พิมพ์หน้านี้ - :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เปิดจอง PRE-ORDER

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Foggy Time ที่ 28-10-2015 22:49:04

หัวข้อ: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เปิดจอง PRE-ORDER
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 28-10-2015 22:49:04
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

---------

คุยกับนักเขียนนิดนึง ~

เรื่องโรคของอลันไม่มีอยู่จริงค่ะ อาการอาจจะดูผิดเพี้ยนไปบ้าง เราลองพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับอาการต่างๆ แล้ว เอามาแต่ง
อาจจะผิดพลาดไปบ้างกับวิธีการรักษา หรืออาการบางอาการดูแปลกๆ ก็ขออภัย มา ณ ที่นี้ค่ะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 1 ♪
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-10-2015 22:49:41
ปาดดดดดดดดดดด  :hao7:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 1 ♪
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 28-10-2015 22:57:20
เสียงแว่วครั้งที่ 1 : พบกันครั้งแรก 
         
รางเหล็กคู่ขนานเหยียดยาวไปไกลแทบลับสายตาชวนให้ถอนหายใจยาวยามที่มองและครุ่นคิดในใจว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะถึงจุดปลายทาง
               
แต่เมื่อมีความยากลำบากย่อมมีผู้ท้าชิง
               
ร่างสมส่วนสวมเสื้อโค้ทหนาสะพายเป้ใบโตที่บรรจุไปด้วยอาหารของใช้ต่างๆ กำลังเดินอยู่บนรางอย่างใจเย็น
               
ผมสีขาวโพลนแปลกตาสำหรับผู้พบเห็น
               
กับร่างสี่เท้าขนาดยักษ์ที่กำลังเดินเคียงคู่กัน
         
นับว่าเป็นภาพที่ชวนให้ประหลาดใจ
               
เพราะสัตว์ที่เท้าขนาดยักษ์นั้นมีช่วงบนมนุษย์แต่ช่วงล่างกลับเป็นอาชา


         
ผมสีน้ำตาลอ่อนสีเฮลเซนัทปลิวยุ่งเหยิงเมื่อสายลมของฤดูใบไม้ผลิพัดกระทบ
               
ดวงตาสีฟ้ากลอกไปมาเบื่อๆ ดึงหมวกโค้ทมาคลุมหัวตัวเอง
               
ก้าวขาเดินไปตามทางรถไฟอย่างเชื่องช้า ฟังเสียงนกที่ร้องจ้องแจกอยู่บนต้นไม้ หยุดมองท้องฟ้ากระจ่างใสที่เต็มไปด้วยหมู่เมฆทำให้อากาศไม่ร้อนเท่าไหร่
               
รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าและผิวปากออกมาอย่างอารมณ์ดี
               
ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าเจ็บปวดเหลือร้าย
               
เขากุมท้องงองุ้มอย่างทรมาน น้ำตาเม็ดใสไหลหยดออกมาจากดวงตาอย่างห้ามไม่ได้ ริมฝีปากเผลอกัดจนเป็นแผลช้ำ เขารีบนั่งบนพื้นถอดกระเป๋าออกมาอย่างลุกลี้ลุกลนควานหายาในช่องกระเป๋าหน้า หยิบเม็ดยาสีขาวคุ้นเคยกลืนใส่ปากทันทีโดยไม่ต้องพึ่งน้ำ
         
แต่ต่อให้กินยาเข้าไปมันก็ไม่ได้ระงับความเจ็บปวดแต่อย่างใด มวลท้องยังคิดบิดเร่าไปมาราวกับกำลังเต้นเพลงจังหวะร็อค เขานอนงองุ้มดวงตาเบิกโพลง หอบหายใจหนักหน่วง มือกำแน่นหวังจะแบ่งเบาความรู้สึกเจ็บปวดออกไปยังมือแทน
               
เสียงนกยังคงดังเจื้อยแจ้ว
               
แม้ว่าเสียงร่างครวญครางบนพื้นด้วยความเจ็บปวดดังกว่าเสียงมัน
               
ใบหญ้าพัดปลิวน้อยๆ เมื่อลมผ่านลู่ใบ
               
ผิวขาวซีดของเขาเย็นเฉียบกว่าเดิมทั้งๆ ที่สวมเสื้อโค้ทหนา
               
ข้าวของกระจัดกระจายบนพื้นทำให้เขาต้องลงมือเก็บมันยัดใส่กระเป๋าอีกครั้งเมื่ออาการดีขึ้น โดยที่ไม่รู้ตัวผมสีเฮลนัทได้ถูกสีขาวกลืนกินไปแล้วเล็กน้อย
         
เขาสบถออกมาอย่างหงุดหงิด มือยีหัวตัวเองจนยุ่งเหยิง ดวงสีกระจ่างใสมีสีแดงก่ำขึ้น เขากำลังคิดถึงอดีตที่ผ่านมาของเขาแม้ว่ามันจะทำให้เขาหงุดหงิดจนแทบคลั่ง
               
เขาเคยที่มีชีวิตที่ดี
               
ทุกอย่างกำลังไปด้วยสวย
               
จนกระทั่งโรคงี่เง่าบางอย่างมาครอบงำ
               

อลัน เป็นชื่อของเด็กกำพร้าที่เติบโตมาในศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้า ทุกคนล้วนเอาใจใส่เขาเป็นอย่างดีเช่นเดียวกับทุกคนที่อาศัยอยู่ด้วยกันแต่ดูเขาจะเป็นที่เอ็นดูมากกว่าคนอื่นเป็นพิเศษ
               
ผมสีน้ำตาลฮอลนัทกับดวงสีตาสีฟ้าที่เจือไปด้วยความร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ
               
เรียกให้ใครทั้งหลายต่างพากันเอ็นดู
         
แต่ทุกอย่างก็พลิกผัน
               
เมื่ออลันอายุ 18 ปี
               
ในระหว่างที่เขากำลังทำงานพิเศษเป็นรายได้เสริมอยู่นั้น อยู่ๆ เขาก็ล้มลงไปกองบนพื้นและหยุดหายใจไปในทันที ทุกคนตกใจมากรีบพาอลันไปโรงพยาบาล แต่เมื่อถึงโรงพยาบาลอลันกลับฟื้นพอดีและเดินเหินปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
               
ซึ่งถ้าหากมันเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวคงสามารถใช้เล่นเป็นมุขตลกได้
               
เพียงแต่ว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวสิ
               
หลายต่อหลายครั้งที่อลันทำให้คนอื่นตกใจ
               
การลงไปชักบนพื้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย การไอเป็นเลือดในบางวัน การเกิดตุ่มตามตั้วทั้งๆ ที่ไม่ได้ไปทำอะไรมา
               
อลันตระเวนหาหมอไปทั่วหวังจะรักษาโรคที่กำลังคุกคามตัวเองให้หายขาด
               
แต่ไม่เป็นผล
               
ทุกคนหวาดกลัวอลัน
               
ไม่กล้าแม้แต่จะร่วมมื้อบนโต๊ะอาหาร เพียงแค่ว่ากลัวติดโรคที่ไม่สามารถบอกที่มาได้ของอลัน
               
จากคนร่าเริงอยู่เป็นนิจกลายเป็นคนที่เงียบ พูดน้อย
               
อลันตัดสินใจหนีออกจากที่นี้
         
เงินเก็บจากการทำงานพิเศษถูกละลายไปกับการซื้อยาระงับอาการราคาแพง อาหารกระป๋อง อาหารแห้ง กระติกน้ำทหาร ของใช้จิปาถะ เงินส่วนที่เหลืออยู่อีกส่วนถูกเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น
               
สิ่งที่อลันขาดก็คือโค้ทดีๆ ใช้สำหรับกันแดดกันหนาวสักตัว
         
เงินที่ยังพอเหลือไม่สามารถนำมาใช้ซื้อได้ แต่เอาเข้าจริงก็มีอยู่ตัวนึงที่พอจะหยิบยืมมาใช้ได้
               
ไม่สิ เรียกว่ามันคือการขโมยดีกว่า
               
อลันเป็นเด็กดีมาตลอดแม้จะถูกรังเกียจก็ตาม ในครั้งนี้อลันได้ฉีกฉากหน้าของตัวเองเป็นชิ้นๆ ด้วยการขโมยเสื้อโค้ทเนื้อดีของลุงวิลเลียมที่เป็นผู้ดูแลหลักในตอนนี้
               
ลุงวิลเลียมเป็นคนเดียวที่ไม่รังเกียจอลัน
               
อลันรู้ตัวดีว่ากำลังทรยศความเชื่อใจของลุงวิลเลียม
               
แต่มันช่วยไม่ได้
               
ในเมื่อเงินในกระเป๋าที่มียังไม่พอซื้อหมากฝรั่งด้วยซ้ำ
               
อลันขโมยมันในวันที่จะหนีออกจากสถานที่แห่งนี้ ลุงวิลเลียมกำลังนั่งจิบกาแฟไออุ่นๆ ลอยกรุ่นปะทะใบหน้าและส่งกลิ่นหอมชองกาแฟ ลุงวิลเลียมยิ้มและกล่าวอรุณสวัสดิ์เมื่อเห็นอลันเดินเข้าไปใกล้ อลันไม่แสดงสีหน้าอะไรกระชับกระเป๋าใบโตที่ถูกบรรจุของไว้จนเต็มคว้าเสื้อโค้ทที่ถูกถอดพาดไว้บนเก้าอี้
               
อลันวิ่งสุดฝีเท้าหนีออกมาล้วงหากระเป๋าเงินที่ลุงวิลเลียมที่ชอบยัดใส่ไว้ในกระเป๋าและขว้างมันใส่ลุงวิลเลียมที่วิ่งไล่หลังตามมาด้วยสีหน้างุนงงเนื้อตัวเปรอะไปด้วยคราบกาแฟ
               
อลันยิ้มจางค่อยๆ ชะลอฝีเท้าลงหอบหายใจเรียกอากาศที่เสียไปกลับคืนสู่ร่างกาย อลันเอ่ยพึมพำสั้นๆ หน้าสถานกำพร้าหลังโตที่เห็นอยู่ไกลๆ
               
“ ขอบคุณ ”
               
เสียงพูดเบาๆ ของอลันถูกเสียงลมประจำฤดูพลัดกลบไป
               
มีเพียงต้นไม้อากาศเป็นพยาน
 
               
การเดินทางของอลันเริ่มต้นจากการได้ยินข่าวลือเล็กๆ จากลูกค้าที่พูดคุยกัน  ว่าสุดทางรถไฟสายเก่ามีสถานีรถไฟที่ถูกเปลี่ยนเป็นบ้านพักเและมีหมอฝีมือเทวดาสามารถรักษาโรคทุกโรคให้หายขาด
               
ในครั้งแรกอลันไม่ได้สนใจคิดว่าเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ แต่บ่อยครั้งที่เรื่องนี้ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นสนทนาทำให้ความสงสัยถูกกลบไปด้วยหวังแทน
               
เพราะข่าวลือนี้ช่วยให้อลันตัดสินใจกระทำในสิ่งตัวเองยังคาดไม่ถึง
               
อย่างการตัดสินใจเดินทางไปที่ๆ ว่า
               
อลันยกยิ้มจางถือถาดกาแฟไปเสิร์ฟโต๊ะลูกค้าที่พูดคุยกันอย่างออกรส และประเด็นสนทนาก็ไม่พ้นเรื่องที่อลันได้ยินมา รอยยิ้มจางช่วยให้การตอบคำถามทำได้ง่ายขึ้น อลันเชื่ออย่างนั้นและก็เป็นตามที่คิด
               
สาวผมบรอนด์ชุดกระโปรงลูกไม้ชิงบอกอลันก่อนทันทีถึงรายละเอียดที่อลันต้องการจะรู้ ริมฝีปากสีแดงสดไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพูดแต่อย่างใดร่ายยาวจนเพื่อนที่มาด้วยกันถึงกับปรามและแอบกัดเบาๆ ถึงความบ้าผู้ชาย
               
อลันแกล้งทำหูทวนลมเมื่อได้ยินคำด่ารุนแรงที่สาวผมบรอนด์ถูกด่า
               
ทำยังไงได้ในเมื่อข้อมูลมันสำคัญ
               
เมื่อรู้สึกว่าคำพูดที่เหลือมีเพียงน้ำหาเนื้อความไม่เจอถึงขอลาออกมาอย่างสุภาพ
               
ส่วนข้อมูลที่ได้เพิ่มเติมมาก็คุ้มค่าชวนให้พอใจอยู่เหมือนกัน
               
ทางรถไฟสายเก่าที่ถูกระงับการใช้ไปเมื่อปีสองปีที่แล้ว เดินขึ้นไปทางเหนือเรื่อยๆ จนกระทั่งสิ้นสุดถึงจะถึงจุดหมาย แผนที่ในมืออลันช่วยบอกกลายๆ ว่าระยะทางนั่นไม่ได้เป็นเพียงวันสองวันถึง
               
แม้กระทั่งแรมปีก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะถึงหรือไม่
               
สภาพร่างกายแย่ๆ ที่ไม่สามารถเอาแน่เอานอนได้
               
แต่ทางเลือกที่น่าสนใจมีเพียงเท่านี้
               
อย่างน้อยๆ การเดินทางน่าจะทำให้มีความสุขกว่าการถูกรังเกียจไปวันๆ อลันตัดสินใจที่จะไปแม้จะรู้ดีว่าสิ่งที่ได้ยินมาอาจเป็นข่าวลือไร้สาระก็ตาม
               
การเดินทางบนทางรถไฟคงจะให้ความรู้สึกที่ดี
               
อลันหวังอย่างนั้น
 
               
ปลากระป๋องซอสมะเขือเทศราคาถูกกำลังโดนอลันเขี่ยไปมาด้วยความเบื่อหน่าย ลิ้นสีชมพูแลบลิ้นที่เปรอะไปด้วยซอสออกมาทำหน้าเหยเก “ รู้งี้ซื้อซอสอื่นมาด้วยก็ดีหรอก ” ถึงกำลังพร่ำบ่นแต่ก็ยัดเข้าปากของตัวเองอยู่ดี
               
อลันนั่งใต้ต้นโอ๊กต้นยักษ์ที่แผ่กิ่งก้านออกมาปกคลุมไปทั่วบริเวณทางรถไฟเก่าๆ ถูกหญ้าเขียวขึ้นคลุมจนเหมือนเบาะนุ่มๆ จากธรรมชาติ แดดแรงเจิดจ้าที่อยู่ตรงหัวพอดีจึงทำได้เพียงโลมเลียใบไม้เท่านั้น
               
อลันจิบน้ำที่มีอย่างประหยัดเพราะไม่อาจรู้ได้ว่าอีกนานเท่าไหร่จะเจอแหล่งน้ำหรือเจอเมืองที่พอลงไปซื้ออะไรกินได้ ทางรถไฟสายเก่านั้นถูกตัดผ่านป่าบ้างเมืองบ้างสลับกันไปจากการศึกษาแผนที่
               
อลันคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อลมเย็นๆ พัดผ่าน
               
ความจริงแล้วอลันคนเดิมไม่ได้หายไปไหนแต่อย่างใด
               
เพียงแค่บุคลิกที่แสดงต่อคนอื่นเป็นเย็นชาเท่านั้น
               
สวบ..
               
เสียงการขยับตัวหลังพุ่มไม้ทำเอาอลันสะดุ้งคว้ามีดที่เหน็บไว้ตรงเอวมาถือ แววตาสั่นน้อยๆ เพราะความหวั่นวิตก การเดินทางในป่าก็เหมือนก้าวขาอยู่ในนรกอยู่กลายๆ
               
คุณไม่มีทางรู้เลยว่าสัตว์ร้ายมันจะออกมาอาละวาดตอนไหน
               
มีดเงินลวดลายสลักสะท้านประกายแสงชวนให้กลืนน้ำลายกับความคมกริบของมัน
               
เงินทำงานพิเศษของอลันถูกมีดเล่มนี้ผลาญไปเยอะพอสมควร ความประณีตของด้ามจับที่สลักลวดลายประจำเมือง เหล็กเนื้อดีที่ถูกตีด้วยเตาร้อนๆ หลายเหตุผลช่วยให้อลันยอมซื้อมันมา แต่เหตุผลที่ดูมีอิทธิพลกับเจ้าตัวมากที่สุดเห็นจะเป็นความชอบ
               
สวบ..
               
เสียงย่างก้าวดังขึ้นอีกครั้ง
               
อลันกลืนน้ำลายเอือกกระชับมือที่ถือมีด ในหัวนึกถึงภาพยนตร์ที่มีโอกาสได้ดู ภาพฉากการต่อสู้ระหว่างคนร้ายกับพระเอกปรากฎขึ้นมาเป็นฉากๆ ในหัวอลัน หน้าของอลันกลายเป็นใบหน้าบึ้งตึง ในหัวมีเพียงการต่อสู้ด้วยปืนเท่านั้น สิ่งที่พอจะใช้ได้คือสิ่งที่รู้อยู่แล้ว
               
จ้วง แทง จ้วง แทง
               
อลันท่องในใจถ้าหากร่างที่ปรากฏออกมาเป็นสัตว์ร้ายพุ่งกระโจนใส่
               
ผลุบ..
               
อลันถอนหายใจยาวเก็บมีดเหน็บเข้าที่เอวดังเดิม ย่างเท้าเข้าไปใกล้กระต่ายป่าสีน้ำตาลตัวอ้วนที่ดูจะได้รับบาดเจ็บบริเวณขา ดวงตาสีทับทิมจ้องมองอลันราวกับกำลังของความช่วยเหลืออยู่กลายๆ บนตัวของมันมีแผลฉกรรจ์อยู่สองสามแผลแต่แผลที่ดูใหม่ที่สุดเห็นจะเป็นรอยเล็บลากยาวตรงคอที่ลึกพอให้ขนให้ไปแถบนึง
               
เป็นกระต่ายที่ตายยากชะมัด
               
อลันให้นิยามกับกระต่ายป่าที่กระโดดผลุบเข้ามาหาคล้ายกำลังขอความช่วยเหลือ
               
แปลว่ากระต่ายตัวนี้เคยได้รับการรักษาจากมนุษย์หรือไม่ก็เคยถูกเลี้ยงมาก่อน
               
อลันยืนชั่งใจอยู่สักพักว่าจะยอมสละยาของตัวให้มันดีหรือไม่ แต่จนรอดจนแล้วก็ทนสายตาของเจ้ากระต่ายป่าไม่ไหวยอมควักยากับผ้าก็อซออกมาทำแผลให้มัน
               
“ กระต่ายงี่เง่า ”
               
อลันสบถใส่กระต่ายป่าที่เมื่อพันแผลให้มันเสร็จมันกระโดดโหยงเหยงเตี้ยๆ อยู่สองสามทีก็กระโดดพรวดหายไปเลย อลันเก็บยากับเศษผ้ากอซจัดใส่กระเป๋าเหมือนเดิมและยิ้มเมื่อออกมาเมื่อจัดออกมาแล้วดูเป็นระเบียบดี อลันผลุบลุกขึ้นยืนสะพายเป้ใบโตที่น้ำหนักไม่น้อยออกเดินทางอีกครั้ง
               
ท้องว่างๆ ของอลันถูกเติมเต็มด้วยปลากระป๋อง
               
ร้องเท้าผ้าใบเก่าที่ดูวินเทจเหยียบย่ำอยู่บนเหล็กขึ้นสนิม
               
เสียงฮัมเพลงในลำคอดังแว่วไปในสายลม
               
ร่มสีเทาถูกกางออกบดบังแสงแดดเมื่อร่มไม้แผ่ขยายมาไม่ถึง
               
อลันกำลังเพลิดเพลินกับการเดินทางครั้งนี้อย่างที่เจ้าตัวหวังไว้ บรรยากาศเงียบสงบ ร่มไม้ ทุกอย่างขับกล่อมให้อลันอารมณ์ดีได้ง่ายๆ ไม่มีสายตาหวาดกลัวคอยจับจ้อง ไม่ต้องกังวลยามที่อาการกำเริบ ไม่ต้องกลายเป็นภาระของใครให้เป็นที่หนักใจ
               
อลันเริ่มรู้สึกชอบการเดินทางครั้งนี้
               
ความผูกพันกับรางคู่สายยาวทักทอขึ้นมาอย่างช้าๆ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว
               
กุบ กับ..
               
เสียงฝีเท้าบางอย่างดังแว่วมาตามสายลม
               
อลันหยุดฮัมเพลงทันทีหันไปรอบตัวเพื่อหาต้นกำเนิดเสียงอย่างตื่นตระหนก อลันเงี่ยหูฟังอยู่สักพักพบว่าไม่มีเสียงอะไรแปลกๆ ดังขึ้นมาอีก จึงเดินต่อไปพร้อมกับฮัมเพลงใหม่
               
คงจะหูฝาดไปเอง
               
อลันคิดเงียบๆ  หมุนร่มในมือเล่น ดวงตาสีฟ้าหลุกหลิกไปมาตามทางที่ย่างผ่าน ฝูงผีเสื้อที่บินเอื่อยๆ ตามดอกไม้ที่ขึ้นอยู่ประปราย เสียงสวบสาบดังขึ้นไกลๆ ที่อลันอนุมานว่าคงเป็นเจ้ากระต่ายป่านั้นแน่ๆ
               
สาเหตุของบาดแผลตามตัวของมันคงไม่พ้นเหตุนี้ล่ะมั้ง
               
อลันหัวเราะเบาๆ ในความบ้าของเจ้ากระต่ายที่ทำเสียงสวบสาบให้ผู้ล่ารู้ตัวจนสามารถไล่กัดมันได้ แต่ดูๆ แล้วมันก็คงไม่ใช่เล่นเหมือนกันถึงสามารถหลีกหนีความตายมาได้หลายต่อหลายครั้ง
               
เสียงหัวเราะของอลันชะงักไปทันควัน
               
เมื่อภาพตรงหน้าได้กลายเป็นสีดำสนิท
               
อลันขยี้ตาหลับตาและลืมตาขึ้นมาอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล
               
โลกสีดำทั้งใบกำลังเป็นของอลัน
               
อลันคลี่ยิ้มเยาะตัวเอง โรคบ้าๆ กำลังกำเริบขึ้นมาอีกครั้งแล้ว เพียงแต่คราวนี้มันไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บปวดหรืออะไรเพียงแต่ทำให้มองอะไรไม่เห็นเท่านั้น
               
อลันหุบร่มลงใช้มันกึ่งไม้เท้าในการพาร่างของตัวเองเดินต่อไปอย่างไม่แยแส
               
เอาสิ
               
อยากทำอะไรก็ทำไปเลย กับร่างกายห่วยๆ ร่างนี้
               
 อลันก้าวพลาดกับรางเหล็กจนหน้าคะมำลงไปกองบนพื้น ใบหน้าของอลันถูกเศษหินบาดเป็นทางยาว เลือดสีแดงหยดซึมออกมาจากแผลทันที อลันนอนงองุ้มอยู่บนพื้นหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
               
เสียงแหบต่ำฟังขัดหู
               
 น้ำตาที่ไหลพรากออกมาจากดวงตา
               
อลันก้มหน้ากอดตัวเอง
               
เสียงสะอึกสะอื้นดังแว่ว
               
บอกถึงความเจ็บปวด
               
ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าเหมือนกับไม่แยแสหรือความปราณีใดๆ แผดเผาทุกสิ่งที่อยู่เบื้องล่าง
         
ผิวขาวของอลันเริ่มเปลี่ยนเป๊นสีแดงเพราะความร้อน
               
เหงื่อผุดขึ้นตามตัวจนทั้งตัวอลันชุ่มไปด้วยเหงื่อ
               
อลันควานหาร่มที่หลุดมือตอนล้มอย่างสะเปะสะปะ
               
สิ่งที่ควานหาเจอมีเพียงอากาศ
         
อลันกัดฟันข่มอารมณ์ตัวเองที่เริ่มพลุ่กพล่านอีกครั้ง
               
ร่มคันสีเทานั้นอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือของเจ้าของ
               
ถ้าหากอลันเอื้อมยาวกว่านี้จะพบกับมันพอดี
               
แต่แล้วความพยายามของอลันก็สำเร็จผล อลันหยิบร่มมาถือหยัดตัวขึ้นยืนก้าวขาเดินอย่างระมัดระวังใช้ร่มเคาะไปตามทางข้างหน้าพยายามหาที่ร่มในการพักชั่วคราว
               
แดดที่แผดเผาคล้ายกับหัวเราะเยาะอลันอยู่กลายๆ ว่าร่มไม้ไม่สามารถป้องกันมันได้
               
กุบ กับ..
               
เสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกครั้ง
               
อลันหยุดเดินทันควัน สูดหายใจลึกเรียกสติที่มีอยู่น้อยนิดกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว
 
เขาไม่ได้หูฝาด..
               
อลันทำอะไรไม่ถูก เหงื่อของอลันหยดติ๋ง
               
ร่มคันสีเทาถูกกางขึ้นมาบังแดดร้อนระอุ
               
แต่อากาศร้อนๆ นี่สามารถแก้ปัญหาได้
               
ในตอนนี้ไม่มีแม้แต่เสียงนกร้อง
               
มีเพียงความเงียบงัน
               
อลันไม่กล้าเดินหรือขยับตัวอะไรทั้งนั้น
               
ถึงแม้มองไม่เห็นแต่กลับรู้สึกถึงร่างใหญ่โตที่อยู่ใกล้ๆ
               
“ เฮ้ยยย ” อลันหลุดเสียงร้องออกมาดังลั่นเมื่อตัวของตัวเองลอยหวือขึ้น
               
แขนมนุษย์ ?
               
อลันครางในลำคออย่างงุนงงรู้สึกถึงแขนหยาบๆ ที่กำลังประคองตัวเองขึ้นมาเหมือนในภาพนิตยสารงานแต่งงานที่ฝ่ายหญิงถูกฝ่ายชายโอบอุ้ม
               
และเขากำลังเป็นฝ่ายหญิงในรูปนั้น
               
“ ปล่อยฉันลง !! ” อลันดิ้นขลุกขลักพยายามใช้ร่มในมือฟาดมั่วไปทั่ว
               
จนกระทั่งเจอสัมผัสแข็งๆ ก็กระหน่ำรัวฟาดทันที
               
คล้ายกับกำลังหงุดหงิด ร่างที่โอบอุ้มอลันยกเท้าคู่หน้าชึ้นสูง
               
อลันร้องเสียงหลงหยุดใช้ร่มตีทำร้ายร่างที่กำลังโอบอุ้ม
               
อลันกลืนน้ำลายลงคอหวั่นๆ ไม่กล้าทำอะไรอีก ร่มในมือที่ยังคงกางอยู่อลันก็หุบมันลงมากอดไว้อย่างสงบเสงี่ยมกลัวว่าจะโดนหงุดหงิดใส่
               
โลกมืดๆ นี่น่ารำคาญชะมัด
               
อลันหลับตาลงปล่อยให้ร่างของตัวเองถูกลักพาตัวไปยังที่ไหนสักที่
               
รู้สึกหวาดกลัวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
               
อลันตัดสินใจปล่อยเลยตามเลย
               
ถ้าหากต้องการจะฆ่าก็คงทำได้แต่แรกแล้วหรือไม่ก็อาจจะฆ่าทีหลัง
               
เอาเถอะ ร่างกายห่วยๆ คงไม่มีค่าอะไรนักหรอก
               
อลันเผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น
         
ร่างที่กำลังโอบอุ้มอลันขยับยิ้มจาง ช่วงล่างที่ผิดแผกไปจากมนุษย์ยังคงนำพาไปที่ๆ ปลอดภัยที่ถูกบันทึกไว้อย่างมากมายภายในหัว ใบหน้าหล่อเหลาผมบรอนด์ทองเหลือบมองร่างในอ้อมอกอดด้วยใจที่เต้นแรง
               
มนุษย์..
               
เป็นครั้งแรกที่ข้าให้ความช่วยเหลือมนุษย์
               
เสียงฝีเท้าดังกุบกับ

สัตว์ต่างๆ ที่ได้ยินต่างพากันหลีกหนียกเว้นเพียงเจ้ากระต่ายที่กระโดดพรวดมาขวางทาง
ร่างอมนุษย์ขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์เมื่อเจ้ากระต่ายกระโดดโหยงเหยงดวงตาสีทับทิบของมันสื่อกลายๆ ว่าห้ามเอาเขาไป

“ เขาเป็นของข้า กระต่ายโง่ ” เสียงตะคอกส่อถึงความไม่พอใจ “ ข้าเจอเขาก่อนเจ้าด้วยซ้ำ ”
หูสองข้างกระดิกรุนแรงเท้ากระทืบเสียงดัง

เจ้ากระต่ายกำลังไม่พอใจ

“ ถ้าเจ้าตามข้าทันก็เชิญ แต่อย่าหวังว่าจะเอาเขาไปจากข้า ” ร่างสี่เท้ากระโดดข้ามหัวเจ้ากระต่ายวิ่งกุบกับไปอย่างรวดเร็ว สายลมดังหวีดหวิว เศษดินที่ถูกเท้าคู่หลังกระแทกเหยียบโดนเจ้ากระต่ายเต็มๆ

แขนสั้นๆ ของมันพยายามปัดดินออกจากตัว ดวงตาสีทับทิบเข้มขึ้นด้วยความไม่พอใจ ขาคู่หลังถูกใช้งานทันทีแม้ว่ากำลังบาดเจ็บ มันรีบวิ่งกระโดดตามหลังไป

เสียงเพลงถูกฮัมขึ้นอีกครั้ง

ด้วยเสียงทุ้มแหบต่ำ

ด้วยทำนองที่ผิดจากต้นฉบับโดยสิ้นเชิง

เพราะเพลงที่ถูกฮัมนั้นมาจากการได้แอบฟัง

ร่างที่ถูกลักพาตัวขมวดคิ้วคล้ายกับรำคาญ เพลงจึงต้องหยุดการบรรเลงไปโดยปริยาย ดวงตาสีทองเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีแสด อุณหภูมิเริ่มเย็นลง

มนุษย์ไม่ถูกกับอากาศหนาว

เขาพยักหน้าหงึกหงักตัวเอง รีบวิ่งให้ไวกว่าเดิมเพื่อไปยังบ้านของตัวเอง

เพิงไม้ถูกก่อขึ้นมาแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ใช้

ของบางอย่างที่ใช้บรรจุของไว้จนหนักถูกดึงออกจากตัวไปวางไว้ข้างๆ สเวนขมวดคิ้วงุนงงเพราะไม่คิดว่ามนุษย์ที่แสนอ่อนแอจะแบกอะไรที่หนักขนาดนี้

สเวนวางร่างที่เพิ่งลักพาตัวบนแคร่อย่างทะนุถนอม ใช้มือเกลี่ยผมออกจากใบหน้าด้วยรอยยิ้มและขมวดคิ้วเมื่อเห็นของบางอย่างในมือ

อาวุธที่ใช้ประโยชน์ได้สารพัด

ทั้งบังแดดและใช้ตบ

สเวนดึงมันออกจากมือเบาๆ แล้วโยนไปไว้บนหลังคาของเพิงเพื่อไม่ให้มันถูกนำมาใช้ในการประทุษร้ายเขาอีก สเวนก้าวถอยหลังออกมาอย่างเงียบเชียบก่อนจะควบฝีเท้าเข้าไปในป่าอีกครั้งเพื่อหาสมุนไพรมารักษาแผลทางยาวบนใบหน้าของมนุษย์
รอยยิ้มจางปรากฎบนใบหน้าอีกครั้ง

แววตาทอประกายเพ้อฝัน

ดวงจันทร์เริ่มปรากฏตัว

มีร่างสี่เท้ากำลังขะมักเขม้นกับการทำแผลให้กับมนุษย์

สเวนถูกใจมนุษย์คนนี้มาก

ผิวขาวซีด ผมสีน้ำตาลคล้ายเปลือกไม้ ดวงตาสีท้องฟ้ากระจ่างใส

โดยไม่รู้ตัวเขามักจะเผลอเดินตามไป

เสียงเพลงแผ่วเบาในอากาศชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย

การย่างเท้าที่เป็นจังหวะดูเพลินตา

แต่สิ่งที่สเวนไม่ชอบคือยามที่มนุษย์ผู้นี้ร้องไห้สะอึกสะอื้น

หลายครั้งที่เขาต้องตกใจยามที่มนุษย์ครวญครางร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด

หัวใจของสเวนปวดหนึบ

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่กล้าปรากฎตัวให้อีกฝ่ายเห็น

เซนทอร์ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ควรจะรู้จัก

ชื่อของเขาอยู่เพียงในเทพนิยาย

การเลือกที่จะผูกพันกับมนุษย์เป็นการฆ่าตัวตายอยู่กลายๆ

ชีวิตของมนุษย์ช่างสั้นนัก

แต่ไม่ใช่กับสเวนที่หลงรักมนุษย์อย่างไม่รู้ตัว

สุดท้ายแล้วสเวนก็ไม่อาจห้ามตัวเองไว้ได้

ฝีเท้าควบวิ่งอย่างแรงกล้าเมื่อเห็นร่างที่ตัวเองเฝ้ามองล้มลงไปอยู่บนพื้น

เสียงหัวเราะพิลึกพิลั่นฟังแล้วรู้สึกแย่

สเวนชะลอฝีเท้าเมื่อเข้าใกล้มนุษย์

ร่างทั้งร่างของมนุษย์สั่นอย่างหวาดกลัว แต่ของบางอย่างที่เขาคิดว่าจะใช้ฟาดกลับถูกกางขึ้นมาเพื่อบดบังแสงแดดอันร้อนแรง

สเวนขมวดคิ้วงุนงงสักพักและตัดสินใจในชั่ววินาทีคว้าตัวอีกฝ่ายขึ้นมา

นำพาอีกฝ่ายไปยังบ้านของตัวเอง

เรียกได้ว่าเข้าข่ายการลักพาตัวอย่างสมบูรณ์


----------------------------

เจอกันครั้งแรกก็ลักพาตัวเลยเหรอ  :hao7:
 
 
 
 
 
 
               
 
 
               
               
 
 
   
                               
               
 
               
               
                 
               
                 
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 1 ♪
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-10-2015 23:11:15
มัน ยาว มากกกกกกกกกก


ขอยาวๆแบบนี้เลยค่า ชอบมากกกกกกกกกกก


**

สเวนอยู่มานานแล้ว น่าจะเคยเห็นโรคแบบนี้มั่งนะ จะได้รู้ว่าต้องทำยังไง


 :really2:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 1 ♪
เริ่มหัวข้อโดย: lighttenning ที่ 29-10-2015 00:44:08
เรื่องน่าสนใจมากค่ะ

ติดตามนะค่ะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 1 ♪
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 29-10-2015 06:48:29
ขอบคุณสเวนมากๆ เลยนะคะที่แอบสะกดรอยตามอลันมา ไม่อย่างนั้นน้องคงได้นอนตัวแดงเพราะถูกแดดเผาอยู่ตรงทางรถไฟแน่ๆ เลยล่ะค่ะ :pig4:

รอตอนหน้านะคะ ^^
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 29-10-2015 17:10:50
เสียงแว่วครั้งที่ 2 : ลักพาตัวอย่างเป็นทางการ
               
ผิวกายเย็นเฉียบ ฟันกระทบกันจนดังเป็นเสียงกึกๆ อลันกอดร่างของตัวเองที่เย็นแน่น โค้ทเนื้อดีที่ขโมยมาไม่ได้ช่วยให้รู้สึกอุ่นขึ้นมาอย่างใด อากาศเย็นเฉียบที่ต่างสุดขั้วกับในเวลากลางวันกัดผิวของอลันอย่างช้าๆ เหมือนหมัดเหลือบที่คอยแทะเล็ม
               
มนุษย์เป็นสัตว์เลือดอุ่น
               
อลันคิดว่าอย่างนั้นจนกระทั่งตอนนี้ที่คิดว่าตัวเองเป็นคนแหกกฎที่ว่า
               
หรือว่าเขาจะเป็นสัตว์เลื้อยคลานกัน ?
               
อลันคิดในใจพลางลืมตาขึ้นมาและต้องฉีกยิ้มออกมา
               
ต้นสนยักษ์ถูกลมพัดจนไหว ดวงจันทร์บนท้องฟ้าที่ดูจะเห็นชัดกว่าทุกวัน
               
ตากลับมาเป็นปกติแล้ว
               
อลันหยัดตัวขึ้นมานั่งหรี่ตามองรอบตัวเพื่อหากระเป๋าของตัวเองตามความเคยชินโดยลืมไปอย่างสิ้นเชิงว่าตัวเอกถูกลักพาตัวมาด้วยอะไรบางอย่าง
               
อลันเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ากระเป๋าของตัวเองถูกอะไรบางอย่างเอาหัวหนุนอยู่
               
“ พระเจ้า.... ”
               
อลันครางในลำคออย่างไม่เชื่อสายตา
               
เบื้องล่างเป็นอาชาสีดำแต่ส่วนบนกลับเป็นมนุษย์ผิวขาวจัดผมบรอนด์ทองกำลังหลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้มกับการนอนหนุนกระเป๋าใบโต
               
เซนทอร์ !
               
อลันเผลอถอยหลังกรูดทันทีจนไปชนเข้ากับเสาของเพิงไม้อย่างแรง
               
กึก..
               
 เพิงไม้เดิมทีที่ถูกก่อขึ้นมาเพื่อกันแดดกันฝนกันลมกันอะไรจิปาถะ แต่มันก็ไม่ได้แข็งแรงแต่อย่างใดเพราะคนที่สร้างมันขึ้นมาไม่ได้มีความรู้ด้านการก่อสร้างเลยแม้แต่น้อย
               
ดวงตาสีทองที่ถูกซ่อนไว้หลังเปลือกตาเบิกตาโพลง วิ่งพรวดเข้ามาคว้าตัวอลันก่อนที่เพิงไม้จะถล่มลงมาทับร่างของอีกฝ่าย
               
โครม..
               
เสียงไม้ดังกระแทกพื้นดังขึ้น ฝุ่นที่นอนนิ่งฟุ้งตลบ
               
อลันเผลอจามฝุ่น เบิกตากว้างมองเสี้ยวหน้าของสัตว์ในตำนาน
               
แสงจันทร์ดูจะเป็นประโยชน์กว่าทุกวัน
               
แสงสีสว่างโลมเลียใบหน้าของเซนทอร์
               
เซนทอร์เมื่อเห็นมนุษย์ที่ตัวเองลักพาตัวมาดูตกใจ ก็ยิ้มอย่างเป็นมิตร
               
“ สายัณส์สวัสดิ์ มนุษย์ ”
                   
อลันตกใจจนเกือบกัดลิ้นตัวเอง ปากพึมพำเรียกถึงพระเจ้าซ้ำไปซ้ำมา ตาสีฟ้าสว่างที่สะท้อนภาพของเซนทอร์
               
สเวนหัวเราะเสียงเบาเพราะเข้าใจดีว่าเพราะอะไรที่ทำให้มนุษย์ผู้นี้ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก เอาแต่พร่ำถึงพระเจ้าที่แม้แต่เขายังไม่เคยเจอ “ อย่าตกใจสิ ข้าไม่ใช่ปีศาจสักหน่อย มนุษย์ ”
               
เกือบจะนาทีกว่า
               
ที่อลันจะสงบสติอารมณ์ของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง
               
อย่าบอกว่าโรคบ้ามันทำให้เขาเห็นภาพหลอน
               
อลันคิดในใจแต่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป มือขาวหยิกเนื้อตัวเองเพื่อพิสูจณ์ว่านี่อาจจะเป็นฝันก็ได้
               
โอ้ย
               
ครวญเสียงอ่อน
               
อลันขมวดคิ้วเมื่อผิวของตัวเองเป็นรอยแดงตามแรงที่หยิกไป
               
สเวนขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจบ้าง “ อย่าทำร้ายตัวเองสิมนุษย์ ข้ายังไม่ทำร้ายเจ้าเลยนะ ” สเวนก้าวเดินไปยังก้อนหินใกล้ๆ แล้วปล่อยอลันนั่งลงบนนั้น ใบหน้าของอลันงุนงงเมื่อได้รับคำตำหนิจากภาพหลอนของตัวเอง
               
สเวนใช้นิ้วไล้ไปตามใบหน้าของอลันที่เป็นเปลี่ยนเป็นรอยกรีดสีดำจางๆ เศษใบไม้สีเขียวที่ถูกบดเลอะมือพร้อมส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ บอกสรรพคุณของมัน  “ มนุษย์เป็นสิ่งที่อ่อนแอ บาดแผลเล็กน้อยบางทีก็อาจจะทำให้เจ้าตายได้ ” ดวงตาสีทองเจือความเศร้า
               
อลันพูดอะไรไม่ออก ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงกว่าเดิมเพราะความงุนงง
               
มือหยาบสัมผัสบนใบหน้าของเขาอย่างอ่อนโยน
               
สีหน้าและแววตาดูมีชีวิตชีวา
               
อย่าบอกว่าตอนนี้เขาเพ้อจนเห็นภาพหลอนกลายเป็นของจริงไปแล้ว
               
เม็ดน้ำสีใสหยดไหลออกจากดวงตาของลันอย่างไม่รู้ตัว
               
แล้วแบบนี้เขาจะไปถึงที่นั่นทันไหม
               
คำตอบนั้นชัดเจนอยู่แล้ว
               
โรคร้ายมักจะวิ่งเร็วกว่าเขาอยู่เสมอ
               
ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขากระทำอยู่มันจะทำให้เขาหายหรืออาการแย่ลงกว่าเดิม
               
ยาราคาแพงที่เก็บเข้าไประงับอาการ ถึงแม้จะช่วยระงับอาการแต่หากรับประทานมากไปก็มีพิษต่อตับ
               
แต่ถ้าหากไม่กินมันเข้าไป อาการเจ็บปวดทรมานก็จะยาวนานยิ่งกว่าเดิม
               
มือขาวกำแน่น หลุบหน้าต่ำหนีมือหนาของสเวนเพื่อหลีกหนีจากอาการภาพหลอนที่เจ้าตัวคิด
               
สเวนเลิกคิ้วงงๆ ไม่คิดว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้อีกฝ่ายร้องไห้อีกทั้งยังหนีออกจากมือเขาอีก “ อย่าร้องไห้สิ ข้าขอโทษ ”
               
อลันปิดหูตัวเองน้ำตาไหลพราก หลับตาลงหวังว่าจะให้ภาพหลอนบ้าๆ นี่หายไป
               
“เซนทอร์บ้าอะไร พอสักที  ออกไปซะ ”
               
อลันพูดเสียงสั่น
               
สเวนชะงักมือที่เกลี่ยน้ำตาของอลัน หัวใจปวดหนึบกว่าครั้งไหนๆ ทำไมกัน ทั้งๆ ที่ปกติข้าไม่เคยเข้าหามนุษย์แต่พอยอมเข้าไปใกล้กลับถูกขับไสออก ข้าทำผิดอะไรกัน “ ข้าทำอะไรผิด บอกข้าได้ไหม มนุษย์ ”
               
เสียงแหบต่ำดังออกมาจากลำคอ
               
แววตาสีทองหม่นลงอย่างน่าใจหาย
               
อลันไม่ตอบก้มหน้าต่ำยิ่งกว่าเดิม กอดตัวเองด้วยแขนอันสั่นเท่า
               
อลันไม่ใช่คนเข้มแข็ง
               
น้ำตาที่เดิมทีไม่เคยไหลออกมาแม้แต่หยดเดียวยามที่อยู่บ้าน ในตอนนี้ถูกปล่อยออกมาจนเต็มใบหน้า อลันรู้ตัวดีว่ามันทำให้เขาดูอ่อนแอ ถ้าหากร้องไห้ที่นั่น
               
แท้จริงอลันเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ใจสลายเท่านั้น
               
ความสนิทสนมคุ้นเคยทุกอย่างที่เคยมีหายไปเพียงเพราะโรคบางอย่าง
               
ความสัมพันธ์ที่เหมือนแน่นแฟ้นขาดสะบั้นลงทันที
               
สเวนลูบหัวอลันเบาๆ เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมตอบอะไรแม้แต่อย่างเดียว “ ก็ได้มนุษย์ ตอนนี้ข้าจะยอมถอยห่างออกจากเจ้า แต่ให้ข้ารู้ชื่อเจ้าได้รึเปล่า ? ”
               
เสียงสูดหายใจลึกเรียกเสียงของตัวเองไม่ให้แตกพร่า “ อลัน ”
               
อลันยอมตอบออกไป ในใจยังคงฉงน
               
ไม่คิดว่าอาการภาพหลอนจะหายไปถ้าหากบอกชื่อตัวเอง
               
สเวนยิ้มจาง “ ตอนนี้เรารู้จักกันแล้วนะ อลัน ถ้าหากเจ้าต้องการข้าเมื่อไหร่ จงเรียกหาสเวนแล้วกัน ” สีหน้าแฝงไปด้วยความเศร้าเจือผิดหวัง
               
อีกครั้งที่ต้องกลับไปเดินตามอีกฝ่าย
               
อีกครั้งที่ทำได้แค่เดินตาม
               
อีกครั้งที่ทำได้แค่ยืนดูเฉยๆ ยามที่อีกฝ่ายสะอื้นไห้
               
เสียงนกเค้าแมวร้องฮูก เสียงสายลมที่ตัดผ่านใบไม้ แสงสว่างดับริบหรี่ของหิ่งห้อย พงหญ้าที่ขยับอยู่ไวๆ เพราะกวางกระโดดเข้าไปซ่อนตัวจากภัยอันตราย  ดูจะไม่ทำให้ร่างของอาชายักษ์กับมนุษย์สนใจแต่อย่างใด
               
มีเพียงความเศร้าในอากาศ
               
กลิ่นเค็มของน้ำตาทั้งในจิตใจของเซนทอร์และมนุษย์
               
เซนทอร์หนุ่มอุ้มร่างของมนุษย์ขึ้นมาแนบอกอีกครั้งคว้าสิ่งของต่างๆ ของมนุษย์ยัดใส่มืออีกฝ่าย ย่างเท้ากลับไปยังทางรถไฟสายยาว
               
เป็นสิ่งเดียวที่เชื่อมต่อทั้งสองด้วยกัน
               
เสียงหวูดในแว่วความคิดของเซนทอร์ดังขึ้น
               
เมื่อนำพาร่างของอลันที่หลับไปแล้วมาถึงที่เดิม สเวนวางร่างของอลันไว้ที่เดิมที่ตนได้ลักพาตัวมา จัดวางข้าวของบนพื้นให้คล้ายกับว่าอีกฝ่ายเพียงฝันไปไม่ได้เกิดอะไรขึ้นมา
               
สเวนยิ้มเยาะตัวเอง
               
เซนทอร์เป็นเพียงเรื่องเล่า
               
ฉะนั้นมนุษย์ถึงไม่ยอมรับมัน
               
เสียงฝีเท้าดังขึ้นกุบกับดังทิ้งท้าย
               
เสื้อของอลันเปียกเล็กน้อย
               
เพราะน้ำตาของเซนทอร์ที่ไหลออกมาตลอดทาง
                 
แสงแดดอ่อนๆ คล้ายนาฬิกาปลุกไร้เสียงโลมไล้ไปทั่วใบหน้าอลัน
               
อลันขยี้ตาด้วยความรำคาญ นิ้วมือสัมผัสถึงตาที่บวมจากการร้องไห้ หน้าท้องรู้สึกถึงของหนักๆ ทับจนหายใจไม่ออก อลันหรี่ตามองพบว่าเป็นกระต่ายงี่เง่าที่ตัวเองช่วยไว้
               
เลือดบนข้อเท้าของมันหยดซึมจนเลอะเสื้อโค้ทของอลัน
               
ขนฟูฟ่องสีน้ำตาลเปลี่ยนเป็นสีดำจากการเลอะเศษดิน
               
อลันยกกระต่ายที่นอนอุตุออกจากตัวและลุกขึ้นยืนปัดเศษดินฝุ่นที่เกาะตามตัว
               
อลันเบิกตากว้างเมื่อหันมองรอบตัวพบว่าตัวเองยังอยู่ที่เดิม ไม่ได้อยู่บนอ้อมแขนของเซนทอร์นั่น มือเผลอลูบบาดแผลทางยาวบนใบหหน้า แต่ไม่มีเศษใบไม้ที่กลิ่นฉุนแต่อย่างใด ดวงตาสีฟ้าดึงกระเป๋าของตัวเองออกมาดูพบว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
               
อลันถอนหายใจ
               
มันจะเป็นเรื่องจริงไปได้ยังไงกัน เซนทอร์มันแค่เรื่องเล่าในนิทานเท่านั้น
               
เขาแค่เพ้อไปเองจริงๆ นั่นแหละ
               
เพียงแต่อาการครั้งนี้มันเหมือนจริงจนน่ากลัวไปหน่อย
               
อลันควานหากล่องยารักษาแผลสดออกมาทำแผลให้เจ้ากระต่ายอีกครั้ง
               
หูยาวๆ ตั้งขึ้นเมื่อแอลกอฮอล์ถูกราดใส่แผลของมัน
               
เจ้ากระต่ายดิ้นเป็นเจ้าเข้าแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะถูกอลันเอาเชือกมัดเท้าเอาไว้ มันเลยทำได้แค่ส่งเสียงแปลกๆ ออกมา พร้อมกับดวงตาสีทับทิบที่กระพริบถี่เหมือนจะร้องไห้
               
อลันหัวเราะออกมาเบามือในการหยดยาแดงและพันข้อเท้าให้เจ้ากระต่ายใหม่
               
อลันแก้ปมเชือกออก ปล่อยให้เจ้ากระต่ายกระโดดโหยงเหยงไปรอบๆ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มจางเก็บกล่องยาที่ดูแล้วมีแต่เจ้ากระต่ายใช้เข้าที่เดิม
               
“ คงจะหนีไปอีกล่ะสิ ”
               
อลันพูดลอยๆ
               
เจ้ากระต่ายหยุดนิ่งยืดตัวขึ้นหูตั้งข้างตกข้าง
               
“ พอหมดประโยชน์จากฉันก็คงไปแล้วใช่ไหม ”
               
เจ้ากระต่ายทำจมูกฟุดฟิดก่อนที่จะกระโดดโหยงเหยงออกไป
               
อลันหัวเราะเสียงเบาเมื่อเป็นไปตามที่ตัวเองคิด
               
จ็อก
               
ท้องของอลันคร่ำครวญ
               
อลันขมวดคิ้วเปิดกระเป๋าของตัวเอง ซึ่งอาหารส่วนใหญ่จะเป็นอาหารกระป๋องประเภทปลาเนื่องจากมันราคาถูกและอิ่มท้อง แต่ของอย่างอื่นก็พอมีแซมๆ กันอยู่ อย่างหมากฝรั่งที่ไว้เคี้ยวแก้เซ็ง ลูกอมรสหวาน แครกเกอร์แข็งๆ
               
ไม่เอาแล้วปลากระป๋อง
               
อลันคิดอย่างนั้นก่อนจะดึงซองแครกเกอร์กลิ่นมะพร้าวอ่อนออกมาฉีกซองและนำเข้าปาก
               
สัมผัสแรกที่ได้รับคือความแข็ง
               
กลิ่นมะพร้าวอวลในปากจางๆ
               
รสชาติจืดสนิท
               
อลันถอนหายใจเซ็งๆ รูดซิปกระเป๋าสะพายมันเข้าที่หลังออกเดินทางอีกครั้ง
               
อลันชะงักขาที่กำลังก้าว ในปากยังคงเคี้ยวแครกเกอร์ดังกรุบๆ
               
เขาจำทางไม่ได้
               
ว่าทิศไหนเป็นทิศเหนือ
               
แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาของอลันแต่อย่างใด อลันยกข้อมือของตัวเองที่ประดับไปด้วยทั้งนาฬิกาข้อมือสีดำกับสร้อยข้อมือที่เป็นเข็มทิศ
               
เข็มที่ชี้ยังไปทิศเหนือเสมอ
               
อลันก้าวเดินตามทิศที่ว่า
               
เคี้ยวแครกเกอร์ดังกรุบ
               
นกบินโฉบเฉี่ยวส่งเสียงคล้ายกับกำลังประกาศศักดาของตัวเอง
               
เหมือนกับว่าตัวเองเป็นเจ้าป่า
               
อลันมองตามเจ้านกที่ว่าด้วยรอยยิ้มจาง

เหยี่ยวขนาดยักษ์ก็เหมาะกับการเป็นเจ้าเวหาดี

อลันขมวดคิ้วเริ่มรู้สึกกังวล
               
ป่าแห่งนี้อุดมสมบูรณ์เกินไป
               
ถึงจะมีข่าวคราวว่าหมีมักถูกล่าโดยฝีมือมนุษย์จนแทบสิ้นเผ่าพันธุ์ แต่มันก็น่าจะมีเหลืออยู่บ้าง
               
เอาเถอะ
               
เขาคงไม่ใช่คนดวงซวยขนาดนั้นหรอกมั้ง
               
ซองเปล่าของขนมแครกเกอร์ถูกยัดใส่กางเกงลวกๆ
               
แผนที่ยักษ์ถูกกางออกมา สีต่างๆ สัญลักษณ์มากมายละลานตา ชวนให้มึนงงยามที่มอง บนแผ่นที่ขนาดยักษ์ทางรถไฟสายหนึ่งถูกวงกลมเอาไว้ด้วยมาร์กเกอร์สีดำ ปลายทางรถไฟถูกวาดเป็นธงและเขียนกำกับสั้นๆ ว่า Goal รอยขีดค่าสีแดงมุมขวาของแผนที่บอกจำนวนวันที่ได้เดินทางซึ่งในขณะนี้มีด้วยกันเกือบๆ 10 ขีด บนรูปทางรถไฟมีปากกาสีฟ้าขีดเป็นเส้นแนวขวางแสดงให้เห็นว่าเดินทางได้ขนาดไหนจากการคาดคะเนของอลัน
               
โชคดีที่เมืองที่เขาอยู่อยู่ตรงกลางของทางรถไฟพอดี
               
ทำให้การเดินทางของอลันรวดเร็วขึ้นเล็กน้อย
               
เหตุผลที่อลันไม่ใช่การเดินทางโดยรถยนต์หรือเครื่องบิน
               
เพราะว่าปลายทางของรถไฟสายนี้ไม่ใช่เมืองแต่กลับเป็นภูเขาแห้งๆ ที่ไม่ค่อยมีมนุษย์อาศัยอยู่ เหตุผลหลักที่ทำพให้รถไฟสายนี้ต้องปิดคงเพราะสถานีแต่ละสถานีผ่านแต่ที่ๆ ไม่ค่อยมีมนุษย์อาศัยอยู่เพราะความทุรกันดาร
               
รถไฟสายนี้ก่อตั้งตอนสงครามคงจะใช้ขนส่งเสบียงอะไรทำนองนั่นล่ะมั้ง
               
อลันพับแผนที่เก็บใส่กระเป๋าเดินต่อไปเรื่อยๆ
               
เริ่มต้นฮัมเพลงในลำคอ
               
เพราะเสียงรอบตัวมีแต่เสียงที่ไม่คุ้นเคย
               
เสียงร้องแปลกๆ ของสัตว์
               
เสียงนกแผดเสียง
               
หรือเหตุผลจริงๆ อาจจะเป็นเพราะอลันชอบฟังเพลง
               
ที่ทำงานของเขามักจะเปิดเพลงให้ลูกค้าฟังอยู่เสมอ
               
เสียงทุ้มนุ่มเริ่มเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก
               
ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย
               
อลันเริ่มเบื่อการฮัมเพลงในลำคอ
               
การร้องออกมาบ้างก็ไม่เลว
               
ยังไงในที่แห่งนี้เขาก็คงจัดคอนเสิร์ตที่มีแต่ดอกไม้ต้นใหญ่ซื้อตั๋วรอฟังได้ล่ะนะ
               
เอ็มพีสามไม่ได้ถูกอลันซื้อมาเพราะเจ้าตัวคิดว่ามันคงไม่จำเป็นต่อการเดินทาง
               
ระยะเวลาสั้นๆ แลกกับเงินจำนวนนึง
               
ถ้าหากต้องการชาร์ทแบทคงไม่วายต้องเอาสายล่อฟ้าต่อกับปลั๊ก
               
กุบกับ..
               
อลันชะงัก
               
เสียงฝีเท้านั่นอีกแล้ว
               
เขาอาจจะหูฝาดไปเองก็ได้
               
อลันคิดปลอบใจตัวเอง
               
ทั้งๆ ที่ในใจกลับปรากฎคำว่า “ สเวน ”
             
ใบหน้าหล่อเหลาผมบรอนด์ทอง ดวงตาสีทองชวนฝัน ตัดกับเบื้องล่างที่เป็นอาชาสีดำสนิท กำลังส่งสีหน้าเศร้าๆ ให้ตัวเองฟุ้งอยู่ในความทรงจำ
               
ไม่ นั้นเป็นแค่ผลพวงของอาการเพ้อของเขาเท่านั้น
               
มันไม่ใช่เรื่องจริง
               
อลันส่ายหัวสลัดความคิดบ้าๆ ของตัวเองออกไป
               
หยิบมีดของตัวเองออกมาฟันทางข้างหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นหญ้ารก
               
อลันกลืนน้ำลาย
               
ทางรถไฟกำลังเข้าไปในป่าทึบเสียงสัตว์ต่างกู่ร้องกันจนแสบหู
               
ไม่มีอะไรหรอกน่า             
               
อลันปลอบใจตัวเองอีกครั้ง
               
ฟันทางข้างหน้าต่อ
               
หญ้าขนไล้ไปตามการก้าวเดินของอลัน ดอกหญ้าแหลมๆ เกาะตามตัวอลันเป็นพรวนเพื่อขยายพันธุ์กล้าของมันให้ไปไกลกว่าเดิม ซึ่งคนที่มีหน้าที่แบกรับหน้าที่อันทรงเกียรติคืออลัน
               
อลันเบ้หน้าเพราะรู้สึกเจ็บคล้ายมดกัดของดอกหญ้ายามที่ก้าวเดินผ่าน แต่ก็ไม่ได้แกะมันออก
               
เพราะต่อให้แกะออกเท่าไหร่ไอ้ดงข้างหน้าคงไม่ปราณีปราศรัยเขานักหรอก
               
อลันไม่กล้าร้องเพลงออกมาเพราะกลัวจะล่อสัตว์ป่ามาหาตัวเอง
               
ใครจะรู้ พวกหมีมันอาจจะชอบเพลงที่เขาร้องก็ได้
               
กลางวันแสกๆ แบบนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละ
               
สิ่งที่อลันยังคงไม่รู้ตัว
               
คือ เซนทอร์หนุ่มที่ยังคงแอบตามหลังอย่างเงียบเชียบ
               
พยายามย่องเท้าเสียงเบา
               
เพื่ออารักขาอีกฝ่าย
               
ที่อลันไม่เคยสัตว์ร้ายอะไรใดๆ มีเหตุใหญ่ๆ มาจากเซนทอร์หนุ่ม
               
สัตว์ส่วนใหญ่กลัวเซนทอร์
             
ร่างกายขนาดยักษ์พละกำลังมหาศาล
               
ต่อให้เป็นหมียังรู้สึกหวาดกลัว
               
เซนทอร์หนุ่มยิ้มจางหลับตาฟังเสียงเพลงจากอลัน
               
ถ้าหากได้ฟังใกล้ๆ ก็คงดี
               
แต่แค่นี้เขาก็พอใจแล้วล่ะ
             
อลัน

---------

 :hao5: ตอนนี้เศร้า
 
 
               
                 
               
               
               
 
 
                               
               
               
               
               
               
                 
 
               
     
 
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 29-10-2015 17:30:01
 :o12:

เศร้าด้วยคน แอบสงสารสเวน

เมื่อไหร่ที่อลันจะยอมรับสเวนซักทีหนอ?

 :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 29-10-2015 20:01:50
:monkeysad: หนูไม่ได้เห็นภาพหลอนหรือว่าคิดไปเองหรอกนะคะอลัน

ขอกอดทีสิคะสเวน :กอด1: อดทนไว้นะคะ อีก
หน่อยอลันจะเข้าใจค่ะว่าทั้งหมดที่เห็นและรู้สึกมันคือเรื่องจริง
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 30-10-2015 19:08:25
เสียงแว่วครั้งที่ 3 : ความช่วยเหลือจากเซนทอร์ 
               
วี๊ดๆ
               
เสียงร้องคุ้นเคยดังมาจากไกลๆ ทำเอาเซนทอร์หนุ่มขมวดคิ้ว
               
เสียงไอ้เจ้ากระต่ายบ้านี่
               
สเวนมองอลันสลับกับที่มาของเสียงชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะควบฝีเท้าไปหาเจ้ากระต่ายที่ไม่รู้ว่าชะตากรรมเป็นยังไงบ้างแล้ว
               
เสียงฝีเท้าของสเวนหนักแน่นมากจนอลันชะงักมือที่กำลังฟันทางข้างหน้า
               
อลันกลืนน้ำลายเอือก
               
เขาแน่ใจว่าครั้งนี้เขาไม่ได้หูฝาด
               
ดวงตาเบิกกว้างมองรอบตัวหวั่นๆ
               
หรือว่าเซนทอร์จะมีอยู่จริง ?
               
แต่จนแล้วจนรอดมองไปแล้วยังไงก็ไม่เจอสิ่งปกติแต่อย่างใด
               
อลันถอนหายใจกับตัวเองสบถเบาๆ ถึงความเพ้อเจ้อของตัวเอง
               
ของพรรค์นั้นจะไปมีได้ยังไงกัน ?
               
อลันฟันหญ้ารกข้างหน้าต่อ ไม่สนใจจะหันมองรอบตัวอีก ดีที่แสงสว่างสามารถเล็ดลอดผ่านกิ่งก้านของต้นไม้ได้ ทำให้พื้นที่บริเวณนี้ไม่มืดทึบเพียงแค่ครึมๆ เท่านั้น
               
อย่างน้อยแดดก็ไม่สามารถเผาเขาได้เหมือนปกติ
               
อลันยิ้มอารมณ์ดีเพราะรู้สึกเล็กๆ ว่าตัวเองเป็นผู้ชนะการประลองระหว่างดวงอาทิตย์กับมนุษย์
               
โดยที่ไม่รู้ตัวว่าได้มีร่างยักษ์บางอย่างก้าวย่าวตามอย่างเชื่องช้า ดวงตาปรือปรอย จมูกสีดำฟุดฟิดไปมาเมื่อได้กลิ่นของสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์ร้าย สำหรับมันถือว่าเป็นสัญญาณว่ามีอาหารใกล้ๆ บริเวณนี้
               
แววตาปรือปรอยฉับพลันได้เปลี่ยนเป็นดุร้าย
               
ไม่มีอาหารตกถึงท้องมันมานานพอสมควรแล้ว
               
ขนสีน้ำตาลเข้มปกคลุมบนตัวของมันขยับไปมาตามการหายใจที่ถี่ขึ้นแต่เงียบเชียบ
               
มันกำลังตื่นเต้น..
               
อาหารมื้อแรกในรอบอาทิตย์กำลังอยู่ข้างหน้า
               
ฟันแหลมคมถูกแสยะ
               
อุ้งเท้าหนาย่างก้าวหนักแน่น
               
เสียงฮึมฮำในลำคอแผ่วเบาเรียกขวัญกำลังใจให้ตัวมัน
               
และถูกเสียงสัตว์ป่าอื่นกลบไปอย่างไร้ร่องรอย
               
อลันรู้สึกเสียวสันหลังวาบเหมือนกับกำลังถูกปองร้าย
               
จะว่ามันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ก็ดี
               
อลันหันไปมองข้างหลัง
               
นัยน์ตาสีฟ้าสว่างเบิกค้า ปากพึมพำคำพูดออกมาไม่เป็นภาษา “ พระเจ้า พระเจ้า พระเจ้า ” เผลอปล่อยมีดที่ถืออยู่อย่างไม่รู้ตัว ตัวสั่นเทา
               
มนุษย์ถึงแม้จะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของวัฎจักร
               
แต่ถ้าหากไร้อาวุธ
               
ก็เป็นได้แค่เหยี่อของผู้ล่าอันดับหนึ่งเท่านั้น !
               
โฮกกกกกกกก
               
เสียงคำรามดังลั่นพร้อมตะปปเข้าใส่เหยื่อ
               
เคราะห์ดีที่อลันได้สติก่อนจะโดนตะปปจึงกระโดดหลบได้ทันและเริ่มต้นวิ่งหนีทันที
               
โฮกกกก
               
เสียงคำรามของเจ้าหมีฉายชัดถึงความไม่พอใจ อุ้งเท้าหน้าทั้งสี่ข้างกวดกับพื้นอย่างว่องไวราวกับว่าน้ำหนักหลายปอนด์ของมันไม่มีผลต่อความเร็ว
               
หญ้ารกที่อลันพยายามถางออกเป็นอุปสรรคพอสมควรต่อการวิ่ง อลันพยายามวิ่งซิกแซกเข้าไปในป่าหลบหลังต้นไม้ พยายามดึงสติที่มีน้อยนิดออกมาใช้และสบถกับตัวเองที่ไปทักถึงหมีเข้า
               
อลันกลั้นหายใจเมื่อเจ้าหมีอยู่อีกฟากของต้นไม้
               
ฮื่อ..
               
มันคำรามในลำคอ หันหัวไปมาหาเหยื่อ
               
อลันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
               
นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย..
               
สวบ !
               
เสียงสวบสาบดังขึ้นอีกฟาก
               
เจ้าหมีคำรามแล้ววิ่งไปทางนั้นทันที
               
อลันถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก นึกขอบคุณเสียงเมื่อกี้ที่ทำให้เขารอดได้หวุดหวิด อลันยิ้มจางก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นยิ้มค้างเมื่อเจ้าหมีกลับมาทางเดิม
               
และมันก็เห็นเขาแล้วด้วย !
               
โฮกก
               
เสียงคำรามราวกับทักทายเพื่อนเก่าที่มันเพิ่งจากมา
               
อลันรีบหนีอีกครั้ง
               
กลับพบว่าขาของตัวเองขยับไม่ได้
               
“ บัดซบ ! ”
               
อลันสบถเสียงดัง มือชกขาตัวเองซ้ำๆ หวังจะให้ขยับได้เหมือนเดิม
               
จะมากำเริบอะไรตอนนี้วะ !
               
กัดฟันด้วยความโมโหและเจ็บใจ
               
หมียักษ์เข้ามาใกล้เรื่อยๆ
               
สมองของอลันว่างเปล่า
               
ก่อนที่จะมีบางคำวาบเข้ามาในหัว
               
น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยน
               
“ ถ้าหากเจ้าต้องการข้าเมื่อไหร่ จงเรียกหาสเวนแล้วกัน ”
               
โดยไม่รู้ตัวอลันเผลอตะโกนออกมาดังลั่น “ สเวน ! ”
               
เจ้าหมียักษ์ควบมาถึงตัวอลัน
               
ง้างมือที่เต็มไปด้วยเล็มแหลมคม
               
หมายจะฆ่าเพื่อใช้เป็นอาหารสำหรับท้องที่ว่างเปล่าของมัน
               
               
“ กระต่ายโง่ แค่ตกหลุมยังต้องเรียกให้ข้าช่วย ! ” สเวนด่าเจ้ากระต่ายป่าสีน้ำตาลที่กำลังดิ้นขลุกขลักอย่างเอาเป็นเอาตาย หูยาวๆ ของมันโดนสเวนจับเอาไว้
               
มันร้องวี้ดๆ
               
สเวนรู้ดีว่าการดึงหูกระต่ายเป็นอะไรที่เจ็บมาก
               
แต่เขาก็ยังคงทำมันเพราะโมโหกับเรื่องไร้สาระที่มันเรียกเขามา
               
ทั้งๆ ที่เดิมทีเขาควรจะย่องตามหลังอลันอย่างเงียบเชียบ
               
ฟังเสียงเพลง มองผมสีน้ำตาลสวยๆ นั่นขยับตามการก้าวเดิน คอขาวๆ ที่ดูแล้วน่าขบกัดให้เป็นรอยแดงเพื่อเตือนไม่ให้ลืมตัวตนของเขาไปอีก
               
เจ็บปวดที่ถูกลืม
               
ข้าไม่ใช่นิทานสักหน่อย
               
อลัน..
               
“ สเวน ! ”
               
เสียงตะโกนเรียกเสียงดัง
               
สเวนเบิกตากว้าง
               
นั่นชื่อของข้า ? อลันกำลังเรียกร้องหาข้า
               
นัยน์ตาสีทองเป็นประกายดีใจ โยนกระต่ายในมือทิ้ง ควบฝีเท้าไปยังต้นเสียงอย่างว่องไวกว่าทุกครั้ง เสียงควบฝีเท้าดังหนักแน่นกว่าครั้งไหนๆ
               
ใบหน้าหล่อเหลาปรากฎรอยยิ้มกว้าง
               
ก่อนที่ดวงตาจะเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบเมื่อเห็นต้นเหตุที่ทำให้อลันต้องเรียกตัวเองออกมา
               
ฮื่ออ
               
เจ้าหมีชะงักมือที่กำลังจะตะปปอลัน จ้องมองมายังเซนทอร์หนุ่มและคำรามในลำคอ
               
เล็บปลายคมจี้อยู่ที่ลำคอของอลัน
               
อลันสะดุ้งเมื่อพบว่า สิ่งที่ตัวเองคิดว่าเป็นภาพหลอนนั้นเป็นของจริง จ้องไปยังเซนทอร์หนุ่มอย่างไม่เชื่อสายตา รูปร่างกำยำผิวขาวตัดกับส่วนร่างที่เป็นอาชาสีดำดูน่าเกรงขาม
               
“ อย่ามายุ่งกับเขา ! ” สเวนตะคอกพุ่งตัวเข้ากระแทกหมียักษ์จนกระเด็น สเวนเหยียบอกเจ้าหมียักษ์และออกแรงเหยียบ
               
เจ้าหมีกระสับกระส่าย พยายามดันสเวนออกจากตัว
               
ความหิวที่เดิมทีครอบงำจนลืมความหวาดกลัว
               
บัดนี้ได้หายไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อสัญชาตญาณของมันบอกว่าอันตราย
               
สเวนยอมปล่อยเจ้าหมีให้วิ่งหนีไป
               
เพราะเข้าใจดีถึงสัญชาตญาณของมัน
               
สเวนหันมาสบตาเข้ากับดวงตาสีฟ้ากระจ่างใสที่กำลังมองมายังเขาอึ้งๆ ผมสีน้ำตาลดูจะยุ่งเหยิงกว่าปกติของอลันทำให้สเวนเผลอยิ้มอย่างเอ็นดู สเวนย่างเท้าเข้าไปใกล้อลันย่อตัวลง ลูบใบหน้าของอลันเบาๆ “ เรียกข้าทำไมกัน อลัน ? ”
               
“ พระเจ้า.. ”
               
อลันสบถในลำคอไม่ได้ขยับตัวหนี
               
สเวนขมวดคิ้ว “ อย่าเรียกถึงบ่อยนักสิ ถ้าจะเรียก สู้เรียกข้าดีกว่า ” มือหยาบของสเวนเปลี่ยนไปลูบหัวของอลัน ผมสีน้ำตาลเปลือกไม้นุ่มมือตามที่คาด
               
อลันกลืนน้ำลายเอือก ถอนหายใจฟู่ๆ
               
เขาไม่ได้ฝัน
               
“ นายคือสเวน ? ”
               
อลันถามอีกครั้งเพื่อยืนยันตัวตนของเซนทอร์หนุ่ม
               
“ อืม ข้าคือสเวน ” สเวนพยักหน้ายิ้มอย่างพอใจเมื่อชื่อของตัวเองถูกเรียกอีกครั้ง
               
“ นายคือเซนทอร์งั้นเหรอ ”
               
ถึงจะรู้ว่าเป็นคำถามโง่ๆ แต่อลันก็อยากถาม
               
“ ใช่ ”
               
แต่ก็มีคนที่ยินดีตอบอยู่เหมือนกัน
               
สเวนยิ้มอย่างเป็นมิตร ในใจกำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง ความดีใจครอบงำเพราะอลันไม่ได้ผลักไสเขาอีกแล้วอีกทั้งยังดูยอมรับถึงตัวตนของเขา “ เจ้าไม่ชอบการลักพาตัวสินะ ? ข้าขอโทษที่ทำการกระทำแย่ๆ แบบนั้นกับเจ้านะ ”
               
อลันเลิกคิ้วงุนงง “ ลักพาตัวอะไร ”
               
“ ก็เมื่อคืนยังไงล่ะ ที่เจ้าร้องไห้และไล่ข้าไปน่ะ ” หน้าของสเวนเศร้าลงทันตาเห็น
               
อลันยิ้มแห้งหน้าแดง
               
เผลอร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นจนได้ ให้ตายเถอะ แล้วเสียงฝีเท้าที่ได้ยินตลอดก็แปลว่าอาจจะเป็นของสเวน หมายความว่าสเวนแอบติดตามเขาตั้งแต่แรก !?
               
พระเจ้า
               
นี่มันน่าอายชะมัด
               
ทั้งเรื่องร้องไห้ทั้งเรื่องร้องเพลง
               
อลันไม่เคยมั่นใจในเสียงร้องเพลงของตัวเอง
               
วันนั้นเขาเป็นหวัดพอดีและสอบร้องเพลง
               
เวลาปกติทุกคนมักจะชมว่าเสียงเขานุ่มน่าฟัง
               
แต่วันนั้นทุกคนที่เคยชมเอาแต่หัวเราะเสียงแหบๆ คล้ายเป็ดของเขา
               
อลันไม่กล้าร้องให้ใครฟังอีก
               
ลอบร้องเมื่อมั่นใจว่าอยู่คนเดียวจริงๆ
               
อลันทำอะไรไม่ถูกเพราะสมองกำลังตีกันยุ่งเหยิง ว่าควรจะทำตัวยังไงดีกับเซนทอร์ตรงหน้า
               
“ อลัน ? ” สเวนเรียกซ้ำเมื่ออลันไม่ยอมตอบอะไร
               
อลันถอนหายใจ
               
เอาเถอะ ทำตัวตามปกติของนั่นแหละ
               
“ ฉันขอโทษที่ไล่นายไปเมื่อวาน ” อลันสบตากับสเวน “ ฉันคิดว่ามันเป็นอาการของโรคที่ฉันเป็นอยู่น่ะ มันชอบกำเริบบ่อยๆ ”
               
สเวนขมวดคิ้ว
               
“ โรค ? เจ้าป่วยงั้นเหรอ อลัน ”
               
อลันพยักหน้าหงึกหงัก
               
“ อืม ฉันป่วย แต่ฉันไม่รู้หรอกว่าป่วยเป็นอะไร ”
               
สเวนครางเชิงรับรู้ในลำคอ ภาพร้องไห้ครวญครางของอลันปรากฎในหัว อลันร้องไห้เพราะโรคแปลกๆ นี่เอง.. น่าเสียดายที่ข้าไม่ใช่หมอเลยรักษาอลันไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร
               
“ ข้ามีความรู้เกี่ยวกับพวกสมุนไพรอยู่ ไม่แน่อาจจะช่วยบรรเทาอาการของเจ้าได้นะ ”
               
สเวนยิ้มซื่อ แต่สิ่งแอบแฝงนั่นไม่ได้ซื่อตรงตามแต่อย่างใด
               
อลันไม่ได้สังเกตแววตาพราวระยับที่กำลังจดจ้องตัวเอง
               
เพราะมัวแต่ใช้ความคิด
               
ถ้าหากเขาขอร้องให้เซนทอร์ช่วยเหลือเขาล่ะ ?
               
จะยอมช่วยเขางั้นเหรอ
               
เขาเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้น
               
อีกทั้งยังไม่มีทรัพย์สินหรือของแลกเปลี่ยนให้กับอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
               
หน้าของอลันฉายแววความหนักใจ
               
“ ข้ายินดีช่วยเจ้านะ อลัน ”
               
พูดหยั่งเชิง มือลูบผมเบาๆ
               
“ ถ้าฉันขอให้นายช่วยจะได้ไหม ? ”
               
“ ได้สิ เซนทอร์อย่างข้ามีเวลาเหลือเฟือสำหรับเจ้า ” สเวนยิ้มกว้าง
               
อลันชะงักไปสักพักเพราะไม่คิดว่าจะถูกตกลงง่ายอะไรขนาดนี้
               
เอาเถอะ
               
ไม่มีอะไรน่าตกใจเท่าสเวนเป็นเซนทอร์แล้วล่ะ
               
อลันพยายามลุกขึ้นยืนกลับพบว่าขาของตัวก็ยังคงแข็งเป็นไม้อยู่เหมือนเดิม
               
อลันส่งสีหน้าเหม็นเบื่อให้สเวน
               
สเวนยิ้มกริ่ม “ เจ้าลุกขึ้นไม่ได้งั้นเหรอ อลัน ? ”
               
“ อืม ขาฉันมันขยับไม่ได้น่ะ คงสักพักนั่นแหละ กว่าจะขยับได้ ”
               
เหมือนจะเป็นตะคริวล่ะมั้ง
               
อลันเดาสุ่มไม่ได้สนใจอะไรมาก
               
ยังไงอาการป่วยของเขาก็เดาอะไรไม่ได้อยู่แล้วล่ะนะ
               
สเวนตัดสินใจอุ้มอลันขึ้นมา
               
อลันอุทานดังลั่น
               
เพราะความสูงของสเวนไม่ใช่น้อยๆ เลย
               
“ เจ้าจะไปไหนล่ะ อลัน ถ้าแบบนี้เจ้าอยากไปที่ไหนข้าก็พาไปได้ ”
               
อลันนึกถึงมีดของตัวเองทันที
               
เขาเผลอทำตกไว้สักที่นั่นแหละ
               
อลันเผลอขมวดคิ้วเมื่อถูกปล่อยมานั่งบนพื้นอีกครั้ง
               
สเวนยิ้มแห้ง ชูมือที่เป็นรออยแดงและมีดอกหญ้าติด
               
“ ข้าว่าเจ้าเอาดอกหญ้าออกก่อนดีกว่า ถึงมันจะไม่เจ็บมาก แต่ก็น่ารำคาญมากทีเดียว ”
               
สเวนไม่ถูกกับดอกหญ้า
               
เวลาที่เดินป่าสเวนชอบเลี่ยงบริเวณที่มีดอกหญ้าเยอะๆ
               
เพราะมันแกะออกจากขนยาก จนต้องแบกหน้าไปขอความช่วยเหลือจากเจ้ากระต่ายโง่ให้ช่วยแกะออก มันกระทืบเท้าไม่พอใจแต่ก็ยอมช่วยเอาออก
               
สเวนเลยหาแอปเปิ้ลสักลูกให้มันตอบแทน
               
อลันหลุดหัวเราะ
               
เป็นถึงเซนทอร์ที่สามารถไล่หมียักษ์ได้แต่กลับกลัวเจ็บจากดอกหญ้า
               
รอยยิ้มกว้างปรากฎบนหน้าอลัน
               
แววตากระจ่างใส
               
สเวนมองมันด้วยความหลงไหล ลอบกลืนน้ำลาย ก่อนจะสะบัดหน้าเรียกสติตัวเองกลับมา
               
ไม่ได้
               
เขาจะครอบครองอลันไม่ได้
               
ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา
               
อลันตั้งหน้าตั้งตาแกะดอกหญ้าออกจากตัว โชคดีที่มันมักจะเกาะเป็นแถบๆ เลยเอาออกง่าย
               
โดยที่ไม่รู้ตัวสเวนเผลอเลียริมฝีปาก
               
โชคดีอีกครั้งที่อลันไม่ได้สังเกต
               
ไม่เช่นนั้นเซนทอร์หนุ่มคงต้องวุ่นกับการตอบคำถามเป็นแน่

-------------------

หมีพี่กานต์ 555555555555  :hao7:
               

                               
               
               
               
               
               
               
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 30-10-2015 19:27:31
ถึงแม้เมื่อวานจะเศร้าแต่วันนี้ก็ยิ้มได้เต็มหน้าแล้วนะคะสเวน เพราะอลันรับรู้การมีตัวตนอยู่ของสเวนแล้วนี่นา :heaven

ว่าแต่สายตาวิบวับเวลาที่แอบมองอลันตอนเผลอนี่คืออะไรกันคะสเวน แอบหื่นนะเราน่ะ :hao7: ..
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: เหนือฟ้ายังมีจักรวาล ที่ 31-10-2015 10:11:59
โอ้ย ชอบนิยายบรรยากาศแบบนี้
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 31-10-2015 17:03:13
เสียงแว่วครั้งที่ 4 : ประสบการณ์เลวร้ายกับเซนทอร์
               
หญ้าขึ้นรกถูกรบกวนโดยร่างยักษ์จนเกิดเป็นเสียงซอกแซก แมลงตัวเล็กอย่างพวกด้วง ตั๊กแตน กระโดดหนีกันอย่างจ้าระหวั่น นกประจำถิ่นที่บินเกาะตามกิ่งไม้จดจ้องมายังสิ่งแปลกปลอมและแผดเสียงไล่ แต่ผู้บุกรุกก็ไม่ได้สนใจมันแต่อย่างใดเพราะเสียงที่ใช้ขับไล่นั้นฟังเสนาะหูเกินกว่าจะเป็นเสียงขับไล่

“ โอ๊ย ” สเวนอุทานเมื่อโดนดอกหญ้าเกาะหนึบ
               
“ เดินไปอีกหน่อย ฉันจำได้ว่าทำหล่นแถวนี้แหละ” อลันอมยิ้มพยายามไม่หลุดหัวเราะเพราะกลัวว่าสเวนจะหมั่นไส้และปล่อยเขาร่วงใส่ดงดอกหญ้า
               
สเวนขมวดคิ้วพยายามไม่สบถออกมา เนื้อตัวเต็มไปด้วยดอกหญ้าราวกับว่าสเวนเป็นต้นดอกหญ้าซะเอง “ เจ้าหาดูดีๆ สิ ข้าจะพรุนตายอยู่แล้ว ”
               
“ จะพยายามแล้วกัน ” อลันเผลอฮัมเพลงในลำคอเพราะความอารมณ์ดี ในหัวพยายามนึกถึงตอนที่ตัวเองเจอเจ้าหมียักษ์นั่นแล้วเผลอทำมีดหล่น
               
นัยน์ตาสีฟ้าสอดส่องไปมาพยายามจับจุดหาสิ่งที่ตัวเองพอจะจำได้ในพงหญ้า แต่จนแล้วจนรอดก็ยังหาไม่เจออยู่ดี อลันนิ่งคิดไปสักพักก่อนจะสะกิดสเวน
               
“ มีอะไรงั้นเหรอ อลัน ” สเวนเลิกคิ้วถาม “ เจอแล้วงั้นเหรอ ตรงไหนๆ ” ในใจหวังลึกๆ ว่าจะเจอมีดบ้าๆ นั่นและไปจากพงดอกหญ้างี่เง่าสักที
               
“ ฉันจะหยิบอะไรหน่อยน่ะ นายอยู่นิ่งๆ ล่ะ ”  อลันที่เดิมโอบคอสเวนด้วยแขนข้างเดียวขยับตัวโน้มไปด้านหลังเพื่อหยิบไฟฉายที่ยัดไว้ในกระเป๋า
               
สเวนเบิกตากว้างลำคอขาว ชวนให้ขบกัดกำลังอยู่ตรงหน้า ดวงตาสีทองสำรวจอย่างซุกซนผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิง ไหล่ที่ไม่แคบหรือกว้างจนเกินไป สำรวจจนพอใจกลับพบว่ามีสิ่งหนึ่งที่ผิดปกติ
               
ผมสีน้ำตาลทำไมถึงมีสีขาวแซมอยู่ล่ะ
               
รอจนกระทั่งอลันหยิบของที่ต้องการเสร็จ สเวนจึงเอ่ยถามอลัน “ ทำไมผมของเจ้าถึงเป็นสีขาวล่ะอลัน ? ”
               
อลันหัวเราะกับคำถามของสเวนเพราะคิดว่าเป็นมุขตลก “ นายจะด่าว่าฉันแก่ล่ะสิ บ้าน่า ฉันเพิ่งจะอายุ 22 เองนะ ม้าบ้า ”
               
สเวนขมวดคิ้วกับคำเรียกแต่ไม่ได้ไม่พอใจอะไร “ ข้าเห็นจริงๆ นะ ”
               
อลันยิ้ม “ งั้นมันก็คงเป็นผมหงอกนั่นแหละ ฉันจะไปมีผมสีขาวได้ไงล่ะ งี่เง่า ”
               
สเวนส่งเสียงอืออาเชิงรับรู้ในลำคอ เพราะคิดว่าผมสีขาวอาจจะเป็นแค่ผมหงอกตามที่อีกฝ่ายว่า  “ แล้วเจ้าหยิบอะไรน่ะ ”
               
ของแปลกๆ หน้าตาประหลาด
               
สเวนคิดในใจ
               
“ อ้อ ไฟฉายน่ะ นายไม่ต้องสนใจหรอก ” อลันควงไฟฉายอันเล็กเล่นโชว์สเวนอยู่สักพักอย่างนึกสนุก และเปิดมันสาดใส่หน้าสเวน
               
สเวนสะดุ้งจนเกือบปล่อยมือจากอลัน
               
“ ดวงอาทิตย์ ทำไมถึงอยู่ในนั้น !? เจ้าเป็นผู้วิเศษงั้นเหรอ อลัน ”
               
สเวนโวยวายตาเบิกกว้าง มองของที่ให้แสงสว่างอย่างแปลกธรรมชาติ
               
ท่าทางตื่นตระหนกของสเวนทำให้อลันรู้สึกเอ็นดูเซนทอร์หนุ่มไม่น้อย “ เปล่า มันก็แค่สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาน่ะ ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษหรอก ”
               
“ แค่ไอ้สิ่งที่เรียกว่าปืนก็ทำให้ข้าอัศจรรย์ใจจะแย่แล้ว ยังมีไอ้ดวงอาทิตย์นี่อีก ” สเวนบ่นอุบ สเวนเกลียดเสียงปืนมากเช่นเดียวกับสัตว์ป่าทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้
               
อลันเลิกคิ้วไม่พูดอะไรเพราะไม่คิดว่าสเวนจะรู้จักอาวุธร้ายของมนุษย์ อลันส่องไฟฉายไปตามพงหญ้าเพื่อหาประกายสะท้อนแวบๆ จากมีดเหล็กของเขา ส่องไปส่องมาสักพักก็เห็นประกายแสงสะท้อนกลับมาใกล้ๆ
               
“ แสงอะไรน่ะ ? หิ่งห้อยงั้นเหรอ”
               
อลันหัวเราะตอบ “ มีดของฉันเองน่า หิ่งห้อยมันคงไม่มาเรืองแสงอะไรตอนนี้หรอก ”
               
สเวนมุ้ยหน้าเริ่มจะงอนร่างในมืออยู่กลายๆ เพราะทำให้เขาดูเหมือนตัวตลก “ ข้าไม่ใช่มนุษย์ ข้าจะไปรู้ได้ยังไง ว่าอะไรเป็นอะไร ที่ข้ารู้มีเพียงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับป่านี่เท่านั้น เจ้าลองถามมาสิ ว่าแถวไหนมีลำธาร แถวไหนมีหมาป่าข้ารู้หมดนั่นแหละ ”
               
อลันเอื้อมมือไปลูบหัวสเวนเชิงปลอบ “ อย่างอนสิ ม้าบ้า ฉันแค่พูดเล่นเฉยๆ ”
               
สเวนถึงได้อารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย “ ไหนมีดเจ้าล่ะ หยิบสิ จะได้ไปจากดอกหญ้าบ้าๆ พวกนี้สักที ”
               
“ ก็ตรงหิ่งห้อยของนายนั่นแหละ เดินไปตรงนั้นสิ ” อลันปล่อยมือจากผมสีบรอนด์ทองนุ่มนิ่มให้อารมณ์คล้ายกับขนของสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทีฟเวอร์ ชี้บอกอีกแรง
               
สเวนเดินดุ่มๆ ไปตรงนั้น “ โอบคอข้าไว้ ” เพราะอลันยังขยับขาไม่ได้สเวนจึงไม่ได้ให้อลันขี่หลังแทน
               
อลันทำตามอย่างว่าง่ายโอบคอสเวนเอาหน้าซุกกับหลังแกล้งกระซิบหูข้างหูสเวน “ ม้าบ้า ฉันจะรัดคอนายให้ตายไปเลย ฮ่าๆ ” พูดจบก็ออกแรงรัดคอสเวน
               
สเวนเกือบจะเคลิ้มไปกับการโอบรอบคอของอลันจนกระทั่งถูกเบรกด้วยแรงรัดเข้าที่คอ สเวนตาเหลือกส่งเสียงค่อกแค่กในลำคอ ในใจนึกหงุดหงิดอยากกัดลำคอขาวเป็นการสั่งสอน
               
แต่จิตสำนึกก็ห้ามปราบสเวนไว้
               
เขาไม่ใช่พวกสัตว์เดรัจฉานสัตว์หน่อย เมื่อถูกใจจะกระทำอีกฝ่าย
               
ของพวกนี้จะทำได้นอกจากจะยินยอมทั้งสองฝ่ายเท่านั้น
               
สเวนรู้ตัวดีว่าตัวเองหลงรักอลัน เหมือนกับว่าจมปลักไปกับความรู้สึกเลยทีเดียว แค่ได้ยินเสียงหัวเราะ ร้องเพลงหรือ สีหน้ายิ้มแย้มก็ทำให้สเวนอารมณ์ดีง่ายๆ แล้ว
               
“ เฮ้ ! อย่าบอกนะว่า ขาดใจตายไปแล้ว ” อลันลนลานลดแรงโอบรอบคอเพราะม้าบ้าไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรนอกจากเสียงไอค่อกแค่กในลำคอ
               
“ เปล่าหรอก มนุษย์งี่เง่า ” สเวนกัดอลันทางคำพูดบ้าง พยุงตัวอีกฝ่ายด้วยแขนแข็งแรงข้างเดียว ย่อตัวลงหยิบมีดที่อีกฝ่ายทำตกเอาไว้ “ หันมาหยิบมีดเจ้าก่อน อลัน เดี๋ยวมันจะโดนข้า ”
               
อลันเอี้ยวตัวมาหยิบมีดจากสเวน ล้วงปลอกมีดจากกระเป๋าเกงมาใส่มีดและยัดใส่เสื้อโค้ทตัวเองพร้อมกับไฟฉาย
               
ระหว่างที่อลันง่วนกับมีด สเวนก็วิ่งเหยาะๆ กระโดดข้ามพงดอกหญ้าออกมายืนแถวๆ พื้นดินปกติหญ้าขึ้นประปราย สเวนปล่อยตัวอลันลงบนพื้นเบาๆ จ้องตามเนื้อตัวตัวเองด้วยความหนักใจ “ ดูสิมนุษย์งี่เง่า เจ้าทำให้ข้าต้องเจ็บตัวกว่าปกติ ”
               
อลันมองดอกหญ้าที่ติดตามตัวสเวนเยอะมากก็หลุดหัวเราะ “ ช่วยไม่ได้ นายตัวใหญ่เองนี่ สเวน ”
               
“ เอาออกให้ข้าด้วย มันทำให้ข้ารู้สึกเหมือนมีเห็บหมัดเกาะอยู่ตามตัว ” สเวนสาวเท้าเข้ามาใกล้อลัน
               
“ ก็ได้ๆ ” อลันช่วยสเวนแกะออกอยู่สักพักก็เริ่มรู้สึกขี้เกียจและเหนียวตัว “ ม้าบ้า นายบอกรู้ว่าแถวไหนมีลำธารน่ะ ? พาฉันไปหน่อยสิ ”
               
สเวนขมวดคิ้วแอบตำหนิอลันในใจถึงความไม่ใส่ใจของเจ้าตัว “ รู้สิ ก็ข้าเพิ่งบอกเจ้าไปเองว่า ข้ารู้ว่าตรงไหนมีลำธาร ตรงไหนมีหมาป่า ”
               
“ งั้นพาฉันไปหน่อยสิ ไปแกะดอกหญ้าบ้านี่ที่นู่นดีกว่า ฉันว่า ” อลันผุดลุกขึ้นยืนสบายๆ และฉีกยิ้มให้สเวน
               
สเวนคิ้วกระตุก “ ไหนเจ้าบอกขยับขาไม่ได้ไง ”
               
“ ใช่ ฉันขยับขาไม่ได้ตอนนั้น แต่ตอนนี้มันขยับได้แล้ว ” อลันนึกเสียใจที่ไม่ได้ฝึกหรือจำวิธีการเต้นเจ๋งๆ ไว้ไม่เช่นนั้นคงเต้นให้สเวนดูเรียกสีหน้าละเหี่ยใจของสเวนออกมา
               
น่ารักดีไม่หยอก
               
อลันเพียงแค่นึกถึงสีหน้าม้าบ้าก็อมยิ้ม
               
สเวนเห็นใบหน้าของอลันยิ้มก็เผลอยิ้มตาม อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เหมือนกับว่ารอยยิ้มของอลันเป็นเชื้อเพลิงให้อารมณ์ของสเวนลุกไหม้ส่งสะเก็ดไฟกลายๆ
               
“ ม้าบ้ายิ้มอะไรน่ะ พาฉันไปได้แล้ว ” อลันลุกขึ้นไปตบตัวสเวนเบาๆ
               
“ เจ้าขี่ม้าเป็นงั้นเหรอ ” สเวนเลิกคิ้ว
               
“ ขี่เซนทอร์เป็นแล้วกัน ” อลันหัวเราะตอบ “ ย่อตัวลงมาหน่อยสิ ฉันกระโดดขึ้นหลังนายไม่ได้ ”
               
สเวนย่อตัวให้อลันขึ้นมาขี่หลังแต่โดยดีก่อนจะยืนเต็มความสูง
               
อลันลอบกลืนน้ำลายเมื่อมองระดับความสูงตัวเองกับพื้นตอนนี้ ถ้าหากตกลงไปคงจะแขนยอกเคล็ดฟกช้ำอะทำนองนั้นแน่ๆ
               
สเวนถอดสิ่งใช้บรรจุของที่เขาจำชื่อไม่ได้ยื่นให้อลัน “ เอามันคืนไปเพราะเจ้าต้องเกาะตัวข้า ”
               
อลันรับกระเป๋าใบโตของตัวเองมาสะพายขยับเข้าไปเกาะตัวสเวนช้าๆ เพราะกลัวตกลงไปนอนวัดพื้น
               
สเวนยิ้มเอ็นดู “ เร็วๆ สิ มนุษย์งี่เง่า ”
               
อลันกอดเข้าที่ตัวสเวนเต็มแรงเชิงประชดเผลอขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกถึงกล้ามเนื้อซิกแพ็กที่อีกฝ่ายมี
               
ทำไมเซนทอร์มีซิกแพ็ก ?
               
ไอ้ม้าบ้านี่มันซิตอัพยังไง
               
อลันตั้งข้อสงสัยกับตัวเองแต่ไม่ถามออกไป
               
“ ข้าวิ่งแล้วนะ มนุษย์ เกาะดีๆ ละ ” สเวนบอกอลันเพื่อให้อีกฝ่ายทำใจสั้นๆ ก่อนจะยกขาหน้าขึ้นสูง
               
“ เฮ้ยยยยย ” อลันร้องเสียงหลง ถ้าหากไม่ได้กอดแน่นแต่แรกต้องร่วงจากหลังเจ้ามาบ้านี่แน่ แต่มันไม่จบเพียงเท่านั้นเมื่อสเวนควบฝีเท้าอย่างรวดเร็ว อลันกระโดนตามจังหวะที่สเวนวิ่งและกระโดดข้าม อลันกัดฟันพยายามไม่อุทานออกมาเสียงดังลั่นเพื่อระบายความเก็บกด
               
สเวนหัวเราะในใจเร่งความเร่งยิ่งกว่าเดิม เดิมทีสเวนไม่ได้วิ่งไวถึงขนาดนี้แต่เพราะมีร่างบนหลังจึงวิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อแกล้งอีกฝ่าย เสียงอุทาน แรงกอดที่แน่นขึ้น ทำให้สเวนอารมณ์ดีมาก
               
จากป่าทึบกลายเป็นป่าโปร่งเมื่อสเวนลัดเลาะไปตามทางอย่างชำนาญต้นไม้ต้นบางแต่กิ่งก้านแผ่สาขามากมายให้ร่มเงาสีสบายตา เศษใบไม้แห้งบนพื้นส่งเสียงกรอบแกรบเมื่อถูกเหยียบอย่างแรง เถาวัลย์ไม้เลื้อยต่างๆ สเวนหลบหลีกมันอย่างง่ายดาย แต่ผู้โดยสารอย่างอลันดูจะไม่ง่ายเช่นนั้น
               
อาการคลื่นไส้ครอบงำอลัน อลันใช้แขนข้างนึงกอดตัวสเวน หลับตาพยายามไม่จ้องมองทรรศนียภาพที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างรวดเร็วเหมือนกับกำลังนั่งรถไฟเหาะ มือข้างนึงปิดปากนิดแน่น ในใจสบถถึงความเลวร้ายของการขี่เซนทอร์ครั้งแรกในชีวิต
                 
ไอ้ม้าเวร !
               
อลันด่าสเวนในใจ แต่ได้ไม่นานนักก็ต้องตาเหลือกกับอาหารที่มากระจุกกันตรงคอ
               
เสียงน้ำไหลแผ่วเบา เกิดฟองฟอดเมื่อน้ำตีเข้ากับโขดหิน ปลาตัวบางที่สะท้อนกับแสงอาทิตย์ให้เห็นอยู่เป็นกลุ่มๆ พืชน้ำขึ้นอยู่ประปรายมีหอยตัวเล็กซ่อนตัวอย่างแนบเนียน  กวางตัวย่อมที่มาพร้อมกับลูกจิบน้ำแก้กระหายก่อนจะวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงเมื่อเจอร่างของเจ้าถิ่นวิ่งควบเสียงดังมาแต่ไกล
               
“ ม้าบ้าเอ้ยยยย จะรีบอะไรนักหนา ” อลันถึงกับทนไม่ไหวโวยวายเสียงดัง ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น หน้าซีดเผือด
               
“ ก็ข้าร้อน ” สเวนแก้ตัวด้วยประโยคที่ฟังไม่ขึ้นเมื่อมาหยุดใกล้ๆ ลำธารสายเล็กที่ค่อนข้างกว้างพอสมควร สเวนมักจะใช้ที่บริเวณนี้เป็นที่งีบหลับเพราะไม่ร้อนและสงบ
               
อลันตะเกียกตะกายลงจากตัวสเวนทันทีที่อีกฝ่ายย่อตัวลงให้ อลันถอดกระเป๋า เสื้อโค้ทโยนออกไปใกล้ๆ และนอนแผ่หลาบนพื้น หอบหายใจแรง หลับตาพยายามไม่นึกถึงความเลวร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อกี้
               
สเวนเห็นท่าทางสังกะตายของอลันก็หัวเราะออกมา ไม่มีท่าทีสำนึกผิดใดๆ
               
ครู่ใหญ่ๆ กว่าอลันจะกลับมายันตัวนั่งได้เหมือนเดิม สีหน้ากลับมามีสีเลือดอีกครั้ง จ้องสเวนด้วยแววตาคาดโทษ “ ม้าบ้า ถ้าจะวิ่งแบบนี้อีก อย่ามาคุยกับฉัน ! ”
               
สเวนหงอยลงทันตา แค่นึกถึงเวลาที่ไม่มีอีกฝ่ายก็รู้สึกว่าชีวิตการเป็นเซนทอร์ก็น่าเบื่อแล้ว การมีอลันเข้ามาในชีวิตทำให้สเวนรู้สึกสนุกมากขึ้น เสียงเพลงเพราะๆ นั้นถ้าหากข้าไม่ได้ฟังมันอีกล่ะก็ ข้าต้องเสียใจมากแน่ๆ  “ ก็ได้.. ข้าจะไม่วิ่งแบบนั้นอีกแล้ว อลัน ”
               
ความโกรธของอลันหายไปทันทีเมื่อเห็นสีหน้าสำนึกผิดของสเวนที่ดูซื่อตรงจนรู้สึกผิดซะเอง
               
ทั้งๆ ที่เจ้าม้าบ้านี่ผิดแท้ๆ
               
อลันผุดลุกขึ้นยืน “ โอเค งั้นก็ดี ” ก้าวขาเข้าไปหาลำธารอย่างเชื่องช้า นัยน์ตาสีฟ้าสะท้อนประกายของน้ำที่ไหลเอื่อย ปากเผลอยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ตัว อลันรีบถอดถุงเท้ารองเท้าและของประดับข้อมือของตัวเองโยนไว้ใกล้ๆ ถลกขากางเกงยีนส์ขึ้น เมื่อเตรียมพร้อมแล้วอลันก็วิ่งลงไปมในลำธารทันที
               
ฝูงปลาที่เดิมทีว่ายเอื่อยไปมาหากินตะไคร่น้ำพืชน้ำแตกฝูงทันที ว่ายหนีกระเจิงก่อนกลับรวมกันเป็นกลุ่มอีกครั้งในบริเวณที่ไกลกว่าอลัน
               
อลันสนใจทั้งปลาในลำธารและน้ำเย็นที่กำลังรู้สึกถึง อลันรู้สึกสนุกขึ้นมาทันทีตะโกนชวนสเวน “ สเวน นายก็ลงมาสิ ! ”
               
สเวนส่ายหัวทันควัน เดินเข้ามายืนใกล้ลำธาร “ ไม่ล่ะ ขนข้าแห้งช้า ”
               
“ งั้นก็ตามใจ ” อลันยิ้มแล้ววักน้ำสาดใส่สเวน
               
สเวนหลบได้ทันและเลิกคิ้วกวนๆ ให้อลัน “ รดน้ำต้นไม้งั้นเหรอ ”
               
อลันทำหน้าเซ็งทันทีตัดสินใจไม่แกล้งสเวนต่อ อลันวักน้ำล้างหน้าตัวเอง
               
น้ำเย็นเฉียบช่วยให้สติของอลันกลับมาแจ่มใส อลันครุ่นคิดอยู่สักพักว่าจะอาบน้ำดีไหม ดึงเสื้อสำรวจความสะอาดของตัวเองพบว่าอยู่ในขั้นสกปรก อลันถอดเสื้อยืดสีเทาเปื่อยๆ โยนไปใส่หัวสเวนที่เหม่อหันหน้าไปอีกทางอยู่อย่างแม่นยำ
               
สเวนสะดุ้งเมื่อภาพตรงหน้าได้กลายเป็นสีเทาจางรีบดึงของอยู่บนหัวออก แต่เมื่อกำลังจะด่าอลันที่ทำอะไรบ้าๆ ให้ตกใจเล่นก็ต้องชะงัก
               
อลันกุมท้องหัวเราะเมื่อเห็นม้าบ้าตกใจลุกลี้ลุกลนดึงเสื้อออกจากหัวในระหว่างนั้นเขาก็ถอดยีนส์โยนไปใกล้ๆ ฝั่งเช่นกันตอนนี้อลันสวมเพียงชั้นในอย่างเดียวเท่านั้น อลันหัวเราะไปได้สักพักก็ต้องเผลอเลิกคิ้วเมื่อใบหน้าของสเวนเปลี่ยนเป็นสีแดงและเลียริมฝีปาก !
               
ถ้าสเวนจ้องอาหารอยู่อลันจะไม่ประท้วงอะไร
               
แต่-นี่-มัน-เขา
               
 “ ม้าบ้า นี่นายจะกินฉันเรอะ ! ” อลันแกล้งชี้หน้าสเวนเอาเรื่อง ทั้งๆ ที่ในใจไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น สเวนคงจะแค่หิวน้ำอะไรแบบนั้น อลันเพียงแค่อยากแกล้งอีกฝ่ายเท่านั้น
               
สเวนลนลาน “ อะ อะไรของเจ้า มนุษย์งี่เง่า ใครจะไปอยากกินเนื้อมนุษย์ล่ะ ให้ข้ากินเนื้อหมาป่ายังฟังดูเข้าท่ากว่าเลย ” ใบหูยังฟ้องถึงความอับอายที่ถูกจับได้แม้สีหน้าจะกลับมาเป็นสีปกติแล้ว
               
อลันแสร้งทำหน้าเศร้า “ ดูเหมือนว่าเนื้อฉันมันจะแย่มากสินะ นายถึงได้อยากกินเนื้อหมาป่ามากกว่า ”
               
สเวนปรับอารมณ์ตามอลันไม่ถูก แต่ก็พยายามเอ่ยแก้ตัวต่อ “ เจ้าอยากคิดมากสิ อลัน ข้าไม่ได้อยากกินเนื้อมนุษย์สักหน่อย ข้าไม่ใช่พวกแร้งนะ”
               
อลันยิ้ม “ เออๆ ฉันพูดเล่นน่า จริงจังไปได้ ” อลันมองหาฝูงปลาที่หนีไปไกล “ นายหาไม้อะไรก็ได้แหลมๆ ให้ฉันหน่อยสิ ฉันจะจับปลา ” อลันเบื่ออาหารที่เขาพกมากินเต็มทนแล้ว
               
สเวนสูดหายใจสั้นๆ เรียกสติของตัวเองคืนมา “ ได้ มนุษย์งี่เง่า ” สเวนมองไปรอบๆ หากิ่งไม้พอดีมือ พบว่ามีอันนึงที่ถูกใจแต่มันไม่ได้ถูกหักแล้ว ด้วยความสูงของสเวนทำให้โน้มกิ่งไม้ลงมาง่ายๆ และหักดังป็อก สเวนหยิบหินปลายแหลมใกล้ๆ มาเกลาปลายไม้ให้แหลมอย่างที่อลันต้องการ “ ได้แล้ว ” สเวนชูไม้ให้อลันเห็น
               
อลันเลิกคิ้ว “ โยนมาเลย ! ” มืออ้ากว้างเตรียมรับ
               
สเวนโยนมันในแนวขวางโดยที่ปลายแหลมไม่ได้พุ่งเข้าหาอลันแม้แต่น้อยเพราะกลัวอีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บจากไม้เกลาแหลมของตัวเอง
               
“ โยนงี้ให้ฉันไปเอาที่มือนายก็ได้นะ ” อลันบ่นอุบลากเท้าไปหยิบไม้ที่ว่ามาถือ พลิกซ้าย พลิกขวา พิจารณามันอย่างพอใจ ขนาดของมันเหมาะมืออลันพอดี อลันค่อยๆ ลากเท้าไปยังที่ฝูงปลาอยู่กระจุกกันอย่างเชื่องช้าเพื่อไม่ให้ปลาตกใจ
               
สเวนมองภาพตรงหน้า
               
แผ่นหลังนั้นขาวชะมัด
               
สเวนสะบัดหน้าตัวเอง
               
ข้าจะกลายเป็นเซนทอร์หื่นกามไม่ได้ นั้นมันแย่เกินไปแล้ว
               
ปลาสีเงินเกล็ดเป็นประกายตีครีบนิ่งๆ โดยไม่รู้ถึงชะตาชีวิตของตัวเองสักนิดว่าจะกลายเป็นอาหารมื้อต่อไปของมนุษย์คนนึงที่กินปลากระป๋องจนเอียน
               
อลันค่อยๆ ก้าวลงเหยียบพื้นที่ไกลจากปลาที่เล็งไว้ พื้นที่บริเวณนี้ลึกกว่าปกติ น้ำเย็นเฉียบเกือบจะแทะเล็มต้นขาของอลัน หินกรวดก้อนเล็กที่ถูกตกตะกอนมาอย่างยาวนานถูกตะไคร่เกาะเสี่ยงต่อการลื่นถ้าหากไม่ระมัดระวัง
               
อลันเคยจับปลาเมื่อตอนสมัยเรียนลูกเสือ
               
นัยน์สีฟ้าเป็นประกายตื่นเต้น ผมสีน้ำตาลปลิวลู่ลมที่พัดแรง ผิวของอลันซีดลงเพราะความหนาวเย็น มือจับไม้ท่อนยาวแน่น อลันนับหนึ่งถึงสามในใจก่อนจะจ้วงเข้าที่ปลาที่น่าสงสาร
               
น้ำลำธารสีใสเปลี่ยนเป็นสีแดงจางทันที
               
อลันยิ้มแห้งนึกขอโทษเจ้าปลาที่ดิ้นขลุกขลักตัวถูกเสียบทะลุด้วยไม้ เลือดของมันย้อมไม้ให้เป็นสีแดง อลันจดจ้องฝูงปลาที่แตกพ่ายไปแล้วสักพักก็ตัดใจ แค่ตัวเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว อลันคิดในใจ ชูปลาในมือยิ้มอวดสเวนที่ยืนพิงต้นไม้อยู่
               
“ ฉันไม่แบ่งนายหรอกนะ ! ” อลันพูดกลั้วหัวเราะ
               
“ กินตามสบาย ” สเวนยักไหล่ตอบ
               
อลันคิดว่านั่นเป็นการกลบเกลื่อน แต่ก็ช่างปะไร ยังไงมื้อนี้เขาก็รอดชีวิตจากเสบียงรสชาติน่าเบื่อที่เตรียมมาแล้วล่ะนะ อลันก้าวเดินอีกครั้งในใจคิดไปเรื่อยคลายความระมัดระวัง
               
ตูม !!
               
อลันเบิกตากว้างเพราะตัวเองเผลอลื่นเข้ากับตะไคร่น้ำ ไม้ที่เสียบปลาเผลอปล่อยไปอย่างไม่รู้ตัว อลันพยายามยันตัวขึ้นมายืนอีกครั้งแต่กลับพบว่าทำไมไม่ได้ ภาพตรงหน้ากลายเป็นสีดำ แรงที่เดิมมีมากพอให้จับปลาทั้งฝูงหายไปราวกับเล่นตลก
               
ในตอนแรกสเวนเกือบจะขำกับท่าท่างที่อลันลื่นล้ม แต่ก็ขำไม่ออกเมื่ออลันไม่ยอมตะเกียกตะกายขึ้นมา !! สเวนกระโจนลงไปในน้ำ น้ำที่ถูกเหยียบอย่างแรงสาดกระจาย วงคลื่นขนาดใหญ่เกิดขึ้นตามแรงเหยียบ “ อลัน อลัน ! ” สเวนคว้าตัวอลันขึ้นมาจากน้ำ พบว่าอีกฝ่ายนิ่งไปแล้ว
               
สเวนยกอลันขึ้นมาแนบอก น้ำตาเผลอไหลออกมาจากดวงตาด้วยความกลัว ว่าจะสูญเสียร่างตรงหน้าไป สเวนรีบวิ่งขึ้นมาบนบกวางอีกฝ่ายลงบนหญ้านิ่ม มือหนาเขย่าตัวอลันด้วยหัวใจเต้นรัวที่ไม่ได้เกิดจากความรักหรือเขินอาย
               
สเวนไม่เคยรู้สึกกลัวขนาดนี้มาก่อนจนกระทั่งรู้จักกับอลัน
               
“ อลัน อลัน ” สเวนพร่ำเรียก มือสั่นเทา
               
ร่างกายของอลันเย็นเฉียบไม่ได้ตอบสนองสเวนใดๆ
               
สเวนกอดร่างของอลันหวังจะให้ไออุ่นแผ่ไปยังอีกฝ่ายก็ยังดี สเวนหลับตาลงเอาหน้าซุกไปที่ตัวอีกฝ่ายอย่างอ่อนแอ
               
เจ้าจะตายไม่ได้นะมนุษย์
               
ไม่สงสารเซนทอร์ที่มีชีวิตยืนยาวอย่างข้าบ้างเหรอ
               
สเวนไม่คิดจะห้ามน้ำตาที่ไหลออกมา
               
มนุษย์งี่เง่า...
               
ฟื้นขึ้นมาสิ
               
ถือว่าข้าขอร้อง



--------------

จบแบบเศร้าอีกแล้ว   :mew1:
               
 
                 
               
               
               
               
 
                 
               
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 31-10-2015 17:12:53
 :mew4:

สรุปว่าสเวนก็ไม่รู้จักโรคนี้

มีแม่หมอในเรื่องไหมคะนี่? ให้นางดูน่าจะเวิร์คนะ (ต้องมีซัมติงมันผมสีขาวชัวร์)

 :mew1:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 31-10-2015 20:48:18
จริงๆ แล้วอลันเป็นฮาฟบลัดใช่มะะะ
งื้อออออ
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: sinyou ที่ 01-11-2015 09:51:41
พึ่งเข้ามาอ่าน ติดเลย สรุปอลันเป็นโรคอะไร
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 01-11-2015 10:46:40
เสียงแว่วครั้งที่ 5 : กำเริบอีกครั้ง
   
กลิ่นเหม็นไหม้ของควันไฟลอยฟุ้ง สะเก็ดไฟจากไม้ที่ถูกเผากระเด็นออกมาเป็นช่วงๆ 
   
อลันขมวดคิ้วแน่นเมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาและสูดกลิ่นควันไฟเข้าไป
   
ไอ้ม้าบ้ามันเผากันเหรอวะ !
   
อลันลืมตาทันทีอ้าปากกำลังจะด่าเซนทอร์ที่มาเผากันทั้งๆ ที่ยังไม่ตาย แต่ปากที่กำลังจะอ้าด่าก็ต้องชะงักไปเมื่อพบว่าตัวเองถูกกอดแน่นโดยร่างของเซนทอร์ บนใบหน้าของสเวนมีคราบน้ำตาจางๆ ใต้ขอบตาแดงราวกับเพิ่งร้องไห้อย่างหนักมา
   
ม้าบ้าร้องไห้...
   
สเวนยังไม่รู้ว่าอลันตื่นมือเผลอกอดอลันแน่นกว่าตามสัญชาตญาณของตัวเอง
   
ร่างกายของมนุษย์ไม่ควรเย็นเฉียบ
   
อลันถอนหายใจเบาๆ ลูบหัวสเวนที่ซุกอยู่กับอกตัวเอง “ ม้างี่เง่าเอ้ย ” แต่อลันก็พอเข้าใจถึงสาเหตุที่ม้าบ้าร้องไห้ ใครใช้ให้โรคบ้ามันกำเริบตอนเขากำลังจะเดินกลับมากันล่ะ ปลาที่อุตส่าห์ดั้งด้นจับมาก็เผลอปล่อยทิ้งไปอีก นี่ฉันต้องกินไอ้ปลากระป๋องบ้าๆ พวกนั้นอีกแล้วเหรอ
   
อลันเผลอยิ้มจางเพราะเพิ่งสังเกตว่าตัวเองถูกจับใส่เสื้อกางเกงเรียบร้อย ดี ม้าบ้า อีกหน่อยนายเป็นพ่อบ้านให้ฉันได้เลยล่ะ แววตาของอลันเป็นประกายเมื่อได้เห็นปลาย่างเสียบจำนวนมากที่เผาแล้วถูกวางบนใบไม้ แสงไฟลุกสว่างวาบเป็นช่วงๆ อาบไล้ให้เห็นความน่ากินของปลา
   
สเวนใส่ใจเขากว่าคิด..
   
กระเป๋าข้าวของที่เขาโยนไว้กระจัดกระจายลวกๆ ตามพื้น ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ บนข้อมือมีนาฬิกาสีดำกับเข็มทิศที่เขาเอามา อลันเพิ่งสังเกตว่าบนข้อมือที่ใช้กอดตัวเองของม้าบ้ามีรอยกรีดยาวเล็กๆ เลือดซึมออกมาไหลเปื้อนไปทั้งแขนแต่ดูเหมือนสเวนจะไม่ได้สนใจมันสักเท่าไหร่
   
อลันถอนหายใจเบาๆ เมื่อมองไปบนท้องฟ้าแล้วเห็นพระจันทร์ดวงใหญ่ส่งแสงขาวนวลและยังมีรอยสีดำประปรายคล้ายกระต่ายที่ผู้คนมักคิดไปเอง หมู่เมฆสีดำครึ้มลอยเอื่อยบดบังเป็นครั้งคราว
   
แต่ถ้าจะให้เขาหลับต่อก็คงหลับไม่ลงอยู่ดี อลันพยายามดึงแขนของสเวนออกแต่อีกฝ่ายก็ขัดขืนกอดแน่นยิ่งกว่าเดิม อลันพยายามแกะอยู่อย่างนั้นจนเกือบเซ็ง ถึงหลุดออกมาได้
   
“ เป็นม้าหรือปลาหมึกกันแน่ หึ ” อลันพูดขำๆ เดินไปหยิบกล่องพยาบาลของเขาออกมา หยิบยาแดง ยาฆ่าเชื้อ พลาสเตอร์ปิดแผลอะไรทำนองนั้นออกมานั่งข้างสเวน ดึงแขนปลาหมึกออกมาทำแผลให้อย่างแผ่วเบาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน อลันใช้นิ้วกดพลาสเตอร์ปิดให้เรียบอีกครั้งก่อนจะผละออกมา
   
ม้าบ้าเป็นคนใช้กล่องยาคนที่สองต่อจากกระต่ายนั้นสินะ
   
ดูเหมือนว่าเจ้าของอย่างฉันคงจะไม่ได้ใช้แล้วมั้งเนี่ย
   
อลันคิดอย่างอารมณ์ดีฮัมเพลงเสียงเบาในลำคอ เก็บกล่องยากลับเข้ากระเป๋า เดินไปหยิบปลาย่างเสียบไม้ ซึ่งอลันก็ต้องพูดอะไรไม่ออก เพราะปลาที่ถูกจับมาเสียบนั้นไม่มีแม้แต่ตัวเดียวที่ถูกกิน ตอนแรกอลันคิดว่าสเวนย่างไปกินไปด้วยซ้ำ อลันหยิบปลาย่างมาไม้นึงมานั่งข้างๆ สเวน
   
จับจ้องใบหน้าที่หลับสนิทฉายแววอมทุกข์ กินปลาย่างในมือเงียบๆ ในหัวครุ่นคิดถึงสิ่งที่ผ่านมา
   
วันนี้เป็นวันที่ 11 ที่เขาได้ออกเดินทางมาจากที่นั้น
   
ตอนนี้เดินถึงไหนแล้ว อลันไม่เคยรู้ถึงเรื่องนั้น
   
เขาทำได้เพียงคาดคะเนจากสภาพภูมิประเทศ
   
เปรียบจากแผนที่ดูตามสีต่างๆ ที่บอกสภาพอาณาเขต
   
เขารู้ดีว่าตัวเองชอบขีดเกินที่ตัวเองเดินไว้
   
มันเป็นความหวังโง่ๆ ที่เอาไว้หลอกตัวเอง
   
ภาพในแผนที่ดูเล็กเพราะถูกย่อส่วนลงมา และใช้มาตราส่วนในการบอกขนาดของพื้นที่นั้น
   
หรือในความเป็นจริง
   
อลันอาจจะเดินได้เพียงเส้นสีน้ำเงินขีดแรกเท่านั้น
   
อลันหลับตาลงซ่อนแววตาสิ้นหวังไว้ใต้เปลือกตา รสชาติหวานๆ ของปลาแต่ไม่อาจะทำให้ความเค็มจากน้ำตาของอลันจางลงอย่างใด อลันวางปลาย่างในมือรองไว้กับใบไม้ใบใหญ่ที่หยิบติดมือมา เอามือข้างนึงปิดใบหน้าของตัวเองเพื่อไม่ให้ม้าบ้าตื่นมาแล้วตกใจ
   
น้ำตาของอลันไหลพรากออกมาอย่างอ่อนแอ
   
ถ้าหากว่าเขาเดินทางคนเดียวแล้วเจอลำธารแบบนี้
   
ชีวิตของเขาคงจะจบที่ลำธารนั้นแล้ว
   
อลันตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในอ้อมกอดของสเวนอีกครั้ง กอดอีกฝ่ายแรงคล้ายกับกำลังหาที่พึ่งและเผลอหลับไป ท้องที่กินจนอิ่มทำให้การนอนอีกครั้งไม่ใช่เรื่องยาก
   
อากาศหนาวเย็นเฉียบแต่ไม่ได้ทำให้ทั้งสองร่างจะหนาวขึ้นมาแต่อย่างใด ผมสีน้ำตาลของอลันถูกพัดจนพริ้วไหวไปตามลม สะเก็ดไฟแตกสะเก็ดออกมาจากไม้เกิดแสงสว่างวาบทำให้เห็นสีผมของอลันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
   
ผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ได้เปลี่ยนเป็นสีขาวเพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง
   
โดยที่แม้แต่เจ้าตัวยังไม่รู้

   
อึ่ก !!
   
อลันเบิกตาโพลง กุมท้องแน่น กัดฟันครางในลำคอด้วยความเจ็บปวด อลันสบถในลำคอเซ็งๆ เพราะวันนี้นาฬิกาปลุกของเขาเป็นโรคบ้าบอไม่ใช่แสงแดดหรือเสียงนกเหมือนทุกวัน
   
อลันเผลอน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว ท้องของอลันบิดเร่าด้วยเพลงทำนองใหม่ที่ไม่ใช่จังหวะร็อค ครั้งนี้อาจจะเป็นแนวแร็ปเลยล่ะ อลันคิดฟุ้งซ่าน แต่ไม่ว่าแนวไหนก็ทรมานเหมือนกัน อลันยื่นมือไปเขย่าร่างของเซนทอร์ที่หลับสนิทข้างๆ ตัว
   
ไม่รู้เหมือนกันว่านอนกันยังไงตื่นมาถึงได้อยู่คนละทาง
   
สเวนส่งเสียงงึมงำแต่ไม่ยอมตื่นขึ้นมา
   
แรงบิดเร่าในท้องเร่งให้อลันรีบปลุกสเวนขึ้นมา
   
นัยน์ตาสีฟ้าเริ่มเจือความหงุดหงิด อลันจึงหยิกแขนสเวนอย่างแรง นึกขอโทษอีกฝ่ายในใจ
   
ช่วยไม่ได้.. ไม่ยอมตื่นดีๆ เอง
   
“ โอ๊ย !! ” สเวนสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที ดวงตาสีทองฉายแววเอาเรื่อง หันซ้ายหันขวาหาตัวต้นเรื่องทันทีก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเจอตัวต้นเหตุ “ อลัน ! ” เซนทอร์หนุ่มเกือบจะสวมกอดอลันแต่ถูกอลันเอาแขนกันไว้ก่อน
   
“ หยิบกระเป๋า.. อึก ให้ฉันหน่อย ” อลันพยายามพูด
   
ความเศร้าเข้าครอบคลุมสเวนอีกครั้งเพราะอาการอีกฝ่ายกำเริบอีกแล้ว สเวนผุดลุกขึ้นยืนรีบหยิบกระเป๋ากลับมาให้อลันทันที
   
สเวนจับจ้องของการกระทำของอลันเศร้าๆ มือสั่นๆ นั้นพยายามควานหาอะไรสักอย่างในกระเป๋า น้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตา ริมฝีปากมีรอยช้ำเหมือนกับถูกเผลอกัด รอจนกระทั่งอลันกินอะไรบางอย่างที่เป็นเม็ดสีขาวเสร็จและนอนราบไปบนพื้น
   
“ อลัน... อาการเจ้ากำเริบอีกแล้วเหรอ ” สเวนแทบจะร้องไห้อีกครั้ง
   
ทำไมข้าถึงช่วยอะไรไม่ได้เลย..
   
สมุนไพรที่ข้ารู้จักทำได้เพียงเยียวยาอาการเบื้องต้นที่ไม่ร้ายแรง
   
เพราะข้าจดจำไว้เพียงรักษาตัวเองเท่านั้น
   
เป็นอีกครั้งที่ข้านึกเสียใจที่ไม่ยอมศึกษาด้านนี้
   
“ อืม.. ” อลันลืมตาขึ้นมาขยับยิ้มจางให้สเวน และพยายามพูดให้อีกฝ่ายเลิกทำหน้าจะร้องไห้ “ สักพักมันก็หายปวดแล้วล่ะ ม้าบ้า ”
   
สเวนนอนลงข้างๆ อลัน “ ขอข้าลูบผมเจ้าได้ไหม ? ” แววตาวอนขออีกฝ่าย
   
“ อึ่ก ได้สิ ” อลันพยายามตอบ
   
มือหยาบสัมผัสบนผมนุ่มของอลัน ไล้ไปตามแนวผม
   
อลันหลับตาครางในลำคอแผ่วเบา
   
“ เจ้าป่วยมานานแค่ไหนแล้วอลัน ? ” สเวนถาม
   
“ 4 ปีมั้ง ฉันไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่ ” อลันเหยียดยิ้ม
   
แววตาของสเวนหม่นลง นานเท่าไหร่แล้วที่อลันทุกข์ทรมานกับโรคนี่ เสียงคร่ำครวญด้วยความความเจ็บปวดดังแว่วในหัวสเวนคอยตอกย้ำถึงโรคของอลันที่ประสบอยู่ สเวนยอมรับว่าตัวเองในทีแรกหลงรักอลันอยากครอบครองอีกฝ่าย แต่ตอนนี้กลับพบว่าสิ่งเหล่านั้นหายไปเหลือเพียงความสงสารอีกฝ่ายจับใจ
   
ทำไมโรคร้ายนี่ถึงเลือกมนุษย์คนนี้กัน ?
   
เลือกเซนทอร์อย่างข้าไม่ได้เหรอ
   
ถ้าหากเลือกได้สเวนอย่างรับโรคบ้าๆ นี่แทนอลันด้วยซ้ำ ถ้าจะให้อลันไม่ต้องทรมานอย่างที่เป็นทุกวัน ระยะเวลาหลายวันที่เขาเดินติดตามอลัน ไม่มีวันไหนที่โรคนี่ไม่กำเริบ เพียงแต่ต่างอาการบ้างซ้ำอาการบ้างแล้วแต่วัน แต่ที่เหมือนกันทุกวันคืออลันเจ็บปวด
   
เดิมทีข้าทำได้เพียงอารักขาอีกฝ่ายเท่านั้น
   
ในตอนนี้ข้าสามารถเข้าใกล้อลันได้แล้ว
   
“ ข้าจะอยู่ข้างๆ เจ้าอลัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าสัญญา ” สเวนพูดน้ำเสียงมั่นคงฉายชัดถึงความต้องการของตัวเองในเวลานี้
   
อลันยิ้มจาง รู้สึกอุ่นวาบในใจ
   
รับรู้ถึงความห่วงใยของสเวน
   
“ ขอบคุณนะ สเวน ”
   
“ ข้ายินดีทำมัน ” สเวนยิ้มตอบก่อนจะเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วแน่นเป็นปม “ ข้าว่า ผมหงอกของเจ้าเยอะขึ้นนะ อลัน ”
   
อลันชะงักรอยยิ้มที่ส่งให้สเวน
   
ผมสีขาวมากขึ้น ?
   
อลันระบายลมหายใจออกมา “ คงจะเป็นอาการของโรคบ้าๆ นี่นั้นแหละ สักวันฉันคงจะผมหงอกทั้งหัวเลยมั้ง ”
   
สเวนเริ่มยิ้มออกเมื่ออลันสามารถกลับมาพูดได้ไม่ชะงัก สีหน้าก็เริ่มกลับมามีสีสดดังเดิมแล้ว
   
“ ยิ้มอะไรม้าบ้า ” อลันเลิกคิ้วกวนๆ
   
ดูเหมือนว่าวันนี้จะยาจะออกฤทธิ์ได้ไวกว่าทุกครั้ง
   
อาการปวดท้องถึงได้ทุเลาลงไวขนาดนี้
   
เหลือเพียงความรู้สึกหน่วงๆ ภายใน
   
แต่ก็ไม่ได้มากจนถึงขนาดต้องให้ความสนใจ
   
“ ข้ายิ้มแล้วมันผิดตรงไหน ” สเวนยักไหล่
   
อลันมองสเวนเขม็งยิ้มมุมปาก “ ฉันรู้นะว่า นายแอบร้องไห้ ฮ่าๆ ” ตาเป็นประกายหยอกเย้า
   
สเวนเผลอหน้าแดงอายๆ “ เออ ” หันหน้าหนีไปทางอื่น “ ข้านึกว่าเจ้าเป็นอะไร..”
   
อลันระบายยิ้ม
   
ม้าบ้าเอ้ย..
   
น่ารักชะมัด
   
“ เอาเหอะๆ ฉันว่าฉันไปต่อดีกว่า มัวแต่อยู่กับที่มีหวังรากงอกแน่ ” อลันลุกขึ้นยืนเดินไปหยิบเสื้อโค้ทมาสวม กระเป๋าใบโตถูกสะพายเข้าที่หลัง อลันขมวดคิ้วเมื่อพบว่าปลาที่สังเวยชีวิตให้เขากินยังเหลืออีกมาก “ เอาไง ? กับปลาพวกนี้ล่ะ ”
   
“ เอาให้พวกหมีหรือมดกินนั่นแหละ ” สเวนยักไหล่
   
โชคดีที่กองไฟนั้นมอดแล้วจึงไม่ต้องเสียเวลามาดับอีกครั้ง
   
สเวนสาวเท้าเข้าไปใกล้อลันย่อตัวลงให้อีกฝ่ายขึ้นมาโดยไม่ต้องร้องขอ
   
อลันพยายามตะเกียกตะกายขึ้นไปเพราะความสูงของสเวนไม่ใช่น้อยๆ ตัวช่วยในการคืออย่างที่วางเท้าก็ไม่มี  เมื่อขึ้นได้สำเร็จอลันกอดหมับเข้าที่ตัวสเวนทันที แนบหน้าลงที่หลังของอีกฝ่าย มือสัมผัสกับก้อนซิกแพ็กน่าอิจฉา
   
สเวนขมวดคิ้วเมื่ออลันลูบหน้าท้องตัวเอง
   
“ ลูบอะไรของเจ้า ? ”
   
“ ช่างฉันเหอะน่า นายก็ช่วยวิ่งไปสักทีสิ ” อลันพูดอย่างขอไปทีแต่ก็ยอมหยุดมือที่ลูบหน้าท้องอีกฝ่ายด้วยความอิจฉา เพราะก้อนๆ นี่อลันเคยพยายามปั้นมันขึ้นมาเหมือนกัน
   
แต่จนรอดแล้วจนรอด ก็ไม่สามารถปั้นได้เพราะอาการของโรคชอบกำเริบกลางคันบ่อยๆ จนอลันรำคาญปล่อยให้ตัวเองมีก้อนเดียว หันไปควบคุมการกินแทน
   
เขาไม่ได้อยากมีหุ่นเป็นหมีขาวหรอกนะ
   
หน้าท้องของอลันจึงราบเรียบ
   
“ แล้วจะให้ข้าวิ่งไปไหนล่ะ ” สเวนถามเซ็งๆ
   
ย่างเท้ากุบกับไปข้างหน้าอย่างอ้อยอิ่งรอคำตอบ
   
หญ้านุ่มถูกสเวนเหยียบจนแบน
   
“ วิ่งไปทางรถไฟแล้วกัน ”
   
“ ทางรถไฟ ? ” สเวนทวนเสียงสูงหน้าตาเหรอหรา
   
“ อ้อ ก็ที่นายเดินตามฉันไงล่ะ ”
   
สเวนสะดุ้ง เริ่มควบฝีเท้าไปยังที่ๆ อีกฝ่ายว่า
   
อลันยิ้ม
   
เจ้าม้านี่ แอบตามาจริงๆ ด้วย
   
หลงทำให้กลัวตั้งนาน
   
ให้ตาย
   
หมู่เมฆก้อนยักษ์ลอยเอื่อยไปข้างหน้า ชนกับภูเขาบ้างเป็นครั้งคราว นกบินโฉบสูง ป่าสูงเสียดฟ้า ต้นขนาดเท่าๆ กันคล้ายถูกจับวางสลับแนวกัน กวางป่าย่างเท้าไปตามแนวเขาเป็นกลุ่มใหญ่ เขาโง้งสวยส่ายไปมา ความระแวงถูกฝังในสัญชาตญาณของมัน ลูกกวางเร่งฝีเท้าตามแม่ของมัน
   
รางเหล็กคู่ขนานสนิมเขรอะ ราวกับว่าสนิมนั้นเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ก็ไม่ปาน เกาะกินตามเหล็กอย่างเชื่องช้า สีน้ำตาลประปายแตะแต้มบนสีเหล็กมันวาว หญ้ารกพยายามแทรกแซงครอบคลุมทุกอย่างที่เป็นรางเหล็กเพื่อขยายพันธุ์ของมัน
   
สเวนหยุดฝีเท้าตรงหน้ารางรถไฟเมื่อถูกร่างบนหลังตบหลังอั่กๆ
   
“ บอกข้าดีๆ ก็ได้ ”
   
สเวนบ่นอุบพึมพำคนเดียว
   
แต่อลันได้ยิน
   
“ ช่วยไม่ได้ ตอนนายวิ่งอาจจะไม่ได้ยินที่ฉันก็พูดก็ได้นี่ ” อลันพูดกลั้วหัวเราะ
   
“ แล้วเจ้าตบข้าทำไม อลัน ”
   
“ ตบให้นายหยุดไง ”
   
อลันยิ้ม ปล่อยแขนออกจากตัวเซนทอร์เพื่อจะดูเข็มทิศตรงข้อมือ
   
“ โอเคถูกทางแล้ว วิ่งต่อเลย ”
   
อลันตบสะโพกสเวนดังเปาะแปะ
   
ซนจริง มนุษย์
   
สเวนยิ้มบาง
   
วิ่งเหยาะๆ ไปตามทาง เพราะมีหลายสิ่งที่อยากถามอลัน ซึ่งก็ถูกเก็บไว้ในใจนับตั้งแต่เจออีกฝ่ายครั้งแรกและเผลอติดตามมาตลอด
   
อลันไม่ได้พูดอะไรที่สเวนวิ่งเหยาะๆ ตามองวิวรอบข้างอย่างสนใจ
   
ถึงแม้จะเป็นป่าเหมือนกัน
   
แต่การจัดวางต่างกัน
   
เห็ดที่ขึ้นตามเปลือกไม้ที่ตายแล้ว มอสเขียวปกคลุมตามหิน ไม้พุ่มเตี้ยๆ อย่างเบอร์รืโผล่ให้เห็นประปราย
   
“ ทำไมเจ้าถึงเดินทางกับเส้นทางนี้ล่ะ อลัน ”
   
อลันถอนหายใจเหนื่อยๆ
   
แววตาเหนื่อยอ่อน
   
“ มันเป็นความหวังเดียวที่ฉันมี ”
   
“ ความหวัง ? ” สเวนทวน
   
“ อืม ความหวัง ถ้านายวิ่งไปทางนี้เรื่อยๆ จนถึงสุดทาง นายจะเจอกับหมอวิเศษที่สามารถรักษาโรคได้ทุกโรคล่ะ ”
   
สเวนไม่ตอบนิ่งฟังอย่างตั้งใจ
   
“ แต่มันก็แค่ความหวังโง่ๆ ของฉันล่ะนะ ”
   
อลันลูบขนตามแนวหลังของสเวน เหยียดยิ้มเศร้า
   
“ ของพรรค์นั้นจะไปมีจริงได้ยังไง ”
   
แค่ระยะทาง
   
เขาก็ไม่มีทางเอาชนะมันได้แล้ว
   
“ ขนาดข้ายังมีจริงได้ ทำไมหมอจะไม่มีจริงได้บ้างล่ะ ”
   
สเวนพูดเสียงจริงจัง
   
“ ถ้าหากเจ้าเชื่อว่ามันมีจริงมันก็จะมีจริง อลัน ”
   
อลันชะงักมือที่กำลังลูบ
   
“ ฉันควรจะตั้งความหวังกับมันจริงๆ เหรอ ”
   
น้ำเสียงล่องลอย
   
อลันกำลังขาดที่เหนี่ยวรั้ง
   
การดำเนินชีวิตกระจัดกระจาย
   
สมองหยุดทำงานคล้ายฟั่นเฟือนในหัวบางตัวน็อตหลุดจนทำงานต่อไม่ได้
   
อลันเก็บงำความผิดหวัง ความเศร้า พยายามถมมันลึกไว้ด้วยการเดินทาง
   
แต่มันก็มันจะผุดออกมาเสมอเมื่อโรคกำเริบหรือทำบางอย่างผิดพลาด
   
“ จริงสิ ”
   
สเวนพูดอย่างอ่อนโยน
   
น้ำเสียงของสเวนเหมือนกับเมฆก้อนเบาบนท้องฟ้า
   
อ่อนโยนและอบอุ่น
   
ชวนให้ฝันและมีอยู่จริง
   
อลันกอดเมฆก้อนนั้นไว้แผ่วเบา
   
ไม่กล้าลงแรง
   
กลัวที่จะสูญเสียมันไป
   
ความหวังที่ถูกจุดประกายอีกครั้ง
   
สเวนอมยิ้มเมื่อหน้าท้องของตัวเองถูกยึดครองโดยแขนทั้งสองข้างของอลัน หน้าฝังแน่นบนหลัง น้ำตาที่เปียกชื้นหลังไม่ได้ทำ
ให้สเวนตกใจ
   
สเวนชะงักเท้าที่ก้าวเดินเมื่อเห็นทางที่คุ้นเคย
   
อลันไม่ได้ถามสเวนถึงสาเหตุว่าทำไมถึงหยุดเดิน
   
หน้าที่ฝังอยู่บนแผ่นหลังคงจะสื่อสารกับเจ้าของแผ่นหลังได้ยากผ่านเสียงอู้อี้หรือไม่ก็คุยกับหัวใจโดยตรง ไม่ผ่านหูของเซนทอร์
   
“ รู้สึกว่าแถวนี้จะมีทุ่งดอกไม้ เจ้าอยากดูมันไหม อลัน ”
   
สเวนนึกอยากดึงร่างอีกฝ่ายมากอดแน่นลูบหัวเบา
   
ปลอบโยนให้อีกฝ่ายเลิกเก็บเงียบ
   
ร้องไห้เพียงลำพัง
   
แผ่นหลังของข้าไม่ใช่สิ่งที่ใช้เช็ดน้ำตาหรอกนะ
   
“ ว่ายังไง หืม ? ”
   
อลันขยับตัวยุกยิก
   
สูดหายใจดังฟืดฟาด
   
ดวงตาแดงก่ำ
   
รอยยิ้มแตะแต้ม
   
“ เอาสิ ม้าบ้า ”
   
สเวนหัวเราะ เปลี่ยนเส้นทางการเดินทาง มุ่งเข้าไปในป่าอีกครั้ง
   
อลันไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
   
ถึงสาเหตุที่ไม่ให้สเวนเร่งฝีเท้าไปยังที่แห่งนั้น
   
คงจะเพราะการเที่ยวเล่นในป่าจะให้ความรู้สึกไม่เลว
   
อลันกระชับอ้อมกอดของตัวเองกับสเวน
   
พึมพำเสียงเบา
   
“ ขอบคุณ ”
   
สเวนหัวเราะรับ
   
เสียงฝีเท้ากุบกับดังแว่วคล้อยไปกับสายลมประจำฤดู
   
พร้อมกับอารมณ์กรุ่นของความหวัง
   
------------------------------

ตอบคอมเมนต์  :mew1:

คุณ  BlueCherries : ไม่มีแม่หมอค่ะ 55555 มีแต่ม้าบ้า

คุณ lizzii : ฮาฟบลัดอะไรหว่า  :really2:

คุณ sinyou : วันละโรคค่ะ >< 
 
   

   
   
   
   
   

   
   
   
   
   
       
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Rambluesky ที่ 01-11-2015 11:36:37
รอติดตามต่อนะครับ  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 01-11-2015 12:03:06
ได้ดูดอกไม้สวยๆ จิตใจก็ได้ผ่อนคลายไปด้วยนะคะอลัน ^^
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 01-11-2015 20:15:06
 :really2:

คุณ Foggy Time เขียนไว้ถึงตอนที่เท่าไหร่ค้านี่ ลงถี่ไฟแรงเวอร์  :กอด1:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 01-11-2015 20:21:37
:really2:

คุณ Foggy Time เขียนไว้ถึงตอนที่เท่าไหร่ค้านี่ ลงถี่ไฟแรงเวอร์  :กอด1:

จบแล้วค่ะ 555555

หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 5
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-11-2015 21:23:12
มีพาแวะชมดอกไม้ด้วยยยย จะไปถึงไหมเนี่ยปลายทาง 555
แต่กลัวจริงๆ หนูอลันลูบไปลูบมา เดี๋ยวสเวนตบะแตกทำไง คึคึ

เรานึกว่าอลันเป็นพวกลูกผสมระหว่างคนกะเทพ เหมือนเพอซี่ แจ้คสันไรงี้ เพ้อไปไกลลลล
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 01-11-2015 21:32:21
เสียงแว่วครั้งที่ 6 : ทุ่งดอกไม้
   
กลิ่นดอกไม้หอมอวล ฝูงผึ้งครางหึ่งบินลัดเลาะไปตามกลีบดอกไม้เพื่อหาน้ำหวานที่มันต้องการ นกมุดหัวเข้าไปในดอกไม้จนหัวของมันเปียก เกสรดอกไม้ปลิวไปตามลมเมื่อลมพัดเอื่อย
   
“ พระเจ้า ! นี่มันเจ๋งไปเลย ” อลันกระโดดผลุบลงจากหลังสเวนวิ่งเข้าไปในทุ่งดอกไม้ ไล้มือตามกลีบ ปากเผลอยิ้มกว้างเพราะไม่คาดคิดว่าทุ่งดอกไม้ที่สเวนว่าจะใหญ่และสวยขนาดนี้ อลันลืมอาการหน่วงๆ ไปโดยปริยาย
   
สเวนทำหน้าเซ็ง “ ข้าก็บอกอยู่ว่าสู้เรียกชื่อข้าดีกว่า ”
   
อลันไม่ได้สนใจ
   
เพราะความสนใจทั้งหมดพุ่งเป้าที่ดอกไม้สีฟ้าในมือแล้ว
   
“สเวนๆ นายดูสิ ดอกฟอร์เก็ตมีน็อตล่ะ ! ” สเวนพูดอย่างตื่นเต้น
   
สเวนเซ็งกว่าเดิมเมื่อคำพูดของตัวเองโดนเมินโดยสิ้นเชิง
   
ให้ตายเถอะ
   
มนุษย์งี่เง่า
   
สเวนคิดในใจ แต่ก็ย่างเท้าเข้าไปใกล้อลันอย่างสนใจ
   
“ ก็แค่ดอกไม้สีฟ้านี่ ? ข้าเห็นจนเบื่อแล้ว ” สเวนถอนหายใจ แต่เด็ดมันออกมาดูเล่นบ้าง
   
ก็แค่ดอกไม้ธรรมดา ที่ข้าเหยียบแล้วแบน
   
“ ฉันชอบมันน่ะ ความหมายของมันดี ” อลันพลิกดอกไม้ในมือเล่น กลีบดอกสีฟ้าก็ถูกอลันดึงเล่นต่อทีละกลีบพอหมดดอก ก็เด็ดอันใหม่มาอีก
   
สเวนพิจารณาดอกไม้ที่ว่าใกล้ๆ พบว่าไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ จึงค่อยๆ ย่องไปด้านหลังของอลัน โปรยมันบนหัวอีกฝ่าย ให้กลายเป็นพุ่มดอกไม้
   
สเวนอมยิ้ม
   
แบบนี้สิ ดอกไม้งี่เง่านี่ถึงจะสวย
   
“ เฮ้ เจ้าม้าบ้า ฉันรอนายถามอยู่นะว่า ความหมายของมันคืออะไร ” อลันบ่นอุบ อันที่จริงที่เขาเด็ดดอกไม้เล่น ก็เด็ดรอสเวนถามเนี่ยแหละ
   
“ มันมีความหมายด้วยงั้นเหรอ ”
   
“ อืม ความหมายของมันเพราะด้วยล่ะ ” อลันยิ้มเมื่อสเวนยอมถามสักที “ มันแปลว่า อย่าลืมฉัน ”
   
“ อย่าลืมฉัน ? ชื่อฟังดูงี่เง่าสมกับเป็นชื่อที่มนุษย์ตั้งเลย ” สเวนแค่นเสียงหึแกล้งๆ สีหน้าไม่พอใจของอลันทำให้สเวนสนุกไม่เบา
   
อลันขมวดคิ้ว “ ลองฟังตำนานมันก่อนสิ แล้วนายจะซาบซึ้งถึงความโรแมนติก ”
   
สเวนล้มตัวนอนข้างๆ อลัน “ เล่าสิ ” ยิ้มบาง มองกลีบดอกไม้ที่เคลื่อนไหวยุกยิกไปตามเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย มองริมฝีปากที่เจือรอยช้ำนิดหน่อย
   
ข้าไม่อยากให้อลันต้องเจ็บปวดเลย..
   
“ ว่ากันว่าเมื่อสมัยโบราณในยุคที่ยังมีอัศวินผู้เกรียงไกรสวมชุดเกราะหนักไล่ฟันข้าศึกอย่างห้าวหาญ ”
   
“ ชุดเกราะคืออะไร ? ”   
   
“ โอ้ย ม้าบ้าอย่าเพิ่งขัดสิ ” อลันรู้สึกอยากตบหัวสเวนมาก “ มันก็คือเสื้อหนักๆ อะไรทำนองนั้นมั้ง ฉันไม่รู้จะอธิบายให้ม้าบ้าอย่างนายฟังไงดี ”
   
สเวนหัวเราะเมื่ออลันโวยวายจนกลีบดอกไม้ปลิวออกจากหัว
   
กลีบดอกไม้เบาบางล่องลอยแผ่วเบาในสายลม
   
อย่าลืมฉัน ?
   
จะพยายามแล้วกัน
   
“ เล่าต่อสิ ” สเวนพูดเร่งเร้า อยากฟังต่อ ตำนานของเจ้าดอกไม้ดูน่าสนุกดี
   
“ อัศวินคนนั้นเขามีสาวงามประจำกาย เลยพาไปเดินเล่นแถวป่า ”
   
สเวนมองอลันไม่พูดอะไร แกล้งมองดอกไม้ซ่อนแววตาพราวระยับ
   
ข้าอยากได้เจ้ามาประจำกายบ้างได้ไหม ?
   
สเวนไม่ได้พูดออกไป
   
ข้ายังไม่อยากให้อลันตกใจกับสิ่งที่ข้าซ่อนไว้ในใจนักหรอก
   
แต่ถ้าอีกฝ่ายถาม
   
ข้าก็ยินดีที่จะตอบ
   
เมื่อไม่ถูกสเวนขัดคออะไร อลันก็เล่าต่ออย่างสนุกปาก “ ทีนี้อัศวินเดินไปเจอกับดอกไม้นี่พอดี ” อลันสะกิดสเวนให้มองตัวเอง “ มองสิ ม้าบ้า ดอกที่นายจ้องอยู่มันคนละดอกกัน ”
   
“ ก็ข้าคิดว่ามันสวยดีเหมือนกัน เลยมอง ” สเวนยักไหล่
   
“ เออ ทีนี้ดอกไม้นี่มันงอกแถวริ่มตลิ่ง สาวงามเห็นก็อยากได้เลยขอให้อัศวินไปเก็บให้ ”
   
ครั้งนี้สเวนอดขัดไม่ได้
   
“ นางไม่มีมืองั้นเหรอ ”
   
อลันเริ่มรำคาญเมื่อถูกขัดคอบ่อยๆ เลยเล่าต่อไม่สนใจที่จะตอบคำถามสเวน “ อัศวินก็เลยลงไปเก็บให้ แต่เขาก็เผลอพลัดตกลงไป ” แววตาของอลันสลดลง “ เขารู้ตัวดีว่าตัวเองคงขึ้นมาไม่ได้เพราะชุดเกราะนั้นหนักเกินไปเลยโยนดอกไม้ไปให้สาวงามพร้อมตะโกนว่าอย่าลืมฉัน ”
   
“ ถ้าหากนางไม่เรื่องมากอยากได้แต่แรก คงจะไม่ต้องเสียเขาไปหรอก ” สเวนไม่ได้รู้สึกซึ้งตามแต่อย่างใด
   
“ ใครจะไปรู้ มันก็แค่ตำนานเศร้า เท่านั้นแหละ ” อลันถอนหายใจเซ็งๆ เมื่อไอ้ม้าบ้าไม่ได้คล้อยตามเลยแม้แต่นิดเดียว แต่สิ่งที่สเวนพูดก็สะกิดใจอลันไม่น้อย
   
ถ้าหากหญิงงามคนนั้นไม่อยากได้ดอกไม้
   
อัศวินคนนั้นอาจจะไม่ตายก็ได้
   
เอาเถอะ จะตายไม่ตายมันก็แค่ตำนานเท่านั้น
   
อลันเลือกเด็ดออกมาก้านนึงเก็บมันใส่กระเป๋าหน้าโดยการเอาคั่นไว้ที่หนังสือเรียนวิทยาศาตร์เก่าๆ ที่เคยใช้เรียนเมื่อตอน ม.ปลาย อลันเหลือบมองเห็นสเวนนอนหลับตาพริ้ม อลันโยนกระเป๋าออกเอนหลังทับตัวสเวนบ้าง
   
โชคดีที่ร่มไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านมาถึงตรงนี้พอดี
   
แดดจัดเลยไม่สามารถกัดผิวของอลันได้
   
ความรู้สึกผ่อนคลายแผ่ปกคลุมไปทั่ว
   
“ ทำไมนายถึงช่วยฉันล่ะ สเวน ? ”
   
เป็นคำถามที่ข้องใจอลันมาตลอด
   
ลึกๆ แล้วอลันเชื่อว่าสเวนมีเหตุผลอะไรบางอย่าง
   
“ ข้าก็แค่อยากช่วยเท่านั้น ไม่ได้งั้นเหรอ มนุษย์ ”
   
“ งั้นเหรอ ” อลันพยักหน้าหงึกหงักคนเดียว
   
คงจะอารมณ์เหมือนให้อาหารหมากับหมาหิวโหยล่ะมั้ง
   
คล้ายๆ กันนั่นแหละ
   
แล้วเขาก็เป็นหมาตัวนั้นด้วยสิ
   
หิวโหยและโหยหาถึงคนอื่นเป็นที่สุด
   
วอนขอให้ใครสักคนได้ยื่นมือมาช่วยเขาจากชีวิตห่วยๆ
   
“ อย่าเงียบสิ ” สเวนทัก ลูบหัวอลันที่ดูเซื่องซึมอีกแล้ว
   
อลันขยับยิ้มให้สเวนฝืนๆ
   
เขาก็เบื่อตัวเองเหมือนกันนั่นแหละ...
   
วันๆ เอาแต่คร่ำครวญถึงอาการป่วยของตัวเอง
   
นิสัยพรรค์นี้คงจะเลิกได้ก็ต่อเมื่อหาย
   
สเวนถอนหายใจ หยิบกลีบดอกไม้ที่ตอนนี้เจ้าตัวก็ยังคงไม่รู้ว่าอยู่บนหัวออกให้แผ่วเบา “ ข้าบอกแล้วว่าข้าจะช่วยเจ้าเอง ไม่ต้องกังวลไปหรอก ”
   
ถึงแม้ว่าข้าจะทำได้เพียงอยู่ข้างๆ เจ้าเท่านั้น
   
แต่ข้าก็จะพยายามทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด
   
“ เจ้าอยากกินผลไม้ไหม ? ข้าจะไปเอามาให้ ”
   
“ กินสิ ฉันเบื่ออาหารที่ฉันเอามาเต็มทนแล้ว ” อลันพยายามหัวเราะร่าเริง รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ ของมะเขือเทศยังติดอยู่ปลายลิ้น ถ้าหากมีการแข่งแยกรสชาติปลากระป๋อง เขาคงได้รางวัลนี้แน่ๆ เพราะถึงแม้จะพยายามประหยัดเงินแต่อลันก็พยายามเลือกซื้อปลากระป๋องหลากหลายบริษัท เผื่อว่าเขาจะเบื่อรสชาตินี้เปลี่ยนไปอันใหม่บ้าง
   
สเวนลูบหัวอลันครั้งสุดท้าย ก่อนจะวิ่งไปยังต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ในความทรงจำของสเวนบอกเล่าถึงรสชาติหวานๆ ของผลที่ต้นไม้ต้นนี้ให้ ถ้าหากกินลูกสีแดงก็ให้รสชาติไม่เลว สเวนรีบเก็บผลที่ว่าลูกเล็กๆ มาเต็มกำมือ วิ่งกลับมาหาอลัน กลัวว่าจะมีสัตว์ร้ายลักลอบเข้ามาใกล้
   
“ มันคือ ? ” อลันหยิบเม็ดอะไรสักอย่างมาดูใกล้ๆ พบว่าไม่คุ้นตาเลยแม้แต่นิดเดียว ผลไม้ลูกเล็กๆ สีแดงสด ดูเป็นมิตรไม่น่ามีพิษมีภัยร้ายแรงอะไร
   
“ ไม่รู้สิ แต่ข้าว่ามันอร่อยดี หวานๆ ฝาดๆ ” สเวนยืนยันคำพูดของตัวเองด้วยการส่งมันเข้าปากและเคี้ยว
   
ความหวานแทรกแซงไปทั่วลิ้น
   
กลิ่นหอมๆ ฟุ้งในปาก
   
อลันเลิกคิ้วมองส่งมันเข้าปากตัวเองบ้างก่อนจะหยิบลูกต่อๆ ไปเข้าปาก “ อร่อยชะมัด ทำไมของที่อร่อยขนาดนี้ ฉันถึงไม่รู้จักนะ ”
   
สเวนยิ้มแบมือหนาให้อีกฝ่ายหยิบไปกินเรื่อยๆ จนหมดในไม่ช้า
   
อลันตาเป็นประกาย
   
ไม่แน่ใจว่าเพราะความหวานหรืออะไรที่ทำให้อลันคึกกว่าปกติ
   
“ ไปเก็บเพิ่ม ! มันคือเสบียงหมายเลข 2 ของฉัน ฮ่าๆ ” อลันเขย่าตัวสเวนดึงดันให้อีกฝ่ายลุก แต่ก็ดูเหมือนไม่ทันใจคนอยากกิน อลันหยิบกระเป๋าวิ่งนำไปก่อนทันที
   
สเวนเหวอ
   
เป็นอีกครั้งที่ปรับตัวตามอารมณ์ตามอลันไม่ทัน
   
แต่ก็ดีกว่าเศร้าล่ะนะ
   
สเวนคิดรีบควบฝีเท้าไปหาอลัน ที่กำลังกระโดดโหยงเหยงพยายามโน้มกิ่งที่เต็มไปด้วยผลที่ว่าลง
   
“ ให้ตาย นี่มันสูงชะมัด นอกจากยีราฟสัตว์ที่ไหนมันจะไปกินได้ ”
   
สเวนอยากถามว่ายีราฟคืออะไรแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป ร่างเซนทอร์หนุ่มเดินไปโน้มกิ่งลงให้มนุษย์ผู้หิวโหยเก็บอย่างสนุกสนาน
   
“ ถ้าเอาไปทำเป็นแยมทาขนมปังต้องอร่อยกว่านี้แน่ๆ ”
   
อลันพูดเรื่อยเปื่อย อารมณ์ดีถึงขีดสุด
   
ของหวานๆ ทำให้อลันอารมณ์ดีเสมอ
   
เหมือนกับการกินช็อกโกแลตอะไรทำนองนั้น
   
ในกระเป๋าใบโตของอลันเต็มไปด้วยเศษซองช็อกโกแลตที่ถูกฉีกกินจนหมดตั้งแต่ 2 วันแรก
   
สเวนมองอลันไม่ได้พูดอะไร
   
ในอกฟูฟ่อง
   
อลันชอบสิ่งที่เชาให้
   
แค่นั้นก็ทำให้สเวนดีใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว
   
สเวนอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงเพลงดังแว่วจากริมฝีปากบาง
   
เสียงทุ้มนุ่มเหมือนกับเสียงนกร้องในตอนเช้า
   
คอยปลุกสัตว์จากการหลับใหลให้ตื่นขึ้นมา
   
ทำหน้าที่คล้ายดวงตะวัน
   
เช่นเดียวกับอลัน
   
ดวงตะวันอีกดวงของเซนทอร์
   
อลันไม่ได้สนใจที่จะปกปิดเสียงของตัวเองอีกต่อไป
   
สเวนทำให้อลันรู้สึกผ่อนคลาย นิสัยที่ถูกซุกซ่อนปรากฏขึ้นมาตั้งแต่พบกันครั้งแรก
   
เมื่ออลันเริ่มไว้ใจ นิสัยดั้งเดิมของอลันก็ถูกปล่อยออกมา
   
ร่าเริง ยิ้มง่าย
   
เป็นเหตุผลที่อลันสนิทกับเซนทอร์หนุ่มได้ไว
   
ในเมื่อเจ้าตัวชอบในตัวสเวนไม่น้อย
   
ความใจดี ความช่วยเหลือที่มอบให้ตนนั้นจริงใจจนกว่าจะเป็นเรื่องหลอกลวง
   
อลันอยากจะลองเชื่อในสัตว์เทพนิยายดูบ้าง
   
ไม่แน่ในตอนจบเขาอาจจะโชคดีเหมือนในนิทานหลายๆ เรื่อง
   
สมหวังในสิ่งที่หวัง
   
แต่น่าเสียดาย ที่มันเป็นเพียงแค่ความคิดของอลันเท่านั้น
   
ผื่นแดงปรากฏตามแขนของอลันอย่างเชื่องช้า
   
อากาศรอบตัวหนักอึ้งกะทันหัน
   
อลันชะงักมือที่กำลังเก็บเผลอปล่อยหลุดออกจากมือจนหมด กุมหน้าอกตัวเอง อ้าปากหอบหายใจอย่างเชื่องช้า น้ำตาคลอเบ้า
   
เวร..
   
เขาแพ้ไอ้ผลไม้บ้าๆ นี้
   
แต่คนที่ตกใจที่สุดกลับไม่ใช่อลัน
   
แต่เป็นเซนทอร์หนุ่ม
   
“ อลัน.. เจ้าเป็นอะไร ” สเวนพร่ำเรียกอลันมือสั่นไม่รู้ตัว ไม่กล้าแม้แต่จะแตะตัวอลัน กลัวว่ามนุษย์ที่ตนเองพยายามเฝ้าถนอมมาตลอดจะแตกสลายไป
   
ทำไม.. ?
   
ทำไมโรคบ้าๆ นี่มันต้องเลือกอลันด้วย !
   
ทำไมไม่เลือกข้า
   
สเวนอยากดึงตัวอลันมากอดแต่ก็ไม่ได้ทำ มือขาวเกาะที่ตัวสเวนกุมอกตัวเองสูดหายใจลึก กอบโกยอากาศเข้าไปให้ได้มากที่สุดเมื่อร่างกายประท้วง
   
“ อลัน ข้าทำอะไรได้บ้าง ” สเวนจ้องอลันด้วยสายตาเจ็บปวด
   
ถ้าหากเลือดของข้าใช้รักษาโรคได้คงดี
   
ข้าจะกรีดมันให้อลัน..
   
ต่อให้ข้าตายข้าก็ไม่สนใจ
   
อายุขัยของข้ามากเกินไป
   
แบ่งมันให้คนที่ข้าอยากจะให้ไม่ได้งั้นเหรอ
   
อลันเผลอดึงขนสเวนแน่นเมื่อมีอาการแน่นหน้าอก หน้าอลันแดงก่ำ บนแขนขาวมีผื่นแดงขึ้นทั่ว อลันนึกขอโทษสเวนในใจที่ทำให้ขนของสเวนหายไปแถบนึง อลันสูดหายใจลึกครั้งนึงก่อนที่จะพูด “ หยิบกระเป๋าให้ฉันหน่อย หากล่องยาให้ฉันท—” อลันพูดไม่จบก็ต้องหอบหายใจใหม่ เข่าเผลอทรุดไม่รู้ตัว
   
อลันปล่อยมือจากสเวนนอนขดตัวอยู่บนหญ้า
   
หลับตาพยายามไม่คิดอะไร
   
หายใจหนักหน่วง
   
ร่างเซนทอร์หนุ่มที่รู้จักแล้วว่ากระเป๋าคืออะไร พยายามดึงมันออกมันจากตัวอลันเบาๆ ไม่กล้าลงแรงหนัก กระเป๋าของอลันเคยถูกสเวนสำรวจมาแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้ครั้งนี้สเวนเดาได้ไม่ยากว่าอลันต้องการอะไร นอกจากอะไรสักอย่างที่เขาเรียกไม่ถูกแต่เคยเห็นอลันหยิบมันออกมาเปิดกินบ่อยๆ
   
อลันพยายามเหลือบตามอง
   
“ งี่เง่า.. นั่นมันปลากระป๋อง ”
   
เสียงติดๆ ขัดๆ ดังแผ่วเบาจากลำคอ
   
สเวนลนลานยิ่งกว่าเดิมเมื่อโดนตำหนิ หยิบออกมามั่วซั่ว ข้าวของเทกระจัดกระจาย
   
อลันขมวดคิ้วเผลอยิ้มบ้าง
   
ม้าโง่..
   
ฉันไม่ได้จะตายสักหน่อย
   
อาการมันก็แค่กำเริบเท่านั้น
   
“ ใจเย็นๆ สเวน หยิบกล่องสีขาวนั่นมาให้ฉัน ”
   
อลันพยายามควบคุมน้ำเสียงของตัวเองไม่ให้สั่น
   
เอาเข้าจริง อลันก็ไม่อยากจะให้เซนทอร์หนุ่มต้องตกใจบ่อยๆ
   
ท่าทางที่จะเหมือนอยากให้ชีวิตของตัวเองกับเขานั้น
   
ทำให้อลันอึดอัดใจ
   
ฉันไม่อยากให้ใครต้องตายเพื่อฉันหรอกนะ
   
ม้าอย่างนายใช้ชีวิตบ้าๆ ต่อไปก็ดีแล้ว..
   
สเวนไม่รู้ว่ากล่องยาคือกล่องไหน แต่พอบอกว่าสีขาวก็เห็นอยู่กล่องเดียว รีบหยิบมันให้อลัน
   
“ ขอบใจ ” อลันพูดทั้งๆ ที่มือยังกุมอกแน่น เสื้อยืดสีเทาถูกกำจนเป็นรอยยับหยาบๆ อลันพยายามแกะกล่องยาที่บรรจุยาทุกอย่างที่เขาพอจะสรรหามาได้จนแน่นขนัด แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นยาราคาถูกที่รักษาอาการได้เบื้องต้นเท่านั้น อลันหยิบยาแก้แพ้เม็ดเล็กพร้อมกับยาทาแก้ผื่นคันออกมา 
   
“ หยิบกลมๆ สีเขียวนั่นให้ฉันที ”
   
สเวนยื่นมันให้อลัน มองอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง
   
เม็ดยาเม็ดเล็กถูกกินพร้อมกับน้ำสะอาดที่พอจะเหลืออยู่ครึ่งกระบอก
   
อลันมองแขนตัวเอง ถอนหายใจเหนื่อยๆ
   
“ ถอดเสื้อฉัน ฉันไม่รู้ว่าไอ้ผื่นนี่มันลามถึงไหน ”
   
เซนทอร์หนุ่มสะดุ้งทันควัน
   
ถึงแม้อารมณ์โศกเศร้ายังอยู่
   
แต่ร่างขาวๆ นั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีผลต่อเขาด้วย
   
“ ดะ ได้ ” สเวนรับคำกระอึกกระอัก เข้าไปไปใกล้อลันถอดสิ่งที่ปกคลุมชั้นแรกออกอย่างง่ายดาย ก่อนจะกลืนน้ำลายเอือก เมื่อร่างที่ตนหลงใหลหลับตาไม่ได้สนใจมีเพียงลมหายใจหนักๆ ที่ยังคงอยู่
   
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นอีกฝ่ายเปลือย
   
แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่เขาถอดมันเอง
   
ความรู้สึกมันถึงได้แตกต่างจากทุกครั้ง
   
สเวนสบถถึงความหื่นกาม ความหลงใหล ความไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจของตัวเอง พยายามตอกย้ำความคิดในหัวว่าอลันกำลังป่วยและมันไม่สมควรที่เขาจะไม่คิดอะไรแบบนั้น !
   
สเวนค่อยๆ ถกเสื้อของอลันขึ้นอย่างเชื่องช้า พยายามไม่สนใจเนื้อขาวๆ ที่ปรากฏเบื้องหน้า แต่ผดผื่นสีแดงก่ำที่ขึ้นตัดผิวขาวนั่นทำให้อารมณง์ของสเวนสงบลง
   
แดงก่ำจนน่ากลัว
   
แต่เจ้าตัวดูจะไม่ค่อยสนใจมันเท่าไหร่
   
เมื่ออารมณ์ของสเวนเข้าที่เข้าทางการดึงเสื้อของอลันออกจึงเป็นเรื่องง่ายไม่ติดขัดอะไรอีก
   
แต่สิ่งที่สเวนต้องยอมรับจริงๆ ว่า
   
หุ่นของอลันน่ามองมาก
   
“ เอานี่ไปทาตามที่มันแดงๆ ” อลันบีบยาให้สเวน มือสั่นๆ ของอลันบอกถึงอาการที่ยังไม่ปกติ
   
สเวนยื่นมือไปรับยาที่ไหลทะลักออกมาจากหลอด ขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกเย็นๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร แต้มมันลงผดผื่นตามตัวเบาๆ ตามท้องแขน หลัง เมื่อทาจนหมดสเวนก็ถามต่อ “ แล้วขาของเจ้าล่ะ ไม่ต้องทางั้นเหรอ ”
   
อลันหัวเราะในลำคอ
   
“ ไม่ล่ะ แค่นี้ก็น่าพอแล้ว ”
   
อลันพยายามยิ้มให้สเวน ตาพร่าเลือน อกจุกแน่น ร่างขาวพยายามหอบหายใจ พยายามรับรู้ถึงการมีอยู่ของร่างกายตัวเอง
   
ในตอนนั้นเองที่รู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาที่หัว
   
“ เจ้ายังมีข้านะ อลัน ”
   
อลันพยักหน้ารับ
   
“ ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ ม้าบ้า.. ”
   
ต่อให้อาการของเขาแย่ลงทุกวัน
   
ต่อให้เขาจะร้องไห้อีกสักกี่ครั้ง
   
อย่างน้อยก็เซนทอร์บ้าๆ สักตัวอยู่ข้างเขา
   
แค่นี้เขาก็ดีใจแล้วล่ะ
   
สเวน
   
------------------------------
พรุ่งนี้อาจจะไม่ว่างมาลง เลยลงให้ก่อนค่ะ  :katai5:

อลันลูกครึ่งเทพ ไม่ธรรมดาๆ ><
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
 
   
   
   
   
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: เหนือฟ้ายังมีจักรวาล ที่ 01-11-2015 23:11:08
อยากบอกว่าชอบมากๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: sinyou ที่ 01-11-2015 23:37:59
กรี๊ดกร๊าด มาต่อไวมากก
เหมือนจะสุขแต่ก็หน่วง นิยายเรื่องนี้มีเงื่อนง่ำ อลันน่าสงสารจัง
ปล.กระต่ายน้อยหายไปเลยหรือนางมีบทแค่นี้?
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 02-11-2015 21:11:20
สงสารอลัน นางจะหายป่วยเมื่อไหร่เนี่ย
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: paojijank ที่ 03-11-2015 11:29:32
ลึกลับ น่าสนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 03-11-2015 12:48:21
มีสเวนอยู่ข้างๆ ก็ดีกว่าแต่ก่อนที่พออาการกำเริบแล้วต้องทนทรมานอยู่คนเดียวจริงๆ นั่นล่ะค่ะอลัน :กอด1:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 03-11-2015 14:52:37
ว๊ายๆๆๆ สรุปคืออลันนางไม่ได้ป่วยใช่มั๊ย  :hao7:  :hao7:
จะเป็นแบบกำลังจะกลายร่างเป้นเทพไรงี้ อิ๊อ๊ะ  :z1:  ปลื้มปริ่ม  :-[
อลันคงไม่ตายแต่จะได้อยุ่กับม้าบ้าไปนานๆสินะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-11-2015 14:57:10
ต้นเรื่องมุ้งมิ้งอยู่กลางทุ่งดอกไม้ อ่านไปอ่านมา แพ้ผลไม้สะงั้นนน
โถ่ๆ สงสารอลัน อ่ะ
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 03-11-2015 17:45:43
เสียงแว่วครั้งที่  7 : เสียงเพลงแผ่วเบา
   
ครืนนน
   
เมฆฝนครึ้มบุกรุกฤดูใบไม้ผลิอย่างกะทะหัน กลิ่นฝนเจือจางในอากาศผสมกับกลิ่นดิน เซนทอร์หนุ่มที่พอดูสภาพอากาศเป็นรีบอุ้มตัวอลันควบไปหาที่หลบฝนใกล้ๆ
   
นึกสบถในใจถึงเมฆฝน
   
อากาศเย็นแบบนี้ มีหวังอลันได้ป่วยกว่าเดิมแน่
   
สเวนเหลือบมองร่างในอ้อนแขนที่ยังคงหอบหายใจเสียงเบาอยู่ แต่อาการของอลันก็ดีขึ้นเป็นพักๆ เมื่อสิ่งที่กินเข้าไปออกฤทธิ์
   
อย่างน้อยอาการอลันก็ดีขึ้น
   
แค่นี้ก็ทำให้ใจข้าชื้นมากแล้วล่ะ
   
ถ้ำโปร่งถูกสเวนใช้เป็นพื้นที่ในการหลบฝน ซึ่งด้วยความโปร่งของถ้ำและสว่างเกินกว่าจะมีค้างคาวมาชุมนุมตั้งสมาคมอยู่กัน ทำให้ถ้ำค่อนข้างที่จะสะอาดเหมาะแก่นอนพัก
   
“ ถ้ำนี่สวยดีนะ ” อลันกวาดสายตามองไปรอบๆ ถึงแม้มันจะไม่มีหินงอกหินย้อยอะไรทำนองนั้น แต่ไม้เลื้อยที่เลื้อยไปตามแนวถ้ำชวนให้นึกถึงโปสเตอร์หนังที่เคยดู
   
เหมือนกับภาพวาดของจิตรกรชั้นเอก
   
ถ้ำนี่อยู่ค่อนข้างสูงทำให้วิวทอดลงไปเป็นป่าไม้ขึ้นชุกชุมสีเขียวตลอดแนวเห็นเส้นขอบฟ้าอยู่ไกลๆ ลำธารเล็กแทรกตัวไปทั่ว นกบินขึ้นสูงสลับกับบินไปเกาะไปตามแนวกิ่งไม้
   
“ สวยสิ ก็ข้าชอบมานอนเล่นที่นี้ ” สเวนค่อยๆ ปล่อยอลันนั่งลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง
   
“ รสนิยมดีไม่เบา ” อลันเลิกคิ้วหัวเราะ
   
อาการหอบดีขึ้นมากหลังจากกินยาแก้แพ้เข้าไปรวมถึงผืนแดงตามตัวที่ไม่ค่อยคันเพราะทายาดักเอาไว้ก่อน
   
ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะรับมือกับโรคที่ตัวเองประสบได้ไว
   
มันเลยไม่อยู่คุกคามนานเหมือนทุกครั้ง
   
อาจจะเพราะม้าบ้านี่ก็ได้มั้ง ?
   
ไหนๆ ก็ไหนๆ ดูเหมือนว่าสเวนจะชอบฟังเพลงที่เขาร้อง
   
ลองให้รางวัลเป็นเพลงสักหน่อยจะเป็นอะไร
   
“ อยากฟังเพลงไหม ฉันจะร้องให้นายฟังสักเพลง ” อลันถอดกระเป๋าโยนลงบนพื้นเอนมันต่างโซฟานุ่ม
   
สเวนพยักหน้าโดยไม่ต้องคิด
   
มีเพลงเพราะๆ ที่เขาชอบมาเสนอทั้งทีใครจะกล้าปฏิเสธ
   
อลันมองหน้าสเวนพลางครุ่นคิด “ อา.. ดูเหมือนว่านายจะไม่รู้จักชื่อเพลงนี่เนอะ เอาเหอะ เดี๋ยวฉันเลือกให้สักเพลงล่ะกัน ” และเลือกเพลงที่ตัวเองชอบที่สุด
   
น้ำเสียงทุ้มแผ่วเบาถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปาก
   
คำบางคำที่ถึงแม้ไม่เข้าใจถึงความหมายแต่สเวนก็รู้สึกไหลลื่นไปกับเนื้อเพลง
   
จังหวะเนิบช้า
   
เนื้อเพลงที่กล่าวถึงความรักที่ไม่สมหวัง
   
สลับกับท่อนแร็ปแพรวพราวที่อลันร้องด้วยจังหวะสนุก
   
สเวนรู้สึกสนุกไม่น้อยกับการร้องเพลงของอลัน
   
ช่วยไม่ได้
   
เซนทอร์ไม่ได้เกิดมาพร้อมทักษะการร้องเพลงสักหน่อย
   
จะให้ข้าร้องแบบเสียงนกน้อยก็คงไม่เหมาะหรอกมั้ง ?
   
“ จบแล้ว เพลงเดียวพอ ฉันคอแห้ง ” อลันยิ้มเมื่อผู้ฟังอย่างสเวนดูตั้งใจฟังดี แล้วยังดูชอบเพลงที่เขาร้องด้วย ไม่เหมือนพวกเพื่อนเขาที่หัวเราะเยาะกับในวันสอบ
   
น่าเจ็บใจชะมัด
   
สเวนรู้สึกอยากให้เวลาในตอนนี้ยืดยาวยิ่งกว่านี้
   
เขาชอบที่จะเห็นอลันเยิ้มร่าเริงแบบนี้
   
ไม่มีความเศร้าเจือปนอย่างทุกครั้ง
   
แค่เห็นอลันมีความสุข สเวนก็พลอยรู้สึกมีความสุขไปด้วย
   
ข้าชอบอลันจริงๆ นะ
   
สีหน้าพวกนั้น ทุกอย่างที่เป็นอลัน
   
ข้าชอบมัน
   
ข้าไม่เคยชอบใครมาก่อน ระยะเวลาที่ยาวนานที่ดำรงอยู่ ข้าเคยพบมนุษย์หลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีสักครั้งที่เขายื่นมือไปช่วยหรือแม้แต่จะให้ความสนใจ
   
อลันเป็นคนแรกและคนเดียวที่ข้าจะสนใจ
   
“ ข้าชอบเพลงที่เจ้าร้อง ฟังแล้วรู้สึกดี ” สเวนฉีกยิ้มประกอบ
   
อลันเลิกคิ้ว มองเม็ดฝนที่ดูเม็ดใหญ่ขึ้นตกหนักกว่าเดิมข้างนอก เสียงเปาะแปะดังกระทบหูแต่ไม่ชวนให้รำคาญ เหมือนเป็นบทเพลงธรรมชาติที่มีอยู่โทนเดียวให้ฟัง หรือถ้าอยากได้โทนสูงต่ำก็ต้องรอนักร้องยิ่งใหญ่มาร่วมวงอย่างพวกกบอะไรพวกนั้น
   
ได้ฟังเป็นวงโอเปร่าเลยล่ะ ถ้าโชคดี
   
“ ชอบก็ดี ถ้านายชอบฉันก็จะร้องให้ฟังบ่อยๆ แล้วกัน ” ถ้าได้แจกลายเซ็นกับสเวนก็คงจะสนุกไปอีกแบบเหมือนกัน
   
แปลว่าข้าอาจจะได้ฟังเพลงที่ข้าชอบสิ
   
สเวนคิดอย่างดีใจ
   
ข้าไม่ต้องลอบแอบฟังเหมือนทุกครั้งอีกต่อไปแล้ว
   
เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ
   
ยิ่งเห็นสีหน้าอีกฝ่ายตอนที่ร้องเพลงไม่ใช่แผ่นหลังเหยียดตรงยิ่งทำให้สเวนดีใจจนเนื้อเต้น
   
ระหว่างที่ปล่อยให้สเวนคิดอารมณ์ดีอะไรไปพลางๆ อลันก็ถามไปเรื่อยเปื่อย “ สเวน นอกจากนายแล้วยังมีเซนทอร์คนอื่นอีกหรือเปล่า ? ”
   
“ ไม่มี หรือถ้ามีข้าก็ไม่เคยเจอ ”
   
แปลว่าสเวนที่ฉันเจอก็เป็นของหายากระดับตำนานเลยงั้นสิ
   
อลันมองหน้าสเวนคิดในใจ
   
“ แล้วนายเกิดมาก็โตเลยงั้นเหรอ ”
   
สเวนหยุดคิดไปพักใหญ่ๆ “ ไม่รู้สิ ข้าจำไม่ได้ ”
   
อลันกลอกตา เป็นเซนทอร์ที่งี่เง่าสิ้นดี “ อยากลองกินอาหารมนุษย์ดูไหม  ฉันเอามาเยอะเลยล่ะ ” พูดพร้อมเปิดกระเป๋า ปลากระป๋องยังเหลืออีกมากกว่าครึ่งเพราะอลันกินอย่างละเมียดละไม อลันตัดสินใจหยิบแครกเกอร์แข็งๆ กลิ่นช็อกโกแลตออกมาแกะ
   
“ เอาสิ ข้าเห็นเจ้ากินดูน่าอร่อย ข้าอยากลองกินบ้าง ” สเวนนนอนลงข้างตัวอลัน ตั้งหน้าตั้งตารอเหมือนกับเด็กเจ็บแปดขวบรอแม่ตักข้าวเช้าใส่ถ้วยให้กิน
   
อลันหลุดขำ เมื่อเห็นตาเป็นประกายของสเวนตอนที่มองซองขนมในมือ
   
กลิ่นแปลกๆ นั่นหอมชะมัด
   
รสชาติก็ประหลาดด้วย
   
แต่มันก็อร่อยมากเลยล่ะ
   
สเวนเคี้ยวไปได้สองสามกรุบก็ขมวดคิ้ว ความรู้สึกคล้ายเคี้ยวหินกรวดแข็งตามพื้นปรากฏขึ้นในหัว เหมือนกับกำลังกินหินคลุกกลิ่นประหลาดอะไรสักอย่าง “ มันคืออะไร ”
   
“ แครกเกอร์กลิ่นช็อกโกแลตน่ะ ” อลันรู้สึกดีที่เห็นสเวนดูชอบมัน ยิ่งสีหน้าหลังจากกินทำให้รู้สึกอยากกินบ้าง “ เอามากินบ้าง ” ยื่นมือไปหาสเวนหมายจะขอถุงแครกเกอร์คืน
   
สเวนหันหน้าหนีเคี้ยวกรุบๆ อย่างหวงแหน
   
มันคือของล้ำค่า
   
แครกเกอร์ช็อกโกแลต !
   
มือหนาพยายามยืดหนีมืออลันที่ไล่ชิงซองแครกเกอร์คืน
   
“ เฮ้ ม้าบ้า เอามาแบ่งกันมั้งสิ ” อลันโวยวาย
   
“ ไม่ เจ้าให้ข้ากินแล้ว ” สเวนหัวเราะ ร่างเดิมที่ทิ้งร่างบนพื้นยืนเต็มความสูง ทำให้อลันทำได้เพียงเบ้หน้าใส่ เมื่อเขาหยิบมันใส่ปากเคี้ยวกรุบล้อๆ
   
“ เวร ” อลันสบถ
   
เซนทอร์หนุ่มเห็นอารมณ์ของอลันที่เริ่มจะไม่ค่อนดีก็หยิบแครกเกอร์ออกมาชิ้นนึงจ่อมันเข้าที่ปากอลัน
   
อลันเหลือบมองหน้าสเวน

ดวงตาสีฟ้าจองอลันไม่ได้เจือความหงุดหงิดอะไรอย่างที่สเวนคิด

เพียงแค่ไม่สบอารมณ์นิดหน่อย

แต่นัยน์ตาสีทองที่จับจ้องคืนเต็มไปด้วยคำง้องอนทั้งที่ไม่ได้เอ่ยปาก

แฝงไว้เต็มไปหมด

อลันสบมันนิ่ง

ก่อนจะยอมกัดมันทั้งคำ    
   
เสียงกรุบดังขัดกับเสียงฝนที่ยังคงลงเม็ดอย่างหนักหน่วง
   
เมฆครึ้มดูจะลำพองใจกว่าทุกวันบดบังดวงอาทิตย์ที่เป็นที่พึ่งของทุกชีวิต
   
ความมืดโรยตัวไปตามทางแม้ดวงตะวันยังคั่งค้างอยู่บนท้องฟ้า
   
อากาศหนาวเหน็บพยายามขยับขยายพื้นที่ของมันตามละอองฝนที่กระเด็นไป
   
“ หนาวชะมัด ” อลันบ่น ดึงเสื้อโค้ทที่ถูกยัดในกระเป๋าตั้งแต่ที่เขาหอบออกมาใส่ เหลือบมองร่างสัตว์ในเทพนิยายที่ดูจะเพลิดเพลินกับการกินแครกเกอร์ซะเหลือเกิน
   
ถ้าบอกว่าไอ้ม้านี่มันเป็นพวกเทพธิดาฟันน้ำนมยังดูเข้าท่ากว่าเลย
   
“ ไม่หนาวรึไง สเวน ” เรียกชื่อย้ำอีกครั้งเพื่อให้หันมาสนใจ
   
“ ไม่หนาว แค่นี้เทียบกับตอนฤดูหนาวไม่ได้หรอก ” สเวนยักไหล่ ในหัวเกิดกรรมวิธีในการกินร้อยแปดนอกจากหยิบใส่ปากเฉยๆ อย่างการเอาไปกินคู่กับผลไม้ เนื้อสัตว์อะไรทำนองนั้น
   
ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใส่เสื้อส่วนบนแท้ๆ
   
อลันนึกอิจฉาอยู่ในใจที่ไม่ต้องมากังวัลกับสภาพอาหารหนาวเย็น มือของอลันเริ่มจะเย็นขึ้นมานิดๆ ตามสภาพอากาศ อลันเป็นคนที่มือเย็นและซีดง่ายมาก อลันมองสเวนกินขนมทีละชิ้นก็รู้สึกเพลิน
   
เผลอยิ้มตามสเวนไม่รู้ตัว
   
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นงุนงง
   
เมื่อสเวนทำสีหน้าเศร้าสุดซึ้ง
   
“ นายเป็นอะไร ? ” อลันตกใจที่จู่ๆ เซนทอร์เซื่องซึมไปกะทันหัน
   
“ มันเหลือชิ้นสุดท้ายแล้ว ” สเวนยังคงไม่เลิกทำหน้าเศร้า
   
อมแครกเกอร์ชิ้นสุดท้ายในปาก
   
หวังจะซึมซับถึงรสชาติอย่างที่สุด
   
กลิ่นแปลกๆ ที่ข้าชอบกำลังจะหมด
   
สเวนรู้สึกถึงความเศร้าที่กำลังกู่ร้องอยู่ในหัว
   
ข้าไม่อยากกลืนมันเลย
   
อลันถอนหายใจเสียงดัง
   
รู้สึกเสียดายเวลาที่ตกใจ เป็นห่วงจริงๆ
   
“ ไว้ถ้านายทำตัวดี ฉันจะให้กินอีกแล้วกัน ” อลันตบกระเป๋าเชิงว่าในนี้มีอีกเยอะ แต่เยอะที่ว่ามันก็มีไม่ถึงร้อยหรอกนะ เหลือๆ อยู่ห้าหกซองเท่านั้น
   
เพราะอลันไม่ได้ชื่นชอบมันสักเท่าไหร่
   
สเวนกลืนทันทีเมื่อรู้ว่ายังเหลืออีกมากในกระเป๋าของอลัน นึกภาวนาให้อลันอารมณ์ดีแบ่งมันให้เขากินอีก อาหารของมนุษย์อร่อยกว่าผลไม้ที่ข้าเก็บกินมาก “ ปกติข้าก็ดีกับเจ้าอยู่แล้ว อลัน ” สเวนยิ้มจริงใจ
   
ข้าไม่เคยดีกับมนุษย์คนไหนเท่าเจ้าจริงๆ นะ
   
อลันรู้สึกอึดอัดประหม่าน้อยๆ กับสายตาที่ทอดมองมา
   
ก็รู้อยู่ว่าเจ้าม้านี่มันดีกับเขาจริง   
   
แต่ไม่เห็นต้องมองกับด้วยสายตาหวานซึ้งเหมือนคู่รักก็ได้นี่หว่า
   
อลันหลบสายตาไปมองอย่างอื่นแทน ร่างขาวนอนเอนทับกระเป๋าตัวเองอีกรอบมองท้องฟ้าสีดำภายนอกถ้ำเบื่อๆ เมฆฝนนี่ทำให้การเดินทางของเขาช้าลงแต่ก็ทำให้ความคิดของเขาช้าลงเช่นกัน
   
มีเวลาให้ไตร่ตรองความคิดที่ยุ่งเหยิง
   
“ แค่เพียงขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง เดี๋ยวก็ถึง ” ร่างครึ่งอาชานอนแผละข้างๆ อลัน เอาหัวเบียดซุกแย่งเนื้อที่กระเป๋าที่ถูกใช้แทนโซฟา
   
อลันมองสเวนนิ่งๆ ไม่พูดอะไร
   
แต่ก็เผลอยิ้มออกมา
   
อย่างที่ม้าบ้านี่ว่า

เดินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถึงเอง
   
ฉะนั้นเขาก็ควรเลิกกังวลเรื่องงี่เง่าอย่างระยะทางได้แล้ว คิดไปมีแต่จะทำให้เครียดซะเปล่าๆ
   
อลันหลับตาแต่ไม่ได้หลับเพียงแค่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปกับบรรยากาศ
   
นอกจากจะนอนกับคุย
   
ตอนนี้จะทำอะไรได้ล่ะ ?
   
อีกอย่างม้าบ้าก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วยถ้าจะนอนต่ออีกสักรอบ
   
“ เจ้าเคยได้ยินเรื่องราวความรักที่เป็นไปไม่ได้ไหม ? ”
   
เซนทอร์หนุ่มมองหน้ามนุษย์ที่ตัวเองหลงใหลขณะที่พูด
   
ถ้าหากอลันลืมตาขึ้นมาตอนนี้พอดี
   
จะเห็นสีหน้าคาดหวังเต็มเปี่ยมของเซนทอร์หนุ่ม
   
อลันหยุดคิดไปสักพักเพราะยังไม่ค่อยเข้าใจคำถามเท่าไหร่ โจทย์ที่ให้มันกว้างเกินไปตีความได้หลายความหมายเลยทีเดียว
   
“ เป็นไปไม่ได้ยังไง อย่างพวกเทวดารักกับปีศาจอะไรแบบนี้เหรอ ”
   
“ อืม แบบนั้นแหละ เจ้าเชื่อไหมว่าพวกเขาจะรักกันได้ ”
   
อลันหัวเราะเบาๆ “ ได้สิ ความรักมันไม่ใช่เรื่องจำกัดเผ่าพันธุ์หรอกนะ ถ้ารักก็รักสิ ไม่เกี่ยวหรอกว่าจะเป็นตัวอะไร ”
   
สเวนยิ้มกว้าง
   
งั้นข้าก็มีความหวังสิ !
   
แต่ข้ายังให้มันค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า
   
ฉะนั้นข้าจะยังไม่บอกอลัน
   
ว่ามีเซนทอร์คิดไม่ซื่ออยู่
   
“ แล้วถามทำไม ”
   
สเวนสะดุ้ง เพราะไม่ได้เตรียมคำตอบในส่วนนี้ “ ข้าถามเฉยๆ น่ะ ”
   
อลันครางในลำคอเชิงรับรู้ เริ่มรู้สึกง่วงนิดๆ  “ ฉันนอนต่อดีกว่า ถ้าฝนหยุดตกปลุกด้วยแล้วกัน จะได้ไปกันต่อ ” ขยับตัวอีกครั้งซุกหน้าลงกระเป๋าไม่สนใจจะรับรู้อะไรต่อ
   
“ ได้เลย เจ้านอนเถอะ ” สเวนลุกออกจากกระเป๋า ปล่อยให้กระเป๋าใบโตกลายเป็นหมอนของอลันไปเพื่อให้อีกฝ่ายจะได้นอนสบาย เพราะโอกาสนานครั้งที่จะแวะเวียนมา
   
การนอนที่ไม่มีโรคร้ายมารบกวน
   
เซนทอร์หนุ่มนั่งใกล้อลัน ฮัมเพลงเบาๆ ในลำคอที่ดูจะผิดจากเนื้อเพลงไปมากโข
   
ทอดสายตามองมนุษย์อ่อนแอ
   
ด้วยสายตาอ่านยาก
   
ยิ้มมุมปากเมื่อลมหายใจราบเรียบ
   
สีหน้าผ่อนคลาย
   
สเวนขยับเข้าไปใกล้อลัน ลอบลูบผมนุ่มมือเบาๆ พุ่มไม้สีน้ำตาลที่ถูกหิมะเกาะไปบางส่วน 
   
ข้าจะช่วยเจ้าสุดความสามารถ

อลัน
   
ต่อให้ต้องเสียขาไปสักข้าง ข้าก็จะพาเจ้าไปถึงที่นั่นให้ได้
   
ข้าสัญญา

   
“ อลัน ”
   
อลันขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคุ้นเคย
   
“ อลัน !! ”
   
เสียงนั้นตะคอกเข้าที่ข้างหูจนอลันสะดุ้งตื่นขึ้นมาตาเบิกกว้างและยิ่งกว้างกว่าเดิมเมื่อเจ้าของเสียงไม่ใช่ที่ไหนไกล
   
ลุงวิลเลียม !
   
“ ละ ลุงวิลเลียม ” อลันเรียกเสียงสั่นแววตาอ่อนไหว ความรู้สึกผิดในใจถาโถมเข้ามาทันที สิ่งที่ฉายในหัวเหมือนหนังฟิล์มเก่าๆ ที่พังแล้วเอาแต่ฉายซ้ำไปมา อลันกัดปากตัวสั่น
   
“ เรียกฉันทำไม หืม ? ”
   
“ ผะ ผมขอโทษ ” อลันสบกับดวงตาที่ฉายชัดถึงความผิดหวัง ร่างขาวกุมหัวซุกตัวลงกับเข่า น้ำตาคลอ
   
ถ้อยคำตำหนิติเตียนพร่ำอยู่ข้างหู
   
แกมันไอ้ขี้ขโมย ! ไอ้ขี้โรค
   
เห็นเงียบๆ นึกว่าจะนิสัยดี แต่มันเลวถึงขนาดว่าทรยศความไว้ใจลุงวิลเลียมเลยว่ะ
   
สารเลว !
   
“ ทำไมเธอถึงทำแบบนี้กับฉัน อลัน ” น้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับสัมผัสแผ่วเบาบนหัว
   
อลันขยี้ตาเงยหน้าขึ้นมอง ตาแดงก่ำ
   
คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะฟังคำแก้ตัวของตัวเอง
   
แต่แรงตะคอกกลับกลบความความหวังของอลันจนหมด
   
“ แกทำมันลงไปได้ยังไง ! นี่มันเสื้อโค้ทที่แม่ฉันที่เสียไปแล้วซื้อให้ในวันเกิด ! ” ตะคอกเสียงดังดวงตาแดงก่ำ ย่างสามขุมเข้ามาใกล้ กำหมัดแน่น บนขมับมีเส้นเลือดปูด
   
อลันถอยกรูด ปัดกระเป๋าทิ้งไม่รู้ตัว  น้ำตาอาบแก้ม
   
ความรู้สึกผิดกระโจนเข้ากัดอลันจนเป็นแผลใหญ่
   
รอยเลือดคำขอโทษที่ไม่ได้เอ่ยลากตามทาง
   
ร่างที่เคยอุปถัมภ์อลันหยุดยืนตรงหน้าอลัน มองอลันด้วยสายตาดุดัน “ ฉันถาม !! ”
   
อลันไม่กล้ารับรู้อะไรอีกต่อไป ซุกหัวอยู่กับเข่าเอามือปิดหู
   
แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไร
   
เสียงตะคอกถามดังก้องในหู
   
อลันไม่ตอบเพียงนิ่งงันไม่ตอบสนองอะไร
   
มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบจนกางเกงเปียกเป็นวงกว้าง
   
“ อลัน ! อลัน ”
   
สเวนตกใจจนแทบสิ้นสติอาการง่วงหายไปทันควัน
   
อย่างที่รู้ว่าสัตว์โลกต้องพักผ่อนนั่นก็รวมถึงเซนทอร์อย่างเขาด้วย
   
จนกระทั่งเบลอๆ กึ่งหลับกึ่งตื่น   
   
ก็ต้องตื่นเต็มตาเมื่อเห็นอลันพูดคนเดียว ถอยหลังติดผนังถ้ำ น้ำตาอาบใบหน้า
   
เซนทอร์หนุ่มรวบตัวอลันมากอดแน่นลูบหัวลูบหลังพยายามปลอบ “ อลัน เจ้าเป็นอะไร คุยกับข้าก่อน ”
   
สติกระจัดกระจายของอลันถูกเสียงเซนทอร์ดึงกลับมาเข้าที่
   
ร่างของลุงวิลเลียมหายไปถูกแทนที่ด้วยร่างเซนทอร์หนุ่มแทน
อ้
อมกอดอุ่นๆ ทำให้ร่างเย็นเฉียบของอลันอุ่นขึ้นอย่างประหลาด
   
อลันกอดกลับเต็มแรง
   
ซุกหน้าลงกับตัวสเวน
   
ไม่สนใจจะเช็ดน้ำตาบนใบหน้า
   
“ ฉันแค่เห็นภาพหลอนน่ะ ไม่มีอะไร ร้ายแรงหรอก ”
   
แต่แรงกอดของอลันนั้นสวนทางกลับที่พูด
   
ในใจอลันกลายเป็นรอยแหว่ง
   
สเวนถอนหายใจ ดึงแขนของอลันออก
   
อลันงุนงงแต่ไม่พูดอะไร ก้มหน้าต่ำ
   
“ มองหน้าข้าอลัน ”
   
สเวนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือหนาหยิบมือของอลันมากุมแน่น บีบเบาๆ ให้รับรู้ถึงการมีอยู่ของตัวเอง
   
อลันเงยหน้าขึ้นสบตาสเวน
   
สีหน้าของอลันซีดจนสเวนรู้สึกจุกในอก
   
เจ้าเห็นอะไรกัน ?
   
บอกเซนทอร์คนนี้ได้หรือเปล่า
   
สเวนเพียงแค่คิดแต่ไม่พูดออกไป กลัวว่าจะทำให้ร่างตรงหน้าร้องไห้หนักกว่าเดิม
   
เรื่องราวในอดีตไม่ควรรื้อฟื้นขึ้นมา
   
รังแต่จะทำให้ทุกฝ่ายเจ็บปวดเปล่าๆ
   
“ เจ้าลืมแล้วเหรอ ว่ายังมีข้าอยู่ ”
   
สเวนยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่แฝงไปด้วยความรวดร้าวในใจ
   
“ ไม่นะ ไม่ ฉันไม่ได้ลืมนาย ” อลันตกใจบีบมือสเวนกลับแรง ตาสีฟ้าสั่นระริกเหมือนกลัวสุดหัวใจว่าจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว
   
อลันในตอนนี้อ่อนแอ
   
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
   
แต่ไม่ได้ทำให้อลันเข้มแข็งขึ้นมาแต่อย่างใด
   
เป็นสาเหตุที่ทำให้สเวนยิ้ม
   
“ ถ้ายังไม่ลืมข้า ก็จงอย่าร้องไห้ อลัน ” สเวนใช้มือเกลี่ยน้ำตาของอลันออกอย่างแผ่วเบา
   
อลันปาดน้ำตัวเองลวกๆ ออก พยายามฝืนยิ้มให้
   
“ อย่ายิ้มแบบนั้นสิ ” สเวนขมวดคิ้วตำหนิ
   
อลันหน้าเจื่อนลงกะทันหัน
   
“ เจ้าจะร้องไห้อีกกี่ครั้งก็ได้ แต่อย่าลืมว่ามันทำให้เซนทอร์อย่างข้าต้องเสียใจ ” สเวนยิ้มฝืดๆ
   
อลันรู้สึกผิดต่อสเวนจนพูดอะไรไม่ออก
   
ทั้งๆ ที่สเวนอยู่ข้างๆ เขา
   
ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะเข้มแข็งขึ้น
   
ทำไมเขาถึงเอาแต่อ่อนแอแบบนี้วะ
   
“ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย สเวน ” อลันกอดสเวนแน่นซุกหน้าลงกับตัว
   
ขนาดตัวที่ต่างกันมากทำให้อลันรู้สึกอุ่นใจแปลกๆ
   
กวางบาดเจ็บที่หาสิงโตเป็นที่พึ่ง
   
“ ฉันจะพยายาม ”
   
ให้คำมั่นกับอีกฝ่าย
   
ก่อนจะเลียแผลด้วยน้ำตา
   
สิงโตตัวย่อมคอยเฝ้าระวังภัย
   
จนกระทั่งกวางกลับมาหายดีอีกครั้ง

-----------------------

นิยายเรื่องนี้มีแต่บรรยากาศหน่วงๆ ปนหวานซะส่วนใหญ่ คงจะหาอะไรที่หวานล้วนยากค่ะ  :m26: 5555


ตอบคอมเมนต์ ~

คุณ เหนือฟ้ายังมีจักรวาล : ดีใจที่ชอบค่ะ ><

คุณ sinyou : เรื่องนี้แต่งจบแล้วค่ะ ไม่ยาวมาก เลยลงได้ทุกวัน ส่วนบทกระต่ายน้อย...  :call: คงจะเจอในตอนพิเศษแทนค่ะ 55555 หมดบทบาทซะแล้ว เนื่องจากระยะทางที่สเวนกับอลันไปกันมันเกินกว่าที่กระต่ายจะตามทัน

คุณ Celestia : มาลุ้นกันค่ะ  :man1:

คุณ paojijank : นิยายเรื่องนี้แฟนตาซีอยู่แค่สเวน 55555

คุณ Mouse2U : คนเขาเกิดมาคู่กัน อิอิ

คุณ Minnie~Moo : อลันไม่ได้เป็นเทพค่ะ  :mew2: เนื่องจากตอนที่แล้วมีคนทักมาว่าสีผมอลันน่าจะเป็นลูกครึ่งเทพ เราเลยหยอกเล่น แต่เป็นเทพก็ดีน้า น่ารัก แต่เรื่องนี้แต่งจบแล้วสิ  :ling3:

คุณ  lizzii : เรื่องนี่อ่านต้องทำใจค่ะ ต้นเรื่องมุ้งมิ้งปลายเรื่องหน่วง เกือบทุกตอน

   
   
   
   
   
   

   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   

   
   
   
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: sinyou ที่ 03-11-2015 19:42:31
หน่วงอีกแล้วว สงสาร  :o12:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-11-2015 20:55:36
สเวนตอนกินขนมให้ความรู้สึกเหมือนนุ้งดัฟฟเลย 55555
อลันคงรู้สึกผิดกับลุงวิลเลียมมากๆ ถึงได้เก็บมาฝัน งื้อออ สงสารอลัน
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 03-11-2015 22:20:32
ขอจบแฮปปี้เอนดิ้ง พลีสสสสสสส



ในเรื่องประมาณ ค.ศ. เท่าไหร่คะ?
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 03-11-2015 22:32:44
สเวนก็ช่างแสนดีนะคะ ขนาดว่าตัวเองกำลังคิดไม่ซื่อกับอลันอยู่แท้ๆ แต่ก็ยังอดทนไม่บุ่มบ่ามทำอะไรที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้อลันเสียใจ 
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 04-11-2015 00:44:38
สเวนแสนดีมาก หวังว่าตอนที่อลันหายแล้ว หรือรู้ว่าสเวนชอบตัวเองอยู่จะไม่ใจร้ายกับสเวนนะ ; w ;
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 04-11-2015 11:14:15
เรื่องนี้สนุกมากกก แปลกแต่ดี รออ่านตอนต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 04-11-2015 17:20:24
เสียงแว่วครั้งที่ 8 : แม่น้ำที่เชี่ยวกราด
   
การเดินทางถูกเลื่อนไปในสายๆ ของวันถัดไปแทน เนื่องจากหลายสาเหตุ หนึ่งคือฝนที่ตกโปรยปรายเกือบค่อนคืนถึงจะหยุด สองอลันที่อาการยังไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ สามคือสเวนนอนไม่หลับถ้าเดินทางต่อมีหวังอลันได้ลงไปวัดพื้นแน่ๆ
   
ทำให้ตอนนี้มีร่างมนุษย์เดินเล่นไปตามทางรถไฟกับเซนทอร์หนุ่ม
   
ยิ้มกว้างสดับฟังเสียงดนตรีธรรมชาติอย่างพวกนก
   
ปล่อยให้แสงแดดอ่อนโลมเลีย
   
“ ฉันว่าวันนี้เป็นเช้าที่ดีนะ ” อลันพูดด้วยความอารมณ์ดี การร้องไห้ออกมาเหมือนเป็นการระบายความเครียดของอลันออกมาจนหมดเหลือเพียงความร่าเริงเป็นนิจไว้
   
“ จะดีกว่านี้ถ้าเจ้าแบ่งแครกเกอร์ช็อกโกแลตข้าสักอัน ” สเวนพูดกลั้วหัวเราะ
   
“ เปลืองเกินไป ถ้านายกินหมดแล้วฉันจะกินอะไรล่ะ ม้าบ้า ”
   
สเวนเงียบไปสักพัก ในใจอยากจะตอบผลไม้แต่ความทรงจำล่าสุดที่เอาผลไม้มาให้อลัน มันกับทำให้อาการป่วยกำเริบ สเวนหลุบตาลงต่ำไม่พูดเรื่องนี้ต่อ “ เจ้ากินเถอะ ข้าไม่อยากกินแล้ว ”
   
แม้ว่าจะขัดกับความรู้สึกที่แท้จริงก็ตาม
   
มันอร่อยจริงๆ นะ   
   
อลันเลิกคิ้วงุนงง คำตอบของม้าบ้าไม่ได้ตรงกับสิ่งที่คิดไว้ในใจ ร่างขาวมองหน้าเซนทอร์ถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายยังรู้สึกผิดเรื่องผลไม้สีแดงบ้าๆ นั่น
   
ม้าโง่
   
ใครจะไปโกรธลง
   
อลันตบลงที่ตัวของสเวน
   
สเวนสะดุ้งหันมองอลันทันควัน “ เจ้าทำอะไรน่ะ ? ” แรงฝ่ามืออลันเกรงว่าถ้าไม่มีขนสีดำปกคลุมจะกลายเป็นรอยแดงจางๆ รูปมือ
   
“ มันมียุงป่า ฉันกลัวว่านายจะโดนกัด ” อลันยักไหล่กวนๆ พยายามดึงให้ม้าบ้าเลิกคิดมาก
   
สเวนงึมงำในลำคอ “ งั้นเหรอ.. ทีหลังเจ้าบอกข้าดีๆ ก็ได้นะ ”
   
ร่างขาวถอนหายใจ รู้สึกเซ็งกับสเวนที่ดูจะคิดมากเรื่องเขาไปหมด อย่ามองว่าฉันเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยสิ นายจะใส่ใจฉันมากเกินไปแล้วนะ
   
“ ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า  เรื่องผลไม้ ใครจะไปรู้ว่าฉันจะแพ้ละ ”
   
สเวนไม่ตกใจเมื่อถูกจับได้ว่ากังวลเรื่องอะไร
   
เพราะมันก็เป็นเรื่องจริงที่ว่าเขากังวลเรื่องนี้
   
การเป็นสาเหตุให้คนที่ชอบต้องทรมานไม่ใช่เรื่องสนุกหรอกนะ
   
“ ข้าขอโทษจริงๆ ”
   
อลันอมยิ้มเอ็นดูแต่แรงที่ตบตัวสเวนอีกรอบไม่ได้เอ็นดูตามสักนิด
   
เพียะ !!
   
สเวนขมวดคิ้วมองอลันด้วยสายตาที่สื่อถึงคำถาม
   
ตบข้าทำไม
   
“ ก็บอกว่าไม่ต้องใส่ใจๆ จะคิดมากทำไม  ” อลันเริ่มจะยัวะ
   
“ ก็ข้าทำผิดนี่ ” สเวนหันหน้าหนี
   
“ ฉันบอกว่าช่างมันก็ช่างสิ สเวน ” คิ้วบางเริ่มขมวด
   
สเวนไม่ตอบเดินต่อไปเงียบๆ
   
แต่อลันไม่ใช่คนที่มีน้ำอดน้ำทนขนาดนั้น
   
“ สเวน ! ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป ” อลันเร่งฝีเท้าตามสเวน วิ่งมายืนขวางหน้าอีกฝ่ายให้มองหน้าได้ถนัด นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายกร้าว
   
สเวนขยับยิ้มจางยื่นมือไปลูบหัวอลัน
   
“ ก็ได้ ข้าจะปล่อยให้มันผ่านไปก็ได้ ”
   
ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าก็จะทำ
   
อลัน..
   
แต่ในครั้งหน้าจะไม่มีแบบนี้อีก
   
ข้าจะระมัดระวังทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้า
   
“ งั้นช่วยกลับมาร่าเริงเหมือนเดิมด้วยแล้วกัน ม้าบ้า ” อลันไม่ได้ขยับตัวหนีมือที่ขยำหัวตัวเองจนยุ่งเหยิง
   
เซนทอร์หนุ่มหัวเราะเสียงเบาในลำคอแต่ก็ต้องชะงักมือที่กำลังเพลิดเพลินกับผมนุ่มของอลัน “ ผมของเจ้ากลายเป็นสีขาวอีกแล้วอลัน ”
   
อลันยักไหล่ “ ช่างสิ ผมสีขาวก็เท่ดีออก หัวเหมือนพุดดิ้งกาแฟที่ราดด้วยนม ”   
   
“ อะไรคือพุดดิ้ง ? ”
   
“ ของอร่อยที่นายไม่เคยกินไงล่ะ ”
   
“ เจ้ามีมันไหม .. ข้าว่าชื่อของมันก็น่ากินดี ”
   
ระหว่างที่ถกเถียงเรื่องพุดดิ้งก็เริ่มต้นเดินทางกันต่อ
   
อลันไม่ได้นั่งบนหลังสเวนเพราะคิดถึงความรู้สึกที่ได้เหยียบบนพื้น
   
สะดุดรางเหล็กบ้างเป็นครั้งคราว
   
ก้อนหินกรวดแหลมที่ชื่นชอบการทักทายกับพื้นรองเท้าด้วยการซุกตัวเข้าไปอยู่ รอให้เจ้าของรองเท้าทักทายกลับด้วยการแกะมันออก
   
หรือจะหญ้าประปรายไล้ตามขา
   
ปล่อยให้ขาติดเกสรดอกไม้ไม่รู้ตัว
   
   
การเดินทางถูกชะงักด้วยแม่น้ำไหลเชี่ยว เส้นทางรถไฟที่เชื่อมต่อกันด้วยเหล็กขนาดยักษ์ถูกพาดต่อเติมให้กลายเป็นฐานมั่นแทนพื้นดินอันมั่นคง
   
อลันเริ่มรู้สึกคิดถึงดินเปรอะเท้า หลังรักกลิ่นหญ้า
   
เพราะไอ้ทางข้างหน้านั้นไม่มีอะไรกั้นเลยแม้แต่นิดเดียว !
   
อย่างเหล็กที่พาดๆ ไว้เป็นแกนยึดก็เริ่มผุพังบางส่วนหายไป ทำให้ข้างรางรถไฟเป็นช่องว่างๆ จนถึงขนาดว่าถ้าคุณเผลอล้มไปทางขวาและกลิ้งไปอีกรอบสองรอบก็สามารถตกลงไปกลายเป็นอาหารปลา
   
แน่นอนว่าอลันไม่ต้องการให้ตัวเองเป็นอาหารปลา
   
รีบปีนขึ้นหลังสเวนทันที
   
รัดแขนเข้าที่ช่วงซิ้กแพ็กของอีกฝ่าย
   
ครืน...
   
ซ่า...
   
น้ำไหลเชี่ยวดังเสียงดัง สีขุ่นๆ ของมันแสดงให้เห็นถึงน้ำป่าที่กำลังแบ่งสันปันส่วนให้พื้นที่ต่ำกว่าอย่างเร่งรีบ ปลากระโจนขึ้นมาเหนือผิวน้ำบางครั้ง
   
จู่ๆ สเวนก็เริ่มต้นพูดท่ามกลางความเงียบงัน “ ข้าเคยเห็นหมีตกลงไป ”
   
“ แล้ว ? ”
   
“มันตะเกียกตะกายขึ้นมาสักพักและข้าก็ไม่เห็นมันอีกเลย ”
   
สเวนพูดด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปสักนิด
   
อลันกลืนน้ำลายเอือกกอดสเวนแน่นกว่าเดิม นึกตำหนิเซนทอร์หนุ่มในใจ ไอ้ม้าบ้าจะมาเล่าอะไรตอนนี้วะ ตอนที่กำลังจะข้ามเนี่ยนะ ถ้าเกิดว่ามันมีลมพายุพัดเข้าพอดีมีหวังพวกเขาไม่กลายเป็นหมีที่หายไปตัวที่ 2 เลยเรอะ
   
“ รออะไรล่ะ ? ข้ามไปสิ ” ถึงจะพูดอย่างนั้นแรงที่กอดสเวนก็ไม่ลดลงเลย
   
“ อย่ากอดแน่นสิ ข้าหายใจไม่ออก ” สเวนขมวดคิ้ว ทั้งๆ ที่ในใจก็หวั่นๆ เช่นเดียวกับอลัน ปกติถ้าหากเลี่ยงเส้นทางนี้ได้ก็จะเลี่ยง เพราะตัวอย่างที่เคยเห็นมีมากแล้ว อย่างหมีตัวเขื่องนั้น กระต่ายอกหักกระโดดลงไปฆ่าตัวตาย แมวป่าหิวจัดกระโจนลงไปจับปลา และจุดจบชองทุกตัวคือหายไปกับสายน้ำ
   
ถ้าหากข้าเป็นรายต่อไปก็คงจะเสียชาติเกิดเซนทอร์น่าดู..
   
อลันหัวเราะแห้งๆ ยอมผ่อนแรงลง
   
สเวนถึงยอมก้าวเดินไปข้างหน้า แสดงท่าทีไม่หวาดหวั่นน่าเกรงขามออกมา
   
กึง กึง กึง
   
เสียงฝีเท้าหนักกระทบเหล็กชวนให้หวาดเสียวว่ามันหักพังลงไปถ้าก้าวต่ออีกก้าว ทั้งๆ ที่เคยเป็นฐานรองให้รถเหล็กหนักเกือบร้อยตันวิ่งผ่านบ่อยๆ สนิทกัดกร่อนเหล็กจนกลายเหลือเพียงความเปราะบางเอาไว้
   
อลันลอบกลืนน้ำลายดังเอือกเมื่อมองลงไปข้างล่าง
   
เสียงน้ำไหลเชี่ยวรุนแรงพัดพาเอาทุกสิ่งที่ขวางหน้าไปกับมัน
   
หลับตาแน่นซุกหน้าลงกับแผ่นหลังหนาของเซนทอร์
   
ถ้าตกลงไป ไม่เหลือซากแน่ๆ
   
สเวนอมยิ้มบาง เอ็นดูร่างที่กอดตัวเองแน่นอีกครั้งไม่น้อย
   
เอาเถอะ กอดก็กอดไป
   
แต่อย่าจั้กจี้ข้าแล้วกัน ไม่อย่างนั้นคงได้ตกลงไปกลายเป็นเซนทอร์ที่ถูกจั้กจี้จนตกลงไปหายไปในน้ำเชี่ยว
   
ถ้ากลายเป็นแบบนั้น สู้ข้ากระโดดลงไปยังดีกว่าเลย
   
เซนทอร์หนุ่มก้าวย่างอย่างมั่นคง ควบคุมสมาธิของตัวเอง จดจ้องเส้นทางข้างหน้า ระมัดระวังในการลงฝีเท้าหนักเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบรางเหล็กเก่าๆ
   
กึง !!
   
เสียงแปลกๆ ทำเอาสเวนสะดุ้ง รีบเร่งฝีเท้ายิ่งกว่าเดิม พื้นที่เหยียบเกิดการสั่นไหวเหมือนกับแผ่นดินกำลังเคลื่อนที่ไปจากที่ๆ มันเคยอยู่
   
“ ฉันว่านายรีบหน่อยดีกว่า ” อลันพูดเสียงสั่น
   
ไอ้เสียงเหมือนเหล็กจะหลุดออกจากกันมันไม่น่าไว้ใจสักนิด
   
“ ข้าก็ว่างั้น ” สเวนไม่สนใจจะระวังฝีเท้าตัวเองอีกต่อไปรีบวิ่งสุดชีวิตจะข้ามไปอีกฝั่งทันที
   
กึง ! กึง ! กึง !
   
เสียงฝีเท้าดังก้องแก้งดังลั่นผสมรวมกับเสียงโอดครวญของรางเหล็ก
   
อลันหลับตาแน่น หอบหายใจถี่ หัวใจเต้นแรงแทบจะหลุดออกมา ความกลัวปรากฏตัวเต็มพื้นที่ในหัว แขนพยายามกอดเซนทอร์หนุ่มแน่น
   
แต่กลับพบว่าทำไม่ได้
   
อลันเบิกตากว้างปากคอสั่นพยายามจะพูดขอความช่วยเหลือแต่พูดไม่ออก
   
คำพูดจุกที่อยู่ปลายลิ้น
   
เขาพูดไม่ออก
   
แขนที่เคยรัดคลายออก หมดเรี่ยวแรง
   
การนั่งบนหลังม้าที่วิ่งไวๆ แล้วคุณไม่ได้เกาะตัวเหลือจับตัวม้าไว้ 
   
สถานเดียวที่คุณต้องยอมรับคือ คุณอาจจะตกจากหลังม้า
   
ตึง !
   
อลันเผลอน้ำตาไหลไม่รู้ตัว อาการจุกเสียดตีตื้น ในใจภาวนาให้สเวนรู้ว่าเขาตกลงจากหลัง
   
ทั้งๆ ที่สติแจ่มชัด
   
แต่กลับไม่มีเรี่ยวแร่งขยับตัวสักนิด
   
แววตาสีฟ้าสั่นไหวเพราะถ้าหากขยับตัวไปข้างๆ อีกนิด
   
สายน้ำเชี่ยวกราดต้องพัดพาเขาไปแน่
   
พร้อมกับชีวิตอันเปราะบาง
   
เซนทอร์หนุ่มตกใจเสียงอะไรบางอย่างตกลงบนพื้นเหล็ก แต่ยังไม่หยุดฝีเท้าพอหันมามองก็ต้องอุทานออกมาเสียงดังลั่น “ อลัน ! ” รีบควบกลับมาที่เดิม
   
เหงื่อเย็นผุดเต็มหน้าด้วยความกังวล
   
ดวงตาสีทองสั่นไหวเช่นเดียวกับอลัน
   
มือหนารีบดึงกระเป๋าอีกฝ่ายออกมาสะพายและช้อนตัวขึ้นอุ้ม
   
กึง !!
   
เสียงดังลั่นมาพร้อมกับการสั่นสะเทือนของสะพาน
   
ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปากสเวน
   
มีเพียงการเร่งฝีเท้าให้ไวที่สุด
   
แข่งกับเวลา
   
เพราะดูเหมือนว่าสิ่งที่ใช้ข้ามไปยังอีกฝั่งกำลังจะพังทลายลง
   
ตูม
   
เสียงของหนักๆ บางอย่างตกลงไปในสายน้ำและถูกต้อนรับด้วยสายน้ำเชี่ยวกราดนำพาท่องเที่ยวไปกับมัน หายไปจากครรลองจักษุในพริบตา
   
เซนทอร์หนุ่มไม่เสียเวลาหันไปมองอีก รู้ดีว่าสิ่งที่ตกลงไปเป็นชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ตนกำลังเหยียบย่ำ กีบเท้าแทบเป็นรอยสึกจากการกดเท้าทะยานไปข้างหน้า
   
ถ้าหากมีจิตรกรมาชมภาพที่กำลังเกิดในตอนนี้
   
สิ่งที่จะถูกระบายออกมาเป็นรูปคงไม่พ้นร่างอมนุษย์ครึ่งล่างอาชาสีดำดูน่าเกรงขามเหมือนแม่ทัพศึกในสงครามครั้งสำคัญในมือโอบอุ้มร่างสำคัญไว้ในอ้อมกอด ผมบรอนด์ทองสยายไปข้างหลัง หากสเวนมีปีกขาวคู่ยักษ์บนหลังคงไม่พ้นการถูกแต่งแต้มเป็นรูปเทวทูต
   
กุบกับ..   
   
สเวนทะยานครั้งสุดท้ายมาหยุดยืนที่พื้นดินของปลายสะพาน หอบหายใจแฮ่ก จดจ้องสะพานเก่าคร่ำครึที่ส่งเสียงกึงๆ ออกมาครั้งสองครั้งและนิ่งเงียบไป
   
เซนทอร์หนุ่มขมวดคิ้ว
   
รู้สึกเหมือนกับว่าถูกสะพานงี่เง่านี่หลอกยังไงยังงั้น
   
แปลว่าพวกเขาอาจจะอุปมาไปเอง ถึงเหตุร้ายแรงที่สุดที่จะสามารถเกิดได้
   
สเวนถอนหายใจเซ็งๆ ก้มมองร่างในอ้อมอกอด
   
หน้าซีดเผือด ตามตัวมีรอยช้ำเลือด เนื้อตัวเย็นเฉียบ
   
สเวนรีบประคองอลันลงนั่งบนพื้นดินใช้กระเป๋าวางไว้ด้างหลังอีกฝ่ายใช้พิง “ เจ้ากินสิ่งที่ใช้รักษาเจ้าไหม ? อาการของเจ้าไม่ดีเลย ” ในขณะที่พูดกุมมืออีกฝ่ายไว้หลวมๆ
   
ที่อลันตกจากหลังข้า ก็คงจะไม่พ้นอาการป่วยนั่นล่ะ..
   
ต่อไปข้าจะอุ้มเจ้าอย่างเดียวแล้ว
   
ถ้าหากการขี่บนหลังข้าจะทำให้เจ้าพลัดตกลงมาแบบนี้
   
อลันยังพูดอะไรไม่ออก ได้เพียงแค่พยักหน้าเหนื่อยๆ แต่ไม่มีเรี่ยวแรงทำอะไรสักนิด เหมือนกับกล่องเสียงในลำคอหายไป เหลือไว้เพียงหลอดลมกลวงมีอากาศแล่นผ่านเป็นเสียงวี้ๆ
   
“ งั้นเจ้านั่งพิงต้นไม้ดีกว่า ” สเวนช้อนตัวอลันที่ตอนนี้ดูจะกลายเป็นน้ำที่ไหลไปตามวัตถุที่บรรจุ เดินไปอีกนิดวางไว้ใต้ต้นไม้ต้นยักษ์
   
อลันหลับตาพยายามสูดหายใจลึก หวังจะเอาออกซิเจนพวกนี้เข้าไปเผื่อว่ามันจะไปเผาผลาญพลังงานให้เขากลับมามีเรี่ยวแรงเหมือนเดิม
   
แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรสักเท่าไหร่
   
เซนทอร์หนุ่มหยิบกระเป๋ามาวางไว้ใกล้ๆ เปิดมันออกและหยิบกล่องยาที่เคยหยิบให้อีกฝ่ายออกมา แต่พอจะยื่นมันให้อลัน แววตาสีฟ้าที่สบมองมานั้นบอกทุกอย่างแทนคำพูด
   
แววตาของอลันนั้นเหนื่อยอ่อนจนสเวนรู้สึกได้
   
หัวใจสเวนเจ็บแปลบ
   
อา..
   
ความรักครั้งแรกของข้างคงจะมีโรคนี่เป็นอุปสรรคขนาดยักษ์ล่ะมั้ง
   
ข้าไม่สามารถทำอะไรมันได้ แม้แต่นิดเดียว
   
ได้แต่คาดหวังให้หมอวิเศษจะช่วยรักษาอลัน
   
ให้กลับมาเป็นปกติ
   
ถึงเวลานั้นคงจะยิ้มให้ข้าได้
   
ไม่มีอะไรมาทำลายได้อีก
   
ถ้าหากวันนั้นเป็นวันพรุ่งนี้
   
ก็คงจะดี
   
สเวนจึงพยายามเปิดกล่องที่ว่าอยู่สักพัก พอเปิดมันออกมาได้ ก็ยื่นให้อลันดู “ เจ้าจะกินแบบเดิมไหม ? หรือว่าแบบอื่น ”
   
อลันมองยิ้มบางมองกล่องยาในมือสเวน พลางส่ายหน้าเบาๆ
   
อาการแบบนี้มีแต่จะพักฟื้นเท่านั้น
   
เพราะดูๆ แล้วในกล่องยามันจะไม่มีอะไรเอื้อต่ออาการของเขาสักเท่าไหร่
   
สีหน้าเศร้าๆ ของสเวน ทำให้อลันรู้สึกอยากปลอบให้สงบลง
   
เพราะอลันก็ไม่ได้รู้สึกต่างจากสเวนอะไร
   
เจ็บปวดเช่นเดียวกันที่ต้องทำให้เป็นห่วง
   
สเวนพยักหน้ารับเก็บกล่องยาเข้ากระเป๋าดังเดิม เงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีเมฆมากทำให้อากาศไม่ร้อนเท่าทีควร ถ้าหากเดินทางต่ออลันก็จะไม่รู้ร้อนมากนัก สิ่งที่ใช้ปกคลุมอลันนั้นก็อยู่ในกระเป๋า เหลือเพียงเสื้อยืดตัวบางที่เคยใช้คลุมหัวเซนทอร์เล่นเท่านั้น
   
“ เดินทางต่อไปไหม เดี๋ยวข้าจะอุ้มเจ้าเอง ” เซนทอร์หนุ่มถามเสียงอ่อนโยน
   
ถ้าหากข้าอุ้มเจ้า ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าหลุดจากมือแน่นอน
   
อลันพยักหน้า
   
ไม่สามารถสื่อสารได้ด้วยวิธีที่ดีกว่านี้
   
ปล่อยตัวไปตามแขนของเซนทอร์หนุ่ม
   
หลับตาซึมซับอากาศอุ่นๆ
   
คาดหวังร่างกายจะอุ่นตามเลิกเย็นเฉียบ
   
แว่วเสียงกุบกับดังเข้ามาในหู
   
อลันอดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้
   
เสียงกุบกับนี่เป็นสัญลักษณ์ของเจ้าม้าบ้านี่เลยมั้ง
   
สายลมรุนแรงพัดผ่านเนื่องจากความเร็วที่ม้าบ้าวิ่ง
   
อลันเงยหน้าขึ้นมอง
   
เห็นสีหน้าจริงจังกับการวิ่งสักพักพอเห็นว่าเขามองก็ส่งยิ้มให้
   
“ เจ้านอนเถอะ ข้าจะพยายามวิ่งให้ไวที่สุด จะได้ถึงไวๆ ”
   
พูดเสียงนุ่ม สุขุม
   
ทั้งๆ ที่ในใจตรงข้าม
   
ถ้าหากข้ามีปีก คงจะไม่รอช้ากางมันออกโผบินไปข้างหน้า
   
เพื่อให้ทันเวลา
   
ก่อนที่ร่างอ่อนแอในอ้อมกอด
   
จะไม่อยู่ถึงเวลานั้น


---------------------------

หน่วงเช่นเคย ~

ตอบเม้น  :กอด1:

คุณ sinyou : หน่วงทุกตอน 555555555

คุณ lizzii : ลัทธิน้องดัฟฟ์เห็นแก่ของกิน

คุณ BlueCherries :  แฮปปี้ๆ  :hao7: , ที่กะๆ ไว้น่าจะประมาณปี 1990 ทำนองนี้ค่ะ อารมณ์เก่าๆ

คุณ Mouse2U : ตอนนี้ไม่บุ่มบ่ามตอนหน้าก็ไม่แน่  :hao6:

คุณ Celestia : อลันคงใจร้ายกับม้าบ้าไม่ลงหรอกค่ะ น่ารักขนาดนี้ ><

คุณ นอนกินแรง : ขอบคุณค่ะ  :man1:
     
   
   
   
   
   

      
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 04-11-2015 19:27:55
หน่วงทุกตอน แต่ก็ซึ้งด้วย ชอบมาก อย่าจบเศร้านะค๊ะ ขอร้อง
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-11-2015 23:04:56
บีบหัวใจ สงสารอลัน
ส่วนสเวนท่าทางจะติดใจอาหารมนุษย์จริงๆ 5555
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 05-11-2015 00:01:25
ยิ่งอ่านยิ่งสงสารทั้งคู่เลย อยากให้อลันหายเร็วๆแล้ว อาการแต่ละอย่าง แย่มากเลย :mew4:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: sinyou ที่ 05-11-2015 11:10:58
เจ็บตัวทุกตอนเลย สงสารง่า
ปล.ถามได้ไหม เรื่องนี้จบHappyไหมคะ?
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 05-11-2015 17:23:11
เสียงแว่วครั้งที่ 9 : หวาดกลัว
   
อลันเผลอหลับไป ปล่อยให้เซนทอร์หนุ่มนำพาร่างของตัวเองไปยังเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้
   
การเดินทางโดยมีจุดหมาย
   
แต่กลับไม่รู้ถึงระยะทางชวนให้ปวดใจ
   
สเวนพยายามครุ่นคิดถึงสิ่งที่ตัวบอกกับอลัน
   
เขาควรมีความหวังสิ
   
พร่ำบอกตัวเองเพื่อนย้ำเตือนถึงสิ่งที่ต้องกระทำ
   
อาการของอลันเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าหากถึงมือหมอช้าไปเพียงนิดอาจจะอันตราย
   
สเวนตระหนักถึงความจริงข้อนั้นจึงยังคงวิ่งไปตามทาง ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
   
ทางรถไฟที่มีอายุยาวนานเกือบศตวรรษนั้นตัดผ่านสิ่งที่เหนือความคาดหมายมากมาย หน้าผาสูงที่ด้านข้างก่อเป็นทางรถไฟตัดผ่าน กลางป่าทึบ หรือท่ามกลางหุบเขาแห้งๆ ไร้ต้นไม้ โดยส่วนใหญ่ที่ตัดผ่านนั้นจะไม่ค่อยมีเมืองสักเท่าไหร่หรือถ้ามีก็มีเพียงจำนวนน้อยมาก
   
โชคดีที่ทางของอลันนั้นไม่ได้ตัดผ่านสถานที่อันตรายอย่างริมหน้าผา ซึ่งถ้าหากตกลงไปคงจะไม่มีโอกาสได้แก้ตัวใหม่อีกครั้ง เหยี่ยวหรือนกเขาใหญ่คงกู่ร้องออกมาด้วยความสะใจเมื่อศัตรูร่างยักษ์ได้พลัดตกลงไป
   
ร่างของสเวนมีเหงื่อโซม ทุกสัดส่วนของร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ นับเป็นโชคของสเวนที่เซนทอร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแรงกว่าสัตว์ทั่วไป แต่การเดินทางที่ไม่มีการหยุดพัก ย่อมไม่ส่งผลดีต่อร่างกายอย่างแน่นอน
   
ร่างกายสเวนนั้นอ่อนล้า
   
เสียงประท้วงครวญครางจากกล้ามเนื้อ
   
อาการปวดเมื่อยตามตัวปรากฎ
   
เซนทอร์หนุ่มเลือกที่จะเมินมันฝืนวิ่งต่อไป
   
อย่างที่เคยว่าไว้
   
ต่อให้ข้าเสียขาไปสักข้าง
   
แต่เพื่ออลันข้าก็จะยอม
   
สเวนยอมรับว่าตอนนี้ตัวเองกำลังกลัว นัยน์ตาสีทองยังฉายความมุ่งมั่นที่จะวิ่งต่อไปแต่ก็แฝงความหวาดหวั่นไม่น้อย สีหน้าของอลันไม่ได้ดีขึ้นสักนิดเดียว ยังคงซีดเผือด การหายใจก็ดูจะถี่ขึ้นกว่าปกติจนได้ยินเสียงลมหายใจ
   
อาการของอลันแย่ลง..
   
ในยามปกติที่ข้าลอบติดตามอลันอาการของอลันจะกำเริบชั่วเวลาสั้นๆ หลังจากกินยาเข้าไปก็จะกลับมาเป็นปกติ สามารถเดินทางร้องเพลงเบาๆ ออกมา
   
ท้องฟ้าเปลี่ยนสีหลายครั้ง จากสีแสดเป็นสีส้ม
   
จนกระทั่งเป็นสีดำ
   
สเวนถึงต้องหยุดชะงักการเดินทาง
   
ให้ความสนใจกับมือที่บีบข้อมือตัวเองแน่น
   
“ มีอะไรงั้นเหรอ อลัน ? ” สเวนถามด้วยความเป็นห่วง
   
อลันไม่ได้ตอบพยายามฝืนตัวออก มองหน้าสเวนเชิงวอนขอให้เซนทอร์หนุ่มได้ปล่อยตัวเองลง เพราะอาหารที่ตีตื้นขึ้นมาจุกตรงลำคอ อลันน้ำตาคลออย่างทรมาน ร่างกายของเขายังคงไร้เรี่ยวแรง คำพูดสักคำยังไม่สามารถหลุดออกมาจากริมฝีปาก
   
สเวนตีความเอาจากท่าทางอลันมั่วๆ เลิกคิ้วงง

คงจะอยากลงล่ะมั้ง ?

เซนทอร์หนุ่มวางร่างของอลันบนพื้นดินนุ่ม กำลังจะปริปากถามไถ่ถึงสาเหตุที่ปล่อยให้ลง

ก็กลืนคำพูดเข้าไปก่อน

เมื่ออลันค่อยๆ คลานไปอีกทาง กุมท้องแน่น

เศษอาหารที่กินเข้าไปถูกขับออกมาจนหมด

พร้อมกับเลือด..

อลันหน้าซีดเผือด

เช่นเดียวกับสเวน

ร่างขาวเช็ดริมฝีปากลวกๆ พยายามกลั้นน้ำตาที่จวนเจียนจะไหลออกมา คำสัญญาที่ให้ไว้กับสเวนดังแจ่มชัดในหัว
แต่อาการครั้งนี้มันน่ากลัวมาก

เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

อลันหันไปหาสเวน นัยน์ตาสีฟ้าตอนนี้ไม่สามารถใช้คำว่ากระจ่างใสได้อีกต่อไป

มันเต็มไปด้วยความหม่นหมอง หวาดกลัวในสิ่งที่ตัวเองเป็น

สเวนรวบตัวอลันมากอดแน่น ฝังหน้าบนไหล่ของอลัน “ ร้องออกมาเถอะ อลัน ข้าเข้าใจ ” มือหนาพยายามลูบหลังมนุษย์ที่ร้องไห้จนตัวโยน

คำสัญญาแรกระหว่างเซนทอร์หนุ่มกับมนุษย์
   
ถูกทำลายด้วยโรคร้ายอีกครั้ง
   
แต่สเวนไม่ได้สนใจในเรื่องนั้น
   
การปล่อยให้อลันร้องไห้ออกมาดูจะเป็นเรื่องที่สมควรที่สุดในตอนนี้
   
ถ้าหากกักเก็บไว้
   
อลันคงจะแตกสลายเข้าสักวัน
   
ซึ่งมันคนที่จะแตกสลายตาม
   
ไม่ใช่ใครที่ไหน..
   
นอกจากสเวน
   
ท้องฟ้าไร้สายดาว คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด นัยน์ตาสัตว์กลางคืนเป็นประกายแวววาว ฝูงหิ่งห้อยบินขึ้นคล้อยตามพงหญ้านึกย่ามใจเมื่อตัวมันเองสามารถทดแทนแสงจันทร์ที่หนีจาก
   
“ ตรงนั้นมีทะเลสาบเล็กๆ อยู่ เจ้าอยากไปนั่งตรงนั้นไหม ” สเวนปลอบโยนเสียงนุ่ม ประสาทสัมผัสที่ดีกว่าสัตว์ทั่วไปบอกเช่นนั้น จากกลิ่นไอน้ำ
   
อลันอยากตอบกลับไปแต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เช่นเดิม เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ
   
ยอมรับการถูกโอบอุ้มอย่างว่าง่าย
   
เพราะมันอาจจะเป็นวิธีสุดท้ายที่จะสามารถพาเขาไปจากที่เคยอยู่
   
ทั้งๆ ที่พักผ่อนไปมาก
   
แต่เรี่ยวแรงที่ปกติมักจะกลับมาทุกครั้งกลับไม่กลับมา
   
อลันเริ่มไม่รู้สึกถึงความหวังที่สเวนว่าไว้
   
อาการของเขาหนักขึ้นทุกวัน
   
ยาที่เตรียมมากินดูจะทำให้โรคนี้ดื้อยามากยิ่งขึ้น
   
และมันก็เหลืออยู่ไม่มาก..
   
เขารู้ตัวดีว่ากินไม่เป็นเวลา กินทุกครั้งที่อาการกำเริบเนื่องจากทนอาการเจ็บปวดไม่ได้ การทนทุกข์ทรมานคร่ำครวญคนเดียวเป็นสิ่งท้ายที่อลันต้องการ
   
ต่อให้มันจะทำให้ทุกอย่างแย่
   
อลันก็จะกินมันอยู่ดี
   
เม็ดยาเม็ดเล็กสีขาวเดิมเคยมีราคาถูกหาซื้อได้ง่ายแต่หลังจากถูกบริษัทหน้าเลือดมายึดขายแทนด้วยราคาขูดเลือดขูดเนื้อ คนที่เดือดร้อนไม่ใช่ใครนอกจาก ผู้ป่วยไร้ปากเสียงอย่างเขา
   
ยอมรับกล้ำกลืนกับราคา
   
เงินที่ตรากตรำเก็บมาอย่างยากลำบาก เคยคิดไว้ว่าจะซื้อบ้านสักหลังให้ตัวเองอยู่พร้อมกับเลี้ยงแมวตัวอ้วน ปลูกดอกไม้สีสดในสวนหลังบ้าน
   
ทุกอย่างพังลงมา
   
เมื่อโรคบ้าๆ กำเริบ
   
ชีวิตของเขามันพังไปแล้ว
   
น้ำตาของอลันไหลออกมาอีกครั้งไม่รู้ตัวทั้งๆ ที่ยังคงยิ้ม แววตาหม่นแสงจดจ้องทะเลสาบนิ่งงัน รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าไม่ใช่รอยยิ้มเลื่อนลอย
   
มันมีต้นเหตุมาจากสเวน
   
สเวนไม่พูดอะไรเมื่อเห็นน้ำตาของอลัน กอดร่างที่ตัวเองหลงรักแน่น
   
เขาเจ็บจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว
   
ข้าหวาดกลัวว่าอลันจะแตกสลาย
   
ข้ากลัว..
   
อลัน
   
ข้ากลัว...
   
น้ำตาไหลออกมาจากนัยน์ตาสีทองที่สั่นระริก
   
อลันสะดุ้งทันควัน คาดไม่ถึงว่าสเวนจะร้องไห้ มือสั่นๆ พยายามเกลี่ยน้ำตาของสเวนออกแผ่วเบารวบรวมเรี่ยงแรงที่มีอยู่น้อยนิดเพื่อปลอบประโลมอีกฝ่ายโดยไร้คำพูด
   
อลันยังคงยิ้มจาง
   
อย่าร้องไห้สิ
   
ม้าโง่
   
อลันหลับตาลงสูดหายใจลึกแต่ก็ไม่พอสำหรับร่างกายเขาอยู่ดี เหมือนกับลูกโป่งที่รั่วแม้จะสูบลงเข้าไปมากแค่ไหนก็ไม่มีวันที่มันจะลอยขึ้นไปบนฟ้าได้
   
แต่มันก็เพียงพอให้พูดได้..
   
“ อย่าร้องไห้สิ แค่ก ” พูดไม่ทันจบก็เผลอไอเลือดออกมา
   
“ พูดง่ายแต่ทำยากนะ ” สเวนพูดกลั้วหัวเราะในลำคอ “ แล้วเจ้ายิ้มอะไรน่ะ ? เห็นข้าร้องไห้แล้วดีใจงั้นเหรอ ”
   
อลันเงยหน้ามองเมฆสีครึ้มที่แทบกลืนไปกับท้องฟ้าสีมืด  ซ่อนความเขินอายที่จะพูด
   
เสียงแหบแห้งหลุดออกมาจากลำคอ
   
“ ดีใจที่ฉันยังมีนาย ”
   
สเวนเผลอยิ้มทันควัน “ เจ้าดีใจที่มีข้า ? ”
   
“ อืม.. ” ร่างขาวส่งเสียงอืออาในลำคอ
   
เขาคิดแบบนั้นจริงๆ..
   
การมีอยู่ของเซนทอร์เหมือนของขวัญชิ้นสำคัญของชีวิตเขา
   
ที่ไม่ต้องอยู่คนเดียวเพียงลำพัง
   
ทำทุกอย่างให้อย่างจริงใจ
   
มันทำให้เขาดีใจ
   
ความรู้สึกเหมือนได้เป็นคนสำคัญของใครสักคนแจ่มชัด
   
อลันหลงรักอ้อมกอดอุ่นๆ
   
ดีใจที่ไม่ต้องร้องไห้คนเดียว
   
เขายอมรับว่าชอบในสเวนไม่น้อย..
   
อาจจะดูเป็นระยะเวลาสั้นๆ ที่อีกฝ่ายเข้ามาในชีวิต
   
แต่ระยะเวลาที่อลันอยู่คนเดียวนั้นมากเกินไป การที่สเวนเข้ามาให้อบอุ่น คอยเป็นที่พึ่ง ใส่ใจดูแล ย่อมจะเข้ามาในใจอลันได้ไม่ยาก
   
“ ข้าก็ดีใจที่มีเจ้าเหมือนกัน อลัน ” สเวนกอดอลันแน่น
   
เดิมทีสเวนเหมือนกับต้นไม้ที่แห้งลงทุกวัน
   
พอได้คำพูดของอลัน
   
ทำเอาต้นไม้ต้นที่ว่าฟื้นตัวทันควันแล้วยังออกดอกด้วย
   
อลันหัวเราะ อารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย ลูบหัวเซนทอร์หนุ่ม “ นายนอนเถอะ วันนี้เดินทางมาทั้งวันแล้ว ”
   
ร่างขาวสังเกตถึงความเหนื่อยล้าของสเวน
   
ถึงจะพยายามปกปิดยังไง
   
อลันก็รู้อยู่ดี
   
การเดินทางของเขาอาจจะต้องเร่งแต่ไม่ได้หมายความว่าต้องทำให้ใครสักคนต้องมาถวายชีวิตให้กับเขาสักหน่อย
   
สเวนยังไม่คลายความกังวล “ ข้ายังวิ่งต่อได้ ไม่ต้องห่วงข้าหรอก ”
   
“ นายเหนื่อยแล้ว นอนเถอะนะ ”
   
“ ... อืม ” สเวนยอมรับคำง่ายๆ คลายกอดจากอลัน นอนลงจริงจัง หมดสภาพความเป็นเซนทอร์สเวนยอมหลับตาลงง่ายๆ ตั้งใจจะนอนฟื้นแรงให้มากที่สุด พรุ่งนี้เขาจะวิ่งขาขวิดเลยทีเดียว
   
อลันอมยิ้มที่สเวนยอมเชื่อฟัง โชคดีที่เรี่ยวแรงตอนนี้กลับมานิดหน่อยพอหยิบจับอะไรได้บ้าง อลันขยับตัวพิงเข้ากับตัวของเซนทอร์หนุ่มดึงกระเป๋าหยิบขวดน้ำออกมาจิบคลายความแสบคอ ก่อนจะหยิบถุงแครกเกอร์มาแกะ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้มีเสียงรบกวนสเวน
   
“ ข้าอยากกินบ้าง ” น้ำเสียงทุ้มดังแตกพร่า
   
อลันสะดุ้งเพราะเขาพึ่งจะฉีกซองเสร็จเท่านั้น แต่ก็ยอมหยิบออกมาชิ้นนึงป้อนมันเข้าปากสเวน “ นี่ยังไม่นอนอีก ? ”
   
สเวนเคี้ยวกรุบๆ “ ช่วยไม่ได้กลิ่นมันหอมจนปลุกข้า ”
   
อลันพยักหน้ารับ ส่งแครกเกอร์ชิ้นบางเข้าปากบ้าง เหม่อมองท้องฟ้าสีน้ำหมึกแตะแต้มด้วยใจที่ล่องลอย อดคิดถึงดวงจันทร์กระจ่างไม่ได้ “ สเวน นายเชื่อไหมว่ามนุษย์สามารถขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้ ”   
   
เซนทอร์หนุ่มครุ่นคิดสักพัก “ ไม่รู้สิ อาจจะเหยียบได้ก็ได้มั้ง ขนาดข้ายังมีจริงได้เลย ”
   
“ ไม่ใช่แค่เหยียบนะแต่ขึ้นไปปักธงเลยล่ะ ”
   
“ พวกเจ้าจะขึ้นไปบนนั้นทำไม ? ไม่พอใจกับโลกที่กำลังอยู่งั้นเหรอ ”  สเวนถามออกมาอย่างข้องใจ
   
นับเป็นคำถามที่เข้าเค้าไม่น้อย
   
ไม่พอใจกับโลกที่กำลังอยู่ ?
   
อาจจะจริงอย่างที่สเวนว่า
   
มนุษย์ไม่เคยพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมี
   
“ ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้ขึ้นไปสักหน่อย ” อลันตอบคำถามอย่างขอไปที ไม่สามารถให้คำตอบกับเซนทอร์หนุ่มได้
   
สเวนไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะรู้ดีว่ามันคือการพูดตัดบทให้เขาเงียบและหลับใหลเข้าสู่นิทราที่เงียบสงบ
   
แครกเกอร์อีกหลายชิ้นถูกส่งเข้าปาก ลิ้มลองรสชาติจืดๆ กลิ่นช็อกโกแลต แต่ก็เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นก่อนที่อลันจะผะอืดผะอมกินมันต่อไม่ได้
   
ทั้งๆ ที่กินไปไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
   
อลันถอนหายใจมัดปากถุงเพื่อคงความกรอบไว้
   
ผ่อนคลายตัวที่เหยียดเกร็ง หลับตาลงดื่มดำกับการพักผ่อนที่ดีที่สุดสำหรับร่างกาย
   
หิ่งห้อยตัวเล็กตีปีกบินล่องลอยขึ้นลงเนิบนุ่ม เหมือนกับกำลังกระโดดเด้งดึ๋ง มันลอยเอื่อยมาเกาะบนมือที่ถูกยื่นออกไปให้เกาะเชิงกิ่งไม้
   
เพื่อนตัวเล็ก
   
อลันให้นิยามมันเช่นนั้น
   
เพราะมันจะอยู่เป็นเพื่อนเขาจนกระทั่งดวงอาทิตย์จะมาเยือนอีกครั้ง
   
ทอดมองท้องฟ้ามืดถูกแสงสว่างกลืนกิน
   
ด้วยแววตาสีฟ้าที่เจือความง่วงงุน
   
แต่ไม่มีที่ท่าว่าจะหลับแต่อย่างใด

   
“ ฮ้าว ~ ” สเวนหาวหวอดยืนขึ้นบิดขี้เกียจไปมาคลายเส้นยึด นัยน์ตาสีทองจดจ้องอลันงุนงงเมื่อเห็นรอยคล้ำใต้ขอบตาอีกฝ่าย

“ ทำไมเจ้าถึงตาดำล่ะ ”
   
เพราะฉันนอนไม่หลับไง ม้าโง่
   
อลันคิดในใจแต่ยิ้มตอบ “ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ช่างมันเถอะ ” อลันหยิบถึงแครกเกอร์ออกมาชู เขย่าดังแกรกๆ เรียกความสนใจ “ กินไหม ? นายยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่ ”
   
“ เจ้าไม่กินงั้นเหรอ อลัน ” สเวนไม่ยอมรับมา
   
“ ฉันกินจนอิ่มแล้ว ” ยิ้มบางตอบ
   
อาการหน่วงท้องที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อคืนบิดเบาๆ คล้ายประท้วง
   
แต่อลันไม่แสดงทีท่าอะไรออกไป
   
เขาไม่ได้อยากให้สเวนเป็นห่วงนักหรอก
   
สเวนถึงยอมรับไปกินด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข ของที่ชอบถูกกินจนหมดในเวลาไม่ถึงนาที ซึ่งดูๆ แล้วไม่น่าจะพอถมที่ว่างในกระเพาะอาหารของเซนทอร์หนุ่มได้พอด้วยซ้ำ
 
“งั้นไปกันต่อเลยไหม ข้าพร้อมจะวิ่งแล้ว ! ” สเวนพูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ท้องของสเวนไม่ได้หิวอะไรมากมายอย่างที่อลันคิด ผลไม้เนื้อสัตว์ทุกอย่างถูกสเวนกินกักตุนไว้แล้วเรียบร้อยในระหว่างที่อลันหลับในวันก่อนๆ  เหลือแต่รอนำมาใช้

“ อืม ตามนั้นนั่นแหละ ” อลันรูดซิปกระเป๋าให้เข้าที่ รอสเวนสะพายมันเข้าตัว ปล่อยให้การเดินทางเป็นไปในรูปแบบเดิมที่เคยคิดไว้

เขาแทบไม่มีแรงเหลือแล้ว

อาการแน่นหน้าอกตีตื้นจนหายใจลำบาก

การปั้นหน้ายิ้มแย้มทั้งๆ ที่ร่างกายร้องประท้วงอยากหนัก

เสียงฮึมฮัมเพลงในลำคอของเซนทอร์หนุ่มทำให้อลันไม่กล้าแสดงท่าทีอะไรออกไป
   
ดวงตาพร่าเลือนจนมองเห็นม้าบ้าเป็นเสียงสีน้ำจางๆ
   
แต่ผมที่สีทองนั่นนับเป็นเอกลักษณ์ได้เลยทีเดียว
   
อึก !!
   
อลันเบิกตากว้าง สีหน้าบิดเบี้ยวน้ำตาคลอหน่วง
   
เขาหายใจไม่อออก !
   
“ อลัน ? อลัน ” น้ำเสียงในช่วงแรกสเวนเป็นน้ำเสียงงุนงงและเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกทันควัน ปล่อยอลันวางบนพื้นทันทีเพื่อดูอาการที่แปลกไปของอลัน
   
“ แฮ่ก.. แฮ่ก.. ” อลันหอบใจหายเสียงดัง ตัวงองุ้มกุมท้องอย่างทรมาน หัวปวดหนักเหมือนมีค้อนมาทุบซ้ำๆ กดย้ำพยายามฝังตะปูเข้าไปในหัว เนื้อตัวสั่นเทา ดวงขึ้นสีแดงก่ำ เล็บเผลอจิกเข้าเนื้อตัวเองจนเลือดซึมออกมาช้าๆ
   
“ อลัน ! อลัน ” สเวนทำอะไรไม่ถูก รีบแกะกระเป๋าดึงเม็ดยาสีขาวออกมาพร้อมกระบอกน้ำยื่นมันให้อลัน
   
แต่อลันไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ
   
เมื่อโรคครอบงำ
   
ครั้งนี้...
   
เป็นครั้งที่ทรมานที่สุด
   
อลันกัดฟันกรอด หัวใจเต้นถี่จนแทบหลุดออกมาจากอก
   
อาการที่ผ่านๆ มา..
   
คือคำเตือนถึงชีวิตของเขา
   
หลายวันที่อาการถี่ขึ้น
   
บอกถึงเวลาที่เหลือน้อยลง
   
และวันนี้คงจะเป็นวันประหารของเขา !!
   
---------------
 :m29:

ตอนเม้นดีกว่า

คุณ winndy :  ไม่รับปากค่ะ TT เรื่องนี้แต่งจบแล้วค่ะ เหลืออีก 2 ตอน ซึ่งต้องมาดูกันว่าจบยังไง  :hao3:

คุณ lizzii : เลี้ยงไว้ในบ้านอาหารหมดตู้เย็นแน่นอน 5555

คุณ นอนกินแรง : กลัวอลันตาย  :ling3:

คุณ sinyou : ขอไม่ตอบค่ะ  :mew2: เหลืออีก 2 ตอน ชี้ชะตากรรมน้องอลัน :mc4:     

   

   
   
   

   
   
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 05-11-2015 17:28:34
 :z3: :z3: :z3:


อลันตกลงเป็นโรคอะไร โดนใครสาปมาหรือยังไง

อาการหนักมากแล้วนะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 05-11-2015 18:33:28
อดทนเอาไว้นะคะอลัน :dont2:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-11-2015 19:21:57
ถ้าไม่ใช่ฮาฟบลัดงั้นก็กลายร่างเป็นเซทเทอร์ดีไหม คึคึ
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 05-11-2015 20:10:14
หน่วงจังเลยค่ะ
แต่ก็สนุกมากๆ
ขอให้อลันไม่เป็นไร
ขอให้ไปถึงที่หมายเร็วๆ
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 06-11-2015 10:25:05
อยากให้อลันหายแล้วมันหน่วงจริงๆ :mew4:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 06-11-2015 16:52:57
เสียงแว่วครั้งที่ 10 : ความสูญเสีย
   
“ อลัน เจ้ากินยาสิ ทำไมเจ้าไม่กินมันล่ะ ” สเวนพูดเสียงสั่น พยายามประคองตัวอลันขึ้นมานั่ง มือหนาประคองเม็ดยาสีขาวเม็ดเล็ก
   
อลันหอบหายใจ ไม่สามารถตอบรับอะไรได้ทั้งสิ้น อาการตีรวนในท้องผสมกับหัวที่ปวดเกินจะบรรยาย มันทรมานจนเขาไม่สามารถแสดงท่าทีอะไรออกมาได้แม้แต่อย่างเดียว
   
น่าแปลก
   
ที่ครั้งนี้ไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียวออกมาจากดวงตาของอลัน
   
คล้ายกับว่ายอมรับสภาพอาการแต่โดยดี
   
ว่าเขาอาจจะไม่รอด
   
“ เจ้าไม่ตอบงั้นข้าป้อนเจ้านะ ” สเวนไม่ยอมแพ้ไม่รอแม้แต่จะฟังคำตอบ รอปากเล็กๆ นั่นอ้าและหย่อนเม็ดยาสีขาวเข้าไป เนื้อตัวสั่นเทาของเซนทอร์หนุ่มสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว
   
อลันพยายามกลืนน้ำตามเข้าไป ทั้งๆ ที่ในใจรู้ดีว่าไม่ทันเวลา
   
แต่เพื่อความสบายใจของม้าโง่
   
เขาจะลองดูแล้วกัน
   
แค่ก !!
   
อลันสำลัก เม็ดยาออกมาพร้อมกับน้ำ ไอออกมาอย่างรุนแรงจนตัวโยน
   
สเวนตกใจ รู้สึกโมโหตัวเองที่ทำให้อลันอาการหนักยิ่งขึ้น มือกำแน่น “ อลัน ข้าควรจะทำยังไง ข้าไม่รู้ว่าจะช่วยเจ้ายังไงแล้ว ” น้ำเสียงสั่นเครือ
   
ไม่กล้าคว้าร่างเข้ามากอด
   
กลัวว่าจะทำให้อาการหนักขึ้นกว่าเดิม
   
ร่างขาวไม่สามารถตอบอะไรได้ เดิมทีที่เพียงไอสำลักน้ำเริ่มมีเลือดติดออกมา จนเปื้อนไปทั้งมือ อลันเบิกตากว้าง จ้องมือสั่นๆ ของตัวเอง
   
เขากำลังจะตาย.. 
   
ไม่ได้ฉันยังไม่ได้บอกชอบเจ้าม้าโง่เลย
   
อลันเงยหน้าขึ้นไปสบตาสเวน พบว่ายังคงเห็นเป็นสีน้ำเจือจาง เสียงที่เล็ดลอดเข้ามากลายเป็นเสียงหึ่งๆ แปลเป็นภาษาไม่ได้ แต่ความตั้งใจยังคงอยู่ในอก..
   
“ ม้าโง่ .. แค่ก ” อลันพูดได้เพียงคำเดียวก็กระอักเลือดออกมา “ ฉันชอบนายนะ ”
   
เห็นเพียงเงาสีน้ำของจิตรกรที่เผลอทำขวดสีหก
   
สีทองๆ นั่นขยับไปมา
   
คำพูดดังแว่วที่เขาแปลไม่ออกดังเข้ามาในหู
   
สเวนจะทำหน้ายังไงนะ ? ถ้ารู้ว่าเขาชอบ อาจจะหัวเราะหึๆ แล้วด่างี่เง่าล่ะมั้ง ไม่ก็อาจจะไม่เชื่อไปเลย
   
อยากเห็นจังนะ
   
...
   
อลันชอบข้า !
   
ความตกใจระลอกใหม่บุกโจมตีหัวของสเวน ความดีใจฟุ้งเต็มอกผสมเข้ากับความเศร้าล้ำลึก สีหน้าที่แสดงออกไปดีใจสลับกับเศร้า
   
แต่ทำไมมันถึงดูเหมือนคำกล่าวลาล่ะ
   
สเวนคิดอย่างข้องใจ
   
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก
   
เมื่ออลันนอนแน่นิ่งไปกับพื้นเสียแล้ว เซนทอร์หนุ่มรีบเข้าไปเขย่าตัวอลัน พยายามปลุกให้ตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทราอันยาวนานที่เพิ่งจะเข้าไปโดยกล่าวลาด้วยประโยคที่ไม่ทำให้เขาเข้าใจสักนิด
   
ถ้าหากเจ้าชอบข้าจริงจงตื่นขึ้นมายืนยันคำพูดของเจ้ากับข้าอีกครั้ง !
   
ไม่มีการตอบกลับมาเป็นลมหายใจหนักๆ หรืออะไร
   
น้ำตาหยดลงเสื้ออลันจนเปียกชุ่ม เช่นเดียวกับตอนที่ลักพาตัวมาครั้งแรก
   
ทำไมกัน.
   
การพบกันกับการลาจากของเจ้ากับข้าถึงไวขนาดนี้
   
“ ข้าชอบเจ้า อลัน ข้าชอบเจ้า .. ”
   
ทำไมข้าถึงไม่รีบบอกสิ่งนี้กับอลันตั้งแต่ที่ข้ายังมีเขากัน
   
สเวนพร่ำบอกกับอลันแม้จะรับรู้อยู่กลายๆ ว่าร่างตรงหน้านั้นไร้ชีวิตไปแล้ว
   
อลัน !
   
เซนทอร์หนุ่มเงยหน้าตะโกนคร่ำครวญออกมา
   
เสียงทุ้มต่ำตะโกนดังลั่นจนสัตว์ที่กำลังหากินอยู่อย่างสงบ วิ่งหนีกระเจิงด้วยความตกใจ   
   
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเศร้าโศก หวังจะระบายความอัดอั้นตันใจออกมาอย่างอดไม่ได้
   
ทำไมกัน ?
   
เหตุใดท่านถึงไม่เลือกข้า !
   
สเวนจดจ้องไปบนท้องฟ้า
   
ข้ายอมตายเพื่อเขา ถ้าหากจะทำให้เขามีความสุข มีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานทุกวันอย่างเดียวดาย
   
ท่านไม่ต้องให้เขาเจอข้าก็ได้
   
ท่านไม่ต้องให้เขารักข้าก็ได้
   
ไม่ได้งั้นเหรอ !!
   
นัยน์ตาสีทองเปลี่ยนเป็นแดงก่ำเนื่องจากน้ำตา สเวนซบหน้าลงบนตัวอลันอย่างสิ้นหวัง ทำอะไรไม่ถูก
   
มันเร็วเกินไปที่เขาจะต้องเสียใครสักคนไป
   
เขาทำใจยอมรับมันไม่ได้
   
ถ้าหากดึงคนที่เขาหลงรักกลับไป
   
ทำไมถึงไม่ดึงข้าไปอีกคนด้วยล่ะ
   
สเวนปล่อยกอดร่างเย็นชืดแน่น พยายามอย่างยิ่งที่จะถ่ายทอดความร้อนจากตัวเองไปยังร่างขาว
   
แต่ในใจสเวนยังเฝ้าภาวนา
   
กลับมาได้ไหมอลัน
   
ถือว่าข้าขอร้อง..
   
เวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบครึ่งค่อนวัน สเวนยังคงกอดอลันแน่นิ่งอยู่ที่เดิม
   
ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
   
เหมือนกับไร้ชีวิต
   
กอดอลันแน่น
   
สีหน้าของสเวนซีดกว่าอลันเป็นเท่าตัว
   
ซบหน้าลงกับตัวอย่างอ่อนแอ
   
ในหัวยังอื้อๆ คิดอะไรไม่ออกเช่นเดิม
   
“ อึก.... ”
   
เสียงดังในลำคอของร่างที่กอด ทำเอาสเวนสะดุ้งเบิกตากว้าง
   
เขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม ?!
   
แต่ก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งหัวออกจากที่เดิม
   
“ ม้าโง่ ออกไป ฉันหนัก ! ” เสียงเอ็ดมาพร้อมกับแรงตบเข้าที่หัวดังผลั่ก
   
สเวนหลุดเสียงโอ๊ย
   
น้ำตาคลอ
   
จับจ้องอลันจนแทบจะกลืนกินเข้าไป
   
อลัน..
   
“ เจ้ายังไม่ตาย.. ”
   
สเวนพูดขึ้นมาอย่างเลื่อนลอย
   
อลันหลุดยิ้มตอบห้วนๆ “ เออ ! อย่าแช่งดิ ”
   
“ เจ้าหายแล้วงั้นเหรอ ”
   
ร่างขาวยักไหล่กวนๆ ยืดแขนบิดตัว “ ไม่รู้สิ เมื่อกี้อยู่ๆ ก็สลบไปเลย แต่พอฟื้นมาโครตสดชื่น เหมือนได้เกิดใหม่ยังไงยังงั้น ! ”
   
อลันแทบจะลั้ลลาออกมา
   
ไม่แน่เมื่อกี้อาจจะเป็นคำทิ้งท้ายของโรคเขาก็ได้
   
ตอนนี้อลันรู้สึกแข็งแรงจนคิดว่าตัวเองสามารถไปยกน้ำหนักแข่งกับเพื่อนร่วมห้องสมัยมัธยมปลายที่ผันตัวไปเป็นนักยกน้ำหนักไปแล้ว
   
รู้สึกแข็งแรงจนอยากทำทุกอย่างที่สามารถใช้กำลัง
   
พละกำลังล้นเหลือ
   
เหมือนกับหนุ่มสุขภาพดีออกกำลังสม่ำเสมอ
   
งี้เขาก็ทำเหมือนรวยทางลัดนี่
   
อลันคิดด้วยความอารมณ์ดีจนฮึมฮัมเพลงออกมา
   
เลิกคิ้วมองเซนทอร์ที่น้ำตาไหลพรากงงๆ
   
“ เจ้ากลับมาแล้วจริงๆ งั้นเหรอ ” สเวนถามเสียงสั่น
   
นัยน์ตาเจือความข้องใจ
   
“ จริงสิ ” อลันยิ้มยิงฟัน
   
ก่อนที่จะหลุดเสียงร้อง
   
เมื่อถูกม้าบ้าดึงตัวเข้าไปบดจูบดุดันอลันเผลอเผยอปากปล่อยให้รุกล้ำอย่างคุกคาม ความเชี่ยวชาญของสเวนทำให้อลันหน้าแดงก่ำเมื่อผละออกมาได้
   
“ ทำอะไรของนาย ” อลันหน้าแดงยันลำคอ
   
“ ข้าชอบเจ้าอลัน ” สเวนสารภาพด้วยสีหน้าแดงก่ำเช่นเดียวอลัน พร่ำพูดสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูดตั้งแต่แรกให้อีกฝ่ายฟัง “ ข้าชอบเจ้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอด้วยซ้ำ ข้าชอบเสียงเพลงของเจ้า มันทำให้ข้ารู้สึกดี ข้าชอบสีหน้าของเจ้า หุ่นขาวๆ เนื้อตัวสมส่วน ทุกอย่างที่เป็นเจ้า ข้าหลงรักทุกอย่าง ข้าไม่เคยตกหลุมรักใครมาก่อน ถ้าถามว่าเคยกับใคร ข้าคงจะตอบว่าเป็นเจ้า มนุษย์อ่อนแอที่เข้ามาเดินทางในป่าโดยไม่เกรงกลัวอันตรายสักนิด ข้าพยายามไล่ภัยอันตรายทุกอย่างไม่ให้มายุ่งกับเจ้า ยอมอดหลับอดนอนเพื่อเฝ้าระวัง ”     
   
อลันเหวอกับคำสารภาพของสเวน
   
คำพูดทุกคำสะกิดความทรงจำของเขาออกมายืนยันทีละอัน
   
ให้ตายเถอะ
   
นี่มันสตอกเกอร์โรคจิตชัดๆ
   
ในร่างเซนทอร์ด้วย
   
ภาพตอนที่ไปจับปลาปรากฏในหัวพร้อมกับสายตาโลมเลียอย่างหยาบโลน
   
ม้าบ้ามันคิดอย่างนี่กับเขาเหรอวะเนี่ย..
   
อลันหน้าแดงก่ำ ไม่อยากจะนึกอะไรต่อยอด
   
" แล้วทำไมวันนี้หมีมันถึงหาฉันได้ล่ะ ถ้านายบอกว่านายเฝ้าระวังให้ฉัน ”
   
หมีงี่เง่าที่ทำเอาเขาแทบหัวใจวายตาย
   
สเวนตอบอ้อมแอ้ม “ กระต่ายงี่เง่ามันตกหลุมข้าเลยไปช่วยมันน่ะ ”
   
กระต่ายป่าสีน้ำตาลกระโดดเล่นในหัวอลัน
   
เจ้ากระต่ายบ้านั่นแน่ๆ
   
ความรู้สึกของเขาบอกเช่นนั้นก่อนจะถอนหายใจออกมา
   
“ แล้วเจ้าว่ายังไง ที่เจ้าพูดหมายความเช่นนั้นจริงเหรอ ” สเวนพูดตาเป็นประกายวาววับ
   
“ คิดว่าโกหก ? ”
   
สเวนยิ้มกว้างดึงตัวอลันเข้าไปกอด
   
ไม่กลัวว่าร่างตรงหน้าจะช้ำแต่อย่างใด
   
“ ข้าตกใจมาก นึกว่าจะต้องเสียเจ้าไปแล้ว ” สเวนพูดขณะที่ยังกอดแน่น
   
“ เออ ฉันก็คิดว่าตัวเองจะตายเหมือนกันนั่นแหละ ”
   
เสียงตอบกลับเป็นน้ำเสียงอ่อนโยน
   
พยายามปลอบโยนเด็กน้อยงอแง
   
ให้กลับมาร่าเริง
   
ด้วยลูกอมรสหวาน
   
ที่มีชื่อว่า การมีชีวิต
   
โครกก..
   
อลันหน้าแดง ท้องกลวงของเขาคร่ำครวญออกมาเสียงดังลั่น ขัดกับบรรยากาศหวานๆ โดยสิ้นเชิง
   
น่าอายชะมัด
   
สเวนอมยิ้มถาม “ หิวแล้วงั้นเหรอ กินอะไรดีล่ะ ” คลายอ้อมกอดลูบหัวเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ต่อให้จะกินมังกรข้าก็จะพยายามล่ามาให้เจ้าแล้วกัน แต่ถ้าจะให้ดีเอาแค่ปกติเถอะ
   
“ กินปลาสิ ปลาในแม่น้ำนั่นนะ ไม่ใช่ปลากระป๋องบ้าๆ ในกระเป๋าฉัน ” อลันตาเป็นประกายเมื่อนึกถึงรสชาติที่ยังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้น
   
ของจากธรรมชาติแท้ๆ อร่อยกว่าไอ้ปลาผ่านกระบวนการจากโรงงานอุตาสาหกรรมนั่นตั้งเยอะ
   
ช่วยไม่ได้
   
เขามันเป็นพวกถังแตกนี่หว่า
   
“ อืม งั้นก็ขึ้นขี่หลังข้าเลยแล้วกัน ข้าพอจะได้กลิ่นลำธารแถวนี้อยู่ ”
   
อลันสะพายกระเป๋าอย่างร่าเริง กระโจนขึ้นหลังสเวนกอดหมับลูบไล้ส่วนที่ชอบลูบเหมือนเดิม
   
“ ข้าถามจริงๆ นะ ”
   
“ ถามว่า ? ”
   
“ เจ้าชอบเจ้าลูกๆ นี่งั้นเหรอ ” สเวนขมวดคิ้วถาม
   
“ ชอบสิ เท่จะตาย ”
   
“ แล้วทำไมเจ้าถึงไม่มีล่ะ ”
   
อลันกล่าวตัดบท ยอมละมือที่ลูบไปเกาะเอวหนาหลวมๆ แทน “ ช่างฉันเถอะน่า รีบๆ ไปได้แล้ว ไส้ฉันจะขาดเป็นชิ้นแล้วเนี่ย”
   
สเวนตอบรับด้วยการออกตัววิ่งทันที
   
อลันเกือบจะพลัดตกหลังสเวน  “ ไอ้ม้าบ้า ! ถึงฉันจะแข็งแรงแต่ไม่ได้หมายความว่าตกหลังนายจะไม่คอหักตายนะ เว้ย ” ต่อยหลังสเวนอักๆ
   
“ ก็จะเจ้ารีบนี่ ” สเวนพูดเสียงกวนโอ๊ย “ ร้องเพลงหน่อยสิ ข้าอยากฟัง ”
   
“ ก็ได้แต่วิ่งให้มันดีๆ แล้วกัน ” ร่างขาวเริ่มขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับเซนทอร์หนุ่ม ที่ดูจะกวนขึ้นทุกทีหลังจากที่เขาหาย แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีที่หายซึมแล้ว
   
ไม่รู้ว่าหายซึมเพราะไอ้จู่โจมเมื่อกี้หรือเปล่า ?
   
เวรเอ้ย นี่มันจูบแรกของเขาเลยนะ
   
ทำบรรยากาศให้มันโรแมนติกไม่ได้รึไงกัน
   
ให้มันเป็นความทรงจำที่ดีสักหน่อยก็ไม่ได้
   
คนเพิ่งฟื้นจากความตายก็จู่โจ่มซะแล้ว
   
วันดีคืนดีเขาไม่ต้องระวังเจ้าม้านี่จู่โจมตอนอาบน้ำเลยรึไง
   
“ ร้องสักทีสิ ” เสียงทุ้มเอ่ยเร่งรัด
   
“ เออ ร้องอยู่แล้วน่า กำลังเลือกเพลงอยู่ ” อลันชักสีหน้าเซ็ง ชื่อเพลงเรียงแถวเป็นลำดับในหัวยาวเหยียด รอให้เขาเลือกออกมาร้อง ที่มีเพลงมากมายขนาดนี้เพราะเขาเป็นคอฟังเพลงตัวยงเลยทีเดียว ฟังมันทุกแนวขอแค่ศิลปินผลิตงานออกมาก็พอ อลันหยิบเพลงที่มีเนื้อเกี่ยวกับการจิกกัดแฟนออกมาอย่างหมั่นไส้
   
เสียงทุ้มนุ่มคลอเบาๆ ในอากาศเพื่อเริ่มต้นเพลง
   
ซึ่งแรกๆ เหมือนจะเป็นเพลงฟังสบาย
   
แต่ช่วงหลังเต็มไปด้วยการแร็ปด่า
   
สเวนขมวดคิ้วหนักขึ้นเรื่อยๆ
   
เมื่อไอ้คำแต่ละคำจิกกัดเขาซะเหลือเกิน
   
หรือว่าข้าคิดไปเอง ?
   
ไอ้โง่ที่ไม่รู้จักไม่แต่คำว่าโรแมนติก พวกนี้มันไม่น่าให้อภัย !
   
โรแมนติก ?
   
มันคืออะไรกัน ชื่อขนมงั้นเหรอ
   
วันๆ จ้องแต่จะจู่โจมไม่สนใจความรู้สึก
   
เซนทอร์หนุ่มนึกอยากจะมองเห็นสีหน้าของคนที่กำลังร้องเพลงตงิดๆ ว่ากำลังสีหน้าอารมณ์ท่าทางแบบใดอยู่
   
ทำไมแค่น้ำเสียงก็ดูมีความสุขแล้ว
   
แต่ก็ดี
   
ข้าชอบให้อลันมีความสุข
   
สเวนเลยฟังวิทยุมีชีวิตต่อไปเงียบๆ พยายามจดจำเนื้อเพลงเผื่อว่าตัวเองจะฝึกร้องบ้าง พลางวิ่งไปเรื่อยจนกระทั่งถึงลำธารที่กว้างกว่าเดิมเป็นเท่าตัว โชคดีที่เป็นเพียงน้ำตื้น ปลาตัวเล็กว่ายกันจับกลุ่มกันตามพงหญ้า มีตัวบีเวอร์ตัวเล็กแอบสร้างเขื่อนส่วนตัวอยู่ประปราย
   

อลันค่อยๆ หลังจากหลังสเวนตั้งแต่ยังไม่หยุดวิ่ง พอเท้าเหยียบหญ้านุ่มได้ก็จัดการถอดทุกอย่างออกมาเช่นเคย อุปกรณ์ติดตัวสำคัญๆ กระเป๋า แต่พอจะมาถอดเสื้อก็ชะงักมือเอาไว้ก่อน
   
เจ้าม้าโง่นี่มันคิดจะกินเขานี่กว่า
   
อลันหน้าแดงก่ำ
   
“ สเวน นายคิดแบบนั้นกับฉันทั้งๆ ที่นายเป็นเซนทอร์เนี่ยนะ ”
   
อลันหน้าแดงก่ำกว่าเดิมเมื่อคิดถึงเรื่องลามกที่อาจจะเกิดขึ้น
   
สเวนยักไหล่ “ ข้าเป็นสิ่งมีชีวิตย่อมคิดอยู่แล้ว ที่ผ่านมาข้าก็ปล่อยผ่านมาตลอด จนกระทั่งเจอเจ้าเนี่ยแหละ ” เซนทอร์หนุ่มจ้องอลันเขม็ง
   
อลันรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวบอกไม่ถูก ไอ้ดวงตาที่มองเหมือนจะมองทะลุเสื้อนี่หมายความว่ายังไงกัน ?  “ แต่ฉันไม่เอาด้วยนะ เฮ้ย กรุณาดูช่วงล่างของนายด้วย ว่ามันคือม้า ”
   
เซนทอร์หนุ่มหลุดหัวเราะ “ จะยากอะไร ข้าก็แปลงเป็นมนุษย์ซะก็สิ้นเรื่อง ”
   
อลันตกใจกับความจริงที่ได้รับสดๆ ร้อนๆ “ แล้วทำไมนายถึงไม่แปลงเป็นมนุษย์มาหาฉันตั้งแต่แรกล่ะ ”
   
สเวนจ้องอลันนิ่ง “ ถ้าหากจะถูกเจ้ายอมรับ ข้าอยากถูกยอมรับในฐานะตัวตนที่แท้จริงของข้า ไม่ใช่ร่างมนุษย์อ่อนแอที่ทำอะไรไม่ได้มาก ”
   
ร่างขาวหัวเราะแห้งๆ ตอบ ถลกขากางเกงขึ้น “ งั้นนายไปหาเหลาไม้เหมือนเดิม แต่ 2 อันนะ เพราะนายต้องลงมาจับปลากับฉัน ! ”
   
สเวนแกล้งเลียริมฝีปาก แต่แววตาที่แสดงไม่ออกไปไม่ได้เสแร้ง “ ขาเจ้าขาวดีนะ ”
   
“ เออ ฉันรู้ตั้งแต่เกิดแล้ว ” อลันตอบเสียงห้วนอายๆ
   
ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิดที่บอกเจ้าม้านี่ไปว่าชอบ
   
เอาเหอะ
   
ของแบบนี้ไม่มีคำว่าคิดผิดหรอก
   
สเวนกลับมาพร้อมกับไม้ปลายแหลมเหลาอย่างดี 2 อัน และวิ่งกระโจนลงไปในน้ำดังตูม ซึ่งในขณะนั้นอลันก็หันหลังอยู่พอดีทำให้เปียกทุกตัวหัวจรดเท้า ไม่มีส่วนไหนที่ไม่เปียก อลันบ่นแต่ไม่ได้ว่าอะไรมาก ความสนใจตกอยู่ที่ปลากลุ่มใหญ่ที่น่าสงสาร
   
ขอโทษนะเจ้าปลาน้อย
   
อลันไล่จ้วงแทงปลา แต่ก็ไม่ได้สักตัว ความหิวโหยจนตาพร่าเป็นอุปสรรคต่อการจับปลา
   
“ อย่าแทงหินสิ มันจะทู่ ” เสียงกลั้วหัวเราะดังจากข้างหลัง
   
“ ก็ฉันจับไม่เก่งนี่หว่า ” อลันถอนหายใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตาโตเมื่อหันมามองไม้ของเจ้าม้าบ้า “ นายมันไม่ใช่ม้าแล้ว ! ไอ้หมีสเวน ”
   
ที่อลันเรียกสเวนว่าหมีก็คงไม่ผิดนัก
   
เมื่อไม้ของสเวนเต็มไปด้วยปลาที่ถูกแทงทะลุเรียงกันเป็นแถว สามารถนำไปย่างกินได้เลย แต่ภาพอาจจะดูโหดร้ายนิดหน่อยที่บางตัวยังคงดิ้นดุ้กดิ้กอยู่
   
“ ข้าไม่ได้อยากเป็นหมีสักหน่อย ”
   
“ ช่างมัน ฉันไม่จับแล้ว ” อลันเดินนำขึ้นฝั่งไปก่อน รอจังหวะที่สเวนขึ้นฝั่งก็จัดการวักน้ำสาดใส่หน้า หัวเราะลั่นวิ่งไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่ยื่นหัวออกมาแลบลิ้นใส่ “ จะเป็นม้าหรือหมีเลือกด้วยนะ ฮ่าๆๆ ฉันจะได้เรียกถูก ”
   
สเวนมองตามด้วยสายตาระเหี่ยใจ ปากอมยิ้มไม่รู้ตัว “ แล้วแต่เจ้าจะเรียกเถอะ ”
   
ควันไฟลอยฟุ้งขึ้นโขมง กลิ่นหอมของปลาย่างอบอวล สีหน้าของคนที่กำลังกินปลาย่างทั้งสองเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ผมเปียกลู่ลงแนบตัวไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เนื้อตัวพราวด้วยหยดน้ำที่ไม่มีใครจะเช็ดออก
   
ดื่มด่ำกับความสุขจริงๆ ครั้งแรกของอลัน

--------

ตั้งชื่อตอนได้กำกวมมาก 55555555555555  # กลัวโดนตื้บ

เอาเป็นว่าตอนหน้าก็จบแล้วค่ะ  :mew1:

 :man1: ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่า
   
   
   
   
   
   


   
   
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 06-11-2015 17:32:05
 :ling1:


ขอเฉลย

ตกลงอลันเป็นอะไรรรรรรร


ไม่งั้นนอนไม่หลับแน่ๆ ขอเฉลยตอนหน้านะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 06-11-2015 17:44:34
ดีใจมากที่อลันหาย
แต่ก็สงสัยอยู่ดีค่ะว่าอลันเป็นโรคอะไร
ไม่คิดว่าสเวนจะแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ด้วย
รอลุ้นตอนจบ
ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-11-2015 18:03:34
แน่ะ สเวน!!!! แปลงร่างเป็นคนได้ด้วย
ไม่ธรรมดาจริงๆ
ตอนหน้าจบแล้วหรอ เสียดายอ่ะๆ
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 06-11-2015 18:15:02
นึกว่าจะเป็นอะไรไปเสียแล้วนะคะอลัน :กอด1:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: sinyou ที่ 06-11-2015 19:02:37
โอ๊ยยยยย ตอนนี้มีความสุข
รอเฉลยอยู่นะคะว่าอลันเป็นอะไร
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 07-11-2015 06:50:59
แนะนำให้เปิดเพลงนี้ค่ะ >< : https://www.youtube.com/watch?v=f-JBg0ctOZY  (https://www.youtube.com/watch?v=f-JBg0ctOZY)

เสียงแว่วครั้งที่ 11  : (ไม่มีชื่อตอน )
   
เมื่อท้องอิ่มสิ่งที่เป็นปกติในอันดับต่อไปก็คือการนอน
   
เสื้อผ้าที่เปียกถูกถอดออกมาตาก ทำให้อลันเหลือเพียงชั้นในเพียวๆ อีกครั้ง อลันจ้องหน้าสเวนที่จ้องมาด้วยสายตาโลมเลียซึ่งหารู้ไม่ว่าสเวนเพียงแค่แกล้งเท่านั้น
   
แต่เอาจริงๆ ข้าก็รู้สึกอยู่นะ
   
สเวนลอบคิดในใจ
   
“ นอนๆ ฉันง่วงแล้ว ขอร้องล่ะ สารภาพรักเสร็จอย่าเพิ่งทำอะไรที่มันกระโดดนักเลย ” อลันบ่นอุบล้มตัวนอนบนพื้น หัวหนุนกระเป๋าที่ควรเปลี่ยนชื่อเป็นหมอนใบโต
   
“ ข้ายังไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย ” สเวนล้มตัวนอนข้างๆ โดยหันหลังให้อลัน
   
เพราะรู้ดีว่าถ้ามองไปนานๆ
   
เขาอาจจะคืนร่างเป็นมนุษย์
   
แล้วทำอะไรต่อมิอะไรต่อ
   
“ นอนก็นอน ไว้ข้าทำวันหลังก็ได้ ” แต่ก็ไม่ลืมพูดแหย่
   
อลันไม่ตอบเพียงปล่อยให้ความเงียบเห็นสีหน้าเขินอายของตัวเองเท่านั้น
   
ใครจะรู้ว่าม้างี่เง่ามันจะหื่นขนาดนี้วะ
   
ร่างขาวที่ถึงแม้จะรู้สึกง่วงแต่ก็ยังคงคิดอะไรเพลินๆ เรื่อยเปื่อยต่อ อีกครู่ใหญ่จนสเวนหลับไปอย่างจริงจังแล้ว ไม่พอยังส่งเสียงกรนครอกเบาๆ ในลำคอ
   
อลันอมยิ้ม เมื่อม้าบ้ามันหลับไปก่อน
   
กา กา กา
   
เสียงอีกาดังขึ้นใกล้ๆ ทำเอาอลันขมวดคิ้ว ยอมลืมตาขึ้นมาดู
   
เจอเข้ากับอีกาสีดำตัวย่อมในปากคาบดอกไม้สีขาวสะอาด
   
ดอกไม้สำหรับไปงานศพ ?
   
อลันเลิกคิ้วงุนงง
   
อีกาตัวย่อมค่อยๆ เดินเข้ามาหาอลัน ดวงตาสีมันขลับสะท้อนความเห็นใจออกมาโดยไร้คำพูด ค่อยๆ วางมันลงบนมือขาว ขับขาบเสียงของมัน
   
พยายามบอกกล่าวแจ้งเตือน
   
ให้ทำในสิ่งที่อยากทำโดยเร็วไว
   
ก่อนที่เวลาจะหมดไป
   
ขนกาสีดำยุ่งเหยิงบอกถึงความเร่งรีบ ความอ่อนเยาว์ของมันทำให้การทำงานของมันช้า
   
เตือนผู้ใกล้จะวายชนม์ที่ใกล้จะกลับสู่วัฎจักรเต็มทน
   
อลันที่ยังคงไม่รู้ถึงสิ่งที่อีกาต้องการจะสื่อ ในหัวงุนงงกับดอกไม้ในมือ
   
มันให้เขาทำไม
   
ปกติอีกามักจะไม่สุงสิงกับมนุษย์นี่นา
   
หรือมันคิดว่าสวยเลยให้เขา
   
อลันพยายามคิดในแง่ดี “ ขอบคุณนะ ”
   
อีกาตัวย่อมส่งเสียงในลำคอ ก่อนจะตีปีกจากไปอย่างเงียบเชียบ นัยน์ตาของมันแทบจะคลอไปด้วยน้ำตาของความไม่คุ้นชิน
   
ตึก
   
เหมือนกับหัวใจเต้นผิดจังหวะ อลันเสียงการทรงตัวทรุดตัวลงไปหอบหายใจบนพื้น ดวงตาพร่าเลือน
   
เป็นไปไม่ได้..
   
ไม่ใช่ว่าเขาหายแล้วหรอกเหรอ
   
อลันตกใจทำอะไรไม่ถูก หัวพยายามคิดถึงสิ่งที่พอเป็นไปได้
   
ดอกไม้งานศพ ?
   
เจ้าอีกาให้เขาเพราะมีความหมายหรือเปล่า..
   
ตึก
   
ในอกเจ็บยิ่งกว่าครั้งล่าสุดที่อาการกำเริบ เหมือนมีดาบปลายคมแทงจนมิดดาบ เลือดไร้สีไหลอาบตามตัว อลันงองุ้มตัว น้ำตาไหลออกมาไม่อาจสกัดกลั้นอาการเจ็บปวดได้
   
ทำไม..
   
เขาเพิ่งจะมีความสุขไปเท่านั้นเอง ไม่ใช่เหรอ
   
แล้วทำไม
   
มันถึงได้กลับมาอีกครั้ง
   
ไม่ใช่เขาแข็งแรงแล้วเหรอ
   
น้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บปวดทั้งกายและใจ
   
ตึก
   
อลันเอามือกุมอก อ้าปากหอบความรู้สึกเหมือนมีคนเอาเหล็กร้อนมาทุบซ้ำ ดาบที่แทงจนมิดด้ามร้อนฉ่า ในตัวร้อนรุ่มดังสุมกองเพลิง
   
แว่วเสียงแผ่วเบาดังก้องขึ้นมาในหัว
   
ตอนที่เขายังเด็ก
   
ว่ากันว่าอาการของผู้ป่วยที่เป็นโรคร้ายจะดีขึ้นผิดปกติก่อนที่จะตายไป
   
ในตอนนั้นเขาไม่อาจเชื่อว่า คนๆ นึงจะอาการดีขึ้นผิดหูผิดตาหลังจากป่วยเป็นโรคร้ายมานานได้
   
แต่ดูเหมือนคำตอบที่ว่านั่นคือตัวเขาเองซะแล้ว
   
คำตอบ ที่ว่าเขากำลังจะตายจริงๆ
   
ไม่ใช่การอุปมาอย่างเลื่อนลอย
   
อีกาเมื่อกับเป็นสาร์นย้ำความคิดของอลัน
   
มนุษย์แสนอ่อนแอกำลังถูกเรียกกลับจากแผ่นดิน
   
โดยไม่สนใจสิ่งที่ล่ามมนุษย์เอาไว้
   
สิ่งเหล่านั้นถูกตัดออกอย่างไร้เยื่อไย
   
ด้วยสิ่งๆ หนึ่งที่เรียบง่าย
   
“ ความตาย ”
   
นั่นเอง
   
อลันร้องไห้สะอึกสะอื้น ในอกปวดตุบ มือขาวหมายจะเขย่าเรียกร่างของเซนทอร์หนุ่ม แต่ก็ไม่กล้าปลุก กลัวว่าจะเห็นสีหน้าเสียใจ
   
เขาไม่เข้มแข็งพอที่จะกล่าวลาสเวน
   
ในหัวกู่ร้องด้วยความเสียใจ
   
ฉันไม่อยากตาย
   
มือสั่นๆ เปิดกระเป๋าล้วงหยิบหนังสือวิทยาศาสตร์เมื่อสมัยม.ปลายออกมา หยิบดอกไม้มากตำนานที่แห้งไปแล้วออกมาถือ
   
กลีบดอกไม้สั่นไหว
   
ราวกับร่ำไห้เช่นเดียวกับผู้ที่ถือ
   
น้ำตาของอลันหยดแล้วหยดเล่า
   
ตกลงบนกลีบดอกไม้
   
ที่ไม่มีทางจะบานใหม่
   
ทำได้เพียงแทนคำสัญญา
   
เช่นเดียวกับอัศวินผู้นั้น
   
อลันคลานเข้าไปหาสเวนดึงมือหนาออกมาวางดอกไม้และบังคับให้กำมันเอาไว้
   
ตึก
   
ร่างขาวคู้ตัวลงอย่างทรมาน พยายามฝืนร่างตัวเอง มือสั่นๆ เกาะแขนของสเวนเอาไว้
   
“ ฉันรักนายนะ สเวน ”
   
ตึก
   
พูดทุกสิ่งที่คิดออกมาก่อนที่จะไม่มีเวลา
   
“ ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตฉัน ”
   
ตึก
   
“ อึก ขอบคุณที่นายรักฉัน “”
   
อลันหอบหายใจหนัก เนื้อตัวสั่นเทา กดจูบเบาๆ ลงริมฝีปากหนา
   
“ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง สเวน ”
   
ตึก !!
   
อลันเจ็บจนร้องไม่ออก มือกุมอกล้มตัวกระแทกพื้น
   
ลมหายใจที่มักจะปล่อยเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ
   
ค่อยๆ ราบเรียบลง
   
จนกระทั่งหยุดนิ่ง

   
สเวนตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์ชื่นมื่น ยิ้มกว้างเมื่อเห็นอลันมานอนใกล้ๆ ตัวเอง เงยหน้ามองท้องฟ้าที่ตะวันเริ่มคล้อยลงอีกครั้ง
   
ดูเหมือนว่าเขาจะหลับไปนานทีเดียว
   
“ ตื่นได้แล้ว ไม่อย่างนั้นข้าจะปล้ำเจ้านะ ” สเวนพูดติดตลกเขย่าตัวอลันเชิงปลุก
   
“ อลัน ? ”   
   
สเวนพยายามปลุกอลันอีกครั้งพบว่าอีกฝ่ายยังไม่ตื่นอยู่ดี
   
อาจจะหลับลึกล่ะมั้ง
   
สเวนหาคำตอบให้ตัวเอง
   
เลยปล่อยให้อลันนอนต่อไป ลากอีกฝ่ายมากอดหลวมๆ
   
ข้าอยากเห็นสีหน้าแดงๆ นั่นเขินอาย ตอนที่ตื่นขึ้นมาชะมัด
   
สเวนอมยิ้มในขณะคิด
   
จดจ้องท้องฟ้าสีสวย นึกอยากให้อลันตื่นขึ้นมาเห็นมันด้วยกัน ดวงจันทร์ที่เคยหลบหนีการปฏิบัติหน้าที่ปรากฏลางๆ บนท้องฟ้า เมื่อเบื่อจดจ้องท้องฟ้าก็มองไปตามพื้นเล่นดูบ้าง
   
ดอกฟอร์เก็ตมีนอท ?
   
ทำไมถึงอยู่ที่นี่
   
เดิมทีสเวนไม่ได้สนใจว่าอะไรอยู่ในมือ เลยโยนทิ้งไปไม่รู้ตัว
   
สเวนเบิกตากว้างเมื่อนึกถึงตำนานรักของดอกไม้นี่
   
อัศวินที่ใช้ดอกไม้ยืนยันแทนตัวตนของตัวเอง
   
เซนทอร์หนุ่มจึงพยายามปลุกอลัน ในใจเริ่มร้อนรน หวาดกลัวว่าจะเป็นไปตามตำนาน
   
“ อลัน ข้าไม่ได้อยากเป็นหญิงงามนั่นนะ ตื่นขึ้นมาสิ ”
   
เขย่าตัวอลันจนตัวโยนก็ยังไม่สามารถปลุกอลันขึ้นมาได้
   
อลันอาจจะหลับไป
   
และลึกไปหน่อย
   
ฉะนั้นเขาควรจะพาอลันไปหมอพลางๆ แล้วกัน
   
สเวนพยายามหลอกตัวเอง
   
อลันต้องฟื้นขึ้นมาอีกครั้งสิ
   
อลันไม่ต้องทิ้งข้าไว้คนเดียวแน่
   
สิ้นความคิดสเวนหยิบดอกไม้เก็บ เปิดกระป๋องสอดเข้าหนังสือดังเดิมตามที่อลันเคยสอดไว้ สะพายเป้เข้าหลัง ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งมุ่งไปทางรถไฟสายหลัก ความทรงจำของสเวนในช่วงเวลาที่อลันอยู่ด้วยนั้นอยู่ครบดี ทิศในการวิ่งจึงถูกไม่ใช่ไปในทิศทางตรงกันข้าม
   
สเวนวิ่งด้วยความเร็วสุดที่ตัวเองจะสามารถวิ่งได้
   
ไม่สนใจระยะทาง
   
ไม่สนใจสิ่งที่กีดขวาง
   
เถาหนามแหลมที่สัตว์ส่วนใหญ่มักจะเลี่ยง สเวนไม่แม้แต่หลบ
   
เพียงกระโดดข้ามลวกๆ
   
กล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบเต็มไปด้วยบาดแผล
   
เลือดไหลซึมและอาบในบางช่วง
   
ก้อนเมฆกู่คำราม พร้อมจะอาละวาด
   
ซ้ำเติมลงมาด้วยฝนตกหนัก
   
เลือดที่เดิมแห้งกรังคาตัวสเวนถูกชะล้างออก
   
ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยแผลใหม่
   
ซ้ำไปซ้ำมา
   
นัยน์ตาสีทองเปลี่ยนเป็นแดงก่ำราวกับดวงตาของปีศาจ
   
มีแสงเสี้ยวของสีทองเพียงนิด
   
ความหวังเล็กๆ
   
ที่พอจะสามารถนำพาสเวนกลับมาเป็นคนเดิม
   
ก่อนจะกลายเป็นสัตว์ร้าย ไล่เข่นฆ่าทุกอย่างที่ขวางหน้าเพื่อระบายความเศร้าโศก
   
การที่อลันไม่มีการตอบกลับอะไรสักอย่างกับสเวน
   
ทำให้สเวนคลุ้มคลั่ง
   
เสียงร้องเพลงกลายเป็นทำนองผิดเพี้ยน
   
ฟังดูน่าขนลุก
   
เหมือนกับชายเสียสติ
   
เวลาผ่านไปร่วมอาทิตย์
   
ที่สเวนไม่กินอะไรเข้าไปแม้แต่อย่างเดียว
   
แต่สเวนก็ไม่สนใจมันอีกต่อไป
   
เมื่อจุดหมายของมันได้ตั้งอยู่ข้างหน้า
   
บ้านสร้างจากอิฐแดงหลังใหญ่ที่ถูกดัดแปลงจากสถานีรถไฟ ห้อมล้อมด้วยป่าทึบ มีแสงตะเกียงเล็ดลอดออกมาเล็กน้อย เป็นสัญญาณให้รู้ว่ามีมนุษย์อาศัยอยู่
   
สเวนไม่ลังเลอีกต่อไปก้าวบุกรุกเข้าไปทันที
   
โฮ่ง ! โฮ่ง กรรรซ   
   
เสียงสุนัขเลี้ยงยืนล้อมรอบสเวน เห่าเสียงดังไล่ผู้บุรุกในยามวิกาล
   
สเวนแสยะยิ้มเดินต่อไปเรื่อยๆ   
   
ก่อนที่จะมีสุนัขใจกล้าพุ่งกระโจนเข้ามา
   
สเวนถีบมันออกจนกระเด็นไปชนกับต้นไม้
   
แต่พวกสุนัขพวกที่เหลือย่อมไม่ยอมให้เพื่อนของมันเจ็บตัวเฉยๆ แน่นอน
   
พุ่งกระโจนเข้ามากัดพร้อมกัน ขู่เสียงดัง
   
กรรซ !!
   
โฮ่ง ! โฮ่ง !
   
เสียงขู่คำรามดังก้อง
   
สุนัขป่าที่กลายเป็นสุนัขเลี้ยงผลัดกันกระโจนกัดแม้จะเสียเปรียบ แต่ละตัวที่โดนสเวนทำร้ายไปแล้วล้วนเจ็บหนักแต่ก็กลับมายืนล้อมกรอบดังเดิม
   
“ นั่นมันตัวอะไรวะ ! ”
   
นั่นมันเสียงมนุษย์
   
สเวนคิดอย่างเลื่อนลอย
   
อลัน อลัน ข้าสามารถช่วยเจ้าได้แล้ว
   
พอปากจะปริปากออกเป็นคำพูด
   
กลับเป็นเสียงเครือคราง
   
เหมือนคำรามในลำคอ
   
ยิ่งทำให้คนที่มาเจอสเวนเข้าตกใจ แต่แววตาไม่มีความลังเลใดๆ ในมือถือปืนยาวสำหรับล่าสัตว์โดยเฉพาะ เขาคุ้นชินกับการถูกหมีบุกรุกบ่อยๆ
   
สิ่งที่เห็นนั้น
   
เหมือนกับปีศาจร้าย
   
ช่วงล่างเป็นอาชาสีดำ เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาแดงก่ำ
   
นอกจากคำว่า ปีศาจที่มีร่างเป็นม้า
   
ก็ไม่สามารถให้นิยามอะไรที่ดีกว่านี้
   
“ เฮ้ย มันถือคนอยู่ ! แย่แล้วๆ รีบช่วยคนก่อน ”  ชายร่างโตที่ถือปืนอยู่ตะโกนลั่น
   
ปืนนับสิบกระบอกเล็งไปที่ตัวของสเวน
   
เตรียมลั่นไกหากมีการเคลื่อนไหวสักนิด
   
มนุษย์พวกนี่โง่ชะมัด เพิ่งเห็นรึไงว่าควรจะช่วยอลัน
   
สเวนกำลังจะก้าวไปหา
   
ปัง !
   
กระสุนนัดแรกเจาะเข้าที่ตัวของสเวน
   
อาการปวดตีตื้นขึ้นจนอารมณ์แปรปรวน
   
สเวนคำรามออกมา
   
พยายามจะกระโจนเข้าไปทำร้ายคนที่ยิงตัวเอง
   
ปัง ! ปัง ! ปัง !
   
กระสุนอีกหลายนัดฝังเข้าไปในตัว
   
ตอกย้ำถึงความเจ็บปวด
   
สเวนไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป
   
ล้มกองอยู่บนพื้น
   
ในมือยังคงกอดอลันแน่น ไม่กล้าคลาย
   
สติพร่าเลือน
   
   

“ ม้าบ้า ยังจะมัวนอนอะไรอีก ฮะ ! ” เรียกพร้อมเขย่าตัวเบาๆ
   
สเวนลืมตาขึ้นมาดูงงๆ
   
อลัน ?   
   
อลันกำลังฉีกยิ้มให้ข้า
   
อลันจริงๆ งั้นเหรอ
   
น้ำตาคลอหน่วงในดวงตา
   
“ เอ้า เจอฉันแล้วร้องไห้ทำไม ” อลันบ่น ชกเข้าที่ไหล่สเวนไม่จริงจังนัก “ เดินทางกันต่อสักที ไม่เห็นรึไงว่าหัวฉันหงอกหมดแล้ว ” ชี้หัวตัวเองประกอบคำพูด
   
สเวนหลุดหัวเราะ
   
หัวเราะออกมา
   
หาที่มาไม่ได้
   
น้ำตาไหลพราก
   
โถมกอดอลันแน่น
   
“ ข้ารักเจ้าอลัน ข้ารักเจ้า ”
   
อลันเลิกคิ้วงงๆ แต่ก็ยิ้ม “ฉันก็รักนายเหมือนกัน ”
   

สเวนลืมตาที่พร่าเลือน

ตัวของอลันอยู่เยื้องใกล้ๆ

มือหนาที่เต็มไปด้วยเลือดสอดมือเข้ากับมือคู่เล็ก

กระชับมืออีกฝ่ายแน่น

ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไร้สิ้นสุด

.......


 บทนำของเรื่องเป็นเพียงความคิดเพ้อฝันของสเวนเท่านั้น  :เฮ้อ: โรคของอลันอารมณ์เหมือนคนโชคร้ายค่ะ เหมือนกับเกิดมาพร้อมกับโรคประหลาดที่เพิ่งแผลงฤทธิ์เมื่อถึงเวลา สิ่งที่แฟนตาซีเรื่องนี้มีเพียงสเวนค่ะ อย่างอื่นค่อนข้างอิงหลักความจริง

เรื่องนี้จบแล้วค่ะ 

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ  :L2:   
 

สำหรับคนที่ต้องการติดตามข่าวสารนิยายค่ะ  :mew1: 
https://www.facebook.com/FoggyTime/  (https://www.facebook.com/FoggyTime/)

   
   
   


   
   
   
   
   
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 11 [ จบ ]
เริ่มหัวข้อโดย: sinyou ที่ 07-11-2015 10:16:31
ฮืออออ เศร้า หน่วง สงสาร  :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 11 [ จบ ]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-11-2015 10:39:16
แง้ๆๆๆ เศร้าอ่ะแบบนี้
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 11 [ จบ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 07-11-2015 11:32:51
:monkeysad: น้ำตานองหน้าเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 11 [ จบ ]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 07-11-2015 11:57:52
...

ขอตัวไปรักษาบาดแผลก่อนนะคะ ช้ำใน ช้ำใจ อย่างแรง


T T
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 11 [ จบ ]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 07-11-2015 18:13:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 11 [ จบ ]
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 07-11-2015 20:14:58
อ่านเรื่องนี้ไป ทั้งสนุก แล้วก็อึดอัดไปพร้อมๆกัน คือเราไม่คิดว่าเรื่องนี้จะจบแบบ รักษาอลันสำเร็จ แฮปปี้เอนดิ้ง รักกันจนวันสุดท้าย แต่เอาจริงๆเราก็ไม่คิดว่าจะจบแบบนี้ คือแบบน้ำตานองหน้าอ่ะ(โดยเฉพาะฉากอีกา คือน้ำตาไหลเลย) แต่ถามว่าเฟลไหม บอกเลยค่ะไม่เฟล จบแบบนี้ เหมาะสมที่สุดแล้วคาะ

ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านค่ะ ชอบมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 11 [ จบ ]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 08-11-2015 23:25:49
ตอนจบเกินความคาดหมายของเราไปหน่อย
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
บังเอิญอลันค่อนข้างโชคร้ายเท่านั้น
ขอบคุณนะคะ 
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 11 [ จบ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 09-11-2015 12:03:06
เศร้าอะ เสียใจที่อลันไปไม่ทัน แต่สุดท้ายเขาก็ยังได้อยู่ด้วยกันอะนะ
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 11 [ จบ ]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 11-11-2015 19:18:05
หง่ะ จบแล้วหรอ เหมือนยังไม่สุดเลย~
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 11 [ จบ ]
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 12-11-2015 22:40:17
ร้องไห้หนักมาก เรื่องหน้าขอแบบ happy ending น้า ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 11 [ จบ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 22-11-2015 15:09:30
ในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกัน
อลันไม่ต้องทรมาณด้วย     :hao5:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 11 [ จบ ]
เริ่มหัวข้อโดย: kat.dog ที่ 27-11-2015 10:35:27
จบแบบน้ำตานองหน้าเลยค่ะ  :o12:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 11 [ จบ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Areeya Somnuek ที่ 27-11-2015 17:36:36
รัก :L1: :L1: :L1:  :hao5:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 11 [ จบ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 28-11-2015 12:09:12
หน่วงจนวินาทีสุดท้าย เฮ้อ
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เสียงแว่วครั้งที่ 11 [ จบ ]
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 30-11-2015 19:26:51
อย่างน้อยก็ได้ไปอยู่ด้วยกันบนสวรรค์นะ สเวน อลัน :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : หลังจากนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 05-12-2015 23:15:27
ตอนพิเศษ
   
หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับล้วนการถึงร่างเซนทอร์ปริศนาที่มาพร้อมกับมนุษย์ คำให้การของนายพรานที่เจอนั้นกลายเป็นที่โด่งดัง ป่าที่เงียบสงบถูกมนุษย์มากมายบุกรุกเพื่อพิสูจน์ว่ายังมีเซนทอร์อีกหรือไม่ ส่วนของร่างเซนทอร์หนุ่มที่นักวิทยาศาสตร์แย่งกันเพื่อนำไปวิจัยแต่ก็ถูกคนในพื้นที่ขัดขวางเอาไว้โดยอ้างสิทธ์ถึงความเป็นเจ้าของพื้นที่
   
เป็นไปตามกฎของธรรมชาติร่างของเซนทอร์ค่อยๆ ย่อยสลาย ท่ามกลางความดุเดือดของการแก่งแย่ง
   
ร่างของมนุษย์ถูกเมินอย่างไม่ไยดีตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ
   
ถูกฝังไว้ในป่าอย่างเรียบเงียบไม่มีการสืบค้นหาข้อมูลยืนยันตัวตนต่อแต่อย่างใด
   
โดยถูกพาดข่าวว่าเป็นเพียงมนุษย์โชคร้ายที่ถูกเซนทอร์ฆ่า
   
   
เสียงเครื่องยนต์ดังลั่นยามที่เคลื่อนผ่านไปพื้นที่ต่างๆ หญ้ารกถูกเหยียบจนบี้แบน สัตว์ป่าหลบภัยกันจ้าละหวั่น ไม่เว้นแม้แต่เจ้ากระต่ายป่าที่ครุ่นคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าป่า
   
ฟุดฟิด
   
มันชะโงกหน้าออกจากพุ่มไม้เมื่อเครื่องยนต์ผ่านไป และยื่นหน้าลงไปเคี้ยวหญ้าบนพื้นหงุบหงับ กระดิกหูไปมาครุ่นคิดถึงร่างม้าตัวโตกับมนุษย์ที่เคยชั่วเหลือมัน
   
ไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วนะ?
   
เจ้ากระต่ายเงยหน้ามองท้องฟ้า
   
ม้าตัวโตที่ปากร้ายใจดีมักจะกลับมาในเวลาไม่นานเวลาที่ไปไหนไกลๆ และกลับมาพร้อมกับผลไม้รสแปลกให้มันได้กิน
   
การหายไปแบบนี้
   
มีเพียงคำตอบเดียว
   
และมันก็รู้จักดี
   
เช่นเดียวกับแม่ของมัน
   
ที่ถูกหมาป่าร่างยักษ์พรากไปตลอดกาล
   
หูพลันลู่ลงซุกตัวอยู่กับแนวพุ่มไม้
   
ลาก่อน
   
ขอบคุณที่ช่วยเหลือข้านะ
   
ท่านม้าตัวโตและมนุษย์

   
ท่ามกลางหมอกมัวได้มีเสียงตะโกนดังลั่น
   
“ ม้าบ้าเอ้ย !! จะช่วยฉันทำไม ”
   
อลันตะโกนด้วยความไม่พอใจแต่สิ่งที่กระทำกลับสวนทาง
   
สวมกอดสเวนในร่างของมนุษย์แน่น
   
“ ฮึก ช่วยฉันมาทำไม.. เพราะฉันถึงถูกยิงตายแบบนั้น แย่.. มันแย่เกินไปแล้ว.. ฮือ ทำไมวะถ้านายไม่เจอฉัน นายก็ไม่ต้องมาตายแบบนี้หรอก ”
   
อลันสะอื้นจนตัวโยน
   
เขาเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น
   
หลังจากที่หยุดลง
   
เห็นทั้งน้ำตา ความบ้าคลั่ง ทุกอย่าง
   
มีต้นเหตุมาจากเขา
   
เซนทอร์ยังตกอยู่ในภวังค์ของความงุนงงอยู่ สเวนจำความรู้สึกเจ็บปวดเจียนตายได้อย่างแจ่มชัด แต่ตอนนี้ร่างกายกลับเบาสบาย
   
ข้าอยู่ที่ไหนกัน ?
   
สเวนเบิกตากว้างเมื่อเห็นอลันกอดตัวเองแน่นพร้อมพร่ำพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
   
กอดอลันตอบแน่น
   
“ อลัน อลัน อลัน ”
   
น้ำตาของสเวนไหลพราก
   
“ เจ้ากลับมาอยู่กับข้าแล้วใช่ไหม ? เจ้าจะไม่ทิ้งข้าไปอีกใช่ไหม ? ข้าไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้วนะ ข้าขอร้อง อลัน ”
   
อลันกำลังกอดข้า
   
ไม่ว่านี่จะเป็นความฝันหรือความจริง
   
ข้าก็จะกอดมันไว้
   
ทั้งสองฝ่ายเหมือนกำลังสติแตก พูดคุยโต้ตอบอะไรกันไม่ได้ไปสักพักใหญ่ๆ อ้อมกอดแน่นที่ปลอบประโลมจิตใจที่คุกรุ่นให้เย็นลง
   
อลันเป็นคนได้สติก่อน
   
“ สเวน.. ”
   
เรียกเสียงเบา
   
สเวนไม่ตอบยังคงบ่นพึมพำด้วยความหวาดกลัว
   
เซนทอร์หนุ่มไม่พร้อมจะสูญเสียอลันอีกครั้ง
   
“ ม้าบ้า ! สนใจฉันหน่อยสิ ”
   
อลันปาดน้ำตาที่อาบแก้มตัวเองออกแล้วชกกับอกเปลือยของสเวน
   
อึ่ก
   
ซึ่งมันก็รุนแรงมากพอให้สเวนได้สติบ้าง
   
“ เจ้าจริงๆ งั้นเหรออลัน ”
   
น้ำเสียงสั่นเทา
   
“ เออ มีฉันคนเดียวเนี่ยแหละที่เรียกนายว่าม้าบ้า ”
   
สเวนยิ้มในขณะเดียวกันนั้นหมอกมัวได้หายไป
   
“ ก็มีแค่เจ้าคนเดียวที่คุยกับข้า ”
   
ภาพทรรศนียภาพงดงามของดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นพลันปรากฏ
   
อลันหัวเราะตอบ
   
“ ก็มีอยู่กันแค่สองคน จะไปคุยกับใครอีกล่ะ ”
   
“ จะว่าไปร่างมนุษย์แบบนี้ เจ้าจะยอมให้ข้าทำอะไรนอกจากจูบได้รึยัง ? ”
   
สเวนที่หายเซื่องซึมค่อยๆ กลับมาในฉบับเดิม
   
ร่าเริงและหื่นกาม ?
   
อลันหน้าแดง
   
“ จะพูดอะไรอายพ่อแม่ฉันบ้างก็ดีนะ ไอ้ม้าบ้า ! ”
   
--------------------------

ทำไมสเวนเป็นคนแบบนี้ 5555555555555555


   
   
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : หลังจากนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 05-12-2015 23:34:32
สเว๊นนนนน! 555555 ไม่คิดว่าสเวนจะเป็นคน(ม้า)แบบนี้เลยนะ!
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : หลังจากนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: 28016 ที่ 06-12-2015 01:11:16
เรื่องนี้ทำให้เราอ่านรวดตั้งแต่ห้าทุ่มจนถึงตีหนึ่ง 555555
ตอนแรกอ่านมาคิดว่าอลันจะรอดตามมโนต้นเรื่องของสเวน ที่ไหนได้ คุณหลอกดาว นายมันม้าขี้มโน ;;_;;
ผมสีขาวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆก็เหมือนการนับถอยหลังชีวิตของอลัน เหมือนคนชราที่ผมค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาวสินะคะ
การเดินทางของอลันถึงจะมีจุดหมายแต่ก็ชวนให้รู้สึกสิ้นหวัง ไม่รู้ว่าอีกไกลเท่าไหร่ ไม่รู้ที่ปลายทางจะมีอะไรรออยู่ แต่ก็ต้องเดินต่อไป สุดท้ายหมอวิเศษที่ปลายทางก็เป็นเพียงเรื่องเล่า เหมือนสารพัดตำนานที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อปลอบประโลมจิตใจคน ต่อให้สเวนไปทันก็ไม่มีหลักประกันว่าอลันจะหายอยู่ดี
สำหรับเราการจากกันโดยไม่ได้ลาเป็นอะไรที่โหดร้ายมาก เหมือนเดินอยู่ดีๆก็มีสายเรียกเข้า พอยกหูขึ้นมาก็ได้ยืนแค่คำว่าเขาไปสบายแล้วนะ
แต่ก็เข้าใจอลันนะ ไม่อยากให้สเวนเสียใจ การที่ต้องทนแบกรับความกลัวในวินาทีสุดท้ายของชีวิตก็เป็นอะไรที่หนักไม่แพ้กันนั่นล่ะ
สรุปโดยรวมคือประทับใจเรื่องนี้มากค่ะ ฉากมุ้งมิ้งด็น่ารัก ฉากหน่วงก็หนักมาก อ่านแล้วอินกับชีวิตจริงน้ำตาหวิดจะไหลหลายรอบเลย เข้าใจความรู้สึกสเวนที่ได้แต่มองแต่ทำอะไรไม่ได้จริงๆ  :hao5:

ปล. ตอนพิเศษดีงามค่ะ ลุ่นจนตัวโก่ง ในที่สุดเขาก็ได้อยู่ด้วยกัน ไม่แน่ว่ามโนต้นเรื่องอาจเป็นฉากหลังตอนพิเศษก็เป็นได้ 55
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : หลังจากนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 06-12-2015 19:11:25
เยยยยยยย้!!! ในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกัน อิฉันเป็นปลื้มจริงๆค่ะ กระซิกๆ TwT
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : หลังจากนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: natt lUcky ที่ 06-12-2015 19:57:50
ดีใจมากกกก ในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกัน
ขอให้ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขน้า
แอบคิดถึงคุณกระต่ายเหลืออยู่ตัวเดียว
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : หลังจากนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-12-2015 20:33:52
ตอนจบในบทที่แล้วแอบหักมุม? นิดหนึ่งนะ แบบว่าอลันมีเป้าหมายอย่างแน่วแน่เพราะเชื่อว่าจะเจอหมอเทวดา? ที่ปลายทางรถไฟ
แต่พอสเวน(ซึ่งเชื่อเหมือนกัน)พาอลันไปถึงแล้วมันกลับไม่ใช่อ่ะ กลายเป็นว่าปลายทางคือมนุษย์ผู้โง่เขลาและไร้ซึ่งความเมตตาไปซะได้ ยิ่งตอนพิเศษยิ่งตอกย้ำจริงๆ
แต่ยังไงก็ดีนะที่สุดท้ายแล้วทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : หลังจากนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: overdrink ที่ 06-12-2015 21:13:40
โอ๊ยยย น่ารักมาก  :sad4:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : หลังจากนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 06-12-2015 22:06:29
 :really2:

งงตอนพิเศษหน่อยๆ ตกลงคือสเวนกับอลันมาเกิดใหม่เหรอคะ??

 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : หลังจากนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 06-12-2015 22:13:38
:really2:

งงตอนพิเศษหน่อยๆ ตกลงคือสเวนกับอลันมาเกิดใหม่เหรอคะ??

 :really2: :really2:

สวรรค์ค่ะ >< ยังไม่เกิดใหม่ๆ 5555
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : หลังจากนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 07-12-2015 09:52:22
 :ling1:


อ่อ ก็ยังโอเค ฮืออออออออ

พอดีเจอสเวนในร่างมนุษย์เข้าไปเลยเงิบไปหลายวิ ><


 :katai4:

ชุ้บบบบบบบบ คุณ Foggy Time

เรายังไม่ลืม Sweet cheese นะคะ
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : หลังจากนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 07-12-2015 10:36:29
เอ๊า เขาหวานกันนุ้งกระต่ายอยู่ตัวเดียวเลย   
ปล. ไม่ชอบที่มนุษย์ทำอย่างนี้
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : หลังจากนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-12-2015 16:09:23
โอ้ยยยย สเวนคนซื่อหายไปไหน ฮ่าๆๆๆๆ
กลายเป็นจอมหื่นไปแล้ว เสร็จแน่อลันคราวนี้

แอบสงสารกระต่ายป่านิดนึงง่ะะ
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : หลังจากนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 08-12-2015 18:09:07
นอกจากจะต้องช่วยอลันให้ได้แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจของสเวนคงไม่พ้นเรื่องนี้แน่ๆ เลยนะคะ ไม่อย่างนั้นพอรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีคงไม่จำเรื่องที่จะหื่นกับอลันได้เป็นเรื่องแรกหรอกค่ะ :m20:

ขอบคุณนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : ถ้าหากอลันไม่เจอสเวน
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 11-12-2015 18:35:09
ตอนพิเศษ : ถ้าหากอลันไม่เจอสเวน

( 1 ) ถ้าเนื้อเรื่องต่อจากหมี
   
อลันหอบหายใจแรงดวงตาเบิกกว้างด้วยความกลัว
   
น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาจากดวงตา
   
ขาที่ขยับไม่ได้ทำให้อลันไม่สามารถหนีไปจากสถานการณ์นี้
   
อุ้งเท้าที่เต็มไปด้วยกงเล็บแหลมคมตะปปเข้าที่ท้องของอลัน
   
อลันกรีดร้อง
   
ความหวังให้มีบางสิ่งให้มาช่วยเขาให้หลุดพ้นจากความทรมาน
   
เสื้อตัวบางค่อยๆ ถูกย้อมเป็นสีเลือด
   
ความทรงจำแล่นผ่านเข้ามาในหัว
   
ตอกย้ำถึงความเลวร้ายของชีวิต
   
สิ่งที่ตัวเองกระทำลงไป
   
ถ้อยคำเสียดสีดังลั่นในหัว
   
อลันสะอื้นฮัก
   
ทำไม...
   
จวบจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายที่มีลมหายใจ
   
อลันก็ยังคงจมอยู่ในวังวนของความทุกข์
   
ความโชคร้ายเป็นเรื่องปกติของโลกใบนี้
   
อลันเป็นเพียงเศษเสี้ยวของเรื่องราวเท่านั้น


( 2 ) ถ้าหากอลันไม่เจอหมี
   
การเดินทางที่โดดเดี่ยวทำให้อลันรู้สึกเหงาไม่น้อย
   
ร้องเพลงพอจะคลายความเหงาได้ในเวลาสั้นๆ เท่านั้น
   
ความเหนื่อยล้าปรากฏทั้งในจิตใจและร่างกายของอลัน
   
การเดินทางที่ติดต่อกันต่อเนื่องโดยไม่หยุดพักทำให้โรคของอลันทรุดลงไวมาก
   
ความหวังริบหรี่ที่มักจะมีในทุกเช้าค่อยๆ จางลง
   
เช่นเดียวกับอาหารที่เริ่มร่อยหรอลงทุกวัน
   
แม้แต่น้ำเปล่าก็ยังหมดไปด้วย..
   
อลันต้องทนคอแห้งแผกไปเกือบวัน
   
โชคดีที่ฝนตกลงมา
   
จึงพอได้รองไว้กินบ้าง
   
ไม้ขนาดเหมาะมือถูกใช้พยุงตัวในการก้าวเดินไปข้างหน้า
   
ขาที่สั่นส่งเสียงประท้วง
   
ร่างกายของอลันกำลังร้องไห้
   
อ้อนวอนให้อลันหยุดพักเสียบ้าง
   
ผมทั้งหัวเกือบกลายเป็นสีขาวโพลน
   
ยาระงับอาการที่เตรียมมาหมดไปแล้ว
   
สิ่งที่ประคองอลันให้ไปข้างหน้าคือ ความดันทุรัง
   
ไร้เสียงเพลงออกมาจากริมฝีปาก
   
แววตาไร้ประกาย
   
เต็มไปด้วยหมอกมัวของน้ำตา
   
อลันในตอนนี้คิดอะไรไม่ออกแล้ว
   
นอกจากร้องไห้
   
ก่นด่าถึงชีวิต
   
ความทรมานที่ได้รับเหมือนกับการฆ่าอลัน
   
จิตใจที่เคยเต็มไปด้วยความหวังหายไป
   
เหลือเพียงความเศร้าโศก
   
“ อึก.. ”
   
อลันกัดปากจนเลือดออก เมื่อรู้สึกเสียดอก
   
ก้อนหัวใจภายในบีบรัดรุนแรงเหมือนจะฆ่าเขาให้ได้
   
ฉับพลันผมของอลันได้กลายเป็นสีขาวโพลน
   
พร้อมกับแรงบีบที่รุนแรงที่สุด !!
   
อลันเบิกตากว้างน้ำตาไหล
   
ล้มไปบนพื้นทั้งอย่างนั้น
   
พยายามตะเกียกตะกายตามสัญชาตญาณ
   
ทั้งๆ ที่อีกใจก็ใฝ่หาถึงสิ่งกำลังประสบ
   
การต่อสู้ของอลันกินเวลาไม่นาน
   
และผู้แพ้ก็คือ มนุษย์ผู้โชคร้าย

   
( 3 ) ถ้าหากอลันโดนคนอื่นจับได้ทันก่อนที่จะหนีออกมา

   
เสื้อโค้ทเนื้อดีถูกยื่นคืนให้กลับลุงวิลเลียมด้วยมือของคนอื่น
   
อลันถูกจับโยนมาอยู่ในห้องนอนของตัวเองและถูกมัดไว้บนเก้าอี้
   
อลันก้มหน้ามองพื้นนิ่ง
   
ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ
   
“ แกนี่มันเลวจริงๆ เลยว่ะ อลัน กล้าขโมยของกับคนที่ดีด้วยถึงขนาดนี้ ? คิดว่าที่นี้ไม่กล้าทำอะไรแกรึไง ! ถ้าไม่มีใครพูดอะไร พวกตำรวจก็ไม่มีทางรู้ว่าพวกเราทำอะไรแกบ้าง ! ”
   
วัยรุ่นหัวโจกแต่งตัวด้วยแฟชั่นสไตล์ฮิปฮอบ หูที่เคยขาวตอนนี้คล้ำถูกประดำไปด้วยต่างหูและรูมากมาย จ้องอลันด้วยความโกรธขึ้งสุดขีดสุด
   
แม้ว่าจะทำตัวเหลวแหลก
   
แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่เคยอยู่ใต้การดูแลของลุงวิลเลียม
   
ล้วนรักลุงวิลเลียมเหมือนพ่อแท้ๆ
   
“ ไม่มีอะไรจะพูด ? ดี !! ”
   
อลันกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ
   
หลับตานิ่ง
   
รอรับผลกระทำของตัวเอง

   
อลันถูกกลุ่มวัยรุ่นซ้อมหนักจนเข้าโรงพยาบาล หน้าผิดรูปจนจำแบบเดิมไม่ได้ ซี่โครงหักกระดูกแตก สารพัดสิ่งที่พวกมันสามารถคิดได้ถูกนำมาระบายอารมณ์กับอลัน ไม่นานนักที่หลังจากข่าวของอลันออกไป พวกมันก็ถูกตำรวจจับข้อหาทำร้ายร่างกายและเสพยาเสพติด
   
โรคของอลันดูจะเหิมเกริมกว่าทุกครั้ง
   
เมื่อร่างกายของอลันอ่อนแอ
   
ก็ถึงเวลารุกฆาตของมัน
   
ไม่ถึงสัปดาห์ที่อลันเข้าโรงพยาบาล
   
อลันก็เสียชีวิตลง
   
ผู้ที่เข้าร่วมงานศพของอลันมีเพียงไม่กี่คน
   
หนึ่งในนั้นคือลุงวิลเลียม
   
ที่อลันยังไม่ได้เอ่ยคำขอโทษที่คั่งค้างในใจ
   
ตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาล
   
สิ่งที่ประคองชีวิตไว้มีเพียงสายออกซิเจนเท่านั้น
   
อลันจมอยู่ในความฝันความมืดทุกอย่าง
   
กัดกินตะกละตะกลาม
   
แม้แต่ตอนที่ทุกอย่างจบลง
   
ก็ยังไม่รู้ตัว


----------------------

อย่าตบเราเลย 555555555  :m29:

ตอนนี้อยากนำเสนอถึงความสำคัญของสเวนค่ะ ว่ามีผลกับอลันยังไงบ้าง

แล้วก็มีเรื่องอยากเมาท์ด้วย  :hao7:

เอาจริงๆ ตอนแรกกะจะให้อลันเป็นพวกวัยรุ่นอารมณ์ร้อนวัยต่อต้าน ย้อนผมขาวหรือไม่ก็แดง ไปเดินทาง 5555

คนละแนวกับอลันแบบนุ่มนิ่มนี่จริงๆ

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ ดีใจที่ชอบนะคะ  :mew1:   
   
   
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : ถ้าหากไม่เจอสเวน
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 11-12-2015 18:50:16
มันดีงาม  :heaven
ขอให้ฝันสเวนเป็นจริง
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : ถ้าหากอลันไม่เจอสเวน
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 11-12-2015 21:05:09
เอิ่มมมมมมมมมมมมมมมมมม


อันล่าสุดนี่มาเหนือเมฆมาก

อยากให้เล่าเรื่องราวของสเวนบ้าง ฮิมรอดมาถึงปัจจุบันได้อย่างไร :katai4:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : ถ้าหากอลันไม่เจอสเวน
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 18-12-2015 20:06:11
ตอนพิเศษหวานๆคือดีงาม แต่อันถัดมานี่จะเศร้าไปไหน :hao5: 
เอาจริงๆถ้าอลันไม่เจอสเวนก็ต้องเป็นงี้จริงๆอ่ะแหละ //โดนตรบ
อยางน้อยตอนนี้ก็มีความสุขทั้งคู่ละน้า  :กอด1:
 

หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : ถ้าหากอลันไม่เจอสเวน
เริ่มหัวข้อโดย: tsubasa_6927 ที่ 18-12-2015 20:36:01
อลันเจอสเวนคือดีงาม จบแบบนี้ก็โอเคค่ะ สารภาพว่าตอนใกล้จบนั้นอ่านแบบสกิมมิ่งกันเลยทีเดียว คือกลัวตัวเองร้องไห้มาก สุดท้ายก็น้ำตานองหน้าอยู่ดี :hao5:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : ถ้าหากอลันไม่เจอสเวน
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 17-01-2016 22:59:56
ตอนพิเศษ : ถ้าอาการอลันไม่กำเริบ
   
ตอนที่หลับก็หันหลังให้กัน
   
แต่ตอนที่ตื่นกลับพบว่าตัวเองถูกม้าบ้ากอดแน่นเอาหัวไซร้คอ
   
“ ไอ้ม้าเวร ! ”
   
อลันลนลานดึงแขนที่เกี่ยวเอวตัวเองออกหน้าแดงก่ำ
   
สเวนส่งเสียงอืออาในลำคอยังคงไม่รู้สึกตัว
   
“ อย่าทำให้ฉันโมโหนะ ! ”
   
ตะคอกใส่หูม้าบ้าแต่ก็พบว่าไม่มีผลอะไรหนำซ้ำยังฉวยโอกาสหอมแก้มด้วย
   
อลันนิ่งค้างราวกับถูกปิดสวิตช์
   
“ โมโหแล้วทำไม ”
   
เซนทอร์ยิ้มกวน อันที่จริงก็เพิ่งตื่นตอนโดนโวยวายนั่นแหละ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองไปกอดอลันเข้าตอนไหน
   
“ โมโหฉันก็จะต่อยแกไง ”
   
“ ข้ามวันแล้ว ข้าก็ต้องทำอะไรๆ ต่อได้สิ ” สเวนหัวเราะ “ ข้าให้เวลาเจ้าแล้ววันนึงเจ้าก็ตอบแทนข้าบ้าง ” แกล้งลูบสีข้าง
   
อลันสะดุ้งพยายามปัดมือออกแต่ไอ้มือม้าบ้าได้กลายพันธุ์เป็นปลาหมึกเรียบร้อย
   
“ หิวขนาดนั้นเลยรึไง ปกตินายทำยังไงกับมันวะ ”
   
สเวนซุกหน้ากับคออลันขณะตอบ
   
“ อืมม ข้าก็ดูเจ้าระหว่างทำมั้ง ”
   
“ ม้าเวรนี่มันม้าเวรจริงๆ ”
   
อลันบ่นหน้าแดงเลิกขัดขืน
   
“ ปล่อยได้รึยัง ฉันหนาวจะตายอยู่แล้ว ”
   
อุณหภูมิอุ่นๆ ที่เสียดสีกันชวนให้รู้สึกเขิน
   
“ ก็ได้ๆ ”
   
สเวนยอมปล่อยแขนของออก เหลือบมองช่วงล่างตัวเองที่ยังเป็นม้าครุ่นคิดสักพัก
   
อลันเมื่อถูกปล่อยออกก็รีบไปคว้าเสื้อผ้าตัวเองมาใส่ทันที พอใส่ครบชุดจึงหันมาหาม้าบ้าและเบิกตากว้าง 
   
ตอนนี้ม้าบ้ากลายเป็นคน
   
และกำลังเปลือยอยู่
   
“ กางเกง กางเกงฉันอยู่ในกระเป๋า ”
   
อลันพยายามหลีกเลี่ยงที่จะมองสเวนตรงๆ
   
ใครมันจะอยากเห็นของคนอื่นกัน
   
สเวนส่งสีหน้างุนงง
   
“ กางเกงคืออะไร แล้วเจ้าอายอะไรกัน แต่เดิมมนุษย์ก็ไม่ได้ใส่เสื้อผ้ากันหรอกนะ ”
   
ย่างสามขุมเข้าไปใกล้อลันแกล้งๆ   
   
อลันถอยกรูด
   
“ นั่นมันอดีต ตอนนี้นายอยู่กับมนุษย์ยุคปัจจุบัน ”
   
“ แต่ข้าชอบเจ้าตอนไม่ใส่มากกว่านะ ”
   
สเวนยิ้มซื่อๆ แต่สีหน้าเจ้าเล่ห์
   
อลันกลืนน้ำลายเอือก
   
ดูจะอัดอั้นมานาน
   
โดนทำเข้านี่ตายแน่ๆ
   
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้อลันก็หน้าแดงใหม่อีกรอบ
   
“ แต่ฉันชอบนายตอนใส่กางเกงมากกว่า โยนกระเป๋าฉันมาเดี๋ยวหาให้ ”
   
สเวนหัวเราะและยอมหยิบกระเป๋ายื่นให้อลัน
   
ส่วนตัวก็ยืนรอนิ่งๆ ไม่รู้สึกอายแต่อย่างใด หนำซ้ำอย่างรู้สึกสนุกด้วยซ้ำ
   
มนุษย์เป็นสิ่งที่เข้าใจยาก
   
บางอย่างที่ถูกสรรสร้างขึ้นมาข้าก็ไม่อาจเข้าใจ ว่าทำขึ้นมาเพราะเหตุใด
   
บางคราก็มีเหตุผลและไร้เหตุผล
   
แต่ในเวลานี้สิ่งที่ไร้เหตุผลน่าจะเป็นข้าตอนนี้
   
มีความสุขอย่างประหลาดทั้งๆ ที่แค่เห็นอลันกระทำสิ่งต่างๆ ตรงหน้า
   
อลันในตอนนี้ไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป
   
เฉกเช่นเดียวกับข้า
   
เซนทอร์ที่ผูกติดชีวิตไว้กับมนุษย์
   
เจ้ามีความสุข ข้าก็มีความสุข
   
อลัน
   
สเวนมองด้วยสายตาหวานเชื่อม
   
แต่น่าเสียดายที่อลันตีความผิดไป
   
“ เอาไปใส่ไป ”
   
ยื่นให้สเวนเมื่อสเวนรับก็ทิ้งระยะห่างทันที
   
มองกันด้วยสายตาแบบนั้นหมายความว่าไง
   
นี่เขาต้องโดนม้าบ้านี่แสดงความรักเต็มรูปแบบแล้วเหรอ
   
ไม่ เขายังไม่พร้อม
   
ถึงจะไม่ใช่ผู้หญิง แต่เขาก็ไม่เดยทำเรื่องอย่างว่านี่กับใคร
   
ไม่แปลกที่จะกลัว
   
“ ไม่ต้องกลัวข้าขนาดนั้น ข้าก็ไม่ได้จะกินเจ้าตอนนี้ซะหน่อย ไว้พรุ่งนี้หรือมะรืนก็ยังทัน ”
   
สเวนขมวดคิ้วบอกพร้อมใส่กางเกงให้ตัวเอง
   
“ มันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นะ ฉันว่า ”
   
อลันขมวดคิ้วแน่นก่อนคลายเมื่อเจ้าตัวนึกอะไรออก
   
“ ถ้านายสามารถร้องเพลงที่ฉันร้องได้จนจบเพลง ฉันจะยอมให้นายทำแล้วกัน ”
   
หัวเราะหึๆ อย่างผู้ชนะ
   
เอาเพลงที่ยากที่สุดนี่แหละ
   
ขนาดเขายังใช้เวลาเกือบเดือนเลยกว่าจะร้องได้แม่น
   
สเวนตาพราวระยับด้วยความสนใจ
   
เขาอยากร้องเพลงมานานแล้ว
   
“ เอาสิ ข้าจะพยายาม ”


   
สามเดือนผ่านไป...


“ นายร้องผิดตรงท่อนนี่นะสเวน ” อลันหัวเราะยิ้มยิงฟัน
   
ผิดกับสเวนที่หน้างอ
   
นี่มันชักจะนานเกินไปแล้ว
   
เจ้ากระต่ายอ้วนกระโดดโหยงเหยงไปมาเหมือนกับกำลังให้กำลังใจสเวนอีกแรง
   
“ เชอร์แปง เชียร์ไปสเวนก็ร้องไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ ”
   
พูดด้วยอารมณ์ที่ดีถึงขั้นมากพลางโยนเบอร์รี่เข้าปาก
   
“ เพลงของเจ้าร้องยากจะตาย ไม่มีเพลงอื่นแล้วงั้นเหรอ ”
   
สมองของเซนทอร์ไม่ได้มีเพื่อจดจำเนื้อเพลงยาวๆ ภาษาไม่คุ้นหูพวกนี้หรอกนะ
   
“ ยังจะอยากกินฉันอยู่ไหม ถ้าอยากก็ร้องเพลงให้ฉันฟัง แค่นั้น ”
   
อลันนอนหลังพิงผนังถ้ำที่เคยมาอยู่
   
สเวนกับอลันตัดสินใจมาตั้งพำนึกอยู่ที่นี้เนื่องจากสามารถหลบทุกอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็น แสงแดด ฝน หิมะ อะไรก็ตามที่มาจากสภาพอากาศ
   
สเวนถอนหายใจ
   
“ เจ้าร้องให้ข้าฟังใหม่อีกรอบแล้วกัน ”
   
“ ได้สิ สเวน ”
   
อลันพูดกลั้วหัวเราะ
   
เริ่มบทเพลงขึ้นมาใหม่
   
ปล่อยให้เสียงคลอไปในอากาศ
   
สรรพสิ่งรับฟัง

--------
ตอนพิเศษตอนนี้สมกับเป็นตอนพิเศษมาก บรรยากาศฟุ้งๆ ดี  :z2:

( อัพฉลองวันเกิด  :o8: )   
   
   
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : ถ้าหากอาการไม่กำเริบ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 17-01-2016 23:11:06
หิ้มมมม

สเวนร้องเพลงอะไรคะเนี่ย ผ่านไปสามเดือนแล้วนะ lol


(แอบดีใจกับตอนนี้ แต่มันก็แค่..."ถ้า....")

พระเอกคุณ foggy time หลังๆนี่ดวงแห้วนะ อดกินนายเอกตลอด กั่กๆ

หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : ถ้าหากอาการไม่กำเริบ
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 24-01-2016 22:41:36
อื้อหืออ หน่วงทุกตอนจริง ถ้าจบแบบตอนพิเศษได้ก็คงจะดี... :z3:
ปอลิง.ขอตอนพิเศษอีกเยอะได้ไหม??  :mew1:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : ความสามารถพิเศษของสเวน
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 06-10-2016 00:10:00
ตอนพิเศษ
 

หากการมีชีวิตอยู่คือความเจ็บปวด

ความตายคงจะเป็นสิ่งที่เมตตาที่สุด
 

อลันไม่เคยเชื่อคำกล่าวนี้จนกระทั่งมาประสบด้วยตัวเอง ความตายสำหรับอลันแล้วนับว่าเป็นสิ่งที่เมตตานที่สุดสำหรับเขา เขาไม่ต้องฝืนทนกับโรคที่ไม่มีวันหาย อาการไหนจะกำเริบขึ้นมาา ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นเพราะทุกอย่างนั้นจบไปแล้ว

ไม่มีอะไรต้องใส่ใจอีก..

แต่ก็คงไม่รวมถึงความรู้สึกที่ก่อตัวเองขึ้นมาระหว่างเขากับเจ้าม้าบ้า ความรักประหลาดๆ ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้แต่ก็เกิดขึ้นไปแล้ว จนอลันไม่แน่ใจว่าต้องขอบคุณโรคบ้าๆ นั่นรึเปล่าที่ทำให้เจอสเวน แต่เอาเถอะอย่างไรก็ตามตอนนี้ทุกอย่างก็กลายเป็นเพียงอดีตไปแล้ว

เพราะตอนนี้เหมือนพวกเขาจะได้รับชีวิตใหม่ 

หลังจากที่สเวนกับเขาตายแล้ว โลกทั้งใบก็สว่างวาบและพวกเขาก็ยืนอยู่ที่เดิมด้วยร่างอุ่นๆ ไร้บาดแผล ไร้ความหิวโหย แต่กลับไม่มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์์หลงเหลืออยู่ พวกมันหายไปอย่างไร้สาเหตุ แต่นั่นก็ถือเป็นเรื่องดี

อลันกับสเวนจึงได้มีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่กันอีกครั้ง
 



"เมื่อไหร่เจ้าม้าบ้าจะกลับมาสักที" อลันบ่นพึมพำกับตัวเองขณะที่นั่งกอดเข่าอยู่ในถ้ำเดิมที่เคยอยู่ บรรยากาศเงียบสงบที่มีเพียงเสียงนกร้องกับเสียงแมลงก็ชวนให้ผ่อนคลายดีอยู่หรอก แต่มันก็ดูจะเหงาเกินไป นัยน์ตาสีฟ้าสวยพยายามกลอกไปมาสำรวจพุ่มไม้ที่เจ้าม้าบ้ามุดหายไปโดยคาดหวังไว้นิดๆ ว่าจะกลับมาเร็วๆ นี้

ฮื่อ...

หมีอีกแล้ว!? เวรกรรมอะไรนักหนาวะเนี่ย 

อลันสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงคำรามจากด้านหลัง ค่อยๆ หันไปมองช้าๆ ตายไปแล้วรอบนึงจะให้ตายอีกเพราะหมี ไม่เอาด้วยหรอกนะ

"ข้ามากินเจ้าแน่ะ มนุษย์!" 

สเวนในร่างมนุษย์ตะครุบตัวอลันจนเจ้าตัวร้องลั่นอย่างน่าสงสาร

"ไอ้ม้าเวร ถ้าฉันตกใจตายจะทำไงวะ บัดซบเอ้ย" อลันถลึงตามองม้าโง่หงุดหงิดติดจะขวยเขิน เพราะตอนนี้สเวนไม่มีชุดใดๆ ปกปิดส่วนใดร่างกายเลยแม้แต่น้อย

"เจ้าไม่ตายหรอก จะตายอะไรหลายๆ รอบล่ะ หึหึ" สเวนหัวเราะหยิบมงกุฎดอกไม้ที่หลบอลันไปแอบทำขึ้นมาบรรจงวางบนหัวอลัน "นี่ข้าทำมาให้เจ้า มงกุฎเจ้าสาว"

อลันเผยสีหน้าประหลาดช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก็ที่ใบหน้าจะขึ้นสีเลือดฝาด "นี่นายทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวเพราะจะทำไอ้นี่เนี่ยนะ?" มือเอื้อมหยิบมงกฎบนหัวมาพิจารณาดูและเผลอยิ้มมีความสุขมาโดยไม่รู้ตัว 

ถึงดอกไม้พวกนี้มันจะช้ำๆ เหี่ยวๆ ไปบ้าง แต่การที่ผู้ชายหยาบๆ อย่างม้าบ้ามานั่งทำอะไรแบบนี้มันจะน่ารักเกินไปแล้ว

"ขอบใจ" 

สเวนยิ้มแป้นทำให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นดูชวนฝันมากขึ้นไปอีกทำให้อลันเผลอมองตาค้าง

"พระเจ้า นี่ถ้านายเป็นมนุษย์นะ คงจะเป็นนายแบบร้อยล้านได้สบาย"

"นายแบบ?"

อลันกลอกตาสั้นๆ ลืมไปว่าเจ้าม้าบ้านี่แทบไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับมนุษย์เลย "ช่างมันเถอะ ว่าแต่เซนทอร์อย่างนายนี่ทำอะไรได้บ้าง นอกจากแปลงร่างเป็นม้าฉันก็ไม่เห็นจะทำอะไรได้"

สเวนหัวเราะ "เยอะแยะจะตายไป แค่เจ้าไม่รู้เอง" ว่าจบก็มองอลันกรุ้มกริ่มโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยเพราะกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าเจ้าม้าบ้ามีความสามารถอะไรบ้าง

"คุยกับสัตว์?" อลันเดาสุ่มหน้าเคร่งเครียด ต้องเข้าใจว่าตอนนี้พวกเขาว่างมากถึงมากที่สุด พอมีอะไรเข้ามาให้คิด อลันจึงจริงจังกับมันมาก

"ก็ไม่เชิง ข้าเข้าใจพวกมันนะ แต่พวกมันไม่ค่อยเข้าใจที่ข้าพูด" 

อลันหน้างอ "มันไม่ใช่ความสามารถแล้วมั้งม้าบ้า ถ้าแค่ดูสัตว์ ฉันก็ดูเป็น"

"เจ้าอยากให้ข้าบอกไหมล่ะ"

"อย่าเพิ่ง ขอฉันเดาก่อน อืมมม ควบคุมสภาพอากาศ ไม่สิ วันนั้นฝนยังตกอยู่เลย แล้วม้าบ้าอย่างนายมันมี--"

อลันชะงักเหมือนพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดเจ้าม้าบ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้และรู้ตัวอีกทีเมื่อถูกมือสเวนลูบไล้หน้าอกผ่านเสื้อยืดย้วยๆ อย่างจาบจ้วง

"ความสามารถนี้มีเฉพาะข้าเท่านั้น" สเวนกระซิบข้างหูอลัน "กินมนุษย์แต่มนุษย์ไม่ตาย"

สิ้นคำพูดสเวนอลันก็หน้าแดงก่ำ พอจะอ้าปากสบถก็ถูกจูบหนักๆ กับมือนรกล้วงเข้าไปในเสื้อและลูบไปทั้งตัวโดยเฉพาะสะโพกที่เหมือนไอ้บ้าม้ามันจะชอบมาก ทั้งบีบทั้งขยำสนุกมือ

พอถูกปล่อยให้หายใจ อลันก็ถลึงตามองสเวนทันที "ไอ้ม้าลามกเอ้ย!"

สเวนยิ้มกริ่ม "หรือจะเถียง? นอกจากเจ้าจะโดนข้ากินแล้วไม่ตาย เจ้ายังมีความสุข.." ยิ่งพูดหน้าอลันยิ่งบิดเบี้ยวทำให้สเวนรู้สึกสนุกมาก "และชอบมันมาก"

อลันหน้าชาพูดไม่ออก ไม่สิ เถียงไม่ออกมากกว่า เพราะเขาก็ .. อืม ชอบมันจริงๆ นั่นแหละ

"อย่าเงียบสิ ถ้าเจ้าตายแล้วข้าจะใช้ความสามารถพิเศษนี้กับใครล่ะ?" สเวนเริ่มหื่นจนตาลาย ปลดกางเกงเข็มขัดของอลันอย่างคล่องแคล่วและดึงส่วนที่เหลือลงมาจนอลันล่อนจ้อน

"เกลียดม้าบ้าอย่างนายว่ะ" อลันสบถหันหน้าหนี 

"ต่อให้เจ้าเกลียดข้าจนตาย ข้าก็จะตายตามเจ้าไป" สเวนพูดเสียงนุ่มกดจูบปิดปากอลันอีกครั้งเพื่อไม่ให้พูดอะไรขัดบรรยากาศหวานๆ นี่อีก

อลันถูกรสจูบหวานและหนักหน่วงมอมเมาจนสติพร่า ครางไม่รู้เรื่องจนรู้ตัวอีกทีก็ถูกเจ้าม้าบ้าเอาไอ้นั่นเข้ามาแล้ว

ความรู้สึกจุกจนน้ำตาเล็ดนี่อีกแล้ว!

"ไอ้ม้าเวร" อลันร้องเสียงสั่น เมื่อความจุกเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอื่นแทน

"ข้ารักเจ้า"

สเวนกระซิบเสียงเบาข้างหูอลันที่ครวญครางไม่หยุด

"ข้าอยากให้เจ้ายิ้มสวยๆ แบบนี้ทุกวัน"

"แฮ่ก บัดซบ ม้าเวร ถ้านายอยากให้ฉันพูด อือ ก็หยุดความหื่นของนายสักทีสิ"

เซนทอร์หนุ่มหัวเราะออกแรงกระแทกกระทั้นมากกว่าเดิม

"คงไม่ได้หรอก เจ้าน่ารักขนาดนี้"

---------------------

มาแล้วกับฉากที่ทุกคนรอคอย 55555555555555 รู้นะ  :z1:
 
 
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : ความสามารถพิเศษของสเวน
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 06-10-2016 00:51:28
หายเบื่อเลยไหมล่ะคะอลัน :hao7:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ตอนพิเศษ : ความสามารถพิเศษของสเวน
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 06-10-2016 09:34:54
 :mew3:

เอามือปิดตาพร้อมแง้มช่องสองนิ้ว

สเวนกับอลัน >< เหมาเป็นว่าแฮปปี้หลังความตายละกัล โน๊ะ  :man1: :man1: :man1: :man1: :man1:

ตกลงเซนทอร์นี่ความสามารถอย่างอื่นไม่มีเรอะ รอดมาได้ไงตั้งนาน
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ประกาศรวมเล่มแบบ e-book (ลงใน MEB)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 29-12-2016 17:46:15
(http://upic.me/i/rk/wyisf.png) (http://upic.me/show/60050691)


แจ้งข่าวรวมเล่มแบบ e-book ค่ะ  :-[

ภายในเล่มก็จะประกอบด้วยเนื้อเรื่อง ตอนพิเศษทุกตอน + ตอนพิเศษ : ความรักในมุมมองของอลัน
ถ้าซื้อตอนนี้ก่อนถึงวันเกิดนักเขียนสามารถซื้อได้ในราคา 140 บาท ค่ะ  :กอด1:

https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTI2MDkyOCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6IjUxOTA0Ijt9

อ้อ แล้วก็น้ำจิ้มของตอนพิเศษ  :z2:

มนุษย์ที่ว่าโคลงหัวไปมา "ในเมื่ออยู่กับมนุษย์มันเลวร้าย ฉันก็อยากอยู่กับสัตว์ในเทพนิยายมากกว่า" แล้วหัวเราะเมื่อนึกอะไรตลกๆ ออก "เสียดายนะ ที่นายไม่มีปีกด้วย ไม่งั้นนอกจากนายจะเป็นม้าโง่แล้วนายยังเป็นม้ามีปีกอีก"

เซนทอร์หนุ่มเริ่มยิ้มไม่ออกทำหน้ายุ่ง "เจ้าชอบเพกาซัสมากกว่าเซนทอร์งั้นเหรอ ไอ้พวกนั้นข้าเคยเห็นอยู่ครั้งสองครั้งเอง"

อลันเลิกคิ้วเล็กๆ อมยิ้ม

นี่เจ้าม้าโง่นี่ หึงเขา..?

ร่างขาวไหวไหล่ "ไม่ล่ะ ต่อให้ฉันชอบเพกาซัสแต่ฉันก็ชอบม้าโง่อย่างนายมากกว่า"

เหมือนจะลื่นหูแต่พอได้ยินคำว่าโง่บ่อยๆ หน้าม้าโง่ก็เริ่มงอกว่าเดิม

"ข้าโง่มากเหรอ อลัน" สีหน้าเริ่มน้อยใจ

-----------

ทำไมแลดูกลัวเมีย 555555555


หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ประกาศรวมเล่มแบบ e-book (ลงใน MEB)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 31-12-2016 10:56:34
สนุกมากเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆแบบนี้ แอบร้องไห้ตอนสเวนโดนยิง มนุษย์ช่างโหดร้าย ฮื่อ แอบหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ แต่ก็ไม่  :ling2:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ประกาศรวมเล่มแบบ e-book (ลงใน MEB)
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 31-12-2016 23:57:12
น่ารักและเศร้าในเวลาเดียวกัน  :hao5:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ประกาศรวมเล่มแบบ e-book (ลงใน MEB)
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 14-11-2017 22:26:54
ชอบบบ เข้ามาอ่านใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกว่า แต่มันเป็นครึ่งชั่วโมงที่ทั้งสุข หดหู่ไปด้วยกัน ฮือเศร้า แต่จบอย่างงี้ก็ดีแล้ว ทั้งคู่ก็ได้ครองรักกันอยู่ดีในอีกภพภูมินึง
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: ประกาศรวมเล่มแบบ e-book (ลงใน MEB)
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 15-11-2017 13:23:18
ชอบบบ ทั้งหม่น ทั้งฟินนนน
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: แบบสำรวจความต้องการเล่ม <3
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 07-01-2019 00:17:35
หลังจากหายไปนานหลายปีก็กลับมาพร้อมกับข่าวรวมเล่มค่ะ  :o8:

ฝากทำแบบสำรวจความต้องการเล่มด้วยค่ะ  :hao5: :

https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScnycwhTJC3QAWnmI1BRMnqZx2JMXWETfdXkcjzqf_h_FjwfA/viewform?fbclid=IwAR0qq_aK51odVdJD45ykYYnA7TySliIN1begXTUEVmZf_X3n7ZGsEzfGASs

(https://sv1.picz.in.th/images/2019/01/07/9s5zF9.jpg)
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: แบบสำรวจความต้องการเล่ม <3
เริ่มหัวข้อโดย: Stmmltww ที่ 07-01-2019 21:38:29
ขอบคุณมากค่า จบดีกว่าที่คิดไว้อีกค่ะ55555 สนุกมากเลยค่า
และใช่ค่ะ มันคือฉากที่รอคอยมานานจริงๆ555555
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เปิดจอง PRE-ORDER
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 26-02-2019 23:24:59
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/02/27/TFZdGz.png)

สำหรับคนที่รอเล่ม ตอนนี้เปิดให้จับจองแล้วนะคะ  :hao5:

ในเล่มจะมีตอนพิเศษเขียนเพิ่มขึ้นมาใหม่สองตอนค่ะ คือตอนหมอเทวดากับตอนเซนทอร์ไฮสคูล

ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมและการสั่งจองก็ตามลิงค์นี้เลยค่ะ

https://www.readawrite.com/?action=view_preorder_detail&article_guid=7a6cc17fe483ac5c13a37c037ce23bea


ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เปิดจอง PRE-ORDER
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 27-06-2019 21:21:08
 :mew4: เจอกันในโลกแห่งความฝัน ที่ไม่มีวันสิ้นสุข

หน่วงมาก น้ำตาไหลพรากเลยค่ะ ตอนที่สเวนพาอลันมาถึงแล้ว
แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้ แถมยังต้องมาตายเพราะความหลอนของคน

แต่อย่างน้อยก่อนตาย อลันก็มีความสุข ยิ้มได้ และไม่เดียวดาย
สเวนน่าสงสาร หลงอลัน จนตามติด และต้องแสดงตัว เพราะห่วง

สุดท้ายก็ไปพบเจอกันตรงระหว่างทางนะ

ขอบคุณมากนะคะ บีบหัวใจดีมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เปิดจอง PRE-ORDER
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 02-04-2020 13:41:33
อื้อดีมาก น้ำตาไหลเป็นสายเลือด เส้ามาก แบบไม่ไหวแล้ว อ่านแล้วจะร้องไห้  :hao5: ชอบในความอบอุ่นของพวกเขา เสียดายที่ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
หัวข้อ: Re: :: เสียงแว่วจากทางรถไฟ :: เปิดจอง PRE-ORDER
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 02-04-2020 14:49:49
 :z13: