน ผมเลยคิดว่าในห้องนี้ไม่จำเป็นต้องมีโทรทัศน์

เตียงยางพาราที่ไม่มีผ้าปู ผมตั้งใจว่าจะใช้ผ้าปูเป็นขาว ผ้าห่มและหมอนข้างสีเขียวอ่อนสลับสีเขียวเข้ม แต่ไม่ได้คิดหรอกนะว่าจะเข้ากับสีผนังห้องที่เป็นสีขาวที่ตัดด้วยผนังไม้ลายสีเทาอ่อนหรือไม่ แต่เพราะความชอบล้วนๆ ผมลองนั่งลงบนฟูกที่นิ่มๆนั้น เอนตัวลงนอนและนั่งอยู่หลายรอบจนพอใจ

มองรอบๆ เตียง เห็นมีหลอดไฟบนเพดานกลางห้อง และโคมไฟแขวนอยู่ทั้งสองข้างของเตียงบริเวณผนัง ข้างซ้ายมีชั้นวางของใกล้ๆ กับหน้าต่างบานใหญ่ ผมเดินไปเปิดดูตู้เสื้อผ้าลายไม้สีเดียวกับผนังที่มีขนาดใหญ่จนสามารถเอาตัวเข้าไปอยู่ได้ และแวะส่องกระจกที่โต๊ะเครื่องแป้งข้างๆกัน

ข้างขวาของเตียงใกล้กับประตูห้อง เป็นโต๊ะไม้ไว้ทำงานและเก้าอี้ที่ตั้งอยู่คู่กัน ผมนั่งลงและมองรอบๆห้องอีกครั้งเพื่อสร้างความคุ้นชิน

ก่อนตัดสินใจเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นอีกรอบ พบกับคุณชานนที่กำลังเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับแก้วชามะนาวที่ยื่นให้กับผม

“ นี่ครับชามะนาว ผมเห็นว่าคุณเดินดูห้องเพลินเลย แต่เจ้านายผมย้ำว่าต้องให้คุณดื่มชามะนาวนี้ให้ได้ เพราะมันอร่อยมากๆ เขาย้ำนักย้ำหนาเลยนะครับ ฮ่ะๆ ร้านนี้เป็นเจ้าประจำของเจ้านายผมน่ะครับ ”

“ ขอบคุณอีกครั้งครับ ” ผมรับแก้วชามะนาวมาถือเอาไว้ แล้วดูดขึ้นมาอึกหนึ่งเพื่อเป็นการลองชิมรสชาติ ผมรับรสฝาดและหวานหน่อยๆของตัวชาและรสเปรี้ยวของมะนาว มันกลมกล่อมและเข้มข้น ซึ่งเป็นอะไรที่ลงตัวมากๆ แก้วนี้ถือว่าอร่อยเลย

“ อืม? แล้วห้องนี้เป็นยังไงบ้างครับ ชอบหรือเปล่า  ”

“ ดีเลยนะครับ ผมจินตนาการไปเยอะเลยว่าถ้าเข้ามาอยู่จะตกแต่งยังไง วางของ ใส่ผ้าม่าน ผ้าปู ทำชั้น ปลูกต้นไม้ โห เยอะไปหมดเลยครับ ” ผมพูดพลางไล่เรียงสิ่งที่จินตนาการไปอย่างมีความสุข

“ ครับ^^ ที่นี่ยังใหม่เอี่ยมทุกอย่างนะครับ ไม่มีคนอยู่ก็จริงแต่มีแม่บ้านมาทำความสะอาดประจำ ”

“ ถ้าผมเออ..สนใจ.. ”

“ ได้แน่นอนครับ ตามที่คุณตกลงไว้กับคุณดีเลย ”

“ งั้นผมจะต้องรบกวนคุณชาเรื่องเอกสารใช่มั๊ย ”

“ ไม่รบกวนเลยครับ งั้นเรื่องเอกสารเดี๋ยวผมจัดการให้นะครับ ถ้าเซ็นเอกสาร จัดการเรื่องธนาคารเสร็จ คุณจะย้ายเข้าวันไหนครับ ”

“ วันศุกร์นี้เลย.. ได้มั๊ยครับ ”

“ ได้สิครับ ผมจะบอกคุณดีให้นะครับ ”






ผมดูหน้าจอที่ขึ้นแจ้งเตือน แอปสีเขียว และเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นอีกครั้งในเวลาติดๆกัน จนผมต้องเปิดเข้าไปดู

Drd
: ย้ายเข้าคอนโด ศุกร์นี้หรอครับ

Wongrawee
: ครับผม

Drd
: พี่กลับวันพฤหัสฯพอดีเลย
: วันศุกร์ให้ไปช่วยขนของมั๊ยครับ


   หืม?  ไหนคุณชาบอกว่าเจ้านายอย่างคุณดีเขางานยุ่งมากยังไงล่ะ ยังมีเวลาอาสามาช่วยกันย้ายของอีกหรอครับเนี่ย

Wongrawee
: ไม่เป็นไรดีกว่าครับ

Drd
: ปฏิเสธเร็วจัง

..พักก่อน

Wongrawee
: ผมอยากให้พี่ได้พักผ่อนไงครับ
: เดินทางมา มันเหนื่อยนะครับรู้มั๊ย

Drd
: เป็นห่วงหรอครับ

Wongrawee
: ไม่อะครับ

Drd
: *สติ๊กเกอร์ม่ะหมาร้องไห้
: ผักกาดเป็นคนตรงๆ

   ผมอ่านแล้วเผลอหลุดขำ เขาดูเหมือนจะผิดหวังในคำตอบของผมยังไงไม่รู้

Wongrawee
: แค่อยากให้พี่พัก พักเถอะครับ

Drd
: หึ
: ก็ได้ครับผม
: แล้วมีใครขนของมาช่วยมั๊ย

Wongrawee
: มีครับ

Drd
: งั้นก็โอเคครับ
: มีอะไรบอกพี่ได้นะ
: พี่อยู่ห้องข้างๆ

Wongrawee
: ล้อผมเล่นหน่าา

Drd
: ไม่ได้ล้อเล่นนะครับ
: พี่อยู่ห้องข้างๆเรา จริงๆครับ

หะ! ห้องข้างผม? ห้องไหน..
0 2 หรอ

Wongrawee
: ห้อง 02 หรอครับ

ผมที่เอนตัวพิงโซฟาในท่าสบายเปลี่ยนท่าเป็นนั่งตัวตรง เพราะตกใจจริงๆนะ หลังจากที่อ่านข้อความของเขา ผมรีบกดพิมพ์บนแป้นพิมพ์โทรศัพท์ไปรัวๆ เพราะนี่คือเรื่องใหม่ที่ผมรู้ และไม่ได้คาดคิดมาก่อน ตอนคุยกันครั้งที่แล้วๆ ผมก็ไม่ได้ถามเขาเลยว่าอีกห้องหนึ่งที่เขาว่าอยู่ชั้นอะไร เลขห้องไหน

Drd
: ใช่ครับ
: เราห้อง1701 พี่ห้อง1702

จริงด้วยแฮะ ต้อง 1 7 0 2 อยู่แล้วที่เป็นห้องข้างๆ เพราะห้อง 1701 ของผม มันอยู่ห้องริมสุดของชั้นเลยนี่หน่า

Wongrawee
: ผมนึกว่าพี่อยู่ชั้นอื่นซะอีก

Drd
: หรอครับ
: แล้วเสียใจมั๊ยที่พี่อยู่ใกล้มาก

Wongrawee
: จะเสียใจทำไมครับ

Drd
: กลัวว่าพอรู้ว่าพี่อยู่ข้างห้องจะไม่อยากย้ายมาอยู่แล้ว

นอกจากเขาจะชอบกวนประสาทและขี้บังคับแล้ว บางทีเขายังทำตัวเหมือนคุณลุงขี้น้อยใจและชอบคิดไปเองโดยไม่รู้ตัวอีกคนหนึ่งด้วย ผมสังเกตมาสักพักแล้วจากการคุยผ่านทางข้อความของเขา

อีกอย่างห้องที่ว่าผมก็จ่ายตังค์บางส่วนแล้ว ไม่ย้ายเข้าไปอยู่คงไม่ได้

Wongrawee
: ไม่เลยครับ
: แบบนี้ก็ดี ผมจะได้มีโอกาสเจอพี่ตัวเป็นๆ

Drd
: โธ่ น้องครับ พี่เป็นคนไม่ใช่ผีครับ
: ตัวเป็นๆ เลยหรอ

..ก็ไม่ได้บอกซักหน่อยว่าคุณเขาเป็นอย่างอื่น

เนี่ย แต่ที่ว่าเขาน้อยใจก็น้อยใจได้ไม่นานหรอก ผมชวนคุยแป๊บๆ ก็กลับมากวนประสาทเหมือนเดิมแล้วเนาะคนเรา

Wongrawee
: แค่หยอกเล่นนะครับ

Drd
: หยอกซะกลัวขึ้นมาจริงๆ เลยนะครับ

Wongrawee
: กลัวผีหรอครับ?

Drd
: เปล่าครับ
: กลัวตกหลุมยักน่ะครับ

   ยัก?

…เฮ้ย ผมอ่านอีกรอบ และอีกรอบ พี่เขาคงเล่นมุกแหละเนาะ






   ‘ ไม่เคยตกหลุมรักใครเลยหรอ? ’ เสียงทุ้มเสียงหนึ่งของคนที่นั่งเยื้องๆกันกับผมเอ่ยถามขึ้นมาขัดความสนุกในขณะที่ผมกำลังตั้งใจอ่านหนังสือการ์ตูนเกี่ยวกับการผจญภัยในเมืองแม่มดเล่มหนึ่งอยู่
   
   มันเป็นเวลาประมาณสี่โมงกว่าๆ ที่ผมมีนัดกับเดอะแก็งค์อย่างไอ้แยมและวาวาที่ยังไม่เลิกเรียนทั้งคู่เพื่อจะไปกินข้าวเย็นกันในรอบเดือน แต่หลังจากไอ้แยมคบกับพี่ปัง การไปกินข้าวเย็นของพวกเราจึงมักจะมีสมาชิกพวงมาเพิ่มแบบไม่จำกัดจำนวน อย่างเช่นวันนี้ที่มีพี่ปังแฟนไอ้แยม และพี่ฎีที่ไม่รู้ว่าถูกใครอันเชิญมาร่วมวงด้วย

   ‘ มึงถามใคร? ’ พี่ปังที่นั่งเล่นเกมส์โทรศัพท์ตรงข้ามกันกับผม เงยหน้าหันไปถามเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆตัวเอง แต่ไม่นานว่าที่คุณหมอฟันก็ต้องหลุดหัวเราะ เมื่อเจ้าตัวส่ายหน้าและพูดชื่อที่ผมไม่ชอบและไม่อยากให้ใครต่อใครเรียกออกมานัก
   
   ‘ กูถามรวี ’

   ชื่อนี่ไงล่ะ รวี

   รวีอีกแล้ว! รวีบ้านพี่สิ! ผมชื่อวงศ์รวีโว้ยยย!

   ‘ เออๆ! เดี๋ยวน้องได้ด่ามึงไอ้ห่าไปเรียกน้องมันว่ารวี น้องเขาชื่อเล่นว่าผักกาด’

   เอ่อเนี่ย พี่ปังคนดีคนเดิมของน้อง บอกเขาไปเลยพี่! บอกเพื่อนพี่ไปให้เรียกชื่อคนอื่นเขาให้ถูก
   
   ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับพี่ปัง และพยายามไม่สนใจคนตัวสูงที่กำลังจ้องมองมาที่หน้าของผมอย่างอยากรู้

   ‘ อ้าว! ยังอีก! ’

   ‘ อืมๆ! ผักกาด! วงศ์รวี! ’

   ‘ เอิ่ม ไอ้ห่า แล้วจะตะโกนเสียงดังไปไหน แล้วดูพูดก็ไม่มองหน้าน้อง น้องก็จะคิดว่ามึงไม่เต็มใจเรียกน่ะสิ ..ผักกาด พี่ขอโทษจริงๆ ที่มีเพื่อนกวนตีนอย่างมัน ’

   ผมดันหลุดขำออกมาง่ายๆ ให้กับหน้าตาเหลอหลาของพี่ปังที่หันไปว่าให้กับเพื่อนชุดใหญ่ไฟกระพริบหนึ่งที ก่อนจะรีบหันกลับมาเอ่ยขอโทษผมแทนคนกวนประสาท จนผมต้องส่ายหน้ารัวๆ และอมยิ้มเล็กๆ เพื่อบอกว่าไม่เป็นไร

   ‘ อย่าไปยิ้มแบบนั้นให้เพื่อนกูนะ! ’

   ‘ อะไรของพี่เนี่ย! ’ ผมเบี่ยงหลบพร้อมกับโวยวายใส่คนหน้าดุที่นอกจากจะกระแทกเสียงไม่พอใจใส่กัน ยังจะเอื้อมฝ่ามือใหญ่ๆ ของตัวเองมาบังหน้าผมไว้อีก
   
   ‘ ก็ไอ้ปังมันมีแฟนแล้ว แฟนมันก็คือเพื่อนของมึงด้วย ’

   ‘ รู้แล้ว! ผมรู้ แล้วพี่เป็นอะไรเนี่ย! หึย!! ’ ผมร้องใส่คนหน้ายุ่งพร้อมกับปัดมือเขาออก แต่เขาก็ไม่มีทีท่าจะยอมแพ้เลย

   ‘ มึงจะไปทำหน้าทำตาอย่างนั้นกับมันไม่ได้ ทำกับกูนี่! ’ ว่าแล้วเจ้าตัวก็รีบดันตัวพี่ปังออกไปอย่างแรงแล้วขยับตัวเข้ามานั่งแทนที่ ซึ่งอยู่ตำแหน่งตรงกันข้ามกับผมพอดี

   ‘ ทำยังไง? ผมทำหน้าทำตายังไง ถามหน่อย.. พี่นี่โวยวายเก่งว่ะ! ’

   ‘ ยิ้ม! ก็มึงยิ้ม ’

   ‘ โอ๊ะ!? ยิ้มแล้วยังไง ผมก็ยิ้มให้ทุกคนนั่นแหละ ’

   ‘ ทุกคนแต่ยกเว้นกูไง มึงไม่เคยจะยิ้มให้กูอย่างเต็มใจ เห็นหน้ากูแต่ละทีก็ชอบทำหน้าบูดเป็นตูดให้ตลอด เซ็งว่ะ ’
   
   เงียบ..

   เออ ผมนี่แหละเงียบเลย ใครจะไปพูดออกวะ..

   ผมมองหน้าคนพูดอย่างอึ้งๆ ก่อนหันไปมองพี่ปังเพื่อหาตัวช่วย แต่พี่เขาก็ส่ายหัวให้กับผมราวกับคนไม่รู้เรื่องรู้ราวเช่นกัน

   ‘ คะ..แค่นิดๆ หน่อยๆ เอง ระ..เรื่องเล็กๆเหอะ ’ ผมพูดเสียงตะกุกตะกัก แล้วหลบสายตาเขา

   ‘ น้อย..ใจ..แน่ๆ ’ พี่ปังขยับปากพูดแบบไม่ออกเสียงด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม พลางชี้ด้วยนิ้วโป้งเหมือนท่ากดไลค์ให้ผมหันกลับไปมองคนข้างๆเขาที่เพิ่งเงียบไปหลังจากหลุดปากพูดราวกับน้อยใจผม

   ‘ พี่รู้ตัวป่ะ พี่พูดอะไรอยู่ ’ ผมเม้มปากหลังจากถามเขาออกไป แอบยกมือขึ้นมาเกาหน้าผากตัวเองเพราะทำตัวไม่ถูก ที่ผมไม่ค่อยอยากพูดจากับเขา ไม่ค่อยอยากยิ้มให้ก็เพราะผมหมั้นไส้ที่เขาชอบมาแกล้งผมอยู่ตลอดเวลาที่เจอกัน แต่ใครจะนึกว่าเขาจะน้อยใจการกระทำของผมกันเล่า

   ‘ เออ รู้! แต่ก็ช่างมันเถอะ ..มึงโง่ กูก็ป๊อด ’

   หะ!? อะไรนะ!?

   ‘ พี่บ่นอะไรงึมงำ ผมเอียงหูฟังแล้วก็ยังไม่รู้เรื่อง ’

   ใครโง่ ใครป๊อดนะ??

   ‘ ช่างเหอะ กูพูดไม่ให้มึงได้ยินเอง ’ เขาบอกออกมาอย่างเซ็งๆ

   ‘ เอ้าพี่!’

   ‘ เอ้าไอ้นี่! ’ พี่ปังที่กำลังทำหน้าลุ้นอยู่ ร้องด่าพี่ฎีออกมาอย่างผิดหวัง แล้วผมกับพี่ปังก็มองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจอีกครั้ง

   ‘ มึงก็ด้วยไอ้สัดปัง ’ เขาหันไปชี้หน้าพี่ปังอย่างไม่พอใจ หันมามองหน้าผมเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะถอนหายใจและเสหน้าไปทางอื่น

   ‘ ใจเย็น มีอะไรค่อยๆพูดไอ้ฎี มึงมันขี้น้อยใจ อยู่ดีๆก็ของขึ้นไอ้นี่ กูขอโทษแต่กูไม่ได้ทำอะไรเลยนะเว้ย ทีหลังมึงก็แสดงออกดีๆดิวะ ทำแบบนี้ไม่มีใครเดาใจมึงได้นะเว้ย น้องมันก็ไม่รู้ว่ามึงต้องการอะไร ’ พี่ปังพูดบ่นสลับด่า หลังจากนั้นก็พูดอะไรซะยาวไม่รู้ ผมฟังแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจ มองอีกทีก็เห็นพี่ปังกอดคอตบหัวไหล่คนตัวโตราวกับอดปลอบใจไม่ได้

   ‘ ………. ’

   แม้ผมจะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ผมก็ไม่ชอบเลยเวลาที่เขานิ่งไปนานๆ ไม่กวนบาทาเหมือนเดิม

   เมื่อผมเห็นคนที่ตรงข้ามนั่งเงียบทั้งยังเบือนหน้าไปมองทางอื่น ผมก็เลยตัดสินใจพูดประโยคหนึ่งออกมา ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าพูดออกไปแล้วเขาจะอารมณ์ดีขึ้นบ้างมั๊ย เขาจะโอเคขึ้นหรือเปล่า แต่ก็ดีกว่าไม่ยอมพูดอะไรแล้วปล่อยให้สถานการณ์มันย่ำแย่ลง

   ‘ อยากให้ยิ้มให้ใช่ป่ะ ..ถ้าผมอารมณ์ดีๆ เดี๋ยวผมยอมยิ้มหวานๆ ให้พี่บ้างก็ด้ะ! ’

   ผมบอกคนตรงหน้าจบประโยคก็ก้มหน้ากลับมาสนใจหนังสือการ์ตูนเล่มเดิมในมือที่อ่านค้างเอาไว้ต่อ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากำลังทำหน้ายังไง จะกลั้นยิ้มเอาไว้หรือหลุดยิ้มมุมปากตามสไตล์ออกมาหรือเปล่า แต่แค่ได้ยินเสียง ‘อืม’ ตอบรับเบาๆ กลับมาก็คงเป็นสัญญาณที่ดีขึ้นแล้วล่ะนะ

   ‘ ไอ้นี่! จะยิ้มก็ยิ้ม มึงอย่ามาทำเป็นกลั้น เห็นปากมึงขมุบขมิบ จมูกบานๆแล้ว แม่งน่าเกลียด ’

   ‘ สัด! ’

   ผมเหลือบสายตาไปมองคนตรงหน้าทั้งคู่หลังจากได้ยินเสียงกึ่งแซวกึ่งล้อจากพี่ปัง กับเสียงสบถด่าเพื่อนสนิทของคนที่น่าจะหายงอนแล้ว ทำให้ตัวผมเองเริ่มสบายใจขึ้นมาบ้าง

   ‘ มอง! ทำเป็นมอง ’

   ผมถอนหายใจ มองคนที่พาลไม่หยุด หลังจากเอ่ยกับผมด้วยสีหน้าล้อเลียน

   ‘ อะไร? ’ ผมถามเขาตาโต

   ‘ ก็มึงมองกู ’

   ‘ ว่าแต่คนอื่นมองตัวเอง พี่ก็ชอบมองผมเหมือนกันนั่นแหละ ’

   ‘ ……… ’ O.O

   ผมว่าแค่นั้นคนตัวสูงตรงหน้าก็อึ้งไปเลย เขาทำเป็นหยิบขวดน้ำขึ้นมายกดื่มแก้อายแน่ๆที่ผมจับได้ เป็นไงล่ะ! ผมรู้ทันตลอดนั้นแหละว่าที่เขามองผมก็เพราะจะหาจังหวะมาแกล้งกัน

   ‘ ฮ่ะๆ ’

   ‘ ไปไหนก็ไปๆ! ’ พี่ฏีหันไปไล่เพื่อนที่กำลังหัวเราะขำด้วยสีหน้าอันหงุดหงิด จนพี่ปังพยักหน้าอย่างยอมแพ้

   ‘ ก็ได้ งั้นกูไปรอแยมข้างบนตึกก่อน พี่ฝากเพื่อนพี่ด้วยนะผักกาด ’

   ว่าจบ พี่ปังก็ขอตัวลุกเดินออกไป ส่งท้ายด้วยการหันกลับมาบอกกับผมว่า ‘สู้ๆน้า’ ด้วยแอคติ้งเป๊ะๆอันน่าหมั้นไส้ที่ไอ้แยมเคยสอนไว้ ส่วนผมที่กำลังรีบเก็บของแล้วจะลุกขึ้นตามก็หน้าเอ๋อแบบไปไม่ถูก
   
   ‘ พี่ปัง! รอด้ะ.. ’

   ‘ จะลุกไปไหน นั่งลง! ’

   ‘ ผมจะไปหาไอ้แยม ’ ว่าแล้วผมก็ลุกเดินออกไปยืนนอกเก้าอี้ ก้าวถอยหลังสองสามก้าวเท่านั้น แต่โดนขัดไว้ก่อนด้วยคำพูดและสายตาดุๆของคนใจร้าย

   ‘ ไม่ต้องไป เดี๋ยวไอ้ปังก็พาเพื่อนมึงมา นั่งอยู่กับกูอยู่ที่นี่แหละ ’

   ‘ ทำไมผมต้องอยู่กับพี่ไม่ทราบ ’

   ‘ จะนั่งไม่นั่ง กูลุกไปลากกลับมานะ! ’

   ‘ เอ่อๆ! พี่ไม่ต้องลุกมาเว้ย นั่งๆ ผมนั่งแล้วเนี่ย! ’ > = <

   ผมรนรานเพราะกลัวคำขู่ของคนตัวสูงหน้าดุที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกขั้วโลกเหนือ ทั้งยังทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นมาลากตัวผมกลับไปนั่งจนผมต้องเอ่ยห้าม แล้วรีบวิ่งด๊อกแด็กกลับมานั่งลงที่เดิม

   ‘ ว่าง่ายแบบนี้บ่อยๆ ก็ดี ’

   ‘ ……. ’ อะไรหนักหนากับผมวะ ไอ้คนขี้ก่อกวน ไอ้คนใจร้าย ไอ้คนขี้บังคับ

   ‘ กูรู้นะ ด่ากูอยู่ในใจ ’

   ‘ เบื่อพี่ว่ะ ’ ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมหยิบหนังสือเล่มเดิมออกจากกระเป๋า มาเปิดหน้าเดิมที่ถูกคั่นเอาไว้ หน้านี้ผมอ่านมาสามรอบแล้วยังไม่เข้าใจเลยทั้งที่มันก็มีอยู่ไม่กี่ประโยค เฮ้อ! โดนขัดขึ้นมาตลอด

   ‘ เบื่อเก่ง ถ้าไม่เห็นหน้ากูแล้วอย่ามาเหงาแล้วกัน ’

   ‘ จิ! ’ ผมส่งเสียงไม่พอใจใส่คนที่กำลังลอยหน้าลอยตา เงยหน้าไปมองก็พบว่าคนหน้าดุในตอนนั้นกำลังเผยยิ้มมุมปากพอใจหลังจากได้แกล้งผมอีกครั้ง อารมณ์ดีเก่ง!

   ‘ แล้ว..ตอบกูได้ยัง ’

   ‘ อะไรอีกอะ? ’ ผมเบะปากให้เขาน้อยๆ

   ‘ ไม่เคยตกหลุมรักใครเลยหรอ? ’

   ‘ ถามไมเนี่ย ’

   ‘ ตอบมาเถอะน่า ’

   ‘ ก็ไม่เคยอะดิ แล้วอยู่ๆ ทำไมพี่ถึงมาถามแบบนี้อะ เห็นผมเป็นที่ปรึกษาความรักเนี่ยนะ ไปชอบใครเขาตั้งแต่เมื่อไรล่ะ ’ ผมว่าพร้อมกับแสยะยิ้มไปให้เขา เจ้าตัวส่ายหน้าแกล้งทำเป็นขวยเขินจนผมกรอกตาแบบเอือมๆ

   ‘ ก็เมื่อไม่นานมานี้หรอก ’

   ‘ ใครว่ะ โคตรโชคร้ายเลย ได้พี่ไปชอยเนี่ยนะ แบร่! ;P ’ ผมว่าเสร็จแล้วก็รีบหอบหนังสือ ใช้มืออีกข้างคว้ากระเป๋าลุกขึ้นวิ่งหนีเขาด้วยความเร็วแสง วิ่งออกมาตั้งหลักที่ริมถนนฝั่งตรงข้ามไม่ไกลนักก็ได้ยินเขาตะโกนตามหลังมาเลยตัดสินใจหันกลับไปมอง

   ‘ เดี๋ยวมึงจะโดนผักกาด ’

   ‘ อะไร ผมพูดความจริง ’ เถียงสู้ใกล้ๆ ไม่ได้ ผมก็ตะโกนกลับ สู้แม่งไกลๆ นี่แหละ

   ‘ งั้นมึงก็ระวังแล้วกัน ไอ้เด็กไม่น่ารัก กูแม่งก็ยังจะ... ’

   ‘ พี่ว่าอะไรนะ!? ยักหรอ!? ’

   ผมตะโกนถามเขากลับด้วยสีหน้าหงุดหงิด คิ้วเผลอขมวดเพราะคนที่ลุกขึ้นยืนเล่นตะโกนคำพึมพำคำในลำคอแบบนี้ ผมฟังไม่รู้เรื่องหรอกว้อยย!

   ‘ กูพูดว่า มึงไม่น่ารัก.. แต่กู..’

   บริ้น! บริ้น!

   ไอ้รถเวสป้าคันนี้นี่จะบีบแตรทำไม ผมไม่ได้จะข้ามถนนตัดหน้ารถเขาซะหน่อย

   ‘ ยักอะ? ผมได้ยินว่ายัก  ยักอะไรของพี่ว่ะ? ’

   หรือเขาพูดว่า มึงแม่งหน้ายัก หรอวะ??

   ‘ ยักอะไรของมึง กูพูดว่ายักที่ไหนเล่า! ’

   ‘ ก็เนี่ยยักอยู่ ยัก!? ’

   ‘ เออๆ ยักก็ยัก กูก็จะกลายเป็นยักษ์แล้ว ’

   ‘ พี่จะบอกว่าตัวเองเหมือนยักษ์หรอ เอ๊ะ! หรือพี่หลอกด่าว่าผมหน้าเหมือนยักษ์ ’

   ‘ เอ่อ! แล้วแต่มึงจะได้ยินแล้วกันผักกาด ’ เขาตะโกนบอกผมก่อนทิ้งตัวนั่งลงที่เดิมอย่างถอดใจ แต่ใช่ว่าผมจะง้อ จะสนใจ ดันมาว่ากันว่าหน้าเหมือนยักษ์ซะขนาดนั้น ไม่คุยด้วยแล้ว




❤ 30 เปอร์เซนต์ (%)


----
Note : ตัวหนังสือเอียงคือพาร์ทอดีตค่ะ
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 05 :: เจ้าของห้องคนใหม่ (30%) [28/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-03-2020 23:10:39
 :z6:
เอาเข้าไป สองคนนี้
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 05 :: เจ้าของห้องคนใหม่ (30%) [28/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: funndee ที่ 29-03-2020 18:51:29
หูยยย พี่ฎี
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 05 :: เจ้าของห้องคนใหม่ (30%) [28/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 29-03-2020 23:47:32
จะได้อยู่ห้องติดกันแล้ว :hao3: :hao3:
หัวข้อ: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 05 :: เจ้าของห้องคนใหม่ (70%) [30/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: pimpipam_s ที่ 30-03-2020 00:49:42
มาต่อค่ะ

 
 



“ เหอะ! ว่าเราหน้าเหมือนยักษ์เนี่ยนะ ”

   ขณะที่กำลังไล่สายตาอ่านตัวหนังสือที่ปรากฎขึ้นในข้อความไลน์ ผมดันไปนึกถึงเขา นึกถึงคนกวนประสาทอันดับหนึ่งอีกแล้ว สมองเรียบเรียงความทรงจำที่เคยเลือนลางให้เริ่มออกมาชัดเป็นเรื่องเป็นราว ทั้งยังเห็นเป็นรูปร่างหน้าตา รวมถึงได้ยินน้ำเสียงของเขาวนไปวนมาอยู่ในหัวอีกครั้ง

   ทั้งหมดที่ผมนึกขึ้นมาได้มันอาจไม่ใช่เหตุการณ์ครบถ้วนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต มันค่อนข้างเลือนลางไปมากแล้ว แต่คำว่า ‘ยัก’ ของคุณดีคำเดียวทำให้ผมกลับไปนึกถึงความทรงจำนั้น

ตือดึ้งง!
Drd
: อ้าว เงียบไปเลยหรอ?
: กลับมาก่อนนน

Wongrawee
: ไม่ได้ไปไหนสักหน่อยครับ

Drd
: พี่ว่า พี่ก็พิมพ์ผิดนะ
: ไม่คิดจะแก้ให้กันหน่อยหรอครับ

Wongrawee
: พิมพ์อะไรผิดครับ

Drd
: ยัก

Wongrawee
: ไม่แก้หรอกครับ พี่เลิกเล่นมุกพิมพ์ผิด หรือแกล้งผมเถอะหน่า

Drd
: อืมมม
: ความจริงพี่ก็แกล้งเราจริงๆน่ะครับ

Wongrawee
: นั่นไง จะแกล้งว่าผมเหมือนยักษ์ใช่มั๊ยล่ะครับ

   ผมกดส่งพิมพ์ส่งไป ในใจภาวนาให้เขารับมุกผมเหมือนกันนะ แต่ผิดคาด..

Drd
: เปล่าครับ ที่บอกแกล้ง
: คือพี่แกล้งพิมพ์ผิดน่ะครับ
: จะพิมพ์ ร เรือ
: ไม้หันอากาศ

Drd
: ….. (กำลังพิมพ์)

Wongrawee
: พี่ครับผมไหว้ล่ะ

   ผมรีบพิมพ์และกดส่งตัดหน้าเขา ก่อนที่เขาจะพิมพ์ตัวสะกดตัวสุดท้ายส่งมา มันก็เดาไม่อยากหรอกว่าเขาหมายถึงคำไหน แม้เขาจะเล่นมุก แต่ผมไม่ค่อยชอบเลยถ้ามีใครสักคนมาพูดคำนี้พร่ำเพรื่อ โดยที่ไม่คิดอะไรหรือรู้สึกถึงมันจริงๆ เพราะตัวผมเองเป็นแบบนั้น ไม่เคยตกหลุมรัก ไม่เคยรู้สึกถึงความรักแบบคนที่รักกันเขาเป็น ไม่เคยเข้าใจว่าคนเรากันเขาจะรู้สึกยังไง มันเลยพูดออกมาได้ยาก
   
   ง่ายๆ คือ ถ้าไม่รักก็จะไม่พูด

Drd
: แล้วเราจะไม่สู้พี่หน่อยหรอครับ

   ไม่สู้ครับ ผมหมดแรงตั้งแต่ประโยคแรกที่คุยกันแล้ว ไอ้คนพลังงานเยอะเอ้ย

Wongrawee
: ไม่ครับ
: พี่อย่าแกล้งแบบนี้อีกนะ

Drd
: ครับ ไม่แกล้งแบบนี้แล้ว

Wongrawee
: ดีครับ
: อีกอย่างนะ ผมไม่เชื่อพี่อยู่แล้ว
: พี่จะมาตกหลุมรักคนที่ไม่เคยเจอกันได้ไง

Drd
: แต่
: เราเคยเจอกันแล้วนะ

   หะ!

Wongrawee
: จริงหรอครับ?
: อ๋อ สงสัยตอนนั้นเรายังไม่รู้จักชื่อกันเนาะ

Drd
: พี่รู้จักผักกาดครับ

   หะ!
   
   วันนี้หลายหะแล้วนะเว้ย

Drd
: พี่รู้จักเราจริงๆ ครับ

   แต่..กระผม ไอ้ผักกาดไม่รู้จักพี่ไงโว้ย

   คนที่ชื่ออ่านว่า 'ดี' ที่ผักกาดรู้จัก ตอนแรกมันก็มีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ คือคนตัวสูงๆ ที่เป็นเจ้าของหุ่นสมส่วน เจ้าของใบหน้าคมเข้ารูปที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มกวนๆ ตรงมุมปาก เจ้าของนิสัยกวนประสาทอันดับหนึ่งที่ผมเคยบอกว่าไม่ชอบ คุณฏี ฏีรดลนะ

   พี่ดีเจ้าของคอนโดนี้ผมไม่คุ้นเลย ผมพูดด้วยความสัตย์จริง เพราะผมรู้ข้อมูลของเขาน้อยมาก

Wongrawee
: ผมคงจะจำหน้าพี่ไม่ได้น่ะสิ
: แถมรูปในไลน์ พี่ก็ไม่ตั้ง

Drd
: ก็เพราะกลัวเราตกใจจนไม่ซื้อคอนโด

Wongrawee
: ก็ไหนว่าเคยเจอกัน
: ผมจะตกใจพี่ได้ไง

   ผมครุ่นคิด เพราะเขาบอกว่าเราเคยเจอกัน และถึงแม้ผมจะจำไม่ค่อยได้หรือเลือนลาง แต่ถ้าคนเคยเจอกันมาเจอกันใหม่อีกครั้ง คนเรามันก็ต้องมีเอ๊ะ? ต้องมีคุ้นๆกันบ้างแหละ

Drd
: ไม่รู้สิ เผื่อเราขวัญอ่อน

Wongrawee
: อะไรของพี่
: คนเคยเจอกันเลยนะ

Drd
: หึ ครับผม
: งั้นการที่พี่เคยเจอเราแล้ว แสดงว่าก็ตกหลุมยักเราได้ใช่มั๊ย

   แหนะ!(?) ยังไม่จบจากคำว่า 'ยัก' พิมพ์มาอีกแล้ว แถมยังพิมพ์ผิดอีกรอบแล้วด้วย

Wongrawee
: พี่ดีอย่าแกล้งผมเลย

Drd
: ครับ พี่ไม่แกล้งแล้วครับ
: แต่เมื่อกี้พี่พูดจริงๆ

Wongrawee
: งั้นผมตอบคำถามพี่เลยว่าไม่ได้

Drd
: 55555
: แต่ถ้าเจอกันหน้ากันแล้ว อย่าตกใจนะ

Wongrawee
: ทำไมผมต้องตกใจอะครับ

Drd
: เพราะพี่มันหล่อเกินไปไงครับ

   มั่นหน้ามั่นใจจังครับคูณณณณณ

Wongrawee
: *สติ๊กเกอร์แมวมองบน

Drd
: แล้วที่สำคัญที่บอกก่อนหน้านี้ พี่ไม่ได้ขออนุญาตนะครับ
: แค่บอกให้รับทราบไว้เฉยๆ

   มะ..หมายถึงเรื่องอะไร

   ผมจะพยายามเข้าใจเขา แม้จะไม่เข้าใจแล้วกันเนาะ

Wongrawee
: งั้นถ้าเราเคยเจอกัน
: ผมขอดูรูปของพี่หน่อยได้มั๊ย
: ผมอยากรู้ว่าพี่หน้าตายังไงอะครับ เผื่อผมจะนึกออก



“ พี่กาดอะแหนะๆ คุยกับใครอะ ”

   ผมเงยหน้าจากโทรศัพท์ เห็นข้าวโพดเดินหอบกางเกงยีนส์ของผมที่น้องอาสาเอาไปพับให้มาวางลงบนโซฟา และทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นข้างๆผม ยัยน้องสาวยิ้มแป้นส่งสายตาเหมือนจับผิดพี่ชายข้อหาที่นั่งพิมพ์โทรศัพท์ต๊อกๆแต๊กๆเมื้อกี้ แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ยอมหยุด

“ พี่ติดต่อเรื่องคอนโดอยู่ ”

“ อ้าว หรอคะ นึกว่าคุยกับ..ใครซะอีก ” ใครที่ว่าของน้องสาวก็คงจะหมายถึง คนคุยที่แปลว่าแฟนสินะ

“ ไม่มีซะหน่อย ”

“ คิกๆ ไม่มีก็ไม่มี้ แต่เดี๋ยวหน้ายุ่งเดี๋ยวยิ้มแก้มปริเชียว ”

“ อือ แล้วเราออกมาทำไม พับกางเกงให้พี่เสร็จแล้วทำไมไม่นอน ” ผมเปลี่ยนเรื่องพูด พลางแอบเอามือขึ้นมาแตะๆที่ข้างแก้มของตัวเองอย่างงุนงง ยิ้มที่ไหน.. ไม่ได้ยิ้มเลยนะะะ แค่กินมาม่าเผ็ดมาแล้วปากมันกระตุกไปเอง

“ ข้าวว่าจะมาช่วยพี่กาดเก็บของต่อ ”

“ หรอ มาดิ ของอีกเยอะเลย ช่วยพับเสื้อพวกนี้ก็ได้ ”

   ผมว่าแล้วก็ดันตะกร้าผ้าที่เพิ่งเก็บมาจากราวไปให้ใกล้น้อง น้องอาสาพี่ไม่ปฏิเสธน้ำใจอยู่แล้ว

“ พี่กาดจะเอาของไปแค่นี้หรอ? แล้วของที่เหลือล่ะคะ ”

“ ของที่เหลืออยู่พี่ก็ให้สองข้าวเอาไว้ใช้ไง ”

   ตอนนี้ของที่ผมเตรียมไว้ก็มีเสื้อผ้า หมอน ของใช้ยิบย่อย ส่วนของอื่นๆ เดี๋ยวค่อยไปทยอยซื้อเพิ่มตอนย้ายเข้าไปอยู่คอนโดแล้วก็ได้

“ พี่กาดย้ายไป จะไม่เหงาหรอ ” ยัยน้องสาวพูดหน้าหงอย

“ พี่ไม่เหงาหรอก ” ผมส่ายหน้าเบาๆ

“ ไม่ช่ายยย ข้าวหมายถึงข้าวเนี่ย จะไม่เหงาหรอ คิกๆๆ ” ว่าแล้วสาวน้อยก็ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง แล้วก็หัวเราะเยาะผมใหญ่

“ กวนนะคนเรา ” ผมให้มะเหงกลงหัวน้องไปหนึ่งทีเบาๆ

“ ล้อเล่นค่าาา ข้าวหมายถึงพี่กาดนั่นแหละ ”

“ ทำไมถึงคิดว่าพี่จะเหงา ” ผมลูปหัวน้องเบาๆ อย่างเอ็นดู

“ ก็พี่กาดไม่มีใครดูแลเลย ”

“ พี่ดูแลตัวเองได้ ”

“ ข้าวรู้ว่าพี่กาดเก่ง เก่งทุกเรื่องเลย.. แต่เรื่องความรักนี่อ่อนด๋อยมาก มีคนคุยหรือเปล่า มีแฟนหรือยัง ไม่เห็นเล่าให้ข้าวฟังเลย ”

“ ไม่มี พี่บอกไปแล้ว ” ผมรีบบอกน้องไปตามความจริงอีกครั้ง

“ ไม่มีอีกล่ะ ถามกี่ครั้งก็ไม่มี ตัวเอง 26 แล้วนะ ” ข้าวโพดพูดสีหน้าผิดหวัง เพราะเคยถามพี่ตั้งแต่ตัวเองจำความได้

“ แค่ 25 เองข้าว ” ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งบวกเพิ่มหนึ่งปีสิ

“ หืม ก็ย่างเข้า 26 แล้วไงงง พี่หนูออกจะน่ารักทำไมไม่มีแฟนนะ หาผู้หญิงไม่ได้ก็หาผู้ชายไปเลยพี่กาด ” ข้าวโพดทำหน้างอแงใหญ่

“ พี่ไม่ได้ติดเรื่องนี้เถอะ แต่ไม่มีจริงๆ ”

“ แต่พี่กาดดดด.. ”

“ เอาเถอะๆ เดี๋ยวหาได้แล้วจะบอกนะคะ โอเคมั๊ย ”

   ผมชูมือสองข้างขึ้นข้างศีรษะในท่ายอมแพ้ ก่อนที่น้องจะทำหน้างอแงผมไปมากกว่านี้

“ โอเคค่ะ ” ข้าวโพดตอบรับและชูท่าโอเคซะน่ารักเลย

“ งั้นช่วยพี่จัดของได้ยัง? ”

“ ได้แล้ว งู้ยยย ข้าวอยากเห็นหน้าแฟนพี่กาดจะแย่ >< ”






“ พี่กาดดดดด ”

   ขณะที่ผมกำลังก้มหน้าก้มตาซูดเส้นก๋วยจั๊บเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ก็ได้ยินเสียงเรียกแสนสดใสของคิวท์ที่กำลังเดินตรงเข้ามาหา

“ ว่าไง? ”

   ผมเหลือบสายตาผ่านเลนส์แว่นขึ้นไปมองหาเจ้าของใบหน้าที่มีลักยิ้มข้างแก้มทั้งสองข้าง ในมือข้างหนึ่งของน้องกำลังชูโทรศัพท์ที่มีหน้าจอแชทของใครสักคนอยู่

“ พี่กาด พอดีว่า.. พี่ฎี(ดี)ฝากถามว่าอยากกินขนม หรืออยากได้อะไรจากญี่ปุ่นมั๊ยครับ พี่เขาจะซื้อมาฝาก ”
   
หืม?

“ พี่ฏี(ดี) ไหน? ”

   แม้จะมีคำตอบอยู่ในใจ แต่ตอนนี้ในหัวผมมันดันนึกขึ้นมาได้อยู่สองคน

   คนหนึ่งคือคุณฎี ฎีรดลที่หายไปจากสาระบบของผม ทิ้งไว้เป็นเพียงภาพในหัวของคนที่มีรอยยิ้มขี้เล่นและเสียงหัวเราะอย่างคนขี้แกล้งในความทรงจำของผมเท่านั้น กับอีกคนคือคุณดีเจ้าของคอนโดที่ผมไม่เคยเห็นหน้าเห็นตา แต่ก็มักจะได้รับข้อความทางไลน์จากเขาที่ส่งเข้ามาหาเสมอ เขาเหมือนคนขี้เหงาที่หาเพื่อนคุย และคิวท์ก็รู้จักคุณฎีและคุณดี ทั้งสองคน

“ ก็มีพี่ฏีคนเดียวนะครับพี่กาด เออ!.. O.O ”

“ เออ.. มาองมาเอออะไร ”

   ผมไม่ได้มองจอโทรศัพท์ แต่มองหน้าน้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม คิวท์ทำหน้าครุ่นคิดเหมือนคนเผลอตัวดันพลาดพูดบ้างอย่างออกมา

“ พี่ฎี.. ฎีรดลครับผม ” น้องน้อยหัวเราะแห้งๆ ก่อนตอบกลับมาเสียงเบา แบบที่ไม่มีความมั่นใจ

   นั่นไง ผมว่าแล้วว่าเป็นคุณฎี

“ ไม่เอาอะ ถ้าเป็นของจากคุณฎีพี่ไม่เอา กงการอะไรเขาถึงจะต้องซื้อของมาฝากพี่ ”

“ โธ่พี่กาด ยังไม่ยอมญาติดีกับพี่ฎีอีกหรอ? ”

   ผมเลือกส่ายหน้าเป็นคำตอบ เป็นอันเข้าใจกันนะ ว่าไม่ได้ญาติดีกับเขาคนนั้นเลยสักกะนิด

“ แต่พี่ฎีเล่าว่าตอนไปกินข้าวกับพี่แยม พี่กาดยอมให้จับมือ ลูบหัว แล้วก็ยอมให้พี่ฏีไปส่ง ..แถมยังยอมเรียกพี่ฎีว่าพี่แล้วนี่ ”

   = o = ว่าไงนะ!

“ นี่เขาเล่าให้เราฟังหรอ! ”

“ เอ่อๆ พี่กาดใจเย็นครับ คือ..  owo เอ๊ๆ แสดงว่าเรื่องจริงหรอเนี่ย  ” คิวท์ทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ

“ เหอะ! เรื่องจริงไม่จริงแล้วยังไง พี่ไม่ได้เต็มใจสักหน่อย ” ผมตอบกระแทกเสียง เบือนสายตามองไปทางอื่น

“ แต่พี่กาดก็ไม่ได้ปฏิเสธใช่ม๊าา ” คิวท์ยังถามจี้ต่อ

“ เฮ้ย พี่ปะ..ปฏิเสธนะ ” ผมรีบแก้ตัวเสียงดัง กลัวน้องเข้าผิดหรอกนะไม่ใช่อะไร

   ตอนนั้นดันสติรวนยอมให้เขาจูงมือ ลูบหัวขยี้ผม แถมยังยอมถูกบังคับให้พูดในสิ่งที่เขาต้องการ อย่างเช่น การเรียกเขาว่าพี่

“ แต่พี่กาดก็ยอมใจอ่อนกับพี่ฏีอยู่ดี”

“ …… ” ใจอ่อนที่ไหนเล่า

“ เพราะเป็นพี่ฏีใช่มั๊ยล่ะ ต้องเป็นพี่ฎีคนเดียว พี่กาดก็เลยใจอ่อนแบบไม่รู้ตัวล่ะสิ ”

   ผมไม่ได้ยอมใจอ่อนกับเขาสักหน่อย แต่ถ้าไม่ยอม.. หน้าของเขาก็จะหงอยลงทันตา แถมพูดน้อยลงด้วย

“ อะแหน่! คิดอะไรในใจอยู่น้า ”

“ มาแหน่!อะไร เดี๋ยวตีเลยไอ้เด็กนี่! ” ผมชูฝ่ามือขึ้นขู่ พร้อมฟาดเปี๊ยะๆแล้วเนี่ยย ><

“ เอ้า ใจร้ายอะจะตีน้องเฉยเลย ”  - o -

“ ไปหากินข้าวไป! พี่จะเอาถ้วยไปเก็บแล้ว ”

   ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นถือถ้วยเปล่าเดินหนีคิวท์ออกมาเลย นึกพาลไปถึงคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่อง ผมไม่เห็นหน้าเขามาจะครบหนึ่งเดือนแล้ว คิดว่าเรื่องนี้จะรู้กันแค่ผมกับเขาสองคน แต่ที่ไหนได้เขาดันไปเล่าต่อ เขาเล่าเรื่องแบบนี้ให้น้องฟังได้ยังไง!






   ตอนนี้คิวท์ไม่มีถ่ายแล้ว แต่ที่ยังอยู่ที่กองเพราะจะรอซ้อมกีตาร์กับเก่งกล้าซึ่งกำลังเข้าฉากสุดท้ายอยู่

“ แล้วคิวท์จะบอกพี่ฏีว่ายังไงดีอะ ”

“ อะไร? ”

   ผมเอ่ยถามเมื่อเด็กน้อยที่นั่งทวนบทอยู่ตรงข้ามทำหน้าบู้บี้พร้อมกับส่งเสียงงอแงใส่ผมอีกครั้ง วันนี้คิวท์มันพูดเรื่องนี้ทั้งวัน และต้องการเอาคำตอบจากผมให้ได้

“ พี่กาดไม่ยอมบอกว่าอยากได้อะไร ”

“ ก็พี่ไม่อยากได้ไง ”

“ แต่พี่ฎีอุตส่าห์จะซื้อให้อะ เอาเป็นเครื่องรางเรื่องความรักมั๊ยพี่กาด หรือ.. ”

“ บอกเขาว่าพี่ไม่เอา ” ผมบอกเสียงแข็งพร้อมส่ายหน้า

“ แต่ว่า..  ก็ได้ครับ ”

   เมื่อเห็นว่าคิวท์จะพูดขึ้นมาอีกผมเลยยกนิ้วชี้ขึ้นมาชี้เตือนน้อง เจ้าของลักยิ้มสองข้างจึงรีบปิดปากสนิทแล้วก้มหน้าพิมพ์อะไรสักอย่างลงไปบอกใครสักคนในโทรศัพท์ ซึ่งผมเดาว่าน่าจะเป็นคนที่น้องบอกว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ญี่ปุ่นนั่นแหละ

“ เรียบร้อยแล้วครับพี่กาด ”

“ เห็นม่ะ แค่บอกว่าพี่ไม่เอาก็จบแล้ว ”

   ผมมองคนที่กำลังพยักหน้าเบาๆ จากหน้าบึ้งตึงเปลี่ยนมายิ้มหวานเพราะคลายความกังวลลง ไม่รู้คุณฎีมาบอกอะไรกับน้อง น้องถึงได้มาถามผมซ้ำๆ เพื่อจะเอาคำตอบไม่หยุด รายนั้นยิ่งชอบบังคับคนอื่นอยู่เรื่อย

“ แต่พี่กาด.. ”

“ อะไรอีกอะ ”

“ ไม่จบง่ายๆอะ พี่ฎีเขาพิมพ์มาบอกว่าเขาจะซื้อของมาให้พี่กาดอยู่ดี ”

“ ก็แล้วแต่เขา เพราะพี่ไม่เอาซะอย่าง ”

“ ครับ ” ว่าแล้วเจ้าคิวท์ก็ก้มหน้ากลับไปสนใจโทรศัพท์แล้วพิมพ์ยุ๊กยิ๊กๆลงไป ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมเหมือนมีอะไรจะพูดกับผมอีกครั้ง

“ พี่กาด.. ”

“ ว่า.. ชื่อพี่มันเรียกง่ายใช่มั๊ยเนี่ย เรียกตลอดเลย.. ” ผมเอ่ยถาม ลองนับดูวันนี้คิวท์เรียกผมกี่ครั้งแล้ว และตอนนี้น้องก็อ้าปากเหมือนอยากจะพูดออกมาเต็มทน แต่ยังไม่กล้า

“ อย่าดุสิ คิวท์กลัว ขนลุกแล้วเนี่ย ..พี่ฎีเขาตอบกลับมาอะครับ ” คิวท์พูดพร้อมทำท่าทางขนลุกกลัวเกินจริง

“ แล้วเราจะพิมพ์ไปบอกเขาทำไมอะ ถ้าเราไม่ตอบ เขาก็ไม่มาจุ้นจ้าน ไหน..เขาบอกว่าไง? ” เอ่ยปากดุน้องอย่างไม่ชอบใจ แต่ก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของน้องขึ้นมา

“ แงงง คิวท์บอกว่าอย่าดุ ใจมันสั่นๆ กลัวแล้วเนี่ยพี่คร้าบบบ ” ปากว่ากลัวแต่หน้าไม่ได้กลัวกันเลย

“ กลัวให้จริงเถอะเราน่ะ! ” ผมเอ่ยน้ำเสียงเดิมให้กับคนที่ทำเป็นแกล้งกลัว ก่อนก้มมองจอแสดงผลที่ขึ้นชื่อเจ้าของห้องแชทด้านบนสุดว่า ‘ P'Dee  ’

P'Dee
: พี่จะเอาไปให้ซะอย่าง
: ผักกาดไม่เอา พี่ก็จะบังคับให้รับไว้

“ เหอะๆ ” ผมอ่านแล้วส่งเสียงหัวเราะอย่างไม่เต็มใจออกมา

“ พี่ฎีบอกว่า จะเอามาให้เอง ยังไงก็จะบังคับให้พี่กาดรับไว้ให้ได้ ” ไอ้น้องน้อยนี่ก็ชอบมาพูดย้ำ

“ คนขี้บังคับ นิสัยเหมือนเดิมไม่มีผิด ” ผมบ่นอย่างหัวเสีย แล้วเอาโทรศัพท์คืนให้กับคิวท์ที่กำลังทำหน้าคิดหนัก

“ แหะๆ งั้นเอางี้ครับ เปลี่ยนเรื่องคุยกันพี่กาด ” คิวท์สะกิดผมเบาๆ แววตาอ้อนวอนให้ผมใจเย็นลง นี่เห็นแก่น้องรักของผมที่ขอร้องผมหรอกนะ

“ อืมๆ เรื่องไหนล่ะ คุยกับพี่ก็มีแต่เรื่องงานนะ ” ผมพูดแล้วหลุดขำเล็กน้อย เมื่อเห็นเจ้าคิวท์แอบทำหน้าเหวอออกมา

“ ไม่อ้าววว ไม่คุยเรื่องงาน คุยเรื่องพี่ดี... ”

“ แล้วไหนว่าจะเปลี่ยนเรื่อง?? ” ผมแทรกคิวท์ที่ยังพูดไม่จบจนเด็กน้อยตกใจตาโต

“ ฟังน้องก่อนนน คิวท์จะเปลี่ยนเรื่องจริงๆ คิวท์หมายถึงพี่ดีที่เป็นเจ้าของห้องที่พี่กาดซื้อต่ออะ ”

“ อ๋อๆ ตกกะใจหมด ” แล้วเมื่อกี้จังหวะมันได้ด้วยนะ “ ว่าแต่..ทำไมอ่ะ? ”

“ คิวท์จะถามว่า.. พวกพี่คุยกันเป็นไงบ้าง พี่กาดมีอะไรที่สงสัย ผิดสังเกตุหรือเป็นพิรุจมั๊ยอะครับ? ”

“ สงสัย ผิดสังเกตุ เป็นพิรุจ เรื่องอะไร? ” ผมทำหน้างงเพราะไม่เข้าใจที่น้องพูด เรื่องสงสัยก็พอมีอยู่นะ สงสัยว่าเขาคือใครไงล่ะ? แต่เรื่องผิดสังเกตุกับเรื่องพิรุจน่ะ ไม่เข้าใจว่าต้องมีด้วยหรอวะ

“ อึย! เปล่าๆครับ เปลี่ยนๆ คิวท์จะถามว่าพี่ดีเขาคุยเก่งมั๊ย ” คิวท์ร้องเสียงหลงรีบสั่นหัวรัวๆ ก่อนจะยิ้มแฉ่งพูดเปลี่ยนคำถามทันที

   อะไรของน้องมันวะ วันนี้แปลกๆ ผมว่าคุณดีเขาไม่มีพิรุจอะไรหรอก มีแต่มันเนี่ย ไอ้น้องน้อยของผมเนี่ย มีพิรุจสุดๆ

“ ว่าไงครับพี่กาด คุยกันเป็นยังไงบ้าง พี่ดีเขาเป็นยังไงเวลาคุยกับพี่กาด ” ผมมองสีหน้าล่อกแล่กของคิวท์แล้วรู้สึกว่าเหมือนกำลังโดนเด็กหลอกถามอะไรบางอย่างอยู่ยังไงไม่รู้

“ พี่ว่าเขาก็ดูกวนๆอะ ถามกอขอคอไป ตอบเอบีซีมา ใช้เวลานานมากกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง” ผมตอบ พลางนึกจินตนาการหน้าตาของเขาในหัว

   คุณเขาน่าจะอายุมากกว่าผมแต่ไม่น่าจะมากเกินสิบปี และตามที่คุณชาผู้ช่วยของเขาหลุดปากบอกกับผมนอกจากเรื่องที่เขาเป็นรองประธาน ไปทำงานต่างประเทศ ผมก็แทบไม่รู้อะไรเลย แม้แต่ชื่อจริงและหน้าตาของเขา

“ ฮ่ะๆๆ ก็เหมือนตัวจริงนั่นแหละครับ ”

“ หรอ ตัวจริงเขาเป็นยังไงอ่ะ? พูดถึงก็อยากเห็นหน้าเขาเลยว่ะ ”

“ พี่กาดอยากเห็นหน้าพี่ดีอะหรอครับ? ” คิวท์ถามกลับด้วยสีหน้าเหมือนมีความลังเลเล็กๆ

“ อยากเห็นสิ ก็อีกไม่นานเขาก็จะเป็นเพื่อนบ้านพี่แล้วนะ ”

“ เพื่อนบ้านหรอ? ”

“ อืม ก็ห้องของเขาอยู่ข้างๆกับห้องของพี่ที่เขาขายให้เลย ” เจ้าของห้อง 1702 น่ะ

“ จริงป่ะเนี่ยพี่กาด โห้ยย พี่ดีโคตรสุดยอดๆ อ่ะ .. จึยย! ” คนมีลักยิ้มที่ปรบมือฉาดใหญ่พร้อมพูดกับตัวเอง แต่เหมือนนึกอะไรสักอย่างออกว่าไม่ได้อยู่คนเดียวเลยเงยหน้ามาสบตากับผมที่มองอยู่อย่างสงสัย

“ สุดยอดอะไร? ”

“ ก็..ก็สุดยอดที่ขายห้องให้พี่กาดจนได้ไงครับ เอ่อๆ..นั่นเลย! สุดยอดเลยเนาะพี่ สุดยอดจริงๆ ” คิวท์พูดคำเดิมซ้ำไปมาเหมือนคนคิดไม่ออก

“ มันจะสุดยอดอะไรขนาดนั้นกัน ” ผมถามจี้คนที่ไม่ยอมมองหน้า ขนาดนี้แล้วแสดงว่ามีความลับชัวร์ๆ

“ แหะๆ ก็พี่กาดยังไม่เคยเห็นหน้าพี่ดี พี่เขาก็ต้องสุดยอดสิครับ พี่ดีมาพูดยังไงถึงสร้างความไว้ใจให้กับพี่กาดขนาดที่ยอมซื้อห้องต่อได้อะ  ” คิวท์พูด ทำให้ผมพยักหน้าเห็นด้วยเล็กน้อย

“ แต่ที่พี่ไว้ใจเขา อีกส่วนหนึ่งก็เพราะเรานั่นแหละที่เป็นคนแนะนำ ” ผมเอ่ยตามความจริง เพราะคิวท์เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความมั่นใจให้ผมไว้ใจเขามากพอจนที่ยอมซื้อห้องต่อ

“ ว้าว! จริงง่ะ>< ”

“ อื้ม.. ว่าแล้วพี่ก็ขอถามหน่อย มีรูปเขาป่ะ? แล้วชื่อจริงเขาชื่อว่าอะไร ”

“ อะ..อะไรนะครับ? ” คนเพิ่งดีใจ เปลี่ยนสีหน้าเป็นอ้ำอึ้ง

“ พี่อยากเห็นหน้าตาเขาอะ เรามีรูปเขาป่ะ เปิดให้พี่ดูหน่อย ” ผมเอ่ยย้ำด้วยเสียงตื่นเต้น เพราะคิวท์คือความหวังสุดท้ายของผมแล้ว

   ก่อนหน้านี้ผมถามใครก็ไม่มีใครบอก ซึ่งใครคนที่ว่าก็คือ คุณดีเจ้าของชื่อเอง และคุณชาผู้ช่วยของเขา

“ คือ..ไม่ได้อะครับพี่กาด ”

   อ้าว ไหงความหวังสุดท้ายของผมถึงทำกับผมได้ลงคอ ปฏิเสธผมที่ตั้งตารอดูรูปคุณเขาอยู่ได้ยังไงงง

“ ทำไมอ่า ”

“ พี่กาด คิวท์ขอโทษ คือ..พี่ดีเขาเคยบอกว่าขอยังไม่เปิดเผยข้อมูลให้พี่กาดรู้อะครับ คิวท์เลยบอกไม่ได้ เอารูปให้ดูก็ไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ ครับ ” ความหวังสุดท้ายของผม มันบอกว่าไม่ได้ มันย้ำว่าไม่ได้ โอ้มายก๊อดดด

“ ได้ไง! ทำไมเปิดเผยไม่ได้ แล้วนี่ไอ้ปลาทูน้อย! ทำไมแกพูดเหมือนคุณชาเลยหะ? ” ผมบ่นแล้วชี้หน้าน้องรัวๆ

“ คุณชา.. พี่ชาหรอ? ”

“ ก็ลูกพี่ลูกน้องเราไง วันนั้นที่พี่ไปดูห้องและดำเนินการเรื่องเอกสาร เขาเป็นคนพาพี่ไปดูและจัดการให้ พี่ก็ถามเขาเรื่องคุณดีแบบนี้ ถามชื่อจริง ขอดูรูป คุณชาเขาก็บอกว่ายังเปิดเผยข้อมูลไม่ได้ ”

“ อ่าฮะๆ ฮูว! ” คิวท์พยักหน้า ตามด้วยเสียงพ่นลมหายใจเบาๆ

“ ถอนหายใจอะไร? แล้วทำไมทำหน้าตาเหมือนโล่งอกโล่งใจขนาดนั้น ปิดบังอะไรพี่หรือเปล่า บอกมานะ! ” ผมถามเสียงดังเพราะอดคิดไม่ได้เมื่อเห็นหน้าตาของคิวท์ที่เหมือนกำลังมีอะไรในใจ

“ เฮ้ยย คิวท์ไม่ได้ปิดบังนะพี่กาด>< คือแบบว่าพี่ดีเขาเป็นนักธุรกิจใช่มั๊ยครับ เขาก็ต้องปกปิดข้อมูลบางอย่างเป็นธรรมดา ”

“ แม้แต่ชื่อก็บอกไม่ได้เนี่ยนะ ทำธุรกิจผิดกฎหมายหรอ ถามจริง? ”

“ ไม่ได้ผิดกฎหมายครับ แต่พี่เขาบอกผมมาแบบนั้น บอกว่า..ไม่ว่าพี่กาดจะถามอะไรก็ห้ามบอก เอ้ย! แล้วนี่ผมก็หลุดพูดไปแล้วด้วย เอาเป็นว่า.. พี่ดีเขาจะเป็นคนบอกพี่กาดทั้งหมดเอง ไว้พี่กาดไปคุยกับพี่ดีเอาเองแล้วกัน คิวท์ไม่เกี่ยวนะ โอเค๊? ”

“ ไม่โอเคเลย”

“ โอเคเถอะครับผม^o^ ว่าแต่.. ก่อนหน้านี้พี่กาดไม่ได้ลองถามพี่ดีเองหรอครับ? ” คิวท์พยายามปลอบใจ และถามผมกลับอย่างกล้าๆกลัวๆ

“ พี่ถามเขานะ ถามแล้วเนี่ยๆ! ” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

   ก่อนรีบเอาโทรศัพท์ของตัวเองในกระเป๋าขึ้นมาเปิดไปในแชทไลน์ เลื่อนหาข้อความที่เคยสร้างความหงุดหงิด งุนงง ให้ผมสักพัก ก่อนหันจอโทรศัพท์ไปให้น้องอ่าน


Wongrawee
: งั้นถ้าเราเคยเจอกัน
: ผมขอดูรูปของพี่หน่อยได้มั๊ย
: ผมอยากรู้ว่าพี่หน้าตายังไงอะครับ เผื่อผมจะนึกออก

Drd
: ไม่ได้ครับ
: รู้แค่ว่าพี่หล่อก็พอแล้ว

“ เนี่ย! กวนประสาทป่ะ ” ผมกอดอกทำหน้ายู๋เมื่ออ่านแชทของคุณฏีอีกครั้งพร้อมกับคิวท์

“ ถ้าไม่หล่อจริง พูดไม่ได้นะครับเนี่ย ” คิวท์พยักหน้าราวกับเห็นด้วย ยู่ปากเล็กน้อยเมื่ออ่านจบ

   ก็แหงสิไอ้เด็กนี่มันรู้จักและเคยเห็นหน้าคุณดีคนนี้มาก่อนอยู่แล้วนี่

“ งั้นเขาต้องหล่อแน่เลย แสดงว่าเขาต้องหล่อจริงๆอะเนาะ ใช่ม่ะ? ” ผมเห็นคิวท์กำลังเผลอ จึงค่อยๆตะล่อมๆหลอกถาม

“ โหพี่กาด พี่กาดก็รู้ว่าพี่ดีอะเป็นเดือนมหาวิทยาลัย ”

“ พี่รู้? ..เดือนมหาวิทยาลัย? ”

   ผมรู้ด้วยหรอว่ะ? ผมว่าตัวเองก็เพิ่งจะรู้ตอนคิวท์หลุดปากบอกเมื่อกี้นี้เอง แต่ถ้าหล่อขนาดเดือนมหาวิทยาลัย คนขี้คุยก็คงหล่อจริงๆ นั่นแหละ

“ อึยย! พี่กาด คิวท์ไหว้แหละ อย่าหลอกถามกันสิครับ โธ่ - o - คิวท์หลุดพูดอีกแล้วเนี่ย พี่ดีเขาขอคิวท์ไว้อะครับ ไหนๆ มีอันอื่นอีกมั๊ย ” คิวท์ทำหน้างอแงไหว้ผมสองสามที ส่งสายตาอ้อนวอนจนผมหลุดหัวเราะ ก่อนที่น้องจะขอโทรศัพท์จากผมไปเปิดอ่านไลน์ในแชทถัดไปอย่างอยากรู้

Wongrawee
: งั้นขอถามอีกข้อหนึ่งครับ
: พี่ดี ชื่อจริงว่าอะไรหรอครับ

Drd
: ไม่บอกครับ
: ไว้เจอกัน ตอนนั้นเดี๋ยวผักกากก็รู้เอง
: พี่บอกแล้วว่าเราเคยเจอกัน

“ โหห ไม่ยอมหลุดบอกซักแอ๊ะเลยหรอเนี่ย? ” คิวท์พึมพำ ส่งสายตารู้สึกผิดและช่วยไม่ได้มาให้กับผม

“ เห็นม่ะ! เขาไม่ยอมบอกพี่เลย บอกแค่ว่าเคยรู้จักกัน เคยเห็นกัน แล้วที่ไหนล่ะ? พี่รู้จักคนชื่อฏีก็คือคุณฏีรดลเท่านั้นแหละ ” ..เอ๊ะ?

“ เฮ้ยๆๆๆ! พี่กาด! งั้นก็อย่าเพิ่งอยากรู้เลยพี่ ถ้าพี่ดีเขาอยากแนะนำตัวเองให้รู้จัก เขาคงไปหาพี่กาดที่ห้องแล้วบอกออกมาเองน่ะครับ แล้วความจริงเขาอาจจะมีเหตุผล มีจุดประสงค์ที่ต้องการบอกพี่กาดทีหลังหรือเปล่า ” คิวท์สะกิดเรียกผมเสียงดัง จนผมหลุดออกจากความคิดหนึ่งเมื่อกี้ เหมือนผมจะคิดอะไรบ้างอย่างออกแต่ดันลืมไปซะงั้น

“ ได้ยังไง พี่ซื้อห้องต่อจากเขาเลยนะโว้ย ถ้าไม่ติดว่าให้คุณชาช่วยจัดการเรื่องเอกสารไปแล้ว พี่ว่าจะเปลี่ยนใจไม่ซื้ออยู่หรอก ”

   อะไรหว่าา? เมื่อกี้ผมคิดอะไร?  เฮ้อ! แต่ช่างมันเถอะ..

“ ไม่ทันแล้วพี่เอ๋ย ”

“ อืม! ก็ไม่ทันแล้วน่ะสิ ไม่รู้จะปกปิดหรือปิดบังทำไม ยังไงเขากับพี่ก็อยู่ห้องข้างกัน มันก็ต้องมีโอกาสเจอกันบ้างแหละ ”

“ จริงด้วย ยังไงก็ต้องเจอกันบ้างอยู่ดี ” คราวนี้คิวท์พยักหน้าเห็นด้วยกับผมใหญ่เลย

“ เนาะๆ งั้นพี่ขอแอบถามได้มั๊ย น้าาๆ  ” ผมลองพยายามอีกครั้ง มองหน้าเจ้าของฉายาปลาทูน้อยอย่างอ้อนวอน

“ ไม่ได้แล้ว ไม่ได้จริงๆ ” แต่ดูน้องมันทำ

“ อืม ” แล้วผมก็ถูกปฏิเสธอีกครั้ง เสียใจว่ะ..

“ อ่ะๆ พี่กาดอย่าหน้าหงอยขนาดนั้นสิ มาๆ คิวท์ยอมบอกนิดหนึ่งก็ได้ ” คิวท์พูดพร้อมทำท่าประกอบว่านิดหนึ่ง นิดหนึ่งจริงๆ

“ จริงหรอ ” ผมยิ้มมองน้องอย่างมีความหวัง

“ ครับ แค่นิดเดียวนะ เอาตรงๆ เลยนะพี่กาด.. พี่ดี กับพี่ฎี ฎีรดลน่ะ.. ”

“ หืม? ” คุณฎีเกี่ยวอะไร

“ เออ คิวท์จะบอกว่าเขามีความคล้ายกันมากๆ ย้ำว่ามากๆ ..เป็น เอ่อ..เหมือนๆ คนเดียวกันเลยก็ว่าได้ ” คิวท์พูดหลบสายตาผมเล็กน้อยพร้อมกับลูบท้ายทอยตัวเองไปมา

“ ยังไง? ”

“ แบบว่าหน้าตา นิสัย การทำงานของพี่เขา คล้ายๆกัน.. ”

“ จริงอะ? ”

“ ครับ อื้ม! บอกแค่นี้แหละ เดี๋ยวผมไปซ้อมกีตาร์ก่อนนะพี่กาด ”

   เออ! ดีเหลือเกิน

   ตอนแรกคิวท์พยายามชวนผมคุยเรื่องอื่นเพื่อให้อารมณ์ดีขึ้นจากเรื่องความขี้บังคับของคุณฎี

   แต่พอเปลี่ยนเรื่อง เป็นเรื่องคุณดีเจ้าของห้องก็ดันมาทำให้ผมเกิดความสงสัยถึงเหตุผลที่เขาต้องปิดบังตัวเองไม่ให้ผมรู้จักว่าตัวเขาเป็นใคร หน้าตายังไง

   พอผมถามคิวท์ น้องก็บอกผมไม่ได้

   พอผมหลอกถามเข้าเลยยอมหลุดปากบอกมา แม้จะยอมบอกกันนิดหน่อย แต่เจ้าตัวก็ดันรีบชิ่งหนีเอ่ยขอตัวกับผมเพื่อไปซ้อมกีต้าร์อีก โว๊ะ!



❤ 70 เปอร์เซนต์ (%)





-----



หัวข้อ: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 05 :: เจ้าของห้องคนใหม่ (100%) [30/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: pimpipam_s ที่ 30-03-2020 13:56:00
ต่อ







“ วางของไว้นี้ก่อนก็ได้ ”

“ โหห ห้องน่าอยู่มากเลยพี่กาดดดด ”

“ ใช่ม่ะ ” ผมพยักหน้ายิ้มให้กับน้องๆ ขณะที่เดินนำเข้ามาในห้องใหม่ บ้านหลังใหม่ของไอ้ผักกาด ภูมิใจนำเสนอม้ากมากกก

“ ป่ะ ฟ่างเราไปดูห้องวิวที่ระเบียงกัน ”

“ อื้มมม>< ”

   ผมทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาสีเทาหันไปมองน้องสาวทั้งสองคนที่รีบวางของและกระเป๋าที่ถือขึ้นมาช่วยผมลง ก่อนจูงมือกันกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ริมระเบียง

“ อุ้ย พี่กาด ตรงนี้วิวสวยมากเลยค่า! ”

“ แต่ฟ่างว่าตอนกลางวันร้อนสุดๆเลย! นี่แหละแดดประเทศไทย ”

“ เบาๆ เรา เสียงดังเกินไปแล้ว เดี๋ยวห้องอื่นเขาจะมาว่าเอา ” ผมรีบเอ่ยห้ามปรามเจ้าน้องสาวทั้งสองที่ตะโกนเข้ามาแข่งกับเสียงสายลมข้างนอก

“ คิกๆ ขอโทษค่า^^ ”

“ ป่ะ ข้าวโพด เราไปดูห้องนอนพี่กาดกัน ” ว่าแล้วสองสาวก็พากันปิดประตูระเบียงวิ่งเข้าไปทางห้องนอน และพูดคุยกันว่าห้องสวยไม่หยุดจนผมอดหัวเราะคนเดียวข้างนอกไม่ได้


ตื้อดึง
Drd
: ย้ายมาถึงห้องแล้วหรอครับ

Wongrawee
: พี่รู้ได้ยังไงครับ
: หรือพวกผมเสียงดังกันมากไป

Drd
: ไม่ได้เสียงดังครับ
: คอนโดนี้ไม่ได้ผนังบางนะ เรารู้หรือป่าว

Wongrawee
: อ่า
: แล้วพี่รู้ได้ยังไงครับว่าผมมาแล้ว

Drd
: ได้ยินเสียงครับ

   หา!

Wongrawee
: ไหนบอกว่าผนังไม่บางไงครับ
: พี่หูดีขนาดนั้นเลยหรอ

Drd
: เรียกว่าหูดีมั๊ยก็ไม่รู้
: พอดีเมื่อกี้ พี่อยู่ที่ริมระเบียง
: แล้วได้ยินเสียงสาวๆ คุยกัน

Wongrawee
: อ๋อ น้องสาวของผมน่ะครับ

Drd
: มีอะไรให้พี่ช่วยมั๊ยครับ

Wongrawee
: ไม่มีแล้วครับ
: ผมเอาของมาไม่เยอะ

Drd
: ถ้ามีอะไรให้ช่วย ผักกาดทักมาบอกไว้ได้เลยนะ
: พี่ว่าจะขอตัวไปนอนก่อนนะครับ

Wongrawee
: นอนตอนนี้อะหรอพี่
: ตอนนี้มัน 5 โมงเองนะ

Drd
: ใช่ เมื่อเช้าพี่ไปที่บ้านมานะ
: แล้วตั้งแต่เมื่อวานที่กลับมาถึงก็ยังไม่ได้พักเลยครับ

Wongrawee
: นอนตอนนี้พี่จะตื่นกี่โมงครับเนี่ย

Drd
: ไม่รู้สิครับ
: แต่ไม่นอนก็คงไม่ไหว
: ตาพี่จะปิดแล้ว

Wongrawee
: งั้นพี่พักผ่อนเถอะครับ

Drd
: ครับ

Wongrawee
: ครับ

Drd
: จะนอนแล้วนะครับ

   อะไรของเขานะ จะนอนก็นอนไปสิ จะบอกผมอีกรอบทำไม อยากได้ยินคำว่าฝันดีหรือไง

Wongrawee
: ครับ

Drd
: ไม่บอกฝันดีกันหรอครับ

Wongrawee
: เออ

   ซื้อหวยทำไมถูกแบบนี้นะ

Drd
: ง่วงมาก
: *สติ๊กเกอร์ม่ะหมาหาวปากกว้าง

Wongrawee
: งั้นเป็นนอนหลับให้สนิท ไม่ต้องฝันอะไรดีกว่าครับ
: พี่จะได้ไม่เหนื่อยกับความฝันเนาะ

Drd
: ครับ
: นอนหลับให้สนิทเหมือนกันนะครับ

   ความจริงผมก็กะจะถามเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมบอกว่าตัวเองเป็นใคร แต่จากที่คิวท์บอกกับผมเมื่อวาน ผมคิดว่าถ้าถามเขาไปก็เท่านั้น เพราะคงจะไม่ได้คำตอบอยู่ดี

“ พี่กาดนอนได้แน่นะคะ คืนนี้ต้องนอนเตียงใหม่แล้ว ” ข้าวฟ่างที่เดินออกมาจากห้องนอนเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“ พี่นอนได้ ”

“ ให้พวกข้าวนอนด้วยมั๊ยพี่กาด ” ข้าวโพดเดินเข้ามาควงแขนผมไว้

“ ไม่เป็นไร แล้วดูพูดยังกับเราสองคนจะนอนกับพี่ได้จริงๆ ” ผมเอ่ยพร้อมกับจิ้มหน้าผากเจ้าสองข้าวเบาๆ

“ งืม ถ้าข้าวไม่ติดเรียนชดเชยนะ ข้าวนอนแล้วอะ ”

“ ใช่ ถ้าฟ่างไม่ติดซ้อมกีฬาฟ่างก็นอนด้วยแล้ว ”

   น้องสาวทั้งสองทำหน้าตาเสียดาย เพราะต่อให้พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์แต่ทั้งคู่ก็มีเรียนและมีนัดเช้าที่มหาวิทยาลัย ไปสายไม่ได้ ซึ่งคอนโดที่ผมอยู่มันต้องนั่งรถไฟฟ้าหลายสถานี ผมไม่อยากให้น้องเสียเวลา

“ พี่นอนได้ ” ผมยังยืนยัน นอนได้จริงๆ แต่หลับไม่หลับนั่นอีกเรื่อง
 





   นอนหลับ ผมนอนหลับ แต่หลับตอนตีสามอะนะ - = - ตื่นอีกทีก็หกโมงเช้า แบบนี้ก็รู้สภาพตัวเองเลยว่าวันนี้ต้องหงุดหงิดสุดๆ เพราะนอนไม่พอ

   วันนี้ผมและวาวามาทำงานที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เนื่องจากต้องมาดูแลคิวท์และจั๊บที่เป็นพรีเซนเตอร์ของเครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่ง

“ มึงเป็นอะไรเนี่ย พร้อมทำงานมั๊ย? ” เสียงวาวาถามขึ้นขณะที่เดินออกมาจากห้องแต่งตัวของน้องๆพรีเซนเตอร์ มันคงเห็นว่าผมเดินเหมือนคนไร้วิญญาณล่ะมั๊ง

“ ไม่พร้อมก็ต้องพร้อม เมื่อคืนกว่ากูจะนอนหลับปาไปตีสาม หาวว ” ผมว่าแล้วก็เอามือป้องปากหาวปากกว้าง

“ มึงอย่าแอบหลับแล้วกัน เดี๋ยวแฟนคลับน้องแอบถ่ายรูปไปลงทวิตเตอร์อีกนะ ”

“ อืมๆ ” ผมพยักหน้าเบาๆให้เพื่อนสนิทไปหนึ่งที

   พลางนึกถึงครั้งนั้นที่มาทำงานแล้วผมเป็นหวัดน้ำมูกไหลไม่หยุดเลยกินยาแก้แพ้ไปหนึ่งเม็ด แต่ลืมนึกถึงผลข้างเคียงของยาไง จากที่นั่งรอคิวท์อยู่ดีๆ ก็หลับไปเฉยเลย ตอนนั้นเลยมีแฟนคลับของน้องแอบถ่ายรูปผมไปแซวขำๆ ในทวิตเตอร์ว่าผมแอบอู้ แต่ด้วยความที่แค่แซวกันขำๆ ไม่ได้จริงจัง ผมก็ไม่ได้ถือสาว่าความให้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร มีแค่เจ้าคิวท์น่ะสิที่เป็นเดือดเป็นร้อนเพราะกลัวว่าผมจะไม่สบายใจ รีบทวิตบอกแฟนคลับแทนว่าผมไม่สบาย

“ เห็นพี่กิมมั๊ยล่ะ? ”

“ อืม กูไปคุยกับพี่เขามาแล้วเมื่อกี้ ไม่รู้ไปทำหน้าอึนใส่พี่แกหรือเปล่า แกเลยรีบพูดรีบบอกแล้วเดินหายวับไปเลย ”

“ ฮ่ะๆๆ แล้วพี่เขาบอกว่าไง ” วาวาตบไหล่ผมเบาพร้อมกับหัวเราะ

“ นอกจากร้องเพลงที่เพิ่มเข้ามา เขาต้องการให้คิวท์กับจั๊บถ่ายรูปกับผู้โชคดี เป็นรางวัลพิเศษด้วยอะ ”

“ คิวท์กูไม่ห่วง แต่ห่วงไอ้น้องจั๊บของกูมากกว่าจะรอดมั๊ยร้องเพลงเนี่ย เพี้ยนเชียว ” วาวาพูดและส่ายหน้าขำอย่างเอ็นดู

   ผมเข้าใจเพราะเด็กทุกคนมีความสามารถแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นด้านการแสดง ร้อง เต้น เราเลยค่อนข้างเป็นห่วงว่าน้องจะทำได้หรือเปล่า แต่การที่เขาบรีฟงานมาว่าต้องให้น้องๆทำ หลังจากรับงานไปแล้ว ยังไงน้องก็ต้องทำให้ได้และทำให้ดีที่สุดอยู่แล้ว

“ แต่น้องมันเต้นเก่ง ก็ให้น้องเต้นๆร้องๆไปกับคิวท์นั่นแหละ ไม่ต้องห่วงหรอก ”

   ระหว่างที่รอ ผมและวาวาก็ทำหน้าที่ในการเก็บภาพระหว่างที่น้องทั้งสองทำกิจกรรมร่วมกับแฟนคลับและผู้โชคดีภายในงาน มีแฟนคลับของคิวท์หลายๆ คนเข้ามาพูดคุยกับผม ร่วมถึงฝากของขวัญ จดหมายเล็กๆ ไปให้น้องด้วย ซึ่งผมก็รับไว้เพราะข้อตกลงของคิวท์กับแฟนคลับในวันนี้ คือหลังจบงานไม่มีการร่วมพล ทุกคนต้องแยกย้ายกันกลับอย่างปลอดภัย

   เมื่อเสร็จจากงานวาวาก็รับผิดชอบพาน้องจั๊บไปส่งก่อนแล้ว ส่วนผมตอนนี้มีหน้าที่เป็นเพื่อนพาคิวท์มาซื้อต่อ เห็นน้องมันบอกว่าอยากได้น้ำหอมไปเป็นของขวัญให้พี่รดาในวันเกิดอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า ถ้าถามว่าทำไมต้องรีบซื้อวันนี้ คิวท์ก็บอกว่ากลัววันอื่นไม่มีเวลามาซื้อ

“ พี่กาดๆ หลังจากซื้อนี่เสร็จแล้ว ไปกินเนื้อย่างกับคิวท์มั๊ย ”

“ เนื้อย่างหรอ ก็ได้ๆ ”






ร้านเนื้อย่าง เฮียโยกเยก

“ พี่กาด คิวท์อยากถ่ายรูปลงไอจี ”

“ มาพี่ถ่ายให้ ” ผมพยักหน้าแบมือไปขอโทรศัพท์จากคิวท์ แต่เจ้าตัวรีบส่งเสียงหื้อพร้อมกับส่ายหน้าให้ผมทันที

“ ไม่ๆ คิวท์หมายถึงถ่ายด้วยกัน นะครับๆ ” ว่าแล้วคิวท์ที่อยู่ตรงข้ามก็ลุกมานั่งฝั่งเดียวกับผม บอกให้ยิ้มหวานๆแล้วก็ยื่นมือออกไปเพื่อกดถ่ายทั้งรูปและวิดีโอสั้นๆ

   พอน้องกลับไปนั่งที่เดิม ผมเห็นเจ้าตัวกดพิมพ์แคปชั่นอะไรสักอย่างในโทรศัพท์ก่อนกดอัพลงไอจีที่แท็กผมด้วย พวกเรานั่งรอไปสักพัก พนักงานก็เดินมาเสิร์ฟอาหารสดพวกเนื้อหมูและผักที่สั่งไป

ครืดด ครืดด

“ ฮัลโล..ครับ เอ๊ๆ ว่าแล้วไง ว่าพอคิวท์ลงรูปปุ๊บต้องโทรมาปั๊บ ”

   ผมเงยหน้ามองคิวท์ที่รับโทรศัพท์ของตัวเองนิดหน่อย ก่อนกลับมาพลิกเนื้อหมูไปมาอย่างไม่ใสใจ ปล่อยให้คนพูดเก่งคุยกับคนในสายต่อไป เพราะน้องคงคุยกับแม่ของน้องนั่นแหละมั๊ง

“ หรอคร้าบบ แล้วใครเอาให้ดูอะครับ ได้ข่าวว่าไม่เล่นไอจีหนิ ”

   หืม แต่แม่ของคิวท์มีไอจีนะ แสดงว่าคนในสายคงไม่ใช่คุณแม่

“ แซวเล่นครับ จะสมัครเลยหรอ ฮ่ะๆๆๆ ”

   หัวเราะอย่างอารมณ์ดีเชียว เจ้าปลาทู

“ คิวท์ก็กินเนื้อย่างอยู่น่ะสิครับ ”

“ อยู่นี่แหละครับ มากับพี่กาดแค่สองคนครับ เรียกว่าเดทได้ม่ะ? หืม..ไม่ให้หรอ โอเคๆคร้าบบ ฮ่ะๆๆ ”

   ผมยิ้มให้คนที่เอ่ยชื่อผมเล็กน้อย หึ มาเดทกับผู้จัดกาดอย่างผมเนี่ยนะ น่าสนุกตรงไหนกัน

“ เพิ่งกินไม่นานครับ ..หะ!!! ” O.o

“ เสียงดังไป เจ้าคิวท์ ”

   ผมรีบปราบคนน้องที่มองหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว พร้อมคีบหมูที่ย่างสุกไปใส่ในจานให้ น้องกำลังทำหน้าอึ้งก่อนจะพยายามตั้งสติถามคนในสายต่อ

“ ครับ? ล้อเล่นหรอครับ โหห ”

   คนในสายล้อเล่นเรื่องอะไรนะ เจ้าคิวท์ถึงตกใจเสียงดังลั่นขนาดนั้น

“ คิวท์ตกใจหมดเลยเนี่ย นึกว่าพี่ฏีจะมาจริงๆ ”

   อ้าว.. คุณฎี?

   คนในสายคือคุณฏีรดลหรอกหรอ?

“ เดี๋ยวคิวท์กับพี่กาดจะกินเผื่อครับ ”

   น้องพูดในขณะที่ผมกำลังยัดหมูสามชั้นสไลด์เข้าปากตามด้วยผักกะหล่ำลวก หึ! ไม่กินเผื่อหรอกนะ > - <

“ ครับ จะดูแลอย่างดีเลยครับ ”

   เฮ้อ.. สงสัยฝ่ายนั่นคงจะบอกว่าให้คิวท์ดูแลตัวเองดีๆสินะ

“ อื้ม.. เมื่อกี้บอกใคร หืม? ไม่ได้บอกคิวท์ว่างั้น ไอคำว่าคิดถึงน่ะ ”

   ต้องบอกคิดถึงกันด้วยหรอ เหอะ! คงจะบอกกันตลอดสินะ

   แล้วเจ้าคิวท์ก็กำลังยิ้มแหย่ๆมาให้ผมด้วยสิ กำลังเขินคนในสายสินะ

“ ฮ่ะๆ ครับ.. มะรื้นนี้จะเข้ามาหาด้วยหรอ? ”

   ผมลางานวันนั้นเลยได้มั๊ยนะ ไม่อยากเจอคนมาจีบน้องตรงหน้า เห็นบ่อยแล้ว

“ ไม่เอา ไม่ให้คุยแล้ว ..เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้วครับ ”

   แหนะ! ยังจะชวนน้องของผมคุยต่ออีก หมูจะไหม้แล้วเนี่ย พลิกหมูกลับไม่ทัน น้องต้องวางสายมาช่วยผมพลิกได้แล้ว ไม่รู้หรือไงนะคุณฎี

“ ไว้เจอกันครับ ฮื้ม? อยากบอกฝันดีด้วยหรอครับ ฮ่ะๆ ครับๆ แค่นี้นะครับ”

   บอกฝันดีกันด้วยแหะ

“ อร่อยเนาะพี่กาด ” คิวท์พูดอย่างร่าเริงแล้วคีบหมูลงจากเตาไปจิ้มน้ำจิ้มเข้าปากไม่หยุด

“ อืม อร่อยมากๆ ” ผมพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะค่อยๆ คีบหมูสไลด์ลงเตาทางฝั่งน้อง

“ เมื่อกี้ เอ่อ.. พี่ฏีโทรมาหาครับ ”

“ อ่อ พี่รู้ๆ ” พี่แอบฟังอยู่

   แล้วก็คิดอยู่ด้วยว่าคุณฏีเขาจะโอเคกับความสัมพันธ์แบบนี้หรือเปล่านะ..

“ อื้ม! เราสั่งหมูสามชั้นกับเบคอนเพิ่มเนาะพี่กาด ”

“ เดี๋ยวๆ คิวท์! พี่..มีอะไรจะถาม ”

   ตอนแรกกะว่าจะปล่อยผ่านไปเหมือนทุกครั้ง แต่ใจมันสะกิดสมองสั่งให้ปากเรียกชื่อน้องเอาไว้ก่อน เพื่อความสบายใจของตัวผมเอง ผมควรจะถามเรื่องนั้นกับน้องได้แล้วใช่มั๊ยล่ะ

“ ครับ? ” คิวท์ที่กำลังลุกเอื้อมมือไปหยิบกระดาษเมนูอาหารพยักหน้าทิ้งตัวนั่งลงที่เดิม “ เรื่องไหนพี่กาด? ”

“ คุณเขาโทรหาเราตลอดเลยหรอ? ”

“ อะไรนะครับ? ”

   คิวท์ก้มๆเงยๆมองใบเมนูที่เพิ่งหยิบมาสลับกับมองหน้าผมด้วยสีหน้างุนงง เหมือนไม่อยากเชื่อที่ผมถามออกไป

“ ก็คุณฎีรดลน่ะ.. ”

   ถึงแม้เจ้าของฝ่ามืออุ่นๆ จะไม่ได้โผล่มาที่กองถ่ายเพราะไปทำอะไรสักอย่างที่ญี่ปุ่น เขาก็ยังติดต่อกับคิวท์เสมอผ่านทางข้อความไลน์ เช่นเดียวกันกับวันนี้เมื่อถึงเวลาที่น้องว่างก็หยิบจับโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ตอบเสมอๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้อยากสนใจนัก แค่ดันสายตาดีไปเห็นเองตลอด และเมื่อกี้ผมก็ได้ยินที่เขาโทรศัพท์มาหาน้อง

“ เขาทักเรามาบ่อยหรอ? แล้วโทรคุยกันบ่อยมากมั๊ย? ”

“ กะ..ก็บ่อยนะครับ แต่..ไม่ได้บ่อยขนาดนั้นนะครับพี่กาด ”

“ อืม ”

   คำตอบของคิวท์ทำให้ผมเผลองับปากของตัวของลง ไม่ต่อบทสนทนาอะไรกับน้องต่อปล่อยให้อีกคนที่เพิ่งพยักหน้าตอบและรอฟังทำหน้าตางงมากกว่าเดิม

“ อย่าเงียบสิครับ ใจคอไม่ดี.. มีอะไรเรื่องพี่ฎีที่อยากรู้ พี่กาดถามคิวท์มาเลย ” คิวท์สะกิดมือผมยิกๆ

“ ไม่มีอะไร ”

   ‘พี่กับคิวท์รู้ดีว่ามันเป็นยังไง.. แล้วผักกาดเป็นถึงผู้จัดการของน้อง ก่อนที่จะมาถามพี่เราเคยถามคิวท์ก่อนหรือยังว่าน้องเขาคิดยังไงในเรื่องนี้’
   
   แม้ปากจะตอบคิวท์ไปว่าไม่มีอะไร แต่สมองมันกลับไปนึกถึงน้ำเสียงติติงของอีกคนที่บอกผมไว้ในวันนั้น

“ พี่กาดเป็นผู้จัดการคิวท์นะ เป็นพี่ชายของคิวท์ด้วย ถามอะไรคิวท์ก็ตอบหมดอ่ะ อยากตอบมากเลยนะเนี่ย ” คิวท์วางปากกาที่กำลังเขียนจำนวนอาหารเพื่อส่งเพิ่มลงบนโต๊ะ ก่อนถูมือตัวเองไปมาเตรียมตัวพร้อมตอบคำถามเต็มที่

“ เรื่องคุณฎีรดล.. ”

“ เรื่องพี่ฎี! โอ๊ะ ถามเลย ตอบได้หมดเลยครับ^^ ” คิวท์เอ่ยขึ้นมาน้ำเสียงดีใจปนตื่นเต้น พร้อมส่งรอยยิ้มเล็กๆที่น่าเอ็นดูออกมา

“ พี่มีเรื่องสงสัย แต่พี่ไม่รู้จะเริ่มยังไง พี่เลยว่าจะไม่ถามดีกว่า ” ผมส่ายหน้าเบาๆ เป็นคำตอบ ซึ่งทำให้คิวท์หรี่ตาและเผลอยู๋ปากอย่างผิดหวังที่ผมพูดกลับไปกลับมา   

“ ไม่เอาๆ ต้องถามๆ อืมมม.. เริ่มที่เรื่องความสัมพันธ์ของพี่ฎีกับคิวท์มั๊ย? ”

   ผมตาโตมองคิวท์ แล้วก็หันมองซ้ายขวาซ้าย ราวกับกลัวว่าจะมีคนมาได้ยินเรื่องที่เรากำลังคุยกัน แต่เสียงของคิวท์ก็เรียกสติให้ผมกลับไปสนใจ

“ พี่ฏีกับคิวท์อะ เป็นแค่พี่น้องกันนะพี่กาด ”

“ ทำไมรู้.. หรือเขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมา หรือเขามาเล่าอะไรให้เราฟัง.. ” โดยเฉพาะเล่าเรื่องที่ผมกับเขาเคยคุยกันที่ร้านอาหารวันนั้น

“ เปล่าครับ คิวท์สังเกตเอง สังเกตหลายครั้งด้วย เหมือนพี่กาดจะไม่ค่อยพอใจที่ เออ..ที่พี่ฎีเข้ามาคุยกับคิวท์ หรือเวลาที่พวกผมอยู่ด้วยกัน แหะๆ ” ว่าแล้วน้องน้อยก็หัวเราะแห้งๆ มองผมทีหลบสายตาที

“ พี่ไม่ได้ไม่พอใจนะ ”

“ แต่ก็ไม่ชอบใจอะดิ ”

“ ไม่ได้ไม่ชอบใจด้วย ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเดียวมองคนหน้ามุ่ยที่เริ่มหายใจฟึดฟัด ใช้ตะเกียบคีบวุ้นเส้นเข้าปากรัวๆ เพราะเดาใจผมไม่ถูกซักที

“ แล้วทำไมครับ หรือว่า..พี่หึงใช่มั๊ยล่ะ? ” แค่เพียงชั่ววินาทีที่คิวท์พูดจบประโยค ตาของผมก็เบิกกว้าง หึงเนี่ยนะ?

“ พี่จะไปหึงใคร! ” ผมยกสองมือที่ถือตะเกียบกับช้อนแนบปิดหูและพูดแทรกอย่างเร็ว จนพี่ที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ สะดุ้งเล็กน้อย เพราะเป็นจังหวะที่พวกเขากำลังจะลุกไปพอดีเลยหันมาเอ่ยแซวผมว่า ‘หึงใครครับน้อง’ ผมกับคิวท์ก็เลยรีบส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ กันทั้งคู่

“ พี่หึง? หึงใคร.. ” ว่าแล้วผมก็หันกลับมาถามน้องต่อ

“ ก็..หึงผมไง ” แต่ดูมันตอบ พูดเหมือนเป็นเรื่องล้อเล่น

“ จะไปหึงเราทำไม ”

“ 5555 โอ๊ะ! นั่นสิเนาะ ใช่มั๊ยล่ะครับ คิวท์ล้อเล่นๆ พี่กาดจะหึงคิวท์ได้ยังไงกัน ..พี่กาดหึงพี่ฎีต่างหาก แน่ๆเลย ” คิวท์ว่าต่อด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์มองผมเหมือนจับผิด ก่อนจะเผยรอยยิ้มล้อเลียน

“ ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ ” และผมก็ยังยืนยันคำเดิม

“ …….แป๊บนะพี่กาด ” คิวท์ยกมือขอเวลานอก เพื่อยืนใบเมนูที่เขียนจำนวนอาหารที่ต้องการจะสั่งเพิ่มให้กับพนักงาน “ อ่ะ พูดต่อครับพี่ ”

“ พี่แค่..รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม ” ผมส่ายหน้าเอ่ยเบาๆ เพราะผมรู้ตัวว่ากำลังใช้คำพูดจากการที่ผมเป็นคนนอกมองเหมือนไปตัดสินใจแทนความสัมพันธ์ของน้องกับคุณฎี

“ ไม่เหมาะสม.. ยังไงครับ? ” คิวท์ที่ยังไม่เข้าใจเรื่องที่ผมพูดทำหน้าสงสัย และตั้งใจฟังขึ้นมาทันที

   มันก็ไม่ได้ไม่เหมาะสมขนาดนั้น แต่ผมไม่รู้จะใช้คำพูดไหนมาอธิบาย ผมไม่ได้หมายถึงหน้าตา ฐานะ หรือเพศสภาพของทั้งคู่นะ แต่ผมเน้นความหมายไปทางความรู้สึกของพวกเขา

   ผมอาจจะมองในมุมมองของคนที่ไม่เคยมีความรักมั๊ง

   รู้ว่ารักก็คือรัก เพราะผมมีตัวอย่างจากคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นแบบที่ตารักยาย แบบที่พ่อรักแม่ หรือแบบที่ไอ้แยมรักพี่ปัง รวมทั้งคิวท์ที่กำลังรู้สึกดีๆกับเก่งกล้า

   ผมรู้ว่ามันมีอยู่จริงๆนะ ไอความรักที่มีรูปแบบของการที่ทั้งคู่รักกันเนี่ย มันคงทำให้กันและกันมีความสุขมากๆ

   เพียงแต่..ถ้าความรักมันอยู่ในรูปแบบของคนที่รักเขาข้างเดียว..โดยที่เขาไม่รักล่ะ มันยังจะมีความสุขอยู่มั๊ย

“ อะ พี่ถามก่อน.. เรารู้สึกบางอย่างกับเก่งกล้าใช่มั๊ย? ”

“ หาา? พี่กาด! o.o พี่กล้าเขาเป็นคู่จิ้นของคิวท์นะ คิวท์.. ” คิวท์ตาโตบอกปัดออกมาได้ไม่เต็มปาก

“ แต่เราก็รู้สึกดี จนไปถึงขั้นชอบแล้วใช่มั๊ยล่ะ ”

“ พี่กาดดดด จุ๊ๆ ฮือ พี่กาดรู้หรอ? ได้โปรดอยากบอกใครนะ ” น้องน้อยวิ่งอ้อมโต๊ะเนื้อย่างมานั่งข้างผม ขยับตัวเข้ามาใกล้ เอาแขนมาคล้องแขนผมไว้ หัวหนุนไหล่ผมทั้งยังพนมมือราวกับขอร้อง จนผมต้องหัวเราะรั่ว มันจะเสียอาการอะไรขนาดนั่นเลยหรอ แค่โดนจับได้ว่าตัวเองชอบเก่งกล้าเนี่ย

“ อ่าๆ พี่ไม่บอกใครหรอกน้า ” เพราะใครๆ เขาก็ดูออก ไอ้ปลาทูน้อยเอ้ยย

“ ตะ..แต่พี่รู้ได้ยังไง ” คิวท์ถามด้วยรอยยิ้มเขินขณะที่ค่อยไปผละตัวออกไปนั่งที่เดิมในฝั่งตรงข้าม

“ ก็พี่อยู่กับพวกเรามาตั้งแต่ต้น พี่รู้ ” ผมเอ่ยแล้วอมยิ้ม มองคนหูแดงคอแดง พอเขินแล้วเลือดสูบฉีดดีเหลือเกิน

“ ครับ แต่..พี่ห้ามบอกพี่กล้านะ ”

“ อืม ไม่บอกๆ ” ว่าแล้วผมก็สัญญาเกี่ยวก้อยกับน้อง

“ แล้ว..ชอบไม่ชอบพี่กล้ามันเกี่ยวอะไรกับพี่ฎีอะครับ ” น้องน้อยเอ่ยถามต่อด้วยสีหน้าสงสัย

“ ก็มันไม่เหมาะสมไง ถ้าเราชอบอีกคนหนึ่งอยู่ เราจะไปให้ความหวังอีกคนทำไมล่ะ ”

“ ชอบอีกคน? ”

“ หมายถึงเราที่เก่งกล้า ” ผมเอ่ยเบาๆ

“ อ๋อ แล้ว..ให้ความหวังอีกคน ”

“ หมายถึงเราที่ไปให้ความหวังคุณฎีไง ” ผมก็เอ่ยเบาๆอีกรอบ

   ความหายของผมก็ตรงตัวเด๊ะๆ คือถ้าคิวท์ชอบเก่งกล้า น้องก็ไม่ควรจะไปให้ความหวังคุณฏี

“ มะ.. ”

“ เข้าใจใช่มั๊ยล่ะ ง่ายๆ เลยคือพี่ไม่อยากให้ต้องมีใครที่มาเสียใจและผิดหวัง ” ผมรีบพูดต่อแบบไม่รอให้น้องได้พูดแทรก

“ พี่กาด.. ”

“ ถ้าการที่คุณฎีจะมาชอบคิวท์ รักคิวท์ข้างเดียว เขาก็ต้องเป็นฝ่ายที่เสียใจอยู่แล้ว เพราะคิวท์ชอบเก่งกล้า ดังนั้นพี่เลยคิดว่ามันไม่เหมาะสม คิวท์น่าจะวางตัวแสดงให้เขารู้ไปเลยว่าเราไม่ได้ชอบเขา ”

“ พี่กาดคิดว่าพี่ฎีชอบคิวท์??? และคิดว่ามันไม่เหมาะสม ” คิวท์เอ่ยหน้างง พร้อมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

“ อืม ” ผมรีบพยักหน้าหงึกหงัก

“ พี่กาดกลัวว่าพี่ฎีจะเสียใจเนี่ยนะ? ”

“ ใช่ เอ๊ยย! ไม่ได้หมายถึงแค่คุณฎี แต่พี่หมายถึงทุกคนที่มาชอบคิวท์ ทุกคนที่มีรักข้างเดียว ” ผมพยักหน้าอีกหนึ่งครั้งก่อนนึกได้ว่าไม่ใช่จึงรีบสั่นหัวรัวๆ โอย ปวดคอแล้วนะ

“ ไม่ใช่อะพี่กาด พี่กาดกำลังเข้าใจผิด ”

“ หื้อออ ไม่ผิดด ”

“ ที่คิวท์เข้าใจ คิวท์คิดว่า.. เออ.. คิดว่าพี่กาดอาจจะชอบพี่ฎีแบบไม่รู้ว่าตัวเองชอบ ”

??

“ หะ! พี่เนี่ยนะชอบคุณฎี ”

“ ใช่ครับ ” คิวท์พยักหน้าบวกกับสายตาที่ยังคงจับจ้องมาที่ผมอย่างแน่วแน่ “ ชอบแบบ..ไม่รู้ตัว ”

   ชอบแบบไม่รู้ตัวเนี่ยนะ ใครมันจะโง่ไม่รู้ตัวเองว่าชอบขนาดนั้นว่ะ

   เอ๊ะ หรือว่าเรื่องนี้ผมจะโง่จริงๆ ?

   บ้า.. ผมไม่ได้โง่

“ ถ้าใช่ก็บ้าแล้ว พี่ไม่ได้ชอบ ” ผมยกมือโบกปฏิเสธไปมา ทั้งยังยืนยันเรื่องที่ตัวเองไม่ชอบออกไปเสียงหนักแน่น แม้แววตาจะไม่ค่อยแน่ใจนักก็ตามเรื่องที่ตัวเองโง่ไม่โง่

“ เฮ้! คิวท์เข้าใจผิดหรอ? แต่สายตาพี่กาดมันแบบ.. ” คิวท์ชี้ๆที่โหนกแก้มใต้ตาแล้วใช้นิ้วดันๆจนตาหยี๋

“ สายตาพี่มันยังไง แบบไหน.. ” ผมทำหน้างง มองหน้าน้องผ่านกรอบแว่น นอกจากสายตาจะสั้นบรรลัยตั้ง 650 แล้ว มันยังมีสายตาแบบไหนอีก

“ มันแบบ..ไม่ธรรมดา ” คิวท์พูดพร้อมกับยิ้มกว้างที่ทำใบหน้าขาวปรากฎลักยิ้มสองข้างชัดเจน

“ ไม่ธรรมดา? ไม่ธรรมดาน่ะสิ พะ..พี่ไม่ได้ชอบเขา เพราะพี่มีเรื่องกับเขาเป็นการส่วนตัวต่างหาก เขากวนประสาทพี่ขนาดไหนเราก็รู้ อีกอย่างพี่ไม่ได้ไม่พอใจเรานะที่เขามาเจ๊าะแจ๊ะด้วย เพียงแต่พี่แค่เตือน เพราะไม่อยากให้เราต้องไปทำร้ายให้ใครเสียใจ ”

“ พี่กาด คิวท์ว่าไปกันใหญ่แล้วพี่ ” คิวท์รีบยกมือปางห้ามญาติเบรกไม่ให้ผมพูดต่อ

?

“ พี่ฎีไม่ได้ชอบคิวท์นะ ” คิวท์หน้ายุ่งก่อนถอนหายใจออกมาหนึ่งพรืด

“ แล้วเรารู้ได้ไง? ” ผมถามกลับอย่างไม่เชื่อ

“ ก็พี่ฎีเขาออกจะชัดเจน นี่อย่าบอกนะว่าพี่กาดยังดูไม่ออก ” คิวท์ส่งสายตาสงสัย ทั้งยังยิ้มแหย่ๆมาให้กับผม

“ อีกแล้ว.. คำก็ชัดเจน คำก็ดูไม่ออก เขาชัดเจนยังไง? พี่ก็เห็นอยู่ว่าเขามายุ่งแค่กับเรา ชัดเจนแค่กับเราอะ ”

“ โห ผมเครียดขึ้นมาเลยเนี่ย ไมเกรนขึ้น ” คิวท์ยกมือขึ้นมากุมขมับ ถอนหายใจยาวพรืดอย่างอ่อนใจอีกครั้ง เพราะจากที่เครียดอยู่แล้วเครียดขึ้นไปกว่าเดิม

“ ซะงั้น ”

“ พี่กาดคิดดูดีๆพี่ อ่ะ! แล้วพี่กาดไม่ต้องกลัวพี่ฎีจะเสียใจเรื่องคิวท์เลยนะ ขอยืนยันว่าพวกผมสองคนเป็นแค่พี่น้อง พี่น้องกันเท่านั้นครับพี่ ”

“ ...…. ” พี่น้องกันต้องโทรหากันบ่อยๆหรอ

“ และที่สำคัญ พี่ฎีไม่ได้ชอบคิวท์ อันนี้คิวท์ยืนยัน! ” คิวท์เอ่ยออกมาเหมือนปลงจนทนไม่ได้

   ดูหน้าน้องมันที่มองผมตอนนี้ ผมยังดูออกเลยว่ามันแอบบ่นผมในใจ ทั้งยังเห็นไอ้ผักกาดคนนี้เป็นเด็กน้อยที่อ่อนด๋อยเรื่องความรักมากกว่าตัวเอง เพราะพูดอะไรมาผมก็ไม่เข้าใจอะไรเลยสักกะอย่าง

“ แล้วทำไมคุณฎีเขาทำเหมือนชอบเรา ” พอไม่เข้าใจอะไร ก็เลยอยากรู้และถามต่อ

“ เช่นอะไรครับ ทำไมพี่กาดถึงคิดแบบนั้น ” คิวท์ทำหน้าคิดหนัก

“ ก็การพูดคุย ไลน์หา โทรหา ซื้อของมาให้ ชวนไปเที่ยว ”

“ แค่นั้นมันบอกไม่ได้หรอกพี่ อืม.. จะว่ายังไงดีล่ะ คือครอบครัวพวกคิวท์รู้จักกันครับ ลูกพี่ลูกน้องคิวท์เขาก็ทำงานกับพี่ฎี สถานะพวกเรามันก็ชัดเจนว่าเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องครับ ย้ำเลยนะว่าพี่น้อง เข้าใจเนาะพี่เนาะ ” คิวท์ยังอธิบายกับผมต่อ แล้วไถ่ถามความเข้าใจกับผมด้วยสีหน้าที่คาดหวัง

“ อืม ” ผมพยักหน้าให้หนึ่งครั้ง เจ้าเด็กน้อยก็เลยยิ้มกว้างโชว์เหมือนสบายใจขึ้น

“ พี่ฏีเขามีคนในใจอยู่แล้ว มีมานานแล้วด้วย ”

“ จริงหรอ.. ”

“ จริงสิครับ อ่อ! ส่วนพี่ฎีจะคิดอะไรยังไงกับใครเนี่ย พี่กาดต้องรอฟังจากพี่ฎีเลย ย้ำเลยนะว่าพี่กาดต้องฟังจากปากพี่ฎี ” คิวท์เอ่ยด้วยใบหน้าจริงจัง

“ ทำไมพี่ต้องรอฟัง? ไม่เห็นจะเกี่ยวกับพี่ ”

“ เถอะหน่าพี่ ” คิวท์ตอบปัดๆ

“ …… ” วู้! อะไรว่ะ ผมเดาผิดหรอ ผมมองผิดหรอที่คิดว่าคุณฎีเขาชอบคิวท์ข้างเดียว และทำไมทั้งคุณฎีทั้งคิวท์ต่างก็บอกกับผมว่า ชัดเจนนะ! ดูไม่ออกหรอ?

   แล้วทำไมไม่พูดล่ะ ถ้าไม่ได้ชอบ ทำไมคุณเขาไม่บอกให้มันเคลียร์ตั้งแต่ตอนที่ผมถาม

“แล้วอีกอย่างเลย คือบางเรื่องที่พี่ฎีทำไปอะ เขาหวังดีนะพี่ เขาไม่ได้อยากจะแกล้งหรือปิดบังอะไรพี่กาดเลย ”

“ เรากำลังพูดถึงเรื่องอะไร? ” เมื่อคิวท์พูดจบผมก็ได้แต่พึมพำถามเบาๆ

“ เดี๋ยวพี่กาดก็จะรู้เองครับ อย่าถามคิวท์เลย แค่นี้คิวท์ก็แทบจะบอกทุกอย่างออกไปหมดแล้วนะ ”

“ ……. ” บอกทุกอย่างอะไรว่ะ ทำไมผมยังไม่เห็นจะเข้าใจ

“ แล้วถ้าพี่กาดรู้ ก็อย่าโกรธคิวท์ด้วยนะเข้าใจมั๊ยครับ ”

“ พี่จะไปโกรธอะไรเราอีกอ่าา ” ผมเอ่ยพร้อมส่งสายตามองน้องด้วยหน้าหงอยๆ แกพูดอะไรมาพี่ไม่เข้าใจเลยเนี่ย

“ คิวท์ไม่บอก บอกไม่ได้จริงๆ >< คิวท์กอดหน่อย ไปแล้วๆ ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บ อย่าโกรธนะ ” คิวท์พูดทิ้งท้ายรัวๆ พูดจบเจ้าตัวก็ลุกขึ้นวิ่งอ้อมโต๊ะมากอดผมไม่ถึงสามวินาทีก็ผละออกแล้ววิ่งออกไปทางห้องน้ำเลย

   เฮ้อ.. เรื่องเก่ายังเคลียร์แบบไม่เคลียร์ เอาเรื่องใหม่มาพูดให้ผมงงอีกแล้ว ไอ้น้องน้อยเอ๊ยย

“ ขอเสริฟอาหารครับ ”

“ ครับ วางเลยครับ เอ๋? ทะ..ทั้งหมดนี้เลยหรอครับ ” ผมมองคอนโดถาดอาหารที่ตัวเองไม่ได้สั่งอย่างอึ้งๆ พี่พนักงานทยอยเอามาวางลงที่โต๊ะใหม่เรื่อยๆ

“ ใช่ครับ ”

   สองคอนโด ทั้งหมดเป็นจำนวนเกือบยี่สิบถาด ไหนจะผักรวมอีกชุด ไข่ไก่อีกสองฟอง เชี่ย! เราจะกินหมดมั๊ยเนี่ยคิวท์ แกสั่งมาไม่ถามกันเลยว่าพี่จะกินด้วยมั๊ย แล้วทำไงที่นี่..

“ พี่ครับ ผมขอคืนสักสิบถาดได้มั๊ยครับ แหะๆ ”





❤ 100 เปอร์เซนต์ (%)

----------------------



1 ไลค์ 1 คอมเมนต์ = 1 กำลังใจ ❤

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ

(◜◡‾) (‾◡◝)




นักเขียน :: ตอนนี้ยาวมากเลยน้าาา แต่พี่ฏีโผล่มาน้อยนิด555
ฝากทวิตเตอร์ :: แม่น้องผักกาด @PimpipamS (https://twitter.com/PimpipamS)
ติดแท็ก #คุณฎีของผักกาด
ฝากคอมเม้นท์ติชมเป็นกำลังใจ❤หน่อยค่าาา รักคนที่เข้ามาอ่านทุกคนนะคะ




หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 05 :: เจ้าของห้องคนใหม่ (100%) [30/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tawanwee ที่ 30-03-2020 19:17:32
น้องคิวท์ก็น่ารักนะ ปายๆๆ :katai5:
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 05 :: เจ้าของห้องคนใหม่ (100%) [30/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 31-03-2020 00:19:28
คุณฎีต้องรุกหนักกว่านี้แล้วละ เจ้าผักกาดคนไม่รู้เรื่องความรัก
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 05 :: เจ้าของห้องคนใหม่ (100%) [30/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 31-03-2020 14:25:28
ต้องรุกแบบชัดๆเพราะคุณกาดสายตาสั้นนะคุณฎี
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 05 :: เจ้าของห้องคนใหม่ (100%) [30/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: funndee ที่ 31-03-2020 19:22:59
ชอบตอนอดีตที่พี่ฎีพูดกูมึงอะ แล้วปัจจุบันคือพูดเพราะกันมาก ครับๆๆ กับคนที่ชอบแหละเนาะะะะ
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 05 :: เจ้าของห้องคนใหม่ (100%) [30/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: luklukky ที่ 01-04-2020 16:23:37
ชอบคนกวนประสาทอันดับหนึ่งจริงจริ๊งงงง :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 05 :: เจ้าของห้องคนใหม่ (100%) [30/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Nadaii20 ที่ 02-04-2020 23:54:21
คือมันเขินตั้งแต่ ยัก ยัก ไม่ยักษ์ แล้วเว้ยแกกก :fox2: :fox2:
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 05 :: เจ้าของห้องคนใหม่ (100%) [30/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Yeewajj ที่ 04-04-2020 23:59:02
อยากอ่านต่อมากกกก :katai4:
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 05 :: เจ้าของห้องคนใหม่ (100%) [30/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 05-04-2020 02:17:37
ทุกคนช่วยกันปิดเก่งมาก 55555555555555
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 05 :: เจ้าของห้องคนใหม่ (100%) [30/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: orayassa ที่ 05-04-2020 13:14:39
ถ้าชอบตั้งแต่ตอนนั้น คือชอบมานานมากแล้วนะ

ทำไมไม่จีบน้องดีๆ หรือจีบแล้วแต่ผักกาดมันไม่รู้เรื่อสักที55555
:m20:
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 05 :: เจ้าของห้องคนใหม่ (100%) [30/03/20]
เริ่มหัวข้อโดย: ้ีืhunnaii ที่ 05-04-2020 14:36:20
ผักกาด ลูกเอ๊ยยย คิวท์ยืนยันขนาดนั้นแล้ว
รอฟังจากปากคุณฎีเลยลูกกก :ling2:
หัวข้อ: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 06 :: ฝนอะไรเป็นใจจัง (30%) [05/04/20]
เริ่มหัวข้อโดย: pimpipam_s ที่ 05-04-2020 15:05:54
 
คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ

ตอนที่ 06 :: ฝนอะไรเป็นใจจัง ขึ้นห้องกัน(!?)
 
 





   พ่อจ๋า ไอ้กาดไม่กลับกาญนะจ๊ะ ไอ้กาดมีคอนโดเป็นของตัวเองแล้ว

N’ Pakkhom

calling...


‘ พี่กาดดดดด!! เห็นสองแฝดบอกว่าพี่ย้ายไปคอนโดหลายวันแล้ว ’

“ ใช่ ”

‘  ทำไมพี่กาดไม่บอกโขมอะ ผมเป็นน้องพี่นะะ ’

   ผมเกาหน้าผากตัวเองแรงๆ ไม่ใช่เพราะคัน แต่เป็นเพราะปวดกบาลที่โดนน้องชายตัวโตกว่าหมา งอแงใส่กันอีกแล้ว
   
“ ทำไม? จะมาขนของช่วยหรือไง ”

‘  ป่าว โขมอยากไปยืนดูพี่ขนของเฉยๆ อาจจะร้องเพลงเชียร์ให้ด้วยนิดหน่อย ’ คนในสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงกวนๆ

“ ไอ้น้องเวรหนิ! ” ด่าให้เลย

‘  อย่าด่าดิ ใจโขมเล็กนิดเดียว ’ พี่เกลียดท่าประกอบนิดเดียวว่ะโขม พูดว่าอย่าด่าแต่น้ำเสียงกวนให้ด่ามากกว่าเดิม

“ เอิ่ม ”

‘  อย่าทำหน้าทำเสียงเอือมน้องด้วย! ว่าแต่..อยู่ชั้นไหนอะพี่ ห้องสวยป่ะ? ’

“ ชั้น 17 ห้องสวยนะ กว้างด้วย ”

‘  โหห เนี่ย พี่ย้ายไปเล่นไม่บอกน้อง รู้ป่ะน้องอยากไปเห็นอะ น้องนะ นี่โขมน้องพี่กาด น้องเอง น้องของพะ.. ’

“ พ่ามอะไรเนี่ย มีไรอีกม่ะพี่จะไปหาอะไรกิน ร่างกายมันสั่งให้ไปหาไรกิน ถ้าไม่งั้นพี่คงได้กินหัวแกแน่ ”

‘  เนี่ย! ไม่ฟังกัน แล้วยังมาโมโหหิวอีก ’

“ ฟัง แต่ไม่รู้เรื่องโว้ย ” ผมยกมือขึ้นทึ้งหัวตัวเองไปมา

‘  ชิ ไม่มีแล้วก็ได้ ไม่คิดถึงด้วยคนใจร้าย ’

“ …… ” ตกลงมันเป็นน้องคนกลางหรือน้องคนเล็กสุดของบ้านวะ สองข้าวยังไม่งอแงเท่าผักโขมคนเดียวแบบนี้เลยนะ

‘  …....  ’

“ เอ้า ไมไม่วางล่ะ? ” ผมถาม เพราะเราต่างก็เงียบไปสักพัก

‘  แป๊ปดิ มีไรจะบอกครับ ...รักพี่นะ อย่าแอบไปมีแฟนแล้วไม่บอกน้องล่ะ โขมหวง หวงมั๊กมาก ไปจริงๆแล้วก่อนถูกด่า ’

“ ไอ.. ”

ติ๊ด!

   หึ ไอ้น้องเพี้ยนเอ้ย

   ผมยังงงไม่หาย ที่ถูกน้องชายโทรมาพูดๆๆแล้วตัดสายไปก่อนเพราะกลัวโดนผมด่า ดูมันดิ้โวยวายแบบเล่นใหญ่ เรื่องที่ผมย้ายเข้าคอนโดโดยที่ไม่บอก จนคนเป็นพี่อย่างผมแทบหมดพลังงาน

   แค่ฟังผักโขมพูด ผักกาดก็เหนื่อยสุดล่ะ

   ดูนาฬิกาอีกทีก็จะบ่ายโมงครึ่งแล้ว ผมยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า

“ มือสั่นอีกแล้วนะคนเรา ”

   บ่นให้ร่างกายตัวเอง ไม่ชอบไอ้อาการไม่มีแรงของตัวเอง แม้ท้องไม่ร้องหรือไม่อยาก แต่ตาจะลายและมือเริ่มสั่น อาการแบบนี้คือหิวอยู่ดี ต้องหาอะไรมากินเพื่อเพิ่มพลังงานเท่านั้นเลย

   วันอาทิตย์เป็นวันหยุดของผมด้วยเลยตื่นสายได้

   พอตื่นมาผมก็เริ่มจัดของ วางนู้นวางนี้ที่ซื้อเข้ามาเพิ่มเติม จัดๆ วางๆ ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็สวยเอง

   ผมลุกจากพื้นพรมห้องนั่งเล่นไปหยิบกระเป๋าตังค์ในห้องนอน และกระเป๋าผ้าในห้องครัวที่มีกล่องพลาสติกเล็กๆใส่ไว้ เพื่อเอาไปใส่อาหารตอนซื้ออาหารกับร้านตามสั่งที่อยู่หน้าปากซอย

   คอนโดของผมห่างจากทางเข้าหรือหน้าปากซอยระยะทางประมาณ 700 เมตรได้ ดังนั้นผมจึงเลือกวิธีการเดิน

“ ผัดกะเพราปลาหมึกบวกปลา 1 กล่องครับ นี่ครับผม”

   ว่าแล้วก็ยื่นกล่องข้าวน้อยไปให้กับแม่ค้า ตั้งใจว่าจะสั่งกลับไปกินบนห้อง จะแวะซื้อของเล็กน้อยที่มินิมาร์ทแล้วกลับไปนอนตีพุงดูซีรีย์สักเรื่อง






เปาะแปะ! เปาะแปะ!

“ เอ้า! ซวยแล้ว ” ฝนตก?

   โธ่ ไหงเป็นงี้ ทำไมฟ้าต้องแกล้งคนอย่างผักกาดดด

   ผมที่เดินทอดน่องสบายใจเฉิบออกจากมินิมาร์ทในตอนแรกกลับต้องหน้าหงอยลง ทั้งยังอยากจะเอาหัวไปโขกกับเสาไฟฟ้า เพราะร่มก็ไม่ได้พกมาด้วย

   แต่ช่างมันเถอะ ใครจะไปรู้ว่าฝนจะตกแบบนี้ ตอนเดินลงมาจากคอนโด คุณท้องฟ้ายังสดใสกว่านี้ตั้งเยอะ ตอนนี้กลายเป็นว่ามีแต่กลุ่มก้อนเมฆสีเทา ท้องฟ้ามืดครึ่มแถมลมยังพัดกระโชกแรงอีก

“ กลับให้ทันก็พอ ” ผมตั้งสติแล้วบอกกับตัวเองว่าอย่างงั้น ก่อนรีบออกตัวเดินเร็วขึ้น พร้อมยกถุงผ้าที่ใส่กล่องข้าวมาบังละอองฝนที่ฟุ้งกระจายทั่วบริเวณ ดีที่วันนี้ผมใส่คอนแทคเลนส์แทนแว่นตาออกมาพอดี ไม่งั้นฝนตกแบบนี้ก็จะทำให้แว่นตาเปียก พร่ามัวและมองทางก็จะไม่เห็นไปอีก

เปาะแปะๆๆ!

   แต่ตอนนี้ผมต้องกลับไปให้ถึงคอนโดก่อน ก่อนที่ฝนจะตกแรงกว่านี้ ไม่งั้นเปียกทั้งตัวทั้งหัวแน่นอนจ้ะ

   

ซ่าาา ๆๆ ซ่าาา

   ไอ้เชี่ยเอ้ย !!

   ผมไม่ได้ตั้งใจด่านะคุณท้องฟ้า แต่มันเป็นคำอุทานที่เหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้ที่สุดแล้ว เพราะผมก้าวเท้าเดินยังไม่ทันครบ 20 ก้าวเลยมั๊ง

“ ไม่ทำกับผักกาดแบบนี้ดิคู้ณณณ ”

   ผมยืนนิ่งมองท้องฟ้าที่มืดมัว มองฝ่าเม็ดฝนที่ถูกเทกระหน่ำลงมา ถนนหนทางด้านหน้าเป็นม่านฝนสีขาว ทุกคนรอบตัวเริ่มออกตัววิ่งเร็วขึ้น และลับหายไป

   ทั้งที่ตอนนี้ผมเร่งตัวเองมาอยู่กลางๆ ซอยแล้วแท้ๆ คอนโดสูงตะหง่านตรงหน้าที่เหมือนใกล้ๆ ดูไกลไปเลยแม่จ๋า

   ผมชอบเล่นน้ำก็จริง ชอบไปเที่ยวสถานที่ที่มีน้ำ น้ำตก น้ำทะเล แต่ไม่ชอบเลยเวลาที่ฝนตกแล้วเฉอะแฉะ ใช้ชีวิตลำบากขึ้นไปอีก

   อยากจะวิ่ง แต่ไม่อยากให้น้ำกระเด็นโดนเลย

“ ที่หลบก็ไม่มี ” ผมบ่นกับตัวเองนิดหน่อยแข่งกับเสียงฝนในขณะที่เดินสับขาเร็วขึ้นเรื่อย ๆ

   อยากให้มีคนวิ่งเอาร่มมารับจัง กระเป๋าผ้าใส่ของของผมเปียกหมดแล้ว หนักกว่านั้นคือไปทั้งหน้าทั้งผม เปียกปอน หึ

   เสียงหัวเราะสมเพสในความหวังเล็กๆ ของตัวเองหยุดลง เมื่อผมได้ยินเสียงฝีเท้ากระทบกับผืนน้ำที่ระบายไม่ทันอยู่บริเวณพื้นถนน จากด้านหน้าไกลๆ และเริ่มเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นเรื่อยๆ

   ฝนตกแรงขนาดนี้ ยังมีคนวิ่งฝ่าฝนออกมาอีก เขาใช้มือข้างขวาของตัวเองถือร่มเพื่อกันฝนที่กำลังตกลงมา และรวบกระเป๋าผ้าที่เหมือนจะใส่ของไว้จนตุงเต็มกระเป๋าถือไว้ในมือข้างเดียวกัน

   ผมมองฝ่าสายฝนสีขาวเห็นเป็นเงาจางๆ จนเริ่มเปลี่ยนเป็นภาพและรูปร่างที่ชัดเจนขึ้น ผู้ชายตัวสูงมากๆ ใบหน้าขาวสะอาด นัยน์ตาสีน้ำตาล เขากำลังวิ่งฝ่าสายฝน และมาหยุดยืนตรงด้านหน้าของผม

   
หมับ

“ วิ่งดิ หัวเปียกเป็นลูกหมาแล้ว ”

   ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมีมือของคนที่วิ่งเข้ามาอย่างไม่คาดคิดเข้ามาจับหมับเข้าที่ต้นแขนของตัวเองไว้

“ เฮ้ย! ..คุณฎี O.O ”

   ใช่ ..คือเขาจริงๆ

   เขาวิ่งมาอยู่ตรงนี้ได้ไง
   
   เขาวิ่งมาหาผมหรอ?  หรือแค่บังเอิญ..

“ ตกใจอะไรขนาดนั้น วิ่งเร็วครับ ”

“ หะ? ” ผมมองหน้าคนหอบหายใจที่ตัวเริ่มเปียกชื้นเล็กน้อยอย่างเต็มไปด้วยคำถาม เขาฝ่าฝนมาจากไหน ฝ่าจะไปไหน แล้ว..ฝ่ามาทำไม

“ วิ่ง! ”

“ เดี๋ยวๆครับ มันเปียก  ” เร็วเท่าความคิด ผมยั้งตัวเองไว้พยายามไม่ให้ตัวเองวิ่งไปตามแรงดึงของคุณฎี แม้ขาของผมมันจะก้าวฉับๆ ตามเขาแล้วก็ตาม

“ ถ้ายังช้า ก็จะเปียกกว่านี้ครับอย่ามัวแต่คิด มากับพี่เร็วเดี๋ยวไม่สบาย ”

   ไม่สบายหรอ?
 
   ผมไม่อยากไม่สบาย


“ ทำหน้างงอีกแล้วนะเรา ม่ะ ”

   ไม่รู้ผมทำหน้างงออกไปแค่ไหนเหมือนกัน

   รู้ตัวอีกทีก็..ยอมให้คนที่เพิ่งเจอในรอบหนึ่งเดือน เปลี่ยนเอาฝ่ามือใหญ่จากที่จับต้นแขนมาสอดประสานปลายนิ้วแล้วกอบกุมเข้าที่ฝ่ามือเล็กของตัวเอง ยอมถูกรั้งตัวเข้าไปอยู่ในร่มคันใหญ่ด้วยกัน พร้อมกับยังยอมก้าวเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งให้เร็วขึ้นตามแรงจูงอีกด้วย สงสัยวันนี้สติของผมมันรวนอีกรอบแล้ว..

   คนตัวสูงที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งข้างๆกัน ทำเพียงหันมามองผมบ้างเป็นระยะ ผิดกับผมที่เผลอ..มองเขาจากด้านข้างไม่ยอมหยุด

   ไม่ละสายตา
   
   มองตั้งแต่เท้าของคนที่สวมรองเท้าแตะแบบคีบสีดำสบายๆ กำลังก้าวเท้าฉับๆข้างๆผมที่สวมรองเท้าแตะแบบสวมสีเดียวกัน
   
   มองข้อมือข้างซ้ายของคนที่สวมนาฬิกาแบรนด์ mondaine ฝ่ามือกำลังจับมือข้างขวาของผมที่ใส่แค่กำไลข้อมือสลักชื่อเล็กๆว่าผักกาด
   
   มองต้นแขน หัวไหล่ ไล่ไปถึงใบหน้าขาวในมุมด้านข้างของเขา

“ มอง มองเข้าไป ”

“ อะไรนะ!? ”

“ มองกันเก่งขึ้นนะครับ เมื่อก่อนไม่เห็นจะสนใจมอง ” คุณฎีเอ่ยพร้อมขยิบตาให้หนึ่งข้าง ซึ่งกลายเป็นผมที่เหลอหลาปฏิเสธเป็นพัลวัน

“ บ้าเหรอ! ป่าว ป่าวนะ! ผมไม่ได้มองสักหน่อย! ”

“ คราวนี้ทำไมไม่เถียงว่าพี่ก็มองเราล่ะ ” รื้อฟื้นเก่งว่ะคนนี้

“ ก็เดี๋ยวนี้คุณฎีไม่ได้มองผม เหมือนตอนนั้นสักหน่อย ” แต่มองมากกว่าเดิม มองมากกว่าการมองเพื่อจะแกล้งกัน ผมคิดจากที่เห็นนะแต่ไม่กล้าพูด

“ หึ พี่ก็แค่พูดเล่น ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นล่ะ ” เขาส่ายหน้าขำ

“ ผมไม่ได้ตกใจด้วย ถึงหน้าผมเหมือนคนตกใจ แต่ผะ.. ผมไม่ได้ตกใจ ”

   ผมเถียงขาดใจแม้จะไม่ค่อยเต็มเสียงก็ตาม ผมก็พอรู้ตัวว่าเมื่อกี้ตัวเองมองผู้ชายตัวสูงที่ผมเองมักบอกว่าไม่ชอบหน้านานเกินไปจริงๆ แต่ไม่อยากยอมรับความจริงอ่ะ จะทำไม!

   ผมมองแต่ใช่ว่าจะสนใจสักหน่อย ก็แค่..มองเพราะไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน ทำอะไรมา มองเพราะช่วงที่ผ่านมามีคนเข้ามาทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวในอดีตระหว่างเขากับผม มองเพราะแต่ละวันในช่วงหนึ่งของความคิดมักจะนึกถึงเขาอยู่ตลอด

   และในหัวดันมีแต่คำถาม


“ ..คุณฎีมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ ”

   ในช่วงเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาผมไม่เห็นคุณฎีเลยด้วยซ้ำ คุณฎีไม่ได้ไปกับพี่รดาที่กองถ่าย ไม่ได้แวะเข้าไปหาคิวท์ ผมรู้เพียงแต่ว่าเขาติดต่อคิวท์ผ่านทางโทรศัพท์เสมอ

" ไว้ถึงก่อน ค่อยคุยกันนะครับ " คนเสียงทุ้มเอ่ยแล้วหันมาอมยิ้มๆ

   คุณฎีผมยาวขึ้นนะ

   เส้นผมปรกด้านหน้ายิ่งดูยาวขึ้นมากๆ อย่างเห็นได้ชัดเลย คงเพราะวันนี้เขาไม่ได้มีการเซ็ตทรงผมใดใด ปลายผมลอนนั้นถูกปล่อยเป็นธรรมชาติ มีชี้มีฟูเล็กน้อย และลูบลีบบ้างบางส่วนเพราะเปียกจากละอองและเม็ดฝน

   บางทีฝนก็ทำให้คนดูไม่หลงเหลือสภาพที่ดี แต่คุณฎีคือข้อยกเว้นหรือเปล่านะ

   เพราะคนที่ไม่เหลือสภาพมันคือ ไอ้ผักกาดคนนี้เอง แหม.. หัวก็เปียกเหมียนหมาตกน้ำแล้ว

" ได้ยินเสียงพี่มั๊ย ..ผักกาด ..ผักกาด ..ผักกาด! "

" เอ๊ะ! คุณจะเรียกชื่อผมทำไมนักหนา "

   ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของคุณฏี หลุดขำหลังจากที่หันมามองและเรียกชื่อของผมซ้ำๆ จนตัวคนถูกเรียกอย่างผมสะดุ้งโหยง(!?)

" นึกว่าไม่ได้ยิน "

" ผมได้ยิน.. แต่เมื่อกี้คิดเรื่องอื่นอยู่เลยไม่ตอบ "

" คิดเรื่องไหนกันครับ หรือคิดเรื่องพี่ วันนี้เรามองพี่ไม่หยุดเลยนะ "

" ก็บอกว่าไม่ได้มองไงครับ" อย่าล้อกันได้ป่ะ " แล้วคุณจะพาผมวิ่งไปถึงไหน มะ..เมื่อไรจะถึงสักที"

   ไม่คิดว่าจะมาเจอเขาที่นี้ ข้างถนน ท่ามกลางฝนที่ตกลงมา

" คุณฎีอยู่แถวนี้หรอ? "

" ครับ แถวๆนี้ พี่ไปซื้อของมานะ"

   ผมมองถุงผ้าที่เขาตั้งใจยกเข้ามาใกล้จนเกือบฟาดดั้งกัน! และจังหวะที่เขาหักข้อมือข้างที่ถือของขึ้นมาให้ดู ก็ทำให้ร่มที่เขาถือทางของผมถูกเปิดออก 

“ เปียกๆ คุณนี่! ” ว่าไม่ทันจบ ผมก็รีบเอามือข้างซ้ายที่ถือของไปคว้ามือหนาที่ถือคันร่มให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมที่สามารถกันฝนให้เราทั้งคู่

“ ก็พี่กลัวไม่เห็นถุงผ้าสีเขียว ” เขาพูดเสียงอ่อนใจ เลือนสายตามองมือของผมที่จับทับกับมือของเขา ผมเบิกตากว้างเมื่อรู้ตัว ค่อยๆปล่อยมือออกจากมือหนานั้นลงมาไว้ข้างตัวเหมือนเดิม

“ แต่ผมกลัวเปียก! ” ผมโพล่งขึ้น

“ แต่เราก็เปียกอยู่แล้วนี่ครับ ” เขาพูดหัวเราะในลำคอ ดวงตาฉายแววขบขัน

“ ครับ! ” ก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าเปียก เปียกจนถึงกางเกงในแล้วเนี่ย!


   ถุงผ้าสีเขียว

   พอเข้าใจนะช่วงนี้งดใช้ถุงพลาสติก แต่ทำไมคุณฎีต้องใช้ถุงผ้าสีเขียวสีเดียวกับที่ผมชอบด้วย

   อืม ถ้าอย่างนั้นคุณเขาก็ซื้อของเสร็จแล้วน่ะสิ แล้วเขาจะวิ่งกลับไปทางหน้าปากซอยทำไม? ลืมเงินทอนที่มินิมาร์ทหรอ?


" ถึงซักที เฮ้อ "

   คำพูดปนเสียงหายใจหอบเหนื่อยของคุณฎีทำให้ผมละสายตาจากคนที่เดินนำ ใช้เวลาไม่นานเพราะต่างคนต่างก็ไม่อยากเปียกไปกว่านี้

“ ที่นี่? ”

   พวกเราทั้งสองคนกำลังยืนอยู่หน้าประตูกระจกทางเข้าคอนโดที่สูงเกือบสี่สิบชั้น

   และที่นี่คือคอนโดที่ผมอยู่ปัจจุบัน

“ พี่ขอคีย์การ์ดหน่อย เราก็อยู่ที่นี่ใช่มั๊ย? ”

“ ใช่ครับ แต่...? ”

   เขารู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่

“ เปียกแล้ว ขอคีย์การ์ดเร็วครับ เข้าข้างในกัน ” เขาว่าพร้อมกับยื่นร่มมากันฝนทางผมมากขึ้น ทำให้ตัวเขาโดนน้ำฝนจนช่วงตัวฝั่งขวาเริ่มเปียก

“ คีย์การ์ดของผม? ”

“ ก็เราจะได้เข้าไปในคอนโดไงครับ พี่ไม่มีคีย์การ์ดพี่เข้าไปไม่ได้นะครับเนี่ย ” คนตัวสูงที่เริ่มตัวเปียกเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เขาแบมือมาเพื่อจะเอาคีย์การ์ดคอนโดของผม


ซ่าๆ ซ่าๆ

เปรี้ยง!


“ เชี่ย! ”

   เสียงฟ้าร้องเรียกสติให้กับผม ถ้าผมมัวแต่สงสัย ถ้าเราไม่เข้าไปในคอนโดสักที เราจะโดนฟ้าผ่าและตายกันหมด

   คิดแบบนั้นมือเล็กก็รีบล้วงเข้าไปในถุงผ้าเพื่อคว้านหาสิ่งที่ต้องการ ก่อนปรากฏรอยยิ้มจางๆเมื่อเจอคีย์การ์ดและกุญแจต่างๆ


ติ๊ด

   ในขณะที่คุณฎีสแกนคีย์การ์ดของผมและเปิดประตูก้าวเท้านำเข้าไปด้านใน เขาก็ต้องชะงักเล็กน้อยเพราะถูกผมรั้งมือเอาไว้ก่อน

“ ……. ” เขามองมาด้วยแววตาสงสัยที่ผมไม่ยอมเดินตามเข้าไป ทั้งยังยืนยะยื้อยึกยืออยู่หน้าประตูทางเข้าคอนโด จนฝนที่กำลังตกลงมาถูกลมพัดมาชนประตูกระจกเสียงดัง แถมยังสาดกระเซ็นเข้าไปด้านในอีก

“ เข้ามาสิครับ พื้นเขาเปียกหมดแล้ว ”

“ คุณ.. อืม ” ผมงับปากที่จะเอ่ยถามเขา ก่อนพยักหน้าให้และยอมเดินตามเขาเข้าไปดีๆ

“ แปลกใจที่เห็นพี่หรอ? ” เป็นเขาที่เอ่ยถามกลับมาก่อน

“ ครับ แปลกใจ คุณฎีก็..อยู่ที่นี่หรอ? ” ผมหยุดเดินโดยอัตโนมัติ

“ ที่นี่คอนโดของพี่เอง ”

“ คอนโดของพี่ฎี! หมายถึง..พี่เป็นเจ้าของคอนโด? ” O.O

   อ้าว ไอ้เชี่ยๆ เผลอเรียกเขาว่าพี่ไปอีก ไอ้ผักกาด!

“ ตาโตจะถลนออกมาแล้ว ”

   ตาโตก็เป็นเพราะตกใจที่เขาบอกว่าที่นี่คือคอนโดของเขานั่นแหละ !

   ผมรู้ข้อมูลแค่ว่าเขาเป็นผู้บริหารเกี่ยวกับสื่อโทรทัศน์ หุ่นส่วนค่ายเพลง ทั้งยังมีทำธุรกิจผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลังและเครื่องดื่มจากผลไม้ต่างๆ แต่ไม่เคยรู้ว่าเขามีกิจการเกี่ยวกับโครงการคอนโดมาก่อน

“ หื้ม? แล้วเมื่อกี้เรียกพี่ว่าพี่ฎีหรอครับ? ”

“ ปะ..เปล่า ครับ ”

“ พี่ว่าพี่ไม่ได้หูฝาด ” เขาส่งสายตาอย่างจับผิด จะย้ำทำไม! ถ้าได้ยินก็ทำเป็นได้ยินแบบเงียบๆไปไม่ได้หรือไง

“ กาดไม่ได้เรียก! ผม..ไม่ได้เรียกจริงๆ ”

“ ครับๆ เชื่อก็ได้ ”

“ ตอบผมก่อนครับ ที่นี่คือคอนโดของคุณฎีจริงๆ หรอ? ”
 
“ ไม่ใช่ครับ ”  อ้าว! - = -   “ พี่พูดเล่น ตัวพี่ไม่ได้มีธุรกิจเกี่ยวกับคอนโดหรอกครับ ” คนตัวสูงเอ่ยพร้อมกับยักไหล่

“ งั้นคุณ..จะพูดเล่นทำไม ”  ผมใจหายหมด

“ ไม่ได้ตั้งใจครับ ..ความจริงพี่ไม่เคยอยากจะพูดเล่นกับเรื่องของเราเลยนะ ”

   เอ๊ะ?

   ผมเม้มปากหลบสายตาอย่างคนไม่มีอะไรไปสู้ ผมจะเอาอะไรไปสู้ไหว เขาดันพูดประโยคเมื่อกี้ออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่หน้าตาจริงจังเนี่ยสิ

   ฝ่ามือที่ถูกจับเอาไว้เริ่มอุ่นขึ้น แต่ยังเทียบไม่ได้กับความร้อนที่ใบหน้าของผม

   โหหห แล้วมือเนี่ยมือ!

“ ปล่อยมือผมด้วยครับ! ”

“ หึ ”

   ผมเงยหน้ามองเจ้าของลมหายใจที่แสดงความขำขัน เขาส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนเอ่ยต่อด้วยแววตาเจ้าเล่ห์

“ พี่ปล่อยแล้วครับ มีแค่เราต่างหากที่จับมือพี่ไว้ ”

   เราต่างหากที่จับมือพี่ไว้? เอ๊ะๆ ผักกาด แกจับ?

   คนตัวสูงค่อยๆยกมือของเขาขึ้นมา ทำให้ผมรู้ว่าฝ่ามือบางๆของตัวเองเป็นคนไปจับฝ่ามือหนาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดนั้นไว้อย่างไม่รู้ตัว

“ เฮ้ย! ” ผมตาโต รีบสะบัดมือตัวเองที่จับมือคุณฎีออกทันที

   เสียหมามั๊ยเมื่อกี้ ถามก่อน > = <

   ผมจับมือเขามานานหรือยัง จับมาตั้งแต่เมื่อไรกัน ทำไมกลายเป็นแกที่เป็นคนไปจับมือของเขาไว้ฮะ! ไอ้ผักกาดด

“ ไม่เจอกันเกือบเดือน ยังเหมือนเดิมเลย ”

“ เอ๊ะ! ” ผมส่งเสียงความไม่พอใจ “ จะให้เปลี่ยนอะไร? ผมคนเดิมก็ต้องเหมือนเดิมสิครับ นิสัยเหมือนเดิม คำพูดคำจาที่ใช้กับคุณผมก็เหมือนเดิม ไม่มีเปลี่ยนหรอกนะ หรือคุณคิดว่าไม่ใช่? ”

“ ก็ไม่ใช่ไง ” เขาสั่นหัว “ พี่หมายถึงความน่ารักยังเหมือนเดิม หน้างอ หน้าหงิก หน้างงๆ ก็ยังน่ารักเหมือนเดิมอยู่ดี ”

“ หาา O.o ” ผมอึ้งไปสักพัก และกลายเป็นคนเหวอ2020 ความร้อนพวยพุ่งไปทั้งหน้า แย่แล้วว

“ เหวอเลยหรอเรา หื้ม? ”

“ อะฮึม! เมื่อกี้วะ..ว่าไงนะครับ? ” จะองจะไอ จะติดอ่างเพื่อ?

“ หึ พี่พูดครั้งเดียวนะครับ ” เขาพูดและอมยิ้มน้อยๆ ในขณะที่กำลังหุบร่มและเก็บลงในถุงผ้าอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อน

“ ละ..แล้วใครอยากฟังอีกครั้งกันล่ะครับ! ” เป็นผมที่โวยวายแก้เก้อและแอบยู๋หน้าไปให้เล็กน้อย ส่วนเขาหันมายิ้มมองผม
   
   ..เขายิ้มบ่อยไปนะ จะยิ้มอะไรหนักหนา ยิ้มเป็นจริงเป็นจัง ผมทำตัวไม่ถูกอีกแล้วเนี่ย

“ หึ มาสิครับ ”

   เจ้าของรอยยิ้มยื่นมือมาหาเพื่อจะเข้ามาจับกับมือผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมม้วนมือไปไขว้เก็บไว้ด้านหลังได้ทัน ผมไม่ยอมให้เขาจับง่ายๆ เหมือนก่อนหน้านี้แน่!

   หึ ไม่ได้กินไอ้ผักกาดหรอกนะ

“ จิ้งจก! ”

“ อ้ากกก!!!! ไหนๆ มันอยู่ไหน? กาดกลัวพี่ ไม่เอา>< ” ผมหน้าเหลอหลากระโดดสลับขาโหยงๆ ไปเกาะแขนคนตัวสูงข้างๆ เมื่อเขาชี้นิ้วไปพื้นด้านข้างฝั่งทางผม

“ ฮ่ะๆๆๆ ” อะไร?

   ผมเงยหน้าขวับ หันมองคนที่ถูกผมเกาะแขนด้วยใบหน้าจืดเจื่อน เขากำลังอ้าปากหัวเราะจนตาปิดที่หลอกให้ผมเชื่อได้สำเร็จ

“ นี่คุณแกล้งผม? ” ไอ้.. =O= ผมผละตัวออกห่างเขาอย่างไม่พอใจ เขาทำให้ผมเสียหมาตัวที่สองแล้วเนี่ย!

“ เราตัวโตกว่ามันตั้งเยอะ มันตัวเล็กนิดเดียว ยังทำเรากระโดดดีดเป็นแมวได้ ”

“ ชิ! ”



❤ 30 เปอร์เซนต์ (%)


----


หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 06 :: ฝนอะไรเป็นใจจัง (30%) [05/04/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-04-2020 21:53:59
 :L2: :L1:

ลุ้นนนน
หัวข้อ: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 06 :: ฝนอะไรเป็นใจจัง (70%) [05/04/20]
เริ่มหัวข้อโดย: pimpipam_s ที่ 05-04-2020 23:25:11
มาต่อค่ะ

 

 หมับ

“ เอ้ๆๆ! ปล่อย! ปล่อยเลย ” ผมร้องขึ้นเสียงหลงเมื่อถูกมือหนาเข้ามาจับหมับเข้าที่มือตัวเองอีกครั้ง

“ ไม่ปล่อยง่ายๆหรอกครับ ห้ามสะบัดมือออกจากพี่ด้วย พี่ไม่ได้ขู่นะ แต่ถ้าเราไม่ฟังพี่ ..ก็ลองดู ” เจ้าของใบหน้าคมพูดด้วยแววตาท้าทาย

ติ๊ง!

“ คุณชอบเล่นทีเผลอ! แกล้งผมอยู่ได้! แกล้งผมคนเดียวเลยเนี่ย! ” ผมบ่นน้ำเสียงหงุดหงิดให้กับคนที่กำลังจับมือของผมทั้งยังออกแรงดึงเบาๆให้เดินตามเข้ามาในลิฟท์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน แกล้งกันจนเป็นเรื่องปกติแล้วสินะ

   ลิฟท์ก็รู้จังหวะดีเหลือเกิน พอกดขึ้นปุ๊บก็เปิดรับปั๊บ

   ผมจะไม่เข้าก็ไม่ได้ ก็ผมพักอยู่ที่นี่นี่หน่า

   คุณฎีคนขี้บังคับกุมมือผมแน่นขึ้น ครั้นจะดึงมือออกอีกครั้งก็ไม่กล้า ได้แต่ทำปากพะงาบๆ แก้มก็ร้อนผ่าวไม่หาย


“ ชั้นสิบเจ็ด.. ”

O.O

“ คุณฎีรู้หรอ? ”

   เขาส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วเอื้อมมือไปกดหมายเลขชั้นสิบเจ็ด และไม่ได้กดชั้นไหนเพิ่ม

“ เปียกหมดแล้ว ”

   คุณฎีเบี่ยงความสนใจของคำตอบด้วยรอยยิ้ม เขาผละมือที่เคยจับประสานมือผมไว้ออกช้าๆราวกับเสียดาย ความอบอุ่นของสัมผัสเมื่อกี้ยังคงอยู่จนผมเผลอกำฝ่ามือตัวเองแน่นขึ้น ไขว้ไปไว้ด้านหลังเหมือนซ้อนความรู้สึกแปลกๆบางอย่างที่เกิดขึ้น

   ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคนข้างๆค่อยๆยกฝ่ามืออุ่นนั้นขึ้นมาสางผมไปด้านข้างและจัดทรงผมให้กับผม

“ ไม่เอา อย่ามาจงมาจับนะ! ”

   ผมเอียงหัวหลบเล็กน้อย เจ้าตัวเลยหยอกล้อด้วยการขยี้กลุ่มผมให้เสียทรงอีกรอบ ผมส่งเสียงไม่พอใจ ขู่ฟ่อๆใส่ เขาก็เลยใช้นิ้วเรียวๆ เกลี่ยเม็ดฝนบริเวณขมับและข้างแก้มออกให้ผมเผื่อไถ่โทษ

   มะ..มาทำแบบนี้ใส่กันบ่อยๆ ก็ไม่ได้ป่ะ?

“ ให้แกล้งหน่อยสิครับ ” เอ๊ะ! ยังจะมาใช้น้ำเสียงอ้อน พูดเบาๆ แบบนี้อีก

“ ไม่ ” ผมตอบแล้วหลบสายตาคนกวนประสาท ที่มีแววตาเจ้าเล่ห์ขึ้นมาแปลกๆ 

“ ให้พี่แกล้งหน่อยนะ นะครับ”

“ …… ” พอถูกตื้อเข้า ผมก็เงยหน้ามองเขาตาปริบๆ

   ไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น และไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการ

   ..ให้แกล้งอะไรว่ะ แกล้งไปตั้งเยอะแล้วยังไม่พออีกหรอ อยากจะถามเหลือเกิน -////-

“ หนาวมั๊ย? ”

   เชี่ย.. ถามคนอื่นว่าหนาวมั๊ย ต้องทำเสียงแหบพร่าเซ็กซี่ขนาดนั้นเลยหรอวะ

“ หนาวมั๊ยครับ? ” ถามซ้ำแล้วเขาก็ขยับตัวเข้ามาใกล้เพราะไม่ได้คำตอบ

   ยิ่งผมขยับหนีเขาก็ขยับตามจนต้นแขนของเขาเบียดติดกับไหล่ของผม และผมจะขยับหนีจากเขามากไปกว่านี้ก็ไม่ได้ เพราะแค่นี้ตัวก็จะลีบติดกับผนังของลิฟท์แล้ว

“ มะ..ไม่ค่อยหนาวหรอกครับ ” ผมตอบแบบนั้นเขาก็ขยับออกไปเล็กน้อย แค่เล็กน้อยเท่านั้น

   คนเราอะนะ ทำไมถึงตัวอุ่นได้ขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เราต่างก็เพิ่งเปียกฝนที่เย็นชุ่มกันมา

   เขาไม่ได้พูดอะไรอีก ผมก็เช่นกัน ผมเพียงเหลือบมองหน้าเขาจากด้านข้าง ค่อนข้างแปลกใจและยังแปลกใจอยู่ดี ว่าเขามาอยู่แถวได้ยังไง

   แถวนี้มีคอนโดสามแห่ง หรือเขาจะอยู่คอนโดถัดจากคอนโดของผมไปอีก แต่มันต้องเดินเข้าไปในซอยอีก 100 เมตรเลยนะ แล้วเขาเข้ามาอยู่แถวนี้ก่อนที่ผมจะย้ายเข้ามาอีกหรอ แต่เขามีบ้านนะ ทำไมไม่อยู่ที่บ้านเหมือนเดิมล่ะ


   แล้ว..เขารู้ได้ยังไงว่าผมอยู่คอนโดนี้

   ..รู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ชั้นไหน


“ คุณฎีรู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่? ” ผมโพล่งถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

“ พี่เห็นเราเข้าออกคอนโดที่นี่มาสองสามวันแล้ว ” เขาตอบด้วยหน้าซื่อๆ เหมือนไม่มีอะไรที่มากไปกว่านั้นจริงๆ

“ เห็น? จริงหรอครับ.. ” เห็นได้ยังไง?

“ ใช่ครับ แล้วเราย้ายออกจากหอเดิมมาอยู่ที่นี่หรอ? ”

“ ก็..ใช่ครับ แล้ว..คุณฎีรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ชั้นสิบเจ็ด ”

“ หึๆ พี่เดาครับ ” น้ำเสียงทุ้มต่ำของคนตัวสูงเอ่ยขึ้นปนหยอกล้อ

“ เดาเนี่ยนะ! ละ..แล้วทำไมเดาถูก ” ผมโพล่งถามขึ้น เพราะไม่คาดคิดในคำตอบของอีกคน

“ หื้ม ถูกหรอ? ” คนตัวสูงเลิกคิ้วทำหน้าตาเหลือเชื่อ

“ ก็ถูกน่ะสิครับ! ”

“ ชั้นสิบเจ็ดน่ะ พี่กดแบบเดาๆ เพราะถ้าไม่ใช่ชั้นนี้เดี๋ยวผักกาดก็คงจะกดเปลี่ยนชั้นไปเอง ”

“ แต่เพราะมันถูก ผมเลยไม่อยากจะเชื่อคุณฎีอะ ” ผมมองหน้าเขาอย่างไม่ไว้ใจ อะไรจะเดาถูกเดาแม่นขนาดนั้น

   คอนโดมีตั้งสามสิบชั้นนะ เขาใช้ความน่าจะเป็นแบบไหนมาตัดสินใจในการเดา

“ ไม่..น่ะ..แล้วครับ ” เขาเอ่ยบางอย่างขึ้นมาลอยๆ ในขณะที่ผมไม่ได้ตั้งใจฟัง

“ อะไรนะ? ” ผมถามกลับทันที มันมาอีกแล้วไอ้นิสัยพูดในลำคอเนี่ย พูดเบาเกิ้นนน กลัวคนอื่นรู้เรื่องด้วยหรือไง หึม!

“ เปล่าครับเปล่า ใจเย็นครับ แล้วเลิกทำหน้าเหมือนแมวขู่กันได้แล้ว ” เอ่อ! ขนที่หลังพองขึ้นแล้วเนี่ยเห็นมั๊ย

   เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ!

“ เนี่ยยิ่งดุยิ่งเหมือนเลย ” เขาพูดก่อนขยับมุมปากยิ้ม

“ จิ! คุณ..  ” ผมหายใจฮึดฮัด เม้มริมฝีปากแน่นกลั้นเสียงอแงของตัวเอง เอาชนะเขาไม่ได้เลยสินะ กวนประสาทอันดับหนึ่งในใจเลยล่ะคนนี้

   
   หืม? คิดหาทางเอาชนะเขาไปมา ผมดันมีคำถามบางอย่างเกิดขึ้นมาในใจแหละ..

“ แล้วนี่..คุณฎีจะขึ้นลิฟท์มากับผมทำไม ถ้าคุณไม่ได้อยู่ที่นี่? ” ผมยื่นหน้าเอียงคอเข้าไปใกล้เพื่อถามคนข้างๆตาปริบๆ แต่เหมือนคนตัวสูงชะงักไปเสี้ยววิ ก่อนผิวแก้มคนขาวจะเปลี่ยนเป็นแดงจัดลามไปถึงหู

“ แค่กๆ อะแฮ่ม ” เขากระแอมไอเล็กน้อย ริมฝีปากกระตุกยิ้มก่อนจะหลุบดวงตามองไปทางอื่นราวกับคิดคำตอบไม่ออกไปชั่วขณะ

“ ว่าไงครับ? ” ผมเอ่ยถามย้ำ

“ พี่แค่..จะขอเข้ามานั่งหลบฝนน่ะครับ ” เขาเอ่ยเหตุผลออกมา

“ แต่คุณขึ้นมากับผมเนี่ยนะ จะไปหลบที่ไหน? ทำไมไม่รอที่ล็อบบี้ข้างล่างล่ะครับ ” ผมถามด้วยน้ำเสียงหวาดระแวง ผมพาคนนอกเข้ามาในคอนโด ตายละ!

“ เฮ้อออ เพิ่งรู้นะว่าผักกาดใจร้ายขนาดนี้ ” เขาเอ่ยขึ้นมา

“ กาดใจร้าย? ” ผมทวนคำพูดของเขา เขาว่าผมใจร้ายหรอ

“ ฝนตกแรงขนาดนี้พี่คงไปไหนไม่ได้หรอกครับ ตอนนี้ต่อให้มีร่มก็เอาไม่อยู่ ให้นั่งอยู่ข้างล่างพี่ก็หนาวนะ หัวก็เปียก เสื้อผ้าก็เปียก ของที่ซื้อมาก็เปียก ”

“ แล้ว.. ”

“ ไม่ชวนพี่ไปหลบฝนที่ห้องหน่อยหรอครับ? ”

   เดี๋ยวก่อน!

“ ทำไมผมต้องชวนด้วย คุณรอข้างล่างได้ ต้องไปรอข้างล่างสิ พอฝนซาคุณก็กลับไปที่พักของตัวเอง ” ผมเอ่ยปฏิเสธแบบอ้อมๆ

   อ้อมมากมั๊งเนี่ย ผมอ้อมจนทำให้คนฟังนิ่งไปสักพักเลยเนี่ย

“ ..แบบนั้นหรอครับ อืม ” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวัง ก่อนจะพยักหน้าต่ออีกเล็กน้อย

“ เอ่อ..คือ.. ” พอเห็นสีหน้าเขา ผมก็พูดจาอึกอักขึ้นทันที

“ งั้นก็ได้ ..ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ส่งเราถึงชั้นสิบเจ็ดแล้วพี่จะลงไปรอข้างล่างแล้วกัน ” เขาเอ่ยเรียบๆ ราวกับผิดหวังมากกว่าเดิม ซึ่งผมอึ้ง! เพราะปกติเขาจะพยายามพูดต่ออีกนิด หรือหาข้ออ้างมาอ้างจนผมยอมตกลง แต่ครั้งนี้เขากลับยอมรับฟังและทำตามแบบง่ายๆ ไม่หาข้ออ้าง ไม่บังคับผมต่อ

   ภายในลิฟท์มันเงียบมากเพราะผมและเขาต่างไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก ทำได้แค่เหลือบสายตามองกันเป็นระยะๆ อยู่ดีๆภาพในความคิดก็ฉายสีหน้าและแววตาที่เขามองมาตอนผมบอกเขาให้ไปรอข้างล่างขึ้นมาอีกครั้ง มันกำลังทำให้ผมรู้สึกผิด

   ไม่รู้เพราะอะไรหรือบังเอิญที่เขาถือร่มวิ่งไปเจอผมกลางทาง และเป็นคนพาผมวิ่งกลับมาส่งที่คอนโด

   ตอนเรามาถึงใต้คอนโด ฝนมันตกแรงขึ้นมากเลยนะ แล้วเขาเปียกฝนด้วย ของที่เขาถือมาก็เปียก

   เขาว่าผมใจร้าย และเขาดูผิดหวังมากๆด้วย แล้วเนี่ย..เงียบสนิท ไม่ยอมพูดกับผมอีกเลย..

ติ๊ง!!

“ ถึงแล้วครับ นี่คีย์การ์ดของผักกาด ”คุณฏีเอ่ยเบาๆพร้อมกับยื่นคีย์การ์ดคืนให้กับผม

“ …… ”

   ประตูลิฟท์เปิดออก ผมก้าวเท้าเดินออกมาพร้อมกับพรู่ลมหายใจอย่างคิดหนัก หันกลับไปเหลือบสายตามองคนที่ทำหน้าหงอยทั้งยังส่งสายตาเศร้าซึมมองมาที่ผม จนผมรู้สึกผิดขึ้นมา ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วตัดสินใจเอ่ยบางอย่างออกไป

“ คุณฎี..จะไปที่ห้องกาดก่อนมั๊ย ”

“ หะ..หื้ม? ” คนเคยหน้าหงอยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนส่งเสียงอย่างเหลือเชื่อ

“ อะ..ไร.. ” ผมตาโต มองกลับคนที่มองมาที่ผมก่อนด้วยแววตาดีใจ

“ พี่ขอชัดๆ อีกครั้งนะครับ ” คนตัวสูงในลิฟท์ชูนิ้วชี้ขึ้นมาหนึ่งนิ้ว ก่อนใช้นิ้วเดียวกันยื่นไปกดปุ่ม Hold เพื่อให้ประตูลิฟต์เปิดค้าง

“ ก็ไปห้องผม เอ่อ.. รอฝนหยุดตกก่อนก็ได้ ไปมั๊ย? ”

“ ได้หรอครับ? ” คนถามเบิกตากว้างขึ้น

“ อึ้งทำไมเนี่ย! ได้ก็ได้สิครับ เอ่อ..ก็คุณเปียก.. ถ้าอยากจะมาก็เดินตามผมมาแล้วกัน ”

“ ครับ พี่อยากไปสิครับ! ” เขาพยักหน้ารัว ส่งเสียงตื่นเต้น แล้วยังยิ้มกว้างมาให้ ราวกับว่านี่คือประโยคที่เขารอคอย

“ อะ..อืม ”
 
   ว่าจบผมก็รีบหันกลับเดินนำคนตัวสูงที่ก้าวเท้าฉับๆ ตามออกมาจากลิฟท์ไปยังห้องริมสุดของชั้น พบว่าหน้าห้องมีถุงผ้าห้อยไว้ ผมหยิบมันขึ้นมาถือไว้

   ใครเอามาห้อยไว้นะ

   หืม? ในถุงมันเป็นกล่องของขวัญลายใบไม้

         ‘ ขนมไดฟูกุสตอเบอรี่ ฟูริน(กระดิ่ง) และเครื่องรางสำหรับความรัก จากญี่ปุ่นครับ คิดซะว่าเป็นของขวัญขึ้นบ้านใหม่เล็กๆน้อยๆนะครับ ’

พี่ข้างห้อง


   บอกมาซะหมดเลยว่าในกล่องคืออะไรบ้าง แล้วจะห่อให้เปลืองกระดาษทำไมเนี่ย

“ ใครมาจีบอีกอะครับ? ” เสียงของคนที่ผมเพิ่งอนุญาตให้เดินตามมา เอ่ยถามขึ้น

“ ไม่มีใครมาจีบทั้งนั้นครับ ” ผมส่ายหน้าแล้วยื่นบัตรไปสแกนบัตรเพื่อเปิดประตูเข้าห้อง


ติ้ดดด แกร๊ก!

   ครั้งแรกมันก็เงอะงะกันแบบนี้เป็นธรรมดา หมายถึง..ครั้งแรกที่มีคนอื่นนอกจากน้องสาวที่มาที่ห้องนี้

“ ขะ..เข้ามาสิครับ ”

“ ครับ ”

“ คุณฎีนั่งตรงนี้ก่อนก็ได้ ” ผมผายมือไปที่โซฟา หลุดยิ้มเล็กๆในขณะที่มองคนมารยาทดีกว่าเมื่อก่อนที่กำลังถอดรองเท้าแตะคีบของตัวเองและหยิบขึ้นไปวางไว้บนชั้นข้างๆกับคู่ของผม

“ ครับ ”

   พอเขาพยักหน้าเลื่อนสายตามามองผมยิ้มๆ ผมก็แกล้งทำหน้านิ่งๆ แล้วถามเขาต่อ

“ จะอาบน้ำหรือเปลี่ยนชุดมั๊ยครับ เดี๋ยว..ผมไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ก่อน ”

“ ได้หรอครับ ” เขาเดินเข้ามาถามผมแววตาดีใจ ผมเลยพยักหน้าให้เป็นคำตอบ

   จากที่มองออกไปนอกระเบียงแล้วท้องฟ้าช่วงเวลาบ่ายสองยังคงมืดครึ่ม เสียงลมพัดแรงทำให้สายฝนที่เทสาดตกลงมากระทบกับตัวตึก กระทบกระจกเปาะๆแปะ เสียงฟ้าร้องและแสงฟ้าแลบยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง การที่ผมให้เขาเข้ามารอที่ห้องด้วยกัน ผมคงคิดถูกแล้วละนะ และผมก็ควรจะมีน้ำใจให้เข้าอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ก่อนที่จะไม่สบายไปซะก่อน

“ เราอาบก่อนพี่เถอะ ตัวเปียกกว่าพี่อีก ”

“ ผมจะให้คุณอาบก่อน ”

“ อย่าทำเป็นเก่งตอนนี้เลย ” เขาว่าพลางมองผมจากหัวจรดปลายเท้า แล้วเลื่อนสายตาขึ้นมาหยุดที่ใบหน้าของผม “ พี่ให้เจ้าแมวเปียกน้ำฝนอาบก่อนดีกว่าครับ ”

   เอ๊ะ! เขาว่าผมอีกแล้วเนี่ย!

“ คุณสิ! ” อะ..ไอหมีขาวเปียกน้ำฝน รู้งี้ห้ามไม่ให้เข้ามาห้องด้วยก็ดี ปล่อยให้หน้าหงอยเป็นหมีซึมแบบนั้นในลิฟต์ต่อไปยังดีกว่า

   ดูสิ คนอุตส่าห์มีน้ำใจให้เข้าห้อง พออนุญาตเท่านั้นแหละ ผมนี่กลายเป็นเหมือนคนมาขออยู่อาศัยแทนเลยด้วยซ้ำ

“ ไม่ต้องมาว่าพี่ในใจเลยนะครับ ” เขากระตุกยิ้มมุมปากอีกครั้งอย่างรู้ทัน

“ รู้ได้ไงอีกเนี่ย ”

“ ดูจากสีหน้าก็รู้แล้ว ไปอาบน้ำครับ เดี๋ยวพี่รออาบต่อ ” ว่าแล้วเขาก็ขยี้กลุ่มผมผมสองสามที

“ อะ..อืม ” ผมอ้ำอึ้งเล็กน้อย

   ก่อนหันหลังให้เขาเข้าไปที่ห้องนอนของตัวเอง เปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเสื้อผ้า ผ้าเช็ตตัวของตัวเองพาดบ่าเรียบร้อย และผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ ผมผงะเล็กน้อยเมื่อเดินออกจากห้องนอนมาก็พบสายตาของเขากำลังจ้องมองมาเหมือนรอผมอยู่ และไม่ได้ละสายตาไปไหน

“ ผ้าเช็ดตัวครับ ” ผมค่อยๆยื่นผ้าเช็ดตัวให้กับเขา “ เดี๋ยวผมรีบอาบ เออ.. ในครัวมีน้ำกับของกินอยู่บ้าง คุณฎีกินได้นะ ” ว่าจบก็ยังเงอะๆงะๆ ผมเลยรีบตรงดิ่งหลบสายตาแพรวพราวนั้นเข้าห้องน้ำทันที

   ทำไมต้องตื่นเต้น ถามก่อนผักกาด > u <

   ผมอาบน้ำสระผม และเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จใช้เวลาประมาณ 20 นาที เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำและพบว่าเขาไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิม ผมตาเบลอมองอะไรไม่ชัดนักก็เลยเดินไปหยิบแว่นตาในห้องนอนมาใส่ ก่อนชะโงกหน้าออกมามองหาเขาอีกครั้งจึงเห็นปลายเท้าของคนตัวสูงที่กำลังนอนเหยียดขายาวๆเกินขนาดโซฟาออกไป

   เขากำลังนอนหลับตาพริ้มหนุนแขนของตัวเองอยู่ มีผ้าเช็ดตัวคลุมปิดช่วงอก ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเขาหลับไปแล้วจริงๆหรือเปล่า จึงเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วลองเรียกชื่อของเขาเบาๆ

“ คุณฎี ..หลับหรอครับ? ”

“ ……. ” ไม่มีเสียงตอบรับ

“ คุณฎีครับ ตื่นมาอาบน้ำก่อนเถอะ เดี๋ยวไม่สบาย ” ผมเรียกชื่อเขาดังขึ้น ทิ้งตัวนั่งที่พื้นข้างๆโซฟา แล้วเอื้อมมือไปสะกิดท่อนแขนคนตัวโตยิกๆ จนเขาก็ส่งเสียงอือๆอืมๆ เมื่อโดนก่อกวน แต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาตื่น

   ง่วงมาจากไหน? นี่แค่บ่ายสองเองนะ

“ อ่ะ นอนก็นอน ” ผมพึมพำมองเขาอยู่ซักพักก่อนตัดสินใจลุกขึ้นอย่างถอดใจ

“ ฮึบ! จะไปไหนหื้มม! ”

“ เฮ้ยยย!! >< ” ผมร้องเสียงหลงเพราะยังไม่ทันเดินออกมาก็ถูกมือใหญ่จับหมับเข้าที่ข้อมือและออกแรงดึงจนเสียการทรงตัว เขาลุกขึ้นนั่งเอื้อมแขนแกร่งมาโอบรวบตัวของผมเข้าไปนั่งจุ้มปุ๊กลงบนตักของตัวเอง

   ไม่ถึงห้าวินาทีเขาดึงผมมาอยู่ในท่าแบบนี้แล้ว

“ นั่งดีๆ ” เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มอยู่ข้างหูผมเอ่ยขึ้น

เพี้ยะ! เพี้ยะ!

“ ทำอะไรของคุณเนี่ย ปล่อยผมเลยนะ! ” ผมฟาดลงที่มือและท่อนแขนของเขาที่โอบเอวผมไว้ พยายามดิ้นขลุกขลักจะลุกไปมาเพื่อจะลุกออกจากตักเขาท่าเดียว

“ ไม่ครับ ” เขาว่าแล้วล็อกตัวผมไว้แน่นขึ้น

“ คุณฎี! ”

“ ครับผักกาด ” เจ้าของตักกระซิบเอ่ยด้วยแววตาขบขัน “ อย่าดิ้นมากสิครับ เดี๋ยวมันตื่นนะ ”

“ หะๆ อะไร!? ปล่อยผมมม!”

   O.O ทันทีที่เขาพูดจบผมก็สะดุ้งเฮือก เลือนสายตามองตามเจ้าของตักที่กำลังส่งซิกทางสายตาเพื่อบอกว่าตัวเขาหมายถึงอะไรที่จะตื่น

“ ไอ้คุณฎีบ้า! ”

“ บ้าตรงไหนก็เรานั่งทับมันอยู่ ”

“ ทับก็บ้าแล้ว! ” ว่าแล้วก็มองหน่อย หึยย! ไม่ ได้ ทับ ไอ้ นั่น ของ คุณ สัก กะ นิด!

“ หึ ”

“อย่ามาหัวเราะกันนะ คุณทะลึ่งหรอ ละ..แล้วมาพูดอะไรของคุณ อีกอย่างคือเราสนิทกันถึงขั้นนั่งตักเลยหรอฮะ! ” ผมยืดตัวใช้แขนผลักไหล่แข็งแรงนั้น เบี่ยงตัวเข้าหาเขามากกว่าเดิมเพื่อดันตัวเองออก

“ ก็สนิทนะครับ ”  แหมะ! ตอบได้หน้าด้านมาก

“ สนิทที่ไหน โอยย ต่อให้สนิทกาดก็ไม่นั่งมั๊ย! เราเป็นผู้ชายกันนะคุณ ” ผมโวยวายเสียงดังกำปั่นทุบไหล่เขาปั่กๆ

“ โวยวายเก่งขึ้นนะครับ ทำอย่างกับไม่เคย ”

หะ?

“ พูดอะไรของคุณเนี่ย ก็ไม่เคยน่ะสิ! ” นอกจากพ่อกับแม่ก็ไม่เคยนั่งตักใครแล้วมั๊ง(?)

“ หึ! ”

“ แกล้งผมมันสนุกนักหรือไง ขำอะไรของคุณ ” ผมถามเขาด้วยเสียงเหวี่ยงสุดๆ เพราะถูกความอายเข้าจู่โจม

“ ขำคนที่บอกว่าไม่เคยนั่งตักพี่ คิดว่าไม่เคยนั่งจริงๆหรอ?”

“ เอ้า! ก็ผมไม่เคยไง! ” อย่าให้ต้องตอบย้ำได้ป่ะ? เริ่มลังเลแล้วเหมือนกันเนี่ย!

“ คงจำไม่ได้สินะครับ งั้น..นั่งนิ่งๆบนนี้สักห้านาที ถือว่าพี่ทวนความจำให้แล้วกัน ” ทำไมเขาดื้อขนาดนี้วะ คุณฏีรดลน่ะ แล้ว..จะมาทวนความจำอะไร?

“ ไม่เอา ปล่อย! อื้ออออ! ” ผมดิ้นเตะขาที่ไม่ถึงพื้นของตัวเองไปมากับอากาศ

   โอยยย ปวดกบาล ผมอยากร้องกรี๊ดอ๊ากๆดังๆด้วยซ้ำ ไอ้คุณฎีเขาเป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย กำลังทำอะไรอยู่ แล้วพูดถึงเรื่องอะไร ผมจะหมดแรงสู้แล้วนะเนี่ย ข้าวเช้าบวกเที่ยงก็ยังไม่ได้กิน

“ อยากรู้มั๊ย.. ว่าวันงานเลี้ยงส่งก่อนพี่ไปเรียนต่อโทที่อังกฤษ เราเคยทำอะไรไว้ ”

กึก

   งานเลี้ยงส่ง เขาไปเรียนต่อต่างประเทศ

“ ผม.. ” เลิกดิ้นโดยอัตโนมัติ

ผมเมา

“ วันนั้นผักกาดเมานะครับ ”
   
   ผมหันขวับมองหน้าคนเปิดประเด็นอย่างไม่เข้าใจ ก็ใช่..ผมเมา แต่เขาจะรื้อฟื้นเรื่องตอนนั้นขึ้นมาทำไมล่ะเนี่ย..

   วันนั้นเป็นวันที่ผมได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนให้ตามไปสมทบที่งานเลี้ยงส่งรุ่นพี่ ซึ่งก็คือพี่ฎีหรือคุณฎีรดลที่ ‘ร้านพี่ชอบ(เหล้า)’ ผมจะไม่ไปก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นผมก็ถูกลูกตื้อลูกตามจากไอ้แยมและวาวา จนยอมตบปากรับคำไว้แล้ว ร่วมถึงผมก็ถูกเจ้าของงานกึ่งชวนกึ่งบังคับให้ไปอยู่แล้วด้วย

   รุ่นพี่ที่ชื่อฎี ฎีรดล เป็นบัณฑิตของคณะบริหาร รุ่นxx ปี25xx เขาคือหนุ่มฮอต เดือยมหาวิทยาลัย บัณฑิตจบใหม่ ป.ตรี ในวัย 23 ปี และกำลังมีแพลนไปเรียนต่อต่างประเทศ ส่วนตอนนั้นผมเป็นแค่เด็กปีสอง ในวัย 20 ปี

   สถานการณ์ก่อนเมาก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากตอนนั้นผมที่นั่งมองคนอื่นๆในวงชวนกันชนแก้วกินเหล้ากินเบียร์กันก็องแก็ง แต่พอดึกขึ้นเรื่อยๆรุ่นพี่และเพื่อนของผมได้พยายามชวนผมชนแก้วด้วยกัน ในขณะที่เจ้าของงานดันโดนสาวๆลากไปร่วมวงที่โต๊ะอื่น ยิ่งนึกถึงแล้วก็ยิ่งน่าหมั้นไส้เพราะที่เขาชวนผมมาก็เพราะอยากอวดให้เห็นภาพพวกนี้ใช่มั๊ยล่ะ

   หลังจากเหล้าเข้าปาก โดยเฉพาะผมที่โดนไอ้แยมที่แทบจะเรียกว่าเอาเหล้ากรอกปาก ผมก็สะลึมสะลือตาปรือแล้ว เป็นจังหวะเดียวกับเจ้าของงานที่หายตัวไปเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ เขาพยายามห้ามไม่ให้ผมกินต่อ และโวยวายบ่นเพื่อนตัวเองใหญ่เรื่องความคออ่อนของผม แต่เสียงของเขามันสร้างความหงุดหงิดใจให้กับผมที่กำลังมีอะไรปะทุอยู่ข้างในและผมเกลียดที่เขาดูถูกว่าผมคออ่อน ผมก็เลยยกแก้วชนกับรุ่นพี่และเพื่อนคนอื่นๆโชว์อย่างไม่เกรงกลัวสายตาดุๆของเขา และสุดท้ายก็..เละตุ้มเป๊ะ(?) ภาพตัด ผมเมาจนจำอะไรไม่ได้

   จำได้แค่ว่าตื่นขึ้นมาอีกทีก็โดนไอ้แยมกับวาวากรี๊ดใส่หูและกราดด่ายับ ซึ่งพอผมถามพวกมันกลับว่าเกิดอะไรขึ้น ก็บอกกันแค่ว่าผมทำสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ ทำสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดลงไป ทำให้พี่ฎีของพวกมันเกือบเปลี่ยนใจไม่ไปเรียนต่อ เหอะ!

   ถ้าถามต่อว่าทำอะไร พวกมันก็ไม่ยอมบอกผมสักคน มีแต่ไอ้แยมที่แอบกระซิบบอกผมแค่ว่า ทุกคนถูกสั่งห้ามไม่ให้บอกผมและยังถูกสั่งให้ปิดปากเงียบ ซึ่งคนที่ใช้อำนาจมืดโดยไม่ชอบธรรมคนนั้นก็คือ คุณฏี ฏีรดล คนตรงหน้าไอ้ผักกาดตอนนี้

   ไอ้ตัวกระผมก็ไม่ใช่คนขี้เซ้าซี่ขนาดนั้น เวลาผ่านไป..เรื่องนี้มันก็เลยหายไปจากการพูดถึงและความทรงจำชั่วขณะของผม พร้อมๆกับการจากไปของใครบางคนถึง 2 เกือบ3 ปี

   ผมลืมมันไปแล้วด้วยซ้ำ จนถึงตอนนี้ก็เกือบ 5 ปี มันไม่ใช่เป็นแค่ความทรงจำที่เลือนลางนะ เพราะมันคือเรื่องที่ผมลืมเลือนไปเลยต่างหาก

   มาถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป

   พอคนตรงหน้ากลับมาพูดถึงเหตุการณ์นี้ขึ้นมาอีกครั้ง มันก็เลยทำให้ผมคิดหนักว่าเคยไปทำอะไรไม่ดีไว้หรือเปล่า

“ มากกว่านี้ผักกาดก็ทำกับพี่มาแล้วครับ ”

“ ทะ..ทำอะไร? ” มากกว่านั่งตัก คือผมนอนตักหรอถามจริง “ ผมทำอะไร ..ผมทำอะไรที่มันไม่ดีหรอ? ”

“ ไม่ใช่ไม่ดีครับ ..มันดี

“ ……. ”

มาก

   เชี่ย! ผมไปทำอะไรว่ะ

   ผมควรวางใจใช่มั๊ย ที่เขาบอกว่าสิ่งที่ผมทำมันดี แถมท้ายประโยคว่ามากน่ะ - = -

   คุณคงไม่เชื่อว่าผมเห็นแววตาและสีหน้าเหนือกว่าของคุณฎีที่ทำราวกับว่าเขากำลังเป็นผู้กุมความลับสุดยอดของผมไว้อ่ะ และคุณคงไม่เชื่อว่ารอยยิ้มของเขาในตอนนี้มันคือรอยยิ้มที่มีความสุขจนทำให้ผมขนลุกซู่ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรไว้

“ มีเป็นคลิปเลยล่ะ! ไอ้ปังอัดไว้ได้พอดี ผักกาดอยากดูมั๊ย? ” เขาว่าพร้อมกับชี้ไปที่โทรศัพท์เครื่องสวยที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกใกล้ๆ

“ …….. ”  O . o นี่เขาหมายถึงมีคลิปตั้งแต่ 5 ปีก่อนอะนะ! ละ.. และเขาก็ยังเก็บไว้ด้วยเนี่ยนะ!

   ถ้ามีจริงๆ คือผมคงทำเรื่องเชี่ยๆไปน่ะสิ ไม่ใช่เรื่องดีหรอก!!

“ บอกผมมาว่าผมทำอะไร? และทำไมคุณถึงสั่งให้ทุกคนปิดปากเงียบ ไม่ให้บอกเรื่องนี้กับผม ” ผมจ้องตาเขาเขม็ง ผิดกับเขาที่ทำหน้าตาเจ้าเล่ห์

“ ถ้าผักกาดอยากรู้.. พี่มีข้อแลกเปลี่ยน ”

“ อะไร? ”

“ ผักกาดก็แค่ต้องทำสิ่งที่พี่ต้องการทุกอย่าง และถ้าไม่อยากให้คลิปนี้ถูกเปิดเผย พี่ว่าผักกาดก็ควรจะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่พี่ต้องการ ”

   คิดดีไม่ได้ ผมคิดดีไม่ได้ >< อะไรคือสิ่งที่เขาต้องการ(?)!

   ก็อยากรู้นะ แต่ผมน่ะไม่ค่อยไว้ใจสายตาของเขาเลย..

“ อย่างแรกที่พี่ต้องการคือเราต้องทำตัวน่ารักๆกับพี่ และถ้าเราทำตัวน่ารักๆบ่อยๆ พี่จะใจดีเอาให้ดูก็ได้ ”

   ไม่! มี! ทาง!

“ หึ ดูท่าจะไม่ยอมสินะครับ ไว้พี่ให้เวลาผักกาดคิดก่อนก็ได้นะ ไม่ต้องรีบนะครับคนเก่ง ”

“ จิ!! ไม่ต้องมาจับนะ ปล่อยผมเลย ผมไม่อยากดู ” ผมบอกเสียงดัง รีบสะบัดหัวออกจากฝ่ามือใหญ่ที่ยกขึ้นมาลูบหัวผมเหมือนหมาอยู่ได้

   ผมไม่มีทางทำทุกสิ่งที่เขาต้องการหรอก ต่อให้ผมอยากจะรู้นิดหนึ่งก็เถอะ!

   ถ้าไม่ดูก็ไม่ต้องไปทำตัวน่ารักๆ

   ถ้าไม่ดูก็ไม่ต้องรู้ว่าตัวเองทำเรื่องอะไรลงไป

   ถ้าไม่ดูเขาก็ไม่สามารถเอาเรื่องคลิปมาเป็นคำขู่ให้ผมทำในสิ่งที่เขาต้องการได้

   หึ! ผมจะให้เขาเอาเรื่องแบบนี้มาขู่เพื่อกลั่นแกล้งกันต่อไม่ได้!

“ ปล่อยกันได้ล่ะ ”

   ผมพยายามผละตัวออกจากเขาอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้ลุกผมก็ต้องชะงักและหันไปสนใจเขาอีกครั้ง

“ โอ๊ย.. ” เขาร้องสีหน้าเจ็บปวด แล้วเอามือข้างหนึ่งขึ้นไปขยี้ตาตัวเองแรงๆ

“ เป็นอะไรครับ? คุณอย่าขยี้ตาขนาดนั้นสิ! ” ผมเอ่ยเสียงดุพร้อมกับรีบดึงข้อมือของเขาออกจากเบ้าตาที่ถูกขยี้จนเริ่มแดง

“ งั้นดูตาให้พี่หน่อยนะครับ ..อะไรเข้าตาไม่รู้ เมื่อกี้พี่รู้สึกเคืองเลยลองหลับตาไป พอลืมตาขึ้นมามันก็ยังแสบตาไม่หาย ” เขาพูดแล้วยกมือขึ้นไปปิดกุมที่ตา จะขยี้อีกครั้งแต่ผมก็ดึงข้อมือของเขาเอาไว้

“ …… ” ผมมองหน้าเขาอย่างไม่ไว้วางใจ “ คุณ..ก็ลองลุกไปส่องกระจกในห้องน้ำนู้นน ”

“ มันไม่ถนัด ” เขาทำเสียงงอแง ” พี่อยากให้ผักกาดดูให้ เร็วครับ! ” เฮ้อ! ถนัดจริง เรื่องบังคับคนอื่นเนี่ย!

“ งั้นก็ปล่อยผม ผมลุกยืน..ก็ดูตาให้คุณฎีได้ ” ผมบอกเขาหน้ามุ่ย

“ ไม่ครับ อยู่ท่านี้แหละ ” เขาส่ายหน้าแล้วกระชับเอวผมเข้าไปใกล้มากกว่าเดิม

“ เอ๊ะ! อะไรเนี้ย ” พอเขายิ่งรวบรัดตัวผม ผมยิ่งใช้ฝ่ามือยันไหล่เพื่อดันตัวเองออกจากเขามากขึ้น

“ นั่งท่านี้แหละครับ ..นะครับ ”

   เกลียดได้มั๊ย ..น้ำเสียงอ้อนๆของเขาคนนี้ - o -

“ นะครับผักกาด.. ”

   อยากเกลียด ..แต่เกลียดไม่ลงนี่สิ > - <




❤ 70 เปอร์เซนต์ (%)





-----

นักเขียน : อย่าลืมไปอ่านตอนที่6 อีก30%สุดท้าย ที่ P.3 นะคะ ( อัพแล้ว)



หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 06 :: ฝนอะไรเป็นใจจัง (70%) [05/04/20]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 06-04-2020 22:58:57
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 06 :: ฝนอะไรเป็นใจจัง (70%) [05/04/20]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 07-04-2020 01:39:12
ยังเนียนเล่นต่ออีกคุณฎี
หัวข้อ: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 06 :: ฝนอะไรเป็นใจจัง (100%) [07/04/20]
เริ่มหัวข้อโดย: pimpipam_s ที่ 07-04-2020 02:24:14
ต่อ


“ คะ..คุณฎีไม่หนักหรือไง ” ผมถามเสียงเบาเพราะเราใกล้กันมาก เขาเลยส่ายหน้าและยิ้มมุมปากเป็นคำตอบมาให้

“ ไม่เลย ”

“ อืมๆ กะ..ก็ได้ แต่คุณอย่าล็อคตัวผมไว้แน่นขนาดนี้.. ” ผมเอ่ยเสียงอู้อี้พร้อมกับก้มหน้างุดจนคางชิดอกตัวเอง “ ข้างขวาใช่มั๊ย? ”

“ ครับ ”

   เขาค่อยๆ ยกมือสางผมขึ้นเพื่อเปิดหน้าผาก เส้นผมที่เคยยาวปรกคลุมด้านหน้าเป๋ข้างไปตามแรงสาง เผยให้เห็นหน้าคมขาวสะอาดที่มีรอยยิ้มเล็กๆนั้นชัดเจนขึ้น ผมพรู่ลมหายใจด้วยความลังเล แต่เขาสะกิดเพื่อเรียกสติของผมด้วยการยกนิ้วขึ้นชี้ๆที่ตาข้างขวาของตัวเอง

“ ข้างขวาครับ ”

   ผมพยักหน้าให้หน่อยๆเพื่อบอกว่ารู้แล้ว มองเขาสลับกับเลื่อนสายตาหนีอยู่หลายครั้ง จนมั่นใจว่าเก็บอาการความอายที่ต้องมาทิ้งตัวนั่งลงเต็มๆบนตักของเขาไว้ได้แน่แล้ว เลยตัดสินใจมองคนตรงหน้าอีกครั้ง

   ผมเม้มปากแน่น และจะพยายามมองแค่ดวงตาของเขา ผมท่องไว้แบบนั้น..

   มองแค่ดวงตา ผมจะไม่ไล่สายตามองใบหน้าขาวๆที่มีตอหนวดเล็กๆ ไม่ไล่มองแก้มใสขึ้นสีของคนอายุมากกว่า ไม่มองคิ้วเข้มๆ สันจมูกโด่งๆ ริมฝีปากที่แต้มรอยยิ้ม ผมจะโฟกัสที่ดวงตาเท่านั้น

   แต่..รู้ตัวอีกทีว่าจะไม่ไล่สายตามอง ก็ดันเผลอมองไปซะแล้ว ช่างเถอะ..เนาะ

   ตั้งสติด้วย ผักกาด!

“ ขอโทษนะครับ ”

   ผมเอ่ยเป็นการขออนุญาต ค่อยๆใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งของตัวเองไปเปิดเปลือกตาเขาขึ้น มองดวงตาคมสีน้ำตาลใบไม้แห้งของเขาที่กำลังจ้องมองผมนิ่ง เราทั้งคู่ต่างมองกันนิ่งๆราวกับโดนใครสักคนสับสวิตซ์

   ไม่รู้ว่าผมมองดวงตาเขานานเท่าไร แต่รู้ว่าแก้มขาวของเขาตอนนี้กำลังขึ้นสีแดงจัดลามไปถึงหู ส่วนตัวผมเองก็หน้าร้อนผะผ่าว เพราะไม่เคยที่จะต้องสบตาใครใกล้ๆ และนานขนาดนี้มาก่อน

“ เอ่อ.. ”

   เขาอมยิ้มเล็กๆเมื่อเห็นว่าผมตื่นตระหนก ผมรีบละนิ้วมือจากหางตาของเขา กระพริบตาปริบๆเพื่อเรียกสติตัวเอง

“ ผะ..ผมไม่เห็นว่าจะมีอะไรเข้าตาคุณ ”

“ หึ สงสัยมันจะออกจากตาไปอยู่ที่อื่นแล้วมั๊งครับ ”

   แหนะ! เขาแกล้งผมเล่นอีกเปล่าเนี่ย เมื่อกี้นี้

“ …… ” ผมรู้สึกแปลกๆกับรอยยิ้มของเขาว่ะ นอกจากจะดูเจ้าเล่ห์กวนประสาทขึ้นกว่าเดิม ทำไมครั้งนี้ผมกับรู้สึกว่าแววตาของเขามันมีความเอ็นดูที่แสดงออกมาอยู่ตลอดเวลาด้วย

“ ผักกาด.. พี่รู้แล้วล่ะครับว่าอะไรเข้าตาพี่ ”

“ อะ..อะไรครับ? ”

“ หึ เราไม่รู้หรอก..เพราะเรามันซื่อบื้อครับ ” อ๊าววว! เขาพูดแค่เนี้ยแล้วก็มายิ้มให้อีกแหละ

   โอ๊ะ! ไม่ไหวว่ะ! ลุกๆๆ ผมนี่รีบดันตัวเองลุกขึ้นเลยตอนเขาเผลอ และเขาก็ยอมปล่อยทั้งยังพยุงผมให้ลุกขึ้นยืนแต่โดยดีด้วยนะ - = -

   ไม่ใช่อะไรหรอก.. เมื่อกี้ผมดันเข้าใจว่าเขาจะเล่นมุก’ความรักเข้าตา’ง่ะ(!?) อุตส่าห์เตรียมตัวรับมือไว้ในใจซะดิบดี แต่เจ้าตัวกลับมาบอกว่าผมซื่อบื้อซะงั้น ก็เออ..ยอมรับแล้วก็ได้ว่าโง่(!?)

“ ปะ..ไปอาบน้ำได้แล้วครับ ” ผมเอื้อมมือก้มลงไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่ตกขึ้นมาจากพื้นโยนไปให้เขา ก่อนกระถดเท้าถอยหลังอย่างทำตัวไม่ถูก

“ ครับ ”

“ ดะ.. เดี๋ยวผมไปหาเสื้อผ้าให้เปลี่ยนนะ ”

   ผมรีบหันหลังกลับเข้าห้องอีกครั้งเพื่อหาเสื้อผ้าที่คิดว่าเขาน่าจะใส่ได้ รื้อไปรื้อมาก็เจอเสื้อยืดตัวใหญ่ที่สุดที่ผมมีพอดี หยิบกางเกงบอลขาสั้น แต่กางเกงในไม่ต้องเพราะเขาคงไม่ได้เปียกไปถึงขนาดนั้น

“ คุณฎี.. ผมห้อยเสื้อผ้าไว้ราวหน้าห้องน้ำนะครับ ” ผมตะโกนบอกคนในห้องน้ำ ได้ยินเสียงตอบรับจนแน่ใจแล้วจึงเดินไปทำอย่างอื่นต่อ






“ มีอะไร?.. ฝนตกเนี่ย! ยางงง.. กำลังจะไปกินแล้ว.. อืมมม.. อ่า.. จ้าาา.. พอแล้วจ้าพ่อคนที่สอง.. ไม่ต้องมาบ่นพี่เลย..  โอเคๆ.. ”

ครึ้ม ครึ้มมม

“ ไอ้โขมฟ้าร้องอีกแล้ว! รีบพูดเร็ว.. เอ่อๆ.. พอๆ.. พี่กลัวฟ้า.. ก็ถ้าไม่รับสายเดี๋ยวแกก็จะโกรธอะ.. อืมมม.. งั้นแค่นี้นะ.. ก็จะไปกินข้าวไงโว้ย.. อืม.. ไอ้น้องบ๊อง! ”

ติ้ด!

   ปวดประสาทคูณสอง

   ผมเพิ่งวางสายโทรศัพท์และปิดเครื่องหนีผักโขมที่โทรมาหากันรอบที่สองของวัน มันคงว่างมั๊ง หึ! รอบนี้โทรมาถามว่ากินข้าวหรือยังและกินกับอะไร ซึ่งพอผมบอกว่ายังไม่ได้กิน ก็โดนคนในสายบ่น ดีนะที่เสียงฟ้าร้องทำให้น้องมันยอมวางสาย ไม่งั้นผมคงได้โดนบ่นจนมีอาการหูชา

“ เฮ้อ ” พูดถึงข้าวแล้วก็หิวเลย ผมสั่นจนลืมว่าร่างกายตัวเองสั่นไป ตั้งแต่เจอคุณฏีวิ่งมาปรากฏตัวตรงกลางซอยพร้อมกับร่มคันใหญ่แล้วล่ะ

แกร๊ก!

พลั๊ก!


   ประตูกระจกริมระเบียงถูกเปิดออกพร้อมกับผมที่เดินกลับเข้ามาด้านใน เป็นจังหวะเดียวกันกับคนที่อยู่ในห้องน้ำเปิดประตูและกำลังก้าวเท้าออกมาพอดี

“ …… ” เป็นผมที่เห็นเขาก่อน และเป็นผมที่ชะงักเพราะเห็นใบหน้าและลำตัวด้านข้างของคนที่อาบน้ำเพิ่งเสร็จ เขาใส่เพียงผ้าเช็ดตัวที่ผูกไว้กับเอวเพื่อปกปิดส่วนล่าง และคลุมหัวด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาว

   คนตัวสูงยกมือหนาขึ้นขยี้ผ้าขนหนูเพื่อเช็ดเส้นผมที่เปียกหมาดๆ ทำให้หยดน้ำเล็กๆที่ปลายผมของเขาหยดลงที่ไหล่กว้าง แผงอกขาว ต้นแขน และแผ่นหลัง

“ อ้าว ”

   เจ้าของเสียงประหลาดใจค่อยๆเผยยิ้มขำเล็กน้อย เมื่อเลื่อนสายตามามองทางประตูระเบียงที่มีผมกำลังยืนตกตะลึงอยู่ หลังจากที่เขามองไปรอบห้องนั่งเล่นแล้วไม่เจอใคร

“ อยู่นี่เอง ”

“ ทะ..ทำไมคุณฎียังไม่แต่งตัวอีกครับ ” ผมถามเขาตะกุกตะกัก ชี้ไม้ชี้มือสะเปะสะปะ

“ พี่เพิ่งอาบน้ำเสร็จครับ ”

“ อึยย! มะ..ไม่ต้องหันตัวมา! ” ผมตาโตยกมือโบกสะบัดร้องห้าม ก่อนหันหลังขวับให้กับคนตัวขาวที่กำลังหันมามองทางผมทั้งตัว

   เชี่ย! แล้วผมเป็นอะไรเนี่ย!

   จะตกใจทำไม o=o

“ พี่กำลังจะออกมาหยิบเสื้อผ้า แล้วผักกาด..ตกใจอะไรครับ  ”

“เปล่า..เปล่าครับ ” ผมบอกแล้วหยิบโทรศัพท์ที่ปิดไปแล้วขึ้นมาทำท่ากดๆ แบบคนรนรานที่ถูกจับได้

“ เป็นอะไรครับ หันหลังแบบนี้พี่จะคิดว่าเราเขินพี่นะ.. ”

   ไม่ได้เขิน!

   แต่ขาว!

   เอ้ย!

“ คือ.. อ๋อ! ผมจะ..ไปโทรศัพท์ ” ผมยกโทรศัพท์ขึ้นโชว์เขา แม้จะหันหลังให้กันอยู่ก็ตาม

“ ฝนตกอยู่นะ พี่ว่าอย่าเพิ่งโทรเลย ”

“ ครับๆ ไม่โทร.. ” ผมขานรับอย่างเชื่อฟัง พองลมที่แก้มและค่อยๆพรู่ลมหายใจเพื่อระบายความร้อนที่หน้าก่อนพูดต่อ “ งั้นคุณฎีก็.. เข้า..เข้าห้องน้ำไปใส่เสื้อผ้าเถอะครับ ”

“ ผักกาดก็หันมาบอกกันดีๆสิครับ เราพูดอะไรพี่ฟังไม่รู้เรื่องเลย ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงขบขัน จนผมคิดว่าเขาตั้งใจจะกลั่นแกล้ง

“ ผม..บอกว่าให้คุณไปใส่เสื้อผ้า ” ผมหันข้างเล็กน้อยก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดใจเพื่อย้ำกับเขาอีกรอบ แต่หางตาก็ดันเหลือบเห็นอะไรขาวๆอีกจนได้

“ หื้ม? ไม่ได้ยินเลยครับ ”

   เอ๊ะ! ผมเริ่มจะโมโหเจ้าของเสียงทุ้มที่กำลังหลุดหัวเราะอยู่จริงๆซะแล้วนะ><

“ ว่ายังไงนะครับ น้องผักกาด ”

จิ!!

   ผมตัดสินใจหันกลับไปหาคนตัวขาว ก่อนจะตะโกนบอกเขาด้วยน้ำเสียงแห่งความโมโห ถ้าพูดตั้งสามครั้งแล้วยังไม่ได้ยินอีก ก็แก้ผ้า เอ้ย!! ก็ใส่แต่ผ้าขนหนูอยู่แบบนั้นไปเล้ย!

“ หึย!! ผมบอกว่าให้คุณไปใส่เสื้อผ้า > = < ”

“ อ๋อ.. ”

“ เฮ้ยๆๆ คุณอย่าเดินเข้ามา! ” ผมร้องเสียงหลง ยกมือข้างหนึ่งห้ามคนตัวเปียกที่ทำท่าจะก้าวเท้าเข้ามาหา ก่อนยกมือที่ถือโทรศัพท์ขึ้นมาปิดตาของตัวเอง

“ เราเป็นอะไร? หื้ม? ”

   อย่าถาม..ผมเองก็ยังไม่รู้เลยเนี่ย!

“ คุณฎี.. อย่าเดินเข้ามาใกล้ก็พอ ”

“ หึ พี่รู้แล้ว ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์เจ้ากล “ ผักกาดเขินที่เห็นหุ่นพี่ฎีหรอครับ? ”

“ ไม่ได้เขิน! ” ผมไม่ได้เขิน ต่อให้คุณหุ่นดีผมก็ไม่ได้เขิน ผมแค่แพ้(!?) ..ความขาว

“ หึ รู้อะไรมั๊ย.. ถ้าเขินกัน..ก็ต้องเห็นกันบ่อยๆนะครับ ผักกาดจะได้ไม่เขิน ”


   เชี่ย ผมกำลังจะตาย ใครก็ได้ไล่เขาไปใส่เสื้อผ้าที!!






“ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคุณฎีทำแบบนี้ ผมจะถ่ายรูปคุณตอนโป๊ไปขายให้แฟนคลับของคุณ! ” ผมยกช้อนที่หยิบติดมือมาชี้ขู่เขาฟ่อๆ

“ หื้ม ถ้าเป็นพี่ในเมื่อก่อน เราจะกล้าทำเหรอครับ น้องผักกาดดด ” เขาบลั๊ฟ(เกทับ)ผมกลับ พร้อมยักคิ้วด้วยสีหน้าท้าทาย จนผมอดกรอกตาไปมาไม่ได้

“ หึย! คุณฎีไปนั่งนู้นเลยนะครับ! ผมจะได้กินข้าวสักที ”  ผมที่ยืนกดน้ำเย็นใส่แก้วของตัวเองอยู่ พร้อมกับออกปากไล่เขากลับไปนั่งที่โซฟาห้องนั่งเล่น

   หลังจากที่ไล่ยะยักยะยื้อให้เขาไปใส่เสื้อผ้าอยู่ในห้องน้ำเมื่อกี้ ผมก็หมดแรงเถียงเดินมานั่งพักที่โต๊ะกินข้าวในครัว พอเขาแต่งตัวเสร็จก็รีบเดินตามผมมาแล้วยืนพิงเคาน์เตอร์ครัวพร้อมกับส่งสายตาล้อเลียนให้กันไม่หยุด

“ ไม่ไปครับ ”

“  เอ๊ะ! ”

ใจเย็นคนดี

   คนดีบ้าบออะไร เรียกผมว่าคนดีเนี่ยนะ เรียกยังกะเวลาที่พี่ปังเรียกไอ้แยม - v -

“ พี่ก็จะกินข้าวครับ นี่ไงกล้องข้าวที่ซื้อมาจากหน้าปากซอย ” ว่าแล้วเขาก็เอื้อมไปหยิบกล้องข้างของตัวเองออกจากระเป๋าผ้าสีเขียวสวย แล้วเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับที่ผมอยู่

“ อืมๆ ” ผมยอมทิ้งตัวนั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขาดีๆ ก่อนเอื้อมมือหยิบกล่องข้าวของตัวเองออกมาจากถุงผ้าเหมือนกัน


แก๊ก!

แก๊ก!


   เสียงกระทบกันเล็กน้อยของฝาและกล่องทัพเพอร์แวร์ ทำให้ผมและเขาที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันบนโต๊ะอาหารต่างมองหน้ากันเล็กน้อย ในขณะเราต่างคนต่างก็กำลังเปิดกล่องข้าวที่ใส่อาหารของตัวเอง

“ หึ ”

“ …. ”

“ กินข้าวกันครับ ”

“ ครับ ” ผมพยักหน้าอมยิ้มอย่างจำใจให้กับคนที่ยิ้มมาให้กันก่อนเล็กน้อย

   ขณะกินข้าวเราต่างก็นั่งกินข้าวเงียบๆ ไม่ได้มีบทสนทนาใดขึ้นมาจากคนตรงข้าม ทำให้ผมนึกถึงสถานการณ์ก่อนหน้าที่เกิดขึ้นเมื้อกี้ ผมรู้สึกขำและตลกตัวเองขึ้นมาเฉยเลย ที่ยอมให้คุณฎีเขาแกล้งกันทั้งที่รู้ว่าผมอะเสียอาการไปแล้ว

   อื้ม! ผมยอมรับว่าผมเสียอาการจริงๆ เพราะความขาวของเขา ความขาวของเขาทำให้ผมนึกถึง Polar Bare หรือคุณหมีขั้วโลกสีขาว ถ้ามันไม่ดุร้ายผมคิดว่าผมโคตรจะแพ้ความน่ารักของมันสุดๆเลย หน้าตาน่ารัก ตัวใหญ่ๆ ขาวๆ และคุณฎีดันคล้ายคุณหมีขาวไปอีก บ้าเอ้ย!






“ เรื่องของฝาก ”

“ ครับ? ”

“ ทำไมถึงปฏิเสธเด็ดขาดจังเลยล่ะครับว่าไม่เอา ” เขาถามขึ้นมาหน้าเครียดเล็กน้อย ในขณะที่ผมเดินถือกีตาร์ออกมาจากห้องนอนเพื่อยื่นให้กับเขา

   หลังจากที่เรากินข้าวกันเสร็จ ผมตัดสินใจว่าจะนั่งวาดรูปเล่น แต่กลัวว่าคุณฎีเขาจะเหงาเพราะไม่มีอะไรทำ นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานน้องสาวได้เอากีต้าร์ที่ผมลืมไว้ที่หอเก่ามาให้แล้ว ผมก็เลยลุกเข้าไปเอาออกมาให้กับคนที่ชอบเล่นดนตรีเผื่อจะได้มีอะไรทำฆ่าเวลา ดีกว่านั่งเฉยๆรอฝนที่ยังไม่มีวี่แววหรือทีท่าว่าจะหยุดตกลงมาเลย

“ ก็ผมไม่อยากได้ อีกอย่างคุณจะเสียเงินซื้อมาให้ผมทำไม ” ผมตอบเขาขณะที่กำลังนั่งติดเทปมุมกระดาษเข้ากับกระดานรองแข็งๆ หยิบดินสอ2B มาเหลาๆ ให้ไม่คมมาก พลางคิดว่าจะวาดรูปอะไรดี

“ เพราะพี่อยากให้เรา ”

   ผมชะงักเล็กน้อย เงยหน้ามองคนที่รีบพูดจนจบก็ทำเป็นแกล้งก้มหน้าก้มตาเพื่อเปิดหาคอร์ดเพลงในโทรศัพท์อย่างไม่สนใจ

“ อยากให้ผม? ”

“ ใช่ อยากให้มากๆ ”

“ อยากให้ผมทำไม? ”

“ กะ..ก็ เป็นของฝากก็ได้ เป็นของขวัญขึ้นบ้านใหม่ก็ได้ ที่สำคัญมันเป็นของที่พี่อยากให้ผักกาด ” เขากำลังกลั้นรอยยิ้ม พูดไล่เรียงประโยคเหล่านั้นด้วยน้ำเสียงเงอะงะ แต่ยังคงไม่เงยหน้ามามองผมอยู่ดี

“ แต่พี่ก็ให้ผมมาตลอด ให้ทุกปี ” ผมพูดช้าๆ

   อดแปลกใจไม่ได้นี่หน่า เพราะในวันเกิดของผมที่ผ่านมาทุกปี ผมมักจะได้กล่องของขวัญชิ้นหนึ่งจากเขา ตอนแรกๆเขาก็บังคับให้รับนั่นแหละ แต่มีช่วงที่เขาไปเรียนต่อต่างประเทศเขาจะฝากพี่ปังมาให้แทน และพอเขากลับมาอีกครั้ง เขาก็เป็นฝ่ายเอามายัดใส่มือให้ผมเองเหมือนเดิม

   แต่เรื่องหนึ่งที่เขาอาจจะไม่รู้ก็คือ ต่อให้เขาจะบังคับให้ผมรับมา ต่อให้ผมจะคิดว่าไม่อยากให้เขามายุ่งวุ่นวายกัน ต่อให้ปากจะบอกว่ารำคาญที่เขากวนประสาท ผมก็ยังแอบเก็บของที่เขาให้ทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี

“ นี่ไม่ใช่ของขวัญวันเกิดนะครับ มันเป็นของที่พี่อยากให้ผักกาดจริงๆ ”

   อยากให้ผักกาด แต่ไปถามกับน้องคิวท์หรอ..

“ แล้วทำไมไม่ถามผมเอง ไปถามผ่านคิวท์ทำไม อ่ะ! ” เหมือนความคิดของผมมันจะเสียงดังเกินไป ปากมันถึงพูดในสิ่งที่คิดออกมาแบบนั้น

   ผมมองเขาต่อเพียงเสี้ยววินาที พยายามละสายตาไปมองอย่างอื่นแก้เก้อ แต่รอยยิ้มเล็กๆตรงมุมปากนั้นก็ทำให้ผมต้องส่งสายตากลับไปมองคนที่กำลังยิ้มมองมาเงียบๆเป็นระยะเหมือนเดิม

“ เราอยากให้พี่ถามเราเองหรอครับ? ”

“ ใช่ เอ้ย! ไม่ใช่! ” ผมพยักหน้าแต่เมื่อนึกได้ว่าไม่ใช่ก็เลยรีบส่ายหัวทันที

“ ใช่สินะ ”

“ จิ๊! ก็บอกว่าไม่ใช่ ผมแค่..ไม่อยากได้อะไร ” ผมจิ๊ปากอย่างไม่พอใจที่ถูกจับผิด อย่าถามย้ำนะ!

“ พี่อยากให้ และคนที่พี่อยากให้ก็คือผักกาด ”

“ อ่ะ! ” ผมชะงักอีกแล้วสิ คุณฎีเขายอมแพ้ง่ายๆที่ไหน

   ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อ มองคนตรงหน้านิ่งๆ เพราะเขาพูดคำว่า ‘พี่อยากให้’ มามากกว่าสามครั้งแล้ว นิ้วเรียวของเขาเริ่มเกาสายกีต้าร์ให้ออกมาเป็นเสียงเพลง ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นเพลงอะไรเหมือนกัน แต่มันก็เป็นทำนองที่เพราะดี

“ พี่ไม่บังคับเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ถ้าพี่อยากให้เรา เราจะ..รับมันไว้ได้มั๊ยครับ ” คนตัวโตเอ่ยถามและเผยยิ้มเล็กๆอีกครั้ง เขาหยุดเล่นกีต้าร์ ก่อนนั่งเอาปลายคางค้ำกับกีตาร์โปร่ง มองมาตาแป๋วราวกับกำลังอ้อนวอนกันให้ตกลง

“ คือ..ถ้ามันแพง ผมขอไม่รับ ” ผมตอบอ้ำอึ้ง เลื่อนสายตาไปมองคนตรงหน้าเล็กน้อย จดจำรายละเอียดของใบหน้าแห่งความดีใจเล็กๆที่ผุดขึ้นมา และค่อยๆลงมือร่างเส้นด้วยดินสอบางๆ เพราะรู้แล้วว่าจะวาดรูปอะไรดี

“ ดูก่อนสิครับ พี่คิดว่าผักกาดจะชอบมันมากๆ ”

“ อืม ” ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ เขาจึงรีบลุกเดินไปที่ห้องครัว ผมชะโงกหน้ามองตามเมื่อได้ยินเสียงคนค้นหาอะไรสักอย่างในกระเป๋าผ้าและเสียงก๊อบแก๊บๆของถุงพลาสติก พอเขาทำท่าเหมือนจะเดินกลับออกมา ผมก็แกล้งทำเป็นก้มหน้าก้มตาวาดรูปต่ออย่างไม่สนใจ

“ มาแล้วครับ ”

   เขาเดินเข้ามาหาผม ก่อนยื่นกล่องของขวัญนั้นให้กับผม เป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มากถูกห่อด้วยกระดาษสีเทาและพลาสติกอีกหนึ่งชั้น

“ คุณพกมันมาด้วย? ”

“ ใช่ครับ พี่หาโอกาสจะให้เราด้วยตัวเองมาตลอด แต่พี่ยุ่งมากๆตั้งแต่กลับมา เลยคิดว่าถ้าสักวันบังเอิญเจอก็จะให้กับเราด้วยตัวเอง ”

“ ….. ” ผมยกมือขึ้นมาทำเป็นกุมแก้มของตัวเองเพื่อปิดบังรอยยิ้มที่แอบยิ้มออกมา

   ผมล่ะอย่างเชื่อเขาเลย คุณฎีคนนี้เขาเกินความคาดหมายของผมไปเยอะจริงๆ ถ้าผมปฏิเสธเขาอีกครั้งจะเป็นยังไงนะ จะหน้าเหวอมั๊ย

“ พี่ให้ครับ ”

ไม่เอา..

“ ……. ” โอ๊ะ! สำเร็จ

“ แฮร่ ล้อเล่น ” ผมแลบลิ้นให้เขาแล้วยิ้มขำคิกคัก เห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าชักมือกลับเล็กน้อย ผมเลยเอื้อมมือไปรับกล่องของขวัญจากเขามาวางไว้ที่ตักของตัวเอง

   เมื่อกี้หน้าเขาเหวอไปเลยล่ะ หน้าเขาตลกชะมัดเวลาที่ตกใจ ไม่มีเสียงพูดออกมานะ แต่สีหน้าของเขาแสดงความ ‘ฮะ?’ ออกมาได้ชัดเจนมาก

“ แกล้งกันก็เป็นหรอเรา ” ผมได้สติขึ้นมาเมื่อถูกมือหนักๆดันหัวเบาๆ

“ เอาคืนคุณบ้างไง ชอบแกล้งแต่ผมดีนัก ” ผมใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่หน้าท้องแข็งๆของเขาคืน แต่เจ้าตัวก็ยืนนิ่งๆให้ผมจิ้มไม่กระดิก เพราะเขาไม่ใช่คนบ้าจี้อะไร

“ ที่พี่ทำมาตลอด มันไม่ได้เรียกว่าแกล้งสักหน่อย ”

“ อะ.. ”

   ริมฝีปากเผลอกระตุกไปเล็กน้อย เมื่อสายตาเหลือบเห็นเงาคนด้านบนเข้ามาใกล้ขึ้น ผมค่อยๆเงยหน้ามองเจ้าของเสียงทุ้มที่อยู่สูงกว่าอย่างไม่เข้าใจ พบว่าเข้ากำลังก้มหน้าลงมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้หน้าของเราทั้งคู่อยู่ห่างกันแค่คืบเดียว

   นี่เป็นอีกครั้งที่เขาทำแบบนี้ ใกล้ขนาดที่ผมได้ยินเสียงลมหายใจ ใกล้ขนาดที่ผมได้กลิ่นสบู่ของผมผสมกับกลิ่นความหอมจางๆที่ยังติดอยู่ที่ตัวเขา

   ผมเผลอกลั้นหายใจเพราะกลิ่นหอมทำให้ผมตาเบลอ เผลอเม้มริมฝีปากแน่นสนิท กลืนก้อนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างยากลำบาก

   เอาแล้วไง..

“ คะ..คุณแกล้งผม ”

“ ทำไมชอบคิดไปเองว่าพี่แกล้ง หื้มๆ ”

“ อึย! ” ผมสะบัดหน้าหนีเล็กน้อย เมื่อเขาเอานิ้วมือมางัดจมูกผมสองสามทีเหมือนหมั่นเขี้ยวกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน

“ ทำไมไม่คิดว่าสิ่งที่พี่ทำ มันคืออย่างอื่นบ้าง ”

“ ถะ..ถ้าไม่ได้แกล้งแล้วจะเรียกว่าอะไร ” ผมยกมือเล็กๆของตัวเองขึ้นมากั้นระหว่างดวงหน้าของเราทั้งสอง เพราะใกล้มากไปมันรู้สึกไม่ดีเลย แต่ก็ได้แค่บ่นในใจไม่กล้าดันหน้าเขาออกไปอยู่ดี

“ อย่าเผลอกลั้นหายใจบ่อยสิครับ เดี๋ยวพี่งัดจมูกเราอีกสักรอบ.. ” เขาว่าแบบนั้นพร้อมทำท่าขู่ ผมก็เลยเปลี่ยนมือที่กั้นอยู่มาลูบจมูกตัวเองปอยๆ

“ นี่จมูกนะไม่ใช่ฝาขวดน้ำอัดลม ” ผมขอทำหน้ามุ่ยใส่เยอะๆเขาหน่อยเถอพ เอาหน้าออกไปเลยนะคนกวนประสาท

“ หึๆ”

“ ….. ”

“ น่ารักชะมัด ” เขาว่าพร้อมกับผละตัวออกไปมองทางอื่น ไม่พอยังเอื้อมฝ่ามือหนักๆ ของตัวเองมาขยี้หัวผมจนยุ่งไปหมด

“ คุณฎี.. ” ผมเรียกชื่อเขาลากเสียงยาว ไม่เอาดิ อย่าพูดนะ!

“ หึ คุณผักกาด ”

“ ….. ”

“ น่ารักแบบนี้บ่อยๆ พี่ก็ไม่ไหวนะครับ ” 

   เกลียดว่ะ มาพูดให้ผมงงจนไปไหนไม่เป็นแล้วก็กลับไปนั่งเล่นกีต้าร์สบายใจเฉิบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเฉยเลย


   คำว่าน่ารักน่ะ บอกแล้วไงว่ามันเป็นคำต้องห้ามที่ห้ามพูดกับผม


   คิดว่าผมจะเขินหรอ..


   ก็เอ่อ!!

   ///////


“ ของขวัญน่ะ ขะ..ขอบคุณนะครับ ”

“ ครับ ”

“ แล้ว..ผมแกะได้เลยมั๊ย ”

“ แกะได้สิครับ พี่ก็อยากรู้อยู่เหมือนกันว่าเราชอบมั๊ย ” เขาตอบผมแล้วอมยิ้ม แม้มือหนาจะกำลังเกาสายกีตาร์เป็นทำนองไปเรื่อยๆ แต่สายตาของเขากลับไม่ได้ละสายตาไปไหน จับจ้องมาที่ผมอย่างคาดหวัง


แคว่กๆ!

   ผมพยายามแกะกระดาษห่อของขวัญอย่างเบามือ พบว่าของในกล่องถูกหุ้มด้วยแผ่นกันกระแทกอีกสองชั้น ดูจากรูปร่างก็น่าจะเป็นแก้วน้ำชา

   หึ ใช่จริงๆด้วย

   แก้วน้ำชาดินเผาสีขาว ลักษณะเป็นแก้วทรงกระบอกตรงๆ ไม่มีหูจับ ข้างแก้วมีลวดลายเล็กๆที่ถูกวาดระบายสีลงไปเป็นรูปผักกาดขาว รูปเด็กผู้ชายหัวหยิก และรูปสายรุ้งพาดผ่านก้อนเมฆ และมีชื่อสลักเล็กๆเป็นภาษาไทยข้างล่างว่า 'ผักกาด'

   มันน่ารักมากๆ

“ คุณฎีทำเองหรอครับ? ”

“ ใช่ครับ พี่ทำเอง ”

   หื้ม? ผมส่งสายตาไปให้เขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เจ้าตัวก็ชะงักและหลบสายตาผมซะงั้น จริงๆนอกจากจะขี้กวนขี้แกล้งไปหน่อย เขาก็ยังมีมุมน่ารักอยู่นะเนี่ย

   ผมค่อยๆห่อมันด้วยแผ่นกันกระแทก และเก็บเข้าไปในกล่องเดิมอีกครั้ง ก่อนจะลุกเดินเอามันไปเก็บในที่ของมันเป็นอย่างดี






❤ 100 เปอร์เซนต์ (%)

----------------------



1 ไลค์ 1 คอมเมนต์ = 1 กำลังใจ ❤

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ

(◜◡‾) (‾◡◝)




นักเขียน :: ถ้าฝนไม่หยุดตก เราจะไม่ให้คุณฎีกลับง่ายๆแน่
ฝากทวิตเตอร์ :: แม่น้องผักกาด @PimpipamS (https://twitter.com/PimpipamS)
ติดแท็ก #คุณฎีของผักกาด
ฝากคอมเม้นท์ติชมเป็นกำลังใจ❤หน่อยค่าาา รักคนที่เข้ามาอ่านทุกคนนะคะ
ช่วงนี้ชีวิตไม่มีอะไรบำบัดเลยนอกจากนิยายกับเสียงเพลง ถ้าได้กำลังใจดีๆจากคนอ่านคงหายเหนื่อยขึ้นมาบ้าง




หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 06 :: ฝนอะไรเป็นใจจัง (100%) [07/04/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-04-2020 11:22:09
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณฎีของผักกาด ʕ·ᴥ·ʔ ตอนที่ 06 :: ฝนอะไรเป็นใจจัง (100%) [07/04/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Yeewajj ที่ 13-04-2020 22:27:43
ทำไมคุณๆ เขาพากันน่ารักกันจังเลยล่ะ

รออ่านต่อนะคะ :กอด1: