ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17
เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/01/31/Tt1eT8.png)
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/01/31/TtwPeR.jpg)
ใครจะคิดว่าชีวิตของ "เพทาย" ที่กำลังไปได้สวยจะพังครืนลงมา
เมื่อเขาจับได้ว่าเจ้านายกับแฟนสาวสุดสวยแอบมีสัมพันธ์กัน
หลังจากเริ่มงานได้เพียงหกเดือน ไม่ได้เสียแค่แฟนแต่เขายังเสียงานดีๆ ไปด้วย
ชายหนุ่มตัดสินใจเดินทางขึ้นเหนือเพื่อพักใจ ตามคำชวนของเพื่อนรัก
และรับงานเป็นพี่เลี้ยงกึ่งคุณครูชั่วคราวให้กับลูกชายเจ้าของสวนดอกไม้
เงินดี ที่พักฟรี ห่างไกลชีวิตเดิมๆ เป็นตัวเลือกที่เขารีบตะครุบเอาไว้
เพียงแต่...
ไม่มีใครกระซิบบอกเขาว่า "เด็กชายอาโป" นั้นแสบแค่ไหน
ยังไม่รวมถึงความร้ายกาจของ "สาริน" เจ้าของสวนดอกไม้ นายจ้างคนใหม่ของเขา
ชายหนุ่มอยากลาออกตั้งแต่วันแรก แต่ติดสัญญาหนึ่งปีที่เซ็นไปแล้ว
เมื่อยอมแพ้ไม่ได้ก็ต้องเดินหน้าทำให้ดีที่สุด
พี่เลี้ยงมือใหม่อย่างเพทายจึงมุ่งมั่นกำราบ (หัวใจ) ให้มาอยู่ในกำมือ
#สัญญารักฉบับพี่เลี้ยง
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/01/31/TtKJYQ.png)
•.★* สารบัญ *★.•
บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3946263#msg3946263)
ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3946965#msg3946965) ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3947331#msg3947331) ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3947740#msg3947740)
ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3948068#msg3948068) ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3948504#msg3948504) ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3948804#msg3948804)
ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3949122#msg3949122) ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3949498#msg3949498) ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3949849#msg3949849)
ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3950181#msg3950181) ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3950468#msg3950468) ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3950775#msg3950775)
ตอนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3951128#msg3951128) ตอนที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3951447#msg3951447) ตอนที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3951792#msg3951792)
ตอนที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3952141#msg3952141) ตอนที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3952496#msg3952496) ตอนที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3952648#msg3952648)
ตอนที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3952887#msg3952887) ตอนที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3953264#msg3953264) ตอนที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3953658#msg3953658)
ตอนที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3954024#msg3954024) ตอนที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3954407#msg3954407) ตอนที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3954825#msg3954825)
ตอนที่ 25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3955203#msg3955203) ตอนที่ 26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3955565#msg3955565) ตอนที่ 27 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3955929#msg3955929)
ตอนที่ 28 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3956314#msg3956314) ตอนที่ 29 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3956648#msg3956648) ตอนที่ 30 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3957072#msg3957072)
ตอนที่ 31 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3957388#msg3957388) ตอนที่ 32 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3957683#msg3957683) ตอนที่ 33 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3957996#msg3957996)
ตอนที่ 34 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3958398#msg3958398) ตอนที่ 35 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3958689#msg3958689) ตอนที่ 36 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3958934#msg3958934)
ตอนที่ 37 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3959207#msg3959207) ตอนที่ 38 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3959511#msg3959511) ตอนที่ 39 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3959797#msg3959797)
ตอนที่ 40 [End] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69528.msg3960140#msg3960140)
*.:。 ✿*゚‘゚・✿.。.:* *.:。✿*゚’゚・✿.。.:* *.:。✿*゚¨゚✎・ ✿.。.:* *.:。✿*.:。✿*
ตอนที่ 2
เด็กชายอาโปกับเพื่อนเล่น
“คุณเพคะ หนูพาคนมาสารภาพผิดค่ะ”
เพทายมองเด็กชายวัยประมาณเจ็ดขวบ รูปร่างสูงผอม ตัดผมสั้นที่มะลิจับบ่าอยู่ เด็กชายมีสีหน้าจ๋อย
“สารภาพอะไร” ชายหนุ่มอยู่ในห้องครัว เขาเข้ามาดูอาหารเช้าของอาโป เพราะเมื่อวานได้ยินเด็กชายกินน้อย
“บอกคุณเพสิ” มะลิกระตุ้นเด็กชาย
“ผมเป็นคนเอาไส้เดือนไปวางไว้บนเตียงคุณเพเองครับ”
เพทายเห็นความซื่อในดวงตาคู่นั้น
“ทำไมถึงเอาไปวาง”
“ผม..ผมเป็นคนเอาไปวางเอง”
เพทายมองเด็กชายด้วยสายตาเอ็นดู ชอบที่เด็กชายไม่โยนความผิดให้ใคร เขาจึงไม่คิดจะซักเด็กชายให้ใจเสียไปมากกว่านี้
“ขอบใจนะที่มาบอก เราชื่ออะไรอาจะได้เรียกถูก”
“ขุนครับ”
“ขุน” เพทายทวนคำ
“เป็นลูกคนงานในสวนค่ะ พี่พนาผู้จัดการไร่รับมาเลี้ยงแต่เด็ก เล่นเป็นเพื่อนคุณหนูอาโป”
“ผมขอโทษครับ” เด็กชายขุนยกมือขึ้นไหว้เขา
เพทายยิ้มให้เด็กชาย แม้อาโปไม่ได้ทำเองแต่ก็ถือว่ามีส่วนอยู่มาก ไม่เช่นนั้นเด็กซื่อๆ อย่างขุนคงไม่ทำ
“ไม่เป็นไรอาไม่ได้โกรธ แต่วันหลังอย่าเอาสัตว์มาเล่นแบบนี้ มันก็รักชีวิตของมันเหมือนกัน”
“ผมระวังครับ”
“อารู้ ตอนอาเจอมันยังดิ้นอยู่เลย แต่ก็เท่ากับเราทรมานมันอยู่ดี เข้าใจไหมครับ”
“เข้าใจแล้วครับ” เด็กชายขุนคอตก
“กินอะไรมาหรือยัง”
“ยังครับ”
“กำลังจะกินที่ครัวล่างค่ะ มะลิพาขึ้นมาก่อน”
“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่กินข้าวด้วยกัน ปกติให้กินพร้อมกันได้ใช่ไหม” เพทายถามให้แน่ใจ เพราะเขาไม่รู้ว่าเจ้าของไร่แบ่งฐานะหรือไม่
“ได้ค่ะ ปกติถ้าคุณสารินอยู่ก็ให้กินด้วยกัน แต่คุณครูไม่ค่อยชอบให้ขุนขึ้นมายุ่งค่ะ”
“อืม มะลิไปปลุกอาโปเถอะ อาบน้ำให้เรียบร้อย จะได้ลงมาทานข้าวเช้า” เพทายเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกตัวเองกับมะลิ เมื่อสนิทสนมกันมากขึ้นแล้ว
“ค่ะคุณเพ” มะลิเดินออกจากห้อง เพทายหันไปหาแม่ครัวที่ยืนอยู่
“ป้าครับผมขออาหารให้ขุนอีกที่หนึ่ง”
“ได้ค่ะ”
“มาเถอะ” เพทายเรียกขุนให้เดินตามออกมา เขาตรงไปยังห้องทานข้าว บอกเด็กชายให้นั่งลง
“ขุนต้องไปโรงเรียนไหม อากลัวไม่ทัน”
“วันนี้โรงเรียนหยุดครับ”
“จริงสิ อาก็ลืมไป” เพราะไม่ได้ทำงานประจำแล้ว เพทายจึงลืมว่ามันเป็นวัดหยุดนักขัตฤกษ์ เขานั่งลงตรงข้ามกับเด็กชาย
“เห็นมะลิบอกว่า ก่อนหน้าอาเคยมีคนเจองูด้วยเหรอ” ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพื่อไม่ให้เด็กชายกลัว
“ครับ” ขุนพยักหน้า หลบสายตาเขา
“บอกอาได้ไหม ว่าทำไมอาโปถึงไม่ค่อยชอบครู อาจะได้ทำตัวถูก ยังไม่อยากเจองูหรือไส้เดือนอีก”
“ไม่มีแล้วครับ ผมไม่ได้จับไว้”
“หึๆ” เพทายชอบความซื่อของขุน “ตกลงจะบอกอาได้ไหม”
“คือ..” เด็กชายกลืมน้ำลายลงคอ “อาโปไม่ได้บอกผมครับ ชวนแกล้งครูอย่างเดียว แต่ผมคิดว่าเพราะคุณสารินงานยุ่งมาก บางทีอาโปก็เหงา ถ้าครูไม่อยู่คุณสารินจะทำงานอยู่บ้าน เพราะต้องสอนหนังสืออาโปไปด้วย”
ในที่สุดเขาก็เข้าใจ ว่าเพราะอะไรเด็กชายอาโปถึงบอกว่าไม่อยากเรียนหนังสือ ที่จริงไม่ใช่ไม่อยากเรียน แต่อยากเรียนกับพ่อเท่านั้นเอง
“ขุนรู้ไหมว่าคุณสารินทำงานอยู่ที่ไหน”
“ที่ออฟฟิศครับ อยู่ด้านหน้าสวน เอาไว้รับรองลูกค้าที่มาติดต่อด้วย”
“ขอบใจมากที่เล่าให้อาฟัง” เพทายรู้สึกถูกชะตากับขุน เด็กชายเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ทั้งวิธีพูดจาและความคิดความอ่าน
• • • • • • • •
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นสารินเดินเข้ามาในห้องทานข้าว ร่างสูงนั่งลงข้างลูกชายคนละด้านกับเขา เพทายจึงย้ายไปนั่งข้างขุนแทน
มะลิช่วยคนงานเสิร์ฟข้าวต้มกุ้ง เด็กชายอาโปทำท่าไม่อยากกิน หยิบช้อนเขี่ยไปมา แต่เมื่อมะลิวางจานใบเล็กใส่หมูหยองลงตรงหน้า เด็กชายก็มองตาโต
“ทานกับข้าวต้มครับ อร่อย” เพทายบอกเด็กชาย เขาขอให้แม่ครัวใส่จานมาให้ด้วย
เด็กชายตัวเล็กใช้ช้อนตักหมูหยอง พอทำหกก็รีบเงยหน้าขึ้นมองเขา เพทายส่งยิ้มให้เด็กชาย เขาไม่ดุ และไม่ได้บอกให้เก็บ เด็กชายจึงเริ่มตักใหม่อีกครั้ง ใส่ลงไปในถ้วยข้าวต้ม และตักขึ้นกินพร้อมกัน
“อาหย่อย” หนูน้อยยิ้มกว้าง
“อร่อยก็ทานเยอะๆ ครับ”
“ขุน อาหย่อย” เด็กชายอาโปดันจานหมูหยองไปตรงหน้าเพื่อนเล่น ดวงตาสดใส
“อาโปกินเลย พี่ไม่กิน”
“กินโด้ยกาน”
ขุนเหลือบมามองเขาด้วยสายตาเกรงใจ เพทายจึงหันไปเรียกมะลิ
“ช่วยขอหมูหยองให้พี่อีกจาน”
“ได้ค่ะ”
“ขุนทานเลย เดี๋ยวค่อยเอาจานใหม่ให้อาโป” เพทายบอกเด็กชาย
“ทานเลย อาหย่อย” อาโปสำทับคำพูดของเขา ยิ้มกว้างให้เด็กชายตัวสูงเก้งก้าง
“ขอบคุณครับ” ขุนตักหมูหยองทาน เด็กชายคลี่ยิ้มออกเมื่อได้ลองชิม ทำให้รอยยิ้มของเด็กชายอาโปกว้างขึ้น
เพทายมองเด็กชายทั้งสองด้วยสายตาเอ็นดู เขาคิดว่าบางทีการสอนเด็กชายอาโป อาจไม่ใช่เรื่องน่าปวดหัวนัก เพียงแต่เขาต้องทำความเข้าใจเด็กชายให้มากกว่านี้
สายตาของเพทายสะดุดที่ดวงตาคมเข้ม เขาชะงักเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองเขาอยู่ ดวงตาสองคู่จึงสบกันนิ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะละสายตามามองเด็กชายอาโป
“เด็กๆ อยากเล่นอะไรกันครับ” เพทายเห็นสายตาที่มองมา แต่เขาทำเป็นไม่เห็นเสีย
“วันนี้ขุนไม่ต้องไปโรงเรียนเพราะเป็นวันหยุด อาเลยคิดว่าเรามาเล่นเกมกันดีไหม”
“ม่ายต้องเลียนเหลอ” เด็กชายอาโปแอบมองพ่อ ก่อนหันมามองเขาตาแป๋ว เดาว่าเด็กชายคงโดนพ่อกำราบมา
“ไม่ต้องครับ วันนี้นักเรียนทุกคนได้หยุดพัก เอาไว้พรุ่งนี้เราค่อยเรียนกัน หรือว่า..” ชายหนุ่มยิ้มพราย สบตากับเด็กชาย “อาโปไม่อยากเล่นครับ”
“เล่น โปหยักเล่น”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทานข้าวเยอะๆ จะได้มีแรง เดี๋ยวอดเล่นทั้งวันนะ” เพทายหลอกล่อเด็กชาย
“กิน โปกินเยอะเลย ขุนกินเยอะๆ เล่นกาน” เด็กชายตัวน้อยมีแก่ใจหันไปบอกพี่ชาย
“ครับ” ขุนค่อยๆ ตักข้าวต้มทาน พยายามระวังไม่ให้หก เป็นเด็กที่ดูเจียมเนื้อเจียมตัว ยิ่งเห็นเพทายก็ยิ่งชอบเด็กชายมากขึ้น
“คุณสารินก็อยู่เล่นด้วยกันสิครับ”
ดวงตายาวหรี่ลง สายตาที่มองเขาทำเอาเพทายหนาวๆ ร้อนๆ แต่เขาไม่แสดงออกให้อีกฝ่ายเห็น
“มะลิบอกว่าวันนี้คุณสารินจะอยู่ดูการเรียนการสอน ถ้าอย่างนั้นก็อยู่เล่นด้วยกันก่อนสิครับ”
ดวงตาของเด็กชายอาโปมองพ่อด้วยความหวัง ริมฝีปากอิ่มเผยอน้อยๆ สารินหันไปมองลูกชาย ดวงตาดุอ่อนโยนทันที
“เอาสิ เดี๋ยวพ่ออยู่ด้วย”
“เย่ๆ ขุนกินเลวๆ โปหยักปายเล่นแล้ว”
“กินเร็วไม่ดีครับจะทำให้ปวดท้อง แล้วจะไม่สบาย พอไม่สบายก็จะอดเล่น” เพทายอธิบายให้เด็กชายฟัง เขาเลือกที่จะไม่สั่งห้ามเพียงอย่างเดียว จากการสังเกตเด็กชายอาโปเป็นเด็กฉลาด ถ้าบังคับเด็กชายจะต่อต้าน ชายหนุ่มจึงใช้วิธีให้เหตุผลแทน
เด็กชายอาโปชะงักมือ เงยหน้าขึ้นสบตาพี่ชายตัวสูง ขุนพยักหน้า
“จริง”
“โปค่อยๆ กิน” เด็กชายอาโปหันไปบอกพ่อ เพทายเพิ่งได้เห็นรอยยิ้มของสารินก็วันนี้
“เก่งมากครับ”
“โปเก่ง” เด็กชายยิ้มแก้มพอง ดีใจที่พ่อชม หันไปตั้งใจตักข้าวต้มกิน
เพทายลอบถอนหายใจเบาๆ อย่างน้อยวันแรกก็น่าจะเป็นไปด้วยดี
• • • • • • • •
เพทายเดินเล่นรอบบริเวณบ้าน เขาใช้เวลาช่วงที่อาโปนอนกลางวันทำความคุ้นเคยกับบ้านที่ต้องอยู่ไปอีกหนึ่งปี
เฉพาะส่วนที่พักอาศัยกินพื้นที่กว่าสามไร่ มีบ้านอยู่สามหลัง เรือนใหญ่สูงสองชั้น เป็นบ้านไม้ผสมปูน ทำให้ตัวบ้านดูทันสมัยแต่ยังแฝงกลิ่นอายของชนบทได้ดี ตึกสามชั้นเป็นของคุณมุก ภรรยาของคุณภูษิตลูกพี่ลูกน้องของคุณสาริน บ้านสีขาวที่ตั้งอยู่บนเนินคือเรือนเล็ก เป็นเรือนรับรองแขกของเจ้าของบ้าน มีคอกเลี้ยงสัตว์ บึงกว้าง และแปลงเกษตร รวมทั้งสวนดอกไม้ที่เป็นเหมือนแปลงเพาะต้นแบบด้วย ไกลออกไปเป็นสวนดอกไม้กว้างสุดลูกหูลูกตา เห็นเรือนพักคนงานอยู่ลิบๆ
ชายหนุ่มมองไปยังบ้านสีขาวบนเนิน เขาสะดุดตากับร่างระหงที่ยืนอยู่บนระเบียงบ้าน แม้จะมองจากระยะไกล แต่ก็มั่นใจว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมาก หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นว่าที่เจ้านายคนใหม่ของเขา
• • • • • • • •
“มะลิ ถามอะไรหน่อยสิ”
“ได้ค่ะ”
“คุณเรือนเล็ก ใช่แฟนใหม่คุณสารินไหม”
“ไม่น่าจะใช่นะคะ” เด็กสาวส่ายหน้า “ถ้าเป็นแฟนคุณสารินคงพามาแนะนำแล้ว คนที่มาพักเรือนเล็กมีทั้งแขกผู้หญิงแล้วก็เพื่อนฝูงค่ะ คุณสารินไปเรียนที่กรุงเทพฯ อยู่นาน เพื่อนเลยเยอะ มาเที่ยวหากันเป็นประจำ”
“ทำไมถึงไม่ให้เพื่อนพักบนนี้”
“มันมีที่มาที่ไปค่ะ เมื่อประมาณปีก่อนมีเพื่อนคุณสารินมาพักที่บ้าน มากันกลุ่มใหญ่เลยค่ะ แล้วก็มีผู้หญิงมาด้วย พวกหนูก็แอบเดาๆ กันว่าน่าจะเป็นแฟนใหม่คุณสาริน ตอนแรกก็ไม่มีอะไร ก่อนกลับไม่มีวัน ผู้หญิงหอมแก้มคุณสารินต่อหน้าอาโปเลยค่ะ หนูก็เห็นแทบช็อค แถมเข้ามากอดซะตัวแนบกันเลย คุณหนูอาโปซึมไม่พูดไม่จาไปหลายวันเลยค่ะ ตอนหลังมารู้ว่า ผู้หญิงคนนั้นแอบพูดกับคุณหนูอาโปด้วยว่าจะมาเป็นแม่ใหม่ พอเห็นแบบนั้นเข้าก็คงกังวลตามประสาเด็ก”
“อืม”
“คุณสารินเลยตัดปัญหาค่ะ สร้างเรือนเล็กขึ้นมาเอาไว้รับรองแขก จะได้ไม่มาวุ่นวายบนเรือนใหญ่”
“แล้วผู้หญิงคนที่ว่า ใช่คนที่อยู่เรือนเล็กตอนนี้ไหม”
“ไม่ใช่ค่ะ หนูก็ไม่รู้ว่ายังไง แต่ตั้งแต่คราวนั้นก็ไม่เห็นมาอีกเลย ส่วนคนที่เรือนเล็กหนูไม่รู้จักค่ะ หนูทำงานอยู่แต่บนเรือนใหญ่ พี่เภาเป็นคนดูแลเรือนเล็ก”
“ขอบใจมากที่เล่าให้ฟัง พี่ถามเพราะจะได้วางตัวถูก”
“มีอีกเรื่องหนึ่งค่ะ”
“หือ?”
“ผู้หญิงคนนั้นเคยทะเลาะกับคุณครูด้วยค่ะ หาว่าคุณครูให้ท่าคุณสาริน ทำเอาลาออกไปเลย”
“อาโปเปลี่ยนครูบ่อยเหรอ”
“บ่อยค่ะ แต่ก็น่าเห็นใจนะคะ เรื่องมันมาจากครูคนแรกๆ สอนอยู่ดีๆ ก็เกิดอยากเป็นแม่แทนพี่เลี้ยงขึ้นมา อย่างว่าคุณสารินทั้งหล่อ ทั้งรวย”
“เพราะแบบนี้หรือเปล่าอาโปถึงไม่ค่อยชอบครูเท่าไหร่”
“ใช่ค่ะ คนที่ไม่เป็นก็มีนะคะ แต่หนูว่าคุณหนูอาโปคงฝังใจ พอครูมาก็ต่อต้านไว้ก่อน ครูบางคนก็ทนความแสบของคุณหนูไม่ไหวเลยลาออกไป”
เพทายเดาว่าเพราะเหตุนี้ สารินถึงเปลี่ยนมาจ้างเขาที่เป็นผู้ชายแทนเพื่อตัดปัญหา ตอนนี้เขาคิดว่าเขารู้เหตุผลของเด็กชายอาโปแล้ว เพราะเรื่องที่มะลิเล่าและเพราะอยากอยู่ใกล้พ่อ ถึงทำให้เด็กชายแสบกับครูพี่เลี้ยงได้ถึงขนาดนี้
“แปลว่าพี่อาจจะโดนแกล้งอีกใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ เขาขำมากกว่ากังวล
“แต่หนูดูแล้วคุณเพผ่านไปได้สบายๆ ค่ะ หนูเอาใจช่วยเต็มที่เลย”
“ขอบใจ”
เมื่อลาออกไม่ได้ ขอยกเลิกสัญญาก็ไม่ได้ ก็มีแต่ต้องลองสู้กันดูสักตั้ง เขาไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ จะปราบทั้งแสบเล็กแสบใหญ่ให้ดู
:::: ♥ TBC ♥::::
Darin ♥ FANPAGE (https://www.facebook.com/Ratidarin-433468596858519/)
Twitter : primdarin (https://twitter.com/primdarin)
ตอนที่ 6
สวนดอกไม้พัดพารัดชา
“อาเพ อาเพ”
เสียงเคาะประตูห้องเพทายดังขึ้น พร้อมเสียงเรียกของเด็กชายอาโป
“อาเพปายเที่ยวกาน” เด็กชายอาโปยิ้มแป้น ใบหน้าสดใส ดวงตาที่มองขึ้นมาสุกสว่าง เพทายมองเลยไปด้านหลังมะลิยืนยิ้มมองมาที่เขา
“วันนี้ไม่ต้องปลุกค่ะ ตื่นตั้งแต่เช้า ตื่นแล้วก็ไม่งอแง รีบอาบน้ำแต่งตัวไวมาก”
“เก่งมากครับ” เพทายเอ่ยปากชมเด็กชาย ก่อนหันไปคุยกับมะลิ
“มะลิบอกขุนแล้วใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ เดี๋ยวคงมา”
“อืม งั้นเราไปรอพี่ขุนข้างล่างกันครับ”
“คับ” เด็กชายอาโปพยักหน้า ส่งมือมาให้เขา เพทายลอบยิ้ม อย่างน้อยตอนนี้เด็กชายอาโปก็ให้ใจเขามากขึ้น
• • • • • • • •
“อาโปเล่นกับพี่ขุนกับพี่มะลิอยู่ในห้องนี้นะครับ”
สารินเตรียมห้องประชุมขนาดเล็กไว้ให้เด็กๆ อยู่รอ ระหว่างที่เขาออกไปดูการปรับปรุงห้องเรียนให้กับอาโป
“อาเพปายหนาย” เด็กชายอาโปมองด้วยความสนใจ
“อาจะไปดูเขาทำห้องเรียนให้อาโปครับ”
“โปปายด้วย” เด็กชายอาโปทำท่าจะลุกขึ้น จากเสื่อที่ปูอยู่บนพื้นห้อง
“ไปไม่ได้ครับ มันมีแต่ฝุ่น ไหนจะกลิ่นสีที่ใช้ทาห้องอีก เดี๋ยวจะไม่สบาย”
“ขูนน” เด็กชายอาโปหันไปหาเพื่อนเล่น “อย่าไปน้าเด๋วม่ายฉะบาย”
เพทายยิ้มเมื่อได้เห็นความน่ารักนั้น หน้าตาหนูน้อยจริงจังจนเขาอดขำไม่ได้
“พี่โตแล้ว” เด็กชายขุนบอกน้องชาย
“ง้านโปก้ะโตแล้ว”
“ไม่สิ อาโปยังเล็ก” พี่ชายไม่เห็นด้วยกับน้องชาย
“ลิ โปโตยาง” เด็กชายอาโปหันไปหาพี่เลี้ยงคนสนิท
“ยังไม่โตค่ะ”
“ลิ น่าเบื่อ” หนูน้อยอาโปยู่ปาก
“พูดแบบนั้นกับพี่มะลิไม่ได้ครับ ขอโทษพี่มะลิก่อน” เพทายบอกเด็กชายอาโป
“ม่าย” เด็กชายกอดอกส่ายศีรษะไปมา สีหน้าดื้อดึง
“อาโปทำแบบนี้ไม่น่ารักเลย อาเพเบื่ออาโป พี่ขุนก็เบื่ออาโป”
“ม่ายฉิ” เด็กชายอาโปหน้าเสีย
“เห็นไหมครับ เวลาอาพูดกับอาโปแบบนี้ อาโปก็เสียใจใช่ไหมครับ พี่มะลิเองก็เสียใจเหมือนกันเวลาอาโปพูด”
“โปขอโทด”
เพทายต้องกลั้นยิ้มเพราะไม่ควรให้เด็กชายเห็นตอนนี้ เด็กชายอาโปเดินเข้าไปหาพี่เลี้ยง กอดมือน้อยๆ ไปรอบคอมะลิ ซบหน้าลงกับบ่าแล้วพูดขอโทษ
“พี่มะลิไม่โกรธคุณหนูอาโปหรอกค่ะ”
“ลิจายดี โปล้ากที่ฉุด”
“หึๆ” เพทายหลุดเสียงหัวเราะออกมาจนได้ ใครใจดีก็รักหมด แต่ท่าทางจะรักพี่ขุนที่สุด
• • • • • • • •
เพทายบีบต้นคอ เพื่อไล่ความเมื่อยล้า เขาออกมาพักเพราะต้องรอให้สีที่ทาแห้งเสียก่อน ถึงจะให้คนงานขนเฟอร์นิเจอร์เข้าไปได้
เสียงเปิดประตูห้องทำงานของสาริน เรียกสายตาของเขาให้หันไปมอง
“ทาสีเสร็จแล้วใช่ไหม”
“ครับ”
“อยากออกไปเดินดูสวนหรือเปล่า ผมจะออกไปคุยกับหัวหน้าคนงาน”
เพทายตาลุก เขามาทำงานที่นี่หลายวันแล้วแต่ยังไม่เคยไปเลย
“ไปครับ”
“ตามมา”
เพทายเดินตามสารินออกจากออฟฟิศ สวนดอกไม้กินพื้นที่หลายสิบไร่ ส่วนหนึ่งปลูกกลางแจ้ง อีกส่วนปลูกในโรงเรือน สารินเดินตรงไปยังแปลงกลางแจ้ง ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ มองเห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนคุยกันอยู่
สารินบอกให้เขาเดินเล่นตามสบาย ก่อนเดินเข้าไปคุยงาน เพทายเดินไปตามแปลงดอกไม้ สวยจนเขาต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปเก็บไว้
“ชอบเหรอ”
เพทายสะดุ้งเพราะมัวเพลินกับการถ่ายรูป เสียงที่ได้ยินดังมาจากด้านหลัง เขาจึงหันไปมอง
“ครับ สวยดี”
“เดินดูต่อได้ ผมยังพอมีเวลา”
“ขอบคุณครับ” เพทายเดินไปเรื่อยๆ โดยมีคุณเจ้าของสวนดอกไม้เดินตามหลัง
“ทำไมถึงตั้งชื่อสวนว่าพัดพารัดชาครับ เป็นชื่อที่เพราะมากเลย”
“พ่อผมเป็นคนตั้ง พัดพารัดชาเป็นชื่ออัญมณีชนิดหนึ่ง พ่อผมใช้ทำแหวนหมั้นขอแม่แต่งงาน ยังใส่อยู่จนถึงทุกวันนี้”
“พ่อคุณสารินต้องเป็นคนโรแมนติกแน่เลยใช่ไหมครับ ทีแรกผมเดาว่าเป็นชื่อภรรยาของคุณสาริน...ขอโทษครับ” เพทายรีบขอโทษเมื่อเผลอพูดออกไป
“ไม่เป็นไร สวนนี้ปลูกมาตั้งแต่รุ่นพ่อ ไม่ใช่รุ่นผม ผมมารับช่วงต่ออีกที พ่อผมเกษียณเร็ว บอกว่าอยากพาแม่ไปท่องเที่ยวพักผ่อนมากกว่า เหนื่อยมาเยอะแล้ว กลัวแก่ตัวไปจะไม่มีแรงไปเที่ยว” น้ำเสียงของคนพูดอ่อนลงเมื่อพูดถึงผู้ให้กำเนิดทั้งสอง เพทายรู้สึกได้ถึงความรักที่มีให้กัน
“แล้วตอนนี้พวกท่านพักอยู่ที่ไหนครับ”
“พักกับพี่ชายผมที่กรุงเทพฯ นานๆ ทีถึงจะขึ้นมา”
“พี่ชาย?” นี่เป็นความรู้ใหม่สำหรับเขา
“ผมมีพี่น้องสามคน รสิน สาริน ริสา พี่ชายผมเปิดบริษัทอยู่ที่กรุงเทพฯ ทำบริษัทส่งออกดอกไม้ น้องสาวเรียนมหา’ลัยปีสาม เป็นลูกหลง อายุเลยห่างจากผมพอสมควร พ่อกับแม่ผมค่อนข้างห่วงลูกสาว เลยตามไปอยู่ที่กรุงเทพฯด้วย ที่ผมเล่าให้ฟังเพราะคิดว่าคุณควรรู้ไว้ เวลาใครพูดถึงจะได้เข้าใจ”
“ครับ” เพทายพยักหน้า เขาเริ่มลำดับแผนภูมิครอบครัวสาริน น้องชายเป็นคนปลูก พี่ชายเป็นคนทำการตลาด ต่อไปน้องสาวคงมาช่วยอีกคน
“ถ้าอย่างนั้น..” เพทายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรงใจ “ผมขอถามเรื่องคุณแม่ของอาโปได้ไหมครับ เผื่อว่าต้องตอบคำถามอาโป แต่ถ้าไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไรครับ” เพทายรีบพูดเพราะกลัวถูกเข้าใจผิดว่าอยากรู้อยากเห็น
“ตอบได้ ผมคิดจะคุยเรื่องนี้กับคุณอยู่เหมือนกัน” สารินออกเดิน เพทายเดินตามไปช้าๆ ทิ้งระยะห่างเล็กน้อย
“แม่ของอาโปเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหา’ลัยของผม หลังจากไปกลับกรุงเทพฯ อยู่สองสามปี ผมก็ขอแต่งงานเลย จะได้ไม่ต้องแยกกัน แต่ผมลืมคิดไปว่ามันอาจเร็วไป สำหรับคนที่ยังใช้ชีวิตวัยหนุ่มสาวไม่เต็มที่ ผมบ้างานเกินไป แม่ขออาโปต้องมาทนอยู่เหงาๆ แบบนี้ สุดท้ายก็ไปกันไม่รอด แม่ของอาโปกลับไปอยู่กรุงเทพฯ เพิ่งแต่งงานใหม่เมื่อปลายปีที่แล้ว”
เพทายเกือบหลุดคำว่าเร็วจัง ดีที่ยั้งปากไว้ได้ทัน ถ้านับจากอายุของอาโป ก็น่าจะแยกกันไม่ถึงสามปีดี
“แล้วคุณสารินบอกอาโปว่ายังไงครับเรื่องแม่ ผมจะได้พูดให้ตรงกัน”
“ผมบอกลูกตามความจริง ว่าพ่อแม่แยกทางกัน แต่เราทั้งคู่รักลูกมาก ผมพาอาโปขึ้นไปเยี่ยมแม่ปีละครั้ง ตอนนี้อาโปอาจยังไม่เข้าใจ แต่ผมจะไม่ให้ลูกเติบโตไปพร้อมกับคำโกหก เพื่อมาผิดหวังที่หลังเมื่อรู้ความจริง”
เพทายพยักหน้า ฟังครั้งแรกเขาไม่เห็นด้วย คิดว่าอาโปยังเด็กควรถนอมน้ำใจ แต่เมื่อฟังจนจบ เขาก็เข้าใจความตั้งใจของอีกฝ่าย พร้อมกับนึกได้ว่าเพราะแบบนี้หรือเปล่า สารินจึงบอกว่าเพราะที่นี่มันไกลถึงไม่มีใครอยากอยู่นาน
“แล้วคุณล่ะ เห็นว่าเพิ่งเลิกกับแฟน”
เพทายชะงักเมื่อร่างสูงวกกลับมาที่เรื่องของเขา
“ครับ”
“ทำไมถึงเลิก”
เพทายชั่งใจ แต่คิดว่าถ้าไม่ตอบก็คงน่าเกลียด ในเมื่ออีกฝ่ายยอมเปิดใจเล่าเรื่องของตัวเองให้เขาฟัง
“ผมโชคดีครับ”
“หือ?” ร่างสูงหยุดเดินหันมามองหน้าเขา
“ได้งานใหม่แถมได้เจ้านายใจดี อาสารับดูแลแฟนของผมให้ด้วย”
“....”
เพทายหัวเราะเบาๆ นี่อาจเป็นครั้งแรกก็ได้ที่เขาทำให้เจ้านายพูดไม่ออก
“เพราะแบบนั้นถึงลาออกจากงานด้วยใช่ไหม”
“นั่นก็โชคดีอีกครับ” เพทายยิ้มกว้าง
“อะไรอีก”
“โชคดีที่ผมไม่ต้องตัดสินใจเองว่าจะทนอยู่จนกว่าจะได้งานใหม่ดีไหม หรือควรรีบไปให้พ้นหน้า ไม่ต้องพบไม่ต้องเจอกันอีก เพราะเจ้านายช่วยจัดการตัดสินใจแทนให้แล้ว ดีที่ยังให้ผมเซ็นลาออก ไม่ใช่ไล่ออก”
“ยังจะขำอีกเหรอ” เสียงดุๆ พูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงผมหัวเราะ
“ครับ เพราะถ้าไม่พยายามขำ ชีวิตผมคงพังไปแล้ว” ผมสบตากับร่างสูง อีกฝ่ายมองผมนิ่ง
“ขอบใจที่เล่าให้ฟัง”
“ครับ”
เราเลือกจบบทสนทนาเพียงเท่านี้ ซึ่งผมว่ามันดีมาก เพราะผมเริ่มปวดใจขึ้นมาบ้างแล้ว
“พรุ่งนี้วันหยุดคิดไว้หรือเปล่าว่าจะทำอะไร”
“ผมว่าจะไปหาผิงที่ไร่ครับ”
“อยากไปเที่ยวน้ำตกใกล้ๆ ไหม อาโปชอบไปปิกนิคที่นั่น”
เพทายเบิกตากว้าง พูดแบบนี้หมายความว่า....
“ถ้าอยากไป ผมจะพาไป”
“ไปครับ” เพทายไม่เห็นความจำเป็นต้องปฏิเสธ เขายังเที่ยวไม่ทั่วเลย
“อืม พรุ่งนี้เตรียมตัวแล้วกัน”
“ครับ”
“กลับเข้าออฟฟิศเถอะ ผมต้องทำงานต่อ” ร่างสูงเริ่มออกเดินอีกครั้ง
“เพทาย”
“ครับ?”
“ถึงผมไม่ใช่เจ้านายที่ดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ไร้ศีลธรรมแบบนั้น คุณไม่ต้องห่วง”
เพทายเพิ่งเข้าใจว่าทำไมสารินถึงชวนเขาไปเที่ยว คงอยากปลอบใจนี่เอง
“ผมไม่ห่วงเรื่องนั้นเลยครับ”
“ไว้ใจผมงั้นเหรอ” ร่างสูงหยุดเดินหันกลับมามองหน้าเขา
“เปล่าครับ ผมไม่มีแฟนให้ขโมยแล้ว เลยไม่มีอะไรต้องห่วง”
“หึๆ”
เพทายยิ้มเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้านาย เขาเดินตามอีกฝ่ายกลับไปที่ออฟฟิศ อาจเพราะต่างฝ่ายต่างเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง มันทำให้เพทายรู้สึกสนิทกับชายหนุ่มมากขึ้นเล็กน้อย เอาเถอะวันนี้เขาจะเทคะแนนไปทางคนดีให้ก่อนแล้วกัน
:::: ♥ TBC ♥::::
Darin ♥ FANPAGE (https://www.facebook.com/Ratidarin-433468596858519/)
Twitter : primdarin (https://twitter.com/primdarin)
ตอนที่ 7
เด็กดื้อ & เด็กเกเร
เป็นเช้าวันอาทิตย์ที่ไม่มีแสงแดด อากาศกำลังดี เหมาะแก่การท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง สารินพาพวกเขาขับรถไปยังน้ำตกที่อยู่ไม่ไกลบ้าน เป็นน้ำตกเล็กๆ ที่มีเฉพาะคนในพื้นที่เท่านั้นที่รู้
เพทายเพิ่งมาครั้งแรก เพราะผิงยังไม่มีเวลาพาเที่ยว เขามาถึงได้แค่เจ็ดวันก่อนจะได้งานใหม่ทำ ชายหนุ่มจึงอดตื่นเต้นไม่ได้
ชายหนุ่มคาดเดาจากคำบอกเล่าของมะลิว่าน่าจะเป็นน้ำตกเล็กๆ พอมีที่ให้เล่นน้ำ แต่พอได้เห็นของจริง ต้องบอกว่าใหญ่กว่าที่เขาคิด แม้จะมีแค่สามชั้นแต่ก็กินบริเวณกว้าง เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ ทำให้บรรยากาศร่มรื่น
มะลิปูเสื่อผืนใหญ่ที่เตรียมมา เพทายช่วยอีกฝ่ายจัดวางข้าวของ เขาเอาหมอนใบเล็กมาด้วยสองใบ เผื่ออาโปกับขุนจะง่วงนอน มีอาหารใส่ปิ่นโตมาสี่เถา ผลไม้สองกล่อง ขนมสำหรับเด็กๆ และน้ำดื่ม
“โปหยักเล่นน้าม” เด็กชายชี้มือไปที่น้ำตก “ขูนเล่นน้ามกาน”
“กินข้าวให้เสร็จก่อนครับ เดี๋ยวค่อยลง”
“ครับอาเพ” เด็กชายขุนรับคำ เด็กชายอาโปรีบพูดตามเพทาย “เด๋วค่อยโลง”
เพทายปรายตาไปยังสาริน ในมือชายหนุ่มมีเอกสารปึกใหญ่ ที่เจ้าตัวเอามานั่งทำงานด้วย
“ทานข้าวก่อนครับ เสร็จแล้วค่อยทำอย่างอื่น” เพทายพูดซ้ำ
“โปลู้” เด็กชายอาโปรีบบอก เพราะเมื่อกี้อาเพเพิ่งบอกเขาเอง
“เก่งมากครับ” เพทายชมเด็กชายอาโป ผู้เป็นพ่อเงยหน้าขึ้นมองเขา
“ผมต้องวางใช่ไหม”
เพทายยิ้มมุมปากแต่ไม่พูดอะไร จัดวางจานกระดาษเท่าจำนวนคน เขาเห็นสารินมองกระดาษในมือ ก่อนเหลือบสายตาขึ้นมองเขา เพทายจึงหันไปสบตาให้รู้ว่ามองอยู่
“ผมไม่ได้อ่าน”
เพทายต้องกลั้นขำแทบตาย คนหน้าดื้อทำเหมือนลูกชายไม่มีผิด
“ผมช่วยครับอาเพ” ขุนคุกเข่าลงข้างเพทาย ช่วยเก็บเศษอาหารในจาน หลังพวกเขาทานข้าวกลางวันเสร็จเรียบร้อย
“โปก้ะช่วย” เด็กชายอาโปเอาบ้าง เป็นวัยกำลังเลียนแบบ ทำให้ต้องระวังเป็นพิเศษ
“ถ้าอย่างนั้นอาโปช่วยอาเก็บจานกระดาษใส่ถุงนะครับ เราจะเอาไปทิ้งถังขยะข้างนอก” เพทายไม่ปฏิเสธ เขาไม่สนว่าเด็กชายจะทำเลอะเทอะหรือไม่ เพราะทำเลอะยังเช็ดได้ แต่การสอนให้เด็กชายมีน้ำใจ ช่วยเหลือผู้อื่นเป็นสิ่งที่ควรทำ
“โปทำด้าย” เด็กชายอาโปหยิบจานกระดาษใส่ลงไปในถุงขยะสีดำที่เพทายนำมาด้วย เด็กชายทำทีละใบอย่างช้าๆ
“เดี๋ยวมะลิ..” มะลิอยากทำแทนเจ้านายตัวน้อยเพื่อความรวดเร็ว แต่เพทายใช้สายตาห้าม จะเสียเวลาหน่อยก็ไม่เป็นไร เขาอยากให้เด็กชายรู้สึกว่าตัวเองทำสำเร็จ ทุกที่คือการเรียนรู้ เราไม่ควรละเลยสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เพราะสิ่งเหล่านี้จะหล่อหลอมเด็กคนหนึ่งขึ้นมา ไม่ใช่แค่การเรียน ไม่ใช่แค่การเอาตัวรอด แต่เป็นเรื่องของการใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีคุณภาพ
“ล้างมือหน่อยครับ” เพทายเทน้ำจากขวด ล้างมือให้เด็กชายทั้งสองคน มะลิเช็ดเสื่อจนสะอาด ก่อนวางหมอนลงไปตรงกลาง
สารินหยิบเอกสารที่ใส่กลับไปในกระเป๋าออกมา เพทายไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหันมามองเขา แต่ชายหนุ่มก็หันมา คล้ายต้องการถามว่าทีนี้จะอ่านได้หรือยัง
“พ่อเล่นน้ามด้วยกาน” เด็กชายอาโปเดินไปหาผู้เป็นพ่อ ยกมือขึ้นกอดคอ ส่งสายตาอ้อน หมดจากเขาก็มีลูกชายอีกคน ที่กวนการทำงานของคุณเจ้าของสวนดอกไม้
เพทายพยายมกลั้นขำแล้วแต่ดูเหมือนเจ้านายของเขาจะจับได้ ดวงตาที่มองมาจึงวาววับ จนชายหนุ่มต้องเบือนหน้าหนี
“เดี๋ยวพ่อลงเล่นด้วยแต่ต้องนั่งพักก่อน เพิ่งทานข้าวไปจะจุกท้อง ยังลงตอนนี้ไม่ได้”
“นั่งนานเป่า” เด็กชายอาโปถามผู้เป็นพ่อด้วยสายตามีความหวัง
“สามสิบนาทีลูก เดี๋ยวค่อยลงไปเล่น”
“ฉามฉิบนาที ขูนเดี๋ยวฉามฉิบนาทีค่อยโลง” เด็กชายตัวน้อยเผื่อแผ่ข้อมูลให้เพื่อนเล่น
“มานั่งเล่นกับอาตรงนี้ดีกว่าครับ คุณพ่อจะได้ทำงาน” เพทายเรียกเด็กชายเพื่อไม่ให้กวนสาริน
“คับ” เด็กชายอาโปไม่ดื้อ เดินมานั่งลงข้างเด็กชายขุน
“พ่อฉาบฉิบนาทียาง”
“ยังลูก” สารินเงยหน้าขึ้นบอกลูกชาย
“คับ” เด็กชายอาโปพยักหน้า หันไปเล่นกับขุนกับมะลิเหมือนเดิม
“พ่อฉาบฉิบนาทียาง”
เพทายกลั้นขำเมื่อเวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาที เด็กชายอาโปก็ถามพ่อซ้ำ
“ยังครับ เดี๋ยวครบสามสิบนาทีแล้วพ่อบอกเอง”
“คับ”
“พ่อค้าบจาบอกโปยัง” สายตาซื่อๆ มองผู้เป็นพ่อ
เพทายหลุดเสียงหัวเราะออกมา เขาไม่ได้ห้ามเพราะไม่รู้ว่าเด็กชายจะพูด ดูเหมือนคุณพ่อจะถอดใจจากงานตรงหน้า เก็บทุกอย่างลงกระเป๋า
“มานี่สิเจ้าตัวยุ่ง” สารินกวักมือเรียกลูกชายให้เข้าไปหา เด็กชายอาโปยิ้มหวาน แต่เบียดตัวเข้าหาเพทาย ไม่ยอมลุกขึ้น
“โปม่ายยุ่ง”
“มาให้พ่อกอดหน่อยเร็ว”
“กอดน้า” เด็กชายอาโปเอียงคอมอง “ม่ายตีตีน้า”
สารินหัวเราะเสียงดัง เพทายคิดว่าใครเจอมุกนี้ของเด็กชายอาโปเข้าไป ใจแข็งอยู่ได้ก็เก่งแล้ว
“มาเร็ว” สารินกางมือออก เด็กชายอาโปลุกขึ้นเดินเข้าไปกอดคอพ่อ ยิ้มหวาน
“เล่นน้ามกาน”
“ตกลงครับ” สารินยิ้มตอบลูกชาย
“อาโปลงชุดนี้เลยใช่ไหม” คุณเจ้าของสวนดอกไม้หันมาถามเขา
“ใช่ครับ ผมเตรียมชุดมาเปลี่ยนให้แล้ว”
“อืม”
ร่างสูงลุกขึ้นยืน เพทายเงยหน้าขึ้นมอง เสื้อยืดสีขาวถูกถอดออก มองเห็นมัดกล้ามที่หน้าท้องของสาริน ชายหนุ่มอดทึ่งไม่ได้ หุ่นภายใต้เสื้อผ้าว่าดูดีแล้ว ตอนนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ลอนที่ไม่เคยปรากฏบนท้องของเขามาก่อน กลับขึ้นเด่นชัดบนหน้าท้องของอีกฝ่าย
“ฝากด้วย”
“ครับ?”
เพทายรับแทบไม่ทันเมื่อเสื้อยืดสีขาวถูกโยนมาให้ เขาเพิ่งสังเกตว่าสารินเอาแต่กระเป๋าใส่เอกสารมา แต่ไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยน
“ให้ผมลงแทนไหมครับ” เพทายถามเพราะเขาเตรียมเสื้อผ้ามา
“ไม่เป็นไร ผมกลับชุดนี้ได้ ตากลมหน่อยเดี๋ยวก็แห้ง”
“ไม่งั้นใช้กางเกงของผมก็ได้ครับ ผมเอามาเผื่อสองตัว”
เพทายแสดงความมีน้ำใจเต็มที่ แต่สายตาที่มองมาสำรวจเขาตั้งแต่ศีรษะลงไป ทำให้เพทายอดมองตามไม่ได้ มันมีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ
“คุณคิดว่า...ผมจะใส่กางเกงคุณได้อย่างนั้นเหรอ”
โอ้โห! นี่มันดูถูกกันชัดๆ จะต่างอะไรนักหนาวะ เพทายจ้องอีกฝ่ายบ้าง มองแผงอก มองเอว มองต้นขาแน่นๆ สุดท้ายความสูงที่มากกว่าเขาพอสมควร อืมม ต่างก็ได้วะ
“สมัยนี้เขาฮิตใส่ขาห้าส่วนกันครับ ลอยๆ หน่อยไม่เป็นไร”
“หึ ไปกันดีกว่าครับ พ่อไม่อยากถูกอาเพจับแต่งตัวเป็นตุ๊กตา”
“อาเพช้อบเล่นตุ๊กกาตาเหลอ” เด็กชายอาโปมองเขาตาโต
อากาศที่เย็นสบายร้อนขึ้นมาทันที คาดว่าอุณหภูมิในตัวเขาจะพุ่งสูงทะลุเพดาน เพทายพยายามสะกดเอาไว้ เขาคลี่ริมฝีปากออก ส่งยิ้มให้ชายหนุ่มร่างสูง แต่พูดกับเด็กชายตัวน้อยแทน
“อาไม่ชอบเล่นตุ๊กตาแบบนั้นครับ อาชอบดัดแข้งดัดขาตุ๊กตามากกว่า โดยเฉพาะตุ๊กตาดื้อๆ”
“อู้” เด็กชายอาโปตาโต รีบเงยหน้าขึ้นมองพ่อ “พ่อเปนเด็กดีเลยเด๋วอาเพดาดขา”
“หึๆ” คราวนี้ถึงตาเขาหัวเราะบ้าง ดวงตาสองคู่สบกัน เพทายไม่หลบ แถมมองตอบแบบท้าทายนิดๆ
“พ่อเป็นเด็กดีอยู่แล้วครับ เพราะเด็กเกเรจะถูกตี” ประโยคหลังลงเสียงหนัก
ก็แค่ดวงตาวาววับที่มองมา ทำไมเขาถึงรู้สึกเย็นสันหลังชอบกล เพทายผู้เก่งกล้าจึงหันไปหาขุนแทน
“ขุนจะลงเล่นน้ำกับอาโปเลยไหม”
“ครับ” เด็กชายพยักหน้า
“เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนหรือเปล่า” เพทายบอกมะลิให้จัดการให้แล้ว แต่เขาถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“เอามาครับ แต่ผมจะไม่ใส่เสื้อว่ายน้ำ จะได้ไม่ต้องซักหลายตัว”
คำพูดของขุนทำให้ดวงตาของเพทายอ่อนแสงลง เขารู้ว่าเด็กชายไม่ได้ขี้เกียจ แต่คงอยากช่วยประหยัด เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี
“งั้นถอดมา อาเก็บให้”
“ครับ” เด็กชายขุนถอดเสื้อส่งให้เขา เห็นร่างกายผอมเก้งก้าง อีกหน่อยเด็กคนนี้ต้องสูงมากแน่ เพทายมองตามทั้งสามคนลงน้ำ ก่อนหันกลับมาหามะลิ
“มะลิ”
“คะ”
“เห็นว่าขุนพักกับผู้จัดการไร่ใช่ไหม”
“ค่ะ”
“ตอนนี้ไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วขุนอยู่กับใคร”
“พี่พนาให้คนงานมานอนเป็นเพื่อนค่ะ มาเฉพาะตอนกลางคืน”
“อีกหลายวันไหมกว่าจะกลับ”
“วันศุกร์หน้าค่ะ ตอนแรกว่าจะกลับวันอังคาร แต่เห็นว่าคุณสารินจะให้ไปทำธุระที่ไหนต่อนี่แหละค่ะ หนูก็จำไม่ได้ค่ะ ฟังเขามาอีกที”
“อืม” ขายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้ กับคำว่าฟังเขามาอีกทีของมะลิ
“แล้วคุณเพไม่ลงเหรอคะ”
“ไม่ มะลิลงเถอะ เดี๋ยวพี่อยู่เฝ้าของให้เอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ มะลิเฝ้าเอง”
“ไปเถอะ” เพทายรู้ว่าเด็กสาวอยากลงเล่นน้ำ เขาจึงรับอาสาเฝ้าของให้แทน
“งั้นหนูลงนะคะ”
“อืม”
สีหน้าดีใจของมะลิ ทำให้เพทายรู้ว่าเขาคิดถูกแล้ว ไม่เป็นไรเดี๋ยวเขาค่อยมาเองวันหลัง ดูเส้นทางแล้วไม่น่าขับมายากเท่าไหร่
• • • • • • • •
“อาเพ อาเพ”
เพทายเงยหน้าจากหนังสือที่พกมาอ่านด้วย เด็กชายอาโปโบกมือไปมาเรียกเขา
“มาเล่นด้วยกาน”
“อาโปเล่นเลยครับ อาต้องเฝ้าของ”
“ลงมาเถอะมันไม่หายหรอก” สารินกวักมือเรียกเขาให้ลงไป
“อย่าดีกว่าครับผมกลัวของหาย” มีทั้งโทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ ไหนจะเอกสารของสารินอีก
“ผมเฝ้าให้ครับ” ขุนรีบเสนอตัวทันที เพทายชื่นชมเด็กชาย เขาอยากรู้จักพนาขึ้นมาทันที อยากรู้ว่าคนแบบไหนที่สอนให้ขุนเป็นสุภาพบุรุษได้ถึงขนาดนี้
“ขุนเล่นไปเถอะ อาไม่อยากลง”
“ครับ” เด็กชายขุนพยักหน้า
“มะลิฝากดูอาโปด้วย ให้เล่นแค่ตรงนี้พอ อย่าพาลงน้ำลึก”
“ค่ะคุณสาริน”
เพทายมองร่างสูงที่ขึ้นจากในน้ำ เป็นภาพที่เหมือนหลุดออกมาจากในเอ็มวี หยดน้ำที่เกาะบนตัว ผมที่เปียกลู่ ทำให้สารินดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
ร่างสูงนั่งลงข้างเขา เพทายคิดว่าอีกฝ่ายจะขึ้นมาทำงานต่อ แต่สารินแค่นั่งเฉยๆ
“กินผลไม้ไหมครับ” มันเงียบจนเพทายคิดว่าเขาควรพูดอะไรสักอย่าง
“เอาสิ”
“นี่ครับ” เพทายส่งกล่องใส่ผลไม้ให้คุณเจ้าของไร่ ในนั้นมีมะม่วงหั่นเป็นชิ้น ชมพู่ และสับปะรด ผลไม้พื้นบ้านที่หาได้ทั่วไป
“กินด้วยกันสิ”
“ไม่เอาครับ ผมไม่อยากกินเยอะ เดี๋ยวอยากเข้าห้องน้ำ”
“กลัวอะไร เข้าไปในป่าก็จบแล้ว ใครมาที่นี่ก็ทำแบบนั้น”
เพทายเบิกตากว้าง “เอาจริงเหรอครับ”
“หึๆ”
ชายหนุ่มถอนใจเสียงดัง ดูเหมือนเจ้านายของเขาจะขี้แกล้งจนเป็นนิสัย ไม่ได้ดูขรึมหรือดุดันเหมือนหน้าตาสักนิด
“เพทาย”
“ครับ”
“ผมจะถามคำถามเดิมคุณอีกครั้ง ช่วยตอบผมอีกที”
“คำถามอะไรครับ” เพทายเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย จู่ๆ สารินก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“คิดว่าจะทำงานนี้ได้ไหม” สารินหันมามองหน้าเขา
เพทายนิ่งเงียบไป เขากำลังใช้ความคิดว่าตอนนี้ยังอยากลาออกอยู่หรือไม่
“ว่าไง”
“ถ้าคนที่เป็นเจ้านายผม จะแกล้งผมน้อยลงอีกนิด ผมคิดว่าที่นี่ก็น่าอยู่ดีครับ” เพทายยิ้มใส่ตาคนถาม ด้วยดวงตาเจ้าเล่ห์
“หึๆ”
“คิดว่าไงครับ” ถึงทีเขาย้อนถามบ้าง
“ผมคิดว่าเจ้านายคุณเป็นเด็กดี”
“ผมเชื่อได้ใช่ไหมครับ
ได้สิ เพราะผมจะตีเฉพาะเด็กเกเร”
“....”
“ผลไม้อร่อยดี”
เพทายเหล่ตามองเจ้านาย ที่กินผลไม้ด้วยท่าทางเหมือนมันอร่อยเต็มที ยิ้มเหมือนมีเรื่องน่าสนุกเสียเต็มประดา เพทายจำไม่ได้แล้วว่าเขาคิดจะเริ่มใหม่กี่ครั้ง กับการเอาชนะสองพ่อลูกคู่นี้ เหมือนจะเป็นทุกคืน ที่เขาบอกตัวเองว่าวันพรุ่งนี้ก่อนเถอะ
“เป็นอะไร” เสียงทุ้มถามเมื่อได้ยินเสียงเขาถอนหายใจยาว
“อย่าสนใจเลยครับ กินผลไม้ไปเถอะ”
“เป็นอะไร” เสียงที่ถามอ่อนลง
“กำลังเบื่อเจ้านายผมครับ ไม่มีอะไรหรอก”
“ฮ่าๆ”
สารินหัวเราะเสียงดัง เพทายทำหน้าเบื่อหน่ายแต่สุดท้ายก็หัวเราะออกมา เป็นครั้งแรกที่พวกเขาหัวเราะด้วยกัน
“โปเล่นด้วยฉิ เล่นลายกัน” เสียงเด็กชายอาโปตะโกนถาม ยื่นหน้าขึ้นมองด้วยความสนใจ
เพทายยิ้มกว้าง เขาคิดจะชิงตอบก่อนแต่ก็ช้าไป
“พ่อกับอาเพเล่นเด็กดื้อกับเด็กเกเรครับ”
“เล่นยางงาย”
“เด็กดื้อจะถูกคุณครูลงโทษ แต่เด็กเกเรจะถูกพ่อตี”
เด็กชายอาโปเบิกตากว้าง ทำปากห่อ น่ารักน่าเอ็นดู “โปม่ายเล่นแล้ว ไม่เห็นฉาหนุกเลย”
เด็กชายหมดความสนใจผู้ใหญ่ หันไปวักน้ำใส่เด็กชายขุนแทน คนพี่ใช้มือบังดวงตาเอาไว้ แต่ไม่ยอมแกล้งน้องคืน
เพทายลอบมองใบหน้าด้านข้างของสาริน จะว่าไปเกมนี้ก็น่าสนใจดีเหมือนกัน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ค่อยๆ จุดขึ้นที่ริมฝีปาก คอยดูเถอะสักวันเขาจะลงโทษเด็กดื้อให้ดู
:::: ♥ TBC ♥::::
Darin ♥ FANPAGE (https://www.facebook.com/Ratidarin-433468596858519/)
Twitter : primdarin (https://twitter.com/primdarin)
ตอนที่ 10
ผู้จัดการสวนดอกไม้
เพทายมองร่างสูงที่นั่งอยู่กับสารินในห้องกินข้าว เมื่อเทียบกันแล้ว ผู้ชายที่เขาเพิ่งเคยเห็นหน้าดูล่ำสันกว่าสารินมาก ทำให้เขาเดาได้ไม่ยากว่าผู้ชายคนนี้คือพนา ผู้จัดการสวนดอกไม้พัดพารัดชา
"พ่อ" เด็กชายขุนที่เดินตามหลังเขามาร้องเรียกด้วยความดีใจ ชายหนุ่มหันมามอง ยิ้มกว้างให้เด็กชาย
“สวัสดีครับ”
"ได้ข่าวว่าย้ายบ้านหนีพ่อเหรอ"
"เปล่าครับ อาเพชวนผมมาอยู่ด้วยช่วงพ่อไม่อยู่ ผมจะได้มีเพื่อน"
ชายหนุ่มส่งยิ้มให้เมื่อสายตาคู่นั้นเงยขึ้นมามอง
"เพทายนั่งก่อนสิ จะได้แนะนำให้รู้จักกัน"
"
ครับ" เพทายเดินไปที่โต๊ะ เขานั่งลงตรงข้ามกับสาริน มะลิอุ้มเด็กชายอาโปตามเข้ามา จัดให้นั่งบนเก้าอี้เด็กข้างเขา ส่วนเด็กชายขุนนั่งข้างบิดา ฝั่งเดียวกับสาริน
"รู้จักกันไว้ นี่พนาเป็นเพื่อนสนิทผม แล้วก็เป็นผู้จัดการไร่ เราจบมหาลัยมาด้วยกัน"
เพทายฟังเรื่องของพนาจากมะลิมาพอสมควร แต่เขาเพิ่งรู้ว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน
"ส่วนนี่เพทาย เป็นครูพี่เลี้ยงของอาโป"
"สวัสดีครับ"
"สวัสดีครับ" เพทายไม่เห็นความแปลกใจในดวงตาคู่นั้น เขาคิดว่าสารินคงพูดถึงเขาก่อนหน้านี้แล้ว
"วันนี้จะกลับไปนอนกับพ่อเลยไหม" สายตาคู่นั้นละไปมองลูกชาย
เพทายแอบโล่งอก ไม่ใช่เขาไม่อยากดูแลขุน แต่เพราะไม่อยากไปนอนห้องอาโปกับคุณเจ้าของบ้านบ่อยๆ จะได้ถือโอกาสนี้แยกย้าย
"พนา" เสียงตื่นเต้นดีใจดังมาจากประตูห้อง ไม่ต้องหันไปมองเขาก็รู้ว่าใคร
"สวัสดีครับคุณมุก" เสียงทักทายสุภาพและห่างเหิน
"กลับมาเมื่อไหร่คะ ไม่เห็นบอกกันบ้าง" ร่างบางดึงเก้าอี้ออกนั่ง ฝั่งตรงข้ามกับเด็กชายขุน สายตาที่มองเด็กชายแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจ
เพทายสังเกตว่าขุนก้มหน้าลงต่ำตลอดเวลา แทบไม่เงยหน้าขึ้นมองมุกดาเลย แม้ว่าอีกฝ่ายจะนั่งคุยได้พักใหญ่แล้ว
“ขุน”
“ครับอาเพ” เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองเขา
“อาลืมหยิบกระเป๋าลงมา ขุนขึ้นไปเอาให้อาหน่อยได้ไหม วางอยู่บนเตียง”
“ได้ครับ” เด็กชายขุนลุกขึ้นยืน
“ต้องไปเอาตอนนี้เลยเหรอ” เสียงเข้มเป็นของสาริน
“ครับ” เพทายรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร คงคิดว่าทำไมเขาต้องรบกวนเด็กขณะกินข้าว
เขาสบตากับสาริน ยังดีที่อีกฝ่ายรักษาหน้าเขา ไม่ได้สั่งให้ขุนนั่งลง
ชายหนุ่มรอจนขุนเดินกลับมา เด็กชายนำกระเป๋ามายื่นให้
“นั่งตรงนี้เลยก็ได้ ง่ายดี” เพทายชี้เก้าอี้ข้างเขา คนละด้านกับที่อาโปนั่ง ชายหนุ่มหันไปหาพนา “ขอโทษครับ ฝากเลื่อนจานข้าวขุนมาที”
“ได้ครับ” พนาจัดการเลื่อนจานข้าวของขุนมาให้ เพทายยิ้มให้เด็กชาย นั่งตรงนี้จะได้ไม่ต้องเห็นหน้ากัน
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าคุณเจ้าของสวนดอกไม้มองเขาอยู่ ด้วยสายตาที่อ่อนโยนลง
พี่สะใภ้ของสารินกลายเป็นผู้ผูกขาดการสนทนาในโต๊ะอาหาร จากการสังเกต เพทายเดาว่ามุกดายังไม่ฟันธงว่าจะเลือกคนไหน การพูดคุยจึงเป็นแบบรักพี่เสียดายน้อง แต่จากสายตาเพทายคิดว่าทั้งพี่ทั้งน้องกำลังหาทางชิ่งอยู่
“วันนี้มุกเข้าไปที่ออฟฟิศด้วยคนนะคะ เผื่อมีอะไรให้ช่วยทำ มุกมาคิดดูแล้ว ควรช่วยงานบ้างไม่ควรอยู่เฉยๆ”
เพทายรู้สึกแปลกนิดๆ ที่หญิงสาวแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นกับน้องสามี แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขา
“วันนี้ฉันจะเข้าไปดูคนงานที่เรือนเพาะ ฝากนายด้วยนะ” เจ้านายของเขาชิงพูดขึ้นมาก่อน ผู้ชายสองคนสบตากัน
“เดี๋ยวผมให้อ้นช่วยดูแลครับ” อ้นเป็นพนักงานที่ออฟฟิศ ดูแลเกือบทุกอย่าง เรียกว่าเป็นมือขวาของสารินก็ได้
“พนาช่วยดูแลมุกไม่ได้เหรอคะ มุกสะดวกใจกว่า”
“อย่าเลยครับ ผมไม่ค่อยรู้งานในออฟฟิศเท่าไหร่ อีกอย่างผมไม่อยากให้คุณมุกถูกมองไม่ดี ถ้าผมเข้าไปวุ่นวายสั่งการ”
ผู้ชายสองคนนี้เอาตัวรอดกันคนละแบบ คนหนึ่งรอดเพราะความเจ้าเล่ห์ ส่วนอีกคนรอดเพราะความเป็นสุภาพบุรุษ แม้จะเพิ่งเคยเจอพนา แต่เขาก็ฟังมาจากมะลิพอสมควร จึงรู้ว่าผู้ชายสองคนนี้แตกต่างกัน ถ้าให้เปรียบเทียบ สารินคือนักธุรกิจ ส่วนพนาคือคนทำงานที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์และความซื่อสัตย์
“แหม ไม่เห็นจะต้องแคร์ใครเลยค่ะ ลูกน้องทั้งนั้น”
“เพราะเป็นลูกน้องครับ ผมถึงต้องทำเป็นตัวอย่างที่ดี ไม่ก้าวก่ายงานคนอื่น”
อู้ เพทายอุทานในใจ ถ้าเขาเป็นพี่สะใภ้ของสารินคงถอดใจไปแล้ว ถึงสองคนนี้จะแตกต่างกัน แต่บอกได้อย่างหนึ่งว่าฝีปากไม่ด้อยกว่ากันเลย
“งั้นวันนี้มุกยังไม่ไปก็ได้ค่ะ” คนอยากไปช่วยเปลี่ยนใจเสียอย่างนั้น
“ต่อไปมุกจะติดรถสารินออกไปทุกวันนะคะ จะได้ไปช่วยคุณทำงาน”
เพทายนึกขำคำที่หญิงสาวเลือกใช้ พร้อมกับเข้าใจสาเหตุแล้วว่าเพราะอะไรพี่สะใภ้ของสารินถึงขยันขึ้นมา เพราะไม่ชอบใจที่เขาออกมากับสารินทุกวันนี่เอง กระทั่งผู้ชายยังหึง เขาไม่เข้าใจความคิดเลย
“ถ้าจะไปทุกวันควรมีงานประจำทำ ถ้าอย่างนั้นคุณไปช่วยที่ร้านขายดอกไม้ก็แล้วกัน”
ที่สวนมีส่วนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ มีร้านขายน้ำส้มที่รับมากจากสวนของผิง และมีร้านขายดอกไม้เล็กๆ สำหรับคนที่อยากได้ดอกไม้กลับไป
“อะไรนะ! สารินจะให้มุกไปขายดอกไม้เหรอ”
“ถ้าคุณอยากช่วยผมจริงๆ อย่างที่พูด ก็มีที่นั่นที่ยังขาดคน”
“ถ้าจะให้มุกไปเป็นคนงาน มุกไม่ทำค่ะ มุกเป็นใคร พวกนั้นเป็นใคร จะให้มาเทียบกันได้ยังไง”
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่มีอะไรให้คุณทำ”
เพทายเหลือบมองมุกดา เขาเห็นมือที่วางอยู่บนโต๊ะกำเข้าหากันแน่น ก่อนร่างผอมบางจะลุกขึ้น สะบัดตัวเดินจากไป
“ป้ามุกเสียงดางจาง” เด็กชายอาโปบ่นเบาๆ สารินยิ้มให้ลูกแต่ไม่ได้พูดอะไร
“ขุนรีบกินครับเดี๋ยวไปโรงเรียนไม่ทัน” พนาหันไปบอกลูกชาย ก่อนหันหน้ามาหาเขา
“คุณเพทายกับอาโปไปออฟฟิศใช่ไหมครับ เดี๋ยวไปพร้อมกับผมก็ได้ครับ”
“ขอบคุณครับ” เพทายตอบรับไมตรีของพนา
“ไม่เป็นไร ฉันจะเข้าออฟฟิศอยู่แล้ว”
“ตกลงว่าเข้า?” เพื่อนสนิทมองตากัน
“อืม”
“ไม่ติดธุระแล้ว”
“ธุระไปแล้วนี่”
เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ ใครว่าผู้ชายร้ายไม่เป็น เพทายเถียงขาดใจ โดยเฉพาะผู้ชายสองคนนี้
• • • • • • • •
“เสียงเคาะประตูห้องเรียนดังขึ้น เพทายเงยหน้าขึ้นมอง ร่างสูงของพนาก้าวเข้ามาหยุดยืนหน้าโต๊ะทำงานที่เขานั่งอยู่
“ผมจะมาขอบคุณเรื่องตอนเช้า”
“เรื่องอะไรครับ”
“ที่ช่วยขุน”
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ แต่แบบนี้แปลว่าคุณพนาทราบใช่ไหมครับ เรื่องที่คุณมุกไม่ค่อยชอบขุน” เพทายไม่อ้อมค้อม เพราะเป็นห่วงเด็กชายขุนเป็นทุมเดิมอยู่แล้ว
“ทราบครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็โล่งอกไปครับ”
“ทำไมถึงโล่งอกครับ”
“ขุนเป็นเด็กเจียมเนื้อเจียมตัว ขี้เกรงใจ ถึงเจออะไรไม่ดีก็คงไม่เล่าให้ฟัง ผมเลยเป็นห่วง ถ้าคุณพนาไม่ทราบอาจไม่ทันระวัง ได้ยินแบบนี้ก็สบายใจครับ”
“ผมคอยระวังอยู่ครับ แต่บางทีก็เป็นไปได้ยาก เพราะผมต้องทำงาน ไม่ได้อยู่กับขุนตลอด”
“ถ้ายังไงผมจะช่วยดูอีกแรง”
“ขอบคุณครับ”
“แล้วก็เรียกผมว่าเพก็พอครับ ไม่ต้องเรียกคุณเพทาย ไม่ต้องพูดครับกับผมด้วย เพราะผมอายุน้อยกว่า”
“ถ้าอย่างนั้นเรียกผมว่าพี่พนา ตกลงไหม”
“ตกลงแน่นอนครับ พี่พนา” ชายหนุ่มยิ้มให้ร่างสูง เขาถูกชะตากับพนา ส่วนหนึ่งอาจเพราะรู้ว่าชายหนุ่มรับขุนมาดูแลอย่างดี และคนที่เลี้ยงขุนออกมาได้ดีขนาดนี้ ย่อมต้องเป็นคนดีแน่นอน
“อีกเรื่อง สารินให้พี่มาตามไปทานข้าว เที่ยงแล้ว” พนาเปลี่ยนสรรพนามเรียกตัวเองได้อย่างคล่องปาก
“โอ๊ะ! ขอโทษครับ ผมลืมดูนาฬิกา” เพทายนั่งทำบันทึกพัฒนาการด้านการเรียนของอาโปอยู่ ส่วนเด็กชายง่วนอยู่กับการเล่นหุ่นยนต์ในคอกกั้นเด็ก
“ไม่ต้องขอโทษพี่ คนตามอยู่ห้องโน้น” พนาชี้นิ้วโป้งไปยังห้องข้างๆ เพทายหัวเราะออกมา นึกหน้าคนโมโหหิวออกทันที
“เดี๋ยวพี่อุ้มอาโปให้”
“ขอบคุณครับ”
• • • • • • • •
"อาเพ ข่ายอิก" เด็กชายอาโปชี้ไปที่ไข่เจียวบนโต๊ะ เป็นของโปรดที่เขาชอบกินมาก
"พูดใหม่อีกทีครับ" เพทายยิ้มให้เด็กชาย เขาไม่อยากให้หนูน้อยคิดว่าเขากำลังดุ
"อาเพ โปขอข่ายอิกคับ"
"เก่งมากครับ" เพทายชมเด็กชายตัวน้อยเพื่อเป็นกำลังใจ เขากำลังพยายามปรับคำพูดของหนูน้อยอยู่ ไม่ใช่ทุกประโยค เพื่อไม่ให้เด็กชายเครียดจนไม่ยอมพูด แก้ไปทีละนิด เขาเชื่อว่าสักวันเด็กชายจะพูดจนชินปากเอง
"เข้ากันได้ดีแบบนี้ นายโล่งใจเลยสิ"
"อืม"
เพทายปรายตามองเจ้านาย เห็นอีกฝ่ายพยักหน้าตอบเพื่อน
"แบบนี้ก็หมดปัญหาเรื่องเปลี่ยนพี่เลี้ยงบ่อยๆ"
"ใช่ครับ" เพทายชิงตอบเสียเอง
" มีคนการันตีแบบนี้ นายหายห่วงได้ ไม่ออกง่ายๆ แน่นอน"
“เปล่าครับ คุณสารินให้เซ็นสัญญาปีหนึ่ง” ได้โอกาสเพทายจึงฟ้องเสียเลย
พนาหันไปมองเพื่อน คิ้วเลิกขึ้น สีหน้าออกไปทางขำมากกว่า
"อะไร" สารินถามเมื่อโดนเพื่อนรักจ้องหน้า
"นายนี่มันร้ายจริงๆ" พนาส่ายศีรษะ
"จริงครับ" เพทายเผลอพูดออกเสียง เพราะดีใจที่มีคนคิดเหมือนเขา
"พูดว่าอะไรนะ" สายตาดุๆ หันมามอง เพทายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่รับเสียอย่าง
“อาเพบอกจิงค้าบ” เด็กชายอาโปตั้งใจกินข้าว แต่หูคอยฟังผู้ใหญ่คุยกันตลอด เขาได้ยินชัดว่าอาเพพูดอะไร
เพทายยิ้มแห้ง เขาโดนแสบเล็กเล่นงานอีกแล้ว ต่อไปต้องระวังคำพูดให้มากกว่านี้
“เพไม่ต้องห่วง ตอนนี้เพถือไพ่เหนือกว่าหลายเท่า สารินไม่มีทางโกรธ”
“ทำไมครับพี่พนา”
“รายนี้มีปัญหาเรื่องพี่เลี้ยงอาโปมาตลอด เจอคนดีๆ แบบเพไม่กล้าโกรธหรอก”
“ผมจะจำไว้ครับ” เพทายส่งยิ้มให้พนา เจอกันวันแรกก็รู้สึกสนิทใจแล้ว
“เพทาย” เสียงเรียกดุๆ ดังขึ้น
“ครับ” เพทายคิดว่าสารินจะดุเรื่องที่พวกเขาคุยกัน แต่กลับผิดคาด
“คุณเรียกพนาว่าอะไรนะ”
“พี่พนาครับ”
“พี่พานา” เด็กชายอาโปเรียกตาม
“แล้วทำไมถึงเรียกผมว่าคุณสาริน”
“ก็คุณสารินเป็นเจ้านาย” ชายหนุ่มมองสารินด้วยสีหน้างงๆ อารมณ์ไหนของเขา
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
ร่างสูงชะงัก “เปล่า ไม่มีอะไร ผมแค่ถามไม่แน่ใจว่าได้ยินถูกไหม”
“ฉันขอให้เพเรียกพี่พนาเอง เรียกคุณมันแปลกๆ ฉันไม่ใช่เจ้านาย ไม่ใช่เจ้าของไร่อย่างนาย”
“อืม”
“คูนสาลิน” เสียงเล็กพูดขึ้น ทุกสายตาจึงหันไปมองเด็กชายอาโปแทน เด็กน้อยแตะมือที่อกตัวเอง ยิ้มหวาน
“คูนอาโป”
“หึๆ มีคนอยากได้คำนำหน้าชื่อกับเขาด้วย” พนายิ้มเอ็นดูหลานชาย เด็กชายอาโปยิ่งยิ้มกว้างขึ้นไปอีก เพทายมัวแต่ขำเด็กชาย จนลืมเรื่องเมื่อสักครู่ไปสนิทใจ
• • • • • • • •
“เพทาย”
“ครับ” เพทายหันไปมองคนขับ สารินมาส่งพวกเขาด้วยตัวเอง หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว
“จะเรียกผมว่าพี่ก็ได้นะ ผมไม่อยากให้คนมองว่าผมเป็นเจ้านายถือตัว”
“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าเรียกคุณสารินดีแล้ว ผมควรให้ความนับถือเจ้านาย” เพทายให้เกียรติอีกฝ่ายเต็มที่ แต่ทำไมสายตาที่ตวัดมามองเขาถึงดูหงุดหงิดชอบกล
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่มี”
เพทายเกือบยกมือขึ้นเกาหัว เมื่อคุณเจ้าของสวนดอกไม้มีอารมณ์ปรวนแปร นี่ถ้าเป็นผู้หญิงเขาจะนึกว่าประจำเดือนมา
“อาเพคับ”
“ครับ” เพทายหันมาให้ความสนใจกับแสบเล็กแทนแสบใหญ่
“โปหยักต่อลดฟาย เด๋วเลาเล่นกานน้า”
“ได้สิครับ”
“ขูนม่ายอยู่ ม่ายมีคายช่วยโปต่อเลย”
เพทายกำลังจะพูดว่าเดี๋ยวเขาจะช่วยเด็กชายเอง แต่มีคนขัดขึ้นก่อน
“เดี๋ยวพ่ออยู่ช่วยอาโปต่อเอง”
“จริงน้า!”
“จริงครับ”
“เย่เย่” เด็กชายอาโปชูไม้ชูมือดีใจ
เพทายลอบมองใบหน้าด้านข้างของคนขับ ตกลงกำลังอารมณ์เสียหรืออารมณ์ดีกันแน่ หรือเขาควรพาเจ้านายไปตรวจว่าเป็นไบโพล่าร์หรือเปล่า
“อะไร”
“ครับ?”
“มองอะไร”
“เปล่าครับ” เพทายส่ายหน้า รีบหันหน้าตรงเมื่อถูกจับได้ว่าแอบมองอีกฝ่าย
“คุณสารินครับ”
“มีอะไรก็พูดมา”
“ปกติตรวจร่างกายประจำปีหรือเปล่าครับ”
“ตรวจ ทั้งผมทั้งอาโป ถามทำไม”
“ไม่มีอะไรครับ” เพทายหันไปส่งยิ้มให้เจ้านาย หมายมั่นอยู่ในใจว่าคราวหน้าเขาจะขอไปด้วย เดี๋ยวจะแอบกระซิบหมอให้ลองเช็คดู เกิดรักษาไม่ทันขึ้นมาแย่เลย
Darin ♥ FANPAGE (https://www.facebook.com/Ratidarin-433468596858519/)
Twitter : primdarin (https://twitter.com/primdarin)
ตอนที่ 17
ปฏิบัติการเปิดใจ 1
“ทำงานวันแรกเป็นไงบ้าง” พนาถามคีตกานต์ เมื่อเดินเข้ามาในบ้านของสารินแล้วเจออีกฝ่ายนั่งเหมือนหมดแรงอยู่บนโซฟา
“สนุกดีครับ ง่ายกว่าที่คิดและยากกว่าที่คิด”
“มันแปลว่าอะไร” พนานั่งลงบนเก้าอี้ตัวติดกับที่อีกฝ่ายนั่งอยู่
“ง่ายกว่าที่คิดเพราะงานไม่มีอะไรยุ่งยากเลยครับ แต่ยากกว่าที่คิดเพราะ..” คีตการชูมือขึ้นให้พนาดูทั้งสองข้าง มือเรียวเต็มไปด้วยรอยแผลจากหนามของกุหลาบ
“นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ชอบซื้อกุหลาบ ให้กันเองบ้าง ซื้อกลับไปบ้าง ทำไมถึงไม่ให้ดอกอื่นกันครับ”
“เช่นดอกอะไร”
““ดอกเบศจมาศมั้งครับ”
“ทำไมต้องเป็นดอกเบศจมาศ”
“เพราะสวนพัดพารัดชาปลูกดอกเบศจมาศเป็นอันดับหนึ่งไงครับ เหตุผลง่ายๆ”
“ก็จริง” พญาพยักหน้า ไม่แน่ใจว่าควรจัดคีตกานต์เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่กันแน่ เพราะลักษณะนิสัยและความคิดของอีกฝ่ายเป็นได้ทั้งสองอย่าง
“จริงสิ เห็นพี่น้อยบอกว่าแถวนี้มีน้ำตกเหรอครับ ผมอยากไป”
“ใช่ รู้สึกเพจะเคยไปแล้วนะ”
“เหรอครับ ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้เลย”
“อยากไปเหรอ”
“ครับ วันอาทิตย์เพหยุดงาน ผมว่าจะชวนไป”
“ถ้าจะไปก็บอก มาเอารถผมไปได้”
“คุณพนาจะพาไปเที่ยวน้ำตกเหรอครับ!”
“หือ?” พนาเลิกคิ้วขึ้น จู่ๆ คีตกานต์ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ดีใจ
“เพต้องชอบแน่เลยครับ รายนั้นชอบธรรมชาติอยู่แล้ว ให้ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ”
“เดี๋ยว..” พนากำลังจะแก้ความเข้าใจผิดว่าเขาหมายถึงจะให้ยืมรถ แต่ยังไม่ทันได้พูดอีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาก่อน
“คุณสารินกลับมาแล้วเหรอครับ” ดวงตาคู่นั้นมองไปทางด้านหลังเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่ริมฝีปาก พนาหันไปมอง ถึงเห็นว่าสารินกำลังเดินเข้ามา
“มานานแล้วเหรอ” ร่างสูงของเพื่อนรักหยุดยืนไม่ห่างจากเก้าอี้ที่เขานั่ง
“เพิ่งมาเหมือนกัน เจอคีย์เลยแวะคุย กะจะมาหานายเรื่องกุหลาบพันธุ์ใหม่ที่จะลง”
“งั้นก็ขึ้นไปคุยกันบนห้องทำงาน”
“ได้”
“เดี๋ยวผมบอกเพให้นะครับ” พนาหันไปมองคนพูด คีตกานต์ส่งยิ้มให้เขา ชายหนุ่มเลยคิดว่าช่างมันเถอะ เรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อยไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถ้าอยากให้ไปส่งเขาก็ไปได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
• • • • • • • •
“เสื้อสวยดีทำไมไม่ใส่ ป้ายยังห้อยอยู่เลย” คีตกานต์หันไปชูเสื้อในมือให้เพทายดู เขาเข้ามานั่งเล่นในห้องนอนของเพื่อน เมื่อไม่มีอะไรทำจึงเปิดตู้เสื้อผ้าอีกฝ่ายดู
“ไหน” เพทายหันมามอง “อ๋อ ตัวนี้ซื้อให้คุณสาริน”
“แล้วทำไมไม่ให้”
“ไม่แน่ใจว่าสมควรหรือเปล่า ตอนซื้อไม่ทันคิด ซื้อมาแล้วถึงคิดได้”
คีตกานต์ยักไหล่ เขาไม่ถามเพื่อนว่าไม่สมควรตรงไหน เพราะเขารู้ดี ไม่มีเจ้านายลูกน้องคนไหนมานั่งคิดเรื่องหยุมหยิมแบบนี้ เว้นแต่คนที่มีบางอย่างอยู่ในใจแต่ดันไม่รู้ตัว สมควรให้ไหม อีกคนจะคิดยังไง ถ้าไม่คิดมีเหรอจะคิดมาก คนที่คิดเท่านั้นที่กังวล
“ให้ได้ เห็นพ่อได้ของจากลูกน้องเยอะแยะไป”
“เสื้อนะ ไม่มีโอกาสพิเศษด้วย”
คีตกานต์คันปาก แต่กลัวว่าถ้าพูดไปเพทายจะรู้ตัวก่อนสาริน นั่นเท่ากับผิดแผนของเขา เพทายไม่ใช่คนโง่ เขาเดาว่าที่ยังไม่รู้ตัวเพราะสารินเป็นผู้ชายเหมือนกัน คนไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อน แถมเคยมีแฟนผู้หญิงแล้ว คงไม่ทันเอะใจว่าตัวเองชอบผู้ชาย
“ให้ไปเถอะเชื่อเราอย่าคิดมาก เผื่อจะได้โบนัสปลายปีที่มีน้ำใจกับเจ้านาย”
คีตกานต์เหล่เพื่อนด้วยหางตา เขาเห็นคิ้วที่ผูกเข้าหากันของเพทาย ใบหน้าคิดหนัก ก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักหน้า
“ก็ได้ งั้นเอาออกมานี่เดี๋ยวเอาไปให้”
“ดีแล้ว ให้ๆ ไปเถอะ กินดีอยู่ดีขนาดนี้ ก็ควรสมควรตอบแทนบ้าง”
“นั่นสิ” ดวงตาของเพทายสว่างขึ้น ราวกับในที่สุดก็ได้เหตุผลที่สมควร
“เออเราลืมบอกคีย์ วันเสาร์นี้คุณสารินจะพาไปเที่ยวน้ำตกนะ ไม่ต้องไปทำงานที่ร้าน”
“โอเค” คีตกานต์อยากหัวเราะออกมาดังๆ แต่ทำไม่ได้
“ชวนผิงไปด้วยได้ไหม”
“จะชวนอยู่แล้ว” เพทายคิดเอาไว้แล้วว่าจะชวนผิงไปเที่ยวด้วยกัน
“เพเอาเสื้อไปให้คุณสารินสิ”
“ตอนนี้นะ?”
“เดี๋ยวก็ลืมอีก ซื้อมานานแล้วไม่ใช่เหรอ เห็นคุณสารินยังอยู่ในห้องทำงาน ให้ตอนนี้ก็ไม่น่าเกลียด ให้วันอื่นก็ต้องให้อยู่ดี”
“...”
“จริงสิเพ ฝากคุยกับคุณสารินหน่อย ว่าให้เราย้ายมานอนกับเพไหม ตอนนี้ก็พอสนิทกันบ้างแล้ว คุณสารินคงไม่รู้สึกแปลกๆ ที่เราอยู่บนบ้านมั้ง จะได้ประหยัดค่าไฟบ้านโน้น เราอยู่คนเดียว”
“นั่นสิ เดี๋ยวถามเลย” เพทายลุกขึ้นยืน
ก็แค่นี้! กว่าจะยอมไป คีตกานต์ถอนใจยาว คอยดูเถอะถ้าคบกันจริงๆ เขาจะทวงค่าเหนื่อยจากทั้งสองคน แต่ถ้าสิ่งที่เขาคิดผิด อย่างน้อยเจ้านายลูกน้องก็จะสนิทกันมากขึ้น คิดในแง่ไหนก็ดีทั้งนั้น มีคนเดียวที่อาจจะซวยหน่อย คีตกานต์อดนึกถึงหน้าคมสันของพนาไม่ได้ ขอโทษนะคุณผู้จัดการสวนดอกไม้
“คุณสารินยุ่งอยู่ไหมครับ” เพทายยื่นหน้าเข้าไปก่อน หลังจากเคาะประตูห้องทำงานและอีกฝ่ายอนุญาตให้เข้าไปแล้ว
“ไม่ เข้ามาสิ”
“ครับ” เพทายเดินเข้าไปในห้อง เขาหยุดยืนหน้าโต๊ะทำงานของอีกฝ่าย ไพล่มือที่ถือเสื้อไปด้านหลัง
“มีอะไร”
“คือ..คีย์ฝากถามว่าจะให้คีย์ย้ายขึ้นมาพักกับผมไหมครับ จะได้ไม่ต้องเปิดเรือนเล็ก”
“อยากพักด้วยกันเหรอ”
“ก็ด้วยครับ แล้วคีย์ก็เกรงใจด้วย น่าจะอยู่อีกสักพักเลย”
“บอกคีย์ว่าเปิดบ้านไว้แบบนั้นเถอะไม่เป็นไร จะได้มีพื้นที่ส่วนตัวเผื่อวันไหนอยากนั่งเล่นนอนเล่น กลางคืนจะขึ้นมาค้างด้วยกันก็ตามใจ”
“จะดีเหรอครับ” เพทายยิ่งเกรงใจชายหนุ่มตรงหน้าเข้าไปใหญ่
“เอาตามนั้นเถอะ เอาไว้ผมมีแขกมาแล้วค่อยย้าย”
“ครับ”
“....”
“มีอะไรหรือเปล่า” สารินจ้องหน้าเพทาย เมื่อเห็นท่าทางอึกอักของอีกฝ่าย
“คือ..” เพทายเอามือออกจากด้านหลัง ยื่นไปตรงหน้า
“อะไร”
“วันที่ผมเข้าไปในตัวเมืองกับผิง ผมซื้อเสื้อมาฝากคุณสารินด้วยครับ”
เพทายเห็นสารินเลิกคิ้วขึ้น เขาจึงรีบบอก “ผมซื้อมาฝากมะลิ ขุน อาโปด้วยครับ ให้ไปหมดแล้ว”
“ขอบใจ”
“ครับ” เพทายค่อยยิ้มออก โล่งอกที่อีกฝ่ายไม่ซักถามอะไร เขาคิดมากไปจริงๆ นั่นแหละ
“เพทาย”
“ครับ” เพทายเลิกคิ้วขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเรียกชื่อ
“ปล่อยมือสิ”
“อ๋อครับ!” ชายหนุ่มหน้าแดงเรื่อโดยไม่รู้ตัว
“สวยดี ผมชอบ” สารินคลี่เสื้อยืดสีเทาเข้ม มีลวดลายสีดำอยู่ด้านหน้าออกดู
“ดีใจที่ชอบครับ ถ้าอย่างนั้นผมกลับห้องก่อน”
“อืม”
เพทายส่งยิ้มให้สาริน ก่อนหมุนตัวเดินไปที่ประตู รอยยิ้มจุดที่ริมฝีปาก ดวงตาเป็นประกาย ดีใจที่สารินชอบเสื้อที่เขาเลือกให้
• • • • • • • •
เพทายอุ้มเด็กชายอาโปลงมาจากชั้นบน มะลิบอกเขาว่าสาริน พนา คีตกานต์และขุนนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกแล้ว
“เพ” คีตกานต์เรียกเพื่อนด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ เมื่อเพทายชะงักฝีเท้าหยุดยืนนิ่ง เขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้น เพราะผู้ชายคนที่นั่งบนโซฟาตัวยาว ใส่เสื้อที่เพื่อนของเขาเพิ่งเอาไปให้เมื่อวันก่อน
“พร้อมแล้วครับ” เพทายรีบบอก ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะบอกทำไม รู้แต่ว่าต้องพูดอะไรสักอย่างออกไป
“ปายเที่ยวกาน” เด็กชายอาโปชูมือขึ้น เหมือนช่วยชีวิตเพทายเอาไว้ได้ เพราะทุกคนหันไปให้ความสนใจกับเด็กชายแทน
“งั้นก็ไปกันเถอะ” สารินลุกขึ้นยืน
“เพทายเดี๋ยวคุณกับมะลิไปรถผม จะได้ช่วยกันดูอาโปกับขุน คีย์นั่งไปกับพนานะจะได้แวะรับผิงอีกคน เอารถไปคันเดียวไม่พอ”
“ได้ครับ” คีย์ตอบรับ เขาอดยิ้มขำไม่ได้ ร้ายจริงๆ ไม่รู้ตัวยังขนาดนี้ รู้ตัวจะขนาดไหน
• • • • • • • •
“คุณพนานั่งตรงนี้ก็ได้ครับ เด็กๆ จะได้เล่นกัน” คีย์ขยับที่ให้พนานั่งลงข้างเพทาย ย้ายตัวเองไปนั่งข้างผิง เด็กชายอาโปที่นั่งอยู่บนตักเพทาย รีบบอกเพื่อนเล่นที่เพิ่งนั่งลง
“ขูนปายเล่นน้ามกาน”
“ยังเล่นไม่ได้ครับ ต้องทำอะไรก่อนไหนบอกอาเพสิ” เพทายถามเด็กชายตัวน้อย ทบทวนความจำ
“ถอดเฉื้อ” เด็กชายอาโปยิ้มหวาน ดวงตาเป็นประกาย
“หึๆ ใช่ที่ไหนครับ ต้องกินข้าวก่อน”
“โปอิ่มแล้ว กินม่ายหวาย” เด็กชายอาโปรีบบอก
“งั้นหมูก้อนใส่ชีสที่อาให้ป้าสาทำมาให้จะทำยังไงดีครับ สงสัยต้องให้พี่ขุนกินคนเดียว”
“ผมชอบครับอาเพ เดี๋ยวผมกินเอง” เด็กชายขุนส่งยิ้มให้เพทาย ดวงตาเป็นประกายจ้า นานๆ เพทายจะได้เห็นความเจ้าเล่ห์ของเด็กชายสักครั้ง
เด็กชายอาโปตาโต ห่อปากเขาหากัน ก่อนหันไปยิ้มหวานให้เพื่อนเล่น
“เด๋วโปกินเป็นเพื่อนขูนน้า”
“ไม่เป็นไร โปเล่นน้ำเถอะ”
“ม่ายด้ายฉิ เพื่อนกาน”
เพทายไม่รู้จะขำใครดีระหว่างคนน้องจอมเจ้าเล่ห์ หรือคนพี่ที่วันนี้รู้จักแกล้งน้องกับเขาด้วย
“งั้นกินด้วยกันก่อน ค่อยเล่นน้ำ” สุดท้ายคนพี่ก็แกล้งคนนอนได้ไม่นาน
“อื้อ” เด็กชายอาโปพยักหน้า
“อาเพ”
“ครับ” เพทายก้มลงมองใบหน้าที่เงยขึ้นมองเขาด้วยสายตาอ้อน
“โปหิวแล้ว” เด็กชายอาโปยกมือลูบท้อง
“ฮ่าๆ” เพทายหัวเราะเสียงดัง เอ็นดูจนอดฟัดแก้มนุ่มทั้งสองข้างของเด็กชายอาโปไม่ได้ เจ้าเล่ห์เหมือนพ่อไม่มีผิด ชายหนุ่มเผลอมองไปทางสาริน สายตาจึงสบเข้ากับสายตาของอีกฝ่ายที่มองเขาอยู่พอดี
“เพ”
“หือ?” เพทายละสายตาจากสารินหันไปหาคีตกานต์
“จัดอาหารเลยไหม อยากลงเล่นน้ำแล้ว”
“เอาสิ” เพทายอุ้มเด็กชายอาโปลงจากตัก ให้นั่งลงข้างเด็กชายขุน เขาหันไปหยิบตะกร้าสองใบที่วางไว้บนเสื่อด้านหลัง พนาเห็นจึงรีบช่วย
“พี่หยิบเอง”
“ขอบคุณครับ” เพทายส่งยิ้มขอบคุณพนา รอให้อีกฝ่ายวางตะกร้าลง จึงช่วยกันหยิบของออกจากตะกร้า วางไว้กลางเสื่อ
ผิงคิดจะเข้าไปช่วยแต่โดนมือของคีตกานต์ดึงไว้ พอหันไปมองก็เจอเข้ากับสายตาปรามไม่ให้เข้าไปยุ่ง
“อะไร” ผิงพูดแบบไม่มีเสียงออกมา
“เราลืมกล้องไว้ในรถไปเอาด้วยกันหน่อยสิ”
“ได้”
“คุณพนาครับผมขอยืมกุญแจรถหน่อย ผมเอากระเป๋ากล้องวางไว้ที่พื้นลืมหยิบมาด้วย”
“ให้ผมไปเอาให้ไหม”
“ไม่เป็นไรครับผมไปเอง ฝากคุณพนาช่วยเพดีกว่า”
“อย่างนั้นก็ได้” พนาหยิบกุญแจรถออกจากกระเป๋าส่งให้คีตกานต์
“ขอบคุณครับ” คีตกานต์ลุกขึ้นยืน ฉุดแขนของผิงให้ลุกตาม สายตาของเขาเหลือบมองไปยังสาริน ได้แต่อมยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าเรียบตึงของอีกฝ่าย วันนี้เสร็จผมแน่คุณสาริน
• • • • • • • •
แต่ดูเหมือนทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คีตกานต์คิด คุณผู้จัดการสวนดอกไม้ไม่เป็นใจให้เขาเลย หรือไม่คุณเจ้าของก็ร้ายเกินไป เพราะทันทีที่กลับมาจากไปเอาของ สารินก็นั่งอยู่ข้างเพทาย ส่วนพนาย้ายไปนั่งฝั่งตรงข้าม พิงก้อนหินด้านหลังสบายใจ แค่สิบนาทีเท่านั้นเอง แค่ทิ้งไปสิบนาที!
พนาหน้าเหรอเมื่อหันไปมองคนที่เพิ่งเดินกลับมา แต่กลับเจอหน้ามุ่ยๆ ของอีกฝ่าย
“กุญแจครับ” เสียงพูดขึ้นจมูก อาการยื่นกุญแจมาข้างหน้าแต่ไม่ยอมมองหน้า คืออาการงอนแบบมาเต็ม โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้ตอนไหน
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
สายตาที่ตวัดมามอง ตอกย้ำว่าอีกฝ่ายกำลังงอนเขาจริงๆ
“เปล่าครับ”
“คีย์กินข้าวกันเถอะ” ผิงเข้ามากอดแขนคีตกานต์ พนาเห็นทั้งสองคนสบตากัน ก่อนคนขี้งอนจะสะบัดหน้าหนีเขา ส่วนผิงส่งยิ้มมาให้เหมือนต้องการขอโทษ พนาจึงยิ้มรับ ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้น
• • • • • • • •
“ดีใจนะครับที่ชอบ” เพทายหย่อนตัวลงนั่งข้างสาริน เท้าของเขาแช่อยู่ในน้ำ เด็กชายอาโปกำลังเล่นสนุกอยู่กับขุน ผิง มะลิ และคีตกานต์
“อะไร” ใบหน้าคมสันหันมามองหน้าเขา เพทายจึงชี้มือไปที่เสื้อ
“ก็บอกแล้วว่าสวยดี”
“ผมนึกว่าคุณสารินพูดไปตามมารยาท”
“อยากรู้ว่าพูดตามมารยาทไหมก็ซื้อมาให้อีกสิ”
“ฮ่าๆ” เพทายหัวเราะมุกของอีกฝ่าย “ไม่ไหวครับ ผมไม่มีเงินเยอะขนาดนั้น เพิ่งเริ่มทำงานไม่นาน ยังไม่ค่อยมีเงินเก็บเลย”
“ไม่เห็นยาก ก็เอาเงินผมไปซื้อ”
“แล้วจะเรียกว่าให้เหรอครับ”
“เลือกให้ ก็ให้เหมือนกัน”
เพทายสบตากับสาริน เขาหัวเราะออกมาเบาๆ “สงสัยจะชอบจริงๆ ผมเชื่อแล้วครับ”
“หึๆ” สารินไม่ตอบ ละสายตาจากเขาไปมองลูกชาย
เพทายลอบมองใบหน้าด้านข้างของอีกฝ่าย เห็นรอยยิ้มที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากของสาริน เขาก็อดยิ้มตามไม่ได้ โดยไม่รู้ว่ามีสายตาสองคู่มองมาที่เขาเช่นกัน
“เชื่อหรือยัง” คีตกานต์พูดเสียงเบา
“อืม” ผิงพยักหน้า
“ทีนี้จะห้ามอยู่ไหม”
“ลุยเลย”
“ลุยเลยยย” เด็กชายอาโปพูดตามแต่เสียงดังกว่ามาก ผิงสะดุ้งแต่คีตกานต์กลับยิ้ม
“ใช่ครับ ลุยเลย”
เด็กชายอาโปหัวเราะคิกคัก ชอบใจ คีตกานต์หันไปมองสารินกับเพทาย วันนี้ปล่อยไปก่อนก็แล้วกัน เพราะเขาเองก็อยากสนุกกับเด็กๆ ไหนๆ ก็มาเที่ยวแล้ว พรุ่งนี้ยังมี เตรียมรับมือผมไว้ให้ดีนะครับคุณสาริน
**วันนี้ลงสองตอนนะคะ มีตอนที่ 18 อยู่หน้า 25 ด้วยค่ะ
:::: ♥ TBC ♥::::
Darin ♥ FANPAGE (https://www.facebook.com/Ratidarin-433468596858519/)
Twitter : primdarin (https://twitter.com/primdarin)
**วันนี้ลงนิยายให้สองตอนนะคะ ใครยังไม่ได้อ่านตอนที่ 17 ย้อนอ่านหน้า 24 ก่อนค่า
ตอนที่ 18
ปฏิบัติการเปิดใจ 2
“มะลิขุนไม่มาเหรอ” คีตกานต์ถามเมื่อเขาไม่เห็นเด็กชายขุน วันหยุดแบบนี้ปกติจะมาอยู่กับอาโปทั้งวัน
“ไม่สบายค่ะ”
“ไม่สบาย? เพราะเล่นน้ำเมื่อวานเหรอ เป็นอะไรมากหรือเปล่า ไปหาหมอหรือยัง”
“ไม่มากค่ะ แค่ตัวรุมๆ ไม่ถึงกับมีไข้ แต่พี่พนาไม่อยากให้มาติดอาโป เลยให้นอนพักอยู่ที่บ้านค่ะ”
“ค่อยยังชั่ว” คีตกานต์ถอนหายใจ เขาค่อนข้างเป็นห่วงเด็กชายมากเป็นพิเศษ
“แล้วนี่เพรู้หรือยัง”
“ยังค่ะ คุณเพเห็นขุนไม่มาเสียทีก็เลยเป็นห่วง ให้หนูไปถาม กำลังจะมารายงานนี่แหละค่ะ”
“อืม” คีตกานต์พยักหน้า เขามองเด็กชายอาโปที่นอนหลับอยู่ในคอกกั้น จู่ๆ ความคิดดีๆ ก็แว่บขึ้นมา
“มะลิ”
“คะ”
“คุณสารินอยู่ไหน”
“อยู่ที่สวนค่ะ เห็นบอกว่าวันนี้จะมีคณะอะไรสักอย่างมาเยี่ยมชม มากับคุณปลัดอำเภอ คุณสารินเลยไปรอต้อนรับค่ะ”
“จะกลับมาตอนไหน”
“น่าจะบ่ายๆ เย็นๆ นะคะ”
“แล้วคุณพนาอยู่บ้านหรือออกไปที่สวนกับคุณสาริน”
“อยู่ที่บ้านค่ะ คุณสารินบอกว่าไม่ต้องไปก็ได้ จะได้อยู่ดูขุนค่ะ”
“อืม” คีตกานต์พยักหน้า “มะลิมีอะไรจะทำก็ไปทำเถอะ เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อนเพเอง”
“ไม่ได้ค่ะ วันนี้วันหยุดคุณเพ คุณสารินสั่งไว้ว่าวันอาทิตย์ไม่ให้รบกวนคุณเพ ให้หนูเป็นคนดูแลคุณหนูอาโป”
“ได้สิ พี่ก็อยู่ ไปเถอะ”
“จะดีเหรอคะ” มะลิยังมีสีหน้าลังเล
“เดี๋ยวพี่กลับค่อยมาก็ได้ คุณสารินไม่ได้บอกไม่ให้รบกวนพี่ไม่ใช่เหรอ”
“ก็ได้ค่ะ หนูขอแว่บไปเก็บผ้าแป๊บเดียว เดี๋ยวกลับมา”
“อืม ไม่ต้องรีบ”
“ขอบคุณค่ะ”
คีตกานต์พ่นลมหายใจออกมา เมื่อเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกในเวลาที่ประตูห้องเพิ่งปิดไปเสี้ยววินาที
“มาแล้วเหรอ นึกว่าวันนี้จะนอนหมดแรงพักอยู่บ้าน”
“หมดเหมือนกัน เพิ่งตื่นเมื่อเที่ยงนี่เอง”
“ทานอะไรหรือยัง”
“เรียบร้อย เสร็จแล้วถึงขึ้นมาหา จริงสิมัวแต่คุยลืมเลย เมื่อกี้มะลิมาบอกว่าขุนไม่สบาย”
“เป็นอะไรมากไหม”
“ก็ไม่มากแต่ก็ไม่รู้ว่าจริงไหม คุณพนาอาจจะเกรงใจพวกเราก็ได้”
“นั่นสิชักเป็นห่วง”
“เพไปเยี่ยมสิ จะได้อุ่นใจว่าไม่เป็นอะไร เดี๋ยวเราเฝ้าอาโปให้ มะลิไปเก็บผ้าเดี๋ยวก็ขึ้นมาแล้ว”
“ก็ดีเหมือนกัน งั้นฝากอาโปด้วยเดี๋ยวมา”
“ไปเถอะ เดี๋ยวเรากลิ้งเล่นอยู่แถวนี้แหละ ไม่ต้องรีบ”
คีตกานต์ยกมือขึ้นโบกไล่เพื่อน เขายกยิ้มมุมปากเมื่อประตูห้องปิดลง เสร็จไปหนึ่งขั้นตอน ต่อไปก็รอเวลา
“เป็นไงบ้าง” คีตกานต์โทรหาเพทาย หลังจากเพื่อนรักออกจากห้องไปครึ่งชั่วโมง
(เรียบร้อยดี ขุนแค่ตัวรุมๆ นิดหน่อย พี่พนาเลยไม่ได้ให้ไปที่เรือนใหญ่)
“ดีแล้ว ว่าแต่บ้านนั้นไม่ได้ทำกับข้าวใช่ไหม เดี๋ยวจะได้ขอแบ่งจากป้าสาไปให้”
(ไม่ได้ทำ ปกติทานที่โรงครัวคนงาน แบ่งที่บ้านมาก็ดีเหมือนกันนะ บอกป้าสาว่าขอข้าวต้มกุ้งให้ขุนด้วย)
“ได้ เพก็ทานที่นั่นเลยสิ เดี๋ยวอาหารเสร็จแล้วเราเอาไปให้ เดี๋ยวไปกินด้วย”
(อยากมาเยี่ยมขุนใช่ไหม แล้วเมื่อกี้ก็ไม่มาด้วยกัน)
“ก็อยู่เป็นเพื่อนอาโปไง รอมะลิก่อน”
(ก็อยู่รอด้วยกัน มาพร้อมกันก็ได้)
“แล้วจะพูดอะไรตอนนี้ รออยู่นั่นแหละ เดี๋ยวป้าสาทำกับข้าวเสร็จแล้วจะไป”
(โอเค ฝากมะลิบอกคุณสารินด้วยนะว่าจะอยู่ทานที่นี่)
“ได้”
คีตกานต์วางสายจากเพื่อนรัก แผนขั้นที่สองสำเร็จเรียบร้อย ก็เหลือแผนสุดท้ายคือ..รุกฆาตคุณเจ้าของสวนดอกไม้
• • • • • • • •
หลังจากให้คนงานเอาอาหารไปส่งให้เพทายก่อน โดยบอกว่าเดี๋ยวเขาจะตามไป คีตกานต์ก็มานั่งรอสารินที่ห้องรับแขก เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่คาดกัน เขาหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่านฆ่าเวลา รออยู่ไม่ถึงสี่สิบนาทีเจ้าของบ้านก็กลับมา คีตกานต์ปิดหนังสือในมือ ส่งยิ้มให้สาริน
“กลับมาพอดีเลยครับ ผมกำลังจะฝากมะลิบอกอยู่เชียว”
“บอกอะไร” สารินเดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขา
“เพฝากบอกว่าจะอยู่ทานข้าวกับคุณพนาที่บ้านครับ ให้คุณสารินกับอาโปทานข้าวได้เลยไม่ต้องรอ”
“เพไปบ้านพนาเหรอ” รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้าคนพูด ไม่ใช่ความโกรธแต่เป็นความไม่มั่นใจที่เข้ามาแทนที่
“ครับ ไปตั้งแต่บ่ายแล้ว” เขาไม่ได้โกหก นี่ก็ยังบ่ายอยู่เลย ยังไม่เย็นค่ำเรียกกว่าบ่ายหมด
“คุณสารินครับ ผมขอถามอะไรละลาบละล้วงอย่างหนึ่งได้ไหมครับ”
“ถามมาสิ”
“คุณพนาชอบผู้ชายหรือเปล่าครับ”
“ทำไมถามแบบนั้น!”
“ขอโทษครับ ผมแค่อยากรู้ เห็นเวลาคุณพนากับเพอยู่ด้วยกันแล้วน่ารักดี เป็นห่วงเป็นใยกัน ช่วยเหลือกัน นี่พอรู้ว่าขุนไม่สบายก็รีบไปหา แล้วก็อยู่ยาวเลย ผมเลยไม่แน่ใจว่าอยู่เพราะลูกหรือพ่อ” คีตกานต์หัวเราะออกมาเบาๆ พูดเหมือนกำลังแซวเพื่อน “แต่เอาจริงๆ ไหมครับ ถ้าเป็นคุณพนาผมก็ยินดี อยากให้เพมีความสุข”
“มันเป็นไปไม่ได้”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ครับ ความรักไม่ได้เลือกเพศหรอกนะครับ มันเลือกคนต่างหาก คนไหนที่ทำให้เรายิ้มได้ คนไหนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข คนไหนที่เราคิดถึง อยากเจอหน้า ไม่อยากให้หายไปไหน คนไหนที่เราอยากอยู่กับด้วยตลอดไป คำถามมันมีแค่นี้เอง เพศไม่ใช่ตัวกำหนดความรักหรอกครับ ใจต่างหากที่เป็นตัวกำหนด แค่ฟังหัวใจตัวเองสักนิดว่ามันกำลังบอกอะไร เขาบอกกันว่าหัวใจไม่เคยโกหกตัวเอง ผมว่าจริงนะครับ”
“....”
“ชีวิตคนเรามันสั้น อย่าไปตีกรอบให้ชีวิตเลยครับ ถ้าเป็นผมแค่ได้อยู่กับคนที่ผมรัก ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ก็พอใจแล้ว”
“....”
“แล้วผมจะพูดอะไรเยอะแยะหว่า ขอโทษนะครับ พอพูดเรื่องนี้แล้วเพลินเลย”
“ไม่เป็นไร”
“งั้นผมไปก่อนครับ” คีตกานต์ลุกขึ้นยืน “อ๋อผมบอกอาโปแล้วนะครับ”
“อืม”
คีตกานต์ยิ้ม เขาคิดว่าเขาได้ทำหน้าที่ตัวเองสมบูรณ์แล้ว ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของคนสองคน สารินรักหรือไม่รักเพทาย เขาไม่สามารถยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างเดียวที่เขารู้คือสารินเป็นคนฉลาด ชายหนุ่มจะหาคำตอบข้อนั้นได้เอง
• • • • • • • •
“อาหย่อย” เด็กชายอาโปตักข้าวต้มกุ้งโรยหมูหยองเข้าปาก ยิ้มตาเป็นประกายเมื่อได้กินของถูกใจ
สารินมองลูกชายด้วยความเอ็นดู เขาอดเหลือบไปมองเก้าอี้ที่ว่างอยู่ไม่ได้ เมื่อก่อนเขาชอบความสงบ ไม่ชอบให้ใครขึ้นมาวุ่นวายบนเรือนใหญ่ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่ามันเงียบเหงา เมื่อเหลือกันอยู่สองคนกับลูกชาย
“คิดถึงอาเพไหม” ชายหนุ่มเผลอถามลูกชายออกไป
เด็กชายอาโปรีบพยักหน้า “คิดถึง แต่ขูนม่ายฉะบาย โปม่ายงอแง”
“เก่งมากครับ” ดูเหมือนลูกชายจะเก่งกว่าเขา
“ห้ายอาเพเล่านิ้ทานให้ขูนฟาง ขูนจาด้ายหายเลวๆ”
สารินชะงักกึก เล่านิทาน สมองเขาพาลไปนึกถึงเตียงในห้องนอน มีขุน เพทาย พนา นอนอยู่ด้วยกัน ใจของเขาร้อนรนขึ้นมาจนต้องรีบปัดภาพนั้นออกจากหัว
“โปเป็นเด็กดี ลออาเพด้าย” เด็กชายอาโปยิ้มกว้าง
“ครับ” สารินลูบศีรษะเล็กของลูกชาย สงสัยว่าเขาคงเป็นเด็กเกเรเข้าแล้วจริงๆ เพราะไม่อยากรอสักนิดเดียว
สารินวางปากกาในมือลง เขาคิดว่าพยายามทำงานไปก็เท่านั้น เขาไม่มีสมาธิเลย เมื่อนาฬิกาเดินไปถึงหนึ่งทุ่มครึ่งแล้วแต่เพทายก็ยังไม่กลับมา ไปตั้งแต่บ่ายทำอะไรจนถึงตอนนี้
สมองเริ่มคิดไปไกล มันทำให้เขานั่งไม่ติด ไม่เหลือสมาธิจะทำงาน ในใจเริ่มร้อนรน มีเพียงคำพูดของคีตกานต์วนเวียนอยู่ในหัว
เขายิ้มได้เสมอเมื่ออยู่กับเพทาย สนุกที่จะได้แกล้งได้แหย่อีกฝ่าย รู้สึกผ่อนคลายเวลาที่อยู่ด้วยกัน เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองขาดความเป็นส่วนตัวเลย ชอบให้อยู่ใกล้ๆ มากกว่า มันรู้สึกดีที่หันไปแล้วเจอ เขาหงุดหงิดเมื่อเพทายเรียกพนาว่าพี่แม้ไม่อยากยอมรับ เขาคิดถึงเมื่ออีกฝ่ายไม่อยู่บ้านจนต้องไปรับกลับมา แต่บอกตัวเองว่าเดี๋ยวอาโปจะงอแง เขาชอบที่ได้ทานข้าวด้วยกันทุกเช้าและทุกเย็น ไม่ชอบเวลาที่อีกฝ่ายไม่อยู่แบบนี้ เขา...
สารินยกมือขึ้นลูบหน้าเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาไม่จำเป็นต้องหาคำตอบอีกต่อไป ในเมื่อสิ่งเหล่านี้ชัดเจนมาตั้งแต่ต้น หัวใจของเขาทำงานมานานแล้ว มีเพียงสมองที่ไม่ยอมรับ
เขาชอบเพทาย ในที่สุดสารินก็ยอมรับกับตัวเอง
นาฬิกาเดินถึงยี่สิบนาฬิกา เสียงประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ
“คุณสารินคะคุณเพกลับมาแล้วค่ะ”
“ขอบใจ” เขาสั่งมะลิเอาไว้ว่าถ้าเพทายมาถึงให้มาบอก
ประตูห้องทำงานปิดลง ชายหนุ่มปิดคอมพิวเตอร์ เก็บแฟ้มงาน เก็บปากกาเข้าที่ เขามีบางอย่างที่ต้องทำ
คิ้วของพนาเลิกขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นเขาที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้าน
“ยังไม่นอนใช่ไหม”
“อืม เข้ามาก่อน” พนาหลีกทางให้สารินเดินเข้ามาในบ้าน
“นายมีอะไรหรือเปล่า” พนาถามเมื่อนั่งที่เก้าอี้รับแขกเรียบร้อยแล้ว
“ขุนดีขึ้นไหม”
“ดีขึ้นแล้ว มาถามเรื่องนี้เหรอ โทรมาก็ได้”
“เปล่า มีเรื่องสำคัญจะถาม”
“อะไร” พนารับรู้ได้ถึงความจริงจังในสายตาของเพื่อน เขาจึงตั้งใจฟังเป็นพิเศษ
“ขอเบียร์กระป๋องสิ แล้วเดี๋ยวค่อยคุยกัน”
“ได้ รอเดี๋ยว” พนาเดินหายเข้าไปในห้องครัว ก่อนจะกลับมาพร้อมเบียร์สี่กระป๋อง เปิดออกแล้วส่งให้เพื่อน
“มีอะไรอยากถามก็ถามมา”
“นายชอบเพหรือเปล่า”
“ชอบ ถามทำไม”
“ชอบเหรอ!”
“เดี๋ยวๆ” พนารีบเบรกเพื่อนรัก “ชอบที่นายถามหมายถึงชอบแบบไหน ทำไมทำหน้าอย่างนั้นวะ”
“ชอบแบบคนรัก”
“เฮ้ย!” พนาร้องลั่น “มันจะใช่ได้ยังไง ชอบในฐานะพี่น้องสิ”
“งั้นเหรอ” สีหน้าของสารินผ่อนคลายจนพนาผิดสังเกต
“ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมอยู่ๆ มาถามเรื่องนี้”
สารินถอนหายใจยาว ก่อนส่งยิ้มให้เพื่อน “เพราะฉันชอบเพทาย”
“หะ! นายว่าอะไรนะ”
“ฉันชอบเพทาย ชอบแบบที่ถามนายไป”
“จริงเหรอวะ”
“ได้ยินแล้วน่า” สารินทำน้ำเสียงรำคาญเพื่อนรัก
“ก็ได้ยินแล้ว” พนาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เขายังไม่อยากเชื่อหูอยู่ดี
“แล้วทำไมมาถามฉันวะ” เขาเพิ่งเอะใจเรื่องนี้
“เพราะฉันไม่อยากผิดใจกับนาย”
“ไม่มีทาง จะผิดใจได้ยังไง ฉันไมได้คิดอะไรกับเพทาย ไปเอาความคิดนี้มาจากไหนวะ ไม่เข้าท่า”
“คีย์”
“คีย์?” พนาขมวดคิ้วเข้าหากัน เหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์ คำพูดหลายๆ คำย้อนกลับมาฉายซ้ำในหัว เขาเริ่มมองเห็นอะไรลางๆ แม้ไม่แน่ชัด แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเขายังมีเวลาจัดการ
“เอาเป็นว่าไม่ใช่ ฉันไม่ได้ชอบเพทาย แล้วฉันก็มั่นใจด้วยว่าเพทายไม่ชอบฉัน”
“ดีแล้ว ฉันไม่อยากไล่นายออก”
“หะ!”
“หึๆ”
พนาหัวเราะตามสาริน พวกเขาต่างสบตากัน
“ชอบจริงๆ ใช่ไหม” ชายหนุ่มเปลี่ยนมาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“จริง”
“งั้นก็ขอให้สมหวัง ฉันเอาใจช่วยเต็มที่”
“ขอบใจมาก ก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น”
“ต้องเชื่อตัวเองสิ”
“ก็เชื่ออยู่แล้ว ดื่มเถอะ”
“อืม”
“ยังไม่นอนเหรอ” สารินถามเมื่อเดินเข้าบ้านมา เจอเพทายนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาในห้องรับแขก
“ยังครับ ผมรอคุณสารินอยู่” เพทายวางหนังสือลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืน ส่งยิ้มให้สาริน
“มีอะไร”
“ไม่มีครับ เป็นห่วงเฉยๆ เห็นมะลิบอกว่าออกไปข้างนอก ผมเห็นดึกแล้วยังไม่กลับมาเลยเป็นห่วง”
“ขอบใจ” สายตาของสารินอ่อนแสงลง แค่คำว่าเป็นห่วงก็ทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา
“ขึ้นไปนอนเถอะ”
“ครับ”
สารินเดินตามเพทายขึ้นไปบนบ้าน พวกเขาแยกกันที่หน้าประตูห้อง
“เพทาย”
“ครับ?”
“ราตรีสวัสดิ์”
“ราตรีสวัสดิ์ครับ”
สารินรอจนเพทายเข้าห้องไปแล้ว เขาจึงพูดออกมาเบาๆ “ฝันดีนะเพทาย ผมชอบคุณ”
:::: ♥ TBC ♥::::
Darin ♥ FANPAGE (https://www.facebook.com/Ratidarin-433468596858519/)
Twitter : primdarin (https://twitter.com/primdarin)
** เมื่อวานลงนิยายให้สองตอนนะคะ (ลงเพิ่มตอนค่ำ) เผื่อใครได้อ่านแค่ตอน 17 ย้อนอ่านตอน 18 ก่อนนะคะ อยู่หน้า 25 ค่ะ
ตอนที่19
สัญญาฉบับใหม่
“เพทายมาหาผมที่ห้องทำงานหน่อย” สารินบอกเพทายผ่านทางโทรศัพท์ เขาหยิบสัญญาที่ทำไว้ขึ้นมาวางบนโต๊ะ เพียงครู่เดียวอีกฝ่ายก็เปิดประตูเข้ามา
“คุณสารินมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“นั่งก่อนสิ”
“ครับ” เพทายนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เขาฝากเด็กชายอาโปไว้กับมะลิที่วันนี้ตามมาด้วย
“ผมให้คนทำสัญญาเสร็จแล้ว” สารินดันเอกสารไปด้านหน้าเพทาย
“สัญญาอะไรครับ”
“สัญญาจ้างงานคุณ”
“แต่ผมเซ็นไปแล้วนี่ครับ” เพทายเริ่มงง เขาจึงเปิดเอกสารฉบับนั้นดู ดวงตาค่อยๆ เบิกกว้างขึ้น
“เดี๋ยวครับ! ผมยังไม่ได้ตกลงเลย วันนั้นผมปฏิเสธด้วย” สัญญาที่เขาอ่านเป็นสัญญาจ้างงานในตำแหน่งเลขาของสาริน จำได้แม่นว่าเขายังไม่เคยตอบรับสักคำ
“คุณตกลงแล้ว”
“ไม่นะครับ ผมมั่นใจ”
“คุณบอกผมว่าคุณไม่รับทำเพราะผมดีเกินไป”
“นั่นไงครับ คุณสารินก็จำได้”
“ผมจำได้ และผมก็จำได้ด้วยว่า ตอนกลางคืนผมบอกคุณว่า ‘เห็นไหมผมไม่ใช่คนดี คุณอยู่ทำงานต่อได้’ แล้วคุณก็ไม่ได้ปฏิเสธผมนะ เวลาตกลงกันมันต้องยึดครั้งล่าสุดที่คุยกันไม่ใช่เหรอ”
เพทายอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าแค่นั้นผู้ชายตรงหน้าเขาก็เอามาโมเมได้
“คุณสารินจะเล่นแบบนี้จริงๆ เหรอครับ”
“เปล่า ใครว่าผมเล่นผมจริงจัง ลองอ่านสัญญาดู ผมลงรายละเอียด ค่าตอบแทน โบนัส วันทำงาน วันหยุดไว้ให้แล้ว”
เพทายสะดุดหูตรงโบนัสเขาจึงก้มลงอ่าน ยอมรับว่าฟังแล้วมันน่าสนใจ
“สี่หมื่นห้าเหรอครับ! อะไรจะเงินเดือนเยอะขนาดนั้น”
“พูดตรงๆ คือผมคงต้องรบกวนให้คุณช่วยดูอาโปให้ด้วย”
“อ๋อครับ” เพทายก้มอ่านต่อ ฟังแบบนั้นก็สมเหตุสมผลดี
“โบนัสสามเดือน!!”
“ผมอยากให้มันจูงใจคุณ” สารินตอบตรงๆ ข้อนี้เพทายก็รับได้ ฟังขึ้น เพราะมันจูงใจเขาจริงๆ ทำงานหกวันหยุดวันเดียวเหมือนเดิมก็ถือว่าโอเค อยู่นี้เขาก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว
“สัญญาหนึ่งปีเหรอครับ!!”
“ผมไม่อยากเปลี่ยนเลขาบ่อย”
“คุณสารินไม่เคยมีเลขาครับ” เพทายแก้คำพูดให้ ด้วยอาการหมั่นไส้นิดๆ
“นั่นไง ผมถึงไม่อยากเปลี่ยน”
ชายหนุ่มถอนใจยาว เอาเถอะหลายบริษัทก็ทำสัญญาเหมือนกันเท่าที่เขาเคยรู้มา ปีหนึ่งก็ถือว่ายอมรับได้ เพทายอ่านรายละเอียดในส่วนอื่นๆ ซึ่งเรียบร้อยดี ไม่มีตรงไหนที่เขาติดใจอีก
“สมมุติว่าผมรับ งานเลขาที่ว่าต้องทำอะไรบ้างครับ”
“เป็นผู้ช่วยผม งานมันค่อนข้างละเอียด เดี๋ยวผมสอนคุณอีกที แต่ผมมั่นใจว่าคุณทำได้แน่”
“ครับ”
“ถ้าไม่มีตรงไหนติดขัดแล้วก็เซ็นเลย” สารินส่งปากกาให้เขา
“เดี๋ยวสิครับ ผมต้องเอากลับไปคิดก่อน”
“มีอะไรต้องคิด”
“มีสิครับ รวมกับสัญญาเดิมผมต้องอยู่ที่นี่สองปีเลยนะครับ เซ็นแล้วเปลี่ยนงานไม่ได้”
“เปลี่ยนทำไม”
เพทายถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเจอคำถามพ่อของเด็กชายอาโปเข้าไป ถามอย่างนี้แล้วจะให้เขาตอบยังไง แต่ในเมื่อกล้าถามมเขาก็จะตอบให้
“เผื่อเจ้านายจู้จี้จุกจิกครับ”
“ผมไม่เป็น”
“เผื่อเจ้านายเอาแต่ใจ ไม่ฟังความคิดเห็นลูกน้องครับ”
“สัญญาจะฟังเพทุกคำ”
เพทายชะงัก นี่เป็นครั้งแรกที่สารินเรียกเขาด้วยชื่อเล่น และคำพูดเรียบง่ายนี้กำลังทำเขาใจเต้น
“เชื่อได้เหรอครับ คนเอาแต่ใจไม่มีใครรู้ตัวหรอกครับ”
“เขียนเพิ่มในสัญญาก็ได้ว่าผมจะไม่ดื้อกับเพ”
“เป็นอาโปหรือไงครับ” เพทายอดหัวเราะไม่ได้
“พ่อกับลูกก็ต้องเหมือนกันอยู่แล้ว”
ข้อนี้เพทายไม่เถียงเลย เหมือนซะยิ่งกว่าเหมือน
“ตกลงไหม”
ชายหนุ่มยังไม่แน่ใจนัก สมองของเขากำลังตีกันเอง ระหว่างอยากเซ็นกับไม่อยากเซ็น
“ผมอยากขอให้เพช่วยอยู่ต่อ ปีหน้าอาโปเข้าโรงเรียนก็จริง แต่เข้าแล้วเป็นยังไง เข้ากับเพื่อนได้ไหม ใช้ชีวิตในโรงเรียนได้หรือเปล่า ผมก็ยังไม่รู้ ผมอยากให้เพเป็นคนช่วยสอน ช่วยดูแลอาโป”
“ถ้าเรื่องนั้นผมอยู่ต่ออีกนิดก็ได้ครับ รอให้อาโปชินกับโรงเรียนก่อน เงินเดือนไม่ต้องให้เพิ่มก็ได้ แค่นี้ก็เยอะมากแล้ว เรื่องตำแหน่งไม่ต้องให้ผมก็ได้ครับ”
“ผมให้เพราะผมรู้ว่าเพจะช่วยผมได้เยอะมาก ที่นี่ทำงานกันเป็นระบบครอบครัว เราไม่ได้แบ่งตำแหน่งหน้าที่กันจริงจัง ผมทำหลายอย่างจนบางครั้งก็รู้สึกว่ามันไม่ไหว เหนื่อยแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ถ้าเพจะใจดีมาช่วยผมมันคงดีมากๆ”
“พูดแบบนี้ตั้งแต่แรกผมก็ช่วยแล้วครับ” เพทายจรดปากกาลงไปบนกระดาษ เซ็นชื่อลงไปอย่างง่ายดาย
สารินมองใบหน้าที่ก้มต่ำของเพทาย เขาเลือกรักคนไม่ผิดจริงๆ
“ขอบคุณมากที่ช่วย” สารินส่งเอกสารชุดหนึ่งให้เพทาย ส่วนเขาเก็บไว้ชุดหนึ่ง
“ไม่เป็นไรครับ จริงๆ ผมคุ้มกว่าเยอะ กลับไปคงเป็นเศรษฐีย่อมๆ อยู่นี่แทบไม่ได้ใช้เงิน” เพทายแซวตัวเอง
“ก็อยู่ไปตลอดสิจะได้เป็นเศรษฐีเต็มตัว ไม่ต้องเป็นเศรษฐีย่อมๆ ให้เสียเวลา”
เพทายสบตากับดวงตาคู่คม เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นมุกหรือเป็นเรื่องจริง และเพื่อไม่ให้ตัวเองหน้าแตก เขาจึงเลือกที่จะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป
“คุณสารินมีอะไรอีกหรือเปล่าครับ ถ้าไม่มีผมต้องกลับไปสอนหนังสืออาโป”
“ไม่มีแล้ว”
“ครับ” เพทายลุกขึ้นยืน เขายิ้มให้เจ้าของห้อง ก่อนหันหลังเดินไปที่ประตู โดยมีสายตาของสารินมองตามหลัง
ขอเวลาเพียงแค่นี้เท่านั้น ถ้าเขาไม่สามารถทำให้เพทายชอบได้ เขาก็จะไม่รั้งอีกฝ่ายให้ลำบากใจ
• • • • • • • •
“มะลิไปบอกสังข์หน่อยว่าจะกลับกันแล้ว” เพทายบอกมะลิ หลังจากพวกเขาทานข้าวกลางวันที่ออฟฟิศเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ได้ค่ะ”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวผมจะกลับเลย”
“ครับ” เพทายพยักหน้า มะลิจึงนั่งลงเหมือนเดิม
เพทายไม่ได้ถามว่าทำไมวันนี้ถึงกลับเร็ว เพราะจะมีหนึ่งถึงสองวันในสัปดาห์ที่สารินกลับบ้านพร้อมพวกเขาตั้งแต่เที่ยง
“ยังไม่นอนเหรอเจ้าตัวยุ่ง”
เพทายเงยหน้าขึ้นมองเมื่อสารินเดินเข้ามาในห้องของลูกชาย เด็กชายยิ้มกว้างส่ายหัวไปมา
“โปม่ายง่วง”
“วันนี้ทำยังไงก็ไม่ยอมนอนครับ” เพทายบอกพ่อของเด็กชาย เขาพยายามพาเอาโปเข้านอนมาเป็นชั่วโมงแล้ว
“ถ้าไม่ง่วงก็ไม่เป็นไร”
เพทายขยับที่ว่างให้เมื่อสารินก้าวเข้ามานั่งในคอกกั้นด้วย
“ถ้าไม่ง่วงแล้วอยากทำอะไรครับ ไหนบอกพ่อสิ”
“โปหยักปายเที่ยวคับ”
“อยากไปไหนครับ”
“หยักกินอายติม” เด็กชายอาโปส่งสายตาอ้อนผู้เป็นพ่อ
“มะลิงานวัดในอำเภอยังมีอยู่ไหม”
“ยังมีค่ะ หมดวันอาทิตย์”
“งั้นเหรอ อยากไปเที่ยวไหม” สารินสบตากับเพทาย
“ปาย โปปายคับ”
“เดี๋ยวเจ้าตัวยุ่ง พ่อถามอาเพ” สารินหัวเราะลูกชายที่รีบตอบก่อนใคร
“อาเพปายเป่าคับ โปหยักปาย” เด็กชายเดินเข้าไปหาเพทาย ใช้สองมือกอดไปรอบคอ เงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาออดอ้อน
“ตายสิครับ ทำแบบนี้อาจะไปไหนรอด ต้องไปด้วยอยู่แล้ว” เพทายยกมือขึ้นกอดตอบเด็กชายอาโป หัวเราะออกมาเบาๆ
“ถ้าผมทำบ้าง เวลาขออะไรคุณจะให้เหมือนกันหรือเปล่า”
เพทายได้ยินเสียงมะลิหัวเราะ พอหันไปมองก็รีบยกมือขึ้นปิดปาก เพทายจึงหันกลับมาจัดการสารินแทน
“อายุสามขวบเท่าอาโปหรือเปล่าละครับ”
“เชื่อผมสิ ว่าสามสิบกอดอุ่นกว่าสามขวบเยอะ”
เพทายหน้าแดงเรื่อโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเมื่อสายตาคู่นั้นมองเข้ามาในดวงตาของเขา
“ม่ายอาว”
“หือ? ไม่เอาอะไรครับ” สารินละสายตาจากเพทายไปมองลูกชาย
“ม่ายห้ายพ่อกอด”
“หึๆ” ถึงคราวเพทายหัวเราะบ้าง เมื่อหนูน้อยอาโปจัดการคุณพ่อแทนเขา
“กอดนิดเดียว”
“ม่ายด้าย อาเพของโป”
“เมื่อกี้พ่อได้ยินว่าใครอยากกินไอศกรีมนะ”
“โปค้าบโป” เด็กชายอาโปละมือข้างหนึ่งจากคอเพทายชูขึ้นสูง
“แล้วตกลงพ่อกอดอาเพได้ไหมครับ”
“ด้ายย”
“ฮ่าๆ”
เพทายได้แต่มองดวงตาวิบวับของคุณเจ้าของสวนดอกไม้ด้วยความเจ็บใจ อาโปจอมแสบได้แลกเขากับไอศกรีมไปเรียบร้อยแล้ว มันน่าน้อยใจจริงๆ
“เอาน่าคุณอย่าเพิ่งโมโหเลย เดี๋ยวผมเลี้ยงไอศกรีม”
“อาเพกินติมกาน” หนูน้อยอาโปยิ้มหวาน เห็นแบบนี้แล้วใครจะโกรธลง
“ครับ กินก็กิน”
“เย่ ขูนปายด้วยน้า ห้ายขูนปายด้วย” เด็กชายอาโปไม่ลืมเพื่อนเล่น ไปไหนต้องไปด้วยกัน
“คุณโทรหาคีย์สิ เดี๋ยวผมจะบอกพนาเอง”
“ครับ” เพทายหยิบโทรศัพท์ออกมา เขายังไม่ชินกับคำเรียกที่เปลี่ยนไปของสาริน แต่ก่อนเรียกเขาเพทาย เดี๋ยวนี้ถ้าไม่เรียกเพ ก็เรียกคุณ แถมน้ำเสียงที่เรียกก็เป็นกันเองมากขึ้น เวลาได้ยินเขารู้สึกเขินแปลกๆ พยายามบอกตัวเองว่าเป็นเพราะยังไม่ชิน เดี๋ยวก็คุ้นหูเอง
• • • • • • • •
“ตกลงจะอยู่ช่วยคุณสารินเหรอ” คีตกานต์เดินข้างเพื่อนรัก ปล่อยให้สารินอุ้มเด็กชายอาโปเดินนำหน้าไปกับพนาและขุน
“ใช่ จะได้ดูตอนอาโปเข้าโรงเรียนด้วย”
“เป็นห่วงเหรอ”
“อืม”
“ห่วงใคร พ่อหรือลูก”
สายตาของเพทายมองไปข้างหน้า มองแผ่นหลังกว้างของสาริน มองมือเล็กๆ ที่โอบอยู่รอบคอของพ่อ เขาตอบตามที่รู้สึกจริงๆ ไม่มีอะไรต้องปิดบังเพื่อนรัก
“ห่วงทั้งคู่”
“ดีแล้วเราเห็นด้วยนะ อยู่เถอะที่นี่เหมาะกับเพ”
“แล้วคีย์ล่ะ จะเอายังไงคิดหรือยัง”
คีตกานต์หันไปสบตาเพื่อน เพทายมีสีหน้าจริงจังจนเขาไม่กล้าพูดเล่น
“ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอายังไงดี แต่คงอยู่ที่นี่อีกไม่นาน เกรงใจคุณสาริน”
“โทรหาป๊าบ้างหรือเปล่า”
คีตกานต์ส่ายหน้า
“ระวังป๊าจะเป็นห่วง”
“ฝากแม่บ้านบอกแล้วว่ามาหาเพ ถ้าเป็นห่วงจริงป่านนี้ก็โทรมาแล้ว อาจจะดีใจก็ได้ที่เราไม่อยู่บ้าน จะได้ไม่มีใครขวางหูขวางตา คอยหาเรื่องผู้หญิงของเขา เพราะถ้าสนใจเราจริง คงไม่พาผู้หญิงรุ่นเดียวกับเราเข้ามาในบ้าน”
“คีย์” เพทายมองเพื่อนด้วยสายตาเป็นห่วง คีตกานต์ยักไหล่ เขาเฉยชาเสียแล้ว ไม่ใช่ไม่รู้สึกแต่ชินชา
“อาคีย์ครับ”
“ครับ” เพทายก้มลงมอง เมื่อเด็กชายขุนเดินย้อนกลับมาหา
“ไปปาลูกโป่งกันไหมครับ ผมอยากเล่น”
“เอาสิครับ”
เด็กชายขุนยื่นมือให้คีตกานต์จับ สายตาที่มองขึ้นมาทำให้รอยยิ้มที่จางหายของคีตกานต์กลับมาอีกครั้ง
“ไปกันครับ อาคีย์จะเอาตุ๊กตาตัวใหญ่ๆ มาให้ได้เลย” คีตกานต์จับมือของขุนกระชับ เขารู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด
“โปปายด้วยคับ โปปายด้วย”
“ส่งเจ้าตัวยุ่งมา” พนายื่นมือไปรับอาโปจากสาริน
“ไปครับลุงจะพาไปปาลูกโป่งกับพี่ขุน”
พนาอุ้มเด็กชายอาโปออกเดินนำไปกับคีตกานต์และขุน ทิ้งให้เพทายและสารินเดินรั้งท้ายกลุ่ม
“เพ”
“ครับ” เพทายหันไปมองร่างสูง
“ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและจะไม่ถาม แต่คีย์อยู่ที่นี่ได้นานเท่าที่ต้องการ”
“คุณสาริน!” ดวงตาของเพทายเบิกกว้าง
“เดินใกล้กันแค่นี้ ยังไงก็ได้ยิน”
เพทายหันกลับไปมองด้านหน้า เขามองมือของคีตกานต์ที่จูงมือขุน มองพนาที่เดินใกล้กับเพื่อนรัก และกำลังชวนอีกฝ่ายคุย ถ้าอย่างนั้นที่ขุนเดินกลับมาก็เป็นเพราะไม่สารินก็พนาเป็นคนบอกใช่ไหม
เพทายเบือนสายตากลับมาที่สาริน ดวงตาของเขาอ่อนแสงลง
“ขอบคุณครับ”
“ผมก็ต้องขอบคุณเหมือนกัน”
“เรื่องอะไรครับ”
ร่างสูงขยับเข้ามาหา ก้มหน้าลงมากระซิบใกล้ๆ “เรื่องที่คุณเป็นห่วงผมกับลูก”
เพทายเผยอปากค้าง เขาเพิ่งนึกได้ว่าถ้าได้ยินคีตกานต์พูด ก็ต้องได้ยินที่เขาพูดด้วย
“ขอบคุณ”
เพทายพูดไม่ออก ไม่รู้จะแก้ตัวให้ตัวเองอย่างไรเพราะอีกฝ่ายได้ยินเต็มสองหู
“รู้อย่างนี้ผมทำสัญญาสักสามปีก็ดี”
!!!
“หึๆ”
เพทายมองตามหลังร่างสูงที่เดินนำไปข้างหน้า เพราะมัวแต่ตกใจจึงหยุดยืน กว่าจะรู้ตัวอีกฝ่ายก็เดินห่างออกไปแล้ว
“ถ้าสามปีผมก็ไม่เซ็นหรอกครับ” เพทายตะโกนตามหลังเมื่อได้สติ
ร่างสูงหันหน้ากลับมามองเขา รอยยิ้มปรากฎที่ริมฝีปากและดวงตา
“มาเร็ว ถ้าปาลูกโป่งได้ผมจะเอาตุ๊กตาตัวใหญ่ๆ ให้”
“ใครจะเอา” เพทายพูดพึมพำอยู่ในคอ ก่อนเร่งฝีเท้าตาม
“ชอบตัวอะไร”
“มิกกี้เม้าท์”
เขาไม่เห็นจะอยากได้เลย แต่ถ้าไม่เอาก็เสียดายของน่า
:::: ♥ TBC ♥::::
Darin ♥ FANPAGE (https://www.facebook.com/Ratidarin-433468596858519/)
Twitter : primdarin (https://twitter.com/primdarin)
ตอนที่ 21
คุณผู้จัดการสวนดอกไม้กับหัวหน้าห้อง
“มะลิจะเอาไปไหน” พนาถามพี่เลี้ยงเด็กชายอาโป เมื่อเห็นอีกฝ่ายถือถาดอาหารเดินออกมาจากห้องครัว
“เอาไปให้คุณคีย์ค่ะ”
พนาขมวดคิ้วเข้าหากัน ปกติคีตกานต์จะมาทานข้าวเย็นที่บ้านสาริน เขาจึงสงสัย
“ไม่สบายเหรอ”
“เปล่าค่ะ เห็นว่าวันนี้ที่ร้านคนเยอะมาก ไม่ได้นั่งพักเลย คุณคีย์เลยหมดแรง โทรมาบอกว่าไม่กินข้าวเย็น คุณเพเลยให้หนูจัดอาหารไปให้ค่ะ”
“งั้นเอามา พี่เอาไปให้เอง”
“ค่ะ” มะลิส่งถาดให้กับพนา เธอสงสัยนิดหน่อยแต่ไม่ได้ถาม
“อ้าว” คีตกานต์พูดแค่นั้นเมื่อเห็นพนาเดินเข้ามาในบ้านหลังเล็ก เขากำลังนั่งหมดแรงอยู่ที่โซฟา ไม่อยากขยับไปไหน
พนาวางถาดอาหารลงบนโต๊ะกินข้าว ก่อนเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ติดกัน
“อาบน้ำก่อนไม่ดีเหรอ จะได้สบายตัว”
“เดี๋ยวครับ” คีตกานต์ขยับตัวขึ้นนั่งดีๆ “ตอนนี้ไม่อยากทำอะไรเลย”
“อืม งั้นกินข้าวให้มีแรงก่อน เพให้จัดอาหารมาให้”
“ขอบคุณครับ แล้วทำไมคุณพนาเป็นคนยกมาละครับ เด็กๆ ที่บ้านโน้นไปไหนหมด”
“ผมเจอมะลิเลยอาสาเอามาให้”
“คิดอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” คีตกานต์ทำตาล้อเลียน เขาแค่แซวอีกฝ่าย ไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ
“คิด” สีหน้าคนพูดจริงจัง
“หะ! อะไรนะครับ”
“คิดว่าจะทำยังไงกับเด็กแสบอย่างเราดี”
“เดี๋ยวครับ แสบอะไร? ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“แน่ใจนะ” พนาจ้องตาคีตกานต์ ที่เขาอาสายกอาหารมาให้อีกฝ่าย ประเด็นหลักคือมาดูว่าไม่สบายหรือเปล่า ส่วนประเด็นรองคือเขาหาโอกาสคุยเป็นการส่วนตัวกับคีตกานต์อยู่แล้ว
“แน่ใจสิครับ”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมสารินสงสัยว่าผมชอบเพทาย”
คีตกานต์เม้มปาก เขาต้องซ่อนรอยยิ้มแทบตาย ความเหนื่อยเมื่อครู่หายไปสิ้น ถ้าสารินคุยกับพนาเรื่องนี้ ก็แปลว่าที่เขาคิดเป็นจริง และสิ่งที่เขาทำเกิดผลแล้ว
“ว่าไง”
“อันนี้ก็ต้องไปถามคุณสารินครับ คุณสารินเป็นคนเข้าใจผิดไม่ใช่ผม มาถามผมได้ยังไง”
พนามองรอยยิ้มหัวของอีกฝ่าย เขาเริ่มจับได้ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คีตกานต์มีท่าทางสบายอกสบายใจ แปลว่าอีกฝ่ายกำลังสนุกกับเรื่องที่ทำอยู่
“ผมก็คงคิดแบบนั้นถ้าไม่บังเอิญได้ยินคีย์พูดเต็มสองหู”
“พูดอะไรครับ” คีตกานต์เลิกคิ้วขึ้น
“คีย์พูดเหมือนผมสนใจเพ ถ้าได้ยินครั้งเดียวผมจะคิดว่าคีย์เข้าใจผิด แต่หลายครั้งผมคิดว่ามันเป็นความตั้งใจ
“แล้วทำไมคุณพนาถึงคิดว่าผมตั้งใจละครับ” คีตกานต์ยกยิ้มมุมปาก ดวงตาพราว
“ก็เพราะสายตาคุณตอนนี้” พนาชี้นิ้วไปที่ดวงตาของอีกฝ่าย “เดิมผมมั่นใจแค่แปดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์”
“สายตาผมเป็นยังไงครับ”
“อยากได้กระจกไหม”
“ฮ่าๆ” คีตกานต์หัวเราะชอบใจคำตอบของอีกฝ่าย พนาเป็นคนพูดตรงและฉลาด เขาไม่ควรประมาทผู้ชายคนนี้
“ทีนี้ผมจะถามใหม่ ทำไมตั้งใจทำให้สารินเข้าใจผิดคิดว่าผมชอบเพทาย”
“เปล่าครับ ผมก็เข้าใจอย่างนั้นเหมือนกัน ตกลงไม่ได้ชอบเหรอครับ” คีตกานต์ใช่โอกาสนี้หาข้อมูลเสียเลย
พนานึกอยากตีเด็กหนุ่มตรงหน้าค่าที่แสบเหลือเกิน เขาไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายไม่มีจุดประสงค์ แต่ดูจากอาการแล้วเค้นคำตอบไปก็เท่านั้น คงไม่ได้ความจริงกลับมา
“เอาเถอะ จะดื้อก็ดื้อไป แต่ถ้าวันหลังทำแบบนี้อีกถูกตีขึ้นมาอย่าบ่น”
“ผมไม่ใช่ขุน!”
“ใช่ เพราะขุนไม่เคยดื้อแบบนี้”
คีตกานต์เกิดอาการพูดไม่ออกเพราะเถียงไม่ได้
“ไม่ทำแล้วครับ” สุดท้ายก็ใช่วิธีรับปาก แน่สิเขาจะทำทำไมแผนการมันจบไปแล้ว
“ก็ไม่ดื้อเท่าไหร่”
“เลิกใช้คำเหมือนผมเป็นเด็กได้แล้วครับ” คีตกานต์หน้ามุ่ย
“ถ้าไม่อยากให้ทำเหมือนเป็นเด็ก ก็อย่าทำตัวเป็นเด็ก โตแล้วมีอะไรก็พูดกันตรงๆ”
“ผิดแล้วครับ เพราะโตแล้วต่างหากเราถึงไม่เคยพูดอะไรกันตรงๆ มีแต่เด็กเท่านั้นที่พูด”
“...”
“แต่เว้นอาโปไว้คนหนึ่งก็ได้ครับ เจ้าเล่ห์จนตามไม่ทันจริงๆ”
“ฮ่าๆ” พนาหัวเราะออกมา เขามองใบหน้ายิ้มๆ ของคีตกานต์ เป็นเด็กหนุ่มที่ทำให้เขาแปลกใจได้เสมอในเรื่องของความคิด พอมองว่าเป็นเด็กกลับมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ พอมองว่าเป็นผู้ใหญ่กลับกลายเป็นเด็ก สมแล้วที่เพทายเรียกว่าหัวหน้าห้องของขุนกับอาโป
“เอาเถอะผมถือว่าเราคุยกันเข้าใจแล้ว ผมกลับก่อนคีย์จะได้พัก”
“ไหนๆ ก็มาแล้ว ทานข้าวด้วยกันไหมครับ”
พนามองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย คิดย้อนไปถึงวันที่ไปเดินเล่นงานวัด สิ่งที่เขากับสารินได้ยินคีตกานต์คุยกับเพทาย แม้จะไม่รู้ทั้งหมดแต่ก็พอเดาได้ว่าน่าจะเกี่ยวกับครอบครัวของอีกฝ่าย
“เอาสิ”
“งั้นทานเลยนะครับ”
“อืม” พนาเห็นความดีใจแว่บหนึ่งในดวงตาของคีตกานต์ เจ้าตัวลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้น มันทำให้เขาสงสัยว่าภายใต้ท่าทางร่าเริงของอีกฝ่ายอาจมีเด็กชายขี้เหงาคนหนึ่งซ่อนอยู่
“คีย์”
“ครับ”
“เรียกผมว่าพี่พนาก็ได้นะ”
คีตกานต์เอียงคอมองเขาก่อนหัวเราะออกมา “ไม่เอาครับ เป็นพี่เดี๋ยวหาเรื่องตีผม ไม่เรียกดีกว่า”
!!!
เจ้าเด็กนี่! ให้ตายเถอะ
• • • • • • • •
“คุณพนา”
พนาหยุดยืนเมื่อได้ยินเสียงเรียก น้ำเสียงดีใจขีดสุดของอีกฝ่ายทำให้เขาเริ่มระวังตัว
“มีอะไร”
“ตอนเย็นผมอยากเข้าเมือง ไปด้วยกันไหมครับ”
“ไปชวนสารินเถอะ”
“โห~ ปฏิเสธแบบไม่มีเยื่อใยเลยเหรอครับ” คนพูดทำตาโต
“หึๆ ไม่ใช่จะชวนสารินผ่านผมเหรอ”
“พูดอย่างนี้ระวังคนจะเข้าใจผิดว่าผมตามจีบคุณสารินนะครับ”
“หรือจะให้เข้าใจว่าคีย์ตามจีบผม”
คีตกานต์ปรายตามอง เห็นทื่อๆ แบบนี้ร้ายไม่ใช่เล่น
“ถ้าว่างให้จีบก็จีบได้ครับ เพราะผมว่างอยู่พอดีไม่มีอะไรทำ”
ดูความร้ายกาจของเจ้าเด็กแสบ พนาไม่คิดว่าเขาจะตามอีกฝ่ายทัน
“จะไปทำอะไรในเมือง”
“จีบคุณพนา เอ๊ย! ไม่ใช่” คนพูดยิ้มกว้าง ท่าทางสนุกที่ได้แหย่เขา “ไปหาอะไรอร่อยๆ กินครับ โอ๊ะ!” คนพูดทำตาโต “อย่าบอกป้าสานะครับ ป้าสาทำอร่อยทุกอย่างเลย แต่ผมอยากกินอะไรแปลกๆ บ้าง”
“แปลกแค่ไหน หนวดเต่าเขากระต่ายไหม”
สายตาที่มองมากวาดตั้งแต่หน้าของเขาลงไปที่พื้นก่อนมองย้อนกลับขึ้นมาใหม่
“เชย”
พนาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรู้สึกเขินแปลกๆ โดยเฉพาะเมื่อสายตาคู่นั้นมองมา จนเผลอยกมือขึ้นเสยผมแก้เขิน
“แล้วจะกินอะไร”
“อาหารญี่ปุ่นครับ คิดถึงมาหลายวันแล้ว ไปไหมครับ พาขุนไปด้วย ผมเลี้ยงเอง”
“ถ้าจะให้ไปด้วยก็อย่าพูดคำนี้”
“คำว่าเลี้ยงเหรอครับ”
“ยังอีก”
“ฮ่าๆ”
ดูเหมือนเด็กแสบจะแสดงออกชัดเจนว่าตั้งใจพูดยั่วโมโหเขา แต่พนากลับขำแทนที่จะโมโห
“งั้นชวนไปหมดทุกคนเลยนะครับ เดี๋ยวผมไปบอกเองว่าคุณพนาจะเลี้ยง”
พนาถอนหายใจยาว บอกแล้วว่าเขาคงตามอีกฝ่ายไม่ทัน
“เอาเถอะจะทำอะไรก็ตามใจ จะไปกี่โมงก็มาเรียกแล้วกัน วันนี้ผมอยู่ที่ออฟฟิศทั้งวัน”
“โอเคครับ”
คนพูดยิ้มกว้าง ท่าทางพออกพอใจที่เขายอมลงให้ พนาพยักหน้า ออกเดินต่อเมื่ออีกฝ่ายเสร็จธุระกับเขาแล้ว
“พี่พนา ขอบคุณนะครับ”
พนาชะงัก หันกลับไปมอง เห็นเพียงแผ่นหลังของอีกฝ่าย กำลังมุ่งตรงไปยังร้านดอกไม้ พี่พนาอย่างนั้นเหรอ หึๆ
พนาหันกลับ เดินแยกไปทางออฟฟิศ ไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังเดินยิ้ม
พี่พนา เสียงที่เรียกเพราะดีเหมือนกัน
• • • • • • • •
“ใครจะนั่งกับอาคีย์ครับ”
“โปคับ โป” เด็กชายอาโปชูมือขึ้นสูง ยิ้มหวานให้อาคีย์
“ฉลาดจริงๆ ตัวแค่นี้ รู้ตลอดว่าอ้อนอาคีย์ได้” คีตกานต์หัวเราะเบาๆ รับเด็กชายจากเพทาย จัดให้นั่งบนเก้าอี้เด็กที่พนาขยับมาตั้งให้
“ขุนมานั่งกับอาไหม”
“ขูนมาเลว” เด็กชายอาโปกวักมือเรียกเพื่อนเล่น อยากให้มานั่งด้วยกัน
“ไปเถอะ” เพทายพยักหน้าอนุญาตเด็กชาย เมื่อขุนเงยหน้าขึ้นมอง เขาคิดว่าเด็กชายคงกลัวเขาน้อยใจ ที่ไม่มีใครนั่งด้วย เป็น
เด็กที่อ่อนโยนและใส่ใจคนอื่นเสมอ
“สั่งอะไรดีครับ” เพทายกางเมนูไอศกรีมให้เด็กๆ ดู เด็กชายขุนนั่งข้างน้องชาย ถัดไปเป็นพนา ฝั่งตรงข้ามจึงเหลือเพียงสารินกับเพทายเท่านั้น
“โปอาวอานนี้” เด็กชายโปชี้ไอศกรีมถ้วยใหญ่ในเมนู
“กินหมดเหรอเรา”
“กินกาบอาคี” เด็กชายเงยหน้าขึ้นยิ้มหวาน ส่งสายตาอ้อน
“เฮ้อ เชื่อเพแล้วเจอสายตาแบบนี้ใครจะรอด สั่งก็สั่งครับ เอามาเลยหนึ่งถ้วยแปดลูก”
เพทายยิ้มเอ็นดูเพื่อนรัก คีตกานต์รักเด็กและใจดีกับเด็กมาก ตามใจตลอด เด็กชายอาโปก็ช่างรู้ อ้อนถูกคนเสมอ
“ขุนสั่งอะไรดีครับ” คีตกานต์หันไปถามเด็กชายขุน
“ผมทานกับอาโปก็ได้ครับ”
“ไม่เป็นไรอาทานเอง ขุนอยากทานอะไรสั่งเลย อันนี้ไหมครับ หรือว่าอันนี้ดี” คีตกานต์ชี้มือไปที่รูป เขาพลิกหน้าอื่นๆ เพื่อให้เด็กชายได้เลือก
พนามองทั้งสองคนอยู่เงียบๆ ตั้งแต่มีเพทายกับคีตกานต์เข้ามา ดูเหมือนขุนจะมีความสุขขึ้นมาก แม้จะพยายามไม่แสดงออกก็ตาม แต่เขาเป็นพ่อย่อมรู้สึกได้
ขุนไม่ใช่เด็กที่ขาดความอบอุ่น แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาคนเดียวไม่สามารถแทนทุกอย่างได้ เพราะด้วยนิสัยเขาเป็นคนเรียบง่าย ตรงไปตรงมา แม้จะมีความใส่ใจให้เด็กชายเต็มเปี่ยม แต่ก็ไม่มีความละเอียดอ่อนในบางเรื่อง เหมือนที่เพทายและคีตกานต์มี
“พี่พนาทานอะไรครับ”
“หือ?” พนามัวแต่คิดอะไรเพลินๆ จึงไม่ทันฟัง
“เหลือคนสุดท้ายแล้วครับ” เมนูถูกยื่นมาตรงหน้า ทำให้เขาเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย
“พี่ขอกาแฟร้อนแก้วเดียว ไม่ทานไอศกรีม”
“ทำเข้ม”
“อะไรนะ”
“เปล่าครับ” คนพูดทำตาใสใส่เขา
“ทามเข้ม”
“ชู่ว” เด็กแสบหันไปแตะนิ้วกับริมฝีปากให้เด็กชายอาโปดูแทบไม่ทัน เด็กชายตัวน้อยรีบยกนิ้วขึ้นแตะปากเลียบแบบหัวหน้าห้อง หัวเราะกันคึกคัก ดูก็รู้ว่าคนโตกว่าไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไรเขาหรอก เล่นสนุกกันไปอย่างนั้นเอง
“โปม่ายหวายแล้วคับ” เด็กชายอาโปวางช้อน หลังจากทานไอศกรีมหมดไปสามลูก คีตกานต์ก็ไม่ไหวเหมือนกันเพราะเขาสั่งเค้ก
ไอศกรีมมาทานด้วย ไหนจะอาหารญี่ปุ่นที่เพิ่งทานเข้าไป เขาจึงหันซ้ายหันขวา เพทายคงไม่ไหวเหมือนกัน เด็กชายขุนก็ยังทานของตัวเองไม่หมด เหลือแค่สารินกับพนาที่ดื่มเฉพาะกาแฟทั้งคู่ สารินคงไม่ได้เพราะเขาไม่กล้ายุ่ง เหลือเพียงแค่คนเดียว
คีตกานต์ก้มหน้าลงกระซิบบางอย่างข้างหูเด็กชายอาโป เด็กชายพยักหนาหงึกหงัก เงยหน้าขึ้นยิ้มแฉ่งเมื่อเขาพูดจบ
“ลุงพานาค้าบ”
“ครับ” พนาหยุดคุยเรื่องงานกับสาริน หันมามองเด็กชายตัวน้อยที่ยิ้มหวานให้เขาจากเก้าอี้เด็ก
“ลุงพานาล้ากโปเป่าน้า”
“หือ?” พนาเลิกคิ้วขึ้น สายตาของเขาตวัดไปมองคีตกานต์โดยอัตโนมัติ อีกฝ่ายทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“รักสิครับ”
“ล้กกานต้องกินด้วยกานน” เด็กชายยิ้มแฉ่ง พูดเป๊ะตามที่อาคีย์บอก
“กินด้วยกัน?” พนายังประมวลผลไม่เสร็จ คีตกานต์ก็เลื่อนไอศกรีมถ้วยใหญ่มาข้างหน้าเขา ไอศกรีมยังเหลืออยู่ในถ้วยเกินครึ่ง
“ลุงพานาน่าล้ากที่ฉุดเลย โปล้ากที่ฉุด”
“ใช่ครับ อาพนาใจดีที่สุด ช่วยอาโปทานด้วย” คีตกานต์ผสมโรงชมด้วยอีกคน
พนาพูดไม่ออก ได้แต่หันไปสบตากับสาริน ซึ่งเพื่อนรักไม่คิดจะช่วยอะไรเขาเลย แถมยังมองมาด้วยสายตาขบขันที่เขาตกหลุมตัวแสบทั้งหลาย
“เร็วครับเดี๋ยวละลาย”
พนาตวัดสายตาไปมองหัวหน้าเด็ก
“ทานให้หมดนะครับ เราไม่ควรกินทิ้งกินขว้าง เด็กๆ เข้าใจไหมครับ”
“คับ”
“ครับ” แม้แต่ลูกชายของเขายังพยักหน้า
“เอาน่า นานๆ กินทีเผื่อนายจะหวานขึ้น” สารินพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ มีเพียงเพทายคนเดียวเท่านั้นที่ส่งยิ้มให้กำลังใจเขา
พนาตักไอศกรีมเข้าปาก สายตาจับจ้องที่ใบหน้าของคีตกานต์ อีกฝ่ายรู้สึกตัวจึงหันมามองเขา รอยยิ้มทะเล้นที่ส่งมาให้ทำให้พนาเปลี่ยนใจ
เอาเถอะถึงหัวหน้าห้องของเด็กๆ จะร้ายอยู่บ้าง แต่ถ้ามันทำให้เด็กขี้เหงาสดใสขึ้น เขาก็ไม่มีปัญหาอะไรกับไอศกรีมถ้วยนี้
“พี่พนาสู้ๆ ครับ”
ร้ายจริงๆ
:::: ♥ TBC ♥::::
Darin ♥ FANPAGE (https://www.facebook.com/Ratidarin-433468596858519/)
Twitter : primdarin (https://twitter.com/primdarin)
ตอนที่ 29
ครอบครัวเดียวกัน
“คุณเพคะ”
“มีอะไรมะลิ” สีหน้าของมะลิทำให้คิ้วของเพทายขมวดเข้าหากัน มะลิเป็นเด็กสดใสเวลามีเรื่องไม่สบายใจจึงสังเกตเห็นได้ง่าย
“มีคนมาค่ะ”
“ใคร”
“คือ...” มะลิเหลือบสายตาไปมองเด็กชายอาโป ก่อนกระซิบเสียงเบา “คุณมน คุณแม่คุณหนูอาโปค่ะ”
เพทายยืดหลังขึ้นตรงทันที เขาสบตากับมะลิ ในใจเต็มไปด้วยคำถาม
“มาหาพี่สารินเหรอ”
“บอกว่ามาเยี่ยมอาโปค่ะ แล้วก็...คือ...” สีหน้าของมะลิหนักใจ “บอกว่าอยากขอพบคุณเพด้วย”
“เข้าใจแล้ว” เพทายลุกขึ้นยืน
“อาโปครับ คุณแม่มาหา ออกไปเจอคุณแม่กันครับ”
“แม่เหลอคับ แม่มาเหลออาเพ” สีหน้าตื่นเต้นดีใจของเด็กชายอาโป ทำให้เพทายลืมเลือนความกังวลทั้งหมดไปสิ้น เขาควรดีใจไปกับเด็กชาย
“ครับ เราออกไปหาคุณแม่กันเถอะ”
“ปาย โปปายหาแม่” เด็กชายรีบยื่นแขนให้เพทายอุ้มทันที ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมันก็ต้องเกิดอยู่ดี กังวลไปก็เท่านั้น
“สวัสดีค่ะ” ร่างสูงระหงลุกขึ้นยืน ส่งยิ้มมาให้ มันทำให้เพทายใจชื้นขึ้น เขาอดชื่นชมความสวยของอีกฝ่ายไม่ได้ เด็กชายอาโปได้ตาและผมสีอ่อนมาจากแม่ ถึงเป็นเด็กหน้าตาน่ารักขนาดนี้
“สวัสดีครับ” เพทายทักทายตอบ
“แม่~” เด็กชายอาโปโผเข้าหาแม่ เพทายต้องรีบจับไว้เพราะกลัวร่วงลงไป
“อาโป” สีหน้าดีใจของผู้หญิงตรงหน้า ทำให้เพทายบอกตัวเองว่าเขาต้องไม่ด่วนตัดสินอะไรไปล่วงหน้า เหตุผลของคนเราไม่เหมือนกัน คนเป็นแม่ยังไงก็คงรักลูก
“นั่งก่อนดีไหมครับ จะได้คุยกันสะดวก”
“ค่ะ มัวแต่ดีใจ” หญิงสาวเดินนำเขาไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่ เพทายวางเด็กชายอาโปลง หนูน้อยโถมเข้ากอดแม่ ชายหนุ่มจึงปล่อยให้ทั้งสองคนได้คุยกันจนพอใจ
“อาโปดื้อกับคุณครูหรือเปล่าครับ”
“โปม่ายดื้อ” หนูน้อยอาโปยิ้มหวานให้ผู้เป็นแม่
“จริงหรือเปล่า”
“จิงคับ โปน่าล้ากกก”
เพทายอดยิ้มตามไม่ได้
“ถ้าโปบอกแม่ก็เชื่อครับ โปของแม่เป็นเด็กดี”
“โปเป็นเด็กดี”
“ถ้าอย่างนั้นเด็กดีของแม่ไปเล่นกับพี่มะลิก่อนนะครับ แม่ขอคุยธุระกับคุณครูของลูกก่อน”
“คับ” เด็กชายอาโปพยักหน้า หันไปเรียกพี่เลี้ยง “ลิ~ ปายเล่นกาน”
เพทายยิ้มให้มะลิเมื่ออีกฝ่ายมองมา เด็กสาวอุ้มเด็กชายอาโปขึ้น พาออกจากห้องรับแขก เหลือเพียงเพทายกับมารดาของเด็กชายอาโป
“ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ พี่ชื่อ มน ณัฐมน เป็นแม่ของอาโป”
“สวัสดีครับ ผมชื่อเพทายครับ เรียกว่าเพก็ได้ครับ”
เพทายไม่แน่ใจว่ามารดาของอาโปรู้หรือไม่ว่าเขาคบกับสาริน หรือรู้เพียงว่าเขาเป็นคุณครูของอาโป การมาครั้งนี้เพื่อเยี่ยมลูกชายเท่านั้น หรือมีเหตุผลอื่นอยู่ด้วย
“สวัสดีค่ะ”
“ให้ผมแจ้งพี่...คุณสารินไหมครับว่าคุณมนมา”
“ไม่เป็นไรค่ะ กลับมาเดี๋ยวก็เจอกันเอง”
“ครับ” เพทายพยักหน้า รอให้อีกฝ่ายเริ่มเรื่องก่อน
“พี่ได้ข่าวมาว่าเพคบกับสาริน เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”
หัวใจของเพทายหล่นวูบ เขามองใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า แม้จะมีรอยยิ้มติดอยู่ที่ริมฝีปาก แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความจริงจัง
“ครับ” เพทายเลือกตอบตามความจริง
“เรื่องจริงสินะ”
เสียงถอนใจดังเบาๆ ดวงตาคู่หวานมองเขาด้วยสายตาพิจารณา
“บอกตรงๆ ว่าพี่กังวลกับข่าวนี้”
“ผมเข้าใจครับ”
“พี่ไม่สบายใจที่สารินคบกับเพ เพราะมันมีผลกระทบต่ออาโป”
“ครับ”
“มันเป็นเรื่องถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอ ที่แม่จะห่วงอนาคตของลูกชาย พี่ถึงต้องมา”
“ครับ”
“ไม่มีอะไรอยากพูดกับพี่เหรอ”
เพทายชะงักเมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย เขานิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนพูดออกมา
“ผมคงไม่เล่าผมกับคุณสารินรู้จักกันได้ยังไง เป็นมายังไงถึงมาคบกัน เพราะผมไม่ได้รู้จักกับคุณมนเป็นส่วนตัว ผมจึงไม่จำเป็นต้องเล่าหรืออธิบาย ส่วนเดียวที่ผมเกี่ยวข้องด้วยคืออาโป ดังนั้นสิ่งที่ผมอยากบอกก็คือ ผมรักอาโปครับ รักก่อนที่จะรักคุณสารินเสียอีก ดังนั้นผมจะไม่มีวันทำให้อาโปเสียใจ หรือไม่มีความสุขเด็ดขาด ที่ผมพูดได้ก็มีเพียงเท่านี้ครับ”
ดวงตาคู่นั้นจ้องมองเขานิ่ง เพทายไม่หลบตาเพราะอยากให้เห็นความจริงใจของเขา ก่อนรอยยิ้มบนริมฝีปากบางจะคลี่ออกกว้าง
“ขอบคุณนะ ได้ยินแบบนี้พี่ก็หายกังวล”
“ผมขอโทษที่ทำให้กังวลครับ”
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษ เพพูดถูก พี่ไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่ายเรื่องความรักของเพกับสาริน แล้วรู้อะไรไหม พี่ดีใจที่เพพูดกับพี่แบบนั้น เพราะแปลว่าเพเป็นคนเข้มแข็ง เป็นคนฉลาดเฉลียว มันทำให้พี่อุ่นใจว่าพี่ฝากอาโปกับเพได้”
“คุณมน”
“เรียกพี่มนเถอะ ต่อไปเราก็คงเป็นเพื่อน เป็นพี่กับน้องกัน”
“ขอบคุณมากครับ” เพทายยกมือขึ้นไหว หัวใจของเขากลับมาเต้นในจังหวะปกติ รู้ได้จากสายตาของอีกฝ่ายว่าไม่มีเรื่องใดที่ทำให้เขาต้องกังวลอีกต่อไป
“เพอาจไม่อยากเล่าเรื่องของเพให้พี่ฟัง แต่ถ้าพี่เล่าเรื่องของพี่ เพจะฟังไหม”
“ครับ”
“อืม”
สายตาของหญิงสาวเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะเบือนกลับมามองใบหน้าของเขา
“พี่กับสารินเราเคยรักกันมาก ถึงตอนนี้พี่เชื่อว่าเราทั้งคู่ก็ยังมีความรู้สึกที่ดีให้กัน เพียงแต่ในวันนั้นเราตัดสินใจแต่งงานกันเร็วเกินไป เมื่อแรกที่ย้ายมาอยู่ พี่ยังสนุกกับการแต่งบ้านใหม่ สนุกกับการออกไปเที่ยวเล่นชมธรรมชาติ แต่ไม่นานพี่ก็ไม่เหลืออะไรให้ทำ ในขณะที่สารินโหมงานหนัก เป็นชายหนุ่มจบใหม่ไฟแรงที่อยากพัฒนาธุรกิจให้เจริญก้าวหน้า ไม่มีเวลาออกไปเที่ยวเล่น เหนื่อยเกินกว่าจะเข้าเมืองทุกวัน ยิ่งนานวันไปเราก็ยิ่งทะเลาะกัน เห็นต่างกัน สารินให้พี่ไปช่วยทำงานจะได้ไม่ว่างจนเกินไป แต่ในตอนนั้นพี่แอนตี้พัดพารัดชาไปแล้ว คิดเพียงว่ามันเป็นสิ่งที่ดึงความสุขของพี่ไป พี่จึงไม่คิดจะช่วยงานสาริน หลังจากนั้นเรื่องของเราก็มีแต่จะแย่ลง พี่มีภาวะหลังคลอดลูกก็ยิ่งซึมเศร้ามากขึ้น ยอมรับว่า ณ ตอนนั้นพี่เห็นแก่ตัวมาก คิดแต่ว่าอยากไปให้พ้นๆ ที่นี่ ไม่ได้คิดถึงลูกหรือสารินเลย”
“...”
“เพ”
“ครับ”
“เพจะอยู่ที่นี่ได้จริงๆ ใช่ไหม ไม่ว่าจะผ่านไปหนึ่งปี สองปี หรือสามปี ต่อให้เชียงใหม่เจริญมากแค่ไหน แต่ที่ตรงนี้ก็ยังห่างไกลจากตัวเมือง เพจะทนได้จริงหรือเปล่า”
“ได้แน่นอนครับ เพราะผมรักที่นี่”
“รักคนที่นี่ด้วยใช่ไหม”
“ครับ”
รอยยิ้มของผู้หญิงตรงหน้าอ่อนโยน “ดีแล้ว ถึงพี่จะห่วงเรื่องเพเป็นผู้ชายอยู่บ้าง แต่พี่ก็เชื่อว่าเพกับสารินจะแก้ปัญหาทุกอย่างไปด้วยกัน อย่าเป็นเหมือนพี่นะเพ อย่าทิ้งคนที่รักเรา”
“ครับ”
“ที่พี่มานอกจากเป็นห่วงอาโปแล้วก็มีอีกเรื่องหนึ่ง” มือยาวเรียวลูบบนท้องของตัวเอง “พี่กำลังจะมีลูก มีน้องให้อาโป”
“ยินดีด้วยครับ”
“ขอบใจมาก พี่ดีใจมากแต่ก็ยิ่งรู้สึกผิดกับอาโปมากขึ้น พี่ไม่เคยได้อยู่ดูแลลูกเลย”
“เพราะแบบนั้นหรือเปล่าครับถึงไม่อยากมาหาอาโป”
ดวงตาเศร้าเงยขึ้นสบตาเขา รอยยิ้มอ่อนๆ ระบายบนใบหน้า “ใช่ พี่รู้สึกผิดทุกครั้งที่เห็นหน้าลูก”
“แต่อาโปมีความสุขเวลาได้เจอพี่มนนะครับ ผมคิดว่าความสุขของลูกคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นลืมมันไปเถอะครับ อย่าสนใจเรื่องเก่า มันผ่านไปแล้ว แค่เราทำวันนี้ให้มีความสุขที่สุดก็พอ”
ดวงตาที่มองเขาเบิกกว้าง ก่อนที่มันจะคลอไปด้วยน้ำตา
“ขอบใจมากที่เข้าใจพี่ ขอบใจ”
“ไม่เป็นอะไรครับ ผมคิดว่าถึงวันนี้ผมยังไม่เกี่ยวข้องกับพี่มน แต่สักวันเราจะเป็นครอบครัวเดียวกัน”
“พี่ชอบคำนี้นะ”
“น้องคลอดแล้วพามาหาพี่ชายบ่อยๆ นะครับ จะได้สนิทกัน คุณสารินเองก็คงอยากให้เจอกันบ่อยๆ แต่คงเกรงใจคุณมนกับแฟน”
“พี่จะมาจนเพเบื่อหน้าเลย”
“ผมเต็มใจครับ”
“ขอบใจเพมาก”
“ผมก็ขอบคุณเหมือนกันครับ ที่พี่มนให้โอกาสผมดูแลอาโป”
“พี่เชื่อแล้วว่าเพรักอาโปก่อนรักสาริน คุณพ่อจะน้อยใจหรือเปล่าน้อ~”
เพทายหัวเราะเบาๆ เมื่อถูกแซว พวกเขายิ้มให้แก่กัน ขอเพียงไม่มีทิฐิ เรื่องทุกเรื่องย่อมมีทางออกเสมอ
• • • • • • • •
“มนมาได้ยังไง!”
สารินแปลกใจเมื่อเจออดีตภรรยาอยู่ในห้องหนังสือกับเพทายและเด็กชายอาโป
“พ่อ” เด็กชายอาโปเรียกบิดาเสียงดัง
“ครับ” สารินเบนสายตาไปมองใบหน้าตื่นเต้นของลูกชาย
“โปจามีน้อง โปมีน้องแล้ว พี่โป” เด็กชายอาโปยกมือแตะอกตัวเองด้วยความภูมิใจ
ดวงตาของสารินเบิกกว้างขึ้น เขาหันกลับไปมองณัฐมน
“อืม มนท้องแล้ว เป็นเด็กผู้หญิง”
“น้องเป็นเจ้าหยิง”
“หึๆ เจ้าหญิงเลยเหรอลูก” สารินนั่งลงบนพรม ดึงลูกชายมานั่งตัก
“คับ น้องฉวย”
สีหน้าภูมิใจของอาโปบวกกับรอยยิ้มหวาน ทำให้ผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ในห้องหัวเราะขึ้นพร้อมกัน
“รู้จักกันแล้วใช่ไหม”
“รู้จักแล้ว ยินดีด้วยนะ”
สารินขมวดคิ้วเข้าหากัน เขายังไม่เคยเล่าให้อดีตภรรยาฟังเรื่องเพทายจึงแปลกใจเล็กน้อย เพราะเขาไม่คิดว่าเพทายจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเอง สาเหตุที่เขายังไม่บอกอีกฝ่าย เพราะต้องการพาเพทายไปพบกับพ่อแม่และครอบครัวให้เรียบร้อยก่อน อย่างน้อยที่บ้านของเขาควรรู้ก่อนใคร
“พูดเรื่องนี้ก็ดี มนขอคุยด้วยหน่อยสิ เรื่องสำคัญ”
“ได้” สารินยกลูกชายลงจากตัก หันไปบอกเพทาย “พี่ไปห้องทำงานนะ”
“ครับ” เพทายพยักหน้า เขารู้อยู่แล้วว่าณัฐมนจะคุยเรื่องอะไร
“นั่งก่อน” สารินดึงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานออกให้อดีตภรรยา ก่อนเดินอ้อมโต๊ะไปนั่งที่ของตัวเอง
“ทำไมไม่โทร.บอกผมก่อนจะได้ไปรับ แฟนมาด้วยหรือเปล่า”
“มา รออยู่ที่โรงแรม มนให้รถของโรงแรมมาส่ง เดี๋ยวสารินให้ใครไปส่งมนด้วยนะ”
“ได้ ไม่มีปัญหา มนมาเที่ยว มาหาลูก หรือ...”
“มาเพราะเรื่องสารินกับเพทาย”
“มนรู้ได้ยังไง”
“ก็นี่แหละเรื่องที่มนอยากคุยกับสาริน ไม่คุยเรื่องเพหรอก เพราะมนรู้แล้วว่าทำไมสารินถึงตกหลุมรักเพ”
ชายหนุ่มยกยิ้มดวงตาของเขาอ่อนโยนลงทันที จนถูกอดีตภรรยาแซว
“เก็บอาการหน่อยก็ได้ เดี๋ยวมนอิจฉา”
“หึๆ”
“เข้าเรื่องเลยนะ ที่มนอยากคุยก็คือมนอยากบอกให้ระวังมุกดาไว้ด้วย”
“มุกดา?” คิ้วของสารินขมวดเข้าหากัน
“ใช่ ไม่สงสัยเหรอว่ามนรู้เรื่องนี้ได้ยังไง มุกดาโทร.ไปหามน ไม่ต้องบอกสารินก็คงรู้ว่ารายนั้นจะเสี้ยมมนแค่ไหน ที่มนมาไม่ได้เชื่อนะ แต่อย่างน้อยก็อยากมาเห็นกับตา มาดูให้แน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีสำหรับอาโป มนห่วงอยู่เรื่องเดียว”
“อืม”
“มนรู้ว่าไม่มีสิทธิ์ยุ่ง อีกอย่างสารินก็รับปากพี่ภูษิตไว้ แค่อยากเตือนว่าถ้าจะเลี้ยงงูเห่าไว้ข้างตัวก็อย่าลืมระวัง”
“ขอบใจมากมน ผมรู้ว่าจะต้องทำยังไง”
“ดีแล้ว”
“มนสบายดีไหม จะคลอดเมื่อไหร่”
“อีกสี่เดือน พาอาโปไปหาน้องด้วยนะ”
“ไปอยู่แล้ว”
“อย่าลืมพาเพไปด้วย”
“อืม”
“มนดีใจด้วยนะเรื่องเพ อยากเห็นสารินมีความสุขมานานแล้ว”
“ขอบใจ”
“มนเองก็ดีใจ บอกตรงๆ ว่ามันช่วยให้รู้สึกผิดน้อยลง”
“ผมบอกมนแล้วว่าไม่มีใครผิด เราแค่ตัดสินใจกันเร็วเกินไป ในวันที่ต่างคนต่างยังไม่พร้อม”
“อืม” ดวงตาของหญิงสาวตรงหน้ามีน้ำตาคลอ สารินยื่นมือไปตบเบาๆ บนหลังมือของอีกฝ่าย
“มน”
“หือ?”
“ผมฝากชวนแฟนมนหน่อยสิ พรุ่งนี้กินข้าวด้วยกันสักมื้อ”
“สาริน!”
“สะดวกไหม”
“ได้สิ กินข้าวด้วยกันนะ”
“พรุ่งนี้ผมไปรับที่โรงแรม จะพาเพกับอาโปไปด้วย”
“อยากให้ถึงเร็วๆ จัง”
“พรุ่งนี้ก็ถึงแล้ว”
สารินยิ้มให้ณัฐมน นี่อาจเป็นครั้งแรกที่พวกเขายิ้มให้กันด้วยความสุขโดยไม่มีความรู้สึกผิดเจือปนอยู่ อาโปควรเติบโตมาด้วยความสุขและความเข้าใจในครอบครัว เขาโชคดีที่ได้เจอกับเพทาย ณัฐมนเองก็โชคดีที่ได้เจอกันคนรักที่เหมาะสม พวกเขาต่างก็ได้เรียนรู้ว่า ไม่ควรยึดติดกับความรู้สึกในอดีต อดีตมันผ่านไปแล้ว ปัจจุบันสำคัญที่สุด
• • • • • • • •
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร!!!”
สารินเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเกรี้ยวกราดของมุกดา เขาถอนใจออกมาเบาๆ ทุกคนที่โต๊ะอาหารหยุดทาน นิ่งฟังโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา
“สาริน! มันเกิดอะไรขึ้น”
“ก็เห็นชัดอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ผมให้คนงานกั้นรั้ว แยกอาณาเขตให้ คุณมุกน่าจะดีใจ จะได้มีพื้นที่ส่วนตัว”
“แล้วทำไมไม่ทำประตูเข้าออกบ้านนี้ให้มุก”
“ผมต้องถามมากกว่าว่าทำไมต้องทำ เราไม่มีความเกี่ยวข้องกัน คุณมุกไม่ควรเข้ามาในบ้านของผมโดยไม่ได้รับเชิญ เหมือนอย่างในตอนนี้”
“สาริน!!!”
“เลือกเอาว่าจะอยู่ต่อ หรือไม่พอใจจะย้ายออกไปผมก็ไม่ว่า แต่ถ้าจะอยู่ ช่วยทำตัวเป็นเพื่อนบ้านที่ดีด้วย เพื่อนบ้านที่ก้าวก่ายชีวิตคนอื่นก็ไม่ควรเป็นเพื่อนบ้านกันอีก”
“อู้” คีตกานต์เลิกคิ้ว ยิ้มเยาะมุมปาก เขาตั้งใจให้เห็นด้วยใครจะทำไม
“ตกลงจะอยู่หรือจะไป”
ไม่มีคำตอบหลุดออกจากปากของมุกดา ร่างเล็กสะบัดหน้าเดินตึงตังออกจากห้อง สารินไม่แม้แต่จะมองตาม
“กินข้าวต่อเถอะ”
“ครับ” เพทายพยักหน้า เขาคิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
• • • • • • • •
“คีย์จะบอกเรื่องเงินกับพี่สารินไหม”
เพทายถามเมื่อมีโอกาสอยู่กับเพื่อนรักสองคน
“เรื่องไหน อ๋อ เรื่องที่มุกดารับเงินเราเหรอ”
“อืม”
“ไม่บอก”
“เห็นใจเหรอ”
“เปล๊า!” คีตกานต์ขึ้นเสียงสูง “บอกทำไม บอกเราก็โดนดุสิ ไม่ใช่มุกดาหรอกที่โดน เรานี่แหละจะโดน เก็บเอาไว้ขู่คนเล่นๆ แบบนี้สนุกกว่าเยอะ จะเอาให้ไม่กล้าทำอะไรเลย เพราะถ้าเราพูด อยู่ไม่ได้แน่บ้านหลังนั้น”
“หึๆ” เพทายส่ายหัวให้กับความแสบของเพื่อนรัก เขาพอใจแล้วที่ทุกอย่างลงตัวแบบนี้ ชีวิตของแต่ละคนควรก้าวไปข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นมุกดา ณัฐมน สาริน หรือแม้แต่ตัวเขาแล้ว จะยึดติดกับอดีตไปทำไม ในเมื่อข้างหน้ามีความสุขรออยู่ เพทายได้แต่หวังว่ามุกดาจะคิดได้ในสักวัน หรือถ้าไม่ได้ ก็คงไม่เกี่ยวกับพวกเขาอีกแล้ว
:::: ♥ TBC ♥::::
Darin ♥ FANPAGE (https://www.facebook.com/Ratidarin-433468596858519/)
Twitter : primdarin (https://twitter.com/primdarin)
ตอนที่ 30
ความรัก
เพทายพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาเคยผ่านการสอบสัมภาษณ์งานมาแล้ว สถานการณ์บีบคั้นหัวใจที่สุดก็เคยผ่านมาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมือไม้ของเขาก็ยังเย็นเฉียบอยู่ดี
“เพ”
“เพ”
“ครับ?” เพทายสะดุ้งเล็กน้อย หันไปมองหน้าสาริน พวกเขานั่งอยู่ในรถเก๋งคันใหญ่ มีเด็กชายอาโปนอนหลับอยู่บนตัก สารินไม่ได้ขับรถเอง คนขับรถของที่บ้านมารับพวกเขาที่สนามบิน
เพทายมีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก เพราะหลังจากณัฐมนกลับเพียงแค่วันเดียว สารินก็ตัดสินใจไปกรุงเทพฯ โดยไม่ยอมให้เขาปฏิเสธ การควบตำแหน่งคนรักบวกกับพี่เลี้ยงของอาโปทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายให้เหตุผลว่า ในเมื่อณัฐมนทราบเรื่องแล้ว ครอบครัวก็ควรได้รับทราบเช่นกัน
เพทายไม่กังวลเรื่องที่บ้านตัวเองเท่าไหร่ พ่อกับแม่เลี้ยงเขามา เขาย่อมทราบดีว่าท่านจะคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ แต่ครอบครัวของสาริน พ่อแม่ พี่ชายและน้องสาวจะคิดอย่างไร
“คิดอะไรอยู่”
“พี่สารินไม่คิดว่ามันเร็วไปเหรอครับ เราเพิ่งคบกัน” เพทายลดเสียงลงเพื่อไม่ให้คนขับได้ยิน
“เพิ่งคบกันแล้วยังไง จะสิบวัน เดือนหนึ่ง หรือหนึ่งปี พี่ก็ไม่ปล่อยให้เพไปไหนอยู่แล้ว”
เพทายนึกหมั่นไส้ดวงตาวิบวับคู่นั้น ดูเถอะเขาตื่นเต้นแทบตายอีกคนกลับสบายใจ ไม่มีความกังวลใดๆ เลย
“พ่อผมดุนะครับ อาจไม่ยอมรับก็ได้” เมื่อหมั่นไส้ก็ต้องแกล้งสักหน่อย
“ไม่เป็นไร ไม่ให้พี่ก็ฉุด”
“ใครเขาฉุดผู้ชายกันครับ” เพทายหัวเราะความคิดของคุณเจ้าของสวนดอกไม้
“แปลว่าเพจะหนีตามพี่แทนใช่ไหม”
“ผมเลิกพูดดีกว่าครับ”
“หึๆ” มือใหญ่เอื้อมมาจับมือเขาที่วางอยู่บนอกเด็กชายอาโปบีบเบาๆ
“มือเย็นเฉียบเลย ตื่นเต้นเหรอ”
“ครับ”
“อย่ากังวลเลย พี่จะพยายามจนกว่าพ่อของเพจะอนุญาต”
ดูเหมือนสารินจะเข้าใจผิดคิดว่าเขากังวลเรื่องที่บ้าน ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขากังวลคือครอบครัวของสารินไม่ต้อนรับ กลัวต้องแยกจากกัน กลัวไม่ได้อยู่เลี้ยงอาโป
“เพไม่ต้องห่วงนะ ถ้าไม่เชื่อใจพี่ก็เชื่อใจอาโปเถอะ ลูกไม่ยอมให้ใครเอาเพไปแน่”
เพทายหัวเราะเบาๆ เขาสบตากับดวงตาอ่อนโยนของสาริน รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยขึ้นมาทันที
“ตกลงครับ ผมเชื่อใจอาโป”
“แล้วพี่ล่ะ”
“อืม ผมขอคิดก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวนะ แค่เชื่อใจพี่ถึงกับขอคิดเลยเหรอ”
“เปล่าครับ ไม่ได้คิดว่าจะเชื่อใจดีไหม ผมขอคิดก่อนว่าจะพูดยังไงถึงจะรักษาน้ำใจพี่สาริน”
“...”
“หึๆ” เพทายหัวเราะขำเมื่อเห็นหน้าดื้อๆ ของอีกฝ่าย พอไม่ได้ดังใจทีไรทำหน้าอย่างนี้ทุกที
“เอาเถอะเดี๋ยวเพก็จะได้รู้เอง” คนพูดหรี่ตาลงมองเขา เพทายได้แต่อมยิ้ม สารินพูดถูก เขาต้องไว้ใจความรักที่มีให้กัน
ดูเหมือนเรื่องจะต่างจากที่เพทายคิดเล็กน้อย สารินเลือกที่จะมาหาครอบครัวของเขาก่อนเป็นอันดับแรก มันทำให้เพทายรู้สึกดีที่อีกฝ่ายให้เกียรติพ่อแม่ของเขา
บ้านของเพทายตั้งอยู่ในหมู่บ้านแถบชานเมือง เป็นบ้านหลังเล็กที่มีพื้นที่ไม่มากนัก แต่ก็เต็มไปด้วยต้นไม้ จากฝีมือการจัดสวนของบิดา ผู้รักต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจ
“สวัสดีครับ” สารินยกมือไหว้เมื่อเพทายแนะนำให้รู้จักกับครอบครัว
“สวัสดีจ้ะ” คุณนิตยามารดาของเพทายรับไหว้เจ้านายของลูกชาย “ทำไมไม่โทร.มาบอกก่อนล่ะลูก ว่าจะกลับบ้านวันนี้”
“ผมมาแบบปุ๊บปั๊บครับ กะว่าจะโทร.บอกพ่อกับแม่เย็นนี้ แล้วเข้ามาพรุ่งนี้ แต่...”
“ผมเป็นคนขอให้เพทายพามาเองครับ ลงเครื่องก็แวะมาเลย” สารินออกตัว
“พ่อว่านั่งก่อนดีกว่าเดี๋ยวค่อยคุยกัน เชิญครับ” คุณพิพัฒน์บิดาของเพทายผายมือไปที่โซฟาตัวใหญ่
“ขอบคุณมากครับ” สารินรอให้เจ้าของบ้านนั่งก่อนเขาถึงนั่งลง อุ้มลูกชายขึ้นมานั่งบนตัก
“แม่ไม่รู้ว่าลูกจะพาเจ้านายมาเที่ยวบ้าน เลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้รับรองเลย”
“ไม่เป็นไรครับ” สารินส่งยิ้มให้มารดาของเพทาย “ผมอยากแวะมาสวัสดีคุณอาทั้งสอง อยากมาแนะนำตัว ไม่ได้มาในฐานะเจ้านายของเพทายครับ”
ประโยคที่สารินพูดสะดุดหูคุณพิพัฒน์ ดวงตาของผู้สูงวัยจึงมองใบหน้าของเจ้านายลูกชายด้วยสายตาพิจารณา
“ถ้าไม่ได้มาในฐานะเจ้านาย แล้วคุณสารินมาในฐานะอะไร”
“ผมมาในฐานะคนรักของเพทายครับ”
เพทายหันไปมองสารินด้วยดวงตาเบิกกว้าง ไม่คิดว่าจะบอกรวดเร็วขนาดนี้
“คนรัก!”
“ครับคุณอา ผมกับเพกำลังคบหาดูใจกัน ผมจึงอยากมาเรียนคุณอาทั้งสองด้วยตัวเอง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ”
“เพ นี่เรื่องจริงหรือเปล่า ลูกกับเจ้านาย...”
“ครับพ่อ ผมกับคุณสารินคบกัน”
หัวใจของเพทายเต้นอย่างหนักหน่วง เมื่อพ่อของเขานั่งนิ่ง ส่วนแม่ออกอาการตกใจอย่างชัดเจน
“เพกำลังจะบอกพ่อว่าลูกรักคุณสารินอย่างนั้นเหรอ”
“ครับพ่อ”
“เพแน่ใจใช่ไหม คิดดีแล้วเหรอ”
“คุณคะ” คุณนิตยาแตะแขนสามี แม้เธอจะตกใจกับสิ่งที่ได้ยินแต่ก็พร้อมจะยอมรับ จึงไม่อยากให้สามีกดดันหรือบีบคั้นลูกชายเกินไป
“อย่าเพิ่งขัดผม รอลูกตอบก่อน”
“แน่ใจครับพ่อ ผมรักคุณสาริน”
“ผมรักเพทายครับคุณอา” สารินบอกความรู้สึกของตัวเองออกไป เขาอยากให้ผู้ใหญ่ทั้งสองรับรู้ว่าเขาเองก็รักลูกชายของท่านมากเช่นกัน
เสียงถอนหายใจยาวดังมาจากบิดาของเพทาย สายตามองตรงมายังเขา
“มาแบบนี้มันเหมือนบังคับกันทางอ้อม”
“คุณอาเข้าใจผิดแล้วครับ ที่ผมมากับเพด้วย เพราะผมอยากมาแสดงความจริงใจ อยากให้คุณอาทั้งสองได้พิจารณาผมด้วยตัวเอง”
“อาไม่ได้หมายถึงเรา”
“ครับ!?” สารินเบิกตากว้างขึ้น
“อาหมายถึงเจ้าตัวเล็กนี่ มองตาแบบนี้จะเอาอะไรฮึ”
สารินก้มลงมองลูกชายที่นั่งอยู่บนตัก เด็กชายอาโปจ้องพ่อแม่ของเพทายตาแป๋ว เมื่อถูกทักก็รีบส่งยิ้มหวานไปให้
“ว่าไงเรา จะเอาอะไรไหนบอกตามาสิ”
เด็กชายอาโปยิ้มอาย ชี้นิ้วไปข้างหน้า บนโต๊ะมีโหลใส่คุกกี้ตั้งอยู่
“โปหยักกิน”
“ฮ่าๆ ตกลงมองคุกกี้ใช่ไหม เอาคุกกี้นะไม่เอาอาเพ ตาจะได้ขอคืน”
“อาว โปอาวคับ”
“เอาอะไรครับ”
“อาวฉองอานเลย” เด็กชายอาโปชูนิ้วเล็กๆ ขึ้นสองนิ้ว ยิ้มหวานอ้อนคุณตา
“ไม่ได้ ตาให้เลือกได้อันเดียว”
“อานเดียว...” คิ้วเล็กๆ ขมวดเข้าหากัน สีหน้าของหนูน้อยครุ่นคิด ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมอง ส่งยิ้มหวานให้คุณตา
“คูนตาจายดีที่ฉุด ห้ายโปฉองอานเลย”
“ฮ่าๆ” คุณพิพัฒน์หัวเราะเสียงดัง ชอบใจความฉลาดของเด็กชายตัวน้อย
“ถ้าจะเอาสองอันต้องมาให้ตากอดก่อน”
เด็กชายตัวน้อยรีบปีนลงจากตักผู้เป็นพ่อ เดินไปหาคุณตาท่าทางใจดีทันที เขาไม่กลัวคุณตา เพราะอาเพบอกว่าคุณตากับคุณยายเป็นพ่อแม่ของอาเพ
คุณพิพัฒน์อุ้มเด็กชายอาโปขึ้นนั่งตัก กอดเอาไว้ แต่เด็กชายชะโงกหน้าขึ้นหอมแก้มเขาแรงๆ หนึ่งที
“โปล้ากคูนตาที่ฉุดเลย”
“เข้าใจอ้อนจริงๆ เอ้า! จะเอาอะไรก็เอาไปเลย ตายกให้หมดเลย ฮ่าๆ”
“คุณอาอนุญาตให้ผมกับเพคบกันแล้วใช่ไหมครับ” สารินไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป
“หึๆ พ่อลูกคู่นี้ทำงานกันเป็นทีมเลยนะ คุณว่าไงอนุญาตไหม” คุณพิพัฒน์หันไปถามภรรยา
“นิดแล้วแต่ลูกค่ะ ลูกรักใคร นิดก็พร้อมจะเปิดใจรับ”
คุณพิพัฒน์หันกลับมามองร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาพิจารณา อีกฝ่ายมองตอบเขาโดยไม่หลบ แต่ด้วยความสุภาพและให้เกียรติ
“ในฐานะพ่อ อาก็อยากรู้ว่าคุณจริงจังกับลูกชายของอาแค่ไหน”
“ผมอยากสร้างครอบครัวกับเพครับ อยากอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า”
“จะคบกันอย่างเปิดเผยใช่ไหม จะให้เกียรติลูกชายอาหรือเปล่า”
“แน่นอนครับ ผมอยากให้เพเดินเคียงข้างผม เป็นคู่ชีวิตของผมครับ”
“เอาเถอะ ถ้ารักชอบกันจริงๆ ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากทำลายความสุขลูก แต่อาขออะไรคุณสารินอย่างหนึ่งได้ไหม”
“ได้ครับ”
“หากวันใดที่คุณสารินคิดแม้แต่นิดเดียวว่าครอบครัวของอายอมรับคุณเพราะสมบัติที่คุณมี ขอให้คืนลูกชายให้กับอา”
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นครับ ไม่มีทางเลย!” สารินรีบบอกทันที เขาตกใจที่บิดาของเพทายพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
“อาแค่บอกเผื่อเอาไว้ บ้านเราไม่ได้ร่ำรวยอะไร โอกาสเกิดความเข้าใจผิดมันง่าย ไม่ใช่แค่คุณสารินแต่กับครอบครัวของคุณด้วย อาเลี้ยงเพมาด้วยความรัก ยอมให้คุณเข้ามาในครอบครัวก็เพราะความรักที่มีต่อลูก หวังว่าคุณจะเข้าใจ”
“พ่อครับ” เพทายตาแดงเรื่อ ปกติเขาเป็นคนเข้มแข็ง แม้ในวันที่เลิกกับมินตราก็ไม่เคยมีน้ำตา แต่เพราะความรักของผู้ให้กำเนิดทำให้เขาอ่อนไหว
“ครับคุณอา ผมรักเพและจะดูแลเพให้ดีที่สุดครับ”
“โปก้อล้ากอาเพที่ฉุด” เด็กชายอาโปอยากบอกรักอาเพบ้าง เขายิ้มหวานให้คุณตาเมื่ออีกฝ่ายก้มหน้าลงมอง
“ไหนเมื่อกี้เราบอกรักตาที่สุด” คุณพิพัฒน์พูดด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ เอ็นดูหนูน้อยที่นั่งอยู่บนตัก
“อู้” เด็กชายอาโปยิ้มเขิน เขากวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนหยุดที่คุณตาเหมือนเดิม
“โปล้ากที่ฉุดทู้กคนเล้ยยย”
“ฮ่าๆ น่ารักแบบนี้มาเป็นหลานตาหลานยายไหม”
“เป็น โปเป็นค้าบ”
“หึๆ อยู่เป็นเหลือเกินนะเรา”
คุณพิพัฒน์ลูบศีรษะเด็กชายตัวน้อย รู้สึกถูกชะตากับเด็กชายอาโปมาก
“ถ้าอย่างนั้น” คุณพิพัฒน์เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้า “คุณสารินก็มาเป็นลูกของอาสองคนอีกคนก็แล้วกัน”
“ครับผม ขอบคุณมากครับ” สารินรีบยกมือขึ้นไหว้ เขาชื่นชมและเคารพพ่อแม่ของเพทายจากใจจริง รู้แล้วว่าเพทายน่ารักเหมือนใคร
“แม่ดีใจด้วยนะเพ ดีใจที่ลูกเจอคนที่รัก ขอให้มีความสุขนะ”
“ขอบคุณครับแม่ ขอบคุณครับพ่อ” เพทายลงไปนั่งกับพื้น กราบลงบนตักของผู้ให้กำเนิด เรื่องมันคงไม่ง่ายอย่างนี้ถ้าไม่ใช่เพราะความรักที่ท่านทั้งสองมีให้เขาอย่างไม่มีเงื่อนไข
“ขอบคูนคับ” เด็กชายอาโปเห็นอาเพไหว้ก็ไหว้บ้าง เขาโน้มตัวไปหาคุณยาย แตะมือที่แขนของท่าน ทำเอาผู้ใหญ่ใจอ่อนยวบ ละลายกับความน่ารักของหนูน้อย
“มากับยายดีกว่าลูก เข้าไปในครัวกัน ยายมีขนมเยอะแยะ”
“ปาย โปปาย” เด็กชายรีบยื่นมือทั้งสองข้างให้คุณยาย พร้อมกับยิ้มหวาน “โปล้ากคูนยายที่ฉุดเลย”
“ฮ่าๆ” คุณพิพัฒน์หัวเราะเสียงดัง ยิ่งเอ็นดูเด็กชายตัวน้อยขึ้นไปอีก
คุณนิตยารับเด็กชายมาอุ้ม เธอลุกขึ้นยืน มองลูกชายกับสารินด้วยรอยยิ้ม
“นั่งคุยกับพ่อไปก่อนนะ เดี๋ยวแม่เข้าไปหาอะไรให้ทานกัน”
“ขอบคุณมากครับ” สารินยกมือขึ้นไหว้ อย่างหนึ่งที่เขามั่นใจ คือเขาจะรักเพทายและดูแลอีกฝ่ายตลอดไป ร้อยคำพูดก็ไม่มีความหมาย แต่เขามั่นใจว่าการกระทำของเขาจะทำให้ท่านทั้งสองได้เห็นว่าเขาไม่มีทางเปลี่ยนไป และจะไม่มีวันปล่อยมือจากเพทาย ความรักที่ได้รับมาจากพวกท่านเขาจะรักษาเอาไว้อย่างดี
แม้จะโล่งใจไปเปลาะหนึ่งที่ครอบครัวยอมรับเรื่องของเขากับสาริน แต่เมื่อมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ เพทายก็กลับมาหวาดหวั่นอีกครั้ง หัวใจของเขาเต้นแรง ความกังวล ความไม่รู้ ทำให้เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า
“อย่ากลัวไปเลย” มือของเขาถูกสารินบีบเบาๆ รอยยิ้มที่ส่งมาให้ทำให้เพทายมีกำลังใจขึ้นมาก เขาพยักหน้าให้อีกฝ่าย สารินมั่นใจในตัวเขา เขาก็ควรมั่นใจในตัวเอง
แต่ความฮึกเหิมที่ใช้ปลุกปลอบใจตัวเองหายไปสิ้น เมื่อพบว่ากลางห้องรับแขกกว้าง มีเพียงน้องสาวของสารินยืนอยู่เพียงลำพัง สารินโทร.บอกที่บ้านล่วงหน้าว่าจะพาคนรักเข้าไปแนะนำให้รู้จัก เมื่อมาถึงกลับไม่มีใครอยู่เลย มันทำให้เพทายได้คำตอบในทันที
“สวัสดีค่ะ” น้องสาวของสารินยกมือไหว้เขาแต่ด้วยหน้าตาเรียบเฉย ไม่ยิ้มแย้มสักนิด
“สวัสดีครับ” เพทายยกมือรับไหว้ รอยยิ้มของเขาฝืนเฝื่อนแต่ก็ยังพยายามยิ้มให้อีกฝ่าย
“พ่อกับแม่ไปไหนริสา” สีหน้าของสารินยิ่งทำให้เพทายปวดใจ เห็นชัดว่าอีกฝ่ายกังวลและไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นเช่นกัน
“ไม่อยู่ค่ะ พ่อออกไปสังสรรค์กับเพื่อน แม่ไปงานของสมาคม พี่รสินไปไหนไม่รู้ริสาไม่ได้ถาม”
“อืม” สารินพยักหน้า หันมามองเขาด้วยสายตาเป็นห่วง เพทายพยายามยิ้มเท่าที่จะสามารถทำได้ เขาไม่อยากให้สารินกังวล
“ไหนๆ ก็มาแล้ว จะนั่งคุยกันก่อนไหมคะหรือจะกลับเลย”
“เพ” สารินหันมามองหน้าเขา
“ผมได้ทั้งนั้นครับ”
“งั้นก็ไปนั่งในห้องทานข้าวดีกว่า ริสาจะได้หาอะไรให้อาโปทานด้วย”
“อืม” สารินพยักหน้าให้น้องสาว แตะมือที่หลังของเขาเพื่อให้กำลังใจ เพทายเดินตามสองพี่น้องไปเงียบๆ ลำคอของเขาแห้งผาก
“เซอร์ไพรส์!”
ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงดังปัง! กระดาษสีชิ้นเล็กๆ ปลิวว่อนไปรอบตัวเขา เด็กชายอาโปร้องเบาๆ แต่ครู่เดียวก็หัวเราะออกมา ยื่นมือน้อยๆ ออกไปเล่นกระดาษที่ปลิวอยู่ในอากาศ
เพทายได้แต่จ้องมองผู้คนที่ยืนอยู่ มองป้ายผ้าขนาดใหญ่ที่เขียนต้อนรับลูกชายคนใหม่ สำหรับเขาแล้วมันเป็นการต้อนรับที่อบอุ่นมาก เพราะมันแสดงให้เห็นว่าทุกคนรับกับสถานะของเขาได้ รับได้ว่าเขาคือผู้ชายคนหนึ่ง และเต็มใจให้เป็นส่วนหนึ่งของบ้านหลังนี้
เมื่อตั้งสติได้เพทายหันไปมองสารินเป็นอย่างแรก
“พี่ไม่รู้เรื่อง”
“ฝีมือริสาเองค่า” จากเด็กสาวที่ไม่ยิ้มเลยแม้แต่น้อย กลายเป็นสาวน้อยที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มน่ารักน่าเอ็นดู แขนเรียวสอดเข้ามากอดแขนของเขา
“ริสาขออนุญาตเป็นคนแนะนำนะคะ คุณพ่อ คุณแม่ของริสาค่ะ”
“สวัสดีครับ” เพทายยกมือขึ้นไหว้ ค้อมศีรษะลงต่ำ
“ส่วนนี่พี่รสิน พี่ชายคนโตของเรา คนนี้ป้ารีน เป็นพี่สาวของคุณพ่อค่ะ คนนี้กร เป็นลูกพี่ลูกน้อง...”
เพทายทั้งยกมือไหว้และรับไหว้ สมองเขาเบลอไปหมด มีความสุขจนตั้งตัวไม่ทัน
“ยินดีต้อนรับ”
“ขอบคุณครับคุณลุง”
“เรียกพ่อดีกว่ามั้ง ไม่งั้นป้ายผ้าของพ่อก็เป็นหมันสิ อุตส่าห์ให้ไปทำมาต้อนรับลูกชายคนใหม่”
เพทายน้ำตารื้น เขารีบยกมือไหว้เพื่อขอบคุณจากหัวใจ “ขอบคุณมากครับคุณพ่อ คุณแม่”
“ขอบคูนคับ” เด็กชายอาโปยกมือไหว้ตาม เขามักจะไหว้ตามอาเพเสมอ
“ไหนมาให้ย่ากอดหน่อย คิดถึงเหลือเกิน”
“โปก้อคิดถึง” เด็กชายอาโปอ้าแขนให้ผู้เป็นย่ารับไปอุ้ม
“หนักจริงๆ ย่าจะอุ้มไม่ไหวแล้ว”
“หวายฉิ ย่าอู้มหวาย ล้ากกานต้องอู้มหวาย”
“ฮ่าๆ” บิดาของสารินหัวเราะเสียงดัง เพทายมองภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หัวใจของเขาอบอุ่น มันพองโตและเต็มไปด้วยความสุข
“มีความสุขไหม” เสียงทุ้มกระซิบเบาๆ ข้างหู
“ครับ” เพทายพยักหน้า หันไปสบตากับสาริน
“พี่ก็เหมือนกัน”
มือที่วางลงบนไหล่ให้ความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย เส้นทางของพวกเขาเพิ่งเริ่มต้น หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล แต่เพราะความรักมากมายที่ได้รับ เพทายเชื่อว่าพวกเขาจะผ่านทุกอย่างไปได้ด้วยดี
เอาเด็กๆ มาอวดโฉมค่า ^^
ซ้ายส่ง สาริน เพทาย อาโป เข้าประกวด
ขวาส่ง พนา คีตกานต์เข้าประกวด
ไม่มีเด็กชายขุนนะคะ เพราะว่าตอนส่งบรีฟปกให้สำนักพิมพ์พล็อตยังเป็นลูกอ๊อดอยูเลย ตอนนั้นไม่มีขุนอยู่ในเนื้อเรื่องค่า
Babysitter สัญญารักฉบับพี่เลี้ยง ออกกับ Deep Publishing นะคะ วางจำหน่ายในงานหนังสือ
ตอนนี้มีเปิดพรีเซลล์อยู่ แต่เนื่องจากนิยายยังลงไม่จบจึงไม่สามารถลงข้อมูลให้ได้นะคะ
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจของสนพ.ค่า >>Deep Publishing<< (https://bit.ly/2JpMEwT)
(https://www.img.in.th/images/fa50f26fbdeac8b04842bcb23417054a.jpg)
(https://www.img.in.th/images/43579be97bbc752019952e4bb4d037b3.jpg)
:::: ♥ TBC ♥::::
ใครรอคุณผู้จัดการสวนดอกไม้กับเด็กแสบ ตอนหน้านะคะ ^^
Darin ♥ FANPAGE (https://www.facebook.com/Ratidarin-433468596858519/)
Twitter : primdarin (https://twitter.com/primdarin)
ตอนที่ 39
เพื่อนเล่น & พี่ชาย
เพทายจับมือของเด็กชายอาโป พาเดินไปที่สนามเด็กเล่นของโรงเรียน หนูน้อยมีสีหน้าตื่นเต้นและกังวลไปพร้อมกัน
“อยากเล่นไหมครับ” เพทายก้มลงถาม
“ขูนเล่นเป่า” เด็กชายอาโปหันไปถามเพื่อนเล่นที่เดินตามมาด้านหลัง
“เล่น อาโปอยากเล่นอะไร”
“โปหยักเล่นชิงช้า” เด็กชายชี้ไปที่ชิงช้าสีสันสดใส
“มาครับ เดี๋ยวอาธันช่วยไกวให้” ธันวาก้มลงอุ้มเด็กชายอาโปขึ้น ผิงจูงมือเด็กชายขุนเดินตาม
“บ้านอื่นเขาจะขำเราไหมครับ” เพทายอดหัวเราะไม่ได้ แค่พาอาโปมาทำความคุ้นเคยกับโรงเรียน บรรดาอาๆ ก็ยกโขยงกันมาทั้งหมด พนา คีตกานต์ ธันวาและผิง
สารินกับเพทายตกลงกันว่าเขาจะให้เด็กชายอาโปเข้าเรียนที่โรงเรียนเดียวกันกับเด็กชายขุน เป็นโรงเรียนขนาดกลางในตัวอำเภอ เขาไม่อยากส่งเด็กชายอาโปไปเรียนในตัวเมือง เพราะอยากให้พักอยู่ที่บ้านเหมือนเดิม เพทายไม่เกี่ยงหากต้องแยกกับสารินเพื่อย้ายไปอยู่ในตัวเมืองเป็นเพื่อนลูกชาย แต่พวกเขาคิดแล้วว่าการอยู่บ้านพร้อมหน้าน่าจะดีกับอาโปมากกว่า เขาอยากให้เด็กชายได้ใช้วัยเด็กอย่างมีความสุข เรื่องการเรียนเพทายจะช่วยสอนเสริมในสิ่งที่ขาดให้เอง
“อาทานคับ ฉูงอิก เอาฉูงท่าวขูนเลย”
“ไม่ได้ครับเดี๋ยวอาโปตกลงมา”
“ไม่โตก”
“งั้นสูงอีกนิดนึงพอนะครับ”
“โปม่ายโตก” เด็กชายมองอ้อนธันวา
“อาผิงครับ” เด็กชายขุนหันไปทางด้านหลัง
“ครับ”
“ไกวเท่าอาโปก็ได้ครับ”
“ได้ครับ” ผิงมองด้วยสายตาชื่นชม เธอลดแรงที่ผลักลง ทำให้เด็กชายทั้งสองสูงเท่ากัน
“เห็นไหมเท่ากันแล้ว ไม่ต้องสูงแล้ว” เด็กชายขุนหันไปบอกน้องชาย
“เท่าขูนแล้ว” เด็กชายอาโปยิ้มกว้าง ยื่นมือน้อยๆ ไปหาเพื่อนเล่น “จาบมือกัน”
เด็กชายขุนยื่นมือไปจับกับมือของเด็กชายอาโป หนูน้อยยิ้มกว้าง มีความสุข
“น่ารักกันจริงๆ เห็นแล้วอยากมีลูกเลย” ผิงโอดครวญมองหลานทั้งสองตาละห้อย
“อยากมีก็ตอบรับคุณธันสักทีสิ” คีตกานต์ถือหางธันวาเต็มที่
“เคยถามหรือยังเถอะ”
“ผมถามผิงบ่อยกว่าชวนไปกินข้าวอีกครับ”
เพทายกับคีตกานต์หัวเราะขึ้นพร้อมกัน ชอบใจคำตอบของธันวา
“แน่ใจเหรอคะว่าเคย”
ธันวาหรี่ตาลงเริ่มเอะใจ “ผิงหมายถึงขออะไรครับ”
“ขอแต่งงานไงคะ”
!!!
“ผิง!! ยังไม่ตกลงเป็นแฟนจะให้คุณธันขอแต่งงานเลยเหรอ” เพทายถามเสียงหลง เขาตกใจคำตอบของเพื่อนพอๆ กับธันวา
“เป็นแฟนทำไม ตั้งแต่สนิทกันมาก็ดูจนครบทุกมุมแล้ว ข้ามไปได้เลย”
“ฮ่าๆ คุณธันว่ายังไงครับ” คีตกานต์หันไปถามธันวา
“ช่วยเป็นพยานให้ผมด้วยนะครับ ไม่อย่างนั้นใครบางคนจะรีบบอกว่า...”
“ผิงล้อเล่น” ผิงพูดแทรกขึ้นมา ดวงตาเป็นประกายขำ
“เห็นไหมครับ” ธันวาแสร้งทำหน้าหงอย
“อาผิง อาผิง”
“ครับอาโป” ผิงย่อตัวลงเพื่อให้ใบหน้าอยู่เท่ากับใบหน้าของเด็กชายที่นั่งอยู่บนชิงช้า
“ล้อเล่นม่ายดี อาเพบอกจาเฉียจาย”
ผิงเม้มปากตาโต
“หึๆ คุณธันเสียใจหรือเปล่าครับ” คีตกานต์ได้โอกาสรีบโอนให้คนที่เขาถือหางอยู่
“ไม่หรอกครับ เพราะผิงไม่ได้ล้อเล่นแน่นอน”
คนเล่นมุกโดนมุกย้อนกลับ จะบอกว่าล้อเล่น เด็กชายอาโปก็มองเธอตาแป๋ว จะบอกว่าใช่เธอก็จะตกหลุมที่ตัวเองขุดไว้
“ว่าไงครับ”
โอ้โห เสียงท้าทายแบบนี้ มีเหรอผิงจะยอม “แต่งก็แต่งสิคะ”
“เพ”
“หือ?” เพทายหันไปมองคีตกานต์
“เราว่าผิงรอพูดคำนี้มานานแล้ว”
“อืม คิดอยู่เหมือนกัน”
“เดี๋ยวเถอะ!” ผิงหน้าแดงเรื่อ งอนที่เพื่อนพูดความจริง
“อาผิงแพ้อากาดเหลอ” เด็กชายอาโปหันไปมองอาผิง “หน้าแดงจาง”
!!!
ผิงได้แต่ค้อนคนโน้นคนนี้ แม้แต่สารินกับพนาที่ยืนฟังเงียบๆ มาตลอดก็ยังหัวเราะ
“เปล่าครับอาผิงสบายดี ไปเล่นอย่างอื่นกันไหมครับ”
“คับ” เด็กชายอาโปชูแขนให้อาผิงอุ้ม มีเด็กชายขุนเดินตามไปด้วย
“ดีใจด้วยนะธัน”
“ขอบคุณครับ” ธันวาจับมือกับสารินที่ยื่นมาให้ ในที่สุดเขาก็สมหวังเสียที ถึงสถานที่จะแปลกๆ ในการขอแต่งงานไปสักหน่อยก็เถอะ
“ขูนเลียนนี่เหลอ”
เด็กชายอาโปยื่นหน้าเข้าไปดู มือจับกับมือของเพื่อนเล่นเอาไว้ ขุนพาทุกคนมาดูห้องเรียนของเขา
“ใช่ พี่เรียนห้องนี้”
“โปเลียนด้วยด้ายเป่า”
“ได้ แต่อาโปต้องเรียนที่ห้องของเด็กก่อน พอโตขึ้นอีกนิดก็จะได้มาเรียนห้องนี้”
“จิงน้า~”
“จริง”
เพทายชื่นชมความฉลาดของเด็กชายขุน เมื่อครู่เขายังตกใจ กลัวเด็กชายอาโปงอแงไม่ยอมมาเรียน เพราะไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับเพื่อนเล่น
“โตเท่าหล่าย”
“โตเท่านี้” เด็กชายขุนวางมือลงบนศีรษะตัวเอง
“อู้” เด็กชายอาโปตาโต เพราะตอนนี้เขายังสูงนิดเดียวอยู่เลย
“ท่าวนี้ด้ายเป่า” ของแบบนี้มันต้องต่อรองกันดูก่อน เด็กชายอาโปทำมือเหนือหัวตัวเองไปนิดเดียว
“ไม่ได้ ถ้าเท่านี้ก็ไม่โตสิ”
“พ่อค้าบโปโตเป่า” เด็กชายอาโปหันไปมองผู้เป็นพ่อ
“ยังไม่โตครับ รอให้สูงเท่าพี่ขุนก่อน”
“ลุงพานาโปโตเป่า”
“ยังครับ อีกสักสี่ห้าปีถึงจะโต” พนาตอบเด็กชายตามตรง ว่าอีกกี่ปีถึงจะมาเรียนห้องนี้ได้
“ฉี่เหลอคับ” เด็กชายอาโปยกนิ้วขึ้นมาสี่นิ้ว สีหน้าโล่งอก ยิ้มกว้างออกมาได้ “แป๊บเดว”
ผู้ใหญ่พากันยิ้มกว้าง น่ารักขนาดนี้จะไม่ให้หลงยังไงไหว
“อาโป” เด็กชายขุนนั่งลง มือยังจับกับมือของน้อง พูดเสียงอ่อนโยน “ถึงยังไม่โตก็มาเรียนด้วยกันได้ ตอนมาโรงเรียนโปก็มากับพี่ไง นั่งรถมาด้วยกัน ขากลับเราก็กลับด้วยกัน ตอนโรงเรียนเลิกพี่จะพาโปมาเล่นที่สนามดีไหม”
“ดีคับ อาว อาว โปหยักมา” เด็กชายอาโปตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“ถ้าอย่างนั้นก็มาโรงเรียนกับพี่นะ”
“มาด้วยกาน” หนูน้อยอาโปยิ้มหวานให้พี่ชาย ดวงตาที่มองอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความรักและความไว้ใจ
“ดูเหมือนจะเรียบร้อยแล้วนะครับ” เพทายพูดเสียงเบา
“นั่นสิ”
“นี่พวกเราสู้ขุนไม่ได้ใช่ไหม” ผิงหันมาถาม เพทายยิ้มกว้าง สงสัยว่าเพื่อนจะพูดถูก
“อาเพอยากไปดูห้องเด็กเล็กไหมครับ ผมพาไปดู อยู่อาคารโน้น”
“ไปสิครับ” เพทายพยักหน้า
เด็กชายขุนจูงมือเด็กชายอาโปเดินนำ มือเล็กเกาะกุมมือพี่ชายด้วยความไว้ใจ ไม่มีอาการกังวลเหมือนตอนที่เดินเข้ามาในโรงเรียน เพทายยิ้มอย่างมีความสุข มั่นใจว่าเขาฝากลูกชายไว้กับขุนได้ และนั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขากับสารินเลือกโรงเรียนนี้
จะมีใครที่เขาไว้ใจได้มากกว่าคนที่เป็นทั้งเพื่อนเล่นและเป็นทั้งพี่ชาย คนที่จับมืออาโปมาตั้งแต่เด็ก ผูกพันกันมาเท่ากับอายุของเด็กชายตัวน้อย คนที่เด็กชายอาโปยอมฟังทุกอย่าง และคนที่รักลูกชายของเขาอย่างจริงใจ
เพทายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาถ่ายภาพเด็กชายตัวสูงเก้งก้างจูงมือเด็กชายตัวน้อยเอาไว้ เป็นภาพที่ดูอบอุ่นจนไม่อยากละสายตา
“ขูน”
“หือ?”
“โปปวดฉี่”
!!!
“อาเพคับโปปวดฉี่!” เด็กชายขุนรีบหันมาบอกเขาหน้าตื่น เพทายหัวเราะเบาๆ สงสัยว่าบางเรื่องคงยังฝากฝังไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร เพราะเพทายจำได้ว่าเด็กชายอาโปเกี่ยวก้อยสัญญากับเด็กชายขุนแล้วว่าจะไม่ทิ้งกัน ค่อยๆ โตไปด้วยกันนะครับ ดูแลกัน อยู่เคียงข้างกัน เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดไป เพทายอมยิ้มในหน้า เขารู้ดีว่าสิ่งที่เขาคิดจะเป็นจริงแน่นอน
:::: ♥ TBC ♥::::
**ตอนหน้าจบแล้วค่า ^^
Darin ♥ FANPAGE (https://www.facebook.com/Ratidarin-433468596858519/)
Twitter : primdarin (https://twitter.com/primdarin)
ตอนที่ 40
สัญญาฉบับสุดท้าย
“อาคี อิกฉิบวานโปจาปายโลงเลียนแล้ว”
เด็กชายอาโปยกมือขึ้นสิบนิ้วให้อาคีย์ดู เมื่ออีกฝ่ายนั่งลงที่โต๊ะอาหารในตอนเช้า
“หึๆ สิบวันเองเหรอครับ”
“ช่ายคับ”
อาเพบอกเขาว่าอีกสามเดือนเขาจะได้ไปโรงเรียน แต่เขามีนิ้วไม่พอเอาสิบวันก่อนก็แล้วกัน
“ท่าทางลูกชายเพจะตื่นเต้นน่าดู” คีตกานต์พูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดูเด็กชายอาโป
“ใช่ แต่ไม่ได้ตื่นเต้นเพราะจะได้ไปเรียนหนังสือนะ ตื่นเต้นที่จะได้ไปกับพี่ขุนทุกวัน พี่น้องคู่นี้รักกันจริงๆ”
“เพ”
“หือ?” เพทายเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน เขากำลังปรุงข้าวต้มกุ้งให้สาริน
“จองไว้ได้ไหม”
“จองอะไร”
ดวงตาของคีตกานต์เป็นประกาย ริมฝีปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “ก็จองอาโปให้ขุนไง”
“คีย์!”
“เอาน่า เราไม่ได้บอกสักหน่อยว่าขุนอาโปหรืออาโปขุน โตขึ้นมาก็รู้เอง”
“หมายถึงเรื่องนั้นที่ไหนกันเล่า!” เพทายพูดด้วยเสียงอ่อนใจ
“คุยอะไรกัน เสียงเพดังไปถึงข้างนอก” สารินเดินเข้ามาพร้อมกับพนา พวกเขาคุยกันอยู่ในห้องทำงาน เพทายให้มะลิขึ้นไปตามว่าอาหารเช้าพร้อมแล้ว
“ผมไม่เล่าได้ไหมครับ พี่พนาถามเด็กดื้อของพี่พนาเองเถอะครับ”
“ซนอะไรอีกเรา”
“นี่แฟนครับ” คีตกานต์ชี้มือเข้าหาตัวเอง “ทำอย่างกับผมเป็นพี่ชายขุน”
“ไม่ใช่น้องของขุนเหรอ”
“พี่พนาครับ”
“หึๆ”
เพทายอดยิ้มตามไม่ได้ เดี๋ยวนี้พนาลูกเล่นเริ่มแพรวพราว ขณะที่คีตกานต์ก็ลดความร้ายลงไปมาก เป็นผู้ใหญ่และมีเหตุผลมากขึ้น
“อาคีโซนนน” เด็กชายอาโปยิ้มกว้าง เขาฟังทุกคำที่ผู้ใหญ่พูด จำได้บ้างไม่ได้บ้าง อันไหนเขาชอบก็จำเอาไว้
“อาคีย์ฉลาดต่างหากครับ” คีตกานต์แก้ตัวให้ตัวเอง
“อาคีชาหลาด” หนูน้อยพูดตาม ก่อนหันไปเรียกผู้เป็นพ่อพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานไปให้
“พ่อ”
“ครับ” สารินหยุดมือ หันไปมองลูกชาย เขาตั้งใจฟังเวลาอาโปพูดเสมอ เพื่อให้ลูกรู้ว่าเขาสนใจและพร้อมจะรับฟังทุกเรื่อง แน่นอนว่าเมื่อก่อนเขาไม่ทันคิดถึงขั้นนี้ แต่เพทายทำให้เขารู้ว่าการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ก็ส่งผลต่อเด็กคนหนึ่ง ว่าเขาจะเติบโตขึ้นมาเป็นอย่างไร
“ขูนจองโปแล้ว”
“อะไรนะลูก” สารินถามซ้ำ
“ขูนจองโป” เด็กชายอาโปบอกพ่อซ้ำอีกครั้ง เขาบอกแล้วว่าเขาจำแต่อันที่ชอบ อะไรที่มีชื่อขุนเขาจำทั้งนั้น
“พี่ยังไม่ได้จองเลย” เด็กชายขุนแม้อายุเพิ่งย่างขึ้นแปดขวบ แต่เพราะโลกสมัยนี้หมุนเร็ว ทำให้เขาพอจะเข้าใจสิ่งที่อาคีย์พูด เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกว่ารู้เท่านั้น
“จองฉิ” เด็กชายอาโปหน้ามุ่ย
“ขูนม่ายล้ากโปเหลอ”
“อีกแล้วเหรอ” เด็กชายขุนทำเสียงอ่อน ผู้ใหญ่จึงพากันขำ แต่ไม่มีใครพูดอะไร ปล่อยให้เด็กๆ คุยกัน เพราะมันเป็นภาพที่น่ารักมาก
“ล้ากเป่า” เด็กชายตัวน้อยมองเพื่อนเล่นด้วยสายตาอ้อน
“รักสิ ทำไมจะไม่รัก”
“จองเป่า”
“ไม่จอง”
“ล้ากกานต้องจองฉิ”
คีตกานต์กลั้นขำไม่อยู่จริงๆ เขาหัวเราะเสียงดังออกมา แม้แต่พนาก็ยังอดหัวเราะตามคนรักไม่ได้
“เฮ้อ จองก็จอง” ขุนยอมแพ้น้องในที่สุด อะไรที่ทำให้เจ้าตัวเล็กยิ้มได้เขาก็ยอมทั้งนั้น เหมือนที่ยอมมาตลอด
“ขูนน่าล้ากที่ฉุด” เด็กชายอาโปยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย ขุนจองเขาแล้ว โปจำได้ไม่ลืมหรอก
“พี่สารินว่ายังไงครับ อนุญาตให้ผมจองให้ลูกหรือเปล่า”
“คุยกับเพเลย พี่ตามใจเพทุกอย่างอยู่แล้ว”
“หวานไม่เกรงใจกันเลยนะครับ พี่พนาครับ” คีตกานต์หันไปหาคนรัก
“หือ?”
“หวานกับผมบ้างสิครับ”
“ได้ น้ำตาลกี่ช้อนดี” พนาเปิดฝาขวดน้ำตาลสำหรับใส่กาแฟ ตักขึ้นมาช้อนหนึ่งแล้วทำท่าจะเทใส่แก้วของคีตกานต์
“พี่พนาครับ~”
เพทายหัวเราะเสียงดังกว่าใครเพื่อน ชอบใจที่พนาคุมเพื่อนรักแสนดื้อของเขาอยู่
เด็กชายอาโปมองคนโน้นคนนี้ก่อนหัวเราะตาม เขาไม่รู้หรอกว่าผู้ใหญ่หัวเราะอะไรกัน แค่ทุกคนมีความสุข เขาก็มีความสุขแล้ว
• • • • • • • •
“พี่สารินมีอะไรหรือเปล่าครับ”
เพทายนั่งลงหน้าโต๊ะทำงานของสาริน เมื่ออีกฝ่ายเรียกให้เข้ามาหาในตอนค่ำ หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย
“พี่มีเอกสารให้เพอ่าน”
“เอกสารเหรอครับ” เพทายมองกระดาษที่สารินยื่นให้
“อย่าบอกว่าสัญญาอีกแล้วนะครับ” เพทายหัวเราะเมื่อเห็นเอกสารที่อยู่ตรงหน้า เขาจ้องตาคุณเจ้าของสวนดอกไม้ด้วยดวงตาเป็นประกาย
“คราวนี้เปลี่ยนเป็นตลอดชีวิตหรือเปล่าครับ”
“ใช่”
“งั้นผมไม่เซ็นแน่ๆ ครับ”
“ทำไม”
“ทำไมต้องทำหน้าดื้อแบบนั้นด้วยครับ เหมือนอาโปไม่มีผิด” เพทายหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เขาใช้นิ้วหมุนกระดาษไปมา โดยไม่ยอมเปิดอ่าน
“แต่ถ้าถามผมก็จะตอบครับ ผมไม่เซ็นเพราะผมจะไม่หลวมตัวอีกแล้ว สัญญาแต่ละฉบับเอาเปรียบผมชัดๆ เกิดถ้าพี่สารินแอบไปมีเล็กมีน้อยละครับ ผมก็แย่สิ”
“มีในสัญญาด้วยว่าถ้าพี่นอกลู่นอกทางทำตัวไม่ดีกับเพจะเป็นยังไง บอกเลยว่าพี่ไม่ยอมเสียสวนพัดพารัดชาครึ่งหนึ่งให้กับเจ้าของสวนดอกไม้เพทายแน่”
เพทายยกยิ้มขำ เขาสนุกที่ได้คุยกับสามี
“งั้นก็น่าสนใจครับ เพราะอย่างมากผมก็คงเสียแค่สวนดอกไม้เพทายกับของที่พี่สารินให้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่ของผมอยู่แล้ว ก็น่าจะคุ้มดี”
“เดี๋ยวนี้เพร้ายขึ้นทุกวัน ติดมาจากคีย์หรือเปล่า”
“เป็นเพื่อนกันได้มันก็ต้องมีอะไรเหมือนกันบ้างสิครับ พี่สารินโดนผมหลอกมาตลอดไม่รู้เหรอครับ” เพทายยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ดวงตาเป็นประกายวาววับ
“หึๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง พี่ก็เต็มใจให้หลอก”
เพทายหัวเราะเสียงดัง สารินเลิกคิ้วขึ้น “อะไร?”
“ผมคิดถึงเพลงเก่าน่ะครับ ตอนนี้พี่สารินคงร้องเพลงว่า ‘รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก’ แล้วรู้ไหมครับว่าตอนผมเซ็นสัญญาฉบับแรก ตอนที่มาทำงานที่นี่ใหม่ๆ ผมร้องเพลงอะไร” เพทายยิ้มกริ่ม
“เพลงอะไร”
“ก็เพลง ‘เมื่อรู้สึกตัวก็สายเสียแล้ว’ ไงละครับ”
คราวนี้เปลี่ยนเป็นสารินบ้างที่หัวเราะเสียงดัง พวกเขาสบตากันด้วยรอยยิ้ม
“โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะเซ็นละนะ”
เพทายเปิดสัญญาขึ้นอ่าน คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ก่อนดวงตาจะเบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ
“นี่มันไม่ใช่สัญญาของผมนี่ครับ”
“ใช่” สารินพยักหน้า “มันเป็นสัญญาของพี่เองว่าจะเป็นสามีที่ดีของเพตลอดไป”
เพทายยิ้มกว้างทั้งมีความสุขทั้งเขิน เขาอ่านสัญญาใหม่อีกครั้งแม้ว่าจะอ่านไปแล้ว ทุกตัวอักษรแสดงถึงความรักที่สารินมีให้กับเขา
“พี่สารินครับ!” เพทายเงยหน้าขึ้นเมื่อเปิดไปยังหน้าสุดท้าย
“หึๆ” สารินหัวเราะเบาๆ สิ่งที่มือของเพทายกำลังชี้อยู่ คือลายเซ็นของพยาน มันทั้งตัวใหญ่และอ่านเกือบไม่ออก
“อาโปพยายามเขียนเต็มที่แล้ว เขียนตามพี่”
“โธ่” เพทายเอ็นดูลูกชายคนเดียวของเขา
“ถ้าใครสักคนจะเป็นพยานให้แก่ความรักของรา พี่คิดว่าก็ควรเป็นอาโป เพราะอาโป…พี่ถึงต้องจ้างพี่เลี้ยง และคนต่อไปก็ควรเป็นผิง เพราะผิงทำให้พี่ตัดสินใจเลือกจ้างเพ คนสุดท้ายต้องเป็นคีย์ เพราะคีย์ทำให้พี่รู้ใจตัวเองว่าพี่รักเพมากแค่ไหน”
เพทายไล่สายตาไปตามลายเซ็นของพยาน รับรู้ถึงความรักความผูกพันที่มีให้แก่กัน
“เหลืออีกช่องเดียวที่รอให้เพเซ็น เชิญเจ้านายครับ” สารินยื่นปากกาให้กับเพทายเพื่อเซ็นเป็นคู่สัญญา
เพทายจรดปากกาลงบนกระดาษ เขียนชื่อของตัวเองลงไปอย่างตั้งใจ เอกสารฉบับนี้ไม่ใช่สัญญาผูกมัดพวกเขา หากแต่เป็นตัวแทนความรักที่พวกเขามีให้กัน
“ขอบคุณครับพี่สาริน ผมจะเก็บเอาไว้อย่างดี”
“พี่ก็เหมือนกัน”
“สัญญาแล้วนะครับว่าจะเก็บเอาไว้อย่างดี”
สารินเลิกคิ้วขึ้น แปลกใจที่เพทายย้ำเรื่องนี้ “มีอะไรหรือเปล่า”
“เพราะผมไม่อยากให้อาโปเห็นไงครับ เดี๋ยวโตมาแล้วเจ้าเล่ห์ร้ายกาจเหมือนพ่อ เอาสัญญาไปผูกมัดคนโน้นคนนี้ละแย่เลย”
“ฮ่าๆ” สารินหัวเราะเสียงดังเมื่อรู้ว่าถูกเพทายแซวเข้าให้แล้ว “ลูกไม้ก็ต้องหล่นใต้ต้นเป็นธรรมดา”
“ผมก็ว่าอย่างนั้นครับ” เพทายหัวเราะ ไม่อย่างนั้นเขาจะตกหลุมพ่อลูกคู่นี้จนถอนตัวไม่ขึ้นเหรอ
“พี่สารินครับ”
“หือ?”
“วันนี้เราไปนอนกับลูกไหมครับ ผมอยากนอนด้วยกันสามคน”
“เอาสิ”
“งั้นไปกันเลย จะได้ไปอ่านนิทานให้อาโปฟังด้วย” เพทายลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยว”
แขนของเขาถูกดึงรั้งเอาไว้ ทำให้ร่างกายหมุนเข้าหาอกกว้าง กับวงแขนที่รอรับอยู่แล้ว
“ขอรางวัลเด็กดีให้พี่ก่อน”
“ทำให้แค่นี้เองต้องขอรางวัลด้วยเหรอครับ”
“แค่นี้ที่ไหน พี่ยกตัวเองให้เพเลยนะ”
“งั้นเอาคืนได้ไหมครับ”
“เพ”
“หึๆ ขอบคุณครับ ผมจะรักษาไว้อย่างดี”
“ให้รางวัลพี่ก่อน เร็ว”
เพทายเขย่งเท้าขึ้น แตะริมฝีปากกับริมฝีปากของสาริน แขนโอบไปรอบคอของอีกฝ่ายด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ
เขามาที่นี่เพราะผิดหวังในความรัก มาแบบคนหัวใจแหลกสลาย แต่เพราะคนที่นี่เขาถึงรู้ว่าความรักที่แท้จริงเป็นอย่างไร ขอบคุณมากนะครับพี่สาริน ผมจะเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี ทั้งสัญญาและความรักของเรา
:::: ♥ Happy Ending ♥::::
ขอบคุณที่ติดตามเด็กๆ มาจนจบนะคะ หวังว่าจะทำให้ยิ้มได้ ><
หนังสือมีวางจำหน่ายในงานสัปดาห์หนังสือนะคะ ที่สถาพรบุ๊ค บูทP22 โซน C1
**สถานีต่อไป STALKER สืบ.สวน.รัก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69638.0)
**เปิดขุน&อาโป ให้แล้วนะคะ จบจากโคนันขลุ่ยจะเริ่มลงค่า Promise รักหรือเปล่า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69934.0)
Darin ♥ FANPAGE (https://www.facebook.com/Ratidarin-433468596858519/)
Twitter : primdarin (https://twitter.com/primdarin)