พิมพ์หน้านี้ - Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 19 Part 1/2 : 14/07/59

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: Film-mii ที่ 04-09-2015 14:24:56

หัวข้อ: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 19 Part 1/2 : 14/07/59
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 04-09-2015 14:24:56
 อ่านเรื่องคนอื่นมาก็เยอะ ขอลงเรื่องของตัวเอง ให้คนอื่นได้อ่านบ้าง  ฝากติดตามกันด้วยนะจ้ะ  :mew1: :mew1: :mew1:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย.... ลงกฏคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 04-09-2015 15:58:17
แปะกฏให้แล้วนะคะ

***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 04-09-2015 18:21:57
น่าติดตามมากมาย  :hao7: รอค่ะ รอๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....ตอนที่ 1 เด็กใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 04-09-2015 23:56:01
           
                  Poppy Love The Series....
                   รักใสๆ  ของยัยกะเทยซ่าส์
                                 
………………………………………………………………………………

ตอนที่ 1

      แสงอาทิตย์สอดส่องผ่านหน้าต่างบานนั้นเข้ามากระทบเปลือกตาบางๆ  รู้สึกแสบนัยต์ตาขึ้นมาทันที   ชวนให้ฉันต้องตื่นจากการหลับไหลอันแสนยาวนาน   แต่แค่นั้นก็ไม่สามารถปลุกฉันให้ตื่นได้ 

     กริ๊งงง...... กริ๊งงงง.........เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นวัดระดับความดังได้มากกว่า 100 เดซิเบล

     โอ้ยยยย อะไรเนี่ยยยย นาฬิกาปลุกเครื่องนี้เสียงดังม้ากก หนวกหูสุดๆ ฉันทนไม่ไหวกับมลพิษทางเสียงที่เกิดขึ้น   เสียงนาฬิกาปลุกทำให้ตื่นได้จริงๆ  ฉันลืมตาขึ้น แล้วเอื้อมมือไปปิดนาฬิกาปลุก ก่อนจะหยิบขึ้นมาดูเวลา

        " ฮ้า........ เจ็ดโมงเช้า  ตายๆ วันแรกก็จะสายแล้วหรอเนี่ย "  ฉันตกใจตาลุกโตเมื่อมองเห็นเวลาบนนาฬิกา

     วางนาฬิกาปลุกไว้ที่โต๊ะข้างเตียงเหมือนเดิม  แล้วรีบลุกจากที่นอนไปเข้าห้องน้ำทันที  หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ปาไปเจ็ดโมงครึ่งแล้ว  ฉันรีบวิ่งออกจากห้องนอน ลงบันไดมาจนถึงประตูหน้าบ้าน ก็นั่งลงใส่ถุงเท้าและรองเท้าที่แม่เตรียมไว้ให้ ในขณะที่กำลังผูกเชือกรองเท้าอยู่ก็เหลือบไปเห็นเท้าของใครคนหนึ่ง ถึงกับตกใจเล็กน้อย ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองดูเจ้าของเท้าที่อยู่ตรงหน้า

        " แม่...... หนูนึกว่าใครซะอีก "  ฉันถอนหายใจนิดนึง  โล่งอกที่เป็นแม่  ถ้าเป็นพ่อหละก็ โดนด่าแหงๆ

        " กินข้าวรึยัง "  แม่ถามฉันด้วยความเป็นห่วง

        " กินได้ไงหละแม่ ขืนมัวแต่นั่งกินข้าวนะ หนูได้ไปโรงเรียนสายตั้งแต่วันแรกพอดี "  วันแรกต้องห้ามสาย  จะสายไม่ด้ายยยยย

        " ก็เราอะตื่นสาย แม่บอกแล้วว่าให้รีบนอนๆ ก็มัวแต่เล่นเกมส์กับน้องจนดึกดื่น  "  แม่บ่นพึมพำให้ฉัน 

      เมื่อคืนฉันเล่นเกมส์ตลับกับน้องจนถึงตีหนึ่ง  ไม่แปลกเลยที่จะนอนตื่นสาย 555555

        ฉันผูกเชือกรองเท้าจนเสร็จ ไม่รีรอที่จะลุกขึ้นบอกลาและไหว้คุณแม่ผู้บังเกิดเกล้า  ก่อนจะขับรถ มอไซต์คันใหม่ที่พ่อพึ่งถอยให้ออกจากบ้านไป

        ณ โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง เต็มไปด้วยนักเรียนมากมายหลายคน  มีทั้งเด็กประถมและมัธยมต้น  ฉันรู้จักเส้นทางมาโรงเรียนนี้ดี เพราะเคยขับมอไซต์ผ่านบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยเข้ามาสักที วันนี้เป็นวันแรกที่จะได้เหยียบเข้ามาในสมรภูมิแห่งนี้  ให้ตายเถอะมาถึงโรงเรียนเกือบแปดโมงเช้า  แต่ก็ยังดี ที่มาถึงก่อนแปดโมงเช้า  ฉันรู้จักห้องเรียนของตัวเองตั้งแต่วันที่พ่อพามายื่นเอกสารเข้าเรียนที่นี้แล้ว

      ถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ ที่นี่ให้ยืนเข้าแถวเป็นห้อง ห้องละ 2 แถว คือชาย 1 แถว หญิง 1 แถว สลับกันไปแบบนี้ทุกห้อง ม.3 เป็น ม. ที่ใหญ่ที่สุดในโรงเรียนนี้   แถวน่าจะอยู่ริมๆ  ฉันจึงเดินไปแถวๆ นั้น อ้าว แล้วแถวไหนเป็นห้อง ม.3/1 หละเนี่ย ฉันเดินจดๆ จ้องๆ อยู่นาน  จึงตัดสินใจเข้าไปถามชะนีดำที่อยู่ท้ายแถว

        " เธอๆ แถวไหนห้อง ม.3/1  อะ "  นางชะนีกาดำหันหน้ามามองฉันกวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า
 
        " เด็กใหม่หรอเธออะ "     ฉันพยัคหน้าเล็กน้อยและตอบนางออกไปว่าใช่
 
        " ไปต่อท้ายผู้ชายตัวสูงๆ คนนั้นสิ "  นางพญากาดำพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ผู้ชายสูงขาว ที่ยืนอยู่ข้างหน้าฉันไม่ไกลนี่เอง  ฉันขอบใจนางและเดินไปต่อแถวอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้น  สักพักนึงผู้ชายคนนี้ก็หันมา  เขาดูท่าทางตกใจเล็กน้อย ที่เห็นหน้าสวยๆ ของฉัน (มั่นมาก) แต่ฉันกลับต้องตะลึง  โอ้โห...... นี่มันเทพบุตรบนสวรรค์ชั้นฟ้าไหน  ถึงได้มาจุติบนโลกมนุษย์ให้กะเทยอย่างฉันได้เชยชม  และทันใดนั้นเองนายหล่อขาวก็ยิ้มเล็กน้อยเป็นการทักทาย  ฉันเองก็ไม่เสียมารยาทที่จะยิ้มทักทายตอบเช่นกัน

        " สวัสดีครับ หน้าตาไม่คุ้นเลย   เด็กใหม่รึ่ป่าว "  กรี๊ดดดดด  เขาพูดกับฉันด้วยแหละ
                                                                                                     
        " คะ  พอดีเราเพิ่งย้ายมา "  ฉันแอ๊บเสียงชะนีสุดฤทธิ์สุดเดช
     
        " อ๋อ.....  คราวหน้าตัวเองต้องไปเข้าแถวข้างหน้านะ เพราะที่นี่เวลาเข้าแถวเค้าเรียงความสูงกัน " จะบอกว่าฉันเตี้ยงั้นเถอะ ชิส์  นี่หละจ้ะ  มาตรฐานหญิงไทย

        " ได้สิ  แต่วันนี้ขออยู่ตรงนี้ก่อนก็แล้วกันนะ อุ่นใจดี "  แอบตอแหลอีกแล้ว
 
        "  แล้ว.....  ว่าแต่   ตัวเองชื่ออะไรหรอ "   นั่น  มีถามชื่อด้วย จะจีบฉันรึป่าวน้าา  ( แอบคิดเข้าข้างตัวเอง)

        " เค้าชื่อฟิล์ม แล้วว.........."  ฉันยินดีบอกชื่อตัวเอง  และกำลังจะถามชื่อเขากลับ แต่ไม่ทันได้ถามหรอก เขาก็ใจดีบอกชื่อกับฉันซะก่อน 

        " โต๊ด  ครับ " เขาแอบส่งตาหวานมาให้ฉันด้วย  น่ารักอะ เขินนน อิอิ
 
        ประธานนักเรียนเชิญชวนให้แถวตรงเคารพธงชาติ และทำกิจกรรมหน้าเสาธงจนเสร็จแล้วแยกย้ายขึ้นห้องเรียน

     ในขณะที่ฉันยืนเก้งๆ กังๆ อยู่หลังห้อง มองดูเพื่อนๆ พูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานในช่วงที่รอคุณครูประจำชั้นเข้าห้องมาพบปะนักเรียน ซึ่งจะเป็นคาบพบครูที่ปรึกษา 30 นาที ก่อนเริ่มเรียนทุกวัน  แล้วเสียงที่คุ้นหูก็ดังขึ้น มันช่างเป็นเสียงที่ดัดจริต โทนเสียงสูง แสบแก้วหูของฉันม้ากกกกกก

        " แอร้ยยยยยย....... อิฟิล์ม "  ฉันรีบหันหน้าไปมองดูต้นตอของเสียงในทันที ว่าแล้วเชียว เสียงของเพื่อนสาวเพื่อนสนิทสมัยประถมจริงๆ ด้วย หน้าปลวกยังไงก็ยังปลวกอย่างนั้นเลยนะยะ

        " ใช่มึงจริงๆ ด้วย  อิห่า   จะมาเรียนนี่ไม่เห็นบอกกูซักคำเลยนะมึง ไม่งั้นกูคงได้ปูพรมแดงเอาไว้รอต้อนรับมึงแล้วแหละ "  มันพูดและเดินเข้ามาหาฉัน

        " มึงไม่ต้องเวอร์  บ้านอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง  มึงจะไม่รู้ได้ไงว่ากูย้ายมาเรียนโรงเรียนเดียวกับมึง "  ฉันแขวะมันเบาๆ

        " เอ้า  อินี่   มึงว่ากูตอแหลหรอ "  มันเหวี่ยงนิดๆ แต่ฉันยังไม่ได้ว่ามันเลยนะ สงสัยคงจะร้อนตัว

        " กูยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ มึงอะ ด่าตัวเอง "  พูดแล้วฉันก็หัวเราะเบาๆ

        " คะ อิดอก ว่าแต่ มึงได้ที่นั่งรึยัง  "  ฉันแสดงสีหน้าเครียดทันทีที่ได้ยินคำถามที่ฉันต้องการรู้คำตอบมากทีสุดในตอนนี้   แล้วฉันก็ตอบอิเพื่อนสาวไปว่ายังไม่ได้ที่นั่ง   พอพูดเสร็จก็มีเสียงชะนีที่ไหนก็ไม่รู้ร้องเรียกชื่อเพื่อนสาวของฉันอย่างถนัดปาก

        " อิกระต่าย  อิกะเทย  มึงเจอเพื่อนมึงรึยัง "   ต้นเสียงเหมือนจะดังมาจากข้างหลังของอิกระต่าย ฉันขยับคอไปมองดู เห็นชะนีเตี้ย  อวบ หน้าตางั้นๆ ผิวขาวเหลืองกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู อิเพื่อนสาวของฉันเองก็หันไปมอง  แล้วเดินไปหาชะนีที่อยู่ตรงหน้า

        " เจอแล้ว.....  มานี่เลยจ๊ะ เดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จัก " มันลากนางชะนีคนนั้นมาหาฉัน 

      " กะเทยนางนี้ชื่ออิฟิล์ม  เพื่อนฉันเองยะ " มันโบ้ยหน้ามาทางฉัน

        " อ๋อ.... ชื่อฟิล์มหรอ  เราชื่อมายด์นะ "  นางทักทายฉันอย่างสุภาพ 

        " จ๊ะ มาย "  ฉันก็ทักทายกลับอย่างสุภาพเช่นกัน

        " นี่แก ฉันเตรียมที่นั่งไว้ให้แกเรียบร้อยแล้ว นั่งกับพวกฉันสองคนนี่หละ ดีที่สุดแล้ว ป่ะๆ  แถวหน้าสุดตรงหน้ากระดานเลย  จะได้ไม่โง่ "  อิกระต่ายชักชวนให้ฉันไปนั่งด้วย   พูดเสร็จมันก็ลากฉันไปที่โต๊ะ ระหว่างนั้นสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นไอ้โต๊ด ที่นั่งอยู่หลังห้องกับเพื่อนผู้ชาย  มันกำลังมองฉันด้วยแหละ  แถมยังยิ้มให้อีกด้วย  เขินอะ   อยากจะยิ้มตอบ    แต่สายตาจับจ้องเยอะเกิน เดี๋ยวเขาจะหาว่าฉันแรด  จึงได้แต่หลบสายตาของผู้ชายคนนั้นแล้วเดินตามอิกระต่ายไป

        จากกนั้นไม่นานคุณครูประจำชั้นก็เดินเข้ามา หัวหน้าห้องบอกทำความเคารพ นักเรียนทุกคนยืนขึ้นและไหว้สวัสดีคุณครู โดยพร้อมเพียงกัน จากนั้นคุณครูก็ไม่รีรอที่จะเรียกฉันออกไปหน้าห้องพร้อมกับให้ฉันแนะนำตัว การแนะนำตัวเป็นไปอย่างเรียบง่ายและเป็นทางการคือฉันต้องพูดคำว่า "ครับ"  เฮ้ออ มันช่างขัดกับตัวตนของฉันซะนี่กะไร พอสิ้นเสียงแนะนำตัวของฉันเท่านั้นแหละ เสียงปรบมือก็ดังขึ้น แต่เอ๊ะ ทำไมเสียงปรบมือมันเป็นแป้กๆ อะ ฉันและทุกคนมองตามเสียงปรบมือนั่น  ฉันแปลกใจมาก  เพราะคนที่กำลังปรบมืออยู่คือไอ้โต๊ดคนเดียว    มันส่งสายตาและยิ้มหวานให้ฉันอีกแล้ว    ฉันต้องรีบหลบสายตาของมันอีกครั้ง   ก่อนที่ฉันจะเผลอยิ้มให้มัน ไม่งั้นคงโดนเพื่อนมองว่าแรดแหงๆ เลย  คุณครูสั่งให้ไอ้โต๊ดหยุดปรบมือ  แล้วเสียงดังเปาะแปะก็หายไป   จากนั้นครูก็สั่งให้ฉันเข้าไปนั่งประจำที่    แล้วเริ่มทำการเรียนการสอนต่อไป

       กรี๊งงงง................... กรี๊งงง............. (เสียงออดของโรงเรียนดังขึ้น)

      ถึงเวลาพักรับประทานอาหารซักที  พวกเราสามคนเดินไปโรงอาหารพร้อมกัน  และเลือกโต๊ะม้าหินอ่อนเป็นโต๊ะกินข้าวของพวกเรา   แล้ววางกระเป๋าจองเอาไว้  ก่อนจะแยกย้ายกันไปซื้ออาหารตามที่แต่ละคนอยากกิน ส่วนฉันเองไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เช้าแล้ว ขอเป็นข้าวราดแกงแล้วกัน ฉันเลยพุ่งไปที่ร้านขายข้าวราดแกงโดยเร็ว
 
        " หนูขอกะเพราไก่ ไข่ดาว แล้วก็ผัดลูกชิ้นคะ "  ฉันสั่งอาหารทันทีที่มาถึง  โชคดีหน่อยที่ไม่มีใครมายืนต่อคิวซื้ออาหารก่อนฉัน
   
        " ไม่ให้ "  น้ำเสียงเเข็งๆ ที่ฟังดูขัดหูเป็นเสียงของใครกันนะ ฉันหันหน้าไปมองและพบกับกะเทยนางหนึ่งที่กำลังยืนเฝ้าแม่ค้าที่กำลังทอดไข่ดาว  ทำไมมันถึงเข้าไปอยู่ในร้านกับแม่ค้าได้หละ  ฉันสงสัย 

        " ทำไม เธอมีสิทธิ์อะไรที่จะไม่ให้  เป็นลูกเจ้าของร้านรึไง "  ฉันแขวะนางด้วยความไม่พอใจ 

        " แกไม่ต้องมาต่อปากต่อคำกับฉัน ได้ข่าวว่าเป็นเด็กใหม่ แทนที่จะสงบปากสงบคำ นี่กล้ามาต่อร้องต่อเถียงกับฉันเลยหรอ " มันเองก็ดูโมโหเหมือนกันที่โดนฉันจิกไปเบาๆ 
 
        " ฉันไม่ได้ต่อร้องต่อเถียง  ฉันแค่ถามว่าทำไมถึงไม่ให้ " ฉันยืนยันเสียงแข็ง  ยังไงก็จะเอาเหตุผลให้ได้
   
        " หร่อนไม่มีตารึไงยะ  ไข่ฟองนี้มันเป็นฟองสุดท้ายแล้ว แล้วฉันก็กำลังยืนรออยู่ หรือแกจะหน้าด้านมาเอาก็ได้นะ ฉันทานนนน"  มันพูดกระแทกแดกดันและยิ้มเยาะ  คงคิดว่าตัวเองจิกกัดเป็นอยู่คนเดียวสินะ 

        " ขอบคุณ  แต่ไม่ต้อง  หร่อนเก็บไว้กินเถอะ  เผื่อบางที มันอาจจะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของหร่อนก็ได้  ใครจะไปรู้ "  ฉันจิกกัดคืนบ้าง  ท่าทางนางคงโกรธมาก หน้าดุมาเชียว แถมยังจ้องฉันตาเขม็งอีกด้วย

        " นี่แก  แกแช่งฉันหรอ อิกระเทยโปลิโอ "  ด่าแรงมาก  คำด่าของมันทำให้ฉันเจ็บจี๊ดๆ  เพราะมันคือความจริง ที่แสนเจ็บปวด ตอนนั้นฉันผอมมาก อย่างกับคนเป็นโปลิโอ ฉันอยากอ้วนขึ้นกว่านี้ แต่ทำยังไงก็ไม่อ้วนสักที มันเลยกลายเป็นปมของฉัน
   
        " ถึงฉันจะเป็นโปลิโอ  แต่ฉันก็ไม่ได้ข้ามทวีปมาแบบแก "  มันกล้าเอาปมด้อยฉันมาเล่น ฉันต้องเอาปมด้อยของมันมาเล่นบ้าง

        " แกหมายความว่ายังไง "  มันทำหน้า งง ใหญ่เลย

        " ก็ผิวของแกไงหละ กะเทยแอฟริกา "   ฉันเฉลยคำตอบให้มันได้รู้  ว่ามันเป็นกะเทยดำ   ก่อนที่นางจะกรี๊ดดดด   เสียงดังลั่นโรงอาหาร
 
         " แก  แกตบกับฉันมั้ย "   มันคงจะโมโหจริงๆ ตาดุ หน้าเขียวปี๋ เลยอะ  ฉันสะแยะยิ้มและทำหน้าทำตายั่วโทสะนาง 

      แม่ค้ายื่นจานข้าวที่มีแค่ผัดกะเพราไก่และผัดลูกชิ้นมาให้ฉัน พร้อมกับบอกว่าไข่ดาวหมดแล้ว ฉันตอบกลับว่าไม่เป็นไรและยิ้มให้  ฉันมองกลับไปหาอิกะเทยแอฟริกาอีกครั้ง มันกำลังยิ้มเยาะฉัน ฉันเลยเบะปากใส่ ก่อนจะเดินเชิดหน้าออกมา

       กริ๊งงงงง...... กริ๊งงงงงงง...... ( เสียงออดโรงเรียนดังอีกครั้ง )   

     เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว ฉันเองก็ต้องแยกทางกับอิกระต่ายและมาย เพราะพวกนางนั่งรถรับส่งมา แต่ฉันต้องเดินไปที่โรงจอดรถเพียงคนเดียว เดินไปได้สักพักนึง  แต่ เอ๊ะ รู้สึกเหมือน มีคนกำลังเดินตามเรามาเลยแฮะ ไม่รอช้าฉันรีบคลายความสงสัยให้กับตัวเองด้วยการหันหลังกลับไปดูไอ้คนที่มันกำลังเดินตามหลังฉันมา   ถึงกับตกใจมากๆ   เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันก็คือไอ้โต๊ด  มันกำลังยิ้มให้ฉันอีกแล้วคะ
 
       " นี่..... โต๊ดตามเรามาหรอ "  ฉันยืนทำหน้างงแบบเอ๋อแด*สุดๆ
        
       " ครับ "  กร๊ากกกกก  มันตามฉันมาจริงๆ ด้วย  จะดีใจหรือกลัวดีหละเนี่ย  ไม่เคยโดนผู้ชายจู่โจมแบบนี้มาก่อน   

        " ตามมาทำไม "  ฉันถามอย่างสงสัย   อยากรู้เหมือนกัน  ว่ามันจะตอบว่ายังไง

..............................................................................

             
      ตอนที่ 2 จะอัพให้อ่านวันพรุ่งนี้นะคะ ฝากติดตามผลงานด้วย  คืนนี้หลับฝันดี ราตรีสวัสคะ GN


หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....
เริ่มหัวข้อโดย: Aunpaulfrank ที่ 05-09-2015 00:05:50
 :laugh: :laugh:
รอคะ ขุ่นลูก สนุกมาก
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 05-09-2015 01:34:55
น่าติดตามมากมาย  :hao7: รอค่ะ รอๆ  :katai2-1:

ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ จะพยายามอัพให้อ่านทุกๆ วันเลยคะ เม้นแรกเลยนะเนี่ย เขิลลลล  :mew3:
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 05-09-2015 01:38:44
:laugh: :laugh:
รอคะ ขุ่นลูก สนุกมาก
ขอบคุณสำหรับการติดตามคะ เพิ่งหัดเขียน ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 05-09-2015 02:03:35
 :z13:
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 05-09-2015 05:19:05
อร้าย ยังงี้เขาเรียกว่าอ่อยค่ะ ไอ้คุณโต๊ดมันอ่อย  :hao7:
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 05-09-2015 09:07:49
โต๊ดมีแผนอะไร บอกมานะ มาดีหรือมาร้าย
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....ตอนที่ 2 ศัตรู
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 05-09-2015 16:02:56
ตอนที่ 2

     โต๊ดยืนยิ้มและมองหน้าของฉันอยู่ครู่นึง แล้วหัวเราะออกมาแบบน่ารักโครต

     " น่ารักดี " ฉันตกใจกับคำตอบที่ได้รับ และอดที่จะดีใจกับสิ่งที่ได้ยินเมื้อครู่นี้ไม่ได้ ฉันจึงแสดงออกด้วยรอยยิ้มและท่าทางที่เขิลอาย

     " เอ่ออ.... แล้วว.... อะไรน่ารักหรอ "

     " ขี่มอไซต์มาอะดิ งั้นก็กลับบ้านช้าได้ใช่ป่ะ "

     ไอ้โต๊ดบ้า นี่ตอบไม่ตรงคำถามนี่หว่า ไม่แมนเลยอะ เฮ้อออ กะว่าจะได้ยินๆ อีกสักครั้ง ให้หลับฝันดีหน่อยก็ไม่ได้  หลังจากที่ไอ้โต๊ดยิงคำถามมาที่ฉันแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ฉันจึงทำท่าทางครุ่นคิดอยู่พักนึงเพื่อเป็นการยั่วโมโหไอ้บ้าโต๊ด โทษฐานที่ไม่ยอมตอบคำถามฉัน
 
     " อืม..... จะกลับช้าได้มั้ยน้าา..  เอิ่มม.... ก็คงกลับช้าได้อยู่มั้ง บ้านอยู่ใกล้แค่นี้เอง ถามทำไมหรอ "

     " ป่าว ถ้างั้น ไปเดินเล่นหน้าโรงเรียนกันมั้ย "

     " เมื่อยอะ ขี้เกียจเดิน "

     " งั้นก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปเดินคนเดียวก็ได้ " ไอ้โอ๊ดทำหน้าตา และบีบน้ำเสียงน่าสงสาร ขยี้หัวใจของฉันสุดๆ

     " เออ.... ไปก็ได้ แหม๋ ไม่ต้องทำหน้าตาน่าสงสารขนากนั้นได้ป่ะ เห็นแล้วมันหดหู่ "

     ไอ้โอ๊ตยิ้มดีใจจนแก้มปริที่ฉันยอมตกลงปลงใจไปด้วย 

    " เฮ้ย จิงดิ งั้นไปกันเลยดีกว่า เดี๋ยวกลับค่ำ " พูดแล้วไอ้โอ๊ดก็เดินนำหน้าและมีฉันเดินตามหลังไป

     เราเดินดูร้านของกินต่างๆ ที่อยู่หน้าโรงเรียน จนไปถึงร้านขายน้ำปั่น น้ำชากาแฟ ร้านอร่อยที่เด็กนักเรียนมัธยมชอบมานั่งกินน้ำปั่น นมปั่นกันช่วงเลิกเรียน บรรยากาศของร้านถูกจัดขึ้นเป็นอย่างดี ร้านดูสะอาดสะอ้าน เป็นร้านค่อนข้างใหญ่ มีที่นี่งสำหรับลูกค้ามากกว่า 50 โต๊ะ รอบๆ ร้านดูร่มรื่นไปด้วยต้นไม้หลากหลายต้นที่ปลูกอยู่รอบๆ ร้าน และสวยงามไปด้วยดอกไม้นานาชนิดที่ประดับอยู่ทั่วทั้งในร้านและนอกร้าน พอได้ที่พวกเราก็พากันนั่งพักผ่อนหย่อนกายให้หายเหนื่อยสักพักนึง มีพนักงานเดินมาที่โต๊ะของเราพร้อมกับเราออเดอร์ไป ในขณะที่กำลังนั่งรอน้ำปั่นที่สั่ง ก็มีเสียงห้าวของผู้ชายที่แตกเนื้อหนุ่ม ดังมาจากทางด้านหลังของฉัน

     " ไอ้โต๊ด กินน้ำปั่นเป็นด้วยหรอมึงอะ " โต๊ดหันไปมองดูเจ้าของเสียงเรียก ที่ตอนนี้เจ้าตัวมายืนอยู่ข้างหลังเก้าอี้ที่ฉันนั่งอยู่

     " กูก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็ขาใหญ่แถงนี้นี่เอง "

     " เอ้อ มึงมากับใครวะ " ผู้ชายคนนี้ถามอย่างสงสัย และไม่รอที่จะฟังคำตอบจากปากไอ้โอ๊ด มันเดินมายืนข้างๆ ไอ้โอ๊ดแล้วหันหน้ามามองดูฉัน สะดุ้งตกใจปานได้เห็นนางฟ้านางอัปสรงั้นแหละ

     " เฮ้ย!!!!! ไอ้เหี้ยโต๊ด ทุกวันนี้มึงกินกะเทยแล้วหรอวะ ไอ้สัตว์ จะกินกะเทยทั้งที หาที่มันสวยๆ หน้าตาดีๆ กว่านี้ไม่ได้หรอวะ " ไอ้บ้าปากเสียหันหน้าไปถามไอ้โต๊ดที่นั่งอยู่ข้างมัน ไอ้โต๊ดไม่ทันได้ตอบหรอก เพราะคำถามเมื่อกี้ดูถูกฉันม้ากกกก ตอนนี้ฉันโกรธอย่างถึงขีดสุด ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ และชิงพูดตัดบทไอ้โต๊ดด้วยความโมโห

     " ขอโทษ แน่ใจนะว่าที่พูดออกมาเมื่อกี้ คือใช้ปากพูด ถ้าใช่ ก็คงจะเลี้ยงหมาไว้ในปากหลายตัว ถึงได้พูดหมาๆ แบบนั้น "

     ไอ้ผู้ชายปากเสียถึงกับโมโหที่โดนกะเทยด่า หวังจะเข้ามากระทืบ เตะต่อยน้องเทย ให้โชกเลือด

     " อ้าว อินี่ วอนโดนตีนกูซะและ " พูดไม่ทันขาดคำก็ก้าวเท้าจะเดินมาเตะน้องเทย โชคดีที่ไอ้โต๊ดดึงแขนมันเอาไว้และห้ามปราบมันเอาไว้ได้ซะก่อน ไม่งั้นน้องเทยคงต้องกลายเป็นศพแน่ๆ

     " พอเถอะหวะ ถือว่ากูขอแล้วกันไอ้เต้ "

     ผู้ชายสองคนมองหน้ากันด้วยสีหน้าจิงจังทั้ง 2 ฝ่าย ก่อนที่ไอ้เต้ ไอ้ผู้ชายปากหมา จะเริ่มคลายความโมโหลง เห็นได้จากสีหน้าท่าทางที่ดูค่อยๆ จะสงบลงจนกระทั่งเป็นปกติ

     " ก็ได้ กูไม่เอาเรื่องมันก็ได้ งั้นกูไปก่อนแล้วกัน ก่อนที่จะมีกะเทยตายคาส้นตีนกู "

     ไอ้โต๊ดได้ยินเช่นนั้นก็ปล่อยแขนเต้ที่กำเอาไว้แน่น ไอ้เต้หันหน้ากลับมาหาน้องเทยพร้อมกับส่งสายตาอาฆาตพยาบาท ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ  แต่น้องเทยก็มิได้หวาดหวั่น และไม่ได้หลบสายตาคู่นั้นเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว  ก่อนที่ไอ้เต้จะเดินผ่านน้องเทยและเดินออกจากร้านไป

     เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างถูกคลี่คลาย น้ำปั่นที่สั่งเอาไว้ก็พร้อมเสิร์ฟ เราสองคนนั่งดื่มน้ำปั่นเจ้าอร่อย และคุยกันสนุกสนานเฮฮา ไม่ต่างกับที่น้องเทยคุยกับเพื่อนสาว มันไ้ด้รสชาติของความสนุกและความเป็นกันเองแบบนั้นเลยทีเดียว และแล้วเราก็สนิทกันมากยิ่งขึ้นเมื่อโต๊ดขอขี่มอไซต์ตามหลังไปส่งน้องเทยถึงหน้าประตูบ้าน และเราก็โบกมือลากัน

     เช้าวันรุ่งขึ้น ที่หน้าเสาธงของโรงเรียน นักเรียนทุกคนกำลังมารวมตัวกันเพื่อเข้าแถวเคารพธงชาติและทำกิจกรรมหน้าเสาธงเหมือนทุกๆวัน น้องเทยเองก็กำลังยืนเม้ามอยอยู่ในแถวกับอิกระต่ายสองนาง  ก็มีเพื่อนร่วมห้องผู้ชายอยากจะร่วมวงสนทนาด้วยซะงั้น

     " โหห..... หล่อหวะ ยิ่งดูใกล้ๆ มึงก็ยิ่งหล่อ หล่อกว่าพวกกูอีก สนใจกลับใจมาเป็นผู้ชายมั้ยวะ เดี๋ยวพวกกูจะสอนให้ ไม่ยาก " เสียงถากถางทำร้ายจิตใจของน้องเทยดังอยู่ข้างๆ นี่เอง 2 เทย จึงไม่รีรอที่จะหันหน้าไปดูสารรูปของไอ้ผู้ชายปากปีจอคนนี้ ด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์

     " ไอ้ตอง ให้มันน้อยๆ หน่อย อย่างน้อยหน้าเพื่อนกูก็ไม่ได้เถื่อนเหมือนหน้ามึง "

     " เออ กูหน้าเถื่อน แต่เพื่อนมึงอะหน้าหล่อ หรือมึงว่าเพื่อนมึงไม่หล่อ เสียอย่างเดียวผอมไปนิด ถ้าหุ่นดีมีกล้ามเหมือนกูนะ รับรอง สาวตรึม "

     " ปากอย่างนี้หย่านมแม่แล้วหรือยัง ถ้ายังก็ไปกินนมแม่ให้มันสูงๆ ซะไอ้เตี้ย " น้องเทยทนไม่ไหว โมโหมาก ด่ากราด ลืมคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองไปเลย นี่มันจะเตะฉันหน้าเสาธงมั้ยเนี่ย ไอ้ตองโมโหสุดๆ ที่โดนด่า มือทั้ง 2 ข้างกำหมัดแน่น สายตาดุดันจ้องมองน้องเทยไม่กระพริบ "ตึ๊บ" (เสียงไอ้โต๊ด เอามือมาวางบนไหล่ข้างนึงของไอ้ตอง)  ด้วยอารมณ์ยังคงค้างอยู่เรื่องที่ไอ้ตองมาว่าเทยหล่อ เทยจึงต้องถามความคิดเห็นของไอ้โต๊ดบ้าง

     " โต๊ดก็คงอยากจะให้เรากลับไปเป็นผู้ชายเหมือนกันสินะ หน้าของเราคงหล่อมากเลยสินะ "

     " ไม่หรอก ฟิล์มเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว ไม่ต้องมาเป็นผู้ชายหรอก "

     " ทำไมหละ "

     " ถ้าตัวเองเป็นผู้ชาย เค้าจะรักตัวเองได้หรอ " น้องเทยถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินประโยคนี้ ทำเอาเทยตัวแข็ง ตาค้าง จดจ้องใบหน้าของโต๊ดอย่างไม่ละสายตา เหมือนกับห้วงเวลาถูกหยุดเอาไว้และโลกใบนี้มีเพียงแค่เราสองคน 

     " ตัวเอง " เสียงเรียกนี้ทำให้น้องเทยต้องหลุดออกมาจากภวัง

     " ฮึ..."

     " เชื่อเค้านะ เป็นแบบเดิม เป็นตัวของตัวเองนี่แหละดีที่สุดแล้ว " โต๊ดพูดให้กำลังใจและส่งยิ้มให้น้อยเทย มีนยิ่งทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดมากขึ้น เขิลมาก หน้าแดง หูแดง พูดอะไรไม่ออก

     หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ เทยให้อิกระต่ายและมายขึ้นไปรอบนห้องก่อนเพราะคุณครูประจำชั้นเรียกไปพูดคุย หลังจากพูดคุยกับคุณครูประจำชั้นเสร็จ เทยก็เดินขึ้นห้อง กำลังจะถึงชั้นเรียน. แต่ดันไปเจอโจทย์เมื่อวาน ยืนขวางทางอยู่ข้างหน้า แต่นางไม่ได้มาคนเดียว. นางมากับชะนีเตี้ยแต่งหน้าจัด ทาปากแดงอย่างกับเพิ่งไปกินเลือดมา พอเดินไปใกล้พวกนาง น้องเทยก็หยุดเดินและพูดขอทางกับพวกนางดีๆ พวกนางก็เปิดทางให้ น้องเทยเดินขึ้นบันใดต่อไปจนมาถึงหน้านางชะนีเตี้ย รู้สึกเหมือนโดนขัดขา เทยเสียหลักล้มไปนอนกองกับพื้นที่อยู่ข้างหน้า  หน้าเกือบฟาดพื้น โชคดีที่เทยมือเร็วดันพื้นเอาไว้ทัน ไม่งั้นคงหน้าแหกเสียโฉมแน่ๆเลย เทยตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะเย้ยชอบใจของอิกะเทยแอฟริกากับชะนีเตี้ยปากแดง เทยนอนกองกับพื้นให้พวกนางหัวเราะเยาะอยู่สักพักก็ตั้งสติได้ ลุกขึ้นและหันกลับมาเผชิญหน้ากับพวกนางมาร

     " นี่แค่เตือน แต่ถ้าอยากจะเจ็บตัวมากกว่านี้ ก็นัดเจอกันได้ นอกโรงเรียน " กะเทยแอฟริกาพูดท้าทาย

     " นี่ก็แค่เตือน ว่าอย่าไปยุ่งกับโต๊ดอีก เพราะเค้า มีเจ้าของแล้ว รู้ไว้ใส่สมองกลวงๆ ของแกซะ" ชะนีเตี้ยแรดปากร้ายพูดข่มขู่น้องเทย

     " งั้นหรอ งั้นก็ฝากไปบอกเจ้าของ ของโต๊ดด้วยนะ ว่าให้ดูแลโต๊ดดีๆ หน่อย อย่าปล่อยให้มายุ่งกับฉัน เพราะถ้าทำไม่ได้ ก็คงต้องพิจารณาตัวเองใหม่แล้วหละ ว่าผู้ชายเค้าคงจะเบื่อของเดิมๆ เค้าอยากกินของสดใหม่อย่างฉัน และถ้าผู้ชาย want ฉันคงต้องสนองอะนะ " น้องเทยพูดแดกดันใส่นังชะนีเตี้ยแรด เพื่อให้นางนำสารท้ารบนี้ไปบอกเจ้านายของมัน แล้วน้องเทยก็สะบัดหน้าหนีนางมารร้ายสองตัว และเดินเชิดขึ้นบันไดไปห้องเรียนอย่างสง่างาม

     ดวงจันทร์เต็มดวง  ที่เจิดจรัส ส่องแสงสีทองไปทั่วท้องฟ้าในยามค่ำคืน สุกสกาวไปด้วยแสงดาวนับล้านดวง ยังคงมีหนึ่งดวงใจที่หม่นหมอง นั่นก็คือหัวใจของน้องเทยเอง  เทยนั่งกลุ้มใจอยู่หน้าทีวีกับแม่สองคน เพราะเราชอบดูละครหลังข่าวด้วยกัน แม่ชอบให้แง่คิดต่างๆ ที่ได้จากละครที่ดู ทำให้เทยถูกขัดเกลามาเป็นอย่างดี ช่วงที่ทีวีกำลังโฆษณาอยู่ แม่มองเห็นความไม่สบายใจที่แสดงออกทางสีหน้า และท่าทางกระวนกระวายของลูกวาง เธอจึงรีบแสดงความเป็นห่วงด้วยการเอามือข้างนึงมาลูบที่ศีรษะ จนลูกสาวต้องมองไปหาแม่ด้วยสายตาละห้อย

     " มีอะไรไม่สบายใจรึ่ป่าวลูก "

     " ถ้าเพื่อนในห้องแม่เกลียดแม่ ไม่ชอบแม่ แล้วแม่จะทำยังไง " แม่เปลี่ยนจากลูบหัวมาเป็นเอามือทั้ง 2 ข้างกุมมือทั้ง 2 ข้างของเราไว้

     " แม่ก็จะถาม ว่าเกลียดแม่เรื่องอะไร ถ้าเค้ามีเหตุผลในการเกลียดที่สมเหตุสมผล แม่ก็จะปล่อยให้เค้าเกลียด และแม่ก็จะพยายามไม่ไปยุ่งกับเขา "

     " แล้วถ้าเค้าเกลียด เพราะอยากเกลียด เหม็นขี้หน้า เห็นแล้วไม่ถูกชะตา ก็เลยเกลียด  แม่จะทำไงกับคนพวกนี้ "

     " แม่ก็จะใช้ความดี ทำดีกับเขา บางคนทำดีด้วย เห็นความดีของเรา ก็เป็นเพื่อนกันได้ในที่สุด แต่บางคน ต่อให้ทำดีด้วยแทบตาย ก็ยังมองว่าเราไม่ดี คนแบบนี้ไม่สมควรคบ อยู่ให้ห่างจะดีที่สุด "

     เราสองแม่ลูกต่างก็ยิ้มให้กันและกัน มันคือความสุขและกำลังใจที่ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งปวง  เทยจุ๊บไปที่แก้มของแม่ และบอกฝันดี ก่อนจะขึ้นไปนอน

     เช้าวันต่อมา ในวันที่อากาศกำลังเย็นสบาย วันนี้น้องเทยมาโรงเรียนเช้ากว่าทุกวัน เดินมาใกล้จะถึงห้องเรียนแล้ว ได้ยินเสียงชะนีกับผู้ชายกำลังทะเลาะกัน เสียงมาจากในห้องของเทยนี่ ไม่รอช้ากลัวจะพลาดช็อตเด็ด น้องเทยรีบสาวเท้าเดินเร็วขึ้น พรวดพราดเข้ามาในห้องทันที ตกใจ!!! คนที่ทะเลาะกันอยู่นั่นคือไอ้โต๊ดกับแฟนสาวของมันแน่ๆ เลย ยืนฟังอยู่ซักพักนึงก็รู้ทันทีว่าเรื่องที่ทะเลาะกันอยู่คือเรื่องที่ไอ้โต๊ดมายุ่งวุ่นวายกับเทย สงสัยสารท้ารบที่ฝากไปกับชะนีเตี้ยแรด คงจะไปถึงหูของนางเรียบร้อยแล้ว ถึงได้มายืนด่ากันอยู่หน้าห้องเทยแบบนี้ แล้วแฟนไอ้โต๊ดก็เหลือบมาเห็นเทยที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู

     " โผล่หัวมาจนได้นะมึง ทุกคนดูไว้ ว่าอิกะเทยตัวนี้แหละ ที่มันมาแย่งแฟนฉัน ไม่มีปัญญาหาผัว เพราะเป็นกะเทย เลยต้องมาแย่งผัวชาวบ้าน " นางบันดาลโทสะใส่เทยไม่ยั้งพรางเอานิ้วสกปรกโสโครกชี้มาที่น้องเทย ไอ้โต๊ดหันมาเห็นน้องเทย สีหน้ามันไม่ต่อยสู้ดีเท่าไหร่ แต่นัยตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความอ่อน
โยน มันยิ่งทำให้เทยมโนว่าไอ้โต๊ดกำลังเป็นห่วงเทยอยู่ 5555 แฟนสาวของโต๊ดด่าเทยยังไม่พอนางกะจะเดินเข้ามาหาเทย แต่ไอ้โต๊ดดึงแขนของนางเอาไว้ได้ ทำให้ระยะห่างระหว่างแฟนสาวของไอ้โต๊ดกับเทยยังคงห่างกันประมาณ 2 เมตร  นางจ้องมองมาที่เทด้วยสายตาดุดัน เทยเองก็จ้องหน้านางกลับด้วยสายตาท้าทายพร้อมกับสะแยะยิ้ม

     " ไม่มีใครแย่งผัวเธอได้หรอก ถ้าเธอมันดีจริง "

     " ก็แกไง อิกะเทยหน้าด้าน "

     " เออ! ใช่! ฉันเป็นกะเทย หร่อนเป็นชะนี แต่ชะนีที่มีผัวนอกใจมายุ่งกับกะเทย มันก็สมควรพิจารณาตัวเองได้แล้ว "

     " ฉันมีดีกว่าแกทุกอย่าง เหนือกว่าแกทุกอย่าง เพราะฉันเป็นของแท้ ส่วนแกมันก็แค่ของปลอม "

     " เอ๊าะ หรอ งั้นถ้าหร่อนดีจิง แต่ผัวยังนอกใจอยู่ สงสัย มันคงจะเป็นที่สันดานของผู้ชายแล้วแหละ " น้องเทยกวาดสายตาไปที่ไอ้โต๊ด เป็นการส่งสัญญาณไปว่า ฉันกำลังด่าแกว่าแกเลว

     ไอ้โต๊ดเริ่มโกรธสีหน้าเปลี่ยนไปทันที สีหน้าและแววตาแบบนั้นช่างน่ากลัวเหลือเกิน ราวกับคนเสียสติ เวลาผู้ชายโกรธน่ากลัวแบบนี้ทุกคนมั้ยนะ ความโกรธทำให้ไอ้โต๊ดเผลอตัว มือที่จับแขนแฟนสาวอยู่บีบรัดเข้าอย่างจัง จนนางร้องเจ็บ " โอ๊ยยย... " เสียงร้องของแฟนสาวดึงสติของไอ้โต๊ดกลับมาได้ ไอ้โต๊ดเพ่งสายตาไปที่แขนของแฟนสาวที่โดนบีบ แล้วก็ปล่อยมือของตนเองออกจากแขนแฟนสาวทันที จ้องไปที่หน้าของแฟนสาวเห็นน้ำตาคลอเบ้า และไม่นานมันก็รั่งรินออกมา โต๊ดใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้แฟนสาว  และหันหน้ามามองเทยอีกครั้งสีหน้าจิงจัง ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนที่จะจับแขนแฟนสาวและพากันเดินออกจากห้องทางประตูหลังห้อง เพราะประตูหน้าห้องมีน้องเทยยืนขวางอยู่ 55555. บ่งบอกว่าศึกครั้งนี้ฉันเป็นฝ่ายชนะ

     ห่างออกมานางกะเทยแอฟริกาโจทย์เก่าของเทยก็มาเป็นไทมุงกับเค้าด้วย นางคงเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะตอนที่เทยกับนางแฟนสาวของไอ้โต๊ดปะทะคารมกัน
     " ฝีปากใช้ได้  แต่ฝีมือนี่สิ จะเป็นยังไงน้าา..." นางกะเทยแอฟริกาบ่นพึมพำคนเดียว อย่างมีเลศนัย

............................................................................
 
        ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ สามารถติชมกันได้ เพื่อเป็นกำลังใจให้คนเขียน ขอบคุณคะ
     
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 05-09-2015 16:29:37
อ่านจบแล้วสนุกมากๆค่ะ
ฟิล์มหล่อสวยน่ารักมาก  จินตนาการไว้ว่าตอนแต่งชาย
จะต้องหน้าตาดีมากอย่างแน่นอน
ส่วนโต๊ด...ตอนแรกๆนี่น่ารักมาก....แต่ตอนหลังสันดานเลวน่ะคะ
เราเดาว่าเต้เป็นพระเอก...ผู้ชายปากหมาๆชอบหาเรื่องกะเทย
มารยาทต่ำทราม.....มักจะรักจริงและมักจะเป็นผัวกะเทย...อิ..อิ.
//รอติดตามตอนต่อไปค่ะ  รออยู่น่ะคะสนุกมากๆ
สนุกเหมือนเรื่องก็กูมันแค่ของปลอมของอาร์มเลย
ชอบกลิ่นอายแบบนี้มากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 05-09-2015 17:02:09
อ่านจบแล้วสนุกมากๆค่ะ
ฟิล์มหล่อสวยน่ารักมาก  จินตนาการไว้ว่าตอนแต่งชาย
จะต้องหน้าตาดีมากอย่างแน่นอน
ส่วนโต๊ด...ตอนแรกๆนี่น่ารักมาก....แต่ตอนหลังสันดานเลวน่ะคะ
เราเดาว่าเต้เป็นพระเอก...ผู้ชายปากหมาๆชอบหาเรื่องกะเทย
มารยาทต่ำทราม.....มักจะรักจริงและมักจะเป็นผัวกะเทย...อิ..อิ.
//รอติดตามตอนต่อไปค่ะ  รออยู่น่ะคะสนุกมากๆ
สนุกเหมือนเรื่องก็กูมันแค่ของปลอมของอาร์มเลย
ชอบกลิ่นอายแบบนี้มากๆค่ะ
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณสำหรับคำติชมนะคะ อย่างแรกเลย ฟิล์มอยากจะบอกว่า นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่ฟิล์มแต่งขึ้นเอง  ได้เค้าโครงเรื่องมาจากชีวิตจริงของฟิล์มเองคะ อิอิ ประเด็นต่อมาคือนิยายเรื่องกูมันก็แค่ของปลอม ของอาร์ม คืออยากจะบอกว่าเรื่องนี้ฟิล์มติดตามอ่านตั้งแต่ตอนที่ 1 ถึง 54 เพิ่งเริ่มอ่านเมื่อวันที่ 2 ก.ย. และจบวันที่ 4 ก.ย. เรื่องนี้เห็นว่ามีเค้าโครงมาจากชีวิตจริงของอาร์มเช่นกัน เรื่องนี้สนุกมาก แต่เหมือนคนเขียนไม่เขียนต่อเป็นปีๆ แล้ว นึกแล้วก็เสียดาย เพราะมันยังมีอีกหลายเรื่องที่ค้างคาใจผู้อ่านมากๆ ซึ่งเดาว่าผู้อ่านหลายคนก็คงอยากจะรู้บทสรุปของเรื่องนี้เหมือนกัน และเรื่องนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ฟิล์มอยากแต่งนิยายของตัวเอง อยากให้คนอื่นๆได้อ่านเรื่องของเราบ้าง พออ่านเรื่องของอาร์มจบวันที่ 4 ก.ย. ก็เริ่มสมัครสมาชิกและตั้งกระทู้เขียนนิยายเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยคะ ส่วนเรื่องพระนางและเหตุการณ์ในนิยายตอนต่อๆ ไป อนุญาติให้จิ้น ให้จินตการไปก่อนล่วงหน้าได้คะ ไม่ว่ากัน สนุกดี ฟิล์มชอบ อิอิ  สุดท้ายเรื่องสวยหล่อ วันหน้าจะเอารูปมาอัพให้ดูระหว่างแต่งหญิงกับแต่งชายนะคะ
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 05-09-2015 23:23:43
อ่านจบแล้วสนุกมากๆค่ะ
ฟิล์มหล่อสวยน่ารักมาก  จินตนาการไว้ว่าตอนแต่งชาย
จะต้องหน้าตาดีมากอย่างแน่นอน
ส่วนโต๊ด...ตอนแรกๆนี่น่ารักมาก....แต่ตอนหลังสันดานเลวน่ะคะ
เราเดาว่าเต้เป็นพระเอก...ผู้ชายปากหมาๆชอบหาเรื่องกะเทย
มารยาทต่ำทราม.....มักจะรักจริงและมักจะเป็นผัวกะเทย...อิ..อิ.
//รอติดตามตอนต่อไปค่ะ  รออยู่น่ะคะสนุกมากๆ
สนุกเหมือนเรื่องก็กูมันแค่ของปลอมของอาร์มเลย
ชอบกลิ่นอายแบบนี้มากๆค่ะ
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณสำหรับคำติชมนะคะ อย่างแรกเลย ฟิล์มอยากจะบอกว่า นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่ฟิล์มแต่งขึ้นเอง  ได้เค้าโครงเรื่องมาจากชีวิตจริงของฟิล์มเองคะ อิอิ ประเด็นต่อมาคือนิยายเรื่องกูมันก็แค่ของปลอม ของอาร์ม คืออยากจะบอกว่าเรื่องนี้ฟิล์มติดตามอ่านตั้งแต่ตอนที่ 1 ถึง 54 เพิ่งเริ่มอ่านเมื่อวันที่ 2 ก.ย. และจบวันที่ 4 ก.ย. เรื่องนี้เห็นว่ามีเค้าโครงมาจากชีวิตจริงของอาร์มเช่นกัน เรื่องนี้สนุกมาก แต่เหมือนคนเขียนไม่เขียนต่อเป็นปีๆ แล้ว นึกแล้วก็เสียดาย เพราะมันยังมีอีกหลายเรื่องที่ค้างคาใจผู้อ่านมากๆ ซึ่งเดาว่าผู้อ่านหลายคนก็คงอยากจะรู้บทสรุปของเรื่องนี้เหมือนกัน และเรื่องนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ฟิล์มอยากแต่งนิยายของตัวเอง อยากให้คนอื่นๆได้อ่านเรื่องของเราบ้าง พออ่านเรื่องของอาร์มจบวันที่ 4 ก.ย. ก็เริ่มสมัครสมาชิกและตั้งกระทู้เขียนนิยายเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยคะ ส่วนเรื่องพระนางและเหตุการณ์ในนิยายตอนต่อๆ ไป อนุญาติให้จิ้น ให้จินตการไปก่อนล่วงหน้าได้คะ ไม่ว่ากัน สนุกดี ฟิล์มชอบ อิอิ  สุดท้ายเรื่องสวยหล่อ วันหน้าจะเอารูปมาอัพให้ดูระหว่างแต่งหญิงกับแต่งชายนะคะ

รออยู่น่ะคะ  สนุกมากๆเลยค่ะ
ขอให้มาต่อทุกวัน  วันละตอนก็ได้ไม่ว่ากัน
จะทำให้คนอ่านติดตามได้ดีกว่านานๆทีมาต่อน่ะคะ
ขอบคุณที่เขียนเรื่องราวสนุกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 05-09-2015 23:54:25
สนุกมาก มาต่ออีกนะ เร็วๆ ยิ่งดี วันละ 2ตอน ยิ่งดีมากๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 06-09-2015 01:00:53
โห่ ชอบค่ะ สะใจการด่าของน้องเทยมากมาย  :katai2-1:
ตอนแรกเชียร์โต๊ด  :-[ แต่มันดันมีเมียเป็นตัวเป็นตน  :m16:
ยังมาให้ท่าคนอื่นแบบนี้ แม่ไม่ปลื้มค่ะ สมควรถูกด่า  :angry2: มาต่ออีกน่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....ตอนที่ 2 ศัตรู
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 06-09-2015 09:04:34
วันนี้จะลงตอนที่ 3 ให้ได้อ่านกันช่วงเย็นๆ นะคะ จะพยายามอัพให้ทุกวัน วันละ 1 ตอน (จะพยายามคะ) :mew1: :mew3: ขอบคุณทุกการอ่าน ทุกการติดตาม ทุกคอมเม้น และทุกกำลังใจคะ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....ตอนที่ 2 ศัตรู
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 06-09-2015 11:46:52
วันนี้จะลงตอนที่ 3 ให้ได้อ่านกันช่วงเย็นๆ นะคะ จะพยายามอัพให้ทุกวัน วันละ 1 ตอน (จะพยายามคะ) :mew1: :mew3: ขอบคุณทุกการอ่าน ทุกการติดตาม ทุกคอมเม้น และทุกกำลังใจคะ  :hao5: :hao5:

 o13 o13 o13 o13 o13
ยอดเยี่ยมกระเทียมดองเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....ตอนที่ 2 ศัตรู
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 07-09-2015 16:03:03
ไหนบอกว่าจะมา  ทำไมยังไม่มา
เข้ามาดูหลายรอบมาก
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....ตอนที่ 2 ศัตรู
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 07-09-2015 17:49:05
ต้องขอโทษนักอ่านทุกๆ คนด้วยนะคะ ที่ทำให้ต้องรอนาน วันนี้จะอัพให้ได้อ่านกันอย่างแน่นอนคะ รับรองว่าสนุก จิ้น ฟินเวอร์......
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....ตอนที่ 2 ศัตรู
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 07-09-2015 19:04:29
รอได้จ้าาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....ตอนที่ 3 มิตรภาพ ; Up 08 09 2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 07-09-2015 23:51:22
      ตอนที่ 3 มิตรภาพ

      ในที่สุดวันหยุดวันแรกของการเปิดเทอมก็มาถึง  วันนี้เป็นเช้าวันเสาร์และบรรยากาศก็เย็นสดชื่นสบาย น้องเทยยังคงนอนห่มผ้าอยู่บนเตียงนอนที่แสนจะนุ่มสบาย
     “ ฟิล์ม……  ตื่นได้แล้วลูก  สายแล้วว…. .” แม่ร้องตะโกนเสียงดังอยู่หน้าห้อง  เทยงัวเงียตื่นขึ้นมาตามเสียงปลุกของแม่ แล้วตะโกนบอกแม่ว่าตื่นแล้ว  จากนั้นเทยก็ลุกขึ้นและเก็บที่นอนอย่างเป็นระเบียบเหมือนทุกวัน เทยอาบน้ำแต่งตัว ทานข้าวกับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อ แม่ ลูก  และมานั่งดูการ์ตูนช่อง9  กับน้องชายทุกวันเสาร์ - อาทิตย์  เราดูการ์ตูนด้วยกันอย่างสนุกสนาน ดูไปหัวเราะไป จิกกัดกันไปตามประสาพี่กับน้อง และหัวเราะขบขันกันอย่างมีความสุข 
     “ อิฟิล์มม…….. ” เสียงร้องเรียกดังมาจากหน้าบ้าน มันเป็นน้ำเสียงที่คุ้นหูมาก  เทยรู้ในทันทีว่าเจ้าของเสียงนี้คืออิกระต่ายอย่างแน่นอน   เทยจึงเดินออกไปหานางที่หน้าบ้าน
     “ มึง วันนี้มีตลาดอำเภอ ไปวิ่งไม้กันป่ะ ” อิกระต่ายดูตื่นเต้น  ท่าทางกระดี๋กระด๋า 
     “ เออ เดี๋ยวรอกูแปปนึง ไปขอตังแม่ก่อน ” พูดแล้วเทยก็เดินกลับเข้าไปขอตังแม่และเดินออกมาซ้อนท้ายมอไซต์อิกระต่ายไปที่ตลาด 
      พอพวกเราสองคนมาถึงตลาด  เดินเข้าร้านเสื้อผ้าเป็นร้านแรก เป็นร้านขายเสื้อยืดธรรมดาๆ ยืนเลือกอยู่ไม่นานเราก็พากันเดินออกจากร้าน แล้วเดินต่อไปเรื่อยจนถึงร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิง  เราสองนางหยุดอยู่ตรงหน้าร้านและกวาดสายตาไปดูเสื้อผ้าที่อยู่ในร้านซึ่งมีแต่ตัวสวยๆ น่ารักๆ เทยอยากเดินเข้าไปซื้อเอามาใส่มาก  แต่ในตอนนั้นต้องยอมรับว่าดีกรีความแรงยังไม่มากพอ ก็เลยยังไม่กล้าแต่งหญิง ได้แต่ยืนมองอยู่หน้าร้านแล้วก็เดินต่อไป   เราเดินมองผู้ชายไปเรื่อยพรางเม้ามอยกันไปว่าคนนั้นหล่อ คนนั้นน่ากิน คนนี้ไม้เริ่ด  คนนี้หุ่นดี เม้ามอยกันอย่างสนุกปาก หัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนาน
     “ อิฟิล์ม กูหิวน้ำ พาไปซื้อหน่อย ” อิกระต่ายพูดด้วยสีหน้าท่าทางเหนื่อยอิดโรย
     “ ไปดิ กูก็เม้าจนคอแห้งหมดแล้ว ” 
     กะเทยสองนางเดินดุ่มๆ ไปที่ร้านขายน้ำปั่นที่อยู่ใกล้ๆ ดีจังหน้าร้านปลอดคน  เราจะได้ไม่ต้องรอนาน เมื่อเดินไปถึงร้านเราก็สั่งน้ำปั่นกัน ไม่ทันจะสิ้นเสียงที่สั่งน้ำปั่น ก็มีผู้ชายสองคนมายืนอยู่ข้างๆ อิกระต่า ยและสั่งน้ำปั่น  เสียงนั้นมัน  เทยรู้ทันทีว่าเป็นใครโดยที่ไม่ต้องหันหน้าไปมองให้เสียลูกกะตา  แต่อิกระต่ายกลับหันหน้าไปมองเจ้าของเสียงที่ยืนอยู่ข้างๆ  และเห็นว่ามันคือไอ้โต๊ด
     “ โต๊ด…….. ” อิกระต่ายอุทานขึ้น  ทำให้ผู้ชายทั้ง 2 คนหันมามอง  ไอ้โต๊ดเหลือบมาเห็นเทยที่ยืนอยู่ข้างๆ อิกระต่าย  มีท่าทางตกใจเล็กน้อย  แล้วกล่าวทักทายอิกระต่ายและหันมาจ้องมองเทยพร้อมกับกล่าวทักทายอย่างประชดประชัน 
     “ จะไม่ทักทายกันหน่อยหรอ ฟิล์ม…. ”  เทยหันขวับมามองหน้าไอ้โต๊ด  แล้วเหลือบไปเห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ไอ้โต๊ด  มันคือไอ้เต้ กรี๊ดดดดด  น้องเทยตกใจไม่น้อยเลยที่เห็นไอ้เต้กำลังยืนทำหน้าดุจ้องมองน้องเทยอย่างไม่กระพริบตา   
     “ แฟนไม่มาด้วยหรอโต๊ด ” อิกระต่ายถามขึ้นอย่างสงสัย  ไอ้โต๊ดจ้องมองมาที่ใบหน้าของเทย สีหน้าของมันตอนนี้ดูเย็นชาไร้ความรู้สึกปนเศร้าราวกับจะร้องให้   เทยเองก็เผลอไปจ้องมองหน้าของมันด้วยความเห็นใจเช่นกัน 
     “ ไม่ได้คุยกันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ”  น้ำเสียงที่ฟังดูเศร้า กับใบหน้าที่ดูจะร้องไห้ของไอ้โต๊ด กำลังทำให้จิตใจของเทยไหวหวั่น  เทยจึงรีบเบนหน้าหนีทันที  ก่อนจะมีอารมณ์เคลิ้มตามไปมากกว่านี้
     แล้วเสียงแม่ค้าก็ดังขึ้นบอกว่าน้ำปั่นที่สั่งได้แล้ว  พวกเราจ่ายตังแล้วหยิบเอาแก้วน้ำปั่นที่สั่งเอาไว้ก่อนที่จะเดินออกมาจากร้านพร้อมกัน 
     “ จะไปไหนกันต่อหรอ ” ไอ้โต๊ดถามอย่างสงสัย  อิกระต่ายหันไปตอบแทนเทย เหมือนนางจะรู้ว่าเทยไม่อยากจะพูดกับมัน
     “ จะไปร้านขายหนังแผ่นอ่ะ  เผื่อจะได้หนังกลับไปดูที่บ้านกับอิฟิล์ม ”
     “ อื้ม พอดีเลย เมื่อกี้ไอ้เต้ก็ชวนไปดูหนังแผ่นเหมือนกัน แต่เราดันหิวน้ำก่อน ก็เลยแวะซื้ออะ งั้นเดี๋ยวเราไปด้วยกันเลยนะ ”
     “ ห๊ะ!! พวกนาย…… จะไปกับพวกเราจริงๆ หรอ ” อิกระต่ายตกใจอุทานขึ้นเสียงดัง ก่อนจะถามออกไปอย่างสงสัย
     “ จริงดิ ทางเดียวกัน ไปด้วยกัน  ป่ะๆ ไปกันเถอะ”   เราสองคนหันมามองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ  สักพักน้องเทยก็พยัคหน้ากับอิกระต่ายแทนคำพูดว่าตกลง ก่อนที่นางจะหันหน้าไปบอกไอ้โต๊ด  “ ก็ไปดิ ”  พูดแล้วพวกเราทั้ง 4 คนก็เดินไปพร้อมกัน
     ที่ร้านขายหนังแผ่น พวกเราแต่ละคนต่างพากันเลือกดูหนังที่ตนเองชื่นชอบ  ไอ้เต้มองมาเห็นน้องเทยที่กำลังเลือกหนังอยู่ มันจึงเดินเข้ามาใกล้และจ้องมองดูที่หนังที่น้องเทยกำลังถืออยู่ 
     “ แมร่ง หน้าอย่างกับทหารเกณฑ์ เสือกดูหนังรักโรแมนติก 555555” เทยโกรธเลือดขึ้นหน้าเมื่อได้ยินคำพูดถากถางจากปากไอ้เต้  เทยหันไปมองดูไอ้เต้และหนังที่มันกำลังถืออยู่ในมือ
     “ งั้นหนังรักโรแมนติก ก็คงจะเหมาะกับคนหน้าเถื่อนๆ อย่างมึงสินะ กูหละอยากเห็นจริงจริ๊งงง   ไอ้หน้าหื่นๆ ของมึงเวลาถึงฉากเลิฟซีนหนิ ” 
     “ อ้าว อินี่ มึงอยากโดนส้นตีนกูใช่มั้ย ”
     “ ก็เอาซี้  ถ้ามึงกล้าพอ ” เทยพูดยั่วยวนกวนประสาทไอ้เต้จนมันโมโหถึงขีดสุด ยืนกำหมัดแน่น แล้วก็เอามือมาจับที่แขนเทยอย่างแน่น และฉุดกระชากลากดึงเทยออกไปจากร้าน  น้องเทยพยายามขัดขืนตลอดทางแต่ก็ไม่สำเร็จ มือมันกำแขนน้องเทยแน่นม้ากก  แล้วนี่มันเอาแรงมาจากไหนมาฉุดลากน้องเทยจนตัวปลิวไปกับมัน นี่แรงคนหรือแรงควายกันคะ ครั้นจะร้องเรียกให้คนช่วยก็กลัวจะอับอาย  ไอ้เต้ลากน้องเทยเข้ามาในห้องน้ำและเควี้ยงน้องเทยไปข้างหน้าอย่างสุดแรงเกิด เทยถึงกับตัวปลิวเซซ้ายเซขวาจนเกือบล้ม  ณ โมเม้นนี้เทยโกรธมาก  พยายามตั้งหลักยืนตัวตรงอย่างสง่าแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับไอ้เต้  มองไปรอบๆ ในห้องน้ำไม่คนอื่นเลยนอกจากเราสองคน  ไอ้เต้เดินฉุนเฉียวไปล็อกประตูห้องน้ำ แล้วเดินกลับมาหาน้องเทย   เทยตกใจมากจนหน้าถอดสี  จากความโกรธเปลี่ยนมาเป็นความกลัวแบบสุดขีด  สมองอื้อคิดอะไรไม่ออก รู้อยู่เพียงอย่างเดียวว่าฉันต้องรอดออกไปจากที่นี่อย่างสวยงามให้ได้ 
     “ เอิ่ม….  เต้….. ”
     “ มึงปากดีแบบเมื่อกี้ให้กูฟังอีกทีซิ ”
     “ คือ…. เราป่าวนะ เราล้อเล่น ”
     “ มึงล้อเล่นกับกู กูใช่เพื่อนมึงหรอ ”
     “ เราว่าเต้ใจเย็นๆ ก่อนดีกว่านะ อากาศข้างในมันร้อน เราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่านะ ”
     “ ได้สิ ”  ไอ้เต้ยิ้มอย่างมีเลศนัย  และแล้วไอ้เต้ก็ทำในสิ่งที่เทยกลัวมากที่สุดในตอนนี้  มันถอดเสื้อคะ  กรี๊ดดดดดด  หุ่นดีเวอร์….  เทยทั้งกลัวทั้งตกใจ หายใจไม่ทั่วท้อง เหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ 
     “ ร้อนไม่ใช่หรอ ถอดเสื้อดิ ” ไอ้เต้พูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาและนุ่มนวลฟังดูน่าขนลุก 
    “ จะบ้าหรอ ถอดได้ไง ”
     “ เอ้า ก็บอกว่าร้อนไม่ใช่หรอ ถอดดิจะได้เย็นๆ  แล้วเราก็มาคุยกันแบบใจเย็นๆ ในห้องนี้สองคน ”  ไอ้เต้พูดน้ำเสียงชวนสยิว  และดูเหมือนความหิ่นจะเข้าครอบงำไอ้เต้เพราะหน้าของมันที่จ้องมองเทยดูหื่นม้ากๆๆ และแล้วมันก็ไม่รีรอที่จะสนองความหื่นของตนเอง  ไอ้เต้ค่อยๆ เดินเข้ามาหาน้องเทยอย่างช้าๆ น้องเทยกลัวจนตัวสั่นได้แต่เดินถอยหลังหนีความหื่นที่อยู่ข้างหน้านี้  จนกระทั่งแผ่นหลังของเทยชนกับผนังห้องน้ำ  กรี๊ดดดด  เทยหมดทางหนีแล้ว เทยไม่รอดแน่ๆ   ไอ้เต้ไม่รีรอที่จะเอามือทั้งสองข้างดันผนังห้องน้ำและขังเทยเอาไว้ระหว่างแขนทั้ง 2 ข้างของมัน 
     “ ไหนบอกว่าอยากเห็นหน้าหื่นๆ ของเราไม่ใช่หรอ ดูซะสิ ว่าน่าเสียวขนาดไหน ”  พูดแล้วไอ้เต้ก็ยื่นหน้าเข้ามาจะประกบปากลงบนริมฝีปากของเทย  เทยตกใจยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก นี่ฉันต้องโดนมันจูบจริงๆ หรอเนี่ย  เทยหลับตาลงช้าๆ แล้วรอรับการจูมพิสที่ไม่ได้เต็มใจ  ทันใดนั้นไอ้เต้ก็ตัดสินใจหยุดริมฝีปากของมันเอาไว้ในระยะที่เกือบจะจูมพิส  แล้วค่อยๆ ผละหน้าออกไปจ้องมองหน้าเทยในระยะไม่ไกล เทยลืมตาขึ้นมองเห็นใบหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นของไอ้เต้  ทำให้เทยเคลิ้มและเผลอส่งมอบความรู้สึกแบบนั้นกลับคืนเช่นกัน  ไอ้เต้เบนหน้าหนีหลบสายตาของเทยอยู่พักนึง  ก่อนจะหันหน้ากลับมามองหน้าเทยแล้วสะแยะยิ้ม
     “ ขอโทษหวะ หน้าแมร่งโครตแมน กูเอาไม่ลงจริงๆ ” พูดแล้วไอ้เต้ก็หันหลังให้เทย หยิบเสื้อตัวเดิมที่อยู่ในมือขึ้นมาใส่และเดินออกจากห้องน้ำ  เทยถอนหายใจ  ยืนนิ่งครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นอยู่สักพักนึง  ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป
     เทยเดินเหม่อลอยจนมาถึงร้านหนังแผ่น  เห็นอิกระต่ายกำลังเท้าเอวสีหน้าท่าทางหงุดหงิด แล้วเทยก็โดนนางตะหวาดเบาๆ
     “ อิฟิล์ม มึงไปไหนมา ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้ มึงรู้มั้ยว่ากูยืนรอมึงตั้งนานและ”
     “ เอ้า อิห่า แล้วทำไมมึงไม่นั่งอะ ”
     “ โถ่วว…. อิดอก มึงแหกตาดูซิว่ามันมีที่นั่งมั้ย  โอ๊ย…. กูหมดอารมณ์ช็อป ป่ะๆ กลับๆ ”  แล้วเราสองคนก็เดินไปขึ้นรถมอไซต์กลับบ้านโดยที่ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับบ้านเลย นอกจากความทรงจำแย่ๆ จากไอ้เต้
     การเรียนการสอนวันนี้ดูจะดำเนินมาได้เรื่อยๆ อย่างเป็นปกติสุข  จนกระทั่งถึงคาบเรียนลูกเสือ คุณครูให้พวกเราจับกลุ่มกันเอง แต่ให้แยกชายหญิง เทยจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่กลุ่มกับผู้ชาย แต่กลุ่มของเรายังขาดอีก 1 คน เทยจึงตั้งใจเดินไปชวนอิกะเทยแอฟริกามาอยู่ด้วย
     “ มีกลุ่มอยู่รึ่ยังหละ ”  เทยแอฟริกาตอบว่า “ ยัง ” นางพูดเสียงแข็งสีหน้าไม่สบอารมณ์
     “ ไปอยู่กับฉันมั้ย ” เทยแอฟริกาเมินคำชวน ของน้องเทย
     “ งั้นก็เชิญไปอยู่กับพวกผู้ชายเถอะ  เธอคงจะชอบให้พวกมันแกล้ง ” เทยเดินหนีออกมาได้ไม่ไกลเสียงเรียกก็ดังขึ้น “ เดี๋ยวก่อน ”  น้องเทยหยุดเดินและหันกลับมาตามเสียงเรียก
    “ ฉันจะไป แต่นี่ไม่ถือว่าเป็นบุญคุณหรอกนะ ฉันขอบอกเอาไว้ก่อน ”
     “ ฉันก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นบุญคุณอะไรอยู่แล้ว แต่ที่ฉันทำ เพราะฉันเห็นว่าเธอเป็นเพื่อน ” น้องเธอพูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล เทยแอฟริกาถึงกับอึ้งกับคำว่าเพื่อนที่ได้ยินจากปากน้องเทย
     วันต่อมา ในขณะที่น้องเทยกำลังจะเดินกลับห้อง  ในลานสายตาของเทยมองเห็นู้คนมากมาย  และหนึ่งในนั้นก็คือนางเทยแอฟริกา ที่กำลังดูเคร่งเครียดมือกุมขมับอยู่ เทยอดสงสัยไม่ได้ จึงเดินเข้าไปหานางในห้อง มองดูสิ่งที่อยู่ตรงหน้าที่ทำให้นางเทยแอฟริกาเคร่งเครียด มันคือโจทย์คณิตศาสตร์ที่มองผ่านๆ สายตาแล้วน้องเทยก็พอจะทำได้
     “ เห็นหน้าเครียดๆ มีไรให้ช่วยมั้ย ” นางเทยแอฟริกาทำหน้าดุ ตาขวางใส่น้องเทย
     “ ช่วยได้หรอ โจทย์ยากขนาดนี้ ”
     “ ก็จะลองดู อย่างสุดความสามารถ ”
    “ งั้นก็นั่งลงสิ จะช่วยไม่ใช่หรอ ” เทยนั่งลงและพานางเทยแอฟริกาแก้โจทย์คณิตศาสตร์จนเสร็จ นางพูดขอบใจน้องเทย ทำให้น้องเทยถึงกับอึ้ง   เพราะไม่คิดว่าจะได้คำขอบใจจากนางง่ายๆ แบบนี้
     “ เปลี่ยนจากคำขอบใจ เป็นบอกชื่อเธอกับฉันได้หรือป่าวหละ ”
     “ ชื่อจริงสายแดด  เพื่อนๆ เรียกสายป่าน ”
    “ โอเคร สายป่าน ยินดีที่ได้รู้จัก ”
     “ ยินดีเช่นกัน ”  น้องเทยยื่นมือออกมาขอจับมือกับสายป่าน และดูเหมือนนางเองก็จะตอบรับกับมิตรภาพในครั้งนี้เช่นกัน  ในที่สุดเราทั้งสองก็จับมือกัน  มันคือสัญญาณแห่งมิตรภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจากนี้ไป

.....................................................

****ตอนต่อไป ตอนที่ 4 ระหว่างเพื่อนกับแฟน
        ฝากติดตามผลงานกันด้วยนะคะ 
     
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....ตอนที่ 3 มิตรภาพ ; Up 08 09 2015
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 08-09-2015 03:26:12
ฟินมากมาย เขินเลย  :haun4:
ว่าแต่ฟิล์มปัจจุบันอายุเท่าไรค่ะ
ถามได้ไหมอ่ะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....ตอนที่ 3 มิตรภาพ ; Up 08 09 2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 08-09-2015 14:24:38
555555. อายุและน้ำหนักเป็นแค่เพียงตัวเลขคะ แต่ถ้าถามก็จะบอกคะ ตอนนี้ฟิล์มอายุ 24 ปี แล้วคะ เริ่มจะแก่แล้ว 55555 นึกถึงอดีตแล้วไม่อยากจะแก่เลยเน่อะ อยากกลับไปเป็นเด็กมัธยมอีกครั้ง อิอิ
     พรุ่งนี้จะลงตอนที่ 4 ฝากติดตามผลงานและให้กำลังใจน้องเทยและตัวละครที่คุณชื่นชอบด้วยนะค  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....ตอนที่ 3 มิตรภาพ ; Up 08 09 2015
เริ่มหัวข้อโดย: lollypop216 ที่ 08-09-2015 18:25:23
 :katai2-1: :call: :call:  รอนะคะสู้ๆคะฟินนน~~~~
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....ตอนที่ 3 มิตรภาพ ; Up 08 09 2015
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 08-09-2015 18:56:39
555555. อายุและน้ำหนักเป็นแค่เพียงตัวเลขคะ แต่ถ้าถามก็จะบอกคะ ตอนนี้ฟิล์มอายุ 24 ปี แล้วคะ เริ่มจะแก่แล้ว 55555 นึกถึงอดีตแล้วไม่อยากจะแก่เลยเน่อะ อยากกลับไปเป็นเด็กมัธยมอีกครั้ง อิอิ
     พรุ่งนี้จะลงตอนที่ 4 ฝากติดตามผลงานและให้กำลังใจน้องเทยและตัวละครที่คุณชื่นชอบด้วยนะค  :mew1: :mew1: :mew1:

ออ งั้นต้องเรียกพี่ฟิล์ม  :กอด1:
โห่ แต่ 24 ก็ยังเอาะๆอยู่ค่ะ
พี่ชายที่ปัจจุบันเรียกตัวเองว่าพี่สาว  :laugh:
นางอายุจะ 28 แล้ว แต่ก็ยังลั้นล้าราวกับนางอายุ 19 :เฮ้อ:
อายุเป็นเพียงตัวเลขจริงๆ  o13
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....ตอนที่ 3 มิตรภาพ ; Up 08 09 2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 09-09-2015 13:49:13
ขอบคุณสำหรับการติดตาม ตอนที่ 4 จะพยายามลงให้เร็วที่สุด อ่านแล้วก็อย่าลืมคอมเม้นติชมเพื่อเป็นการให้กำลังใจกับนักเขียนมือใหมคนนี้ด้วยนะคะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: นิยายกะเทย เรื่อง กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย....ตอนที่ 3 มิตรภาพ ; Up 08 09 2015
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 09-09-2015 22:11:44
สนุกมากกกเลยค่ะ
...ฟินกับตาเต้จริงๆเลย....กรี๊ดดดดด...
นายน่ารักแบบเถื่อนๆมาก...ชอบมาก..
เริ่ดมาก......คู่กัดกับแบบนี้สุดท้ายได้กันชัวร์...
ชอบคู่ที่รักกันแบบรุนแรงมาก..ป่าเถื่อนดี..
แต่ไม่ว่าสุดท้ายคนเขียนจะได้คู่กับใคร..สุดท้ายเราก็ยัง..เชียร์เต้...อิ..อิ
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 4 ระหว่างเพื่อนกับแฟน Part 1/2 ; Up 10-09-58
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 10-09-2015 06:59:50
อรุณสวัสดิ์จร้า  วันนี้ตื่นมาอัพให้อ่านกันแต่เช้าเลย  วันนี้ไปทำงานก่อน เลิกงานแล้วจะมาเขียนต่อ  ยังมีความจิ้น ความฟิน ความโหด ความฮา  รออยู่อีกมากมาย  ฝากติดตามผลงานกันด้วยนะคะ

ตอนที่ 4 ระหว่างเพื่อนกับแฟน  Part 1/2

        “ นางสายป่าน.........”  เสียงเรียกดังมาแต่ไกล มันเป็นเสียงเรียกที่ยังมองไม่เห็นตัวคนพูด  สักพักนึงเจ้าของเสียงก็ปรากฏตัวขึ้น อิกระต่ายเจ้าของเสียงเรียกมายืนปรากฏกายอยู่ที่หน้าประตูห้องสีหน้าท่าทางระริกระรี้
        “ อิต่าย อิปอบ มึงจะแหกปากเสียงดังมาตั้งแต่ไกลๆ ทำไมคะ ” พูดแล้วอิกระต่ายก็เดินบิดตูดเข้าไปหาอิสายป่าน
      “ กูก็จะมาบอกมึงว่า รอแปปนึง อิฟิล์มกำลังจะมา ” สายป่านพยัคหน้าเป็นอันว่ารับทราบ

   น้องเทยเองก็กำลังเดินมาหานางสายป่านที่ห้อง ตาจ้องมองไปที่สมุดการบ้านมาตลอดทาง  จนถึงหน้าประตูห้องของอิสายป่าย เทยกำลังจะเลี้ยวเข้าห้องของนางพรางเงยหน้าขึ้นมองทางข้างหน้า  ถึงกับสะดุ้งตกใจและหยุดก้าวเท้าแทบจะไม่ทันเมื่อเจอผู้ชายผิวคล้ำ หน้าตาใช้ได้ สูงราวๆ 170 เซนติเมตร  ยืนทำสีหน้าตกใจและหยุดเดินกะทันหันเช่นเดียวกันกับเทย เราสองคนเกือบจะเดินชนกันเข้าแล้วมั้ยหละ

     “ ขอโทษคะ ”  เหมือนผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเทยจะไม่ได้ยินคำขอโทษจากเทยรึ่ป่าวนะ  แทนที่จะพูดอะไรตอบกลับบ้าง แต่เค้ากลับมองหน้าเทยตาไม่กระพริบแฝงไปด้วยรอยยิ้มเล็กๆ 
   “ นาย...  นาย.... ”  เทยพูดเสียงดังขึ้นจนคนอื่นๆ  ที่อยู่ในห้องหันมามอง  แต่เทยก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด เพราะตอนนี้ในสายตาของเทยมีแค่เพียงผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้เท่านั้น  พอสิ้นเสียงเรียกของเทย ผู้ชายคนนี้ก็สะดุ้งตื่นราวกับหลุดจากภวังค์ 
   “ ครับ ”  มันเป็นเพียงคำพูดเดียวที่หลุดออกมาจากปากของเขา
   “ เมื่อกี้เราเกือบเดือนชนนาย เพราะมัวแต่จ้องสมุดการบ้านอยู่ เราขอโทษนะ ”
   “ อ๋อ.... ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ต้องขอโทษเธอด้วยนะ ที่เดินไม่ระวัง จนเกือบจะเดินชนเธอเข้า ”
   “ ไม่เป็นไร ขอทางหน่อยดิ ”
   “ อ่อ... ครับ ”  พูดแล้วเขาก็หลีกทางให้น้องเทยเดินเข้าไปหาสายป่ายที่อยู่ข้างใน แต่เขาก็ไม่ได้ละสายตาจากเทยเลยแม้แต่น้อย  เขายังคงจ้องมองดูเทยอยู่ห่างๆ 

   “โทษทีหวะมึง มาช้าไปหน่อย ”
   “ เออ.... แล้วไหนการบ้านอะ เอามาลอกหน่อย ”  เทยยื่นสมุดการบ้านให้นางสายป่านก่อนที่นางจะรับเอาไปลอก
   “ พวกมึง เย็นนี้ไปดูผู้ชายที่อำเภอมั้ย ”  เทยและอิสายป่านหันไปมองหน้าอิกระต่ายอย่างสงสัย 
   “ แหม๋.... พร้อมใจจ้องหน้ากูเชียวนะ  ก็ไม่มีอะไรหรอก  กูก็แค่อยากชวนพวกเราสามคนไปดูผู้ชายเล่นกีฬาที่สนามกีฬาอำเภออะ ถือว่าเป็นการวิ่งไม้กระชับมิตรของพวกเรายังไงหละคะ 555555 ” นางหัวเราะชอบใจอยู่คนเดียว  และพอเห็นเราสองคนไม่หัวเราะขบขันตาม  นางก็หน้าจ๋อยและหยุดหัวเราะในทันที
   “ มึงว่างมากขนาดนั้นเลยหรอ ”  เทยถามอย่างสงสัย  นางอ้ำอึ้งไม่ยอมตอบคำถาม  แล้วนางสายป่านก็พูดตัดบทขึ้นมา
   “ แต่กูไปได้นะ วันนี้ไม่มีการบ้านด้วย แล้วมึงจะไปกับพวกกูมัย ”  นางสายป่านหันหน้ามาถามน้องเทยเสียงแข็ง  แววตากดดันสุดๆ
   “ ก็พวกมึงเล่นพร้อมใจกันจะไปขนาดนี้ กูจะปฏิเสธเพื่อนได้ไงหละ ก็ไปสิค่ะ ”  555555 พวกเราสามคนหัวเราะชอบใจเสียงใจจนทุกๆ คนในห้องหันมามอง  รวมถึงสายตาที่เอ็นดูคู่นั้นของผู้ชายที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ประตูนั้นด้วย

   พอถึงตอนเย็นเวลาประมาณสักหกโมงเย็นได้ กะเทยสามนางกำลังยืนเม้ามอยกันอยู่ใกล้ๆ กับรถมอไซต์ที่พวกเราจอดเอาไว้  สายตาก็พรางมองดูผู้ชายที่กำลังเล่นกีฬาอยู่ในสนาม  โดยเฉพาะผู้ชายที่ถอดเสื้อโชว์เรือนร่างที่อาบโชกไปด้วยเหงื่อ เห็นแล้วมันช่างเซ็กซี่อะไรแบบนี้นะ

   “ มาทำอะไรกันหรอครับสาวๆ  ” น้ำเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมาจากทางด้านข้าง  พวกเราหันหน้าไปมอง เห็นไอ้โต๊ด ไอ้ตอง กับผู้ชายที่น้องเทยเกือบเดินชนเมื่อตอนเที่ยง  ทำให้น้องเทยแปลกใจเล็กน้อย ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมากับไอ้โต๊ดนะ
   “ ก็มาวิ่งไม้ตามประสากระเทยนั่นแหละ แล้วแถวนี้มีไม้ให้กะเทยกินมั้ยคะ ” อิกระต่ายตอบคำถามไอ้โต๊ดพรางกวาดสายตาไปลวนลามผู้ชายทั้งสามคน
   “ มีแต่ไม้หน้าสาม มึงจะกินมั้ย อีกระเทย ” ไอ้ตองพูดด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดัน
   “ เก็บเอาไว้ฟาดปากหมาๆ ของมึงเถอะ ” เทยสวนกลับทันที จนทำให้ไอ้ตองโกรธ มันกำลังจะเดินเข้ามาหาเทยพร้อมกับกำกัมปั้นยกขึ้นพร้อมจะอัดเทยเต็มที่ แต่ไอ้โต๊ดก็เอื้อมมือไปแขนข้างที่มันกำหมัดเอาไว้แน่นและกระชากไอ้ตองถอยหลังกลับมา  ไอ้ตองหันหน้าไปมองไอ้โต๊ดด้วยท่าทางที่โกรธจัด แต่กลับเจอไอ้โต๊ดหน้าดุและตาขวางใส่จึงทำให้เลือดบ้าของไอ้ตองค่อยๆ ลดลง ก่อนที่ไอ้โต๊ดจะปล่อยมือไอ้ตอง และเดินเข้ามาหาน้องเทย
   “ คงไม่รังเกียจนะ ถ้าผมจะเชิญไปนั่งดูผมเล่นตะกร้อสักหน่อย ”
   “ ก็ไปดิ ยืนอยู่นี่นานแล้ว กำลังเมื่อยขาอยู่พอดี ” เทยพูดโดยไม่มองหน้าไอ้โต๊ด  ด้วยสีหน้าและแววตาที่เฉยเมย   แล้วพวกเราก็เดินไปที่สนามตะกร้อ

   กะเทยสามนางกำลังนั่งเม้ามอยกันอยู่บนอัฒจรยย์ที่อยู่ข้างๆ สนามตระกร้อ   สายตาวอกแวกมองดูผู้ชายที่มีอยู่มากมาย  และใช้นิ้วชี้ไปที่ผู้ชายที่ตนอื่นชื่นชอบ และชวนให้เพื่อนมองดู   แต่ละคนก็พากันชี้อย่างสนุกมือและเม้ากันอย่างสนุกปาก  น้องเทยมองไปดูที่ไอ้โต๊ด ก็ยังหล่อ ขาว สูง เหมือนเดิม แถมยังเตะตะกร้อเก่งมากๆ และในตอนนั้นเองสายตาของเทยก็ซุกซนไปมองผู้ชายคนคนนั้นเข้า ก็หล่อดี 5555 เล่นตะกร้อเก่งเหมือนกับไอ้โต๊ดเลยนะเนี่ย และในที่สุดเกมส์การแข่งขันก็จบลงที่ทีมของไอ้โต๊ดชนะอย่างขาดลอย  พวกไอ้โต๊ดกำลังเดินออกจากสนาม เทยเองก็ยังไม่ละสายตาจากผู้ชายคนนั้น  และแล้วเค้าก็หันมามองน้องเทยพอดี  นี่มันบังเอิญหรือจงใจเนี่ย  เทยรีบหลบสายตาทันที แกล้งมองไปทางอื่นและทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้   
   “ สายป่าน..... ”  เสียงเรียกนั้นดังขึ้นพอสมควร ก่อนที่แม่นางสายป่านจะหันไปมองเจ้าของเสียง
   “ ว่าไงโชค ”  โชค.... อย่าบอกนะว่า นั่นคือชื่อของผู้ชายคนนั้น คนที่เกือบเดินชนกับเทยเมื่อตอนเที่ยง
   “ ลงมานี่หน่อยสิ  เรามีเรื่องจะถาม ”  นางสายป่านไม่รีรอคะ รีบเดินลงไปหาไอ้โชคอย่างเร็ว   แล้วทั้ง 2 คนก็เดินไปด้วยกัน เทยและอิกระต่ายได้แต่มองตามหลังด้วยความสงสัย
   “ ฟิล์ม....”  เทยหันมาหาไอ้โต๊ดทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อที่ดังขึ้น
   “ ขอบใจนะที่มาเชียร์ เดี๋ยววันหลังจะพามาอีก ”  ไอ้โต๊ดพูดพรางส่งยิ้มมาให้  และเทยเองก็ฝืนยิ้มตอบกลับไป
   “ กลับบ้านได้มั้ยเนี่ย ให้โต๊ดไปส่งมั้ย ”
   “ ขอบใจนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก พวกเรากลับกันเองได้ ”
“ งั้นโต๊ดกลับละนะ บาย.... ” แล้วพวกเราและไอ้โต๊ดก็โบกมือลากันตามมารยาท แต่ไอ้ตองนี่สิ  นอกจากจะยืนเก๊กหล่อ (ซึ่งก็ไม่ได้หล่ออะไรเลย) แล้วยังไร้มารยาท ไม่มีการโบกไม้โบกมือลาพวกเราบ้างเลย หลังจากที่ไอ้โต๊ดกับไอ้ตองแยกจากพวกเราไปแล้ว  แต่พวกเราก็ยังคงนั่งรอนางสายป่านอยู่ที่เดิม ซักพักนึงนางก็เดินกลับมาพร้อมกับไอ้โชคและเรียกเราลงมาจากอัฒจรรย์และเดินไปที่รถ
   “ ห๊ะ!!! แกว่าอะไรนะ  ”  เทยตกใจ  อุทานขึ้นเสียงดัง
   “ ก็อิกระต่ายบอกว่าแกกลับดึกไม่ได้ ฉันกับอิกระต่ายมีนัดกันจะไปต่อ ถ้าแกไปด้วยกลัวแกจะกลับดึก ” เทยงงเป็นไก่ตาแตกขึ้นมาทันทีคะ พวกมันมีนัดอะไรกัน แล้วไปนัดกันตั้งแต่ตอนไหน ทำไมเทยไม่รู้เรื่อง
   “ นัดอะไรกัน ทำไมฉันไม่เห็นจะรู้เรื่องเลยหละ ”  พูดจบเทยก็หันไปหาอิกระต่ายและใช้สีหน้าแววตาคาดเค้นคำตอบ  อิกระต่ายดูอ้ำๆ อึ้งๆ  อีกด้านคือนางสายป่านที่กำลังขยิบตาส่งซิกมาให้อิกระต่าย
   “ เอออ.... ใช่ๆ  เรามีนัดกัน ”
   “ นัดอะไร แกยังไม่บอกฉันเลยนะ ” 
   “ นัดวิ่งไม้อะ ” คำพูดนี้ออกมาจากปากของนางสายป่าน แล้วฉันก็ต้องละสายตาจากอิกระต่ายและหันกลับไปหานางสายป่านอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์
   “ หรือแกจะไปกับพวกฉันก็ได้นะ แต่อาจจะกลับดึกหน่อย  เดี๋ยวจะหาว่าฉันกันซีน ” เทยถอนหายใจก่อนจะหันหน้าไปมองไอ้โชคแบบเซ็งๆ
   “ นายอ่ะ จะไปส่งฉันได้จริงๆ หรอ ”
   “ ได้ดิ ”  ไอ้โชคยิ้มและตอบออกมาด้วยสีหน้าท่าทางที่เต็มใจ
   “ เออ...  มึง....   งั้นเดี๋ยวพวกกูไปแล้วนะ โชค ฝากเพื่อนเราด้วยนะ” พูดแล้วนางสายป่านก็จับมืออิกระต่ายเดินไปที่รถมอไซต์และขับรถออกไป
   
   ไอ้โชคชวนฉันขึ้นรถมอไซต์ของมันที่มันนั่งรออยู่บนรถแล้วแต่ยังไม่ได้สตาร์ทมอไซต์ ฉันจึงขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายไอ้โชคในท่านั่งเบี่ยงแบบที่ชะนีนั่งกัน  ไอ้โชคหันมามองท่านั่งของฉัน และขำนิดๆ  ทำให้ฉันมองกลับอย่างไม่พอ
   “ ขำอะไร มีอะไรน่าขำมากนักรึ่ไง ” ไอ้โชคหยุดขำและเปลี่ยนมาเป็นยิ้มแทน
   “ เปล่า เปล่า เราว่าน่ารักดีออก  แล้วเวลาซ้อนท้ายผู้ชายคนอื่นนั่งแบบนี้มั้ยเนี่ย ”
   “ จะซ้อนท้ายใครฉันก็นั่งแบบนี้ตลอดแหละ ไปได้ยัง หิวข้าว ”
   “ เราก็หิว งั้นเราไปกินข้าวก่อนกลับบ้านดีมั้ย ”
   “ ฉันหมายถึงฉันหิวข้าวฝีมือแม่ที่บ้านอะ ไม่ได้จะชวนนายไปกินข้าวนะ ”
   “ จะสองทุ่มแล้ว แม่กินข้าวไม่รอแล้ว.....  ”
   “ อืมๆๆ  จะไปก็รีบไปดิ หิวไส้จะขาดแระ” ไอ้โชคก็เอาแต่ยิ้มๆๆๆ แล้วขับรถออกไป

   ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแชมป์  เรากำลังนั่งกินก๋วยเตี๋ยวกันอย่างอะเร็ดอร่อย ไอ้โชคดูตายอดตายอยากมาก ก้มหน้ากินเอาๆ จนหน้าจะจุ่มลงไปในชามก๋วยเตี๋ยวอยู่แล้วเหอะ ลูกชิ้นลูกใหญ่ที่คีบเข้าปากไม่พอ ยังคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าไปจนเต็มปากอีก เทยถึงกับอึ้งและนั่งมองดูพฤติกรรมการกินของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า
   “ โชค.... ”  เสียงเรียกของเทยฉุดให้ไอ้โชคเงยหน้าขึ้นมาจากถ้วยก๋วยเตี๋ยวในสภาพที่อาหารยังเต็มปาก  แต่มันก็รักษามารยาทได้ดีระดับนึงเพราะถึงแม้อาหารจะเต็มปากแต่ก็ไม่ปล่อยให้เทยต้องมองเห็นอาหารที่อยู่ในปากเลยแม้แต่นิดเดียวโดยการปิดปากเอาไว้  กระพุ้งแก้มพองออกมาทั้ง 2 ข้าง  ดูไปก็น่ารักดีเน่าะ และนั่นก็ทำให้เทยถึงกับหัวเราะออกมา 55555555  ไอ้โชครีบก้มหน้าลงไปเคี้ยวและกลืนอาหารลงคอ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมา
   “ มีไรน่าขำหรอ ” ไอ้โชคยิ้มและถามออกมาอย่างสงสัย 
   “ ก็เมื่อกี้อะดิ โชคน่ารักมากเลยนะรู้ป่าว ” เทยตอบอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส
   “ แล้วรักหรือป่าวหละ ” คำถามนี้ทำให้เทยขำไม่ออก   สีหน้าค่อยๆ ซีดลง แล้วหลบสายตาของไอ้โชค
   “ รีบกินเถอะ เค้าอยากกลับบ้านแล้ว เดี๋ยวแม่ดุเอา ” ไอ้โชคพยัคหน้ารับรู้ ก่อนจะก้มหน้ากินก๋วยเตี๋ยวต่อไป เทยค่อยๆ ชำเลียงสายตากลับมามองไอ้โชคด้วยสีหน้ากังวล 

   ไอ้โชคขับมอไซต์มาส่งเทยถึงหน้าบ้านอย่างปลอดภัย เทยลงจากรถมายืนอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน แล้วขอบใจไอ้โชคที่มาส่ง  ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณสองทุ่มครึ่งได้
   “ เปลี่ยนจากคำขอบใจเป็นอย่างอื่นได้ป่ะ ” ไอโชคทำหน้าทะเล้นใส่เทย
   “ จะเอาอะไรหละ ถ้าให้ได้ก็จะให้ ”
   “ ฟิล์มให้ได้อยู่แล้วแหละ อยู่ที่ว่าฟิล์มอยากจะให้หรือป่าว ”
   “ แล้วมันคืออะไรหละ พูดมาสักทีสิ จะรีบเข้าบ้าน ”
   “ คือ.... เราขอเบอร์โทรเธอได้ป่ะ ” คำขอนี้ทำให้เทยอึ้งไปสักพัก
   “ คือ..... เราให้ไม่ได้หรอก ” 
   “ ว่าแล้ว ว่าฟิล์มต้องไม่งั้น ” ไอ้โชคหน้าจ๋อย ท่าทางเหมือนจะงอลเทย
   “ ที่เราบอกว่าให้ไม่ได้หรอก ก็เพราะว่า.... เรายังไม่มีโทรศัพท์ใช้ ”
   “ จริงดิ แล้วที่บ้านติดต่อสื่อสารกับคนอื่นยังไงอะ”
   “ ทั้งบ้าน มีโทรศัพท์พ่ออยู่เครื่องเดียว ก็ใช้ของพ่อนี่แหละโทร ” 
   “ อ๋อ.... งั้น..... เราขอเบอร์พ่อหน่อยดิ ” เทยตกใจเล็กน้อยที่ได้ยินไอ้โชคขอเบอร์พ่อ มันช่างกล้าเหลือเกิน
   “ งั้ก็เอาโทรศัพท์มาดิ จะกดเบอร์ให้ ” พูดแล้วไอ้โชคก็ยื่นโทรศัพท์มาให้เทย  มันเป็นโทรศัพท์มือถือแบบมีฝาพับสีขาว มันดูสวยและน่ารักดี  เทยเปิดฝาพับออกและกดปลดล็อกได้สบายๆ เพราะเคยเล่นโทรศัพท์เพื่อนมาเยอะก็เลยดูจะชำนาญนิดนึง  พอปลดล็กได้แล้วเทยก็กดเบอร์โทรพ่อลงไปแล้วกดโทรออกให้ดังสักหนึ่งตู๊ด แล้วก็กดวางสายก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนไอ้โชค เราสองคนโบกมือลากันที่หน้าบ้าน  ก่อนที่เทยจะเดินเข้าไปในบ้าน

   ในค่ำคืนที่อบอุ่น พ่อ แม่ ลูก ครอบครัวของเรา 4 คน กำลังนั่งดูทีวีด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา 
   “ ไอ้ฟิล์ม วันนี้ใครมาส่งแกที่หน้าบ้าน ”  พ่อเอ่ยถามอย่างสงสัย
   “ เพื่อนหนะพ่อ ทำไมหรอ ”
   “ วันหลังไปกับใครก็กลับกับคนนั้นหละ ถ้าเพื่อนมาส่งไม่ได้ก็โทรมาบอกพ่อ พ่อจะให้น้องไปรับ เบอร์พ่อแกก็จำได้ ตู้โทรศัพท์สาธารณะก็มี พ่อไม่อยากให้แกกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ กับผู้ชายคนอื่น ” ท่าทางของพ่อเหมือนไม่ค่อยจะใส่ใจเทยมากนัก เพราะพ่อพูดกับเทย แต่ตาจ้องมองดูทีวีอยู่ตลอดเวลา แต่คำพูดของพ่อก็ทำให้แม่และน้องชายละสายตาจากทีวีมาจ้องมองเทยสีหน้าดูตกใจ  แต่เทยนี่สิ ถึงกับหน้าชาไปเลยทีเดียว ตกลงพ่อกำลังเป็นห่วงเทยหรือด่าเทยกันแน่นะ
   “ มึงทำไมไม่บอกกูวะ พี่แค่คนเดียว กูไปรับได้ ”  แม่เอื้อมมือข้างนึงมาจับมือเทยเอาไว้มันคือไออุ่นที่อบอุ่นที่เทยสัมผัสได้ด้วยหัวใจ 
 
   “ จริงของพ่อกับน้องนะลูก แม่ไม่อยากให้เราไปไหนมาไหนกับผู้ชายที่เรายังไม่รู้จักเค้าดีจริงๆ  เราเป็นแบบนี้ ผู้ชายที่เข้ามาส่วนมาก   ต่างก็หวังที่จะหลอกเอาอะไรสักอย่างในตัวลูก  แม่ไม่อยากให้เราไปยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้น ถ้ายังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเค้าดีจริง และบริสุทธิ์ใจกับลูก ” แม่พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
   “ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงหละแม่ ว่าเค้าเป็นคนดีและจริงใจกับเราจริงๆ  ”
   “ เวลา....  เวลาเท่านั้นที่จะให้คำตอบกับลูกของแม่ได้   แต่แม่ก็ยังเชื่อว่าความสัมพันธ์แบบเพื่อน ย่อมดีกว่า ความสัมพันธ์แบบอื่น สำหรับลูกของแม่ ” คำตอบของแม่ อาจจะไม่ถูกต้องที่สุด แต่คำตอบของแม่ หวังดีกับเราเสมอ

   ในเวลาพักเที่ยง นักเรียนมากมายมารวมตัวกันอยู่ที่โรงอาหารเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ร้านกับข้าวทุกร้านมีนักเรียนต่อแถวซื้อกับข้าวแถวยาวเหยียด  โชคดีหน่อยที่วันนี้คุณครูปล่อยให้ลงพักเร็วหน่อย เทยและเพื่อนๆ จึงได้คิวซื้ออาหารลำดับแรกๆ หน่อย  เทย อิกระต่าย และมายซื้ออาหารเสร็จแล้วก็พากันไปซื้อน้ำ ก่อนที่จะมานั่งลงบนโต๊ะม้าหินอ่อนที่เราวางกระเป๋าจองเอาไว้  ถัดออกมาที่หน้าร้านขายกับข้าวร้านหนึ่ง  ไอ้โชคยื่นจานอาหารให้นางสายป่าน
   “ อ่ะ  ตามสัญญาที่ตกลงกันเอาไว้ ” อินางสายป่านยิ้มรับจานกับข้าวทันที ก่อนจะดึงมันออกมาจากมือไอ้โชค  แล้วเดินออกมา  แต่ไอ้โชคดันร้องเรียกชื่ออินางสายป่านเอาไว้ซะก่อน ทำให้นางหยุดชะงักและหันกลับไปสนทนากับไอ้โชค
   “ มีอะไรรึ่ป่าวจ้ะโชค.... ” น้ำเสียงที่ดัดจริตเอ่ยถามไอ้โชค  ก่อนที่ไอ้โชคจะเดินเข้ามาใกล้นางสายป่าน
   “ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ช่วยอีกสักหน่อยก็แล้วกัน ” นางสายป่านทำหน้างงกับคำพูดกำกวมของไอ้โชค
   “ช่วย.... ช่วยไรอีกอะ ”
   “ ขอไปนั่งทานข้าวด้วยหน่อยดิ ”
   “ เอาจริงงะ ”  อินางสายป่านถามด้วยท่าทางที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดของไอ้โชค  แต่ไอ้โชคกลับพยัคหน้าอย่างมั่นใจ 
   “ งั้นก็ตามมา ” สายป่านพูดเหมือนไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่นัก  ก่อนที่ทั้งสองจะเดินมาที่โต๊ะอาหารของพวกเราสามคนที่กำลังนั่งสนทนากันรออินางสายป่านอยู่   แล้วอิกระต่ายก็มองไปเห็นอินางสายป่านกับไอ้โชคที่ยืนอยู่ข้างหลังเทย   
   
   “ อินี่ ไปซื้อกับข้าว แต่ได้ผู้ชายแถมมาด้วย ไปซื้อร้านไหนยะ บอกด้วยดิ 55555 ”  เทยหันหลังกลับไปเห็นอิสายป่านกับไอ้โชคยืนอยู่ข้างหลัง  เทยถึงกับแปลกใจ
   “ พอดีโชคเค้าไม่มีเพื่อนกินข้าวอะ ก็เลยจะขอมานั่งทานกับพวกเรา พวกแกโอเครป่ะวะ ”  อิกระต่ายยิ้มหน้าบานที่มีผู้ชายมานั่งกินข้าวด้วย  ชูมือขึ้นทำสัญลักษณ์ว่าโอเค  ส่วนแม่นางมายเองก็ฉีกยิ้มบางๆ และพยัคหน้าเป็นการต้อนรับ  ได้รับคำยินยอมจากคนอื่นหมดและ เหลือแค่น้องเทยสินะ 
   “ แล้วมึงหละอินี่ ตกลงรึ่ป่าว อย่าบอกนะ ว่ามึงรังเกียจ ”
   “ ก็เล่นพูดดักคอกูไว้ขนาดนี้ แล้วกูจะปฏิเสธได้ยังไงหละ ”
   “ งั้นก็แสดงว่ามึงโอเค ” เทยหันหน้ากลับไปกินข้าว ณ จุดนี้คงไม่ต้องตอบคำถามอะไรอีกแล้ว  อิสายป่านหยิบกระเป๋าของพวกเราไปกองไว้บนเก้าอี้ม้าหินอ่อนอีกตัวที่ว่างและยังไม่มีคนนั่ง นางกระจายกระเป๋าพวกเราจนเต็มเก้าอี้จนไม่มีที่นั่ง  แล้วนางก็นั่งลงข้างๆ อิกระต่าย  ไอ้โชคที่กำลังยืนท่าทางเก้งๆ กังๆ ไม่กล้านั่ง จึงถูกนางสายป่านเร่งรัด
   “ อ้าวโชค นั่งลงสิ ”
   “ เอ่อ..... แล้วเราจะนั่งตรงไหนได้บ้างหนิ ”
   “ เอ้า!! ก็นั่งข้างๆ อิฟิล์มไง  โชคเป็นผู้ชายนะ จะนั่งข้างชะนีมายหรอ ถ้าอยากเป็นแฟนกับมายก็นั่งข้างมายได้นะ อันนี้ก็แล้วแต่โชคจะเลือกแล้วกัน ”  เทยหันขวับไปหานางสายป่านทันทีพร้อมกับสีหน้าที่ไม่เข้าใจ
   “ อ้าว เก้าอี้เหลืออีกตั้ง 1 ตัว ทำไมไม่ให้โชคไปนั่งตรงนั้นหละ ”
   “ นั่งได้ไงหละ ก็อิสายป่านมันเอากระเป๋าพวกเรามาวางไว้เต็มเก้าอี้จนไม่เหลือที่นั่งเลยหนิ ” อิกระต่ายมีปากเสียง
อินางสายป่านตาขวางใส่อิกระต่าย ทำเอานางถึงกับวยบ สงบนิ่ง สงบปากสงบคำไปเลยทีเดียว 
   “ เอ้าโชค  เลือกที่นั่งสิ เร็วๆ หิวข้าว จะได้แดกสักที ” อินางสายป่านเร่งรัดไอ้โชคอีกครั้ง  ไม่ทันต้องใช้เวลาตัดสินใจ ไอ้โชคก็นั่งลงตรงข้างเทยอย่างเร็ว  เทยหันไปมองอย่างตกใจ
   “ ขอโทษนะ  หวังว่าฟิล์มคงจะทานหารได้อร่อย ”
   “ ก็คงจะพอทานได้ ”

   คำตอบของเทยอาจจะไม่ได้ดูดีมากเท่าไหร่นัก แต่มันก็ทำให้ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ  เทย ยิ้มได้ และเทยเองก็ไม่ลืมที่จะปริยิ้มเล็กๆ ตอบกลับรอยยิ้มกว้างนั้นเช่นกัน  แล้วเราก็ทานข้าวร่วมโต๊ะอาหารเดียวกัน พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

...................................................................................

****ตอนต่อไป  ตอนที่  4  ระหว่างเพื่อนกับแฟน  Part 2/2

   
      
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 4 ระหว่างเพื่อนกับแฟน Part 1/2 ; Up 10-09-58
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 10-09-2015 09:04:39
อิจฉาพี่ฟิล์มมีแต่ผู้ชายเข้าหา  :ling1:
แต่ก็ชอบด้วย  :hao6:
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 4 ระหว่างเพื่อนกับแฟน Part 1/2 ; Up 10-09-58
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 10-09-2015 17:16:43
คนสวย...
เลยมีแต่ผู้ชายเข้าหา
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 4 ระหว่างเพื่อนกับแฟน Part 1/2 ; Up 10-09-58
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 11-09-2015 01:44:30
@  ooomukooo  : 55555555  ไม่ต้องอิจฉาหรอกคะ เพราะความรักของกะเทย มันไม่ได้ราบรื่นเลยแม้แต่นิดเดียว ยังต้องเจอคลื่นลมและพายุโหมกระหน่ำอีกมากเลยคะ 

@ คนอ่าน : อยากบอกว่าตอนนั้นไม่ได้สวยอะไรเลยคะ ครีมบำรุงผิวไม่เคยโดนหน้า ยาคุมก็ยังไม่รู้จัก  55555  สงสัยผู้ชายพวกนี้จะชอบของแปลก  5555555
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 4 ระหว่างเพื่อนกับแฟน Part 1/2 ; Up 10-09-58
เริ่มหัวข้อโดย: pancakesexy ที่ 11-09-2015 03:10:56
อิจฉาพี่ฟิล์มจัง ไม่เคยมีโมเม้นต์นี้เลย 555 เหมือนชีวิตมัธยมหายไป ขนาดมหาลัยก็ยังมีแต่เพื่อน เศร้าใจ ไม่สวยและรวยมากนี่อยู่ยากหน่อย
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 4 ระหว่างเพื่อนกับแฟน Part 1/2 ; Up 10-09-58
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 11-09-2015 20:47:54
อยากมาต่อนิยายให้คนอ่านได้อ่านกันจังเลย แต่ช่วงนี้งานยุ่งๆ ไปหน่อย ก็เลยไม่มีเวลาเขียนสักเท่าไหร่ แต่คิดว่าตอนต่อไปน่าจะอัพวันเสาร์หรือวันอาทิตย์นี่หละคะ อย่าลืมติดตามกันนะคะ
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 4 ระหว่างเพื่อนกับแฟน Part 1/2 ; Up 10-09-58
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 13-09-2015 07:03:28
จะรอน๊าค๊าาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 4 ระหว่างเพื่อนกับแฟน Part 2/2 : 13-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 13-09-2015 12:42:39
ตอนที่ 4 ระหว่างเพื่อนกับแฟน  Part 2/2

   ทุกๆ วันหลังเลิกเรียนเทยจะต้องอยู่แต่กับบ้านเป็นส่วนใหญ่  และวันนี้ก็เช่นกัน   เฮ้ออออ......   คิดไปแล้วมันก็น่าเบื่อนะคะ ชีวิตกะเทยวัยเจริญพันธ์ต้องมานั่งเฝ้าบ้านเนี่ย  ไม่ใช่แค่เฝ้าบ้านอย่างเดียว พอเลิกเรียนมาน้องเทยก็ต้องกวาดบ้าน ล้างจาน  หุงข้าว  ทำการบ้าน  เปิดทีวีดูกับน้องชาย โชคดีหน่อย อย่างน้อยก็ยังพอมีไอ้น้องชายนี่แหละที่คอยต่อปากต่อคำ   พอให้แก้เหงาได้บ้าง  แต่เห็นพวกเราสองคนจิกกัดกันแบบนี้ เราสองคนก็รักกันมากเลยนะคะ น้องเทยก็ออกแนวโหดๆ เถื่อนๆ ประเภทที่ว่า ใครทำอะไรมึงให้บอกกู  เดี๋ยวกูจะไปอัดมันเอง   แอร๊ยยยย......... ป่าเถื่อน ชอบใช้แต่กำลังเป็นที่สุด  แต่ก็ดูพึ่งพาได้นะค้า.....  เวลาล่วงเลยมาจนจะสามทุ่มแล้ว แปลกจัง วันนี้ทำไมรู้สึกเหนื่อยม้ากกก  เพลียร่างที่สุด  เทยจึงปลีกตัวออกจากหน้าจอทีวีก่อนคนอื่นๆ  แล้วเดินเข้าห้องนอน   ทิ้งตัวลงบนที่นอนด้วยร่างกายที่อิดโรย  และค่อยๆ หลับตาลง  กำลังจะเคลิ้มหลับอยู่แล้วเชียว  เสียงพ่อก็ดังขึ้น   “ ไอ้ฟิล์ม....”   พ่อตะโกนร้องเรียกชื่อเทยซะเสียงดัง  ทำให้เทยสะดุ้งตื่นขึ้นมา   และหอบสังขารอันสะลึมสะลือไปเปิดประตู  เห็นพ่อยืนหน้าตาเคร่งขรึมอยู่หน้าห้องพร้อมกับยื่นโทรสับมาให้  และพูดเสียงดุบอกว่าเพื่อนโทรมา   เทยรับโทรสับมาแบบงงๆ  ก่อนที่พ่อจะเดินลงบันไดไป ตึ้ม....เสียงปิดประตูดังขึ้น  เทยเดินกลับไปที่นอนแล้วค่อยๆ ทอดกายลงบนที่นอนอีกครั้ง แล้วยกมือถือขึ้นมาแนบที่ข้างหู  ได้แต่คิดในใจ  แมร่ง!!  อิเพื่อนคนไหนโทรมาวะ  เดี๋ยวแม่จะด่าให้ลืมตื่นเลย 
   
   “ ฮัลโหล...... ”  น้ำเสียงบ่งบอกว่าง่วงมากถูกเปล่งออกมาอย่างงัวเงีย   

   “ ................ ”  เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับ สงสัยจะกลัวโดนฉันด่าแน่ๆ เลย อย่าให้รู้นะว่าใคร แมร่งหนิ

   “ใครอะ พูดมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ”  เทยก็ยังคงงัวเงียอยู่เหมือนเดิม

   “ เราเอง.... ” น้ำเสียงที่แตกเนื้อหนุ่มของผู้ชายดังขึ้นมาจากหมายเลขปลายทาง   เอ๊ะ !!!  เมื่อกี้นี่มัน เสียงผู้ชายนี่หว่า  หรือกะเทยหน้าไหนโทรมาอำฉันเล่น  ชักจะเริ่มโมโห   

   “ เราเอง....  เราไหนหละ ไม่บอกชื่อแล้วฉันจะไปตรัสรู้ด้วยมั้ยยะ ”  บอกแล้วว่าอย่าให้เทยต้องโมโห 

   “ โห…..  วัยรุ่นใจร้อนจังเลยคร้าบ....... ผมโชคคร้าบ..... โชคเองคร้าบ..... ” น้ำเสียงที่ยียวนกวนประสาทดังมาจากเลขหมายปลายทางอีกครั้ง    มันน่า……นักเชียว 

   “ โชคหรอ  โทรมาไรดึกดื่นป่านนี้อะ  ไม่หลับไม่นอนรึ่ไง หรือเป็นโรคจิตชอบโทรมาหาล่าเหยื่อตอนกลางคืน ” เทยโมโหจึงเหวี่ยงไอ้โชคไปเบาๆ    โทษฐานที่นางมาขัดจังหวะการนอนของเทย

   “ ป่าวสักหน่อย  ก็แค่อยากคุยด้วย  อยากได้ยินเสียงหวานๆ ของฟิล์มก่อนนอน  ไม่ได้เลยหรอ.... ” เข้าใจพูดนะคะน้ำเสียงออดอ้อนเชียว

   “ อืมๆ  ได้ยินแล้วใช่ป่ะ ได้ยินแล้วก็ไปนอนดิ  งั้น.....แค่นี้นะ ” เทยกำลังจะวางสาย เสียงไอ้โชคก็ดังขึ้น 

   “ อย่าเพิ่งดิ  กว่าจะได้คุยกับฟิล์ม นี่ลำบากมากเลยนะรู้มั้ย  ” เทยเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ ง่วงนอน จะวางสายก็ไม่ยอมให้วาง     

   “ ลำบากอะไร ??? ” เทยถามอย่างสงสัย

   “ ก็เราอะให้น้องสาวของเราเป็นคนคุยโทรสับกับพ่อฟิล์ม เพราะเรากลัวว่าถ้าเราพูดเอง  พ่อฟิล์มจะไม่ยอมให้เราคุยกัน  นี่ขนาดให้น้องบอกพ่อว่าเป็นเพื่อนนะ พ่อยังถามเซ้าซี้อีกตั้งหลายอย่างอะ พูดกับพ่ออยู่ตั้งนานสองนาน กว่าจะยอมให้คุยกับฟิล์ม  เห็นป่ะว่าลำบากมากแค่ไหน ” โอเครรร  สาทะยายเข้าไป  แต่คนที่ดูจะลำบากมากกว่าก็คือน้องของแกนะไอ้โชค ที่ต้องมาตกเป็นเครื่องมือของแกเนี่ย

   “ โอเคๆ คือเอาตามตรงนะ ตอนนี้เราง่วงมากๆ เลยอะ พรุ่งนี้ค่อยคุยกันแล้วกันนะ ”  พูดจบเทยก็รีบวางสายทันที  ตู๊ด..............  ไม่ไหวจะเคลียร์ตาจะปิดอยู่แล้วเนี่ย......    ยังจะมาชวนคุยอีก  ฉันไม่แคร์อะไรทั้งนั้นคะ เพราะ ณ ตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดก็คือการหลับตานอน   เฮ้อ.... คงได้เวลานอนจริงๆ แล้วสินะ  น้องเทยค่อยๆ หลับตาลง  แล้วเวลาแห่งการพักผ่อนก็ดูจะราบรื่นดี  เพราะไม่มีเสียงเรียกหริอเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกเลย  เฮ้อ..... เทยได้นอนเต็มอิ่มจนถึงเช้าสักที

   ที่โรงเรียน  กรี๊ง.............. ( เสียงออดของโรงเรียนดังขึ้น )  เวลาพักเที่ยงมาถึงสักที  หิวข้าวจนไส้จะขาดเถอะ  กะเทยสามนางทานข้าวจนอิ่มหนำสำราญ  ก็ถึงเวลาเม้าท์มอยกันสิคะ หัวข้อในการเม้ามอยจะเป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากเรื่องความสวยความงามกับเรื่องผู้ชาย........

   “ อิฟิล์ม.....  กูว่าไอ้โชคมันแปลกๆ นะมึง ” อยู่ดีๆ อิสายป่านก็พูดเรื่องไอ้โชคขึ้นมาและมองหน้าเทยอย่างสงสัย

   “ แปลก....  แปลกยังไงของมึงคะ ” เทยไม่เข้าใจที่อิสายป่านพูดเลยต้องถามกลับอย่างสงสัยในความหมายของคำว่าแปลก

   “ ก็อยู่ดีๆ มันก็อยากไปส่งมึงที่บ้าน แล้วก็อยากมานั่งทานข้าวกับมึง มึงว่ามันแปลกมั้ยหละคะ ”  หา.....  มึงพูดว่าไอ้โชคอยาก  แล้วมึงไปรู้กับมันได้ไงคะว่ามันอยาก  อินี่พูดไม่ทันไรก็โป๊ะแตกคะ

   “ มึงรู้  ว่ามันอยาก  นี่กูคิดว่าเหตุการณ์ทั้งหมดมันเกิดขึ้นโดยบังเอิญมาตลอดเลยนะ ที่แท้มึงก็อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี่เอง  ชั่วได้ใจกูมากเลยนะอิดอกทอง ” เทยพูดเหน็บแนมอิเพื่อนทรยศ 

   “ โอ้ย  อิห่า มึงจะด่าจะว่ากูให้มันได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาคะ กูจะบอกอะไรให้พวกมึงรู้ ตั้งแต่เรียนด้วยกันมา ม.1 จนถึงตอนนี้ ไอ้โชคมันยังไม่เคยจีบใครเลยนะเว้ย ” เอ้า!! อิห่าหนิ เสือกเรื่องของชาวบ้านอีกแระ

   “ มึงจะบอกว่า พฤติกรรมของไอ้โชคที่แสดงออกกับอิฟิล์ม คือการจีบ??? ” อิกระต่ายเองก็ดูจะสงสัยกับคำพูดของอิสายป่านเหมือนกัน

   “ ฉันก็แค่สงสัยยะ แต่ยังไม่ฟันธงหรอกนะ พวกหร่อนคอยดูต่อไปละกัน ”

   “ เออๆ ช่างเหอะ อิฟิล์ม เมื่อวานกูเจอไอ้เต้ เพื่อนไอ้โต๊ดด้วยคะ ” การเปลี่ยนเรื่องคุยของอิกระต่ายนี่ไม่ได้ทำให้อะไรๆ มันดีขึ้นเล้ยยยย  อิพวกนี้ พาฉันคุยแต่เรื่องผู้ชาย  ให้ตายสิ เบื่อพวกมันจริงๆ เลย

   “ ไอ้เต้ เพื่อนต่างโรงเรียนของไอ้โต๊ดใช่ป่ะ โห..... มึง..... สเป็คกูเลยอะ อยากได้อยากโดน ” แหม๋ อิสายป่าน ดูแกจะตื่นเต้นมากๆ เลยนะ กับอิแค่ผู้ชายคนเดียวเนี่ย  แต่เทยนี่สิ  ทั้งเบื่อทั้งเซ็งมันสองคน กะเทยอะไร บ้าผู้ชายจริงๆ

   น้องเทยหละเอือมระอากับอิเพื่อนสาวสองคนนี้เต็มที จะพูดเรื่องผู้ชายที่ไหนก็พูดไปสิยะ ทำไมต้องมาพูดเรื่องไอ้โชค ไอ้เต้ ไอ้โต๊ดด้วยหละหนิ  ถึงเวลาที่เทยต้องเบี่ยงประเด็นความสนใจของพวกมันออกจากเรื่องนี้สักที ก่อนที่เทยจะทนไม่ไหว   เทยจึงชวนคุยเรื่องความสวยความงาม พวกเราคุยกันเรื่องครีมทาผิวหน้าและผิวกาย คุยกันว่าจะซื้อยี่ห้อไหนดี  ถึงจะเหมาะกับผิวกายหยาบๆ และผิวหน้ามันๆ ของพวกเรา   และแล้วพายุที่เกรี้ยวกราดก็โหมกระหน่ำเข้ามาใส่ฝูงกะเทยสามนาง  แต่เอ๊ะ ดูเหมือนฉันจะโดนพายุเล่นงานอยู่คนเดียวนะเนี่ยย....

   “ ฟิล์ม !! ” เสียงเรียกที่คุ้นหูดังขึ้น เทยหันกลับไปมอง  เจอไอ้โชค ที่กำลังทำหน้าบึ้งตึงใส่เทยอยู่

   “ มีอะไรหรอโชค ” ฉันทำเป็นแอ๊บแบ้วไร้เดียงสาไป แต่ในใจลึกๆ ก็พอจะรู้แล้วแหละ ว่าสาเหตุที่ทำให้ไอ้โชคโกรธถึงขนาดนี้คงเป็นเรื่องที่ฉันตัดสายโทรศัพท์ของมันเมื่อคืนนี้แหง๋ๆ เลย

   “ เมื่อคืนตัดสายเราทำไม ” น่าน....ไงหละ ว่าแล้วเชียว เรื่องนี้จริงๆ ด้วย

   “ อ๋อ..... เราก็บอกโชคแล้วหนิ ว่าเราง่วงนอน ใจคอโชคจะไม่ให้ฟิล์มนอนเลยหรอ ” แหมะ ฉันนี่ก็แสดงละครเก่งจริงๆ เลยนะเนี่ย  ตีบทนางเอกผู้น่าสงสารจนแตกเปรี้ยงเลยหละคะ  เอาซี้  ถ้ามันไม่ใจอ่อนก็ให้มันรู้ไป
 
   “ โชคก็แค่  อยากคุยกับฟิล์มนานกว่านี้หน่อยเท่านั้นเอง ” ดูเหมือนว่าพายุจะเริ่มสงบลงแล้วสินะ ท่าทางดุดันเมื่อกี้มันหายไปไหนหมดคะ เหลือแต่ผู้ชายที่ดูสุภาพ อ่อนโยน

   “ ไว้คืนนี้โชคค่อยโทรมาใหม่แล้วกัน  เดี๋ยวเราจะขอโทรศัพท์กับพ่อไว้  แต่ขอเป็นหลังละครหลังข่าวจบนะ ”  อ๋อยผู้ชายไม่เป็นคะ ใสๆ วัยรุ่นชอบ  อิอิ

   “ แล้วไหนบอกว่าง่วง นอนดึกไม่ได้ไม่ใช่หรอ ”

   “ปกติก็นอนสี่ทุ่มห้าทุ่มนะ แต่เมื่อวานไม่รู้เป็นอะไร ง่วงมากเลยอะ ก็เลยนอนแต่หัวคำหน่อย ”

   “ ครับ งั้นโชคไปเตะบอลกับเพื่อนก่อนนะ เดี๋ยวคืนนี้โทรหา  ” ไอ้โชคพูดไปยิ้มไป ผสมกับท่าทางที่ดูเขินอาย  อย่าบอกนะว่า  มันจะคิดอะไรกับเราจริงๆ

   “ ว้ายยยย....  โป๊ะเช่ะ  กูว่าแล้วไงคะ  ชัวร์เลย  เรด้ากูจับสัญญาณได้คะ”  อิสายป่านดูท่าทางมั่นใจในความคิดของตัวเองมากคะอิดอกก.....

   “ เฮ้ย!! อิฟิล์ม มึงให้เบอร์โทรศัพท์กับมันตอนไหนยะ อิดอกก แรดมากกก แรดเงียบ แรดเรียกแม่เลยนะมึง ”  นี่มึงด่ากูแรงไปมั้ยคะอิกระต่าย  เดี๋ยวกูไม่ให้ลอกการบ้านเลยหนิ 

   “ หุบปากของพวกมึงได้แล้ว แล้วก็หยุดคิดอะไรอุบาทๆ สักที ”

   “เอ้า... อินี่ ” เสียงประสานของอิเพื่อนตัวแสบสองนางอุทานขึ้นเสียงดัง 

   “ อุบาทตรงไหนยะ แล้วมึงรู้หรอว่าพวกกูคิดอะไร  กูจะบอกให้นะ ว่าความคิดของกูนี่ สดใสงดงาม มากกว่าใบหน้าเน่าๆ ของมึงอีกคะ ”   สิ้นเสียงด่าของอิสาย  เสียงหัวเราะดังขึ้น 5555555  อิเพื่อนตัวแสบสองคนหัวเราะชอบใจเสียงดังอย่างไม่อายคนในโรงอาหารเลย  พวกมึงคงสนุกมากสินะได้ด่ากูเนี่ย  อิพวกเพื่อนเลว.....

   ใกล้ถึงเวลาที่จะต้องเข้าเรียนในภาคบ่ายแล้ว กะเทยสามนางก็พากันเดินบิดตูดกำลังจะขึ้นห้อง  ไม่ทันจะได้ขึ้นบันไดเลยซะด้วยซ้ำ   มีฝูงชะนีกลุ่มนึงมีกันประมาณสัก 6 คน เดินลงมาจากบันไดมาปะหน้ากับพวกเราทั้ง 3 คนพอดี ทั้ง 2 ฝ่ายจึงต้องหยุดเดินเพราะต่างฝ่ายก็ต่างขวางทางกัน และเหมือนจะไม่มีฝ่ายไหนยอมหลีกด้วย จะใครหนะหรอคะ ก็แฟนสาวของไอ้โต๊ดกับเพื่อนๆ ของมันอีก 5 คนน่ะแหละ  และหนึ่งในนั้นก็มีอีชะนีเตี้ยปากแดงซะด้วย ฉันจะมันได้ดีเลยแหละ  เพราะมันขัดขาฉันจนสะดุดล้ม  ถ้ามีโอกาส ฉันต้องเอาคืนมันแน่  ไม่รู้ว่าการเจอกันครั้งนี้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หรือจงใจกันแน่  แต่ถึงยังไง ฉันก็ไม่กลัวคะ
 
   “ อ้าววว นึกว่าใคร  ที่แท้ก็อิกระเทยหน้าด้าน ชอบแย่งผัวชาวบ้านนี่เอง ” อิแฟนสาวของไอ้โต๊ดที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าแก๊งค์พูดน้ำเสียงประชดประชัน แต่เสียใจคะ มันไม่สะทกสะท้านแม้แต่ปลายเล็บของฉันเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะสิ่งที่มันพูดกล่าวหาฉันมันไม่ใช่ความจริง  เพราะฉะนั้นเทยจึงไม่เป็นเดือดเป็นร้อนคะ

   “ ขอโทษ  ก็ผู้ชายมันให้ท่าฉันเอง  แล้วจะให้ฉันทำยังไงหละ”  ต้องพูดยั่วให้มันโมโหสักหน่อยแระจะได้สะใจเทย

   “ อิหน้าด้าน ผู้ชายหล่อๆ อย่างแฟนกู ไม่เอากะเทยอย่างมึงให้เสียชาติเกิดหรอกหวะ ” อุ้ย ด่าแรงนะเนี่ย  เทยสะแยะยิ้มมุมปากให้เบาๆ แล้วกัน 

   “ งั้นก็ไปบอกให้แฟนแกไปตายเกิดใหม่ซะเถอะ  เพราะถ้าไม่รีบ  มันอาจจะห้ามใจตัวเองไม่ไหว   แล้วมาจิ้มฉัน เดี๋ยวมันจะเสียชาติเกิดเอา  ”   55555555  คำพูดของฉันคงดูสะใจอินางเพื่อนสาวสองคนมาก ถึงกลับกั้นหัวเราะไว้ไม่ไหวเลยหรอคะเพื่อนสาว ฉันก็เช่นกันคะ  55555555  สะใจเบาๆๆ 

   “ สายป่าน  นี่มึงไปเข้าพวกกับมันตั้งแต่ตอนไหน มึงไม่กลัวเสนียดติดตัวมึงหรอ ” อิชะนีเตี้ยปากแดงที่เคยขัดขาเทยตั้งประโยคคำถามให้กับอิสายป่าน  ทีแรกเทยก็นึกว่าพวกนางเป็นเพื่อนสนิทกันซะอีก แต่ดูท่าทางจะไม่ใช่แระ เพราะอยู่กันคนละห้อง และอีกอย่างนางก็อยู่แก๊งค์เดียวกันกับแฟนไอ้โต๊ดอีก แล้วทำไมวันที่ไปแกล้งเทยถึงไปด้วยกันได้นะ  คำถามนี้วนเวียนเข้ามาในหัวของเทยทันที   

    “ กระเทยเป็นเพื่อนกัน มันแปลกตรงไหนคะอิเหม่ง  ถ้าจะให้กูกลัว กูกลัวติดเสนียดกับชะนีอย่างพวกมึงมากกว่า ”  กรี๊ดดดดด  สายป่านนน  นางพูดได้ถูกใจฉันมาก  และคำตอบที่อิเหม่งได้รับก็ค่อนข้างชัดเจนแล้วนะว่าอิสายป่านมันเลือกอยู่ข้างใคร  5555555

   “ สายป่าน  ตั้งแต่รู้จักกันมา เราไม่เคยมีเรื่องกันแม้แต่ครั้งเดียวเลยนะ หรือวันนี้เธออยากจะประกาศตัวเป็นศัตรูกับพวกฉัน ”  แฟนสาวไอ้โต๊ดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูจะไม่พอใจเอามากๆ 

   “ ฉันไม่เคยอยากมีเรื่องกับใครทั้งนั้น แต่ถ้ามีใครมาหาเรื่องฉันกับเพื่อนฉันก่อน โดยสัญชาตญาณของกะเทยแล้ว เพื่อนเจ็บ เท่ากับเราเจ็บ ใครทำเพื่อนกู  กูจะตามไปเอาคืน  ”  อิสายป่านเริ่ดมากกก  นางพูดน้ำเสียงหนักแน่น  อย่างไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น นี่สิ ถึงจะเหมาะเป็นเพื่อนกับเทย  อิสายป่านและแฟนสาวไอ้โต๊ดจ้องหน้ากันไม่กระพริบตา สีหน้าดุดันราวกับจะตบกันตรงนี้ให้ได้ 

   “ ทำอะไรกัน !!! ” เสียงชะนีที่ไหนเนี่ย ดังมาจากข้างหลังของเทย  แต่ก็เป็นเหมือนเสียงสวรรค์  ที่ทำให้ทุกคนเปลี่ยนประเด็นความสนใจออกจากตรงนี้ไปอยู่ที่เจ้าของเสียงเมื่อกี้ เทยเองก็หันหลังกลับไปมองเช่นกัน ถึงกับตกใจ เมื่อชะนีที่เจอก็คือเพื่อนสาวสุดเลิฟสมัยประถม  ไม่ค่อยได้เจอกันเลย เจอบ้างเป็นบางครั้งแต่ก็แค่ผ่านๆ ไม่ได้มีเวลาทักทายกันสักเท่าไหร่  และดูนางเองก็ตกใจอยู่ไม่ใช่น้อยที่เห็นหน้าเทย

   “ ฟิล์ม....... ”  นางอุทานชื่อฉันขึ้นมา

   “ พวง........”  ฉันอุทานชื่อนางขึ้นบ้าง ถือเป็นการทักทายกันในรอบ 2 ปีเลยทีเดียว

   “ พอได้ยินมาบ้าง  ว่ามีเด็กใหม่เข้ามาเรียนที่นี่  ไม่นึกว่าจะเป็นแก ดีใจจริงๆ เลย ” ท่าทางและน้ำเสียงที่ดูจะดีอกดีใจ ทำเอาอิแฟนสาวไอ้โต๊ดและแก๊งค์ของพวกมันถึงกับงง 

   “ ฉันก็รู้อยู่  ว่าแกเรียนที่นี่ ว่าจะไปหาอยู่ แต่ไม่รู้ว่าแกอยู่ห้องไหนนี่สิยะ เจอแกวันนี้ก็ดีแล้ว จะได้ถามไถ่ให้รู้สักที ว่างๆ จะได้ไปเล่นด้วย ” ท่าทีที่ดูเหมือนเป็นมิตรของเราสองคนยิ่งทำให้พวกนาง งง มากขึ้น

   “ พวง....  นี่เธอรู้จักกับอิกะเทยคนนี้ด้วยหรอ ” แฟนสาวของไอ้โต๊ดถามขึ้นอย่างสงสัย

   “ รู้สิ ก็เค้าเป็นเพื่อนสนิทของฉัน เราเรียนด้วยกันมาหกปี อยู่ห้องเดียวกันมาตลอด และก็สนิทกันมาก เธอมีปัญหาอะไรกับเพื่อนของฉันรึ่ป่าว ” แม่นางพวงพูดเสียงแข็ง เหมือนกับรู้ว่าเทยกับอิพวกนี้กำลังมีปัญหากัน  ท่าทางที่ดูก้าวร้าวเหมือนจะหาเรื่องเมื่อกี้หายไปไหนหมดแล้วหละ  ดูพวกนางคงจะกลัวแม่นางพวงไม่ใช่น้อย เพราะแม่นางพวงไม่ได้เดินมาคนเดียวแต่เดินมากับแก๊งค์ของนางอีก 6 คน รวมกับนางก็เป็น 7 คน และที่สำคัญคือเพื่อนในแก๊งค์ของนางแต่ละคนตัวโตๆ สันใหญ่ๆ กันทั้งนั้น เทียบกับแก๊งค์ของอิแฟนสาวไอ้โต๊ดหนะหรอ โอ้ยย ต่างกันราวฟ้ากับเหว เพราะแต่ละนางรูปร่างบอบบาง แต่งหน้าจัดๆ แถมยังมีอิเตี้ยปากแดงอีก  มันน่ากลัวซะที่ไหนหละคะ 

   “ เปล่า  ไม่มีไร  ป่ะพวกเรา ขึ้นห้อง ”  เสียงออกคำสั่งของนางแฟนสาวไอ้โต๊ดได้พาตัวมันและแก๊งค์ของมันเดินลากเท้าขึ้นบันไดไป 

   “ โอ้ยยย ใจหายใจคว่ำหมด ดีนะเนี่ยที่แกมาทัน ไม่งั้นตบกันมันแน่เลย  ” อิกระต่ายพูดพรางถอนหายใจเสียงดัง ฮืดดดดดดด 

   “ มีอะไรให้บอกฉัน ยังไงเราก็เพื่อนกัน เข้าใจใช่มั้ย ” แม่นางพวงท่าทางเป็นห่วงเป็นใยเทยเหลือเกิน เทยจึงพยัคหน้าตอบรับความช่วยเหลือจากนาง แล้วพวกเราก็เดินขึ้นอาคารเรียนพร้อมกัน  เทยและเพื่อนสาวสุดเลิฟเองก็ไม่ลืมที่จะคุยกัน ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ พูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน

   ตอนนี้ก็ค่ำแล้ว ถึงเวลาของครอบครัวที่อบอุ่น ได้มานั่งดูละครหลังข่าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน  ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันคงดีสิ เพราะบางวันเพื่อนพ่อก็จะชอบชวนพ่อออกนอกบ้านไปกินเลี้ยงสังสรรค์  แต่พักหลังมานี่ไม่ค่อยเห็นมาชวนเลยแฮะ  ทำให้ครอบครัวของเราได้มีช่วงเวลาที่อบอุ่นด้วยกัน  อ้าวววว  นี่เพิ่งจะสามทุ่มครึ่งเอง ละครช่องห้าพ่อจบ นี่พ่อจะไปนอนแล้วหรอเนี่ย  พ่อเอื้มมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟา  แล้วลุกเดินไปที่ประตูห้องนอนที่อยู่ชั้นล่าง  ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ดูทีวีมากนัก  เทยต้องชิงยืมโทรศัพท์ก่อน ไม่งั้นไอ้โชคโดนพ่อดุแน่ๆ เลย   ไม่ทันที่พ่อจะเดินไปถึงประตูห้องนอนหรอก  เทยจึงฉุดรั้งพ่อเอาไว้ก่อน
   
   “ พ่อ  เดี๋ยวก่อน ”   พ่อหยุดฝีก้าวและหันกลับมาถามเทย

   “ มีอะไร พ่อจะรีบไปนอน พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้า ”  พ่อพูดเสียงดุมาเชียว  แล้วอย่างนี้หนูจะกล้ายืมโทรศัพท์มั้ยเนี่ย  เอาวะ เทยจึงรวบรวมความกล้า  แล้วขอยืมโทรศัพท์กับพ่อ

   “ พ่อ.... หนูขอยืมโทรศัพท์หน่อยดิ  เพื่อนบอกว่าจะโทรมาหาหนะ ”  ขนาดว่ารวบรวบความกล้าแล้วนะเนี่ย น้องเทยยังกล้าๆ กลัวๆ พูดตะกุกตะกักอยู่เลย พ่อมองหน้าเทยสักพัก แต่เทยนี่สิสบตาพ่อแล้วก้มหน้าเป็นระยะๆ  บอกตามตรงเลยว่า  ณ จุดนั้น  กลัวโดนพ่อถามอีก แล้วจะตอบว่ายังไงดีหละทีนี้   แต่ผิดคาดคะ พ่อไม่ถามเซ้าซี้ 

   “ เดินมาเอาดิ พ่อจะรีบไปนอน ”  ว้าววว  พ่อใจดีจังเลยอ่า.....  ไม่รีรอคะ เทยรีบเดินไปเอาโทรศัพท์กับพ่อทันที  แล้วมานั่งดูทีวีกับแม่และน้องชายต่อ  นึกว่าจะรอด  ที่ไหนได้ ยังเหลือแม่อีกหนึ่งคน แม่จ้องมองหน้าเทยอย่างสงสัย  แต่คราวนี้เทยกลับไม่รู้สึกกลัวเลยแฮะ จะกลัวทำไมหละ ก็สายตาที่แม่มองเรามันช่างอบอุ่นเหลือเกิน  แล้วแม่ก็ยิ้มให้กับเทย และเทยเองก็ไม่พลาดที่ยิ้มตอบเหมือนทุกๆ ครั้ง   

   “ เพื่อนคนไหนจะโทรมาหาหรอลูก ” แม่ถามด้วยความเป็นห่วง ฉันรู้สึกและสัมผัสได้

   “ ก็เพื่อนใหม่ที่โรงเรียนใหม่นั่นแหละจ้ะ ”

   “ อย่ามัวแต่คุยกันจนดึกดื่นหละ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียนนะรู้มั้ย ”แม่ส่งความรู้สึกเดิมๆ มาให้กับเทย อุ่นไอรักนี้แผ่ปกคลุมไปทั่วหัวใจดวงน้อยๆ ของเทยแล้วคะคุณแม่

   “ ค่ะแม่ ” คำตอบสั้นๆ ที่ทำให้เราโอบกอดกันอย่างมีความสุข  ส่วนไอ้น้องชายของเทยหนะหรอ มันก็นั่งมองดูเราสองแม่ลูกกอดกันและยิ้มจนแก้มปริอยู่ข้างๆ แม่นี่หละคะ 

   หลังจากที่ละครหลังข่าวของช่อง 7 สี และช่อง 3 จบแล้ว  เทยจึงเดินขึ้นห้องมานอนรอรับโทรศัพท์ไอ้โชค  เมื่อไหร่มันจะโทรมานะ คงไม่โกหกเทย  ให้เทยรอเก้อหรอกนะ ไม่งั้นพรุ่งนี้เราจะได้เห็นดีกัน  พอความคิดจบลุงปุ๊บ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นปั๊บ   เทยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หน้าจอโทรศัพท์โชว์หมายเลขที่คุ้นเคย เทยจึงแน่ใจว่าไอ้โชคโทรมาแน่นอน  เทยจึงกดรับโทรศัพท์ 

   “ ฮัลโหล....... ”
   “ ดีใจจังเลย ที่ได้ยินเสียงฟิล์ม นึกว่าจะได้ยินเสียงพ่อซะอีก ”  คำพูดที่ดูเหมือนจะเหน็บแนมเล็กน้อยดังขึ้นมาจากโทรศัพท์

   “ ถ้ารู้ว่าปากเก่งขนาดนี้  ให้พ่อรับสายแทนซะก็ดี ”  เทยพูดประชดประชันไอ้โชค

   “ โอ้ย......  อย่าเลยนะ  เราอยากคุยกับฟิล์มอะ ไม่ได้อยากคุยกับพ่อ ” แหม๋.... เลิกปากเก่งทันทีเลยนะคะไอ้โชค  น้ำเสียงออดอ้อนซะเหลือเกิน 

   “ หรอ...... ว่าแต่มีเรื่องไรจะคุยอะ รีบๆ พูดมาเลยนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า  ”  เทยเริ่มชักนำให้เข้าประเด็นสักที

   “ ก็ไม่มีไรมากหรอก แค่อยากจะบอกว่า   ฟิล์มน่ารักมากเลยนะ!! ” กรี๊ดๆๆๆๆๆ  ไอ้โชคบ้า พูดอะไรออกมายะ  กะเทยก็เขินเป็นเหมือนกันนะ  เทยได้แต่นั่งยิ้ม ท่าทางเขินอาย บิดตัวจิกหมอนไปมา 

   “ ……………. ”  ไม่มีเสียงตอบรับจากฉันเป็นเวลาสักพักนึง 

   “ ฟิล์ม หลับแล้วหรอ ทำไมไม่เห็นคุยกับโชคเลยอะ ” คำถามของไอ้โชคสะกิดให้ฉันต้องหลุดออกจากภวังค์

   “ ป่ะป่าว........ ฟังอยู่  โชคมีอะไรอีกมั้ย  ” แอ๊บเนียนสิคะงานนี้ ต้องพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต้องไม่แสดงออกว่าเราเคลิบเคลิ้มกับชื่นชมของมันเป็นอันขาด

   “ ฟิล์ม.....  โชคเพิ่งชมว่าฟิล์มน่ารักไปเมื่อกี้เองนะ  ฟิล์มไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ ” 

   “ ก็รู้ว่าโชคบอกว่าเค้าน่ารัก  ขอบใจนะ  ” เทยพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

   “ ครับ  ฟิล์ม โชคมีอะไรจะบอก โชครู้ว่ามันอาจจะเร็วเกินไป   แต่โชคอยากจะบอกฟิล์มว่าโชครู้สึกแบบนี้กับฟิล์มจริงๆ ”

   “ โชคอยากจะบอกอะไรเค้าหรอ ”  เทยแกล้งถามออกไป ทั้งๆ ที่ในใจก็มีคำตอบให้กับตัวเองอยู่แล้ว 

   “ โชครักฟิล์มนะ!!  เป็นแฟนกันมั้ย!!! ” กรี๊ดดดดดดด  มันตอบตามที่ฉันคิดจริงๆ ด้วย  ช่างกล้าเน่าะไอ้โชค คำตอบของแกทำให้ฉันอึ้งตะลึงงันไปเลยคะ  เทยต้องรวบรวมสติ ก่อนจะตอบกลับไป 

   “ คือ............. ” ไม่ทันจะได้พูดอะไรหรอกคะ ไอ้โชคก็ตัดบทขึ้นมา

   “ คือไรหละฟิล์ม  ก็แค่ตอบโชคมาว่าจะคบหรือไม่คบ  ตอบมาดิ  ” ไอ้โชคเร่งรัดเอาคำตอบจากเทย

   “ คบ!!  คบเป็นเพื่อนกันไปก่อนได้มั้ย  เรายังไม่พร้อม ” เทยตอบกลับเสียงสั่น เอ๊ะ นี่ฉันกำลังกลัวอะไรอยู่กันแน่ ทำไมต้องเสียงสั่น  ใจเต้นระรัวถึงขนาดนี้ 

   “ …………… ” ไม่มีเสียงตอบกลับจากไอ้โชค 

   “ ขอเวลาเราหน่อยนะ เรายังไม่กล้าตัดสินใจอะไรตอนนี้ ขอเวลา  ให้เราได้รู้จักโชคมากกว่านี้ก่อน ถึงเวลานั้น เราจะให้คำตอบ  ว่าเราสองคน เหมาะที่จะเป็นอะไรกัน ” เทยรู้ว่าคนที่ถูกปฏิเสธคำขอก็คงจะเสียใจไม่ใช่น้อย  แต่สิ่งที่เทยพูดออกไป เทยคิดว่ามันคือคำปลอบโยนที่ดีที่สุดในตอนนั้นแล้ว 

   ตู๊ด.........  ตู๊ด............ ตู๊ด...........  ไอ้โชควางสายโทรศัพท์  โดยไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาจากปากของมันเลยแม้แต่คำเดียว  หรือมิตรภาพระหว่างเราสองคนจะจบลงเพียงแค่นี้    --___--


***** ตอนต่อไป ตอนที่  5  Coming Soon.....     

           :katai2-1: :katai4: :mc4: :bye2:           


   
      

หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 4 ระหว่างเพื่อนกับแฟน Part 2/2 : 13-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 13-09-2015 17:53:15
อร้าย ชอบๆ เขิน  :hao7:
แต่สงสารโชคอ่ะ  :mew2:
มาต่ออีกน่ะค่ะ รอๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 4 ระหว่างเพื่อนกับแฟน Part 2/2 : 13-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 13-09-2015 22:53:20
ฟิล์มก็สงสารโชคอยู่เหมือนกันนะ แต่ทำยังไงได้อะ ก็ตอนนั้น เค้ายังไม่ได้รู้สึกรักโชคแบบคนรักเลยนี่นา  :mew4: :mew6:
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 5 จุดเริ่มต้น..ของการเปลี่ยนแปลง: 15-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 15-09-2015 04:48:54
ตอนที่ 5  จุดเริ่มต้น.......ของการเปลี่ยนแปลง

   เช้าวันต่อมา  ฉันก็ไปเรียนตามเดิม  และแล้วการเรียนในช่วงเช้าก็ผ่านไป ทุกอย่างเป็นปกติดี ไม่มีเหตุการณ์พิสดารอะไรเกิดขึ้น  จนกระทั่งพวกเรา  4 คน  ฉัน อิกระต่าย อิสายป่าน และแม่นางมาย ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเราจะเป็นกลุ่มเป็นแก๊งค์เดียวกันแล้วนะเนี่ย  พวกเรา 4  นางเดินลงมาซื้อกับข้าวที่โรงอาหาร แต่ละคนก็แยกย้ายกันไปซื้อกับข้าวที่ตัวเองอยากกินเช่นเคย  วันนี้อยากกินข้าวไข่เจียวฟองใหญ่ๆ โตๆ จังเลยแฮะ ฉันจึงเดินดุ่มๆ ไปที่ร้านขายข้าวไข่เจียว  พอเดินไปถึงฉันก็ไม่รีรอเพราะหิวม้ากกกกกก

   “ ขอข้าวไข่เจียวแบบพิเศษ  ไข่เจียวฟองใหญ่ๆ โตๆ จานนึงคะ ”  พอสั่งกับข้าวเสร็จ ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าฉันมองจากข้างหลัง ทำไมรูปร่างมันดูคุ้นๆ ตาจังเลย  แล้วผู้ชายคนนั้นก็หันกลับมา   อะๆ  อะๆ  ไอ้โชค!!  มันกำลังมองหน้าเทย เฮ้ย!!  ดูเฉยชาไปมั้ย ไม่พูดไม่ทักทายยังไม่พอ นี่ทำหน้าตาเฉยเมย เหมือนคนไม่รู้จักกันเลยหรอวะ  สงสัยมันคงจะโกรธเทยเรื่องเมื่อคืนแน่ๆ เลย

   “ หวัดดี ”  ฉันเริ่มทักทายมันก่อน  ก็แน่สิ เล่นยืนนิ่ง  จ้องหน้าฉันหน้าตาเฉยแบบนั้นตั้งนาน ฉันก็เกร็งไปหมด ไม่รู้จะทำยังไงดี  ก็เลยต้องเป็นฝ่ายจำยอมทักทายมันก่อน

   “ หวัดดี ”  แหนะไอ้นี่  ตอบมาหน้าตาเฉยอีกแล้ว  ทักทายแค่สองคำเท่านั้นแหละ มันก็เดินออกไปจากลานสายตาของฉัน   ฉันถึงกับอึ้งกับการกระทำของมัน  ยืนอ้าปากค้างเลยคะ  แค่ไม่ตอบรับรัก นี่มันปลี่ยนไปถึงขนาดนี้เลยหรอเนี่ย เวอร์ไปป่ะไอ้โชค 

   เสียงแม่ค้าเรียกให้ฉันไปรับจานข้าว ทำให้ฉันหลุดจากอาการเอ๋อแดก  ก่อนที่จะไปรับเอาจานข้าว  ว้าว...  ข้าวไข่เจียว ไข่เจียวฟองใหญ่ สีเหลืองทอง น่ากินจังเลยอะ  แล้วฉันก็เดินไปนั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อน  ซึ่งมีเพื่อนสาว 3 นางของฉันนั่งรออยู่ก่อนแล้ว  ฉันจึงนั่งลงด้วยท่าทางหงุดหงิดเล็กน้อย 

   “ อ้าว อิห่า ไปเจออะไรมายะ หน้านี่งอเหมือนตูดเป็ดเชียว ” ช่างสังเกตจริงนะมรึงอิกระต่าย เรื่องสอดรู้สอดเห็นนี่ขอให้บอกนาง  คำถามของอิกระต่าย  ทำให้ เพื่อนฉันอีกสองนางหันมามองดูหน้าฉันทันที

   “ เออ.... จริงด้วย  แกไปเจออะไรมาหรอฟิล์ม ”  ถึงคราวที่แม่นางมายถามฉันบ้าง แต่ฉันก็ยังไม่ตอบทำหน้าเซ็งและก้มหน้าก้มตากินข้าวไข่เจียว

   “ เฮ้ย!!  อินี่  เพื่อนถาม มรึงไม่ได้ยินหรือไง  หรือหูหนวกไปซะและ ”  อิสายป่านเอามือตบโต๊ะและตะหวาดฉันเบาๆ  ทำเอาฉันถึงกับสะดุ้งตกใจ  เงยหน้าขึ้นมามองหน้ามันอย่างเร็ว  ดูมันทำหน้าทำตาสิอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อเทยอย่างงั้นแหละ  ข้าวนี่เกือบติดคอกูแล้วนะคะอิดอก   ฉันรีบเคี้ยวอาหารที่อยู่ในปากและกลืนลงคอ ก่อนจะเข้าสู่การสนทนา

   “ ไม่มีอะไรหรอก  ก็แค่....  เจอไอ้โชคที่ร้านข้าวไข่เจียว ” ฉันพูดน้ำเสียงนิ่งๆ ธรรามดาๆ เหมือนไม่แคร์อะไรเลย แต่ทำไมในใจของฉันถึงรู้สึกอึดอัดแบบนี้นะ 

   “ อ้าว อินี่ แล้วทำไมมึงไม่ชวนเค้ามากินข้าวด้วยวะ อดเลยมั้ยหละมึง  โง่แดกอีกแล้ว ” ด่ากูแรงจังเลยนะคะอิสายป่าน  โดนมันด่าแท้ๆ แต่ฉันก็ยังทำหน้าตาเฉย

   “ แต่กูว่า  มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ไม่งั้นมึงคงไม่เดินหน้าหงิกหน้างอ  อารมณ์เสียมาแบบนี้หรอก ” แหม๋ ทำเป็นสู่รู้จังเลยนะมรึงอิกระต่าย  ฉันไม่สนใจกับคำพูดของพวกมันหรอก ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อดีกว่า 

   “ นี่ตกลง มรึงจะไม่บอกอะไรพวกกูเลยใช่มั้ย ” อิสายป่านถามฉัน ท่าทางซีเรียด   

   “ กูว่าพวกมรึงรีบๆ แดกไปเถอะ แมร่ง!!  บ่นหิวกันไม่ใช่หรอ จะมาซักไซ้ไล่เรียงอะไรกูนักวะ ” ฉันพูดท่าทางไม่พอใจ  ก็แหง๋หละ  ถ้าเทยไม่ทำแบบนี้  เรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ แน่  เทยเลยจำเป็นต้องทำเป็นโมโหเพื่อกลบเกลื่อนสินะ

   “ ไม่บอกก็ไม่เป็นไร  ถ้าอย่างนั้นพวกกูก็จะสืบกันเอง  55555 ” อิกระต่ายจอมสอดพูด  พรางทำหน้าทำตาล้อเลียนฉัน  ไม่พอแค่นั้น มันยังหัวเราะเยาะฉันอีก ชวนให้อิสายป่านและแม่นางมายหัวเราะเยาะฉันตามไปด้วย  ฉันได้แต่ส่ายหน้า ไม่รู้จะพูดกับพวกมันยังไงดี  พูดถึงขนาดนี้ สักวันพวกมันต้องรู้เรื่องของเทยกับไอ้โชคแน่ๆ เลย เฮ้อออ.....

       แล้วช่วงเวลาที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายก็มาถึง จะอะไรอีกหละ ก็คาบเรียนวิชาลูกเสือหนะสิ  เฮ้อออ  จะไม่ให้เบื่อได้ไงหละ นอกจากจะได้ไปหมกอยู่กับพวกผู้ชายแล้ว ยังต้องไปยืนตากแดดช่วงบ่ายสามโมง  ร้อนม้ากกกกก  นี่ผิวจะไหม้เกรียมด้วยมั้ยเนี่ย   หลังจากที่ยืนทำกิจกรรมหน้าเสาธงจนเสร็จ  พวกเราก็ได้เข้าร่มสักที  ที่โรงเรียนนี้จะเรียนวิชาลูกเสือแบบแยกชายหญิง และแยกระดับชั้น  ทำให้ฉันต้องมานั่งกองรวมกันกับพวกผู้ชาย  ม.3 ทุกห้อง  แต่โชคดีหน่อย ที่ครูให้เลือกกลุ่มกันเอง  พวกเราสามนางก็เลยได้มาอยู่กลุ่มเดียวกัน  ส่วนหัวหน้ากลุ่มและรองหัวหน้ากลุ่มก็เลือกกันตั้งแต่สัปดาห์แรกแล้วหละ  และแน่นอน  กลุ่มฉันได้ไอ้โต๊ดเป็นหัวหน้า และมีฉันเป็นรองหัวหน้าเอง  เรื่องหัวหน้าเนี่ย เพื่อนๆ ในกลุ่มเป็นคนเลือกคะ แต่ไอ้ตำแหน่งรองหัวหน้าเนี่ย ไอ้โต๊ดมันเป็นคนเลือกเอง  แต่ก็ดีนะ เพราะว่าหัวหน้าต้องไปอยู่หัวแถว ส่วนรองหัวหน้าก็ต้องมาอยู่ท้ายแถว  ทำให้ฉันไม่ต้องไปใกล้ชิดกับมัน  เลอค่ามากกก

   “ เอาหละนักเรียน เดี๋ยววันนี้ครูจะมาเล่าประวัติความเป็นมาของลูกเสือไทยให้ฟังกันนะ ”  พอเกริ่นนำเสร็จ ครูก็สาทะยาวซะยาวเหยียดเลย  ฮาบ้าง น่าเบื่อบ้าง  แต่ฟังไปนานๆ ก็ชักจะง่วงแล้วแฮะ  นั่งอยู่ท้ายแถวซะด้วย แอบงีบสักหน่อยครูจะเห็นมั้ยน้า......  ก็ได้แค่คิดเท่านั้นแหละ เพราะไม่กล้าหลับหรอก หลับไม่ลง กลัวโดนผู้ชายลวนลาม 55555 

   “ นี่ๆ อิฟิล์ม ” อิสายป่านที่นั่งอยู่ข้างหน้าฉันหันหน้ามาเรียกฉันเสียงเบา 

   “ มีไรวะ ” ฉันตอบกลับเสียงเบาเช่นกัน เพราะกลัวว่าครูจะได้ยินว่าเราคุยกันระหว่างเรียน  แหม่ แอ๊บมีมารยาทอีกแหละช้านนน   

   “ กูนั่งสังเกตดูมานานแล้ว  ไอ้โชคมันมองมึงบ่อยม้ากกกกก ” อิห่า ทำไมต้องลากเสียงยาวขนาดนี้ด้วยคะ 

   “ มรึงไม่มีอะไรทำรึ่ไง ว่างมากนักใช่มั้ย  ถึงได้มีเวลาไปนั่งมองดูพฤติกรรมของคนอื่นขนาดนั้น ” ฉันยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ อิสายป่านและกระซิบกระซาบมัน 

   “ เอ้า อินี่ อย่างกับมึงไม่ว่าง หรือว่ามึงสนใจประวัติศาสตร์ลูกเสือคะ กูเห็นนั่งตาเยิ้มจะหลับอยู่แระ” 

   “ เอาหละลูกเสือทุกนาย  สัปดาห์หน้าเราจะเรียนกันเรื่อง วิธีการผูกเงื่อนต่างๆ และประโยชน์ของเงื่อน  ต่อไปครูจะให้หัวหน้ากลุ่มแต่ละกลุ่มมาจับฉลาก ว่ากลุ่มพวกเธอจะได้เงื่อนอะไร และถ้ากลุ่มไหนได้เงื่อนอะไร ก็จะให้กลุ่มนั้นมาสอนเพื่อนทำ  เป็นการเรียนรู้ร่วมกัน เพราะครูอยากให้พวกเรามีส่วนร่วมในการเรียนให้มากๆ นะครับ ” ก็แน่สิคะ เพราะตอนนั้น เรื่องการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางกำลังมาแรงแซงทางโค้ง 

   หลังจากจับสลากเลือกหัวข้อแล้ว  ไอ้โต๊ดก็แจ้งกับเพื่อนๆ ในกลุ่มว่าเราได้เงื่อนอะไร  จากนั้นครูก็ให้แต่ละหมู่พักผ่อนตามอัธยาศัย  อิกระต่ายกับอิสายป่านชวนฉันไปห้องน้ำ แต่ฉันไม่ไป  ก็เลยได้นั่งอยู่คนเดียว   นั่นมัน ไอ้โต๊ดนี่นา  มันกำลังเดินมาหาฉันสินะ   เบื่อขี้หน้ามันสุดๆ เห็นหน้ามันนี่ก็นึกถึงหน้าปลวกๆ ของแฟนมันแล้ว  นึกถึงทีไรก็อารมณ์เสีย  ชะนีอะไร มั่นหน้าเกิ้นนนน   

   “ ฟิล์ม   เดี๋ยวเรากับเพื่อนจะหาวิธีผูกเงื่อนนะ ถ้าทำได้แล้วเดี๋ยวจะมาสอน  ส่วนฟิล์มกับเพื่อนๆ ก็ช่วยไปหาประโยชน์ของเงื่อนมาด้วยนะ ”  ก็แน่สิ  แค่ผูกเงื่อนใครก็ผูกเป็น พวกแกเลือกเอาหัวข้อง่ายไปป่ะ

   “ อืม...  แล้วได้เงื่อนอะไรหละ ”  ฉันพูดน้ำเสียงประชดประชันเล็กน้อย 

   “ ก็..... เงื่อนบ่วงสายธนูอะ ”   ห๊า......  ฉันทำหน้าตกใจตาโตเล็กน้อย   อิเงื่อนบ้านี่แหละ  เทยโครตไม่ปลื้มเลย  ทำยากชิบ  ที่จริงแล้วอยากจะบอกว่า มันก็ยากทุกเงื่อนแหละ  เทยเองก็ทำเป็นแค่เงื่อนพิรอด  ขนาดว่าเงื่อนพิรอดเป็นเงื่อนที่ง่ายแล้วนะ  นี่ยังทำผิดๆ ถูกๆ เลยอะ  555555   คิดแล้วก็ขำตัวเอง 

   “ โอเคๆ  ทำได้แล้วก็มาสอนด้วยหละ ฉันทำไม่เป็นหรอกนะ  เดี๋ยวจะพาเพื่อนในกลุ่มซวยไปด้วย  ไม่อยากเป็นตัวถ่วงของใคร ”  ฉันพูดไม่มองหน้าไอ้โต๊ด  ก็แหง๋หละ เทยเกลียดขี้หน้ามันขนาดนี้  เรื่องอะไรจะไปมอง (ถ้าไม่จำเป็น)

   “ เย็นนี้ไปเล่นตะกร้อด้วยกันป่ะ ”  ฉันหันขวับไปมองหน้ามันทันที นึกไงมาชวนผู้หญิงอย่างฉันไปเล่นตะกร้อ  ท่าทางจะเพี้ยนไปแระมันหนิ 

   “ บ้า....  ฉันไม่เล่นกีฬาของผู้ชายยะ ” ฉันพูดน้ำเสียงไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่  แล้วก็สะบัดหน้าสวยๆ หลบสายตาของมัน  คือต้องหลบคะ เพราะสายตาของมันออดอ้อนซะเหลือเกิน  เดี๋ยวห้ามใจเอาไว้ไม่ไหว  อ๊ากกกกก....

   “ ได้ยินครูบอกว่า  วิชาพละ ม.3  จะให้เตะตระกร้อนะ ”  ฉันหันขวับกลับมาอีกครั้ง  คราวนี้ทำหน้าตกใจสุดขีด ตาลุกโตเท่าไข่ห่าน อ้าปากค้างแบบพองาม 

   “ 5555555  ตกใจหละสิ ” ไอ้บ้าโต๊ดมันหัวเราะเยาะฉัน สงสัยจะไม่เคยเห็นฉันทำหน้าตกใจปนเอ๋อแดกแบบนี้ 

        “ อืม........ ” ฉันยังคงตกใจค้างกับคำพูดของไอ้โต๊ดอยู่   นี่มันโกหกเทยรึ่ป่าวนะ  ถ้าโกหกหละก็.....น่าดู

       “ งั้นเย็นนี้ไปเล่นตะกร้อด้วยกันนะ  เดี๋ยวเราสอนให้ ”  อิตาบ้าโต๊ดพูดแล้วก็ยิ้มหวานให้กับฉัน  บ้าๆๆๆ ทำแบบนี้ได้ไง  เทยก็เขินเป็นนะ   ก็เพราะว่ามันหล่อมากอะดิ  ความหล่อของมันทำให้เทยลืมเรื่องเชี่ยๆ ของมันไปเลย  ฉันอดที่จะยิ้มตอบไม่ได้  จึงต้องรีบหันหน้าหนีมายิ้มอยู่คนเดียว  และหันหลังสวยๆ ของฉันให้มันมองแทน   

       “ อืม....  ตกลงก็ได้  แล้วจะไปสอนที่ไหนหละ ”  ฉันยังคงยืนยิ้มและหันหลังให้กับมันอยู่  แบบว่า  เขินยังไม่หายเลยอะ 

       “ ฟิล์มก็หันหน้ามาคุยกับเราดีๆ ก่อนดิ  ”  อ้าว ไอ้บ้านี่ คนยิ่งเขินๆ อยู่ จะให้หันหน้าไปมองหน้าหล่อๆ ของแกงั้นเรอะ  เทยจะอดยิ้มให้มันได้มั้ยเนี่ย   แล้วเทยก็เก๊กหน้านิ่ง แอ๊บทำหน้าดุนิดนึง เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง  ก่อนจะหันหน้าไปคุยกับมันดีๆ 

       “ ว้า....  น่าดุจัง แบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ ”  แอร๊ยยยยย  ดูมันทำหน้าทำตาเข้าสิ  หน้าบ้องแบ้ว ตาใสปิ้ง กระพริบตาปริบๆ  อะไรจะน่ารักน่าชังขนาดนี้   ไม่ได้การซะแล้ว เทยต้องรีบจบการสนทนานี้โดยด่วน

       “ ก็รีบบอกมาดิ  ว่าจะให้ไปเจอที่ไหน เดี๋ยวครูก็เรียกประชุมปิดกองก่อนพอดี ”  ฉันยังทำหน้าดุเสียงแข็งได้อยู่  ชิส์  ไม่หลงคารมแกง่ายๆ หรอกยะ 

       “ ที่เดิมแล้วกัน  สนามกีฬาอำเภอ  เดี๋ยวเค้าจะรอฟิล์มที่สะนามตะกร้อนะ ”  มันพูดแล้วก็ยิ้มหวานแก้มปริอีกเหมือนเดิม  ให้ตายสิ นี่มันไปอารมณ์ดีมาจากไหนกันเนี่ย 

       “ ตกลงตามนั้น  แล้วเจอกัน ”  ฉันพูดเสียงแข็ง แล้วเดินเชิดไปหาอิเพื่อนสาวสองตัวนั่น 

       จะว่าไปแล้วทำไมพวกมันไปเข้าห้องน้ำนานจังเลยนะ  ฉันมองหาพวกมันสองคนอยู่พักนึง  แล้วก็เห็นพวกมันกำลังแรดอยู่กับพวกผู้ชายห้องอื่น  โอ้ยยยย  อิพวกนี้  เผลอเป็นไม่ได้เลยนะมรึง  เห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนจริง จริ๊งงงงง   ฉันกำลังเดินเข้าไปหาพวกมันสองคน กะว่าจะไปจิกกัดให้รู้สำนึกซะบ้าง โทษฐานทิ้งฉันเอาไว้ให้อยู่กับไอ้บ้าโต๊ด 2 ต่อ 2    อ๊ากๆๆๆๆ  หยุดๆๆๆๆ  ฉันหยุดเดินทันที  เพราะไอ้โชคอยู่ดีๆ มันก็เดินมาตัดหน้าฉัน  แถมยังยืนขวางทางอีก เป็นเชี่ยอะไรของมันอีกเนี่ย 

       “ มีอะไร  ฉันจะรีบไปหาเพื่อน ”  ฉันดุไอ้โชค  ก็มันน่าโมโหจริงๆ นี่นา  อยู่ดีๆ ก็โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง  นี่ถ้าเกิดเทยหยุดฝีก้าวเอาไว้ไม่ทัน  เทยไม่ต้องเดินชนมันหรอกเรอะ

       “ เรามีเรื่องจะคุยด้วย  ”  ทำหน้าจริงจังซะด้วย 

       “ ถ้าเป็นเรื่องเมื่อคืน ฉันคิดว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ ”  ฉันพูดเสียงแข็ง ยืนกรานคำตอบเดิมที่ให้กับมันเมื่อคืนนี้

       “ เย็นนี้ไปที่บ้านเราหน่อยดิ  ป้าเราอยากคุยด้วย  ”  ฉันถึงกับตกใจสิคะ อะไรกัน เรื่องของเด็กๆ ทำไมต้องให้ถึงหูป้าแกด้วย 

       “ นี่มันอะไรกัน โชคอย่าบอกนะว่า  โชคเอาเรื่องของเราไปเล่าให้ป้าของโชคฟัง ” ฉันถามอย่างสงสัย

       “ มันก็ไม่เชิงหรอก  พอดีป้าเห็นเราเศร้าๆ  ก็เลยเดินมาถาม เราก็เลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ป้าฟัง  ป้าเลยบอกว่า อยากขอคุยกับฟิล์มหน่อย ”  ไอ้โชคพูดจาอ่อนโยนขึ้นเยอะเลย  น้ำเสียงแบบนี้สิ ถึงจะค่อยน่าฟังหน่อย

       “ แล้วทำไมเราต้องไป  ”  ฉันยังคงเสียงแข็ง  ยังไงก็ไม่ไปเว้ย 

       “ โชคขอร้อง ”   น้ำเสียงออดอ้อน และสีหน้าแววตาที่ดูน่าสงสารของไอ้โชค มันชักจะเริ่มทำให้เทยใจอ่อนแล้วหละ  แล้วในที่สุด เทยก็ปฏิเสธไม่ลง 

       “ ก็ได้  เราจะไป  แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ ”  ฉันพูดเสียงอ่อน  เฮ้อออ...  ช่วงนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้ สงสัยจะเป็นโรคแพ้ผู้ชายน่าร้ากกก   เจอลูกอ้อนเข้าทีไร   จิตใจหวั่นไหวทุกทีเลย

       “ งั้นเดี๋ยวเย็นนี้  เราขออนุญาตไปรับไปส่งฟิล์มนะ ”  ไอ้โชคพูดแล้วก็ยิ้มมมม... มันดูมีความสุขมากกกก 

       “ เอิ่มมม....  คือ......  เย็นนี้เรามีนัดกับโต๊ดที่สนามกีฬาอำเภอแล้วอะ  ถ้ายังไง ก็ไปรับเราที่นั่นแล้วกัน สักหกโมงเย็นก็ได้ ”  ไอ้โชคทำหน้าสงสัย  มันคงจะสงสัยว่าเทยกับไอ้โต๊ดมีนัดอะไรกันมั้ง 

       “ นัดอะไรกันหรอ  ”  ว่าแล้วไง  สังสัยไม่พอ อยากรู้ซะด้วย  ตอบให้ก็ได้ยะ 

       “ ก็.... นัดซ้อมเล่นตะกร้อ  อะ ”  ฉันตอบไอ้โชคไปตามจริง

       “ อ๋อ.....  นี่โต๊ดจะสอนฟิล์มเล่นตะกร้อหรอ  เมื่อวานห้องเราก็เพิ่งเรียนพละไป  อาจารย์ก็ให้เรียนเตะตะกร้อนี่แหละ ฟิล์มนี่.... ขยันจังเลยเน่าะ  ”  ฉันอึ้งเบาๆ  คะ   ที่ไอ้โต๊ดพูดคือเรื่องจริงหรอเนี่ย    เทยกลุ้ม กลุ้ม กลุ้ม  เกิดมาไม่เคยเตะตะกร้อเลยเถอะ  แล้วจะสอบผ่านมั้ยเนี่ยยยย     

   “ นิดหน่อย  ไม่เคยเล่นด้วย  กลัวสอบไม่ผ่าน ก็ต้องขยันซ้อมบ่อยๆ แหละ อืม... งั้นค่อยเจอกันนะ ”  พูดแล้วฉันก็เดินหลบไอ้โชคและเดินไปหาอิเพื่อนทรยศสองตัวนั่น   มันน่าด่าให้หน้าแหกม้ากกก  เรื่องอะไร ปล่อยให้เทยต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายเพียงลำพังตั้ง 2 คน  อิเพื่อนเลว......

   เลิกเรียนแล้วฉันก็ขับมอไซต์กลับบ้าน  และเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ตัวโปรด  แล้วเดินไปบอกแม่ว่าวันนี้จะกลับบ้านค่ำหน่อย  แม่ดูเป็นห่วงฉันขึ้นมาทันที  พอฉันบอกว่าจะไปกับอิกระต่ายกับอิสายป่าน เพื่อนสาวกะเทยสองนาง ดูแม่ท่าทางเบาใจลงไปเยอะเลย  แม่ไม่เคยลืมที่จะแสดงความเป็นห่วงฉันเสมอ แม่บอกให้ฉันขับรถระวังๆ และอย่ากลับบ้านค่ำมาก  ฉันรับปากแม่ก่อนที่จะสวมกอดเบาๆ  จะกอดกี่ครั้งๆ มันก็ช่างเป็นกอดที่อบอุ่นจริงๆ  และแล้วเสียงบีบแตรของมอเตอร์ไซต์ก็ดังขึ้นมาจากหน้าบ้าน  ฉันบอกลาแม่แล้วรีบวิ่งไปหน้าบ้าน  เห็นหน้าระริกระรี้ของอิเพื่อนสาวสองคนนี้แล้วมันหน้าหมั่นไส้นัก  เอ่าะ เทยลืมบอกไป เรื่องอะไรจะไปกับไอ้โต๊ดสองคนหละ  งานนี้เทยจึงไม่พลาดที่จะชวนอิเพื่อนสาวสุดแรดสองนางนี้ไปด้วย  เอาไว้ไปเป็นไม้กันหมา  เผื่อไอ้โต๊ดมันหน้ามืดตามัวขึ้นมา  แล้วทำมิดีมิร้ายเทย  555555  คิดได้เนาะ  พอมาถึงหน้าบ้านอิสายป่านก็จ้องมองดูฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า   

   “ อิฟิล์ม  เมื่อไหร่มึงจะแต่งตัวเปรี้ยวๆ สักที เราเป็นกะเทยนะมึง  จะแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้   หยี๋..... มันเหมือนผู้ชายหวะ ”  อิสายป่านถามฉัน  สีหน้าไม่พอใจ  ท่าทางรังเกียจการแต่งตัวของฉัน  ทำเอาฉันหน้าจืดไปเลยทีเดียว
   
   “ ก็กูยังไม่พร้อมหนิ ”  ฉันทำสีหน้าท่าทางไม่พอใจเล็กน้อย กับคำพูดดูถูกของอิสายป่าน

   “ นี่ๆ มึงดูอย่างอิกระต่ายสิ  วันนี้มาแบบสาวเปรี้ยวนะจ้ะ  ขาสั้น  จำแต*มาเลยจร้า ” อิสายป่านพรีเซ้นอิกระต่ายอย่างเต็มที่  อิกระต่ายก็นั่งเชิดหน้าจนคอจะหักอยู่แล้ว  เอออ  อิกระต่ายมันเริ่มใส่ขาสั้นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ  เทยเริ่มสงสัย

   “ แล้วนี่มึงไปแอบซื้อกางเกงขาสั้นมาใส่ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ”  ฉันถามอิกระต่ายที่กำลังนั่งมั่นหน้า  เชิดหน้าชูคูอย่างกับนางพญาหงส์  ช่างไม่ดูเหง้าหน้ามรึงจริงๆ เล้ยยย  กูนึกว่าเป็ดบ้านคะอิดอก

   “ ป่าววว  อิสายป่านมันให้กูลองใส่ดู  กูก็เห็นว่ามันสวยดี ก็เลยขอยื้มมันใส่ซะเลย ”  555555 กะเทยเพื่อนสาวสองนางพากันหัวเราะชอบใจ  ฉันนี่หน้าเหว๋ออยู่คนเดียว  ตอนนั้นรู้สึกว่า  ตัวเองไม่เหมือนกะเทยเลย  แค่ขาสั้นก็ยังไม่กล้าใส่  รู้สึกน้อยใจตัวเองอยู่เหมือนกันนะ  แต่ก็ได้แต่ทำใจ เพราะตอนนั้นอะไรๆ มันก็ยังไม่พร้อมจริงๆ  เทยยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง 

   “ เออ!! ”  ฉันตะหวาดอิเพื่อนสองตัวที่กำลังหัวเราะคิกคัก  จนทำให้พวกนางสะดุ้งตกใจและหยุดหัวเราะไปตามๆ กัน  แถมยังมาหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ฉันอีก  ดีจริงจริ๊งงงง มีเพื่อนแบบนี้  ( ประชดคะ )

   “ รีบไปกันเถอะ ขืนชักช้า  พวกแกอดกินผู้ชาย  ฉันไม่รู้ด้วยนะยะ ”  ฉันพูดประชดประชันพวกมัน  หมั่นไส้จริงๆ กับท่าทางระริกระรี้อย่างกับจะได้เกิดเนี่ย 

   “ คะ ใครจะไปใจเย็นเหมือนหร่อนได้หละยะ มีผู้ชายรอให้กินอยู่แล้ว ไม่ต้องไปควานหาเหมือนพวกฉัน ” อิกระต่ายพูดเหน็บฉัน  มั้นจี๊ดดดด  เข้าไปถึงขั้วหัวใจ  อิบ้า ฉันไม่ได้มีความคิดทุเรศๆ เหมือนพวกแกหรอกยะ

   “ โอ้ยยย  อิกระต่าย  ไม่ใช่ผู้ชายแค่คนเดียวนะมรึง ผู้ชายตั้ง 2 คนแหนะ  งานนี้ขบวนรถไฟชนกันตู้มแน่ๆ เลย ” 5555555  พวกมันหัวเราะเยาะฉันอีกแล้ว  นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนนะ จะตบสั่งสอนเลยเถอะ 

   ฉันขี้เกียจพูดกับอิพวกนี้แล้ว ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืด  ฉันจึงเดินไปขึ้นมอไซต์กับพวกมัน  คันเดียว แต่ซ้อนสามคะ   ฉันนั่งหน้าสุด เพราะฉันตัวเล็ก  ส่วนอิสายป่านเป็นพลขับ ทำไมหนะหรอ ก็รถมอไซต์มัน มันก็เลยต้องขับคะ 555555  ส่วนที่นั่งซ้อนท้ายในท่านั่งเบี่ยงก็คืออิกระต่ายนั่นเอง  รู้สึกว่าตั้งแต่รู้จักกับอิสายป่านมาเนี่ย  มันจะอัพเลเวล ความแรงเหนือฉันขึ้นไปอีกเลเวลนึงแล้วนะเนี่ย 

   ที่สนามกีฬาอำเภอ  พวกเรา 3 คนกำลังเดินไปที่สนามตะกร้อ ซึ่งเป็นที่นัดหมายของฉันกับไอ้โต๊ด  ฉันเดินตั้งหน้าตั้งตามาที่สนามตะกร้อ  แต่อิเพื่อนสองตัวที่อยู่ข้างหลังนี่สิ  เฮ้อออ  สะดีดสะดิ้ง  แหกปากแซวผู้ชายปาวๆๆ ทำท่าอ่อยเค้าอีก  เทยหละเพลีย บอกตามตรงว่าอายมากกก  มองไปตรงหน้าคือสนามตะกร้อ ฉันเห็นไอ้โต๊ดกับเพื่อนกำลังเตะตะกร้อกันอย่างสนุก   เสื้อผ้าชุดนักเรียนก็ไม่ยอมถอด เลิกเรียนปุ๊บก็คงจะรีบมาปั๊บเลยสิท่า คงกลัวจะโดนแย่งสนามแน่ๆ เลย พอฉันและอิเพื่อนสาว 2 นาง  เดินมาถึงสนามตะกร้อ ฉันก็ขึ้นไปนั่งรอไอ้โต๊ดที่แสตนเชียร์  อิเพื่อนสาวสองตัวนี่ก็ยังสะดีดีสะดิ้งไม่หยุด  เทยหละเบื่อจริงจริ๊งงงง  นั่งรออยู่สักพักไอ้โต๊ดก็เดินออกมาจากสนาม และเดินมาที่แสตนเชียร์ที่พวกเรานั่งอยู่

   “ โทษทีนะฟิล์มที่ให้รอนาน พอดีต้องเล่นให้จบเกมส์หนะ ”  มารยาทดีขึ้นนะคะทุกวันนี้

   “ ไม่เป็นไรหรอก จะเริ่มกันได้รึยังหละ ฉันไม่มีตะกร้อหรอกนะ ยังไม่ได้ซื้อเลยอะ ” 

   “ ไม่เป็นไร ลงมาดิ เดี๋ยวเอาตะกร้อเราก็ได้ ”  แล้วฉันก็เดินลงไปหาไอ้โต๊ด 

   “ อิจฉาจังเลยเน่าะมรึง อยากมีผู้ชายมาสอนเตะตะกร้อบ้างจัง ”  อิกระต่ายพูดเหน็บฉัน อิเพื่อนเลว อยู่นิ่งๆ สงบปากสงบคำบ้างก็ไม่มีใครว่ามรึงเป็นใบ้หรอกนะคะ แหกปากเรียกผู้ชายตั้งแต่ลงจากรถแล้ว

   “ อิห่า เช็คเหง้าหน้ามึงด้วย  มึงไม่ได้สวยเหมือนอิฟิล์มหนิ ถึงจะได้มีหนุ่มๆ มาเอาอกเอาใจ ”  อิสายป่ายช่วยโหมโรงอีกแรง   พวกมรึงนี่เข้าขากันดีจริงๆ เลยนะคะ  ฉันหันหน้าไปมองอิสองตัวที่อยู่ข้างหลังและใช้สายตาจิกกัดพวกมัน  เป็นเชิงว่า  หุบปากได้แล้ว รำคาญคะ  ก่อนจะหันหน้ามาหาไอ้โต๊ด อ้ากกกก  ไอ้บ้า  ยิ้มหวานอีกแล้ว  ทำแบบนี้อีกแล้ว  เทยจะใจละลายอยู่แล้วนะ โอ้ยยย  รับตัวเองไม่ได้คะ เป็นโรคแพ้คนหล่อ  555555

   “ ยิ้มอะไร รีบสอนสิ ” ฉันพูดไปยิ้มไป  น่านนนน  ว่าแล้วไง ในที่สุดเทยก็หลุดยิ้มออกมาจนได้  เฮ้ออออ  ช่างมันเถอะ  ไหนๆ ก็ยิ้มออกมาและ  ยิ้มให้เต็มที่เลยละกัน  ฉันยิ้มจนแก้มปริ ยิ้มไปหลบสายตาของมันไป  นี่ฉันกำลังเขินป่าววะ 

   “ จะยิ้มก็มองหน้ากันหน่อยดิ  เขินเราหรอ ” ยิ่งพูดมันก็ยิ่งพยายามจ้องหน้าฉัน  โอ้ยยยย  เทยทำอะไรลงไปเนี่ย  พอนึกได้อย่างนี้ ฉันจึงรีบหุบยิ้มและปั้นหน้านิ่งทันที  ก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้โต๊ด  ไอ้บ้าเอ้ย เมื่อไหร่จะหยุดยิ้มสักทีเนี่ย

   “ รีบๆ สอนได้แล้ว  เดี๋ยววันนี้ก็ไม่ได้อะไรกันพอดี ” 

   “ แล้วฟิล์มอยากได้อะไรหละ  บอกมาดิ เผื่อเราให้ได้ ”  ฉันเอ๋อแดกคะ รับมุขมันไม่ทัน   กรี๊ดดดดด  ไอ้บ้า  ฉันไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น ไอ้นี่ กวนประสาทแระ 

   “ อ้วกกกกกกก....... ” ฉันหันไปมองอิเพื่อนสาวตัวแสบทั้งสองที่กำลังทำท่าเหมือนจะอ้วก  แหมะ  พวกมรึงช่างพร้อมใจกันขัดจังหวะจริงๆ เลยนะ  แต่ก็ดี เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้บรรยากาศเลื่อนๆ หายวับไปในทันที   

   “ ตกลงจะสอนมั้ย ถ้าไม่สอนจะได้กลับ ”  ฉันหันมาพูดกับไอ้โต๊ดน้ำเสียงหนักแน่นและดูจริงจัง  ต้องทำคะ ไม่งั้นมันคงไม่เลิกเล่นสักที

   “ โอเค  มะ  เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ” ไอ้โต๊ดดูจริงจังขึ้นมาทันที   มันต้องอย่างนี้สิ  ฉันมาเรียนเตะตะกร้อนะยะ ไม่ได้มาออกเดทกับแก 

       แล้วไอ้โต๊ดก็เริ่มสอนวิธีการเตะตะกร้อให้กับฉัน  เราหัดเตะตะกร้อกันอยู่ซักพัก  ฉันก็ยังไม่สามารถเดาะตระกร้อ 2 ครั้งติดกันได้เลย  เดาะได้แค่ครั้งเดียว ลูกตะกร้อมันก็กระเด็นกระดอนไปไหนต่อไหนแล้ว  โชคดีหน่อยที่ไอ้โต๊ดมันวิ่งเก็บลูกให้ ส่วนฉันก็มีหน้าที่เดาะอย่างเดียว  555555  เดาะไปเดาะมาก็ชักจะสนุกแล้วสิ    แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น  เมื่อฉันเดาะตะกร้อแล้วลูกตะกร้อมันกระดอนไปข้างหลังฉัน  ฉันมองตามลูกตะกร้อ  กร๊ากกกกก......  ลูกตะกร้อมัน....  ลูกตะกร้อมันไปอยู่ในมือของไอ้เต้คะ  มือข้างนึงของมันจับลูกตะกร้อเอาไว้  ส่วนมืออีกข้างของมันกอดลูกบาสเอาไว้ที่ข้างเอว โธ่วววว  หล่อตายแหละยะ  หน้าตามันดุเอาเรื่องเลยแฮะ  นี่เทยจะโดนมันด่ามั้ยเนี่ยยย.....

     
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 5 จุดเริ่มต้น..ของการเปลี่ยนแปลง: 15-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 15-09-2015 04:51:50
มาต่อกันเลยนะคะ 

       “ ตะกร้อมึงหรอวะไอ้โต๊ด ”  มันพูดแล้วก็เดินไปหาไอ้โต๊ด  และมองมาที่ฉันด้วยสาตาพิฆาต  น่ากลัวมาก  ฉันพยายามเมินเฉยกับหน้าดุๆ ของมัน  พอมันเดินผ่านฉันไปแล้ว  ฉันก็หันกลับไปหาไอ้โต๊ด  เห็นไอ้เต้กำลังคืนตะกร้อให้ไอ้โต๊ด  แล้วมันก็หันมาหาฉัน  หน้าตาเคร่งขึมตลอดเลยนะยะ  เกิดมาแกไม่เคยยิ้มเลยรึ่ไง 

       “ แมร่ง  มึงซ้อมตะกร้อให้ตุ๊ดด้วยหรอวะ  แล้วชาตินี้มันจะเล่นเป็นหรือป่าว ”  ไอ้เต้พูดแล้วยิ้มเยาะฉัน  มันน่าโมโหนัก  เรื่องอะไรเทยจะปล่อยให้มันดูถูกอยู่ฝ่ายเดียว 

       “ ฉันจะเล่นเป็นหรือไม่เป็น  มันก็คงไม่ไปหนักส่วนไหนของแกหรอก  เอาเวลาดูถูกคนอื่น ไปทำอะไรที่มันสร้างสรรค์ดีกว่ามั้ย  ”  ฉันพูดเย้ยหยันมันคืนบ้าง  น่านๆ  ว่าแล้วไง  มันโมโหหละสิท่า  หน้านิ่วคิ้วขมวด กัดปากกัดฟัน กำหมัดแน่นเลยเว้ย  555555  สะใจดี  เทยยั่วโมโหมันสำเร็จ

       “ อีกระเทย  พูดอย่างนี้มึงอยากปากแตกใช่มั้ย  ”  ไอ้เต้พูดตะโกนเสียงดัง จนคนที่อยู่ในบริเวณนั้นได้ยินกันหมด  ตายห่า  เทยอายคนนะ  แต่นี่หละได้โอกาสแล้ว  ต้องรีบยั่วโมโหมันให้มากๆ เพราะมันคงไม่กล้าเตะกะเทยในที่สาธารณะแน่นอน  ฉันเดินเข้าไปใกล้ๆ มัน  และทำหน้าทำตายั่วโมโหมันสุดๆ  ตอนนี้เราอยู่ห่างกันไม่ถึงเมตร

       “ เก็บหมัดหนักๆ ของแกเอาไว้ชกกับผู้ชายป่าเถื่อนแบบแกเถอะ  มันคงจะสมน้ำสมเนื้อกันดี  อย่าเอามันมากระแทกหน้าสวยๆ ของฉันเลย   ”  พูดแล้วฉันก็ยิ้มเยาะมันทันที  มันคงโกรธมากจนหน้าแดง  อย่างนี้สินะที่เค้าเรียกว่าโกรธจนเลือดขึ้นหน้า 
 
       “ มึง..... ” ไอ้เต้ตะโกนขึ้นเสียงดัง พร้อมกับยกหมัดที่กำเอาไว้แน่นขึ้นมาจะชกเข้าที่ใบหน้าของฉัน  ฉันเองก็ไม่ได้เกรงกลัวมันสักนิด  ยืนตาขวางอยู่ต่อหน้ามันไม่ถอยหนีคะ  ไม่ทันที่มันจะได้ต่อยมาที่ใบหน้าสวยๆ ของเทยหรอกคะ  ไอ้โต๊ดก็เอื้อมมือมาจับแขนของมันเอาไว้ ก่อน

       “ เฮ้ย!! ถึงกับต้องลงไม้ลงมือกันเลยหรอวะไอ้เต้  ”  มันหันหน้าดุๆ ของมันไปหาไอ้โต๊ด  แล้วเหวี่ยงแขนอย่างแรง  จนมือของไอ้โต๊ดหลุดออกจากแขนของมัน  ไอ้นี่ แรงควา* จริงๆ เลย 

       “ มึงไม่เห็นหรอ ว่ามันกำลังด่ากูอยู่ ”  มันพูดคะคอกใส่ไอ้โต๊ด 

       “ ก็มึงไปหาเรื่องเขาก่อน  พอเถอะหวะไอ้เต้  แมร่ง  กูรู้นะว่ามึงไม่ชอบคนพวกนี้  แต่คนนี้กูขอ ” ไอ้โต๊ดดูสีหน้าจริงจังมาก 

       “ มึงออกตัวปกป้องมันขนาดนี้  มึงชอบมันหรือไงวะ ”  ไอ้บ้าเต้ยังไม่เลิกพูดจากระแทกแดกดัน

       “ เออ....  กูชอบเขา   มึงรู้แล้วมึงก็เลิกหาเรื่องเขาได้แล้ว ” ไอ้โต๊ดพูดน้ำเสียงหนักแน่น สีหน้าดูจริงจัง  กรี๊ดดดดด  นี่มันพูดบ้าอะไรออกมาเนี่ยยยย   ฉันตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อสักครู่นี้

       “ มึงมันบ้า  ผู้หญิงมีเยอะแยะไม่ชอบ ดันมาชอบกะเทยหน้าผีแบบนี้  แล้วเมียมึงมึงเอาเขาไปไว้ไหน ”  แอร๊ยยยยย  ทำไมตอนที่พูดว่ากะเทยหน้าผี มันต้องหันหน้ามาทางฉันด้วยหละคะ  อย่างกับมึงหล่อตายละ  ไอ้บ้าเอ้ยยยยย   

       “ พวกกูเลิกกันแล้ว ”  ไอ้โต๊ดพูดอย่างมั่นใจ  อารายนะ  นี่พวกมึงไปเลิกกันตอนไหน  วันก่อนอิแฟนสาวแกยังมาหาเรื่องฉันอยู่เลย  โอ้ยยย  เทยพลาดข่าวนี้ได้ไง เทยมัวแต่ไปมุดอยู่ในรูไหนมา 

       “ มึงเลิกกับเมียมึง เพื่อที่จะมาหาอิกะเทยนี่นะ ”  มันหันหน้ามามองฉันหน้าดุ   และเอานิ้วมาชี้หน้าฉันอีกด้วย  อยากเอาปืนไปเจาะกะบาลมันนัก  อยากฆ่ามันให้ตายซะตรงนี้เลย  ไอ้โต๊ดหันมามองหน้าฉันสีหน้ามันดูเศร้ามาก  แล้วพวกมันสองคนก็หันหน้ากลับไปคุยกันต่อ 

       “ มึงเลิกยุ่งเรื่องส่วนตัวของกูเถอะ แล้วก็อย่ามาหาเรื่องฟิล์มอีก  ถ้ามึงยังเห็นว่ากูเป็นเพื่อนของมึงอยู่ ”  ไอ้เต้ถึงกับอึ้ง  และพูดอะไรไม่ออก  คงไม่คิดหละสิว่าเพื่อนของตัวเองจะออกตัวปกป้องฉันถึงขนาดนี้  555555  คิดแล้วก็สะใจ   ไอ้เต้พยัตหน้าเบาๆ 2-3 ครั้ง  แล้วก็เดินฉุนเฉียวออกไป     ฉันหันไปมองไอ้โต๊ดที่กำลังยืนนิ่งเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก  ฉันจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหามัน   มันจ้องหน้าฉันเหมือนกำลังจะร้องให้  ไม่นะ  เทยไม่อยากเห็นน้ำตาลูกผู้ชาย  ฉันจึงต้องรีบพูดอะไรสักอย่างขึ้นมา   ก่อนที่มันจะร้องไห้ออกมาจริงๆ 
     
       “ ขอบใจนะ  ที่ปกป้องฟิล์ม ” ฉัดพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แล้วยิ้มให้กับไอ้โต๊ดที่กำลังยืนเศร้าอยู่ตรงหน้า  แล้วมันก็ยิ้มตอบเช่นกัน  เฮ้อ.....  เปลี่ยนน้ำตาเป็นรอยยิ้มได้แล้ว  โล่งอกไปที  ไม่งั้นฉันคงรู้สึกผิดเพราะเป็นต้นเหตุให้มันทะเลาะกับเพื่อนจนมีน้ำหูน้ำตา
 
       “ ขอบใจนะ ที่สอนเตะตะกร้อ วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อนละกันเน่าะ  โต๊ดคงเหนื่อยมากแล้ว จะได้กลับบ้านไปพักผ่อนด้วย  ” 

       “ ครับ ”  พูดแล้วมันก็ยิ้มหวานให้ฉัน  ไอ้บ้าหนิ  แต่เทยก็ยิ้มตอบนะ ก็กลัวมันจะร้องไห้ไง   (รึ่ป่าวนะ) 

       เทยและไอ้โต๊ดโบกมือลากัน  แล้วแยกกันตรงสนามตะกร้อ    ฉันเดินมาหาอิเพื่อนสาวสองตัวที่แสตนเชียร์  พวกมันกำลังนั่งหัวหดกันอยู่ คงจะกลัวมันมากสินะไอ้เต้หนิ  ถึงไม่ลงไปช่วยฉันเลย  ปล่อยให้ฉันโดนมันรังแกอยู่คนเดียว นี่ถ้าไม่มีไอ้โต๊ดนะ ป่านนี้ฉันคงโดนซ้อมกระอักเลือดไปแล้ว  มีเพื่อนกับเขาทั้งทีก็มีแต่เพื่อนดีๆ ทั้งน้านนนนน  เทยเพลีย  พอฉันเดินมาถึงแสตนเชียร์  มองดูหน้าอิเพื่อนสาวสองคนซีดอย่างกับไก่ต้ม  คงกลัวยังไม่หาย 

       “ ลงมาได้แล้ว  กูมีธุระต้องไปทำต่อ ”  ฉันออกคำสั่งกับอิเพื่อนสาวสองคนที่นั่งอยู่บนแสตนเชียร์

       “ มึงโอเคป่าววะ ”  พวกมันประสานเสียงกันถามสารทุกข์สุขดิบของฉัน  ก่อนที่ฉันจะพยัคหน้าเบาๆ เป็นการตอบกลับว่ากูโอเคค่ะ   แล้วพวกมันก็ยอมเดินลงมาจากแสตนเชียร์  พวกเรา 3  คนเดินไปที่จอดรถมอไซต์ซึ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่อยู่ใกล้กับสนามกีฬาอำเภอ  ตรงนั้นมีรถจอดอยู่หลายคน และดูโดดเด่นมาก  ฉันตั้งใจจะมายืนรอไอ้โชคที่นี่  เพราะคิดว่าถ้ายืนอยู่ตรงนี้มันน่าจะหาฉันเจอได้ง่ายๆ  ฉันบอกให้อิเพื่อนสาวสองตัวกลับบ้านไปก่อน  และพวกมันก็ยอมกลับแต่โดยดี  เพราะฉันบอกพวกมันตั้งแต่ก่อนมาแล้วเรื่องไอ้โชค   พวกมันจึงไม่ซักไซ้อะไรฉันอีก  ยืนรออยู่ซักพักนึง  ไอ้โชคก็ขับมอไซต์มารับฉันถึงที่  ฉันขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายมอไซต์ของมันในท่านั่งเบี่ยงราวกับชะนี 5555  แล้วเราก็เดินทางไปที่บ้านของมัน

       เราสองคนมาถึงบ้านของไอ้โชคแล้ว  บ้านมันเป็นบ้านปูน 2 ชั้น  มีกำแพงล้อมรอบบ้าน  และมีประตูเลื่อนหน้าบ้าน  ภายในไม้มีสนามหญ้าญี่ปุ่นสีเขียวขจี    หน้าบ้านมีสวนดอกไม้  ซึ่งมีดอกไม้อยู่มากมายหลากหลายชนิด  และมีชิงช้าไม้หนึ่งตัวอยู่ใกล้สวนดอกไม้   คือ บ้านมันก็ดูดีกว่าบ้านฉันเยอะเลยหละ เราเดินเข้าไปในบ้าน  ภายในบ้านดูสะอาดสะอ้าน  ข้าวของทุกอย่างถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย   ฉันเดินชื่นชมบ้านของไอ้โชคอยู่ได้ไม่นาน  ก็มีเสียงแปลกๆ ดังขึ้น

       “ มากันแล้วหรอจ้ะ ”  ฉันหน้าไปตามเสียงเรียกนั้น  ถึงกับตกใจคะ ทำไมบ้านอิตาโชคถึงมีกะเทยรุ่นป้าหละคะ  อย่าบอกนะว่า  ไอ้โชคเกาะกะเทยคนนี้กิน  ตอนนี้ฉันอึ้งสุดขีดไปเลยคะ พูดอะไรไม่ออก  นางเดินเข้ามาหาฉัน  จ้องมองดูฉันอยู่สักพัก  ไอ้โชคก็เดินเข้ามา  และแนะนำให้ฉันรู้จักกับกะเทยรุ่นป้าคนนี้ 

       “ ป้าครับ  นี่ฟิล์ม  คนที่ผมเล่าให้ป้าฟัง  ฟิล์ม  นี่ป้าเบซี่  ป้าของเราเอง ”  ฉันถึงกับตกใจ  และหันไปมองหน้าไอ้โชค  มันพยัคหน้าให้กับฉัน  เป็นคำตอบว่า  ใช่แล้ว นี่หละป้าของมัน   ฉันจึงหันมาสวัสดีคุณป้าของมัน 

      “ สวัสดีคะ คุณป้าเบซี่  ”  ฉันยิ้มให้กับป้าเบซี่   และนางก็ยิ้มกลับเช่นกัน

      “ ไปทานข้าวกันเถอะจ้ะ ป้าทำกับข้าวเอาไว้ให้แล้ว ” ป้าเบซี่พูดท่าทางดีอกดีใจที่จะได้โชว์ฝีมือการทำอาหารของตนเอง

      “ ป้าครับ แล้วน้องนุ่นไปไหนอะ ”  ไอ้โชคถามหา.....  เทยคิดว่าน่าจะเป็นน้องสาวของมันนะ เพราะเทยจำได้ว่ามันเคยบอกว่ามันมีน้องสาว  ตอนที่โทรศัพท์มาหาเทยครั้งแรกไงหละ 

       “ โทรมาบอกป้าแล้ว ว่าออกไปทำรายงานที่บ้านเพื่อน  เสร็จค่ำๆ หน่อย   เดี๋ยวจะโทรมาบอกอีกที โชคค่อยไปรับน้องนะลูก  ” ป้าเบซี่พูดจาสุภาพ อ่อนหวาน  น่าฟังจังเลย

       “ ได้ครับ ” 

       “ ไปกันเถอะลูก เดี๋ยวอาหารจะเย็นซะก่อน  ”  ป้าเบซี่รีบเอ่ยปากชวนให้พวกเราไปทานข้าว 

        พอเดินมาถึงโต๊ะอาหาร  จานข้าวถูกจัดเอาไว้สามที่พอดี  ป้าเบซี่นั่งที่หัวโต๊ะ  และเราสองคนก็นั่งตรงข้ามกัน  ที่ตรงกลางโต๊ะมีอาหารอยู่ 3 อย่าง คือ ต้มยำรวม  คะน้าหมูกรอบ และทอดไข่เจียว  โหวว.... นี่ป้าเบซี่ทำเองหมดเลยหรอเนี่ย ท่าทางจะทำอาหารเก่งน่าดู ป้าเบซี่ถามว่าแนอยากกินอะไรมากที่สุดในนี้ ฉันก็ตอบว่าต้มยำรวม  ป้าเบซี่ก็ประเดิมด้วยการใช้ช้อนกลางตักต้มยำรวมมาให้ฉัน  ฉันกล่าวขอบคุณอย่างเกรงใจ  ป้าเบซี่ก็ยิ้มตอบกลับ  แล้วก็ตักต้มยำรวมอีกช้อนให้กับไอ้โชค  ไอ้โชคก้มารยาทดี  ขอบคุณป้าตัวเองเช่นกัน  เหอะ  มันเป็นแบบนี้ทุกวันเลยรึ่ป่าวนะ  พวกเราเริ่มลงมือรับประทานอาหารกัน  กินไปคุยไปสนุกดี   เห็นป้าเบซี่แกดูสุภาพ เรียบร้อย อ่อนโยนแบบนี้  ก็แอบมีมุมตลกๆ อยู่มากเลยนะ  ทำให้การทานอาหารมื้อนี้เป็นอีกมื้อนึงที่อร่อย และสนุกมากๆ  หลังจากที่เรากินอิ่มแล้ว เราก็ช่วยกันล้างจานจนเสร็จ  ป้าเบซี่ชวนพวกเราไปนั่งดูทีวีด้วย  เราสามคนนั่งดูทีวีบนโซฟาตัวยาว  ซักพักนึงป้าเบซี่ก็ถามฉันขึ้นมา 

       “ ตอนนี้...... หนูฟิล์มอยู่กับพ่อแม่มั้ยจ้ะ ”  ป้าเบซี่หันมาถามฉัน

       “ อยู่คะ ครอบครัวเราอยู่ด้วยกันสี่คน  พ่อ แม่ หนู แล้วก็น้องชายของหนูคะ ”  ฉันแจกแจงรายละเอียดให้ป้าเบซี่ฟัง

        “ หนูโชคดีกว่าโชคมากเลยนะรู้มั้ย ”  ป้าเบซี่พูดอะไร  เทยชักจะเริ่มงงแล้วนะ

        “ คือยังไงหรอคะ หนูไม่เข้าใจ ” ฉันถามป้าเบซี่ด้วยสีหน้าที่มึนงง 

       “ ก็โชคหนะ พ่อแม่เค้าประสบอุบัติเหตุ  เสียชีวิตทั้งคู่  ตั้งแต่โชคอายุได้ 7 ขวบ  ป้าจึงรับเอาโชคกับน้องสาวของเขามาเลี้ยงตั้งแต่ที่พ่อแม่เค้าเสีย  อย่างน้อย  หนูฟิล์มก็ยังมีพ่อแม่ที่คอยอยู่เคียงข้าง  แต่โชคนี่สิ  เค้าไม่มีใครเลย นอกจากป้ากะเทยคนนึง ” ป้าเบซี่พูดซะเศร้าเลยคะ  ตอนนี้เทยหดหู่ไปหมดแล้ว  หันไปมองหน้าไอ้โชค มันก็นั่งทำหน้าเศร้าอีก

       “ แต่คุณป้าก็สามารถเลี้ยงดูโชคกับน้องสาวของโชคมาได้เป็นอย่างดี  ป้าสามารถให้ความอบอุ่นกับพวกเขาได้  หนูเชื่ออย่างนั้น  เพราะหนูก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ออกมาจากตัวคุณป้า ”  ป้าเบซี่ยิ้มและกำลังจะร้องไห้ไปพร้อมๆ กัน  แล้วเธอก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้  เธอปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาแค่ไม่กี่หยด  แล้วใช้มือปาดน้ำตาทั้ง 2 ข้าง  ไอ้โชคมัวแต่นั่งก้มหน้าเศร้า ไม่ทันจะได้มองเห็นว่าป้าตัวเองร้องไห้หรอก มีแต่เทยนี่แหละที่เห็น  มันยิ่งทำให้เทยหดหู่มากขึ้น

       “ โชคไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทหรอก  และหนูก็เป็นเพื่อนคนแรกที่เขาชวนมาทานข้าวที่บ้าน ”  ไอ้โชคเงยหน้าขึ้นมาและหันไปมองป้าเบซี่  ก่อนที่จะหันกลับมามองฉัน  ด้วยสีหน้าและแววตาที่เศร้าหมอง

       “ ป้าอยากให้เราสองคนเป็นเพื่อนกันได้มั้ย ป้าอยากจะให้โชคมีเพื่อนที่สามารถดูแลช่วยเหลือกันเวลาที่อีกฝ่ายมีปัญหา  อยากให้เค้าได้มีเพื่อนดีๆ สักคน ”  ป้าเบซี่พูดได้ซึ้งกินใจมาก  แต่แน่ใจแล้วหรอคะ ว่าหนูคือเพื่อนดีๆ ขนาดตัวหนูเองยังไม่มั่นใจเลยคะ ว่าหนูเป็นคนดีหรือป่าว 

       “ ได้สิคะ  ถ้าโชคเค้ายังอยากเป็นเพื่อนกับหนูอยู่ ” ฉันมองไปหาไอ้โชค ซึ่งมันก็ยังคงไม่ละสายตาจากฉัน 

       “ ว่าไงหละโชค  เพื่อนรับปากแล้วนะ ”  ป้าเบซี่ถามไอ้โชค  ก่อนที่มันจะหันกลับไปมองหน้าป้าเบซี่อีกครั้ง แล้วหันกลับมามองหน้าฉัน

       “ ได้สิ งั้นตั้งแต่วันนี้ไป เราเป็นเพื่อนกันนะ ” ไอ้โชคพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส  ฉันจึงยิ้มกลับเพื่อเป็นการแสดงมิตรภาพที่บริสุทธิ์ ที่จะเกิดขึ้นกับเราสองคนตั้งแต่นี้เป็นต้นไป

       ป้าเบซี่มองดูฉันอยู่พักนึง  มองซ้าย มองขวา แล้วก็มองหน้า มองตั้งแต่หัวจรดเท้า  แล้วเธอก็เอ่ยถามฉันขึ้นมา

     “ หนูฟิล์มเทคฮอร์โมนตัวไหนอยู่หรอจ้ะตอนนี้ ” เทคฮอร์โมน  มันคืออะไร ฉันงงเป็นไก่ตาแตกอีกแล้วคะ 

     “ มันคืออะไรหรอคะ หนูไม่รู้จัก ” ฉันถามออกไปด้วยความที่ไม่รู้จริงๆ 

      “ นั่นไง ป้าคิดไว้แล้ว ว่าเรายังไม่รู้จักวิธีการเทคฮอร์โมนแน่ๆ เลย  ”  ป้าเบซี่ยิ่งพูดฉันก็ยิ่ง งง  เข้าไปใหญ่  สงสันอาการมึนงงมันจะแสดงออกมาทางสีหน้าของฉันมากเกินไป  ป้าเบซี่คงจะทนไม่ไหวกับความโง่ของฉันแน่ๆ เลย  เธอจึงลุกเดินไปหยิบกล่องอะไรซักอย่างนึง แล้วเอามายื่นให้กับฉัน 

ืื      “ รับไปสิจ้ะ  ป้าให้ ”  ฉันมองไปที่กล่องในมือของป้าเบซี่ มันเขียนว่า  OC-35 ฉันก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันคืออะไร  แต่ในเมื่อผู้ใหญ่ให้มา เราเป็นเด็กก็ต้องรับเอาไว้ก่อนแล้วกัน  ฉันจึงยกมือไหว้ขอบคุณป้าเบซี่และหยิบเอากล่องที่อยู่ในมือของป้าเบซี่มา 

       “ สิ่งที่อยู่ในกล่องนี้เค้าเรียกว่ายาคุมกำเนิด ปกติจะใช้คุมกำเนิดในเพศหญิง  แต่เราจะเอามากินเพื่อเพิ่มความสวยให้กับพวกเรา  วิธีการกินส่วนมากก็จะกินวันละ 1 เม็ด  ตัวป้าเองก็จะกินวันละ 1 เม็ด ก่อนนอน และจะพยายามกินให้ตรงเวลามากที่สุด เช่น ปกติกินตอนสี่ทุ่ม ป้าก็จะพยายามกินให้ตรงเวลาหรือให้ใกล้เคียงกับสี่ทุ่มให้มากที่สุด  ง่ายๆ แค่นี้เอง  นี่แหละจ๊ะเคล็ดลับความสวยของพวกเรา   ”  ฉันพยัคหน้าตามเป็นระยะๆ  และดูเหมือนว่า  ฉันจะพอเข้าใจอยู่ ก็แน่นอน  เพราะฉันไม่ได้โง่ดักดานขนาดนั้นนี่นา   5555555

       “ ขอบคุณนะคะ  แล้ว..... หนูจะสวยขึ้นจริงๆ ใช่มั้ยคะ ” ฉันถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง  และป้าเบซี่ก็ยิ้มและพยัคหน้าเบาๆ  ฉันยิ้มดีใจ  และหันไปมองไอ้โชค  มันยิ้มแล้วก็ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมา  เหมือนกับจะบอกว่า มันเยี่ยมจริงๆ นะ โธ่วววว  ทำอย่างกับตัวเองเคยกิน  เอ๊ะ หรือมันก็กำลังกินอยู่เหมือนกัน  คงไม่มั้ง  นี่มันสำหรับให้ผู้หญิงกับกะเทยกินหนิ  มันคงไม่นึกอยากสวยขึ้นมาม้างงง  ออกจะแมนขนาดนั้น  เอาวะ เป็นไงเป็นกัน  ถ้าอยากสวยก็ต้องกล้าเสี่ยง  เริ่มคืนนี้วันแรกเลยแล้วกัน  รีบกิน จะได้รีบสวย.........เพราะความสวย  รอไม่ได้  อิอิ

...................................................................................   

***** ตอนต่อไป  ตอนที่  6  Coming Soon

 
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 5 จุดเริ่มต้น..ของการเปลี่ยนแปลง: 15-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 15-09-2015 05:13:00
โถ่ เฮียโชคจ๊าาาา  :mew6:
ตอนนี้ไม่รู้จะเชียร์ใครดี ระหว่าง เฮียโชค กับ เฮียโต๊ด (เขาเลิกเมียแล้วไง  :laugh:)
แต่ เ-ี้ย เอ้ย เฮียเต้นี้เริ่มจะไม่ไหวแล้วน่ะ จะหยาบทรามไปไหน  :m16:
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 5 จุดเริ่มต้น..ของการเปลี่ยนแปลง: 15-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 15-09-2015 17:38:04
@ ooomukooo ตามมาเม้นให้เค้าทุกตอนเลย ขอบใจมากๆ เลยนะจ้ะ อยากบอกว่า ทุกๆ คอมเม้น จากทุกๆ คน คือแรงบันดาลใจให้เค้าอยากเขียนเรื่องนี้ต่อจนจบ จะพยายามเขียนให้จบ เพื่อผู้อ่านที่น่ารักทุกคนคะ  :mew1: :L1: :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 5 จุดเริ่มต้น..ของการเปลี่ยนแปลง: 15-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 16-09-2015 12:26:49
ขอบคุณมากค่ะที่จะมาต่อจนจบ
ขอโทษที่ไม่ได้เม้นท์น้าช่วงนี้ยุ่งมาก
แต่ถ้าว่างก็จะมาอ่าน+เม้นท์ให้
แต่เราเต้กับป้าเบซี่มากอ่า
โชคก็น่ารักน่าสงสาร
เอาเป็นว่าเชียร์โชคล่ะกัน
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 5 จุดเริ่มต้น..ของการเปลี่ยนแปลง: 15-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 16-09-2015 21:36:16
คุณ คนอ่าน นึกว่าหายไปไหนแล้ว ดีใจ ที่ยังติดตามงานเขียนของฟิล์ม เรื่องนี้เพิ่งเริ่มต้น ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่อยากให้ได้อ่านกัน  เอาเป็นว่า พรุ่งนี้จะอัพตอนที่ 6 ให้ได้อ่านก็แล้วกันเน่าะ :mew1:
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 5 จุดเริ่มต้น..ของการเปลี่ยนแปลง: 15-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 17-09-2015 16:37:17
จะรอตอนไหม่นะคะ ตามอ่านตลอดแต่ไม่เคยได้เม้น ช่วงนี้รุ้สึกว่าอารมณ์ของเต้กำลังมาคุ (ความคิดส่วนตัว) ก็เลยอดไม่ได้ที่จะต้องระบาย ว่า เต้!!!!! แกจะจีบก็จีบ อย่าเล่นตัว เรามีความรุ้สึกว่าเต้นี่แหละตัวจริง ถ้าพลาดก้ยอมไห้คุณฟิมปาหัวด้วยตอนไหม่ทุกวัน  :ling2:
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 5 จุดเริ่มต้น..ของการเปลี่ยนแปลง: 15-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 17-09-2015 18:04:37
จะรอตอนไหม่นะคะ ตามอ่านตลอดแต่ไม่เคยได้เม้น ช่วงนี้รุ้สึกว่าอารมณ์ของเต้กำลังมาคุ (ความคิดส่วนตัว) ก็เลยอดไม่ได้ที่จะต้องระบาย ว่า เต้!!!!! แกจะจีบก็จีบ อย่าเล่นตัว เรามีความรุ้สึกว่าเต้นี่แหละตัวจริง ถ้าพลาดก้ยอมไห้คุณฟิมปาหัวด้วยตอนไหม่ทุกวัน  :ling2:

ตามนั้นค่ะ  :z1: เห็นด้วยอย่างรุนแรง  :laugh:
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 5 จุดเริ่มต้น..ของการเปลี่ยนแปลง: 15-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 17-09-2015 18:57:52
เต้มันชอบฟิล์มจริง ๆ เหรอ
ดูหาเรื่องซะขนาดนั้น :mew2:
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 5 จุดเริ่มต้น..ของการเปลี่ยนแปลง: 15-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 17-09-2015 22:19:51
ขอบคุณนะคะที่ช่วยกันคอมเม้น  :mew1: น่ารักแบบนี้จะอัพตอนที่ 6 ให้อ่านกันเลยดีมั้ยเนี่ย อิอิ  :mew3: :katai2-1: :mc4:
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 6 การเปลี่ยนแปลง: 18-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 18-09-2015 23:43:02
     ตอนที่  6   การเปลี่ยนแปลง 

          ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสองทุ่ม  ป้าเบซี่ให้ไอ้โชคมาส่งฉันก่อนแล้วค่อยแวะไปรับน้องสาว  ฉันให้ไอ้โชคส่งฉันที่สี่แยกทางเข้าบ้านฉัน   เพราะกลัวว่าพ่อกับแม่จะเห็น  ท่านคงไม่ชอบเท่าไหร่นัก ถ้าเห็นฉันกลับบ้านมากับผู้ชายตอนค่ำๆ แบบนี้  ฉันก็เข้าใจนะว่าท่านคงเป็นห่วงแหละ  ทำไงได้ ก็มีลูกสาวสวยทั้งคนนี่เน่าะ ( เหรอออ)   ฉันกับไอ้โชคล่ำลากันตรงนี้ แล้วมันก็ขับมอไซต์ไปรับน้องสาวมันกลับบ้านตามคำสั่งป้าเบซี่นั่นแหละ  ส่วนฉันก็เดินกลับบ้านคนเดียว  ถนนหนทางแถวนั้นไม่เปลี่ยวนะคะ  มีเสาไฟเปิดไฟสว่างจ้าตลอดทางจนถึงหน้าบ้านของฉันเลยหละ  แล้วอีกอย่างบ้านแถวนั้นก็มีแต่เพื่อนบ้านคนรู้จักกัน  ฉันเลยไม่กลัวที่จะต้องเดินกลับบ้านคนเดียว  ด้วยระยะทางไม่ถึง 500 เมตรฉันก็เดินมาถึงบ้าน  พอเข้าไปในบ้านก็เห็นพ่อ แม่ และน้องชายกำลังนั่งดูทีวีอยู่   

   “ กลับมาแล้วหรอลูก  กินข้าวมารึยัง ”  แม่ถามฉันด้วยความเป็นห่วงเสมอ

   “ กินกับเพื่อนมาแล้วหละแม่  แม่ วันนี้หนูเหนื่อยมากเลย ขอตัวไปอาบน้ำนอนก่อนนะจ๊ะ ” แม่มองดูฉัน  แม่คงจะเห็นสภาพที่อิดโรยของฉัน แม่จึงพยัคหน้าและบอกให้ฉันรีบอาบน้ำนอน  ฉันเดินขึ้นห้องไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วลงมาอาบน้ำข้างล่าง  เพราะที่บ้านมีห้องน้ำอยู่ห้องเดียวอยู่ชั้นล่าง  อยู่ในบ้านและติดกับห้องนอนของพ่อกับแม่เลยจ้ะ   

   ฉันอาบน้ำเสร็จแล้ว  ก็ขึ้นมาแต่งตัวที่ห้อง  ทาแป้งแคร์หอมๆ  ปิดไฟ และขึ้นเตียงนอน  ฉันนอนจนจะเคลิ้มหลับไปอยู่แล้วเชียว  ไอ้น้องบ้ามันก็เคาะประตูห้อง เรียกฉันซะเสียงดัง  จนฉันต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา   ฉันลุกไปเปิดไฟและกำลังจะเดินไปเปิดประตูห้อง  ไอ้น้องบ้า ถ้าไม่มีธุระสำคัญนะ เทยจะด่าให้หูชาเลยคอยดู  ฉันเปิดประตูออกไปเจอหน้ามัน

   “ มีอะไร  กูเพิ่งจะหลับไปเมื่อกี้นี่เอง  มึงจะปลุกกูเพื่อ ”  ถึงเราจะเป็นพี่กับน้องกันแต่เราก็อายุห่างกันแค่ปีเดียว พวกเราจึงสนิทกันมาก และพูดกูมึงกันเป็นประจำคะ  ไม่ต้องตกใจนะคะ 

   “ ก็เนี่ย  เพื่อนมึงโทรศัพท์มาหา คิดว่ากูอยากมาปลุกมึงนักรึไง ”  มันยื่นโทรศัพท์ขึ้นมาเกือบกระแทกหน้าฉัน  ทำให้ฉันตกใจเล็กน้อย   มันคงจงใจแกล้งเทยแน่ๆ เลย ไอ้น้องบ้า  ฉันมองดูเบอร์ที่โชว์บนหน้าจอ นี่มันเบอร์ไอ้โชคนี่นา 

   “ เออ  ขอบใจ ” ฉันรีบคว้าเอาโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของมัน  แล้วปิดประตูห้อง  ปิดไฟ  ก่อนจะเดินไปนอนที่เตียง  และยกโทรศัพท์ขึ้นมาคุย 

   “ ฮัลโหล  โชคหรอ ”  ก็แหงสิ จำเบอร์ได้นี่นา  ยังจะไปถามเขาอีก

   “ อืม.....  เมื่อกี้ฟิล์มคุยกับน้องหรอ  ดูสนิทกันมากเลยนะ คุยกันแบบนี้ประจำเลยหรอ ” มันคงจะมองว่าพวกฉันคุยกันไม่สุภาพหละสิ 

   “ ก็คุยกับแบบนี้ทุกวันแหละ เรากับน้องอายุห่างกันแค่ปีเดียวเอง  อีกอย่างมันก็เป็นผู้ชายด้วย จะให้พูดจาหวานๆ สุภาพๆ แบบพี่น้องบ้านอื่นมันก็ดูแปลกๆ อะ ”  ฉันบอกไอ้โชคไปตามความจริง ไม่ปิดบังอยู่แล้วคะ รับได้ก็ได้ รับไม่ได้ก็แล้วแต่ 

   “ อ๋อ.....  เราก็ไม่เคยมีน้องชายอะ มีแต่น้องสาว แต่แบบนี้ก็น่ารักดีนะ ดูสนิท รักใคร่กันดี ” น้ำเสียงที่พูดออกมาดูจริงใจดี   

   “ ว่าแต่โชคเหอะ  มีธุระอะไร  เมื่อกี้เราหลับไปแล้วรอบนึงนะ  นายเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องตื่น  ถ้าไม่มีเหตุผลที่ดีพอหละก็  เห็นดีกันแน่ ”  ต้องขู่กันบ้าง ชอบโทรมาตอนที่ฉันง่วงดีนัก 

   “ ก็ฟิล์มไม่ให้เราไปส่งถึงหน้าบ้าน  เราเป็นห่วง  ก็เลยโทรมาถามว่าถึงบ้านยัง  เหตุผลแค่นี้ไม่รู้จะพอมั้ย ”  ไอ้โชคพูดน้ำเสียงกร่อยๆ  เล่นเอาฉันเคลิ้มตามเลยนะนายโชค เหตุผลก็พอฟังได้  แต่......

   “ แล้วทำไมไม่ถามพ่อกับแม่เราอะ ถามแค่นั้นก็น่าจะพอนี่นา  ” นั่น ยังหาเรื่องเขาไม่หยุดอีกฉัน

   “ ก็เค้าอยากได้ยินเสียงฟิล์มก่อนนอน  พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนนะ เดี๋ยวเราไปเล่นด้วยที่ห้อง  ฝันดีครับ ” 

   ตู๊ด......... ตุ๊ด......... ตู๊ด............  อ้าว วางสายไปแล้ว  ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงอะไรเลยนะ  อย่างนี้มันมัดมือชกกันนี่หว่า  เฮ้อออ....  เทยเพลีย   อ้าว  นึกขึ้นได้พอดีเลย  ลืมกินยา  เหอะๆ ถือซะว่าไอ้โชคมันปลุกเราขึ้นมากินยาแล้วกัน  วันนี้ตั้งใจจะเริ่มกินเป็นวันแรกเลยนะเนี่ย  แล้วคืนนี้ก็ผ่านไปกับยาคุม 1 เม็ด  หลับปุ๋ยถึงเช้าเลยจร้า 

   เวลาพักเที่ยงที่โรงเรียน  พวกเรา 4 คนก็นั่งกินข้าวที่โต๊ะม้าหินอ่อนเหมือนเดิม  หลังจากกินข้าวกันอิ่มแล้วก็พากันไปซื้อขนมกรุบกรอบมานั่ง  นั่งกินไปคุยกันไปสนุกสนาน  แล้วอิสายป่านก็เปิดประเด็นเรื่องความสวยความงามขึ้นมา  ดูเหมือนมันกำลังจะพูดถึงเรื่องยาคุมนะ 
   “ อิฟิล์ม อิกระต่าย  พวกมึงรู้จักการเทคฮอร์โมนมั้ยยะ ” อิกระต่ายทำหน้างงสุดๆ ส่วนฉันก็ทำหน้าเฉยๆ เพราะรู้แล้ว  เพิ่งรู้มาสดๆ ร้อนๆ เลยนี่หละคะ   แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงจะทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกเหมือนอิกระต่ายนั่นแหละ  โชคดีที่รู้ก่อน จะได้ไม่ต้องโง่เหมือนมัน  5555555

   “ อ้าว  อินี่ ทำหน้างง  ไม่รู้จักหละสิมึง ”  อิสายป่านมองหน้าอิกระต่าย  และแขวะนางไปหนึ่งฉาก  อิกระต่ายหันหน้ามาหาฉัน  มันคงเห็นฉันทำหน้าตาเฉย  มันก็เลยถามฉัน 

   “ อิฟิล์ม  มึงรู้จักการเทคฮอร์โมนด้วยหรอยะ ”  แน่สิคะ กูไม่ได้โง่เหมือนมรึงหนิ 

   “ ก็พอรู้ ”  ฉันตอบปัดๆ ไป  ไม่อยากพูดอะไรมาก  เพราะรู้ว่าตัวเองรู้แค่นิดเดียว

   “ มึงรู้วิธีการเทคฮอร์โมน  แล้วทำไมมึงไม่เทคคะ ปล่อยให้ตัวเองผอมแห้ง ผิวหยาบกร้าน  หน้าซูบเหมือนผู้ชายได้ไงยะ ”  จิกกัดฉันเป็นชุดเลยนะคะอิสายป่าน  ก็กูเพิ่งกินไปเมื่อคืนนี่หละจ้ะ  รอให้กูสวยก่อนเถอะมึง  จะด่าคืนให้หน้าหงายเลย 

   “ กูก็เพิ่งรู้เมื่อวานนี้แหละ  แล้วก็เพิ่งกินยาไปเม็ดนึงเมื่อคืนนี่เอง  มึงจะให้กูตื่นมาสวยเลยรึ่ไง ” ฉันพูดประชดประชันอิสายป่าน 

   “ เออ ดีแล้ว รีบแด* รีบสวย  ปล่อยให้อิกระต่ายมันขี้เหล่อยู่คนเดียวนั่นแหละ  55555 ”  อิสายป่านหัวเราะเยาะอิกระต่าย  ท่าทางมันคงจะพอใจมาก 

   “ หุบปากเน่าๆ ของมึงได้แล้วอิสายแดด ”  5555555  “ สายแดด”  ได้ยินชื่อนี้พวกเรา  3 คนก็หัวเราะจนท้องแข็งไปเลยสิคะ  ส่วนอิสายป่านนางก็หัวเราไม่ออกคะ  นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่คนเดียว  นางคงจะโกรธที่พวกเราเอาชื่อจริงนางมาล้อเล่นแบบนี้ 

   “ หยุด  ถ้าพวกมึงไม่หยุด  กูจะตบปากเรียงหน้ากระดานเดี๋ยวนี้เลย ”  อิสายป่านพูดท่าทางโมโห  กลัวโดนตบคะ พวกเราก็เลยหยุดหัวเราะ  แต่มองหน้ามันแล้ว ฉันก็ยังอดหัวเราะไม่ได้  ต้องเอามือมาปิดปากตัวเองเอาไว้ และพยายามกลั้นหัวเราะ  แล้วสถานการณ์ก็เข้าสู่ภาวะปกติ

   “ เออ ว่าแต่...  มึงกินยี่ห้อไหน ”  อิสายป่านถามฉันอย่างสงสัย 

   “ OC – 35 มึงรู้จักป่ะ ”  อิสายป่านตาลุกโต  ท่าทางดูตกใจนิดๆ 

   “ อินี่  กินของมียี่ห้อด้วย  แผงละร้อยกว่าบาทเลยนะนั่น  มึงเอาเงินที่ไหนไปซื้อคะ ”   

   “ เออ....  กูมีกินแล้วกัน  ”  ฉันพูดปัดๆ ไป  เพราะไม่อยากบอกพวกมันว่าได้มาฟรี  กลัวโดนพวกมันดูถูกว่าไม่มีเงินซื้อกิน จริงๆ ก็ไม่มีนั่นแหละ แล้วถ้าแผงนี้หมด จะเอาเงินที่ไหนซื้อหละเนี่ย 

   “ แล้วมึงหละอิสายป่าน กินยี่ห้ออะไร  ”  แนะ อิกระต่าย  ทำเป็นอยากมาร่วมวงสนทนากับพวกฉัน ถามอย่างกับรู้เรื่อง   

   “ กูก็กินยี่ห้อถูกๆ นี่หละ แผงละ 20 บาท  One day  ไม่มีเงินซื้อยี่ห้อแพงๆ กินเหมือนอิฟิล์มหรอก ”  มันพูดแล้วก็จิกสายตามาทางฉัน  นี่มันจงใจกัดฉันชัดๆ เลย 

   “ เออ  งั้นกูกินยี่ห้อเดียวกับมึงนี่แหละ  ถูกดี  เลิกเรียนแล้วพากูไปซื้อด้วยหละ ”  อิกระต่ายสั่งให้อิสายป่านพามันไปซื้อ 

   “ ได้เลยคะ กินแล้วมรึงก็จะสวย  ผู้ชายก็จะเข้าหามรึง  แล้วมึงก็จะได้เกิดไงหละคะอิดอก  ”  555555  อิพวกนี้หัวเราะน่าเกลียด  เสียงดังไปสามบ้านแปดบ้าน เทยกับแม่นางมายหละอายคนจริงจริ๊งงงง   

   และแล้วการเรียนช่วงบ่ายก็มาถึง วิชาสุดท้ายของวันนี้ก็คือวิชาพละ  ฉันว่ามันดีนะ ที่เราเรียนวิชาพละกันเป็บคาบสุดท้าย  เพราะวิชานี้เป็นวิชาที่ต้องเสียเหงื่อมาก  ขืนให้เรียนวิชาพละแล้วไปนั่งเรียนในห้องต่อ เหงื่อโชก  เหม็นเหงื่อตัวเองไม่พอ ต้องเหม็นเหงื่อเพื่อนข้างๆ อีก  ไม่เป็นอันเรียนแน่ๆ เลย   ในคาบวิชาพละนี้เราลงไปเรียนกันแถวะ สนามตระกร้อ ซึ่งอยู่กลางแจ้ง  และแดดก็ร้อนม้ากกก  และวิชาพละ ม.3 เทอมนี้  ก็เป็นการเรียนเตะตะกร้อจริงๆ ด้วย  คุณครูเอาลูกตระกร้อของโรงเรียนมาให้พวกเราเตะ แต่มันก็ไม่พอ  ต้องจับคู่กัน  สองคนต่อหนึ่งลูก  และคุณครูก็แนะนำให้พวกเราไปซื้อตะกร้อมาเอง  จะได้ไม่ต้องแย่งกันซ้อม  ฉันก็เห็นด้วยนะ  เพราะตะกร้อโรงเรียนนี่คงจะใช้มานานแล้ว ดูสภาพมันสิ  ยังใช้เตะได้อีกใช่มั้ยเนี่ย  แน่นอนว่าเรามีกันอยู่   3  คน  ต้องมีคนใดคนนึงแยกออกไป  พวกเรากำลังยืนปรึกษากันอยู่  ไอ้โต๊ดก็เดินมาและขอเสนอตัวคู่กับฉัน  มันก็มีตะกร้อของมันอยู่แล้ว ถ้าฉันคู่กับมัน ตะกร้อที่อาจารย์ให้ยืมก็จะเป็นของฉัน จะได้ไม่ต้องแย่งกับใคร  ก็ดีนะ  ฉันเลยตอบตกลงมันไป 

   คุณครูบอกว่าจะให้สอบเดาะตะกร้อ  คะแนนเต็มสิบ  เดาะตะกร้อให้ได้ 10 ครั้งติดต่อกัน   ครั้งละ 1 คะแนน  ใครทำได้แค่ไหนก็เอาไปแค่นั้น  ให้เวลาซ้อม 2 สัปดาห์  เดาะตะกร้อ 10 ครั้งติดต่อกัน   เรื่องแค่นี้งานหมูๆ สำหรับพวกผู้ชายเลยหละ แต่นี่มันงานช้างของสาวน้อยอย่างฉันเลยนะ  พอถึงเวลาซ้อมฉันก็ได้ครอบครองตะกร้อเพียงแค่คนเดียวจริงๆ แต่เป็นตะกร้อไอ้โต๊ดนะ มันดันไปบอกครูว่ามันมีตะกร้อแล้ว  ฉันก็เลยอดหนะสิ   ฉันก็เลยต้องลงโทษมันสักหน่อย  ด้วยการให้มันเป็นเด็กเก็บบอล ส่วนฉันมีหน้าที่เดาะตะกร้ออย่างเดียว  55555  เดาะไปเรื่อยๆ ก็สนุกดีนะ  เริ่มเดาะสองครั้งติดกันได้แล้วนะ  อิอิ   เผลอแปปเดียวก็ใกล้จะหมดเวลาแล้ว  ไอ้โต๊ดวิ่งไปเก็บลูกตะกร้อให้ฉัน  แต่คราวนี้ทำไมมันไม่ยอมส่งลูกตะกร้อมาให้ฉันหละ 

   “ ขอตะกร้อด้วย ”  ฉันยื่นมือออกไปขอตะกร้อที่อยู่ในมือของไอ้โต๊ด 

   “ ฟิล์ม  เรื่องที่เราพูดกับไอ้เต้เมื่อวาน  เราไม่ได้พูดเล่นนะ  เราพูดจริงๆ ”  มันดูท่าทางจริงจัง  ทำเอาฉันหน้าเหว๋อไปเลยคะ  ใครจะไปรู้ว่าอยู่ดีๆ มันจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา 

   “ เรื่อง.....  เรื่องอะไรหรอ ”  ฉันอ้ำอึ้งถามมันออกไป  แต่จริงๆ ในใจ  ฉันก็พอจะเดาได้อยู่หรอกว่าเรื่องอะไร

   “ ก็เรื่องที่เราชอบฟิล์มไง ”  น้ำเสียงนุ่มๆ ที่ดูอ่อนโยน  ทำให้ฉันเคลิ้มตามอยู่พักนึง  แล้วฉันก็ดึงสติของตัวเองกลับมาได้ 

   “ เราว่า.....  เราเป็นเพื่อนกันดีกว่านะ ”  ฉันพูดบอกไอ้โต๊ดด้วยความจริงใจ  เพราะฉันรู้สึกว่า สิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกสบายใจและมีความสุขดี  ไอ้โต๊ดดูหน้าเศร้าลงไปทันที  และดูเหมือนมันกำลังจะฝืนยิ้มให้กับฉัน 

   “ ถ้าฟิล์มยังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร  แต่เราจะรอ  รอจนกว่าเธอจะพร้อมนะ ”  พูดซะหวานซึ้งเลยนะคะไอ้โต๊ด  ทำเอาฉันเคลิ้มตามอีกแล้วคะ  ฉันมองตามันอยู่ซักพัก  เห็นแววตาเหมือนกับกำลังขอร้องอ้อนวอน    ฉันกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อน   จึงหันหน้าหนีเพื่อหลบสายออดอ้อนของมัน 

   “ ถ้าโต๊ดอยากรอก็ตามใจ  เราคงห้ามความรู้สึกของใครไม่ได้  ” ฉันพูดเสียงอ่อยๆ  และไม่กล้าสบตาของมัน   

   “ ขอบใจนะ ต่อไปเราจะปกป้องฟิล์มเอง ” ฉันหันมามองหน้ามันอีกครั้ง  เห็นมันกำลังยิ้มอย่างมีความสุข  ฉันเองก็แอบดีใจอยู่หรอกนะที่ได้ยินมันบอกว่าจะปกป้องฉัน  ถ้ามันทำได้จริงๆ   ฉันก็คงจะปลอดภัยจากสิ่งร้ายๆ หลายๆ อย่าง  เพราะดูเหมือนมันจะมีพวกเยอะ เหมือนเป็นเจ้าพ่อมาเฟียในโรงเรียนนี้เลยเหอะ     

   “ ขอบใจนะ ”  แล้วฉันก็ยิ้มตอบแทนในความมีน้ำใจของมันที่คิดจะปกป้องฉัน  ฉันก็ได้แต่หวังว่ามันคงจะทำอย่างที่ปากพูดจริงๆ  แต่เอ๊ะ  มันก็ทำมาแล้วนะ  โดยเฉพาะปกป้องฉันจากการโดนไอ้เต้กระทืบ 

   และแล้วก็ถึงเวลาเลิกเรียน  ที่นี่ไม่มีการเข้าแถวก่อนเลิกเรียนหรอกนะ  ห้องไหนเลิกก่อนก็กลับก่อน  แต่ยามที่อยู่หน้าโรงเรียนจะเปิดประตูให้ออกนอกโรงเรียนเมื่อถึงเวลาบ่ายสามโมงครึ่งแล้วเท่านั้น  ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ออดของโรงเรียนดังขึ้นนั่นเอง  พอเราเลิกเรียนแล้ว  พวกเรา  3 นาง  ก็กำลังจะเดินไปที่โรงจอดรถ วันนี้อิกระต่ายไม่ขึ้นรับรับส่งคะ เพราะมีนัดจะไปซื้อยาคุมกับอิสายป่าน พวกเราก็เลยได้เดินมาด้วยกันสามคน  เดินมาจนใกล้จะถึงโรงรถแล้วหละ  อยู่ๆ ก็มีคนเรียกชื่อฉันซะงั้น   

   “ ฟิล์ม..........  ”  เสียงร้องเรียกชื่อของฉันดังไปทั่วบริเวณนั้น  เสียงนี่มัน.....  ฉันกับอิเพื่อนสาวสองคนหยุดเดินแล้วหันกลับมามองดูเจ้าของเสียง  น่านนนน  ว่าแล้วไง  ไอ้โชคจริงๆ ด้วยคะ  มันกำลังวิ่งเข้ามาหาฉัน   และหยุดในระยะห่างกันประมาณ  2  เมตรได้ 

   “ มีอะไรรึ่ป่าวโชค  ”  ฉันถามไอ้โชคที่กำลังยืนหอบแฮกๆ อยู่ตรงหน้าฉัน   เล่นวิ่งมาแบบนี้คงจะเหนื่อยมากเลยสินะ 

   “ วันนี้ฟิล์มว่างรึ่ป่าว  ป้าเราชวนไปทานข้าวเย็นที่บ้าน ”  ไอ้โชคพูดทั้งๆ ที่ตัวเองยังหอบเหนื่อยอยู่  ฉันยังไม่ให้คำตอบมัน รอให้อาการหอบเหนื่อยของมันดีขึ้นก่อน  สักพักนึง ดูเหมือนมันจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ  ไม่หอบเหนื่อยเหมือนเดิมแล้ว  ฉันจึงให้คำตอบกับมัน

   “ พอดีวันนี้เรามีนัดกับอิสายป่าน กับอิกระต่ายแล้วอะ  ยังไงก็ฝากขอบคุณคุณป้าเบซี่ด้วยนะ  วันนี้เราคงไปไม่ได้จริงๆ  ไว้วันหลังแล้วกันนะโชค ”  ไอ้โชคมองหน้าอิกระต่าย และอิสายป่าน  ด้วยสีหน้างุนงง  มันคงจะสงสัยว่าพวกเรานัดอะไรกัน 

   “ จะไปทำอะไรกันหรอ ”  ไอ้โชคมองหน้าฉัน มันบ่งบอกว่าไอ้โชคกำลังถามฉันอยู่รึ่ป่าว  แต่อิกระต่ายก็ดันแหกปากตอบออกไปก่อนฉัน

   “ จะไปทำสวยกันหนะ  นี่โชค  อีกไม่นานพวกเราก็จะสวยกันแล้วนะ  ถึงเวลานั้นเมื่อไหร่  อย่ามาตามจีบฉันก็แล้วกัน  ถ้าจะจีบก็ต้องจีบตั้งแต่ตอนนี้   เพราะถ้าจีบตอนที่ฉันสวยแล้ว ฉันไม่รับปากนะจ้ะ  ว่าฉันจะอยากกินแกอยู่รึ่ป่าว ” มันพูดแล้วมันก็เชิดหน้า  คือมั่นมากคะอิดอก  ไว้มึงสวยก่อนเถอะคะค่อยมาพูดพรรณนา  กูหละอายแทนมึงจริงจริ๊งง

   “ เราว่า  ชาตินี้เราคงไม่จีบเธอหรอก  สบายใจได้  ” น้ำเสียงนิ่งๆ ของไอ้โชค มันยิ่งทำให้ฉันอดหัวเราะไม่ไหว  แล้วฉันกับอิสายป่านห็หัวเราะออกมา  555555555  ทำเอาหน้าเชิดๆ ของอิกระต่ายกลายเป็นหน้าแตก    เผ้ง!!!  นางคงจะอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี   

   “ จ๊ะ ไม่จีบฉันก็ไม่เป็นไร  แล้วอย่ามาจีบอิฟิล์มเพื่อนฉันก็แล้วกัน ”  มันพูดกระแทกแดกดันใส่ไอ้โชค  ดู้วๆๆๆ ดูมันพูด เอาฉันไปบังหน้าอีกแล้วอิเพื่อนเลว ฉันกับอิสายป่านนี่ขำไม่ออกเลยคะ   ส่วนไอ้โชคก็นิ่งเงียบไม่โต้ตอบอะไร   สถานการณ์ดูตรึงเครียด  เพราะปากเสียๆ ของมึงแท้ๆ อิกระต่าย   

   “ อิกระต่าย  กูว่ามึงกับกูไปรอที่รถดีกว่า  อิฟิล์ม พวกกูไปรอที่รถนะ รีบตามมาเร็วๆ หละ ”  พูดแล้วอิสายป่านก็เดินอ้อมมาจับแขนอิกระต่ายและลากมันออกไป

   “ โชคมีอะไรอีกรึป่าว  เราต้องรีบไปแล้วนะ ”  ฉันพูดเสียงเบา 

   “ มีสิ ”  ฉันตกใจเล็กน้อย  แล้วไอ้โชคมันมีเรื่องอะไรของมันอีกเนี่ย  ฉันจึงรีบถามให้หายสงสัย

   “ มีเรื่องอะไรหรอ ”  ไอ้โชคยืนนิ่งอยู่พักนึง  เอ้า รีบพูดมาเร็วๆ สิ เพื่อนฉันรออยู่นะ 

   “ ก็เรื่องซ้อมเตะตะกร้อหนะ  คือ..... เราก็เตะตะกร้อเป็นเหมือนกันนะ  ไม่ใช่มีแค่ไอ้โต๊ดคนเดียว  ถ้าฟิล์มจะให้เราช่วยซ้อมให้  เราก็ยินดีและเต็มใจนะ ”  พูดเสร็จมันก็ยิ้มหวานให้ฉัน  ทำไมผู้ชายพวกนี้เวลายิ้มถึงได้น่ารักน่าชังขนาดนี้นะ  แต่  มันพาดพิงถึงไอ้โต๊ดด้วยแฮะ  นึกแล้วฉันก็หัวเราะออกมาเบาๆ 

   “ ฟิล์มขำอะไรหรอ ”  ไอ้โชคทำหน้างง  ฉันค่อยๆ หยุดหัวเราะ  แล้วตอบมันออกไป

   “ ป่าววว  เราแค่ดีใจ  ที่มีคนอยากจะมาเป็นครูฝึกให้เราถึง 2 คน  ทั้งๆ ที่รู้ว่าเราเล่นไม่เป็นเลย  สอนไปก็ไม่รู้จะทำได้รึ่ป่าว กลัวพวกนายสอนเหนื่อยป่าวๆ อะดิ  ” 

   “ ไม่เป็นไร เราบอกแล้วไง ว่าเราเต็มใจ  นะๆ ให้เราสอนให้เถอะนะ น้า........ น้า.......”  น้ำเสียงออดอ้อนมาอีกแล้ว  ทำไมมันถึงขี้อ้อนขนาดนี้นะ   ฉันก็อายคนสิคะงานนี้  คนที่อยู่แถวๆ นั้นก็เริ่มจะจ้องมองกันใหญ่แล้ว 

   “ โอเคๆ  เอาไว้วันหลังนะ  วันนี้ฉันขอตัวก่อนแล้วกัน เพื่อนรอนานแล้ว  ”  มันทำท่าดีใจ ยิ้มแฉ่ง  แทบจะเห็นฟันทุกซี่เลยหละ 

   “ โอเค  วันหลังซ้อมกันนะ  บาย..... ”   มันโบกมือลาฉัน   ด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะมีความสุขมากๆ   

   “ บาย....... ”  ฉันยิ้มแล้วก็โบกมือลามันเช่นกัน 

   
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 6 การเปลี่ยนแปลง: 18-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 18-09-2015 23:45:26
มาต่อกันเลยคะ   

...........................................................................

         พวกเรา 3 นางพากันขับมอไซต์ไปซื้อยาคุมที่ร้านขายยาในตัวอำเภอ  อิกระต่ายกับอิสายป่านก็พากันได้ยาคุมกันคนละแผง  เป็นยี่ห้อ one day นั่นเองคะ  อิกระต่ายดูดีอกดีใจมาก  อย่างกับได้รับตำแหน่ง miss tiffany univers  ส่วนอิสายป่านก็ดูเฉยๆ นะ ก็แน่หละ นางคงกินมาหลายแผงแล้วสิ แต่ไม่เห็นยักกะสวยเลยนะ  แถมยังดำอีกด้วย 555555  แต่ รูปร่างนางดูเหมือนชะนีมาก  หน้านางนี่แก้มยั้วยเลยคะ สะโพกเป็นสะโพก ก้นเป็นก้น  ดูอวบๆ นิดนึง  ผิวพรรณแลดูมีน้ำมีนวล  เส้นเลือดนี่ก็แทบจะมองไม่เห็น  กล้ามนี่ไม่มีเลยจ้ะ  อย่างกับแขนกับขาชะนี  ฉันก็จินตนาการไปนั่น ว่าถ้ากินไปนานๆ จะได้รูปร่างเหมือนชะนีแบบนี้มั้ยนะ  และแล้วภารกิจไปซื้อยาคุมของพวกเราก็เสร็จสิ้น  อิสายป่านขับมอไซต์กลับบ้าน  ส่วนฉันก็ไปส่งอิกระต่าย  แล้วก็กลับบ้าน  คืนนี้ฉันก็กินยาคุมไปอีก 1 เม็ด  แล้วหลับยาวจนถึงเช้า

   ช่วงแรกๆ  ที่กินยา  ฉันเริ่มรู้สึกว่า ร่างกายของฉันมีอาการผิดปกติไป  ฉันเริ่มเวียนหัวบ่อยๆ  เหนื่อยอ่อนเพลียเร็วกว่าปกติ  รู้สึกคลื่นไส้บ้างเป็นบางครั้ง  อาการแบบนี้จะเกิดขึ้นอยู่ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์  หลังจากนั้นฉันก็เริ่มรู้สึกว่าร่างกายของฉันเริ่มปรับตัวได้  อาการแย่ๆ ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับฉันก็เริ่มหายไป  แต่ตอนนั้นฉันเริ่มรู้สึกว่าฉันหิวข้าวบ่อยมาก  ฉันจึงกินข้าวบ่อยครั้ง  ครั้งละเยอะมาก จนพ่อ แม่ และเพื่อนๆ เริ่มทักว่าฉันกินเยอะ  และแล้วน้ำหนักของฉันก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น  ฉันเริ่มอ้วนขึ้นนั่นเอง  แก้มก็เริ่มมาสิคะ ตูดก็บานออก สะโพกก็เริ่มมี  และที่สำคัญคือหน้าอก  ฉันเริ่มมีหน้าอกนิดนึง  ไม่ใหญ่หวือหวามาก   ผิวพรรณฉันเริ่มเปล่งปลั่งคะ แลดูมีน้ำมีนวลมากขึ้น   ตอนนี้รูปร่างของฉันไม่ผอมแห้งเหมือนผู้ชายแล้วนะคะ  รูปร่างไม่ต่างจากชะนีหุ่นดีนี่เอง  55555  ( เวอร์ไปป่ะ )  ตอนนั้นหน้านี่ใสกิ๊ก ไม่มีสิวเลยแม้แต่เม็ดเดียวคะ  ตอนนั้นเรียกได้ว่าสวยขึ้นมาในระดับหนึ่งเลยหละคะ

   เหตุการณ์ทุกอย่างดำเนินไปเรื่อยๆ อย่างเป็นปกติสุขคะ  ชีวิตของฉันช่วงนี้มันดูราบเรียบเกินไปจนน่าเบื่อ  ไอ้โต๊ดกับไอ้โชคก็ยังซ้อมตะกร้อให้ฉันเป็นอย่างดี   วันนี้ซ้อมกับไอ้โต๊ด วันหน้าก็ซ้อมกับไอ้โชค อะไรประมาณนั้น  พวกมันก็ดูแลฉันเป็นอย่างดี เหมือนกับฉันเป็นชะนีอย่างนั้นแหละ  55555  ( หลงตัวเองเกินไปแล้วฉัน )   

   เวลาผ่านมา 2 เดือนแล้ว  ในที่สุดก็ถึงฤดูกาลแห่งการสอบ  จะสอบอะไรซะอีกหละคะ ก็สอบ midterm  ของภาคเรียนที่  1  ไงหละ  ช่วงนี้ฉันต้องขยันอ่านหนังสือหน่อย  และวันนี้เองไอ้โชคก็ชวนฉันไปที่บ้านของมัน  มันบอกว่ามันอยากให้ฉันไปช่วยติวหนังสือให้   ฉันจึงตอบตกลง  เพื่อเป็นการตอบแทนที่มันช่วยสอนตะกร้อให้   ฉันบอกแม่ว่าจะไปติวหนังสือให้เพื่อน แม่ก็อนุญาต  และบอกให้ฉันอย่ากลับบ้านดึก  ฉันรับปากแม่  แล้วขับมอไซต์ไปที่บ้านไอ้โชค  เราสองคนนั่งติวหนังสือกันอยู่ที่ชั้นล่าง   

   “ ฟิล์ม  ทุ่มนึงแล้วอะ  ฟิล์มหิวมั้ย  เดี๋ยวเราทำกับข้าวให้กิน ”  ฉันมองหน้าไอ้โชคและทำหน้างง

   “ ไม่รอน้องกับป้ากลับมาก่อนหรอ ”  ฉันสงสัย จึงถามมันออกไป   มันก็หัวเราะออกมาเบาๆ 

   “ ปกติแล้วทุกๆ วันสุกร์เราจะไปหายายที่ต่างอำเภอกัน แล้วก็ไปนอนค้างที่นั่น  วันอาทิตย์ค่อยจะกลับมาที่บ้านอะ  แต่วันนี้ฟิล์มมาติวหนังสือให้เรา  เราก็เลยบอกป้าว่าจะอยู่ติวหนังสือกับฟิล์ม  ป้าก็เลยไปกับน้องสองคน ”  มันบรรยายมาซะยาวเหยียดเลยคะ  ฉันจึงพยัคหน้าเบาๆ เป็นอันว่าเข้าใจ 

   “ ป้าปล่อยให้เด็ก ม.3 อยู่บ้านคนเดียวแบบนี้  ป้าไม่เป็นห่วงเลยหรอ ” ฉันก็ยังคงตั้งแง่สงสัยต่อไป

   “ ไม่หรอก  ตั้งแต่พ่อแม่เราเสีย  ป้าก็เอาพวกเราสองคนมาอยู่ด้วย ป้าสอนให้พวกเราทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เราก็เลยทำงานบ้านเป็นหลายอย่างเลยแหละ ป้าสอนให้พวกเรารู้จักเอาตัวรอด  เพราะถ้าวันนึงพวกเราไม่มีใคร  เราสองพี่น้องจะได้อยู่ดูแลกันได้  ”  มันพูดเรื่องเศร้า อีกแล้วคะ  ได้ยินแล้วฉันก็รู้สึกหดหู่ตามไปด้วย  ฉันก็เลยเปลี่ยนเรื่องคุย

   “ เอ่อออ......  เราหิวข้าวแล้วอะ  โชคจะทำอะไรให้เรากินหรอ ”  ฉันตื่นเต้นตาลุกโต  ลุ้นว่าไอ้โชคจะทำอะไรให้กิน  มันก็หันมามองหน้าฉัน  แล้วหัวเราะเบาๆ   ฉันนี่หน้าเอ๋อแด*เลยคะ  ไม่เคยเห็นคนสวยทำหน้าตื่นเต้นรึ่ไงยะ 

   “ แล้วฟิล์มอยากกินอะไรหละ ” มันถามฉันกลับบ้าง  ฉันถึงกับยิ้มดีใจแก้มปริเลยจ้ะ ก็แน่หละ มีคนทำอาหารให้กินนี่นา  ใครจะไม่ดีใจบ้างหละ 

   “ เอาอะไรก็ได้  เอาที่โชคคิดว่า ทำให้เรากินแล้ว ติดใจ และอยากกินอีก  ”  มันยิ้มดีใจ  แล้วก็ลุกเดินเข้าไปในครัว  ฉันเองจึงตามเข้าไปขออาสาเป็นลูกมือ

   อยากบอกว่าไอ้โชคทำอาหารเก่งมาก  มันบอกให้ฉันช่วยหยิบนั่นหยิบนี่ให้มัน และมันก็โชว์ฝีมือการทำอาหารให้ฉันเห็น  ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง  ไม่น่าเชื่อเลยว่าผู้ชายคนนี้จะทำอาหารได้เก่งกว่ากะเทยอย่างฉัน  ซึ่งจะพูดไปแล้ว ฉันก็ทำเป็นอยู่แค่ไม่กี่อย่างเอง  และแล้วเมนูอาหารในวันนี้ก็เสร็จพร้อมเสริฟ   มีผัดคะน้าหมู  ผัดผักรวมมิตร  แล้วก็ทอดไข่เจียว  ไข่เจียวทอดได้สวยมาก สีเหลืองทองน่ากินเชียว ไม่ไหม้เหมือนที่ฉันทอดเลยงะ  ส่วนข้าวสวยร้อนๆ หนะหรอ  เป็นฝีมือการหุงข้าวของฉันเองแหละ หุงได้สุกพอดี  แล้วพวกเราก็ลงมือกินข้าวกันจนอิ่มและช่วยกันล้างถ้ายล้างจาน  แล้วกลับมานั่งย่อยที่โซฟาหน้าทีวี  พร้อมกับเปิดทีวีดู 

   “ ฟิล์ม.....  ดูเปลี่ยนไปเยอะมากเลยนะ ”  ฉันละสายตาจากทีวี แล้วหันไปคุยกับไอ้โชค 

   “ เปลี่ยนไปยังไงหรอ ”  ฉันทำหน้างง 

   “ ก็.....  ดูน่ารักขึ้นเยอะเลยอะ ”  มันพูดแล้วก็ทำท่าทางเขิน   แต่คำชมของมันก็ทำให้ฉันได้ยิ้มจนแก้มปริอีกครั้ง และฉันเองก็รู้สึกว่าตัวเองก็เขินไม่แพ้กัน 

   “ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก  เราก็แค่อ้วนขึ้นนิดหน่อยเอง ”  ฉันยังเขินและไม่กล้ามองหน้ามัน

   “ ก็เปลี่ยนไปหลายอย่างอยู่นะ แต่รวมๆ แล้ว  ก็ดูน่ารักขึ้นเยอะเลย  ”  แอร๊ยยย  อิตาบ้า  มาชมอะไรกันตอนนี้ยะ ฉันก็เขินแย่หนะสิ  ฉันเขินกับคำชมของไอ้โชคอยู่พักนึง  ก็นึกขึ้นได้ว่านี่มันดึกแล้ว ต้องรีบกลับบ้าน  อาการเขินหายจึงหายวับไปกับตา

   “ โชค นี่มันดึกแล้วอะ เราต้องกลับบ้านแล้วหละ ”  ฉันหันมาคุยกับไอ้โชคที่กำลังนั่งยิ้มหวาน

   “ เอ่อออ....  คือ......  วันจันทร์ก็จะสอบแล้วอะ  เรายังไม่เข้าใจวิชาคณิตศาสตร์เลยอะ คืนนี้ฟิล์มอยู่ติวให้เราหน่อยนะ  ตื่นมาพรุ่งนี้จะได้ติววิชาอื่นต่อ ”  ไอ้โชคพูดสีหน้าเป็นกังวล  แต่ฉันนี่สิ  ตกใจตาค้าง  หน้าซีดเผือดเลยคะ 

   “ นี่...... โชค......  หมายความว่ายังไงหรอ ”  ฉันพูดตะกุกตะกัก  ก็คนมันยังตกใจมันไม่หายนี่นา 

   “ ก็จะขอให้ฟิล์มนอนค้างคืนที่นี่ไง  ”  กร๊ากกกก  ฉันนี่อึ้งไปเลยคะ ไอ้โชคชวนฉันค้างคืนที่บ้านมัน  แน่ใจนะว่าแค่ติวหนังสือ   นี่ฉันคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย  พอฉันตั้งสติได้  ก็เลยนถามมันออกไป 

   “ บ้าหนะโชค  แล้วเราจะเอาเสื้อผ้าที่ไหนมาใส่ ” 

   “ ก็เสื้อผ้าเราไง  เราตัวโตกว่าฟิล์มไม่มากหรอก  น่าจะใส่ด้วยกันได้นะ ”  มันพูดหน้าตาเฉย  ถามฉันรึยังว่าฉันอยากใส่เสื้อแกมั้ย   

   “ แล้วจะให้เรานอนที่ไหนหละ  ”  ฉันยังคงตั้งคำถามต่อไป 

   “ ก็นอนห้องเราไง  ทำไมหรอ ” มันพูดแล้วก็ยิ้ม  แถมยังทำตาหวานใส่ฉันอีก  ฉันจะเป็นลม 

   “ เราว่า........... ”  ฉันกำลังจะขอมันกลับบ้าน แต่เหมือนมันจะรู้ว่าฉันจะพูดอะไร  มันจึงพูดสวนขึ้นมาก่อน   

   “ ตกลงนะ  แค่คืนเดียวเอง  นะครับ  นะๆๆๆ  น้า.........  เราขอร้อง ”  น้ำเสียงออดอ้อน  กับตาใสแป๋วของมันกำลังจะทำให้ฉันใจอ่อน  และแล้วฉันก็ปฏิเสธมันไม่ลง   

   “ ก็ได้  แค่คืนนี้คืนเดียวนะ ” ฉันพูดเสียงอ่อยๆ เหมือนจำยอมมากกว่าเต็มใจ  แต่มันนี่สิ   ร้องเย้  ขึ้นมาซะเสียงดังจนฉันตกใจ  ทำท่าทำทางดีอกดีใจสุดๆ  มันจะรู้มั้ยนะ ว่าฉันกำลังกลัวสุดๆ   หรือฉันคิดมากไปเอง  ก็ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยนอนกับผู้ชายสองต่อสองเลยนี่นา 

   เราสองคนผลัดกันอาบน้ำ  ฉันขอมันเข้าไปอาบน้ำก่อน เพราะฉันรู้เหนียวตัวมาก  พอฉันอาบเสร็จแล้ว  มันก็เข้าไปอาบ  หลังจากนั้นพวกเราก็มานั่งติวหนังสือกันต่อ  จนถึงเวลาประมาณห้าทุ่มได้  พวกเราจึงเลิกอ่านและขึ้นไปบนห้องนอนของไอ้โชค  ห้องนอนของมันถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อยดี  สะอาดสะอ้านน่าอยู่  ติดแอร์ด้วยแหละ  งานนี้เย็นสบายทั้งคืนแน่ๆ เลยฉัน  ชื่นชมห้องไอ้โชคอยู่สักพัก ฉันก็นึกขึ้นได้ว่าลืมกินยาคุม  ฉันจึงตั้งใจจะหันกลับไปบ่นกับไอ้โชคสักหน่อย โทษฐานที่มันชวนฉันนอนบ้าน  ทำให้ต้องขาดยาไป 1 วัน  พอฉันหันหลังกลับมาเท่านั้นแหละ  ไอ้โชคมัน........................................  กรี๊ดดดดดดดดดด 

..........................................................................

ฉันจะผ่านคืนนี้ไปได้ยังไง  อย่าลืมเป็นกำลังใจให้เทยด้วยนะคะ 

********  ตอนที่  7  Coming  Soon……...            
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 6 การเปลี่ยนแปลง: 18-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 19-09-2015 13:13:59
กรี๊ดดดดดดดด  :serius2:
ค้างค่ะ  :m25: กำลังฟินเลย  :heaven
พี่ฟิล์มมาต่อเร็วๆน่ะค่ะ  :hao5:
อย่าให้ชะนีน้อยรอนานน๊าาา  :impress2:
เดียวขาดใจตาย  :katai1:
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 6 การเปลี่ยนแปลง: 18-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 19-09-2015 13:17:35
ชอบมากๆ มาต่ออีกนะ กำลังสนุกเลย อยากให้ต่อวันละ 2 ตอนเลย อิอิ มาเร็วๆ นะะะะ
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 6 การเปลี่ยนแปลง: 18-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 19-09-2015 16:57:56
มีกระแสตอบรับแบบนี้ คนเขียนก็แอบดีใจคะ  :pig4:

เดี๋ยวจะรีบมาต่อให้นะจ๊ะ  :mew1:

หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 6 การเปลี่ยนแปลง: 18-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 20-09-2015 14:30:59
โอ๊ยยยยยยยยยยยย
โชคมันทำอะไรเนี่ย
ชักอยากรู้แล้วสิ อิอิ
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 6 การเปลี่ยนแปลง: 18-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 21-09-2015 19:07:18
ช่วงนี้ทำงานหนักไปหน่อย ไม่ค่อยมีเวลาเขียนเลย
แต่ !! พรุ่งนี้ก็จะมีเวลาว่างแล้ว เดี๋ยวมาเขียนต่อให้ได้อ่านกันนะจ้ะ  :mew1: :impress2:
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 6 การเปลี่ยนแปลง: 18-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 21-09-2015 21:01:02
เราจะไม่ยกเธอให้โชคง่ายๆหรอกน่ะ คุณฟิมอย่ามาหลอกดาวคะ โชคมันไม่กวน  ต้องอิเต้บทน้อยนี่แหละ กวนตีนสุด 555555555555
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 6 การเปลี่ยนแปลง: 18-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 22-09-2015 09:58:53
อวยกันจัง นายเต้หนิ ลุ้นกันต่อไป

 :hao4:   :impress2:   :o8:
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 7 ความเชื่อใจที่หายไป : 23-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 22-09-2015 23:59:23
ตอนที่   7    ความเชื่อใจที่หายไป 

   อ้อ.....  ลืมบอกไปเลย  คือ.... หลังจากที่ฉันตอบตกลงนอนค้างบ้านไอ้โชค ฉันก็ขอยืมโทรศัพท์บ้านของมันโทรไปบอกพ่อว่าจะนอนค้างคืนที่บ้านเพื่อน  ส่วนเพื่อนที่ใช้อ้างพ่อก็คงจะหนีไม่พ้นอินางสายป่าน  เพราะมันอยู่คนละหมู่บ้านกับฉัน ถ้าจะอ้างอิกระต่ายก็ไม่ได้ เพราะมันอยู่หมู่บ้านเดียวกับฉัน  แถมบ้านยังอยู่ใกล้กันด้วย เดี๋ยวถ้าพ่อตามสืบ พ่อก็จับได้สิว่าฉันโกหก  ดังนั้น บ้านนางสายป่านจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว  (โกหกพ่อ เพื่อจะได้นอนค้างคืนกับผู้ชาย  นี่เทยเลวมากไปมั้ยคะ)   
   ต่อกันเลยเน่าะ.......กรี๊ด...........ไอ้โชคมันมาอยู่ข้างหลังฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่ข้างหลังฉันเลยหละ ตอนนี้เราสองคนอยู่ใกล้กันมากกก  หน้าของฉันเกือบจะชนกับหน้าของมันอยู่แล้ว ฉันก็ตกใจแบบสุดขีดสิคะ  แต่สิ่งที่ทำให้ฉันตกใจและกลัวจนตัวสั่นก็คือ ไอ้โชคมันถอดเสื้อกับกางเกงออก  ใส่แต่บ็อกเซอร์ตัวเดียวคะ  แอร้ยย.....  มันหุ่นดีมากๆ เลยคะ เนื้อแน่นมากๆ  มองเห็นซิกแพ็คลางๆ  ฉันยืนตกใจกลัว ตัวสั่นริกๆ อยู่ต่อหน้ามัน แต่มันกลับยืนยิ้ม ทำตาหวานเยิ้มเชียวหละคะ น่าหมั่นไส้มากอะ  พอฉันดึงสติของตัวเองกลับมาได้ ฉันก็เริ่มเปิดฉากทันทีคะ ( ไม่ใช่ฉากแบบนั้นนะคะ  อย่าเพิ่งคิดไปไกล  อิอิ ) 
   “โชค  แกช่วยขยับห่างออกจากเรามากกว่านี้ได้มั้ย ”  ฉันพยายามควบคุมไม่ให้เสี่ยงสั่น 

   “……………….”   มันไม่ตอบอะไรฉันเลย   แต่แล้วมันก้ยอมเดินถอยหลังออกไป 1ก้าว

   “ ห่างแค่นี้ พอรึยัง ” เหมือนมันจะพูดประชดฉันเลยนะ

   “ ก็ยังดี  ดีกว่าเมื่อกี้อยู่ ” ฉันตอบออกไปสีหน้าเรียบเฉย  ไอ้โชคถึงกับหุบยิ้มหวานๆ ขอนมัน 

   “ ฟิล์มกลัวเราหรอ ” ดูมันทำหน้าทำตาเข้าสิ  กวนตรีนชะมัด 

   “ ป่าว  คือ.....  เราแค่ไม่ชินอะ ”  จริงๆ คือกลัวคะ กลัวมากด้วย  ใครจะไม่กลัวหละคะ ฉันยังเป็นสาวพรมจรรย์อยู่นะยะ 

   “ ไม่ชินกับอะไรหรอ ” มันถามหน้าตาดูจริงจังเอาเรื่อง  ฉันไม่กล้าที่จะสบตามัน จึงหันหลังให้มัน  แอบเสียวสันหลังนิดๆ   

    “ เราไม่เคยนอนกับผู้ชายสองต่อสองหนิ  แถมนี่ยัง  ถอดเสื้อผ้านอนอีก ” ฉันตอบไอ้โชคแบบกล้าๆ กลัวๆ 

   “ 555555555 ”  มันหัวเราะทำไมนะ  ท่าทางจะบ้า  ฉัน งง  ไปหมดแล้ว  จึงอดใจไม่ไหวที่จะหันกลับไปหามันอีกครั้ง   คราวนี้ฉันหันกลับมาพร้อมกับสีหน้าที่ไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่นัก

   “ ขำอะไร  เรื่องที่ฉันพูดมันมีอะไรน่าขำมากนักหรอ ”  ฉันชักจะเริ่มอารมณ์เสีย  มันเห็นท่าทางที่ไม่ค่อยดีของฉันมันจึงหยุดหัวเราะทันที

   “ ป่าว.....  คือ...... เราคิดว่า....... ”  มันตอบอ้ำๆ อึ้งๆ  ยิ่งทำให้ฉันโมโห  เพราะเหมือนฉันจะรู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ และถ้ามันคิดอย่างนั้นจริงๆ มันกำลังดูถูกฉันมาก  ฉันจึงพูดสวนขึ้นมาทันที

   “ คิดว่าฉันเคยนอนกับผู้ชายมาก่อนใช่มั้ย ”  ฉันขึ้นเสียง  ไม่ไหวแล้วโว้ยยยยย  ฉันไม่พอใจอย่างแรง   มันตกใจ  ตาโต  หน้าซีดไปแล้วคะตอนนี้   

   “ ป่าวนะฟิล์ม  โชคแค่คิดว่า  ผู้ชายส่วนใหญ่เค้าก็ถอดเสื้อผ้านอนกันทั้งนั้น  แต่ถ้าเราทำให้ฟิล์มตกใจ เราต้องขอโทษด้วยนะ  เดี๋ยวเราจะไปใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้แหละ  ”  พูดแล้วมันก็เดินไปใส่เสื้อกับกางเกงที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า  ส่วนฉันเองพอได้ฟังเหตุผลของมันก็เริ่มเย็นลง และก็หวนคิดไปถึงพ่อกับน้องชาย  เอ่ออ มันก็จริงนะ  พ่อกับน้องฉันยังถอดเสื้อนอนเลยนี่   พอมันใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วก็เดินมาหาฉัน 

   “ แบบนี้โอเคป่ะ ”  ฉันยิ้มอ่อนๆ ให้กับมัน  แทนคำตอบ

   “ โชค  เมื่อกี้ฟิล์มขอโทษนะ ที่ขึ้นเสียงกับนาย ” ฉันกำลังสำนึกผิดคะ 

   “ ไม่เป็นไรหรอก  มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด  โชคว่า  ฟิล์มรีบไปนอนเถอะ  นอนดึกเดี๋ยวไม่สวยนะ ”  แอร้ยยย ไอ้บ้า

   “ ถ้าจะไม่สวย ก็คงจะเป็นเพราะวันนี้ไม่ได้กินยามากกว่า  ”  ฉันตอบออกไปแบบงอนๆ  ไอ้โชคเห็นฉันงอนเข้าหน่อย  ก็ขำฉันอีกแล้ว

   “ เวลาฟิล์มงอลเนี่ย  น่ารักจังเลยเน่าะ  เอาไว้โชคจะเลี้ยงข้าวเป็นการชดเชยนะครับ  ”  พูดแล้วมันก็ยิ้มหวาน ทำตาใสปิ้ง  แอะ! น่ารักตายแหละ  555555  และแล้วมันก็ทำให้ฉันอมยิ้มจนได้ 

   ฉันเดินไปนอนบนที่นอนของไอ้โชค  เตียงอะไร นุ้ม...นุ่ม.....  แถมยังห้อม... หอม....  เหมือนเพิ่งซักมาใหม่ๆ เลยอะ  ฉันนั่งอยู่บนเตียง ยังไม่นอนนะ กลัวๆ อยู่  ฉันมองไปหาไอ้โชค  เห็นมันกำลังเอาที่นอนปิกนิค ผ้าห่ม กับหมอน  ออกมาจากตู้เสื้อผ้า  แล้วหอบมาปูที่ข้างๆ เตียงนอนของมัน  ฉันรู้ทันทีว่ามันคงจะอาษานอนข้างล่าง แหม๋ ช่างเป็นสุภาพบุรุษอะไรขนาดนี้นะ  เสร็จแล้วมันก็เดินไปเปิดคอมพิวเตอร์  ไฮโซอะ ที่ห้องของมันมีคอมพิวเตอร์ด้วยคะ  ฉันมองดูว่ามันจะทำอะไร  อ๋อ....  มันกำลังเล่นเกมส์  ห้าทุ่มแล้วนะ มันยังไม่นอนอีกหรอ

   “ โชค  ไม่ง่วงหรอ ”  ฉันถามมันที่กำลังเล่นเกมส์อย่างเมามันส์ 

   “ อ๋อ  ยังเลยอะ ฟิล์มนอนก่อนเลยก็ได้นะ ”  มันพูดกับฉัน  แต่หน้ามันเนี่ยจ้องแต่จอคอมคะ

   “ อ้าว  ก็โชคเล่นเกมส์เสียงดังขนาดนี้ เราจะหลับได้ไงอะ ”  ต่อให้เงียบและปิดไฟก็นอนไม่หลับคะ ใครจะไปหลับลง  นอนกับผู้ชายสองต่อสอง 

   “ จริงดิ  โทษที  งั้นเดี๋ยวเราใส่หูฟังดีกว่า ”  คราวนี้มันหันหน้ามาพูดกับฉันสักที  และกำลังจะลุกไปเอาหูฟัง  ฉันจึงห้ามมันเอาไว้ก่อน 

   “ ไม่ต้องหรอก  ”  มันหยุดชะงักในท่ากึ่งนั่งกึ่งยืน  แล้วทรุดตัวลงไปนั่งกับเก้าอี้อีกครั้ง 

   “ ทำไมหละ ”  มันถามสีหน้าสงสัย 

   “ มันดึกแล้ว  เราว่าโชคน่าจะนอนได้แล้วนะ อีกอย่าง เปิดไฟแบบนี้เรานอนไม่หลับหรอก  ”  ฉันพยายามชักชวนให้มันนอนพร้อมกับฉันให้ได้  ต้องทำคะ  เพราะเกิดฉันนอนก่อน  แล้วฉันหลับไป  แล้วมันมาลวนลามฉันหละคะ  ฉะนั้น ฉันต้องให้มันนอนก่อนฉันให้ได้ เห็นมันหลับเมื่อไหร่ ฉันถึงจะหลับคะ 
   “ งั้นเอางี้  เดี๋ยวเราปิดไฟให้ฟิล์มนอนก็ได้  โอเคมั้ย  ”  มันยังไม่ละความพยายามที่จะเล่นเกมส์คะ 

   “ ไม่ได้  ถ้าโชคไม่นอนพร้อมฟิล์ม  พรุ่งนี้ฟิล์มจะกลับบ้านแต่เช้า  แล้วเราก็ไม่ต้องติวหนังสือกัน ”  ฉันงัดท่าไม้ตายออกมาใช้ด้วยการยื่นคำขาด  ทำเอาไอ้โชคสะดุ้งตกใจ 

   “ โอเคๆ  นอนก็นอนครับ  ปิดคอมแปปนึงนะ ”  เหมือนจะคุยกันรู้เรื่อง  มันปิดคอมแล้วก้เดินไปปิดไฟ 

   ท่ามกลางความมืด ยังพอมีแสงสลัวๆ  ฉันพอมองเห็นมันกำลังเดินมานอนที่นอนของมัน ซึ่งอยู่ข้างล่าง  ข้างๆ เตียงของฉันนี่เอง  มันสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนด้วยคะ  เสร็จแล้วมันก็หันมายิ้มให้กับฉันพร้อมกับบอกฝันดีราตรีสวัสดิ์  ฉันก็บอกฝันดีมันกลับเหมือนกัน ( ตามมารยาท )  แล้วมันก็นอน  ฉันยังนั่งอยู่บนเตียง  ยื่นหน้าไปดูมัน  เออ... มันนอนจริงๆ ด้วย  หลับตาแล้วอะ  ฉันเองก็เป็นเด็กดีเหมือนกัน  ไม่ลืมที่จะสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน  เสร็จแล้วก็ล้มตัวลงนอน  ทั้งหมอนทั้งที่นอน  นุ่มจับใจเทยจริงๆ  ฉันยังคงไม่หลับตาหรอกนะ ยังคอยส่องดูมันเรื่อยๆ ว่ามันหลับจริงรึยัง   ทำแบบนี้อยู่ได้ไม่นาน ฉันก็ชักง่วงแล้วสิ  แล้วฉันก็ค่อยๆ เคลิ้มหลับ  และหลับไปในที่สุด  Zzzzzzz…….

   “ ฟิล์ม......  ฟิล์ม........ ”  มีเสียงเรียกและมือที่มาสะกิดที่แขนฉันเบาๆ  ฉันจึงตื่นและค่อยๆ ลืมตาขึ้น  กรี๊ดด....  ไอ้โชคมันขึ้นมานั่งบนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่  ขึ้นมาทำไม   ฉันตกใจตาลุกโต และกลัวมากๆ เลยคะ 

   “ โชค นายขึ้นมาทำไม ” ฉันพูดติดๆ ขัดๆ คงเป็นเพราะความกลัวอีกตามเคย

   “ เรานอนไม่หลับเลยอะ  ไม่เคยลงไปนอนข้างล่าง กลัวๆ ยังไงก็ไม่รู้  ขอเรานอนบนเตียงด้วยนะ ”  มามุกนี้เลยหรอคะไอ้โชค  แหม๋ ไอ้เราก็นึกว่าจะเป็นสุภาพบุรุษ 

   “ จะนอนบนเตียงกับเราหรอ ”  ฉันลุกขึ้นมาถามมัน 

   “ เรานอนไม่หลับจริงๆ นะฟิล์ม  นะๆ  โชคสัญญา  ว่าจะไม่ทำอะไรฟิล์มแน่นอน ”  ฉันถอนหายใจไปหนึ่งฮืด  ทั้งกลัว กลัวมาก   หนักใจมาก  เพราะนี่มันที่นอนของเขา ถ้าไม่ให้เขานอนมันก็จะเกินไป  ฉันจึงตอบตกลง  มันยิ้มดีใจใหญ่เลย   ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเอาหมอนที่อยู่ข้างล่างมานอนบนเตียง   แปลกแต่จริง ห้องนอนของมันไม่มีหมอนข้างเลยหรอ  เหมือนทุกอย่างถูกจัดฉากเอาไว้หมดแล้ว  อย่างกับละครน้ำเน่าในทีวี

   ฉันทอดกายลงบนที่นอนอีกครั้ง พอหัวถึงหมอนฉันก็หันหน้าไปมองไอ้โชคที่นอนอยู่ข้างๆ มันนอนตะแคงมาทางฉันด้วย  แถมยังยิ้มหวาน  ให้ฉันอีก  ทำเอาฉันสะดุ้งตกใจไปเลยทีเดียว   ฉันกลัวมาก  กลัวจนสั่นไปหมด  หัวใจเต้นระรัว  ตึกๆๆๆๆ  อากาศเริ่มร้อน  ทั้งๆ ที่ห้องนี้ก็เปิดแอร์  เหงิ่อเริ่มออกแล้วคะ  กลัวม้ากกก  ตอนนี้   เราสองคนนอนห่างกันไม่มากนะ  ก็ไอ้โชคหนะสิ  แทนที่มันจะเขยิบไปนอนขอบๆ เตียง  แต่มันดันมานอนตรงกลางกับฉัน  เฮ้อ.....

   “ จะมองอีกนานมั้ย  ”  ฉันถามเจ้าของสายตาคู่นั้นที่กำลังจ้องมองฉันอยู่

   “ อยากมองนานๆ  มองอย่างนี้ไปจนถึงเช้าเลยได้มั้ย ”  มันพูดเสียงอหวาน เล่นเอาฉันเคลิ้มไปเลยจ้ะ

   “ บ้าหรอ แล้วจะได้นอนมั้ย  ”  ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

   “ ไม่นอนก็ได้  แค่ได้เห็นฟิล์มนอน  ก็เหมือนได้นอนไปด้วยแล้ว  ”  มันยังพูดเสียงหวานอีก  ฉันนี่เคลิ้มเข้าไปใหญ่เลยคะ  พอตั้งสติได้ก็โต้กลับทันที

   “ นอนได้แล้ว  ถ้าไม่นอน พรุ่งนี้ฟิล์มกลับ  แล้วถ้าทำอะไรฟิล์มแม้แต่นิดเดียว  เราจะได้เห็นดีกัน ”  ฉันพูดขู่มัน  ก่อนจะนอนหันหลังให้มัน  มันก็เสียวเหมือนกันนะ เหมือนนอนให้ท่ามันเลยอะ  แต่เปล่าให้ท่านะ แค่ไม่อยากนอนหันหน้าเข้าหามัน  กลัวมันจูบหนิ  นอนหงายก็กลัวมันหอมแก้ม  คิดไปได้นะเรา  เลือกท่านอนหันหลังให้แล้วกัน ท่านี้คงทำใจให้หลับได้ง่ายที่สุดและ  คืนนั้นฉันนอนกลัวอยู่นาน  แล้วความง่วงก็มาเยือน   ฉันจึงค่อยๆ เคลิ้มหลับไป   Zzzz….. 

   หลับรอบสองจร้า  คราวนี้หวังว่าคงจะถึงเช้านะ  อ้อ....ลืมบอกไป เค้าห่มผ้าห่มคนละผืนหกับไอ้โชคนะ  อิอิ  และแล้วฉันก็นอนหลับสบายจนถึงเช้า  พอฉันเริ่มตื่น  เริ่มจะรู้สึกตัว ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ที่เอวของฉัน ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองดูมัน  เอ้.... ไม่เห็นมีอะไรเลย  เห็นแต่ผ้าห่ม  แต่เอ๊ะ ความรู้สึกนี่มัน...... ฉันเปิดผ้าห่มทางด้านฉันออก  กรี๊ด.......  ไอ้โชค ไอ้คนฉวยโอกาส ไอ้บ้า ไม่รักษาสัญญา  มันเอาแขนของมันมากอดเอวฉันตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย   ฉันตกใจสุดๆ ไปเลยคะตอนนั้น  มองไปดูข้างหลัง เห็นไอ้โชคหลับปุ๋ย   โกรธมากคะบอกเลย  มันแอบมาใช้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่  แถมยังมากอดฉันอีก  ตัวเราห่างกันแค่นิดเดียวคะ  ไม่งั้นหละก็  หน้าของมันคงซบกับหลังของฉัน และไอ้นั่นของมันคงชนกับตูดฉันแน่ๆ   ฉันจับแขนมันออกจากเอวของฉัน  แล้วลุกออกจากที่นอน มันยังไม่ตื่นอีกคะ  ฉันกลัวฉันอดทนไม่ไหวกลัวตัวเองจะปรี๊ดแตก  จึงเดินลงไปอาบน้ำข้างล่าง    ผ้าเช็ดตัวนี่ฉันใช้ผืนใหม่นะจ้ะ  พอดีมันมีผืนใหม่อยู่ผืนนึง เหมือนมันจะรู้ ว่าฉันจะได้มานอนที่บ้านมัน (คิดมากไปมั้ยเนี่ยเรา) 

   ฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็มานั่งรอมันชั้นล่างที่โซฟา หน้าทีวี  เสื้อผ้าฉันใส่ตัวเดิมเมื่อวาน  เพราะที่บ้านไอ้โชคมีเครื่องซักผ้า  ฉันจึงเอาลงไปซักและปั่นในเครื่อง มันจึงแห้งทันใส่ตอนเช้าพอดี  ไอ้โชคเดินลงมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัว กำลังจะไปอาบน้ำนั่นเอง  มันกำลังเดินมาทางฉัน  พอเดินเข้ามาใกล้ฉันมันก็หยุดชะงัก

   “ ฟิล์ม  เป็นอะไรรึ่ป่าว ”  มันคงจะสังเกตเห็นสีหน้าของฉันแปลกไป

   “ โชครู้รึป่าว ว่าโชคทำอะไรลงไป  ”  ฉันพยายามพูดเสียงนิ่ง  กำลังพยายามข่มอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้  และไม่มองหน้ามัน เพราะกลัวว่าจะโมโหขึ้นมา

   “ รู้ ”  คำตอบสั้นๆ คำเดียว  ฉันถึงกับหันขวับ  โกรธมาก อารมณ์เริ่มมาแล้ว  มันกำลังแสดงออกทางสีหน้าและแววตา  ตอนนี้ฉันทำหน้าดุ ส่งสายตาพิฆาตไปให้ไอ้โชคอย่างเต็มที่  มันถึงกับหน้าซีดเผือด 

   “ รู้แล้วยังทำ  ไหนสัญญาแล้วไงว่าจะไม่ทำ  แล้วทำไมถึงทำ  ความเชื่อใจที่เราเคยมีให้แก  จะให้เอามันกลับคืนมายังไง ”  ฉันพูดเสียงดัง  ตอนนั้นโกรธมาก แทบจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ 

   “ ขอโทษนะฟิล์ม  เราผิดเอง  เราควบคุมตัวเองไม่ได้  เราขอโทษ  ”  ไอ้โชคเริ่มน้ำตาคลอเบ้า
   “ ไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วไปส่งฟิล์มที่บ้านอิสายป่าน ”  ฉันพยายามพูดเสียงเรียบ  พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง  พูดแล้วก็หันหน้าหนี  ไม่อยากมองหน้าเหี้*ๆ ของมัน 

   “ ฟิล์มก็รู้ใช่มั้ย ว่าโชคคิดยังไงกับฟิล์ม  โชคแค่ทำตามหัวใจของตัวเอง  แต่ถ้าความรักที่โชคพยายามแสดงออกและมอบให้กับฟิล์มมันทำให้ฟิล์มเสียใจขนาดนี้  โชคขอโทษ ” มันพูดเสียงสั่นๆ เหมือนมันกำลังร้องไห้ แต่ฉันก็ยังไม่ยอมจะหันหน้าไปมองดูหน้าของมันอยู่ดี  แล้วมันก็เดินเข้าห้องน้ำไป 

   หลังจากที่มันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ  ข้าวเช้าก็ไม่ได้กินกันเลย  มันขับมอไซต์ไปส่งฉันที่บ้านอิสายป่าน  โดยมีฉันเป็นคนบอกทาง  นอกจากเรื่องบอกทางแล้วเราก็ไม่ได้คุยกันเรื่องอื่นเลย  จนกระทั่งถึงบ้านอิสายป่าน  ฉันลงจากรถมอไซต์ของมัน  แล้วหันหลังกลับมามองหน้ามัน  ฉันทำหน้านิ่ง   เห็นมันที่กำลังจ้องมองดูฉันอยู่   สีหน้าแววตาดูเศร้ามาก   ฉันพูดขอบใจมันไปคำเดียว   แต่มันไม่พูดอะไรตอบกลับมาหาฉันเลย แล้วมันก็ขับมอไซต์ออกไป 

   ฉันมาหาอิสายป่าน เพราะบอกกับพ่อว่ามาค้างบ้านอิสายป่าน ฉันกะจะให้มันไปส่งฉันที่บ้าน  เพื่อให้พ่อเชื่อว่าฉันมานอนบ้านมันจริงๆ  ฉันเดินเข้าไปเคาะประตูบ้านมัน  แล้วมันก็ออกมาเปิดประตู 

   “ อ้าวมึง มาได้ไงวะเนี่ย  ”  อิสายป่านทำหน้าแปลกใจที่เห็นฉันยืนอยู่หน้าประตูบ้านมัน

   “ มึง ไปส่งกูที่บ้านหน่อย  ”  ฉันพูดเสียงเบา  เหมือนคนหมดเรี่ยวแรง

   “ เออๆ  แต่กูขออาบน้ำก่อนนะ จะเข้ามารอกูในบ้านก่อนมั้ยหละ ”  มันทำหน้า งงๆ   ฉันส่ายหัวเบาๆ 

   “ เดี๋ยวกูไปซื้อนมที่ร้านค้าก่อน  แล้วจะมานั่งรอมึงที่หน้าบ้านนะ มึงอาบน้ำเร็วๆ หละ กูอยากกลับบ้านแล้ว ”  ฉันพูดเสียงอ่อยๆ  อิสายป่านยิ่งทำหน้า งง เข้าไปใหญ่  มันจะสังเกตเห็นความไม่สบายใจบนสีหน้าของฉันมั้ยนะ 

   “ เออๆ  มีไรค่อยเล่าให้กูฟัง กูไปอาบน้ำแหละ ”  เหมือนมันจะรู้นะว่าฉันมีเรื่องไม่สบายใจ   ฉันพยัคหน้าเบาๆ  แล้วเดินไปที่ร้านค้าใกล้ๆ บ้านอิสายป่าน เพื่อไปซื้อนมมากิน เพราะตอนนั้นหิวข้าวมาก 

   ฉันหยิบนมโอวันติลมากล่องหนึ่ง  กับแซนวิสชิ้นหนึ่ง  แล้วมาจ่ายเงินที่เค้าเตอร์  ฉันเดินออกมาจากร้าน   และกำลังจะเดินกลับบ้านอิสายป่าน  แล้วเสียงเรียกนั้นก็ดังขึ้นมา  มันเป็นเสียงที่คุ้นหู  เป็นคำที่หยาบคายเอามากๆ 

   “ เฮ้ยๆ  ใช่มึงจริงๆ หรอวะ อีกะเทย ”  ฉันหยุดเดิน  โกรธมากที่มีไอ้บ้าที่ไหนมาเรียกแบบนี้  ฉันหันมาตามเสียงเรียก  ตกใจตาลุกโต  จะเป็นใครไม่ได้ที่อยู่ตรงหน้าฉัน  มันคือไอ้เต้นั่นเอง 

   ไอ้บ้า ไอ้ป่าเถื่อน  ฉันนี่ซวยจริงๆ เลย   หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ  ให้ตายเถอะ   ฉันมาคนเดียวซะด้วย ไม่มีใครคอยปกป้องแบบนี้  มันจะทำอะไรฉันมั้ยเนี่ย    :katai1:

....................................................................

********  ตอนที่  8  Coming  Soon……            

หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 7 ความเชื่อใจที่หายไป : 23-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 23-09-2015 03:16:14
เฮียเต้โผล่มาแล้ว  :m29:
หวังว่าคงมาดีน่ะ เฮียเต้  o18
ตื่นเต้น ลุ้นๆ  :z2:
หัวข้อ: Re: กะเทยร้าย ผู้ชายกวนโอ้ยยย...ตอนที่ 7 ความเชื่อใจที่หายไป : 23-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 23-09-2015 16:49:32
เม้นแรกอีกแล้ว 555555  :mew1: :heaven
หัวข้อ: Re: เปลี่ยนชื่อเรื่องแล้วนะคะ : Poppy love......รักใสๆ ของผู้ชายนะยะ
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 25-09-2015 02:40:36
ขอแจ้งเรื่องการเปลี่ยนชื่อเรื่องนะคะ

จากเรื่อง. กะเทยร้าย....ผู้ชายกวนโอ้ย ขอเปลี่ยนเป็น  Poppy Love The Series....รักใสๆ  ของยัยกะเทยซ่าส์

เนื่องจากเรื่องนี้ คิดว่าจะมีมากกว่า 1 ภาคคะ ดังนั้น ก็เลยอยากจะตั้งชื่อเรื่องในแต่ละภาค ให้สอดคล้องกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาคนั้นๆ  คะ

ฝากติดตามกันด้วยนะคะ  :mew1: :pig4:

หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 8 Part 1 : 25-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 25-09-2015 09:54:19
ตอนที่  8   ศึกชิงนาง   Part 1

   ไอ้เต้มองดูฉันอยู่พักนึง  มันทำหน้าแปลกๆ  มันคงจะแปลกใจที่ฉันสวยขึ้นแน่เลย  อิอิ   ส่วนฉันก็เริ่ดๆ เชิดๆ ใส่มันเต็มที่คะ  ปล่อยให้ชื่นชมความงามที่อยู่ตรงหน้าจนจุใจ  ( มั่นมาก )

   “ เฮ้ย!  นี่มึงไปทำอะไรมาวะ  ไม่เจอแค่แปปเดียว  เปลี่ยนไปขนาดนี้เลยหรอวะ ”   

   “ ก็นิดหน่อย  ไม่ได้ทำอะไรมาก   กำลังเป็นสาว  ความสวยก็ต้องบานสะพรั่งเป็นธรรมดา ”  ฉันนี่พูดแบบมั่นมากแถมยังเชิดใส่มันอีก
 
   “ เหรอ......  เปลี่ยนไปนิดหน่อย  สวยตายหละ 555555 ”  มันหัวเราะเยอะเสียงดัง  ทำให้ฉันชักจะเริ่มอารมณ์เสีย 

   “ พูดนี่ไม่ได้ดูตัวเองเลยนะ  นอกจากจะไม่ได้หล่อแล้ว ยังทำตัวป่าเถื่อน  ชอบใช้กำลัง  จะบอกอะไรให้นะ  ฉันยังหาข้อดีในตัวแกไม่เจอเลยสักอย่าง ”  ฉันด่ามันไปชุดใหญ่  ทำเอาเสียงหัวเราะนั้นหายไป  ตอนนี้มันท่าทางจะโกรธเข้าซะแล้ว  ทำหน้าดุเชียว  แต่ฉันเองแอบสะใจเบาๆ คะ

   “ ปากดีนักนะมึง  ช่างเหอะ  วันนี้กูอารมณ์ดี  กูยกให้มึง 1 วันแล้วกัน ” มันยิ้มแหยะๆ อย่างมีเลศนัย  แต่ฉันนี่สิ  งง  เป็นไก่ตาแตกไปเลยคะ  อะไรกันนะที่มาดลใจให้มันอารมณ์ดีได้ถึงขนาดนี้

   “ ก็ดีแล้ว  เลิกป่าเถื่อนซักวัน  จะได้เป็นผู้เป็นคนกับเค้าขึ้นมาบ้าง ”  ฉันแขวะมันไปอีกทีนึง  แต่มันก็ยังยืนยิ้มอยู่ได้  ไอ้บ้านี่  ท่าทางจะบ้า

   “ เออ ว่าแต่  บ้านอยู่แถวนี้หรอ ”  มันทำหน้าสงสัย 

   “ ถ้าบ้านฉันอยู่แถวนี้  นายคงได้เห็นหน้าฉันทุกวันแล้วหละ  ถามอะไรแปลกๆ ”

   “ บ้าหรอ ฉันบอกรึไง ว่าบ้านฉันอยู่แถวนี้ ”  อืม จริงด้วย นี่ฉันคิดเอง  เออเองนี่หว่า  หน้าแตกเลยคะ อิอิ

   “ เออ  นั่นดิ  แล้วนายมาทำอะไรแถวนี้หละ ”  ฉันอยากรู้เรื่องของมันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย 

   “ วันหยุด ก็เลยมาเล่นกับเพื่อน แล้วเธอหละ มาทำอะไร ” 

   “ ก็....  มาหาเพื่อนเหมือนกัน ”  เอ๊ะ นี่ฉันกับมัน เริ่มคุยกันดีๆ แล้วหรอเนี่ย  เป็นไปได้ยังไง  ฉันว่าไอ้เต้ มันต้องกินยาแล้วลืมเขย่าขวดแน่ๆ เลย  ส่วนฉันเอง ดีมาก็ดีไปจ้ะ 

   “ แล้วอยู่ถึงเย็นป่ะ เย็นนี้ไปกินเหล้าที่บ้านเพื่อนฉันมั้ย  ถ้าไป  เธอต้องเลี้ยงเหล้าพวกเรานะ ”  ว่าแล้วไง ที่มาพูดดีกับฉัน เพราะหวังจะให้ฉันเลี้ยงเหล้านี่เอง  ฝันไปเถอะยะ 

   “ หรอ......  ขอบใจนะที่ชวน  แต่ฉันขอปฏิเสธ  กะเทยอย่างฉัน  ไม่เลี้ยงผู้ชายยะ ”  พูดแล้วฉันก็เชิดใส่มันเบาๆ คะ 

   “ งั้นไม่เป็นไร  ฉันเลี้ยงก็ได้  มาป่ะ ” มันจะชวนฉันไปให้ได้เลยใช่มั้ย  เห็นหน้าฉันเป็นขี้เหล้าขนาดนั้นเลยหรอ ขอโทษจ้ะ เทยไม่ดื่มแอลกอฮอล์ 

   “ ไม่ไป  จบป่ะ ”  ฉันทำท่าทางกวนตรีนมันแล้วก็เดินเชิดออกมา   แต่มันก็ยังเดินตามฉันมา  ฉันรู้สึกได้ถึงแม้จะไม่ได้หันหลังกลับไปมองก็ตาม   แล้วมันก็เดินมาตัดหน้าฉัน  ฉันตกใจมาก   เกือบหยุดฝีก้าวเอาไว้ไม่ทัน  ตอนนี้เรายืนห่างกันไม่มาก 

   “ นี่นาย  ทำอะไร  ฉันเกือบจะเดินชนนายแล้วนะ ”  ฉันเริ่มจะโมโห 

   “ เรายังคุยกันไม่จบ  กล้าดียังไง เดินหนีฉันมาแบบนี้ ” มันทำหน้าดุใส่ฉัน 

   “ ฉันคุยจบแล้ว  แล้วฉันก็ไม่มีอะไรจะคุยกับนายแล้ว หลีกทางให้ฉันด้วย ”  ฉันพูดชัดเจนทุกถ้อยทุกคำ  แต่เหมือนมันจะฟังไม่รู้เรื่อง  ยังยืนจ้องหน้าฉันสีหน้าเอาเรื่อง  ส่วนฉันเองก็ไม่ได้หวาดกลัวมันเหมือนกัน จ้องหน้ามาก็จ้องหน้ากลับไปตามระเบียบคะ 

   “ ฉันขอไปส่งเธอที่บ้านเพื่อนหน่อยได้ไหม ”  มันพูดเสียงแข็ง  ช่างเป็นประโยคขอร้องที่ฟังดูขัดหูจริงๆ   แต่ก็ทำเอาฉันอึ้งไปเลยคะ  นี่มันจะมาไม้ไหน  ฉันชักจะเริ่มกลัวๆ แล้วสิ 

   “ จะไปทำไม  นายก็กลับบ้านเพื่อนไปดิ ”  ฉันพยายามผลักไสไล่ส่งมัน

   “ อยู่บ้านมันไม่ค่อยมีอะไรทำ  ไปกับเธอน่าสนุกกว่า  เผื่อจะมีอะไรทำ  ” มันทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ใส่ฉัน

   “ อยากมาก็ตามใจ  แต่ฉันไม่มีอะไรสนุกๆ  ให้นายทำหรอกนะ ”  ฉันพูดน้ำเสียงไม่พอใจ  แล้วเดินหลบมันออกมา  มันก็เดินตามฉันมาจริงๆ 

   ฉันเดินมาไม่ไกลมากก็มาถึงบ้านอิสายป่าน  ที่หน้าบ้านของนางมีโต๊ะม้าหินอ่อนอยู่  ฉันจึงเดินไปนั่งรอนางอยู่ตรงนั้น  ไอ้เต้ยืนมองดูบ้านอิสายป่านอยู่สักพัก  จึงเดินเข้ามาหาฉัน   ฉันมองมันอย่างไม่สบอารมณ์

   “ อ้าว  ใจคอจะไม่ชวนกันนั่งเลยหรอครับ ”  มันพูดประชดฉัน  คำว่าครับที่ออกจากปากมันทำให้ฉันขนลุกซู่  มันฟังดูแปลกๆ  พิลึกๆ  อย่างกับไม่ใช่ตัวมันเอง

   “ ถึงบ้านเพื่อนฉันแล้ว ก็กลับไปดิ ” ฉันชักจะเริ่มหงุดหงิด  เมื่อไหร่มันจะกลับสักทีนะ

   “ โอ้โห  อุตส่าห์เดินมาส่ง  ขอบใจสักคำก็ไม่มี  แถมยังไล่เรากลับอีก ”  มันทำหน้าเซ็งๆ และส่ายหัวไปมา

   “ ถ้ายังไม่อยากกลับ ก็นั่งก่อนดิ ”

   “ ไม่ดีกว่า  ฉันรู้หรอกว่าเธอรำคาญฉัน  ถ้าอยากให้ฉันกลับมากนัก  ฉันกลับก็ได้ ”  มันพูดเสียงกร่อยๆ  หน้าบิดหน้างอ  ท่าทางน้อยอกน้อยใจ   ฉันก็เอ๋อแด* สิคะ  มันกำลังทำอะไรของมันอยู่ รู้ตัวบ้างมั้ยเนี่ย 

   “ ก็ยังไม่ได้บอกว่ารำคาญสักหน่อย  คิดไปเองทั้งนั้น ” 

   “ ก็อาการเธอมันฟ้อง  ไม่ต้องพูด  ก็รู้สึกได้ ”  ฉันกลืนน้ำลายลงคอไปอึกหนึ่ง ก่อนจะหลบสายตามัน  เหมือนมันจะงอนๆ ฉันนะ  หรือฉันคิดไปเอง  คนอย่างไอ้เต้นี่นะ จะมาสนใจใส่ใจฉันขนาดนี้   หันไปอีกที  ก็เห็นมันเดินกลับแล้ว   

   “ เต้....  ขอบใจนะ ”  มันหยุดเดินแล้วหันกลับมาหาฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน  มันเป็นรอยยิ้มที่ดูจริงใจดี  แล้วมันก็เดินเข้ามาหาฉันอีกครั้ง 

   “ เปลี่ยนจากคำขอบใจ  เป็นอย่างอื่นได้ป่ะ ” มันยังยิ้มไม่หุบ   แต่ฉันนี่สิ เอ๋อแด* อีกแล้วคะ  มันต้องการอะไรจากฉัน  ฉัน งง ไปหมดแล้วคะ 

   “ จะขออะไรก็ขอมา  ถ้าให้ได้ก็จะให้ ”  ถึงฉันจะพูดแบบนั้น  แต่ความจริงแล้ว ฉันก็ไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่หรอก

   “ ไว้เจอกันคราวหน้า  เดี๋ยวจะบอกนะ ” มันพูดเสียงนุ่ม  ตาหวานเยิ้ม  ยิ้มจนแก้มปริ  แล้วเดินจากไป   ฉันมองตามหลังมันอย่างสงสัย  อยากรู้จริงๆ ว่าในใจของมันคิดอะไรอยู่  แต่จะให้เจอกันคราวหน้านี่  ฝันไปเถอะจ้ะ

   ฉันนั่งรออิสายป่านอยู่พักนึง นางก็เดินออกมาจากบ้าน  อินี่ จะแต่งตัวเปรี้ยวเกินไปแล้ว  นางใส่กางเกงขาสั้น  เสื้อรัดรูป  แถมยังใส่เสื้อชั้นในอีก  ทำให้มองเห็นว่ามีหน้าอก แลดูละม้ายคล้ายคลึงชะนีเอามากๆ ถ้าไม่ติดตรงหัวโปก  ก็คงจะดูละมุนนีกว่านี้อยู่หรอก  มันเดินไปขับมอไซต์มารับฉันที่นั่งรออยู่ม้าหินอ่อน  ฉันก็ขึ้นนั่งมอไซต์ในท่านั่งเบี่ยงเช่นเคย  แล้วนางสายป่านก็ขับมอไซต์ไปส่งฉันถึงที่บ้านอย่างปลอดภัย  มันชวนฉันไปเล่นที่บ้านอิกระต่าย  แต่ฉันปฏิเสธเพราะต้องอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ  ดูเป็นเด็กเรียนเอามากๆ เลยหละสิ  แต่จริงๆ แล้วฉันก็ขี้เกียจอยู่เหมือนกันนะ  แต่พอนึกถึงพ่อแม่แล้ว ก็ไม่อยากทำให้ท่านผิดหวัง  เพราะเท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ท่านก็แลดูจะผิดหวังในตัวฉันมากแล้ว  ฉันจึงต้องพยายามตั้งใจเรียน เพื่อชดเชยในส่วนอื่นให้กับพ่อและแม่ของฉัน ให้ท่านได้ภูมิใจในตัวลูกคนนี้บ้าง

   เสาร์ – อาทิตย์  วันหยุดที่ใครหลายๆ คนได้นอนพักผ่อน หรืออกไปเที่ยวเล่น  แต่มันกลับเป็นวันที่ฉันขลุกอยู่แต่กับหนังสือทั้งวัน  แต่ฉันก็ไม่ลืมที่จะกินยาคุมนะจ้ะ  อิอิ  และแล้วเช้าวันจันทร์ก็มาถึง  สัปดาห์นี้  เป็นสัปดาห์ของการสอบ midterm  ของภาคเรียนที่  1  วิชาแรกที่สอบ ก็คือวิชาคณิตศาสตร์  ฉันจำมันได้ดีเลยแหละ  เพราะมันเป็นวิชาที่ง่ายมากสำหรับฉัน  และฉันก็ทำมันเสร็จอย่างรวดเร็ว  ต้องได้คะแนนเต็มแน่ๆ เลย   วันแล้ววันเล่า  การสอบก็ยังดำเนินต่อไป  จนกระทั่งถึงวิชาสุดท้าย  ซึ่งก็คือวิชาภาษาไทย   จะว่าง่ายก็ง่ายนะ  แต่จะว่ายากก็ยาก  ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ   และแล้วการสอบ midterm  ของฉันก็สิ้นสุดลง  ฉันออกจากห้องสอบเป็นคนเกือบท้ายๆ  เพราะมัวแต่ตรวจทานข้อสอบอีกรอบก่อนส่งกระดาษคำตอบ  พอมั่นใจแล้วก็ลุกเดินออกจากห้องสอบ  ฉันเดินลงมาจนถึงชั้นล่างของอาคารเรียน  ไม่นึกเลยว่าจะมีคนรอฉันอยู่

   “ ฟิล์ม....... ”  เสียงไอ้โต๊ดเรียกฉันดังมาจากทางด้านหลัง  ฉันจึงหันกลับมาหามัน 

   “ อ้าวโต๊ด  นึกว่ากลับบ้านแล้ว ” ฉันพูดคุยกับมันตามปกติ

   “ ยังหรอก ว่าแต่ฟิล์มเถอะ สอบเป็นไงบ้าง ” 

   “ ก็ดีนะ  พอทำได้บ้าง  แล้วโต๊ดหละ ”

   “ ก็ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง  ฟิล์มอย่าไปสนใจเลย  ว่าแต่  เย็นนี้ไปเดินตลาดไนท์ด้วยกันมั้ย  ”  มันทำท่าทางกล้าๆ กลัวๆ อย่างกับฉันเป็นนางยักษ์นางมารงั้นแหละ 

   “ ตลาดไนท์หรอ  อืม.......  ก็ดีนะ  เดี๋ยวชวนอิสายป่านกับอิกระต่ายไปด้วย ” ฉันทำท่าคิดอยู่พักนึง  ก่อนจะตอบตกลง  และขอชวนเพื่อนๆ ไปด้วย  ไอ้โต้ดเริ่มหน้าบูดหน้าบึ้ง   สงสัยฉันจะพูดอะไรผิดคอมันซะแล้ว

   “ ฟิล์มไปกับเราแค่สองคนไม่ได้หรอ ”  อ๋อ... ฉันเริ่มเข้าใจแล้ว  ว่าทำไมมันถึงทำหน้าทำตาแบบนี้

   “ เอ่อ......  ไปสองคนก็ได้  แต่กลับค่ำไม่ได้นะ  แล้วเจอกันที่ทางเข้าตลาดไนท์  ห้าโมงเย็น  ” ฉันทำท่าคิดอยู่พักนึง  แล้วก็ตอบตกลงมันไปอีกตามเดิม  มันนี้ยิ้มจนเห็นฟันทุกซี่เลยคะ  แล้วฉันก็ยิ้มเบาๆ ให้มันเช่นกัน 

   เราสองคนเดินไปที่โรงจอดรถด้วยกัน  พอถึงที่นั่นก็โบกไม้โบกมือล่ำลากัน  ฉันขับรถมอไซต์มาถึงบ้าน  หิวข้าวมาก  เดินไปเปิดตู้กับข้าว เห็นอาหารที่แม่เตรียมไว้ให้ ก็จัดการสิคะ จะรออะไรหละ  ช่วงนี้กินยาคุม ก็เลยรู้สึกหิวข้าวบ่อยไปนิดนึง  จากนั้นฉันก็เปลี่ยนเสื้อผ้า  เป็นกางเกงยีนส์ขายาวทรงกระบอก  และเสื้อยืดสีขาวธรรมดาๆ  พอแต่งตัวเสร็จแล้วฉันก็ขับมอไซต์ไปตลาดไนท์  พอมาถึงก็หาที่จอดรถ  แล้วเดินไปที่ทางเข้าตลาด  เห็นไอ้โต๊ดยืนรออยู่แล้ว  มันแต่งตัวเท่ห์มาก  บวกกับใบหน้าหล่อๆ และผิวขาวๆ ของมันแล้ว  ทำให้มันดูเปล่งประกาย  มีออร่ามาก  จนฉันนี่แทบไม่อยากจะเดินกับมันเลย  เพราะเราสองคนดูต่างกันมาก   

......................................................................
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 8 Part 1 : 25-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 25-09-2015 10:37:04
ค้างอะ  มายาวๆ หน่อยสิ อิอิ ลงวันละ 2 ตอนก็ดีนะ
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 8 Part 1 : 25-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 25-09-2015 17:26:50
เดี๋ยวมาต่อให้ได้อ่านกันแน่นอนจ้ะ ใจร่มๆ นะคะ  :z2: :katai3:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 8 Part 1 : 25-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 25-09-2015 21:25:01
เราชอบเต้โดยไม่มีสาเหตุอ่า555
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 8 Part 1 : 25-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 26-09-2015 15:34:20
เราชอบเต้โดยไม่มีสาเหตุอ่า555

ชอบนายเต้ ระวังจะอกหักนะจ้ะ
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 8 Part 1 : 25-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 26-09-2015 18:01:21
รอๆๆๆๆ มะไหร่จะมานะ ตกลงเตี นิสัยไม่ดีหรอ รอตอนตอปาย ขอยาวยาววววววว
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 8 Part 2 : 27-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 27-09-2015 07:45:09

ตอนที่  8   ศึกชิงนาง   Part 2

   “ โห......  ฟิล์ม  มาช้าจัง  เรายืนรอตั้งนานแล้วนะ ”  ไอ้โต๊ดบ่นให้ฉัน  แต่สีหน้ามันกลับตรงข้ามกับคำพูดของตัวเอง เพราะตอนนี้มันกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่  ดูไม่เหมือนคนอารมณ์เสียเลย

   “ โทษที  ช่วยแม่ทำงานบ้านนิดหน่อย ก็เลยมาช้า ”  ฉันเอาแม่มาอ้างอีกแล้ว  จะบาปมั้ยหละหนิ  ที่จริงแล้วมัวแต่นั่งกินข้าวอยู่  กินไปดูทีวีไป  เพลินดี สุดท้ายมาสายจนได้  หุหุ 

   “ ไปกันเถอะ ”  ฉันพยัคหน้าเบาๆ  แล้วเราสองคนก็เดินเข้าไปในตลาดกัน

   ในขณะที่เรากำลังเดินตลาดกัน  สายตาหลายคู่ต่างจ้องมองมาที่เราทั้งสองคน  คำนินทาก็แว่วมาเข้าหูฉัน  ฉันได้ยินมันชัดเจน  สายตาจิกกัดเหล่านั้นมองมาที่ฉันไม่หยุดหย่อน  ท่าทางของพวกเขายิ่งแสดงออกถึงความเกลียด  ความหมั่นไส้  ในตัวฉันมากขึ้น  ฉันรู้สึกและสัมผัสได้     ฉันพยายามไม่รับรู้และไม่เก็บมาคิดใส่ใจ  แต่ก็ทำไม่ได้  การเดินตลาดในวันนี้มันช่างอึดอัด  และไม่มีความสุขเอาซะเลย 

   “ ฟิล์ม  ฟิล์มโอเคป่ะ ”  ไอ้โต๊ดหันมาถามฉันที่ยืนอยู่ข้างๆ   มันเองก็คงจะรู้ว่าฉันกำลังโดนนินทาจากนักเรียนมัธยมที่มาเดินตลาด  ซึ่งส่วนมากก็จะมีแต่ชะนีกับกะเทยที่นินทาฉันออกนอกหน้านอกตา 

   “ ไม่ค่อยโอเคเลยหวะ ”  ฉันหันหน้าไปตอบมัน  สีหน้าไม่ค่อยสดชื่น เพราะกำลังหดหู่อย่างแรง

   “ ถ้าฟิล์มไม่สบายใจ  กลับบ้านเลยดีมั้ย  เดี๋ยวเราไปส่ง ” คำพูดของไอ้โต๊ด  ทำให้ฉันรู้สึกว่ามันก็แคร์ความรู้สึกของฉันอยู่เหมือนกัน

   “ แล้วได้ของที่อยากซื้อแล้วหรอ ” ไหนๆ ก็มาแล้ว ฉันไม่อยากให้มันมาเสียเที่ยว  ก็เลยถามออกไปอย่างนั้น 

   “ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้ออะไรเป็นพิเศษหรอก แค่อยากชวนฟิล์มมาเดินตลาดด้วยกัน ”  มันพูดแล้วส่งยิ้มมาให้ฉัน  ฉันก็เขินสิคะ  ทำอะไรไม่ถูก   ได้แต่หันหน้าหนีหลบหน้ามันแล้วบิดตัวไปมาเล็กน้อย 

   “ ฟิล์ม.....  เป็นไรอะ ”  ฉันหลุดออกจากภวังค์ของอาการเขินอาย  รวบรวมสติ  แล้วหันกลับมามองหน้ามันอีกครั้ง  มันยังยิ้มไม่หุบเลยอะ  ฉันได้แต่พยายามทำตัวให้นิ่งไว้

   “ ไหนๆ ก็มาแล้ว  เดินต่อเถอะ ครบ 1 รอบแล้วค่อยกลับ ”  ไอ้โต๊ดยักคิ้วหนึ่งที  แล้วเราสองคนก็เดินตลาดกันต่อจนครบ 1 รอบ  สุดท้ายแล้วเราก็ไม่ได้อะไรกันเลย  นอกจากอาการปวดขา  ตลาดใหหญ่มาก  คือเดินจนปวดขาอะ  5555

   เป็นเวลาเย็นมากแล้ว  เวลาก็น่าจะราวๆ 6 โมงเย็นได้  ฉันขี่มอไซต์คู่ใจมาถึงบ้าน  แล้วเดินเข้าไปในบ้าน  เห็นแม่กำลังทำอาหารอยู่ ฉันจึงเข้าไปช่วย  เย็นนี้เราสองแม่ลูกทำกับข้าวช่วยกันจนเสร็จ  และก็เป็นอีกวันที่เราได้นั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน 4 คน พ่อ แม่ ลูก  มันเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นและมีความสุขมาก  พ่อกับแม่เองก็ไม่ลืมถามเรื่องการสอบของฉัน  ฉันก็ตอบท่านออกไปอย่างภาคภูมิใจว่าฉันทำข้อสอบได้ทุกวิชา   ซึ่งฉันไม่เคยลืมเลย  ว่าฉันจะต้องทำให้ท่านภูมิใจในตัวฉันให้ได้

   ก๊อกๆ  ก๊อกๆ  เสียงเคาะประตูห้อง  ฉันที่กำลังนอนอ่านหนังสือเรียนอยู่บนที่นอน  จึงพับเก็บหนังสือ  และเดินมาเปิดประตู  เห็นไอ้น้องชายตัวแสบยื่นโทรศัพท์มือถือของพ่อมาให้  มันบอกว่าอิสายป่านโทรมา  ฉันรับโทรศัพท์มาแล้วดูเบอร์โทรบนหน้าจอมือถือ  เบอร์อิสายป่านจริงๆ ด้วยสิ 

   “ ฮัลโหล  ว่าไงมึง ” ฉันพูดอย่างเป็นกันเอง

   “ อิฟิล์ม  เอ่อ..... คือ........  โชคอยากคุยกับมึงอะ  มึงจะคุยกับเขามั้ย ”  เสียงจากปลายทางฟังดูอ่อยๆ  และแผ่วเบาจนฉันเกือบจะไม่ได้ยิน  แต่พอรู้ว่าไอ้โชคจะขอพูดสายด้วย ฉันก็เงียบ หยุดคิดอยู่พักนึง  ก่อนจะตอบอิสายป่านออกไป

   “ มันอยู่กับมึงหรอ ”

   “ อืม  พอสอบเสร็จ มันก็มาชวนกูกินเบียร์  ตอนแรกกูก็ปฏิเสธมันนะ แต่พอมันบอกว่าจะเลี้ยงเท่านั้นแหละ  กูปฏิเสธไม่ลง ”  อิสายป่านตอบฉันแบบกล้าๆ กลัวๆ  เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น  ฉันเล่าให้อิสายป่านฟังหมด มันรู้ดีว่าฉันเกลียดไอ้โชค  แต่มันก็ยังทำแบบนี้  เพื่อนนะเพื่อน  เฮ้อ......

   “ มันอยากคุยกับกูจนต้องติดสนบนมึงเลยหรอวะ  ถ้ามันอยากคุยกับกูจริงๆ  ฝากบอกมันด้วย  ว่าให้มาคุยต่อหน้ากู  ไม่ใช่คุยทางโทรศัพท์แบบนี้  กูไม่ชอบ ”  ฉันอารมณ์เสียใส่อิเพื่อนสาวทรยศ 

   ตู๊ด...........................  ตู๊ด..................................  ฉันวางสายทันที ไม่รอให้มันได้พูดอะไรอีก 

   วันเสาร์ – อาทิตย์ หลังสอบ  ช่างเป้นวันหยุดที่มีความสุขมากๆ เลยสำหรับฉัน  เพราะฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการดูทีวี  และลเนเกมส์ตลับกับน้องชาย  แต่ฉันก็ไม่ลืมอ่านหนังสือ  ทบทวนบทเรียนนะจ้ะ   และแล้ววันเวลาแห่งการพักผ่อนก็ผ่านไป   

   เช้าวันจันทร์ที่แสนจะน่าเบื่อก็มาถึง   แต่ทำไมกันนะ วันนี้ฉันถึงดูตื่นเต้นมากขนาดนี้  ก็เพราะว่าวันนี้คุณครูที่ปรึกษาจะประกาศผลสอบที่พวกเราสอบไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วยังไงหละ  ตื่นเต้นจังเลย  จะได้คะแนนเท่าไหร่นะ  ผลปรากฏว่า ฉันทำคะแนนสอบได้ TOP  ในบางวิชา  ส่วนวิชาอื่นๆ ที่ไม่ได้ TOP  แต่ฉันก็ได้คะแนนสูงอยู่เหมือนกัน  เอาเป็นว่าฉันพอใจในผลสอบครั้งนี้   

   เวลาพักเที่ยงมาถึง  อิสายป่านก็เดินมาหาพวกเรา 3 คนที่ห้อง  ถ้าวันไหนพวกเราพักก่อน พวกเราก็จะเดินไปหานางที่ห้อง แต่วันนี้นางคงได้พักก่อนพวกเรา  ถึงได้ย่างกายเข้ามาหาพวกเรา   ในขณะที่เรายังเก็บอุปกรณ์การเรียนใส่กระเป๋ายังไม่เสร็จ  มันก็มาเร่งเอาๆ  น่าตบชะมัดเลยอิเพื่อนคนนี้  เสร็จแล้วพวกเราก็สะพายกระเป๋ากันลงไปกินข้าวที่โรงอาหาร  กินเสร็จก็นั่งเม้าท์มอยกันไปตามระเบียบ  อยู่ๆ พวกมันก็เกิดอาการปวดฉี่พร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย  ทิ้งให้ฉันต้องนั่งเฝ้าสมบัติของพวกมันอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนโต๊ะประจำเพียงคนเดียว   ฉันก็เอาหนังสือเรียนมาเปิดอ่านรอพวกมันสิคะ จะได้ไม่นั่งเสียเวลา  แลดูมีสาระ  อิอิ

   “ ขอนั่งด้วยคนได้เปล่า ”  ฉันเงยหน้าขึ้นจากหนังสือไปมองดูเจ้าของเสียงนั่น  เสียงนี้คุ้นหูฉันดี และมันจะเป็นใครไปไม่ได้เลย  ไอ้โชคนั่นเอง   มันยืนทำหน้าเศร้าอยู่ตรงหน้าฉัน 

   “ นั่งสิ ”  แล้วมันก็นั่งลงตรงม้าหินอ่อนข้างหน้าฉัน 

   “ เราอยากมาขอโทษฟิล์มเรื่องวันนั้น เราขอโทษที่ทำแบบนั้นกับฟิล์ม  ยกโทษให้กันได้มั้ย ”  ฉันกระดกน้ำลายลงคอไปอึกนึง  มองเห็นผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า  มันดูน่าสงสารมาก 

   “ แล้วฟิล์มจะมั่นใจได้ยังไง ว่าโชคจะไม่ทำอย่างนั้นอีก ”  ฉันต้องการหลักประกันที่แน่นอน มากกว่าคำพูดที่ออกจากปากผู้ชายคนนี้ คนที่ฉันเคยไว้ใจ 

   “ เย็นนี้ป้าชวนฟิลืมไปทานข้าวที่บ้าน  โชคจะขอสัญญาต่อหน้าป้า  ว่าโชคจะไม่ล่วงเกินฟิล์มอีก  โชคทำได้ดีที่สุดแค่นี้ ”  มันพูดสีหน้าจริงจัง 

   “ แค่นี้ ?? ”  ฉันถามย้ำอีกครั้ง

   “ แค่นี้พอมั้ย  พอที่จะทำให้เราสองคนกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ”  ฉันเงียบและหยุดคิดอยู่พักนึง  แต่ฉันก็ไม่ได้ละสายตาไปจากผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าฉันเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว  มันเองก็จ้องมองฉันอย่างไม่ละสายตาเช่นกัน   ในที่สุดฉันก็ได้คำตอบ   ฉันเปรยยิ้มเล็กๆ  ออกไปก่อนจะให้คำตอบมัน 

   “ ได้สิ  เพื่อน ”  มันยิ้มดีใจกับคำตอบที่ได้รับ  ฉันเองก็ยิ้มต้อนรับมิตรภาพครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งเช่นกัน   

   “ ขอบใจนะ  โชคสัญญา  ว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีของฟิล์ม  ” รอยยิ้มที่สดใสแบบนี้  ฉันดีใจจริงๆ ที่ได้เห็นมันอีกครั้ง 

   และแล้วความน่ารักสดใสของไอ้โชคก็กลับมา  ฉันรู้สึกโล่งมาก เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก  เย็นนี้ฉันบอกแม่ว่าจะไปเล่นบ้านอิสายป่าน  แต่จริงๆ แล้วไปบ้านไอ้โชคนั่นเอง   โกหกแม่อีกแล้ว  เมื่อไหร่จะเลิกซักทีนะนิสัยแย่ๆ แบบนี้  พอไปถึงบ้านก็เจอน้องสาวของมันและป้าเบซี่ พวกเรานั่งทานอาหารด้วยกัน กับข้าววันนี้เป็นฝีมือป้าเบซี่ล้วนๆ และยังคงอร่อยเหมือนเดิม  ฉันนี่หิวมาจากไหนไม่รู้  กินไป 2 จานเบาๆ คะ  น้องสาวของไอ้โชคอาบน้ำขึ้นห้องไปเรียบร้อย   เราเริ่มคุยกันเรื่องนั้น  ดูเหมือนป้าเบซี่จะตกใจเล็กน้อย  แต่แกก็ไม่ได้ดุด่าอะไรเราทั้ง 2 คน  แต่กลับสอนให้เราสองคนใส่ใจกับการเรียนและถ้าจะมีความรักก็ให้อยู่ในกรอบ  ห้ามทำอะไรเกินเลย  มีความรักเพื่อเป็นกำลังใจให้กัน  ห้ามมีความรักเพื่อเป็นที่ระบายความใคร่ของกันและกัน  สำหรับเด็กในวัยเรียนอย่างพวกเรา  คำสอนนี้ถือว่าดีมากๆ เลยแหละ  หลังจากที่ป้าเบซี่สอนอะไรๆ หลายๆ อย่างพวกเราแล้ว  ไอ้โชคก็ให้คำสัญญากับฉันต่อหน้าป้าเบซี่ตามที่ตกลงกันเอาไว้  คำสัญญาในครั้งนี้ฉันถือว่ามีป้าเบซี่เป็นหลักประกัน  เพราะไอ้โชคมันเคารพป้าแกมาก  คราวนี้ถ้ามันจะทำอะไรไม่ดีๆ กับฉัน มันคงจะได้นึกถึงคำสัญญานี้ ที่เคยพูดต่อหน้าป้าเบซี่  มันจะได้ให้เกียรติฉันอยู่เสมอ

   เรากลับมาสนิทกันเหมือนเดิม  หลังเลิกเรียนฉันก็จะใช้เวลาซ้อมตะกร้อกับไอ้โชคประมาณครึ่งชั่วโมง  และไปติวหนังสือให้มันที่บ้าน  โดยจะต้องมีป้าเบซี่หรือน้องสาวของมันอยู่ด้วยทุกครั้ง   เพราะฉันจะไม่ยอมอยู่ในบ้านกับมันสองต่อสองเป็นอันขาด  บางวันไอ้โต๊ดก็ชวนฉันไปซ้อมตะกร้อที่สนามกีฬาอำเภอ  ฉันก็ต้องปลีกตัวไปกับไอ้โชคบ้าง  กับไอ้โต๊ดบ้าง  เฮ้อ.... คนสวยเพลีย  หรา........

   “ อิฟิล์ม  มึงพร้อมรึ่ยังคะ ”  เสียงอิสายป่านที่ดังมาจากปลายสายถามฉัน 

   “ พร้อมแล้วเนี่ย  รอนานแล้วด้วย  เมื่อไหร่พวกมึงจะมาหละคะ ”  ฉันเหน็บอิเพื่อนสาวไปทีนึง บอกให้ฉันแต่งตัวรอตั้งนานแล้ว แต่ตัวเองยังไม่โผล่หน้ามาสักที  ฉันชักจะเริ่มเซ็งพวกมันแล้ว

   “ เออๆ  อยู่บ้านอิกระต่ายหนิ  เดี๋ยวไปรับ  แค่นี้นะ ” มันเหวี่ยงฉัน  ตัวเองเป็นคนผิดนัดยังจะมาเหวี่ยงฉันอีก ฉันหละป่วยจิตจริงๆ เลย   

   เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง  ฉันนั่งรอมันอยู่ที่หน้าบ้าน  ลืมบอกไป  วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน พวกเราเลยนัดกันออกไปกินหมูกระทะบุฟเฟ่ที่อำเภอข้างเคียง  เพราะร้านนี้เห็นบอกว่าใหญ่มาก ของกินเยอะมาก และเติมของตลอด โดยเฉพาะกุ้งกับปลาหมึก ของโปรดคะ  พวกเราจึงดั้นด้นไปกินให้ได้   ในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดลง  อิเพื่อนสาวสองนางหยุดรถที่หน้าบ้านของฉัน ภาพที่ฉันเห็นคือ พวกนางแรดมากคะ  แต่งตัวได้เปรี้ยวมากๆ  กางเกงขาสั้นนี่ก็สั้นสุดๆ  กับเสื้อยืดสีขาวบางรัดรูป มองทะลุเห็นสายเสื้อชั้นใน  แหม๋  มันคงหวังจะไปอ่อยผู้ชายแถวนั้นเต็มที่เลยหละสิ  ส่วนฉันหนะหรอ ก็กางเกงยีนส์ขายาวทรงกระบอกตัวเดิม  กับเสื้อยืดสีเหลืองตัวโปรด  ดูไม่เข้ากับพวกมันเลยคะ  ฉันขับมอไซต์ของฉันไปเอง ส่วนอิกระต่ายก็นั่งซ้อนท้ายอิสายป่านเช่นเคย 

   พวกเราขับมอไซต์ไปรับแม่นางมายต่อ  บ้านของนางอยู่ไม่ไกลจากบ้านฉันมากนัก   พอครบ 4 นางแล้ว  พวกเราก็ขับมอไซต์ไปอีกประมาณ  20  กิโลเมตร  เพื่อมากินหมูกระทะที่อำเภอข้างเคียง  พอมาถึงร้าน ภาพแรกที่เห็นคือ  รถจอดเต็มหน้าร้าน ทั้งรถยนต์ รถมอไซต์  เยอะแยะเต็มไปหมด  พวกเราเดินเข้าไปในร้าน  ร้านใหญ่โตมากจริงๆ  มีพนักงานออกมาต้อนรับและพาเราไปนั่งโต๊ะที่ว่าง  จากนั้นพวกเราก็ลุกไปหยิบสารพัดอาหารที่จะช่วยดับความหิวกระหายของพวกเราได้  ได้ของกินมาเต็มโต๊ะเลยคะ  ส่วนฉันก็เน้นกุ้งกับปลาหมึก   เอามาเยอะเป็นพิเศษ  พอได้วัตถุดิบมาจนครบแล้วเราก็เริ่มย่างเนื้อ กินข้าวผัด กินยำ กินอะไรหลายๆ อย่าง และนั่งเม้าท์มอยกันอย่างสนุกสนาน 

...........................................................................

หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 8 Part 2 : 27-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 27-09-2015 07:49:32

ตอนที่  8   ศึกชิงนาง   Part 2  ( ต่อ )

        “ หวัดดีครับ  ผมมาช้าเกินไปมั้ย ” ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกคะ  ไอ้โชคนั่นเอง   ฉันเป็นคนชวนมันเองคะ   

   “ มาสายนะคะโชค  อย่างนี้ต้องลงโทษ ”  โทนเสียงสูงน่าหนวกหูของอิกระต่ายดังขึ้นก่อนเพื่อนเลยคะ

   “ ลงโทษยังไงอะ ”  แน่ะ  ไอ้โชคก็ตามน้ำซะงั้น

   “ คืนนี้โชคต้องไปส่งเราที่บ้านนะ  โอเคมั้ย ”  ไม่ค่อยสำรวมกิริยามารยาทเลยนะจ้ะเพื่อนสาว  ทำท่าสะดีดสะดิ้งซะขนาดนี้  เข้ากับชุดแรดๆ ของหร่อนจริงๆ คะอิกระต่าย

   “ ได้อยู่แล้ว  ยังไงเราก็ต้องไปส่งฟิล์มอยู่ดี ” นั่นสินะ  สรุปว่าอิกระต่ายหน้าแตก  เพล้ง!  5555555  พวกเราพากันหัวเราะนาง  นางก็งอนๆ ไปตามระเบียบ 

   “ นั่งสิโชค  นั่งข้างๆ  ยายฟิล์มนี่แหละ ”  เสียงใสๆ ของแม่นางมายเชิญไอ้โชคมานั่งข้างฉัน 

   ไอ้โชคเดินมานั่งเก้าอี้ข้างฉัน  แต่ก้นไม่ทันจะถึงพื้นเก้าอี้ ก็ต้องหยุดชะงัก 

   “ ได้ไงวะ ”  ไอ้โต๊ดพูดเสียงดังพอควร   จนคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่บริเวณนั้นหันขวับมาดูกันเลยทีเดียว   

   ไอ้โชคที่กำลังนั่งลงและหยุดชะงัก  ก้นยังไม่แตะเก้าอี้เลย   แต่กลับต้องยืนขึ้นเต็มตัว 

   “ มึงมีปัญหาอะไรวะไอ้โต๊ด ”  ไอ้โชคถามเสียงเข้ม 

   “ กูว่ามึงมานั่งกับกูดีกว่า  ให้ฟิล์มนั่งทางนั้นกับมาย ” เป็นข้อเสนอที่ดี  ฉันเห็นด้วยคะ  ไอ้โชคไม่พูดอะไร   ผู้ชายสองคนต่างจ้องมองหน้ากันตาเขม็ง  เอิ่ม.... มันจะต่อยกันป่ะเนี่ย  ไปเถอะนะโชคจ๋า  วันนี้วันเกิดฟิล์มนะ  อย่าให้มีเรื่องไม่ดีอะไรเกิดขึ้นเลยนะจ้ะ  ฉันได้แต่ภาวนาในใจ  แล้วไอ้โชคก็เดินอ้อมไปนั่งกับไอ้โต๊ด   ฮื้ดดดดด  ฉันถอนหายใจไปฟืดนึง  เกือบแล้วๆ 

   เราขอเตาเพิ่มอีก 1 เตา  ฉันกับมายนั่งทางเดียวกัน  ส่วน 4 คนนั้นก็นั่งทางเดียวกัน  ฉันนั่งกินเตาเดียวกับไอ้โต๊ดและไอ้โชค  ส่วนเพื่อนสาวอีก 3 คนของฉันก็นั่งกินเตาเดียวกัน  แล้วฉันก็หนีไม่พ้นสายตาจิกกัดของอิสายป่านและอิกระต่าย  พวกมันใช้ทั้งสายตาและคำพูดจิกกันฉันอยู่เรื่อยๆ  ฉันก็ตอบโต้บ้าง  แต่ก็แพ้พวกมันสองคนอยู่ดี เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียว  เรื่องจิกกัดเพื่อนหนิ  ฉันหละปวดหัวกับพวกมันจริงๆ  ฉันทนไม่ไหวก็เลยลุกไปตักอาหารคนเดียว  ตอนแรกไอ้โชคกับไอ้โต๊ดจอขอตามมาถือของให้  แต่ฉันกลัวมันตีกันซะก่อน  ก็เลยตัดบทด้วยการปฏิเสธไปทั้งสองคนนั้นแหละ แล้วก็ชิ่งมาคนเดียวซะเลยหนิ  โล่งหัวสมองดี  ไม่มีเสียงของอิพวกนั้นสองคนแล้ว  รู้สึกสมองโล่งๆๆ 

   ฉันเดินเลือกอาหารเพลินเลยทีเดียว ก็ของกินมันเยอะมากอะ  จะกินอะไรดีเลือกไม่ถูก  ก็หยิบไปอย่างละชิ้นสองชิ้น กะจะชิมให้หมดทั้งร้านเลย  แต่ที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ กุ้งกับปลาหมึกคะ ชอบจริงๆ   

   “ ไอ้ฟิล์ม ”  กรี๊ดดดดด  ไอ้บ้าที่ไหน  มาเรียกชื่อฉันแบบนี้  ฉันถึงกับหันขวับไปมองหน้ามันอย่างเร็ว  เห็นมันยืนอยู่ตรงหน้า   ฉันตกใจตาลุกโต  จะเป็นใครไปไม่ได้  มันคือไอ้เต้   มาครั้งนี้มันมาแบบป่าเถื่อนอีกแล้ว

   “ เฮ้ย  มึงเป็นไรวะ เห็นหน้ากูอย่างกับเห็นผี ดูทำหน้าทำตาเข้า ”  คำทักทายของมันทำให้ฉันได้สติสตังค์กลับคืนมา  ฉันเริ่มฉุนขึ้นมาทันที  ที่ได้ยินคำพูดที่ไม่ไพเราะเสนาะหูแบบนี้   

   “ ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ”  ฉันพูดกระแทกแดกดันใส่มัน แล้วยิ้มเยาะใส่ อารมณ์แบบว่าอยากยั่วโมโหมัน 

   “ เหรอออ.....  หล่อ เท่ห์ ขนาดนี้  จะเป็นผีได้ไงวะ นี่มึงใช้ตาดูหรือใช้อย่างอื่นดู ”  แอร๊ยยยยย  นอกจากจะยั่วโมโหมันไม่สำเร็จแล้ว  ฉันยังโดนมันด่าอีก  เริ่มจะมีน้ำโหแล้วนะ 

   “ หล่อตายแหละ  ที่บ้านมีกระจกรึป่าว  ส่องบ้างอะไรบ้าง  เผื่อจะได้เห็นความจริง ” ฉันเอาบ้าง เรื่องอะไรจะปล่อยให้มันเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว 

   “ มีครับ  ส่องทุกวัน แล้วก็หล่อทุกวันที่ส่องด้วย  55555  ”  มันกำลังหัวเราะเยาะฉันอย่างสนุก   ส่วนฉันก็ได้แต่ยืนกำหมัดแน่น  และส่งสายตาพิฆาตไปให้มัน   แต่ดูเหมือนมันจะหัวเราะหนักเข้าไปใหญ่ หัวเราะไม่หยุดสักที มันคงคิดว่ามันชนะฉัน ที่ทำให้ฉันโกรธจนเลือดขึ้นหน้าได้ขนาดนี้ 

   ฉันทนไม่ไหว  ก่อนจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง  เพราะถ้าฉันควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ขึ้นมาหละก็  ฉันก็จะ  ก็จะกรี๊ดดดดดด  เสียงดังลั่นเลยหนะสิ  ฉันจะทำแบบนั้นไม่ได้คะ อายคนอื่น  ฉันจึงตัดสินในเดินหนีมัน 

   “ เฮ้ย! ไปไหนวะ ยังคุยกันไม่จบเลย  จะรีบไปไหนวะ ”  มันเรียกฉันเสียงดุ   ฉันหยุดฝีก้าว   หันกลับมาหามัน  แล้วเดินเข้าไปหามันอีกครั้ง 

   “ จะคุยอะไรอีก  ฉันไม่มีอะไรจะทะเลาะกับแกแล้ว ไร้สาระ ” ฉันพูดเสียงแข็งใส่มันคืน 

   “ โอเค  ไม่ทะเลาะก็ได้  แล้วนี่มาทำอะไร ”  มันเริ่มพูดจาน้ำเสียงเป็นปกติ 

   “ ถามไรแปลกๆ ก็มากินหมูกระทะไง ”  ฉันนี่สิ  ยังยียวนกวนประสาทมันไม่เลิก ก็มันหน้าหมั่นไส้นี่นา 

   “ โด่ว  ไอ้เราก็อุตส่าห์พูดด้วยดีๆ แล้วนะ ทำไมไม่พูดดีๆ  กับผมบ้างหละคร้าบบบ  ”  หยีๆๆๆ  ได้ยินคำว่าครับออกจากปากมันแล้วรู้สึกสะอิกสะเอือนบอกไม่ถูก 

   “ คะ แล้วคุณเต้ มาทำอะไรแถวนี้  ห้ามบอกว่ามากินหมูกระทะนะคะ ”  ฉันพูดประชดมันคืนบ้าง  พูดประชดแบบเพราะๆ สตอเบอแหลแบบนี้ฉันก็พูดเป็นนะจ้ะ

   “ ก็บ้านผมอยู่แถวนี้  ว่างๆ ผมก็มากินร้านนี้ประจำหละครับ  เพิ่งเคยมาอะดิ ถึงไม่เคยเห็น ”  มันยังเล่นไม่เลิกคะ 

   “ คะ เพิ่งเคยมา  แล้วก็เพิ่งรู้ด้วยว่าบ้านของคุณเต้อยู่แถวนี้  วันหลังจะได้ไม่มาอีก ”  มันไม่เลิก ฉันก็ไม่เลิกเหมือนกัน 

   “ ว่าแต่  มากินหมูกระทะวันนี้หนิ  ต้องมีโอกาสพิเศษอะไรแน่ๆ เลย ผมเดาถูกรึป่าวคับ ”  แหม๋  รู้ดีจังเลยนะจ้ะ  แสนรู้  แสนรู้   5555555 

   “ ถูกต้องแล้วคะ ”  ฉันทำเป็นยิ้มให้มัน 

   “ เนื่องในโอกาสอะไรหรอครับ  พอจะบอกผมได้มั้ย ” มันก็ทำเป็นยิ้มให้ฉันเหมือนกันคะ  หน้าตามันยียวนกวนประสาทมากๆ เลย  หน้ากวนตรี*  ชักจะเริ่มฉุนแล้วนะ 

   “ งานวันเกิดฉันเอง ”  ทนไม่ไหวจนได้  ฉันเริ่มพูดจามะนาวไม่มีน้ำเข้าซะแล้ว 

   “ อ้าว  หรอ  สุขสันต์วันเกิดนะ ”  มันทำท่าทางตกใจ  แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน  ก็ยังดี อย่างน้อยๆ  คำว่าสุขสันต์วันเกิด ก็แลดูจะจริงใจ 

   “ ขอบใจ  ฉันไปหละ มานานแล้ว เดี๋ยวเพื่อนถามหา ” 

   “ เดี๋ยวก่อนดิ  คือ...  ฉันยังไม่ได้ให้ของขวัญวันเกิดแกเลย ”  มันทำหน้าตาจริงจัง  ทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้

   “ ไม่เป็นไร  แค่สุขสันต์วันเกิดก็พอแล้วหละ ”  ฉันตอบมันออกไปอย่างนั้น เพราะไม่ต้องการของขวัญจากมัน  ไม่รู้ว่ามันจะเล่นพิเรนอะไรอีก         

   “ ไม่ได้ดิ  เสาร์นี้ว่างป่ะ เดี๋ยวพาไปเอาของขวัญ ”  มันยิ้มแปลกๆ  ท่าทางทะแม่งๆ 

   “ เฮ้ย! ไม่เป็นไร  ไม่เป็นไรจริงๆ ”  ฉันรีบปฏิเสธไปทันที  ไม่ว่ามันจะให้อะไร แต่ฉันก็ไม่อยากรับของมันอะ

   “ ไม่ได้  ต้องไป  แล้วก็ต้องเอาด้วย นี่แกอย่าลืมนะว่าแกติดหนี้บุญคุณฉันครั้งหนึ่ง  ฉะนั้นฉันขอให้แกไปกับฉันวันเสาร์นี้ ”  มันเล่นทวงบุญคุณ  ก็จะบุญคุณอะไรซะอีกหละ ก็บุญคุณที่มันเดินไปส่งที่บ้านอิสายป่านนั้นแหละ บุญคุณที่มันยัดเยียดให้  แถมครั้งนี้มันยังจะยัดเยียดสิ่งของให้อีก  แบบนี้ฉันก็ติดหนี้มันไม่รู้จักจบจักสิ้นอะดิ 

   “ เออ  ไปก็ได้  แต่ไปได้ไม่นานนะ ”  ฉันจำใจต้องตอบตกลงมัน  มันก็ยิ้มพอใจใหญ่เลย

   “ เสาร์นี้เจอกันที่สนามบาส สนามกีฬาอำเภอแก  เก้าโมงเช้า  ห้ามมาสายด้วยหละ ”  มันขู่ฉันนิดๆ  แต่ฉันไม่กลัวหรอกยะ

   “ รู้แล้ว  แล้วบอกได้มั้ยว่าจะพาไปไหน แล้วของขวัญที่จะให้คืออะไร ”  ฉันถามมันพร้อมกับทำหน้า งงๆ  มันเดินเข้ามาใกล้ฉัน  แล้วมองฉันตั้งแต่ล่างขึ้นมาบน  และหยุดมองที่หน้าฉัน 

   “ พอถึงเวลา  ก็รู้เองแหละ ”  น้ำเสียงที่ฟังดูสยิว ทำเอาฉันขนลุกขนพอง  และใบหน้าหื่นๆ ของมัน  ทำให้ฉันชักไม่แน่ใจแล้วว่า  ของขวัญที่มันจะให้ฉัน  มันเป็นสิ่งของ หรือว่าอะไรกันแน่ 

   ก่อนที่ฉันจะเดินกลับ  มันยังทิ้งท้ายไว้อีกว่า  ให้ฉันไปคนเดียว  ห้ามเอาใครมาด้วย  ถ้าเห็นฉันเอาใครมาด้วย มันจะต่อยให้เลือดกบปากกันทุกคนเลย  ฉันโดนขู่ไว้แบบนี้  แล้วฉันจะทำยังไงดี  ฉันต้องไปคนเดียวจริงๆ  หรอ  คิดแล้วกลุ้มใจ  เครียดระดับ 10  ได้แต่ภาวนา  ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี     

...........................................................................

******* ตอนที่  9  Coming  Soon

หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 8 Part 2 : 27-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 27-09-2015 08:16:18
เต้มันมีแผนร้ายแน่ๆ เลย ต้องระวังตัวนะ ไม่น่าใว้ใจ
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 8 Part 2 : 27-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 27-09-2015 15:31:11
 o18
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 8 Part 2 : 27-09-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 28-09-2015 00:54:52
เต้มันมีแผนร้ายแน่ๆ เลย ต้องระวังตัวนะ ไม่น่าใว้ใจ

ไม่อยากไปกับนายเต้เลย บอกตามตรงว่ากลัว กลัวมากๆ  จะไปหรือไม่ไปดี อิอิ  :hao4:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 9 : 01-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 01-10-2015 16:01:03
ตอนที่  9   

   ฉันเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับของกินมากมาย  อิสายป่านกับอิกระต่ายก็จิกกัดฉันใหญ่   มาหาว่าฉันตายอดตายอยากมาจากไหน ถึงได้หอบหิ้วของกินมาเยอะแยะแบบนี้  แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร ไม่อยากตอบโต้ เชิดใส่เบาๆ จ้ะ 

   “ ฟิล์มไปนานจังเลยนะ ”  เสียงไอ้โชคเอ่ยถามฉัน  ก่อนที่ฉันจะนั่งลง 

   “ ก็มัวแต่เลือกของกินอยู่นี่ไง  ก็เลยมาช้า ”  ฉันยิ้มอ่อนๆ  แล้วหลบสายตาของไอ้โชคที่กำลังจ้องมองฉันอยู่อย่างสงสัย   ฉันก็ทำท่าหยิบโน่น หยิบนั่นมากิน  เผื่อมันจะเลิกถามฉันซักที

   “ เอ่อ  ฟิล์ม  เมื่อกี้เราเห็นไอ้เต้ด้วยแหละ  มันเพิ่งเดินไปตักของกินมามั้ง เห็นถืออาหารมาเต็มมือเลย  ฟิล์มไปตักอาหารมา  ได้เจอกันรึป่าว ”  คำถามของไอ้โต๊ด  ทำเอาฉันแทบกลืนอาหารไม่ลง

   “ ป่าวนี่   สงสัย  คงจะเป็นเพราะคนเยอะมั้ง  อีกอย่าง เรามัวแต่ยุ่งอยู่แต่กับการเลือกของกิน ก็เลยไม่ทันสังเกต ”  ฉันโกหกออกไปอย่างนั้น    แบบว่า โกหกหน้าตาเฉย  อิอิ

   “ หรอ  ที่นี่คนก็เยอะจริงๆ แหละ  เราว่าจะเดินไปทักทายมันหน่อยหนะ ขอตัวแปปนึงนะ ”  ฉันก็ตกใจสิคะ  ไอ้โต๊ดจะไปหาไอ้เต้  ถ้าไอ้เต้มันบอกว่าเจอฉัน  ไอ้โต๊ดก็รู้สิว่าฉันโกหก  ไม่ได้ๆ ฉันต้องสกัดมันเอาไว้ให้ได้ 

   “ โต๊ด ”  ฉันเรียกชื่อมันเสียงดัง  ฉันลืมตัวไปเลย  ก็ทำไงได้หละ คนมันตกใจนี่นา  ไอ้โต๊ดที่เพิ่งลุกเดินออกจากโต๊ะไปได้ไม่กี่ก้าว  ก็ต้องหยุดเดินและหันกลับมาหาฉัน

   “ เอ่อ...  คือ...  คือ....  ฟิล์มปวดท้องอะ  โต๊ดไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อยได้มั้ย ”  แผนการของฉันที่เพิ่งคิดได้เรียกสายตาของทุกคนให้มาจับจ้องที่ฉัน  พวกมันกำลังมองฉันท่าทางตกใจกันน่าดู 

   “ อิฟิล์ม  มึงชวนไอ้โต๊ดไปห้องน้ำ  มึงแรดมาก ”  โทนเสียงสูงที่ฟังดูหนวกหูของอิกระต่ายจิกกัดฉันเป็นคนแรก

   “ ร่านมาก  อิห่า  มึงจะมา want  อะไรตอนนี้ยะ ”  อิสายป่านก็ช่วยมันโหมโรงซะงั้น

   “ อิพวกบ้า  คงมีแต่พวกมึงนี่หละ ที่คิดได้อัปรีย์ขนาดนี้  ”  ฉันด่าพวกมันกลับ  ความคิดของพวกมันนี่วนเวียนอยู่แต่กับเรื่องแบบนี้ตลอดเลย  ฉันหละเซ็ง

   “ ฟิล์มให้เราไปเป็นเพื่อนก็ได้นี่นา  ทำไมต้องให้ไอ้โต๊ดพาไปด้วยหละ มันกำลังจะไปหาเพื่อนมันนะ ”  ไอ้โชคถามฉัน  เหมือนมันกำลังน้อยใจ  หน้าบิดหน้างอแล้วไง  เหอะๆ

   “ จริงนะฟิล์ม  ให้ไอ้โชคพาไปก็ได้นะ เราจะได้ไปทักทายไอ้เต้สักหน่อย ” 

   “ ถ้าโต๊ดอยากไปเพื่อนมากก็ไปดิ  เดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำเองคนเดียวก็ได้ ”  ฉันทำท่างอนๆ มัน  แผนนี้ต้องสำเร็จแน่ๆ เลย 

   “ ก็ได้ครับ  ผมพาไปก็ได้ ” มันพูดแล้วก็ยิ้มหวานให้ฉันอีกแล้ว  ฉันก็ยิ้มกลับเพื่อเป็นการขอบใจมันที่พาฉันไปเข้าห้องน้ำ  และแล้วแผนการนี้ก็สำเร็จ  แต่ดูเหมือนว่าไอ้โชคจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่  โทษทีนะโชค  คือมันจำเป็นจริงๆ ฉันลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ โดยมีไอ้โต๊ดเดินไปเป็นเพื่อน 

   หลังจากที่ฉันกับไอ้โต๊ดทำธุระที่ห้องน้ำกันเสร็จแล้ว  ( ปัสสาวะนะ)  พวกเราก็กลับมานั่งโต๊ะเหมือนเดิม  ฉันเร่งให้ทุกๆ คนรีบๆ กิน  โดยอ้างว่ารีบกินรีบกลับ  เพราะที่บ้านไม่อยากให้กลับบ้านค่ำ  ที่จริงแล้วมันก็คือแผนสองของฉัน แผนที่จะไม่ให้ไอ้โต๊ดไปหาไอ้เต้นั่นเอง  แล้วมันก็สำเร็จจริงๆ

   พวกเรากินของคาวกันจินอิ่ม  แล้วตบท้ายด้วยของหวาน  นั่นก็คือไอศกรีมที่แสนอร่อยนั่นเอง  หลังจากกินไอศกรีมจนอิ่มแล้ว พวกเราก็เรียกคิดเงิน  และจ่ายเงินไปตามระเบียบ  แล้วเดินออกมาจากร้าน  พวกเรามายืนออกันอยู่ที่หน้าร้าน  แต่ไม่ได้ยืนขวางประตูทางเข้าร้านนะ  พวกเรายืนคุยกันอยู่ไม่นาน  ฉันบอกให้ไอ้โชคและไอ้โต๊ดกลับบ้านเลบย ไม่ต้องไปส่งพวกเรา  พวกมันก็ตอบตกลง   พอคุยกันเสร็จพวกเราก็โบกไม้โบกมือล่ำลากัน   

        พวกเรา  4  นางขับมอไซต์กลับบ้านกัน  ระยะทางก็ไกลอยู่นะ  แถมยังมืดด้วย  แต่พวกเราก็ไม่ได้หวาดกลัวอะไรเลยคะ  ทำไงได้  ก็มีหญิงแกร่งมาด้วยตั้ง 3  นาง  คงไม่มีผู้ชายที่ไหนกล้าเข้ามาปล้ำหรอกนะ  พวกเราไปส่งแม่นางมายด์ที่บ้านก่อน  จากนั้นอิสายป่านกับอิกระต่ายก็ขับมอไซต์มาส่งฉันที่บ้าน  อิสายป่านบอกจะขอค้างคืนที่บ้านอิกระต่าย  ฉันก็หมดห่วง  เพราะไม่อยากให้มันกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ คนเดียว   ฉันลาพวกมันที่หน้าบ้าน แล้วขับมอไซต์เข้าไปในบ้าน   ช่วงนั้นก็เป็นเวลาประมาณสามทุ่มครึ่งแล้ว  ฉันเดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดีสุดๆ 

       “ กลับมาแล้วหรอลูก ”  น้ำเสียงที่อบอุ่นของแม่เอ่ยถามฉัน 

       “ จ้ะแม่  พ่อเข้านอนแล้วหรอ ”

       “ ก็เพิ่งเข้าไปนอนเมื่อกี้เอง ”  ไอ้น้องชายของฉันตอบแทนแม่  ไม่ได้ถาม แต่อยากมีส่วนร่วมว่างั้น

       “ หรอ  ไม่ได้ถามมึง ”  ฉันทำหน้ากวนตรีนใส่มัน  ขอแกล้งหน่อยเถอะ 

       “ ไอ้ห่า  กวนตรีนนะมึง  เดี๋ยวกูเตะเลย ”  มันพูดและหัวเราะไปด้วย   พวกเรามักจะหยอกล้อกันแบบนี้เสมอ  ดูกัดกันเป็นประจำ  แต่จริงๆ แล้วพวกเรารักกันมากนะ 

       “ พอเถอะลูก  ไปอาบน้ำได้แล้ว มันดึกมากแล้วนะ ” 

       “ จ้ะแม่ ”   แล้วฉันก็ไปอาบน้ำ ตามที่แม่บอก  อาบน้ำเสร็จก็ขึ้นห้องนอนเลย  เพราะรู้สึกเพลียๆ

       คืนนี้ฉันอ่านหนังสือได้ไม่กี่หน้า  ก็เริ่มมีอาการง่วงเหงาหาวนอน   ฉันเก็บหนังสือแล้วเตรียมตัวเข้านอน  เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น  ฉันเดินไปเปิดประตู  ไอ้น้องชายตัวแสบยื่นโทรศัพท์มาให้ฉัน  ไอ้โชคโทรมาคะ  เราคุยกันอยู่ไม่นาน  ฉันก็ขอวางสายเพราะง่วงมาก  แต่ก่อนจะวางสายไอ้โชคบอกอยากจะซื้อของขวัญวันเกิดให้ฉัน  จะชวนไปเดินเลือกของขวัญวันเสาร์นี้  ด้วยอารมณ์ที่ง่วงนอนมาก สติสัมปชัญญะไม่ค่อยจะครบเท่าไหร่  ฉันจึงตอบตกลงมันไป  นัดหมายสถานที่กันเสร็จแล้ว  เราก็บอกฝันดีกัน  และวางสาย

       เช้าวันรุ่งขึ้น  ฉันก็ตื่นไปโรงเรียน  อากาศวันนี้ร้อนมากๆ เลย  ขนาดนั่งเรียนอยู่ในห้อง  ในภาคเช้า  ก็ยังร้อนสุดๆ  แล้วภาคบ่ายจะร้อนตับแลบขนาดไหนเนี่ย  พอถึงเวลาพักเที่ยง  พวกเรา 4 นางก็ไปนั่งกินข้าวที่โรงอาหารกันเหมือนเดิม กินเสร็จก็นั่งเม้าท์มอยกันสนุกสนาน 

       “ มึงๆ  วันอาทิตย์นี้   ไปดูแข่งขันฟุตซอลกันมั้ย  ”  อิสายป่านชวนพวกเราไปดูกีฬา  แน่ใจนะ ว่าไปดูกีฬาจริงๆ

       “ จริงหรอมึง  ที่ไหนอะ  อยากไปมากๆ เลย ”  ดัดจริตพูดอีกแล้วอินี่  เป็นใครไปไม่ได้ อิกระต่ายนั่นเอง

       “ โอ้ย  วันๆ มึงมัวแต่ทำอะไรอยู่คะ ไม่รู้จักติดตามข่าวสารบ้านเมืองเลยนะมึง ” อิสายป่านแขวะเบาๆ 

       “ งานกีฬาฟุตซอลเยาวชนของจังหวัดเราไงแก  ปีนี้เค้าจัดกันที่อำเภอเรา  โดยใช้สนามกีฬาอำเภอของเราเป็นที่แข่งขัน  คัดเอาตัวแทนแต่ละอำเภอมาแข่งกัน  เห็นว่าแข่ง 2 วัน  เสาร์ – อาทิตย์ นี้แหละ ”  แม่นางมายเล่ามาซะยาวเหยียด 

      “ เอ้า !  งั้นเราก็ไปดูกันสองวันเลยดิ ”  อิกระต่ายท่าทางดีใจมาก  ฉันรู้หรอก  ว่าแกคิดอะไร 

       “ โอ้ย อินี่  ไปดูแค่วันอาทิตย์ก็พอแล้ว  จะได้ดูคู่ชิงชนะเลิศด้วย  ส่วนวันเสาร์ก็พักผ่อนสิยะ  การบ้านก็มีตั้งเยอะ  มึงไม่คิดจะทำเลยรึไง  มัวแต่เอาเวลาไปนั่งดูผู้ชายอยู่นั่นแหละ ”  อิสายป่านจิกอิกระต่ายอีกแล้ว  แต่ที่นางพูดก็ดูมีสาระนะ 

       “ เหรอ....  ทำการบ้าน  อิห่า  กูเห็นมึงลอกตลอด  อย่ามาตอแหลคะ ”  อิกระต่ายก็ไม่น้อยหน้าคะ  เอาคืนบ้าง

       “ คร้า  พูดดี  มึงก็นั่งลอกอยู่ข้างๆ กูไม่ใช่หรอยะ ” โถ่  อิพวกนี้ทำเป็นจิกกัดกัน  ที่จริงแล้วก็ลอกกันทั้งคู่คะ  ลอกของใครหนะหรอ ก็คงจะหนีไม่พ้นของฉันนี่เอง 

       “ ตกลงมึงจะไปกับพวกกูมั้ย ”  อิกระต่ายหันมาถามฉัน 

       “ ไปก็ได้นะ  แต่ขอเป็นคู่ชิงชนะเลิศได้มั้ยอะ  คือถ้าจะให้ไปนั่งดูทั้งวันก็เสียดายเวลาแย่เลย  พวกมึงก็รู้ว่ากูต้องอ่านหนังสือ ” จริงๆ แล้วในใจฉันก็ไม่อยากไปเลยนะ  ช่วงนี้อากาศยิ่งร้อนๆ อยู่   ไม่อยากออกนอกบ้านเลย

       “ เออ  ถ้าถึงคู่ชิงชนะเลิศ  เดี๋ยวกูจะไปรับมึงแล้วกัน ”  อิสายป่านพูดท่าทางเซ็งๆ   ฉันก็ยิ้มรับสวยๆ  คะ 

   หลังเลิกเรียน   อิกระต่ายและแม่นางมายก็เดินไปขึ้นรถรับส่ง   ส่วนฉันกับอิสายป่านก็เดินไปที่โรงจอดรถ  เพราะเราขับมอไซต์มาโรงเรียน  ฉันยืนคุยกับอิสายป่านอยู่ข้างๆ โรงจอดรถ  รอให้รถข้างในเหลือน้อยกว่านี้ก่อน  เพราะไม่อยากไปเบียดเสียดกับใคร  เราสองคนยืนเมาท์มอยกันอยู่สองคนอย่างเมามัน  แต่แล้วไอ้โต๊ดก็เดินเข้ามาหาพวกเรา 

   “ ฟิล์ม วันนี้รีบกลับหรือป่าว ” 

   “ จะชวนฟิล์มไปไหนหรอจ้ะโต๊ด  ”  ฉันไม่ทันได้ตอบหรอก อิสายป่านก็สอดแทรกขึ้นมาซะก่อน

   “ ก็ว่าจะชวนไปหน้าโรงเรียนนี่แหละ ”  มันทำท่าทางเขินอายนิดๆ 

   “ ชวนแต่ฟิล์มคนเดียวหรอ ไม่ชวนเราบ้างหละ ยืนอยู่ด้วยกันตั้งสองคน  แต่ชวนคนเดียวซะงั้น ”  อิสายป่านแอบพูดประชดไอ้โต๊ด 

   “ ก็.....  ไปได้นะ ถ้าสายป่านอยากไป ”  มันพูดเหมือนไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่นัก 

   “ แหม๋ๆ  รู้หรอกน่า  ว่าอยากไปกับอิฟิล์มสองคน  งั้นเรากลับบ้านก่อนแล้วกัน  มึง  กูกลับบ้านก่อนนะ   ขอให้โชคดีนะจ้ะ  บาย  ”  มันหันมายิ้มเยาะฉัน  แล้วก็เดินเข้าไปในโรงจอดรถ  ปล่อยให้ฉันอยู่กับไอ้โต๊ดสองคน   

   “ ว่าไงหละฟิล์ม  จะไปมั้ย ”  ฉันทำท่าคิดอยู่พักนึงก่อนจะตอบมันออกไป

   “ ไปสิ  แต่เราไปได้ไม่นานนะ  กลับบ้านเย็นมากไม่ได้  เดี๋ยวที่บ้านเป็นห่วง ” มันพยัคหน้าเป็นอันว่ารับทราบ

   เราสองคนเดินมาที่หน้าโรงเรียน  แล้วเดินข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม  มีร้านค้าอยู่มากมาย  ทั้งร้านขายของกิน ร้านเครื่องเขียน  แล้วก็ร้านอื่นๆ อีกเยอะแยะ  ไอ้โต๊ดพาฉันเดินมาที่ร้านขายตุ๊กตา  ฉันก็งงๆ  ว่าทำไมมันถึงพาฉันมาที่ร้านนี้

   “ โต๊ด  พาเรามาที่นี่ทำไมหรอ ”  ฉันถามอย่างสงสัย

   “ ก็มาซื้อของขวัญวันเกิดให้ฟิล์มไง ”  ฉันทำท่าตกใจ   ตาลุกโต  แบบว่า เซอร์ไพร์มาก

   “ จริงหรอ ”  ฉันถามมันอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ   

   “ จริงสิ  ฟิล์มอยากได้ตัวไหนหละ เลือกได้เลยนะ เดี๋ยวเราซื้อให้  ”  มันส่งยิ้มให้ฉัน   ฉันเขินจนไม่กล้ามองหน้ามัน ได้แต่บิดตัวไปมาเล็กน้อย 

   ฉันเดือนเลือกตุ๊กตาอยู่นาน  มีแต่ตัวสวยๆ น่ารักๆ จริงๆ แล้วอยากได้ทุกตัวเลยนะ  แต่คนซื้อให้เค้าคงจะซื้อให้ตัวเดียวละมั้ง  ก็ราคาตุ๊กตามันแพงนี่นา  มีตั้งแต่ราคา  200  -  500 บาทเลยอะ  ฉันก็พยายามเลือกตัวที่มันน่ารักๆ และไม่แพงมาก เพราะกลัวจะเป็นภาระของคนจ่ายมากเกินไป  และในที่สุดฉันก็เลือกได้แล้ว  มันเป็นตุ๊กตาหมีขนสีน้ำตาล  นุ้มม นุ่มม  และมันก็น่ารักมาก  ฉันหยิบตุ๊กตาตัวนี้ให้ไอ้โต๊ด  มันบอกว่าน่ารักดี  แล้วเราก็เดินไปจ่ายเงิน  เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ คือไอ้โต๊ดเป็นคนซื้อให้ฉันนั่นเอง  ฉันเดินยิ้มออกมาจากร้าน ดีใจมากๆ เลยที่ได้ตุ๊กตาหมีเป็นของขวัญ 

   “ ขอบใจนะโต๊ดที่ซื้อตุ๊กตาตัวนี้เป็นของขวัญให้ฟิล์ม ”  ฉันยังยิ้มไม่หุบเลยคะ

   “ ไม่เป็นไร  เราเต็มใจจะซื้อให้อยู่แล้ว  แต่เราเลือกตุ๊กตาไม่เป็นนี่สิ  กลัวไม่ถูกใจฟิล์ม ก็เลยชวนมาเลือกเองซะเลย  หวังว่าคงจะถูกใจนะ ”   

   “ ถูกใจมากๆ เลยหละ  ตุ๊กตาน่ารักขนาดนี้ ”  ฉันแสดงอาการดีใจจนออกนอกหน้า  จนไอ้โต๊ดหัวเราะฉันเบาๆ

   “ แล้วคนซื้อให้ไม่น่ารักหรอ  ”  มันทำหน้าตาบ้องแบ้ว  กระพริบตาปริบๆ ใส่ฉัน 

   “ น่ารักสิ  ”  ฉันตอบออกไปอย่างหวานซึ้ง

   “ ถ้าอย่างนั้น  ก็รักสิครับ  ”  มันทำหน้าทำตากวนโอ้ยสุดๆ  แต่ก็น่ารักดี   

   “ 55555  เปล่า   ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย  ”  ฉันเองก็ทำหน้าทำตากวนประสาทมันกลับบ้าง 

   “ คร้าบบ  กลับบ้านกันเถอะ  เดี๋ยวที่บ้านฟิล์มจะเป็นห่วง ”  ฉันพยัคหน้าหน้า แล้วเราสองคนก็เดินข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นโรงเรียนของเรานั่นเอง   เราเดินเข้าไปในโรงจอดรถแล้วขับมอไซต์ออกมา   เราโบกมือลากันที่หน้าโรงเรียน  เสร็จแล้วฉันก็ขับมอไซต์กลับบ้าน  วันนั้นก็กลับถึงบ้านเกือบๆ ห้าโมงเย็น  เพราะมัวแต่เลือกตุ๊กตา  หุหุ

   วันเวลาผ่านไป  วันเสาร์ก็มาถึง  วันนี้ฉันจำได้ว่ามีนัดกับไอ้โชค   เรานัดกันที่บ้านอิสายป่าน  เวลาสี่โมงเช้า  ฉันขับรถมอไซต์มาถึงบ้านอิสายป่านตอนเก้าโมงครึ่ง   ฉันมาถึงก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมง จึงใช้เวลานี้นั่งเม้าท์มอยกับอิสายป่านในระหว่างที่รอไอ้โชค 

   “ ไหนมึงบอกว่าจะอ่านหนังสือไงยะ  ที่แท้ก็มีนัดไปเที่ยวกับผู้ชาย ” มันเริ่มจิกกัดฉันทันทีเมื่อรู้ว่าฉันนัดกับไอ้โชควันนี้  ไม่น่าบอกมันเลย 

   “ เที่ยวบ้าอะไร  ไปซื้อของแปปเดียวเอง ”  ฉันรีบแจ้งแถลงไขให้มันทราบ

   “ ก็เหมือนกันนั่นแหละ นี่มึง กูถามจริง  ตกลงมึงจะเลือกใครกันแน่ ” มันพูดท่าทางดูจริงจัง   

   “ เลือก  เลือกอะไรของมึง ”  ฉันถามกลับ  อยากรู้ว่ามันหมายถึงอะไร

   “ โอ้ย  อย่าแอ๊บแบ้ว อินโนเซ้น  ได้มั้ยจ้ะ  ขอร้อง ”  มันเริ่มจิกกัดฉันเข้าแล้วไง 

   “ ด่ากูอีก อิห่า  ถ้ากูรู้  กูจะถามมึงมั้ยหนิ  อยู่ดีๆ มึงก็พูดเรื่องเลือกขึ้นมา  กูก็งงสิคะ ” ฉันค้อนมันกลับ  ชักจะเริ่มโมโหแล้วนะ  ตัวเองพูดไม่รู้เรื่องแล้วยังมาด่าฉันอีก เฮ้อออ 

   “ ก็เรื่องผู้ชายไงยะ  ตกลงมึงจะเลือกใคร ระหว่างไอ้โชค  กับไอ้โต๊ด ” มันทำตาใสแป๋วใส่ฉัน 

   “ ถ้ามึงหมายถึงเลือกเป็นแฟน  กูขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะว่า  กูไม่เอาใครทั้งนั้น   เป็นเพื่อนกันนี่แหละดีแล้ว ” ฉันตอบออกไปน้ำเสียงหนักแน่น  ไม่มีลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว 

   “ โอ้ย อินี่ ถ้างั้นมึงก็กินแล้วทิ้งก็ได้นี่นา  ยังไงพวกเราก็เหมาะกับแบบนี้อยู่แล้ว ” มันทำมาเป็นสอนฉัน  เหอะๆ

   “ เพื่อนกันทั้งนั้น ทำแบบนั้นได้ไง  แล้วจะมองหน้ากันติดหรอ  พอๆ เลยมึง  เลิกคิดอะไรอุบาทได้แล้ว  ”  ฉันปรามอิสายป่านก่อนที่มันจะชวนฉันคุยเรื่องลามกไปมากกว่านี้ 

   “ เออ  พอก็ได้  งั้นมึงนั่งรอไอ้โชคอยู่นี่นะ  กูไปนอนดูทีวีก่อน ” มันคงจะโกรธฉัน   ก็หน้าตาไม่สบอารมณ์ขนาดนั้น  แถมยังเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าไปในบ้านอีก  เทยหละเพลียกับมันจริง จริ้งงงง

   นั่งรอไอ้โชคไม่นานมันก็ขับมอไซต์มาจอดที่หน้าบ้านอิสายป่าน  เรากล่าวทักทายกัน  ก่อนที่ฉันจะขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายมอไซต์ไอ้โชคในท่านั่งเบี่ยงเช่นเคย  ไอ้โชคขับมอไซต์พาฉันมาที่อำเภอข้างเคียง  ก็อำเภอเดียวกันกับร้านหมูกระทะที่พวกเรามากินตอนวันเกิดฉันนั่นแหละ ที่อำเภอนี้เจริญกว่าอำเภอฉันมาก  ดูเป็นในเมืองมากๆ เลยแหละ  ไอ้โชคขับรถมาจอดที่หน้าร้านร้านหนึ่ง  เราสองคนเดินเข้าไปในร้าน  ฉันก็รู้ทันทีว่าร้านนี้เป็นร้านขายผ้าห่ม  มีผ้าห่มอยู่หลายแบบด้วยกัน  แต่ที่สะดุดตาฉันก็คงจะเป็นผ้าห่มลายการ์ตูน  มันดูผืนใหญ่แล้วก็หนาพอสมควร  ฉันกับไอ้โชคเดินเลือกอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจได้  ฉันเลือกเป็นผ้าห่มลายหมีพู   ราคาค่อนข้างแพงซะด้วย  แต่ไอ้โชคก็จ่ายไหวอยู่ดี  อิอิ   

       หลังจากที่ไอ้โชคได้ซื้อผ้าห่มลายหมีพูเป็นของขวัญให้ฉันแล้ว ฉันก็นึกว่ามันจะพาฉันกลับบ้าน  แต่ที่ไหนได้  มันพาฉันไปที่บ้านมัน  โชคดีหน่อยที่คราวนี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง  เพราะมีป้าเบซี่แล้วก็น้องสาวของมันอยู่ด้วย  มันบอกว่าป้าเบซี่จะทำอาหารเที่ยงให้ทานเพื่อฉลองวันเกิดให้ฉันย้อนหลัง   จะว่าไปแล้ว ป้าเบซี่นี่น่ารักสุดๆ เลยอะ  พวกเราทานอาหารกลางวันกันจนอิ่ม  ป้าเบซี่ชวนฉันอยู่ต่อ เพราะอยากคุยกับฉัน  ฉันจึงตอบตกลงตามคำขอของป้าแก

       “ การเรียนเป็นยังไงบ้าง ” ป้าเบซี่ถามฉัน  ฉันยิ้มให้ป้าแกไปทีนึง ก่อนจะตอบออกไป

       “ ก็ดีคะ เรียนสนุกดี ” คำถามมันกว้างเกินไป ฉันไม่รู้จะตอบยังไงดี  ก็เลยตอบไปแบบนั้น 

       “ เห็นโชคบอกว่าหนูเรียนเก่งมาก ”  ป้าเบซี่ดูจะสนใจในตัวฉันจังเลยแฮะ 

       “ ไม่ได้เก่งอะไรมากมายขนาดนั้นหรอกคะ  อาศัยว่าขยันอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนบ่อยๆ  ก็เลยพอถูๆ ไถๆ ไปได้บ้าง ”  ต้องถ่อมตัวกันหน่อย  จะได้ดูน่ารัก 

       “ ว่างๆ ก็มาติวหนังสือให้โชคบ้างสิจ้ะ ”  ฉันหันไปมองหน้าไอ้โชค  ก็นึกถึงเรื่องวันนั้นขึ้นมาทันที  ทำให้ฉันหน้าซีดขึ้นมาเลยทีเดียว   

       “ ได้สิคะ  ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกัน  อะไรที่พอช่วยกันได้ก็ช่วยกันไปคะ ”  ป้าเบซี่ยิ้มกว้างให้ฉัน ฉันเองก็ยิ้มกลับเช่นกัน   

   แล้ววันนั้นทั้งวันฉันก็อยู่ติวหนังสือให้กับไอ้โชค โดยมีป้าเบซี่และน้องสาวของมันอยู่ในบ้านด้วย  ทำให้ฉันอุ่นใจไปเยอะ ว่ามันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีกแน่นอน  ถ้าตราบใดที่เราสองคนไม่ได้อยู่ในที่ลับตาคนสองต่อสอง  เวลาล่วงเลยมาจนถึงห้าโมงเย็น  ฉันจึงลาป้าเบซี่กลับบ้าน  ไอ้โชคก็ขับมอไซต์มาส่งฉันที่หน้าบ้านอิสายป่านแล้วมันก็กลับ   ส่วนฉันก็เดินไปขี่รถมอไซต์ที่จอดเอาไว้ที่ข้างบ้านอิสายป่าน  และขับกลับบ้าน  กว่าจะถึงบ้านก็เกือบๆ หกโมงเย็น 

   วันนี้ได้ของขวัญอีกชิ้นแล้ว  ดีใจจัง  ผ้าห่มลายหมีพู  น่ารักสุดๆ   แต่เอ๊ะ รู้สึกเหมือนฉันจะลืมอะไรบางอย่างนะ  ลืมอะไรหรือป่าวนะ  พยายามคิดแล้วก็จำไม่ได้สักที   เฮ้อออ  ช่างเหอะ  ฉันคงไม่ได้ลืมอะไรหรอกมั้ง 

.........................................................................

หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 9 : 01-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Chanik ที่ 02-10-2015 04:43:41
เทยยยย เอ็งลืมคุณเต้น่าา อย่าโดนต่อยละลูกสาว :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 9 : 01-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 02-10-2015 08:10:08
เต้ตามมาถึงที่แน่

/ปาดเหงื่อ
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 9 : 01-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 02-10-2015 09:32:24
ดีแล้วที่ไม่ได้ไป ไอ้เต้มันร้ายกาจ ตีองมีแผนแน่ๆๆ ไม่งั้นไม่ให้ไปคนเดวหลอก
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 9 : 01-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 02-10-2015 17:46:23
เต้ร้่ายมั้ย  เต้จะตามมาหาฟิล์มถึงที่มั้ย  แล้วเต้จะต่อยฟิล์มมั้ย  ต้องรอติดตามตอนต่อไปนะจ้ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 10 : 03-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 03-10-2015 00:33:29

ตอนที่  10

   วันนี้เป็นวันอาทิตย์  ฉันตื่นแต่เช้า เพราะเมื่อคืนฉันรู้สึกเพลียๆ  ก็เลยเข้านอนแต่หัวค่ำ  ได้นอนจนเต็มอิ่มไปเลย  ตื่นมาก็รู้สึกสดชื่น  หลังจากที่เสร็จกิจวัตรประจำวันในตอนเช้าแล้ว  ฉันก็มานั่งทำการบ้านอยู่หน้าบ้าน  อากาศวันนี้เย็นสบายดี  ฉันนั่งทำการบ้านไปเรื่อยๆ จนเสร็จ  เป็นเวลาเที่ยงกว่าๆ  พอดี  ฉันจึงเดินเข้าไปหาแม่ที่อยู่ในครัว  ถามแม่ว่ากลางวันนี้จะทำอะไรกิน แม่ก็จัดแจงเมนูให้ฉันฟัง ฉันจึงอาสาช่วยแม่ทำกับข้าว  ต้องทำตัวเป็นแม่บ้านแม่เรือนซักหน่อย  หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว  ฉันก็หอบหนังสือมานั่งอ่านอยู่ที่โต๊ะไม้หน้าบ้าน   จนเวลาล่วงเข้าสี่โมงเย็น   และแล้วเพื่อนสาวสองนางของฉันก็ปรากฏตัว  พวกมันขับมอไซต์เข้ามาหาฉันที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่

   “ โอ้ยยย  จะขยันอะไรขนาดนี้ยะ ”  มาถึงก็เริ่มเปิดฉากทันทีเลยจ้ะ  หนวกหูกับเสียงมันจริงๆ 

   “ เก็บๆ เลยนะมึง  พวกกูมารับแล้วหนิ  เค้าจะเตะคู่ชิงชนะเลิศกันแล้วนะ  รีบๆ เลย ” อิสายป่านเร่งรัดฉัน   

   “ เออๆ  รอกูแปปนึง ”  ฉันรีบเก็บหนังสือแล้วเอาเข้าไปเก็บในบ้าน ก่อนจะเดินออกมาหาพวกมัน 

   ฉันซ้อนมอไซต์มากับอิสายป่านและอิกระต่าย  ซ้อน 3 เลยจ้ะ  พวกมันบอกว่าฉันตัวเล็กก็เลยให้ไปนั่งข้างหน้าสุด อิสายป่านอยู่ตรงกลางและเป็นพลขับ  ส่วนอิกระต่ายก็นั่งเบี่ยงสวยๆ แอ๊บชะนีเหมือนเคย  พวกเราขับมอไซต์มาถึงสนามกีฬาอำเภอ  คนเยอะมาก   สมแล้วที่เป็นคู่ชิงชนะเลิศ   อิสายป่านบอกว่าพวกเรามีที่นั่งประจำแล้ว เพราะพวกมันมาจองตั้งแต่เช้าๆ ตอนนี้ให้แม่นางมายนั่งเฝ้าที่เอาไว้ให้  ฉันจึงเดินตามมันไปจนถึงที่นั่งของพวกเรา  ดีจังที่ได้นั่งบนอัฒจรรย์  ไม่ต้องไปยืนเกาะขอบสนามเหมือนคนอื่นๆ   และที่สำคัญ สนามฟุตซอลนี้อยู่ในตัวอาคารนะจ้ะ  ทำให้พวกเราไม่ต้องไปนั่งตากแดดเชียร์กีฬา  แต่มันก็ยังร้อนอยู่ดี  เพราะคนเยอะมาก เบียดเสียดกันสุดๆ   ทั้งร้อน ทั้งอึดอัดเลยหละ

   สิ้นสุดการรอคอย เมื่อนักกีฬาทั้งสองทีมลงสู่สนาม  และกรรมการเป่านกหวีดให้เริ่มการแข่งขันได้  เสียงกองเชียร์ดังอึกทึก  เสียงกรี๊ดของชะนีและกะเทยก็ดังไม่แพ้กัน  ฉันนี่แสบแก้วหูมากๆ เลย  จะบอกว่าดูไม่เป้นหรอกนะฟุตบอล หรือฟุตซอลอะไรเนี่ย แต่ที่มาดู  ก็คงจะเป็นเพราะ มาดูนักกีฬามากกว่า  อิอิ  ดูไปดูมาฉันก็ชักจะมีอารมณ์ร่วมแล้วสิ  เมื่อทีมที่ฉันแอบเชียร์เป็นฝ่ายบุก  และเกือบจะยิงประตูได้หลายครั้ง  เสียงเชียร์จากฉันเริ่มดังขึ้นโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเริ่มสนุกกับเกมส์การแข่งขันนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  รู้แต่ว่าทีมที่ฉันเชียร์  มีผู้ชายคนหนึ่ง หล่อมาก หน้าตาคมเข้ม  เท่ห์สุดๆ ไปเลยอะ  และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันเชียร์ทีมนี้ 

   การแข่งขันสิ้นสุดลง ทีมที่ฉันแอบเชียร์ก็เป็นฝ่ายชนะจริงๆ ด้วย  รู้สึกดีใจมากที่ทีมที่ตัวเองเชียร์ชนะ  ฉันก็เลยเผลอกรี๊ดไปทีนึง  55555  เพื่อนสาวสามนางก็มองมาที่ฉัน  พวกมันทำหน้าตกใจ  ก็แหงหละ ฉันไม่เคยกรี๊ดให้พวกมันเห็นเลยนี่นา  พวกมันคงตกใจน่าดูที่เห็นฉันกรี๊ด  พวกมันจ้องฉันกันใหญ่เลย ฉันก็อายๆ  ไม่กล้าสู้หน้าพวกมัน  ได้แต่นั่งก้มหน้าเกาหัวยิกๆ 

   “ แหม  ไม่ค่อยเลยนะมึง ”  อิสายป่านทักท้วงฉันก่อนคนอื่นๆ 

   “ ตั้งแต่รู้จักกันมา  กูเพิ่งเคยเห็นมึงกรี๊ดก็ครั้งนี้หละอิฟิล์ม สงสัยจะเก็บกดมานาน ”  อ้าว อิกระต่าย  อิห่าหนิ  กัดฉันตลอด

   “ ฟิล์มก็กรี๊ดเสียงดังเหมือนกันนะ เสียงดังกว่าพวกเราอีกแหนะ ” แม่นางมายก็เอากับพวกมันอีกคน  ตกลงเธอชมฉันหรือจิกฉันกันแน่จ้ะ 

   “ โอ้ย มันก็ต้องมีบ้างแหละ  ทำไม  ฉันกรี๊ดนี่มันผิดปกติมากเลยรึไง ” ฉันหันกลับไปบ่นให้พวกมัน  “ เออ ”  พวกมันก็พร้อมใจกันตอบอย่างพร้อมเพรียง  ทำเอาฉันหน้าชาไปเลย  ไม่สู้คนคะ  เชิดใส่เบาๆ 

   พวกเราเดินออกมาจากอาคารที่ใช้แข่งขันกีฬา  กำลังจะกลับบ้านกัน  อยู่ๆ อิสายป่านกับอิกระต่ายก็ปวดฉี่ขึ้นมา พวกมันก็เลยพากันไปเข้าห้องน้ำ  ฉันชวนมายไปซื้อน้ำ เพราะเสียงเชียร์และเสียงกรี๊ดเมื่อกี้ทำให้ฉันคอแห้ง  เราเดินไปถึงร้านขายน้ำอัดลม  มีคนกำลังซื้ออยู่  พวกเราก็เลยยืนรออยู่พักนึง  ทำไมมันนานจังเลยนะ  อิแค่ซื้อน้ำแก้วเดียวเฉยๆ  ฉันเริ่มหงุดหงิดหน้านิ่วคิ้วขมวด  พอคนข้างหน้าหันหน้ากลับมาเท่านั้นหละ  ฉันถึงกับตกใจ  ยืนอึ้ง  ตาค้างไปเลยคะ 

   “ ขอโทษนะครับ  พอดีผมรอตังทอนอยู่   ก็เลยทำให้พวกคุณรอนานไปหน่อย ”  เสียงของผู้ชายคนนี้ดังเข้ามาในโสตประสาทของฉัน ทำให้ฉันหลุดจากภวังค์

   “ อ๋อ  คะ  ไม่เป็นไรคะ ”  เจอหน้าหล่อๆ เข้าหน่อย ฉันนี่โกรธไม่ลงจริงๆ  ก็ต้องให้อภัยไปตามระเบียบ 

   “ ครับ ขอตัวนะครับ ”  แล้วชายหนุ่มก็เดินเลี่ยงพวกเราออกไป 

   “ ฟิล์ม  นั่นมันนักกีฬาทีมที่ชนะเมื่อกี้หนิแก ”  แม่นางมายดูตื่นเต้นเกินหน้าเกินตาแล้วนะยะ 

   “ รู้แล้ว  ฉันจำได้ ” ก็แน่หละ ใครจะจำไม่ได้ ก็ผู้ชายคนนี้แหละ ที่ทำให้ฉันเชียร์ทีมนั้น และเป็นคนที่ทำให้ฉันดีใจจนเผลอกรี๊ดออกมา  ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกันและพูดคุยกันแบบนี้  ยิ่งดูใกล้ๆ ก็ยิ่งหล่อระเบิดระเบ้อ 

   “ แก เค้าหล่อมากเลยนะ หล่อที่สุดในสนามเลยอะ ”  แม่นางมายก็ยังทำท่าทางตื่นเต้นดีใจไม่หยุด  เอิ่ม  คือ  น้องนีคะ  เป็นสาวเป็นนางช่วยเก็บอาการหน่อยก็ดีนะ  ฉันได้แต่คิดในใจ 

   พอพวกเราได้น้ำกันคนละแก้วแล้วก็เดินกลับมารอพวกนั้นที่รถ  พอพวกมันมาถึงก็เหวี่ยงฉันกับแม่นางมายเรื่องที่พวกเราไปซื้อน้ำก่อนและไม่รอ   พอเหวี่ยงเสร็จก็พากันเดินหน้าบิดหน้างอไปซื้อน้ำ ปล่อยให้พวกฉันยืนรออีกแล้ว  ฉันยืนจิบน้ำอัดลมไปเรื่อยๆ  พรางกวาดสายตามองดูผู้คนในสนามกีฬาที่กำลังเล่นกีฬากันอยู่  ส่วนมากก็จะมีแต่ผู้ชาย  อาหารตาเพียบ  ฉันก็เลยยืนรอได้อย่างใจเย็น  แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น  เมื่อชายคนนึงได้โผล่เข้ามาในลานสายตาของฉัน  มันยืนหน้าดุอย่างกับเสือ  ในมือกำหมัดแน่น  ยืนอยู่ห่างจากฉันไม่ไกลมากนัก  ฉันสะดุ้งตกใจ  มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย  มันไปอารมณ์เสียมาจากไหน  แล้วมันจะมาลงกับฉันมั้ย   มันยืนจ้องฉันอยู่พักนึง  ก่อนจะเดินเข้ามาหาฉัน 

   “ ไอ้เชี่ย  มึงผิดนัดกูหรอ  ”  มันตะคอกเสียงดังใส่ฉัน  จนฉันตกใจ   ฉันยืนนิ่ง  คิดตามที่มันพูด  ก็จำได้ว่าฉันมีนัดกับมันจริงๆ   ซวยแล้วไง ดันลืมนัดของมันซะนี่  งานเข้าแน่ๆ  เลย

   “ ป่าวนะ  ฉันไม่ได้ลืม  พอดีเมื่อวานฉันต้องไปทำธุระกับแม่  ก็เลยมาไม่ได้  ”  ฉันกุเรื่องขึ้นมาหลอกมันหน้าตาเฉย  หวังว่ามันคงจะเชื่อนะ

   “ ไม่เชื่อเว้ย  อย่าคิดว่าจะหลอกคนอย่างกูได้  กูไม่ใช่เด็กอนุบาล ”  มันดูโมโหมากขึ้นกว่าเดิมซะอีก  น่ากลัวมากๆ เลยอะ   ต้องยอมรับว่ากลัว  เพราะตอนนี้ไม่มีไอ้โต๊ดอยู่ด้วย แล้วใครจะปกป้องฉันหละ  ฮือๆๆ

   “ ไม่เชื่อก็ตามใจ ” ฉันพูดเสียงแข็งแล้วก็เชิดใส่มัน   มันเดินเข้ามาจับแขนฉันและกำเอาไว้แน่น  จนรู้สึกเจ็บ

   “ โอ้ย  ปล่อยเดี่ยวนี้เลยนะ ” ฉันทำตาดุใส่มัน 

   “ ไม่ปล่อย เรามีเรื่องต้องคุยกัน ”  มันลากแขนฉันไปกับมัน  ฉันก็พยายามสะบัดแขนให้หลุด แต่เหมือนยิ่งดิ้นมันก็ยิ่งกำแน่นขึ้น  ฉันจึงเลิกพยายามขัดขืนและเดินตามมันไปแต่โดยดี   อิแม่นางมายก็ไม่ได้ช่วยอะไรฉันเลย  ปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ  อย่างฉันโดนผู้ชายอย่างไอ้เต้รังแกได้ยังไง  มีเพื่อนก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย  เทยเพลียจิต 

   มันลากฉันมาในที่ลับตาคน  แล้วปล่อยแขนฉัน  ที่นี่เป็นหลังอาคารอะไรสักอย่างนึง  เพราะตอนเดินตามมันมาฉันก็ไม่ได้สังเกตทางมากนัก  มัวแต่คิดว่ามันจะทำอะไรฉัน  ฉันจะทำยังไงดีถึงจะรอดไปได้  ฉันกลัว  กลัวมากๆ เลยตอนนี้ 

   “ มึงรู้มั้ย  ว่ากูมารอมึงนานแค่ไหน ”  ฉันทำหน้าสำนึกผิด และส่ายหัวไปมา 

   “ งั้นมึงก็รู้ไว้ซะ  ว่ากูมารอมึงตั้งแต่สามโมงเช้าจนถึงเที่ยง  สุดท้ายมึงก็ไม่มา  ทำไม  ทำไมถึงทำแบบนี้ ”  มันตะคอกเสียงดังใส่ฉัน  แล้วเสียงนั้นก็แผ่วเบาในประโยคสุดท้าย     

   “ ขอโทษนะเต้  คือ.....  ฉันลืมนัดของแกจริงๆ ”  ฉันพูดความจริงกับมัน  เพราะขืนโกหกไปมากกว่านี้ มันก็คงจะไม่เชื่อ  และทำให้มันโกระมากกว่านี้ก็ได้  ฉันยังไม่อยากโดนเตะตอนนี้  ก็เลยพูดออกไปแบบนั้น  เผื่อสถานการณ์จะดีขึ้น 

   “ คิดไว้แล้ว  ว่ามันต้องเป็นแบบนี้  นัดของฉันมันคงไม่ได้สำคัญอะไรกับแกสินะ  แกถึงได้ลืมมันง่ายๆ แบบนี้ ” มันพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา  ที่ฟังดูเจ็บปวด  แถมหน้ามันยังดูเศร้าๆ อีก 

   ไอ้เต้มองฉันด้วยสีหน้าแววตาที่เศร้าหมอง  มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิดมากขึ้น  จนไม่กล้าสู้หน้ามัน ฉันทำได้แค่เพียงหลบหน้ามันและเงียบไป  ในสถานการณ์นี้ ความเงียบอาจจะช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้น  เราสองคนนิ่งเงียบไม่พูดอะไรกันสักพักนึง  แล้วไอ้เต้ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน 

   “ ถ้าฉันบังคับแกมากเกินไป  ฉันขอโทษ ”  น้ำเสียงนุ่มๆ  ที่ฉันได้ยิน ชวนให้ฉันเงยหน้าขึ้นมามองหน้ามัน   ก็ยังคงเห็นหน้าเศร้าๆ ของมันอยู่เหมือนเดิม  แถมยังทำตาละห้อยใส่ฉันอีก โถๆ ช่างดูน่าสงสารอะไรอย่างนี้

   ฉันยังคงนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว  จนกระทั่งมันเดินหนีฉันไป  ฉันจึงหันกลับไปมองตามหลังมัน  และตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างออกไป

   “ เต้  เสาร์นี้ว่างมั้ย ”  มันหยุดเดินแล้วหันกลับมามองฉัน 

   “ ทำไมหรอ ”  มันพูดสีหน้าเย็นชา  เอิ่มมม  เมื่อกี้มันยังทำหน้าเศร้าอยู่เลย  ทำไมมันเปลี่ยนอารมณ์ง่ายขนาดนี้หละ

   “ ถ้านายยังอยากให้ของขวัญฉัน  เสาร์นี้เก้าโมงเช้า  ฉันจะมารอนายที่สนามบาสนะ ”  มันไม่ตอบอะไรฉันเลย  ยืนนิ่งเงียบ  มองฉันอย่างเย็นชา  แล้วก็เดินจากไป  เง้อ  แบบนี้มันหมายความว่าไงอ่า 

   ฉันเดินมาหาเพื่อนๆ ตรงที่จอดรถ  เพราะมั่นใจว่ายังไงพวกมันก็ต้องรอฉันแน่นอน ก็ฉันมากับพวกมัน  พวกมันคงไม่ใจร้ายทิ้งฉันให้เดินกลับหรอกใช่มะ  พอฉันเดินมาถึงที่จอดรถก็เห็นอิกระต่ายกับอิสายป่านยืนทำหน้าเครียดอยู่  พอพวกมันเห็นฉันก็พากันตกใจ 

   “ เฮ้ยมึง เป็นไงบ้างวะ ”  อิสายป่านถามฉันด้วยความเป็นห่วง

   “ มันทำอะไรมึงหรือป่าว  เห็นมายบอกว่ามีผู้ชายพามึงไปไหนก็ไม่รู้  พวกกูก็เป็นห่วง ” อิกระต่ายก็ดูเป็นห่วงเป็นใยฉันเหมือนกัน  มีเพื่อนแบบนี้ ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย   

   “ ไม่เป็นไรหรอก  มันไม่ได้ทำอะไรฉัน   เราแค่คุยกันเฉยๆ ” 

   “ เออๆ  ดีแล้วที่มึงไม่เป็นอะไร  ป่ะๆ กลับกันเถอะ  เดี๋ยวมันจะมืดซะก่อน ”  อิสายป่านชวนพวกเรากลับบ้าน  พวกเราก็ขึ้นรถกัน  ซ้อนสามเหมือนเดิม อิกระต่ายนี่ไม่ยอมเปลี่ยนตำแหน่งให้ฉันไปนั่งสวยๆ ข้างหลังเลยเถอะ มันอ้างว่ามันตัวใหญ่ ไปนั่งข้างหน้าไม่ได้ เพราะจะทำให้อิสายป่านขับรถลำบาก เหตุผลดูเข้าที ฉันก็เลยยอมๆ มันไป 

    เป็นเวลาประมาณสามทุ่ม  ฉันขึ้นมาอ่านหนังสือที่ห้อง  คืนนั้นฉันอ่านหนังสือแทบจะไม่รู้เรื่อง    เพราะเรื่องระหว่างฉันกับไอ้เต้ในวันนี้  มันผุดเข้ามาในหัวสมองของฉันอยู่เป็นระยะๆ   ฉันจึงตัดสินใจปิดหนังสือและเข้านอนตั้งแต่สี่ทุ่ม เพราะรู้ว่าตอนนี้ไม่มีสมาธิแล้ว อ่านต่อไปก็ไม่เข้าใจ จำอะไรไม่ได้  จึงตัดสินใจปิดไฟนอน  แม้แต่ตอนนอนฉันก็ยังคิดถึงแต่เรื่องของไอ้เต้  มันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมองของฉัน  ฉันพยายามข่มตานอน  นอนพลิกตัวกลับไปกลับมา  ทำอย่างนี้อยู่นานจนกระทั่งหลับไป                 

   เช้านี้ฉันตื่นขึ้นมารู้สึกว่าตัวเองนอนไม่เต็มอิ่ม ไม่รู้หลับไปตั้งแต่ตอนไหน  ฉันงัวเงียลุกขึ้นมาจากที่นอนเพราะเสียงนาฬิกาปลุกตัวเดิม  ยังง่วงอยู่เลยอะ  ขอนอนต่อได้มั้ย  วันนี้อยากลาโรงเรียนสุดๆ   คิดออกแล้วว่าจะทำยังไง  อิอิ  ฉันเดินไปปลดล็อกประตูห้อง  แล้วกลับมานอนต่อ  เพราะนี่คือแผนการลาโรงเรียนของฉันนี่เอง 

   ก๊อก   ก๊อก  ก๊อก   เสียงเคาะประตูดังขึ้น

   “ ฟิล์ม  สายแล้วนะลูก  ตื่นไปโรงเรียนได้แล้วนะ ”  เสียงแม่ตะโกนอยู่หน้าห้อง  ฉันได้ยินทุกคำ  แต่ไม่ตอบ  แถมยังแกล้งหลับต่ออีก  ขอวันนึงนะแม่  หนูไม่ไหวจริงๆ  ความขี้เกียจเริ่มครอบงำ 

   เสียงเปิดประตูดังขึ้น  ฉันได้ยินเสียงฝีก้าวที่กำลังเดินเข้ามาหาฉัน  แม่นั่งลงข้างเตียงแล้วเอามือมาแตะหน้าผาก  และเอามือแตะตรงซอกคอของฉัน  ได้ยินแม่บ่นพึมพำว่าตัวของฉันไม่ได้ร้อน  แม่เขย่าแขนฉันเบาๆ พร้อมกับเรียกชื่อฉัน  ฉันก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ ทำตัวเหมือนคนป่วย 

   “ แม่ ”  ฉันเรียกแม่ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

   “ ไม่สบายหรือป่าว ” แม่ถามฉันสีหน้าเป็นห่วง

   “ หนูปวดหัวมากเลยจ้ะ  วันนี้ขาลาโรงเรียนนะแม่  ”  แม่พยัคหน้าเป็นการตอบรับคำขอของฉัน 

   “ เด๋ยวแม่ทำข้าวต้มมาให้กินนะ กินแล้วก็กินยา  แล้วก็นอนพักผ่อน  จะได้หายเร็วๆ ”  ฉันยิ้มอ่อนๆ ให้แม่ แล้วหลับตาลงช้าๆ  งานนี้รางวัลออสก้า ตุ๊กตาทอง  ต้องตกเป็นของฉันแน่ๆ เลย ในฐานะดาราเจ้าบทบาท  ก็เล่นซะตีบทแตกขนาดนี้  55555  ( โกหกพ่อแม่แบบนี้ไม่ดีนะจ้ะ อย่าลอกเลียนแบบเป็นอันขาด )

   วันนั้นฉันก็นอนเป็นคนป่วยทั้งวัน  พอตกเย็นมาฉันก็บอกแม่ว่าอาการปวดหัวเริ่มดีขึ้นแล้ว  แม่ก็ยิ้มใหญ่เลย  แล้วคว้าตัวฉันไปกอด  กอดของแม่ช่างอบอุ่นจริงๆ   ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสองทุ่ม  แม่บอกให้ฉันขึ้นไปนอน  เพราะกลัวว่าจะไม่สบายอีก  ฉันก็ไม่ขัดคำสั่งแม่   ขึ้นมานอนตั้งแต่หัวค่ำ  กำลังจะปิดไฟนอน  ไอ้น้องบ้าก็มาเคาะประตูเรียกให้ฉันไปรับโทรศัพท์  คงเป็นใครไปไม่ได้ที่โทรมา  มีอยู่คนเดียว  ไอ้โชคนั่นเอง 

   “ หวัดดีจ้ะโชค ”  ฉันเริ่มทักทายเลขหมายปลายทาง

   “ หวัดดีครับฟิล์ม ” มันทักทายฉันกลับอย่างสุภาพเช่นกัน

   “ วันนี้โทรมาแต่หัวค่ำเลยนะ ” ฉันแซวมันเล่นๆ 

   “ วันนี้ไม่เห็นฟิล์มที่โรงเรียนเลยอะ  พอไปถามมาย มายก้บอกว่าวันนี้ฟิล์มไม่มาเรียน  เราก็คิดว่าฟิล์มคงไม่สบาย เป็นห่วงมาก  อยากกโทรหาตั้งแต่เที่ยงแล้ว  แต่คิดว่าถ้าโทรไปตอนนั้นก็ไม่ได้คุยกับฟิล์มหรอก  คงได้คุยกับพ่อฟิล์มแทน ”  มันพูดซะยาวเหยียด 

   “ ก็คงงั้นมั้ง ”  ฉันหัวเราะเบาๆ

   “ ไม่ตลกเลยนะฟิล์ม  แล้วฟิล์มเป็นไงบ้าง  ไม่สบายหายรึยัง ” 

   “ ปวดหัวนิดหน่อย ตอนนี้หายแล้วหละ  ขอบใจนะที่เป็นห่วง ” 

   “ ฟิล์มนอนพักผ่อนเถอะ  พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนนะ ฝันดีครับ  ” 

   “ จร้าๆ  ฝันดีจ้ะ ”  ฉันนี่ยิ้มแก้มปริเลย  แปลกมาก  ปกติคุยกับไอ้โชคก็รู้สึกเฉยๆ นะ แต่ทำไมวันนี้คุยกับมันแล้วฉันถึงรู้สึกดีจังเลยแฮะ 

   ฉันมองไปที่ผ้าห่มลายหมูพูที่กำลังปกคลุมร่างกายของฉันอยู่  ผ้าห่มผืนนี้ทำให้ฉันนึกถึงหน้ามัน  หน้าไอ้โชคลอยเข้ามาในห้วงความคิดของฉัน  ทำให้ฉันยิ้มแก้มปริอีกครั้ง  และคืนนั้นก็เป็นอีกคืนที่ฉันนอนหลับฝันดี 

   ที่โรงเรียน  ในคาบเรียนช่วงเช้า  ตอนนี้เป็นคาบเรียนของวิชาภาษาอังกฤษ  คุณครูมีบทความบทหนึ่งให้พวกเราไปอ่านสอบทีละคน  ซึ่งเป็นการสอบเก็บคะแนน  เรื่องอ่านเนี่ยฉันก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าเป็นเรื่องหลักไวยกรณ์เนี่ยฉันขอบายคะ  ยอมรับว่าไม่เก่งเอาซะเลย  สุดท้ายแล้วฉันก็ทำออกมาได้ดีตามคาด  10/10  คะ  คุณครูเรียกฉันไปหา  และบอกว่าฉันพูดภาษาอังกฤษสำเนียงใช้ได้ที่สุดแล้ว  จึงขอให้ฉันเป็นตัวแทนของโงเรียนไปแข่ง  Speech  Contest  เหมือนเป็นการกล่าวสุนทรพจน์นะถ้าจำไม่ผิด  อิอิ  ฉันตอบตกลงและรับปากกับครูว่าจะทำให้ดีที่สุด 

   ในขณะที่ฉันกำลังนั่งกินข้าวเที่ยงกับเพื่อนสาว  3  นางอย่างเอร็ดอร่อย   ก็ได้ยินเสียงชะนีน้อยโต๊ะข้างๆ กำลังคุยกันเรื่องไอ้โชค  ฉันนี่หูผึ่งเลยคะ  แปลกจัง  แต่ก่อนนี่ไม่คิดจะสนใจอะไรหรอก แต่ทำไมช่วงนี้ ฉันรู้สึกว่าตัวเองสนใจมันมากขึ้น  ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ

   “ แก  วันนี้ฉันเห็นพี่โชคเตะฟุตบอลอยู่สนามหน้าอาคาร  ม.  ต้น  ด้วยแหละ ” เสียงน้องนีคนนึงพูดขึ้น

   “ จริงหรอ  อากาศร้อนๆ แบบนี้  พี่เค้าคงจะเสียเหงื่อไปเยอะเลยนะแก  ฉันว่าฉันจะซื้อน้ำเปล่าไปให้พี่เค้า  แกว่าดีมั้ย ”  น้องนีคนนี้นี่ออกตัวแรงเกินไปแระ  ฉันชักจะหมั่นไส้ 

   “ เอาเลยสิแก  ส่วนฉันนะจะซื้อน้ำหวานหรือไม่ก็น้ำอัดลมไปให้พี่เค้าดีกว่า  ”  น้องนีคู่ขาอีกคนก็เริ่มไม่มียางอายเหมือนกันแล้วสินะ 

   พูดจบพวกนางก็พากันหัวเราะคิกคัก   ฉันนี่หมั่นไส้มาก  เริ่มฉุนแล้ว  อยากตบชะนีสองตัวนี่จริงๆ เลย  เอ้ย  ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย  ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้หละ  เฮ้อ  เป็นอะไรมากรึ่ป่าวอิฟิล์ม  แต่เหมือนไม่ใช่ฉันแค่คนเดียวนะที่ฉุนชะนีสองคนนี้  เพื่อนสาวฉันก็มีอารมณ์ร่วมด้วยคะ 

   “ โอ้ย  มันจะอะไรกันนักกันหนา  อิแค่ผู้ชายคนเดียว ”  อยู่ดีๆ อิสายป่านก็ร้องแหกปากขึ้นลอยๆ  เหมือนตั้งใจจะให้ไปกระทบใครบางคนที่ฉันกำลังหมั่นไส้อยู่ 

   “ เออ  กูก็ว่างั้นแหละ ”  ฉันพูดขึ้นน้ำเสียงไม่พอใจ  เพื่อนสาว  3  นาง  ก็หันขวับมามองฉันทันที  แต่ฉันก็ไม่ได้แคร์คะ เชิดใส่เบาๆ    พวกมันก็มองฉัน  งงๆ 

   “ ฟิล์ม  แกเป็นอะไร ”  แม่นางมายเอ่ยถามฉันด้วยความสงสัย 

   “ ไม่ได้เป็นไร  แค่รำคาญ  เข้าใจมั้ย ”  ฉันพูดกระแทกแดกดันต่อหน้าเพื่อนสาว  3  นาง  ทำเอาแม่นางมายกับอิกระต่ายเอ๋อแด*  ส่วนอิสายป่านก็ยิ้มเยาะ  มันคงจะรู้ว่าฉันตั้งใจจะพูดให้ใคร

   ฉันลุกขึ้น  แล้วบอกเหล่าเพื่อนสาวว่าจะไปเข้าห้องน้ำ   เสร็จแล้วก็จะขึ้นห้องเลย   พวกมันก็โอเค  ฉันจึงเดินเอาจานไปเก็บ  ฉันกำลังจะเดินออกจากโรงอาหาร  ไอ้โชคก็แว้บเข้ามาในหัวสมองของฉัน  ฉันจึงหยุดฝีก้าวแล้วคิดอะไรเล็กน้อย  ก่อนจะหันกลับเข้าไปในโรงอาหาร  แล้วเดินไปที่ร้านขายน้ำ  ฉันเลือกซื้อน้ำเปล่ากับน้ำเขียว  แล้วก็เดินไปที่หน้าอาคารเรียน  อาคารเรียนนี้ก็คืออาคารของฉันและเป็นอาคารเรียนของ ม. ต้น นั่นเอง  ฉันมองไปข้างหน้าเห็นไอ้โชคกำลังเล่นฟุตบอลกับพวกผู้ชายอยู่  โห  เหงื่อโชกเลยอะ  เสื้อนักเรียนสีขาวนี่อาบเหงื่อจนเปียก  แล้วพวกมันจะเรียนภาคบ่ายกันยังไงวะเนี่ย 
   
   เหมือนเกมส์การแข่งขันจะจบลงแล้ว  ฉันกำลังจะเดินเอาน้ำที่ซื้อมาเข้าไปให้ไอ้โชค แต่ไม่ทันซะแล้ว  น้องนีหลายคนพากันวิ่งพรวดเข้าไปหาไอ้โชคที่อยู่กลางสนาม   ตอนนี้ไอ้โชคโดนรุมโดยเหล่าน้องนีนับห้าคนได้   นี่พวกแกไม่เหม็นเหงื่อมันเลยรึไงจ้ะ  ฉันมองดูภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ 

   “ ฟิล์ม ”  เสียงน้องนีที่ไหนมาเรียกฉัน  ฉันหันหลังกลับไปมอง ก็เห็นแม่นางพวงยืนอยู่ 

   “ พวง  แกมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ”  ฉันทำหน้า งงๆ 

   “ เพิ่งมาเมื่อกี้แหละ แล้วแกทำไรอยู่นี่ ไม่ขึ้นห้อง  จะถึงเวลาเรียนคาบบ่ายแล้วนะ ”

   “ อ๋อ  ฉันรอเพื่อนอยู่   แกขึ้นไปก่อนเลย ”  ฉันโกหกไปแบบนั้น   นางก็พยัคหน้ารับทราบ

   “ โอเค  งั้นฉันไปก่อนนะแก  แกก็รีบๆ ขึ้นมาหละ  เข้าเรียนสายเดี่ยวโดนครูดุเอาไม่รู้ด้วยนะจ้ะ ” ฉันยิ้มให้นาง  นางก็ยิ้มกลับ  แล้วแม่นางพวงก็เดินขึ้นอาคารเรียนไป

   ฉันก้มหน้ามองดูน้ำเขียวแฟนต้าที่ซื้อมา  ก่อนจะเงยหน้าขึ้น  ในขณะที่ฉันกำลังจะเดินขึ้นอาคารเรียน  ก็มีเสียงเรียกชื่อฉันดังขึ้นอีกครั้ง  คราวนี้เป็นเสียงผู้ชาย  ฉันรู้ว่าเจ้าของเสียงนี้คือใคร  ฉันจึงหยุดเดินและหันกลับไปหาเจ้าของเสียง  มันกำลังวิ่งเข้ามาหาฉัน  พอมาวิ่งมาถึงมันก็หายใจหอบแฮกๆ  เหงื่อนี่ท่วมตัวเลยอะ   แต่ทำไมถึงไม่มีกลิ่นเหม็นเหงื่อนะ มีแต่กลิ่นน้ำหอมของผู้ชาย  กลิ่นอ่อนๆ  มากระทบประสาทการดมกลิ่นของฉัน หอมจัง  กำลังพอดีเลย  ไม่ฉุนมากเหมือนพวกที่ชอบอาบมา

   “ กำลังจะขึ้นห้องหรอ ”

   “ อืม ” ฉันตอบสั้นๆ ห้วนๆ   สีหน้าเรียบเฉย  มันก็มองฉันแปลกๆ 

   “ เป็นไรอะ  ไม่สบายอยู่หรือป่าว   ทำไมดูไม่สดใสเลยหละ ”  ช่างสังเกตจริงๆ นะพ่อคุณ

   “ ป่าว  เราสบายดี  ขึ้นห้องก่อนนะ ”  ฉันก็ยังทำสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม 

   “ เดี๋ยวดิ ”  ฉันกำลังจะเอี้ยวตัวไป  พอได้ยินมันห้ามเอาไว้  ฉันก็เอี้ยวตัวกลับมา

   “ มีอะไร ”  ฉันชักจะเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ  ฉันแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน  ไอ้โชคก็คงจะสังเกตเห็น  มันถึงได้ทำหน้าซีดเผือดขนาดนั้น  คงรู้สินะว่าฉันเริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้ว 

   “ ปกติฟิล์มไม่กินน้ำเขียวหนิ  ทำไมวันนี้ถึงซื้อมากินหละ ”  ฉันนี่หน้าเหว๋อไปเลยคะ  ตอนแรกก็ตั้งใจจะซื้อมาให้มันนั่นแหละ แต่พอเห็นสาวๆ พวกนั้นซื้อมาให้มันเยอะแล้ว  ก็เลยเปลี่ยนใจไม่อยากให้แระ 

   “ ก็อยากลองกินดูบ้าง ไม่ได้รึไง ”  ฉันย้อนถามมันกลับ 

   “ ได้สิ  แต่ฟิล์มมีน้ำตั้ง 2 ขวดอะ  วันนี้ฟิล์มกินน้ำเปล่าไปก่อนได้มั้ย  ส่วนน้ำเขียวนั่น เราขอซื้อต่อนะ ”  พูดแล้วมันก็ยิ้มหวานให้ฉัน  ทำให้ฉันไขว้เขวซะแล้วสิ   

   “ บ้า  ได้ไงกัน ”  ฉันปฏิเสธมันไป 

   “ ฟิล์มค้าบบบ  ตอนนี้โชคหิวน้ำมากเลยอะ  ขอซื้อต่อนะ นะๆ  ”  มันออดอ้อนฉัน  ทำหน้าทำตาบ้องแบ๊ว  กระพริบตาปริบๆ  น่ารักโครต 

   “ นายจะหิวได้ไง  ก็ฉันเห็นสาวๆ  แห่กันเอาน้ำไปให้นายแล้วหนิ ”  ฉันกำลังน้อยใจ รึป่าว  สับสนในตัวเอง 

   “ แต่เราก็ไม่ได้รับน้ำจากใครสักคนเลยเลยนะ ”  ดูมันทำหน้าทำตา  กวนโอ้ยชะมัด 

   “ จะไปรู้หรอ  เอ้านี่  ฉันให้นายเลยแล้วกัน  เห็นแล้วสงสาร ”  ฉันยื่นน้ำเขียวแฟนต้าให้มัน  ฉันรู้ว่ามันชอบกินน้ำเขียว ฉันก็เลยตังใจซื้อมาให้มัน  มันก็รับไป   

   “ ขอบใจนะ ”  มันยิ้มหวานให้ฉันอีกแล้ว  เหอะๆ  พอเถอะ  ฉันเขินนะ  ฉันหลบสายตามันแล้วบิดตัวไปมา  เอิ่มม  นี่ฉันกำลังเขินไอ้โชคอยู่จริงๆ หรอ   

   “ ฟิล์ม  เป็นไรอะ หน้าแดงๆ  ไม่สบายอีกหรือป่าว ” พูดแล้วมันก็เอามือมาแตะหน้าผากฉัน  แอร๊ยยยย  ตุ๊บๆ  ตุ๊บๆ  หัวใจของฉันกำลังสั่นไหว  อาการชักจะเริ่มแปลกๆ แล้วแฮะ  มันแตะหน้าผากฉันไม่นาน  ก็เอามือออกไป 

   “ ตัวก็ไม่ร้อนหนิ  ฟิล์มเป็นไรหรือป่าว  บอกเราได้นะ เดี๋ยวเราจะพาไปห้องพยาบาล ”  ฉันเงยหน้าขึ้นมามองหน้ามัน  มันดูสีหน้าจริงจังมาก สงสัยคงคิดว่าฉันไม่สบายจริงๆ 

   “ เราสบายดี  ขึ้นห้องกันเถอะโชค  ใกล้จะถึงเวลาเรียนแล้ว ”  ฉันพูดเสียงสั่นๆ  พูดจบก็รีบวิ่งขึ้นอาคารเรียนทันที  ไม่รอไอ้โชคเลย   มันก็ร้องเรียกให้ฉันรอด้วย  แต่ฉันก็ไม่รอ รีบวิ่งเข้าห้องทันที  มันก็วิ่งตามฉันมาจนถึงประตูหน้าห้อง  ฉันมองเห็นมันยกขวดน้ำเขียวแฟนต้าขึ้น พร้อมกับส่งยิ้มมาให้ฉัน  และบอกว่าขอบใจนะ  แล้วมันก็เดินออกไปจากตรงนั้น

  ไอ้โชคคง  งง  กับพฤติกรรมแปลกๆ ของฉัน  เพราะขนาดฉันเองก็ยัง  งง กับตัวเอง  นี่ฉันทำอะไรลงไป  ฉันกำลังรู้สึกแบบไหนกับมันกันแน่    หรือว่า  ฉันกำลัง........................  ฮือๆๆ  ไม่นะ  ฉันยังไม่พร้อม   :katai1:

.....................................................................


หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 10 : 03-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 03-10-2015 00:40:26
 :really2:

อยากรู้จังว่าเต้จะให้อะไรเป็นของขวัญ

(แอบเชียร์เต้ ฮ่าๆๆ)
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 10 : 03-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 03-10-2015 07:12:44
ชอบโชคแล้วใช่มั้ย อิอิ
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 10 : 03-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 03-10-2015 17:21:45
Fan club  the series ของเราหายหน้าหายตาไปไหนกันหมดน้อ ช่วงหลังๆ มานี้ เห็นมีมาเม้นกันอยู่ สอง สามคน  :hao5:

    คิดถึงทุกๆ คนนะคะ ถ้าเข้ามาอ่านแล้ว ก็คอมเม้นพูดคุยและให้กำลังใจเค้าด้วยน้า  :pig4:

หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 10 : 03-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-10-2015 18:45:04
จะโชคหรือจะเต้ดี

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 10 : 03-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 04-10-2015 01:19:33
ช่วงนี้ทำ OT เยอะไปหน่อย  ไม่ค่อยมีเวลาเขียนตอนต่อไปเลย  แต่ก็พยายามหาเวลามานั่งเขียนให้ได้อ่านกันอยู่นะ  เขียนได้วันละไม่กี่หน้าเอง  เอาเป็นว่า  ตอนต่อไป  จะลงให้ได้อ่านกันวันอังคารนะ  อดทนรอหน่อยนะจ้ะ   :katai4: 

ปล. คิดถึงนักอ่านทุกๆ คนเลย   :mew1:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 10 : 03-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Chanik ที่ 05-10-2015 02:18:14
เขิลลลล :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 10 : 03-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 06-10-2015 16:49:25
วันนี้จะอัพตอนต่อไปทันหรือป่าวนะ  เพราะตอนนี้เพิ่งเลิกงาน รู้สึกเหนื่อยๆ เพลียๆ  ขอพักร่างกายแปปนะ  คิดถึงนักอ่านทุกคนเหมือนเดิม o13
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 11 : 07-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 07-10-2015 14:11:49
ตอนที่  11

   ฉันนั่งครุ่นคริดถึงความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้  ความรู้สึกแปลกๆ ที่ฉันกำลังมีต่อไอ้โชค  ถึงแม้ในใจลึกๆ จะรู้คำตอบอยู่บ้าง  แต่ก็พยายามปฏิเสธมัน  เพราะไม่อยากให้มันเกิดขึ้น   ฉันไม่อยากกลืนน้ำลายตัวเองเลยจริงๆ  ฉันเก็บเอาเรื่องนี้มาคิดแล้วคิดอีก จนกลายเป็นว่าตอนนี้ฉันกำลังเหม่อลอยและตัดขาดจากโลกภายนอกไปแล้ว 

   “ เฮ้ย!  มึงเป็นอะไรวะ  ”  ฉันสะดุ้งตื่นเพราะเสียงแหกปากของไอ้น้องชายตัวแสบ

   “ ป่าว  ก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ”  มันมองฉันแบบ งงๆ  แล้วนั่งลงบนม้าหินอ่อนฝั่งตรงข้ามกับฉัน

   “ มีอะไรก็บอกกูนะเว้ย  กูไม่อยากเห็นพี่ชายเป็นทุกข์ ” ฉันทำหน้าดุใส่มัน  ให้ตายเถอะ  เมื่อไหร่มันจะเลิกเรียกฉันว่าพี่ชายสักที  บอกเป็นร้อยครั้ง พันครั้งแล้วนะ  ว่าห้ามเรียกแบบนี้  พอมันเห็นฉันทำหน้าดุ  แทนที่มันจะกลัวฉัน  แต่ตรงกันข้าม    มันนั่งหัวเราะใหญ่เลย 

   “ พอๆ  กูมีเรื่องจะถามมึงหน่อย  ในฐานะที่มึงเป็นผู้ชายแท้ๆ คนนึง ”  ฉันพูดท่าทางจริงจัง   มันก็เริ่มทำหน้าจริงใจเหมือนกัน  เพราะเรากำลังจะเข้าโหมดของการมีสาระแล้ว 
 
   “ มีไรก็พูดมาสิ  รอฟังอยู่ ”  ฉันนิ่งอยู่พักนึง ในใจก็ยังคงคิดว่าจะถามมันดีมั้ย  และแล้วก็ตัดสินใจถามมันออกไป

   “ มึงคิดว่า  จะมีผู้ชาย  มาชอบกะเทยมั้ยวะ ”  ฉันคาดหวังจะได้คำตอบที่พึงปรารถนา 

   “ ไม่รู้ดิ  กูว่ามึงเอาเวลาไปตั้งใจเรียนเถอะ  ดีกว่าจะมาคิดเรื่องบ้าๆ อะไรแบบนี้  เพราะถึงเค้าจะชอบมึงจริงๆ แต่สุดท้ายเค้าก็ทิ้งมึงไปหาผู้หญิงอยู่ดี  เชื่อกู  ร้อยทั้งร้อย ” คำตอบของมันทำเอาฉันหน้าเหว๋อไปเลยคะ ถึงมันจะเป็นน้องฉัน แต่เราก็อายุห่างกันแค่ปีเดียวเอง บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าความคิดความอ่านของมันดูเป็นผู้ใหญ่กว่าฉันอีกแฮะ 

   “ เออๆ  รู้แล้ว  แก่มา  ดูแล้วกูด้วยหละ ”  55555  มันหัวเราะขึ้นมา   มันน่าตลกตรงไหนอะ

   “ ไอ้บ้า  พี่ชายแค่คนเดียว ดูแลได้สบายๆ อยู่แล้ว  ไม่ต้องเป็นห่วง ”  ฉันยิ้มให้กับมัน แล้วมันก็ยิ้มให้กับฉัน   ถึงอนาคตฉันจะไม่มีใคร แต่ฉันก็มั่นใจว่าฉันจะยังมีไอ้น้องชายตัวแสบคนนี้อยู่เคียงข้างฉันเสมอ

   คำตอบที่ได้จากชายผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องของตัวเอง  มันคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด  เพราะมีผู้ชายในโลกนี้ไม่กี่คนนักหรอกที่จะหวังดีกับฉัน  ฉันเก็บเอาคำตอบนั้นมานั่งคิดทบทวนต่อในขณะที่ฉันกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้อง  เวลาล่วงเลยเข้าสี่ทุ่มแล้ว   ไอ้โชคยังไม่โทรมาอีกหรอเนี่ย  เอิ่มม   อย่าบอกนะว่า นี่ฉันกำลังนั่งรอโทรศัพท์มันอยู่  ปกติมันก็ไม่ได้โทรมาหาฉันทุกวันหรอกนะ แล้วฉันก็ไม่เคยใส่ใจด้วยว่ามันจะโทรมาหรือไม่โทร  แต่ทำไมวันนี้ฉันถึงได้ถวิลหามันนักหละ  สงสัยฉันจะเริ่มเป็นเอามากแล้วนะเนี่ย  ขืนปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ต่อไป  ต้องการการเรียนแน่ๆ เลย  ฉะนั้นควรตัดไฟตั้งแต่ต้นลม  ก่อนที่ไฟมันจะลุกโชนไปมากกว่านี้  คิดได้แบบนี้แล้ว  ก็เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเลยก็แล้วกัน  สู้โว้ย!!

   เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันก็อาบน้ำแต่งตัวมาเรียนเหมือนทุกๆ วัน  วันนี้โชคดีหน่อยมาถึงโรงเรียนก่อนที่ฝนจะตก  เฮ้อๆ  ไม่ชอบเล้ยหน้าฝนเนี่ย  เพราะมันเป็นอุปสรรคต่ออะไรหลายๆ อย่าง อย่างน้อยๆ ก็เรื่องมาโรงเรียนนี่ไง   วันไหนที่ฝนตกฉันก็ต้องขับมอไซต์กางร่ม  ใส่เสื้อกันฝน  กว่าจะมาถึงโรงเรียนก็สะบักสะบอมเลยแหละ   วันนี้ฝนตกในช่วงเช้า ทำให้เราได้มาเข้าแถวทำกิจกรรมเคารพธงชาติและสวดมนต์ไหว้พระที่หน้าห้องเรียนของตัวเอง  ก็ดีนะ ดีกว่าไปยืนตากแดดที่หน้าเสาธง  หุหุ

   “ นี่อิฟิล์ม  ช่วงนี้เข้าหน้าฝนแล้วนะมรึง  พ่อมึงยังจะให้มึงขับมอไซต์ฝ่าลมฝนไปกลับโรงเรียนอีกหรอ  ทำไมมึงไม่ขอพ่อมึงมาขึ้นรถประจำทางกับพวกกูหละ ”  อิกระต่ายถามฉัน 

   “  ไม่เอา  กูไม่ชอบ คนเยอะเบียดเสียดกันอย่างกับปลากระป๋อง ”  ฉันพูดสีหน้าไม่สบอารมณ์ 

   “ เออๆ  แล้วแต่มรึงแล้วกัน ”  มันต้องอย่างนี้สิจ้ะอิเพื่อนสาว  ชอบจริงๆ มีเพื่อนตามใจ

   เสียงเพื่อนนักเรียนในห้องพูดขึ้นแว่วๆ ว่าคุณครูมาแล้ว  พวกเราจึงพากันวิ่งวุ่นเข้าประจำที่ของตัวเอง  แล้วก็นั่งกันได้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนที่ครูจะเดินเข้าห้อง  เป็นแบบนี้ประจำ  555555  พอครูเข้านั่งประจำที่หัวหน้าห้องก็บอกทำความเคารพ  พวกเราก็ไหว้สวัสดีค่ะ/ครับ  กันถ้วนหน้า  แลดูเป็นเด็กน่ารักจังเลยเน่าะ 

   “ นาย.................... ” คุณครูเรียกชื่อจริงของฉัน  โอเค ไม่เป็นไร ถ้าเป็นครูฉันให้อภัยได้  แต่ถ้าเป็นคนอื่น ฉันโกรธจริงๆ ด้วย 

   “ ครับ ”  ฉันขานรับที่ครูเรียก  ถึงจะกระดากปากแต่ก็ต้องจำใจพูด  เพราะครูไม่อนุญาตให้พูดคะขานั่นเอง

   “ คุณครู...............  เรียกให้เธอไปพบ ที่ห้องพักครูตอนนี้  ครูอนุญาตให้เธอลงไปได้ ”  สงสัยจะเป็นเรื่องครูเคยคุยเอาไว้ก่อนหน้านี้แน่ๆ เลย  เรื่องที่จะให้ฉันเป็นตัวแทนไปแข่งขัน  Speech  Contest  นั่นแหละ  พอครูอนุญาตแล้ว ฉันก็ลุกเดินออกจากห้องและมุ่งหน้าไปที่ห้องพักครูซึ่งอยู่ชั้น  1 

   ในขณะที่ฉันกำลังจะเดินไปที่ห้องพักครูที่อยู่ชั้นล่างนั้น  ฉันก็ต้องเดินผ่านห้องไอ้โชค  ช่วงที่เดินผ่านประตูห้องมัน  หางตาของฉันก็เหลือบไปเห็นไอ้โชคที่กำลังนั่งคุยกันกับเพื่อนมันอยู่  มันมีความรู้สึกอะไรบางอย่าง  แปล๊บๆ เข้ามาข้างในหัวใจของฉัน  ฉันจึงหยุดฝีก้าวเอาไว้ที่หน้าประตูห้องมัน  และหันไปมองดูมันอย่างเต็มตา  ประจวบกับที่มันหันมามองดูฉันพอดีเช่นกัน  มันจึงส่งยิ้มทักทายฉันตามมารยาท ( มั้ง )  แต่ฉันตัดสินใจแล้ว ว่าจะต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม  ฉันจึงมองมันหน้านิ่ง  สีหน้าของมันก็เริ่มเปลี่ยนไป  ตอนนี้มันทำหน้า งงๆ  แหงหละ มันต้อง งง  อยู่แล้ว  เพราะอยู่ดีๆ ฉันก็ทำตัวแบบนี้  ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีเหตุการณ์ให้ทะเลาะกันมาก่อน  เป็นใครก็ต้อง งง กันทั้งนั้นแหละ  แล้วฉันก็ตัดสินใจเดินต่อไปยังห้องพักครู  โดยที่ไม่ได้ยิ้ม หรือทำท่าทางอะไรทักทายมันเลย มันคงจะ งง  เป็นไก่ตาแตกไปแล้วแน่ๆ เลย

   ที่โรงอาหารในเวลาพักเที่ยง  พวกเรา 4 นางก็นั่งกินข้าว เม้าท์มอยกันตามประสากะเทย  เอ๊าะ  มีน้องนีด้วย 1 คน  เกือบลืมไปเลยว่านางเป็นนี  ก็สนุกสนานเฮฮากันไปตามระเบียบจ้ะ

   “ เออ  อิฟิล์ม  ได้ยินข่าวว่ามึงได้เป็นตัวแทนระดับ ม. ต้น  ของโรงเรียนเรา  ไปแข่งขันพูดภาษาอังกฤษหรอยะ ”  อิสายป่านทำหน้าทำตาอยากรู้อยากเห็น 

   “ เออ  ใช่  แมร่ง  ครูเอาเนื้อหาภาษาอังกฤษมาให้กูท่องจำตั้ง 1 หน้ากระดาษเลยนะมรึง  ใครจะไปจำได้หมด กูไม่อยากไปแข่งเลยหวะ ”  ฉันทำหน้าเซ็งๆ ปนคิดหนัก  จะไม่ให้คิดหนักได้ไงหละ แค่เนื้อหาภาษาไทย 1 หน้ากระดาษจะให้จำให้ได้ทั้งหมดก็ว่ายากแล้ว  แต่นี่ภาษาอังกฤษ  จะจำได้ยังไงหมด  แถมต้องออกเสียงให้ถูกต้อง  และให้ได้สำเนียงอีก  โอ้ยยย  เทยกลุ้มคะ  อยากบ้าตาย 

   “ ทำๆ ไปเถอะ  เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ” อย่าบอกนะว่านี่คือคำพูดปลอบใจของมึง  อิกระต่าย 

   “ มึงก็พูดได้ดิ  ลองมาเป็นกูดูมั้ยหละ  กูก็อยากรู้เหมือนกัน  ว่าที่มึงบอกเดี๋ยวมันก็ผ่านไป  มึงจะผ่านไปได้ยังไง ”  ฉันหงุดหงิดจนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่จึงพาลอิกระต่ายและพูดหาเรื่องมันจนได้

   “ เอ้าอินี่  ก็กูไม่ได้เก่งเหมือนมึงหนิ มึงเก่งมึงก็ทำไปสิ ” อิกระต่ายก็เริ่มขึ้นเสียงใส่ฉันแล้วเหมือนกัน 

   “ พอๆ  จะทะเลาะกันไปทำไม  มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ  ฉันว่าแกใจเย็นๆ ก่อนนะฟิล์ม  ยังมีเวลาอีกนานกว่าจะถึงวันแข่งขัน  ฉันเชื่อ ว่าแกต้องทำได้  สู้ๆ ” แม่นางมายเหมือนนางฟ้าที่ช่วยมาหยุดไม่ให้พวกเราทะเลาะกัน  และทำให้ฉันได้สติ  ใช่แล้ว ยังเหลือเวลาอีกเป็นเดือน ฉันจะต้องท่องจำมันทุกวัน  วันละหลายๆ รอบ ถ้าทำถึงขนาดนี้แล้ว จะจำไม่ได้ก็ให้มันรู้ไปสิคะ  อะไรมันจะเกินความสามารถของกะเทยอย่างฉัน  5555555

   ฉันรู้ตัวว่าฉันผิดที่เป็นฝ่ายเหวี่ยงอิกระต่ายก่อน ทั้งๆ ที่มันก็พูดปลอบใจฉันแท้ๆ แต่กลับโดนฉันเหวี่ยงซะนี่  ฉันจึงพูดขอโทษอิกระต่ายก่อน  นางบอกไม่เป็นไร แล้วนางก็ขอโทษฉันเหมือนกันที่พูดออกมาแบบนั้น  แล้วสถานการณืก็กลับมาสดใสเหมือนเดิม ฉันเลี่ยงที่จะคุยเรื่องการแข่งขันบ้าบอนั้น  และชวนเหล่าเพื่อนสาวคุยเรื่องอื่นกันต่อ 

   “ ฟิล์ม  โชคขอคุยด้วยหน่อย ”  ฉันที่กำลังเม้าท์มอยกับเหล่าเพื่อนสาวอย่างสนุกสนานก็ต้องมองไปหาต้นเสียงนั้น  เห็นไอ้โชคยืนอยู่ตรงหน้า  และมันก็กำลังทำหน้าเคร่งขรึมใส่ฉัน 

   “ มีอะไรก็พูดมาสิ  เราฟังอยู่ ”  ฉันพูดน้ำเสียงเย็นชา  พร้อมกับท่าทีที่ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่  เพราะฉันไม่มองหน้ามันเลย

   “ โชคขอคุยกับฟิล์ม 2 คน  เรามีเรื่องต้องคุยกัน ”  ฉันหันไปมองหน้ามัน ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์  แต่มันก็ยังทำหน้าเคร่งขรึมใส่ฉันเหมือนเดิม 

   ฉันลุกขึ้น  แล้วบอกให้มันเดินตามฉันไป  จากนั้นฉันก็บอกเหล่าเพื่อนสาวว่าเดี๋ยวจะกลับมา พวกมันก็ทำหน้าเอ๋อแด*กันใหญ่  คงจะ งง  หละสิว่าเกิดอะไรขึ้น 

   เราสองคนเดินมาหน้าอาคารเรียนของเด็กประถม  โดยมีฉันเป็นคนเดินนำหน้า และมันก็เดินตามหลังมาติดๆ  ที่หน้าอาคารเด็กประถมจะมีศาลาไม้เรือนไทยอยู่  ฉันเห็นว่าที่นั่นปลอดคน  จึงเดินไปนั่งบนนั้นพร้อมกับไอ้โชค 

   “ โชคมีไรก็รีบๆ พูดมาเถอะ  ใกล้จะถึงเวลาขึ้นเรียนคาบบ่ายแล้ว  เราไม่อยากเข้าเรียนสาย ”  ฉันพูดเสียงแข็ง

    “ ฟิล์มเป็นไรอะ  ฟิล์มดูแปลกๆ ไป  ไม่ยิ้ม ไม่ทักทาย แถมยังพูดจากับเราแปลกๆ เหมือนเราไม่ใช่เพื่อนกันเลย ”

   “ เราไม่ได้เป็นไรหรอก  ก็แค่.......   ก็แค่........ ” ฉันอ้ำอึ้งจนไอ้โชคคงจะทนไม่ไหว  มันจึงพูดสวนฉันขึ้นมา

   “ ก็แค่อะไรหละฟิล์ม  รีบพูดมาสิ  เราอยากรู้เหตุผลที่ฟิล์มทำตัวแปลกๆ แบบนี้  แทบจะบ้าอยู่แล้วนะ ” มันดูกระวนกระวายใจมาก  ฉันมองงหน้ามันอยู่พักนึง ก่อนจะตอบอะไรบางอย่างออกไป

   “ โชคช่วยอยู่ห่างๆ เราหน่อยได้ไหม ”  ฉันพูดประโยคนี้อย่างนุ่มนวล  แต่มันกลับทำให้ไอ้โชคอึ้งไปเลยทีเดียว  ฉันเห็นมันนั่งตัวแข็ง  และนิ่งเงียบไปสักพักใหญ่ๆ  ในแววตาของมันดูเศร้าอย่างเห็นได้ชัด  ฉันมองเห็นน้ำตาคลอเบ้าบนดวงตาคู่นั้น  เพียงกระพริบตาแค่ครั้งเดียว  น้ำตาก็ไหลผ่านแก้มทั้ง 2 ข้าง   ดวงตาคู่นั้นกำลังชุ่มไปด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวดสินะ 

   “ ฟิล์มหมายความว่าไง  ”  ไอ้โชคถามฉันเสียงสั่น  น้ำตาของมันก็ไหลออกมาเรื่อยๆ ไม่มีท่าทีจะหยุดเลย

   “ ฟิล์มอยากให้โชคเลิกยุ่งกับเราสักที ไม่ต้องทักทาย  ไม่ต้องพูดคุย  ไม่ต้องเจอหน้ากันเลยยิ่งดี ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา  และไม่กล้ามองหน้ามัน  เพราะตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกผิด  สีหน้าแววตาของฉันกำลังโศกเศร้าไม่ต่างจากไอ้โชคนักหรอก  แต่ฉันจำเป็นต้องทำ   ขอโทษด้วยนะโชค   ฉันได้แต่คิดในใจ

   “ ทำไมหละฟิล์ม  เราทำอะไรให้ฟิล์มไม่สบายใจ  เราทำอะไรให้ฟิล์มโกรธ  ก็บอกกันมาดีๆ สิ   จะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน  มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ  คุยกันดีๆ คุยกันให้รู้เรื่องได้ไหม ” มันพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเจ็บปวดมากๆ  คำพูดของมันทำให้ฉันเจ็บแปล๊บในหัวใจ  ฉันก็อยากบอกความรู้สึกจริงๆ ให้แกฟังอยู่หรอกนะ  แต่ฉันกลัว  กลัวอะไรหลายๆ อย่าง  นี่คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วหละ  แล้วฉันก็ตัดสินใจพูดบางอย่างออกไป เพื่อให้จบๆ กันสักที

   “ หยุดพูดได้แล้ว ฉันรำคาญ  ฉัน......  ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับแกแล้ว  ไม่อยากเห็นหน้าแก  ต่อไปนี้ไม่ต้องเสนอหน้ามาให้ฉันเห็นอีกนะ  ถ้าแกยังมาตอแยกับฉันอีก  ฉันจะโกรธ จะเกลียดแกไปตลอดชีวิตเลย ไอ้บ้า ”  ฉันพูดตะคอกใส่มันเสียงดัง  พูดไปน้ำตาก็ไหลออกมา  ฉันรู้ว่าตัวเองก็กำลังร้องไห้เหมือนกัน  แต่ตัดสินใจไปแล้วหนิ ต้องทำให้ถึงที่สุด 

   สิ่งที่ฉันพูดทำให้ไอ้โชคยิ่งร้องไห้หนักขึ้น  น้ำตาของมันไหลออกมาอาบแก้มทั้งสองข้าง  ทั้งสะอึกสะอื้นไปด้วย  ไม่มีคำถามอะไรออกมาจากปากของเขาอีกเลย  มีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมาแทนคำตอบ   มันคงเจ็บปวดมากเลยสินะ  ฉันรู้ ฉันเข้าใจ  เพราะฉันก็กำลังรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน    ในที่สุดฉันก็ทนเห็นความเจ็บปวดที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว    ฉันจึงวิ่งปาดน้ำตาออกมาจากศาลา ไม้เรือนไทย   ทิ้งให้ไอ้โชคนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง  ( ใจร้ายสุดๆ เลยใช่ไหม)

    ฉันวิ่งเข้าไปในห้องน้ำหญิง  มีชะนีน้อยใหญ่อยู่จำนวนนึง  พวกนางก็ตกในสิคะ  ไม่ใช่ตกใจที่เห็นกะเทยมาเข้าห้องน้ำหญิงนะ  แต่ตกใจที่เห็นฉันวิ่งร้องไห้เข้ามาในห้องน้ำ   ฉันเองก็อายพวกนางมาก  จึงเดินเข้าห้องน้ำแล้วล็อกประตู  จากนั้นฉันก็ปล่อยโฮออกมาอย่างเต็มที่  ใช้มือทั้งสองข้างมาปิดปากตัวเองไว้ เพื่อไม่ให้เสียงร้องไห้เล็ดรอดออกไปข้างนอกได้    ฉันนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในนี้สักพักใหญ่  กว่าจะหยุดน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาดั่งสายน้ำไหลได้  เวลาก็ล่วงเลยเข้าคาบเรียนแรกในช่วงบ่ายแล้ว  ฉันจึงรีบวิ่งออกจากห้องน้ำและขึ้นอาคารเรียน 

   ถึงแม้น้ำตาจะหยุดไหล  แต่ก็ไม่อาจซ่อนความเจ็บปวดที่อยู่ภายในใจได้ เพราะมันกำลังแสดงออกมาทางสีหน้าที่ดูเศร้า และท่าทางซึมๆ   ฉันเดินมาจนถึงประตูห้องก่อนจะขออนุญาตครูเข้าห้อง  ครูก็ถามว่าไปทำอะไรมา ฉันก็ตอบไปว่าท้องเสีย เข้าห้องน้ำหลายรอบก็เลยเข้าเรียนช้า เหมือนครูจะไม่ติดใจอะไร  ก็เลยอนุญาตให้ฉันเข้าห้องได้  ฉันเดินไปนั่งที่  โต๊ะหน้าสุด ตรงกลาง  อยู่ตรงข้ามกับหน้ากระดาน และครูก็กำลังสอนอยู่  ฉันรู้ว่าเพื่อนสาวสองคนของฉันกำลังจ้องมองดูฉันที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาอย่างสงสัย  แต่พวกไม่กล้าถามอะไรฉัน เพราะตอนนี้ครูกำลังสอนอยู่   คาบนั้นทั้งคาบฉันนั่งเหม่อลอย คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก็เรื่องไอ้โชคนั่นแหละ  จนทำให้ฉันไม่มีสมาธิในการเรียน   ในที่สุดคาบเรียนนี้ก็หมดไป 

    “ เฮ้ย!  อิฟิล์ม  มึงเป็นอะไรวะ  กูเห็นมึงนั่งเหม่อลอยทั้งคาบเลย  ตกลงมึงเรียนรู้เรื่องป่ะเนี่ย ”  อิกระต่ายที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันเอ่ยถามอย่างสงสัย

    “ นั่นดิ  ตั้งแต่ฟิล์มกับโชคไปคุยกัน  กลับมาอีกทีก็ขึ้นเรียนคาบบ่าย  แถมฟิล์มยังดูซึมๆ  อีก  มีไรกันรึป่าว ”  แม่นางมายที่นั่งถัดไปจากอีกระต่ายกำลังถามในสิ่งที่ฉันไม่อยากตอบ 

   “ พวกมึงอย่าถามอะไรกูเลย   กูเหนื่อย  กูไม่พร้อมที่จะตอบคำถามอะไรทั้งนั้น ”ฉันนั่งก้มหน้า  พูดเสียงอ่อยๆ 

   พวกมันก็พากันเงียบกริบ  และไม่ตั้งคำถามอะไรกับฉันอีกเลย จนกระทั่งเลิกเรียน  ฉันเดินมานั่งรออิสายป่านที่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างอาคารเรียนมัธยม   พวกเรานัดเจอกันที่นี่เป็นประจำทุกวัน เพื่อนั่งเม้าท์มอย  และเดินไปโรงจอดรถด้วยกัน     

   “ โอ้ย  มึง   วันนี้ครูสั่งการบ้านโครตเยอะเลย  กูหละเซ็ง ”  มันเพิ่งเดินมาถึงก็บ่นใหญ่เลย  พร้อมกับวางกระเป๋าลงบนโต๊ะอย่างแรง ทำเอาฉันสะดุ้งตกใจ

   “ อิห่า  กูตกใจหมดเลย มึงจะวางกระเป๋าให้มันดีๆ กว่านี้หน่อยไม่ได้หรอ ” ฉันค้อนใส่มันเบาๆ 

    “ ก็กูเซ็ง เซ็ง เซ็ง  นี่นา  มึงรู้มั้ย  วันนี้กูกะว่าจะชวนอิกระต่ายออกไปล่าเหยื่อสักหน่อย งานเยอะแบบนี้ก็อดหนะสิ  โอ้ย  กูเบื่อ  ไม่รู้จะสั่งอะไรกันนักกันหนา  ”   

   “ ทำๆ ไปเถอะ  วันไหนว่างๆ ค่อยไปก็ได้  เหยื่อของพวกแกไม่หายไปไหนหรอก  แต่คะนนที่จะได้นี่สิ  จะหายไปในพริบตา ถ้าแกไม่ทำการบ้านส่ง ”  ฉันต้องเตือนสติมันบ้าง 

    “ เออๆ  รู้แล้ว  ว่าแต่  วันเสาร์นี้มึงว่างมั้ย  เราไปออกล่าเหยื่อกันเถอะ ”  พูดซะน่ากลัวเลยอินี่   ฉันครุ่นคิดอยู่พักนึง  แล้วก็นึกขึ้นได้ว่านัดกับไอ้เต้ไว้ 

    “ กูไม่ว่าง ”  อิสายป่านมองหน้าฉันใหญ่เลย  เหมือนมันกำลังจะจับผิดฉันยังไงอย่างนั้น

    “ ทำไมมึงจะไม่ว่างวะ อย่าบอกกูนะว่าอ่านหนังสือ  กูไม่ยอมนะจ้ะ  ไปแปปเดียวเองนะมึง กลับมาค่อยอ่านก็ได้ ”  มันก็ยังพยายามเล้าโลมให้ฉันไปกับมันอยู่ดี  แต่ขอโทษจ้ะ มีนัดสำคัญ ถ้าไม่ไปครั้งนี้  มีหวังได้ตายแหงๆ

    “ ไม่ใช่อย่างนั้น  คือ.........  กูมีนัดกับเพื่อนเก่าอะ  ไม่ได้เจอกันนานแล้ว  กะว่าจะไปเล่นบ้านมันสักหน่อย ” ฉันพยายามยิ้มกลบเกลื่อนคำโกหกของตัวเอง  หวังว่ามันคงจะเชื่อนะ 

    “ อืม  ไว้วันหลังก็ได้  แต่คราวหน้า  ห้ามปฏิเสธนะยะ ไม่งั้นโดนตบ ”  อ่า  มันกำลังขู่ฉันหรอเนี่ย   ไม่กลัวหรอกนะ  แต่ก็ต้องพยัคหน้าตอบรับคำขู่ของมัน  ทำไงได้  เพื่อนอุตส่าห์ชวนนี่นา   

   คืนนี้  หลังจากที่ฉันนั่งดูทีวีกับครอบครัวจนถึงเวลาสามทุ่ม  ฉันก็ขอตัวขึ้นห้อง   เดินเข้ามาในห้องนอน  ก็เจอผ้าห่มลายหมีพู  ที่ไอ้โชคซื้อให้เป็นของขวัญในวันเกิด  ฉันยืนมองดูมันแล้วคิดถึงคนให้   น้ำตาก็ไหลออกมา  ฉันเอามือปาดน้ำตาตัวเองและทำใจให้หยุดร้องไห้  ตัดสินใจแล้ว ต้องทำให้ได้  ฉันเดินเข้าไปเก็บผ้าห่มผืนนั้นแล้วเอาเข้าไปยัดไว้ในลิ้นชักชั้นล่างสุดของตู้เสื้อผ้า    ปิดลิ้นชัก  แล้วล็อกกุญแจเอาไว้   จะได้ไม่ต้องเห็นมันอีกต่อไป 

.............................................................................

หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 11 : 07-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 07-10-2015 14:14:39
ตอนที่  11  ( ต่อ )

         เช้าวันต่อมา   ฉันก็ยังคงไปเรียนตามปกติ  วันนี้ทั้งวันเหมือนมันจะผ่านไปได้ด้วยดีเลยแฮะ  เพราะตลอดทั้งวัน ฉันไม่เจอไอ้โชคเลย  จนกระทั่ง เลิกเรียน  ฉันมานั่งรออิสายป่านที่เดิม  วันนี้มันมาช้าผิดปกตินะ  โรงเรียนก็เลิกนานแล้ว แต่ทำไมมันยังไม่มาสักที 

    “ รอสายป่านอยู่หรอ ”  เสียงนั้นดังมาจากข้างหลังฉัน  มันเป็นเสียงที่ฉันรู้จักดี  ใครหนะหรอ  ก็ไอ้โชคไงหละ 

    ฉันนั่งเงียบ  และไม่ยอมหันกลับไปทักทายมัน  ก็ฉันบอกแล้วไง ว่าไม่ต้องเจอ ไม่ต้องทักทาย ไม่ต้องพูดคุย  มันยังหน้าด้านอีกเน่าะ  หึหึ    ซักพักนึงมันก็เดินอ้อมมายืนอยู่ตรงหน้าฉัน  กร๊ากกกก  เห็นหน้ามันจนได้ 

    “ ใจคอจะไม่ชวนกันนั่งหน่อยหรอ ”  มันยังกล้ามาทำหน้ากวนตรีนฉันอีก 

   “ ไม่ได้เชิญ   แต่ถ้าอยากนั่งก็ตามใจ ”  ฉันพูดเสียงเข้ม  สีหน้าดุเอาเรื่อง  แต่มันก็ยังยิ้มกวนๆ  ใส่ฉันอีก  แล้วก็นรั่งลงตรงหน้าฉันจริงๆ  ด้วย  พูดถึงขนาดนี้แล้ว  มันยังกล้า  หน้าด้านโครตๆ 

   “ วันนี้ไม่เจอหน้าฟิล์มทั้งวันเลย  รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ ”  มันพูดพรางทำตาใสแป๋ว  แต่ฉันก็ยังหน้าดุใส่มันเหมือนเดิม   ฉันไม่มีทางใจอ่อนอีกแล้วยะ 

   “ วันนี้ก็ไม่เจอโชคทั้งวัน  รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก  ”

    “ รู้สึกแบบนั้นจริงหรอ  ไม่เชื่อหรอก  โชคว่า  ฟิล์มต้องรู้สึกไม่ต่างจากโชคแน่ๆ เลย ”  พูดแล้วมันก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่   ส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้ฉัน  ไอ้บ้าเอ้ย  ฉันชักจะเริ่มโมโหแล้วสิคะงานนี้

   “ โชค  ที่เราคุยกันเมื่อวาน  เหมือนโชคจะไม่เข้าใจอะไรเลยนะ ”  มันก็ทำหน้าทำตาอย่างกับคนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย  ยิ่งทำให้ฉันโมโหจนเลือดขึ้นหน้า  ใกล้จะทนไม่ไหวแล้วนะ  ไอ้โชค 

   “ เรื่องอะไรอะ  เราไม่เห็นรู้เรื่องเลย  เราลืมไปหมดแล้วหละ ”  กรี๊ดดดด  ฉันอยากจะกรี๊ด  ดูมันพูดเข้า 

    “ ลืม จะบ้าหรอ  อย่ามาทำเป็นปลาทองความจำสั้นไปหน่อยเลย  นั่งร้องไห้เสียน้ำตาไปเป็นถังขนาดนั้น  ยังกล้าบอกว่าลืมอีกหรอ ”  คราวนี้ท่าทางจะได้ผล  ไอ้โชคเริ่มหน้าซีดลงเรื่อยๆ แล้วมันก็นั่งเงียบไปสักพักนึง  ส่วนฉันก็นั่งยิ้มเยาะมันสิคะ  สะใจดี  คิดจะมากวนประสาทยั่วโมโหฉันดีนัก 

   “ คำขอแบบนั้น  จะจำไปทำไม  ยังไงก็ทำไม่ได้อยู่ดี  ฝืนทำไปก็มีแต่จะเจ็บปวด  ไม่มีความสุขหรอก   ลืมๆ มันไปยังจะดีกว่า  เราไม่อยากบังคับใจตัวเอง  ฟิล์มก็เหมือนกัน  จะทำแบบนี้ไปเพื่อนอะไร ”  มันพูดได้ซึ้งกินใจมาก จนฉันคล้อยตามอารมณ์และความรู้สึกของมันไปเลย   

   “ พอเถอะโชค  เราจะกลับแล้ว ”  ฉันหลบหน้ามันพรางพูดออกไปเสียงกร่อยๆ 

   “ อิฟิล์ม  มึงรอกูนานไหม ”  อิสายป่าน  อิเพื่อนตัวดีมาถึงจนได้   

    “ นาน  มึงมัวแต่ไปทำอะไรอยู่  กูไม่สนุกกับมึงเลยนะ ”  ฉันพูดน้ำเสียงไม่พอใจและชักสีหน้าใส่มัน 

   “ เออมึง  กูขอโทษ ”  มันก็ทำหน้าสำนึกผิดซะเต็มที่

    “ กลับกันเถอะ   กูอยากกลับบ้านแล้ว ”  มันก็พยัคหน้าเบาๆ   

    ฉันลุกขึ้นจากโต๊ะม้าหินอ่อน  ไอ้โชคที่นั่งอยู่ตรงหน้าฉันก็ลุกขึ้นเหมือนกัน  ฉันมองหน้ามันตาเขม็ง  เหมือนเป็นสัญญาณบอกว่า  ไม่ต้องเดินตามพวกเราไป 

    “ โชค  เพื่อนแกรออยู่ที่สนามตะกร้อนะ ”  อิสายป่านพูดแปลกๆ มันรู้ได้ไงว่าเพื่อนไอ้โชครออยู่ที่สนามตระกร้อ แถมมันยังยิ้มให้ไอ้โชคอีก 

    “ ขอบใจนะ ”  แล้วมันก็เดินจากไป     

   “ อิสายป่าน  มึงรู้ได้ไงว่าเพื่อนไอ้โชครอมันอยู่ที่นั่น ”  นางทำหน้าตกใจ  ฉันก็จ้องมันหน้าดุ   งานนี้ต้องเป็นไปตามที่ฉันคิดแน่ๆ เลย  ร้ายกาจนัก  ทั้งผู้ชาย ทั้งเพื่อน 

    “ เอ่อ....คือ.....  แหมมึง  ก็โชคมันบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับมึงสองคน  มันก็เลยให้กูอยู่คุยกับเพื่อนมันไปก่อน  เพื่อนต่างห้องมันก็มันแต่คนหล่อๆ   กูอยาก   กูก็เลยตอบตกลงไป  ”  คะ  อิเพื่อนเลว  เอาอีกแล้วนะมึง 

    “ เออ  ดีจริงมีเพื่อนแบบนี้  วันหลังถ้ามันเอาเพื่อนมันมาล่อมึงอีก  มึงก็คงจะทิ้งให้กูอยู่คนเดียวอีกหละสิ ” 

   “ คนเดียวที่ไหน  มึงก็อยู่กับโชคสองคน  ส่วนกูก็ได้อยู่กับผู้ชายตั้งสองสามคน  เรามีแต่ได้กับได้   ไม่ดีหรอจ้ะ ”  มันหัวเราะใหญ่เลย  แถมยังทำท่าทางกระดี๊กระด๊าอีก    เฮ้อออ  มันจะรู้บ้างมั้ย  ว่าฉันไม่ได้ต้องการอยู่กับไอ้โชคเลย   

   พอกลับถึงบ้าน  ฉันก็หอบการบ้านมานั่งทำที่โต๊ะหน้าบ้าน  นึกขึ้นมาได้ว่าวันเสาร์นี้มีนัดกับไอ้เต้  คิดแล้วก็กลุ้ม  มันจะทำอะไรฉันหรือป่าวนะ  หมายถึงเตะต่อยอะนะ  แล้วอยู่ดีๆ ฉันไปนัดมันทำไมเนี่ย   ปล่อยให้มันเดินหนีไปก็ดีแล้ว  นี่ฉันแคร์ความรู้สึกของมันมากเกินไปรึ่ป่าว เพื่อนก็ไม่ใช่ เป็นแค่คนรู้จักกันเอง  แบบนี้ก็เท่ากับว่าฉันจะต้องอยู่กับคนแปลกหน้าอะดิ  โอ้ย  เครียดๆ  มันจะพาฉันไปไหนหรือป่าวนะ   

   วันต่อมาฉันก็ไปเรียนเหมือนเดิมตามปกติ   ก็เจอไอ้โชคทุกวัน มันพยายามเข้ามาพูดคุยกับฉัน  ฉันก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดที่จะไม่คุยกับมันเลยหรอกนะ  มันถามมา  ฉันก็ตอบคำ  ตอบสั้นๆ ห้วนๆ   แต่มันก้ยังยิ้มได้  และยังเข้ามาคุยกับฉันเรื่อยๆ  เฮ้อออ  ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป  ฉันต้องใจอ่อนเข้าสักวันแน่ๆ เลย  น้ำหยดลงหิน หินยังกร่อน  แล้วใจของฉันจะแข็งแกร่งดั่งภูผาขนาดนั้นเลยหรอ   

   ในที่สุดวันเสาร์ก็มาถึง   วันนี้ฉันตื่นแต่เช้า  เช้านี่คือกี่โมงใช่ไหม  ก็เจ็ดโมงเช้าไง  55555  นี่เช้าแล้วใช่ไหม  กว่าจะอาบน้ำ แต่งตัว กินข้าวเสร็จ  ก็เกือบๆ แปดโมงเช้า   ฉันนั่งดูการ์ตูนกับน้องอยู่สักพักจนถึงแปดโมงครึ่ง  ก็ได้ฤกษ์ออกจากบ้าน  ฉันขับมอไซต์คู่ใจไปที่สนามกีฬาอำเภอ  และเดินไปรอไอ้เต้ที่สนามบาส  ฉันมาถึงก่อนเวลานัดประมาณสิบนาที  ฉันจึงขึ้นไปนั่งรอมันบนอัฒจรรย์ข้างสนามบาส  นั่งรอไปเรื่อยๆ จนตอนนี้เวลา  เก้าโมงครึ่ง  นี่มัน late  มาสามสิบนาทีแล้วนะ  ยังไม่มาอีกหรอ  ฉันชักจะเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ  จากนั้นไม่นานฉันก็เจอตัวมันจนได้  มันกำลังเดินเข้ามาหาฉัน  โอ้ววว  ทำไมมันถึงแต่งตัวได้หล่อ  เท่ห์  ขนาดนี้หละ  หันกลับมามองดูตัวเอง   เอิ่มม   เสื้อยืดกางเกงยีนส์  ช่างเหอะ  ดูคลาสสิกไปอีกแบบ  555555

   “ นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว ”  พอมันมาถึง  ฉันก็เริ่มเปิดฉากปะทะฝีปากก่อนทันที 

    “ ก็ว่าจะไม่มานะ  ต่คิดดูแล้ว  เห็นใจคนนัดหวะ  ไม่อยากให้เขารอเก้อ ”  นี่มันพูดใส่ฉันชัดๆ เลยนี่หว่า  ฉันก็หน้าเสียไปเลยคะ 

    “ ก็มันลืมจริงๆ หนิ  ไม่ได้ตั้งใจลืมสักหน่อย  ขอโทษแล้วไง  แล้วก็นัดให้ใหม่แล้วด้วย  จะเอายังไงอีก ” 

   “ ก็ป่าว  แล้วนี่มารอนานยัง ” มันกล้าถามฉันหน้าตาเฉย  ทั้งๆ ที่มันให้ฉันรอตั้งครึ่งชั่วโมง  เหอะๆ

    “ มาตั้งแต่เก้าโมงเช้า จนตอนนี้เก้าโมงครึ่ง มารอนายสามสิบนาทีแล้วหละ คงไม่นานหรอกมั้ง ” ฉันพูดประชดใส่มัน  หวังว่ามันคงจะสำนึก 

   “ เออ  ไม่นานจริงๆ ด้วย  ฉันมารอตั้งสามชั่วโมง  แถมคนที่นัดไว้ยังไม่มาอีก ”  มันพูดให้ฉันอีกแล้ว  แถมยังยิ้มเยาะอีก  ไอ้เต้  แกนะแก  อย่าให้ถึงทีฉันบ้างก็แล้วกัน   

   “ พอเหอะ  จะพูดถากถางฉันไปถึงไหน  แล้วนี่  แกจะให้ของขวัญอะไรฉันหรอ  เอามาดิ  ฉันจะได้รีบๆ กลับ ”

    “ ให้แน่ๆ หละ  แต่ตอนนี้  ไม่มีให้หรอกนะ  ถ้าอยากได้ก็ต้องไปกับฉัน ”  ฉันตกใจสิคะ  ไปกับมัน  ไปไหน   ไปกันสองคนเนี่ยนะ  มันจะเอาฉันไปฆ่าทิ้งหรือป่าวเนี่ย   ความกลัวเริ่มเข้าครอบงำทันที 

    “ แล้วแกจะพาฉันไปไหน บอกมาก่อนดิ ”  ฉันต้องรู้สถานที่ไปซะก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจ ว่าจะไปหรือไม่ไป  ณ จุดนี้  ฉันยังมีสิทธิ์เลือกนะคะ  หุหุ

     “ บอกไป  เค้าก็ไม่เรียกว่าเซอร์ไพร์อะดิ  ลงมา  ไปกันได้แล้ว ”  มันใช้น้ำเสียงข่มขู่ฉัน  ฮือๆ  มันไม่ยอมบอกจริงๆ ด้วย คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้  นี่ฉันต้องไปจริงๆ ใช่มั้ย 

   “ รู้แล้ว  เดินนำไปก่อนสิ  เดี๋ยวเดินตามไป ” 

   “ ตามมาเร็วๆ หละ  อ้อ  อย่ากลัวจนปอดแหก  แล้ววิ่งหนีกลับบ้านไปซะหละ  ไม่งั้นกูอัดมึงเละแน่  เลือดกบปาก  หน้าแหกหมอไม่รับเย็บแน่มึง  ”  โอ้วว  มันขู่ฉันหนักเลยคราวนี้   ฉันนี่ถึงกับหน้าซีดเผือดเลยทีเดียว 

   พูดแล้วมันก็เดินนำหน้าฉันไป   ตอนนี้ฉันกลัวมาก  กลัวที่จะต้องไปกับมันสองคน  แต่ถ้าหนี  มันต้องต่อยฉันแน่ๆ เลย  ศพไม่สวยแน่คราวนี้    แต่ถ้าไปกับมัน  ฉันอาจจะรอดก็ได้  จริงสิ ฉันอาจจะคิดมากไปเอง  มันคงไม่ทำอะไรฉันหรอกมั้ง    เอาวะ  ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว  เสี่ยงเดินตามมันไปดีกว่า  หวังว่าคงจะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นนะ  คิดแล้วฉันก็ลุกขึ้นและเดินตามไอ้เต้ไป

................................................................................

หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 11 : 07-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 07-10-2015 14:28:39
- -

นั่งลุ้นรอบสอง เต้จะให้อะไรน้ออออออ

(แอบสงสารโชค โดนน้องตีห่าง  :ling1:)
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 11 : 07-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 07-10-2015 19:10:09
สั้นจังเลย ตอนนี้ มาลงอีกนะ สงสารคนอ่านตาดำๆเถอะ เข้ามาดูทุกวันเลย ตอนหน้ายอยาวๆ เลยนะ
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 11 : 07-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 08-10-2015 06:43:33
/bluecherry/ ของขวัญที่เต้ให้จะเป็นอะไรน้อ ต้องติดตามตอนต่อไป แต่อยากจะบอกว่า ถูกใจฟิล์มมากๆ ส่วนโชค เขาคนนี้ก็ขยันเข้าหาจริงๆ เช้าถึงเย็นถึง เค้าจะใจแข็งไปได้ถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้  :katai1:

/anglenan/ 55555 ฟิล์มว่า ตอนนี้ก็ยาวอยู่นะ หรือคนอ่าน อ่านจนเพลิน ก็เลยรู้สึกว่าตอนนี้มันสั้น เอาเป็นว่า ตอนหน้า รอฟินกันได้เลย จะฟินขนาดไหน ต้องติดตามตอนต่อไปนะจ้ะ  :hao6:

หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 12 : 10-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 10-10-2015 23:51:54
ตอนที่  12

   ฉันเดินตามไอ้เต้มาจนถึงที่จอดรถมอเตอร์ไซต์ของมัน  มันขึ้นไปขี่รถมอเตอร์ไซต์แล้วสตาร์ทรถ  รถของมันเป็นรถยี่ห้อ  Mio  จำได้ว่าสมัยนั้น พวกผู้ชายชอบขับรถยี่ห้อนี้กันมาก เพราะมันดูเท่ห์ดี ส่วนตัวแล้ว ฉันก็ว่ามันเท่ห์ดีเหมือนกัน  เหมาะสำหรับผู้ชาย แต่ถ้าจะให้ผู้หญิงอย่างฉันไปขับ คงจะดูไม่เหมาะแน่ๆ  แต่ถ้าให้นั่งซ้อนท้ายผู้ชาย  ก็โอเครนะ  อิอิ   

   “ เอ้า!  ขึ้นรถสิ  ยืนทำหน้าเอ๋ออยู่นั่นแหละ ”  มันหันมาเรียกฉันขึ้นรถ น้ำเสียงดุเชียว  แถมยังด่าฉันอีก  ไอ้บ้าเอ้ย 

   “ ก็กำลังจะขึ้นนี่แหละ  จะรีบไปไหนไม่ทราบ ”  ฉันแขวะมันกลับไปทีนึง  ก่อนจะเดินหน้าบึ้งไปนั่งซ้อนท้ายมอไซต์ในท่านั่งเบี่ยงอย่างสวยงาม

   “ เฮ้ยๆ  นั่งอะไรแบบนี้วะ  นั่งใหม่เดี๋ยวนี้เลย  ” อะไรอีกเนี่ย  ฉันชักจะอารมณ์เสียแล้วนะ

   “ ฉันจะนั่งท่านี้  แล้วฉันก็จะไม่เปลี่ยนไปนั่งท่าอื่นด้วย ”  ฉันพูดเสียงแข็งใส่มัน  ให้รู้ซะบ้าง ว่าฉันไม่ยอมคน

   “ มึงจะนั่งดีๆ หรือจะต้องให้กูใช้กำลัง ”  มันขู่ฉันอีกแล้ว 

   “ เออๆ  นั่งใหม่ก็ได้  ไม่เห็นต้องใช้กำลังเลย ”  ฉันลงจากรถแล้วขึ้นไปขั่งคร่อมตามปกติ   ให้ตายสิ  ขี่รถยี่ห้อนี้ในท่านั่งคร่อม  มันรู้สึกแมนๆ  ยังไงก็ไม่รู้   เพราะมันแท้ๆ เลย  ทำให้ฉันไม่สวย  แถมยังดูเป็นผู้ชายเข้าไปใหญ่ 

   “ นั่งแบบนี้ตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง  เสือ*อยากนั่งเหมือนผู้หญิงอีก ไม่ได้ดูสารรูปตัวเองเล้ย ”  แอร๊ยยย  มันกัดฉันอีกแล้ว  คราวนี้กัดเจ็บ กัดแรงซะด้วย ผู้ชายอะไรปากจัดมาก ฉันนี่โกรธจนเลือดขึ้นหน้าเลยคะ 

   “ จะไปก็รีบไปสิ  จะได้รีบไปรีบกลับ  มันแต่พูดให้น้ำลายฟูมปากอยู่นี่แหละ   รำคาญ ”  ตาฉันเอาคืนบ้าง   มันก็หน้าดุใส่ฉันสุดๆ   ฉันหันหน้าหนีและทำหน้าทำตาไม่รู้ไม่ชี้   5555  สะใจเบาๆ

   หลังจากที่กัดกันมาพอสมควร  คงจะได้ฤกษ์งามยามดีแล้วหละ  ไอ้เต้ก็ขับรถมอไซต์พาฉันไปยังจุดหมาย  สถานที่  ที่ฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน  มันบึ่งมอไซต์ไปตามถนนใหญ่  แล้วก็ลัดเลาะเข้าตามหมู่บ้าน  ต่างๆ  จนฉันสับสนจำทางอะไรไม่ได้เลย  ก็มันเล่นขับเข้าหมู่บ้านเป็นสิบๆ หมู่บ้านขนาดนั้น  แถมยังเป็นหมู่บ้านต่างอำเภออีก ฉันไม่เคยมา  ไม่รู้จักหมู่บ้านพวกนี้เลย  นี่มันจะเอาฉันมาฆ่าหมกป่าหรือป่าวนะ 

 จนในที่สุดเราก็มาโผล่ที่ถนนใหญ่อีกครั้ง  อ้าว  ไปไงมาไงวะเนี่ย  มาโผล่ที่ถนนใหญ่ได้ไงหละหนิ  เง้ออ ฉันนี่เป็นพวกไม่ชำนาญทางจริงๆ แหละ  ก็ฉันไม่ใช่ขาเลาะเหมือนอิเพื่อนสาวสองคนนั่นนี่นา  ไอ้เต้พาฉันขับไปเรื่อยๆ  ฉันก็พยายามสังเกตป้ายข้างทางตลอด จะได้รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนแล้ว   รู้สึกว่าทางมันคุ้นๆ นะ  เหมือนเคยมาแล้ว  ฉันเหลือบไปเห็นป้ายบอกสถานที่ท่องเที่ยวมันเขียนว่า................  ฉันก็อ๋อขึ้นมาทันที  ว่าแล้วไง ทางมันคุ้นๆ  ที่แท้เส้นทางนี้ก็คือเส้นทางที่จะไปยังเขื่อนประจำจังหวัดของเรา   ที่เขื่อนมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมาย  อย่าบอกนะว่าไอ้เต้มันขับรถ  40  กว่ากิโลเมตรเพื่อที่จะพาฉันมาเที่ยวเขื่อน  บ้าไปแล้ว   

และแล้วสิ่งที่ฉันคาดเดาก็เป็นจริง  เมื่อไอ้เต้ขับรถมาจอดแถวๆ  เขื่อน  ฉันลงจากรถและหันมองไปรอบๆ เห็นวัยรุ่นกลุ่มนึงกำลังถ่ายรูปกับป้ายชื่อเขื่อน   พร้อมกับพูดคุยหยอกล้อและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน  ทำเอาคนที่กำลังมองดูอยู่ได้ยิ้มและหัวเราะตามไปด้วย 

“ อยากถ่ายกับเขาหรอ  เห็นมองตาไม่กระพริบ ” เสียงของไอ้เต้แทรกเข้ามาในหูฉัน  ทำเอาหมดอารมณ์ไปเลยทีเดียว  ฉันหันไปหามันที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉัน  มันมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่อะ  แถมยังจ้องหน้าฉันอีก 

“ ก็อยากถ่ายหนะสิ  แกเอากล้องมาด้วยหรือป่าวหละ ”  ฉันพูดประชดมันไปอย่างนั้น

“ ไม่มีอะ  ถึงมี  ก็ไม่อยากถ่ายหรอก  กลัวถ่ายติดวิญญาณ  555555 ”  มันหัวเราะเสียงดัง  คงจะพอใจน่าดูที่ได้กัดฉัน  กัดแต่ละทีนี่จุกไปถึงตับไตไส้พุงเลยคะ  ไอ้นี่มันปากจัดจริงๆ  ฉันก็โมโหสิคะงานนี้  เรื่องไรจะปล่อยให้มันเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว  อย่างนี้ต้องเอาคืน

“ ก็ไม่แน่  ถ้าถ่ายแต่รูปแก  คงจะเห็นวิญญาณเยอะน่าดู  555555 ”  ฉันเอาคืนบ้าง  คราวนี้มันถึงกับหัวเราะไม่ออก  ได้แต่ยืนทำตาเขียวปี๋ใส่ฉัน  แต่ฉันก็ไม่หยุดคะ ยังหัวเราะต่อไป ช่วยไม่ได้ ก็มันขำจริงๆ นี่นา  555555

“ หยุด  หยุดได้แล้ว ” มันตะโกนบอกให้ฉันหยุด   แต่ฉันก็ไม่ได้หยุดหัวเราะกะทันหันหรอกนะ เพราะอารมณ์มันยังค้างอยู่    ฉันพยายามหยุดขำ  เสียงหัวเราะนั้นก็เบาลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดไป   

“ ไปกันได้แล้ว ” มันเดินตรงไปที่ศาลาที่อยู่ใกล้ๆ  ฉันก็เดินตามไป 

มันเลือกศาลาที่ไม่มีคน  แล้วก็เข้าไปนั่งในศาลานั้น  ตอนนี้ศาลามีแค่เราสองคน  เป็นศาลาที่เขาทำเอาไว้ให้นั่งดูเขื่อน  มีอยู่หลายอัน  ถ้านั่งอยู่ในศาลาแล้วมองออกไปที่เขื่อน  ก็จะเห็นเขื่อนเป็นบริเวณกว้าง  ช่วงนี้น้ำในเขื่อนกำลังเยอะเลยทีเดียว  เพราะตอนนี้เป็นหน้าฝน  แต่วันนี้บรรยากาศดี  ไม่มีท่าทีว่าจะมีเมฆครึ้มหรือฝนตกแต่อย่างใด   

“ บรรยากาศดีจังเลยเน่าะ ”  ฉันที่กำลังมองดูน้ำในเขื่อน  หันไปมองเจ้าของเสียงที่กำลังนั่งทอดสายตาไปที่เขื่อน  พร้อมด้วยรอยยิ้มที่ดูเป็นธรรมชาติ  เหมือนกำลังชื่นชมความงามของธรรมชาติที่อยู่ข้างหน้า

“ นายเนี่ย  ก็ดูอ่อนโยนเหมือนกันนะ”  มันหันหน้ามาหาฉันพร้อมกับรอยยิ้มเดิม

“ เห็นฉันเป็นคนป่าเถื่อนขนาดนั้นเลยรึไง ”  ฉันหัวเราะเบาๆ  มันพูดอย่างกับตัวเองไม่ป่าเถื่อนงั้นแหละ  ทั้งๆ ที่จริงแล้ว   ป่าเถื่อนที่สุด 

“ หรือไม่จริง ”  ฉันพูดเพียงแค่นี้  แต่กลับทำให้มันสีหน้าเปลี่ยนไปทันที  หน้าตาเคร่งขรึมอีกแล้ว 

“ เออ  กูมันป่าเถื่อน  ป่ะ  ไปได้แล้ว  หมดอารมณ์ ”  พูดแล้วมันก็เดินพรวดพราดไปที่รถ  ฉันนี่เอ๋อแด*ไปเลยคะ  ให้ตายเหอะ  อารมณ์แปรปรวนจริงๆ เลยไอ้บ้านี่ 

ฉันเดินตามมันไปที่รถ  พอมาถึงที่จอดรถ  มันก็นั่งรออยู่บนรถแล้ว  ฉันจึงขึ้นไปนั่งคร่อมซ้อนท้ายมัน  เสียงสตาร์ทมอไซต์ดังขึ้น  แล้วขับออกไป  คราวนี้จะพาฉันไปที่ไหนอีกหละ  แต่ฉันก็คิดเอาไว้แล้วหละว่าคงเป็นที่นั้นแน่ๆ เลย 

มันขับรถพาฉันเข้ามาในหาด..........  หาดนี้เป็นหาดของเขื่อนที่พวกเรามาเที่ยวนี่แหละ  เขื่อนนี้ทั่งเขื่อน  จะมีหาดนี้อยู่หาดเดียว และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจะต้องมากันเกือบทุกคนเมื่อแวะมาเที่ยวที่เขื่อนแห่งนี้   มันขับรถเข้ามาจอดในที่จอดรถที่ทางหาดจัดเอาไว้ให้  จากนั้นพวกเราก็เดินต่อไปอีกประมาณหนึ่งกิโลเมตรได้มั้ง   และแล้วพวกเราก็เดินมาถึงหาดจนได้  หาดที่นี่สวยดีนะ  ช่วงที่มานี้ไม่ใช่หน้าเทศกาล เป็นแค่วันหยุด  ผู้คนไม่ค่อยเยอะเหมือนหน้าเทศกาล  แต่ก็ถือว่าเยอะสำหรับวันหยุดอยู่นะ บรรยากาศดูครึกครื้นดี  มีคนเล่นน้ำกันเยอะแยะ   ทั้งๆ ที่แดดก็ร้อนมากๆ  งานนี้น้องเทยขอบายแล้วกัน  กลัวดำอะ    มีบานาน่าโบ๊ทด้วยนะ  วัยรุ่นชอบเล่นกันมาก  เล่นทีก็มีเสียงกรี๊ดกร๊าดให้ได้ยินอยู่ตลอด  ชอบก็ตอนที่คนขับพลิกบานาน่าโบ๊ท  แล้วคนที่นั่งอยู่ก็พากันตกลงน้ำกันทั้งหมด  เห็นแล้วสะใจดี  หมั่นไส้  กรี๊ดกันดีนัก เป็นไงหละ ตกน้ำแล้วพากันกรี๊ดไม่ออกเลยคะ  55555    ฉันก็ว่าเขาไปนั่น  แต่ก็อยากลองเล่นดูบ้าง   มาเที่ยวตั้ง  2 ครั้ง  แต่แม่ก็ไม่ยอมให้เล่นสักครั้ง  วัยรุ่นเซ็ง 

ตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว   ไอ้เต้พาฉันเดินลงมานั่งในร่มที่ทางร้านค้าจัดไว้ให้  แต่มีข้อแม้ว่าเราจะต้องสั่งอาหารจากร้านของเขา  อ้าว  อาหารที่นี่ยิ่งแพงๆ อยู่ด้วย เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว  แถมมันยังเช่าเปลมานั่งอีกตั้ง  2  ตัว    ฉันไม่ได้เตรียมเงินมาเยอะแยะขนาดนั้นนะ  มันทำอะไรคิดจะปรึกษาฉันบ้างไหม

แม่ค้าเอาเปลมากางให้เรา 2 ตัว  และปูเสื่อให้ตรงข้างหน้าเปล  แล้วหันมาถามว่าจะสั่งอะไรดี  ฉันไม่ได้ง้างปากพูดเลยสักคำ ไอ้เต้มันก็ชิงพูดก่อน  มันก็สั่งเอาๆ  ส้มตำ ขนมจีน ปลาเผา ต้มยำ ยำรวม  น้ำเปล่า น้ำโค้ก น้ำแข็ง  โอ้ย  สั่งมาเยอะมาก  ฉันนั่งอึ้งไปเลยคะ  แม่ค้ารับออเดอร์เสร็จก็เดินไปร้านค้าเพื่อเตรียมอาหารตามที่สั่งมาให้

“ นี่แก  แกสั่งเยอะเกินไปรึ่ป่าว  ฉันไม่ได้เอาตังคืมาเยอะขนาดนั้นหรอกนะ ”  มันก็นั่งหน้าตาเฉย ไม่พูด  ไม่หันมาหาฉันเลยแม้แต่นิดเดียว  เอาแต่นั่งมองดูน้ำอยู่นั่นแหละ  เอ๊ะ หรือมันกำลังดูอย่างอื่น 

“ นี่  นายเต้  ได้ยินที่ฉันพูดมั้ย ”  ฉันพูดเสียงดังขึ้น  เพราะกำลังร้อนใจเรื่องที่ไม่มีเงินจ่ายค่ากับข้าว

“ จะโวยวายไปทำไม ฉันเลี้ยง  แกไม่ต้องเสียเงินเลยสักบาท  รู้แล้วก็เงียบซะ  อาหารมาก็กินให้หมดด้วย ถ้ากินไม่หมด  ฉันจะให้แกจ่าย”   เหอะๆ  ขู่ฉันหรอยะ  เรื่องกินขอให้บอก กับข้าวแค่นี้ ฉันฟาดเรียบอยู่แล้วจ้ะ  ช่วงนี้ยาคุมกำลังออกฤทธิ์ซะด้วย  กินไม่เหลือซากแน่ๆ  อิอิ 

“ ให้มันจริงเถอะ  ฉันไม่อยากล้างถ้วยหรอกนะ ” 

“ อืม  กินให้มันหมดเถอะ  กินเยอะๆ  จะได้อ้วนๆ  ผอมไปไม่สวยนะเว้ย  ”  มันแหย่ฉัน   ฉันก็ทำหน้าแปลกๆ 

“ อยากเห็นฉันสวยตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ ” 

“ ป้าว  ก็พูดไปงั้นๆ แหละ”  พูดแล้วมันก็หลบสายตาฉัน  หันกลับไปมองน้ำหรืออะไรที่อยู่ในน้ำเหมือนเดิม 

เราสองคนนั่งรออาหารกันอยู่สักพักใหญ่ๆ  ระหว่างที่รอ  ก้คุยกันไปเรื่อยเปื่อย  ส่วนมากมันก็จะถามฉันเรื่องเรียนมากกว่า  ไม่คิดว่าคนอยางไอ้เต้จะสนใจเรื่องเรียนกับเค้าด้วย เห็นเถื่อนๆ แบบนี้  นึกว่าจะชวนคุยเรื่องเถื่อนๆ ซะอีก  คุยกันไปคุยกันมา ก็ได้เรื่องว่า  ไอ้เต้มันชอบเรียนวิชาคำนวณ  เหมือนฉันเลยอะ  ฉันก็ชอบคำนวณเหมือนกัน  มันบอกอีกว่าตั้งแต่เรียนมามันได้เกรด 4 วิชาคณิตศาสตร์มาตลอด  ไม่ค่อยจะขี้โม้เลย  ส่วนฉันก็ไม่ยอมปล่อยให้มันอวดอยู่คนเดียวหรอก ฉันจึงอวดมันกลับไปบ้าง ว่าฉันก็ได้เกรด  4  วิชานี้มาตลอดเหมือนกัน  เราก็คุยกันไปเรื่อยๆ  จนกระทั่งแม่ค้าเอาอาหารมาเสิร์ฟ  เราลงมานั่งที่เสื่อแล้วกินอาหารกันจนเกลี้ยง  คือ.... ไอ้เต้มันอิ่มได้ซักพักนึงแล้วหละ  แต่ฉันยังกินต่อไปได้เรื่อยๆ  กินเร็วมาก กินจนหมด  อย่างกับปอบลง   55555  ไอ้เต้มันก็นั่งอ้าปากอึ้งไปตามระเบียบ 

“ ไปตายอดตายอยากมาจากไหนเนี่ย ”  ฉันกำลังนั่งแทะหัวปลานิลอยู่อย่างเอร็ดอร่อย  ต้องหยุดชะงัก    สีหน้าไม่สบอารมณ์  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้คนที่มันพูดให้ที่กำลังนั่งเปลอยู่

“ ก็คนมันหิวหนิ  แกบอกเองไม่ใช่หรอว่าให้ฉันกินให้หมด ฉันก็กำลังกินให้หมดอยู่นี่ไง ”  พูดแล้วฉันก็ก้มลงไปแทะหัวปลานิลอีกครั้ง

“ ใครจะไปรู้ ว่าจะกินขนาดนี้  ขนาดหัวปลายังไม่เว้น ”  ฉันเงยหน้าขึ้นมามองมันอีกที

“ นี่  ฉันจะบอกอะไรให้  หัวปลานิลนี่แหละ  อร่อยที่สุดแล้ว ”  พร้อมกับยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมาโชว์ถึงความอร่อยของมัน   มันก็ทำหน้า งงๆ  แล้วพยัคหน้าพยัคหน้าเบาๆ 

เราสองคนกินข้าวอิ่มกันไปแล้ว ก็ขึ้นมานั่งบนเปล  ดูคนเล่นน้ำ  และพวกที่เล่นบานาน่าโบ๊ท  ดูพวกเขาสนุกมาก  อยากสนุกแบบนั้นบ้างจัง 

“ เคยขี่บานาน่าโบ๊ทป่ะ ”  คนข้างๆ เอ่ยถามฉันขึ้นมา

“ ไม่เคยหรอก มาทีไรแม่ก็ไม่ยอมให้เล่นตลอดเลย ”  สายตายังจับจ้องอยู่ที่กลุ่มคนที่กำลังเล่นบานาน่าโบ๊ท

“ อยากลองเล่นป่าว ”  มันชวนฉันเล่นบานาน่าโบ๊ทด้วย  เอาไงดีหว่า  ฉันนั่งคิดอยู่พักนึง ก่อนจะตอบมันออกไป

“ ไม่เอาดีกว่า  ตอนนี้ยังไม่พร้อมอะ ”  เอาเข้าจริงก็กลัวอยู่นะ ใจนึงก็อยากเล่น ใจนึงก็กลัว  ไม่ได้กลัวไอ้เต้นะ แต่กลัวบานาน่าโบ๊ทอ่า  แถมยังขย่มกันอย่างแรง  เห็นแล้วกลัวอย่างบอกไม่ถูก  ก็เลยปฏิเสธออกไปอย่างนั้น 

“ กลัวอะดิ  ก็อย่างนี้หละน้า  คนไม่เคยขี่  ฉันเข้าใจ  เพราะครั้งแรก ฉันก็กลัวเหมือนกัน  แต่ตอนนี้ไม่กลัวแล้วหละ  เพราะมันสนุกม้ากกก  ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดหรอก  ลองป่าว  เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง ” ฉันถึงกับหู่ผึ่ง  หันขวับมาทันที  ของฟรี เทยชอบ  หุหุ  แต่คิดดูอีกที  ไม่เอาดีกว่า  ฉันจึงปฏิเสธไอ้เต้ไปอีกรอบ  มันก็ทำหน้าเซ็งๆ และส่ายหัวไปมา  ก่อนจะหันกลับไปมองสายน้ำที่อยู่เบื้องหน้าเหมือนเดิม 

เรานั่งย่อยอาหารกันต่อ  ระหว่างนั้นไอ้เต้ก็สรรหาเรื่องมาชวนฉันคุยอยู่ตลอด  มีสาระบ้าง ไร้สาระบ้าง  จิกกัดกันบ้าง  คุยกันไปคุยกันมาเหมือนเราสนิทกันเลยแฮะ  หรือฉันรู้สึกไปเอง  อาจจะเป็นเพราะไอ้เต้มันเป็นคนพูดเก่งก็ได้มั้ง  แถมยังปากจัดอีก  ก็เลยสู้ฝีปากกะเทยอย่างฉันได้สูสีเลยทีเดียว  การสนทนาของเราสองคนก็เลยกลายเป็นสนุกสนานกันไปเลย   เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ เพราะอย่างน้อยๆ ฉันจะได้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย   จนถึงเวลาประมาณบ่ายสอง  ไอ้เต้ก็เรียกเก็บเงิน  และมันก็เป็นคนเลี้ยงข้าวมื้อนี้จริงๆ ด้วย  ว้าวว  อิ่มจังตังค์อยู่ครบ     

ฉันขอให้ไอ้เต้พากลับบ้าน แต่มันบอกว่าอยากจะพาฉันไปเที่ยวอีกที่นึงก่อน เพราะมาถึงที่นี่แล้ว ก็อยากเที่ยวให้มันครบ  แน่นอนว่าที่อีกที่นึงที่มันจะพาฉันไป  ฉันก็รู้จักเหมือนกัน  เพราะถ้ามาที่เขื่อนนี้  นอกจากหาดแล้ว  ก็จะมีสถานที่อีกที่นึงที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ  และไปเที่ยวกันเยอะมากไม่แพ้หาด   มันเป็นเหมือนน้ำตกเทียมนะ  เพราะที่ที่เรากำลังจะไป  มันเป็นสถานที่  ที่ใช้ระบายน้ำออกจากเขื่อน คล้ายๆ กับฝายน้ำล้น  แต่ที่นี่ไม่ได้ระบายน้ำออกเยอะมากขนาดนั้น  ที่นี่จะมีท่อใหญ่ๆ อยู่  2  ท่อ  ใช้ระบายน้ำออกจากเขื่อน  น้ำจะตกลงมายังพื้นดินที่อยู่ข้างล่าง ที่เต็มไปด้วยหินและโขดหินมากมาย  ทำให้เกิดเป็นน้ำไหลผ่านโขดหินเหล่านั้น  และกลายเป็นเสมือนลำธาร  ที่มีน้ำไหลอยู่ตลอดเวลา 

ไอ้เต้ขับรถพาฉันมาที่น้ำตกเทียมที่ว่า  จริงๆ แล้วที่นี่มีชื่อเรียกอยู่นะ  และนักท่องเที่ยวทุกคนก็จะรู้จักสถานที่แห่งนี้ดีในชื่อนั้น   พอมาถึง เราก็เอารถไปจอดไว้ที่จอดรถที่เขาเตรียมไว้ให้ แล้วเดินเข้ามาจนถึงน้ำตกเทียม  ไอ้เต้บอกว่าถ้าอยู่ต้นน้ำตกน้ำมันไหลแรงมาก  ไม่ชอบ  ก็เลยพาฉันเดินออกมาไกลจากต้นน้ำหน่อย   พอได้ที่แล้วก็พาฉันขึ้นไปนั่งบนศาลาไม้ไผ่  ที่นี่จะมีศาลาไม้ไผ่สร้างติดกับน้ำตกเทียม  และสร้างกันหลายหลัง  ยาวไปตามลำธารทั้ง  2  ข้างไม่ไกลมากนัก  ศาลาไม้ไผ่พวกนี้ก็จะเริ่มหมดแล้ว  ไม่ได้มีเอาไว้รับลูกค้าตลอดลำธารหรอกนะ 

“ เฮ้ยแก  ไม่ต้องขึ้นไปนั่งหรอก  ลงไปเล่นน้ำกันเลย  เล่นแล้วก็กลับกันไง  จะได้ไม่ต้องเสียเงิน ”  ฉันเรียกไอ้เต้ที่กำลังเดินขึ้นไปนั่งบนศาลาที่อยู่ใกล้ๆ ลำธาร 

แต่เหมือนมันจะไม่ฟังอะไรฉันเลย เพราะมันยังเดินต่อไปจนถึงศาลาแล้วขึ้นไปนั่งบนนั้นหน้าตาเฉย  ฉันก็เดินตามไปจนถึงศาลา  มันเรียกให้ฉันขึ้นไปนั่งกับมัน  และบอกว่าจะเลี้ยงเอง  เท่านั้นแหละ  ฉันก็ยิ้มแป้น  แล้วขึ้นไปนั่งบนศาลากับมัน   มันมองฉันแล้วยิ้มแปลกๆ    ก่อนจะหันหน้าเข้าหาลำธาร  ฉันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก  เพราะยังไงก็ของฟรี  เรานั่งอยู่ไม่นานก็มีแม่ค้ามารับออเดอร์  ไอ้เต้ก็สั่งพวกเครื่องดื่ม น้ำเปล่า น้ำแข็ง น้ำโค้ก แล้วก็ส้มตำ 1  ครก กับยำอีก 1 จาน  กินแล้วกินอีก ไม่เป็นไร  อาหารที่กินไปมื้อเที่ยงย่อยหมดแระ  กินได้ๆ 

“ ลงไปเล่นน้ำกันป่ะ ”  เสียงชวนของมันฟังดูน่าตื่นเต้นจังเลยแฮะ 

“ อืม ไปดิ  แต่ขอไม่เปียกมากนะ  เดี๋ยวที่บ้านรู้  ”  มันก็พยัคหน้าหงึกๆ

“ เดี๋ยวรออาหารมาก่อน ค่อยลงไปแล้วกัน ” ไอ้เต้ถือโอกาสออกคำสั่งกับฉัน แต่ฉันก็พยัคหน้ารับ 

นั่งรอซักพักนึง  แม่ค้าก็เอาอาหารมาเสิร์ฟ  เราพากันนั่งกินรองท้องไปนิดนึง  ก่อนจะลงไปเล่นน้ำกัน  ฉันนั่งอยู่บนโขดหินขอบๆ  ลำธาร  มันเป็นโขดหินสูง  น้ำจึงไม่ท่วมขึ้นมาถึงตรงที่ฉันนั่ง   พับขากางเกงยีนส์ตัวโปรดขึ้นมาเกือนถึงหัวเข่า  แล้วหย่อนขาลงไปในน้ำ  น้ำเย็นมาก  กระแสน้ำไหลไม่ค่อยแรงมาก  แต่ก็ไม่ได้เบามาก  น้ำไหลพอดีน่าเล่นมากเลยแหละ  เสียดายที่ไม่ได้เตรียมตัวมาเล่นน้ำ ไม่งั้นลงไปแช่ตั้งนานแระ  ส่วนไอ้เต้หนะหรอ  คงเตรียมตัวมาเล่นน้ำซะเต็มที่เลยสิท่า  ก็ดูมันสิ เล่นน้ำสนุกเชียว  อิจฉาเบาๆ  เล่นน้ำไปได้สักแปปนึง  มันก็แหวกว่ายมาหาฉัน

“ ไม่ลงมาเล่นน้ำด้วยกันจริงๆ หรอ  อยู่บนนั้นร้อนจะตาย  ลงมาเล่นด้วยกันสิ  น้ำเย็นมาก  สบายยยย  ” มันกำลังพยายามพูดยั่วยวนให้ฉันลงไปลอยน้ำกับมันอย่างเต็มที่   ฉันก็เอาแต่ส่ายหน้าอย่างเดียว  ช่วยไม่ได้  ทำไมแกไม่บอกฉันก่อนหละว่าจะมาที่นี่  จะได้เตรียมตัวมาเต็มที่   ไอ้บ้าเอ้ย 

“ งั้นก็นั่งรออยู่นี่นะ  ขอเล่นอีกสักหน่อยก่อน  เดี๋ยวพากลับบ้าน ” 

“ เอาให้เต็มที่เลยก็ได้  ฉันไม่รีบกลับหรอก กลับตอนนี้แดดก็ร้อน  อีกอย่างที่ฉันนั่งอยู่ก็ร่มดี  ไม่ได้ตากแดดอะไร  นั่งอยู่นี่ก็เพลินๆ ดี  แกไปเล่นเถอะ ” 

“ โอเคร  ไปแระ ” แล้วมันก็ว่ายน้ำไปตรงกลางลำธาร    ฉันมองตามหลังมัน  จู่ๆ  ก็มีความคิดนึงแว๊บเข้ามา   ไอ้เต้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ  ถ้าไม่ป่าเถื่อน   คงน่ารักมากๆ เลยแหละ  บรืออออ   นี่ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย

ฉันนั่งดูไอ้เต้เล่นน้ำอยู่สักพักนึง  ก็มีกลุ่มเพื่อนสาวสามนาง  เดินเข้ามาหาฉัน  ถามไถ่กันได้ข่าวว่าพวกนางอยู่  ม. 4  เป็นรุ่นพี่ของฉันปีนึง  ฉันก็เลยเรียกพวกนางว่าพี่  พวกนางก็แซวฉันเรื่องไอ้เต้ ถามกันจังว่ามากับผัวหรอ ฉันก็ตกใจแทบกรี๊ดดด  ดูยังไงว่าเป็นผัว  คือพวกเราไม่ได้สวีทหวานกันเลยนะจ้ะ  กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันก็หามีไม่  อย่ามาเดาสุ่มสี่สุ่มห้านะคะ  ฉันปฏิเสธไปในทันทีและบอกว่าเป็นเพื่อนของเพื่อน  พวกนางก็เออ ออ  เหมือนจะเข้าใจนะ 

“ แหม  ทีแรกก็นึกว่าผัวคุณน้อง  พวกพี่ว่าจะเข้ามาถามเคล็ดลับ มาทำยังไงถึงได้ไม้เริ่ดขนาดนี้ ” พี่สาวคนนึงพูดขึ้น น้ำเสียงตอแหลสุดๆ

“ ถ้าไม่ใช่ผัว  พวกพี่ก็มีสิทธิ์  คงไม่ว่าอะไรนะจ้ะ  ถ้าพวกพี่จะขอไปเช็คไม้ผู้ชายคนนั้น ”  อีกนางนึงก็พูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่ไอ้เต้ 

งานนี้ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันนะ ว่าเวรกรรมจะตกอยู่ที่ใคร  คือพวกนางยังไม่รู้ว่าไอ้เต้มันเกลียดกะเทยมาก และเป็นพวกป่าเถื่อนชอบใช้กำลังอีกต่างหาก พวกพี่สาวอาจถูกมันกระทืบก็ได้  หรือไม่ก็  ไอ้เต้โดนกะเทยสามนางรุมโทรม  แต่ประเด็นหลังเนี่ยมีโอกาสน้อยมาก เพราะดูพวกนางแต่ละคนสิ  หุ่นดีๆ กันทั้งนั้น  เอาเถอะๆ  ขอให้โชคดีแล้วกันนะคะพี่สาว  เอาชีวิตให้รอดกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยไร้สีเลือดนะจ้ะ

“ หนูว่า  อย่าไปยุ่งกับมันเลยคะ  มันเป็นพวกซาดิสนะคะ  ชอบใช้ความรุนแรง ”  ฉันพยายามเตือนพวกนาง

“ ว้ายยย  พวกพี่ชอบคะ  พูดแล้วน้ำลายไหล  อยากกินแล้วหละพวกมรึง  กูว่าพวกเราไปกันเถอะ ”  พี่สาวอีกคนง้างปากพูดบ้าง  หลังจากที่ยืนสังเกตการณ์อยู่นาน   นางออกตัวแรงสุดๆ

ฉันก็ยิ้มเจือนๆ  ให้กับพี่สาวทั้งสามนาง  พวกนางก็ยิ้มกลับ  แววตาเป็นประกาย  ประกายแห่งความหวังว่าจะได้กินไอ้เต้สินะ  เหอะๆๆ ขอให้สมหวังกันถ้วนหน้า   สามนางพญาลงน้ำแล้วแหวกว่ายเข้าไปหาไอ้เต้  คราวนี้จะเกิดอะไรขึ้น โอ้ย ฉันไม่อยากเห็นภาพนั้น  ฉันจึงตัดสินใจเดินขึ้นมานั่งรอไอ้เต้อยู่ที่ศาลา  นั่งกินส้มตำ กับยำ แล้วก็จิบน้ำโค้กรอ

กำลังนั่งกินอร่อยๆ  คิดอะไรเพลินๆ  อยู่ๆ ก็มีเสียงผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้มาเรียก เธอๆ  ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกนะ เพราะไม่คิดว่าเค้าจะเรียกฉัน   ฉันก็นั่งกินต่อไป    เสียงเรียกนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง  ก็ไอ้คำว่า เธอๆ เหมือนเดิมอีกนั่นแหละ  ฉันเริ่มสงสัย  ว่าจะใช่ฉันหรือป่าว  จึงหันไปตามเสียงเรียก  แอร๊ยยยยย   ผู้ชายมาจากที่ไหนเนี่ย  หล่อจังเลยอ่า  ขาว ตี๋  สเป็คเค้าเลยนะตัวเอง 

“ เธอนั่นแหละ ”  เสียงเรียกของผู้ชายคนนี้  ทำให้ฉันที่กำลังนั่งตาค้าง หลุดออกจากภวังค์ 

“ ห๊ะ!  นาย....  เรียกฉันหรอ ”  ฉันถามอย่างสงสัย 

“ อื้ม  ก็เรียกเธอนั่นแหละ   เรียกตั้งสองสามครั้งแหนะกว่าจะยอมคุยกับเรา ”  เขาพูดเหมือนน้อยใจฉันเลยอะ  หรือฉันคิดไปเอง  หรือป่าว 

“ ขอโทษที  คือ....  ฉันไม่คิดว่านายจะเรียกฉัน ”

“ นั่นสินะ  ก็เรียกเธอๆ แบบนั้น  ใครเค้าจะหันหละ  ว่าแต่  เธอชื่ออะไรหรอ ”  น่านไง  เขาจะจีบฉันหรือป่าวว้า

“ ชื่อฟิล์ม  แล้วนายหละชื่ออะไร ”  ฉันถามกลับบ้าง 

“ ภูมิครับ  อายุ  16  ปี แล้วฟิล์มหละ ” 

“ ภูมิเป็นพี่เราปีนึง ”  ฉันตอบออกไปแบบนี้   เขาก็พยัคหน้า  แล้วยิ้มให้ฉัน ฉันก็ยิ้มกลับตามมารยาท ( มั้ง ) 

ฉันชวนเขาขึ้นมานั่งบนศาลา  แหม ไม่ค่อยจะแรงเลยนะฟิล์มเอ้ย   5555   เขาก็ไม่ปฏิเสธด้วยนี่สิ  ขึ้นมานั่งบนศาลากับฉันเฉยเลย  จริงๆ ก็แค่ชวนตามมารยาท อะนะ  แขกดันเข้าบ้านจริงๆ ซะงั้น  แต่ไม่มีอะไรเกินเลยหรอกนะ  พวกเราก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย  ไม่ค่อยจะมีสาระอะไรหรอก   แต่ก็สนุกดี  ดีกว่านั้งเบื่อๆ เซ็งๆ รอไอ้เต้ 

เรานั่งคุยกันได้ไม่นาน  ไอ้เต้ก็เดินหน้าดุอย่างกับยักษ์มาที่ศาลา  ตัวนี่เปียกโชกเลยอะ  ดีนะที่มันใส่เสื้อสีดำ ไม่งั้นคงได้เห็นอะไรดีๆ แน่เลย    ก่อนจะเดินมาถึงศาลามันคงจะเห็นฉันนั่งคุยกับอิตาภูมิแล้วหละมั้ง  พอมาถึงศาลามันก็ทำหน้าดุ  ตาขวางใส่นายภูมิใหญ่เลย  ตายห่า  มันจะต่อยเค้าป่ะเนี่ย   แต่โชคดีไป  ที่นายภูมิยอมลงจากศาลาแต่โดยดี   แล้วเดินจากไป  นายภูมิคงจะคิดว่าไอ้เต้เป็นแฟนฉันสินะ  ถึงได้จากกันโดยไม่มีคำล่ำลา   

“ กินอิ่มรึยัง ” ไม่ได้ดุแค่หน้า   เสียงก็ดุเหมือนกัน   ฉันนี่ถึงกับตกใจ  หน้าเริ่มซีดแล้วจ้ะ 

“ อิ่มแล้ว  แกหิวมั้ย ขึ้นมากินอะไรก่อนดิ ” ฉันพูดเสียงนุ่มนวล  เพราะดูท่าทางมันกำลังโกรธจัด  ต้องพยายามทำตัวให้น่ารักเข้าไว้  จะได้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ในใจตอนนี้คิดแต่เรื่องนี้ 

“ ไม่กินเว้ย  อิ่มแล้วก็ลงมา  แล้วเดินไปรอกูที่รถ  เมิงกับกูมีเรื่องต้องสะสางกัน ”มันตะคอกเสียงดังใส่ฉัน  ฮือๆ  ตอนนี้ฉันกลัวมาก  กลัวจนตัวสั่นไปหมด  ทำอะไรไม่ถูกเลย 

“ ได้ๆ  เดี๋ยวเราไปรอที่รถนะ ”  ฉันพูดเสียงสั่น   ส่วนไอ้เต้ก็ยังทำหน้าดุใส่ฉันเหมือนเดิม

มันเดินไปจ่ายค่าอาหารที่ร้านค้า    ส่วนฉันก็เดินไปรอมันที่รถ   มาถึงรถแล้ว  ฉันก็ยังกลัวไม่หาย  และมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกกลัวมากขึ้น  ฉันคิดกังวลไปต่างๆ นาๆ  ว่าไอ้เต้มันคงโกรธจัด เรื่องที่ฉันทิ้งให้มันโดนกะเทยสามนางนั้นลวนลาม  ส่วนตัวเองก็หนีขึ้นมานั่งคุยกับผู้ชายบนศาลา  มันช่างเป็นการเอาเปรียบไอ้เต้จริงๆ เลย  ฉันมีความสุข แต่ไอ้เต้มีความทุกข์ ฉันนี่มันแย่จริงๆ  เลย  ไม่รู้จักคิดก่อนจะทำอะไรลงไป  ทั้งๆ ที่วันนี้มันก็พามาเที่ยว แถมยังเลี้ยงข้าวอีก  แต่ทำไมฉันถึงทำกับมันแบบนี้นะ  สมควรแล้วหละที่มันจะโกรธ   เอาเถอะ  จะโดนมันเตะต่อย  ก็ปล่อยให้มันทำไป  ฉันผิดเอง  ฉันขอรับผิดชอบทุกอย่างด้วยตัวของฉันเอง  ฮือๆ  ศพไม่สวยแน่ๆ งานนี้     :katai1: :hao5:   

.............................................................................
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 12 : 10-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Chanik ที่ 12-10-2015 02:38:01
ค้าาาง มาต่อเร็วๆนะคะ :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 12 : 10-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-10-2015 09:05:02
ดูจากอาการเต้แล้วคงจะทั้งงอนแล้วก็หึง
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 12 : 10-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 12-10-2015 09:52:50
เต้เป็นอะไรอะ อิอิ หึงหรอ มาต่ออีกนะ มาต่อแบบยาวๆเลยนะ
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 12 : 10-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 12-10-2015 10:17:54
เต้หึงอ่ออออออออ

เต้น่ารัก เชียร์เต้นะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 12 : 10-10-2015
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 13-10-2015 12:32:41
เต้หึง 5555 แต่ละคนก็พูดไปนั่น

คงไม่ใช่หรอกมั้ง ก็เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย  นายเต้จะมาหึงเค้าทำไมอ่า

วันนี้หยุดงาน เดี๋ยวตอนเย็นๆ จะมาเขียนต่อ ถ้าเขียนเสร็จก็จะอัพลงทันที  แต่ถ้าไม่เสร็จ ก็รอต่อไปก่อนแล้วกันเน่าะ  :t3:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 13 Coming Soon...
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 15-10-2015 10:08:21
คุณฟิมขา!!!! เค้าขอโทษที่หายไปน้าาาาาา เค้าหาเรื่องนี้ไม่เจอ คือไม่รุ้ไงว่าคุณฟิมเปลี่ยนชื่อเรื่อง ที่หาเจอตอนนี้คือเปิดดูกระทู้เม้นเก่า // เต้!!! แกหึงละสิ  ยังไงก้ต้องเป้นเต้อ่ะ เอาจริงๆ เชียร์เต้ว่ะ -,,- ถ้าคิดผิดก็ก้มหน้าก้มตาเน้อะ 55555555 :z2:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 13 Coming Soon...
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 15-10-2015 19:04:52
คุณฟิมขา!!!! เค้าขอโทษที่หายไปน้าาาาาา เค้าหาเรื่องนี้ไม่เจอ คือไม่รุ้ไงว่าคุณฟิมเปลี่ยนชื่อเรื่อง ที่หาเจอตอนนี้คือเปิดดูกระทู้เม้นเก่า // เต้!!! แกหึงละสิ  ยังไงก้ต้องเป้นเต้อ่ะ เอาจริงๆ เชียร์เต้ว่ะ -,,- ถ้าคิดผิดก็ก้มหน้าก้มตาเน้อะ 55555555 :z2:

ง่าาาา แล้วคนอื่นๆ จะหาเจอมั้ยเนี่ย บางคนก็หายเงียบไปเลย เพราะตามหาเรื่องนี้ไม่เจอรึป่าวน้า

ปล. ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ  :pig4: :pig2:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 13 : 16-10-58
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 16-10-2015 04:32:55

ตอนที่   13     o13

         ฉันเดินมารอไอ้เต้ตรงที่จอดรถมอไซต์ของมัน  เพื่อรอรับการลงโทษ  ยืนรออย่างกระวนกระวายใจ   ตอนนี้กลัวสุดๆ  ยืนรออยู่ซักพักนึง  ไอ้เต้ก็เดินหน้าดุอย่างกับเสือเข้ามาหาฉันแล้ว  เลือดกบปากแน่ๆ เลยงานนี้  ฮือๆ  เค้ากลัว 

   “ รอนานมั้ย ”  ตอนนี้มันอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว  หน้าดุๆ กับคำพูดตะคอกเสียงดังเมื่อกี้  ทำฉันตกใจและกลัวจนถึงขีดสุด  หน้าซีดเผือดลงเรื่อยๆ  แล้วฉัน 

   “ ไม่นานหรอก  รอได้ ”  ฉันพยายามยิ้มให้มัน   เผื่อมันจะอารมณ์ดีขึ้น

   มันยืนนิ่ง ทำหน้าดุใส่ฉันไม่หยุดสักที  แล้วก็ไม่ยอมพูดอะไร  เอาแต่ยืนจ้องหน้าฉัน  จนฉันตัวแข็งเกร็งไปหมด
 
   “ เออ....นี่   แกเล่นน้ำสนุกมั้ย ”  ฉันแอ๊บถามมันไปอย่างนั้นแหละ  จริงๆ  แล้วก็พอจะเดาได้ ว่าเกิดอะไรขึ้น   

   “ ไม่เว้ย  มึงใช่มั้ย  ที่ปล่อนอิกะเทยสามตัวนั่นลงไปลวนลามกูในน้ำ ”  ท่าทางมันโมโหมากขึ้น  โธ่  ฉันไม่น่าถามเรื่องนี้เลย 

   “ เปล่านะ  ฉันเตือนพวกนั้นแล้วว่าอย่าไป  แต่พวกเขาก็ไม่ฟัง  แกจะให้ฉันห้ามยังไง ” ฉันรีบอธิบายออกไปตามความจริง  ก่อนที่มันจะโกรธจัด  จนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ แล้วต่อยฉันเข้าให้ 

   “ เออ ห้ามไม่ได้ก็ไม่ต้องห้าม พวกมันสมควรโดนแล้ว  ที่ไม่เชื่อคำเตือนของมึง ” 

   “ แกทำอะไรพวกเขา ”     

   “ ก็แค่ปากแตก  หน้าแหกหมอไม่รับเย็บ  ช่วยไม่ได้  ใครบอกให้มันมาลวนลามกู  ดีเท่าไหร่แล้ว  ที่กูทำแค่นั้น  ถ้าพวกมันไม่รีบหนีนะ  ได้นอนจมกองเลือดแน่ๆ  55555 ”  มันช่างกล้าหัวเราะ  ทั้งๆ ที่ทำร้ายร่างกายผู้อื่น แต่ฉันนี่สิ ถึงกับตกใจกับการกระทำของมันเลยอะ 

   “ ปากแตก  ทำไมต้องทำเขาเลือดตกยางออกขนาดนั้นหละ  เขาไปทำอะไรให้แก ” ฉันชักจะเริ่มโมโห 

   “ ก็มันมาจับแขน จับไหล่กู  กูไม่ชอบให้พวกตุ๊ดมาจับตัวกู  รังเกียจ  ขยะแขยง ” แรงมากคำพูดประโยคนี้  และมันก็ยิ่งทำให้ฉันโกรธมากขึ้น เพราะมันคงลืมไปแล้ว ว่าฉันก็เป็นกะเทยคนนึงเหมือนกัน

   “ หรอ  แค่โดนเนื้อโดนตัวนิดหน่อย  แกก็ทำร้ายพวกเขาขนาดนั้น  ถ้าฉันเผลอไปจับมือถือแขน เกาะไหล่แกบ้าง แกก็คงจะทำร้ายฉันเหมือนพวกนั้นสินะ ” มันยืนนิ่งอยู่พักนึง ก่อนจะตอบออกมา 

   “ เออ  ถ้ามึงทำ  กูก็จะต่อยมึงเหมือนกัน ” ฉันได้แต่ยืนจ้องหน้ามัน  นี่ฉันถามอะไรออกไป  ฉันคิดว่าตัวเองเป็นใคร  ก็แค่กะเทยคนนึง  มันก็ต้องทำกับฉันแบบพวกนั้นอยู่แล้ว  จะถามให้มันได้อะไรขึ้นมา

   “ ฉันอยากกลับบ้านแล้ว  ช่วยไปส่งฉันที่สนามกีฬาอำเภอหน่อย ” ฉันหลบหน้ามันแล้วพูดออกมาเสียงอ่อยๆ

   “ ขึ้นรถสิ ” มันขึ้นไปนั่งบนรถมอไซต์  ก่อนจะสตาร์ทรถ  ฉันก็ขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายมันเหมือนเดิม 

   ไอ้เต้ขับรถมอไซต์พาฉันออกมาจากเขื่อน  ตอนแรกก็คิดว่าคงจะพากลับบ้าน  แต่ที่ไหนได้  มันกลับพาฉันขี่เข้าไปในสวนสัตว์  เป็นสวนสัตว์แห่งเดียวของจังหวัดเรา  อยู่ไม่ไกลจากเขื่อนมากนัก   ฉันเคยมาเที่ยวที่นี่แล้วครั้งนึง  ไม่คิดเลยว่าไอ้เต้จะพามาเที่ยวที่นี่อีกครั้ง  ฉันก็ตกใจนิดๆ  แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร เพราะก็อยากไปเที่ยวอีกสักครั้งเหมือนกัน  ก็เลยปล่อยให้มันขับเข้าไปข้างในจนถึงที่จอดรถของสวนสัตว์  เราจอดรถ  แล้วมันก็เดินนำฉันเข้าไปในสวนสัตว์ 

   เรามาถึงข้างในสวนสัตว์แล้ว  สิ่งแรกที่เห็นและสะดุดตาฉันมากๆ เลยก็คือนกยูง  ยิ่งตอนที่มันรำแพนนะ สวยมาก ฉันแสดงออกอย่างชัดเจนว่าชอบและตื่นเต้นมากที่ได้เห็นนกยูงรำแพน  จนไอ้เต้สังเกตเห็นละมั้ง มันเลยทักท้วง

   “ ชอบนกยูงหรอ ”  ฉันหันหน้าไปหามัน  มันยืนอยู่ข้างๆ ฉันนี่เอง

   “ ชอบดิ  แกดูมันรำแพนสิ  สวยโครตๆ เลยใช่มั้ยหละ ”  ฉันมองไปที่นกยูงที่กำลังรำแพน

   “ น่าเสียดายเน่าะ  ไม่ได้เอากล้องมาด้วย  ไม่งั้นคงได้ถ่ายรูปให้แกเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก ” 

   “ ไม่เป็นไรหรอก  แค่นี้ก็เป็นความทรงจำดีๆ แล้วหละ ” ฉันพูดแล้วยิ้มให้กับเหล่านกยูงที่อยู่ตรงหน้า 

   “ อืม  ไปดูอย่างอื่นกันเถอะ  ยังมีสัตว์อีกหลายตัวเลยนะ ”  มันพูดน้ำเสียงดูตื่นเต้น  ชวนให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นตามไปด้วย ทั้งๆ ที่เคยมาแล้วนะ  แต่นั่นมันก็นานมากแล้ว  สัก 2 ปี ได้แล้วมั้ง  กลับมาคราวนี้หวังว่าคงจะมีสัตว์แปลกๆ มาเพิ่มนะ 

   เราเดินดูสัตว์ต่างๆ ในสวนสัตว์อย่างสนุกสนาน   เหมือนกับว่าเราสองคนลืมเรื่องที่ทะเลาะกันที่น้ำตกไปแล้ว  แต่ก็ดีแล้วหละ  เพราะแบบนี้รู้สึกดีกว่าเยอะ   เราสนุกกันมาก  จำได้ว่ามีสัตว์ให้เราดูเยอะแยะเต็มไปหมด  เราซื้อผักไปให้กวางกินด้วยแหละ   มันก็เดินเข้ามากินผักที่อยู่ในมือเรา  ตอนแรกก็กลัวๆ นะ  แต่พอให้ไปซักพักนึง  ก็เริ่มชิน  แถมยังรู้สึกว่าพวกมันน่ารักอีกด้วย  ใครจะเชื่อหละ ว่าผู้ชายอย่างไอ้เต้ จะทำเรื่องแบบนี้เป็นกับเค้าด้วย  อยากบอกว่า เวลามันยิ้ม  ยิ้มอย่างมีความสุขเหมือนในตอนนี้   น่ารักโครตๆ เลยง่า

หลังจากที่เราเดินดูสัตว์กันอยู่นาน  ก็รู้สึกเหนื่อยกันแล้ว  จึงเดินมานั่งที่ศาลาไม้  เค้าทำเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักผ่อนกันสินะ  แถมใกล้ๆ ยังมีร้านค้าขายของกินเต็มไปหมดเลย  เริ่มหิวแล้วสิ 

“ เหนื่อยจังเลย  แต่ก็สนุกดี  หิวหรือยังหละ ” มันหันมาถามฉัน

“ หิวสิ  เดินจนอาหารย่อยหมดแล้ว ” ฉันตอบง้องแง้งออกไปเหมือนเด็ก  มันก็หัวเราะฉันใหญ่เลย  นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย  เฮ้อๆ  คิดแล้วก็งงกับตัวเอง 

“ หิวหรอเด็กน้อย  รอป๋าอยู่นี่นะ เดี๋ยวป๋าไปซื้อขนมมาให้กิน ” มันพูดไปยิ้มไป  ก่อนจะเดินไปซื้อของกิน

ฉันนั่งรอมันอยู่ซักพักนึง  มันก็หอบของกินมาประเคนถึงที่เลยคะ  มีทั้งน้ำอัดลม  น้ำเปล่า  ขนมกรุบกรอบมากมาย  และที่อยากกินมากเลยคือซาลาเปากับขนมจีบนั่นแหละ  มันหอบของกินมาวางไว้ข้างๆ  ฉัน  แล้วนั่งลง   เรานั่งห่างกันเพียงแค่ถุงขนมกั้นตรงกลางเท่านั้น   มันหยิบซาลาเปาขึ้นมาแล้วก็   
   
   “ ซาลาเปาไส้หวานร้อนๆ ” มันยื่นซาลาเปามาให้ฉัน  ฉันก็แอบดีใจนิดๆ กำลังอยากกินอยู่พอดีเลย 

   “ ขอบใจนะ ”  ฉันยื่นมือไปรับซาลาเปา  แกะกระดาษที่อยู่ตรงข้างล่างออก  แล้วก็กินอย่างไม่เกรงใจใคร 

   เรานั่งกินขนมและน้ำกันจนดับความหิวลงได้  ฉันก็ชวนไอ้เต้กลับ เพราะตอนนี้มันก็เกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว กว่าจะกลับถึงบ้านอีก  คงจะค่ำพอดี  แต่ไอ้แต่กลับบอกว่ายังกลับไม่ได้ 

   “ อ้าว  ทำไมหละแก  มันจะเย็นแล้วนะ ฉันกลับบ้านเย็นมากๆ ไม่ได้นะ ”  ฉันพูดบอกมันสีหน้ากังวล

   “ รู้แล้ว  ที่ฉันบอกว่ายังกลับไม่ได้  เพราะฉันยังไม่ได้ให้ของขวัญแกเลยนะ ”  อ้าว  แล้วที่พาฉันมากินมาเที่ยวฟรีเนี่ย  ไม่ใช่ของขวัญหรอกหรอ 

   “ แล้วที่พามาเที่ยว  ไม่ใช่ของขวัญหรอ ” มันส่ายหน้าไปมา

   “ ก็รีบๆ ให้มาสิ  จะได้รีบๆ กลับ  ”

   “ ก็กำลังจะให้อยู่นี่ไง อย่าเร่งดิวะ  คนยิ่งเขินๆ อยู่ ”  มันพูดเสียงแผ่วเบาตอนประโยคสุดท้าย  แต่ฉันก็ยังได้ยินอยู่ดี  ก็แปลกใจสิคะ  เขินอะไรของมันวะ

   “ เขินอะไร  ฉันไม่ใช่แฟนแกนะ  จะเขินไปทำไมหนิ ” มันก็ทำหน้าตกใจ คงนึกไม่ถึงหละสิว่าฉันจะได้ยิน 

   “ ก็ไม่เคยนี่หว่า  เนี่ยครั้งแรกเลยนะเว้ย ”  ไอ้บ้า ยิ่งพูดยิ่ง งง  มันหมายถึงอะไรของมันเนี่ย

   “ เออๆ  จะอะไรก็เร็วๆ เข้าเถอะ ” ฉันเร่งมัน แต่มันกลับนั่งทำท่ากล้าๆ กลัวๆ อยู่พักนึง จนฉันชักจะเริ่มหงุดหงิด  แต่ฉันก็ไม่ได้พูดแทรกมันขึ้นมา  เพราะคิดว่า  มันคงกำลังใช้ความพยายามอยู่  เห็นบอกว่าครั้งแรก 

   “ เพื่อน  ฉันขอมอบคำว่าเพื่อนเป็นของขวัญวันเกิดให้แก ”  มันพูดท่าทางจริงจัง  น้ำเสียงหนักแน่น  ทำเอาฉันอึ้งไปเลยคะ  ของขวัญวันเกิดอะไรเนี่ย 

   “ ของขวัญชิ้นนี้แกใช้เวลาคิดนานหรือเปล่า ” ฉันถามมันออกไปช้าๆ  มันนั่งหน้านิ่งและจ้องหน้าฉัน 

   “ ก็เพิ่งคิดเมื่อกี้นี่แหละ ” ฉันตกใจ เบาๆ  แล้วยิ้มแหยๆ ให้มัน

   “ เอ่อ...  แต่ฉันว่า  เอาเป็นอย่างอื่นดีกว่านะ  เที่ยวก็ได้นะ  ฉันสนุกมากๆ เลย  เป็นของขวัญที่ดีมากๆ เลยแหละ ”  แต่ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นะ  สีหน้าท่าทางของมันแสดงออกมาอย่างนั้น 

   “ มึงไม่อยากได้  แสดงว่ามึงไม่อยากเป็นเพื่อนกับกู ”  เอาแล้ววว กูๆ มึงๆ อีกแล้ว  ไหนจะน้ำเสียงดุดันนั่น  มันกำลังโมโหชัดๆ 

   “ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ”  ฉันพูดเสียงหวานใส่มัน  เผื่อสถานการณ์จะดีขึ้น

   “ แล้วมันหมายความว่าไงวะ ”  แต่สถานการณ์ไม่ได้ดีขึ้นเลย   

   “ ตกลง  ฉันจะรับของขวัญของแก  ต่อจากนี้ไป  เราสองคนเป็นเพื่อนกัน ”  ทุกอย่างดีดูขึ้น  ด้วยรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของไอ้เต้  คงจะดีใจที่ฉันรับของขวัญของมัน 

   “ ก็แค่เนี๊ยะ  ไม่เห็นต้องทำให้มันเป็นเรื่องเลย ” ฉันยิ้มให้กับมันและพยัคหน้าเบาๆ

   “ ไหนบอกว่ารังเกียจตุ๊ด แต๋ว กะเทย  มากไม่ใช่หรอ  ทำไมถึงอยากเป็นเพื่อนกับฉันหละ ”

   “ ไม่ได้อยากเว้ย  ให้เป็นของขวัญ ความหมายมันคนละอย่างกัน ”  โอ๊ะ  ฉันงง  มันพูดบ้าอะไรของมัน  พูดเอาแต่ใจ พูดเอาแต่ได้ พูดอย่างกับว่าฉันอยากจะเป็นเพื่อนแกนักหนิ

   “ ที่บอกว่าไม่เคย และบอกว่าเป้นครั้งแรก  คือการขอกะเทยเป็นเพื่อนเนี่ยนะ ”  มันทำหน้าเหรอหรา และพยัคหน้าตอบรับ 

   “ ทำไม  ฉันจะมีเพื่อนแบบแกบ้างไม่ได้เลยรึไง ”  มันถามออกแนวประชดประชันซะมากกว่า 

   “ แล้วทำไมถึงอยากเป็นเพื่อนกับฉันหละ ” ฉันถามอีกครั้งด้วยความสงสัยอย่างแรง

   “ ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้อยาก ”

   “ เออ...  นั่นแหละ ไหนว่าเกลียด   แล้วจะมาเป็นเพื่อนกันทำไม ”  ฉันกำลังน้อยใจอยู่หรือป่าว  ไม่เข้าใจตัวเองเลย

   “ ก็แกไม่เหมือนคนอื่น  แกไม่เหมือนพวกนั้น  อย่างน้อย  แกก็ไม่ลวนลามฉัน  แล้วแกก็ดูไม่แรดด้วย  แอลกอฮอล์ก็ไม่กิน  เรียนหนังสือก็ใช้ได้  น่าจะเป็นเพื่อนที่ดี   ฉันไว้ใจแกได้ใช่มั้ย  ”  ฉันอึ้งกับสิ่งที่มันบรรยายออกมา  ผู้ชายป่าเถื่อนอย่างไอ้เต้มองฉันแบบนี้จริงๆ หรอ 

   “ ฉันก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอกน่า ” มันยิ้มให้ฉันและพยัคหน้างึกๆ   ฉันก็ยิ้มกลับเช่นกัน 

   “ ตกลงว่าเราสองคนเป็นเพื่อนกันแล้วนะ ”  ท่าทางมันดูตื่นเต้นมาก 

   “ คงงั้นมั้ง ” ฉันตอบออกไปหน้าตาเฉย  แกล้งมันสักหน่อย 

   “ โด่ววว  เอาดีๆ สิ ”  มันเริ่มหน้างอแล้วจ้ะ  แต่ฉันสะใจนิดๆ  จนต้องแอบหันไปหัวเราะเบาๆ  ไม่ให้มันเห็น     

   “ โอเคๆ  นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราสองคนเป็นเพื่อนกัน  ชัดเจนรึยังจ้ะ ”  ฉันทำหน้าทำตาล้อเลียนใส่มัน   แทนที่จะโกรธ  แต่กลับยิ้มและหัวเราะใหญ่เลย  เห็นมันหัวเราะ  ฉันก็หัวเราะตาม  ดูมีความสุขดีเนอะ

   และแล้วมิตรภาพของคำว่าเพื่อน ก็เริ่มต้นขึ้นด้วยเสียงหัวเราะของเราสองคน  มิตรภาพระหว่างเราจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า ฉันไม่รู้หรอก  แต่ฉันจะทำมันให้ดีที่สุด  ในฐานะเพื่อนคนนึง  และได้แต่หวังว่ามิตรภาพของคำว่าเพื่อนระหว่างฉันกับมัน   จะยืนยาวตลอดไป     :mc4:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 13 : 16-10-58
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 16-10-2015 04:36:54

        ในที่สุดก็ได้เวลากลับบ้านสักที  หลังจากที่เราตกลงเป็นเพื่อนกันเรียบร้อยแล้ว  ไอ้เต้ก็ขับรถมอไซต์ไปส่งฉันที่สนามกีฬาอำเภอ  เราล่ำลากันเรียบร้อย   ก่อนที่ฉันจะเดินมาขึ้นรถมอไซต์ของตัวเองที่จอดอยู่ใต้ต้นไม้  แล้วขับกลับบ้าน

   วันนั้นฉันกลับมาถึงบ้านก็ประมาณห้าโมงครึ่ง  ดีนะที่ไม่ได้ตัวเปียกกลับมา  กลับมาถึงบ้านก็เดินเข้าไปในครัว กะว่าจะไปหาของกินสักหน่อย  ก็เจอแม่ที่กำลังหุงข้าวและทำกับข้าวอยู่  แม่ก็ถามว่าหายไปไหนมาทั้งวัน  ฉันก็ต้องโกหกแม่ว่าไปติวหนังสือให้อิสายป่านที่บ้านมัน  แม่ก็ไม่ถามอะไรต่อ  เพราะสิ่งที่ฉันโกหกมันเป็นเรื่องการเรียน  แม่เลยไม่ซักไซ้มาก  ฉันเปลี่ยนจุดหมายจากหาของกิน มาเป็นช่วยแม่ทำอาหาร  จะได้กินข้าวเร็วๆ เพราะหิวมาก 

   วันอาทิตย์ผ่านไป เช้าวันจันทรืที่แสนจะน่าเบื่อก็มาเยือนอีกครั้ง  ไม่อยากไปโรงเรียนเลย  ขอพักต่ออีก 1 วันได้มั้ย  หรือว่า จะต้องใช้แผนเดิม  ไม่นะ  เดี๋ยวจะกลายเป็นเด็กนิสัยเสีย  ฉันตื่นตั้งแต่หกโมงครึ่ง  ลุกขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันแล้วขับรถไปโรงเรียน 

   ในห้องเรียนชั้น ม.3/1  ในคาบเรียนเช้า  ขณะที่เรากำลังนั่งรอครูเข้ามาสอนวิชาที่สาม  ซึ่งเป็นวิชาสุดท้ายก่อนที่จะพักเที่ยง  ฉันก็นั่งเม้าท์มอยกับอิกระต่ายและแม่นางมายไปเรื่อยเปื่อย ไม่ค่อยจะมีสาระกันเท่าไหร่  ไอ้โต๊ดเดินมาจากไหนก็ไม่รู้   หน้าบูดมาเชียว  แล้วมันก็หยุดอยู่ที่โต๊ะฉัน  และยืนอยู่ตรงหน้าฉัน

   “ มีอะไรรึป่าวโต๊ด ” ฉันสงสัยก็เลยเป็นฝ่ายถามมันก่อน

   “ เรามีเรื่องจะคุยด้วย  ออกไปคุยกับเราข้างนอกหน่อยสิ ”  มันพูดสีหน้าเอาเรื่องน่าดู 

   “ ไม่ได้หรอก  เดี๋ยวครูก็จะเข้าสอนแล้ว  มีไรก็พูดกันตรงนี้แหละ ” 

   “ ฟิล์มกับไอ้เต้ไปเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ” ฉันตกใจ  ทำไมมันถึงรู้เรื่องนี้หละ 

   “ ก็เพิ่งตกลงเป็นเพื่อนกัน  รู้ได้ไง  มันบอกโต๊ดหรอ ”  ฉันก็ยังสงสัยไม่หาย  ก็เลยต้องถามให้หายสงสัย 

   “ อืม  มันฝากขอเบอร์ฟิล์มด้วยแหละ  ฟิล์มจะให้มันรึป่าวหละ ” มันพูดและหันหน้าหนีฉัน  เหมือนไม่ค่อยจะเต็มใจขอเบอร์ให้เพื่อนสักเท่าไหร่เลยนะ         

   “ ไม่มีหรอก  มีแต่เบอร์พ่อเบอร์เดียว  ให้ไม่ได้จริงๆ  ”  มันหันหน้ากลับมาหาฉัน ยังหน้าบูดหน้างอไม่หาย 

   “ จะไปบอกมันให้  ว่าฟิล์มบอกอย่างนี้ ” พูดแล้วมันก็เดินหน้าบูดกลับไปนั่งที่ตัวเอง  ฉันมองตามหลังอย่างสงสัย  แต่ก็พอเดาออก  ว่าทำไมมันถึงหน้าบูดหน้างอแบบนั้น   คงไม่พอใจเรื่องฉันกับไอ้เต้แน่ๆ เลย

   ตอนเที่ยงของวันนี้หลังจากที่พวกเรากินข้าวกันอิ่มแล้ว  ก็รีบบึ่งมาเข้าห้องสมุดทันที  เพราะอากาศข้างนอกร้อนมาก  ก็เลยต้องหนีร้อนมาพึ่งแอร์เย็นๆ ในห้องสมุดนี่แหละ  เย็นกาย  สบายใจสุดๆ   ฉันก็หยิบหนังสือเรียนวิชาวิทยาศาสตร์มาอ่านเล่นๆ เพลินๆ  เกี่ยวกับดาราศาสตร์  พวกดวงดาวต่างๆ นั่นแหละ  ชอบมาก  รู้สึกว่ามันน่าค้นหา  อ่านแล้วตื่นเต้นสุดๆ  ส่วนพวกเพื่อนสาวก็พากันหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน  มีสาระกับเขาก็วันนี้แหละ  ฉันแอบชะโงกหน้าไปมอง  ที่ไหนได้ อ่านข่าวซุบซิบดารา  เหอะๆ  ฉันคงมองโลกในแง่ดีมากเกินไป โดยเฉพาะกับนางพวกนี้ 

   ฉันนั่งอ่านหนังสืออยู่เพลินๆ  รู้สึกเหมือนมีผู้ชายมานั่งอยู่ตรงข้าม   ฉันละสายตาจากหน้ากระดาษและเหลือบไปมองดูผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าฉัน  นึกว่าใคร  ไอ้โชคนี่เอง  เหงื่อท่วมตัวมาเชียว  สงสัยคงจะเล่นกีฬาเพิ่งเสร็จ  กลิ่นกายที่ปนกับกลิ่นน้ำหอมยังจะติดจมูกฉันอยู่เสมอ  เพราะมันชอบมาหาฉันในสภาพแบบนี้เกือบทุกวัน

   “ หาฉันเจอได้ไง ” ฉันถามมันเบาๆ  เพราะในห้องสมุดห้ามส่งเสียงดัง   

   “ ฟิล์มอยู่ไหน โชคก็หาเจอหมดแหละ  แล้ววันนี้นึกยังไงถึงได้พากันเข้าห้องสมุด ”

   “ พูดเบาๆ สิ  นี่มันห้องสมุดนะ นายจะพูดเหมือนปกติไม่ได้  เดี๋ยวครูก็ดุเอาหรอก ”  ฉันดุมันด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้  หวังว่าคงไม่ดังเกินไปนะ 

   “ งั้นก็ออกไปคุยกันข้างนอกสิ  นะๆ น้า...... ”  ขี้อ้อนจริงๆ  เอาไงดีหละทีนี้ 

   “ มันร้อน  มีไรค่อยคุยกันหลังเลิกเรียน  ที่ม้าหินอ่อนเหมือนเดิม  ตกลงมั้ย ”  มันยิ้มแก้มปริ ตาหวานเยิ้มเลยจ้ะ   

   “ ตกลงครับ  แต่ตอนนี้ ขอนั่งอ่านหนังสือในนี้ด้วยคนนะ ”  มันทำหน้าตาน่าสงสาร กระพริบตาปริบๆ  อย่างกับลูกแมวตัวน้อยๆ เลยง่า  น่ารักมากมาย  ชอบมาทำให้ฉันหวั่นไหวนะอิตาบ้า 

   “ อืม ” แล้วมันก็เดินไปหยิบหนังสือมานั่งอ่านตรงที่เดิม  ตรงข้ามกับฉัน

   ฉันเริ่มไม่ค่อยมีสมาธิอ่านหนังสือก็เพราะไอ้โชคมันมานั่งอยู่ตรงหน้าฉันนี่แหละ  ดูเหมือนมันไม่ค่อยจะสนใจอ่านหนังสือเท่าไหร่หรอก  ฉันเห็นนะว่ามันแอบมองฉันอยู่เรื่อยๆ  พอฉันมองไปที่มัน มันก็ทำเป็นอ่านหนังสือ พอฉันอ่านหนังสือ  มันก็แอบมองฉัน  อย่านึกนะว่าฉันไม่รู้ไม่เห็น  เสียสมาธิก็เพราะแบบนี้แหละ  แถมยังรู้สึกอึดอัดอีก    สรุปว่าตั้งแต่ไอ้โชคมานั่งอ่านหนังสือด้วย  ฉันอ่านอะไรไม่ค่อยจะรู้เรื่องเลย  เฮ้อ........

   ใกล้ถึงเวลาขึ้นเรียนคาบบ่ายแล้ว  พวกเราเดินออกจากห้องสมุด ไอ้โชคแยกกับพวกเราตรงหน้าห้องสมุด  มันบอกว่ามันจะไปเข้าห้องน้ำ  พวกเราสี่สาวจึงเดินขึ้นอาคารเรียน  ในขณะที่พวกเรากำลังเดินไปที่ห้องเรียน  ซึ่งแม่นางมายด์กับอิกระต่ายเดินนำหน้าไปโน่นแล้ว   ส่วนฉันกับอิสายป่านกำลังเดินผ่านห้อง ม.2/2  อยู่ดีๆ  อิสายป่านก็หยุดเดินตรงหน้าประตูห้อง ม.2/2  ฉันที่เดินตามหลังมันมาก็หยุดเดินเช่นกัน  สังเกตเห็นเพื่อนสาวมองเข้าไปในห้องนั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  หรือว่า

   “ มีอะไรวะมึง  อย่าบอกนะว่า  มึงปิ้งผู้ชายในห้องนี้ ” มันหันขวับกลับมาหาฉันอย่างเร็ว หน้าตาตื่น ตาลุกโต  คงจะตกใจที่ฉันจับได้หละสิ 

   “ มึงรู้ได้ไง ”  หน้าซีดอย่างกับไก่ต้มแล้วคร้าอิเพื่อนสาว 

   “ ป่าว  กูเดาเอา  และกูก็คิดว่ากูเดาถูกด้วย ” ฉันพูดอย่างมั่นใจ  อาการแบบนี้ ใช่เลย 

   “ เออใช่  รู้แล้วก็เงียบไว้เลยนะมรึง  ห้ามเอาไปพูดให้ใครฟัง  เข้าใจมั้ย ”  มันขู่ฉันอีกแระ

   “ เข้าใจ  แล้วจะบอกกูได้รึยัง ว่ามึงกำลังปิ๊งน้องผู้ชายคนไหนอยู่ ”  ฉันก็แอบอยากรู้อยากเห็นเหมือนกันแฮะ 

   “ เออน่า  เดี๋ยววันหลังกูจะบอก  วันนี้เข้าห้องเรียนกันก่อนเถอะ  ใกล้จะถึงเวลาเรียนแล้ว  ป่ะๆ ”  แหม  คงเขินหละสิท่า  เหอะๆ ไม่บอกตอนนี้ก็ไม่เป็นไร  ให้เวลานางทำใจก่อน 

   มันเดินนำหน้าฉันไป  ส่วนฉันก็แอบหันเข้าไปมองดูน้องๆ ผู้ชายที่อยู่ในห้องนั้น อยากรู้จังเลยน้า  ว่าอิสายป่านมันแอบชอบคนไหนอยู่  จะว่าไปแล้วผู้ชายห้องนี้ก็มีแต่คนหล่อๆ น่ารักๆ กันทั้งนั้นเลย  แล้วผู้เชายคนไหนหละ ที่โดนตาโดนใจเพื่อนฉัน  มีแต่คนหล่อๆ  เดายากจริงๆ 

   “ มองไรอะ ”  ฉันสะดุ้งตกใจ หันกลับมาหาเจ้าของเสียงโดยเร็ว   นึกว่าใคร ไอ้โชคนี่เอง  ฉันนี่ถอนหายใจไปฮืดนึงเลยคะ  ไอ้บ้า เล่นเอาใจหายใจคว่ำหมด

   “ ทำบ้าอะไรหนิ  ฉันตกใจหมดเลยนะรู้มั้ย ” ฉันเริ่มอารมณ์เสีย  แสดงสีหน้าไม่พอใจ

   “ ขอโทษ  แล้วมองอะไรอยู่หรอ  อย่าบอกนะว่ากำลังแอบมองหนุ่มๆ อยู่ ”  มันทำท่าน้อยใจซะงั้น

   “ จะบ้าหรอ  ฉันไม่เอาเวลามาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้หรอกจ้ะ ”  ฉันโกหกมันออกไปแบบนั้น

   “ ก็แล้วไป  อย่าให้รู้นะว่าแอบมองผู้ชายคนอื่น  โชคไม่ยอมจริงๆ ด้วย ” อ่า  มันพูดบ้าอะไรของมันเนี่ย  แถมยังทำสีหน้าแปลกๆ อีก  อย่าบอกนะว่ามันกำลังหึงหวงฉัน  ไม่นะ  เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย 

   “ บ้า  พูดอะไรอย่างนั้น  เราไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย นายมีสิทธิ์อะไรมาห้ามไม่ให้ฉันมองผู้ชายคนอื่น ”

   “ ไม่มีสิทธิ์ห้ามหรอก  แต่ขอได้ไหม ”  น้ำเสียงที่อ่อนโยน กับสีหน้าแววตาที่ดูน่าสงสาร  ทำให้ฉันอ่อนไหวอีกแล้ว  มามุขนี้ตลอดเลย 

   “ เข้าห้องกันเถอะ  เดี๋ยวครูจะเข้าสอนแล้ว ”  ฉันบ่ายเบี่ยงออกไป  เพราะไม่อยากตอบคำถามของมัน 

   มันก็ยืนนิ่ง  ทำหน้าตาน่าสงสารอยู่เหมือนเดิม  คงหวังจะให้ฉันตอบตกลงหละสิ  ไม่มีทางซะหรอก มุขนี้ในตอนนี้  ใช้ไม่ได้ผลหรอกยะ  ฉันยืนจ้องหน้ามันอยู่สักพักนึง   ยิ่งมองยิ่งสงสารมัน  ฉันจึงตัดสินใจเดินหนีมัน  และเดินเข้าห้องเรียนของตัวเอง   

   ในขณะที่นั่งรอครูเข้ามาสอนอยู่นั้น  ไอ้โต๊ดก็เดินมาหาฉันที่ตะอีกครั้ง  พร้อมกับยื่นโทรสัพท์มาให้  ฉันถามมันว่าเอาโทรศัพท์มาให้ทำไม  มันก็ตอบกลับมาว่าไอ้เต้อยากคุยด้วย  ฉันตกใจนิดๆ  แล้วรับโทรศัพท์กับไอ้โต๊ดมา   มันบอกว่าถ้าคุยกันเสร็จแล้วค่อยเอาโทรศัพท์ไปคืน  ฉันก็ตอบตกลง  ไอ้โต๊ดเดินกลับไปที่โต๊ะท่าทางหงุดหงิดน่าดู  แล้วการสนทนาของเราก็เริ่มขึ้น

   “ ฮาโหล  มีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันหรอ ”

   “ เรามีเรื่องต้องคุยกัน  เย็นนี้มาเจอกันหน่อย ที่สนามบาสที่เดิม ”  เสียงปลายทางท่าทางจะอารมณ์เสีย 

   “ ดูก่อนนะ  ว่าว่างรึป่าว ” 

   “ กูจะรอมึงที่สนามบาส  เข้าใจมั้ย ” มันตะคอกเสียงดัง  แล้ววางสายใส่ฉัน  โดยที่ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย   

   ตู๊ด...........  ตู๊ด............  ตู๊ด.............

   ไอ้บ้าเอ้ย  ไม่มีเหตุผล   เอาแต่ใจตัวเอง  สรุปคือฉันต้องออกไปเจอมันอีกแล้วใช่มั้ย   ช่างเหอะ  เป็นเพื่อนกันแล้วนี่นา  มันคงไม่เตะต่อยฉันหรอกนะ  ฉันนั่งถอนหายใจเบาๆ  ก่อนจะลุกเดินเอาโทรศัพท์ไปคืนไอ้โต๊ด ที่กำลังนั่งหน้าบูดอยู่ที่โต๊ะ  มันถามว่าฉันกับได้เต้คุยอะไรกัน ฉันก็ตอบไปตามจริงเรื่องที่ไอ้เต้นัดให้ไปเจอเย็นนี้  มันทำหน้าตกใจ  แล้วขอไปด้วย  ฉันเห้นว่ามันน่าจะปลอดภัยสำหรับฉัน  ก็เลยตอบตกลง  และนัดให้ไปเจอกันที่สนามตะกร้อก่อนเวลาห้าโมงเย็น  แล้วค่อยเดินไปหาไอ้เต้ที่สนามบาส  มันคงไม่ว่าอะไรหรอกนะที่ฉันพาไอ้โต๊ดไปด้วย  เพราะไอ้โต๊ดก็เพื่อนมันเหมือนกัน

   แต่ใครจะไปรู้  ว่าเรื่องเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นกับฉัน  ในอนาคตอันใกล้นี้  ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย  น่ากลัวกันทุกคน  ฉันจะเอาตัวรอดจากการกระทำร้ายๆ ของผู้ชายคนนี้ได้หรือไม่  โปรดติดตามตอนต่อไป    :o12: :m15: :monkeysad:   

......................................................................


หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 13 : 16-10-58
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 16-10-2015 08:43:24
อยากอ่านต่อแล้วอะ ลงตรอเลยเถอะ เต้เอาไง เนี่ย
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 13 : 16-10-58
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 18-10-2015 16:24:47
อยากอ่านต่อแล้วอะ ลงตรอเลยเถอะ เต้เอาไง เนี่ย

ช่วงนี้งานยุ่งมาก ไม่ค่อยมีเวลาเขียนเลย   :katai4:

รอกันหน่อยนะจ้ะ  :call:  :katai3:



หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 14 Part 1/2 : 25-10-58
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 25-10-2015 03:19:13
      หายไปหลายวัน  งานเยอะเกิน  ไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่  แต่ก็มาต่อให้แล้วนะ   :katai4:

ตอนที่  14  Part 1/2

      เลิกเรียนแล้ว  ฉันมานั่งรออิสายป่านที่เดิม  ไม่นานนางก็เดินสะพายกระเป๋าใบใหญ่มาท่าทางอิดโรย  สีหน้าดูเศร้าๆ  พอเดินมาถึง  นางก็นั่งลง  ฉันถามว่าเป็นอะไร  ก็เอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมตอบ  ฉันคิดว่ามันคงมีเรื่องไม่สบายใจ  เลยไม่อยากถามอะไรมาก ถ้ามันอยากพูด อยากระบาย ก็คงจะพูดออกมาเองแหละ  ฉันเข้าใจถึงความรู้สึกแบบนี้ดี  จึงไม่อยากเซ้าซี้อะไรมาก  ได้แต่นั่งเป็นเพื่อน  นางก็นั่งเงียบกริบ  สีหน้าเศร้า  ฉันเลยหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาอ่านซะเลย  ซักพักนึงมันก็เริ่มปริปากพูดออกมาจนได้ 

   “ มึง  ทำไมน้องเค้าต้องไปนั่งคุยกับนางชะนีคนนั้นด้วย ”  ฉันละสายตาจากหนังสือ  หันไปมองดูเพื่อนที่อยู่ตรงหน้า เห็นมันกำลังก้มหน้าก้มตาพูด   

   “ มึงหมายถึงน้องที่มึงชอบที่อยู่ห้อง ม.2/2  อะหรอ ”  มันพยัคหน้าตอบรับเบาๆ 

   “ น้องเค้าเป็นผู้ชายนะ  มันไม่แปลกหรอกที่น้องเค้าจะคุยกับผู้หญิง ” มันนั่งก้มหน้าก้มตา  เงียบกริบ

   “ เอาน่า....  กูว่าการได้แอบรักแอบชอบ  มันก็ทำให้เรามีความสุขและตื่นเต้นไปอีกแบบนะ ” ฉันพยายามพูดปลอบใจ และยิ้มให้กำลังใจ  แต่มันกลับก้มหน้าก้มตา  ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาพูดกับฉันเลย  ท่าทางจะอาการหนัก 

   “ เรากลับบ้านกันเถอะ ”  นางเงยหน้าขึ้นมาพูดกับฉันประโยคเดียว ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปโรงจอดรถ  ด้วยสีหน้าที่เศร้าสลดใจเหมือนเดิม  ฉันไม่รีรอ  รีบลุกขึ้นเดินตามมันไป

      วันนั้นอิสายป่านก็กลับบ้านด้วยความโศกเศร้า  นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันเห็นนางเศร้าได้ถึงขนาดนี้  ท่าทางจะคิดจริงจังกับน้องคนนั้นมาก  ไม่งั้นคงไม่เป็นถึงขนาดนี้  ฉันก็เป็นห่วงนางนะ  ก่อนกลับยังบอกให้นางไม่ต้องคิดมากและขับรถกลับบ้านอย่างมีสติ  เราสองคนขับรถออกจากโรงเรียน แล้วแยกทางกัน เพราะทางกลับบ้านของเราอยู่คนละทาง  วันนั้นฉันกลับถึงบ้านประมาณสี่โมงเย็น

      พอกลับถึงบ้าน  ฉันก็แวะเข้าครัวก่อนเป็นอันดับแรก เพราะหิวมาก  ยาคุมออกฤทธิ์อีกแล้ว  เปิดตู้เย็น ตู้กับข้าว เจอของกิน  ก็เอามากินจนเกลี้ยง  กินจุมากเลยช่วงนี้ ไม่รู้ว่าน้ำหนักจะขึ้นมากี่กิโลแล้ว  ยังไม่ได้ชั่งดูเลย  แต่คิดว่าคงเพิ่มขึ้นเยอะ  พอกินเสร็จก็รีบอาบน้ำ แต่งตัว  แล้วขับรถออกไปที่สนามกีฬาอำเภอ  ฉันนัดกับไอ้โต๊ดเอาไว้ที่สนามตะกร้อ  พอเดินไปถึงก็เห็นไอ้โต๊ดยืนรออยู่   เราสองคนพูดคุยทักทายกันเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหาไอ้เต้ที่สนามบาสซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามตะกร้อมากนัก  และแล้วเราก็เดินมาถึงสนามบาส  สถานที่นัดหมาย  เห็นไอ้เต้กำลังเล่นบาสในสนามอยู่เลย   ตอนนี้เป็นเวลาประมาณห้าโมงเย็นแล้ว แสดงแดดอ่อนๆ ที่ทอดผ่านมา  ไม่ทำให้ฉันร้อนมากเท่าไหร่  ก็เลยนั่งรอมันบนอัฒจรรย์ข้างๆ สนามบาสนี่แหละ    มันมองเห็นเราสองคนที่นั่งรออยู่บนอัฒจรรย์แล้ว   แต่มันกลับทำหน้าดุ ส่งสายตาพิฆาตมาซะงั้น   เพียงแค่แปปเดียวก็ละสายตาจากเราแล้วกลับไปเล่นบาสต่อ   

      คิดเอาไว้ในใจแล้วแหละ ว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ  ทำใจรอรับเรื่องร้ายๆ  อีกแล้วฉัน   กลุ้มใจไปก็เท่านั้น  ในสนามผู้ชายเยอะมาก  ขอดูให้เป็นอาหารตาหน่อยเถอะ  ในขณะที่รอไอ้เต้  ฉันก็กวาดสายตามองดูผู้ชายที่กำลังเล่นบาสอยู่ในสนาม  โหววว  มีแต่คนหล่อๆ  ทั้งนั้นเลย  แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่า  ไอ้เต้ดูหล่อและเท่ห์ที่สุดในสนาม  ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ นะ  ถ้ามันยิ้มบ้าง  จะดูดีมากๆ  แต่นี่อะไรหน้าบูดตลอด

      นั่งรออยู่สักพักใหญ่ๆ  ในที่สุดไอ้เต้ก็ตะโกนบอกเพื่อนๆ ของมันในสนามว่าขอเลิกเล่นก่อน  แล้วมันก็เดินออกมาจากสนามมาหาเรา  เดินหน้าดุมาเชียว  พอเดินมาถึงก็บอกให้เราลงมาจากอัฒจรรย์และเดินตามมันไป    เราก็เดินตามไปจนถึงที่จอดรถของมัน   และหยุดคุยกันที่นี่ 

    “ กูไม่รู้เลยนะ  ว่ามึงจะตามมาด้วย ”  ไอ้เต้เปิดฉากด้วยการพูดเหน็บแนมไอ้โต๊ด 

    “ มีฟิล์มที่ไหน  ก็มีกูที่นั่นแหละ ปล่อยให้ไปไหนมาไหนคนเดียวไม่ได้หรอก  มันอันตราย ” ไอ้โต๊ดก็เอาคืนบ้าง เหอะๆ

    “ หรอ  แล้ววันที่พวกเราไปเที่ยวด้วยกัน  ทำไมมึงไม่ตามไปด้วยหละ ”  ทำเอาไอ้โต๊ดหน้าเสีย  และหันมามองหน้าฉัน  ฉันจึงพยัคหน้าให้   ทำเอามันโกรธใหญ่เลย   ไอ้เต้ก็ไม่น่าเอาเรื่องนี้มาพูด  ฉันหันหน้ากลับไปหาไอ้เต้  ก่อนจะต่อว่ามันออกไป 

    “ ไม่เห็นต้องพูดแบบนี้เลย  พวกนายสองคนเป็นเพื่อนรักกันไม่ใช่หรอ  ทำไมต้องหาเรื่องทะเลาะกันด้วย ”

      ทั้งสองคนนิ่งเงียบ  ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมมองหน้นกัน  ฉันจึงตัดสินใจพูดเรื่องที่ไอ้เต้นัดให้ฉันออกมาหาวันนี้  แบบว่า  เข้าเรื่องเลยแล้วกัน  จะได้รีบกลับบ้าน  เพราะมันก็เย็นมากแล้ว

    “ เต้  ที่แกนัดฉันออกมาเนี่ย  มีอะไรจะคุยงั้นหรอ ” 

    “ ก็มี  แต่ขอคุยแบบส่วนตัวได้ป่ะละ ”  มันพูดน้ำเสียงปกติ  คงจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้แล้วสินะ

     ฉันหันไปหาไอ้โต๊ดที่ยืนอยู่ข้างๆ  และบอกออกไปว่าขอคุยกับไอ้เต้สองคนก่อนได้ไหม  มันก็ทำสีหน้าไม่พอใจ  แต่สุดท้ายมันก็ยอมทำตามคำขอของฉัน  ก่อนจะเดินออกไป  มันบอกว่าจะรออยู่ที่จอดรถ  แต่ไอ้เต้ดันพูดขึ้นว่าไม่ต้องรอ ให้กลับบ้านเลย   เพราะมีเรื่องต้องคุยกับฉันยาว  ตอนแรกไอ้โต๊ดก็ปฏิเสธท่าเดียว  ฉันกลัวว่ามันสองคนจะทะเลาะกันมากกว่านี้  ก็เลยขอร้องให้ไอ้โต๊ดกลับบ้านไปก่อน

    “ ไอ้เต้ขอได้  ทีเราขอไม่ได้  ทำไมฟิล์มทำแบบนี้กับเราหละ ”  มันพูดท่าทางน้อยใจฉัน 

    “ ก็ได้ วันหลังโต๊ดขออะไร เราจะให้ทุกอย่างเลย  ”  ฉันพูดตัดบทออกไปอย่างนั้น  เพราะอยากให้มันรีบๆ ออกไปจากที่นี่   ฉันจะได้รีบๆ คุยกับไอ้เต้ และจะได้กลับบ้าน กลัวมันค่ำก่อน  เดี๋ยวโดนที่บ้านดุเอา 

    “ จริงนะ ”  มันยิ้มหวานให้ฉันจนแก้มปริ   ฉันก็ยิ้มกลับ  แล้วตอบออกไปว่าจริง  มันก็ยิ้มใหญ่เลย   

    “ วันนี้กลับก่อนก็ได้  พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนนะครับ ” มันพูดจาสุภาพ อ่อนหวาน  กระพริบตาปริบๆ  ฉันก็ได้แต่ยิ้มให้ 

    “ จ้ะ  ขับรถกลับบ้านดีๆ นะ ” ฉันพูดด้วยความเป็นห่วงในฐานะเพื่อนคนนึงนะ

    “ คร้าบผม ”  มันพูดแล้วยิ้มให้ฉันอีกแล้ว   อะไรจะน่ารักขนาดนั้น   

      ก่อนไปไอ้โต๊ดพูดบอกไอ้เต้ว่า ห้ามทำร้ายร่างกายฉัน  ไอ้เต้ก็ตอบว่าเพื่อนกัน ไม่ทำอะไรหรอก  แล้วผู้ชายสองคนก็ร่ำลากันตามประสาเพื่อน  ก่อนที่ไอ้โต๊ดจะเดินออกไป  ตอนนี้เหลือแค่ฉันกับไอ้เต้สองคนแล้ว ฉันจึงเร่งรัดให้มันพูดเรื่องของมันออกมาซักที     

    “ มีไรก็รีบพูดมา  ฉันจะรีบกลับบ้าน ”

    “ รีบขนาดนั้นเลย  กลับค่ำหน่อยไม่ได้รึไง ” เอ๋  ทำไมมันพูดแบบนั้นหละ  ฉันชักจะสงสัย

   “ ฉันกลับค่ำไม่ได้  แกก็รู้ไม่ใช่หรอ  เคยบอกแล้วหนิ ”  ฉันพูดดักคอมันเอาไว้ก่อน

    “ ก็ไม่ได้กลับบ้านค่ำทุกวันหนิ  วันนี้กลับค่ำหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง  ใช่ป่ะ ” มันยืนทำหน้าเข้มใส่ฉัน สร้างแรงกดดันเบาๆ

       ความจริงฉันจะกลับบ้านค่ำก็ได้นะ  แต่ต้องโกหกว่าไปทำรายงานบ้านเพื่อน  หรือไปติวหนังสือให้เพื่อนอะไรประมาณนี้  พ่อกับแม่ก็จะหยวนๆ บ้าง  เพราะมันเป็นเรื่องมีสาระ  แต่ครั้งนี้ฉันจะต้องโกหกพ่อกับแม่แบบนั้น  เพื่อไอ้เต้  มันก็ยังๆ อยู่นะ  ฉันจะเอายังไงดี 

      “ นะแก  คือ....  ฉันหิวข้าว  ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อย  เดี๋ยวเลี้ยงเอง ” ฉันตาลุกวาวทันทีที่ได้ยินว่าไอ้เต้จะเลี้ยงข้าว  นี่มันเอาของกินมาล่อเลยหรอ  แหม  แค่ข้าว ฉันกลับไปกินบ้านก็ได้ยะ 

       “ ไม่เอาหรอก ฉันกลับไปกินที่บ้านดีกว่า ”  อย่าคิดนะว่าจะล่อลวงฉันได้สำเร็จ 

       “ เออๆ  งั้นเอางี้  ไปกินหมูกระทะที่เกาลูน  โอเคป่ะ ”  คราวนี้มันเอาหมูกระทะมาล่อฉันเลยแฮะ  อยากบอกว่าร้านนี้อร่อยมาก  อยากกินอะ  ฉันคิดอยู่สักพักนึง ก็ได้คำตอบ

       “ ไปก็ได้  แกเลี้ยงใช่มั้ย ”  มันก็ทำท่าครุ่นคิดอยู่แปปนึง ก่อนจะพยัคหน้างึกๆ  เป็นอันตกลง   

       เย้ๆ  ของฟรีมาอีกแล้วจร้า  พวกเราสองคนขับรถคนละคันไปที่ร้านเกาลูนเจ้าอร่อย พอไปถึงก็เจอคนเยอะมาก  สมแล้วที่เป็นร้านหมูกระทะที่อร่อยมากๆ  เราเดินเข้าไปในร้าน มีพนักงานออกมาต้อนรับ และพาเราไปนั่งโต๊ะที่ว่างอยู่  ไอ้เต้สั่งหมูกระทะชุดใหญ่มาสองชุด  พร้อมกับน้ำโค้ก  ฉันก็ถามว่าทำไมสั่งมาเยอะจัง  มันบอกว่าตัวเองหิว แล้วอีกอย่าง ฉันก็กินเยอะด้วย  ก็เลยสั่งชุดใหญ่มาสองชุดเลย   มันกำลังว่าฉัน  แต่ฉันก็ไม่สนใจหรอก  เพราะมันเป็นเรื่องจริง  เชิดหน้าใส่เบาๆ คะ 

       ระหว่างที่รอมันก็ชวนคุยไปเรื่อย  ฉันพยายามซักไซร้ให้มันพูดเรื่องที่มันอยากจะคุยกับฉัน  แต่ก็ไม่สำเร็จ   มันบอกว่ากินให้อิ่มก่อนค่อยคุยกัน   ฉันเบื่อจะถามแล้ว  ก็เลยตอบตกลงไปตามนั้น  แล้วมันก็ชวนฉันคุยไปเรื่อย  จะเรื่องอะไรหละ  ถามอยู่ได้ว่าเสาร์อาทิตย์ทำอะไรบ้าง  ฉันก็ตอบๆ ไป  เสร็จแล้วฉันเลยถามคำถามเดิมกลับบ้าง  ใครจะไปเชื่อว่ามันทั้งอ่านหนังสือ ทั้งเรียนพิเศษ  ตกเย็นมาก็เล่นกีฬา  ออกกำลังกาย  โห....ดูเป็นคนมีสาระมากๆ   ไม่น่าเชื่อว่าจะมีนิสัยและพฤติกรรมป่าเถื่อนแบบนี้  คือ... ชอบหาเรื่อง เตะ ต่อย คนอื่น  อะไรทำนองนี้ 

       เรานั่งรอไม่นาน  พนักงานก็เอาเตามาให้  พร้อมกับหมูกระทะชุดใหญ่สองชุด น้ำโค้กและน้ำแข็ง  พอทุกอย่างถูกวางบนโต๊ะจนเสร็จสรรพ  ไอ้เต้ก็บอกให้ฉันบริการน้ำโค้ก   ฉันไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เลย แต่ก็ต้องจำใจทำ เพราะมันเป็นเจ้ามือนี่นา  จะมานั่งกินเฉยๆ ก็ยังไงอยู่  บริการมันหน่อยก็ได้มั้ง  แล้วฉันก็จัดแจงน้ำโค้กไปให้มัน 1 แก้ว และของฉันอีก 1 แก้ว  จากนั้นมันก็ใช้ฉันต่อ บอกให้เอาหม้อกระทะขึ้นค้างบนเตา เติมน้ำซุป  แถมยังสั่งให้เอามันหมูทาทั่วๆ กระทะอีก  ฉันชักจะเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ  แต่ก็ต้องจำใจทำเหมือนเดิม  ฉันทำตามที่มันสั่งจนเสร็จ  แล้วมันก็เริ่มหยิบเนื้อขึ้นมาย่างบนกระทะ   ฉันไม่รีรอ คีบเอาหมูสามชั้นของโปรดมาย่างฝั่งตัวเองเหมือนกัน  เราสองคนนั่งกินไป  คุยกันไป   ไอ้เต้บ่นว่าหิวข้าว อยากกินข้าว  มันจึงสั่งข้าวผัด   ก็เลยถามฉันว่าจะกินด้วยมั้ย  ฉันก็ตอบกวนๆ ออกไปว่า  ถ้าสั่งมาก็กิน  มันก็เลยสั่งข้าวผัดรวมจานกลาง  เรานั่งกินกันไปเรื่อยๆ  น้ำโค้กหมดทีไร  ฉันก็ต้องเป็นคนบริการมันตลอดเลย  ออกอาการเซ็งเบาๆ  แต่ก็ทำๆ ไป   เราสองคนนั่งกินอาหารทุกอย่างบนโต๊ะจนหมด  ฉันก็อิ่มแปล้พอดีเลย   อิ่มจัง  ตังค์อยู่ครบ 

       หลังจากที่กินกันจนอิ่มแล้ว  ก็ถึงเวลาคุยเรื่องที่ไอ้เต้อยากคุยกับฉันสักที  แอบลุ้นอยู่นะว่าจะคุยเรื่องอะไร  ฉันจึงบอกให้มันพูดเรื่องของมันมาได้แล้ว   มันก็บอกให้ฉันใจเย็นๆ  ขอกินน้ำอีกสักแก้วก่อน  ไอ้บ้านี่  ลีลาจริงๆ  เลย   พอมันดื่มโค้กจนหมดแก้ว  ฉันก็เริ่มตั้งคำถามอีกครั้ง

       “ ตกลงจะคุยเรื่องอะไร ”

       “ ก็เรื่องที่ฉันฝากไอ้โต๊ดไปขอเบอร์แกไง  ”  อ๋อ  นึกว่าเรื่องอะไร  เรื่องแค่เนี่ย  ทำไมต้องมีพิธีรีตองขนาดนี้ด้วยนะ คุยอยู่สนามกีฬาก็ได้  ป่านนี้คงได้กลับบ้านไปนอนดูทีวีแล้ว

       “ โอ้ยยย...   นึกว่าเรื่องอะไร  ทำไมแกไม่พูดตั้งแต่ทีแรก  จะลากฉันมากินหมูกระทะด้วยทำไม ”  พูดแล้วก็เซ็ง เรื่องแค่นี้ลีลาอยู่ได้

       “ เออ....   สรุปจะให้มั้ย ” คำถามสั้นๆ  ที่ถามด้วยน้ำเสียงดุดัน  ทำฉันกดดันเหมือนกันนะเนี่ย  แต่ก็ต้องขอตอบออกไปว่า 

       “ คงให้ไม่ได้หรอก ”   ไอ้เต้หน้าดุขึ้นมาทันที  จ้องฉันตาเขม็ง

       “ ทำไมวะ  ทำไมถึงให้ไม่ได้ ” มันเริ่มเอะอะโวยวาย  จนคนแถวนั้นเริ่มหันมาดูกันใหญ่แล้ว  ทำอะไรไม่คิดเลยนะมัน  ไม่อายคนอื่นบ้างรึไงว้า

       “ แก เบาเสียงลงหน่อยสิ  คือ....  ถ้าเอาเบอร์ไป  ยังไงก็ไม่ได้คุยกันอยู่ดี เพราะถ้าแกโทรมา พ่อก็ต้องรับสายก่อน  พอพ่อได้ยินเสียงแก  พ่อไม่มีทางให้เราคุยกันหรอก ”  ดูจากสีหน้า   เหมือนมันจะอารมณ์เย็นลงแล้ว  ค่อยโล่งอก  นึกว่าจะโดนเตะกลางร้านหมูกระทะซะแล้ว

        “ เออ....  รู้แล้ว  แต่ฉันมีวิธี   แกรีบๆ เอามาให้ฉันเลย  ที่ฉันเลี้ยงวันนี้ ไม่ได้เลี้ยงฟรีนะเว้ย  แลกกับเบอร์แก  เอามาซะดีๆ ”  ง่า  ที่แท้ก็เป็นแผนการอันชั่วร้ายของมันนี่เอง  ไอ้เราก็นึกว่าฟรี ไม่มีข้อแลกเปลี่ยน  ที่ไหนได้  ของฟรีไม่มีในโลก  สำหรับไอ้เต้ ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอ  หรือไม่ก็เก็บเอาไว้ทวงบุญคุณทีหลัง  คราวหน้า  ฉันจะไม่รับอะไรจากมันอีกแล้ว  วันนี้ถือว่าเป็นวันซวย

       “ รู้แล้ว  เอาโทรศัพท์มาดิ จะกดเบอร์ให้ ” ถึงฉันจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่  แต่ก็ต้องจำใจให้เบอร์ไอ้เต้ไป 

       มันยื่นโทรศัพท์มาให้  ฉันรับมาและกดเบอร์โทรของพ่อ  แล้วยื่นโทรศัพท์กลับคืนเจ้าของเครื่อง  มันก็รับเอาไป และบอกว่าจะเมมเป็นชื่อฉัน  ฉันก็บอกออกไปว่าตามใจ  เพราะจะเมมชื่อว่าอะไร  สุดท้ายก็ต้องได้คุยกับพ่อก่อนอยู่ดี  คราวนี้แหละ  มันจะได้โดนพ่อฉันด่า จนไม่กล้าโทรมาอีกเลยคอยดู  คิดแล้วก็สะใจ 55555  จนเผลอหัวเราะออกมาเบาๆ

       “ ขำไรอะ ”  มันทำหน้า งงๆ  เฮ้อ... ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยย....

       “ เปล่า  ไม่มีอะไร อิ่มแล้วแก กลับบ้านกันเถอะ ” มันพยัคหน้าตอบรับ

       หลังจากที่ไอ้เต้จ่ายเงินค่าอาหารแล้ว พวกเราก็เดินออกมาหน้าร้าน  มันบอกจะไปส่งฉันที่บ้าน  ฉันจึงรีบปฏิเสธทันที  เพราะถ้าพ่อเห็นเข้า  ฉันซวยแน่ๆ  และบอกเหตุผลไปตามตรง  มันก็เข้าใจ  และไม่ไปส่งฉัน   เราล่ำลากัน  ฉันขับรถกลับบ้าน  ส่วนไอ้เต้จะกลับบ้านหรือไปต่อที่ไหนก็เรื่องของมัน  ฉันกลับถึงบ้านสองทุ่มกว่าๆ   งานนี้ต้องหาข้ออ้างแล้วสิเรา  เฮ้อ.....  ต้องโกหกพ่อกับแม่   ชักจะทำตัวไม่ดีแล้วฉัน   เพราะไอ้เต้คนเดียว   :angry2:               

          เดี๋ยวมาต่อ  Part 2  ให้นะจ๊ะ   :bye2:


หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 14 Part 1/2 : 25-10-58
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 25-10-2015 07:31:25
มาแล้ว หายไปนานมากเลยอะ มาต่ออีก 2 ตอนนะ 555
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 14 Part 1/2 : 25-10-58
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 25-10-2015 21:16:30

นึกว่าแฟนนิยายจะหายไปหมด ดีใจที่ยังมีคอมเม้น  และขอบคุณสำหรับการติดตามจร้า   :impress2:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 14 Part 1/2 : 25-10-58
เริ่มหัวข้อโดย: PoMArmKuB ที่ 26-10-2015 17:36:18
อ่านถึงตอนที่ 10 เอง เด่วอ่านต่อ 555555 หนุกดี
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 14 Part 1/2 : 25-10-58
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-10-2015 21:34:18
ถึงจะให้เบอร์พ่อไปเต้ก็อาจผ่านด่านพ่อได้นะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 14 Part 2/2 : 29-10-58
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 29-10-2015 14:26:33

ตอนที่  14  Part  2/2

      เช้าวันรุ่งขึ้น  ฉันก็ทำหน้าที่ของนักเรียนเหมือนเดิม  คือไปโรงเรียนก่อนแปดโมงเช้า เข้าเรียน  และพักกลางวัน  เป็นช่วงเวลาที่ฉันชอบมาก เพราะจะได้นั่งเม้าท์มอยกับเพื่อนๆ  อิสายป่านที่ดูเศร้าตั้งแต่เมื่อวาน  วันนี้ก็ยังเหงาหงอยเหมือนเดิม  ในกลุ่มมีฉันแค่คนเดียวที่รู้สาเหตุที่ทำให้เพื่อนสาวเป็นแบบนี้  ส่วนอิกระต่ายกับแม่นางมายด์พากันนั่ง  งง  ถามอิสายป่าน  นางก็ไม่ยอมพูดอะไร  พวกมัน 2 คนก็เลยเดินไปซื้อข้าว  ท่าทางหงุดหงิดอิสายป่านน่าดู           

       “ แค่ผู้ชายคนเดียว  ทำให้มึงเป็นถึงขนาดนี้เลยหรอ ”  ฉันพยายามจะเตือนสตินาง

      “ มึงไม่เคยรักใครชอบใคร  แล้วจะมาเข้าใจอะไรกู ”  นางพูดเสียงอ่อยๆ  เหมือนกำลังจะร้องไห้ 

       “ ถึงกูจะไม่เข้าใจ  แต่กูก็ไม่อยากเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้  ผู้ชายเยอะแยะในโรงเรียน   เลือกชอบสักคนสิวะ  จะมามัวเศร้าอยู่ทำไม  เชื่อกูเถอะ ” 

       “ นั่นสินะ  เศร้าไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร  ขอบใจมึงมากนะ ”  ฉันยิ้มให้กำลังใจเพื่อน   และนางก็ยิ้มตอบเช่นกัน 

       เราเดินไปซื้อข้าว  พอไปถึงร้านข้าวราดแกงเจ้าประจำ  เราก็สั่งกับข้าวที่อยากกิน  และกลับมานั่งโต๊ะ   เห็นเพื่อนสาวอีก 2 นางนั่งรออยู่แล้ว   พอนั่งลงก็นึกขึ้นได้ว่าลืมซื้อน้ำมาด้วย  อิสายป่านก็เลยฝากฉันซื้อ   

       ฉันเดินไปซื้อน้ำอัดลมที่ร้านขายน้ำ  พอหันหลังกลับก็เจอไอ้โชคที่ยืนอยู่ตรงหน้า   มันกำลังยืนทำหน้าทะเล้นใส่ฉัน  ไอ้บ้านี่  กวนประสาทมาก  ฉันเดินเลี่ยงออกมา  แต่มันก็ขยับตัวมาขวางทางเอาไว้  ซ้ายที  ขวาที  เล่นบ้าอะไรของมัน   ฉันชักจะอารมณ์เสียแล้วนะ 

       “ หลีกทางหน่อย  จะรีบไปกินข้าว ”  เสียงดุๆ ของฉันไม่สะทกสะท้านอะไรเลย  เพราะมันยังยืนอยู่ที่เดิม

      “ ขอไปนั่งกินด้วยได้มั้ย  ”  พูดแล้วมันก็ส่งยิ้มมาให้ฉันเหมือนเคย 

       “ แล้วเพื่อนไปไหนซะหละ  ทำไมไม่ไปนั่งกินกับเพื่อน ”

       “ ก็ฟิล์มไงเพื่อนเรา  นะๆ  ถ้าฟิล์มอนุญาต  เราจะเดินไปซื้อกับข้าวเดี๋ยวนี้เลย ”  ปฏิเสธไปก็คงไม่สำเร็จ  ฉันจึงตอบตกลง   มันดีใจใหญ่เลย  ยิ้มจนหน้าบาน  ก่อนจะรีบวิ่งไปซื้อข้าว

       ฉันเดินมานั่งที่โต๊ะ   และบอกกับเพื่อนๆ ว่าไอ้โชคจะมากินข้าวด้วย  ดูพวกนางตกใจนิดนึง  แถมยังแอบแซวฉันอีกว่าฉันเป็นคนชวนมันมานั่งกินข้าวด้วย  ฉันก็รีบแก้ต่างให้ตัวเองทันที   หวังว่าพวกมันคงจะเชื่อฉันนะ  นั่งกินข้าวได้ไม่นานไอ้โชคก็เดินมาทรุดตัวนั่งลงข้างๆ ฉัน  ทำเอาฉันตกใจไปเลยทีเดียว  มันก็มองหน้าฉันแล้วทำทำหน้าเหรอหรา 

       “ โชค  ไปนั่งที่อื่นไม่ได้หรอ ” ฉันไม่ได้รังเกียจมันหรอกนะ แต่ฉันกำลังกลัว  กลัวใจตัวเอง 

       “ ไม่เอาหรอก  นั่งกับฟิล์มนี่แหละ  ทำไมอะ  รังเกียจเราหรอ ” ดูมันทำหน้าทำตาสิ  น่าตาทะเล้นๆ แบบนั้น  น่ารักเป็นบ้าเลย  ฉันรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าและหูทั้งสองข้าง  เกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย

       “ เปล่า  นั่งตรงนี้ก็นั่ง ” ฉันรีบหลบสายตาคู่นั้นทันทีที่พูดจบ  และทานข้าวต่อไป

       “ โชค  ถ้าฟิล์มไม่อยากให้นั่งด้วย  มานั่งกับเราก็ได้นะ ” แรงมากอิกระต่าย  ช่างกล้าเนอะ

       “ เอ่อออ  ไม่ดีกว่า  นั่งตรงนี้แหละ  เดี๋ยวกับข้าวไม่อร่อย ”

       55555  เสียงหัวเราะของพวกเราดังขึ้น   ฉันไม่ได้ตั้งใจหัวเราะเยาะมันหรอกนะ  แต่ฉันขำเพราะคำพูดของไอ้โชคนี่แหละ  อิกระต่ายก็หน้าบูดไปตามระเบียบ  แถมยังงอนพวกเราอีก   ดูๆ ไปแล้วก้น่าสงสารนะ  พวกเราก็เลยช่วยกันปลอบใจนาง  เห็นไอ้โชคบอกว่าวันหลังจะพาหนุ่มๆ มานั่งเป็นเพื่อนนาง  เท่านั้นแหละ  นางก็กลับมาสดชื่นเหมือนเดิม  ท่าทางดีใจเอามากๆ เลยแหละ  เฮ้อออ เพื่อนฉัน  จะโดนไอ้โชคหลอกรึ่ป่าวเนี่ย 

       หลังจากกินข้าวเสร็จ  ไอ้โชคก็ขอตัวไปเตะบอลกับเพื่อน  ก่อนไปมันบอกฉันว่าคืนนี้ขอโทรหา  ฉันก็ตอบออกไปว่าตามใจ  มันยิ้มดีใจ  แล้วเดินจากไป  พวกเรา 4 สาวก็ได้เวลานั่งเม้าท์มอยกันต่อ 

       ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว  แต่วันนี้เป็นเวรทำความสะอาดห้องของฉัน  ฉันเลยต้องอยู่ทำความสะอาดห้องก่อน  เพื่อนร่วมเวรมีอิกระต่ายและมายด์ด้วย  แล้วก็ไอ้โต๊ดอีกคน   แล้วก็เพื่อนอีก 4  คน  ในขณะที่กำลังทำความสะอาดห้องอยู่  ไอ้โต๊ดก็เดินมาหาฉันพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มาให้  สีหน้าท่าทางไม่พอใจ  บอกว่าไอ้เต้โทรมา  ฉันก็รับเอาโทรศัพท์มา  และเดินออกไปคุยนอกห้อง  ไอ้โต๊ดก็เดินตามหลังมา   

       “ ว่าไงเต้ ” ฉันกล่าวทักทายหมายเลขปลายทาง

       “ มีเรื่องไม่ค่อยสบายใจหวะ  อยากปรึกษาแก  เย็นนี้มาเจอกันหน่อยดิ ”  น้ำเสียงของมันฟังดูเศร้าๆ  เหมือนคนมีเรื่องทุกข์ใจจริงๆ แหละ

       “ พรุ่งนี้มีสอบย่อยวิชาภาษาอังกฤษ  ฉันต้องอ่านหนังสือ  คงไปหาแกไม่ได้หรอก ”  ฉันพูดไปตามจริง  หวังว่ามันจะใช้เป็นข้ออ้างได้นะ 

       “ อืม ไม่เป็นไร  งั้นคืนนี้ฉันโทรหาแกนะ  อยากระบายความรู้สึกหวะ ” 

       “ อืม ”    ฉันวางสายแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ไอ้โต๊ด  ที่ยืนทำหน้าบูดหน้างออยู่

       “ ฟิล์ม  ทำเวรเสร็จแล้วอยู่คุยกับโต๊ดที่ห้องก่อนได้มั้ย ”

       “ ทำไมต้องที่ห้องด้วยหละโต๊ด  ไปคุยกันข้างล่างไม่ได้หรอ ” ฉันว่ามันแปลกๆ นะ ก็เลยพยายามเปลี่ยนสถานที่  อีกอย่าง  ในตอนนี้มันอารมณ์เสียซะด้วย ไม่อยากอยู่กับมันสองต่อสอง               

       “ ไหนฟิล์มบอกว่า  ถ้าเราขออะไรจะให้ทุกอย่างไง  เราขอแค่นี้ไม่ได้หรอ  ทีไอ้เต้ขออยู่กับฟิล์มสองคนหละ  ฟิล์มยังให้มันเลย ”  ฉันนี่หน้าเหวอ  เอ๋อแดก  ไปเลยคะ  ดันไปสัญญาเอาไว้แบบนั้นจริงๆ   ฉันเลยตอบตกลงไป 

       เราเดินกลับเข้ามาในห้อง และช่วยกันทำเวรจนเสร็จ  ฉันบอกให้ไอ้โต๊ดรออยู่บนห้อง  ส่วนฉันก็แอ๊บเดินลงไปข้างล่างกับมายด์และอิกระต่าย  เพราะไม่อยากให้พวกมันรู้ว่าฉันอยู่บนห้องกับไอ้โต๊ดสองคน   พอพวกนางสองคนเดินไปขึ้นรถประจำทาง  ฉันก็เดินกลับขึ้นห้องไปหาไอ้โต๊ด 

       “ จะคุยอะไรกับฟิล์มหรอ  รีบๆ หน่อยนะ อิสายป่านนั่งรออยู่ข้างล่าง ”  ฉันเดินเข้ามาทางหลังห้อง เพราะประตูหน้าห้องถูกปิดแล้ว  พอดีกับไอ้โต๊ดยืนอยู่หลังห้องพอดี   

       มันเดินสวนฉันไป  และปิดประตูหลังห้อง  ฉันตกใจสุดขีด   ยืนตัวแข็ง  ใจเต้นตึกๆ  ความกลัวเริ่มครอบงำ  ไอ้โต๊ดเดินเข้ามาหาฉันในระยะเกือบประชิดตัว  ฉันได้แต่ยืนตาค้าง  หน้าซีดเผือด 

       “ โต๊ด  โต๊ดจะทำอะไร ” ฉันพูดเสียงสั่นด้วยความกลัว

       “ ถึงขนาดนี้แล้ว  ฟิล์มยังไม่รู้อีกหรอว่าโต๊ดจะทำอะไร ”  มันทำตาหวานเยิ้มใส่ฉัน  ไม่นะ  ฉันยังไม่พร้อม  ฮือๆ 

       “ ล้อเล่นใช่มั้ย  โต๊ดคงไม่ทำจริงๆ หรอก  เรากลัวไปหมดแล้วนะ  อย่าล้อเล่นแบบนี้สิ ”

       ฉันเดินเลี่ยงมันไปที่ประตูหลังห้อง  แต่ไม่ทันจะถึงประตู  ไอ้โต๊ดก็เดินมาสวมกอดฉันจากด้านหลัง  จนฉันสะดุ้งตกใจ  ฉันบอกให้มันปล่อย  และพยายามดิ้นขัดขืนหวังจะให้หลุดจากอ้อมกอดนี้  แต่มันกลับรัดแน่นขึ้น จนหายใจแทบไม่ออก  ฉันดิ้นจนเหนื่อย   และหมดแรงต่อสู้แล้ว  จึงหยุดอยู่อย่างนั้น

       “ เอาเลยสิ  อยากทำไรก็เชิญ ”  ฉันพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา  ความหวังที่จะรอด  คงหมดลงแล้วสินะ 

       “ โต๊ดรักฟิล์มนะ   อย่าดื้อนะครับคนดี ” เสียงหื่นนั่นกระซิบข้างหูของฉันเบาๆ  ชวนให้ขนลุกไปทั้งตัว 

       ไอ้โต๊ดเริ่มรุกล้ำอธิปไตยของฉันด้วยการไซร้ไปตามซอกคอของฉัน  ฉันกลัวจนตัวสั่น  มือทั้งสองข้างเลื่อนขึ้นมาจับหน้าอกของฉันที่กำลังตั้งเต้าจากฤทธิ์ของยาคุม  มือนั้นเริ่มขยำหน้าอกของฉันอย่างช้าๆ และนุ่มนวล  ดวงตาของฉันค่อยๆ ปิดลง  ด้วยเคลิบเคลิ้มกับการกระทำนี้   มันผละตัวฉันออกไปนิดนึง  ก่อนจะจับฉันหันกลับมา   ลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง  เห็นไอ้โต๊ดยืนหน้าหื่น ตาหวานเยิ้ม  กำลังปลดกระดุมเสื้อ  และถอดออกในที่สุด  ผิวขาวๆ แผ่นอกกว้างๆ  และซิกแพ็กที่พอเห็นรางๆ  มันชวนให้ฉันหลงใหลได้ดีเลยทีเดียว

       ไอ้โต๊ดถลาตัวเข้ามาโอบกอดฉันอีกครั้ง  มันยังไซร้ซอกคอของฉันเหมือนเดิม  โชคดีหน่อยที่มันไม่ได้ดูดคอของฉัน เพียงแค่หอม  จูบ และใช้ลิ้นเลียไปทั่วลำคอ  ให้ความรู้สึกเสียวจนขนลุกไปทั้งตัว   ฉันค่อยๆ  หลับตาลงอย่างเคลิบเคลิ้ม  ไม่นานริมฝีปากของฉันก็โดนประกบด้วยริมฝีปากของผู้ชายคนนี้   เราจูบกันอย่างดูดดื่ม  และสอดลิ้นเข้าหากันอย่างนุ่มนวล   เราจูมพิศกันอย่างดูดดื่มอยู่พักนึง  ก่อนจะละริมฝีปากออกจากกัน

“ ฟิล์ม  ช่วยเราหน่อยนะ  ตอนนี้เราเงี่ยนสุดๆ เลยอะ ”

       “…………………………. ”  ฉันพูดอะไรไม่ออก  เพราะตอนนี้กลับมามีสติอีกครั้ง  คิดถึงสิ่งที่เราสองคนกำลังทำอยู่  นี่ฉันกำลังทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย  ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือสติและความถูกต้องได้ยังไง  โง่จริงๆ เลย 

       ไอ้โต๊ดถอดอ้อมกอดออกจากฉัน  และถอยห่างไปเล็กน้อย  สองมือเริ่มปลดเข็มขัดออกจากเกงเกง  ก่อนจะถอดกางเกงนักเรียนสีน้ำเงินออก  เหลือเพียงแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียว  โชคดีไป  นึกว่าจะเห็นกางเกงในซะแล้ว  เฮ้ออออ  แต่โชคดีก็อย่าได้ไม่นาน  เมื่อสองมือนั้นกำลังจะถอดบ็อกเซอร์   ไม่นะ  ม้ายยยยยยยย

      “ หยุดนะ ”  สองมือนั้นหยุดชะงัก  บ็อกเซอร์ยังคงอยู่ที่เดิม  เกือบไปๆ   

      “ ทำไมหละฟิล์ม ”  คำถามมาพร้อมกับใบหน้า งงๆ 

       “ พอเถอะโต๊ด  เราทำอะไรเกินเลยกันมามากแล้ว  พอได้แล้ว ”  เสียงอ่อยๆ ของฉัน กำลังขอร้องให้มันหยุด

       “ ไม่เอานะ  ทำแบบนี้ก็อารมณ์ค้างสิ  ทำต่ออีกนิดนะ  เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว ”  มันทำตาละห้อย  ดูน่าสงสาร  แล้วค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้  แต่ฉันกลับเอามือทั้งสองข้างดันอกของมันเอาไว้  จนเจ้าตัวต้องหยุดฝีก้าวเอาไว้ตรงนั้น

       ฉันมองดูไอ้โต๊ดที่อยู่ตรงหน้า   นึกถึงวันเก่าๆ ที่ผ่านมา  มันช่างดีเหลือเกิน  เทียบกับวันนี้มันฝันร้ายชัดๆ  ความเจ็บปวดที่เห็นเพื่อนดีๆ คนนึง  กลายมาเป็นแบบนี้   ทำให้ฉันถึงกับน้ำตาคลอเบ้า   ในที่สุดฉันก็ทนความเจ็บปวดในครั้งนี้ไม่ไหว  น้ำตาของฉันเอ่อล้นออกมาไม่ขาดสาย  พร้อมกับเสียงสะอื้นที่แสนเจ็บปวด   

       “ ขอโทษ  ขอโทษนะ ” ใบหน้าเศร้าๆ พูดเสียงกร่อยๆ   

       ฉันยิ้มท่ามกลางน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม   ก่อนจะถลาเข้ากอดไอ้โต๊ด

       “ ขอบคุณนะ ”  เราสวมกอดกันและกันอย่างอบอุ่นด้วยมิตรภาพของเพื่อน 

       และในที่สุด  ฉันก็ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในวันนั้นไปได้  โดยไม่ต้องเสียตัว  เอ๊ะ แค่นี้เค้าเรียกว่าเสียตัวรึป่าวนะ  ไม่รู้สิ  แต่สำหรับฉัน  ฉันไม่คิดว่ามันเป็นการเสียตัวนะ  เพราะตรงนั้นของฉันยังเวอร์จิ้นอยู่  และยังไม่ได้ปะทะกับน้องชายของมันเลยนะ  แสดงว่าฉันยังเป็นสาวบริสุทธิ์ จร้า.....

...........................................................................


หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 14 Part 2/2 : 29-10-58
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 29-10-2015 15:45:11
สงสารโต๊ด
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 14 Part 2/2 : 29-10-58
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 29-10-2015 17:11:49
สั้นจังอะ มาอีกตอนเถอะ รอหลายวันเลยเนี่ย ยังไม่จุใจเลย เด๋วเรารอ ให้ลงหลายๆตอน แล้วค่อยอ่านดีกว่า มันค้างมากมาย
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 14 Part 2/2 : 29-10-58
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 29-10-2015 20:19:11
 :m31:
ที่โต๊ดมันทำแบบนี้ เพราะอิเต้มันช้าไง โอ้ยยยย ทำอะไรชักช้าไม่ได้ดั่งใจเลยอิเต้
//ค่อนข้างใส่อารมนิสสสสหนุง 5555555 ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันค่ะว่าทำไมถึงได้เชียร์เต้
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 14 Part 2/2 : 29-10-58
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-10-2015 00:18:50
ดีนะที่หนูฟิล์มยังไม่เสียซิง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 14 Part 2/2 : 29-10-58
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 30-10-2015 02:33:25
ง่า เค้าก็หาอยู่ตั้งตั้งนาน
ว่าพี่ฟิล์มหายไปไหน  :katai4:
โถ่ ที่แท้ก็เปลี่ยนชื่อเรื่อง  :z3:
เหอๆ เราโง่เอง  :katai1:
แต่ดีใจที่หาเจอจนได้
ยังติดตามอยู่น่ะค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 14 Part 2/2 : 29-10-58
เริ่มหัวข้อโดย: ปุกปิกกุ๊กกิ๊ก ที่ 30-10-2015 10:31:54
 :hao6: :hao6: :hao6:     ฟิล์มมีเเตผู้ชายเข้ามา  แต่ล่ะคนเกมือนจะเข้ามาจีบเลย
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 14 Part 2/2 : 29-10-58
เริ่มหัวข้อโดย: ปุกปิกกุ๊กกิ๊ก ที่ 30-10-2015 15:05:46
 :serius2: :angry2: :serius2: :angry2:    บ้าจริงทำไมเปนงี่ไปได้เนอะ ม่เปนยังไงเราก้อชอบ
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 14 Part 2/2 : 29-10-58
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 31-10-2015 02:03:10

      ช่วงนี้งานหนักอีกแล้ว  ไม่ค่อยมีเวลาเขียนอีกตามเคย  รอกันได้มั้ยเอ๋ย

# PoMArmKuB # ตามมาอ่านเร็วๆ นะ  อิอิ

# 4559 # สงสารโต๊ด  แล้วไม่สงสารฟิล์มบ้างหรอ  แอบน้อยใจเบาๆ

# angelnan # ง่า  ไม่เอาแบบนั้นได้ป่ะ อยากให้ตามอ่านและคอมเม้นให้ทุกตอนเลยอะ นะๆ

# tutatoomtam #  อย่าบอกนะว่า  ตัวเองเชียร์ให้นายเต้ปล้ำเราอะ  ไม่นะ  ใจร้ายจัง  ฮือๆๆ 

#  TaecKhun Imagine Love #  คิดเหมือนกันเลย  สรุปคือ.....เรายังไม่เสียซิงจริงๆ ใช่มะ

#  ooomukooo #  หายหน้าหายตาไปนานเลย  แต่ในที่สุด  ก็หากันจนเจอ  อิอิ  คิดถึงจังเลย

# ปุกปิกกุ๊กกิ๊ก #  ชอบอะไร  ชอบใคร  55555  แอบมีความลับหรอ  อิอิ

       
       แล้วเจอกัน  ตอนที่  15  เร็วๆ นี้    :mew1:

   
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 15 up คืนนี้นะ
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 07-11-2015 21:55:42


วันนี้เลิกงานเที่ยงคืน กลับถึงห้องแล้วจะอัพตอนที่ 15 นะจ้ะ   :katai4:

 o13 o13 o13 o13 o13

หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 15 up คืนนี้นะ
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 08-11-2015 00:37:48
รอค๊าาา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 15 : 08-11-58
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 08-11-2015 03:24:08

       ห่างหายไปนานเลย  มาต่อให้แล้วนะ   :laugh:

ตอนที่  15 

   คืนนี้ในขณะที่ฉันกำลังนั่งทบทวนบทเรียนวิชาภาษาอังกฤษอยู่บนที่นอน  มองไปเห็นตุ๊กตาหมี  นึกถึงเจ้าของที่ให้มา  ก็พานคิดไปถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อตอนบ่าย  แต่ก็ช่างมันเถอะ  เพราะสุดท้ายแล้วเราก็ผ่านมันมาได้  และเราก็ยังคงเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม   เราตกลงกันอย่างนั้น   ฉันละสายตาจากตุ๊กตาหมี  และหันกลับมาอ่านหนังสือตามเดิม

   ก๊อก    ก๊อก  ก๊อก  ...........

   ฉันเดินไปเปิดประตู  ไอ้น้องชายตัวแสบยื่นโทรศัพท์มาให้พร้อมกับบอกว่าเพื่อนโทรมา  ฉันรับเอาโทรศัพท์มา ก่อนจะปิดประตู  แล้วกลับไปนั่งบนที่นอน   เบอร์ไอ้โชคนี่นา  โทรมาจริงๆ ด้วยแฮะ

   “ ฮาโหล ” ฉันทักทายคนปลายทางสั้นๆ   

   “ ฟิล์มหรอ  ทำไรอยู่  ” น้ำเสียงที่ฟังดูตื่นเต้นดีใจของคนปลายทางทักทายกลับมา

   “ อ่านหนังสือ  พรุ่งนี้มี  Test  วิชาภาษาอังกฤษหนะ ”

   “ ขยันจัง  โชคกวนฟิล์มรึเปล่า ” 

   “ ไม่เป็นไร  คุยได้นิดหน่อย ” ฉันยิ้มบางๆ ให้กับคนปลายทาง  เขาจะรู้หรือเปล่านะว่าฉันกำลังยิ้มให้

   เราคุยกันอยู่ประมาณ 5 นาที  ไอ้โชคกลัวรบกวนเวลาอ่านหนังสือสอบของฉัน  ฉันกลับไม่ได้คิดอย่างนั้น  แต่กลับรู้สึกว่า อยากคุยกับมันนานกว่านี้  แต่ในเมื่อเขาหวังดี   ฉันก็ขอตอบรับน้ำใจ  เราจึงวางสายกัน  ฉันแอบคิดถึงไอ้โชคด้วยแหละ  จะปิดกั้นความรู้สึกของตัวเองไปอีกนานแค่ไหนนะฟิล์ม 

   ห้าทุ่มแล้ว  ฉันเริ่มง่วงนอน  ตาแทบจะปิดอยู่แล้ว  อ่านมาสองสามรอบแล้วหละ  งั้นคืนนี้พอแค่นี้แล้วกัน  ฉันเก็บหนังสือและปากกาเน้นข้อความ  ไปวางไว้ที่โต๊ะหนังสือ   ระหว่างนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง   ฉันเดินกลับมาตรงที่นอนแล้วทิ้งกายอันบอบบางลงบนที่นอนนุ่มๆ  ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มาดูหมายเลขที่โชว์อยู่บนหน้าจอ  ใครโทรมาดึกๆ ดื่นๆ  แบบนี้นะ 

   “ สวัสดีคะ ” ฉันทักทายหมายเลขปลายทางอย่างเป็นทางการ 

   “ ...............................”  เงียบ  ไม่พูด  โรคจิตหรือป่าวว้า

   “ ถ้าไม่พูด  ขอวางสายนะคะ ”

   “ เดี๋ยวก่อน ” เสียงจากปลายทางสวนขึ้นมาทันที   เสียงผู้ชายนี่หว่า 

   “ แล้วต้องการพูดกับใครคะ ”

   “ ขอสายฟิล์มครับ ”  เอ๋.....ใครอะ 

   “ พูดสายอยู่คะ ” 

   “ เชี่ย  กูนึกว่าผู้หญิงที่ไหน  เสียงโครตเหมือน ”  เอิ่มม  ภาษาดอกไม้แบบนี้  คงจะเป็นใครไปไม่ได้  นอกจากมันคนเดียว   ฉันเพิ่งนึกออก ว่ามันบอกว่าจะโทรหาคืนนี้  ลืมไปสนิทเลย  5555

   “ ขอบใจที่ชม  แต่จะดีใจกว่านี้  ถ้าจะกรุณาใช้ภาษาสุภาพในการสื่อสาร ”  ขอจิกเบาๆ หน่อยเถอะ

   “ คร้าบผม  ไหนบอกว่าเบอร์พ่อ  ทำไมถึงรับสายได้หละ ”

   “ เบอร์พ่อจริงๆ  พอดีเพื่อนโทรมา  คุยเสร็จก็เลยยังไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปคืนพ่อ  แกก็โทรมานี่แหละ ”

   “ จริงอะ  นึกว่าแอบขโมยโทรศัพท์พ่อมาไว้รอรับโทรศัพท์ผมซะอีก ”  ช่างกล้าคิดเน่าะ  หลงตัวเองสุดๆ 

   “ ฉันไม่ทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นหรอกยะ  ว่าแต่ดึกดื่นขนาดนี้  โทรมาทำไมไม่ทราบ ”

   “ มีเรื่องไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่  อยากพูดระบาย  อยากขอคำปรึกษา  กูคิดว่ามึงนี่แหละ จะให้คำตอบกูได้ดีที่สุด ”

   ฉันก็ทำหน้า งงๆ  นึกไม่ออกเลย  ว่าไอ้เต้จะมาปรึกษาฉันเรื่องอะไร  แล้วมันรู้ได้ไง ว่าฉันจะให้คำตอบมันได้ดีที่สุด  มโนไปเองมากกว่า  ไอ้นี่ท่าทางจะเพี้ยน  มันเริ่มเล่าเรื่องของมันให้ฉันฟัง  จะเรื่องอะไรซะอีกหละ นอกจากเรื่องผู้หญิง  พร่ำเพ้ออยู่ได้ว่าไม่เข้าใจผู้หญิง ทำไมผู้หญิงโกรธง่าย ขี้งอน หายยาก  แล้วยังมาบ่นต่ออีกว่าง้อผู้หญิงไม่เป็น  เออ  มันก็สมควรอยู่หรอก ฉันหละนึกภาพผู้ชายป่าเถื่อนๆ อย่างมันตามง้อผู้หญิงไม่ออกจริงจริ๊ง  คงตลกตายชัก  55555 

   ฉันปล่อยให้มันพล่ามอยู่นาน สุดท้ายก็ลงท้ายด้วยการขอคำปรึกษาจากฉัน  เกี่ยวกับวิธีง้อผู้หญิง  สงสัยคงจะโดนแฟนงอลมาแหงๆ  ถึงจะไม่ยอมพูดตรงๆ ฉันก็พอเดาได้หรอกน่า อาการแบบนี้  ไอ้เต้เอ้ยยย  ใครจะไปคิดว่าแกจะมีมุมน่ารักๆ แบบนี้  ฉันจะช่วยสงเคราะห์แล้วกัน  ขอให้แกง้อแฟนได้สำเร็จนะจ้ะ 

   “ ง่ายนิดเดียวแก  ผู้หญิงเค้าชอบอะไรสวยๆ งามๆ  ถ้าแกจะง้อจริงๆ  ก็ลองซื้อตุ๊กตา   ไม่ก็หาดอกไม้สวยๆ ไปง้อเค้าสิ  แนะนำว่าเป็นดอกกุหลาบสีแดงนะแก  รับรองร้อยทั้งร้อย  หายงอลหายโกรธแน่ๆ ”

   “ งั้นก็เอามันทั้งสองอย่างนั่นแหละ  แต่.....  เลือกไม่เป็นหวะ  มึง......  ช่วยเลือกหน่อยดิ ”  น้ำเสียงติดๆ ขัดๆ นั้นกำลังขอให้ฉันช่วยเหลือ 

   “ ก็ได้  จะไปซื้อวันไหนหละ ”

   “ เอาวันที่มึงว่างแล้วกัน  ว่างวันไหนก็ค่อยบอก  แต่อย่าให้เกินอาทิตย์นี้นะเว้ย ”  ขู่ฉันหรอยะ  แต่ครั้งนี้มาแปลก  ตามใจฉันด้วย ปกติเห็นบังคับตลอด  แต่ก็ดีแล้วแหละ  ฉันจะได้รู้สึกเป็นอิสระขึ้นมาหน่อย

   เราตกลงกันว่าถ้าฉันได้เวลาว่าง  ฉันจะโทรไปบอกมันอีกที   ส่วนเรื่องดอกไม้กับตุ๊กตา  ค่อยไปเลือกดูที่ร้าน  และการสนทนาของเราก็จบลง   

   เช้าวันรุ่งขึ้น  ฉันตื่นเช้ากว่าปกติ  วันนี้ก็เลยมาถึงโรงเรียนแต่เช้า  เช้าของฉันนี่ก็ประมาณเจ็ดโมงครึ่งนี่แหละ  เอ...  เช้ารึป่าวนะ  แต่ที่รู้ๆ  คือไม่เห็นอิกระต่ายกับมายด์บนห้อง คิดว่าน่าจะยังไม่มา   ฉันเลยเดินไปที่ห้องของอิสายป่าน  กะว่าจะไปเม้าท์กับนางสักหน่อย  พอเดินไปถึงหน้าประตูห้องก็สอดส่องหาเพื่อนสาวใหญ่เลย แต่กลับไม่เจอซะงั้น   สงสัยยังไม่มาโรงเรียน 

   “ ทำไรอะ ”  เสียงดังมาจากข้างหลัง ทำเอาฉันสะดุ้ง  หันขวับทันที ........ ไอ้โชคนี่เอง   ฉันกำลังตกใจหน้าตาตื่น แต่มันกลับหัวเราะฉันซะนี่  ฉันเลยแสดงสีหน้าไม่พอใจออกไป

   “ มันน่าขำตรงไหนไม่ทราบ  ทำคนอื่นตกใจแทนที่จะขอโทษ  แต่กลับมายืนหัวเราะแบบนี้  มันหมายความว่ายังไง ”  เป็นไงหละ  หน้าซีดอย่างกับไก่ต้มเลยทีนี้ 

   “ ขอโทษนะ  ไม่ได้ตั้งใจ  ไม่คิดว่าฟิล์มจะตกใจขนาดนี้  ว่าแต่.....  มาหาใครหรอ  มาหาโชครึป่าว ” มันทำหน้าเหรอหราใหญ่เลย  กวนประสาทแต่เช้าจริงๆ 

   “ จะถามทำไม  ก็รู้ๆ  อยู่ว่ามาหาใคร ”

   “ แหม   ก็ลองถามดู เผื่อฟิล์มจะใจดี  คิดถึงโชคบ้าง ”  มันทำตาหวาน  กระพริบตาปริบๆ  น่ารักดี  อิอิ

   “ อย่าคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยเลย  แต่ถ้าอยากฝันลมๆ แล้งๆ ก็เชิญ  ฉันไปแหละ ”

   ใจจริง  ก็คิดถึงอยู่นะ  5555  ปากแข็งไปงั้นแหละ  ทำเป็นอวดเก่ง   เดี๋ยวเถ้อะ  ถ้าเขาไปมีคนอื่นแล้วจะหนาว ได้แต่บอกตัวเองอย่างนั้น  แล้วจะให้ทำไง  ให้ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง  แล้วพูดทุกอย่างออกไปตามที่รู้สึกจริงๆ  มีหวังอีกฝ่ายได้ใจกันพอดี  เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราง่าย  ขอเล่นตัวสักหน่อยละกัน 

   ฉันเพิ่งเดินหันหลังให้ไอ้โชค  แต่มันกลับเรียกฉัน  ฉันเลยต้องหันกลับไปหาเจ้าของเสียงเรียกอีกครั้ง   

   “ เย็นนี้เรามีเตะฟุตซอลกับเพื่อนต่างโรงเรียน  ที่สนามกีฬาอำเภอ  ไปดูมั้ย  ”

   “ ไม่รู้สิ  ดูก่อนแล้วกันนะ ” 

   ฉันเดินกลับมาที่ห้อง  เพื่อนๆ เริ่มมากันเยอะแล้ว  แต่สองนางนั้นยังไม่โผล่หัวมาเลย  ฉันจึงหยิบหนังสือวิชาภาษาอังกฤษขึ้นมาทบทวนบทเรียนอีกครั้ง   กะว่าจะเอาคะแนนเต็มให้ได้เลย  หรือไม่ก็ต้องได้ท็อปของห้อง  ฉันต้องชนะพวกผู้ชายและผู้หญิงทุกคน  ฉันจะเป็นหน้าเป็นตาให้กับกะเทยเอง  เรื่องการเรียนนะ  แต่ความสวยนี่  ยังไม่ถึงขั้น 

   “ อยากขยันแบบนี้บ้างจัง ”  ฉันละสายตาจากตัวอักษรบนหน้ากระดาษและเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ตรงหน้า
จะใครซะอีกหละ  ไอ้โต๊ดนั่นเอง   ฉันมองดูใบหน้าที่เรียบเฉยของไอ้โต๊ดอยู่พักนึง  ก่อนจะยิ้มให้มัน

   “ มาอ่านด้วยกันสิ  เดี๋ยวเราติวให้ ” ฉันชวนอย่างเต็มใจ  แล้วมันก็ยิ้มรับ  ก่อนจะเดินอ้อมมานั่งข้างๆ  ฉัน

   “ เรื่องเมื่อวาน  ขอโทษจริงๆ นะ  ฟิล์มยังโกรธเราอยู่รึป่าว ”  ฉันหันมายิ้มให้กับใบหน้าเศร้าๆ ของมัน 

   “ ไม่โกรธแล้วหละ  ก็โต๊ดสัญญาแล้วหนิ ว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก   เราเชื่อว่าโต๊ดจะทำตามสัญญา  เพราะเราเป็นเพื่อนกัน และจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป ”  ฉันพูดด้วยรอยยิ้มที่สดใส  และยังคงยิ้มให้มันอยู่อย่างนั้น  ทำให้ไอ้โต๊ดยิ้มกลับมาด้วยรอยยิ้มที่ดูน่ารักสดใสเช่นกัน  แบบนี้แหละที่ฉันต้องการ  เพราะมันคือรอยยิ้มที่แสดงถึงมิตรภาพของคำว่า        “ เพื่อน ”  เพื่อนกันตลอดไป 

   ตอนเที่ยงของวันนี้  หลังจากที่ฉันกินข้าวอิ่มแล้ว  ฉันก็ต้องมาพบครูที่ห้องพักครู  เรื่องไปสอบแข่งขันการกล่าวสุนทรพจน์เป็นภาษาอังกฤษนั่นแหละ   ครูก็ลองให้ฉันอ่านเนื้อหาที่ให้ไปคราวก่อนให้ฟังหนึ่งรอบ  จากนั้นก็พาฉันอ่าน  สอนเรื่องการออกเสียงหนักเบาในแต่ละคำ   โดยแต่ละคำจะออกเสียงเน้นหนักเพียงแค่  1  พยางค์เท่านั้น  มันทำให้ฉันปวดหัวมาก เพราะนอกจากจะจำเนื้อหาให้ได้ทั้งหมดแล้ว ฉันต้องมานั่งจำอีกว่า  แต่ละคำ  มันเน้นหนักตรงพยางค์ไหน   และต้องมานั่งฝึกออกเสียงให้ถูกต้อง  และให้ได้สำเนียงเหมือนฝรั่งอีก  คุณครูบอกว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ  และหลังเลิกเรียนต้องมาซ้อมพูดกับครูทุกวัน  จนกว่าจะถึงวันแข่ง  คุณครูดูเคี่ยวเข็ญฉันมาก  เพราะวันแข่งจริงจะมีขึ้นสัปดาห์หน้าแล้ว  งานนี้ก็เลยต้องเคี่ยวกันหน่อย  ใช่มั้ยคะ คุณครูขา 

   คาบวิชาลูกเสือ  ช่วงนี้คุณครูปล่อยให้เราพักผ่อนตามอัธยาศัย ก่อนจะเรียกประชุมกอง เพื่อปิดกอง  สามสาวก็นั่งเม้าท์มอยกันอีกตามเคย  แต่การเม้าท์ครั้งนี้  ท่าทางจะได้เรื่อง 

   “ พวกมึง  คืนนี้ที่บ้านกูมีหมอลำด้วยนะ  ไปดูกันมั้ย ” อิสายป่านชวนเราสองคน  ท่าทางดูตื่นเต้น

   “ หมอลำหรอมึง  อยากดูจัง  ไปสิ  แล้วมึงหละอิฟิล์ม  ออกบ้านได้มั้ยยะ ” มันหันมาจิกฉัน

   “ ถ้าจะออกไปจริงๆ  ก็คงต้องโกหกที่บ้านแหละ  แต่กู.....  ไม่ค่อยชอบดูหมอลำเท่าไหร่หวะ ”

   “ โอ้ยยย  นี่ตกลงมึงโง่หรือแกล้งโง่กันแน่   ไปดูหมอลำไม่ใช่ประเด็นหลัก  ประเด็นหลักมันอยู่ที่ผู้ชายต่างหากหละ  ต้องให้บอกให้สอนอยู่เรื่อยเลย ”  อิสายป่านเทศนาฉันใหญ่เลย  ก็ไม่รู้จริงๆ นี่นา   เค้ายังใสๆ อยู่เลยอะ 

   “ ว้ายยย    ผู้ชาย  แล้วไงต่อมึง ”  สะดีดสะดิ้งเชียวนะมึง  แหม  พูดเรื่องผู้ชายหน่อยไม่ได้ 

   “ เอ้าอินี่  โง่อีกคนแระ  กูจะบอกอะไรให้  กะเทยอย่างพวกเราเวลาไปดูหมอลำ  ก็ต้องแต่งหน้าแต่งตัวสวยๆ  แล้วก็ชวนผู้ชายให้มากินเหล้ากับเรา  พอพวกมันเมาได้ที่  พวกมันก็จะเกิดอารมณ์   ถึงตอนนั้น  เราก็จะเป็นคนสนองความต้องการให้ผู้ชายยังไงหละจ้ะ ”  อิสายป่านสาทะยายจนเห็นภาพเลยแฮะ 

   ฉันนี่อึ้งไปเลยคะ  เห็นเพื่อนสาวพูดเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้  แสดงว่ามันต้องเคยทำมาก่อนแน่ๆ  เอิ่ม...  เพื่อนสาวฉันจะแรงไปไหนเนี่ย  แถมยังมาถ่ายถอดวิชามารให้พวกเราอีก  งานนี้เอาไง   ฉันต้องทำแบบนั้นจริงๆ หรอ     

   หลังจากเลิกเรียน  ฉันก็ต้องไปซ้อมอ่านภาษาอังกฤษกับครู  ซ้อมอยู่สองสามรอบครูก็ปล่อยให้ฉันกลับบ้าน ก่อนกลับยังย้ำให้ฉันกลับไปซ้อมอ่านที่บ้านอีก  นี่กะจะเอาที่หนึ่งเลยหรอคะครูขา 

   พอกลับถึงบ้าน  สิ่งแรกที่ฉันวิ่งเข้าหาก็คือตู้กับข้าวตามเคย  ช่วงนี้กินเยอะมาก รู้สึกว่าตัวจะบวมๆ ขึ้นแล้วนะ ส่วนหน้านี่ไม่ต้องพูดถึง  แก้มเริ่มมาเรื่อยๆ และ  ความเป็นน้องนีเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นทุกวัน ขอบคุณพลังแห่งยาคุม คิคิ  พอกินอิ่ม  ก็ได้เวลาซ้อมอ่านตามที่ครูสั่ง อ่านไปได้หนึ่งรอบ ก็นึกขึ้นได้ว่าไอ้โชคชวนไปดูแข่งฟุตซอล  ถ้าเป็นแต่ก่อนคงไม่ไปแน่ๆ  แต่ทำไมตอนนี้  ถึงคิดแล้วคิดอีก สุดท้าย ก็ตัดสินใจไปจนได้ 

   ฉันขับรถมอไซต์มาถึงสนามกีฬาอำเภอ  ก็ตรงดิ่งไปที่สนามฟุตซอลทันที  ตอนนั้นก็เย็นมากแล้ว แสงแดดอ่อนๆ เริ่มจางหายไป  แต่ก็ยังไม่ถึงกับมืด  ฉันขึ้นไปนั่งเชียร์บนแสตน  เห็นไอ้โชคในสนามด้วยแหละ  นั่งดูอยู่ซักพักเริ่มหิวน้ำ เลยเดินออกไปซื้อน้ำ  คิดไงไม่รู้  ซื้อน้ำเปล่าไปสองขวดซะงั้น  55555  เอาไปเผื่อไอ้โชคมั้ง  อิอิ 

   ลืมบอกไป จริงๆ แล้วการแข่งขันเนี่ยไม่ใช่การแข่งขันอย่างเป็นทางการอะไรหรอก  แต่เป็นการแข่งขันที่พวกเขาจัดกันขึ้นมาเอง  และแข่งอย่างจริงจัง  ตามกติกาและมีกรรมการด้วยนะ  คนก็มาเชียร์กันเยอะพอสมควร   แล้วก็ถึงเวลาพัก   ไอ้โชคเดินไปรวมตัวกันกับเพื่อนๆ ที่ข้างๆ สนาม   ฉันตัดสินใจเดินเข้าไปทักทายตามประสาเพื่อน 

   “ โชค ”  ฉันเรียกชื่อนั้นเบาๆ   แล้วไอ้โชคก็หันมาหาฉันที่ยืนอยู่ข้างหลัง

   “ ฟิล์ม  มาจริงๆ ด้วย  นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว ”  มันหน้าตาตื่นและดูท่าทางดีใจ 

   “ พอดี.....อ่านหนังสือแล้วปวดหัวหนะ   ก็เลยออกมาผ่อนคลายสักหน่อย ”  555  พูดไปนั่น ตอแหลสุดๆ

   “ จริงหรอ ”  มันถามอย่างกับไม่เชื่อ  แถมยังทำหน้ากวนตรีนสุดๆ  ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ  ทำเอาฉันเอ๋อแดกไปเลย   

   “ นี่  ที่หัวเราะแบบนั้น  คงไม่คิดว่าเราอยากจะมาดูโชคเตะฟุตซอลหรอกนะ ” ฉันเริ่มร้อนตัวไปเองแล้วไง

   “ ป่าวซักหน่อย  ฟิล์มพูดเองนะ  ว่าแต่  คนอะไรกินน้ำสองขวด  หรือว่า....... ” 

   “ อะ  ซื้อมาให้โชคนั่นแหละ ”  ฉันยื่นน้ำเปล่าให้  มันก็อึ้งไปเลยสิคะงานนี้ 

   “ เอ่อ.... นี่ฟิล์มซื้อมาให้เราจริงๆ หรอ ” มันคงไม่เชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ไม่ใช่ความฝัน 

   “ เซ้าซี้อยู่นั่นแหละ  จะเอาป้ะ  ถ้าไม่เอาก็บอกมา  จะได้กลับ ”  5555  ขู่เบาๆ ซะเลย

   “ เฮ้ย   เอาดิ  ขอบใจนะ ”  มันยื่นมือมารับขวดน้ำ   และยิ้มให้  ฉันก็ยิ้มกลับเหมือนกันจ้ะ  หุหุ 

   ฉันกลับไปนั่งเชียร์บนแสตนเหมือนเดิม  พอเกมส์นี้จบลงก็เป็นอันจบการแข่งขันพอดี  สรุปว่าทีมไอ้โชคก็ชนะไปแบบหวุดหวิด   ฉันเดินออกมาจากสนาม  และกำลังจะเดินไปที่รถ  ไอ้โชคก็เรียกเอาไว้ซะก่อน ฉันหันกลับไป  เห็นมันกำลังวิ่งมาหาฉัน  พอมาถึงก็หอบใหญ่เลย  ท่าทางคงเหนื่อยน่าดู   

   “ ฟิล์มจะกลับบ้านเลยหรอ ”  ฉันพยัคหน้าตอบ

   “ เห็นสายป่านบอกว่าคืนนี้มีหมอลำ  แล้วก็ชวนฟิล์มแล้วด้วย  ตกลงจะไปมั้ย ”

   “ ไม่รู้สิ  เราไม่ค่อยชอบดูหมอลำ  ไม่รู้จะไปรึป่าว ” 

   “ ไปเถอะนะ  เดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน ”  แล้วมันจะส่งตาหวานมาทำไมเนี่ย  เค้าแอบเขินอยู่นะ 

   “ เอ่อ.....  ไปก็ได้  แต่กลับดึกไม่ได้นะ  พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน ”  ฉันทำท่าคิดอยู่พักนึง และสุดท้ายก็ตอบตกลง  เพราะอะไรหนะหรอ  เพราะไอ้โชคบอกว่าจะไปเป็นเพื่อนมั้ง 

   “ ให้ไปรับป่ะ ”  ฉันรีบปฏิเสธออกไปทันที  เพราะกลัวพ่อกับแม่จะเห็น 

   เราตกลงกันว่าจะไปเจอกันที่บ้านอิสายป่านตอนสองทุ่ม  จากนั้นฉันก็กลับบ้านไปอาบน้ำ  กินข้าว  และแอบเอาโทรศัพท์ของพ่อโทรไปหาอิสายป่าน บอกว่าจะออกไปหาตอนสองทุ่ม  นางก็รับทราบ และบอกว่าให้มาแต่งหน้าแต่งตัวที่บ้านนางก็ได้  ฉันก็ตกลงตามนั้น   ฉันโทรไปหาอิกระต่ายแล้วบอกให้นางออกมารับตอนสองทุ่ม  จากนั้นฉันก็ไปบอกพ่อกับแม่ว่าจะชวนอิกระต่ายไปติวหนังสือที่บ้านอิสายป่าน  ก่อนจะหอบหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังสือ เพื่อเป็นหลักฐานว่าหนูจะไปติวจริงๆ นะ  พอถึงเวลาสองทุ่ม  อิกระต่ายเพื่อนสาวก็มารับฉันแล้วเราก็ตรงดิ่งไปยังบ้านอิสายป่านทันที  ใช้เวลาขับรถประมาณ 20 นาทีก็ถึงบ้านนางแล้วจ้ะ  ไกลนิดนึง 

   พอมาถึงบ้านอิสายป่านก็เห็นไอ้โชคนั่งรออยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้านอยู่แล้ว  แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง  มันแต่งตัวเท่ห์มาก  ดูหล่อขึ้นเป็นกองเลยอะ  แตกต่างจากฉันลิบลับ  เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงส์ยีนส์ทรงกระบอกขายาว  ดูเช้ยยย  เชยยยย   กะเทยแบบนี้ก็มี  คงจะคิดอย่างนั้นใช่มะ  เฮ้อออ.....  ก็เค้าแต่งตัวไม่เป็นนี่นา   

   เราเดินเข้าไปทักทายไอ้โชค และพูดคุยกันอยู่ไม่นาน  อิสายป่านก็ออกมาจากบ้าน  แล้วคว้าตัวเราสองนางเข้าไปในบ้าน  ทิ้งให้ไอ้โชคนั่งรออยู่หน้าบ้านคนเดียว   พอเข้าไปในบ้าน  ก็เห็นเครื่องสำอางที่วางอยู่ตรงหน้า อย่างเยอะ  อย่างกับจะไปประกวดนางงาม  อิสายก็แนะนำพวกเราว่าแต่ละอย่างใช้ทำอะไรบ้าง  จากนั้นมันก็ปล่อยให้เราแต่งหน้ากันเอาเอง  ไม่คิดจะสนใจเพื่อนเลย  พวกฉันไม่เคยแต่งหนิ  จะแต่งได้ยังไง  อินี่สวยอยู่คนเดียว  ชักจะเริ่มหงุดหงิดแล้วนะ  ฉันคว้าแป้งฝุ่นมาทาหน้า ทาคอ  แล้วหยิบแป้งพับมาตบหน้าและลำคอเบาๆ  ตามด้วยปัดแก้มสีชมพูอ่อนๆ ปัดบางๆ  เพราะกลัวจะแก้มแดงเหมือนลิง  ตามด้วยลิปกลอสสีชมพูอ่อนๆ  จะหวานไปไหนเนี่ย  ส่องกระจกดูอีกครั้ง   ก็สวยแล้วนะ  5555  พอดีกว่า  เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าไปเล่นลิเก 

   หลังจากที่แต่งหน้าเสร็จแล้ว อิสายป่านก็จัดแจงหาชุดมาให้พวกเรา  ฉันเลือกเปลี่ยนแค่กางเกง  เปลี่ยนมาเป็นกางเกงยีนส์ขาเดฟ  แบบรัดติ้วนิดๆ  แต่เสื้อก็ยังเป็นตัวเดิม  ส่วนเพื่อนสาวฉันหนะหรอ  ก็สุดฤทธิ์กันไปเลยจ้ะ พอคิดว่าสวยเป๊ะกันแล้วก้ได้เวลาออกจากรังซักที  พวกเราเดินออกไปที่หน้าบ้าน  ไอ้โชคถึงกับสะดุ้งตกใจ  หน้าตาตื่น  อย่างกับเห็นผี  ให้ตายเถอะ  พวกันเป็นนางฟ้านะยะ  ไม่ใช่ผีสางที่ไหน 

   “ โชคดีหน่อย  ที่ฟิล์มไม่แต่งตัวเหมือนเพื่อน  ไม่งั้น...... ”  มันพูดพึมพำกับฉันแค่สองคน เพราะนางเพื่อนสาวตัวดีสองคนนั้นเดินนำหน้าไปไกลแล้ว

   “ ไม่งั้นอะไรไม่ทราบ  พูดให้มันดีๆ  นะ ”  ฉันทำหน้าดุใส่มัน  เอาสิ  ถ้าแกกล้าว่าฉัน 

   “ เปล่าๆ  ฟิล์มจะแต่งแบบไหน  ยังไงก็ดูสวยและน่ารักสำหรับโชคเสมอแหละ ”  แอร๊ยยยย  ฉันเคลิ้มไปเลยแหละ  ราวกับตกอยู่ในภวังค์แห่งรัก 

   “ บ้า   ไปกันเถอะ  พวกนั้นไปไกลแล้ว เดี๋ยวเดินตามไม่ทันพอดี ” มันยิ้มและพยัคหน้างึกๆ  แล้วเราสองคนก็เดินตามเพื่อนสาวเข้าไปในงาน 

   เราเดินเข้ามาในงานกันแล้ว มีร้านขายของมากมาย  มียิงปืน ปาลูกโป่งด้วยนะ  อยากได้ตุ๊กตาจัง   จะว่าไปแล้ว  คนเยอะมากเลย   เราเดินกันมาได้ซักพัก  อิสายป่านก็คว้าตัวฉันไปซะงั้น 

   “ มีไรวะ  ทำไมต้องออกมาคุยกันสองคนด้วย ”  ฉันถามอย่างสงสัย 

   “ ก็กลุ่มเรามีผู้ชายมาด้วยหนะสิ  แบบนี้ผู้ชายที่ไหนจะกล้าเข้ามาหาพวกเราหละ  มึงช่วยทำอะไรสักอย่างได้มั้ย  คืนนี้ก็ลงทุนเต็มที่มากเลยนะ  จะพลาดไม่ได้เป็นอันขาด ”

   “ แล้วมึงจะให้กูทำยังไง ”

   “ มึงก็พาไอ้โชคไปเดินเล่นที่อื่นสิ  พวกกูจะได้เริ่มแผน  หมอลำเริ่มลำแล้วนะมึง  จะทำอะไรก็รีบทำ ”  นี่ถ้าไม่เห็นแก่ความอยากของมัน ฉันคงคิดว่านี่เป็นแผนของอิสายป่านชัวร์  แผนที่จะทำให้ฉันอยู่กับไอ้โชคสองต่อสอง  หรือฉันมองโลกในแง่ร้ายเกินไป 

   เราเดินกลับมาหาอิกระต่ายและไอ้โชคเหมือนเดิม  ฉันเหล่ตาไปหาอิสายป่าน  นางก็ส่งสายตาเป็นสัญญาณให้ฉันเริ่มทำตามแผนได้เลย  ฉันจึงชวนไอ้โชคไปเข้าห้องน้ำ  ไม่ได้ไปทำอะไรแบบนั้นนะ  แค่ชวนเดินไปเป็นเพื่อนเฉยๆ  เราเดินกลับมาที่บ้านอิสายป่าน  เพื่อมาเข้าห้องน้ำ โชคดีหน่อยที่ห้องน้ำบ้านมันอยู่นอกบ้าน  พอเข้าห้องน้ำเสร็จเราก็กลับเข้าไปในงานเหมือนเดิม  เราเลือกยืนดูอยู่ด้านหลัง  เพราะไม่ได้เอาเสื่อมา  เลยไม่มีอะไรไปปูนั่งกัน  ไอ้โชคถามหาเพื่อนสาวสองคนของแน  ฉันก็บอกว่าพวกนางบอกให้รอเจอกันอยู่ตรงนี้  มันก็พยัคหน้าเป็นอันรับทราบ  ยืนดูไปได้ซักพัก  เพื่อนไอ้โชคก็เข้ามาทักทาย  มันเลยขอตัวไปคุยกับเพื่อน  ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร  แต่ในใจนี่คือ  ปล่อยให้ฉันยืนอยู่คนเดียวได้ไงวะ 

   ฉันยืนดูหมอลำอยู่คนเดียว  สนุกมันก็สนุกอยู่หรอก แต่ชักปวดขาแล้วสิ  เอ๋.....  เหมือนมีคนกำลังจ้องมองเราอยู่เลยแฮะ  จากทางซ้ายมือ  ฉันไม่รีรอ  หันขวับไป  เพื่อให้หายคาใจ  กรี๊ดๆๆๆๆๆ  ตกใจ  หน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที   มันเดินเข้ามาใกล้ๆ ฉัน  สีหน้าเย็นชา  แล้วคว้าเอาข้อมือของฉัน  ก่อนจะลากฉันไปหน้าตาเฉย  นี่จะไม่ถามอะไรฉันสักคำเลยใช่มั้ย       

.......................................................................


หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 15 : 08-11-58
เริ่มหัวข้อโดย: chanipanokyoong ที่ 08-11-2015 04:49:52
 :a5: :a5: ค้างมารากรีบๆมาต่อนะคะ รออยู้ววว
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 15 : 08-11-58
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 08-11-2015 09:17:31
ค้างมากกกกกกกกกกกกก มาต่อด่วนนนนนนนนนน อย่าบอกนะว่าเป็นเต้อีกแล้ว เต้จะเอายังไง
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 15 : 08-11-58
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 10-11-2015 02:52:12

        รอ  รอ  รอ   หน่อยนะ  ตอนต่อไปจะมาเร็วๆ นี้จร้า     :laugh:

        ดีใจที่ยังมีคนติดตามอยู่  นึกว่าจะหายไปหมดซะแล้ว     :hao5:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 15 : 08-11-58
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 10-11-2015 06:40:23
ใครอารายยังไงเอาฟิล์มไป
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 15 : 08-11-58
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 11-11-2015 02:11:07
ใครอ่ะ เต้หรอ :hao4:
ค้างค่ะ  :katai4:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 16 : 14-11-58
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 14-11-2015 01:44:16

         อัพดึกหน่อย  พอดีแฟนเค้าโทรมาปลุก  ไม่รู้จะโทรมาทำไมดึกๆ ดื่นๆ  ตาเบิกกว้าง  นอนไม่หลับซะงั้น   เลยเอานิยายมาลง  กลับไปข่มตานอนก่อนนะ  พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า  บ๊ายยย บายยย   

...............................................................

ตอนที่  16 
 
   ฉันโดนไอ้เต้ลากมาที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือ  ที่นี่ดูเปลี่ยวมาก  เงียบและปลอดคน  แสงสว่างจากหลอดไฟส่องมาถึงแค่นิดเดียว   แต่ฉันก็ยังพอมองเห็นหน้าของอีกฝ่ายอย่างสลัวๆ   ถ้าแค่คุยกันทำไมต้องลากมาไกลผู้คนขนาดนี้ด้วย  อย่าบอกนะว่า  มันคิดจะทำอะไรมิดีมิร้าย  ม้ายยยนะ  ยังไงฉันก็ไม่ยอม คอยดู 

   “ มีอะไร  แล้วแกลากฉันมาที่นี่ทำไม  มืดก็มืด  คนก็ไม่มี  ฉันกลัวนะเว้ย ” ฉันทำท่าเอะอะโวยวาย

   “ กลัว  กลัวไร  กลัวผี  หรือกลัวว่ากูจะทำอะไรมึง  ”  ฉันถึงกับหน้าเหวอ  ในใจชักจะหวั่นๆ แล้วสิ  มันจะทำอะไรฉันหรือป่าวว้า   

   “ บ้าหรอ  ฉันก็กลัวผีสิยะ  แล้วทำไมฉันจะต้องกลัวแกด้วย ”

   “ กลัวทำไม  ดูสารรูปมึงก่อนเถอะ น่ากลัวกว่าผีอีก  กูว่าผีต้องกลัวมึงมากกว่า  ”  กรี๊ดด โดนผู้ชายปากสุนัขกัด เจ็บใจจริงๆ  คิดหาคำด่ามันไม่ออก   โมโหสุดๆ  แต่ก็ทำอะไรไม่ได้    เชิดใส่คะ  สะบัดหน้าหนีแรงๆ ไม่อยากเห็นหน้ามัน

   “ ที่กูลากมึงออกมานี่  กูมีเรื่องจะถาม ” 

   “ ก็พูดมาดิ ”  ฉันพูดน้ำเสียงไม่พอใจ   ก็แหงหละ  ลากออกมาด่าแบบนี้  เป็นใครก็คงไม่พอใจ 

   “ มึงก็หันหน้ามาคุยกับกูดีๆ หน่อยดิวะ  เออๆ  เมื่อกี้กูขอโทษละกัน  ไม่ได้ตั้งใจหวะ ”  ฉันหันกลับมาด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ  ก่อนจะต่อว่ามันออกไป 

   “ ไม่ได้ตั้งใจ  ด่ากันขนาดนั้น  ยังบอกว่าไม่ได้ตั้งใจอีกหรอ ”  ฉันเริ่มหัวเสียกับคำแก้ตัวของมัน 

   “ เออดิวะ  ก็กูหงุดหงิด  แล้วใครใช้ให้มึงไปยืนดูหมอลำกับไอ้นั่นสองต่อสอง  เห็นแล้วมันหงุดหงิดเว้ย ”  มันตะคอกเสียงดังใส่ฉัน  ทั้งตกใจ  ทั้งกลัว  แต่พอมันพูดจบ  ฉันกลับ งง  กับคำพูดของมัน 

   “ แล้วทำไมต้องหงุดหงิด ”  ฉันถามอย่างสงสัย   

   “ ไม่รู้โว้ยยย  ”  มันตะโกนใส่หน้าฉันซะเสียงดัง ทำเอาฉันตกใจไปอีกรอบ  ไอ้บ้าเอ้ย  อยากชกให้ปากแตกจริงๆ

   “ ช่างเหอะ  มีเรื่องที่จะคุยแค่นี้ใช่มั้ย  งั้นฉันขอตัวกลับก่อนหละ ”  ฉันหันหลังเดินห่างออกไปได้ไม่กี่ก้าว  ไอ้เต้ก็บอกให้หยุดซะก่อน 

   “ มึงหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ”  จะอะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย   ฉันหันกลับไป  แล้วมันก็เดินเข้ามาใกล้ฉันอีกครั้ง 

   “ มึงไม่ต้องกลับไปหามัน  แต่มึงต้องไปกับกู ”  พูดจบมันก็คว้าข้อมือฉันไปทันที 

   โดนมันลากไปอีกแล้ว  ฉันนี่ งง เป็นไก่ตาแตก  ตอนนี้เอ๋อแดกสุดๆ  ไอ้เต้มันทำบ้าอะไรของมันเนี่ย  ถ้าเกิดว่าเราไม่ได้เป็นเพื่อนกัน  ฉันต้องคิดว่ามันหึงฉันอยู่แน่ๆ เลย  โดนมันจับข้อมือเดินเข้าไปในงานแบบนี้  ก็อายคนอื่นเป็นเหมือนกันนะ  เดินเข้ามาในงานได้สักพักนึงแล้ว  ยังไม่มีวี่แววจะปล่อยมือฉันอีก 

   “ เฮ้ยแก  ปล่อยมือฉันได้แล้วมั้ง ” มันหยุดฝีเท้า  ทำเอาฉันหยุดเดินตามเกือบไม่ทัน  เกือบชนมันเข้าจังๆ แล้วมั้ยหละ  ไม่งั้นความซวยบังเกิดแน่ๆ   มันหันหน้ามาหาฉัน สีหน้าเคร่งขึม 

   “ ทำไม  มึงอายหรอที่เดินกับกู  แล้วตอนที่มึงเดินกับไอ้นั่น  มึงอายเหมือนตอนที่เดินกับกูมั้ย ”  ทำไมต้องทำหน้าตาจริงจังขนาดนั้นด้วยวะ 

   “ ถ้าเดินเฉยๆ  ก็ไม่อายหรอก  แต่เนี่ยเล่นจับมือถือแขนแบบนี้  ถามจริง  แกไม่อายคนอื่นบ้างหรอ ”  มันคงฉุกคิดขึ้นมาได้  มองดูมือที่กำลังกำข้อมือฉันแน่น  ก่อนจะค่อยๆ คลายมือที่กำอยู่แน่นออกอย่างช้าๆ    เง้ออ  เป็นอิสระซักที 

   “ เดินไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ ” ประโยคขอร้องดูสมบูรณ์มากขึ้น เมื่อถูกพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน 

   “ ก็ได้  แต่เดินได้ไม่นานหรอกนะ  เพื่อนๆ ฉันรออยู่ ”  มันพยัคหน้าเบาๆ  เป็นอันรับทราบ 

   เราสองคนเดินเล่นกันในงาน  มีอะไรให้เล่นเยอะมาก ไอ้เต้พาฉันเดินไปดูร้านยิงปืน  ซักพักนึงก็บอกว่าอยากโชว์ฝีมือตัวเองให้ดูบ้าง  ไม่น่าเชื่อว่ามันจะยิงแม่นขนาดนี้  ได้ตุ๊กตามาตั้ง 5 ตัว  แล้วก็ให้ฉันหมดเลย  เห็นบอกว่าไม่รู้จะเอาไปทำอะไร  เพราะเป้าหมายจริงๆ คืออยากโชว์ยิงปืนให้ฉันดูมากกว่า  ต่อมาก็ไปปาลูกโป่ง  ได้ลูกดอกมา  3  ดอก  มันก็ปาโดนลูกโป่งแตกไป  3 ลูก  ได้รางวัลเป็นของที่ตั้งโชว์หน้าร้าน  มีให้เลือกเยอะแยะ  สุดท้ายมันก็ให้ฉันเลือกแหละ  ฉันก็เอาหมอนข้างสิจ้ะ  สวยดี  แถมยังมีประโยชน์มากกว่าตุ๊กตาด้วย  เดินกันจนขาลาก ฉันชักจะเริ่มปวดขา  พอดีเดินมาถึงร้านๆ นึง  เค้ากำลังเล่นเกมส์กันอย่างสนุกสนานเชียว  อยากเล่นบ้าง  แถมยังได้นั่งเล่นเกมส์อีกด้วย  ชวนไอ้เต้ดีกว่า 

   “ แก...  ฉันอยากเล่นบิงโก ”  ส่งสายตาอ้อนวอนเต็มที่
   
   “ เออ....  เอาดิ  น่าสนุกดี ”  ดีใจจังที่ไอ้เต้ยอมตามใจ  ฉันยิ้มแฉ่งจนปากเกือบฉีกแหนะ 

   เรายืนดูเขาเล่นจนจบเกมส์  พอเริ่มเกมส์ใหม่  เราก็เดินเข้าไปนั่งในร้าน  โห....  ไอ้เต้ซื้อแผ่นหมายเลขตั้ง  80  บาทแหนะ (  เค้าขาย  3 แผ่น 20 บาท )  งานนี้ได้ตั้ง 12  แผ่น  เราก็แบ่งกันคนละ  6  แผ่น  แล้วไอ้เต้ก็คิดอะไรพิเลนๆ อีกแระ  อยู่ดีๆ ก็ท้าพนันขึ้นมาซะงั้น  บอกว่าถ้าใครแพ้จะต้องทำตามใจคนที่ชนะ 1 อย่าง  ฉันก็ตอบตกลงไป  เพราะยังไงก็มั่นใจว่าโชคชะตาจะต้องเข้าข้างฉันแน่ๆ  แต่ถ้าคนอื่นบิงโกก่อน ก็ถือว่าเสมอกัน 

   เกมส์เริ่มขึ้นแล้ว  หมายเลขถูกประกาศขึ้นทีละตัวๆ  ว้าววว  อีกแค่หมายเลขเดียว ฉันก็จะบิงโกแล้ว  ประกาศหมายเลขนี้ทีเถอะ  โอมมมมม  เพี้ยงๆๆๆๆ   

   “ หมายเลข......  15  คะ ” 

   “ บิงโกครับ ” 

   กรี๊ดดดดดด   ไอ้เต้บิงโก   ไม่นะ  ทำไมเทพีแห่งโชคชะตาถึงไม่เข้าข้างฉันเลยเนี่ย   มันนั่งยิ่มแก้มปริอยู่ตรงหน้าฉัน  แล้วยังทำหน้ากวนตรีนล้อเลียนฉันอีก  แทนที่จะโกรธ  แต่มันกลับดูตลกมากกว่า  ฉันเลยอดขำไม่ได้  หัวเราะออกมาซะเลย  555555  ถึงจะแพ้ไอ้เต้  แต่ก็ชนะในเกมส์นะคร้าบบบบ  แลละเราก็ได้ของรางวัลเป็นตุ๊กตาตัวใหญ่มาก  ตัวใหญ่เกือบเท่าฉันอะ  แต่ตัวนี้ไอ้เต้เป็นคนเลือกนะ  มีศิลปะในการเลือกเหมือนกันนะเนี่ย  ตุ๊กตาน่ารักน่ากอดเชียว

   “ อะ   ให้ ”  ไอ้เต้ยื่นตุ๊กตาตัวโตมาให้ฉัน 

   “ ไม่เอา  ได้เยอะแล้ว  เห็นมั้ยหนิ ”  ฉันโชว์ตุ๊กตาตัวเล็ก  5 ตัวและหมอนข้างอีก 1 ใบ  ให้ดู 

   “ เออน่า  ฉันให้  ก็เอาๆ ไปเถอะ ”  ไรว้า  เมื่อกี้ยังใช้ภาษาพ่อขุนรามคำแหงอยู่เลย 

   “ เออ... ฉันนึกออกแล้ว  แกก็เอาตุ๊กตาตัวนี้ไปง้อแฟนแกสิ   แกเลือกเองกับมือเลยนะ  แล้วมันก็น่ารักมากด้วย  ถ้าแฟนแกเห็น  เค้าต้องใจอ่อนหายงอนแกแน่ๆ เลย  ฉันรับรอง ”  เอ๋.... ฉันพูดอะไรผิดหรอ  ทำไมมันทำหน้าบึ้งอย่างนั้นหละ   

   “ แล้วมึงรู้ได้ยังไงว่ากูมีแฟนแล้ว ” 

   “ อ้าวว   แล้วผู้หญิงที่แกพูดถึงเมื่อคืน  ไม่ใช่แฟนแกหรอกหรอ ”  ฉันถามอย่างสงสัย  มันหันหน้าหนีไปซักพักนึง  ก่อนจะหันกลับมา 

   “ อย่าขัดใจได้ป่ะ  กูให้  เพราะอยากให้  แล้วก็เต็มใจให้ด้วย  พูดถึงขนาดนี้แล้ว  จะเอาป๊ะ ” 

   “ เอาก็ได้  แต่...  ช่วยถือให้หน่อยนะ  ไม่มีมือถือแล้วอะ ”   แล้วมันก็พยัคหน้าตอบรับ

   “ แล้วอย่าลืมที่เราตกลงกันไว้หละ ”  ทวงกันจริ๊งงงง 

   “ รู้แล้ว  ไม่ลืมหรอก  นึกออกเมื่อไหร่ค่อยบอกแล้วกัน  แต่...  อย่าขออะไรที่มันแปลกๆ พิสดาร  หรือว่ายากเกินไปนะ  ขอมากไปก็ทำให้ไม่ได้นะ  บอกไว้ก่อนเลย  ”  มันก็เอาแต่ยิ้มอย่างมีเลศนัย  ไอ้บ้าเนี่ย  มันต้องหาเรื่องแกล้งฉันอีกแน่ๆ เลย  คราวนี้จะมาไม้ไหน  แต่ถึงยังไง ฉันก็ต้องรับมือมันให้ได้  สู้โว๊ยยยยยย   

   ไอ้เต้เดินมาส่งฉันที่เดิม  ฉันเห็นไอ้โชคยืนอยู่กับเพื่อนๆ ของมัน  และกำลังมองมาหาฉันและไอ้เต้ด้วยสีหน้าแววตาที่ดูเหมือนไม่ค่อยจะพอใจ   แต่กลับไม่เห็นอิกระต่ายกับอิสายป่าน  นัดกันแถวๆ นี้นี่นา  ทำไมถึงยังไม่มา  หาเหยื่อไม่ได้หรือยังไม่เสร็จภารกิจกันแน่นะ  ชักจะเริ่มเป็นห่วงอิเพื่อนสาวสองตัวนั่นแล้วสิเรา  แต่ก่อนอื่น ฉันคงต้องเคลียร์ปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นก่อน   งานนี้จะเกิดศึกชิงนางมั้ยวะ  55555  ( มึงสวยมากคะอิฟิล์ม  ผู้ชายเค้าคงจะต่อยกันแย่งมึงอยู่หรอก  อิมะโน   ตื่นๆ  ตื่นจากความฝันได้แล้วจ้ะ )

   “ ฟิล์ม  ฟิล์มไปไหนมา ” ไอ้โชคถามฉันเสียงแข็ง 

   “ พอดีเราเห็นโชคคุยกับเพื่อนอยู่   ก็เลยเดินไปหาของกิน  แล้วก็เจอเพื่อน  เราก็เลยเดินเล่นกันเพลินไปหน่อย  ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก  เราไม่อยากรบกวน ” เอารางวัลตุ๊กตาทองไปเลยจ้ะ สาขาตอแหลยอดเยี่ยม  ไอ้เต้มันคงจะคิดแบบนี้   

   “ โชคขอโทษนะที่ปล่อยให้ฟิล์มอยู่คนเดียว  คิดว่ามาคุยกับเพื่อนแค่แปปเดียวเอง พอหันกลับไป  ก็ไม่เจอฟิล์มแล้ว  เราก็เลยออกตามหาเพราะเป็นห่วง  แต่พอไปเห็นฟิล์มอยู่กับเพื่อน  ดูท่าทางมีความสุขดี  ก็เลยไม่อยากเข้าไปหา  เลยกลับมารอที่เดิม ”  น้ำเสียงนั้นฟังดูประชดประชัน  และสิ่งที่ได้ยินก็ทำเอาฉันอึ้งไปพักนึง

   “ มึง  กูไปก่อนนะ  อะนี่   ตุ๊กตา ”  มันยื่นตุ๊กตาตัวใหญ่มาให้ฉัน แล้วจะเอามือที่ไหนถือวะเนี่ย 

   “ โชค  ช่วยถือตุ๊กตาให้เราหน่อยดิ ” ฉันรู้ ว่ามันคงไม่พอใจ  แต่ทำไงได้หละ  ไม่มีใครแล้วจริงๆ นี่นา  อิเพื่อนสาวสองตัวนั่นก็ยังไม่โผล่หัวมาสักที  เลยต้องแบกหน้าขอให้ไอ้โชคถือให้นี่แหละ 

   ไอ้โชคเดินเข้ามาเอาตุ๊กตาให้ฉัน  แต่ดูเหมือนไอ้เต้จะดึงมันเอาไว้และไม่ยอมปล่อยตุ๊กตาให้ไอ้โชค  ทำให้ไอ้โชคหันไปมองหน้าไอ้เต้   และทั้งสองคนก็มองหน้ากันอย่างดุเดือด  ต่างฝ่ายต่างส่งสายตาพิฆาตข่มขู่ซึ่งกันและกัน  ( อย่านะ  ไม่ต้องแย่งกัน  ใจเย็นๆ   เดี๋ยวให้ทั้งสองคนเลย  55555  มโนอีกแระ  แต่  คราวนี้เหมือนมันจะเกิดขึ้นจริงๆ นะ  ฉันต้องรีบทำอะไรสักอย่างแล้ว )   

   “ เต้  ไหนบอกว่าให้แล้ว  แต่ถ้าอยากเอาคืนก็ได้นะ  ตามใจ ”  คำพูดนี้ทำให้ไอ้เต้หันมามองหน้าฉันอย่างไม่สบอารมณ์

   “ มึงนี่เรื่องมากจริงๆ เลย  บอกว่าให้ก็ให้ดิวะ ”  พูดเสร็จไอ้เต้ก็หันกลับไปมองหน้าไอ้โชคอีกครั้ง  ก่อนจะปล่อยมืออกจากตุ๊กตา แล้วไอ้โชคก็รับเอามา  แต่ทั้งสองยังหน้าดุใส่กันไม่หยุด  มันจะตีกันให้ได้เลยรึไง  เฮ้ออ  เทยเพลียยย

   “ โชค  ไปกันเถอะ  เราเป็นห่วงเพื่อน  ออกตามหาพวกมันสองคนกันเถอะ ”  ไอ้โชคยอมละสายตาจากคู่อาฆาตและเดินเข้ามาหาฉัน  ส่วนไอ้เต้ก็มองตามหลัง สีหน้าท่าทางดูเอาเรื่องสุดๆ  มันคงอยากจะต่อยไอ้โชคเต็มที 

   “ เต้  ขอบใจนะ ฉันไปก่อนนะแก ” ไอ้เต้มองฉันด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ  ก่อนจะเมินหน้าหนี  แล้วเดินจากไป

เฮ้อ.......  พวกมันสองคนทำบ้าอะไรกันเนี่ย   ทำอย่างกับฉันเป็นนางเอกละคร  แล้วมีพระเอกสองคนทะเลาะกันแย่งนางเอกอย่างนั้นแหละ  ( มโนอีกแล้วจ้ะ 55555 )  ช่างมันเหอะ  ณ  จุดนี้  ฉันจะมามัวสนใจผู้ชายสองคนนี้ไม่ได้แล้ว  เพื่อนหายไปตั้งสองคน  เป็นห่วงพวกมันจริงๆ เลย  ต้องออกตามหาแล้วหละ   

   ฉันกับไอ้โชคเดินกลับไปที่บ้านอิสายป่าน  ยายของมันคงยังไม่นอน  เพราะเห็นไฟในบ้านเปิดอยู่  ฉันเลยตัดสินใจเคาะประตูเรียกยาย  ( อิสายป่านอยู่บ้านกับยายสองคน  พ่อกับแม่ของมันแยกทางกัน และไปทำงานต่างจังหวัดทั้งคู่  แต่ก็ยังส่งเงินมาให้ยายกับมันใช้จ่ายทุกเดือน )  พอยายเปิดประตู  ฉันก็ขอฝากตุ๊กตากับหมอนข้าง  ยายตกลงพวกเราเลยเดินเอาสัมภาระไปเก็บไว้ในบ้าน  แล้วเดินเข้าไปในงาน 

        ตามหาอิกระต่ายกับอิสายป่านอยู่ซักพักนึง  ก็เดินไปเจออิกระต่ายที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ เวทีหมอลำ  แถวๆ ลำโพงด้านซ้าย  ให้ตายสิ อินี่เสนืห์แรงจริงๆ  ผู้ชายเกาะกันแจเลย  มันยืนนิ่งซะที่ไหนหละ  ส่ายเอวส่ายสะโพกไปมาตามจังหวะดนตรีที่กำลังบรรเลงอย่างเร่าร้อน  คงปลุกอารมณ์หื่นๆ ของพวกผู้ชายได้ดีเลยทีเดียว   ฉันหันหน้าไปถามไอ้โชค ว่าจะเอายังไงดี  ไอ้โชคบอกมันดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ฉันมีสอบ ต้องรีบกลับไปนอน  ฉันเลยตัดสินใจแปลงกายเป้นนางมารร้ายไปขัดขวางความสุขของอิเพื่อนสาว  และบอกให้ไอ้โชครออยู่ตรงนี้  ซึ่งอยุ่ไม่ห่างจากตำแหน่งที่อิกระต่ายกำลังเต้นยั่วผู้ชายอยู่ไม่มากนัก 

   ฉันเดินถลาเข้าไปหากะเทยที่กำลังวาดลวดลายยั่วยวนฝูงผู้ชาย  พอไปถึงตัว  ฉันกำแขนมันแน่นแล้วลากมันออกมาจากฝูงผู้ชายพวกนั้น  ขอโทษ  อดแล้วแหละพวกมึง  อิกระต่ายดูท่าทางตกใจ  แต่พอเห็นหน้าฉัน ถึงกับถอนหายใจไปเฮือกนึง  โล่งใจหละสิมึงที่เป็นกู  นึกว่าจะโดนผู้ชายฉุดไปปล้ำใช่มั้ยหละ 

   “ อิฟิล์ม  อิห่า  กูนึกว่าใคร  ตกใจหมดเลย ”  มันค้อนใส่ฉันเบาๆ 

   “ ดีเท่าไหร่แล้วที่กูลากมึงออกมาจากไอ้พวกผู้ชายหน้าหื่นพวกนั้น  เดี๋ยวก็โดนลงแขกหรอกมึง ” ฉันพูดเสียงดังหน่อย เพราะเสียงดนตรีบนเวทีหมอลำก็ดังเอาเรื่อง 

   “ แค่เต้นด้วยกันเฉยๆ  ไม่ได้ไปทำเรื่องอย่างว่าสักหน่อย  กูไม่ใช่อิสายป่านนะ ”  เออ  จริงด้วย  แล้วอิสายป่านไปไหนหละเนี่ย  ลืมไปเลย 

   “ เออ  แล้วอิสายป่านไปไหน  ทำไมมันปล่อยให้มึงโดนฝูงหมาบ้าห้อมล้อมอย่างนี้วะ ” ฉันใส่อารมณ์โมโหลงไปด้วย   เพื่อนกัน  ทำไมไม่ดูแลกัน ปล่อยให้เพื่อนโดนผู้ชายรุมแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน 

   “ โอ้ยยย  จะเหลือหรอมึง โน่นนน  ลากผู้ชายเข้าไปในป่าตั้งสองสามคน  แล้วบอกให้กูรออยู่ตรงนี้  กูรอมันนานแล้วเนี่ย   ยังไม่โผล่หัวมาสักที ” อิกระต่ายพูดท่าทางเซ็งๆ  แต่เฮ้ย  ไปกับผู้ชายสองสามคน  นานแล้วด้วย  มันจะไหวหรอวะ  มันคงไม่ตายคาป่าไปแล้วนะ  ฉันหละหวั่นใจจริงๆ 

   นั่นๆ  ฝูงหมาบ้าตามมาจนได้  พวกผู้ชายที่รุมล้อมอิกระต่ายเมื่อกี้  กำลังเดินมาทางเราแล้ว  พวกมันมีกันอยู่ประมาณ 5 คน  ตายๆ  งานนี้ฉันขอบาย  แต่ละคน  น่ากลัวๆ กันทั้งนั้น  พอเดินมาถึง  ก็เล่นพวกเราทันที

   “ คุยกันเสร็จรึยังครับ  ไปเต้นกันต่อเถอะ  กำลังสนุก  เต้นเสร็จเพลงนี้แล้ว  เราจะได้ไปขึ้นสวรรค์ชั้น 7 กัน ”  โถ....  ไอ้บ้ากาม  หน้าหื่นๆ ของมึงนี่  เหมาะกับความบ้ากามของมึงจริงๆ  กลิ่นเหล้าหึ่งเลย  สงสัยจะเมาได้ที่แล้วมั้งหนิ  ถึงได้คิดจะงาบเพื่อนกู  อิกระต่ายก็ยิ้มให้พวกมันใหญ่เลย  แถมยังชูไม้ชูมือให้พวกมันอีก   อินี่  กูกำลังช่วยมึงอยู่นะ  มึงจะไปอ่อยพวกมันทำซากอะไรคะ   

   “ แล้วน้องคนสวยหละครับ  สนใจไปมีความสุขกับพวกพี่มั้ย ”  ฮิ้ววววว  พวกมันพากันประโคมเสียงโห่แซวฉันกันใหญ่เลย   อยากจะบอกเหลือเกิน  ว่าพี่คะ  ช่วยเอากระจกบานใสๆ  ไม่มีฝุ่นเกาะสักเม็ด  มาส่องดูหน้าพวกพี่ด้วยนะคะ  หน้าแบบนี้ไม่เรียกว่าขึ้นสวรรค์หรือมีความสุขอะไรเลยคะ  เค้าเรียกว่าตกนรกและตายทั้งเป็นมากกว่า  ไอ้พวกบ้าเอ้ย  ช่างไม่ดูสารรูปตัวเอง  อิกระต่าย  มึงนี่รสนิยมต่ำมาก  อิห่าเอ้ย  หาความซวยมาให้กูแล้วมั้ยหละ 

   สถานการณ์เริ่มแย่ลงทุกที  เมื่อเสียงเชื้อเชิญให้ไปร่วมสวาทจากพวกมันพูดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนแล้วคนเล่า ประกอบกับเสียงโห่แซว  ฉันนี่เกลียดพวกมันสุดๆ  เลย  ไอ้โชคคงเห็นสถานการณ์เริ่มไม่ดี มันเดินเข้ามายืนข้างๆ ฉัน  ก่อนจะเริ่มการช่วยเหลือเราสองคน  นายเท่ห์จริงๆ 

   “ ขอโทษนะครับ  พวกเธอคงไปไหนกับพวกพี่ไม่ได้หรอก  เพราะคนนี้   แฟนผม ”  ประโยคหลังนี่  ไอ้โชคพูดพรางหันมามองหน้าฉัน พอพูดจบ  ก็แอบจับมือฉันซะงั้น  อึ้งไปเลยคะงานนี้  มีส่งยิ้มให้กันด้วย  แหมจะมามุขนี้ก็ไม่บอก  เกือบตามไม่ทันเลยนะเนี่ย  ฉันก็ยิ้มหวานกลับ  เสมือนเราสองคนเป็นคู่รักแห่งปี   

   “ ไม่เป็นไร  งั้นพวกพี่ขอเพื่อนน้องคนนี้แทนแล้วกัน ” ไอ้ผู้ชายหน้าหื่นคนนึงชี้นิ้วไปหาเพื่อนสาวของฉัน  มันก็ยิ้มรับ ท่าทางสะดีดสะดิ้ง  มึงคงคันมากใช่มั้ย  กูไม่น่ามาช่วยมึงเล้ยย  ถ้ารู้ว่ามึงคันมากขนาดนี้   ฉันแสดงออกทางสีหน้าว่า  เอือมกับอิเพื่อนสาวคนนี้จริงๆ 

   “ คงไม่ได้เหมือนกันครับ  เพราะคนที่พี่กำลังพูดถึง  เค้าเป็นแฟนของเพื่อนผม  และเพื่อนผมก็บอกให้มาตามเค้ากลับ  ผมขอตัวก่อนนะครับ  เพื่อนผมรออยู่ ”  เอิ่มม  คิดได้ไงวะมุขนี้  อิกระต่ายเนี่ยนะมีแฟน  ก็ไม่ได้จะดูถูกเพื่อนสาวหรอกนะ  แต่ดูจากความน่าจะเป็น  มีเปอร์เซ็นน้อยม้ากกก  พวกมันจะเชื่อมั้ย

   ไอ้โชคชวนพวกเรากลับ  พวกเราก็อือ ออ  ไปตามนั้น  แล้วเราก็เดินออกไปจากพวกหื่นกาม  ไม่มีเสียงเรียกจากพวกนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว  สงสัยมุขนี้ของไอ้โชคจะได้ผลแฮะ  พวกมันเชื่อจริงๆ หรอ ว่ากะเทยอย่างพวกเรามีแฟนแล้วแต่ไอ้โชคก็เล่นสมบทบาทไปนะ  เดินออกมาไกลแล้วนะ  ยังไม่ปล่อยมือฉันอีก   มันจับมือฉันแน่น   ฉันหยุดสาวเท้าก่อนที่สองคนนั้นจะหยุดตาม 

   “ หยุดเดินทำไมหละฟิล์ม ”  ไอ้โชคทำหน้า งง  คงสงสัยมากเลยสินะ 

   “ เออ  หรือว่า  มึงเกิดเปลี่ยนใจ   เฮ้ยมึง ป่ะๆ  กูก็อยากได้อยากโดนเหมือนกัน ”  มันทำท่าตื่นเต้นดีใจ ตาลุกวาวเป็นประกาย  โถ..  อิห่า  ถ้าตัวต่อตัวกูจะไม่ขัดศรัทธามึงเลย  แต่นี่ห้าคนเลยนะเว้ย  มันหนักเกินไปสำหรับมือใหม่อย่างเรา 

   “ ไม่นะฟิล์ม  โชคไม่ยอม  ยังไงก็ไม่ให้ไป ” มันบีบมือฉันแรงขึ้น  ไอ้บ้าเอ้ย  เจ็บนะเว้ย 

   “ พอกันทั้งคู่เลย  อิกระต่าย  ถ้ามึงอยากโดนพวกมันรุมโทรม  มึงไปเลย   โชค  นี่เดินมาตั้งไกลแล้วนะ  เลิกตีบทแตกได้แล้ว  ปล่อยมือฉันได้แล้ว  ”  ฉันพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำในประโยคสุดท้าย  ก่อนที่ไอ้โชคจะค่อยๆ คลายมือออก  เหอะ  มือฉันเหงื่อเต็มเลยวุ้ย 

   เดินหาอิสายป่านอยู่นาน  สุดท้ายก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอ  พวกเราจึงกลับไปรอมันที่บ้าน  หวังว่าคงไม่เกิดเรื่องร้ายๆ กับเพื่อนสาวของฉันหรอกนะ  เรานั่งรออยู่ซักพัก  เห็นอิสายป่านเดินยิ้มมา  ท่าทางมีความสุขมากมาย   เหยื่อคืนนี้คงสมใจนาง  ถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้ 

   “ เป็นไงบ้างมึง  สบายรูสิท่า ” อิกระต่ายพูดไปยิ้มไป  มันคงยินดีกับอิสายป่าน 

   “ เออ  สามไม้  สบายรูม้ากกกกก  มีแต่ไม้ใหญ่ๆ  สบายรูสุดๆ ไปเลยแหละมึง ” อิสายป่านพูดซะได้ฟิวลิ่ง  พวกเราก็ขำกันใหญ่ 

   “ แต่มึงก็ทำให้พวกกูเป็นห่วงมากเลยนะ   พวกกูออกตามหามึงจนขาลาก  หาไม่เจอสักทีก็เลยมารอที่บ้าน  นึกว่ามึงจะโดนผู้ชายฆ่าข่มขืนซะแระ ” ฉันจิกเพื่อนสาวเบาๆ

   “ โอ้ยยยย  นี่มันเรื่องธรรมดาของกู  คราวหน้าไม่ต้องตามหานะจ๊ะ  เสร็จแล้วเดี๋ยวมาเอง  เพราะตามหายังไงก็ไม่เจอหรอกจ้ะ ”  พวกเราพยัคหน้างึกๆ  เป็นอันรู้กัน 

   ดึกมากแล้ว   ฉันลาอิสายป่านกับไอ้โชค  ก่อนจะขึ้นซ้อนท้ายมอไซต์อิกระต่าย  หอบหิ้วตุ๊กตากับหมอนข้างกลับบ้านพะรุงพะรัง  เยอะเกินไปแล้ว  เกือบเอากลับบ้านได้ไม่หมด  พอถึงบ้านอิกระต่ายก็ถือหมอนข้างช่วยฉัน  ส่วนฉันถือตุ๊กตา  ระหว่างเดินไปที่ประตู อิเพื่อนสาวก็แซวฉันใหญ่เลย  หาว่าของทั้งหมดนี้ไอ้โชคเป็นคนให้มา  เอาเถอะ  ให้มันคิดอย่างนั้นก็ดีแล้ว  ขี่เกียจพูดมาก   

        พอถึงประตูหน้าบ้านฉันเคาะประตู แม่เดินมาเปิดให้  เราสองคนหอบสัมภาระเข้าไปไว้ในบ้าน  จากนั้นอิกระต่ายก็ลาฉันกับแม่กลับบ้าน  ดึกป่านนี้แม่ยังไม่นอนเพราะรอฉันกลับบ้าน  แม่...หนูขอโทษนะ  แต่พ่อกับน้องเข้านอนแล้ว  โล่งใจไปที ไม่งั้นโดนพ่อบ่นให้แน่ๆ  แม่ถามฉันว่าจะอาบน้ำอีกมั้ย   เหนียวตัวขนาดนี้คงต้องอาบแหละแม่  คืนนั้นฉันอาบน้ำอีกรอบ  ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำ  แม่เข้าไปนอนแล้ว  ฉันหอบตุ๊กตากับหมอนข้างไปกองไว้ในห้องนอน  กองๆ มันไว้ตรงนี้ก่อนแล้วกัน คืนนี้เหนื่อยมากแล้ว  ขอนอนก่อน   Zzzzz……  หลับปุ๋ยจนถึงเช้า     

            ตื่นเช้ามาก็ไปโรงเรียนเหมือนเดิม  วันนี้มี  Test  วิชาภาษาอังกฤษ  พอถึงคาบวิชานี้  ก่อนที่ครูจะมา  เพื่อนๆ ก็เอาหนังสือขึ้นมาอ่านกันใหญ่   ฉันเองก็เอาขึ้นมาดูบ้างนิดหน่อย  อ่านมาเยอะแล้ว  ขี้เกียจอ่านอีก  ครูเดินเข้ามาพร้อมกับชีสต์ข้อสอบและกระดาษคำตอบ  ครูให้แยกโต๊ะห่างออกจากกัน  แล้วให้เรานั่งที่ของตัวเอง  การสอบเริ่มขึ้น  หลังจากที่กระดาษคำถามและกระดาษคำตอบถูกแจกให้นักเรียนครบทุกคนแล้ว  ข้อสอบคราวนี้ไม่ยากมากนัก  ฉันกลับรู้สึกว่ามันง่ายเกินไปซะด้วยซ้ำ  ฉันทำเสร็จเป็นคนแรก  แล้วเดินออกจากห้อง  ไปนั่งรอแม่นางมายด์กับอิกระต่ายข้างนอก

        ระหว่างที่นั่งรออยู่นั้นก็เหลือบไปเห็นเด็กผู้ชายคนนึง กำลังยืนอี๋อ๋อกับชะนีน้อยอยู่หน้าห้อง  จีบกันประเจิดประเจ้อจริงๆ เลยเด็กพวกนี้  น้องนีก็ใช่ย่อย  แรงเหมือนกันนะหนู   กระโปรงนี่สั่งตัดพิเศษรึป่าวคะ ทำไมมันถึงได้สั้นแล้วสั้นอีกขนาดนั้น  มีจับไม้จับมือกันซะด้วย  ดีนะที่พวกมันไม่จูบโชว์   เด็กผู้หญิงสมัยนี้  ไม่รักนวลสงวนตัวกันเลยหรอ  หรือฉันหัวโบราณมากเกินไป   

         ไม่มองมันแระ  เพราะจริงๆ  ก็แอบอิจฉาตาร้อนเหมือนกัน  ฉันนั่งรอจนเพื่อนๆ ค่อยๆ ทยอยออกมาเรื่อยๆ  แต่ทำไมเพื่อนสาวฉันยังไม่ออกมาสักที  ข้อสอบก็ไม่ได้ยากอะไรเลย  ทำนานจัง  ฉันนั่งของฉันอยู่ดีๆ  อินางพญากาดำที่ฉันเจอวันแรกตอนเข้าแถว  คงจำกันได้ใช่มะ  นางอยู่ห้องเดียวกับฉันนี่แหละ  และได้ข่าวว่านางเก่งซะด้วย สอบได้ที่หนึงกับที่สองมาตลอดตั้งแต่ ม. 1  แล้ว   อยู่ในห้องก็พูดคุยกันบ้างตามประสาเพื่อนร่วมห้อง  แต่ฉันรู้สึกไม่ค่อยจะถูกโฉลกกับมันเลย  มันชอบจิกกัดฉันด้วยคำพุดและสายตาอยู่บ่อยๆ  แต่ก็ไม่ได้กลัว   แรงมา  แรงกลับ  จบป๊ะ   

       “ เดินออกมาก่อนเพื่อน  ก็คงจะได้คะแนนเต็ม ”  ฉันมองหน้ามัน  สายตานี่จิกกัดฉันเต็มที่ 

       “ เต็มไม่เต็มไม่รู้  แต่ท็อปแน่ๆ ”  ฉันพูดใส่มันบ้าง  มันถึงกับตาเหลือกตาลานใส่ฉัน กลัวตายแหละมึง 

       “ อย่าคิดนะ  ว่าจะเอาชนะฉันได้ ”  นางกัดปากกัดฟันพูด  ฉันไม่อยากเสียน้ำลายโต้กลับ  ทำแค่เพียงมองหน้าและจ้องตากับมันอย่างดุเดือด  แล้วนางก็สะบัดบ็อบ  เดินเชิดไปหากลุ่มเพื่อน   แหมอินี่  อยากจิกหัวตบหน้าดำๆ ของมึงจริงๆ

        เที่ยงแล้ว  พวกเรานั่งกินข้าวกันที่เดิม  ในขณะที่มายด์กับอิกระต่ายออกไปซื้อข้าว  ฉันเห็นอิสายป่านซึมๆ  ตาจ้องมองไปข้างหน้า เหมือนกำลังมองอะไรอยู่  ฉันเลยหันไปมองบ้าง  ไอ้เด็กเวรนั่นนี่นา กำลังจู๋จี๋กับชะนีน้อยตัวเดิมอีกแระ  แล้วทำไมเพื่อนสาวต้องนั่งมองพวกนั้นตาละห้อยด้วยหละ  เฮ้ยๆ  อย่าบอกนะว่า 

       “ อิสายป่าน มึงกำลังมองผู้ชายกับน้องนีสองคนนั่นอยู่หรอ ”  ฉันโบ๊ยหน้าไปทางพวกมันสองคน  อิสายป่านค่อยๆ พยัคหน้า  ดูมันยึ่งซึมกว่าเดิมอีก 

       “ ผู้ชายคนนั้นแหละ คือคนที่กูชอบ ”  มันก้มหน้าเศร้าๆ แดกข้าวต่อไปอย่างช้าๆ  แต่ก็ไม่ได้ละสายตาจากพวกนั้นซะทีเดียว  ยังคงจ้องมองอยู่เป็นครั้งคราว 

         น่าสงสารนางจริงๆ  ใครจะเชื่อว่าสาวมั่นและแสนจะเพลเกิร์ลอย่างมันจะซึมเศร้ากับความรักได้ถึงขนาดนี้   ความรักกำลังทำให้เพื่อนฉันเจ็บปวด  ฉันไม่อยากเห็นมันเป็นแบบนี้เลย ก็นึกว่าตัดใจได้แล้ว  แต่ความรักมันตัดใจได้ง่ายๆ ซะที่ไหน ทุคนที่มีความรักคงจะเข้าใจดีสินะ   

         หลังจากกินข้าวเสร็จ  ก็ก็ต้องมาซ้อมพูดภาษาอังกฤษกับครูที่ห้องพักครู  ก่อนจะขึ้นห้อง  ครูก็แอบบอกฉันว่าสอบเมื่อเช้านี้ทำได้ดีมาก  ได้ท็อปของห้องเลย  ฉันนี่อดดีใจไม่ได้  ยิ้มหน้าบานออกจากห้องพักครู ยิ้มอยู่ได้คนเดียว  นึกว่าคนบ้า  55555  แต่มีความสุขเว้ยย  ทีนี้หละมึง  อีพญากาดำ  กูจะเย้ย  จะจิกกัดมึงให้เลือดออกท่วมตัว 

         ฉันมาถึงห้องด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส  และก่อนจะนั่งที่ฉันส่งสายตาพิฆาตไปหาอิดำนั่น  มันเองก็ไม่แคล้วที่จะส่งสายตาดุร้ายมาให้ฉันเช่นกัน  ฉันเบะปากใส่ไปทีนึงก่อนจะนั่งลง  เม้าท์มอยกับเหล่าเพื่อนสาวรอครูเข้าสอนอยู่พักนึง  เหลือบมองนาฬิกา  เหลืออีกตั้ง 5 นาทีกว่าจะถึงเวลาเรียน  และในขณะนั้นเอง  ไอ้โต๊ดก็เดินเข้ามาหาฉัน  เราทักทายกัน  เพราะวันนี้ทั้งวันยังไม่ได้คุยกันเลย  ไอ้โต๊ดยื่นโทรศัพท์มาให้พร้อมกับบอกว่าไอ้เต้โทรมา   ถึงแม้สีหน้าของมันจะไม่ได้ยินดี  แต่ก็ไม่ได้บูดบึ้ง  กลับเรียบเฉยเป็นปกติ   มันเลิกคิดอะไรกับฉันแล้วใช่มั้ย   ดีแระ  เป็นเพื่อนกันแหละดีที่สุด  ฉันรับโทรศัพท์มาและคุยกับไอ้เต้ 

         เนื้อหาการสนทนาระหว่างเรา  ก็มีอยู่ว่า...................มันทวงสัญญาตอนเล่นบิงโกกับฉันซะงั้น................. 

         บอกแล้วนะว่าอย่าขออะไรที่มันยากๆ หรือพิสดาร  ไม่เคยฟังกันเลยไอ้บ้าเอ้ยยยย........................... 

............................................................................



หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 16 : 14-11-58
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 14-11-2015 22:27:24
เต้ขออะไรอ๊าาาา อยากรู้ๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 16 : 14-11-58
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 14-11-2015 23:22:47
ว้ายยย เต้มีแผนตลอดเลย สงสัยคราวนี้เสดแน่ๆ ว่าแต่มาต่อ สักอาทิตละ 2-3 ตอนไม่ได้หรอ ดีนะที่เปิดดมาเจอว่าลงตอนใหม่ ไม่งั้นลืมไปแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 17 Part 1/2 : 24-11-58
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 23-11-2015 23:59:57
ตอนที่  17   Part  1/2

   ว่ากันว่า  ที่ใดมีรัก  ที่นั่นมีทุกข์  คำกล่าวนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงที่กำลังเกิดขึ้นกับเพื่อนสาวของฉันในขณะนี้  ก็อดคิดไม่ได้   ถ้าความรักมาเยือนตัวเองเข้าสักวัน  แล้วความทุกข์ก็จะตามมาเฉกเช่นกันงั้นหรือ

   ฉันนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย  จนกระทั่งความคิดนั้นมาบรรจบลงตรงเรื่องของความรัก  คิดแล้วก็เศร้าเคล้าหนักใจ  เฝ้าถามใจตัวเองว่าตอนนี้มีความรักกับเขาหรือยัง  คำตอบที่ได้  เห็นทีจะเป็น  “ ยัง....มั้ง ”  คำตอบนั้นบ่งบออกถึงความไม่แน่ใจและความสับสน  ว่าความรู้สึกหงุดหงิดและไม่ชอบใจที่มักจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่เห็นบรรดาสาวๆ ห้อมล้อมหนุ่มคนนั้น  มันเป็นความรู้สึกที่เรียกว่าอะไรกัน 

   “ พี่สาวคร้าบ  แม่เรียกไปกินข้าว ”   เสียงร้องตะโกนค่อนข้างดัง ทำให้ฉันตื่นจากภวังค์  เสียงนี้ไม่ใช่เสียงใคร  นอกจากน้องชายคนเก่งของฉันเอง

“ เออๆ  ไปเดี๋ยวนี้แหละ ”

ฉันรีบลุกจากโต๊ะไม้หน้าบ้านที่พ่อเพิ่งซื้อมาวันนี้  ( นั่งเจิมของใหม่สักหน่อย )  แล้ววิ่งพรวดเข้าไปในบ้านเพื่อร่วมรับประทานอาหารกับครอบครัวที่แสนน่ารักและอบอุ่นของฉัน

-----------------------------------------------------------

   เที่ยงของวันนี้  หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ  ก็ต้องมาเพียรพยายามกันต่อกับการอ่านภาษาอังกฤษ 1 หน้ากระดาษ A4  คุณครูท่านก็ขะมักขะเม้นซะจริง  บรรจงสอนเรื่องการออกเสียงให้ถูกต้องในแต่ละคำ  และการเน้นเสียงหนักเบา  ที่จะต้องให้เป๊ะในทุกๆ คำ  แล้วสมองน้อยๆ ของหนูจะจำได้ทั้งหมดหรอคะครู   อดไม่ได้ที่จะต้องถอนหายใจเบาๆ  อยู่หลายครั้ง  เมื่ออ่านไปได้สักพัก  แล้วครูสั่งให้เริ่มใหม่  เป็นแบบนี้จะอ่านจบซะเมื่อไหร่

   หลังจากที่เปล่งเสียงอยู่นาน  คุณครูก็ยอมปล่อยขึ้นห้องสักที  และในขณะที่ฉันกำลังเดินฉับๆ  เร่งฝีเท้า  มุ่งหน้าไปยังห้องเรียนนั้น  จู่ๆ  ไอ้นี่ก็โผล่พรวดพลาดออกมาจากประตูห้องเรียน  เข้ามาดักหน้าฉัน เล่นเอาสะดุ้งตกใจ  โชคดีที่โสตประสาทของฉันรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว  ก็เลยหยุดฝีเท้าเอาไว้ได้ทันท่วงที   แต่ก็เกือบเดินชนมันเข้าอย่างจัง

   “ บ้าจริง  โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงแบบนี้ได้ไง  ถ้าเมื่อกี้ฉันหยุดไม่ทัน  ไม่เดินชนแล้วหรอป่านนี้ ”  ฉันส่งเสียงเอะอะโวยวาย  บ่งบอกถึงความโกรธได้เป็นอย่างดี

   “ ขอโทษที  ว่าแต่  ไปซ้อมกับครูเพิ่งมาหรอ  ขยันแบบนี้ชนะเลิศแน่ๆ เลย ”

   “ ขอบใจ  คราวหน้า  ห้ามโผล่พรวดพราดเข้ามาแบบนี้อีกนะ  เราไม่ชอบ ”
   

ต้องปรามกันเอาไว้บ้าง  ไอ้นิสัยที่ชอบทำให้คนอื่นตกใจแบบนี้  เพราะมันเป็นนิสัยที่แย่มากๆ ในสายตาฉัน  และก็ไม่ชอบมากๆ ด้วย   ขนาดเพื่อนสนิทกันทำแบบนี้ บางทีก็ยังโกรธเลย  และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกอีกด้วย  ที่มันเข้ามาหาฉันแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง  จนสะดุ้งตกใจ  ถ้าฉันเป็นโรคหัวใจ คงไม่แคล้วหัวใจวายตาย                

   “ คร้าบบ....  ผมขอโทษน้า......  ปะกลับห้องกัน เดี๋ยวเดินไปส่ง ”  ไอ้โชคเปล่งเสียงออดอ้อนยกใหญ่ ทำตัวอย่างกับเด็กๆ  แต่ก็น่ารักดี 

   ฉันเหลือบมองไปยังประตูห้องที่มันเพิ่งกระโจนออกมาเมื่อสักครู่นี้  “ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  2/3 ”  เกิดอาการสงสัย และคำถามผุดขึ้นมาในหัวทันที   “ มันมาทำอะไรที่นี่ ”   แต่ก็นึกได้ว่า  มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา  เขาจะทำอะไร  ไปไหนมาไหนมันก็เรื่องของเขา  ไม่เห็บต้องเก็บมาส่าใจเลยนี่  แล้วเราสองคนก็เดินกลับห้องกัน  ไอ้โชคไปส่งฉันที่ห้องก่อน แล้วค่อยเดินกลับห้องตัวเอง  แหม.... ถ้ามีคนมาส่งแบบนี้ทุกวัน  ก็ดีเหมือนกันนะ  เอ่อ.... ฉันกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย 

----------------------------------------------------------

   หลังเลิกเรียน  วันนี้คุณครูไม่ว่าง  มีประชุม   ฉันก็เลยเป็นอิสระ  ได้มานั่งสนทนากับเพื่อนสาวคนเดิม ที่เก่าที่เดิม  ก่อนกลับบ้าน  เพราะขี้เกียจไปเบียดเสียดกับคนหมู่มากที่ขับรถออกจากโรงจอดรถ  ก็เลยมานั่งเม้าท์มอยกัน   รอให้ฝูงคนบางเบาก่อน  จะได้ไม่ต้องเบียดเสียดกับใคร

   “ อิฟิล์ม  กูมีเรื่องจะบอกมึง ”  สีหน้า แววตาที่ดูเรียบเฉย  และน้ำเสียงอ่อยๆ  ของเพื่อนสาว  ชวนให้คนฟังรู้สึกได้ว่าเรื่องที่กำลังจะคุยกันนี้  คงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่   การเปิดประเด็นสนทนาในครั้งนี้  ท่าทางจะไม่สนุกแล้วสิ

   “ เรื่องอะไร ”

   “ มันไม่น่าฟังนักหรอก  แต่กูคิดว่า  กูคงต้องบอกมึง  ไม่ว่ามึงจะคิดหรือรู้สึกยังไง  แต่กูอยากให้มึงรู้ไว้ ว่าเรื่องที่กูกำลังจะบอกมึง  กูไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายความรู้สึกของเพื่อน   แต่กูไม่อยากให้เพื่อนต้องเป็นเหมือนกู  ”

   ใบหน้าของอิสายป่านเริ่มเคล้าไปด้วยอารมณ์เศร้า  ใบหน้าแบบนี้  เห็นแล้วรู้สึกหดหู่  และเรื่องที่กำลังจะพูด คงไม่แคล้วเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวของฉันเอง   มันเรื่องอะไรกันนะ   แล้วที่บอกว่า ไม่อยากให้ฉันเป็นเหมือนนาง  คืออะไร

   “ พูดมาสิ  กูพร้อมจะฟังแล้ว ”  ฉันพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย  แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมายังชัดเจนในทุกถ้อยคำ  เพื่อให้เพื่อนมั่นใจได้ว่า  ฉันพร้อมที่จะรับฟังแล้วจริงๆ 

   “ วันนี้.....  กูเห็นไอ้โชคนั่งจีบสาวอยู่ที่โรงอาหาร พอมึงไปซ้อมพูดภาษาอังกฤษกับครู  พวกกูก็นั่งเม้าท์กันต่ออยู่ที่โรงอาหาร ซักพักนึง  เห็นไอ้โชคเดินถือแก้วน้ำส้มเดินไปหาชะนีที่โต๊ะ แล้วก็เอาน้ำส้มให้ชะนีคนนั้น  แล้วพวกเขาก็นั่งคุยกัน  ท่าทางมีความสุข  ทั้งยิ้ม  ทั้งหัวเราะ  แบบนี้  เขาเรียกว่าจีบป่ะวะ ”

   อิสายป่านบรรยายได้เห็นภาพอย่างชัดเจน  ฉันรู้สึกเหมือนโดนฉีดยาชา  มันชาไปทั่วร่างกาย   ใจหวิวๆ  คล้ายหัวใจหลุดลอยออกไปจากร่างกาย   แปลกจัง  เรื่องแค่นี้เอง  ทำไมถึงทำให้ฉันมีอาการแบบนี้ได้นะ    ก่อนที่ฉันจะไปซ้อม ทำไมบอกว่าจะไปเตะบอลกับเพื่อน  แล้วมานั่งจีบสาวได้ไง  คิดไปถึงเรื่องเมื่อเที่ยงนี้  ที่ไอ้โชคเดินออกมาจากห้อง ม.2/3  อย่าบอกนะว่า  มันตามไปจีบสาวถึงในห้อง  เดินไปส่งเขาถึงห้อง  แล้วค่อยเดินไปส่งฉันด้วยความบังเอิญที่เจอกัน  มันน่าเจ็บใจนัก  ทั้งโดนหลอก เรื่องไปเตะบอล  แถมยังทำให้ฉันเข้าใจผิด คิดว่าตั้งใจจะเดินไปส่งที่ห้อง  ที่แท้ฉันก็เป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้นเอง  ไม่ใช่ความตั้งใจดั่งใครเขา   

   “ อืม ”  ด้วยสมองที่กำลังคิดและประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดอยู่  เลยทำได้เพียงส่งเสียง อือ ออ  ออกไปเท่านั้น

   “ กูรู้  ว่ามึงยังพอตัดใจจากมันได้  กูอยากให้มึงรีบตัดใจจากมันซะ  จะได้ไม่เจ็บเหมือนกู ”

   “ มึงพูดอย่างกับว่ากูรักมัน ”  ถึงจะรู้สึกเจ็บใจที่โดนหลอก  แต่ฉันก็ยังคงทีท่าที่ดูสงบ  ใบหน้าที่เรียบเฉย  และเปล่งเสียงที่ฟังดูเป็นปกติถามเพื่อนสาวออกไป

   “ กูไม่รู้หรอกว่ามึงรักมันหรือเปล่า  แต่หัวใจของมึงรู้ดี  แรกๆ  มึงอาจจะรู้สึกว่ามันเป็นแค่เพื่อนจริงๆ  แต่วันเวลาผ่านไป  ความใกล้ชิดสนิทสนมมากขึ้นทุกที   จนถึงตอนนี้    แม้ปากจะบอกว่าเพื่อน  แต่หัวใจอาจจะบอกไปอีกอย่างแล้วก็ได้   และตอนนี้หัวใจของมึงอาจกำลังเรียกร้องหาสิ่งนั้นอยู่  โดยที่มึงไม่รู้ตัว ”

   อิสายป่านพูดจนฉันอึ้งไปเลย  ไม่คิดว่าเพื่อนสาวของฉันคนนี้  จะพูดเรื่องราวความรักได้ลึกซึ้งกินใจขนาดนี้   แต่สิ่งที่ทำให้ฉันทึ่งไปมากกว่านั้นคือ  สิ่งที่นางพูด  อาจจะเป็นความจริงก็ได้   

   “ ขอบใจมึงมากนะ  ที่เป็นห่วงเพื่อนคนนี้  กูรู้แล้วหละ  ว่าควรจะทำยังไงต่อไป ”

   สิ่งที่ควรทำต่อจากนี้ไป  ฉันควรอยู่ห่างจากเขาให้มากที่สุด   อยู่ห่างจากความรักให้มากที่สุด  ก่อนที่มันจะทำร้ายหัวใจดวงน้อยดวงนี้   มันคงเป็นดั่งเขาว่าจริงๆ  ที่ใดมีรัก  ที่นั่นมีทุกข์

------------------------------------------------------------

   เสียงพูดที่ฟังดูไม่ใช่ภาษาบ้านเกิด  ถูกเปล่งออกมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับท่องบทอานยาน  และยังคงดังอยู่เรื่อยๆ  แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาสามทุ่มแล้วก็ตาม  นั่งท่องตั้งแต่หนึ่งทุ่ม  ผ่านมาสองชั่วโมงแล้ว  เสียงนั้นยังใสแจ๋ว  ไม่มีท่าทีว่าจะแหบแห้งลงแต่อย่างใด 

   ก๊อก......  ก๊อก.......  ก๊อก....... 

   เสียงเคาะประตูนั่น  ทำให้ฉันต้องหยุดท่องเรียงความภาษาอังกฤษ   เล่นมาเคาะห้องกันดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ คงไม่ใช่ใครที่ไหน  นอกจากไอ้น้องชายตัวดี  ฉันลุกจากเตียง  ไปเปิดประตูห้อง  เจอหน้าห่วยๆ  ของไอ้น้องชายตัวแสบ  ว่าแล้วไง 

   “ มีอะไร ”

   “ เพื่อนโทรมา  ตั้งแต่ย้ายโรงเรียน  เพื่อนโทรมาหาบ่อยจังเลยนะ  แทบจะทุกวัน ”

   “ ก็คนมันเฟรนลี่  อัธยาศัยดี   พูดเพราะ  ใครๆ ก็อยากคุยด้วย  ไม่เหมือนแก  ทำตัวอย่างกับนักเลง  พูดไม่เพราะ  หัดเอาฉันเป็นตัวอย่างบ้าง  เข้าใจมั้ย ” 

   “ เอามึงเป็นตัวอย่าง  ก็ก็ตุ๊ดสิวะ  มึงจะบ้ารึไง  อยู่ดีๆ มาบอกให้น้องเป็นตุ๊ดเหมือนตัวเอง ”

   “ ไอ้บ้า  ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น  ฉันหมายถึงให้ทำตัวดีๆ เลิกทำตัวเป็นนักเลง  แล้วก็พูดจาดีๆ เพราะๆ  ไม่ใช่พูดจาปากคอเราะร้ายแบบนี้  แล้วสาวที่ไหนเค้าจะกล้าเข้าใกล้วะ ”

   “ เออ....  แล้วจะคุยมั้ยโทรศัพท์หนิ ”

   ลืมไปสนิทเลย  มันแต่เถียงกับไอ้น้องชายตัวแสบ  ว่าแต่ ใครโทรมากันนะ  ดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้  คงไม่ใช่เพื่อนสาวอย่างแน่นอน  เห็นทีจะมีอยู่คนเดียว  ต้องเป็นไอ้โชคแน่ๆ เลย  เอาไงดีหละทีนี้

   “ แล้วไหนหละโทรศัพท์ ”  ฉันมองไม่เห็นโทรศัพท์ในมือของน้องชาย  เลยถามออกไปอย่างนั้น 
   
   “ ชาร์จแบตอยู่ข้างล่าง  ลงไปคุยข้างล่างแล้วกัน ”

   จะให้ฉันไปคุยข้างล่าง  บ้ารึไง  เกิดผู้ชายโทรมาจริงๆ  จะไม่โดนจับได้หรอกหรอ  มันเสี่ยงเกินไป  อีกอย่าง  ถ้าเป้นไอ้โชคโทรมาจริงๆ ฉันก็ไม่อยากคุยกับมันอยู่แล้ว  ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้  ฉันจึงตัดสินใจไม่ลงไปคุยโทรศัพท์

   “ ง่วง  จะนอนแล้ว  บอกมันไปว่าฉันหลับแล้ว  แค่นี้นะ  แล้วแกก็ไม่ต้องมาเคาะประตูอีก ”

   “ คร้าบบ  รับคำสั่งครับผม ”

   เพราะนิสัยขี้เล่นแบบนี้สินะ  ถึงทำให้ฉันรักน้องชายคนนี้เอามากๆ  ถ้าไม่มีแก  ชีวิตของฉันคงเหงาน่าดู   ฉันปิดประตูและเดินกลับมานั่งบนเตียง  ท่องเรียงความภาษาอังกฤษเหมือนเดิม  เพิ่งสามทุ่มเอง  เรื่องอะไรจะนอน  ขอท่องอีกสักสองชั่วโมงแล้วกัน  เนื้อหากำลังซึมซับเข้าสู่สมอง  จะแข่งสัปดาห์หน้าแล้ว  คงต้องขยันกันหน่อย   สู้โว๊ยยยยย......

---------------------------------------------------------------

   กรี๊งงงงงง.......... ( เสียงออดพักกลางวัน)

   “ พวกมึง  แดกยาคุมกันไปถึงไหนแล้วยะ ”  เสียงกังวานของอิสายป่านเอ่ยถามเราสองคน 

   “ แดกทุกวัน  วันละ 1 เม็ดก่อนนอน  กูเริ่มรู้สึกว่าผิวพรรณเปล่งปลั่ง  แลดูมีน้ำมีนวล  หน้าใสกิ๊ง  แก้มนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจน  หน้าไม่ซูบเหมือนแต่ก่อนเลยจ้ะ  หน้าอกใหญ่ขึ้น  เห็นเป็นเต้าเล็กๆ  เหมือนนมเด็กผู้หญิงเลยอะแก ”  โทนเสียงสูงที่ได้ยินแล้วแสบเยื่อแก้วหูของอิกระต่าย  ร่ายพรรณนาถึงความเปลี่ยนแปลงทางสรีระร่างกายของตนเองให้พวกเราฟัง  อะไรมันจะขนาดนั้น  เวอร์ไปแล้วอินี่ 

   “ เริ่ดคะเพื่อนสาว  กินเข้าไปเยอะๆ  เดี๋ยวนมของแกก็จะใหญ่ขึ้นๆ  เท่ากับขอบนางมายด์เลยแหละ  ดีไม่ดี  อาจจะใหญ่กว่าของชีก็ได้จร้า ”   

     ฮ่า..............  พวกเรา  4  สาวหัวเราะเป็นเสียงเดียวกัน  นึกแล้วก็ขำ  ถ้าเกิดหน้าอกพวกเราใหญ่โตถึงขนาดนั้นจริง  คงต้องซื้อยกทรงมาใส่แล้วแหละ  แต่มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรอ   หัวเรากันอย่างสนุกสนานได้ไม่ทันไร  เสียงที่ฉันไม่อยากได้ยินก็ดังขึ้น 

   “ หัวเราะอะไรกันอยู่หรอครับสาวๆ  ท่าทางสนุกเชียว  ขอนั่งหัวเราะด้วยคนได้ไหม ”

   ทุกคนเงียบกริบ  มองหน้ากันไปมา  ดูจากสีหน้าก็รับรู้ได้ว่าไม่ต้องการรับแขกคนนี้   เพื่อนสาวสามนางจึงส่งสายตามาที่ฉัน  เป็นสัญญาณบอกว่า  ช่วยไล่มันไปไกลๆ ที  พวกกูไม่ต้อนรับมันแล้ว   

   “ ฉันว่า....  นายไปนั่งกินข้าวกับเพื่อนนายเถอะ  หรือไม่ก็......  ไปนั่งกินกับคนที่นายอยากนั่งกินข้าวด้วย  ไม่ต้องมานั่งกับพวกเราหรอก ”  ฉันหันไปบอกไอ้โชค  และพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเย็นชา   มันยืนทำหน้า  งง  เห็นดังนั้นฉันเลยหันกลับมานั่งทานข้าวต่อ  ไม่อยากสนใจผู้ชายคนนี้อีกแล้ว     

   “ ก็ฟิล์มไง  คนที่โชคอยากนั่งทานข้าวด้วยมากที่สุด ” 

   หน้าด้าน  ยังกล้าโกหกฉันอีกหรอ   เจ็บใจจริงๆ  คงคิดว่าฉันโง่สินะ  แต่ขอโทษ  ฉันฉลาดกว่าที่แกคิด  อย่ามาหลอกฉันอีกเลย  อย่าทำให้ฉันรู้สึกรังเกียจในตัวของแกมากไปกว่านี้เลย  ขอให้ความทรงจำดีๆ มันเหลืออยู่บ้างเถอะ  หยุดพูดโกหกกันสักที   ฉันได้แต่นั่งทำหน้านิ่ง  และไม่ยอมหันกลับไปมองมันอีก 

   “ ฟิล์มเป็นอะไรไปหรือเปล่า  เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลย ทำไมวันนี้ไล่โชคให้ไปนั่งที่อื่นหละ ”

   “ พวกมึง  กูอิ่มแล้ว  ขอตัวก่อนนะ  ต้องรีบไปซ้อมกับครู  ฝากเก็บจานข้าวด้วยนะ ”

   ฉันไม่อยากตอบคำถาม  และไม่ต้องการพูดกับไอ้โชคไปมากกว่านี้  เพราะถ้าจะให้พูดจริงๆ  คงไม่แคล้วต้องยกเรื่องเมื่อวานมาพูด  ฉันยังไม่พร้อมที่จะมีปากเสียงกลางโรงอาหาร  เลยต้องพูดตัดบทออกไปอย่างนั้น  แล้วลุกเดินออกไป 

-----------------------------------------------------------

   ขณะเดินไปห้องพักครู  เสียงเรียกชื่อฉันก็ดังขึ้น  จนต้องหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับไปมองเจ้าของเสียงเรียก  ที่กำลังเดินเข้ามา  และหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน     

   “ โต๊ดมีอะไรหรือป่าว ” 

   “ เมื่อกี้ไอ้เต้โทรมา  มันฝากมาบอกว่า  วันนี้ห้าโมงเย็น  ให้ฟิล์มไปหามันที่สนามบาสอำเภอ ”

   “ ไปหาทำไมหรอ ”  ใบหน้าของฉันบ่งบอกว่าสงสัย  คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน

   “ ไม่รู้สิ  มันไม่ได้บอกไว้  แล้วฟิล์มจะไปมั้ยหละ ให้โต๊ดไปเป็นเพื่อนก็ได้นะ ”

   “ คงไม่ไปหรอก  ถ้าเย็นนี้โต๊ดไปสนามกีฬาอำเภอ  ฝากบอกเขาด้วยแล้วกัน  ว่าเราต้องท่องภาษาอังกฤษ  จะไปแข่งขันสัปดาห์หน้าแล้ว  ก็เลยไปหาไม่ได้  ฟิล์มไปก่อนนะ  ครูรออยู่ ”

   “ ครับ  เดี๋ยวโต๊ดจะบอกมันให้ ”

   ฉันยิ้มบางๆ ให้ไอ้โต๊ด เพื่อเป็นการขอบคุณที่จะช่วยส่งสารไปบอกไอ้เต้  ไอ้โต๊ดเองก็ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มกลับคืนมาให้ฉันเหมือนดั่งเคย 

   โทษทีนะแก  ช่วงนี้ฉันคงออกไปหาแกไม่ได้หรอก  เอาไว้แข่งเสร็จก่อน  ค่อยเจอกันตามที่แกนัดฉันไว้แล้วกัน  นัดที่คุยกันไว้  เพื่อทำตามคำขอ  ในฐานะที่แกเป็นผู้ชนะ  และฉันเป็นผู้แพ้   

............................................................................


หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 17 Part 1/2 : 24-11-58
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 01-12-2015 15:44:57
ถ้าโชคทำจริงๆนี้ มีเกลียดอ่ะ  :m16:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 17 Part 1/2 : 24-11-58
เริ่มหัวข้อโดย: Dominic ที่ 07-12-2015 12:57:48
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 17 Part 1/2 : 24-11-58
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 07-12-2015 14:35:58
 :hao7: อยากอ่านต่อแล้ว โชค ทำจิงรึป่าวเนี่ย หายไปนานแล้ว ไม่มาต่อแล้วหรอ
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ( แจ้งข่าว ) : 07/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 07-12-2015 22:12:10

 ก่อนอื่นต้องขอโทษที่หายไปนาน

ขอแจ้งข่าวให้ทราบว่า ตอนนี้กำลังเขียนนิยายเรื่องนี้อยู่ และอยากเขียนให้จลภาคมัธยมต้นก่อน จะได้เอามาอัพให้ได้อ่านกันวันละตอน เหมือนละครที่ออนแอร์ทุกวัน คนอ่านจะได้ไม่ไม่อารมณ์ค้าง ซึ่งคาดว่า จะเริ่มออนแอร์ตอนที่ 17 part 2/2 ในวันที่ 1 มกราคม 2559 นี้ และจะออนแอร์วันละ 1 ตอน จนจบภาคมัธยมต้น

หวังว่าคนอ่านทุกๆ คน จะรอติดตามกันนะจ้ะ

 :bye2:    :mew1:    :katai4:     :pig4:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ( แจ้งข่าว ) : 07/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 07-12-2015 22:39:34
ปีใหม่เลยหรอ มาอาทิตละตอนก่อนก้อยังดีนะ จะได้หายคิดถึง จะได้ไม้ลืมกันนะ
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ( แจ้งข่าว ) : 07/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 10-12-2015 15:46:13
ปีใหม่เลยหรอ มาอาทิตละตอนก่อนก้อยังดีนะ จะได้หายคิดถึง จะได้ไม้ลืมกันนะ

เห็นด้วยกับข้างบน  :hao5:
แต่ว่าแล้วแต่พี่ฟิล์มก็ได้ค่ะ รอได้เสมอ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ( แจ้งข่าว ) : 07/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 10-12-2015 22:52:38
แล้วเจอกันปีหน้า
วันละตอน

ถ้าได้อ่านทุกตอน
ก็จะบวกให้ทุกตอน
เหมือนกัน

จะรอนะฟิล์ม
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ( แจ้งข่าว ) : 07/12/58
เริ่มหัวข้อโดย: fongbeer37 ที่ 08-02-2016 22:18:33
ยังรอเรื่องนี้อยู่น้าาาา กลับมาเถ๊อะะะะ
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ กลับมาแล้วนะ : 28/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 28-02-2016 01:44:41

  ขอโทษผู้อ่านทุกท่านที่หายไปซะนานเลย  ตอนนี้กลับมาแล้วนะ  และจะกลับมาเขียนต่อให้ได้อ่านกันจนจบเลยจร้า 

ตอนที่  17  part 2/2 

   เฮ้อ..... ซ้อมมาทั้งวี่ทั้งวัน  เหนื่อยจะตายชัก  วันหยุดแบบนี้หาอะไรๆ ผ่อนคลายสมองทำดีกว่า  ว่าแต่จะทำอะไรดีหละ  อ๋อ  รู้แระ ชวนไอ้น้องชายตัวแสบเล่นเกมส์ตลับดีกว่า  ว่าแล้วก็ชวนกันเล่นเกมส์   ที่บ้านมีเกมส์ตลับที่ต่อเข้ากับทีวีอยู่เครื่องนึง สมัยนั้นฮิตมาก  เห็นมีเล่นกันแทบทุกบ้าน แผ่นเกมส์นึงแผ่นก็จะมีเกมส์ให้เล่นอยู่หลายเกมส์  เล่นอยู่กับน้องทั้งวัน  เล่นจนเบื่อ  ชักง่วงๆ  ไปนอนงีบที่เปลหน้าบ้านสักหน่อยดีกว่า

   “ พี่สาวคร้าบบ  เพื่อนโทรมาหา ”  ไอ้น้องชายตัวแสบยื่นโทรศัพท์มาให้ฉันที่กำลังจะเคลิ้มหลับ  แต่ต้องตื่นเพราะเสียงปลุกของมันนี่แหละ  แล้วนั่นใครโทรมานะ  วันหยุดแบบนี้ อาจจะเป็นอิสายป่านก็ได้ คงเหงาหละสิท่า  เลยโทรมาชวนให้ไปเล่นด้วย  คิดได้แบบนั้นฉันเลยคว้าโทรศัพท์มา  แต่....ไม่ใช่เบอร์อิสายป่านนี่  เบอร์แปลกๆ 

   “ หวัดดีจ้ะ  นั่นใครอะ ”

   “ โชคเอง  ขอบใจนะที่ยอมรับสายเรา  ”  ถ้ารู้ว่าเป็นเบอร์แก  ฉันคงไม่รับหรอกยะ

   “ อืม  โชคมีธุระอะไรหรือเปล่า ”

   “ แค่อยากคุยด้วย พักนี้ฟิล์มเปลี่ยนไปมากเลยนะรู้มั้ย  ทำเหมือนกับไม่อยากคุยกับโชคเลย  โกรธอะไรกันหรือเปล่า  เราทำอะไรผิดหรือทำอะไรให้ไม่พอใจ  บอกได้นะ  ฟิล์มทำแบบนี้  โชครู้สึกไม่ดีเลย ”

   “ เปล่า  ไม่มีอะไร  ก็แค่เครียดๆ กับการแข่งภาษาอังกฤษ  ก็เลยไม่ค่อยมีอารมณ์จะคุยด้วยสักเท่าไหร่  ก็แค่นั้นเอง อย่าคิดมากเลย  ฟิล์มไม่ได้สำคัญกับโชคขนาดนั้นหรอก ”

   “ สำคัญสิ  ฟิล์มสำคัญกับโชคเสมอแหละ  มีอะไร  คุยกันดีๆ ได้ไหม ขอร้องนะครับ ”

   “ ได้....  ไว้คุยกันวันจันทร์นะ ”

   วางสายโทรสัพท์ไปแล้ว  แต่ใจยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องนั้นอยู่  เรื่องที่ทำให้รู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่คิดถึง  คำถามมากมายที่ต้องการรู้คำตอบจากปากของเจ้าตัว  และหวังว่าคำตอบนั้นคงไม่ใช่อย่างที่คิด  เพราะในใจลึกๆ ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย  วันพรุ่งนี้แล้วสินะ  จะได้รู้คำตอบจริงๆ สักที 

----------------------------------------------------------------------

   ในขณะที่ฉันกำลังนั่งกินข้าวกับเพื่อนๆ  แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็มาขอร่วมแจมอีกตามเคย  ไม่ใช่ใครที่ไหน  ไอ้โชคนั่นเอง   วันนี้ครูติดธุระตอนเที่ยงพอดี  ก็เลยไม่ต้องไปซ้อม  แต่เย็นนี้ต้องซ้อมใหญ่  เพราะพรุ่งนี้จะแข่งแล้ว  ฉันจึงได้โอกาส  หลังจากกินข้าวเสร็จนี่แหละ  เรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน 

   ฉันไม่ได้บอกเพื่อนๆ  ว่าจะไปเคลียร์เรื่องนั้นกับไอ้โชค บอกแค่ว่าจะไปเข้าห้องน้ำ  ไอ้โชคลุกเดินตามฉันมา   เหมือนมันจะรู้ ว่าฉันจะคุยหลังจากกินข้าวเสร็จ  ฉันเดินไปเรื่อยๆ  และมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง  ม.2/2   ไอ้โชคท่าทางตกใจน่าดู  คงคาดไม่ถึงสินะ  ว่าสถานที่คุยกันของเราจะเป็นที่นี่  และที่สำคัญกว่านั้น  น้องนีคนนั้นกำลังนั่งอยู่ในห้องซะด้วย  เข้าทางฉันทั้งหมดเลย  ความจริงต้องถูกเปิดเผย    

   “ ฟิล์ม  ทำไม  เราต้องมาคุยกันที่นี่ด้วยหละ ”  ไอ้โชคพูดเสียงกร่อยๆ 

   “ ทำไมหละ  โชคไม่ชอบที่นี่หรอ   ช่วงนี้.....เห็นเข้าๆ อกๆ ห้อง ม.2/2 ออกจะบ่อย นึกว่าชอบที่นี่ซะอีก ”  ฉันไม่ได้แอบตามดูหรอกนะ  แต่สายลับปาปารัชซี่สองสาวเล่าเรื่อง  อิกระต่ายกับอิสายป่านนี่สิ  สอดรู้สอดเห็นตามดูอยู่ทุกวัน  แถมยังเอามาบอกฉันอีก  ได้ยินทีไรหงุดหงิดทุกที 

   “ เอ่อ.... ฟิล์ม  รู้ได้ยังไงอะ  อย่าบอกนะว่า  แอบตามดู ”  ดูมันพูดเข้า  ให้ตายเถอะ  ฉันต้องเสียเวลาอันมีค่ามาตามก้นผู้ชายต้อยๆ ด้วยหรอยะ  สำคัญตัวผิดไปหรือเปล่า 

   “ เสียเวลาหวะ  จะทำแบบนั้นไปทำไม  อย่าสำคัญตัวผิด ”

   “ แล้วรู้ได้ไง  ว่าโชคเข้าๆ ออกๆ ห้องนี้บ่อยๆ ”

   “ ไม่ได้อยากรู้หรอก  แต่เรื่องนี้  คงเป็น talk of the town  เขาถึงเม้าท์ให้แซด ”

   “ อ๋อ.... ที่แท้ก็รู้มาจากคนอื่นนี่เอง  ไอ้เราก็นึกว่าแอบตามดูทุกวัน  แอบดีใจหมดเลย  แต่ฝันกลับสลายซะงั้น ”

   “ เข้าเรื่องเลยแล้วกัน  ขอถามตรงๆ  นะ  กำลังจีบน้องห้องนี้อยู่ใช่มั้ย ”  ไอ้โชคทำหน้างง  ก่อนจะหัวเราะออกมา  ท่าทางจะบ้า  ทำแบบนี้มันยั่วโทสะกันชัดๆ อย่าให้ฉันต้องโมโหไปมากกว่านี้นะ  รีบตอบมาสักทีสิ 

   “ นี่อย่าบอกนะว่า......  ฟิล์ม....  กำลังหึงโชค ”  ไอ้บ้า  ทำหน้ากวนตีน แถมยังยิ้มจนแก้มจะฉีกอีก  เห็นแล้วโมโหสุดๆ  คิดได้ไง  หึง...  เป็นคำถามที่ปัญญาอ่อนมากๆ

   “ จะบ้าหรอ  เราไม่ได้เป็นแฟนกันนะ  แค่อยากรู้  ว่าเรื่องที่เขาเม้าท์กันมันเป็นเรื่องจริงไหม ”

   “ แล้ว..... ฟิล์มอยากให้มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ”

   ฉันยืนอึ้งกับคำถามนี้อยู่สักพัก  มันเป็นคำถามที่ฟังดูง่ายๆ  และถ้าคนที่โดนถามไม่ใช่ฉัน  แต่หากเป็นคนอื่น เขาคงตอบออกไปแล้ว  แต่สำหรับฉัน  ไม่เป็นอย่างนั้น  คำถามนี้ชวนให้ครุ่นคิดถึงคำตอบที่อยู่ในใจ  คำตอบที่ต้องการจริงๆ  คือ ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง   แต่คำตอบกลับไม่ได้ถูกตอบออกมาจากใจ  แต่กลับถูกตอบออกมาจากสมองมากกว่า 

   “ จะยังไงก็ได้  เพราะยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ดี ”  เพียงแค่คำตอบนี้  กลับทำให้ใบหน้าที่กำลังยิ้มแย้ม  ดูสดใส ซึมลงไปในพริบตา  แววตาที่ดูเศร้าคู่นั้น  บ่งบอกถึงความผิดหวังในคำตอบ 

   “ พี่โชค....  มาหาบิวหรอคะ ”  เราหันหน้าไปตามเสียงเรียก เจอน้องนีคนสวยที่ไอ้โชคกำลังจีบอยู่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง   ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาหาชายในฝัน 

   “ วันนี้ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือมาให้บิวหรอคะ ”  แหม  คงได้บ่อยหละสิ  ถามเอาอยู่นั่นแหละ หน้าด้าน

   “ ตอนนี้ยังไม่มี  แต่เลิกเรียนนี่มีแน่นอนครับ ”  พูดไม่พอ ยังยิ้มหวานให้กันอีก เห็นแล้วหมั่นไส้  ช่วยไปพอดรักกันให้ไกลๆ ลานสายตาของฉันหน่อยเถอะ 

   “ แล้วเมื่อไหร่ถึงจะเปิดตัวสักทีหละคะ  บิวอยากเห็นจนทนไม่ไหวแล้ว ” แอร๊ยยย   แรงจริงอะไรจริง   ถ้าได้เปิดตัวเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้ว  คงชวนกันไปทำอย่างว่า  รีบๆ สนองให้นางหน่อยเถอะ  เดี๋ยวนางจะขาดใจตายก่อน  คงอยากเห็นไอ้นั่นของไอ้โชคมากเลยสินะ  ไม่ใช่แค่อยากเห็น  คงอยากได้อยากโดนด้วย   เฟียไอ้โชคจนตัวติดกันแล้วนั่น  ไอ้นี่ก็ยืนเฉยให้มันเฟียอยู่นั่นแหละ  ชักจะโมโหแล้วนะ 

   “ ขอโทษที่ขัดจังหวะ  ทำอะไรรู้จักให้เกียรติสถานที่ด้วย  ” ฉันพูดเสียงแข็ง  พยายามปรามการกระทำที่ไม่เหมาะสมของน้องนี   ก่อนที่นางจะเดินออกห่างจากไอ้โชค 

   “ บิวเข้าห้องก่อนนะคะ  เจอกันเย็นนี้คะ ”  ก่อนเข้าห้องยังส่งตาหวานมาให้  แถมอีกฝ่ายยังยิ้มรับยิ้มส่งอีกด้วย  ทนไม่ไหวแล้วโว้ยยยยย  บ้าเอ้ย  ถึงจะโกรธมากแค่ไหน  แต่ก็ต้องพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติให้มากที่สุด  หลังจากที่น้องนีเดินเข้าห้องไปแล้ว  เราจึงหันหน้ามาคุยกันอีกครั้ง

   “ ไม่ต้องพูดอะไรแล้วหละ  คำตอบมันชัดเจนอยู่แล้ว  ขอบใจนะ  สำหรับคำตอบ ” ฉันพยายามปรับน้ำเสียงให้ฟังดูราบเรียบเป็นปกติ  แต่เหมือนมันจะไม่เป็นอย่างนั้น  เพราะเสียงที่เปล่งออกมาเจือไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นครอเล็กน้อย 

   ฉันเดินเลี่ยงออกมา   เดินลงบันได  โดยมีไอ้โชคเดินตามมาพร้อมกับเรียกชื่อฉันอยู่เนียงๆ  แทนที่จะหยุดคุย  กลับไม่เป็นอย่างนั้น  ยังคงเดินต่อไป  รู้ว่าเพื่อนไปนั่งตากแอร์อยู่ที่ห้องสมุด  จุดหมายปลายทางเลยเป็นที่นั่น  พอไปถึงก็นั่งลง   และมันก็ตามมาถึงจนได้  แถมยังนั่งที่ข้างๆ ฉันอีก   มันหันหน้ามองมาที่ฉัน  ฉันมองเห็นได้โดยหางตา  ไม่ยอมหันหน้าไปคุยกับมันอีกแน่ๆ  พอแล้วสำหรับวันนี้   

   “ ฟิล์ม....  ฟิล์มกำลังเข้าใจผิดนะ ”

   “ พอทีเถอะโชค  ที่นี่เป็นห้องสมุดนะ  อย่าส่งเสียงดังน่ารำคาญอีกเลย  ”  ตอนนี้ฉันไม่ต่างอะไรจากคนที่กำลังเย็นชาคนหนึ่ง  เพราะตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกชา  ชาไปทั้งตัว  จนถึงขั้วหัวใจ   ไม่แปลกที่ความเย็นชานั้นจะถูกส่งออกมาทางท่าทีและน้ำเสียงเพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ได้

   “ ก็ได้  แต่วันนี้เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง  หนีโชคไม่พ้นหรอก ”

   ฉันยังคงเฉยชา  ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว  ไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น  น้ำตาจ๋า  อย่าเพิ่งไหลออกมาตอนนี้เลยนะจ้ะ  ฉันกวาดสายตามองดูเพื่อนๆ  พวกมันกำลังจ้องมองฉัน พร้อมกับสีหน้างุนงงสงสัย  ที่ซ่อนคำถามเอาไว้ว่า มันเกิดอะไรขึ้น   และฉันก็ยังไม่พร้อมที่จะพูดอะไรในตอนนี้   ได้แต่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะ  จะหนังสืออะไรก็ช่าง หยิบๆ มันขึ้นมาเถอะ อ่านๆ ไป  เมื่อไหร่จะถึงเวลาเรียนคาบบ่ายสักที  อยู่ตรงนี้รู้สึกอึดอัดเหลือเกิน

---------------------------------------------------------------------


   หลังเลิกเรียน  วันนี้ครูนัดซ้อมใหญ่  เพราะพรุ่งนี้ต้องไปแข่งขันแล้ว  เราซ้อมกันตั้งแต่บ่ายสามโมงครึ่งจนถึงห้าโมงครึ่ง  สองชั่วโมงเต็ม  เล่นเอาเสียงแหบเสียงแห้งไปเลยทีเดียว   พอซ้อมเสร็จก็เดินไปที่โรงจอดรถ   น่าน.... ท่าทางจะไม่ได้กลับบ้านง่ายๆ แล้วสิเรา  เย็นขนาดนี้แล้ว  ยังมานั่งทำไรอยู่วะเนี่ย  ไม่อยากคุยกับมันเลยจริงๆ   ฉันเดินเข้าไปในโรงจอดรถ และเดินไปที่รถของตัวเอง  โดยที่ไม่มอง  ไม่สนใจไอ้โชคเลย   แต่มันก็เดินตามมาจนได้   

   “ ทำไมต้องเดินหนีด้วย ” 

   เสียงของมันไล่หลังฉันมา   พร้อมกับฝีเท้าที่ก้าวตามมาอยู่ตลอด  จนกระทั่งถึงรถมอเตอร์ไซต์ของฉัน  รับรู้ได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับรถ  เฮ้ย  ยางแบน  เป็นไปได้ไง  ตอนนั้นในหัวคิดออกอยู่เรื่องเดียว และคิดว่ามันต้องใช่แน่ๆ  ฉันจึงหันไปหาไอ้คนที่คิดว่าเป็นต้นเหตุด้วยสีหน้าและอารมณ์ขุ่นเคือง

        “ นี่มันอะไรกันโชค  ทำแบบนี้ทำไม  ไม่คิดเลยนะว่านายจะเป็นคนแบบนี้ ”

   “ ใช่  ปกติก็ไม่ได้เป็นคนแบบนี้หรอก  แต่มีใครบางคนบังคับให้ผมต้องทำแบบนี้ ”

   “ ทำแบบนี้แล้วเราจะกลับยังไง  ไม่ต้องจอดรถทิ้งไว้อย่างนี้หรอ ”

   “ ก็จอดทิ้งไว้ตรงนี้แหละ  ยังไงก็มียามเฝ้าให้อยู่แล้ว มันไม่หายหรอก  พรุ่งนี้จะให้ช่างมาซ่อมให้  ส่วนเรื่องกลับบ้าน  เดี๋ยวผมไปส่งก็ได้ ”

   นี่มันเล่นมัดมือชกกันเลยนี่หว่า  เล่นแบบนี้แล้วฉันจะทำไงได้  ก็คงต้องยอมตามน้ำไป  อีกอย่าง  ตอนนี้ดูท่าทางไอ้โชคอารมณ์ไม่ดีด้วย   ลุงยามก็ไม่อยู่  หายไปไหนหละเนี่ยเวลาคับขันแบบนี้   เอาไงว้า....  ถ้ายังเสียงแข็งใส่มันแบบนี้  คงไม่ดีแน่   เอาเป็นว่า   คุยกับมันดีๆ  น่าจะรุ่งกว่า 

   “ โอเค  แล้วเราจะกลับบ้านกันได้หรือยัง  นี่มันก็เย็นมากแล้วนะ ”

   “ ยังกลับไม่ได้  เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน ”

   “ เรื่องเมื่อตอนเที่ยงหนะหรอ ”

   “ ใช่  ฟิล์มกำลังเข้าใจผิด  โชคไม่สบายใจ  ไม่อยากปล่อยให้มันเป็นแบบนี้  ฟังกันก่อนได้ไหม  ขอร้อง  อย่าเดินหนีกันอีก  ช่วยฟังที่จะพูดต่อจากนี้ให้จบก่อน  ถ้าฟังจบแล้ว  อยากจะด่าจะว่าอะไรก็ได้ ”

   “ อืม....  พูดมาสิ  กำลังฟังอยู่ ”

   “ เรื่องก็มีอยู่ว่า..............”  แล้วไอ้โชคก็บรรยายเรื่องราวต่างๆ ให้ฉันฟัง 

   คือ.... เรื่องทั้งหมดเป็นอย่างนี้  เพื่อนไอ้โชคคนนึง  แอบรักแอบชอบน้องเค้า  แต่ไม่กล้าจีบตรงๆ  ก็เลยให้ไอ้โชคเป็นพ่อสื่อให้  ซื้อน้ำ ซื้อขนม  ซื้อสิ่งของเล็กๆ น้อยไปให้น้องคนนั้น  แต่ทุกครั้งก็ฝากไอ้โชคเอาไปให้ตลอด  ส่วนน้องคนนั้นก็รู้นะว่าเพื่อนไอ้โชคฝากมาให้  ที่รู้ก็เพราะไอ้โชคเป็นคนบอกตั้งแต่ครั้งแรกและบอกทุกๆ ครั้งที่เอาของไปให้   จนกระทั่งถึงตอนนี้  เพื่อนไอ้โชคก็ยังไม่ยอมเปิดเผยตัวซักที  เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละ 

   งั้น.... ที่น้องนีบอกว่า  เมื่อไหร่จะเปิดตัว  อยากเห็นจนทนไม่ไหวแล้ว  ก็หมายถึงเพื่อนของไอ้โชคสินะ  แต่  ทำไมต้องออเซาะไอ้โชคขนาดนั้นด้วยหละ  แถมยังส่งตาหวานให้เขาอีก  คงจะแรดน่าดู  ถึงฝ่ายชายจะไม่ได้คิดอะไร  แต่นางชะนีนี่ไม่แน่  ฉันสัมผัสได้  ว่ามันอยากจะงาบไอ้โชคซะเต็มประดา    ช่างเหอะ  จะอะไรยังไงก็ช่าง ขอแค่อย่ามายุ่งกับฉันก็พอ  เพราะถ้ามาวุ่นวายกับชีวิตของฉัน บอกเลย  เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่ 

   “ อื้ม  เข้าใจแระ  แล้วนายไม่กลัวน้องเขาชอบนายขึ้นมาจริงๆ หรอ  ”

   “ เฮ้ย!!   คงไม่มั้ง  ” ไอ้โชคทำท่าตกใจ   แหมๆ  อ่อนต่อโลกจริงๆ เลยนะพ่อคู้ณณ....

   “ หรอ  คิดงั้นจริงอะ  ระวังตัวไว้ดีๆ เถอะ  ”  คำพูดแค่นี้  กลับทำให้อีกฝ่ายยิ้มจนหน้าบาน  ยิ้มทำไม ท่าจะบ้า 

   “ เป็นห่วงหรอ  กลัวเราจะเสียเวอร์จิ้นอะดี๊  ใช่ป้ะ ”  ไม่ถามอย่างเดียว ทำหน้ากวนตีนอีก  บ้าบอที่สุด 

แต่คำถามนี้  ก็ทำเอาฉันอึ้งไปชั่วขณะ  ยอมรับว่ากลัวไอ้โชคจะโดนมารยาน้องนีจนเสียตัว  แต่ก็ไม่คิด  ว่าจะเสียเวอร์จิ้น  เพราะด้วยรูปร่างหน้าตาที่ดูดีขนาดนี้  ไม่น่าเชื่อ   ว่ายังไม่ผ่านมือใครมาก่อน

       “ เสียเวอร์จิ้น  นี่ยังเหลือให้เสียอีกหรอ  นึกว่าเสียไปตั้งนานแล้ว ”

       “ อ้าว  พูดแบบนี้ผมเสียหายนะครับ  แต่....  ก็อยากเสียอยู่เหมือนกันนะ  กำลังรอใครบางคนอยู่  ไม่รู้ว่าเขาอยากได้ความบริสุทธิ์ของผมรึเปล่า  ”  ทั้งพูดทั้งส่งสายตามาให้  รู้หรอกว่าหมายถึงใคร  ชักจะลามปามใหญ่แล้วนะอิตานี่ 

       “ ทะลึ่ง  แต่ถ้าอยากเสียมากนัก  ฉันก็พอช่วยได้นะ  เอาเปล่า ” แกล้งส่งตาหวานไปยั่วมันสักหน่อย

       “ เฮ้ย  จริงดิ  พูดจริงเปล่า  แต่....  มันจะดีหรอฟิล์ม  คือ... โชคยังไม่เคยเลยนะ  แล้วฟิล์มเคยยัง ”  เสียงอ่อยมาเชียว  เหยื่อกำลังติดกับแล้ว   5555555

       “ บ้าดิ  จะเคยได้ไง  เราก็ยังจิ้นอยู่เลยนะ ”

       “ แล้ว.....  เราจะเริ่มกันยังไงดี  คือ....โชค..... ต้องใช้ถุงยางเปล่า ”  บิดตัวไปมา  ท่าทางจะเขินหนัก  หน้าแดงอย่างกับลูกตำลึง  ไอ้บ้าเอ้ย  คิดไปถึงไหนแล้วยะ

       “ อันนั้นก็แล้วแต่โชคดิ  เดี๋ยวงานหมอลำคราวหน้า  เราจะเอาโชคไปฝากไว้กับกลุ่มเพื่อนสาว  อยากได้กลุ่มไหน คนไหน บอกได้นะ  เดี๋ยวเราติดต่อให้เป็นพิเศษ  ครั้งแรกของโชค  ต้องพิเศษสุดๆ และประทับใจมิรู้ลืม   บอกมาได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ    เดี๋ยวจัดให้ ”  ฉันพูดไปยิ้มไป   มีความสุขที่ได้แกล้ง  5555   แต่ทำไมมันถึงไม่ขำเลยแฮะ  แถมยังทำหน้าบึ้งตึงใส่ฉันอีก 

       “ ผมไม่ใช่คนแบบนั้นนะ  และถ้าผมจะเอาจริงๆ  ผมคงไม่เอาพวกกะเทยให้เสียบริสุทธิ์  และเสียความเป็นชายของผมหรอก  ขยะแขยง ” 

       ความรู้สึก  ณ ตอนนี้เหมือนโดนด่า  ด่าต่อหน้าต่อตา  ด่าได้เจ็บแสบและเจ็บปวดมากๆ  ไม่ชอบก็ไม่ชอบดิวะ  พูดกันดีๆ ก็ได้นี่หว่า  ทำไมต้องทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้ด้วย   

       “ เออ  ไม่เอาก็ไม่เอาดิวะ  จะบอกอะไรให้  กะเทยอย่างฉัน  ก็ไม่เอานายเหมือนกัน  อย่าสำคัญตัวเองผิด  คิดว่าตัวเองเท่านั้นที่มีสิทธิ์เลือก  เพราะกะเทยก็ไม่ได้ง่ายทุกคน  เราเป็นคน  เรามีสิทธิ์เลือกเหมือนกัน ”  พูดจบก็หันหลังให้  ไม่อยากแม้แต่จะเห็นหน้า  ถ้าฉันเข้มแข็งพอคงต่อยมันปากแตกไปแล้ว

       “ ฟิล์ม  โชคขอโทษ  เมื่อกี้ยอมรับว่าโกรธมาก  ก็เลยพูดออกไปโดยไม่คิด  ขอโทษนะครับ  ต่อไปจะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้ว  หันหน้ามาคุยกันเถอะนะ ”

       ฉันนิ่งอยู่ซักพัก  เพื่อทำใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น  ไม่คิดเลยว่าประโยคทุเรศๆ  แบบนั้น จะออกมาจากปากของผู้ชายคนนี้  มันทำให้ฉันผิดหวังมาก  ถึงมันจะออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ  ออกมาจากการบันดาลโทสะ  แต่บางที  คำพูดที่ออกมาในขณะที่กำลังโกรธ  มันอาจเป็นความรู้สึกจริงๆ ที่ซ่อนอยู่ข้างในก็ได้    ฉันพอทำใจได้บ้าง  ก่อนจะหันหน้ากลับมา

       “ อยากกลับบ้านแล้ว ”  ฉันก้มหน้าพูดเสียงเบา 

       “ ไปขึ้นรถกัน ”   

       เราสองคนเดินไปขึ้นรถ  ไอ้โชคขับรถไปส่งฉันที่บ้าน   ระหว่างทางยังเงียบกริบ  ไม่มีการพูดคุยอะไรกัน  สำหรับฉันแล้ว  ความเงียบนี่หละ คือคำตอบที่ดีที่สุดในตอนนี้           

…………………………………………………………………..


หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ กลับมาแล้วนะ : 28/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 09-03-2016 20:04:01
เราชอบเต้
อยากให้เต้เป็นพระเอก
ชอบพระเอกเถื่อนๆ
ปากหมา รักจริง
รออ่านแต่ตอนที่มีเต้555
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ กลับมาแล้วนะ : 28/02/59
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 10-03-2016 01:57:14
เราชอบเต้
อยากให้เต้เป็นพระเอก
ชอบพระเอกเถื่อนๆ
ปากหมา รักจริง
รออ่านแต่ตอนที่มีเต้555

555555  เดี๋ยวเต้ก็มาจร้า 
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 18 Part 1/2 : 10/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 10-03-2016 02:04:27
ตอนที่  18  Part  1/2   

   คราวนี้ไม่เหมือนคราวที่แล้ว   ไอ้โชคขับรถมาส่งฉันถึงหน้าบ้าน  เล่นเอาฉันตกใจจนหัวใจไปอยู่ที่ตาตุ่ม  โชคดีหน่อย ที่หน้าบ้านไม่มีใครอยู่   เพราะถ้ามีใครสักคนเห็นเข้าหละก็  ได้เป็นเรื่องแน่ๆ  ฉันเดินลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์  ก่อนจะหันกลับไปค้อนคนที่มาส่ง

   “ ทำบ้าอะไรหนิ  เคยบอกแล้วไม่ใช่หรอ  ว่าไม่ให้มาส่งถึงหน้าบ้าน  ถ้าพ่อเห็นเข้าจะทำยังไง  ” 

   “ โทษนะ  วันนี้เราอยากมาส่งถึงบ้านจริงๆ ”  คนพูด  พูดด้วยสีหน้าสำนึกผิด 

   “ ช่างเหอะ  ขอบใจนะที่มาส่ง  รีบกลับบ้านเถอะ ”

   พูดจบฉันก็หันหลังให้ไอ้โชคและกำลังจะเดินเข้าบ้าน  แต่โดนเรียกเอาไว้ซะก่อน  จึงต้องหยุดฝีก้าวที่เพิ่งจะเดินไปได้ไม่ไกล  แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากหันกลับไปอีกแล้ว  วันนี้ขอให้พอแค่นี้เถอะนะ  เหนื่อยแล้วจริงๆ  จึงได้แต่หันหลังให้คนที่เพิ่งเรียกชื่ออยู่อย่างนั้น

   “ พรุ่งนี้เช้าให้มารับไหม ”

   “ ไม่ต้อง  เดี๋ยวให้น้องไปส่ง  จัดการเรื่องรถให้ด้วยแล้วกัน  พรุ่งนี้ตอนเย็น  หวังว่าฉันคงได้ขับรถตัวเองกลับบ้านนะ  ไม่อยากนั่งซ้อนมอไซค์ใครอีก ”  ฉันพูดน้ำเสียงเรียบ  ที่ฟังดูเยือกเย็น   แล้วเดินเข้าบ้านไป
 
-----------------------------------------------------------------------


   เช้าวันรุ่งขึ้น  ฉันมาถึงโรงเรียนตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่ง  เพราะครูนัดให้มาแต่เช้า  พอมาถึงครูก็พาไปกินข้าวที่โรงอาหาร  และให้ฉันซ้อมพูดให้ครูฟังอีกสองสามรอบ  จนถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ  พอเสร็จกิจกรรมหน้าเสาธงฉันก็ขึ้นรถไปกับครู   พอขึ้นรถไปก็เจอกับน้องคนนึง  ครูแนะนำให้เรารู้จักกัน  น้องเป็นเด็กผู้ชายน่าตาน่ารัก  อยู่ชั้น ป.6  เห็นบอกว่าเป็นตัวแทนของโรงเรียนในระดับประถม  และมีครูผู้หญิงอีกคนนึงที่เป็นครูฝึกให้กับเด็กคนนี้  เรานั่งคุยกันไปตลอดทาง ครูผู้หญิงคุยเก่งและคุยสนุกมาก  ทำให้ฉันลดอาการเกร็งไปได้เยอะเลยทีเดียว  ส่วนน้องผู้ชายที่นั่งข้างๆ ก็คุยเก่งมาก       ดูเฟรนลี่ดี  มีหันมาถามเราบ่อยๆ ด้วย  แอบชอบพี่หรือเปล่าจ้ะน้อง   55555   คิดเข้าข้างตัวเอง 

   เรามาถึงสนามแข่งแล้ว  ที่นี่เป็นโรงเรียนประจำอำเภอ  แต่ไม่ใช่อำเภอฉันนะ  เป็นอำเภอข้างๆ  โรงเรียนนี่ดูใหญ่กว่าโรงเรียนประจำอำเภอของเราซะอีก  รู้ได้ไงหนะหรอ  ก็เพราะตอนมอหนึ่ง มอสอง  ฉันก็โรงที่โรงเรียนประจำอำเภอนั่นแหละ เพิ่งย้ายมาเรียนเอกชนตอนเข้ามอสามนี่เอง  ด้วยเหตุผลบางประการ   ที่ขอยังไม่บอกตอนนี้แล้วกัน

   การแข่งขันแบ่งออกเป็นสองสาย  คือสายรัฐบาล  กับสายเอกชน  ผู้ชนะจากแต่ละสายจะได้ไปแข่งในระดับต่อไป  ซึ่งที่แข่งอยู่นี้เป็นการแข่งขันในระดับเขต   ถ้าจำไม่ผิด  จังหวัดของฉันแบ่งออกเป็น 3 เขต  และฉันก็อยู่ในเขต 2 

   ถึงจะแบ่งเป็นรัฐกับเอกชน  แต่กรรมการก็มีชุดเดียว   ทั้งรัฐและเอกชนเลยต้องแข่งที่เดียวกัน  ทำให้จำนวนผู้เข้าแข่งขันมีเยอะมาก   และต้องจับฉลากเพื่อหาลำดับในการแข่งขัน   ฉันได้แข่งในรอบบ่าย  ครูบอกว่าอยากให้นั่งดูคนอื่นพูดก่อน  ค่อยออกไปเดินเล่นข้างนอก  ก็นั่งดูนั่งฟังไปได้สักสี่ห้าคน  ก็เลยขออนุญาตครูออกมาข้างนอก

   “ อิฟิล์ม ”  เสียงร้องเรียกดังมาจากข้างหลัง  เสียงฟังดูคุ้นๆ  ฉันหันกลับไปมอง  แล้วก็เจอกับคนที่คิดไว้จริงๆ 

   “ อิมาร์ท ”  ฉันร้องเรียกชื่อเพื่อนสาวเสียงดังด้วยความดีใจเพราะไม่ได้เจอกันนาน 

   อิมาร์ท  เป็นเพื่อนสาวของฉัน เรารู้จักกันตั้งแต่  ม.1  เพราะตอนที่ฉันเรียนที่โรงเรียนเดิม  หมดทั้งห้องก็มีตุ๊ดอยู่สองนางนี่แหละคือฉันกับอิมาร์ท  เราอยู่กันคนละกลุ่ม แต่ด้วยที่เราเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน  จึงพูดคุยกันได้ดี และได้เป็นเพื่อนกัน  ถึงแม้จะไม่ใช่เพื่อนสนิท  แต่เราก็คุยกันได้เฮฮาตามประสาตุ๊ดเด็ก 

   เราสองคนยิ้มกว้างให้กัน ก่อนจะถลาเข้ากอดกันด้วยความดีใจ  อิดอก  กอดกูซะแน่นเชียว  หายใจไม่ออกจนต้องดันตัวนางออก  อิห่าเอ้ย  จะฆ่ากูหรือไงวะ

   “ กูไม่คิดเลยนะ  ว่าจะได้มาเจอมึงที่นี่ ” 

   “ กูก็ไม่คิดเหมือนกัน  ว่ามึงจะได้เป็นตัวแทนโรงเรียนมาแข่งกับเค้าด้วย  ”  ฉันพูดหยอกล้อเพื่อนสาว  แล้วเราสองคนก็หัวเราะเสียงดัง  จนคนแถวนั้นหันมามองกันใหญ่เลย  แต่โมเม้นนี้ คือดีใจมาก ไม่แคร์สายตาใครทั้งนั้นคะ

   “ มึงแข่งรอบบ่ายใช่ไหม  ”  ฉันพยัคหน้า 

   “ กูก็แข่งรอบบ่ายเหมือนกัน  ป่ะๆ  เราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่า  คิดถึงมึงมากคะ ”  ฉันพยัคหน้าหงึกๆ อีกครั้ง 

   เราสองคนเดินมานั่งโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่  ตรงนี้ร่มรื่นและเย็นสบายดี เหมาะกับการนั่งเม้าท์ของตุ๊ดน้อยสองนาง  นั่งลงก้นเพิ่งจะถึงพื้น  เพื่อนสาวก็เปิดประเด็นทันที 

   “ ได้ข่าวว่ามึงย้ายไปเรียนโรงเรียนเอกชนแถวบ้าน  เป็นไงบ้างวะ  ผู้ชายที่นั่นแซ่บเวอร์มั้ยจ้ะ ”

   “ แซ่บกับผีหนะสิมึง  มึงอยากได้ป่ะหละ  เดี่ยวกูติดต่อให้ ”

   “ เออ  เอาๆ  เอามาเยอะๆ เลยนะมึง  ขอหล่อๆ  หุ่นดีๆ เป้าเริ่ดๆ  นะยะ ”

   “ อิห่า  เก่งแต่ปากหละสิมึง  พอเอาเข้าจริงหน่อย  กูเห็นวิ่งหนีก่อนเพื่อน  อย่าทำมาเป็นปากดี ”

   “ ก็กูกลัวนี่หว่า  พูดอย่างกับมึงไม่กลัว  ไม่ต่างจากกูหรอก  ไม่งั้นเราสองคนจะเป็นเพื่อนกันได้หรอ ”

   5555555  ตุ๊ดน้อยสองนางหัวเราะชอบใจ   เราสองคนมีอะไรบางอย่างที่เหมือนกัน  คือ.... เราเป็นพวกกลัวผู้ชาย   ถ้าให้พูดด้วยพอได้  แต่ถ้าถึงขั้นโดนผู้ชายลวนลามนี่  เราสองคนวิ่งหนีหางจุกตูดกันเลยทีเดียว    ที่โดนลวนลามนี่ไม่ใช่เพราะสวยหรอกนะ  แต่คงเป็นเพราะเป็นตุ๊ดเด็ก  พวกผู้ชายเลยชอบแกล้ง  และเพราะเป็นตุ๊ดเด็กนี่แหละมั้ง  เลยทำให้เรากลัวผู้ชาย  แบบว่า  กลัวโดนแกล้งอะไรประมาณนี้  รอให้พวกฉันเป็นสาวก่อนเถอะยะ  พวกเราจะ.........  555555

   “ เออนี่อิฟิล์ม  มึงรู้มั้ย  ว่าไอ้ภูมิอะ  มันมาถามหามึงกับกูแทบจะทุกวันเลย  ถามจนกูรำคาญ  บอกว่าไม่รู้ๆ  ก็ถามอยู่นั่นแหละ  แล้วมึงหละ  อยากรู้เรื่องของมันไหม ” 

   ฉันนั่งนิ่ง  คิดถึงเรื่องระหว่างฉันกับภูมิ   ภูมิเป็นผู้ชายที่หล่อและค่อนข้างจะสำอางมาก  เขาเป็นเด็กผู้ชายที่ตัวสูงที่สุดในห้อง  หุ่นดี   นิสัยก็.....น่ารักดี   แต่............... ช่างมันเหอะ  ฉันเลือกเองนี่นา 

   “ ไม่หละ  ถ้ามันถามหากูอีก มึงก็ช่วยบอกมันหน่อยแล้วกัน  ว่ากูสบายดี   ไม่ต้องพยายามอะไรกับกูอีก  กูไม่ต้องการ ”

   “ เฮ้ย  แรงไปมั้ยวะมึง  กูไม่เข้าใจ  มันดีกับมึงทุกอย่าง  ทำไมมึงถึง ” 

   ฉันรู้ว่าสิ่งที่อิมาร์ทจะพูดออกมาคืออะไร  แต่ฉันตัดสินใจไปแล้ว   คิดทบทวนดีแล้ว  ไม่อยากฟังเรื่องนั้นอีก  ไม่อยากคิดทบทวนมันอีกครั้ง กลัวว่าตัวเองจะรู้สึกผิด  และคิดเสียดายขึ้นมาทีหลัง  ในเมื่อเลือกแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป  ฉันจึงรีบตัดบทขึ้นมาทันที  ก่อนที่อิมาร์ทจะพูดถึงเรื่องนั้น

   “ หยุดเถอะ กูขอร้อง  ถ้ามึงยังอยากนั่งคุยกับกูต่อ  ก็หยุดพูดเรื่องมันซะ  ถ้ามึงยังพูดถึงมันอีก  ก็จะลุกขึ้นและเดินหนีมึงไปเดี๋ยวนี้ ”

   “ โอเคร  ไม่พูดแล้วก็ได้  ไว้กูจะไปบอกมันให้ ”

   “ อืม  ขอบใจมึงมากนะ ”

   เรื่องที่ไม่อยากฟังผ่านพ้นไป  เราสองคนก็จุดประเด็นใหม่ขึ้นมาเม้าท์มอยกันต่อ  คุยกันสนุกปากจนลืมเวลา  นึกขึ้นได้ก็เกือบเที่ยง  เราสองคนจึงแยกย้ายกันกลับไปหาครู   

------------------------------------------------------------------------


   หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ  ฉันก็ขออนุญาตครูไปซื้อน้ำอัดลม   ครูบอกให้ไปเจอกันที่สนามแข่งเลย  มาให้ตรงเวลาด้วย  บ่ายโมงตรง  ฉันรับปากแล้วเดินไปซื้อน้ำอัดลม   ระหว่างทางไอ้พวกผู้ชายนี่ก็จ้องกันจัง  จะจ้องอะไรกันนักกันหนา  ที่โรงเรียนไม่มีกะเทยให้มองรึไงยะ  มองอยู่ได้  หงุดหงิด  รำคาญจริงๆ เลย

   “ ขอโค้กแก้วนึงจ้ะป้า ”  ป้าแกก็กดน้ำโค้กใส่แก้ว  แล้ววางลงตรงหน้าฉัน 

   “ แก้วเท่าไหร่จ้ะ ”

   “ 5  บาทจ้ะ ”   ฉันก้มหน้า   ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบเงินมาจ่ายค่าน้ำ 

   “ นี่ครับป้า ”  ฉันเงยหน้าขึ้น  แล้วมองตรงไปข้างหน้า   เห็นใครบางคนยื่นแบงค์  20  ให้ป้าคนขายน้ำ  ป้าแกก็รับไปซะงั้น  ใครใจดีมาจ่ายค่าน้ำให้ฉันอ่า 

   ไม่รีรอ  เพื่อให้หายสงสัย  จึงหันหน้าไปหาคนจ่ายที่ยืนอยู่ข้างๆ  !!!!!!  ไอ้เต้   มาอยู่นี่ได้ไงวะ  ตกใจนิดนึง  ไม่คิดว่าจะมาเจอกันที่นี่   มันรับตังทอนเสร็จ  ก็หยิบแก้วน้ำส่งให้ฉัน   

   “ เอาไปดิ  ซื้อให้ ”

   “ เอ่อ....  ขอบใจ ”  ฉันรับแก้วน้ำมา  แล้วเดินออกจากหน้าร้าน   ในขณะที่ไอ้เต้ก็เดินตามหลังฉันมาติดๆ 

   “ รีบรึเปล่า  คุยกันหน่อยดิ ”  ฉันหยุดเดินและหันกลับมาหาไอ้เต้

    “ ต้องเข้าห้องก่อนบ่ายโมง  มีไรจะคุยหรอ ”  ฉันมองซ้าย  มองขวา   คนแถวนั้นกำลังมองมาที่เราสองคน  เหมือนกำลังเป็นจุดสนใจเลยแฮะ  ทำไมต้องมองเราด้วย  ก็แค่คนสองคนยืนคุยกัน 

   “ ลืมสัญญาที่ให้กันไว้รึยัง ”  ฉันส่ายหัวไปมา

   “ ทำไมไม่ออกมาเจอกัน  โทรไปหา  ที่บ้านก็บอกว่าหลับแล้ว  หลับตลอดเลย  เป็นเด็กอนามัยหรอ  ถึงได้หลับตั้งแต่สองทุ่ม  หลับจริง  หรือไม่อยากรับสายกันแน่ ”  ไอ้เต้พูดใส่อารมณ์  ท่าทางโมโห

   “ ขอโทษ  ช่วงนั้น  ฉันไม่อยากรับสายใครทั้งนั้น  ก็เลยบอกให้น้องบอกว่าหลับแล้ว ”

   “ ไม่อยากรับสายใครทั้งนั้น  ทำไมหรอ  จะบอกว่ามีผู้ชายโทรมาหาเยอะจนน่ารำคาญอย่างนั้นหรอ ”

   “ ใช่  น่ารำคาญ  ถ้าจะมาหาเรื่องกันแค่นี้  ฉันขอตัว  ต้องไปนั่งทำสมาธิก่อนแข่ง ”

   เพียงแค่หันหลังให้ ไม่ทันจะก้าวเดิน  มันก็แหกปากขึ้นเสียงดัง   “ เดี๋ยว ”  ฉันจึงหันกลับมา 

   “ วันเสาร์นี้ตอนเย็นว่างป่ะ  ช่วยทำตามสัญญาหน่อยสิ ”

   “ จะพยายามทำตัวให้ว่าง ”

   “ ได้ไง  ต้องทำตามสัญญานะ  ลืมไปแล้วหรอ ”

   “ ไม่ได้ลืม  แต่ถ้ามันไม่ว่าง  จะให้ทำยังไงได้ ”

   “ ไม่รู้แหละ  วันเสาร์  ห้าโมงเย็น  รออยู่สนามบาสอำเภอ  ถ้าไม่มานะโดนดีแน่ ”

   พูดขู่เสร็จ  ฉันยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ  ก็เดินหนีไปซะงั้น  เอาแต่ใจสุดๆ  ไม่ฟังเหตุผลกันเลย   อิคนมองก็มองกันจัง  จะมองหาพระแสงอะไรคะ  กะเทยอารมณ์เสีย  เดินดุ่ยๆ  เข้าห้องแข่งก่อนบ่ายโมง

   พอแข่งขันเสร็จ  เราก็นั่งรอฟังประกาศผลสอบ  และผลการแข่งขันก็คือ........  ฉันชนะเลิศ  ได้เป็นตัวแทนของเขต 2  ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น  ฝ่ายโรงเรียนเอกชน  และได้ไปแข่งต่อในระดับภูมิภาค  แต่เพื่อนสาวของฉันนี่สิ ได้แค่ที่สามเองอ่า  อดไปแข่งด้วยกันเลย  ก่อนกลับเราได้ล่ำลากัน  และสวมกอดกันเบาๆ  หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะ  สมาร์ท......

...........................................................................................

หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 18 Part 1/2 : 10/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 10-03-2016 06:43:56
คิดถึงมากเลยค่ะ  :hao7: ดีใจที่พี่ฟิล์มกลับมาเเล้ว  :mew1:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 18 Part 1/2 : 10/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 10-03-2016 09:21:23
ไหนบอกจะออนแอทุกวันไง คถ เรื่องนี้มาก มาลงบ่อยๆสิ รออ่านอยู่
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 18 Part 1/2 : 10/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 10-03-2016 18:53:41
ตาเต้จีบแบบเนียนๆอ่าดิ
อิอิ
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 18 Part 1/2 : 10/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 10-03-2016 18:57:20
ขออภัยท่านผู้อ่าน ที่ห่างหายไปนาน

กลับมาครั้งนี้ ตั้งใจจะมาต่อให้จบ

ขอบคุณสำหรับการติดตาม

คิดถึงคนอ่านทุกคนเหมือนกัน

 :mew1:  :o12:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 18 Part 2/2 : 12/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 12-03-2016 01:30:13
ตอนที่  18  Part  2/2

   หลังจากที่คว้ารางวัลชนะเลิศมาให้โรงเรียน  ฉันก็โดนเรียกตัวออกไปหน้าเสาธง  ไปยืนข้างๆ ครูใหญ่  ท่านก็กล่าวชมฉันใหญ่  ดังเป็นพลุแตกเลยคราวนี้   ส่วนครูฝึกของฉันหนะหรอ  ได้รับคำชมจากครูใหญ่ไม่แพ้กัน  ครูนี่ยิ้มจนหน้าบานยิ่งกว่าจานดาวเทียมซะอีก   ส่วนน้องที่ไปแข่งกับฉัน  ได้แค่รางวัลชมเชย  น่าเสียดายจัง  รอบต่อไปไม่ได้ไปด้วยกันเลย    อดจีบพี่นะจ้ะ  5555555  เข้าข้างตัวเองอีกแระ

   “ ฟิล์ม  เก่งมากเลยนะ แข่งอีกทีวันไหนหรอ ”  ไอ้โชคพูดขึ้นในขณะที่เรากำลังนั่งทานข้าวเที่ยงกันที่เดิม 

   “ ยังไม่รู้เหมือนกัน  เดี๋ยวครูคงบอกอีกที ”

      “ วันเสาร์นี้ว่างป่ะ  ป้าชวนไปกินข้าวเย็นที่บ้าน ”  ฉันหันไปมองไอ้โชคที่นั่งอยู่ข้างๆ  อย่างสงสัย 

   “ ป้าเบซี่หนะหรอ ”  ไอ้โชคทำตาโต  เมมปากเล็กน้อย  แล้วพยัคหน้าหงึกๆ 

   “ คือ......  วันเสาร์ตอนเย็น  ฉัน..........  ”

   “ น้า...... นะ  ป้าเบซี่บอกว่าไม่ได้เจอฟิล์มมานานแล้ว  ไม่รู้ว่าเคล็ดลับความสวยที่ให้ไป  จะได้ผลดีแค่ไหน ป้าเราอยากเห็น  หวังว่าฟิล์มคงจะไม่ปฏิเสธคำชวนของป้าเราใช่ไหม ”

   ฉันหลบสายตาไอ้โชคที่จ้องมองฉันอย่างคาดหวัง  ฉันครุ่นคิดถึงนัดสำคัญอีกนัดนึง  ทำไมจะต้องเป็นวันเสาร์ตอนเย็นเหมือนกันด้วยนะ  แล้วฉันจะเอายังไงดีหละทีนี้  ป้าเบซี่ก็อยากเจอ  ไอ้เต้ก็ต้องทำตามสัญญา   งั้นก็เอาอย่างนี้

   “ ก็ได้  แต่ขอเป็นสักทุ่มนึ่งได้มั้ย  กินข้าวเย็นทุ่มนึง  ป้าจะว่าอะไรหรือเปล่า ”  ฉันหันกลับมาให้คำตอบไอ้โชค  และคำตอบนั้นก็เป็นไปตามที่มันคาดหวัง 

   “ ได้สิ  แต่ทุ่มนึงมันค่ำแล้วนะ  ฟิล์มจะมาได้หรอ  กว่าจะกินเสร็จ  กว่าจะกลับบ้านอีก  มันดึกมากนะ กลัวพ่อกับแม่ฟิล์มจะว่าเอา  ”

   “ ไม่เป็นไรหรอก  ฉันเคลียร์ได้  ”  ไอ้โชคพยัคหน้าเป็นอันตกลงตามนั้น 

----------------------------------------------------------------------


   ตอนเย็นหลังเลิกเรียน  อิสายป่าน  อิกระต่าย  และแม่นางมายด์  ทั้งสามนางเล่นจับตัวฉันเอาไว้  และเค้นเอาคำตอบเรื่องไอ้โชค  ฉันจึงเล่าความจริงให้พวกนางฟัง 

   “ กูว่าแล้ว  ไอ้โชคมันไม่เคยมีแฟน  ไม่เคยเห็นมันจีบใครเลย  นอกจาก........ ”  อิสายป่านเหล่ตามาทางฉัน

   “ นอกจากอะไร ”

   “ รู้ๆ กันอยู่  ไม่เห็นต้องพูดเลย  ” อิสายป่าน  กวนตีนจริงๆ เลยนะมึง 

   “ ปล่อยได้รึยังเนี่ย  บอกไปจนหมดแล้ว  อยากรู้อะไรอีกก็ไปตามสืบเอาแล้วกัน ”

   พวกนางยอมปล่อยฉันแต่โดยดี   อิกระต่ายกับมายด์ก็เดินไปขึ้นรถรับส่ง  ส่วนฉันกับอิสายป่านก็ไปนั่งเม้าท์กันต่อที่เดิม  พอคนกลับกันเยอะแล้วพวกเราค่อยเข้าไปเอารถมอไซค์   รถมอไซค์ของฉันกลับมาอยู่ในสภาพเดิมแล้ว  หันมองไปรอบๆ ตัว  ก็เจอไอ้คนที่เป็นต้นเหตุเมื่อวาน  มันโบกมือและยิ้มให้ฉัน   แต่ฉันกลับทำเฉยใส่  ก่อนจะหันกลับไปและขับมอไซค์กลับบ้าน 

--------------------------------------------------------------------------


   วันนี้เป็นวันหยุด  แต่ตอนเย็นดันมีอีเว้นซะงั้น  ไม่รู้ว่าไอ้เต้มันจะขออะไร  คิดๆ ดูแล้วก็ลุ้นอยู่เหมือนกัน    หลังจากไปเจอไอ้เต้แล้ว  ก็ต้องไปกินข้าวบ้านไอ้โชคอีก  คิวงานแน่นคะวันนี้  พอตอนเย็นมาถึงก็ได้เวลาแว้นมอไซค์คู่ใจออกไปหาไอ้เต้ตามที่นัดกันเอาไว้  พอไปถึงสนามบาสก็เห็นมันมารออยู่แล้ว 

   “ มาช้าเหมือนเดิม ”

   “ ช่วยงานบ้านแม่อยู่  ก็เลยมาช้า ”

   “ หรอ  ทำงานบ้านกับเค้าก็เป็นด้วย ”

    “ ขอโทษ  ฉันทำมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วยะ  พูดมากจริง  ว่าแต่แกเถอะมีไรก็รีบพูดมา  ฉันต้องรีบกลับบ้าน ”

   “ จะรีบกลับไปไหนวะ  เพิ่งมาเมื้อกี้  ถามกลับซะแระ  เรื่องอะไรจะปล่อยกลับง่ายๆ ”

    “ เออๆ  ตกลงมีเรื่องอะไรจะขอ  รีบๆ พูดมาสิ  ลีลาอยู่นั่นแหละ ”

   “ ก็....  ไม่มีอะไรมาก  แค่อยากขอให้แกมาเป็นแฟนฉัน  แค่นั้นเอง ”

   แค่นั้นเอง  พูดออกมาได้ไงวะ  จะบ้าหรือไง  อยู่ดีๆ จะให้ฉันไปเป็นแฟนแกเนี่ยนะ  ประสาทแดกหรือเปล่าวะ  ฉันยืนอึ้งกับคำขอที่เพิ่งหลุดออกมาจากปากไอ้เต้  ก่อนจะเรียกสติกลับคืนมาได้  และคิดว่ามันคงพูดเล่นแน่ๆ เลย 

    “ เฮ้ย  แก....  ล้อฉันเล่นใช่ไหมเนี่ย ”  มันทำหน้าจริงจังใส่พรางส่ายหน้าไปมา   ทำเอาฉันอึ้งไปอีกรอบ 

   “ แก.....  เอาจริงดิ ” ฉันถามแบบกล้าๆ กลัวๆ    ไอ้คนตอบก็พยัคหน้ารับ   ฉันทำตัวไม่ถูก   แต่ในใจมีคำตอบอยู่แล้ว  ฉันไม่เคยคิดเกินเลยคำว่าเพื่อนกับไอ้เต้เลย  ดังนั้นคำตอบที่ฉันจะบอกออกไป  คงเป็นการปฏิเสธคำขอของมัน 

   “ เต้....  เอาความจริงนะ  ฉันไม่เคยคิด ไม่เคยรู้สึกกับแก  มากเกินไปกว่าเพื่อนเลยนะ  ถ้าแกจะขอแบบนี้จริงๆ  ฉันก็ขอปฏิเสธ  ขอโทษนะ  ทำไม่ได้จริงๆ หวะ ”

    “ โอ้ยย  คิดไปถึงไหนวะ  ยังพูดไม่จบเว้ย  ”  มันเปลี่ยนโหมดอารมณ์ทันที  ไหนมาทำหน้าเซ็งๆ ใส่ฉันซะงั้น 

    “ แล้วมันยังไงวะ  ก็พูดให้มันจบๆ  พูดให้มันเคลียร์ๆ ดิวะ ”  ฉันเริ่มอารมณ์เสีย 

    “ ที่บอกว่าให้มาเป็นแฟน  ให้เป็นแฟนปลอมๆ แฟนหลอกๆ  ไม่ได้ให้มาเป็นแฟนจริงๆ  เข้าใจไหม ”

    “ แล้วทำไมต้องเป็นฉัน  ผู้หญิงมีเยอะแยะ เลือกเอาสักคนสิ  รูปร่างหน้าตาอย่างแกหาไม่ยากหรอก ”

    “ โธ่เว้ย  เรื่องมากจริงๆ  ตกลงจะเป็นไหม  เป็นก็ไป  ไม่เป็นโดนตีน  เลือกเอา ”

   กรี๊ดดดดด   มาแบบเถื่อนๆ อีกแล้ว  ไอ้บ้าเอ้ย  มีทางเลือกแค่นี้  มันเข้าข่ายบังคับกันชัดๆ เลยนี่หว่า  แล้วอิบ้าหน้าไหนจะเลือกโดนตีนคะ  เฮ้อออ....  สุดท้ายก็ยอมมันจนได้

    “ เออ  ตกลงก็ได้   แล้วที่บอกว่าไป  จะให้ไปไหนไม่ทราบ ”

    “ เดี๋ยวก็รู้เองแหละ  แกเอารถของแกจอดไว้ที่นี่แหละ  เสร็จธุระแล้วเดี๋ยวฉันมาส่ง  ป่ะไปกันได้แล้ว ”

------------------------------------------------------------------


   ฉันนั่งซ้อนท้ายมอไซต์ของไอ้เต้มาจนถึงบ้านหลังนึง  มันพาฉันขับรถเข้าไปในบ้านหลังนั้น  หลังจากจอดรถแล้วก็พาเดินเข้าไปในบ้าน  มีคนอยู่เยอะแยะเต็มไปหมด  ทันทีที่เราสองคนเดินเข้ามาในบ้าน  สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมาที่เรา ทุกๆ คนต่างทำหน้าแปลกใจ  คงจะสงสัยหละสิว่าฉันเป็นใคร  แต่ถ้าจะให้ฉันเดา คนพวกนี้คงเป็นเพื่อนไอ้เต้แน่ๆ เลย 

   “ เฮ้ย  ไอ้เต้   นี่ใครวะ ”  เพื่อนชายคนหนึ่งเอ่ยถาม  ทุกคนต่างมีสีหน้าและอาการเดียวกัน คือสงสัย และอยากรู้   ว่าฉันเป็นใคร

   “ อยู่กันเยอะๆ แบบนี้ก็ดี  กูขอถือโอกาสนี้เปิดตัวแฟนใหม่เลยแล้วกัน  นี่ฟิล์ม  แฟนใหม่ของกูเอง ”  ไอ้เต้พูดพรางมองหน้าและผายมือมาที่ฉัน   

   ทุกคนทำหน้าตกใจกันสุดๆ  ไม่ต่างจากฉัน  ที่ตกใจสุดๆ เหมือนกัน  ก็รู้อยู่หรอกนะว่าต้องเล่นเป็นแฟนกำมะลอ  แต่ไม่คิดว่าไอ้เต้จะเล่นเปิดตัวฉันต่อหน้าคนเยอะแยะแบบนี้  ตอนนี้ฉันทำตัวไม่ถูกเลย   ได้แต่มองหน้าไอ้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ 

    “ เต้  แกทำอะไร  ทำไมไม่เตรี้ยมกันก่อน ”  ฉันพูดเบาๆ ให้ได้ยินเพียงแค่สองคน

    “ ขอโทษ  เป็นแฟนกันแล้ว  เนียนๆ หละ ”  ฉันพยัคหน้าตอบรับเบาๆ

    “ แล้วนี่แกพาฉันมาบ้านใคร ”

    “ อย่าเรียกแบบนี้อีกนะ  เรียกเต้สิ  จะได้ดูสนิทๆ กัน ”

    “ อืม  ตกลงนี่บ้านใคร ”

    “ บ้านเราเอง  วันนี้เป็นวันเกิดเรา ก็เลยชวนเพื่อนๆ มาเลี้ยงฉลองที่บ้าน   ป่ะ  เข้าไปในงานกันเถอะ ”

    “ อืม.... ”

   ฉันละสายตาจากคนข้างๆ  มองตรงไปข้างหน้ายังกลุ่มคนมากมายที่กำลังจับจ้องพวกเราสองคนอยู่  ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า  ไอ้เต้เอื้อมมือมาจับมือของฉัน   ทำเอาฉันสะดุ้งตกใจจนต้องหันไปมอง  ไอ้เต้หันมายิ้มให้   ฉันเข้าใจในทันทีว่าการแสดงเริ่มขึ้นแล้ว  ฉันจึงยิ้มกลับ  แล้วเราสองคนก็เดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อนของไอ้เต้  พวกเขาแหวกทางเดินออกให้เราสองคนได้เดินตรงไปยังเค้กก้อนโตที่อยู่เบื้องหน้า  ราวกับคู่บ่าวสาวจับมือกันเดินสู่ประตุวิวาห์อะไรยังไงอย่างงั้น  55555  มโนแปป    หมดเวลา  ละครฉากต่อไป  แอคชั่น ......

    “ ไอ้เต้  มึงพร้อมจะเป่าเค้กรึยังวะ ”

    “ พร้อมแล้วหวะ ”

   เทียนเล่มใหญ่ที่อยู่ตรงกลางเค้กถูกจุดขึ้น   แสงไฟถูกปิดลง  มีเพียงความมืด  และแสงสว่างจากเทียนเล่มเดียว  จากนั้นเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ก็ถูกร้องขึ้นจนจบเพลง   เจ้าของงานกุมมือทั้งสองข้างเข้าหากันและค่อยๆ หลับตาลงเพื่อขอพร  ก่อนจะเอื้อมตัวลงไปเป่าเทียนจนเปลวไฟดับลงในทันที  ทุกคนปรบมือกันรัวๆ   และภายใต้ความมืดนี้เอง  ไอ้เต้ก็ทำบางสิ่งที่เหนือความคาดหมาย  มันหันมาหอมแก้มฉัน  ฉันตกใจมาก   หันไปมองมันทันที  ไอ้เต้กำลังยิ้มให้ฉัน  แต่ฉันกลับยิ้มไม่ออก  เพราะตกใจและโกรธมากที่ไอ้เต้ทำแบบนี้  มันเล่นเกินจริงไปแล้วนะ  แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองค้อน  พอไฟถุกเปิดขึ้น แสงสว่างกลับมาอีกครั้ง  ฉันรีบพลิกบทบาททันที  ยิ้มสิคะยิ้ม  เราสองคนก็ยิ้มให้กันไปตามบทละคร 

    “ เมื่อกี้เต้อวยพรว่าอะไรหรอ  บอกเราได้หรือเปล่า ”  ทำตาหวานเยิ้มใส่มันสักหน่อย  จะได้ดูสมจริงมากขึ้น 

    “ ได้ดิ  ขอให้คนที่เต้รักอยู่กับเต้ไปนานๆ  และขอให้คนคนนั้น..... ”  ไม่ทันจะได้พูดต่อ  เสียงน้องนีก็แทรกขึ้นมา 

   “ เต้.... ”  ทุกคนหันไปมองเจ้าของเสียง รวมถึงฉันด้วย  เห็นผู้หญิงรูปร่างหน้าตาน่ารักยืนอยู่ตรงประตู   แล้วนางก็เดินเข้ามาหาไอ้เต้ 

    “ วันเกิดทั้งที  ไม่คิดจะชวนเราหน่อยหรอ ” 

   “ วันสำคัญ  มีไว้ให้คนสำคัญเท่านั้น  ส่วนคนที่ไม่สำคัญ  ไม่จำเป็นต้องอยู่ในวันสำคัญ ” ไอ้เต้พูดน้ำเสียงเฉยชาใส่น้องนีที่อยู่ตรงหน้า  ถ้าจะให้เดา  ฉันว่านางคงเป็นแฟนเก่าไอ้เต้แน่ๆ เลย 

    “ แล้วไหนหละ  คนสำคัญของเต้ ”  คำถามนี้ถูกถามด้วยน้ำเสียงดุดัน  นางคงร้ายไม่ใช่ย่อย 

   ไอ้เต้เอื้อมมือมาโอบเอวของฉัน ก่อนจะค่อยๆ ดึงร่างของฉันเข้าไปชิดกับร่างของตัวเอง   สถานการณ์  ณ  ตอนนี้ฉันทำอะไรไม่ได้เลย  ทำได้แต่มองหน้าไอ้คนที่กำลังโอบกอดฉันอยู่  แต่มันกลับไม่ได้มองมาที่ฉันเลยแม้แต่นิดเดียว  สายตาคู่นั้นกำลังจับจ้องไปที่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา 

    “ นี่ไงหละ  คนสำคัญของเรา ”

   หญิงสาวมองมาที่ฉัน  นางแสยะยิ้ม   แล้วมองตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม  เห็นมันทำแบบนี้แล้วอยากจิกหัวตบมันนัก  แต่การใช้กำลังไม่ได้ช่วยให้เราเป็นผู้ชนะที่แท้จริง 

    “ คิดยังไงไปเอากะเทยมาเป็นแฟน  เต้บ้าไปแล้วหรอ หรือที่ทำไป  เพราะกำลังประชดเมย์อยู่ ”

   “ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องประชด  อย่าสำคัญตัวผิดไป  ถึงฟิล์มจะเป็นตุ๊ดเป็นกะเทย  แต่เขาก็จริงใจ  ไม่สำส่อนเหมือนผู้หญิงอย่างเธอ ” 

   “ เต้อย่าเอาผู้หญิงอย่างเมย์  ไปเปรียบเทียบกับกะเทยอย่างมัน  เพราะถึงมันจะสวยจะดีแค่ไหน สุดท้ายแล้วมันก็แค่ของปลอม   ไม่มีทางจะสู้ของจริงอย่างเมย์ได้หรอก ”  หญิงสาวขึ้นเสียงใส่อารมณ์โกรธอย่างเต็มที่

   ทั้งแววตา  สีหน้า  ท่าทาง  แถมยังคำพูดอีก  จะดูถูกเหยียดหยามกันมากเกินไปแล้ว  ว่าจะอยู่นิ่งๆ แล้วนะ  อินี่ทำให้กูตบะแตก  อย่ามึงต้องโดนสักชุดสองชุด  ทนไม่ไหวแล้วโว้ย  ขอเอาคืนบ้างแล้วกัน   

   “ ของจริงแล้วไง   ถ้าของจริงมันจะเละจะเน่า  ส่งกลิ่นคาวกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วแบบนี้  คนมีสติสัมปชัญญะ  เขาคงไม่เลือกเอามาทำพันธ์หรอก  สู้เลือกของปลอมที่ดูดี  มีคุณค่า  จะไม่ดีกว่าหรอกหรอ  ถึงจะเอามาทำพันธ์ไม่ได้  แต่ก็เอาไว้เชยชมให้สุขได้  ดีกว่าทนอยู่กับของเน่าๆ อย่างแก ”

    “ อิกะเทย  นี่มึงด่ากูหรอ ”  นางตะคอกเสียงดังใส่ฉัน

   “ เออ  ก็มีมึงอยู่คนเดียวเนี่ย  ถ้าไม่ให้กูด่ามึง จะให้ด่าแรดที่ไหน  สวยซะป่าว  สมองกลวง  โง่ได้อีกนะมึง ”  ฉันเอาบ้าง  ไม่สุภาพกับกูก่อนนะมึง  กับคนเหี้ยๆ อย่างมึง  ต้องใช้ภาษาดอกไม้อย่างนี้แหละ 

   กรี๊ดดดดดดด   นางกรี๊ดขึ้นเสียงดังจนฉันต้องเอามือมาปิดหูเอาไว้   หน้านางตอนนี้ดูโกรธสุดๆ  คงอยากเดินเข้ามาตบฉันเต็มที่  ลองเดินเข้ามาสิมึง  กูจะถีบให้หน้าหงายเลยอิดอก

   “ อิตุ๊ด  มึงอย่าคิดนะว่าผู้ชายเขาจะจริงใจกับมึง  ตุ๊ดอย่ามึงไม่มีผู้ชายคนไหนเขาจริงใจด้วยหรอก  จำใส่หัวสมองของมึงเอาไว้ซะ  สุดท้ายแล้วเต้เขาก็ต้องกลับไปหาผู้หญิงอยู่ดี  ตุ๊ดอย่างมึงก็อยู่ตัวคนเดียวไปจนตายเถอะ ”

   “ นั่นมันเรื่องของกู  มึงเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ  ก่อนจะมาแช่งกูหนิ  ดูตัวเองบ้างมั้ย  ได้ข่าวว่าสำส่อน  ระวังจะท้องไม่มีพ่อนะมึง  โชคร้ายหน่อยก็คงเป็นเอดส์ตาย  เหมาะกับชะนีสำส่อนอย่างมึงมากก...... ”

    กรี๊ดดดดดดดดดดด   อิบ้า กรี๊ดทำไมวะ  แสบหูเว้ย 

    “ พอเถอะเมย์  กลับไปได้แล้ว  ที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ ”  นางหันไปมองหน้าไอ้เต้ด้วยสีหน้าโกรธแค้น

   “ ได้  เมย์ไปก็ได้  ขอให้มีความสุขมากๆ นะเต้ ”  นางพูดน้ำสียงชิงชัง  ก่อนจะหันหน้ามาหาฉัน  และมองด้วยสีหน้าแววตาโกรธแค้น  แล้วเดินกระฟัดกระเฟือออกไป 

   ละครฉากนี้จบลงแล้วใช่ไหม  ทำไมฉันต้องมาเจออะไรบ้าๆ แบบนี้ด้วย  รู้สึกแย่มากๆ  กับการถูกใช้เป็นเครื่องมืออะไรแบบนี้  อาจเป็นเครื่องมือที่ใช้ประชดอีกฝ่าย หรือจะเป็นเครื่องมือที่ใช้กีดกันอีกฝ่ายให้ออกไปจากชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือแบบไหน  คนที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือก็รู้สึกไม่ดีกันทั้งนั้นแหละ 

    “ เต้ขอโทษนะ  ที่ทำให้ฟิล์มเจอเรื่องแย่ๆ แบบนี้ ”  ทำหน้าสำนักผิด 

    “ อืม.....  เราอยากกลับบ้านแล้ว   ไปส่งตอนนี้ได้ไหม ”
.
    “ ยังไม่อยากให้กลับเลย  อยู่ต่ออีกหน่อยได้ไหม ”  ทำหน้าออดอ้อนวิงวอน

    “ ก็ได้  ” 

   ไอ้เต้ยิ้มพอใจกับคำตอบที่ได้รับ  ส่วนฉันเองก็ต้องพยายามยิ้มออกไปให้ดูสดใสและมีความสุขมากที่สุด  เพราะนี่คือการแสดง   การแสดงของเราสองคน 

--------------------------------------------------------------------------
 

   ฉันอยู่ร่วมฉลองวันเกิดกับไอ้เต้   แอบถามว่าเมื่อไหร่จะให้เลิกแสดงละครสักที  คำตอบที่ได้มาคือไม่รู้  ให้เล่นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก่อน   วันเกิดทั้งที  ทำไมพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านจัดงานวันเกิดให้ลูกตัวเอง  ฉันสงสัยจึงถามออกไป  คำตอบที่ได้กลับมาคือพ่อกับแม่ติดงาน   แต่โทรมาสุขสันต์วันเกิดแล้ว  ถามแค่นี้ไม่อยากถามต่อ เดี๋ยวจะหาว่าละลาบละล้วง   

    “ แค่เล่นเป็นแฟนกัน   ถึงกับต้องหอมแก้มเลยหรอ  มืดก็มืด   ทำไปก็ไม่มีใครเห็น  ทำแบบนั้นทำไม ”

   “ เอ่อ.....คือ.....  ฟิล์มไม่ชอบหรอ  ถ้าไม่ชอบ   จะไม่ทำอีกแล้ว ”  พูดเสียงอ่อยๆ  ก่อนจะหันหน้าหนีสีหน้าเศร้า

   “ ก็ไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ สักหน่อย  ทำแบบนี้  ใครจะชอบ ”

   “ อืม...  ก็แค่แฟนปลอมๆ  ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรทั้งนั้น  ขอโทษนะ ”  ไอ้เต้พูดเสียงเบา

       “ เออ....  ไม่เป็นไรหรอก  คราวหน้าอย่าทำอย่างนี้อีกก็แล้วกัน ”  มันผงกหัวรับคำโดยที่ไม่หันมามองหน้าฉันเลย

       อะไรกันวะ  ดุแค่นี้มาทำเป็นหงอย  ทำผิดแล้วจะเอาความเศร้ามาบังหน้าหรอยะ  หัวหมอจริงๆ เลยนะแก ยอมรับว่าเห็นแล้วสงสาร  ฉันจะยอมจบเรื่องนี้แค่นี้ก็ได้  แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีก  ไม่จบง่ายๆ แค่นี้แน่  บอกเลย   

………………………………………………………………………..

หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 18 Part 2/2 : 12/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 12-03-2016 06:35:57
พรุ่งนี้มาอีกนะ รออ่านชอบมากกกกกก
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 18 Part 2/2 : 12/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 12-03-2016 07:03:27
เต้น่ารักน่ะแอบชอบฟิลห์มแน่เลย
ถึงขนาดเอาฟิล์มมาเป็นแฟนปลอมๆ
ขอให้แฟนคนปัจจุบันของฟิล์มเป็นเต้ด้วยพอะ สาธุ
แล้วตอนนี้ฟิล์มแปลงเพศยังค่ะ อยากรู้อิอิ
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 18 Part 2/2 : 12/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 12-03-2016 18:13:01
เฮ้ย  :hao7:
เต้บ้า คนชอบฉวยโอกาศ  :katai4:
เขินแทนพี่ฟิล์ม  :laugh:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 18 Part 2/2 : 12/03/59
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 11-06-2016 17:41:26
จะไม่มาต่อจริงๆหรอ
เราชอบอ่านเรื่องเล่าอ่ะ
อยากอ่านนนน
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 19 Part 1/2 : 14/07/59
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 14-07-2016 17:26:11
ขอโทษที่หายไปนาน  กลับมาต่อให้แล้วนะจ้ะ   :katai4: :katai2-1:

ตอนที่  19  Part  1/2 

   ไอ้เต้มาส่งฉันที่สนามกีฬา  เราสองคนล่ำลากัน  แล้วไอ้เต้ก็ขับรถกลับ  ส่วนฉันก็เดินมาขึ้นรถและขับไปที่บ้านของไอ้โชค  ให้ตายสิ  นี่แค่หกโมงครึ่งเอง  ทำไมมันมืดเร็วจังวะ  ฉันขับรถมาจนถึงจุดหมายและจอดรถมอไซต์เอาไว้ข้างๆ รถมอไซต์ไอ้โชค    เจ้าของบ้านเดินออกมาต้อนรับพอดี  เดินยิ้มมาเชียว 

   “ ยิ้มไร ” 

   “ เปล่า  ป่ะเข้าบ้านกัน ”

   “ ก็ไปดิ ”

   เจ้าบ้านที่ยังยิ้มไม่หุบเดินนำหน้าพาฉันเข้าไปในบ้านจนถึงโต๊ะอาหาร   เจอสาวน้อยน่าตาน่ารักคนนึงนั่งอยู่ก่อนแล้ว  น้องสาวยกมือไหว้พร้อมกับกล่าวสวัสดี และยิ้มให้  ฉันทักทายกลับและยิ้มให้เช่นกัน  อาหารบนโต๊ะมีอยู่สี่ห้าอย่าง  น่าตาน่ารับประทานทั้งนั้น  ทำเอากรดในกระเพาะอาหารเริ่มทำงานทันที   เพราะตอนอยู่ที่บ้านไอ้เต้ก็ไม่ได้กินอะไรรองท้องเลย  ความหิวมาเยือนสุดๆ เลยตอนนี้ 

   “ ป้าเบซี่ไปไหนอะ ”  ฉันมองดูรอบๆ บ้านไม่เจอป้าเบซี่  จึงถามออกไปแบบนั้น

   “ ทำกับข้าวเสร็จก็เลยขึ้นไปอาบน้ำ  สักพักคงลงมาแหละ  ฟิล์มหิวรึยัง  ป้าบอกถ้าหิวก็กินกันก่อนได้เลยนะ ”

   “ ไม่หละ  รอป้าเบซี่ก่อนสิ  ทำแบบนั้นเสียมารยาทแย่เลย ”

   “ พี่ฟิล์มนี่น่ารักจังเลยนะคะ  เห็นพี่โชคพูดถึงทุกวัน  เพิ่งจะได้เห็นตัวจริงก็วันนี้  หนูไม่แปลกใจเลยคะ  ว่าทำไมพี่ชายของหนูถึงได้ชอบพูดถึงพี่ทุกวัน ”  สาวน้อยพูดและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร 

   “ ทุกวันเลยหรอจ้ะ ” ฉันถามอย่างสงสัย  อะไรจะเวอร์ขนาดนั้น

   “ ถ้าไม่เชื่อ  ลองถามพี่ชายหนูดูสิคะ ”  เด็กน้อยยิ้มและหันไปมองพี่ชายของตน  ก่อนที่ ฉันจะหันมามองคนข้างๆ 

   “ ก็.......  ไม่ทุกวันขนาดนั้นหรอก  แค่....เกือบทุกวันเอง ”  ไอ้โชคยิ้มอายๆ 

   เอาจริงๆ ก็รู้สึกดีใจนะ  ที่เขาพูดถึงเราบ่อยๆ  ไม่รู้สิ  มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก  เรานั่งรอป้าเบซี่  นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย  แต่ก็สนุกดี  เพราะทั้งไอ้โชคและน้องสาวพูดเก่ง คุยเก่งมาก   เข้ากับฉันที่เป็นคนชอบพูดได้เป็นอย่างดีเลยแหละ  ซักพักนึงป้าเบซี่ก็มาถึงโต๊ะอาหาร  ฉันยิ้มให้ป้าเบซี่  แล้วยกมือไหว้พร้อมกับกล่าวสวัสดี  ป้าเบซี่ยิ้มกลับ  สายตาที่ทอดมารู้สึกได้ถึงความรักความเอ็นดู   เราทักทายกันนิดหน่อย  แล้วรับประทานอาหารร่วมกันจนอิ่ม

   “ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน  ดูน่ารักขึ้นตั้งเยอะเลยนะเรา ”  ป้าเบซี่เอ่ยชม   ฉันยิ้มให้แล้วตอบออกไป 

   “ ไม่ขนาดนั้นหรอกคะ  แต่ก็ต้องขอบคุณป้าเบซี่มากๆ เลยนะคะ  ที่ให้เคล็ดลับความสวยความงามกับหนู ” 

   “ ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ  มันเป็นเคล็ดลับความสวยของพวกเราอยู่แล้ว  ถึงจะไม่รู้วันนี้  แต่วันข้างหน้าก็ต้องรู้จากคนอื่นอยู่ดี  ว่าแต่  น่ารักขนาดนี้  มีหนุ่มๆ มาจีบบ้างรึยัง ”

   “ เยอะครับ  คนสวยก็เงี๊ยะ ”  ฉันหันไปมองหน้าคนพูด   ที่ตอนนี้กำลังมองหน้าฉันอยู่เหมือนกัน

   “ แล้วคนหล่อ  ไม่มีสาวมาติดงอมงอมเลยรึไง ”  ฉันจิกกัดมันคืนบ้าง 

   “ ก็บอกแล้วไงว่าของเพื่อน  ไม่ใช่ของโชคสักหน่อย  หึงอะดิ ”

   “ เพื่อนนะ  ไม่ใช่แฟน  ทำไมต้องหึงด้วย ”

   “ พอเถอะจ้ะ  เดี๋ยวทะเลาะกันยาว  หนูฟิล์มไปนั่งดูทีวีกับป้าดีกว่า  ดูทีวีไปคุยกันไป  ป้าจะได้หายคิดถึง  โชคกับน้องล้างจานเสร็จแล้วค่อยตามไปนะ ”

   “ ครับ/คะ ”  สองพี่น้องขานรับเป็นเสียงเดียวกัน 

---------------------------------------------------------------------


   เราสองคนนั่งดูทีวีด้วยกันคุยกันไป  คุยกันหลายเรื่อง  แต่เรื่องหลักๆ ก็จะเป็นเรื่องความสวยความงามซะมากกว่า  ป้าเบซี่แนะนำให้ฉันบำรุงผิวกายด้วยโลชั่นและบำรุงผิวหน้าด้วยครีม  แนะนำมาหลายยี่ห้อ  คุยกันอยู่ไม่นานไอ้โชคกับน้องสาวก็มานั่งแจมร่วมสนทนาด้วย  ป้าเบซี่ก็เล่าเรื่องสมัยที่ตัวเองเด็กๆ เป็นกะเทยหัวโปกให้ฟัง  ฟังแล้วขำ  มีเรื่องฮาๆ ให้ได้หัวเราะไม่หยุด  เรานั่งคุยกันเพลินจนเวลาล่วงเลยไปนานเลยทีเดียว  เผลอมองดูนาฬิกาอีกที  เฮ้ย!!  สามทุ่มครึ่ง

   “ ป้าเบซี่คะ  คือ...  ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว  หนูขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ ”

   “ อ้าว  จริงสิ  ”  ป้าเบซี่มองดูเวลาบนนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดอยู่ที่ผนังบ้าน   

        “ สามทุ่มครึ่งแล้วหนิ  กลับบ้านค่ำๆ มืดๆ แบบนี้มันอันตรายนะ  ป้าเป็นห่วง  ค้างที่บ้านป้าก่อนไหม  พรุ่งนี้ค่อยกลับ ” 

        “ แต่ว่า...... ”  ฉันไม่ทันจะได้อธิบายอะไร เสียงของไอ้โชคก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ

        “ นอนนี่แหละฟิล์ม  เดี๋ยวพรุ่งนี้โชคไปส่ง ”

        ฉันยังไม่ตอบตกลง  เงียบไปสักพักนึง  ใช้เวลาครุ่นคิดว่าจะกลับบ้านหรือนอนค้างที่บ้านไอ้โชค  ถ้าเป็นเมื่อก่อน  ฉันคงตอบตกลงไปอย่างง่ายดาย  แล้วตอนนี้หละ  ฉันยังกลัวอยู่อีกหรือเปล่า  ตอนนี้ฉันรู้สึกกับไอ้โชคยังไงกันแน่  ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ 

        “ ถ้าฟิล์มไม่สบายใจ  นอนกับป้าก็ได้นะ ”

        “ ขอบคุณคะ  แต่.....หนูไม่รบกวนป้าหรอกคะ  หนูนอนกับโชคก็ได้ ”

        “ จริงหรอฟิล์ม ”  ไอ้โชคพูดสวนขึ้นและยิ้มอย่างพอใจ

        “ ทำไมหละ  เพื่อนกัน  นอนด้วยกัน  มันแปลกตรงไหน ”

        “ ไม่แปลก  ไม่แปลกเลย ”

        “ ป่ะ งั้นเราก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำนอนกันได้แล้ว  โชคหาเสื้อผ้าให้หนูฟิล์มใส่ด้วยนะ  ป่ะหลานสาวคนเก่งของป้า  เราไปกันเถอะ ”

-----------------------------------------------------------------

   หลังจากที่ฉันอาบน้ำเสร็จแล้ว   ก็ถึงคราวเจ้าของห้อง  ตอนนี้ฉันอยู่ในห้องไอ้โชคคนเดียว  ยังตาสว่างอยู่เลย  ไม่มีท่าทีจะง่วงนอนซะอย่างนั้น  เลยไปนั่งเล่นคอมพิวเตอร์  กดเล่นไปเรื่อย  จนกระทั่งเจ้าของห้องเดินเข้ามาในห้อง  ฉันหันไปดู  เฮ้อ....  โล่งอก  นึกว่าจะเป็นเหมือนคราวที่แล้ว   คนบ้าอะไร  ใส่แต่บ็อกเซอร์  ไม่เกรงใจกันบ้างเลย    คราวนี้ชุดนอนมาเป็นชุดเลยแฮะ  ดูๆ แล้ว  ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ   

   “ มองอะไรหรอ ” ไอ้โชคหันมาเห็นฉันที่กำลังมองดูมันอยู่พอดี

   “ เปล่า  ไม่มีอะไร ”  ปฏิเสธหน้าด้านๆ  แล้วหันกลับมาสนใจคอมพิวเตอร์ต่อ  ถึงแม้ในใจตอนนี้  จะสนใจอย่างอื่นมากกว่า 

   เสียงฝีเท้า  กำลังเดินดุ่มๆ เข้ามา  และหยุดอยู่ที่ด้านหลังของฉัน

   “ ดูอะไรอยู่หรอ ”

   “ ดูการ์ตูน  เรื่องนี้สนุกมากเลยนะ เคยดูป่ะ ”

   “ ไหน  เรื่องอะไร ”

   “ ก็เรื่อง..... ”  ฉันกะจะหันมาบอกไอ้โชคที่ยืนอยู่ข้างหลัง  แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น

   ไม่รู้มันยื่นหน้าเข้ามาตอนไหน  เมื่อไหร่  รู้ตัวอีกทีฉันก็เกือบจะหอมแก้มมัน  ปลายจมูกของฉันห่างจากแก้มของมันเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง  และสิ่งที่น่าตกใจมากกว่านั้นก็เกิดขึ้นเมื่อไอ้โชคหันหน้ามาหาฉัน  ทำเอาฉันสะดุ้งตกใจ  ตาเบิกกว้าง  ลมหายใจอุ่น  กระทบใบหน้าจนสัมผัสได้  หัวใจเริ่มเต้นแรงและเร็วขึ้น  ความรู้สึกร้อนผ่าวแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าและหูทั้งสองข้าง  จนต้องหลบสายตาของอีกคน

   “ ไม่สบายหรอ  ทำไมหน้าแดงจัง ”     

   “ ป่าว  ช่วยเอาหน้าออกไปห่างๆ กว่านี้ได้ไหม ”

   “ ทำไมต้องหลบสายตากันด้วยหละ  เขินหรอ ”

   “ พูดมากจริง  รีบๆ เอาหน้าออกไปห่างๆ หน่อยได้ไหม ”

   “ ไม่ชอบหรอ  นึกว่าชอบซะอีก ”  ฉันเงยหน้าขึ้น  สบตากับคนที่อยู่ตรงหน้า 

   “ แล้วถ้าบอกว่าชอบ  จะทำยังไงต่อ ”

   “ อยากรู้จริงหรอ  ว่าจะทำยังไงต่อ ”

   “ เปล่า  ก็แค่ถามดูเล่นๆ  โชคเอาหน้าออกไปห่างๆ  ฟิล์มได้แล้ว ”  ไอ้โชคยิ้ม  ค่อยๆ ผละหน้าออกห่าง  และหันกลับไปที่หน้าจอคอมเหมือนเดิม   

   ความจริง ฉันก็ชอบนะ  ความรู้สึกแบบนี้  แต่ถ้าจะให้มีอะไรเกินเลยมากกว่านี้  บอกตามตรง  ยังไม่พร้อม  คนไม่เคย  มันก็ต้องกลัวเป็นธรรมดาแหละ  เฮ้อ.......  ฉันนี่มัน  อ่อนหัดจริงๆ เลย 

   เวลาล่วงเลยไปถึงเที่ยงคืน  การ์ตูนที่ดูก็จบพอดี  เราสองคนเริ่มง่วง  จึงพากันเข้านอน  ตอนนี้ในห้องมืดมากเพราะไฟในห้องถูกดับลงไปแล้ว  เราสองคนขึ้นนอนบนเตียงเดียวกัน  มีเพียงหมอนข้างที่คั่นกลางเอาไว้   

-------------------------------------------------------------
   
          เช้าวันจันทร์มาถึงอีกแระ  สิ่งที่ต้องทำคือเรียน  แล้วก็เรียน  แทนที่จะตั้งใจเรียน  ฉันกลับนั่งเหม่อลอย คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย  ก็เมื่อวานหนะสิ  ไอ้เต้โทรมาตอนสองทุ่ม  บอกพรุ่งนี้เจอกันที่สนามกีฬาอำเภอ  เฮ้อ... กลุ้ม กลุ้ม กลุ้ม  จะอะไรกันนักกันหนากับชีวิตฉันเนี่ย  แล้วฉัน ให้มันมาบงการชีวิตของตัวเองตั้งแต่ตอนไหน  ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจตัวเอง 

   ถึงเวลาพักเที่ยง  ได้มานั่งตากแอร์เย็นๆ ที่ห้องสมุดหน่อย  ช่วงนี้อากาศร้อนเป็นบ้า  ต้องหาที่เย็นๆ ดับร้อน  ก็ได้ที่นี่แหละ ทั้งเย็น ทั้งเงียบสงบ  แถมยังฟุบหลับได้ไม่มีใครว่า   กำลังจะเคลิ้มหลับอยู่แล้วเชียว  ตัวป่วนก็มาจนได้ 

   “ ฟิล์ม  ช่วยไรหน่อยดิ ”   ไอ้โชคนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆ ฉัน 

   “ มีไร  ง่วง  จะงีบ ”  ฉันพูดน้ำเสียงัวเงีย  กึ่งหลับกึ่งตื่น 

   “ ช่วยทำโจทย์ข้อนี้หน่อย  ครูบอกให้ส่งก่อนเลิกเรียน  ช่วยหน่อยดิ  นะๆ ”

   “ มันยากขนาดนั้นเลยหรอ  ถึงต้องให้ช่วย  ปกติก็ทำได้ไม่ใช่หรอ ”

   “ ปกติก็พอทำได้ แต่ข้อนี้ทำไม่ได้จริงๆ  นะๆ  ช่วยหน่อยน้า.... ”

   ฉันเงยหน้าขึ้นมาดูโจทย์ในสมุดของไอ้โชค  กลับเจอประโยคคำถาม  ที่ทำเอาฉันถึงกับพูดไม่ออก  “ อยากคบกับฟิล์มมากกว่าเพื่อนได้มั้ย ”  ฉันหันกลับไปมองเจ้าของสมุดอีกครั้ง และต่อว่าทันที

   “ นายเล่นบ้าอะไรหนิ   ว่างมากขนาดนั้นเลย  ”

   “ ว่างหนะว่างคร้าบบบ...  แต่เนี่ย  ไม่ได้ล้อเล่น ”

   “ แบบนี้เนี่ยนะไม่ได้ล้อเล่น  แล้วเขาเรียกว่าอะไร ”

   “ ก็....  จริงจัง  จริงจังมากด้วย ”

   คำตอบที่ได้ทำเอาฉันอึ้งถึงขั้นเอ๋อแดเก  เบลอๆ  คิดอะไรไม่ออก  เหมือนสมองหยุดทำงานไปชั่วขณะ ก่อนจะดึงสติสตังค์กลับเข้าร่างได้  บ้าไปแล้ว  ก็ไหนตอนแรก  ตกลงจะเป็นเพื่อนกันแล้วไง  ทำไมถึงได้กล้าทำอะไรแบบนี้อีกนะ  ไอ้บ้า  บ้าจริงๆ เลย

   “ ได้ไหมฟิล์ม  โชคสัญญา  จะไม่ทำให้ฟิล์มเสียใจ ”

   ฉันละสายตาจากคนตรงหน้า   ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเบาๆ  แต่การส่ายหน้าของฉัน กลับไม่ใช่การปฏิเสธคำขอของไอ้โชค  แต่หมายถึงความไม่แน่ใจ  ไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง 

   “ โชค  คือ.......... ”  ยังไม่ทันจะพูดประโยคต่อไป ไอ้โชคก็ตัดบทขึ้นมาก่อน

   “ ฟิล์มอย่าบอกนะ  ว่าที่ผ่านมา  ฟิล์มไม่รู้สึกอะไรกับโชคเลย  โชคไม่เชื่อหรอก ”

   “ ป่าว เราแค่ยังไม่แน่ใจในอะไรหลายๆ อย่าง   ขอเวลาฟิล์มหน่อยได้ไหม  ขอเวลาให้ฟิล์มได้รู้สึกมากกว่านี้  ให้ฟิล์มได้มั่นใจมากกว่านี้  แล้วฟิล์มจะให้คำตอบ  ”  เมื่อพูดเสร็จ ฉันจึงหันกลับมาสบตากับไอ้โชคอีกครั้ง

   “ ได้สิ  ฟิล์มขออะไร  โชคให้ได้หมดแหละ  แต่อย่าให้โชครอนานมากนะ  สัญญา ”

   “ อื้ม  ไม่นานหรอก  ก็แค่.. 2-3 ปี ”

   “ โห.... นานเวอร์อะ  ไม่เอา  อย่าแกล้งกันดิ  น้า......  นะ ” ดูมันทำหน้าเข้าสิ  เรียกคะแนนสงสารได้ดีเยี่ยมเลยแหละ  ไปเรียนการแสดงมาจากสำนักไหนหว่า  น้ำเสียงนี่ออดอ้อนสุดฤทธิ์  ทำให้ฉันเผลอยิ้มกับภาพน่ารักๆ ที่อยู่ตรงหน้า 

   “ รู้แล้ว  รู้แล้ว  ไม่นานหรอก ”  อีกฝ่ายได้คำตอบที่น่าพอใจ  จึงยิ้มออกมา 

   “ สัญญาก่อน  น้า....  นะ  สัญญากันก่อน ”  ประโยคขอร้องหรือเปล่าไม่รู้ มาพร้อมกับนิ้วก้อยที่รอเกี่ยวก้อยกับฉัน

   ฉันยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวรั้งกับนิ้วก้อยของไอ้โชค  ก่อนจะพูดออกไปว่า  “ สัญญาคะ ”   การทำสัญญาเสร็จสิ้นลงพร้อมกับรอยยิ้มของเราทั้ง 2 คน 

   การเรียนการสอนในสัปดาห์นี้ผ่านไปเร็วมาก  ช่วงนี้ไอ้โชคตามติดฉันอย่างกับปาท่องโก๋ จนอิสายป่าน อิกระต่าย และแม่นางมายด์ถึงกับแซวว่าพวกเราตกลงปลงใจเป็นแฟนกันแล้ว ทั้งๆ ที่ความจริง มันยังไม่ได้ไปถึงขนาดนั้นก็เหอะ  แต่ก็มีความสุขดี  ที่มีคนมาคอยดูแลเอาใจใส่ทุกวันแบบนี้  ไอ้โชคก็ไม่ได้ดูเลวร้ายอะไรหรอก  จัดอยู่ในระดับดีถึงดีมากด้วยซ้ำ  ทำให้ความรู้สึกดีๆ  ค่อยๆ ก่อตัวมากขึ้นทุกวัน

   ส่วนไอ้เต้หนะหรอ  หายเงียบไปทั้งอาทิตย์เลยแหละ  แต่ก็....ช่างมันเหอะ  แต่เสาร์นี้  ฉัน  อิกระต่าย  กับแม่นางมายด์  ต้องไปทำรายงานบ้านไอ้โต๊ดด้วยแหละ รายงานกลุ่มใหญ่  กลุ่มละ 8 คน  เพื่อนๆ จึงลงมติกันว่าอยากไปทำรายงานบ้านไอ้โต๊ด  ฉันก็เลยต้องไหลตามน้ำไปกับเค้าด้วย   

   แต่แล้ว  สิ่งที่ไม่คาดฝันก็มักจะเกิดขึ้นเสมอ...................

....................................................................................

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามจร้า 

แล้ววันหลัง  จะเอาตอนต่อไปมาอัพให้อ่านกันอีกนะจ้ะ

หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 19 Part 1/2 : 14/07/59
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 15-07-2016 09:56:53
ไหนเคยบอกก่อนปีใหม่ว่าจะหายไปแร่งให้จบเรืรองเลย แล้วมาลงทีเดียว ตอนต้นปี วันละตอน แล้วทำไมกลายเป็น 3เดือนตอนละ หายไปนานมากๆๆนึกว่าลิกแต่งไปแล้ว เพราะว่าถ้าดป็นนิยาย อาจจะใช้เวลาแต่ง แต่นี่เป็นสตอรี่ ในชีวิตจิง น่าจะไม่อยากขนาดนั่นนะ
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 19 Part 1/2 : 14/07/59
เริ่มหัวข้อโดย: Film-mii ที่ 15-07-2016 15:28:25
ช่วงที่หายไป มีเรื่องมากระทบจิตใจของคนเขียนหลายเรื่องอยู่พอสมควร จนตอนแรกคิดว่าจะไม่เขียนต่อแล้ว แต่ได้กำลังใจจากคนรอบข้าง เลยทำให้มีแรงฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง อยากเขียนต่อให้จบ ยังไงก็ขอโทษผู้อ่านที่ห่างหายไปนาน และขอบคุณสำหรับการติดตามจร้า
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 19 Part 1/2 : 14/07/59
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 16-07-2016 19:04:03
ไม่ว่ายังไงก็จะรอน่ะค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 19 Part 1/2 : 14/07/59
เริ่มหัวข้อโดย: top_fy ที่ 21-02-2017 19:33:13
อยากอ่านเรื่องของพี่ฟิล์มต่อแล้วค่ะมันทำให้หนูอยากจะพัฒนาตนเองมากขึ้น(พูดยังกะThe face 5555) อ่านไปมีความสุขรอลุ้นจังเลยค่ะว่าใครจะเป็นพระเอก มาต่อเถอะนะค่ะ ขอร้อง :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 19 Part 1/2 : 14/07/59
เริ่มหัวข้อโดย: palette ที่ 24-04-2017 20:01:59
เมื่อไหร่จะมาต่อคะ หนูชอบเรื่องนี้มากๆ พึ่งอ่านมาไม่นาน จิ้นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ยังรอการกลับมาอยู่นะคะ สู้ๆนะคะ หากกำลังปัญหาอยู่ :hao5: :hao5: :hao5:
ปล.อยากเห็นเต้ ตัวจริงจังเลยคงจะโคตรเท่เลย 555  :hao6:
หัวข้อ: Re: Poppy Love The Series...รักใสๆ ของยัยกะเทยซ่าส์ ตอนที่ 19 Part 1/2 : 14/07/59
เริ่มหัวข้อโดย: Natty ที่ 05-07-2019 15:50:25
พึ่งมีโอกาสเข้ามาอ่าน ยังให้คนเขียนนิยายเรื่องนี้เขียนต่อให้จบจังค่ะ เชื่อว่านิยายเรื่องนี้คงเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ได้ไม่มากก็น้อย