พิมพ์หน้านี้ - ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 16-06-2020 08:59:43

หัวข้อ: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 16-06-2020 08:59:43
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ



***************************************************************************************


คิด (ไม่) ถึง : การคิดแต่ไปไม่ถึงใครคนนั้น

คะนึง (ไม่) หา : ต่อให้คิดถึงอย่างไรก็คงไม่ออกไปตามหาใครคนนั้นอีกแล้ว

เพราะทุกอย่างมันควรสิ้นสุดตรงที่เขาต้องชดใช้กรรมและอยู่บนความทุกข์เช่นนี้ทุกชาติไป





จนกว่าฟ้าจะเป็นใจในสักวัน เธอและฉันได้กลับมาเจอชาติใด

ฉันจะขอชดเชยให้เธอคืนทั้งหัวใจ ชดใช้ความรักที่ให้มา...ทุกนาที





||| = ||| = ||| = |||

 หากจิตดวงนี้ต้องคำสาปแลไม่มีทางใดจะหลุดพ้นแล้วไซร้

ก็ขอตกเป็นทาสรักแก่คนที่มันผูกใจไว้คราแรกไม่ลืมเลือน

แม้นมิได้ครองคู่ ก็ขอคิดถึงทุกลมหายใจที่ถูกจองจำ

||| = ||| = ||| = |||



เรื่องราวความรักของชายคนหนึ่งที่ปักใจรักใครอีกคน แต่ตัวเองต้องคำสาปนิรัดร์ที่ไม่มีวันตาย

2 ชาติอดีตที่เขาเก็บความทรงจำทุกอย่างไว้เพียงคนเดียว

1 ชาติที่ถวายรักด้วยชีวิต

1 ชาติที่โกรธแค้นรักนี้เพราะมิอาจครอบครองได้ดั่งใจ

และชาติสุดท้ายที่เขายอมปล่อยวางเพื่อรอวันหลุดพ้นสักวันหนึ่ง



หัวข้อ: Re: ▧▧ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ▨▨ 16/6/63
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 16-06-2020 09:01:08


บทแรก 



เสียงไม้พายตกกระทบกับผิวน้ำเกิดเสียงชวนเคลิ้มหลับ เรือหลายลำสัญจรผ่านไปมาผ่านท่าน้ำบ้านของออกญาศรีรัตนกร เนื่องด้วยตรงนี้คือทางผ่านไปยังตลาดซึ่งเลยจากคุ้งน้ำนี้ไปไม่ไกลนัก



“ลูกว่าจะไปเที่ยวตลาดสักหน่อยขอรับคุณหญิงแม่ ตั้งแต่หายไข้ก็อุดอู้อยู่เรือนเสียหลายวัน คุณหญิงแม่คงมิว่ากระไรใช่หรือไม่ขอรับ”



เสียงของ ‘คุณปราณ’ ดังแว่วมาตรงท่าน้ำทำให้ ‘ไอ้หาญ’ ที่แอบงีบหลับสะดุ้งรีบกระโดดลงจากต้นไม้ใหญ่ซ่อนตัวในพงหญ้า เพราะเกรงว่าหากคุณหญิงเห็นตนอู้งานจะสั่งโบยเสีย



‘ไอ้หาญ’ บ่าวในเรือนที่คุณหญิงและท่านออกญาเอ็นดูเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก เหตุเพราะไปเจอมันขโมยข้าวสารของเถ้าแก่ในตลาด ตอนนั้นมันอายุได้ประมาณ 12 ปีกระมัง เป็นเด็กกำพร้าฐานะยากจนพอได้คนเอ็นดูมันก็ยอมทำงานให้แทบถวายหัว จนตอนนี้อยู่เรือนนี้มา 8 ปีเห็นจะได้



คุณปราณเป็นบุตรของคุณหญิงราตรีกับออกญาศรีรัตนกร หรือบ่าวในเรือนเรียกกันจนชินปากว่าท่านออกญา เป็นบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของเรือนนี้ ผิวผุดผาดราวน้ำนมชโลม มือเท้าก็เรียวสวย วงหน้านวลเล็กรับกับปากและจมูก อีกทั้งรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าหวานนั่นทำให้คนมองยิ้มตามได้ไม่ยาก รูปร่างของคุณปราณในวัย 18 สูงโปร่งเพรียวจนคิดว่าหากลมพัดแรงสักสองทีคงปลิวได้ ท่าทางการเดินก็งดงามเพราะถูกอบรมจากคุณหญิงเป็นอย่างดี



มันแอบมองคุณปราณมาตั้งแต่ยังเด็กเคยเล่นกับคุณปราณอยู่หลายครั้ง ตอนครั้งที่คุณปราณราว 11 ปีมันแอบหอมแก้มคุณเขาเพราะอดใจในความน่าชมนี้ไม่ไหว ดีที่ยายอาบและบ่าวคนอื่นไม่เห็นไม่งั้นมันคงโดนเฆี่ยนไปแล้ว แต่เพียงแค่สัมผัสเดียวในครั้งนั้นก็ทำมันตราตรึงใจนักจนยังจำมาได้ทุกวันนี้



แต่เมื่อคุณปราณโตขึ้นและไปร่ำเรียนกับท่านพระครูก็ห่างกันไป ไอ้หาญเฝ้าคิดถึงรอยยิ้มหวานและสายตาที่มักเผลอสบตากันในหลายครั้ง จนเมื่อไม่กี่เดือนมานี้คุณปราณกลับมาอยู่ที่เรือนหลังจากเข้ารับราชการในวัง ไอ้หาญดีใจแทบเก็บอาการไว้ไม่มิด แต่เพราะมันเป็นคนพูดน้อยไม่ค่อยสุงสิงกับใคร อีกทั้งทำแต่งานจึงไม่มีใครรู้ว่าบ่าวคนนี้มันนั่งยิ้มคนเดียวเหมือนคนบ้าตอนไปแอบมองหน้าต่างห้องคุณปราณที่เจ้าของห้องกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่



แต่กระนั้นมันก็ยังเฝ้ามองชายหนุ่มผู้เป็นนายที่อายุอ่อนกว่ามานาน มองอยู่แบบนี้ทั้งที่รู้ว่าตนทำได้แค่ชื่นชม มีครั้งหนึ่งมันแอบเห็นคุณปราณลงเล่นน้ำกับไอ้มั่นบ่าวคนสนิท ผิวขาวราวหยวกกล้วยล่อตาล่อใจอยู่มากจนคิดดีมิได้ อีกทั้งบั้นท้ายกลมตึงน่าบีบขย้ำนั่นก็ด้วย



ใจเย็นเถิดไอ้หาญ หากมึงคิดจะแตะต้องแก้วตาดวงใจของเรือนนี้เพียงปลายก้อย หลังของมึงคงไร้ที่ว่างให้กลากเกลื้อนได้ขึ้น เพราะมันคงเต็มไปด้วยรอยหวายจากท่านออกญาเป็นแน่



“ลูกนี่นะ แอบหนีเจ้าคุณพ่อออกไปเที่ยวเพราะกลัวจะเจอแม่หนูนวลจันทร์แม่รู้ทันดอก”



“โถ่ คุณหญิงแม่ขอรับ ก็ตอนนี้ลูกยังไม่อยากพูดเรื่องออกเรือนนี่ขอรับ จะรีบไปไย”



“แม่และพ่อเจ้าไม่ได้รีบแต่ด้วยเพราะพูดกันไว้ตั้งแต่ลูกได้สามขวบว่าจะเป็นดองกัน อย่างไรเสียก็ทำความรู้จักกันไว้เสียหน่อยก็ไม่เสียหายดอกหนา”



ไอ้หาญได้ฟังถึงกับใจกระตุกวูบ คุณปราณของมันกำลังจะออกเรือนรึ หากคุณปราณออกเรือนมันจะทำอย่างไร จะได้เห็นใบหน้าหวานนี้อีกหรือไม่



“ไอ้หาญ...หลบอยู่ตรงนั้นทำไมรึ” เสียงเรียกของคนที่มันพึงใจตั้งแต่คราแรกที่สบตา เฝ้าถนอมแอบมองมาตั้งแต่เด็กทำให้ไอ้หาญบ่าวร่างสูงใหญ่นุ่งผ้าเตี่ยวต้องคลานออกมาหา เนื้อตัวของมันมีแต่กลิ่นสาบเหงื่อจึงไม่กล้าเข้าไปใกล้ร่างบางที่ขาวสะอาดไปทั่วตัวอย่างคุณปราณหรอก



“เอ็งมีอะไรทำรึไม่” คำถามนั้นทำให้คุณหญิงและไอ้มั่นมุ่นคิ้วสงสัย



“ไม่มีขอรับ”



“งั้นพายเรือให้ข้าได้หรือไม่” ไอ้หาญไม่รอช้ารีบตอบละล่ำละลักว่าได้จนไอ้มั่นต้องรีบถามนายตน



“แล้วบ่าวเล่าขอรับ แค่บ่าวคนเดียวก็พอแล้วกระมังขอรับ”



“หยุดพูดไปไอ้มั่น บ่าวในเรือนมีตั้งมากข้าจะใช้การใครก็ย่อมได้ เอ็งอยู่นี่แหละวันนี้ข้าจะไปกับไอ้หาญ” คุณปราณหันไปปรามมันในทันที ก่อนจะยกยิ้มให้กับไอ้หาญที่ตอนนี้มีแววตาชื่นชมตนอย่างปิดไม่มิด



สำหรับคุณปราณแล้วไอ้หาญเป็นคนที่พูดน้อย แทบจะไม่พูดเลยด้วยซ้ำ หลายครั้งที่เห็นมันเมียงๆ มองๆ แต่ก็ไม่ได้เข้ามาสนทนาด้วยแต่อย่างใด แต่เมื่อเขาลองถามลองพูดด้วยสักสองสามคำก็เห็นหูมันแดงเถือกราวกับจะปริแตกเสีย



“เอาเถอะๆ รีบไปรีบกลับนะลูก แม่ไม่อยากให้ออกไปตากแดดตากลมนานเดี๋ยวไข้จะกลับ” คุณหญิงพูดแค่นั้นก็ส่งร่มให้ไอ้หาญเอาไปกางให้คุณปราณ ก่อนจะส่งลูกชายขึ้นเรือไปพร้อมบ่าวที่มิใคร่พูดใคร่จาแต่ทำงานดี โดยมีไอ้มั่นบ่นกระเง้ากระงอดชะเง้อคอตามว่าตนโดนเจ้านายทิ้ง



“คุณปราณจะไปที่ใดขอรับ” ไอ้หาญถามชายหนุ่มที่นั่งค่อนไปทางหัวเรือ อีกฝ่ายผินหน้ามามองเพียงนิดก่อนจะตอบ



“ข้าอยากไปดูบัวเสียหน่อย แดดร่มแล้วหากได้ชมบัวก็คงดี”



“ขอรับ”



ไอ้หาญพายเรือมาถึงบึงบัว มันส่งคุณปราณขึ้นฝั่งก่อนมันจะผูกเรือไว้กับต้นไม้และขึ้นฝั่งตาม บึงบัวต้องเดินข้ามเนินดินต่อไปอีกหน่อยซึ่งสถานที่ตรงนี้น้อยคนนักที่จะรู้ นั่นเพราะตอนเด็กๆ มันแอบพาคุณปราณมาเที่ยวเล่นที่นี่เสียบ่อย จึงเป็นสถานที่เดียวที่คนทั้งคู่รู้กันเพียงเท่านั้น



“หาญ มานั่งนี่สิ” คุณปราณเรียกบ่าวที่ตนพามาด้วยให้นั่งลงข้างกัน คำเรียกที่ใช้ก็ต่างออกไปเมื่อไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนอื่น



ตอนนี้ช่วงบ่ายคล้อยแดดที่เคยร้อนจัดแปรเปลี่ยนเหลือเพียงแดดอ่อนๆ และลมยามบ่ายเท่านั้น อุ่นไอร้อนบรรเทาลงไปมากเนื่องจากที่นั่งตรงนี้คือใต้ต้นไม้ใหญ่ ไอ้หาญยอบกายนั่งลงห่างจากคุณปราณราวหนึ่งวา



“วันนี้บัวสวยนะ แม้จะตกบ่ายแล้วแต่ความสวยงามของมันไม่แพ้ในตอนเช้าที่ข้าเคยมาดูกับเอ็งในตอนนั้นเลย” ไอ้หาญลอบยิ้มเมื่อคุณปราณพูดถึงความหลังที่มันเคยพาคุณปราณมาดูเมื่อสามปีก่อน นานขนาดนี้คุณปราณยังจำได้มิลืมไอ้หาญขอเข้าข้างตัวเองได้หรือไม่ว่าอีกฝ่ายก็พึงใจเวลาอยู่ด้วยกัน



“ขอรับ”



“เอ็งจะพูดแต่ขอรับรึ ข้าพูดไปหลายคำแต่เอ็งตอบแต่ขอรับรึ แล้วนั่นไปนั่งเสียไกลรังเกียจอะไรกันหรือ เมื่อก่อนยังจูบยังหอมข้าไปเสียหลายทีไม่คิดห่าง” ใบหน้าหวานสวยที่ได้มาจากคุณหญิงงอง้ำ หากอยู่กันต่อหน้าคนอื่นคุณปราณมีท่าทางเป็นหนุ่มสุภาพเรียบร้อย แต่เมื่ออยู่กับไอ้หาญแล้วไยความสุภาพนั้นถึงกลายเป็นความกระเง้ากระงอดราวหญิงสาวแง่งอนไปได้ก็ไม่รู้



คุณปราณมองบ่าวที่ตนรู้ว่าตัวมันแอบมองเขามานานนม หากใช่มิรู้ความใดไม่เพราะตนก็พึงใจในตัวมันเช่นเดียวกัน แต่กระนั้นก็ไม่กล้าเอ่ยคำหรือแสดงกิริยาออกไปให้ใครได้รู้ นั่นเพราะไอ้หาญก็ไม่ได้แสดงท่าทีออกมาให้ชัดเจนว่ารู้สึกอย่างไรกับตน ตอนนั้นที่โดนหอมแก้มจนแทบช้ำเขาจำได้ดี ไอ้หาญชมไม่ขาดปากว่าเขาน่ารักน่าชังเสียยิ่งกว่าลูกเจ้าขุนมูลนายท่านใดที่มันเคยเห็น



รูปร่างและใบหน้าของไอ้หาญหากได้ขัดได้ล้างเสียหน่อยคงดูดีสมชายชาตรีไม่หยอก เขาเห็นมันมาตั้งแต่เขายังเด็ก ไอ้หาญไม่ช่างพูดเหมือนไอ้มั่นทำให้หลายครั้งที่ไม่ได้ดั่งใจจึงโดนเขาตบเขาต่อยไปบ้าง แต่เมื่อกลับมาจากเรียนกับพระครูความโหยหาคิดถึงเรื่องกาลเก่าก็ตีวนกลับมา ราวกับคิดถึงคนสนิทที่ตนไม่ได้เห็นหน้าค่าตามานาน



“คุณปราณ! ...จะ...จำได้หรือขอรับ” ไอ้หาญถามด้วยความตกใจ ทำไมคุณปราณจำเรื่องในตอนนั้นได้ มันคิดแค่ว่าไม่มีบ่าวคนใดหรือเจ้านายคนไหนเห็นก็เพียงพอแต่ลืมไปเสียสนิทว่าคุณปราณก็โตพอรู้ความแล้ว ยิ่งคุณปราณจำได้แบบนี้กลับไปเรือนมันคงโดนโบยเป็นแน่



“ข้าจำได้แล้วเอ็งเล่า...จำได้หรือไม่” คุณปราณหันมามองพร้อมสายตาที่หากไอ้หาญไม่คิดเข้าข้างตัวเองนักก็คงจะบอกว่ายั่วยวนกระมัง นั่นเพราะรอยยิ้มแต่งแต้มที่มุมปากอีกทั้งดวงตาหวานที่ชายตามองมาอย่างไว้ที



“บ่าวขออภัยคุณปราณขอรับ ตอนนั้น...”



“ข้าว่ากระไรหรือยัง เหตุใดจึงได้หมอบกราบขนาดนั้น” คุณปราณแย้งยังไม่ทันที่ไอ้หาญได้พูดจบ ร่างบางขยับเข้าไปใกล้บ่าวตัวคล้ำขึ้นอีกหน่อยแล้วเฉยคางอีกฝ่ายให้สบมองตาตน



“หากจะว่าก็คงว่าไปนานแล้ว” รอยยิ้มสวยนั้นทำไอ้หาญใจเต้นไม่เป็นส่ำ หากอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามจากการออกแรงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันไม่หนา คาดว่าใจของมันคงหลุดออกจากอก ความสวยงามของบัวที่เบ่งบานอยู่เต็มบึงหรือจะสู้รอยยิ้มเดียวของคุณปราณได้



จุ๊บ



และสิ่งที่ตามมาหลังจากยิ้มนั้นยิ่งทำให้ไอ้หาญรู้สึกว่าหากมันจะตายวันนี้ก็คงไม่เสียดายชีวิต คุณปราณจุมพิตที่ริมฝีปากหยาบกร้านของไอ้บ่าวคนนี้ได้อย่างไร ไม่กลัวความสากระคายและเปื้อนบ้างหรือ



“คุ...คุณปราณ”



“จูบครั้งนี้ถือว่าหายกัน จำไว้นะหาญ...หากพึงใจจะทำก็ย่อมได้ ข้ายอมให้เอ็งทำแค่คนเดียว"



“บ่าวมิกล้า”



“หากเอ็งมิกล้าก็จงอยู่แอบมองข้าไปจนตายเถิด!” คุณปราณผละออกด้วยความหงุดหงิดใจ



ใครเลยจะรู้สิ่งที่อยู่เบื้องลึกหัวใจดวงนี้ สิ่งที่เขาหวังและปรารถนาหาใช่หญิงสาวที่งามทั้งกิริยาและวาจาไม่ หากแต่เป็นชายหนุ่มผิวเนื้อคล้ำแดดที่แอบเฝ้าถนอมเขามาตั้งแต่เด็กคนนี้ต่างหาก แสดงออกไปหลายครั้งว่าอยากให้มันมาอยู่ใกล้แต่ไอ้บ่าวคนนี้กลับโง่เขลาเสียยิ่งกว่ากระไร ไม่รู้สึกระแคะระคายบ้างหรือ



“อย่าถือโทษโกรธบ่าวเลยขอรับ บ่าวมิอาจเอื้อมเด็ดดอกฟ้ามาเชยชมให้สมใจดอก แค่เพียงคุณปราณมอบจูบให้เมื่อครู่ก็สุขล้นใจมากแล้วขอรับ”



“กระนั้นก็นั่งให้มันดีๆ” คุณปราณพูดเสียงแข็ง แต่การกระทำไม่ได้กระด้างตามเพราะร่างบางนั่งแทบจะชิดตัวไอ้หาญแล้ว ก่อนศีรษะเล็กจะค่อยๆ เอนลงซบกับไหล่กว้าง ไอ้หาญตัวเกร็งแข็งเพราะตกใจกับการกระทำของเจ้านายอยู่มากโข



คุณปราณจะรู้ไหมว่าตอนนี้มันกำลังหักห้ามใจตนไม่ให้รั้งคุณปราณมากอดมาหอม กลิ่นกายและเสื้อผ้าที่อบน้ำร่ำมาอย่างดีหอมกรุ่นจนมันอยากสูดดมให้ชุ่มปอด ผิวเนื้อที่คาดว่าคงนุ่มมือนั่นมันอยากจับอยากลูบเหลือเกิน



“นั่งแบบนี้สักพักเถิด ข้าอยากนั่งเล่นเหมือนตอนที่ยังเด็ก” เพราะตอนเด็กหาญพาเขามาที่นี่ อีกทั้งยังให้นั่งซ้อนหลังชมบัวจนเคลิ้มหลับไปหลายหน คุณปราณช้อนสายตาขึ้นมองคนที่นั่งแข็งเป็นหินซึ่งมันแอบมองเขาอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นว่าเขาจับได้จึงรีบเสหลบแต่ไม่ทันเสียหรอก คุณปราณยิ้มขำยิ่งเบียดกระแซะตัวเข้าไปใกล้ไอ้หาญ บ่าวที่พูดน้อยเสียยิ่งกว่าอะไรอย่างนึกแกล้ง



ไอ้หาญขบฟันกรอดด้วยความอดทน คุณปราณเล่นซนเหมือนครั้งยังเด็ก ชอบแกล้งชอบทุบตีให้เขาได้ร้องโอดโอย แม้หมัดมือไม่ได้นักแต่ก็ทำเขาเจ็บได้ เสียงหัวเราะเบาๆ ข้างหูทำให้ไอ้หาญขนหูลุกเกลียว รู้สึกได้ถึงความร้อนที่กองตรงหน้าและใบหู ตอนนี้มันพยายามสงบจิตสงบใจอย่างถึงที่สุดแต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน เพราะแขนของคุณปราณทับส่วนกลางลำตัวอยู่จนมันเสียดสีผ่านผ้าเตี่ยวที่สวมใส ราวกับอีกฝ่ายจงใจให้เป็นอย่างนั้น



“เดี๋ยวหน้าดำเดี๋ยวหน้าแดง เอ็งเป็นอะไรรึ”



“บ...บ่าวคิดว่าแบบนี้มันไม่เหมาะสมขอรับ”



“ไม่มีใครเห็นสักหน่อย” คุณปราณพูดเสียงแผ่ว ปลายจมูกโด่งรั้นปัดที่ข้างแก้มไอ้หาญ กลิ่นเหงื่อของมันไม่ได้ทำให้คุณปราณรำคาญใจแม้แต่น้อย ไม่ได้นึกรังเกียจเดียดฉันท์อันใดเลย ขอเพียงแค่ได้อยู่ใกล้มากกว่าที่เรือน ได้เบียดกายเข้าหาให้สองแขนล่ำนี้ได้โอบกอดร่างเขานี่คือสิ่งที่ต้องการ



“ความใกล้ชิดนี้ที่ข้ามอบให้ หากเอ็งมิต้องการก็ผลักออกเสียตั้งแต่ตอนนี้แล้วอย่าได้เจอกันอีก เพราะกลับจากนี้ไปข้าจะไปคุยเรื่องออกเรือนกับเจ้าคุณพ่อ แต่หากเอ็งมิได้รังเกียจและคิดเช่นเดียวกัน ก็จงใช้สองมือที่เอ็งมีรั้งข้าไว้เถิด”



สิ้นคำไอ้หาญใช้เวลาตรองเพียงเสี้ยววิก็รั้งตัวคุณปราณมากอดเต็มรัก อย่าได้พูดคำว่าอย่าได้เจอกัน อย่าให้มันได้ห่างจากคุณปราณมากไปกว่านี้ ตลอดหลายปีที่ได้แค่แอบมองแต่ไม่มีสิทธิ์ครอบครองแค่นี้ก็ทุกข์มากพอแล้ว มันตะโบมจูบที่อยากมอบให้อีกฝ่ายมานานอย่างไม่คิดว่าคุณปราณจะหายใจทันหรือไม่ จูบที่เร้าร้อนพร้อมไฟกามที่แผดเผาลุกลามไปทั่วกาย



คุณปราณร้องเสียงครางเครือเมื่อไอ้หาญบีบคลึงผิวเนื้อตนทุกสัดส่วน ก่อนมืออันหยาบกร้านของมันจะสอดเข้าในโจงกระเบนที่นุ่งอยู่แล้วบีบขยำบั้นท้ายตนอย่างมันมือ คุณปราณแอ่นบั้นท้ายให้ไอ้หาญพลางเอนซบไปบนอกแกร่ง ช่วงล่างของคนทั้งสองเบียดสีกันทั้งที่ปากยังเกี่ยวพันกันอยู่ อารมณ์ความกำหนัดของคนทั้งคู่พลุ่งพล่านยากจะหยุด จนไอ้หาญต้องอุ้มคุณปราณมาหลบที่หลังต้นไม้ใหญ่ แล้วใช้ส่วนโคนต้นบังพวกเขาทั้งคู่ไว้จากสายตาผู้คน ก่อนจะลงมือจูบไปตามผิวนวลที่ได้แตะต้องตามใจนึก



เสียงจูบอันหยาบโลนดังเบาๆ เรียกความกระสันได้เป็นอย่างดี คุณปราณปรือตามองคนที่คร่อมตนอยู่ซึ่งบัดนี้ผ้าเตี่ยวของมันหลุดลุ่ยจนเผยให้เห็นแก่นกายใหญ่โตที่ผงาดเต็มที่ คุณปราณตาโตก่อนจะเอื้อมมือไปแตะเบาๆ ไอ้หาญสะดุ้งเมื่อเห็นมือซนๆ ของคุณปราณแตะต้องส่วนนั้นของมัน



“เสียวเหลือเกินขอรับคุณปราณ” ไอ้หาญกระซิบบอกเมื่อมืออันนุ่มนิ่มของเจ้านายกอบกุมส่วนนั้นของมันไว้แล้วรูดรั้งช้าๆ



“เอ็งชอบไหม ข้าทำให้แบบนี้ชอบหรือไม่” คุณปราณช้อนสายตาถามซึ่งนั่นทำให้ไอ้หาญถึงกับกลืนน้ำลาย คุณปราณตั้งใจยั่วยวนมันไปถึงไหน แค่นี้ก็หลงจะแย่แล้ว



“คุณปราณทำสิ่งใดไอ้หาญชอบหมดขอรับ แค่คุณปราณเอ็นดูไอ้หาญขนาดนี้ก็ดีมากแล้วขอรับ”



“ทำไมมักน้อยนักเล่า ข้ายอมให้เอ็งขนาดนี้ไยถึงได้โง่เขลาไม่รีบตักตวงเสีย” คุณปราณถามขณะนั้นไอ้หาญก็ขยับโยกเอวช่วงล่างรับกับจังหวะรูดรั้งของคุณปราณด้วย โดยที่ตัวมันใช้แขนค้ำกับรากไม้ใหญ่เพื่อจะได้ไม่ทับร่างคุณปราณไปเสียก่อน



“บ่าวมิกล้า”



“งั้นเอ็งคงดีใจหากข้าต้องไปอยู่กับผู้อื่น ให้ผู้อื่นได้แตะต้องร่างนี้ก่อนที่เอ็งจะได้สัมผัส”



“มิได้ขอรับ บะ...บ่าวมิอยากให้คุณปราณไปอยู่กับผู้ใด ไม่อยากให้ใครได้เชยชมร่างนี้เลยขอรับ” พูดจบก็กดจูบทั่วใบหน้าหวาน คุณปราณจะรู้ไหมว่าตัวมันอยากตีตราเป็นเจ้าของร่างบางนี้ขนาดไหน อยากฝากฝังตัวตนเข้าไปในร่างนี้ใจแทบขาดแต่ก็ทำได้แค่หักห้ามใจให้คุณปราณใช้มือช่วย เพราะคำว่าไม่กล้าคำเดียว



“หาญ...เอ็งรักข้าไหม”



“รักที่สุด รักหมดใจดวงนี้เลยขอรับ” ไอ้หาญจับมือเรียวมาทาบอกที่ชื้นไปด้วยเหงื่อของมัน ก่อนจะใช้เสื้อของอีกฝ่ายซับเหงื่อให้คุณปราณ พวงแก้มสุกปลั่งเพราะอากาศร้อนอีกทั้งเหงื่อผุดซึมตามกรอบหน้าจนมันรู้สึกผิด



“ข้าก็รักเอ็งเช่นเดียวกัน ฉะนั้นอยากทำอะไรก็ทำเถิดข้ายอมเอ็งทุกอย่าง ขอเพียงทำให้ข้ามีความสุขก็พอ” ไม่พูดเปล่าคุณปราณยังหยัดตัวขึ้นพลางหันหลังให้ ผ้านุ่งที่หลุดลุ่ยถูกถลกขึ้นมากองที่บั้นเอวก่อนจะส่ายบั้นท้ายสีกับแก่นกายใหญ่โตเพื่อเชิญชวนให้มันเข้ามาในร่างตน



“กระนั้นให้ไอ้หาญได้เข้าไปในตัวของคุณปราณนะขอรับ”



“อืม...เข้ามาเลย...อ๊ะ...” สิ้นคำขอไอ้หาญก็ดันพรวดเข้ามาในร่างบางทันที คุณปราณสูดปากครางราวกินน้ำพริกเผ็ด ความเจ็บแสบแล่นริ้วไปทั้งกาย แต่เพราะมือหยาบของไอ้หาญกอบกุมส่วนนั้นพร้อมทั้งปลุกปั่น อีกทั้งความหื่นกระหายที่จะครองครองเขามันจึงทั้งเสียวซ่าน เจ็บปวดแต่สุขสมไปพร้อมๆ กัน



เสียงเนื้อกระทบกันยามไอ้หาญส่งกายเข้าหาร่างบางไม่ยั้ง ร่างเพรียวบางที่ไอ้หาญเคยเห็นด้วยตาบัดนี้พอได้จับจึงได้รู้ว่าเอวคุณปราณเล็กจนมันจับแค่สองมือก็พอดีแล้ว บั้นท้ายงอนแน่นที่เคยอยากขย้ำตอนนี้มันได้ขยำสมใจจนผิวแดงขึ้นริ้วแดงตามรอยมือ ไอ้หาญขบฟันกรอดเมื่อภายในคุณปราณตอดรัดตัวตนมันตุบๆ มันมองไปรอบกายด้วยเผื่อใครผ่านมาแถวนี้ทั้งที่ค่อนข้างแน่ใจว่าน้อยคนนักที่จะผ่านมา



“อ๊ะ...อ๊ะ...ซี้ด...ไม่ไหวแล้วหาญ ข้าจะไม่ไหวแล้ว...เร็วอีก...เร็วขึ้นอีก” คุณปราณสั่งเสียงพร่า มือสองข้างค้ำกับพื้นดินและไม่สนว่าเสื้อผ้าและร่างกายจะเปรอะเปื้อนมากแค่ไหน ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือแก่นกายใหญ่อวบที่กำลังสอดใส่ช่องทางด้านหลังเท่านั้น



ไอ้หาญเร่งจังหวะเอวตนถี่รัวตอกเข้าหาร่างคุณปราณจนตัวโยน มันค้ำมือคร่อมคุณปราณไว้โดยส่วนล่างก็ยังทำหน้าที่ไม่ขาด เสียงครางของคุณปราณทำให้มันเสียวถึงขีดสุด อีกทั้งความอุ่นที่โอบรัดตัวตนมันอยู่รัดตุบๆ จนท้ายที่สุดคุณปราณก็ทนไม่ไหวกับจังหวะเร่งเครื่องที่ถึงใจนี้สาวรั้งแก่นกายตนปลดปล่อยน้ำคาวขาวออกมา ส่วนตัวไอ้หาญเองก็ขยับอีกหลายทีตามมาติดๆ พร้อมเสียงคำรามก้อง



“อ๊า!! //อ่าส์!” ไอ้หาญกอดคุณปราณไว้แน่นราวกับกลัวอีกฝ่ายจะหาย ระหว่างที่แก่นกายของตนยังพ่นน้ำใส่ช่องทางสีสวยไม่ขาด ร่างใหญ่กระตุกหลายครั้งเพื่อรีดน้ำออกให้หมดส่วนคุณปราณนั้นถ้าไม่ได้มันกอดไว้คงทรุดลงไปนอนบนดินเสียแล้ว



ราวกับฝันไป ในตอนนี้ไอ้หาญได้ครอบครองร่างของบุคคลที่มันเฝ้าถนอมและคอยรักมาตลอดหลายปี ความสุขสมนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงใช่หรือไม่ คุณปราณเป็นของมันแล้วใช่หรือไม่



“ดีมาก...ดีมากหาญ ข้าชอบที่สุด” คุณปราณเอ่ยชม เขาเคยช่วยตัวเองก็หลายครั้งแต่ไม่มีครั้งไหนสุขสมใจได้เท่าครั้งนี้ อาจเพราะคนที่ตนพึงใจสอดใส่ร่วมรักกันก็เป็นได้



“หาญ...ไว้ครั้งหน้าค่อยมาชมบัวกันอีกนะ”



“ขอรับ”



ตั้งแต่นั้นคำว่า ‘ชมบัว’ ของคนทั้งสองก็ไม่ได้หมายถึงการดูดอกบัวอย่างที่คนอื่นเข้าใจอีกต่อไป



++++++++



เฮือก!!



แรงสะดุ้งตื่นสุดตัวของชายหนุ่มพร้อมเหงื่อที่ชุ่มแผ่นหลังทั้งที่เปิดแอร์ 18 องศา หลังจากจมอยู่กับความฝันไปค่อนคืน เขาหยิบรีโมตเครื่องปรับอากาศมาดูก็เห็นว่ามันอยู่ที่เลข 18 องศาอย่างที่เปิดไว้ก่อนนอนจริงๆ และเจ้าเครื่องทำความเย็นก็ยังทำเต็มประสิทธิภาพของมันแต่เขากลับเหงื่อชุ่มหลังจนเสื้อเปียกไปได้



“เฮ้อ...ดูหนังไทยมากไปเหรอวะกู” เจ้าตัวถอนหายใจกับสิ่งที่ฝันไปก็ต้องมาตกใจกับร่างกายของตนเอง เป้ากางเกงเขาเปียกเป็นด่างดวงและเมื่อถลกกางเกงบอลดูก็พบว่าตัวเองฝันเปียกเป็นที่เรียบร้อย



“ฝันเหี้ยไรวะเนี่ย โคตรสมจริงไอ้สัด” ณิชบ่นอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อไปอาบน้ำเนื่องจากตอนนี้เขากำลังจะไปทำงานสายแล้ว แน่นอนว่าไม่ลืมปลดปล่อยยามเช้าด้วย แต่เมื่อหลับตากลับนึกไปถึงความฝันที่ทำให้เขาสะดุ้งตื่นเมื่อครู่



คุณปราณกับไอ้หาญ ชื่อตัวละครจากหนังเรื่องอะไร ทำไมเขาจำไม่ได้ว่าเคยดูแต่กลับคุ้นชื่อนี้อย่างประหลาด











โปรดติดตามตอนต่อไป

หัวข้อ: Re: ▧▧ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ▨▨ 16/6/63
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 16-06-2020 09:45:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ▧▧ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ▨▨ 16/6/63
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 16-06-2020 19:28:30
บทที่ ๑



‘ณิช’ หนุ่มวัยทำงานอายุ 27 ปี รูปร่างสูงโปร่งสมส่วนที่ตอนนี้รับหน้าที่เป็นมัณฑนากรให้กับบริษัทหนึ่งอยู่ ชีวิตที่แสนเรียบง่ายตื่นเช้าไปทำงานตกเย็นก็กลับห้องพร้อมถุงกับข้าวที่ซื้อตรงปากซอยห้องพักทำให้เขาเป็นคนมีชีวิตที่ไม่ค่อยมีสีสันนัก ห้องพักที่อยู่ก็เป็นคอนโดฯ ขนาดไม่เกิด 30 ตารางเมตร ไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่เกินไป อีกทั้งค่าเช่าก็ถือว่าพอรับได้เขาจึงอยู่ที่นี่มาเกือบ 5 ปีแล้ว



เขาไม่มีครอบครัวเนื่องจากพ่อเสียตั้งแต่ยังเด็กและแม่ก็เพิ่งมาเสียไปได้สองปี มีญาติอยู่ต่างจังหวัดแต่ก็ห่างเหินเต็มทีเพราะเขาไม่ได้ไปสุงสิงด้วยเท่าไหร่นัก ทำให้ตอนนี้เขามีแต่งานกับเงินและเงินกับงานเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อน



ความอ้างว้างที่ได้รับหลังจากครอบครัวคนสุดท้ายจากไปไม่ได้ทำให้เขารู้สึกท้อแท้หรือสิ้นหวังแต่อย่างใด ยอมรับว่าเสียใจมากที่แม่ไม่อยู่ด้วยแล้วแต่จะทำอย่างไรได้เมื่อมะเร็งมันคร่าชีวิตของแม่ไป เขาจึงบอกตัวเองว่าหากไม่ตายตามก็ต้องเดินหน้าต่อ จึงพยายามทำงานให้หนักที่สุดเท่าที่ร่างกายนี้จะไหว และเก็บเงินไว้สักก้อนเผื่อไว้ใช้ยามฉุกเฉิน



[อยู่ไหนวะไอ้ณิช ลูกค้ามาเร่งงานแล้วเนี่ยเมื่อไหร่มึงจะมาถึงบริษัท] เสียงพี่โอ๋หัวหน้างานฝ่ายออกแบบโวยวายมาตามสายเมื่อลูกน้องสุดที่รักยังไม่ถึงออฟฟิศเสียที



"กำลังไปพี่ จะถึงแล้วเนี่ย" ณิชตอบทั้งที่จริงแล้วตอนนี้กำลังวิ่งพล่านหากุญแจไปทั่วห้องพัก เขากดตัดสายก่อนจะกดโทรออกหารุ่นน้องตนอีกที



"มิ้ง แกยังไม่ส่งแบบให้พี่โอ๋เหรอวะ"



[หือ...อาราย]



"ไอ้มิ้ง!! เมาใช่ไหมเนี่ย! " ณิชตะโกนลั่นลานจอดรถเมื่อได้ยินเสียงงัวเงียจากรุ่นน้องของตน เมื่อเย็นวานเขาบรีฟงานให้เพื่อให้มันแก้เป็นรอบสุดท้ายแล้วกำชับว่าห้ามลืมส่งให้พี่โอ๋ด้วย



[อื้อ! พี่ณิชเหรอ! แป๊บนะพี่ ขอเวลาแป๊บ] หญิงสาวพูดจบก็ได้ยินเสียงกุกกักตามสาย ณิชใส่แอร์พอตเพราะต้องขับรถไปด้วยพลางรอฟังว่าปลายสายจะว่าอย่างไร



[ส่งแล้วค่ะพี่ณิช พี่โอ๋ยังไม่ได้เหรอ]



"ไม่รู้เว้ย พี่โอ๋โทรมาโวยพี่เพราะลูกค้าตามงาน แล้วนี่แกจะเข้าออฟฟิศกี่โมง รีบๆ เลยเดี๋ยวไม่ทันนัดลูกค้าตอนบ่าย"



ณิชตัดสายไป ก่อนจะถอนหายใจครั้งที่เท่าไหร่ของชั่วโมงนี้ก็ไม่รู้ ปกติเขาตั้งนาฬิกาปลุกเวลาเดิมตลอด ต่อให้นาฬิกาไม่ปลุกก็จะตื่นเองอัตโนมัติเหมือนว่าร่างกายมันตั้งปลุกตัวของมันเอง แต่ทุกครั้งที่เขาฝันเห็นอะไรแบบย้อนยุคก็จะตื่นสายทุกทีเช่นวันนี้



ทั้งที่ฝันนั้นก็ไม่ได้มีเขาเกี่ยวข้อง ชื่อคนสองคนที่เขาก็ไม่เคยได้ยินแต่กลับคุ้นอย่างประหลาด แต่มันกลับทำให้เขาฝันซ้ำกันมาหลายเดือนแล้ว ไม่ได้ฝันติดต่อกันทุกวันก็จริงแต่ในหนึ่งอาทิตย์มันต้องมีบ้างล่ะที่ฝันถึง ตอนแรกๆ มันมาแค่แวบๆ ในหัวจากนั้นก็หายไป แต่ครั้งนี้มันยาวนานและสมจริงเกินไป เขาขอคาดโทษว่าเป็นเพราะมิ้งที่ชอบดูละครแนวย้อนยุคโบราณทำนองนี้แล้วเล่ากรอกหูเขาให้ฟังทุกวันแน่ๆ ไม่งั้นเขาคงไม่เก็บไปฝันเป็นตุเป็นตะจนฝันเปียกแบบนี้หรอก



กว่าจะฝ่าการจราจรมาถึงที่บริษัทได้ก็ทำเอารนจนแทบอยู่ไม่ติด กุลีกุจอหอบข้าวของของตัวเองเข้าบริษัทไป ก่อนจะเจอกับพี่โอ๋หัวหน้าฝ่ายที่ทำหน้าถมึงทึงมองเขาอยู่



"กูปวดหัวกับมึงจริงๆ ไอ้ณิช ไอ้น้องเวร! " ณิชย่นคอเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเข้ามาทุบตีเขาให้ได้ ถ้าไม่ได้พนักงานในบริษัทช่วยกันปรามเขาคงเละ



“มิ้งบอกว่ามันส่งงานให้พี่แล้วไง ทำไมพี่ไม่ส่งให้ลูกค้าดูล่ะ” ณิชพูดพลางเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง แน่นอนว่ามันไม่ค่อยเป็นระเบียบนักแต่ก็ไม่รกขนาดถึงกับดูไม่ได้ เพราะมิ้งชอบมาเก็บมาจัดให้โดยให้เหตุผลว่าความสะอาดของรุ่นพี่มันส่งราศีมาถึงรุ่นน้อง



“ถ้าเขาแค่อยากดูงานอย่างเดียวก็ดีไงวะ ไม่งั้นกูคงไม่ต้องโทรหามึงให้ปวดหัวหรอก แต่นี่เขาอยากคุยกับหัวหน้าทีมที่คุมงานเขาด้วยเว้ย”



“ปกติเขาส่งเลขาฯ มาคุยตลอดนี่ แล้วเขาอยู่ไหนล่ะ”



“กลับไปแล้ว รอมึงไม่ได้”



“อ่าว เออ...แล้วจะให้ไปเจออีกทีเมื่อไหร่ เขาได้นัดไว้ไหมพี่”



“เดือนหน้า มึงว่างไหมล่ะ ประมาณวันที่ 10 เขาล็อกวันไว้แล้ว” โอ๋ตอบ ณิชพยักหน้าก่อนจะเปิดปฏิทินตั้งโต๊ะดูว่าตัวเองมีคิวหรือไม่ วันนี้สิ้นเดือนพอดีอีกตั้ง 10 วันกว่าจะถึงวันนัด



“น่าจะว่างมั้ง ไม่รู้ดิไม่แน่ใจ เดี๋ยวค่อยโทรไปนัดกับเขาอีกทีก็แล้วกัน”



“เออ เพราะถ้ามึงพลาดนัดเขาครั้งต่อไปกูบอกเลยว่ามึงได้ออกต่างจังหวัดยาวๆ ไอ้ห่าณิช” ชายหนุ่มร่างท้วมยิ้มฮึเพราะรู้ดีว่าลูกน้องตนคนนี้ขยาดกับการขับรถออกต่างจังหวัดมากขนาดไหน



“เห้ย! ผมไม่ลงพื้นที่เองนา ผมบอกพี่แล้วว่าไอ้มิ้งจะไป”



“แต่เขาไม่ไว้ใจ เขาบอกจะให้คนดูแลโปรเจ็คนี้ไปคุมงาน วังเลยนะเว้ยมึงจะให้น้องมึงจัดการเองหมดรึไง คุณแขเขากำชับมาด้วยว่าแขกวีไอพีต้องดูแลให้ดีที่สุด”



ณิชถอนหายใจอีกรอบ เรื่องออกแบบภายในเขาไม่เป็นสองรองใครในบริษัทนี้ แต่เรื่องให้ออกต่างจังหวัดเขาคร้านจะเดินทางเหลือเกิน ส่วนใหญ่จึงรับงานแค่ภายในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑลเท่านั้น แต่นี่อยู่ไกลถึงทางใต้แค่คิดก็รู้สึกเหนื่อยรอแล้ว



มิ้งมาถึงที่ออฟฟิศในเวลาต่อมา สาวเจ้าที่ออกท่าทางห้าวผสมเซอร์ๆ เดินหัวหยิกฟูมาแต่ไกล หน้าตาเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนก่อนจะมายืนหาววอดใหญ่อยู่ข้างโต๊ะรุ่นพี่ ณิชเป็นรุ่นพี่ที่มหา’ ลัยซึ่งชวนมิ้งให้มาทำงานที่นี่ด้วยกัน เธอได้มาเป็นลูกน้องของณิชราวสองปีกว่าแล้ว



เธอชื่นชมรุ่นพี่คนนี้ตลอดเพราะณิชทำงานเก่งมาก เป็นคนคิดงานได้ไวแรงบันดาลใจมีเหลือล้น พลังคนทำงานมีแบบอันลิมิตแถมงานยังเนี้ยบที่สุด อีกทั้งความใจดีที่ทำให้เธอเทใจยอมทำงานถวายหัวให้รุ่นพี่คนนี้



“เมื่อคืนดึกรึไง”



“อือ...ไปกับไอ้บอยมา แต่วันนี้มันลางานบอกไม่ไหว” มิ้งตอบเสียงอู้อี้หยิบแล็ปท็อปออกมาเปิดเพื่อทำงานต่อ



ณิชจัดการโทรหาลูกค้าคนที่ตนมาเจอไม่ทัน รอสายอยู่นานอีกฝ่ายก็ยังไม่มีทีท่าจะรับเลยวางสายไป หาข้าวกินเป็นมื้อเช้าบวกมื้อเที่ยงก่อนแล้วกันค่อยโทรหาอีกครั้ง



“คุณแขไม่เข้าออฟฟิศเพราะพี่โอ๋” ณิชถามขณะยกกาแฟแก้วละ 20 บาทขึ้นดูดปรื้ดเดียวทำเอาจี๊ดขึ้นสมอง



“เข้า...แต่ออกไปกับลูกค้ามึงนั่นแหละ”



“นี่ เอาจริงเลยนะพี่ ลูกค้าคนนี้ผมไม่เคยเห็นหน้าเลยว่ะ วันนี้ที่เขาโผล่มาผมก็ไม่ได้เจออีกทำตัวลึกลับฉิบหาย”



“ถ้ามึงเจอมึงจะร้องโอ้โห”



“ทำไม”



“หน้าดุเหี้ยๆ อกงี้กว้างโคตร มึงเรียกริสามาถามได้เลย ริสาๆ มานี่หน่อย” โอ๋ลุกขึ้นเรียกหญิงสาวคนหนึ่งให้มาหาตน ริสารีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มที่เห็นเหล็กดัดฟันทั้งปาก



“บอกไอ้ณิชไปหน่อยว่าลูกค้ามันเป็นไง”



“หือออ หล่อมากกก หน้างี้ไทยสุดๆ อกกว้างจนหนูอยากซบเลยพี่ณิช แต่เสียดายที่เขาน่าจะเป็นของคุณแขไปแล้ว”



“อ่าว แฟนคุณแขเหรอ” ณิชถามเมื่อเห็นว่านี่คือเรื่องใหม่ที่ตนได้รู้



“ไม่รู้สิพี่ แต่คิดว่างั้นนะ คุณแขส่งสายตาหวานเยิ้มให้ตลอดเลย เดินกอดแขนกันออกไปเนี่ยพี่คิดว่าแค่เพื่อนเหรอ” ณิชพยักหน้าอย่างเก็บข้อมูล หากเขาอยากได้โบนัสในปีนี้คงต้องประเคนงานให้ลูกค้าคนนี้ให้ถึงใจเพราะไม่อย่างนั้นคงอดได้ เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงคนรู้ใจของคุณแขไขเจ้าของบริษัทนี้



หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จและณิชกำลังจะไปคุยงานกับลูกค้าอีกรายโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ที่คุ้นเคยจึงกดรับ



“สวัสดีครับคุณรัศมี”



[สวัสดีค่ะคุณณิช วันนี้เจ้านายกับหมีเข้าไปหาคุณที่ออฟฟิศแล้วแต่คุณโอ๋บอกว่าคุณยังไม่มาทำงาน...]



‘รัศมี’ คือลูกค้าที่คอยติดต่อดีลงานกับเขาแทนเจ้านายที่มาเมื่อเช้านั่นแหละ เขาได้คุยกับรัศมีเพียงเท่านั้นยังไม่เคยเจอเจ้านายของหญิงสาวและพูดคุยกันเลยสักครั้ง หากมีอะไรปรับแก้ไขฝ่ายนั้นจะส่งมาเป็นอีเมลแทน หรือถ้าจะพูดคุยก็จะส่งรัศมีมาแทน ทำตัวลึกลับประหนึ่งตัวเองคือบุคคลสูงศักดิ์อย่างนั้นแหละ



“ได้ครับคุณหมี แล้วเจอกันวันที่ 10 นะครับ ครับ สวัสดีครับ”



“คุณรัศมีว่าไงบ้างพี่ เขาด่าไหม” มิ้งถามทันทีเมื่อณิชวางสายแล้ว ตอนนี้พวกเขาอยู่บนทางด่วนกำลังจะออกต่างจังหวัดแต่ก็ยังอยู่ในเขตปริมณฑลเพื่อไปดูงานของลูกค้าอีกคน



“ไม่ว่ะ เขาใจดีมากแถมยังบอกด้วยว่าเจ้านายไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรเพราะเมื่อเช้าก็ไปแบบไม่ทันให้ตั้งตัว แต่วันที่ 10 ห้ามเลทเด็ดขาด”



“โอเค งั้นหนูจะเตือนพี่อีกทีก็แล้วกัน” มิ้งบอกไม่ลืมลงแจ้งเตือนไว้ในมือถือด้วย



ทั้งคู่มาพบลูกค้าในโครงการบ้านจัดสรร อยู่คุยและดูงานกับทีมช่างที่ทำงานไปแล้วกว่าครึ่งว่าได้อย่างที่ลูกค้าต้องการหรือไม่ก่อนจะเดินทางกลับ ระหว่างนั้นก็แวะหาร้านอาหารกินข้างทาง



“ว้ายยยยย งื้อออออ หนูเกือบลืม คืนนี้มีฉากฟินในเรื่องนี่นา” อยู่ๆ มิ้งก็เขินบิดตัวแทบม้วนลงไปใต้โต๊ะทำเอาคนที่มาด้วยงุนงงไม่เบา



“อะไรของแก”



“ก็เรื่องที่หนูเคยเล่าให้พี่ณิชฟังบ่อยๆ ไง ‘ห้วงรัก’ ที่พระเอกหล่อๆ นางเอกสวยๆ นี่ๆ คืนนี้เขามีฉากจูบกันด้วยพี่ งื้ออออ หนูเขิน” พอมิ้งเฉลยณิชก็ถึงกับถอนหายใจกลอกตามองในทันที เพราะไอ้เรื่องนี่แหละที่มันเป่าหูเขาจนหลอน



“ยังไม่จบอีกเหรอวะ นานแล้วนะเว้ยจะเป็นเดือนละเนี่ย”



“มันมี 2 ซีซั่นอ่ะพี่ อันนี้หนูดูย้อนเอา ดูวนๆ รอตอนใหม่” เพราะเธอไม่มีเพื่อนสนิทในที่ทำงาน สนิทที่สุดก็พี่ณิชนี่แหละเวลามีอะไรที่อยากกรี๊ดกร๊าดจึงบอกกับชายหนุ่มเป็นคนแรก



“เออ แกรู้ไหมว่าพี่หลอนเรื่องนี้จนเอาไปฝัน เสือกฝันเป็นตุเป็นตะเลยด้วย”



“จริงเหรอ ฝันว่าไรเล่าเลย เผื่อหนูจะเอาไปเขียนเป็นนิยาย ตอนนี้หนูอยากเขียนนิยายแนวนี้มากอ่ะ”



“งานที่ทำอยู่ยังยุ่งไม่พอสินะ”



“โห่ พี่ณิช งานที่ทำอยู่มันเครียด เอาเรื่องที่ไม่เครียดมาทำให้จรรโลงใจมันดีกว่าน่ะพี่ เล่ามาๆ”



“ก็ไม่มีอะไร ฝันว่าเจ้านายกับบ่าวเขาได้กันที่บึงบัว” ณิชเล่าแบบสั้นๆ จบครบในประโยคเดียว แต่ไม่ได้บอกว่าตนมีอารมณ์ร่วมไปกับฝันของตัวเองด้วย ขืนบอกไปมิ้งคงขำตาย



“อ๋อ ท่านเจ้าพระยามีเมียบ่าวเป็นอีอิ่มอีเยื้อนไรพวกนี้ใช่ป่ะ คนสมัยก่อนเขามีเมียเป็นทาสเยอะมาก”



“ไม่ใช่ ฝันของพี่คือเจ้านายที่เป็นผู้ชายลูกท่านออกญาฯ แอบลอบได้เสียกับบ่าวผู้ชายเว้ย คุณปราณกับไอ้หาญเขาได้กันแบบโคตรดุเดือด พล็อตหลุดโลกเลยไหมล่ะ ผู้ชายได้กันเองสมัยอดีต” ณิชพูดก่อนจะซัดข้าวหมูกรอบเข้าปากไปคำใหญ่ มิ้งถึงกับอึ้งไปก่อนจะตีมือเขารัวๆ



“กรี๊ดดดด หนูชอบๆ ขอยืมไปใช้แต่งนิยายบ้างนะพี่ ยืมพล็อตเลย มันได้เว้ยผู้ชายได้กันแถมยังแอบได้กันอีก เร้าใจโคตร ว่าแต่ในฝันเขาชื่อคุณปราณกับไอ้หาญเหรอ แปลกว่ะจำชื่อคนในฝันได้ ฮ่าๆๆ” ณิชชะงักไป แปลกจริงด้วยที่เขาจำเรื่องราวในความฝันได้แม่นราวกับไปอยู่ตรงนั้นเสียเองและมันยังติดอยู่ในความทรงจำ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะมันก็แค่ความฝัน



“ถ้าพี่ฝันแนวนี้อีกมาบอกด้วยนะพี่ หนูจะเอาไปเขียนนิยายจริงๆ”



“ถ้าเขียนแล้วออกหนังสือพี่ของ 20%” เขาหยอกกลับไปทั้งที่ใจคิดว่าคงไม่ฝันอะไรแนวนี้บ่อยๆ หรอก



“โห! อย่างงก!” จบบทสนทนาเพียงเท่านี้พวกเขาสองคนก็ทานอาหารตรงหน้าจนหมด



ณิชกลับมาถึงบ้านในช่วง 3 ทุ่มหลังจากที่ลุยงานต่อกับมิ้งจนเลยเวลางานมามากโข วันนี้มื้อเย็นเขากินมาจากข้างนอกแล้วทำให้ไม่ต้องหิ้วแกงถุงขึ้นห้อง ระหว่างที่รอลิฟต์ก็สไลด์มือถือดูความอัปเดตคืบหน้าบนโซเชียลมีเดียต่างๆ เห็นมิ้งโพสต์ในเฟซบุ๊กว่าจะแต่งนิยายแนวพีเรียดและจะสร้างแฟนเพจเพื่อให้แฟนนิยายเข้ามากดติดตามด้วย เขาขำกับความจริงจังของมันที่ดูจะทุ่มเทกับเรื่องแบบนี้มากกว่าเรื่องงานเสียอีก



ติ๊ง!



เครื่องโดยสารสี่เหลี่ยมเปิดออกไม่มีใครอยู่ในนั้นเขาจึงเดินเข้าไป กดลิฟต์ไปยังชั้นห้องของตัวเองก่อนจะรู้สึกได้ว่าตัวลิฟต์มันวูบไหว จากที่ก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือกลายเป็นต้องเงยหน้าเพื่อสังเกตว่าลิฟต์มันมีปัญหาหรือไม่ แต่เมื่อดูๆ ไปมันก็ยังทำงานปกติ คงเป็นเขาที่ก้มหน้าเล่นมือถือทำให้รู้สึกวูบๆ ไป



พรึบๆ



ไฟในลิฟต์กระพริบทำเอาณิชถึงกับเงยหน้าขึ้นไปมองช้าๆ ภาวนาว่าไม่ว่าอย่างไรก็ขอให้มันถึงชั้นของเขาก่อนเถอะ จะค้างจะเสียยังไงค่อยว่ากัน



พรึบ!



แต่คำขอไม่เป็นผลเมื่อหลอดไฟที่เคยกระพริบดับไปแล้วอย่างถาวร แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่ณิชกลัวเข้าไส้คือสิ่งที่มองไม่เห็น ไม่ว่าคำกล่าวถึงมันที่ว่าพลังงานบ้างอย่างหรือดวงวิญญาณ ท้ายสุดสำหรับเขาแล้วมันก็คือผี ผีคือสิ่งที่เดาใจไม่ได้และเขาไม่อยากเจอที่สุด



“ไอ้สัดมาค้างไรตอนนี้วะเนี่ย ช่วยด้วยครับ! มีคนติดอยู่ในลิฟต์!” ณิชกระแทกปุ่มช่วยเหลือรัวๆ อย่างคนสติแตก เขากลับความมืด กลัวสิ่งที่มองไม่เห็น กลัวบรรยากาศที่ทำให้เขาอึดอัดแทบหายใจไม่ออกนี้



หัวข้อ: Re: ▧▧ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ▨▨ 16/6/63
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 16-06-2020 19:29:01


กว่าจะมีคนมาช่วยและออกมาได้ก็กินเวลาไปราวสิบนาที ณิชวิ่งเข้าห้องไปนั่งหอบอยู่บนโซฟา ใจเต้นโครมครามแทบหลุดจากอกเพราะความตื่นกลัว



วูบ



วูบหนึ่งที่มีลมพัดผ่านตัวเขาไปจนขนลุกเกลียว ณิชตัวเกร็งในทันทีก่อนจะนึกได้ว่าตัวเองแง้มบานประตูระเบียงไว้เพื่อที่ห้องจะได้ไม่อับ เขาไม่กลัวเรื่องใครจะมาขโมยของในห้องเพราะชั้นที่อยู่สูงพอสมควรจึงเปิดประตูระเบียงไว้ได้ทั้งวัน



“แม่ง...ทำกูหลอนจริงๆ” ณิชบ่นกับตัวเองก่อนจะเปิดทีวีเป็นเพื่อนเพื่อบรรยากาศจะได้ไม่เงียบนัก เขาเข้าไปอาบน้ำเสร็จก็ออกมาดูทีวีและเปิดอีเมลเช็คงานอีกรอบ คุณรัศมีส่งอีเมลมาเป็นลายลักษณ์อักษรว่าขอทำการนัดหมายอย่างที่คุยกันวันนี้ โดยชื่ออีเมลติดชื่อของเจ้านายเธอไว้ด้วย รอบคอบเสียจนเขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้โคตรเก่ง



เมื่อเข้านอนเขาไม่ลืมเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำปอด พลางคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าที่ทำให้เขาต้องโดนพี่โอ๋ด่าเรื่องไปทำงานสายทั้งที่ไม่เคยเป็นเลยสักครั้งเดียว ก่อนที่ห้วงนิทราจะค่อยๆ คืบคลานเข้ามาและกลิ่นหอมสุดท้ายที่ณิชได้กลิ่นมันช่างหอมอวลราวเขากำลังนอนอยู่บนกองกลีบดอกไม้



“คุณปราณ...อีกแล้วเหรอ” เสียงพึมพำราวคนละเมอเอ่ยออกมาก่อนคนนอนหลับจะพลิกตัวไปอีกทาง



- - - - - - - - -



วันนี้บุตรสาวของออกญาณรงค์ภักดีได้มาเยือนเรือนของออกญาศรีรัตนกรพร้อมบ่าวอีกสองคน ซึ่งในมือบ่าวทั้งสองมีทั้งตะกร้าหวายที่พร้อมเครื่องคาวหวานอีกทั้งมาลัยที่กรองเสร็จเมื่อย่ำรุ่ง ถือเป็นของฝากที่หญิงสาวตั้งใจนำมามอบให้คุณหญิงราตรีดั่งที่ทำเป็นประจำ



ร่างระหงส์องค์เอวงามหยดแม้เห็นเพียงแค่เงาทำให้บ่าวในเรือนนี้ต่างพูดกันไม่ขาดปากว่าคุณนวลจันทร์ช่างงามราวนางฟ้านางสวรรค์จำแลงกายลงมา ผมเกล้าประดับทัดดอกจำปีส่งกลิ่นอวลยามเดินผ่าน ผิวพรรณผุดผาดไร้ตำหนิให้ได้ระคายตา อีกทั้งรอยยิ้มและท่าทางแช้มช้อยนั้นก็งดงามสมลูกผู้มียศ



“กราบเจ้าค่ะคุณหญิงป้า” นวลจันทร์นั่งพับเพียบข้างตั่งเตี้ยซึ่งคุณหญิงราตรีได้นั่งอยู่ อีกฝ่ายรับไหว้ก่อนจะยกตัวสาวเจ้าให้ขึ้นมานั่งทัดเทียมกัน เพราะนวลจันทร์หาใช่คนอื่นคนไกลไม่ เป็นถึงว่าที่ภรรยาของลูกชายที่ทาบทามไว้ตั้งแต่อายุได้สัก 3 ขวบปี

“นังอาบ...เอ็งไปเรียกพ่อปราณมาสิ จะชักช้าให้แม่นวลจันทร์รออยู่ไย” คุณหญิงราตรีหันไปสั่งบ่าวคู่ใจ ก่อนจะหันมาคุยกับนวลจันทร์ต่อถึงมาลัยที่ตั้งใจกรองมาให้ตนช่างสวยงดงามหาใดติได้



ก๊อกๆ



“คุณปราณเจ้าขา คุณหญิงท่านให้มาตามไปพบเจ้าค่ะ คุณนวลจันทร์เธอมาเจ้าค่ะ แต่งตัวงามมาเลยนะเจ้าคะ คุณปราณออกมาสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”



‘ยายอาบ’ บ่าวคนเก่าคนแก่ของเรือนอีกทั้งเป็นบ่าวที่รับใช้คุณหญิงราตรีมาตั้งแต่ยังเล็ก อยู่ด้วยกันมาจนคุณปราณโตเป็นหนุ่มจะออกเรือนได้แล้วมันก็ยังทำหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่อง เสียแต่มันมีข้อเสียอยู่อย่างตรงชอบเอะอะมะเทิ่งไปเสียหน่อย ปากร้ายแต่ก็ใจดีจนเป็นที่รักใคร่ของบ่าวคนอื่นๆ



แต่สำหรับคุณปราณแล้วในเวลานี้ยายอาบคือบุคคลที่น่ารำคาญที่สุด ขนาดปิดประตูห้องหับเงียบเชียบเช่นนี้มันก็ยังจะเรียกขานกันได้ อีกทั้งยังคะยั้นคะยอให้ไปเจอแม่นวลจันทร์ทั้งที่ตนยังอยากอยู่ในอ้อมกอดของไอ้หาญบนเตียงหลังนี้ไม่ไปไหน



“ยายอาบมาตามแล้วนะขอรับ บ่าวคงต้องไปแล้ว” ไอ้หาญบอกคนตัวเล็กที่ยังซุกอกเปลือยของตนไม่ห่าง คุณปราณกอดมันแน่นเสียยิ่งกว่าลูกลิงก่อนจะส่ายหน้ากับอกของมัน



“ข้าไม่อยากห่างจากเอ็งเลยหาญ อยากนอนอยู่แบบนี้ไม่อยากลุกไปไหนไม่เจอใครเลย” คุณปราณว่าอย่างเอาแต่ใจ หากเป็นไปได้ก็อยากจะขังบ่าวคนนี้ไว้ในห้องจะได้ไม่ต้องปีนขึ้นเป็นลงหน้าต่างห้องเขาให้ได้แผล



คุณปราณเรียกไอ้หาญไปทุกคืน โดยให้มันแอบปีนต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นอยู่ข้างหน้าต่างห้องคุณปราณพอดิบพอดีในการเข้าออกห้องนี้ และจะปล่อยให้มันกลับไปก็ช่วงสายโน่นแหละ ดีที่ห้องตรงนี้เป็นส่วนหลังของเรือนไม่ค่อยมีคนเดินมาเท่าไหร่นัก อีกทั้งคุณปราณกำชับนักกำชับหนาว่าห้ามให้บ่าวคนใดมาป้วนเปี้ยนแถวนี้เป็นอันขาดเพราะไม่ชอบใจในเสียงเอะอะยามพวกบ่าวมันคุยกันนัก บ่าวในเรือนจึงเป็นอันรู้กันว่าส่วนหลังห้องท้ายเรือนนี้เป็นที่ของคุณปราณห้ามใครมายุ่งแม้แต่ไอ้มั่นก็ตาม



แน่นอนว่าเรื่องนี้หาได้ผู้ใดรู้ไม่ คนทั้งสองยังลอบไปชมบัวอยู่หลายครั้งและไอ้หาญก็ลอบปีนห้องคุณปราณมานอนกกกอดร่างน้อยนี้อยู่หลายครา มันเฝ้าถนอมผิวเนื้อนุ่มพรมจูบไปทุกสัดส่วนทั้งที่ใจอยากตะโบมจูบและขย้ำร่างนี้ให้จมอกแต่ก็ทำไม่ได้ คุณปราณเหมือนแก้วเปราะบางที่ไอ้หาญอยากประคองกอดไว้ทุกค่ำคืน



ยิ่งผ่านคืนวันที่ได้รับรู้ความรู้สึกของกันและกันมันยิ่งหลงรัก คุณปราณเมตตามันมาก ให้มันได้ตักตวงจากร่างบางขาวเนียนนี้ได้ไม่มีเบื่อ รสชาติกามและบทรักที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้กันราวสิ่งมึนเมาที่ไม่ว่าจะดื่มกินสักเท่าไรมันก็ยังไม่เพียงพอ อยากละเมียดลิ้มลองจนไม่อาจหักห้ามใจได้



ก๊อกๆๆ



“คุณปราณเจ้าขา ยังไม่ตื่นหรือเจ้าคะ งั้นบ่าวจะไปเรียนคุณหญิงแล้วนะเจ้าคะ คุณปราณเจ้าขา เยี่ยมหน้าออกมาให้บ่าวเห็นสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ บ่าวห่วงกลัวคุณปราณจะเป็นอะไรไม่สบายตรงไหนนะเจ้าคะ ไอ้มั่น! มึงช่วยกูเรียกคุณปราณหน่อยซิ นายมึงเงียบไม่ส่งเสียงเช่นนี้เกรงว่าจะอ่านตำราจนจับไข้แล้วกระมัง” ยายอาบที่ยังทนเรียกอยู่หน้าห้องไม่ยอมแพ้ ปกติคุณปราณมิใช่คนตื่นสายให้ตะวันแยงก้นเช่นนี้ แต่นี่ผิดวิสัยส่วนตัวของคุณเขามากโขจนมันอดร้อนใจมิได้จึงเรียกไอ้มั่นให้มาช่วยอีกแรง แต่หากคุณปราณยังไม่ส่งเสียงมันจะให้ไอ้มั่นปีนหน้าต่างไปดูแล้วหนา



“บ่าวต้องไปแล้วขอรับ ไม่งั้นยายอาบสั่งไอ้มั่นเข้ามาในห้องแน่ๆ”



“กระนั้นเอ็งก็จงมอบจุมพิตแสนหวานให้ข้าก่อนจาก มิเช่นนั้นคืนนี้อย่าคิดว่าจะได้เชยชมตัวข้าอีก” ไอ้หาญได้ยินดังนั้นมันจึงก้มลงไปประกบปิดกลีบปากนุ่มที่มักออกคำสั่งนี้เสีย ร่างบางที่เต็มใจโดนรุกรานเปิดปากออกเพื่อรับลิ้นร้อนของบ่าวที่ตนพึงใจสอดกวาดเข้ามาในโพรงปากของตน เสียงครางเครือดังขึ้นเบาๆ พร้อมน้ำลายที่เปรอะย้อยออกทางข้างปากเล็กน้อย ก่อนไอ้หาญจะถอนจูบออกไปเมื่อได้ยินเสียงเคาะประดูอีกครา



“คืนนี้บ่าวจะมาหาอีกนะขอรับ”



“อืม ข้าจะรอ” คุณปราณกอดไอ้หาญที่กำลังจะปีนหน้าต่างออกไป ไอ้หาญชะงักเท้าหันกลับมาจูบอีกฝ่ายอีกครั้งราวคนกำลังกระหาย ส่วนนั้นของมันโป่งนูนออกมาจนทิ่มหน้าท้องคุณปราณ มือเรียวซุกซนคว้าหมับเข้าให้แล้วคลึงเบาๆ ผ่านผ้าที่ไอ้หาญนุ่ง เพราะใจเขาก็ยังไม่อยากให้ไอ้หาญจากไปเช่นเดียวกัน



“อย่าขอรับ คุณปราณก็รู้ว่าบ่าวไม่เสร็จได้ในครั้งเดียว”



“คืนนี้นะหาญ อย่าลืมนะ”



“ขอรับ แต่บ่าวอยากขออะไรคุณปราณสักอย่างได้หรือไม่ขอรับ”



“อะไร หลายอย่างก็ได้”



“เรื่องคุณนวลจันทร์...อย่านั่งใกล้กันมานะขอรับ บ่าว...”



“ได้สิ ข้าจะไม่นั่งใกล้ใครนอกจากนั่งบนตัวหาญคนเดียว” เสียงกระซิบกระเส่าที่เจ้าตัวจงใจกระซิบข้างหูบ่าวตัวโตทำไอ้บ่าวที่กล้าขอกับนายถึงกับยิ้มกว้าง มันถือดีหอมแก้มคุณปราณฟอดใหญ่แต่ร่างบางก็เอียงหน้ารับให้มันหอม ก่อนจะต้องจากกันจริงๆ เมื่อยายอาบบอกให้ไอ้มั่นให้ลงไปปีนหน้าต่างเพื่อดูว่าคุณปราณเป็นอะไรรึไม่



กึก! ครืดดด



“กระไรรึยายอาบ ส่งเสียงโหวกเหวงดังจนข้านอนมิได้” คุณปราณเปิดประตูออกไปทันไอ้มั่นที่กำลังจะลงจากเรือนพอดี ไอ้มั่นรีบคลานกลับมาหาก่อนจะทำหน้ายุ่งใส่ยายอาบ



“ข้าก็บอกแล้วว่าคุณปราณท่านตื่นเวลานี้ปกติ ตอนกลางคืนข้าห็นแสงไฟลอดออกมาจากในห้องดึกๆ ดื่นๆ เพราะคุณปราณท่านอ่านตำราและเอกสารงานราชการจึงไม่แปลกที่จะตื่นเวลานี้ ยายอาบนี่ก็ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปได้” ไอ้มั่นที่มันถือว่าตัวรู้ใจคุณปราณที่สุดบอกหน้ายุ่ง มันนอนหน้าห้องคุณปราณแทบทุกคืนไยจะไม่รู้ว่าเจ้านายมันทำอะไรบ้าง มีแต่ยายอาบนี่แหละที่คิดมั่วไป



“เอ้า! ก็กูไม่รู้ บ่าวขออภัยเจ้าค่ะคุณปราณ บ่าวร้อนใจเพราะกลัวคุณนวลจันทร์เธอจะรอนาน พอดีคุณนวลจันทร์เธอมาเจ้าค่ะ คุณปราณไปพบเธอหน่อยนะเจ้าคะ เธอทำขนมหวานมาฝากด้วยเจ้าค่ะ” ยายอาบพูดพร้อมยิ้มโชว์ฟันดำที่หักไปหลายซี่แล้ว



คุณปราณพยักหน้ารับก่อนจะปิดประตูห้องให้เรียบร้อยจากนั้นก็เดินตามยายอาบไปยังโถงที่ไว้รับแขก ตอนนี้ท่านออกญาฯ ได้สั่งให้ปลูกเรือนเพิ่มขึ้นมาอีกหลังเพื่อจะใช้เป็นเรือนหอ ตรงส่วนนี้ก็จะกลายเป็นหอกลางหลังจากเรือนหอของคุณปราณเสร็จ



“ข้าไหว้เจ้าค่ะคุณพี่” นวลจันทร์ยกมือไหว้ผู้มาใหม่ในทันที ถึงแม้รูปร่างของคุณปราณจะไม่ได้กำยำล่ำสันเหมือนขุนน้ำขุนนางติดยศรับราชการในวัง แต่กระนั้นหน้าตาที่หล่อเหลาอีกทั้งเป็นถึงลูกท่านออกญาฯ ซึ่งยศใหญ่กว่าบิดาของเธอทำให้เธอพึงใจในชายหนุ่มได้ไม่ยาก



คุณหญิงราตรีบอกว่าตอนนี้คุณปราณเพิ่งกลับมาจากร่ำเรียนวิชากับท่านพระครู อีกประเดี๋ยวราวสักเดือนสองเดือนนี้ท่านออกญาฯ จะพาเข้าวังเพื่อไปสอบราชการ หากได้ยศได้ตำแหน่งก็คงจะทันงานแต่งงานพอดี ถือว่าเธอจะได้สามีเป็นผู้มียศมีศักดิ์อย่างแน่นอน



“เอาขนมมาให้คุณหญิงแม่อีกแล้วรึ” คุณปราณรับไหว้ พร้อมส่งรอยยิ้มคืนให้หญิงสาวที่นั่งเหนียมอายด้วยความเขินยามชายหนุ่มนั่งลงไม่ไกลกัน



“เจ้าค่ะ ข้าเพิ่งทำขนมทองหยิบกับฝอยทองถวายพระเมื่อเช้าเจ้าค่ะ จึงแบ่งมาให้คุณหญิงป้าได้ลองชิมบ้างว่าฝีมือข้าพอใช้ได้หรือไม่”



“แหมๆ เจ้าก็ถ่อมตนเกินไปหนา อย่างที่เจ้าทำเขาไม่เรียกพอใช้ดอก เรียกว่าอร่อยรสชาติดีเลยล่ะ ขนมนี้ถอดแบบมาจากชาววังเองเลยเชียวพ่อปราณลองชิมขนมของน้องสิลูก” คุณหญิงราตรีส่งจานขนมที่ถูกจัดสวยงามให้ลูกชาย คุณปราณรับมาก่อนจะเอาไม้จิ้มชิมแล้วพยักหน้ารับ



“อร่อยมาก”



“ขอบน้ำใจเจ้าค่ะ” นวลจันทร์รับคำด้วยท่าทีขวยเขินเช่นเดิม คุณหญิงราตรีเห็นดังนั้นจึงขอตัวเพื่อให้คนทั้งสองได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน โดยไม่ลืมกำชับว่าให้ลูกชายตนพานวลจันทร์ไปนั่งเล่นที่ท่าน้ำเพราะตรงนั้นลมโกรกเย็นสบาย



“เจ้าคุณอาเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือไม่” คุณปราณถามพลางนั่งลงที่เรือนท่าน้ำ โดยไอ้มั่นและบ่าวสองสามคนจัดที่ทางให้เรียบร้อยแล้วก่อนจะหลบฉากออกไป เขาเห็นปลายหางตาว่าไอ้หาญกำลังทำงานอยู่ไม่ไกลนักและกำลังมองมาทางนี้ จึงรักษาระยะห่างกับหญิงสาวเพิ่มอีกเล็กน้อยเพื่อทำให้ได้อย่างที่รับปากไว้



“เจ้าคุณพ่อสบายดีเจ้าค่ะ แต่หมู่นี้ติดจะเจ็บไข้บ่อยสักหน่อยตามโรคคนแก่เจ้าค่ะ” นวลจันทร์ตอบก่อนจะหยิบกาน้ำชามารินใส่จอกกระเบื้องใบเล็กแล้วส่งให้ชายหนุ่ม



“แล้วแม่เจ้าเล่า”



“คุณหญิงแม่ไปวัดเมื่อวันก่อน แต่สะดุดรากไม้บ่าวมันรับไว้ไม่ทันจึงได้แผลถลอกและขาแพลงมาเจ้าค่ะ”



“เช่นนั้นรึ ให้หมอมาดูแล้วหรือไม่” คุณปราณแสร้งตกใจเล็กน้อยกับข่าวที่ได้ฟัง ทั้งที่จริงสายตาเขาหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มหุ่นล่ำสันอวดแผงอกกวาดใบ้ไม้ใบหญ้าอยู่ใต้ต้นหูกวาง ไม่ลืมปลดกระดุมขยับคอเสื้อให้กระพือสักเล็กน้อยทำทีว่าเรียกลมคลายร้อน หากแท้จริงแล้วต้องการยั่วยวนสายตาบ่าวคนนั้นเสียมากกว่า ไอ้หาญยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าคุณปราณซนอีกแล้ว กะจะทำให้มันหลงไปถึงไหนกัน



“หมอมาดูแล้วเจ้าค่ะจึงจำต้องพักขาไม่ให้เดินไปสักระยะก่อน”



“เช่นนั้นประเดี๋ยวพี่ไปส่งเจ้าที่เรือนเพื่อถือโอกาสไปเยี่ยมสักหน่อย”



นวลจันทร์กับคุณปราณอยู่คุยต่อกันอีกสักพักใหญ่เพราะคุณปราณชวนเธอคุยและต่อกลอนเสียงสนุก จนตกบ่ายจึงได้ลงเรือเพื่อพานวลจันทร์ไปส่งให้ถึงเรือน อีกทั้งเอาผลหมากรากไม้ไปฝากพ่อแม่ของนวลจันทร์ด้วย



ไอ้หาญชะเง้อคอมองเรือที่ลอยลำลับไปแล้ว เห็นคุณปราณนั่งคู่ไปกับคุณนวลจันทร์แล้วใจมันปวดหน่วง มันเป็นเพียงบ่าวได้เชยชมชิดร่างบางก็แค่ตอนกลางคืนเท่านั้น เป็นเพียงคนในเงามืดไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวของคุณปราณแม้แต่น้อย แต่ก็อดน้อยใจในที่นี้ไม่ได้ทำไมมันจะต้องมาตกเป็นทาสและหลงรักเจ้านาย



กว่าคุณปราณจะกลับตะวันก็ตกดินไปโขแล้ว นั่นเพราะแถวเรือนออกญาณรงค์ภักดีมีงานที่วัดจึงได้ไปเที่ยวเล่นกับนวลจันทร์เสียจนมืดค่ำ ไอ้หาญชะเง้อคออยู่ที่ท่าน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าวปลาไม่กินเรียกกำลังเพราะมันกินอะไรไม่ลงหากยังไม่เห็นว่าคุณปราณกลับมา ราวกับหมารอเจ้าของ จนเห็นแสงไฟจากเรือจึงใจชื้นขึ้นมาว่าคืนนี้คุณปราณไม่ได้รับอันตรายที่ใดและกลับเรือนมาอย่างปลอดภัย



“มารอกูเรอะไอ้หาญ มึงนี่เพื่อนตายกูจริงๆ” ไอ้มั่นที่ทำหน้าที่ฝีพายให้คุณปราณเอ่ยเย้า หัวเราะหน่อยๆ ที่เห็นเพื่อนรักของตนนั่งรออยู่ที่ท่าน้ำ ทางด้านคุณปราณที่เห็นบ่าวหนุ่มนั่งรออยู่ก็ปรายตามองเพียงเสี้ยววิ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเมื่อไอ้หาญคุกเข่าเพื่อให้ตนจับเป็นหลักเวลาลุกจากเรือ



ยามคุณปราณโน้มตัวเข้าใกล้มันกลิ่นดอกจำปีอวลติดจมูกทำไอ้หาญหน้าตึง ใครๆ ก็รู้ว่าคุณนวลจันทร์เธอชอบดอกจำปี กลิ่นติดมาขนาดนี้ไม่รู้ไปคลุกคลีกันถึงอีท่าไหน คุณปราณที่รับรู้ความรู้สึกอีกฝ่ายได้แค่ยกยิ้มก่อนจะเดินขึ้นเรือนไป



พอได้เวลาไอ้หาญก็สอดส่องรอบข้างว่ามีผู้ใดดูอยู่หรือไม่ เวลานี้เป็นเวลาดึกแล้วและคนอื่นๆ เข้านอนกันหมดแต่มันก็ออกมาเพื่อปีนต้นกันเกราที่แผ่กิ่งใหญ่ไปเกือบถึงห้องคุณปราณ มันส่งเข้าเอื้อมไปจับขอบหน้าต่างที่เปิดรอไว้แล้วก่อนจะโหนตัวเข้าไปเห็นคุณปราณนอนอ่านหนังืออยู่บนเตียง ท่าทางเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จเพราะได้กลิ่นน้ำอบ อีกทั้งชุดที่ใส่มีเพียงแค่กางเกงที่ตัดเย็บจากผ้าแพรนุ่งผูกเชือกไว้อย่างหมิ่นเหม่



ไอ้หาญเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะนั่งลงข้างเตียงแล้วบีบนวดขาคุณปราณให้อย่างที่ทำในทุกคืน ขาเรียวสวยผิวขาวผ่องจนมันเผลอลูบไล้อยู่หลายครา คุณปราณถลกกางเกงนอนขึ้นจนเห็นโคนขาเพราะขากางเกงกว้างมากทำให้ไอ้หาญเห็นอะไรๆ ของคุณปราณจนเกือบหมด



“นวดตรงนี้ด้วยหาญ” คุณปราณชี้ไปตรงต้นขาก่อนจะชันเข่าข้างที่ไม่ต้องนวดขึ้นแล้วเอนหลังพิงหัวเตียงนอนอ่านหนังสือต่อ เขาเหลือบมองบ่าวหน้านิ่งที่ตอนนี้ใบหน้าเรียบเฉยจนเดาอารมณ์ไม่ได้ หากไอ้หาญมันออกอาการหึงหวงบ้างก็คงดี วันนี้ไปเรือนแม่นวลจันทร์คิดจะกลับตั้งแต่ไปถึงได้ไม่ทันเคี้ยวหมากแหลก แต่เพราะเจ้าคุณอาและคุณหญิงน้าชวนทานมื้อเย็นด้วยกันก่อนอีกทั้งให้นวลจันทร์พาเขาไปเที่ยวงานวัดมันจึงเลยเถิดเกินเวลาไปมาก



“วันนี้แม่นวลจันทร์พาข้าไปเที่ยวงานวัด คราแรกข้าคิดว่าจะบอกปัดแต่เพราะคุณหญิงน้าท่านคะยั้นคะยอเลยต้องไปสักหน่อย สนุกดีนะหาญคนเยอะของกินเล่นก็เยอะ” คุณปราณลดระดับเสียงลงเพราะกลัวว่าไอ้มั่นที่นอนเฝ้าอยู่หน้าห้องจะได้ยิน “ข้าว่าคืนพรุ่งนี้จะไปอีกคราเพราะนัดกับแม่นวลจันทร์...โอ๊ย!” คุณปราณร้องเพราะไอ้หาญมันลงแรงบีบที่โคนขาตนหนักไปหน่อยจนขึ้นริ้วมือแดงบนผิวเนียน อีกทั้งหน้าตาที่เคยเรียบนิ่งของมันบัดนี้ดูขรึมดุเสียจนคุณปราณลอบยิ้มในใจ



อย่างน้อยๆ ก็ยั่วให้บ่าวหน้านิ่งคนนี้หึงได้ก็ถือว่าสำเร็จใช่หรือไม่ เจ็บตัวสักเล็กน้อยก็มิเป็นไรดอก



“ขออภัยขอรับ คุณปราณเจ็บมากไหมขอรับ มือบ่าวหยาบและไม่รู้น้ำหนักมือดีทำคุณปราณเจ็บเสียแล้ว” ไอ้หาญพูดหน้าตื่นหากแต่ใจจริงของมันนั้นร้อนเหมือนไฟเผา รู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์หึงหวงคุณปราณกับแม่นวลจันทร์เพราะคนทั้งสองเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันตั้งแต่เด็ก



‘มึงเป็นแค่บ่าวที่คุณเขาเอ็นดู แค่นี้ที่มึงได้ก็มากพอแล้วนะไอ้หาญ’ มันย้ำเตือนตัวเองในหัวซ้ำๆ ว่าอย่าได้คิดกระไรอีก อย่าได้สำคัญตน แต่พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วลมหายใจก็ติดขัดเสียดื้อๆ



“หาญ...” คุณปราณเรียกก่อนจะดึงตัวบ่าวที่ตนพึงใจขึ้นมานั่งบนเตียงใกล้ๆ ตน ก่อนจะตัดสินใจขึ้นไปนั่งคร่อมตักอีกฝ่ายหันหน้าเข้าหาพร้อมเบียดบั้นท้ายกลมตึงของตนเองลงกับกลางกายที่กำลังนิ่งสงบผ่านเนื้อผ้า ซึ่งตอนนี้แม้แต่ใบหน้าเขาไอ้หาญก็ยังไม่กล้ามอง ดวงตามันเศร้าสร้อยยิ่งนักจนเขารู้สึกผิดในใจที่ไปเย้าแหย่ให้มันหึงหวงแบบนั้น หากแท้จริงแล้วระหว่างเขากับแม่นวลจันทร์ไม่มีอะไรเลย และนัดพรุ่งนี้ก็ไม่มีจริงด้วย



“มองหน้าข้าสิ” ออกคำสั่งจนบ่าวหนุ่มเงยหน้ามองสบตา ดวงตาแดงก่ำของคนที่อดกลั้นอารมณ์ไม่ให้คิดเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในตัวเจ้านายบ่งบอกอารมณ์เจ้าตัวเป็นอย่างดีว่าตอนนี้มันคงกำลังตัดพ้อตัวเองอยู่ในใจ



“อย่าได้ตัดพ้อหรือคิดอื่นใดไปไกลเลย เพราะเอ็งเป็นผัวข้าจะหึงหวงก็มิแปลกดอก เอ็งหึงได้”







โปรดติดตามตอนต่อไป

หัวข้อ: Re: ☁▧▧ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ▨▨☁ ๑๖/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๑
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 17-06-2020 09:59:26
บทที่ ๒

วันนี้อากาศติดจะอบอ้าวไปสักนิดทั้งที่มันควรจะเข้าหน้าหนาวได้แล้ว ทำให้บ่าวชายเนื้อตัวไม่สะอาดนักต้องหยิบผ้าขาวม้าที่ตากไว้ตรงราวบันไดมาซับเหงื่อพอให้ตัวหายเหนียวได้บ้าง ไอ้มั่นมองเพื่อนของมันที่ตอนนี้กำลังออกแรงผ่าฟืนไม่มีปริปากบ่น ตั้งแต่จำความได้มันจำได้ว่าไม่เคยมีบ่าวคนใดในเรือนที่จะพูดน้อยเท่าไอ้หาญมาก่อน ผิดเสียกับมันที่พูดน้ำไหลไฟดับเป็นคู่กัดกับยายอาบอยู่ร่ำไป ยิ่งตอนทำงานไอ้หาญยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่ มีแต่เสียงขวานจามไปบนท่อนไม้ซึ่งไปตัดมาจากในป่าแบกกันกลับมาเท่านั้น



ในทุกวันพวกมันต้องตื่นเช้าตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่มาทำงาน สายเข้าหน่อยก็กินข้าวที่เหลือจากบนเรือน เรื่องบนเรือนพวกขัดๆ ถูๆ ก็ให้พวกบ่าวผู้หญิงมันทำไปส่วนพวกมันก็ไปขนน้ำขนท่ามาให้คุณบนเรือนได้ใช้อาบกัน หากเจ้านายจะไปที่ใดหรือเรียกใช้ มันก็ต้องติดตามไปด้วย พอว่างก็ไปดูเขาชนไก่กันที่ท้ายวัด จากนั้นก็ออกไปหาฟืนไฟมาให้คนครัวได้ใช้หุงอาหารและทำกับข้าว กลับมาไม่ทันเย็นก็หาบน้ำอีกรอบ ชีวิตของพวกมันก็วนเวียนอยู่แค่นี้ ไม่ได้มีสีสันอะไรมากไปกว่าการชนไก่ รับใช้เจ้านายและหาฟืน แต่หากจะให้มันไปอยู่ที่นาที่ท่านออกญาฯ เป็นเจ้าของก็ขี้เกียจจะไปเพราะอยู่ตรงนี้ก็สบายดีอยู่แล้ว



มันกับไอ้หาญรู้จักกันตั้งแต่ไอ้หาญมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ที่สนิทกันได้เพราะเข้าใจคนหัวอกเดียวกัน มันก็ไร้ญาติขาดมิตร พ่อแม่ที่เคยเป็นทาสที่เรือนมาก่อนตายกันไปหมดแล้วทิ้งมันอยู่ที่นี่คนเดียว พอได้เพื่อนวัยคราวเดียวกันจึงเข้าไปตีสนิทด้วยจนคบกันมาได้ถึงป่านนี้ อาจจะด้วยไอ้หาญไม่ช่างพูดด้วยกระมัง เวลาถามตอบอะไรไปมันก็อือๆ อาๆ มาให้เป็นบางคราวจึงเข้ากับคนปากมากอย่างมันได้



มีหลายคราที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา แต่เห็นจะมีครั้งหนึ่งที่มันรู้สึกขอบน้ำใจไอ้เกลอคนนี้นัก ตอนนั้นอายุมันราวสัก 13 ปีเห็นจะได้ มันกระโดดลงเล่นน้ำตอนกลางคืนเพราะอากาศช่วงนั้นร้อนนัก น้ำในคลองเย็นชื่นใจแต่กลับทำมันราวกับมีผีพรายชักตีนอยู่ใต้น้ำ ดีที่ไอ้หาญลงไปช่วยได้ทันจึงไม่โดยพรายน้ำลากเอาไป ตั้งแต่นั้นมาไอ้มั่นก็เข็ดขยาดกับการเล่นน้ำตอนกลางคืนไปเลย



“ไอ้หาญ กูได้ยินไอ้สังมันบอกว่าลูกยายจุกแม่ค้าขายหมากในตลาดโตเป็นสาวนมตั้งเต้าแล้วเว้ย มึงสนใจจะไปดูกับกูไหม”



“ไม่” ไอ้หาญตอบปฏิเสธอย่างไม่ใยดี ก่อนจะเอาท่อนไม้เท่าท่อนแขนอีกท่อนมาตั้งยืนแล้วใช้ขวานจามลงไปจนไม้แยกออกจากกัน



“งั้นคืนนี้ไปงานวัดกันไหมวะ กูอยากกินข้าวเกรียบว่าว”



“ไม่” ไอ้หาญตอบปัดอีกครั้งจนไอ้มั่นขมวดคิ้วมุ่น



“วันๆ กูเห็นมึงเอาแต่ทำงานมิใคร่ไปเปิดหูเปิดตาที่ใดระวังจะตาบอดนะเว้ย” มันว่าก่อนจะดึงขวานที่ปักอยู่บนตอไม้มะขามต้นใหญ่ที่ถูกโค่นล้มไปนานแล้วออก เพื่อจะได้มาช่วยเพื่อนรักผ่าฟืนต่อ



“กูก็เห็นวันๆ มึงเอาแต่พูด ระวังปากจะอ้าจนหุบไม่ได้”



“บ๊ะ! ไอ้นี่ มึงไม่รู้กระไรเสียแล้ว ปากอย่างกูนี่แม่ค้าหลงมาหลายรายแล้วเว้ย นี่ถ้าไม่ติดว่ากูยังต้องตามรับใช้คุณปราณมึงเชื่อเถอะว่ากูมีลูกเป็นโขยงให้มึงเห็นแน่” ไอ้หาญแค่ส่ายหน้าระอากับความขี้อวดของมัน



ไอ้มั่นโอ่ใหญ่ว่ามันนั้นเคยเกี้ยวนางในวังได้ แต่คำโอ้อวดของมันก็มีได้ไม่นาน เมื่อลุงขำแกเดินมาตบกบาลมันแล้วบอกว่ามันแค่แอบไปดูนางในวังเขาออกมาเที่ยวตลาดน้ำเท่านั้น หาได้ไปเกี้ยวนางพวกนั้นอย่างใจนึกไม่ เพราะหากทำจริงหัวมันคงหลุดออกจากบ่าไม่ได้มาพูดอวดคนอื่นแบบนี้หรอก



“เออๆ เมื่อวันก่อนคุณนวลจันทร์เธอมาที่นี่ มึงรู้ไหมมาลัยที่คุณนวลจันทร์เธอกรองมาให้คุณปราณหอมตั้งแต่บนเรือนลงมาถึงตีนกระไดเลยนะโว้ย”



เมื่อผ่าฟืนเสร็จก็ได้เวลาพัก ไอ้มั่นจึงขยับเข้ามาใกล้บอกกล่าวเรื่องราวที่มันประสบพบเจอมา และยังไม่ได้บอกเล่าให้เพื่อนเกลอฟัง ไอ้หาญที่ได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปเพียงเสี้ยวลมหายใจ จากนั้นที่ใช้กะลาตักน้ำในโอ่งมาล้างหน้าล้างคอ



กลิ่นพวงมาลัยหรือจะสู้กลิ่นน้ำอบบนร่างคุณปราณได้ ไอ้หาญโตมาเป็น 20 ปีมิเคยเจอผู้ใดกลิ่นตัวหอมเช่นนี้



“เธอมาอยู่นานหรือ” ไอ้หาญถามเสียงไม่ดังไม่เบา แต่ไอ้มั่นคนหูดีก็ยังได้ยิน



คุณนวลจันทร์แทบจะมาที่นี่วันเว้นวันเห็นจะได้ แต่กระนั้นก็ไม่ได้มีแค่เธอที่ไปๆ มาๆ เรือนหลังนี้ คุณปราณก็ยังคงไปเยือนเรือนฝ่ายนู้นอยู่เนืองๆ ตามคำสั่งของคุณหญิงราตรี คงหมายมั่นปั้นมือจะให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนตบแต่งเป็นฝั่งเป็นฝากับลูกสาวเพื่อนเกลอเป็นแน่ และงานก็คงใกล้เข้ามาเพราะตอนนี้เรือนหอเสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว อีกไม่นานก็คงจะเสร็จสมบูรณ์



คิดมาถึงตรงนี้ไอ้หาญก็เจ็บยอกในอก จะมีใครรู้ไหมว่าท่ามกลางรอยยิ้ม และคำชื่นชมที่มีให้คุณนวลจันทร์มิขาดปากไอ้หาญคนนี้มันเจ็บช้ำเกินทน นั่นเพราะคุณปราณที่มันเฝ้ารักทุกค่ำคืนกำลังจะกลายเป็นของใครอื่น ที่ทุกคนต่างยกย่องว่าเป็นสตรีที่คู่ควรต่อคุณปราณเพียงใด รู้ทั้งรู้ว่าตัวมันแค่ทาสหาได้มียศถาบรรดาศักดิ์ หรือแม้แต่เพศที่จะคู่ควรกับคุณปราณได้ แต่มันก็ยังจะรักและยังทำอยู่แบบนี้ เพียงเพราะคุณปราณกระซิบบอกรักมันเช่นเดียวกัน



คำว่ารักคำเดียวที่คุณปราณหล่อหลอมใจของไอ้หาญให้อยู่ตรงนี้ หากไม่แล้วไซร้มันคงได้หนีไปรักษาแผลใจให้ไกลแล้ว



“บ่าวของคุณนวลจันทร์ชื่อช้อย ข้าเห็นนะโว้ยว่ามันมองมึงตาเป็นมัน ไยมึงไม่สนใจไยดีในสตรีบ้างวะ รึมึงจะบวชเป็นพระไม่สนใจสีกา” ว่าจบมันก็นอนแผ่ลงบนแคร่ประสานมือรองท้ายทอยหนุนหัวต่างหมอน ตอนนี้แดดร่มแล้วมีลมพัดพอให้คลายร้อนได้บ้าง บ่าวคนอื่นๆ ก็ทำงานอื่นกันไป แต่มันจะขออู้งานอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน เพราะคุณปราณเข้าวังไปฝากตัวรับใช้ท่านเจ้าคุณในวังกับท่านออกญาฯ กว่าจะกลับก็คงจะเย็นๆ โน่นแหละ มันจึงนอนตีพุงตรงนี้ฆ่าเวลาอีกหน่อย



“รึมึงมีสาวในใจอยู่แล้ววะ” ไอ้มั่นถามอีกคราวนี้มันสาดสายตามาที่ไอ้หาญอย่างหาคำตอบ มีสาวใหญ่สาวเล็กไม่น้อยที่สนใจในตัวไอ้เกลอคนนี้ แต่มันกลับหาได้สนใจใครไม่ หากว่ากันตามจริงคนที่ไอ้หาญคุยด้วยก็มีแต่มันนี่แหละ แม่หญิงอื่นหรืออีทาสคนไหนมันก็มิใคร่สานสัมพันธ์ด้วย ขนาดอีพวยมานอนให้ท่ามันถึงเรือนนอนมันยังยอมหลบไปนอนตากยุงที่อื่นเลย อีผ่องบ่าวที่สวยที่สุดในเรือนก็สนใจมัน เขาแอบเห็นว่าฝ่ายนั้นลอบมองไอ้หาญอยู่บ่อยๆ แต่ไอ้เกลอเขาก็ไม่เห็นจะชายตาแลสักที



ไอ้หาญไม่ตอบ มันใช้ความเงียบเข้าสู้เสมอ เป็นได้ทั้งการตอบรับ การปฏิเสธ หรือการไร้ความเห็น แต่สำหรับมันแล้วนี่คือการตอบรับ เพียงแต่คนในใจของมันหาใช่สาวไม่ เป็นชายหนุ่มร่างบอบบางผิวขาวเนียนทั้งตัวบนเรือนใหญ่โน่น



“ไอ้มั่นโว้ย! ไอ้มั่น! มัวแต่นอนอู้อยู่ได้ คุณปราณท่านกลับมาแล้วไยมึงมิไปรับใช้ห้ะ!” ยายอาบเจ้าเก่าเดินมาตามพร้อมด่าน้ำหมากกระจาย แต่คนที่ไวกว่าไอ้มั่นเห็นทีจะเป็นไอ้หาญที่คว้าผ้าคาดเอวได้ก็วิ่งไปทางท่าน้ำโดยพลัน ไอ้มั่นรีบวิ่งตามไปติดๆ จนมันทันกันตรงที่ท่าน้ำ



“วันมะรืนตอนเข้าวังก็อย่าลืมเอาของไปฝากท่านสักหน่อย ได้ทำงานแล้วก็อย่าทำให้พ่อกับแม่เจ้าขายหน้า อย่าให้ใครเขาว่าได้ว่าลูกออกญาศรีรัตนกรหยิบหย่งทำอะไรไม่ได้เรื่องได้ความ ร่ำเรียนมาก็มากอย่าต้องให้คนอื่นเขาว่าตามหลังได้” ชายสูงวัยอีกทั้งมียศมีศักดิ์เดินมากับลูกชายด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย หนวดใต้จมูกจัดแต่งอย่างดีรับกับใบหน้าดุดันที่เป็นไปตามอุปนิสัยของคนดุและจริงจัง



ออกญาศรีรัตนกรรับหน้าที่ดูแลหัวเมืองทางใต้ ชาวบ้านระแวกนี้ต่างให้ความนับถือ เพราะท่านเป็นคนจริงจังในการทำงาน คำไหนคำนั้นไม่มีว่าข้าทาสคนใดในปกครองจะกระทำผิดต่อกฎบ้านกฎเมืองได้



“ขอรับเจ้าคุณพ่อ” คุณปราณรับคำเดินตามบิดาด้วยความนอบน้อม เหลือบสายตาแลไอ้หาญที่หมอบอยู่ข้างท่าน้ำเพียงเสี้ยววิก็ผินหน้ากลับไปตามเดิม เพียงแต่ชายโจงกระเบนที่ใส่อยู่ปัดผ่านหน้าไอ้หาญไปแผ่วเบา กลิ่นหอมของบุหงารำไปส่งกลิ่นพอให้ได้ชื่นใจจนไอ้บ่าวหน้านิ่งลอบยิ้มกับตนเอง



ตกค่ำไอ้หาญเตรียมตัวอาบน้ำ มันเดินไปยังท่าน้ำที่กั้นไว้สำหรับให้บ่าวไพร่ได้ใช้อาบใช้ซักล้างกัน ทำงานมาทั้งวันเนื้อตัวเหนียวเหนอะไปหมด ขออาบน้ำให้ชื่นใจจะได้ไปหาคุณปราณได้ไม่น่าเกลียดนัก มันจัดการเปลื้องผ้าออกแล้วหย่อนกายลงน้ำ เวลานี้ไม่มีใครมาที่ท่าเพราะมันรอให้ทุกคนจัดการอาบน้ำให้เสร็จมันจึงอยู่รั้งท้ายคนสุดท้ายเป็นประจำ



หุ่นใหญ่กำยำและผิวคล้ำแดดจากการทำงานกลางแดดมาตั้งแต่ยังเด็ก อีกทั้งมีรอยบาดแผลที่หลังหรือแขนบ้าง แต่ก็ไม่ใช่รอยใหญ่อะไรนัก มันยันกายขึ้นมานั่งที่ท่า ลูบไล้เนื้อตัวขัดขี้ไคลและความสาบจากเหงื่อให้หมดไป แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องชะงักเมื่อมันได้ยินเสียงไม้กระดานของท่าน้ำลั่นเอี๊ยด ราวกับมีคนกำลังย่องเข้ามาหาใช่เดินด้วยน้ำหนักเท้าปกติไม่ ไอ้หาญยังคงถูตัวต่อไปแม้จะเงี่ยหูฟังจังหวะการเดินของผู้มาใหม่ก็ตาม



หมับ!



“มึงจะทำกระไร!” ไอ้หาญคว้าข้อมือเรียวเล็กแล้วจับพลิกให้อีกฝ่ายนอนกองกับพื้นได้ โดยที่ตนก็คว้าผ้ามาปกปิดกายส่วนล่างไว้ อีผ่องคือคนที่ย่องเข้าหามันอีกทั้งยังกอดก่ายมันด้วย ไอ้หาญใช้หน้าตาจริงจังข่มขู่อีกฝ่ายจนนางบ่าวถึงกับหน้าถอดสี



“ข้าแค่อยากมาหาพี่หาญ ไยต้องทำข้าถึงเพียงนี้เล่า” ผ่อง หญิงสาวเพิ่งเข้าวัยสาวได้ไม่ถึงขวบปีสารภาพความในใจออกมาทันทีเมื่อโดนจับได้



ตอนนี้มันอยู่ในชุดกระโจมอกที่ส่วนอกนั้นรัดแน่นจนแทบทะลัก แอบเห็นพี่หาญมาอาบน้ำที่ท่าในเวลานี้บ่อยๆ มันจึงมาดักรอ หุ่นล่ำสูงใหญ่ของพี่มันช่างสร้างความกำหนัดในใจของอีบ่าวคนนี้ยิ่งนัก ได้ยินมาจากไอ้พี่มั่นว่าพี่หาญมิเคยชายตาแลหญิงใด และยังมิเคยสมสู่กับสาวคนไหนมาก่อนมันจึงอยากเป็นคนแรกของพี่หาญ และอยากให้พี่หาญเป็นคนแรกของมันเช่นกัน



“ข้ารักพี่หาญนะจ๊ะ แอบรักมานาน หากพี่ไม่มีใครก็รับรักข้าหน่อยเถอะ” ไอ้หาญยอมปล่อยมือออกจากคอผ่อง แต่หญิงสาวกลับกระโจนเข้าหามันราวกับรอเวลานี้มานาน มือหยาบกร้านถูกดึงมาแปะบนความนุ่มหยุ่นของเนื้อเนินอก ผ่องบังคับมือไอ้หาญให้คลึงเคล้าอกของมัน มิพอยังปลดผ้านุ่งออกเผยให้เห็นปทุมถันซึ่งยอดเม็ดของมันชูชันอวดสายตา



“ข้ายินดีมอบร่างกายที่ไม่เคยผ่านชายใดให้พี่เชยชม พี่หาญจ๊ะ พี่หาญ...”



ไอ้หาญสะบัดมือออกแล้วผลักผ่องให้ออกห่าง



“ข้าไม่ได้สนใจเอ็ง มิเคยอยากสานสัมพันธ์กับผู้ใด กลับเรือนนอนไปเสียก่อนแม่เอ็งจะมาเห็น” หากมิใช่คุณปราณมันก็ไม่เคยชายตาแลผู้ใด หรืออยากได้ใครมาครอบครอง



“พวกมึงทำอันใดกัน!!” เสียงตวาดถามดังลั่นจนคนทั้งคู่สะดุ้ง ท่าทางล่อแหลมที่ทาบทับจากการฉุดกระชากกันเมื่อครู่ อีกทั้งเนื้อตัวของผ่องก็อวดแสงจันทร์ และคบไต้ที่ถูกจุดปักไว้คอยให้แสงสว่างก็ส่องให้เห็นชัดว่าคนทั้งคู่อยู่ในท่าที่คิดเป็นอื่นไม่ได้



คุณปราณมองคนทั้งสองที่ตอนนี้จ้องตนราวกับเห็นผี อีผ่องรีบจับผ้ากระโจมอกซ่อนตัวหลังไอ้หาญ ส่วนไอ้หาญนั้นมองมาที่ตนด้วยเพราะทำอะไรไม่ถูก คงไม่คิดว่าเขาจะมาเห็นภาพอุบาทว์นี้ล่ะสิท่า



ความเจ็บปวดแปลบในอกร้าวไปทั้งทรวง หมัดกำแน่นเล็บจิกเข้าไปในเนื้อจนเกิดรอยอยากกระชากอีบ่าวคนนั้นมาตบให้สมใจที่กล้ามายั่วยวนไอ้หาญถึงที่ แต่ความคิดนั้นก็หยุดไปเพราะท่าทีของไอ้หาญก็น้อยหน้าที่ไหน มือใหญ่บนอกอวบนั่นเขาเห็นเต็มสองตา มันกล้าที่จะนอกกายเขากระนั้นหรือ



“ถ้าพวกมึงจะสมสู่กันก็ไปทำกันที่เรือนไม่ใช่ที่แจ้งแบบนี้ ไม่อายคนก็อายผีสางเทวดาบ้าง!” คุณปราณต่อว่าเสียงดังลั่น ตรงนี้ไม่มีใครเลยสักคนมีเพียงพวกเขาเท่านั้น แน่ล่ะว่าเวลานี้คนอื่นก็อยู่กันในเรือนหมดแล้ว พวกมันจะมาพลอดรักก็ย่อมได้



“คุณปราณขอรับ”



“มึงไม่ต้องมาเรียกชื่อกู!”



ตุ้บ!



“โอ๊ย!” ชายหนุ่มร้องทันทีเมื่อแรงกระแทกของร่างกายกระทบกับพื้น เขานอนตกเตียงทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รู้สึกเอวยอกราวกับมีใครใช้เท้ายัน ณิชยันตัวลุกขึ้นเพื่อบิดขี้เกียจก่อนจะหาววอดไปหนึ่งที



ความฝันครั้งนี้ดูจะอารมณ์เดือดไปสักหน่อย เขารู้สึกถึงหางตาที่เปียกชื้น อะไรจะอินกับความฝันขนาดนั้น แต่แปลกตรงที่ฝันมันดำเนินไปราวกับเขาเข้าไปอยู่ในชีวิตคนพวกนั้นด้วย แต่พอตื่นขึ้นมาเขากลับจำหน้าคนเหล่านั้นแบบแน่ชัดไม่ได้เลย



ตอนนี้เช้าค่อนไปทางสายแน่นอนว่าเขารีบเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระในตอนเช้า แต่ตอนเดินผ่านกระจกเหลือบไปเห็นตัวเองตาแดงก่ำ หางตามีหยดน้ำตาอีกทั้งมันทิ้งคราบไว้ด้วย



“โอ๊ย! เชี่ย...โดนไรวะเนี่ย” ณิชร้องเมื่อเท้าแขนกับขอบอ่างเพื่อจะโน้มตัวเข้าไปดูกระจกใกล้ๆ แต่พอฝ่ามือกดลงไปบนพื้นที่ว่างกลับเจ็บแปลบขึ้นมาเสียอย่างนั้น พอพลิกฝ่ามือดูเห็นรอยแดงจากเล็บจิกบนผิวเนื้อแสบไม่เบา



ณิชสะบัดมือเล็กน้อยอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำเพื่อรีบไปทำงาน เมื่อมาถึงบริษัทก็เจอพี่โอ๋กับมิ้งแล้ว



“พี่ณิช!” มิ้งกระโดดเข้ามาเกาะโต๊ะเรียกเสียงใส ตากลมแป๋วภายใต้แว่นกรอบใหญ่ที่กินพื้นที่ไปครึ่งหน้ามองเขาเป็นประกาย “เมื่อคืนเป็นไงบ้าง”



“ก็ไม่ไง” ณิชตอบอย่างรู้กันว่ามิ้งหมายถึงอะไร แกล้งหยอกไปว่าตัวเองไม่ได้ฝันอะไรเพิ่มเติมนอกจากที่เล่าไปเมื่อวันก่อน เรื่องที่คุณปราณเขาเดินเฉียดไอ้หาญจนไอ้บ่าวทาสได้กลิ่นหอมบนโจงกระเบน



ตั้งแต่วันนั้นที่เขาบอกเรื่องราวความฝันของตัวเองไปมิ้งก็เอาไปแต่งนิยายอย่างที่บอกไว้จริงๆ ลงทุนเปิดแฟนเพจให้คนมากดติดตาม เขาลองเข้าไปอ่านเนื้อหาดูแล้วมิ้งแต่งเสริมจากความฝันของเขาไม่น้อย เหมือนเอาความฝันของเขาเป็นโครงเรื่องอย่างที่บอกจริงๆ



ทำให้ตลอดหลายวันมานี้เจ้าตัวมักจะมาถามเช่นนี้เสมอ ณิชตอบบ้างไม่ตอบบ้างเพราะบางครั้งก็จำความฝันไม่ได้ เมื่อก่อนจะฝันเช่นนี้แค่ราวครั้งสองครั้ง แต่ช่วงนี้มันถี่ขึ้นเรื่อยๆ ฝันแทบทุกคืน บางครั้งยังเผลอใช้คำพูดเหมือนในฝันเลย ซึ่งทำมิ้งขำเขาอยู่หลายครั้ง



“จริงเหรอ ตอนนี้คนอ่านนิยายหนูเขาติดมากเลยนะ ลงไปแค่ 6 ตอนยอดความเห็นพุ่งไปตั้ง 600 แน่ะ” มิ้งอวดพร้อมกับเปิดหน้านิยายของตนเองให้ดู แต่ณิชไม่ได้สนใจนักเพราะวันนี้เขาต้องเข้าประชุมกับคุณแขตอนสิบโมง



“มือพี่ณิชโดนอะไร ทำไมเป็นรอยเล็บเต็มเลยพี่ ถลอกด้วย” มิ้งถามเพราะปกติมือณิชเรียวสวยและนุ่มมาก เธอยังชมอยู่บ่อยครั้งว่าณิชเป็นผู้ชายมือสวย นิ้วเรียวยาวเล็บถูกตัดสั้นสะอาด เธอยังอิจฉาเลยที่มือตัวเองไม่สวยแบบนี้บ้าง



“ไม่รู้ว่ะ ตื่นมาก็เป็นแบบนี้แล้ว” เขาตอบก่อนจะลุกขึ้นแล้วรวบแฟ้มมาถือในมือ เตรียมตัวเข้าประชุมเพราะพี่โอ๋เดินเข้าห้องประชุมไปแล้ว ก่อนไปไม่วายหันมาบอกมิ้งทิ้งท้ายว่า “คุณปราณเขาโกรธเพราะเห็นไอ้หาญมีซัมติงกับผู้หญิงคนอื่น ชื่ออ่องหรือผ่องนี่แหละ”



มิ้งยกมือไหว้ขอบคุณท่วมหัวเจ้าตัวแทบเข้ามากอดเขาไว้ แต่ติดที่เขาใช้เก้าอี้ขวางไว้เสียก่อน ฝ่ายนั้นจึงได้แค่ส่งมินิฮาร์ตมาให้รัวๆ ณิชยิ้มขำกับท่าทางดีอกดีใจของนักเขียนมือใหม่ที่ยืมเรื่องราวความฝันของเขาไปเขียน ก็ถ้าน้องมันชอบเขาก็ยินดีด้วย อย่างไรเสียนี่มันก็แค่ความฝันเพี้ยนๆ ของเขาเท่านั้น



“พี่ณิช! คิดถึงจังเลยยยย” ‘บอย’ รุ่นน้องอีกคนในทีมปรี่เข้ามากลิ่นน้ำหอมลอยฟุ้งเตะจมูกมาแต่ไกลพุ่งเข้ามากอดหมับ ส่วนสูงพอกันแต่ณิชผอมกว่าสักหน่อย ส่วนบอยตอนนี้เริ่มจะลงพุงเพราะดื่มเยอะ



“กูเพิ่งเจอมึงเมื่อสองวันก่อน”



“พี่...แค่สองวันก็คิดถึงได้ ผมไปโคราชมาครั้งนี้คืออ่วมบอกเลย ลูกค้าสั่งแก้แบบกลางอากาศทำเอามึนไปหมด”



“ทำไมล่ะ”



“ก็เขาบอกว่ากระเบื้องที่ลงมันไม่เข้ากับไฟเพดาน” ตอบเสร็จคนเล่าก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่



ณิชหัวเราะก่อนจะตบไหล่รุ่นน้องปุๆ เชิงว่าให้ทำใจ เพราะเขาก็เจอแบบนี้มาเยอะเหมือนกัน ประสบการณ์ทำงานทำให้เขาหลบเลี่ยงลูกค้าแบบนี้ได้บ้างด้วยการใช้จิตวิทยาเข้าสู้ โอนอ่อนในตอนแรก และหาอะไรที่ใกล้เคียงมาทดแทนกัน แต่ต้องไม่เดือนร้อนตัวเอง แต่กับบางคนก็ใช้ไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ก็ถือว่ารับงานหินไปแล้วกัน



“แบบที่ณิชส่งมาให้พี่ดูครั้งก่อนของคุณภราดรได้แล้วนะ ไม่ต้องแก้แล้วส่งให้ลูกค้าดูได้เลย” หลังจากนั่งประชุมไปสักพักก็มาถึงคิวของณิชที่จะต้องรายงานเรื่องความคืบหน้าของลูกค้าที่ตนดูแลอยู่



“ครับ แล้ววังปริพัตร...”



“ณิชนัดคุยกับคุณหมีไว้แล้วใช่ไหม พรุ่งนี้ใช่รึเปล่า”



“ใช่ครับ”



“ห้ามสายห้ามเลทเหมือนครั้งก่อนนะ พี่ไม่อยากให้คุณตรีต้องไม่พอใจกับบริษัทเรา” คุณแขไขย้ำคำทำเอาเขาลอบมองหน้าพี่โอ๋กับริสา ทั้งสองคนมองบนก่อนจะทำปากขมุบขมิบเชิงว่าลูกค้าคนพิเศษต้องเอาใจเสียหน่อย



“ได้ครับ ครั้งนี้ไม่เลทแน่นอน” ณิชรับคำเจ้านายให้อีกฝ่ายได้สบายใจอีกครั้ง



หลังจากประชุมเสร็จพวกเขาก็ออกไปหาอะไรกินแถวออฟฟิศนั่นแหละ มื้อเที่ยงวันนี้เป็นข้าวมันไก่กับเกาเหลาเลือดหมู มิ้งพูดกับริสาอย่างออกรสเรื่องนิยายที่เธอแต่ง แน่นอนว่าเรื่องที่ณิชฝันแล้วเจ้าตัวขอเอาไปต่อยอดเป็นนิยายไม่มีใครรู้ เขาขอให้มิ้งเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเพราะไม่อยากให้คนอื่นหาว่าเขาบ้าที่ฝันเป็นตุเป็นตะขนาดนี้



“ไอ้หาญรักคุณปราณมากเลยนะ เขามีแต่ดมชายสไบแต่นี่มาดมชายโจงกระเบนถือว่าเลิศ! ไหนๆ พี่ขอชื่อเรื่องอีกทีสิ ขอแฟนเพจด้วยจะไปกดติดตาม” สาวทั้งสองหัวแทบชนกัน โอ๋เห็นแบบนั้นจึงจับหัวคนทั้งสองชนกันเบาๆ



ทีมของณิชมี 5 คน พี่โอ๋คือหัวหน้าทีม นอกนั้นก็มีณิช บอย มิ้งและริสา ทำงานด้วยกันมาสองปีทำให้สนิทคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ตอนแรกๆ ก็มีบ้างที่ไม่เข้าใจสไตล์การทำงานกัน แต่เมื่อปรับจูนเข้าที่ก็ถือว่าเป็นทีมเก่งของบริษัท คุณแขไขจึงเลือกทีมโอ๋มาดูแลโปรเจ็ควังปริพัตร



หัวข้อ: Re: ☁▧▧ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ▨▨☁ ๑๖/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๑
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 17-06-2020 10:00:02


ณิชกลับมาถึงห้องราวเที่ยงคืนเนื่องจากบอยนัดเลี้ยงวันเกิด กว่าจะปลีกตัวออกมาได้ก็ต้องดื่มไปหลายแก้ว เมื่อเห็นสมควรแก่เวลาเพราะมีงานเช้าเขาจึงต้องขอตัวกลับ ณิชทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างมึนๆ เขาไม่ถูกกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นคนคออ่อนเมาง่าย ครั้งนี้ขนาดดื่มแค่เบียร์ไปไม่ถึงสองขวดยังเล่นเอามึนได้เลย



“หาญ...”



คนที่ทำท่าจะเคลิ้มหลับพึมพำออกมาเมื่อเห็นเงาลางๆ ภายในห้อง เอาจริงลึกๆ ในใจก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้หาญจะแก้ตัวกับคุณปราณว่าอย่างไร เพราะท่าทางมันก็ไม่ได้ชอบผ่องจริงๆ



ฟิ้ว ~



ลมพัดเบาๆ ผ่านเข้ามาทางประตูระเบียงที่เจ้าของห้องเปิดแง้มไว้เสมอ ลมเย็นๆ พัดมาเหมือนจะกล่อมให้ชายร่างสูงโปร่งได้ผ่อนคลาย ผ้าม่านพลิ้วตามแรงลมก่อนณิชจะหลับไป



::::::::::::



“คุณปราณขอรับ ฟังกระผมก่อนขอรับ” ไอ้หาญวิ่งตามทั้งที่เนื้อตัวยังนุ่งผ้าไม่เรียบร้อยนัก ผ่องที่ตกใจทำอะไรไม่ถูกเห็นไอ้หาญวิ่งตามเจ้านายไปมันจึงรีบกลับเรือน พรุ่งนี้ขอให้คุณปราณอย่าได้บอกเรื่องนี้กับแม่มันเถิดไม่งั้นคงโดนตีแน่ๆ



“มึงไม่ต้องตามกูมา! ปล่อย! ปล่อยสิวะ!” คุณปราณพยายามบิดกายออกจากการโดนท่อนแขนล่ำโอบกอดรัดไว้ราวกับงูจากทางด้านหลัง ไอ้หาญไม่คิดปล่อยร่างบางในอ้อมกอดหากยังไม่ได้คุยกันให้รู้เรื่อง



“คุณปราณเข้าใจบ่าวผิดแล้วขอรับ”



“กูไม่อยากฟังมึงปดอะไรทั้งนั้นไอ้หาญ กูเห็นอยู่ตำตาว่าผัวตัวเองกำลัง... หึ! กูโง่เองที่คิดว่ามึงจะรักกูคนเดียว กูโง่เอง” คุณปราณใช้โอกาสตอนที่ไอ้หาญตกใจกับคำพูดตนสะบัดตัวออกก่อนจะเดินตรงไปที่เรือน ความโกรธนี้เขาไม่มีกระจิตกระใจแม้แต่จะตักน้ำจากโอ่งมาล้างเท้า เดินตึงตังขึ้นเรือนไปโดยที่ไอ้มั่นซึ่งนอนตีพุงอยู่หน้าห้องคุณปราณยังสะดุ้ง สงสัยว่าเจ้านายของมันมีเหตุใดจึงได้โกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้



ไอ้หาญไม่ละความพยายาม มันวิ่งไปทางหลังเรือนตรงที่เป็นห้องคุณปราณ ปีนต้นกันเกราไต่ไปตามกิ่งไม้กิ่งเดิมที่ยื่นออกไปถึงหน้าต่างห้อง แต่แล้วยังไม่ทันที่มันจะได้แตะบานหน้าต่างคุณปราณก็งับปิดหน้าต่างอย่างแรงต่อหน้ามัน สื่อให้รู้ว่าการเจรจาในวันนี้คงไม่ได้ผล



คืนนี้ยอมปล่อยไปก่อนก็ได้ วันพรุ่งมันจะมาหาคุณปราณใหม่ หวังว่าคุณปราณจะใจเย็นลงและรับฟังมันสักครั้ง



ไอ้หาญนอนไม่หลับจึงมานั่งเฝ้าหน้าต่างบานเดิมที่มันใช้เป็นทางเข้าออก คุณปราณเปิดหน้าต่างในตอนเช้าแล้ว ไอ้หาญก็หวังว่าจะได้เห็นใบหน้าของคนที่มันเทิดทูนและพึงใจ แต่ไอ้หาญคิดผิด คุณปราณยังไม่หายเคืองมันสักนิด หน้าหวานสวยนั้นปั้นปึ่งมิสนใจไยดีสายตาไอ้หาญที่ส่งไปอย่างเว้าวอนเลย



แต่มันก็ยังไม่ละความพยายาม ดอกพุดน้ำบุษย์ส่งกลิ่นอวลตั้งแต่ค่ำวาน จนบัดนี้แม้กลิ่นจะหายไปบ้างแต่ก็ยังมีอยู่ มันเลือกเก็บดอกไม้สีเหลืองกลีบดอกบานสะพรั่งมาเต็มอุ้งมือ จับก้านดอกมารวมกันแล้วมัดด้วยยอดหญ้า ประคองไว้ในมือเพื่อแอบส่งให้คุณปราณเป็นการง้อด้วยดอกไม้ที่คุณปราณชอบ



แต่คุณปราณหาได้สนใจไม่ ท่าน้ำที่ชอบไปนั่งซึ่งไอ้หาญแอบวางดอกไม้ไว้ก็โดนเมิน เพราะคุณปราณกลับเดินไปทางเรือนไม้ที่มีไม้เลื้อยปลูกประดับอยู่ เป็นอีกมุมที่ท่านออกญาฯ สั่งให้สร้างไว้ เพื่อที่คุณหญิงราตรีจะได้มีมุมพักผ่อนหย่อนใจ



“ไอ้มั่น เอ็งไปเรียกไอ้คมมาให้ข้า ได้ข่าวว่าฝีมือการนวดของมันเก่งนัก ข้ารู้สึกปวดตัวอยากให้มันมานวดสักครา” คุณปราณสั่งบ่าวคนสนิทไป ไอ้มั่นแปลกใจมิน้อยที่นายของมันไม่เรียกบ่าวผู้หญิงเพราะมือของบ่าวผู้ชายหนักยิ่งนัก เกรงจะทำผิวคุณปราณขึ้นรอยเสีย แต่เมื่อมันคือความประสงค์ของเจ้านายไอ้มั่นก็ขัดไม่ได้ จนไอ้มั่นถอยออกไปทำตามคำสั่ง ไอ้หาญได้ทีจึงหมอบคลานเข้าไปหาใกล้ๆ มือหยาบของมันแตะเข้าที่ปลายเท้าของคุณปราณ แต่โดนเจ้าตัวชักกลับในทันควัน



“กูไม่มีเรื่องอันใดจะคุยกับมึง จะไปไหนก็ไป”



“คุณปราณขอรับ เมื่อคืนบ่าวมิได้กระทำใดที่เป็นการนอกใจนอกกายคุณปราณเลยนะขอรับ อีผ่องเข้ามาเพื่อจะให้บ่าวมีอะไรด้วยแต่บ่าวบอกปัดไปแล้วขอรับ”



“กูจะเชื่อมึงได้เยี่ยงไร กูไม่มีนมไม่มีอย่างที่อีบ่าวสาวๆ มันหรอกนะ ถ้ามึงจะเบื่อ...”



“อย่าพูดเยี่ยงนั้นเลยขอรับ บ่าวรักคุณปราณเพียงผู้เดียว มีเคยเหลียวมองผู้ใดให้เคืองตา หัวใจของไอ้หาญคนนี้ผูกสมัครรักมั่นคุณปราณมิเสื่อมคลาย หากจะให้บ่าวไปสาบานที่ใดก็ย่อมได้ เพื่อที่คุณปราณจะได้คลายความทุกข์ใจที่มีบ้าง” หากไอ้มั่นมาได้ยินคำพูดของไอ้หาญมันคงตาโตเบิกถลนด้วยความตกใจ เพราะมันคือประโยคที่ยาวที่สุดในชีวิตของไอ้หาญที่พูดมา



คุณปราณชายตามองเล็กน้อยในใจลิงโลดเมื่อได้ยินวาจาของไอ้หาญอีกทั้งท่าทางของมันที่แทบจะเข้ามากอดตนไว้ อารมณ์โกรธบางเบากว่าเมื่อคืนนักเมื่อได้คิดทบทวนสิ่งที่เห็น ท่าทางของอีผ่องมันยั่วยวนไอ้หาญก็จริง แต่ไอ้หาญมิได้มีทีท่าสนใจสิ่งที่อีผ่องเสนอให้



“ไอ้คมมาแล้วขอรับ เอ้า! ไอ้หาญ มึงเข้ามาหาคุณปราณทำไมวะ” ไอ้มั่นพาไอ้คมบ่าวรูปร่างสูงใหญ่หุ่นพอฟัดพอเหวี่ยงกับไอ้หาญมาหาเจ้านายมันตามที่สั่ง



“ออกไปได้แล้ว ไอ้คม...เอ็งช่วยนวดตัวให้ข้าหน่อย เมื่อคืนนอนมิใคร่จะหลับ ปวดเนื้อปวดตัวมาทั้งคืน” คุณปราณเลิกสนใจไอ้หาญก่อนจะล้มตัวลงนอนบนพื้นไม้ยกขึ้นจากพื้นราวสองคืบ ไอ้มั่นเอาหมอนให้นายมันหนุนนอนคว่ำ ไอ้คมเอ่ยขอเบาๆ ก็ลงมือบีบนวดจากข้อเท้าไล่ขึ้นมาที่ปลีน่องสวย



ไอ้หาญที่ถอยหลบไปแต่มิวายยังนั่งอยู่ที่เดิม เมื่อได้เห็นว่าผิวนวลที่มันเคยสัมผัสแตะต้องโดนมือบ่าวคนอื่นก็ทำเอาหน่วงในอก ความหวงแหนร่างบางนี้ทำให้มันถึงกับกัดฟันกรอด



“อืม ขึ้นสูงอีกไอ้คม” คุณปราณหันมานอนหงายหลับตาพริ้มยามไอ้คมนวดต้นขา อันที่จริงความเมื่อยขบที่ว่ามีเพียงเสี้ยวนิดเท่านั้น เนื่องด้วยเมื่อวานเดินกับเจ้าคุณพ่อเยอะจึงเมื่อยขาบ้าง แต่ที่จริงที่ให้ไอ้คมมานวดก็เพราะอยากเห็นปฏิกิริยาของใครบางคนที่ชอบทำหน้าตานิ่งเฉย ส่งเพียงแค่สายตาให้เขาไม่เคยแสดงออกทางหน้าตาให้ได้รับรู้นักว่ารู้สึกเช่นไร



ขนาดพูดง้อเขาเมื่อครู่หน้าตามันยังมีแววอ้อนวอนเพียงนิด เขายังไม่สมใจกับสิ่งที่มันทำนักจึงอยากจะเอาคืนเสียหน่อย เพราะมันเป็นคนนิ่งเฉยแบบนี้ไงอีผ่องเลยเข้ามายั่วยวนได้ถึงท่าน้ำ หากมันแสดงออกทางสีหน้าสักนิด แสดงให้ชัดว่าไม่พึงใจอีกสักหน่อยอีผ่องก็คงรู้ว่าไอ้หาญมิได้ชอบพอในตัวมันเลย



มือไอ้คมบีบนวดไปถึงโคนขา โจงกระเบนที่คุณปราณสวมเลิกขึ้นเห็นต้นขาเรียวขาว ยิ่งมือไอ้คมไต่สูงขึ้นอีกทั้งคุณปราณยังยกขาให้นวดจนไอ้คมแทรกตัวเข้าไปตรงกลางหว่างขา คล้ายคลึงกับท่าร่วมรักที่มันเคยทำกับคุณปราณ เสียงเครือเบาๆ เพราะแรงนวดถูกใจนั่นอีกยิ่งทำให้ไอ้หาญแทบทนไม่ไหว คุณปราณปรือตามองมาที่มันร้าวเย้ยเยาะที่ไอ้หาญทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านั่งดู



“คุณปราณขอรับ! ได้เวลาของว่างแล้วลุกมาทานสักหน่อยไหมขอรับ” ไอ้หาญโพล่งขึ้นมาทันใดเมื่อมือไอ้คมสอดมือเข้าไปใต้ผ้านุ่งโจงกระเบนของคุณปราณ ไอ้มั่นที่นั่งเตรียมน้ำชาอยู่ด้วยถึงกับสะดุ้งที่ไอ้เพื่อนเกลอมันเสียงดัง ปกติมันเงียบจะตายวันหนึ่งนับคำได้ วันนี้กล้าพูดกับคุณปราณขนาดนี้เชียว ก็อย่างว่าล่ะนะ คุณปราณถูกใจที่ไอ้หาญพายเรือเก่งจึงชักชวนให้พาไปชมบัวบ่อยๆ ตัวมันยังน้อยใจไม่หายเลย



“อืม พอแล้วไอ้คม ขอบน้ำใจมึงมากจะไปไหนก็ไปเถอะ” คุณปราณที่เห็นท่าทางอยู่ไม่ติดของไอ้หาญรู้สึกเป็นที่พอใจจึงยอมปล่อยไปแค่นี้ แต่มิวายยังสั่งไอ้คมทิ้งท้ายว่า “แต่คืนนี้เอ็งมานวดที่ห้องข้าด้วยล่ะ ข้าชักติดใจฝีมือนวดเอ็งแล้วสิ”



“ขอรับ” ไอ้คมหมอบกายลงต่ำขานรับ ใจลิงโลดเมื่อมันทำให้ผู้เป็นนายถูกใจได้ ผิดกับไอ้หาญที่คุณปราณเคยบอกว่ามันคือผัวคุณปราณ ตอนนี้นั่งหึงหน้าดำหน้าแดงจนไอ้มั่นต้องสะกิดถาม



“ปวดขี้เหรอวะ ถ้ามึงไม่ไหวก็ไปเถอะ นั่งหน้าดำเหมือนยักษ์ไปไย”



Rrrrr Rrrrr



เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดังลั่นห้อง ณิชพลิกตัวหาเครื่องมือสื่อสารที่ว่าแต่กลับไม่พบ ความเมื่อยขบแล่นปราดไปทั้งร่างจนอยากให้ไอ้คมมานวดให้เสียอย่างนั้น เพราะเขารู้สึกว่ามันนวดให้คุณปราณดี และไล่ความเมื่อยไปได้พอสมควร



ณิชนั่งสะลึมสะลืออยู่บนโซฟา เมื่อคืนเขานอนตรงนี้ทั้งคืนเลยงั้นเหรอ สงสัยคงมึนจากเบียร์เลยเผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น เสียงโทรศัพท์ยังดังอยู่จนมันเงียบไปและดังขึ้นมาใหม่ ณิชหยิบกระเป๋าสะพายของตนออกมาเปิดหาจนเจอแล้วกดรับ



[พี่ณิช!! พี่อยู่ไหนเนี่ยทำไมยังไม่มาอีก หนูโทรเป็นสิบสายทำไมพึ่งรับ คุณแขโกรธมากเลยนะ ไหนบอกว่าจะไม่เลทไม่สายไง] มิ้งพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน ณิชมองนาฬิกาตรงฝาผนังก่อนจะเบิกตาโตด้วยความตกใจ เพราะตอนนี้เลยเวลานัดมา 45 นาทีแล้ว



“โทษทีมิ้ง พี่จะรีบไป” ณิชกดตัดสายแล้วรีบเข้าไปล้างหน้าล้างตาแปรงฟันให้เรียบร้อย วิ่งผ่านน้ำแค่ห้านาทีก็ออกมาด้วยชุดใหม่ก่อนจะรีบออกจากห้องไป



ฟิ้ว~



ลมพัดผ่านบ้านประตูระเบียงเข้ามาจนม่านพลิ้วอีกครั้ง ก่อนจะหายไปพร้อมกับเจ้าของห้องที่รีบร้อนออกจากห้องเพราะตนกำลังไปสายอย่างมาก และงานนี้เขาพลาดอย่างจังจนอาจโดนคุณแขไขไล่ออกจากบริษัทได้



ณิชมาถึงที่ทำงานในเวลาต่อมา แน่นอนว่าแม้แต่พี่โอ๋ก็ช่วยเขาไม่ได้เพราะครั้งนี้เขาผิดนัดไปจริงๆ ใจณิชเต้นรัวอยู่ในอกเมื่อเข้าห้องคุณแขไป และเจอคุณรัศมีนั่งหน้านิ่งอยู่ เธอปรายตามามองเขาด้วยความตำหนิ



“ณิช มาคุยกับฉันหน่อย” คุณแขเดินนำออกจากห้องไป ณิชกันไปก้มหัวขอโทษคุณรัศมีที่ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ก่อนจะเดินตามเข้านายออกไปนอกห้อง คุณแขเดินนำมาที่โซนห้องครัวแล้วหันมาต่อว่าทันที



“ทำไมคุณขาดความรับผิดชอบต่องานนี้นักล่ะณิช ไหนรับปากฉันเสียดิบดีว่าไม่สายแน่นอน ครั้งก่อนรัศมีเขาถือว่าฝั่งเขาผิดเพราะตรีไม่ได้บอกว่าจะเข้ามาคุยงานพร้อมกันล่วงหน้า คุณสายก็ไม่ผิดนัก แต่นี่นัดกันแล้วคุยกันแล้วแต่คุณก็ยังมาสาย”



งานนี้เป็นงานค่อนข้างละเอียดอ่อนนั่นคือการตกแต่งวังภายในใหม่ทั้งหมด คนรักของเธอเป็นเจ้าของสถานที่เธอจึงเสนอชื่อณิชเป็นผู้ดูแลโปรเจ็คนี้ เพราะณิชเป็นคนที่ค่อนข้างละเอียด และทำงานได้ตรงใจเธอหลายครั้ง



“ผมขอโทษจริงๆ ครับคุณแข” ณิชยกมือไหว้เพราะรู้สึกผิดจริงๆ เขาไม่สามารถหาข้อแก้ตัวใดมาทำให้ตัวเองพ้นผิดได้เพราะตื่นสายจริงๆ สาเหตุคงมาจากดื่มของมึนเมาเข้าไปนั่นแหละ



“ฉันเห็นคุณฝีมือดีมากเลยวางใจให้มาทำโปรเจ็คนี้ แต่ดูเหมือนความรับผิดชอบของคุณจะหดหายไปนะ หรือฉันต้องให้คนอื่นมาดูแลงานนี้แทนคุณ”



“ไม่ครับๆ ผมจะทำงานนี้ให้ดีที่สุดคุณแขให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะครับ” ณิชแทบจะคุกเข่าอ้อนวอนเพราะเงินที่จะได้จากงานนี้ค่อนข้างเยอะ หากปล่อยหลุดมือไปคงเสียดายแย่



“จะทำยังไง รัศมีเขาก็ไม่อยากวางใจสักเท่าไหร่แล้วนะที่คนดูแลโปรเจ็คขาดความรับผิดชอบ”



“ผมจะลงงานนี้เองครับ” ก่อนหน้านี้พี่โอ๋เคยเตือนเขาแล้วว่าถ้ายังมาไม่เจอลูกค้าอีกเขาคงต้องลงงานเอง จะใช้บอยหรือมิ้งอย่างเดิมไม่ได้แล้ว ซึ่งงานนี้เขาคงไม่มีทางเลือกเพราะถ้าไม่ทำเองก็ต้องพลาดเงินก้อนโตไปแน่ๆ เบี้ยขยันที่เขาจะได้น้อยเสียที่ไหน สู้ทำกันสักตั้งเพื่อเงิน และเพื่อเรียกความน่าเชื่อถือจากคุณแขกลับมาเขายอม



“หมายความว่ายังไง” เพราะฝีมือของณิชเก่งกาจหาตัวจับได้ยาก ลูกค้าใหญ่ๆ หลายรายจะระบุมาเลยว่างานนี้ต้องให้ณิชทำ ทำให้บริษัทของเธอมีคนรู้จักมากขึ้น เพราะเหตุนี้ณิชจึงได้สิทธิพิเศษมากกว่าคนอื่นอยู่สักหน่อยตรงที่ไม่ต้องลงพื้นที่ต่างจังหวัดนอกเหนือจากเขตพื้นที่ปริมณฑล เพราะณิชให้เหตุผลว่าตนกลัวการนั่งรถทางไกล เธอเคยเห็นอาการของณิชแล้วจึงคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหกแน่นอนจึงยอมให้ หากเจ้าตัวจะรับผิดชอบงานนี้ด้วยการลงงานด้วยตัวเองก็ถือว่าสมเหตุสมผล



“ผมจะลงพื้นที่งานนี้เองครับ”



เพราะเหตุนี้จึงทำให้ณิชพ่วงด้วยมิ้งผู้ช่วยมือหนึ่งต้องหอบข้าวของย้ายสถานที่ทำงานจากเมืองกรุงลงใต้ทันที ณิชนั่งเครื่องบินมาเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้รถยนต์ ส่วนรถของเขาบอยรับหน้าที่ขับพามิ้งมา ก่อนจะนั่งเครื่องบินกลับไปช่วยงานพี่โอ๋ต่อ



“เลี้ยวข้างหน้าเลยค่ะพี่ณิช” มิ้งรับหน้าที่เป็นคนบอกทางบุ้ยใบ้ไปทางซ้ายมือ ณิชตบไฟเลี้ยวหักพวงมาลัยเลี้ยวตามที่มิ้งบอก สองข้างทางเป็นสวนยางที่ต้นขึ้นสูงเป็นระเบียบ กิ่งของมันโน้มเข้าหากันเหมือนซุ้มประตู ก่อนจะเผยให้เห็นวังปริพัตรที่เขาต้องมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ถึง 3 เดือน เพื่อจะได้ลุยโปรเจ็คนี้ให้เสร็จสมบูรณ์



“โห...นี่เหรอที่เขาเรียกว่าวัง ไม่ใหญ่นะพี่แต่ดูขลังจนน่าขนลุก ดูดิ ขนแขนหนูลุกเกรียวเลย” มิ้งพูดพลางลูบแขนตัวเองไป ยิ่งรถเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ณิชก็รู้สึกไม่ต่างกันมากเท่านั้น



ขับรถผ่านประตูรั้วเข้ามาจนมาจอดที่ตัวบ้าน ความรู้สึกแรกที่แวบเข้ามาในหัวคือความคิดถึง ยิ่งขับเข้าไปใกล้ตัวของคฤหาสน์สีฟ้าน้ำทะเลที่ตั้งโดดเด่นอยู่น้ำตาก็เอ่อคลอเต็มดวงตา



คุ้นเคย คิดถึง ห่วงหา



“นั่นคือคุณจีรัชญ์ ปริพัตร เรียกสั้นๆ ว่าคุณตรีก็ได้พี่ เขาไม่ค่อยพูดนะ แต่ถามอะไรก็ตอบหมดไม่ได้เป็นใบ้ ฮ่าๆ” มิ้งพูดเมื่อรถมาจอดลงตรงมุกหน้าคฤหาสน์จนเห็นหน้าเจ้าของคฤหาสน์หลังงามนี้เต็มๆ ตา



ณิชก้าวลงจากรถในทันทีก่อนจะยิ้มให้คุณรัศมี และเลยมายังชายหนุ่มที่ออกมายืนต้อนรับอยู่ข้างกัน อกผึ่งผายรับกับหุ่นกำยำล่ำสันที่สูงใหญ่ราวไม่ใช่คนสมัยนี้ ดวงตาที่จ้องมองมาสบกับณิชจนไม่สามารถละสายตาได้ รอยยิ้มบนหน้าของณิชค่อยๆ เผยขึ้นก่อนจะแนะนำตัวออกไป



“สวัสดีครับคุณจีรัชญ์ ผมปราณันต์ผู้ดูแลโปรเจคนี้ เรียกสั้นๆ ว่าณิชก็ได้ครับ”





โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๗/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 17-06-2020 13:24:06
แฟนตาซีชอบๆ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๗/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๒
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 18-06-2020 00:23:00
ณิชชื่อปราณ โว้ๆณิชในชาตินี้จะยั่วเยได้เหมือนกับคุณปราณชาติที่แล้วไหม เอาสิๆ  :impress2: 55555 ไอ้หาญคือคุณตรี? ใช่แน่ๆ อกผายไหล่ผึ่ง ไม่ชอบพูดแบบนี้ ใช่ มันต้องใช่แล้วละ 5555 แล้วช่วงนี้ณิชก็ฝันบ่อยด้วย เพราะจะเจอหน้ากันสินะ รู้สึกว่าเหมือนมีอะไรมาสะกิดให้ณิชชอบฝันถึงชาติที่แล้ว แบบมาจะให้ระลึกชาติได้อะ เหมือนว่าอีกคนจะจำชาติที่แล้วของตัวเองได้แต่อีกคนลืม เลยมาวึบๆวับๆลมพัดอ่อนๆเข้าหน้าต่างห้องณิชงี้ 55555 ก็ไม่รู้สินะจะยังไงต่อไป แต่รอเลยว่าปราณจะชอบอ่อย ชอบแกล้งให้หึงอยู่ไหม จะใจกล้ายอมเรียกเขาว่าผัวเหมือนชาติที่แล้วป่ะ แค่คิด :oo1: ก็  :o8: 5555 เฮ้ยยยยยสนุกกกกก อยากอ่านต่อแล้ว มาต่อๆ รรรรตอนหน้าเลย ขอบคุณนะคะที่แต่งมาอัพให้อ่านในนี้  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๗/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๒
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 18-06-2020 11:53:09
บทที่ ๓



ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งแต่งตัวสะอาดสะอ้านก้าวลงจากรถ ภาพที่เห็นทำให้จีรัชญ์แทบหยุดหายใจ แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะเปลี่ยนไปสักหน่อย แต่โครงหน้าและนัยตาสวยก็ยังเป็นแววตาคู่เดิมที่เคยพบพาน หัวใจที่เต้นในจังหวะปกติเปลี่ยนเป็นหนักหน่วง เขาต้องกำหมัดไว้แน่นเพื่อเรียกสติตัวเอง ดีที่มือแอบไพล่หลังไว้จึงไม่มีใครเห็นว่าบัดนี้เจ้าของวังปริพัตรคนปัจจุบันเกร็งเพียงใด



"สวัสดีครับคุณจีรัชญ์ ผมปราณันต์เป็นผู้ดูแลโปรเจ็คนี้ เรียกสั้นๆ ว่าณิชก็ได้ครับ" เสียงนุ่มเอ่ยพร้อมรอยยิ้มและท่าทางสุภาพ มือเรียวสวยยื่นออกมาเป็นเชิงทักทาย รอยยิ้มเป็นมิตรดูไม่มีพิษภัย จีรัชญ์พินิจมองชายตรงหน้าอีกครั้งอย่างถี่ถ้วน ตาคมดุที่ใครๆ ต่างหวาดกลัวกวาดมองไปทั่วร่างสูงโปร่งนี้จนมั่นใจ



ชาตินี้ คนนี้ ไม่ผิดแน่



"สวัสดี" จีรัชญ์ตอบรับสั้นๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในตัวคฤหาสน์ มือเรียวที่ยกค้างไว้ไม่ถูกสัมผัสแม้เพียงปลายก้อย ณิชอึ้งไปเล็กน้อยกับมารยาทของเจ้าของบ้าน ซึ่งพ่วงตำแหน่งลูกค้าที่ติดจะเย็นชาเสียเหลือเกิน แต่กระนั้นเขาก็เข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายคงจะไม่พอใจในตัวเขานัก เพราะไม่ไปตามนัดถึงสองครั้ง



"เชิญข้างในค่ะคุณณิช คุณมิ้ง" รัศมีกล่าวทำลายบรรยากาศที่กระอักกระอ่วนนี้ เธอเดินนำแขกผู้มาใหม่ทั้งสองเข้ามาภายใน ณิชและมิ้งต้องมาอยู่ที่แห่งนี้จนกว่างานจะเสร็จ เพราะคุณแขไขต้องการให้งานออกมาต้องตาตรงใจเจ้าของที่สุด คนรับใช้ที่หลบอยู่สองคนจึงเดินออกมาขนของของณิชและมิ้งตามเข้าไปด้วย แต่เมื่อเข้ามาในตัวคฤหาสน์กลับไม่เห็นเจ้าของบ้านแล้ว หายตัวเร็วเสียจนจับตัวไม่ทัน



วังปริพัตรตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่สวนยางไปแล้วสิบไร่ อีกสิบไร่ปลูกผลไม้จำพวกทุเรียน มังคุด มะพร้าวคละกันไป เพราะเจ้าของสถานที่ไม่ได้จะหาผลกำไรจากส่วนนี้ ส่วนพื้นที่ที่เหลือปลูกสิ่งก่อสร้างเป็นที่พักอาศัยนั่นคือคฤหาสน์ มีสนามหญ้าที่จัดสวนไว้อย่างสวยงาม เว้นพื้นที่สระบัวค่อนข้างกว้างในนั้นมีบัวหลายชนิดทั้งบัวหลวง บัวผัน บัวสาย โดยมีเรือนกลางน้ำเป็นทรงเรือนไทยไว้เป็นมุมพักผ่อนได้



“หมีให้คนจัดเตรียมห้องไว้ให้คุณณิชกับคุณมิ้งแล้วนะคะ แล้วไม่ทราบคุณณิชจะเริ่มงานเมื่อไหร่คะ” รัศมีดึงเข้าเรื่องงานทันทีไม่ปล่อยให้เสียเวลานาน ณิชที่กำลังสำรวจภายในบ้านอย่างอึ้งๆ ชะงักไปเมื่อมิ้งหันมาหยิกแขนเข้าให้



“เริ่มพรุ่งนี้เลยค่ะ เรานัดทีมช่างให้เข้ามาพรุ่งนี้เลยจะได้ไม่เสียเวลาทั้งคุณจีรัชญ์และคุณหมี พี่ณิชอย่ามัวแต่มองอย่างอื่นสิ คุยงานก่อนพี่ค่อยสำรวจหลังจากนี้ก็ยังไม่สาย” คำพูดของมิ้งทำรัศมียิ้มขำ



เธอไม่แปลกใจหรอกที่ณิชมีท่าทีสนอกสนใจคฤหาสน์หลังนี้ เพราะตอนที่เธอเห็นครั้งแรกก็ตะลึงในความสวยไม่แพ้กัน ตอนรัศมีมาที่นี่ครั้งแรกเธอก็ยังมองว่ามันสวยมาก แต่เจ้านายของเธอกลับบอกว่าอยากทำให้มันดีกว่านี้ คาดว่าคงอยากจะทำเป็นเรือนหอของคุณจีรัชญ์กับคุณแขไขนั่นแหละ



คฤหาสน์ทั้งหลังสร้างผสมระหว่างงานปูนและงานไม้ กลิ่นอายของความเป็นไทยสมัยก่อนยังถูกคงไว้อย่างดี สิ่งที่เด่นที่สุดเมื่อเดินเข้ามาแล้วสะดุดตาเลยคือภาพวาดบ้านเรือนไทย สวยงามราวกับเห็นของจริงอยู่ตรงหน้า ณิชเดินเข้าไปใกล้เพื่อดูมันใกล้ๆ อย่างพิจารณา



เรือนไทยหลังใหญ่พื้นเรือนยกสูงมีบันไดทอดลงมาจากบนเรือนถึงพื้น ทั้งหลังทำด้วยไม้ทั้งหมด ในภาพดูมีมิติราวกับเขาได้เห็นของจริงอยู่ตรงหน้า รายละเอียดของตัวเรือนไทยที่ผู้วาดได้ลงสีไว้ละเอียดจนเขาอดชื่นชมในใจไม่ได้ บรรยากาศโดยรอบก็ละเอียดไม่แพ้กัน พื้นหญ้าที่ถูกตัดจนโล่งเตียนเวลาเดินคงนุ่มเท้าน่าดู



หากคุณปราณอยู่เรือนนี้ ไอ้หาญก็คงทำงานกวาดใบไม้ใบหญ้าอยู่แถวนี้ละมั้ง ต้นหูกวางต้นใหญ่นั้นมีใบร่วงหล่นอยู่บนพื้นพอสมควร ไอ้หาญคงกวาดกันมิหวาดมิไหว แต่เพราะตรงท่าน้ำนั้นมีคุณปราณนอนเล่นอยู่ ไอ้หาญคงบรรจงกวาดไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อจะได้แอบมองคนที่มันรัก



ณิชเผลอยกมือขึ้นลูบไปบนภาพวาดนี้ราวกับว่ามันออกมาจากความฝันที่เขาฝันถึงมาหลายคืน ความรู้สึกเหมือนเจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน



“พี่ณิช! จะสิงเข้าไปในรูปแล้วน่ะ จะยืนดูใกล้อะไรขนาดนั้น” มิ้งร้องเรียกรุ่นพี่ของเธอ เพราะท่าทางของณิชแทบจะมุดเข้าไปในกรอบรูป จะมองพินิจพิจารณาภาพวาดอะไรขนาดนี้



“มันสวย แกไม่คิดเหรอว่ามันสวย ใครวาด...” ณิชพูดก่อนจะมองไปที่ลายเซ็นบนภาพวาด ลายมือตวัดสวยและอ่านได้ว่า ‘อนันต์’



“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวขึ้นไปดูห้องกันนะคะ” รัศมีกล่าวพร้อมรอยยิ้ม



ณิชมองไปรอบๆ ตัวอีกครั้ง เขาไม่ได้ตะลึงในความเป็นไทยของที่นี่ แต่เพราะรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นบันไดที่ทอดยาวขึ้นชั้นสอง เสาในคฤหาสน์ที่เป็นไม้แทบทั้งหมด เพดานที่อยู่สูงเหนือหัวขึ้นไปมีโคมไฟระย้าส่องแสงอยู่ คลับคล้ายคลับคลาว่าตรงชั้นสองด้านหลังจะมีระเบียงกว้างยื่นออกไปเป็นมุมพักผ่อน จะทำให้เห็นสระบัวและเรือนกลางน้ำได้อย่างชัดเจน สงสัยคงเพราะนั่งหลังขดหลังแข็งออกแบบให้ที่นี่มานานล่ะมั้งเลยมีความรู้สึกแบบนี้



รัศมีมาส่งเขาที่ห้องซึ่งเดินขึ้นมาชั้นสองห้องอยู่ทางขวามือ ในส่วนของชั้นสองมีพื้นที่ว่างตรงกลางซึ่งเป็นโถงที่มองลงไปยังชั้นหนึ่งได้ ฝั่งตรงข้ามเยื้องห้องของณิชไปจะเป็นระเบียงที่ว่า ส่วนของมิ้งเดินไปทางซ้าย ณิชเปิดประตูเข้าไปด้านในสิ่งแรกที่เห็นคือเตียงสี่เสา และม่านสีขาวบางเบากำลังพลิ้วไหวกับสายลมที่พัดเข้ามาเอื่อยๆ บานหน้าต่างเปิดรับแสงมีทั้งจากทางข้างหัวเตียง และฝั่งโต๊ะหนังสือ มีเครื่องเฟอร์นิเจอร์ครบทั้งเก้าอี้ทำงาน โซฟา ตู้เสื้อผ้า แต่ที่ไม่มีคือเครื่องปรับอากาศเพราะมีเพียงพัดลมตั้งพื้นเท่านั้นที่วางไว้



คุณแขกำชับมาว่าตลอดระยะเวลาที่ทำงานที่นี่ เขาไม่ต้องเดินทางไปทำงานที่อื่นแต่อย่างใด เพียงแต่งานออกแบบของลูกค้าที่รับผิดชอบควรเคลียร์ให้เสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งมีเวลาเหลืออีก 20 วัน เพราะเธอต้องการให้ณิชลุยงานของจีรัชญ์อย่างเต็มที่



Rrrrr Rrrrr



“ว่าไงพี่โอ๋”



[เป็นบ้างวะ หายไปเลยนะมึง]



“เพิ่งมาถึงเลยเนี่ย วังที่พี่ว่าไม่ได้ใหญ่มากนะ แต่พื้นที่เยอะฉิบหายเลย แถมยังได้กลิ่นอายไทยแบบไทยแท้ๆ เหมือนสัก 70-80 ปีก่อนเลยว่ะ นี่ถ้าเขาเปิดเพลงให้เต้นลีลาศผมว่าจะออกลวดลายสักหน่อยละ” ณิชบอกตามที่ตนรู้สึก เขามายืนตรงหน้าต่างได้กลิ่นหอมลอยมาให้ได้กลิ่นอยู่เนืองๆ หันมองไปรอบๆ ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่ากลิ่นหอมนี้มาจากไหน มันเป็นกลิ่นที่เขามักได้กลิ่นอยู่ที่ห้องเสมอ



[เออ ทำงานให้ดีล่ะมึง แว่วมาว่าเขาเตรียมเป็นเรือนหอของคุณตรีกับคุณแข]



“จริงดิ? ทำไมตอนผมรับงานไม่เห็นเขาจะบอกแบบนี้เลยวะ”



[กูก็เพิ่งได้ยินข่าวหลุดออกมาจากคุณรัศมีเมื่อวันก่อน เธอหลุดปากพูดมาน่ะ เออ...มึงเจอลูกค้ากิตติมาศักดิ์มึงแล้วใช่ไหม เป็นไงบ้าง]



“มารยาทโคตรแย่” ณิชตอบได้ในทันทีเมื่อนึกไปถึงตอนที่เจอหน้ากันเมื่อครู่ ความประทับใจแรกกับลูกค้ารายนี้ไม่ค่อยดีนักค่อนไปทางติดลบเสียด้วยซ้ำ



ใบหน้าหล่อคมคายแบบไทยแท้ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากรูปกระจับไม่บางแต่ก็ไม่หนาเกินไป คิ้วดกดำพาดเฉียงรับองศากับรูปหน้าแต่ดูดุ ดูสมชายชาตรีโดยเฉพาะแผ่นอกที่เขาว่าชายไทยอกสามศอก หากเป็นบุรุษผู้นั้นคงไม่เกินจริงนัก นั่นเพราะอกกว้างจริง อีกทั้งท่ายืนก็ดูดีสง่าผ่าเผย ทำให้เขาเห็นในครั้งแรกยังแอบอิจฉาในหุ่นอยู่ลึกๆ แต่ขณะที่เขาพูดแนะนำตัวไปเสียยืดยาวพร้อมรอยยิ้ม อีกฝ่ายตอบกลับมาเพียงแค่สวัสดีแล้วเดินหนีไปเลย หากไม่ติดว่าเป็นแฟนเจ้านายที่พ่วงตำแหน่งลูกค้าเขาคงได้ด่าตามหลังไปแล้ว



[ทำไมวะ เขาด่าเรื่องมึงเบี้ยวนัดเขาเหรอ]



ณิชจึงเล่าให้โอ๋ฟังโดยไม่คิดอิดออด ฝ่ายนั้นพอได้ฟังก็หัวเราะลั่น



[ก็มึงผิดนัดเขา ถ้าเขาจะโกรธก็ไม่แปลก เอาน่ะ ต้องทำงานด้วยกันยังไงก็ปรองดองกันไว้]



“เออพี่โอ๋ ฝากขอบคุณไอ้บอยด้วยนะพี่ มันอุตส่าห์ขับรถมาส่งไอ้มิ้งแต่ตั้งเช้า ผมซื้อตั๋วเครื่องบินให้มันนั่งกลับกรุงเทพฯ เป็นการตอบแทน เดี๋ยวถ้าเสร็จงานที่นี่ผมจะพามันไปเลี้ยงขอบคุณอีกที” บอยขับรถเขามาให้ซึ่งมาพร้อมกับมิ้ง เพราะอยู่ที่นี่เขาจะได้มีรถใช้ได้สะดวก ส่วนบอยเขาซื้อตั๋วเครื่องบินให้นั่งกลับไป เกรงใจบอยอยู่เหมือนกันแต่ทำไงได้ เขาขับรถทางไกลไม่ได้จริงๆ



[เออ เดี๋ยวบอกให้ เงินที่ได้มาก็เก็บๆ มั่งเหอะสัด อย่าเอาแต่เลี้ยงเด็กมัน งั้นแค่นี้ก่อนนะเว้ยคุณแขมาตามงานกับไอ้บอยละ] พูดจบก็ตัดสายไปเลย



“เฮ้ย!” หลังจากวางสายณิชหันกลับมาเห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ยืนอยู่ตรงประตูห้องร้องอุทานด้วยความตกใจ ก็คิดว่ายักษ์วัดแจ้งมายืนแยกเขี้ยวอยู่ตรงนี้ ที่ไหนได้คุณเจ้าของบ้านที่ในมือถือปลั๊กสามตา ฝ่ายนั้นเดินเข้ามาวางของให้ที่เตียงเสร็จทำท่าจะเดินออกไป แต่ณิชกลับเรียกไว้เสียก่อน



“คุณจีรัชญ์ครับ พอจะว่างคุยกับ...”



“ในตอนที่ผมว่างคุณไม่คุย ตอนนี้ผมไม่สะดวกไว้ค่อยคุยก็แล้วกัน”



คำปฏิเสธมาพร้อมคำตำหนิในประโยคเดียวทำเอาณิชหน้าชา ความรู้สึกผิดเกาะกุมใจจนต้องนิ่วหน้า นอกจากจะเย็นชาแล้วยังปากร้ายด้วย ขนาดได้ยินเสียงแค่สองประโยคก็ทำเอาบาดลึกถึงความรู้สึก ณิชถอนหายใจปัดเรื่องไม่สบายใจทิ้งไปก่อน ไว้ค่อยเริ่มกันใหม่กับลูกค้าคนนี้ก็แล้วกัน ตอนนี้เขาต้องจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางเสียก่อน



ณิชใช้เวลาอยู่ในห้องราวชั่วโมงก็เสร็จ ได้ยินเสียงรัศมีกับมิ้งคุยกันอยู่ข้างล่าง เมื่อชะโงกหน้าออกไปดูทางหน้าต่างเห็นหญิงสาวกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส คงหนีไม่พ้นเรื่องนิยายของมิ้งที่เจ้าตัวโฆษณาใครต่อใครที่รู้จักไปเสียหมด เธอบอกว่าจะได้มีนักอ่านหลากหลายวัยมาอ่านงานของเธอ



ณิชเดินลงมาชั้นล่างส่วนเจ้าของวังหายไปอีกครั้ง และเขาก็ไม่คิดหาให้เสียเวลา ขอถือวิสาสะเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบสักหน่อยว่าวังปริพัตรที่มีอายุเกือบร้อยปีเป็นเช่นไร และแน่นอนว่าที่ทางที่เขาเดินไปไม่ต้องให้เจ้ของพื้นที่มาคอยบอก เพราะมันคุ้นตาจนคิดว่าหากปิดตาเดินก็คงไม่หลง



ชายหนุ่มเดินผ่านตัวคฤหาสน์ไปทางสวนด้านข้าง มีทางเดินที่จัดแต่งไว้เป็นสัดส่วนให้เดิน เพราะพื้นหญ้าเขียวชะอุ่มที่ถูกตัดแต่งจนสั้นสวยงามไม่สมควรถูกเหยียบ ต้นหางนกยูงยืนต้นใหญ่เรียงรายตามทาง ดอกสีส้มของมันร่วงโรยอยู่บนพื้น



ทำไมยังไม่ตัด เคยบอกไปแล้วว่าให้ตัดเพราะดอกของมันร่วงจนเกลื่อนพื้นไปหมด



แว่วความคิดแทรกมาจนณิชชะงัก ภาพแวบเข้ามาในหัวเห็นตัวเองยืนเท้าสะเอวมองต้นไม้ใหญ่นี้อยู่ด้วยหน้าตาบึ้งตึง แต่ใครอีกคนลูบหัวเขาอย่างเอ็นดู ณิชสะบัดหัวสองสามครั้งเพื่อเรียกสติ หากมาที่เก่าแก่แบบนี้แล้วเห็นภาพหลอนก็ไม่ไหวนะ ณิชยกมือไหว้เจ้าที่เจ้าทางว่าอย่ามาทักมาทายกันเลย เขาแค่มาอาศัยอยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้นไม่ได้จะมาลบหลู่แต่อย่างใด เมื่อยกมือไหว้ท่วมหัวเสร็จคนหนุ่มก็เดินต่อไปด้านหลังในทันที



ชายหนุ่มเดินมาจนถึงสระบัวที่เป็นบ่อดิน ตอนนี้ดอกของมันเบ่งบานอวดโฉมกันใหญ่ บางดอกก็ตูมเพราะตามชนิดของมันจะบานในตอนกลางคืน ณิชเดินข้ามสะพานที่เชื่อมต่อไปยังศาลากลางน้ำ มองหลับไปด้านหลังเห็นระเบียงกว้างยื่นออกมาอย่างที่คิดไว้จริงๆ เขาลอบยิ้มในใจที่แบบของคฤหาสน์หลังนี้ไม่ต่างจากที่คิดไว้ อีกทั้งบรรยากาศของมันทำให้เขาหวนคิดถึงความฝันได้ไม่ยาก หากมีละครช่องมากสีมาถ่ายทำที่นี่ก็คงได้



ดอกบัวที่ชูช่อทำณิชอดใจไม่ไหวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายภาพความสวยงามนี้เก็บไว้เป็นที่ระลึก นึกเจ็บใจที่ไม่ได้หยิบกล้องถ่ายรูปลงมาด้วย เขาโน้มตัวผ่านระเบียงไม้เพื่อจะได้รูปความคมชัดในระยะใกล้ เพราะถึงแม้จะซูมแล้วแต่มันก็ยังไม่สวยตรงใจสักที ชายหนุ่มยื่นมือออกไปสุดแขนโดยมีมือหนึ่งจับราวระเบียงไว้ แต่พอลมพัดมาวูบหนึ่งราวมีคนผลักมือเขาที่จับราวไว้ก็ลื่น



ตูม!



ณิชตกน้ำ! สิ่งหนึ่งที่คิดคือ ‘ฉิบหายแล้ว’ เขาว่ายน้ำไม่เป็น! สองขาสองมือตะเกียกตะกายหาพื้นเพื่อที่จะยืนได้แต่มันก็ไม่มี ไขว่ขว้าได้แค่ก้านบัวเท่านั้น ภาพแวบเข้ามาในหัวว่าเขาเคยตกน้ำแบบนี้ มันทรมาน หายใจไม่ออก ไม่มีใครลงมาช่วยเลยสักคน กระวนกระวายอยู่คนเดียวใต้น้ำก่อนร่างจะค่อยๆ จมลงสูงห้วงลึก



ร่างสูงใหญ่ของเจ้าของวังยืนมองคนที่กำลังเดินไปทางสระบัว รอยยิ้มสวยประดับบนใบหน้าอย่างที่เคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วน หัวใจปวดหนึบเต้นหนักหน่วงในอก ความรู้สึก ความคิด คำถามที่เกิดขึ้นในใจทั้งหมดวิ่งวนในหัวจนปวดแปลบ



ทำไมถึงต้องมาเจอกันอีก



ทำไมถึงต้องพบกันทั้งที่มันควรจะไม่มีวันนี้แล้ว



ทำไมถึงต้องมาทรมานกับความเสียใจซ้ำๆ

‘เพราะมันคือโชคชะตา’ เสียงหนึ่งแว่วมาพร้อมสายลมเย็นๆ ที่พัดมาโดน สายลมเพียงวูบเดียวที่เขารู้ดีว่ามันก็คงติดอยู่ในวังวนนี้ไม่ต่างจากตัวเขา



“เมื่อไหร่จะสิ้นสุดเสียที” จีรัชญ์พึมพำออกมาทั้งที่สายตายังทอดมองร่างบางของณิชที่กำลังก้มลงถ่ายรูปดอกบัวอยู่ ลมเย็นพัดผ่านตัวเขาวูบหนึ่ง และเสียงกระซิบนั้นก็หายไปด้วย



ตูม!



ณิชตกสระบัวไปแล้ว จีรัชญ์เห็นดังนั้นก็วิ่งลงไปที่สระโดยใช้บันไดด้านข้างเพื่อไปถึงให้เร็วที่สุด แม้ไม่อยากเกี่ยวข้องไม่ว่าทางใด แต่เมื่อโชคชะตาเล่นตลกแบบนี้เขาก็ไม่สามารถทนดูคน ‘เคยรัก’ ของตนเองจมน้ำตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้



จีรัชญ์วิ่งข้ามสะพานตรงไปยังที่ณิชตกลงไป ผิวน้ำยังไหวกระเพื่อมรุนแรงอยู่สื่อให้รู้ว่าเจ้าตัวพยายามเอาชีวิตรอด ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มกระโดดลงน้ำไปทันทีอย่างไม่รีรอ ไขว่คว้าร่างบางได้ก็ดึงขึ้นสู่ผิวน้ำ



“คุณ! ใจเย็น คุณ! ปราณันต์ใจเย็นก่อน!!” เสียงพูดกึ่งดุพร้อมแรงรั้งเข้าหาตัวอีกทั้งเขย่าทำให้ณิชที่สำลักน้ำอย่างเอาเป็นเอาตายเหลือบมอง



“หาญช่วยฉันด้วย” เสียงหลุดเรียกเบาหวิวออกมาโดยไม่รู้ตัว เพราะใบหน้าที่เห็นพร่ามัวแต่กลับชัดในความรู้สึกว่าเหมือนจะเคยเห็นใบหน้าแบบนี้ในฝัน



“คุณ! ตั้งสติดีๆ เกาะผมไว้” แต่แล้วเสียงดุดันของชายหนุ่มเจ้าของวังก็เรียกสติให้ณิชสะดุ้ง แขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นโอบเอวเขาไว้ ณิชเกาะไหล่อีกฝ่ายเพื่อใช้เป็นหลักยึดเกาะ



“ผมว่ายน้ำไม่เป็น” ณิชพูดเสียงสั่น ใจที่เคยเต้นรัวเพราะความกลัวบัดนี้สงบลงแล้ว มีเพียงจังหวะหนักหน่วงยามปลายจมูกโด่งจ่ออยู่ใกล้กกหูของเขา ความอบอุ่นที่คุ้นเคยทั้งที่เพิ่งเคยใกล้ชิดกันครั้งแรกทำณิชไปไม่เป็น คงเพราะอีกฝ่ายเข้ามาช่วยชีวิตเขาไว้ล่ะมั้งเลยรู้สึกแบบนี้ รู้สึกเหมือนโดนปกป้อง โดนห่วงใย แม้ไม่ได้พูดกันแต่ก็รับรู้ได้



จีรัชญ์ไม่พูดอะไรเพียงว่ายพาอีกฝ่ายไปที่ขอบสระจนเดินขึ้นไปเองเท่านั้น แน่นอนว่าภาพบางอย่างแล่นปราดเข้ามาในหัว ภาพที่เขาไม่เคยลืมจึงทำให้ต้องรีบรุดมาช่วยไว้ หน้าหวานสำลักไอหน้าดำหน้าแดง ตาเรียวโตเหมือนตากวางแดงก่ำเพราะโดนน้ำไปเต็มๆ



"คุณจีรัชญ์" ณิชเรียกคนที่กำลังเดินดุ่มๆ จะเข้าตัวคฤหาสน์ ไม่รู้ทำไมถึงไม่กล้าเรียกอีกฝ่ายว่าคุณตรีอย่างที่มิ้งบอก อาจเพราะเขายังรู้สึกห่างเหินกับอีกฝ่ายจึงทำให้ไม่กล้ามอบความเป็นกันเองนี้ให้ ฝ่ายจีรัชญ์เมื่อได้ยินเสียงเรียกเขาจึงหยุดเดินณิชจึงรีบวิ่งไปยืนข้างหน้า



"ขอบคุณนะครับ" ณิชเอ่ยบอก หากยกมือไหว้ด้วยจะน่าเกลียดไหม เขาขอบคุณคนคนนี้จริงๆ เพราะตอนตกลงไปในสระเขากลัวมาก เหมือนความรู้สึกอะไรบางอย่างกดเขาให้จมลงไป ไม่ว่าจะตะเกียกตะกายไขว่ขว้าอะไรก็ไม่สามารถผุดขึ้นจากน้ำได้ ความกลัวความสิ้นหวังเกาะกุมใจจนคิดว่าเขาคงไม่มีวันโผล่ขึ้นพ้นน้ำอีกแล้ว



หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๗/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๒
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 18-06-2020 11:53:28


จีรัชญ์ไม่ตอบ เขาปรายตามองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าบึ้งตึงเท่านั้น ณิชมองสบตาคมที่กำลังตำหนิเขาก่อนจะยกมือขึ้นไหว้อย่างที่ใจคิด เพราะไม่ว่าจะด้วยสถานะลูกค้ากับผู้ทำงาน เจ้าของบ้านกับผู้มาเยือน หรือแม้แต่ชายคนหนึ่งที่อายุคงมากกว่าเขา อีกฝ่ายก็ดูจะมีอำนาจมากกว่าไหนๆ



"ผมขอโทษเรื่องก่อนหน้านี้ด้วยครับที่ผิดนัดคุณถึงสองครั้ง คุณไม่พอใจหรือโกรธผมมันก็ไม่ผิด แต่ผมว่าเราวางเรื่องอดีตไปก่อนดีไหมครับ คือ..." ณิชกล่าวอย่างรู้สึกผิดจากใจ



"วางเรื่องอดีตอย่างนั้นเหรอ" จีรัชญ์เอ่ยถามน้ำเสียงติดไปทางเย้ยหยัน



เขาอยากวางเรื่องอดีตที่ผ่านมาทั้งหมดด้วยซ้ำ อยากลืมไปให้หมดจะได้ไม่จดจำความเจ็บปวดใดๆ ไว้อีก แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ และมีเพียงเขาฝ่ายเดียวที่จดจำทุกอย่างที่ผ่านมา...ไม่เคยลืม



จีรัชญ์เดินเข้าคฤหาสน์ไปแล้วทิ้งไว้แต่เพียงณิชที่มองตามหลังไปเท่านั้น ไหล่กว้างสมตัวดูกำยำชนิดที่เขาไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนจะมีรูปร่างแบบนี้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจีรัชญ์มีอาชีพอะไร แต่ถ้าจะให้เดาจากรูปลักษณ์ภายนอกคงหนีไม่พ้นเทรนเนอร์ฟิตเนส



“พี่ณิช! ทำไมเปียกแบบนี้ล่ะเลอะโคลนด้วย” มิ้งที่กอดโหลแก้วซึ่งภายในใส่ขนมอาลัวไว้ร้องถาม เมื่อตนเห็นณิชเดินเข้ามาเนื้อตัวมอมแมมดูไม่ได้



“ตกสระบัวมา”



“ว้าย! ตายจริง ไปทำอีท่าไหนมาคะเนี่ย สระบัวนั้นปกติคุณตรีไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งหรอกนะคะ เป็นพื้นที่หวงห้ามเลยล่ะ” ป้าแจ่มหัวหน้าแม่บ้านบอกก่อนจะสั่งให้คนรับใช้คนอื่นหยิบผ้าขนหนูมาให้ณิช



“เหรอครับ หึ! บัวสวยขนาดนั้นคุณจีรัชญ์หวงก็ไม่แปลกหรอก” ชายหนุ่มรับผ้าขนหนูผืนใหญ่มาซับเนื้อตัว การตกน้ำครั้งนี้ของเขาหากบอกรายละเอียดไปคนได้หัวเราะแน่ๆ เพราะแค่ลมวูบเดียวก็ทำเขาหล่นน้ำได้ราวผีผลักตัว นี่ยังดีที่คุณเจ้าของบ้านลงไปช่วยไว้ได้ทันไม่งั้นเขาคงกลายเป็นฝีเฝ้าสระบัวไปแล้ว



คิดไปถึงใบหน้าถมึงทึงของเจ้าของวังแล้วก็ถอนหายใจ หวังว่าตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่จีรัชญ์จะยอมอภัยให้เขาล่ะนะ เพราะถ้ามึนตึงกันอยู่แบบนี้เห็นทีจะทำงานกันยาก



“แล้วนี่ขนมเอามาจากไหน ปล้นครัวเขามารึไง เราเพิ่งมาอยู่เองนะเว้ยไอ้มิ้ง”



“อะไรเล่าพี่ ป้าแจ่มบอกว่าให้เอามาแบ่งกับพี่เนี่ย พอดีมันเหลือจากที่เอาไปขาย”



“หือ? ที่นี่ทำขนมขายด้วยเหรอครับ”



“พอดีป้าว่างๆ เลยทำน่ะค่ะ ไม่เยอะหรอกแค่พอไปฝากร้านในตลาดเขาขายนิดๆ หน่อยๆ” ณิชพยักหน้ารับก่อนจะยกนิ้วโป้งให้ เพราะเขาชิมขนมอาลัวที่รสชาติไม่หวานมาก และค่อนข้างถูกปากแล้ว รสชาติดีแบบนี้ถึงว่ามิ้งกอดขวดโหลใส่ขนมไม่วางเลย



ณิชขึ้นมาอาบน้ำให้เรียบร้อย ก่อนจะนั่งลงเปิดแลปท็อปเพื่อทำงาน แต่ฉุกคิดขึ้นได้ว่าโทรศัพท์ตนตกน้ำไปแล้ว ตอนนี้คงนอนอยู่ก้นสระโน่นแหละ เดี๋ยวไว้ว่างๆ คงต้องไปหาซื้อเครื่องใหม่มา เพราะต้องใช้ติดต่องานกับลูกค้าและพี่โอ๋ โชคยังดีที่ที่นี่มี wifi จึงไม่ต้องดิ้นรนเรื่องอินเทอร์เน็ตให้ปวดหัว



ป้าแจ่มจัดโต๊ะสำหรับมื้อเย็นเสร็จพอดีในช่วงเกือบหนึ่งทุ่ม ส่วนเจ้าของบ้านนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะกำลังรอแขกทั้งสองอยู่ มิ้งยกมือไหว้ขอโทษที่มาช้าเพราะติดพันเรื่องงานอยู่กับณิช ส่วนณิชทำเพียงแค่เหลือบมองอีกฝ่ายที่ไม่คิดแม้แต่จะมองมาที่เขาสักนิด



“บ้านเอ่อ...วัง...”



“เรียกบ้านก็ได้ครับ”



“ค่ะ บ้านคุณตรีน่าอยู่มากเลยค่ะ พื้นที่กว้างขวาง ด้านนอกที่หนูไปดูกับคุณหมีวันนี้ก็สวยมาก แบบนี้ค่าใช้จ่ายสำหรับการดูแลสวนคงเยอะเลยใช่ไหมคะ” หญิงสาวชวนคุย เพื่อไม่ให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบเกินไปพร้อมกับตักแกงเทโพใส่จาน ผักบุ้งต้นอวบๆ ที่ถูกหั่นเป็นท่อนพอดีคำกับปลาเค็มที่หั่นเป็นชิ้นแล้วในน้ำแกงกะทิสีเหลืองดูน่ารับประทาน เธอไม่เคยกินแกงทางใต้แท้ๆ แบบนี้ พอได้ชิมถึงกับร้องอู้หูเบาๆ เพราะรสมือของป้าแจ่มมัดใจเธอได้ตั้งแต่มื้อแรกที่มาอยู่เลย



“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ เพราะส่วนใหญ่ผมจะดูแลเอง”



“โอ้โห มันเยอะมากเลยนะคะเนี่ย เอ่อ...งั้นขอถามได้ไหมคะว่าคุณตรีทำงานอะไร ดูคุณตรีมีเวลาว่างดูแลบ้านเป็นอย่างดีแบบนี้หนูขอชื่นชมเลยค่ะ”



“ผมเป็นอาจารย์พิเศษสอนในมหา’ ลัย แต่ให้พูดจริงๆ ก็คงเป็นแค่ชาวสวนธรรมดา เรื่องสอนหนังสือคืองานรอง” มิ้งถึงกับกลืนน้ำลายเมื่อได้ยินคำตอบ อาจารย์สอนในมหา’ ลัยใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่ายๆ ต้องเป็นคนที่เก่งจริงๆ แถมยังบอกว่าตัวเองเป็นแค่ชาวสวนธรรมดา ทั้งที่พื้นที่ในส่วนของวังปริพัตรมีเป็นสิบๆ ไร่ แบบนี้ไม่ธรรมดาแล้วล่ะ อีกทั้งท่าทางราวกับคุณชายถอดแบบออกมาจากละครแบบนี้ คำว่า ‘ธรรมดา’ ดูห่างไกลเจ้าตัวอยู่โข



ทางด้านณิชยังคงเอร็ดอร่อยกับมื้ออาหารตรงหน้า ปัดความรำคาญใจเรื่องที่เจ้าของบ้านไม่สนใจใยดีตน เพราะอีกฝ่ายทำเหมือนกับว่าเขาไม่ได้มีตัวตนบนโต๊ะอาหารนี้ด้วย มีแต่จะพูดคุยโต้ตอบกับมิ้งเท่านั้น



ผ่านไปพักทั้งสามคนก็ทานเสร็จ จากตอนแรกที่มิ้งเกร็งมากเพราะเกรงใจจีรัชญ์กลายเป็นตอนนี้พูดไปหัวเราะไปกับเรื่องที่จีรัชญ์เล่าให้ฟัง ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายที่เงียบขรึมไม่สนใจโลกแบบนี้จะมีมุมทำให้หญิงสาวพอใจได้ ก็อย่างว่า...มัดใจเจ้านายเขาได้ก็คงมีสกิลพอตัว



“คุณตรีอยู่ที่นี่คนเดียวเหรอคะ หมายถึงครอบครัวคุณตรีไม่อยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ”



“ผมไม่มีครอบครัว พ่อแม่เสียไปนานแล้ว” จีรัชญ์ตอบเสียงเรียบ ปรายตามองคนที่กำลังนั่งชื่นชมแก้วน้ำบ้านเขาอยู่ ถือว่าณิชมีความอดทนมากที่ไม่พูดอะไรออกมาเลย นอกเสียจากจะโดนมิ้งจี้ถามเท่านั้น



“อ่า หนูขอโทษค่ะ”



“ไม่เป็นไร ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้สักเท่าไหร่”



“ค่ะ... แต่คุณตรีคะ เรื่องการตกแต่งภายในคุณตรีไม่ต้องห่วงนะคะ เราจะคงไว้ตามแบบที่คุณตรีต้องการอย่างแน่นอน รับรองค่ะว่าฝีมือพี่ณิชไม่ทำให้คุณตรีผิดหวังแน่ๆ”



“บริษัทของคุณโดยปกติแล้วจะให้ลูกน้องคุยงานแทนหัวหน้าทีมเหรอครับ” ครั้งนี้เขามองไปที่ณิชโดยตรง อีกฝ่ายที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของเขาหันมอง จีรัชญ์จึงหันกลับไปทางมิ้งเพื่อขอคำตอบ จงใจละเว้นณิชไว้จนณิชรู้สึกเหมือนโดนหยาม



“เอ่อ...” มิ้งอึกอัก เพราะอยู่ๆ บรรยากาศที่ดีขึ้นเมื่อครู่ดิ่งวูบไปถนัดตา เธอสบตากับณิชที่มองตอบเช่นกันอย่างคนทำอะไรไม่ถูก เพราะสายตาที่จีรัชญ์มองเธอในตอนนี้มันกดดันเสียจนแทบหายใจไม่ออก



“ปกติแล้วผมจะคุยงานกับลูกค้าเอง แต่เพราะลูกค้าไม่ต้องการจะคุยกับผมทั้งที่ผมบอกไปแล้วว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ทำให้ลูกทีมผมเป็นคนออกหน้าแทนครับ” ณิชตอบเสียงสั่นเพราะเต็มไปด้วยความโกรธ จีรัชญ์ทำเหมือนเขาคืออากาศ ไม่มองหน้าพอจะพูดด้วยก็เดินหนี นี่แค่วันแรกยังเข้าหน้าไม่ติดขนาดนี้เขาคงต้องเผื่อใจว่าวันต่อๆ ไปตัวเองอาจจะทำงานนี้ไม่จบ



เพราะเขากับจีรัชญ์คงทำงานร่วมกันไม่ได้จริงๆ



“เพราะผมไม่คุยคุณเลยไม่มีวิธีที่จะเข้าหา เพื่อที่จะได้ทำงานร่วมกันได้อย่างที่คุณบอกอย่างนั้นเหรอ”



ณิชหน้าชา ยอมรับว่าเพราะความถือดี และไม่ชอบง้อคนเลยทำให้เขามองข้ามจุดนี้ไป ทั้งที่จริงเขาควรทำทุกอย่างเพื่อให้จีรัชญ์ยอมรับตัวเขาให้ได้



“มิ้ง พี่ขอคุยกับคุณจีรัชญ์หน่อยนะ” เขาตัดสินใจบอกรุ่นน้องตนไป อีกฝ่ายก็รีบลุกออกจากโต๊ะไปทันที เพราะไม่อยากทนอยู่กับบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้



“คุณจีรัชญ์...ผมขอโทษจริงๆ ที่ทำให้คุณเสียเวลาไปถึงสองครั้ง ผมไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น แต่ถ้าคุณจะไม่ยอมวางเรื่องในอดีตลงเราก็ทำงานกันไม่ได้ เพราะคุณก็จะเมินเฉยผมอยู่แบบนี้” ณิชพูดอย่างใจเย็น ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวของจีรัชญ์เองว่าจะเลิกโกรธเขาได้หรือยัง



“คุณพูดราวกับว่าการลืมอดีตเป็นเรื่องง่าย” จีรัชญ์พูดเสียงเรียบ แต่สายตาที่จ้องมองณิชกลับดุดันราวกับมีบางอย่างในใจ เพียงเสี้ยววิแววตานั้นก็กลับมาเรียบเฉยดังเดิม “แต่ก็ใช่...สำหรับคุณอะไรที่เป็นอดีตมักลืมง่ายเสมอ”



“ผมไม่ได้บอกว่าให้ลืมแค่บอกว่าให้วางลงก่อน หมายถึงปล่อยมันไปก่อน ตอนนี้เราควรเดินหน้าต่อนะคุณไม่งั้นงานก็ไม่เสร็จ วังของคุณก็จะออกมาสวยโดนใจคุณไม่ได้เพราะผมก็ไม่รู้จะทำยังไงให้คุณพอใจ”



จีรัชญ์หัวเราะในลำคอ แต่คนฟังกลับรู้สึกเหมือนโดนดูถูก ณิชปล่อยไปเพราะเขาไม่รู้จริงๆ ว่าการผิดนัดอีกฝ่ายสองครั้งจะทำให้แค้นฝังหุ่นขนาดนี้



“พรุ่งนี้ช่างจะเข้ามาตอน 9 โมง ผมแจ้งกับทางคุณรัศมีแล้วไม่ทราบคุณอยู่ไหม” เมื่อไม่รู้จะพูดอะไรต่อจึงดึงเข้าเรื่องงานเสีย



“ผมอยู่ถึงตอน 11 โมง เพราะหลังจากนั้นมีธุระ แต่จะให้สุทินมาดูแลแทน” สุทินคือลูกน้องคนสนิทอีกคน ทำงานกับจีรัชญ์มาตั้งแต่เพิ่งสอบบรรจุเป็นข้าราชการใหม่ๆ เป็นทั้งผู้ช่วยและมิตรสหายที่จีรัชญ์คบไว้



“ได้ครับ ถ้างั้น...นี่ก็ถือว่าเป็นการตกลงที่จะทำงานร่วมกันด้วยดีนะครับ” ณิชรวบรัดตัดตอนไม่ให้อีกฝ่ายได้เปิดช่องข่มตนได้ พร้อมยื่นมือออกไปเพื่อทำการสงบศึก จีรัชญ์ไม่ตอบใดๆ เพียงแค่ยื่นมือไปสัมผัสมืออีกฝ่าย



ความนุ่มของมือยังเหมือนเดิม...เหมือนที่เคยสัมผัสทุกครั้งที่ผ่านมา



คนทั้งคู่แยกย้ายเมื่อจีรัชญ์ออกไปรับโทรศัพท์จากแขไข ณิชหลบขึ้นมาบนห้องเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน เขาไม่ลืมส่งข้อความทางเฟซบุ๊กไปหาโอ๋เพื่อบอกว่าช่วงนี้คงติดต่อได้แค่ช่องทางนี้กับอีเมลเท่านั้น เนื่องจากโทรศัพท์ตกน้ำหายไปแล้ว



ขณะที่กำลังจะล้มตัวลงนอน ลมพัดเอื่อยๆ ผ่านหน้าต่างที่ตอนนี้เขาปิดบานมุ้งลวดไว้แล้วเพื่อกันยุง ม่านหน้าต่างพลิ้วไหวตามแรงลม กลิ่นหอมติดจมูกลอยเข้ามาให้ได้กลิ่นอีกครั้ง คราวนี้ณิชเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหวเพราะมันหอมจนเขาต้องเปิดมุ้งลวดชะโงกหน้าออกไปดม



ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว ณิชกลัวสิ่งที่มองไม่เห็นแต่ไม่รู้อะไรดลใจให้นาทีนี้เขาเลือกเดินลงมาข้างล่าง ทั้งคฤหาสน์เงียบกริบมีเสียงแมลงร้องให้ได้ยินตามปกติของบ้านที่มีสวน ไฟตามทางเดินภายในคฤหาสน์ยังเปิดไว้อยู่ แต่ความเงียบของมันก็ทำเขาวังเวงได้ไม่น้อย ขาเรียวก้าวเดินตามทางเดินผ่านต้นหางนกยูง เขาตามกลิ่นหอมนี้ที่มักได้กลิ่นที่ห้องเป็นประจำ โดยมีสายลมยามค่ำคืนพัดผ่านให้หนาวจนต้องกอดตัวเองพลางถูแขนไปด้วย



แสงไฟที่ติดตั้งไว้ส่องสว่างพอให้เห็นทางเดินจนสุดท้ายเขาก็ตามจนเจอ กลิ่นหอมที่เมื่อเข้ามาดมใกล้ๆ ติดฉุนจมูกไปสักหน่อย แต่เมื่อได้เว้นระยะห่างกลับให้ความรู้สึกหอมอบอวลลุ่มหลงในกลิ่นของมันอย่างประหลาด



ดอกไม้กลีบสีเหลืองก้านดอกยาวดูเรียบๆ ไม่ได้ฉูดฉาดหรือมีจุดเด่นอะไรเต็มต้น และต้นนั้นก็ไม่ได้มีเพียงต้นเดียว แต่ปลูกเรียงกันราว 6-7 ต้นเห็นจะได้ กลิ่นของมันล่อหลอกเขาให้ตามหา มือเรียวยกขึ้นเด็ดดอกไม้ที่ณิชไม่รู้ชื่อของมันมาหนึ่งดอก ใบหน้าที่ติดหวานไปสักหน่อยอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อในที่สุดเขาก็ได้เจอเจ้าของกลิ่นหอมนี้สักที



“ทำอะไร!” เสียงตวาดกร้าวดังมาจากด้านหลังทำเอาณิชสะดุ้งเผลอทำดอกไม้หอมร่วงหล่นพื้น หันไปดูก็เห็นจีรัชญ์ยืนทำหน้าถมึงทึงมองตนอยู่ ก่อนร่างใหญ่ราวกับยักษ์เดินเข้ามาหาด้วยจังหวะเท้าที่ย้ำหนัก ใบหน้าคมคายดูดุอย่างน่ากลัว



“เก็บมันขึ้นมา” จีรัชญ์สั่งด้วยน้ำเสียงดุดัน แต่สายตากลับกดดันจนณิชต้องทำตาม แม้จะสงสัยไม่น้อยว่าอีกฝ่ายจะโกรธเคืองอะไรเขาขนาดนั้น ทั้งที่เมื่อตอนมื้อเย็นก็เคลียร์กันไปแล้ว



“เอ่อ...ผมเห็นว่ากลิ่นมันหอมดีเลย...”



“อย่าได้มายุ่งกับดอกไม้พวกนี้อีก คุณไม่สมควรจะแตะต้องมัน” คำพูดของจีรัชญ์ทำเอาณิชถึงกับอึ้ง



“แล้วใครสมควรแตะต้อง” ณิชถามกลับทันทีอย่างรู้สึกนึกฉุนแต่จีรัชญ์ไม่ได้ให้คำตอบ ฝ่ายนั้นเพียงก้าวเท้าเข้าหา ใบหน้าบึ้งตึงยังคงอยู่พร้อมแววตาจ้องเขม็ง จีรัชญ์ยังคงก้าวเข้าหาจนณิชต้องถอยหลังเพราะท่าทางคุกคามนี้



“ใครก็ได้ที่คู่ควรกับมัน แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่คุณ!” จีรัชญ์ดึงดอกไม้หอมจากมือของณิชแล้วเดินกลับไปทันที ทิ้งณิชให้ยืนงงอย่างไม่เข้าใจ แต่คำพูดของจีรัชญ์ทำเขาหน่วงใจได้ไม่น้อยเลย คนที่ควรแตะต้องดอกไม้นี้คือใคร คุณแขไขอย่างนั้นเหรอ



คิดมาถึงตรงนี้ณิชก็สะบัดหัวสองสามที ทำไมถึงได้มีอารมณ์ตัดพ้อไปได้ ขึ้นไปนอนดีกว่าพรุ่งนี้จะได้เริ่มงานเสียที



:::::::::::::



ดึกแล้ว น้ำค้างเกาะปลายยอดหญ้ารวมถึงความหนาวเข้ามาเยือน ไอ้หาญนั่งตบยุงอยู่ใต้ต้นกันเกรา เพราะมันกำลังรอคุณปราณเยี่ยมหน้าออกมามองมันสักครา มันไม่ใช่ไอ้มั่นที่ต้องอยู่รับใช้เจ้านายจึงไม่สามารถขึ้นเรือนไปเฝ้าได้ มันได้แค่รออยู่ตรงนี้หวังเพียงคำอ้อนวอนที่ฝากลมไปจะทำให้คุณปราณใจอ่อนบ้าง



ไอ้คมโดนคุณปราณเรียกไปตั้งแต่หัวค่ำจนบัดนี้ยังไม่ลงเรือนมาเลย แสงตะเกียงในห้องคุณปราณวูบไหวให้เห็นอยู่ไวๆ จนมันอดไม่ได้ที่จะปีนต้นไม้ใหญ่เพื่อไปแอบดูว่ายอดดวงใจของมันกำลังทำอะไรกับไอ้คม



"อืม ดีมาก ลงหนักตรงนั้นหน่อย" เสียงคุณปราณลอดออกมาให้ได้ยิน ไอ้หาญไม่สามารถชะโงกหน้าหรือโผล่ส่วนใดของตัวไปมองในห้องได้ เพราะที่มันอยู่ตรงนี้ก็สุดปลายกิ่งแล้ว หากจะดูก็ต้องเกาะขอบหน้าต่างเพื่อพยุงตัวไว้ไม่ให้ร่วงหล่นลงไปกองบนพื้น



"ตรงนี้ดีไหมขอรับ"



"อืม"



"ตรงนี้ล่ะขอรับ"



"อือ ดีมาก อ่า" ไอ้หาญถึงกับขมวดคิ้ว เสียงครางนั่นหมายความว่าอย่างไร



"บ่าวขออนุญาตขึ้นเตียงได้หรือไม่ขอรับ"



"ขึ้นมาสิ อืม...กดตรงนั้นแหละ อ๊ะ.." เสียงครวญครางถูกใจเหมือนตอนที่มันเคยทำให้คุณปราณสุขสมทำไอ้หาญเลือดขึ้นหน้า



ตึง!!



"ใครวะ!"







โปรดติดตามตอนต่อไป

หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๓
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 18-06-2020 14:31:18
555 เป็นคุณปราณที่หาเรื่องเองสินะ กำลังคิดอยู่ว่าใครทำอะไรผิดหรือมันต้องมีบางอย่างที่ผิดพลาดกับใครสักคนแน่ ชาติที่แล้วเลยจากกันด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างนี้ มันคือความเข้าใจกันผิดหรืออะไร แล้วยังมีอะไรติดค้างกันอยู่ไหมในชาติที่แล้ว ชาตินี้อีกคนถึงจำได้แต่อีกคนกลับลืม แต่แม้ลืม ห้วงลึกของหัวใจยังบอกให้รู้ว่าเขายังคิดถึงหาญอยู่ ดูจากละเมอออกมา และคุณตรีเองก็หวงสระบัวกับปลูกดอกไม้นี้ไว้ด้วย รู้เลยว่าตายจากกันทั้งที่รักกันและในขณะนั้นก็โกรธอยู่ ใครทำอะไรที่ไหนยังไง ว่ามาค่ะ 55555 ตอนที่เถียงกันเรื่องลืมอดีตนี่ ว้อยยยมันคืออดีตคนละอย่างกัน พูดคนละเรื่องเดียวกันเลย เพราะอย่างงี้สินะถึงไม่เข้าใจกันสักที 555 แล้วเอออะไรเนี้ย คุณตรีเป็นแฟนกับคุณแขจริงหรอ จะแต่งงานกันจริงอะ เฮ้ยยยยยย!! อุต๊ะ!! คุณปราณในชาตินี้จะอยู่ได้ยังไง แค่คิดว่าเขาเป็นแฟนกันก็ถึงกับตัดพ้อน้อยใจแล้วอ่ะ 555 ชอบความที่ณิชยังมีความรู้สึกกับหาญ คุณปราณรักหาญมากเลย แต่ทำไม๊ทำไม พลังแห่งรักจะช่วยให้คลี่คลายปมได้ รอว่าตรีจะจำได้เมื่อไหร่ แล้วไปเคลียร์กัน มาอยู่วังนี้บรรยากาศที่ๆเคยอยู่ จะระลึกได้ไหมนะภายใน 20 วัน รอลุ้นกันเลยจ้า สนุกมากอะ เอออ่านไปมาก็เพลินดี ชอบอยู่ๆ  :pig4: :pig4: :pig4: 
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๓
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 18-06-2020 15:54:20
คนนึงจำอดีตได้ทุกอย่าง อีกคนฝันถึงอดีตตลอด

ชักสนุกแล้วสิ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๓
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 18-06-2020 19:39:50
ชอบมากๆ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๓
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 19-06-2020 11:43:34
บทที่ ๔



เสียงตรงหน้าต่างทำคนในห้องทั้งคู่สะดุ้ง แต่เมื่อหันไปดูก็ไม่พบใคร ไอ้คมทำท่าจะลุกไปดูให้เห็นชัดๆ ว่าสิ่งใดกันที่มาทำเสียงดังใกล้ห้องคุณปราณ แต่กลับโดนเจ้าของห้องปรามไว้



"ช่างมันเถอะ คงเป็นกิ่งไม้นั่นแหละ นี่ก็ดึกแล้วเอ็งออกไปได้แล้ว ข้าจะนอน"



"ขอรับ" ไอ้คมออกไปแล้วแต่คนที่บอกว่าจะนอนกลับเหลือบสายตาไปทางหน้าต่าง ตอนนี้เสียงดังตึงตังหายไปแล้ว บุตรชายคนเดียวของบ้านนี้คาดว่า 'คน' ที่ทำเสียงคงหายไปแล้ว เมื่อเดินไปชะโงกหน้าดูก็ไม่เห็นใครอยู่ จึงถอยกลับไปนอนแม้ใจจะหงุดหงิดก็ตาม



คนกระไรขลาดเขลาได้ถึงเพียงนี้ หากต้องการง้องอนกันจริงไยไม่บุกเข้าห้องมาเสียก็สิ้นเรื่อง หน้าต่างก็ไม่ได้ปิดแต่อย่างใด มันจะปีนเข้ามาเลยก็ยังได้ โง่เสียจริง



ทางฝั่งไอ้หาญที่เผลอทุบบานหน้าต่างเสียงดังลั่น เพื่อขัดจังหวะการสนทนาที่มันมองไม่เห็นว่าคนทั้งคู่อยู่ในอิริยาบถใด พอได้ยินว่าคุณปราณไล่ไอ้คมกลับไปแล้วมันจึงปีนลงมาจากต้นกันเกราใหญ่ อารมณ์หึงหวงแล่นไปทั่วอกจนอยากจะให้หมัดไอ้คมสักทีสองที แต่ก็ทำไม่ได้ดั่งใจนึกเพราะไอ้คมมันก็ไม่ได้ผิดอันใด หากจะไปโทษมันก็กระไรอยู่



"มึงมาทำกระไรตรงนี้วะไอ้หาญ" แต่สิ่งที่ทำไอ้หาญถึงกับชะงักคือไอ้มั่นที่ยืนอยู่อีกฝั่งของต้นไม้ มันค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้จนเห็นหน้าเพื่อนเกลอ ซึ่งเต็มไปด้วยความสงสัย ไอ้หาญเหมือนโดนตัดลิ้นทันควัน ตกใจที่อยู่ๆ ไอ้มั่นก็โผล่มาอีกทั้งยังมองมันสลับกับหน้าต่างห้องคุณปราณด้วย



"มึงตอบกูมาสิ มึงมาทำอันใดตรงห้องคุณปราณ มึงก็รู้ว่าที่ตรงนี้คุณปราณท่านสั่งมิให้ผู้ใดย่างกรายเข้ามา มึงไม่กลัวคุณเขาโกรธเอารึ" ไอ้มั่นกระซิบถาม มันได้ยินเสียงดังที่แถวห้องคุณปราณจึงรีบลงจากเรือนมาดูให้แน่ชัด เผื่อว่าเป็นโจรมันจะได้จับตัวให้คุณเขาลงโทษเสีย แต่ก็ตกใจไม่น้อยที่เห็นเพื่อนรักของตัวเองปีนลงมาจากต้นไม้ หน้าตาไอ้หาญก็ดูบึ้งตึงเอาเรื่องไม่น้อย มันแอบดูคุณปราณที่บานหน้าต่างหรือไร



"กูได้ยินเสียงแปลกๆ คิดว่าคุณเขาเป็นกระไร แต่พอรู้ว่าไอ้คมกำลังนวดให้อยู่เลย..."



"เลยทุบหน้าต่างให้คุณปราณสะดุ้งหรือวะ”



“มือกูพลาดไป ไม่ได้จงใจจะทำอย่างนั้น” ไอ้หาญตอบปัดไปพอให้พ้นตัว ก่อนจะเดินดุ่มๆ กลับเรือน โดยที่ไอ้มั่นได้แค่เกาหัวแกรกๆ เพราะเท่าที่มันเห็นไม่ใช่แบบนั้น ไอ้หาญทำตัวเหมือนแอบดูเมียนอกใจแล้วระบายอารมณ์อย่างนั้นแหละ



หรือไอ้เพื่อนเกลอมันมีอะไรปิดบังโดยที่เขาไม่รู้



*****



ออกญาศรีรัตนกรตื่นนอนตั้งแต่เช้า หลังจากจัดการธุระตอนเช้าเสร็จก็ออกจากห้องมาเห็นศรีภรรยากำลังสั่งบ่าวให้จัดสำรับมื้อเช้าอยู่ ส่วนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็นั่งอยู่ใกล้มารดา หน้าตาติดจะบูดบึ้งไปสักหน่อย



“เหตุใดจึงทำหน้าเช่นนั้นเล่าพ่อปราณ เป็นกระไรรึ” เมื่อร่างสูงสง่าของชายวัยกลางคนหย่อนกายลงนั่ง บ่าวทั้งชายและหญิงที่คอยปรนนิบัติก็เข้าประจำที่ อาหารวันนี้ก็เหมือนดั่งเช่นทุกวันไม่ได้มีอะไรแปลกไป หากจะแปลกก็คงหน้าตาของลูกชายที่พอถามไถ่อีกฝ่ายเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้น



“วันนี้ไม่ได้ไปไหนใช่หรือไม่ งั้นไปเรียนดาบกับครูปลั่งสักหน่อยเป็นไร พ่อไม่เห็นเจ้าจับดาบมาพักใหญ่แล้ว” ผู้เป็นบิดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งปกติ แต่คุณปราณกลับรู้สึกว่ามันคือคำสั่งกลายๆ ที่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ แม้ประโยคที่พูดมาจะเป็นประโยคคำถามก็ตาม



“ถ้าไม่อยากไปเรียนก็ไม่ต้องไปดอกพ่อปราณ แม่ก็ไม่อยากให้ลูกต้องไปเล่นกับของมีคมเท่าใดนัก” คุณหญิงราตรีพูดบาง คราวนี้เธอได้รับสายตาดุๆ จากสามีในทันที



“ก็ให้ท้ายกันเสียแบบนี้บ้านอื่นถึงได้ดูถูกเอาได้ เขาหาว่าพ่อปราณดูอ้อนแอ้นเสมือนหญิง หากจะเป็นชายชาตรีให้สมกับที่เกิดมาเจ้าก็ต้องเรียนรู้สิ่งอื่นไว้บ้าง มือที่จับปากกาหันมาจับมีดจับดาบเสียบ้างคงไม่ระคายมือนักดอก”



คำพูดที่มาพร้อมคำตำหนิทำเอาคุณหญิงราตรีถึงกับหน้าม้านไป เพราะด้วยการเลี้ยงดูตั้งแต่เล็กเธอคอยประคบประหงมลูกชายคนนี้เนื่องจากเป็นบุตรเพียงคนเดียว ไม่ได้มีลูกคนอื่นให้ได้แบ่งปันความรักไปด้วยทำให้ห่วงใยลูกชายคนนี้มากอยู่ เธอให้ลูกเลือกเรียนวิชาอ่านเขียนดีกว่าจะต้องไปจับดาบไล่ศัตรู ซึ่งหากมีศึกก็ต้องออกไปรบเธอรับไม่ได้เพราะไม่อยากเสียลูกไป



จากนั้นมื้อเช้าที่เคยมีบรรยากาศดีก็พลิกกลับกลายเป็นตึงเครียดเสีย ด้วยนิสัยของออกญาศรีรัตนกรนั้นเนื้อแท้เป็นคนดุตามผู้เป็นบิดาและบรรพบุรุษ เรื่องในบ้านเขาไม่เคยก้าวก่ายคุณหญิง แต่หากเป็นเรื่องงานบ้านงานเมืองที่ลูกชายต้องออกไปทำแล้วเขาจะเคร่งครัดไม่น้อย แค่ให้ไปเรียนกับพระครูก็ถือว่าใจดีโขแล้ว เพราะก่อนนี้เขาอยากให้ลูกชายฝึกเป็นทหารรับใช้ในวังเสียด้วยซ้ำ เพราะการจับดาบดูจะมีราคาและไต่ยศได้สูงกว่าเป็นไหนๆ



แต่เพราะหลังๆ มานี้เรื่องการรบทัพจับศึกไม่มีมานาน เห็นทีจะเป็นด้านการค้าและการเจริญสัมพันธไมตรีกับชาติอื่นจะสำคัญกว่าเขาจึงผ่อนปรนให้ แต่กระนั้นก็ยังไม่ตรงใจเสียทีเดียวหรอก ยังมีพระยาบ้านอื่นพูดเหน็บอยู่บ้างในทีว่าลูกชายเขาคล้ายจะมิได้ออกเรือนกับแม่หญิงเรือนใด เพราะคงได้แต่งงานกับหนังสือที่เรียนมากระมัง



เสร็จสิ้นมื้อเช้าที่แสนอึดอัดคุณปราณก็มาอยู่ที่โรงฝึกดาบ แน่นอนว่าท่านออกญาฯ ก็มาด้วย ครูปลั่งครูสอนดาบรอท่าอยู่แล้วเพราะมีบ่าวจากเรือนของท่านออกญาฯ มาบอกกล่าวไว้ก่อนสักครู่ประเดี๋ยวนี้เอง



“ไหว้ขอรับ ไม่คิดว่าวันนี้ท่านออกญาฯ จะมาถึงนี่ กระผมจึงมิได้จัดเตรียมที่ทางให้สะดวกเท่าใดนัก” ครูปลั่งชายรุ่นเดียวกับท่านออกญาฯ แต่เนื้อตัวมีเหงื่ออาบทั่วกายเนื่องจากออกกำลังมายังไม่ได้พักเอ่ยทัก ใบหน้ามีหนวดที่ตัดแต่งไว้พอไม่ให้รกนัก



“ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะมารบกวนเอ็งดอกไอ้ปลั่ง ก็แค่จะมาชมดาบและพาลูกชายข้ามาฝึกดาบกับเอ็งก็เท่านั้น” ท่านออกญาฯ พูดก่อนจะโบกมือให้เพื่อนเก่านั่งลงบนแคร่ด้วยกัน และบอกให้คุณปราณไปตรงลานฝึกดาบ ซึ่งมีลูกศิษย์ครูปลั่งซ้อมดาบอยู่ก่อนแล้ว



ชายวัย 18 สังเกตโดยรอบ เสียงเหล็กมีคมกระทบกันเสียงดังจนเขาสะดุ้ง คุณปราณรู้สึกขนลุกยามคมดาบแหวกผ่านอากาศจนเกิดเสียง ไม่อยากจะคิดว่าหากโดนเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งมันจะทรมานเพียงใด



“เอาแค่ลองกวัดๆ แกว่งๆ ดาบก็พอกระมังขอรับคุณปราณ เดี๋ยวบ่าวจะใช้ตัวบังสายตาของท่านออกญาฯ ให้ขอรับ” ไอ้มั่นที่ตามนายมันมาด้วยกระซิบบอก เพราะรู้ดีว่าคุณปราณไม่สันทัดเรื่องการต่อสู้แม้แต่น้อย



“ให้บ่าวเป็นคู่ฝึกไหมขอรับ” ไอ้หาญถาม มันแอบตามทูนหัวของมันมาด้วย เพราะตั้งแต่เช้ามันยังไม่เห็นหน้าคุณปราณเลยอดไม่ได้ที่จะอาสาเป็นคู่มือประดาบให้ ถึงมันจะเป็นทาสในเรือนแต่เรื่องเพลงดาบมันก็พอเป็นอยู่บ้าง เพราะท่านออกญาฯ เคยกำชับให้บ่าวในเรือนจำเรื่องพวกนี้ หากที่เรือนเกิดเรื่องแล้วท่านไม่อยู่พวกบ่าวผู้ชายจะได้ช่วยเหลือคุณหญิงราตรีได้ทัน



คุณปราณที่หน้าตึงมาครึ่งเช้าลอบยิ้มเมื่อเห็นว่าไอ้บ่าวซื่อของตนตามมาด้วย เพราะเขาหลบหน้าไอ้หาญตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่คิดจะลงเรือนไปให้ดินเปื้อนฝ่าเท้าอย่างที่เคยทำ ไม่ว่าจะศาลาท่าน้ำหรือตรงไหนก็ไม่ลงไปให้มันได้เห็นหน้า



ส่วนอีผ่องนางทาสที่บังอาจมายุ่งกับคนของเขานั้นโดนเขาเอ็ดฝากไปกับแม่ของมันที่เป็นบ่าวรับใช้แม่ของเขาไปด้วย สั่งสอนผ่านคนแม่ไปว่าอย่าได้ปล่อยให้ลูกสาวได้ทำอะไรประเจิดประเจ้อกับบ่าวชายในอาณาเขตเรือนเด็ดขาด มิเช่นนั้นเขาจะว่าเอาได้ว่าเรือนออกญาศรีรัตนกรเปลี่ยนเป็นสำนักโคมเขียวที่ไว้ให้แก้กำหนัดยามต้องการ



และหากมันยังต้องการให้บ่าวชายสนองก็จงหาเอาที่เรือนอื่น อย่าได้มายุ่มย่ามกับบ่าวในปกครองของเขา เพียงคำพูดจริงจังนี้ก็ทำเอานางสมหน้าซีดเผือดไป เพราะนานๆ ทีคุณปราณจะได้ออกคำต่อว่าให้เจ็บแสบถึงทรวงแบบนี้



“ไอ้หาญ! มึงมาก็ดี ไหนลองดวลดาบกับพ่อปราณเขาสักหน่อยซิ ดูสิว่ามึงจะได้เพลงดาบสักเพลงหรือไม่ จะได้รู้ว่ากูไม่ได้เลี้ยงมึงเสียข้าวสุก” ท่านออกญาฯ ตาดีเหลือบสายตามาเห็นไอ้บ่าวร่างใหญ่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าลูกชายตน



ท่าทางของบ่าวคนนี้หน่วยก้านดี หลายครั้งที่ได้เห็นไอ้บ่าวฝีมือดีคนนี้มันออกหมัดมวย ไม่มีใครสอนแต่มันครูพักลักจำเอาจากที่นี่ บางครั้งเห็นมันต่อยตีกับบ่าวในเรือนอยู่บ้างเอาพอเป็นการออกกำลังยามว่างซึ่งเข้าตาไม่น้อย ยังคิดอยู่เลยว่าหากมันไม่ได้เป็นทาสในเรือน แต่เป็นลูกหลานคนมียศคงได้ดิบได้ดีในกองทัพ



“ขอรับ” ไอ้หาญรับคำแข็งขัน อย่างน้อยๆ หากคุณปราณต้องประดาบกับมันจะได้ไม่เจ็บตัวมากนัก มันจะออมแรงให้สุดฝีมือเพื่อยอดดวงใจของมันจะได้ไม่มีบาดแผลหรือเจ็บช้ำส่วนใด



คุณปราณรับดาบมาจากไอ้มั่น ท่อนแขนเรียวและมือนุ่มจับดาบด้วยท่าทางไม่ถนัดนัก เพราะครั้งสุดท้ายที่ได้ลองจับดาบก็ราวสักสองปีก่อนเห็นจะได้ จากนั้นก็ไม่เคยจับมันอีกเลย ไอ้หาญยกมือไหว้ครูก่อนเป็นสิ่งแรก คุณปราณก็ทำตามเช่นเดียวกันก่อนลานซ้อมจะแปรเปลี่ยนเป็นลานประลองในทันที



เหงื่อกาฬผุดซึมทั่วกรอบหน้าหวาน ใจเต้นตุบๆ เพราะเขาจำเพลงดาบได้น้อยเหลือเกิน ท่วงท่าทะมัดทะแมงก็ลดถอยลงไปจนดูเหลาะแหละ แต่เขาเชื่อมือไอ้หาญว่ามันคงช่วยเขาได้มากอยู่จึงปรี่เข้าหาและฟันไปตรงๆ ไอ้หาญตั้งรับอยู่แล้วจึงเบี่ยงตัวหลบใช้ดาบในมือตนปัดดาบคุณปราณให้พ้นตัว



“จะตามมาทำไม ไม่ไปอยู่กับอีผ่องล่ะ” เมื่อเข้าใกล้กันได้คุณปราณก็เอ่ยด้วยถ้อยคำประชดประชัน



“ใจของบ่าวอยู่ที่ใดบ่าวก็ต้องตามใจไปขอรับ” คำหวานจากคนซื่อทำคุณปราณแก้มขึ้นสี ก่อนจะผละออกแล้วฟันดาบลงไปอีกครั้ง คราวนี้พลาดปลายดาบเฉือนใบไม้ไปจนขาด คุณปราณหันกลับมาถีบไอ้หาญจนมันล้มลง พอจะตามไปฟันซ้ำอีกฝ่ายก็ใช้ดาบรับไว้



ไอ้หาญออกแรงเพียงนิดก็ดันคุณปราณออกห่างจากตัวได้ แต่เพราะพื้นมันขรุขระอีกทั้งก้อนหินก้อนเท่ากำปั้นฝังอยู่ในพื้นทำให้คุณปราณลื่นจนล้มไปกองกับพื้น เสียงโห่ของไอ้พวกกองเชียร์ทำชายหนุ่มอายไม่น้อย ไอ้หาญขอลุแก่โทษโดยการตรงเข้าไปจะช่วยพยุง แต่โดนคุณปราณปัดด้วยปลายดาบ



การประดาบของคนทั้งคู่ตกอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสอง ครูปลั่งไม่ได้ออกความเห็นใดเพราะรู้ดีว่าอดีตลูกศิษย์ตนไม่ถนัดจับของมีคมพวกนี้นัก ผิดกับท่านออกญาฯ ที่มีท่าทีฮึดฮัดไม่พอใจเท่าใดนัก



“เอ๊ะ! ไอ้หาญ! กูเคยเห็นว่ามึงเก่งกว่านี้นะ ถ้ามึงยอมให้ลูกกูแบบนี้ก็ออกไปให้คนอื่นเขาได้ลองดาบกับลูกกูประเดี๋ยวนี้!” เขาเกลียดท่าทางเหยาะแหยะของลูกชายเต็มทน หากจะเก่งแต่หนังสือแต่เรื่องการต่อสู้ไม่เอาอ่าวเลยเขาคงทนไม่ได้



“พ่อปราณ! หากยังทำเป็นเล่นอยู่เยี่ยงนี้ก็สุดแล้วแต่เจ้าจะทำเถิด ได้เป็นขี้ปากและที่ขบขันของไอ้พวกบ่าวไพร่ก็ดูดีพิลึก หึ!”



มีอย่างที่ไหนเกิดเป็นชายปล่อยให้ไอ้บ่าวท้ายเรือนออมมือออมแรงให้ รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น



“ขออภัยนะขอรับคุณปราณ บ่าวจะพยายามให้มากกว่านี้ คุณปราณ...”



เช้ง!



เพราะแรงต่อว่าของผู้เป็นบิดาทำให้คุณปราณเลือดขึ้นหน้า หลายครั้งที่ต้องทนทำตามสิ่งที่ตรงข้ามใจเพื่อให้อีกฝ่ายพอใจ เขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้พึงใจในด้านนี้สักนิด แต่เจ้าคุณพ่อก็ยังอ้างว่าให้เขาเรียนรู้เสียบ้างเพราะไม่อยากเป็นขี้ปากบ้านอื่น



อยากปฏิเสธออกไปตรงๆ แต่ก็ไม่กล้า เพราะอำนาจบารมีของบิดาทำให้ครอบครัวเขามีมาถึงทุกวันนี้ ใครๆ ในเรือนก็ต่างเคารพการตัดสินใจของบิดาเขาทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่คุณหญิงแม่ที่ดูจะกล้าขัด แต่ท้ายสุดแล้วก็ต้องโอนอ่อนผ่อนตามสามีอย่างเสียมิได้



ไอ้หาญเห็นสีหน้าโกรธขึงและแววตาเจ็บปวดจากคนที่มันเทิดทูนสุดใจก็ใจอ่อนยวบ อยากดึงเข้ามากอดปลอบและบอกว่าสิ่งที่คุณปราณทำอยู่มันดีแล้ว ฝีมือเพลงดาบที่ไม่ได้ฝึกจับมานานย่อมผิดเพี้ยนไปเป็นธรรมดา ที่มันออมแรงให้ก็ไม่ใช่เพราะดูหมิ่นอีกฝ่าย แต่เพราะห่วงกลัวคุณปราณจะได้รับบาดเจ็บต่างหาก



ฉึก!



เพราะความเหม่อลอยของมันทำให้ไม่ทันได้ตั้งรับดีๆ คมดาบจึงบาดผิวตรงช่วงไหล่มันไปเป็นทางยาวจนเลือดไหล คุณปราณที่ตอนแรกมีแค่อารมณ์โทสะชะงักแทบจะทิ้งดาบในทันทีที่เห็นว่าไอ้บ่าวซื่อของตนดันใช้ร่างรับคมดาบของเขา



“เอ้อ! ให้มันได้อย่างนี้สิวะลูกข้า” ท่านออกญาฯ ตบเข่าฉาดใหญ่ที่ลูกชายตนสู้กับบ่าวจนอีกฝ่ายได้เลือด และดูท่าจะเอาชนะบ่าวได้แบบไม่มีข้อกักขา ไอ้พวกที่ยืนมุงดูเฮลั่นเมื่อเห็นว่าไอ้หาญพลาดท่า



“สู้ต่อเถิดขอรับ” ไอ้หาญกัดฟันทนความเจ็บยกดาบขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันถอยไปตั้งหลัก คุณปราณมองไอ้บ่าวผิวคร้ามแดดหน้าซีดเผือดแล้วใจอ่อนยวบ ความโกรธต่อความผิดที่มันเคยก่อไว้ก่อนหน้านี้หายวับราวกับไม่เคยเกิดขึ้น



เพราะลึกๆ ใจเขารู้ดีว่าไอ้หาญคนซื่อมันไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของหญิงสาวจึงโดนลวนลามแบบนั้น สายตาที่มันมองเขาเพียงคนเดียวหรือจะกล้ามองคนอื่น



“เร็วสิพ่อปราณ! จะรอให้ไอ้ทาสมันเอาดาบฟันคอรึ” ท่านออกญาฯ ตวาดถามไปอีกทีจึงเรียกสติของคุณปราณกลับมาได้ เขาจำยอมสู้กับอีกฝ่ายทั้งที่ไอ้หาญเจ็บเลือดอาบแบบนั้น



จนท้ายสุดไอ้บ่าวคนซื่อก็ลงไปนอนคลุกฝุ่นรอบที่สาม เป็นการสื่อว่ามันกำลังจะไม่ไหวแล้ว ใบหน้าของมันซีดลงกว่าตอนแรกมากคุณปราณจึงขอยุติเพียงเท่านี้ เพราะแค่นี้ก็รู้แล้วว่าใครชนะ



“หาญ! เจ็บมากหรือไม่” คุณปราณเลี่ยงออกมาจากลานซ้อมดาบ ปล่อยให้บิดากับครูปลั่งพูดคุยกันไป ส่วนคนอื่นๆ ก็หันไปซ้อมดาบซ้อมมวยกันต่อ ส่วนไอ้หาญโดนไอ้มั่นพาออกมาดูแผลเขาจึงรีบตามมา



ท่าทางห่วงใยนั้นทำไอ้หาญใจชื้น อย่างน้อยๆ การบาดเจ็บในครั้งนี้ก็ทำให้คุณปราณลืมเรื่องที่โกรธเคืองก่อนหน้าไปได้บ้าง สำหรับมันแค่นี้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว แค่การถามไถ่ด้วยความห่วงใยที่อีกฝ่ายให้มาเพียงเท่านี้ก็ถือเป็นยารักษาชั้นดีแล้ว



“แผลไม่ลึกนะขอรับ คงเพราะเป็นดาบซ้อมไม่ใช่ดาบจริงจึงไม่คมเท่าใดนัก” ไอ้มั่นบอกเมื่อมันดูแผลไอ้เพื่อนเกลอแล้ว

“แต่ก็ได้เลือด ไอ้มั่น เอ็งยามาข้าจะใส่แผลให้มัน” สิ้นคำไอ้มั่นก็แทบจะลุกไปทันทีก่อนจะชะงักเท้าไว้



“เดี๋ยวบ่าวทำแผลไอ้หาญเองก็ได้ขอรับ คุณปราณไม่ต้องลำบากมาดูมันหรอกครับ ไอ้นี่มันหนังเหนียว” คนเป็นนายไม่จำเป็นต้องลดตัวลงมาดูดำดูดีพวกมันขนาดนี้หรอก คุณปราณนี่ก็แปลกจะทำดีกับไอ้หาญทำไมขนาดนี้



“ข้าจะทำให้! ข้าทำมันได้เลือดก็ควรจะรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำ ไปเอายามา!” ไอ้มั่นรีบจากไปในทันทีเมื่อนายของมันเริ่มไม่สบอารมณ์ ไอ้หาญลอบยิ้มก่อนจะเดินนำไปในส่วนที่ลับสายตา ไม่มีใครมองมาหรือผ่านมาทางนี้มันจึงได้มีมุมคุยกับยอดดวงใจของมันได้



ใบหน้าหวานดูรู้สึกผิด ตาเรียวสวยราวตากวางจับจ้องแผลมันไม่วางตาราวกับจะจ้องให้แผลมันสมานตัวเสียเดี๋ยวนั้น ไอ้หาญริอาจใช้มือหยาบกร้านของมันลูบผิวนุ่มบนมือเรียวก่อนจะจับมาจรดที่ริมฝีปาก ประทับจูบและสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ บนผิวเนียนให้ชื่นใจ



“ทูนหัวของไอ้หาญไม่โกรธกันแล้วใช่ไหมขอรับ” ความเจ็บปวดทำอะไรมันไม่ได้สักนิด ยิ่งคุณปราณยอมให้มันจับมันจูบเพียงเท่านี้แผลที่เลือดอาบก็แทบหายสนิท



“เอ็งมันบ้า ทำไมยังฝืนต่อ”



“ถ้าบ่าวไม่เป็นคู่ซ้อมดาบให้คุณปราณก็อาจได้รับบาดเจ็บจากคนอื่นได้ขอรับ บ่าวไม่อยากให้คุณปราณต้องเจ็บตัวเลย”



คุณปราณมองใบหน้าหล่อคมเข้มของมัน ดวงตาเศร้าสร้อยอย่างรู้สึกผิดที่พลาดลพลั้งจนทำให้มันมีแผล มือนุ่มลูบไปรอบๆ แผลอย่างเศร้าใจ



“ข้าก็ไม่อยากให้เอ็งเจ็บตัว อภัยให้ข้าด้วย”



“มิได้ขอรับ บ่าวไม่เจ็บเลย”



“โกหก เลือดอาบแขนขนาดนี้เอ็งจะไม่เจ็บได้เยี่ยงไร”



“หากเทียบกับสายตาของคุณปราณที่มองบ่าวเมื่อคืนแล้ว แผลนี้ยังห่างไกลคำว่าเจ็บอยู่มาก เพราะสิ่งที่ทำให้ไอ้หาญคนนี้เจ็บปวดได้เห็นทีจะเป็นความเข้าใจผิดของคุณปราณเสียมากกว่า” ไอ้หาญรั้งให้คนเป็นนายหลบเข้าหลังกองไม้ฟืนที่สูงท่วมหัว มันพรมจูบไปบนฝ่ามือนุ่มอย่างหวงแหน โดยเจ้าของร่างมิได้เอ่ยว่าหรือชักมือกลับแต่อย่างใด



“อย่าตัดพ้อต่อว่าไอ้บ่าวโง่คนนี้เลยนะขอรับ อย่าผลักไสกันเลย บ่าวมีใจรักเพียงคุณปราณเท่านั้น มิมีผู้ใดเข้ามายึดครองใจดวงนี้ของบ่าวได้นอกจากยอดดวงใจของบ่าวคนนี้” เสียงเว้าวอนของไอ้หาญทำคุณปราณยิ้มกริ่ม เขาขยับก้าวเข้าไปใกล้มันอีกเล็กน้อย แผลตรงไหล่ไม่มีเลือดไหลออกมาแล้วแต่ก็ยังซึมอยู่บ้าง เขาพยายามไม่ให้โดนแผลก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบกลีบปากหนาของมันอย่างใจนึก



“รู้แล้ว ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เอ็งก็มาตามเดิมก็แล้วกัน ไอ้คมนวดให้ไม่ดีเท่าเอ็งนวดดอก” เสียงกระซิบพอให้ได้ยินกันสองคน ไอ้หาญยิ้มก่อนจะหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่ ใจมันอยากจะหอมให้มากกว่านี้แต่ก็เกรงว่าแก้มของคุณปราณจะช้ำเสียก่อน



คุณปราณแอ่นตัวเข้าหาจงใจเบียดเสียสีหน้าขากับส่วนนั้นของไอ้หาญ เขาอยากให้มันได้รู้สึกขึ้นลำอยู่ใต้ผ้าเตี่ยวที่มันนุ่ง หน้าท้องเกร็งจนขึ้นมัดกล้ามน่าลูบไล้ ไอ้หาญหลุดเสียงครางกระเส่าพร้อมกับมือที่เลื่อนไปกุมบั้นท้ายงอน



“ยามาแล้วขอรับคุณปราณ” เสียงไอ้มั่นบอกจนคนทั้งสองต้องแยกจากกัน แต่กระนั้นสายตาของคุณปราณก็ยังเว้าวอนดูต้องการที่จะสานต่ออะไรมากกว่านี้



“คืนนี้นะขอรับ คืนนี้บ่าวจะปรนนิบัติให้คุณปราณถึงใจเป็นที่สุด” ไอ้หาญกระซิบบอกพร้อมกับไอ้มั่นที่เดินหาคนทั้งสองจนมาเจอว่าอยู่หลังกองไม้ฟืน ดีที่คนทั้งสองผละออกจากกันแล้วมันจึงไม่เห็นอะไรที่ไม่ถูกไม่ควร



::::::::::::



หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๓
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 19-06-2020 11:44:56


“ตื่นเช้าเลยนะพี่ณิช แล้วนี่เป็นอะไรคะทำไมเดินแปลกๆ” มิ้งเอ่ยถามรุ่นพี่ตนเมื่อเห็นท่าเดินของณิชดูแปลกไป เพราะอีกฝ่ายทำกำลังเดินทุบหลังดูไม่สบายตัวนัก หน้าตาบิดเบี้ยวเหยเกเดินมายังโต๊ะทานอาหาร



“สงสัยเมื่อคืนนอนผิดท่าตื่นมาโคตรเมื่อยตัว” ไม่รู้เพราะอินกับความฝันมากไปหรือเปล่าถึงได้เมื่อยแบบนี้ เพราะในฝันคุณปราณกับไอ้หาญใช้ดาบสู้กันไม่พอยังจะไปต่อกันบนเตียงอีก เขาคงละเมอลุกมารำดาบกลางดึกละมั้งถึงได้ปวดไหล่ปวดตัวแบบนี้



ช่วงเวลาอาหารเช้าเขากับมิ้งลงมารอเจ้าของบ้านครู่หนึ่งจึงเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาพร้อมชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งพอๆ กับเขา คาดคะเนด้วยสายตาแล้วอายุไม่น่าจะห่างจากณิชเท่าไหร่นัก จีรัชญ์แนะนำว่านี่คือสุทินเป็นผู้ช่วยของตนเองอีกคน ซึ่งหากมีอะไรสงสัยก็สามารถถามสุทินได้ เพราะฝ่ายนั้นทำงานกับจีรัชญ์มานานกว่ารัศมีมาก



หากเปรียบรัศมีก็คือมือซ้ายที่คอยหยิบจับของแต่ไม่ถนัดนัก ส่วนสุทินคือมือขวาที่รู้ใจจีรัชญ์อย่างที่สุด รู้แทบทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้าของวังปริพัตรคนปัจจุบัน รวมไปถึงรู้จักชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างตนบนโต๊ะอาหารนี้ด้วย



ปราณันต์หรือณิช ชายหนุ่มวัย 27 ปี เป็นสถาปนิกมือดีที่ไม่ได้มีดีแค่ฝีมือ หน้าตาที่ดูเผินๆ แล้วไม่มีอะไรดึงดูดนัก หากแต่นัยตาสวยที่มาพร้อมรอยยิ้มหวานทำให้ตรึงใจคนมองได้ไม่ยาก อัธยาศัยก็ดีอยู่ในระดับที่ไม่หยิ่งแต่ก็ไม่ได้ดูเข้าถึงง่ายเหมือนคนพูดเก่งทั่วไป ส่วนใหญ่จะเป็นมิ้งเสียมากกว่าที่ชวนคุยบนโต๊ะอาหารมื้อเช้านี้



สุทินลอบมองปฏิริยาเจ้านายของตน เมื่อวานเขาไม่ได้อยู่ต้อนรับแขกผู้มาเยือนด้วยเพราะติดงาน แต่วันนี้ตีรัชญ์กำชับว่าต้องเข้ามาดูสักหน่อยเพราะจะฝากงานไว้ที่เขาเนื่องจากเจ้าตัวไม่ว่างในช่วงบ่าย จีรัชญ์ยังคงนิ่งเฉย สายตาคมดุปราดมองใบหน้าของณิชอยู่บางครั้ง ก่อนจะตั้งใจฟังหญิงสาวคนเดียวบนโต๊ะเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่สาวเจ้าพบเจอไปเรื่อน และนี่คือจุดเด่นอีกอย่างของจีรัชญ์ นั่นคือการเป็นผู้ฟังที่ดีของสาวๆ ซึ่งนั่นทำให้แขไขหลงรักผู้ชายคนนี้ได้ไม่ยาก



“ลายวอลเปเปอร์ที่คุณจีรัชญ์เลือกมาช่างบอกว่าของเข้าไม่ทันครับ คงต้องรอประมาณเดือนหน้าเลย พอดีทางร้านเขาเพิ่งแจ้งมาวันนี้ไม่ทราบคุณจะรอหรือว่าจะเลือกลายใหม่เลยครับ” ณิชพูดเข้างานทันทีเมื่อทำความรู้จักกับมือขวาของจีรัชญ์และทานมื้อเช้าเสร็จ



ตอนนี้เขามายังห้องแรกก่อนซึ่งเรียกแบบง่ายๆ ก็คงจะเป็นห้องนั่งเล่น แต่วังนี้มีห้องนั่งเล่นถึงสองห้อง ห้องนี้ดูจะใหญ่กว่าอีกห้องที่เพิ่งเดินผ่านมา และเขาเลือกจะลงงานที่ห้องนี้ก่อน



“คุณมีลายอะไรเสนอไหม” จีรัชญ์ถามกลับแม้ติดจะหงุดหงิดอยู่บ้างที่งานไม่ได้ดั่งใจตามที่คิดไว้ อีกฝ่ายพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ ในมือถือไอแพดมาให้ดูด้วย กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมราคาแพงที่ณิชฉีดไม่ได้รบกวนคนที่ยืนใกล้เลย ติดจะหอมติดจมูกเสียด้วยซ้ำ



“ผมอยากไปดูของจริงที่ร้านมากกว่า ดูในนี้เกรงว่าสีจะผิดเพี้ยน” จีรัชญ์ส่งไอแพดคืนให้เจ้าของ ณิชพยักหน้ารับอย่างเข้าใจและไม่คัดค้าน



“งั้นเราไปกันวันไหนดีครับ”



“พรุ่งนี้แล้วกัน คุณจะได้ไปซื้อโทรศัพท์มือถือด้วย”



สุทินลอบมองคนสองคนที่กำลังยืนคุยกันด้วยท่าทางจริงจัง ระยะห่างของคนทั้งสองไม่มากไปกว่าหนึ่งช่วงแขนซึ่งเป็นระยะปกติ สายตาที่เจ้านายเขาทอดมองอีกฝ่ายดูเรียบนิ่ง แต่กลับแฝงอะไรบางอย่างไว้



‘ใช่คนนี้แน่เหรอครับคุณตรี’ สุทินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราวกระซิบหลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ ขณะที่ณิชกับมิ้งกำลังคุยอยู่กับทีมช่างที่เข้ามาเริ่มงานวันนี้



‘ใช่’ คนตอบมองชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่กำลังมีท่าทางจริงจังในเวลางาน ผิดกับตอนที่เดินชมบัวอยู่กลางสระไม่น้อย



‘คุณแน่ใจได้ยังไง’



‘สำหรับเขา...ไม่มีครั้งไหนที่ฉันไม่แน่ใจ’



‘แล้วจะทำยังไงครับ จะบอกให้เขารู้ไหม’



‘ไม่ ครั้งนี้ฉันจะปล่อยให้มันเป็นไปในแบบที่มันอยากจะเป็น ฉันเหนื่อยมากแล้วสุทิน’ คนฟังรับรู้ได้ในปลายประโยคว่าจีรัชญ์เหนื่อนแล้วจริงๆ



สุทินถอนหายใจ เจ้านายเขามีความลับที่ไม่สามารถบอกใครได้ และที่เขาได้มาทำงานข้างกายจีรัชญ์แบบนี้เพราะอีกฝ่ายเลือกที่จะไว้ใจและบอกความลับบางอย่างกับเขา ความลับที่ไม่ว่าใครหากได้รู้คงไม่มีวันเชื่อ แต่เขาที่ได้เห็นกับตากลับเชื่อสนิทใจ และยืนยันที่จะอยู่ช่วยเหลืออีกฝ่ายต่อไปแบบนี้



สุทินรู้จักกับจีรัชญ์ตอนอายุราว 12 ปี จีรัชญ์เจอเขาที่เป็นเด็กวัดไร้ญาติขาดมิตรอาศัยข้าวก้นบาตรกินประทังชีวิตจึงเอ็นดู และรับเลี้ยงเขาไว้โดยให้เงินค่าเทอมและค่าอาหาร ส่งเสียจนจบมัธยม 3



ตอนนั้นเขาคิดแค่ว่าผู้ชายคนนี้ไม่บ้าก็โง่ที่มาช่วยเขา สุทินไม่คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะเรียนต่อได้ เด็กวัดที่สังคมก็คงหนีไม่พ้นพวกขี้ยาแต่จีรัชญ์กลับส่งเสียเรียนจนจบ จนกระทั่งเขาคิดว่าจะสอบเข้ารับราชการสักที่ เพราะมันมั่นคงอีกทั้งสวัสดิการก็ดีด้วย วันที่สอบได้เขาดีใจมากจนก้มกราบแทบเท้าผู้ชายคนนี้ที่เลือกจะช่วยในวันนั้น จีรัชญ์บอกเขาแค่ว่าไม่ใช่เพราะความบังเอิญที่มาเจอเขาที่วัด แต่เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะมาช่วย เขาไม่เข้าใจนักแต่ก็ดีใจจนคิดว่าไม่ว่ายังไงเขาก็จะช่วยเหลือเจ้านายคนนี้ ช่วยในทุกๆ ทางเท่าที่จะทำได้



::::::::::::



ทีมช่างที่มิ้งประสานงานไว้ขนอุปกรณ์เข้ามาเพื่อจะลงมือรื้อห้องนี้ใหม่ให้ดูทันสมัยกว่าเดิม จากที่ดูย้อนยุคและติดไปทางยุโรปสักหน่อยก็ปรับให้ดูเป็นไทยทันสมัยมากขึ้น แน่นอนว่ารูปวาดบ้านเรือนไทยจากปลายพู่กันของ ‘อนันต์’ ก็ต้องถูกย้ายออกไปด้วย เนื่องจากมันเกะกะการทำงานของทีมช่างอยู่ไม่น้อย



“ระวังนะครับ” ชายหนุ่มยืนคุยงานอยู่กับหัวหน้าทีมช่างหันไปบอกนายช่างที่กำลังปลดรูปออกจากฝาผนัง สุทินยืนมองอยู่ไม่ห่างเพราะรู้ดีว่าเจ้านายนั้นรักรูปนี้มาก ส่วนเจ้าของบ้านนั้นเห็นออกไปคุยโทรศัพท์ยังไม่กลับเข้ามาเลย



“เหมือนเขาตอกกรอบรูปนี้ฝังไปในผนังเลยครับคุณณิช คงต้องงัด”



“ใช้อย่างอื่นได้ไหมครับ ผมไม่อยากให้กรอบรูปเสียหาย” ณิชเดินเข้าไปสำรวจใกล้ๆ เห็นหมุดตัวเล็กๆ ตอกตรึงกรอบรูปนี้ไว้อย่างที่ช่างบอกจริงๆ หากจะเอาออกก็ต้องใช้ค้อนงัดออกมา เพราะดูจะเป็นรูปปิดตายที่ติดเอาไว้กันการเคลื่อนย้าย



“งั้นก็ระวังหน่อยนะช่างจรูญ” ณิชบอกเพราะถอดใจว่ารูปนี้คงเคลื่อนย้ายไปไหนไม่ได้แน่ๆ อีกทั้งสุทินก็ยังบอกว่าคุณจีรัชญ์ค่อนข้างหวงรูปนี้มาก ไม่เคยเคลื่อนย้ายไปที่ใดเลย ตอนสุทินเข้ามาทำงานแรกๆ ก็เห็นว่ามันติดตั้งอยู่ตรงนี้แล้ว



ณิชมองภาพวาดเรือนไทยหลังงามอีกครั้ง เขายิ้มเล็กน้อยเมื่อคิดว่าบ้านหลังนี้เหมือนออกมาจากหัวเขาจริงๆ มองกี่ครั้งก็รู้สึกคุ้นเคย



“โอ๊ย!!” สถาปนิกหนุ่มกุมอกข้างซ้ายเมื่อรู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะ มันหนักหน่วงก่อนจะนิ่งไป จุกเสียดในอกราวกับว่ามีใครชกหนักๆ เข้าอกซ้ายอย่างนั้นแหละ



“เป็นอะไรพี่ณิช” มิ้งถามเมื่อปล่อยให้ทีมช่างได้ทำงาน เห็นรุ่นพี่ของตนกุมอกหน้าซีดจึงอดห่วงไม่ได้



“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกจุกนิดหน่อยคงเพราะกินมากไปกรดในกระเพาะเลยเยอะ” ณิชตอบปัดก่อนจะเดินออกมาเพื่อหาอากาศบริสุทธิ์ เขาเห็นเจ้าของบ้านคุยโทรศัพท์เพิ่งเสร็จกำลังจะเดินเข้าบ้านจึงไปดักไว้



“คุณจีรัชญ์ครับ เรื่องภาพวาดอันนั้นไม่ทราบว่าจะเคลื่อนย้ายมันออกไปก่อนได้ไหมครับ ผมกลัวว่าช่างเขาจะทำอะไรพลาดไปโดน”



จีรัชญ์นิ่งฟัง เขาลืมไปเสียสนิทว่ารูปวาดรูปนั้นถูกติดเอาไว้กับฝาผนังไม่ใช่แขวนไว้อย่างภาพอื่น รูปที่ถูกวาดเมื่อหลายสิบปีก่อนและเขาเก็บรักษาไว้อย่างดี ชายหนุ่มเดินนำเข้าไปด้านใน ณิชเดินตามคนตัวใหญ่เข้าไปเห็นเจ้าของบ้านสำรวจกรอบรูปอย่างพินิจพิเคราะห์



“สุทิน เอาค้อนมา” ถ้าจะต้องรื้อออกเขาก็ขอทำด้วยตัวเองดีกว่า รูปที่มีคุณค่าแบบที่ประเมินค่าไม่ได้รูปนี้หากจะเสียหายก็ควรจะเป็นเจ้าของเองที่ทำมัน



“ผมช่วยครับ” สุทินเข้าไปช่วยเจ้านายอีกแรง ณิชให้ช่างเข้าไปประกบเพราะภาพวาดภาพนี้ขนาดใหญ่พอสมควร ขนาดความยาวของรูปราว 2 ศอก อีกทั้งติดอยู่สูงต้องใช้บันไดปีนขึ้นไปถอดหมุดด้านบนออกด้วย



“รูปนี้สวยมากนะพี่ณิช คนวาดต้องฝีมือดีมากแน่ๆ ขนาดหนูไม่ใช่สายศิลปะยังมองออกเลยว่าคนวาดมีฝีมือ” เขาเห็นด้วยกับคำพูดหญิงสาวทุกประการ เพราะภาพวาดนี้ถูกใจตั้งแต่แรกเห็นจนตอนนี้เขาก็ไม่อยากละสายตา เอาใจลุ้นว่าจีรัชญ์จะสามารถเอารูปนี้ลงโดยไม่มีรอยขีดข่วนได้หรือไม่



ในที่สุดภาพวาดเรือนไทยก็โดนเอาลงมาจากฝาผนังจนได้ แต่ต้องเสียกรอบรูปทั้งสี่ด้านไปเพราะจีรัชญ์งัดมันออกมา แต่โดยรวมคือรูปวาดไม่เสียหายถือว่าดีไป เจ้าของบ้านเอารูปไปเก็บณิชเดินตามเพราะเขาอยากถามรายละเอียดเกี่ยวกับภาพวาดนี้



“คุณจีรัชญ์ รูปนี้คุณซื้อมาจากไหนเหรอครับ”



จีรัชญ์เหลือบสายตามองเพียงแวบก่อนจะเดินต่อ เขาตรงไปยังห้องทำงานของตนเองที่อยู่ชั้นบน เพราะคิดว่าเก็บภาพนี้ไว้ที่ห้องนั้นน่าจะดีกว่า



“คนรู้จักวาดให้ผม”



“คุณอนันต์เหรอครับ” สิ้นคำถามสายตาคมก็ตวัดหันกลับมามองทันที “ผมเห็นลายเซ็นที่อยู่บนภาพครับ” ณิชอธิบายเพิ่มเพราะสีหน้าจีรัชญ์ดูตกใจมากกว่าสงสัยที่เขารู้ชื่อเจ้าของฝีมือการวาดภาพเรือนไทยนี้



“ครับ”



“แล้วเขาไปไหนแล้วเหรอครับ” ณิชรั้นถามต่อแม้อีกฝ่ายจะถามคำตอบคำก็ตาม เขาหลงใหลในฝีมือลายเส้นและการลงสีหนักเบาของจิตรกรคนนี้เสียแล้วสิ หากมีโอกาสรู้จักก็อยากจะซื้อภาพเขาสักรูปเอาไปใส่กรอบแขวนที่ห้อง



“เขาตายไปแล้ว”



แต่คำตอบของจีรัชญ์ทำณิชหมดหวัง จีรัชญ์มองคนที่จ้องภาพเรือนไทยไม่วางตา หัวใจปวดหนึบยามอีกฝ่ายเอื้อมไปแตะพร้อมรอยยิ้มบางเบาบนใบหน้า ราวกับรู้จักสถานที่ที่อยู่ในภาพวาด



“คุณชอบเหรอ” เขากลั้นใจถามออกไป เพราะสีหน้าของณิชปิดไม่มิดว่าชอบภาพนี้มาก



“ใช่ครับ เห็นครั้งแรกแล้วรู้สึกผูกพันเหมือนกับเข้าไปอยู่ในบ้านเรือนไทยหลังนี้เลย คนวาดเขาสื่ออารมณ์ผ่านภาพออกมาเก่งมากเลยนะครับ แต่เสียดายที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว”



“คุณชอบบ้านเรือนไทยเหรอ”



ชอบไม่เปลี่ยนเลยสินะ...คำพูดที่เขาไม่กล้าเปล่งเสียงออกไปให้อีกฝ่ายได้ยิน



“ตอนแรกก็เฉยๆ แต่พอดีช่วงนี้ฝันเห็นอะไรย้อนยุคบ่อยๆ คงเพราะทำงานของคุณเลยชอบครับ โดยเฉพาะภาพนี้...ชอบมาก” ณิชตอบก่อนจะหันมาสบตาคมที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว



“ระวัง”



“เห้ย!”



ณิชร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกเขินสายตาของอีกฝ่ายที่มองมาจนมือไม้ปัดผ่านไปโดนโคมไฟดีไซน์สวยและคิดว่าคงหาได้ยาก อีกทั้งยังมีตราวังปริพัตรประทับอยู่บนฐานมันด้วย จังหวะที่โคมไฟตั้งโต๊ะกำลังจะหล่นพื้นจีรัชญ์รีบเข้ามาช่วยไว้ พร้อมกับมือใหญ่ที่ดึงแขนเขาเนื่องจากชนกันจนณิชเกือบหงายหลัง



ภายในห้องทำงานที่ไม่เล็กนัก มีชั้นวางหนังสือเรียงรายเป็นสัดส่วนรอบห้อง แน่นอนว่าความใหญ่โตของมันไม่สามารถทำให้เขาสองคนอึดอัดได้ แต่เพราะความใกล้ชิดที่จีรัชญ์กับเขาขยับเข้าหากันทำให้ณิชชะงักไป ชายหนุ่มหุ่นสูงโปร่งแต่ก็ยังตัวเล็กกว่าชายผิวเข้มหุ่นสูงใหญ่ตรงหน้า ตาสบตาราวกับถูกตรึงเอาไว้จนไม่อาจละสายตาได้



“เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่าครับ” ณิชถามออกไปเมื่อใบหน้าของเขาสองคนห่างกันไม่ถึงคืบ ความใกล้ชิดครั้งนี้ทำให้เขาเห็นใบหน้าอีกฝ่ายได้ชัด ไม่เหมือนกับตอนที่เขาจมน้ำเพราะตอนนั้นสติเขากระเจิดกระเจิงไปกับความตกใจกลัว แต่ครั้งนี้เขามีสติดีและคิดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาสองคนได้เจอกัน



ความคุ้นหน้าที่ไม่ใช่เพราะเจอจีรัชญ์ที่นี่ตั้งแต่วันที่มา แต่เพราะคุ้นราวกับรู้จักกันมานานแสนนาน หัวใจที่เคยเต้นรัวยามเห็นคฤหาสน์หลังนี้ ความรู้สึกโหยหาที่เขาปัดมันออกไปจากใจตีตื้นกลับมาอีกครั้งเมื่อได้มองใบหน้าจีรัชญ์ชัดๆ



ดวงตาคมดุที่เขาเผลอมองหลายครั้งบัดนี้ฉายแววเศร้านัยตาโศกเสียจนเขาอยากรู้จริงๆ ว่าผู้ชายคนนี้มีเรื่องอะไรให้คิดมากนะ ทำไมถึงได้ดูมีความลับและปิดกั้นตัวเองมากขนาดนี้ อีกทั้งคำพูดคำจาในบางครั้งที่พูดกับเขาแปลกๆ นั่นอีก มันยิ่งทำให้สงสัยและอยากรู้ในตัวผู้ชายคนนี้มากยิ่งขึ้น



ทั้งที่จริงเขาไม่เคยคิดจะอยากรู้จักใครคนไหนมาก่อนในชีวิต ทุกคนที่ผ่านเข้ามาล้วนเข้าหาเขาเอง ไม่ว่าจะด้านการเรียนหรือการทำงานนั่นเพราะฝีมือและความเก่งกาจ แต่กับจีรัชญ์ผู้ชายที่ไม่คิดจะชายตามองเขาสักนิดกลับดึงดูดเขาอย่างประหลาด



ตั้งแต่เกิดมาและจำความได้เขาไม่เคยเห็นใครรูปร่างสูงใหญ่และใบหน้าคมเข้มแบบชายไทยขนาดนี้ แน่นอนว่าความหล่อเหลาของจีรัชญ์ย่อมสะดุดตา หากเขาเจอตั้งแต่ครั้งแรกย่อมจำได้ แต่ที่ได้ถามอีกฝ่ายไปแบบนั้นเพราะคิดว่าอาจจะเคยเจอกันที่ไหนสักแห่งเพียงเสี้ยววิก็ได้ เจอกันในรูปแบบที่ไม่ใช่เจ้าของวังปริพัตรกับสถาปนิกตกแต่งภายใน แต่เป็นผู้ชายสองคนที่เจอกันตามท้องถนนทั่วไป



“เคยสิ ผมรอคอยคุณมานานกว่าจะได้เจอ”







โปรดติดตามตอนต่อไป


ขอบคุณทุกความเห็นเลยค่ะ
ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีคนอ่านเพราะไม่ใช่แนวที่คนชอบอ่านกัน 555
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๙/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๔
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 19-06-2020 19:07:42
จีรัชญ์ระลึกชาติได้หรอหรือยังไง :katai1: :hao7:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๙/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๔
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 20-06-2020 01:16:16
ชาตินี้เจอแล้วจะเป็นยังไงต่อละ ที่บอกว่า"ฉันเหนื่อยมากแล้วสุทิน" ฟังดูเหมือนว่าวนว่ายตายเกิดมาหลายชาติแล้วก็ไม่เจอกัน จนมาชาตินี้ เหตุที่ยังคงวนว่ายอยู่เหมือนว่ามันมีอะไรติดค้างกันอยู่จึงแบบ แบบ ยังไงดีละ ไม่รู้อะ 55555 แล้วที่บอกว่าตั้งใจมาหาสุทินที่วัดเลย สุทินเป็นใครในชาตินั้นไหม ไอ้มั่นป่าว ทำไมคุณตรีถึงจงใจไปเอาสุทินมาเลี้ยงดู ถ้าสุทินเป็นใครสักคนในชาตินั้นคงตายจากกันแบบไม่ติดค้างอะไรเลย ถึงได้ลืมชาติที่แล้วจนหมดสิ้นเกิดมาเป็นบุญใหม่เลย แล้วคุณวาดรูปนั่นคุณอนันต์ทำไมถึงวาดได้เหมือนกับตาเห็นขนาดนั้น เป็นใครแต่น่าเสียดายตายไปแล้ว ลุ้นณิชจะระลึกได้ไหม ยังดูห่วงหาคิดถึงสมชื่อเรื่องจริงๆ ดูๆแล้วชาติก่อน อุปสรรคใหญ่เหมือนว่าจะเป็นท่านออกญาวะ ทะแม่งๆว่าจะเกิดเรื่องถ้ารู้เรื่องของลูกชาย เพราะดูจากการให้ไปฝึกดาบเพื่อความแมนแล้ว คงไม่น่าจะยอมรับได้เรื่องชายชาย อัยยะ!! มันเรื่องอะไรกันบ้างนะเออ อยากรู้~~~555 แล้วเขาจะมีทางมารักกันเหมือนเดิมไหมอะ คุณปราณชาติที่แล้วขี้ยั่วหนักมากหาญก็หื่น พอมาชาตินี้ความรู้สึกอยากจูบกันยังไม่มีเลย เหี่ยวแห้งหัวใจแท้ 555555 แต่ไม่เป็นไรรอได้ ขอบคุณนะคะที่มาต่อให้อ่าน สนุกมาก ชอบเลย รอตอนหน้าจ้า  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๙/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๔
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 21-06-2020 08:55:22
บทที่ ๕



“เคยเจอกันที่ไหนครับ ผมรู้สึกคุ้นหน้าคุณเหมือนกับ...”



‘เหมือนกับเจอกันในความฝัน’ หรือเพราะเขาเอาหน้าของจีรัชญ์ไปเป็นไอ้หาญกันนะถึงได้รู้สึกคุ้นกับคนๆ นี้อย่างประหลาด



น้ำเสียงกะตือรือร้นด้วยความอยากรู้ของณิชน่าเอ็นดูแต่จีรัชญ์ไม่ตอบ เขาจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย หัวใจที่เคยเต้นเป็นจังหวะราบเรียบมานานแต่ช่วงนี้กลับหนักหน่วงขึ้น เขาทรมาน...ไม่อยากให้อะไรๆ มันซ้ำรอยเดิมเพราะรู้สึกว่าที่ผ่านมามันพอแล้ว พยายามหักห้ามใจแต่ท้ายสุดก็ละสายตาจากคนตรงหน้าไม่ได้สักที



ลมเย็นเอื่อยๆ พัดผ่านหน้าต่างหอบกลิ่นดอกพุดน้ำบุษย์ที่ปลูกอยู่หลายสิบต้นเข้ามาด้วย เหมือนจะเป็นการย้ำเตือนจากใครสักคนว่าเขาสองคนใกล้ชิดกันมากเกินความจำเป็นทำให้จีรัชญ์ปล่อยมือ และถอยกลับมายืนที่เดิม ส่วนณิชที่ราวกับตกอยู่ในภวังค์ก่อนหน้านี้แก้มขึ้นสีระเรื่อ ยอมรับว่าเขินจีรัชญ์ไม่น้อยเพราะอีกฝ่ายมีเสน่ห์น้อยเสียที่ไหน



ใบหน้าคมคายติดจะดุและยิ้มยากผิดกับดวงตาที่ดูน่าค้นหา คิ้วเข้มพาดเฉียงรับกับใบหน้า สันกรามที่เกลี้ยงเกลาไม่มีไรหนวดให้เห็น ริมฝีปากกระจับปากล่างหนากว่ากลีบปากบน ขนตายาวเป็นแพงอนโค้ง นัยน์ตา,นัยนาสีเข้มเข้ากับสีผิว ยอมรับจริงๆ ว่าเขาไม่เคยเห็นชายไทยคนใดหล่อเท่านี้มาก่อนเลย แม้แต่พระเอกละครช่องดังต่างๆ ก็ยังไม่เทียบเท่า



“คงเคยเดินผ่านกันแถวบริษัทของคุณน่ะ” จีรัชญ์ตอบปัดไปอื่นเสีย ทั้งที่ใจจริงเขาไม่ได้คิดตอบแบบนี้ด้วยซ้ำ



“อ่า แล้วที่บอกว่ารอมานานนี่คือ...คุณยังไม่หายโกรธที่ผมผิดนัดอีกเหรอ ผมขอโทษไปแล้วไง ผมคิดว่าเรา...”



“คุณทิ้งงานมานานแล้วผมว่าเรากลับลงไปดูช่างเขาทำงานดีกว่าไหม ผมกลัวว่างานจะไม่เสร็จตามที่หวังไว้คุณปราณันต์” จีรัชญ์ตัดบททำณิชเงียบทันควัน



ชื่อนี้ครั้งสุดท้ายที่ได้ยินคนเรียกก็น่าจะตอนเรียนมหา’ ลัยที่อาจารย์มักใช้ชื่อจริงเรียกนักศึกษา เพราะตั้งแต่เรียนจบเขาก็ให้คนอื่นเรียกชื่อเขาว่าณิชทั้งหมด



ปราณันต์แปลว่า ลม เพราะแม่บอกว่าเวลาเขาร้องไห้จ้าจะมีลมเย็นๆ พัดผ่านมาเสมอ มันทำหน้าที่ปลอบประโลมจนเขาหยุดร้องไห้ได้แม่จึงตั้งชื่อนี้ให้ ลมที่มีความหมายในชื่อจริงและณิชที่แปลว่าบริสุทธิ์ในชื่อเล่น ลมที่บริสุทธิ์ หากแต่เขากลับรู้สึกเหมือนนี่ไม่ใช่ชื่อตัวเอง เหมือนเขาเคยชื่ออื่นมาก่อนแล้วแต่เพิ่งมาเปลี่ยน เคยถามแม่ครั้งหนึ่งแม่ก็ตอบกลับมาว่าแม่ตั้งชื่อนี้ให้ตั้งแต่เด็กแล้ว



เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ค่อยจะอยากให้คนเรียกชื่อจริงเขานัก ชื่อที่เหมือนไม่ใช่ชื่อเขาชื่อนี้ แต่คนตรงหน้ากลับเรียกเสียเต็มยศ



“เรียกผมว่าณิชเฉยๆ ก็ได้ครับ ไม่ต้องเรียกชื่อจริงหรอก” ณิชบอกแค่นั้นก็เดินออกไปจากห้อง แต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้นขอบประตูเขาก็หันมาถามอีกครั้ง



“ถ้าผมอยากดูรูป ผมสามารถมาดูที่ห้องคุณได้ไหม”



“ได้สิ มันไม่ใช่ของผมตั้งแต่แรกคุณจะมาดูก็ได้ แค่อย่าทำมันเสียหายก็พอ”



ทุกคำพูดของจีรัชญ์ณิชตั้งใจฟังทุกคำ เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายแฝงความหมายบางอย่างไว้เสมอ ก่อนหน้านี้จีรัชญ์บอกว่าคุณอนันต์วาดให้ แต่ไฉนเลยถึงได้บอกว่ามันไม่ใช่ของเจ้าตัวมาตั้งแต่แรก ดูท่าเจ้าของวังปริพัตรจะมีความลับมากมายที่ชวนน่าสงสัยอยู่ไม่น้อย



ณิชกลับลงมาข้างล่างอีกครั้งเห็นมิ้งกำลังจิ้มไส้กรอกทอดเข้าปากเคี้ยวหยับๆ พอถามก็ได้ความว่าป้าแจ่มเป็นคนทอดมาให้ เอามาแบ่งให้พวกทีมช่างที่มาทำงานด้วย เรียกได้ว่าแม่บ้านวังนี้เลี้ยงแขกได้ดีเกินหน้าที่จริงๆ



พอสายสักหน่อยจีรัชญ์ก็ออกไปทำงานอย่างที่เจ้าตัวบอก ฝากสุทินให้ดูแลงานให้ตนต่อแต่หากมีอะไรขาดตกบกพร่องก็ให้โทรแจ้งเขาได้ พอตกเที่ยงทีมช่างก็ขอตัวไปกินข้าวพวกเขาทั้งสามคนจึงโดนป้าแจ่มเรียกให้ไปนั่งรอที่โต๊ะรับประทานอาหารได้เลย เพราะอาหารมื้อเที่ยงจัดเตรียมไว้เสร็จแล้ว



“อันสีชมพูนี่คือน้ำพริกอะไรเหรอคะ” มิ้งจดๆ จ้องๆ อาหารในถ้วยที่กำลังส่งกลิ่นหอมมาให้ มันเป็นเนื้อสีชมพูดูสวยงามแปลกตา มีผักจำพวกตะไคร้ซอย หอมแดง และเนื้อปลาสับละเอียดง่ายต่อการรับประทาน เนื้อของแป้งแดงผสมไข่ด้วยพอเอาไปนึ่งเนื้อจึงผสานเป็นเนื้อเดียว มองเผินๆ ก็คล้ายไข่ตุ๋นอยู่ไม่น้อย แต่ที่ทำให้มิ้งเรียกมันว่าน้ำพริกก็คงเพราะพริกหั่นหยาบๆ ที่ใส่ลงไปในนั้นด้วย



“เขาเรียกแป้งแดงครับ อาหารของคนใต้ มีรสชาติออกเค็มนิดๆ เปรี้ยวหน่อยๆ คลุกข้าวสวยร้อนๆ ทานรับรองคุณมิ้งจะติดใจ” สุทินตอบพร้อมกับตักให้หญิงสาวสักปลายช้อน เพราะหากไม่ถูกปากจะได้ไม่ต้องทิ้งให้เสียดายของ



มิ้งคลุกแป้งแดงกับข้าวสวยตามคำบอกเล่าของคนที่คุ้นชินกับอาหารพวกนี้ เธอตักเข้าปากแล้วค่อยๆ เคี้ยวเพราะยังไม่ไว้ในใจหน้าตาของมันนัก แต่ปรากฏว่ารสชาติของมันกลับกลมกล่อมและดูดีกว่าหน้าตาของมันมาก อร่อยจนเธอต้องตักมาทานซ้ำอย่างไม่ต้องลังเล



ณิชส่ายหัวให้กับลูกน้องของตนเอง เรื่องกินยกให้เป็นที่หนึ่งเพราะมิ้งกินเก่งมาก อะไรๆ ก็ถูกปากไปเสียหมด ยิ่งมาอยู่ใต้เจออาหารใต้ของจริงเขาไปทำเอาสาวเจ้าออกปากว่าน้ำหนักขึ้นแน่ๆ ส่วนแม่ครัวคนทำอาหารอย่างป้าแจ่มก็ยืนยิ้มแก้มปริเพราะดีใจที่มีคนชอบอาหารที่เธอเป็นคนทำ คงเป็นกำลังใจให้คนทำอาหารได้ไม่น้อย



ได้เวลากลับมาทำงานอีกครั้ง พี่โอ๋โทรมาหามิ้งเพื่อจะคุยงานกับเขาเรื่องลูกค้าคนอื่น แอบโดนบ่นมาว่าให้รีบซื้อมือถือเครื่องใหม่ได้แล้วเพราะจะได้ติดต่อกันสะดวกๆ ณิชจึงบอกว่าพรุ่งนี้เขาจะเข้าเมืองกับคุณจีรัชญ์ เนื่องจากยังไม่ชำนาญทางเท่าไหร่นักคงต้องอาศัยให้เจ้าถิ่นพาไปก่อน อีกทั้งต้องไปดูกระเบื้องลายใหม่ด้วย



การทำงานวันแรกเป็นไปด้วยดี อาจจะเริ่มงานช้าไปสักหน่อยเพราะรูปวาดเจ้าปัญหา แต่เมื่อหมดเรื่องนั้นแล้วก็ไม่มีเรื่องอื่นตามมา ทีมช่างยังคงทำงานได้ตามที่เขาวางแผนได้อย่างดี ส่วนสุทินก็เข้ามาดูอยู่เรื่อยๆ ตามหน้าที่ที่ได้รับจากเจ้าของวัง



ทีมช่างกลับไปเมื่อเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ประจวบกับจีรัชญ์กลับมาพอดี เขาบอกว่าข้างนอกฝนตกมาบ้างแล้ว หากช่างกลับก็ขอให้ขับรถอย่างระมัดระวังเพราะถนนลื่น



“ผมไปก่อนนะครับคุณจีรัชญ์ คุณณิช” ช่างจรูญกล่าวลาจากนั้นก็ขับรถนำลูกน้องออกจากวังไป ประตูรั้วบานใหญ่ขอองวังปริพัตรค่อยๆ ปิดตามหลัง สื่อให้รู้ว่าหลังจากเวลานี้จะไม่มีการเปิดรับเชิญใครเข้ามาภายในรั้ววังอีก



“คุณจีรัชญ์ครับ พรุ่งนี้...”



“เดี๋ยว” จีรัชญ์ยกนิ้วชี้ขึ้นห้ามก่อนจะรับสายที่โทรเข้ามา “ครับแข”



ณิชที่โดนแทรกถึงกับอึ้งไป แน่ล่ะว่าเขาหรือจะมีความสำคัญเท่าคนรัก ฝ่ายนั้นจะเลือกคุณแขไขก็ไม่แปลก ณิชปล่อยให้ชายหนุ่มคุยโทรศัพท์ไปส่วนตนเดินเข้าข้างใน ฝนตั้งเค้ามาเป็นลางว่าคืนนี้ท่าจะตกหนัก ส่วนเรื่องการรายงานความคืบหน้าการทำงานวันแรกเขาปล่อยให้สุทินรับหน้าจีรัชญ์แทน



“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบเห็นมิ้งไหมครับ” เขาถามหญิงสาวที่เป็นหนึ่งในแม่บ้าน เธอบอกว่ามิ้งไปหาป้าแจ่มในครัว ณิชไม่รอช้าจึงตามไปด้วย



เรือนครัวจะอยู่ไปทางหลังตึกใหญ่ แยกออกไปมีทางเดินที่มีหลังคาพอกันแดดกันฝนเป็นทางเชื่อม ณิชเห็นมิ้งกำลังวุ่นวายอยู่ใกล้ๆ ป้าแจ่มคิดว่าคงไปขอให้แม่บ้านใหญ่ทำอะไรให้ตนทานอีกแน่ๆ



“อ้าว! พี่ณิชมาพอดี นี่ๆ ป้าแจ่มจะสอนหนูทำแป้งแดงล่ะ ไม่ยากเลยนะหนูจะลองทำดูเผื่อกลับไปจะได้เอาไปทำให้ป๊ากับหม่าม้ากินด้วย” มิ้งพูดพร้อมยิ้มกว้าง ชี้ให้ดูว่าในถ้วยที่เตรียมไว้มีวัตถุดิบพร้อมสรรพรอให้เธอได้ปรุงอาหารแล้ว



“ไปกวนป้าแจ่มทำไม ในยูทูปมีสอนเยอะแยะ สูตรก็หาเอาในกูเกิ้ลก็ได้”



“ไม่ได้หรอกค่ะคุณณิช มาถึงถิ่นทั้งทีเรียนเอาจากของจริงดีกว่าไปฟังคนอื่นเขาทำกันนะคะ ไม่กวนป้าหรอกป้าชอบ” ป้าแจ่มแย้งทันควัน



กลายเป็นว่าเย็นวันนั้นณิชก็ขลุกตัวอยู่ในครัวเป็นลูกมือช่วยป้าแจ่มทำมื้อเย็น ลืมเรื่องที่จะคุยกับจีรัชญ์เสียสนิท ไม่สนด้วยว่าเจ้าของวังเขาจะตามหาตัวหรือไม่เพราะเริ่มสนุกกับการทำแกงปักษ์ใต้แล้ว



มื้อเย็นวันนี้ป้าแจ่มบอกว่าเอาเป็นเมนูง่ายๆ เช่น แกงเลียง เพราะเห็นตำลึงแทงยอดอ่อนน่าทานจึงให้คนสวนไปช่วยเก็บมา ข้างๆ กันมีต้นชะอมจึงเอามาทำไข่เจียวชะอมทานคู่กับน้ำพริก และมีสะตอติดตู้เย็นอยู่หน่อยจึงทำผัดกะปิสะตอกุ้ง เรียกได้ว่ามื้อนี้เป็นอีกมื้อใหญ่ที่ป้าแจ่มกะขุนให้ณิชกับมิ้งอ้วนกลับกรุงเทพฯ กันเลย



“หวี แกช่วยไปดูให้หน่อยว่าคุณตรีจะให้ตั้งโต๊ะหรือยัง” ป้าแจ่มหันไปสั่งแม่บ้านอีกคนที่ยืนว่างงานอยู่ หญิงสาวอายุราวๆ สัก 30 กว่ารีบวิ่งไปทางตึกใหญ่ทันที



“ปกติคุณจีรัชญ์เขาให้ตั้งโต๊ะกี่โมงเหรอครับ” ณิชอดถามไม่ได้ เพราะครั้งก่อนที่ทานมื้อเย็นด้วยกันฝ่ายนั้นพร้อมเสร็จที่โต๊ะอาหารก่อนที่เขากับมิ้งจะโผล่ไปเสียอีก



“ราวๆ หกโมงครึ่งค่ะ คุณตรีเธอไม่อยากให้ค่ำมากเพราะเกรงว่าอาหารจะไม่ย่อย”



“แล้วเขาดุไหมครับ ปกติเป็นคนดุไหม” ได้ทีก็สืบเรื่องอีกฝ่ายสักหน่อย รู้เขารู้เราพอทำงานด้วยกันจะได้ง่ายขึ้น



“สำหรับป้าคิดว่าไม่เท่าไหร่นะคะ แต่คุณเขาเงียบๆ ขรึมๆ อีกทั้งหน้าตาที่ถอดแบบบรรพบุรุษมาเป๊ะๆ เลยทำให้ดูดุ”



“บรรพบุรุษ? เจ้าของวังปริพัตรเหรอครับ”



“ไม่ใช่หรอกค่ะ แต่เดิมเจ้าของวังปริพัตรเป็นของคนอื่น แต่ปู่ของคุณตรีท่านซื้อไว้เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กัน แต่บรรพบุรุษที่ป้าว่าคือท่านหาญน่ะค่ะ ป้าเคยเห็นรูปถ่ายของท่านอยู่ครั้งหนึ่งใบหน้าคมคายคล้ายคุณตรีราวกับแกะ”



เปรี้ยง!



เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงใหญ่ที่มาหลังจากฟ้าแลบทำณิชสะด้งโหยง พอๆ กับที่เขาตัวชาวาบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้ามือเย็นเฉียบ ทำไมเขารู้สึกเหมือนตัวเองรู้ความจริงที่น่ากลัวแบบไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนี้ก็ไม่รู้ ใช่ว่าในประเทศไทยจะมีคนชื่อหาญได้คนเดียวเสียเมื่อไหร่ แต่เขาคิดว่าคนชื่อหาญที่หน้าคล้ายไอ้หาญในฝันคงมีไม่มากแน่ หนึ่งในนั้นคือบรรพบุรุษของจีรัชญ์งั้นเหรอ เขาจำได้ลางๆ ว่าเคยเผลอเรียกจีรัชญ์ว่าไอ้หาญด้วย



คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรอกมั้งที่คนในความฝันจะชื่อซ้ำกับคนในชีวิตจริง เป็นไปไม่ได้ที่บรรพบุรุษของจีรัชญ์จะมาเข้าฝันเขา ทั้งที่เขากับครอบครัวนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันสักนิด มันคงเป็นเรื่องขนลุกไม่น้อยหากเขาฝันถึงท่านหาญ หรือว่าฝ่ายนั้นจะมาบอกว่าให้มาทำงานให้ลูกหลานตนเองดีๆ ไม่งั้นจะมาจัดการเขาทีหลัง



ลมกระโชกแรงพัดเอาเศษใบไม้พัดปลิวไปทั่ว ลมแรงมาพร้อมกับเม็ดฝนที่สาดเข้ามาเกือบถึงประตูโรงครัว ป้าแจ่มหยุดเล่าเรื่องแล้วหันไปเร่งแม่บ้านคนอื่นๆ ให้รีบเร่งมือ เพราะหวีกลับมาบอกว่าเจ้าของวังสั่งให้ตั้งโต๊ะได้แล้ว



ณิชช่วยยกสำรับอาหารเดินตามหวีไปทางตึกใหญ่ ส่วนมิ้งก็หอบแป้งแดงฝีมือตนเองตามมาติดๆ เมื่อเข้ามาในตึกก็ตรงไปยังห้องรับประทานอาหาร จีรัชญ์ยังไม่ลงมาจากห้องทำงานทำให้ยังพอมีเวลาจัดโต๊ะ ณิชวิ่งกลับไปช่วยป้าแจ่มที่โรงครัวอีกครั้ง แต่หญิงวัยกลางคนบอกว่าไม่มีอะไรแล้วให้ไปเตรียมตัวทานมื้อเย็นได้เลย



“ถ้าหนูขึ้นไปอาบน้ำก่อนจะทันไหมพี่ณิช เหนียวตัวจะแย่ นี่มีกลิ่นชะอมติดผมหนูด้วยเนี่ย” มิ้งกระซิบถาม เขาก้มดูนาฬิกาข้อมือเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลือเลยพยักหน้าให้ไปได้ สงสารที่คนสวยๆ อย่างมิ้งต้องมีกลิ่นชะอมติด เดี๋ยวจะเสียความมั่นใจเสียเปล่าๆ แต่ก็ไม่ลืมกำชับว่าให้รีบลงมาให้ทันด้วย อย่าให้เจ้าของบ้านเขาต้องรอ



มิ้งลงมาข้างล่างอีกครั้งอย่างฉิวเฉียดเพราะจีรัชญ์เดินตามหลังหญิงสาวมาติดๆ เธออาบน้ำสระผมด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ผมยังคงเปียกหมาดๆ แต่หากจะให้เป่าแห้งก็เกรงว่าจะไม่ทันการณ์จึงลงมาในแบบนั้น และเมื่อจีรัชญ์นั่งลงตรงหัวโต๊ะมื้อเย็นก็เกิดขึ้น



มิ้งยังคงรักษาความสดใสบนโต๊ะอาหารได้เสมอ เธอพูดเก่งจนเรียกได้ว่าพูดจ้อจนลิงหลับ ทำให้บรรยากาศอึมครึมและเงียบเหงาของวังปริพัตรดูสดใสขึ้นมาบ้าง ณิชยังคงทานอาหารตบปากรับมุกของมิ้งบ้าง ส่วนเจ้าของวังนั้นทานต่อไปเงียบๆ แต่ไม่ได้เอ่ยขัดหรือห้ามปรามการพูดคุยนี้แต่อย่างใด



“คุณสุทินไม่น่ากลับไปก่อนเลย ที่จริงน่าจะอยู่ชิมแป้งแดงฝีมือหนูก่อน” หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จและขึ้นมานอนเล่นที่ห้องของณิชต่อ หญิงสาวก็เอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกเสียดาย



ตอนนี้ข้างนอกฝนตกหนัก เธอไม่อยากอยู่ที่ห้องคนเดียวเลยหอบแลปท็อปคู่ใจมาทำงานที่ห้องณิชเสียเลย ส่วนชายหนุ่มรุ่นพี่ก็นั่งทำงานตนเองไปที่โต๊ะทำงาน ปล่อยให้รุ่นน้องยึดครองเตียงของตนไป



“พอคุณจีรัชญ์ชมเข้าหน่อยก็อยากอวดใหญ่เลยนะ”



“หูย! พูดถึงที่คุณตรีชมหนูยังดีใจไม่หายเลย ไม่คิดเลยว่าคุณเขาจะใจดีขนาดนี้ เห็นหน้านิ่งๆ ขรึมๆ คิดว่าดุเหมือนยักษ์ที่ไหนได้ใจดีมาก เออ...พี่ณิชว่าคุณตรีอายุเท่าไหร่ ท่าทางเขาดูเป็นผู้ใหญ่สุขุมมากเลยนะ”



“ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ไม่เกิน 50”



“โห่! อันนั้นหนูก็รู้เถอะ! เอ้อ! แล้วนี่เรื่องไอ้หาญกับคุณปราณไปถึงไหนแล้ว พี่ยังฝันอยู่รึเปล่า” มิ้งถามเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ ช่วงนี้ยุ่งๆ เธอเลยไม่ได้เข้าไปดูหน้านิยายของตนเองว่าคนอ่านจะมาทวงถามหรือไม่ ตอนนี้เธอชะลอการลงนิยายไปเกือบๆ อาทิตย์แล้วเพราะติดงานที่วังปริพัตรนี่แหละ



“ก็ฝันเหมือนเดิมอย่างที่ผ่านมา ไม่มีอะไรคืบหน้าหรอก” ณิชตอบอย่างไม่ใส่ใจราวกับชินไปเสียแล้ว แค่นอนหลับตาพอเข้าสู่ห้วงนิทราเขาก็ไปโลดแล่นอยู่ในชีวิตของคุณปราณกับไอ้หาญ โดยที่ตัวเขาไม่ได้มีตัวตนอยู่ในโลกใบนั้นเพราะอย่างไรเสียมันก็แค่ความฝันที่เขาอาจเพ้อไปเองก็ได้



“พี่ณิช พี่จะลองไปทำบุญดูไหม หนูว่าพี่ฝันอะไรแบบนี้มานานเกินไปแล้วนะ” ถึงแม้เธอจะยืมความฝันของณิชมาเป็นเค้าโครงนิยายของเธอ แต่ใช่ว่าเธอจะไม่เป็นห่วงรุ่นพี่คนนี้



“พี่คิดดูนะ คนเราจะฝันเรื่องราวเดิมๆ ซ้ำเป็นตุเป็นตะขนาดนี้ได้ยังไง หรือเขาจะมาเตือนอะไรพี่รึเปล่า หนูว่าเราไปทำบุญให้เขากันดีไหม”



“แกดูละครมากไปแล้วมิ้ง มันไม่มีอะไรน่ากลัวแบบนั้นหรอก” ณิชพูดพลางยิ้มขำ



“โถ่...กันไว้ดีกว่าแก้นะพี่ หากเกิดเรื่องร้ายแรงเขาหวังเอาชีวิตพี่ขึ้นมาจะทำไง”



ปัง!



สิ้นเสียงมิ้งบานหน้าต่างไม้ก็กระแทกปิดเสียงดังพร้อมกับแรงลมที่พัดแรงอยู่ด้านนอก คนทั้งคู่สะดุ้งโหยงก่อนจะเป็นณิชที่ตั้งสติได้ก่อน เขาลุกไปเปิดหน้าต่างพร้อมสับตะขอไว้ และปิดหน้าต่างที่เป็นมุ้งลวดอีกชั้น ปิดล็อกไว้อย่างดีกันหน้าต่างเปิดในคืนนี้ ไม่งั้นเขาคงโดนยุงหาม



“หัวใจแทบวาย ได้จังหวะอย่างกับหนังผี” มิ้งลูบอกตนเองแล้วบ่นออกมาเบาๆ ณิชส่ายหน้าขำกับความช่างจินตนาการของรุ่นน้องก่อนจะหันไปทำงานต่อ



โดยคนทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าเจ้าของบ้านมาได้ยินสิ่งที่คนทั้งสองพูดกันหมดแล้ว ใจจริงจีรัชญ์จะมาบอกณิชเรื่องนัดหมายว่าจะเข้าเมืองในวันพรุ่งนี้ แต่เมื่อได้ยินมิ้งถามณิชเรื่องความฝันเขาจึงหยุดฟัง



เห็นทีครั้งนี้เขาคงเลี่ยงไม่ได้อีกแล้ว ทุกอย่างมันถูกกำหนดเขาจะฝืนชะตาไม่ได้เลยสินะ ไม่ว่าจะฝืนยังไงท้ายที่สุดเขาก็ต้องติดอยู่ในวังวนนี้อยู่ดี



‘ปล่อยให้มันเป็นไปเถิด เอ็งเลี่ยงไม่ได้หรอก’



แววเสียงลมหวีดหวิวพัดผ่านพาถ้อยคำลอยมาจากที่ไกลๆ จีรัชญ์ถอนหายใจก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินกลับไปที่ห้องตนเอง พร้อมดวงตาที่แดงก่ำอย่างคนกำลังอดกลั้น



::::::::::::



วันรุ่งขึ้นณิชตื่นตั้งแต่เช้า เขามีนัดกับจีรัชญ์แต่ยังไม่รู้เวลานัดหมายที่แน่นอน ณิชจึงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวไว้ก่อน หากจีรัชญ์บอกว่าสะดวกไปตอนไหนจะได้ไปกันเลย ฝนที่ตกหนักเมื่อคืนหยุดไปตอนประมาณตีสอง บนยอดหญ้ามีน้ำค้างเกาะจากหยาดน้ำฝนเมื่อคืน อากาศตอนเช้าของที่นี่บริสุทธิ์อย่างที่หาจากในเมืองไม่ได้ ณิชสูดอากาศเข้าเต็มปอดยืนบิดขี้เกียจตรงหน้ามุขของตัวคฤหาสน์ วันนี้ได้โอกาสเข้าเมืองทั้งทีคงต้องซื้อพวกรองเท้ากีฬามาใส่วิ่งออกกำลังสักหน่อย ไหนๆ อากาศดีแบบนี้ก็สร้างสุขภาพที่ดีเลยก็แล้วกัน



หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๙/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๔
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 21-06-2020 08:55:51


ระหว่างที่เขากำลังยืนดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเช้า หางตาก็เห็นแผ่นหลังกว้างของหนุ่มเจ้าของบ้านไวๆ จีรัชญ์เดินไปทางข้างของคฤหาสน์ คนละทางกับที่มีดอกพุดน้ำบุศย์ที่ชายหนุ่มหวงนักหวงหนา ณิชเดินตามไปเพื่อจะได้สอบถามเรื่องนัดหมายในวันนี้ว่าจะไปกันกี่โมง เขาฝากงานไว้กับมิ้งแล้วคิดว่าถ้าได้ไปเร็วกลับเร็วจะได้กลับมาช่วยรุ่นน้องคุมงานอีกที



จีรัชญ์เดินดุ่มๆ ไปทางหลังตึก ไม่ใช่ทางโรงครัวอย่างที่คิดแต่เป็นทางเดินเข้าสวน ในมืออีกฝ่ายมีเสียมถือไปด้วย เดินผ่านกอไผ่หวานที่ปลูกเป็นระเบียบที่คะเนด้วยสายตาก็ราวๆ 30 กอเห็นจะได้ เห็นหน่อไม้แทงออกได้เวลาเก็บกิน แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อจีรัชญ์นั่งลงใช้เสียมตัดลงไป โดยเหลือตาไว้สักหน่อยเพื่อให้มันได้แตกหน่อครั้งต่อไป



ชายหนุ่มขุดหน่อไม้ต่อไปโดยไม่สนว่ามีใครเดินตามมาด้วย ณิชมองไปรอบๆ ตัวอย่างใคร่รู้ ตรงนี้ดูจะเป็นป่าไผ่เพราะมีกอไผ่ปลูกไว้เยอะพอสมควรแต่ก็ไม่รก ถัดไปไม่รู้จะเป็นสวนอะไรอีก เพราะเคยได้ยินป้าแจ่มเล่าว่าที่นี่มีพืชผักผลไม้ปลูกอยู่หลายชนิดเก็บกินเก็บขายได้ทั้งปี



“ไปเอากระสอบที่ท้ายโรงครัวมาหน่อย จะได้ให้ไอ้พลีเอาไปขายที่ตลาด” จู่ๆ จีรัชญ์ก็พูดขึ้น คนที่กำลังดื่มด่ำกับธรรมชาติที่หาไม่ได้ในเมืองสะดุ้ง ณิชหันไปมองคนที่ยังคงเดินหาหน่อไม้ต่อไปเรื่อยๆ ด้วยความฉงน



“คุณเห็นผมด้วยเหรอ”



“คุณเป็นผีรึไงทำไมผมต้องมองไม่เห็น” จีรัชญ์สวนกลับทันควันทำเอาณิชแอบเบะปากหน้างอกับคำหยอกคำแซวนี้ ก่อนตัวเขาจะเดินไปหยิบกระสอบอย่างที่เจ้าตัวขอในตอนแรก แต่เมื่อเอากลับมาให้กลับไม่เห็นคนขอเสียแล้ว มองซ้ายมองขวาอยู่นานก็เห็นเดินอยู่ด้านหลังโน่น



“คุณ! คุณจีรีชญ์! จะให้ผมเก็บใส่กระสอบหมดนี่เลยเหรอ!” ตะโกนถามแต่อีกฝ่ายก็ไม่ตอบ อาจจะไม่ได้ยินเพราะอยู่ห่างกันพอสมควรณิชจึงก้มลงเก็บหน่อไม้ใส่กระสอบ เช้านี้เขากลายเป็นลูกมือเจ้าของสวนหน่อไม้ไปโดยปริยาย



เวลาล่วงเลยเกือบแปดโมงเช้า ณิชที่เดินเก็บหน่อไม้ที่จีรัชญ์ขุดวางไว้โคนต้นปาดเหงื่อ เสื้อผ้าชุดใหม่ที่ใส่มาชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ น่าแปลกไหมล่ะ แทนที่เขาจะชิ่งหนีแต่กลับอยู่ช่วยอีกฝ่ายจนเสร็จ ไม่ใช่เขามีน้ำใจอะไรขนาดนั้นแต่เมื่อมาอยู่บ้านเขาแถมกินข้าวบ้านเขาครบสามมื้อ อะไรที่ช่วยได้ก็ต้องช่วย ส่วนจีรัชญ์ไม่มีทีท่าจะเหนื่อยเลยแม้เหงื่อเจ้าตัวจะออกมากว่าเขาก็ตาม



“วางไว้นี่แหละเดี๋ยวให้ไอ้พลีมาเก็บต่อ” พูดจบร่างสูงใหญ่ก็เดินเข้าไปในสวนอีกหน่อย ณิชได้ยินเสียงทางน้ำไหลพอเดินตามเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นลำธารเล็กๆ ไม่คิดว่าหลังวังปริพัตรจะมีลำธารตัดผ่านด้วย



“น้ำนี่สะอาดไหลลงมาจากเขา” เจ้าบ้านพูดก่อนจะนั่งยองๆ กวักน้ำมาล้างมือล้างแขน รวมไปถึงล้างหน้าและลำคอที่เต็มไปด้วยเหงื่อณิชจึงทำตามบ้าง สัมผัสแรกที่โดนน้ำทำเขาสะดุ้งเพราะมันเย็นจัด คงเพราะฝนที่ตกเมื่อเย็นวานยาวไปจนถึงกลางคืนทำให้อุณหภูมิน้ำเป็นแบบนี้ แต่พอกวักมาล้างหน้าก็สดชื่นได้ไม่น้อย



“ทำไมคุณต้องมาทำอะไรแบบนี้เอง ลูกน้องก็มีไม่ใช่เหรอ”



“ใครจะไปดูแลสวนได้ดีกว่าเจ้าของสวน ผมปลูกเองก็อยากดูแลมันเอง ฝากคนอื่นไว้ก็ทำไม่ได้ดั่งใจ” จีรัชญ์ตอบเสียงเรียบ ชายหนุ่มคิดว่าจะนั่งพักสักหน่อยแล้วค่อยเดินกลับไปทานมื้อเช้า



กิจวัตรประจำวันในแต่ละวันเขาไม่มีอะไรมาก ออกกำลังกายพอให้ได้เหงื่อเสร็จก็เข้าสวน เพราะเขาชอบบรรยากาศช่วงเช้าที่อากาศเย็นสบายและเงียบสงบ ทุกสรรพสิ่งยังคงไม่ตื่นดีมันทำให้สงบ ทำให้เขาได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ได้คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ป้าแจ่มยังเคยบ่นว่าเขาทำตัวปลีกวิเวกมากเกินไป เพื่อนฝูงที่สนิทชิดเชื้อก็ไม่มีสักคน



“แต่สวนทั้งหมดนี่คือของคุณหมดเลยนะ มันเยอะเกินไปที่จะทำคนเดียว แล้วสวนยางด้านหน้าวังนั่นล่ะอย่าบอกนะว่าคุณกรีดเอง” ณิชพูดถึงสวนยางพาราที่ปลูกอยู่หน้าวังปริพัตรที่แทบบดบังความสวยงามของตัวคฤหาสน์สีฟ้าหลังนี้ หากไม่รู้ว่าข้างในเป็นที่ตั้งของวังเขาก็คงไม่รู้เพราะตอนแรกขับรถผ่านถึงสองครั้งเนื่องจากมองไม่เห็นทางเข้าวัง



“อันนั้นผมจ้าง แต่สวนผลไม้อื่นๆ ก็ไปดูเอง ผมหมายถึงโดยรวมที่ดูแลเองไม่ได้จ้างใครให้มานอนดูแลสวนให้เหมือนคนอื่น คุณเข้าใจไหม” จีรัชญ์อธิบายและถามกลับอย่างใจเย็นเมื่อเห็นสีหน้าไม่อยากเชื่อของอีกฝ่าย ตาเรียวสวยเบิกโตก่อนจะหรี่ลงแล้วกลับมาอยู่ในขนาดปกติ ดูท่าณิชจะเป็นคนแสดงอารมณ์ออกทางสายตาเก่ง เพราะไม่ว่าเจ้าตัวจะคิดอะไรสายตาและสีหน้าก็แสดงออกมาจนหมด



“คุณเป็นคนรวยที่แปลกคนจริงๆ ทำตัวเหมือนคนแก่วัยเกษียณ ปกติคนวัยหนุ่มแถมรวยแบบคุณเขาต้องไปเที่ยวต่างประเทศไม่ก็ทำธุรกิจสิ แต่นี่มาทำสวน” ณิชออกความเห็น ยังคิดสงสัยไม่น้อยว่าจีรัชญ์คิดอะไรอยู่ เขารู้ว่าอีกฝ่ายมีทรัพย์สินครอบครองมากมาย และดูเป็นคนรวยที่มัธยัสถ์อย่างที่สุด แต่กลับทิ้งโลกภายนอกมาอยู่กับสวนและวังเก่าพวกนี้ พิลึกคน



“ชีวิตก็คือชีวิต มันอยู่ที่เราจะเลือกเดินแบบไหน” จีรัชญ์ตอบเสียงเรียบก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อจะได้เดินกลับคฤหาสน์เสียที ณิชลุกขึ้นตามแต่เพราะที่ที่อีกฝ่ายนั่งใกล้ริมตลิ่งมากเกินไปดินชื้นแฉะจึงทำให้ณิชลื่นตกลงไปในลำธาร โชคยังดีที่น้ำแค่ช่วงเอวแต่กระนั้นก็ทำหนุ่มเมืองกรุงตกใจไม่น้อย



“จับมือผมไว้” จีรัชญ์รีบเข้าไปช่วยเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกลัวน้ำเพียงใด



กระแสน้ำเย็นไหลผ่านตัวณิชจนตัวสั่น เขาจับมือใหญ่ที่เผื่อแผ่ความอบบอุ่นมาให้ก่อนจะโดนดึงให้ขึ้นไปยืนบนฝั่งด้วยกัน ณิชเปียกไปครึ่งตัวอีกทั้งความเย็นของน้ำบวกกับลมที่พัดมาโอบล้อมคนทั้งคู่ไว้ส่งผลให้ณิชตัวสั่นปากสั่น จีรัชญ์อดสงสารไม่ได้ เขาโอบไหล่ที่เล็กกว่าของตนเกือบเท่าหนึ่งไว้หลวมๆ พอให้ความอบอุ่นของตนแผ่ไปถึงหนุ่มร่างบางนี้



คนทั้งคู่เดินมาถึงคฤหาสน์ป้าแจ่มที่รอท่าอยู่แล้วถึงกับเบิกตาโตตกใจกับสภาพของณิช เอ่ยถามทันใดว่าตกสระบัวมาอีกแล้วหรือ



“ผมลื่นตกลำธารน่ะครับ ผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ” ณิชวิ่งขึ้นชั้นบนไปโดยมีแม่บ้านเดินถูพื้นตามหลัง เพราะน้ำจากร่างกายณิชหยดลงตามพื้นเต็มไปหมด



“ผมเก็บหน่อไม้ให้แล้ว บอกไอ้พลีให้เอาไปขายด้วย” จีรัชญ์สั่งหญิงแม่บ้านเสร็จก็เดินขึ้นไปอาบน้ำบ้าง



ณิชเดินกอดให้ความอบอุ่นตัวเองเข้าห้องไปแล้ว จีรัชญ์ทันเห็นอีกฝ่ายถอดเสื้อออกโชว์ผิวเนียนก่อนประตูจะปิดลง ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเจออะไรอีกบ้าง แต่ขอเถิดว่าอย่าให้มันสาหัสอย่างที่แล้วมาอีกเลย



::::::::::::



จีรัชญ์ขับรถพาณิชเข้าไปในตัวเมืองเกือบ 11 โมงแล้ว นั่นเพราะเป็นเวลาที่ห้างสรรพสินค้าเปิดทำการเขาจึงเลือกเข้าเมืองเวลานี้ เขาสองคนแวะไปดูกระเบื้องกันก่อน ณิชออกความเห็นบ้างตามเท่าที่ตนพอจะเสนอได้ เนื่องจากจีรัชญ์ก็มีข้อมูลอยู่ในหัวแล้วไม่น้อยเช่นเดียวกัน



พวกเขาใช้เวลาที่ร้านขายกระเบื้องเกือบๆ 1 ชั่วโมง จีรัชญ์ถามย้ำว่าของที่สั่งจะมาทันกำหนดใช่หรือไม่ เพราะเขาอดที่จะพูดถึงความผิดพลาดของทางร้านที่เพิ่งมาแจ้งให้ทราบไม่ได้ ต่อให้บริการดี สินค้าเกรดดียังไง แต่ถ้าไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ก็ต้องแจ้งกันสักหน่อย



“คุณจะแวะที่ไหนก่อนไหม มีที่ที่อยากไปรึเปล่า” จีรัชญ์หันมาถามเมื่อเขาทั้งคู่ขึ้นนั่งในรถยนต์โดยมีจีรัชญ์เป็นคนขับแล้ว



“ผมเพิ่งมาถึงที่นี่เองครับคงยังปักหมุดที่ไหนไม่ได้ เราไปที่ห้างกันเถอะผมอยากได้มือถือแล้ว รู้สึกเหมือนขาดอวัยวะไปเลย”



จีรัชญ์พาณิชมาห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดในจังหวัดนี้ เพราะฟังจากลิสต์รายการของที่ณิชต้องการซื้อคงต้องหาเอาจากที่นี่ทั้งหมด



“เดี๋ยวแวะไปเอาซิมก่อนนะครับ คุณจะไปนั่งรอผมที่ร้านกาแฟก่อนก็ได้เพราะกว่าผมจะเสร็จธุระคงอีกสักพักเลย” ณิชพูดอย่างเกรงใจแต่จีรัชญ์ปฏิเสธ ชายหนุ่มบอกว่าตนไปด้วยได้ไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับการรอคอยแต่อย่างใด



“ผมรอจนชินแล้ว รอนานกว่านี้ก็เคยรอ” ถ้อยคำที่ออกมาจากปากชายหนุ่มพร้อมตาที่จ้องมองมาทำณิชรู้สึกหน่วงในอก ทั้งที่เป็นคำพูดธรรมดาแต่เขากลับรู้สึกว่าคนพูดกำลังเจ็บปวดเหลือทน



Rrrrr Rrrrr



“ครับแข” เขารับสายเมื่อเห็นว่าหญิงสาวคนสนิทโทรมา



[ทำอะไรอยู่คะตรี สะดวกคุยไหม]



“อืม...ได้ครับ” จีรัชญ์มองณิชเดินเข้าร้านขายสมาร์ทโฟนยี่ห้อผลไม้ อีกฝ่ายหันมองที่เขาไม่เดินตามพอเห็นว่าเขาติดสายอยู่จึงใบ้มือบอกว่าตนจะเข้าไปดูของในร้าน



[งานเป็นไงบ้างคะ ณิชทำงานดีอย่างที่แขบอกไหม]



“นี่แค่เริ่มต้นผมยังประเมินลูกน้องให้คุณไม่ได้หรอก”



[แต่คนที่เนี้ยบกับงานอย่างคุณยังไงก็ต้องมองออกอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ] แขไขพูดเจือเสียงหัวเราะ เพราะเธอรู้ดีว่าจีรัชญ์เป็นคนอย่างไร จีรัชญอายุเพียง 35 ปีแต่ทำตัวประหนึ่งคนแก่อายุสัก 70 ผ่านโลกมามากมาย บางครั้งการออกความเห็นของจีรัชญ์ก็มีประโยชน์สำหรับเธอมาก



“ณิชทำงานได้ไว ค่อนข้างเป๊ะในระดับหนึ่ง รวมๆ แล้วทำงานดี” จีรัชญ์ตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้เพิ่งเริ่มงานและยังไม่เห็นถึงข้อบกพร่องใดๆ แต่พอดูหน่วยก้านและฟังรายงานจากสุทินเมื่อวานถือว่าได้ใจเขาไปพอสมควร



ได้ใจในเรื่องงานน่ะ



ทางฝั่งณิชยังคงลังเลกับสมาร์ทโฟนสองรุ่น รุ่นหนึ่งคือรุ่นที่เขาใช้ก่อนหน้านี้ ส่วนอีกรุ่นคือตัวใหม่เพิ่งออกได้ราวเดือนเศษ เขาลังเลว่าจะใช้ของใหม่แบบรุ่นล่าสุดไปเลยหรือว่าจะใช้รุ่นเดิมที่ระบบเสถียรแล้วดี



ท้ายสุดก็กัดฟันซื้อรุ่นใหม่อยู่ดี เครื่องเก่าซื้อสดแต่เครื่องนี้คงต้องผ่อน ระหว่างรอให้พนักงานของทางร้านจัดการโทรศัพท์ให้เขาก็เดินดูพวกอุปกรณ์เสริมต่างๆ ไปพลางๆ ส่วนจีรัชญ์เพิ่งวางสายโทรศัพท์ก่อนจะเดินเข้ามาในร้าน



“คุณไม่ซื้อแอปเปิ้ลวอชไปด้วยล่ะ”



“พอก่อนครับ แค่เครื่องมันผมก็เจ็บตัวเยอะแล้ว เกิดซื้อไอ้ตัวนี้อีกเกรงว่าจะไม่ได้กินข้าวแต่กินแกลบแทน” จีรัชญ์หัวเราะในลำคอกับคำพูดของอีกฝ่าย



กว่าณิชจะซื้อของที่ตนอยากได้เสร็จก็กินเวลาไปหลายชั่วโมง รวมไปถึงการทานอาหารกับจีรัชญ์ด้วย เมื่อออกมาจากประตูห้างมายังชั้นจอดรถก็เห็นว่าด้านนอกฝนตกหนักมาก จีรัชญ์บอกว่าภาคใต้ก็แบบนี้ ฝนแปดแดดสี่จะหาวันที่อากาศดีๆ เหมือนภาคอื่นไม่ได้หรอก นี่ก็พายุเข้าไม่รู้จะฝนจะตกหนักไปอีกกี่วัน



ฟ้าที่เคยโปร่งไม่มีเมฆในช่วงเช้าหายไปเหลือแค่ฟ้ามืดที่ครึ้มเมฆฝน วิสัยทัศน์ในการขับรถค่อนข้างแย่ มองเห็นได้ในระยะไม่กี่เมตรทำให้ต้องขับอย่างระมัดระวัง ยังดีที่เขามากับจีรัชญ์นี่ถ้าหากมาคนเดียวคงขับแบบเต่าคลานแน่ๆ เพราะตอนนี้สองข้างทางแทบมองอะไรไม่เห็น



“เห้ย!” ณิชร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นรถขับตัดหน้า ดีที่จีรัชญ์ไม่ได้ขับเร็วจึงไม่เกิดอุบัติเหตุ



“ตกหนักอย่างกับฟ้ารั่ว ตอนนี้แค่สี่โมงเย็นเองนะครับ แต่ท้องฟ้ามืดอย่างกับหกโมงแล้ว” ณิชบ่นพยายามช่วยจีรัชญ์มองทางเต็มที่ อย่างน้อยๆ สองตาก็ยังดีกว่าตาเดียว



“ภาคใต้ก็แบบนี้ เดี๋ยวคุณอยู่ไปก็ชินเอง”



ตลอดสองข้างทางกลับที่ขับผ่านเป็นป่ายางทั้งสิ้น ต้นไม้สูงตระหง่านโน้มเข้าหากันสองข้างทางยิ่งทำให้ฟ้ามืดขึ้นไปอีก ถึงแม้เม็ดฝนจะเบาบางลงบ้างไม่หนักเท่าตอนอยู่ในเมืองแต่ก็ยังตกอยู่ดี



มีรถขับสวนกันไม่มากนัก จีรัชญ์บอกว่าตรงนี้เป็นทางสายรองไม่ใช่สายหลักที่มีรถตลอด แต่กระนั้นก็ยังมีเด็กวัยรุ่นขับรถเล่นฝนแข่งกันอย่างไม่กลัวอุบัติเหตุ



“ระวังนะคุณ ไอ้เด็กพวกนี้ไม่ห่วงชีวิตตัวเองเลย ขับรถกลางฝนไม่กลัวฟ้าผ่ากบาลบ้างรึไง” ท้ายประโยคณิชบ่นพึมพำคนเดียว จีรัชญ์เหลือบสายตามองหนุ่มเมืองกรุงที่นั่งหน้าเครียด



ขับไปสักพักก็เจอไอ้เด็กกลุ่มเดิมจอดอยู่ข้างทาง ทั้งเนื้อทั้งตัวเปียกปอนกันทั้งกลุ่มแต่ดูพวกมันจะไม่สนใจ ณิชสังหรณ์ใจไม่ดีเท่าไหร่อาจเพราะทางตรงนี้ค่อนข้างเปลี่ยวด้วยทำให้เขาระแวงมากขึ้นไปอีก



“ฝนตกไม่หนักเท่าไหร่แล้วรีบขับเถอะคุณ ผมไม่ไว้ใจไอ้เด็กพวกนั้นเลย”



แอ๊นนนน!!!



ปัง!!



สิ้นคำณิชไม่เท่าไหร่เสียงดังสนั่นก็เกิดขึ้นพร้อมกับกระจกรถด้านหน้าที่แตกร้าว พอดูดีๆ ก็เห็นไอ้เด็กกลุ่มเดิมขับแซงไปไม่เท่าไหร่ก็ปาก้อนหินใส่รถ โชคยังดีที่ก้อนหินไม่โดนใครให้บาดเจ็บ จีรัชญ์จอดรถในทันทีเพื่อดูว่าณิชเป็นอะไรหรือไม่ แต่เหมือนจะกลายเป็นเป้านิ่งไปเสียแล้ว เพราะกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ขับมอเตอร์ไซค์แซงพวกเขาไปเมื่อครู่มันย้อนกลับมาพร้อมอาวุธครบมือ



“มันเมายาแน่นอน” จีรัชญพูดแค่นั้นก็กดล็อกรถทันที กำลังจะเข้าเกียร์เพื่อขับออกไปไม่สนใจว่ากระจกด้านหน้าจะแตกร้าวไปมากแค่ไหน ตอนนี้เขาต้องหนีออกจากวงล้อมเด็กพวกนี้ให้ได้ก่อน



เคร้ง!



“หรอยเว้ยหรอย!!”



ไอ้พวกเด็กชั่วใช้แท่งเหล็กฟาดรถของจีรัชญ์เสียหายเกือบทั้งคัน เสียงโห่ร้องด้วยความสะใจของพวกมันทำณิชอยากจะเอาเหล็กฟาดปากมันกลับ จีรัชญ์รีบขับออกจากวงล้อมแต่กลับโดนแท่งเหล็กฟาดทะลุกระจกเข้ามาทำให้ต้องหลบ ณิชร้องด้วยความตกใจก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยตนเองดูอาการของจีรัชญ์ก่อน



“ณิชระวัง!!”



แต่จีรัชญ์กลับกอดเขาหลบแท่งเหล็กที่ฟาดเข้ามาไม่ยั้งแทน เสียงฟาดตุบตับดังให้รู้ว่ามันโดนเนื้อคนแน่ๆ ณิชน้ำตาคลอด้วยความกลัว



“เหี้ยไรเนี่ย! พวกมึงแม่ง!! คุณเป็นอะไรไหม” ณิชสบถอย่างหัวเสีย เขาผละออกจาอกกว้างถามจีรัชญ์ที่เมื่อกี๊เขาเห็นว่าโดนปลายแท่งเหล็กฟาดโดนหน้าผาก จังหวะหลบก็โดนพวกมันใช้แท่งเหล็กแหลมจ้วงซ้ำเขามาในรถ พวกมันทำแบบนี้หวังเอาชีวิตกันเลยไม่ใช่แค่ปล้นธรรมดา ณิชโวยวายใหญ่ด้วยความกลัวว่าจีรัชญ์จะเป็นอะไร



“ผมไม่เป็นอะไร คุณนั่งดีๆ เกาะไว้แน่นๆ” จีรัชญ์เตือนแค่นั้นก็ถอยรถ ไม่สนว่าจะชนพวกมันคนไหนรึเปล่า หากไม่มีทางเลือกเขาก็คงชนทุกคนที่ขวางหน้า



เพราะอารมณ์ตกใจทำให้ณิชทำอะไรไม่ถูกก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องโทรแจ้งตำรวจ แต่เขากลับโดนจีรัชญ์ห้ามไว้โดยให้เหตุผลว่าแจ้งไปตำรวจก็มาไม่ทันพวกมันคงหนีไปแล้ว ตอนนี้คงมีแต่กล้องหน้ารถเท่านั้นที่พอจะเป็นหลักฐานได้ กลับถึงบ้านก่อนค่อยว่ากัน



ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึงวังปริพัตรในสภาพรถที่โดนทุบยับเยิน ณิชรีบลงจากรถมาดูอาการของจีรัชญ์ทันที ถึงแม้ชายหนุ่มจะบอกว่าไม่เป็นอะไรแต่เขาก็ไม่เชื่อ จับอีกฝ่ายถอดเสื้อออกเพื่อจะได้ดูแผลชัดๆ จีรัชญ์ปัดป้องพัลวันแต่ก็ไม่พ้นมือณิชไปได้ เขาแทบฉีกเสื้ออีกฝ่ายออกเพราะเมื่อกี๊เขาเห็นว่าแท่งเหล็กมันสร้างแผลฉกรรจ์ได้เลย



“ทำไม...”



แต่เมื่อเปิดเสื้อดูเขากลับไม่เห็นรอยเลือดแม้แต่นิดเดียว หากเป็นคนปกติคงแตกตั้งแต่หัวที่โดนฟาด อีกทั้งแท่งเหล็กที่ครูดผิวจนเสื้อขาดก็คงได้เลือดไม่น้อย แต่ที่เขาเห็นคืออีกฝ่ายไม่เป็นอะไรเลย มีแค่รอยแดงกับ...



“รอยนั่นมัน...”



มีแต่ความสงสัยกับความตกใจที่ทำณิชพูดไม่ออก เพราะสิ่งที่เขาเห็นตอนนี้มันน่าขนลุกยิ่งกว่าโดนไอ้พวกเด็กชั่วนั่นทำร้ายเสียอีก



แผ่นหลังกว้างของจีรัชญ์เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นนูนขึ้นเป็นขีดทับไปมาในแนวนอน ไม่ต่ำกว่าสิบรอย เหมือนรอยจากการถูกเฆี่ยนซ้ำๆ จนเกิดรอยแผลเป็น รวมไปถึงแผลตรงไหล่ซึ่งเขาจะไม่ตกใจเลยหากไม่ใช่ตำแหน่งเดียวกับที่คุณปราณพลาดมือไปโดนไอ้หาญตอนประลองดาบด้วยกัน





โปรดติดตามตอนต่อไป

หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๑/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๕
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 21-06-2020 20:11:18
รอคอย  เธอมาแสนนาน

ทรมาณ วิญญานหนักหนา
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๑/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๕
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 21-06-2020 20:26:27
โอ๊ะโอ~~ทั้งบาดแผลและความทรงจำอดีตยังคงอยู่ ลุ้นต่อเลยเรื่องราวมันเป็นมายังไง เคลียร์กันให้จบในชาตินี้นะ รอมานานแสนนาน //ไอ้พวกเด็กเวรรรรรร เหี้ยจริง น่าจะรถล้มกันไปให้หมด รอตอนหน้าเลยจ้า ขอบคุณนะคะที่มาต่อ ชอบมากเลย จะกลับมารักกันตอนไหน แต่เมื่อเห็นว่าเขาจะได้รับอันตรายก็ห่วงมากแล้วอะ ปกป้องซะ อัยยย  :o8: 555  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๑/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๕
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 22-06-2020 23:53:14
คุณจีรัชญ์เนี่ยยังไง ระลึกชาติจนจำได้หมดหรือยังไง ยังสงสัยไม่หาย :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๑/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๕
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 23-06-2020 14:55:03
ทำไมตรียังมีแผลเป็นจากชาติก่อน หรือตรียังไม่เคยจากชาติภพที่เป็นหาญ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๑/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 27-06-2020 21:05:30
กำลังเข้มข้นเลย :z3:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๑/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๕
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 29-06-2020 18:25:31
เจ้มจ้นจีๆ (สนุกมากคับ)
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๑/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๕
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 29-06-2020 20:10:29
บทที่ ๖


“คุ...คุณจีรัชญ์...คุณ...” ณิชครางชื่ออีกฝ่ายเสียงเบา


เพราะในความคิดเขาตอนนี้กำลังเอาความฝันกับความจริงมาปนกัน เขาพยายามบอกตัวเองว่านี่คือเรื่องบังเอิญ ความฝันที่เขาไม่เคยใส่ใจกับมัน ต่อให้ฝันซ้ำกันหลายคืน ปะติดปะต่อเป็นเรื่องราวจนมิ้งเอามาเขียนเป็นนิยายได้ แต่เมื่อมาอยู่กับจีรัชญ์เขากลับเอาเรื่องราวในฝันมาผูกพันกับชายคนนี้


รอยแผลที่เห็นที่จริงแล้วอาจเป็นรอยแผลจากที่อื่น เขาไม่รู้ว่าอาจารย์มหา’ ลัยที่เป็นเจ้าของวังที่เงียบสงบแห่งนี้ ไม่สุงสิงกับใครเหตุไฉนถึงได้มีแผลตามตัวมากมายเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจีรัชญ์มีเรื่องราวปิดซ่อนเอาไว้ไม่บอกให้ใครรู้มากแค่ไหน แต่เขาที่บังเอิญได้เห็นแผลเหล่านี้ก็ไม่ควรคิดไปว่ารอยพวกนี้มันเกี่ยวข้องกับคนในฝัน

หากแต่จิตใต้สำนึกในใจเขากำลังร้องลั่นว่าเขาควรหาคำตอบในสิ่งนี้ ความลึกลับของผู้ชายคนนี้ที่ชวนให้เขาตั้งคำถาม และมันยากมากที่จะปัดความสงสัยในตัวจีรัชญ์ออกไป

จีรัชญ์ปัดมือณิชออก เขารีบใส่เสื้อกลับเหมือนเดิมก่อนจะเดินดุ่มๆ เข้าตัวตึกคฤหาสน์ไป ณิชยังคงตกใจกับสิ่งที่เห็น แต่ก็รีบเดินตามไปเพราะเป็นห่วงอาการของอีกฝ่ายไม่น้อย

“คุณณิช! คุณตรี! ทำไมสภาพรถเป็นแบบนั้นคะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” ป้าแจ่มรีบวิ่งมาดูเมื่อเด็กในบ้านไปบอกว่ารถของจีรัชญ์สภาพยับเยิน หญิงเลยวัยกลางคนมือไม้สั่นสั่งให้แม่บ้านคนอื่นไปหยิบผ้าขนหนูมาให้คนทั้งสอง จากนั้นจึงรีบรุดตามจีรัชญ์ขึ้นข้างบนไป

“พี่ณิช! เกิดอะไรขึ้น” มิ้งถามหน้าตื่นเมื่อเห็นสภาพรุ่นพี่ตนเอง ก่อนจะเบนสายตาไปทางรถยนต์สภาพบุบและกระจกหน้าแตก ดูเหมือนกับประสบอุบัติเหตุร้ายแรงมา

“พวกเราโดนดักทำร้ายน่ะ น่าจะพวกวัยรุ่นเมายา” ณิชตอบ แต่กระนั้นเสียงก็ยังสั่นจากเหตุการณ์เมื่อครู่ แต่พอมาเจอรอยแผลเป็นจีรัชญ์ทำเขาแทบจะลืมเรื่องที่เพิ่งเจอก่อนหน้านี้ไปเลย

“เดี๋ยวพี่มา” เขารีบตามขึ้นไปยังห้องนอนจีรัชญ์ทันที ป้าแจ่มหายเข้าไปในห้องนอนของเจ้าของบ้าน ณิชรีบตามไปติดๆ แต่เข้าไม่ได้เพราะประตูล็อก

ก๊อกๆๆ

“คุณจีรัชญ์ เปิดประตูให้ผมหน่อย คุณเป็นอะไรมากไหม ให้ผมพาไปหาหมอไหมครับ” เพราะการกระทำของชายหนุ่มก่อนหน้านี้ทำเขาซึ้งในน้ำใจ จนต้องปัดตกความสงสัยก่อนหน้านี้ไปก่อน จีรัชญ์เอาตัวเองมาขวางไว้ทำให้เขาไม่โดนแท่งเหล็กเหล่านั้นฟาดเอา อ้อมกอดแข็งแรงที่รองรับแรงกระทบทั้งที่อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ ซึ่งการกระทำนั้นซื้อใจณิชได้เต็มๆ จนอดห่วงใยไม่ได้

“คุณณิช คุณตรีไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ คุณเขาบอกว่าไม่ต้องห่วง แต่ไม่ทราบคุณได้รับบาดเจ็บตรงไหนไหม ถ้ามีป้าจะได้ตามหมอให้ค่ะ” เป็นป้าแจ่มที่เปิดประตูออกมาพูดกับเขา บานประตูแง้มเปิดพอให้หญิงอาวุโสออกมาเท่านั้น ณิชพยายามมองเข้าไปในห้องก็เห็นได้เพียงฝาผนัง

“แต่ผมอยากดูให้เห็นกับตาว่าคุณตรีของป้าเป็นอะไรมาไหม เขาโดนแท่งเหล็กฟาดหลายครั้งแรงมากเลยครับ ต่อให้ไม่มีเลือดก็ต้องมีรอยช้ำ ผมจะพาไปแจ้งความด้วย แถวนี้ก่อเหตุแบบนี้มันน่ากลัวมากเลยนะครับ มันอาจจะเกิดกับคนอื่นด้วยอีกก็ได้ ยิ่งที่นี่มีแต่ป่ายางมันอาจจะลักลอบเข้ามาซ้ำพวกเราก็ได้นะครับ” ณิชให้เหตุผลเสียยาวเหยียดจนป้าแจ่มถอนหายใจด้วยความเอ็นดู ความห่วงใยของณิชมากล้นจนเธอใจอ่อนยอมเปิดประตูให้ ทั้งที่คำสั่งของเจ้านายบอกว่าให้ตามสุทินกับหมอมาก็พอ และห้ามให้คนอื่นเข้ามาในห้องตนเป็นอันขาด

ปกติห้องจีรัชญ์มีเธอกับสุทินเท่านั้นที่เข้าได้ ส่วนพวกคนรับใช้ในบ้านนั้นไม่มีใครกล้ายุ่งห้องของคุณตรีสักคน ถือเป็นกฎเหล็กข้อแรกของที่นี่ที่ควรปฏิบัติ นั่นคือห้ามยุ่มย่ามชั้นบนหากไม่ได้รับอนุญาต หรือมีหน้าที่อื่นใดบนนี้ หากทำผิดครั้งแรกจะโดนตักเตือน แต่ถ้ามีครั้งต่อไปจะโดนไล่ออกทันทีไม่มีข้อยกเว้น

และที่จีรัชญ์บอกว่าห้ามคนอื่นที่ว่าก็คงเป็นหนุ่มเมืองกรุงคนนี้แหละ แต่ทำอย่างไรได้ ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยของณิชทำให้เธอต้องฝืนคำสั่ง

ป้าแจ่มออกไปแล้ว ณิชเดินเข้าไปในห้องของจีรัชญ์แล้วก็ต้องอึ้งกับสิ่งที่เห็นอีกครั้ง ขนแขนลุกชันอย่างไม่ทราบสาเหตุ กลิ่นอายที่คุ้นเคย ความเป็นไทยที่เหมือนหลุดเข้าไปในเรื่องทวิภพอะไรทำนองนั้น เหมือนเขาหลุดเข้ามาในโลกอีกใบที่ต้องนึกชื่นชมคนออกแบบห้องนี้ในใจว่าทำการบ้านมาอย่างดี

เตียงสี่เสาตั้งเด่นเป็นสง่าให้เห็นเป็นสิ่งแรก การตกแต่งภายในของห้องนี้ราวกับย้อนไปราวร้อยปีก่อน เฟอร์นิเจอร์เกือบทุกชิ้นในห้องเป็นไม้ ไม่ว่าจะตู้ โต๊ะ เตียง หรือเก้าอี้นัก หากมองในมุมเขาแล้วเจ้าของห้องคงอยากคุมโทนความเป็นไทยย้อนยุค อีกทั้งมีหน้าต่างหลายบานแต่ทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ม่านขาวบางตรงขอบประดับลูกไม้พลิ้วไหวตามแรงลมจากฝนที่ตอนนี้บางเบาลงแล้ว และแน่นอนว่าห้องนี้ไม่มีเครื่องปรับอากาศเช่นเดียวกัน

คงเพราะเจ้าของอยากให้คงกลิ่นอายย้อนยุคจึงไม่ได้ใส่เครื่องอำนวยความสะดวกเครื่องนี้เข้าไป แต่เอาจริงๆ ตั้งแต่มาอยู่คฤหาสน์หลังนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกร้อนเลย แค่พัดลมตัวเดียวก็เอาอยู่แล้ว แต่ห้องข้างล่างที่จีรัชญ์ให้ทำใหม่ก็ได้สั่งให้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศด้วย อันนี้เขายังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าเพราะอะไร

ณิชมองไปรอบๆ ห้องอย่างรู้สึกคุ้นตาเหมือนกับว่าเขาเคยเข้ามาในห้องนี้แล้ว เขาเคยเห็นการตกแต่งแบบนี้ การจัดวางแจกันตั้งพื้นตรงนี้ พัดลมเพดานโบราณที่ยังคงทำงานได้ดี จนแวบหนึ่งที่เผอลคิดไปว่าตนเคยนอนอยู่ในห้องนี้

เหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนเดจาวูวิ่งเข้ามาในหัว เขาเคยมานอนในห้องนี้ เตียงสี่เสาที่มีผ้าม่านผูกไว้กับเสาทั้งสี่เคยถูกปลดลงเพื่อบดบังบทรักอันเร่าร้อน หากไม่คิดอะไรก็คงบอกได้ว่าเขาเคยออกแบบภายในห้องนอนมานักต่อนัก ย่อมมีสไตล์การตกแต่งเหล่านี้ผ่านตามาบ้าง และเพราะอารมณ์ศิลปินจึงทำให้จินตนาการไปไกล แต่สำหรับความรู้สึกเขาแล้วมันไม่ใช่

เหมือนความสุขสมที่เต็มแทบล้นอกจุดขึ้นในใจ เหมือนการเคลื่อนไหวและเสียงหยาบโลนของเนื้อกระทบกันแว่วให้ได้ยิน ชายสองคนที่กำลังกอดรัดนัวเนียกันบนเตียงหลังนี้กำลังปฏิบัติกามกิจอย่างถึงใจ

“คุณเข้ามาทำไม ออกไป!” จีรัชญ์พูดเสียงแข็งเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเห็นณิชยืนอยู่กลางห้อง ผู้มาเยือนตกใจสะดุ้งสุดตัวเพราะกำลังตกอยู่ในภวังค์ ณิชหันไปหาจีรัชญ์กวาดสายตามองไปทั่วกายกำยำที่ตอนนี้ใส่เพียงกางเกงเลสีน้ำตาลเข้มมัดเอว ส่วนรอยพับของผ้าถูกขมวดขึ้นไม่ให้มันหลุด

ผิวสีแทนบนร่างสูงใหญ่ กล้ามเนื้อทุกมัดชัดเจนและสิ่งที่ชัดเจนยิ่งกว่าคือร่องรอยบาดแผลที่มีอยู่ทั่วตัว จากที่ปัดตกเรื่องความสงสัยและการผูกเรื่องราวต่างๆ ที่แทบเป็นไปไม่ได้ ทำให้เขาต้องกลับมาคิดใหม่อีกครั้ง หนุ่มเมืองกรุงเผลอเดินเข้าไปใกล้ยกมือขึ้นแตะไปตามรอยแผลเป็นเหล่านั้นอย่าลืมตัว ความสงสัยเต็มไปหมดจนไม่รู้จะถามสิ่งไหนก่อนดี

เจ้าของร่างมองคนที่เหมือนกับตกอยู่ในภวังค์ ปลายนิ้วเรียวสวยไล้ไปตามรอยแผลเป็นที่ไหล่ของเขา เจ้าตัวคงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้สายตานั้นแสดงออกถึงความข้องใจอย่างปิดไม่มิด แต่เสี้ยวสายตาก็ยังเต็มไปด้วยความห่วงใย หัวใจของเขาเต้นรัวอยู่ในอก ความใกล้ชิดนี้แม้ไม่ได้มากที่สุดอย่างที่เคยเป็นมาแต่มันกลับทำให้ใจเขาแทบหลุดจากอกได้

หัวใจที่เต้นด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับสิ่งที่ดังอยู่ในหัวว่าห้าม... ห้ามรัก

หมับ!

จีรัชญ์ห้ามมือเย็นๆ ของณิชที่กำลังไต่ไปตามร่างกายช่วงบนของเขา ชายหนุ่มก้มมองใบหน้าที่แสดงถึงความสงสัยแต่นัยน์ตาดูเศร้าโศก เขาขบกรามแน่นระงับอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในใจตอนนี้ ทั้งที่ใจจริงอยากจะจับณิชเหวี่ยงออกไปนอกห้องเสียด้วยซ้ำ เขาอยากให้ณิชอยู่ห่างเขามากที่สุด แต่ยิ่งอยากให้ไกลกันเท่าไหร่มันก็ยิ่งใกล้มากขึ้นเท่านั้น

“ผมไม่เป็นอะไรคุณไม่ต้องห่วง ออกไปจากห้องผมได้แล้ว” จีรัชญ์ยังคงเสียงแข็ง ณิชเงยหน้ามองคนตรงหน้าชัดๆ สายตาที่ช้อนขึ้นมองเหมือนเชิญชวนจีรัชญ์อยู่กลายๆ จนชายหนุ่มต้องเบือนหน้าหนี

“คุณไปทำอะไรมา ทำไมถึงมีรอยแผลเยอะแบบนี้” ณิชถามเสียงแผ่วเบา มือเรียวโดนจีรัชญ์จับไว้มั่นเพื่อจะได้ไม่สัมผัสร่างกายของตนอีก ชายหนุ่มไม่ตอบแต่ดึงณิชให้เดินตามตนไปที่ประตูห้องนอน เขาเปิดประตูและส่งณิชออกไปนอกห้อง แม้หนุ่มร่างบางจะไม่ยอมแต่ก็สู้แรงเจ้าของห้องไม่ได้

“คุณจีรัชญ์ ผม...”

โครม!

จีรัชญ์ปิดประตูใส่หน้าไม่เบานัก ณิชได้แค่ยืนค้างอยู่ตรงนั้นกับมารยาทของอีกฝ่าย แต่เพราะใจที่สับสนทำให้เขาไม่ได้นึกโกรธ จีรัชญ์คงอายที่ร่างกายตัวเองมีรอยแผลเยอะแบบนั้น ดูท่าจะเป็นรอยแผลที่ได้มาจากความทรงจำที่ไม่ดีนักแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงไม่มีอาการกีดกันและผลักไสเขาขนาดนี้

ณิชกลับห้องตัวเองไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเพราะเปียกชื้นไปทั้งตัว ของของเขาที่ซื้อมาวางอยู่บนเตียงแล้วคาดว่าแม่บ้านคงเอามาให้

ก๊อกๆๆ

“พี่ณิช หนูเข้าไปได้ไหม”

“เข้ามาสิ”

มิ้งได้ยินคำอนุญาตจึงเข้าห้องไป เธอเห็นณิชกำลังนั่งเอาหัวจ่อพัดลมเพื่อเป่าผมให้แห้งอยู่ เธอเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะที่ปลายเตียง

“คุณสุทินมาแล้วท่าทางรีบร้อนมาก ก็อย่างว่าเจ้านายมีเรื่อง แล้วนี่ทำไมพวกพี่ไม่โทรเรียกตำรวจ ไอ้กลุ่มเด็กพวกนั้นที่พี่ว่าป่านนี้หนีกระเจิงไปแล้ว พี่จำหน้าพวกมันได้บ้างไหม" มิ้งถามรัวจนณิชตอบไม่ทัน สีหน้าของหญิงสาวยังมีร่องรอยของความตกใจ สายตาแห่งความห่วงใยส่งมาให้จนณิชต้องยิ้มให้

“หน้าซีดเลย”

“ไม่ให้ซีดได้ไง โคตรตกใจอ่ะพี่ ตอนเห็นสภาพรถแล้วพี่กับคุณตรีเข้ามาคือคิดเป็นเรื่องดีไม่ได้เลย ไม่คิดว่าพี่จะรอดด้วยซ้ำ คิดว่าโดนยิงอะไรแบบนี้ แล้วนี่คุณตรีเขาเจ็บมากไหม สีหน้าคุณสุทินดูไม่ดีเลย มีหมอมาด้วยหนึ่งคนดูแก่ๆ”

“พี่เข้าไปดูแล้วไม่เห็นรอยแผลฉกรรจ์ แต่ก็คงช้ำไม่น้อย” เขาตอบพลางนึกว่าตอนนั้นตนได้สำรวจอีกฝ่ายถ้วนทั่วหรือยัง แต่ที่จำได้เห็นจะมีรอยแผลเป็นนั่นแหละที่ดึงความสนใจไปจนหมด

“โชคดีไปนะเนี่ยที่ไม่อันตรายถึงชีวิต แล้วเรื่องแจ้งตำรวจจะว่าไง ให้หนูพาไปไหมเดี๋ยวหนูขับรถพาไปเอง” มิ้งอาสาเพราะรู้ดีว่าณิชยังคงมีอาการตกใจ มือเรียวสวยที่เธอชมบ่อยๆ ยังสั่นอยู่หน่อยๆ

“คงต้องรอคุณจีรัชญ์ก่อน ถ้าไปก็คงต้องไปพร้อมกัน”

มิ้งอยู่คุยกับณิชอีกเล็กน้อยก็ลงไปดูงานต่อเพื่อให้รุ่นพี่เธอได้พัก ช่างจรูญกำลังจะกลับเพราะฝนหยุดตกและได้เวลาเลิกงานแล้ว เธอจึงต้องไปตรวจงานของวันนี้แทนณิช ชายหนุ่มปล่อยให้รุ่นน้องทำงานไปส่วนตนก็ขึ้นมานอนบนเตียง นึกไปถึงสิ่งที่เห็นและรู้สึกก่อนหน้านี้ ทำไมทุกอย่างรอบตัวจีรัชญ์ดูน่าสงสัยราวกับอีกฝ่ายมีอะไรปิดบังเต็มไปหมด ยิ่งจีรัชญ์ปิดบังเขายิ่งอยากรู้อยากหาคำตอบ

ป้าแจ่มคือคนสำคัญที่เขาจะเค้นถามให้ได้ หญิงชราน่าจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับจีรัชญ์ไม่น้อย อยากถามด้วยว่าทำไมในคฤหาสน์หลังนี้ไม่มีรูปถ่ายสักใบของเจ้าของบ้านเลย เห็นแค่รูปวาดเรือนไทยรูปนั้น กับรูปอื่นๆ ที่เป็นรูปวาดเช่นเดียวกันประปราย ทั้งที่ปกติวังแบบนี้ต้องมีรูปบรรพบุรุษต้นตระกูลให้เห็นแล้ว

วังปริพัตรมีอะไรหลายอย่างให้เขานึกสงสัย หากเป็นก่อนหน้านี้เขาจะไม่คิดอะไรเลย ถ้าไม่ใช่เพราะรอยแผลบนตัวจีรัชญ์ และท่าทางน่าสงสัยของเจ้าของวัง

ทางฝั่งสุทินที่รีบรุดมาหาจีรัชญ์ทันทีที่ทราบข่าวจากป้าแจ่ม เขาพาหมอโกวิทที่อายุราว 60 ปีซึ่งหมอประจำตัวของจีรัชญ์มาด้วย เรียกได้ว่าขโมยตัวมาจากคลินิกเลยก็ว่าได้ จีรัชญ์ให้ไปพบที่ห้องทำงาน เขาเห็นเจ้านายกำลังบิดกายไปมาเหมือนกำลังเคล็ดยอก

“มาแล้วครับคุณตรี”

“เดี๋ยวผมดูให้ครับ” หมอโกวิทรีบเข้าไปดูอาการให้ทันทีหลังจากที่ทราบคร่าวๆ ว่าชายหนุ่มลอบโดนทำร้าย จีรัชญ์นั่งบนเก้าอี้เอนเพื่อให้หมอโกวิทดูอาการ เขารอฟังคำบอกกล่าวถึงอาการของเขาจากหมอประจำตัวด้วยใจจดจ่อ ก่อนฝ่ายนั้นจะถอนหายใจยาวๆ

“ไม่มีอะไรหักครับ คงเคล็ดขัดยอกและมีรอยช้ำ ส่วนรอยแผล...ไม่มีเช่นเดิมครับ” หมอชราสบตากับชายหนุ่มก่อนจะรายงานไปตามที่ได้ตรวจดูคร่าวๆ จีรัชญ์ถอนหายใจอย่างคนรู้ดีว่ามันต้องออกมาเป็นแบบนี้ หมอโกวิทมองคนที่เรียกใช้ตนมาเป็นเวลากว่าหลายสิบปีแล้วก็ถอดถอนใจ หากจะให้ดีก็อยากให้จีรัชญ์ไปโรงพยาบาล แต่แน่ล่ะ...จีรัชญ์ไม่ไปโรงพยาบาล ไม่คิดจะไปเหยียบสักครั้งเขาจึงต้องมาดูให้ถึงที่นี่

“มันเกิดอะไรขึ้นครับคุณตรี” สุทินถามด้วยความร้อนใจ เท่าที่จำได้เจ้านายเขาไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อน อีกทั้งไม่มีศัตรูที่ไหนด้วยแต่ทำไมถึงโดนทำร้ายได้

หมอโกวิทนั่งบนเก้าอี้อีกตัวเพื่อรอฟังคำบอกเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จากปากจีรัชญ์ คนทั้งคู่ตั้งใจฟังไม่ขัดให้จีรัชญ์ต้องรำคาญใจ ก่อนจะฟังจบแล้วถอนหายใจไปตามๆ กัน

“มันเริ่มขึ้นแล้ว” จีรัชญ์พูด เขาไปหยุดยืนตรงหน้าต่างกลิ่นหอมของเจ้าดอกพุดน้ำบุษย์ลอยมาให้ได้กลิ่นเบาบางเพราะมันกำลังจะร่วงโรย มือใหญ่กำแน่นยามคิดว่าต่อจากนี้ชีวิตเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกครา

“ในเมื่อมันเริ่มขึ้นแล้วเราก็ทำอะไรไม่ได้ คงต้องให้เป็นไปตามที่ชะตาลิขิต” สุทินบอกเจ้านายน้ำเสียงเศร้า นึกสงสารเจ้านายจับใจแต่ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้

จีรัชญ์นิ่งเงียบไปพักใหญ่ เขาจมอยู่กับความคิดตัวเอง อุตส่าห์ไม่ตามหา ไม่คิดถึง ไม่พยายามนึกถึงเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้วเขาจึงเลี่ยงไม่ได้แบบนี้

“แล้วที่คุณตรีบอกว่าคุณณิชเห็นรอยแผลเป็นแล้ว เขาว่าอย่างไรบ้างครับ” สุทินถามถึงสิ่งที่ตนสงสัย

จีรัชญ์ถอนหายใจอย่างคนคิดไม่ตก นี่แหละคือสิ่งที่เขายังหาทางออกไม่ได้ ณิชดูจะระแคะระคายในตัวเขาอยู่บ้าง แต่สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยปนเศร้าวันนี้ทำให้เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงกำลังผูกเรื่องกับความฝันของตัวเองแน่ๆ

ลมที่เคยพัดผ่านเข้ามาให้รู้จักห้วงแห่งรัก จนกลายเป็นความหลังที่ไม่อาจลืมเลือน เขาอยากยืดเวลาออกไปอีกสักหน่อย เขายังไม่พร้อมแบกรับความทรมานนี้อีกครั้ง เพราะไม่ว่าชาติใดเขาก็ไม่เคยสมหวังกับสายลมสายนี้เลย

::::::::::::

“คุณจีรัชญ์ล่ะครับป้าแจ่ม” ณิชถามในช่วงอาหารเย็นเมื่อไม่เห็นเจ้าของบ้านลงมาร่วมโต๊ะอย่างเคย เขารู้สึกมึนหัวหน่อยๆ คงเพราะตากฝนตอนที่นั่งรถกลับมากับจีรัชญ์ เนื่องจากกระจกหน้าแตกจึงต้องฝ่าฝนกันมา เดี๋ยวเขาว่าจะขอยาจากป้าแจ่มกินก่อนนอนด้วย ไม่งั้นคงตื่นมาทำงานไม่ไหว

“คุณตรีให้ยกสำรับขึ้นไปให้แทนค่ะ คุณเขาอยากพักผ่อน” ป้าแจ่มตอบก่อนจะตักข้าวให้มิ้งที่รอท่าอยู่แล้ว กับข้าววันนี้เป็นแบบทั่วไปไม่ได้เน้นหนักไปทางใต้เหมือนอย่างเคย มีผัดเปรี้ยวหวาน ปลากะพงทอดน้ำปลา กับน้ำพริกกะปิกินแนมกับผักพวกแตงกวา ถั่วฝักยาว ใบบัวบก และผักกูดลวกแล้ว

“ยกไปรึยังครับ เดี๋ยวผมยกให้เอง” ณิชออกตัวอาสาเพราะอยากไปดูด้วยว่าอีกฝ่ายจะไม่สบายอย่างเขารึเปล่า ประจวบเหมาะกับแม่บ้านกำลังยกสำหรับผ่านห้องทานอาหารไปพอดีเขาจึงรีบเข้าไปหา

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณณิช ให้หวียกไปเถอะ คุณณิชมาทานข้าวดีกว่าค่ะ” ป้าแจ่มเอ่ยปากห้าม เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยายามเข้าหาเจ้านายตนในเวลานี้

“จริงค่ะคุณ เดี๋ยวฉันยกไปดีกว่า” หวียื้อถาดกลับมาแต่ณิชกลับยึดจับไว้มั่น

เขาคิดไปเองว่าที่จีรัชญ์ไม่ลงมาเพราะจะหลบหน้าเขา ใช่ล่ะ... เขามีคำถามเกิดขึ้นเยอะมาก ขนาดที่ว่าจะคุยกับคุณสุทินและหมอโกวิทแต่สองรายนั้นก็แทบจะบึ่งรถออกไปทันที สุทินพูดกับป้าแจ่มแค่ว่าเดี๋ยวจะให้ช่างมาเอารถของจีรัชญ์ไปซ่อมเพียงเท่านั้น

“ให้ผมทำเถอะครับ วันนี้คุณจีรัชญ์ช่วยผมไว้ด้วย ผมอยากตอบแทนเขาบ้าง” ณิชพูดเสียงอ่อน

“ก็ดีนะคะ ให้พี่ณิชยกไปให้เพื่อจะได้ดูด้วยว่าคุณตรีขาดเหลืออะไรไหม อ้อ! ได้คุยเรื่องแจ้งความด้วยไงคะ เรื่องโดนทำร้ายวันนี้ไม่ควรปล่อยให้เงียบนะคะ” มิ้งพูดสนับสนุน ทั้งที่ใจนั้นสงสัยมากว่าทำไมเจ้าของรถอย่างจีรัชญ์ถึงไม่ยอมรีบไปแจ้งความ รถเสียหายแถมเกือบเอาชีวิตไม่รอดแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว

ณิชขยิบตาให้น้องรักไปหนึ่งทีเป็นเชิงขอบคุณก่อนจะเดินดุ่มๆ ขึ้นชั้นบนไป ทิ้งให้ป้าแจ่มกับหวีมองตามพลางถอนหายใจ สถาปนิกคนนี้ดูจะแอบดื้อเงียบทำจีรัชญ์ปวดหัวแน่ๆ

ก๊อกๆๆ

ไม่มีเสียงตอบรับจากในห้องนอน ณิชเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวภายในแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร หรือจะนอนซมเป็นไข้ไปแล้วกันก็ไม่อาจรู้ได้ เขาจึงลองเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตูด้วยความทุลักทุเลเพราะถาดที่ถือมาก็ใหญ่พอสมควร อีกทั้งเคยโดนแม่สอนว่าห้ามวางของกินบนพื้นทำให้ไม่กล้าวางถาดลงก่อน

“ระวังหก” มือใหญ่สอดรับใต้ถาดที่กำลังจะเอียงในไม่ช้าได้ทันท่วงที พร้อมกับความอบอุ่นจากหุ่นสูงใหญ่กำยำที่ณิชมักเรียกว่ายักษ์ในใจซ้อนประชิดแผ่นหลัง ลมหายใจของคนมาใหม่หายใจรดกระหม่อมณิชแผ่วเบา

หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๑/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๕
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 29-06-2020 20:10:53


หัวใจดวงน้อยของหนุ่มเมืองกรุงเต้นรัวจนเผลอหายใจสะดุด แผ่นอกแกร่งเบียดชิดเข้ามาอีกนิดเมื่อมือที่กำลังถือถาดของเขาสั่นกว่าเดิม มือใหญ่ที่กอบกุมอยู่ใต้ถาดด้วยกันแนบชิดจนรู้สึกเหมือนเขากำลังโดนไฟช็อต ตอนนี้ณิชรับรู้ได้ด้วยตัวเองเลยว่าแก้มของเขาคงเปลี่ยนจากสีปกติเป็นแดงระเรื่อ

“อะ...เอ่อ...ผมเอามื้อเย็นมาให้ เห็นป้าแจ่มบอกว่าคุณสั่งให้ยกมาผมเลยอาสายกมาให้เอง จะได้คุยกับคุณเรื่องแจ้งความด้วย” เขาอ้อมแอ้มตอบไม่กล้าหันไปกลับไปสบตากับคนตัวโตที่ยืนคร่อมเขาอยู่

จีรัชญ์เผลอสูดดมความหอมจากเส้นผมของอีกฝ่าย กลิ่นยาสระผมที่ไม่คุ้นนักแต่กลับหอมจนต้องเผลอดมซ้ำ ยิ่งสมองสั่งห้ามเท่าไหร่ว่าอย่าเข้าใกล้ จิตใจกลับโหยหามากเท่านั้น

“ตัวคุณร้อน” เพราะความใกล้ชิดทำให้รับรู้ถึงอุณหภูมิของคนตรงหน้าได้ไม่ยาก เขาถือวิสาสะใช้อีกมือแตะไปบนหน้าผากของคนที่ไม่ยอมหันหน้ามาหาเขาสักที ณิชตกใจไม่น้อยกับการกระทำนี้แต่ไม่ได้ปัดออกแต่อย่างใด เผลอหลับตายามอีกฝ่ายทาบมือใหญ่ลงมา ทำให้ตัวเขาตกอยู่ในวงแขนแข็งแรงไปโดยปริยาย

“อย่าลืมทานยาด้วย”

นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ณิชได้ยินก่อนสติทุกอย่างจะดับมืดลงพร้อมอาการวูบ จีรัชญ์รั้งเอวบางไว้ได้ทันท่วงทีก่อนที่ร่างณิชจะทรุดลงพื้น รูปร่างแม้ไม่บอบบางเหมือนเก่าแต่เมื่อเทียบกับเขาแล้วณิชก็ยังถือว่าตัวเล็กกว่าอยู่ดี เขาวางถาดอาหารไว้บนพื้นหน้าห้องจากนั้นก็ตวัดร่างบางขึ้นอุ้มแนบอกเพื่อพาไปนอน คาดว่าที่เป็นลมไปแบบนี้เพราะไข้หวัดแน่ๆ หากได้เช็ดตัวสักหน่อยคงดีขึ้น

--##--##--##--##--##--##--

เสียงครางในลำคอของไอ้ทาสสื่อออกมาว่าตอนนี้จุดกลางกายของมันที่ฝังกายอยู่ในตัวเจ้านายกำลังโดนภายในตอนรัด ไอ้หาญกัดฟันกรอดเมื่อคุณปราณทำให้มันแทบคลั่ง เล็บของคนตัวเล็กจิกไปบนแผ่นหลังคร้ามแดดเพื่อระบายความเสียวซ่านที่ไอ้หาญสอดกระแทกใส่ไม่ยั้ง

บทรักอันเร่าร้อนดำเนินไปเรื่อย ความสุขสมที่ฉีดลึกเข้าไปในกายหลายต่อหลายครั้งแต่ไม่มีทีท่าว่าคนทั้งสองจะนึกพอ คุณปราณเปลี่ยนจากท่านอนราบเป็นคร่อมตักแกร่งของไอ้บ่าวซื่อ มือหยาบของมันขย้ำไปบนบั้นท้ายกลมอย่างมันมือ แต่ก็ไม่ได้ลงแรงมากเกินไปแต่อย่างใด ด้วยเพราะมันเกรงว่ายอดดวงใจของมันจะเจ็บ

วันนี้คุณปราณให้ไอ้หาญพามาชมบัวอีกครั้ง เนื่องจากไอ้หาญบอกว่าไอ้มั่นมันเริ่มระแคะระคายในตัวของมัน คุณปราณจึงเลี่ยงไม่ให้ไอ้หาญไปหาในตอนกลางคืน แต่มาชมบัวในตอนกลางวันเสียแทน

รากไม้ใหญ่ที่คุ้นเคยนี้เปรียบเสมือนเตียงนอนไว้ทำรักของคนทั้งสอง ผ้านุ่งโจงกระเบนกับเสื้อเนื้อดีถูกถอดพาดไว้กับกิ่งไม้ที่ขึ้นเป็นพงไม้รกใกล้กัน นอกจากมันจะบดบังไม่ให้ใครเห็นว่าที่ตรงนี้พวกเขาได้ทำอะไรกันแล้ว ยังเป็นที่แขวนผ้าไม่ให้เสื้อผ้าคุณปราณเปรอะเปื้อนดินอีกด้วย

“อ๊า! หาญ...แรงอีก เร็วๆ ฉันจะเสร็จแล้ว” เสียงหวานครางเครือยามใกล้ถึงฝั่งฝัน มือเรียวเอื้อมตวัดไปด้านหลัง ขณะที่ตนกำลังคุกเข่าอยู่ก็กดบั้นเอวของไอ้หาญให้สอดลึกเข้ามาในกายตนอีก ให้ส่วนนั้นของไอ้หาญได้จี้โดนจุดเสียวกระสันภายใน ส่วนมืออีกข้างเปลี่ยนจากค้ำยันพื้นเป็นช่วยปรนเปรอให้ตนเอง รูดรั้งแก่นกายที่แข็งตึงเพื่อระบายอารมณ์ที่กำลังโจนทะยานอยู่ในขณะนี้

ไอ้หาญกอดร่างขาวนวลเนียนตรงหน้า ท่อนแขนล่ำหนาของมันกอดรัดเอวบางแทบหัก แรงกระแทกกระทั้นตามอารมณ์ที่ต้องการปลอดปล่อยทำให้ตัวคุณปราณสั่นไปทั้งตัว ร่างคนทั้งสองแนบชิดแทบไม่มีที่ว่างให้อากาศได้ลอดผ่าน จนท้ายที่สุดไอ้หาญก็ฉีดพ่นน้ำรักของมันใส่คุณปราณเป็นรอบที่สาม จังหวะเดียวกับที่คุณปราณก็ปล่อยของเหลวขาวขุ่นออกมาเปื้อนดินเช่นเดียวกัน

“คุณปราณชอบไหมขอรับ” ไอ้หาญถามหลังจากลมหายใจมันปรับเป็นปกติแล้ว บทรักในครั้งนี้ทำมันสูญแรงอยู่มากโข แต่หากมันทำให้คุณปราณมีความสุขได้มันก็ยินดี

“อะ...อืม...ดีมากหาญ ดีมาก” เพราะกว่าสามรอบที่พวกเขาทำกันมา แค่นี้มันก็สุขล้นปรี่แล้ว มาชมบัวกันตั้งแต่สายจนตอนนี้ตะวันตรงหัว อากาศร้อนแทบไหม้แต่เพราะแรงกำหนัด ทำให้ต้องอาศัยเงาต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ริมบึงบัวเป็นตัวกำบังแดดในระหว่างที่พวกเขาร่วมรักนี้

คุณปราณกระดกเอวสะดุ้งเล็กน้อยยามส่วนแข็งขืนอันใหญ่เขื่องของไอ้หาญหลุดออกจากตัว เสียววาบจากช่องทางรักไปทั่วกาย รู้สึกอ่อนแรงจนต้องนั่งพิงต้นไม้ ไอ้หาญเดินไปล้างตัวที่ริมบึงบัวพอให้สะอาดไม่มีกลิ่นคราบไคลเหลืออยู่ ก่อนมันจะนุ่งผ้าให้เหมือนเดิม ไม่ลืมตัดใบบัวรองน้ำมาล้างเนื้อล้างตัวคุณปราณด้วย

“เข่าแดงไปหมดแล้วขอรับ” ไอ้หาญบอกอย่างรู้สึกเสียดายที่ผิวเนียนของผู้เป็นนายต้องมีรอยแดง คุณปราณยกยิ้มยามเห็นหน้าไอ้บ่าวคนซื่อที่ดูเป็นห่วงเป็นใยเขาเสียเหลือเกิน มือหยาบกร้านของมันรองน้ำมาลูบไล้ที่ขาเขาเพื่อปัดรอยดินออกให้หมด และล้างคราบต่างๆ ที่เพิ่งเสร็จกิจไปเมื่อครู่ด้วย

ตั้งแต่ดีกันตอนไปซ้อมดาบด้วยวันนั้น ไอ้หาญก็ไม่กล้าเข้าใกล้หญิงอื่นใดอีกเพราะกลัวยอดดวงใจของมันจะถือโทษโกรธเอาได้ ถึงแม้ปกติมันก็แทบไม่ย่างกรายเข้าหาสาวคนใดก็ตาม แต่อย่างไรเสียมันก็ระวังตัวมากกว่าเมื่อก่อน แทบจะตัวติดกับไอ้มั่นตลอดเพราะเกรงว่าหากมันอยู่คนเดียวก็จะมีหญิงอื่นมายุ่งเกี่ยวกับมันอีก

มีเมียขี้หึงอย่างไรก็ต้องระวัง

“ข้าบอกคุณหญิงแม่ไว้ว่า หากไม่ลืมจะเก็บสายบัวไปให้คุณหญิงแม่ต้มกะทิสายบัวปลาทูเสียหน่อย” คุณปราณว่าขณะแต่งตัวไปด้วย โดยที่ไอ้หาญคอยช่วยเหลือไม่ห่าง มีบ้างที่คุณปราณเย้าแหย่มันด้วยท่าทางยั่วยวนจนไอ้บ่าวซื่อเขินอาย ผิวคล้ำของมันดูไม่ออกว่าขึ้นสีระเรื่อแบบที่บ่งบอกว่าเขิน แต่สายตาที่หลุบต่ำกับรอยยิ้มตรงมุมปากก็พอเดาได้ว่าไอ้หาญมันเขินคุณปราณเพียงใด

“งั้นบ่าวลงไปเก็บให้นะขอรับ” ไอ้หาญใช้ผ้าขาวม้าที่มันพกมาด้วยปัดๆ พื้นที่ริมฝั่งตรงที่ไม่โดนแดด ก่อนจะปูผ้าผืนนั้นลงบนพื้นให้ยอดดวงใจของมันนั่ง

คุณปราณนั่งลงบนผ้าขาวม้ารอไอ้หาญลงไปเก็บสายบัว สายลมพัดเอื่อยๆ พอให้คลายร้อนได้ ไอ้หาญลงไปดำพุดดำว่ายอยู่ในบึง ทั้งเนื้อทั้งตัวเปียกปอน มันหันมาที่ฝั่งเห็นคุณปราณนั่งมองอยู่จึงยิ้มให้ ยิ้มที่น้อยคนนักจะได้เห็น รอยยิ้มกว้างหวานที่สุดมีให้กับคนที่มันรักสุดหัวใจ

คนนั่งรอนึกสนุกอยากแกล้งไอ้บ่าวซื่อจึงลงเรือแล้วพายไปหาคนที่กำลังเก็บสายบัวอย่างขะมักเขม้น ไอ้หาญรู้สึกได้ถึงผิวน้ำไหว และเมื่อหันกลับมาก็เห็นว่าคุณปราณพายเรือตรงมาที่มันแล้ว

“คุณปราณอยากได้อะไรหรือขอรับ เรียกบ่าวเลยก็ได้ไยต้องพายเรือมาเช่นนี้” ไอ้หาญว่ายไปเกาะกราบเรือเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม

“ข้าอยากได้ดอกบัว” คุณปราณชี้ไปที่บัวดอกหนึ่ง บัวหลวงสีขาวที่คนมักนำไปบูชาพระกำลังจะเบ่งบาน วันพรุ่งน่าจะได้เห็นดอกมันบานเต็มที่ สิ้นคำที่เอ่ยบอกคุณปราณก็ยื่นมือไปหวังจะเก็บบัวดอกนั้น ไอ้หาญรีบว่ายไปอีกฝั่ง แต่คุณปราณกลับดื้อดึงที่จะเก็บดอกบัวเองจนเรือโคลง

“ระวังขอรับ ประเดี๋ยวจะตกน้ำตกท่าเอานะขอรับ”

“ไม่ดอก เอ็งคิดว่าข้าจะไม่ระวังตัวรึ ขยับออกไปข้ามองดอกบัวไม่เห็นแล้ว”

“ให้บ่าวเก็บให้นะขอรับ ตรงโน้นมีสวยกว่านี้อีกขอรับ” ไอ้หาญชี้ไปทางอีกฝั่งของบึงบัว คุณปราณหยุดมือเรียวที่กำลังจะถึงดอกบัวก่อนจะมองตามที่ไอ้หาญว่า

“งั้นเอ็งก็มาพายเรือพาข้าไป” เมื่อเห็นว่าดอกบัวกำลังเบ่งบานชูช่อสวยจึงยอมให้ ไอ้หาญตวัดสายบัวที่มันเก็บได้เต็มอ้อมแขนขึ้นเรือ ก่อนจะปีนขึ้นเรือโดยมีคุณปราณช่วยอีกแรง

ไอ้หาญพายเรือมาทางฝั่งที่ดอกบัวขึ้นชุม คุณปราณระบายยิ้มบนใบหน้าเมื่อเห็นสิ่งสวยงามตรงนั้น อดที่จะเอื้อมมือออกไปเพื่อเชยชมความสวยงามของดอกบัวหลวงไม่ได้ ไอ้หาญขยับเข้ามาใกล้เพราะมันเกรงว่าคุณปราณจะตกเรือ

“บ่าวเก็บให้นะขอรับ” ไอ้หาญซ้อนหลังชายหนุ่มร่างบาง คุณปราณเหลือบมองก่อนจะนึกสนุกทำให้เรือโคลง ไอ้หาญหน้าคะมำกอดคุณปราณไปเต็มอก มันได้ยินเสียงคุณปราณหัวเราะในลำคออย่างชอบใจที่แกล้งมันได้

“ระวังจะตกเรือขอรับ คุณปราณว่ายน้ำไม่แข็งประเดี๋ยวจะจมน้ำเอา”

แต่มีหรือที่คุณปราณจะฟังมัน นอกจากจะเอนตัวเอื้อมไปหาดอกบัวสวยมากขึ้นแล้วยังจะดึงมือไอ้หาญให้กอดตนไว้ให้แน่นขึ้นอีกด้วย

“งั้นเอ็งก็กอดข้าไว้ดีๆ จะได้ไม่ตก” รอยยิ้มยั่วยวนทำไอ้หาญอดไม่ได้ที่จะเชยชมแก้มเนียนด้วยจุมพิตหวาน มันรักคนคนนี้เสียจนไม่รู้จะบรรยายได้อย่างไร กลีบบัวที่ว่าต้องถนอมยังไม่น่ามองเท่าแก้มนิ่มของคนในอ้อมกอดมันเลย

แต่เพราะน้ำหนักของคนทั้งสองเทมาข้างเดียวกัน ทำให้เรือไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้ในลักษณะที่ควรจะเป็น จึงทำให้เรือพลิกตะแคงจนคนทั้งคู่ตกน้ำไปทันที

“เห้ย!”

“คุณปราณ!!”

ตูม!!

ระดับน้ำลึกแบบที่ไม่สามารถยืนได้ทำให้คุณปราณที่ตกใจกลัวตะเกียกตะกายขอความช่วยเหลือ พยายามว่ายน้ำแต่เพราะกอบัวขึ้นชุมทำให้พันแข้งพันขาไปหมด ชายหนุ่มตกใจจึงกลายเป็นลนลาน ไอ้หาญที่ตั้งสติได้ก่อนคว้าเอวบางไว้แน่น ดันตัวคุณปราณให้อยู่สูงกว่าตนเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้หายใจได้สะดวก ถึงแม้มันจะโดนกดหัวจากคนที่กำลังตื่นกลัวอยู่ก็ตาม

“แค่กๆๆ หะ...หาญ...แค่กๆ” คุณปราณเกาะกอดร่างใหญ่ไว้มั่น ใจเต้นรัวในอกแทบทะลุเพราะกลัวตาย น้ำตารื้นขึ้นมาที่ดวงตาสวย

“มิเป็นไรแล้วขอรับ คุณปราณอยู่กับบ่าวแล้วขอรับ” ไอ้หาญปลอบเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังขวัญเสีย ก่อนจะพาคุณปราณไปที่ฝั่งแล้วว่ายกลับมาเอาเรือ

ไอ้หาญรีบพายเรือพาคุณปราณกลับเรือนทันที อารมณ์สนุกของคุณปราณเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความตกใจที่ทำให้อกสั่นขวัญแขวน เขาหันไปมองหน้าไอ้บ่าวซื่อที่ตอนนี้ทำหน้าที่พายเรือไปสายตาก็มองเขาด้วยความห่วงใย มันเปียกไปทั้งตัว ผ้าขาวม้าที่ใช้รองนั่งก่อนหน้านี้ถูกเขาเอามาห่มคลายความหนาว ส่วนไอ้หาญไม่มีอะไรปิดกาย นอกจากผ้าที่นุ่งแบบหยักรั้งสั้นตามความทะมัดทะแมงที่บ่าวในเรือนมักนุ่งกัน

เมื่อมาถึงเรือนไอ้มั่นที่แอบงีบหลับรออยู่ที่ท่าน้ำสะดุ้งตื่น ไอ้หาญเรียกมันจึงต้องงัวเงียลุกขึ้นมาเป็นอันรู้ว่าคุณปราณกลับมาจากชมบัวแล้ว แต่สภาพเปียกโชกทั้งตัวทำไอ้บ่าวรับใช้คนสนิทถึงกับตาเหลือก

“คุณปราณเป็นกระไรไปขอรับ เหตุใดถึงได้เปียกไปทั้งตัวแบบนี้ ไอ้หาญ! มึงรับใช้คุณปราณอีกท่าไหนถึงได้เป็นแบบนี้วะ” เสียงโวยของไอ้มั่นทำให้ออกญาศรีรัตนกรที่นั่งอยู่ตรงศาลาใต้ต้นหูกวางชะเง้อคอมอง เมื่อเห็นสภาพลูกชายตนที่เปียกตั้งแต่หัวจรดเท้าถึงกับต้องลุกไปหาในทันที พร้อมกับคุณหญิงราตรีที่กุลีกุจอมากอดปลอบลูกชายหัวแก้วหัวแหวน

“พ่อปราณ! ไปตกน้ำตกท่าที่ไหนมาลูก ไยเจ้าถึงเปียกเพียงนี้ ใครทำเจ้ารึ” อกคนเป็นแม่สั่นระรัวจนแทบคุมสติไม่อยู่ ลูกชายเธอว่ายน้ำไม่เก่ง เกือบจมน้ำเมื่อตอนยังเล็กเธอจึงไม่คิดจะให้ลูกได้ลงน้ำอีก

“ไอ้หาญ! มึงพาลูกกูไปที่ใด ไยถึงได้มีสภาพเยี่ยงนี้! มึงแกล้งลูกกูให้ตกน้ำตกท่ารึ! พายเรือไม่แข็งหรืออย่างไรถึงได้เป็นแบบนี้!” ท่าทางขึงขังทำเอาบ่าวที่อยู่บริเวณนั้นสะดุ้งไปตามๆ กัน โดยเฉพาะไอ้หาญที่ไปทำหน้าที่รับใช้คุณปราณ แต่กลับทำลูกท่านกลับมาในสภาพเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำ

“หาใช่เช่นนั้นไม่ขอรับเจ้าคุณพ่อ ตอนไปเก็บสายบัวลูกเอื้อมมือออกไปมากจึงทำให้เรือโคลงแล้วตกน้ำขอรับ ลูกทำตัวเองขอรับ” คุณปราณปดไปบอกไม่หมดว่าแท้จริงแล้วเรื่องราวเป็นอย่างไร เพื่อเป็นการปกป้องไอ้หาญไม่ให้ท่านออกญาฯ ถือโทษโกรธหาว่าดูแลเขาไม่ดี ไอ้หาญที่หมอบอยู่แทบเท้าไม่กล้าเงยหน้ามองเพราะมันรู้ดีว่าท่านออกญาฯ ดุเพียงใด จึงได้เพียงแค่ก้มหน้าไม่โต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น

นี่แหละความต่างชั้นระหว่างของมันกับคุณปราณ มันเป็นแค่บ่าวจะไปแก้ตัวแก้ต่างต่อเจ้านายได้อย่างไร เหตุใดก็ฟังมิขึ้นดอก

“แล้วไยเจ้าต้องเก็บสายบัวเอง สั่งไอ้หาญเก็บให้ไม่ได้รึ!” ประมุขของบ้านถามเสียงดุดัน ใจเป็นห่วงเพราะตนมีบุตรชายเพียงคนเดียว หากเป็นอะไรไปคงไร้คนสืบสกุล

“ลูกอยากเก็บเองขอรับ” คุณปราณตอบเสียงสั่น คุณหญิงราตรีไม่อยากให้บุตรชายอยู่ตรงนี้นานจึงรั้งร่างอีกฝ่ายขึ้นเรือน จะได้รีบไปผลัดเสื้อผ้าเสียเพราะหากอยู่ในชุดเปียกนี้นานๆ เห็นทีจะได้ไข้

ท่านออกญาฯ มองตามลูกชายกับภรรยาไป ก่อนจะหันมาจัดการไอ้บ่าวคนที่พาลูกชายตนออกไปชมบัวกันตั้งแต่ช่วงสาย ท่าทางของมันนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา

“บอกมาว่าที่ลูกกูพูดนั้นจริงหรือไม่!” ท่านออกญาฯ ถามซ้ำ ไม่ใช่เพราะตนไม่เชื่อในคำกล่าวของบุตรชาย แต่เพราะอยากฟังความทั้งสองฝ่ายว่าเป็นเช่นไร

“เป็นอย่างเช่นที่คุณปราณกล่าวขอรับ” ไอ้หาญตอบเสียงหนักแน่น “แต่บ่าวไม่ระวังเองขอรับ จึงทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้ ท่านออกญาฯ อย่าถือโทษคุณปราณเลยขอรับ” หากมันหักห้ามใจไม่โน้มตัวไปหาอีกฝ่ายเรือก็คงไม่เทข้างแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นคนผิดอยู่ดี

“ดี! ไอ้ขำ! มึงไปเอาหวายมา กูจะเฆี่ยนไอ้หาญให้มันได้จำว่าต่อไปหากรับใช้ลูกกูไม่ดีอีก หลังมันจะไม่ขาดด้วยหวายแต่คอมันจะขาดด้วยดาบกูเอง!” ท่าทีขึงขังดุดันของท่านออกญาฯ ทำบ่าวรับใช้ในเรือนทั้งหญิงทั้งชายกลัวหัวหด เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าท่านทั้งสองเป็นห่วงคุณปราณมากเพียงใด ยิ่งเรื่องน้ำยิ่งแล้วใหญ่ การทำให้คุณปราณตกน้ำถือเป็นเรื่องใหญ่นัก

--##--##--##--##--##--##--

“หะ...หาญ...หาญ!! เฮือก!!” ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย หอบหายใจตัวโยนพร้อมเหงื่อแตกทั่วแผ่นหลังจนรู้สึกได้ ณิชกวาดตามองไปทั่วเห็นว่าห้องนี้ไม่ใช่ห้องที่เขาใช้นอน แต่เป็นเตียงสี่เสาในห้องของจีรัชญ์ ส่วนเจ้าของห้องกำลังยืนมองเขาอยู่ข้างเตียงก่อนแล้ว

ณิชน้ำตาคลอเพราะสงสารไอ้หาญในความฝันจับใจ มันไม่ผิดอะไรแต่ต้องโดนหวายจนนอนซมเป็นไข้อยู่หลายคืน โดยมีไอ้มั่นกับยายอาบคอยดูแล ไม่มีเสียงร้องเลยสักนิด หรือคำตัดพ้อต่อว่าท่านออกญาฯ ก็ไม่มีให้ได้ยิน

“อึก...ฮึก...ฮืออ” แล้วเมื่อเขามองเห็นจีรัชญ์ฝันร้ายนั้นก็เล่นงานหัวใจเขาเข้าเต็มๆ น้ำตาที่คลอหน่วยในตอนแรกพรั่งพรูออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เขาไม่รู้ว่าตนเองร้องไห้ทำไม ยิ่งพอเห็นหน้าจีรัชญ์มันก็ยิ่งฉุดอารมณ์ไม่อยู่ เขาสงสารไอ้หาญได้อย่างไรทั้งที่มันเป็นเพียงความฝัน มันก็แค่คนในฝันเท่านั้น

จีรัชญ์นั่งลงใกล้คนที่กำลังร้องไห้ เขารั้งอีกฝ่ายมากอดปลอบ ณิชกอดเขาแน่นซบหน้ากับอกกว้าง ยิ่งจีรัชญ์กอดอีกฝ่ายก็ยิ่งร้องไห้หนัก เขายกมือขึ้นลูบหัวคนที่ตื่นจากฝันร้ายเบาๆ ก่อนจะปลอบประโลมด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ

“ไม่เป็นไรแล้ว มันก็แค่ฝันร้าย” พูดปลอบทั้งที่รู้ว่าชื่อแรกที่ณิชเรียกเมื่อครู่ คือชื่อที่เขาไม่ได้ยินมานานมากแล้ว





โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๙/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๖
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 30-06-2020 01:49:29
เอ็นดูณิช ฝันเห็นไอ้หาญ สงสารเขามาก ร้องไห้เลย 555 มันเรื่องอดีตอะไรกั๊นนนนฮึ อยากรู้ใจจิขาด! อ๋อที่ตกน้ำคือคุณปราณตกเองเพราะอยากเก็บบัว เออมันก็เหมือนที่ณิชตกสระเพราะตัวเองอยากถ่ายรูปสินะ ชาติก่อนคุณปราณเร่าร้อนจริง ชาตินี้อย่ายอมนะ 5555 มันจริงค่ะคุณตรียิ่งอยากห่างแต่ยิ่งโหยหา ทำตามใจเถอะค่ะ ไม่ไหวอย่าฝืน รอกรี๊ดอยู่  :impress2: :-[ 5555 วันเวลาก็ผ่านไปเรื่อยที่งานจะเสร็จ จะจำกันได้ก่อนไหม จะรู้เรื่องอะไรก่อนแยกกันไหม รอแทบไม่ไหวแล้ววว อยากรู้ มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ใช่ไหมคุณปราน 55 ชอบความทำเป็นกลั้นใจแต่ก็อยากอยู่กับเขา แอบสูดดมกลิ่นเขาของคุณตรีอะ เนียนๆ 55555 ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รอตอนต่อไปเลย สนุกมาก ชอบๆ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๙/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 02-07-2020 18:08:11
ที่บอกว่าทุกครั้งที่เจอมีแต่เจ็บทรมานทำไมเพราะอะไร?อยากรู้มากๆ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๙/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 05-07-2020 07:56:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๙/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๖
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 06-07-2020 00:15:52
สงสารทั้งคู่เลย อย่าบอกนะว่าหาญกับคุณตรีคือคนๆเดียวกัน?
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๙/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๖
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 06-07-2020 20:29:33
บทที่ ๗

เสียงร้องไห้เงียบไปแล้วแต่แรงสะอื้นยังคงอยู่ ณิชไม่ได้ร้องไห้หนักขนาดนี้มานานมากแล้ว จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่ร้องไห้ก็ตอนแม่เสีย ตอนนั้นเขาแอบร้องไห้อยู่ในห้องคนเดียว ไม่มีใครกอดปลอบประโลมอย่างตอนนี้ด้วยซ้ำ

หากถามว่าทำไมเขาถึงได้เสียใจกับเรื่องของไอ้หาญนัก เขาก็ไม่สามารถตอบตัวเองได้ ทั้งที่เป็นเพียงแค่ความฝัน ไอ้หาญคือใครก็ไม่รู้ และคุณปราณคือใครก็ไม่รู้ แต่เขากลับรู้สึกไปกับตัวคนทั้งสองได้

“ผมฝันร้าย ขอโทษด้วย คุณคงตกใจ” ณิชผละจากอ้อมกอดอุ่นพร้อมแก้มแดงระเรื่อ เพราะตนไม่เคยแสดงอาการแบบนี้กับใคร ยิ่งกับคนไม่สนิทด้วยแล้วยิ่งแล้วใหญ่ ผู้ชายตัวโตๆ สองคนนั่งกอดกันกลม โดยที่คนหนึ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนหญิงสาว หากใครมาเห็นคงได้หัวเราะให้

ความอบอุ่นเพียงชั่วครู่หายไปแล้ว แม้จะรู้สึกเสียดายไปสักหน่อย เพราะอกกว้างนี้ให้ความอบอุ่นแบบที่เขาไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว แต่ก็ต้องจำยอมปล่อยไป ณิชไม่กล้าสบตาเมื่อออกห่างจากอีกฝ่าย จีรัชญ์ปล่อยให้คนที่ใบหน้าเลอะไปด้วยคราบน้ำตาได้หลบไปเช็ด ท่าทางอีกฝ่ายพอได้สติก็เคอะเขินเขาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

“ผมเข้ามาอยู่ในห้องคุณได้ยังไง เท่าที่จำได้คือผมยืนอยู่หน้าห้องคุณ” ณิชเอ่ยถามหลังนึกขึ้นได้ว่าภาพสุดท้ายก่อนจะวูบไปคือยืนอยู่หน้าห้องของจีรัชญ์

“คุณเป็นลมไปคงเพราะไข้เล่นงาน ผมเลยพาคุณเข้ามาในห้อง”

“อ๋อ ให้คนอื่นช่วยกันแบกเข้ามาสินะครับ ผมตัวใหญ่” ณิชต่อประโยคก่อนจะยิ้มแหย รู้สึกเกรงใจที่ตนทำคนอื่นวุ่นวายแบบนี้

“ผมอุ้มคุณเข้ามา...คนเดียว” จีรัชญ์ตอบแค่นั้นก่อนจะลุกไป เขายกถาดอาหารที่เพิ่งไปเอามาเมื่อครู่มาให้ณิช พร้อมยาลดไข้ที่เตรียมไว้พร้อมน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว

ณิชอึ้งไปกับคำตอบของอีกฝ่าย ล่าสุดที่เขาวัดส่วนสูงตัวเองตอนตรวจร่างกายประจำปีของบริษัทคือ 182 เซนติเมตร น้ำหนักจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติติดว่าผอมไปสักนิดแต่ก็ไม่ได้เก้งก้างเลย เพราะฉะนั้นคนที่จะอุ้มผู้ชายน้ำหนักตัวกว่า 70 กิโลกรัมได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว

จีรัชญ์เป็นยักษ์อย่างที่เขาคิดจริงๆ นั่นแหละ รูปร่างสูงใหญ่กำยำอีกทั้งยังแข็งแรง อยากเห็นต้นตระกูลจริงๆ ว่าสืบเผ่าพันธุ์มาจากที่ไหน ทำไมถึงได้แข็งแรงขนาดนี้ ณิชเอ่ยเย้าในใจกับตัวเองจนหลุดยิ้มขำ จีรัชญ์ยืนมองคนที่เดี๋ยวก็ขมวดคิ้ว เดี๋ยวก็ยิ้มและเปลี่ยนไปเป็นหัวเราะ

“ข้าวต้มบ้านผมมีอะไรให้คุณน่าขำ”

“เอ่อ...” ณิชถึงกับไปไม่ถูกเพราะไม่รู้จะบอกอย่างไรว่าตนกำลังนินทาอีกฝ่ายนั่นแหละ เขาจึงยิ้มแหยกลับไปให้เป็นคำตอบก่อนจะลงจากเตียงมานั่งที่โต๊ะเพื่อจะได้ทานข้าวเสียที

ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว เขากำลังนั่งกินข้าวต้มหมูสับที่จีรัชญ์ยกมาให้ โดยเจ้าของห้องก็กลับไปนั่งทำงานตามเดิม สิ่งที่เป็นของล้ำสมัยที่สุดในห้องนี้เห็นทีจะเป็นแลปท็อปยี่ห้อผลไม้ ซึ่งจีรัชญ์กำลังเตรียมการสอนให้กับเด็กนักศึกษาอยู่

ภายในห้องแห่งนี้มีเพียงเสียงพัดลมเพดานให้ได้ยินเบาๆ และเสียงธรรมชาติจากภายนอกที่ลอดผ่านบานมุ้งลวดเข้ามาเท่านั้น เป็นความเงียบสงบยามค่ำคืนของต่างจังหวัดโดยแท้จริง ณิชนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง ผลสืบเนื่องมาจากฝนที่เทกระหน่ำไปเมื่อช่วงกลางวันทำให้มีลมพัดเบาๆ พอให้รู้สึกว่าอากาศคืนนี้คงจะหนาวเย็นดังเช่นเคย กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกพุดน้ำบุษย์ยังคงทำให้เขาผ่อนคลายได้เสมอ

ณิชใช้เวลาระหว่างละเลียดทานข้าวต้มนี้มองสำรวจไปรอบห้องของจีรัชญ์อย่างละเอียดอีกครั้ง รูปถ่ายสักรูปที่ใส่กรอบไว้ไม่มีให้เห็นเลย เรียกได้ว่าไม่มีอะไรบ่งบอกถึงตัวตนของผู้ชายคนนี้ แม้แต่ใบปริญญาสักใบก็ไม่มี ณิชลอบมองเสี้ยวหน้าเจ้าของวังปริพัตร หากคนที่อยู่ในฝันเขาคือหาญที่เป็นบรรพบุรุษของจีรัชญ์ ถ้าเช่นนั้นหาญต้องการจะบอกอะไรเขา

“คุณจีรัชญ์” ณิชลองเรียกอีกฝ่ายดู เพราะความเงียบของห้องนี้แม้ไม่ได้อึดอัดแต่ก็ติดจะเงียบไปสักหน่อย หยิบยกเรื่องราวมาพูดคุยกันคงดีกว่า

“ครับ” จีรัชญ์ขานรับก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากกองหนังสือและงานที่ทำอยู่ เขาหันมองคนที่กำลังนั่งกินข้าวต้มอยู่ที่ริมหน้าต่าง ใบหน้าที่ซีดเซียวก่อนหน้านี้ดีขึ้นบ้างแล้ว สื่อว่าเจ้าตัวคงไม่เป็นลมล้มพับไปอีกรอบแน่ๆ

“คุณเคยเชื่อเรื่องความฝันไหม”

จีรัชญ์เผลอสูดหายใจผิดจังหวะทันทีเมื่อได้ยินณิชถามจบ เขาไม่รู้เลยว่าณิชจะมาไม้ไหน หรือเหตุการณ์ระหว่างเขาทั้งสองจะเป็นไปอย่างไร เขารู้เพียงแต่จุดจบของมันเท่านั้น จุดจบที่ไม่เคยสวยงาม

“คุณฝันอะไรล่ะ” เขาเลี่ยงตอบด้วยการถามกลับ

“ผมอยู่กับความฝันแปลกๆ มาร่วมเดือนแล้ว ฝันถึงเรื่องราวของคนสองคนที่ผมไม่รู้ว่าเขาคือใคร ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรแต่มันชักบ่อยขึ้น และเมื่อกี๊...ผมรู้สึกเจ็บปวดกับเหตุการณ์ในฝันนั้นราวกับตัวเองอยู่กับพวกเขาด้วย”

ณิชพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เมื่อนึกไปถึงเรื่องราวในฝันแล้วสีหน้าก็สลดลง หากจะพูดให้ถูกคือเขาอยู่กับความฝันย้อนอดีตแบบนี้มาหลายปีแล้ว แต่ปีนี้เขาฝันติดต่อกันแทบทุกคืน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องปกติอย่างที่มิ้งบอก จากที่ไม่ใส่ใจในตอนแรกแต่ค่อยๆ ผูกพันกับเรื่องราวในความฝันมากยิ่งขึ้น จนความฝันครั้งล่าสุดและรอยแผลเป็นของจีรัชญ์เป็นตัวกระตุ้นว่าเขาไม่ควรนิ่งนอนใจได้แล้ว

“ผมฝันเห็นคนหน้าคล้ายคุณ มันแปลกไหมล่ะ ตอนแรกผมคิดว่าเพราะเจอหน้าคุณเลยหลอนไปเอง แต่นับวันมันยิ่งชัดขึ้น” สายลมวูบหนึ่งพัดเข้ามาหอบเอากลิ่นพุดน้ำบุษย์มาให้ได้ผ่อนคลายอีกครั้ง ณิชหลับตาสูดกลิ่นหอมนี้ไปพักหนึ่ง ใบหน้ามีรอยยิ้มอ่อนๆ แต้มไว้ จีรัชญ์นั่งมองคนที่เผลอหลับตาพริ้ม หัวใจเขาปวดหนึบจนเจ็บไปทั่วอก แต่กระนั้นก็ยังยิ้มตามรอยยิ้มสวยนี้

“ผมฝันเห็นบ้านเรือนไทยแบบในภาพวาดของคุณ แต่ก็นะ...บ้านเรือนไทยไหนๆ ก็เหมือนกัน” ณิชพูดก่อนจะยิ้มขำ “แต่ที่ทำผมสงสัยคือคนในฝันที่หน้าคล้ายคุณ ป้าแจ่มบอกว่าคุณหน้าเหมือนบรรพบุรุษชื่อท่านหาญ เป็นชื่อเดียวกับคนที่อยู่ในฝันของผมเลย คือ...ผมก็ไม่ได้จำสิ่งที่อยู่ในฝันแม่นนักหรอก แต่มันก็เห็นว่าคล้ายนะ ผมคิดว่าบางทีหากมีคนที่ไม่มีชีวิตแล้วมาเข้าฝัน อาจหมายความว่าเขากำลังต้องการความช่วยเหลือ”

“คุณต้องการจะพูดอะไร” จีรัชญ์ถาม เขาเห็นว่าณิชดูจะพูดกับตัวเองมากกว่าจะพูดกับเขา

“ผมอยากทราบว่าคุณพอจะมีรูปถ่ายของท่านไหม ผมไม่อยากคิดว่าตัวเองบ้าไปคนเดียว” ณิชไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป

คราวนี้จีรัชญ์เงียบไปนาน เขากำลังชั่งใจว่าจะตอบอีกฝ่ายไปว่าอย่างไรดี เรื่องรูปถ่ายเขาจำได้ว่าเผลอทำตกให้ป้าแจ่มเห็นเมื่อนานมาแล้ว เพราะตอนนั้นกำลังหาหนังสือเพื่อจะเอาข้อมูลไปประกอบการสอนพอดี และป้าแจ่มเข้ามาจัดห้องให้ หญิงชราบอกว่าเขาหน้าเหมือนบรรพบุรุษ ซึ่งเธอก็เดาเอาเองว่านั่นคือทวดที่เป็นบรรพบุรุษของเขาเอง เพราะรูปถ่ายที่ได้เห็นเก่าจนซีดเหลือง อีกทั้งเป็นขาวดำดูก็รู้ว่าไม่ใช่รูปถ่ายสมัยนี้แน่ๆ และที่ป้าแจ่มมั่นใจว่านั่นคือบรรพบุรุษของเขาเพราะใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกัน

“แล้วทำไมคุณไม่ถามคนในฝันของคุณเองว่าเขาเป็นใคร และต้องการอะไรจากคุณ” จีรัชญ์ย้อนถามกลับ หากณิชค่อนข้างแน่ใจว่าเรื่องที่ตัวเองฝันว่าเป็นอดีตของใครสักคน ทำไมถึงไม่ถามไปเลยว่าฝ่ายนั้นต้องการอะไร

“ผมถามไม่ได้” ณิชเงียบไปก่อนจะหลบสายตา

เนื่องจากเรื่องราวในฝันที่ดำเนินไปเป็นเหมือนเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นแล้วทั้งหมด และสิ่งหนึ่งที่เขาเพิ่งรู้ตอนตื่นนี้ก็คือความรู้สึกที่เหมือนกับตัวเองเข้าไปอยู่ในฝัน ไม่ใช่เป็นบุคคลที่สามที่ยืนมองเรื่องราวต่างๆ แต่มันรู้สึกราวกับเขาคือคุณปราณเสียเอง ตอนตกน้ำใจเขากลัวจนไขว่คว้าไปทั่วเพราะไม่มีหลักยึดเกาะ รู้สึกถึงก้านบัวที่โรมรันพันเท้าจนก้านมันบาดเข้าให้ แต่ชั่ววินาทีที่ไอ้หาญช่วยคุณปราณไว้ได้ตัวเขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ยังรับรู้ถึงแรงกอดรัดจากตัวอีกฝ่ายที่บ่งบอกว่าไอ้หาญมันจะไม่ปล่อยให้คุณปราณเป็นอะไรไปอย่างแน่นอน

เหตุการณ์มันเหมือนกับวันนั้น วันที่เขาตกลงไปในสระบัวที่นี่แล้วจีรัชญ์เข้ามาช่วย แวบแรกที่เขานึกได้มันเหมือนวินาทีนั้นไม่มีผิด

“ทำไม” น้ำเสียงจีรัชญ์เข้มขึ้นมาเล็กน้อย สายตาคมดุจ้องเขม็งรอคำตอบ เขาลุ้นว่าณิชจะจำเรื่องราวของคนได้ในฝันได้ แต่ไม่ใช่แค่จำได้แค่ที่ฝันเห็น แต่จำเรื่องราวได้ทั้งหมดเหมือนที่เขาจำได้ไม่เคยลืม

“คุณห้ามด่าว่าผมบ้านะ” ณิชบอกพร้อมสบตาของอีกฝ่ายที่เหมือนกับคนคิดอะไรอยู่ ซึ่งฝ่ายนั้นไม่มีหลบสายตาเขาเลย

“ผมคิดว่าตัวเองคือคนในฝัน”

“คุณคือคนชื่อหาญน่ะเหรอ ชื่อนี้คุณละเมอออกมาเมื่อกี๊”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่หาญแต่เป็น...คุณปราณ คุณปราณลูกท่านออกญาศรีรัตนกร”

พรึบ!

ไฟดับทันทีที่ณิชพูดจบ ชายหนุ่มเมืองกรุงสะดุ้งตกใจหันไปมองรอบๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนที่ตนกำลังพูดด้วยตอนนี้เจ็บปวดทรมานราวกับโดนของร้อนทาบหลัง จีรัชญ์กัดฟันข่มความเจ็บนี้ไว้จนเกร็งไปทั้งร่าง เส้นเอ็นที่คอปูดนูนบ่งบอกถึงความอดทนที่กำลังจะใกล้ถึงขีดสุด

พรึบ!

ไฟติดขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีที่ดับไปไม่นาน จีรัชญ์นั่งในท่าปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ณิชหันกลับมามองคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน ฝ่ายนั้นยังคงเงียบเหมือนเดิม ไม่ได้บอกว่าเขาเป็นบ้าแต่อย่างใด แต่ก็ไม่รู้ว่ามีความคิดเห็นเช่นไรกับสิ่งที่เขาบอกไป

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ สายลมพัดผ่านความเย็นเข้ามาจนณิชขนลุกเกรียว ฟ้าแลบจากที่ไกลๆ ส่องแสงสว่างวาบบนท้องฟ้าสีดำสนิท ดูท่าคืนนี้ฝนจะตกซ้ำอีกครั้ง

“คุณรีบกินข้าวให้เสร็จแล้วทานยาให้เรียบร้อยเถอะ เป็นไข้อยู่ก็ควรพักผ่อนให้มาก” จีรัชญ์พูดตัดบทราวกับเรื่องที่ณิชพูดเมื่อครู่ไม่มีผลต่อเขา อีกฝ่ายที่โดนเจ้าของห้องไล่กลายๆ ยอมล่าถอย เพราะอาการคัดจมูกและมึนหัวกำเริบอีกแล้ว เขากินข้าวต้มต่ออีก 2-3 คำก็วางช้อนและกินยา ก่อนจะขอตัวกลับห้องตัวเองโดยมีสายตาจีรัชญ์มองตามเท่านั้น

หลังจากประตูปิดสนิทจีรัชญ์ลุกไปปิดล็อกกลอนให้เรียบร้อย เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครแอบเข้ามาในห้องเขากลางดึก ก่อนจะทรุดตัวนั่งที่เตียงพร้อมสีหน้าเหยเกเพราะความเจ็บปวด แผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นบัดนี้มีเลือดซึมออกมาตามรอยแผล เขาถอดเสื้อทิ้งเพื่อไม่ให้มันเลอะเลือด นั่งรอสักพักความเจ็บปวดก็ค่อยๆ เบาบางลงจนหายไปในที่สุด ทิ้งไว้แค่รอยเลือดซึมเท่านั้นเขาจึงต้องเข้าไปอาบน้ำอีกรอบ

‘จะฝืนตัวเองไปไย ปล่อยไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น’ แว่วเสียงลอยเข้ามาให้ได้ยินอีกครั้ง มาพร้อมกับลมดังเช่นเดิม ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความห่วงใย

จีรัชญ์หัวเราะในลำคอทั้งที่ไม่ได้รู้สึกขำเลยสักนิด เขารู้สึกสมเพชชะตาชีวิตของตนเองมากกว่าที่ต้องมาพบเจอเรื่องราวแบบนี้

:::::::::::::

วันรุ่งขึ้นจีรัชญ์ลงมาทานมื้อเช้าตามปกติ ณิชและมิ้งก็เช่นกัน เพียงแต่ณิชดูจะป่วยหนักกว่าเดิมเพราะเสียงอู้อี้และการเผลอเอามือเท้าหัวบนโต๊ะอาหาร ดูท่ายาที่กินไปเมื่อคืนจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนักแลยมีอาการแย่ลงกว่าเดิม

“วันนี้ถ้าคุณไม่ไหวก็พักก่อน เดี๋ยวผมจะคุมช่างเอง”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไหว”

“ผมไม่เพิ่มเบี้ยขยันให้คุณหรอกนะ” ชายหนุ่มพูดพร้อมปรายตามองคนป่วย แต่ณิชไม่สนใจยังคงกินมื้อเช้าของตัวเองต่อไป แต่ก็คงจะหยุดกินในไม่ช้านี้เพราะไม่มีความรู้สึกอยากอาหารเลยสักนิด

“คุณตรีไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พี่ณิชถึกจะตายไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก เรื่องหวัดแค่นี้จิ๊บๆ ว่าแต่เรื่องเมื่อวานคุณตรีจะไม่แจ้งตำรวจเหรอคะ” อดถามถึงเรื่องนี้ไม่ได้ ถ้าเป็นเธอคงจะไปหาตำรวจก่อนเป็นอันดับแรก จะเอาไอ้คนพวกนั้นเข้าคุกให้หมด

“คงจะไปวันนี้ครับ คุณณิช...คุณต้องไปกับผมด้วยนะ” จีรัชญ์หันไปมองณิช อีกฝ่ายพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะตักข้าวต้มกุ๊ยกินคู่กับเต้าหู้ยี้ที่มีส่วนผสมของเต้าเจี้ยวและผักกาดดอง

ช่วงกลางวันสุทินก็มาพร้อมรถยกที่จะเอารถของจีรัชญ์ไปซ่อม เขากับณิชติดรถสุทินไปแจ้งความโดยไม่ลืมถ่ายรูปรถไปด้วย เมื่อเสร็จธุระที่สถานีตำรวจเสร็จสุทินต้องรีบไปทำงานต่อ จีรัชญ์จึงต้องเรียกแท็กซี่กลับกับณิชสองคน


หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๙/๖/๖๓ ‡ บทที่ ๖
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 06-07-2020 20:30:04


สายฝนโปรยปรายลงมาอีกครั้ง ตกกระทบบานหน้าต่างของรถแท็กซี่เม็ดใหญ่ก่อนจะกลายเป็นห่าฝนในที่สุด ณิชกอดตัวเองเมื่อรู้สึกถึงความหนาวเย็น เนื่องจากข้างนอกอากาศเย็นอยู่แล้วพอได้แอร์ในรถแท็กซี่เลยยิ่งหนาวมากกว่าเดิม

“ไปหาหมอสักหน่อยไหม อาการคุณดูแย่ลง” จีรัชญ์พูดด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าใบหน้าเรียวของอีกฝ่ายซีดเซียวลงกว่าเดิม ปากอิ่มนั้นแดงจัดเพราะพิษไข้เล่นงาน ท่าทางดูเพลียจนแทบจะหลับเสียด้วยซ้ำ แต่เจ้าตัวก็ยังฝืนเปลือกตาเอาไว้

“เดี๋ยวกลับไปกินยาซ้ำก็คงดีขึ้นแล้วครับ ไม่ต้องไปหาหรอก”

“แต่หน้าคุณซีดมาก” จีรัชญ์อดห่วงไม่ได้ ณิชทำเพียงยิ้มให้บางๆ จีรัชญ์ถือวิสาสะยกมือขึ้นแตะหน้าผากอีกฝ่ายเพื่อวัดอุณหภูมิ ปรากฏว่าณิชตัวร้อนจัดจนเขาไม่อาจวางใจได้ ชายหนุ่มจึงสั่งให้แท็กซี่พาไปยังคลินิกสักแห่งเพื่อให้หมอตรวจดูอาการณิชสักหน่อย ดีกว่าปล่อยให้นอนซมแล้วเป็นไข้สูง ถึงตอนนั้นเขาคงช่วยอะไรไม่ได้มากนอกจากหามส่งโรงพยาบาล

แต่เขาก็ไม่อยากให้ณิชเป็นถึงขั้นนั้น ทางที่ดีอย่าให้คนคนนี้เป็นอะไรไปเลยดีกว่า

“ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ ครับ กลับกันเถอะครับ” ณิชยังคงรั้นไม่ยอมลงจากรถเพื่อจะได้ไม่ต้องเข้าไปหาหมอ จีรัชญ์ถอนหายใจกับความดื้อรั้นนี้จนอยากใช้กำลังกับอีกฝ่าย

“เกิดคุณช็อกขึ้นมางานที่บ้านของผมก็ไม่เสร็จ ล่าช้าออกไปอีก คุณจะทำยังไง” ณิชเงียบไปเมื่อจีรัชญ์เอางานที่ณิชรักขึ้นมาอ้าง เขายอมพยักหน้าบอกไปก็ไปก่อนจีรัชญ์จะลงไปก่อน ยืมร่มของคนขับแท็กซี่มาใช้ เขาบอกให้จอดรถรอก่อนและเปิดมอเตอร์ไว้เลย เพราะเดี๋ยวเสร็จจากนี้จะได้ไปส่งพวกเขาที่วังปริพัตรต่อ

จีรัชญ์โอบอีกฝ่ายเข้ามาแนบตัว เพราะร่มมีขนาดกลางไม่ใหญ่นัก การจะกางให้ผู้ชายสองคนอยู่ภายใต้ร่มคันเดียวกันจึงทุลักทุเลพอสมควร ยิ่งณิชไม่สบายด้วยแล้วไม่ควรจะถูกฝนเป็นอย่างยิ่ง จีรัชญ์จึงยิ่งกระชับกอดมากยิ่งขึ้น

หนุ่มเมืองกรุงแก้มขึ้นสีเมื่อความใกล้ชิดที่แนบแน่นทำเขาหวั่นไหว จีรัชญ์กอดเขาไว้หลังจากปิดประตูรถก่อนจะพาเดินเข้าไปในคลินิก เมื่ออีกฝ่ายปล่อยแล้วเขาจึงได้รับรู้อุณหภูมิที่แท้จริงของคลินิกในทันที มันหนาวจนต้องกอดตัวเอง

จีรัชญ์พาณิชไปแจ้งชื่อและตอบประวัติกับเจ้าหน้าที่หน้าห้อง จากนั้นก็นั่งรอเรียกเข้าห้องตรวจ ชายหนุ่มนั่งรอด้วยความใจเย็น ส่วนณิชนั้นนั่งตัวสั่นเพราะความหนาวอยู่ใกล้กัน

“เดี๋ยวผมมา” จีรัชญ์หันมาบอกก่อนจะลุกเดินออกจากคลินิกไป ก่อนไปไม่ลืมกำชับกับเจ้าหน้าที่สาวด้วยว่าฝากดูแลณิชด้วยเพราะอีกฝ่ายเป็นไข้สูง

หลังจากจีรัชญ์ออกไปไม่นานณิชก็โดนเรียกเข้าห้องตรวจ ใช้เวลาในการซักถามอาการและให้คุณหมอตรวจไม่นานก็พบว่าเขาเป็นไข้หวัด อาจเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอรวมไปถึงอากาศที่แปรปรวนนี้ร่วมด้วย ส่วนคนที่ขอตัวออกไปก่อนกลับมาอีกครั้งพร้อมกับเสื้อแขนยาวลายทางหลายตัว

“ผมหาซื้อเสื้อหนาๆ แบบเสื้อกันหนาวไม่ได้ คุณใส่เสื้อแขนยาวพวกนี้ซ้อนหลายตัวไปก่อนจะช่วยบรรเทาความหนาวได้ ผมซื้อมาตัวใหญ่คุณใส่ได้แน่นอน” ความห่วงใยของเจ้าของวังปริพัตรคนปัจจุบันทำณิชตื้นตันใจ มันเป็นการกระทำที่ไม่เล็กน้อยเลยสำหรับเขา การที่อีกฝ่ายทำแบบนี้ให้มันแสดงถึงความเอาใจใส่ที่หาได้ยากมากสำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกัน ณิชเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัวก่อนจะรับเสื้อแขนยาวลายทางและอีกหลายลายมาใส่ จนท้ายสุดตัวเขาดูอวบอ้วนขึ้นมาในทันที

“ขอบคุณครับ” ณิชกล่าวขอบคุณ ยิ่งนานวันเขายิ่งรู้สึกว่าจีรัชญ์ค่อยๆ เปิดใจให้เขาทีละน้อย จากที่มึนตึงใส่ในช่วงแรกเพราะความรู้สึกแรกที่อีกฝ่ายมีให้เขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่พักหลังมานี้จีรัชญ์ดีกับเขามาก

พวกเขากลับมาถึงวังปริพัตรในเวลาต่อมา จีรัชญ์จ่ายเงินค่าแท็กซี่ให้เรียบร้อยและบอกณิชว่าอย่าเพิ่งลงก่อน เขาจะอ้อมไปอีกฝั่งของประตูพาเจ้าตัวออกมาเอง และเมื่อเข้าไปในตัวคฤหาสน์ได้ป้าแจ่มที่รอท่าอยู่แล้วกุลีกุจอมาหา ถามไถ่ขึ้นทันทีว่าณิชเป็นอะไรทำไมต้องใส่เสื้อเสียหลายชั้น

“พอดีอาการไข้ผมกำเริบครับ คุณจีรัชญ์เลยไปหาซื้อเสื้อมาใส่แก้หนาว” เมื่อทุกคนได้ฟังจึงแยกย้าย คนป่วยที่ดื้อดึงจะไปดูงานกับช่างก่อนทำให้จีรัชญ์ปรามไม่ได้ เขาจึงต้องตามไปดูงานด้วย

ตอนนี้งานในส่วนของห้องแรกดำเนินไปกว่า 30 % แล้ว ถือว่าเร็วพอสมควร จีรัชญ์ยืนคุยกับช่างแต่หางตาก็ยังพะวงหาคนที่กำลังยืนคุยกับมิ้งอยู่ เมื่อคุยกับช่างจรูญเสร็จจีรัชญ์ก็ตรงเข้าไปหาชายร่างสูงโปร่งที่ยังคงใส่เสื้อแขนยาวที่เขาซื้อให้อยู่

“หมดเวลาของคุณแล้ว ขึ้นไปพักเถอะ ตรงนี้คุณมิ้งกับผมจะจัดการต่อเอง” เพราะเขาได้ยินหญิงสาวออกปากไล่ให้รุ่นพี่ของเธอไปพักแล้ว แต่ณิชยังคงดื้อดึงที่จะทำงานเขาจึงต้องออกโรงแทน ณิชทำหน้าเสียดายก่อนจะเดินขึ้นห้องตัวเองไป

ตกเย็นจีรัชญ์ถามหาณิชกับป้าแจ่มเพราะหลังจากคุมงานได้ราวๆ ชั่วโมงเขาก็ขึ้นมาทำงานตัวเองต่อ ปล่อยให้มิ้งทำหน้าที่ของเธอต่อไป

“คุณณิชยังไม่ออกมาจากห้องเลยค่ะ เมื่อสองชั่วโมงก่อนป้าไปเคาะห้องถามอาการแล้วคุณณิชบอกว่าจะขอนอนสักหน่อยค่ะ” ป้าแจ่มบอกพร้อมกับหยิบแก้วกระเบื้องที่เข้าชุดกันกับจานรองออกไป เธอเปลี่ยนจากกาแฟมาเป็นชาให้จีรัชญ์แทนเพราะเกรงว่าหากดื่มกาแฟตอนนี้ ตอนกลางคืนจะข่มตานอนไม่หลับ

จีรัชญ์ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายเล็กน้อยพอให้กระดูกลั่น ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไปห้องของณิช เคาะประตูสองสามครั้งอีกฝ่ายก็ไม่ตอบ ลองหมุนลูกบิดดูปรากฏว่าไม่ได้ล็อก เขาเปิดประตูเข้าไปเห็นคนป่วยนอนซมอยู่บนเตียง เสื้อแขนยาวสามตัวที่เขาซื้อให้ถอดพาดอยู่บนเก้าอี้ตรงโต๊ะทำงาน บนโต๊ะมีเอกสารแบบแปลนและสมุดจดของเจ้าตัววางระเกะระกะ สื่อให้รู้ว่าตอนที่เขาสั่งอีกฝ่ายให้ขึ้นมาพักณิชไม่ได้พักจริงอย่างที่คิด จะมาหลับก็คงตอนที่ป้าแจ่มเคาะประตูเรียกนั่นแหละ

“หาญ...”

เสียงเรียกชื่อแผ่วเบาจากริมฝีปากอิ่มที่แดงจัด ลูกตาภายใต้เปลือกตาที่ปิดสนิทขยับไปมาเร็วๆ จีรัชญ์เดินเข้าไปดูตรงข้างเตียงก่อนจะทรุดนั่งลง มองคนที่กำลังหลับและคงฝันถึงคนชื่อหาญอยู่ ท่าทางคนป่วยดูลุกลี้ลุกลนจนเขาต้องจับมือไว้

“หาญ...”

เป็นอีกครั้งที่ได้ยินจากปากนี้ จีรัชญ์กุมมือร้อนของอีกฝ่ายไว้แล้วลูบเบาๆ เป็นการปลอบประโลม แต่เมื่อรู้สึกว่าตัวคนป่วยยังคงร้อนอยู่เขาจึงผละออกไปเอาผ้าชุบน้ำเพื่อมาเช็ดตัวให้

เขาถอดเสื้อของณิชออก ผ้าห่มที่เจ้าตัวห่มบรรเทาความหนาวถูกตวัดออกไป เขาค่อยๆ ไล่เช็ดตัวแบบย้อนขนขึ้นไปเพื่อระบายความร้อนออกจากตัวณิชให้มากที่สุด เสียงพึมพำของคนไข้ฟังไม่ได้ศัพท์ ณิชพยายามยื้อตัวหนีเมื่อรู้สึกหนาวจนสั่นแต่เขาก็ยังคงทำต่อไป

ก๊อกๆๆ

“อ้าว! คุณตรีอยู่ที่นี่เหรอคะ” มิ้งเอ่ยถามด้วยความตกใจเมื่อเห็นจีรัชญ์เปิดประตูห้องของณิช เธอมองผ่านไปยังรุ่นพี่ของตนที่นอนซมอยู่บนเตียงไม่ได้สติ ก่อนจะเดินไปวางถาดอาหารบนพื้นที่ว่างบนโต๊ะอาหาร

“ถึงว่าทำไมไม่เจอคุณตรีที่โต๊ะอาหาร แล้วนี่พี่ณิชเป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวถามแล้วเดินเข้าไปดูณิชใกล้ๆ แตะๆ คลำๆ ไปบนแขนของอีกฝ่ายเพื่อดูอุณหภูมิ แต่เห็นว่าอุ่นๆ ไม่ร้อนนักจึงวางใจ

“ผมเพิ่งเช็ดตัวให้ แต่ผมไม่มีที่วัดไข้เลยไม่รู้ว่าตอนนี้ในร่างกายเขาอุณหภูมิเท่าไหร่ แต่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อกี๊มากครับ”

“ขอบคุณคุณตรีมากนะคะที่มาช่วยดูแลพี่ณิช เมื่อกี๊หนูกินข้าวอยู่ว่าจะขึ้นมาดูหลังกินข้าวเสร็จ” มิ้งพูดอย่างรู้สึกผิดที่ทิ้งพี่ชายที่สนิทนอนซมเป็นไข้อยู่คนเดียว

“ไม่เป็นไรครับ นี่ได้เวลายาตอนเย็นแล้ว ปลุกเขาให้ตื่นมาทานข้าวทานยาเถอะครับ”

มิ้งปลุกให้ณิชขึ้นมากินข้าว ครั้งนี้ไม่ใช่ข้าวต้มแต่เป็นข้าวสวยกับแกงจืดหมูสับใส่สาหร่าย เอาน้ำซุปแกงจืดราดลงบนข้าวให้เลนสักหน่อยก็พอกินได้ไม่ฝืดคอคนป่วยนัก มิ้งอาสาป้อนให้ซึ่งณิชปฏิเสธบอกว่ายังพอมีแรงกินเองได้ ส่วนจีรัชญ์ก็ออกไปทานมื้อเย็นของตัวเองแล้ว

หลังจากกินข้าวกินยาเสร็จณิชก็หลับไปอีกครั้ง เมื่อดูแน่ใจแล้วว่ารุ่นพี่ของตนไม่เป็นอะไรแล้วมิ้งจึงกลับห้อง แต่ไม่ได้ล็อกประตูห้องไว้เพราะคิดว่าเดี๋ยวจะมาดูอาการณิชก่อนเข้านอน เธอชอบนอนดึกอยู่แล้วแวะเข้ามาดูอาการของคนป่วยได้สบายๆ

นาฬิกาตั้งพื้นแบบโบราณตีบอกเวลาสามทุ่มแล้ว จีรัชญ์ที่หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จก็ขลุกตัวอยู่ในห้องทำงานต่อจนรู้สึกล้าไปหมดจึงพักงานไว้ เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป ไม่ลืมปิดประตูห้องทำงานให้เรียบร้อยด้วย แต่ก่อนจะเข้าห้องนอนของตนเองเขากลับเดินไปทางห้องของณิชก่อน เป็นห่วงอีกคนที่ไม่รู้ป่านนี้อาการจะดีขึ้นหรือยัง

แอด

จีรัชญ์เปิดประตูเข้าไปช้าๆ เพราะกลัวว่าเสียงดังจะทำให้คนที่ควรพักผ่อนตื่น แสงไฟจากหัวเตียงที่คาดว่ามิ้งเปิดไว้ให้ มันกำลังส่องแสงสว่างพอให้เห็นว่าคนที่อยู่บนเตียงกำลังหลับอยู่ จีรัชญ์เดินผ่านไปทางหน้าต่าง ข้างนอกมีฝนตกโปรยปรายลงมาแต่ไม่หนักอย่างเช่นเมื่อกลางวัน ม่านพลิ้วไหวตามแรงลมดังเช่นเคย แม้จะมีมุ้งลวดกันพวกยุงและแมลงหรือสัตว์มีพิษต่างๆ แต่แรงลมก็ยังลอดเข้ามาได้อยู่ดี

“นั่นหาญเหรอ”

เสียงทักจากทางด้านหลังทำให้จีรัชญ์ต้องหันกลับไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียง ใจเขาเต้นรัวในอกแทบหลุดกระโจนออกมาข้างนอก ก่อนประโยคต่อมาจะทำให้เขาตัวชาวาบไปทั้งร่าง

“หาญ...ข้าหนาวเหลือเกิน”

จีรัชญ์สาวเท้าเข้าไปใกล้ ณิชกำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น แต่ดูท่าจะละเมอมากกว่าจะเห็นเขาเป็นใครคนนั้นที่ตนพูดชื่อออกมา แต่จังหวะที่เขากำลังจะจากไปอีกฝ่ายกลับคว้ามือเขาไว้ได้ แรงดึงรั้งไม่ได้มากไปกว่าแรงจับแต่กลับหยุดเท้าให้เขายืนอยู่กับที่ ความอุ่นของฝ่ามือทำให้เขาเผลอจับกระชับมือเรียวไว้ ก่อนจะหย่อนกายสูงใหญ่ของตนนั่งลงบนเตียง

ณิชปรือตามองคนที่ตัวเองเห็นในสายตาพร่าเบลอ เหมือนไอ้หาญของคุณปราณไม่มีผิด ใบหน้าที่เขาได้เห็นในฝันกลับมาอยู่ตรงหน้าราวกับหลุดออกมาจากความฝันของเขาได้ จนเผลอคิดไปว่าตนเองคือคุณปราณผู้ที่ได้ครองใจไอ้หาญคนซื่อคนนี้

“นอนเถอะ คุณต้องพักเยอะๆ” จีรัชญ์ลูบหัวปลอบอีกฝ่ายให้หลับลงอีกครั้ง จะได้ไม่ละเมอเพ้อไปให้เขาใจสั่นอีก แต่อีกฝ่ายกลับเอียงหน้าเข้าหาฝ่ามือใหญ่ที่หยาบกร้าน หลับตาพริ้มแล้วขยับเอาแก้มถูกับฝ่ามือเขาเบาๆ เหมือนออดอ้อน

“หนาว...กอดหน่อยได้ไหม” ดูเหมือนณิชจะละเมอไปไกล ยิ่งท่าทางของอีกฝ่ายที่ดูไม่เหมือนตอนปกติยิ่งทำให้จีรัชญ์หนักใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ แม้สมองจะสั่งการมากแค่ไหนว่าอย่าเข้าใกล้ณิชเกินความจำเป็น แต่ท้ายสุดเขาก็แพ้ท่าทางออดอ้อนเสียทุกทีไป

จีรัชญ์ขยับขึ้นไปนั่งเอนหลังพิงหัวเตียง เพียงเท่านี้ณิชก็หันมาซุกที่ตัวเขา หลับตาพริ้มเข้าสู่ห้วงนิทราไปอีกครั้งด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม อาการหนาวที่อีกฝ่ายร้องบอกถูกบรรเทาด้วยอ้อมกอดจากเขา จีรัชญ์ก้มมองหน้าคนป่วยที่ตอนนี้ดีขึ้นสักหน่อยแล้ว อาการตัวร้อนก็คงที่ไม่ได้ร้อนจัดอย่างก่อนหน้านี้

ดวงตาคมสวยบัดนี้เอ่อคลอยามนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ไม่ใช่ไม่รัก แต่เพราะต้องห้ามใจไม่ให้รักมันจึงทรมานกว่าเป็นไหนๆ ยิ่งได้พบเจอ ได้อยู่ใกล้ ยิ่งต้องห้ามใจเพราะไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว แต่เพราะโชคชะตาเล่นตลกทำให้ทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้ คนสองคนที่ออกห่างกันได้แต่ใจกลับผูกกัน คนหนึ่งรอคอยแต่อีกคนกลับจางหายไปพร้อมถ้อยคำรัก

เขาลูบหัวณิชเบาๆ เป็นการกล่อมให้อีกฝ่ายนอนฝันดี แต่เพราะความโหยหาที่ถูกเก็บกดมานานเหลือเกิน หลายคำห้ามที่พร่ำสะกดจิตตัวเองมาเสมอมันกำลังถูกใจเขาปัดทิ้งออกไป ยิ่งใกล้ชิดความห่วงหายิ่งชัดเจน

จีรัชญ์ข่มน้ำตาที่เต็มตื้นขอบตา บอกตัวเองว่าให้รีบกลับห้อง ควรปล่อยให้ณิชนอนหลับต่อไป และบอกให้หญิงสาวรุ่นน้องของณิชมาดูแลเองจะดีกว่า แต่สุดท้ายแทนที่เขาจะลุกจากเตียงไปอย่างที่สมองคิดไว้ กลับกลายเป็นจรดปลายจมูกโด่งของตนเองลงบนหน้าผากมน ตามความต้องการจากส่วนลึกในจิตใจเสียอย่างนั้น ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่การแตะแผ่วเบาก็ตาม

ไม่ว่าอย่างไรก็ยังไม่ใช่ตอนนี้... ไม่ใช่ตอนที่ณิชเรียกเขาว่าหาญยามละเมอเพราะพิษไข้ เขาจะรอวันที่ณิชรู้เรื่องราวทั้งหมดและเรียกเขาว่าหาญในยามที่มีสติครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ใช่ถ้อยคำพึมพำที่คิดว่าตนเองคือคนอื่นในฝัน

วันนั้นเขาพร้อมจะตอบทุกคำถามที่อีกฝ่ายต้องการรู้ เขาจะบอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าชาตินี้...เขาไม่คิดว่าตนเองจะได้เคียงคู่กับณิชก็ตาม

เพราะในความทรงจำของเขา ไม่มีครั้งไหนที่ไอ้หาญจะครองรักกับคุณปราณจนหมดสิ้นลมหายใจ





โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๖/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๗ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: evanescence_69 ที่ 06-07-2020 20:46:26
มาแล้วววว
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๖/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๗ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 06-07-2020 21:18:54
น่าสงสารทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๖/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๗ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 06-07-2020 22:21:09
อย่าให้ใครต้องผิดหวังอีกเลย
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๖/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๗ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 06-07-2020 23:23:23
อย่าให้ชาตินี้ต้องแยกจากกันอีกเลย
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๖/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๗ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 06-07-2020 23:47:35
อีกกี่วันนะ ยิ่งวันใกล้เสร็จเข้ามา ก็ยิ่งฝันเข้าใกล้ความเป็นจริงแล้ว จะระลึกได้วันสุดท้ายก่อนจากไปไหม ให้เคลียร์กันในชาตินี้เถอะ ยังคงรอตามต่อไปเพราะอะไรถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้  :hao5: ทั้งรักทั้งโหยหาแต่ว่าก็ต้องห้ามใจ แมะเจ็บปวดจริง ทำตามใจเถอะจะได้โล่งๆนะคุณตรีหาญ อย่างที่ใครบางคนบอก  :katai2-1:  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๖/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๗ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 09-07-2020 09:00:29
สงสารหาญจัง :ling3:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๖/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๗ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 12-07-2020 01:54:06
 :ling3:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๖/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๗ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 16-07-2020 19:51:56
บทที่ ๘


ผ่านไปหลายวันแล้วหลังจากหวายหวดลงหลังไอ้หาญ แผลที่เคยสดเลือดซิบบัดนี้แห้งสนิท หลงเหลือไว้เพียงร่องรอยของความเจ็บปวด และความผิดที่ถือเป็นชนักติดหลัง

โชคยังดีที่ท่านออกญาฯ ไม่เฆี่ยนมันจนหลังขาดอย่างที่คิด ความโกรธเคืองของท่านที่มีต่อไอ้บ่าวทาสคนนี้มีไม่น้อย สมกับความผิดที่มันทำให้ท่านและคุณหญิงราตรีตกอกตกใจ หัวใจหลุดหายไปหลายนาที หากคิดย้อนกลับไปใครบ้างจะไม่โกรธที่บุตรหัวแก้วหัวแหวนตกน้ำตกท่าทั้งที่ว่ายน้ำไม่แข็ง ทุกคนต่างในเรือนรู้ดีว่าสิ่งแรกที่ไม่ควรกระทำคือการทำให้คุณปราณตกน้ำ

“กินน้ำกินท่าเสียก่อนเถิดจ่ะพี่หาญ ทำงานทั้งวันไม่พักเยี่ยงนี้แผลจะหายได้เยี่ยงไร” เสียงหวานของผ่องไม่ได้ทำให้ไอ้หาญหยุดมือที่กำลังลงขวานจามขอนไม้เพื่อทำฟืนแต่อย่างใด ซ้ำยังเงียบใส่ทำเป็นไม่ได้ยินเสียอย่างนั้น

มันไม่เห็นหน้าคุณปราณเลยตั้งแต่วันนั้น ท่านออกญาฯ ออกคำสั่งเด็ดขาดเป็นการลงโทษลูกรักว่าห้ามไปเที่ยวที่ใดอีก อีกทั้งยังสั่งความมากับไอ้มั่นว่าห้ามให้ไอ้หาญไปยุ่มย่ามแถวชานเรือน ให้มันทำงานอยู่แถวเรือนทาสอย่าได้เสนอหน้าไปให้เห็น จนกว่าจะมีคำสั่งใหม่นั่นแหละไอ้หาญถึงจะได้ไปเห็นหน้าคุณปราณยอดดวงใจของมันอีกครั้ง

ผ่องยอมล่าถอยเมื่อเห็นว่าการคะยั้นคะยอของมันไม่เป็นผล ไม่ว่าอย่างไรไอ้หาญก็ยังคงรั้นทำงานต่อไปเงียบๆ ไม่พูดไม่จากับใคร หากจะมีตอบบ้างเมื่อไอ้มั่นเกลอรักถามไถ่ ไม่ก็ยายอาบที่คอยมาดูแผลที่หลังให้

คุณนวลจันทร์มาหาคุณปราณแทบจะวันเว้นวันเห็นจะได้ ไอ้หาญได้ฟังความเป็นไปจากไอ้มั่นที่คอยบอกกล่าวให้ฟัง ไอ้เกลอมันไม่รู้ดอกว่าเขากับคุณปราณเป็นอะไรกัน แต่คงสังเกตได้จากสายตาละห้อยยามไอ้หาญเมียงมองไปทางเรือนใหญ่ มันนึกเห็นใจเพื่อนรักที่ต้องโดนเฆี่ยนหลังลายแบบนั้นจึงคอยบอกเล่าเรื่องราวของคุณปราณให้ฟังบ้าง

“วันนี้คุณนวลจันทร์เธอมาหาคุณปราณอีกแล้วว่ะ กูว่ามิช้านี้เป็นแน่แท้ที่เราจะได้มีงานใหญ่ เรือนหอก็เสร็จแล้วแต่คงยังไม่ได้ฤกษ์หมั้นหมาย” ไอ้มั่นนั่งเปิบข้าวพลางพูดให้ฟัง ปลาแห้งที่มันหยิบขึ้นมากัดแล้วเคี้ยวกินถูกตากจนแห้ง เอาไปทอดจนกรอบเคี้ยวก้างยังได้

“แต่คุณนวลจันทร์เธอสวยจริงว่ะ คุณปราณก็ดูสง่าสมกับลูกท่านออกญาฯ วันพรุ่งเห็นบอกว่าจะไปไหว้พระกันด้วย มีงานก่อพระเจดีย์ทรายด้วย” ไอ้มั่นยังคงพูดต่อ ส่วนไอ้หาญยังคงทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอเช่นเดิม

มันอยากติดตามยอดดวงใจมันไปด้วย แต่เพราะคำสั่งไม่ให้เข้าใกล้คุณปราณของท่านออกญาฯ เป็นประกาศิต มันมิอาจฝืนได้ จึงได้แค่ถอดถอนใจโหยหาอีกฝ่ายไปอีกหนึ่งวันเพียงเท่านั้น

วันรุ่งขึ้นไอ้มั่นตื่นแต่เช้ามืดเช่นทุกวัน เนื่องด้วยมันมีงานที่ต้องทำนั่นคือขนน้ำไปให้คุณปราณใช้อาบ ไอ้หาญอยู่คอยช่วยไอ้เกลอด้วยการตักน้ำไว้ให้ ฝากความห่วงหาไปกับน้ำเย็นสะอาดที่ตักขึ้นมาจากในคลอง

“ไอ้หาญๆ กูมีข่าวดีมาให้มึงเว้ย มึงจะออกจากเรือนไปเที่ยวงานวัดก็ได้แล้วนะ ท่านออกญาฯ ไม่อยู่ไปว่าราชการที่ต่างเมือง กว่าจะกลับก็อีกหลายวัน มึงไม่ต้องกังวลเรื่องท่านออกญาฯ จะจับมึงเฆี่ยนอีกแล้ว” ไอ้มั่นวิ่งกระหืดกระหอบเอาข่าวดีมาแจ้ง ไอ้หาญหยุดมือที่กำลังใช้เสียมขุดหลุมเพื่อลงต้นไม้ในทันที

แววตาที่เคยไร้ชีวิตชีวามาหลายวันเป็นประกาย เมื่อพอมีหวังว่าตนเองอาจจะได้ติดตามคุณปราณไปเที่ยวงานวัดด้วย

บนเรือนใหญ่เมื่อได้ยินว่าคุณปราณจะไปเที่ยวงานที่วัดก็จัดเตรียมของกันใหญ่ ยายอาบสั่งบ่าวไพร่เสียงดัง ส่วนคุณหญิงราตรียิ้มหน้าชื่นเมื่อรู้ว่าบุตรชายกำลังจะพาหญิงสาวที่หมายมั่นปั้นมือไว้ให้ครองคู่กันไปเที่ยว นานๆ จะมีสักครั้งที่คุณปราณจะเอ่ยปากขอคุณหญิงราตรีเอง และครั้งนี้ก็นับว่าเป็นหนึ่งในนั้น

“ไอ้มั่นมันหายหัวไปไหน ไยจึงไม่มาช่วยคุณปราณแต่งตัวให้เรียบร้อย”

“ไม่ต้องดอกยายอาบ ข้าหาใช่หญิงงามที่ต้องแต่งองค์ทรงเครื่องอยู่ค่อนวันจึงจะออกจากเรือนได้” คุณปราณเอ่ยบอกพลางมัดปมผ้านุ่งให้เรียบร้อย เตรียมจับจีบผ้าเพื่อนุ่งเป็นโจงกระเบน

“มิได้ดอกเจ้าค่ะ เห็นรึไม่เจ้าคะว่ามันดูเก้กังเสียเหลือเกิน มาค่ะๆ ประเดี๋ยวบ่าวจะนุ่งโจงกระเบนให้” คนแก่ขันอาสาเมื่อเห็นเจ้านายร่างบางจะนุ่งผ้าเองแต่ไม่ถนัดนัก

“มาแล้วขอรับ มาแล้วๆ”

“เอ้า! ไอ้มั่น! ไยมาเอาป่านนี้ ไม่รู้รึว่าคุณปราณต้องแต่งตัว”

“รู้จ้ารู้ มาๆ ประเดี๋ยวข้าทำต่อเอง ยายอาบจะไปไหนก็ไปเถอะ” ไอ้มั่นคลานเข่าเข้าไปใกล้เจ้านายของมัน คว้าผ้าเนื้อดีจากยายอาบมาถือในมือเสียเอง บ่าวหญิงชราทำหน้าง้อง้ำก่อนจะหันมายิ้มโชว์ฟันดำให้คุณปราณเสียหนึ่งที จากนั้นก็ออกจากห้องไป

คุณปราณเห็นว่ายายอาบออกไปแล้วจึงหันมาถามไอ้มั่นถึงสิ่งที่ตนฝากไปบอกไอ้หาญ ไอ้บ่าวซื่อสัตย์พยักหน้าบอกว่าแจ้งให้เกลอมันทราบเรียบร้อยแล้ว คุณปราณได้ฟังจึงยกยิ้ม คิดไว้ว่าหากแต่งตัวเสร็จจะออกไปคุยกับคุณหญิงแม่สักหน่อย เรื่องขอไอ้หาญให้ตามไปรับใช้ด้วย

“ไอ้หาญมันดีใจหรือไม่” เขาถามถึงท่าทางของฝ่ายนั้น เพราะอยากรู้ว่าไอ้หาญมันจะโกรธเขาไหม ที่เขาไม่สามารถปกป้องมันจากแรงหวายของเจ้าคุณพ่อได้

“ไม่ถึงกับหน้าบานเป็นจานเชิง แต่ก็พอมีชีวิตชีวากว่าก่อนหน้านี้ขอรับ”

คุณปราณยิ้มกริ่มเมื่อได้ฟัง และพอแต่งตัวเสร็จก็รีบออกจากห้องตรงไปยังเรือนกลางเพื่อพูดคุยกับมารดาเสีย

“คุณหญิงแม่ขอรับ”

“เสร็จแล้วรึพ่อปราณ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามลูกชาย ใบหน้าสวยตามวัยแย้มยิ้มยามเห็นลูกชายคลานเข่าเข้ามาหา

“คุณหญิงแม่ขอรับ ลูกมีเรื่องจะเรียนขอจากคุณหญิงแม่ได้ไหมขอรับ” ท่าทางออดอ้อนของคุณปราณน่าดูไม่หยอก น้ำเสียงพูดจาน่าฟังจนยายอาบนั่งยิ้มไปตามๆ กัน

“มีอันใดรึ”

“ลูกจะขอให้ไอ้หาญตามลูกไปด้วยได้หรือไม่ขอรับ ลูกเรียนคุณหญิงแม่แล้วว่าเรื่องตกน้ำไอ้หาญไม่ผิดอันใดเลย และการลงโทษของเจ้าคุณพ่อก็น่าจะสิ้นสุดได้แล้ว ลูกสงสารมันขอรับ” คุณหญิงราตรีถึงกับถอนหายใจเมื่อได้ฟังลูกชายพูดจบ

เพราะเหตุนี้กระมังถึงได้มาขอจะพาแม่หนูนวลจันทร์ไปเที่ยวงานวัด ยิ่งช่วงนี้มีงานใหญ่จึงขันอาสาเอง แท้จริงแล้วความต้องการจริงๆ ของเจ้าตัวก็หนีไม่พ้นเรื่องขออิสระให้ไอ้บ่าวคนนั้น

“ลูกนี่นะ คิดวางแผนมาอย่างดีแล้วใช่หรือไม่ หึ! เอาเถอะ นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วแม่จะยอมปล่อยไปบ้างก็แล้วกัน” คุณหญิงราตรีกล่าวอย่างจำยอมใจ เพราะเอ็นดูท่าทางออดอ้อนราวเด็กน้อยขอน้ำตาลปั้นเธอจึงยอมให้

คุณปราณยิ้มหวานให้ผู้เป็นแม่ ก่อนจะกราบลาเพื่อจะได้ไปรับแม่นวลจันทร์ที่เรือนท่านออกญาณรงค์ภักดี และจะได้ไปชมงานที่วัดแถวคุ้งน้ำถัดออกไปจากนี้ไม่ไกล โดยไม่ลืมกำชับไอ้มั่นว่าให้ไปบอกไอ้หาญเรื่องมันได้รับอนุญาตให้ตามติดเขาไปแล้วด้วย

ทันทีที่รู้ว่าคุณปราณขออนุญาตคุณหญิงราตรีให้มันติดตามคุณเขาไปด้วย ไอ้หาญก็รีบล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดสะอ้าน ผลัดเปลี่ยนผ้าผืนใหม่ที่ซักตากไว้จนหอมแดด เมื่อสำรวจตัวเองในเงาสะท้อนในโอ่งน้ำว่าดูดีแล้ว มันจึงรีบไปรอที่ท่าน้ำ จัดเตรียมเรือไว้สองลำตามคำบอกกล่าวของไอ้มั่น

“ให้ไอ้คมกับไอ้มั่นพายเรือไปกับลูกเถิด แม่ไม่ใคร่วางใจคนอื่น” คุณหญิงราตรีพูดพลางส่งสายตาข่มไอ้หาญไว้ อย่าได้คิดว่าเธอจะยอมให้ลูกชายตนเองต้องตกน้ำเป็นครั้งที่สองเลย

“ได้ขอรับ” คุณปราณยอม เพราะเห็นว่าแค่การให้ไอ้หาญติดตามไปด้วยก็ถือเป็นพระคุณมากแล้ว อย่าได้ขัดมารดาให้ได้เรื่องอีกเลย

เมื่อลงเรือเสร็จไอ้มั่นกับไอ้คมก็พายเรือออกจากท่าน้ำเพื่อมุ่งสู่เรือนคุณนวลจันทร์ โดยมีไอ้หาญพายเรือตามไปอีกลำเว้นระยะห่างแต่พอดี

เมื่อมาถึงท่าน้ำเรือนท่านออกญาณรงค์ภักดีไอ้บ่าวทั้งสามก็มิได้ตามนายพวกมันขึ้นไปด้วย ไอ้หาญกับไอ้มั่นนั่งรอที่ท่าน้ำ ส่วนไอ้คมแยกออกไปคุยกับบ่าวในเรือนที่มันพอจะรู้จักอยู่บ้างตอนไปชนไก่ ตอนนี้เป็นเวลาบ่าย กว่าจะไปถึงวัดก็คงแดดร่มลมตกพอให้ได้เที่ยวชมมหรสพได้พอดี

“คุณปราณเขาเอ็นดูมึงมากนะไอ้หาญ กูล่ะสงสัยจริงๆ ว่ามึงไปทำอีกท่าไหนคุณเขาถึงเมตตามึงได้เยี่ยงนั้น” ไอ้มั่นชวนคุยเมื่อเห็นว่าการนั่งรอคุณปราณติดจะน่าเบื่อไปสักนิด คงเพราะท่านออกญาฯ พาคุยติดลมบนเสียกระมัง

ไอ้หาญไม่ตอบทำเพียงแต่ยิ้ม หากในใจกลับนึกไปว่าสิ่งที่ทำให้คุณปราณเมตตามันได้ขนาดนี้เพราะการเสพสมยามชมบัว อีกทั้งความรู้สึกของคนทั้งสองที่ตรงกันมีหรือที่คุณปราณจะไม่เอ็นดูมันมากกว่าไอ้มั่น

พวกมันสองคนนั่งคุยกันไปอีกพักใหญ่ แม้จะติดว่าไอ้มั่นพูดเสียส่วนใหญ่แต่ก็มีการตอบรับอืออาจากไอ้หาญบ้าง พวกมันเห็นคุณปราณกับคุณนวลจันทร์เดินเคียงกันมาที่ท่าน้ำ โดยมีไอ้คมเดินตามเจ้านายมาติดๆ ท่าทางของมันดูขัดหูขัดตาไอ้หาญเป็นอย่างยิ่ง แต่จะออกอาการว่าหึงหวงคุณปราณก็กระไรอยู่ เพราะขนาดไอ้มั่นบ่าวคนสนิทยังไม่ว่าอะไร มันเป็นเพียงบ่าวผู้ติดตามเพียงหางตาหรือจะแสดงออกกระไรได้

คุณนวลจันทร์หญิงสาวงามคู่หมายของคุณปราณงามหยดจนแทบละสายตาไม่ได้ ผมดำขลับยาวสลวยโดนแปรงมาอย่างดียาวถึงกลางหลัง เครื่องประดับที่ใส่มาทั้งกำไลมือและสร้อยสังวาลย์ล้วนเป็นทองทั้งสิ้น สื่อให้รู้ว่าฐานะของหญิงสาวหาใช่คนธรรมดา อีกทั้งกิริยาชดช้อยและรอยยิ้มหวานตรึงใจทำให้สะดุดผู้คนได้มาก

ไอ้หาญเห็นคนทั้งคู่นั่งเคียงกันบนเรือ ส่วนบ่าวผู้หญิงของเจ้าหล่อนมานั่งกับเขาเพราะเรือเต็มแล้ว คุณนวลจันทร์ลอบมองและยิ้มให้คุณปราณอยู่บ่อยครั้ง ท่าทีเอียงอายของเจ้าหล่อนดูมีจริตแต่ไม่น่าเกลียด ซึ่งนั่นทำใจไอ้หาญห่อเหี่ยว มันไม่มีอันใดเทียบสาวงามที่ท่านออกญาฯ และคุณหญิงราตรีหมายมั่นไว้ให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนได้เลย รู้ว่าตนไม่มีทางสู้ แต่จะขออยู่ในมุมลับคอยปรนนิบัติคุณปราณแบบนี้ต่อไปได้หรือไม่

คณะเดินทางของคุณปราณมาถึงวัดก็ตอนแดดร่มแล้ว ในวัดจัดงานเสียใหญ่โตเพราะเป็นงานขึ้นปีใหม่ที่จะมีปีละหน หญิงชายมากหน้าหลายตา ลูกขุนน้ำขุนนางต่างๆ พากันมาเที่ยวชมมหรสพกันให้หนาตา ไอ้หาญเดินตามคนทั้งคู่ต่อหลังจากไอ้คม ไอ้มั่น และบ่าวของคุณนวลจันทร์ เห็นเสี้ยวหน้าของยอดดวงใจห่างออกไปหลายวา แต่เพียงเท่านี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยมันก็คลายความคิดถึงที่ไม่ได้เห็นกันมาหลายคืนไปได้บ้าง

“โอ๊ย!” เสียงคุณปราณร้องขึ้นขณะรอคุณนวลจันทร์เลือกดูกำไลข้อมือ ลูกเด็กเล็กแดงวิ่งพล่านในงานจนชนเข้ากับหนุ่มร่างบางจนเซ ไอ้หาญทำท่าจะเข้าไปช่วย แต่ไอ้คมถึงตัวเสียก่อนจึงโอบประคองเจ้านายหุ่นเพรียวเอาไว้ได้

“เป็นกระไรไหมขอรับ เจ็บตรงไหนไหมขอรับ” ไอ้คมถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย คุณปราณเพียงบอกปัดว่าไม่เป็นไรก่อนจะกลับมายืนในท่าเดิม แต่หางตาเขาเห็นว่าใบหน้าที่เคยเรียบนิ่งของไอ้หาญเปลี่ยนเป็นหน้าถมึงทึงเสียยกใหญ่ คงเพราะแขนแข็งแรงที่รองรับร่างเขาไม่ใช่ของมันแต่เป็นของชายอื่น ไอ้บ่าวซื่อจึงเกิดอาการหึงหวง

ผู้คนในวัดล้นหลาม เดินเบียดเสียดกันในบางช่วงบางตอน จนท้ายสุดคุณปราณก็ถือโอกาสที่คนชลมุนกันอยู่หน้าโรงมหรสพฉุดรั้งมือไอ้หาญแล้วลากมันออกจากที่ตรงนั้น โดยไม่ให้ใครก็ตามได้รู้ตัวว่าเขากับไอ้บ่าวซื่อได้พาออกจากวงมาแล้ว

ไอ้หาญเดินตามเจ้าของมือเรียวนุ่มที่จับกระชับมือกร้านของมันอยู่ตอนนี้ คนทั้งคู่มาหยุดอยู่หลังเจดีย์องค์หนึ่งตรงที่ปลอดคน แสงจากไต้ส่องมาไม่ถึงทำให้ไม่เป็นจุดสนใจ คุณปราณมองซ้ายแลขวา เมื่อไม่เห็นใครจึงโผเข้ากอดชายร่างใหญ่เต็มรัก พร้อมน้ำตาที่ปริ่มจนไหลอาบแก้มนวล ไอ้หาญตกใจไม่น้อยที่โดนจู่โจมแบบนี้ แต่ก็ตอบรับกอดนี้ด้วยความหวงแหน ก้มลงดมกลุ่มผมหอมที่ถูกแปรงหวีใส่ขี้ผึ้งมาอย่างดี

“ข้าขออภัยกับสิ่งที่เอ็งต้องเจอ ฮึก...ข้าผิดเอง ข้าทำให้เอ็งต้องเจ็บตัว” เสียงสะอื้นปนเสียงพูดดังอู้อี้ชิดอกแกร่ง ไอ้หาญลอบยิ้มที่คนตัวเล็กกล่าวขอโทษมัน หากแท้จริงแล้วมันไม่เคยถือโทษโกรธคุณปราณเลยแม้แต่นิด

“หาได้ไม่ขอรับ บ่าวมิเคยโกรธเคืองเลย คุณปราณอย่าได้โทษตัวเองเยี่ยงนี้อีก ผิวหนังบ่าวหนาโดยหวายแค่นี้มีหรือจะเจ็บจนตาย” ไอ้บ่าวซื่อปลอบยอดดวงใจของมันพร้อมยิ้มอ่อน ถือวิสาสะเช็ดน้ำตาที่เปรอะแก้มใสอย่างเบามือ คุณปราณหลับตาพริ้มรับไออุ่นจากมีหยาบกร้านด้วยใจรัก

วันนั้นเขาไม่ได้รับรู้ข่าวของไอ้หาญอีก รู้เพียงแค่ว่าเจ้าคุณพ่อไม่ปล่อยมันไว้ในความผิดครั้งนี้ โดนเฆี่ยนไปหลายทีก่อนจะยอมปล่อยตัว ทั้งที่พร่ำบอกพร่ำแย้งไปแล้วว่าคนที่ผิดจริงคือตน หาใช่ไอ้บ่าวซื่อไม่ แต่เจ้าคุณพ่อกับคุณหญิงแม่กลับไม่เชื่อคำ บอกว่าอย่างไรก็ต้องทำให้มันเป็นบทเรียน ไอ้พวกบ่าวคนอื่นจะได้ตระหนักถึงข้อนี้ด้วยว่าชีวิตเขาสำคัญกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมดในเรือน

“แต่ไอ้มั่นบอกเอ็งนอนซมอยู่สามวัน ข้าไม่ได้ไปดูเอ็งเลยด้วยเพราะเจ้าคุณพ่อไม่ให้ลงจากเรือน เพื่อเป็นการลงโทษที่ข้าทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตราย” คุณปราณพูดเสียงอ่อน ก่อนจะหันตัวไอ้หาญเพื่อดูแผ่นหลังกว้างของมัน เห็นรอยแผลที่ตกสะเก็ดแล้วหลายขีดหลายเส้น ตามความยาวของไม้หวายที่หวดตีลงบนแผ่นเนื้อนี้ พอได้เห็นน้ำตาก็พาลจะไหลอีกครา

“แค่เพียงคุณปราณมีใจห่วง แค่นี้บ่าวก็ลืมความเจ็บจนสิ้นแล้วขอรับ” คำหวานยังพร่ำกระซิบบอกไม่หยุด หากที่ตรงมีแสงจากคบไต้ส่องก็คงจะเห็นปรางนวลขึ้นสีระเรื่อ ไอ้หาญจูบไปบนหน้าผากมนด้วยใจรักเต็มอก ไม่ได้พบหน้า ไม่ได้ใกล้ชิดกอดก่ายกันหลายวันแล้ว ครั้งนี้พอได้เชยชิดมีหรือมันจะไม่ตักตวงให้สมกับความคิดถึง

คุณปราณไม่ขัดขืน ปล่อยให้คนที่ครอบครองหัวใจตนได้กอดจูบได้ตามใจ กลีบปากนุ่มโดนกดจูบซ้ำๆ หลายครั้งจนไอ้หาญคิดว่าปากเล็กคนจะช้ำแล้วเป็นแน่ แต่กระนั้นความต้องการของมันก็ยังไม่สิ้นสุด ฝังจมูกโด่งไปตามแก้มนิ่มอีกหลายฟอด ลำคอเล็กที่โผล่พ้นคอเสื้อก็โดนจูบซับไม่เว้นที่ว่าง

“อ๊ะ...อื้อ...หาญ...” เสียงครางเครือเรียกชื่อคนที่กำลังเสพกายบางอย่างตะกรุมตะกรามราวกับคนห้ามใจตนเองไม่ได้ คุณปราณงอตัวเมื่อส่วนนั้นของตนบัดนี้มันตื่นสู้มือเพราะโดนอีกฝ่ายกระตุ้น กลิ่นสาบชายหนุ่มหุ่นกำยำเป็นตัวเร้าอารมณ์ที่ห่างหายไปหลายวันได้เป็นอย่างดี แต่หากจะให้มาสนองอารมณ์ความต้องการกันตรงนี้ก็ดูจะไม่งามนัก

“บ่าวขออภัยขอรับ คุณปราณเจ็บตรงไหนไหมขอรับ”

“ม...ไม่ๆ แค่...คืนนี้...คืนนี้เอ็งไปหาข้าที่ห้องเหมือนเดิมได้หรือไม่ ข้าอยาก...” คำพูดแผ่วเบาหยุดไปแต่สายตาก็ยังสื่อสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนหมด แก่นกายแข็งขืนใต้ผ้านุ่งโจงกระเบนสีน้ำตาลตุ่นของไอ้หาญกระตุกสู้มือ เมื่อคนที่พูดกำทักทายมันอยู่อย่างย้ำความข้างต้น

“ขอรับ ได้ขอรับ” ไอ้บ่าวซื่อตอบรับเสียงกระเส่า

“งั้นขอจูบอีกสักคราทิ้งท้ายไว้ก่อนได้หรือไม่ ข้ากระหายอยากให้เอ็งได้กอดก่ายอยู่ทุกคืนวัน” เสียงกระซิบพอให้ได้ยินไม่ได้ดังไปกว่าเสียงหรีดหริ่งเรไร แม้คนทั้งสองจะรู้ว่านี่คือในเขตวัด การกระทำอันใดควรสำรวม แต่เพราะความโหยหาของคนทั้งสองไม่อาจห้ามใจไว้ได้ เพราะหากยังกักเก็บต่อไปคาดว่ามันคงระเบิดคาอกเข้าสักวัน

ฝั่งไอ้มั่นเห็นว่าเจ้านายหายไปจึงออกตามหากับไอ้คม ส่วนคุณนวลจันทร์ก็ให้นั่งรออยู่กับบ่าวของเธอไปก่อน แต่ยังไม่ทันจะได้ออกไปหาให้ทั่วคุณปราณก็เดินถือน้ำตาปั้นกลับมาพร้อมไอ้หาญที่เดินตาม ชายหนุ่มร่างบางยื่นของหวานที่ปั้นเป็นรูปนกให้หญิงสาว อีกฝ่ายรับพร้อมแก้มขึ้นสีระเรื่อ เธอเอียงอายหันไปหาบ่าวที่ยิ้มให้อยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะรับมาด้วยท่าทางขวยเขิน

“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ” เสียงหวานตอบกลับมารับน้ำใจที่อีกฝ่ายมอบให้


หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๖/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๗ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 16-07-2020 19:52:24


จากนั้นคนทั้งคู่ก็เดินไปที่ลานทราย บ่าวชายทั้งสามไปขนทรายมาให้คนทั้งคู่ได้ก่อเจดีย์ทรายด้วยกัน ไอ้หาญมองภาพนั้นด้วยใจที่ปวดหนึบ แม้ก่อนหน้านี้เพียงไม่ทันเคี้ยวหมากแหลกมันยังได้กอดจูบยอดดวงใจ แต่ตอนนี้คุณปราณกลับได้สร้างบุญร่วมกับคุณนวลจันทร์เสียอย่างนั้น

“ไอ้หาญ เอ็งช่วยเอาทรายมาให้ข้าสักหน่อย เอามาตรงนี้ ใกล้ๆ ข้านี่” คุณปราณหันมาสั่งไอ้หาญตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล ก่อนจะละมือจากกองทรายกองแรกที่ก่อร่วมกับคุณนวลจันทร์ หันมาสนใจทรายกองที่สองที่ไอ้หาญเอามาให้ คุณปราณกอบทรายขึ้นมาพร้อมมือใหญ่ อาศัยตอนที่คุณนวลจันทร์เธอกำลังสนุกกับการปักดอกไม้บนกองทราย เพื่อที่เขาจะได้ทำบุญร่วมกับคนที่ตนพึงใจด้วย

“มือเอ็งใหญ่ กอบทรายได้มากกว่าข้า ข้าขออาศัยมือเอ็งสักหน่อยก็แล้วกัน” ไอ้หาญลอบยิ้มเข้าใจในทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร ทรายกองเล็กขนาดอาจไม่เท่าของคุณนวลจันทร์ แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกของคนสองคนที่ใจตรงกัน ดอกดาวเรืองถูกบิกลีบออกแล้วโรยไปทั่ว ส่วนบางดอกก็นำมาปักไว้โดยรอบพอให้สวยงามไม่ขี้เหร่นัก

ในค่ำคืนนั้นหลังจากกลับมาจากวัด ไอ้หาญนั่งรอเวลาที่มันจะได้ปีนขึ้นต้นกันเกราไปหายอดดวงใจของมันอีกครั้ง มันแหงนหน้ามองจันทร์ที่ส่องแสงอยู่ไกลๆ มันไม่รู้ว่าก่อนนี้ดวงจันทร์ดวงนี้เคยสวยมาก่อนหรือไม่ แต่วันนี้มันกลับรู้สึกแสงสว่างบนท้องฟ้าดวงใหญ่สวยงามกว่าทุกวัน พร้อมใจเบิกบานที่ไม่อาจกักเก็บความสุขได้จนต้องระบายยิ้มอยู่คนเดียว

“เจดีย์ทรายกองใหญ่หรือจะสู้ทรายกองเล็กที่เอ็งกับข้าก่อร่วมกัน อย่าได้น้อยใจในวาสนาและความต่างชนชั้นกันเลย เอ็งรู้ไว้เพียงแค่ว่าข้ารักเอ็งมากกว่าใครแค่นี้ก็พอแล้ว ไอ้หาญผัวข้า”

คุณปราณกระซิบบอกคนที่ตนกำลังนอนเอนพิงอกอยู่ หลังจากเสร็จสมกันไปรอบที่เท่าไหร่ของคืนนี้ก็ไม่อาจนับ ร่างเปลือยเปล่าของคนทั้งสองกกกอดกันไม่ห่าง มือใหญ่สีผิวเข้มของมันอยู่ในมือขาวเรียว หนุ่มร่างบางยกมันขึ้นมาจุมพิตอย่างรักใคร่

เขาไม่เคยรังเกียจสัมผัสจากไอ้บ่าวซื่อคนนี้เลยสักครั้ง แม้มันจะบอกอยู่เสมอว่าตัวมันสกปรก คราบไคลบางครั้งก็มีติดตัวให้ได้ละอาย แต่สำหรับเขาแล้วจิตใจที่บริสุทธิ์และภักดีต่อเขาต่างหากที่สำคัญ ไอ้หาญเจียมตัวเสมอไม่เคยตีตนเสมอเขา อยู่ต่อหน้าคนอื่นมันทำตัวเหมือนดั่งเงาไม้ใหญ่ ปกป้องคุ้มครองเขาไว้แต่ไม่แสดงตัวให้คนอื่นได้ระแคะระคายสงสัย

ครั้นเวลาสอดใส่เข้ามาในตัวเขา แค่เพียงเขาร้องหลุดออกไปแค่ปลายเสียง มันก็รีบหยุดทุกการกระทำเพราะกลัวเขาเจ็บ ความทะนุถนอมของไอ้บ่าวซื่อที่มีต่อเขาประหนึ่งมารดาอุ้มชูบุตรในอุทร

“บ่าวไม่คิดว่าคุณปราณจะก่อเจดีย์ทรายร่วมกันเลยขอรับ บ่าวไม่รู้จะตอบแทนคุณปราณอย่างไรให้สมกับความเมตตาที่คุณปราณมีให้”

“มิต้องดอก ข้ามิได้อยากได้อันใดจากเอ็งเลย ขอเพียงเราสองคนรักกันแบบนี้ต่อไปก็พอแล้ว หรือไม่...หากชาติหน้าฉันใดได้พบเจอกัน ก็ขอให้ได้ครองรักกันแบบไม่ต้องปิดบังเช่นชาตินี้เท่านั้นพอ” คุณปราณพูดเจื้อยแจ้วต่อไป หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นตรงกับใจไอ้หาญที่อธิษฐานต่อหน้าองค์พระปฏิมาองค์ใหญ่ในคืนนี้

::::::::::::

คุณปราณหลับอยู่เมื่อไอ้หาญตื่นขึ้นมาในเวลาเดิม ตอนนี้ได้เวลาที่มันจะต้องกลับเรือนทาสเสียแล้ว ไอ้บ่าวซื่อเอาผ้าแพรห่มให้คุณปราณคลายหนาวในยามที่ไม่มีอกอุ่นของมันคอยประคองกอด เสียงอืออาอย่างคนละเมอของหนุ่มร่างบางทำใบหน้าคมคายลอบยิ้ม กดจูบไปบนกระหม่อมก่อนจะลงจากเตียง ปีนออกทางหน้าต่างและไต่ไปตามกิ่งไม้ใหญ่ ก่อนจะกระโดดลงยืนบนพื้น โดยหารู้ไม่ว่ามีใครคนหนึ่งลอบมองการกระทำมันอยู่ด้วยความสงสัย

“มึงขึ้นไปทำอันใดบนห้องคุณปราณรึ” ไอ้มั่นหลบออกมาจากมุมมืดถามไอ้เพื่อนเกลอ มันลุกมาเข้าห้องน้ำและกำลังจะกลับขึ้นไปนอนเฝ้าคุณปราณที่หน้าห้องต่อ แต่ดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเสียก่อน

ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่มันเห็นไอ้หาญปีนลงมาจากห้องคุณปราณ อีกทั้งการกระทำของคนทั้งสองที่วัดตอนก่อเจดีย์ทรายก็ไม่หลุดรอดพ้นจากสายตามันไปได้ ใครๆ ในที่นี่ก็รู้กันหมดว่าการก่อเจดีย์ทรายเหมือนเป็นการสร้างบุญอย่างหนึ่ง ได้ทำร่วมกับใครก็เหมือนได้ทำบุญร่วมกับคนนั้น บ่าวอย่างพวกมันหรือจะมีสิทธิ์ไปเทียบเคียงเจ้านาย แต่สายตาที่คนทั้งสองกันมันลึกซึ้งเสียจนปิดไม่มิด เห็นทีความเมตตาที่คุณปราณมีต่อไอ้หาญจะไม่ใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้วกระมัง

ไอ้หาญเงียบไปไม่ได้ตอบในทันที สายตาของไอ้เพื่อนเกลอไม่ละไปจากใบหน้ามันแม้แต่น้อยเพื่อรอฟังคำตอบ ไอ้หาญได้แต่อึกอักเพราะมันไม่รู้จะตอบเช่นไร ยิ่งไอ้มั่นเดินเข้ามาใกล้จมูกดมไปตามร่างกายสูงใหญ่ของมัน เช่นนั้นยิ่งจำนนต่อหลักฐาน เพราะกลิ่นน้ำอบน้ำปรุงที่คุณปราณใช้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจนหอมติดกาย ทำให้กลิ่นติดมาบนผิวของมันด้วย

“ถ้ากูพูดอันใดไป มึงจะเอาเรื่องนี้ไปบอกใครหรือไม่” ไอ้หาญถามเสียงเข้ม ในเมื่อไม่สามารถหลบหลีกได้อีกต่อไป มันก็ต้องจำยอมที่ต้องสารภาพความจริงไป

“มันอยู่ที่ว่าสิ่งที่มึงพูดเป็นเช่นไร และมึงจะไว้ใจกูหรือไม่” ไอ้มั่นไม่ตอบแต่ถามกลับ ท่าทีของคนช่างพูดแปรเปลี่ยนเป็นเครียดขึง ไม่มีแววล้อเล่นหลงเหลืออยู่อีกเลย

คนทั้งคู่เดินไปทางท่าน้ำที่พวกบ่าวใช้อาบกัน ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่พวกบ่าวจะมาใช้พื้นที่พวกมันจึงมีเวลาได้พูดคุยเรื่องนี้

“กูรักคุณปราณ”

เพียงคำเดียวที่เอื้อนเอ่ยก็สามารถอธิบายทุกสิ่งที่ไอ้มั่นเห็นและอยากรู้ไปจนหมด ตอนแรกที่มันคิดไว้ก็ไม่ต่างจากนี้ แต่พอได้ยินจากปากไอ้คนซื่อก็ทำมันตกใจไม่น้อย

ชีวิตนี้ไอ้หาญเคยชายตาแลผู้ใดไม่ แม้แต่อีผ่องที่ทอดสะพานให้มันถึงท่าน้ำมันยังไม่สนใจ แต่บัดนี้มันกล้าพูดได้เต็มปากว่าคนที่มันมอบใจให้คือบุตรของท่านออกญาฯ เจ้านายของพวกมัน

ไอ้หาญเล่าต่ออีกเพียงเล็กน้อยว่ามันกับคุณปราณรักกัน ตอนแรกมันคิดว่าหลงรักเจ้านายอยู่เพียงฝ่ายเดียว หากแท้จริงแล้วคุณปราณก็รักมันเช่นเดียวกัน ไอ้มั่นถอนหายใจทิ้งเป็นสิบรอบเพราะยังตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน คิดไปหลายตลบว่าคนอย่างไอ้หาญนี่หรือจะรักใคร

แต่เมื่อนึกย้อนกลับไป และตรองทุกอย่างดูให้ดี ก็ต้องยอมรับว่าไอ้เกลอคนนี้คงปักใจรักเจ้านายของมันจริงๆ สายตาของไอ้หาญยามมองคุณปราณมีแต่ความห่วงหา ใบหน้าที่เรียบเฉยไร้อารมณ์ของมันผิดกับดวงตาคมที่มักซุกซ่อนความลับไว้ข้างใน และวันนี้มันก็ได้เห็นแววตาไอ้หาญที่หวานหยดยามมองคุณปราณที่ประคองมือใหญ่ของมันอยู่

“เห้อ...มึงนี่นะ” ไอ้มั่นพูดไม่ออก จากที่เป็นคนช่างจ้อจนโดนกระด้งฟาดปากไปหลายครั้ง บัดนี้กลับมีแต่ความเงียบงันและเสียงถอนหายใจ เพราะมันรู้ดีว่าสิ่งที่ไอ้หาญกำลังเผชิญมันจะมีแต่ความเจ็บปวด แม้นมีความสุขแต่ก็มิอาจสุขได้ตลอด

“มึงจะเอาเรื่องนี้ไปเรียนท่านออกญาฯ ไหม” ไอ้หาญหันมาถาม ใจมันกล้ายอมรับผลหากท่านออกญาฯ จะรู้เรื่องของมันกับคุณปราณ แต่ติดที่ว่ากลัวว่าคุณปราณจะโดนลงโทษที่เอาตัวมาเกลือกกลั้วกับคนอย่างมันเสียมากกว่า

“มึงเห็นกูเป็นคนอย่างนั้นรึ ถึงกูจะพูดมากแต่ใช่ว่าเรื่องนี้กูจะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องต้องห้าม แต่กูอยากเตือนมึงสักอย่าง ถ้าขืนมึงยังทำตัวอยู่แบบนี้สักวันไอ้อีคนอื่นๆ มันก็ต้องรู้ ดูสิ...กูมาเจอมึงที่หน้าต่างห้องคุณปราณถึงสองครั้งสองครา มึงไม่คิดหรือว่าคนอื่นก็อาจมาพบเจอได้เหมือนกัน”

“ขอบใจมึงจริงๆ ว่ะ ต่อไปกูจะพยายามและระวังให้มากกว่านี้”

“แล้วนี่ที่มึงขึ้นไปทำกระไรมที่ห้องคุณปราณ” ไอ้มั่นถามหน้าซื่อ แต่แววตาของไอ้หาญที่ตอบกลับมาทำเอาไอ้บ่าวช่างจ้อยันตีนถีบเกลอรักดังโครม “ไอ้ห่า! มึงนี่นะ! กินบนเรือนขี้รดบนหลังคาแล้วไหมล่ะไอ้เวร”

ไอ้มั่นสบถไปตามเรื่องตามราว เหตุไฉนใดเลยไอ้หาญถึงปิดเรื่องนี้กับมันได้เป็นเดือนๆ กว่าจะรู้ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองก็เลยเถิดกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ในเมื่อไอ้เกลอมันมีความรักครั้งแรกและเป็นรักต้องห้าม ไอ้มั่นคนนี้ก็คงได้แค่เอาใจช่วยขอให้มันรอดพ้นจากท่านออกญาฯ ก็แล้วกัน

--##--##--##--##--##--##--

หลังจากที่นอนป่วยอยู่สองวันเต็มๆ ณิชก็กลับมาทำงานได้ดังเดิมแล้ว ก่อนหน้านี้ช่วงที่ยังป่วยอยู่เขาจะลงมาช่วยงานมิ้ง แต่ก็โดนเจ้าของวังสั่งห้ามไว้ว่าให้เขารักษาตัวให้หายก่อน ห้ามลงมายุ่งกับงานเด็ดขาด ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมิ้งจัดการไปก่อน

จนมาวันนี้งานรุดคืบหน้าไปพอสมควรแล้ว การตกแต่งห้องแรกกำลังจะเสร็จ เหลือเพียงแค่เฟอร์นิเจอร์ที่เข้าชุดกัน และการจัดวางของให้เข้าที่ รวมไปถึงทีมช่างเก็บรายละเอียดก็จะเป็นอันเสร็จ และจะเริ่มงานในส่วนของห้องต่อไปได้เลย

มื้อเที่ยงวันนี้ในช่วงกลางวันมี ‘ข้าวยำ’ อาหารทางใต้ที่คุ้นเคยชื่อกันดี ‘น้ำบูดู’ ที่ใช้เป็นน้ำราดโดนเคี่ยวจนข้นส่งกลิ่นหอม และมีรสชาติปนหวานนิดหน่อย รวมไปถึงความเค็มที่พอดี เมื่อราดลงบนข้าวสวยร้อนๆ ที่มีเครื่องข้าวยำจำพวกกุ้งแห้งป่น มะพร้าวคั่ว รวมไปถึงผักสดหั่นซอย ไม่ว่าจะเป็นตะไคร้ ถั่วฝักยาว ใบชะพลู ดอกดาหลา คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน ก่อนจะตัดรสชาติเค็มออกหวานด้วยมะม่วงเบาซอยเป็นเส้นเล็กๆ รสชาติเปรี้ยวจะทำให้ข้าวยำอร่อยกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น

“ครั้งแรกในชีวิตที่หนูกินผักเยอะขนาดนี้” มิ้งสารภาพออกมาจากใจจริง มื้อนี้เหล่าทีมช่างจรูญ มิ้งและณิชร่วมโต๊ะทานอาหารด้วยกัน เนื่องจากกลิ่นของน้ำบูดูที่คนภาคใต้เรียกว่า ‘น้ำเคย’ :7j’ ป้าแจ่มเคี่ยวเมื่อช่วงสายส่งกลิ่นหอมจากโรงครัวลอยมาให้ได้กลิ่นถึงตัวคฤหาสน์ ทำให้ทุกคนต่างพร้อมใจกันอยู่รอทานอาหารมื้อนี้

พวกผักต่างๆ ก็หาเอาจากในสวนของจีรัชญ์นี่แหละ ป้าแจ่มเอามาซอยเหลือเพียงเส้นเล็กๆ บางๆ จัดแยกเป็นอย่างๆ ในถาดเคลือบลายดอก ใครใคร่อยากกินผักเยอะก็หยิบใส่จานตามสบาย ใครใคร่ผักน้อยก็หยิบไปแต่พอดี กลายเป็นมื้อนี้ทั้งทีมสถาปนิกและทีมช่างต่างอิ่มหนำสำราญกันไปกับเมนูอาหารบ้านๆ ง่ายๆ นี้

จีรัชญ์กลับมาถึงบ้านอีกครั้งในช่วงบ่ายแก่ๆ หลังจากสอนหนังสือที่มหา’ ลัยเสร็จ เดินเข้าไปส่วนที่ณิชทำงานอยู่ก็เห็นเจ้าตัวกำลังเคลื่อนย้ายโต๊ะไม้จัดเข้าที่ ห้องนั่งเล่นที่ออกแนวสมัยใหม่แต่ก็ยังคงความเก่าไว้บ้าง ดูลงตัวอย่างที่ณิชออกแบบมาเสนอนั่นแหละ

ส่วนคนอื่นๆ เขาไม่รู้ว่าหายไปไหน ทำไมมีแต่ณิชอยู่ในห้องนี้ก็ไม่รู้ได้ เขาจึงเดินเข้าไปตรวจงานเงียบๆ บางจุดยังเก็บไม่เรียบร้อยดี คงต้องรอช่างจรูญเก็บงานให้หมดก่อน ถ้าตรวจอีกครั้งแล้วพบก็ต้องสั่งให้ทำใหม่

“โอ๊ย!” หนุ่มร่างบางขยี้ตาเมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเข้าตา จีรัชญ์เดินเข้าไปใกล้อย่างเงียบเชียบ ก่อนจะเอ่ยเบาๆ

“ให้ผมดูให้ไหม”

“เห้ย! อ้อ! คุณจีรัชญ์ ไม่เป็นไรครับ ผมคิดว่าเดี๋ยวมันก็ออก” ณิชที่ตอนแรกตกใจ แต่เมื่อฝืนหรี่ตาขึ้นมองก็พบว่าเป็นเจ้าของบ้านที่ยืนอยู่เขาจึงยิ้มให้ ก่อนนี้มิ้งเล่าให้ฟังแล้วว่าตอนไข้ขึ้นจีรัชญ์มาช่วยเช็ดตัวให้ด้วย เขาเอ่ยขอบคุณไปหลายหนแล้วก็จริง แต่ก็รู้สึกถือเป็นบุญคุณที่อีกฝ่ายสร้างไว้และเขาต้องทดแทนให้สักวัน

“ยิ่งคุณขยี้มันจะยิ่งเคืองตา” จีรัชญเตือนเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมให้เขาดูง่ายๆ

“แค่นี้เองครับ นี่ไง...ไม่รู้สึกเคืองแล้ว” ณิชตอบพร้อมยิ้มกว้าง อยากผูกมิตรและสนิทสนมกับอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ ยิ่งรู้สึกว่าคนที่อยู่ในฝันคือบรรพบุรุษของจีรัชญ์ แม้เจ้าตัวจะยังไม่ตอบรับ แต่เขาก็รู้สึกผูกพันกับไอ้หาญมากกว่าที่คิดเสียอีก หากวันใดรู้แจ่มแจ้งว่าไอ้หาญต้องการสิ่งใด เขาจะเก็บมาบอกจีรัชญ์เป็นคนแรกเลย

“ผมซื้อเต้าฮวยนมสดมาฝาก พอดีนักศึกษาเขาทำขายผมเลยช่วยอุดหนุน คุณลองทานดูนะ” ชายหนุ่มยื่นถุงขนมที่ว่ามาตรงหน้า เต้าฮวยนมสดในถ้วยพลาสติกสองถ้วยปิดฝาสนิทดูน่าทาน

“คุณจีรัชญ์ไม่ทานเหรอครับ”

“ผมไม่ค่อยชอบของหวานสักเท่าไหร่ แต่คุณชอบ” จีรัชญ์ตอบพร้อมรอยยิ้มบาง

“อ่า...ใช่ครับ ผมชอบกินขนม ขอบคุณนะครับ คุณรู้ใจผมดีจัง” ณิชรับของที่ว่ามาพลางพึมพำเบาๆ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม คนพูดไม่ได้ใส่ใจคำว่า ‘คุณชอบ’ ของอีกฝ่ายที่กล่าวขึ้นราวกับคนที่รู้ดีว่าณิชเป็นอย่างไร จีรัชญ์เห็นท่าทางหนุ่มเมืองกรุงดีใจเหมือนเด็กได้ของสุดโปรดแล้วอดเอ็นดูไม่ได้

ณิชแกะถ้วยเต้าฮวยนมสดแล้วตักกินต่อหน้าคนให้ทันที รสชาติหวานไม่มากกำลังดีจนเขาต้องตักเข้าปากอีกคำ เมื่อเห็นจีรัชญ์มองตนอยู่เขาจึงหยุดมือ

“หรือคุณจะชิมดูไหม เกิดลูกศิษย์คุณถามว่ารสชาติเป็นอย่างไรคุณจะได้ตอบถูก” ณิชไม่พูดเปล่า เขาหยิบช้อนพลาสติกอันเล็กที่แถมมาด้วยตักเนื้อเต้าฮวยขึ้นจ่อปากคนตัวใหญ่

จีรัชญ์ที่ตอนแรกจะปฏิเสธ แต่เมื่อได้เห็นแววตาและรอยยิ้มหวานก็ทำให้ใจอ่อนอยู่ร่ำไป ชายหนุ่มจับมือเรียวไว้แล้วงับเนื้อเต้าฮวยนิ่มๆ เข้าปากไม่มีอิดออด

หากถามถึงความหวานที่ได้ เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนลิ้มรสนี้มาจากเนื้อเต้าฮวย หรือรอยยิ้มของคนตรงหน้ากันแน่

“เป็นไงครับ”

“หวานกำลังดี” และจะดีกว่านี้ ถ้าความหวานนี้ไม่ซ่อนความขมขื่นมาด้วย

ณิชยิ้มกว้าง ระหว่างนั้นมิ้งกับช่างจรูญเข้ามาพอดีเขาจึงหันไปคุยเรื่องงานต่อ ช่างจรูญบอกว่าเหลือเก็บงานในห้องนี้อีกนิดหน่อยก็เสร็จแล้ว และจะให้ลูกน้องขัดถูกให้สะอาด จากนั้นจะเริ่มห้องโซนต่อไปเลย

ตกดึกณิชนั่งทำงานอยู่ในห้องเช่นเดิม อาการเมื่อยขบเริ่มเล่มงานจนต้องลุกขึ้นบิดขี้เกียจและเดินบ้างเพื่อไม่ให้เป็นออฟฟิศซินโดรม เขาส่งงานของลูกค้าให้พี่โอ๋แล้ว แต่ยังไม่หมดเหลืออีกรายหนึ่งก็เป็นอันเสร็จ แต่พี่โอ๋กลับบ่นเขาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าอย่าได้นิ่งนอนใจ ถ้ามาบ้านป่าเมืองเถื่อนก็ต้องระวังตัวให้มาก แม้เขาจะบอกว่าจีรัชญ์โดนหนักกว่าก็เถอะ ส่วนตัวเขาไม่เป็นอะไรเลยแค่เป็นหวัดเพราะโดนฝนเท่านั้น

ก๊อกๆๆ

“ยังไม่นอนอีกเหรอครับคุณจีรัชญ์” ณิชที่ลงไปชงไมโลมาจากชั้นล่าง เมื่อเดินผ่านห้องของเจ้าของบ้านที่เปิดแง้มอยู่จึงเคาะและทักทายดู อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์เมื่อเห็นว่าคนมาเยือนคือใครเขาจึงยิ้มให้บางๆ

ยิ่งอยากออกห่าง แต่อีกฝ่ายดูจะอยากเข้าหาเขามากกว่าเดิม รั้นเสียจริงเจ้าโชคชะตา









โปรดติดตามตอนต่อไป

พระเอกของเรื่องชื่อ หาญ > ... > จีรัชญ์(ตรี)

นายเอกของเรื่องชื่อ คุณปราณ > ... > ปราณันต์(ณิช)

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๘ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 16-07-2020 20:39:40
ตอนแรกจะปฏิเสธ แต่เมื่อได้เห็นแววตาและรอยยิ้มหวานก็ทำให้ใจอ่อนอยู่ร่ำไป ชายหนุ่มจับมือเรียวไว้แล้วงับเนื้อเต้าฮวยนิ่มๆ เข้าปากไม่มีอิดออด หากถามถึงความหวานที่ได้ เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนลิ้มรสนี้มาจากเนื้อเต้าฮวย หรือรอยยิ้มของคนตรงหน้ากันแน่


ชอบ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๘ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 16-07-2020 20:43:38
หวานมากกก รู้ใจกันขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๘ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 16-07-2020 23:19:15
มันปวดใจยังไงไม่รู้
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๘ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 17-07-2020 01:16:40
วุ้ยยยยคุณตรีเขาริ่มเทคณิชแล้วเว้ย มีซื้อของหวานมาฝงมาฝากเพราะเห็นว่าเขาชอบ  :-[ ไอ้มั่นก็รู้ไปอีกคนแล้ว อุบะ!! จะลักลอบเจอกันยังไงให้เนียนอะไอ้หาญผัวข้า 5555 ปมต่างๆก็รอต่อไป ระยะนี้เหมือนคุณตรีจะห้ามใจยังไงไหว ณิชรุกหาอยู่แบบนี้  :o8: 555 ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รอตอนหน้าจ้า  :pig4: :pig4: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๘ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-07-2020 02:22:39
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๘ หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 23-07-2020 18:38:12
บทที่ ๙ (ครึ่งแรก)

“ยังไม่นอนอีกเหรอครับคุณจีรัชญ์” เสียงทักพร้อมเจ้าตัวที่เยี่ยมหน้าเข้ามาในห้อง ณิชยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงยหน้าจากกองหนังสือมองมาที่เขา

“ยังครับ คุณก็ยังไม่นอนเหรอครับ” จีรัชญ์ลุกมาเปิดประตูให้อีกฝ่ายได้เดินเข้ามาข้างใน ไหนๆ ณิชก็เคยเข้ามาแล้ว จากที่คิดว่าจะไม่ให้อีกฝ่ายได้เข้ามายุ่มย่ามกับชีวิตส่วนตัว แต่ก็ยากจะห้ามเหลือเกิน ฉะนั้นจะเข้ามาอีกครั้งจะเป็นอะไรไป อย่างไรเสียเจ้าตัวก็คงจำเรื่องราวในฝันไม่ได้หรอกหากไม่ได้นอนหลับน่ะ

“คุณทำงานดึกนะครับ เป็นอาจารย์มหา’ ลัยงานเยอะเหมือนกันนะเนี่ย ดูหนังสือที่กองสิ” ณิชบุ้ยใบ้ไปตามกองหนังสือที่เปิดกางอยู่บนโต๊ะ

“สอนเกี่ยวกับกฎหมายเลยต้องเตรียมข้อมูลเยอะสักหน่อยครับ” จีรัชญ์ตอบเสียงเรียบ นี่คงเป็นครั้งแรกที่จีรัชญ์พูดเรื่องเกี่ยวกับตัวเองออกมาโดยที่ไม่ต้องถามก่อน

ณิชถือว่านี่เป็นสัญญาณที่ดีที่เขากับจีรัชญ์เข้ากันได้ ไม่ได้มึนตึงใส่เขาเหมือนอย่างก่อนหน้านี้ ไหนจะเต้าฮวยนมสดนั้นอีก เขาโดนมิ้งแซวด้วยสายตาเรื่องที่ป้อนเต้าฮวยให้อีกฝ่ายกินถึงปาก ทั้งที่จริงตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร แต่พอโดนแซวแบบนี้ก็เขินอยู่เหมือนกัน

“ผมเห็นในห้องทำงานของคุณมีหนังสือเยอะมาก คุณชอบอ่านหนังสือแนวไหนเหรอครับ” ณิชชวนคุยระหว่างรอให้ไมโลในแก้วอุ่น

“ผมไม่เจาะจงประเภทหนังสือ คิดแค่ว่าอ่านหนังสือได้แล้วก็อยากลองอ่านสิ่งใหม่ๆ ดู” คำพูดเป็นนัยๆ ของจีรัชญ์ทำให้ณิชขมวดคิ้ว

“คุณพูดราวกับคนอ่านหนังสือไม่ออก แต่เพิ่งมาหัดอ่านได้ไม่นาน”

“ผมเคยอ่านหนังสือไม่ออก” จีรัชญ์ตอบกลับเสียงเรียบ หากแต่หัวใจเต้นหนักหน่วงยามคิดถึงอดีต เพราะการอ่านหนังสือไม่ออกนี่แหละทำให้เขากัดฟันทน ทนเพื่อจะรู้ให้ได้ว่าข้อความตัวอักษรบนกระดาษนั้นเขียนว่าอะไร และพอได้อ่านเขาถึงได้พยายามหาอ่านสิ่งอื่นมากลบสิ่งแรกที่ได้อ่านในชีวิตไป

“ถ้าคุณหมายถึงตอนเกิดมาแล้วอ่านหนังสือไม่ออกใช่ไหม อันนั้นผมไม่เถียง เพราะผมก็อ่านไม่ได้เหมือนกัน กำลังแหกปากร้องอยู่ ฮ่าๆ” ณิชกลัวบรรยากาศดีๆ นี้จะเสียไปจึงกลบเกลื่อนเป็นมุกตลกเสีย

“หืม คุณเขียนกับปากกาขนนกเป็นด้วยเหรอ” ณิชเปลี่ยนเรื่องเร็วจนจีรัชญ์เกือบตามไม่ทัน คนซุกซนที่มีสายตาชอบสอดส่องเดินเข้ามาใกล้ ณิชเห็นว่าปากกาขนนกเสียบอยู่ในแท่นของมัน ข้างกันมีกระดาษที่ถูกเขียนภาษาอังกฤษเป็นตัวเขียน ตัวอักษรติดกันเป็นพืด น้ำหนักมือลงหนักเบาต่างกัน ดูราวกับเจ้าของภาษามาเขียนให้ดูเอง

“ก็พอได้”

“ไม่พอได้แล้วครับ เขียนสวยมาก สอนผมบ้างสิ ผมเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษแบบตัวเขียนไม่เป็นเลย”

ณิชร้องขอก่อนจะจิบไมโลอุ่นไปนิดหน่อยแล้ววางแก้วลงบนโต๊ะ จีรัชญ์ลอบถอนหายใจกับคนที่ทำตัวสบายกับเขาเสียเหลือเกิน หารู้ไม่ว่าจิตใจเขาตอนนี้เต้นแกว่งไม่เป็นจังหวะ เดี๋ยวช้าเดี๋ยวเร็วจนคิดว่าอาจจะเป็นโรคหัวใจเข้าสักวัน

หนุ่มเมืองกรุงถือวิสาสะยกเก้าอี้ตัวใหญ่มานั่งข้างเจ้าของห้อง เพราะอีกฝ่ายละมือจากงานพอดีเขาจึงยิ้มกว้างพร้อมทำตัวเป็นนักเรียนให้อีกฝ่ายสอน จีรัชญ์จำยอมไม่ปฏิเสธเพราะรอยยิ้มหวานนั้น ท่าทางน่าเอ็นดูราวกับนักเรียนตัวน้อยๆ ที่อยากได้ความรู้จริงๆ

ปากกาขนนกแท่งสวยถูกจุ่มลงไปในของเหลวข้นเพื่อเติมหมึกสีดำ ปลายปากกาจรดลงบนกระดาษ ก่อนจีรัชญ์จะเริ่มเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษแบบตัวเขียนให้ณิชดูทีละตัว อีกฝ่ายสนใจไม่น้อย กายบางค่อยๆ ขยับโน้มเข้าหาจนอกแทบชิดศอกคนตัวโต ลมหายใจอุ่นรดรินบนไหล่กว้าง จีรัชญ์ลอบมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายอย่างเผลอไผล ความใกล้ชิดนี้ที่เคยได้รับ เคยได้สัมผัส และเขาเคยโหยหา บัดนี้มันกลับอยู่ใกล้เพียงปลายนิ้วแตะ

“ขนาดเขียนกับปากกาธรรมดาผมว่ายังยากเลย แต่คุณ...” ณิชพูดไปตาก็มองกระดาษไป แต่เพราะเห็นว่าจีรัชญ์ไม่ลงมือเขียนต่อสักทีจึงหันมามอง เขาได้สบตากับคนที่จ้องตนอยู่ก่อนแล้ว แววตาของจีรัชญ์ที่ต้องแสงนวลของโคมไฟบนโต๊ะ บัดนี้เปล่งประกายกว่าแต่ก่อน มันดูมีชีวิตชีวาไม่ได้ดูเหมือนกับคนไร้ชีวิตอย่างก่อนหน้านี้ แต่แล้วทุกอย่างที่อ่านได้ทางสายตาก็แปรเปลี่ยนกลับไปเป็นเฉยชาเช่นเดิม

“ฝึกบ่อยๆ คุณก็จะเขียนได้แบบนี้”

“งั้นให้ผมลองหน่อยสิ” ณิชเขยิบเข้าไปใกล้อีกนิด เอากระดาษมาวางตรงหน้าตนแล้วรับปากกาขนนกจากมือใหญ่มาจุ่มหมึก แต่เพราะเขายังไม่รู้น้ำหนักของสิ่งนี้หมึกจึงหยดเลอะเปรอะกระดาษไปหลายจุด พอลองลากเส้นเขียนดูก็ไม่ได้เส้นสวยและบางอย่างใจคิด ทำเอาใบหน้าหวานติดจะบึ้งตึงไปเพราะไม่ได้ดั่งใจ

“จุ่มหมึกแล้วต้องรอให้มันหยดเสร็จก่อน จากนั้นก็ค่อยเอามาเขียน” ชายหนุ่มเจ้าของปากกาขนนกกล่าวเสียงนุ่มอย่างคนใจเย็น เห็นหน้างอง้ำแล้วสงสารจึงสอนจับปากกาให้

“ค่อยๆ เขียนไม่ต้องรีบ” วงแขนอบอุ่นโอบไหล่บางไว้ มือใหญ่ประคองมือเรียวที่จับปากกาขนนกอยู่ให้ขยับตามแรงนำพาของเขา

การลากเส้นเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เน้นหนักเบาต่างจังหวะกัน ตัวอักษรยังเขียนตัวใหญ่อยู่เพื่อให้ณิชคุ้นชินกับพยัญชนะ จากนั้นค่อยไล่ระดับลงให้เล็กสักหน่อย

“ตัว a ไปตัว b เขียนไปแบบไม่ต้องยกปากกา ใช่...แบบนั้นแหละ” แม้จะปล่อยมือให้อีกฝ่ายได้ลองเขียนเอง แต่แขนแกร่งก็ยังโอบไว้ไม่ห่าง กลุ่มผมที่ตัดแต่งทรงตามสมัยส่งกลิ่นหอม จีรัชญ์เผลอสูดดมอยู่บ่อยครั้ง โดยเจ้าตัวไม่รู้เลยว่าบนใบหน้าเรียบเฉยของตนที่แสร้งทำ ตอนนี้มีรอยยิ้มบางประดับบนใบหน้าเสียแล้ว

“อ่ะ! มือเลอะ” ณิชยกสันมือดูปรากฏว่าสันมือเขาเต็มไปด้วยคราบดำที่เกิดจากการลากมือไปบนกระดาษ จีรัชญ์หัวเราะขำในลำคอเบาๆ กับท่าทางราวหนูตกใจ เขาหยิบทิชชูบนโต๊ะส่งให้ณิชเช็ด

“ถ้าอยากเขียนได้คุณต้องลองหัดบ่อยๆ การหัดเขียนแบบนี้มันช่วยเรื่องสมาธิได้ด้วยนะ” เขาบอกคนที่กำลังถูสันมือตัวเอง แต่คราบหมึกก็ไม่ได้ออกมากนักหรอก ต้องไปล้างสบู่ถึงจะออก

“แล้วคุณเขียนภาษาไทยได้ไหม ลองเขียนให้ผมดูหน่อยสิ ผมอยากเห็นลายมือคุณ” ไม่พูดเปล่าคนร่างบางยังดันกระดาษคืนกลับให้เจ้าของ พร้อมทั้งปากกาขนนกและขวดหมึก ก่อนจะยกไมโลที่ตอนนี้เย็นชืดเสียแล้วขึ้นดื่มรวดเดียวหมด จีรัชญ์ส่ายหน้าเบาๆ กับท่าทางของณิชที่เผลอแสดงออกมาเด็กกว่าอายุจริงของเจ้าตัว

“คุณไม่ง่วงรึไง”

“ยังครับ ปกติถ้าอยู่กรุงเทพฯ ผมนอนดึกกว่านี้ บางคืนถ้างานรีบก็โต้รุ่งจนเช้าเลย

แน่ล่ะ ตาใสแป๋วเป็นนกเค้าแมวขนาดนี้คงง่วงง่ายอยู่หรอก

“เอ่อ...คุณจีรัชญ์ง่วงแล้วเหรอครับ”

“เปล่า ผมแค่สงสัยเท่านั้น แต่ถ้าคุณบอกว่ายังไม่ง่วงผมก็จะเขียนให้ดู” พูดจบเขาก็เริ่มเขียนให้ณิชดูอีกครั้ง

ปราณันต์

ชื่อจริงของณิชโดยลายมือหวัดๆ ของจีรัชญ์ เจ้าของชื่อได้มองก็ยิ้มกว้าง ชื่อจริงที่เขาไม่คิดอยากให้คนสนิทเรียกซ้ำสอง แต่พอกลายมาเป็นตัวอักษรที่เขียนด้วยลายมือของจีรัชญ์เขากลับดีใจที่ได้เห็นมัน

“ลายมือคุณเหมือนคนสมัยก่อนเลย สวยมากๆ ครับ” ณิชเอ่ยชมเปาะทันที มันทั้งสวยงาม เป็นระเบียบ แม้ไม่มีเส้นบรรทัดคอยกำกับ ตัวอักษรกลับเรียงราวกับมีเส้นบรรทัดล่องหน

“เขียนอีกได้ไหมครับ นะครับ...ผมอยากเห็นอีก” ณิชเปลี่ยนจากการร้องขอเป็นการอ้อนวอน จีรัชญ์มองใบหน้าหวานนิ่ง เพียงเสี้ยววิผ่านไปเขาก็เริ่มเขียนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นกลอนสั้นๆ ให้อีกฝ่ายได้อ่านเท่านั้น

คิดคะนึงถึงเจ้าดวงใจพี่

สุดรำพึงถึงคนดีนี้หนักหนา

แต่เพราะกรรมมิอาจรักต้องจากลา

สุดไขว่คว้าจำใจจากต้องพรากกัน

ถ้อยคำที่เรียงร้อยออกมาจากความรู้สึกเป็นบทกลอน เขาไม่รู้ว่าคนที่ได้อ่านตอนนี้รู้สึกเช่นไร แต่ตัวเขาแล้วมันแทนได้เพียงความรู้สึกเดียวคือ...ความคิดถึง

รอยยิ้มหวาน เสียงหัวเราะเบาๆ ยามได้ฟังสิ่งที่ถูกใจ มือเรียวที่หุ้มด้วยผิวขาวนุ่มมือ เขาโหยหาทุกสิ่งที่เคยได้รับ ตอนเริ่มรักทุกอย่างช่างหวานชื่นความสุขแทบล้นอก แต่เพราะรักเช่นเดียวกัน เมื่อเวลาผ่านล่วงเลยไป ใครเลยจะรู้ว่าความทุกข์ระทมแสนสาหัสที่ได้รับไม่มีที่สิ้นสุดนี้ จะทำให้เขาทรมานเจียนตาย

“คิดถึงเขาเหรอครับ”

ณิชหลุดถามอย่างลืมตัวเมื่อเห็นอาการของอีกฝ่าย แต่เพราะนั่งใกล้กันจึงได้ยินชัดเจน เขาเงยหน้ามองคนตัวใหญ่เมื่อได้อ่านกลอนบทนี้จบ แววตาเศร้าของจีรัชญ์ปิดไม่มิดในคราวนี้ เขาจับความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ชัดเจน จนมั่นใจว่าจีรัชญ์คงเขียนถึงใครสักคน

ภายในห้องนอนใหญ่เงียบจนได้ยินเสียงพัดลมเพดานที่กำลังทำงานอยู่ แม้แต่เสียงแมลงข้างนอกก็ยังได้ยินถึงข้างใน เพราะไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา มีเพียงสายตาสองคู่ที่สอดประสานมองกันเท่านั้น ราวกับต่างฝ่ายต่างสื่อสารกันทางความรู้สึกมากกว่าจะพูดออกมาเป็นถ้อยคำ

คนหนึ่งค้นหาคำตอบสิ่งที่ตนสงสัย อีกคนปกปิดไว้สุดใจไม่อยากให้ใครได้รู้ ณิชเผลอยกมือขึ้นประคองแก้มของคนตรงหน้าไว้ เพราะดวงตาเศร้าที่เอ่อคลอด้วยหยาดน้ำใสมากกว่าปกติทำเขาปวดหนึบในอก เขาไม่รู้ว่าจีรัชญ์เจ็บปวดด้วยเรื่องอะไร แต่ที่เขารับรู้ได้มันคงสาหัสจนเขาอยากจะเยียวยาความรู้สึกเศร้านี้ให้

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หลับตาเอียงหน้าเข้าหามืออุ่น เพื่อซึมซับสัมผัสที่อีกฝ่ายเผื่อแผ่มาให้ แค่ได้สบตากำแพงที่สร้างไว้ก็สั่นคลอนแทบพังทลายลงทุกที

“ทุกลมหายใจ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มพูดเหมือนพึมพำกับตนเอง

“ทำไมไม่บอกเขาล่ะครับ” ณิชถามอีกครั้ง

เสียงเบาราวกำลังตกอยู่ในภวังค์ ใครคนนั้นของจีรัชญ์คือใคร คุณแขไขเหรอ หรือใครอื่นที่อยู่เบื้องลึกในหัวใจของชายหนุ่มผู้เย็นชาคนนี้

แต่ที่ชัดเจนคือความรู้สึกของเขาที่อิจฉาใครคนนั้นเหลือเกิน เขาจะรับรู้ไหมว่ามีใครคนหนึ่งคิดถึงเขาปานจะขาดใจอยู่ตรงนี้

“ผมได้แค่คิด...แต่มันคงไปไม่ถึงเขา” จีรัชญ์ตอบเสียงเศร้า แต่เสียงที่ว่าเศร้ายังไม่เท่าดวงตาที่แสดงออกมาในตอนนี้

“ทำไม”

“เพราะความคิดนี้ถึงมีแค่ผมคนเดียวที่รับรู้”

ไม่ว่าจะเมื่อก่อน ตอนนี้ หรือในอนาคต ก็มีแค่เขาคนเดียวที่รู้ทุกความรู้สึก





โปรดติดตามส่วนต่อไป

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๓/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๙ {๕๐%} หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-07-2020 22:13:23
 :hao5:


หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๓/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๙ {๕๐%} หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 24-07-2020 10:46:14
สงสารทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๓/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๙ {๕๐%} หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 24-07-2020 19:41:56
อีกนานไหมที่ทุกอย่างจะดีขึ้น
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๓/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๙ {๕๐%} หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 24-07-2020 19:47:51
ในภพชาตินี้ ขออย่าให้มีความผิดหวังเกิดขึ้นอีกเลย
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๓/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๙ {๕๐%} หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 25-07-2020 10:34:25
หวานปนขม มันเศร้า งื้ออออ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๓/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๙ {๕๐%} หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 25-07-2020 13:32:31
บทที่ ๙ ครึ่งหลัง


“พี่ณิช พี่โอ๋บอกว่าอย่าลืมงานลูกค้าด้วยนะ ลูกค้าโทรมาเร่งบอกจะเอาภายในอาทิตย์หน้า” มิ้งบอกคนที่กำลังเหม่อ เธอชะโงกหน้าเข้าไปดูณิชใกล้ๆ แต่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะตกใจหรือขยับออกอย่างปกติ

“พี่ณิช พี่... เห้ย! พี่ณิช!”

“เห้ย! ตกใจหมดไอ้มิ้ง! เรียกทำไมเสียงดัง” ณิชเซเกือบล้มเพราะหญิงสาวผลักเขา

“ก็พี่เหม่ออ่ะ หนูคุยด้วยตั้งนานแต่พี่เอาแต่ยืนเหม่ออยู่นั่นแหละ เป็นอะไรรึเปล่า ไข้กลับเหรอ” มิ้งโบกมือหน้าณิช ฝ่ายรุ่นน้องขมวดคิ้วมุ่นสงสัยไม่น้อยว่ารุ่นพี่เธอเป็นอะไร ดูใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตั้งแต่เช้าแล้ว

“เปล่า ไม่มีอะไร ไปทำงานต่อเถอะไป”

“อย่าลืมส่งงานลูกค้าให้พี่โอ๋นะ และดูท่าพี่จะมีข่าวดีด้วย”

“อะไร”

“ลูกค้าสั่งแก้งาน ฮ่าๆๆ” พูดจบมิ้งก็ทิ้งไว้แค่เสียงหัวเราะก่อนจะวิ่งจากไป ณิชถอนหายใจอย่างเซ็งๆ

สาเหตุอาการเหม่อลอยของเขาก็ไม่ใช่ใครอื่น เจ้าของวังปริพัตรนี่แหละที่ทำให้เขาว้าวุ่นใจอยู่แทบทุกวัน เพราะตั้งแต่คืนนั้นที่เขาได้พูดคุยกับจีรัชญ์ ให้อีกฝ่ายสอนเขียนหนังสือกับปากกาขนนก จนมาจบที่ได้เห็นความอ่อนไหวของอีกฝ่าย จีรัชญ์ก็แทบจะหลบหน้าหลบตาไม่ให้เขาเห็นหน้าอีกเลย

จนวันนี้เกือบอาทิตย์เห็นจะได้ที่อีกฝ่ายบ่ายเบี่ยงที่จะเข้าใกล้เขา ยิ่งเวลาอยู่กันสองคนจีรัชญ์จะปลีกตัวออกห่างเขาไปทันที ทำทีว่าติดธุระบ้างล่ะ ไม่ว่างคุยให้คุยกับคุณหมีไม่ก็คุณสุทิน เขาหงุดหงิดจนเลิกหงุดหงิดไปแล้วอีกฝ่ายก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเข้าใกล้กัน

“ป้าแจ่ม ผมถามอะไรหน่อยสิครับ” ณิชเดินมาหาแม่บ้านใหญ่ตรงเรือนครัว ป้าแจ่มกำลังทำสะเดาน้ำปลาหวานอยู่หันมายิ้มให้ กวักมือให้เขาเข้าไปหา ณิชจึงนั่งลงบนแคร่ข้างหญิงสูงวัยทันที

“มีอะไรเหรอครับคุณณิช”

“คุณจีรัชญ์เขาเคยเกลียดใครไหมครับ แบบไม่ชอบใจใครประมาณนี้” อดรนทนไม่ไหวจึงต้องถามหาคำตอบจากคนที่อยู่บ้านหลังนี้มานาน อีกฝ่ายหัวเราะทันทีเมื่อได้ฟัง

“ทำไมถามแบบนี้ล่ะคะ หรือว่าคุณณิชไปทำอะไรให้คุณตรีโกรธ” ป้าแจ่มหันมาถามใบหน้ายังมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่ ด้วยความเอ็นดูแขกของบ้านที่มาอยู่ได้ร่วมเดือนแล้ว แต่ดูเหมือนจะเข้ากับเจ้านายของเธอไม่ได้สักเท่าไหร่ บางครั้งคนทั้งสองก็เหมือนพร้อมจะเข้าหากัน แต่หลังๆ ก็ออกห่างกันอีกแล้ว

“ก็คุณตรีของป้าแจ่มเขาหลบหน้าผม ผมก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิดไปเขาถึงไม่คุยด้วย” ณิชว่าสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะบึ้งตึงเมื่อคิดว่าตนไม่จำเป็นต้องเข้าหาจีรัชญ์ขนาดนี้เลย หากเจ้าตัวไม่อยากคุยกับเขาก็สั่งงานผ่านรุ่นน้องเขาก็แล้วกัน

“ถามคุณเขาตรงๆ เลยสิคะ ป้าว่าคุณตรีเขาไม่ได้อะไรหรอก แต่คุณณิชคิดมากไปเองมากกว่า”

“แล้วผมจะคุยกับเขาได้ยังไงล่ะครับ อยู่บนโต๊ะอาหารเขาก็เอาแต่กินข้าวลูกเดียว พอจะถามก็โน่น...รีบขึ้นรถคุณหมีไปแล้ว” ชายหนุ่มตอบพลางหยิบถั่วทอดที่คลุกเกลือไว้แล้วมากิน

“คุณตรีเธอชอบขลุกตัวอยู่ในห้องทำงานค่ะ ถ้าคุณณิชเข้าไปในห้องนั้นป้ารับรองว่าคุณเขาหนีไปไหนไม่ได้แน่นอน”

เพราะคำแนะนำของป้าแจ่มที่ตอนแรกคิดว่าจะไม่ใส่ใจ แต่ท้ายสุดเขาก็เข้ามายังห้องทำงานของจีรัชญ์จนได้ โดยให้ป้าแจ่มเป็นคนเปิดห้องให้ ณิชเดินสำรวจข้าวของภายในที่ส่วนใหญ่เป็นไม้ ทั้งชั้นวางหนังสือที่ติดกับฝาผนัง โต๊ะ เก้าอี้ ทุกอย่างถูกตกแต่งกลิ่นอายเดียวกับห้องนอนของจีรัชญ์ ภาพวาดบ้านเรือนไทยถูกเจ้าของเอาใส่กรอบใหม่ และแขวนไว้มุมหนึ่งของห้องนี้แล้ว

“สวัสดีครับคุณอนันต์” ณิชเอยทักเจ้าของปลายพู่กันที่บรรจงสร้างรูปนี้ขึ้นมา แม้ฝ่ายนั้นจะไม่อยู่แล้วก็ตาม แต่เขาก็ขอบคุณที่ทำให้เขารู้สึกผูกพันกับรูปนี้ ใบหน้าหวานระบายยิ้มหน่อยๆ ก่อนจะละสายตาจากรูปมาเป็นชั้นวางหนังสือสูงเลยหัวเขาแทน

มันจริงอย่างที่จีรัชญ์ว่าที่ตนอ่านหนังสือได้หมด ไม่มีเน้นหนักประเภทไหนเป็นพิเศษ เพราะเท่าที่เขาเห็นตอนนี้มีทุกแนว ตั้งแต่ปรัชญา การเมือง เศรษฐกิจ การ์ตูน ขนาดหนังสือขายหัวเราะก็ยังมี คู่สร้างคู่สมที่เขาเลิกผลิตไปแล้วก็มีให้เห็น นิยายไม่ว่าจะเขย่าขวัญสั่นประสาท สืบสวน-สอบสวน หรือนิยายอีโรติกก็จัดวางเรียงเป็นระเบียบ

ณิชลองหยิบหนังสือมาเล่มหนึ่ง สภาพเก่าจนกระดาษซีดเหลือง เป็นหนังสือบันทึกอะไรสักอย่างเขียนด้วยลายมือ แต่เขายังไม่ทันได้เปิดอ่านลมหอบใหญ่ก็พัดเข้ามาจนตาหยี ม่านหน้าต่างที่เปิดไว้ เพื่อให้แสงสว่างของธรรมชาติสาดเข้ามาพลิ้วไหวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ เบาลง ขณะเดียวกันก็มีกระดาษตกลงกระทบหลังเท้าจนต้องหยิบขึ้นมาดู มันเป็นกระดาษที่เก่ามากแล้ว เปราะบางเสียจนเขาต้องประคองมันขึ้นมา แต่ดูท่าเจ้าของจะรักษาไว้อย่างดีภายในหนังสือบันทึกเล่มนี้




ถึง หัวใจของปราณ

ข้ารู้ว่าเอ็งอ่านหนังสือไม่ออก แต่นี่คือทางเดียวที่ข้าจะสื่อสารกับเอ็งได้ เจ้าคุณพ่อขังข้าไว้ข้าจึงฝากจดหมายนี้มากับไอ้มั่น

ข้าขออภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ข้าเห็นแก่ตัวจึงทำให้เอ็งต้องโดนลงทัณฑ์ ข้าเสียใจแต่ก็มิอาจไปไถ่โทษให้เอ็งได้อย่างใจอยาก หากเอ็งจะถือโทษโกรธเคืองข้าก็มิผิด แต่สิ่งหนึ่งที่เอ็งโปรดรู้ไว้คือคำรักที่ข้าให้เอ็งมิเคยปดเลย

เพราะความกลัวทำให้ข้าขลาดเขลา และความรู้ผิดทำให้ข้ามิอาจมีชีวิตอยู่ได้ ข้าขอชดใช้ความรู้สึกผิดนี้ด้วยชีวิตที่มี ขอเอ็งจงอย่าถือโทษว่าเป็นความผิดของตน อย่าคิดว่าเพราะเราต่างชนชั้นกันจึงทำให้คู่กันไม่ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรหัวใจของข้ามันเป็นของเอ็งเสมอ ต่อให้เอ็งต้อยต่ำเท่าชั้นดินก็ยังเป็นที่รักของข้า

ข้าหวังว่า หากวันใดที่เอ็งอ่านสิ่งที่ข้าเขียนได้ วันนั้นเอ็งจะให้อภัยในสิ่งที่ข้าทำกับเอ็งไว้

รัก

จาก สายลมของหาญ




ทันทีที่อ่านเนื้อความในกระดาษแผ่นนี้จบชายหนุ่มร่างบางก็ทรุดลงไปกองบนพื้น มือเย็นปลายเท้าชารู้สึกคล้ายจะเป็นลม ตอนนี้ณิชรู้สึกเหมือนตัวเองโดนทุบหัวจนมึนไปหมด ไอ้หาญกับคุณปราณในความฝันของเขามีชีวิตจริงๆ แม้แต่ไอ้มั่นเพื่อนของไอ้หาญก็ด้วย หัวเขาปวดร้าวแทบระเบิดก่อนสติทุกอย่างจะดับวูบลง มีเพียงสายลมเอื่อยๆ พัดผ่านเข้ามาให้คนที่สลบไสลไม่ร้อนนัก


--##--##--##--##--##--##--


“ไอ้มั่นมันรู้เรื่องของบ่าวกับคุณปราณแล้วนะขอรับ” ไอ้หาญบอกยอดดวงใจของมัน ซึ่งตอนนี้คุณปราณนอนหนุนตักมันอยู่ใต้ต้นไทร ต้นไม่ใหญ่แผ่กิ่งก้านให้ความร่มรื่นไม่น้อย ดวงหน้าหวานมองไอ้หาญนิ่งก่อนจะพูดขึ้นบ้าง

“แล้วมันว่าอย่างไร จะเอาไปบอกใครหรือไม่”

“ไอ้มั่นมิใช่คนเช่นนั้นดอกขอรับ มันจะช่วยบ่าวเก็บเรื่องนี้ไว้”

“ก็ดี มิเช่นนั้นข้าจะกุดหัวมัน”

คุณปราณพูดเสียงดุ แต่ไอ้หาญรู้ดีว่ายอดดวงใจมันหรือจะฆ่าใครได้ แม้แต่จับดาบยังมือสั่นแทบยกไม่ขึ้น มันจับมือของอีกฝ่ายของมาจูบซับเบาๆ ไล่จากหลังมือลามไปยังแขน ผิวนุ่มที่หอมน้ำอบน้ำปรุงทำให้มันสูดดมได้ไม่เคยเบื่อ ปลายนิ้วเรียวแตะแต้มที่กลีบปากของไอ้หาญพร้อมรอยยิ้มของเจ้าตัว บนนิ้วนางข้างซ้ายมีแหวนดอกไม้ที่ไอ้หาญเอาดอกหญ้ามาถักร้อยให้สวมอยู่

มันเป็นบ่าว ไม่มีทรัพย์สินหรือเงินทองใดติดตัวดอก ของที่มีติดตัวก็หาใช่ของมีราคาไม่ มันจึงทำแหวนดอกไม้ขึ้นมา ในคราแรกไม่กล้าให้คนรับ แต่คุณปราณแอบเห็นเสียก่อนจึงเอาไปใส่ และกล่าวว่าแหวนนี้เป็นของตนเสียแล้ว ไอ้หาญจึงได้แค่ยิ้มเขิน และคิดไว้ในใจว่ามันจะพยายามทำงานหาเบี้ยมาไถ่ตัวเอง แม้อยู่เรือนท่านออกญาฯ จะสุขสบายกว่าเรือนอื่น เพราะไม่ต้องโดนเจ้านายข่มเหงรังแก แต่จะให้มันติดอยู่กับชีวิตทาสตลอดชีวิตก็ไม่ได้ มิเช่นนั้นก็คงต้องหลบๆ ซ่อนๆ แอบรักคุณปราณไปเช่นนี้

ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ริมสระบัวอีกเพียงชั่วครู่ก็กลับเรือน มาถึงท่าน้ำก็ทันเห็นไอ้มั่นหน้าตื่นชะเง้อคอยืดยาวอยู่ริมท่า มันโบกมือไหวๆ เรียกให้เขารีบพายเข้าไปหา คุณปราณเห็นท่าทางอยู่ไม่สุขของมันจึงเอ่ยถาม

“มีเหตุอันใดรึไอ้มั่น เอ็งดูลุกลี้ลุกลนราวคนโดนจับได้ว่ากระทำผิด หรือพอรู้ความลับของข้าจึงได้มีท่าทีเช่นนี้” คุณปราณเสียงเข้มขึ้นทันควันเมื่อขึ้นท่ามาได้ ไอ้มั่นรีบส่ายหัวโบกมือพัลวัน

“มิได้ขอรับ ถึงบ่าวจะรู้เรื่องของคุณปราณแต่บ่าวก็มิอาจปากสว่างดอกขอรับ ที่บ่าวร้อนรนเช่นนี้เพราะมีข่าวจากบนเรือนว่าท่านออกญาฯ จะกลับมาถึงเรือนเย็นนี้ขอรับ บ่าวกลัวท่านออกญาฯ จะพบเห็นคุณปราณอยู่กับไอ้หาญจึงจะมาเตือนขอรับ” ไอ้มั่นรีบเตือนนายมันด้วยความหวังดี เพราะความซื่อสัตย์และความรักเพื่อนของมันทำให้ต้องรีบคาบข่าวมาบอก เมื่อครู่ยายอาบร้องแรกแหกกระเชอไปทั้งครัวว่าให้ทำสำรับให้ท่านออกญาฯ โดยมีคุณหญิงราตรีลงครัวด้วยตนเอง ใช้ฝีมือปลายจวักต้อนรับสามีที่ไปว่าราชการที่หัวเมืองกลับเรือน

“ขอบใจเอ็งมากที่มาบอก หาญ...ไว้มีเรื่องอันใดข้าจะสั่งความไปกับไอ้มั่น จากนี้เอ็งก็หลบเจ้าคุณพ่อของข้าไปก่อนหนา”

คุณปราณหันไปสั่งไอ้บ่าวซื่อ ไอ้หาญรับคำพร้อมมอบรอยยิ้มหวานให้ยอดดวงใจ ไอ้มั่นมองเพื่อนตนที่ก่อนหน้านี้มีอยู่หน้าเดียว พอเห็นไอ้หาญยิ้มแล้วก็ขนลุกแปลกๆ ไอ้หาญมองคุณปราณที่หายขึ้นเรือนไปจนลับสายตา ก่อนจะโดนไอ้มั่นยันโครมจนเอวยอกด้วยความหมั่นไส้

“เพลาๆ หน่อยสิโว้ย กูนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคน กูรู้เรื่องของมึง แต่ใช่มึงจะแสดงออกได้นะเว้ย คนอื่นเขาก็มีตามีหูเช่นกัน จะส่งสายตาหรือกระทำอันใดก็ระวังหน่อย” ไอ้มั่นเตือน

ไอ้หาญไม่เถียงกลับและไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองเพื่อนรักของตน ไอ้หาญแยกกลับเรือนทาสไปทำหน้าที่ของมันต่อ ส่วนไอ้มั่นก็ตามขึ้นไปปรนนิบัติคุณปราณดั่งเช่นทุกวัน จากนั้นไอ้บ่าวซื่อก็แทบไม่ได้พบหน้าคุณปราณในยามกลางวันเลย คงจะมีบ้างที่ได้แค่แอบเมียงๆ มองๆ แต่มิกล้าเข้าไปใกล้ เพราะท่านออกญาฯ จะคอยเรียกบุตรชายไปพูดคุยอยู่เสมอ

ท่านออกญาฯ สั่งให้พวกบ่าวไพร่ชายทั้งหลาย ผลัดเปลี่ยนเวรยามกันเฝ้าเรือน เพราะก่อนหน้านี้หละหลวมเรื่องพวกนี้ไปบ้าง จึงกลับมาเคร่งครัดเรื่องพวกนี้เสียหน่อย และเพราะเหตุนี้ทำให้ไอ้หาญไม่สามารถไปหาคุณปราณในยามค่ำคืนได้อย่างใจคิด

จวบจนวันหนึ่งที่คุณปราณอดรนทนไม่ไหว สั่งความมากับไอ้มั่นว่าให้ไอ้หาญไปรอตนที่กอดอกเฟื่องฟ้า ซึ่งขึ้นแผ่กิ่งก้านเลื้อยพันไปมาจนเกิดเป็นกอขนาดใหญ่ ห่างออกไปจากเรือนท่านออกญาฯ สองคุ้งน้ำ ซึ่งตรงนั้นเป็นทางคลองที่หากเลี้ยงขวาไปจะเดินทางไปวัด แต่เลี้ยวซ้ายจะผ่านไปยังสระบัวที่พวกเขามักไปกัน

ดอกพุดน้ำบุษย์ถูกห่อมาบนผ้าเช็ดหน้าสีขาว ไอ้มั่นยื่นให้ไอ้เกลอรักพร้อมถ้อยคำของเจ้านายที่ฝากมา ไอ้บ่าวผิวคล้ำจากแดดเหงื่อไหลโทรมกายที่กำลังผ่าฟืนวางพร้าลง มันยิ้มทันทีเมื่อได้เห็นของที่คุณปราณฝากมา

“คืนนี้หนา มึงอย่าลืมล่ะ”

ไอ้มั่นส่งสารตามที่เจ้านายสั่งมาเสร็จก็รีบวิ่งกลับไปที่เรือนใหญ่ เพื่อไม่ให้คนของท่านออกญาฯ ได้เห็นว่ามันแอบเอาผ้าเช็ดหน้าของคุณปราณมาให้ไอ้เกลอ เพราะตั้งแต่วันที่ไอ้หาญพาคุณปราณไปตกน้ำวันนั้น ก็โดนหมายหัวจากท่านออกญาฯ ว่าอย่าได้เข้าไปใกล้เรือนใหญ่อีก เรื่องการจะไปชมบัวก็อย่าหวังว่าจะได้ไป คุณปราณโดนสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้ไปที่สระบัว

ทางด้านไอ้หาญที่รอเวลาตกเย็นจวบจนค่ำ มันอาบน้ำอาบท่าล้างเนื้อตัวให้สะอาด จากนั้นก็เดินลัดเลาะไปตามทางเพื่อไปพบคุณปราณอย่างที่ได้นัดกันไว้ เดินมาได้ระยะเวลาหนึ่งก็เห็นหลังไอ้มั่น พร้อมกับชายหนุ่มร่างบางที่ยืนอยู่ โดยมีแสงจากตะเกียงของไอ้มั่นให้ความสว่าง

“บ่าวจะรออยู่แถวนี้นะขอรับ” ไอ้มั่นกล่าวเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักตนมาแล้ว ก่อนจะหลบไปนั่งตบยุ่งตรงริมคลองเฝ้าเรือไว้ นึกตกใจตนเองไม่น้อยที่อยู่ๆ มันก็ได้มาเป็นคนดูต้นทางให้คุณปราณกับไอ้หาญ ทั้งที่ก่อนหน้านี้หูหนวกตาบอดกับความสัมพันธ์ของสองคนนี้อยู่เสียนานสองนาน

คุณปราณปดบิดาไปว่าตนจะให้ไอ้มั่นพายเรือพาไปชมจันทร์สักหน่อย ตอนแรกท่านออกญาฯ ก็เอ็ด มิใคร่เห็นด้วยกับคำขอบุตรชายนัก แต่เพราะเห็นว่าไอ้มั่นคอยดูแลบุตรของตนมาตั้งแต่ยังเล็ก จึงพอวางใจได้บ้าง แต่ก็กำชับว่าให้กลับมาโดยไว มิให้ไปนาน

ฟอดดด

เมื่อหลบเข้ามายังหลังต้นเฟื่องฟ้ากอใหญ่ ไอ้หาญก็กอดเอวบางแล้วหอมแก้มนิ่มเสียเต็มปอด คุณปราณเอียงแก้มเอียงคอให้ไอ้บ่าวซื่อได้เชยชม กอดรัดให้หายคิดถึงอยู่เสียนานจึงจะได้พูดกัน

“บ่าวคิดถึงคุณปราณเหลือเกินขอรับ คุณปราณนอนหลับหรือไม่ บ่าวนอนไม่หลับเลยเมื่อไม่มีคุณปราณให้กอด”

คำหวานจากไอ้บ่าวซื่อทำคุณปราณยิ้มกริ่ม ยิ่งเห็นมันคลั่งรักในตัวเขายิ่งทำให้สุขจนล้นอก ไม่คิดจริงๆ ว่าเมื่อได้รักกับไอ้หาญแล้ว มันจะเผยสิ่งที่อยู่ในใจมากถึงเพียงนี้ จากคนซื่อๆ เงียบๆ ไม่พูดจากับใครนัก แต่เมื่ออยู่กับเขาเพียงสองคน คำพูดคำจาช่างหวานล้ำ อีกทั้งสายตาวาววับที่มองก็ดูหลงใหลเขาจนปิดไม่มิด

“ข้าก็มิใคร่จะหลับได้ดอก ตอนกลางคืนปวดเมื่อยเนื้อตัวก็อาศัยให้ไอ้คมมัน...อุ๊บส์”

คุณปราณอยากลองดีกับความหึงหวงนี้ จึงเย้าแหย่ไปทั้งที่รู้ว่าไอ้หาญจะมีอาการเช่นไร กลีบปากนุ่มถูกประกบปิด ด้วยแรงอารมณ์ไม่ชอบใจที่ได้ฟังยอดดวงใจพูดถึงใครอื่น ยิ่งคิดไปว่าคนอื่นได้แตะต้องคนของมัน ไอ้หาญยิ่งลงแรงดูดเม้มริมฝีปากสวยจนมันบวมเจ่อ คุณปราณทุบอกเปลือยที่มีแต่มัดกล้ามของไอ้บ่าวซื่อเพื่อให้มันปล่อย เพราะตนเริ่มหายใจไม่ทัน

ทั้งสองกอดก่ายกันพอให้คลายความคิดถึงที่ไม่ได้เจอหน้ากันเลยร่วมสองอาทิตย์ ก่อนจะแยกกันกลับเมื่อคุณปราณเห็นแก่เวลาอันควรแล้ว ไอ้หาญเดินลัดเลาะริมคลองกลับไป เช่นเดียวกับคุณปราณที่นั่งเรือโดยมีไอ้มั่นเป็นคนพาย

หลังจากวันนั้นก็มีการลอบพบกันอีกหลายครา ท่านออกญาฯ ไม่ได้ระแคะระคายสงสัยอันใด เพราะคุณปราณมักมีข้ออ้างมากมายที่จะออกไปข้างนอก ไม่ว่าเช้า กลางวัน หรือตอนมืดค่ำแล้วก็ตาม

จวบจนวันหนึ่ง ในช่วงสายของวันหลังจากท่านออกญาฯ ออกไปว่าราชการ คุณปราณก็ส่งสารมาหาไอ้หาญเช่นเดิม วันนี้เขาอยากจะนัดเจอมันสักหน่อย เพราะวันก่อนได้สั่งทำแหวนทองขึ้นมาวงหนึ่ง คิดว่าจะเอามาให้มันเก็บไว้ แม้รู้อยู่เต็มอกว่ามันคงไม่มีวันใส่แต่เขาก็อยากจะให้ เป็นของแทนใจเหมือนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น กับดอกพุดน้ำบุษย์ที่มันเก็บไว้จนดอกแห้งกรอบ โดยมีไอ้มั่นทำหน้าที่เป็นคนดูต้นทางเช่นเดิม

ไอ้มั่นปล่อยให้คนทั้งคู่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน นึกสงสารไอ้หาญจับใจที่มีความรักแสนลำบากเช่นนี้ มันถอนหายใจเมื่อคนทั้งคู่หายเข้าไปในกอเฟื่องฟ้ายามสายของวัน ส่วนมันได้อ้อยมากินเลยแทะของหวานนี้เล่นใกล้ริมคลองเช่นเดิม

“บ่าวรับไว้ไม่ได้ดอกขอรับ มันมีราคา หากบ่าวคนอื่นเห็นคงไม่ดีนัก มันจะสงสัยเอาได้ว่าบ่าวเอามาจากไหน” ไอ้หาญบอกยอดดวงใจของมัน แม้ในใจจะพองฟูคับอกกับสิ่งที่คุณปราณทำให้ แต่มันก็ต้องปฏิเสธไปเพราะบ่าวอย่างมันหรือจะคู่ควรกับของมีราคาเช่นนี้

“แต่ข้าอยากให้ เหตุใดเอ็งชอบปฏิเสธข้าอยู่เรื่อยกัน” หน้าหวานงอง้ำลงเล็กน้อยอย่างคนอยากให้อีกฝ่ายง้องอน แหวนวงนี้ราคาไม่กี่สิบ เศษเบี้ยที่เขาพกเสียด้วยซ้ำ แต่ไอ้บ่าวซื่อปฏิเสธราวกับมันคือทองคำหนักหลายชั่ง

ไอ้หาญรั้งร่างบางของคุณปราณเข้ามากอด จูบกลุ่มผมและหน้าผากของอีกฝ่ายอย่างทะนุถนอม แหวนวงสวยที่อยู่ในมือคุณปราณถูกมันหยิบขึ้นมาดู ก่อนจะจูบลงไปที่แหวนวงนั้นแล้วเอามาเหน็บไว้ที่ชายพก

“บ่าวคงใส่ให้ใครเห็นไม่ได้ แต่จะเก็บไว้ให้ดีที่สุด เพื่อว่ายามใดที่คิดถึงคุณปราณจะได้หยิบมันขึ้นมาดูนะขอรับ” คุณปราณยิ้มหวาน ปรางทั้งสองข้างขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอาย เพราะสายตาของไอ้หาญที่มองมาแปลเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากรักเขาสุดหัวใจ

ใบหน้าคนทั้งสองค่อยๆ เคลื่อนเข้าหากัน จุมพิตหวานที่สุดที่ไอ้หาญอยากมอบให้ยอดดวงใจของมันประทับลงบนกลีบปากนุ่ม ขยับหยอกล้อเล่นกับความนุ่มนวลที่ได้ลิ้มลองไม่รู้เบื่อ มือไอ้หาญปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกทีละนิด คุณปราณที่รู้ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ให้ความร่วมมือ นวดเฟ้นส่วนกลางกายของไอ้หาญไม่วางมือ จากที่มันนุ่มหยุ่นก็แปรเปลี่ยนเป็นแข็งขืน

ฝั่งไอ้มั่นที่นอนพอได้กินของหวานและลมเย็นๆ พัดผ่านทำให้เคลิ้มหลับ มันจึงเดินไปหาต้นกล้วยแถวนี้เพื่อตัดใบตองมาปูนอน โดยหารู้ไม่ว่าคลองอีกฝ่ายมีเรือของท่านออกญาฯ ลอยลำมา และฝ่ายนั้นก็เห็นเรือของที่เรือนจอดอยู่ริมฝั่ง อดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดเรือของที่เรือนจึงได้มาจอดอยู่เช่นนี้

เมื่อสั่งไอ้ขำให้พายไปจอดเทียบฝั่งแล้วจึงได้ยินเสียงพูดคุยกระวิบกระซาบกัน แว่วเสียงแรกที่ได้ยินคุ้นหูราวกับเสียงบุตรชาย เพื่อคลายความสงสัยจึงเดินเข้าไปใกล้ ชายสูงวัยผู้มีอำนาจสูงสุดในเรือนค่อยๆ ย่องเดินไปที่กอเฟื่องฟ้า ซึ่งมันขึ้นเสียจนรกสายตา หากไม่เพ่งมองคงไม่รู้ว่าข้างในมีคนอยู่

“อ๊ะ...อ๊ะ...หาญ...ซี้ด...”

ชื่อของไอ้บ่าวที่เคยทำเขาขุ่นเคืองใจถูกเอ่ยให้ได้ยิน จนเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้ว่าเหตุใดมันจึงออกมานอกบริเวณเขตเรือน แทนที่จะอยู่ทำงานในทีที่ตนสั่ง

เสียงครางเครือเบาๆ สื่อให้รู้ถึงความเสียวซ่าน คิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ว่า มันคงไปเอาลูกสาวบ้านไหนฉุดมาเพื่อทำเรื่องบัดสีตอนกลางวันแสกๆ แบบนี้ และนั่นย่อมยอมไม่ได้ จะให้บ่าวไพร่เรือนออกญาฯ ศรีรัตนกรเป็นขี้ปากผู้อื่นว่าท่านออกญาฯ ไม่ดูแลบ่าวในเรือน ปล่อยให้มาทำเรื่องอุจาดตาแบบนี้ได้อย่างไร

“ไอ้หาญ! มึงทำ...พ่อปราณ!!”

ราวกับเสียงฟ้าผ่าลงกลางกระหม่อม แรงขยับโยกกายของไอ้หาญหยุดชะงัก จากนั้นก็โดนตีนของเจ้านายยันโครมเข้าที่แผ่นหลังเพื่อให้ตัวหลุดออกจากบุตรชายตน

ภาพที่ได้เห็นทำท่านออกญาฯ ถึงกับหน้ามืดลมแทบจับ หัวใจของผู้เป็นพ่อปวดหนึบเจ็บในอกเมื่อเห็นถึงความวิปลาสของบุตรชายตนเอง ใจสั่นไหวยิ่งกว่าเจอโจรที่หัวเมือง เหตุใดลูกชายถึงได้ที่มานอนให้ไอ้บ่าวชั้นต่ำสอดแก่นกายเข้าไปในตัวแล้วขยับโยกเสียดสี สนองความกำหนัดพร้อมเสียงครางสุขสม หัวอกคนเป็นพ่อราวกับโดนย่ำยีจนมิอาจทำสิ่งอื่นใด นอกเสียจากเอาไม้ตะพดในมือฟาดไปบนตัวไอ้ทาสชั่ว

“เจ้าคุณพ่อ! อย่าขอรับ อย่าทำมันขอรับ!” คุณปราณรีบใส่เสื้อผ้าอย่างลวกๆ คลานเข้ามากอดขาบิดาตนที่มีแต่แรงโทสะไว้ ความกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจ เมื่อความผิดครั้งนี้โดนจับได้คาหนังคาเขา สิ่งที่แอบทำมาตลอดหลายเดือนปิดไม่มิดอีกต่อไป

“กลับไปคุยกันที่เรือน ใครขัดขืนกูจะบั่นคอเสียให้สิ้น!!”

คำประกาศิตของท่านออกญาฯ ทำให้คนทั้งสองไม่กล้าหือ ไอ้หาญนุ่งผ้าเรียบร้อยก็เดินตามไป คุณปราณโดนบิดาลากถูลู่ถูกังให้นั่งเรือไปกับตน โดยมีไอ้คมที่ทำหน้าที่ฝีพายให้ท่านออกญาฯ ในวันนี้จอดเรือรอท่าอยู่แล้ว

จากปกติสองพ่อลูกก็มิได้มีท่าทีอ่อนโยนต่อกันอยู่แล้ว พอมีแรงโทสะเข้ามาจึงทำให้ดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม คุณปราณลงเรือตามบิดาไป สายตาก็หันมองไอ้หาญที่โดนไอ้ขำจับตัวไว้

ไอ้มั่นที่ได้ยินเสียงเอะอะจึงแอบอยู่หลังต้นกล้วย พอเห็นว่าไอ้เกลอเกิดเรื่องก็อยู่ไม่ติด ทิ้งใบตองที่ตัดได้รีบวิ่งกลับเรือน เพื่อไปให้ทันท่านออกญาฯ ที่เรือนเสีย ไม่คิดเลยว่าแค่คลาดสายตาไป ท่านออกญาฯ จะโผล่มาเอาเรื่องทั้งคุณปราณและไอ้หาญได้

เมื่อมาถึงเรือนท่าทีท่านออกญาฯ ที่รุนแรงราวพายุพัดทำให้บ่าวในเรือนไม่กล้าสู้หน้า เสียงตวาดกร้าวไล่บ่าวไพร่ที่ทำงานอยู่บนเรือนลงไปให้หมด คุณหญิงราตรีที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของสามีจึงรีบรุดออกมาดู ไอ้มั่นหอบจากแรงวิ่งมา ทันเห็นว่าลุงขำลากไอ้หาญขึ้นไปบนเรือนใหญ่แล้ว บ่าวไพร่ทุกคนโดนไล่ลงมาทั้งหมด ใจมันได้แต่ภาวนาขอให้โทษที่ไอ้เกลอได้รับอย่าถึงโทษโดนบั่นคอเลยเถิด

ตึง!!

“ว้าย!! คุณพี่! อย่าทำกับลูกแบบนี้สิเจ้าค่ะ พ่อปราณเจ็บไหมพ่อ”

แรงเหวี่ยงของชายสูงวัยที่อดีตเคยรบทัพจับศึกมาทำให้ร่างบางของคุณปราณปลิวตามแรง ล้มตึงลงที่เรือนกลางซึ่งกำลังจะเปลี่ยนเป็นที่ตัดสินโทษของนักโทษทั้งสามต่อจากนี้ คนเป็นแม่ปรี่เข้าไปหาลูกชายที่ใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยนัก มันหลุดลุ่ยดูไม่งามดังเช่นปกติที่ลูกชายเธอมักแต่งตัวเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า

“เกิดเหตุอันใดขึ้นหรือเจ้าคะคุณพี่ ไยต้องกระทำรุนแรงเยี่ยงนี้” คุณหญิงราตรีหันมาถามไถ่สามีที่ตอนนี้สีหน้าเครียดขมึง ตาดุลุกวาวไปด้วยโทสะที่ยากจะยั้งได้ ปรายตามองไอ้บ่าวที่คุ้นหน้ากันดี ซึ่งโดนลากขึ้นมาเช่นเดียวกัน มันหมอบกราบอยู่ไม่ไกลกัน ท่าทางไอ้หาญยังคงเงียบแต่เธอเห็นว่ามันลอบมองลูกชายเธอตลอดเวลา

“เป็นถึงลูกกู! กล้าทำเรื่องอัปรีย์ไม่อายฟ้าดิน! บอกมาสิพ่อปราณ ว่าที่ได้ไปนอนเอนกายให้ไอ้บ่าวมันย่ำยีเป็นเพราะเจ้าเต็มใจ หรือโดนไอ้ชาติชั่วนี่ล่อลวงไป!”

โกรธจนมือสั่น แต่ก็ต้องสะกดอารมณ์ยั้งมือยั้งเท้าไว้ไม่ให้ประเคนให้ไอ้คนที่กล้ามาย่ำยีหัวใจตน เพราะอยากถามหาความจริงเสียก่อนว่าเป็นเพราะลูกตนชั่วเอง หรือเพราะใครอื่นพาบุตรชายเขาเสียคน ฝั่งคุณหญิงราตรีเมื่อได้ฟังก็ลมจับ จนยายอาบบ่าวคนสนิทที่ยังอยู่บนเรือนต้องรีบหายาดมยาหอมมาให้นายหญิง

“จ...เจ้า...เจ้าคุณพ่อ”

คุณปราณหวาดกลัวผู้เป็นบิดาตัวสั่น เสียงตวาดกร้าวมีพลังจนข่มความกล้าที่มีอยู่น้อยนิดในตัวไปจนหมดสิ้น เขาไม่เคยเห็นเจ้าคุณพ่อน่ากลัวเช่นนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตก็มิเคยโดนเอ็ดโดนว่าจนถึงขั้นขึ้นมึงกู ครั้งนี้คงสุดทนหากเขามิใช่บุตรคงโดนเฆี่ยนหลังขาดไปเสียแล้ว

“ตอบข้ามา!!” ออกญาศรีรัตนกรตวาดลั่นเรือน

ไอ้หาญมองยอดดวงใจของมันที่น้ำตาคลอจนไหลลงอาบแก้มเพราะความกลัว มันจะคลานเข้าไปหาก็ไม่ได้เพราะโดนลุงขำจับกดไว้เสียก่อน

“ลูก...ลูก...” คุณปราณเหลือบมองหน้าไอ้บ่าวซื่อที่โดนกดหัวจนหน้าแนบไปกับพื้นเรือน ไอ้หาญดิ้นเพื่อจะเข้ามาหามัน

“ลูกโดนลวงไปขอรับ”

เพราะความกลัวทำให้คุณปราณพูดปดออกไป ใจจริงมันก็อยากให้คุณปราณตอบไปเช่นนั้น มันไม่ถือโทษโกรธคุณปราณที่เอาตัวรอดจากความกลัว เพราะอย่างไรเสียบ่าวอย่างมันก็มิได้มีค่าพอให้เอาชีวิตเข้าแลก

“เยี่ยงนั้นรึไอ้หาญ! มึงลวงลูกกูไปรึ!!” ท่านออกญาฯ หันมาถามไอ้บ่าวชั่ว ฝ่าเท้ายันให้มันหงายหลังและเหยียบอกใช้ไม้ตะพดชี้หน้า ไอ้หาญเหลือบมองยอดดวงใจของมันที่ไม่แม้แต่จะหันมองมา ก่อนจะตอบออกไป

“ขอรับ บ่าวลวงคุณปราณไปเองขอรับ”

เพียงเท่านี้ แรงประเคนทั้งมือและเท้าก็ลงใส่ตัวไอ้หาญไม่ยั้ง ออกญาศรีรัตนกรหยิบจับอะไรได้ก็ทุ่มใส่ไอ้บ่าวชั่วไม่ยั้งมือ ไม่สนว่ามันจะหัวแตก เลือดตกยางออกมากเพียงใด


--##--##--##--##--##--##--


“ณิช คุณณิช คุณเป็นอะไร คุณณิช”

แรงตบที่ใบหน้าเบาๆ เพื่อเรียกคนที่มานอนสลบอยู่ในห้องทำงาน จีรัชญ์ที่เพิ่งกลับมาจากทำงานเข้ามาในห้อง เห็นหนุ่มร่างบางนอนกองอยู่บนพื้นจึงอุ้มขึ้นมานอนบนเก้าอี้เอนตัวยาว แต่ปลุกเรียกเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น

“หาญ...หาญ” เป็นอีกครั้งที่ณิชพึมพำชื่อนี้ขึ้นมา ก่อนเปลือกตาจะค่อยๆ ลืมขึ้นสบตาคนที่นั่งอยู่ข้างกัน จีรัชญ์มองอีกฝ่ายที่มองเขาราวกับไม่เคยเจอกันมาก่อน

“คุณตื่นสักที ผมคิดว่าคุณเป็นลมจนไม่ฟื้นเสียอีก เกือบจะหามส่งโรงพยาบาลแล้ว” จีรัชญ์บอก ทำท่าจะลุกขึ้นแต่ณิชกลับชุดข้อมือเขาไว้เสียก่อน มือเรียวจับไว้มั่น ก่อนน้ำตาของอีกฝ่ายจะไหลลงอาบแก้ม

“อึก...ฮึก...”

แล้วเสียงสะอื้นก็ค่อยๆ หลุดรอดออกมาจากปาก แล้วณิชก็ปล่อยโฮเสียงดังอย่างกลั้นไม่ได้ เขาลุกขึ้นกอดจีรัชญ์ไว้แน่น ความเสียใจที่ถาโถมเข้าใส่จนไม่อาจพูดออกมาเป็นคำได้




โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๙ {๑๐๐%} หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 25-07-2020 23:12:22
เกลียดคุณปราณ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๙ {๑๐๐%} หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-07-2020 00:27:41
 :katai1:



โถถถถถถ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๙ {๑๐๐%} หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 26-07-2020 01:01:01
คุณปราณขี้ขลาดมากค่ะ แม้จะรู้สึกว่าถูกหักหลัง แต่ก็ยังรักอยู่ดี ทั้งรักทั้งโกรธเพราะงั้นชาตินี้ณิชต้องชดใช้ให้ไอ้หาญด้วยการสู้ต่ออุปสรรครักและปกป้องรักต่อคุณตรีนะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๙ {๑๐๐%} หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 26-07-2020 02:01:10
ไม่น่าพูดแบบนั้นเลย ตกใจมากสินะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๙ {๑๐๐%} หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: pepperpro ที่ 26-07-2020 08:49:32
ณิช รู้เรื่องทั้งหมดแล้วสินะ

สุดท้ายเขาจะได้รักกันใช่ไหมครับ ลุ้นจังเลย
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๙ {๑๐๐%} หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 31-07-2020 12:32:52
คำสาปเกิดจากใครเป็นคนสาป
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๗/๖๓ ‡ บทที่ ๙ {๑๐๐%} หน้า ๒
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 03-08-2020 18:56:36
บทที่ ๑๐



เสียงสะอื้นหอบจนตัวโยนของณิชเงียบไปแล้ว แต่ความเสียใจยังคงอยู่ในอกไม่จางหาย น้ำตาที่ไหลอาบแก้มถูกจีรัชญ์ซับให้จนเหลือเพียงคราบ และหยาดน้ำตาที่เกาะเปียกอยู่ตามแพขนตาเท่านั้น

จีรัชญ์ไม่สามารถหาคำใดมาปลอบประโลมได้ ณิชต้องพบเจอเรื่องแบบนี้ด้วยตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมือนกับเขาที่ต้องพบเจอกับความเจ็บปวดทรมานเช่นเดียวกัน

แรงสะอื้นทิ้งไว้บางเบาราวเด็กน้อยที่ผ่านความเสียใจมาอย่างหนัก ณิชอึ้งจนไม่แน่ใจว่าตอนนี้ตนฝันหรือกำลังอยู่ในโลกความเป็นจริง ที่เคยได้ยินข่าวคนระลึกชาติได้เขาไม่เคยเชื่อ หรือเก็บมาใส่ใจ แต่ตอนนี้เขากลับเป็นเสียเอง ความฝันที่อยู่กับเขานานหลายเดือน วันนี้ถูกไขข้อข้องใจให้กระจ่างว่า เหตุใดเขาถึงฝันถึงบุคคลสองคนที่สมจริงราวพวกเขามีชีวิตจริงๆ

‘คุณปราณ’ ใบหน้าที่เห็นเลือนรางก่อนหน้านี้แจ่มชัดขึ้นในที่สุด ความรู้สึก ความคิด ถูกถ่ายทอดออกมาจากตัวเขาเอง รวมไปถึงการมองเห็นใบหน้าของไอ้หาญ ใบหน้าที่ไม่มีแม้แต่คำตัดพ้อของมันเลย เขาไม่รู้ว่าตัวเองเกิดมาชาตินี้เป็นชาติภพที่เท่าไหร่ แต่ในความฝันปราณเป็นคนที่ใจร้ายที่สุด ณิชเงยหน้ามองจีรัชญ์แล้วทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ เนื่องด้วยใบหน้าที่ละม้ายคล้ายหาญเหลือเกิน แต่ก็ต้องห้ามตัวเองไว้ก่อน เพื่อจะได้ถามไถ่สิ่งที่สงสัย

“คุณมีจดหมายของคุณปราณที่ส่งให้ไอ้หาญได้ยังไง หาญคือท่านทวดของคุณใช่ไหม เป็นบรรพบุรุษของคุณใช่ไหม”

“คุณใจเย็นๆ ก่อน นอนพักสักนิด”

“ไม่! ผมอยากรู้ คุณตอบผมสักที อย่าบ่ายเบี่ยง อย่าหลบ อึก...ขอ...ขอร้อง”

ณิชแทบก้มกราบอีกฝ่ายเพื่ออ้อนวอน อย่าให้ความสงสัยของเขาต้องถูกเก็บงำอีกต่อไปเลย เพราะสิ่งที่เขาได้อ่าน ได้รู้สึก ได้เห็น มันคือความเจ็บปวดที่เขาไม่อาจหาคำใดมาบรรยายได้

ความเสียใจที่ตัวเขารับรู้ได้ เขาคือผู้ชายคนนั้นที่รักไอ้บ่าวซื่อสุดหัวใจ ยามได้รักมีความสุขแทบล้นอก ยามสุขสมก็ซ่านสยิวไปทั้งกาย ความอบอุ่นจากอ้อมกอดแกร่งของมันยังคงกรุ่นอยู่ไม่จางหาย หากแต่เพราะความขลาดเขลาของตัวเอง ทำให้อีกฝ่ายต้องได้รับโทษ ความเห็นแก่ตัว ความกลัว มันก่อเกิดความเสียใจจนเขาต้องส่งจดหมายมาหาไอ้หาญ

แรงทุบตีของท่านออกญาศรีรัตนกรยังก้องดังอยู่ในหู หาญไม่คิดสู้กลับแม้แต่นิดเดียว มันปัดป้องเพียงแค่นอนคุ้ดคู้ปล่อยให้ไม่ตะพดฟาดลงบนตัวไม่ยั้ง อีกทั้งเท้าที่ถีบเตะอัดเข้าตามลำตัวด้วย คิดมาถึงตรงนี้ณิชเจ็บปวดจนต้องเอามือกุมอก มันจุกไปหมดเพราะการกระทำของเขาในชาตินั้นมันไม่ควรให้อภัย

จีรัชญ์มองคนที่สายตาเต็มไปด้วยความสับสน เจ้าตัวถือจดหมายไว้ไม่ยอมปล่อย เขายื้อออกแต่ณิชกำมันไว้แน่น อ่านวนซ้ำๆ พร้อมน้ำตาที่เริ่มไหลอีกครั้ง รู้สึกสงสารอีกฝ่ายจับใจ ในเมื่อหมดทางจะหลบเลี่ยงเขาจำต้องบอกความจริงไป แต่จะบอกเท่าที่ณิชอยากรู้เท่านั้น

เพราะเขาไม่รู้ว่าณิชรับรู้ความจริงได้แค่ไหนแล้ว จะรู้รายละเอียดอดีตทั้งหมดที่ไม่ได้มีแค่ที่เห็นในจดหมายแล้วหรือยัง แต่เพียงแค่เขาขยับตัวจะลุกขึ้น ณิชกลับดึงเสื้อเขาไว้ราวกับกลัวว่าเขาจะหนีไป

“ผมจะไปหยิบอะไรบางอย่างมาให้คุณดู” เขาบอกณิชจึงยอมปล่อย แต่ก็ยังมองตามไม่ละสายตา ชายหนุ่มเดินไปที่โต๊ะและเปิดลิ้นชักด้วยกุญแจที่พกติดตัวไว้เสมอ ความลับที่กักเก็บไว้คงต้องถูกเปิดเผยอีกครั้ง เขาหยิบรูปถ่ายหนึ่งใบที่เก่าซีดเหลืองออกมาแล้วเดินกลับเอามาให้ณิช

ฝ่ายคนรับรับมาด้วยมือสั่นเท่า ฝ่ามือยกขึ้นอุดปากกลั้นเสียงสะอื้นน่าอายของตนเอาไว้ ความรู้สึกเดียวที่รับรู้ได้จากตัวเองตอนนี้คือความคิดถึง จีรัชญ์เพียงแค่มองเมินไปอื่นเสีย เพราะเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน อยากกอดปลอบคนที่กลั้นสะอื้นจนหอบ อยากปลอบประโลมด้วยความอบอุ่นจากอกกว้าง

“คนนี้คือหาญ ใช่...เค้าโครงหน้าแบบนี้เลย”

รอยยิ้มณิชระบายบางเบาบนใบหน้า เพราะรูปเก่ามากแล้วทำให้เห็นไม่ชัดนัก แต่ก็ดูออกว่าเป็นใคร ชายหนุ่มในชุดราชปะแตนยืนด้วยท่วงท่าสง่างาม ร่างกายสูงใหญ่เหมือนจีรัชญ์ อกผึ่งผาย ใบหน้าเชิดเล็กน้อย ข้างกันมีโต๊ะวางแจกันประดับฉากไม่ให้ดูโล่งจนเกินไป ใบหน้าหล่อเหลาคมคายอย่างที่เห็นในฝัน แต่กลับไร้รอยยิ้ม ดูดุดันอยู่ในบางที

ถึงว่าตอนแรกที่เจอกันจีรัชญ์ดูไม่ชอบหน้าเขาเท่าไหร่นัก อาจจะได้รับความคิดฝังหัวมาว่าคนหน้าตาแบบเขา ชื่อเกี่ยวกับสายลม เป็นคนไม่ดีที่ทำให้บรรพบุรุษของครอบครัวนี้ต้องเสียใจและเจ็บปวด

“เขาเป็นบรรพบุรุษคุณจริงๆ ด้วยสินะ” ณิชถามพร้อมรอยยิ้มเศร้า “แล้วทำไมตอนนั้นที่ผมเล่าคุณไม่บอกอะไรผมเลย อ่อ...คุณคงไม่เชื่อ” คนที่ยังตกใจกับสิ่งที่ได้รู้พึมพำเบาๆ คนเดียว เขาไม่ถือโทษโกรธเคืองจีรัชญ์ที่ไม่บอกความจริงอะไรเขาเลย แน่ล่ะว่าใครจะไปเชื่อเรื่องการระลึกชาติได้กัน

แต่สิ่งที่เขาสงสัยคือหาญต้องการจะบอกอะไรเขากันแน่ ต้องการต่อว่าในสิ่งที่เขาทำเหรอ หรือต้องการให้เขารู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ต้องการให้เขาชดใช้กรรมที่เขาก่อหรือว่าอะไร นี่คือสิ่งที่เขายังต้องหาคำตอบเพิ่มเติม แต่ที่รู้ๆ คือตัวเขานั้นคือคุณปราณอย่างแน่นอน เพราะความเสียใจและความกลัวท่านออกญาศรีรัตนกร มันแจ่มชัดจนมือสั่นยันตอนนี้

เขาไม่กล้าบอกจีรัชญ์ด้วยซ้ำว่าตนเองคือคนที่ทำให้ไอ้หาญต้องเจ็บช้ำและเสียใจ ไม่กล้าบอกเลยว่าชาติก่อนเขาทำไม่ดีกับบรรพบุรุษอีกฝ่ายไว้ เพราะกลัวว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนจะแย่ไปกว่านี้ เพราะแค่ตอนนี้จีรัชญ์ก็เกร็งเวลาอยู่กับเขาจะแย่ หากเขาบอกไปแล้วอีกฝ่ายเชื่อก็คงกลายเป็นเกลียดไปเลย

จีรัชญ์ปล่อยให้ณิชจมอยู่กับความคิดต่อไป ณิชกลับห้องไปพร้อมกับรูปของหาญ ซึ่งขอจีรัชญ์เอามาดูก่อน ยิ่งได้รู้ว่าหาญมีชีวิตจริงๆ ความรู้สึกผูกพันและโหยหาก็แจ่มชัดขึ้น โดยที่ณิชไม่รู้เลยว่า สายลมที่พัดหาเขาตลอดนั้นกำลังก่อร่างขึ้นตรงมุมห้อง เจ้าตัวไม่สังเกตว่ามีชายโบราณนุ่งโจงกระเบน สีผิวเข้มยืนมองอยู่ ดวงตาโศกเศร้าของมันมองหนุ่มร่างบางที่นอนมองรูปไอ้หาญไม่วางตา

‘ไอ้เกลอรัก มึงทุกข์หนักมานาน ก็ได้แต่หวังว่าชาตินี้มึงจะหลุดพ้น และกูจะได้หมดหน้าที่ สิ้นสุดคำสัตย์สาบานที่ให้ไว้เสียที’

::::::::::::

ตั้งแต่วันนั้นณิชก็ดูไม่เป็นตัวของตัวเองอีกเลย เขาพกรูปหาญติดตัวตลอด ลงทุนเอารูปไปสแกนและปริ๊นออกมา เพื่อจะได้เก็บใส่กระเป๋าสตางค์ไว้ และให้รูปตัวจริงคืนจีรัชญ์ไป ทุกเช้าจะออกไปใส่บาตรที่ตลาดแต่เช้า เพราะมีพระมายืนบิณฑบาตอยู่เป็นประจำ โดยมีป้าแจ่มช่วยทำอาหารเช้าง่ายๆ และไปด้วยกัน ทุกคำอธิษฐานต่างส่งไปให้คนเพียงคนเดียว

‘หาญ... ผมขอโทษที่รู้ช้าไป ขอให้ผลบุญที่ผมส่งให้คุณจะได้รับมัน หากสิ่งใดที่ผมต้องชดใช้ขอเพียงคุณบอกมา ผมยินดีจะทำให้ทั้งหมด’ จบคำอธิษฐานของทุกอย่างก็ถูกถวายใส่บาตรพระ พร้อมน้ำตาที่ร่วงหล่นตกกระทบพื้นดิน

เขาอยากรู้เรื่องราวหลังจากวันนั้นที่หาญโดนท่านออกญาฯ กระทืบว่าเป็นอย่างไร คิดว่าหลับสักคืนสองคืนคงรู้เรื่องทั้งหมด แต่เปล่าเลย... ความฝันไม่ปรากฏอย่างใจต้องการ เมื่อก่อนฝันแทบทุกคืน ฝันมากฝันน้อยก็แล้วแต่จิตจะพาไป แต่เมื่อต้องการที่จะฝัน ความฝันเหล่านั้นเหมือนถูกปิดกั้น เขาเข้านอนแต่หัวค่ำแต่ก็ไม่ได้ผล ราวกับมันจะบอกว่าทุกอย่างสิ้นสุดลงเพียงแค่นั้น หากคาดเดาจากจดหมาย เขาคงฆ่าตัวตายหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน

“พี่ณิช ตกลงเรื่องความฝันพี่นี่คือ...” มิ้งถามซ้ำอีกครั้งในเช้าวันหนึ่ง ก่อนหน้านี้เธอได้ฟังเรื่องราวความฝันของณิชมาโดยตลอด ได้ลงนิยายอย่างที่ตัวเองชอบจนคนอ่านติดงอมแงม แต่พอมารู้ความจริงว่าเรื่องที่รุ่นพี่เธอฝันทั้งหมด มันคืออดีตชาติของตัวณิชเองก็ทำเขาขนลุกไม่น้อย

แม้ไม่อยากเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ เพราะจดหมายที่ณิชเล่าให้ฟังมันยังอยู่ในห้องทำงานของจีรัชญ์อยู่เลย ณิชจำทุกข้อความที่เขียนอยู่ในกระดาษแผ่นเก่าแผ่นนั้น ส่วนฝ่ายจีรัชญ์ไม่ได้เอ่ยถึงอะไรอีก ทำทุกอย่างปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น คงเพราะไม่รู้ว่าที่ณิชฝันเห็นหาญเพราะจริงๆ แล้วมันคืออดีตชาติของณิชเอง เขาไม่อยากให้ทายาทของหาญคนปัจจุบันต้องมาเกลียดชังตน เพราะสิ่งที่เขาทำไว้ในอดีต

“พี่อยากทำบุญให้หาญทุกวัน เผื่อเขาจะได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี ไม่ผูกจิตคิดพยาบาทกัน พี่ทำกับเขาไว้มากเลยว่ะมิ้ง โคตรแย่ มัน...” เขาไม่สามารถพูดต่อได้ เพราะความเสียใจยังคงอยู่ราวกับเรื่องนี้เพิ่งผ่านไปไม่นาน ทั้งที่จริงแล้วมันน่าจะเกิดในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ ซึ่งหมายความเกิดมาหลายร้อยปีแล้ว

“อย่าคิดมากเลยพี่ อดีตมันแก้ไขไม่ได้”

ใช่... เพราะอดีตมันแก้ไขไม่ได้ เขาจึงต้องทำปัจจุบันให้ดี เพื่อทดแทนสิ่งที่ขาดหายไป หาญหลงเหลือทายาทอยู่เพียงคนเดียวนั่นคือจีรัชญ์ เขาจะขอชดเชยสิ่งที่ทำกับหาญไว้กับจีรัชญ์ เพื่อว่าผลบุญนี้จะทำให้หาญหลุดพ้นบ่วงกรรมที่กระทำร่วมกันกับเขา

“เออๆ พี่ณิช หยุดคิดเรื่องพี่ก่อน หนูมีเรื่องจะเมาท์ให้ฟัง ไอ้บอยมันโทรมาบอกว่าพี่โอ๋ทะเลาะกับเมีย เพราะเมียพี่เขาจับได้ว่าพี่โอ๋มีกิ๊ก”

“พี่โอ๋อ่ะนะ?” ณิชถามระหว่างที่กำลังตรวจงานกับช่างจรูญ ตอนนี้งานอยู่ที่ห้องนั่งเล่นห้องที่สองหลังจากห้องแรกเสร็จไปแล้ว ห้องนี้ต้องปูกระเบื้องใหม่ทั้งหมดเพราะของเก่ามันชำรุดเสียหายอยู่หลายจุด

“ใช่ พี่จำน้องปลาน้องฝึกงานเมื่อปีก่อนได้ไหม คนนั้นแหละที่เป็นประเด็น ตอนนี้พี่โอ๋เลยต้องหอบเสื้อผ้ามานอนห้องไอ้บอย เพราะเมียไม่ให้เข้าบ้าน” มิ้งเล่าอย่างออกรส หวังว่าณิชจะอินไปกับเรื่องที่เธอเล่าบ้าง เพราะไม่อยากให้ณิชต้องเครียดกับเรื่องอดีตไปมากกว่านี้

“น้องปลาเขามีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอวะ ช่างจรูญครับ...ตรงนี้ลงสีให้เรียบหน่อยนะ ส่วนวงกบก็ต้องเปลี่ยนนะครับ แค่ทาสีอย่างเดียวไม่พอ มันจะได้ดูกลมกลืนเป็นแนวเดียวกับการตกแต่งทั้งหมด” ณิชแยกประสาทออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งก็ให้ความสนใจมิ้งเพราะเอ็นดูที่อีกฝ่ายพยายามไม่ให้เขาเครียด ส่วนเรื่องงานก็ต้องดำเนินต่อไป

“มีแล้ว แต่เลิกแล้ว เมียพี่โอ๋เลยสงสัยไง ทีนี้ไปจับได้ว่าพาไปกินข้าวกัน แต่มันพีคตรงที่น้องปลาเขาไปหาพี่โอ๋ถึงบ้านเลย อีนี่มันร้าย”

ณิชหัวเราะกับท่าทางของมิ้งที่ดูจะอินเสียเหลือเกิน กลายเป็นวันนั้นทั้งวันเขาก็ได้รับรู้เรื่องราวของหัวหน้าที่ไม่เคยรู้มาก่อน กว่ามิ้งจะเลิกพูดก็ตอนที่ป้าแจ่มมาตามให้ไปทานมื้อเย็นนั่นแหละ

“ปลาทอดสามรสน่าทานมากค่ะป้าแจ่ม เนี่ย...กับข้าวอร่อยแบบนี้หนูอ้วนแย่เลย กลับไปกรุงเทพฯ คงโดนล้อว่าเป็นหมู”

“อย่าไปห่วงเรื่องรูปร่างเลยค่ะคุณมิ้ง ทานอาหารให้อร่อยให้มีความสุขดีกว่า พรุ่งนี้ป้าว่าจะทำต้มกะทิสายบัวปลาทูของโปรดคุณตรีค่ะ คุณมิ้งคุณณิชอย่าลืมเตรียมท้องไว้รอนะคะ”

ณิชฟังบทสนทนาของสองสาวต่างวัยแล้วชะงักไปกับชื่อเมนูอาหารของวันพรุ่งนี้ เขาจำได้ว่า คุณปราณชวนหาญไปเก็บสายบัวจนตัวตกน้ำ ลอบถอนหายใจเมื่อคิดว่านี่คือสาเหตุที่ทำให้ท่านออกญาฯ ไม่ชอบหน้าหาญ ก็พาลให้กินข้าวไม่ลง เคราะห์กรรมของหาญเขาล้วนเป็นคนสร้างให้ทั้งสิ้น บาปกรรมจริงๆ

“คุณจีรัชญ์จะกลับกี่โมงเหรอครับป้าแจ่ม” ณิชถามเพราะได้ยินคนในบ้านบอกว่าจีรัชญ์ไปธุระในเมืองกับสุทินยังไม่กลับ ให้พวกเขาทานกันได้เลยไม่ต้องรอ มื้อเย็นจึงมีแค่เขากับมิ้งเท่านั้น

“น่าจะค่ำๆ เลยค่ะ เอ๊ะ! นั่นเสียงรถคุณสุทินนี่นา คงมากันแล้วค่ะ” หญิงสูงวัยรีบเดินไปทางหน้ามุขเพื่อจะไปดูชัดๆ ว่าใคร ปรากฏว่าเป็นเจ้าของบ้านกับคนสนิทดังที่คิดจริงๆ ซึ่งรถของจีรัชญ์ขับตามมาในสภาพใหม่เอี่ยมไม่ต่างจากเดิม ก่อนหน้านี้ที่ไม่มีรถรัศมีเลขาฯ สาวต้องมารับจีรัชญ์ที่นี่ทุกครั้งที่ต้องไปทำงาน แต่จากวันพรุ่งนี้ไปทุกอย่างคงเข้าที่เข้าทางเหมือนเดิม

“คุณณิชกับคุณมิ้งกำลังทานมื้อเย็นกันอยู่พอดีเลยค่ะ คุณตรีกับคุณสุทินทานอะไรมารึยังคะ จะรับด้วยไหมป้าจะได้ให้เด็กจัดที่ให้”

“ก็ดีครับป้าแจ่มเพราะตอนนี้ผมหิวมากกกกก กว่ารถของคุณตรีจะเสร็จนั่งรออยู่หลายชั่วโมงเลย”

ธุระที่ว่าวันนี้คือรถของจีรัชญ์ที่ส่งซ่อมไปก่อนหน้านี้ กว่าจะเสร็จทั้งหมดก็ใช้เวลาเป็นอาทิตย์ๆ วันนี้ช่างนัดให้ไปเอา แต่เพราะยังไม่เสร็จดีจึงต้องนั่งรอก่อน จีรัชญ์ไม่อยากเทียวไปเทียวมาจึงรอให้มันเสร็จแล้วขับรถกลับมา โดยค่าจ้างของสุทินก็คืออาหารฝีมือป้าแจ่มนี่แหละ

จีรัชญ์เดินไปที่โต๊ะทานอาหาร กับข้าวที่มีไม่กี่อย่างส่งกลิ่นหอมน่าทาน และเมื่อณิชเห็นว่าจีรัชญ์มาแล้วจึงยิ้มกว้างต้อนรับ อาการดีใจที่ได้เห็นหน้าเขาปิดไม่มิดจนจีรัชญ์ต้องส่งยิ้มคืนให้

“สวัสดีครับคุณสุทิน” ณิชเอ่ยทักพร้อมมิ้งยกมือไหว้ชายหนุ่มอารมณ์ดี

“สวัสดีครับคุณณิช คุณมิ้ง วันนี้โดนป้าแจ่มจัดมื้อใหญ่อีกแล้วสินะครับ”

“มื้อใหญ่อะไรกันล่ะคะคุณสุทิน มันก็มื้อธรรมดานี่แหละ พอดีไอ้พลีมันไปได้ปลานิลจากบ่อในสวนมา ป้าเลยเอามาทอดทำปลาสามรสเสียเลย” ป้าแจ่มอธิบายด้วยท่าทีเขินอายเพราะคำชม

“ผมอยากขโมยตัวป้าแจ่มไปที่บ้านจริงๆ ทำกับข้าวอร่อยแบบนี้ผมรักตาย”

สุทินยังคงยกยอป้าแจ่มไม่ขาดปาก ยิ่งได้ทานอาหารที่รสชาติถูกปากก็ยิ่งชม จนหญิงสูงวัยต้องขอตัวหลบออกไปก่อนเพราะเขินทำอะไรไม่ถูก

มื้อนั้นสุทินกับมิ้งชวนคุยกันออกรส ณิชเสริมบ้างเมื่อเห็นว่ารุ่นน้องตนเล่าเรื่องวีรกรรมของเขาตอนอยู่กรุงเทพฯ ผิดเพี้ยนไปจากความจริงเสียหน่อย จีรัชญ์ยังทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีเสมอ ลอบยิ้มบ้างเวลาเห็นณิชค้านรุ่นน้องหัวชนฝา เรื่องที่เจ้าตัวเมาจนอ้วกแตกอ้วกแตน เนื่องจากโดนโอ๋หัวหน้างานรับน้องเข้าทีม

“พี่โอ๋เล่าให้หนูฟังแบบนี้จริงๆ พี่ณิชเมาจนไปนอนกองกับหมาระหว่างรอรถน่ะ พี่โอ๋มีรูปยืนยันด้วย”

“เห้ย! จริงดิ พี่โอ๋มีรูปด้วยเหรอวะ”

“แสดงว่าคุณเมาจนนอนกับหมาจริงๆ งั้นสิ” จีรัชญ์เอ่ยถามพลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม มื้อนี้เขาอิ่มมากจริงๆ จนแทบจะกินอะไรต่อไม่ไหวแล้ว

“ไม่นะ ผม...ไม่สิ ตอนนั้นผมยังพอจำได้ ผมไม่ได้นอนกับหมา หรือนอนวะ” ณิชเริ่มเถียงกับตัวเอง ทำจีรัชญ์ลอบยิ้มมุมปากกับท่าทางเหมือนลูกหมาสับสน เขาซ่อนรอยยิ้มไว้ภายใต้แก้วน้ำที่ทำทีเป็นยกดื่มอีกครั้ง

ณิชดูมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าวันแรกๆ ที่รู้ความจริง ตอนแรกณิชซึมลงไปมากจนเขาเป็นห่วง แต่เพราะมีมิ้งคอยอยู่ด้วยจึงพอให้วางใจได้บ้าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากที่สุด ก็คือณิชมักจะมาหาเขาที่ห้องทำงานทุกคืน

ดังเช่นในคืนนี้ที่หลังจากสุทินกลับไปแล้ว และคนอื่นๆ แยกย้ายกันไปพักผ่อน ณิชมาเคาะประตูห้องทำงานเขาก่อนจะเยี่ยมหน้าเข้ามา รอยยิ้มหวานที่หมู่นี้มักจะเห็นบ่อยขึ้นทำเขาถอนหายใจ คืนนี้เขามีงานเยอะ คงไม่มีเวลามานั่งคุยเล่นกับอีกฝ่าย

“ว่าแล้วว่าคุณต้องอยู่ที่นี่” ชายหนุ่มในชุดนอนสบายๆ พูด เขาเดินเข้ามาหาคนที่กำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ ก่อนจะยิ้มให้อีกครั้ง

“เอ่อ...คืนนี้อากาศเย็นอีกแล้วนะครับ” หนุ่มเมืองกรุงทำทีชวนพูดคุยเรื่องลมฟ้าอากาศ หากแต่จีรัชญ์รู้ดีว่าเจ้าตัวคงไม่ได้มาพูดเรื่องอากาศเย็นกับเขาแน่ๆ เขาเป็นอาจารย์ระดับมหา’ ลัย ทำไมจะไม่รู้ว่ามุกตื้นๆ แบบนี้ของอีกฝ่ายคือหวังอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ

“ครับ” จีรัชญ์ตอบรับไป จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาอยู่กับตำราต่อ

ณิชเดินไปหยุดที่หน้าต่าง สูดกลิ่นดอกพุดน้ำบุษย์ที่ตอนนี้เริ่มส่งกลิ่นอีกครั้ง หลังจากดอกชุดก่อนร่วงโรยไปแล้ว และตอนนี้ก็ออกดอกใหม่จนใกล้จะร่วงอีกครั้ง ห้องทำงานของจีรัชญ์ตรงนี้ได้กลิ่นหอมจัดจนเขาต้องสูดซ้ำหลายครั้ง

หาญจะชอบดอกไม้ชนิดนี้เหมือนเขาไหม ดอกไม้สีเหลืองที่ฝากไปกับผ้าเช็ดหน้าหาญจะเก็บไว้รึเปล่า

“คุณจีรัชญ์ ผมขออ่านหนังสือคุณหน่อยได้ไหม ตอนนั้นผมจำได้ว่ามีสมุดบันทึกอะไรสักอย่าง ผมยังไม่ได้อ่านเลย” หลังจากไตร่ตรองมาสักพักแล้ว ณิชตัดสินใจถามถึงสมุดเล่มนั้นที่เป็นที่เก็บจดหมายของเขาไว้ เพราะวันนี้เขาลืมเรื่องสมุดไปเสียสนิท มัวแต่โฟกัสกับรูปถ่ายและจดหมาย

จีรัชญ์เงียบไปครู่หนึ่ง ย้อนเหตุการณ์กลับไปวันนั้น ป้าแจ่มบอกเขาว่าณิชรออยู่ที่ห้องทำงาน ท่าทางจริงจังราวกับมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเขา แต่เมื่อเข้ามาถึงก็เห็นณิชนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ตอนแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายไม่สบาย แต่เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของณิชก็ทำเขาตัวชาวาบ

จดหมายที่เขาเก็บไว้ไม่เคยลืม ซ่อนไว้ในที่ที่คิดว่าไม่สะดุดตาใครที่สุด ที่ที่คิดว่าน้อยคนจะหาเจอหรือหยิบมันขึ้นมาอ่าน แต่ณิชกลับหยิบสมุดเก่าๆ ดูไม่มีความน่าดึงดูดขึ้นมาแทน ทั้งที่หนังสือบนชั้นวางมีเป็นร้อยเล่ม แถมยังเจอจดหมายที่เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ณิชได้รู้ความจริงอีก และที่เจ้าตัวมาขออนุญาตเขาอ่านสมุดบันทึกเล่มนั้น ก็คงเตรียมตัวเตรียมใจมาพร้อมแล้ว

“เห็นทีจะไม่ได้ เจ้าของเขาไม่อนุญาตให้ใครก็ตามได้อ่าน”

จีรัชญ์ตอบเสียงเรียบ ใบหน้าเรียบนิ่งติดดุไปสักหน่อยที่โดนขอแบบนี้ คนฟังทำหน้าหงอยทันที เขาอุตส่าห์มาขอดีๆ แต่จีรัชญ์กลับไม่ให้เสียอย่างนั้น คิดว่าจะได้เจอความจริงอย่างอื่นอีก เขาจะได้ชดใช้ได้ถูก

นึกเสียดายไม่น้อยที่ดันมาเป็นลมก่อนได้อ่านบันทึกเล่มนั้น บางทีมันอาจจะเป็นสมุดที่เขาไว้จดบันทึก เป็นไดอารี่ความรักของเขากับหาญในชาติก่อนก็เป็นได้

“คุณบอกว่าเจ้าของไม่อนุญาต เจ้าของคือใคร หาญเหรอครับ” ณิชลองถามดู แม้ใจจะอยากถามว่าปราณใช่ไหมก็ตาม และคราวนี้เขายกเก้าอี้ไปนั่งตรงข้ามกับจีรัชญ์ที่โต๊ะทำงานเลย โดนจีรัชญ์ส่งสายตาดุๆ มาให้ เพราะไปรบกวนสมาธิอีกฝ่ายตอนทำงาน

“ครับ”

“แล้วคุณรู้เรื่องของบรรพบุรุษคุณมากแค่ไหน เขาเป็นทวดของทวดของทวดคุณใช่ไหม อายุขนาดนั้นน่าจะผ่านมากี่รุ่นกันนะ แล้วจดหมายของผะ...เอ่อ...หมายถึงจดหมายของคุณปราณที่ให้กับหาญไว้ พวกคุณเก็บมารุ่นสู่รุ่นเหรอครับ เป็นเหมือนมรดกตกทอดอะไรประมาณนี้ใช่ไหมครับ”

“ผมขอทำงานก่อนได้ไหม ใกล้ช่วงสอบแล้วผมต้องรีบออกข้อสอบให้เด็กๆ ก่อน”

เพียงเท่านี้ณิชก็ยอมรูดซิปปากปิดสนิทในทันที พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะหลบไปนั่งบนเก้าอี้เอน เลือกหนังสือบนชั้นวางหนังสือมาหนึ่งเล่ม ไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าหนังสืออะไรเพราะเขารีบกางหนังสือ เพื่อหลบสายตาจีรัชญ์ที่เต็มไปด้วยคำต่อว่าที่เขาทำอะไรไม่รู้จักกาลเทศะ

คนอะไรดุชะมัดแถมยังเข้มงวดอีก อยู่ที่มหา’ ลัยเด็กนักศึกษาคงกลัวหัวหด หน้าตาหล่อเหลาคงไม่สามารถปกปิดความดุได้มิดแน่ๆ ถ้ามีเสียงแฮ่ๆ ดังมาด้วยเขาจะคิดว่านี่คือต้นตระกูลพิตบูล



โปรดติดตามส่วนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๐ {๖๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 03-08-2020 21:07:18
สนุกมากครับ รออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๐ {๖๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 03-08-2020 21:41:29
555 น่าเอ็นดูณิชจริงกับความอยากมาวอแว อยู่ใกล้ๆเขา คุณตรีหาญก็ไม่รู้ว่าจะเข้มไปไหนนะ ดีใจละสิๆที่เขามาหาบ่อยๆ 55555 สนุกกกก รอตอนต่อไปเลย ใกล้จะครบงานเสร็จยัง จะได้จำชาติได้ทั้งหมดสักที  :L1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๐ {๖๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 04-08-2020 09:20:46
รอวันที่ลงตัวของทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๐ {๖๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-08-2020 00:36:33
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๐ {๖๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 06-08-2020 16:55:36
บทที่ ๑๐ (ครึ่งหลัง)


จีรัชญ์ทำงานต่อไปอีกพักใหญ่ ณิชลอบมองเสี้ยวหน้าของคนที่กำลังทำหน้าเครียดกับงานที่ทำพลางถอนหายใจ เขาหันกลับมาสนใจหนังสือที่อยู่ในมืออีกครั้ง เป็นนิยายแนวอีโรติก ปกไม่ติดเรทแต่แค่บทนำก็ทำเอาสำลักน้ำลาย

“แค่กๆ อะแฮ่ม! ขอโทษครับ”

ณิชก้มหัวเชิงขอโทษเจ้าของห้องที่ส่งสายตามาต่อว่าอีกครั้ง เขาเริ่มเปิดอ่านหน้าต่อไป เนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่พระ-นางเข้าด้ายเข้าเข็มกัน คำบรรยายของผู้ประพันธ์ทำให้เขานึกถึงช่วงเวลานั้นที่อยู่กับหาญ ความวาบหวิวที่อีกฝ่ายมอบให้ ความสุขสมที่หาญปรนเปรอให้เขา มันแจ่มชัดอยู่ในหัวราวกับฝ่ายนั้นกำลังสัมผัส

“อะแฮ่ม!!”

คราวนี้เป็นจีรัชญ์ที่ส่งเสียงกระแอมดังจนคนที่เผลอคิดอะไรลามกสะดุ้ง ดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยวตวัดมองมาที่เขา ณิชทำทีเมินเฉยไม่สนใจ แต่ก็ไม่ลืมยกขาข้างหนึ่งของตนชันไว้ เพราะส่วนกลางกายมันดันตื่นขึ้นมาจนโป่งนูนเห็นได้ชัด

ไอ้ณิชนะไอ้ณิช พอรู้ความจริงก็ดันหื่นไม่เป็นเวลา!

“คุณกลับไปนอนเถอะ คืนนี้ผมคงไม่มีเวลาคุยเล่นกับคุณหรอก”

“ไม่เป็นไร ผมรอได้ คุณทำงานไปเถอะ ผมอ่านหนังสือรอได้สบายมาก”

ยังคงรั้นไม่เปลี่ยน ไม่ว่าจะชาติไหนก็ยังดื้อรั้นทำตามใจตนเอง แต่ตอนนี้ดีหน่อยที่สถานะของณิชไม่ได้สูงศักดิ์เทียมฟ้าจนกดใครเขาได้

จีรัชญ์ไม่ตอบอะไรปล่อยให้คนอยากรอนั่งตาปรืออ่านหนังสือนิยายอีโรติกต่อไป เขาจำได้ว่าเล่มนี้เป็นเล่มที่เพิ่งซื้อมาเมื่อ 2-3 เดือนก่อน งานของนักเขียนคนนี้ค่อนข้างถึงพริกถึงขิง ฉากอย่างว่าจัดจ้านและบรรยายได้ดี เรียกได้ว่าภาพในหัวลอยมาเป็นฉากๆ ชัดเจน ก็ไม่แปลกที่ส่วนกลางกายของณิชจะตื่นขึ้น

เมื่อครู่ที่เขากระแอมเพราะเรียกสติตัวเองไม่ให้รู้สึกไปกับณิชด้วย กางเกงนอนขาสั้นกับเสื้อกล้ามย้วยๆ อวดไหปลาร้า นั่นเป็นจุดเรียกสายตาเขาเป็นอย่างดี เจ้าตัวไม่ระวังอะไรเลย จนกลายเป็นเขาเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เหลือบมองอยู่นานจนตาแทบเหล่เจ้าตัวก็ยังไม่รู้ จนต้องส่งเสียงไปนั่นแหละณิชถึงจะยกขาขึ้นมาปิด

ความเงียบเข้ามาเยือนระหว่างคนทั้งสองอีกครั้ง มีเสียงพลิกกระดาษของณิชและจีรัชญ์สลับกันไป สายลมหนาวยามค่ำคืนพัดผ่านเข้ามาอีกครั้ง หางตาจีรัชญ์เหลือบไปมองตรงมุมห้อง วินาทีแรกใจกระตุกวูบก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นจังหวะปกติ เมื่อพบว่า ‘ใคร’ ยืนอยู่ตรงนั้น แม้จะเลือนรางแต่ก็เดาได้ไม่ยาก

ชายหนุ่มผิวคล้ำดำมะเมื่อม นุ่งโจงกระเบนแบบสั้นอวดความแข็งแกร่งของลำขา ใบหน้าติดจะหวานกว่าเขาสักหน่อย แต่ด้วยรูปร่างสูงใหญ่ไม่ต่างกันอาจทำให้คนที่พบเห็นกลัวได้ไม่น้อย แน่ล่ะว่าใครบ้างจะไม่กลัวผี

จีรัชญ์เลิกสนใจ เขารู้ดีว่ามันคือใคร เพราะนั่นคือเจ้าของเสียงที่คอยพูดอยู่กับเขาจากที่ไกลๆ มันจะค่อยๆ ปรากฏตัวชัดขึ้นตามความทรงจำของณิชที่รับรู้เรื่องราวที่ผ่านมา ทำตัวราวกับเทวดาประจำกายของอีกฝ่ายก็มิปาน

‘คุณเขาจะหลับแล้ว’

‘ปล่อยไป ไม่ว่าง’

‘มึงจะใจร้ายกับคุณเขาจริงหรือ’

จีรัชญไม่ตอบ แต่ก็ยังส่งสายตาหาณิชที่ตอนนี้ดูจะติดใจหนังสือเล่มนั้นแล้ว หน้ากระดาษพลิกอยู่เรื่อยๆ เมื่อเจ้าตัวอ่านจบไปในแต่ละหน้า เขาถอนหายใจกับความสู้ไม่ถอยของณิชที่อยากจะรู้ความจริงทั้งหมด เขาไม่สามารถพูดอะไรไปได้ เพราะหากพูดไปณิชก็คงไม่เชื่อ ปล่อยให้เจ้าตัวรู้เองอย่างที่ผ่านมาคงจะดีเสียกว่า

เวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่เขาไม่ได้นับ แต่เพราะหนังสือเรื่องนี้สนุกจนวางไม่ลงทำให้อ่านไปได้สิบกว่าบทแล้ว หนังสือหนาราวหนึ่งนิ้วพร่องไปเพียงนิด เขายืดตัวบิดขี้เกียจและหาววอดใหญ่ เห็นจีรัชญ์ยังคงทำงานอยู่เหมือนเดิม

“คุณมีอะไรให้ผมช่วยไหม บอกได้นะครับ ตอนสมัยเรียนผมก็เคยช่วยงานอาจารย์อยู่บ้าง ขอแค่คุณบอกมาว่าต้องการ...”

“ผมอยากให้คุณไปนอนพักได้แล้ว” จีรัชญ์พูดตัดบท น้ำเสียงดุๆ เหมือนผู้ใหญ่ดุเด็ก

“แต่ผมยังไม่ง่วง”

“ไม่ง่วงอะไร ตาคุณแดงขนาดนี้ยังบอกว่าไม่ง่วงอีกเหรอ”

“ผมแค่ขยี้ตาเมื่อกี๊มันเลยแดง จริงๆ ยังไม่ง่วงหรอก” คนตัวเล็กกว่าเถียงตาใส ทั้งที่จริงหาวไปเป็นสิบครั้งแล้ว ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนมันควรเป็นเวลานอน แต่เขายังไม่อยากนอนเพราะอยากคุยกับจีรัชญ์ก่อนมากกว่า

“เราค่อยคุยกันวันอื่นได้ไหม” เขาหลอกล่ออีกฝ่ายด้วยเสียงทุ้มนุ่มน่าฟัง ไม่ติดดุเหมือนก่อนหน้านี้

“ไม่เอาสิ เดี๋ยวคุณก็หลบหน้าผมอีกอ่ะ” ณิชเผลอทำหน้าบึ้งใส่ ปากอิ่มเบะออกเล็กน้อยเมื่อคิดว่าจีรัชญ์กำลังจะเลี่ยงตนอีกครั้ง

เขาหมดแรงจะเถียงต่อเลยปล่อยให้คนดื้อนั่งรอต่อไป เอาจริงๆ งานเขาใกล้เสร็จแล้ว เอาไว้ทำต่อวันอื่นก็ยังได้เพราะพอมีเวลาอยู่ แต่ที่ทำทีว่าทำงานยุ่งอยู่นั้น ก็เพื่อหลบเลี่ยงอย่างที่อีกฝ่ายว่าจริงๆ นั่นแหละ

และแล้วความอดทนของณิชก็สิ้นสุดลง พร้อมกับหนังตาที่หนักอึ้งและปิดไปในที่สุด ณิชหลับไปแล้ว จีรัชญ์จึงวางมือจากงานที่เขาต้องยอมทำจนเสร็จจนได้ เพราะความดื้อรั้นของณิชที่ไม่ยอมห่างจากเขาจริงๆ นั่งเฝ้าจนหลับคอพับไปแล้ว

‘มึงห่วงใยคุณเขา’

‘พอปรากฏตัวได้มึงก็ช่างพูดนะไอ้มั่น

‘กูพูดตามที่เห็น กี่ชาติๆ กูก็ไม่เคยเห็นว่ามึงจะออกห่างเขาได้สักที เพราะคำสาปมันผูกมึงไว้’

‘แล้วยังไง หากกูจะลองฝืนชะตาบ้างจะเป็นไร’

‘มึงฝืนมิได้ดอกไอ้เกลอ’


จีรัชญ์เลิกตอบโต้อีกฝ่ายในใจ หันไปสนใจคนที่รอเขาจนหลับดีกว่า ดูท่านอนของณิชไม่ค่อยสบายนัก เขาจึงอุ้มอีกฝ่ายขึ้นเพื่อพาเจ้าตัวกลับไปที่ห้อง ระหว่างนั้นมิ้งเดินออกจากห้องมาเพื่อจะลงไปเติมน้ำใส่ขวดเอามาติดไว้ที่ห้อง เธอเห็นจีรัชญ์อุ้มณิชหายเข้าไปในห้องของรุ่นพี่เธอก็รีบหาที่หลบ

ความสัมพันธ์ของณิชกับจีรัชญ์ทำเธอแอบงงอยู่ไม่น้อย ตอนแรกทั้งคู่ดูจะไม่ถูกกันสักเท่าไหร่ จีรัชญ์ทำหน้านิ่งติดไปทางดุเสมอเวลาที่คุยกับรุ่นพี่เธอ ส่วนณิชนั่นก็ดูจะไม่ชอบจีรัชญ์เท่าไหร่นัก ต่อมาตอนที่ป่วยจีรัชญ์ดูแลณิชดีจนเธอยังตกใจ ตกใจในส่วนของการจุมพิตที่หน้าผาก ซึ่งการกระทำนั้นดูจะขัดกับสิ่งที่เธอรู้สึกว่าจีรัชญ์ไม่ชอบหน้าของณิชในตอนแรก

มิ้งเดินย่องไปที่หน้าห้องณิช แอบมองลอดรอยแง้มของประตูเพื่อดูว่าจีรัชญ์ทำอะไรรุ่นพี่เธออีกหรือไม่ สองตากลมใสสอดส่องความเป็นไปในห้องนอนณิช เห็นว่าจีรัชญ์กำลังห่มผ้าให้คนบนเตียงอยู่ สายตาเต็มไปด้วยความห่วงใยจนเธอยังรู้สึกเขินแทน รุ่นพี่เธอได้รับการดูแลลับหลังเช่นนี้ หากณิชรู้คงเขินไม่น้อย

หญิงสาวมองเหตุการณ์ในห้องพลางลอบยิ้ม การกระทำแบบนี้ของจีรัชญ์คงมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรอก สายตาคนเขียนนิยายอย่างเธอมีหรือจะดูไม่ออกว่าที่จีรัชญ์ทำแบบนี้คงมีใจให้ณิช แต่ระหว่างที่เธอกำลังตื่นเต้นกับความคิดตัวเอง สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นเงาลางๆ อยู่มุมหนึ่งของห้อง มันจะไม่ทำให้ขนลุกเกรียวเลย ถ้าไม่ใช่เงานั้นอยู่ในชุดโจงกระเบนโบราณเหมือนพวกทาสสมัยก่อน สีหน้าเรียบนิ่งจดจ้องมองณิชกับจีรัชญ์ไม่วางตา

พรึบ!

มิ้งรีบหลบก่อนที่ผีตัวนั้นจะหันมาเจอเธอ คิดไว้ว่าตัวเองตาฝาด แต่มันก็ยากจะเชื่อสัญชาตญาณว่าเธอคงเจอดีเข้าเสียแล้ว ขนทั่วร่างลุกพรึบเป็นสัญญาณบอก อาการอกสั่นขวัญผวากับสิ่งที่เจอทำให้ไม่กล้าเดินลงไปชั้นล่าง เธอหลับหูหลับตาวิ่งเข้าห้องนอนตัวเองไปพร้อมกับท่องบทสวดมนต์ผิดๆ ถูกๆ ก็ว่าอยู่ว่าวังปริพัตรจะมีหรือที่จะไม่มีผี วังเก่าแก่แบบนี้ยังไงก็ต้องมีผีแล้วเธอก็เจอจริงๆ แต่ดันมาเจออะไรเอาป่านนี้ก็ไม่รู้

:::::::::::::

เช้าวันรุ่งขึ้นคนที่แทบไม่ได้นอนอย่างมิ้งเดินหน้าตาสะลึมสะลือลงมาจากชั้นบน เธอรู้สึกเหมือนตอนนี้มีแค่กายหยาบ ส่วนวิญญาณหลุดลอยหายไปแล้ว เมื่อคืนแทบไม่ได้นอนเลยเพราะกลัวจะเจอใครคนนั้นอีก เธอคิดอยู่นานว่าชายคนนั้นคือใคร แต่มาขนาดนี้แล้วคงเป็นใครไม่ได้นอกจาก...

“พี่ณิช เมื่อคืนหนูเจอหะ...หาญแล้วนะพี่” มิ้งกระซิบบอกรุ่นพี่ตนเอง ไม่กล้าพูดเสียงดังให้จีรัชญ์ได้ยินด้วย

ณิชที่กำลังอยู่ในอารมณ์หงุดหงิดงุ่นง่าน เพราะตัวเองดันเผลอหลับก่อนจะได้คุยกับจีรัชญ์เมื่อคืนหันขวับมามองทันที เขาตัวชาวาบก่อนจะขออนุญาตลากมิ้งออกไปคุยที่อื่น

“เจอที่ไหน เจอได้ไง แกได้คุยกับเขารึเปล่า”

“เดี๋ยวก่อนพี่ณิช หยุดก่อน คือหนูจะบอกว่าสิ่งที่หนูเจอมันไม่ใช่คนนะพี่ มัน...ฮือ หนูกลัวมากอ่ะพี่ นี่ยังไม่ได้นอนเลย มันน่ากลัวมากนะพี่”

“แกพูดเข้าประเด็นได้ไหมวะ พี่ร้อนใจเนี่ย”

“หนูรู้ว่าพี่ร้อนใจ แต่พี่จะให้หนูเตรียมใจก่อนได้ไหม คือ...” มิ้งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ใบหน้าของหญิงสาวซีดเซียวราวคนจับไข้ หากแท้จริงแล้วเพราะกลัวผีต่างหาก ขาสั่นยืนไม่ไหวจนต้องนั่งลงก่อน

“เมื่อคืนหนูเห็นคุณตรีเขาอุ้มพี่เข้าห้องไป หนูเลยไปดูแต่สิ่งที่หนูเห็นคือ...” มิ้งเงียบไป ทำหน้าเมหือนคนกำลังจะร้องไห้จนณิชต้องสะกิด

“คืออะไร”

“คือ...ผู้ชายตัวใหญ่นุ่งโจงกระเบนยืนมองพี่กับคุณตรีอยู่” มิ้งพูดรวดเดียวจบก็หลับตาปิดสนิท อยากลบภาพที่ตัวเองเห็นออกไปให้พ้นแต่ก็ทำไม่ได้

ณิชทรุดกายลงนั่งบนบันไดหน้ามุขข้างมิ้งที่ตอนนี้ตัวสั่นมือสั่น เขากำลังคิดตามสิ่งที่มิ้งบอก แต่ความน่าจะเป็นนั้นน้อยเหลือเกิน

“แกเห็นหน้าตาเขาไหม”

“หะ...เห็น แต่ไม่ชัดนะ”

“เขาคล้ายคุณจีรัชญ์ไหม”

“ไม่...ไม่เท่าไหร่นะ คือ...หนูมองแค่แวบเดียวอ่ะพี่ ไม่กล้ามองนานกลัวเขามาหักคอ” มิ้งตอบไปตามจริง หากคิดแบบหนังผีที่มีฉากตุ้งแช่บ่อยๆ จังหวะที่เธอหมุนตัวกลับห้องต้องเห็นฝ่ายนั้นมาปรากฏตัวตรงหน้าแล้ว นี่ดีที่ไม่มีเพราะถ้ามีเธอจะขอลากลับกรุงเทพฯ วันนี้เลย

ณิชครุ่นคิดทบทวนอีกพักใหญ่ ก่อนจะพามิ้งเข้าข้างในเพื่อจะได้ทานมื้อเช้าให้เสร็จ วันนี้เป็นวันหยุดทีมช่างไม่ได้เข้ามาทำงาน จึงเป็นวันฟรีของพวกเขา มิ้งทำตัวติดป้าแจ่มไม่ห่าง โดยที่ณิชกำชับว่าห้ามบอกเรื่องที่เจอกับใคร แต่หากเจอใครคนนั้นอีกก็ให้ลอบสังเกตหน้าดีๆ เพราะเขาก็อยากรู้ว่านั่นจะใช่หาญจริงๆ หรือไม่

ถึงแม้เขาจะกลัวผีไม่ต่างจากมิ้ง แต่หากวิญญาณดวงนั้นคือหาญจริงๆ เขาก็อยากจะเจอ อยากเจออีกสักครั้งแม้จะเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี

::::::::::::

จีรัชญ์หนีหน้าเขาอย่างที่คิดไว้จริงๆ เพราะหลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ อีกฝ่ายก็เข้าสวนไปกับนายพลี ลูกน้องที่จ้างให้เฝ้าสวนไว้ ในตอนแรกเขาขอตามไปด้วยจึงรีบขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่เมื่อลงมากลับไม่เห็นเจ้าของวังเสียแล้ว

“คุณตรีของป้าใจร้ายมาก ผมบอกว่าจะไปด้วยเขากลับทิ้งผมเฉยเลย” ณิชอดจะบ่นให้หญิงสูงวัยฟังไม่ได้

“พี่ก็ตามไปสิ” มิ้งบอกมือก็ช่วยเด็ดพริกไปด้วย

“จะตามไปยังไง สวนตั้งกว้าง อยู่ส่วนไหนของสวนก็ไม่รู้”

“วันนี้คุณตรีไปดูต้นลองกองค่ะ เห็นว่าออกผลแล้ว คุณแค่เดินตรงไปเรื่อยๆ เคยไปถึงทางน้ำไหลแล้วใช่ไหมคะ เดินข้ามสะพานไม้ไผ่ไปอีกนิดก็ถึงแล้วค่ะ”

“อ่า...” ณิชเริ่มลังเล คิดว่าหากหลงในสวนผลไม้บ้านจีรัชญ์คงขำไม่ออก

“ไม่ต้องกลัวหลงหรอกค่ะคุณณิช สวนผลไม้ของคุณตรีเป็นระเบียบ ไม่มีหญ้าขึ้นรกครึ้มหรอก มองหากันก็เจอค่ะ ไม่ก็ตะโกนเรียก ป้าเชื่อว่าคุณตรีคงไม่ใจร้ายกับแขกของตัวเองหรอก”

“ใจร้ายก่อนแล้วสิไม่ว่า ถึงกล้าทิ้งผมไว้เนี่ย” ณิชเสริมท้ายก่อนจะลุกขึ้นพร้อมหมวกแก๊ปหนึ่งใบ

เขาเดินเท้าเข้าสวนไปตามทางที่เคยตามจีรัชญ์ไปเก็บหน่อไม้ เดินข้ามสะพานที่ทอดผ่านทางน้ำที่จีรัชญ์พามาล้างหน้าล้างมือ ป้าแจ่มบอกว่าเดินไปตามทางเดินเตียนๆ ที่ทำทางไว้ และในที่สุดก็เจอจริงๆ

เจองูนะไม่ใช่เจอคน!!

“ฮือ...ปะ...ไปเลย ไปกันคนละทางเถอะนะ” ณิชบอกเสียงสั่น ขาแข็งยืนนิ่งประจันหน้ากับงูตัวมันเลื่อมสีเข้ม เขาไม่รู้ว่ามันคืองูชนิดไหน มีพิษหรือไม่ แต่ทางที่ดีอย่าเพิ่งขยับน่าจะดีที่สุด

“คุ...คุณจีรัชญ์ คุณอยู่แถวนี้รึเปล่า ช่...ช่วยผมด้วย” เขาเรียกหาแต่เสียงไม่ได้ดังไปกว่าเสียงกระซิบ หน้าชายหนุ่มบูดเบี้ยวทำท่าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

‘คุณปราณเจองูในสวน’

เสียงลอยกระซิบอยู่ข้างหู จีรัชญ์ที่กำลังดูไอ้พลีเก็บลองกองถึงกับทิ้งถังที่ไว้เก็บลองกองในมือ จากนั้นก็รีบวิ่งไปทางที่ไอ้มั่นนำไปทันที

ดื้อจะตามมาจนได้เรื่อง!! จะกี่ภพกี่ชาติก็ติดตัวไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ หากเป็นเด็กเป็นเล็กน่าจับตีให้ก้นลาย ให้นอนร้องไห้ไปสักสามวัน




โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๖/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๐ {๑๐๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 06-08-2020 21:50:41
ตอนแรกคิดว่ามั่นคือสุทินในชาตินี้
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๖/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๐ {๑๐๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 06-08-2020 23:21:42
ก็แล้วพ่อหาญจะเลี่ยงเขาทำไมเล่า เลยต้องมาตามต้อยๆนี้ไง อิอิ  คำสาปไรอ่ะ คำสาปฟาโรห์หรือเปล่า 555 ใครจะเป็นคนถอนคำสาปให้ไอ้มั่นไปผุดไปเกิดกับเขาสักที อมยิ้มตลอดเวลาณิชวอแวคุณตรี แล้วคุณเขาก็แบบทำเป็นนิ่งอ่ะ ที่จริงหวั่นไหวซ๊า 55555 เมื่อไหร่จะได้  :impress2: สักที รออยู่นะ คงอีกนาน 555  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๖/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๐ {๑๐๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 06-08-2020 23:45:14
จะเลี่ยงยังไงก็หนีไม่พ้นหรอกน่า รักเขาขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๖/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๐ {๑๐๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 07-08-2020 12:37:27
ทำเป็นนิ่งแต่พอเขาเดือดร้อนรีบไปหาเลย :jul3:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๖/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๐ {๑๐๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 07-08-2020 19:52:16
แล้ว สุทิน ในชาติก่อนคือใคร
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๖/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๐ {๑๐๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 07-08-2020 21:21:19
พึ่งตามอ่านทันค่ะ คือมันดีมาก รู้สึกหน่วงเจ็บไปทั้งใจ จะสุขก็ไม่สุด
อยากรู้ว่าอะไร ทำให้ทั้งสองมาที่จุดนี้ :sad4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๖/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๐ {๑๐๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 08-08-2020 12:53:19
บทที่ ๑๑ ครึ่งแรก


หนุ่มเมืองกรุงที่ทั้งชีวิตนี้เคยเข้าป่านับครั้งได้ยืนขาสั่นอยู่กับที่ สัตว์เลื้อยคลายตัวเกือบเท่าข้อมือเลื้อยอยู่ตรงหน้า มันไม่ได้แสดงท่าทีคุกคาม แต่ความน่าเกรงขามในสายพันธุ์ก็ทำคนตัวโตกว่าไม่กล้าแม้แต่จะก้าวถอย

“ณิ...!!”

จีรัชญ์วิ่งมาถึงแล้ว เขาเห็นงูตัวมันเลื่อมเลื้อยอยู่ จากนั้นจึงหยุดดูท่าทีเจ้างูตัวนั้น เท่าที่สังเกตน่าจะเป็นงูทางมะพร้าว ดุแต่ไม่มีพิษ มันเลื้อยหนีไปอีกทางเมื่อได้ยินเสียงเขาเดินเข้าไปใกล้ ณิชทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เหงื่อแตกพลั่กท่วมหน้า จนกระทั่งมันเลื้อยหนีไปแล้วจีรัชญ์จึงเดินเข้าไปหา พร้อมๆ กับที่ณิชเข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งบนพื้นทันที

“หะ...หัวใจจะวาย” จังหวะหัวใจที่เต้นรัวอยู่ในอกทำณิชหอบหน่อยๆ เชื่อว่าตอนนี้หน้าเขาคงซีดแทบไร้สีเลือด ถ้ามันยังไม่หนีไปแล้วยังอยู่ประจันหน้าเขาอีกนิด รับรองว่าเขาคงเป็นลมล้มพับให้มันฉกแน่ๆ

“คุณเข้ามาในสวนได้ยังไง! ไม่คิดเหรอว่ามันอันตราย สวนของผมไม่ใช่ที่วิ่งเล่นของพวกคนเมืองหรอกนะ ทำอะไรไม่รู้จักคิด ถ้าเกิดโดนงูฉกตายขึ้นมาจะทำยังไง”

คำผรุสวาทจากคนตัวใหญ่ที่ยืนค้ำหัวอยู่ทำณิชสะดุ้ง เงยหน้ามองเห็นใบหน้าคมดุดันดวงตาแข็งกร้าวปนโกรธขึ้ง ณิชตัวสั่นขึ้นมาอีกรอบเมื่อได้เห็นท่าทีโกรธจริงจังของจีรัชญ์แบบนี้ เขายิ้มหน้าเจื่อนอย่างรู้ผิด เพราะครั้งก่อนที่มาก็มากับจีรัชญ์มันเลยปลอดภัย แต่พอมาเองงูเจ้าถิ่นกลับมาต้อนรับเสียอย่างนั้น

“ผมแค่อยากมาดูคุณเก็บลองกอง”

เสียงอ่อนของณิชพูดคำโกหกไปคำโต ทั้งที่จริงจุดประสงค์ที่ตามเข้ามาในครั้งนี้ก็เพราะอยากหาเวลาคุยกับจีรีชญ์มากกว่า

จีรัชญ์ไม่ตอบอะไรแต่ฉุดแขนอีกฝ่ายให้ลุกยืน ณิชปัดเศษดินเศษใบไม้ที่ติดกางเกงออก ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่พาเดินไปตามทางด้วยใบหน้าที่ติดจะบึ้งตึงไปสักหน่อย ณิชเดินตามไปไม่ห่างจนมาเจอกับนายพลีที่กำลังจัดลองกองช่อสวยใส่ตะกร้า

“ผมอยากลองชิมบ้าง ขอชิมได้ไหมครับ” ณิชทำใจดีสู้เสือถามออกไป หวังว่าจีรัชญ์จะตอบกลับมาด้วยท่าทีที่ดีขึ้นเถิด เพราะนี่เขาก็ ‘ง้อ’ สุดๆ แล้ว

“มันยังมีอมเปรี้ยวอยู่บ้าง แต่ต้องเก็บเพราะเดี๋ยวสุกเกินแล้วจะขายไม่ทัน” จีรัชญ์หยิบมาหนึ่งช่อใหญ่ส่งให้ณิช

“อื้ม! ผมชอบรสชาติแบบนี้ อร่อยดีไม่หวานเกิน” เมื่อได้แกะชิมไปหนึ่งลูก ลูกที่สองที่สามก็ตามมาติดๆ ก่อนจะเดินไปนั่งใต้เงาต้นไม้ ซึ่งที่ตรงนั้นมีเสื้อของจีรัชญ์แขวนอยู่

ณิชนั่งดูสองนายบ่าวช่วยกันเก็บผลลองกอง ใจก็ยังนึกถึงสิ่งที่มิ้งพูด และสิ่งที่ตนรู้ เพื่อนำเรื่องราวมาปะติดปะต่อ รอยแผลเป็นที่หลังของจีรัชญ์ที่ราวกับรอยเฆี่ยน จดหมายของปราณ และรูปถ่ายของหาญ นี่ยังไม่รวมบ้านเรือนไทยในรูปวาดนั้นอีก ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวโยงกับหาญหรือไม่

เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ จากแดดที่ไม่ร้อนนักเริ่มกลายเป็นร้อนอบอ้าว จีรัชญ์ให้ณิชใช้เสื้อตนคลุมตัวไว้เพราะแดดเริ่มแรง คนนั่งรอพลันเห็นพวงกุญแจที่จีรัชญ์มักพกติดตัวเสมอในกระเป๋าเสื้อของอีกฝ่าย และเขาจำได้ว่ากุญแจหนึ่งดอกในส่วนนี้ไขโต๊ะทำงานของจีรัชญ์ได้

ก่อนหน้านี้เขาลอบเข้าห้องทำงานจีรัชญ์อีกครั้ง ทำทีว่าจะเข้าไปยืมหนังสือมาอ่าน แต่ที่จริงแล้วเขาแอบเข้าไปหาสมุดบันทึกเล่มนั้น ปรากฏว่าที่ที่เขาเคยเจอมันไม่มีสมุดอยู่แล้ว ทั้งจดหมายและสมุดบันทึกหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่จริง เพราะฉะนั้นวันนี้เขาคงได้โอกาสที่จะตามหาความจริงสักที ในเมื่อจีรัชญ์หลบเลี่ยงเขาก็จะหาความจริงด้วยตัวเอง

มือเรียวจึงหยิบกุญแจดอกนั้นออกมาไว้ในกระเป๋ากางเกงตัวเอง คิดขออนุญาตจีรัชญ์ในใจ บอกไว้ว่าถ้าใช้เสร็จแล้วจะรีบเอามาคืน

“เอ่อ...ผมร้อนแล้วอ่ะคุณ งั้นขอตัวกลับก่อนนะ” ณิชพูดขึ้นพลางลุกขึ้นยืน แขวนเสื้อจีรัชญ์ไว้บนกิ่งไม้คืนให้เจ้าของ

“รอสักครู่ได้ไหม อีกนิดเดียวจะเสร็จแล้ว” คนที่ใส่แค่เสื้อกล้ามตัวเดียวหันมาถาม

“ไม่ๆ ไม่เป็นไร คุณตามสบายเถอะ เดี๋ยวผมเดินไปคนเดียวได้”

“แล้วถ้าเกิดเจองูอีกล่ะ คุณจะทำยังไง”

“คงไม่ซวยซ้ำขนาดนั้นหรอกคุณ ผมไปล่ะ ปวดฉี่ด้วย” ณิชตัดบทก็รีบจ้ำอ้าวออกเดินในทันที จีรัชญ์ถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดที่อีกฝ่ายไม่ฟังตน ก่อนจะบอกนายพลีว่าให้หยุดมือก่อน เพื่อจะได้พักกินข้าวเที่ยง แล้วเดี๋ยวค่อยเอารถเข้ามาขนผลไม้พวกนี้ออกไปทีเดียว

“คุณ...คุณณิช! หยุด!” จีรัชญ์ตามมาจนทัน ณิชที่รีบเดินออกมาสะดุ้งแต่ก็ยอมหยุดแต่โดยดี

“คุณไปผิดทางแล้ว ต้องมาทางนี้ ทีหลังหัดฟังคนอื่นเสียบ้าง อย่ารั้นทำตามแต่ใจเอง”

คำต่อว่ามาพร้อมคำสอนทำณิชรู้สึกเหมือนตัวเองคือเด็กตัวเล็กๆ ที่โดนผู้ใหญ่ดุ แต่กระนั้นก็ไม่กล้าเถียงออกไป เพราะเขาจำทางไม่ได้จริงๆ แถมยังกลัวว่าตัวเองจะมีพิรุธให้จีรัชญ์เห็นว่าขโมยกุญแจอีกฝ่ายมา

เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์จีรัชญ์ก็หายขึ้นไปข้างบน เข้าไปอาบน้ำอีกรอบก่อนจะลงมาทานมื้อเที่ยง และเดี๋ยวช่วงบ่ายเขาจะเอาลองกองไปส่งที่ตลาดให้เฮียจู ซึ่งเป็นร้านขายผลไม้เจ้าใหญ่ในตลาดที่ซื้อ – ขายผลผลิตจากสวนเขาอยู่เสมอ

ณิชอยู่ทานมื้อกลางวันจนเสร็จ ใจก็ภาวนาให้จีรัชญ์ยังไม่รู้เรื่องที่กุญแจหายไป และเหมือนโชคจะเข้าข้างเมื่อจีรัชญ์ไม่มีท่าทีเอะใจสงสัยอะไร ยังออกไปตลาดกับนายพลีกว่าจะกลับก็คงอีกนาน

ได้โอกาสณิชรีบแจ้นไปห้องทำงานของจีรัชญ์ในทันที มิ้งถามอะไรตนก็ไม่ตอบ เพราะความสนใจเขาอยู่ในห้องนี้แล้ว เขาล็อกประตูเสร็จสรรพเพื่อความเป็นส่วนตัว หากจีรัชญ์จะมาจับได้ตอนเขาอ่านสมุดบันทึกเขาก็ไม่สนแล้ว เพราะเขาก็มีสิทธิ์รู้ความจริงเหมือนกัน

ณิชไขกุญแจด้วยมืออันสั่นเทา ใจเต้นรัวลุ้นกับความจริงที่ตนกำลังจะได้รู้ เมื่อเปิดลิ้นชักออกมาได้ก็พบสมุดเล่มเก่าเล่มนั้น ใบหน้าหวานยิ้มกว้าง เขาหยิบมันออกมาและเปิดอ่านในทันที

กระดาษเก่าซีดเหลืองจนเกือบขาดดังเช่นจดหมายที่แนบไว้ มือเรียวค่อยๆ บรรจงเปิดอย่างเบามือ น้ำตาเอ่อคลอเต็มหน่วยตาเพราะความคิดถึงเรื่องก่อนเก่าที่รับรู้จากความฝัน

ปราณ

กึ่งกลางหน้าแรกของสมุดไร้เส้นบรรทัดเขียนชื่อเจ้าของไว้ นิ้วเรียวไล้ไปตามลายมือสวย ครั้งหนึ่งเขาเคยลายมือสวยแบบนี้เลยเหรอ มาดูตอนนี้สิยิ่งกว่าไก่เขี่ย เวลาเขียนจ่าหน้ากล่องส่งพัสดุแต่ละทีแทบต้องถอดความ

‘ไปเรียนกับพระครูมาร่วมปี กลับมาครานี้ได้เห็นใครบางคนอีกครั้ง มันยังคงเหมือนเดิมมิเปลี่ยน แววตาที่หลบซ่อนทุกครั้งที่เจอ มันกลัวหรือรังเกียจข้ากันแน่ มิรู้เลย’

สิ่งที่บันทึกไว้ด้วยลายมือสวยนี้แม้จะไม่บ่งบอกวันเวลา แต่บอกเหตุการณ์ที่เจ้าตัวเจอได้อย่างชัดเจน หากเดาไม่ผิดคงตอนที่กลับมาจากเรียนจบใหม่ๆ และคนที่ปราณกล่าวถึงคงจะเป็นหาญแน่ๆ

‘มันแอบเมียงมองอยู่แถวท่าน้ำ คิดหรือว่าข้าไม่เห็น เจ้าโง่ แต่ไอ้มั่นบอกมาว่าบ่าวหญิงในเรือนชอบพอมันหลายคนนัก ใช่สิ...อายุของมันได้เวลาออกเรือนแล้ว หากข้ามิทำอันใดเลยคงต้องพรากจากมันอีกครั้งเป็นแน่’

ณิชอมยิ้มเมื่ออ่านจบบรรทัด แน่ล่ะ...ในฝันเขาร้อนแรงน้อยเสียที่ไหน ตัวอักษรที่เรียงร้อยยิ่งไม่ต้องพูดถึง แสดงว่าปราณก็จ้องหาญอยู่นานแล้วเช่นเดียวกัน แต่เพราะความที่หาญเป็นบ่าวในเรือนจึงไม่กล้าทำอะไรให้ชัดเจน จึงต้องแอบคบแอบกินกันอย่างลับๆ

เขาใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายนี้เอาสมุดของตนเองในชาติก่อนมาอ่าน ปิดล็อกกุญแจโต๊ะของจีรัชญ์ให้เรียบร้อยเหมือนมันไม่เคยถูกเปิดออกโดยคนอื่น ก่อนจะเอาสมุดกลับมาอ่านที่ห้อง เรื่องราวที่พอปะติดปะต่อได้และนึกภาพตามทำให้เขาเผลอยิ้มไม่รู้ตัว แม้แต่ตอนที่ต้องตกลงแต่งงานกับแม่นวลจันทร์ เขายังเขียนบ่นลงในสมุดบันทึกเล่มนี้

สมุดเล่มหนาพอสมควร เขาห้ามใจไม่ให้อ่านครั้งเดียวหมด อยากจะค่อยๆ ทำความรู้จักกับตัวเองอีกครั้ง แต่เมื่อลองคลี่หน้ากระดาษดูคร่าวๆ ในส่วนหลังจะเป็นหน้าเปล่าไปหนึ่งในสี่ของเล่ม สื่อให้รู้ว่าชีวิตของปราณนั้นสิ้นสุดลงแล้ว แต่ก็มาสะดุดอยู่หน้าหนึ่งที่มีลายมือคุ้นตา ราวกับว่าเคยเห็นลายมือนี้มาแล้ว ซึ่งจดหมายของเขาถูกเสียบเก็บไว้กับหน้านี้ เป็นหน้ากระดาษแผ่นเดียวที่เขียนท่ามกลางหน้าเปล่าอื่นๆ ก่อนจะปล่อยหน้ากระดาษที่เหลือให้เป็นเพียงความว่างเปล่า

เขาหยุดสายตาไว้ที่กลอนบทยาว มันบรรยายความเศร้าของคนเขียนได้บาดลึกจนเขารู้สึกได้ ความเก่าของมันอาจไม่มากเท่ากับบันทึกของปราณ แต่คาดว่าคงเขียนไว้นานพอสมควรเช่นเดียวกัน มีน้ำหมึกเปรอะเปื้อนเป็นด่างดวงในบางจุด สื่อให้รู้ว่าคนเขียนกลอนบทนี้อาจจะร้องไห้ไปด้วยตอนที่เขียนมัน



มิเคยโกรธ ถือโทษเจ้า ในความผิด

ได้ชมชิด มิได้คู่ เพราะวาสนา

ด้วยพี่รู้ อยู่เต็มอก ทุกเวลา

พี่แค่ดิน ส่วนเจ้าฟ้า สุดห่างไกล

แต่ได้ยิน เรื่องร้าย ในครานี้

โอ้ชีวี พี่นี้หรือ จะอยู่ได้

ไยต้องหนี ต้องห่าง ไปแสนไกล

เจ้าจากไป สู่ชั้นฟ้า ดั่งเมฆลอย

แม้นนภา ที่ว่ากว้าง จำต้องแพ้

แม้นนที แลสุดตา จำต้องถอย

แม้นอากาศ ไร้รูปรส ที่ล่องลอย

มิอาจเทียบ เวลาคอย เจ้าแก้วตา

สุดกล้ำกลืน ฝืนทน รอคนรัก

เพราะใจปัก คิดถวิล ถึงเจ้าหนา

จากพี่ไป แต่ใจอยู่ มิคลาดคลา

กลับมาเถิด ดวงชีวา อย่าจากไกล

ขออ้อนวอน ต่อดินฟ้า ที่ไร้เสียง

ขอแค่เพียง ได้เคียงคู่ มิไปไหน

ถึง ‘สายลม’ ดับสิ้นแล้ว ยอดดวงใจ

ขออาจ ‘หาญ’ เฝ้ารักไป ทุกชาติเอย



น้ำตาหยดแรกไหลลงอาบแก้ม ก่อนที่หยดต่อๆ มาจะไหลลงตามกันอย่างห้ามไม่อยู่ ทุกอย่างมันชี้ชัดอยู่แล้วว่าบทกลอนนี้หาญเป็นคนเขียนมันขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าบ่าวที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้รู้หนังสือได้ยังไง และเขียนกลอนนี้ได้ตอนไหน แต่ทุกคำที่อ่านมันสื่อว่าเจ้าตัวเจ็บปวดทรมานกับความรู้สึกที่เห็นคนรักจากไปไม่หวนคืน

เขาใช้หมอนอุดกลั้นเสียงร้องไห้โฮของตัวเอง มือเรียวกำเป็นหมัดทุบอกตัวเองเบาๆ เพราะมันจุกหน่วงไปหมด แค่รับรู้ความเสียใจแค่นี้เขายังทรมานเจียนตาย แล้วหาญในตอนนั้นจะรู้สึกอย่างไร เขาปล่อยอารมณ์ตัวเองให้จมอยู่กับความเสียใจของเจ้าของบทกลอน อ่านวนซ้ำๆ เพราะรู้ว่าหาญเขียนถึงเขา อยากซึมซับรับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายที่มีเพื่อว่าจะชดเชยเวลาที่จากกัน ได้แค่กล่าวขอโทษในใจซ้ำๆ ที่ต้องทิ้งอีกฝ่ายไว้กับความเสียใจนี้

สายลมพัดเอื่อยๆ ลอดม่านเข้ามา หวังปลอมประโลมความเสียใจของเจ้านายให้บางเบาลงบ้าง ไอ้มั่นหยุดหมอบลงข้างเตียง มองคนที่กำลังร้องไห้ปานจะขาดใจอยู่ตรงนั้นแล้วน้ำตาพาลไหล มือที่เลือนรางของดวงวิญญาณผู้ซื่อสัตย์เอื้อมไปจับข้อเท้าของเจ้านายแล้วลูบเบาๆ

‘อีกไม่นานขอรับคุณปราณ อดทนสักหน่อยนะขอรับ เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป’

ถึงแม้มันจะไม่รู้ว่าโชคชะตาและความทรมานของคนทั้งสองจะสิ้นสุดเมื่อใด แต่มันก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างคนทั้งคู่ไปแบบนี้ จนกว่าจะหลุดพ้นคำสาปไปด้วยกัน

::::::::::::

ณิชปล่อยเวลาผ่านไปไม่คิดจะนับ ร้องไห้จนน้ำตาแทบหมดกายไม่มีให้ไหลอีกแล้ว เขานอนมองท้องฟ้าที่ตั้งเมฆครึ้มและคาดว่าฝนคงตกในไม่ช้า ก่อนสายตาจะเหลือบเลยไปยังแผ่นกระดาษที่จีรัชญ์เคยเขียนกลอนด้วยปากกาขนนก

ชายหนุ่มเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอนในทันที เขารีบหยิบกระดาษที่ตนเองใช้ที่หนีบหนีบโชว์ไว้บนโต๊ะ ก่อนนั้นเขาขอกระดาษแผ่นนี้มาจากจีรัชญ์เพราะชื่นชอบในลายมือของอีกฝ่าย แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นลายมือเดียวกับที่ปรากฏบนสมุดบันทึกเล่มนั้น หรือคนที่เขียนบทกลอนนั้นจะเป็นจีรัชญ์เอง

คิดมาถึงตรงนี้ขนทั้งกายก็ลุกซู่ขึ้นตั้งชัน ลมหายใจสะดุดเพราะสิ่งที่เขาคิดมันเหลือเชื่อมากเกินไป ไม่มีทางที่จะเป็นแบบนั้นไปได้ แต่เมื่อเอาเรื่องราวและสิ่งที่เห็นมาวิเคราะห์เข้าด้วยกัน เขาก็คิดเห็นเป็นอย่างอื่นไม่ได้

ณิชได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาภายในรั้วของวังปริพัตร ชะโงกหน้าออกไปดูเห็นว่าจีรัชญ์กลับมาจากตลาดแล้ว เขาจึงคว้าสมุดบันทึกและกระดาษที่จีรัชญ์เคยเขียนให้เขาลงไปข้างล่าง ด้วยใจที่ร้อนรนเพราะอยากรู้ความจริงทั้งหมดเดี๋ยวนี้ เขาจึงรีบวิ่งออกจากห้องและลงบันได เขาเห็นจีรัชญ์เดินเข้ามาในคฤหาสน์แล้ว แต่เพราะเมื่อครู่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักทำให้เกิดอาการหน้ามืด

“คุณจีรัชญ์! โอ๊ะ!”

ดวงตาพร่าเบลอขึ้นชั่วขณะจนมันมืดไป เขาจึงหลับตาลงและลืมขึ้นใหม่ความเบลอก็ยังไม่จางหาย เห็นเพียงเลือนรางว่าจีรัชญ์รีบวิ่งเข้ามาหา

“ณิชระวัง!!!”

“ว้ายย!! คุณณิชคะ!”

“กรี๊ดดด พี่ณิช!!”

เสียงอื้ออึงดังเต็มไปหมดแต่สติการรับรู้ของชายหนุ่มหายไปแล้ว พร้อมกับร่างของณิชพลัดตกลงจากบันได





โปรดติดตามส่วนต่อไป

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๘/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๑ {๕๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 08-08-2020 13:06:25
บทกลอนเศร้ามาก

เนื้อเรื่องก็ค้างมากกก อยากอ่านต่อแล้วครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๘/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๑ {๕๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 08-08-2020 19:00:28
แงงงง เป็นเศร้า ทางออกของทั้งสองอยู่ตรงไหนน :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๘/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๑ {๕๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 09-08-2020 01:33:07
กอดทั้งสองคนแน่นๆเราจะสู้ไปด้วยกัน
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๘/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๑ {๕๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-08-2020 03:07:23
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๘/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๑ {๕๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 09-08-2020 06:32:42
เศร้ามาก ปราณเลือกจะจากไป แต่ใครเป็นคนให้คำสัตย์คงอยู่นะ
เป็นคำสาปกันเลยหรือเปล่า ที่กี่ชาติก็ไม่อาจครองรักน่ะ

มั่นคือดีมาก ดูแลณิชมาตลอดเลยสินะ

อย่าเป็นอะไรนะคะณิช แค่นี้ก็บีบหัวใจมากแล้ว
เดาไว้เหมือนกันเลยว่า ตรีได้หาญมาเต็มๆ หรืออาจเป็นหาญเลยในร่างนี้
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๘/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๑ {๕๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 09-08-2020 21:31:01
เศร้าจัง

หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๘/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๑ {๕๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 09-08-2020 22:42:23
กลอนอย่างโศก ระลึกชาติได้ทั้งหมดแน่ๆตกบันไดครานี้ อีกไม่นาน อย่างที่ไอ้มั่นบอก รรรร  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๘/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๑ {๕๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 10-08-2020 18:15:46
บทที่ ๑๑ (ครึ่งหลัง)


จีรัชญ์ได้ยินเสียงเรียกของอีกฝ่ายเขาจึงหันไปมอง เห็นท่าทีรีบร้อนของณิชที่ลงมาจากชั้นบนพร้อมสมุดในมือทำเขาใจกระตุก ก่อนเจ้าตัวจะนิ่งไป ท่าทางดูเหมือนคนจะวูบเขาเลยเดินเข้าไปหา แต่เพราะไปไม่ทันร่างณิชจึงกลิ้งร่วงลงมาจากบันได หัวที่กระทบกับขอบบันไดหินอ่อนแตกเลือดอาบ เขาเหลือบมองไอ้มั่นที่ยืนอยู่บนบันได มันก็ตกใจไม่แพ้กัน

‘คุณปราณรู้เรื่องมึงแล้ว คุณเขาร้องไห้หนักเลยทำให้วูบไป’

‘ทำไมเพิ่งมาบอก!!’


จีรัชญ์ต่อว่าอีกฝ่ายในใจ เขาแตะไปตามตัวณิชดูว่ามีส่วนไหนหักบ้าง โชคยังดีที่พลัดตกแค่ไม่กี่ขั้น ไม่อยากคิดว่าหากตกตั้งแต่ขั้นแรกสภาพณิชคงไม่ดีแน่

“โทรเรียกรถพยาบาลดีไหมคะคุณตรี ไม่รู้มีส่วนไหนหักรึเปล่า” มิ้งกรีดร้องเสียงหลงก่อนหน้านี้รีบเข้ามาดูอาการรุ่นพี่ตนที่สลบไปแล้ว ป้าแจ่มแทบเป็นล้มกับภาพที่เห็นทำให้หวีต้องรีบหายาดมให้ ไม่งั้นคงเป็นลมไปอีกคน

“ไปหาผ้าสะอาดมาก กดแผลไว้ก่อน ผมจะตรวจดูคร่าวๆ ว่ามีตรงไหนหักไหม”

“แต่คุณไม่ใช่หมอ คุณจะรู้ได้ยังไงว่าหักไม่...”

“ไปหาผ้ามา!!” จีรัชญ์ตวาดมิ้งเสียงกร้าว ฝ่ายหญิงสาวที่ไม่เคยเห็นท่าทางดุดันของอีกฝ่ายชะงักไป เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความร้อนใจ แต่ก็มั่นใจในตัวเองเช่นเดียวกันทำให้เธอยอมถอย รีบวิ่งไปหาผ้าสะอาดมากดแผลห้ามเลือดไว้

--##--##--##--##--##--##--

หากใครผ่านไปผ่านมาเรือนออกญาศรีรัตนกรอาจจะเห็นว่าบรรยากาศเงียบผิดปกติ ไม่อื้ออึงดังเช่นเคย บนเรือนใหญ่บรรยากาศอึมครึมเหมือนเมฆครึ้มฝน เสียงอึงอลเมื่อช่วงสายเงียบไปแล้ว พร้อมกับร่างของไอ้หาญที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดอาบหน้าถูกไอ้ขำกับไอ้คมหิ้วปีกลงมา ลากเอาไปขังไว้ที่ท้ายสวน

ท่านออกญาฯ ออกคำสั่งประกาศิตต่อบ่าวทั้งสอง ว่าให้จับไอ้หาญคนชั่วขังไว้ในกระท่อมร้างท้ายสวน ล่ามโซ่ยึดตรึงผูกติดมันไว้ เฆี่ยนมันทุกวันจนกว่ามันจะสำนึกได้ว่าสิ่งที่ตนกระทำไปนั้นมันหาใช่ทาสควรกระทำไม่ และงดข้าวงดน้ำให้เหลือเพียงวันละมื้อ หากมันต้องตายจากเพราะการได้โทษนี้ ก็อย่าได้มาถือโทษโกรธกัน เพราะสิ่งที่มันกระทำมันสาหัสเกินว่าเจ้านายจะให้อภัย

ไอ้หาญกัดฟันเจ็บปวดรับความทรมาน จากหวายที่หวดใส่แผ่นหลังแกร่งกว้างของมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้ำตาแห่งความเจ็บปวดรินไหลแม้เจ้าตัวจะไม่ต้องการก็ตาม มือทั้งสองข้างถูกมัดโยงกับขื่อ เพื่อให้มันรับโทษทัณฑ์ได้อย่างสาสม ฟันคบกรอดมือจิกเข้าหากันแน่นจนเล็บฝังเข้าไปในผิวเนื้อ

“อึก!”

สองขาที่เคยปีนต้นไม้ไต่ขึ้นไปหายอดดวงใจทรุดลงแล้ว หน้าตาบวมปูดเพราะแรงหมัดและแรงกระแทกซ้ำๆ โดยที่มันได้แค่ปัดป้องมิอาจสู้กลับ แผ่นหลังแสบไม่มีที่ว่างให้ได้รับรู้ความรู้สึกอื่น เนื้อปริแตกตามรอยหวายหนักกว่าครั้งก่อนนัก หลังกว้างที่เคยชุ่มโชกไปด้วยคราบเหงื่อไคลจากการทำงาน บัดนี้อาบไปด้วยเลือดสีแดงฉานซึ่งผุดซึมออกมาตามรอยแผล

“มึงมันไม่เจียมตัว! เป็นแค่ทาสริอาจจะเทียมนาย ที่ท่านออกญาฯ ให้มึงกินมึงอยู่มันไม่พอรึ!”

ไอ้ขำบ่าวอาวุโสกล่าวอย่างคนโกรธแค้นแทนเจ้านาย ไอ้หาญเคยเป็นบ่าวที่มันคิดว่าจะเป็นคนสุดท้ายที่ไม่ซื่อสัตย์ หากแท้จริงแล้วมันกลับกินบนเรือนขี้รดบนหลังขา มิได้รู้สึกอับอายกับสิ่งที่กระทำแม้แต่น้อย กล้าลวงคุณปราณไปกระทำย่ำยีกลางวันแสกๆ

“กูคิดว่าที่มึงตีสนิทกับคุณปราณเพราะหวังทอง หากแต่จริงแล้วมึงคิดหวังอย่างอื่น กูล่ะผิดหวังในตัวมึงจริงๆ” ไอ้คมส่ายหน้าระอาอย่างไม่อยากคิดเชื่อว่าไอ้บ่าวคนนี้จะคิดไม่ซื่อ

ไอ้ขำกับไอ้คมปล่อยนักโทษทิ้งไว้ไม่ดูดำดูดีอีก แค่ไม่เฆี่ยนตีต่อก็ถือว่าพวกมันปรานีมันมากแล้ว เห็นว่าคนเคยดีกันจึงพักให้มันได้หายใจบ้าง แม้ลมหายใจจะรวยรินก็ตาม

ไอ้มั่นแอบลอบตามมาดูเหตุการณ์ทั้งหมด สงสารไอ้เกลอจับใจที่ต้องโทษแบบนี้ ทั้งที่ความจริงแล้วมันผิดแค่รักเจ้านาย มิได้ลวงคุณปราณไปอย่างที่แอบได้ยินคำสารภาพ ใจหนึ่งก็โกรธที่คุณปราณโบ้ยความผิดมาให้ไอ้หาญเพียงคนเดียว แต่อีกใจก็เข้าใจว่าเพราะความน่ากลัวของท่านออกญาฯ ที่คุณปราณเกรงกลัวมาเสมอ ทำให้มิกล้ารับผิดในครั้งนี้ ไอ้หาญจึงต้องรับกรรมมาโดนเฆี่ยนหลังแทบขาดแทน

“ไอ้หาญ... มึ...มึง...ยังไม่ตายใช่หรือไม่”

ไอ้มั่นแอบปีนหน้าต่างกระท่อมเพราะประตูติดแม่กุญแจแน่นหนา ทำให้ไม่สามารถเข้ามาได้ กลิ่นชื้นของดินผสมกลิ่นเหงื่อและเลือดโชยเข้าจมูก ไอ้หาญทรุดขาลากอยู่กับพื้นไม่มีแม้แต่แรงยืน มือมันถูกโยงอยู่กับขื่อทำให้ไม่ล้มลงไปกองกับพื้นเสียก่อน น้ำตาแห่งความสงสารเอ่อคลอก่อนไอ้มั่นจะกะพริบตาไล่มันไป ตอนนี้มันต้องคิดหาทางช่วยไอ้หาญก่อน จะมาอ่อนแอร้องห่มร้องไห้ราวหญิงสาวได้เยี่ยงไร

“กูจะพามึงหนี ไอ้หาญ...มึงรอกูก่อน กูจะพามึงหนีให้ได้” ไอ้มั่นให้สัญญากับเพื่อนรักด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ บาดแผลตามร่างกายเหลือจะกล่าว มันมากมายเสียจนแทบหาส่วนที่เป็นเนื้อดีไม่เจอ

“ยะ...อย่า...มึงจะเดือด...เดือดร้อน”

“ช่างมันสิวะ กูจะไปกับมึงด้วย เข้าป่าไปก่อนให้เรื่องเงียบ จากนั้นก็ค่อยออกมาก็ยังได้ มึงกับกูเอาตัวรอดได้อยู่แล้วไอ้เกลอ” ไอ้หาญพูดเสียงสั่น มือแก้เชือกที่มัดตรึงเพื่อนรักของมันอยู่ออก จนกระทั่งเชือกหลุดไอ้หาญก็ล้มลงไปในทันที ไร้เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นมาได้อย่างเคย

“ไม่...ไม่ได้ คุณปราณจะอยู่อย่างไรหากไม่มีกู” ใจของมันห่วงคนที่ต้องอยู่กับท่านออกญาฯ เสียมากกว่า ป่านนี้คงหวาดกลัวจนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว

“คุณปราณ...เป็นอย่างไรบ้าง มึงพอรู้รึไม่”

“คุณปราณหรือจะเป็น มีแค่มึงนั่นแหละที่กำลังจะตาย ดูมึงตอนนี้สิ ต่างจากหมาโดนทุบขาเสียที่ไหน”

ไอ้หาญเงียบไปพักใหญ่ ไอ้มั่นไม่ได้รั้งร่างกำยำของไอ้เพื่อนเกลอขึ้นมานั่ง เพราะรู้ดีว่าให้มันพักอยู่ในท่านี้คงดีกว่าขยับเขยื้อน ไม่งั้นคงระบมช้ำหนักกว่าเดิม

“มีคนรู้เรื่องนี้นอกจากไอ้คมกับลุงขำหรือไม่” แต่ท้ายสุดความห่วงใยถึงยอดดวงใจนั้นหรือจะห้ามได้ ต่อให้ไม่ได้ไปอยู่ข้างกายก็ขอปกป้องชื่อเสียงอีกฝ่ายสักหน่อยก็ยังดี

“เท่าที่กูเห็นยังไม่มี แต่คิดว่าคงไม่มีใครรู้หรอก เพราะตอนที่มึงลงเรือนมาทางด้านหลัง ไม่มีบ่าวคนใดอยู่บนเรือนเลยนอกจากยายอาบ และท่านออกญาฯ คงไม่ยอมให้บ่าวคนใดรู้เรื่องนี้เป็นแน่”

ไอ้หาญพยักหน้ารับเบาๆ ตอนนี้สิ่งเดียวที่มันขอคืออย่าให้คุณปราณต้องมีเรื่องแปดเปื้อนเพราะคำพูดของคนอื่น มันไม่อยากให้คุณปราณต้องมาอับอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้

ไอ้มั่นรีบกลับออกไปก่อนเพราะมันมาขลุกตัวอยู่กับไอ้หาญนานเกินไปแล้ว อีกทั้งได้ยินเสียงสวบสาบดังใกล้เข้ามา คาดว่าไม่ไอ้คมก็ลุงขำกลับมาดูไอ้หาญเป็นแน่ ไอ้หาญสั่งให้ไอ้มั่นผูกเชือกตรงสองมือของตนโยงเข้ากับขื่อเช่นเดิม

“ค่ำนี้กูจะหาข้าวมาให้มึงกิน อดทนไว้ไอ้เกลอ” ไอ้มั่นทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็รีบเผ่นออกทางเดิมที่มันเข้ามา ก่อนจะซ่อนตัวอยู่ในกอกล้วยเพื่อหลบเลี่ยงสายตาของไอ้คม จากนั้นก็รีบกลับไปที่เรือน เห็นพวกบ่าวกำลังตั้งวงกินข้าวกันอยู่พอดี มันจึงเข้าไปร่วมด้วย

“ท่านออกญาฯ โกรธมากเลยรึ” หนึ่งในบ่าวผู้หญิงถาม

“เออสิวะ เมื่อครู่กูจะขึ้นไปเช็ดถูกระไดเรือนยังโดนไล่ตะเพิดลงมา ไม่มีใครกล้าสู้หน้าท่านสักคน”

“มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นวะ คุณปราณกระทำอันใดมาถึงทำให้ท่านออกญาฯ โกรธเยี่ยงนี้”

ไอ้มั่นลอบฟังไม่ได้ถามตอบอะไรออกไป อย่างน้อยก็วางใจได้ว่าเรื่องคาวโลกีย์ของคุณปราณยังไม่ถึงหูบ่าวคนไหนในเรือน นอกจากยายอาบ ไอ้คม ลุงขำ และมันอีกคนที่แอบรู้เรื่องราวตั้งแต่แรกทั้งหมด

เวลาการทรมานของไอ้หาญผ่านไปไม่ได้นับวันคืน เหมือนกับคุณปราณที่โดนขังไว้ในห้องแทบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน ความเสียใจไม่อาจเทียบได้กับความเจ็บปวดที่ไอ้หาญต้องรับ แต่กระนั้นน้ำตาก็ไหลอาบแก้มนวลทั้งสองข้างยามนึกถึงไอ้บ่าวซื่อ ป่านนี้มันจะเป็นอย่างไร เจ็บปวดเจียนตายแล้วหรือไม่ ต้องทรมานกับสิ่งที่มันไม่ผิดเลยไปถึงเมื่อไหร่

“คุณปราณ...คุณปราณขอรับ”

หากแต่คนทั้งสองก็ยังมีไอ้มั่นคอยช่วยเหลือ ไอ้บ่าวผู้ซื่อสัตย์ปีนต้นกันเกราหลังห้องคุณปราณ ทางที่ไอ้หาญมักใช้ขึ้นมาหายอดดวงใจของมัน แต่อีกไม่นานคงมีคำสั่งจากท่านออกญาฯ ให้โค่นทิ้งเป็นแน่

“ไอ้มั่น! เอ็ง...ทำไม...”

“บ่าวขอเข้าไปนะขอรับ”

เพราะคนที่เข้าห้องคุณปราณได้มีแต่ยายอาบที่คอยส่งข้าวส่งน้ำให้เท่านั้น แม้แต่มันที่เป็นบ่าวคนสนิทของคุณปราณยังโดนสั่งห้าม วันนั้นเกือบโดนหางเลขไปด้วยซ้ำ แต่ยังเคราะห์ดีที่มันให้ข้ออ้างว่าท้องเสีย จึงไม่ได้ตามคุณปราณไปด้วย

“ไอ้มั่น เอ็งรู้ข่าวของไอ้หาญบ้างหรือไม่ มันเป็นอย่างไรบ้าง ยะ...ยัง...ยังไม่...”

“ยังไม่ตายขอรับ แต่ก็ใกล้เต็มทน วันนี้เข้าวันที่สี่แล้ว ท่านออกญาฯ สั่งให้ลุงขำลงหวายมัน แต่ยังดีที่ลุงแกยังสงสารเลยเฆี่ยนๆ หยุดๆ ตอนกลางคืนบ่าวก็แอบเอายาไปใส่ให้มันนะขอรับ พอให้ความเจ็บปวดทุเลาลงได้บ้าง”

“มันคงเกลียดข้าแล้วกระมัง ที่ทำให้มันต้องรับโทษเพียงผู้เดียว” ใบหน้าหวานเศร้าลงอีกครา น้ำตาที่เพิ่งทิ้งคราบไว้เมื่อครู่ไหลรินอาบปรางอีกครั้ง

หลังจากเขาตอบเจ้าคุณพ่อไปในตอนนั้น พอเห็นว่าไอ้หาญโดนกระทำอย่างไร หัวใจที่เคยหวาดกลัวกลับกล้ามากขึ้น เขาคลานเข่าเข้าไปรั้งขาของบิดาที่กำลังจะกระทืบไอ้บ่าวซื่อซ้ำอีกครั้ง อ้อนวอนร้องขอและบอกไปว่าแท้จริงแล้วตนเป็นคนล่อหลอกไอ้บ่าวซื่อเอง

แต่ทุกอย่างสายเกินไป เจ้าคุณพ่อไม่ฟังคำแก้ตัวใดอีก สั่งขังเขาไว้ในห้องราวสัตว์ตัวหนึ่ง และลงโทษไอ้บ่าวซื่อเพราะมันคือคนต่ำต้อยที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ต้องผิด

ความไม่ยุติธรรมแรกของท่านออกญาศรีรัตนกรแสดงออกมาไม่มีใครกล้าขัด ความเจ็บช้ำระกำใจของผู้เป็นบุพการีไม่อาจมีสิ่งใดเทียบ เหมือนอกกลัดหนองทรมานแต่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ เจ็บช้ำใจว่าเหตุใดลูกชายของตนถึงได้เอาตัวลงไปให้ไอ้บ่าวจัญไรกระทำย่ำยีได้

“มันลวงเจ้าไปอย่างไร ถึงได้เชื่อมันหมดใจจนออกโรงปกป้องเช่นนี้!”

สายตาดุดันที่เต็มไปด้วยความผิดหวังทำให้ผู้เป็นลูกชายหลบสายตา แม้แต่คำว่ารักที่เคยเอื้อนเอ่ยกับไอ้หาญอย่างเต็มปากก็มิกล้าที่จะเปล่งออกไป

เขากลัวเจ้าคุณพ่อมาแต่ไหนแต่ไร กลัวจนมิกล้าขัดมิว่าเรื่องอันใดก็ตาม เจ้าคุณพ่อว่าเช่นไรเขาก็ต้องทำตาม แม้สิ่งนั้นจะขัดใจเขาอยู่มาก ทั้งเรื่องงานแต่งกับแม่นวลจันทร์ หรือเรื่องเรียนดาบเรียนอาวุธก็เช่นกัน

เพราะอยู่ใต้อาณัติมาทั้งชีวิต พอจะรวบรวมความกล้าที่มีอยู่น้อยนิดมันจึงใช้เวลา จนกลายเป็นว่าตอนนี้ความกลัวเข้าครอบงำจิตใจจนหมดสิ้น ไม่มีคำตอบอื่นใดให้ได้ความ ท่านออกญาฯ จึงสั่งกักขังบุตรชายเพียงคนเดียวไว้ให้ห้อง ห้ามมิให้ผู้ใดได้เข้ามายุ่มย่ามจนกว่าจะถึงวันงานแต่งงานที่ถูกกำหนดขึ้นในเดือนหน้า

คุณหญิงราตรีที่พอได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากผู้เป็นสามี เธอเป็นลมล้มพับไปหลายรอบจนต้องให้หมอมาดูแล ความเสียใจยากจะยั้งได้ทำให้หญิงสูงวัยกินไม่ได้นอนไม่หลับ โกรธลูกชายหัวแก้วหัวแหวน แต่เพราะรักของแม่ที่มีมากกว่าสิ่งอื่นใดวันต่อๆ มาจึงคอยหุงหากับข้าวกับปลามาให้ลูกแทน

“พ่อปราณ แม่เข้าไปนะลูก” เสียงคุณหญิงราตรีดังขึ้นที่หน้าห้อง ไอ้มั่นที่มาส่งข่าวเสร็จแล้วรีบปีนหน้าต่างออกไปทันที แต่มิวายคุณปราณยังสั่งความไว้

“ฝากบอกมันว่าข้าขอโทษในสิ่งที่ทำ หากมีสิ่งใดที่ข้าจะทดแทนความผิดนี้ได้ ข้ายินดีจะทำให้มัน” หมดแล้วถ้อยความที่อยากบอก ไอ้มั่นพยักหน้ารับคำเจ้านายก่อนจะดูลาดเลาว่าไม่มีใครจึงปีนออกทางหน้าต่างไป

“อยู่แต่ในห้อง อุดอู้จะแย่ประเดี๋ยวแม่จะให้ยายอาบพาบ่าวขึ้นมาทำความสะอาดใหม่ เจ้าจะได้อยู่ได้ พ่อเจ้านี่ก็กระไร ใจไม้ไส้ระกำขังลูกตัวเองได้ลงคอ”

ท้ายประโยคอดที่จะค่อนขอดสามีตัวเองไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรนี่ก็ลูก จะลงโทษอะไรก็ไม่ควรให้เกินอาทิตย์ แต่นี่ผ่านไป 4 วันแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะลดความโทสะลงแม้แต่นิด

ร่างบางสูบผอมเพราะกินข้าวกินปลาไม่ลง คุณหญิงราตรีสงสารลูกชายจับใจ แต่ไม่ว่าจะคะยั้นคะยออย่างไร คุณปราณก็กินได้ไม่เกินสามคำ ชายหนุ่มที่อยู่ในสภาพเหมือนคนตรอมใจทำให้ผู้เป็นมารดาช้ำหนัก เธอออกจากห้องของลูกได้ก็เข้าไปคุยกับสามี

“ปล่อยให้พ่อปราณได้ออกมาเดินเหินข้างนอกบ้างเถิดคุณพี่ ไยต้องขังไว้ตลอดเช่นนี้”

“ข้าไม่ตีตรวนมันเช่นทาสก็ดีเท่าไหร่แล้ว! หึ! ทำดีไม่ได้ดันทำเรื่องอับอายขายขี้หน้า รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น ปล่อยให้มันอยู่ในห้องไปนั่นแหละ ถึงวันแต่งงานกับแม่หนูนวลจันทร์ค่อยปล่อยมันออกมา”

“แต่ลูกไม่ผิดคุณพี่ก็รู้ ไอ้ทาสชั่วนั่นต่างหากที่ลวงพ่อปราณไป ไยไม่ลงโทษที่มันเพียงฝ่ายเดียว”

“หึ! คุณหญิงคิดหรือว่าถ้าไม่มีเสี้ยวใจของลูกเราสมยอม ไอ้ชาติชั่วนั่นมาจะลวงพ่อปราณไปได้! ข้าเห็นมานักต่อนักไอ้พวกลักกินขโมยกินแบบนี้ อย่าให้ต้องพูดให้อายปากอีกเลย คุณหญิงจะไปทำอันใดก็ไปเถอะ ข้าจะได้ทำงานของข้าเสียที”

จบคำท่านออกญาฯ คุณหญิงก็เชิดหน้าเดินจากมาทันที ก่อนจะหันไปสั่งยายอาบให้จัดบ่าวไพร่มาสักสองคนให้มาทำความสะอาด ปัดกวาดเช็ดถูห้องลูกชายเสียให้เรียบร้อย เปลี่ยนน้ำในแจกันดอกไม้ให้เสร็จ นำดอกพุดน้ำบุษย์ที่พ่อปราณชอบผูกด้วยใบหญ้าช่อเล็กๆ มาวางไว้สร้างกลิ่นหอม

::::::::::::

ไอ้มั่นบอกว่าเจ้าคุณพ่อ สั่งหยุดเฆี่ยนแล้ว นี่ถือเป็นข่าวดีที่สุดที่เขาได้รับ รอยยิ้มแรกตั้งแต่พบเจอเรื่องร้ายมาเริ่มแสดงออก แต่แล้วก็ต้องเศร้าลงอีกครั้งเมื่อไอ้มั่นส่งข่าวในตอนกลางคืนว่าอาการไอ้หาญทรุดหนัก มันใส่ยาให้แล้วแต่ไอ้บ่าวซื่อได้ไข้ ตอนนี้ยังไม่ได้สติ ความร้อนใจทำให้คุณปราณอยู่ไม่ติดห้อง ใจร่ำๆ ว่าอยากออกไปหาไอ้หาญเหลือเกิน

“ข้าจะไป”

“มิได้ขอรับ การปีนต้นไม้ขึ้นลงเช่นนี้มันอันตราย เกิดคุณปราณตกลงไปคงไม่ดีแน่ขอรับ”

ไอ้มั่นห้ามเจ้านายไว้ แต่คุณปราณมีหรือจะฟัง ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อพรางตัวไม่ให้ผิดสังเกต ไม่ลืมหยิบยาในตู้ติดมือมาด้วยเพื่อจะได้เอาไปป้อนให้ไอ้หาญ ก่อนจะสั่งให้ไอ้มั่นปีนลงไปก่อน ส่วนตนจะตามลงไปทีหลัง ไอ้มั่นที่ไม่มีทางเลือกจำต้องยอมทำตาม เพราะมันก็อยากให้ไอ้เกลอได้เห็นคุณปราณเสียหน่อย เผื่อว่ามันจะได้มีกำลังใจในการอยากมีชีวิต

คุณปราณลงมาถึงพื้นดินได้สำเร็จ แม้หวิดจะหล่นต้นไม่อยู่หลายรอบก็ตาม ไอ้มั่นรีบพาเจ้านายลัดเลาะไปตามสวน ใช้แสงตะเกียงเป็นแสงน้ำทางเพราะตอนนี้ค่ำแล้ว อีกทั้งฟ้ามืดไม่มีแสงจันทร์แม้แต่เสี้ยวเดียว เดินเลียบริมน้ำมาไม่นานก็พบกระท่อมท้ายสวน ตรงนี้มีต้นกล้วยขึ้นชุม ทำให้อำพรางสายตาผู้อื่นได้บ้าง อีกทั้งท่านออกญาฯ ออกคำสั่งกำชับไม่ให้บ่าวไพร่ผู้ใดก็ตามมาวุ่นวายบริเวณนี้เด็ดขาด บริเวณนี้จึงปลอดผู้คน

“ทางนี้ขอรับคุณปราณ” ไอ้มั่นกระซิบบอก ก่อนจะช่วยยกตัวคุณปราณปีนเข้ากระท่อมไป

ทันทีที่เข้ามากลิ่นสาบกลิ่นเลือดคลุ้งไปหมด ผสมกับกลิ่นสมุนไพรที่คาดว่านำมาใส่แผลให้ไอ้หาญ คุณปราณกวาดตามองหาคนที่ตนต้องการเจอ เห็นมันโดนล่ามโซ่ที่ขาซึ่งนอนอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ผุๆ สภาพเหมือนคนใกล้ตายเต็มทน

“หาญ!” คุณปราณปรี่เข้าไปหาไอ้บ่าวซื่อ อยากกอดแต่ก็ทำไม่ได้เพราะตัวของมันเต็มไปด้วยแผลและยาที่ไอ้มั่นโปะไว้ หน้าตาซีดเซียวและสูบผอมดูราวกับไม่ใช่ไอ้หาญที่ตนเคยรู้จัก น้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้ง ก่อนจะสุดกลั้นปล่อยเสียงสะอื้นออกมา

“คุ...คุณปราณหรือขอรับ” ไอ้คนเจ็บรวบรวมแรงเอ่ยถาม เสียงคุ้นหูนักแต่เพราะตามันบวมปูดทำให้ลืมไม่ขึ้น มันโดนไอ้คมซ้อมจนน่วมทำให้มองเห็นอะไรไม่ชัดนัก

“อึก...ข้าเอง” คุณปราณตอบเสียงแผ่ว กลืนก้อนสะอื้นลงคอพยายามไม่ร้องไห้ แต่ก็อยากเหลือเกิน

“คุณปราณ...ท่...ท่านออกญาฯ ให้อภัยแล้วใช่...หรือไม่ขอรับ ออกมาได้เยี่ยงนี้ ท่านออกญาฯ ยกโทษให้คุณปราณแล้วหรือขอรับ” ไอ้หาญถามเสียงขาดห้วง ใจมันต้องการถามอะไรมากกว่านี้ แต่ร่างกายของมันกำลังเจ็บแทบทนไม่ไหว

“อึก...ฮึก...หาญ...ฮือ... ข้าเอง ข้าออกมาได้แล้ว” คุณปราณพูดปดไปเพื่อให้คนเจ็บได้สบายใจ

“ข้อขอโทษที่ทำให้เอ็งต้องเจอเรื่องแบบนี้...ฮึก” เขาจับมือของไอ้บ่าวซื่อที่พยายามจะยกขึ้นมาลูบแก้มเขา ก่อนจะแนบแก้มลงไปใกล้ไม่คิดรังเกียจ น้ำตาไหลรินไม่ขาดสายเพราะความเสียใจที่เอ่อล้นอก

“ยะ...อย่าร้องไห้ขอรับ อย่าร้องไห้เพราะบ่าวเลยขอรับ” เพราะแค่คุณปราณมาหามันแค่นี้ก็ดีมากแล้ว มันรู้สึกราวกับได้เรี่ยวแรงกลับมา

ใบหน้าที่มีแต่รอยฟกช้ำค่อยๆ คลี่ยิ้มออก แม้จะบูดเบี้ยวดูไม่น่ามอง แต่มันก็สื่อให้รู้ว่าไอ้บ่าวซื่อคนนี้ยินดีสุดใจที่ได้เจอยอดดวงใจของมันอีกครั้ง

คุณปราณอยู่ดูแลไอ้หาญได้ไม่นานอย่างใจก็ต้องกลับ กำชับไอ้มั่นเรื่องยาลูกกลอนที่ตนพกมาด้วยว่าอย่าลืมเอาให้ไอ้หาญกิน เขามองคนที่หลับไปแล้วเพราะพิษไข้ ก้มลงจูบจุมพิตที่หน้าผากของมันเป็นครั้งสุดท้าย น้ำตาหยดลงที่กลุ่มผมของมันก่อนคนเป็นนายจะกระซิบใกล้ๆ

“หากวันใดฟ้าเป็นใจให้เราได้คู่กัน วันนั้น...ข้าจะอยู่กับเอ็งจนวันสุดท้ายของลมหายใจ ข้าสัญญา”





โปรดติดตามตอนต่อไป

ดีใจที่ทุกคนชอบกลอนนะคะ

เป็นกำลังใจให้ผอบแต่งเรื่องนี้ต่อมากๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๑ {๑๐๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 10-08-2020 19:16:59
ต้องอ่านสองรอบ ทุกตอน

หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๑ {๑๐๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 10-08-2020 21:31:14
น่าสงสารทั้งสองคน

ชอบมั่น มั่นเป็นคนดีมากๆ

รออ่านต่อครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๑ {๑๐๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-08-2020 22:07:45
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๑ {๑๐๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 10-08-2020 22:16:49
โอ้ว่ารักเอย ฉไหนเลยมีอุปสรรคจริงแท้  :mew2:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๑ {๑๐๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 10-08-2020 22:26:53
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: เข้าใจทั้งเจ้าคุณพ่อ และคุณปราณ :hao5:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๑ {๑๐๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 11-08-2020 00:11:20
ขอให้อย่าได้แยกจากกันอีกเลย
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๑ {๑๐๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 11-08-2020 21:52:07
 :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๑ {๑๐๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-08-2020 07:24:33
สงสารทั้งนายทั้งบ่าว หาญก็ดีไม่มีตก รักมั่นคง
ปราณผิดก็ยอม ก็ให้อภัยได้
ปราณเอ้ยย จะไหวไหมล่ะนั่น ดูพ่อยังไม่ยอมลดเลย

มั่นเป็นเพื่อนที่ดี ระวังตัวเองด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๑ {๑๐๐%} หน้า ๓
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 17-08-2020 09:33:11
บทที่ ๑๒ ครึ่งแรก


ภาพของไอ้หาญที่มีบาดแผลเลือดอาบ และรอยฟกช้ำที่บวมปูดหาส่วนดีไม่ได้ตามตัวคือภาพติดตา ความรู้สึกผิดถาโถมเกาะกุมใจจนทำให้นอนไม่หลับ จวบจนดวงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาที่ผ่านการร่ำไห้มาอย่างหนักยังคงนั่งมองตนเองผ่านกระจก

คุณปราณยังคงนั่งอยู่ในอิริยาบถเดิมตั้งแต่กลับมาจากดูไอ้หาญ เฝ้าโทษตัวเองซ้ำๆ เพราะไม่มีทางไหนที่เขาจะไม่ผิดเลย แต่ถึงอย่างนั้นแม้แต่ตอนที่มันเจ็บหนัก ไอ้บ่าวซื่อก็ยังไม่โกรธหรือโทษเขา เสียงสั่นเครือของมันมีแต่ความห่วงใย ร่างกายที่เจ็บปวดเจียนตายฝืนขยับเพื่อให้ได้สัมผัสกัน

วันเวลาผันผ่านไปหลายวันแล้ว ไอ้มั่นไม่ค่อยได้มารายงานข่าวเพราะเจ้าคุณพ่อสั่งให้มันไปขูดลอกคลองเสียก่อน ข่าวล่าสุดของไอ้หาญคือมันยังมีชีวิต แต่สภาพร่างกายเป็นอย่างไรนั้นเขาไม่อาจรู้ได้ อยากจะไปหาแต่เพราะต้นไม้ใหญ่ที่เคยแผ่กิ่งก้านมาจนถึงหน้าต่างห้อง ถูกตัดจนเหี้ยนเสียแล้ว กว่ามันจะงอกขึ้นใหม่คงใช้เวลาเป็นปี

หลังจากที่เขาไปพบไอ้หาญในครานั้นจนเวลาล่วงเข้าวันที่ 5 เจ้าคุณพ่อก็ยกเลิกการกักบริเวณเขาเสียที แต่ก็ยังต้องอยู่ในสายตาของพวกบ่าวที่เจ้าคุณพ่อสั่งความไว้ คุณปราณไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใดกับมารดาที่รอต้อนรับอยู่ที่เรือนกลางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ข้าวปลาอาหารที่จัดวางเรียงไว้บนโต๊ะเตี้ยอย่างสวยงามไม่ได้ดูน่าทานสำหรับคุณปราณเลยสักนิด เพราะตอนนี้ใจเขาคิดไปถึงเรื่องอื่น

เมื่อกินมื้อเช้าเสร็จเขาก็เรียกไอ้มั่นให้มาหาที่ท่าน้ำ โดยมีไอ้คมคอยดูอยู่ห่างๆ ตามคำสั่งเจ้าคุณพ่อ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ทำให้เขาทุกข์ใจ เพราะเจ้าคุณพ่อยังไม่รู้ว่าไอ้มั่นคือหมากตัวสำคัญที่กุมเรื่องราวทั้งหมดไว้ ซึ่งต้องเอ่ยชมไอ้บ่าวคนนี้ว่ามันเล่นละครและตบตาผู้คนได้เก่งจริงๆ

“ไอ้มั่น เอ็งอยากช่วยไอ้หาญหรือไม่” คุณปราณเอ่ยถามหลังจากนั่งอยู่ที่ศาลา ปล่อยให้ลมโกรกพัดเอาความร้อนออกไปบ้าง

“อยากขอรับ” ไอ้มั่นกระซิบตอบ

“ถ้าเช่นนั้นคืนนี้เอ็งไปหาเรือมาสักลำจอดรอท่าที่ท้ายสวน วันพรุ่งในช่วงพลบค่ำจงพาไอ้หาญหนีไปเสีย”

“คุณปราณ!” ไอ้มั่นหลุดเรียกชื่อนายเสียงดังจนคุณปราณต้องถลึงตาใส่

ฝ่ายคนเป็นนายทำทีเป็นเปลี่ยนอิริยาบถเป็นมาเดินชมดอกไม้ของคุณหญิงราตรีแทน บางดอกส่งกลิ่นหอมอย่างดอกแก้วที่ขึ้นเป็นพุ่มสวยงาม

“เงียบแล้วฟังข้า อย่าได้พูดตอบอันใดแค่พยักหน้ารับไปอย่างเดียวเป็นพอ” คุณปราณพูดเสียงเข้ม ไอ้มั่นพยักหน้ารับ รอฟังว่าสิ่งที่อีกฝ่ายจะพูดคืออะไร แม้ใจจะคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องดีก็ตาม

“ข้าจะฝังของทั้งหมดไว้ในห่อผ้า มีสมุดบันทึกและจดหมายที่ข้าจะฝากถึงไอ้หาญ เอ็งต้องเอาไปให้ถึงมือมัน ห้ามลืมเด็ดขาด ส่วนเงินทองที่ข้าใส่ไว้ให้มันพอให้เอ็งกับไอ้หาญหนีไปจากเมืองนี้ และมีชีวิตที่ไม่ลำบากต้องตกเป็นทาสเรือนไหนอีก”

“ข้าจะใช้ตัวเองเป็นตัวล่อให้คนของเจ้าคุณพ่อออกจากเรือน พวกเอ็งจะได้หนีได้ แต่จงจำไว้ เมื่อจากไปแล้วอย่างได้ห่วงอันใดอีก ไม่ต้องหันกลับมา ไม่ต้องสนใจเรือนนี้อีก พวกเอ็งหลุดพ้นจากที่นี่ไปแล้ว”

ไอ้มั่นมองด้านข้างของเจ้านายด้วยน้ำตาเอ่อคลอ คุณปราณช่างดีกับมันเสมอ รูปร่างบอบบางของอีกฝ่ายน่าถนอม จิตใจนี้ก็มีแต่ความเมตตาให้มันกับไอ้หาญที่อย่างไรก็ทดแทนไม่หมด

“แต่ไอ้หาญมันอ่านหนังสือไม่ออกนะขอรับ ฝากสมุดบันทึกกับจดหมายให้มันจะดีหรือขอรับ” ไอ้มั่นแย้งถึงสิ่งที่มันเห็นว่าไม่เข้าใจนัก

คุณปราณเงียบไป ใบหน้าที่เรียบนิ่งไม่ปรากฏอารมณ์ใด หากแต่ในใจกลับร้าวรานยากจะลืมความเจ็บนี้ เพราะไอ้หาญอ่านหนังสือไม่ออก เขาจึงอยากฝากของสำคัญนี้ไว้ให้มัน เผื่อวันใดที่มันอ่านได้ มันจะไม่ถือโทษโกรธเขาที่ได้กระทำบางสิ่งลงไป หรือไม่...วันเวลาจะช่วยให้มันลืมสิ่งที่เกิดขึ้นได้บ้าง

“ข้าเชื่อว่าสักวันไอ้หาญมันต้องหาทางอ่านหนังสือออกจนได้”

คุณปราณตอบด้วยไม่ได้ละสายตาไปจากดอกพุดน้ำบุษย์ตรงหน้า ต้นของมันสูงท่วมหัว ออกดอกเต็มต้น กลิ่นหอมยังไม่อวลมากนักเพราะยังบานไม่เต็มที่ เขาเด็ดดอกมันมาดอกหนึ่ง ยางที่ก้านดอกเหนียวติดมือแต่เขาไม่นึกรำคาญ พิศมองดอกไม้งามในมือแล้วยิ้มอ่อนยามที่นึกถึงวันเวลาก่อนหน้านี้ที่ตนกับไอ้หาญได้อยู่ด้วยกัน

“แล้วถ้าไอ้หาญถามถึงคุณปราณล่ะขอรับ”

“บอกมันว่าข้าจะล่วงหน้าไปก่อน หากบุญวาสนาที่ทำมาร่วมกันส่งผลแล้วไซร้ ข้ากับมันคงได้พบกันอีกครั้งในวันหนึ่ง”

::::::::::::

วันนี้หากถือเป็นฤกษ์งามของเขาได้หรือไม่ ฟ้าสางใกล้รุ่งแสงแรกของวันค่อยๆ ฉาบฉายบนนภากว้างดูสวยงามราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน เขามองความงดงามของแสงแรกของวันพร้อมใจที่ชาหนึบ ความหน่วงในอกแทบทำให้หายใจไม่ออก

ก่อนนี้เขาเพิ่งฝังของที่ตั้งใจมอบให้ไอ้หาญไว้ตามที่บอกไอ้มั่นไว้แล้ว อำพรางทุกอย่างจนแน่ใจว่าซ่อนมันไว้อย่างแนบเนียน ก่อนจะมานั่งที่ศาลาริมน้ำดูความสดใสในยามเช้าตรู่ เห็นพวกบ่าวหลายคนกำลังหิ้วน้ำไปใส่ตุ่ม กิจวัตรประจำวันของพวกมันก็ไม่ต่างจากเดิม ทำเช่นนั้นวนซ้ำๆ จนเขาเห็นแล้วเบื่อแทน

“คุณปราณตื่นเช้านะเจ้าคะ นอนไม่หลับหรือเจ้าคะ” ยายอาบเข้ามาถาม ก่อนจะจุดสมุนไพรไล่ยุงให้ ตอนนี้ฟ้ายังไม่สว่างดียุงจึงยังบินชุมอยู่

“ข้าแค่อยากตื่นไวเพื่อจะได้ทำอะไรได้มากขึ้นก็เท่านั้น ยายอาบเถิด ไม่รีบไปตลาดรึ” ชายหนุ่มหันไปถามบ่าวคนสนิทของคุณหญิงแม่ ยายอาบยิ้มโชว์ฟันดำก่อนจะหยิบผ้าเช็ดน้ำหมากที่มักพกติดกายขึ้นซับมุมปาก

“ประเดี๋ยวก็จะไปแล้วเจ้าค่ะ คุณปราณต้องการสิ่งใดหรือไม่เจ้าคะ บ่าวจะได้หามาให้ อ้อ! วันนี้บ่าวว่าจะบวชกล้วยไข่หรือคุณปราณอยากรับของหวานเป็นอย่างอื่นไหมเจ้าคะ”

“ไม่ล่ะ เอาตามที่ยายอาบว่าเถิด”

บ่าวหญิงสูงวัยยอบกายลงเล็กน้อยเป็นการบอกลา ก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้คนเป็นนายมองตาม หากได้กินกล้วยไข่บวชชีก่อนไปก็คงดีไม่น้อย

คุณหญิงราตรีตื่นมาใส่บาตรตั้งแต่เช้าตรู่ ตระเตรียมของกับพวกบ่าวไพร่อยู่นานก็เสร็จ เห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนั่งอยู่ที่ท่าน้ำจึงชวนให้ไปใส่บาตรด้วยกัน คุณปราณนั่งพับเพียบลงข้างมารดา ท่าทางอ่อนน้อมนี้ยังคงมิเปลี่ยน คุณหญิงราตรีหน้าชื่นขึ้นสักหน่อยที่เห็นบุตรชายออกมาใส่บาตรกับตน เนื่องจากหลายวันมานี้เธอเห็นแค่เพียงใบหน้าเศร้าซึมของลูกเพียงเท่านั้น

“นานๆ ทีจะเห็นลูกมาใส่บาตรกับแม่ ดูท่าวันนี้จะเป็นวันดีของลูกกระมัง” มารดาเอ่ยเย้าด้วยใจเป็นสุข ฝ่ายลูกชายทำเพียงยิ้มตอบก่อนจะเสหน้าไปทางอื่นเสีย เพื่อหลบซ่อนความคิดที่อยู่ในจิตใจ

กลายเป็นวันนั้นทั้งวันคุณปราณแทบไม่ออกห่างจากมารดาเลย เพราะคุณหญิงราตรีคอยแต่จะให้ลูกชายคอยปรนนิบัติพัดวีให้ เห็นคุณปราณกลับมายิ้มแย้มได้ปกติเธอก็ดีใจจนมีแต่รอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้า

“เย็นนี้ลูกอยากกินแกงอะไร แม่จะทำให้ลูกกินเอง” หญิงสูงวัยที่เอนกายอยู่กับหมอนอิงแบบสามเหลี่ยม มีพัดสานในมือคอยพัดคลายความร้อนให้ตนเอง

“เอาอกเอาใจกันเหลือเกินนะ” เสียงเข้มของประมุขในเรือนทำแม่ลูกหันไปมอง ท่านออกญาฯ ออกไปทำงานแต่เช้า แต่พอตกบ่ายก็กลับมาเสียแล้ว

“ได้หรือคุณพี่ ลูกทั้งคนจะไม่สนใจได้เยี่ยงไร”

“หึ” น้ำเสียงกึ่งดูถูกดูแคลนของบิดา ทำคุณปราณก้มหน้าไม่กล้าสบตา และบีบนวดคุณหญิงราตรีต่อไป

คุณปราณเข้ามาในห้องอีกครั้งในยามบ่ายคล้อย คุณหญิงราตรีพักผ่อนเพื่อหลับสักงีบค่อยตื่นไปคุมบ่าวในเรือนทำอาหาร เขาเก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นใส่ผ้าแล้วห่อมัดให้เรียบร้อย กระดาษเปล่าหนึ่งแผ่นถูกคลี่ออกให้เรียบ ก่อนปลายปากกาขนนกจะจรดเขียนตัวอักษรลงไป



ถึงเจ้าคุณพ่อกับคุณหญิงแม่

ตั้งแต่ลูกจำความได้ สิ่งเดียวที่ลูกรู้คือความรักที่เจ้าคุณพ่อและคุณหญิงแม่มอบให้ลูกเสมอมา หากแต่ใจไม่รักดีนี้ก็ยังไปรู้สึกกับบ่าวผู้ต่ำต้อยเสียได้ ลูกมิอาจหักห้ามใจไม่ให้รักเหมือนที่ลูกมิอาจขัดความตั้งใจของเจ้าคุณพ่อได้ ตั้งแต่เล็กไม่ว่าเจ้าคุณพ่อประสงค์สิ่งใด ลูกยอมทำตามอย่างไม่มีข้อกังขาใดให้ระคายหู แต่รักครั้งนี้หากจะให้ลูกบั่นใจห้ามให้ความรู้สึกแล้วไซร้ ลูกก็ทำมิได้เช่นเดียวกัน

ลูกรู้ผิดในครานี้ว่าคงทำให้ท่านทั้งสองผิดหวังในตัวลูกมาก หากเจ้าคุณพ่อและคุณหญิงแม่ให้อภัย ลูกอยากขอชดใช้ทุกสิ่งที่ลูกกระทำในแบบที่เห็นสมควร ขอให้เจ้าคุณพ่อโปรดอย่างโกรธเคืองลูกหรือไอ้หาญอีกเลย เพราะกรรมที่ลูกก่อทำให้บุพการีทั้งสองต้องอับอาย และเสียใจอย่างที่สุด ไม่อาจลบล้างด้วยความดีอื่นใดได้อีกแล้ว ลูกจึงขอทดแทนคุณครั้งสุดท้าย ด้วยการจากไปเสียยังดีกว่าอยู่ให้เจ้าคุณพ่อและคุณหญิงแม่ต้องทุกข์ไปมากกว่านี้

ลูกขอขมาในสิ่งที่ลูกได้ล่วงเกินต่อท่านทั้งสอง ความรักที่ลูกมีให้มิเคยแปรเปลี่ยนเป็นอื่นใด และความรัก ความหวังดีของเจ้าคุณพ่อและคุณหญิงแม่ก็จะอยู่ในใจลูกจนลมหายใจสุดท้ายเช่นเดียวกัน


รัก

ปราณ



เสียงสะอื้นที่กลั้นไว้จนเจ็บไปทั้งอกนี้มิอาจให้ใครได้ยินได้ จดหมายปิดผนึกด้วยครั่งที่มีตราประทับเป็นชื่อเขา ซึ่งมันคือของขวัญที่เจ้าคุณพ่อมอบให้ตอนกลับมาอยู่ที่เรือน คุณปราณยกจดหมายที่ถ่ายทอดทุกความรู้สึกใส่ไว้ขึ้นจรดริมฝีปาก ฝากจูบนี้ให้บิดาและมารดาก่อนจะเตรียมตัวออกเดินทาง

เขาใช้ผ้ามัดต่อกันใช้แทนบันไดในการปีนลงจากเรือน เพราะหน้าต่างคือทางเดียวที่เขาจะหลบหนีออกไปได้ เจ้าคุณพ่อคงอยู่ที่เรือนโถงกลางกำลังนั่งขัดดาบอยู่เป็นแน่ เพราะมันคืองานอดิเรกของท่านที่มักทำเป็นประจำ หากเขาจะหนีไปก็ไม่ควรให้เจ้าคุณพ่อเห็น

เมื่อปีนลงมาได้แล้วคุณปราณจึงกระชับหอบผ้าที่เอามาด้วย เขาเห็นเรือจอดอยู่ที่ท่า มันประจวบเหมาะเสียจริงในเวลานี้ ร่างบอบบางของบุตรชายท่านออกญาฯ ก้าวลงเรือไปในทันที พยายามทำท่าทีลับๆ ล่อๆ จงใจให้คนอื่นเห็นตน ก่อนจะพายออกไปในช่วงเย็น ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่นัดหมายกับไอ้มั่นให้ดำเนินตามแผนการไว้

“นั่นคุณปราณจะไปที่ใดวะ มีห่อผ้าไปด้วย” บ่าวชายคนหนึ่งเอ่ยถาม เมื่อเห็นท่าที่ของคุณปราณที่ไม่ปกตินัก

“คงไปทำธุระกระมัง มึงก็รู้ว่าช่วงนี้คุณปราณเก็บตัวอยู่เนืองๆ วันนี้คงได้ทีจึงออกไป”

“ในเวลาเย็นแบบนี้น่ะรึ ไม่มีไอ้มั่นหรือบ่าวคนใดตามไปด้วยน่ะรึ”

“ก็เออสิวะ มึงจะถามกระไรให้มากความ เรื่องของเจ้าของนายอย่าได้ยุ่ง มึงไม่เห็นไอ้หาญรึ ขนาดมันอยู่เงียบๆ เช่นนั้นยังโดนท่านออกญาฯ ไล่ตะเพิด เพราะดันไปพูดจาไม่เข้าหู ทำตัวไม่เข้าตา”

“มึงรู้หรือว่าที่ไอ้หาญโดนตะเพิดออกจากเรือนเพราะเหตุใด”

“ไม่รู้ แต่ได้ยินยายอาบตอบอีผ่องว่าเพราะทำตัวไม่เหมาะสม อันนี้กูก็ไม่รู้ว่าไม่เหมาะสมตรงไหน แต่ในเมื่อท่านออกญาฯ มิประสงค์จะให้อยู่เรือน มีหรือทาสอย่างมันจะอยู่ได้”

:::::::::::

“ลูกข้ายังไม่ออกมาจากห้องอีกรึ แม่อาบไปตามพ่อปราณมาสิ” คุณหญิงราตรีเดินขึ้นเรือนมา เห็นบ่าวกำลังจะจัดตั้งสำรับเย็นแล้วแต่ลูกชายยังไม่ออกจากห้อง เธอไม่เห็นหน้าตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนสามีนั้นสั่งให้ไอ้ขำเอาดาบไปเก็บ เตรียมตัวทานมื้อเย็นกันแล้ว

ยายอาบไปตามให้ แต่เคาะประตูเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ไม่ขานรับ มันจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป เพราะประตูไม่ได้ขัดไม้ไว้ แต่เมื่อเข้าไปกลับพบแต่ความเงียบงัน ไม่มีใครอื่นอยู่ในห้องแห่งนี้

“ว้าย! ตายแล้ว! คุณหญิงเจ้าคะ!”

ยายอาบหวีดร้องเมื่อพบว่ามีผ้าปูที่นอนผูกติดกับขาเตียงปล่อยยาวไปที่หน้าต่าง เมื่อมองลงไปเห็นว่าชายผ้ายาวเกือบถึงพื้น พร้อมกันนั้นยังมีจดหมายปิดผนึกอยู่บนโต๊ะ ลายมือคุ้นตาคาดว่าเป็นลายมือของคุณปราณ แม้มันจะอ่านไม่ออกแต่ก็จำลายมือเขียนหนังสือของคนที่มันเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กได้

ยายอาบรีบเอาไปให้เจ้านายของมันในทันที เพราะดูจากรูปการณ์แล้วคงไม่ดีนัก คุณหญิงราตรีได้ยินเสียงโหวกเหวกของบ่าวคนสนิทก็สะดุ้ง เห็นยายอาบรีบวิ่งหน้าตื่นเอากระดาษปิดผนึกมาให้ตน

“คุณปราณไม่อยู่ในห้องเจ้าค่ะ คาดว่าคงไปแล้วเจ้าค่ะ”

“ไปที่ใด ไปได้เยี่ยงไร ข้าอยู่ตรงนี้ตลอดไม่ยักเห็น”

“มีผ้าผูกติดกับขาเตียงเจ้าค่ะ พาดไปถึงขอบหน้าต่างยาวลงเกือบถึงพื้นเลยเจ้าค่ะ” ยายอาบตอบท่านออกญาฯ ตามสัตย์จริง

ท่านออกญาฯ ถึงกับเดือดจัดกับการกระทำของบุตรชาย รับจดหมายจากคุณหญิงราตรีมาเพื่อเปิดอ่านก่อนจะตัวชาวาบเมื่อได้อ่านจบ ตนจึงรีบรุดเขาไปดูในห้องนอนก็เห็นเป็นจริงดังยายอาบว่า

คุณหญิงราตรีเป็นลมทันทีเมื่อรู้ว่าบุตรชายของเธอหายออกจากเรือน โดยใช้การหลบหนีเป็นการนำผ้ามาผูกต่อกัน และไต่ลงทางหน้าต่างหนีออกจากเรือนไป โดยเอาเสื้อผ้าไปด้วยไม่กี่ชุด

ยายอาบถามไถ่บ่าวคนอื่นๆ ว่าใครเห็นคุณปราณบ้าง มีบ่าวชายสองคนที่เห็นคุณปราณก่อนหน้านี้ว่าทำตัวลับๆ ล่อๆ หอบผ้าลงเรือไป พวกมันคิดว่าไปธุระที่ไหนสักแห่งจึงไม่ได้ถาม

“ไอ้คม! มึงเฝ้าที่นี่ไว้ หากเจอลูกกูก็จงจับตัวไว้ ระหว่างนี้กูจะออกไปหาที่แถวละแวกนี้ก่อน” ท่านออกญาฯ ร้อนใจอยู่ไม่ติด สั่งความกับไอ้คมไว้ ไอ้บ่าวกายกำยำรับคำหนักแน่น

เรือของท่านออกญาฯ พายออกไปแล้วพร้อมตะวันที่ลับขอบฟ้า มีเพียงแสงของมันที่ยังคงโพล้เพล้ ไอ้คมตรวจตราดูรอบอาณาบริเวณเรือนอีกครั้ง ก่อนจะฉุกคิดขึ้นได้ว่า เมื่อวานเห็นไอ้มั่นกับคุณปราณอยู่ด้วยกันนานสองนาน บทสนทนาของคนทั้งคู่มันได้ยินไม่ชัด ตอนแรกคิดว่าพูดคุยกันตามประสานายกับบ่าวคนสนิท แต่บัดนี้มันคงต้องหยิบยกเรื่องนี้มาขบคิดเสียแล้ว เพราะไอ้มั่นหายหน้าหายตาไปเลย ทั้งที่เจ้านายของมันหายตัวออกไปจากเรือน

::::::::::::

ไอ้มั่นไม่รู้เลยว่าสิ่งที่นายมันเอ่ยเมื่อวานนั้นเป็นคำลาสุดท้าย มันไปเตรียมเรือเก่าแต่ยังใช้การได้ดีไว้หนึ่งลำอย่างที่คุณปราณบอก ขโมยมาได้จากเรือนคนอื่นก็รีบจ้ำพายมาจอดไว้ที่ท้ายสวนไม่ให้คนอื่นเห็นตั้งแต่เมื่อคืน พอรุ่งสางก็แอบมาบอกไอ้หาญถึงแผนการที่คุณปราณได้วางไว้ อีกทั้งยังส่งของในห่อผ้าให้ไอ้หาญไปด้วย ซึ่งคุณปราณฝังไว้ในกอต้นแก้วที่ปลูกขึ้นหนาแน่นเพราะคุณหญิงราตรีชอบเสียมิดชิด มันหาอยู่นานกว่าจะเจอ

“คุณปราณจะไปรออยู่ที่ใด คุณเขาได้บอกมึงหรือไม่” ไอ้หาญถามเมื่อใกล้พลบค่ำแล้ว ไอ้มั่นส่ายหัวเป็นคำตอบเพราะคุณปราณสั่งมันมาเพียงแค่นี้

“เดี๋ยวกูไปดูลาดเลาก่อน มึงเตรียมตัวไว้เลย” ไอ้มั่นพูดจบก็ออกจากกระท่อมร้าง ซึ่งกลายเป็นที่อยู่ของไอ้หาญมาหลายวันแล้ว

เสียงอึกทึกของบ่าวชายในเรือนที่วิ่งวุ่น อีกทั้งคนของท่านออกญาฯ กรูกันลงเรือทำให้มันรู้ทันทีว่าแผนของคุณปราณได้ผล คุณปราณคงหลอกล่อคนของท่านออกญาฯ ได้สำเร็จ เพราะมันเห็นว่าท่านออกญาฯ ลงเรือไปพร้อมกับลุงขำแล้ว

“ไอ้หาญ! ไปเว้ย!” ไอ้มั่นวิ่งกลับมาบอก ไอ้หาญที่ร่างกายแข็งแรงกว่าก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังเจ็บปวดเนื้อตัวเดินไม่คล่องดีนัก ย่องออกไปทางด้านหลังกระท่อมที่มีเรือจอดอยู่ ไอ้มั่นจอดมันหลบไว้อยู่ที่พงหญ้าเพื่อพรางไว้อีกชั้นหนึ่ง





โปรดติดตามส่วนต่อไป

ขอโทษที่มาช้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๗/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๒ {๖๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 17-08-2020 12:55:38
ลุ้นมาก ลุ้นทุกตอน

รอส่วนที่เหลือครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๗/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๒ {๖๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 17-08-2020 14:40:47
ตามมม
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๗/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๒ {๖๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 17-08-2020 16:16:44
 แง คุณหาญไปไหนนนนน
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๗/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๒ {๖๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 17-08-2020 20:25:31
ขอให้ หาญ กับมั่น หนีไปได้
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๗/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๒ {๖๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-08-2020 23:25:34
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๗/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๒ {๖๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 18-08-2020 20:09:13
สงสาร สงสารทั้งคู่เลยค่ะ
ถึงปราณจะยอมรับความจริงช้าไปหน่อย
แต่ปราณก็รักหาญด้วยหัวใจมากจริงๆ นะ
ดูจากที่เตรียมการทุกอย่างให้ขนาดนี้ กลับมาจะเจออะไรก็ไม่รู้

มั่นกับหาญ จะหนีไปอยู่ที่ไหนกันนะ
และใช้ชีวิตกันต่อยังไง มั่นถึงได้ไม่ไปเกิดสักที
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๗/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๒ {๖๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 20-08-2020 18:03:18
ต่างคนก็ต่างทำเพื่อกันและกัน รักมั่นแต่มิอาจอยู่ด้วยกันได้ มันเศร้าจริง  T__T
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๗/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๒ {๖๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 21-08-2020 19:54:58
อยากรู้ว่าใครเป็นคนสาปหาญ :katai1: สงสารคุณปราณ เหมือนจะฆ่าตัวตายเลย :hao5:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๗/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๒ {๖๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 22-08-2020 19:16:52
บทที่ ๑๒ {ครึ่งหลัง}



ทางด้านไอ้คมเรียกบ่าวไป 3 คนเพื่อช่วยมันออกตามหาไอ้มั่น มันไม่ไว้ใจไอ้บ่าวคนนี้เพราะท่าทีลับๆ ล่อๆ ของมันที่สังเกตุได้ มันตามหาไปเรื่อยก็ไม่พบจนมาถึงกระท่อมท้ายสวน แต่สิ่งที่ทำมันตกใจคือไอ้หาญหายไป มันเห็นหลังคนกำลังเดินไปทางริมคลองไวๆ ซึ่งตรงข้ามคลองเป็นป่าไร้บ้านเรือนผู้คน

ไอ้หาญกำลังหนีโดยมีไอ้มั่นเป็นคนช่วย!!

“เห้ย!! หยุดนะเว้ย! พวกมึง! ไปจับพวกมัน!” ไอ้คมตวาดสั่งพร้อมเท้าที่วิ่งไปข้างหน้า ทันเห็นไอ้มั่นช่วยให้ไอ้หาญลงเรือไปก่อนแล้ว

“ไอ้หาญ! มึงรีบไปเสีย ไม่ต้องห่วงกู” ไอ้มั่นรีบดันเรือให้เพื่อนรัก ไอ้คมกำลังวิ่งมาหาใกล้จะถึงตัวพวกมันแล้ว

“มึงก็รีบขึ้นเรือมาสิวะ”

“ไม่! ถ้ากูไปพร้อมมึงมันต้องตามเราทันแน่ๆ กูจะรั้งมันไว้ก่อน ตอนนี้ขอแค่มึงหนีไปได้ทุกอย่างก็จะดีขึ้น ไปสิวะ! ไปเลย! ถ้ากูหนีได้จะตามไป ไปเจอกันที่หลังบ่อนชนไก่” ไอ้มั่นว่าจบก็กลับขึ้นฝั่ง วิ่งไปอีกทางเผื่อล่อไอ้คมไป ไอ้หาญไม่รอช้ารีบจ้วงไม้พายลงน้ำ พายออกไปก่อนที่พวกของไอ้คมจะตามมาทัน

“ไอ้มั่น!! มึงคิดว่าจะหนีกูพ้นรึ! ไอ้เนรคุณ! มึงไปช่วยไอ้ทาสชั่วหนีได้เยี่ยงไร ท่านออกญาฯ กุดหัวมึงแน่!” ไอ้คมตะโกนไล่หลังวิ่งตามไอ้มั่นไปติดๆ มีบ่าวคนหนึ่งตามมันมาด้วย

“มึงไม่เห็นใจมันบ้างรึ! ไอ้หาญไปทำอะไรให้มึงถึงได้ไม่ปรานีมันบ้าง โอ๊ย!!”

ไอ้มั่นโดนกิ่งไม้ข่วนต้นแขนขณะวิ่งผ่านจนเป็นแผล เลือดไหลเป็นทางยาว ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วแขนจนต้องกัดฟันทน แต่นั่นเหมือนจะทำให้ไอ้คมที่ร่างกายแข็งแรงวิ่งตามมาทัน มันกระโดดถีบไอ้มั่นจนล้มกลิ้ง จากนั้นก็หักกิ่งไม้ที่มีอยู่แถวนั้นหวดไปบนร่างไอ้มั่นเต็มแรง

ทางด้านไอ้หาญโดนชายร่างกำยำที่เห็นหน้ากันอยู่เนืองๆ ตอนอยู่ที่เรือนตามมาสองคน พวกมันรีบว่ายน้ำข้ามคลองมาเพื่อให้ทันเรือ ไอ้หาญรีบจ้วงพายไม่รอช้า แม้ร่างกายจะปวดแปลบไปทั่วร่างจนต้องกัดฟันฝืนทน ไม่งั้นมันคงหนีไม่พ้นเป็นแน่ จนไอ้บ่าวสองคนมันหยุดเพราะตามไม่ทัน ไอ้หาญแทบทิ้งไม้พายเพราะมันเจ็บเสียดที่สีข้างแทบทนไม่ไหว

เพราะเหตุนี้มันจึงทันเห็นไอ้มั่นโดนไอ้คมตะครุบจับตัวไว้ได้ พวกมันสองคนต่างต่อสู้กัน บ่าวชายที่ไอ้คมพามาด้วยก็เคยเรียนการต่อสู้กับครูปลั่ง เพราะฉะนั้นไอ้มั่นจึงเสียท่าโดนสอยจนร่วงไปกองกับพื้น และโดนตีนไปอีกหลายครั้งจนลุกไม่ขึ้น ไอ้บ่าวซื่อกัดฟันกรอด น้ำตาคลอเบ้าเมื่อเห็นว่าไอ้เกลอมันโดนไม่ต่างจากที่มันเคยโดน ก่อนมันจะไม่เห็นอันใดอีกเพราะโค้งน้ำที่หักศอก และต้นไทรใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านบดบังเสียจนมิด

พวกไอ้คมหิ้วปีกไอ้มั่นกลับไปที่เรือนเพื่อให้ท่านออกญาฯ สำเร็จโทษ ส่วนไอ้บ่าวชั่วที่หนีไปได้ก็ค่อยให้คนออกตามหา ถึงอย่างไรเสียมันก็คงไปได้ไม่ไกล

:::::::::::

คุณปราณนั่งทอดกายอยู่บนเรือมองแสงยามสนธยาที่กำลังจะมืดดับ บึงบัวแห่งนี้คือที่แรกที่ตนกับไอ้หาญมาพลอดรักกัน เป็นครั้งแรกที่ตนกับไอ้หาญได้เสพสมความสุข และเติมเต็มหัวใจสองดวงเชื่อมเข้าหากัน

เวลาผันผ่านนานนับเดือนที่เขากับมันได้เป็นความสุขของกันและกัน แม้บัดนี้จะมีความขมขื่นเข้ามาแทนที่ แต่กลิ่นกรุ่นความรักยังอบอวลในวันวานไม่จางหาย รอยยิ้มน้อยแตะแต้มบนใบหน้า ดวงตาเศร้าสร้อยที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสมองดอกบัวที่กำลังเบ่งบานอวดความสวยงาม นึกไปถึงตอนที่ตนแกล้งไอ้บ่าวซื่อตอนเก็บสายบัวแล้วก็คิดถึง หากย้อนเวลากลับไปได้ ตอนนั้นเขาน่าจะใช้เวลาอยู่กับมันให้นานกว่านี้ และไม่ควรทำอะไรตามใจตนจนไอ้หาญต้องโดนเจ้าคุณพ่อเพ่งเล็ง

เสียงนกการ้องอยู่ไกลๆ ให้ได้ยิน ธรรมชาติยังคงเป็นไปตามวิถีชีวิตของมัน แสงตะวันค่อยๆ ลับลงเรื่อยๆ ผืนน้ำที่เต็มไปด้วยกอบัวดูมืดหม่นน่ากลัว เพราะไม่อาจมองเห็นข้างใต้น้ำได้ว่าเป็นอย่างไร

หยาดน้ำใสไหลลงอาบแก้มนวล ไร้เสียงสะอื้นให้ได้ยินแม้จะอยู่เพียงลำพัง ความเศร้านี้มิอาจมีคำใดบรรยายได้ ในตอนนี้เขาขอเพียงให้ไอ้หาญกับไอ้มั่นหนีรอดไป มีชีวิตที่ดีกว่านี้ ใช้เงินทองที่เขาทิ้งไว้ให้ เพื่อให้เขาได้ไถ่โทษในความขี้ขลาดของตนเอง ขอเพียงแค่นี้เขาก็ดีใจแล้ว

เวลาผ่านไปเนิ่นนานหลายนาทีก่อนที่ร่างบางตัดสินใจลุกขึ้นยืนบนเรือ คงถึงเวลาแล้วที่ต้องทำสิ่งที่ต้องการให้สำเร็จ และเพราะอยู่บนผืนน้ำที่ไม่มั่นคงเหมือนพื้นดินทำให้เรือโคลง หัวใจเต้นกระหน่ำในอกแทบหลุดจากอก ความกลัวแทรกซึมเข้ามาทีละน้อย แต่กระนั้นความโศกเศร้าก็ทำให้เขาก็ไม่มีใจคิดถึงความกลัวอื่นใดอีกแล้ว ความกล้าหาญสุดท้ายที่มีทำให้เขาตัดสินใจทำแบบนี้

เจ้าลมเอ๋ย ที่เคยพัด ที่เคยผ่อน

แลเจ้าแสง ทินกร ที่อ่อนไหว

ฝากคำรัก สุดท้ายนี้ ถึงคนไกล

ก่อนจากไป ไกลลับ นิจนิรันดร์

ดวงตาสวยหลับพริ้มพร้อมน้ำตาหยดสุดท้ายที่ไหลลงเช่นเดียวกัน ร่างบอบบางของชายหนุ่มค่อยๆ ทิ้งตัวลงน้ำที่หยั่งเท้าไม่ถึง และไม่รู้ว่าลึกมากเพียงใด สองแขนที่แหวกว่ายได้กอดตัวเองแน่น ไม่มีการตะเกียกตะกายใดเพื่อช่วยให้ตัวเองได้โผล่พ้นผืนน้ำขึ้นมา เพราะมันคือสิ่งเดียวที่เขาคิดไตร่ตรองถี่ถ้วนแล้ว

:::::::::::::

ทางด้านออกญาศรีรัตนกรที่ออกตามหาบุตรชายนั้นร้อนใจเป็นยิ่งนัก เพราะจดหมายที่เจอบนโต๊ะเขียนหนังสือในห้องนั้นเป็นคำสั่งเสียมากกว่าจะตีความเป็นอื่น ตอนนี้ขอแค่เพียงตนเจอลูกเท่านั้น ความโกรธที่มีมาจะยอมยกออกไปให้หมดสิ้น

“ไม่เจอเลยขอรับ”

ไอ้ขำส่องตะเกียงไปตามทาง ยิ่งแสงตะวันเริ่มหมดยิ่งหายากขึ้น พวกมันพายเรือออกมาไกลจากเรือนพอสมควร ไอ้บ่าวสองคนที่บอกว่าเห็นคุณปราณชี้มาว่าคุณเขาพายเรือมาทางนี้ แต่มันไม่ยักเห็นแม้แต่เงาเรือ

“ไอ้เข้ม! เอ็งเห็นว่าลูกข้ามาทางนี้จริงรึ!” ชายสูงวัยที่กุมอำนาจใหญ่ในเรือนหันไปถามบ่าวชายอีกคนที่พายเรืออยู่ข้างหน้า

“ขอรับ บ่าวเห็นคุณปราณมาทางนี้ขอรับ” ไอ้เข้มตอบรับคำเสียงหนักแน่น มันมั่นใจว่าคุณปราณมาทางนี้แน่ๆ

ท่านออกญาฯ ใช้ความคิด มาทางนี้พ่อปราณจะไปที่ใดได้ ที่ที่พ่อปราณชอบที่สุดคือที่ใด แต่หาใช่กอเฟื่องฟ้ากอนั้นไม่เพราะตนสั่งให้บ่าวเอาพร้ามาฟันเสียเตียนโล่ง เป็นไปไม่ได้ที่พายเรือผ่านแล้วจะไม่เห็น

“บึงบัวไหมขอรับ ที่นั่นเป็นที่ที่คุณปราณชอบไปนะขอรับ” ไอ้ขำเสนอเมื่อลองตรองดูแล้วน่าจะมีไม่กี่ที่ที่คุณปราณจะไปได้

“ถ้าเช่นนั้นเอ็งจงเร่งพายไป!” สั่งจบ พวกบ่าวที่ติดตามมาด้วยก็รีบจ้วงพายไม่ยั้งแรง

จนมาถึงบึงบัวที่คุณปราณชอบมา เห็นเรือลำน้อยของเรือนออกญาศรีรัตนกรจอดอยู่กลางบึง มีห่อผ้าที่ไอ้เข้มจำได้ว่าเห็นคุณปราณเอาลงเรือมาด้วย แรงกระเพื่อมของน้ำสั่นไหวเป็นระลอกคลื่นอยู่กลางบึง ออกญาศรีรัตนกรไม่รอช้ารีบสั่งคนให้กระโดดลงไปทันที ท่านออกญาฯ รออยู่ริมฝั่ง ปล่อยให้พวกบ่าวพายออกไปที่เรือลำนั้น เผื่อว่ามีบุตรชายตนอยู่จะได้พากลับมาได้ทันที แต่เพราะแสงสว่างที่โรยรา ทำให้การมองเห็นที่ไม่ชัดอยู่แล้วยิ่งมืดมนมองเห็นลำบากมากกว่าเดิม

“เป็นเยี่ยงไรบ้างวะไอ้ขำ! พบลูกข้าหรือไม่!”

“ไม่เจอเลยขอรับ!”

“พวกเอ็งเล่า! เจอลูกข้าหรือไม่!”

“ไม่เจอเช่นกันของรับท่านออกญาฯ”

ใจคนเป็นพ่อร้อนแทบอยู่ไม่ติดราวกับจะลงไปดำผุดดำว่ายหาลูกชายของตนเสียให้ได้ เวลาผ่านไปเพียงเสี้ยวควันธูปลอย แต่กลับรู้สึกนานนับปีราวชั่วกัปชั่วกัลป์ ก่อนจะได้ยินเสียงบ่าวคนหนึ่งรอบอก

“เจอแล้วขอรับ! พวกมึงมาช่วยกูด้วยโว้ย” ไอ้บ่าวชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นจากฝั่งมืดๆ ที่แสงตะเกียงส่องไม่ถึง มันกำลังดึงลากอะไรสักอย่างขึ้นมาจากน้ำ คนอื่นๆ จึงไปช่วยกันจับปรากฏว่าเป็นร่างของชายผู้หนึ่ง เมื่อมาอยู่ใกล้แสงตะเกียงจึงเห็นได้ว่าเป็นบุตรชายของท่านออกญาฯ ที่ตอนนี้หน้าตาซีดจนน่าใจหาย

“พ่อปราณ!! เร็วเข้าๆ พวกมึงรีบพาลูกกูขึ้นมาเร็วเข้า!” มือใหญ่ที่เคยกุมดาบจับโจรบัดนี้สั่นคุมไม่ได้ ใจหวั่นระรัวกลัวสิ่งที่คิดใจจะขาด สีหน้าที่เคยดุดันมีแต่ความหวาดกลัวแสดงออกมา ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย

“พ่อปราณ! พ่อปราณ ตื่นสิ เจ้าจงตื่นบัดเดี๋ยวนี้! ข้าสั่งให้เจ้าตื่น!” แรงเขย่าตัวไม่เบานักพร้อมฝ่ามือตบกระทบใบหน้าหวาน แต่แรงเหล่านั้นไม่ได้ทำให้คุณปราณฟื้นแต่อย่างใด กลับกันร่างซีดเซียวที่ไร้แรงกระเพื่อมตรงอกบ่งบอกถึงสิ่งที่เป็นไป ราวกับนี่คือสิ่งสุดท้ายที่จะตอบโต้ผู้เป็นบิดาได้

“คุณปราณตายแล้วขอรับ”

สิ้นคำของไอ้ขำ ท่านออกญาฯ แทบล้มทั้งยืน หัวใจร้าวรานเหลือคณานับ บุตรชายเพียงคนเดียวมาทิ้งไปทั้งที่ยังไม่ถึงวัย เขามองร่างของลูกที่ไร้ลมหายใจอย่างไม่เชื่อสายตา ลูกเพียงคนเดียวที่เฝ้าถนอมมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก กลับมาจบชีวิตตนลงด้วยเรื่องความรักที่ไม่คู่ควร

ความเงียบงันเกิดขึ้นจนได้ยินเสียงหรีดหริ่งเรไรร้องระงม ไอ้ขำมองเจ้านายของมันที่บัดนี้หาได้มีคำใดเอื้อนเอ่ยออกมาไม่ ไม่มีบ่าวคนใดขยับกายเพราะรับรู้ถึงความโศกสลดของเจ้านายในเวลานี้ พวกมันสงสารท่านออกญาฯ จับใจที่ต้องมาเสียลูกรักไป หัวอกคนเป็นพ่อหรือจะทานทนได้ที่ต้องมาเห็นร่างไร้วิญญาณของลูกเช่นนี้

ออกญาศรีรัตนกรทรุดกายลงคุกเข่าข้างคุณปราณ เอานิ้วอังจมูกดูให้แน่ชัดว่าสิ่งที่ไอ้ขำพูดนั้นจริงหรือ เมื่อนิ้วไม่สัมผัสถึงลมหายใจ ความจริงที่ปรากฏตรงหน้าจึงเหมือนค้อนทุบเข้าหัว ไร้เรี่ยวแรงที่จะยืนได้อีก

“หากเจ้าจะหนีพ่อไป... ไยต้องเอาลมหายใจของเจ้าไปด้วย”

บิดาเอ่ยถามลูกชายที่นอนแน่นิ่ง ดวงตาของชายสูงวัยเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสแห่งความเสียใจ มือที่เคยตระกองกอดลูกชายไว้ยามอีกฝ่ายลืมตาดูโลก ลูบไล้แผ่วเบาตามแก้มเนียนที่ตอนนี้ไร้สีเลือด เนื้อตัวนุ่มอุ่นที่เคยสัมผัสบัดนี้เย็นชืดเพราะไร้ชีวิต

ไฉนพ่อปราณจึงคิดตัดสินใจเช่นนี้ ความโกรธที่ตนได้รู้สึกยังไม่จางหายดี อีกฝ่ายก็มาทิ้งไปทั้งที่ตั้งแต่วันนั้นแทบคุยกันนับคำได้ ความเสียใจสุ่มแน่นเต็มอกแทบระเบิด ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเคืองและความแค้น

“พาร่างลูกกูขึ้นเรือ กูจะไปชำระความกับไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้ลูกกูต้องมาจบชีวิตตัวเองเยี่ยงนี้!!”

ออกญาศรีรัตนกรกลับมาถึงเรือนพร้อมร่างคุณปราณ ไอ้ขำกับไอ้เข้มช่วยกันแบกร่างคุณปราณไปวางบนแคร่ บ่าวชายหญิงต่างกรูกันเข้ามาดูก่อนจะตกใจกันไปตามๆ กัน คุณหญิงราตรีที่รอท่าอยู่แล้วรีบรุดลงจากเรือนเพื่อมาดูบุตรชาย การรอคอยของเธอสิ้นสุดลงพร้อมความดีใจที่ได้พบหน้าลูกชายอีกครั้ง แต่เมื่อพบว่ามีเพียงร่างที่ไร้ลมหายใจเสียงกรีดร้องของผู้เป็นแม่จึงดังไปทั่วเรือน

“กรี๊ดดดด พ่อปราณ!! พ่อปราณลูกแม่! พ่อปราณ!!”

เสียงเรียกชื่อบุตรชายของคุณหญิงราตรีขาดห้วง เธอกอดพลางเขย่าราวกับการกระทำนี้จะปลุกให้ลูกชายเธอฟื้นได้ แรงหอบหายใจเพราะแรงสะอื้นที่มีอยู่เต็มอกแทบทำให้หายใจไม่ออก หญิงสูงวัยทรุดร่วงลงไปข้างแคร่กอดร่างลูกชายพร้อมเสียงร่ำไห้ที่ฟังแล้วโหยหวนบาดลึกความรู้สึก ไม่ต้องเอ่ยคำใดก็รู้ได้ว่าอกมารดาได้ขาดลงเดี๋ยวนั้นแล้ว

“เกิดอันใดขึ้นลุงขำ เหตุใดคุณปราณ...” ไอ้คมถามสีหน้าตื่นตระหนก ไยคุณปราณถึงตายได้

“คุณปราณจมน้ำ กว่าพวกข้าจะพบก็สายเสียแล้ว” ไอ้ขำบอกเสียงเศร้า

ไอ้มั่นที่ถูกจับมัดกับเสาที่ตอกลงดินเป็นหลักยึดตัวชาวาบเมื่อเห็นร่างเจ้านายของมันนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง หัวใจของบ่าวคนสนิทเต้นรัวในอกเพราะความเสียใจอย่างสุดซึ้ง หรือนี่จะเป็นสิ่งที่คุณปราณต้องการ แต่เหตุใดถึงได้ทิ้งไอ้หาญไปเยี่ยงนี้ หากไอ้หาญรู้เรื่องเข้ามันจะมีชีวิตอยู่อย่างไร

มันคิดว่าคุณปราณให้พวกมันหนีเพื่อที่ไอ้หาญกับมันจะได้เอาเงินไปตั้งตัว จากนั้นจะได้มาหาคุณปราณได้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทาสในเรือนอีกแต่อย่างใด ไม่คิดเลยว่าคุณปราณจะคิดจบชีวิตตนแทน

“คุ...คุณปราณ...ตะ...ตายจริงรึลุงขำ” ไอ้มั่นถามเสียงสั่น หากมันจะคิดว่าเรื่องนี้คือเรื่องปดเล่าจะเป็นเช่นไร ความสูญเสียในครั้งนี้ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นดอก

“ฮึก...ฮืออ พ่อปราณ ลืมตาขึ้นมาดูแม่สิลูก ไยถึงเป็นเช่นนี้ อึก...ฮือ พ่อปราณ ไยเจ้าทิ้งแม่ไปเช่นนี้”

คุณหญิงราตรียังคงกอดร่างบุตรชายของตนไม่ปล่อย เสียงพร่ำเพ้อของหญิงสูงวัยดังเคล้าเสียงสะอื้น ยายอาบที่ร้องไห้ตามนายตนได้แค่ประคองร่างคุณหญิงราตรีไว้ เพราะกลัวว่าจะทรุดลงในนาทีใดนาทีหนึ่ง

“ไอ้คม! มึงไปเอาตัวไอ้หาญมา!”

ท่านออกญาฯ ประกาศเสียงกร้าว ทำบ่าวที่นั่งอยู่บริเวณนั้นสะดุ้งเฮือก เพราะยังจมอยู่กับความเสียใจ แต่ความโกรธเกรี้ยวของประมุขของบ้านกลับดึงอารมณ์กลับมา ไม่เข้าใจว่าให้ไอ้คมไปตามไอ้หาญทำไม ก็ในเมื่อไอ้หาญไม่อยู่ที่เรือนนี่แล้วมิใช่หรือ แต่กระนั้นก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยถาม ด้วยเพราะไม่ได้อยู่ในสถานะที่ถามได้

ดวงตาแดงก่ำของออกญาศรีรัตนกรดูน่ากลัวเหลือจะกล่าว ไม่มีใครกล้าเงยหน้าสบตา ส่วนไอ้คมที่โดนเรียกค่อยๆ ยอบกายและคลานเข่าเข้ามาหา

“ไอ้หาญหนีไปแล้วขอรับ ไอ้มั่นพามันหนีขอรับ แต่บ่าวจับไอ้มั่นไว้ได้จึงมัดมันไว้แล้วขอรับ” ไอ้คมชี้ไปที่ไอ้มั่นที่มันผูกไว้กับเสาไม้ตอกลึกไปเกือบสองศอกกันมันหนี

ท่านออกญาฯ ขบฟันกรอด โทสะในครั้งนนี้ยากจะยับยั้ง ไม่ว่าใครหน้าไหนก็มิอาจทำให้มันเย็นลงได้ ร่างของชายที่เป็นใหญ่สุดในเรือนนี้เดินมาหยุดตรงหน้า ไอ้มั่นน้ำตาอาบแก้ม มันเงยหน้าขึ้นสบตาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกที่เสียเจ้านายไป แต่มีหรือที่ความโกรธแค้นในใจจะปรานีมันได้ ออกญาศรีรัตนกรยกเท้าขึ้นเตะไอ้มั่นจนหน้าหันเลือดกบปาก

“มึงช่วยไอ้เพื่อนชั่วของมึงกระนั้นรึ!! มึงกล้าดีเยี่ยงไรไยจึงกล้าขัดคำสั่งกูไอ้มั่น!!”

ออกญาศรีรัตนกรตวาดถามเสียงดังลั่น ไอ้มั่นที่มึนและเจ็บเพราะโดนเตะไปเต็มๆ ได้แค่เงียบ กรามปวดไปหมดจนแทบขยับไม่ได้

“ไอ้ขำ! ขึ้นไปหยิบดาบมาให้กู! กูจะบั่นคอมันเสียให้สิ้นที่กล้าขัดคำสั่งกูเยี่ยงนี้!”

ไอ้ขำอึกอัก ท่าทีของมันไม่กล้าที่จะทำตามคำสั่งของคนเป็นนาย เพราะถึงอย่างไรมันก็ไม่อยากให้ต้องมีใครมาตายอีกแล้ว แต่เพราะโดนสายตากดดันจากท่านออกญาฯ มันจึงรีบขึ้นเรือนไปหยิบของดังกล่าวมา มันคือดาบคู่กายของท่านออกญาฯ ที่ได้รับตกทอดมาจากบรรพบุรุษ

“บ่ะ...บ่าว...ขออภัยในความผิดขอรับ แต่ความผิดไอ้หาญมันชดใช้พอแล้ว ปล่อยมันไปเถิดขอรับ”

“ชดใช้สมควรรึ! มึงดูลูกกูสิไอ้มั่น ลูกกูต้องมาตายเพราะไอ้ชาติชั่วนั่น เพราะการล่อลวงของไอ้หาญทำให้ลูกกูต้องเป็นเยี่ยงนี้” มือใหญ่บีบกรามไอ้มั่นไว้ ท่านออกญาฯ ก้มลงกระซิบท้ายประโยคพอให้ได้ยินกันแค่สองคน

ใครจะอยากกล่าวถึงความอัปยศอดสูของบุตรชายตนที่ไปหลงรักกับไอ้ทาสต่ำต้อย พูดไปก็มีแต่ประจานตนเองว่าเลี้ยงลูกมาได้ใฝ่ต่ำยิ่งนัก หนังสงหนังสือที่ร่ำเรียนมาไม่ได้ขัดเกลาความคิด ให้รู้จักผิดชอบชั่วดี แม้จะเสียใจเพียงใดที่ลูกตาย แต่ตนก็หักใจไม่ให้โกรธมิได้

ความแค้นมันสุมอกเหมือนแผลกลัดหนองจนยากระบายออก ยิ่งมารู้ว่าไอ้มั่นช่วยให้ไอ้หาญหนีไปไร้คนรับโทษและความโกรธที่มี ไฟโทสะจึงยิ่งทวีคูณ ไม่อยากมองหน้าไอ้บ่าวไม่รักดีคนนีอีก

“ไอ้...ไอ้หาญกับคุณปราณรักกันนะขอรับ เหตุใดท่านออกญาฯ จึงไม่เห็นใจ คุณปราณกับไอ้หาญมิเคยแสดงออกให้ใครรู้ หรือพูดอะไรไปให้ท่านเสื่อมเสียเลยนะขอรับ” ไอ้มั่นพูดเสียงแผ่ว มันสงสารไอ้เกลอจับใจ ยังจำได้ถึงตอนที่ไอ้หาญจับไข้พูดเพ้อหาคุณปราณตลอดเวลา ในห้วงคำนึงของมันมีแต่คุณปราณทุกลมหายใจ

“ถ้าพวกมันรักกันเช่นนั้น กูนี่แหละจะเป็นคนขวางทางรักของพวกมันทุกชาติไป”

แววตาเหี้ยมโหดจากคนใจแข็งทำไอ้มั่นตัวชาวาบ ก่อนความกลัวจะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ เสียแรงที่เถิดทูนและเคารพ แม้แต่การอภัยให้ลูกในนาทีที่ลูกเหลือเพียงร่างไร้ลมหายใจก็ไม่มีให้ เมื่อความแค้นเข้าครอบงำ ออกญาศรีรัตนกรที่เคยเถรตรงไยจึงได้มีความคิดน่าสมเพชเยี่ยงนี้

ภาพไอ้หาญที่โดนกระทำจนทรมานทุรนทุราย บาดแผลที่ไอ้เกลอได้รับเหลือจะนับได้ แต่กลับไม่ถือโทษท่านออกญาฯ แม้แต่นิด ไอ้หาญเข้าใจว่าฐานะของมันแตกต่างกับคุณปราณเช่นไร มิเคยอยากตีตนเสมอนายแม้แต่น้อย ความจงรักภักดีมากกว่าความผิดครั้งนี้เสียด้วยซ้ำ แต่ท่านออกญาฯ กลับไม่เห็นสิ่งเหล่านั้นเลย แล้วคนอย่างไอ้มั่นหรือจะอยู่เฉยได้ ความโกรธแทนไอ้เกลอรักนี้ต้องได้ชำระความ

“หากท่านออกญาฯ ลั่นวาจาว่าจะขัดขวางคนทั้งคู่แล้วไซร้ บ่าวขอสาบานให้ฟ้าดินเป็นพยานไว้ตรงนี้ว่า...บ่าวจะขอทำทุกทางให้คนทั้งสองสมหวังกันให้จงได้ มิว่าชาติใดก็ตาม!”

สิ้นคำยั่วโทสะดาบคมกริบถูกชักออกจากฝัก ชายผู้มีศักดิ์เงื้อมันขึ้นสุดแขน ก่อนจะบั่นคอไอ้ทาสถือดีที่กล้าลั่นวาจาเป็นศัตรูกัน จนศีรษะขาดกระเด็นเสียตรงนั้นพร้อมโลหิตสีแดงเข้มนองพื้น เปรอะเปื้อนเสื้อผ้าและปลายเท้า







โปรดติดตามตอนต่อไป


ไม่รู้คนอ่านจะเศร้าเหมือนผอบมั้ย แต่แต่งตอนนี้ทำเอาดิ่งไปเลย
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๒/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๒ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 22-08-2020 19:35:36
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๒/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๒ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 22-08-2020 19:41:01
ไอ้มั่นสาบานไว้นี่เอง เลยต้องอยู่ช่วย  :o8: สงสารทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๒/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๒ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 22-08-2020 20:44:30
ปราณกับมั่นจากไปแล้ววว อยากรู้ว่าทำไมหาญถึงยังมีชีวิตอยู่ได้จนถึงช่วงเวลานี้

แล้วชาตินี้ของปราณ จะเป็นชาติที่ตรีสมหวังกับณิชรึยัง หรือต้องรอต่อไปอีก 1 ชาติ

รออ่านตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๒/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๒ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 22-08-2020 22:08:55
เศร้ามาก คิดว่าปราณจะตามหาญไปอยู่ด้วยกันซะอีก
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๒/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๒ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 22-08-2020 22:50:46
เศร้ามาก

สงสารทั้งมั่น และหาญ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๒/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๒ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-08-2020 02:43:47
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๒/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๒ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 23-08-2020 07:43:42
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๒/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๒ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 24-08-2020 00:39:48
ตามทุกชาติไป ในชาตินี้ท่านออกญาจะเป็นใครมาขัดขวางณิชกับคุณตรี สมหวังเมื่อไหร่ เมื่อนั้นไอ้มั่นคงหลุดพ้นคำสาบานแล้วไปเกิดใหม่ได้ซะที รักกันชอบกัน  :oo1: เร็วๆเถอะ ทุกคนจะได้หลุดพ้นเจ้ากรรมนายเวรกัน สงสารคุณปราณกับไอ้มั่นมาก ไอ้หาญคงใจสลายถ้ารู้ว่าเกิดไรขึ้น  :sad4: รอตอนต่อไป :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๒/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๒ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 25-08-2020 11:02:07
มันเศร้ามาก ความโกรธความแค้นของพ่อทำให้ลูกต้องทนทรมานมาหลายชาติเลยได้แต่หวังชาตินี้จะจบลงด้วยความสุข
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๒/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๒ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 26-08-2020 18:02:28
บทที่ ๑๓ (ครึ่งแรก)

“ค่ะพี่โอ๋ พี่ณิชยังหลับอยู่เลยค่ะ” มิ้งตอบปลายสายที่ช่วงนี้โทรคุยกันบ่อยขึ้น เพราะเธอได้บอกเรื่องอุบัติเหตุของณิชไป

[จะหลับนานอะไรขนาดนั้นวะ นี่วันนึงแล้วนะเว้ย] รุ่นพี่ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“หนูก็ไม่รู้ หมอเขาก็บอกไม่ได้ว่าทำไม คุณตรีให้หมอตรวจอาการทางสมองซ้ำอีกครั้งแล้วแต่ไม่พบความผิดปกตินะพี่”

[ถ้างั้นมีความคืบหน้าอะไรยังไงก็บอกด้วยนะ ไปที่นั่นไอ้ณิชมีแต่เจ็บตัว รีบๆ เคลียร์งาน เร่งมือช่างแล้วรีบกลับมาเลย]

“ค่ะพี่”

หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะทิ้งตัวเอนไปบนโซฟาในห้องพักผู้ป่วยห้องพิเศษ ซึ่งค่าใช้จ่ายในครั้งนี้จีรัชญ์ออกให้ทั้งหมด

อาการของณิชในตอนแรกจีรัชญ์เป็นห่วงเรื่องทางสมองและการแตกหักของกระดูก มิ้งตกใจทำอะไรไม่ถูกเพราะเลือดที่ไหลอาบของณิชทำเธอกลัว ร่ำๆ แต่จะให้เรียกรถพยาบาล แต่นาทีนั้นถ้าจีรัชญ์ไม่ตัดสินใจปฐมพยาบาลก่อนณิชคงอาการหนักกว่านี้ จีรัชญ์ทำทุกอย่างราวกับเห็นเรื่องเล่านี้เป็นปกติ การปฐมพยาบาลเบื้องต้นของจีรัชญ์ทำให้พยาบาลเอ่ยชมเปาะ ที่รุ่นพี่เธอไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เพิ่มเติมนอกจากหัวแตก

ความสงสัยยังอยู่ในใจไม่จางหาย จีรัชญ์ไปเอาความรู้เกี่ยวกับทางการแพทย์มาจากไหน ไม่ว่าจะเป็นการจับชีพจร การตรวจดูร่างกายหรือร่องรอยของกระดูกว่าหักหรือไม่ การประเมินอาการเบื้องต้นทำดูคล่องเหลือเกิน จนเผลอคิดไปขณะหนึ่งว่า อีกฝ่ายอาจเคยเป็นอาสาสมัครกู้ภัยมาก่อนที่จะเป็นอาจารย์มหา’ ลัยก็ได้

“คุณมิ้งลงไปหาอาหารทานเถอะครับ เดี๋ยวผมอยู่เฝ้าคุณณิชเอง” จีรัชญ์เปิดประตูเข้ามาบอก หลังจากเขาคุยโทรศัพท์กับรัศมีเสร็จแล้ว ช่วงนี้ใกล้สอบจึงยุ่งไปสักหน่อย มีประชุมอยู่เรื่อยๆ ด้วย แต่เพราะใจเป็นห่วงคนที่นอนไม่ได้สติอยู่จึงไม่อยากทิ้งไป

“งั้นหนูฝากด้วยนะคะ” หญิงสาวเอ่ยบอกก่อนจะออกจากห้องไป

จีรัชญ์นั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง มองคนเจ็บที่นอนไปได้ราว 7 ชั่วโมงแล้ว และยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมา ศอกสองข้างค้ำบนเตียงคนป่วย มือทั้งสองกุมหัวอย่างคนใช้ความคิด ณิชไม่มีอาการทางสมองใดๆ ไม่มีเลือดออกในสมอง หรือการกระทบกระเทือนที่ร้ายแรงและบ่งบอกอาการสาหัส แต่เจ้าตัวหลับไปนานแบบนี้ทำให้เขารู้สึกหวั่นใจ

ความกลัวเข้าเกาะกุมใจอีกครั้ง ความสูญเสียที่เลี่ยงการเผชิญมาตลอดตั้งแต่เจออีกฝ่าย บัดนี้กำลังเล่นงานเขา ความห่วงใยที่กักเก็บไว้ในใจ กดไว้ไม่ให้มันเผยออกมากำลังแสดงออกจนปิดไม่มิด

‘คุณเขาจะฟื้นขึ้นมา อย่าได้ห่วงเลย’

‘เขาไม่ควรหลับไปนานแบบนี้ มันเหมือนกับว่า...’

‘ชาตินี้มึงจะไม่เสียคุณเขาไปเหมือนที่ผ่านมา’

‘โชคชะตาไม่ปรานีกูขนาดนั้นหรอก กูกำลังจะเสียเขาไปอีกครั้ง’

ไอ้มั่นได้แค่ยืนมองใบหน้าเศร้าสร้อยของไอ้เกลอที่ทอดสายตามองคนเจ็บ มันช่วยเหลือได้เพียงเท่าที่ช่วยได้ หากแต่นอกเหนือจากนี้ก็คงแล้วแต่เวรแต่กรรมของใครที่ทำมา



--##--##--##--##--##--##--



ความโหดเหี้ยมของบิดาผู้ใจสลายทำบ่าวในเรือนกลัวจนตัวสั่น หัวไอ้มั่นขาดกระเด็นตกลงไม่ทันได้หลับตาเสียด้วยซ้ำ สายฟ้าฟาดเปรี้ยงสว่างวาบบนท้องฟ้าอันมืดมิด ส่งสัญญาณว่าคำสัตย์ที่ให้ไว้ของไอ้มั่นฟ้าดินรับรู้แล้ว

ออกญาศรีรัตนกรเดินขึ้นเรือนด้วยท่าทีขึงขัง ไม่มีบ่าวคนใดกล้าขัดหรือถามอะไรอีก คุณหญิงราตรีที่อยู่ในอารมณ์โศกเศร้าก็ไร้สติเกินกว่าจะสนใจเรื่องใดได้ ยังคงนั่งคร่ำครวญกอดลูกชายของตนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน

อารมณ์ราวพายุพัดบัดนี้ทำให้ตนตัดสินใจหยิบตำราจากหีบเหล็กที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น ไสยศาสตร์ที่กักเก็บไว้คิดถ่ายทอดให้ลูกชายยามถึงวัยอันควร บัเนี้มันถูกนำออกมาใช้แล้ว ชายสูงวัยจุดธูป 13 ดอกปักไว้กลางกระถางธูป แผ่นหนังสัตว์ที่เต็มไปด้วยมนต์คาถาที่สลักไว้ใช้ยามจำเป็นถูกเปิดออก กลิ่นธูปลอยโขมงในห้องไปทั่วห้องนอน ออกญาศรีรัตนกรมายืนตรงหน้าต่างห้องนอน ตรงนี้เห็นพื้นที่หน้าเรือนอย่างชัดเจน อีกทั้งยังเห็นร่างของบุตรชายที่ภรรยาตนยังคงกอดร่ำไห้อยู่ด้วย

เสียงพึมพำคาถาตามบทที่เปิดหน้าไว้ดังขึ้น ภาษาที่สลักยากที่ใครจะอ่านออก มีแต่ผู้ที่ได้รับของสืบทอดเท่านั้นจึงจะอ่านได้ ฟ้าร้องครืนๆ แสงสว่างวูบวาบราวฟ้ากำลังจะถล่ม ทั้งที่ตอนนี้หาใช้ฤดูฝนไม่ ดวงตาคมกล้าจับจ้องไปยังร่างของลูกชาย อีกใจก็ผูกจิตคิดแค้นไอ้บ่าวชั่วที่บังอาจหนีไปก่อนได้รับกรรม ดาบคมที่เคยตัดหัวไอ้มั่นมาแล้วยังคงมีเลือดติด ตนจึงใช้ดาบเล่มเดียวกันกรีดแขนเป็นอักขระโบราณจนเลือดสีแดงฉานหยดลงบนแผ่นหนัง

โอ้ว่าไอ้ชาติอัปรีย์แค่ขี้ข้า
คำวาจามันช่างปดคิดคดได้
หลอกลูกกูไปสมสู่ไอ้จัญไร
ไอ้ชาติไพร่สุดสถุลลืมคุณกู
อกกูช้ำระกำจิตคิดแล้วแค้น
ใจสุดแสนระทมโศกโดนลบหลู่
จึงสาปแช่งให้ทรมานสมใจกู
แล้วรอดูความฉิบหายของตัวมัน
แต่หากกรรมของมันที่สร้างไว้
ผูกชะตาให้ครองคู่มิเปลี่ยนผัน
ก็จงหยุดคำสาปไว้นิจนิรันดร์
ให้มนต์นั้นสิ้นสลายมลายเอย


“กู! ออกญาศรีรัตนกร! ขอสาปแช่งไอ้หาญ ไอ้ทาสอัปรีย์ที่ย่ำยีหัวใจ พรากลูกกู ทำลูกกูต้องตาย ขอให้มนต์นี้จงบันดาลให้มันอยู่กับความทุกข์ตราบนิรันดร์ หาได้มีอันเป็นไปดังเช่นคนไม่! หาได้มีความเจ็บป่วยในกายไม่! หาได้พบกับความสุขที่พึงมีไม่! จงอยู่กับความทุกข์ทรมานใจที่ต้องเห็นความสูญเสียในทุกภพทุกชาติไป”

ดวงตาแดงก่ำราวผีร้ายฉายความเคียดแค้น โทสะในใจลุกฮือไม่แม้แต่จะมอดลงแม้แต่นิด บทบริกรรมคาถายังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง ก่อนคำกล่าวสุดท้ายจะมาพร้อมกับแสงสว่างวาบและลมที่พัดมาหอบใหญ่ราวพายุ

“หากแต่โชคชะตาที่นำพาแข็งแกร่งกว่าคำแช่งกูแล้วไซร้ ก็ขอให้มนต์คลายสลายไป นี่คือคำสาปแช่งที่กูขอประกาศไว้นับแต่บัดนี้!!”

เปรี้ยง!!

สายฟ้าฟาดผ่านฟ้าพร้อมฝนที่เทกระหน่ำลงมา เลือดหยดแล้วหยดเล่าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นของออกญาศรีรัตนกรซึมเข้าแผ่นหนังสัตว์ มนต์คาถาและคำสาปแช่งที่ร่ายออกไปผูกไว้กับโชคชะตาของคนทั้งสอง รวมไปถึงคำสัตย์สาบานที่ไอ้มั่นได้ให้ไว้ ทำให้ชะตาชีวิตของคนทั้งสามต้องร่วมกรรมไปด้วยกัน

“กูจะไม่ตามหามึงให้กลับมาเอาเลือดล้างตีนกูดอกไอ้หาญ เพราะสิ่งที่มึงจะได้รับจากนี้ มันทรมานยิ่งกว่ากูเป็นสิบเท่า!”

::::::::::::

วันนี้เข้าสู่วันที่สี่แล้วที่ไอ้หาญซ่อนตัวอยู่ในกระท่อมร้างหลังบ่อนชนไก่ ไอ้มั่นยังไม่มาตามที่นัดหมายกันไว้จนมันร้อนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นเช่นไร จะโดนไอ้คมซ้อมจนบาดเจ็บเดินไม่ได้แล้วหรือไม่

ไอ้หาญเก็บของทุกอย่างที่คุณปราณให้ไว้ใต้ตุ่มน้ำที่ตอนนี้ไม่มีน้ำเหลือแม้แต่หยดเดียว มันขุดดินใต้ตุ่มให้เป็นหลุมเพื่อฝังของมีค่าไว้ มันเดินเท้าเปล่าออกมาจากป่าทึบ ได้ยินเสียงเขาแข่งชนไก่อยู่ไม่ไกล พวกมันมาที่นี่ไม่บ่อยนักในเรือนท่านออกญาฯ จึงไม่มีใครรู้ว่ามันกับไอ้มั่นนัดหมายกันไว้ที่นี่

ไอ้หาญออกมาดูลาดเลารอไอ้เกลอรักทุกวัน จนวันนี้มันตัดสินใจที่จะออกไปหาของกินสักหน่อย เพราะกล้วยที่ขโมยมาหนึ่งเครือหมดแล้ว แม้มันจะกินอย่างประหยัดเพื่อหลบซ่อนตัวอย่างไรมันก็ไม่พอต่อการประทังชีวิตในยามนี้อยู่ดี

“มึงได้ยินรึไม่ ท่านออกญาฯ ฟันคอทาสในเรือนจนตอนนี้ไม่มีใครกล้าสู้หน้าแล้ว จะออกจากเรือนก็มิได้เพราะไม่มีอัฐมาไถ่ตัว กูได้ข่าวมาว่ามีบ่าวบางคนแอบหนีออกมาก็ยังโดนลากกลับไปเฆี่ยนตีซ้ำ” เสียงพูดคุยของคนในบ่อนชนไก่ทำไอ้หาญหยุดฟัง คนที่โดนฟันคอคือใคร

มันเอาขี้เถ้าที่หาได้จากกองฟืนละแวกนั้นมาทาเนื้อตัวให้ดูมอมแมมเข้าไว้ จะได้ไม่เป็นจุดสนใจและคนอื่นจะได้จำหน้ามันไม่ได้ ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปถามคนพูดว่าท่านออกญาฯ ที่ว่านั่นคือใคร

“ท่านออกญาฯ ไหนรึ ข้าไปส่งของในตลาดมาเห็นเขาก็ลือกันอยู่บ้าง” พูดปดคำโตไปหวังจะเข้าร่วมวงสนทนา อีกฝ่ายหันมองก่อนจะพูดโดยไม่คิดสงสัยในตัวมันแม้แต่น้อย

“มึงอย่าอื้ออึงไป ก็ท่านออกญาศรีรัตนกรที่เรือนอยู่พ้นท้ายคุ้งน้ำโน่นไงละวะ ใช้ดาบฟันคอทาสในเรือน ไอ้ปั่น...ไอ้บ่าวคนนั้นชื่อกระไรแล้ววะ ที่น้องมึงเอามาร้องห่มร้องไห้อยู่หลายวันน่ะ”

“ชื่อไอ้มั่น ไอ้เข้มเล่าให้มันฟังว่าคอขาดกระเด็นเลือดสาดเต็มพื้นไปหมด ดีที่คืนนั้นฝนตกจึงชะล้างคราบเลือดไปได้บ้าง”

สิ้นคำของคนเล่าไอ้หาญแทบล้มทั้งยืน ความเสียใจถาโถมเข้าเล่นงานเต็มที่จนแทบหายใจไม่ออก ไอ้หาญเดินจากคนกลุ่มนั้นมาด้วยท่าทางไร้สติ ตอนนี้หูมันอื้อไปหมดจนแทบไม่ได้ยินเสียงอื่น นอกจากคำพูดที่ว่า ‘ไอ้มั่นโดนฟันคอตายเสียแล้ว’

เพราะเกินกว่าจะเชื่อได้ไอ้หาญจึงตัดสินใจลอบเดินเท้าจากที่ที่มันอยู่ตอนนี้ เพื่อไปให้ถึงเรือนท่านออกญาฯ แม้จะใช้เวลาตั้งแต่ตะวันอยู่กลางหัว จนบ่ายคล้อยถึงจะเห็นกระท่อมที่มันเคยอยู่อาศัยเป็นที่สุดท้ายก็ตาม

มันว่ายน้ำข้ามคลองไปขึ้นฝั่งเรือนท่านออกญาฯ เดินลัดเลาะมาตามป่ากล้วยที่ปลูกชุม ก่อนจะถึงกระท่อมที่มันเคยอยู่ มีเนินดินเตี้ยๆ อยู่หลังกระท่อมซึ่งมันไม่เคยเห็น เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็พบว่าเป็นกองดินอะไรสักอย่าง

ขณะที่ไอ้หาญกำลังจะเดินไปข้างหน้า มันได้ยินเสียงคนกำลังเดินมา เสียงเท้าเหยียบใบตองแห้งดังมาตลอดทางที่เดินจนมันต้องหลบเข้ากระท่อม ที่แห่งนี้ไม่น่าจะมีใครมาอีกตั้งแต่มันหนีไป เพราะข้าวของก็ยังอยู่เหมือนเดิม

“ประเดี๋ยวพวกมึงเอาเปลือกลูกตาลพวกนี้ไปเทที่หลุมศพไอ้มั่น ผ่านมาหลายวันแล้วคงอืดได้ที่ กูกลัวไอ้เข้มมันขุดหลุมไม่ลึกพอประเดี๋ยวศพจะโผล่”

เสียงไอ้คมสั่งบ่าวในเรือน แต่คำพูดของมันทำไอ้หาญตัวชาวาบ มันแอบดูตรงช่องไม้แตก เห็นบ่าวในเรือนสองคนช่วยกันขนเปลือกผลไม้มาเทกองไว้ที่เนินดินที่มันเพิ่งเดินผ่านมา จากนั้นพวกมันก็เดินกลับไป ทิ้งไว้แค่ความจริงว่าที่มันได้ยินมานั้นไม่ผิดแน่

ไอ้หาญกลั้นใจรอให้พวกไอ้คมเดินกลับไปไกลแล้วจึงปีนออกจากกระท่อมมา น้ำตานองหน้าเมื่อรู้ว่าเนินดินนี้คือที่ฝังร่างของไอ้เกลอรัก มันใช้สองมือขุดดิน ไม่สนใจเปลือกผลไม้สกปรกที่คนในเรือนทำราวกับตรงนี้คือกองของเสีย

“ไอ้มั่น! ไหนมึงบอกกูว่าจะตามมาอย่างไรเล่า ไยมึงถึงได้เป็นเยี่ยงนี้” มือที่ใช้ตะกุยกองดินเริ่มถลอก ซอกเล็บมีดินเข้าไปเกาะอยู่เต็มแต่ไอ้หาญไม่คิดสนใจ แม้มันจะได้เลือดเพราะขุดหลุมศพของเพื่อนมันก็ไม่สน

จวบจนตะวันตกดิน เกือบจะมองไม่ให้สิ่งอื่นใดแล้วมันจึงสัมผัสถึงร่างที่กำลังบวมพองเต็มที่ ผ้านุ่งของไอ้มั่นที่มันจำได้ดี ไอ้หาญร่ำไห้อย่างสุดฝืนทน ไม่สามารถอดกลั้นความเสียใจนี้ได้อีกต่อไป ร่างกายกำยำที่ไหล่ลู่ลงพร้อมเสียงสะอื้น ครอบครัวคนเดียวของมันได้จากไปแล้ว ไอ้มั่นต้องมาตายเพราะช่วยมันหนี ความผิดครั้งนี้มิได้ยิ่งใหญ่อันใดเลย เหตุใดท่านออกญาฯ จึงได้ลงโทษได้โหดเหี้ยมเช่นนี้

ภาพวันวานที่พวกมันเคยแก้ผ้ากระโดดน้ำเล่นด้วยกันราวกับเพิ่งเกิดขึ้น ไหนเล่าที่บอกว่าจะมาเจอกันหลังบ่อนชนไก่ ไยจึงได้มาเจอกันเพียงร่างไร้วิญญาณแบบนี้ เสียงหัวเราะของมัน คำพูดที่คอยหยอกล้อและคอยชวนคุยไม่มีอีกแล้ว นับจากนี้ไปเพื่อนรักที่เคยมีเหลือเพียงชื่อและความทรงจำ

ไอ้หาญนั่งกอดเข่ามองหลุมศพของไอ้เกลอรักที่โดนมันขุดขึ้นมาด้วยสองมือ หาได้ใช้ของสิ่งใดทุ่นแรงไม่ น้ำตาที่เคยไหลรินบัดนี้แห้งเหือดไปหมดแล้ว ทิ้งไว้เพียงคราบน้ำตาแห่งความเสียใจเพียงเท่านั้น

“กูจะเผามึง ให้มึงได้รอดพ้นคงามทุกข์โศกจากชาตินี้ หากชาติหน้ามีจริงฉันใด ขอเราได้เป็นเกลอกัน อย่าได้จากกันดังเช่นในชาตินี้เลย”

ไอ้หาญลากร่างที่เต็มไปด้วยเลือดและหนอง หนอนและแมลงชอนไช อีกทั้งกลิ่นเน่าที่ชวนคลื่นเหียนอย่างไม่นึกรังเกียจ ศีรษะที่ถูกโยนไว้ในหลุมอย่างไม่ไยดีถูกนำมาวางบนคอ มันหากิ่งไม้และใบตองแห้งเท่าที่มันจะหาได้ โชคยังดีที่คืนนี้ดวงจันทร์เต็มดวงจึงไม่ลำบากในการหาเชื้อเพลิงนัก

เมื่อได้คบไฟที่แอบไปขโมยมาจากหลังครัว ไอ้หาญก็จุดเผาเพื่อนรักของมันทันที มันไม่มีเวลาได้ร่ำลาไอ้มั่นอีกเพราะกองไฟจะเรียกคนในเรือนมา มันรีบว่ายน้ำกลับไปอีกฝั่ง และเร้นกายหายจากเรือนไปเพราะคนในเรือนแตกตื่นกับกองไฟกองใหญ่แล้ว ไม่มีเวลาแม้แต่จะได้หันกลับมามองร่างไอ้เกลอครั้งสุดท้าย

::::::::::

ไอ้หาญใช้เวลาที่เหลือในการเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อย มันไม่ปักหลักที่ใดนาน ด้วยเพราะไม่รู้ว่าท่านออกญาฯ จะส่งคนออกตามหามันหรือไม่ จากวันเป็นเดือนที่มันยังรอคอยคุณปราณ ตอนนี้เหลือเพียงคนเดียวที่มันเฝ้ารอได้ มันหาคุณปราณไม่พบ และมิได้กลับไปเหยียบที่เรือนท่านออกญาฯ อีกเลย จึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเช่นไรบ้าง

เบี้ยอัฐเงินทองที่คุณปราณให้มันมามากล้นเหลือจะนับ ไอ้หาญไม่กล้านำออกมาใช้เพราะเกรงว่าหากมันเจอคุณปราณ จะไม่มีของคืนให้คุณเขา และจะทำให้คุณปราณลำบากไปด้วยหากมันใช้ในส่วนนี้

ในตอนแรกมันขโมยเสื้อผ้าคนอื่นมาก่อนเพื่อปกปิดแผลที่หลัง แต่มาตอนหลังมันจึงลอบใช้อัฐไปซื้อพอให้มีเสื้อผ้าใส่ผลัดเปลี่ยนสักสองสามตัว ตอนนี้มันมาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง มาขอข้าวก้นบาตรกินประทังชีวิตซึ่งหลวงตาก็ทำทานให้ ที่นี่เป็นวัดป่าหาได้มีคนพลุกพล่านไม่ เมื่อวันก่อนมีพระมาธุดงค์ปักกลดใกล้บริเวณวัด มันจึงเอาอาหารที่พอจะหาได้ไปถวายพระเพื่อทำบุญให้ไอ้เกลอที่ป่านนี้ไปอยู่ภพภูมิอื่นแล้ว

ไอ้หาญไปตักบาตรทุกวันจนหลวงพ่อคุ้นหน้าคุ้นตา ไอ้หาญนิมนต์ให้เข้าไปทำวัดที่ในวัดป่าหลวงพ่อก็ไม่เอา บอกว่าที่ตรงนี้มันดีกว่าหาได้ลำบากอันใดไม่

“คิดถึงเขามากหรือ” คำถามจากคนที่อยู่ในผ้าเหลืองเอ่ยถาม ความเงียบสงบในป่าแห่งนี้ทำให้ตัดทางโลกได้ อีกทั้งความร่มเย็นของต้นไม้ก็ให้ความสบายทำสมาธิได้ดีขึ้น

“ขอรับหลวงพ่อ มันเป็นเพื่อนของข้าเองขอรับ”

“บ่วงกรรมที่ตั้งใจผูกพันกันไว้ยังไม่พ้นกรรมกันดอก” คำพูดของหลวงพ่อมันไม่เข้าใจเท่าใดนัก แต่ก็ยังพนมมือไหว้รับพรเมื่ออีกฝ่ายสวดให้

วันรุ่งขึ้นหลวงพ่อจากไปแล้วเพราะตั้งใจจะเดินไปให้ถึงวัดอีกแห่งก่อนเย็นย่ำ ไอ้หาญไปยืนส่งที่ชายป่าก่อนจะกลับไปที่วัดป่าเช่นเดิม ที่แห่งนี้มีเด็กวัดอีกสองคนที่มันไม่ได้สนิทด้วยนัก เหตุเพราะความพูดน้อยของมันทำให้พวกเด็กๆ ไม่อยากเล่นด้วย ซึ่งมันถือว่าเป็นเรื่องดีไป

ตกกลางคืนไอ้หาญหยิบสมุดบันทึกของคุณปราณออกมาดู ภายในสมุดมีดอกพุดน้ำบุษย์ที่โดนทับจนแห้งอยู่ด้วย คุณปราณให้ดอกไม้มาในห่อของนี้มันจึงเอามาใส่ในสมุด เพราะเคยเห็นคุณปราณทำแบบนี้และบอกว่ามันทำให้ดอกไม้แห้งแต่ยังคงความสวยงามไว้

ป่านนี้ไม่รู้คุณปราณจะเป็นอย่างไรบ้าง จะหนีรอดได้หรือไม่หรือโดนจับกลับไปแต่งงานกับคุณนวลจันทร์เสียแล้วก็ไม่รู้ ยอดดวงใจของมันจะอยู่ได้หรือไม่เมื่อไม่มีมันอยู่ข้างกายเช่นนี้

“รอบ่าวก่อนนะขอรับ บ่าวจะถอดความในจดหมายให้จงได้ หากนี่คือจดหมายที่คุณปราณบอกถึงปลายทางให้เราเจอกันแล้วไซร้ บ่าวจะขอไปรับยอดดวงใจให้กลับมาอยู่เคียงกันเช่นเดิม”

ชายหนุ่มหลับตาพริ้ม กอดจูบสมุดบันทึกของคุณปราณที่ไว้ดูต่างหน้า กอดทั้งที่มันไม่มีชีวิตแต่มีร่องรอยของคุณปราณอยู่ อย่างน้อยๆ ความคิดถึงของมันก็คลายลงไปได้บ้าง





โปรดติดตามส่วนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๖/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๕๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 26-08-2020 21:37:54
แง เศร้าเลย รู้ว่าเพื่อนตายแล้ว ไม่อยากนึกถึงตอนอ่านจดหมายออกเลย :sad4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๖/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๕๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 26-08-2020 21:42:36
เศร้า จากบทที่ ๑๒ มาบทที่ ๑๓
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๖/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๕๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 26-08-2020 22:41:30
พ่อน่ากลัวมาก
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๖/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๕๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 26-08-2020 23:04:39
 :mew5: :mew5: :mew5: แช่งไม่ให้ตายกันเลยหรอ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๖/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๕๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 26-08-2020 23:17:43
เฮ้ออมันเศร้าาาาา  :hao5: :hao5: ชาตินี้ชาติสุดท้าย โชคชะตาแข็งแกร่งกว่าคำสาปแช่ง จะได้หลุดพ้นกันสักที
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๖/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๕๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 26-08-2020 23:30:32
เศร้ามาก
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๖/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๕๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: mister ที่ 27-08-2020 17:24:16
อานรวดเดียวเลย สนุกมาก  :mew1: o13
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๖/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๕๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-08-2020 21:50:15
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๖/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๕๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 30-08-2020 16:48:41
บทที่ ๑๓ (ครึ่งหลัง)



9 เดือนผ่านไป

ชายหนุ่มร่างกำยำรับจ้างทำงานแบกข้าวสารที่ท่าเรือ เหงื่อไคลไหลย้อยแต่ไม่ทำให้มันสนใจไปกว่างานที่ทำแล้วได้อัฐ วันนี้ก็อย่างเช่นทุกวันที่มันทำงานเช้าจรดเย็น มันเก็บหอมรอมริบเอาอัฐชดใช้ส่วนที่หยิบยืมของคุณปราณออกมาใช้ก่อนจนหมด จนตอนนี้เงินของมันเองก็พอจะมีซื้อของใช้บ้างแล้ว มันจะรอวันที่ตนเองมีเบี้ยมีอัฐมากกว่านี้ เพื่อจะได้พร้อมไปพบกับคุณปราณและดูแลอีกฝ่ายได้อีกครั้ง ถึงวันนั้นต่อให้มันไม่ได้เป็นถึงคุณหาญ ขอแค่เป็นหาญที่ไร้คำว่าไอ้และความเป็นทาสติดกาย ก็คงมีค่าพอจะรักกับคุณปราณได้บ้างแล้ว

ตอนนี้ไอ้หาญได้สร้างกระท่อมเล็กๆ ของมันไว้หลังวัด หลวงตาที่เป็นเจ้าอาวาสท่านใจดีให้มันได้ใช้ที่ดินตรงนั้นปลูกที่อยู่อาศัย เพราะเห็นว่ามันเป็นคนดี มิเคยมีเรื่องกับใคร หรือทำให้เดือดร้อนตั้งแต่มาอยู่ที่วัดแห่งนี้

“ไอ้หาญ ไอ้หาญโว้ย” เสียงหลวงตาตะโกนเรียกไอ้บ่าวซื่อ มันอาบน้ำอยู่ข้างกระท่อมรีบผลัดเปลี่ยนผ้านุ่งก่อนจะโผล่หน้าออกมา

“ขอรับหลวงตา”

“ประเดี๋ยวข้าจะไปทำธุระสักหน่อย วานให้เอ็งพายเรือไปให้ข้าได้หรือไม่ ไอ้พวกเด็กวัดไม่อยู่สักคนข้าไม่รู้จะไปขอให้ใครช่วยแล้ว”

“ได้ขอรับ ขอข้าใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนนะขอรับ ประเดี๋ยวข้าจะตามไป”

หลวงตาพยักหน้ารับคำก่อนจะเดินจากไป ไอ้หาญรีบผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า นุ่งโจงกระเบนและเอาผ้าขาวม้ามาโพกหัวให้เรียบร้อย ก่อนจะรีบไปหาหลวงตาที่รอท่าอยู่ตรงท่าน้ำอีกฝั่งหนึ่งของวัดแล้ว

“เอ็งรออยู่แถวนี้แหละ” หลวงตาบอก เมื่อมันพายเรือมาเทียบท่าของวัดที่คุณปราณเคยมาก่อกองทรายกับมัน ไม่คิดเลยว่าหลวงตาจะมาทำธุระที่นี่ ทำให้ไอ้หาญต้องระวังตัวเป็นยิ่งยวด เพราะกลัวจะเจอเข้ากับคนที่รู้จักท่านออกญาฯ

ไอ้หาญหลบไปอยู่หลังโบสถ์ ประตูหลังถูกเปิดอยู่และมันได้ยินเสียงที่คุ้นเคย จึงแอบลอบเข้าไปในโบสถ์ซ่อนตัวอยู่หลังพระประธานองค์ใหญ่ พอเยี่ยมหน้าออกไปดูก็พบว่ามีลูกเจ้าขุนมูลนายทั้งหลายกำลังร่ำเรียนตำรากันอยู่ พระครูที่สอนก็ไม่ใช่ใครอื่น หลวงพ่อที่มันเคยเจอเมื่อปีก่อนนั่นเอง

ก่อนหน้านี้มันเคยคิดจะเรียนหนังสือ แต่เพราะหลวงตาไม่ได้สอนมันจึงไม่รู้จะหาที่เรียนอย่างไร และไม่คิดว่าจะให้ใครมาถอดความในสมุดบันทึกและจดหมายของคุณปราณด้วย เพราะมันไม่รู้ว่าคุณปราณเขียนความลับอะไรไว้มากแค่ไหน อาจจะเป็นการนัดหมายกับมันให้ไปเจอกันที่ใดที่หนึ่งก็ได้ หากมันจะอ่านก็ต้องอ่านได้ด้วยตัวมันเองเท่านั้น

เพราะเหตุนี้ตั้งแต่วันนั้นไอ้หาญจึงแอบมาที่วัดแห่งนี้บ่อยๆ เพื่อที่มันจะได้อ่านหนังสือออก มันไม่กล้าที่จะเข้าไปเสนอหน้าทักทายหลวงพ่อเพราะเกรงว่าจะไปรบกวน และทำให้ลูกศิษย์ของหลวงพ่อจะไม่พอใจ ที่คนต่ำต้อยอย่างมันอยากรู้อยากเห็นเรื่องหนังสือ

ไอ้หาญใช้กิ่งไม้แทนดินสอและใช้พื้นดินแทนกระดานชนวนในการขีดเขียน มันมีอัฐจากการทำงานมาก็จริง แต่หากจะไปซื้อก็คงมากอยู่จึงอยากเก็บไว้เสียดีกว่า เผื่อว่าวันใดมันถอดข้อความจนไปหาคุณปราณได้ มันจะได้มีเบี้ยไว้เลี้ยงคุณเขาไม่ให้ลำบาก

ไอ้บ่าวซื่อหัดอ่านหัดเขียนตามที่ตนจะพอทำได้ แต่กระนั้นมันก็ยังต้องทำงานจึงใช้วิธีท่องจำไปด้วย เจอสิ่งใดก็ลองอ่านดู หากสงสัยว่าใช่หรือไม่ก็ถามพ่อค้าแถวนั้นจนโดนแซว

“มึงจะอยากรู้หนังสือไปไยวะ รู้ไปก็ไม่ทำให้มึงมีชีวิตดีกว่านี้ดอกโว้ย หนังสือเขาให้พวกขุนน้ำขุนนางเขาเรียนกัน นี่ที่กูรู้ก็เพราะพ่อกูสอนมาดอก อย่าได้หวังเลยว่าจะได้ร่ำเรียนวิชาอย่างลูกพระยา” เถ้าแก่พูดพร้อมกับรอยยิ้มหยัน ไอ้หาญไม่ปริปากอันใดสักคำ ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ามัน ว่าสิ่งที่มันทำอยู่นั้นเพราะเหตุใด

ไอ้หาญแบกกระสอบข้าวสารขึ้นบ่ารอบสุดท้ายลงจากเรือ ที่ตรงข้ามกันมีเรือมาจอดเทียบท่ารอขนของอยู่แล้ว มีพวกขุนนางที่จะไปเมืองฝรั่งต่อแถวเตรียมขึ้นเรือ ผู้คนมากหน้าหลายตาทั้งมียศและไม่มียืนออกันอยู่เต็มท่าเรือ จนดูคับแคบไปถนัดตา

แต่ระหว่างที่มันกำลังจะแบกกระสอบไปขึ้นเกวียนก็พบหญิงสาวคุ้นตาผู้หนึ่ง เธอเดินเคียงคู่มากับชายหนุ่มที่ดูมียศและฐานะ คุณนวลจันทร์ส่งยิ้มหวานให้ชายข้างกาย ท่าทางสนิทสนมนั่นสื่อให้รู้ว่าบุคคลทั้งสองหาใช่คนรู้จักกันธรรมดาไม่

“มึงจะยืนดูอะไรนักวะ รีบๆ ขนของไปลงเกวียนได้แล้ว” เถ้าแก่เร่งเมื่อเห็นว่าไอ้หาญยังคงอ้อยอิ่งไม่ยอมไปเสียที ไอ้หาญยอมตัดใจจากความสงสัยเพื่อทำงานต่อให้เสร็จ ก่อนจะลอบมองหนุ่มสาวที่กำลังเดินไปขึ้นเรือ

“เถ้าแก่รู้จักหญิงคนนั้นหรือไม่” คนถูกถามหันมองด้วยความสงสัย เพราะไม่บ่อยนักที่ไอ้บ่าวคนนี้มันจะพูดออกมา

“นั่นคุณนวลจันทร์ บุตรตรีท่านออกญาณรงค์ภักดี ผู้ดูแลท่าเรือแห่งนี้เช่นไรเล่า ส่วนข้างกันนั้นก็หลวงศักดิ์เป็นสามีของคุณนวลจันทร์”

สามีของคุณนวลจันทร์กระนั้นหรือ ไอ้หาญใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อได้ยินข่าวดีครั้งแรกในรอบเกือบปี รอยยิ้มกดไว้เกือบไม่มิด ทำให้มันต้องก้มหน้าซ่อนแววตาและสีหน้าแห่งความดีใจไว้ แสดงว่าคุณปราณหาได้แต่งงานกับคุณนวลจันทร์ไม่ แต่คงหนีไปรอมันที่ไหนสักแห่งตามที่บอกไว้ในจดหมายเป็นแน่ เช่นนี้แล้วค่ำนี้มันจะกลับไปลองอ่านจดหมายให้จงได้

“ข้าคิดว่าคุณนวลจันทร์จะออกเรือนไปกับบุตรท่านออกญาศรีรัตนกรเสียอีก เห็นเขาลือกันมาเสียนานว่าจะดองกัน” ลูกน้องคนหนึ่งร่วมวงสนทนาด้วยเมื่อได้ยินเถ้าแก่พูดถึงบุตรสาวของท่านออกญาณรงค์ภักดี

“มึงอย่าเอ็ดไป เขาพูดกันทั้งบางว่าลูกท่านออกญาศรีรัตนกรน่ะสิ้นเสียแล้ว ก่อนวันออกเรือนไม่กี่วันนี่เอง เขาว่าจมน้ำตาย!”

มีความสุขได้เพียงเสี้ยวนาทีไอ้หาญก็ต้องได้ยินข่าวร้ายที่สุดในวันนี้ มันตัวชาวาบ ขนบนกายลุกชันทุกเส้นจนรู้สึกได้

“ท่านออกญาศรีรัตนกรจัดงานศพให้ลูกชายเสร็จก็ได้ข่าวร้ายอีก เมื่อคุณหญิงราตรีศรีภรรยาก็มาด่วนจากไปเพราะตรอมใจเรื่องลูกชาย กลายเป็นว่าไม่เป็นอันทำอันใด ในเรือนมีบ่าวอยู่เพียงไม่กี่คน นอกนั้นก็หนีออกกันหมดเพราะเขาว่าท่านออกญาฯ สติฟั่นเฟือนเสียแล้ว”

คำบอกเล่าถึงความเป็นไปในระยะเวลาที่มันเฝ้ารอคุณปราณ ทำไอ้หาญทรุดลงไปกองกับพื้น คนอื่นคิดว่ามันเป็นลมเพราะทำงานหนัก แต่แท้จริงแล้วหัวใจมันต่างหากที่กำลังจะตาย หากสิ่งที่เถ้าแก่กล่าวมาเป็นจริง นี่คงเป็นเรื่องที่ทำให้มันไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว

ไอ้หาญรีบวิ่งกลับกระท่อมที่หลังวัดป่า มันรีบรื้อหาสมุดบันทึกและจดหมายของคุณปราณที่ทิ้งไว้ให้ ในคราแรกตั้งใจว่าจะให้ตนเองอ่านได้คล่องก่อนจึงจะเริ่มถอดความ เพราะมันไม่อยากให้ใครอ่านให้จริงๆ

แต่เมื่อได้ฟังคำของเถ้าแก่ก็ทำเอามันเริ่มร้อนใจ มันยังไม่เชื่อว่าสิ่งที่เถ้าแก่พูดนั้นเป็นความจริง คุณนวลจันทร์เธออาจมีเหตุผลอื่นก็ได้ที่ต้องแต่งงานกับชายอื่น และคุณปราณไม่มีทางอายุสั้น อาจเป็นข่าวลวงเพื่อหลบหนีดั่งเช่นมันก็เป็นได้

ไอ้บ่าวซื่อไม่มีทางเลือกมากนัก มันพออ่านออกเขียนได้ก็จริง แต่ก็ไม่เก่งดั่งคนที่มีครูสอน มันจึงขออนุญาตหลวงตาพายเรือไปยังวัดที่หลวงพ่ออยู่ มันจะเอาไปให้หลวงพ่อช่วยดูให้ว่าสิ่งที่มันอ่านนั้นถูกหรือไม่ ในตอนนี้ต่อให้คนของท่านออกญาฯ จับมันได้ มันก็ไม่สนแล้ว

“หลวงพ่อขอรับ” ไอ้บ่าวใจร้อนรนดั่งไฟสุมรีบวิ่งเข้าไปในวัด โชคยังเข้าข้างมันอยู่บ้างที่เจอหลวงพ่อกำลังเอาข้าวให้หมาแม่ลูกอ่อนกินอยู่ หลวงพ่อหันมาเจอมันจึงยิ้มให้

“เอ็งนั่นเอง ไปไงมาไงล่ะ”

“ข้ามีเรื่องจะขอให้หลวงพ่อช่วยขอรับ”

ท่าทางร้อนรนของมันทำให้หลวงพ่อถึงกับแปลกใจ เพราะเท่าที่จำได้ไอ้ทาสคนนี้หาใช่คนใจร้อนดั่งไฟไม่ ท่าทีของมันสงบเรียบนิ่งราวสายน้ำไหล นี่หากไม่ใช่เรื่องทุกข์ใจจริงๆ คงไม่มีทางแสดงออกแบบนี้เป็นแน่

“ถ้าเช่นนั้นไปกุฏิข้าก็แล้วกัน” หลวงพ่อเดินนำไปที่กุฏิของตน ตักน้ำจากโอ่งล้างเท้าให้สะอาดเสียก่อนจะขึ้นกุฏิไป ไอ้หาญทำตามก่อนจะรีบเดินตามแล้วไปหมอบอยู่ข้างแคร่เตี้ยๆ ที่หลวงพ่อนั่งอยู่

“มีกระไรก็ว่ามา”

“ก่อนนี้ข้าแอบมาเรียนหนังสือที่นี่...”

“เรื่องนั้นข้ารู้” หลวงพ่อยิ้มเอ็นดูในความซื่อของมัน เมื่อเดือนก่อนหางตาตนเห็นอยู่บ้างว่ามีคนแอบอยู่หลังองค์พระตอนที่กำลังสอนอยู่ อีกทั้งเมื่อเดินไปดูหลังจากมันไปแล้วก็พบดินที่มันขีดเขียนตัวอักษร ดูมันพยายามไม่เลวเลยทีเดียว

“ขอรับ ข้าขออภัยหากทำให้หลวงพ่อครูต้องโกรธ”

“ข้าจะไปโกรธได้เยี่ยงไร ข้าหาใช่คนที่จะมาบังคับกฎเกณฑ์ใดได้ เอ็งใคร่เรียนก็เรียนไปเถิด ข้าเป็นเพียงแค่ผู้มอบความรู้เพียงเท่านั้น” หลวงพ่อกล่าวอย่างคนใจดี ไอ้หาญกราบแนบพื้นเพื่อขอบคุณความกรุณานี้ ก่อนมันจะเข้าเรื่องที่ทำให้มันมาอยู่ที่นี่ในตอนนี้แทน

“ข้าอยากลองอ่านจดหมายของคนผู้หนึ่งขอรับ แต่ไม่รู้ว่าข้าจะอ่านถูกต้องหรือไม่”

“ถ้าเช่นนั้นเอ็งจงอ่านให้ข้าฟัง ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามข้าได้ ผิดถูกอย่างไรข้าจะได้ชี้แนะให้” หลวงพ่อครูกล่าว ก่อนยิ้มอ่อนๆ จะระบายบนใบหน้า

ไอ้หาญสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะผ่อนออกแล้วค่อยๆ คลี่กระดาษออก ใจมันเต้นแทบทะลุอก นาทีต่อจากนี้มันจะรู้แล้วว่าคุณปราณแสร้งตายและไปอยู่ที่ใด คำของเถ้าแก่นั้นทำให้มันหวั่นใจจนไม่กล้าที่จะเริ่มอ่านสิ่งที่อยู่ในมือ มันเงยหน้ามองหลวงพ่อครูด้วยใจที่สั่นไหว หลวงพ่อทำเพียงยิ้มให้อย่างคนใจเย็น

“อ่านเถิด จะได้ไม่ค้างคาสิ่งใดอีก”

“ถะ...ถึงหัวใจของปราณ” ไอ้หาญเริ่มอ่านด้วยใจที่เต้นกระหน่ำ ใบหน้าไอ้บ่าวซื่อยิ้มอ่อนๆ ด้วยเพราะดีใจว่าในที่สุดมันก็ได้อ่านจดหมายของคุณปราณเสียที หลวงพ่อโบกมือให้มันเชิงว่าอ่านต่อไปได้เลย

ไอ้หาญอ่านข้อความบนจดหมายที่เขียนไว้อย่างเรียบง่ายและเข้าใจได้ คุณปราณกล่าวว่าจดหมายคือสิ่งที่ตั้งใจฝากมากับไอ้มั่น เพราะมันคือทางเดียวที่คุณปราณจะสื่อสารกับมันได้ คุณปราณกล่าวขอโทษมันจนไอ้บ่าวซื่อปวดหน่วงในอกเป็นที่สุด ยอดดวงใจจะขอโทษมันไปไย ทั้งที่หาได้ผิดอันใดเลย

“เพราะความกลัวทำให้ข้าขละ...” ไอ้หาญเริ่มอ่านติดขัดเพราะไม่เข้าใจคำนัก มันยื่นจดหมายให้หลวงพ่อดู

“ขลาดเขลา” หลวงพ่ออ่านให้ฟัง จากนั้นไอ้บ่าวซื่อจึงเริ่มอ่านอีกครั้ง

“เพราะความกลัวทำให้ข้าขลาดเขลา และความรู้ผิดทำให้ข้ามิอาจมีชีวิตอยู่ได้ ข้าขอชดใช้ความรู้สึกผิดนี้ด้วยชีวิตที่มี ขอเอ็งจงอย่าถือโทษว่าเป็นความผิดของตน”

อ่านมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างมาจุกอยู่ที่คอ ใจที่เคยเต้นระรัวเพราะความตื่นเต้นและรอคอยจะได้รู้ความจริงถึงการนัดหมาย บัดนี้เต้นหนักอยู่ในอกและเจ็บปวดเจียนจะขาดใจ แต่เพราะต้องอ่านให้จบมันจึงฝืนอ่านต่อ

“อย่าคิดว่าเพราะเราต่างชนชั้นกันจึงทำให้คู่กันไม่ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรหัวใจของข้ามันเป็นของเอ็งเสมอ ต่อให้เอ็งต้อ...”

“ต้อยต่ำ” หลวงพ่อเสริมให้เมื่อไอ้หาญอ่านติดขัด สีหน้าโศกสลดของมันดูหม่นมอง ต่างจากคราแรกที่เริ่มอ่าน

“ต่อให้เอ็งต้อยต่ำเท่าชั้นดินก็ยังเป็นที่รักของข้า ข้าหวังว่า หากวันใดที่เอ็งอ่านสิ่งที่ข้าเขียนได้ วันนั้นเอ็งจะให้อภัยในสิ่งที่ข้าทำกับเอ็งไว้ รัก จากสายลมของหาญ”

สิ้นคำสุดท้ายไอ้หาญยังนั่งนิ่งอยู่เช่นเดิม มันไม่เข้าใจนักว่าสิ่งที่คุณปราณต้องการบอกคือสิ่งใด แต่ที่แน่ใจคือการสั่งลาโดยที่อีกฝ่ายรู้อยู่แล้วว่าตนกับมันไม่มีทางได้พบเจอกัน

“หลวงพ่อขอรับ ถ้อยความที่ข้าได้อ่านไป โปรดไขความกระจ่างให้ข้าได้หรือไม่ ข้าโง่เขลานักเกินกว่าจะเข้าใจได้”

หลวงพ่อมองหนุ่มกำยำผิวเนื้อดำกร้านหมอบอยู่บนพื้น สายตาของมันมีแต่ความเศร้าโศก ซึ่งตนพอรู้แล้วว่ามันหาได้โง่เขลาอย่างปากพูดไม่ เพียงแต่มันยังไม่อยากยอมรับสิ่งที่ตนคิดก็เท่านั้น

“เอ็งได้เจอเขาบ้างหรือไม่” หลวงพ่อไม่ได้ขยายความเรื่องจดหมายในทันทีแต่อย่างใด แต่ถามกลับไปเพื่อให้อีกฝ่ายได้คิดให้ถี่ถ้วน

“ไม่เลยขอรับ นานเกือบนับปีแล้วกระมัง”

“หากเอ็งมิได้เจอคนของเอ็ง ถ้าเช่นนั้นถ้อยความที่ว่า ความรู้ผิดทำให้ข้ามิอาจมีชีวิตอยู่ได้ ข้าขอชดใช้ความรู้สึกผิดนี้ด้วยชีวิตที่มี มันคือสิ่งบ่งบอกแล้วว่าเขาเลือกไปในทางใด จากเป็นวันใดก็ได้เจอกัน แต่จากตายมีเพียงใจที่ยังอยู่”

ความจริงที่ตอกย้ำมันในตอนนี้ทำไอ้หาญนิ่งไปหลายอึดใจ สิ่งเดียวที่มันปฏิเสธคือการไม่ได้อยู่ด้วยกันของมันกับคุณปราณ แต่มาบัดนี้คุณปราณกลับจากมันไปไกลเสียแล้ว น้ำตาที่เอ่อคลอไหลอาบแก้มอย่างห้ามไม่ได้

“มะ...ไม่ใช่ว่าหนีหายไปหรอกหรือขอรับ” หลวงพ่อไม่ตอบอันใด เพราะคำตอบมันมีให้เห็นอยู่แล้ว เพียงแต่อีกฝ่ายจะรับหรือไม่ก็เท่านั้น

แต่กระนั้นมันก็ยังไม่ยอมแพ้ กราบลาหลวงพ่อเสร็จก็รีบวิ่งลงกุฏิไป มันจะไปเรือนท่านออกญาฯ เพื่อไปสืบหาความจริงว่าเป็นเช่นไร

หลวงพ่อครูที่ไอ้หาญเรียกมองตามแผ่นหลังกว้างของไอ้บ่าวซื่อที่หายไปไกลลับ มีเพียงดวงวิญญาณตนหนึ่งที่คอยอยู่ใกล้ไม่ห่าง หากแต่เพราะอยู่กับคนละโลกแล้ว ทำให้คนเป็นไม่สามารถมองเห็นได้

“หัวใจที่สลายยากจะกลับคืน กรรมของมันครั้งนี้หนักนัก คนอื่นอาจจากไปหลายภพหลายชาติ แต่มันจะมีเพียงชาติเดียวที่ต้องอยู่กับความทรมาน”

ดวงวิญญาณของไอ้มั่นหมอบลงเพื่อก้มกราบ น้ำตาของวิญญาณที่ล่องลอยอาบแก้มด้วยเพราะสงสารไอ้เกลอใจจะขาด ก่อนมันจะหายตัวไปเพื่อไปพบกับไอ้หาญที่กำลังบุกเรือนท่านออกญาฯ

ไอ้หาญพายเรือมาถึงท่าน้ำที่ที่มันเคยนอนเล่นเป็นประจำ ภายในเรือนเงียบเชียบราวไร้คนอยู่ บ่าวไพร่ที่เคยทำงานอยู่ทุกพื้นที่ในบริเวณเรือน บัดนี้ไม่มีให้เห็นแม้แต่คนเดียว เศษใบไม้ใบหญ้าปลิวว่อนยามสายลมโบกพัดเข้ามาในช่วงเย็นย่ำ ตีนกระไดที่เคยถูกขัดถูเสียจนแววเกลี้ยงมีคราบดินติดอยู่เต็ม ราวกับไม่ได้เช็ดถูมานานมากแล้ว ไอ้หาญมองไปรอบๆ เพื่อหาสิ่งมีชีวิตอื่นที่มันพอจะพูดคุยได้แต่ก็ไม่พบใคร

เมื่อขึ้นไปบนเรือนที่แทบจะรกร้าง มันเห็นเพียงแค่ลุงขำที่นอนหลับอยู่กลางเรือนเพียงเท่านั้น ไอ้หาญย่องไปทางห้องคุณปราณ แต่ก็ไม่รอดพ้นจากลุงขำได้

“ไอ้หาญ!! นั่นไอ้หาญใช่หรือไม่ นี่มึงกล้ากลับมาที่นี่อีกรึ!” ลุงขำร้องถามอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ไม่คิดว่าจะเห็นไอ้ทาสที่ทำให้เรือนที่เคยสงบสุขแห่งนี้ต้องมีมลทิน ไอ้หาญตั้งท่าจะสู้แต่ลุงขำกลับโบกมือไปมา ก่อนจะนั่งลงที่เดิม

“ข้าไม่มีแรงจะสู้กับเอ็งดอกไอ้หาญ หมดเรี่ยวหมดแรงที่จะสู้เอ็งแล้ว และถึงสู้อย่างไรก็คงไม่ชนะเอ็ง” ลุงขำพูดอย่างคนยอมแพ้ตั้งแต่เห็นหน้าของอีกฝ่าย มนต์ดำที่สาปแช่งไอ้หาญมันศักดิ์สิทธิ์ เพราะคนสาปแช่งเต็มไปด้วยความแค้นเหลือคณานับ

“แล้วเอ็งมาที่นี่ทำกระไร ไยไม่หนีไปอย่างที่เอ็งทำในคราแรกเล่า” ชายสูงวัยที่บัดนี้ท่าทางไม่ได้แข็งแรงดังแต่ก่อนเอ่ยถาม ร่างกายที่เคยมีน้ำมีเนื้อดูซูบผอมลงกว่าครั้งหลังสุดที่ไอ้หาญเจอเมื่อปีก่อน

“ลุงก็รู้ว่าข้ากลับมาทำไม” ไอ้หาญบอกไปด้วยท่าทีที่ยังระวังตัว มันถอยห่างอีกฝ่ายมาอีกสักหน่อย เพราะมันไม่รู้ว่าภายในเรือนนี้มีพวกไอ้คมหรือใครซ่อนตัวอยู่หรือไม่

“ข้าไม่รู้ดอก เพราะที่นี่ไม่มีสิ่งใดที่เอ็งถวิลหาอีกแล้ว คุณปราณไม่อยู่ให้เอ็งมาเจอดอก”

“แสดงว่าคุณปราณหนีไปได้หรือ” ไอ้บ่าวซื่อโพล่งถามไปทันที พร้อมกับใจที่ยังมีหวัง

“หึ หนีรึ? จะว่าไปมันก็คล้ายกับการหนีนั่นแหละ คุณเขาจากไปไกลลับไม่กลับมาแล้ว” ลุงขำพูดเหมือนคนเพ้อหน่อยๆ ยามคิดไปถึงเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้น

“ลุงหมายความว่าเยี่ยงไร ข้าไม่ใคร่เข้าใจนัก”

ลุงขำมองหน้าไอ้บ่าวซื่อที่บัดนี้มีแต่ความสับสนแสดงออกมา ตอนอยู่ที่เรือนนี้ไอ้หาญเป็นคนพูดน้อย ทำงานเก่ง ไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกับใครให้ได้เคืองใจกัน มันมักจะอยู่คู่กับไอ้มั่นที่ชวนกันไปไหนมาไหนตลอด วันหนึ่งๆ มันพูดแทบนับคำได้ ท่าทางกิริยาของมันก็นิ่งขรึม เชื่อฟังคำสั่งเป็นอย่างดี จนไม่คิดว่ามันจะกล้าลักลอบสมสู่กับคุณปราณได้

แต่ความรักย่อมเป็นความรัก ยากจะหักห้ามใจไม่ให้รักได้ มันยังคิดเลยว่าหากไอ้หาญยังไม่หนีไป มันก็คงโดนสำเร็จโทษให้ตายตกไปตามๆ กัน ซึ่งนั่นคงดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้

“เอ็งไม่เคยรู้สิ่งใดเลย ข้าจะบอกให้และจงฟังให้ดี คุณปราณตายแล้ว ตายไปตั้งกะปีก่อนโน้น ต่อมาคุณหญิงก็มาสิ้นบุญตามไปอีกคน ส่วนท่านออกญาฯ หรือก็สติไม่ดีเสียแล้ว ขังตัวเองอยู่ในห้องมิเห็นเดือนเห็นตะวัน พวกบ่าวไพร่ทั้งหลายก็หนีหายไปกันหมด หาได้มีใครอยากอยู่กับเจ้านายที่สติฟั่นเฟือนไม่ ตอนนี้ที่เรือนจึงมีแค่ข้าเพียงคนเดียวที่ยังอยู่ แต่ก็แก่เต็มทน ไม่รู้จะอยู่ไปอีกนานแค่ไหน ห่วงก็แต่ท่านออกญาฯ ว่าจะอยู่เช่นไรหากไม่มีข้า”

ไอ้หาญไม่รับรู้สิ่งอื่นใดอีกเลยนอกจากคำว่าคุณปราณตายแล้ว ไม่จริง! คุณปราณจะทิ้งมันไปได้เยี่ยงไร

“มะ...ไม่...ไม่จริงใช่หรือไม่ ที่ลุงพูดเป็นคำปด เพื่อให้ข้าถอดใจจากคุณปราณใช่หรือไม่” ไอ้หาญขยับเข้าไปใกล้คนสูงวัย เสียงของมันสั่นไม่สามารถควบคุมได้ ความกลัวเกาะกุมใจจนมิอาจปัดออกไป

“หากเอ็งไม่เชื่อก็จงตามข้ามา” ลุงขำเดินนำไปทางห้องคุณปราณ ในห้องนั้นมีฝุ่นเกาะหนาเพราะไม่มีใครเข้ามาทำความสะอาดนานแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ไอ้หาญปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้นคือโกศเก็บกระดูกที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง ข้างกันมีดอกพุดน้ำบุษย์ที่แห้งกรอบช่อหนึ่งวางอยู่ เป็นตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าที่เก็บกระดูกนี้เป็นของใคร

“ดอกไม้นั่นคุณหญิงราตรีท่านมักจะนำมาให้คุณปราณเสมอ แต่เมื่อคุณหญิงจากไปก็ไม่มีใครเข้ามาในห้องนี้อีก”

ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยความใดก็รับรู้ถึงความเสียใจของไอ้บ่าวซื่อได้ ตอนนี้แม้แต่แรงจะยืนแทบไม่มี หุ่นกำยำของไอ้หาญทรุดลงตรงหน้าโกศกระดูกของคุณปราณ ยอดดวงใจของมันที่ตอนนี้มีเพียงเถ้ากระดูกทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า

“คุณปราณบอกว่าจะล่วงหน้าไปก่อน หากมีบุญวาสนาต่อกันคงได้พบกับเอ็งในวันหนึ่ง” ไอ้มั่นบอกกับมันถึงสิ่งที่คุณปราณฝากมา แต่ไม่คิดเลยว่าคุณปราณจะล่วงหน้าไปก่อนมันไกลเสียแล้ว

“คุณปราณเจ็บปวดหรือไม่” ไอ้หาญร้องไห้สะอื้นอยู่นานก่อนจะเก็บก้อนความเสียใจไว้ มันหันมาถามลุงขำที่ยังคงอยู่กับมันไม่ไปไหน มันเพียงแค่อยากรู้ว่านาทีสุดท้ายของคุณปราณนั้นเจ็บปวดหรือไม่ ทรมานหรือไม่

“ตอนตายน่ะรึ คงไม่ดอก คุณเขาตกบ่อบัวที่ชอบไปเป็นประจำนั่นแหละ พวกข้าไปพบก็สายไปเสียแล้ว”

ยิ่งได้ฟังเรื่องราวของอีกฝ่ายผ่านจากปากของคนอื่น ยิ่งทำให้ไอ้หาญจมดิ่งอยู่กับความเสียใจ ความสูญเสียที่ไม่อาจเอาสิ่งใดมาแลกได้ทำให้มันคิดอยากจะตายตามไปเสีย ในเมื่อชีวิตนี้ไร้คุณปราณ ไอ้หาญหรือจะอยู่ได้ อย่างน้อยหากมันตายลงไป ก็อาจจะได้เกิดใหม่ในชาติภพหน้า และได้เจอคุณปราณอีกครั้งก็เป็นได้

มันลุกขึ้นก่อนจะค้นหาของมีคมที่พอจะหาได้ในห้องนี้ พบเจอกรรไกรเล่มหนึ่งก็จับจ้วงแทงตัวเองซ้ำๆ แต่แล้วไม่เป็นผล รอยแผลเหวอะหวะที่มันคิดว่าควรจะมีไม่ปรากฏให้เห็น ไอ้บ่าวซื่อตกใจเป็นอย่างมาก แต่คิดว่าคงเพราะกรรไกรไม่มีความคมแล้ว มันจึงเดินออกจากห้องไปเพื่อหาของสิ่งอื่นมาปลดปล่อยความเสียใจของมันในชาตินี้

แต่แล้วเหมือนฟ้ากลั่นแกล้งมันอีกครั้ง เมื่อความจริงอีกข้อหนึ่งถูกเปิดเผยว่ามันโดนคำสาปแช่งของท่านออกญาฯ เข้าเสียแล้ว ไม่ว่าอย่างไรมันก็จะมีชีวิตไม่ใช่คนแต่ก็ไม่ใช่ผี ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตปกติเหมือนดั่งเช่นคนอื่นได้ หากมันมีแผลก็เป็นเพียงแค่รอยแดง หาใช้รอยแผลดั่งเช่นคนเป็นเป็นไม่ ที่ท่านออกญาฯ ทำกับมันเช่นนี้ ทรมานเสียยิ่งกว่าตอนรับรู้ว่ามันสูญเสียคนที่มันรักไปแล้วตลอดกาลเสียอีก

แต่คำสาปแช่งนี้จะมลายหายไปก็ต่อเมื่อมันเจอคุณปราณอีกครั้ง ในภพภูมิที่ตรงกัน ในเวลาที่เหมาะสม ในที่ที่ถูกที่ควร เพียงเท่านั้นชะตาจะทำหน้าที่สลายมนต์ตราบทนี้เอง

ไอ้หาญที่ใจเต็มไปด้วยความโกรธแค้นบุกเข้าห้องท่านออกญาฯ พังประตูเข้าไปก็เห็นชายแก่ที่เคยมีศักดิ์มีศรีแบกอยู่บนบ่านั่งอยู่บนเก้าอี้โยก แต่บัดนี้กลับเนื้อตัวซูบผอมดูราวยาจก ดวงตาเหม่อลอยดูไร้จุดหมายจับจ้อง ที่แขนมีผ้าขาวพันไว้ดูสกปรก คาดว่านั่นคงเป็นรอยแผลเป็นที่ทิ้งไว้หลังจากสาปแช่งเขา

หมดสิ้นแล้วความศรัทธาในตัวของคนที่เคยให้ที่ซุกหัวนอน เหตุใดจิตใจโหดเหี้ยมราวผีห่าครอบงำถึงเพียงนี้ ความเถรตรงและการให้อภัยไปอยู่ที่ใดในซอกหลืบของจิตสำนึก ลุงขำรีบตามเข้ามาในห้อง แต่ไม่ว่าจะห้ามอย่างไรคนที่มีชีวิตนิรันดร์อย่างไอ้หาญหรือจะล้มลงได้

ไอ้หาญคว้าดาบของท่านออกญาฯ ขึ้นมา ดาบที่เคยใช้บั่นคอเพื่อนรักของมันเสียขาดสะบั้นอย่างไม่ไยดี ท่าทางโกรธเกรี้ยวไม่ต่างกับท่านออกญาฯ ตอนที่ทำกับไอ้มั่น ดวงตาแข็งกร้าวเต็มไปด้วยความโกรธที่อีกฝ่ายทำกับยอดดวงใจและเกลอของมัน

จะย่ำยีใจมันสักเท่าไหร่ไอ้หาญไม่เคยนึกเอามาเป็นความแค้น แต่นี่แม้แต่ไอ้มั่นยังต้องมาตายเพียงเพราะต้องการหาคนมารับโทษทัณฑ์ อีกทั้งลูกชายของตนต้องมาฆ่าตัวตายเพราะบิดาไม่ยอมรับและให้อภัย

“ยะ...อย่า...อย่า!! กูกลัวแล้ว กลัวแล้ว อย่าทำร้ายกู” ท่านออกญาฯ ยกมือพนมขึ้นไว้ ตั่วสั่นงันงกเมื่อเห็นไอ้หาญกลายเป็นผีไปเสียแล้ว ผีที่มีเงาดำทะมึนสูงใหญ่ หน้าตาน่ากลัวเสียจนไม่กล้ามอง ร่างของชายสูงวัยล้มลงจากเก้าอี้ หมอบคลานราวหมาบาดเจ็บเบียดชิดริมผนัง ยกมือปัดป้องพัลวันเมื่ออีกฝ่ายย่างสามขุมเข้าหา

“นี่นะหรือออกญาศรีรัตนกรคนที่กูเคยรู้จัก!! ที่กูเห็นตอนนี้มึงก็มิต่างกับผีห่าสักตัวหนึ่งที่ไร้ชาติภพให้ไปอยู่!! โกรธกูหรือ ไยไม่เข่นฆ่ากูเสีย ไยต้องมาพรากเพื่อนกู พรากหัวใจของกูด้วย!!”

ดวงตาที่แดงก่ำหลั่งน้ำใสออกมาจนไหลอาบแก้ม หาใช่เพราะความเสียใจอย่างเดียวที่มี มันเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมสุดจะกลืนกับสิ่งที่มันต้องเจอ มือที่กำดาบไว้แน่นเสียจนถ้าด้ามดาบไม่แข็งแรงพอ ก็คงจะหักในนาทีใดนาทีหนึ่ง ลุงขำไม่กล้าเข้ามาใกล้เพราะไอ้หาญในตอนนี้ขาดสติราวกับคนที่ตนไม่เคยรู้จัก หากเข้าไปไม่ระวังคงโดนฟันคอขาดเป็นแน่

ดาบคมกริบแวววาวถูกเงื้อขึ้นสุดแขน ไอ้หาญมองคนตรงหน้าที่ท่าทางราวหมาจนตรอก พร่ำเพ้อแต่ว่ามันคือผี ในคราแรกอยากฟันคอเสียให้สิ้นตายตามกันไป แต่หากทำอย่างนั้นมันก็คงต้องผูกกรรมกับชายผู้นี้ไปอีกหลายชาติ จึงขอสิ้นสุดไว้แต่เพียงชาตินี้คงดีเสียกว่า 

ไอ้หาญตัดสินใจฟันลงมาเพื่อตัดแขนท่านออกญาฯ ข้างที่เคยกรีดเพื่อใช้เลือดสาปแช่งมัน จนแขนข้างนั้นขาดกระเด็นไม่ต่างจากหัวของไอ้มั่น เลือดสีแดงฉานเจิงนองไปทั่วพื้น พร้อมเสียงร้องโหยหวนของออกญาศรีรัตนกรที่เจ็บปวดเจียนตาย

“กู! ไอ้หาญ! ทาสชั่วที่มึงเคยกล่าวหา ขออโหสิสิ่งที่มึงทำกับกูไว้นับแต่บัดนี้! แต่หากวันใดที่ฟ้าประจักษ์เป็นใจว่าสิ่งที่กูทำนั้นหาใช่ความผิดร้ายแรงไม่ ก็ขอให้มึงตายอย่างทรมาน แม้ในวันสุดท้ายของชีวิตก็ขอให้มึงจมอยู่กับบาปกรรมที่มึงก่อไว้ ให้สาสมกับที่มึงพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากกู!!”

เคร้ง!!

ดาบสูงศักดิ์ที่ผ่านมือนักรบบรรพบุรุษของออกญาศรีรัตนกรมามากถูกทิ้งไว้ไม่ไยดี ลุงขำแทบจะตกใจตายกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ก่อนจะรับเข้าไปดูอาการของเจ้านายตนที่ดิ้นพราดๆ อยู่บนพื้นห้อง จากนั้นไอ้หาญก็เดินจากไปไม่เหลียวกลับมามองอีก

นับแต่นี้ไป...ชีวิตที่เหมือนไร้ชีวิตของมันกำลังเริ่มขึ้น

“ไอ้หาญคนนี้จะรอคุณปราณนะขอรับ ไม่ว่านานแค่ไหนบ่าวก็จะรอ” ไอ้หาญเงยหน้าขึ้นบอกฟ้า ฝากไปกับสายลมและแสงจันทร์เผื่อว่ามันจะถึงหูของยอดดวงใจของมันเข้าสักวัน



--##--##--##--##--##--##--



“พี่ณิชหิวไหม หนูซื้อกล้วยปิ้งมากินด้วยกันนะพี่” มิ้งบอกคนที่นอนอยู่บนเตียงด้วยน้ำเสียงสดใส ณิชฟื้นแล้วตั้งแต่เที่ยง ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ 3 ที่ณิชอยู่โรงพยาบาล ตอนแรกคิดว่าไม่มีหวังเรื่องที่ณิชจะฟื้น แต่อีกฝ่ายกลับตื่นลืมตาขึ้นมาซะงั้น ถือว่าเป็นเรื่องดีที่เธออยากฉลองทันทีที่ณิชออกจากโรงพยาบาล

ณิชเงียบไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแค่ยิ้มให้รุ่นน้องตนเพียงเท่านั้น ก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วห้องพักผู้ป่วยพิเศษเพื่อมองหา ‘ไอ้หาญ’ คนที่รอคอยเขามานานจนเกินจะนับเวลาได้







โปรดติดตามตอนต่อไป


ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๓๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 30-08-2020 17:43:52
รอๆๆ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๓๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 30-08-2020 19:57:51
ฟื้นแล้วววววววว กรี๊ดด
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๓๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 30-08-2020 23:26:08
ขอให้ได้อยู่ด้วยกันจริงๆสักที
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๓๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 30-08-2020 23:29:06
รอคอยตอนต่อไป

ขออย่าให้เศร้าไปกว่านี้นะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๓๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: mister ที่ 31-08-2020 02:15:28
อยากให้มาอัพทุกวันเลย  ติดงอมแงม :hao7:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๓๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: ruby ที่ 31-08-2020 12:59:09
สนุกมากค่ะ ติดตามนิยายของคุณตลอดเลยนะคะ แต่ไม่ค่อยได้แสดงความคิดเห็น :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๓๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 31-08-2020 15:18:48
จำได้ ระลึกชาติได้แล้วใช่ไหม  :mew6:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๓๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 31-08-2020 19:30:39
จำกันได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๓๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 31-08-2020 22:12:01
จำได้แล้วรู้ทุกอย่างแล้ว
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๓๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 01-09-2020 01:36:56
มาม่ากำลังได้ที่ สงสารหาญ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๓๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 01-09-2020 23:08:34
 :pig4: :pig4: มารอค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๓๐/๘/๖๓ ‡ บทที่ ๑๓ {๑๐๐%} หน้า ๔
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 03-09-2020 08:34:16
บทที่ ๑๔ (ครึ่งแรก)



เปลือกตาของคนป่วยที่หลับข้ามวันข้ามคืน ค่อยๆ กะพริบเพื่อตื่นลืมตาขึ้น แต่ความมึนเบลอยังคงอยู่ เพราะระยะเวลาของร่างกายที่พักไปนานกว่าปกติอยู่มาก ทำให้ตอนนี้สติยังไม่เต็มร้อยเท่าไหร่นัก รับรู้เพียงแค่เสียงจากโทรทัศน์ที่กำลังรายงานข่าวเที่ยง และมีคนเดินไปมาในห้อง กลิ่นอาหารที่โชยมาเตะจมูกหอมยั่วยวนใจ

หนุ่มร่างบางนอนอยู่บนเตียงไม่ขยับกาย สายตาเหม่อมองไม่ได้จับจุดโฟกัสใดเป็นพิเศษ เพราะกำลังดึงสิ่งที่ฝันมาเก็บไว้เป็นความทรงจำให้มากที่สุด ครั้งนี้เป็นการฝันที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยฝันมา เรื่องราวที่ได้รับรู้หนักหน่วงจนแทบหายใจไม่ออก และสิ่งที่ไม่อยากเชื่อกลับต้องเชื่อ

เขาไม่เคยคิดว่าอดีตชาติของเขาทำร้ายคนได้มากขนาดนี้ เพราะเหตุนี้ในชาตินี้เขาจึงไม่เหลือใครเลย พ่อ แม่ ญาติสนิทใดๆ ก็ไม่มี เหมือนอยู่ตัวคนเดียว เหมือนเขาใช้ชีวิตมาเพื่อรอพบใครคนหนึ่งที่โชคชะตาผูกกันไว้เท่านั้น

คิดมาถึงตรงนี้น้ำตาก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความเสียใจมันมากล้นจนเขาคิดว่าตัวเองไม่เคยรู้สึกผิดขนาดนี้มาก่อน เสียงสะอื้นเขาค่อยๆ ดังขึ้น ก่อนจะเป็นการร้องไห้ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ราวกับกำลังทุรนทุรายกับความบาดเจ็บทางอารมณ์

หญิงสาวรุ่นน้องคนเฝ้าไข้ตกใจที่เขาฟื้นแล้ว แต่ตกใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วร้องไห้อย่างหนัก เสียงร้องไห้โฮของผู้ชายที่ไม่คิดว่าเธอจะได้เห็นทำให้มิ้งทำอะไรไม่ถูก เธอรีบเข้าไปกอดปลอบรุ่นพี่ของตนที่ร้องไห้ปานจะขาดใจ

มือของณิชกำจิกเข้าเนื้อตัวเองจนเห็นรอยแดงชัด น้ำตาที่ไหลพรากราวทำนบแตกนั้นไม่อาจหยุดไหลได้ เพราะความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ภายในมันมากล้นจนไม่อาจหาคำใดมาบรรยายได้ มือเรียวเล็กของหญิงสาวลูบหลังของณิชเบาๆ เธอไม่รู้จะพูดอะไรเพราะไม่รู้ว่าณิชร้องไห้เพราะอะไร ได้แค่ยืนเป็นที่พึ่งข้างเตียงเท่านั้น

จนเมื่อณิชสงบลงมิ้งจึงเรียกพยาบาล และหลังจากนั้นหมอก็เข้ามาตรวจ หญิงสาวอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง คอยสอบถามหมอนั่นนี่เพราะกลัวรุ่นพี่เธอจะมีอะไรผิดปกติ แต่หมอบอกว่าไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว ส่วนเรื่องที่หลับไปนานนั้นหมอก็หาคำตอบให้ไม่ได้เช่นเดียวกัน อาจเพราะร่างกายของคนไข้ต้องการพักให้มากก็เป็นได้ เพราะที่ณิชเป็นแบบนี้ก็เพราะความเครียดด้วยส่วนหนึ่ง

มิ้งลอบมองชายหนุ่มคนที่ยังคงนอนอยู่บนเตียง แขนขาขยับไปมาได้ปกติ แต่ณิชไม่ยักจะขยับตัวใดๆ หากว่าณิชมีคนรักอาการนี้ก็เหมือนกับคนอกหัก ที่หมดอาลัยตายอยากจนไม่อยากทำอะไร แต่นี่ไม่ใช่ ก่อนนี้รุ่นพี่ของเธอยังดีๆ อยู่เลย แต่พอตกบันไดก็นิ่งเงียบไปราวกับเป็นคนละคน

“คุณจีรัชญ์ล่ะ” ณิชถามเสียงแผ่ว เขาคิดว่าจีรัชญ์จะอยู่ที่นี่เสียอีก แต่ฟื้นขึ้นมานานแล้วกลับไม่เห็นอีกฝ่ายจะโผล่หน้ามาให้เห็น

“ยังไม่มาเลยพี่ ไปมหา’ ลัยน่ะ แต่คงจะเข้ามาตอนเย็นๆ”

ณิชเงียบไปอีกครั้ง มิ้งจัดกล้วยปิ้งที่เธอบอกว่าน่าทานใส่มาในจาน ก่อนจะวางบนโต๊ะล้อเลื่อนเอามาให้คนป่วย ส่วนตัวเองก็จิ้มกินไปพลาง

“หืมมม อร่อยจริงพี่ณิช พี่ลองกินสิ กินเลยๆ” มิ้งคะยั้นคะยอคนป่วยที่ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาก็ดูจะเงียบผิดปกติ

“ขอเป็นอะไรที่ย่อยง่ายก่อนดีกว่านะ” ณิชบอกปัด เพราะจริงๆ แล้วเขาไม่ได้รู้สึกหิวเลย

มิ้งเล่าให้ฟังว่าตอนเขาหลับไป มีอาการคล้ายคนละเมอพึมพำไม่ได้ศัพท์หลายครั้ง มีท่าทีจะตื่นอยู่หลายทีแต่ก็ไม่ยักจะลืมตา พอสะกิดเรียกเขาก็เงียบไป วันแรกยังไม่น่าห่วง แต่วันที่สองเหมือนเขาจะละเมอหนักขึ้น มิ้งย้ำหลายครั้งบอกว่าเขาร้องไห้ ซึ่งนั่นทำให้เธอยิ่งร้อนใจเพราะไม่เข้าใจว่าเขากำลังเป็นอะไร ยังคิดอยู่เลยว่าหากเขายังไม่ฟื้นจะเชิญพระให้มาสวดแล้ว เพราะกลัวว่าณิชจะโดนใครมาพาวิญญาณไป แต่พอมาวันนี้เขากลับตื่นลืมตาขึ้นมาเสียอย่างนั้น แถมยังร้องไห้เหมือนคนเพิ่งเจอฝันร้ายมา

“งั้นข้าวต้มนะ ไม่ก็โจ๊กกุ้งเป็นไง เดี๋ยวหนูลงไปซื้อให้”

“อืม ก็ได้ขอบใจมาก แล้วงานเป็นไงบ้าง”

“คุณตรีสั่งระงับไปก่อนเพราะเขาห่วงกลัวพี่ณิชจะเป็นอะไรมาก และหนูต้องมาเฝ้าพี่ด้วยเขาเลยบอกรอได้ แต่เอาจริงๆ คุณตรีเขาเฝ้าพี่มากกว่าหนูอีกนะ เป็นลูกค้าที่น่ารักดีจริงๆ อ้อ! คุณแขไขกับพี่โอ๋ก็โทรมาถาม แต่พอดีงานทางโน้นยุ่งเลยลงมาไม่ได้” พูดจบสาวเจ้าก็หยิบกระเป๋าตังค์ทำท่าจะเดินออกไป แต่ณิชกลับเรียกไว้เสียก่อน

“มิ้ง พี่ฝากซื้อพวงมาลัยมาสักสองพวงนะ พวงมาลัยไหว้พระน่ะ”

แม้หญิงสาวรุ่นน้องจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็พยักหน้ารับปากณิชไป ตั้งแต่ณิชฟื้นขึ้นมาดูแปลกตาไปจริงๆ สำหรับเธอ ไม่ได้ร่าเริงเหมือนก่อน หรือเพราะหลับไปหลายวันการฟื้นตัวต่างๆ เลยยังไม่คงที่ก็ไม่รู้

มิ้งออกจากห้องไปแล้ว ตอนนี้ในห้องเหลือเพียงเขาคนเดียวเพียงเท่านั้น ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปทั่วห้อง ก่อนจะกลั้นใจเรียกหาใครบางคน แม้จะกลัวความจริงจับจิต แต่ก็อยากพิสูจน์ว่าสิ่งที่ตนฝันนั้นเป็นเรื่องจริงแน่นอนใช่หรือไม่

“มั่น... มั่นอยู่ไหม”

ตั้งแต่เกิดมาเขากลัวสิ่งลี้ลับเป็นที่สุด ยิ่งในตอนกลางคืนที่ความมืดมิดคืบคลานเข้ามา พร้อมบรรยากาศชวนขนหัวลุกมันยิ่งทำให้เขากลัว แต่เวลานี้หลังจากการหลับที่ยาวนานเพื่อรับรู้เรื่องราวต่างๆ ทำให้เขากล้าที่จะตื่นขึ้นมาเพื่อเรียกหาใครบางคน ใครคนนั้นที่คิดว่าคงอยู่กับเขาไม่ไปไหน ดั่งคำสาบานที่ให้ไว้ในชาติก่อน

“ขอรับ”

เสียงตอบรับราวกับดังมาจากที่ไกลๆ เสียงนี้ที่คุ้นหู เพราะเหมือนจะเคยได้ยินมานานแล้วตั้งแต่อยู่กรุงเทพฯ ม่านหน้าต่างพลิ้วปลิวสะบัดเบาๆ ทั้งที่ไม่มีหน้าต่างบานไหนเปิดเลย ก่อนที่เงาเลือนรางจะค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้นที่มุมห้อง เป็นชายชุดโบราณหุ่นกำยำ แต่ใบหน้าติดจะหวานไปสักหน่อย อีกฝ่ายกำลังนั่งคุกเข่ามองมาที่เขา แม้จะเป็นเพียงดวงวิญญาณที่เห็นได้เลือนราง แต่ท่าทีนอบน้อมและดวงตาเศร้าสร้อยนั้นทำให้พอจำได้ เพราะอีกฝ่ายไม่ต่างจากตอนอยู่ในฝันนัก

“อึก...”

ขนลุกไปทั่วร่างเมื่อประจักแล้วว่าสิ่งที่ฝันทั้งหมดคือเรื่องจริง ก้อนความเสียใจจึงตีตื้นขึ้นมาจุกที่ลำคอ ณิชมองไอ้มั่นที่มองตอบเข้ากลับมาด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ตรงลำคอของอีกฝ่ายมีรอยแผลให้เห็น แต่ไม่ได้น่ากลัวเหมือนเช่นหนังผีในละครที่เขาไม่ชอบดู ทั้งที่รู้ว่ามั่นไม่มีชีวิต เป็นเพียงวิญญาณเร่ร่อน แต่เขากลับไม่กลัวเลยสักนิด อาจเพราะเคราะห์กรรมที่ได้สร้างร่วมกันไว้ ทำให้เขามองว่าอีกฝ่ายเป็นคนคนหนึ่งเพียงแค่ไร้กายหยาบก็เท่านั้น

ภาพในหัวย้อนกลับไปเป็นฉากๆ ว่าตอนเขาหลับไปนั้นได้รับรู้เรื่องอะไรบ้าง ไอ้มั่นทำอะไรเพื่อเขาบ้าง และเขาทิ้งความทุกข์ระทมไว้ให้ใครบ้าง แค่นี้น้ำตาก็ไหลรินไม่ขาดสาย เสียใจเป็นที่สุดที่ความคิดสั้นเห็นแก่ตัวของเขาทิ้งบาดแผลไว้ให้คนมากมาย ทั้งพ่อแม่ ทั้งคนรัก และทาสที่ซื่อสัตย์

“ฮึก...ขะ...ขอโทษนะ ผมขอโทษ”

ณิชพนมมือไหว้ นี่เป็นคำแรกที่เอ่ยบอก ความเสียใจของเขาคงไม่เท่ากับความซื่อสัตย์ของบ่าวที่เคยรับใช้เขาคนนี้ มันมากมายมหาศาลจนคิดว่าหากอีกฝ่ายหลุดพ้น คงได้เกิดเป็นคนมียศมีศักดิ์ ฐานะสูงส่งและไม่ลำบากอย่างแน่นอน น้ำตาเขาไหลอาบแก้มอีกครั้ง ยามคิดถึงบิดาตัวเองเมื่อชาติก่อนที่สำเร็จโทษอีกฝ่ายอย่างไรความปรานี รู้สึกผิดจนอยากจะชดใช้ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง

“มิเป็นไรเลยขอรับ บ่าวไม่เคยโกรธคุณปราณเลยขอรับ” ไอ้มั่นรีบส่ายหน้าโบกมือเป็นพัลวัน เพื่อไม่ให้เจ้านายเก่าของมันคิดมาก แต่ดูเหมือนยิ่งพูดอีกฝ่ายก็ยิ่งร้องไห้

“ผมเสียใจ...ที่...ที่ทำให้คุณต้องมาเจออะไรแบบนี้ มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ไหม คุณ...อยากได้อะไรไหม ผมจะได้ทำบุญไปให้” ชายหนุ่มหน้าหวานถามเสียงสั่นเครือ เขาทำท่าจะลงจากเตียง แต่แค่ลุกขึ้นมานั่งก็ยังมึนเลยยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เพียงแค่ห้อยขาลงข้างเตียงเท่านั้น เพื่อจะได้พูดกับมั่นได้สะดวก

“หากจะมี...ก็คงเพียงแต่ชาตินี้คุณปราณอย่าจากไอ้หาญไปอีกเลยขอรับ บ่าวสงสารมัน มันรอคุณปราณมาหลายชาติแล้วขอรับ”

ความสุขของมันเต็มอกจนแทบพูดไม่ออก เป็นอีกครั้งที่เวลาแห่งการรอคอยของมันก็มาถึงตรงนี้ ยิ่งคุณปราณจำมันได้มันก็ยิ่งดีใจหนัก เพราะสื่อให้รู้ว่าโชคชะตากำลังทำงานอย่างเต็มที่อีกครั้ง เหมือนมันที่พยายามช่วยคนทั้งสองทุกทางเท่าที่ดวงวิญญาณจะทำได้

“หมายความว่ายังไง”

“นานไปประเดี๋ยวคุณปราณจะรู้เองขอรับ บ่าวไม่สามารถบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดได้ เพราะต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโชคชะตา ไม่เช่นนั้นไอ้หาญจะไม่พ้นคำสาปขอรับ”

ณิชพยักหน้ารับรู้ เขาคงต้องให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ควรจะเป็น ตอนนี้คงทำได้แค่เก็บเกี่ยวข้อมูลที่อีกฝ่ายพอจะบอกได้เท่านั้น

“คุณอยู่กับผมมานานแล้วเหรอ ทำไมผมไม่เคยรู้”

ณิชหยิบทิชชูมาเช็ดน้ำมูกน้ำตา ปลายจมูกแดงเพราะโดนเจ้าตัวสั่งน้ำมูก ดูน่าเอ็นดูเหมือนตอนที่ยังเป็นคุณปราณไม่มีผิด แม้รูปร่างจะต่างไปจากเดิมสักหน่อย ไม่ได้ตัวเล็กบอบบางมากเท่าตอนเป็นคุณปราณ แต่โดยนิสัยส่วนตัวแล้วก็คล้ายกัน ไอ้มั่นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเอ็นดู เพราะกรรมที่ทำมาไม่ได้มีแค่นี้ ความเศร้าโศกความเสียใจยังเหลือให้ต้องรับรู้อีกมาก

“บ่าวจะปรากฏตัวได้แจ่มชัดเมื่อคุณปราณจำทุกอย่างได้หมดขอรับ จะเป็นแบบนี้ทุกครั้ง”

“แล้วคุณจีรัชญ์...เอ่อ...หาญ คือชาตินี้เขาคือคุณจีรัชญ์ เขารู้ไหมว่านายคือวิญญาณ”

“รู้ขอรับ”

ณิชนั่งมึนไปกับคำบอกเล่าไปอีกพักใหญ่ พูดชื่อผิดๆ ถูกๆ เพราะไม่รู้จะเรียกชื่อกันอย่างไรดี

ก๊อกๆๆ

“มาแล้วจ้า โจ๊กร้อนๆ กินได้คล่องคอ กรี๊ดดด!!”

มิ้งหวีดเสียงหลง เมื่อเห็นวิญญาณที่ตนคิดว่าเป็นไอ้หาญนั่งคุกเข่าอยู่ตรงมุมห้อง ถุงโจ๊กเกือบหลุดมือ ดีที่นิ้วเกี่ยวไว้ได้ทัน แต่เธอหลับตาสนิทพนมมือไหว้ปิดหน้าตัวสั่นงันงก ส่วนณิชที่พึ่งคิดได้ว่ามิ้งเล่าให้ฟังเรื่องเห็นวิญญาณของไอ้หาญก็หลุดขำ ก่อนจะกวักมือเรียกให้หญิงสาวเดินไปหาตน เพราะกลัวพยาบาลจะเข้ามาต่อว่าที่ทำเสียงดัง มิ้งรีบวิ่งไปซ่อนหลังรุ่นพี่ของเธอทันที กระโดดพรึบขึ้นเตียงคนป่วยเบียดชิดติดตัวชายหนุ่มราวกับจะสิงให้ได้

“นุ...หนู...หนูเห็นไอ้หาญอีกแล้วพี่ณิช ฮืออออ” มิ้งกลัวจนตัวสั่น เธอกอดณิชไว้แน่นไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามอง ขาทั้งสองข้างยกขึ้นชันเข่าไว้ เพื่อว่าวิญญาณตนนั้นจะได้ไม่มาดึงขาเธอได้

“ฮือออ พี่...หนูกลัว พี่อาจไม่เห็นแต่หนูเห็นอ่ะ หนูกลัวจริงๆ นะ พี่บอกเขาสิว่าพี่ไม่เห็น อย่ามาหลอกมาหลอนกันแบบนี้” หญิงสาวยังคงพูดต่อ ชีวิตนี้ไม่เคยเห็นผีเลยสักครั้ง แต่พอเห็นได้เท่านั้นแหละ อีกฝ่ายก็โผล่มาให้เจอกันโต้งๆ แบบนี้ ขนาดกลางวันแสกๆ ก็ไม่เว้น ต่อให้มีเรื่องราวรักโรแมนติกมากแค่ไหน เธอก็ไม่ได้รู้สึกดีเวลาเห็นอีกฝ่ายหรอกนะ

“มิ้ง แกฟังพี่ก่อน” ณิชเขย่าตัวอีกฝ่ายเบาๆ เพื่อเรียกสติ ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าสิ่งที่มิ้งเห็นก่อนหน้านี้คืออะไร และคือใคร มิ้งเข้าใจผิดว่านี่คือหาญ อาจเพราะชุดที่อีกฝ่ายใส่ราวกับหลุดมาจากละครที่มีทาสในเรือน อีกทั้งผิวกายที่ดำคล้ำ กายกำยำของชายไทยสมัยก่อน ทำให้หญิงสาวคิดเป็นอื่นไปไม่ได้

“ฟังได้นะพี่ แต่หนูไม่ลืมตานะ ไม่เอา กลัว” มิ้งยังยืนยันคำเดิมว่าเธอกลัว ยิ่งอาการขนลุกขนพองทั้งตัวยิ่งเป็นตัวการันตีได้ว่าเธอกลัวจริงๆ ณิชหันไปมองมั่นที่ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ที่เดิม ก่อนจะบอกอีกฝ่ายในใจว่าให้ไปที่อื่นก่อน เพราะเขาขอเล่าเรื่องราวให้รุ่นน้องฟังก่อน

เขามีมิ้งเหมือนเป็นเพื่อนที่คอยรับรู้เรื่องราวทุกอย่าง อย่างไรเขาก็ต้องเล่าให้อีกฝ่ายฟังอยู่แล้ว ในเมื่อตอนนี้มีเวลาก็อยากเล่าให้เสร็จ เพื่อที่มิ้งจะได้ไม่อกสั่นขวัญแขวนกับวิญญาณเร่ร่อนตนนั้นอีก

“ได้ แต่ตั้งใจฟังพี่ดีๆ คนที่แกเห็นนั่นไม่ใช้หาญ แต่เป็นมั่น”

“มั่นคือใคร”

“เพื่อนของหาญไง” เขาเคยเล่าเรื่องในความฝันให้มิ้งฟังก่อนหน้านี้ แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดเรื่องของมั่นนัก เมื่อมาเจอกันแบบนี้ก็คงต้องพูดถึงกันเสียหน่อย

“แล้วเขามาหาพี่ทำไม พี่เห็นเขาเหมือนหนูใช่ไหม เห็นเมื่อไหร่ พี่เพิ่งฟื้นเองนะ นี่ตอนกลางวันแสกๆ ก็ยังมาหลอกกัน เขาอยากได้อะไร อาฆาตพี่รึเปล่า ไปทำบุญให้กันเถอะพี่ พวงมาลัยก็ซื้อมาแล้วเราไปไหว้พระกันไหม”

“มิ้ง! ใจเย็นๆ ก่อน แกพูดรัวเลยฟังไม่ทันแล้วเนี่ย”

“ก็หนูกลัวนี่! นั่นผีนะพี่ไม่ใช่ลูกหมา ถึงจะได้ทำตัวน่ารักใส่เวลาเจออ่ะ” มิ้งเปิดตาขึ้นมาเถียงอีกฝ่ายใบหน้างอง้ำ เหลือบมองไปรอบๆ ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ เงาทะมึนนั้นหายไปแล้ว แต่เธอก็ยังหวาดกลัวอยู่ดี ไม่รู้อีกฝ่ายจะโผล่มาตอนไหนนี่สิ

ณิชตัดสินใจเล่าเรื่องที่ตนพอจะจำได้จากในฝันให้หญิงสาวฟังทั้งหมด มิ้งถึงกับอึ้งไปหลายนาที หญิงสาวนั่งนิ่งราวกับโดนมนต์สะกดไว้ คงกำลังเรียบเรียงความคิดในหัวอยู่ ก่อนจะเริ่มถามเขาอีกครั้ง

“สะ...แสดงว่าคุณตรีก็มีชีวิตอมตะเหรอ”

“ก็คงอย่างนั้น”

“โห... ถึงว่าทำไมตอนเจอคนทำร้ายตัวคุณตรีไม่เป็นอะไรเลย มันโคตรเหลือเชื่อเลยนะพี่” พูดไปก็ถูแขนตัวเองไปเพราะขนลุกอยู่ตลอดเวลากับเรื่องเหนือธรรมชาตินี้

“เออ! ถ้างั้นทำไมคุณเขาดูนิ่งๆ กับพี่ล่ะ”

“พี่ก็ไม่รู้ สับสนว่ะมิ้ง คือ...”

“แต่หนูเห็นว่าเขาแอบหอมหน้าผากพี่ด้วยนะ สายตาหวานเยิ้มตอนแอบมองพี่” หญิงสาวยิ้มล้อเลียน เพราะเธอจำได้ว่าตอนนั้นทำเอาตกใจไปเหมือนกันที่แอบเห็น คิดว่าระหว่างคนทั้งสองคงถูกจุดไฟรักเข้าแล้ว แต่พอณิชตื่นจีรัชญ์ก็ดูนิ่งเฉยปกติ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เมื่อไหร่”

“ตอนพี่เป็นไข้ที่บ้านอ่ะ คุณตรีเขาเข้าไปดูแลพี่ตลอด ไหนจะตอนมองพี่อีก หนูพอรู้สึกได้นะว่าเขามองแบบหวานๆ อ่ะ”

“ตอนแรกไม่เห็นคิดแบบนี้” ณิชสวนกลับ

“ก็ตอนแรกไม่รู้ไง ยิ่งคุณตรีคบอยู่กับคุณแขไขด้วยแล้วใครจะไปคิดถึงเรื่องนี้” มิ้งพูดจบก่อนจะสะดุ้งเมื่อคิดได้ว่าตนไม่ควรพูดออกไป เพราะถ้ารุ่นพี่เธอกับเจ้าของวังปริพัตรมีดวงชะตาผูกพันกันจริง ในชาตินี้คงยุ่งไปสักหน่อยเพราะไอ้หาญนั้นมีคนรักเสียแล้ว

“อย่าได้คิดเป็นอื่นขอรับ ไอ้หาญไม่เคยมีใจให้ใครนอกจากคุณปราณนะขอรับ”

“กรี๊ด!! มาอีกแล้ว! โผล่มาอีกแล้วอ่ะพี่ณิช!” มิ้งกรี๊ดอีกครั้งตาปิดสนิท เธอเขย่าตัวณิชรัวๆ เมื่อเห็นมั่นยืนอยู่ที่หน้าต่าง ไม่ชินเสียทีกับการปรากฏตัวของอีกฝ่ายที่คิดจะมาก็มา

ณิชถอนหายใจกุมขมับเพราะตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร มั่นดีใจที่เขาจำทุกอย่างได้ แววตาเศร้าของมันดูมีความหวังที่เขาจำอดีตและกำลังจะทำให้ปัจจุบันดำเนินไป การปรากฏกายก็ทำได้มากขึ้นเพราะเขาจำทุกอย่างได้แล้ว แต่คนอย่างมิ้งที่ไม่ได้รู้เรื่องราวในอดีตเหมือนที่เขาพบเจอเองยังไม่ชิน จึงอกสั่นขวัญแขวนกับเรื่องแบบนี้ได้ง่ายๆ

“มั่น... คุณอย่าเพิ่งมาก่อนนะ คือ...คนอื่นเขายังไม่ชินกับอะไรแบบนี้ ต้องให้เวลาหน่อย”

“แต่บ่าวอยากอยู่กับคุณปราณนะขอรับ ไอ้หาญกำชับว่าต้องอยู่ดูแลคุณปราณระหว่างที่มันยังไม่กลับมา” ไอ้มั่นตอบหน้าซื่อ

“งะ...งั้นส่งสัญญาณก่อนได้ไหม เวลาจะปรากฏตัวน่ะ เอาแบบมีเสียงมีกลิ่นมาเตือนก่อน ฉะ...ฉันกลัว” มิ้งพูดเสียงอ่อน เธอไม่ใช่คนมีสัมผัสพิเศษ แต่คงเพราะสนิทกับณิชและรับรู้เรื่องราวผ่านจากอีกฝ่ายเลยทำให้เห็นอะไรแบบนี้ไปด้วย

“งั้นเอาตามนี้นะมั่น ไว้ให้มิ้งเขาชินก่อน อ้อ! ไม่ต้องบอกคุณจีรัชญ์เรื่องที่ผมจำเรื่องทั้งหมดได้แล้วด้วยนะ ผมอยากรู้ว่าเขาจะทำยังไงต่อจากนี้ มิ้งด้วยนะ ห้ามบอกใครเรื่องนี้เข้าใจไหม”

“เข้าใจค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับหงึกหงัก เธอจะไปเล่าให้ใครฟังได้ล่ะ ไม่มีใครเขาเชื่อหรอกถ้าไม่ได้เจอด้วยตาตัวเองแบบเธอน่ะ

“อ่าว...ขอรับ” ไอ้มั่นรับคำหน้าหงอย ใครเลยจะรู้ว่ามันก็เฝ้ารอให้คุณปราณจำได้ และได้คุยกับมันอีกครั้งนานแค่ไหน หากไม่นับไอ้หาญก็ไม่มีใครรับรู้ถึงความคิดถึงนี้ดอก





โปรดติดตามส่วนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๕๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 03-09-2020 12:26:01
จะเป็นไงต่อนะ แล้วเรื่องของชาติที่แล้วก่อนจะถึงชาตินี้เป็นยังไง รอลุ้นอยู่ครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๕๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Slotala ที่ 03-09-2020 12:36:52
เนื้อเรื่องชวนติดตามมากค่ะ อยากให้ชาตินี้หาญได้พ้นจากคำสาปสักที
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๕๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: mister ที่ 03-09-2020 13:31:51
 :ling1: :ling1: อยากกอ่านต่อแล้วอ่า :z13:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๕๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 03-09-2020 15:02:28
สงสารไอ้มั่นจนน้ำตาซึมเลย  :mew6: รีบๆรักกัน ไอ้มั่นจะได้ไปผุดไปเกิด  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๕๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 03-09-2020 19:50:39
ตอนนี้ไม่เศร้าแล้ว

รอคุณตรีมา
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๕๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-09-2020 00:24:43
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๕๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 04-09-2020 01:25:00
 :pig4:  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๕๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 04-09-2020 13:17:08
น้ำตาซึมไปกับมั่น ชอบมั่นอยากให้ได้พบเจอกับสิ่งดีๆ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๕๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 05-09-2020 09:33:29
บทที่ ๑๔ (ครึ่งหลัง)



เสียงเคาะประตูห้องพักผู้ป่วยดังขึ้นในช่วงค่ำ ก่อนจะเห็นป้าแจ่มเปิดประตูเข้ามาก่อนเป็นคนแรก ตามมาด้วยเจ้านายของป้าแจ่มที่อยู่ในชุดเสื้อเชื้ตสีฟ้าอ่อนแขนยาว พับแขนขึ้นถึงข้อศอก กับกางเกงผ้าเนื้อดีสีดำเข้ารูปพอดีตัว สไตล์การแต่งตัวของอาจารย์มหา’ ลัยดูดีทันสมัย เข้ากับหุ่นและรูปร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่าย

“สวัสดีครับป้าแจ่ม สวัสดีครับคุณจีรัชญ์” เขาเอ่ยทักทายคนทั้งสอง

“โถ ขวัญเอ๊ยขวัญมานะคะคุณณิช” ป้าแจ่มเข้ามาหาก่อนจะกอดชายหนุ่มต่างถิ่นเต็มรัก เพราะอยู่ด้วยกันมาร่วมเดือน เห็นหน้ากันทุกวันก็ย่อมผูกพันกันเป็นธรรมดา ความห่วงใยของหญิงสูงวัยที่ณิชรับรู้ได้ทำเขาน้ำตาซึม ส่วนคนที่อยากเจอมาทั้งวันกลับนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา

“ตอนแรกขวัญเกือบหายแล้วครับ แต่เพราะอยากกินอาหารฝีมือป้าแจ่มเลยต้องกลับมา” ณิชเอ่ยแซวเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันโศกเศร้าเกินจำเป็น หญิงสูงวัยยิ้มกว้างพร้อมหัวเราะ ก่อนจะขอปิ่นโตจากจีรัชญ์ที่อาสาถือมาให้วางบนโต๊ะล้อเลื่อน

“ป้าต้มซุปมาให้ค่ะ เป็นซุปกระดูกหมูใส่มะเขือเทศต้มจนเปื่อย รับรองว่าอร่อยค่ะ คุณตรีเธอบอกให้ทำอาหารรสชาติอ่อนๆ ย่อยง่ายมาก่อน คุณณิชหลับไปหลายวันเกรงว่ากระเพาะจะยังทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่ถ้ากลับไปป้าจะทำแกงเทโพของชอบคุณณิชให้นะคะ”

“มีแต่ของชอบพี่ณิช แล้วของหนูล่ะคะป้าแจ่ม หนูอยากกินข้าวยำ”

“พรุ่งนี้นะคะคุณมิ้ง ป้าจะให้แม่หวีไปหาผักเตรียมไว้ทำหมวดข้าวยำ”

‘หมวด’ ข้าวยำที่คนใต้เรียก คือผักชนิดต่างๆ ที่ซอยละเอียดเพื่อไว้ทานกับข้าวและน้ำบูดู ซึ่งฝีมือการซอยผักของป้าแจ่มสวยไม่เป็นรองใคร ใบชะพลูนั้นถูกซอยเหลือเป็นเส้นเล็กๆ เท่ากัน ดูสวยงามน่าทาน

“งั้นพี่ณิชทานข้าวเถอะ เดี๋ยวหนูกับป้าแจ่มจัดใส่จานให้” หญิงสาวขยิบตาให้ณิช เป็นอันรู้กันว่าเธอกำลังเปิดทางให้ณิชได้คุยกับจีรัชญ์บ้าง

ทางด้านจีรัชญ์ที่ได้รับข่าวเรื่องของณิชจากมิ้งตั้งแต่ช่วงกลางวัน แต่เขาไม่สามารถปลีกตัวได้จึงต้องมาเยี่ยมคนป่วยพร้อมป้าแจ่ม เขาได้คุยกับพยาบาลหน้าห้องเกี่ยวกับอาการของณิชมาแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงพรุ่งนี้คงกลับบ้านได้

แต่กระนั้นความผิดของอีกฝ่ายก็ยังมี สมุดบันทึก จดหมาย และกุญแจที่หายไป ถือว่าคนป่วยแอบขโมยของเขาไปได้อย่างแนบเนียน คงต้องชำระความกันหลังจากนี้ ยังไม่รวมไปถึงท่าทีรีบร้อนจนทำให้ตกบันไดอีก เขาไม่รู้ว่าณิชรู้เรื่องอะไรบ้าง แต่อีกฝ่ายก็คงระแคะระคายเรื่องของหาญมากพอดู ไม่เช่นนั้นคงไม่วิ่งหน้าตั้ง พร้อมตาที่แดงก่ำที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักลงมาหาเขาหรอก

ณิชมองจีรัชญ์ที่มองเขาด้วยสายตาดุๆ ก่อนชายหนุ่มร่างใหญ่จะเดินไปนั่งที่โซฟาไม่พูดอะไรกับเขาสักคำ ราวกับกำลังโกรธกันอยู่นั่นแหละ หรือเพราะก่อนหน้านี้ที่เขาก่อเรื่องก่อนจะสลบไป เพราะจีรัชญ์ก็คงเห็นสมุดบันทึกที่เขาหยิบมาด้วยแล้ว

คิดมาถึงตรงนี้หน้าใบหน้าติดหวานของชายหนุ่มก็สลดในทันที ใจอยากคุยด้วยแทบขาดแต่อีกฝ่ายกลับเมินเสีย ราวกับไม่ได้ทุกข์ร้อนเรื่องที่เขานอนป่วยอยู่ที่นี่

แต่หากสังเกตดูแล้ว หาญก็ยังคงพูดน้อยเช่นเดิมไม่ว่าจะชาติที่แล้วหรือชาตินี้ ดูหาญจะอายุมากกว่าเขาไปสักหน่อยเพียงแต่ไม่แก่ลง หรือมีริ้วรอยที่บ่งบอกว่าชีวิตของอีกฝ่ายดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น ราวกับเวลาอายุของหาญถูกหยุดไว้ให้มีอายุเท่าคนวัย 30 กว่าเท่านั้น

“ถึงคุณจะหิว แต่การจ้องผมตาไม่กะพริบแบบนั้นก็ทำให้คุณอิ่มไม่ได้หรอกนะ ต้องรอป้าแจ่มกับคุณมิ้งจัดให้เสร็จก่อน” จีรัชญ์พูดขึ้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งมองตนอยู่บนเตียง ณิชสะดุ้งเล็กน้อยที่อีกฝ่ายรู้ตัวก่อนจะยิ้มให้

“คุณเป็นยังไงบ้าง” เขาพยายามควมคุมเสียงไม่ให้สั่น รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ไม่เคยคิดว่าจะได้คุยกับหาญตัวจริงอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมารับรู้เรื่องราวอีกฝ่ายเพียงฝันเท่านั้น

ใจจริงเขาอยากถามถึงเรื่องในอดีตด้วยซ้ำ อยากรู้ว่าตอนนี้บึงบัวที่เคยไปนั้นอยู่ที่ใด ยังมีอยู่หรือไม่ แล้วตอนที่หาญได้รู้ความจริงทุกอย่างแล้วมีชีวิตอย่างไร เขามีแต่ความสงสัยเต็มไปหมด แต่ก็ต้องห้ามใจไว้เพราะหากบุ่มบ่ามไปจีรัชญ์จะยิ่งถอยห่างเขา

เพราะที่ผ่านมาจีรัชญ์แทบจะไม่เข้าใกล้เขาเกินความจำเป็น เหมือนอีกฝ่ายกำลังพยายามหักห้ามใจ คงเพราะมีคุณแขไขด้วยจีรัชญ์จึงไม่อยากทำอะไรที่ไม่ควร แต่เขาก็อยากให้จีรัชญ์หลุดพ้นจากคำสาปเหมือนกัน

“แน่นอนว่าผมสบายดี ผมไม่ได้ตกบันไดจนหัวแตกเลือดอาบเหมือนคุณนี่”

คำพูดคำจายังคมกริบเหมือนมีดบาด ณิชเม้มปากสนิทครุ่นคิดว่าจะช่วยอีกฝ่ายคุยเรื่องอะไรดี แต่ยังไม่ทันได้ถามต่อป้าแจ่มก็ยกอาหารมาให้ตรงหน้า กลายเป็นการปิดปากปิดบทสนทนาระหว่างเขากับจีรัชญ์ไปโดยปริยาย

::::::::::::

ณิชออกจากโรงพยาบาลมาได้สองวันแล้ว เขากลับมาลุยงานต่อได้เหมือนเดิม ส่วนเจ้าของวังก็ยุ่งกับงานที่มหา’ ลัย เพราะอยู่ในช่วงสอบจนไม่มีเวลาพูดคุยกัน ส่วนเรื่องเขาขโมยกุญแจจีรัชญ์นั้นเจ้าตัวไม่ถือโทษเอาความ แต่มีคำสั่งห้ามว่าไม่ให้เขาเข้าไปยุ่งในห้องทำงานของอีกฝ่ายอีก หากจะยืมหนังสือก็ต้องยืมในเวลาที่ตัวเองอยู่เท่านั้น ถือเป็นคำขาดที่แม้แต่ป้าแจ่มก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย

“คุณณิชไม่ต้องช่วยป้าหรอกค่ะ แค่แม่หวีคนเดียวก็พอแล้ว ยังมีเด็กคนอื่นเป็นลูกมือด้วยยิ่งไม่ต้องห่วง”

“แต่ผมอยากทำอาหารตอบแทนคุณจีรัชญ์ที่ช่วยผมนี่ครับ วันนี้ทำต้มกะทิสายบัวปลาทูใช่ไหมครับ ป้าแจ่มสอนหน่อยสิครับ ผมอยากเซอร์ไพรส์เขาในฐานะผู้รอดชีวิตไม่ตกบันไดคอหักตาย”

ชายหนุ่มพูดขึ้นในช่วงว่างของวัน ตอนนี้บ่ายคล้อยใกล้เวลาจีรัชญ์กลับมาแล้ว เขาอยากทำของโปรดให้อีกฝ่ายได้ทานเสริมความประทับใจที่มีบ้าง ไม่เช่นนั้นจีรัชญ์ก็คงยังมึนตึงใส่เขาไม่เปลี่ยน

“โอ๊ยยย คุณณิชก็พูดเกินไป ดีแล้วล่ะค่ะที่ไม่เป็นอะไรมาก ที่คุณตรีเธอช่วยนั่นก็เพราะคุณณิชเป็นแขกของที่นี่ ใครจะปล่อยให้แขกของตัวเองบาดเจ็บได้ล่ะคะ แต่ถ้าอยากให้ป้าสอนก็ได้ค่ะ งั้นก็มาเริ่มกันเลยนะคะ”

ไอ้มั่นแอบมองเจ้านายของมันลงครัว ท่าทางดูเก้ๆ กังๆ ไม่หยอกแต่ก็ไม่ถึงขั้นหยิบโหย่ง รอยยิ้มของไอ้ทาสผู้ซื่อสัตย์ประดับขึ้นบนใบหน้า ยามที่เห็นคุณปราณทำอาหารที่ครั้งหนึ่งเจ้าตัวเคยชอบ และที่ไอ้หาญชอบก็เพราะคุณปราณชอบนี่แหละ เป็นอาหารที่ไอ้เพื่อนเกลอกินบ่อยที่สุด หากไม่เทียบกับน้ำพริกกะปิที่ต้องมีขึ้นโต๊ะเกือบทุกวันน่ะนะ

ณิชยึดของในครัวมาถือจับด้วยมือตนเองทั้งหมด ไม่ให้ป้าแจ่มได้แตะต้องอะไรเลย เพียงแค่เป็นคนบอกวิธีทำและสัดส่วนการปรุงเท่านั้น ส่วนวัตถุดิบต่างๆ ป้าแจ่มก็จัดเตรียมไว้แล้วว่าจะลงมือทำเอง แต่ในเมื่อณิชขอลองทำเธอจึงปล่อยให้ทำไป

หลังจากเสร็จงานกับช่างจรูญวันนี้ มิ้งจึงเดินมาที่โรงครัวเพราะก่อนหน้านี้ณิชบอกว่าให้เธออยู่คุมงานไปก่อน ส่วนตนนั้นจะขอมาทำอะไรเซอร์ไพรส์จีรัชญ์สักหน่อย ท่าทางราวกับคนมีความลับจนเธออยากรู้จึงต้องมาที่ครัว

หญิงสาวเห็นเงาตะคุ่มๆ ของไอ้มั่นยืนอยู่ข้างครัว ใจเธอสั่นเพราะไม่ชินเสียทีแม้อีกฝ่ายจะทำตามสัญญา เมื่อเวลาปรากฏตัวจะมีลมพัดมาวูบหนึ่งพร้อมกลิ่นดอกไม้หอม เพื่อให้เธอได้รู้ตัวว่าเจ้าตัวมาแล้ว แต่กระนั้นความไร้กายหยาบของมั่นก็ทำเธอหวั่นๆ อยู่ดี และต้องแอบคุยด้วยนะ เพราะหากคนอื่นมาเห็นจะหาว่าเธอกับณิชบ้าเอาได้ที่คุยคนเดียวเป็นวรรคเป็นเวร

“พี่...พี่มั่น...” เสียงหญิงสาวเรียกไอ้มั่นจนเจ้าตัวสะดุ้ง หันมามองก็พบว่ามิ้งยืนอยู่ หน้าตาไม่ได้หวาดกลัวตนเท่าวันแรกๆ ที่เจอ แต่ก็ยังมีเค้าของความเกร็งอยู่บ้าง

“กระไรหรือ”

“พี่ณิชเขาทำอะไรน่ะ ทำไมดูลับๆ ล่อๆ แม้แต่แม่ครัวคนอื่นก็ไม่ให้เข้าไปยุ่ง” มิ้งถามพลางยืนแอบที่หน้าต่างครัวไม่ต่างจากไอ้มั่น ชะโงกหน้าเข้าไปดูณิชแวบหนึ่งด้วยความอยากรู้ ท่าทางไม่ต่างกับไอ้มั่นชายผู้มีแต่ดวงวิญญาณ

“คุณเขากำลังให้ป้าแจ่มสอนทำต้มกะทิสายบัวปลาทู เจ้าอย่าเอ็ดไปประเดี๋ยวคุณเขาจะว่าเอา”

“ทำไมต้องว่า”

“ก็คุณปราณว่านี่มันคือเรื่องสะใภ้ไอ้หาญ”

“ห้ะ! สะใภ้?” เรียกได้ว่างงหนักเมื่อได้พูดกับบ่าวตัวดำที่ยังไม่ชินถ้อยคำในสมัยนี้ มิ้งขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าคำว่าสะใภ้ที่ว่าของมั่นมันคือคำว่าอะไรในตอนนี้

“เซอร์ไพรส์รึเปล่า”

“สะใภ้สิวะ หน้าที่เมียก็ต้องหุงหาอาหารให้ผัวกินน่ะถูกแล้ว”

พูดมาถึงตรงนี้มิ้งถึงกับสำลักน้ำลายทันที คนสมัยก่อนเขาเถรตรงเรื่องคำพูดกันแบบนี้เลยเหรอ แล้วเรื่องสะใภ้นี่มันยังห่างไกลในตอนนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างไอ้หาญกับคุณปราณเธอไม่เถียง แต่ชาตินี้คนทั้งสองยังห่างไกลกันอยู่มากโข จะรวบรัดใช้คำนี้เลยก็คงไม่ได้

“พี่ณิชเขาใช้คำว่าเซอร์ไพรส์เถอะพี่มั่น ชาติก่อนรักกันยังไงไม่ว่า แต่ชาตินี้แม้แต่จะเข้าใกล้พี่ณิช คุณตรียังเว้นระยะห่างราวพระกับสีกาอยู่เลย”

มิ้งหน้ามุ่ย นึกสงสารรุ่นพี่เธอจับใจ เพราะตั้งแต่ฟื้นขึ้นมารู้เรื่องราวทั้งหมดได้ก็พยายามเข้าหาจีรัชญ์ทุกทาง แต่ฝ่ายนั้นก็พร้อมถอยห่างทุกทีเช่นเดียวกัน จนเธอสงสัยว่าจีรัชญ์ไม่อยากหลุดพ้นคำสาปหรืออย่างไร ทำไมถึงได้ไว้ตัวแบบนี้

ไอ้มั่นหน้ายุ่งเมื่อโดนขัดคอก่อนจะหันไปสนใจเจ้านายของมันต่อ ตอนนี้กลิ่นหอมของแกงส่งกลิ่นอวลไปทั่ว เมื่อแกงเดือดได้ที่ณิชจึงยกลงจากเตา ประจวบกับนายพลีวิ่งมาบอกว่าจีรัชญ์กลับมาแล้วพอดี

“น่ากินจัง” มิ้งเดินเข้าไปในครัวแล้ว โดยมีไอ้มั่นตามเข้าไปด้วย ณิชหันมามองหญิงสาวก่อนจะยิ้มให้ ยกถ้วยที่ตักแกงใส่ไว้สวยๆ ให้มิ้งดู

“พี่ทำเองเลยนะ เดี๋ยวลองกินกันว่าอร่อยสู้ป้าแจ่มทำเองได้ไหม”

“โห ได้อยู่แล้วแหละ แม่ครัวใหญ่สอนเองแบบนี้ไม่มีทางที่จะไม่อร่อย” มิ้งเอ่ยแซวจนคนเป็นครูต้องยิ้มเขิน

“มิ้ง พี่ฝากตักใส่ถ้วยเล็กๆ ให้มั่นด้วยนะ เดี๋ยวพี่ยกอาการไปเสิร์ฟก่อน”

“ได้จ้า งั้นเดี๋ยวพี่กินไปก่อนเลยนะไม่ต้องรอ” หญิงสาวยิ้มล้อเพราะเข้าใจเจตนาของรุ่นพี่เธอดี ณิชพยักหน้ารับก่อนจะถลึงตาใส่ จากนั้นเดินตามแม่บ้านคนอื่นๆ ที่กำลังยกสำรับออกไปแล้ว

มิ้งจัดการตักต้มกะทิสายบัวปลาทูใส่ถ้วยขนาดกลาง พร้อมข้าวสวยร้อนๆ อีกหนึ่งจาน ก่อนจะวางใส่ถาดแล้วยกไปที่ต้นพุดน้ำบุษย์ ตรงนี้มีม้านั่งอยู่ด้วยเธอจึงจัดแจงหาธูปมาจุดไหว้ ตั้งจิตอธิษฐานบอกว่าส่งอาหารส่วนนี้ให้ไอ้มั่นแต่เพียงผู้เดียว

“ขอบใจเจ้ามาก” ไอ้มั่นยิ้มเมื่อเห็นว่าอาหารเหล่านั้นมาถึงมันแล้ว

“หนูพยายามไม่กลัวพี่ แถมยังทำดีขนาดนี้ พี่ก็ให้หวยหนูบ้างนะพี่มั่น” มิ้งกอดอกมองคนที่กำลังกินข้าวอยู่ ไอ้มั่นถึงกับเงยหน้าขึ้นมอง

“32”

“งวดนี้เหรอพี่! เห้ย! จริงนะ” หญิงสาวตาเป็นประกายเมื่อคิดว่าเธออาจจะถูกหวยงวดนี้ กะไว้ว่าจะซื้อสักสิบใบ ทุ่มหมดหน้าตักเอาให้รวยเลย

“เชื่อข้าก็บ้าแล้วเจ้ามิ่ง!”

ไอ้มั่นตอบเสร็จก็หัวเราะท้องแข็ง อย่างน้อยๆ ชาตินี้มันก็มีหญิงสาวตัวเล็กหัวฟูเป็นเพื่อนใหม่ แม้อีกฝ่ายจะมีท่าทีหวาดกลัว แต่ก็พอทำให้มันหายเหงาได้บ้าง ไม่ได้เปล่าเปลี่ยวต้องจมอยู่กับความทุกข์ทรมานเหมือนอย่างที่แล้วมา

มิ้งถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดที่โดนผีหลอก นอกจากหวยจะไม่ได้ยังจะมาเรียกชื่อเธอผิดอีก บอกไปไม่รู้กี่ครั้งว่าชื่อมิ้ง ดันเรียกมิ่งอยู่ได้ แถมยังต่อท้ายให้ด้วยว่ามิ่งขวัญ เห้อ...

::::::::::::

จีรัชญ์เดินเข้ามาในบ้าน ไม่พบใครสักคนให้ได้เห็นหน้า แม้แต่คนที่พยายามเข้าหาตนก็ไม่เห็น เขาจึงขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองอยู่บ้านสบายๆ เมื่อลงมาข้างล่างอีกครั้งก็เห็นว่าแม่บ้านกำลังยกสำรับขึ้นโต๊ะเป็นมื้อเย็น มีต้มกะทิสายบัวปลาทูของโปรดส่งกลิ่นหอมยั่ยวนจนน้ำลายสอ โดยคนที่ยกมาก็ไม่ใช่ใครอื่น ชายหนุ่มสถาปนิกที่เขาจ้างมาทำงานตกแต่งภายใน ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะผันตัวไปเป็นคนครัวของเขาเสียแล้ว

“คุณมิ้งล่ะ”

“เธอบอกให้ทานก่อนได้เลยค่ะ เห็นทำอะไรอยู่ข้างนอกโน่นแน่ะ” ป้าแจ่มตอบ

“วันนี้ผมลงมือทำของโปรดของคุณ เพื่อเป็นการตอบแทนที่ช่วยเหลือผมในวันนั้น ลองทานดูนะครับ” ณิชเอ่ยพรีเซนต์เต็มที่ ใบหน้าหวานเผยรอยยิ้ม แก้มขึ้นสีระเรื่อยามโดนอีกฝ่ายจ้องมองด้วยสายตาคมดุ แต่เสี้ยวแววตาเขากลับรู้สึกถึงความอ่อนโยนที่แอบแฝงอยู่

“ป้าแจ่มแน่ใจในตัวศิษย์คนนี้ไหม” จีรัชญ์หันไปถามแม่บ้านใหญ่ที่ยืนอยู่ ข้าวสวยร้อนๆ ถูกตักใส่จานให้ในปริมาณพอเหมาะ

“มั่นใจสิคะ คุณณิชหัวไว ทำการบ้านมาดี ป้าบอกอะไรไปคุณเขาเข้าใจหมด นี่ถ้าเกิดป้าไม่อยู่ คุณตรีไม่ต้องห่วงเลยนะคะว่าจะไม่มีใครทำของโปรดให้ทาน” ป้าแจ่มไม่รอช้ารีบเติมความเชื่อมั่นให้ลูกศิษย์ใหญ่ จีรัชญ์ลอบยิ้มขำก่อนจะลงมือทานมื้อเย็นเสียที

ณิชนั่งลุ้นตัวโก่งยามจีรัชญ์ตักแกงราดบนข้าวจากนั้นก็ตักเข้าปาก อีกฝ่ายเงียบไปนาน ค่อยๆ เคี้ยวข้าวอย่างละเอียด กำลังละเมียดชิมรสชาติของโปรดของตัวเอง เขาเผลอกลั้นหายใจเมื่อเห็นว่าจีรัชญ์ตักคำที่สองเข้าปากอีกครั้ง

“รสชาติดี ถูกปาก” จีรัชญพูดขึ้นเพราะเขารู้สึกได้ว่าณิชยังคงมองตนอยู่ อาจจะรอคำชม อาจจะรอดูปฏิกิริยาของเขา หรืออะไรก็แล้วแต่ เขาจึงต้องบอกออกไปให้อีกฝ่ายสบายใจ

“หากคุณชอบต่อไปเมนูนี้ผมจะทำให้คุณทานอีกนะ และเมนูอื่นๆ ผมจะลองทำด้วย ให้ป้าแจ่มสอนให้” ณิชพูดออกมาอย่างลืมตัว ใจอยากจะดูแลหาญให้มากกว่านี้ ให้สมกับเวลาที่หายไป อย่างน้อยเขาก็อยากทำให้หาญรู้ว่าเวลาแห่งการรอคอยของอีกฝ่ายไม่สูญเปล่า

ฝ่ายคนฟังเมื่อได้ยินดังนั้นจึงเงยหน้าจากจานข้าว มองดวงตาเป็นประกายของณิชพร้อมรอยยิ้มที่ช่างน่าดู เขาจึงตอบกลับไป

“ผมจ้างคุณมาตกแต่งภายใน แต่หากคุณจะช่วยงานป้าแจ่มด้วยก็ตามใจ ถ้าอย่างนั้นป้าแจ่มช่วยสอนคุณณิชทำเต้าเจี้ยวหลนด้วยละกัน ไม่ได้ทานนานแล้ว” ท้ายประโยคชายหนุ่มหันไปพูดกับแม่บ้านของตัวเอง

สิ้นคำของเจ้านาย ป้าแจ่มถึงกับยิ้มกว้าง เพราะเรื่องอาหารที่ชายหนุ่มทานแล้วจะถูกปากถูกใจนั้นยากมาก เวลาทำอาหารทีต้องเป็นรสชาติไทยแท้ๆ ไม่มีการผสมกลิ่นอายของชาติใดเลย หากจะเป็นอาหารตะวันตกก็ต้องเป็นรสชาติของฝั่งนั้นจริงๆ นี่ถึงกับออกปากให้เธอสอนณิชด้วยตัวเอง แสดงว่าแกงวันนี้คงถูกปากไม่น้อย

ฝ่ายณิชพยายามซ่อนใบหน้าแห่งความสุขไว้ด้วยการกินข้าวกลบเกลื่อน แต่มันก็ปิดไม่มิดเพราะหน้าเขาแดงลามไปจนถึงใบหู อาการดีใจที่อีกฝ่ายชอบอาหารฝีมือเขาทำให้รู้สึกราวกับตัวเองล่องลอยอยู่ในอากาศ เขินจนถือช้อนมือสั่น

จีรัชญ์ลอบมองคนเขินอายด้วยสายตาเอ็นดู คงจะดีกว่านี้ หากโชคชะตานำพาให้เขาสองคนเป็นคู่แท้ของกันและกัน และไม่พรากจากกันดังเช่นวันวาน







โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๑๐๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: evanescence_69 ที่ 05-09-2020 09:56:31
ยังไม่ได้คุยกันยุดี
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๑๐๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 05-09-2020 10:23:17
ชาตินี้จะได้คู่กันเลยรึเปล่า หรือหาญต้องรอต่อไปอีกชาติ

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๑๐๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: mister ที่ 05-09-2020 17:37:46
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๑๐๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 05-09-2020 20:29:30
คิคิ :L1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๑๐๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 05-09-2020 22:11:59
 :-[ :-[ :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๑๐๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 05-09-2020 22:31:39
อย่าจากกันอีกเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๑๐๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-09-2020 22:50:04
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๑๐๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 06-09-2020 00:02:19
 อ่านไปยิ้มไป




หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๑๐๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 06-09-2020 00:25:28
มั่นไม่เหงาแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๑๐๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 06-09-2020 09:23:58
มั่นน่ารักชอบๆ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๑๐๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 06-09-2020 21:18:10
ได้เวลาอ่อยแล้วณิช 555555 ชาติที่แล้วคุณปราณอ่อยหนักมาก คึคึ  :-[
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๑๐๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 07-09-2020 08:54:35
รู้อดีตครบหมดแล้ว ตอนนี้ก็เป็นเรื่องของปัจจุบันละจ้า
อยู่ที่ตรีจะร่วมมือไหม หรือจะไม่ยอมรับเลย
แต่ณิชพร้อมมากละนะ พร้อมจะแก้ไขไปด้วยกัน
ไม่รู้ว่าเกิดจากผูกพันกันมา หรือเริ่มรักแล้วก็ตาม

มั่นเป็นคนดีเสมอต้นเสมอปลายเลยค่ะ
มีแต่คำสาปแช่ง มีแต่คำสาบาน แต่เชื่อว่าณิชจะช่วยทุกคนได้
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๑๐๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: mister ที่ 10-09-2020 08:20:27
คนเขียนจ๋า เลย3วันแล้วยังไม่มาต่ออีกหรอ คิดถึงคุณณิชมากแล้วจ้า  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๔ {๑๐๐%} หน้า ๕
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 10-09-2020 19:03:17
บทที่ ๑๕ (ครึ่งแรก)


วันหยุดวนกลับมาอีกครั้ง มิ้งชวนณิชเข้าไปในเมืองเพื่อหากิจกรรมทำในวันว่าง แน่นอนว่าคนที่มาจากสังคมคนเมืองคงหนีไม่พ้นห้างสรรพสินค้า ตอนแรกคิดยาวไปถึงการเที่ยวร้านเหล้าผับบาร์ แต่เพราะพรุ่งนี้มีงานต่อจึงต้องระงับไว้ก่อน

เข้าช่วงบ่ายพวกเขาดูหนังไปหนึ่งเรื่อง หลังดูเสร็จมิ้งจึงเดินซื้อของโดยมีณิชเดินเป็นเพื่อน จนทั้งคู่มาถึงชั้นซูเปอร์มาร์เก็ต พวกเขาไม่รอช้าหาเสบียงที่ตนต้องการกักตุนไว้ทันที

“หนูอยากกินอาหารฝรั่งบ้างอ่ะ ซื้อเส้นมักกะโรนีไปให้ป้าแจ่มทำให้ดีไหมพี่ณิช คุณตรีบอกว่าป้าแจ่มทำได้นะ อร่อยด้วย”

หญิงสาวตัวเล็กผมฟูทันสมัยพูดอย่างขอความเห็น ขณะที่เธอกำลังเลือกซื้อของกินจำพวกขนมไปตุนไว้ แน่นอนว่าซูเปอร์มาร์เก็ตในห้างสรรพสินค้าย่อมมีสินค้าทั้งของสดของแห้ง นี่เธอก็เพิ่งขนขนมเกาหลีลงรถเข็นไปเป็นกระบุง

“พี่ก็ไม่เคยเห็นป้าแจ่มทำอะไรไม่อร่อย” ณิชพูด

เขาเห็นด้วยกับมิ้ง ไม่ใช่พวกเขาเบื่ออาหารไทยหรืออาหารใต้ แต่เพราะคิดถึงอาหารชาติอื่นด้วยเลยซื้อไปติดครัวไว้ วันไหนว่างๆ ถ้าป้าแจ่มไม่สะดวกทำให้ เขาค่อยทำกินเองก็ยังได้ นี่กำลังคิดอยู่ว่าจะลองทำอาหารเมนูง่ายๆ ให้จีรัชญ์ทานดู

“ยิ้มอะไรคนเดียวน่ะพี่ณิช”

“คิดอะไรเพลินๆ น่ะ”

“คิดถึงคุณตรีรึเปล่า รู้นะว่าตอนนี้หายใจเข้าออกก็คุณตรีๆ น่ะ” มิ้งยิ้มล้อเพราะเธอรู้ดีว่าตอนนี้รุ่นพี่เธอไม่มีใจไปผูกพันกับใคร นอกจากหนุ่มในฝันที่ดันมีชีวิตจริงขึ้นมาเสียได้

สายตาของณิชเผลอมองตามจีรัชญ์ตลอด และเธอคิดว่าเจ้าตัวก็คงไม่รู้ว่าเวลาเห็นจีรัชญ์กลับมาถึงบ้านหลังจากเลิกงาน ใบหน้าหวานของรุ่นพี่เธอยิ้มหน้าบานเสียยิ่งกว่าอะไร

เธอเคยถามณิชว่าเหตุใดถึงไม่บอกไปว่าจำอดีตได้ทั้งหมดแล้ว ณิชบอกว่าเพราะอยากรอดูท่าทีของจีรัชญ์ เหมือนเป็นการหยั่งเชิงอีกฝ่ายว่าจะทำเช่นไร แต่คงไม่ปล่อยไว้นานหรอก เพราะทุกวันนี้จีรัชญ์แทบจะพูดนับคำกับณิชได้

คนทั้งคู่กลับมาถึงวังปริพัตรอีกครั้งในช่วงบ่ายคล้อย นายพลีคนสวนกำลังขุดดินอยู่แถวรั้ววังไกลๆ กับคนงานอีกสองสามคน มีเจ้านายของคนเหล่านั้นกำลังลงแรงอยู่เช่นกัน ทำราวกับว่าตนก็คือหนึ่งในคนงานที่ถูกจ้างมา

ณิชยืนมองกายกำยำของไอ้หาญ คนคนนี้มีชีวิตผ่านมานับร้อยปีได้ยังไง เหงามากไหม มีเพื่อนใหม่บ้างหรือเปล่า เคยร้องไห้กี่ร้อยกี่พันครั้งกับความทรมานที่ตกอยู่ในห้วงเวลาของฝ่ายที่ต้องรอเช่นนี้

“กลับกันมาแล้วเหรอคะ ป้าทำเค้กมะตูมเสร็จพอดี คุณณิชคุณมิ้งลองไปชิมสิคะ เดี๋ยวป้าเอาน้ำไปให้คุณตรีก่อนแล้วป้าจะตามไปที่ครัวค่ะ”

ป้าแจ่มเดินออกมาพร้อมพี่หวีแม่บ้านอีกคน ในมือหญิงสูงวัยถือถาดที่มีแก้วหลายใบ และน้ำมะตูมที่อยู่ในขวดพลาสติกแช่เย็นไว้แล้ว ส่วนพี่หวีก็ถือกระติกที่ภายในบรรจุน้ำแข็งมาจำนวนหนึ่ง ป้าแจ่มเสริมว่าจีรัชญ์ย้ำเสมอเรื่องอาหารการกิน หากตนได้ทานอะไร คนที่มาช่วยงานก็ต้องได้ทานเช่นนั้น ไม่มีการแบ่งชนชั้นใครคือนายใครคือบ่าว ท้ายสุดทุกคนก็มีชีวิตและจิตใจไม่ต่างกัน

“เดี๋ยวผมยกไปให้เองครับ รบกวนป้าแจ่มกับพี่หวีไปช่วยมิ้งขนของเธอครับ รายนั้นซื้อของมาเยอะมาก” ณิชพูดก่อนจะรับของเหล่านั้นมาถือไว้เอง กระติกน้ำแข็งที่มีน้ำหนักไม่น้อยถูกคล้องไว้ที่แขน ถาดแก้วและขวดน้ำมะตูมก็อยู่บนถาดที่ถือด้วยมือสั่นๆ แต่เขาก็ยังยืนยันจะเอาไปให้จีรัชญ์เองให้ได้

“คุณจีรัชญ์ครับ ผมเอาน้ำมะตูมมาให้” หนุ่มกรุงเรียกอีกฝ่ายก่อนจะรีบวางของทั้งหมดลงบนโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นลีลาวดี สะบัดอาการปวดแขนที่เกร็งมาตั้งแต่หน้ามุขคฤหาสน์จนถึงขอบรั้วกำแพงสูง

ชายหนุ่มเจ้าของชื่อที่โดนเรียกหันมามอง ใบหน้าคมเข้มเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่เจ้าตัวกลับยกแขนขึ้นซับลวกๆ พอให้ไม่เข้าตาก็เท่านั้น ก่อนจะเดินมาหาณิชที่รินน้ำใส่แก้วยื่นให้ตน

“ป้าแจ่มบอกคุณเข้าในเมืองไปซื้อของ ได้ของครบไหม” คนถามถามพลางรับน้ำมะตูมมาดื่ม รสชาติหวานอ่อนๆ และกลิ่นเฉพาะตัว ทำให้รู้สึกคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานพอได้บ้าง

“ผมไม่ค่อยได้ซื้อหรอกครับ ส่วนใหญ่เป็นมิ้งมากกว่า” ณิชตอบก่อนจะมองสำรวจพื้นที่โดนรอบ ซึ่งตอนนี้คนงานยังคงทำหน้าที่ต่อไป

“คุณจะทำอะไรเหรอครับ ขุดทำไม”

“ว่าจะลงต้นแก้วสักหน่อย”

“ผมชอบดอกไม้หอม ชอบมาก โดยเฉพาะดอกพุดน้ำบุษย์” ณิชโพล่งกลับไปทันทีแล้วรอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนจีรัชญ์จะเก็บอาการเก่งเสียเหลือเกิน นอกจากจะทำทีเป็นดื่มน้ำจนหมดแก้วแล้ว ยังหันไปคุยกับนายพลีไม่สนใจเขาอีก

เหงื่อเม็ดเป้งผุดซึมตามกรอบหน้า เพราะอากาศร้อนและมาจากการออกแรง ทำให้ณิชเลือกจะซับหน้าให้อีกฝ่ายด้วยผ้าเช็ดหน้าของตน เขาทำเพราะใจอยากทำ และคิดว่าหากเป็นตัวเองในอดีตก็คงทำแบบนี้เช่นเดียวกัน

แต่จีรัชญ์ที่หันกลับมาเห็นว่าณิชกำลังจะทำอะไร เขากลับจับข้อมืออีกฝ่ายไว้มั่น จ้องมองนัยน์ตาสวยที่กำลังมองเขาและเต็มไปด้วยความใน ตั้งแต่ณิชฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหลที่ยาวนาน ท่าทีของอีกฝ่ายก็เปลี่ยนไป ณิชดูพยายามเข้าหาเขามากขึ้น อาจเพราะอยากรู้เรื่องราวของหาญ หรือไม่ก็เพราะเห็นว่าอยากทดแทนบุญคุณที่เขาเคยช่วยอีกฝ่ายไว้ก็เป็นได้

ความใกล้ชิดที่ณิชพยายามลดระยะห่างระหว่างเขาสองคนทำให้เขาหวั่นใจ กลัวเหลือเกินว่าตนเองจะเผลอใจไปรักอีกฝ่ายเข้าอีกครั้ง เพราะมันคือสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในชาตินี้ แม้บ่วงชะตาที่ผูกพันกันมาแต่ชาติปางก่อนโน้น จะทำให้ต้องมาวนเวียนประสบพบเจอกันทุกครั้งไป แต่ชาตินี้เขาขอทรมานด้วยใจที่ตัดขาด อยู่ไปกับวันเวลาที่หาจุดสิ้นสุดนี้ไม่ได้ด้วยใจที่ไร้รักยังดีเสียกว่า

“จะทำอะไร”

“ผมจะซับเหงื่อให้ รู้ไหมว่าสภาพคุณตอนนี้เป็นยังไง เหงื่อทั้งตัวทั้งหน้าแล้ว”

“ไม่เป็นไร ผมไม่ต้องการ”

คำพูดปฏิเสธที่จะรับน้ำใจจากอีกฝ่ายทำณิชถึงกับหน้าชา ใบหน้าที่เคยแต้มไปด้วยรอยยิ้มสวยสลดลงด้วยความใจเสีย หาญไม่ให้อภัยในสิ่งที่เขาเคยทำไว้เมื่อชาติที่แล้วหรือยังไง ทำไมถึงได้เฉยเมยใส่กันได้ ทำราวกับแค่คนร่วมงานกันเพียงเท่านั้น

เขารู้สึกได้ว่ากำแพงที่จีรัชญ์สร้างขึ้นมาหนามาก และถ้าหากเขายังหยั่งเชิงอยู่อย่างนี้ เห็นทีคงจะไปไม่ถึงไหน นอกจากจะช่วยกันให้หลุดพ้นคำสาปไม่ได้แล้ว จะยิ่งห่างเหินกันไปใหญ่

“เย็นนี้คุณว่างไหม ผมมีเรื่องจะคุยด้วย” ณิชตัดสินใจที่จะบอกความจริงวันนี้ คงไม่เก็บไว้อีกต่อไปแล้ว

“ไม่ว่าง” จีรัชญ์ตอบเสียงห้วน ไม่หันมองอีกฝ่ายสักนิด

“งั้นคืนนี้”

“ไม่”

“คุณจีรัชญ์ ถ้าคุณยังหลบผมอยู่อย่างนี้ ผมจะขโมยกุญแจจากคุณอีก เพื่อหาสมุดและจดหมายที่ตอนนี้คุณเอาไปซ่อนอีกครั้ง ต้องพลิกวังปริพัตรหาผมก็จะทำ ต่อให้คุณโกรธหรือเกลียด หรือจะไล่ผมออกจากที่นี่ผมก็จะไม่ไป เพราะสมุดเล่มนั้นคือของผมไม่ใช่ของคุณ!”

ณิชพูดอย่างเหลืออด ข้อมือที่เคยถูกกำไว้ถูกอีกฝ่ายปล่อยทิ้งราวกับข้อมือเขาคือของร้อน เขากำหมัดด้วยความโกรธและน้อยใจก่อนจะเดินหนี ไม่สนใจจีรัชญ์อีกเลย

สีหน้าจีรัชญ์เมื่อได้ฟังคำพูดณิชจบก็อึ้งไปไม่น้อย แต่เพราะความนิ่งขรึมทำให้ไม่มีใครจับสังเกตได้ว่าคนทั้งสองมีปากเสียงกัน นายพลีหันมาเรียกเจ้านายให้ไปตรวจงาน จีรัชญ์จึงปัดเรื่องณิชออกไปก่อน แม้ในใจตอนนี้จะเรียกหาไอ้มั่นเสียงแข็งก็ตาม

‘ไอ้มั่น! คุณณิชมองเห็นมึงแล้วใช่ไหม’

ดวงวิญญาณของบ่าวผู้ซื่อสัตย์ที่กำลังนั่งดูมิ้งรื้อถุงเครื่องประทินโฉมอยู่สะดุ้งโหยง เมื่อได้ยินเสียงไอ้เกลอเรียกลั่นกระแทกกระแสจิต แต่มันกลับเงียบไม่ตอบ เพราะมันคือบ่าวของคุณปราณ เจ้านายสั่งอย่างไรไว้ก็ต้องทำตาม จะให้ปริปากเรื่องที่คุณปราณสั่งไว้หรือ นั่นคงเป็นสิ่งสุดท้ายที่มันจะทำ ได้แค่ลอบขอโทษไอ้เกลอในใจเพียงเท่านั้น

‘มึงเงียบใส่กูเช่นนี้หมายความว่าอะไร เขาเห็นมึงแล้วใช่ไหม’

ยิ่งไอ้มั่นไม่ตอบก็ทำให้จีรัชญ์เครียดหนัก กลายเป็นปล่อยให้นายพลีคุมคนงานที่จ้างมา ส่วนตนนั้นเดินเข้าคฤหาสน์เพื่อไปตามหาณิช จะได้คุยกันให้รู้เรื่อง แต่อีกฝ่ายกลับหายต๋อมไปขลุกอยู่ในครัวกับป้าแจ่ม จะเข้าไปขัดตอนนี้ก็คงแปลกไปหน่อย จึงเลือกจะเดินขึ้นห้องตัวเองไปอาบน้ำเสียก่อน ลงมาอีกทีก็ได้เวลามื้อเย็นแล้ว

หญิงสาวเพียงคนเดียวบนโต๊ะอาหารมองรุ่นพี่ของเธอสลับกับเจ้าของวัง บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองมันแปลกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จีรัชญ์เงียบเป็นปกติแต่รู้สึกได้ถึงความกดดันที่แผ่ออกมาจากตัว ส่วนณิชเงียบจนผิดปกติ หน้าตาก็ติดไปทางบึ้งตึงและไม่เงยหน้าขึ้นจากจานข้าวเลยสักนิด

“ผมอิ่มแล้ว ขอตัว” ณิชยอมเสียมารยาทแม้อาหารในจานจะพร่องไปเพียงครึ่งก็ตาม รู้สึกทานอะไรไม่ลงเมื่อต้องมาร่วมโต๊ะกับคนที่ไม่คิดจะสนใจตนแบบนี้

“เอ่อ...พี่ณิช...” มิ้งเรียกเสียงเบา แต่อีกฝ่ายไม่ได้หันกลับมามองแล้ว เธอเหลือบมองจีรัชญ์ที่มองตามหลังคนที่จากไป จากนั้นไม่นานจีรัชญ์ก็ลุกตามไปอีกคน

‘เกิดอะไรขึ้นน่ะพี่มั่น’

‘คุณปราณโวยใส่ไอ้หาญเรื่องที่ไม่ยอมเข้าใกล้น่ะสิ คืนนี้ข้าว่าคงคุยกันยาว’

‘พี่ไปดูหน่อยสิ หนูอยากรู้ว่าเขาคุยกันว่ายังไงบ้าง’

‘ไม่เอา ข้าไม่ยุ่งเรื่องเจ้าเรื่องนาย’

‘วุ้ย! พี่มั่นนี่ซื่อจริง’

มิ้งถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะตักข้าวเข้าปากคำโต ตอนนี้ทั้งโต๊ะอาหารมีแค่เธอเพียงคนเดียวที่ยังทานอยู่ ป้าแจ่มก็ยังไม่เข้ามาเพราะยังไม่ถึงเวลาเก็บโต๊ะ เธอจึงแอบตักอาหารและวิ่งไปหยิบธูปในห้องพระมาจุดให้ไอ้มั่นได้กินเป็นเพื่อนเธอ

วิญญาณของไอ้บ่าวตัวดำตักข้าวเข้าปาก แม้จะไม่ได้รับรู้รสชาติเต็มๆ อย่างตอนมีชีวิต แต่ก็ทำให้มันมีเพื่อนนั่งเล่าเรื่องราวชีวิตของคนสมัยนี้ฟังแก้เบื่อ โดยหารู้ไม่ว่าชั้นบนนั้นกำลังเกิดอารมณ์มาคุระหว่างคนสองคน

“คุณณิช เดี๋ยวก่อน” จีรัญ์รีบเข้าไปคว้าแขนอีกฝ่ายไว้ก่อนเจ้าตัวจะเดินเข้าห้องตัวเองไป ณิชหันมามองด้วยสายตาโกรธๆ ก่อนจะมองเมินไปอื่นเสีย

“คุณรู้เรื่องผมแล้วทำไมไม่บอก”

“เพราะผมอยากรู้ว่าคุณจะทำยังไงกับสิ่งที่ตัวเองต้องเจอ แต่นอกจากคุณจะไม่ยุ่งกับผมแล้ว ยังทำตัวห่างเหินราวผมเป็นคนอื่น” พูดมาถึงตรงนี้ความน้อยใจที่สะสมมาตั้งแต่บ่ายก็เอ่อล้นเกือบเป็นน้ำตา เขาจึงกะพริบตาถี่ๆ ไล่มันไป

เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน จากที่ไม่ใช่คนขี้แย แต่พอมารู้เรื่องราวอดีตของตัวเองและผู้ชายคนหนึ่งที่รอเขามาเป็นร้อยปื ความอ่อนแอก็มีมาเรื่อยๆ ราวกับไม่ใช่ตัวเอง จากที่เคยเป็นผู้ชายธรรมดาๆ ก็รู้สึกตัวเล็กขึ้นมาจนอยากให้อีกฝ่ายปกป้อง

จีรัชญ์ดึงณิชให้มาที่ห้องนอนของเขา ปิดประตูลงกลอนให้เรียบร้อยเพื่อจะได้แน่ใจว่าจะไม่มีใครแอบฟัง มองไปรอบห้องไม่เจอไอ้เพื่อนเกลอ เขาก็วางใจในการรู้ความของมันว่าไม่ควรเข้ามายุ่งในเวลานี้

“คุณรู้แค่ไหน รู้มากแค่ไหนคุณณิชบอกผมมาให้หมด” ใจคนถามเต้นรัวอยู่ในอกเพราะลุ้นกับคำตอบ ณิชเก็บงำเรื่องนี้ไม่บอกเขามานานแค่ไหน ตั้งแต่วันที่ฟื้นเลยหรือเปล่า

“รู้ว่าคุณอยู่อย่างทรมานเพราะคำสาปที่พ่อผมเป็นคนแช่งไว้ ผม...”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ก้อนความเสียใจก็จุกตื้อที่ลำคอจนพูดไม่ออก ยิ่งมองใบหน้าอีกฝ่ายใกล้ๆ ก็ยิ่งเสียใจที่เขาเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด แม้ไอ้หาญจะเปลี่ยนไปจากเดิมตามยุคตามสมัย แต่นัยตาซื่อก็ยังคงเป็นแววตาคู่เดิมที่มองเขาไม่เคยเปลี่ยน

“ฮึก...” แล้วมันก็สุดทนจนณิชต้องโผเข้ากอดอีกฝ่ายเต็มรัก ปล่อยเสียงร้องไห้โฮกับอกกว้างที่รองรับเขาไว้ไม่ถอยห่างอีกต่อไป ยิ่งเสียใจมากเท่าไหร่ คนตัวเล็กกว่าก็ยิ่งกอดรัดอีกฝ่ายไว้แน่นมากขึ้นเท่านั้น

จีรัชญ์ลมหายใจสะดุด เสียงสะอื้นของณิชฟังดูน่าสงสารจับใจ มันร้าวรานทรมานจนเขาเองก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นหลังจากณิชตื่นจากฝันร้าย หรือละเมอหาไอ้หาญคนในฝันอีกแล้ว แรงกอดกระชับที่เขาได้รับ มันทำให้รู้สึกว่าคนคนนี้กอดราวกับกลัวว่าเขาจะหายไปในนาทีใดนาทีหนึ่ง หากถามว่าชาตินี้เขามีความสุขมากที่สุดตอนไหน คงตอบได้ว่าตอนนี้ และเขาอยากหยุดนาทีนี้ไว้ให้นานที่สุด เพราะหลังจากนี้ไม่รู้ว่าเขาจะได้เจอความสุขเช่นนี้อีกไหม

อ้อมกอดที่โหยหามานานแสนนาน ห้วงเวลาที่แสนทรมานราวชั่วกัปชั่วกัลป์ ทำให้จีรัชญ์เผลอกอดตอบอีกฝ่ายไป น้ำตาของมันไหลเป็นสายเงียบๆ ไปพร้อมกับเสียงสะอื้นของยอดดวงใจ

“หะ...หาญ ผมขอโทษ ขอโทษจริงๆ อึก...ฮือ” ณิชพยายามหาช่องว่างระหว่างเสียงสะอื้นของตัวเองเพื่อตั้งสติ จะได้พูดกับอีกฝ่ายให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่มันก็ยากเหลือเกินเมื่อเขาห้ามร่างกายตัวเองไม่ได้ สะอึกสะอื้นราวเด็กน้อยจนจีรัชญ์ลอบยิ้มขำทั้งน้ำตา

ใบหน้าของชายหนุ่มที่มีเสี้ยวความหวานก้มงุดติดอก บี้ไปมาเหมือนออดอ้อน จีรัชญ์ลอบเช็ดน้ำตาของตัวเองก่อนจะลูบกลุ่มผมนุ่ม ใจหนึ่งก็ดีใจที่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อตนอีกครั้งในวันที่จำเรื่องราวในอดีตได้ แต่อีกใจก็ปวดหนึบเพราะสิ่งที่ณิชรู้คงมีเพียงเสี้ยวของเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด

จีรัชญ์ปล่อยให้ณิชร้องไห้กับอกตนจนเสื้อเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา ก่อนณิชจะยอมผละออกทำให้เห็นปลายจมูกแดงจัด และดวงตาที่แดงก่ำพร้อมแพขนตาที่ยังมีหยาดน้ำตาเกาะ ท่าทางน่าเอ็นดูจนเขาอดใจไม่ไหวต้องเช็ดคราบน้ำตาให้

“ผมใจร้ายกับคุณมากเลย ผมขอโทษจริงๆ” ณิชพูดไปปากก็เริ่มเบะ เพราะพอเริ่มพูดน้ำตาก็พาลจะไหลอยู่ร่ำไป

“ผมไม่โกรธ ไม่เคยโกรธคุณเลย”

คนที่ยอมโน้มกายลงมาเพื่อให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน ทำให้ณิชมองหน้าอีกฝ่ายไม่ละสายตา ความอบอุ่นของหาญในความฝันเขาได้สัมผัสมันจริงๆ แล้วในวันนี้ จากที่คิดเคืองน้อยใจก่อนหน้านี้หายเป็นปลิดทิ้ง เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็คือคนผิดอยู่ดี หากจีรัชญ์จะระวังตัวก็ไม่แปลกหรอก ยิ่งถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมเข้าใกล้ เขาก็ต้องรุกเข้าหา ไม่ว่าอย่างไรในชาตินี้หาญจะต้องถูกปลดปล่อยจากคำสาปนี้

เจ้าของห้องขอตัวเข้าไปเปลี่ยนเสื้อ เนื่องจากเสื้อเลอะไปด้วยน้ำตาและน้ำมูกของเขาเต็มไปหมด น่าอายเหมือนกันแต่จะทำอย่างไรได้เมื่อมันห้ามตัวเองไม่ได้ เขาแอบเดินตามไปที่ห้องแต่งตัว แผ่นหลังกว้างที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากการถูกเฆี่ยนตี คาดว่ามาจากครั้งหลังสุดที่โดนจับขังในกระท่อม มันยังคงเห็นชัดเจนราวกับรอยเพิ่งเกิดได้ไม่นาน

ณิชแอบย่องเข้าไปใกล้ขณะที่จีรัชญ์กำลังยืนเลือกเสื้ออยู่ ภายในห้องแต่งตัวจัดวางเป็นระเบียบและมีกลิ่นสะอาด เขาเดินเข้าไปใกล้แผ่นหลังกว้างมากยิ่งขึ้น ความทรงจำที่ได้รู้ความจริงมาไหลพรั่งพรูเข้าหัวราวกับฉายหนังซ้ำ ก่อนมือเรียวจะแตะไปบนผิวขรุขระตามรอยแผลที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้แล้ว และโอบกอดอีกฝ่ายจากทางด้านหลังไว้

จีรัชญ์ยืนนิ่ง เขารับรู้นานแล้วว่าณิชเข้ามาในห้อง แต่ที่ไม่สนใจเพราะคิดว่าอีกฝ่ายก็คงเข้ามาล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แต่ผิดจากที่คิดไว้อยู่มากโข อ้อมกอดที่อีกฝ่ายมอบให้พร้อมแรงจูบซับแผ่วเบาตามรอยแผลทำใจเขาเต้นอย่างหนักหน่วง หากยังเป็นแบบนี้ต่อให้เขาหักห้ามจิตอย่างไร โชคชะตาที่ถูกกำหนดมาแล้วก็คงฝืนไม่ได้อย่างที่ไอ้มั่นเคยพูดไว้





โปรดติดตามส่วนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๕ {ครึ่งแรก} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 10-09-2020 20:06:59
ใจร้ายๆ :ling1: ค้างตัดจบแบบนี้ใจจะขาด
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๕ {ครึ่งแรก} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 10-09-2020 21:00:01
สิ่งที่ณิชรู้จากชาติแรก เป็นแค่ส่วนหนึ่งเองหรอ หาญเจออะไรมาอีกบ้างก่อนจะเจอณิชชาตินี้

รออ่านตอนต่อไปครับ

ชอบมั่นอะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๕ {ครึ่งแรก} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 10-09-2020 21:06:54
ตัดชับเลย เอายังไงต่อดีหาญ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๕ {ครึ่งแรก} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-09-2020 00:10:03
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๕ {ครึ่งแรก} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: mister ที่ 11-09-2020 00:16:43
 :katai1: :ling1: :ling1: :ling1: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๕ {ครึ่งแรก} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: nakahiro ที่ 11-09-2020 10:50:38
ค้างมากกค่ะ อีกชาติภพนึงเกี่ยวกับคนที่วาดรูปภาพนั้นใช่มั้ยน้า รอๆๆๆๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๕ {ครึ่งแรก} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Slotala ที่ 11-09-2020 12:22:26
 :z3: ตัดจบแบบใจจะขาดแล้ววว
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๕ {ครึ่งแรก} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 11-09-2020 13:49:23
ุวุ้ยมีความเขิน  :o8: ในความอึมครึม ณิชรุกเลย อย่าช้า อะไรๆมันจะได้ดีขึ้นในเร็ววัน  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๕ {ครึ่งแรก} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 11-09-2020 18:23:08
บทที่ ๑๕ (ครึ่งหลัง)


“อย่า...”

“ชู่ว... อย่าห้ามไม่ให้ผมทำในสิ่งที่ควรทำให้คุณตั้งนานแล้วเลย”

ณิชกระซิบบอก เขาอยากปลอบประโลมความเจ็บปวดทั้งกายและใจของหาญ แม้รอยจูบที่ทิ้งไว้จะลบเลือนความทรงจำที่เลวร้ายไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็อยากให้จีรัชญ์ได้รับรู้ว่าเขาจะไม่ยอมแพ้เช่นกัน ในชาตินี้เขาสองคนต้องพิสูจน์ว่าโชคชะตานำพาเขาสองคนให้มาเจอกัน และความรักที่เคยมีนั้น มันมั่นคงแข็งแกร่งกว่าคำสาปคำแช่งใด

“คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลยคุณณิช”

จีรัชญ์จับมือที่กำลังเลื่อนขึ้นมาลูบไล้หน้าท้อง ซึ่งมันเต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขาออก แต่ณิชกลับยื้อมือไว้และยังคงกอดเขาไม่ปล่อย พรมจูบไปทั่วบาดแผลที่ทิ้งไว้เพียงรอยนูน

หัวใจที่เคยคิดปิดตาย เก็บทุกอย่างกดทับไว้จนใจด้านชาเริ่มหวั่นไหวอีกครั้ง เสียงร้องห้ามในจิตใจดังผะแผ่วราวเสียงจูบของอีกฝ่ายที่มอบให้เขา ตั้งแต่วันนั้นวันที่เขาเจ็บปวดเจียนตายอีกครั้ง เขาปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่าจะไม่ขอมีรักกับชายคนนี้อีก ต่อให้อยากรักมากเท่าไหร่ โหยหามากแค่ไหน ก็ขอให้หยุดทุกอย่างไว้แต่เพียงเท่านั้น อย่าได้มีข้อผูกพันสิ่งใดต่อกันอีกเลย

น้ำตาเม็ดโตหยดลงบนมือเรียวสวย ณิชชะงักไปก่อนจะจับตัวอีกฝ่ายให้หันมามองตน จีรัชญ์กำลังร้องไห้แบบไร้เสียงสะอื้น ดวงตาคมสวยที่เศร้าสร้อยทอดมองเขาด้วยความอาลัย แต่มันก็แฝงไปด้วยความเย็นชา

“หากคุณรู้เรื่องราวทั้งหมดคุณจะเข้าใจ ว่าคำสาปที่พ่อคุณให้ไว้มันไม่มีทางทำให้ผมหลุดพ้นได้ ต่อให้เราพยายามมากแค่ไหน ท้ายสุดเราก็ต้องจากกัน” จีรัชญ์พูดด้วยเสียงสั่นเครือ

ผู้ชายตัวโตตรงหน้าณิชตอนนี้ ดูอ่อนแอราวไม้ที่กำลังจะล้ม เขายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบที่แก้มสากทั้งสองข้าง

“ผมไม่รู้ว่าที่ผ่านมาคุณเจออะไรมาบ้าง แต่ผมในชาตินี้ไม่ใช่ปราณคนอ่อนแอและขี้ขลาดคนนั้น ที่จะทิ้งคุณให้อยู่เพียงลำพังอีกแล้ว” ณิชบอก ก่อนจะนึกคำพูดอะไรขึ้นมาได้แล้วพูดต่อ เพื่อให้อีกฝ่ายใจอ่อนกับตนเสียที

“คุณจำคำที่ผมเคยบอกได้ไหม ข้ามิได้อยากได้อันใดจากเอ็งเลย ขอเพียงเราสองคนรักกันแบบนี้ต่อไปก็พอแล้ว หรือไม่...หากชาติหน้าฉันใดได้พบเจอกัน ก็ขอให้ได้ครองรักกันแบบไม่ต้องปิดบังเช่นชาตินี้เท่านั้นพอ และผมก็ต้องการให้เป็นแบบนั้นจริงๆ ขอแค่เราได้รักกัน ได้มีเวลาร่วมกัน ฝ่าฟันทุกอย่างไปด้วยกันอีกครั้ง...ได้ไหมครับ”

ดวงตาเรียวสวยจ้องมองลึกเข้าไปในตาคมเพื่อสื่อถึงความต้องการ และความรู้สึกจากอดีตชาติที่ส่งต่อมาจนถึงปัจจุบันหลังจากจำความได้ทั้งหมด หัวใจที่ไม่เคยรักใครดวงนี้มันกำลังเรียกหาเจ้าของเดิมที่เขาเคยยกให้เมื่อนานมาแล้ว เมื่อเจอกันอีกครั้งเขาก็อยากให้อีกฝ่ายดูแลหัวใจของเขาเช่นเดิม

หวังเพียงเสี้ยวว่าคำพูดเขาจะทลายกำแพงหนาที่ไอ้หาญสร้างขึ้นมาได้บ้าง แต่ถึงแม้จะไม่สำเร็จเขาก็จะพยายามต่อไป ณิชกอดจีรัชญ์ไว้โดยอีกฝ่ายไม่มีท่าทีขัดขืนใดๆ เขาโยกตัวเบาๆ ราวปลอบเด็กน้อยที่กำลังเสียขวัญ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเมื่อรู้สึกได้ว่าจีรัชญ์กอดตอบตนเช่นกัน

ใบหน้าคมสันของไอ้บ่าวซื่อค่อยๆ โน้มเข้าหา ใจที่คิดหักห้ามหรือจะสู้ความโหยหาในรักนี้ได้ ยิ่งคนตรงหน้ามามอบอ้อมกอดนี้ให้ พร้อมถ้อยคำหวานที่เคยพร่ำบอกตนเมื่อครั้งกาลก่อน สติที่เคยยั้งคิดไว้ก็ขาดสะบั้นลง วินาทีเดียวกับกลีบปากอุ่นของคนทั้งสองแตะกัน จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นแรงปรารถนาที่แสนหนักหน่วง

ร่างกายที่บอบบางกว่าถูกโอบยกขึ้นตัวลอย ขาเรียวเกี่ยวกระชับเข้าเอวสอบทันควันเมื่อโดนอุ้ม ริมฝีปากที่ปิดประกบไม่ห่างดูดดึงเข้าหากันตามแรงปรารถนาที่เอ่อล้นอก ความวาบหวามที่ต่างฝ่ายต่างโหยหาปรนเปรอให้กันไม่รู้จบ

ณิชมารู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่อแผ่นหลังสัมผัสกับที่นอน ก่อนที่ริมฝีปากของคนด้านบนจะผละออก เขาทำท่าจะต่อว่าแต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไรเขาจึงยิ้มให้ แม้จะเขินอายอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อคิดว่าผู้ชายคนนี้คือเจ้าของตนมาตั้งแต่แรก จึงปัดทิ้งความอายนั้นไปให้หมด ถอดเสื้อผ้าและกางเกงที่สวมอยู่ออกจนเปลือยเปล่าตามๆ กัน

หุ่นกำยำล่ำสัน ผิวกายที่ไม่ได้หยาบกร้านเหมือนอย่างตอนเป็นทาส เพราะผ่านการดูแลบำรุงช่างลื่นมือ อกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามโดนณิชลูบไล้อย่างเผลอไผล บนกายของคนตัวใหญ่ไม่มีเนื้อส่วนเกินใดให้ได้ระคายตา ส่วนร่างบางของคนใต้ร่างก็ขาวผ่องสะอาดตาดูน่ามอง

ราวกับภาพฝัน ฝันที่เขาวาดเอาไว้ว่าสักวันจะได้กกกอดร่างบางนี้อีกครั้ง แต่มันเพียงแค่ความฝันที่เขาเก็บงำไว้ลึกสุดใจ ไม่อยากแม้แต่จะนึกถึง แต่บัดนี้นิ้วเขากำลังไล้ไปตามเนื้อตัวของณิช คนที่เป็นคุณปราณในชาตินี้ และอีกฝ่ายก็ยินดีมอบกายให้เขาอย่างไม่นึกรังเกียจกัน

ณิชรั้งคอคนบนร่างลงมาประกบจูบอีกครั้ง จูบให้หายคิดถึง จุมพิตที่ดูดดื่มนี้ตอกย้ำว่าเขายินยอมให้จีรัชญ์ทำอะไรๆ ตนได้ตามใจต้องการ มือเรียวลูบสะกิดยอดอกของไอ้บ่าวซื่อจนเจ้าของร่างสะดุ้ง ก่อนณิชจะโดนเอาคืนเป็นแรงจูบที่หนักหน่วง อีกทั้งรอยขบกัดตามเนื้อตัวขาว

“อื้ม...อ๊ะ...”

เสียงครางผะแผ่ว ดังคลอเสียงหอบกระเส่าของคนที่กำลังทำหน้าที่เล้าโลม เพื่อเตรียมพร้อมให้ณิชได้รองรับตัวตนของคนด้านบนต่อจากนี้ ความกำหนัดที่สุมในกายมานานกำลังจะถูกสนอง ใจของจีรัชญ์เต้นรัวในอกด้วยความตื่นเต้น กลบความคิดที่ไม่อยากเข้าใกล้ร่างนี้ไปจนหมดสิ้น

อกจีรัชญ์แทบระเบิดยามเห็นช่วงล่างของณิชที่กำลังโดนเขาสอดนิ้วเข้าใส่บิดเร่าๆ แก่นกายสมส่วนกำลังกระตุกน้ำหวานเยิ้มจากส่วนปลาย สื่อให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังเสียวซ่านได้ที เขาก้มลงใช้น้ำลายเสริมความหล่อลื่นอีกเล็กน้อย ก่อนจะเพิ่มนิ้วเข้าไปอีกหนึ่งจนณิชครางเบาๆ จากนั้นขาเรียวก็อ้าออกกว้างเพื่อรอรับเอวสอบ ที่กำลังจ่ออาวุธแท่งเขื่องตรงปากทางเข้า

สายตาหวานเยิ้มมองจีรัชญ์จนชายหนุ่มอดใจไม่ไหว ก้มลงไปจูบฟัดแก้มฟัดคออีกสักทีสองทีจนหนำใจ จากนั้นก็ค่อยๆ สอดใส่กายส่วนล่างที่พร้อมรบ เข้าไปในช่องทางรักที่จีบปิดสนิทแต่กลับเยิ้มไปด้วยน้ำลายของเขา

“อ๊ะ!! เจ็บ!”

“จะให้หยุดไหม” เพราะยอดดวงใจของมันเจ็บ มีหรือไอ้หาญจะไม่หยุดการกระทำ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด มันก็พร้อมจะอ่อนโยนกับอีกฝ่ายเสมอ

“ไม่ ทำต่อเลย” ณิชกัดฟันบอก

“คุณจะเจ็บมากกว่านี้เพราะมันต้องใส่ทั้งหมด” จีรัชญ์จับหน้าอีกฝ่ายให้มองกันตรงๆ น้ำเสียงอ่อนโยนจนณิชยิ้มเขิน เขาจึงจูบฝ่ามือใหญ่ข้างที่ประคองใบหน้าตนอยู่

“ทำต่อเถิดหาญ อย่าได้เป็นห่วงข้าเลย ข้าอยากให้เอ็งเข้ามา...อ๊ะ!!!”

ร้องแทบสุดเสียงเมื่อส่วนแข็งขืนสอดผ่านความฝืดเคืองเข้ามาเต็มลำ แม้น้ำลายที่จีรัชญ์ถ่มไว้จะบรรเทาได้บ้าง แต่ความเสียดเสียวก็ไม่คลายเลย ณิชมองคนที่กล้าทำเขาทีเดียวด้วยสายตาไม่พอใจนัก แต่มีหรือที่จีรัชญ์จะสน เขาเพียงยิ้มมุมปากแล้วก้มลงกระซิบใกล้ๆ

“อย่าคิดใช้คำเหล่านั้นอีกเลยขอรับ เพราะถ้าบ่าวได้ยินอีกคงทำคุณปราณเดินขาถ่างทั้งวันเป็นแน่”

คำพูดหยาบโลนจากคนที่มาจากอดีตจริงๆ พูดให้ฟัง ทำคนฟังได้ยินถึงกับหน้าร้อนผ่าว เพราะไม่คิดว่าคนอย่างจีรัชญ์จะกล้าพูด ไม่ว่าจะในด้านที่เป็นหาญหรือด้านที่เป็นจีรัชญ์เอง เขาก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดเช่นนี้ได้ ยิ่งสายตาที่ไม่ปิดบังความต้องการ และส่วนนั้นที่อุ่นกระตุกอยู่ภายในตัวเขา ยิ่งทำให้เขินจนหน้าร้อนฉ่า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาคงเปลี่ยนไอ้บ่าวสื่อเป็นเสือป่าไปซะแล้ว คงไม่มีแล้วคนที่เขินอายยามโดนโอ้โลมก่อน

“ซี้ด...แน่น...”

จีรัชญ์พึมพำเบาๆ เอวสอบเริ่มขยับเมื่อเริ่มทนไม่ไหว ณิชกัดฟันทน แม้เจ็บแต่ใจก็สุขสม นี่เป็นครั้งแรกของการมีสัมพันธ์ทางกายกับผู้ชายที่เป็นคนรักเมื่อชาติก่อน เขาไม่รู้ว่าตอนแรกเขากล้าเริ่มเข้าถึงตัวจีรัชญ์แบบนั้นได้อย่างไร แต่เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วเขาก็ไม่คิดถอยอีก

ส่วนกลางกายของเขาที่ตอนแรกชูชัน ก่อนจะหมดกำลังคอตกเพราะความเจ็บ ตอนนี้กำลังอยู่ในอุ้งมือของจีรัชญ์ที่กอบกุมไว้เพื่อรูดรั้งไปตามจังหวะการสอดใส่ แรงกระแทกกระทั้นกายที่รัวเร็วและดุดันของชายหนุ่มทำเตียงสี่เสาไหวโยก ม่านที่ถูกมัดหลวมๆ ติดไว้กับเสาทั้งสี่ค่อยๆ หลุดออก ก่อนผ้าม่านจะคลี่ออกคลุมเตียง 4 ด้าน

ณิชสะดุ้งเฮือกยามโดนตอกกระแทกโดนจุดเสียวกระสัน ภาพบางอย่างซ้อนทับราวกับว่าเขาเคยทำแบบนี้มาก่อน เป็นภาพย้อนอดีตที่เป็นเขากับจีรัชญ์มีสัมพันธ์กันในบรรยากาศแบบนี้ มันเป็นเพียงภาพที่แวบเข้ามาในหัวก่อนจะมลายหายไป เขาพยายามนึกว่าตัวเองเคยมีอะไรกับหาญในห้องแบบนี้หรือไม่ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

“อ่า...ซี้ด”

จีรัชญ์คำรามในลำคอยามช่องทางรักของณิชตอดเขาถี่ๆ เป็นสัญญาณว่าอีกฝ่ายกำลังจะถึงฝั่งฝัน เขาจึงโยกเอวดึงจังหวะให้ช้าลง เพราะยังไม่อยากโดนแรงตอดรัดเร่งให้ปลดปล่อยในตอนนี้ ยังอยากสนุกกับร่างกายของณิชต่อ เพราะระยะเวลาที่เขารอคอยตั้งแต่ได้เจออีกฝ่ายครั้งล่าสุดก็ร่วม 40 ปีมาแล้ว

“คุ...คุณจีรัชญ์ อย่าแกล้งผมแบบนี้ อื้อ...”

จีรัชญ์ไม่สนใจ ยิ่งเห็นอีกฝ่ายดิ้นเร่าๆ ยิ่งอยากแกล้ง ณิชปรือตามองคนใจร้ายที่กล้าดึงจังหวะไม่กระแทกกายดุดันอย่างก่อนหน้านี้

“อ้ะ...หะ...หาญ...อย่าใจร้ายนักเลย” ณิชร้องขอเสียงอ่อนระโหย ทำเอาเลือดในกายจีรัชญ์สูบฉีด เขาบอกแล้วว่าอย่าได้พูดแบบนี้อีก เพราะมันจะยิ่งทำให้เขามีอารมณ์มากยิ่งขึ้น

เสียงเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดและกระทบกับฝาผนังเสียงดังลั่น ร่างกายใหญ่โตคร่อมตัวณิชไว้เสียมิด เพื่อส่งแรงที่เอวสอบตอกเข้าหาช่องทางรักไม่คิดถนอมอีก สันกรามชายหนุ่มนูนเด่นเพราะถูกเจ้าตัวขบกัดด้วยความกำหนัด ก่อนณิชจะเกร็งไปทั้งตัวและสาวรูดส่วนนั้นของตนเองเพื่อปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นออกมาจากกาย

“อ๊ะ...อ๊ะ...อ่ะ...ซี้ด...อื้อ”

เพราะเสียงครางที่กระตุ้นเร้าอารมณ์จากปากสวยทำให้จีรัชญ์อดที่จะก้มลงไปจูบไม่ได้ เขาขบเม้มจนกลีบปากนิ่มบวมเจ่อ ก่อนที่ท้ายสุดก็ทนแรงตอดรัดของณิชไม่ไหว ปลดปล่อยออกมาเต็มช่องทางรัก จนมันเอ่อล้นตามออกมายามเขาถอนกายออก

ผิวเข้มมีเหงื่อผุดซึมเพราะความร้อนรุ่มในกาย บวกกับภายในห้องไม่มีแอร์ทำให้กิจกรรมที่ทำอยู่ทำคนทั้งคู่เหงื่อโทรมกาย คราบน้ำรักต่างๆ เลอะเปรอะเปื้อนไปทั่ว ทั้งผ้าปูที่นอนและเนื้อตัว ณิชนอนหอบหายใจรู้สึกจุกเสียดที่ช่องทางด้านหลัง ตอนแรกก็สุขสมดีแต่มาตอนนี้กลับรู้สึกเสียดๆ จนลุกไม่ไหว

จีรัชญ์เห็นอีกฝ่ายยังนอนนิ่งจึงอุ้มไปเข้าห้องน้ำ ณิชได้รับคำตอบทันทีว่าตอนที่ตนเป็นลมหน้าห้องจีรัชญ์นั้น อีกฝ่ายอุ้มเขามาได้อย่างไร ก็จีรัชญ์ทำกับเขาราวกับเขาคือปุยนุ่นที่เบาหวิว

เมื่อพาเข้ามาในห้องน้ำได้ก็วางลงในอ่าง เปิดน้ำให้ได้ล้างเนื้อล้างตัว พวกเขาเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่ ณิชรู้สึกกระดากอายเล็กน้อยเมื่อหันไปเห็นของจีรัชญ์ในสายตาพอดี เพราะอีกฝ่ายยืนอยู่นอกอ่างคอยส่งอุปกรณ์อาบน้ำให้เขาใช้ ตอนนี้แม้จะไม่ขึ้นเต็มลำแต่มันก็ไม่ได้หดลงจนเหี่ยวแฟบ ขนาดเช่นนี้เองที่เข้าไปอยู่ในตัวเขา ตอนเห็นในฝันก็ไม่ได้มองให้ถนัดด้วย

“ผมคงทำให้คุณอีกไม่ได้ คุณจะเจ็บมากกว่านี้”

“ผมยังไม่ได้คิดอะไรเลย” ณิชรีบพูดก่อนจะหลบสายตา แต่พอหันกลับไปก็เห็นว่าจีรัชญ์มองอยู่ ฝ่ายนั้นส่ายหน้าเบาๆ ราวไม่เชื่อ

“สายตาคุณมันฟ้อง” จีรัชญ์ใช้นิ้วชี้ชี้วนๆ ที่ตาของณิช ทำเอาคนที่นั่งอยู่ในอ่างถึงกับอายหน้าแดง จากนั้นก็ดึงม่านอาบน้ำมาปิด กันไม่ให้จีรัชญ์มองตนได้อีก

กว่าพวกเขาจะอาบน้ำเสร็จก็ใช้เวลาไปราว 10 กว่านาที ครั้งนี้ณิชฝืนเดินออกมาเองไม่ต้องรอให้ใครอุ้ม จีรัชญ์แต่งตัวด้วยชุดนอนส่วนเขาก็ยืมชุดของจีรัชญ์มาใส่ไปก่อน

“เอ่อ...งั้นผม...กลับห้องแล้วนะ” หนุ่มเมืองกรุงพูดด้วยท่าทีเคอะเขิน ก็เขาไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรดี จะมองจีรัชญ์ก็เขินเกินกว่าจะมองได้ พอมองไปที่เตียงภาพเมื่อครู่ก็ฉายทับว่าพวกเขาเร่าร้อนใส่กันมากแค่ไหน เชื่อแล้วจริงๆ ว่าความโหยหาของจีรัชญ์มันดุดันร้อนแรงจริงๆ

จีรัชญ์ไม่ตอบแต่เดินตามมาส่งที่หน้าห้อง ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว ชั้นบนของวังปริพัตรเงียบสงัด พวกเขาจึงต้องทำอะไรเบาๆ ไม่เป็นการปลุกมิ้งที่อยู่ชั้นเดียวกัน

“เอ่อ...” ณิชอ้ำอึ้งเมื่อยืนอยู่หน้าห้องตัวเอง ใจเต้นถี่รัวจนเลือดฝาดสูบฉีดขึ้นแก้มตลอดเวลา เขาเงยหน้ามองจีรัชญ์ก่อนจะตัดสินใจบอกราตรีสวัสดิ์

“ฝันดีเช่นกันครับ” จีรัชญ์ตอบกลับ ทำท่าจะเดินกลับห้องแต่ณิชกลับรั้งอีกฝ่ายไว้ จากนั้นก็เขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มอีกฝ่ายเร็วๆ แล้วหนีเข้าห้องไปเลย

ทันทีที่อีกฝ่ายปิดประตู ก็เหมือนเป็นการบอกว่าความสุขในค่ำคืนนี้ของจีรัชญ์ได้สิ้นสุดลงแล้ว เขามีความสุขที่ได้สัมผัสคุณปราณอีกครั้ง แต่ความสุขเหล่านั้นก็ผ่านไปเร็วเหลือเกิน ยามเมื่อคิดว่าวันเวลาของเขากับอีกฝ่ายก็กำลังถอยหลังหมดลงเช่นเดียวกัน

‘อิจฉาคนมีความรักเสียจริง นี่ถ้าข้าเชื่อเจ้ามิ่งตามมาดูเอ็งกับคุณปราณ ป่านนี้ตาคงบอดเสียแล้ว’

‘หุบปากมึงไป กูยังไม่ได้ชำระความที่มึงกล้าปิดบังกูเลยนะ’

‘นายกูสั่งสิ่งใด มีหรือบ่าวอย่างกูจะไม่ทำตามไอ้เพื่อนเกลอ มึงก็รู้ว่ากูซื่อสัตย์ต่อคุณปราณมากเพียงใด’

‘ถ้าอย่างงั้นคืนนี้มึงก็ดูแลนายมึงด้วยแล้วกัน วันรุ่งขึ้นคงจับไข้’

จีรัชญ์ทิ้งคำเพียงแค่นั้นก็ปิดประตูเสียงดังปัง ไอ้มั่นถึงกับสะดุ้งแต่ก็เข้าใจในความหงุดหงิดของไอ้เกลอได้ ใครบ้างจะไม่เครียดเวลาที่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดสิ่งใดขึ้น อนาคตที่พอจะคาดเดาได้ และมันก็ได้แต่ภาวนาขออย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมอีกเลย







โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๑/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๕ {ครึ่งหลัง} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 11-09-2020 19:58:49
ิอจฉา คนมีความรัก

แต่ ชอบอ่ะ

หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๑/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๕ {ครึ่งหลัง} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 11-09-2020 20:31:43
จะเกิดอะไรขึ้นอีกแน่ๆเลย สงสารทั้งสองคน

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๑/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๕ {ครึ่งหลัง} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 11-09-2020 20:56:35
Nc แบบไม่คาดคิด ไอ้หาญรุนแรงเวอร์ ทำครั้งล่าสุดก่40ปีมาแล้วสินะ เข้าใจๆ o18
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๑/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๕ {ครึ่งหลัง} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 11-09-2020 22:52:16
  :กอด1: :oo1: :pighaun: :jul1:   :-[
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๑/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๕ {ครึ่งหลัง} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-09-2020 01:16:22
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๑/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๕ {ครึ่งหลัง} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 12-09-2020 01:33:05
นานแล้วสินะหาญ อยากให้คำสาปให้ไปเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๑/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๕ {ครึ่งหลัง} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: mister ที่ 12-09-2020 02:15:40
สงสารหาญล่วงหน้าเลยอะ :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๑/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๕ {ครึ่งหลัง} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 12-09-2020 09:11:04
ชาตินีสองคนจะฝ่าฟันจนพ้นคำสาปได้ไหมนะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๑/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๕ {ครึ่งหลัง} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 13-09-2020 13:21:50
+เป็ดเป็นกำลังใจให้หาญกับณิช :L2:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๑/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๕ {ครึ่งหลัง} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 16-09-2020 09:55:15
บทที่ ๑๖ (ครึ่งหลัง)


ไอ้มั่นยืนกอดอกตรงปลายเตียงสี่เสาของไอ้เพื่อนเกลอ หน้าดำทะมึนของมันกำลังบึ้งตึง บ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างที่สุด โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ตื่นมารับรู้เรื่องราวใดๆ ยังคงนอนหลับส่งเสียงกรน จนดวงวิญญาณของไอ้บ่าวผู้ซื่อสัตย์ต้องส่งลมพัดแรงๆ ผ่านหน้าต่างเข้ามา

ลมพัดระลอกแรกผ่านไปไม่มีทีท่าว่าจะปลุกไอ้เกลอได้ ไอ้มั่นขบฟันกรอดนึกแค้นใจที่เพื่อนรักช่างกล้าทำกับมันเช่นนี้ หากมือมันหยิบจับสิ่งใดได้ ป่านนี้หัวไอ้หาญคงแตกเป็นเสี่ยงๆ

“อือ...เห้ย!” จีรัชญ์สะดุ้งตกใจหลังจากรู้สึกได้ว่ามีคนมอง เขาจึงปรือตาขึ้นดูอย่างคนกึ่งหลับกึ่งตื่น ก่อนจะเห็นเป็นไอ้มั่นที่ยืนกอดอกจ้องมองอยู่ปลายเตียง หน้าตาโกรธขึ้งของมันสื่อว่ากำลังเกิดเรื่องที่ทำให้มันไม่พอใจ

“เกิดอะไรขึ้นอีก” จีรัชญ์ถามออกเสียง น้ำเสียงแหบพร่าเพราะยังไม่ตื่นดี เขาหาววอดใหญ่ก่อนจะเกาหลังที่เปลือยเปล่าเพราะไม่ได้ใส่เสื้อนอน ขนาดปิดม่านแล้วยุงก็ยังลอดเข้ามากัดได้ มุ้งลวดที่หน้าต่างก็สั่งทำมาอย่างดี พรุ่งนี้คงต้องฉีดยากันยุงสักหน่อยแล้ว

“เพราะมึง”

“อะไร” จีรัชญ์ถามเสียงงึมงำตาปิด ทำท่าจะหลับอีกรอบ

“คุณปราณของข้าจับไข้!”

พอได้ฟังคำเพื่อนรักที่ไร้กายหยาบจีรัชญ์ก็ถอนหายใจ มองเวลาตอนนี้คือตีสองครึ่ง เป็นช่วงเวลาที่คนเราต้องพักผ่อนมากที่สุด แต่ไอ้มั่นกลับมายืนกดดันให้เขาลุกเสียได้

“กูบอกมึงแล้วว่าให้ดูแลนายมึงให้ดี” เขาพูดทั้งที่ยังหลับตาอยู่เช่นเดิม

“มึงอย่ามาไร้ความรับผิดชอบเยี่ยงนี้ไอ้เกลอ หากกูไปตามเจ้ามิ่งได้คงตามเสียนานแล้ว”

“แล้วทำไมไม่ไป”

“มึงจะให้เจ้ามิ่งมันเห็นรอยอุบาทว์ที่มึงทำไว้บนตัวนายกูรึ! ไป...มึงต้องไปดูคุณปราณให้กู”

จีรัชญ์เอาหน้าซุกหมอนเพราะง่วงเกินบรรยาย หลังจากส่งณิชเข้าห้องเขาก็กลับมานั่งทำงานต่อ กว่าจะได้นอนก็เมื่อสองชั่วโมงก่อนนี่เอง แต่เพราะฝ่ายนั้นไม่สบาย อย่างไรเสียก็ต้องไปดูแลสักหน่อย

เขาตวัดผ้าห่มออกจากกายแล้วลงจากเตียง คว้าเสื้อคลุมมาใส่ทับกายพอไม่ให้น่าเกลียด ช่วงล่างมีเพียงกางเกงผ้าแพรที่ใส่นอนเป็นประจำเท่านั้นที่ใส่อยู่ ก่อนจะเดินไปที่ห้องของณิชซึ่งอีกฝ่ายล็อกประตู เขาจึงต้องเดินกลับห้องตัวเองมาหยิบกุญแจ โดยมีไอ้มั่นตัวดำทะมึนเดินตามอย่างกดดัน

แน่ล่ะ... มันรักนายของมันขนาดนี้ พอเห็นว่าเจ้านายโดนเขารังแกจึงมาไล่บี้ ไม่คิดถึงความเป็นเพื่อนที่มีให้กันมายาวนานหรอก

เมื่อเข้ามาในห้องของณิชได้เขาก็ตรงไปหายอดดวงใจของตัวเองในทันที อีกฝ่ายกำลังนอนหลับสนิทไม่ได้รู้เรื่องรู้ราว แต่เมื่อเอามือแตะที่หน้าผากจึงรู้ว่าณิชตัวร้อนมาก มีเหงื่อผุดซึมตามกรอบหน้า เขาจึงรีบเอาผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำแล้วบิดให้พอน้ำไม่หยด จากนั้นก็เริ่มเช็ดตัวให้คนป่วย

“ออกไป” จีรัชญ์พูดขณะที่กำลังจะถอดเสื้อให้คนป่วย แต่หางตาเห็นว่าไอ้มั่นยังคงยืนมองอยู่จึงออกปากไล่

“กูไม่ออก ประเดี๋ยวมึงจะทำอันใดนายกู”

“ไอ้มั่น มึงจะห่วงนายมึงกูไม่ว่า แต่กูก็ไม่อยากให้ใครเห็นร่างกายคนของกูเช่นเดียวกัน” จีรัชญ์เสียงแข็ง ไอ้มั่นจึงได้แค่ฮึดฮัดและหายออกจากห้องไป แต่มันก็ไปไหนไม่ไกล ยังเงี่ยหูฟังอยู่นอกประตูด้วยความเป็นห่วงคุณปราณจับใจ

ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าของณิชออกจนหมด และเพิ่งรู้ว่าณิชไม่ใส่ชั้นในนอน เพราะอีกฝ่ายใส่แค่กางเกงบ็อกเซอร์ย้วยๆ ปิดช่วงล่าง กับเสื้อกล้ามเว้าแขนกว้างมีรอยขาดตรงไหล่เท่านั้น เขาเริ่มต้นเช็ดที่แขนก่อน จากนั้นค่อยไล่มาตามตัวและขา เว้นส่วนนั้นที่กำลังหลับสนิทตามเจ้านายไว้

นึกไปถึงเรื่องเมื่อหัวค่ำก็นึกขำไม่ได้ ตอนนั้นยังกล้าเรียกร้องให้เขาใส่เข้าไปในตัวอยู่เลย มาตอนนี้ดันเป็นไข้ซะแล้ว ระหว่างที่เช็ดตัวให้ณิชครางเบาๆ บ่นว่าหนาว แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดมือได้เพราะต้องทำให้ไข้ลดก่อน เช็ดไปเช็ดมาคนป่วยก็ตื่น

ณิชปรือตามองว่าใครมาทำอะไรร่างกายเขา เมื่อเห็นว่าเป็นจีรัชญ์จึงหันไปกอดหมับเข้าเอวทันที รู้สึกได้ว่าลมหายใจตัวเองร้อนผ่าวและมีอาการมึนหัวร่วมด้วย ส่วนช่วงล่างนั้นราวกับเป็นอัมพาต เขาไม่อยากขยับแม้แต่น้อยเพราะปวดไปหมด ยิ่งช่องทางด้านหลังไม่ต้องพูดถึง เขาจะไม่ถ่ายหนักเลยคอยดู

“คุณณิช นอนดีๆ ครับ ผมจะได้เช็ดตัวให้”

“ผมเจ็บตรงนั้นอ่ะ” ณิชบอกเสียงเบาเหมือนอ้อน ทำเอาจีรัชญ์ผู้นิ่งขรึมเกือบหลุดขำ ก่อนจะดันอีกฝ่ายให้นอนลงดีๆ เขาจะได้เช็ดตัวให้ต่อ

ณิชนอนให้จีรัชญ์เช็ดตัวให้จนผล็อยหลับไปเพราะความเพลีย คุณหมอจำเป็นใส่เสื้อผ้าให้อีกฝ่ายจนเสร็จ ทำท่าจะกลับห้องแต่กลับลังเลกลัวว่าณิชอาจมีไข้สูงอีก เหมือนเช่นวันนั้นที่เขาเคยมาดูแล จึงเลือกที่จะล้มตัวลงนอนข้างกัน และหลับไปเพราะความง่วงในที่สุด

::::::::::

ณิชสะดุ้งตื่นในตอนเช้าเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือ ตอนนี้อาการไข้ไม่ค่อยมีแต่อาการปวดก้นยังคงอยู่ หันไปมองข้างกายก็พบว่ามีผู้ชายตัวใหญ่ที่ดูแลเขาเมื่อคืนนอนอยู่ข้างกัน เขารีบหยิบโทรศัพท์มารับสายก่อนที่อีกฝ่ายจะตื่น และเดินเลี่ยงไปทางหน้าต่างให้ห่างจากเตียงสักหน่อย

“ครับพี่โอ๋”

[เออ เมื่อไหร่จะกลับวะ คิดถึงแล้วเนี่ย]

“งานยังไม่เสร็จเลยพี่ ก็ใครใช้ให้คุณแขโยนผมกับไอ้มิ้งมาที่นี่ล่ะ” ณิชป้องปากกระซิบตอบกลับไป

[นี่มีงานลูกค้ามาอีกแล้ว เขาระบุมาเลยว่าจะให้มึงทำ เพราะเขาเห็นประวัติว่ามึงเคยชนะประกวดออกแบบ]

“ใครวะ เป็นบริษัทหรือเป็นลูกค้ารายบุคคล”

[เป็นเจ้าของโรงแรมริมแม่น้ำเลย เขามีแพลนจะสร้างและกำลังหามัณฑนากร พอเห็นชื่อมึงในเน็ตก็เลยพุ่งมาคว้าไว้ แต่คุณแขบอกมึงติดงานอยู่ใต้]

“แล้วจะให้ผมทำไง เร่งงานที่นี่เหรอพี่ คือ...” ณิชลังเลก่อนจะมองไปที่เตียงนอน งานที่นี่ทำใกล้เสร็จแล้ว เหลืออีกเพียงสองห้องพวกเขาก็จะกลับกรุงเทพฯ ได้ แต่ใจเขายังอยากจะอยู่ที่นี่ต่อ ไม่อยากไปไหนอีกแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจีรัชญ์จะอนุญาตให้อยู่ไหมนี่สิ

[มึงก็เร่งงานหน่อยก็แล้วกัน เขาบอกจะรอมึง ไม่ว่ายังไงก็รอ คุณแขเขาก็อยากรับงานนี้เพราะได้เงินดี เขายอมทุ่มเพื่อให้ได้ตัวมึงมาทำงานให้เขาเลยนะเว้ย]

“แหม คุณแขได้แล้วผมจะได้ด้วยไหม ขอแบบหนักๆ เลยได้รึเปล่า” ณิชถามพลางกลั้วหัวเราะ จึงได้ยินหัวหน้าตัวเองบ่นมาตามสายแบบไม่จริงจังนัก

[งั้นตกลงตามนี้นะ เร่งช่างหน่อย คนทางนี้เขารอมึงอยู่]

“ครับ” ณิชรับคำเบาก่อนจะวางสาย เมื่อหันกลับไปก็พบว่าจีรัชญ์ตื่นแล้ว และกำลังมองเขาอยู่

“ผมเสียงดังจนทำให้คุณตื่นเหรอ ขอโทษทีครับพอดีคุยเรื่องงานน่ะ” ณิชกล่าวก่อนจะเดินกระย่องกระแย่งกลับมาที่เตียง

จีรัชญ์เห็นท่าทางเก้ๆ กังๆ เวลาเดินของอีกฝ่ายก็รู้สึกผิดจับใจ เพราะความขาดสติยั้งคิดของเขาทำให้ณิชต้องเป็นแบบนี้ พอได้ใกล้ได้เล้าโลมเข้าหน่อยเขาก็เตลิดได้ง่าย เพราะใจลึกๆ ก็อยากครอบครองอีกฝ่ายอยู่ร่ำไป

“ไม่หรอก แล้วนี่คุณเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นรึยัง”

“ก็...เจ็บแหละครับ” ณิชตอบพลางยิ้มอ่อน

มาตอนนี้บรรยากาศมันกระอักกระอ่วนบอกไม่ถูก เขาไม่รู้จะโฟกัสตรงไหนดี เพราะบนตัวจีรัชญ์ไม่มีอะไรคลุมกายเลย มีเพียงกางเกงผ้าแพรเท่านั้น

“ผมขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณเจ็บขนาดนี้”

จีรัชญ์กล่าวจากใจจริง แต่กลับเรียกรอยยิ้มเขินและแก้มสีระเรื่อจากณิชได้เป็นอย่างดี จนเจ้าตัวต้องหันหน้าหลับไปทางอื่น เพราะยิ่งจีรัชญ์พูดว่า ‘ไม่ตั้งใจ’ มันทำให้เขาคิดถึงตอนที่เสียงเตียงลั่นไม่ได้ นั่นขนาดไม่ตั้งใจนะ ถ้าตั้งใจเตียงคงพัง

แล้วตัวเขานี่อะไร ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน แต่เมื่อโดนจีรัชญ์ปลุกอารมณ์เข้าหน่อยก็ไปสุดหยุดไม่อยู่ ท่าทางยั่วยวนราวไม่ใช่ตัวเอง ทั้งเขินทั้งอายที่กล้าเชิญชวนอีกฝ่ายให้มามีอะไรด้วยกัน ออกปากเองด้วยว่ายินดีให้อีกฝ่ายทำ ความสุขสมจากเมื่อคืนยังกรุ่นอยู่ในใจ มันทำให้เขามีความสุขมากกว่าวันไหนๆ ในชีวิตนี้เลย

“จะเป็นอะไรไหมถ้าผมจะขอดู...เอ่อ...” ชายหนุ่มอึกอักขึ้นมาทันทีเพราะยิ่งเห็นณิชหน้าแดงก็ยิ่งพูดไม่ออก ไม่รู้อีกฝ่ายกำลังเขินหรือโกรธเขากันแน่

“เอ่อ...ดะ...ได้ แต่คุณห้ามหัวเราะนะ”

“ทำไมต้องหัวเราะ”

“ไม่รู้สิ มันก็น่าอายอยู่เหมือนกันนะที่ให้ใครมาดูก้นให้”

“เมื่อคืนคุณยังไม่อายอยู่เลย” จีรัชญพูดหน้าซื่อๆ แต่ณิชคิดว่ามันคือสีหน้าของคนกวนแบบไม่แสดงสีหน้ามากกว่า ซึ่งมันยิ่งทำให้เขาอยากจะข่วนหน้าอีกฝ่ายจริงๆ

“ก็ตอนนั้นมัน...เห้อ! ช่างเถอะ ไม่ต้องดูหรอก เดี๋ยวก็คงหายละมั้ง” ณิชตัดบทก่อนจะลุกขึ้นยืน แต่ดันหน้ามืดเซเกือบล้ม ดีที่จีรัชญ์คว้าแขนได้ทันจึงไม่ร่วงไปกองกับพื้นเสียก่อน ไม่งั้นไอ้ที่เจ็บๆ อยู่ก็คงเจ็บจนเดินไม่ได้แน่ๆ

ก๊อกๆๆ

“พี่ณิช ตื่นรึยัง ลงไปกินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวคุณตรีรอนะ ปล่อยให้เขารอมาเป็นร้อยปี ถ้ารอนานกว่านี้ระวังเขาจะเปลี่ยนใจนะ”

เสียงทะเล้นของมิ้งดังขึ้นหน้าห้อง จีรัชญ์มองณิชพร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย แสดงว่าณิชบอกเรื่องนี้ให้กับมิ้งรู้แล้วอย่างนั้นเหรอ แล้วมีใครอีกบ้างที่รู้เรื่องคำสาปนี่ เรื่องราวที่เขาปิดบังไว้ไม่ให้คนนอกรู้แม้แต่คนเดียวนอกจากสุทิน ยังมีคนอื่นรู้เรื่องอีกมากน้อยแค่ไหน คิดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกเหมือนโดนอีกฝ่ายหักหลังกลายๆ เขาใช้ความพยายามในการปกปิดตัวตนมานานมาก แต่ณิชกลับพูดเรื่องนี้ให้คนนอกฟังได้ง่ายดาย

“นี่คุณ...”

ณิชยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากหยักของอีกฝ่ายไม่ให้พูด เขามองหน้าเจ้าของชื่อที่มิ้งเอ่ยถึง ก่อนจะรีบตอบหญิงสาวกลับไปเสียงละล่ำละลัก

“อะ...เออ...เดี๋ยว...เดี๋ยวลงไป ขออาบน้ำก่อน”

“งั้นให้หนูเข้าไปรอในห้องได้ป่ะ หนูไม่อยากลงไปเจอหน้าคุณตรีอ่ะ กลัวอดใจไม่ไหวจีบคุณเขาตัดหน้าพี่ณิช” มิ้งเย้าแหย่เพราะคิดว่าคนที่อยู่อีกฝั่งของประตูคงเขินหน้าแดง ซึ่งมันก็จริงเพราะนอกจากมิ้งจะแซวเขาได้แล้ว ยังพูดให้จีรัชญ์ได้ยินทั้งหมดอีกด้วย

จีรัชญ์ทำเพียงแค่ลุกขึ้นแล้วหยิบเสื้อคลุมมาสวม เขากระแอมเล็กน้อยก่อนจะเดินไปทางประตู ณิชตามไปจะห้ามแต่ไม่ทันเสียแล้ว จีรัชญ์เปิดประตูออกไปเจอมิ้งยืนยิ้มกว้างก่อนหน้าอีกฝ่ายจะค่อยๆ เจื่อนลง แล้วมองเลยเข้าไปในห้องของรุ่นพี่เธอด้วยสีหน้าสงสัยปิดไม่มิด

“ไม่ต้องรีบหรอกครับ ผมแวะมาคุยธุระกับคุณณิชตั้งแต่เช้าเพลินไปหน่อย กินเวลาอาบน้ำเขาไปพอสมควร ต้องขอโทษด้วย” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ ใบหน้านิ่งขรึมดูเรียบนิ่งก่อนจีรัชญ์จะเดินกลับห้องไป ทิ้งมิ้งให้ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม ส่วนณิชนั้นหายเข้าห้องน้ำไปแล้ว

::::::::::::

“พี่ก็ไม่บอกหนูเลยว่าคุณตรีอยู่ในห้อง แล้วนี่เป็นไง เขาก็รู้แล้วสิว่าพี่เข้าหาเขาอ่ะ หนูขอโทษจริงๆ นะพี่ณิช หนูไม่รู้จริงๆ” มิ้งยกมือไหว้ท่วมหัวในขณะที่เขาสองคนกำลังคุมช่างทำงานอยู่

ตอนนี้ของตกแต่งที่สั่งมาก็ทยอยมาส่งแล้ว งานห้องนั่งเล่นสองห้องเสร็จไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ห้องดนตรีที่มีเพดานสูงจากห้องอื่น ตอนเห็นครั้งแรกก็รู้สึกว่าเก่ามาก มีเปียโนหลังใหญ่วางเด่นเป็นสง่าอยู่มุมหนึ่งของห้อง พวกเขาไม่ได้ไปยุ่งกับมันเนื่องจากตรงโซนนั้นจีรัชญ์ไม่ได้ต้องการตกแต่งใหม่

หน้าต่างที่เคยเป็นไม้ถูกเปลี่ยนเป็นกระจกแทน พรมถูกรื้อออกเปลี่ยนเป็นกระเบื้อง เก้าอี้และโต๊ะที่เคยดูไม่เข้ากันถูกรื้อออก และสั่งชุดใหม่เข้ามาวางให้เข้ากับคอนเซปที่ทันสมัยขึ้น จากห้องที่ดูทึบทึมในตอนแรก ณิชออกแบบให้เป็นห้องที่โล่งโปร่งสบาย เหมาะแก่การฟังเปียโนในยามค่ำคืนและใช้เป็นที่สังสรรค์ได้ด้วย

เขาไม่รู้ว่าหาญเอาเงินจากไหนมาสร้างวังที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ อายุคฤหาสน์ไม่น้อยเลยทีเดียว เขาไม่รู้ว่าวังปริพัตรเจ้าของเดิมคือใคร หรือเป็นของหาญมาตั้งแต่แรก แต่เมื่ออาจารย์มหา’ ลัยได้ครอบครองพื้นที่เป็นสิบๆ ไร่ตรงนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว

“ช่างเถอะ พี่มีเรื่องให้เครียดกว่านั้นว่ะ”

“เรื่องไร” มิ้งรีบถามทันที โล่งใจที่อีกฝ่ายไม่ถือโทษโกรธเธอที่ดันแซวไม่รู้เวลา

“พี่โอ๋บอกให้เร่งงานทางนี้ เพราะที่บริษัทมีลูกค้ามาระบุเจาะจงว่าจะจ้างพี่”

“อ่าว แล้วคุณแขว่าไง เธอไม่ได้บอกเหรอว่าพี่ติดงานทางนี้”

“บอกแล้ว แต่เขาบอกว่าจะรอ พี่โอ๋บอกเขาทุ่มเงินเพื่อจะจ้างพี่โดยเฉพาะ คุณแขก็ไม่อยากเสียโอกาสส่วนนี้ไปด้วย” ณิชตอบเสียงเครียด เขาเข้าใจอารมณ์คนเป็นเจ้าของธุรกิจดี หากมีเงินจ้างทำงานในจำนวนที่เพิ่มขึ้นจากเดิม ยังไงก็อยากคว้าไว้ก่อนจะเสียโอกาสไป ส่วนมิ้งที่รับรู้เรื่องราวมาตั้งแต่ต้นเลยเครียดตามไปด้วย

“หรือพี่จะขึ้นไปคุยกับเขาก่อนล่ะ หนูดูทางนี้ให้เอง” เธอลองเสนอทางเลือกให้ เพราะเข้าใจคิดว่าที่ณิชเป็นแบบนี้เพราะห่วงหน้าพะวงหลังเรื่องงาน

“ไม่เว้ย คือพี่...” ณิชถอนหายใจเฮือกใหญ่

ตั้งแต่เขารู้เรื่องราวในอดีตทั้งหมดเขาก็ไม่อยากทิ้งหาญไปไหนอีก หาญรอเขามานานมากเกินไปแล้ว และเขาก็ไม่อยากห่างจากอีกฝ่ายแม้แต่นาทีเดียว หัวใจที่ไม่เคยออกอาการบัดนี้มันเต้นได้ด้วยเพราะจีรัชญ์ทั้งหมด เขาไม่คิดเลยว่าความรู้สึกเหมือนเขากำลังรอใครสักคนให้มารัก จะถูกเติมเต็มในวัยนี้

ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขามีชีวิตเรียบเรื่อย โดดเด่นแค่เรื่องเรียนกับเรื่องงานเพียงเท่านั้น ชีวิตรักที่เขามีนับคนได้เลย และคนเหล่านั้นก็ไปด้วยกันไม่รอด ด้วยเหตุผลว่าเขาไม่รู้จักความรักมากพอ จนมาตอนนี้ถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้ว ไม่ใช่เขาไม่รู้จักความรักไม่มากพอ แต่เป็นเพราะกำลังรอใครคนนั้นที่สอนให้เขาได้รู้จักรักมานานแล้วต่างหาก

ทางฝั่งจีรัชญ์ที่เมื่อทานมื้อเช้าเสร็จก็ปลีกตัวออกมาอยู่คนเดียว เขาไม่ได้เข้าไปคุมงานตกแต่งอย่างที่เคยทำเป็นปกติ เพราะเขายังรู้สึกเคืองอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย ที่กล้าเอาเรื่องเหลือเชื่อที่วิทยาศาสตร์ก็อธิบายไม่ได้ไปเล่าให้คนอื่นฟัง ทั้งที่ตอนนี้โลกพัฒนาไปไกลแล้ว การที่จะมีเรื่องเหนือธรรมชาติแบบนี้คนอื่นคงได้มองว่าบ้า ป่านนี้มิ้งจะมองเขาอย่างไร มองเป็นผีหรือซูเปอร์ฮีโร่ฆ่าไม่ตายไปแล้วรึเปล่า

ไหนจะเรื่องที่ทำให้ณิชเครียดมาตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์นั่นอีก ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มปกติ เขาเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของอีกฝ่ายด้วย จีรัชญ์เห็นใบหน้าอีกฝ่ายเครียดขรึมไปถนัดตาตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์เมื่อช่วงเช้า เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าณิชมีเรื่องอะไรทำไมถึงได้มีท่าทีเช่นนี้ ไอ้มั่นที่รู้ใจเพื่อนรักดีจึงไปสืบมาให้จนได้ความว่า...

‘คุณปราณต้องกลับบางกอกแล้ว เพราะมีคนรอคุณเขาอยู่ที่นั่น’


ข้อความที่ไอ้มั่นถอดมาให้จีรัชญ์สั้นกระชับ เพราะมันได้ยินแว่วๆ ตอนมิ้งกับณิชคุยกัน เพียงแต่ไม่ได้เข้าไปใกล้เพื่อไม่ให้คนทั้งสองรู้ตัวว่ามันกำลังแอบฟังอยู่ด้วย แต่ใจความกลับกลายเป็นอื่น ซึ่งนั่นทำให้จีรัชญ์ถึงกับใจหายวาบ

ลึกๆ ความสุขที่ณิชมอบให้เมื่อคืนก็เปรียบเหมือนน้ำหยดลงบนหน้าดินที่แห้งแล้ง ให้มันได้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง แต่หากความสุขที่เขาได้แตะต้องเพียงเสี้ยวจะจากไป เขาก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยอีกฝ่ายไปเหมือนดั่งที่แล้วมา

‘หากเขาจะไปก็ให้เขาไป กูจะไม่ห้าม’

‘ถ้าคุณเขากลับไปแล้ว มึงจะหาโอกาสเจอคุณเขาได้อีกที่ไหนล่ะวะ อย่าปล่อยให้กลับไปสิ ให้อยู่ด้วยกันที่นี่ มึงอย่าฝืนใจตัวเองอีกเลย’

‘รั้งให้เขาอยู่ เพื่อรอวันที่เขาจะทิ้งกูไปอีกหนนะหรือ’


ไอ้มั่นเงียบเพราะเถียงไม่ออก ได้แค่นั่งข้างไอ้เกลอที่ทำราวกับทองไม่รู้ร้อน ไม่คิดจะทำการอันใดเพื่อแก้ไข้โชคชะตาในชาตินี้ให้ดีขึ้น แต่ในใจมันรู้ดีว่าไอ้หาญก็คงเจ็บปวดดังเช่นที่แล้วมาเช่นกัน

‘ถ้าเช่นนั้นชาตินี้มึงต้องการสิ่งใด อยู่รอเวลาให้คนรอบข้างหมดอายุขัย และเปลี่ยนตัวตนไปเรื่อยๆ รอเวลาให้คุณปราณสิ้นใจและกูหายไปอีกครั้ง ค่อยมาพบมึงในชาติใหม่ที่คุณปราณกลับมาจำเรื่องราวได้อีกกระนั้นหรือ’

‘มันต้องเป็นอย่างนั้นไม่ใช่รึไง มีชีวิตอยู่เพื่อเจอกันและมองดูเขาจากไป’


เสียงตอบในใจของจีรัชญ์มันเต็มไปด้วยความสมเพชตัวเอง รอยยิ้มหยันผุดขึ้นบนใบหน้าคมคายเหมือนจะหัวเราะกับชะตาชีวิตที่ไร้จุดจบ หากถามว่าไอ้หาญยังรักคุณปราณอยู่ไหม เขาตอบได้เต็มปากว่ารักนี้ไม่เคยเปลี่ยน แต่หากถามว่าเขาอยากจะสู้อีกสักครั้งเพื่อจะได้หลุดพ้นจากคำสาปไหม เขาก็ตอบได้เช่นเดียวกันว่าไม่

“ผมง่วงแล้ว คุณช่วยเล่นเพลงนั้นให้ผมฟังหน่อยได้ไหม ผมอยากให้มันกล่อมผมนอนสักหน่อย”

“ได้ครับ”

“ขอบคุณครับ...คุณอนันต์”

ถ้อยคำสุดท้ายที่ฝากไว้ พร้อมลมหายใจที่ค่อยๆ แผ่วลงจนหยุดไปในที่สุด






โปรดติดตามส่วนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๖ {ครึ่งแรก} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 16-09-2020 13:28:31
ชาติก่อนหน้านี้เริ่มมาแล้ว

หาญคือคุณอนันต์ แล้วปราญคือใคร

รออ่านต่อครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๖ {ครึ่งแรก} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 16-09-2020 22:49:40
 :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๖ {ครึ่งแรก} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 17-09-2020 00:00:21
อ่าว เพิ่งได้กัน จะดราม่าแล้ว ฮื่อออออ :sad4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๖ {ครึ่งแรก} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: mister ที่ 17-09-2020 00:31:20
อยากรู้เรื่องชาติก่อนๆของณิชอีก :mew2:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๖ {ครึ่งแรก} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 17-09-2020 00:51:31
อยากให้คำสาปหายไปไวๆจัง กำลังจะหวานอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๖ {ครึ่งแรก} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 17-09-2020 19:33:26
กว่าจะพ้นคำสาป

จะต้องผิดหวังอีกแล้ว ?
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๖ {ครึ่งแรก} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-09-2020 23:18:23
 :serius2:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๖ {ครึ่งแรก} หน้า ๖
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 18-09-2020 17:07:32
บทที่ ๑๖ (ครึ่งหลัง)


“ป้าแจ่มเห็นคุณจีรัชญ์ไหมครับ”

ณิชถามหาจีรัชญ์ไปทั่ววัง เพราะตั้งแต่มื้อเช้าที่ผ่านมาเขาก็ไม่เห็นหน้าอีกฝ่ายอีกเลย จีรัชญ์ไม่ได้ออกไปข้างนอกเพราะรถยังจอดอยู่ รัศมีไม่ได้แวะเข้ามาและเขาก็ไม่เห็นว่าสุทินมาที่วังหลายวันแล้ว พอถามนายพลีฝ่ายนั้นก็ตอบว่าไม่เห็น เพราะตนกำลังจะเข้าสวนและไม่มีคำสั่งจากจีรัชญ์ว่าจะตามเข้าไปด้วยแต่อย่างใด

“ไม่อยู่ที่ห้องดนตรีเหรอคะ”

“ไม่ครับ ไปที่ห้องทำงานก็ไม่เจอ ไม่ได้เข้าสวนด้วย”

“ไปดูที่ศาลากลางสระบัวหรือยังคะ บางทีคุณตรีชอบไปนั่งรับลมที่นั่น”

สิ้นคำป้าแจ่มณิชก็ร้องอ๋อทันที เขาลืมไปเสียสนิทว่าหลังตัวตึกนี้มีสระบัวที่เขาเผลอตกน้ำตอนที่มาที่นี่ครั้งแรก จำได้ว่าตอนนั้นเขากลัวแทบตายและจีรัชญ์มาช่วยไว้ได้ทัน

หนุ่มร่างสูงโปร่งเดินไปทางข้างตึก ผ่านต้นพุดน้ำบุษย์ที่ปลูกเรียงรายเป็นสิบต้น เขาแวะเด็ดดอกมันมา 5-6 ดอก ส่วนใหญ่ยังเป็นสีขาวและสีเหลืองอ่อน เนื่องจากเพิ่งออกดอกได้ไม่นาน เขาเอามาทำเป็นช่อดอกไม้ แซมด้วยดอกหญ้าดอกเล็กๆ ก่อนจะมัดรวมกันด้วยใบหญ้าที่หาได้แถวนั้น

เมื่อเดินไปสักพักก็เห็นสระบัวที่ว่า และก็พบว่าจีรัชญ์อยู่ที่นี่จริงๆ ในมือของชายหนุ่มถือพู่กัน ร่างสูงใหญ่กำยำนั่งบนเก้าอี้สูง เจ้าตัวกำลังวาดภาพอะไรสักอย่างที่เขาเห็นไม่ชัดนักจนต้องเดินเข้าไปใกล้

“คุณวาดรูปเป็นด้วยเหรอ เก่งจัง อ่ะ...ผมให้รางวัล”

ณิชเอ่ยชมเปาะเมื่อได้มาเห็นใกล้ๆ ยื่นดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ มาตรงหน้า แม้จะเป็นเพียงการลงสีพื้นและการแต่งแต้มสีอื่นลงไปอีกหน่อย แต่ยังเห็นไม่ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังจะวาดอะไร แต่พอดูคร่าวๆ จากการลงสีน้ำบนกระดาษแล้ว น่าจะเป็นทิวทัศน์มากกว่ารูปบุคคล

จีรัชญ์หยุดมือทันทีเมื่อคนมาเยือนยื่นหน้าเข้ามาใกล้แทบจะแนบแก้มเขา เหลือบสายตาไปมองเล็กน้อยก็เห็นว่าอีกฝ่ายลอบยิ้มอยู่ และมองเขาเช่นเดียวกัน ดอกไม้ที่คุณปราณชอบเมื่อครั้งก่อนเก่าอยู่ตรงหน้าเขา เขาจึงต้องรับมาและวางไว้บนกล่องสี

“ขอบคุณ”

“คุณหลบหน้าผมเหรอ ทำไมชอบหลบผมจัง” ณิชยืดตัวขึ้นก่อนจะเดินไปนั่งตรงที่นั่งของศาลา ที่นั่งยื่นออกจากตัวศาลาเล็กน้อยทำให้ตัวศาลาดูกว้างขึ้น เขาพยายามไม่เอนตัวออกไปให้มากเกินจำเป็นเพราะกลัวว่าจะตกน้ำตกท่าไปอีก

ชายหนุ่มเหลือบมองผู้มาเยือนเล็กน้อย ในช่วงเวลาที่เขาเครียดเขามักจะหามุมสงบส่วนตัวสักมุมหนึ่งทำสิ่งที่ตนเอง ‘เคยชอบ’ อย่างเช่นการวาดภาพ เพื่อผ่อนคลายความเครียดที่สุมอยู่ในหัว แต่ดูเหมือนความสงบของเขาจะโดนก่อกวนเสียแล้ว และดูเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวด้วย

“มีธุระอะไร”

จีรัชญ์ถามเพราะเตรียมใจว่าอีกฝ่ายคงจะมาพูดกับเขาเรื่องกลับกรุงเทพฯ แน่นอน เพราะคงไม่มีเรื่องอื่นอะไรให้พูดอีก นอกจากเรื่องสำคัญเรื่องนี้ และเขาก็เตรียมใจรับไว้แล้ว หากอีกฝ่ายจะขอลากลับทันทีที่งานเสร็จ หรือจะทิ้งมิ้งไว้ที่นี่ให้ทำงานต่อ ตนก็จะไม่ขัดขวาง

ณิชมองคนที่เสียงแข็งทำตัวนิ่งขรึมราวกับเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น รู้สึกหงุดหงิดไอ้หาญขึ้นมาทันควันที่ชอบเล่นตัว แต่ก็พยายามท่องไว้ว่าตัวเขานั้นผิดมาตั้งแต่แรก เป็นต้นเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายต้องจมอยู่กับเรื่องทุกข์ทรมานเช่นนี้

“ผมแค่อยากคุยเรื่องเมื่อคืน คือ...คุณกับผม เรา...”

“คนเราเมื่อห่างหายเรื่องอย่างว่ามานาน พอถูกกระตุ้นมันก็ย่อมเตลิดเป็นธรรมดา หากคุณจะคิดว่ามันทำให้หลุดพ้นจากคำสาปของพ่อคุณได้ ผมคงต้องบอกว่าเสียใจด้วย เพราะมันไม่ได้ผล” จีรัชญ์พูดตัดบทเสียยาวเหยียดจนณิชนิ่งไป อีกฝ่ายยังคงจับพู่กันละเลงสีบนกระดาษ ราวกับว่าสิ่งที่พูดไปคือเรื่องลมฟ้าอากาศธรรมดา ไม่ใช่เรื่องสำคัญเลยสักนิด

“หมายความว่ายังไง”

ณิชถามน้ำเสียงจริงจังด้วยใจที่เต้นถี่รัว เรื่องพวกนี้เขาสองคนต้องช่วยกันแก้ ในเมื่อคำแช่งของออกญาศรีรัตนกรบอกไว้ว่า หากโชคชะตาของเขาสองคนแข็งแกร่งกว่า มนต์บทนั้นก็จะมลายหายไปได้ นี่เขาสองคนก็มาเจอกันแล้ว ใจก็ตรงกัน เพียงแต่จีรัชญ์ยังมึนตึงใส่เท่านั้น เขาคิดว่าถ้าหลุดจากสถานการณ์แบบนี้ไปได้ จีรัชญ์ก็คงหลุดพ้นจากคำสาปด้วย

“คุณไม่ต้องสนใจหรอก ผมบอกว่าคำสาปมันไม่หายไปก็คือไม่หายไป”

“คุณก็บอกสิว่าทำไม เมื่อก่อนไม่เห็นคุณจะเป็นแบบนี้เลย ในฝันของผมคุณเป็นคนที่หัวอ่อนกว่านี้ ใจดีกว่านี้ หรือโกรธผมมากจนให้อภัยกันไม่ได้” ณิชสวนกลับ

“ผมบอกแล้วว่าไม่เคยโกรธคุณ! ถ้าคุณอ่านสิ่งที่ผมเขียนจนเข้าใจ คุณจะรู้ว่าผมไม่เคยโกรธคุณเลย” จีรัชญ์ขึ้นเสียงใส่อย่างคนอารมณ์มาคุ รู้สึกไม่ชอบใจที่ณิชมาปรามาสตนแบบนั้น

คนอย่างไอ้หาญน่ะหรือจะโกรธเคืองยอดดวงใจของมัน ต่อให้อีกฝ่ายเหยียบย่ำหัวใจมาด้วยฝ่าเท้า มันยังไม่คิดโกรธเลย

“งั้นทำไมคุณถึงยังห่างเหินกับผมแบบนี้ เรื่องเมื่อคืนมันเปลี่ยนความคิดคุณไม่ได้เลยเหรอ คุณต้องการอะไรก็บอกผมสิ ผมจะได้ช่วยคุณ คุณจะได้หลุดพ้นจากเรื่องบ้าๆ นี้สักที!” ณิชตอบกลับอย่างเหลืออด

เขาก็หงุดหงิดใจไม่แพ้กัน อีกฝ่ายทำตัวราวกับมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นหลังจากที่หาญรู้เรื่องคำสาป แต่ไม่ยอมบอกเขาว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไง ถามไอ้มั่นฝ่ายนั้นก็บอกไม่ได้ บอกเพียงแต่ว่าต้องเป็นไปตามโชคชะตากำหนด

โชคชะตาบ้าบออะไรถึงได้เล่นตลกกับชีวิตคนแบบนี้ เรียกเคราะห์กรรมยังจะเหมาะกว่า มาทรมานกันแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องดีหรือโรแมนติกสักนิด

“ถ้าผมพูดไปคุณจะเอาไปบอกคนอื่นอีกไหมล่ะ จะป่าวประกาศเรื่องเหลือเชื่อนี้ให้คนอื่นรู้อีกรึเปล่า เช่น...คุณมิ้งเป็นไง”

เขายอมรับว่าตัวเองกำลังพาล แต่นั่นเพราะกลัวว่าสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดจะพังลงในชาตินี้ ณิชอาจจะจากเขาไปทิ้งไว้แค่เพียงเสี้ยวความทรงจำที่เขาต้องเก็บไว้คนเดียวเช่นเคย แต่คนที่ต้องอยู่กับอดีต และต้องรับมือกับอนาคตคือตัวเขาเอง หากมีคนรู้เรื่องนี้มากขึ้นจนคุมไม่ได้ เขาเตรียมตัวมีตัวตนในโรงพยาบาลจิตเวชได้เลย

“ผะ...ผม...ผมขอโทษ ผมไม่คิดว่ามันจะทำให้คุณโกรธขนาดนี้ คือ...มิ้งไม่ใช่คนที่จะเอาเรื่องนี้ไปพูดกับใครหรอกนะ อีกอย่างมิ้งเจอมั่นแล้วด้วย ยังไงก็ไม่มีทางหาว่าเราบ้าแน่นอน มิ้งเป็นพวกเรานะคุณ เขารู้เรื่องฝันของผมมาตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำ”

ณิชรีบอธิบายเพราะกลัวจีรัชญ์จะโกรธไปมากกว่านี้ ตอนนี้พอจะเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายโกรธเขาเรื่องอะไร ร่างกายสูงใหญ่ของอีกฝ่ายยืนขึ้นเต็มความสูง ใบหน้าหล่อคมตามแบบชายไทยดูโกรธเขามาก เขาเข้าใจดีว่าเรื่องราวของพวกเขามันละเอียดอ่อน หากใครไม่ได้เจอกับตัวก็คงไม่เชื่อ ยิ่งจีรัชญ์ไม่ใช่คนปกติแบบที่ ‘ปกติ’ จริงๆ ด้วยแล้ว ก็ยิ่งกังวลกลัวคนรู้ความลับเป็นธรรมดา

“คุณไม่ต้องห่วงเรื่องของผมหรอก ในเมื่อคุณกำลังจะกลับกรุงเทพฯ ก็ไม่ควรต้องห่วงเรื่องทางนี้ ชะตากรรมของผมเป็นเช่นไรต่อไปผมรู้ดี คุณแค่ทำตัวเหมือนอย่างที่แล้วมาก็พอ”

คำพูดตัดรอนของจีรัชญ์ทำณิชถึงกับอึ้งไป ณิชเงียบไปนานมาก จ้องมองอีกฝ่ายที่จ้องตนตอบก่อนจะเบือนหน้าหนีไปก่อน ความรู้สึกเขาตอนนี้เหมือนโดนจีรัชญ์ฟาดด้วยของแข็ง มันทั้งตกใจที่จีรัชญ์รู้เรื่องกลับกรุงเทพฯ และเสียใจที่อีกฝ่ายตัดไมตรีเหมือนไม่ได้ยินดีที่พบกันในชาตินี้ อีกทั้งอึ้งที่จีรัชญ์ทำราวกับว่าเมื่อคืนไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอยากรั้งเขาไว้

“คุณ...” ณิชพูดไม่ออกเพราะก้อนความเสียใจมาจุกอยู่ที่คอ เขาพยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลแต่มันก็ยากเกินทน จนท้ายสุดมันก็กลิ้งหล่นลงมาจากดวงตาทั้งสองข้าง จีรัชญ์ไม่ได้มองฝ่ายนั้นจึงไม่รู้ว่าเขากำลังร้องไห้ มารู้ก็ตอนที่ได้ยินเสียงสั่นเครือของณิชนั่นแหละ

“คุณใจร้ายมาก ผมไม่คิดเลยว่าไอ้หาญที่อ่อนโยนคนนั้นหายไปแล้ว ในฝันของผม...ไอ้หาญยอมทำทุกอย่างเพื่อจะได้อยู่คู่กับคุณปราณ แต่ตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าตลอดหลายสิบหลายร้อยปีที่ผ่านมา กาลเวลามันทำให้หาญเปลี่ยนไปจนกลายเป็นคนที่ผมไม่รู้จักไปแล้วใช่ไหม”

จีรัชญ์หันกลับมาเพื่อจะแย้งคำพูดของณิช แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อพบว่ายอดดวงใจของไอ้หาญน้ำตานองหน้า ริมฝีปากแดงแทบช้ำยามเจ้าตัวกัดไว้กลั้นเสียงสะอื้น แววตาที่ทอดมองมามีแต่ความเสียใจและความผิดหวัง อย่างที่ไม่เคยเห็นจากอีกฝ่ายมาก่อน

“ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น ผมอยากรู้จริงๆ บอกผมไม่ได้เลยเหรอ ผมทำผิดขนาดนั้นจนคุณฝังใจและต้องผลักไสไล่ส่งกันแบบนี้เหรอ” ณิชถามเสียงอ่อน ตอนนี้แรงจะยืนแทบไม่มีเพราะท้อใจกับสิ่งที่จีรัชญ์เลือก หน่วงในอกจนใจเจ็บไปหมด พยายามคิดแล้วคิดอีกว่าในฝันก่อนหน้านี้บอกอะไรเขาอีกไหม เขาลืมอะไรไปอีกรึเปล่า

จีรัชญ์เดินเข้ามาใกล้หนุ่มร่างสูงโปร่งแต่ก็ยังตัวเล็กกว่าเขาอยู่มาก อีกฝ่ายร้องไห้น้ำตาไหลพรั่งพรู เขาไม่อยากเห็นน้ำตาของณิชแม้แต่น้อย ยิ่งรับรู้ว่าคนตรงหน้าเศร้าเพียงใดเขายิ่งรู้สึกผิด แต่จะทำอย่างไรได้เมื่อเขาก็ไม่อยากต้องมองดูอีกฝ่ายจากไปอย่างไม่มีวันกลับเหมือนกัน

และนี่มันคือจุดประสงค์ของคำสาปนี้ ท่านออกญาฯ ต้องการให้ไอ้หาญอยู่อย่างทุกข์ทรมานเพื่อดูคนรักจากไป ชาติแล้วชาติเล่าที่ต้องมองอีกฝ่ายไม่หวนคืน มันเป็นคำสาปที่ทรมานเขาจนถึงที่สุด จะตายก็ไม่ได้ต้องทนทุกข์ต่อไปอย่างนี้ เขาไม่รู้ว่าอีกกี่ชาติที่ต้องเจอคุณปราณเขาถึงจะหลุดพ้น

ห้วงเวลาที่ผันผ่านไปแต่ละวัน สำหรับคนอื่นมันเพียงแค่ชั่วแสงตะวันลับขอบฟ้า แต่สำหรับเขาทุกอย่างเป็นนิจนิรันดร์ เขามองความเป็นไปของทุกคนที่อยู่รอบกายที่เป็นไปครั้งแล้วครั้งเล่า พบเจอผู้คนใหม่อีกครั้งไปเรื่อยๆ พยายามทำตัวให้ไร้ตัวตนในวงสังคมมากที่สุด เพื่อเวลาที่เขาจำต้องหายตัวไปคนอื่นจะได้ไม่สงสัย เพราะเหตุนี้ทำให้วังปริพัตรถูกสวนยางนับสิบไร่บดบังปิดซ่อนความสวยงามไว้

“ผมขอโทษ” จีรัชญ์พูดขึ้นในที่สุดหลังจากเงียบไปพักใหญ่

“ฮึก...ฮือ”

ณิชร้องออกมาอย่างสุดกลั้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงใจแข็งไม่เปลี่ยน แม้เขาจะยื่นมือออกไปหาหวังให้ไอ้หาญได้โอบกอดตนไว้ แล้วบอกว่ายอมทำทุกอย่างเพื่อเขา แต่กลับไม่ใช่อย่างที่คิดเลย จีรัชญ์ทำเพียงยื่นดอกไม้ช่อเล็กที่เขาทำมาให้คืนมาก่อนจะเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงเขาที่ทรุดลงนั่งและร้องไห้อยู่กับตัวเอง

มิ้งแอบมองคนทั้งคู่อยู่กับมั่น เธอตามมาดูเพราะอยากรู้ว่าท่าทีของคนทั้งสองดีขึ้นจากเดิมหรือไม่ เจอจีรัชญ์ออกมาจากห้องณิชตั้งแต่เช้าเลยแอบคิดไปว่าคนทั้งสองคงมีเรื่องดีแน่ๆ เธอไม่รู้ว่าทั้งสองคุยอะไรกัน แต่ท่าทางของณิชที่โดนทิ้งให้ร้องไห้อยู่คนเดียวทำเอามิ้งอยู่ไม่ติด รีบวิ่งไปหารุ่นพี่ของเธอทันที พร้อมกับไอ้มั่นที่แยกไปหาเพื่อนรัก เพื่อเค้นเอาคำตอบว่าเหตุใดคุณปราณของมันถึงได้เสียน้ำตาแบบนั้น

“พี่ณิช! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” มิ้งโอบกอดอีกฝ่ายที่ร้องไห้ตัวโยนไว้ นึกเคืองไอ้หาญไม่น้อยที่กล้าปล่อยคนรักให้ร้องไห้แบบนี้

ณิชไม่ตอบเพราะแรงสะอื้นทำให้เขาพูดไม่ได้ มิ้งจึงได้แค่นั่งปลอบคนที่กำลังร้องไห้ต่อไปจนกว่าณิชจะสงบลง ส่วนทางด้านไอ้มั่นที่มาดักรอจีรัชญ์ในห้องทำงานของอีกฝ่าย เพราะรู้ดีว่าไอ้เกลอมันหลบมาอยู่ที่ห้องนี้เป็นแน่ มันยืนหน้าถมึงทึงดูโกรธจัด แม้ไอ้หาญจะเป็นคนที่ครอบครองหัวใจของนายมัน แต่ก็ไม่มีสิทธิ์มาทำให้คุณปราณร้องไห้หนักถึงเพียงนี้

“มึงคิดจะทำอันใด” ไอ้บ่าวผู้ซื่อสัตย์เอ่ยถามเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงเครียดขรึม สายตามองตามไอ้หาญ จนอีกฝ่ายเบี่ยงหลบไปอีกทางไอ้มั่นก็ยังตามติดไม่ห่าง

“มึงปล่อยให้คุณเขาร้องไห้ มึงมิเคยเป็นเยี่ยงนี้ไอ้หาญ ไยมึงถึงได้ใจร้ายกับคุณเขานัก!”

“กูแค่ทำในสิ่งที่ควรจะทำ” จีรัชญ์ตอบเสียงเรียบ

“ด้วยการทำให้คุณปราณเสียใจน่ะหรือ!” ไอ้มั่นพุ่งเข้าหาเพื่อนรัก แม้ร่างจะเป็นเพียงดวงวิญญาณเลื่อนลอย แต่มันก็อยากจะชกหน้าไอ้เกลอสักหมัด เพื่อเรียกสติมันสักที

“มึงคิดว่ากูไม่เสียใจหรือไร มึงคิดว่ากูมีความสุขดีหรือที่เห็นเขาร้องไห้ คิดว่าคนอย่างกูไม่เจ็บปวดเลยรึที่เห็นเขาเป็นแบบนั้น คิดว่ากูอยากทำแบบนั้นรึ!! มึงบอกกูสิไอ้มั่น บอกว่ามีทางใดที่ไม่ทำให้กูและเขาเจ็บปวดไปมากกว่านี้ บอกกูมา!!”

จีรัชญ์หันมาตวาดเพื่อนรักเสียงดังลั่นจนคอขึ้นเอ็น ตาแดงก่ำสะกดกลั้นอารมณ์ความเสียใจที่สุมอยู่ในอกไว้จนเจ็บ เขาสบตากับไอ้มั่นเพื่อบอกให้มันรับรู้ว่านี่คือทางที่ดีที่สุดแล้วที่เลือกได้ ก่อนจะเบือนสายตาหลบพร้อมกับน้ำตาที่หยดลง

“มึงก็รู้ว่ากว่ากูจะทำใจเรื่องคุณปราณันต์ได้ มันใช้เวลาไม่น้อยเลย”

จีรัชญ์ไล้นิ้วมือไปตามภาพวาดบ้านเรือนไทยภาพใหญ่ที่แขวนอยู่ในห้อง ของขวัญล้ำค่าที่เขาตั้งใจมอบให้เจ้าของวังแห่งนี้





โปรดติดตามตอนต่อไป

เชิญรับทิชชูได้ที่ประตู ๔ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๖ {ครึ่งหลัง} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 18-09-2020 17:17:51
เราขอรับทิชชู่ไว้คนเดียวที่ประตู4 คนอื่นรอแปปเดวเราไปเหมามาให้
แก หาญ สงสาร  ฮือออออ :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๖ {ครึ่งหลัง} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 18-09-2020 17:52:49
กำลังจะได้รู้เรื่องราวของอนันต์กับปราณันต์แล้ว

รอครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๖ {ครึ่งหลัง} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 18-09-2020 19:42:44
ทำร้ายจิตใจคนอ่านมาก
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๖ {ครึ่งหลัง} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 18-09-2020 22:52:01
รับทิชชู่มาเช็ดน้ำตา ฮือออ สงสารทั้งสองคนเลย
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๖ {ครึ่งหลัง} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 19-09-2020 01:07:52
ชักจะลีลาท่าเยอะไปแล้วนะคุณตรีไอ้หาญ ณิชกลับกรุงเทพฯจริงๆ คนที่ทนไม่ได้คือใคร ไม่ต้องบอกก็รู้ บึ่งรถขึ้นกทม.แทบไม่ทันละซิ หึหึ! รอตามต่อไปเลย ชาตินี้ชาติไหน ขอแค่ได้รักคุณ  :mew6:  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๖ {ครึ่งหลัง} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 20-09-2020 19:41:15
หน่วงใจเหลือเกิน.  :m15:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๖ {ครึ่งหลัง} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-09-2020 22:17:08
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๖ {ครึ่งหลัง} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 21-09-2020 21:58:23
ปวดใจไปกับทั้งสองคน :ling3:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๖ {ครึ่งหลัง} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 22-09-2020 08:08:03
บทที่ ๑๗ (ครึ่งแรก)

พ.ศ. 2529

ภายในรั้ววังปริพัตร เสียงเพลงจากไวโอลินและเชลโลดังสอดประสานรับกันเป็นอย่างดี วงดนตรีที่ถูกจ้างมาในงานฉลองวันคล้ายวันเกิดของหญิงสูงวัยในวัย 55 ปี เล่นเพลงไพเราะสร้างสีสันให้งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ได้สมกับคำร่ำลือว่าวงนี้อยู่เป็นลำดับต้นๆ ในพระนคร จนต้องจ้างมาเล่นให้ที่งานเลี้ยงซึ่งจัดขึ้นทางใต้ของประเทศ

หญิงสูงวัยผู้สูงศักดิ์อยู่ในชุดราตรีสวยสง่า ประดับหมวกทรงฝรั่งบนหัวยกระดับฐานะให้รู้ว่าเธอไม่ใช่สามัญชนคนธรรมดา แต่เป็นถึงหม่อมราชวงศ์ช่อทิพย์ ปริพัตร ภริยาของหม่อมเจ้าจุลปรีชา ปริพัตร

ผู้คนในวงสังคมมากหน้าหลายตาที่ถูกเชิญมางานนี้ มีทั้งราชนิกุลยศเดียวกันและรองลงมา หรือนักธุรกิจลำดับชั้นแนวหน้า งานเลี้ยงคืนนี้จึงเต็มไปด้วยคนระดับเดียวกันมากมาย เพชรพลอยที่ประโคมใส่ตามตัวล้อแสงไฟดูวับวาวสะดุดตา แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครยอมให้ตนได้ตกเป็นรอง เหล่าคุณหญิงคุณนายนั่งจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเครื่องประดับบนลำคอของอีกฝ่าย ราวกับเป็นเรื่องสนุกสนาน หากแต่ในสายตาของหนุ่มๆ แล้ว ช่างเป็นเรื่องน่าเบื่อเสียจริง

“พี่ชายใหญ่คะ เมื่อไหร่พี่ชายกลางจะมาสักที หญิงรอตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด จนตอนนี้ท้องฟ้ามีแค่ดาว ยังไม่เห็นหน้าพี่ชายกลางเลยนะคะ”

หม่อมราชวงศ์ธีรตีเอ่ยถามพี่ชายคนโตด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด เพราะพี่ชายคนกลางของเธอยังไม่มางานเลี้ยงสักที เธอได้ยินแม่สายหญิงรับใช้ประจำวังบอกว่าพี่ชายกลางกำลังเดินทางมา เพราะก่อนหน้านี้ได้ไปสอนดนตรีที่ต่างจังหวัด กำหนดกลับคือวันนี้ในตอนสาย แต่ค่ำแล้วอีกฝ่ายก็ยังไม่มาให้เห็นหน้า

“อีกประเดี๋ยวก็มา ใจเย็นก่อน” คนถูกถามละสายตาจากหญิงสาวลูกท่านหลานเธอทั้งหลาย เขาหันกลับมาตอบน้ำเสียงทุ้มนุ่มพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น นึกขำอยู่ในใจที่น้องสาวตนแต่งตัวเสียสวยหยด แต่กลับหน้างอเสียได้

หม่อมเจ้าจุลปรีชาและหม่อมราชวงศ์ช่อทิพย์ มีบุตรธิดาร่วมกัน 3 คน คือหม่อมราชวงศ์ปุณมนัส หม่อมราชวงศ์ปราณันต์ และหม่อมราชวงศ์ธีรตี ด้วยช่วงวัยที่ไม่ห่างกันมากทำให้สามพี่น้องรักใคร่ปรองดองกัน สนิทสนมอย่างแยกกันไม่ได้ ไม่ว่าใครที่ได้เห็นครอบครัวนี้ก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เลี้ยงลูกมาดีได้อย่างเหลือเชื่อ

คุณชายปุณตอนนี้เป็นคุณหมอประจำโรงพยาบาลใหญ่ ด้วยวัย 30 นี้ทำให้เป็นที่หมายปองของหญิงสาวทั่วทั้งเมือง เพียงแต่เขาไม่ได้พึงใจกับใครเป็นพิเศษ จึงยังคงครองความโสดมาจนถึงทุกวันนี้

ส่วนคุณหญิงรตีในวัย 22 ยังคงก๋ากั่นไม่ต่างจากวัยเด็กนัก ตอนนี้เตรียมตัวจะไปเรียนต่อต่างประเทศทางด้านแฟชั่น เพราะความใฝ่ฝันที่อยากเป็นนักออกแบบทำให้เธอเลือกเดินทางนี้

คนสุดท้ายคือคนที่กำลังกระหืดกระหอบวิ่งเข้าวังมา ร่างบอบบางที่ไม่ต่างจากหญิงสาวผู้เป็นน้องเท่าไหร่นักดูน่าถนอมราวกับไม่ใช่ชาย ใบหน้าหวานหยดมีเหงื่อผุดซึมเล็กน้อยเพราะความรีบ เนื่องจากกลัวไม่ทันงานวันเกิดของมารดา

“พี่ชายกลาง! ทำไมเพิ่งมาคะ” คุณหญิงรตีรีบเข้าไปหาคนที่ตนต้องการเจอทันที ก่อนจะเรียกสาวรับใช้มาช่วยขนของที่พี่ชายเธอหอบพะรุงพะรังเข้ามาในตัวตึก

“รถเสียน่ะ การแสดงเริ่มหรือยัง”

“กำลังจะถึงเวลาแล้วค่ะ เชิญพี่ชายกลางไปแต่งตัวเถอะ หญิงจะได้ให้พิธีกรเขาเริ่มงานเลย แขกมารอนานแล้ว” คุณหญิงรตีจัดแจงทุกอย่างเอง เพราะเธอรับเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดงานครั้งนี้

หญิงสาวร่างเล็กเดินไปบอกพิธีกรที่เตรียมพร้อมอยู่ข้างเวทียกพื้นในห้องสังสรรค์ จากนั้นงานจึงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อได้ยินเสียงกล่าวของพิธีกร

“พี่บอกแล้วว่าให้ซื้อคันใหม่ ทำไมเราถึงได้ไม่เชื่อพี่” คุณชายปุณเดินมาหาน้องชายของตนที่ห้องใกล้กับห้องจัดเลี้ยง อีกฝ่ายกำลังถอดเสื้อผ้าเพื่อเปลี่ยนชุด โดยมีบ่าวรับใช้ที่หญิงรตีจัดมาให้รอท่าอยู่แล้ว

“ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเสียกลางทางนี่ครับ รอช่างมารับรถไปซ่อมตั้งนาน นี่ก็นั่งสามล้อปั่นมา สงสารคนถีบจะแย่ที่ไปเร่งเขา ที่ทางก่อนถึงวังก็เปลี่ยวเสียจนหารถยนต์รับจ้างไม่ได้สักคัน เห็นทีคงต้องสร้างคิวรถเองแล้วกระมัง”

หม่อมราชวงศ์ปราณันต์บ่นอุบ หัวเสียไม่น้อยที่เจ้าแดงรถคันโปรดที่ท่านพ่อทิ้งไว้ให้ดันมาเสียในวันสำคัญ แม้ก่อนหน้านี้จะมีเกเรไปบ้างแต่ก็ไม่ถึงขนาดกับสตาร์ทไม่ติดอย่างครั้งนี้ ตอนแรกคุณหญิงแม่ตั้งใจจะให้เขาถอยคันใหม่ แต่เขาเห็นว่ารถคันเก่านี้ยังใช้ได้จึงเอามาขับมันจะได้ไม่เสียของ ถกเถียงกันอยู่หลายครั้งจนอีกฝ่ายต้องยอม นี่ยังดีที่เขายังไม่เจอหน้ามารดา มิเช่นนั้นคงโดนเอ็ดก่อนจะได้ร้องเพลงวันเกิดเป็นแน่

ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยกันอีกเมื่อหญิงรตีมาเร่งรอบสอง หน้าตาหญิงสาวเครียดจัดเพราะกลัวท่านแม่จะจับสังเกตได้ว่าบุตรชายคนกลางมาร่วมงานสาย คุณชายปราณจับกระชับสูทบนตัวอีกครั้งเพื่อความเรียบร้อย สำรวจตัวเองในกระจกกับการใส่สูทที่สั่งตัดเย็บสีขาวมุก ประดับโบว์ไทด์สีแดงเบอร์กันดีว่าตรงหรือไม่ เมื่อมั่นใจในความเรียบร้อยของเสื้อผ้าและผมเผ้าที่ถูกช่างรุมจัดแต่งแล้ว ชายหนุ่มจึงเดินออกไปเพื่อขึ้นไปบรรเลงเพลงด้วยเปียโนให้มารดาฟัง

“ต่อไปเป็นโชว์จากคุณชายปราณ ขอเสียงปรบมือจากทุกท่านด้วยครับ” พิธีกรชายเอ่ยต้อนรับ ก่อนจะผายมือไปทางแกรนด์เปียโนหลังใหญ่ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงมุมห้อง แสงไฟสาดส่องให้อีกฝ่ายเป็นจุดเด่นของงานนี้ในทันที พร้อมเสียงปรบมือและเสียงกระซิบที่ดังอื้ออึงไปทั้งห้องจัดเลี้ยง

“หน้าหวานตั้งแต่เด็กเสียจริง”

“ลูกคนกลางของหม่อมเจ้าปรีชาช่างงดงามราวหญิง”

“ว่าไม่ได้หรอก บ้านนี้เขาหน้าตาดีกันทั้งบ้าน คุณหญิงช่อทิพย์ถึงได้ภูมิใจนัก”

“เป็นดิฉันก็คงภูมิใจไม่แพ้กันหรอกค่ะคุณพี่ ทั้งลูกสาวลูกชายดูดีสมพระเกียรติของสามี หน้าที่การงานแต่ละคนก็ดี ไม่ให้ตื้นตันใจยังไงไหวเล่าคะ”

เสียงคุณนายป้องปากกระซิบพูดกันเบาๆ ทุกสายตาจดจ้องไปยังชายหนุ่มที่อยู่หลังเปียโน รอยยิ้มอ่อนประดับบนใบหน้าของคนที่กำลังจะทำการแสดง

“สวัสดีครับท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน และขอกราบสวัสดีคุณหญิงแม่ วันนี้ลูกมีเพลงพิเศษที่ลูกตั้งใจแต่งให้คุณหญิงแม่เป็นของขวัญ หวังว่าบทเพลงนี้จะแทนใจลูกที่รักคุณหญิงแม่สุดหัวใจได้ โปรดรับฟังนะครับ”

คุณชายปราณเอ่ยจบก็นั่งลงบนเก้าอี้บุนวมกำมะหยี่สีแดง นิ้วเรียวสวยวางลงบนลิ่มเปียโน เตรียมพร้อมที่จะเล่นเพลงพิเศษให้มารดาและแขกเหรื่อที่มางานได้รับฟัง

แน่นอนว่าฝีมือครูสอนเปียโนย่อมไม่ทำให้ผู้ฟังผิดหวัง เขาลงทุนแต่งเพลงพิเศษให้มารดาด้วยตัวเอง โดยขอคำปรึกษาจากอาจารย์สมัยที่ไปเรียนอยู่ต่างประเทศด้วยเล็กน้อย จนได้บทเพลงมาเล่นในค่ำคืนนี้

คุณหญิงช่อทิพย์ถึงกับยิ้มไม่หุบที่ได้ฟังเพลงของลูกชาย ความพลิ้วไหวนุ่มนวลของตัวโน้ตสื่อความเป็นตัวตนของคนเล่นได้เป็นอย่างดี อีกทั้งจังหวะเนิบช้าสลับเร็วทำให้ตรึงคนฟังได้ เธอภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้นัก ถึงแม้ว่าสามีจะถึงชีพิตักษัยไปหลายปีแล้ว แต่เธอคิดว่าหม่อมเจ้าจุลปรีชาก็คงภูมิใจในตัวบุตรชายคนนี้เช่นเดียวกับเธอ

เสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราวเมื่อบทบรรเลงจากเพลงพิเศษจบลง คุณชายปุณพี่ใหญ่ของสกุลปริพัตรยิ้มกว้างเมื่อเห็นน้องรักทำการแสดงได้อย่างดี แม้อีกฝ่ายจะเป็นคนขี้อายอยู่บ้าง แต่เมื่อได้ทำสิ่งที่ชอบก็ทำได้อย่างน่าชื่นชม

หม่อมราชวงศ์ช่อทิพย์อ้าแขนรอลูกชายเข้ามาหา อีกฝ่ายเดินเข้ามากอดมารดาก่อนจะหอมแก้มเสียฟอดใหญ่ แต่เพราะกลิ่นเหงื่อที่มีติดกายทำให้คุณหญิงถึงกับย่นจมูก และกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู

“ลูกเพิ่งมาถึงงานใช่ไหม เกิดอะไรขึ้น ทำไมเนื้อตัวถึงมีแต่กลิ่นเหงื่อแบบนี้” เสียงไต่ถามของมารดาเข้มขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้ดังจนทำให้แขกในงานได้ยิน มีคุณหญิงคุณนายหลายท่านเข้ามาอวยพรวันเกิดให้เธอ รวมไปถึงกล่าวชมบุตรชายที่บรรเลงเปียโนได้ไพเราะเสนาะหูนัก

“เจ้าแดงดื้อขึ้นมากลางทางน่ะครับเลยต้องรอช่างมารับไปซ่อม แต่อย่างน้อยลูกก็มาทันแสดงโชว์ให้คุณหญิงแม่นะครับ” พูดไปก็กอดกระชับเอวหญิงสูงวัยที่หุ่นมีเนื้อสักหน่อยตามวัย ท่าทางออดอ้อนที่มักนำออกมาใช้เพื่อเอาตัวรอด ทำให้คุณหญิงช่อทิพย์ถึงกับต้องตีแขนให้

“แหม...ช่างเจรจา ไปเถอะ ไปอาบน้ำอาบท่าเสียหน่อย ประเดี๋ยวค่อยลงมาคุยกับเพื่อนแม่ คุณหญิงชดช้อยถามถึงลูกไม่ขาดปาก จะได้ไปทักทายคุณหญิงเสียบ้าง”

ชายปราณผละออกจากอ้อมกอดของมารดาก่อนจะลอบออกจากห้องจัดเลี้ยง เพื่อตนจะได้ไปอาบน้ำชำระเหงื่อไคลสักหน่อย โดยมีพี่ชายใหญ่เดินตามมาพร้อมกับจานอาหารในมือ

“กินซะก่อน จะได้รองท้องเพราะคืนนี้ยังอีกยาวไกล”

“ขอบคุณครับ ว่าแต่ทำไมพี่ชายใหญ่พูดเช่นนี้ล่ะ”

“คิดว่าคุณหญิงแม่กับหญิงรตีจะปล่อยเราไปง่ายๆ เหรอ สาวๆ ที่มางานน้อยๆ เสียที่ไหน รอให้เราไปทำความรู้จักอีกตั้งเยอะ”

“ผมขอลาดีกว่า ประเดี๋ยวว่าอาบน้ำเสร็จก็จะแวะไปหาคุณหญิงชดช้อย จากนั้นค่อยหนีออกมา ง่วงเหลือเกินจนอยากจะนอนมากกว่าจะอยู่ในงานแล้ว” ชายปราณตอบก่อนจะปลดกระดุมเสื้อออก เผยให้เห็นเสื้อกล้ามสีขาวที่ใส่ทับอยู่ข้างใน ในปากก็เคี้ยวอาหารว่างที่พี่ชายของตนหยิบมาให้ด้วยความหิวโหย

คุณชายปุณหัวเราะขำกับท่าทีของน้องชายที่ดูไม่สนใจหญิงสาวคนไหนเอาเสียเลย ไปเรียนอยู่กรุงเทพฯ มาได้หลายปี ไปอยู่กับญาติทางฝั่งท่านพ่อจนกลายเป็นหนุ่มเมืองกรุง ตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือกับขลุกตัวอยู่กับเครื่องดนตรีทั้งวัน นี่ร่ำๆ ว่าจะเปิดโรงเรียนสอนดนตรี เพียงแต่ตอนนี่อยากหาประสบการณ์เสียก่อนจึงเที่ยวตระเวนสอนไปทั่วราชอาณาจักร

แต่ส่วนใหญ่ลูกศิษย์ที่เรียนก็ลูกหลานของเพื่อนคุณหญิงแม่ เพราะชายปราณเป็นบุตรที่คุณหญิงแม่รักดั่งแก้วตาดวงใจ ทำให้ติดจะห่วงมากสักหน่อย คัดเลือกแต่คนดีๆ ให้เข้าหาลูกเท่านั้น คิดมาถึงตรงนี้เขาก็อดห่วงไม่ได้ หากคุณหญิงแม่ยังห่วงปราณันต์เช่นนี้ ชาตินี้น้องคงหาเมียด้วยตัวเองไม่ได้แน่ๆ

คุณชายปุณปล่อยให้น้องชายอาบน้ำไป ส่วนตนออกมารับแขกในงานที่ยังทยอยมาเรื่อยๆ เดินลงไปชั้นล่างเห็นหญิงรตีกำลังเอ็ดพนักงานบริกรที่ถูกจ้างให้มาช่วยงานเรื่องเสิร์ฟเครื่องดื่มช้า ก่อนจะหันไปวุ่นกับคิวการแสดงอื่นๆ ของงานคืนนี้ที่ดูไม่ได้ดั่งใจเธอไปเสียหมด

“แต่งตัวสวยแต่หน้างอราวปลาทูในเข่ง ชายไหนจะมอง” เขาเย้าแหย่น้องสาวไปหนึ่งทีจนได้รับค้อนวงโตกลับมา ชายปุณหัวเราะขำจึงโดนตีเข้าที่แขน

“อ้าว! มาตีพี่ทำไม ก็เราเป็นแบบนั้นจริงๆ”

“พี่ชายใหญ่อย่างแซวหญิงเลยค่ะ งานนี้หญิงแทบจะวิ่งอยู่คนเดียว คนช่วยงานไม่ได้เรื่องสักคน คนที่ถูกจ้างให้มาแสดงก็เงียบไป จนป่านนี้แล้วยังมาไม่ถึงกันอีก นี่ใกล้เวลาทำการแสดงแล้วด้วย” หญิงรตีพูดด้วยความร้อนใจ ชายปุณเห็นน้องสาวเครียดมากเลยหยิบน้ำหวานขึ้นมาให้อีกฝ่ายได้ดื่มเพื่อให้ใจเย็นก่อน

“งั้นก็จัดการแสดงชุดนั้นไว้ตอนท้ายเลยสิ”

“จัดแล้วค่ะ การแสดงชุดอื่นๆ ทยอยขึ้นแสดงกันเกือบหมดแล้ว นี่ถ้าคืนนี้โชว์ระบำฮาวายที่หญิงอุตส่าห์ตั้งใจเซอร์ไพรส์คุณหญิงแม่ไม่มา หญิงจะไปอาละวาดที่ร้านรับจ้างนี้เลยคอยดู” หญิงสาวเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน คิดไว้ในใจเลยว่าเธอจะไปเอาเรื่องที่ร้านนั้นให้ถึงที่สุดเลย

“คุณหญิงรตีคะ มีชาวบ้านขับรถมาบอกว่ารถที่พานักแสดงมาเกิดยางแตกค่ะ จอดอยู่กลางทางจะให้ทำอย่างไรดีคะ” แม่สายเข้ามารายงานแม่งานใหญ่เสียงสั่น

แม่สายคือพี่เลี้ยงของเหล่าคุณหญิงคุณชายตั้งแต่วัยแบเบาะ อยู่คู่กับวังปริพัตรมาตั้งแต่สมัยยังสาวจนตอนนี้เข้าเลข 4 แล้ว แต่ก็ยังคล่องตัวอยู่มาก

“โอ๊ย! นี่มันวันอะไรของหญิงเนี่ย ถ้าอย่างงั้นก็ให้คนรถของเราเอารถไปรับ ไม่ว่ายังไงนักแสดงชุดนั้นจะต้องมาให้ได้ ส่วนพี่ชายใหญ่ สนใจจะแสดงอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้คุณหญิงแม่ไหมคะ ดึงเวลาให้หญิงหน่อยได้ไหม”

หญิงรตีหันมาออดอ้อนพี่ชายเพื่อให้ช่วยเธอสักหน่อย แต่ชายปุณกลับส่ายหน้าหวือ เพราะตนไม่ถนัดเรื่องพวกนี้นัก ระหว่างนั้นเห็นชายปราณเดินเข้าไปไหว้คุณหญิงชดช้อยพอดีตนจึงคิดอะไรได้

“เดี๋ยวพี่มา” ชายปุณทิ้งจากน้องสาวมา ก่อนจะเข้าไปหาคุณหญิงชดช้อยที่รั้งตัวน้องชายเขาไว้เสียไม่ยอมปล่อยแขนเลย

“นี่นะคุณหญิง ถ้าเกิดชายปราณได้พบหนูปาริมาคงคุยกันถูกคอ รายนั้นชอบเล่นไวโอลินมากเชียวล่ะ วันไหนว่างๆ ชายปราณแวะไปที่บ้านป้าสักหน่อยสิ จะได้แนะนำให้รู้จักกัน”

นั่นปะไร ต่างจากที่คิดเสียที่ไหน ชายปราณโดนแม่สื่อจับตัวได้เสียแล้ว ฝั่งปราณันต์ที่โดนทอดสะพานให้ด้วยคำพูดของหญิงอาวุโสได้เพียงแค่ยิ้มไปตามมารยาท ก่อนจะเห็นพี่ชายตนเดินเข้ามาในวงสนทนาด้วย

“สวัสดีครับคุณหญิงป้า ไม่เจอกันเสียนาน สบายดีหรือครับ”

“แหม ไม่เจอกันนานท่าจะจริง ขนาดมางานเลี้ยงตั้งนานแล้ว เพิ่งจะเห็นชายปุณเข้ามาทักทายนี่แหละ” โดนเหน็บไปหนึ่งทีพอให้เจ็บๆ คันๆ ใครๆ ต่างรู้ว่าคุณหญิงชดช้อยกับคุณชายปุณเปรียบเหมือนคู่กัดต่างวัย คุณหญิงช่อทิพย์เห็นท่าไม่ดีจึงเอ่ยขัด

“ชายปุณมาก็ดี น้องยังไม่ได้ทานอะไรเลยพาน้องไปหาอะไรทานสักหน่อยสิ” มารดาแอบขยิบตาให้ลูกชายคนโตอย่างรู้ทัน ซึ่งเข้าทางชายปุณทันที เขาจึงลากน้องชายให้เดินตามตนตรงไปยังมุมอาหารที่ถูกจัดแบบบริการตัวเองไว้ที่มุมห้อง

“ปราณว่างรึเปล่า ช่วยหญิงรตีหน่อยสิ รายนั้นอารมณ์เดือดแทบจะกินหัวคนรับใช้แล้ว” ชายปุณเข้าเรื่องทันทีไม่รอให้เสียเวลา เขาเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ของน้องสาวให้ฟัง ฝ่ายลูกคนกลางจึงตกปากรับคำอย่างจำยอมว่าจะช่วยน้องสาว ทั้งที่ใจนั้นอยากเข้าห้องนอนจะแย่แล้ว

::::::::::::

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสากลเต็มยศพร้อมออกงานขับรถยนต์มาตามทางที่ไม่คุ้นเคยนัก วันนี้ได้รับคำเชิญจากเพื่อนใหม่ว่าให้มาร่วมงานเลี้ยงที่บ้าน เขาที่เพิ่งกลับจากต่างประเทศได้ครึ่งปีและยังไม่มีเพื่อนจึงตกปากรับคำไป เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายจริงใจดี แต่ที่ทางที่ไม่คุ้นนี้ก็ทำเอาใจตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่น้อยเพราะค่อนข้างเปลี่ยว มีบ้านผู้คนปลูกอาศัยอยู่ห่างกันแม้ไม่มากแต่ก็ห่างกัน ไม่เหมือนถนนเส้นในเมืองที่มีคนพลุกพล่านกว่านี้

เขาขับรถมาตามแผนที่ที่ฝ่ายเพื่อนใหม่บอกมาอย่างละเอียด เขาเจอฝ่ายนั้นครั้งแรกก็เมื่อสองอาทิตย์ก่อน เขาได้ช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไว้ก่อนจะพาไปโรงพยาบาล ด้วยความเป็นหมอเลยรีบจัดแจงดูอาการเด็กหญิงเองแทนที่จะรอหมออยู่เวร แต่ไม่คิดว่าการช่วยชีวิตเด็กหญิงคนนั้นจะทำให้เขาได้งานไปด้วย

“รถเป็นอะไรหรือครับ”

ชายหนุ่มจอดรถลงถามกลุ่มคนที่ส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวกำลังยืนอยู่ข้างถนน ด้วยความเป็นห่วงที่คิดว่ามีคนเป็นอะไรจึงจอดถาม ได้ความว่ารถยางแตกระหว่างที่กำลังเดินทางไปวังปริพัตร ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับปลายทางที่เขาจะไป เขาจึงอาสาขับพาเหล่านักแสดงโชว์เหล่านี้ล่วงหน้าไปก่อน ประจวบกับรถของวังปริพัตรขับมารับพอดี เขาจึงใช้โอกาสนี้ขับตามไปด้วยเลย

เมื่อมาถึงงานความวุ่นวายก็เริ่มในทันที เขาจอดรถไว้ก่อนจะเดินตามเหล่านักแสดงที่รีบวิ่งไปทางข้างห้องจัดเลี้ยงเพื่อทำการเตรียมตัวแสดง เขายืนหันซ้ายแลขวาด้วยความไม่รู้จักใครในงานเลยนอกจากหมอปุณ ทำให้ยืนเคว้งอยู่คนเดียวกลางถุงคฤหาสน์ที่แสนโอ่อ่านี้

“หมออนันต์! หมอครับ ทางนี้” เสียงที่คุ้นเคยของเพื่อนใหม่ดังอยู่ทางซ้ายมือ หมออนันต์จึงเดินไปหาพร้อมยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย

“เป็นไงครับ บ้านผมหายากไหม”

หมออนันต์จึงตอบกลับไปพร้อมกับเล่าเรื่องที่พบเจอระหว่างทางมาด้วย ก่อนจะรับเครื่องดื่มจากบริกรที่ถือถาดเดินไปทั่วงาน

แต่สิ่งหนึ่งที่แสนสะดุดหูเห็นทีจะเป็นเสียงเปียโนที่แสนไพเราะนี้ เขาเห็นคนที่กำลังบรรเลงเพลงตรึงคนฟังไม่ชัดนัก ก่อนหมอปุณจะดึงเขาให้เดินเข้าไปใกล้อีกสักหน่อย พร้อมกับแนะนำว่า...

“มาฟังเพลงก่อนครับ นี่เป็นเพลงโปรดของคุณหญิงแม่ที่ท่านพ่อชอบร้องให้ฟัง ส่วนนั่น...น้องชายผมเอง ชายปราณ

สิ้นคำใบหน้าที่หวานหยดแทบไม่ต่างจากเดิมก็เงยขึ้นมาจากเปียโน บทเพลงรักจากปลายปากกาของคุณจงรัก จันทร์คณา กำลังขับขานออกจากกลีบปากสวย เพราะเป็นเพลงไทยลูกกรุงที่กำลังโด่งดังในขณะนี้และไม่มีใครไม่รู้จัก


~~ อย่าเพียรถามว่าฉันจะรักเธอนานเท่าใด ฉันตอบไม่ได้ว่าฉันจะรักชั่วกาลนิรันดร์ เพราะชีวิตฉันคงไม่ยืนยาวไปถึงป่านนั้น รู้แต่เพียงฉันหมดสิ้นรักเธอเมื่อฉันหมดลม ~~


เนื้อเพลงความหมายหวานซึ้งพร้อมเสียงแกรนด์เปียโนที่ดังกังวานสะกดใจคนฟัง หัวใจหมอหนุ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกตัวเองหน้ามืดไปชั่วขณะเมื่อได้สบตากับอีกฝ่ายที่มองผ่านมาทางเขา รอยยิ้มอ่อนประดับบนใบหน้ายามร้องเพลงดูเจ้าตัวมีความสุขไม่น้อย

ในที่สุดก็เจอเสียที ตามหามานานกว่าจะได้เจอ...คุณปราณ ยอดดวงใจของไอ้หาญ







โปรดติดตามส่วนต่อไป

เพลง 'จงรัก'

ไม่ทราบมีคนรู้จักเพลงนี้มั้ย ลองหาฟังกันนะคะ ความหมายของเพลงซึ้งกินใจมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๒/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๗ {ครึ่งแรก} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 22-09-2020 08:47:01
ชาติที่สองของปราญ หาญเป็นคนเล่าเหตุการณ์เองเลย

หาญได้เป็นหมอด้วย รอตอนต่อไปครับ

ปล. ขออนุญาตแนะนำนิดครับ ปี พ.ศ.2529 คำพูดน่าจะสมัยใหม่กว่านี้นิดนึง อย่างเช่น บางกอก ควรเปลี่ยนเป็นกรุงเทพฯ แทน
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๒/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๗ {ครึ่งแรก} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 22-09-2020 09:05:45
ชาติที่สองของปราญ หาญเป็นคนเล่าเหตุการณ์เองเลย

หาญได้เป็นหมอด้วย รอตอนต่อไปครับ

ปล. ขออนุญาตแนะนำนิดครับ ปี พ.ศ.2529 คำพูดน่าจะสมัยใหม่กว่านี้นิดนึง อย่างเช่น บางกอก ควรเปลี่ยนเป็นกรุงเทพฯ แทน

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๒/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๗ {ครึ่งแรก} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 22-09-2020 14:26:23
 :sad4: มีกี่ชาติคะเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๒/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๗ {ครึ่งแรก} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 22-09-2020 19:31:46
หมออนันต์

ชายปราณ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๒/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๗ {ครึ่งแรก} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 22-09-2020 20:44:45
ย้อนอดีตกันอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๒/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๗ {ครึ่งแรก} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-09-2020 22:23:13
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๒/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๗ {ครึ่งแรก} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 23-09-2020 17:39:19
ตามหากันมานาน
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๒/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๗ {ครึ่งแรก} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 24-09-2020 20:35:07
บทที่ ๑๗ (ครึ่งหลัง)


“พี่ณิช... ล้างหน้าล้างตาหน่อยไหม”

มิ้งถามคนที่ยังคงนั่งเหม่อลอยมองสระบัวไร้จุดโฟกัส เธอนั่งตรงนี้อยู่ข้างณิชมาราวครึ่งชั่วโมงแล้ว ไม่กล้าทิ้งอีกฝ่ายให้อยู่คนเดียว เพราะรู้สึกว่าตอนนี้ณิชกำลังจะสติหลุดในนาทีใดนาทีหนึ่ง

มิ้งพยายามถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คนที่ร้องไห้เพิ่งหยุดสะอื้นไปเงียบไม่ตอบ สายตาและท่าทางของณิชดูหมดอาลัยจนใจหาย เธอพยายามเรียกหาพี่มั่น แต่ฝ่ายนั้นกลับตอบมาแค่ว่าทางฝั่งตัวเองก็หนักหน่วงไม่แพ้กัน

“หนูต้องไปดูงานก่อนนะพี่ณิช พี่เข้าไปนั่งข้างในดีไหม หรือจะขึ้นไปพักบนห้อง” เธอตัดสินใจบอกเพราะทิ้งงานมาพักใหญ่แล้ว อย่างน้อยต้องไปดูสักหน่อยจะได้ไม่ผิดพลาด

“พี่นั่งตรงนี้แหละ” ณิชตอบในที่สุด เขามองดอกบัวที่ชูดอกอยู่เต็มสระ แม้แดดจะร้อนจ้าแต่มันก็ยังเบ่งบานอวดความสวยเต็มที่

“โอเค งั้นเดี๋ยวหนูเรียกพี่มั่นให้มาอยู่เป็นเพื่อนนะ”

“ไม่ต้องหรอก พี่อยากอยู่คนเดียว”

“คือ...พี่อยู่ได้แน่นะ ไม่ใช่คิด...”

“พี่ไม่โดดลงสระหรอก ไม่อยากเป็นผีคอยเป็นวิญญาณตำใจคนที่นี่ ขนาดร่างจริงเขายังไม่อยากให้อยู่ เป็นวิญญาณเขาคงส่งหมอผีมาไล่”

คำพูดประชดประชันของอีกฝ่ายทำหญิงสาวยิ้มแหย พอจะเดาได้ว่าจีรัชญ์คงเอ็ดอะไรรุ่นพี่เธอแน่ๆ เมื่อมิ้งได้รับคำยืนยันว่าเจ้าตัวจะไม่คิดสั้นเธอจึงยอมจากไป แต่ไม่ลืมแวะไปบอกป้าแจ่มว่าฝากไปดูณิชด้วย

เมื่อกลับเข้ามาในคฤหาสน์ได้ มิ้งก็รีบไปหาช่างจรูญที่ห้องดนตรีทันที งานคืบหน้าไปไม่มากเท่าไหร่นัก แต่ยังอยู่ในแผนงานที่เธอกับณิชวางไว้ ของตกแต่งอีกหลายอย่างยังต้องรอช่างทยอยเข้ามาส่ง โทนสีและเฟอร์นิเจอร์ต้องไปในทิศทางเดียวกัน ตอนกลางวันห้องนี้ณิชจัดไว้ให้แสงธรรมชาติเข้ามากขึ้นด้วยการเปลี่ยนหน้าต่างที่ทึบทึมเป็นบานกระจก ระเบียงที่ยื่นออกไปก็จัดเป็นมุมสวนเล็กๆ เผื่อว่าจีรัชญ์อยากจัดงานเลี้ยงในอนาคต

หลังจากแวะดูงานเธอก็เรียกหามั่นเป็นการใหญ่ ฝ่ายคนถูกเรียกที่ยังอยู่ในห้องทำงานของจีรัชญ์ถอนหายใจ ไอ้เพื่อนเกลอนั่งเงียบมาหลายนาทีจนมันต้องยอมถอย คงต้องไปดูคุณปราณก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง

‘มีกระไรรึเจ้ามิ่ง’

ไอ้มั่นเอ่ยถาม ก่อนปรากฏตัวมันได้พัดลมใส่อีกฝ่ายไปวูบหนึ่งจนเศษกระดาษปลิวว่อนไปทั่วห้อง ทีมช่างถอนหายใจกันหลายครั้ง เพราะลมหอบเอาดินเข้ามาด้วยจนฝุ่นฟุ้งกระจายเต็มไปหมด

‘คุณปราณล่ะ’ มันถามเพราะไม่เห็นเจ้านายอย่างที่คิดไว้

‘ยังนั่งซึมอยู่ที่ศาลาอยู่เลย ว่าแต่คุณตรีพูดอะไรบ้าง พี่รู้ไหมว่าพี่ณิชเพิ่งจะหยุดร้องไห้ไปก่อนหน้านี้แป๊บเดียวเอง เพื่อนพี่ทำอะไรพี่หนูเนี่ย’ คนถูกถามทำทีเป็นเดินดูความเรียบของสีทาผนัง ทั้งที่จริงมันเป็นงานที่เธอตรวจดูไปแล้ว

‘พูดไปมันก็เรื่องยาว ว่าแต่เจ้าเถอะ จะกลับบางกอกตามคุณปราณหรือไม่ หรือจะอยู่ทำงานจนเสร็จเสียก่อน’

‘ห้ะ? พี่รู้ได้ไงว่าพี่ณิชจะกลับกรุงเทพฯ’

‘ข้าได้ยินเจ้าคุยกับคุณปราณน่ะสิวะ พอไอ้หาญรู้มันเลยจะปล่อยให้คุณเขากลับ’

‘เดี๋ยวๆ หนูไม่เข้าใจ คือพี่จะบอกว่าแอบฟังหนูกับพี่ณิชคุยกัน จากนั้นก็เอาเรื่องไปบอกคุณตรีอย่างนั้นเหรอ จะบ้าเหรอพี่มั่น! หนูกับพี่ณิชยังไม่กลับตอนนี้สักหน่อย แถมเรื่องนี้ก็ต้องแล้วแต่พี่ณิชด้วยว่าจะเอาไงต่อ ดูแล้วพี่ณิชไม่อยากกลับด้วยซ้ำ โอ๊ยย อะไรของพี่เนี่ย ทำคุณตรีเข้าใจพี่ณิชผิดไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ นี่ถ้าชาตินี้ทั้งคู่ไม่สมหวังก็เพราะพี่เลย แทนที่จะช่วยกันดันไปกวนน้ำให้ขุ่นซะอย่างนั้น’

มิ้งบ่นเสียยืดยาวที่อีกฝ่ายฟังไม่ได้ศัพท์จับเอาไปกระเดียด จนเข้าใจผิดกันไปใหญ่ สาเหตุหนึ่งที่ณิชกับจีรัชญ์ทะเลาะกันก็คงเพราะเหตุนี้ด้วยแน่ๆ เธอฉุนจัดจนเดินลงส้นเท้าปึงปังออกจากห้องไป ทีมช่างที่กำลังทำงานมองหน้ากันด้วยความสงสัยว่างานมีปัญหารึเปล่า ก่อนมิ้งจะหอบเอาลมกลุ่มใหญ่พัดออกไปจากห้องด้วย

::::::::::

“คุณณิชคะ” แม่บ้านหญิงสูงวัยเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าคนที่มิ้งฝากฝังให้เธอช่วยมาดูนั่งเหม่อลอย ขนาดเธอลงมือเก็บอุปกรณ์วาดภาพของจีรัชญ์ยังไม่มีทีท่าจะรู้ตัวเลยสักนิด

“อ้าว...ป้าแจ่ม มาเก็บของเหรอครับ”

“ใช่ค่ะ คุณมิ้งเธอฝากให้มาดูคุณณิชด้วย ไม่ทราบจะรับประทานมื้อเที่ยงเลยไหมคะ ป้าจะได้ให้แม่หวีเขาจัดกับข้าวขึ้นโต๊ะเลย”

“ผมยังไม่หิว เชิญป้าถามคนอื่นได้เลยครับ ไม่ต้องจัดเผื่อผม”

“คุณณิชเป็นอะไรรึเปล่าคะ หน้าแดงๆ ตาแดงๆ” ป้าแจ่มเดินมานั่งลงข้างๆ ชายหนุ่มที่สีหน้าเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด

“หรือคุณตรีเธอเอ็ดเรื่องงานค่ะ” หญิงสูงวัยถามซ้ำเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังเงียบ เพราะหากจะให้เธอเดาเป็นอย่างอื่นก็คิดไม่ออกแล้วเหมือนกัน

“ไม่ใช่หรอกครับ คุณตรีของป้าเขาแค่...ใจร้าย” ณิชพูดเสียงเบา ป้าแจ่มยิ้มอ่อนก่อนจะลูบหลังหนุ่มเมืองกรุงเบาๆ

“ใจร้ายยังไงคะ บอกป้าได้ไหม เผื่อป้าจะได้คุยกับคุณตรีให้ได้”

“เขารับฟังความเห็นคนอื่นเป็นด้วยหรอครับ”

หญิงสูงวัยยิ้มเอ็นดูเมื่อได้ฟังคำประชดประชันจากปากอีกฝ่าย ดูท่าจะทะเลาะกันหนักซะแล้ว

“คุณณิชก็พูดไปค่ะ คุณตรีเขาใจดีรับฟังคำพูดของทุกคนนั่นแหละ คนที่เข้ามาอยู่ในวังทุกคนถึงได้จงรักภักดีกับคุณเขายังไงล่ะคะ”

“ผมอยากช่วยงานเขาแต่เขากลับไล่ผม ป้ายังจะมองว่าคุณของป้าเขาใจดีอีกเหรอครับ” พูดมาถึงตรงนี้น้ำตาก็รื้นขึ้นมาที่ขอบตา น้อยใจอีกฝ่ายจนอยากถอดใจจากเรื่องนี้เสียด้วยซ้ำ

“ป้าว่า...คงเพราะคุณตรีไม่ค่อยมีเพื่อนเลยเข้าสังคมไม่เก่งมั้งคะ เพราะตั้งแต่ป้ารู้จักคุณตรีมา นอกจากคุณรัศมี คุณสุทินและคุณแขไข ป้าก็ไม่เห็นคุณเขาจะพาใครมาที่วังอีก” ป้าแจ่มพูดพลางนึกว่าเธอได้หลงลืมใครไปอีกหรือไม่ แต่คิดแล้วคิดอีกก็ไม่พบว่าใครที่นอกเหนือจากนี้แล้ว ก่อนจะพูดต่ออีกว่า...

“คุณตรีเขาชอบเก็บตัวน่ะค่ะ ถ้าไม่เข้าสวนก็ขลุกตัวอยู่ในห้องทำงาน นานๆ จะมานั่งวาดภาพตรงนี้สักครั้งหากมีเรื่องกวนใจ จะเรียกว่าตรงนี้เป็นมุมโปรดก็คงไม่ตรงนักเพราะไม่ค่อยจะมา แต่หากมาแล้วคุณตรีใช้เวลาอยู่ที่ศาลาเป็นค่อนวันเลยค่ะ อยู่กับเจ้าอุปกรณ์วาดภาพพวกนั้นน่ะ” หญิงสูงวัยบุ้ยใบ้ไปทางพู่กันและจานสีที่เธอเตรียมเอาไปเก็บให้จีรัชญ์

“คุณจีรัชญ์เขาวาดรูปเก่งเหรอครับ เมื่อกี๊ผมเห็นแล้วแต่ยังไม่มั่นใจว่าเขาจะวาดสวยไหม”

“สวยค่ะ ป้าเคยเห็นคุณเขาวาดรูปบึงบัว ไม่ทราบเป็นที่ไหนแต่สวยมากๆ เลยค่ะ ส่วนรูปอื่นๆ คุณตรีเขาเก็บไว้ในห้องห้องเก็บของ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่เอาออกมาโชว์ เว้นเสียแต่รูปภาพบ้านเรือนไทยรูปนั้นแหละค่ะ ไม่ได้วาดเองแต่ก็เอามาโชว์ราวกับประมูลมาในราคาหลายสิบล้านอย่างนั้นแหละ” ป้าแจ่มพูดไปพลางหัวเราะที่ตนนินทาเจ้านายแบบนี้ แต่มันก็ไม่เกินจริงจากที่พูดไปเลย

“ผมเคยถามคุณจีรัชญ์ เขาบอกว่ารูปนั้นมีคนให้มา คงสำคัญกับเขามากจริงๆ ล่ะครับ”

“โอ๊ย อย่าหาว่าป้าชอบนินทาเลยนะคะ ก่อนหน้านี้เด็กในบ้านทำความสะอาดเผลอไปโดนรูปจนกรอบเอียง คุณตรีมาเห็นพอดีรีบเข้าไปคว้าไว้ หน้าตาดุดันดูเหมือนโกรธมาก แต่คุณเขาก็ทำแค่เอ็ดหน่อยๆ บอกว่าให้ระวังด้วยแค่นั้นแหละค่ะ”

ภาพวาดนั้นสำคัญกับจีรัชญ์จริงๆ ซึ่งเขารู้สึกได้ตั้งแต่วันแรกๆ ที่เข้ามาที่นี่ และเพิ่งมารู้เอาตอนหลังว่าภาพบ้านเรือนไทยหลังนั้น มันก็เป็นแบบเดียวกันกับเรือนของท่านออกญาศรีรัตนกรด้วย ณิชชะงักไปเมื่อฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ แสดงว่าคนชื่ออนันต์ต้องเป็นจีรัชญ์ หรือใครสักคนที่รู้จักเรือนหลังนั้น อาจจะเป็นเขาที่กลับชาติมาเกิดเหมือนอย่างชาตินี้ก็เป็นได้ ไม่อย่างนั้นจะใส่รายละเอียดของภาพราวกับออกมาจากอดีตได้ยังไง

ณิชยืดตัวขึ้นด้วยความดีใจเมื่อจิ๊กซอว์ถูกต่อเติมเข้าที่ทีละน้อย แม้เขาจะไม่มีความฝันที่คอยบอกเรื่องราว หรือใครมาเล่าอดีตของไอ้หาญให้ฟัง แต่ทุกอย่างก็พอมีเรื่องให้เขาได้ปะติดปะต่อได้บ้าง ไม่ถึงกับมืดแปดด้านเสียทีเดียว

“ถ้างั้นป้าแจ่มรู้ไหมครับว่าคุณตรีเป็นเจ้าของวังนี้ได้ยังไง หมายถึงได้รับเป็นมรดกตกทอดมาเหรอครับ”

“ใช่ค่ะ เดิมทีวังนี้เป็นของตระกูลปริพัตรมาก่อน บรรพบุรุษของคุณตรีท่านจึงซื้อไว้เมื่อไม่มีใครอยู่แล้วน่ะค่ะ จากนั้นก็ส่งต่อให้ลูกให้หลาน อันนี้ป้าฟังจากที่คุณตรีบอกเล่ามาเลยนะคะ”

ณิชฟังก็ขบคิดตาม จากที่ป้าแจ่มเล่ามาเขาเดาว่าบรรพบุรุษที่จีรัชญ์โกหกมาก็คงเป็นตัวจีรัชญ์เอง แต่ประเด็นที่เขาสงสัยคือทำไมไอ้หาญจะต้องมาอยู่ที่วังนี้ ทั้งที่บอกเองว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับใคร ทำตัวปลีกวิเวกแต่กลับซื้อวังเสียใหญ่โต มีพื้นที่โดยรอบกว้างขวาง ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวคงมีจุดประสงค์บางอย่าง และที่แห่งนี้คงสำคัญกับจีรัชญ์ไม่น้อย

“แล้วทำไมต้องมาซื้อที่นี่ไว้เหรอครับ คนในตระกูลปริพัตรไม่เหลือแล้วเหรอครับ”

“ในส่วนนี้ป้าไม่ทราบเลยค่ะ คงต้องถามคุณสุทิน รายนั้นคอยจัดการจัดซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์หลายๆ ที่ให้คุณตรีตลอดเลย”

ณิชมุ่งความสนใจไปที่ข้าราชการหนุ่มที่แก่กว่าตน แม้อายุไม่เยอะแต่หน้าที่การงานกลับดีเหลือเชื่อ เขาเคยเจอสุทินเพียงไม่กี่ครั้ง อีกฝ่ายเป็นคนเข้ากับคนอื่นง่าย เพียงแต่เขาไม่มีโอกาสได้พูดคุยด้วยก็เท่านั้น ดูท่างานนี้เขาคงต้องพึ่งสุทินแล้ว

หลังจากได้คุยกับป้าแจ่มจนได้ข้อมูลมาบ้างแล้ว ทั้งสองก็แยกย้ายกัน พวกนายช่างพักทานอาหารกันแล้วทำให้ในห้องดนตรีมีแค่มิ้งเท่านั้น ส่วนณิชเดินไปตรวจงานอีกนิดหน่อย เห็นหน้าตารุ่นน้องดูไม่สบอารมณ์เขาจึงเข้าไปถาม ได้ความว่ามั่นไปบอกจีรัชญ์เรื่องเขาจะกลับกรุงเทพฯ ทั้งที่เขายังไม่ให้คำตอบใดๆ ทั้งนั้น ฝ่ายไอ้มั่นที่รู้ตัวว่าผิดได้แค่คุกเข่าอยู่ข้างเจ้านาย หน้าตายิ้มเจื่อนจนดูตลกพิกล

“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเรื่องมันก็คงออกมาไม่ต่างจากนี้แหละ แต่ถ้ามั่นอยากไถ่โทษก็ลองบอกมาว่าทำไมไอ้หาญถึงได้ปฏิเสธผมแบบนี้”

ไอ้มั่นกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ เงยหน้ามองคุณปราณที่จ้องมองมันอยู่ก่อนแล้วด้วยความหนักใจ หากบอกไปโชคชะตาก็จะไม่เป็นไปในทิศทางของมัน แทนที่จะมีประโยชน์มันอาจเพิ่มโทษให้เพื่อนรักได้ แต่ปากก็คันยิบๆ อยากเล่าเรื่องตั้งแต่ชาติก่อนเก่าให้เจ้านายได้รู้เต็มแก่ จังหวะที่ไอ้มั่นกำลังจะเปิดปากพูด เสียงดังขัดขึ้นจนไอ้มั่นสะดุ้งโหยง หันไปมมองก็เห็นไอ้เกลอยืนหน้าถมึงทึงค้างกำปั้นอยู่บนโต๊ะไม้ใกล้ประตู

‘อย่าได้คิดทำอะไรในส่วนที่มันไม่ใช่หน้าที่ของมึงไอ้มั่น’

ณิชฉุนจัดที่จีรัชญ์คุกคามมั่นแบบนี้ ร่างสูงใหญ่ย่างสามขุมเข้าหาด้วยใบหน้าดุดันที่สื่อว่ากำลังโกรธ แต่เขาไม่สนแล้ว ในเมื่อไอ้หาญไม่สนใจกันเขาก็จะไม่สนใจอีกฝ่ายเหมือนกัน

“อย่ายุ่งกับมั่น เขาเป็นคนของผม”

“อย่าทำอะไรเกินตัว คุณไม่รู้หรอกว่ากระทำของคุณทำให้ใครเจ็บปวดบ้าง”

“ผมรู้ดี และผมกำลังพยายามแก้ไข คุณคอยดูได้เลย ถึงแม้คุณไม่พูดผมก็จะตามหาความจริงให้ได้ ไม่ว่ายังไงชาตินี้เรื่องพวกนี้จะต้องจบ ต่อให้คุณผลักไสไล่ส่งผมแค่ไหน ผมก็จะทำให้สำเร็จให้ได้!” พูดจบณิชก็เดินปึงปังออกจากห้องไปพร้อมกับมิ้งที่วิ่งตามไปติดๆ ส่วนไอ้มั่นไม่อยู่ให้ไอ้เกลอได้ต่อว่ารีบหายตัวไปด้วย

จีรัชญ์ขบฟันกรอด ชาตินี้ดูอะไรไม่ง่ายอย่างที่คิด ถามว่าอยากหลุดพ้นไหม แน่นอนคำตอบคือใช่ แต่เขามั่นใจว่าไม่ใช่ชาตินี้อย่างแน่นอน

คำสาปแช่งของออกญาศรีรัตนกรน่ะหรือจะไม่ทรมานเขาอีกในชาตินี้ แต่ในเมื่อเขาพอจะรู้ทิศทางของมันเขาก็ขอลงแรงค้านโชคชะตาสักครั้งเพื่อรักษาใจตัวเองไม่ให้เจ็บปวดไปมากกว่านี้ เขาจึงอยากปล่อยวางในเรื่องนี้ คอยทำตัวเป็นขอนไม้ลอยอยู่ในทะเลที่คลื่นจะพัดพาไปไหนก็ตามแต่น้ำจะซัดไป แต่ดูเหมือนณิชจะดื้อดึงไม่ยอม จะเอาชนะเขาให้ได้ท่าเดียว





โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๔/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๗ {ครึ่งหลัง} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 24-09-2020 21:49:55
อารมณ์คนมันอยากรู้ความจริงใจจิขาดแล้วแม่เอ๊ยยย แต่ไม่ได้รู้ นี่มันค้างมากนะคะคุณตรี พอจะเข้าใจณิชบ้างไหม 5555 3ต่อ1 ณิชมิ่งมั่น : ไอ้หาญ จะเป็นขอนไม้ไปได้สักกี่น้ำเชียว คึคึ :hao3:   :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๔/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๗ {ครึ่งหลัง} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-09-2020 22:07:21
 :z3:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๔/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๗ {ครึ่งหลัง} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 24-09-2020 23:09:19
สุทินผู้กุมความลับ รีบมาเล่าเรื่องให้ณิชฟังเลย

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๔/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๗ {ครึ่งหลัง} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 25-09-2020 16:40:00
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๔/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๗ {ครึ่งหลัง} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 26-09-2020 00:09:19
อยากรู้เรื่องราวด้วยคน
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๔/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๗ {ครึ่งหลัง} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 26-09-2020 19:34:28
คุณณิช  อย่ายอมแพ้นะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๔/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๗ {ครึ่งหลัง} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 27-09-2020 09:30:39
เอาใจช่วยคุณณิชนะ ส่วนให้หาญกาลเวลาคงทำให้ฝังใจกับเรื่องเก่าเอามากๆ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๔/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๗ {ครึ่งหลัง} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 28-09-2020 08:29:09

จะทนได้สักกี่น้ำไอ้หาญ :hao3:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๔/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๗ {ครึ่งหลัง} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 29-09-2020 18:47:12
บทที่ ๑๘ (ครึ่งแรก)


เพราะงานที่ต้องทำให้เสร็จเนื่องจากคุณแขไขโทรมาเร่งด้วยตัวเอง ทำให้ณิชกับมิ้งแทบไม่ได้ไปไหนเลย จากปกติยังมีเวลาทำงานของลูกค้าคนอื่นบ้าง แวะเข้าเมืองไปซื้อของหรือเที่ยวเล่นบ้าง กลายเป็นต้องเร่งงานเพื่อให้ทันใจเจ้านาย

ตอนนี้คุณแขไขอยู่ต่างประเทศกว่าจะกลับก็เดือนหน้า แต่กำหนดการที่ต้องทำงานที่นี่ให้เสร็จคือไม่เกินสองเดือน เดดไลน์ของงานที่ถูกร่นระยะเวลาเข้ามาทำณิชเครียดจัด และไม่ได้มีแต่เรื่องงานเท่านั้นที่ทำเขาแทบข่มตานอนไม่หลับในแต่ละคืน มันมีเรื่องของจีรัชญ์เข้ามาเกี่ยวด้วย เพราะเขากับฝ่ายนั้นไม่ได้คุยกันมา 2-3 วันแล้ว เรื่องงานจะผ่านมิ้งทั้งหมด จีรัชญ์ไม่ได้เข้าหาเขาแต่อย่างใด และณิชก็ไม่ได้พยายามเข้าหาอีกฝ่ายแล้วเช่นกัน

‘หากเป็นเช่นนี้อยู่ ข้าว่าชาตินี้ข้าคงอยู่เป็นวิญญาณอย่างนี้ไปอีกครา’

ไอ้มั่นพูดพลางถอนหายใจนั่งหลังพิงฝา ทอดอาลัยเมื่อไม่รู้ว่าจะช่วยไอ้เกลอกับเจ้านายมันคืนดีได้อย่างไร สัตย์สาบานที่เคยให้ไว้ว่าจะช่วยเหลือคงไม่ได้ทำในชาตินี้แล้วเป็นแน่ ที่นั่งอยู่ข้างกันเป็นมิ้งที่กำลังสเก็ตช์ภาพออกแบบบ้านรีโนเวทส่งลูกค้าในไอแพด ซึ่งไอ้มั่นเรียกว่ากระดานชนวนแบบพิเศษ

‘คุณตรีเขาใจแข็งมาก ถามจริงเถอะพี่ ชาติก่อนพี่ณิชทำคุณตรีไว้เจ็บมากเหรอ มากกว่าชาติแรกที่ทำให้โดนสาปอีกเหรอ’

การสื่อสารในใจทำให้พวกเขาคุยกันได้สะดวก แต่กระนั้นการแยกประสาทสองส่วนคือมือทำงาน สมองคิดงานและต้องแบ่งมาฟังเรื่องของณิชด้วยก็ทำเอามิ้งได้งานช้ากว่าเดิม แต่เธอก็ยอมเพราะอยากรู้เรื่องราวของณิชเช่นกัน

‘ไอ้หาญมันวาดหวังเสียสวยหรู ชีวิตคนทั้งคู่ราบรื่นไม่มีทุกข์ แต่แล้ววันหนึ่งก็เหมือนฟ้าผ่ากลางกบาล รักกันได้ ใครๆ ก็รับรู้ ไม่ได้ต่างชนชั้นดั่งเช่นชาติก่อน แต่กลับต้องจากกันเพราะหาใช่เวลาที่ต้องคู่กันไม่’

‘ไม่เข้าใจ’

มิ้งขมวดคิ้ว แทบจะทิ้งงานในมือเพื่อจะได้คุยกันจริงๆ จังๆ ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมคนสมัยก่อนพูดหรือคิดอะไรช้า กว่าพี่มั่นจะบอกในแต่ละประโยคที่มีแต่ปริศนา ทำเอาเธอร้อนใจแทบจะหันไปบีบคออีกฝ่ายเสีย

‘คุณปราณตาย’

“ห้ะ!! ตาย!” มิ้งอุทานออกเสียงดังลั่นจนพวกช่างหันมามองหน้า ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ควรทำเลยยิ้มแหยและกล่าวขอโทษกลับไป ไม่ลืมบอกด้วยว่ากำลังอ่านเรื่องย่อนิยายอยู่

‘เจ้าจะร้องแรกแหกกระเชอไปไย ไม่สำรวมกิริยาสมดั่งหญิง เป็นแบบนี้ชายใดรึจะมอง เรื่องที่ข้าพูดก็หาใช่เรื่องใหม่ หากคุณปราณไม่ตายเช่นนั้นชาตินั้นจะเกิดใหม่ได้หรือ’ ไอ้มั่นทั้งเอ็ดทั้งบ่นที่หญิงสาวข้างกายดันทำเป็นเรื่องตกอกตกใจเกินจริงเสียได้

‘หนูรู้ แต่ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงตาย แก่ตายเหรอ ตายได้ยังไงพี่มั่นเล่ามาให้หมดเลย’

มิ้งถามต่อ เธออยากรู้ว่าชาติก่อนคนทั้งคู่ได้ครองรักกันนานไหม ได้มีความสุขกว่าในชาติแรกรึเปล่า เพราะมั่นบอกว่าไม่มีเรื่องต่างชนชั้น ใครๆ ก็รับรู้ แสดงว่าไม่มีอุปสรรคดังเช่นชาติก่อนอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นมันก็ไม่มีเหตุผลอื่นอีกที่คุณปราณต้องตายจากไอ้หาญ

‘ดั่งเช่นคำสาปแช่งที่ให้ไว้ หากโชคชะตาแข็งแกร่งกว่ามนต์บทนี้ เมื่อนั้นคำสาปจะหมดไป’

‘ยิ่งพูดยิ่งอยากรู้’

‘เห้อ...ขืนข้าเล่าหมดไอ้หาญได้ฉีกอกข้าน่ะสิ’

‘พี่ไม่มีอกให้ฉีกเถอะ เป็นแค่วิญญาณเนี่ย อีกอย่างคุณตรีก็ไม่รู้หรอก เขาไม่ได้อยู่...’

มิ้งเงียบไปก่อนจะยิ้มฝืนเมื่อเห็นจีรัชญ์เดินเข้ามาในห้องที่เธอกำลังคุมช่างทำงาน รีบปิดปากเรื่องไอ้หาญกับคุณปราณไว้ก่อน ไม่งั้นจากที่จะได้คำตอบจากพี่มั่น จะกลายเป็นเธอโดนไล่กลับกรุงเทพฯ แทน

“คุณตรีมีอะไรรึเปล่าคะ” หญิงสาวลุกขึ้นจากพื้นที่นั่งอยู่ ปัดฝุ่นที่ติดกางเกงออกก่อนจะเอ่ยถามเจ้าของวัง

“รุ่นพี่คุณไปไหน” จีรัชญ์ถามเสียงเรียบ เขาไม่เห็นณิชอยู่ในบริเวณที่ทำงาน หรือรถเจ้าตัวก็ไม่มีให้เห็น

“เอ่อ...ไม่ได้อยู่ข้างนอกเหรอคะ” มิ้งถามหน้าซื่อ เพราะเธอก็ไม่รู้ว่ารุ่นพี่เธอหายไปไหน

จีรัชญ์ตอบกลับมาว่าไม่เห็นและไม่มีรถของณิชจอดอยู่ด้วย มิ้งจึงโทรเข้ามือถือของอีกฝ่าย ณิชรับสายและตอบกลับมาสั้นๆ ว่าออกมาธุระ จากนั้นก็กดตัดสายไป

“พี่ณิชออกไปธุระค่ะ เดี๋ยวก็คงกลับ” ประโยคหลังเธอเติมไปเองเพราะคิดว่าณิชคงเข็ดขยาดเรื่องพวกวัยรุ่นที่เคยดักทำร้าย อย่างไรก็ต้องกลับวังเร็วก่อนมืดค่ำแน่ๆ

ผิดกับไอ้มั่นที่อยู่กับเจ้านายมาหลายภพหลายชาติ มันรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น แต่ลางสังหรณ์ก็ไม่แรงพอที่จะให้มันทำอะไรได้

::::::::::::

หลังจากที่อยู่เคลียร์งานมาหลายวัน ในที่สุดวันนี้ณิชขับรถออกจากวังปริพัตรในช่วงบ่ายคล้อย อาศัยตอนที่ไม่มีใครสนใจลอบออกมา เขาไม่ได้บอกใครว่าไปไหน มิ้งโทรมาก็บอกแค่ว่าไปทำธุระแค่นั้น แต่ก่อนหน้านี้เขาได้ไปถามกับป้าแจ่มมาแล้วว่าคุณสุทินทำงานอยู่ที่ใด ซึ่งได้รับคำตอบว่าอีกฝ่ายทำงานอยู่กรมที่ดิน เป็นระดับรองหัวหน้าแล้ว เขาจึงคิดว่าสุทินคือหมากตัวสำคัญที่จีรัชญ์ใช้ปกปิดตัวตนเสมอมา

แต่ที่เขาไม่เข้าใจอีกเรื่องคือ ถ้าสุทินคือคนจัดการเรื่องพวกนี้ให้จีรัชญ์ ทำไมอีกฝ่ายถึงมีอายุน้อย ทั้งที่เรื่องที่จีรัชญ์แอบอ้างว่าเป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ยังไงมันก็ต้องมีคนที่จัดการมาให้ก่อนหน้านี้แล้ว

เขาขับรถมาตามกูเกิ้ลแมพที่พามายังสำนักงานที่ดินในเวลาเกือบห้าโมงแล้ว ก่อนหน้านี้ขับหลงไปอีกทางจนต้องวนกลับมาใหม่กินเวลาไปมากโข พอมาถึงที่หมายเขาก็รีบเข้าไปข้างในทันที

“สวัสดีครับ ผมมาขอพบคุณสุทินครับ”

“ไม่ทราบได้นัดไว้ไหมคะ” หญิงสาวตรงประชาสัมพันธ์เอ่ยถาม

“ไม่ได้นัดครับ แต่บอกว่าผมมาจากวังปริพัตรคุณสุทินเขาทราบดีครับ”

ใช้ชื่อวังของจีรัชญ์ให้เป็นประโยชน์สักหน่อย เพราะเขากลัวว่าหากไม่พูดไปเช่นนี้สุทินอาจไม่ยอมออกมาเจอก็เป็นได้

หญิงสาวหายไปทางห้องข้างหลังพักหนึ่ง ก่อนจะกลับออกมาพร้อมชายหนุ่มชื่อสุทิน ฝ่ายนั้นเมื่อเห็นณิชก็ชะงักไป เพราะไม่รู้ว่ามีเหตุจำเป็นอะไรที่ณิชต้องเจาะจงมาหาเขาถึงที่ทำงาน แต่กระนั้นก็ยังยิ้มให้ณิชราวกับไม่มีอะไรที่ตนเองกังวล

“สวัสดีครับคุณสุทิน”

“สวัสดีครับคุณณิช วันก่อนได้ยินมาว่าคุณตกบันได หายดีแล้วนะครับ” สุทินเอ่ยทักพลางเดินนำอีกฝ่ายเข้าห้องทำงานของตน ณิชยิ้มขอบคุณที่สุทินเชิญให้นั่ง อีกทั้งยังรินน้ำให้ใส่แก้วให้ด้วย

“หายแล้วครับ ไม่เป็นอะไรแล้ว”

“แล้วนี่คุณณิชแวะมาหาผมที่นี่ มีอะไรรึเปล่าครับ หรือคุณจีรัชญ์ต้องการอะไร”

“เอ่อ...เอาจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอกครับ ผมแค่อยากคุยเรื่องที่ทางในละแวกนี้ พอดีอยากซื้อไว้เก็งกำไรบ้างน่ะครับ” คำโกหกที่เขาไม่ได้คิดมาแต่ก็พอจะนึกได้แค่นี้ทำสุทินถึงกับแปลกใจ แน่ล่ะว่าคนพูดไม่เนียนเอาเสียเลย แต่สุทินก็ยังพูดตามน้ำไป

“ที่ทางแถวนี้ที่คุณณิชว่ามันไม่ได้เป็นทำเลทองหรอกครับ อีกอย่างผมไม่ทราบเรื่องพวกนี้เท่าไหร่นัก แต่หากสนใจจริงๆ ผมก็พอรู้จักพวกนายหน้าที่ดินอยู่บ้าง เดี๋ยวผมจะแนะนำให้นะครับ”

“อ่า...ก็ดีครับ พอดีผมได้ยินว่าคุณสุทินจัดการเรื่องวังปริพัตรให้กับคุณจีรัชญ์ คิดว่าคุณพอจะมีเส้นสายจัดการเรื่องพวกนี้ด้วยแน่ๆ” ณิชพูดด้วยรอยยิ้มซื่อ สุทินที่กำลังหาเบอร์โทรศัพท์ของนายหน้าค้าที่ดินชะงักไป เพราะดูท่าเรื่องที่ณิชต้องการจะพูดคงเป็นเรื่องนี้มากกว่าการซื้อที่เสียแล้ว

“ไม่หรอกครับ ผมแค่ทำตามหน้าที่ ก็แค่จัดการเอกสารตามมรดกตกทอดที่คุณจีรัชญ์ต้องได้ตามกฎหมายเท่านั้น” สุทินตอบอย่างไว้ท่าที

การที่เขาทำงานกับจีรัชญ์ สิ่งแรกที่ต้องจดจำไว้คือห้ามแพร่งพรายเรื่องของอีกฝ่ายให้คนอื่นรู้โดยเด็ดขาด ในด้านกฎหมายจีรัชญ์ใช้เงินซื้อทนายเก่งๆ ที่ไว้ใจได้มาแล้ว แต่คนเหล่านั้นไม่ได้รู้ ‘ความลับ’ ของจีรัชญ์เหมือนที่เขารู้ และนั่นเป็นความลับที่เขาต้องเก็บงำไว้จนกว่าจะถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้ช่วยของจีรัชญ์ เขาไม่รู้ว่าณิชรู้เรื่องของจีรัชญ์มากน้อยแค่ไหน และโชคชะตาทำงานไปถึงไหนแล้ว ทางที่ดีที่สุดควรลอบสังเกตอีกฝ่ายไปก่อน

ณิชเงียบไปเพราะไม่รู้จะชวนอีกฝ่ายพูดอะไรต่อ เขารู้ดีว่าสุทินคงกำลังหยั่งเชิงเขาอยู่ เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าสุทินรู้เรื่องของไอ้หาญมากน้อยแค่ไหน อาจจะแค่เป็นคนจัดการเรื่องเอกสารอย่างที่เจ้าตัวว่า หรือรู้อะไรมากกว่านั้นถึงขั้นรู้ว่าจีรัชญ์ไม่ใช่คนธรรมดาเลยรึเปล่า

“นี่ครับ เบอร์โทรของนายหน้าคนนี้เขาไม่โก่งราคาไว้ใจได้ครับ” สุทินเขียนเบอร์โทรศัพท์ใส่กระดาษให้ณิชก่อนจะยื่นให้ ชายหนุ่มรับมาก่อนจะกล่าวขอบคุณเบาๆ

“ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นคุณสุทินแวะไปที่วังเลย แวะไปบ้างสิครับ ป้าแจ่มบ่นคิดถึงไม่ขาดปากเลย” ณิชกล่าวพร้อมกับเดินออกมาจากห้องทำงานของสุทิน เขาคงยื้อเวลาคุยกับอีกฝ่ายได้ไม่นานนักเพราะสุทินยังอยู่ในเวลางาน

“ไว้ผมจะแวะเข้าไปนะครับ” สุทินตอบแบบไม่เจาะจงว่าจะเข้าไปหรือไม่ ณิชที่กำลังจะเดินออกจากประตูจึงหันกลับมาหา เมื่อคิดว่าเขากำลังจะมาที่นี่สูญเปล่า ไม่ได้อะไรกลับไปเลย

“คุณสุทินครับ เอาจริงๆ ที่ผมมาวันนี้เพราะผมมีเรื่องจะปรึกษา ผมเห็นว่าคุณสุทินสนิทกับคุณจีรัชญ์เลยอยากรู้ว่าคุณจีรัชญ์เขาชอบอะไรเป็นพิเศษไหมครับ พอดีผมกับเขาทะเลาะกัน และผมเป็นฝ่ายผิดเลยอยากจะทำอะไรง้อเขาสักหน่อยน่ะครับ”

ณิชพูดความจริงไปเพียงครึ่ง เพราะหากโอกาสการคุยกับสุทินครั้งนี้หลุดไป เขาก็ไม่รู้จะมาหาอีกฝ่ายด้วยเหตุผลอะไรอีก ฝ่ายสุทินที่ได้ฟังถึงกับหัวเราะ เพราะรู้สักทีว่าณิชมาหาเขาทำไม ที่แท้ก็เพื่อมาหาทางง้อจีรัชญ์นั่นเอง

“คุณณิชพูดแบบนี้ทำให้ผมคิดนะครับเนี่ย พูดเหมือนคนรักกำลังง้องอนกันอย่างนั้นแหละ” สุทินเอ่ยแซว แต่ณิชกลับยิ้มและหลบสายตา ฝ่ายคนแซวจึงเข้าใจในทันทีว่าณิชคงมีใจให้จีรัชญ์แล้วแน่ๆ

“ก็...ประมาณนั้นแหละครับ เขาก็ดูไม่มีใคร ผมเลย...” ณิชแสร้งทำทีเป็นเขินอาย หากที่จริงแล้วใจเต้นรัวอยู่ในอก เพราะไม่เคยคิดว่าจะต้องพูดในทำนองกำลังจีบผู้ชายด้วยกันอยู่ แถมผู้ชายคนนั้นยังเย็นชาใส่เขาเสียยิ่งกว่าภูเขาน้ำแข็ง

“คุณจีรัชญ์เขาไม่ใช่คนง้อยากอะไรหรอกครับ เขาชอบอะไรที่เป็นของเดิมไม่เคยเปลี่ยน หากเปรียบกับความรัก ก็เหมือนคนรักเดียวใจเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนไปรักใครอื่นเลย”

สุทินทิ้งคำพูดที่สื่อโดยนัยไว้แค่นั้นก่อนจะเดินกลับเข้าข้างใน ในใจก็นึกเอ็นดูที่ณิชพยายามเข้าหาเจ้านายเขา จากที่จีรัชญ์ไม่ต้องการให้โชคชะตาเล่นตลกกับหัวใจตัวเอง ดูท่าจะต้านไม่อยู่เสียแล้ว สุทินไม่ลืมโทรไปรายงานจีรัชญ์ด้วยว่าณิชมาถามเขาเรื่องจะเข้าหาอีกฝ่ายอย่างไร จีรัชญ์จึงเล่าคร่าวๆ ว่าณิชรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว

“จะทำยังไงดีล่ะครับ ดูท่าคุณณิชตั้งใจจะเข้าหาคุณตรีทุกทางเลย”

[ปล่อยเขาไป เดี๋ยวเขาก็ล้มเลิกความตั้งใจไปเอง]

“แน่ใจเหรอครับ ดูท่าชาตินี้จะไม่เป็นอย่างชาติก่อนที่คุณตรีเล่าให้ผมฟังเลยนะ” คำพูดสุทินทำจีรัชญ์เงียบไป มันจริงอย่างที่สุทินว่า เพราะคุณปราณในชาติก่อนๆ เป็นเพียงชายหนุ่มเพียบพร้อมที่อ่อนแอเท่านั้น





--##--##--##--##--##--##--





เสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราวเป็นเกียรติแก่การแสดงของหม่อมราชวงศ์ปราณันต์ ชายหนุ่มลุกขึ้นโค้งคำนับพร้อมรอยยิ้มสวยที่ส่งให้แก่แขกผู้มีเกียรติทุกคน โดยเฉพาะคุณหญิงช่อทิพย์ที่ตอนนี้ถึงกับหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับที่หัวตา เพราะใจคิดไปถึงสามีผู้ล่วงลับที่เคยมอบบทเพลงรักเพลงนี้ให้กับตนเอง แล้วยิ่งวันนี้ลูกชายสุดที่รักดันมาเล่นเพลงนี้ในวันคล้ายวันเกิดของเธออีก มันยิ่งซาบซึ้งจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

“หากท่านพ่อยังอยู่ โชว์นี้คงเป็นของท่านพ่อแน่ๆ ครับ”

ชายปราณเดินเข้ามาหาหญิงสูงวัยผู้เป็นมารดา กอดปลอบอยู่สักพักจึงผละออกแล้วนั่งลงข้างกัน เพื่อที่จะให้เจ้าของวันคล้ายวันเกิดได้ดูโชว์ระบำฮาวายที่หญิงรตีจ้างมา

หมออนันต์มองตามชายหนุ่มที่เป็นถึงหม่อมฯ ไม่ละสายตา หัวใจเต้นกระหน่ำรัวตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้สบตา จนบัดนี้มันก็ยังคงเต้นแรงอยู่ หากเขาเป็นโรคหัวใจคงได้วูบหมดสติไปแล้วแน่ๆ

“รบกวนคุณชายพาผมเข้าไปกราบคุณหญิงช่อทิพย์ได้ไหมครับ ผมมางานเลี้ยงของท่านแต่ยังไม่ได้ทักทายท่านเลย” อนันต์เอ่ยถามน้ำเสียงสุภาพตามที่ได้เคยเข้าสังคมชั้นสูงมาบ้าง

เพราะชีวิตที่เป็นอมตะทำให้เขาไม่มีทางเลือก นอกจากจะเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ทำตัวกลมกลืนไปตามยุคตามสมัยที่ผันเปลี่ยนเท่านั้น

“ได้สิครับ”

ชายปุณเดินนำเพื่อนใหม่ของตนไปหามารดา ส่วนคนที่เดินตามใจลิงโลดที่จะได้ยลโฉมหม่อมราชวงศ์ปราณันต์แบบใกล้ชิด เมื่อไปถึงตาคมแทบไม่ละสายตาจากหนุ่มร่างบางที่กำลังนั่งชมการแสดงอยู่ จมูกโด่งกับปากเรียวรูปกระจับดูรับกัน ดวงตาสวยที่ไอ้หาญคนนี้เคยจำได้ไม่เคยลืมยังคงสวยเสมอ แก้มนวลที่ชาติก่อนมันเคยหอมนั้นเนียนใสจนเห็นเลือดฝาด

คุณปราณอยู่ใกล้มันเพียงแค่เอื้อมแต่ไอ้บ่าวซื่อไม่กล้ายื่นมือไปแตะ เพราะชาตินี้ไม่รู้คุณปราณจะจำมันได้หรือไม่ และถึงแม้จะจำได้มันก็เป็นเรื่องไม่ควรที่คนสามัญชนอย่างมันจะแตะต้องหม่อมฯ เขาได้

“คุณหญิงแม่ครับ เพื่อนผมต้องการมากราบคุณหญิงแม่ เขาชื่ออนันต์ครับ เพิ่งมาทำงานที่โรงพยาบาลได้ไม่นาน” ชายปุณย่อกายลงจนกลายคุกเข่า เพื่อแนะนำตัวเพื่อนใหม่ให้มารดารู้จัก

คุณหญิงช่อทิพย์เลื่อนสายตาไปมองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ สายตาของหญิงสูงวัยกวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่ปิดบังว่าตนกำลังประเมินอีกฝ่ายอยู่ อนันต์ที่ย่อกายลงตามชายปุณยกมือขึ้นไหว้พร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้าพอให้ดูเป็นมิตร

“สวัสดีครับคุณหญิง ผมอนันต์ครับ”

การแนะนำตัวและกิริยามารยาทดูดีเช่นคนมีการศึกษา ท่าทางก็ไม่ประดักประเดิดราวคนไม่เคยเข้างานสังคม อีกทั้งหน้าตาคมคายหล่อเหลาราวช่างปั้น รูปร่างก็ดูแข็งแรงกำยำไม่ใช่คนขี้โรค ผิวพรรณติดเข้มไปสักหน่อยแต่ก็สะอาดสะอ้าน เล็บตัดสั้นดูเรียบร้อยไม่สกปรกสมกับที่เป็นหมอ

“สวัสดีจ้ะ ทานอะไรมารึยังล่ะ เชิญเลือกทานได้ตามสบายเลยนะ”

หลังจากกวาดสายตาประเมินดูจนถ้วนทั่ว คิดว่าอีกฝ่ายพอมีระดับที่จะคบหากับลูกชายคนโตของเธอได้ คุณหญิงช่อทิพย์จึงรับไหว้พร้อมถามไถ่ อนันต์ทำเพียงยิ้มและเอ่ยปฏิเสธไป เพราะตอนนี้ตนอิ่มใจจนไม่สามารถหาอะไรใส่ท้องได้อีกแล้ว

การแสดงยังคงดำเนินไป มันยืนอยู่หลังคุณปราณเพื่อจะได้ไม่บดบังอีกฝ่าย ขยับก้าวเข้าไปใกล้อีกนิดเพื่อจะได้ใกล้ชิดให้มากกว่าที่เคย คุณปราณไม่ได้สนใจอะไรตนแม้แต่น้อย แววตาที่สบกันเมื่อครู่ตอนแสดงเปียโนก็คงเป็นการผ่านสายตาปกติ หรือเมื่อกี๊ตอนที่เขาแนะนำตัวกับคุณหญิงช่อทิพย์ อีกฝ่ายก็สีหน้าเรียบนิ่งไม่ได้สนใจอะไรมันเป็นพิเศษ

คุณปราณจำมันไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา จนเกือบกลายเป็นศตวรรษที่มันเฝ้าตามหาคนคนนี้ทุกหนทุกแห่ง แทบพลิกแผ่นดินเท่าที่มันจะไปถึงเพื่อเฝ้าหายอดดวงใจของมันคนนี้ หลายร้อยหลายพันครั้งกับความท้อ แต่เพราะคิดว่าอย่างไรก็จะได้ครองรักกัน และจะต่อสู้ไปด้วยกันเพื่อยุติคำสาปทำให้มันมีแรงสู้ต่อ

ทาสชายจากเรือนท่านออกญาศรีรัตนกรที่โดนคำสาปแช่งจากเจ้าของเรือน ชีวิตอมตะที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ตายทำให้ต้องอยู่อย่างไร้ญาติขาดมิตร ความโดดเดี่ยวที่ต้องเจอบีบบังคับให้มันต้องแข็งแกร่ง มันใช้เบี้ยและอัฐที่คุณปราณให้ไว้ให้คุ้มค่าที่สุด ก่อร่างสร้างตัวจากอัฐที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของมัน ชุบตัวเป็นคนใหม่หาใช่ทาสเนื้อตัวดำมอมแมม

การร่ำเรียนวิชาต่างๆ ที่คิดว่าช่างห่างไกลไม่มีวันได้เรียน ไอ้หาญกลับใช้ความขยันไปแอบเรียนจนอ่านออกเขียนได้จนคล่อง ไม่มีแล้วไอ้บ่าวซื่อที่ใช้พื้นดินเป็นกระดานและใช้ไม้แทนดินสอ มันมีสิ่งที่ช่วยในการเรียนแล้วด้วยการไปซื้อมาใช้อย่างที่ลูกเจ้าลูกนายเขามีกัน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นกระดาษและปากกาขนนกที่ครั้งหนึ่งเคยราคาสูงลิบลิ่ว จนตอนนี้ความเปลี่ยนแปลงของแต่ละยุคสมัยทำให้มันมีสมุดและปากกาคอแร้งเป็นของคู่กาย

คำสาปของท่านออกญาฯ ไม่ได้ทิ้งไว้แค่ร่องรอยของความเสียใจ แต่ความลำบากที่มันต้องเผชิญทำให้ไอ้หาญต้องกล้ำกลืนความเจ็บปวดนี้ ตายไม่ได้ เจ็บป่วยอย่างไรก็ไม่ถึงชีวิต โดนดาบฟันที่แขนยังมีแค่รอยแดง จนคนอื่นหาว่ามันมีของดีของขลัง ถามไถ่ยกใหญ่ว่าเป็นศิษย์วัดไหนหรือพกของดีอะไรติดตัว แต่มันก็ตอบเลี่ยงไปว่าบอกไม่ได้เพราะของจะเสื่อม ก่อนจะหนีหายเข้ากลีบเมฆเพื่อหลบหน้าคนเหล่านั้น

มันหนีขึ้นทางเหนือไปเป็นลูกจ้างร้านขายข้าวของเถ้าแก่ที่เป็นคนจีน เพราะความขยันทำให้เขาเอ็นดูมัน จากเป็นแค่จับกังมันเลื่อนขั้นเป็นผู้ช่วยเถ้าแก่ อีกทั้งการอ่านหนังสือออกทำให้มันมีประโยชน์ ช่วยจดบันทึกทำบัญชีให้

จนทำงานได้เกือบ 20 ปีมันจึงขอลาออกเพื่อไปหาที่ทำมาหากินใหม่ เนื่องจากร่างกายที่ไม่ได้แก่ลงตามกาลเวลาทำให้มันต้องออกห่างจากคนคุ้นเคยในเวลาต่อมา เพื่อไม่ให้เขาผิดสังเกตว่าเหตุใดไอ้หาญจึงไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงเลย

ร่างกายของมันหยุดนิ่งหลังจากมันต้องคำสาปมาได้ราวสิบกว่าปี ไม่ได้เติบโตหรือแก่ตัวอย่างคนอื่น มันมารู้ก็ตอนหลังที่คนทักว่าทำไมถึงไม่แก่เลย ยังหน้าตาหล่อเหลาดูหนุ่มราวคนอายุ 30 กว่าตลอด ซึ่งนั่นทำให้ไอ้หาญวางแผนการใช้ชีวิตใหม่ทุกๆ 20 ปี

ไอ้หาญไม่เคยเปลี่ยนชื่อตัวเองเลยตั้งแต่มีชีวิตเป็นนิรันดร์ ด้วยเพราะกลัวว่าคุณปราณจะจำมันไม่ได้หากต้องใช้ชื่ออื่น แต่แล้วการเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อย และหน้าที่การงานที่มันต้องเปลี่ยนเสมอๆ ทำให้มันต้องใช้ชื่อใหม่

‘อนันต์’ ที่แปลว่าไม่สิ้นสุด คือชื่อที่มันคิดว่าตรงกับตัวเองมากที่สุด เพราะชีวิตอมตะของมันยังคงดำเนินต่อไปไร้จุดจบ รวมไปถึงความรักที่มันปักใจมอบให้คนคนเดียว ไม่ว่าวันเวลาของการรอคอยจะยาวนานมากเพียงใด แต่ความรักที่มันมอบให้คุณปราณจะไม่มีวันสิ้นสุดลงอย่างแน่นอน





โปรดติดตามส่วนต่อไป


ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๔/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๘ {ครึ่งแรก} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 29-09-2020 19:09:39
ปราณันต์จะจำอนันต์ได้ไหมนะ รอลุ้นเรื่องราวของชาติที่สองครับ

เรื่องราวของชาติปัจจุบันก็น่าติดตาม จะเกิดอะไรขึ้นกลับณิชรึเปล่าตอนกลับวัง

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๔/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๘ {ครึ่งแรก} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 29-09-2020 21:16:50
ทำไมต้องเป็นแบบนี้
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๔/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๘ {ครึ่งแรก} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 30-09-2020 14:04:26
เป็นกำลังใจให้ทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๔/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๘ {ครึ่งแรก} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 03-10-2020 01:12:19
ชาตินี้คุณณิชเขาแข็งแกร่งขึ้นแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๔/๙/๖๓ ‡ บทที่ ๑๘ {ครึ่งแรก} หน้า ๗
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 05-10-2020 14:47:27
บทที่ ๑๘ (ครึ่งหลัง)


หลังจากได้ยินเสียงปรบมือให้การแสดงชุดสุดท้ายที่เพิ่งจบลงไป อนันต์ดึงความสนใจกลับมาอยู่ปัจจุบันอีกครั้ง คุณชายปราณที่คนอื่นเรียกกันพามารดาเดินไปยังโต๊ะจัดเลี้ยง ซึ่งจัดวางเค้กก้อนโตและตกแต่งไว้อย่างสวยงาม

ทุกคนยืนล้อมกันเพื่อรอวินาทีเป่าเทียนบนเค้กของเจ้าของวันคล้ายวันเกิด คุณหญิงช่อทิพย์ยิ้มกว้างเมื่อทุกคนร้องเพลงแฮปปีเบิร์ดเดย์ให้ ก่อนจะก้มลงเป่าเค้กจนเทียนที่ปักไว้ดับจนหมด จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงท้ายของงาน หมออนันต์ยังคงมองตามคุณชายปราณไม่ละสายตา ลอบยิ้มไปกับท่าทีนอบน้อมที่อีกฝ่ายมีให้แก่ผู้ใหญ่แต่ละคน มารยาทงดงามเรียบร้อยเหมือนชาติก่อนไม่มีผิด

“หมออนันต์อย่าเพิ่งกลับนะครับ รอทักทายน้องสาวกับน้องชายผมก่อน เมื่อครู่มัวแต่คุยกับคุณหญิงแม่เลยยังไม่ได้คุยกับชายปราณเลย” คุณชายปุณบอกก่อนจะเดินนำเพื่อนออกมาตรงระเบียง มีแก้วไวน์ทรงสูงที่ข้างในบรรจุของเหลวสีแดงเข้มติดมือมาด้วย

“คุณชายเรียกผมอนันต์เฉยๆ ก็ได้ครับ เรียกหมอตลอดแบบนี้เหมือนผมยังทำงานอยู่เลย” อนันต์บอกเพื่อนคนใหม่ของตนพร้อมรอยยิ้ม อีกฝ่ายหัวเราะเพราะเข้าใจดี หากใครมาเรียกเขาว่าคุณชายหมอตลอดก็คงไม่ยินดีเท่าไหร่นัก

“ได้ครับ งั้นคุณอนันต์อย่าเพิ่งไปไหนนะครับ รอเจอน้องของผมก่อน” คุณชายปุณพูดซ้ำอีกครั้ง ทวนประโยคที่ตนจะพูดอีก ทำเอาคนฟังถึงกับยิ้มขำ

“ยินดีครับ ไหนๆ คุณชายก็เป็นเพื่อนผม คงต้องรู้จักครอบครัวของคุณชายให้ครบ” อนันต์ค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการให้เกียรติอีกฝ่าย คนฟังหัวเราะร่าก่อนจะชวนคุยเรื่องอื่นต่อ

หลังจากนั้นไม่นานหางตาคนที่กำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศก็พลันไปเห็นน้องสาวของตนกำลังเดินมา หญิงรตีมาหาเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม คนที่เดินมาคู่กันคือชายปราณที่ตอนนี้ตาแดงก่ำคงเพราะหาวไปหลายวอดแล้ว

“มานี่เลยทั้งคู่ พี่จะแนะนำเพื่อนพี่ให้รู้จัก นี่อนันต์ เพื่อนใหม่ของพี่เอง ส่วนนี่หญิงรตีเป็นน้องสาวคนเล็กครับ และชายปราณที่ผมเคยพูดถึงก่อนหน้านี้”

ชายปุณแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จัก อนันต์ยื่นมือออกไปทักทายแบบสากล หวังใช้โอกาสนี้สัมผัสมือเรียวของยอดดวงใจ หญิงรตียิ้มสวยก่อนจะยื่นมือมาจับทักทาย อนันต์ยิ้มให้หญิงสาวก่อนจะเลยมาที่ชายปราณ ซึ่งตอนนี้ดูสีหน้าเหนื่อยอ่อนมากกว่าจะสนุกสนานกับงานกลางคืนแบบนี้

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

ทันทีที่มือสัมผัสกันความอุ่นวาบก็แล่นริ้วขึ้นมาจากปลายมือจนคุณชายปราณอึ้งไป หมออนันต์กล่าวทักทายด้วยเสียงทุ้มนุ่ม มือเรียวที่อยู่ในอุ้งมือใหญ่อบอุ่นขึ้นทันที

ความอบอุ่นแล่นริ้วเข้าเกาะกุมใจ คุณชายปราณเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายให้เต็มๆ ตา รอยยิ้มเป็นมิตรที่อีกฝ่ายมอบให้ทำเขายิ้มตามได้ไม่ยาก รวมไปถึงประกายตาที่ดูเจ้าตัวมีความในใจจะสื่อถึงเขา เพียงแต่เขาไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด เขาคุ้นหน้าอีกฝ่ายอย่างประหลาด ทั้งที่มั่นใจว่าตนไม่เคยพบเจอคนคนนี้เป็นแน่ แต่กลับทำให้เขาคุ้นเคยราวกับความจริงใจที่อีกฝ่ายมอบให้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้พบ คนทั้งสองสอดประสานสายตากันอยู่นานโดยไม่รู้ตัว จนชายปุณต้องกระแอมคนทั้งสองจึงจะปล่อยมือจากกัน

“เราไปหามุมนั่งกันดีไหมคะ หญิงเมื่อยขาจะแย่แล้วพี่ชายใหญ่” ท้ายประโยคหญิงรตีกระซิบบอกพี่ชายของเธอ ด้วยกิริยาที่เป็นถึงหม่อมฯ ทำให้ต้องสำรวมกิริยาไว้ ทั้งที่ใจจริงอยากถอดรองเท้าส้นสูงและนั่งลงเดี๋ยวนั้นเลย

“ได้สิ”

“แต่ผมขอตัวดีกว่า ง่วงจะแย่ แต่ไม่รู้จะออกไปยังไงนี่สิ คุณหญิงป้าจ้องจะเข้ามาคุยตลอดเลย” ชายปราณบอกพลางทำหน้าเบื่อหน่าย คุณหญิงชดช้อยต้องการจะจับตนให้คู่กับหลานสาวอย่างคุณปาริมาให้ได้ ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาปรารถนาสักเท่าไหร่

“ถ้าอย่างนั้นผมขอไปเข้าห้องน้ำสักครู่ รบกวนคุณชายปราณนำทางไปได้ไหมครับ เผื่อคุณชายจะได้ออกจากงานได้โดยไม่น่าเกลียดนัก”

อนันต์เสนอทางเลือกให้ซึ่งอีกฝ่ายก็ตกลงในทันที ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยิ้มกริ่มที่ตนได้ใกล้ชิดอีกฝ่ายแบบสองต่อสองสักที แม้จะเป็นเวลาแค่เพียงสั้นๆ ก็ตาม

ชายปราณเดินนำแขกของพี่ชายออกจากห้องจัดเลี้ยง คุณหญิงชดช้อยทำท่าจะเข้ามาหา แต่เขาปฏิเสธอย่างมีมารยาทว่ากำลังดูแลแขกของพี่ชายอยู่ หญิงสูงวัยจึงยอมปล่อยไปแต่เขาคิดว่าอีกฝ่ายคนไปไล่บี้กับพี่ชายตนแน่ๆ แต่พี่ชายใหญ่คงมีวิธีรับมือที่ดีกว่าเขาแน่นอน

“ดูคุณชายจะเสน่ห์แรงนะครับ ผมเห็นพวกคุณหญิงคุณนายทั้งหลายมองไม่วางตาเลย” อนันต์ชวนคุยเมื่อเห็นว่าบรรยากาศระหว่างเขาสองคนเงียบเกินไป คุณชายปราณจึงหันมาอมยิ้มให้ก่อนจะตอบ

“คุณอนันต์พูดเกินไปครับ พี่ชายใหญ่ยังมากกว่าผมอีก รายนั้นชอบเล่นหูเล่นตาด้วย ถูกใจคนสูงวัยอยู่มากจนอยากจับเป็นลูกเขย”

“เช่นนั้น แสดงว่าทั้งคุณชายและคุณชายปุณยังไม่มีใครในใจใช่ไหมครับ” อนันต์ถามพลางใจที่รออย่างจดจ่อว่าอีกฝ่ายจะให้คำตอบเช่นไร

“ตัวผมไม่มีหรอกครับ แค่ทำงานก็ไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปหาผู้หญิงแล้ว ส่วนพี่ชายใหญ่นั้น อันนี้ไม่ทราบครับ คุณอนันต์คงต้องไปถามพี่ชายใหญ่เองแล้วล่ะ” คุณชายปราณกล่าวในเรื่องของตนที่ยินดีตอบให้อีกฝ่ายรู้ ส่วนเรื่องส่วนตัวของพี่ชายเขาไม่สามารถพูดได้เพราะมันคือเรื่องของพี่ชายเขา

อนันต์ลอบยิ้ม ใจพองฟูคับอกเมื่อได้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้หมายปองผู้ใดอยู่ แสดงว่าชาตินี้เชามีหวังแล้ว ไอ้หาญเอ๋ย...ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับการรอคอยต่อไปอีกแล้ว จากนี้ไปมันจะทำให้อีกฝ่ายเห็นว่าอนันต์คนนี้มีตัวตน และอยากจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณชายปราณจนชั่วชีวิต

“สุดทางเดินตรงนี้ไปก็จะเป็นห้องน้ำแล้วครับ เชิญคุณอนันต์ตามสบาย ผมคงต้องขอตัวก่อน” เขาบอกก่อนจะผายมือไปทางห้องน้ำตามที่บอก อนันต์กล่าวขอบคุณ แต่ก่อนไปไม่วายทิ้งคำถามไว้ เพื่อชวนต่อยอดในการพูดคุยกับอีกฝ่ายไว้ด้วย

“คุณชายเล่นเปียโนเก่งมาก หากมีโอกาสผมอยากจะให้สอนผมเล่นบ้างได้หรือไม่ หรือต้องไปสมัครเรียนที่ไหนครับ”

“ไม่ต้องสมัครหรอกครับ ไว้หลังจากงานนี้คุณอนันต์แวะมาหาผมที่นี่ก็ได้ นานๆ ทีพี่ชายใหญ่จะแนะนำเพื่อนใหม่ให้รู้จัก ผมเชื่อว่าพี่ชายใหญ่จะลากคุณอนันต์มาที่วังอีกแน่นอน” เขาพูดเพราะรู้นิสัยพี่ชายตนดี อีกฝ่ายยิ้มพร้อมกล่าวขอบคุณอีกครั้ง

คุณชายปราณมองคนที่เดินไปทางห้องน้ำ เขามองตามแผ่นหลังกว้างที่กลับมีภาพซ้อนทับเป็นชายนุ่งโจงกระเบนแบบหยักรั้งสั้น ท่าทางกำยำที่คล้ายกันจนคิดว่าเป็นคนเดียวกัน เขากะพริบตาและขยี้ตาเบาๆ เพื่อมองให้ชัด ปรากฏว่าอนันต์เดินเข้าห้องน้ำตรงสุดทางเดินไปแล้ว พร้อมกับเงานั้นเลือนหายไป

สงสัยเพราะเดินทางนานยังไม่พักและเหนื่อยจนเบลอทำให้เขาตาฝาดแบบนี้ ชายปราณสะบัดหัว 2-3 ทีไล่ความมึนงงก่อนจะเดินขึ้นชั้นบนไปยังห้องตนเอง เมื่อเข้ามาในห้องได้เขาก็ถอดสูทออกและเปลี่ยนมาใส่ชุดนอน ไปล้างหน้าล้างมืออีกรอบให้สบายตัวจากนั้นก็ปีนขึ้นเตียงสี่เสา ยังไม่ทันได้ปลดม่านลงเสียด้วยซ้ำความง่วงก็เข้าครอบงำแทบจะทันที

ลมเย็นๆ พัดหอบกลิ่นดอกไม้หอมเข้ามาในห้อง เขาเผลอสูดดมด้วยความผ่อนคลายก่อนใบหน้าหวานจะระบายยิ้มอ่อนๆ เขาคว้าหมอนข้างมากอดพลางซุกหน้าลงกับหมอนหนุนทั้งที่ตายังคงหลับอยู่ ท่าทางที่หามุมสบายได้แล้วทำให้ชายหนุ่มเข้าสู่ห้วงนิทราในทันที โดยไม่รู้เลยว่าลมเอื่อยๆ ที่พัดเข้ามาในห้อง ไม่ได้มีแค่กลิ่นหอมแต่หอบเอากลุ่มเงาทะมึนเข้ามาด้วย





--##--##--##--##--##--##--





ณิชยังคงคิดถึงสิ่งที่สุทินพูดทิ้งไว้เมื่อตอนเย็นว่าคนอย่างจีรัชญ์มักชอบอะไรเดิมๆ อีกฝ่ายพูดแบบนี้เพื่อสื่อความนัยอะไรหรือเปล่า จะเป็นการบอกว่าหากเขารักจีรัชญ์ที่เป็นไอ้หาญจริง ก็ต้องรู้ว่าจีรัชญ์ชอบหรือไม่ชอบอะไรอย่างนั้นเหรอ

ความคิดไม่ตกนี้ ทำให้เขามาขลุกตัวที่ร้านกาแฟติดแอร์ในเมืองได้ราวชั่วโมงแล้ว หูฟังที่ใส่ติดหูไว้กำลังฟังเพลงจากโทรศัพท์มือถือ เมนูเพลงเป็นแบบสบายๆ ที่กำลังฮิตในช่วงนี้ ซึ่งเข้ากับบรรยากาศของร้านที่ตกแต่งเน้นธรรมชาติ มีมุมสงบให้ได้ทำงานดูผ่อนคลาย เขาชักติดใจการนั่งทานกาแฟที่ร้านนี้เสียแล้วจนเกือบลืมดูเวลา มารู้สึกอีกทีก็ตอนที่ไฟของร้านเปิดสว่างแทบทุกพื้นที่ รวมไปถึงไฟริมถนนที่เปิดทำงานแล้วเช่นเดียวกัน

ชายหนุ่มต่างถิ่นลุกไปสั่งขนมเค้ก 2-3 ชิ้น เพื่อเอากลับไปฝากมิ้ง และเผื่อไว้แช่ตู้เย็นให้ตัวเองได้ทานเล่นตอนเครียดๆ ด้วย พอได้ของครับจากนั้นก็ออกจากร้านในเวลาต่อมา

ฝั่งจีรัชญ์ที่เห็นว่าตะวันตกดินไปได้ราวครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่คนที่บอกว่าออกไปธุระตั้งแต่ตอนกลางวันยังไม่กลับมา โทรหาก็ไม่รับสายพอโทรไปอีกครั้งก็ปิดเครื่องหนีไปแล้วทำเขาร้อนใจ แม้ประตูวังจะปิดไปแล้ว แต่เขาก็กำชับนายพลีว่าอย่าเพิ่งไปไหนไกล ต้องรอเปิดประตูให้ณิชเสียก่อน

“คุณมิ้งครับ” จีรัชญ์เรียกหญิงสาวที่กำลังขะมักเขม้นกับงานที่ทำ ขนาดที่ยกมาทำที่โต๊ะทานอาหารด้วยเพราะกำลังเร่งงานให้เสร็จอยู่

“คะคุณตรี”

“รุ่นพี่คุณยังไม่กลับมา ไม่ทราบเขาได้บอกไหมครับว่าหลังจากหมดธุระแล้วจะไปไหนต่อ” เขาถามออกไปในที่สุด หลังจากนับหนึ่งถึงร้อยในใจด้วยความอดทน

เขาได้รับสายจากสุทินไปเมื่อตอนเย็น สุทินบอกว่าณิชออกไปแล้ว เขาลองโทรถามซ้ำเมื่อครู่ฝ่ายนั้นก็บอกว่าณิชไม่ได้กลับมาหาตนแต่อย่างใด ยิ่งติดต่อณิชไม่ได้แบบนี้เขายิ่งเป็นห่วง กลัวอีกฝ่ายจะเป็นอันตรายไป เพราะไม่คุ้นที่ทางและทางเข้าวังก็เปลี่ยวเกินไป

“จริงด้วย! หนูลืมไปสนิทเลย แป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวหนูโทรให้ค่ะ” มิ้งรีบหาโทรศัพท์ตนเพื่อจะได้โทรหารุ่นพี่ แต่จีรัชญ์กลับห้ามไว้

“เขาปิดเครื่องครับ ติดต่อไม่ได้”

มิ้งเริ่มใจเสียเมื่อเห็นสีหน้าของจีรัชญ์ที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ เธอทำงานจนลืมไปเลยว่าณิชยังไม่กลับ ตอนแรกคิดว่าอีกฝ่ายคงกลับมาทานข้าวเย็นด้วยกัน แต่จนป่านนี้ยังไม่เห็นแม้แต่เงา

“พี่มั่น ลองถามพี่มั่นไหมคะ” มิ้งเสนอความคิด เพราะมั่นคงเป็นคนเดียวที่พอจะรู้ว่าณิชอยู่ไหน

เพียงแค่เอ่ยชื่อคนถูกพูดถึงก็ปรากฏกายขึ้นมาทันที ร่างกายสูงใหญ่ดำทะมึนที่เป็นเพียงวิญญาณเลือนรางยืนอยู่ริมหน้าต่าง เหม่อมองออกไปทางสวนยางข้างวังที่เป็นทางเดียวกับถนนสายที่มุ่งสู่ถนนสายหลัก

“กำลังเดินทาง” ไอ้มั่นตอบเสียงเบา จีรัชญ์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นสีหน้าไอ้เกลอที่ดูไม่ปกตินัก ไอ้มั่นเผลอขมวดคิ้วเมื่อเสียงเพลงที่เจ้านายมันกำลังฮัมอยู่ในคอเงียบไป มันเงี่ยหูฟังใช้พลังที่ตัวเองพอจะมีฟังความเคลื่อนไหวของณิช แต่อีกฝ่ายกลับเงียบไปแล้ว

“มีอะไร”

“ไม่มี”

“มึงอย่าโกหกกูไอ้มั่น” จีรัชญ์พูดเสียงเข้ม ดีที่แม่บ้านและป้าแจ่มออกจากห้องนี้ไปหลังจากจัดอาหารขึ้นโต๊ะเสร็จ พวกเขาจึงไม่ต้องลอบพูดกันในใจอีก

มันได้ยินเสียงแว่วของคุณปราณเข้ามาในดวงจิตอีกครั้ง ครั้งนี้มันตั้งใจฟังเพื่อหาว่าเจ้านายของตนอยู่ที่ใด หางตาเหลือบมองไอ้เพื่อนเกลอที่จ้องมันตาเขม็งเพื่อรอคำตอบ ไอ้มั่นนึกอยากแกล้งมันเหลือเกินเมื่อได้เห็นท่าทางร้อนรนแบบนี้ มันจึงถ่วงเวลาไม่ได้พูดอะไร ซึ่งนั่นทำให้ไอ้หาญอยู่ไม่ติด ถึงโกรธแต่ก็ทำอะไรมันไม่ได้

‘โอ๊ย! บ้าเอ๊ย! อะไรวะเนี่ย!’

ไอ้บ่าวผู้ซื่อสัตย์หันขวับไปมองยังต้นเสียง เสียงของคุณปราณดังขึ้นและสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะเงียบหายไปจนไอ้มั่นใจเสีย เรื่องสนุกที่คิดไว้ว่าจะแกล้งไอ้หาญก่อนหน้านี้ถูกพับเก็บ ดวงตาเบิกโตก่อนจะหายตัวไปทันที ยังไม่ทันที่จีรัชญ์จะได้สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ

“พี่ณิชต้องเกิดเรื่องอะไรแน่ๆ เลยค่ะ ไม่งั้นพี่มั่นคงไม่รีบร้อนแบบนี้”

หญิงสาวพูดเสียงสั่น ใจคิดไปต่างๆ นานาว่าเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นวันนั้นอาจเกิดขึ้นได้ วันนั้นยังดีที่มีจีรัชญ์แต่วันนี้ณิชขับรถออกไปคนเดียว และตอนนี้ก็มืดค่ำแล้วหากมีเรื่องคงแย่อย่างแน่นอน

‘กูกำลังช่วยคุณปราณ’ เสียงไอ้มั่นแว่วเข้าหูมาจากที่ไกลๆ จีรัชญ์ถามกลับไปเสียงเครียด แต่มิ้งไม่ได้ยินที่พวกเขาทั้งสองคุยกันเพราะไม่ได้ก่อกรรมร่วมกันมา

‘เกิดอะไรขึ้น! ไอ้มั่น! ตอบกูเดี๋ยวนี้ว่าคุณปราณเป็นอะไร!’

‘มึงไล่คุณเขา ไยต้องเป็นห่วงเป็นใยกันเล่า อยากตัดใจจากคุณเขามิใช่หรือ’
ไอ้มั่นถามกลับเสียงเรียบ ตอนนี้มันอยู่กับคุณปราณแล้ว เมื่อเห็นว่าเจ้านายมันไม่เป็นอะไรอย่างที่สังหรณ์ใจ ยิ่งอยากแกล้งไอ้เพื่อนรักที่แสนใจแข็งให้ใจอ่อนและอย่าฝืนโชคชะตาเสียที

‘มึงอย่าเล่นลิ้นกับกู บอกมาว่าคุณปราณอยู่ที่ใด’

เขาเริ่มอยู่ไม่ติดด้วยอารมณ์ร้อนใจ คิดว่าคงมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ แต่จะให้ไปตามที่ไหนนั้นเขาก็ไม่แน่ใจนัก เพราะนอกจากไอ้มั่นจะไม่ตอบแล้วยังกวนใส่เขาด้วย

“คุณตรีจะไปไหนคะ!” มิ้งรีบวิ่งตามชายหนุ่มออกมาจากห้อง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีความเคลื่อนไหว จีรัชญ์ตอบเพียงสั้นๆ ว่าจะออกไปตามหารุ่นพี่เธอ

“คุณรู้เหรอว่าพี่ณิชอยู่ที่ไหน”

“ไม่รู้ แต่ต้องออกไปหาก่อน”

จีรัชญ์ตอบเสียงเครียด ขณะเดียวกันก็รีบวิ่งไปหยิบกุญแจรถ ใจเต้นรัวในอกจนปวดหนึบ ความกลัวที่เคยคิดว่าตนเคยชินและรับมือมันได้กลับมาอีกครั้ง ตอนนี้เลือดในกายสูบฉีดพลุ่งพล่านมาก ความเครียดขึงแสดงออกทางสีหน้าและแววตาชัดเจน

“คุณอยู่รอฟังข่าวที่นี่ ถ้าผมเจอตัวคุณณิชแล้วจะรีบติดต่อกลับมา” จีรัชญ์พูดจบก็ขับรถออกไปทันที แต่ยังไม่ทันพ้นเขตรั้วก็มีรถสวนเข้ามา เป็นรถคันคุ้นตาของณิชที่เจ้าของกำลังขับเข้ามาในรั้ววัง เขาจึงหมุนพวงมาลัยขับตามอีกฝ่ายไปจอดใกล้ๆ

“พี่ณิช! พี่ไปไหนมา หนูตกใจแทบแย่คิดว่าพี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น!” มิ้งถลาเข้าไปเกาะประตูรถระหว่างที่ณิชเปิดประตูลงจากรถพอดี แต่ยังไม่ทันที่ณิชจะได้ตอบรุ่นน้องคนสนิทก็ถูกมือใหญ่จับเข้าที่แขน ก่อนจะกระชากให้หันไปหาคนดึง เขาเห็นสีหน้าถมึงทึงที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าโกรธจัดของจีรัชญ์ ดวงตาแข็งกร้าวที่เต็มไปด้วยโทสะทำณิชลอบกลืนน้ำลาย

“จะไปไหนทำไมไม่บอก! คิดว่าตัวเองเก่งนักหรือไง ทำไมถึงได้ชอบทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงนัก!” จีรัชญ์ตวาดออกมาอย่างสุดกลั้น ทั้งโกรธทั้งโล่งใจที่อีกฝ่ายไม่เป็นอะไรและกลับถึงบ้านปลอดภัย

คำต่อว่าที่มาพร้อมความห่วงใยทำให้ณิชพูดไม่ออก มิ้งถอยหลบเมื่อเห็นว่าจีรัชญ์ตอนนี้ไม่ใช่คนใจเย็นพูดน้อยและเงียบขรึมอย่างที่เธอเคยเห็น แต่กำลังกลายร่างเป็นเสือตัวใหญ่พร้อมตะปบ

ณิชอึ้งไปกับการโดนต่อว่าด้วยน้ำเสียงกึ่งตะคอกแบบนี้ เพราะเขาไม่เคยเห็นจีรัชญ์ในมุมนี้มาก่อนเลย และไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีมุมนี้กับเขาด้วย ก่อนชายหนุ่มจะเชิดหน้าขึ้นมองอย่างท้าทาย

“ไหนบอกไม่อยากสนใจแล้วจะมาร้อนใจเรื่องผมทำไม”

คำพูดคำจาของคนที่ยังไม่รู้ตัวว่าผิดทำไอ้หาญนึกอยากปรามให้อยู่หมัด สันกรามขึ้นชัดจากการที่เจ้าตัวขบฟันสะกดอารมณ์โกรธไว้ ก่อนจะดึงให้อีกฝ่ายตามเขาเข้าไปในตัวตึก





โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๘ {ครึ่งหลัง} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 05-10-2020 16:11:12
ณิชเสร็จแน่ๆ ไม่ได้นอนแน่ๆคืนนี้ โดนลงโทษทั้งคืนแน่ๆ

หาญจัดหนัก จัดเต็มไปเลย

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๘ {ครึ่งหลัง} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 05-10-2020 19:37:50
อย่างอนกันเลย นะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๘ {ครึ่งหลัง} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 05-10-2020 21:51:52
ต้องโดนทำโทษแล้วณิช  :oo1: ไปไหนมาไหนติดต่อไม่ได้คนเขาเป็นห่วง คึคึ ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รอตอนต่อไปเลย :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๘ {ครึ่งหลัง} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-10-2020 22:07:48
 :hao6:


ไม่โดนสักที ไม่ดีขึ้นเลย
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๘ {ครึ่งหลัง} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 06-10-2020 13:19:03
รอบทลงโทษของไอ้หาญ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๘ {ครึ่งหลัง} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-10-2020 05:16:35
นั่นไง ๆ ได้เรื่องแล้วไหมล่ะ ณิชกวนน้ำแล้วจ้า
สงสารทั้งคู่เลยค่ะ อนาคตยังมาไม่ถึง
แต่หาญก็กลัวไว้ก่อน ไม่แปลก คนที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวมานาน
ใครจะรู้ และทรมานเท่าได้อีก ไม่มีแล้ว นอกจากมั่น และอาจมีอีกหนึ่ง

หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๕/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๘ {ครึ่งหลัง} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 12-10-2020 09:41:52
บทที่ ๑๙ (ครึ่งแรก)


“พี่มั่น! เล่ามาว่าเมื่อกี๊เกิดอะไรขึ้น” มิ้งหันไปไล่บี้กับไอ้มั่นหลังจากคนทั้งคู่เดินหายเข้าไปด้านในแล้ว ไอ้มั่นที่ยืนอยู่ใกล้กันจึงหัวเราะเบาๆ

“หาได้มีเรื่องอันใดให้เจ้าต้องกลัวไม่ คุณปราณเพียงแต่ขับเจ้าสี่ล้อนี้ตกหลุมเบ้อเริ่มตรงทางเข้าซอย จนตัวรถเป็นรอยถลอกเพียงแค่นั้น”

“แต่พี่รีบหายตัวไปเลย หน้าตาเหมือนรู้ว่าเกิดเรื่องร้ายแรง”

“ข้าก็แค่แสดง มิเช่นนั่นเจ้าจะได้เห็นไอ้หาญในมุมนี้รึ”

อันที่จริงมันตกใจเมื่อได้ยินเสียงคุณปราณ แต่เมื่อไปดูก็พบว่าอีกฝ่ายแค่จอดรถริมถนนและลงมาดูสภาพรถตนเองเท่านั้น อีกทั้งยังอยู่ในที่ชุมชน พอถามก็ได้ความอย่างที่บอกมิ้งไป จากนั้นมันก็นั่งรถมากับคุณปราณจนมาเจอไอ้หาญที่โกรธจัดนั่นแหละ ไอ้หาญนะไอ้หาญ หากไม่ห่วงเขาจริง มีหรือจะร้อนเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้

ทางด้านจีรัชญ์ที่ลากณิชเข้ามาในบ้านได้ก็โดนณิชยื้อตัวให้หยุดที่โถงกลาง ณิชมองจีรัชญ์ด้วยใบหน้าอมยิ้ม เขาไม่ได้โกรธอีกฝ่ายทำรุนแรงใส่ เพราะแม้ท่าทีขึงขังที่แสดงออกมันจะดูดุดันอยู่ในที แต่ความรู้สึกจริงๆ ที่ได้รับนั้นจีรัชญ์ทำเพียงกดแรงมือให้แน่นกว่าเดิมเพียงแค่นั้น ไม่ได้ฉุดกระชากลากถูเหมือนพวกชอบความรุนแรงที่ทำกัน

“ใจเย็นๆ ก่อนได้ไหม ผมเดินไม่ทัน”

“ผมโกรธคุณมากนะคุณณิช เรื่องตอนนั้นที่โดนเด็กวัยรุ่นรุมทำร้ายมันไม่ทำให้คุณรู้สึกกลัวบ้างเลยรึไง ก็รู้อยู่ว่าที่ทางแถวนี้มันเปลี่ยว ทำไมถึงได้...”

“พอก่อนหาญ ใจเย็นๆ ขึ้นไปคุยกันข้างบนเถอะ”

ณิชพูดเบาๆ มือเรียวยกขึ้นลูบแขนข้างที่อีกฝ่ายยังจับข้อมือเขาไว้มั่น เพื่อปลอบให้ความร้อนใจของเจ้าตัวเย็นลง พี่หวีแม่บ้านเดินออกมาดูเพราะเห็นว่าที่โต๊ะรับประทานอาหารไม่มีใครอยู่เลยทั้งที่กับข้าวยังเต็มโต๊ะ ณิชไม่อยากให้อาการโกรธจนฟิวส์ขาดของไอ้หาญทำแม่บ้านตกใจจึงคิดว่าเลี่ยงขึ้นไปคุยกันข้างบนคงจะดีกว่า

เมื่อขึ้นมาข้างบนได้ไอ้หาญก็พาคนของมันเข้าห้องในทันที อยากจะต่อว่าให้สมกับความเป็นห่วงที่พลุ่งพล่านในอกก่อนหน้านี้ แต่เมื่อหันกลับมาเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายก็ทำมันฉุนกึก ณิชไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้หรือยังไง

“ยิ้มอะไร” จีรัชญ์ถามเสียงเข้ม มองอีกฝ่ายที่ยังคงมองมาที่เขาพร้อมรอยยิ้มดูมีเลศนัย

“คุณดูโกรธมาก”

“ใช่! ผมโกรธที่คุณไม่รู้จักห่วงตัวเอง จะออกไปไหนมาไหนผมไม่เคยห้าม แต่ไม่ใช่กลับตอนมืดค่ำแบบนี้ ผมคิดว่าเหตุการณ์โดนทำร้ายในครั้งนั้นมันจะทำให้คุณจำว่าที่ทางแถวนี้ไม่ปลอดภัย แต่คุณก็ยัง...อุ๊บ!”

คนที่ครั้งหนึ่งเคยใจเย็น พูดน้อย และพูดแต่คำว่าขอรับ ทำเขาอดไม่ได้ที่จะจูบปิดปากเพื่อกลืนคำต่อว่าเหล่านั้นเข้าไปให้หมด สองมือเรียวประคองแก้มสากของอีกฝ่ายไว้ ไม่ให้เจ้าตัวได้ทั้งตั้งตัวว่ากำลังโดนจู่โจมอยู่ มอบรสจูบที่เต็มไปด้วยความออดอ้อนเพื่อขอโทษในสิ่งที่ตนได้ทำลงไป หวังว่าจูบนี้จะง้ออีกฝ่ายได้สำเร็จ

ในเมื่อสุทินบอกว่าจีรัชญ์ชอบอะไรเดิมๆ ชอบเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนดั่งคนรักเดียวใจเดียว เช่นนั้นเขาก็ต้องปลุกจิตวิญญาณของคุณปราณให้ทำงานอีกครั้ง ใช้วิธีการง้อแบบถึงเนื้อถึงตัวอย่างที่ไอ้หาญเคยชอบคงจะดีที่สุด

จีรัชญ์ยืนแข็งเป็นแท่งหินเมื่อโดนณิชประกบปิดปากเสียอย่างนั้น แทนที่จะสำนึกว่าเขากำลังต่อว่าและตัวเองต้องสำนึกผิด กลับกลายมาจูบเขาเพื่อปิดคิดต่อว่าเหล่านั้นเสีย กลีบปากที่กำลังขยับอยู่บนริมฝีปากของเขาดูซุกซน เขาจะผละออกแต่ก็โดนรั้งไว้จนทนไม่ไหว ต้องอุ้มอีกฝ่ายไปทิ้งบนเตียง

“อย่ามาเล่นแบบนี้กับผม”

ในที่สุดปากก็หลุดห่างออกจากกัน จีรัชญ์คร่อมณิชอยู่มองอีกฝ่ายตาเขม็งอย่างตำหนิ แม้ใจจะเต้นรัวในอกเพราะรสจูบวาบหวามเมื่อครู่

“ผมไม่ได้เล่น อยากรู้เหมือนกันว่าคนที่พยายามทำใจแข็งเหมือนหินจะทนได้สักกี่น้ำ ปากบอกไม่ห่วงแต่ตอนนี้คุณกำลังเป็นห่วงผมอยู่ชัดๆ”

ณิชยิ้มเย้ยที่เขารู้สึกว่าตนเองกำลังเหนือกว่าจีรัชญ์ ถึงแม้ตอนนี้เขาจะนอนอยู่ใต้ร่างของอีกฝ่ายก็ตาม นิ้วเรียวไต่แตะไปบนผิวที่โผล่พ้นเสื้อของอีกฝ่ายเบาๆ ลำแขนแข็งแรงที่มีมัดกล้ามและผิวคล้ำแดดน่าสัมผัส

จีรัชญ์เงียบจับมือณิชที่กำลังซุกซนไต่ไปทั่วตัวเขาไว้ เขาไม่รู้จะโต้ตอบอีกฝ่ายไปอย่างไรดีเพราะทุกอย่างชัดเจนจนไม่อาจค้านได้ เขาเป็นห่วงณิชจนแทบบ้า คิดไว้เลยว่าถ้าขับรถออกไปแล้วไม่เจอณิชใจเขาคงแหลกเหลวไปอีกครั้ง

สายตาสองคู่สอดประสาน ต่างฝ่ายต่างมองลึกเข้าไปในดวงตาที่ใครๆ ต่างบอกว่าเป็นหน้าต่างของหัวใจ จีรัชญ์เห็นแต่ความอยากรู้ อยากลอง และโหยหาตัวเขาจากสายตาของณิช ส่วนณิชที่มองตอบไม่ยอมแพ้ค่อยๆ หุบยิ้มลง เพราะเขารู้สึกได้แค่ความท้อถอยจากจีรัชญ์ที่ส่งผ่านมาเท่านั้น

“คุณไม่รู้อะไรเลย ไม่เคยรู้อะไรเลย”

หลังจากที่เงียบไปนานจีรัชญ์ก็พูดขึ้นในที่สุด ดวงตาคมที่เคยแข็งกร้าวเพราะความโกรธก่อนหน้านี้อ่อนลง ทอดมองคนใต้ร่างที่ยังคงมองเขาไม่ละสายตา ดวงตาคู่นี้คู่เดิมที่เขาจำได้แม่นไม่เคยเปลี่ยน คิดถึงใจจะขาดแต่เพราะไม่อยากเจ็บช้ำจนเกินทนอีกจึงอยากตัดใจเสียตั้งแต่ต้น

รู้ว่ามันยากเพราะโชคชะตาผูกเขาสองคนไว้ด้วยกัน

รู้ว่าคนเดียวที่จะช่วยเหลือเขาได้มีเพียงคนตรงหน้าเท่านั้น

รู้ว่าทุกอย่างต้องดำเนินไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แต่ขอแค่เพียงชาตินี้ได้ไหม ที่มันจะอยู่ซ่อมแซมความรู้สึกที่ติดค้างไว้จากเมื่อสองชาติก่อนให้กลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง ขอให้มันได้อยู่กับความว่างเปล่าต่อไปอีกสักหน่อย เพราะอย่างน้อยๆ มันก็ได้รู้ว่าความเสียใจในชาตินี้มันเป็นคนเลือกเอง หาใช่เพราะการดูคนรักจากไปอย่างไม่มีวันกลับอีกครั้ง

มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาจากดวงตาสวย ไอ้หาญร้องไห้ต่อหน้ายอดดวงใจของมันอีกครั้งหนึ่ง ร่างกายที่กำยำสูงใหญ่เอนลงซบกับอกบางราวคนกำลังหมดแรง ไร้เสียงสะอื้นแต่ร่างกายกลับสั่นเทาเพราะความสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ อ้อมแขนแข็งแรงกอดร่างของณิชไว้ราวกับกลัวอีกฝ่ายจะหายไปในนาทีใดนาทีหนึ่ง ความเปียกชื้นของเสื้อตรงอกที่จีรัชญ์ซบอยู่เขารับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายต้องทนแบกรับทุกอย่างไว้มากแค่ไหน

“ผมไม่อยากเสียคุณไปซ้ำๆ แม้ปากผมจะบอกว่าเข้าใจว่ามันเป็นโชคชะตาแต่ผมไม่เคยทนได้ แต่เพราะคำสาปทำให้ต้องทน ผมเคยทำทุกอย่างที่คนคนหนึ่งจะทำได้ ผมตามหาคุณ ผมแทบพลิกแผ่นดินทุกตารางนิ้วมองหาเพียงแค่คุณคนเดียว แต่ท้ายสุดผมก็เสียคุณไปอยู่ดี ชาตินี้...ผมอยากพัก ผมเหนื่อยจนแทบยืนไม่ไหวแล้ว”

เพราะมันต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว วันที่มันเสียใจที่สุดจนไม่อยากมีชีวิตแต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนต่อไป นาทีแล้วนาทีเล่า วันแล้ววันเล่า ในขณะที่ทุกอย่างดำเนินไปแต่มันก็ยังคงจมอยู่กับความเสียใจเช่นเดิม

ครั้งหนึ่งเคยวาดหวังเสียสวยหรู คิดไว้ว่าตนต้องหลุดพ้นจากคำสาปนี้ แต่เมื่อไม่เป็นดังหวัง อีกทั้งยังเจ็บปวดทรมานกว่าครั้งแรกที่รู้ว่าคุณปราณตายเป็นไหนๆ ไอ้หาญที่เคยลั่นวาจาไว้ว่าขออโหสิกรรมให้ท่านออกญาศรีรัตนกรกลับทรุดกายลง ร้องไห้ทุรนทุรายอยู่บนพื้นพร้อมใจที่โกรธเกลียดคนที่ทำให้มันเป็นเช่นนี้ มันคับแน่นในอกแทบหายใจไม่ออก

ณิชเงียบฟังสิ่งที่จีรัชญ์กำลังระบายออกมา เขากอดกระชับอีกฝ่ายเพื่อสื่อให้รู้ว่าชาตินี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะต้องช่วยคนคนนี้พ้นคำสาปให้ได้

“ผมสัญญา...ในชาตินี้ผมจะรักษาตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อคุณ คุณจะไม่มีวันมองผมจากไปเหมือนชาติที่แล้วมา ถ้าคุณเหนื่อยผมจะเป็นที่พักพิงที่สุดท้ายของคุณเอง”

เขากระซิบบอกคนที่ต้องอยู่กับความเสียใจมาตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา ในอกเจ็บแปลบยามคิดไปถึงว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้ไอ้หาญต้องมาเจอแบบนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะไม่ฆ่าตัวตายเพื่อหนีความเจ็บปวดที่เทียบไม่ได้สักครึ่งหนึ่งของไอ้หาญในตอนนี้เลย

คนทั้งคู่นอนกอดกันอยู่อย่างนั้นจวบจนจีรัชญ์เผลอหลับไป ณิชก้มมองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในอ้อมกอด ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยไล่ความเมื่อยขบ ไอ้มั่นปรากฏตัวขึ้นที่มุมห้องเมื่อคิดว่าให้เวลาคนทั้งคู่พอสมควรแล้ว มันเดินเข้าไปใกล้เตียงเห็นไอ้เกลอรักหลับสนิทอย่างที่ไม่ได้เห็นมาสองสามวันแล้ว ส่วนเจ้านายของมันลุกขึ้นนั่งนวดไหล่นวดแขนเพราะก่อนหน้านี้โดนไอ้หาญนอนทับอยู่

“มันเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”

“เขายังคงยึดติดกับอดีตอยู่ สำหรับผมมันคืออดีตที่ผมจำไม่ได้ แต่กับหาญ...มันคือความทรงจำที่ไม่เคยลืม ผมไม่รู้ว่าชาติก่อนผมกับเขาเป็นยังไงบ้าง นายพอจะเล่าได้ไหม”

ณิชถามพลางเดินออกจากห้องของจีรัชญ์มาหยุดอยู่ที่ระเบียงกว้าง ที่สามารถมองเห็นสระบัวได้อย่างชัดเจน แต่เวลานี้มืดแล้วจึงเห็นได้เพียงรำไรจากแสงไฟที่พอส่องถึงเท่านั้น

“ขอรับ” ไอ้มั่นรับคำก่อนจะนั่งคุกเข่าลง ไม่ตีตนเสมอนายเหมือนอย่างที่ทำในวันวาน แต่ณิชกลับบอกให้อีกฝ่ายยืนขึ้นข้างตนแทน

ไอ้มั่นเล่าว่าตั้งแต่ครั้งที่ไอ้หาญรู้ว่าคุณปราณตายแล้วในชาติแรก ไอ้หาญพยายามก่อร่างสร้างตัว ทำทุกอย่างเพื่อรอวันที่จะได้พบคุณปราณอีกครั้ง โดยตอนนั้นไอ้มั่นเป็นเพียงแค่วิญญาณเลื่อนลอย ไม่สามารถสื่อสารใดๆ กับไอ้หาญได้เพราะคุณปราณยังไม่เกิด มันได้แค่เฝ้าดูชีวิตของไอ้เพื่อนรักที่ดำเนินไปในแต่ละวันด้วยความทุกข์ทรมาน สงสารเพื่อนจับจิตแต่ตนเองทำได้แค่มอง และต้องรอเวลาต่อไปเช่นกัน

ไอ้หาญเฝ้ารอทุกวันตั้งแต่วันที่รู้ข่าวว่าคุณปราณตาย สิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวตัวมันไว้ได้คือสมุดบันทึกและจดหมายที่คุณปราณให้ไว้ ผ้าเช็ดหน้าของยอดดวงใจเปรียบเหมือนชีวิตของไอ้หาญก็ว่าได้ มันพกติดกายตลอดเวลา หมั่นซักให้สะอาดด้วยความทะนุถนอม สร้อยที่คุณปราณให้ไว้มันเก็บไว้มิดชิดมิให้ใครได้พบเห็นหรือรู้ได้

ไอ้หาญไม่ทิ้งเวลาให้สูญเปล่า ถึงแม้มันจะรอคุณปราณไปด้วยแต่มันก็ไม่งอมืองอเท้า ด้วยแต่เดิมเป็นคนขยันอยู่แล้วไอ้หาญจึงเร่งทำงาน ยังดีที่หลังจากนั้นไม่นานก็มีการเลิกทาส ทำให้มันพอที่จะทิ้งตัวตนความเป็นทาสชั้นต่ำดั่งคำของท่านออกญาฯ พูดไว้เบื้องหลัง มันเก็บทุกสลึงที่ได้มาสะสมไปทีละน้อย เก็บหอมรอมริบจนพอจะสร้างกระท่อมสักหลังที่แข็งแรงไว้อยู่พักพิง คราแรกมันคิดว่าการเกิดใหม่ของคุณปราณคงจะมาถึงในไม่ช้า แต่รอมาเป็นสิบๆ ปี มันก็ยังไม่เจอใครที่หน้าตาละม้ายคล้ายคุณปราณเลย

เมื่อเริ่มมีเงินสักก้อนไอ้หาญก็เริ่มออกตามหาคุณปราณไปด้วย ไอ้บ่าวซื่อมีจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังเพราะคิดว่าต้องเจอคุณปราณในสักวันหนึ่ง มันขึ้นเหนือไปทำงานอยู่พักใหญ่ ก่อนจะลงใต้เพื่อเปลี่ยนตัวตนใหม่ จากทาสคนหนึ่งที่ไม่รู้วิชากลับกลายมาเป็นคนมีหลายอาชีพ เริ่มจากจับกังไปเป็นคนทำบัญชี จนได้มาค้าขายเปิดร้านค้าข้าวสาร ออกทะเลหาปลาก็เคยทำมาแล้ว จนได้รู้จักกับพวกนายเรือฝรั่งจึงได้ศึกษาภาษาต่างประเทศไปด้วย

มันได้ไปอยู่ต่างประเทศเพราะไปช่วยท่านทูตตกเรือได้ทันท่วงที ทำให้เขาเอ็นดูรับไอ้หาญไปอยู่ด้วยเพราะเห็นว่ามันทำงานดี อีกทั้งยังพูดคุยภาษาต่างประเทศเป็น จนมันได้ศึกษาเล่าเรียนที่บ้านของเขา ก่อนจะกลับมาประเทศไทยอีกครั้งในบทบาทใหม่ที่ต่างจากเดิม ไปกลับหลายต่อหลายครั้งในตัวตนที่ต่างออกไป จนได้กลับมาเป็นแพทย์ที่เมืองไทย

ในแต่ละครั้งก็ต้องเปลี่ยนตัวตนเพื่อไม่ให้ใครจำได้ การปลอมตัวจึงเป็นสิ่งที่ไอ้หาญถนัดนัก เพื่อนฝูงที่สนิทด้วยไม่มีสักราย ในตอนแรกยังดีที่พวกตัวตนเอกสารต่างๆ ยังไม่แพร่หลายนัก แต่เมื่อบ้านเมืองพัฒนามากขึ้น อะไรหลายๆ อย่างที่เคยจัดการได้ง่ายจำต้องเปลี่ยนไป

ไอ้หาญไม่สามารถทำตัวแบบที่อยู่ๆ ก็หายตัวไปได้อีกแล้ว มันต้องทำให้คนอื่นเชื่อว่าตัวของมันตายไปแล้วจริงๆ และต้องไม่กลับไปที่เดิมเพื่อกันคนเดิมๆ จำได้ มีครั้งหนึ่งที่มันบังเอิญเจอตาแก่ๆ คนหนึ่ง ซึ่งชายคนนั้นเคยรู้จักกับไอ้หาญเมื่อหลายสิบปีก่อน ฝ่ายนั้นตกใจเกือบช็อกตาย ยังดีที่ไอ้หาญบอกว่าตัวมันคือหลานชายหาใช่ไอ้หาญคนเดิม จากนั้นก็รีบจากมาเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่สามารถถามไถ่อะไรมันได้อีก

ในส่วนของเรื่องเอกสารการมีตัวตนของมันนั้น ไอ้หาญจะต้องเลือกหาคนที่จะทำหน้าที่สำคัญนี้ด้วยตัวเอง ลองใจสารพัดจึงจะให้มาจัดการเรื่องตัวตนของมันในทางกฎหมาย ซึ่งแต่ละคนที่ไอ้หาญเลือกนั้นจะต้องทำงานให้กับมันไปชั่วชีวิต ผูกสัญญากันจนกว่าอีกฝ่ายจะสิ้นอายุขัยอย่างที่ควรจะเป็น และจนกว่าไอ้หาญจะปลดออกจากการเป็นผู้ช่วยด้านนี้ คนล่าสุดที่เพิ่งเสียชีวิตไปก็ราว 2-3 ปีก่อนเห็นจะได้

หากเข้าไปในห้องเก็บเอกสารที่เป็นห้องลับในคฤหาสน์หลังนี้ จะพบว่าไอ้หาญมีใบมรณะบัตรของตนเองหลายใบ แต่ละใบการตายก็จะอยู่ในช่วงวัยที่ไม่แก่เลย หากพูดในสมัยนี้ก็เรียกว่าตายตั้งแต่ยังหนุ่ม ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนเป็นคนใหม่ในอาชีพใหม่วนเวียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ต่างจากคนที่ตายแล้วกลับชาติมาเกิดใหม่

“แล้วเรื่องวังปริพัตรล่ะ”

เขาพอจะรู้เรื่องชีวิตของไอ้หาญคร่าวๆ บ้างแล้ว แต่ที่อยากรู้อีกอย่างคือจีรัชญ์มีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับวังนี้ หากจะบอกว่าอีกฝ่ายก่อร่างสร้างตัวจนมีคฤหาสน์เป็นของตนเองก็พอเข้าใจได้ แต่นี่คือวัง แสดงว่าคนที่เคยเป็นเจ้าของจะต้องมียศที่สูงศักดิ์ไม่น้อย ต้องเป็นลูกเจ้าลูกนายไม่ใช่คนเดินดินธรรมดาอย่างไอ้หาญแน่นอน

“ในตอนนั้นไอ้หาญเพิ่งกลับมาจากยุโรป ก่อนหน้านี้มันได้ไปๆ กลับๆ เปลี่ยนตัวตนไปเรื่อยๆ เพื่อตามหาคุณปราณทั้งที่เมืองไทยและต่างแดน จนครั้งนั้นมันเลือกที่จะกลับมาอีกครั้งเพราะไปอยู่ที่ยุโรปได้ราว 5-6 ปีเห็นจะได้ หลังจากที่มันเฝ้ารอมาเป็นร้อยกว่าปีมันกลับมาก็ได้เจอคุณปราณขอรับ”

ฟังมาถึงตรงนี้ลมหายใจณิชถึงกับสะดุด ก้อนความเสียใจจุกตื้อที่ลำคอแทบกลืนน้ำลายไม่ได้ หมัดกำแน่นวางอยู่บนราวระเบียงแบบปูน มันเย็นเฉียบราวแช่อยู่ในน้ำแข็ง แต่เพราะเรื่องราวที่ไอ้มั่นกำลังถ่ายทอดให้ฟังต่างหากที่แช่แข็งตัวณิชในตอนนี้

การรอคอยแค่เพียงหนึ่งวันยังว่านาน แต่นี่เวลาผันผ่านมาเป็นร้อยปีที่ไอ้หาญต้องรอเขา ไม่แปลกที่จะวาดหวังว่ามันจะได้ครองรักกับยอดดวงใจในตอนนั้น เพราะคิดว่าการทรมานของวันคืนที่ยาวนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์กำลังจะสิ้นสุด แต่พอไม่ใช่อย่างที่คิดเลยปิดใจ ตั้งปราการกักขังตัวเองไว้เพื่อฝืนชะตากรรม

“แต่เดิมวังแห่งนี้เป็นของหม่อมเจ้าจุลปรีชา ปริพัตร ท่านเป็นบิดาของคุณปราณในชาติก่อนขอรับ ท่านเสียไปก่อนที่ไอ้หาญจะเจอคุณปราณ วังนี้จึงมีคุณหญิงช่อทิพย์ภริยาของท่านชายเป็นเจ้าของ คุณปราณคือลูกคนกลางของคุณหญิง มีพี่ชายและน้องสาวด้วยขอรับ”

“พวกเขาขัดขวางผมกับไอ้หาญไหม”

ไอ้มั่นเงียบไป มันทำเพียงยิ้มและนึกไปถึงเหตุการณ์ในช่วงปีนั้นที่ไอ้หาญได้พบกับคุณปราณอีกครั้ง...





โปรดติดตามส่วนต่อไป



สวัสดีค่ะ ผอบขอทักทายคนอ่านอย่างเป็นทางการ
ผอบดีใจมากๆ ที่มีคนเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้
ขอบคุณนักอ่านคนเดิมๆ ที่เมนต์ให้กันตลอดตั้งแต่ตอนแรกๆที่ลง

คุณ blove
คุณ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก
คุณ anterosz
คุณ cavalli
คุณ Ginny Jinny
คุณ nightsza
คุณ fullfinale

เป็นขาประจำที่ผอบมักเห็นบ่อยๆ ขอบคุณที่อ่านนิยายและสละเวลาแสดงความเห็นให้ได้รู้ว่ามีคนรออยู่
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย และฝนตกแทบทุกวัน ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๙ {ครึ่งแรก} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 12-10-2020 17:10:27
คุณณิชไหนๆหาญก่รอมาเป็นร้อยปี ให้รางวัลโหน่ยยยยย  :impress2:

ปล.คุณผอบดูแลตัวเองด้วยนะคะ พกทั้งร่มทั้งเสื้อกันหนาวเลย❤️❤️❤️
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๙ {ครึ่งแรก} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 12-10-2020 17:47:49
ค่อยๆ รู้เรื่องชีวิตของหาญที่ผ่านมาทีละนิดแล้ว

หวังว่าคุณปราญในชาตินี้จะทำให้หาญสมหวังและหลุดพ้น

รอตอนต่อไปครับ

ปล.สวัสดีคุณผอบด้วยครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๙ {ครึ่งแรก} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 12-10-2020 19:39:55
คุณผอบ รักษาสุขภาพด้วยนะ

อย่าเท เล้าเป็ด เหมือนบางเรื่อง


หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๙ {ครึ่งแรก} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-10-2020 22:48:49
 :hao3:


หาวิธีแก้คำสาป !!
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๙ {ครึ่งแรก} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 13-10-2020 22:54:38
คุณตรีเปิดอกคุยกันมากแล้วเว้ย ในที่สุดก็พูดออกมากับความคับแค้นใจในอดีต จากการยั่วเวอร์ชั่นคุณปราณ 5555 ชาิตนี้นะชาตินี้ต้องรอดไปด้วยกันอยู่จนแก่เฒ่า เพราะณิชก็ไม่เหลือครอบครัวแล้วคงมีแต่คุณตรีนี่แหละ  :กอด1: รอตอนต่อไปเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาต่อ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๙ {ครึ่งแรก} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 14-10-2020 06:31:22
บทที่ ๑๙ (ครึ่งหลัง)




วันนี้ฝนโปรยปรายลงมาตั้งแต่เช้ามืด พื้นถนนชื้นแฉะไปด้วยหยาดน้ำฝนที่ร่วงหล่นกระทบพื้นไม่ขาดสาย แม้ตอนนี้จะเป็นเวลากว่าแปดโมงเช้าแล้ว แต่ท้องฟ้าที่ครึ้มเมฆฝนกลับทำให้รู้สึกว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาปกติที่ต้องออกมาทำงาน

“คุณหมอวิ่งฝ่าฝนมาเหรอคะ ดูสิคะเปียกไปทั้งตัวเลย” พยาบาลสาวเอ่ยทัก เมื่อเห็นคุณหมอหนุ่มหล่อที่เพิ่งเข้าทำงานได้ไม่นานเสื้อผ้าเปียกชื้นเกือบทั้งชุด

“พอดีที่จอดรถมันเต็มน่ะครับ เลยต้องวนไปจอดด้านหลังตึกแล้วต้องวิ่งมา”

“โห ไกลเลยนะคะนั่น หลังคาทางเดินก็ไม่มีเสียด้วย มาค่ะ...เดี๋ยวฉันเอาผ้าขนหนูให้คุณหมอจะได้ซับหน้าซับตาสักหน่อย ไม่ทราบคุณหมอมีเสื้อผ้าติดห้องพักแพทย์บ้างไหมคะ”

“อ่า...แย่แล้วสิครับ ผมไม่มีชุดเปลี่ยนเลย”

เขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเพราะครั้งล่าสุดที่ต้องอยู่เวรนอนโรงพยาบาลก็หลายสิบปีก่อนตอนยังเป็นแพทย์ฝึกหัด ทำให้ไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาติดตู้ล็อกเกอร์ของตนเองไว้เลย

“แย่แล้วล่ะสิ เช่นนั้นใส่เสื้อคนไข้ไปก่อนนะคะ ฉันจะเอาชุดไปให้แม่บ้านรีดให้ก่อนคุณหมอจะได้ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าชื้นๆ ทำงาน”

“ดีเลยครับ ขอบคุณมากนะครับ”

อนันต์กล่าวขอบคุณ นึกซึ้งใจที่พยาบาลสาวร่างท้วมอาสาเป็นธุระในเรื่องนี้ให้ มารู้ตอนหลังแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นหัวหน้าพยาบาลที่ทำงานเก่ง และใส่ใจทุกคนที่เธอร่วมงานด้วย ซึ่งนับว่าน้อยคนที่จะเป็นแบบนี้

อนันต์ที่อยู่ในชุดของผู้ป่วยในไม่ได้ออกจากห้องทำงานของตนเลย โชคยังดีที่วันนี้ไม่มีเคสเร่งด่วนจึงสามารถรอตรวจได้ เขาจึงทำงานเอกสารฆ่าเวลาไประหว่างรอ

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ชายหนุ่มที่นั่งจิบกาแฟไปพลางอ่านแฟ้มประวัติของคนไข้ไปพลางพูดอนุญาตให้คนนอกห้องเขามา ฝ่ายผู้มาเยือนหัวเราะทันทีที่เห็นว่าเจ้าของห้องอยู่ในสภาพใด

“ทำไมอยู่ในชุดแบบนี้ล่ะอนันต์ ดูสิ...เป็นหมอดีๆ ไม่ชอบ ดันมาเป็นคนไข้เองเสียอย่างนั้น”

ชายปุณเอ่ยแซวเพื่อนตนเองที่ตอนนี้สนิทกันมากกว่าเดิม สรรพนามที่ใช้เรียกก็เปลี่ยนไปตามความสนิทสนม เพียงแต่อนันต์ยังคงรักษาท่าทีไว้เช่นเดิมเหมือนตอนที่รู้จักกันในคราแรก นั่นเพราะอีกฝ่ายเป็นถึงคุณชาย หากมีท่าทีสนิทสนมมากเกินไปคงจะไม่ดีนัก

“ฝนทำพิษน่ะสิครับ ทำผมเปียกทั้งตัว นี่คุณพยาบาลฉลวยกำลังจัดการเอาไปฝากแม่บ้านรีดให้อยู่ อีกสักครู่คงได้”

“ถ้าเช่นนั้นก็ดีเลย ฉันมีเคสอยากจะให้นายช่วยดูสักหน่อย เดี๋ยวจะเลี้ยงมื้อเที่ยงเป็นการตอบแทน” คุณชายตอบเสร็จก็วางแฟ้มลงบนโต๊ะ อนันต์ยิ้มขำเพราะอีกฝ่ายคงเตรียมมัดมือชกให้เขาช่วยเหลือเสียแล้ว

“ประเดี๋ยวผมตามไปครับ เชิญคุณชายล่วงหน้าไปก่อนได้เลย” อนันต์ตอบพร้อมกับเสียงร้องดีใจของคุณชายหมอ ก่อนเจ้าตัวจะออกจากห้องไปรออยู่ที่แผนกกุมารเวชที่อยู่ถัดจากชั้นนี้ลงไป 1 ชั้น ซึ่งนั่นแสดงว่าเขาจะต้องใส่ชุดคนป่วยออกข้างนอกอย่างเลี่ยงไม่ได้

หมออนันต์ลงมาชั้นล่างโดยมีสายตาของนางพยาบาลทั้งหลายมองตามพลางหัวเราะขำ บางคนเอ่ยแซวเสียจนเขายิ้มเขิน แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือสายตาของญาติผู้ป่วย บางคนที่เคยเห็นหน้าเขามาบ้างแล้วต่างถามไถ่ว่าป่วยเป็นอะไร เขาจึงต้องรีบตอบกลับไปตามจริงเพื่อไม่ให้ญาติคนไข้ตื่นตระหนก

นายแพทย์อนันต์เป็นหมอกุมารแพทย์ที่เก่งหาตัวจับยาก แน่นอนว่าไอ้หาญปิดบังชื่อเสียงและความเก่งกาจของตนไว้ แต่เมื่ออยู่หน้างานท้ายสุดจิตวิญญาณของความเป็นหมอก็ปิดบังความเก่งที่สั่งสมประสบการณ์มาหลายสิบปีไม่มิด กลายเป็นว่าเขาได้งานใหม่ในโรงพยาบาลทันทีที่แนะนำตัว และยังเป็นที่เชื่อใจของหมออีกหลายๆ ท่านในการดูแลผู้ป่วยเด็ก

แน่นอนว่าคุณชายหมอก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน เขาจึงมักขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคนนี้บ่อยๆ และตอบแทนเพื่อนคนนี้หลายครั้งจนเหลือจะนับ ดังเช่นวันนี้ที่หลังจากปรึกษาเรื่องแนวทางการรักษาของผู้ป่วยคนหนึ่งเสร็จแล้ว คนทั้งคู่ก็เดินออกจากแผนกมาเพื่อวางแผนกันไปหามื้อเที่ยงทานกัน

“คุณชายหมอคะ คุณชายปราณมารอพบอยู่ที่ห้องค่ะ” พยาบาลเข้ามาบอกขณะที่อนันต์กับคุณชายปุณกำลังคุยกันเรื่องมื้อเที่ยงที่กำลังจะถึง

“ครับ ขอบคุณมากครับ” คุณชายกล่าวขอบคุณพยาบาลที่มาบอกข่าว ก่อนจะหันมาหาเพื่อนของตนที่ยืนอยู่ด้วยกัน แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรอีกฝ่ายก็แทรกขึ้นเสียก่อน

“ถ้างั้นผมแวะไปทักทายคุณชายปราณสักหน่อยดีกว่าครับ”

อนันต์แทบซ่อนความดีใจไม่มิด เพราะตั้งแต่งานเลี้ยงวันนั้นก็ผ่านมาราวอาทิตย์กว่าๆ แล้วที่เขาไม่ได้เจอหน้าคุณชายปราณเลย คิดถึงอีกฝ่ายจับจิต แต่ไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรไปพบดี เรื่องที่บอกว่าอยากเรียนเปียโนนั่นก็ดูจะน้ำหนักน้อยไปสักหน่อย

เมื่อมาถึงห้องทำงานของคุณชายหมอก็พบว่ามีหนุ่มร่างบอบบางนั่งอยู่ในห้อง ในมือกำลังถือตำราแพทย์อยู่ แต่ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวคงอ่านไม่เข้าใจเพราะชายปราณทำเพียงแค่เปิดผ่านไปเรื่อยๆ เท่านั้น

“รอพี่นานไหมชายปราณ”

“ไม่นานหรอกครับ ผมเพิ่งมาถึงเมื่อครู่นี่เอง พอดีขับรถผ่านมาแถวนี้เลยว่าจะชวนพี่ชายใหญ่ไปทานมื้อเที่ยงสักหน่อย” ฝั่งน้องชายวางหนังสือลงก่อนจะพูดพร้อมใบหน้าที่แต่งแต้มรอยยิ้มสวย สายตาของเขาเหลือบมองไปเห็นเพื่อนใหม่ของพี่ชายใหญ่ก็ตกใจไม่เบา

“คุณอนันต์ป่วยเป็นอะไรครับ ทำไมถึงมาอยู่ในชุดนี้ได้”

ดวงตากลมที่เบิกโตราวแมวตกใจนั่นทำเอาอนันต์ลอบยิ้มในใจด้วยความเอ็นดู เขาเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอีกหน่อยก่อนจะตอบเสียงนุ่ม

“ไม่ได้ป่วยครับ แค่เสื้อเปียกเลยไม่มีชุดเปลี่ยน ต้องใส่ชุดนี้ไปก่อนระหว่างรอเสื้อส่งไปซักรีดให้แห้ง”

ชายปราณพยักหน้าเข้าใจก่อนจะยิ้มให้ จากนั้นก็หันมาสนใจพี่ชายของตัวเองแทน คุยไปคุยมาได้ความว่าพี่ชายใหญ่กำลังจะพาคุณอนันต์ไปเลี้ยงมื้อเที่ยงพอดี เขาจึงติดสอยห้อยตามพี่ชายของตนไปด้วยเสียเลย

อนันต์ขอตัวกลับขึ้นมาที่ห้องทำงานของตัวเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดที่ผ่านการอบแห้งและรีดมาเรียบร้อยแล้วแขวนอยู่ตรงที่แขวนเสื้อแบบเป็นเสาตรงมุมห้อง เขาเปลี่ยนชุดเสร็จก็ออกมาเจอกับคุณชายทั้งสองที่ชั้นล่างที่รออยู่แล้ว

“จริงสิ แล้วนี่ชายปราณมาที่นี่ยังไง” คุณชายปุณถามเพราะไม่เห็นรถประจำตัวของน้องชายแต่อย่างใด

“นั่งรถรับจ้างมาสิครับ เจ้าแดงยังซ่อมไม่เสร็จเลย”

“เช่นนั้นไปรถพี่ก็แล้วกัน อนันต์...นายก็ไปรถฉันเลยนะ จะได้ไม่ต้องขับไปหลายคันให้เปลืองน้ำมัน”

“ได้ครับ” อนันต์รับคำก่อนจะเดินตามสองพี่น้องไปที่รถของคุณชายปุณ

แน่นอนว่าหม่อมราชวงศ์ปุณมนัสไม่ยอมให้ตนเองเสียเกียรติ ในเมื่อออกปากว่าจะเลี้ยงมื้ออาหารอนันต์แล้ว ตนจึงขับรถพามายังภัตตาคารหรูที่ขายอาหารจีนขึ้นชื่อในตัวเมือง

พวกเขาทั้งสามเดินขึ้นชั้นบนไปยังห้องวีไอพีที่คุณชายปุณโทรมาจองไว้แล้ว เมนูอาหารขึ้นชื่อที่ถูกจัดเตรียมไว้ตั้งแต่ชายปุณโทรมาจองค่อยๆ ทยอยออกมาเสิร์ฟทีละอย่าง กลิ่นหอมของมันรวมไปถึงการจัดจานที่ดูสวยงามสมราคาดูน่าทาน

“เห็นทีผมต้องมาหาพี่ชายใหญ่บ่อยๆ แล้วกระมัง ดูสิอาหารเต็มโต๊ะอย่างกับเลี้ยงคนเป็นสิบ”

“จะให้น้อยได้ยังไงเล่า ชวนเพื่อนมาเลี้ยงทั้งทีก็ต้องจัดหนัก อีกทั้งมีตัวแถมเป็นน้องชายตัวเองอีกก็ต้องจัดชุดใหญ่ไปเลย” ชายปุณพูดจบก็หัวเราะขำตัวเอง

ท่านพ่อและคุณหญิงแม่ไม่เคยสอนให้พวกเขาสามคนพี่น้องฟุ่มเฟือยแม้แต่น้อย มีแต่สอนให้กินอยู่อย่างประหยัด ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นและเก็บเงินไว้ให้มากจะได้ไม่ลำบากตอนแก่ตัวลง แต่ครั้งนี้เขาคิดว่าจะเป็นการเลี้ยงมื้อใหญ่ให้เพื่อนใหม่ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูจะเข้าขากับเขาได้เป็นอย่างดี ถูกใจเสียจนต้องจัดเลี้ยงแบบนี้แทนคำขอคุณที่อีกฝ่ายช่วยงาน แต่หากเป็นคนอื่นที่คุณชายหมอไม่สนิทด้วยแล้ว อย่าหวังว่าจะได้เข้าถึงตัวตนของเขามากถึงเพียงนี้เลย

มื้อเที่ยงเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของสองหนุ่มพี่น้อง ส่วนแขกรับเชิญทำเพียงนั่งฟังเงียบๆ พยักหน้าและยิ้มตามเป็นครั้งคราวเมื่อสองคนนั้นถาม มีหลายครั้งที่อนันต์ลอบมองเสี้ยวหน้าของคุณชายปราณซึ่งนั่งอยู่อีกฝั่งของชายปุณ หัวใจที่เคยเกือบสิ้นหวังบัดนี้กลับมาเต้นได้อีกครั้งเพื่อคนคนเดียวจริงๆ

ความยินดีตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ยังมีอยู่ เขารอคอยที่จะเจอคุณปราณมานานเหลือจะนับ เวลาที่ผันผ่านไปวันแล้ววันเล่าจนเขาทิ้งเวลาเหล่านั้นไว้เบื้องหลัง ทำเพียงเฝ้ามองไปข้างหน้าเพื่อมองหายอดดวงใจของตนเอง จนท้ายที่สุดก็เจออีกครั้งเมื่อโชคชะตาเริ่มทำงาน และครั้งนี้เขาพร้อมกระโจนเข้าสู้เพื่อความรักของตนเองสุดตัว ต่อให้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเท่าไหร่ก็ไม่หวั่น ขอเพียงแค่ได้อยู่เคียงคู่คุณปราณอีกครั้งเป็นพอ

“เดี๋ยวพี่มา ขอเข้าห้องน้ำสักหน่อย กลับไปจะได้ไปทำงานต่อเลย” ชายปุณบอกน้องชายกับอนันต์หลังจากทานมื้อเที่ยงและจ่ายเงินเสร็จแล้ว ก่อนจะเดินหายไปทางห้องน้ำของภัตตาคารเพราะรู้สึกปวดเบาเหลือเกิน

คุณชายปราณใช้เวลาระหว่างรอพี่ชายเดินออกมาดูเครื่องดนตรีตรงร้านที่อยู่ติดกัน อนันต์จึงเดินตามไปอย่างไม่รอช้า เผื่อว่าจะมีโอกาสได้คุยกับยอดดวงใจอีกสักครั้ง

ร้านนี้ขายพวกเครื่องสายอย่างไวโอลิน เชลโล่ ดับเบิลเบส หรือแม้แต่ซอเครื่องดนตรีของไทยก็มีขาย เจ้าของร้านเมื่อเห็นว่ามีลูกค้าเข้ามาจึงกุลีกุจอมาต้อนรับ แต่คุณชายบอกว่าขอตนเดินดูก่อน เพราะเครื่องสายเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องดนตรีที่ตนถนัดนักแค่พอเล่นได้เท่านั้น

แต่แล้วเสียงคันชักที่เสียดสีกับสายไวโอลินดังขึ้นเรียกความสนใจจากคนที่กำลังเดินดูเครื่องดนตรีอยู่ ชายปราณหันไปมองทางต้นเสียงก็พบว่าเพื่อนของพี่ชายตนกำลังยืนเล่นเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งในร้าน โดยมีเจ้าของร้านยืนยิ้มอยู่ข้างๆ เพียงแค่สบตามองอีกฝ่ายที่กำลังเล่นไวโอลิน เพียงแค่นั้นก็ทำเขาราวกับตกอยู่ในภวังค์ จนรู้สึกเหมือนในที่นี้มีเพียงเขาสองคนเท่านั้น

รอยยิ้มอ่อนๆ ประดับบนใบหน้าหล่อคมสัน สายตาของอนันต์มองมาที่เขาราวสื่อความนัย และหากเขาเข้าใจไม่ผิด สิ่งที่อีกฝ่ายสื่อออกมามันสามารถทำให้หัวใจที่เคยสงบเงียบของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรงได้

ภาพซ้อนทับเริ่มกลับมาอีกครั้ง เขาเห็นอีกฝ่ายเป็นเพียงชายไทยสมัยโบราณนุ่งโจงกระเบน แต่ตอนนี้เขาไม่อยากละสายตาไปกับสิ่งที่กำลังมองจึงปล่อยใจกับตามเสียงเพลงที่อนันต์กำลังเล่นขับกล่อม ภาพความทรงจำบางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในหัวกำลังหมุนวนไปพร้อมๆ กับเสียงเพลง

ภาพที่เขากำลังกอดซบอ้อมอกอุ่นของคนตรงหน้า

ภาพที่รอยยิ้มของเขามอบให้คนตรงหน้าที่ลอยคออยู่ในบึงบัว

มันช่างเป็นภาพที่ทำให้รู้สึกราวกับเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้เอง และภาพเหล่านั้นมันกำลังบ่งบอกว่าเขามีความสุขอยู่กับอีกฝ่ายโดยไม่สามารถหาคำใดมาบรรยายได้

คุณชายปราณเผลอหลับตาลงเพื่อซึมซับภาพหลอนเหล่านั้นซึ่งเขายินดีที่จะเห็นมัน ท่วงทำนองของเพลงดังอย่าง Can't Help Falling In Love ของศิลปินผู้โด่งดังอย่าง Elvis Presley เข้าตรึงจิตใจของคนที่หลงใหลในดนตรี โน้ตแต่ละตัวที่อนันต์เล่นไม่มีผิดเพี้ยนเลยสักตัวเดียว มันหวานซึ้งพอๆ กับความหมายของบทเพลงนี้

เขาลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้าอีกครั้ง ภาพซ้อนทับที่เคยเห็นหายไปแล้ว เหลือเพียงคุณหมอหนุ่มอยู่ในชุดสูทมีราคาที่ยังคงจับจ้องมาที่เขา นิ้วเรียวยาวขยับกดสายไปตามตัวโน้ต เสียงเสียดหูเป็นท่วงทำนองจนครูสอนดนตรีอย่างเขาอดชื่นชมไม่ได้

อนันต์อมยิ้มเมื่อเห็นว่าเสียงไวโอลินของเขาตรึงคนฟังได้อยู่หมัด แววตาที่หวานหยดของเขานั้นไม่ปิดซ่อนความรู้สึกที่อยู่ภายในใจ มันกำลังบอกออกไปถึงคนตรงหน้าว่าใจกำลังร่ำร้องอยู่ก้องอกว่าคิดถึง คิดถึงใจแทบขาด อยากกอด อยากหอม อยากใกล้ชิดให้มากกว่านี้

แปะๆๆ

เสียงปรบมือจากเจ้าของร้านดึงสติของพวกเขาสองคนกลับมาอีกครั้งเมื่อเพลงจบลง อนันต์คืนไวโอลินให้กับเจ้าของร้านเพื่อนำไปเก็บตามเดิม ส่วนตนนั้นก็เดินเข้าไปหาคุณชายปราณที่ยังจ้องมองเขาพร้อมรอยยิ้มและแก้มสีแดงระเรื่อ

“เป็นอย่างไรบ้างครับ ฝีมือการเล่นไวโอลินของผม” อนันต์เอ่ยถามอีกฝ่ายพร้อมใจที่จดจ่อรอคำตอบ

ไอ้หาญที่มือเคยแต่จับขวานจับจอบ แปรเปลี่ยนมาจับเครื่องดนตรีสากลเสียแล้ว แน่ล่ะว่าเสียงดนตรีเป็นอย่างหนึ่งที่คอยขับกล่อมจิตใจของมัน ไม่ให้จิตตกและหดหู่ไปกับชีวิตที่แสนทรมานไปมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่ถึงแม้จะเล่นไวโอลินได้ แต่คุณปราณกลับสนใจในเปียโนเสียอย่างนั้น ซึ่งมันเล่นเครื่องดนตรีชนิดนั้นไม่เป็นเลย

“ผมเล่นเครื่องสายไม่ถนัดนัก แต่เมื่อครู่ที่ได้ฟังต้องขอบอกว่าประทับใจมากๆ ครับ ไม่ยักรู้ว่าคุณอนันต์ก็เล่นดนตรีเป็น ตอนนั้นยังขอให้ผมสอนเปียโนอยู่เลย”

“ถือเป็นเกียรติของผมที่ได้เล่นให้คุณชายฟัง แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังอยากให้คุณชายสอนเปียโนให้ผมอยู่ดีครับ เพราะตอนนี้ผมชักสนใจเปียโนมากกว่าไวโอลินเสียแล้ว” อนันต์ตอบพร้อมค้อมหัวให้อีกฝ่ายเล็กน้อยเป็นการตอบแทน ก่อนจะหยอดคำหวานไปเพื่อให้เขาสองคนได้มีโอกาสใกล้ชิดกันมากกว่านี้

“อยู่นี่นี่เองทั้งสองคน พี่เดินหาซะทั่วเลย กลับกันเถอะเดี๋ยวพี่กลับไปประชุมไม่ทัน”

ยังไม่ทันที่ชายปราณจะตอบอะไรกลับคุณชายปุณที่ตามหาคนทั้งสองอยู่นานก็เปิดประตูร้านเข้ามา พวกเขาจึงตามไปขึ้นรถเพื่อจะได้กลับไปที่โรงพยาบาลเสียที

คุณชายปราณนั่งอยู่ที่เบาะหลัง แม้จะลอบมองออกไปนอกหน้าต่างแต่หางตาก็ยังคอยดูปฏิกิริยาของอนันต์ว่าเป็นเช่นไร เพราะตอนนี้ในหัวเขามันมีแต่ภาพสายตาหวานหยดของอีกฝ่ายที่มอบให้เมื่อตอนเล่นไวโอลิน มันทำให้เขาคิดไม่ตกว่าเหตุใดเพื่อนพี่ชายถึงได้ส่งสายตาให้เขาราวมองหญิงสาวขนาดนั้น

“ขอบคุณสำหรับมื้อเที่ยงนะครับพี่ชายใหญ่”

เมื่อมาถึงโรงพยาบาลชายปราณยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณพี่ชายก่อนชายปุณจะรับคำ เขาบอกลาทั้งเพื่อนและน้องชายก่อนจะรีบแยกตัวออกไปไม่ได้หันกลับมามองอีก เพราะมันได้เวลาที่เขาต้องเข้าประชุมกับพวกอาจารย์หมอแล้ว

“คุณชายจะกลับวังเลยไหมครับ” อนันต์ที่ไม่ได้มีประชุมหรือธุระเร่งด่วนอะไรถามขึ้น เขาอยากยื้อเวลาที่จะอยู่กับอีกฝ่ายให้นานกว่านี้สักหน่อย

“ใช่ครับ คงต้องกลับเลย พอดีช่วงบ่ายนักเรียนที่ต้องสอนเปียโนให้เขาไม่อยู่ผมเลยว่างไปหนึ่งวัน”

“ถ้าเช่นนั้น...ให้ผมไปส่งไหมครับ”

“จะดีเหรอครับ คุณอนันต์ไม่ต้องตรวจคนไข้เหรอครับ”

“เดี๋ยวผมมา รบกวนคุณชายรอตรงนี้สักครู่นะครับ”

อนันต์รีบวิ่งขึ้นตึกไปเพื่อฝากเคสคนไข้ของตนเองให้กับหมอท่านอื่นตรวจไปก่อน แล้วตนจะกลับมาเคลียร์ส่วนที่เหลือตอนกลับจากส่งคุณชายปราณเสร็จ ถึงแม้ว่าการกระทำนี้จะไม่เหมาะสมในฐานะหมอ แต่เพื่อคนที่เขาตามหามาชั่วชีวิตที่เป็นนิรันดร์แล้ว เขาก็ขอตักตวงความสุขให้ตัวเองบ้าง

คุณชายปราณมองเสี้ยวหน้าของคนที่ยอมทิ้งงานและอาสาขับรถไปส่งตนที่วัง การกระทำต่างๆ รวมไปถึงสายตาหวานหยดก่อนหน้านี้ทำให้เขาคิดเป็นอื่นไม่ได้ แต่ที่ทำเขาตกใจคือตัวเองดันรู้สึกดีที่อีกฝ่ายทำแบบนี้

“คุณอนันต์ใจดีแบบนี้ ถึงว่าทำไมพี่ชายใหญ่จึงถูกชะตานัก” ชายปราณเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ ฝ่ายคนขับรถหันมามองเพียงนิดแล้วยิ้มให้

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมแค่อยากทำในสิ่งที่อยากทำให้กับคนที่ผมรู้สึกดีด้วยเพียงเท่านั้น”

“จะบอกว่าคุณอนันต์รู้สึกดีกับพี่ชายใหญ่เหรอครับ” ชายปราณเอ่ยเย้าแหย่ไป อนันต์จึงหัวเราะร่วนที่คุณชายกล้าทำไขสือ ทั้งที่เขาแสดงออกไปชัดเจนว่ารู้สึกกับอีกฝ่ายเช่นไร

“หากจะให้ผมพูดให้ชัดคงต้องบอกว่าผมรู้สึกดีกับคุณชาย ผมเลยทำแบบนี้ครับ”

คำพูดที่ไม่ได้พิเศษอะไรแต่กลับเรียกสีแดงระเรื่อบนแก้มใสที่มีเลือดฝาดได้ คุณชายปราณเสมองออกนอกหน้าต่างรถยุโรปราคาแพงที่อีกฝ่ายเป็นเจ้าของ มือที่วางอยู่บนตักกุมเข้าหากันแน่นเพื่อข่มความรู้สึกอบอุ่นหัวใจที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นทีละนิด

“คุณพูดราวกับผมคือสตรีที่หมายปอง”

“จริงอยู่ที่คุณชายไม่ใช่สตรี แต่หากผมหมายปองคุณชาย...ไม่ทราบคุณชายจะถือว่าหมิ่นเกียรติหรือไม่”





โปรดติดตามตอนต่อไป

ถ้าอยากได้ฟีลเดียวกันลองเสิร์ชหา Can't Help Falling In Love - Elvis Presley - Violin cover ฟังดูนะคะ แล้วจะเข้าใจความรู้สึกของคนทั้งสองได้มากขึ้นค่ะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๔/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๙ {ครึ่งหลัง} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 14-10-2020 11:00:45
กำลังจะได้รู้เรื่องราวของอีกหนึ่งชาติของทั้งสองคนมากขึ้นแล้ว

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๔/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๙ {ครึ่งหลัง} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 14-10-2020 12:48:42
วี้ดดดด ไม่ลบหลู่เลยยยยย แง
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๔/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๙ {ครึ่งหลัง} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 14-10-2020 12:56:23
ว้อยยย  :-[ 555 ชาติก่อนๆทาสกับเจ้านาย หมอกับคุณชาย ชาตินี้ก็เหมาะสมกันดีนะ ได้อยู่ 55555  :katai2-1:  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๔/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๙ {ครึ่งหลัง} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 14-10-2020 19:38:58
ปลื้มปริ่ม

ยิ้มมุมปาก
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๔/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๙ {ครึ่งหลัง} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-10-2020 21:22:59
หาญช่างเป็นคนรักมั่นคงอะไรอย่างนี้ อดทนมาเป็นร้อยปีกว่าจะหาคุณปราณเจอ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๔/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๙ {ครึ่งหลัง} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-10-2020 23:58:57
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๔/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๙ {ครึ่งหลัง} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 15-10-2020 21:30:15
หาญรุกเก่ง :hao3:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๔/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๙ {ครึ่งหลัง} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 23-10-2020 08:35:45
มารอหาญ  :z10:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๔/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๑๙ {ครึ่งหลัง} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 23-10-2020 19:06:27
บทที่ ๒๐ (ครึ่งแรก)



“จริงอยู่ที่คุณชายไม่ใช่สตรี แต่หากผมหมายปองคุณชาย...ไม่ทราบคุณชายจะถือว่าหมิ่นเกียรติหรือไม่”

คำพูดของอนันต์ทำคนฟังอึ้งไป ใจเต้นรัวในอกเพราะไม่เคยมีชายใดกล้าพูดกับเขาแบบนี้ หากถามว่าหมิ่นเกียรติหรือไม่ เขาคงตอบได้เลยว่าไม่ได้รู้สึกแบบนั้น เพราะอนันต์ไม่ได้ดูหมิ่นหรือก้าวล่วงอะไรเขาเลย ออกจากให้เกียรติมากเสียด้วยซ้ำ ดูได้จากคำพูดและการกระทำที่ไม่มีล่วงเกินเขาให้รู้สึกขุ่นข้องหมองใจเลยแม้แต่น้อย

อนันต์ไม่ได้เร่งรัดเอาคำตอบ ถึงแม้เขาจะอยากใกล้ชิดอีกฝ่ายมาแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ควรพึงระลึกไว้คือคุณชายปราณยังไม่รู้ว่าตัวเองคือคุณปราณคนที่เขาตามหา คงต้องให้เวลาอีกฝ่ายเพื่อได้ทำความรู้จักเขาให้มากกว่านี้

แต่เหมือนความคิดเขาจะช้าไปสักหน่อย เพราะเมื่อรถจอดลงที่หน้าคฤหาสน์ในเขตพื้นที่ของวังปริพัตรแล้ว คุณชายปราณได้หันมาพูดประโยคที่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้ยินในวันนี้

“สำหรับผม...การได้รับความรู้สึกดีๆ จากใครสักคนไม่ถือว่าเป็นการหมิ่นเกียรติแต่อย่างใดนะครับ”

ใบหน้าคมสันค่อยๆ เผยรอยยิ้มกว้างเมื่อฟังอีกฝ่ายพูดจบ คุณชายปราณเปิดประตูลงจากรถไปโดยมีอนันต์ตามลงไปด้วย แม่บ้านรีบวิ่งเข้ามาต้อนรับเจ้านายอีกคนของบ้านก่อนจะหายไปเมื่อคุณชายบอกว่าขออยู่ส่งอนันต์ก่อน

“คุณชายครับ ถ้าเช่นนั้นผมจะขอมาหาคุณชายบ้างได้ไหมครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามคนที่ยืนอยู่บนขั้นบันไดที่สูงกว่าเขาไปสองขั้น อีกฝ่ายก้มลงสบตามองก่อนจะยิ้มให้

“แล้วแต่ใจคุณอนันต์เถอะครับ เพราะวังแห่งนี้ยินดีต้อนรับเสมอ”

“คุณชายบอกว่าแล้วแต่ใจผม... งั้นผมคงต้องขอถามย้ำอีกทีว่าหัวใจของผมยินดีที่จะให้มาหาใช่ไหมครับ”

คำถามหวานหยดที่แอบซ่อนความหมายโดยนัยไว้หยอดลงตรงหัวใจคำแล้วคำเล่า สายตาที่คนพูดสื่อออกมาชัดเจนไม่ปิดบังว่าหมายถึงใคร ทำเอาคุณชายแห่งวังปริพัตรถึงกับเก็บซ่อนความเขินอายบนแก้มไว้ไม่มิด ทำให้ตอนนี้หน้าเขาแดงจนลามไปถึงใบหู เพราะไม่เคยโดนจีบซึ่งๆ หน้า อีกทั้งอีกฝ่ายเป็นถึงชายหนุ่มร่างกำยำที่เป็นถึงเพื่อนพี่ชายตนอีกมันเลยยิ่งแล้วใหญ่

“หากอยากรู้เรื่องเปียโนให้มากขึ้นก็มาสิครับ ผมยินดี” คุณชายปราณตอบออกไปอย่างไว้ตัวสักหน่อย เพราะมีคนรับใช้ออกมาตามเมื่อเห็นว่าเขาไม่เข้าข้างในเสียที โดยไม่ลืมเน้นหนักท้ายประโยคเพื่อสื่อความตอบสิ่งที่อีกฝ่ายถามไว้ก่อนหน้านี้

อนันต์ค้อมหัวให้คนตัวเล็กก่อนจะกลับขึ้นรถ โดยมีชายปราณมองอีกฝ่ายขับรถกลับออกไปจนลับสายตาจึงจะเดินเข้าตัวตึก แต่เมื่อเข้ามาก็พบน้องสาวกำลังยืนกอดอกมองตนอยู่

“ทำไมมองพี่แบบนั้นล่ะหญิงรตี”

“หญิงสงสัยนี่คะ ว่าเหตุใดทำไมคุณอนันต์ที่เป็นเพื่อนพี่ชายใหญ่ถึงได้มาส่งพี่ชายกลางได้”

“พี่แวะไปทานมื้อเที่ยงกับพี่ชายใหญ่มา คุณอนันต์เขาก็ไปด้วย แต่พอตอนกลับเขาเห็นพี่ไม่มีรถจึงอาสาขับมาส่ง”

“ไม่ยักรู้ว่าคนเป็นหมอมีเวลาว่างขนาดนี้”

คุณหญิงรตีหรี่ตามองพี่ชายเธอด้วยสายตาจับผิด เมื่อครู่แอบเห็นว่าคนทั้งสองคุยกัน แม้ระยะห่างจะเป็นขั้นบันไดกั้น แต่แววตาที่อนันต์มองพี่ชายของเธอหวานซึ้งจนเธอเองยังรู้สึกได้

“ไม่คุยด้วยแล้ว ไปหาคุณหญิงแม่ดีกว่า แม่สาย...เห็นคุณหญิงแม่ไหม”

“คุณหญิงอยู่ในสวนอังกฤษค่ะ” แม่สายแม่บ้านสูงวัยของวังตอบกลับมา ชายปราณไม่รอช้ารีบปลีกตัวจากสายตาจ้องจับผิดของน้องสาวทันที หญิงรตีมองตามพี่ชายของตนเองที่หายไปทางอีกด้านหนึ่งของวังซึ่งจัดสวนไว้จิบชายามบ่ายตามสไตล์ยุโรป ก่อนจะยิ้มเมื่อคิดว่าต่อจากนี้คงมีอะไรสนุกๆ ได้ดูแน่ๆ

::::::::::::

อนันต์ไม่ทิ้งเวลาให้สูญเปล่าอีกต่อไป เขาออกจากบ้านในวันหยุดเพื่อขับรถตรงมายังวังปริพัตร วันนี้เขานัดกับคุณชายปุณไว้ว่าจะไปเล่นเทนนิสด้วยกันที่สโมสร แน่นอนว่าเขาไม่ลืมบอกคุณชายปุณว่าให้ชวนน้องชายไปด้วย

เมื่อมาถึงวังปริพัตรเขาก็เดินตามแม่บ้านไปรอที่ห้องรับแขก เพราะสามพี่น้องยังไม่ลงมาจากชั้นบน ส่วนคุณหญิงช่อทิพย์ไม่อยู่ออกไปสมาคมกับเพื่อนฝูงตั้งแต่เช้าแล้ว

“อนันต์มาแล้วเหรอ รอหน่อยนะพอดีหญิงรตีเขาไปด้วยจะได้ครบคู่เลยกำลังแต่งตัว”

ชายปุณเดินมาหาเพื่อนตนที่ห้องรับแขก ชายหนุ่มอยู่ในชุดพร้อมเล่นกีฬาเรียบร้อยโดยไม้เทนนิสนอนอยู่ในกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ต่อมาคนที่เดินเข้ามาในห้องรับแขกคือคุณหญิงธีรตี สาวเจ้ามาพร้อมกับกล้องถ่ายรูปประจำตัวจนพี่ชายต้องเอ่ยถาม

“จะเอากล้องไปทำไมน่ะ”

“ก็ไว้ถ่ายรูปสวยๆ ไว้เก็บเป็นภาพความทรงจำไงคะ คุณอนันต์ได้มาเข้ากลุ่มกับพวกเราแบบนี้ก็ต้องเก็บภาพสักหน่อย”

“แล้วแต่เถอะแม่คุณ แล้วนี่ชายปราณล่ะ”

“พี่ชายกลางกำลังลงมาค่ะ ไม่ทราบจะแต่งตัวให้หล่อไปถึงไหน หรืออวดใครก็ไม่รู้” หญิงรตีที่อยู่ในชุดเสื้อกีฬาและกระโปรงจีบรอบแบบสั้นสีขาวตอบพลางอมยิ้ม เธอหันไปมองอนันต์ซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้หลบสายตา แสดงว่าสิ่งที่เธอคิดคงไม่ผิดไปจากความจริงแน่ๆ

คุณหมออนันต์กำลังจีบพี่ชายกลางอย่างแน่นอน ถือเป็นเรื่องน่าตกใจแต่ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเมืองนอกเขาก็มีเรื่องพวกนี้ออกถมไป เพียงแต่ไม่ได้แพร่หลายหรือเป็นที่ยอมรับในวงกว้างเท่านั้น

“มาแล้วครับๆ ขอโทษที่สายนะครับพอดีผมหาแร็กเกตตัวเองไม่เจอ คงต้องขอยืมของพี่ชายใหญ่ไปก่อน”

คุณชายปราณรีบกล่าวขอโทษเพราะเขาหาไม้เทนนิสของตนเองไม่เจอ ทั้งที่จำได้ว่าเก็บอยู่ในตู้อย่างดี เพราะถึงแม้จะไม่ค่อยได้ไปออกกำลังกายบ่อยเท่าเล่นดนตรี แต่เขาก็เก็บทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเสมอ แต่ก็ไม่เข้าใจว่ามันหายไปได้อย่างไร

“อ๋อ ไม้ของเราอยู่ที่พี่ เมื่อเดือนก่อนที่เราไปตีเทนนิสกันแต่ตอนกลับชายปราณฝากพี่ไว้ไงเล่า” คุณชายปุณเตือนน้องชายทำให้ฝ่ายคนที่คิดว่าไม้เทนนิสของตนหายถึงกับร้องอ๋อยาวๆ

“จริงด้วย ผมลืมสนิทเลย”

“ถ้างั้นก็ออกเดินทางกันเถอะ เดี๋ยวแดดร้อนแล้วจะเล่นไม่สนุก”

“งั้นหญิงนั่งรถไปกับพี่ชายใหญ่ ส่วนพี่ชายกลางก็ไปกับคุณอนันต์ดีไหมคะ เพราะคุณอนันต์คงไม่รู้ทางเท่าไหร่” หญิงรตีออกความเห็นเมื่อทั้งสี่เดินมาที่รถแล้ว แอบส่งยิ้มให้พี่ชายคนรองของเธอที่มองมาสื่อให้รู้ว่าเธอรู้ทันเจ้าตัว ชายปราณจึงขึงตาดุใส่น้องสาวไปหนึ่งที่ข้อหาที่รู้มากเกินเหตุ

“เอางั้นก็ได้ ไปเจอกันที่สโมสรเลยนะ” คุณชายปุณพูดจบก็ขึ้นรถตัวเองโดยมีน้องสาวสุดรักตามไปด้วย จากนั้นรถทั้งสองคันก็ขับตามกันมาจนถึงสโมสรกีฬา

ผู้คนในสนามไม่หนาตาเท่าไหร่นัก พวกเขาทั้งสี่จับจองตู้ล็อกเกอร์เก็บของได้คนละตู้จากนั้นก็เดินออกมาที่สนาม มีทั้งสาวๆ และหนุ่มๆ ต่างหวดลูกกลมๆ ข้ามฝั่งไปมา คุณชายหมอที่รู้จักคนไปทั่วแม้ไม่ได้สนิทมีคนเข้ามาทักทายบ้าง แน่ล่ะว่าคนที่มาเล่นเทนนิสไม่ใช่พวกตาสีตาสาที่จะเข้าเล่นได้ ต้องเป็นพวกคนสังคมมีระดับเท่าๆ กันเท่านั้น ทำให้ในที่นี้แทบไม่มีใครที่จะไม่รู้จักสามพี่น้องแห่งวังปริพัตร

หญิงรตีกับชายปุณเจอเพื่อนดักไว้ก่อนจึงติดลมยืนพูดคุยกัน ชายปราณที่ไม่ได้ออกงานสังคมบ่อยเท่าพี่น้องทั้งสองจึงเลี่ยงมารอเล่นเทนนิสที่ข้างสนามแทน อนันต์ไม่คิดจะให้อีกฝ่ายห่างสายตาจึงเดินตามมาด้วย เพราะเขาก็ไม่เคยมาที่นี่เช่นกัน หากผูกตัวติดกับคุณชายปราณคงจะดีกว่า

คนทั้งสองรอไม่นานก็ได้สนามเพราะกลุ่มคนที่เพิ่งเล่นไปก่อนหน้านี้ไม่เล่นแล้ว ชายปราณหันไปเรียกพี่ชายและน้องสาวของตนให้มาที่สนามได้แล้ว ชายปุณไม่รอช้ารีบวิ่งมาหาพร้อมกับหยิบไม้เทนนิสมาถือเตรียมพร้อม แต่ก่อนจะเริ่มเกมการหญิงรตีกลับขอถ่ายรูปก่อน โดยขอช่วยให้คนแถวนั้นช่วยถ่ายรูปกลุ่มให้เธอหน่อย

หญิงรตียืนอยู่ตรงกลางระหว่างพี่ชายทั้งสอง ส่วนอนันต์ขยับไปยืนข้างคุณชายปราณ แผ่นอกแน่นตึงของคนวัยหนุ่มแนบชิดไหล่ข้างซ้ายของคุณชาย ทำเอาคนที่ยืนใกล้ต้องขยับออกสักนิดด้วยความเขินอาย แต่มีหรือที่อนันต์จะยอมปล่อยไป เขาขยับเข้าไปใกล้อีกจนได้ จนท้ายที่สุดคุณชายปราณก็ไม่มีทางหนี ยืนถ่ายรูปโดยแผ่นหลังตนแนบไปกับแผ่นอกของเพื่อนพี่ชายอย่างเสียไม่ได้

คนทั้งสี่แบ่งทีมกันเพื่อจะได้ทำการแข่งขัน คุณชายปราณได้คู่กับอนันต์ ส่วนหญิงรตีก็คู่กับคุณชายปุณไปตามระเบียบ พวกเขาทั้งสี่ผลัดกันเก็บแต้มไปมาไม่มีทีมไหนยอมกัน แต่มีจังหวะหนึ่งที่ชายปุณพลาดหวดลูกไปเต็มแรง ลูกพุ่งเข้าใส่น้องชายตัวเองที่ไม่ทันได้ตั้งตัวทำเอาชายปราณถึงกับสะดุดล้มหงายหลัง อนันต์ที่อยู่ทีมเดียวกันรีบวิ่งเข้ามารับไว้ทันก่อนที่ชายปราณจะหัวฟาดพื้น

ทันทีที่เห็นว่ายอดดวงใจของมันบาดเจ็บจนจุกลุกไม่ขึ้น เนื่องจากลูกเทนนิสพุ่งเข้าใส่ตัวเต็มๆ ก็ทำเอามันรู้สึกอยากเจ็บแทน เมื่อเปิดเสื้อดูแถวหน้าท้องก็เห็นรอยแดงชัดเพราะตัดกับผิวเนียนขาว คุณชายปุณกับหญิงรตีรีบวิ่งเข้ามาดูคนเจ็บ พี่ชายพร่ำขอโทษน้องชายไม่ขาดปากแต่ชายปราณบอกว่าไม่เป็นไร

“พี่ชายกลางไหวไหมคะ หญิงว่าพักก่อนดีไหม”

“พี่ไหว แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก กลับไปเล่นต่อเถอะ กำลังสนุกเลย” ชายปราณพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเพื่อให้ทุกคนสบายใจ แต่คงจะมีแค่อนันต์เท่านั้นที่ตีหน้าขรึมไม่เห็นด้วยนัก

“พักสักหน่อยเถอะครับ รอยแดงที่หน้าท้องไม่ใช่เล็กๆ เลย คงเจ็บไม่น้อย” เขาบอกก่อนจะพยุงคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นยืน

“ผมไม่เป็นไรจริงๆ ครับ”

“แน่นะชายปราณ ไม่ใช่สะดุดหงายหลังล้มลงไปอีกนะ”

ชายปราณหัวเราะคำสบประมาทของพี่ชายตน เมื่อครู่มันเป็นจังหวะเดียวกับที่เขารู้สึกตาพร่าจึงไม่ทันเห็นลูกที่พุ่งเข้าหา บวกกับพอถอยหลังแล้วรู้สึกมันหน้ามืดเลยกลายเป็นล้มลงไป แต่พอได้หยุดเล่นก็รู้สึกดีขึ้น เพียงแต่เจ็บตรงโดนลูกเทนนิสอัดใส่แถวหน้าท้องก็เท่านั้น

“แน่สิครับ ผมรู้นะว่าที่พี่ชายใหญ่กับหญิงรตีพูดแบบนี้เพราะกำลังเป็นรองอยู่ใช่ไหมล่ะ กลัวจะต้องเลี้ยงไอติมเลยต้องบอกให้ผมหยุดแข่งน่ะ” เขาแซวอย่างคนรู้ทัน สองพี่น้องชายหญิงลอบมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะเบาๆ

จากนั้นคนทั้งสี่ก็เริ่มการแข่งขันอีกครั้ง อนันต์ปล่อยให้ชายปราณได้เล่นให้เต็มที่ เพราะดูแล้วอีกฝ่ายไม่เป็นอะไรอย่างที่พูดจริงๆ เมื่อแข่งจบก็ปรากฏว่าทีมชายปราณกับอนันต์ชนะ ทำให้มื้อนี้คุณชายปุณและหญิงรตีต้องเป็นผู้เลี้ยงไอศกรีมแทน

ความสนิทสนมของชายปราณกับอนันต์เริ่มมีมากขึ้น หลังจากวันที่ไปเล่นเทนนิสด้วยกันก็มีอีกหลายครั้งที่อนันต์แวะเวียนมาหา ข้ออ้างที่ได้ยินบ่อยสุดเห็นทีจะเป็นอยากเรียนเปียโน ทำเอาชายปุณถึงกับออกปากว่าหากสนใจขนาดนี้คงต้องให้น้องชายเก็บค่าเรียนแล้วกระมัง

“คุณชายจะคิดเท่าไหร่ล่ะครับ ผมยินดีจ่าย” อนันต์หันไปพูดกับคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างกัน มือเรียวแตะอยู่บนลิ่มเปียโนพร้อมเล่นเพลงคู่กับเขา

สำหรับไอ้หาญในตอนนี้แล้ว หากบอกว่ามันคือมหาเศรษฐีก็คงไม่ผิดนัก ทรัพย์สมบัติที่ทั้งมีให้เห็นและที่ฝังดินไว้มีมากมายมหาศาล เพราะมันเก็บหอมรอมริบมาเรื่อยๆ เพื่อว่าสักวันหนึ่งจะได้เอามาเลี้ยงดูคุณปราณในวันที่มันได้เจออีกฝ่ายอีกครั้ง และตอนนี้เงินเหล่านั้นที่มันหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองพร้อมที่จะเลี้ยงดูคุณปราณแล้ว เหลือก็แต่รอวันที่เจ้าตัวจะยินยอมเพียงแค่นั้น

“พี่ชายใหญ่ก็พูดไปเรื่อย คุณอนันต์อย่าถือสาเลยครับ ผมสอนให้ฟรีไม่คิดเงินหรอก”

คนตอบตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองแต่อย่างใด ทำทีเป็นจดจ่ออยู่กับการกดลิ่มเปียโนให้เกิดเสียงตัวโน้ต เพื่อไม่ให้บรรยากาศระหว่างเขาสองคนเงียบไปนัก ยิ่งคุณหญิงแม่อยู่วังด้วยแล้ว หากไม่มีเสียงเปียโนเกิดขึ้นเลยท่านจะสงสัยเอาได้ ว่าทำไมมาเรียนเปียโนแต่กลับไม่มีเสียงลอดให้ได้ยินเลย

อนันต์ยิ้มมุมปาก เขาไม่ตอบอะไรเพียงแค่วางนิ้วลงบนเปียโน ไล่กดไปตามที่คุณครูตัวเล็กเป็นคนสอน แต่พลันสายตาเหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มที่มุมห้อง กลิ่นดอกไม้หอมแสนคุ้นเคยลอยเข้ามาพร้อมลมที่พัดม่านจนพลิ้วไหว ก่อนจะชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยและไม่ได้ยินมานานแล้วแว่วมาว่า...

‘ว่าไงไอ้เกลอ มึงยังจำกูได้หรือไม่’






โปรดติดตามส่วนต่อไป


ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๓/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๒๐ {ครึ่งแรก} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 23-10-2020 20:45:39
เขินตรงขอถามหัวใจ แล้วเจ้าของหัวใจเค้าตอบยินดีมาอ่ะ   :o8:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๓/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๒๐ {ครึ่งแรก} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 23-10-2020 21:12:08
ยอมใจหาญ

อยากรู้ว่า หาญทำอย่างไร ให้ชีวิตเป็นอมตะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๓/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๒๐ {ครึ่งแรก} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 23-10-2020 23:35:19
มั่นมาแล้ว แสดงว่าชายปราณกำลังจะจำหาญได้แล้วแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๓/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๒๐ {ครึ่งแรก} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-10-2020 00:23:22
 o13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๓/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๒๐ {ครึ่งแรก} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-10-2020 00:48:03
 :katai3:


ทำให้คิดถึงละครเรื่อง ปริศนา ชอบๆๆๆ บรรยากาศแบบนั้น
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๓/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๒๐ {ครึ่งแรก} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-10-2020 02:10:30
ความจริงค่อยๆ มา ณิชก็รู้เยอะขึ้นแล้ว

ตอนแรกที่ใจรักมาก รอมานาน เหมือนสมหวัง
ดินแห้งแตกมีน้ำรดให้ชุ่ม แต่เพราะยังไม่ถึงเวลาที่ใช่
หาญเลยต้องเจ็บปวดจนมาเจอณิชอีกครั้ง

สงสารเนาะ ใจเจ็บมาเยอะและยาวนาน ไม่แปลกที่หาญจะไม่กล้าวางใจไว้อีก
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๓/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๒๐ {ครึ่งแรก} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 25-10-2020 05:38:53
เรื่องราวเริ่มกระจ่างที่ละเล็กละน้อย
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๓/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๒๐ {ครึ่งแรก} หน้า ๘
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 25-10-2020 18:27:45
บทที่ ๒๐ (ครึ่งหลัง)


นับร้อยปีที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีญาติ ไม่มีเพื่อนสนิท ไม่คบหรือรู้จักใครเกิน 3 เดือน ทำตัวให้ระมัดระวังที่สุดเพื่อปกปิดตัวตน เรื่องโกหกที่สร้างขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่าถูกร้อยเป็นเรื่องราวราวกับละครเรื่องหนึ่ง โดยมีเขาเป็นตัวละครดำเนินเรื่องเองทั้งหมด

ความเหงาที่เกาะกุมใจจนด้านชา ไม่มีคนคอยให้คำปรึกษาหรือคอยรับฟังความทุกข์ที่เคยมี เวลาผ่านมาเนิ่นนานจนลืมนับไปแล้วด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายที่เขามีเพื่อนนั้นมันเมื่อไหร่กัน

“นั่นมึงเหรอ...ไอ้มั่น”

เขากลั้นใจถามออกไปเมื่อได้กลับมาอยู่บ้านของตัวเองแล้ว บ้านเดี่ยวขนาดกลางที่มีพื้นที่บริเวณ ถึงแม้จะมีเงินอยู่มากจนเกินจะนับแต่ไอ้หาญเลือกที่จะทำตัวให้เป็นคนธรรมดาไม่อวดร่ำอวดรวย เพราะในสังคมนี้คนมีเงินมักจะดึงดูดใครหลายคนให้เข้าหา เขาจึงทำตัวเป็นคุณหมอผู้มัธยัสถ์ ทรัพย์สมบัติมีเพียงบ้านหนึ่งหลังกับรถอีกหนึ่งคันก็พอ ส่วนเงินทองที่เหลือก็แบ่งไปซื้อพวกที่ดินไม่ก็พวกอสังหาริมทรัพย์

เมื่อไม่มีเสียงตอบกลับมาก็ทำเขาเศร้าใจ อาการหูแว่วมันกลับมาอีกแล้ว เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินเสียงของเพื่อนเกลอ เพื่อนเพียงคนเดียวในชีวิต เขาถอนหายใจสะบัดหัวไล่ความฟุ้งซ่านออกไป ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมนอน แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเพียงสองทุ่มเศษก็ตาม

‘ไอ้หาญ’

อนันต์ชะงักไป มือที่หยิบผ้าเช็ดตัวเตรียมจะเข้าห้องน้ำหยุดนิ่ง ขนบนกายลุกชันทุกอณูเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่ออีกครั้ง

‘มึงได้ยินกูหรือไม่’

‘เห้อ...หากกูปรากฏตัวได้อย่างใจต้องการก็คงดี มึงจะได้ไม่ต้องเหงาอยู่แบบนี้’

‘มึงเจอคุณปราณแล้วคงมีความสุขแล้วสินะ มึงเฝ้ารอคุณเขามานานเหลือเกิน หึ...จะว่าแต่มึงก็ไม่ได้เพราะกูก็เช่นเดียวกันที่ต้องติดอยู่เช่นนี้’

เสียงพูดที่ไม่ได้ยินแค่เสียงแว่วแต่มันกลับชัดขึ้นเรื่อยๆ เป็นประโยคยาวๆ ที่เหมือนว่าคนพูดกำลังสนทนากับคนฟังอย่างเป็นจริงเป็นจัง น้ำใสๆ ที่เอ่อคลอเต็มหน่วยตาล้นออกมาจนไหลอาบแก้มในที่สุด เสียงนี้ไม่ผิดแน่... เสียงนี้ที่เขาไม่ได้ยินมานาน เสียงนี้ที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินอีกครั้ง

ไอ้หาญไม่ได้ตอบอีกฝ่ายไปในทันที เพราะตอนนี้มันกำลังภาวนาว่าอย่าให้ตนเองเป็นบ้าหรือโชคชะตาเล่นตลก หรือทำให้มันคิดไปเองว่าได้ยินเสียงไอ้มั่นเลย

‘ร้องไห้อีกแล้วรึ กูไม่ได้เห็นน้ำตามึงมานานเสียด้วยสิ จะปลอบใจอย่างไรดีวะ เห้อ’ ไอ้มั่นที่มีแค่เสียงถอนหายใจที่เห็นเพื่อนรักตนเสียน้ำตาอีกครั้ง แม้ครั้งนี้จะไม่รู้เหตุผลว่าทำไม แต่ก็อดสงสารไม่ได้

‘วันนี้กูเห็นป้าที่อยู่เรือนติดกันเขาชะโงกหน้ามาดูเรือนของมึง คงสงสัยว่าไยมึงจึงอยู่คนเดียวกระมัง’ ไอ้มั่นยังคงพูดต่อตามประสาคนช่างพูด อนันต์มองไปรอบๆ แม้ไม่เห็นเงาของอีกฝ่ายแต่เพียงแค่เสียงแค่นี้เขาก็ใจชื้นแล้ว

‘อยู่คนเดียวมันดีแล้ว กูไม่อยากให้ใครมารู้จักกูเพิ่ม’ ไอ้หาญตอบกลับเพื่อนเกลอทำเอาไอ้มั่นเงียบไปในทันที ก่อนจะโพล่งขึ้นอีกครั้งว่า

‘มึงได้ยินเสียงกูรึ! ไอ้หาญ! มึง...มึงตอบกูรึ!’

‘มึงพูดอยู่กับใครล่ะ ถ้าไม่ใช่กูตอบมึงแล้วจะให้กูตอบผีที่ไหน’

‘โอ้พระกอด! มึงได้ยินเสียงกู! ไอ้หาญได้ยินเสียงกูแล้วโว้ย!’ แค่ฟังน้ำเสียงก็รู้ว่าเจ้าตัวดีใจมากแค่ไหน ซึ่งนั่นก็เป็นความรู้สึกเดียวกับอนันต์เช่นกัน

‘โอ้พระกอดคืออะไรของมึง’

‘ก็ที่พวกฝรั่งเขาพูดกันอย่างไรเล่า กูตามมึงไปทุกที่นะไอ้หาญ พวกคำฝรั่งกูก็จำมาบ้าง’

ได้ทีไอ้มั่นอวดใหญ่ แม้มันจะเขียนไม่ได้แต่ก็พอจะอ่านได้บ้าง เพราะตามติดไอ้เพื่อนรักไปทุกที่จึงได้ซึมซับการเรียนมาด้วย

‘ฝรั่งเขาอุทานว่า Oh my god ไม่ใช่โอ้พระกอดอย่างที่มึงพูด’ อนันต์ตอบพลางหัวเราะขำ เขาเดินเข้าห้องน้ำไปเตรียมตัวอาบน้ำ แต่ก็ยังพูดคุยโต้ตอบกับไอ้เพื่อนเกลอในใจไปด้วย

‘กระนั้นรึ ภาษาปะกิดยากเสียจริง มึงเรียนไปได้อย่างไร’

‘ถ้ามึงต้องมาเป็นแบบกู มึงก็ต้องทำแบบนี้แหละเลือกได้เสียที่ไหน จะให้กูงอมืองอเท้ารอคุณปราณอย่างนั้นหรือ ไม่ได้หรอก ว่าแต่มึงเถอะ คิดยังไงถึงพูดกับกูได้ กูคิดว่ามึงไปเกิดใหม่เป็นลูกเจ้าลูกนายแล้วเสียอีก’

เขาไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ ถึงได้ยินเสียงไอ้มั่นได้ ทั้งที่ใช้ชีวิตมาเป็นร้อยปีไม่มีทีท่าว่าจะได้ยิน ได้กลิ่น หรือได้เห็นเงาอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เขาคิดว่ามันไปเกิดเสียแล้วด้วยซ้ำ

‘หึ... กูจะไปเกิดได้อย่างไร ก็ในเมื่อกูให้คำสัตย์สาบานก่อนตายว่าจะช่วยให้มึงกับคุณปราณรักกันให้จงได้ ดวงวิญญาณกูเลยต้องผูกกับมึงและคุณปราณอยู่เช่นนี้’

ไอ้หาญฟังมาถึงตรงนี้แล้วใจเจ็บแปลบ น้ำตาที่แห้งเหือดหายไปแล้วรื้นขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกผิดจับใจที่ทำให้เพื่อนต้องมาทุกข์ทรมานกับตนเอง อีกทั้งยังทำให้เพื่อนถึงแก่ชีวิตในชาติก่อนด้วย

‘มึงอย่าได้โทษตัวเองเลยไอ้เกลอเอ๋ย กูเลือกแบบนี้เองมึงหาได้ผิดอันใดไม่ ไม่ดีรึ ได้เจอกูแบบนี้โดยไม่ต้องตามหาเหมือนหาคุณปราณ อย่างน้อยๆ ก็ประหยัดเงินของมึงที่จะเอาไปสู่ขอคุณปราณได้อีกหลายบาท’

ไอ้มั่นพูดติดตลกเพราะรู้ดีว่าไอ้หาญเงียบไปแบบนี้คงคิดโทษตัวเองอยู่เป็นแน่ แต่มันเลือกแล้วว่าจะทำเช่นนี้เลยไม่คิดเสียใจเลยที่ต้องติดอยู่ในแบบวิญญาณเร่ร่อน อย่างน้อยๆ ก็ได้เห็นความเป็นไปของไอ้หาญ และจะได้ช่วยให้มันหลุดพ้นจากคำสาปของท่านออกญาฯ เสียที

‘กูดีใจนะที่ได้คุยกับมึงอีกครั้ง เหมือนเราได้กลับมาอยู่ด้วยกันเลยว่ะ แต่กูสงสัยว่าทำไมอยู่ๆ ถึงคุยกับมึงได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีสัญญาณอะไรเลย’

‘กูคิดว่าเพราะคุณปราณ’

‘ยังไง’

‘ก็มึงได้คุยกับกูในเวลาเดียวกับช่วงที่เจอคุณปราณ ทั้งที่กูตามมึงมาตั้งนานแต่มึงไม่ยักรู้ กูส่งสัญญาณไปอย่างไรมึงก็ไม่รู้สึก แต่เมื่อเจอคุณปราณแล้วกูกลับพูดกับมึงได้ อีกทั้งกลุ่มเงาของร่างกูก็ชัดขึ้นด้วย’

อนันต์คิดตามก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย เพราะวันนี้เขาได้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่มุมห้องจัดเลี้ยงตอนเรียนดนตรีกับคุณชายปราณ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นเลย เพราฉะนั้นการที่ไอ้มั่นปรากฏตัวก็คงเป็นผลสืบเนื่องมาจากคำสาบานที่ให้ไว้ก่อนตายก็เป็นได้

อนันต์อาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวให้เรียบร้อย ไอ้มั่นเงียบไปแล้ว ก่อนเงียบไปมันบอกว่าขอไปดูคุณปราณสักหน่อย จากที่จะเข้านอนเลยเมื่อได้คุยกับเพื่อนรักเขาจึงนั่งทำงานต่อ จวบจนเวลาเข้า 4 ทุ่มแล้วไอ้มั่นจึงจะส่งเสียงกลับมาอีกครั้ง

‘คุณปราณเข้านอนแล้ว และดูท่าน้องสาวคุณปราณชาตินี้เขาจะรู้ว่ามึงรักคุณปราณนะ’

‘คงจะอย่างนั้น คุณหญิงรตีเป็นคนฉลาด เธอรู้ทันตั้งแต่กูไปส่งคุณปราณที่วังตอนแรกๆ’

‘ท่าทีคุณหญิงรตีเป็นเช่นไรล่ะ รังเกียจมึงหรือไม่’

‘ตอนนี้ไม่ แต่กูไม่รู้ว่าหากกูทำตัวชัดเจนกว่านี้ทางบ้านของคุณปราณเขาจะรู้สึกอย่างไร แต่ต่อให้รู้สึกอย่างไรกูก็ไม่หวั่น เพราะคนที่กูต้องการรักมีแค่คุณปราณเท่านั้น’

อนันต์พูดพลางอมยิ้มยามนึกถึงช่วงเวลาที่เขาทั้งสองได้อยู่ด้วยกันหน้าเปียโน แม้จะเป็นความใกล้ชิดที่มีเวลาเพียงเสี้ยวหนึ่งจากการเฝ้ารอ แต่มันก็ทำให้เขายิ้มได้ไปหลายวัน คุณชายปราณไม่มีท่าทีรังเกียจอะไร หนำซ้ำเมื่อเขาพูดอะไรไปอีกฝ่ายก็จะเขินหน้าแดงราวลูกตำลึงสุก ซึ่งนั่นแสดงว่าคำสาปใกล้จะสลายไปในไม่ช้านี้แล้ว

‘กูรอคอยคุณปราณมานานเหลือเกินแล้วไอ้มั่น ชาตินี้แหละที่กูคิดว่าความทรมานกูกำลังจะสิ้นสุดลง คำสาปที่ใครได้ลั่นวาจาไว้จะต้องสลายหายไป และมึงจะได้ไปผุดไปเกิดอย่างที่ควรจะเป็นเสียที’

ไอ้มั่นยิ้มให้กับเพื่อนเกลอที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน และกำลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ในค่ำคืนนี้มีดาวอยู่น้อยนิดแต่พระจันทร์เสี้ยวฉายชัดบนท้องนภา ไอ้หาญดูมีความสุขกว่าทุกวันที่เคยผ่านมาคงเพราะได้เพื่อนกลับมาอีกครั้ง

‘กูดีใจที่ได้คุยกับมึงอีกครั้งนะไอ้มั่น อย่างน้อยตอนนี้มึงก็ทำให้กูรู้สึกว่ากูก็คือคนเหมือนกัน ไม่ใช่ตัวประหลาดที่ใครบางคนสาปไว้ แล้วมึงรู้หรือไม่ว่าเขาตายตอนไหน ตายอย่างไร’

‘มันเป็นดังคำพูดของมึงที่ให้ไว้นั่นแหละ ออกญาศรีรัตนกรตายอย่างทรมานและโดดเดี่ยวอยู่ในเรือน...ไอ้หาญ! มึงเป็นกระไรรึ!’

ไอ้มั่นถามเสียงร้อนรนเพราะอยู่ๆ เพื่อนมันก็ดูทุรนทุรายเหมือนคนกำลังเจ็บปวดสาหัส มือของมันทาบไว้บนหลัง ก่อนจะเห็นเลือดซึมออกมาตามผิวหนังที่เป็นรอยแผลเป็นจากการโดนเฆี่ยนตี ไอ้มั่นที่เป็นเพียงวิญญาณไม่มีอำนาจใดหรือสามารถจับต้องอะไรได้มองเพื่อนตนด้วยความร้อนใจ

อนันต์กัดฟันกรอดจนสันกรามขึ้นชัด เขาไม่เคยรู้สึกปวดแสบปวดร้อนขนาดนี้มาก่อน มันรู้สึกราวกับแผลที่หลังที่เคยหายไปนานถูกไฟเผาและโดนชำแหละอีกครั้ง ความทรมานในครั้งนี้ทำคุณหมอหนุ่มหายใจหอบฟุบลงกับโต๊ะ ก่อนความเจ็บปวดจะหายไปในเวลาต่อมา ทิ้งรอยเลือดไว้ประปรายบ่งบอกว่าความเจ็บเมื่อครู่เกิดขึ้นจริง

‘เหตุใดหลังมึงจึงเป็นเช่นนี้ มึงไม่เจ็บไม่ป่วยมิใช่หรือ’ ไอ้มั่นถามเสียงสั่น ตอนนี้ไอ้หาญเพียงแค่นั่งหอบหายใจ ไม่มีอาการเจ็บปวดหรือสีหน้าบิดเบี้ยวเหยเกเหมือนเมื่อครู่แล้ว

‘หากกูเดาไม่ผิด การเอ่ยถึงชื่อของชายผู้นั้นจะทำให้แผลที่เคยถูกลงหวายจะกำเริบและมีอาการเช่นนี้’

‘ชื่อท่าน... เอ่อ...คนที่สาปแช่งมึงจะเกี่ยวโยงกันได้เยี่ยงไร’

‘คำสาปออกจากปากผู้ใด ย่อมผูกโยงอยู่กับตัวคนผู้นั้น มิเช่นนั้นมึงลองพูดชื่อเขาอีกสิ’

‘แน่รึ’

‘กูต้องพิสูจน์ เพราะกูไม่แน่ใจว่านี่คือสัญญาณว่าคำสาปกำลังจะหลุดพ้น หรือว่ามันคือตราบาปอีกหนึ่งอย่างที่กูเพิ่งค้นพบ’ ที่เขาคิดไว้มีอยู่สองทางนี้จริงๆ เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยบาดเจ็บเลยมากสุดก็แค่รอยช้ำเท่านั้น หากนี้จะเป็นการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับคำสาปนี้อีกครั้งเขาก็อยากรู้ให้แน่ชัด

‘อะ...ออก...ออกญาศรีรัตนกร’

‘อ๊ากกก!’

สิ้นคำเรียกชื่ออนันต์ก็กัดฟันร้องลั่นห้องด้วยความเจ็บปวด ความเจ็บแรกบรรเทาไปไม่เท่าไหร่ พอซ้ำครั้งที่สองแบบนี้ร่างกำยำของชายหนุ่มจึงทรุดลงไปกองกับพื้นห้องในทันที เลือดที่ซึมออกมาตามรอยแผลในตอนแรก ตอนนี้กำลังไหลออกมาจนหยดลงพื้นเป็นจุด

ไอ้มั่นยืนมองไอ้เกลอรักที่กำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดที่ไม่ได้พบพานมานาน มันเป็นวิญญาณหนำซ้ำตอนนี้ยังไม่มีร่างแน่ชัด เป็นเพียงกลุ่มเงามืดทะมึนเท่านั้นทำได้แค่ยืนมอง ไอ้หาญหน้าตาบิดเบี้ยวเหยเกหอบหายใจหน้าแดงก่ำเส้นเอ็นที่คอปูด

‘หวังว่า...นี่...จะเป็นผลพวงจากคำสาปสิ่งสุดท้าย...ที่กูควรรู้นะ’ ไอ้หาญพูดพร้อมแรงหอบหน่อยๆ หลังจากความเจ็บปวดเริ่มหายไป รอยยิ้มหยันผุดขึ้นบนใบหน้าก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะที่ฟังดูแล้วไม่ได้มีความสุขเลยให้ได้ยิน

เสียงหัวเราะที่มีแต่ความสมเพชตัวเอง มีแต่ความเหงา ความทรมาน แต่ไม่มีความสิ้นหวัง เพราะความหวังของไอ้หาญกำลังจะเป็นจริงในไม่ช้านี้ คำสาปต้องหมดไปในชาตินี้เพราะมันทรมานเขามานานเกินพอแล้ว





--##--##--##--##--##--##--





ณิชทรุดกายลงนั่งบนเตียงของจีรัชญ์ที่ตอนนี้เจ้าของเตียงกำลังหลับสนิท ยิ่งได้ฟังเรื่องราวต่างๆ ยิ่งทำให้ความเจ็บปวดบาดลึกในใจ แม้สิ่งที่ได้ฟังจะรับรู้ได้ไม่ทั้งหมด แต่เขาก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้หาญถึงได้ปฏิเสธเขาในชาตินี้ เพราะหวังเอาไว้แต่ท้ายสุดเขาดันมาตายอีก คงเกินจะรับไหวพอสมควร

หนุ่มเมืองกรุงกลับไปอาบน้ำแต่งตัวที่ห้องนอนตัวเอง ก่อนจะถือวิสาสะหอบหมอนมานอนห้องของจีรัชญ์ ไอ้มั่นบอกว่าจีรัชญ์นอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว คืนนี้คงได้พักผ่อนเต็มๆ เสียที

“ฝันดีนะครับ”

ณิชกระซิบบอกคนที่ขยับตัวสะลึมสะลือเมื่อรู้สึกถึงแรงยวบของเตียง จีรัชญ์ครางงึมงำไม่ได้ศัพท์ราวเด็กน้อยที่กำลังฝันอยู่ เขาจึงจูบไปบนหน้าผากของอีกฝ่ายแล้วนอนลงข้างกัน กอดร่างสูงใหญ่ไว้เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่ว่ายังไงเขาก็จะอยู่ตรงนี้ คุณปราณของไอ้หาญจะอยู่เคียงข้างไม่มีวันทิ้งไปอย่างแน่นอน

::::::::::::

วันรุ่งขึ้นจีรัชญ์ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกได้ว่ามีคนนอนอยู่ข้างๆ จึงหันไปมอง เขาพบกับณิชที่ไม่รู้เข้ามานอนที่ห้องเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ท่านอนคุดคู้กอดแขนเขาไว้เหมือนกอดหมอนข้างนั้นน่าเอ็นดูไม่น้อย เขาลองขยับนอนตะแคงให้เบาที่สุดเพื่อจะได้ไม่รบกวนการนอนของอีกฝ่าย แกะมือของณิชออกจากแขนได้แต่กลับโดนณิชกุมมือไว้มั่นแม้จะยังไม่ตื่นก็ตาม

“ผมอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องกลัว”

เสียงละเมอเบาๆ ของคนที่หลับอยู่พร้อมแรงกอดกระชับที่มือทำไอ้หาญยิ้ม เขาเข้าใจในความมุ่งมั่นของอีกฝ่ายดี แต่เขาก็ยอมรับว่ากลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

นิ้วเรียวของไอ้บ่าวซื่อยกขึ้นเกลี่ยปอยผมที่กรอบหน้าของณิช ไล้ไปตามสันกรามก่อนจะมาทักทายที่จมูกโด่งดูจิ้มลิ้มรับกับใบหน้าหวาน เปลือกตาที่ปิดสนิทกำลังปกปิดความสวยของดวงตาไว้ พวงแก้มใสมีเลือดฝาดอย่างคนสุขภาพดี ริมฝีปากกระจับอมชมพูดูน่าจูบ

เขาอดใจไม่ไหวโน้มตัวลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายรับความหวานของเช้านี้ ก่อนจะเลื่อนไปจูบที่หน้าผาก แก้มนิ่ม ปลายจมูก และปลายคาง และมาหยุดที่จูบแรกอีกครั้งด้วยความโหยหา

“ขี้โกงนี่ คุณแอบจูบผม” ณิชลืมตาขึ้นมองคนที่ขโมยจูบตนไปแล้ว ตอนแรกก็หลับดีอยู่หรอก แต่เมื่อรู้สึกว่ามีอะไรมาแตะๆ หน้าเลยรู้สึกตัว มาตื่นเต็มตาก็ตอนที่จีรัญช์ถอนจูบออกไปแล้วนั่นแหละ

“ผมขอโทษ” คนที่โดนจับได้เอ่ยขอโทษเบาๆ ทำท่าจะลุกจากเตียงแต่ณิชกลับรั้งไว้ให้นอนด้วยกันก่อน

“ทำไมต้องขอโทษ จะขโมย จะแอบ จะขอเลยก็ได้ทั้งนั้น ผมให้คุณทำแค่คนเดียวเต็มที่เลย” ณิชพูดพร้อมยิ้มให้ คนที่โดนเขากดให้นอนลงข้างกันหันมองเพียงแวบเดียวก็หันไปอื่น ด้วยความหมั่นไส้ในความท่ามากเขาเลยหอมแก้มสากไปฟอดใหญ่

“ผมจะรอดูว่าคุณจะทนไปได้อีกกี่น้ำ ไปล่ะ...แล้วเจอกันข้างล่างนะครับ”

จีรัชญ์ตกใจกับการกระทำของณิชไม่น้อย มองคนที่ออกจากห้องนอนเข้าไปแล้วทิ้งไว้เพียงความอบอุ่นบนที่นอน จนเขาต้องแอบยิ้มออกมาขำกับความไม่ยอมแพ้นั้น

ณิชอาบน้ำแต่งตัวด้วยความไวแสง เขาลงมาข้างล่างเพื่อไปยังโรงครัวโดยมีไอ้มั่นตามไปไม่ห่าง เมื่อมาถึงที่หมายก็เห็นป้าแจ่มกำลังง่วนทำมื้อเช้าง่ายๆ อยู่กับพี่หวี

“ป้าแจ่มครับ มื้อเช้าวันนี้มีอะไรบ้างครับ”

“อ้าว! คุณณิชลงมาทำไมคะหรือว่าหิวแล้ว วันนี้ป้าทำมื้อเช้าแบบฝรั่งค่ะ คุณตรีเธอชอบ Egg Benedict”

“โห...ป้าแจ่มทำเมนูนี้เป็นด้วย เก่งนะครับเนี่ย งั้นสอนผมบ้างสิครับผมอยากทำ”

ณิชถลกแขนเสื้อยืดแบบแขนยาวขึ้นให้มากองอยู่ตรงแถวข้อพับแขน ท่าทางเอาจริงเอาจังจนป้าแจ่มถึงกับอมยิ้ม ดูท่าคุณณิชจะชอบคุณตรีมากถึงขนาดอยากทำให้ทานแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว

เธอเห็นประจำเวลาจีรัชญ์แอบมองณิช เหมือนคนทั้งคู่จะไม่รู้ตัวเวลามองซึ่งกันและกัน เพราะเมื่อจีรัชญ์มองณิช ตัวของณิชเองก็ไม่ได้มองอยู่ แต่เมื่อณิชหันไปมองจีรัชญ์ ฝ่ายนั้นก็หันสายตาไปอื่นเสียแล้ว เพราะอยู่กับโลกนี้มานานเธอจึงจับความรู้สึกระหว่างคนทั้งสองได้ว่าไม่ได้เป็นแค่คนที่ต้องทำงานร่วมกันประหนึ่งผู้ว่าจ้างกับสถาปนิก แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น และเธอคิดว่าคนทั้งสองก็คงรู้แก่ใจตัวเองดี

ณิชลองทำอาหารตามที่ป้าแจ่มสอน แต่ด้วยความที่ทำอาหารไม่เป็นและไม่เคยทำเมนูนี้มาก่อน ไข่ที่ควรจะกลมสวยและไหลเยิ้มเหมือนลาวาจึงเละตั้งแต่อยู่ในหม้อต้ม หัดทำไข่ดาวน้ำอยู่นานเสียไปก็หลายฟองจนไอ้มั่นถอดใจว่าเจ้านายตนคงทำไม่ได้แน่ๆ แต่ณิชไม่ละความพยายาม จนในที่สุดก็ได้ไข่ดาวน้ำที่ไข่ขาวสุกหุ้มไข่แดงที่ยังเยิ้มอยู่มาหนึ่งฟองถ้วน

“ขั้นตอนที่ยากที่สุดผ่านไปแล้วค่ะ เหลือแค่ทำน้ำซอสและผัดหน่อไม้ฝรั่งกับเนยแค่นี้ก็เสร็จแล้วค่ะ ส่วนพวกแฮมและขนมปังป้าทำไว้เสร็จแล้ว” ป้าแจ่มพูดให้ณิชฟัง คนที่อาสาจะทำมื้อเช้าให้จีรัชญ์ปาดเหงื่อเล็กน้อย ขนาดเมนูที่ดูเหมือนง่ายไม่มีอะไรยุ่งยากเขายังทำเละขนาดนี้ ถ้าเกิดจีรัชญ์อยากกินอะไรที่ยากกว่านี้เขาไม่ทำครัวระเบิดไปเลยเหรอ

แต่จะทำอย่างไรได้ เขาอยากทำให้ไอ้หาญรู้ว่าเขาอยากชดเชยเวลาทั้งหมดที่อีกฝ่ายอยู่รอ ต่อให้เขาต้องเข้าคอร์สกับป้าแจ่มเป็นปีเขาก็ยินดีทำ

มื้อเช้าขึ้นโต๊ะในเวลาต่อมา มิ้งมารออยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว เธอได้ข่าวจากพี่มั่นว่ารุ่นพี่เธอเข้าครัวทำมื้อเช้าให้จีรัชญ์ด้วยตัวเอง ซึ่งดูท่างานนี้รุ่นพี่เธอสู้ไม่ถอยจริงๆ แต่พอเห็นหน้าตาของมื้อเช้าในจานตรงหน้าของจีรัชญ์ที่จัดมาอย่างสวยงาม แตกต่างจากของเธอโดยสิ้นเชิงก็อดน้อยใจไม่ได้

“โอ้โห ของคุณตรีจัดจานอย่างกับเสิร์ฟในโรงแรม แล้วดูของหนูสิ... แล้วนี่ทำไมไข่ของคุณตรีดูไม่ค่อยสวยเลย”

หญิงสาวหนึ่งเดียวบนโต๊ะมองเปรียบเทียบอาหารระหว่างจานของเธอกับของจีรัชญ์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองณิชเพื่อขอคำตอบ รุ่นพี่เธอกลับเงียบจนป้าแจ่มเป็นคนให้คำตอบเอง

“ของคุณมิ้งนั่นป้าทำให้ค่ะ ส่วนจานของคุณตรีนั้นคุณณิชทำเองทั้งหมดเลยค่ะ จัดจานเองด้วยนะคะ”

ทั้งโต๊ะอาหารเงียบกริบเมื่อป้าแจ่มพูดจบ มิ้งอมยิ้มมองหน้าณิชที่ตอนนี้แดงจัดจนลามไปถึงหู รุ่นพี่เธอทำอะไรไม่ถูกเอาแต่จิ้มผักสลัดกินไม่หยุดจนสำลัก จีรัชญ์ที่นั่งเงียบมาตลอดเอื้อมมือไปจับข้อมือของณิชไว้และส่งแก้วที่มีน้ำอยู่ให้ ณิชรับไปดื่มให้คอโล่งก่อนจะได้ยินจีรัชญ์พูดออกมา

“ขอบคุณมาก มันดูน่าทานมากครับ”







โปรดติดตามตอนต่อไป


ขอบคุณทุกความเห็นและการติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๒๐ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 25-10-2020 20:11:21
หาญกับปราญและมั่น ต้องพ้นคำสาปในชาตินี้ให้ได้นะ

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๒๐ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 25-10-2020 21:36:34
คำสาป ต้องถูกลบล้างในชาตินี้
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๒๐ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 26-10-2020 01:00:34
ว้อออยยเขิน  :-[ คึคึ คุณตรีหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วละ ก็ณิชตั้งหน้าตั้งตากับชาตินี้มาก เอ็นดูณิชสุดๆไปเลย 555 เดี๊ยวรอดดูว่างานเสร็จจะมีอุปสรรคไรอีก แต่ตอนนี้คือสร้างรักกันใหม่แน่นแฟ้นก่อน  :กอด1: ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รออ่านอยู่ รอตอนต่อไปเลยค่ะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๒๐ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 26-10-2020 18:42:59
ฮา โอ้พระกอด555555
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๒๐ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-10-2020 22:48:04
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๒๐ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 30-10-2020 18:07:33
มั่นน่ารักขอให้มั่นพ้นทุกข์ในชาตินี้ :hao5:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๒๐ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 09-11-2020 20:22:17
ตรีกับณิชหายไปไหน

รออยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๒๐ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 10-11-2020 21:48:20
คิดถึงนะคะะะะ  :z13:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๑๐/๖๓ ‡ บทที่ ๒๐ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 12-11-2020 11:45:25
บทที่ ๒๑ (ครึ่งแรก)



แค่เพียงคำขอบคุณก็ทำเอาใจเขาเต้นรัวได้ จีรัชญ์นั่งกินมื้อเช้าที่เขาเป็นคนทำให้ไปเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้นอีก โดยมีสายตาวับวาวของมิ้งที่ล้อเขาส่งข้ามโต๊ะมาให้

“เอ่อ...รสชาติเป็นไงบ้างคุณ พอกินได้ไหม” ณิชถามออกไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกินไปโดยไม่วิจารณ์อะไรเลย เขาไม่รู้ว่ามันอร่อยถูกปากจีรัชญ์ไหมเพราะป้าแจ่มเคยบอกว่าจีรัชญ์กินยาก เกิดไม่ถูกปากขึ้นมาเขาจะได้แก้ไขรสมือตัวเอง เพื่อจีรัชญ์จะได้ทานอาหารมื้อที่อร่อยโดนใจ

“กินได้ แต่ครั้งหน้าลดน้ำส้มสายชูตอนทำสักหน่อยก็ดีนะ” จีรัชญ์ตอบและยังคงทานต่อไป แต่ณิชนั้นกลับชะงักก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้

“ขอผมชิมหน่อยสิ” พูดจบก็ไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต เขาใช้ส้อมแตะๆ จิ้มๆ ไข่ดาวน้ำขึ้นมากินก่อนจะทำหน้าเหยเกเพราะรสชาติแปลกประหลาดจนยากจะกลืน

“อี๋! โคตรเปรี้ยวไม่อร่อยเลย คุณไม่ต้องกินแล้ว อย่ากินเลย ให้ป้าแจ่มทำให้คุณใหม่ดีกว่า กินแบบนี้ไปท้องเสียแน่ๆ” เขารีบร้องห้ามทำท่าจะดึงจานไม่ให้จีรัชญ์ทานต่อ แต่เจ้าของจานกลับยื้อไว้ ตีมืออีกฝ่ายไปเบาๆ เป็นการปราม

“คนเขากินอยู่จะมาแย่งไปแบบนี้ได้ยังไง”

“ก็มันไม่อร่อย”

“แต่ผมกินได้”

จีรัชญ์ยืนกรานก่อนจะดึงจานกลับมาที่ตน ณิชมองคนทานอาหารมื้อเช้าที่รสชาติไม่ดีนักด้วยใบหน้านิ่งเฉยไม่ได้ฝืนกินแต่อย่างใด เขาแอบยิ้มก่อนจะลงมือทานของตัวเองบ้าง หัวใจพองฟูที่อย่างน้อยไอ้หาญก็ไม่ผลักไสเหมือนอย่างที่แล้วมา

‘มึงง้อคุณณิช’

‘หุบปากมึงไป’

‘มึงรักคุณเขามาก’

‘เงียบไปไอ้มั่น’

‘เจ้านายกูเอาใจผัวเก่งขนาดนี้ ถ้ามึงใจร้ายต่อก็เกินไปแล้ว’

ไอ้มั่นพูดจบก็หัวเราะลั่น ไอ้หาญนั่งหน้าดำหน้าแดงที่โดนเพื่อนรักแซวแบบนี้ หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวบนโต๊ะอาหารไม่ได้ยินว่าไอ้มั่นพูดอะไร แต่คนทั้งสามที่ชะตาผูกพันกันกลับได้ยินทั่วถึง ทำให้ณิชในตอนนี้หน้าเห่อร้อนราวโดนเหล็กร้อนนาบ

มื้อเช้าผ่านไปแล้ว ณิชกับมิ้งทำงานตามปกติส่วนจีรัชญ์เข้าสวนไปกับนายพลี ณิชทำงานได้มากกว่าเดิมเมื่ออารมณ์ดีขึ้น เขาใช้เวลาอยู่กับช่างจรูญพักใหญ่ก่อนเหลือบไปมองเปียโนหลังใหญ่ ไม่แน่ใจว่าเป็นเปียโนที่เคยเล่นเมื่อชาติก่อนหรือไม่

สองขาเรียวก้าวเข้าไปหาเครื่องดนตรีชิ้นใหญ่ที่วางอยู่ตรงมุมห้อง เขาเล่นดนตรีไม่เป็นแต่ก็หลงใหลในเสียงของมันเหมือนคนอื่นๆ ลองกดลงไปก็ได้ยินเสียงของตัวโน้ต มิ้งหันมามองด้วยความตกใจที่อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีที่มุมห้อง แต่พอเห็นว่าณิชอยู่ตรงนั้นกับมั่นจึงหันกลับไปทำงานต่อ ส่วนไอ้มั่นก็ยิ้มกว้างเมื่อเห็นเจ้านายของมันอยู่ใกล้เครื่องดนตรีที่เคยชอบ

‘ลองเล่นไหมขอรับ’

‘เล่นไม่เป็นน่ะสิ ชาตินี้ผมถนัดวาดภาพออกแบบมากกว่า ของพวกนี้ห่างไกลเกินกว่าจะเคยจับต้อง’ ณิชตอบในใจพลางทำหน้าเสียดาย ถ้าเขาเล่นเจ้าเครื่องดนตรีนี้เป็นจะเล่นจีบจีรัชญ์ทุกวันเลย

‘แต่ไอ้หาญเล่นเป็น ประเดี๋ยวบ่าวไปตามให้ขอรับ’

ไม่ทันที่ณิชจะร้องห้ามทาสผู้ชื่อสัตย์ที่ตามมาจากอดีตก็หายตัวไปแล้ว เขาถอนหายใจขำกับการกระทำของมั่นที่พยายามทำให้เขาสมหวังในชาตินี้อีกครั้งเพื่อจะได้หลุดพ้นจากคำสาป มั่นทำทุกอย่างดั่งเช่นคำสาบานที่ให้ไว้ก่อนตายจริงๆ

“คุณณิชครับ เรื่องกระเบื้องเหลือลงกาวยาแนวก็จะเสร็จแล้วครับ ถ้างั้นเดี๋ยวพวกผมขอไปพักเที่ยงก่อนแล้วจะกลับมาเก็บงานให้เรียบร้อยนะครับ” ช่างจรูญพูดข้ามห้องมาเขาจึงพยักหน้าอนุญาตให้ไปพักได้ จะว่าไปเขาก็ชักรู้สึกหิวแล้วเหมือนกัน เพราะมื้อเช้าแบบฝรั่งไม่ได้ทำให้อยู่ท้องเท่าไหร่นัก อย่างเขาต้องมื้อหนักๆ ไปเลยถึงจะดี

ทีมช่างออกไปหมดแล้ว มิ้งขอตัวลงไปหาป้าแจ่มที่ครัวก่อนส่วนเขาอยู่เก็บของของตัวเองอีกนิดหน่อยก็คิดว่าจะตามไปเช่นเดียวกัน แต่ยังไม่ทันได้ออกจากห้องก็ได้ยินเสียงคนวิ่งตึงตังมาพร้อมเสียงตะโกนดังลั่นวัง

“เกิดอะไรขึ้น! คุณณิชเป็นอะไร!”

จีรัชญ์โผล่หน้าเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง เนื้อตัวมอมแมมสภาพดูไม่จืดในชุดทำสวนยืนหอบหน่อยๆ สื่อให้รู้ว่าเจ้าตัวรีบวิ่งมา ฝ่ายนั้นมองมาที่เขาก่อนจะเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้าเครียดขรึม จีรัชญ์จับตัวณิชตรวจดู ทั้งชีพจรและอาการภายนอกอื่นๆ

“คุณเป็นอะไร เจ็บตรงไหน ไปหาหมอดีไหม”

คำถามของจีรัชญ์ทำณิชงงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปทางด้านหลังของชายหนุ่มที่มีไอ้มั่นยืนยิ้มโชว์ฟันขาว เจ้าตัวดูราวกับภูมิใจที่พาไอ้หาญมาหาคุณปราณได้เร็วทันใจแบบนี้ก่อนจะรีบหายตัวไป ฝ่ายณิชที่พอเข้าใจอะไรๆ ขึ้นมาบ้างจึงยิ้มให้จีรัชญ์

“ไอ้มั่นบอกว่าอาการคุณไม่สู้ดีเลย”

ก่อนหน้านี้เขาทำงานอยู่ในสวน แต่ไอ้มั่นไปบอกว่าณิชเหมือนจะไม่สบาย ตอนแรกเขาไม่คิดอะไร เพราะเห็นณิชในตอนเช้ายังปกติดีอยู่จึงคิดว่าไอ้เกลอคงคิดมากไปเอง ไอ้มั่นหายไปสักพักก็กลับมาบอกอีกว่าอาการณิชไม่สู้ดีนัก ท่าทางของมันดูร้อนรนจนเขาต้องรีบทิ้งงานแล้วขับรถกระบะออกจากสวนมาเพื่อมาดูว่าณิชเป็นอะไร

“เอ่อ...ผม...อ่า...ผมไม่เป็นอะไรครับ แค่มึนหัวนิดหน่อยแค่นั้นเอง” ณิชตอบไปแบบกว้างๆ เอาอาการปกติที่คนคนหนึ่งสามารถเป็นได้แบบไม่ร้ายแรง เพื่อให้จีรัชญ์คลายความกังวลและไอ้มั่นจะได้ไม่โดนเพื่อนตัวเองโกรธที่โดนหลอก

นี่แหละผีหลอกของจริง หลอกจนเขาต้องใช้ไหวพริบที่มีอยู่น้อยนิดหาทางออกเอง

จีรัชญ์ได้ฟังคำบอกเล่ายิ่งกังวล เขาไม่อยากให้อะไรๆ มันซ้ำรอยเดิม แต่ดูเหมือนยิ่งต่อต้านทุกอย่างมันยิ่งกลับเข้ารูปแบบเดิมอยู่ร่ำไป

“ไปหาหมอกับผม รีบไปตรวจเผื่ออาการบาดเจ็บที่สมองจากการตกบันไดมันเพิ่งแสดงออก ไปครับ เดี๋ยวผมพาไป” จีรัชญ์รวบข้อมืออีกฝ่ายไว้แล้วดึงให้เดินตาม ณิชรีบยื้อตัวไว้ก่อนที่อะไรๆ มันจะบานปลาย ท่าทางจีรัชญ์ดูเครียดมากจนเข้าต้องรีบแย้ง

“ผมไม่ได้เป็นอะไรเลยครับคงเพราะหิวข้าวน่ะ ตอนนี้พักเที่ยงแล้วคุณยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหม งั้นไปกินข้าวกันเถอะครับ”

“แต่คุณ...”

“ผมแค่หิวครับ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว แค่เห็นหน้าคุณก็รู้สึกมีแรงขึ้นมาแล้ว” ณิชหยอดคำหวานไปสักหน่อยแต่จีรัชญ์ก็ยังคงตีหน้าขรึม เขายังไม่วางใจเพราะกลัวว่าณิชจะเป็นอะไรหนักอย่างที่ไอ้มั่นว่า

“ต่อไปถ้าคุณมีอาการอีกต้องให้ไอ้มั่นรีบไปบอกผมทันที จะแค่เล็กน้อยก็ต้องบอก ผมไม่อยากให้คุณแขไขหาว่าผมใช้งานลูกน้องของเธอหนักจนต้องล้มป่วยบ่อยๆ” คำพูดแรกฟังแล้วมีแต่ความห่วงใยทำณิชถึงกับอมยิ้ม แต่เมื่อฟังจนจบรอยยิ้มที่เคยมีก็หุบลงทันที

“เมื่อไหร่คุณจะยอมรับตัวเองว่าเป็นห่วงผมสักทีนะคุณจีรัชญ์ ปากแข็งมากๆ เดี๋ยวก็โดนผมทุบหรอก” หนุ่มเมืองกรุงที่ตัวเล็กกว่าเจ้าของวังกำหมัดขึ้นทำท่าขู่ จีรัชญ์มองท่าทางเหมือนเด็กนั้นก่อนจะเมินไปอื่นเสีย เพราะในใจมันกำลังร้องบอกว่าณิชในอิริยาบถนั้นน่ารักไม่เบา

ทั้งคู่มาถึงห้องทานอาหารก็เห็นมิ้งเดินเข้ามาพร้อมป้าแจ่ม อาหารถูกจัดขึ้นโต๊ะเหมือนอย่างเคย เมนูวันนี้มีต้มกระดูกหมูใบชะมวง รสชาติของมันจะออกรสเปรี้ยวนำแต่กลมกล่อม ณิชยกซดมื้อนี้แทบหมดถ้วย กระดูกหมูที่ถูกต้มจนเปื่อยทำให้ทานง่ายคนฟันดีแทะเล่นได้สบาย

“ไข่ชะอมอร่อยไหมคะคุณตรี หนูทำเองค่ะ” มิ้งรีบถามเมื่อเห็นว่าเจ้าของวังตักอาหารที่เธอทำเข้าปากพร้อมน้ำพริกกะปิรสชาติจัดจ้าน

“รสชาติดีครับ”

“อ่า...แต่คงไม่ดีเท่าไข่ดาวน้ำเมื่อเช้าใช่มั้ยคะ โอ๊ย!” หญิงสาวร้องเพราะโดนมะเขือเปราะลูกเล็กจากณิชปาใส่โดนหัวเต็ม

“กินข้าวอยู่ อย่าเอาอาหารมาเล่นเหมือนเด็ก”

คนโดนเอ็ดยอมนั่งกินข้าวต่อไปแต่โดยดี เมื่อครู่นี้เขาก็ไม่ได้คิดว่าจะทำแบบนั้นแต่มือมันไปเอง เพราะความเขินอายจากเมื่อเช้ายังมีหลงเหลืออยู่เขาเลยห้ามมือตัวเองไม่ทัน

ทีมช่างกลับมาทำงานแล้ว ณิชเห็นว่างานที่เหลือไม่ได้มีอะไรมากมายจึงปล่อยให้ช่างจรูญคุมงานลูกน้องตัวเองไป ส่วนเขากับมิ้งมานั่งรับลมที่สระบัวแทน โดยมีทับทิมกรอบเป็นของหวานชื่นใจจากป้าแจ่ม

“ป้าแจ่มครับ พื้นที่ตรงข้างหลังตรงนี้ไปอีกไกลไหมครับที่เป็นของวังปริพัตร” ณิชถามเมื่อมองเข้าไปในป่าด้านหลังสระบัว มันไม่ได้รกแต่ก็ดูไม่น่าเข้าไปเดินสักเท่าไหร่

“พอสมควรค่ะ คุณตรีเคยเดินหายเข้าไปพักหนึ่งก็กลับออกมา ได้หมูป่ามาตัวนึงแหนะ”

“ห้ะ! มีหมูป่าด้วยเหรอคะ” มิ้งถามพร้อมตาที่เบิกโตด้วยความทึ่ง

“ใช่ค่ะ ที่ดินมันอยู่ติดเขาเลยมีสัตว์ป่า แต่คุณตรีทำรั้วอาณาเขตไว้ชัดเจนนะคะ ใครแอบเข้ามาไม่ได้แน่นอน วันไหนว่างๆ ถ้าคุณณิชกับคุณมิ้งอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาเดินป่าก็ลองชวนคุณตรีดูนะคะ ที่นี่ไม่อันตรายหรอกค่ะแค่ต้องไปกับเจ้าถิ่น เพราะคุณตรีเธอรู้ที่ทางดีค่ะจะได้ไม่หลง” ป้าแจ่มแนะนำแขกของวังที่มาอยู่จนสนิทราวกับเป็นลูกหลานที่รู้จักกันมานาน

เธอเอ็นดูคนทั้งสองที่พยายามปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนที่นี่ อีกทั้งวังปริพัตรที่เคยเงียบเหงาดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก มีเสียงหัวเราะเสียงพูดคุยทำให้ที่นี่ไม่ไร้ชีวิตเหมือนอย่างเคย

ป้าแจ่มปล่อยให้คนทั้งสองได้นั่งทานของว่างอร่อยๆ ต่อไป พี่หวีแม่บ้านอีกคนแอบเมียงๆ มองๆ คนทั้งคู่ก่อนจะยิ้มเมื่อป้าแจ่มเดินมาหาเธอ

“คุณณิชกับคุณมิ้งน่ารักนะป้า ฉันว่าคุณตรีควรจ้างให้คนทั้งคู่อยู่ทำงานที่นี่ถาวรไปเลยดีกว่าวังจะได้ไม่เงียบ”

“ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดีน่ะสิ คุณณิชเธอก็คงไม่อยากกลับนักหรอก ดูจะติดคุณตรีของเราเข้าเสียแล้ว”

“นั่นสิ ฉันเห็นนะว่าถึงคุณตรีจะดูเครียดๆ แต่ก็ดูมีความสุขอยู่นะ เผลอๆ อาจจะมีความสุขมากกว่าตอนที่คุณแขไขมาหาก็ได้มั้ง”

“จุ๊ๆๆ หยุดพูดได้แล้วแม่หวี ไปทำงานๆ” ป้าแจ่มตัดบทเมื่อเห็นว่าเรื่องที่พูดกันกำลังจะไปไกล

จวบจนเวลาเข้าช่วงค่ำหลังทานมื้อเย็นและณิชก็ขึ้นห้องแล้ว โดยก่อนหน้านี้แวะไปหาจีรัชญ์ที่ห้องทำงานมาแต่ฝ่ายนั้นไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะล้อเล่นได้ เห็นว่าคุยงานอะไรกับอาจารย์ท่านอื่นนั่นแหละเขาจึงไม่กวนต่อ แต่เมื่อเข้ามาในห้องตัวเองโทรศัพท์จากทางไกลก็ดังขึ้น เขาจึงรับสายพี่โอ๋หัวหน้างานผู้น่ารักที่มักถามไถ่ชีวิตความเป็นอยู่ที่นี่เสมอๆ

“ว่าไงพี่โอ๋”

[เออ ไอ้ณิช หายหัวไปเลยนะมึง ไม่มีโทรมาหากันบ้าง] หัวหน้าบ่นอุบเมื่อเห็นว่าลูกน้องมือดีของตนเงียบหายไปเลย

“มันยุ่งๆ น่ะพี่” เขาตอบไปแค่นั้นก่อนจะต่อในใจว่าไม่ได้ยุ่งเรื่องงานแต่ยุ่งเรื่องส่วนตัว เพราะหลังๆ มานี้เขาทุ่มให้กับเรื่องของจีรัชญ์เสียส่วนใหญ่ ส่วนงานแทบจะโยนให้มิ้งทำคนเดียว ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องที่ผิดและเขาได้ขอโทษรุ่นน้องไปแล้ว แต่มิ้งกลับบอกว่าดีเสียอีกที่เธอได้เรียนรู้งานเต็มที่

[ยุ่งจริงเหรอวะ ไม่ใช่ไปตกบันไดตกน้ำตกท่าที่ไหนอีกนะ]

“โถ่ ยุ่งจริงๆ ไม่เชื่อถามมิ้งเลย”

[พอเถอะ ไอ้มิ้งมันเห็นกูเป็นหัวหน้ารึเปล่ายังไม่รู้เลย วันๆ กูเห็นเอาแต่เดินตามตูดมึงต้อยๆ ทำตัวเหมือนมึงคืออาจารย์ส่วนมันฝากตัวเป็นศิษย์] ณิชหัวเราะกับคำเปรียบเปรยของหัวหน้างาน ซึ่งในข้อนี้เขาไม่เถียงเพราะมิ้งทำงานกับเขาบ่อยมาก และไม่ค่อยจะชอบเข้าหน้ากับพี่โอ๋สักเท่าไหร่นัก

[นี่ไอ้ณิช อีกประมาณวันสองวันกูจะลงไปหามึงนะ กูไม่ได้จะก้าวก่ายงานของมึงนะเว้ย แต่คุณแขไขเขาฝากมาให้ลงไปดูงานหน่อย] โอ๋พูดถึงจุดประสงค์หลักที่เขาโทรมาหาณิชในวันนี้ เจ้านายเขายังอยู่ต่างประเทศแต่โทรมาบอกว่าให้ตามงานจากณิชด้วย และถ้าหากเธอกลับมาทันก็จะลงมาดูงานด้วยตัวเอง

“อืม ได้เลยพี่ ผมเข้าใจ มาดูได้เลยครับ”

[งั้นแค่นี้แหละ ไว้เจอกัน]

“ครับ”

ณิชรับคำก่อนวางสายพร้อมความรู้สึกที่หนักอึ้ง ในชีวิตนี้ไม่คิดเลยว่าต้องมารักผู้ชายคนเดียวกับเจ้านาย ต่อให้โชคชะตาบอกว่าเขากับไอ้หาญต้องคู่กัน แต่ท้ายสุดคนที่จะเลือกทางเดินในชีวิตก็คือไอ้หาญเอง ยิ่งตอนนี้รายนั้นกล้าๆ กลัวๆ เขาด้วยแล้วยิ่งคิดหนัก เขาจะแข่งกับคุณแขไขได้ไหมยังไม่รู้เลย

ก๊อกๆๆ

“พี่ณิช หนูเข้าไปหน่อยได้ไหม” มิ้งเคาะประตูยืนเรียกอยู่หน้าห้องเขาเลยบอกให้อีกฝ่ายเข้ามา

“พี่ณิชไปเซเว่นกับหนูหน่อยสิ หนูเพิ่งเห็นว่าเขามีเมนูใหม่ออกขายอ่ะ นะๆ ไปกับหนูหน่อย หนูอยากกิน”

“ได้ พรุ่งนี้นะ” ณิชรับคำรุ่นน้องที่ตอนนี้สนิทกันจนแทบจะแยกไม่ออกว่าคือรุ่นน้องที่ทำงานด้วยกันหรือน้องสาวที่คลานตามกันมา

“ไม่ได้พี่ ต้องตอนนี้เลย”

“ทำไมไม่รอให้พรุ่งนี้ก่อนวะ”

“ก็มันหมดเขตวันนี้ หนูเพิ่งเห็นที่เพื่อนแชร์ในเฟซบุ๊กอ่ะ มัวแต่ทำงานเลยไม่ได้เล่นเฟซบุ๊กเลย นะพี่นะ ตอนนี้ยังไม่ค่ำมากแค่ทุ่มนึงเองไปกันสองคนคุณตรีไม่ว่าหรอก”

มิ้งคะยั้นคะยอณิชพลางทำตาปริบๆ เพื่อออดอ้อน รุ่นพี่หนุ่มจึงใจอ่อนยอมตกลงไปด้วยเพราะส่วนหนึ่งที่มิ้งแทบไม่มีเวลาก็เพราะตัวเขาเองด้วยที่ทำให้รุ่นน้องคนนี้ยุ่งหัวหมุนอยู่คนเดียว เขาคว้ากุญแจรถได้ก็เดินตามหญิงสาวที่กระโดดโลดเต้นดีใจที่ตนจะได้เข้าร้านสะดวกซื้อหลังจากที่ไม่ได้เข้ามานานเสียที

“จะไปไหน”

เสียงเจ้าของวังเอ่ยถามดุๆ เมื่อเห็นว่าแขกทั้งสองกำลังจะเดินออกจากตัวคฤหาสน์ไป เขาอยู่ในห้องทำงานได้ยินเสียงมิ้งคุยโทรศัพท์กับเพื่อนบอกว่าจะออกไปเซเว่นตอนนี้ จึงอดออกมาดูด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

“จะพามิ้งไปเซเว่นน่ะ คุณจะเอาอะไรไหม”

“ค่อยไปพรุ่งนี้ตอนเช้าไม่ดีกว่าเหรอ” จีรัชญ์บอกเสียงเข้ม มิ้งเขยิบเข้าไปใกล้ณิชเหมือนหาเกราะป้องกัน มือเรียวกำชายเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่นเพราะกลัวว่าจะโดนจีรัชญ์ดุ

“ผมไปแป๊บเดียว พอดีมิ้งต้องซื้อของใช้จำเป็นน่ะ เรื่องของผู้หญิงคุณก็รู้ว่ามันรอไม่ได้” ณิชโกหกไปว่าอีกฝ่ายมีประจำเดือนเพื่อการออกไปในครั้งนี้จะได้ดูมีน้ำหนัก ชายหนุ่มเจ้าของวังที่ยืนอยู่ที่ชั้นบนมองคนทั้งคู่ด้วยสายตาเรียบนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะบอกออกไป

“เดี๋ยวผมไปด้วย” พูดจบก็เดินกลับเข้าไปที่ห้องน้ำงาน ปิดประตูล็อกกุญแจให้เรียบร้อยก็เดินลงมา เขาแบมือขอกุญแจรถจากณิชแล้วเดินไปที่รถของเจ้าตัว เพื่อจะได้พาคนทั้งคู่ไปร้านสะดวกซื้อ

มิ้งยิ้มกว้างที่จีรัชญ์ยังใจดีพาออกมาซื้อของ ไม่ลืมกระซิบขอบคุณณิชที่ช่วยโกหกให้เธอ จนเมื่อนั่งรถมาถึงส่วนของตลาดที่มีคนพลุกพล่านเพราะยังอยู่ในช่วงหัวค่ำ จีรัชญ์จอดรถไว้ที่หน้าร้านสะดวกซื้อแล้วลงไปกับคนทั้งสอง เขาอยากได้กาแฟเย็นของที่นี่สักแก้วเพราะมันตื่นดี

“ขนมน่าทานมาก คุณจะเอาพวกพายไปกินไหม” ณิชถามเมื่อมาหยุดอยู่หน้าตู้โชว์ขนมแบบอุ่นร้อน ในตู้กระจกใสมีขนมหลากหลายชนิดวางเรียงรายให้เลือก กลิ่นหอมของมันยั่วยวนยามมีลูกค้าเปิดออกเพื่อหยิบขนมทำเขาน้ำลายสอ

“คุณชอบแบบไหนก็เลือกมาสิ เอามาสักสองชิ้นก็พอ ตอนกลางคืนไม่ต้องกินพวกแป้งเยอะนักหรอกเดี๋ยวจะอ้วนเอา” คำพูดเรียบๆ แต่ทำให้ณิชรู้สึกอบอุ่นหัวใจ จีรัชญ์เก๊กขรึมแทบตายแต่ท้ายสุดก็คอยห่วงใยเขา

“งั้นเอาพายแอปเปิ้ลกับพายไก่นะ”

จีรัชญ์ไม่ตอบแต่พยักหน้าและเดินไปทางมุมเครื่องดื่มแทน ณิชจึงคีบขนมใส่ถุงกระดาษมาสองชิ้นแล้วเดินตามจีรัชญ์ไป

“คุณดื่มกาแฟตอนนี้จะได้นอนตอนไหนเนี่ย” เขาถามเมื่อเห็นว่าจีรัชญ์กำลังยืนพินิจพิจารณากาแฟหลากชนิดตรงหน้าอยู่

“มันไม่ทำให้ผมตาค้างทั้งคืนหรอก พรุ่งนี้ไม่มีสอนผมจะตื่นสักสิบโมงก็ยังได้”

“คุณไม่อยากตื่นมากินมื้อเช้าที่ผมทำให้เหรอ”

ณิชแสร้งทำเสียงเศร้าหน้าตาที่เคยยิ้มแย้มดูสลดลง จีรัชญ์เงียบไปอีกครั้งก่อนจะเดินผ่านไปทางตู้แช่แล้วหยิบนมพร่องมันเนยมาหนึ่งขวดแทนกาแฟที่ตั้งใจจะซื้อดื่มในตอนแรก ไม่ลืมคว้าถุงขนมจากมือณิชมาแล้วตรงไปยังเคาร์เตอร์เพื่อให้พนักงานคิดเงิน โดยมีณิชเดินยิ้มตามหลังกับความใจดีของไอ้หาญนี้





โปรดติดตามส่วนต่อไป



ไม่ได้หาย ไม่ได้เท ไม่ได้ทิ้งนะคะ คอมผอบมีปัญหาค่ะเลยไม่ได้มาอัปเลย
ขอโทษคนอ่านที่ทำให้ต้องรอนะคะ
ตอนนี้คอมยังเอ๋อๆ อ๋องๆ อยู่ แต่ผอบแวบมาลงนิยายให้ก่อน
ขอบคุณคนอ่านที่ยังแวะเวียนเข้ามานะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๑ {ครึ่งแรก} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 12-11-2020 16:28:25
แขไขจะมาด้วยรึเปล่า จะเป็นยังไงต่อ

รออ่านตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๑ {ครึ่งแรก} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 12-11-2020 19:29:31
สมใจกับที่รอ มาหลายวัน

คุณผอบ รักษาสุขภาพตัวเอง (และคอมฯ)ด้วยนะ

ช่วงนี้อากาศไม่ค่อยคงเส้นคงวา
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๑ {ครึ่งแรก} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-11-2020 00:33:02
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๑ {ครึ่งแรก} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 13-11-2020 08:23:42
บทที่ ๒๑ (ครึ่งหลัง)


จีรัชญ์ไปนั่งรอในรถ ส่วนณิชเดินไปหามิ้งที่กำลังอยู่ตรงโซนเครื่องสำอาง สาวเจ้ากำลังเลือกเครื่องสำอางแบบซองที่ออกใหม่อยู่เสมอๆ จนได้มาหลายชิ้น

“จะซื้อไปทำไมเยอะแยะ”

“หนูไม่รู้จะว่างออกมาอีกตอนไหนนี่พี่ ซื้อไปตุนๆ ไว้ พี่ณิชดูนี่ๆ พี่ว่าลิปสีนี้กับสีนี้สีไหนเหมาะกับหนูมากกว่า”

มิ้งหยิบลิปสติกมาสองแท่ง รูปตัวอย่างที่เขาเห็นบนกล่องก็ดูคล้ายกัน แต่อย่างนั้นมันก็ทำให้รู้สึกต่างกันได้เมื่ออยู่บนริมฝีปากของผู้หญิงที่ชอบแต่งตัว

“ด้านขวาสวยกว่า ดูหวานๆ ดี”

‘สีก็เหมือนกัน จะเลือกไปไย’ เสียงไอ้มั่นดังขึ้นระหว่างที่มิ้งยังคงลังเลว่าจะเอาลิปสติกตามที่ณิชแนะนำดีไหม คนที่มีเพียงวิญาณขมวดคิ้วมุ่นมองของประทินโฉมละลานตาตรงหน้า ทำเอาตาลายไปหมดจนต้องเบ้หน้า

‘สิ่งนี้เจ้ามีแล้ว ข้าจำได้ว่าวันก่อนเจ้าซื้อมา’ มันชี้ไปที่ครีมลอกสิวเสี้ยน

‘เดี๋ยวก็หมด ใช้ไปไม่ถึงสองอาทิตย์ก็หมดแล้ว’

‘อันนี้เจ้าก็มีแล้ว’ ไอ้มั่นชี้ไปในตะกร้าสีส้มซึ่งมีครีมแว็กซ์ขนนอนอยู่ในนั้น

‘เดี๋ยวขนมันก็งอกอีก หนูต้องซื้อไปเผื่อจะได้ไม่ต้องออกมาซื้ออีกไงพี่มั่น’

มิ้งตอบในใจพลางถอนหายใจ ณิชขำคนทั้งคู่ที่กลายเป็นคู่หูกันไปแล้วก่อนจะบอกมิ้งว่าจะออกไปรอข้างนอก ปล่อยให้มิ้งใช้เวลาอยู่ในนี้ได้เต็มที่โดยไม่ลืมกำชับว่าให้ซื้อผ้าอนามัยไปด้วย เพราะตอนแรกโกหกจีรัชญ์ไว้แบบนั้น

ณิชออกมาจากร้านสะดวกซื้อ เขาได้กลิ่นหมึกย่างบดแต่ถ้าเดินตามกลิ่นไปก็กลัวคนที่รออยู่จะเป็นห่วงเลยเดินไปที่รถก่อน เขาเห็นจีรัชญ์กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่จึงเคาะกระจกฝั่งคนขับเบาๆ จีรัชญ์กดเลื่อนกระจกลงแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“คุณ...ผมจะไปซื้อหมึกบดหน่อย เอาด้วยไหม”

“ไม่เอา” ณิชพยักหน้าทำท่าจะผละออกไปแต่เสียงคนในรถเรียกไว้เสียก่อน

“คุณจะไปซื้อที่ไหน”

“ตรงนั้นครับ” ณิชชี้จีรัชญ์จึงมองตามมือก็เห็นว่าใกล้ๆ เขาพยักหน้าเชิงอนุญาต หนุ่มเมืองกรุงเลยเดินไปซื้อของที่ว่าทันที

รถเข็นของพ่อค้าจอดอยู่หน้าร้านอาหารตามสั่งที่มีคนอยู่หนาตา หมึกแห้งหลายขนาดถูกหนีบไว้กับที่หนีบให้เลือกได้ตามใจชอบ เขาไม่รอช้าเดินเข้าไปหยิบแถวบนมาสามตัวทันที เพราะนานๆ จะได้เจอของแบบนี้สักที

“นี่ๆ พ่อหนุ่ม”

ขณะที่เขากำลังยืนรอคิวของหมึกบดอยู่นั้นก็มีคุณยายแก่ๆ เดินเข้ามาทัก รอยยิ้มหวานถูกส่งมาพร้อมฟันปลอมที่ใส่อยู่เต็มปาก

“สนใจดูดวงไหม ยายดูให้ฟรีไม่คิดสตางค์”

“เอ่อ...”

“รู้ไหม เรามีเจ้ากรรมนายเววรติดตามตัวอยู่นะ” คำพูดของหญิงชราทำณิชชะงักไปเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทักกันเรื่องนี้เลย จากที่ลังเลว่าจะยอมให้อีกฝ่ายดูดวงให้ไหมกลายเป็นตอนนี้เขารอคำต่อมาใจจดจ่อ

“ดวงของเราน่ะอาภัพนะ จะรักใครคนนั้นก็มีอันเป็นไป”

อ่า...เริ่มไม่ใช่แล้ว เพราะคนที่มีอันเป็นไปในทุกชาติคือเขา ส่วนคนที่เขารักยังนั่งเป็นอมตะรออยู่ในรถอยู่เลย

“แล้วชาตินี้ผมจะได้เจอเนื้อคู่ไหมครับ” เขาลองถามตามน้ำไป

“ได้เจอสิ แต่อาจต้องพรากจากกันเพราะยังไม่ถึงเวลาต้องคู่กัน”

ณิชถึงกับไปไม่เป็นเมื่อได้ฟัง พยายามบอกว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงคุณยายแก่ๆ ที่ดูดวงไม่แม่นหรอก แต่ก็อดใจหายไม่ได้ว่าหากสิ่งที่คุณยายพูดเป็นความจริงเขาจะทำเช่นไร จะขอโทษไอ้หาญในชาติต่อไปยังไงดี จะปลอบใจอีกฝ่ายที่ต้องทนทรมานเพื่อรอเขาทั้งที่เขาพูดเองว่าชาตินี้จะไม่จากกันอีกแล้ว

“แล้วผมจะเจอเขาเมื่อไหร่ครับ”

“ณิช”

เสียงเรียกชื่อที่คุ้นหูดังขึ้นเขาจึงหันไปหาคนพูด เขายิ้มให้ก่อนจะหันมาหาคุณยายแล้วให้เงินไปสองร้อย

“ไม่ต้องให้ยายหรอกยายบอกแล้วว่าดูให้ฟรี ส่วนที่ว่าจะเจอเขาเมื่อไหร่...ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก” พูดจบคุณยายก็หันไปยิ้มให้หนุ่มตัวสูงที่เดินมาหาณิช ก่อนจะเดินจากไปพร้อมคำทำนายที่ทำเอาคนฟังกลัว

“มีอะไร” จีรัชญ์ถามเสียงเรียบ มองตามหลังหญิงชราที่เดินผ่านหน้าไปเมื่อครู่แล้วหันมารอคำตอบจากคนตัวเล็ก ประจวบกับหมึกย่างบดที่ณิชสั่งไว้ได้พอดีเขาจึงจ่ายเงินให้ เพราะดูเหมือนณิชใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่นัก

แม้กระทั่งกลับมาถึงวังปริพัตรแล้วณิชก็ยังคงมีสีหน้าคิดไม่ตก เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่คุณยายพูด แต่บางสิ่งบางอย่างมันก็ตรงและบางสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นก็ทำเขาหวั่นใจว่ามันอาจจะจริงก็ได้ หากชาตินี้เขากับไอ้หาญต้องแยกจากกันอีกครั้งล่ะเขาจะทำยังไง ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าชาตินี้ไอ้หาญต้องหลุดพ้นคำสาป แต่ถ้าหาก...

“คุณณิช”

“คะ...ครับ?”

หนุ่มเมืองกรุงสะดุ้งเมื่อรู้สึกโดนแตะที่แขน จีรัชญ์ที่ยังไม่ได้รับคำตอบตั้งแต่ตอนซื้อของเสร็จจึงตามอีกฝ่ายขึ้นมาที่ห้อง ไม่ลืมถือถุงหมึกย่างบดที่ณิชอยากกินขึ้นมาให้ด้วย ส่วนมิ้งยังนั่งทานมื้อดึกที่เพิ่งไปซื้อมาโดยมีไอ้มั่นอยู่เป็นเพื่อน เห็นมิ้งบอกว่าจะจุดธูปให้ไอ้มั่นกินด้วยกัน

“คุณเป็นอะไรรึเปล่า หน้าตาคุณดูเครียดๆ หรือบาดเจ็บตรงไหนอีก”

จีรัชญ์ยังคงห่วงว่าอีกฝ่ายจะล้มป่วย กลัวเสียเหลือเกินจนต้องถามไถ่เมื่อเห็นท่าทีผิดปกติของณิช เขาไม่อยากให้อะไรๆ มันเกิดขึ้นซ้ำๆ โดยที่ตัวเขารู้แล้วแต่ป้องกันไม่ได้ ชาตินี้เขาจะป้องกันทุกทางเพื่อที่ตนเองจะได้ไม่เจ็บมากไปกว่านี้

“คือผม...”

ณิชชะงักไป เขามองใบหน้าคมเข้มของคนที่ยืนตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจแล้วยิ้มให้ พร้อมกับรับถุงหมึกย่างบดมาถือไว้เอง

“ไม่มีอะไรครับ แค่คิดอะไรเกี่ยวกับงานนิดหน่อย”

“ถ้าคุณป่วยหรือรู้สึกไม่สบายต้องบอกผม” จีรัชญ์ย้ำเสียงเข้ม

“ครับ ผมจะบอกแน่นอน”

ดูเหมือนว่าการโกหกของไอ้มั่นจะทำให้เพื่อนรักอย่างไอ้หาญคิดเป็นจริงเป็นจัง ไอ้มั่นไม่ได้คิดหรอกว่ามันจะทำให้เพื่อนเป็นทุกข์ขนาดนี้ เพราะแค่อยากหาโอกาสให้เจ้านายตนได้ใกล้ชิดคนที่รักก็เท่านั้น แต่กับไอ้หาญแล้วคำว่าป่วยของคุณปราณทำให้มันกลัวเสมอ

กลัว...แม้ใจจะบอกว่าทุกอย่างก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ก็ยังกลัว…





--##--##--##--##--##--##--





คุณชายปราณรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่ ทั้งที่ปกติก็ตื่นในเวลานี้อยู่เป็นประจำแต่กลับรู้สึกหนาวสั่น ดูท่าหวัดกำลังจะเล่นงานเขาเสียแล้วกระมังเขาจึงห่อตัวกอดตัวเอง และเลือกเสื้อคลุมไหมพรมที่พับเก็บเข้าตู้เมื่อนานมาแล้วออกมาใช้เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย

“ทำไมต้องห่อตัวหนาแบบนั้นล่ะชายปราณ ไม่สบายเหรอลูก” คุณหญิงช่อทิพย์ถามลูกชายด้วยความเป็นห่วงขณะนั่งรอลูกๆ ลงมาทานมื้อเช้าอยู่ที่ห้องรับประทานอาหาร

“ครับ รู้สึกหนาวๆ คุณหญิงแม่ไม่หนาวเหรอครับ”

“อากาศมันเริ่มชื้นๆ เพราะเข้าช่วงปลายปีก็แบบนี้แหละ เดี๋ยวทานข้าวเสร็จก็ไปอยู่ที่อุ่นๆ หน่อย ไม่ต้องออกไปหรอกข้างนอกน่ะ”

คุณหญิงช่อทิพย์ยกแก้วชาจากฝรั่งเศสขึ้นจิบ ภาคใต้มีฝนตกชุกจะบอกว่าหนาวก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ส่วนใหญ่จะมีอากาศเย็นและชื้นจากฝนเสียมากกว่า นี่ฝนก็ตกติดต่อกันมาสองสามวันเพราะข่าวว่าพายุเข้า แพลนที่ว่าจะไปเที่ยวช่วงปลายปีจึงต้องชะลอไว้เสียก่อน แต่หากพายุผ่านไปเธอคงได้ไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนฝูงและลูกๆ อย่างแน่นอน

รายได้หลักของคุณหญิงช่อทิพย์มาจากมรดกที่หม่อมเจ้าจุลปรีชาทิ้งไว้ให้ มีทั้งหุ้นและที่ดินต่างๆ ที่ซื้อไว้เก็งกำไรบ้าง ปล่อยเช่าบ้าง พวกอาคารพาณิชย์ในเมืองต่างๆ ที่เปิดให้เช่าเป็นสำนักงานบ้าง มันมากมายชนิดที่ว่าสามารถจุนเจือวังแห่งนี้ได้สบาย และส่งลูกๆ ได้เรียนจบมีงานทำกันทุกคน

หญิงรตีกำลังจะดำเนินกิจการของตัวเอง โดยจะใช้เงินทุนของตัวเองที่สะสมมาเป็นทุนในการเปิดร้านตัดเสื้อ ตอนนี้เลยวิ่งวุ่นหาทำเลและคงจะไปเปิดที่กรุงเทพฯ เพราะต่างจังหวัดลูกค้ามีไม่เยอะเท่าที่ควร ทำให้ช่วงนี้ลูกสาวคนเล็กต้องวิ่งขึ้นลงกรุงเทพฯ กับที่บ้านอยู่แทบทุกอาทิตย์ อย่างตอนนี้ก็อยู่ใต้ก่อนอีกสักเดือนหน้าก็ต้องขึ้นกรุงเทพฯ ไปดูงานที่จ้างช่างให้ทำร้านให้ว่าจะออกมาตรงใจรึเปล่า

ส่วนชายปราณก็ยังคงเป็นครูสอนดนตรีเช่นเดิม ลูกศิษย์เพิ่มมากขึ้นแต่เจ้าตัวไม่เคยปริปากบ่นว่าเหนื่อยซ้ำยังรู้สึกสนุกกับงาน ไม่รู้เพราะลูกศิษย์คนโปรดอย่างหมออนันต์เอาใจเก่งรึเปล่า เพราะเธอเห็นคนทั้งสองมักออกไปหาอะไรทานด้วยกันบ่อยๆ

“พี่ชายใหญ่ไปทำงานแล้วเหรอครับ” ชายปราณถามหาพี่ชายเมื่อไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะลงมาทานมื้อเช้าด้วยกันแต่อย่างใด ทั้งที่ตอนนี้ก็แปดโมงแล้ว

“ไปตั้งแต่ตีห้าแล้วล่ะ เห็นบอกว่ามีเคสผ่าตัดด่วนเข้ามา”

“สวัสดีค่ะคุณหญิงแม่ พี่ชายกลาง” หญิงรตีเดินเข้ามาทักทายด้วยใบหน้าที่เหนื่อยล้าพอสมควร ทันได้ยินคุณหญิงแม่ตอบพี่ชายกลางเรื่องพี่ชายใหญ่ด้วย

“พี่ชายใหญ่คงกำลังจะได้เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลแน่ๆ ขยันขนาดนี้คงไม่พ้นตำแหน่งนี้ไปได้” เมื่อหญิงสาวร่างบางระหงนั่งลงตรงข้ามพี่ชายก็เอ่ยแซวคนที่ไม่ได้อยู่ร่วมโต๊ะด้วย คุณหญิงช่อทิพย์จึงเอื้อมมือไปตีแขนลูกสาวเบาๆ

“ไปแซวพี่เขา เดี๋ยวเถอะ”

“หญิงพูดจริงนี่คะ จะหาคุณหมอที่ขยันเท่าพี่ชายใหญ่ได้ที่ไหน อ้อ...เว้นคุณหมออนันต์ไว้สักคน เพราะรายนั้นก็ขยันมาขายขนมจีบครูสอนดนตรีเสียเหลือเกิน”

หญิงรตีเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นคนตรงหน้า สาวเจ้าพูดจบก็หัวเราะขำกับใบหน้าที่แดงระเรื่อของพี่ชาย คุณหญิงช่อทิพย์ที่รู้เรื่องเหล่านี้อยู่บ้างถอนหายใจอยากจะบิดเนื้อลูกสาวให้เขียวเสียจริงๆ

ในตอนแรกเธอไม่ใครชอบใจนักที่หมออนันต์พยายามตีสนิทลูกชายทั้งสองของเธอ แต่นานวันเข้าฝ่ายนั้นไม่ได้มาเรียนเปียโนอย่างที่ปากพูดไว้อย่างเดียว ยังหอบหิ้วของมาเยี่ยมเยียนและมักหอบหิ้วของฝากมาเสมอ อีกทั้งยังช่วยเหลือยามคนงานที่บ้านไม่อยู่ทำงานให้เธอได้ดั่งใจก็ชักจะใจอ่อน คุณหมอที่วันๆ มือจับแต่ปากกาและกระดาษรายงานอาการป่วยของคนไข้ ดูจะจับจอบจับเสียมได้ทะมัดทะแมงจนเธออึ้งไปหลายครั้ง จนตอนนี้กลายเป็นการไปมาหาสู่ของหมออนันต์กับชายปราณดูเป็นเรื่องปกติของวังปริพัตรไปแล้ว

เธอไม่ได้ใสซื่อจนไม่รู้ว่าสิ่งที่หมออนันต์ทำนั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะสายตาของหมออนันต์ยามมองชายปราณดูลึกซึ้งหวานหยดจนเธอต้องเบือนหน้าหนีเสียหลายครั้ง ทำเป็นไม่เห็นว่าลูกชายตนเองมีท่าทีเคอะเขินกับสายตานั้นบ้าง ทำเป็นไม่สนใจยามชายปราณชะเง้อคอมองหาอนันต์เมื่อฝ่ายนั้นมาหาตนช้าบ้าง เพราะเหตุนี้จึงพอเข้าใจได้ว่าลูกคนกลางของเธอกับหมอหนุ่มดูจะมีอะไรในใจกันโดยที่เธอรู้ได้แบบที่ไม่ต้องเอ่ยความ

คุณหญิงช่อทิพย์ไม่ใช่คนหัวโบราณ แต่ก็ไม่ได้สมัยใหม่จนคิดว่าเรื่องรักชอบเพศเดียวกันคือเรื่องปกติที่ใครๆ ก็ยอมรับได้ ตอนนี้จึงปรามๆ ไม่ให้ลูกชายและหมอหนุ่มคนนั้นออกหน้าออกตาเกินไปนัก หากอยู่ในวังหรือที่มิดชิดก็ย่อมได้ แต่หากไปข้างนอกก็ต้องวางตัวให้ดีให้สมเกียรติท่านชายที่เป็นบิดาด้วย

ชายปราณเหลือบมองคุณหญิงแม่ของตนที่ตอนนี้นั่งทานข้าวต้มกุ้งต่อไปถึงแม้หญิงรตีจะพูดเย้าแหย่เขาแบบนั้นก็ตาม ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเขากับหมออนันต์พัฒนาขึ้นจากในช่วงแรกไม่น้อย ความรู้สึกค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นจนกลายเป็นใจตรงกันในที่สุด อีกทั้งคุณหญิงแม่ก็ไม่ปริปากบ่นหรือซักไซ้ไล่เลียงอะไร เพียงแค่ปรามๆ ยามที่เขากับคุณอนันต์ใกล้ชิดกันเกินไปเท่านั้น

วันนี้ก็เหมือนดังเช่นวันก่อนๆ ที่อนันต์มักแวะมาหาเขาหลังเลิกงาน ใช้คำว่าลูกศิษย์เข้าหาคุณครูสอนเปียโนจนชายปุณยังออกปากแซวอยู่หลายครั้ง แต่เมื่อหญิงรตีที่ไปกระซิบบอกชายปุณว่าเพื่อนของเจ้าตัวกำลังสร้างต้นรักกับพี่ชายกลางก็ทำเอาชายปุณถึงกับอึ้งไปหลายวัน สังเกตอาการเพื่อนกับน้องชายตัวเองไปด้วยก็ถึงกับเข้าใจในทันที กลายเป็นว่าตอนนี้คนในวังปริพัตรต่างรับรู้โดยทั่วกันว่าคุณชายปราณมีคนที่หมายปองอยู่ในใจแล้ว

“รอนานไหมครับ”

อนันต์เอ่ยถามคนตัวเล็กกว่าที่กำลังยืนรอรับเขาอยู่ที่หน้ามุขของคฤหาสน์ ชายปราณทำเพียงยิ้มให้แล้วเดินนำเข้าด้านใน เหล่าสาวใช้ก็จัดเตรียมของว่างเข้าไปไว้ในห้องดนตรีเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะหลบออกมาและปิดประตูห้องให้ความเป็นส่วนตัวกับเจ้านาย

“พี่ชายใหญ่บอกว่าคุณอนันต์ติดคนไข้อยู่ผมเลยทำอย่างอื่นรอ”

“อย่างเช่นวาดรูปน่ะเหรอครับ” อนันต์ถามพร้อมยิ้มหวานให้ชายปราณ

เขาเดินเข้าไปใกล้ขาตั้งที่กางรับกระดานวาดรูปซึ่งมีกระดาษหนีบอยู่ ตอนแรกผ้าถูกปิดไว้เขาจึงเปิดออก ชายปราณห้ามไม่ทันเพราะสิ่งที่อยู่บนกระดาษแผ่นนั้นมันห่างไกลคำว่าสวยงามจนทำเขาอาย อนันต์มองภาพให้ถ้วนทั่ว ภาพที่เห็นยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่าไหร่นัก แต่ที่ชัดสุดเห็นทีจะเป็นขาที่ใหญ่ไม่เท่ากันของตัวเปียโนที่คล้ายกับตัวที่ตั้งอยู่ในห้องนี้

“ครับ อยากลองหางานอดิเรกทำคลายเครียดเลยขุดวิชาวาดภาพเมื่อตอนเรียนมหา’ ลัยมาวาดดู แต่ก็อย่างที่เห็นมันค่อนข้างแย่” ชายปราณตอบอย่างเสียดาย ทำท่าจะดึงผ้าปิดเช่นเดิมแต่อนันต์กลับยื้อไว้

“เช่นนั้น... วันนี้ไม่ต้องเล่นเปียโนแต่ผมจะสอนคุณชายวาดรูปเองนะครับ”

“คุณวาดรูปเป็นด้วยเหรอครับ”

“ก็พอได้นิดหน่อย แต่...สวยกว่ารูปนี้แน่นอนครับ”

เพียงเท่านี้กำปั้นเล็กก็ทุบเข้าที่แขนเขาเบาๆ เพราะคนพูดดันไปทำให้คุณชายปราณอายเข้าเสียแล้ว

ไอ้หาญยิ้มเมื่อเห็นแก้มแดงระเรื่อของคนช่างเขิน เจ้าตัวคงไม่รู้เลยว่าตอนนี้เป็นเวลาที่ช่างน่ามอง รอยยิ้มอ่อนๆ พร้อมริมฝีปากที่เม้มไว้เพราะข่มอาการเขินอายทำมันอยากหอมสักฟอด ในเรื่องดนตรีมันอาจสู้คุณปราณในชาตินี้ไม่ได้ แต่เรื่องวาดรูปมันไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน เพราะไอ้หาญฝึกปรืองานอดิเรกที่คนชอบกันมาหลายอย่างแล้ว แต่ดูเหมือนการวาดภาพจะเป็นสิ่งที่มันถนัดที่สุด

ความสนใจในค่ำวันนี้เปลี่ยนจากเปียโนหลังใหญ่มาเป็นกระดานวาดภาพแทน ชายปราณนั่งหลังตรงอยู่บนเก้าอี้โดยมีอนันต์นั่งประกบไม่ห่าง ความใกล้ชิดและมือจับซ้อนทับกันบนดินสอร่างภาพ ทำให้หัวใจสองดวงเต้นอย่างหนักหน่วงไปพร้อมกัน ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มร่างสูงโน้มเข้าหาคนตัวเล็กจนปลายจมูกเกือบได้ชิดแก้มใส

ความหอมอ่อนๆ ที่โชยเข้าจมูกอยู่เรื่อยๆ ยามลมจากภายนอกพัดเข้าห้องมา ผสมกับกลิ่นของดอกพุดน้ำบุษย์ที่ปลูกอยู่รอบวังทำให้ไอ้หาญชื่นใจ เผลอก้มลงสูดดมซอกคอหอมใกล้ๆ ด้วยความหลงใหล ก่อนจะกดจูบไปบนแก้มเนียนโดยไม่ทันตั้งตัว

“อ๊ะ!”

คุณชายปราณสะดุ้งเพราะนี่คือสัมผัสที่ใกล้ชิดที่สุดสัมผัสแรกระหว่างพวกเขาสองคน แต่เขากลับไม่รู้สึกรังเกียจแต่อย่างใด ซ้ำยังเอียงแก้มหลบด้วยความเขินอายทำทีเป็นไม่รู้สึกอะไร แต่ยิ่งทำแบบนั้นเหมือนอีกฝ่ายจะได้ใจ กดปลายจมูกโด่งเข้าหาแก้มเขาอีกครั้งจนครั้งนี้รู้สึกได้ชัดเจน

“หอมเหลือเกิน”







โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๓/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๑ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 14-11-2020 23:12:12
คำทำนายของยายคืออะไร ต้องรอไปอีกชาติหรอ

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๓/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๑ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-11-2020 01:10:01
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๓/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๑ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 15-11-2020 11:24:46
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๓/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๑ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 15-11-2020 19:33:00
เหมือนทุกอย่างเป็นใจ

แต่...............


หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๓/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๑ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 16-11-2020 19:17:11
รออ่านตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๓/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๑ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-11-2020 08:16:15
ตามอ่านทันแล้ว สนุกมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๓/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๑ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 19-11-2020 18:08:17
บทที่ ๒๒ (ครึ่งแรก)



กลิ่นหอมของดอกพุดน้ำบุษย์หรือจะสู้ความหอมจากแก้มนิ่มของคุณปราณได้ ไอ้หาญดีใจเป็นที่สุดที่การกระทำอุกอาจของมันในครั้งนี้ไม่โดนอีกฝ่ายผลักไส มันอดใจไม่ไหวต้องหอมแก้มคุณปราณย้ำไปอีกครั้งทำเอามือที่ถือดินสออยู่ถึงกับทำดินสอหลุดมือ

“คุณอนันต์”

เสียงเรียกชื่อแผ่วเบาราวกระซิบ ดวงตาสวยเหลือบมองสบกับตาคมที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้ว ความใกล้ชิดทำให้เขาเห็นเงาตัวเองในตาของอีกฝ่ายชัดเจน กลีบปากนิ่มเม้มกัดข่มความเขินอายไว้ก่อนจะหลุบตาต่ำ

“หากคุณชายไม่พอใจผมต้องขออภัยด้วย การหักห้ามใจของผมมันยากมากเมื่ออยู่ใกล้กับคนที่หัวใจหลงรัก”

คำหวานที่เอื้อนเอ่ยออกมาทำคุณชายปราณถึงกับลอบยิ้ม เอ็นดูในคำพูดคำจาของอีกฝ่ายที่พยายามโอ้โลมเขาเหลือเกิน ที่พูดมานี้ไม่รู้หอบน้ำตาลทั้งโรงงานมาหมดรึยัง เพราะถ้ามีอีกหัวใจเขาคงรับไม่ไหวแน่ๆ มันคงเต้นตุบตับสะเทือนไปทั่วอก

“ถ้าอยู่ใกล้กันแบบนี้คงไม่มีสมาธิสักเท่าไหร่ ถอยออกห่างหน่อยเป็นไรผมจะได้ลองวาดภาพให้คุณดูได้”

คุณชายปราณเอ่ยถามเสียงนุ่ม อนันต์ถึงกับยิ้มกริ่มที่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่โกรธหรือต่อว่าที่โดนตนขโมยหอมแก้มแล้ว ยังพูดด้วยน้ำเสียงปกติราวกับเรื่องเมื่อครู่ไม่ได้ทำให้เกิดบรรยากาศน่าอึดอัดแต่อย่างใด

“ผมขอพักเรื่องวาดรูปไว้ก่อนได้ไหมครับ เพราะตอนนี้ผมอยากรู้เรื่องหัวใจของคุณชายมากกว่า”

“จะรู้ไปทำไมครับ” คุณชายปราณหันหน้ามามองอีกฝ่ายตรงๆ เอี้ยวตัวมาอีกเล็กน้อยเพื่อจะได้มองหน้าอีกฝ่ายให้ถนัด

“คนเราปลูกต้นไม้ก็ต้องการรอดูผลของมัน ผมก็เช่นกัน...ปลูกต้นรักก็อยากรู้ว่าต้นที่ปลูกไว้มันออกดอกแล้วหรือยัง” แววตาหวานของคนพูดทอดมองอีกฝ่ายเพื่อสื่อให้รู้สิ่งที่หัวใจรู้สึกพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้า

วาจาคมคายของเจ้าหนุ่มทำไอ้มั่นที่แอบมองอยู่ยิ้มขำ ดูเหมือนชาตินี้เพื่อนมันจะรุกคุณปราณแรงเสียจริงหย่อนคำหวานไว้ไม่มีตกเลย คุณปราณหรือก็เหนียมอายแต่ยังไว้ท่าทีของชายสูงศักดิ์ ไม่ได้เขินจนเกินงามราวแม่หญิงวัยสาว

“คุณหมั่นรดน้ำพรวนดินมีหรือมันจะไม่ออกดอกให้ได้ชม”

คุณชายปราณตอบเสียงเรียบแต่มุมปากยกยิ้มบาง ถ้อยคำที่เอ่ยออกไปก็มีความหมายอยู่ในที ความเป็นหม่อมราชวงศ์เด่นชัดในสายเลือดจึงดูมีท่าทีราวไม่สนใจคำโอ้โลมนั้น แต่หากแท้จริงแล้วหัวใจสั่นไหวแทบหลุดจากอกยามอนันต์ขยับเข้ามาใกล้

“แล้วถ้าหากผมจะเด็ดดอกรักมาชมสักครั้งจะได้ไหมครับ”

คำพูดของคนทั้งสองที่ไม่ได้สื่อถึงเรื่องต้นไม้สักนิดแต่คนก็เข้าใจในจุดประสงค์ของอีกฝ่ายได้ ชายปราณไม่ได้ตอบแต่หันหน้ากลับมาสนใจกระดาษวาดรูปตรงหน้าแทน อนันต์ยิ้มขำกับการตัดบทเสียดื้อๆ ของเจ้าตัว

มือใหญ่จับปลายคางคนที่หลบหน้าตนไว้เพื่อให้หันมามองกันดีๆ กลีบปากอิ่มดูเย้ายวนจนอยากจะบดเบียดให้ช้ำเสียเดี๋ยวนี้ ไอ้หาญมองริมฝีปากของคุณปราณไม่วางตา ส่งสายตาไปชัดเจนว่าสิ่งที่ต้องการคืออะไร จนกระทั่งใบหน้าของมันเคลื่อนเข้าหาสิ่งที่ยั่วเย้าความต้องการอยู่ตรงหน้า คุณปราณไม่คิดหลบมันแม่แต่น้อย มีแต่ดวงตาคู่สวยไหวระริกราวกับไม่มั่นใจก่อนจะหลับตาเป็นการตอบรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้

ริมฝีปากของคนทั้งคู่ประทับประกบกันในที่สุด ไม่มีการขัดขืนหรือฝืนใจแต่อย่างใด มือไม้ของคุณชายปราณที่ไม่รู้จะวางที่ได้จับชายเสื้อของหมออนันต์ไว้แน่นจนยับยู่ องศาหน้าที่เอียงรับรสจูบที่แสนหวานพร้อมตาสวยที่หลับพริ้มเพื่อรับรู้สัมผัสที่แน่ชัด มันสื่อว่าเจ้าตัวพึงพอใจกับการกระทำของอีกฝ่ายในครั้งนี้

อนันต์ขยับปากขบเม้มริมฝีปากนิ่มเบาๆ หยอกล้อลิ้นร้อนยามที่คุณชายปราณเปิดปาก ความอ่อนหวานเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความโหยหา จูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่เก็บกักมานานนับร้อยปีทำให้คนตัวเล็กถึงกับอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอด

อนันต์อุ้มร่างเล็กของคุณชายขึ้นแนบออก และวางอีกฝ่ายลงบนโต๊ะที่ติดกับผนังอีกฝั่งของห้อง เก้าอี้ตัวเล็กหรือจะสู้โต๊ะตัวยาวได้ อารมณ์ที่เริ่มเตลิดไปไกลทำให้คุณชายปราณยอมให้อนันต์ลูบไล้มือไปตามผิวเนียนที่อยู่ใต้เสื้อ กระดุมเสื้อถูกปลดออกทีละเม็ดจนมันเผยผิวขาวเนียนให้ได้เห็น ไฟที่เคยเปิดสว่างทั่วทั้งห้องถูกหรี่ลงให้เหลือเพียงไม่กี่ดวงเท่านั้น และความสลัวของมันยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ความต้องการให้เพิ่มสูงขึ้น

คุณชายปราณหอบหายใจหนักๆ ราวกับคนวิ่งมาหลายสิบกิโล แก้มแดงซ่าจากความเขินอายและอารมณ์หวามไหว เขามองชายหนุ่มที่แทรกกายอยู่กลางหว่างขาตน อีกฝ่ายจงใจบดเบียดร่างเข้าหาเพื่อให้บางส่วนที่มันตื่นตัวเสียดสี มือเรียวประคองใบหน้าคมสันของอนันต์ไว้ก่อนจะเป็นฝ่ายเริ่มจูบก่อนบ้าง

ไอ้หาญแทบอดรนทนไม่ไหว เมียรักที่มันเฝ้ารักเฝ้าคิดถึงมานับร้อยปีอยู่ตรงหน้า ท่าทางที่ดูไม่ประสากับเรื่องอย่างว่าเท่าไหร่ดูน่าเอ็นดู คุณปราณสะดุ้งเล็กน้อยยามที่มันปลดกางเกงลงเผยให้เห็นส่วนกลางกายที่ใหญ่โตผงาดพร้อมรบ กายบางสั่นจนมันต้องกอดไว้เพื่อปลอบประโลม

“ระ...เรา...เราทำแบบนี้มันจะดีเหรอครับ”

ชายปราณถามเสียงสั่น อนันต์มีเพียงแค่เสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมทุกเม็ดบนกาย ส่วนกางเกงแสลคเนื้อดีก็ร่นลงไปกองอยู่ที่ต้นขาซึ่งดูอีกฝ่ายไม่ได้อายอะไรกับสิ่งที่ทำอยู่เลย แต่เขากลับไม่มั่นใจในสิ่งที่ทำอยู่นี้เท่าไหร่นัก

“หากคุณชายไม่ต้องการผมจะหยุด หยุดแค่ตรงนี้และจะไม่ทำแบบนี้อีกจนกว่าคุณชายจะพร้อม” อนันต์พูดเสียงน้ำเสียงจริงจัง สื่อให้รู้ว่าเขาพร้อมรับทุกการตัดสินใจของอีกฝ่าย แม้ตอนนี้ตนเองจะปวดหนึบที่ส่วนนั้นจะแย่แล้วก็ตาม

“เราไปที่ห้องผมไม่ดีกว่าเหรอครับ ห้องนี้มัน...”

“ถ้างั้นก็ไปกันเถอะครับ” อนันต์หอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่เมื่อได้ยินเสียงสั่นๆ ของอีกฝ่ายพูดพร้อมใบหน้าที่แดงจัดสื่อให้รู้ว่าเขินมาก

อนันต์เก็บอาวุธของตัวเองเข้ากางเกงให้เรียบร้อย คุณชายปราณติดกระดุมเสื้อและจัดผมเผ้าให้เข้าที่เข้าทาง อนันต์จูงมืออีกฝ่ายออกจากห้องดนตรี เขามองซ้ายแลขวาเมื่อไม่เห็นคนของวังปริพัตรอยู่แถวนี้จึงดึงคุณชายปราณให้ออกมาจากห้องดนตรี แสงสว่างหน้าห้องชัดเจนจนเห็นแก้มสีระเรื่อของคนที่ก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย

คุณชายปราณเดินนำขึ้นบันไดไปยังชั้นบนตรงไปยังห้องนอนของตนทันที เมื่อเปิดประตูเข้ามาอนันต์ก็พบกับความสวยงามในการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ ทุกอย่างในห้องนี้ทำจากไม้ทั้งสิ้น มันถูกทาสารเคลือบเงาจนวาววับและแทบไม่มีฝุ่นเลย อีกทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ หอมในห้องสื่อให้รู้ว่าเจ้าของห้องเป็นคนรักสะอาดเพียงใด

แต่ที่สะดุดตาเห็นทีจะเป็นเตียงสี่เสา ม่านขาวบางพลิ้วถูกมัดรวบไว้ตามต้นเสาทั้งสี่ ลมเย็นๆ พัดเข้าห้องผ่านบานประตูที่ถูกติดมุ้งลวดไว้ ส่วนพัดลมเพดานก็ถูกเปิดใช้งานเพื่อคลายความร้อนยามค่ำคืนได้

“เอ่อ...”

มาถึงตอนนี้คุณชายปราณมีท่าทีอึกอักเพราะไม่รู้จะทำอะไรต่อดี เขายอมรับว่าเมื่อครู่อารมณ์เตลิดไปไกลจนอยากลองในสิ่งที่ไม่เคยลอง แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องนอนตัวเองและอนันต์ยืนอยู่ตรงหน้า โดยที่ส่วนนั้นยังโป่งนูนขึ้นลำเด่นชัดก็ขัดเขินจนทำอะไรไม่ถูก

อนันต์ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาเข้าประชิดตัวคนตัวเล็กทันทีอย่างไม่คิดรีรอ ปลายจมูกโด่งกดลงที่หน้าผากมนก่อนจะไล่เรื่อยลงมาตามแก้มเนียน ซอกคอที่หอมอ่อนๆ เพราะน้ำหอมราคาแพงทำให้เขาสูดดมความหอมอยู่นาน ร่างกายคนทั้งสองกอดเกี่ยวกันราวกับอารมณ์ที่ถูกหยุดไว้เมื่อครู่จุดติดขึ้นมาอีกครั้ง

เพียงแค่ปลายมือสัมผัสจากอนันต์ก็ทำให้ชายปราณอ่อนระทวยได้ ความเขินอายยังมีอยู่มาก แต่เพราะความต้องการที่อยากลองและอยากมอบร่างกายให้คนที่ตนเองหมายปองก็ไม่อาจห้ามได้ เขาจึงเอนกายนอนราบไปบนที่นอนปล่อยให้อนันต์ขึ้นคร่อมโดยที่เสื้อผ้าหลุดจากกายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่อาจทราบได้

ร่างกายกำยำของไอ้บ่าวซื่อคร่อมร่างบอบบางของคนรักไว้ หัวใจกระหน่ำเต้นรัวอยู่ในอกเพราะรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ครอบครองคุณปราณอีกครั้ง มือหยาบกร้านของมันไล้ไปตามผิวเนียนด้วยความหลงใหล สายตาที่แสดงออกมาไม่ปกปิดความรู้สึกใดไว้เลยจนคุณชายปราณถึงกับต้องหลบสายตา

ร่างกายเปลือยเปล่าของคนทั้งสองเบียดเสียดสีจนความกำหนัดในกายร้อนรุ่มไปหมด ขาเรียวถูกดันให้อ้าออกกว้าง พวงแฝดและแท่งลึงค์สีสวยเด่นอยู่ตรงหน้า มันกำลังตื่นขึ้นเพราะการปลุกปั่นของคนตัวใหญ่ คุณชายปราณเอามือมากุมปิดแต่อนันต์กลับรั้งมือนั้นออก เขาก้มลงจูบที่ส่วนนั้นเบาๆ ด้วยความทะนุถนอม

“อ๊ะ! คุณอนันต์” ชายปราณสะดุ้งเฮือกตกใจกับการกระทำของอีกฝ่าย อนันต์ทำเพียงแค่จุ๊ปากเลยเงยหน้าขึ้นมองผ่านหว่างขาเรียวสวย เขากดจูบที่ต้นขาด้านในทั้งสองข้างและเริ่มบรรเลงบทรักของตนในทันที

ช่องทางสีสวยมีจีบปิดสนิทอย่างที่ไม่เคยมีใครได้รุกล้ำขมิบตอดนิ้วที่กำลังแทรกผ่านเข้าไปเพื่อเปิดทางให้คุ้นชิน เสียงครางแผ่วเบาของคุณชายปราณมีมาเป็นระยะๆ ความเจ็บปวดเกิดขึ้นแต่เขาก็พอทนได้ สิ่งเดียวที่ช่วยให้เขาไม่เจ็บมากคือน้ำลายที่อนันต์ช่วยลดความฝืดเคืองลง

“อ๊ะ! อ๊า...” ชายปราณหลุดเสียงครางลั่นออกมาเมื่อรู้สึกว่านิ้วที่ขยับเข้าออกถึงสองนิ้วแตะโดนบางจุดที่ทำให้เขาเกือบปลดปล่อย ยิ่งนิ้วโป้งย้ำส่วนที่อยู่ระหว่างพวงแฝดทั้งสองกับช่องทางรักมันยิ่งกระตุ้นให้เขารู้สึกจนต้องบิดกายเร่าๆ

อนันต์ยืดกายขึ้นมาหอมขมับที่ชื้นเหงื่อของคนตัวเล็ก เขาใช้อีกมือรูดรั้งส่วนนั้นให้คุณชายปราณเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่ทรมานมากนัก โดยที่มืออีกข้างก็ยังขยับนิ้วเข้าออกช่องทางรักไม่หยุดจนในที่สุดคุณชายปราณก็ปลดปล่อยออกมา

“อ๊า! แฮ่ก...แฮ่ก...”

หน้าหวานบี้ไปบนหมอนเมื่อถึงจุดสุดยอดไปแล้วหนึ่งครั้ง ร่างกายเกร็งกระตุกจนน้ำออกมาหมดทุกหยาดหยดถึงจะนิ่งสงบ เหลือเพียงแรงหอบหายใจบางเบาเท่านั้น

“เก่งมากครับ” อนันต์ชมเปาะที่อีกฝ่ายไม่ขัดขืน อาจมีเขินอายบ้างแต่ก็ไม่ถึงขนาดกับปัดป้องไม่ให้เขาทำให้

อนันต์กวาดน้ำรักที่เลอะหน้าท้องและมือเขาเพื่อใช้เป็นตัวช่วยในการสอดใส่ ชายปราณปรือตามองคนที่กำลังทำอะไรบางอย่างกับช่องทางหลังของเขา ก่อนจะรู้สึกได้ว่าส่วนที่กำลังจะเข้ามาเติมเต็มไม่ใช่นิ้วอีกต่อไป

ส่วนปลายของอาวุธกลางกายของอนันต์จ่อที่ทางเข้า น้ำเหนียวเยิ้มซึมออกมาเพื่อสื่อถึงความกำหนัดที่ไม่อาจมีสิ่งใดมาขวางกั้นได้อีกแล้ว เขาค่อยๆ แทรกกายเข้าไปในร่างของคุณชายปราณทีละน้อย แต่คนใต้ร่างกลับกัดฟันกรอดเกร็งไปทั้งตัวเพราะความเจ็บ

“ไม่ไหว...ไม่ไหวครับ มันเจ็บมากครับคุณอนันต์”

ชายปราณร้องบอกเสียงสั่นน้ำตาคลอ ไอ้หาญเห็นยอดดวงใจของมันเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกผิดจนต้องหยุดทุกอย่างไว้ก่อน ส่วนปลายของมันเข้าไปได้แค่หน่อยเดียวก็แช่ค้างไว้รอให้อีกฝ่ายพร้อม

อนันต์จูบปลอบคนตัวเล็กในอ้อมกอดไปเรื่อยๆ ลองขยับเอวเบาๆ เพื่อลองเชิงดูว่าช่องทางรักสีสวยรับตัวตนของมันได้อีกไหม เมื่อเห็นว่าเริ่มขยับได้ก็เพิ่มความลึกเข้าไปอีกจนในที่สุดก็เข้าไปมิดลำ ซึ่งแลกมากับเสียงหวีดเบาๆ ด้วยความเจ็บของคุณชาย และรอยจิกเล็กที่กลางหลัง

แรงโยกกายขยับสะโพกเปลี่ยนจากเนิบนาบเชื่องช้ามาเป็นเร็วขึ้น เสียงครางเครือและหยาดน้ำตาจากความเจ็บปวดเปลี่ยนเป็นเสียงครางอย่างสุขสมยามจุดเสียวกระสันโดนกระแทก ม่านถูกปลดลงเพื่อปกปิดกิจกรรมที่แสนเร่าร้อนนี้ให้มีเพียงแค่เขาสองคนที่ถูกโอบล้อมด้วยความรักอยู่บนเตียงหลังกว้าง

อ้อมแขนแกร่งที่โอบกอดคนรักไว้ราวกับจะกลืนกินอีกฝ่ายเข้าไปทั้งตัวไม่ปล่อยห่าง ช่วงล่างยังทำหน้าที่เติมเต็มความต้องการของกันและกันไม่มีหยุด แรงตอดรัดจากภายในทำให้อนันต์กัดฟันกรอด กดจูบไปทั่วหน้าหวานและดูดกลืนยอดออกเม็ดเล็กที่ล่อตาล่อใจเพื่อคลายความเสียวซ่าน

คุณชายปราณแอ่นอกรับความอุ่นชื้นจากปากหยักที่ครอบลงมา เสียงครวญครางแผ่วเบายามใกล้ถึงฝั่งฝันอีกครั้ง เขาสาวรูดส่วนนั้นของตัวเองพร้อมกับแรงกระแทกกายของอนันต์ที่ตอกเข้าหาไม่หยุด สะโพกสอบไม่เว้นจังหวะให้เขาได้พักเลย ช่องทางรักยังรับแก่นกายที่สอดใส่เข้ามาจนไร้ความเจ็บปวดใดๆ อีกแล้ว

“อ๊ะ...อ๊ะ...ผมจะเสร็จแล้วครับ”

“งั้นเสร็จพร้อมกันนะครับ”

อนันต์กระซิบบอก พยายามเร่งเครื่องไปให้ทันคุณชายปราณที่ใกล้ปลดปล่อยเต็มทน ก่อนคนทั้งคู่จะฉีดพ่นน้ำรักออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน

ระยะเวลาการรอคอยที่ยาวนานวันนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ไอ้หาญซ่อนความดีใจไว้ไม่มิดเมื่อมันได้ครอบครองร่างนี้อีกครั้ง และเพียงแค่ครั้งเดียวคงไม่สามารถทดแทนเวลาที่มันใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้ มันจึงตักตวงจากร่างบอบบางนี้ไปอีกหลายครั้งจนคุณปราณต้องร้องขอเสียงแหบแห้งว่าให้พอ

“ผมไม่เคยรู้ว่าคุณจะมีความต้องการมากขนาดนี้”

ชายปราณพูดขึ้นขณะที่นอนพิงแผ่นอกกว้าง อนันต์หัวเราะกับคำพูดนั้นก่อนจะรั้งคุณชายปราณมาจูบซับที่ซอกคอด้วยความหวงแหน ร่างเปลือยของคนทั้งสองคลอเคลียกกกอดกันอยู่บนเตียงหลังกว้าง ภายใต้ผ้าห่มผืนบางที่เนื้อแนบเนื้อให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน แต่แล้วหางตาของชายปราณก็ไปสะดุดกับเงาที่อยู่ตรงระเบียงห้อง

“นั่นใครน่ะ!”







โปรดติดตามส่วนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๙/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๒ {ครึ่งแรก} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-11-2020 22:18:16
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๙/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๒ {ครึ่งแรก} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 20-11-2020 10:39:09
คุณชายเห็นมิ่งแล้วววว

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๙/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๒ {ครึ่งแรก} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 20-11-2020 19:31:09
“คุณหมั่นรดน้ำพรวนดินมีหรือมันจะไม่ออกดอกให้ได้ชม” 

ชอบอ่ะ

แล้วใครกันที่....แอบ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๙/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๒ {ครึ่งแรก} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 20-11-2020 20:53:16
นั่นนะสิ “นั่นใครน่ะ!” มาแอบส่อง คุณปรานแซ่บทุกชาติ  :impress2:  :-[
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๙/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๒ {ครึ่งแรก} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-11-2020 02:01:50
ไม่ว่าชาติไหนก็แซ่บ!
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๙/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๒ {ครึ่งแรก} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 22-11-2020 08:39:55
อิจฉาไอ้มั่นที่อยู่ข้างเตียง :ling1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๙/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๒ {ครึ่งแรก} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 24-11-2020 09:38:45
“หากคุณชายไม่พอใจผมต้องขออภัยด้วย การหักห้ามใจของผมมันยากมากเมื่ออยู่ใกล้กับคนที่หัวใจหลงรัก”  เขินประโยคนี้
แหม หายไปพีกนึงมาพร้อมกับnc ฟินมาก55555 คิดถึงทั้งสองคนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๙/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๒ {ครึ่งแรก} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 25-11-2020 19:12:38
บทที่ ๒๒ (ครึ่งหลัง)



เขาสะดุ้งเพราะเมื่อหันไปดูเต็มๆ ตาก็เห็นว่ามีเงาของคนยืนมองเข้ามาในห้องจริงๆ จึงรีบตวาดถามออกไป ซึ่งห้องเขาอยู่ชั้นสองและเป็นส่วนด้านหลัง หากมีคนลอบปีนขึ้นมาก็ย่อมได้ และมันคงไม่ดีนักหากจะมีใครมาเห็นว่าเขากำลังมีเวลาส่วนตัวกับอนันต์แบบนี้

หมออนันต์ลุกขึ้นนั่งมองตามสายตาของคุณชายปราณผ่านม่านผืนขาวบางออกไป ด้วยความที่ตอนนี้เป็นช่วงค่ำไร้แสงสว่างอย่างตอนกลางวันทำให้เขาเห็นไม่ชัดนัก ไฟในห้องที่เปิดไว้ก็สลัวๆ ไม่ได้เปิดสว่างจ้าอย่างที่ควรจะเป็นเพราะอยากสร้างบรรยากาศกับกิจกรรมเมื่อครู่ คุณชายปราณแหวกม่านคว้าเสื้อคลุมที่พาดอยู่บนเก้าอี้มาสวมแล้วจากเตียงลงไปดู แม้จะเดินไม่ถนัดนักเพราะเพิ่งผ่านการร่วมรักครั้งแรกมาแต่ก็ฝืนเดินไปจนได้ เขาเข้าไปใกล้เงาตะคุ่มที่หลบอยู่หลังบานประตูระเบียง

“คุ...ณ...คุณเป็นใคร”

ชายปราณถามออกไปเมื่อเห็นว่าเงาที่ตนเคยเห็นก่อนหน้านี้กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า หัวใจเต้นกระหน่ำรัวในอกด้วยเพราะจำได้ว่าเคยเห็นหน้าคนคนนี้มาก่อน ยิ่งเครื่องแต่งกายที่แปลกตาในผ้านุ่งโจงกระเบนเขายิ่งจำได้ ผิวคล้ำกร้านแดดและใบหน้าที่ดูคุ้นตาอย่างประหลาด

แต่ก่อนที่เขาจะได้รับคำตอบอะไรก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาทันที ปวดหัวจี๊ดจนต้องนิ่วหน้า อนันต์เข้ามาประคองคนที่กำลังเซจะล้ม เขาหันไปมองไอ้มั่นที่รีบลุกขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้านายตนกำลังจะล้มลง

“อะ...โอ๊ย! ...โอ๊ย!! ปะ...ปวดหัว ผมปวดหัว”

ชายปราณบอกเสียงสั่นมือกุมหัวที่กำลังปวดตุบๆ แทบระเบิด เขาหลับตาปิดสนิทเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับมันทำให้เขาทรมาน ภาพบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวเหมือนกับเขากำลังฝัน มันวูบวาบจนเวียนหัวและรู้สึกคลื่นไส้เป็นที่สุด

“อึก...ปวดหัว...ฮึก...เจ็บ...โอ๊ย!”

อนันต์เห็นท่าไม่ดีตวัดร่างบางของอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอดเพื่อพาไปที่เตียง สีหน้าของคุณชายปราณไม่ดีเลย มือทั้งสองข้างกุมหัวดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียง น้ำตาซึมที่หางตาจนรู้สึกสงสาร

‘คุณปราณเป็นกระไรรึ ไอ้หาญ! กูทำให้คุณเขาเป็นอย่างนั้นรึ’

ไอ้มั่นถามเสียงร้อนรน ตอนแรกมันเองคิดว่าคุณปราณคงไม่เห็นมันดังเช่นที่แล้วมาหรอก มันแอบอยู่ตรงประตูไม่ได้แอบมองตอนคุณปราณกับไอ้หาญทำรักกันหรอกนะ เพียงแต่นั่งชมจันทร์อยู่ที่ระเบียงนั่นแหละ แต่ก็ไม่คิดว่าคุณปราณจะเห็นมันเข้า ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะเห็นมันแต่อย่างใดแต่วันนี้กลับเจอจังๆ

คุณชายปราณดิ้นอยู่สักพักก่อนจะผ่อนแรงลง เสียงหายใจเหนื่อยหอบยังคงอยู่พร้อมเหงื่อผุดซึมตามกรอบหน้า สีหน้าดูอ่อนเพลียตาปรือปรอยหางตามีน้ำตาซึมออกมาก่อนจะโดนนิ้วเรียวของหมออนันต์เกลี่ยเช็ดให้

“คุณเป็นยังไงบ้าง ยังปวดหัวอยู่ไหม”

คุณชายปราณส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะหลับตาลงและหลับไปอย่างรวดเร็ว ไอ้หาญหันไปมองหน้าไอ้มั่นด้วยความสงสัย เขาไม่รู้ว่าโชคชะตาเล่นตลกอะไร เหตุใดคุณปราณจึงเห็นไอ้มั่นได้ หรือว่าคำสาปกำลังแสดงผลว่าเขากับคุณปราณอาจจะหลุดพ้นคำสาปได้เมื่อคุณปราณเห็นไอ้มั่น

ตอนนี้เขาคิดกังวลไปต่างๆ นานาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเพราะอะไร คิดหาเหตุผลร้อยแปดแต่ก็คิดไม่ออก คงต้องรอให้คุณปราณฟื้นถึงจะได้รู้คำตอบแน่ชัดว่าเป็นเช่นไร

:::::::::::::

“คุณหมอยังไม่กลับเหรอแม่สาย” คุณหญิงช่อทิพย์เอ่ยถามแม่บ้านของตัวเอง เพราะเห็นรถของอนันต์ยังคงจอดอยู่

“ยังเลยค่ะ ไม่ทราบไปไหนกับคุณชายปราณเพราะที่ห้องดนตรีก็ไม่มีคนทั้งคู่อยู่ค่ะ”

“แปลกจริง”

คุณหญิงช่อทิพย์ว่าก่อนจะเดินขึ้นชั้นบนไป บางทีลูกชายเธออาจจะพาหมออนันต์ไปที่ห้องนั่งเล่นชั้นบนก็เป็นได้ เพราะก่อนหน้านี้มักจะมานั่งกันบ่อยๆ แต่ก่อนที่จะได้ไปยังห้องนั่งเล่นเธอเห็นอนันต์เดินออกมาจากห้องนอนของชายปราณ

“คุณหมอ...ทำไมถึงออกมาจากห้องชายปราณได้ล่ะคะ แล้วชายปราณล่ะ”

“คุณชายหลับอยู่ครับ เห็นบ่นว่าปวดหัวผมเลยพาขึ้นมาพักบนห้อง” อนันต์ตอบความจริงไปเพียงเสี้ยวเดียว คุณหญิงช่อทิพย์ได้ฟังดังนั้นก็เปิดประตูเข้าไปดูลูกชายตัวเองทันที หนุ่มร่างบางหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงสี่เสาหลังกว้าง เธอนั่งลงที่ริมเตียงและแตะหน้าผากดู

“ช่วงนี้ชายปราณป่วยบ่อย ยิ่งเข้าหน้าฝนยิ่งป่วยง่าย ถ้ายังไงคงต้องฝากคุณหมอกำชับเรื่องดูแลสุขภาพสักหน่อยแล้วล่ะค่ะ” หญิงสูงวัยหันมาพูดกับอนันต์

“ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอตัวกลับก่อน คุณหญิงจะได้พักด้วย”

เพราะหากอยู่ต่อก็ไม่รู้จะขออนุญาตหญิงสูงวัยตรงหน้าอย่างไรดี ถึงแม้จะได้ลูกชายเขาไปแล้วแต่มันก็เรื่องในมุ้งผู้ใหญ่คงจะไม่อภิรมย์นักหากได้ฟัง เขาจึงคิดว่าค่อยกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้ รอให้คุณชายปราณนอนให้เต็มที่แล้วค่อยคุยกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะดีกว่า

“ค่ะ ขับรถกลับดีๆ นะคะ” คุณหญิงช่อทิพย์อวยพรพร้อมรับไหว้จากชายหนุ่ม

ไอ้หาญกลับมาถึงบ้านของตนเองก็มองหาไอ้มั่นทันที ไอ้เพื่อนเกลอที่คอยท่าอยู่แล้วปรากฏตัวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ตอนแรกที่มึงเห็นกูว่าตกใจแล้ว นี่คุณปราณเห็นกูด้วยแบบนี้กูคิดว่าคำสาปมันคงกำลังออกฤทธิ์แน่ๆ” ไอ้มั่นพูดเสียงเครียด เมื่ออยู่กันเพียงสองคนมันไม่จำเป็นต้องสื่อสารทางจิตกันอีกแล้ว ไอ้หาญทรุดกายนั่งลงที่โซฟาก่อนจะพูดเสียงเครียดไม่แพ้กัน

“กูก็คิดเหมือนมึง”

ในคำสาปบอกไว้เพียงว่า การจะแก้คำสาปได้เขากับคุณปราณต้องเกิดมาคู่กันในชาติภพที่ถูกที่ควร โชคชะตาที่ผูกพันกันแข็งแกร่งกว่าคำสาปเท่านั้นถึงจะทำให้มนต์มลายหายไป ถ้าอย่างนั้นนี่ก็แสดงว่าใกล้ถึงเวลาแล้วหรือเปล่า พอคิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมก็ค่อยๆ มีรอยยิ้มขึ้น

“กูอดใจที่จะคุยกับคุณปราณไม่ได้แล้วว่ะไอ้มั่น”

ไอ้หาญยิ้มกริ่มถึงสิ่งที่มันคิดและคาดหวัง หัวใจเต้นรัวกระหน่ำในอกเมื่อคิดไปว่าตนกำลังจะหลุดพ้นจากคำสาปนี้สักที หากพรุ่งนี้คุณปราณบอกว่าจำทุกอย่างได้ มันคงดีใจเป็นที่สุด ดีใจกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

::::::::::::

ร่างบอบบางที่ใบหน้าซีดเซียวตื่นขึ้นในช่วงสายของวัน ไม่รู้เพราะการตื่นผิดเวลาหรือเพราะอ่อนเพลียจากการเจ็บป่วยเมื่อคืน ทำให้เขารู้สึกราวกับโลกเหวี่ยงไปมาจนต้องนอนลงอีกครั้ง ชายปุณกับหญิงรตีเข้ามาดูอาการของชายปราณหลังจากได้ยินจากมารดาว่าชายปราณป่วย ส่วนคุณหญิงนั้นออกไปธุระในเมืองตั้งแต่เช้าแล้ว

“เป็นอย่างไรบ้าง อาการปวดหัวยังมีอยู่ไหม” ชายปุณแทบจะขนอุปกรณ์การตรวจเบื้องต้นมาตรวจน้องชาย แต่ชายปราณกลับยกมือห้ามไว้

“ยังมึนๆ อยู่ครับแต่ไม่เท่ากับเมื่อคืนแล้ว” ชายปราณตอบก่อนจะสอดส่ายสายตาไปรอบๆ ห้องว่าชายโบราณคนนั้นยังอยู่หรือไม่ เพราะเขามั่นใจว่าเมื่อคืนไม่ได้ตาฝาด เขาเห็นคนผู้นั้นจริงๆ

“มองหาใครคะพี่ชายกลาง หมออนันต์รึเปล่า” หญิงรตีถามพลางยิ้มล้อ เรียกสีระเรื่อบนแก้มพี่ชายไปหนึ่งครั้งก่อนจะพูดต่อ “รายนั้นมาตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ แต่พี่ชายกลางยังไม่ตื่นเลยกลับไปแล้วเพราะต้องไปดูคนไข้ แต่บอกว่าจะกลับมาใหม่เมื่อเสร็จงานแล้ว”

“ถ้าเราไม่เป็นอะไรมากแล้วงั้นพี่ขอตัวไปโรงพยาบาลก่อนนะ หญิงรตีพี่ฝากชายกลางด้วยล่ะ”

“ค่ะ พี่ชายใหญ่ไปทำงานเถอะ ป่านนี้คนไข้รอแย่แล้ว”

คุณชายปุณออกจากห้องไปประจวบกับแม่สายยกมื้อเช้ามาให้คุณชายปราณพอดี หญิงรตีจึงประคองพี่ชายตัวเองไปทางห้องน้ำเพื่อจะได้ล้างหน้าแปรงฟันให้เรียบร้อย ชายปราณที่รู้สึกเหนียวตัวตั้งแต่เมื่อคืนเพราะบทรักของอนันต์จึงถือโอกาสอาบน้ำเสียเลย

เมื่อออกมาจากห้องน้ำและแต่งตัวเสร็จแล้วเขาก็ไม่เห็นหญิงตรีแล้ว เพราะรายนั้นตะโกนบอกตอนอยู่ในห้องน้ำว่าขอไปคุยโทรศัพท์กับสถาปนิกที่ทำร้านสักหน่อย

เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันคืออะไร แต่ภาพความทรงจำบางอย่างที่เขาไม่เคยคิดว่ามันเกิดขึ้นกับชีวิตเขาหลั่งไหลเข้ามาเต็มหัว รวมไปถึงภาพชายโบราณคนนั้นด้วย

ไอ้มั่นแอบมาดูเจ้านายของมันอยู่ตรงระเบียงอีกครั้ง เห็นคุณปราณกำลังนั่งทานมื้อเช้าในช่วงสายของวันแล้ว ท่าทางดูอิดโรยหน่อยๆ แต่ก็ไม่แย่เท่าเมื่อคืน ด้วยใจที่เป็นห่วงทำให้มันมาอยู่ดูคุณปราณที่นี่ แต่จะไปปรากฏกายตรงหน้าให้อีกฝ่ายตกใจอย่างเมื่อคืนก็คงไม่ได้

ชายปราณนั่งละเลียดทานข้าวไปได้ไม่กี่คำก็วางช้อน เขาครุ่นคิดไม่หยุดแม้แต่นาทีเดียวว่าตนเองเป็นอะไร หรือเขากำลังหลอน หรือไปลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนเข้ารึเปล่าถึงได้เป็นแบบนี้ ความเจ็บปวดเมื่อคืนมันเกินจะเรียกว่าฝันได้ เพราะเขารู้สึกถึงอาการปวดตุบๆ ในสมองชัดเจน

ไอ้หาญ คุณปราณ และไอ้มั่น ชื่อของคนสามคนที่วนเวียนอยู่ในหัว หน้าตาที่แสนคุ้นเคยเพราะมันคือหมออนันต์ เขา และชายโบราณคนนั้น เขาลองไล่นึกภาพที่เกิดขึ้นในหัวเพื่อร้อยเรื่องราวราวกับมันคือละครเรื่องหนึ่ง

ก๊อกๆๆ

“คุณชายคะ แม่สายให้ยกของว่างมาให้ทานค่ะ”

เสียงสาวใช้พูดอยู่หน้าประตู เจ้าของห้องเอ่ยอนุญาตอีกฝ่ายจึงเปิดประตูเข้ามาวางถาดอาหารว่างอย่างพวกขนมให้ที่โต๊ะ ชายปราณก้มลงดมกลิ่นหอมของขนมกลีบลำดวนที่อบควันเทียนจนหอมกรุ่น จากที่เครียดๆ เมื่อได้กลิ่นหอมของขนมรอยยิ้มสวยก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น

แต่แล้วหางตาเขาก็เห็นว่ามีใครอีกคนยืนมองเขาอยู่ มันสะท้อนเงาในกระจกว่าอีกฝ่ายยืนแอบอยู่นอกระเบียง และใช่คนเดียวกับที่เขาเห็นเมื่อคืนอย่างแน่นอน ใจดวงน้อยเต้นรัวอยู่ในอกด้วยความกลัวและตกใจ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนร้ายหรือคนบ้าที่ไหนรึเปล่า แต่เห็นว่าไม่มีอาวุธติดกายจึงลองสั่งให้สาวใช้ออกไปที่ระเบียง

“สมร...ออกไปเก็บแก้วกาแฟที่ระเบียงห้องของฉันด้วย”

ชายปราณสั่งออกไป เขาไม่ได้มองเงาสะท้อนนั้นแล้วแต่ทำทีเป็นหยิบขนมขึ้นมาทาน ฝ่ายสาวใช้เดินออกไปที่ระเบียงผ่านชายผู้นั้น แต่ที่น่าแปลกคือสมรไม่ได้แสดงท่าทีว่าเห็นคนแปลกหน้าแต่อย่างใด

“ไม่มีนะคะคุณชาย” สมรเดินกลับเข้ามาก่อนจะตอบ

แน่ล่ะ...จะมีได้ยังไงในเมื่อเขาไม่ได้ดื่มกาแฟเลยสักแก้ว และเขายังไม่ได้ออกไปที่ระเบียงห้องเลยแม้แต่ก้าวเดียว แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นไม่เพ้อเจ้อก็ก้ำกึ่งคล้ายเป็นประสาทแล้ว

แต่ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ได้คุกคามเขาก็ยังวางใจ คิดไปในอีกแง่หนึ่งชายผู้นั้นอาจเป็นเจ้ากรรมนายเวรเขาก็เป็นได้

ชายปราณเก็บตัวอยู่ในห้องจวบจนเผลอหลับไปอีกครั้ง เขาตื่นขึ้นมาอีกทีก็ช่วงบ่ายคล้อยแล้ว เห็นอนันต์ยืนอยู่นอกระเบียงสีหน้าดูเคร่งเครียดและกำลังจดจ่อกับอะไรบางอย่าง เขาไม่ได้เรียกอีกฝ่ายแต่ลุกเดินไปหา และสิ่งที่ได้เห็นก็ทำเอาเขาตกใจอีกครั้งเพราะชายโบราณคนนั้นยืนอยู่กับหมออนันต์

ขนลุกชันไปทั่วทั้งกายบางตกใจจนมือไม้ชาไปหมด อนันต์เห็นชายคนนั้นเหมือนที่เขาเห็น ซึ่งมันทำให้เขาเชื่อเลยว่าสิ่งที่ตัวเองพบเจอไม่ได้คิดไปเองอย่างแน่นอน

“คุณอนันต์”

ชายปราณเรียกอีกฝ่ายเสียงแผ่ว คนถูกเรียกหันมามองและเห็นว่าชายปราณกำลังมองไอ้มั่นอยู่ เขาตกใจตัวชาวาบแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะเขาก็อยากพิสูจน์เรื่องราวทั้งหมดเช่นเดียวกัน

“นี่...นี่มันอะไรกันครับ” คุณชายถามเสียงสั่นเครือ อนันต์เห็นอีกฝ่ายหน้าซีดจึงพยุงให้ไปนั่งที่เตียงโดยที่ไอ้มั่นยังยืนอยู่ข้างนอก

“เขาคือใคร คุณเห็นเขาเหรอ เห็นใช่ไหม ผมไม่ได้ตาฝาดไม่ได้คิดไปเองคนเดียว คุณเห็นเขาใช่ไหม ผมไม่เข้าใจ แล้ว...แล้วภาพอะไรก็ไม่รู้แล่นเข้ามาในหัวผมเหมือนมันไม่ใช่ความทรงจำของผมเลย” ชายปราณเขย่าตัวอนันต์ มือเรียวเย็นเฉียบจับแขนอนันต์ไว้มั่นเพื่อถามหาความจริง

“คุณชายใจเย็นๆ ก่อนครับ”

“ผม...ผม...”

“ผมจะอธิบายทุกอย่างให้คุณฟัง เพียงแต่ว่าคุณต้องใจเย็นๆ และตั้งสติให้ดีๆ เพราะสิ่งที่ผมจะถามคุณต่อไปนี้มันก็คือสิ่งที่ผมอยากรู้พอๆ กับที่คุณอยากรู้เหมือนกัน”

คำพูดของหมออนันต์ทำชายปราณนิ่งไป เพราะเขาไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้ากำลังพูดเรื่องอะไร ทำไมถึงพูดเหมือนรู้ว่าที่เขาเป็นแบบนี้เพราะอะไรอย่างนั้นแหละ

“คนที่คุณเห็นเป็นผู้ชายตัวสูงประมาณผมนุ่งผ้าโจงกระเบน สีผิวคล้ำกร้านแดดใช่ไหม”

อนันต์ถามออกไปในที่สุด ไม่คิดรีรอหรือยื้อเวลาออกไปอีกหน่อยเพื่อให้คุณชายปราณได้เตรียมใจ เพราะตอนนี้เขาอยากให้เรื่องทุกอย่างมันจบโดยไวที่สุด เขาไม่อยากทรมานเพราะคำสาปนี้อีกต่อไปแล้ว

“ชะ...ใช่” ชายปราณตอบเสียงแผ่ว เขามองหมออนันต์อย่างไม่เชื่อสายตาว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องนี้ได้ อีกทั้งยังบอกรูปพรรณสัณฐานของคนที่เขาเห็นได้ชัดเจนแบบนี้

“ถ้าเช่นนั้นคุณตอบผมมาอีกสักข้อ”

“..........”

“หากผมไม่ได้ชื่ออนันต์...คุณคิดว่าผมชื่ออะไร”

คำถามนี้ทำให้ชายปราณแทบหยุดหายใจ แววตาที่มองมาหาเขาจริงจังจนไม่สามารถหลบสายตาได้ ก่อนที่คำพูดต่อมาจะทำให้เขาถึงกับผงะไป

“ถ้าผมบอกว่าผมชื่อหาญคุณจะรู้สึกยังไง”

ชายปราณลุกขึ้นถอยห่างออกจากอนันต์ในทันทีทันใดด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปหาชายโบราณที่ยังคงยืนอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน หน้าตาของอีกฝ่ายไม่ได้น่ากลัว เพียงแต่ไม่มีกายหยาบให้ได้สัมผัสเท่านั้น

“ผมไม่เข้าใจ อึก...คุณ...ผม...”

อาการปวดหัวเริ่มกลับมาอีกครั้งแต่คราวนี้มันไม่ได้รุนแรงเท่าครั้งก่อน ภาพต่างๆ ไหลย้อนเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ ครั้งนี้แจ่มชัดขึ้นมาก จนท้ายที่สุดหนุ่มร่างบอบบางก็ทรุดนั่งลงกับพื้น ลมหายใจหอบหนักเพราะกำลังต่อสู้กับสิ่งที่เกิดขึ้น

ไอ้หาญปล่อยให้วงล้อโชคชะตาทำหน้าที่ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหยุด เพราะที่ผ่านมากว่ามันจะผ่านอะไรมาได้ก็ต้องใช้วิธีการรับรู้ที่ทรมานแบบนี้แหละ อย่างชื่อออกญาศรีรัตนกรที่เมื่อได้ยินทีไรเป็นต้องมีเลือดทุกทีนั่นไง

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบไปหลายนาทีโดยมีเพียงเสียงนาฬิกาที่เดินอยู่เพียงเท่านั้น หม่อมราชวงศ์ปราณันต์นั่งพับเพียบหมดแรงอยู่ข้างเตียง อาการหอบยังมีให้เห็นเพียงแต่ไม่หนักแล้ว ดวงตาคู่สวยมีน้ำตาเอ่อคลอและดูเหม่อลอย ก่อนเจ้าตัวจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาสบตาชายหนุ่มหุ่นกำยำที่มองตนด้วยสายตารักใคร่อย่างปิดไม่มิด

“คุณคือหาญเหรอ”

คำถามแรกและคำถามเดียวที่ไอ้บ่าวซื่อรอฟังมานานนับร้อยปี ชื่อของมันที่เอื้อนเอ่ยออกจากปากของคนที่มันรักสุดหัวใจ แม้ไม่ใช่การเรียกชื่ออย่างปกติแต่อย่างน้อยๆ คุณปราณก็ถามว่ามันใช่ไอ้หาญหรือไม่

“ครับ ผมเอง”

เพียงเท่านี้คุณชายปราณก็ปล่อยโฮออกมาทันทีอย่างไม่คิดอาย เสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจพร้อมกับแรงโถมตัวเข้ากอดคนตรงหน้าเต็มรัก อารมณ์และความรู้สึกทุกอย่างถาโถมจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ สิ่งเดียวในตอนนี้ที่เขารับรู้ได้เลยว่าตัวเองนั้นชั่วช้ามากเพียงใดที่ทิ้งคนที่รักไว้เบื้องหลัง

ไอ้มั่นถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ไอ้ทาสผู้ซื่อสัตย์ทรุดกายลงนั่งคุกเข่าร่ำไห้ไปพร้อมกับนายของมัน สุดดีใจที่ความหวังของไอ้หาญใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ความทรมานของพวกมันกำลังจะสิ้นสุดลงในไม่ช้านี้แล้ว

“ผมไม่รู้ว่านี่มันคืออะไร แต่...เราเคยเจอกันมาก่อนแล้วใช่ไหมครับ”

“ใช่ครับ ผมรอคอยคุณมานานกว่าจะได้เจอ ไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่มองหายอดดวงใจของไอ้หาญคนนี้”

อนันต์กอดคนตัวเล็กไว้ในอ้อมกอด จูบบนหน้าผากเนียนอย่างทะนุถนอม แรงสะอื้นของชายปราณยังมีอยู่บ้าง เขารอให้อีกฝ่ายสงบลงกว่านี้ก่อนจะเริ่มพูดเรื่องของพวกเขาเองอย่างจริงจัง

“แสดงว่าคนนี้คือมั่น... ไอ้มั่นนะเหรอ” ชายปราณหันไปทางไอ้มั่นที่ตอนนี้นั่งยิ้มฟันขาวให้เห็น ชายปราณเดินไปหยุดตรงหน้าก่อนจะเอามือกวาดไปมา “ผีจริงๆ ด้วย”

ไอ้มั่นหัวเราะกับหน้าตาเหลอหลาของเจ้านายของมัน คุณปราณในชาตินี้ดูช่างสงสัยน่าเอ็นดูเสียจริง ยิ่งตอนนั่งฟังไอ้หาญเล่าเรื่องราวต่างๆ ตาแป๋วยิ่งน่ารักไม่หยอก

“ภาพในหัวผมบอกแค่ว่าคุณคือใคร ไอ้มั่นคือใคร และผมคือใครแค่นั้นเอง ส่วนเรื่องที่คุณเล่ามาทั้งหมดนั้นผมไม่รู้เลย”

“ถ้าคุณสงสัยอะไรก็ถามผมได้เลย ผมยินดีจะเล่าให้ฟังทั้งหมด ขอเพียงแค่ไม่หาว่าผมบ้าก็พอ” ปลายนิ้วเรียวแตะไปบนปลายจมูกรั้นที่แดงเนื่องจากเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหยอกล้อ ชายปราณหัวเราะเบาๆ

“หากคุณบ้าผมก็คงบ้าด้วย เพราะผมเข้าใจที่คุณพูดทุกอย่าง และเชื่อในสิ่งที่คุณเล่าทั้งหมดด้วย”

เขาถอนหายใจเมื่อนึกถึงว่าตัวเขานั้นในชาติก่อนทิ้งคนรักไว้ให้ต่อสู้กับความเจ็บปวดเพียงลำพัง แต่ยังโชคดีที่ได้มาเจอกันในชาตินี้ ไอ้หาญยิ้มเมื่อเห็นว่าคุณปราณเข้าใจอะไรๆ ง่ายกว่าที่คิด ก่อนรอยยิ้มนั้นจะหายไปเมื่อหันมาหาไอ้เกลอรัก

‘มึงไม่ได้บอกคุณปราณเรื่องคำสาป’

‘ไม่จำเป็นหรอก เพราะคำสาปกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว’


ไอ้หาญตอบเพื่อนมันด้วยน้ำเสียงมั่นใจ โดยไม่รู้เลยว่าความสุขนั้นจะอยู่กับมันเพียงแค่ไม่นาน







โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๒ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 25-11-2020 21:43:44
ไปถอนคำสาปกัน  :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๒ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 25-11-2020 22:22:56
สงสารหาญ

กี่ภพชาติ ถึงจะพ้นคำสาป
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๒ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-11-2020 00:30:48
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๒ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 26-11-2020 12:19:01
อนันต์กับมั่นคงต้องผิดหวังไปก่อน เพราะคำสาปยังจะคงอยู่

หวังว่าณิชจะช่วยทำลายคำสาปได้นะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๒ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 26-11-2020 13:55:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๒ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-11-2020 07:11:13
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๕/๑๑/๖๓ ‡ บทที่ ๒๒ {ครึ่งหลัง} หน้า ๙
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 03-12-2020 15:42:05
บทที่ ๒๓ (ครึ่งแรก)



“แน่ใจนะชายปราณที่จะไม่ไปกับแม่ด้วยน่ะ”

คุณหญิงช่อทิพย์เอ่ยถามขึ้นในช่วงเช้าตรู่ วันนี้เธอกับลูกอีกสองคนจะเดินทางขึ้นกรุงเทพฯ โดยมีชายปุณเป็นคนขับรถส่วนตัวให้ เนื่องจากร้านเสื้อของหญิงรตีเสร็จแล้ว และจะเปิดไม่กี่วันข้างหน้าจึงต้องเอารถของสาวเจ้าขับขึ้นไปให้เพื่อจะได้มีรถยนต์ใช้ได้สะดวกๆ

“แน่ใจครับ ผมติดสอนเลื่อนไม่ได้ไว้ถ้าผมสอนเสร็จจะรีบตามขึ้นไปอย่างแน่นอนครับ”

คุณชายปราณยืนยันพร้อมยิ้มหวาน มารดาที่ใจห่วงลูกชายเพราะใจมันคอยพะวงว่าลูกรักอยู่วังคนเดียวจึงห่วงไปหมด ต่อให้มีคนรับใช้อยู่เต็มวังก็ตามแต่ก็ไม่วางใจเท่าลูกอยู่ในสายตาอยู่ดี

“ยังไงก็ให้หมออนันต์เขามาอยู่เป็นเพื่อนนะลูก อยู่วังคนเดียวแม่เป็นห่วง”

“คุณหญิงแม่ไม่ต้องห่วงไปหรอกค่ะ รายนั้นเขามาเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นยังไงก็ต้องมา พี่ชายกลางได้คนดูแลดีขนาดนี้คุณหญิงแม่วางใจได้เลย” หญิงรตีจีบปากจีบคอพูดจึงโดนพี่ชายตีไหล่ให้เบาๆ

“เดี๋ยวเถอะ ชอบแซวพี่ ตัวเองหนีไปอยู่กรุงเทพฯ คนเดียวระวังจะคิดถึงบ้านร้องไห้ขี้มูกโป่ง” ชายปราณเอ่ยแซวกลับบ้างทำเอาหญิงรตีถึงกับยู่ปาก

“นั่นสิคะ หญิงก็กลัวตัวเองเหงาเหมือนกัน”

“มาๆ น้องพี่อย่าได้กลัวไป เดี๋ยวถ้าพี่ว่างจะพาคุณหญิงแม่ไปเยี่ยมบ่อยๆ ไม่ต้องเศร้าไปหรอก” ชายปุณกอดน้องสาวคนเล็กแล้วลูบหัวปลอบเมื่อบรรยากาศพาโศกเศร้าเกินไปแล้ว

พี่น้องทั้งสามกอดลากันก่อนจะหันมากอดล้อมมารดาเอาไว้ ไปครั้งนี้คุณหญิงช่อทิพย์กะว่าจะไปอยู่จนกว่าลูกสาวจะเปิดร้านเลย ส่วนชายปุณจะอยู่เพียงแค่สองสามวันและกลับมาก่อน แล้วค่อยขึ้นไปอีกทีพร้อมชายปราณตอนใกล้วันเปิดร้านอีกที

รถยนต์ยุโรปมีสัมภาระเสื้อผ้าของคนทั้งสามจำนวนหนึ่ง ส่วนที่เหลือหญิงรตีบอกว่าค่อยฝากให้ชายปราณเอาไปให้ตอนจะไป เมื่อตรวจของเสร็จสรรพว่าครบทุกอย่างแล้วคนทั้งสามก็ขึ้นรถโดยมีคุณหญิงช่อทิพย์นั่งข้างหลัง

การเดินทางที่กินเวลาหลายชั่วโมงแต่พวกเขาไม่หวั่น เพราะคิดจะจอดแวะตามรายทางอยู่แล้วด้วย ถือโอกาสเที่ยวไปด้วยในตัวเพราะไหนๆ ชายปุณว่างทั้งทีก็ต้องเอาให้คุ้ม นี่ถึงขนาดลางานไว้ล่วงหน้าเลยด้วยซ้ำ

หลังจากส่งคนทั้งสามออกจากรั้ววังปริพัตรแล้ว ชายปราณก็เดินขึ้นห้องมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปสอน วันนี้เขามีสอนลูกศิษย์ที่อยู่เรียนกันมาได้ราวเกือบปี พัฒนาการทางฝีมือการเล่นเปียโนถึงขั้นประกวดได้แล้ว เขาพยายามผลักดันให้นักเรียนของตัวเองเข้าประกวดอยู่เหมือนกันจึงได้ลงชื่อสมัครไปให้ลูกศิษย์เรียบร้อย ตอนนี้เลยเป็นช่วงซ้อมหนักที่เขาอยากจะทุ่มเทให้กับลูกศิษย์ให้เต็มที่

“อ้าว! คุณอนันต์มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

เมื่อเห็นแขกประจำของวังยืนคุยอยู่กับสาวใช้ที่โถงทางเดิน ชายปราณในชุดพร้อมออกไปสอนเอ่ยถาม ในมือของอีกฝ่ายมีกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมถืออยู่ด้วย

“เพิ่งมาเลยครับ คุณชายกำลังจะออกไปสอนใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมไปส่งนะ”

อนันต์เดินเข้ามาใกล้ หันมองซ้ายแลขวาไม่เห็นแม่บ้านอยู่ตรงนี้จึงขโมยหอมแก้มนิ่มอย่างรวดเร็ว จึงโดนคนตัวเล็กตีเข้าให้พร้อมตาสวยที่เบิกโตด้วยความตกใจ

“แล้วนี่คุณหญิงช่อทิพย์ออกเดินทางแล้วเหรอครับ”

เขารู้จากคุณชายปุณเรื่องการเดินทางไปส่งน้องสาวที่กรุงเทพฯ แล้ว เพราะฝ่ายนั้นฝากฝังให้ดูแลน้องชายตอนที่ตนเองไม่อยู่วังด้วย

“ไปตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นดีเลยครับ แล้วนี่คุณอนันต์มาหาผมแต่เช้ามีอะไรรึเปล่า คงไม่ได้จะมารับผมอย่างเดียวหรอกใช่ไหมครับ” ชายปราณเอ่ยถามคนรักอย่างรู้ทัน

“ก็แวะเอาเสื้อผ้ามาเก็บครับ เพราะต้องอยู่เป็นเพื่อนใครบางคนที่ตอนนี้ต้องอยู่วังคนเดียว” อนันต์แซวกลับทำเอาชายปราณถึงกับยิ้มขำ

นี่อาจเป็นครั้งแรกที่คุณชายปราณต้องอยู่วังปริพัตรเพียงคนเดียว แต่เขากลับไม่เหงาเลยเพราะมีอนันต์อยู่ด้วย ตื่นเช้าไปทำงานตอนเย็นก็มีคุณหมอไปรับที่สอนเปียโน เรียกได้ว่าสบายเสียยิ่งกว่าตอนอยู่กับครอบครัวเสียอีก

“ผมอยากกินเป็ดย่าง เราแวะทานเป็ดย่างแล้วค่อยกลับวังกันดีไหมครับ”

ชายปราณเอ่ยถามขึ้นขณะนั่งอยู่ในรถในเย็นวันหนึ่ง อนันต์ที่ทำหน้าที่เป็นสารถีเช่นเดิมหันมายิ้มให้กับคนที่ช่างสรรหาเมนูที่อยากกิน เขาตอบตกลงก่อนจะคว้ามือนิ่มมาหอม ในลำคอก็ฮัมเพลงเบาๆ ตามวิทยุที่กำลังเปิดเพลงไปด้วย

ตอนนี้ไอ้หาญมีความสุขจนแทบล้นอก ในทุกๆ วันที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอคุณปราณนอนอยู่ข้างๆ มันคือเรื่องที่ไอ้หาญฝันไว้มาตลอด แม้โชคชะตาจะขัดขวางในชาติก่อน แต่ชาตินี้กลับได้ทุกอย่างสมการรอคอย

พวกเขาแวะทานมื้อเย็นกันที่ภัตตาคารร้านในเมือง เป็ดย่างจานใหญ่ถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมอาหารเมนูอื่นๆ ที่สั่งพ่วงไปด้วย อนันต์แอบเซอร์ไพรส์ชายปราณด้วยดอกกุหลาบที่แอบไปซื้อมาตอนขอตัวไปเข้าห้องน้ำ คุณชายอมยิ้มเขินจนหูแดงเถือก เขินจนไม่รู้จะเอาสายตามองไปที่ไหนดีเพราะคนที่นั่งตรงข้ามกันมองตนเสียหวานหยด

“ผมรักคุณ รักมาตลอด และไม่เคยคิดจะเลิกรักเลย”

คำสารภาพจากใจของไอ้บ่าวซื่อสั่นหัวใจดวงน้อยของคนฟัง มือเรียวรับดอกไม้หอมมาดม กลีบปากอิ่มคลี่ยิ้มบางก่อนจะจูบลงบนกลีบดอกสีแดงสวย ไอ้มั่นที่แอบยืนมองคนทั้งคู่เพราะอยากให้เวลาสวีตหวานยืนปาดน้ำตา มันดีใจเหลือเกินที่เพื่อนรักมีความสุขแบบนี้

“ผมขอโทษที่เคยทิ้งคุณไป ผมเห็นแก่ตัวจริงๆ ขอโทษนะครับ”

“มันคือเรื่องอดีต ลืมมันไปเถอะครับ”

อนันต์จับมือเรียวขึ้นมาประทับจูบเบาๆ เขาไม่อยากให้คุณชายปราณต้องมาคิดมาก เพราะทุกครั้งที่พูดถึงอีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะจำเรื่องราวได้ทั้งหมด

คนทั้งสองอยู่ทานอาหารมื้อพิเศษที่ภัตตาคารอาหารจีนจนเสร็จก็เดินทางกลับวังปริพัตร แม่บ้านออกมาต้อนรับส่วนคนขับรถก็ขับรถอนันต์ไปจอดที่โรงจอดเหมือนอย่างเคย เพราะสองวันที่ผ่านมาอนันต์อยู่ที่นี่ตลอดราวกับเป็นเจ้าของวังอีกคนไปแล้ว

อนันต์ปล่อยให้คุณชายปราณไปอาบน้ำแต่งตัวชำระคราบเหงื่อไคลต่างๆ ให้เรียบร้อย ส่วนตัวเองนั้นออกมานั่งรับลมอยู่ที่ระเบียงกับไอ้มั่น ไอ้เกลอรักที่ตามติดไปด้วยทุกที่เพียงแต่จะปรากฏกายขึ้นเมื่อไหร่ก็แล้วแต่เจ้าตัวต้องการเท่านั้น

“กูเห็นมึงมีความสุขเช่นนี้แล้วก็หายห่วง แล้วนี่มึงรู้สึกมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างหรือไม่วะ”

“เหมือนเดิมว่ะ กูไม่ได้รู้สึกว่าตัวกูจะแตกต่างจากตอนที่เป็นไอ้หาญก่อนหน้านี้”

อนันต์ตอบด้วยเสียงเรียบๆ แต่ในน้ำเสียงเจือเสียงหัวเราะเนื่องจากตนรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เขารู้สึกแค่ว่าตัวเองมีความสุขมากแค่นี้ก็พอแล้ว ส่วนคำสาปมันจะหมดฤทธิ์เมื่อไหร่ก็ปล่อยให้เวลามันดำเนินไป

“มึงคิดไหมว่าถ้ามึงกับคุณปราณอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า ไม่มีลูกหลานสืบสกุลจะเป็นเช่นไร”

“ก็ไม่เป็นอะไร กูขอแค่กูมีคุณปราณแค่นี้ก็พอแล้ว ไอ้มั่น...หากชีวิตนี้กูไม่ได้คู่กับคุณปราณ มึงคงแยกกูกับซากศพไม่ออกแน่ๆ สภาพกูตอนนั้นคงเหมือนผีที่ยังมีกายหยาบเพียงแต่ไร้วิญญาณแล้ว พูดเลยนะ...กูไม่อยากอยู่รอเขาอีกต่อไปแม้แต่เสี้ยวนาทีเดียวเลย”

“หึ! ก็ไม่ต้องรอแล้วนี่อย่างไรเล่า กูกับมึงกำลังจะหลุดพ้นแล้ว ว่าแต่...ถ้าเป็นเช่นนี้แสดงว่ากูจะได้ไปเกิดใหม่แล้วสิวะ อ่ะ! กูจะขอกับยมบาลว่าให้เกิดเป็นลูกเจ้าคนนายคนสักครั้งล่ะโว้ย คราวนี้แหละไอ้มั่นจะได้ร่ำรวย มีเงินมีทองใช้ไม่ขาดมือ ไม่ต้องเดินเท้าเปล่าให้ตีนแตก”

เสียงหัวเราะของสองเพื่อนรักประสานกัน หนึ่งมนุษย์ที่ไม่รู้วันจุดจบของตัวเองกับอีกหนึ่งวิญญาณที่ตามติดกันมาเพราะคำสาบานที่ให้ไว้

“ขำอะไรกันครับ เสียงดังไปถึงข้างในเลย”

ชายปราณเดินออกมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กในมือที่กำลังซับผมของตนอยู่ เพราะไปทานอาหารข้างนอกมากลิ่นอาหารจึงติดผมจนทนไม่ไหว ต้องสระผมตอนกลางคืนและเช็ดให้แห้งก่อนนอน

“บ่าวคิดว่าถ้าได้ไปเกิดจะไปขอกับยมบาลว่าให้ส่งไปเกิดเป็นลูกคนรวยขอรับ คุณปราณเห็นด้วยไหมขอรับ”

“ผมว่าคงได้นะเพราะมั่นทำความดีช่วยผมกับคุณอนันต์ไว้เยอะเลย ผมจะสวดมนต์อธิษฐานให้มั่นทุกคืนดีไหม ชาติหน้ามั่นจะได้เกิดมามีฐานะสมใจไง” ชายปราณบอกพลางยิ้มกว้าง ก่อนหน้าหวานจะเปลี่ยนเป็นคิ้วขมวดสงสัย

“แต่มั่นจะรีบไปไหนเราเพิ่งได้เจอกันเอง ผมคิดว่าเราจะต้องไปพร้อมกันเสียอีก”

สองเกลอลอบมองหน้ากันก่อนจะไอ้มั่นจะทรุดกายลงนั่งหมอบบนพื้น ปล่อยให้คุณปราณนั่งบนเก้าอี้แทนที่ที่มันเคยนั่ง สองมือของไอ้ทาสซื่อสัตย์แตะที่ปลายเท้าของเจ้านายไว้ ไอ้มั่นเงยหน้าขึ้นมายิ้มทั้งน้ำตา เพราะถ้อยคำถามที่คุณปราณเอ่ยเมื่อครู่ยิ่งตอกย้ำว่ามันคิดไม่ผิดที่ได้ตามรับใช้คนผู้นี้

“ชีวิตของคุณปราณกับไอ้หาญคงต้องเป็นไปดั่งเช่นมนุษย์ทั่วไป แต่บ่าวหาใช่มนุษย์ไม่ หากถึงเวลาบ่าวก็คงต้องไปขอรับ”

ชายปราณมองคนที่หมอบอยู่แทบเท้าด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย เขาจับต้องตัวของมั่นไม่ได้อย่างต้องการเพราะอีกฝ่ายเป็นเพียงวิญญาณ แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความจริงใจและความซื่อสัตย์ที่อีกฝ่ายมีให้เสมอมา

“เรื่องนั้นไว้เป็นเรื่องของอนาคตเถอะ ตอนนี้เราต้องตักตวงความสุขที่หายไปกลับมา ลุกขึ้นๆ มันหมดยุคหมอบกราบกันแล้ว ขึ้นมานั่งด้วยกันบนเก้าอี้นี่แหละ” คุณชายปราณบอกก่อนจะตบบนเก้าอี้เบาๆ เขาไม่อยากพูดเรื่องอะไรพวกนี้ให้เสียบรรยากาศ ไหนๆ ก็เพิ่งจะได้มีความสุขร่วมกันก็ขอตักตวงสักหน่อยเถอะ

“เอ้อ! จริงสิ คุณอนันต์จำบ้านเรือนไทยของผมได้ใช่ไหมครับ คุณวาดให้หน่อยได้ไหม ผมอยากได้มาแขวนไว้ที่นี่ เอาใหญ่ๆ เลยนะครับ”

“คุณชายลองวาดเองไหมครับ ไหนๆ ผมก็สอนให้แล้ว”

“ถ้าผมวาดเองเกรงว่าจะโดนคุณหญิงแม่สั่งให้แม่สายเอารูปไปเผาน่ะสิครับ คุณอนันต์วาดให้น่ะดีแล้ว” ชายปราณหันไปใช้สายตาออดอ้อนคนที่นั่งข้างกัน ไอ้มั่นที่เห็นดังนั้นจะรีบหายตัวออกไปจากห้อง เพราะไอ้เกลอจะได้มีเวลากับยอดดวงใจของมันเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา

::::::::::::

วันรุ่งขึ้นอนันต์ต้องเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า ส่วนชายปราณมีสอนช่วงสายๆ วันนี้จึงไม่มีสารถีขับรถไปรับไปส่งเหมือนเช่นเคย เจ้าแดงรถคันโปรดถูกนำมาใช้ เขาขับไปบ้านของลูกศิษย์ใช้เวลาสอนราวสองชั่วโมงก็ขับรถไปบ้านเพื่อนที่อยู่แถวในเมืองต่อ มีร้านขนมเปิดใหม่จึงแวะนั่งชิมของหวานสักพัก แต่ไปๆ มาๆ ดันติดลมจนเวลาล่วงเลยเข้าบ่ายคล้อย

“คุณชายปราณคะ มีโทรศัพท์ถึงคุณชายค่ะ เป็นข่าวของคุณท่านทั้งสาม"

แม่สายหัวหน้าแม่บ้านพูดเสียงสั่น เธอรอเจ้านายของตนเองอยู่แล้วรีบกุลีกุจอออกมาบอกเมื่อเจ้าแดงจอดลง ชายปราณลงจากรถด้วยสีหน้าฉงนสงสัยเพราะสีหน้าแม่สายดูไม่ดีนัก

“มีอะไรเหรอ พี่ชายใหญ่จะกลับวันพรุ่งนี้นี่ หรือจะโทรมาเลื่อนวันกลับ”

“ไม่ใช่ค่ะ แต่...” เสียงแม่สายหยุดไปก่อนน้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วเอ่อคลอและไหลลงอาบแก้ม

“เกิดอะไรขึ้นแม่สาย มีอะไร” ชายปราณเร่งคำตอบเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายค่อยๆ หลุดเสียงสะอื้น ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นแม่สายร้องไห้แบบนี้เลย ครั้งนี้มันคงเรื่องร้ายแรงจริงๆ จนทำเขาใจคอไม่ดีไปด้วย

“ฮึก...ทางโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ โทรมาบอกว่า...อึก...ฮืออ...คุณ...คุณท่านทั้งสามเสียชีวิต...เพราะ...เพราะอุบัติเหตุค่ะคุณชาย”

ราวฟ้าผ่าลงที่ตัวจนชาไปทั้งร่าง คำว่าโลกถล่มลงตรงหน้าเขาเข้าใจในวันนี้นี่เอง





--##--##--##--##--##--##--





ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูห้องนอนในเวลาใกล้เที่ยงคืน ชายหนุ่มที่กำลังจะล้มตัวลงนอนหันไปมองที่ประตูก่อนจะเดินไปเปิด และเห็นหนุ่มเมืองกรุงยืนกอดหมอนหนุนอยู่หน้าห้องในชุดนอน

“มีอะไรเหรอครับ”

“เอ่อ...ขอผมนอนด้วยได้ไหม”

ณิชเอ่ยถามออกไปน้ำเสียงไม่มั่นใจนัก เพราะตั้งแต่เจอคุณยายคนนั้นเขาก็ใจไม่สู้ดีเลย อยากอยู่ใกล้จีรัชญ์ตลอดเวลา ใจหนึ่งนั้นกลัวคำทำนายของคุณยายจะเป็นจริง อีกใจก็อยากทำให้จีรัชญ์วางในใจตัวเขาเสียที

จีรัชญ์ต้องเป็นคู่แท้ของเขา ต่อให้ไม่ใช่จริงๆ เขาก็จะทำให้เป็นให้ได้ ในเมื่อปักใจรักและรู้สึกดีด้วยมาขนาดนี้แล้ว ยังไงก็ต้องผ่านพ้นอุปสรรคไปให้ได้

ชายหนุ่มเจ้าของห้องมองคนตัวเล็กกว่าด้วยสายตาประเมินราวอาจารย์มองลูกศิษย์ สายตาจับผิดหรี่มองว่าณิชจะมาไม้ไหน ตอนแรกที่เห็นเงียบๆ นิ่งๆ ไปหลังจากกลับจากซื้อของก็คิดว่าอีกฝ่ายคงเครียดเรื่องงาน แต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าณิชคิดอะไรอยู่ หรือเจ้าโชคชะตาจะอยากเล่นตลกอะไรกับเขาอีก

“ห้องผมมันร้อนน่ะ ผมนอนไม่หลับเลย” ณิชรีบพูดต่อเมื่อเห็นว่าจีรัชญ์ยังไม่ตอบตกลงง่ายๆ อีกทั้งไม่ยอมเปิดทางให้เขาเข้าไปในห้องด้วย

“พัดลมเสียเหรอ ให้ผมไปดูให้ไหม”

“ไม่ๆ คือ...ผมแค่...ผม...”

รู้สึกปากหนักขึ้นมาดื้อๆ ยิ่งสายตาของจีรัชญ์ที่มองมามันยิ่งทำให้เขารู้สึกตัวเองเล็กลงจนเหมือนเด็ก เด็กที่กำลังขอร้องผู้ใหญ่ให้ทำในสิ่งที่ตนต้องการ

“เข้ามาสิครับ”

จีรัชญ์ยอมให้ณิชเข้ามาในที่สุด เขาสงสารในสายตาเว้าวอนคู่นั้นที่มองมา ไม่รู้ไปหัดเรียนการช้อนสายตามองมาจากไหน จึงทำให้ใจที่แข็งดั่งหินผาอ่อนยวบไปหมดได้

ณิชเดินเข้าห้องกอดหมอนที่เอามาด้วยไว้แนบอก เขาตรงไปยังเตียงนอนสี่เสาแล้วกระโดดขึ้นเตียงเลือกฝั่งนอนทันที จีรัชญ์ลอบถอนหายใจกับท่าทางคล้ายเด็กน้อยนั้น ก่อนจะปิดไฟอีกครั้งแล้วขึ้นไปนอนข้างกัน

เมื่อทุกอย่างมืดและสงบลงจนรู้สึกว่าจีรัชญ์หลับไปแล้ว ณิชก็พลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาคนที่นอนข้างกัน จากที่นอนชิดเกือบติดริมเตียงเขาขยับเข้าไปใกล้จนรู้สึกถึงไออุ่นจากร่างใหญ่ เขาซุกหน้าเข้าไปใกล้กับแขนอีกฝ่าย พาดแขนกอดร่างคนที่หลับไปแล้วไว้จากนั้นก็ทิ้งความฟุ้งซ่านที่มีในหัว เข้าสู่ห้วงนิทราไปพร้อมกับหัวใจที่เริ่มสงบลง

“คุณมันดื้อ”

เสียงทุ้มของคนที่ทำทีว่าหลับไปแล้วดังขึ้นเบาๆ เขาหันมองคนที่นอนกอดตนอยู่ จีรัชญ์ไม่ได้ยกแขนณิชออกแต่อย่างใด อากาศห้องของณิชอาจจะร้อนจนเจ้าตัวนอนไม่ได้ แต่ห้องเขากลับหนาวจนต้องกอดก่ายกันจนฟ้าสาง







โปรดติดตามส่วนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๓ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 03-12-2020 21:18:33
วิธีอ่อยแบบเนียนๆแต่ไม่เนียน 5555  :กอด1:  :-[
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๓ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 03-12-2020 23:30:41
รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๓ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 04-12-2020 19:30:32
คิดถึง คนึงหา

รอตอนต่อไป ด้วยใจจดจ่อ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๓ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-12-2020 01:24:56
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๓ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-12-2020 00:16:32
รอๆ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๓ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 06-12-2020 15:04:38
รอๆ

หน้าหนาวแล้วรักษาาสุขภาพด้วยนะคะ :3123:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๓ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 08-12-2020 15:13:06
ตามติดชีวิตไอ้หาญ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๓ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 10-12-2020 19:40:14
บทที่ ๒๓ (ครึ่งหลัง)





ณิชตื่นขึ้นมาก็ไม่พบว่าเจ้าของห้องนอนอยู่ข้างกันแล้ว ที่นอนไร้ความอุ่นแสดงว่าอีกฝ่ายคงลุกจากเตียงไปสักพักใหญ่ เขาบิดขี้เกียจก่อนจะเปิดม่านแล้วผูกกับเสาเตียงให้เรียบร้อย เมื่อคืนเขารู้สึกหลับสบายราวกับก่อนนอนไม่มีเรื่องอะไรคิดให้ปวดหัว อีกทั้งรู้สึกได้ว่าจีรัชญ์กอดเขาด้วยแต่นั่นก็คงรู้สึกไปเอง

เขาเดินกลับห้องมาอาบน้ำแต่งตัว พอลงมาข้างล่างได้ยินเสียงเจ้าของวังคนปัจจุบันกำลังสั่งงานนายพลีอยู่คาดว่าคงจะเข้าสวนกัน เขาไม่รู้ว่าจีรัชญ์ซื้อพื้นที่ไปกี่สิบไร่และปลูกอะไรไว้บ้าง แต่ผลไม้ที่อีกฝ่ายเก็บไปขายสร้างเงินให้ได้ทั้งปี ช่วงนี้อยู่ในช่วงปิดเทอมมหา’ ลัย อาจารย์จีรัชญ์เลยอยู่วังยาวๆ ซึ่งสำหรับณิชแล้วถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะเขาจะได้ใช้เวลาอยู่กับจีรัชญ์ให้มากขึ้น

‘คุณปราณไม่ไปรับประทานมื้อเช้าหรือขอรับ’

เสียงทักของไอ้มั่นทำณิชสะดุ้งจากความคิด เขาหันไปเห็นทาสผู้ซื่อสัตย์ถือชาเย็นถุงเล็กจิ๋ว ขนาดความสูงของถุงไม่เกินปลายนิ้วมือ จำได้ว่าป้าแจ่มทำแช่ใส่ช่องฟรีซไว้หลายสิบถุงเพื่อเอาออกมากินเล่นได้

‘ทำไมกินน้ำแข็งแต่เช้า’

‘เจ้ามิ่งอยากกินขอรับเลยให้บ่าวกินเป็นเพื่อน’

พอได้ฟังก็อดขำไม่ได้ ตอนนี้มั่นกับมิ้งสนิทกันราวฝาแฝดที่คลานตามกันมา ตอนแรกๆ มิ้งกลัวมั่นก็จริงแต่ตอนนี้พูดคุยแทบจะเล่นหัวกันได้แล้ว

“พี่ณิช! มายืนทำอะไรตรงนี้ไม่ไปกินข้าวล่ะ คนอื่นเขากินกันเสร็จแล้วนะ”

“พี่ลงมาช้าไปเหรอ”

“แน่นอน ดูนาฬิกาก่อนตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วนั่นคุณตรีเขาจะไปเก็บทุเรียนเหรอ หนูอยากกินทุเรียนอ่ะ” มิ้งที่สนใจแต่ของกินวิ่งปรี่เข้าไปหาจีรัชญ์เพื่อทำการขอซื้อทุเรียนสักลูกสองลูกถ้าหากอีกฝ่ายเก็บมาแล้ว ณิชปล่อยให้คนทั้งคู่คุยกันไปส่วนเขาเรียกให้มั่นตามเข้าข้างในก่อนจะเดินทะลุคฤหาสน์ไปทางสระบัว

“มั่น... เล่าเรื่องชาติก่อนให้ผมฟังอีกสิ ผมอยากรู้อีก” เมื่ออยู่กันสองคนและไม่มีใครตามมาดูเขาจึงพูดออกไป

“บ่าวบอกหมดไม่ได้หรอกขอรับ ทุกอย่างคุณปราณต้องรับรู้เอง”

“แต่ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชาติก่อนจริงๆ นะ ไม่มีความฝันบอกเหมือนเรื่องราวในชาติแรกเลย นี่ถ้าผมทำงานเป็นนักสืบผมคงสืบ...” ณิชเงียบไปราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหันไปมองมั่นที่ยืนมองตนอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าหวานดูเครียดขรึมก่อนเจ้าตัวจะสาวเท้าไวๆ ออกจากศาลาไป

“คุณปราณจะไปไหนขอรับ”

ไอ้มั่นร้องถามคนที่วิ่งขึ้นชั้นบนตรงไปยังห้องนอนของตัวเองเพื่อหยิบกุญแจรถ จากนั้นณิชก็สาวเท้าเร็วๆ ลงมาข้างล่าง ตอนนี้เขายังไม่มีแผนอะไรที่ดีกว่านี้หรือวิธีไหนที่จะทำให้เขารู้ความจริงเร็วที่สุด ขนาดไปสืบหาจากสุทินเขาก็ไม่ได้รู้อะไรมาเลย

“ในเมื่อคุณไม่พูดผมก็จะไปหาความจริงเอง”

ชาตินี้หากต้องรับบทเป็นนักสืบสืบเรื่องราวความเป็นมาของวังนี้เองเขาก็ต้องทำ จะให้มานั่งรอเวลาให้โชคชะตานำพาไปอย่างที่จีรัชญ์พูดเสมอๆ คงไม่ได้

“จะไปที่ใดขอรับ ไอ้หาญไม่ทิ้งหลักฐานใดไว้หรอกขอรับ ไม่งั้นมันคงไม่อยู่ได้มาเป็นร้อยปีเช่นนี้”

“ไม่มีใครไร้ตัวตนเสมอไปถ้าไม่ใช่ผี และผมขอสั่งในฐานะที่เคยเป็นเจ้านายของคุณ ห้ามคุณบอกเรื่องที่ผมจะออกไปสืบเรื่องราวต่างๆ กับคุณจีรัชญ์เด็ดขาด ไม่งั้นผมโกรธคุณจริงๆ ด้วย”

น้ำเสียงจริงจังของเจ้านายทำไอ้มั่นกลืนน้ำลายลงคอ ดูท่างานนี้คุณปราณจะเอาจริง ชาตินี้ไอ้หาญคงไม่ได้แค่อยู่รอวันจากกันกับคุณปราณเฉยๆ ได้อย่างใจคิดแน่

“งั้นบ่าวขอไปด้วยขอรับ” ไอ้มั่นหายวับไปโผล่อีกทีก็อยู่ในรถยนต์ของณิชแล้ว หนุ่มเมืองกรุงถอนหายใจส่ายหน้าหน่อยๆ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ

“คุณจะไปไหน” จีรัชญ์เดินมาถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะออกจากวังไม่บอกไม่กล่าว ไอ้มั่นนั่งยิ้มหน้าตาพิลึกส่งให้ดูน่าสงสัยจนอดถามไม่ได้

“จะไปก่อเรื่องอะไรอีก”

“ผมไม่ใช่เด็กนะคุณ แค่จะออกไปเปิดหูเปิดตาเท่านั้นแหละ”

จีรัชญ์หรี่ตามองคนพูดก่อนจะมองเลยไปยังเพื่อนตัวเองที่นั่งอยู่ข้างคนขับราวกับคนมีชีวิต หากแท้จริงเป็นเพียงแค่วิญญาณล่องลอยตามเจ้านาย

“พี่ณิชจะไปไหน! หนูไปด้วยยยย” มิ้งไม่ปล่อยให้รุ่นพี่หนุ่มทิ้งเธอไว้ที่วังคนเดียว รีบวิ่งเข้าไปหยิบกระเป๋าและกระโดดขึ้นรถอย่างไว

“อย่ากลับหลังพระอาทิตย์ตกดินล่ะ”

จีรัชญ์ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะปล่อยอีกฝ่ายไป ในเมื่อมีไอ้มั่นอยู่ด้วยเขาก็เบาใจว่าหากณิชเกิดเหตุอะไรขึ้น ไอ้เพื่อนเกลอคงรีบแจ้นมาบอกอย่างแน่นอน

“พี่จะไปเปิดหูเปิดตาที่ไหน ทะเลเหรอ หนูอยากไปทะเล”

ไหนๆ ก็วันหยุดทั้งทีถ้าได้ไปเที่ยวนอกจากในเมืองก็คงดี แต่ณิชกลับส่ายหน้าปฏิเสธ

“พี่จะไปหาความจริงที่คนแถวนี้เขาไม่ยอมบอกพี่สักที” ณิชเหลือบสายตาไปทางไอ้มั่น มิ้งจึงชะโงกหน้าจากเบาะหลังมาดูหน้าไอ้มั่นใกล้ๆ

“เออ! ทำไมพี่ไม่ยอมพูดออกมาให้มันจบๆ ไปเลยว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง พี่ไม่อึดอัดเหรอพี่มั่น”

“อึดอัดสิวะ แต่หากข้าทำเช่นนั้นเจ้าไม่คิดหรือว่าทุกอย่างมันอาจจะผิดเพี้ยนไปอีก โชคชะตาของคนเราไม่ใช่ตัวเราเป็นคนกำหนด ข้าแค่บอกว่าจะอยู่ช่วยคุณปราณกับไอ้หาญ แต่ใช่ว่าข้าจะทำทุกอย่างได้อย่างต้องการนะ”

“เห้อ! ท่านออกญาฯ นี่ก็บ้าจริงๆ ทำคนอื่นเขาปั่นป่วนไปหมดเพราะทิฐิตัวเองคนเดียว ป่านนี้ไม่รู้ไปเกิดเป็นอะไรแล้วหรือจะกลายเป็นผีเปรตรอส่วนบุญ”

“เจ้ามิ่ง! จะพูดกระไรก็ควรระวังปากไว้เสียบ้าง ใช่ว่าสักแต่จะพูด” ไอ้มั่นหันมาดุหญิงสาวปากไวที่รู้สึกร่วมไปกับวิบากกรรมของคนทั้งสามด้วย จนเจ้าตัวเผลอพูดอะไรที่ไม่งามออกไป เพราะอยากน้อยๆ ท่านออกญาฯ ก็เคยเป็นบิดาของคุณปราณ

“ขอโทษค่ะ ก็มันอดไม่ได้นี่” มิ้งกล่าวขอโทษเสียงอ่อนพร้อมยกมือไหว้

“พอเถอะทั้งสองคน เอาเป็นว่าในเมื่อมั่นเล่าเรื่องอดีตทั้งหมดไม่ได้ งั้นตอบเรื่องปัจจุบันได้ใช่ไหม งั้นบอกมาว่าจีรัชญ์ปลูกผลไม้ขายแบบนี้นานรึยัง”

ณิชปรามทั้งสองก่อนจะเริ่มเข้าคำถาม เขาไม่ได้ถือโทษโกรธมิ้งที่พูดถึงอดีตบิดาของเขาที่สร้างเรื่องราวพวกนี้ ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจคือเรื่องราวของชาติที่แล้วมากกว่า

“นานแล้วขอรับ ก็ตั้งแต่มันเข้ามาอยู่ในวังมันก็ค่อยๆ ปลูก ค่อยๆ ดูแลไปเรื่อยๆ ขอรับ ก่อนหน้านี้มีคนสวนอีกคนคอยช่วยชื่อลุงสมาน แต่แกเสียไปนานหลายปีแล้วขอรับเลยได้ไอ้พลีมาช่วย” ไอ้มั่นตอบทั้งหมดแม้จะไม่เข้าใจนักว่าเจ้านายมันจะอยากรู้เรื่องพวกนี้ไปทำไม

“แล้วปกติใครเป็นคนเอาผลไม้ไปขาย”

“ป้าแจ่มไม่ก็ไอ้พลีขอรับ บางครั้งไอ้หาญก็ไปเองขอรับ”

“แล้วร้านที่รับซื้อนี่ร้านไหนเหรอ”

“ไอ้หาญเรียกว่าเฮียจูขอรับ เขาใจดีไม่กดราคา ขอแค่ผลไม้สุกดีไม่เสียหายก็พอขอรับ”

ณิชขับรถเข้ามาในตัวเมืองโดยมีไอ้มั่นบอกทางมาร้านเฮียจู มันเคยตามไอ้หาญมาขายผลไม้ด้วยจึงจำทางได้

ร้านผลไม้ร้านใหญ่มีเถ้าแก่เป็นชายชาวจีนอายุราว 50 ปีกว่าๆ แต่อีกฝ่ายยังแข็งแรงทำงานคล่อง ผลไม้ที่มาส่งเป็นรถบรรทุกสื่อว่าเจ้านี้เป็นเจ้าใหญ่ที่สุดในบริเวณนี้แล้ว เขาจอดรถไว้ริมถนนก่อนจะเดินข้ามฝั่งมากับมิ้ง ไอ้มั่นมองตามเจ้านายของมันที่พยายามหาความจริงในทุกทางว่าชาติก่อนเกิดอะไรขึ้นแล้วก็ถอนหายใจ

ถ้าคุณปราณรู้ว่าชาติที่แล้วตัวเองประสบเคราะห์กรรมอะไรจะเสียใจมากไหมนะ

“สวัสดีครับ เฮียจูใช่ไหมครับ” ณิชทักทายชายสูงวัยที่ยืนคุมลูกน้องชายราว 5-6 คนที่กำลังขนลังผลไม้ลงจากรถบรรทุก อีกฝ่ายหันมามองเขาพร้อมยิ้มกว้างให้

“ใช่ครับ สนใจผลไม้แบบไหนถามได้นะครับ องุ่นไร้เมล็ดเพิ่งลงพอดี ลองชิมดูก่อนได้นะครับ” มาถึงก็รีบขายสมกับเป็นพ่อค้าตัวจริง มิ้งตาเป็นประกายเมื่อเห็นผลไม้ละลานตาอยู่ตรงหน้า

“พอดีภรรยาผมอยากกินทุเรียนน่ะครับ มีคนบอกมาว่าทุเรียนของเฮียอร่อยผมเลยอยากซื้อให้คนท้องกินสักหน่อย”

ณิชเข้าเรื่องทันทีไม่รอช้า ดึงมิ้งมาเป็นภรรยาสมมติโดยไม่บอกกล่าวอีกฝ่ายล่วงหน้า หญิงสาวเบิกตาโตด้วยความตกใจก่อนจะยิ้มบางๆ ให้เฮียจูเมื่อฝ่ายนั้นมองมา เธอยอมเออออไปกับรุ่นพี่หนุ่มไปด้วยทั้งที่ตอนนี้งงหนักว่าทำไมณิชต้องมาเริ่มสืบจากร้านผลไม้นี้

“ถ้าอยากได้ทุเรียนคงต้องรอหน่อยครับ พอดีจะมีของเจ้าที่มาส่งประจำอยู่เจ้านึง เจ้านี้อร่อยนะครับ ของสวนสายลมผลไม้เขาจำนวนไม่เยอะแต่ได้คุณภาพมากๆ เอามาขายทีไรหมดตลอดเลย”

จากที่เขาเข้าใจจีรัชญ์น่าจะตั้งชื่อสวนผลไม้ตัวเองเป็น ‘สวนสายลม’ ไม่ได้ตั้งตามชื่อวังเพื่อกันให้ความสนใจ อีกทั้งยังเป็นสวนเล็กๆ ไม่ได้ใหญ่โตปลูกผลไม้ชนิดใดชนิดหนึ่งในปริมาณมาก อาศัยปลูกผสมไปเพื่อใช้หาเงินได้ทั้งปี ถือว่าอีกฝ่ายปกปิดข้อมูลของตัวเองได้ดีพอสมควรเหมือนอย่างที่ไอ้มั่นบอกจริงๆ

“งั้นหนูขอดูผลไม้ชนิดอื่นก่อนนะคะ” มิ้งพูดแทรกเมื่อเห็นว่าณิชเงียบไปและกลัวจะผิดสังเกต เฮียจูยิ้มให้ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องผู้หญิงมารับหน้าที่ดูแลลูกค้าต่อจากตน ส่วนตัวเองก็ไปคุมลูกน้องขนลังผลไม้ลงจากรถบรรทุกต่อ

“สวนสายลมตั้งมาจากชื่อพี่แน่นอน เฮียจูก็ดูจะคุ้นเคยกับสวนนี้แต่เราจะถามต่อไม่ให้เขาสงสัยยังไงดีอ่ะพี่” มิ้งหันมากระซิบถามมือก็เลือกแอปเปิ้ลเขียวใส่ถุง ก่อนจะส่งให้ลูกน้องเฮียจูเอาไปคิดเงิน

“ไม่รู้ว่ะ” ณิชตอบเสียงเครียด

“แล้วนี่ทำไมพี่จะต้องมาเริ่มสืบจากที่นี่อ่ะ” เธอถามสิ่งที่สงสัยมาตั้งแต่นั่งอยู่ในรถแต่ยังไม่ได้คำตอบ

“การขายผลไม้คือสิ่งเดียวที่ทำให้คุณจีรัชญ์ติดต่อกับคนภายนอกนอกเหนือจากคุณสุทิน ในเมื่อคุณสุทินอยู่ฝ่ายซุกซ่อนข้อมูลเรื่องการซื้อขายวังของคุณจีรัชญ์ เราก็ต้องมาถามหาเอาจากคนที่ทำการค้ากับคุณจีรัชญ์นี่แหละ”

ตัวอำเภอนี้ไม่ได้ใหญ่จนถึงขนาดจะสืบเสาะหาเรื่องราวไม่ได้ อีกทั้งการขายผลไม้ของจีรัชญ์เหมือนจะเป็นงานหลักที่อีกฝ่ายใช้หาเงินเพื่อจ่ายแม่บ้านและนายพลี

ในสายตาคนอื่นอย่างเช่นป้าแจ่ม คงมองว่าการใช้ชีวิตของจีรัชญ์คือชีวิตของคนรวยที่ไม่ต้องขวนขวายหาเงินเยอะเพราะมีสมบัติเลี้ยงตัว งานที่ทำอยู่ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นการสอนหนังสือหรือการทำสวน ล้วนแต่เป็นงานที่สบายๆ หากจะไม่ทำก็ยังได้ ที่ทำอยู่นี้ก็เพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และความชอบส่วนตัวก็เท่านั้น

“เออ แกช่วยเลือกผลไม้ไปหลายๆ อย่างหน่อยนะมิ้ง พี่จ่ายให้เอง”

“พี่จะซื้อไปทำไม” มิ้งถามด้วยความสงสัยอีกครั้ง แม้จะได้รับความกระจ่างในคำถามแรกแล้วก็ตาม

“เขาจะได้ไม่สงสัยในตัวเราไง ซื้อๆ เลือกๆ ไปให้เหมือนคนที่สนใจอยากซื้อผลไม้ไปฝากคนอื่นน่ะ”

“อ๋อ...ได้ๆ” มิ้งรับคำก่อนจะเดินไปหยิบถุงมาอีกโดยมีพนักงานของร้านคอยช่วย

“เอ่อ...เฮียจูครับ แล้วทุเรียนสวนสายลมจะเข้ามาเมื่อไหร่เหรอครับ วันนี้รึเปล่า” ณิชแยกกับมิ้งไปถามเฮียจูอีกครั้ง ฝ่ายพ่อค้าผลไม้หันมาก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาก่อนจะตอบ

“ล็อตแรกอาจจะเข้ามาวันนี้ครับ แต่ไม่แน่ใจว่ากี่โมงนะ คุณจะรอไหมล่ะ”

“อ่า...ผมต้องรีบกลับกรุงเทพฯ แล้วสิ ถ้างั้นผมขอแผนที่ทางไปสวนได้ไหมครับ จะได้ไปซื้อที่สวนเลย” ณิชทำทีเป็นเสียดายพลางก้มดูนาฬิกาข้อมือว่าตนคงรอนานไม่ได้

“ผมไม่เคยไปสวนเขาหรอกครับ แต่เห็นเขาบอกว่าอยู่ทางนอกเมือง ยังไงคุณลองถามคนแถวนั้นดูนะครับ” เฮียจูส่งแผนที่ที่วาดคร่าวๆ มาให้ ณิชยิ้มรับพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ ผลไม้ที่มิ้งในบทคนท้องเลือกมาก็เยอะพอสมควร มีทั้งส้ม แอปเปิ้ล องุ่น มะม่วง

คนทั้งสองเดินกลับมาที่รถ เขาไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มมากกว่าเดิมมีแต่ผลไม้ที่หอบหิ้วมาเต็มสองมือ ครั้งนี้ณิชหมดเงินไปพันกว่าบาทแลกกับความจริงที่ไม่ได้รู้อะไรเพิ่มจากเดิมมากนัก

“เป็นอย่างไรบ้างขอรับ” ไอ้มั่นที่ย้ายไปนั่งเบาะหลังชะโงกหน้ามาถาม

“ไม่ได้อะไรเลยน่ะสิแถมชื่อสวนผลไม้ที่เขาแนะนำมาก็ไม่ใช่ชื่อวังอีก แผนที่ที่ให้มาก็ไม่ใช่ทางไปวังด้วย เพื่อนคุณนี่ปกปิดตัวตนโคตรเก่งเลย” เขาเซ็งจนถอนหายใจอยู่หลายครั้ง

“พี่มั่น...ถามจริงนะพี่ พี่ไม่สงสารคุณปราณของพี่เหรอที่ต้องมาหัวหมุนหาความจริงอะไรแบบนี้ด้วยตัวเอง ไม่คิดจะบอกกล่าวอะไรให้มากกว่านี้เหรอ” มิ้งหันไปถามไอ้ทาสที่นั่งทำหน้าหนักใจอยู่เบาะหลัง

รถทั้งคันเงียบกริบ มิ้งถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดที่ช่วยอะไรรุ่นพี่ไม่ได้ดั่งใจ นึกโกรธพี่มั่นด้วยที่ไม่ยอมปริปากพูดอะไรสักที

“ไม่ต้องเครียดๆ แวะกินข้าวก่อนเถอะค่อยคิดหาทางต่อ ตอนนี้พี่หิวมาก”

คนที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้าจนตอนนี้เกือบเที่ยงแล้วแวะร้านอาหารตามสั่ง ร้านที่เขาเคยเห็นว่ามีคนซื้อเยอะเมื่อคืนนั่นแหละ แต่เหมือนว่าร้านเพิ่งได้เวลาเปิดคนเลยยังไม่เยอะเท่าไหร่นัก อีกทั้งยังไม่ใช่ช่วงพักเที่ยงด้วยคนทำงานจึงยังไม่เข้าร้านกัน

“มาเที่ยวเหรอคะคุณ” แม่ค้าร้านอาหารตามสั่งเอ่ยทักอย่างเป็นมิตรเพราะไม่คุ้นหน้าลูกค้าสองคนนี้ อาหารสองจานที่ลูกค้าต่างถิ่นสั่งมาเธอรีบทำให้ทันทีเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรอนาน

“ครับ พอดีแวะมาซื้อผลไม้ที่ร้านเฮียจูน่ะครับ”

“ร้านนั้นผลไม้คุณภาพค่ะ ราคาสูงสักหน่อยแต่อร่อย มะม่วงถ้าอยากได้หวานก็หวานบาดคอจริงๆ นี่หน้าทุเรียนออกแล้วต้องรอของสวนสายลมอร่อยมาก”

คนทั้งสองพยักหน้าตามก่อนจะมองหน้ากัน แสดงว่าสวนสายลมที่ว่านี่มีชื่อเสียงเรื่องผลไม้จริงๆ แต่ไม่รู้ว่าจะมีใครรู้ที่ตั้งของสวนจริงๆ รึเปล่า

“แล้วป้ารู้จักสวนสายลมไหมคะ มันอยู่ที่ไหนเหรอคะ” มิ้งถามตาเป็นประกายเมื่อคิดว่าเธออาจจะได้คำตอบที่ดีกว่าก่อนหน้านี้

“ไม่รู้จักค่ะ ทำไมเหรอคะ”

“อ๋อ พอดีหนูอยากซื้อทุเรียนน่ะค่ะ ไปถามร้านเฮียจูมาแล้วเขาบอกของยังไม่เข้า พวกหนูจะรีบกลับกรุงเทพฯ เลยว่าจะไปซื้อที่สวนเลย”

แม่ค้าร้านอาหารตามสั่งยิ้มให้เพราะเธอช่วยอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ ต่อให้เปิดร้านมานานนับ 30 ปีแต่ก็ไม่รู้ว่าสวนสายลมนั้นตั้งอยู่ที่ใด เคยได้ยินแต่ชื่อและคนบอกว่าอยู่นอกเมืองก็แค่นั้น

ณิชกับมิ้งทานอาหารจนเสร็จก็เรียกเก็บเงิน อาหารอร่อยถูกปากไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนถึงเข้าร้านนี้เยอะ เขาคิดว่าเดี๋ยวคงจะกลับแล้วและค่อยไปหาทางสืบเสาะหาความจริงใหม่ แต่เหมือนโชคจะเข้าข้างเมื่อมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน

“ป้าแมว รู้ข่าวที่ไอ้พวกเด็กเวรมันไปป่วนถนนนอกเมืองแถววังนั่นรึเปล่า เดือนก่อนมันก่อเรื่องแล้วเขาจับไม่ได้ไปทีนึงแล้ว ครั้งนี้มันทำอีกท้าทายตำรวจจริงๆ”

“ก็วังมันอยู่ในป่า ที่ทางแถวนั้นก็เปลี่ยวไอ้พวกเด็กเปรตมันก็ไปเสพยากันแถวนั้นแหละ น่ากลัวจะตาย”

เจ้าของร้านอาหารตามสั่งที่เขาเพิ่งรู้ว่าชื่อป้าแมวตอบกลับ ลูกค้ากลุ่มนั้นสั่งอาหารเสร็จก็ไม่ได้สนใจที่จะพูดเรื่องนี้ต่อ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่พบเจอได้เสมอ ถ้าตำรวจไม่จับจริงๆ จังๆ ไอ้พวกเด็กติดยามันก็ป่วนไปทั่วเหมือนอย่างที่แล้วมานั่นแหละ

“วังไหนเหรอครับป้า” ณิชหันไปถามทันที จากที่กำลังจะเดินออกจากร้านเขาจึงย้อนกลับมาใหม่ มิ้งก็เดินตามมาด้วยเพราะสิ่งที่ป้าแมวพูดนั้นน่าสนใจกว่าเรื่องเด็กติดยาเป็นไหนๆ

“ก็วังปริพัตรน่ะสิคะ คุณรู้จักเหรอ”

“อ่า...ไม่ครับ ผมแค่ไม่คิดว่าจังหวัดนี้จะมีวังอยู่ด้วยน่ะครับ แล้วตอนนี้มีราชนิกุลมาอยู่เหรอครับ”

“ไม่มีหรอกคุณ วังนั้นมีคนซื้อไปเมื่อหลายสิบปีก่อนโน้นตั้งแต่สมัยป้ายังสาวๆ น่ะ เขาว่าวังนั้นอาถรรพ์ตายกันยกบ้าน แต่มีเศรษฐีที่ไหนไม่รู้มาซื้อไปเพราะไม่อยากให้ที่มันรกร้าง แถมยังกว้านซื้อที่แถวนั้นปลูกสวนยางเป็นสิบๆ ไร่ ถ้าใครผ่านไปผ่านมาไม่สังเกตก็ไม่เห็นหรอกว่ามีวังอยู่แถวนั้นน่ะ”

“แล้วเจ้าของปัจจุบันคือใครเหรอครับ”

“เขาบอกว่าเป็นลูกหลานของเศรษฐีที่มาซื้อนั่นแหละ เพราะเศรษฐีคนนั้นตายหลังจากซื้อวังได้ไม่นาน อุ๊ย! พูดแล้วก็ขนลุก ของเก่าๆ มันมักมาพร้อมเจ้าของที่หวงของเสมอแหละคุณ”

“แล้วทำไมเขาถึงเสียชีวิตกันทั้งหมดเหรอครับ โดนฆาตกรรมเหรอครับ” ณิชไม่สามารถปกปิดความอยากรู้อยากเห็นได้มิด ป้าแมวแทบจะวางตะหลิวมาเล่าเรื่องราวที่เธอรู้มาให้อีกฝ่ายฟังตามประสาแม่ค้าขาเม้าท์

“ตอนนั้นป้ายังเด็กไม่รู้อะไรมากหรอก จำได้แค่ว่าที่นอกเมืองมีวังของหม่อมอะไรสักอย่างนี่แหละอยู่ แต่อยู่ๆ ก็เกิดอุบัติเหตุทำให้เสียชีวิตกันทั้งครอบครัว เหลือก็แต่ลูกชายหนึ่งคนที่อยู่ต่อมาได้อีกไม่นานก็ตายตามคนอื่นๆ ไป”

ข่าวใหม่ที่ไม่คิดว่าจะได้ยินทำให้ณิชอึ้งไปไม่น้อย อย่างแรกที่เขาได้ข้อมูลมาวันนี้คืคนภายนอกไม่ได้เห็นว่าวังปริพัตรเป็นสถานที่ปกติ ติดจะเป็นสถานที่ถูกลืมด้วยซ้ำเพราะความห่างจากตัวเมือง อย่างที่สองคือครอบครัวของเขาเมื่อชาติที่แล้วเสียชีวิตทั้งหมด

“แล้วป้าเคยเห็นหน้าเจ้าของวังไหมครับ”

“เคยค่ะ หน้าตาหล่อเหลาเอาการ นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นลูกหลานของเศรษฐีคนที่มาซื้อวัง ป้าจะคิดว่าผีหลอกเพราะหน้าตาเหมือนบรรพบุรุษอย่างกับแกะ”







โปรดติดตามตอนต่อไป


ขอบคุณทุกความเห็นและกำลังใจค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๓ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-12-2020 22:41:03
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๓ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 12-12-2020 00:00:31
มีอะไรให้ติดตามตลอด

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๓ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 12-12-2020 00:11:42
เอาแล้วววว สืบเองเลย ไม่ทันใจใช่ไหมณิช คราวนี้แหละคงได้รู้เรื่องจริงๆซะที 55555 ตามกันต่อไป จีรัชญ์ก็จีรัชญ์เถอะ ถ้าดื้อเงียบอย่างณิชจะสืบเองซะอย่าง รู้เรื่อง!!! 55555   :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๓ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 12-12-2020 19:19:58
ใครหนอ จะให้คำตอบได้
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๓ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 12-12-2020 19:48:38
ไอ้หาญสร้างเรื่องได้เนียนมาก
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๓ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 13-12-2020 14:58:01
ใกล้แล้วๆ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๓ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-12-2020 09:17:27
กำลังสนุกเลยค่ะ รอๆ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๐/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๓ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 21-12-2020 13:01:00
[b]บทที่ ๒๔ (ครึ่งแรก)[/b]



“งั้นแสดงว่าต่อให้คุณตรีปกปิดตัวตนยังไงมันก็ยังมีคนสังเกตได้อยู่ดี แต่แค่ไม่ระแคะระคายเท่านั้น” มิ้งกระซิบบอกรุ่นพี่ตัวเองที่ตอนนี้นิ่งไปแล้ว

ป้าแมวยังพูดอีกว่าวังหลังนั้นแทบจะเป็นสถานที่ที่ถูกลืมไปแล้วด้วยซ้ำ มีเจ้าหน้าที่ของทางการมาหาต้องการจะเก็บไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ แต่ดันมาไม่ทันเศรษฐีคนนั้นที่ได้ซื้อตัดหน้าไปด้วยจำนวนเงินที่มากอยู่ไม่น้อย แต่ที่น่าสงสัยคือใครเป็นคนขายให้เพราะเจ้าของวังเสียชีวิตกันหมด คนจึงลือกันว่าเศรษฐีคนนั้นคงติดสินบนเจ้าหน้าที่แน่นอน และยังหวงพื้นที่วังไม่ให้คนนอกได้เข้ามา อีกทั้งยังซื้อที่โดยรอบไปหลายสิบไร่จนคิดว่าพื้นที่ของวังคงกว้างสุดลูกหูลูกตา

แต่จนตอนนี้เจ้าของวังคนปัจจุบันก็ไม่มีใครได้เห็นหน้าบ่อยนัก จนคนแทบจะลืมเลือนไปแล้วว่าวังปริพัตรตั้งอยู่ในจังหวัดนี้

ณิชขับรถกลับวังพร้อมความคิดที่พยายามผูกเรื่องราวทั้งหมดให้ตัวเองเข้าใจ เรื่องเงินทองของไอ้หาญเขาไม่ติดขัดเพราะรายนั้นคงสร้างเนื้อสร้างตัวจนรวยเป็นมหาเศรษฐีได้ไม่ยาก แต่การซื้อวังมาดูแลต่อนี่สิทำไปทำไม อีกทั้งเรื่องที่เจ้าของวังคนก่อนเสียชีวิตทั้งครอบครัวอีก ในตอนนั้นไอ้หาญคงเคว้งคว้างมากเลยทีเดียว

เมื่อกลับมาถึงวังปริพัตรมิ้งกับณิชก็หอบหิ้วผลไม้ที่ซื้อมาเต็มสองมือไปฝากคนในครัว โดนป้าแจ่มบ่นยกใหญ่เพราะที่วังก็มีผลไม้กินกันแทบไม่หวาดไม่ไหว ณิชจึงให้เหตุผลว่าผลไม้ที่ซื้อมามีของต่างประเทศด้วย ในสวนของที่นี่ไม่มีตนอยากกินจึงซื้อมาไว้

มิ้งอยู่ในครัวต่อเพราะได้กลิ่นของกินหอมๆ ที่ป้าแจ่มกำลังทำอยู่ เขาจึงปล่อยให้รุ่นน้องอยู่ในครัวต่อไป ส่วนตัวเองก็เดินตามหาเจ้าของวังที่ตอนนี้ไม่รู้ไปขลุกตัวอยู่ที่ใด

“ป้าแจ่มครับ ผมขอยืมจักรยานหน่อยได้ไหม” เขาเดินกลับมาที่เรือนครัวอีกครั้ง ป้าแจ่มเงยหน้าจากซึ้งที่กำลังนึ่งสาคูไส้หมูอยู่ก่อนจะพยักหน้าตอบ

“ได้สิคะ คุณณิชจะไปไหนเหรอคะ”

“บริเวณวังนี่แหละครับ พอดีเดินแล้วเมื่อยปั่นจักรยานออกกำลังไปในตัวน่าจะดีกว่า” ณิชตอบพลางเปิดตู้เย็นหยิบชาเย็นแช่แข็งในถุงเล็กๆ ออกมาแกะกิน

“งั้นตามสบายค่ะ มันเก่าสักหน่อยแต่ยังใช้การได้ แม่หวีชอบใช้ปั่นไปตามไอ้พลีในสวนประจำค่ะ”

ณิชจูงจักรยานออกมาก็จะปั่นไปทางสวนผลไม้ เขาลัดเลาะไปตามทางเดิมที่เคยไป คาดว่าจีรัชญ์คงอยู่ในสวนกับนายพลีตามเคยจึงปั่นไปเรื่อยๆ รอยล้อรถยนต์บนพื้นทำให้เขาตามรอยของจีรัชญ์ได้ไม่ยาก จนสุดท้ายก็มาหยุดอยู่เกือบสุดริมรั้ววังที่อยู่ทางด้านข้าง ซึ่งมีต้นทุเรียนอยู่หลายสิบต้น

เขาเพิ่งสังเกตว่ารั้ววังปริพัตรทอดยาวจากประตูด้านหน้ามาไกลถึงขนาดนี้ อีกทั้งตรงนี้ยังมีประตูบานใหญ่อีกบานอยู่ด้วย ด้านนอกเป็นทางรถผ่านที่พอให้รถกระบะผ่านได้เท่านั้น นอกรั้วออกไปเป็นสวนยางที่มีต้นไม้ขึ้นรกสักหน่อย น่าจะเป็นสวนของจีรัชญ์ด้วยเพราะมันยาวมาจากสวนยางที่อยู่ด้านหน้าของวัง

บริเวณนี้มีบ้านปลูกอยู่หลังหนึ่ง เขาเพิ่งมารู้เมื่อไม่นานนี้เองว่านายพลีอยู่เฝ้าสวนตรงนี้ จีรัชญ์สั่งปลูกบ้านให้คนสวนของตัวเอง อีกทั้งยังวางรั้วที่สามารถช็อตไฟฟ้าได้กันคนนอกบุกรกพื้นที่ เรียกได้ว่ามีคนเฝ้าสวนน้อยเพราะระบบการป้องกันที่แน่นหนานั่นเอง

แต่ที่ทำให้เขาใจเต้นตึกตักแทบหลุดจากอกคือป้ายที่เขียนว่า ‘สวนสายลม’

แสดงว่าจีรัชญ์ตั้งชื่อสวนตามชื่อเขาจริงๆ ด้วย เพราะเหตุนี้เฮียจูจึงวาดแผนที่ให้เขาเป็นอีกทาง เป็นทางที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาสวนทางด้านหลังได้ และจะไม่เห็นตัววังทางด้านหน้าอีกด้วย

คิดมาถึงตรงนี้อาการจุกตื้อในอกก็กลับมาอีกครั้ง ไอ้หาญต้องปกปิดตัวตนของตัวเองไว้นานมาก หลบซ่อนตัวไว้เหมือนเงาลึกลับเพื่อมีชีวิตอยู่ไปเรื่อยๆ รอวันที่คำสาปจะหายไป น้ำตาเขารื้นขึ้นมาเต็มขอบตาก่อนจะกะพริบไล่มันไป ไอ้หาญมีแต่คำว่าสูญเสีย ส่วนตัวเขาก็เป็นฝ่ายทิ้งไอ้หาญไปทุกครั้งจนไม่น่าให้อภัย เพราะแบบนี้ชาตินี้จีรัชญ์จึงพยายามหลีกหนีเขาตลอดเวลาเพื่อว่าทุกอย่างจะได้ไม่วนมาลูปเดิม ส่วนเขาก็ต้องวิ่งตามหาความจริงต่อไปเพื่อชดใช้กรรมที่ก่อไว้

ณิชจอดจักรยานทิ้งไว้ก่อนจะเดินไปที่รถกระบะ ซึ่งตอนนี้มีทุเรียนที่เก็บแล้วอยู่เกือบเต็มหลังรถ จีรัชญ์ยืนสั่งการลูกน้องอยู่ไม่ไกล มีคนมาช่วยตัดทุเรียนซึ่งคาดว่าจ้างมากำลังปีนต้นทุเรียนอยู่ เขามองการทำงานของคนทั้งหมดด้วยอารมณ์เพลินๆ ก่อนจะโดนทักขึ้น

“อ้าว! คุณณิช” นายพลีเรียกเมื่อมองลงมาเห็นณิชยืนอยู่ที่ท้ายรถกระบะ จีรัชญ์หันมองทันทีเพราะไม่คิดว่าจะเจอคนชอบซุกซนที่นี่

จีรัชญ์มองเลยไปด้านหลังของณิชเห็นรถจักรยานของหวีจอดอยู่ ถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายคงไปยืมจักรยานปั่นมาที่นี่ ตาคมดุตำหนิอีกฝ่ายที่มาโดยพลการ ถ้าเจองูอย่างเช่นวันก่อนจะเป็นอย่างไร

“ผมแค่มาดูคุณเก็บทุเรียนเฉยๆ ไม่ได้รึไง” ณิชรีบพูดเสียก่อนเพราะอ่านสายตาของจีรัชญ์ได้ แม้หน้าตาจะเรียบนิ่งแต่สายตานั้นดูเอาเรื่องทีเดียว

จีรัชญ์ไม่ตอบแต่เดินเข้ามาหา สายตามองณิชเหมือนสำรวจหาอะไรบางอย่างจนณิชต้องหลบสายตา

“ไอ้มั่นบอกว่าวันนี้คุณไปซื้อผลไม้มา”

ณิชถึงกับหันกลับมามองคนพูดด้วยสีหน้าที่เก็บอาการตกใจไม่มิดที่อีกฝ่ายรู้ นึกเคืองมั่นในใจที่ฝ่ายนั้นบอกจีรัชญ์ว่าเขาไปไหนมา

“ผมแค่ขับผ่านร้านเลยแวะซื้อ”

“ที่บ้านมีเยอะแยะจะซื้อทำไมอีก เท่าที่มีก็กินจะไม่หมดอยู่แล้ว”

แม้คำพูดของจีรัชญ์กับป้าแจ่มจะคล้ายกันแต่เขากลับรู้สึกคนละอย่าง อย่างป้าแจ่มพูดเขารู้สึกแค่ป้าเอ็นดูแต่ก็ไม่ได้ถือเป็นอารมณ์อะไร แค่เป็นห่วงว่าซื้อมาเยอะเกรงจะเปลืองเงิน แต่จีรัชญ์ดุให้อารมณ์เหมือนโดนพ่อด่ายังไงก็ไม่รู้

“ก็มันซื้อไปแล้วจะให้ทำไง ให้เอาไปคืนเขาเหรอครับ”

จีรัชญ์ส่ายหน้าให้กับคนที่เถียงคำไม่ตกฟาก

“อยู่แถวนี้อย่าไปเล่นซนที่ไหนล่ะ เดี๋ยวเจองูเงี้ยวเขี้ยวขอขึ้นมาแล้วจะแย่”

“ต่อให้เจอคุณก็ไปช่วยผมทันอยู่ดี” ณิชยิ้มอย่างเป็นต่อ เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็มีผู้พิทักษ์ประจำตัวอย่างมั่น รายนั้นไม่มีทางปล่อยให้เขาตกอยู่ในอันตรายแน่นอน ส่วนจีรัชญ์ก็แทบจะวิ่งโร่มาหาเขาทุกครั้งที่รู้ว่าเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับเขา

“แล้วถ้าไม่ทันล่ะ” น้ำเสียงที่ใช้ถามเรียบนิ่งและเยียบเย็นจนทำให้รอยยิ้มบนหน้าณิชเจื่อนลงไป

“ขอโทษครับ ผมจะอยู่แถวนี้ไม่ไปไหนเลย คุณทำงานต่อเถอะ”

แค่อยากอยู่ใกล้ๆ แค่อยากเห็นอีกฝ่ายในสายตา แค่อยาก...ขอบคุณ ขอบคุณที่ยังเก็บวังเก่าของเขาไว้ ถึงแม้จะมีเพียงสถานที่แต่จีรัชญ์ก็ยังทำทุกอย่างราวกับเขาในชาติก่อนไม่ได้จากไปไหน

ณิชรอจนจีรัชญ์คุมคนงานเก็บทุเรียนเสร็จก็เข้าบ่ายคล้อยแล้ว ล็อตนี้จะเอาไปส่งให้กับเฮียจูก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยมาตัดทุเรียนส่วนที่เหลือใหม่ โดยคนที่เอาไปขายก็คือนายพลีเหมือนเดิม

“ผมไม่เคยรู้ว่าวังปริพัตรมีประตูตรงนี้ด้วย คุณจะขึ้นรถไปกับนายพลีออกทางนี้เลยใช่ไหม งั้นไปเถอะเดี๋ยวผมปั่นกลับทางเก่าเอง”

“พลีไปคนเดียวได้ เดี๋ยวผมจะไปกับคุณ”

“ไม่เป็นไรๆ ผมปั่นเองได้ ตอนมาผมยังปั่นได้เลย คุณรีบไปเถอะเดี๋ยวเฮียจูก็รอหรอก”

“รู้จักเฮียจูด้วยเหรอ”

ณิชปิดปากฉับเมื่อเขาหลุดพูดชื่อพ่อค้าผลไม้ออกไป ท่าทางมีพิรุธของอีกฝ่ายทำจีรัชญ์หรี่ตามองด้วยความสงสัย ถ้าบอกว่าไปซื้อผลไม้ในเมืองและไปเจอร้านเฮียจูเขาก็ไม่คิดอะไรหรอก เพราะใครๆ ก็ต้องรู้จักร้านผลไม้เจ้าดังในเมืองอยู่แล้ว แต่ท่าทางของณิชต่างหากที่ดูลุกลี้ลุกลนแปลกๆ

“ก็...วันนี้ผมไปซื้อผลไม้ที่ร้านเขาไง”

“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมจะเอาไปขายให้ร้านนั้น”

“อ๋อ ป้าแจ่มเคยบอกเมื่อนานมาแล้วน่ะครับ” ณิชตอบพร้อมยิ้มกว้างกลบเกลื่อนอย่างน้อยมันก็คือเสี้ยวความจริงที่เขาสามารถบอกได้ จีรัชญ์พยักหน้าอย่างหายสงสัย แต่ก็ยังงงอยู่ดีว่าณิชจะมีท่าทีแปลกๆ ไปทำไม

นายพลีขับรถกระบะที่บรรทุกทุเรียนเต็มหลังรถไปทางประตูสวน โดยมีคนงานขับรถมอเตอร์ไซค์ตามกลับออกไปด้วย ประตูวังถูกปิดล็อกอย่างดี จีรัชญ์เห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเขาจึงขึ้นคร่อมจักรยานเตรียมปั่นออกไปจากสวน ณิชจึงถือโอกาสนั่งซ้อนท้ายเสียเลย เจ้าของเอวสอบที่เขาจับไว้ไม่ได้ขัดขืนหรือต่อว่าแต่อย่างใด

จักรยานคันเก่าที่ยังใช้งานได้ดีและแข็งแรงจึงรับน้ำหนักคนทั้งสอง ลมอ่อนๆ พัดมาปะทะหน้าเบาๆ ระหว่างนั่งผ่านสวนผลไม้ที่ปลูกอยู่หลายชนิด ที่ทางก็โล่งเตียนขึ้นกว่าตอนที่เข้ามาครั้งล่าสุดแล้วเจองู เพราะจีรัชญ์สั่งให้นายพลีมาถางทางให้เตียนสักหน่อย เพราะห่วงกลัวว่าใครบางคนจะมาเล่นซุกซนในสวนแห่งนี้อีก

“คุณปลูกผลไม้พวกนี้กี่ปีกว่าจะได้เยอะขนาดนี้ คุณทำสวนคนเดียวเลยเหรอ แล้วคิดยังไงถึงทำ ทำไมไม่เลือกทำงานอื่นที่มันสบายกว่านี้ แล้ว...”

“ถามเยอะแบบนี้จะให้ผมตอบคำถามไหนก่อน”

จีรัชญ์ตัดบทคนนั่งซ้อนท้ายที่ถามเสียงเจื้อยแจ้ว เขาหันกลับไปมองก็เห็นว่าเจ้าตัวดูมีความสุขกับการนั่งจักรยานชมนกชมไม้ไปเรื่อย คงเพราะในเมืองกรุงไม่มีอะไรแบบนี้ให้ดู

“อ่า...คุณทำสวนผลไม้มากี่ปีแล้วครับ” ณิชเริ่มคำถามแรกจะบอกว่าเก็บข้อมูลก็ได้เพราะเขาต้องการผูกเรื่องราวให้ได้เร็วที่สุด

“นานแล้ว เป็นสิบๆ ปีแล้วล่ะมั้งผมไม่ได้นับ”

“คุณทำทั้งหมดนี่คนเดียวเหรอครับ”

“ใช่ แต่ตอนหลังก็ได้นายพลีมาช่วย”

“คุณชอบผลไม้ชนิดไหนที่สุด ผมเห็นว่าสวนคุณมีทั้งกล้วย มังคุด ลองกอง มะม่วง ทุเรียน ผมชอบมะม่วงแหละ”

รอยยิ้มตรงมุมปากของคนหน้าดุกระตุกขึ้นมาหน่อย คุณปราณชอบมะม่วงเป็นที่สุด ไม่ว่าจะกี่ชาติที่เจอกันมะม่วงก็ยังคงเป็นผลไม้ที่อีกฝ่ายชอบเสมอ

“ไม่มีผลไม้ที่ชอบเป็นพิเศษ ผมกินได้หมด”

แล้วคำถามต่อๆ มาของณิชก็ทำให้บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองไม่เงียบอีกต่อไป ณิชยังคงถามสิ่งที่ตนสงสัยไปเรื่อย แต่มีจังหวะหนึ่งที่รถกระเทือนเพราะสะดุดก้อนหินทำให้ณิชต้องกำชายเสื้อของหนุ่มคนปั่นไว้แน่น

หมับ!

“กอดดีๆ เดี๋ยวตกกลิ้งหล่นน้ำแล้วจะแย่เอา” น้ำเสียงดุๆ พร้อมมือใหญ่ที่จับมือณิชให้มากอดเอวตัวเองไว้ คนถูกดุถึงกับลอบยิ้มที่วันนี้อีกฝ่ายใจดีกับเขา

“ทางนั้นไปไหนเหรอครับ” ณิชชี้ไปที่ทางแยกที่สามารถขับรถผ่านเข้าไปได้

“ตรงนั้นเป็นส่วนของท้ายวัง เป็นพื้นที่ไกลสุดของที่นี่เลยออกจากรั้วไปก็เป็นป่าแล้ว”

“ป่านี้รึเปล่าครับที่มีหมูป่า ป้าแจ่มเคยเล่าให้ฟังว่าเคยเจอหมูป่าด้วย”

“ใช่ ข้างบนเป็นภูเขาทอดยาวกินพื้นที่เยอะพอสมควร”

“ผมอยากไปดู คุณพาไปหน่อยได้ไหม”

“มันเย็นแล้ว กว่าจะออกมาก็มืดพอดีมันอันตราย”

“เพิ่งจะสี่โมงกว่าเอง ไปเถอะครับผมอยากไป” ณิชกอดกระชับเอวจีรัชญ์ขึ้นอีกเล็กน้อย ชะโงกหน้ามาทำตาปริบๆ เหมือนออดอ้อนจนเจ้าของวังปริพัตรคนปัจจุบันใจอ่อน ยอมปั่นจักรยานพาณิชไปชมสวนด้านหลัง

“คุณซื้อที่ดินไว้เยอะขนาดไหนเนี่ย กินพื้นที่ไปครึ่งจังหวัดแล้วมั้ง”

ณิชเอ่ยแซวพลางมองย้อนไปทางด้านหลังที่พวกเขามาไกลจากทางแยกเมื่อครู่พอสมควร ส่วนด้านหน้าก็เป็นต้นกระท้อนสองต้นใหญ่ๆ ที่อยู่สองข้างทาง ลึกเข้าไปก็เป็นป่าและมองเห็นรั้วของวังปริพัตรบ่งบอกอาณาเขตอยู่ไม่ไกล จีรัชญ์หยุดปั่นจักรยานแล้วเขาไม่อยากเข้าไปไกลกว่านี้เพราะกลัวตอนกลับฟ้าจะมืดเสียก่อน

ณิชลงจากรถก่อนจะมองสำรวจไปรอบๆ ด้านหลังวังออกจะรกสักหน่อยดูไม่ค่อยได้รับการดูแลเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ถึงกับรกเป็นป่าทึบขนาดนั้น ต้นกระท้อนมีให้เห็นประปรายแสดงว่าผลไม้อีกชนิดที่จีรัชญ์ปลูกก็คือเจ้ากระท้อนนี่แหละ

“สดชื่นจัง” ณิชบิดขี้เกียจสูดหายใจเข้าเต็มๆ ปอด ความร่มรื่นของที่นี่บวกกับลมที่พัดอ่อนๆ รอบตัวทำให้เขารู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก

วันนี้จีรัชญ์ใจดีเป็นพิเศษเพราะปั่นจักรยานพาณิชไปเที่ยวสวนผลไม้รอบวัง อากาศที่เคยร้อนแต่เมื่อเข้าสู่ช่วงเย็นก็มีลมพัดให้ เขาดีใจที่อย่างน้อยๆ กำแพงที่จีรัชญ์สร้างขึ้นก็ไม่ได้สูงถึงขนาดกับปีนข้ามไม่ได้ แค่ต้องใช้เวลาในการเข้าหาก็เท่านั้น

ถึงแม้เขาจะเคยมีอะไรลึกซึ้งกับจีรัชญ์แล้ว แต่มันก็เป็นเพียงแค่ครั้งเดียวที่อีกฝ่ายอ่อนให้ หลังจากนั้นก็กลับมาสร้างกำแพงหนากั้นเขาไว้อีก ไม่รู้จะต้องใช้มุกเข้าหาอีกสักเท่าไหร่จีรัชญ์ถึงจะยอมเปิดใจรับเขาอีกครั้ง

“ตกลงคุณบอกผมได้รึยังว่าวันนี้ไปไหนมา” จีรัชญ์ถามเสียงเรียบ เหงื่อบนใบหน้าผุดซึมเพราะเขาต้องออกแรงปั่นจักรยานแต่เจ้าตัวไม้สน ส่วนคนโดนถามไม่ทันตั้งตัวถึงกับหลบสายตาเมื่อโดนอาจารย์จีรัชญ์จ้องมองมา

“ก็แค่ไปหาซื้อของกิน”

“คุณจะบอกผมตรงๆ หรือต้องให้ผมเค้นคำตอบเอง”

จีรัชญ์ถามย้ำพร้อมร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาใกล้ ไอ้มั่นทำตัวน่าสงสัยเพราะพอเขาถามว่าณิชไปไหนมาบ้างมันก็อึกอัก และบอกเพียงว่าพูดไม่ได้ ต่อให้เขาถามอย่างไรไอ้เพื่อนเกลอก็ไม่ยอมตอบ

ณิชหนีไปไหนไม่ได้แล้วเพราะเดินถอยหลังจนติดกับต้นกระท้อน จีรัชญ์รั้งร่างที่บอบบางกว่าให้ออกห่างจากต้นไม้ใหญ่ ซึ่งมีมดแดงไต่ไปมาอยู่จึงกลัวณิชจะโดนกัดเอา แต่เพราะแบบนั้นทำให้ตอนนี้ณิชโดนจีรัชญ์โอบเอวไว้จนความใกล้ชิดสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน

“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่”

เสียงพูดที่ดังกว่าเสียงกระซิบเพียงเล็กน้อยเพราะความใกล้นี้ทำให้ณิชลมหายใจสะดุด เขาเผลอเม้มปากตัวเองแน่นส่วนมือก็จิกต้นขาตัวเองไว้ รูปร่างกำยำของจีรัชญ์แทบโอบตัวเขามิด เสน่ห์ของอีกฝ่ายกำลังสั่นใจเขาจนมันเต้นรัวอยู่ในอก

ปลายจมูกค่อยๆ จรดลงมาใกล้ มือใหญ่ประคองใบหน้าเรียวหวานไว้เพียงมือเดียวก่อนจะดันให้เจ้าของหน้าเงยขึ้น ดวงตาคมสวยจ้องมองลึกเข้าไปในตาเรียวราวตากวางเพื่อหาคำตอบ ทั้งที่พูดก็แล้วแสดงออกก็แล้วว่าไม่ว่าอย่างไรชาตินี้เขากับณิชก็คงไม่ได้มาบรรจบกัน แต่ณิชก็ยังคงพยายามเข้าหาเขาทุกทาง ทำตัวลับๆ ล่อๆ เหมือนกำลังวางแผนทำอะไรสักอย่างจนเขาไม่ไว้ใจ เพราะกลัวว่าสิ่งที่อีกฝ่ายทำมันจะเหนือจากการคาดการณ์ของเขาไว้

หากณิชมองเขาให้ทะลุปรุโปร่งก็คงเห็นว่าเขามีแต่ความกลัว กลัวว่าการตั้งรับของเขาในชาตินี้ยังไม่ดีพอ กลัวว่าการเตรียมใจรับความเจ็บปวดจะไม่มากพอที่จะรับผลที่เกิดขึ้นได้

“คุณจะเอาอะไรมาแลกกับคำตอบผม”

ณิชถามพลางมองหน้าคมสันโดยไม่หลบสายตาอีกต่อไป แม้ใจจะสั่นไหวเพราะความใกล้ชิดนี้แต่เขาก็ยังทำใจดีสู้เสือ เขาบอกจีรัชญ์ไม่ได้เด็ดขาดว่าสืบเรื่องของอีกฝ่ายอยู่ เพราะไม่งั้นจากที่ได้ใกล้ชิดแค่บางทีอาจจะกลายเป็นห่างเหินกันไปเลย ยิ่งตอนนี้งานใกล้เสร็จเข้ามาทุกวันเขายิ่งมีเหตุผลให้ได้อยู่ใกล้กับอีกฝ่ายน้อยลง

“คุณอยากได้อะไรล่ะ” จีรัชญ์ถามกลับ คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อยเมื่อคนตรงหน้ามีท่าทีเหมือนกำลังสนุกที่ไล่ต้อนเขา

“คืนนี้ผมขอไปนอนที่ห้องคุณอีก” ณิชพูดออกไปตามตรง







โปรดติดตามส่วนต่อไป

หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๑/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๔ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-12-2020 18:55:51
ลุ้นมาก จะยังไงต่อ?
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๑/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๔ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 21-12-2020 19:07:52
ณิชจะไปปล้ำตรีหรอออออ 555

รอตอนต่อไปครับ

หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๑/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๔ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 21-12-2020 23:11:24
โว้วๆณิช เบาได้เบา มันต้องอย่างนี้ 5555555 รุกเล้ย รอไอ้หาญเวอร์คุณจีรัชน์ไม่ทันใจ 5555  :-[ :-[ ขอบคุณนะคะที่มาต่อยาวๆเลย รอคลายคำสาปต่อไป  :pig4: :pig4: ดูแลตัวเองด้วยนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๑/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๔ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-12-2020 02:15:49
 :katai3:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๑/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๔ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 22-12-2020 19:31:58
งานนี้ มีลุ้น

หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๑/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๔ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 23-12-2020 19:41:42
สู้ๆเขาณิช
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๑/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๔ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: Khing ที่ 29-12-2020 23:15:04
สนุกมากกก ตามอ่าน2วัน เต็มๆ ชอบมากๆเลย สนุกมากๆ เข้มข้น  ทำเราน้ำตาไหลด้วยยย :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๑/๑๒/๖๓ ‡ บทที่ ๒๔ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๐
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 05-01-2021 05:27:05
บทที่ ๒๔ (ครึ่งหลัง)


เขารู้ว่าจีรัชญ์คงไม่ได้คิดว่าเรื่องพัดลมที่ห้องเสียเป็นเรื่องจริงจังหรอก เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ซื่อขนาดนั้น ฉะนั้นขอไปแบบนี้แหละดีที่สุด เขาอยากรู้ด้วยว่าจีรัชญ์จะกล้าแลกกับเขาไหม ระดับความอยากรู้ที่อีกฝ่ายต้องการมีแค่ไหน

“แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าคำตอบที่ผมได้จากคุณคือความจริง”

“ทุกอย่างที่คุณจะได้ฟังจากปากผมเป็นความจริงทั้งหมด ผมจะไม่โกหกคุณ” ณิชยืนยันเสียงหนักแน่น เผลอจ้องริมฝีปากหยักรูปกระจับตรงหน้าที่อยู่ใกล้เสียจนน่าประทับจูบ

คนสมัยก่อนยังไม่รู้จักคำว่าศัลยกรรม แต่ไอ้หาญที่เป็นทาสกลับหล่อเหลาขนาดนี้ ไม่อยากคิดว่าถ้าเกิดไอ้หาญได้อยู่กรุงเทพฯ คงมีแมวมองตามไปแคสบทละครกันไม่หวาดไม่ไหว หรือไม่ก็รับงานถ่ายแบบแน่นอน

“งั้นตกลง คืนนี้คุณไปนอนห้องผม”

ณิชอดยิ้มไม่ได้ที่แผนหลอกล่อเขาสำเร็จ ซึ่งรอยยิ้มนั้นทำจีรัชญ์อยากเขกหัวอีกฝ่ายเสียจริงๆ เพราะมันดูเหมือนเด็กน้อยที่กำลังดีใจราวกับได้ของขวัญกล่องใหญ่ในงานวันเด็ก

“ผมไปร้านเฮียจูมาเพื่อถามถึงคุณ แต่เขาตอบแค่ว่าไม่รู้จักเพราะเขารับผลไม้มาจากสวนสายลม และผมก็เพิ่งรู้ตอนที่ไปหาคุณที่สวนทุเรียนว่าสวนสายลมที่บอกคือสวนของคุณเอง แถมแผนที่ที่เฮียจูให้มายังไม่ใช่ทางไปวังปริพัตรด้วย คุณนี่ปกปิดตัวตนได้เก่งจริงๆ ผมนับ....อุ๊บส์!”

คนที่กำลังเล่าความจริงเพียงเสี้ยวโดนปากกระจับที่เคยจ้องมองก่อนหน้านี้ประกบปิดเสียแล้ว เพราะความเจื้อยแจ้วของเจ้าตัวทำจีรัชญ์ที่ใกล้ชิดอดใจไม่ไหวเผลอทำอะไรออกไปก่อนสมองสั่งห้าม

เขาประกบริมฝีปากบดเบียดราวคนกระหาย แต่ในทีเดียวกันก็เหมือนจะลงโทษที่ณิชรั้นอยากรู้เรื่องเขาให้ได้ แต่ท้ายสุดเจ้าตัวก็ไม่ได้รู้อะไรไปมากกว่าเดิม ทั้งโมโหทั้งเอ็นดูที่ณิชพยายามที่จะรู้เรื่องราวในอดีตมากเหลือเกิน

คนโดนจู่โจมตกใจไม่น้อยที่จีรัชญ์จูบเขาแบบนี้โดยไม่ทันตั้งตัว ไม่คิดด้วยซ้ำว่ารสจูบดุๆ ที่อีกฝ่ายมอบให้จะทำให้เขาเข่าอ่อนแทบทรงตัวไม่อยู่ แม้ตอนแรกจะตกใจแต่วินาทีต่อไปเมื่อตั้งสติได้เขาก็ไม่รอช้าตอบรับจูบนั้นทันที แขนสองข้างยกขึ้นคล้องคอคนตัวสูงกว่า แผ่นหลังเขาโดนกอดรัดด้วยวงแขนแข็งแรง

ริมฝีปากแนบประกบเบียดชิดขยับไปมา ก่อนจะเผยอปากขึ้นเล็กน้อยจนลิ้นคนทั้งสองเกี่ยวพันกันได้ จีรัชญ์ผละออกเล็กน้อยให้ณิชได้หายใจให้เต็มที่ คนตัวเล็กกว่ากอบโกยอากาศเข้าปอดพร้อมทิ้งหัวพิงอกหนา จีรัชญ์ยิ้มกริ่มเมื่อเห็นท่าทางอ่อนระทวยของณิชที่แพ้เขาราบคาบ นึกโกรธตัวเองที่ไม่ยอมหักห้ามใจเพราะกลีบปากนุ่มน่าสัมผัสนั่นมันช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน จนอดไม่ได้ที่จะจูบให้มันแดงเจ่อสักหน่อย

คิดมาถึงตรงนี้ก็ได้แต่อยากตีตัวเองซ้ำๆ เขาคงเป็นไบโพล่าเข้าสักวันแน่ๆ หากยังเป็นอยู่แบบนี้ ใจหนึ่งอยากห่างณิชให้ไกลแต่อีกใจเมื่อได้ใกล้ชิดก็แทบห้ามตัวเองไม่อยู่ ราวกับณิชมีแม่เหล็กคอยดึงดูดให้เขาเข้าหาอยู่ตลอดเวลา

ไอ้หาญเอ๋ย...ต่อให้ใจมึงแข็งแกร่งเท่าหินผา แต่คุณปราณก็เปรียบดั่งระเบิดเวลาที่พร้อมทลายหินผาอย่างมึงได้

“จูบนี้ผมให้เป็นรางวัลที่คุณยอมพูดความจริง” จีรัชญ์กระซิบบอกคนที่ยังคงซบหน้าคลอเคลียอยู่กับอกเขา

ณิชเงียบไปเพราะที่เขาบอกไปนั้นเพียงแค่ครึ่งเดียว แต่ความจริงที่เขาได้รู้เพิ่มมานั้นมาจากป้าแมวร้านขายอาหารตามสั่งทั้งสิ้น แต่ก็ถือว่าไม่ได้โกหกจีรัชญ์ล่ะนะ

จีรัชญ์ตัดสินใจกลับวังเพราะตอนนี้แสงกำลังจะหมดแล้ว แต่คราวนี้ณิชขอปั่นจักรยานเองคนตัวโตจึงยอมซ้อนท้าย แต่กว่าจะปั่นได้ก็ทำเอาณิชถึงกับหันมาบอก

“คุณนี่ตัวหนักใช่เล่น”

จีรัชญ์หลุดขำกับคนหน้ามุ่ย ขนาดเขาบอกว่าจะปั่นกลับเองแต่ณิชก็ยืนกรานว่าตนขอปั่นเองดีกว่า เขาจึงยอมปล่อยให้คนอวดเก่งเหนื่อยไป

เอวของณิชบางกว่าเขาอยู่ไม่น้อย มือใหญ่สองมือกำรอบเกือบมิดไม่สมกับเป็นร่างผู้ชายเลยจริงๆ และดูเหมือนณิชจะผอมลงจากตอนแรกที่เจอกันอยู่สักหน่อย เพราะกรอบหน้าที่เห็นชัดขึ้น ทั้งที่ปกติก็ติดใจอาหารของป้าแจ่มแต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ผอมลง

“ช่วงนี้คุณได้กินข้าวบ้างรึเปล่า” จีรัชญ์ถามคนที่กำลังออกแรงปั่นจักรยาน ณิชหันกลับมามองคนซ้อนท้ายก่อนจะหันไปมองถนนตรงหน้าต่อ

“กินครับ แต่บางวันก็ไม่ได้กินเพราะมัวแต่ทำงาน อย่างวันนี้ก็ตื่นสายเลยได้กินรวบมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงเลย”

“กินข้าวให้ครบทุกมื้อ เดี๋ยวหัวหน้าคุณจะต่อว่าผมได้ที่ดูแลคุณไม่ดี”

“สั่งให้ผมกินข้าวทุกมื้อเพราะกลัวหัวหน้าผมต่อว่าอย่างเดียวเหรอครับ ไม่มีเหตุผลอย่างอื่นเหรอครับ” ณิชหันกลับมาถามได้สบตากับจีรัชญ์ที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว มือทั้งสองที่โอบประคองเอวเขาลูบไล้ไปมาเบาๆ จนรู้สึกร้อนผ่าว ก่อนจะโดนแรงเค้นแรงๆ ไปหนึ่งที

“โอ๊ย!” ณิชร้องเพราะแรงบีบเค้นนั้นไม่เบาเลย

“เพราะผมเป็นห่วง” จีรัชญ์ตอบเสียงเรียบและใบหน้านิ่งๆ แต่เมื่อณิชหันกลับไปแล้วรอยยิ้มตรงมุมปากก็กระตุกขึ้น เนื่องจากสีหน้าดีใจของณิชเมื่อกี๊น่ารักไม่หยอกเลยทีเดียว

กว่าคนทั้งสองจะกลับมาถึงตึกใหญ่ได้ก็กินเวลาไปเป็นสิบนาที ป้าแจ่มถึงขั้นกับจะออกมาตามหากับมิ้งแล้ว ประจวบกับได้เวลามื้อเย็นคนที่ออกแรงปั่นจักรยานมาจนหอบลิ้นห้อยจึงดีใจราวกับเห็นสวรรค์อยู่ตรงหน้า

“พี่กับคุณตรีไปไหนกันมา พวกหนูหาไปทั่ววังก็ไม่เจอ”

มิ้งถามหลังจากกินมื้อเย็นกันเสร็จแล้ว ปากก็เคี้ยวแอปเปิ้ลเขียวหยับๆ มือก็พิมพ์นิยายงานอดิเรกของตัวเองที่ยังคงทำอยู่ ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งภายในเสร็จไปแล้วและเปิดทีวีไว้ไม่ให้รู้สึกเงียบเกินไป ส่วนณิชก็หอบหิ้วแลปท็อปของตัวเองมานั่งทำงานด้วย

“ไปดูสวนมาไปถึงด้านหลังเลย พื้นที่ที่นี่ใหญ่มากดูท่าคุณจีรัชญ์เขาจะกวาดซื้ออย่างที่ป้าแมวพูดจริงๆ”

“อย่าพูดว่ากวาดซื้อเลยขอรับ ไอ้หาญมันค่อยๆ เก็บไปทีละนิด” ไอ้มั่นพูดแทรกเมื่อได้ยินบทสนทนาของคนทั้งคู่ มิ้งตวัดสายตาหันไปมองดวงวิญญาณที่นั่งบนพื้นข้างณิช

“เก็บทีละนิดนี่นิดแค่ไหน นิดเป็น 20 ไร่งี้เหรอพี่มั่น เพื่อนพี่นี่โคตรรวยแบบอภิมหาเศรษฐีเลยใช่ไหมเนี่ย มีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ทำงานเก็บเงินแถมไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอีก เป็นหนูคงไม่เป็นแล้วอาจารย์พิเศษที่มหา’ ลัย ไม่ทำสวนแล้วด้วย จะอยู่กินเงินเก่าที่เก็บมานั่นแหละ”

“มันก็แค่พอมีล่ะวะ ส่วนใหญ่พอมีเงินก้อนมากหน่อยมันก็เอาไปทำบุญไม่ก็บริจาคเสีย ไอ้หาญมันไม่ค่อยเก็บเงินไว้กับตัวมากนักหรอก เพราะกลัวคนอื่นเขาจะจับตามอง แล้วนี่ถ้าเอ็งไม่ทำงานสักวันเงินก็ต้องหมดสิวะเจ้ามิ่ง ไอ้หาญมันมีชีวิตไม่เหมือนเอ็งที่แก่ตัวลงก็ต้องตายนะโว้ย ชีวิตมันต้องอยู่ไปถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เลยต้องเก็บเงินไว้ใช้จ่ายบ้าง” ไอ้มั่นตอบแก้ต่างให้เพื่อนรัก

“อย่างวังหลังนี้ตอนแรกคุณปราณไม่ได้สั่งเสียอะไรไว้ก่อนตาย แต่ทนายประจำตระกูลบอกว่ามีคำสั่งของหม่อมเจ้าจุลปรีชาให้ยกวังนี้เป็นของแผ่นดินหากสิ้นตระกูล แต่ก็ไม่คิดนะว่าจะมาสิ้นตระกูลเสียจริงๆ ไอ้หาญจึงยื่นข้อเสนอและติดสินบนทนายไปว่าจะขอซื้อด้วยจำนวนเงินสิบล้าน โดยให้ส่วนแบ่งกับทนายไปด้วย วังนี้จึงตกเป็นของไอ้หาญตั้งแต่นั้นมาขอรับ”

มิ้งเบิกตาโตกับความจริงที่ได้รู้ขณะที่สาวเจ้ากำลังจะอ้าปากถามณิชกลับสะกิดไว้ ไอ้มั่นหลุดพูดออกมาระหว่างที่ตาก็มองรายการแข่งขันทำอาหารที่กำลังฉายอยู่บนเครื่องสี่เหลี่ยมนั่นด้วย นานๆ ทีจะมีโอกาสแบบนี้จึงไม่อยากให้รุ่นน้องถามให้ไอ้มั่นเอะใจว่าตนเองพูดอะไรออกมา

“อีกอย่างที่ทางแถวนี้มันเปลี่ยว ถ้าทางการมาเห็นก็คงไม่บูรณะอะไรมากขอรับ คงปล่อยให้รกร้างนั่นแหละ อ้อ! แต่สระด้านหลังนั่นไอ้หาญเพิ่งจะสั่งให้สร้างขึ้นหลังจากครอบครัวของคุณปราณเสียชีวิตนะขอรับ ตอนนั้นคุณปราณเสียใจมากมันจึงหาเรื่องปลอบใจเสียหน่อยจึงสร้างสระบัวนั้นมา”

“แสดงว่าคุณปราณไม่ได้ตายพร้อมครอบครัวเหรอมั่น”

ทันทีที่ณิชถามจบไอ้มั่นก็หันมามองเจ้านายของตน เห็นอีกฝ่ายจ้องมองอยู่ก่อนแล้วด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนตาจะเบิกโตด้วยความตกใจอย่างคนนึกขึ้นได้ว่ามันได้หลุดพูดอะไรออกไปมากมายเสียแล้ว

“บ่าวขอตัวก่อนนะขอรับ” พูดจบเงาเลือนรางของไอ้มั่นก็หายไปทันที

“โห! คุณตรีซื้อวังนี้สิบล้าน พี่ณิช! สิบล้านเมื่อก่อนมันไม่ใช่เล่นๆ เลยนะพี่” มิ้งพูดด้วยน้ำเสียงตกใจหลังจากที่อดกลั้นมานาน

ไม่ว่าจะสิบล้านเมื่อก่อนหรือตอนนี้สำหรับเธอก็คิดว่ามันมหาศาลอยู่ดี แถมยังซื้อที่โดยรอบเพื่ออำพรางวังแห่งนี้ราวกับอยู่ในป่าเพื่อไม่ให้ตกเป็นที่สนใจของคนที่สัญจรไปมา มันยิ่งทำให้เธออึ้งในตัวผู้ชายคนนี้จริงๆ

เรื่องจำนวนเงินณิชไม่ได้ให้ความสำคัญนักเพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าจีรัชญ์มีอยู่ไม่น้อย แต่เรื่องใหม่ที่เขาเพิ่งรู้คือที่ป้าแมวบอกว่าครอบครัวนี้เสียชีวิตพร้อมกันไม่ใช่เรื่องจริง ครอบครัวของคุณชายปราณเสียก่อนจากนั้นคุณชายปราณจึงตายตาม ระยะเวลาในการสร้างสระบัวก็คงไม่ใช่แค่วันสองวัน แสดงว่าเขาเมื่อชาติที่แล้วกับไอ้หาญคงมีเวลาอยู่ด้วยกันต่อหลังจากนั้น แต่เขาตายได้ยังไง ฆ่าตัวตายเหมือนชาติแรกหรือเปล่า ยังคงเป็นคำถามที่ต้องสืบกันต่อไป

::::::::::::

ณิชหอบแลปท็อปและหมอนมาที่ห้องของจีรัชญืในเวลาราวสามทุ่มเศษ เคาะประตูก่อนเข้าห้องสองครั้งก่อนจะเปิดเข้าไป แต่กลับไม่พบเจ้าของห้องแต่อย่างใด เดินไปดูที่ห้องน้ำก็ไม่เจอ หน้าหวานขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัยว่าอีกฝ่ายหายไปไหนก่อนจะตัดสินใจเดินไปที่ห้องทำงานของจีรัชญ์แทน

“คุณอยู่นี่นี่เอง”

ณิชทักคนที่นั่งทำงานอยู่ เขาเดินเข้าไปใกล้จึงเห็นว่าจีรัชญ์กำลังเคลียร์บัญชีต่างๆ ของตัวเองอยู่ เขาจึงถือวิสาสะนั่งลงที่เก้าอี้เอนตัวโปรดเสียเลย

“ทำไมคุณยังไม่ไปนอน พรุ่งนี้ช่างจรูญจะเข้ามาแต่เช้าไม่ใช่เหรอ” จีรัชญ์เอ่ยถามเสียงเรียบทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากกองเอกสารและคอมพิวเตอร์ตรงหน้า

“ผมจะรอคุณ เกิดคุณนอนที่ห้องนี้ไม่กลับไปนอนที่ห้องทำไงล่ะ”

“แล้วทำไมต้องกลัวผมไม่กลับไปนอนที่ห้องด้วย” จีรัชญ์หันไปมองหน้าคนที่กำลังจ้องเขาอยู่ก่อนแล้ว

“ก็ผมอยากนอนกอดคุณ”

ณิชตอบพร้อมแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อ การจีบใครสักคนแบบจริงๆ จังๆ แถมอีกฝ่ายเป็นผู้ชายหุ่นบึกขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถ้าจีรัชญ์จะคล้อยตามสักหน่อยก็ถือว่าเป็นรางวัลที่ดีแล้ว

“ถ้าเสร็จงานแล้วผมจะกลับไป คุณกลับไปนอนเถอะ” จีรัชญ์หลบสายตาหันมาสนใจงานที่ทำต่อ ณิชอมยิ้มเพราะเขาเห็นว่าใบหูอีกฝ่ายก็ขึ้นสีระเรื่อไม่แพ้แก้มเขาเหมือนกัน

“ไม่เป็นไรครับ ผมยังไม่ง่วง”

ณิชรั้นที่จะอยู่ต่อแม้จะอ้าปากหาวไปหลายวอดแล้วก็ตาม เขาหาหนังสือมาอ่านฆ่าเวลารอจีรัชญ์ทำงานเสร็จ ชายหนุ่มที่เห็นว่าคนตัวเล็กดื้อที่จะรอจึงปล่อยไป คนอย่างคุณปราณมีหรือเขาจะขัดได้ ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาขัดใจอีกฝ่ายได้สำเร็จหรอก

จีรัชญ์นั่งทำงานต่ออีกสักพักใหญ่จึงปิดคอมพิวเตอร์เพื่อกลับห้องนอน งานเขาไม่เสร็จแต่เพราะกลัวคนชอบดื้อจะง่วงจนตื่นสายเลยต้องยอม ณิชวางหนังสือและลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นว่าจีรัชญ์กำลังจะกลับห้องแล้ว ท่าทางกระตือรือร้นจนจีรัชญ์ส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มที่หลบไว้ไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็น

ณิชปีนขึ้นเตียงสี่เสาไปนอนรอก่อนแล้วขณะที่จีรัชญ์แวะเข้าไปแปรงฟันก่อนนอน เพราะเมื่อครู่เขาทานโอวัลตินที่ป้าแจ่มเอามาให้ไปหนึ่งแก้ว ณิชตาปรือเล็กน้อยเพราะความง่วงเข้าครอบงำทีละน้อยจนเกือบฝืนเปลือกตาไว้ไม่ไหว

เมื่อจีรัชญ์กลับออกมาจากห้องน้ำก็ปิดไฟในห้องเตรียมตัวนอน แต่พอร่างใหญ่ล้มตัวลงนอนปุ๊บณิชก็ขยับเข้ามากอดแขนหมับเข้าทันที เขาหันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายยิ้มให้ ใบหน้าหวานใกล้กันจนผิวที่ต้นแขนสัมผัสถึงลมหายใจอุ่น

“ถ้าจะนอนก็นอนดีๆ ครับ” จีรัชญ์ทำท่าจะขยับออกแต่ณิชรั้งไว้ไม่ปล่อย

“ตอนกลางคืนผมขี้หนาว นอนแบบนี้อุ่นกว่าเยอะเลย”

“เดี๋ยวผมไปเอาผ้าห่มมาให้” คนพูดตวัดผ้าห่มออกจากตัวจะลงจากเตียงแต่ณิชกลับดึงให้อีกฝ่ายนอนลง จากนั้นก็ขึ้นคร่อมกดคนตัวโตไว้ไม่ให้หนีได้

“คุณจีรัชญ์ อย่าให้ผมพูดตรงกว่านี้ได้ไหม เลิกทำไขสือแล้วยอมผมสักทีเถอะ คุณก็รู้ว่าเราหนีกันไปไหนไม่ได้อยู่แล้วทำไมไม่ยอมเปิดโอกาสให้ผมสักที”

เสียงเงียบสงัดของช่วงใกล้เที่ยงคืนทำให้พวกเขาได้ยินเสียงพัดลมเพดานดังชัดเจน วันนี้จีรัชญ์ไม่ได้ปลดม่านจากเสาเพื่อปิดเตียงเพราะอากาศไม่ได้เย็นเท่าไหร่นัก ระหว่างคนทั้งสองมีแต่ความเงียบงัน ณิชจ้องหน้าคนใต้ร่างผ่านความมืดสลัวในยามค่ำคืน หากจีรัชญ์บอกว่าเขาดื้อเขาก็จะเถียงว่าอีกฝ่ายดื้อกว่า

“คุณคิดว่าทุกอย่างมันง่ายเหรอครับ” จีรัชญ์ถามน้ำเสียงราวกับเหนื่อยอ่อนเหมือนคนหมดแรง ณิชยังคงไม่ลงจากร่างเขาและเจ้าตัวก็ดูจะเอาตัวเขาเป็นที่นั่งไปเสียแล้ว

“ผมรู้ว่ามันไม่ง่าย แต่ถ้าคุณจะมัวแต่ทิ้งเวลาไปเพื่อรอวันที่ผมและคุณจากกันอีกครั้งมันจะเปล่าประโยชน์นะ สู้เอาเวลาเหล่านั้นหันหน้าเข้าหากัน ใช้เวลาด้วยกันไม่ดีกว่าเหรอ”

“คุณไม่เข้าใจ” จีรัชญ์ถอนหายใจ ชาตินี้คุณปราณดื้อเสียยิ่งกว่าชาติไหนๆ รั้นจะทำตามใจตนทุกอย่างจนเขาเริ่มท้อใจ

“ใช่ ผมไม่เข้าใจเพราะคุณไม่บอกอะไรผมเลย คุณคิดแค่ว่าคุณสูญเสียทุกอย่าง แล้วผมล่ะ? คุณคิดไหมว่าผมก็เจ็บปวดเหมือนกันที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ผมอยากมีความสุขกับคุณเพราะอย่างน้อยๆ เราก็ได้เจอกันแล้วแต่คุณเอาแต่ผลักไส”

คำต่อว่ากึ่งน้อยใจของณิชทำจีรัชญ์นิ่งไป ใช่ว่าเขาจะไม่คิดถึงข้อนี้ เขารู้ดีว่าชาตินี้ตัวเองใจร้ายกับณิชมากแค่ไหน

“งั้นเอาแบบนี้ไหม เรามาลองกันสักตั้งว่าชาตินี้จะเป็นยังไง ผมสาบานเลยว่าชาตินี้ผมจะไม่มีทางทิ้งคุณไปเด็ดขาด ต่อให้ชะตาชีวิตผมต้องมีอันเป็นปะ...” นิ้วเรียวของจีรัชญ์หยุดกลีบปากนุ่มที่กำลังพูดเรื่องเป็นเรื่องตายราวกับมันคือเรื่องดินฟ้าอากาศธรรมดาๆ

“อย่าสาบานอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า”

“ผมไม่ได้พูดเล่น ผมพูดจริงๆ ผมสัญญา ผมสาบานว่าจะไม่ทิ้งคุณไป ชาตินี้ผมจะไม่มีวันทิ้งคุณไป” น้ำเสียงและสีหน้าของณิชจริงจังไม่มีแววล้อเล่น เขาจ้องตาอีกฝ่ายในระยะใกล้เพราะฉะนั้นจีรัชญ์เห็นความตั้งใจของเขาได้อย่างแน่นอน

คนที่ทำตัวเป็นเบาะนอนให้อีกฝ่ายนั่งทับเงียบไปหลายนาที ความคิดตีกันให้วุ่น เขานับถือใจคุณปราณในชาตินี้ที่พยายามทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ผิดกับเขาที่เตรียมใจรับความสูญเสียตั้งแต่ครั้งแรกที่เจออีกฝ่ายแล้ว

“นะครับ เชื่อใจผมนะ” ณิชงัดไม้ตายของตัวเองออกมา เขาทำท่าออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยคิดจะทำกับใครมาก่อนนอกจากแม่ตัวเอง ซบลงกับอกกว้างแล้วถูแก้มไปกับแผ่นอกนั้น หวังเป็นอย่างมากว่าจีรัชญ์จะยอมใจอ่อนสักที

“ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่คุณคิดไว้ คุณจะรับผลมันไหวเหรอ” จีรัชญ์ถาม นิ้วเรียวเผลอยกขึ้นเกลี่ยแก้มอีกฝ่ายอย่างลืมตัว

“แต่อย่างน้อยขอแค่สักเสี้ยวช่วงชีวิตให้เรามีความสุขด้วยกัน เผื่อวันที่โหดร้ายนั้นมาถึงเราก็จะได้มีช่วงเวลาดีๆ เก็บไว้เป็นความทรงจำไงครับ”

ฟังมาถึงตรงนี้จีรัชญ์ถึงกับจุกตื้อในอก เขาคิดแต่ว่าตัวเองสูญเสีย คิดแต่ว่าต้องเสียใจและทรมานอยู่ฝ่ายเดียว คิดแต่จะเตรียมใจรอวันที่ยังมาไม่ถึง แต่เขาลืมไปเลยว่าครั้งหนึ่งเขาเคยมีความสุขกับคุณปราณมากแค่ไหน

“อืม” หลังจากเงียบอยู่นานชายหนุ่มตอบรับอย่างเห็นด้วยในลำคอ ณิชยิ้มกว้างก่อนจะเลื่อนไปกระซิบใกล้ๆ หู

“ถ้างั้น...เรามาสร้างความสุขไปด้วยกันนะครับ”





โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๕/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๔ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: evanescence_69 ที่ 05-01-2021 06:41:59
มาแต่เช้าเลย
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๕/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๔ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 05-01-2021 19:43:58
ขอให้คุณผอบ มีความสุขตลอดปีฉลูและตลอดไป

มีสุขภาพกาย ใจ ที่แข็งแรง

พร้อมที่จะมอบเรื่องราวที่น่าอ่าน ให้กับผู้อ่าน ด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๕/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๔ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 05-01-2021 22:10:10
คุณณิชหรือคุณปราณชาติปัจจุบันนี่เข้มแข็งดีจัง. ขอให้ชนะใจหาญให้ยอมลองฝ่าฟันด้วยกันไปเถอะนะ อาจจะพ้นคำสาปในชาตินี้ก็ได้
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๕/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๔ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-01-2021 00:13:59
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๕/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๔ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 06-01-2021 08:44:40
มามีความสุขไปด้วยกัน :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๕/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๔ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 06-01-2021 10:44:39
บทที่ ๒๕ (ครึ่งแรก)



ความรู้สึกของณิชตอนนี้เหมือนประตูบานสุดท้ายถูกเปิดออกแล้ว ความพยายามของเขาที่ผ่านมาตลอดทั้งเดือนกำลังส่งผลที่พึงพอใจเป็นที่สุด รสจูบที่โหยหาและปรารถนาจากคนตัวโตกำลังปรนเปรอให้เขาไม่หยุด เสียงหอบหายใจกระเส่าของคนสองคนที่กอดรัดนัวเนียกันอยู่บนเตียงหลังกว้าง เสื้อผ้าถูกปลดเปลื้องออกจากกายของทั้งคู่จนไร้อาภรณ์ใดปกปิด ความสุขที่ต่างฝ่ายต่างโหยหาค่อยๆ ก่อตัวขึ้นทีละน้อยจนแทบระเบิดจากอก

จีรัชญ์พลิกร่างที่เล็กกว่าให้นอนราบไปกับเตียง เขาพรมจูบไปทั่วตัวคนใต้ร่างด้วยใจที่กำลังเป็นอิสระ เขายอมเปิดใจอีกครั้งเพื่อเก็บรักษาความสุขเสี้ยวนี้ไว้ลบความทรงจำที่เลวร้าย เผื่อในวันข้างหน้าพวกเขาจะต้องจากกันจะได้มีส่วนความทรงจำที่ดีไว้คิดถึงกันอีกครั้ง

“อ๊ะ...” ณิชร้องเสียงแผ่วเมื่อจุกเล็กๆ ที่อกโดนลิ้นร้อนตวัดเลีย ความซ่านสยิวแล่นพล่านไปทั่วกายจนต้องเกร็งจิกปลายเท้า รูปร่างสูงใหญ่ของจีรัชญ์แทรกอยู่ตรงหว่างขา โดยที่ส่วนกลางกายของคนทั้งคู่กำลังเสียดสีไปมาทำให้ส่วนนั้นตื่นขึ้นลำ

จีรัชญ์ยิ้มกริ่มเมื่อณิชที่กำลังอ่อนระทวยใต้ร่างเขากอดไว้ไม่ยอมปล่อย ดวงตาสวยฉ่ำปรือแสดงถึงความปรารถนาที่อยู่ในใจจนแทบล้นอก เขาจูบอีกฝ่ายเบาๆ จนณิชครางอืออาในลำคอ น้ำลายเปรอะเปื้อนออกมาที่มุมปากเล็กน้อย เขาใช้นิ้วโป้งเช็ดให้ก่อนจะใช้อีกมือเลื่อนลงไปกุมส่วนนั้นของณิชและออกแรงสาวรูด

“อ่า...คุณ...อื้ม” ณิชหลับตามพริ้มเพื่อรับรู้สัมผัสที่จีรัชญ์กำลังทำให้เขาสุขสม ระหว่างนั้นผิวที่ขาก็สัมผัสกับแท่งอุ่นที่เหยียดขยายตื่นเต็มลำเช่นเดียวกัน เขามองสบตาคนที่อยู่บนร่างก่อนจะยิ้มให้ โดยมือก็ไต่ไปตามตัวจีรัชญ์แล้วหยุดลงที่ส่วนกลางกายของอีกฝ่าย

เขารูดรั้งส่วนนั้นให้จีรัชญ์เหมือนที่จีรัชญ์ทำให้กับเขา ใบหน้าที่เคยนิ่งขรึมแปรเปลี่ยนเป็นไปกลายเป็นใบหน้าของคนที่มีความต้องการ แววตาราวสัตว์ป่าหื่นกระหายทำให้ณิชถึงกับใจเต้นไม่เป็นส่ำ เขาจึงผลักร่างจีรัชญ์ให้นอนลงส่วนตัวเองขึ้นคร่อมอีกฝ่ายไว้

“ครั้งนี้ผมขอทำเองนะ เป็นรางวัลให้เด็กดี” เขาก้มลงกระซิบบอก ไหนๆ จีรัชญ์ก็ยอมเปิดใจให้แล้วเขาก็อยากให้รางวัลสักหน่อย

จีรัชญ์กระตุกยิ้มมุมปากกับความก๋ากั่นของคนชอบซน เขาจึงนอนให้ณิชทำตามใจต้องการ หนุ่มเมืองกรุงเลื่อนตัวลงไปหยุดที่ส่วนกลางกายของจีรัชญ์ที่กำลังแข็งขึงอยู่ในขณะนี้ จับประคองส่วนนั้นขึ้นมาก่อนจะใช้ปากครอบลงไปพร้อมแรงดูดเบาๆ

การกระทำนี้เรียกเสียงครางจากจีรัชญ์ได้เป็นอย่างดี คนตัวโตสูดปากคำรามในลำคอเป็นระยะๆ เมื่อรู้สึกถึงความเสียวซ่านราวจะปลดปล่อยให้ได้ เขาไม่รู้ว่าณิชเคยทำแบบนี้กับใครที่ไหนหรือไม่ แต่ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายช่ำชองมากทีเดียว

“คุณเคยทำแบบนี้หรือไง” อดใจไม่ไหวที่จะถาม จีรัชญ์หยุดหัวของณิชที่ผงกขึ้นลงอยู่กลางลำตัวเขา อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองพร้อมยิ้มกริ่ม

“เห็นแบบนี้ผมก็ดูหนังโป๊เป็นนะ อาจไม่ใช่แบบผู้ชายด้วยกันแต่ผมก็เอามาดัดแปลงได้ล่ะน้า” ณิชตอบพร้อมรอยยิ้มก่อนจะถาม “คุณชอบไหม”

คนถามถามไปแต่ไม่กล้าสบตา เพราะสายตาที่อีกฝ่ายมองมาเหมือนกำลังชมเชยเขาแม้ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาก็ตาม

“ชอบครับ ชอบมาก” จีรัชญ์ตอบย้ำชัดทุกคำให้ณิชได้ยิน มือกร้านลูบหน้าหวานแผ่วเบาด้วยความทะนุถนอม แสงจันทร์สลัวๆ ทำให้เขามองเห็นหน้าณิชไม่ชัดนักจึงเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียง เพียงเท่านี้เขาก็เห็นใบหูที่แดงจัดของณิชได้เต็มตา

รอยยิ้มอบอุ่นของผู้ชายตัวโตทำให้ณิชอายม้วน เขาไม่กล้าสบตาหวานๆ ของจีรัชญ์อีก มือที่กอบกุมส่วนนั้นไว้ก็เผลอหยุดขยับไปด้วยเพราะความเขิน จีรัชญ์จึงกุมมือณิชไว้แล้วขยับรูดรั้งต่อ

“ทำเถอะครับ ผมอยากให้คุณทำให้อีก”

มาตอนนี้ไอ้หาญเดินหน้าเต็มที่ หลังจากทลายกำแพงที่หัวใจของตัวเองแล้วก้าวออกมาเจอคุณปราณอีกครั้ง ฝ่ายคนที่อ้อนวอนก็พร้อมสนองเขาจนแทบอดใจไม่ไหวอยากสอดใส่เข้าไปในตัวอุ่น

จีรัชญ์ลุกขึ้นมานั่งจนหน้าใกล้กับอีกฝ่าย เขามอบจุมพิตดูดดื่มให้คนที่กำลังมัวเมากับรสสัมผัสที่เขามอบให้ด้วยนิ้ว นิ้วเรียวของจีรัชญ์แทรกเข้าช่องทางปิดสนิทเพื่อสำรวจ น้ำลายถูกใช้เป็นตัวช่วยในการเบิกทางในครั้งนี้ ณิชที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าแอ่นก้นรับมือใหญ่ที่กอบกุมบั้นทายตน

“ผะ...ผม...ผมอยากทำแล้ว” ณิชกระซิบบอกเสียงกระเส่าเมื่อความต้องการพุ่งขึ้นสูงจนไม่อาจฉุดได้ จีรัชญ์จึงยกร่างอีกฝ่ายขึ้นมาให้นั่งบนตัก ณิชยกก้นขึ้นเล็กน้อยเพื่อที่ตนจะได้นั่งลงไปตรงส่วนแข็งขืนของจีรัชญ์ได้

ลำลึงค์แท่งอวบพร้อมรออยู่ที่ช่องทางอุ่น มันค่อยๆ แทรกผ่านจีบที่กำลังขมิบรับแท่งเนื้อเข้าไปทีละน้อย ความเจ็บมันแทรกริ้วไปทั้งร่างแต่ไม่สามารถต้านความกำหนัดของคนทั้งคู่ได้ จีรัชญ์กัดฟันกรอดเมื่ออาวุธของตนกำลังแทรกเข้าไปในร่างณิช คนตัวเล็กพยายามข่มความเจ็บเต็มที่เพื่อผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้

“อื้อ...เข้าแล้ว” ณิชหลุดร้องบอกเสียงแผ่วเบาเพราะเขาก็ลุ้นกับตัวเองว่าจะทำได้ไหม จะถอดใจไปก่อนหรือเปล่า เพราะส่วนนั้นของจีรัชญ์ใช่ว่าจะขนาดน้อยๆ เสียเมื่อไหร่

จีรัชญ์รอให้ณิชพร้อมอีกสักหน่อยก่อนที่จะขยับตัว เขาพรมจูบไปทั่วใบหน้าหวาน แผ่นหลังที่เปลือยเปล่าโดนเขากอดรัดไว้และแปะป่ายมือไปทั่ว พอๆ กับณิชที่เบียดตัวเข้าหาเขาเช่นเดียวกัน

“ขยับเลยนะครับ ผมไม่ไหวแล้ว” จีรัชญ์กระซิบบอกพร้อมกับหอมแก้มณิชไปฟอดใหญ่ จีรัชญ์เริ่มขยับสะโพกทีละน้อย แม้ท่านี้คนที่เป็นเบาะรองอยู่ข้างใต้จะขยับได้ไม่ถนัดนัก แต่ณิชก็พร้อมให้ความร่วมมืออย่างดี เขากระดกก้นขึ้นลงช้าๆ ก่อนจะเร่งจังหวะขึ้นเมื่อส่วนนั้นมันลื่นไหลตอบรับกับจีรัชญ์ได้เป็นอย่างดี

จีรัชญ์ไม่ปล่อยให้ตัวเองมีความสุขเพียงคนเดียว เขาสาวรูดส่วนนั้นของณิชที่กำลังเบียดเสียดสีกับหน้าท้องเขาไปด้วย ณิชครางไม่ได้ศัพท์เพราะความเสียวซ่านที่มี แรงตอดรัดของช่องทางอุ่นทำจีรัชญ์แทบคลั่ง ไม่มีเสียงพูดใดๆ จากปากคนทั้งสองนอกจากเสียงหอบกระเส่าจากกิจกรรมที่ทำกันอยู่

เตียงสี่เสาลั่นเอี๊ยดอ๊าดเบาๆ ตามจังหวะโยกกายที่หนักหน่วง ณิชไม่เคยคิดว่าตนจะได้ร่วมรักกับคนรักในท่านี้ มันทั้งลึกสุดลำและเสียวซ่านสุดใจ ลมเย็นๆ ของย่ามค่ำคืนพัดผ่านเข้ามาคลายร้อนได้บ้าง แต่มันก็ไม่สามารถลดความเร่าร้อนของคนทั้งสองลงได้

จีรัชญ์หยุดจังหวะก่อนจะพลิกตัวณิชให้นอนลง เขาเดินเครื่องเต็มกำลังสอดใส่ตอกกระแทกกายเข้าหาไม่ออมแรง ช่องทางของณิชกลืนกินตัวตนของเขาเข้าไปทั้งหมด ความต้องการที่มีพลุ่งพล่านจนไม่อาจยับยั้งกำลังได้อีก จากที่ให้ณิชได้คุมเกมกลายเป็นจีรัชญ์กลับมาคุมเองทั้งหมด จังหวะสอดใส่ที่รัวเร็วทำณิชต้องเอาหมอนอุดปากกลั้นเสียงร้องครางของตัวเองไว้

สองขาเรียวถูกยกพาดขึ้นบนไหล่กว้าง จีรัชญ์จูบประทับรอยไปบนต้นขาทั้งสองข้างจนเกิดรอยกุหลาบไปทั่ว ส่วนอ่อนไหวของณิชกระดกไปมาเมื่อร่างเขาโดนจีรัชญ์กระแทกใส่ไม่ยั้ง จนในที่สุดความเสียวซ่านก็พาพวกเขามาถึงจุดสุดยอด จีรัชญ์เร่งเครื่องให้ช่องทางอุ่นตอดรัดเขารัวๆ อีกไม่กี่ครั้งก็ฉีดพ่นน้ำรักออกมาใส่ในตัวณิช ส่วนณิชเองก็ปลดปล่อยออกมาเช่นกันแม้ไม่ได้แตะต้องส่วนนั้นของตนเองเลย

“ถ้าผมต่อคุณจะไหวไหม” จีรัชญ์ถามเผื่อไว้แม้ตัวตนของเขาจะยังไม่ถอนกายออกเลยก็ตาม

“ดะ...เดี๋ยวก่อนครับ ขอพักก่อนนะ”

“ไหนบอกจะให้รางวัล”

“ก็ผมไม่คิดว่าคุณจะอยากได้รางวัลหลายรอบนี่” ณิชบอกเสียงแหบแห้ง จีรัชญ์หัวเราะหึก่อนจะโน้มตัวลงจูบหน้าผากคนที่นอนหมดแรง เขาถอนกายออกจนของเหลวสีขาวขุ่นที่เขาเพิ่งปล่อยใส่ตัวณิชไปไหลย้อนออกมาด้วย

ณิชมองการกระทำของคนที่ละเอียดอ่อนและดูแลเขาดีเสมอมาไม่ว่าครั้งไหนๆ จีรัชญ์เอาผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดคราบที่เลอะบนตัวเขาออกให้หมด ช่องทางหลังของเขาขมิบเบาๆ เมื่อโดนผ้าอุ่นๆ ซับให้ ตอนนี้มันคงแดงช้ำไม่น้อยแต่เขาไม่สน เพราะความสุขสมที่ได้รับมันล้นอกจนแทบลืมความเจ็บไปทั้งหมด

::::::::::::

เสียงนกที่ไหนไม่รู้ร้องเสียงดังราวกับต้องการปลุกคนที่นอนอุตุอยู่ใต้ผ้าห่มให้ตื่นรับอรุณ ณิชค่อยๆ ปรือตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อคิดได้ว่าตนอยู่ที่ใด บนเอวเขามีแขนล่ำกอดเกี่ยวอยู่ก่อนจะหันไปเจอคนที่นอนหลับซ้อนหลังกัน เขารู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้ารู้ว่าใช้วิธีนี้หลอกล่อจีรัชญ์ได้ผลเขาคงใช้ไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาเป็นเดือนๆ แบบนี้หรอก

เมื่อคืนจีรัชญ์ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ากับเขาต่อเพราะจีรัชญ์กลัวว่าช่องทางหลังของเขาจะรับไม่ไหว พวกเขาจึงนอนกอดก่ายกันจนหลับไปด้วยกันทั้งคู่ ตอนนี้นาฬิกาที่ฝาผนังบอกว่าเป็นเวลา 7 โมงเช้าแล้ว วันนี้เขามีงานกับช่วงจรูญ แต่สภาพนี้ไม่ว่าจะพยายามรีบอย่างไรก็ทำได้มากกว่าเต่าคลานแค่หน่อยเดียว

“อืม...จะไปอาบน้ำเหรอครับ” จีรัชญ์ถามทั้งที่ยังไม่ลืมตาและมือพาดกลับมารัดตัวณิชที่กำลังจะลุกจากเตียง

“ครับ วันนี้ผมนัดช่างจรูญไว้ตอนเช้า ต้องรีบแล้วเดี๋ยวช่างมาไม่เจอผมจะโดนว่าเอา”

“อืม”

จีรัชญ์ตอบในลำคอก่อนจะปล่อยอีกฝ่ายให้ไปอาบน้ำในห้องน้ำของเขา แต่ณิชคงลืมไปว่าตนเองนั้นไม่มีเสื้อผ้าอยู่ที่ห้องนี้เลย เขาจึงต้องใส่เสื้อคลุมของจีรัชญ์แล้วกลับไปใส่เสื้อผ้าที่ห้องตนเอง แต่เมื่อออกจากห้องจีรัชญ์มาก็พบกับมิ้งที่กำลังออกจากห้องนอนของตัวเองพอดี

สายตาล้อเลียนของหญิงสาวปิดไม่มิด วิญญาณของไอ้มั่นค่อยๆ ปรากฏขึ้นข้างหญิงสาวพร้อมกับรอยยิ้มโชว์ฟันขาว ทั้งสามมองหน้ากันไปมาก่อนจะเป็นณิชที่รีบหนีเข้าห้องตัวเองไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นก็ลงมาข้างล่างพบกับจีรัชญ์และมิ้งรออยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว

จีรัชญ์มองคนที่ก้มหน้าละเลียดข้าวต้มหมูสับราวกับมันคืออาหารเช้าชั้นเลิศ แต่แท้จริงแล้วณิชกำลังเขินอายเป็นที่สุด ใบหูที่แดงจัดซ่อนอารมณ์ของอีกฝ่ายไม่มิตรจนเขาลอบยิ้มขำ ณิชเขินมากเพราะมิ้งเหลือบตามองเป็นระยะๆ แม้ไม่พูดอะไรแต่สายตาก็บ่งบอกชัดว่าล้อเลียนรุ่นพี่ของตน

“วันนี้ผมจะเข้าไปที่มหา’ ลัยสักหน่อยเพราะเขานัดประชุม ไม่แน่ใจว่าจะกลับกี่โมง ถ้ายังไงผมจะโทรมาบอกนะครับ”

“ครับ วันนี้พวกผมคงเก็บงานที่ห้องจัดเลี้ยงให้เสร็จ คุณกลับมาตรวจงานด้วยนะครับ” ณิชตอบก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่พูดกับเขา จากนั้นก็รีบหลบสายตาเพราะสบตาอีกฝ่ายแล้วเขาคิดถึงเรื่องเมื่อคืนจนทำอะไรไม่ถูกทุกที

มิ้งหรี่ตามองความเปลี่ยนแปลงของคนทั้งคู่ ปกติเวลาจีรัชญ์จะไปไหนมักพูดลอยๆ และไม่พูดรายละเอียดเยอะขนาดนี้ แต่นี่พูดราวกับผัวรายงานเมียว่าจะไปทำอะไรที่ไหนบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังรักษามารยาทไม่ถามอะไรกลางวงกินข้าว เพื่อไม่ให้บรรยากาศมันฟุ้งไปด้วยความรักมากไปกว่านี้

หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จช่างจรูญก็มาพอดี ณิชแยกออกไปทำงานส่วนจีรัชญ์ขึ้นไปเตรียมเอกสารเพื่อจะเข้าไปประชุมที่มหา’ ลัยสักหน่อย ที่จริงเขาเป็นอาจารย์พิเศษไม่จำเป็นต้องเข้าประชุมก็ได้ แต่คณบดีไม่ยอมอยากให้ไปร่วมประชุมแผนการสอนด้วยกัน เขาจึงต้องยอมไปสักหน่อย

เมื่อลงมาข้างล่างเขาเห็นณิชกำลังคุยงานอยู่ จีรัชญ์ยืนมองคนที่ขยันทำงานและไม่เคยมีตอนไหนที่จะบกพร่องในหน้าที่ของตนเองเลยสักครั้ง ณิชทำงานได้ถูกใจเขาที่สุดสมกับที่แขไขแนะนำมา ไม่รู้ว่าเขาเผลอจ้องอีกฝ่ายนานแค่ไหนเพราะดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้ตัว ณิชหันไปคุยกับช่างจรูญอีกเล็กน้อยก่อนจะเดินมาหาเขา

“จะไปแล้วเหรอครับ” ณิชถามเมื่อเห็นว่าจีรัชญ์อยู่ในชุดพร้อมออกข้างนอก ในมือมีกระเป๋าเอกสารถืออยู่ด้วย

“ครับ” จีรัชญ์ตอบพลางเดินไปที่โรงจอดรถโดยมีณิชเดินตาม

“เย็นนี้คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม ถ้าผมเสร็จงานเร็วจะได้ทำให้กิน หลนเต้าเจี้ยวดีไหม เดี๋ยวผมให้ป้าแจ่มสอนให้รับรองว่าผมจะทำสุดฝีมือเลย”

จีรัชญ์ยิ้มขำที่ณิชทำราวกับเอาใจเขา ยอมรับเลยจริงๆ ว่าสกิลการจีบของณิชรุกหนักเสียจนเขาตั้งรับแทบไม่ทัน

“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะรีบกลับมากินฝีมือคุณ”

ณิชยิ้มกว้างเมื่อได้ฟังคำตอบก่อนจะส่งจีรัชญ์ขึ้นรถและมองอีกฝ่ายขับรถออกไปจนลับสายตา

“อะแฮ่มๆๆ ตกลงนี่คือยังไงกันคะ คบกันแล้วเหรอพี่” มิ้งถามด้วยความอยากรู้ ไอ้มั่นก็ไม่รอช้าปรากฏกายขึ้นข้างเจ้านายทันทีเพื่อรอฟังข่าวดี

“ก็...ไม่รู้สิ แต่ก็ถือว่าคุณจีรัชญ์เขายอมเปิดใจแล้ว”

“ง่อวววววว เขินเลยเนี่ยยยยย”

มิ้งเขินบิดตัวไปมาเพราะเธอก็ลุ้นกับคู่นี้ไม่ต่างกัน ในที่สุดก็ดูเหมือนจะสมหวังสักที ไอ้มั่นร้องไชโยเสียยกใหญ่ที่ไอ้เกลอมันยอมใจอ่อนให้เจ้านายมันเสียที ไม่เสียแรงที่คอยตามลุ้น

ณิชทำงานของตัวเองจนเสร็จ ได้คุยกับพี่โอ๋เรื่องงานใหม่ที่กำลังจะเข้ามาด้วย งานของคุณคนนั้นที่ล็อกตัวเขาไว้แล้วนั่นแหละ จากนั้นพอช่วงบ่ายคล้อยหลังจากทีมช่างจรูญกลับไปแล้วณิชก็เข้าครัวให้ป้าแจ่มสอนทำหลนเต้าเจี้ยวให้

“งานแม่บ้านก็มาจ้า แหมๆ เอาใจเขาขนาดนี้กลัวเขาไม่รู้เหรอว่ารักมากน่ะ” มิ้งได้ทีเอ่ยแซวหลังจากเห็นณิชเตรียมวัตถุดิบทำอาหารต่างๆ เองตั้งแต่ขั้นตอนแรก ป้าแจ่มและแม่บ้านในครัวยิ้มหัวเราะไปกับคำแซวนั้น

ตอนแรกพวกเธอเองก็ระแคะระคายเรื่องระหว่างจีรัชญ์กับณิช แต่เมื่อเช้าที่ได้เห็นสายตาหวานหยดระหว่างคนทั้งสองก่อนที่คุณจีรัชญ์จะไปทำงานก็พอเดาอะไรได้มากขึ้น ยิ่งทำอาหารเอาใจแบบนี้แสดงว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่คงเป็นไปในทางที่ดี

::::::::::::

“วันนี้คุณตรีดูอารมณ์ดีนะครับ” สุทินพูดกับคนที่ชวนตนออกมาทานกาแฟด้วยกันในช่วงเย็น เขาเพิ่งเลิกงานพอดีประจวบกับจีรัชญ์โทรหาจึงได้มาหาอะไรดื่มที่ร้านคาเฟ่ในเมือง

จีรัชญ์ไม่ตอบแต่ยกกาแฟขึ้นดูดไปอึกใหญ่ มุมปากที่ยกยิ้มนั้นทำสุทินถึงกับหลุดยิ้มกว้าง เขาพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องน่ายินดีอะไร

“คืนดีกับคุณณิชแล้วเหรอครับ ยอมใจอ่อนสักทีสินะ”

“เขาดื้อจนผมต้องยอม”

“ไม่ใช่เพราะว่ารักหรอกเหรอครับ เพราะรักมากจนห้ามใจตัวเองไม่ได้แล้ว” สุทินยังเอ่ยเย้าต่อทำเอาจีรัชญ์ถึงกับทำหน้าดุใส่

“ฮ่าๆๆ ครับๆ ไม่แซวแล้ว วันก่อนที่คุณณิชมาถามผมเรื่องที่ดินผมยังตลกไม่หาย ทำทีเป็นมาถามเรื่องที่ดินแต่จริงๆ จะถามวิธีเข้าหาคุณ เขาดูน่ารักมากๆ เลยนะครับ” สุทินเอ่ยชมแต่เขากลับได้รับสายตาดุๆ มาเป็นครั้งที่สอง

“แค่ชมนิดเดียวก็หึงเหรอครับ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะออกอาการ”

“ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกัน”

“อ๋อ ตอนนั้นยังไม่แสดงอาการเพราะเก๊กอยู่ แต่ตอนนี้เก๊กไม่ไหว...โอ๊ย!” สุทินโดนอาจารย์พิเศษมหา’ ลัยเตะเข้าที่ขาผ่านใต้โต๊ะ แต่เขากลับไม่รู้สึกโกรธติดจะขำจีรัชญ์เสียมากกว่า คนอะไรจะหึงหวงทั้งทีก็มีมาด







โปรดติดตามส่วนต่อไป

สวัสดีปีใหม่นักอ่านทุกคนนะคะ
ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ไม่แย่กว่าปีที่แล้วค่ะ สาธุ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๖/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๕ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 06-01-2021 16:35:22
ขอให้ทั้งสองคนทำลายคำสาปได้ในชาตินี้นะ
———-
สวัสดีปีใหม่ครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๖/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๕ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 06-01-2021 22:02:11
มั่น เอ้ยยยยย

ทำไมไม่แอบดู ตอนเค้า XXXX กันล่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๖/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๕ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 07-01-2021 19:27:16
ไอ้หาญหึงเมีย :laugh:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๖/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๕ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 07-01-2021 23:29:55
แหมมมมคุณจีรัญช์พอว่าได้ยอมรับและเปิดใจนี่หึงใหญ่เลยนะคะ 5555 มันดี๊ต่อใจจจจจจจจจจเป็นที่สุด  :oo1: :impress2: :-[ :o8: ลองดูเนอะชาตินี้จะเป็นยังไงก็ว่ากัน ใช่ไหมณิช บ่ยั่นค่าาา 55555 ตอนจีบกันไปมานี่เขินไม่ไหว คุณปราณซะอย่าง ไอ้หาญชาติไหนรึจะรอด เอาใจกันรัวๆเลย โอ๊ยยอิจฉา 55  :katai2-1: ขอบคุณนะคะที่มาต่อยาวๆเลย และสวัสดีปีใหม่นะคะ  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4: :pig4: รอตอนต่อไปเลย
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๖/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๕ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-01-2021 09:15:46
ไอ้หาญยอมเปิดใจสักที
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๖/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๕ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 08-01-2021 18:44:42
เป็นกำลังใจให้เสมอ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๖/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๕ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-01-2021 18:10:54
ดูท่านิชจะทำให้หาญเปิดใจได้ทีละน้อยแล้วล่ะนะ

สวัสดีใหม่ค่ะไรท์ ขอให้สุขภาพแข็งแรง สมหวังทุกประการนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๖/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๕ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 09-01-2021 22:06:52
กรี๊ด คิดถึงคุณผอบมากๆๆ แต่การบ้านเยอะมากๆๆๆๆ
เป็นของขวัญปีใหม่ที่ดีจังเลยค่ะ คุณเค้าใจอ่อนแล้วว แง  (+nc ที่ฟินสุดใจ)

ปล.สวัสดีปีใหม่นะคะ ขอให้แต่งนิยายอย่างมีความสุข สุขภาพแข็งแรงตลอดปี และมีความสุขในทุกวันนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๖/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๕ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 27-01-2021 18:34:47
บทที่ ๒๕ (ครึ่งหลัง)


จีรัชญ์นั่งคุยกับสุทินต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะขอตัวกลับ เพราะข้อความเด้งเตือนในมือถือว่ามื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนทำดูจะกระตือรือร้นไม่น้อยถึงขนาดส่งข้อความมาบอกแบบนี้ แสดงว่าป้าแจ่มคงเปิดตำราสอนสุดฝีมือ

“เอาไว้ถ้าผมว่างๆ จะเข้าไปนะครับ ช่วงนี้งานเยอะจนอยากจะลาออกทุกวันเลย”

“ทำไปก่อนสิ ฉันยังต้องพึ่งนาย”

“ยังต้องพึ่งอีกเหรอครับ แทบไม่มีที่ดินให้ซื้อไว้ปลูกผลไม้แล้วนะ ถ้ามากกว่านี้ผมเกรงว่าคนใหญ่คนโตในจังหวัดเขาจะจับสังเกตเอาได้ เพราะเท่าที่คุณตรีถือครองอยู่ก็เยอะแล้วนะครับ” สุทินพูดเสียงเครียด

“ถ้าชาตินี้ฉันยังไม่หลุดพ้น ซื้อสะสมไว้ก็คงไม่เสียหาย ในอนาคตไม่รู้เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร อย่าลืมว่าฉันต้องอยู่อีกนาน” คำพูดจีรัชญ์ทำสุทินเงียบไป ก่อนเจ้าตัวจะพยักหน้าเห็นด้วยเบาๆ

“คุณยังไม่วางใจเรื่องคุณณิชอีกเหรอครับ”

“ฉันเปิดใจให้เขา แต่ไม่ได้หมายความว่าเรื่องราวระหว่างเรามันจะจบ”

::::::::::::

จีรัชญ์กลับมาถึงวังปริพัตรในเวลาต่อมา เมื่อขับรถผ่านรั้วสูงตระหง่านเข้ามาแล้วก็พบว่ามีชายหนุ่มยืนชะเง้อคออยู่ที่หน้ามุขของตัวตึก เขาหลุดยิ้มในทันทีเมื่อเห็นท่าทางของณิชที่กำลังยืนรอเขา เมื่ออีกฝ่ายเห็นรถของคนที่รอขับเข้ามาก็ยิ้มกว้างในทันที

“ผมคิดว่าคุณจะลืมมื้อเย็นไปแล้ว”

“ไม่ลืมหรอกครับ มีคนส่งข้อความเตือนตลอดเลย” ณิชยิ้มขำกับคำแซวนั้นก่อนจะเดินนำจีรัชญ์เข้าตึกไป

อาหารมื้อเย็นพร้อมแล้ว มิ้งบอกว่าเธออยากลดความอ้วนจึงทานไปตั้งแต่ 4 โมง ทั้งที่จริงต้องการให้รุ่นพี่ของเธอได้มีเวลาร่วมกับจีรัชญ์เพียงแค่สองคนมากกว่า ป้าแจ่มเห็นหญิงสาวจดๆ จ้องๆ อยู่แถวห้องรับประทานอาหารเธอจึงมาหยุดยืนข้างๆ จึงได้เข้าใจว่ามิ้งกำลังแอบดูณิชกับจีรัชญ์ที่กำลังนั่งกินมื้อเย็นด้วยกัน

“คุณเขาดูเหมาะสมกันนะคะ ป้าไม่เคยเห็นคุณตรีดูมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย”

“หนูก็ไม่คิดว่าคนใจแข็งเป็นหินอย่างคุณตรีจะโดนพี่หนูจีบจนติดเหมือนกันค่ะ” มิ้งว่าก่อนจะหัวเราะคิกคักกับตัวเอง นับถือในความพยายามของณิชจริงๆ ที่อดทนมาจนมีวันนี้

“เป็นยังไงครับ พอกินได้ไหม” ณิชถามคนที่ตักหลนเต้าเจี้ยวเข้าปากไปพร้อมกับข้าวและไข่ต้มแบบพอดีคำ เขารอลุ้นใจจดจ่อว่ากรรมการชิมอาหารแล้วจะให้ผ่านไหม เพราะตอนเขาทำเสร็จใหม่ๆ ป้าแจ่มก็บอกว่าอร่อยแล้ว แต่เขาอยากให้จีรัชญ์ยืนยันให้แน่ใจอีกสักครั้ง

“อร่อยครับ อร่อยมาก”

คำชมพร้อมแววตาหวานซึ้งทำณิชเขินจนหูขึ้นสีแดงจัด รอยยิ้มกว้างของหนุ่มเมืองกรุงทำให้จีรัชญ์ต้องยิ้มตาม เอ็นดูในความลุ้นคำตอบของณิชที่คาดหวังจากเขามาก ซึ่งรสชาติอาหารที่เขาได้ชิมก็อร่อยอย่างที่บอกจริงๆ

ระหว่างนั่งกินมื้อเย็นไปณิชอัปเดตเรื่องงานให้จีรัชญ์ฟังว่าเขาได้ทำงานเสร็จแล้ว เหลือแค่ให้จีรัชญ์ตรวจงานเท่านั้นก็เป็นอันเสร็จหน้าที่ แต่หากจะมีอะไรแก้เพิ่มเติมก็บอกได้เลยเพราะตนยินดีแก้ให้

“แบบนี้แสดงว่าคุณใกล้จะกลับกรุงเทพฯ แล้วงั้นสิ” จีรัชญ์ถามเมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว คนฟังถึงกับหน้าเจื่อนไปทันที

“ผมไม่อยากกลับ” ณิชพูดเสียงหงอยๆ งานตอนนี้เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีอะไรให้ทำแล้ว ช่างจรูญทำงานดีเกินไปจนเขาแทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะทีมช่างคนนี้ทำงานได้เร็วออกมาตรงแบบที่วางไว้ที่สุด และจีรัชญ์ก็ดูพึงพอใจในคุณภาพของงานด้วย

“แต่คุณต้องกลับไปทำงาน” จีรัชญ์พูดต่อ นึกอยากแกล้งคนที่กำลังทำหน้าหงอยเพื่อให้เขาเอ่ยรั้งไม่ให้ตนกลับไป

“แต่ผมไม่อยากกลับไปไง” ณิชเอ่ยย้ำ อยากให้จีรัชญ์รั้งเขาไว้สักหน่อย แค่อีกฝ่ายเอ่ยปากบอกว่าอย่าไปได้ไหมเขาก็พร้อมที่จะอยู่ที่นี่ทันที

“คุณแขไขคงไม่ยอมหรอก” จีรัชญ์ยังแกล้งต่อ ซึ่งนั่นทำให้หน้าของคนฟังหุบทันที จากหงอยกลายเป็นเริ่มบึ้งตึงดูไม่สบอารมณ์ ณิชเงียบไม่ต่อความต่อ เขาหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มจนเกือบหมดก่อนจะยกจานข้าวที่กินเสร็จแล้วของจีรัชญ์มารวมกับของตน

ป้าแจ่มที่แอบมองอยู่ตั้งแต่แรกเดินเข้ามาเก็บโต๊ะเมื่อเห็นว่ามื้อเย็นของคนทั้งสองผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความเงียบทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัดราวกับก่อนหน้านี้คนทั้งสองไม่ได้มีบรรยากาศดีๆ ร่วมกัน เธอจึงรีบจัดแจงเรียกแม่บ้านมาช่วยเก็บโต๊ะให้เรียบร้อย

“ผมขอตัวก่อนนะครับ” ณิชรอจนกระทั่งแม่บ้านมายกกับข้าวและจานชามไปจนหมด เขาจึงพูดและเดินหนีออกจากห้องทานอาหารไป จีรัชญ์อมยิ้มมองตามพลางส่ายหน้าหน่อยๆ

“มึงจะแกล้งคุณปราณไปไย ประเดี๋ยวก็ทะเลาะกันจนเป็นเรื่อง” ไอ้มั่นอดรนทนไม่ได้ถึงกับเอ่ยปาก หากมันมีกายหยาบก็อยากจะเขกหัวไอ้เกลอรักสักที

“เดี๋ยวก็หายงอน ปล่อยไปเถอะ”

“ถ้าเกิดไม่หายกูจะขำให้ฟันร่วง ดูซิมึงจะยังหน้าระรื่นได้แบบนี้หรือไม่”

ว่าจบไอ้มั่นก็หายตัวไปโผล่ข้างณิชที่ตอนนี้นั่งอยู่ที่ศาลา แสงไฟจากเสาที่อยู่ตามมุมต่างๆ ของบริเวณริมสระบัวให้แสงสว่างนวล ลมแย็นพัดโบกพอให้คลายร้อนในเวลาใกล้ค่ำ ณิชเปิดโทรศัพท์ให้เล่นเพลงกล่อมตัวเอง เพื่อปัดความคิดความน้อยใจที่มีต่อจีรัชญ์ออกไป เขาไม่อยากทำตัวงี่เง่า แต่ทำอย่างไรได้...เขาอยากอยู่กับจีรัชญ์ที่นี่

“คุณปราณขอรับ” ไอ้มั่นเรียกเจ้านายเสียงอ่อนก่อนจะนั่งลงข้างกัน ณิชเงยหน้าขึ้นมองดวงวิญญาณที่ทำตัวราวผู้พิทักษ์เขาก่อนจะยิ้มให้

“มีอะไรเหรอมั่น”

“อย่าไปถือไอ้หาญมันเลยขอรับ ไอ้บ้านั่นมันก็แค่แกล้งคุณปราณ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณปราณเสียใจนะขอรับ”

“เขาสั่งให้มาพูดเหรอ”

“มิได้ขอรับ แต่บ่าวรู้จักเพื่อนของบ่าวดีขอรับ”

“หึ! เพื่อนของมั่นอาจจะไม่อยากให้ผมอยู่จริงๆ ก็ได้ ต่อให้เขาเปิดใจให้ผม แต่ก็ใช่ว่าเขาจะยอมผมหมดทุกอย่าง”

“โถ... อย่าตัดพ้อกันแบบนั้นเลยขอรับ ประเดี๋ยวบ่าวจะไปจัดการมันให้เอง คุณปราณอยากให้บ่าวสั่งสอนมันเยี่ยงไรขอรับ” ไอ้มั่นอาสาแข็งขัน ต่อให้ไอ้หาญคือเพื่อนรักของมัน แต่หากต้องให้เลือกข้างมันก็ขอเลือกอยู่ข้างเจ้านายเสียดีกว่า

ณิชยิ้มขำกับท่าทางจริงจังของมั่นที่ออกตัวว่าพร้อมจะอยู่ข้างเขาเสมอ อารมณ์ที่เคยหน่วงในอกและน้อยใจก่อนหน้านี้ค่อยๆ เลือนหายไป เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ปล่อยอารมณ์ไปกับเพลงเก่าที่เปิดขับกล่อม

เพราะอยู่กับแม่แค่สองคน แม่เขาชอบเพลงลูกกรุงเก่าๆ เขาจึงติดหูฟังมาตั้งแต่เด็ก ส่วนใหญ่ก็ฟังวนอยู่เพลงเดิมๆ ซ้ำๆ ที่เคยฟัง เขาหลับตาลงคิดถึงใบหน้าของสาววัยกลางคนที่อยู่ในความทรงจำ แต่พอลืมตาขึ้นมาอีกทีก็พบว่าจีรัชญ์ยืนอยู่ตรงหน้า แทนที่จะเป็นมั่นที่นั่งเป็นเพื่อนเขา

“คุณฟังเพลงแนวนี้ด้วยเหรอ” จีรัชญ์ถามเสียงเรียบหากแต่ในใจก็ลุ้นคำตอบที่จะได้ยิน เพราะหากณิชจำเรื่องราวของชาติที่แล้วได้ ก็แสดงว่าคุณปราณในชาตินี้แตกต่างจากชาติก่อนอยู่มาก เพราะคุณปราณในชาติก่อนจดจำเรื่องราวในอดีตระหว่างเขาสองคนได้ไม่มากเท่าไหร่นัก

“ก็ชอบนะครับ มันเพราะดี เมื่อก่อนแม่ชอบเปิดฟังตอนเช้าๆ” ณิชตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อน แต่คนฟังกลับรู้สึกหน่วงในอกเพราะความหวังที่ผุดขึ้นมาเพียงเสี้ยววิว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไป

จีรัชญ์ปัดความรู้สึกนั้นออกก่อนจะนั่งลงข้างคนตัวเล็กกว่า ณิชมองหนุ่มข้างกายก่อนจะเอนหัวลงซบไหล่กว้าง จีรัชญ์นั่งเป็นหลักให้อีกฝ่ายนั่งซบ ไม่ได้ผลักออกหรือทำตัวเลี่ยงหลบแต่อย่างใด ก่อนจะเป็นเขาเองที่หยิบมือถือของณิชมาแล้วเลือกเพลงเพลงหนึ่งให้เปิดเล่น

“เพลงจงรัก เพลงนี้เพราะมากเลย” ณิชพูดอย่างคนที่ได้ยินเพลงนี้บ่อยๆ เพราะมันคืออีกหนึ่งเพลงที่ความหมายลึกซึ้ง ความหมายของเนื้อเพลงทำให้เขาเคยคิดว่าอยากถูกใครสักคนมาหลงรักแบบนี้

“ผมเจอคุณครั้งแรกตอนคุณเล่นเปียโนเพลงนี้” จีรัชญ์พูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน ในระหว่างนั้นมีณิชฮัมเพลงร้องตามไปด้วย คนที่นั่งซบไหล่เขาอยู่เงยหน้าขึ้นมองทันทีด้วยใบหน้าสงสัย

“หม่อมราชวงศ์ปราณันต์ ปริพัตร เล่นเปียโนเพลงจงรักเพราะมาก”

ณิชถึงกับไปไม่เป็นเมื่อได้ฟังประโยคต่อมาของจีรัชญ์ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องราวในอดีตออกมาแบบนี้ ซึ่งมันทำให้เขาอยากรู้มากยิ่งขึ้นว่าชาติที่แล้วเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขาสองคน

“คุณเล่าเรื่องชาติก่อนให้ผมฟังหน่อยสิ ผมอยากรู้”

“จะรู้ไปทำไม มันคืออดีต”

“อ่าว! ทีเมื่อกี๊คุณยังพูดอยู่เลย”

“ผมแค่อยากบอกว่าคุณเคยเล่นเปียโนเพลงนี้ก็เท่านั้น”

“อะไรกัน ชอบมายั่วให้อยากแล้วจากไปทุกที” ณิชเบ้ปากด้วยอารมณ์เบื่อหน่ายที่จีรัชญ์ยังหวงเรื่องอดีตไม่ยอมปริปากพูดออกมาทั้งหมดสักที ยิ่งอีกฝ่ายทำแบบนี้เขายิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่

“คุณรู้เพียงแค่...คุณในตอนนั้นกับคุณในตอนนี้ไม่เหมือนกันก็พอ” จีรัชญ์พูดเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะงอนจริงจัง หน้าตาเริ่มเรียบนิ่งจนพาให้บรรยากาศที่มีเพลงลูกกรุงขับกล่อมเริ่มเปลี่ยนไป

“ไม่เหมือนยังไง หน้าตาเหรอครับ”

จีรัชญ์หันมองคนที่จ้องเขาตาแป๋วอย่างรอคำตอบ เขาพินิจพิจารณาใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบ

“หน้าตามีเค้าความคล้าย โดยเฉพาะดวงตาคู่นี้ที่ทำให้ผมจำคุณได้ แต่นิสัยไม่เหมือน”

“อ่า...ชาติก่อนผมเป็นผู้ดีมากเลยสิ เป็นถึงหม่อมราชวงศ์ แล้วดูตอนนี้สิ เป็นสถาปนิกทำงานงกๆ ให้กับเจ้าของวังที่รวยมากแถมยังใจแข็งอย่างกับหิน” คำพูดแกมประชดประชันแต่ไม่ได้ใส่อารมณ์มากนักทำจีรัชญ์มีรอยยิ้มที่มุมปาก

“ตอนคุณเป็นคุณปราณ คุณจะเรียบร้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น แต่เมื่ออยู่ด้วยกันคุณมีเสน่ห์ยั่วยวน ตอนคุณเป็นคุณชายปราณ คุณเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย ไม่ว่าจะต่อหน้าคนอื่นหรือตอนอยู่กับผม คุณเป็นคนที่อ่อนโยนมากๆ”

จีรัชญ์พูดราวกับเพ้อออกมายามนึกถึงอดีตของตนที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนรัก ณิชมองใบหน้าที่กำลังอมยิ้มดูมีความสุขเมื่อพูดถึงอดีตแล้วก็ขมวคิ้วมุ่น สองมือเรียวยกขึ้นประคองแก้มอีกฝ่ายไว้แล้วเบี่ยงให้หันมามองตน

“แต่ตอนนี้คุณอยู่กับผม ห้ามคิดถึงคนอื่น ชาตินี้คุณอยู่กับผมนะ” อาการที่แสดงออกว่าหึงหวงของณิชไม่ได้อยู่ในความคิดของจีรัชญ์มาก่อน เขาอึ้งไม่น้อยจึงได้แค่มองตาอีกฝ่ายปริบๆ หัวใจที่เต้นอยู่ในจังหวะปกติเริ่มเต้นหนักหน่วงขึ้นทีละน้อย จนเขาคิดว่าณิชอาจได้ยินมันในนาทีใดนาทีหนึ่งแน่ๆ

“แต่คนอื่นที่ว่าก็คือตัวคุณเอง”

“แต่มันก็ไม่ได้เหมือนกันตลอดไม่ใช่เหรอครับ ตอนนี้คุณต้องอยู่กับปัจจุบัน และปัจจุบันของคุณก็คือผม” ณิชพูดน้ำเสียงจริงจัง เขาไม่ชอบเลยที่จีรัชญ์ทำตาหวานเยิ้มเมื่อพูดถึงคุณปราณหรือคุณชายปราณ อาจเพราะชาตินี้เขาไม่ได้ใช้ชื่อเล่นเหล่านั้น แต่เป็นชื่อณิชที่เป็นตัวของเขาเอง

จีรชญ์หลุดขำกับคนที่หึงได้แม้กระทั่งตัวเองในอดีต นี่ถ้าหาเขาไปผูกจิตผูกใจกับใครอื่นณิชจะไม่อาละวาดบ้านแตกเหรอ ถือว่าคุณปราณในชาตินี้เป็นการผสมระหว่างคุณปราณชาติแรกกับชาติที่สองได้อย่างลงตัว มีทั้งความเรียบนิ่งและร้อนแรงในคนเดียว และณิชก็มีความเป็นตัวของตัวเองที่ทำให้เขาประหลาดใจได้เสมอ

“คุณขำอะไร”

“ขำคนหึงตัวเอง”

“ผมไม่ได้หึง แค่ไม่ชอบให้คุณคิดถึงตัวตนเก่าของผม คุณจำทุกอย่างได้แต่ผมจำได้แค่ครึ่งเดียว มันไม่ยุติธรรมเลย” ณิชเบ้ปากด้วยอารมณ์เซ็งจัด ถ้าเขาเป็นเด็ก 5 ขวบก็คงลงไปนอนชักดิ้นชักงอบนพื้นเพื่อร้องเอาแต่ใจจากจีรัชญ์แล้ว

จีรัชญ์ใช้มือใหญ่ของตัวเองลูบกลุ่มผมนุ่มบนหัวนิดเบาๆ ก่อนจะรั้งอีกฝ่ายมาหอมกระหม่อมเพื่อปลอบใจคนที่กำลังงอแง ณิชยื้อตัวออกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแอบทำอะไรแบบไม่ให้เขาได้ตั้งตัว แสงสว่างจากเสาไฟริมสระบัวทำให้จีรัชญ์ได้เห็นหน้าแดงๆ ของอีกฝ่ายที่กำลังเขิน

“ทำอ่อนโยนใส่ผมทุกทีเลยนะครับ คอยดูนะ ในเมื่อคุณไม่ยอมบอกผมก็จะไปถามหาเอาจากคนอื่นอีก”

“จะถามจากใครได้” จีรัชญ์เอนหลังพิงพนักเอาแขนพาดวางคล้ายโอบไหล่ณิชกลายๆ ท่าทางสบายๆ ดูไม่ใส่ใจคำขู่ของณิชทำให้คนพูดต้องระดมความคิดอย่างหนักว่าเขาจะไปขอคำตอบจากใครได้บ้าง

“จาก...” ณิชเงียบไปเมื่อเขาจนมุมแล้วจริงๆ จีรัชญ์หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหน้ามุ่ยเพราะเอาชนะเขาไม่ได้ แน่ล่ะ...ถ้าเขาไม่เก่งเรื่องการปกปิดจริงๆ จะอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้เหรอ

“ปิดให้ได้ตลอดก็แล้วกัน” ณิชพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็หยิบมือถือใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเดินจากไป จีรัชญ์มองตามพร้อมรอยยิ้มอ่อนกับความดื้อของอีกฝ่าย

::::::::::::

จีรัชญ์กำลังนอนอยู่ในห้องทำงานของตัวเองในช่วงบ่ายคล้อยวันหนึ่ง ก่อนหน้านี้เขาเผลองีบไปเมื่อตอนช่วงเที่ยง มารู้สึกตัวอีกทีก็เห็นณิชนั่งวาดอะไรสักอย่างลงไอแพด คาดว่าคงเป็นงานชิ้นต่อไปของเจ้าตัวนั่นแหละ ข้างตัวมีจานฝรั่งที่หั่นเป็นชิ้นวางอยู่พร้อมผงบ๊วยไว้จิ้มกินคู่กัน เจ้าตัวยังไม่รู้ตัวว่าจีรัชญ์ตื่นแล้ว เขาจึงนอนมองอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ ปากหยักที่กำลังขยับยามกัดกินผลไม้ดูน่ามอง

ตั้งแต่วันนั้นที่ณิชบอกไม่ให้เขาคิดถึงคุณปราณในอดีต ณิชก็แทบจะขนของมานอนที่ห้องเขา ถ้าวันใดที่เขาเผลอล็อกห้องก็จะโดนเคาะเรียก แต่ถ้าวันไหนที่ณิชตามเขาเข้าสวนจนเหนื่อยและเผลอหลับไป เขาก็จะเข้าห้องณิชเพื่อไปนอนด้วย

ช่วงกลางวันอย่างเช่นวันนี้เจ้าตัวก็ชอบมาขลุกอยู่กับเขาในห้องทำงาน ไม่ได้เข้ามารบกวนแต่เข้ามานั่งเป็นจุดพักสายตาของเขาเสียส่วนใหญ่ แน่นอนว่าถึงณิชจะไม่ได้กวนเขาแต่เขาก็ไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงานเท่าไหร่นัก เพราะสายตามักหยุดมองอยู่ที่อีกฝ่ายเสมอ ราวกับณิชคือสิ่งเสพติดทางสายตาที่เขาไม่อาจละสายตาได้

สีหน้าที่จริงจังกับการทำงานของณิชมีเสน่ห์ คิ้วที่เดี๋ยวขมวดมุ่นเดี๋ยวคลายเวลาคิดงานไม่ออกทำให้เขาอยากจะเอื้อมมือไปคลึงให้เจ้าตัวเลิกทำนิสัยนั้นเสีย

“อ้าว! ตื่นแล้วเหรอครับ” ณิชหันมาถามเมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังแอบมองอยู่ จีรัชญ์อยู่บนเก้าอี้เอน นอนตะแคงข้างใช้แขนหนุนหัวมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ส่วนเขาที่นั่งอยู่บนพื้นริมหน้าต่างส่งยิ้มกว้างไปให้

“ฝรั่งอร่อยไหม”

“อร่อยครับ คุณอยากกินไหม” ณิชถามแต่ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ เขาคลานเข้ามาหาจีรัชญ์พร้อมจานฝรั่ง หยิบผลไม้รสชาติหวานกรอบขึ้นมาหนึ่งชิ้น จีรัชญ์ยอมอ้าปากให้ณิชป้อนแต่เจ้าตัวกลับไม่ได้ใช้มือป้อนเสียอย่างนั้น

“หึ...เจ้าเล่ห์” จีรัชญ์พูดเสียงเบา ใช้นิ้วแตะปลายจมูกณิชเบาๆ ก่อนจะอ้าปากงับฝรั่งจากปากอีกฝ่ายที่บรรจงป้อนให้ ณิชยิ้มเมื่อจีรัชญ์กินฝรั่งจากปากเขาแล้วเคี้ยว โดยที่สายตาหวานนั้นยังไม่ละไปจากเขาเลย









โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอโทษที่หายไปนานนะคะ
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๗/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๕ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-01-2021 22:13:01
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๗/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๕ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 28-01-2021 00:25:43
555 หึงตัวเอง

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๗/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๕ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-01-2021 01:16:32
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๗/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๕ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 28-01-2021 19:49:56
......ความหลนเต้าเจี้ยว

.....อุอุ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๗/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๕ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 29-01-2021 21:10:25
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๗/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๕ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 31-01-2021 19:18:12
ฮาคนหึงตัวเอง 55555

ปล ดีใจที่มาต่อค่ะ คิดถึงง
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๒๗/๑/๖๔ ‡ บทที่ ๒๕ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 01-02-2021 17:46:06
บทที่ ๒๖ (ครึ่งแรก)



ถึงแม้จีรัชญ์จะยอมเปิดใจให้เขาแล้วก็ตาม แต่ความอยากรู้เรื่องราวในอดีตที่ยังไม่ถูกไขก็ยังไม่จางหาย การปฏิบัติการหาคำตอบด้วยตัวเองจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง ทำให้ครั้งนี้เขาต้องมาอยู่ที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งในเมือง เนื่องจากสะกดรอยตามใครบางคนมาแถมไม่ได้บอกใครที่บ้านไว้ด้วย แม้กระทั่งมิ้นหรือแม้แต่มั่นที่มักจะตามเขาเสมอเขาก็หลบรอดสายตาวิญญาณดวงนั้นมาได้

“คุณสุทิน มาเที่ยวที่นี่ด้วยเหรอครับ” ณิชเดินเข้าไปทักทายชายหนุ่มที่ก่อนหน้านี้นั่งดื่มอยู่กับเพื่อนของเจ้าตัว เขาหาโอกาสที่เพื่อนของสุทินไม่อยู่ที่โต๊ะจึงเดินเข้าไปหา

“อ้าว! คุณณิชมาเที่ยวกับใครครับ” สุทินถามด้วยความแปลกใจ เพราะเวลานี้ปกติจีรัชญ์ไม่ค่อยให้ใครเข้า-ออกวัง เนื่องจากถนนแถวนั้นค่อนข้างเปลี่ยวเกรงว่าคนในวังจะได้รับอันตรายได้ แต่นี่ณิชผู้ที่เป็นที่สุดของความห่วงใยของจีรัชญ์กลับออกมาเที่ยวกลางคืน เขามองไปด้านหลังชายหนุ่มก็ไม่พบหญิงสาวที่มาทำงานด้วยกันเสียด้วย

“มาคนเดียวครับ พอดีผมเคลียร์งานเสร็จแล้วเลยออกมายืดเส้นยืดสายสักหน่อย อยู่ที่นี่มานานแต่ยังไม่เคยมาเปิดหูเปิดตาตอนกลางคืนเลย” ณิชตอบก่อนจะเอาแก้วเหล้าในมือตัวเองชนแก้วอีกฝ่ายที่ยกขึ้นชนกับเขาเบาๆ

“งั้นก็นั่งด้วยกันสิครับ” สุทินรีบออกปากชวนทันที เพราะถ้าให้ณิชอยู่คนเดียวจีรัชญ์ต้องเอ็ดเขาแน่ๆ ณิชลอบยิ้มทันที ไม่คิดว่าสุทินจะไว้ใจตนง่ายขนาดนี้ ไม่มีข้อสงสัยอื่นใดที่อีกฝ่ายออกปากถาม กลายเป็นว่าพวกเขาได้นั่งดื่มด้วยกัน อีกทั้งณิชยังได้เพื่อนใหม่ที่เป็นเพื่อนของสุทินด้วย

“ไอ้ทินมันมีเจ้านายส่วนตัวครับ เวลาเจ้านายเรียกใช้หรือต้องการอะไรก็จะรีบทำให้เดี๋ยวนั้นเลย ราวกับเขาคือพ่อของมันนั่นแหละ” หนุ่มที่ชื่อว่านิวเพื่อนใหม่ของณิชเอ่ยเสียงยานคาง ฤทธิ์ของน้ำเมาที่ดื่มเข้าไปตั้งแต่ชั่วโมงก่อนออกฤทธิ์เข้าเสียแล้ว

“มึงก็พูดไปเรื่อยๆ ใครดีกับกูกูก็ต้องตอบแทน” สุทินตอบน้ำเสียงป้อแป้ไม่แพ้กัน แต่หากพูดให้ถูกจีรัชญ์ก็คงไม่ต่างจากพ่อเขานั่นแหละ แม้รูปกายภายนอกจะดูหนุ่ม แต่อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ เห็นหน้าตาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เขายังเล็ก จนตอนนี้ 30 เข้าไปแล้วจีรัชญ์ก็ยังเหมือนเดิม อิจฉาความหล่อเป็นอมตะของเจ้าตัวจริงๆ แต่มันก็ต้องแลกมากับความเจ็บปวดนั่นแหละนะ

“ใครเหรอครับเจ้านายของคุณสุทิน” ณิชเท้าคางถามนิวที่ตอนนี้กำลังชงเหล้าแก้วใหม่ ฝ่ายนั้นหันมามองก่อนจะหัวเราะเบาๆ

“เจ้าของวังปริพัตร ชื่ออะไรนะ จีรัชญ์ป่ะ แม่งรวยฉิบหาย คนเหี้ยไรโคตรรวยแต่ทำตัวเหมือนอยู่ถ้ำ” นิวส่ายหน้าเมื่อนึกถึงชายหนุ่มหน้าตาไทยแท้แต่กลับไม่ค่อยยิ้ม อีกทั้งไม่ผูกสัมพันธไมตรีกับใครพร่ำเพรื่อด้วย เขาเคยยิ้มให้ครั้งหนึ่งแต่ฝ่ายนั้นทำหน้านิ่งใส่

“ไอ้นิว! มึงนี่พูดมาก” สุทินเอ็ดเพื่อนตัวเองเข้าให้ เขามึนเมากับเสียงเพลง กลิ่นบุหรี่และเหล้าราคาดีก็จริงแต่ยังพอมีสติอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ก็ส่งข้อความไปบอกจีรัชญ์แล้วว่าณิชอยู่กับเขา รายนั้นจึงบอกว่าถ้าดื่มเสร็จให้โทรหาตนเดี๋ยวตนจะมารับด้วยตัวเอง แต่เขาว่าตอนนี้ได้เวลาที่ณิชควรกลับแล้ว เพราะไม่งั้นนิวคงได้เล่าเรื่องของเขาจนหมดเปลือกอย่างแน่นอน

“ไอ้นิว กูฝากคุณณิชด้วยนะ คุณณิชครับเดี๋ยวผมมา อ้อ! ถ้าไอ้นิวเล่าอะไรไปต้องเอามาหารเยอะๆ นะครับ ไอ้นี่มันชอบเล่าให้เวอร์ไว้ก่อน” พูดแค่นั้นชายหนุ่มก็เดินโซเซไปทางห้องน้ำเพื่อจะไปโทรศัพท์ ณิชมองตามหลังสุทินไปจนอีกฝ่ายหายกลืนไปกับกลุ่มคนหลังร้านเขาจึงหันมาไล่บี้กับนิวต่อ

“คุณนิวรู้ไหมว่าทำไมคุณสุทินถึงต้องช่วยคุณจีรัชญ์แบบนั้น”

“หึ! ไม่รู้ครับ” นิวส่ายหน้าเบาๆ

“หรือคุณสุทินชอบคุณจีรัชญ์ครับ” ณิชถามออกไปตามความคิดแรกที่ดันผุดขึ้นมา แถมเป็นความคิดที่ดูจะเข้าท่าที่สุด คนเราถ้าไม่รักไม่ชอบจะยอมทำให้ขนาดนี้เหรอ แต่ก็นั่นแหละ...พอคิดแบบนี้ก็ขนลุกแปลกๆ สุทินกับจีรัชญ์อ่ะนะ?

“หือ? ไม่ใช่หรอกครับ ไอ้สุทินมันชอบน้องหมี คนที่เป็นเลขาฯ คุณเขาน่ะ แต่เอาจริงๆ เหมือนผมจะเคยได้ยินมันเล่าว่าคุณจีรัชญ์เขาส่งให้มันเรียน เอ่อ...หรือพ่อคุณจีรัชญ์วะ อ่ะ...ผมไม่แน่ใจ แต่ก็ทำนองนั้นแหละครับ ให้มันเรียนให้มันมีการศึกษามันเลยช่วยงานแบบถวายหัว ไม่รู้จะเทิดทูนอะไรขนาดนั้น” นิวตอบณิชพลางนึกและตบตีกับสมองตัวเองที่ตอนนี้ประมวลผลได้ช้าเหลือเกิน ณิชที่มึนหน่อยๆ นั่งฟังพลางขมวดคิ้วมุ่นเพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเท่าไหร่นัก

ไอ้มั่นยืนฟังบทสนทนาของคนเมาทั้งสองที่ยังดังแข่งกับเสียงเพลงเปิดดังหนวกหู มันถูกไอ้หาญส่งมาให้มาดูแลคุณปราณ เจ้าตัวไม่รู้หรอกว่าการแอบออกมาแบบนี้ใช่ว่ามันจะไม่รู้ไม่เห็น แต่ที่ปล่อยไปเพราะหากนี่คือทางที่จะช่วยให้คุณปราณกับไอ้หาญได้คู่กันในชาตินี้มันก็ยินดี ปล่อยให้คุณปราณได้ค้นหาคำตอบไปพร้อมๆ กับโชคชะตาที่คาดเดาไม่ได้

“คุณณิชครับ ดึกมากแล้วเรากลับกันเถอะ” สุทินเดินกลับมาที่โต๊ะ เขามัดมือชกอีกฝ่ายเพราะจีรัชญ์บอกว่ากำลังมาแล้ว ณิชรู้สึกเสียดายแต่เขาก็ยอมแต่โดยดีเพราะดื่มไปพอสมควรเหมือนกัน นิวชวนชนแก้วตลอดแทบไม่ได้วางแก้ว จะเลี่ยงหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่ทันสายตาของอีกฝ่ายอยู่ดี กลายเป็นท้ายสุดเขากับนิวก็เมาหัวชนกันอยู่ดี

สุทินกับนิวพยุงณิชออกมาจากร้าน อากาศที่ปลอดโปร่งหน้าร้านทำให้ณิชสูดอากาศได้เต็มปอด เพราะมันไม่มีกลิ่นบุหรี่มากเท่ากับในร้าน นิวบอกว่าตนโทรให้แฟนสาวมารับเพราะกลับเองไม่ไหว ตอนมาพวกเขานั่งวินมาจึงไม่ต้องห่วงเรื่องรถ จะมีก็แต่ณิชที่ขับรถส่วนตัวมา แต่คิดว่าจอดทิ้งไว้ที่นี่สักคืนคงไม่เป็นไร พรุ่งนี้เจ้าตัวค่อยมาเอาก็ได้

“อ่า...ผมจะกลับยังไง” ณิชพูดกับตัวเองเบาๆ

“ไม่ต้องห่วงครับคุณณิช ผมจัดการให้เอง รับรองคุณถึงวังปลอดภัยแน่นอน” สุทินหัวเราะพลางยิ้มตาเยิ้ม “เดี๋ยวผมมานะครับ” สุทินบอกณิชก่อนจะเดินเข้าร้านไปอีกครั้ง เพื่อไปคุยกับทางผู้จัดการร้านว่าจะขอฝากรถเอาไว้ก่อน

“อ่า...มั่น” ณิชนั่งที่ริมทางเท้าฟุบหน้าลงกับเข่าก่อนหางตาจะเห็นเงารางๆ ว่าเป็นคนที่คุ้นเคย เขาเอ่ยเรียกพร้อมยิ้มให้ ไอ้มั่นยิ้มตอบเจ้านายแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป มันเพียงแค่นั่งเป็นเพื่อนเท่านั้น ส่วนนิวแยกตัวออกไปสูบบุหรี่ระหว่างรอแฟนมารับเช่นเดียวกัน

“ทำไมคุณจีรัชญ์ไม่ยอมพูดอะไรสักที ผมอยากรู้จริงๆ นะ นี่ถ้าผมรู้ว่าผมตายเพราะอะไร ผมจะได้ไม่ทำแบบเดิมไง ผม...จะไม่ฆ่าตัวตาย จะไม่ลงเล่นน้ำ” ณิชพูดเสียงอ่อย เขาทุบขมับตัวเองเบาๆ เมื่อรู้สึกว่ามันหนักอึ้งเกินไป ก่อนจะลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าสุทินกำลังเดินมาหา แต่เพราะความเมาเป็นเหตุทำให้ขาก้าวผิดจังหวะสะดุดขอบฟุตปาธจนล้มหน้าคะมำ

“เห้ยๆ เมาแล้วอย่านอนขวางถนนสิวะ!”

เสียงตะโกนดังมาก่อนที่...

ฟึบ!

“คุณณิช!”

มันเป็นช่วงจังหวะชลมุนที่ทำเอาคนแถวนั้นร้องกรี๊ดเสียงหลง ณิชนอนกลิ้งอยู่บนพื้นพร้อมแผลถลอก สุทินแทบจะหายเมาเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นว่าณิชถูกรถเฉี่ยวทั้งที่ยังไม่ได้ลุกยืนจากการล้มก่อนหน้านี้ มอเตอร์ไซค์ที่ขับเฉี่ยวณิชไปไม่หันกลับมามองคนเจ็บด้วยซ้ำ ไอ้มั่นนึกเจ็บใจที่มันช่วยอะไรเจ้านายไม่ได้ หมัดของไอ้บ่าวผู้ซื่อสัตย์กำแน่น หากมันมีกายหยาบคงได้ซัดหมัดใส่ไอ้คนก่อเรื่องแล้ว

“คุณณิชเป็นอะไรไหมครับ” สุทินรีบเข้ามาพยุง ส่วนนิวที่แฟนสาวเพิ่งมาถึงรีบเข้ามาดูอาการคนเจ็บก่อน

“พาไปโรงพยาบาลเถอะว่ะ เผื่อมีอะไรหัก” นิวออกความเห็นทำให้พวกเขาต้องพยุงณิชขึ้นรถของแฟนนิวจากนั้นก็ขับออกไปเลย

“ไอ้หาญ! เร็วๆ เลยมึง คุณปราณโดนรถเฉี่ยว!” ไอ้มั่นรีบมาส่งข่าวให้เพื่อนรักที่กำลังขับรถเข้าเมืองอยู่ รถถึงกับเซไปครู่หนึ่งเพราะความตกใจของจีรัชญ์ หัวใจกระตุกวูบก่อนจะเต้นหนักหน่วงพร้อมความคิดที่ไม่มีดีเลย

จีรัชญ์รีบโทรหาสุทินก่อนเป็นอย่างแรก สุทินบอกว่ากำลังมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเขาจึงรับขับรถตามไป ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงเขาก็มาถึงโรงพยาบาลที่ว่า เมื่อจอดรถเสร็จก็เห็นสุทินนั่งหน้าเครียดอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน

“คุณตรี”

“หยุด! อย่าเพิ่งพูดอะไร” จีรัชญ์พูดเสียงเข้ม เขาจ้องมองป้ายหน้าห้องฉุกเฉินเพราะภาพเก่ามันซ้อนทับเข้ามาในหัว หัวใจปวดหนึบจนชาไปทั้งอกจนแทบหยุดเต้น ความกลัวถาโถมจนเกือบจะยืนไม่ไหว ไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่ไอ้มั่นที่ยังคงยืนอยู่ข้างกัน

ที่ไอ้มั่นยังไม่เข้าไปก็เพราะมันก็กลัวไม่ต่างจากไอ้หาญ กลัวว่าเข้าไปแล้วจะไม่ได้เจอคุณปราณอีก และการรอคอยครั้งใหม่ก็คงจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง

จีรัชญ์สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องฉุกเฉินไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เขาเดินหาคนที่ตามหาไม่นานก็เห็นว่าอีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียง ที่แขนทั้งสองข้างมีรอยถลอกน่าจะเกิดจากการไถลตัวไปบนถนน เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่อีกฝ่ายไม่เป็นอะไรมาก

“คุณจีรัชญ์!” ณิชเรียกด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าจีรัชญ์จะมาโผล่ที่นี่ ก่อนเขาจะโดนสวมกอดจากคนตัวโตที่สีหน้าเครียดขรึมไร้รอยยิ้ม

“โอ๊ย!” ณิชร้องเบาๆ เมื่อจีรัชญ์กอดเขาแน่นเกินไป เรียกได้ว่าแทบจะรัดให้กระดูกเขาแตกอย่างนั้นแหละ

“ทำไมคุณดื้อแบบนี้” จีรัชญ์ถามเสียงสั่น ความหนักอึ้งในอกคลายไปหมดแล้วเมื่อเห็นว่าณิชไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงหรือถึงแก่ชีวิต

“ผมล้มแล้วรถก็มาเฉี่ยว ผมไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย”

“แต่คุณหนีมาเที่ยวคนเดียวโดยไม่บอกใครเลย” จีรัชญ์ผละออกก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆ สายตาคมดุขึ้นมาหน่อยนึงเพื่อตำหนิอีกฝ่าย กลิ่นเครื่องดื่มมึนเมาที่เจ้าตัวดื่มมาหึ่งตลบอบอวลจนเขานึกเคือง

“ผม...” ณิชอึกอักก่อนจะมีพยาบาลเข้ามาช่วยเขาไว้ด้วยการบอกว่าให้ญาติไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลและรับยาได้เลย ตัวเขาไม่ได้เป็นอะไรแค่มีแผลถลอกเท่านั้นจึงกลับบ้านได้ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลให้เปลืองเตียงผู้ป่วย

จีรัชญ์ไปจัดการทุกอย่างให้ณิชจนเรียบร้อย กลับมาก็เห็นสุทินนั่งอยู่กับณิชโดยมีไอ้มั่นยืนเฝ้าเป็นเงาตามตัวไม่ห่าง ส่วนเพื่อนของสุทินที่พาณิชมาส่งที่นี่กลับไปก่อนหน้านี้นานแล้ว

“เดี๋ยวฉันไปส่ง” เขาบอกสุทินเพราะอีกฝ่ายไม่มีรถกลับ

“ผมขอโทษนะครับคุณตรีที่...”

“ไม่ต้องขอโทษ คนของฉันผิดเอง” จีรัชญ์ขัดบทของสุทินเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกผิด ณิชนั่งรออยู่ในรถพวกเขาจึงลอบพูดกันได้

“คุณณิชเขาดูอยากรู้เรื่องของคุณตรีมากเลยนะครับ ผมคิดว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดแล้วเสียอีก” เมื่อเจอเหตุการณ์น่าตกใจ เครื่องดื่มมึนเมาที่ดื่มไปก็ทำเอาเขาสร่างเป็นปลิดทิ้ง สุทินไปล้างหน้าล้างตามาแล้วมันเลยไม่มึนเท่าเก่า เพียงแต่กลิ่นก็ไม่ชวนให้คนอื่นเข้าใกล้อยู่ดีพยาบาลหน้าห้องฉุกเฉินยังย่นจมูกใส่เขาเสียด้วยซ้ำตอนที่พาณิชมาที่นี่

“อืม เขาพยายามมาก ครั้งนี้เขาพยายามเข้าหาผมมากจริงๆ” จีรัชญ์พูดอย่างอ่อนใจ มองคนที่นั่งหน้ามุ่ยบนเบาะข้างคนขับแล้วถอนหายใจ

จีรัชญ์มาส่งสุทินถึงที่พักก็วนรถกลับวัง ส่วนณิชนอนหลับไปบนที่นั่งข้างคนขับแล้ว กว่าจะถึงวังปริพัตรเจ้าตัวก็หลับไปได้หนึ่งตื่นพอดี เมื่อกลับมาถึงวังจีรัชญ์ปลุกอีกฝ่ายให้ลงจากรถ ณิชงัวเงียบวกกับอาการมึนเมาที่ยังหลงเหลืออยู่ทำให้เดินเซเหมือนปูจนจีรัชญ์ต้องช่วยพยุง

ไอ้มั่นถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นว่าเจ้านายของมันในชาตินี้สุดโต่งกว่าชาติที่แล้วๆ มา ไหนจะชอบเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตราย ไหนจะเรื่องอุบัติเหตุที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆ ตั้งแต่เรื่องตกบันไดจนตอนนี้โดนรถเฉี่ยว โชคชะตากะจะทำให้เพื่อนของมันกับคุณปราณไม่ได้สมหวังกันเลยหรืออย่างไร

“อื้อ...ง่วง” ณิชพึมพำเบาๆ เขาแทบจะทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนแต่จีรัชญ์กลับกอดรั้งไว้เสียก่อน

“ไปอาบน้ำก่อนครับ ตัวคุณมีแต่กลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่”

“แต่ผมมีแผล” ณิชแย้ง สติเขามีไม่ครบร้อยแต่ก็ไม่ได้ขาดถึงขนาดจะไม่รู้ว่าตอนนี้แผลมันแสบ และเข่าที่ล้มกระแทกพื้นมันปวดอยู่

“งั้นก็ล้างหน้าเช็ดตัวสักหน่อย” จีรัชญ์บอกก่อนจะอุ้มอีกฝ่ายเข้าห้องน้ำ แน่นอนว่าคืนนี้ณิชนอนกับเขาเช่นเดิม

คนทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำสักพัก จีรัชญ์ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวหลังจากณิชเช็ดตัวเสร็จแล้วไม่นานก็ออกมา คนเมาที่ตอนนี้สร่างแล้วกำลังยืนสำรวจตัวเองหน้ากระจก ปากรูปกระจับเบ้ออกหน่อยๆ พร้อมกับแขนที่ยกขึ้นเพื่อดูรอยถลอกต่างๆ ซึ่งตามข้อศอกก็มีให้เห็น

“คุณณิช ผมว่าเราต้องคุยกัน” จีรัชญ์เอ่ยเสียงเรียบ แต่แววตาเครียดขรึมดูจริงจังจนคนที่สบตาเขาผ่านกระจกลอบกลืนน้ำลาย ณิชยิ้มแหยให้เพราะรู้ว่าความผิดครั้งนี้เขาคงหนีไม่พ้นแน่ๆ

“คุณทำแบบนี้ทำไม แค่ผมอยู่กับคุณมันยังไม่พอเหรอ ไหนบอกว่าอยากให้เรามีความสุขกันแต่ทำไมคุณต้องทำตัวให้ผมเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย”

“ผมแค่อยากไปดื่ม...”

“อย่าโกหกผม”

ณิชปิดปากฉับเมื่อโดนเสียงเข้มๆ ดุเอา จะหาข้ออ้างหรือข้อแก้ตัวใดก็คงฟังไม่ขึ้นเพราะครั้งนี้เขาหนีไปจริงๆ อีกทั้งมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้ด้วย

“ก็คุณไม่ยอมบอกความจริงทุกอย่างกับผมสักที ผมก็ต้องหาทางสืบด้วยตัวเองสิ”

“ด้วยการออกมาดื่มกับสุทินเพื่อจะล้วงความลับจากเขาน่ะเหรอ”

“ค...ครับ...” ณิชรับคำเสียงอ่อน

“ทำไมถึงอยากรู้เรื่องในอดีตนัก” จีรัชญ์ถามด้วยความเหนื่อยใจกับคนดื้อรั้นตรงหน้า หากเป็นเด็กเป็นเล็กคงจับตีให้เข็ด

“ผมอยากรู้เพื่อที่ผมจะได้ระวังตัว และเราจะได้ไม่ลงเอยแบบที่แล้วมาไงครับ ผมแค่...แค่อยากทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น ผมไม่อยากให้คุณต้องทรมานอีกแล้ว” พูดไปก้อนความเสียใจก็มาจุกอยู่ที่ลำคอ ต่อให้เขาต้องพลิกฟ้าตามหาความจริงไปทั่วประเทศเหมือนที่หาญต้องหลบซ่อนตัวเขาก็จะทำ

“คุณเปิดใจให้ผม คุณยิ้มให้ผม คุณนอนกับผม คุณบอกว่าเราจะมีความสุขไปด้วยกัน แต่แววตาของคุณไม่ได้มีความสุขไปด้วยเลย มันมีแต่ความกังวลเต็มไปหมด ผมไม่อยากให้เรื่องของเราต้องมาจบลงอีก ผมอยากรักคุณไปนานๆ อยากแก่ไปพร้อมกับคุณ อยาก...อึก...ผมอยากอยู่กับคุณ”

น้ำตาเม็ดโตไหลออกจากดวงตาสวยกลิ้งลงมาตามแก้มจนถึงคางแล้วหยดลง ณิชห้ามน้ำตาไม่ได้อีก เขาปล่อยให้มันไหลไปแบบนั้นก่อนจะเป็นจีรัชญ์ที่เดินเข้ามาสวมกอด รั้งศีรษะอีกฝ่ายให้โน้มมาซบที่อกตนแล้วลูบหัวเพื่อปลอบประโลม

“ฮึก...ผมจะไม่ฆ่าตัวตาย ผมจะไม่ทิ้งคุณ อึก...เข้าใจไหมว่าผมไม่อยากทิ้งคุณไว้อีกแล้ว ฮือ...ผมไม่อยากทิ้งคุณให้รออีกแล้ว” ณิชพยายามพูดออกมาแม้เสียงสะอื้นจะทำให้พูดลำบากก็ตาม จีรัชญ์กระชับกอดคนที่กำลังร้องไห้กับอกเขาอีกหน่อย ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ไม่คิดว่าจะพูดหรือทำออกไปในชาตินี้

“โอเค ผมจะเล่าทุกอย่างให้คุณฟัง ทุกอย่างเลยครับ”

ยอมแล้วกับคนคนนี้ ยอมให้หมดทั้งใจตั้งแต่แรกเจอจนตอนนี้ ยอมในความพยายามเพื่อที่จะทำให้เขาไม่ทรมานอีกต่อไป ยอมในความกล้าที่จะเผชิญกับทุกสิ่ง

ณิชทลายกำแพงทุกอย่างที่จีรัชญ์สร้างมาร่วม 30 ปี ณิชทำให้คนที่จมอยู่กับความทุกข์ต้องยอมออกมาจากมุมมืดที่สร้างมาเพื่อกักขังตัวเองไว้ หากชาตินี้จะเป็นอีกชาติที่ไอ้หาญต้องทรมาน อย่างน้อยมันก็ได้เห็นว่าคุณปราณก็กำลังพยายามไม่แพ้มันเหมือนกัน แต่หากชาตินี้จะเป็นชาติสุดท้ายที่มันจะมีชีวิตอยู่ ก็ขอให้คนในอ้อมกอดคนนี้เป็นคนสุดท้ายที่มันได้พบเจอ





โปรดติดตามส่วนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๖ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 02-02-2021 00:08:29
หวานซึ้ง เรากำลังจะได้รู้ทุกอย่างแล้ว

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๖ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-02-2021 15:41:48
รอๆ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๖ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 02-02-2021 20:06:43
รอ  คำเฉลยจาก หาญ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๖ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 05-02-2021 13:18:28
ระหว่างรอเรื่องนี้  แอบไปหลงรัก แผลงศร มา
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๖ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 05-02-2021 20:55:18
เชื่อใจณิชนะคุณจีรัชน์ว่าชาตินี้จะไม่ลงเอยเช่นเคย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๖ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 06-02-2021 22:38:40
เป็นกำลังใจให้ทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๖ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 07-02-2021 07:05:27
บทที่ ๒๖ (ครึ่งหลัง)



“หลังจากที่แม่ พี่ชายและน้องสาวของคุณชายปราณเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ คุณชายจัดการงานศพทุกอย่างโดยที่ผมเป็นคนช่วย วังปริพัตรเงียบลงถนัดตาเมื่อขาดผู้อาศัยไปถึง 3 คนในเวลาเดียวกัน คุณชายร้องไห้หนักมากจนแทบไม่มีน้ำตาให้ไหล และเก็บตัวอยู่ในห้องไม่พบเจอผู้คนหลังงานศพผ่านไป...”

จีรัชญ์เล่าเรื่องราวของคุณชายปราณให้ณิชฟัง เล่าทุกอย่างอย่างที่ตนได้บอกไว้ ฝ่ายคนที่นอนพิงอกเขาอยู่บนเตียงสี่เสานอนฟังอย่างตั้งใจ แม้ตอนนี้เวลาจะเข้าสู่วันใหม่แล้วแต่เขาสองคนยังไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด มือเรียวถูกจีรัชญ์ยกมากุมไว้พลางใช้นิ้วโป้งคลึงนิ้วทั้งห้าเล่นไปมา ในหัวย้อนคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อนานแล้วแต่เขารู้สึกราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง

คุณชายปราณต้องใช้ความเข้มแข็งเป็นอย่างมากเมื่อต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวในวังหลังใหญ่ แม้ข้างกายจะมีคนรู้ใจแต่ความอ้างว้างจากการสูญเสียครอบครัวทำให้ชายหนุ่มเก็บตัว แทบไม่พูดไม่จากับใคร อยู่แต่ในห้องที่เคยเป็นความทรงจำระหว่างตัวเองกับครอบครัว

ไอ้มั่นเสียใจที่มันช่วยอะไรเจ้านายในชาตินี้ไม่ได้เลย มันไม่คิดว่าโชคชะตาจะเล่นตลกกับชีวิตคุณปราณแบบนี้ คงเพราะชาติก่อนทำกรรมไว้ ทิ้งคนที่รักทรมานใจจนชาตินี้ต้องมาชดใช้ด้วยความเสียใจนี้แทน การสูญเสียที่ไม่ทันตั้งตัวเหมือนอย่างที่คุณหญิงราตรี ท่านออกญาฯ และไอ้หาญต้องพบเจอ

ทุกเช้าหมออนันต์จะออกไปทำงานพอตกเย็นก็กลับมาที่วัง เขาถือวิสาสะมาอยู่ที่วังนี้ด้วยเพราะเป็นห่วงสภาพจิตใจของคุณชายปราณที่ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่นัก โดยมีแม่สายหญิงแม่บ้านที่ทำหน้าที่มานานนมคอยอยู่ดูแลคุณชายปราณในยามกลางวัน

ร่างกายผอมเพรียวเริ่มซูบผอมเพราะเจ้าของร่างไม่ค่อยยอมทานอะไรนัก อนันต์ไม่รู้จะทำอย่างไรดีจึงชวนอีกฝ่ายหากิจกรรมทำ อย่างเช่นการวาดรูปที่เขาติดค้างคุณชายปราณไว้

“คุณบอกว่าอยากให้ผมวาดรูปบ้านเรือนไทยหลังนั้นใช่ไหม เอาขนาดไหนดีครับ ใหญ่ขนาดนี้ดีไหม” อนันต์คลี่กระดาษออกกว้างเพื่อให้อีกฝ่ายได้ออกความเห็น ชายปราณยิ้มอ่อนให้ก่อนจะพยักหน้า

“ได้ครับ” เขาตอบก่อนที่อีกฝ่ายจะเริ่มลงมือร่างภาพบ้านเรือนไทยในความทรงจำ

แม้เวลาจะผ่านไปร่วมเดือนแล้วแต่ความเสียใจยังคงอยู่ เพียงแต่มันไม่ทรมานเท่าเก่า ความคิดถึงคนทั้งสามยังอยู่เต็มอก มองไปทางไหนของวังปริพัตรก็จะเห็นภาพวันวานที่ครอบครัวเขามีความสุขร่วมกัน รูปถ่ายของคนทั้งสามถูกแขวนเรียงกันไว้ใกล้กับรูปท่านพ่อ ทุกครั้งที่เห็นความรู้สึกจุกตื้อก็ตื้นขึ้นมาที่อกจนแทบหายใจไม่ออก

มันเกิดคำถามขึ้นในใจเสมอว่าทำไมทุกคนต้องทิ้งเขาไป ทำไมถึงจากกันไปแบบนี้

“ไม่ร้องแล้วนะครับคนดี คุณยังมีผมอยู่ตรงนี้นะครับ” เสียงที่มีแต่ความอบอุ่นเอ่ยอยู่ข้างหูก่อนอ้อมกอดที่คุ้นเคยโอบกอดเขาไว้เต็มรัก ชายปราณกอดตอบอนันต์ ซุกหน้าลงกับอกกว้างที่มักเป็นที่พักพิงให้เขาเสมอ

ใจไอ้หาญเจ็บที่ต้องเห็นคนรักตรอมใจเช่นนี้ แต่มันจะทำอย่างไรได้ มองไปที่ไอ้มั่นไอ้เพื่อนเกลอก็ทำเพียงแค่ส่ายหน้าเพราะไม่รู้จะทำเช่นไรเหมือนกัน

วันเวลาผันผ่านเลยไปไม่ได้นับ หม่อมราชวงศ์ปราณันต์กลับไปรับงานสอนดนตรีต่อ เพราะหากจะให้เขาอยู่วังก็เห็นแต่จะมีภาพของชายปุณ หญิงรตีและคุณหญิงช่อทิพย์วนเวียนไปมา มีหลายครั้งที่เขาเผลอเรียกคนเหล่านั้นออกไปเพราะคิดว่าเห็นอีกฝ่ายมาหา เดินตามไปจนสุดทางเดินจนเงาหายวับไปถึงได้รู้ว่าสิ่งที่เขาเห็นก็เป็นเพียงภาพลวงตา

“ทำไมผมไม่เจอคุณหญิงแม่ พี่ชายใหญ่และหญิงรตีเหมือนที่เห็นมั่นล่ะ ผมนึกว่าตัวเองจะสัมผัสอะไรแบบนี้ได้เสียอีก”

ชายปราณพูดขึ้นในค่ำคืนหนึ่งในห้องที่เคยใช้เป็นห้องจัดงานเลี้ยงวันเกิดคุณหญิงช่อทิพย์ ซึ่งห้องนี้เขาได้จัดให้อนันต์ไว้ใช้วาดภาพที่เขาขอไว้ อนันต์เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล ฝ่ายนั้นลงมือวาดรูปที่วาดค้างไว้ต่อ อนันต์หันไปมองคนที่กำลังเหม่ออยู่ริมหน้าต่าง มองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยสีดำมืดของกลางคืนอย่างไร้จุดหมาย

“หากเจอกันคุณชายอยากพูดอะไรกับท่านเหรอครับ”

“ก็...บอกลาล่ะมั้งครับ หรือไม่ก็...บอกรักอีกสักครั้ง บอกเป็นครั้งสุดท้าย”

เขาเคยบอกรักมารดา พี่ชายและน้องสาว แต่ไม่บ่อยนักหรอก เมื่อโตขึ้นความเขินอายก็มีมากกว่าตอนเด็กๆ แต่กระนั้นเมื่อมีโอกาสก็ได้พูดบ้าง เพียงแต่ครั้งนี้เขาอยากพูดเพื่อบอกลา ถ้าได้เจอกันอีกครั้งก็คงดี

อนันต์พยายามคิดหาวิธีทำให้คุณชายปราณหายจากความโศกเศร้า วันหนึ่งเขาถามคุณชายปราณว่าพื้นที่ว่างหลังตึกใช้สอยอะไรหรือไม่ ฝ่ายนั้นบอกว่าไม่มี แต่เดิมเป็นสวนที่คุณหญิงช่อทิพย์ชอบมานั่งดื่มชา แต่ตอนนี้เริ่มรกร้างเพราะไม่มีใครไปแล้ว เขาจึงขอนุญาตทำสระบัวให้อีกฝ่าย เป็นการรำลึกความหลังไปในตัว ดึงความสนใจของคุณชายปราณให้กลับไปอยู่กับอดีตเหมือนกับเขา ดีกว่าต้องมาจมอยู่กับความทุกข์ความเสียใจในปัจจุบัน

คุณชายปราณตื่นมาตั้งแต่เช้าเพราะได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากหลังตึก รถขุดขนาดใหญ่กำลังเริ่มขุดพื้นหญ้าสีเขียวเป็นหลุมลึก และมีขนาดกว้างขึ้นเรื่อยๆ ผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์สระบัวก็เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ชายปราณไปเลือกพันธุ์ดอกบัวกับอนันต์ที่ร้านขายพันธุ์ไม้ ถือว่านี่เป็นกิจกรรมที่ทำให้คุณชายปราณแทบจะลืมความเศร้าไปเสียสนิท เขาสนุกกับการเดินเลือกสีดอกบัวที่คนขายแปะรูปตัวอย่างไว้ให้ดู อนันต์บอกว่าในรูปที่เห็นสวยๆ ก็อย่าไปเชื่อมาก เพราะบางทีดอกที่ออกมาก็สีพื้น ไม่ใช่สีพิเศษอย่างที่พ่อค้าแม่ค้าเขาโม้ไว้

“ผมสั่งทำศาลากลางสระไว้ด้วย เผื่อคุณชายจะได้ไปนั่งชมวิวตรงนั้น” อนันต์บอกพร้อมรอยยิ้มกว้างเมื่อเห็นคนตัวเล็กยิ้มได้ ชายปราณที่กำลังกินไอติมตัดพยักหน้าเบาๆ

“ดีครับ เวลาคุณวาดรูปจะได้เปลี่ยนบรรยากาศไปวาดที่สระบัวได้ด้วย”

อาการทางจิตใจของคุณชายปราณดีขึ้นจนคนในบ้านคลายความกังวลใจ โดยเฉพาะอนันต์ที่ไม่มีท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างคนคิดหนักตลอดเวลาแล้ว ไอ้มั่นก็พลอยสนุกไปด้วยเมื่อมันไปยืนดูไอ้หาญลงมือปลูกบัวทุกต้นด้วยตัวมันเอง

“ไม่ๆ สีส้มมันต้องปลูกไกลจากสีม่วงสิวะ เดี๋ยวมันกลืนกัน” ไอ้มั่นยืนชี้นิ้วสั่งไอ้เกลอรักที่มือเลอะเปรอะเปื้อนดินโคลน ส่วนลำตัวจมอยู่ในน้ำเกือบครึ่งตัว

“ปลูกบัวสีขาวไว้ริมๆ หน่อยสิวะ เวลามันออกดอกจะได้ชูดอกสวยๆ คุณปราณเห็นแล้วจะได้ชื่นใจ” ไอ้มั่นหายไปยืนอยู่ใกล้อนันต์ที่กำลังก้มลงหยิบหน่อบัวลงปลูก

“ทำไมมึงไม่เอาบัวสายมาลงเยอะๆ วะ จะได้ทำแกงให้คุณปราณกินได้”

“มึงหุบปากก่อนได้ไหมไอ้มั่น แหกปากชี้นิ้วสั่งอยู่นั่น กูทั้งร้อนทั้งเหนื่อยยังต้องมาฟังมึงบ่นอีก” อนันต์หันไปบ่นใส่ ดีที่ไม่มีใครออกมาเดินแถวนี้ไม่เช่นนั้นคงด่าเขาว่าบ้าที่พูดคนเดียว

“เหอะ! ก็ดูมึงทำสิวะขัดใจกูจริงเชียว นี่ถ้ากูทำนะป่านนี้เสร็จไปนานแล้วโว้ย”

อนันต์ส่ายหน้ากับความขี้โม้ของเพื่อนรัก ไม่ว่าจะกี่ชาติผ่านไปไอ้มั่นก็ยังเป็นเหมือนเดิม แต่อย่างน้อยๆ มันก็ยังเป็นสีสันให้กับชีวิตที่เคยมืดมนของเขาได้

ในตอนนี้เขามีความสุขดี คุณชายปราณดีขึ้นมากแล้ว และความรักของพวกเขาสองคนก็เป็นไปในทางที่ดี แม้ยังไม่มีสิ่งใดบ่งบอกว่าเขากำลังหลุดพ้นจากคำสาป แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป เพราะสิ่งสำคัญที่สุดของเขาในตอนนี้คือการทำให้คุณชายปราณมีความสุข

ภาพวาดบ้านเรือนไทยลงลายเซ็นของผู้วาดกำกับไว้ที่มุมภาพ ‘อนันต์’ คือชื่อที่ไอ้หาญเลือกที่จะใส่ไว้บนภาพ เพราะความหมายของชื่อตรงกับความรู้สึกรักที่มันมีให้กับคุณปราณ ต่อให้ชาติที่แล้วมันเป็นเพียงแค่ไอ้หาญ เป็นเพียงทาสคนหนึ่ง แต่ตอนนี้มันคือผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลกที่ได้คนรักกลับมาอยู่ข้างกายอีกครั้ง

“สวยมากครับ” ชายปราณเอ่ยชมภาพวาดที่ถูกใส่กรอบแขวนไว้ที่ห้องโถงตามที่ต้องการในตอนแรก เขายืนมองบ้านเรือนไทยที่อยู่ในความทรงจำ มันสมจริงราวกับเขาเข้าไปอยู่ในภาพวาดนี้ได้

“ผมวาดรูปให้คุณเสร็จแล้ว ถ้าอย่างนั้นหม่อมราชวงศ์ปราณันต์ให้เกียรติเล่นเปียโนให้ผมฟังสักเพลงได้ไหมครับ” อนันต์โอบไหล่คนตัวเล็กเบาๆ แล้วก้มลงถาม เขาใช้จมูกคลอเคลียแก้มใสที่มีรอยยิ้มแต้มอยู่ที่มุมปาก

ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแม่บ้านในวังก็ไปขลุกตัวกันอยู่ที่โรงครัวจึงไม่มีใครมารบกวนพวกเขา คนสองคนพากันไปที่ห้องดนตรี เปียโนหลังใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ที่เดิม มันไม่ถูกเจ้าของแตะต้องมานานหลายเดือนแล้ว วันนี้เห็นทีจะได้ปัดฝุ่นเล่นเสียหน่อย

นิ้วเรียวพรมลงบนลิ่มเปียโน เสียงเปียโนที่กำลังบรรเลงเพลง Can't Help Falling In Love ของศิลปินผู้โด่งดังอย่าง Elvis Presley ซึ่งมันเป็นเพลงที่อนันต์เคยเล่นไวโอลินให้ชายปราณตอนอยู่ร้านขายเครื่องดนตรี เจ้าตัวจึงเลือกเพลงนี้มาขับกล่อมให้อีกฝ่ายได้ฟังในตอนนี้

ไอ้มั่นมองภาพตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มแห่งความสุข แววตาของคนที่มันรักทั้งสองคนมองกันอย่างสื่อความหมาย ทุกอย่างประจวบเหมาะสมกับการรอคอยของไอ้หาญ มันที่เป็นดั่งสักขีพยานของความรักบริสุทธิ์ในครั้งนี้ตื้นตันใจจนอยากร้องไห้ มันไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะอยู่เป็นดวงวิญญาณล่องลอยแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน แต่คิดไว้ว่าเมื่อใดที่คำสาปหลุดพ้นตัวมันก็คงต้องจากคนทั้งสองไปตลอดกาล

และเวลานั้น...คงถึงเวลาที่มันต้องบอกลาเพื่อนรักจริงๆ เสียที

*

เข้าสู่ช่วงปลายปีฝนตกชุกจนดินชุ่มน้ำแทบทุกวัน คุณชายปราณโดนฝนนิดหน่อยก็จับไข้ แต่เจ้าตัวก็ยังชอบไปนั่งที่สระบัวเสมอแม้วันนั้นฝนจะตกก็ตาม

“ดอกบัวสวยมาก”

“แต่คุณค่อยออกมาดูตอนที่ฝนหยุดแล้วก็ได้นี่ครับ” อนันต์เอ็ดอีกฝ่ายที่ออกมานั่งอยู่ที่ศาลา แม้ฝนจะซาไปแล้วแต่ก็ยังมีละอองฝนที่สามารถทำให้ชายปราณอาจจะจับไข้ได้

“ก็ผมชอบตรงนี้ คุณสร้างมันให้ผมเองนะ” ชายปราณแย้ง

ตอนแรกๆ เขาโดนกำชับแทบจะทุกครั้งที่ย่างเท้าเข้ามาใกล้สระบัวว่าให้ระวังตกน้ำ เพราะเขาว่ายน้ำไม่เก่ง อีกทั้งอนันต์ยังฝังใจกับเรื่องเมื่อชาติก่อนเขาจึงมักโดนมั่นตามประกบบ่อยๆ ครั้งนี้ก็เช่นกันแต่มั่นก็หายไปเมื่ออนันต์มาอยู่กับเขา

อนันต์ส่ายหน้าเบาๆ กับความดื้อของอีกฝ่าย ถึงเขาจะพูดไปแบบนั้นก็แต่ยิ้มเอ็นดูคนที่ทำตัวราวกับเด็กน้อยเจอสถานที่ที่ถูกใจ เขาจับมือนุ่มขึ้นมาจุมพิตเบาๆ กลิ่นหอมของแป้งที่ทาบนผิวเนียนหอมละมุนจนต้องสูดดมอีกหลายครั้ง

“ช่วงนี้คุณดูผอมไปนะ ได้ทานข้าวบ้างรึเปล่า” อนันต์ถามเพราะเขารู้สึกได้ว่าตอนจับข้อมือของคุณชายปราณ มันดูเล็กกว่าในตอนแรกอยู่เล็กน้อย

“ทานสิครับ เพียงแต่ช่วงนี้ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ไว้ผมจะทานให้เยอะขึ้นนะครับ”

ชายปราณรู้ดีว่าตอนนี้ร่างกายตัวเองไม่ปกติ มันรู้สึกไม่สดชื่นเหมือนก่อนหน้านี้ที่เขายังมีแม่ พี่ชายและน้องสาว เขาเคยไปพบหมอครั้งหนึ่ง หมอบอกว่าอาจเป็นผลกระทบทางจิตใจที่มาจากการสูญเสียคนรักกะทันหันจึงส่งผลให้ตัวเขามีสภาวะจิตใจย่ำแย่ เขาจึงคิดว่าหากวันเวลาผ่านไปและได้อยู่ในที่ที่ชอบอย่างศาลากลางสระบัวมันอาจทำให้เขาสบายใจมากขึ้น

แต่เหมือนทุกอย่างจะแย่ลงจากเดิม เพราะหลังจากวันที่อนันต์ทักเรื่องเขาผอมลง อาการอยากอาหารก็ลดลงไปอีก มีอาการปวดหัวตุบๆ อยู่บ่อยครั้ง บางครั้งปวดทรมานจนร้องไห้ เขาไม่ได้บอกอนันต์เพราะอีกฝ่ายก็ยุ่งกับคนไข้ที่โรงพยาบาล บางวันแทบนอนโรงพยาบาลเพราะมีเคสผ่าตัดเข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งศัลยแพทย์ในเด็กเป็นบุคลากรที่มีจำนวนจำกัดด้วยแล้ว ยิ่งทำให้การพบเจอกันของพวกเขายิ่งน้อยลงไปอีก

“วันนี้คุณดูเหนื่อยมาก พักผ่อนบ้างสิครับ” ชายปราณเอ่ยบอกคนที่เพิ่งกลับจากโรงพยาบาล

อนันต์ย้ายมาอยู่ที่วังปริพัตรและประกาศขายบ้านหลังเดิมที่เคยอยู่แล้ว แม่บ้านที่นี่ไม่มีใครตะขิดตะขวงใจเรื่องที่เขาย้ายมาอยู่กับคุณชายปราณ นั่นเพราะเห็นว่าอนันต์ช่วยเหลือคุณชายในยามสิ้นหวังตอนสูญเสียครอบครัวไป อนันต์จึงกลายเป็นที่รักใคร่ของคนในวัง และกลายเป็นสมาชิกใหม่ของวังปริพัตรไปโดยปริยาย

“แค่เห็นหน้าคุณผมก็หายเหนื่อยแล้ว” อนันต์หอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่ก่อนจะหยอดคำหวานให้คนฟังได้เขิน

“หน้าคุณดูซีดๆ นะ ไปตากฝนจนจับไข้อีกแล้วเหรอครับ” เมื่อได้นอนกอดร่างบางบนเตียงสี่เสาหลังใหญ่ อนันต์ก็ทำหน้าที่หมอคอยสำรวจร่างกายคนชอบป่วย ชายปราณหัวเราะขำกับท่าทางของคนที่ไม่สลัดคราบหมอออกเสียทีเดียวแม้จะเลิกงานแล้ว

“ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ สบายดี คุณน่ะคิดมาก”

“ไม่คิดได้ยังไง เกิดคุณเป็นอะไรขึ้นมาผมก็แย่สิ”

“แย่ยังไงครับ กลัวไม่หลุดพ้นคำสาปเหรอ”

“เรื่องคำสาปผมไม่กลัวหรอก แต่กลัวคุณป่วยมากกว่า เดี๋ยวผมอดกันพอดี”

“อดอะไรครับ”

“อดเติมพลังไงครับ”


บทสนทนากลืนหายไปกับเสียงลมหายใจหอบกระเส่าของคนสองคน ร่างสองร่างกอดเกี่ยวกันราวกับกลัวอีกฝ่ายจะแยกจาก ลมหายใจอุ่นเป่ารดรินไปทั่วร่างเปลือยเปล่า บทรักอันเร่าร้อนที่ต่างฝ่ายต่างปรนเปรอให้กันสุขสมถึงฝั่งฝันไปหลายครั้ง ค่ำคืนที่มีฝนโปรยปรายจนกลายเป็นฝนเม็ดใหญ่ตกกระทบหน้าต่าง แต่ความอบอุ่นบนเตียงหลังกว้างยังคงอยู่ไม่จางหาย

“ทุกอย่างก็ดูโอเคนี่ครับ ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย”

เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ณิชที่นอนพิงอกกว้างก็เงยหน้าขึ้นมองจีรัชญ์ หากไม่นับเรื่องอาการป่วยของคุณชายปราณที่มาจากจิตใจที่อ่อนแอ เขาก็ไม่เห็นว่าคุณชายปราณกับอนันต์จะแยกจากกันได้ยังไง

“เพราะมันดูเหมือนไม่มีอะไรไงครับ ผมเลยวางใจ”

“งั้นเล่าต่อสิครับ ผมอยากรู้”

“มันดึกมากแล้ว ตอนนี้ตีสองกว่าแล้วคุณไม่ง่วงเหรอ”

“ก็...ง่วงแหละครับ” พูดจบก็เผลอหาววอดใหญ่ ตาสวยที่เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้จีรัชญ์จำอีกฝ่ายได้ปรือตามอารมณ์คนง่วงนอนแต่ฝืนตัวเองไว้ เขาตัดใจไม่เล่าต่อเพราะตอนนี้ดึกมากแล้วไว้ค่อยเล่าต่อพรุ่งนี้ก็ยังได้

“ฝันดีนะครับ” จีรัชญ์บอกคนที่ขยับตัวลงนอนเอาหัวหนุนหมอน ณิชพยักหน้าเบาๆ แม้ตาจะปิดไปแล้ว หนุ่มเมืองกรุงไม่ลืมคว้าแขนล่ำมากอดตัวเองไว้ด้วย จีรัชญ์เอื้อมมือไปปิดโคมไฟก่อนจะนอนซ้อนหลังกอดอีกฝ่ายไว้แล้วหลับไปตามๆ กัน

คืนนี้นิทานก่อนนอนถูกเล่าค้างไว้เพียงแค่นั้น ส่วนพรุ่งนี้นิทานบทต่อไปจะเป็นฉากที่เศร้าที่สุดที่ณิชจะได้รู้







โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๗/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๖ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 07-02-2021 10:24:44
รอรับรู้เรื่องราวของคุณชาย
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๗/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๖ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-02-2021 22:56:38
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๗/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๖ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 07-02-2021 23:39:16
ไม่อยากฟังตอนจบของนิทานก่อนนอนตอนหน้าเลย  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๗/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๖ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 08-02-2021 19:26:26
ทำใจที่จะรับรู้.......
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๗/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๖ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-02-2021 16:05:28
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๗/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๖ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๑
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 10-02-2021 06:00:33
บทที่ ๒๗ (ครึ่งแรก)




วันนี้ณิชตื่นสายเขาจึงไม่ทันมื้อเช้า เมื่อลงมาข้างล่างและเดินหามิ้งจนทั่วก็พบหญิงสาวกำลังทำอาหารอยู่ที่โรงครัว โดยมีไอ้มั่นเดินป้วนเปี้ยนไม่ห่าง แม่บ้านคนอื่นๆ แยกย้ายกันไปทำงานปัดกวาดเช็ดถูตามประสา ส่วนจีรัชญ์เข้าสวนกับนายพลีเหมือนเดิม

“หอมจัง” ณิชพูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปดมกลิ่นใกล้ๆ ในกระทะมีเส้นมักกะโรนีคลุกครีมซอสส่งกลิ่นหอมอยู่ ท้องเขาร้องโครกครากทันทีเมื่อเห็นความน่ากินของมัน

“พี่ขอจานนึงสิ”

“ได้เลย หนูทำเผื่อไว้แล้ว เมื่อเช้าได้กินข้าวต้มแล้วไม่อิ่มเลยทำอันนี้กิน นี่หนูว่าจะให้พี่มั่นลองชิมด้วย” มิ้งบอกก่อนจะบุ้ยใบ้ไปทางไอ้มั่นที่ยืนทำหน้าฉงนมองอาหารในกระทะ นานมากแล้วที่มันเคยตามไอ้หาญไปเมืองนอกจนลืมอาหารฝรั่งเหล่านี้ไปแล้ว รูปลักษณ์ที่เหมือนหนอนด้วงตัวอวบๆ อ้วนๆ ในกะทิทำให้มันรู้สึกแปลกๆ จนรู้สึกว่ามันดูไม่น่ากินเท่าไหร่นัก

“เจ้าเรียกสิ่งนี้ว่ากระไรนะเจ้ามิ่ง”

“มักกะโรนีครีมซอส มันคล้ายสปาเกตตีคาโบนาร่าเพียงแต่หนูใส่เส้นมักกะโรนี” มิ้งยิ้มอวดพลางใช้ตะหลิวคนซอสให้เข้ากัน ตักมาชิมนิดหน่อยก่อนจะส่งต่อให้ณิชที่รอชิมอยู่แล้ว พอรุ่นพี่เธอพยักหน้าว่ารสชาติผ่านจึงปิดแก๊ส

“ข้าว่าเหมือนครองแครงกะทิสด เจ้าดูสิ...” ไอ้มั่นชี้พลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด มิ้งถึงกับหันขวับไปต่อว่าอีกฝ่ายทันที

“หนูทำอาหารฝรั่งแต่พี่ทักซะเป็นขนมหวานของไทยเลยนะ เชยจริงๆ ไหนบอกว่าเคยตามคุณตรีไปอยู่ถึงเมืองนอกเมืองนา”

“ปัดโถะ! ข้าเคยตามไปแต่ใช่ว่าจะได้ไปอยู่ดีกินดีนะโว้ย เป็นแค่วิญญาณลอยไปลอยมา รูปร่างตัวตนใดก็หามีเช่นคนอื่นไม่ แค่ได้เห็นเมืองนอกก็ดีถมแล้ว” ไอ้มั่นโวยกลับ นี่หากเจ้ามิ่งเกิดทันเมื่อเขายังมีชีวิตคงได้ไล่เตะกันเสียแล้วกระมัง

มิ้งเลิกเถียงก่อนจะตักมักกะโรนีให้ณิชหนึ่งจาน ดีที่เธอตัดสินใจทำเผื่อไว้เพราะเห็นว่ารุ่นพี่เธอตื่นสายแน่ๆ ตอนนี้ตรงหน้าเลยมีจานสามใบเรียงไว้ พร้อมมักกะโรนีหน้าตาน่าทาน พวกเขานั่งกินในครัว มิ้งจุดธูปให้มั่นและไม่ลืมถ่ายรูปอาหารที่เธอลงมือทำเองด้วย

“เลี่ยน” คำแรกที่ไอ้มั่นพูดเมื่อรับรู้รสชาติแปลกๆ เข้าปาก แม้ไม่ได้เต็มรสอย่างคนเป็น แต่ก็พอรับรู้รสได้บ้าง มันส่ายหน้าหวือปฏิเสธที่จะกินต่อ

“ถ้าพี่ไม่กินหนูเสียใจนะ” มิ้งทำท่าบีบน้ำตา ร้อนถึงไอ้บ่าวตัวดำที่ต้องฝืนกินอาหารฝรั่งรสชาติเลี่ยนๆ ต่อไป

“เออพี่ณิช เมื่อคืนพี่ไปเที่ยวมาเหรอ ทำไมไม่ชวนกันบ้างอ่ะ น่าน้อยใจนะ เห็นหนูเป็นคนนอกแล้วรึไง ใช่สิ...พอรักกันแล้วอะไรๆ มันก็ดีนี่” มิ้งหันมาไล่บี้รุ่นพี่ของตัวเองอย่างคนเพิ่งนึกขึ้นได้ ใบหน้าน่ารักของหญิงสาวงอง้ำ ณิชที่ตักอาหารเข้าปากเกือบสำลักก่อนจะหันไปทางไอ้มั่นเพราะรู้ทันทีว่าคนปากสว่างคงไม่ใช่ใครที่ไหน ถ้าไม่ใช่จีรัชญ์ก็ต้องเป็นมั่นนี่แหละ

“ก็ว่าจะแอบไปสืบเรื่องคุณจีรัชญ์นั่นแหละ”

“แล้วยังไง ตกลงได้เรื่องไหม” มิ้งลืมเรื่องน้อยใจก่อนหน้านี้ไปเสียสนิทเมื่อได้ยินสิ่งที่ณิชพูด

“ได้อะไรล่ะ โดนคุณจีรัชญ์หิ้วกลับมาเพราะดันโดนรถเฉี่ยว เนี่ย...ยังปวดตัวอยู่เลย” ณิชถลกขากางเกงขาสั้นขึ้นให้เห็นรอยถลอกและรอยช้ำ รวมไปถึงยกแขนที่มีแผลให้มิ้งดู

“โห! แล้วคุณตรีเขาว่าไง” มิ้งถามพลางจับตัวอีกฝ่ายสำรวจดูให้ทั่วว่ามีส่วนไหนบาดเจ็บอีกหรือไม่

“ก็ไม่ว่าไง แต่ยอมเปิดปากเล่าเรื่องคุณชายปราณให้ฟัง” พูดจบก็ยักคิ้วไปหนึ่งทีเชิงอวดว่าในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ มิ้งถึงกับอ้าปากหวอด้วยความไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“พี่ลงทุนขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย นับถือใจจริงๆ แล้วรู้เรื่องอะไรเพิ่มบ้าง”

จากนั้นณิชก็เล่าเรื่องที่ตนได้ฟังมาเมื่อคืนให้มิ้งฟัง สลับกับหันไปถามมั่นเป็นระยะๆ รายนั้นก็บอกเท่าที่บอกได้ ซึ่งก็ไม่ต่างจากที่จีรัชญ์เล่าเท่าไหร่นัก เพียงแต่มุมมองของมั่นมันทำให้เขารู้สึกว่าพวกเขาสองคนในชาติที่แล้วรักกันมากจนยากที่จะแยกจากกันอีกแล้ว

“แสดงว่าบัวทุกต้นในสระนี้คุณตรีลงมือปลูกเองทั้งหมดเหรอพี่มั่น” มิ้งถามตาวาว ตอนนี้พวกเขาย้ายกันมานั่งเล่นที่ศาลากลางสระแล้ว ไอ้มั่นรีบพยักหน้าหงึกหงักตอบหญิงสาว

“เคราะห์กรรมพวกพี่โหดร้ายจริงๆ รักกันขนาดนี้ยังแยกจากกันได้ แล้วชาตินี้จะไหวไหมอ่ะพี่ณิช” เธอชักถอดใจแทนเมื่อได้ฟังเรื่องราวความรักที่แสนหวานปนเศร้านี้แล้ว

อดคิดไม่ได้ว่าชาติก่อนรักกันขนาดนั้นยังต้องจากกัน ชาตินี้จะไปเหลือเหรอ

“มันต้องไหวสิมิ้ง พี่ไม่ยอมหรอก”

“ไม่ยอมอะไร”

เสียงนุ่มคุ้นหูของเจ้าของวังปริพัตรคนปัจจุบันทำคนทั้งสองสะดุ้ง ส่วนไอ้มั่นที่เห็นเพื่อนรักเดินมาแล้วทำเพียงแค่พยักหน้าทักทาย

“เรื่องคุณไงครับ วันนี้จะเล่าเลยไหม ผมพร้อมฟังแล้ว” ณิชตอบก่อนที่จีรัชญ์จะมาหยุดอยู่ข้างๆ มิ้งยิ้มให้ชายหนุ่มที่ตอนนี้อยู่ในชุดเข้าสวนธรรมดาๆ แต่กลับหล่อเหลาเอาการ ขนาดเสื้อลายทางที่ใส่เปรอะเปื้อนไปบ้างแต่ก็ยังดูดี มีมาดราวกับผู้ดีจนลืมคิดไปเลยว่าจีรัชญ์เคยเป็นทาสในเรือนมาก่อน

“ผมจะไปอาบน้ำก่อน เหนียวตัว คุณไปรอที่ห้องทำงานได้เลย”

ณิชยิ้มกว้างทันที เขาชวนมิ้งไปด้วยแต่หญิงสาวปฏิเสธ เธอค่อยรอฟังจากณิชต่ออีกทีดีกว่า ช่วงเวลานี้ควรปล่อยให้จีรัชญ์กับณิชได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ก่อนที่พวกเธอจะต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ

*

ณิชมานั่งรอจีรัชญ์ที่ห้องทำงานอย่างที่อีกฝ่ายบอก ระหว่างรอเขาเดินไปดูภาพวาดบ้านเรือนไทยที่เห็นตั้งแต่ครั้งแรกที่มาถึงที่นี่ รอยยิ้มค่อยๆ ฉายขึ้นบนใบหน้า มือเรียวลูบไปบนภาพแผ่วเบา แม้อายุของภาพนี้จะนับสิบๆ ปีแล้วก็ตาม แต่ความสวยงามของมันยังคงอยู่ไม่จางหาย ถึงว่าว่าทำไมจีรัชญ์ได้หวงนักหวงหนา ก็เพราะมันเป็นภาพที่อนันต์มอบให้คุณชายปราณในวันที่เจ้าตัวมีจิตใจอ่อนแอนั่นเอง

“ผมจะเอากลับไปติดไว้ที่เดิม” คนเข้ามาทีหลังในเสื้อผ้าชุดใหม่พูดขึ้น จีรัชญ์มายืนซ้อนหลังณิชแล้วจูบที่ขมับเบาๆ เขามองภาพวาดฝีมือตัวเองก่อนจะอมยิ้มเมื่อคิดถึงวันวานที่ผ่านมา

“คุณวาดสวยมากๆ ถ้าผมขอให้วาดรูปให้ผมบ้างได้ไหม”

“จะให้วาดอะไรล่ะ”

“วาดผมไง เอารูปผมกับคุณ อ้อ! รูปถ่ายขาวดำใบนั้นที่คุณถ่ายคนเดียวน่ะ คุณวาดให้ผมอยู่ในรูปนั้นกับคุณได้ไหม”

“หึ... ไปถ่ายใหม่ไม่ดีกว่าเหรอครับ” จีรัชญ์ถามพลางยิ้มขำกับคนที่คิดอะไรให้ยุ่งยาก

รูปถ่ายขาวดำที่ณิชเคยเห็นรูปนั้นเป็นรูปตอนที่เขากำลังจะไปต่างประเทศ ท่านทูตจับเขาถ่ายรูปไว้เพื่อให้ไว้เป็นที่ระลึก เขาเก็บมาเป็นอย่างดีแม้จะข้ามน้ำข้ามทะเลแรมเดือนก็ไม่ยอมให้มันเสียหายโดยเด็ดขาด ณิชจึงได้เห็นรูปใบนั้นในปีนี้

“จริงด้วย” ณิชเห็นด้วย แต่เขาก็อยากให้จีรัชญ์วาดรูปให้ตัวเองบ้าง เพราะฝีมือปลายพู่กันของจีรัชญ์มันดูงดงามมากจริงๆ

“มานี่สิ” จีรัชญ์รั้งคนตัวเล็กกว่าให้เดินตามตนไปทางมุมหนึ่งของห้องทำงาน เขาไขกุญแจเปิดประตูที่ซ่อนอยู่หลังตู้หนังสือเข้าไป ภายในนี้เขาเอาไว้เก็บรูปวาดต่างๆ ที่เขาวาดเอาไว้ แม้แต่รูปภาพที่ถูกถ่ายเมื่อสมัยหลายสิบปีก่อนก็อยู่ในนี้

“โอ้โห!!! คุณมีห้องลับในนี้ด้วยทำไมผมไม่รู้เลย” ณิชเบิกตาโตด้วยความตกใจ กลิ่นอับของห้องมีอยู่บ้าง ฝุ่นมีอยู่ประปรายสื่อให้รู้ว่าห้องไม่ได้ถูกทิ้งร้าง เจ้าของยังคงเข้ามาทำความสะอาดและปล่อยให้มันได้ระบายอากาศอยู่เนืองๆ

“รูปสระบัวนี้คือที่ไหน” ณิชเปิดภาพวาดดูแล้วชี้ถาม

“ที่ที่คุณชอบให้ผมพาไป”

“ตอนไหน...” ณิชหันไปถามพลางขมวดคิ้วมุ่น จีรัชญ์ยิ้มกริ่มไม่ได้ตอบ แต่สายตากรุ้มกริ่มนั้นณิชเดาได้ไม่ยากว่าตอนไหน ชายหนุ่มหน้าแดงขึ้นทันทีเมื่อคิดได้ว่าสระบัวนั้นคือที่แรกที่เขากับไอ้หาญพลอดรักกัน อาการเขินปิดไม่มิดจนต้องเบือนหน้าหนีสายตาของจีรัชญ์แล้วหันไปสนใจภาพวาดอื่นๆ แทน

รูปที่จีรัชญ์วาดส่วนใหญ่เป็นวิวทิวทัศน์อย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด รูปก่อนหน้านี้ที่อีกฝ่ายยังวาดไม่เสร็จแล้วดันมีปากเสียงกับเขาก่อนก็ตั้งอยู่บนขาตั้งและคลุมผ้าไว้ มันยังคงค้างไว้อยู่เหมือนเดิม จีรัชญ์ให้เวลาณิชเดินสำรวจดูรอบห้องเล็กนี้ไปเรื่อยๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายรื้อรูปออกมาดูทีละรูปจนกระทั่งณิชไปเจอภาพภาพหนึ่ง

“ผมเคยเห็นเหตุการณ์นี้ เหมือนมัน...เป็นเดจาวู” ณิชพูดขึ้นพร้อมกับภาพวาดในมือที่มีชายหนุ่มนั่งหันข้างเล่นเปียโนแกรนด์หลังใหญ่ ใบหน้าที่เห็นเพียงเสี้ยวระบายยิ้มอ่อนๆ และใช่...มันคือคุณชายปราณ หรือเขาในชาติที่แล้วนั่นเอง

“นี่คือครั้งแรกที่คุณชายปราณกับคุณอนันต์เจอกันใช่ไหมครับ” เพราะเสี้ยวความรู้สึกและภาพที่แวบเข้ามาในหัวเพียงเสี้ยววิทำให้เขามั่นใจว่าต้องใช่แน่ๆ

“ใช่ครับ”

ณิชน้ำตารื้นขึ้นมาที่ขอบตาทันทีเมื่อคิดว่าจีรัชญ์ต้องเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเองแบบนี้คนเดียว แม้จะมีมั่นอยู่เป็นเพื่อนแต่อีกฝ่ายก็จะปรากฏตัวก็ต่อเมื่อเขาจำเรื่องราวในอดีตได้เท่านั้น ซึ่งนั่นก็ไม่ต่างจากการอยู่คนเดียวอยู่ดี ภาพความทรงจำทุกอย่างถูกถ่ายทอดใส่เฟรมรูปภาพภาพแล้วภาพเล่า บางฉากบางตอนที่จีรัชญ์วาดคือสิ่งที่เขาไม่รู้และจำไม่ได้ แต่จีรัชญ์กลับจำได้ทุกอย่างราวกับความทรงจำเหล่านี้ไม่เคยเลือนหายไปเลยแม้แต่นาทีเดียว

“คุณร้องไห้อีกแล้ว ไม่ยักรู้ว่าคุณขี้แย” จีรัชญ์เกลี่ยน้ำตาบนแก้มใสเบาๆ

“ก็ดูสิ่งที่คุณทำสิ ทั้งห้องนี้เหมือนกรุความทรงจำของคุณทั้งหมดเลย”

“ไม่ใช่ความทรงจำของผม มันเป็นความทรงจำของเราต่างหาก”

พวกเขาทั้งคู่ออกมาข้างนอกอีกครั้ง ณิชหยิบหมอนมานั่งเล่นที่ข้างหน้าต่างเช่นเดิม เขารั้งให้จีรัชญ์นอนบนตักเพื่อที่จะได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟัง

“เริ่มเลยนะครับ”

“แป๊บนึงครับ” ณิชพูดขึ้นเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ เขารีบลุกออกไปจากห้อง จีรัชญ์ที่สงสัยว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรก็ได้แค่ขมวดคิ้วแต่ไม่ได้ตามออกไป รอไม่นานณิชก็กลับมาพร้อมกับขนม น้ำ และส้มโอที่ปอกมาเสร็จแล้ว

“เสบียงพร้อมแล้วครับ เริ่มได้เลย”

จีรัชญ์ถึงกับหัวเราะเมื่อเห็นว่าณิชเตรียมตัวราวกับกำลังมาปิกนิก เขาล้มตัวลงนอนหนุนตักอีกฝ่ายที่กลับมานั่งเหยียดขายาวหลังพิงบานกระจกหน้าต่างเช่นเดิมแล้ว ก่อนเรื่องราวจะถูกถ่ายทอดออกจากปากจีรัชญ์อีกครั้ง

“เมื่อคืนผมเล่าถึงตรงไหนนะ”

“คุณสร้างสระบัวให้คุณชายปราณ และพวกคุณก็มีความสุขกันมาก” ณิชตอบพลางเคี้ยวคุกกี้กรุบๆ

“อ่า...ใช่ครับ เรามีความสุขกันมาก” จีรัชญ์พึมพำในลำคอ เขาคิดย้อนไปในตอนนั้นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ณิชก้มมองคนที่กำลังเหม่อก่อนที่รอยยิ้มของจีรัชญ์จะเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าเรียบเฉย สายตาอ่อนโยนดูเศร้าขึ้นมาในทันที

“ผมคิดว่าเราสองคนจะผ่านคำสาปนั้นมาด้วยกัน เพราะผมอยู่กับคุณนานแรมปีเราไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาหรืออุปสรรคในชีวิตเลย ทุกคนในวังปริพัตรรับรู้ว่าผมกับคุณเป็นอะไรกัน ญาติพี่น้องของคุณก็ไม่มี ไม่มีใครมาขัดขวางความรักของเราสองคนอย่างที่เป็นในอดีตอีก”

ในตอนนั้นอนันต์คิดไว้เลยว่าอีก 10 ปีข้างหน้าเขาต้องมีอะไรบ้าง เขาวางแผนชีวิตคู่ว่าเขากับคุณชายปราณจะต้องสร้างอะไรเพิ่ม หรือจะอยู่กินกันอย่างไร จะรับเด็กสักคนมาอุปการะดีหรือไม่ เขาคิดไปไกลมากโดยที่ไม่เอะใจเลยสักนิดว่า...ร่างกายของเขายังคงไม่มีบาดแผลที่ทำให้เลือดไหล หรืออาการบาดเจ็บใดที่ทำให้เขาถึงแก่ชีวิตได้

“คุณอนันต์! เจ็บไหมครับ ให้ผมดูแผลหน่อย” ชายปราณปรี่เข้าไปดูคนที่เพิ่งตกต้นไม้แล้วหน้าแข้งโดนกิ่งไม้ขูดเป็นทางยาว แต่เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ กลับไม่พบแผลเลยสักนิด แม้แต่รอยถลอกก็ไม่มี มีเพียงรอยขูดแดงๆ เพียงเท่านั้น

“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้เองโดนไม่เยอะ เห็นไหมแผลยังไม่มีเลย” อนันต์ปลอบคนรักที่ยื่นหน้าตื่นอยู่ใกล้ๆ สายตายังคงสำรวจไปทั่วร่างเขาว่ามีบาดแผลตรงอื่นหรือไม่

วันนี้เขานึกอยากจะตัดแต่งกิ่งไม้เสียหน่อย มีเลื่อยที่เพิ่งซื้อมาใหม่จึงอยากแกะใช้ เขาปีนต้นไม้ขึ้นไปก่อนจะใช้เลื่อยเลื่อยกิ่งไม้ที่มันดูไม่สวยงามออก แต่ก็ไม่คิดว่าตนจะก้าวพลาดจนตกต้นไม้ลงมาแบบนี้

“โชคดีก็แล้วไปครับ แต่ถ้าโชคร้ายโดนไม้เสียบขาขึ้นมานี่แย่เลยนะ คนในบ้านก็มีเยอะแยะทำไมไม่เรียกใช้ล่ะครับ จะทำเองทำไม” ชายปราณอดไม่ได้ที่จะเอ็ดคนรัก ใบหน้าหวานงอง้ำเล็กน้อยสื่อให้รู้ว่าตนห่วงใยอนันต์อยู่มาก

“อย่าเอ็ดผมนักเลยครับคุณชาย คุณเข้าข้างในเถอะ โดดแดดโดนลมเยอะๆ เดี๋ยวจะจับไข้ไม่สบายไปอีก”

เพราะช่วงนี้คุณชายปราณป่วยบ่อยอย่างไม่ทราบสาเหตุ เรียกได้ว่าสามวันดีสี่วันไข้จนเขาเป็นห่วง บอกให้ไปตรวจเจ้าตัวก็บอกไปว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก พอจะไปหาหมออาการเหล่านั้นก็หายแล้ว

และเพราะความชะล่าใจในตอนนั้น ทำให้เดือนต่อมาคุณชายปราณเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงจนต้องหามส่งโรงพยาบาลในช่วงกลางดึก อนันต์ที่แทบจะตรวจไข้เองจำใจต้องยืนรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เพราะเขาไม่มีอำนาจในการรักษาเนื่องจากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ป่วย

*

นานหลายวันที่คุณชายปราณต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เจ้าตัวยังมีอาการปวดหัวอยู่เนืองๆ เพียงแต่ไม่ได้รุนแรงเท่าวันแรก หมอยังคงวินิจฉัยได้ไม่แน่ชัดจนกว่าจะตรวจทุกอย่างครบแล้ว

“วันนี้เป็นยังไงบ้างครับ ยังมีอาการคลื่นไส้อยู่ไหม” อนันต์ถามคนที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียงผู้ป่วย อีกฝ่ายยิ้มก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ

“ไม่แล้วครับ แต่ผมจะบอกข่าวดีอะไรบางอย่างเอียงหูมาสิครับ” คุณชายปราณกวักมือเรียกอนันต์ให้เอียงหูไปใกล้ตน อนันต์ยิ้มก่อนจะทำตามอย่างว่าง่าย

“อะไรครับ”

“เมื่อคืนผมเห็นคุณหญิงแม่ พี่ชายใหญ่แล้วก็หญิงรตีที่นี่ด้วยครับ” ชายปราณพูดพร้อมใบหน้าระบายยิ้ม แววตาซ่อนความดีใจปิดไม่มิดที่ตัวเองได้เจอคนที่รักอีกครั้ง แม้ไม่ได้พูดคุยกันแต่ก็ยังดีที่ได้เจอ

“จริงเหรอครับ? เห็นที่ไหน เห็นได้ยังไงครับ” อนันต์ถามพลางขมวดคิ้วสงสัย

“ก็มาหาผมที่นี่ ตอนที่คุณหลับไปแล้ว ผมไม่อยากปลุกเลยไม่ได้บอกตั้งแต่เมื่อคืน”

คำตอบของชายปราณทำอนันต์หันมองหน้าไอ้มั่นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ไอ้ทาสผู้ซื่อสัตย์ที่ดวงวิญญาณติดตามเจ้านายมาด้วยก็สงสัยเช่นกันว่าเจ้านายมันเห็นวิญญาณดวงอื่นได้อย่างไร

“หรือจะเป็นสิ่งพิเศษที่ติดตัวคุณปราณมาวะไอ้หาญ” ไอ้มั่นถามเมื่อมันกับไอ้เกลอออกมาจากห้องพักผู้ป่วย ไอ้หาญทำทีเป็นออกมาซื้อข้าวกินมันจึงตามออกมาถามด้วยความสงสัยที่มีอยู่เต็มอก

“แต่กูไม่คิดแบบนั้น”

แน่นอนว่าสิ่งที่เขาได้เจอในชีวิตอย่างเช่นการมีชีวิตเป็นนิรันดร์มันคือเรื่องเหลือเชื่อที่สุด แต่เรื่องที่คุณชายปราณเจอกลับทำให้เขาสงสัยมากกว่าจะมองว่ามันคือสิ่งอัศจรรย์

“ผมขอพบอาจารย์จเรหน่อยครับ”

“ได้ค่ะหมออนันต์ แต่คงต้องรอช่วงบ่ายนะคะ พอดีอาจารย์จเรติดประชุมค่ะ” เลขาฯ ของอาจารย์แพทย์ที่เก่งที่สุดของโรงพยาบาลบอกเขาเสียงหวาน อนันต์พยักหน้ารับเพราะเขายินดีรอ เนื่องจากเรื่องที่เขาจะปรึกษาต่อไปนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่อาจทิ้งไว้ได้อีกต่อไป




โปรดติดตามส่วนต่อไป
ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๗/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๗ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 10-02-2021 14:04:36
มันเศร้าใจที่เห็นคนรักจากไป กอดไอ้หาญแน่นๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๗/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๗ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 10-02-2021 22:52:32
รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๗/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๗ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 11-02-2021 19:37:57
ลุ้นทุกตอนที่ได้อ่าน
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๗/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๗ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 12-02-2021 06:38:34
บทที่ ๒๗ (ครึ่งหลัง)



อนันต์ออกมาจากห้องของอาจารย์จเรที่เป็นอาจารย์แพทย์เกี่ยวกับระบบประสาทและสมอง เขาเข้าไปปรึกษาเรื่องอาการของคุณชายปราณอยู่นานหลายนาที ฝ่ายอาจารย์จึงบอกว่าเดี๋ยวจะดูให้ เพราะเท่าที่ฟังจากอนันต์เล่ามาก็ยังฟันธงไม่ได้ว่าสิ่งที่อนันต์คิดนั้นใช่หรือไม่

วันนี้เข้าสู่วันที่ 7 แล้วที่หม่อมราชวงศ์ปราณันต์พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ชายปราณนั่งอยู่บนเตียงกำลังกินมะม่วงเปรี้ยวจิ้มพริกเกลืออยู่กับมั่น เขาไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงยังกลับบ้านไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าแค่อาการปวดหัวถึงกับต้องนอนโรงพยาบาลหลายคืนแบบนี้ อีกทั้งอนันต์ยังมีสีหน้ากังวลและเครียดจนเขารู้สึกได้

“ทำไมไม่ทานข้าวล่ะครับ” อนันต์ถามเมื่อเข้าเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ แต่กลับเห็นคนป่วยนั่งกินมะม่วงเปรี้ยวแทนที่จะเป็นมื้อเย็นที่อยู่ในถาดอาหาร

ช่วงนี้เขานอนเฝ้าคุณชายปราณที่โรงพยาบาลทุกวัน ดีอยู่อย่างตรงที่พอตี่นเช้ามาอาบน้ำแต่งตัวก็เริ่มงานได้เลย เพียงแต่ว่าตอนนี้ก็มีสิ่งที่รบกวนจิตใจและยังไม่ได้รับคำตอบ นั่นคืออาการป่วยของคุณชายปราณ

“หมออนันต์คะ เลขาฯ อาจารย์จเรบอกว่าอาจารย์ให้ไปพบที่ห้องค่ะ” พยาบาลสาวนางนึงบอกเมื่ออนันต์กำลังจะเดินผ่านเคาน์เตอร์พยาบาลไปในช่วงพักเที่ยงของวันหนึ่ง อนันต์ที่กำลังจะไปซื้อข้าวมาทานกับคุณชายปราณชะงักไป ก่อนจะรีบสาวเท้าเร็วๆ เพื่อไปยังห้องทำงานของอาจารย์จเร

“ผลตรวจออกมาแล้วนะหมออนันต์ คุณชายปราณมีเนื้องอกในสมอง”

คำตอบที่เขาได้รับจากแพทย์เจ้าของไข้เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้เตรียมใจไว้เลย อาจารย์จเรที่อยู่ในห้องนี้ด้วยพยักหน้ายืนยันอีกเสียงว่าสิ่งที่เขาได้ยินนั้นคือความจริง เพราะอาการป่วยของคุณชายปราณไม่ใช่เพียงแค่ร่างกายอ่อนแอ หรือจิตใจที่เกิดมาจากการสูญเสียคนในครอบครัวพร้อมกัน แต่เพราะเนื้องอกที่กำลังเป็นอยู่โดยไม่ออกอาการ และเพิ่งมามีอาการเอาตอนที่ตรวจพบช้าไปเสียแล้ว

“ไอ้หาญ...” ไอ้มั่นเรียกชื่อเพื่อนรักเสียงสั่นเครือ มันไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่คุณปราณเป็นร้ายแรงแค่ไหน แต่เห็นใบหน้าที่ซีดเผือดพร้อมกับการที่ไอ้หาญทรุดนั่งอย่างคนหมดแรงก็พอเดาได้ว่าคงอาการหนักพอสมควร

“คุณปราณจะรักษาได้หรือไม่วะ”

“........”


“มะ...มึง...พูดกระไรบ้างสิวะ”

“........”


“มึงหาหมอที่เก่งๆ มารักษาคุณเขาได้ไหมวะ รึต้องให้กูไปบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ใดให้หรือไม่ กูจะทำทุกทางให้มึงกับคุณปราณสมหวังให้จงได้”

คำพูดของไอ้มั่นไม่สามารถเรียกสติของไอ้หาญกลับมาได้ ตอนนี้ไอ้หาญในคราบหมออนันต์นั่งหมดเรี่ยวแรงอยู่ที่ขั้นบันได ไม่สนคนที่เดินผ่านไปมาด้วยซ้ำเพราะสิ่งที่มันกำลังรู้สึกนั้นไม่สามารถบรรยายออกมาได้

ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ร่างกายของคุณชายปราณพยายามบอกอาการมาตลอดว่าไม่ปกติ แต่เขากลับไม่เอะใจ ประสบการณ์ที่มี สิ่งที่ได้เรียนมา ความรู้ที่สั่งสมมาเป็นสิบเป็นร้อยปีแต่กลับช่วยอะไรในตอนนี้ไม่ได้เลย

เขาถามแพทย์เจ้าของไข้และอาจารย์จเรแล้วว่ามีทางรักษาหรือไม่ หรือต้องให้ข้ามน้ำข้ามทะเลพาคุณชายปราณไปรักษาที่ต่างประเทศเขาก็ยอม แต่คำตอบที่ได้คือมันสายเกินไปแล้ว ตอนนี้มะเร็งได้ลุกลามเกินกว่าจะรักษาได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือทำใจ

“อึก...ฮึก...” อนันต์ไม่สามารถอดกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป หมัดกำแน่นอุดปากไว้เพื่อไม่ให้เสียงร้องสะอื้นของตนดังให้คนอื่นได้ยิน ตอนนี้คำถามที่วนอยู่ในหัวคือเขาผิดอะไร เขาพลาดตรงไหน เขาคิดว่าทุกอย่างมันผ่านพ้นไปแล้วแต่ท้ายสุดมันก็จะจบลงแบบเดิม

ไอ้มั่นนั่งลงข้างเพื่อนรัก น้ำตาของวิญญาณทาสรินไหลยามเห็นเพื่อนเสียใจอีกครา มันก็รู้สึกเสียใจไม่แพ้กันที่โชคชะตาเล่นตลกกับชีวิตไอ้หาญเช่นนี้ มันไม่ได้คิดเสียใจว่าตัวเองต้องตามติดคนทั้งสองไปทุกภพทุกชาติ แต่มันคิดเสียใจที่ช่วยอะไรคนทั้งสองไม่ได้มากกว่านี้

“มันอาจจะมีปา...เขาเรียกกระไรวะ ปาตีหานใช่หรือไม่ เออ! มันอาจจะเกิดปาตีหานขึ้นก็ได้นะเว้ยไอ้หาญ” ไอ้มั่นพูดปลอบใจ

ปาฏิหาริย์ที่ไอ้มั่นพูดถึงไม่มีจริงหรอก มันก็แค่คำพูดปลอบใจของคนที่สิ้นหวังแล้วก็เท่านั้น

*

อนันต์กลับมาที่ห้องพักผู้ป่วยอีกครั้ง คราบน้ำตาและดวงตาที่แดงก่ำถูกกำจัดออกไปไม่ให้คนป่วยได้เห็นว่าเขากำลังรู้สึกเช่นไร ร่างบอบบางที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าซูบเซียวลงไปมาก หน้าตาที่เคยแจ่มใสตอนนี้ซีดเผือดไร้เลือดฝาด

“อ่ะ... คุณกลับมาแล้ว ตรวจคนไข้เสร็จแล้วเหรอครับ” ชายปราณเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจที่อนันต์ชอบมอง มือใหญ่ยื่นมาลูบหัวชายปราณเบาๆ ก่อนหนุ่มร่างสูงจะก้มลงหอมกระหม่อม

หากจะให้คนอย่างไอ้หาญยอมแพ้คงต้องรอให้ปลายดาบของท่านออกญาฯ บั่นคอ เพราะหลังจากเขาคิดทบทวนดูแล้วเขาจะหาทางรักษาคุณชายปราณให้ได้ แม้มันจะไม่ใช่ทางที่เขาถนัดแต่ก็จะหาข้อมูลให้มากที่สุดเพื่อจะช่วยชีวิตคนรักในชาตินี้ไว้ อาจารย์จเรคืออาจารย์หมอที่เขาเคารพ แต่ครั้งนี้เขาขอไม่เชื่ออีกฝ่ายที่ว่าเปอร์เซ็นต์ที่คุณชายปราณจะรอดนั้นมีน้อย เขาจะสร้างคำว่าปาฏิหาริย์ขึ้นมาด้วยตัวเอง

“ผมอยากกลับบ้านแล้ว ผมขอกลับบ้านได้ไหมครับ” ชายปราณถามคนที่กำลังเหม่อมองออกนอกหน้าต่างห้องพัก อนันต์หันกลับมายิ้มให้ก่อนจะตอบตกลงออกไป ในเมื่ออาจารย์จเรบอกว่ารักษาไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะพาคุณชายกลับวังปริพัตรและหาทางอื่นต่อไป

เมื่อคุณชายปราณกลับมาอยู่ที่วังแล้ว อาการของโรคก็ยิ่งชัดมากขึ้น มีครั้งหนึ่งที่อนันต์เดินผ่านห้องหนังสือที่อีกฝ่ายชอบขลุกตัวอยู่ในนั้น เขาได้ยินเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยเบาๆ แต่เมื่อเงี่ยหูฟังบทสนทนามันก็ทำให้ความเข้มแข็งที่เขาแสร้งมีพังทลายลงตรงหน้า

“หญิงรตีก็พูดเกินไป พี่อยู่กับคุณอนันต์แล้วมีความสุขมาก มีความสุขกว่าตอนที่เราไปเที่ยวภาคเหนือด้วยกันเสียอีก”

บานประตูที่แง้มเปิดเพื่อที่อนันต์จะได้ดูคนข้างในได้ค่อยๆ ปิดลงอย่างเบามือ คุณชายปราณนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกพูดเสียงเจื้อยแจ้วกับชั้นหนังสือราวกับที่ตรงนั้นมีคนยืนอยู่ด้วย ทั้งที่จริงไม่มีใครอยู่เลย

ไอ้มั่นที่อยู่กับคุณชายปราณได้แค่ก้มหน้าซุกซ่อนความเสียใจที่เห็นอาการภาพหลอนของเจ้านายซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันยืนหลบอยู่ที่มุมห้อง ก่อนหน้านี้คุณปราณก็เพิ่งจะแนะนำมันกับพี่น้องของตัวเองไป ทั้งที่มันไม่เห็นดวงวิญญาณที่เหมือนกับมันแม้แต่คนเดียวในห้องนี้

อนันต์เปิดตำราหาทางช่วยเหลือคุณชายปราณแทบไม่ได้กินไม่ได้นอน เขาติดต่อไปทางโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ ว่าจะพาคุณชายไปรักษาตัวที่นั่น เพราะเครื่องมือที่ทันสมัยและมีแพทย์เฉพาะทางเยอะกว่าที่นี่ แต่เพราะตอนนี้คุณชายมีไข้และร่างกายยังอ่อนแออยู่มากทำให้เดินทางไกลนานๆ ไม่ได้ เขาจึงต้องรอให้อาการมันทรงตัวกว่านี้เสียก่อน

ก๊อกๆๆ

“ทำไมยังไม่นอนอีกครับ คุณทำงานหนักเกินไปแล้วนะ แทบไม่ได้พักเลย เป็นแบบนี้เข้าระวังตัวคุณหมอจะป่วยเสียเอง” ชายหนุ่มหน้าหวานเจ้าของวังปริพัตรเอ่ยถามคนรัก เพราะตลอดหลายวันมานี้อนันต์เอาแค่ขลุกตัวอยู่ในห้องทำงาน กองหนังสือเกี่ยวกับระบบประสาทและสมองถูกกางออกกระจายอยู่บนพื้นและโต๊ะทำงาน

“พอดีผมยุ่งๆ น่ะครับ อยากจะเคลียร์งานให้เสร็จก่อน” อนันต์ตอบเลี่ยงทั้งที่ความจริงแล้ว งานที่เขาทำอยู่นั้นไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าเสร็จเลย

“แต่ผมง่วงแล้ว ไปนอนกันเถอะครับ ผมนอนไม่หลับถ้าไม่มีคุณนอนด้วย” ชายปราณคะยั้นคะยอจนอนันต์ต้องวางมือจากกองหนังสือและเอกสารต่างๆ

เมื่อกลับมาที่ห้องนอนแล้วชายปราณก็เตรียมตัวนอนทันที เขารู้สึกเพลียและง่วงเพราะเพิ่งกินยาไป แต่กระนั้นก็ยังฝืนสายตาเพื่อรอให้อนันต์มานอนข้างกัน

“ฝันดีครับ” คุณชายปราณกระซิบบอก แขนล่ำถูกใช้แทนหมอนหนุน อนันต์หอมแก้มนิ่มก่อนมอบจุมพิตบอกราตรีสวัสดิ์ที่หน้าผากมน

ความมืดของค่ำคืนมันหม่นหมองพอๆ กับจิตใจของคนเป็นหมอในตอนนี้ เพราะความเพียรพยายามของเขาที่ไม่ว่าทำอย่างไรก็ดูจะไร้ความสำเร็จ เขาอ่านตำราแพทย์เท่าที่จะหาได้แต่ท้ายสุดก็ไม่มีเล่มไหนที่จะมีทางออกให้กับคุณชายปราณ

เวลาผ่านล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่ แม้ร่างกายเขาจะอ่อนล้าแต่กลับข่มตาหลับตามคนที่นอนหลับไปแล้วไม่ได้ แขนเขาชาจนแทบไม่รู้สึกจนต้องค่อยๆ ดึงแขนออกและให้อีกฝ่ายนอนหนุนหมอนดีๆ

อนันต์นอนลืมตามองเพดานไม่ได้จับจ้องที่จุดใดเป็นพิเศษ คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงทำให้มีแสงของดวงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ในห้องไม่มืดนัก เขาขยับตัวให้เบาที่สุดก่อนจะค่อยๆ ลุกออกจากเตียง กลอนประตูถูกปลดออกพร้อมกับคุณหมอที่ออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ โดยหารู้ไม่ว่าคนข้างกายที่ตนตั้งใจที่จะไม่รบกวนลืมตาตื่นอยู่ และรับรู้ทุกการกระทำของอีกฝ่ายทั้งหมด

คุณชายปราณไม่สามารถข่มตาหลับได้อีกต่อไป แม้ยาที่เขากินเข้าไปจะทำให้ง่วงซึมขนาดไหน แต่ความว้าวุ่นใจก็เอาชนะพวกมันได้อยู่ดี ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เขาไม่ใช่หมอและไม่ทราบเกี่ยวกับร่างกายตัวเองก็จริง แต่ก็พอเดาได้ไม่ยากว่าเขาคงเป็นโรคเกี่ยวกับสมอง ภาพหลอนที่เห็นคุณหญิงแม่ พี่ชายใหญ่และหญิงรตีคือตัวบ่งชี้ว่าอาการเขาแย่มาก และตอนนี้มันกำลังถึงทางตันในการรักษา อนันต์จึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาได้มีชีวิตอยู่ต่อให้นานกว่านี้

“มั่น...” ชายปราณเอ่ยเรียกหาบ่าวที่เป็นวิญญาณตามติดมาตั้งแต่ชาติก่อน ไอ้มั่นปรากฏตัวที่มุมห้องก่อนจะเดินเข้ามาหาแล้วหมอบลงข้างเตียง

“ขอรับ”

“รู้ใช่ไหมว่าผมเหลือเวลาไม่มากแล้ว” เขาถามอีกฝ่ายเสียงสั่นเครือ น้ำตาที่มักไหลทุกครั้งเวลาอยู่คนเดียวมันเอ่อคลอเต็มดวงตา จากนั้นก็ค่อยๆ ไหลกลิ้งผ่านสันจมูกลงสู่หมอนที่นอนหนุน

“ไอ้หาญกำลังหาทางช่วยคุณปราณขอรับ อีกไม่นานบ่าวว่ามันต้องเจอทางออกแน่นอนขอรับ”

“ผมเหนื่อยแล้ว... ผม...เจ็บ”

เจ็บปวดทางร่างกายก็ไม่เท่าทางจิตใจที่เห็นคนรักต้องมาดิ้นรนจนแทบไม่ได้กินไม่ได้นอนแบบนี้ เขารู้ว่าทุกคืนอนันต์กลับเข้าห้องเกือบรุ่งสาง และตื่นก่อนตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า เวลาที่อีกฝ่ายใช้นอนไม่ถึงสองชั่วโมงเสียด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่อ่านตำราแพทย์ที่เจ้าตัวเสาะหามา

ไอ้มั่นก้มหน้าเพราะไม่อยากมองเจ้านายที่กำลังนอนตะแคงมองมันอยู่ มันไม่อยากเห็นความเจ็บปวดของคุณปราณ และไม่อยากให้คุณปราณเห็นความเสียใจของมันที่ไม่สามารถช่วยอะไรคุณปราณมากไปกว่านี้ได้

ชายปราณนอนเงียบไปอีกพักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้น เขาลงจากเตียงและเดินออกนอกห้องไปทางห้องทำงานที่ตอนนี้เปิดไฟอยู่

แอด...

เสียงบานประตูที่ถูกผลักเปิดออกเบาๆ อนันต์เงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจว่าใครกันที่ลุกขึ้นมาเดินในยามวิกาลเช่นนี้ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นคุณชายปราณเขาจึงต้องวางปากกาในมือลง

“สะดุ้งตื่นเหรอครับ หรือว่าฝันร้าย” เขาเดินไปหาคนตัวเล็กก่อนจะแตะมือไปบนใบหน้าที่ซูบผอม แก้มอิ่มที่เคยจูบเคยหอมอยู่ทุกวันตอบลงไปมากจนเห็นโหนกแก้มชัดเจน

“ผมแค่จะมาขอให้คุณหยุด”

“ครับ?”

“ผมรู้ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่”

“คุณ...” ตาคมของอนันต์เบิกโตขึ้นเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าคุณชายรู้เรื่องอาการป่วยของตนเองแล้ว เขาหันไปมองไอ้มั่นเพื่อคาดโทษมันเพราะคิดว่าอีกฝ่ายบอก แต่คุณชายปราณเอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน

“มั่นไม่ได้บอกผม ผมรู้เอง หนังสือพวกนั้น...” ชายปราณเดินไปหยิบหนังสือที่กางอยู่บนโต๊ะทำงานของอนันต์ขึ้นมา ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษและเขาก็อ่านมันได้ความว่า “มันคือวิธีการรักษาเนื้องอกในสมอง”

“ผม...”

“คุณอนันต์... ผมรู้ว่าคุณกำลังหาทางช่วยผม คุณกำลังคิดทุกวิถีทางเพื่อให้ผมอยู่รอดต่อไปกับคุณ แต่ผมไม่มีความสุขเลยที่ต้องเห็นคุณเป็นแบบนี้ ตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลมาจะร่วมเดือนแล้วคุณแทบไม่ได้ไปทำงาน คุณเอาแต่ขลุกตัวอยู่กับกองหนังสือพวกนี้ อยู่แต่ในห้องแคบๆ นี้ ข้าวปลาแทบไม่ตกถึงท้อง คุณไม่ได้พักเลยจนผมรู้สึก...แย่ รู้สึกแย่ที่ผมทำให้คุณเป็นแบบนี้”

“แต่คุณต้องหาย” อนันต์ยังยืนยันคำเดิม แม้เสียงของเขาจะไม่หนักแน่นเท่าวันแรกๆ แล้วก็ตาม

“ผมอยากหายครับ แต่ในเมื่อมันไม่หายคุณจะทำยังไง”

คำถามของคุณชายทำอนันต์เงียบไป สายตาที่มองมามันทั้งอ่อนโยนและสื่อให้รู้ว่าตัวเองก็เหนื่อยไม่แพ้กัน ร่างกายคุณชายปราณอ่อนแอลงทุกวันแต่แสร้งทำเหมือนว่าตัวเองไม่เป็นไรเพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วง ใบหน้าคุณชายจึงมักมีรอยยิ้มประดับอยู่เสมอ

“ผมไม่อยากเสียคุณไป”

อนันต์พูดออกมาด้วยเสียงเบาหวิว หัวใจเขาเจ็บไปหมดเมื่อต้องคิดว่าตัวเองจะต้องสูญเสียคนตรงหน้าไปอีกครั้ง มันเกินกว่าที่ใจเขาจะรับไหว ชาติที่แล้วเขาไม่ได้เห็นตอนคุณปราณจากไป แต่ชาตินี้พวกเขาได้รักกันแล้ว พวกเขาผ่านอะไรต่างๆ มาด้วยกันตั้งมากแต่กลับต้องมาจากกันอีกแล้วอย่างนั้นเหรอ เขาไม่อยากเห็นคุณชายปราณจากไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้

“ผมรักคุณนะคุณอนันต์ แต่ผมขอได้ไหม หยุดแค่นี้เถอะนะครับ และเอาเวลาที่คุณทำเรื่องพวกนี้มาอยู่กับผม ได้ไหมครับ...”

คำขอจากคนตัวเล็กกว่าที่ทั้งเว้าวอนและสั่นเครือ น้ำตาของคุณชายปราณไหลอาบแก้มราวเปิดทำนบ พวกเขาทั้งคู่เหนื่อยกันมามากแล้ว หากเวลาที่เหลืออยู่จะทำให้พวกเขาพักได้ ก็อยากใช้เวลาเหล่านี้อยู่ด้วยกันให้มากที่สุด

ไอ้หาญมองคนรักของตัวเองที่มันตามหามานานกว่าจะได้เจอกัน แต่ตอนนี้กลับต้องมาเตรียมใจรับการจากลา มันเคยคิดว่าช่วงชีวิตในตอนนี้คือเวลาที่เหมาะสมที่มันกับคุณปราณจะได้ครองรักกัน แต่ไม่ใช่เลย ทุกอย่างเป็นเพียงสิ่งที่มันคิดไม่ใช่สิ่งที่โชคชะตาอยากให้เป็น

*

อากาศในช่วงต้นปีหนาวจนชายปราณตัวสั่น แม่สายถักเสื้อไหมพรมตัวหนามาให้อีกฝ่ายได้สวมใส่ อาการของคุณชายไม่ได้หายไปเพียงแต่กินยาประคองอาการก็เท่านั้น และนับวันมันยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ จนอนันต์ต้องหยุดอยู่วังไม่ได้ออกไปทำงานเลย

“ผมอยากออกไปข้างนอก” เสียงแหบเบาๆ ของคนป่วยหันไปพูดกับอนันต์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือให้ฟังในบ่ายวันหนึ่ง

“อย่าเลยครับ อากาศมันหนาวเดี๋ยวไข้จะขึ้น” อนันต์บอกก่อนจะยิ้มบางๆ ให้คุณชายปราณ

ตั้งแต่วันนั้นที่คุณชายร้องขอเขาว่าให้หยุด เขายังคิดรั้นที่จะทำต่อ แต่เพราะอาการอีกฝ่ายทรุดลงอีกเขาจึงยอมทำตามคำขออย่างไม่มีข้อแม้ ในเมื่อเวลาที่อยู่ด้วยกันมันเหลือไม่มากแล้วเขาก็จะอยู่กับคุณชายปราณให้ครบทุกวินาทีที่เหลืออยู่

“คุณอนันต์พาผมไปที่ห้องจัดเลี้ยงได้ไหมครับ ไม่ได้เล่นเปียโนนานแล้วผมกลัวฝุ่นจะจับเขรอะไปเสียก่อน”

อนันต์ยอมพาคุณชายปราณมาที่ห้องตามที่เจ้าตัวร้องขอ แต่ยังไม่ทันที่คุณชายจะได้สัมผัสเปียโนก็รู้สึกวูบ อนันต์ทำท่าจะพาอีกฝ่ายกลับห้องแต่คุณชายกลับขอไว้

“ไม่ๆ ผมอยากฟังเพลง ผมขอฟังเพลงที่คุณเล่นนะครับ”

“งั้นก็ได้ครับ แต่ฟังจบคุณชายต้องขึ้นไปพักได้แล้วนะครับ” อนันต์รับคำก่อนจะสั่งให้คนยกเก้าอี้เอนมาวางไว้ใกล้เปียโนหลังใหญ่ คุณชายปราณยิ้มทอดสายตามองเครื่องดนตรีชิ้นที่ตัวเองโปรดปรานที่สุด ซึ่งตอนนี้คนที่เขารักที่สุดกำลังเล่นมันให้ฟัง

ช่วงหลังมานี้อนันต์เล่นเปียโนได้คล่องขึ้นมาก นับว่านานแล้วที่เขาได้เรียนกับคุณครูปราณันต์ผู้สอนเขาเล่นเปียโนครั้งแรกในชีวิต แต่พอคุณชายป่วยเขาก็อยู่ดูแลอีกฝ่ายจนไม่ได้จับเจ้าเครื่องดนตรีชนิดนี้อยู่นานหลายเดือนเหมือนกัน

“ผมง่วงแล้ว คุณช่วยเล่นเพลงนั้นให้ผมฟังหน่อยได้ไหม ผมอยากให้มันกล่อมผมนอนสักหน่อย” ชายปราณบอกคนรักที่กำลังบรรเลงเพลงคลาสิกให้เขาฟังอยู่ อีกฝ่ายเอียงคอมองก่อนจะยิ้มให้อย่างรู้ใจกัน

“ได้ครับ”

“ขอบคุณครับ...คุณอนันต์”

เพลงจงรักยังคงเป็นเพลงที่คุณชายปราณชอบฟังที่สุด อนันต์เล่นโดยไม่ต้องเปิดดูโน้ตหรือก้มมองเปียโนเลยด้วยซ้ำ เพราะเขาจำได้ขึ้นใจตอนที่พวกเขาทั้งคู่ได้นั่งเล่นเปียโนด้วยกัน สายตาอบอุ่นของชายหนุ่มมองคนที่หลับตาพริ้มอยู่บนเก้าอี้เอน สายตาที่มีแต่ความรักเปี่ยมล้นเต็มอกที่ไม่ว่าใครหากได้มองก็คงอิจฉาฝ่ายที่ถูกเจ้าตัวรักเป็นแน่ แต่น่าสงสารที่โชคชะตากลั่นแกล้งให้เจ้าของความรักบริสุทธิ์นี้ต้องพลัดพรากจากคนรักอยู่ร่ำไป

“ไอ้หาญ...”

ท่วงทำนองของเพลงยังดังก้องไปทั่วห้องจัดเลี้ยง ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่ไอ้หาญได้เจอกับคุณปราณคนที่มันเฝ้าตามหา ลมพัดผ่านระเบียงเข้ามาจนม่านพลิ้วปลิวไปกับสายลม กลิ่นหอมของดอกพุดน้ำบุษย์อบอวลมาให้ชื่นใจ

“ไอ้หาญ... คุณปราณไปแล้ว”

ตัวโน้ตตัวสุดท้ายจบลงพร้อมกับคำพูดของเพื่อนรักที่ดังขึ้นข้างหู อนันต์หันไปมองหน้าไอ้มั่นก่อนจะหันมาที่คุณชายปราณที่ตอนนี้ยังคงนั่งหลับตาเช่นเดิม ความเงียบที่เกิดขึ้นไม่มีเสียงใดดังให้ได้ยิน ราวกับทุกสรรพสิ่งหยุดนิ่งพร้อมกับหัวใจที่โดนบีบรัดจนปวดหนึบ

อนันต์ลุกขึ้นเดินมาคุกเข่าข้างเก้าอี้เอน จับมือที่ซูบจนเห็นกระดูกขึ้นมาจุมพิตด้วยความรักทั้งหมดที่มี มือใหญ่ไล้ไปบนใบหน้าหวานก่อนจะจูบไปบนทุกส่วนของใบหน้าที่เห็นอยู่ทุกวัน จูบหน้าผาก จูบเปลือกตาที่ปิดอยู่และไม่เปิดขึ้นมาอีก จูบแก้มทั้งสองข้าง จูบปลายจมูกเล็ก จูบริมฝีปากที่มักมีรอยยิ้มแต่หลังจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว

อ้อมกอดอุ่นจากวงแขนที่เขามอบให้คุณชายปราณเสมอๆ โอบกอดอีกฝ่ายไว้พร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้ม แม้จะเตรียมใจไว้แล้วว่าสักวันวันนี้ต้องมาถึง แต่มันก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี ริมฝีปากหยักสวยเม้มแน่นสนิทเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น แต่กระนั้นร่างกายที่สั่นไหวก็ไม่อาจซ่อนความอ่อนไหวและความเสียใจนี้ไว้ได้ ไอ้มั่นมองไอ้เกลอรักที่กอดคุณปราณร้องไห้แล้วก็ปวดใจ เป็นอีกครั้งที่ไอ้หาญต้องเจ็บปวดและดูเหมือนครั้งนี้จะหนักกว่าเก่า เพราะไอ้หาญมั่นใจมากว่ามันกับคุณปราณจะพ้นคำสาปในชาตินี้

เวลาของไอ้หาญกับคุณปราณในชาตินี้หมดลงแล้ว 1 ปีกับอีก 51 วันที่มันได้ใช้เวลาอยู่กับคนที่มันรักสุดหัวใจ ที่ผ่านมามันมีแต่ความสุขไม่เคยมีทุกข์ให้ได้เคืองใจเลย แต่บัดนี้...เวลานี้...วันเวลาแห่งการรอคอยวนกลับมาอีกครั้ง

“ผมสัญญา.... ถ้าหากชาติหน้าเราได้มาเจอกัน ผมจะทำทุกอย่างเพื่อชดใช้สิ่งที่ผมก่อไว้ ผมจะทำให้เราได้รักกันและอยู่คู่กันไปจนนิรันดร์ ต่อให้โชคชะตาไม่เป็นใจแต่ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เคียงข้างคุณ”

คำสัญญาสุดท้ายที่คุณชายปราณฝากไว้ในวันนั้นที่ร้องขอให้อนันต์หยุดค้นหาวิธีรักษา คำสัญญาที่หนักแน่นแม้เจ้าตัวจะป่วยอยู่ก็ตาม

“ลาก่อนนะครับ หากชาติหน้าของคุณมาถึงโปรดลืมคำสัญญานี้ไป เพราะผมอยากให้คุณมีความสุขกับชีวิตของคุณเอง อย่าได้ต้องมาเจอหรือทนทุกข์กับคำสาปที่ไม่มีวันสลาย และอย่าได้เสียใจที่เราไม่ได้คู่กัน เพราะถึงอย่างไรคุณปราณก็คือยอดดวงใจของไอ้หาญตลอดไป”

คำพูดกระซิบข้างหูพร้อมกับจูบสุดท้ายบนแก้มตอบ มันขอฝากรักนี้ไว้กับสายลมที่พัดผ่านไปวันแล้ววันเล่า ฝากไปถึงแม้ใจที่ร้าวรานจะเจ็บปวดเจียนตายแล้วก็ตาม





โปรดติดตามตอนต่อไป

ตอนนี้ยาวมากเพราะอยากเก็บรายละเอียดให้หมด
หวังว่าคนอ่านจะชอบนะคะ

สวัสดีวันตรุษจีนค่ะ
 :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๗ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 12-02-2021 11:30:25
เศร้ามาก เฮ้อออออ

ขอให้ชาตินี้ได้หลุดพ้นคำสาปกันสักทีนะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๗ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 12-02-2021 20:21:16
กอดไอ้หาญแน่นๆ สู้อย่ายอมแพ้
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๗ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-02-2021 21:51:26
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๗ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-02-2021 17:42:01
เศร้ามาก
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๗ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 13-02-2021 19:29:01
ชอบ

แต่เศร้าจัง
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๗ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 13-02-2021 22:27:36
เศร้ามาก สงสารทั้งคู่ โดยเฉพาะหาญที่ต้องทนดูความสูญเสียแบบนี้หลายครั้งหลายครา  :m15:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๗ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 16-02-2021 05:40:28
บทที่ ๒๘ (ครึ่งแรก)


“ผม...เก็บตัวเงียบหลังคุณชายปราณจากไป คนรับใช้ในบ้านถูกเชิญให้ออกจนหมดเพื่อที่ผมจะได้ปิดวังปริพัตรอย่างถาวร เนื่องจากผู้สืบสกุลคนสุดท้ายของปริพัตรจากไปแล้ว จึงไม่มีเหตุอะไรที่จะเปิดให้คนนอกเข้ามาอีก ผมไม่ต้องการให้ความทรงจำและความเป็นปริพัตรหายไปจึงได้ทำเรื่องขอซื้อวังและพื้นที่โดยรอบมาเป็นของตัวเอง ติดสินบนทุกทางเท่าที่จะทำได้เพื่อซื้อที่นี่ไว้” จีรัชญ์เล่าต่อไม่มีหยุดพัก อาจจะชะงักไปในบางจังหวะเพราะเมื่อคิดถึงวันเวลาเหล่านั้นก้อนความเสียใจก็แล่นมาจุกที่คอ

“ไอ้มั่นอยู่กับผมต่ออีกไม่นาน และผมก็รู้ในตอนนั้นว่าไอ้มั่นจะหายไปเมื่อคุณจากไปแล้ว และมันจะปรากฏตัวขึ้นใหม่หลังจากคุณจำทุกอย่างได้หมด ไอ้มั่นอยู่กับเราสองคนเสมอเพียงแต่เราจะมองไม่เห็นมันเท่านั้น”

ณิชได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วเข้าใจในทันทีว่าเพราะอะไรที่จีรัชญ์ถึงได้พยายามไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขา ชาติก่อนไอ้หาญตามหาคุณปราณแทบพลิกโลกทั้งใบ แต่ชาตินี้กลับอยู่ในมุมของตนเองไม่คิดเสาะแสวงหา เพราะไอ้หาญเคยผิดหวังจนไม่หลงเหลือความหวังใดอีกแล้ว ถ้าหากเป็นเขาก็คงทำไม่ต่างกัน

ชีวิตของคุณปราณที่จากไปก่อนไอ้หาญใช่ว่าจะอยู่ดีมีสุขเสมอไป แม้ฐานะที่อยู่คนละชนชั้นต่างจากสามัญชนคนธรรมดา แต่เพราะเคราะห์กรรมที่สร้างไว้ตั้งแต่ชาติก่อนทำให้ชาติต่อมาต้องอยู่กับความสูญเสียครั้งใหญ่ และต้องมาเสียชีวิตไปตั้งแต่อายุยังน้อย ได้ลิ้มรสความรักที่สุกงอมเพียงชั่วครู่ จากนั้นก็ต้องเก็บความรู้สึกผิดไว้ในใจที่ไม่สามารถอยู่กับคนรักไปจนถึงบั้นปลายชีวิตตอนแก่เฒ่าได้

ชาตินี้ณิชไม่ได้มีชีวิตสุขสบายอย่างเช่นชาติที่แล้วมา เป็นเพียงคนธรรมดาเดินดินที่ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงปากท้องตัวเอง แต่กระนั้นพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดก็จากไปไม่อยู่เหลือให้ได้เป็นกำลังใจในวันที่ท้อถอย ซึ่งมันก็โดดเดี่ยวไม่ต่างจากจีรัชญ์เลย

“ผมอยู่คนเดียวอีกครั้ง เก็บตัวเงียบไม่พบกับใคร วังปริพัตรที่เคยมีชีวิตชีวาเงียบราวป่าช้า แต่ละวันผมใช้เวลาอยู่ในห้องนอนกับเตียงสี่เสา เปียโนหลังนั้นผมไม่คิดแตะต้องมันอีก ทำเพียงแค่นั่งมองมันแล้วคิดถึงคุณ” หยาดน้ำตาแห่งความคิดถึงไหลซึมผ่านหางตา ณิชปาดออกให้อย่างเบามือก่อนเขาจะกลืนก้อนสะอื้นเพราะตนก็ร้องไห้เช่นเดียวกัน

ความเจ็บปวดที่ใจของไอ้หาญที่เขาไม่มีวันรับรู้ได้หมด ความรู้สึกผิดจึงถาโถมเข้าเกาะกุมใจจนยากจะคิดเป็นอื่นได้ หากย้อนเวลากลับไปได้เขาจะไม่คิดแม้เศษเสี้ยวเลยว่าจะตัดช่องน้อยแต่พอตัว จะไม่เอาความขี้ขลาดของตัวเองมาเป็นเกราะกำบังเพื่อพูดปดว่าโดนไอ้หาญล่อลวงไป

“ตอนนั้นไอ้หาญแทบไม่เหลือเค้าของหมออนันต์เลยขอรับ บ่าวไม่สามารถปรากฏกายได้อีกมันจึงเหมือนอยู่ตัวคนเดียวอีกครั้ง แม้จะมีคนคอยช่วยเหลือแต่มันก็ไม่ได้ให้ความสนิทสนมเท่าไหร่นัก จิตใจของมันแย่จนถึงขนาดไปบวชพระที่วัดแห่งหนึ่ง คงกะว่าจะไม่สึกออกมาแล้ว” ไอ้มั่นพูดเสริม มันนั่งอยู่ข้างตู้หนังสือฟังเรื่องราวที่ไอ้หาญเล่าให้คุณปราณฟังไปด้วย พลางระลึกความหลังที่มันก็ยังจำได้ไม่เคยลืม

ณิชเช็ดน้ำตาที่อาบแก้มตัวเองลวกๆ ตอนนี้เขาสะอึกสะอื้นเบาๆ เพราะรู้สึกสงสารจีรัชญ์จับใจ คนตัวใหญ่ลุกขึ้นนั่งก่อนจะกอดปลอบคนที่ร้องไห้อย่างกลั้นไว้ไม่อยู่

“ถึงแม้ว่าผมจะละทางโลกไปพึ่งทางธรรมอย่างไรก็ไม่ได้ผล เพราะท้ายสุดในหัวใจของผมก็มีแต่คุณปราณอยู่ดี คุณปราณที่ผมไม่รู้ว่าไปเกิดหรือยัง หรืออยู่ที่ใดของโลก สุขสบายดีหรือไม่ แข็งแรงและอยู่กับครอบครัวเช่นไร” จีรัชญ์ยิ้มอ่อน ตอนนั้นเขาคิดว่าตัวเองจะสงบจิตสงบใจลงได้ แต่เมื่อเห็นว่าไม่สามารถทำได้อย่างที่ตั้งใจจึงสึกออกมา เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องมีบาปมากไปกว่านี้ และสร้างรอยบาปแปดเปื้อนศาสนา

“ผมรู้จักสุทินตอนเจ้านั่นยังเป็นเด็ก ตอนแรกคิดว่าส่งเสียให้เรียนจนจบม.3 แต่เพราะเด็กมันรักเรียนมากผมจึงส่งต่อให้จนจบม.6 สุทินเป็นคนดี ไม่เคยคิดลืมบุญคุณผมจึงได้เขามาคอยช่วยดูแลเรื่องที่ดิน ผมซื้อที่ทางแถวนี้ไว้เยอะเพราะไม่อยากให้ใครสนใจวังปริพัตร ผมอยากให้พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่ถูกลืม มากกว่าจะให้เป็นจุดสนใจของคนอื่น”

เพราะเหตุนี้วังปริพัตรจึงมีทางเข้าสวนและทางเข้าวังแยกกัน คนส่วนใหญ่มักลืมเลือนไปแล้วว่าวังนี้ยังอยู่ดีและไม่ได้ทรุดโทรมดังเช่นวันวาน ตอนนี้มันแทบจะเรียกได้ว่าถูกบูรณะใหม่จนน่าอยู่เหมือนเมื่อก่อน

“จนกระทั่งวันหนึ่งไม่รู้อะไรดลใจให้ผมอยากปรับปรุงห้องต่างๆ ในวังทั้งที่ไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในหัว คุณแขไขเข้ามาในชีวิตและแนะนำผมให้รู้จักกับลูกน้องมากฝีมือคนหนึ่ง และคนคนนั้นก็คือคุณ” มือใหญ่โอบประคองใบหน้าคนที่ตาแดงก่ำ น้ำมูกน้ำตาเปรอะไปทั่วใบหน้า เพราะไม่ว่าเช็ดอย่างไรเจ้าของเหลวพวกนั้นก็ไหลออกมาไม่หยุดเสียที

“คุ...คุณเห็นผมครั้งแรก ฮึก...คุณรู้ไหมว่าเป็นผม”

“รู้ครับ รู้ตั้งแต่แรกเจอว่าคุณคือคุณปราณ ยอดดวงใจของไอ้หาญคนนี้”

ณิชยิ่งร้องไห้หนักขึ้นเมื่อเขาได้รู้ความจริงจนหมดเปลือก ความจริงที่ว่าคนหนึ่งคนต้องทนทุกข์ทรมานกับการรอคอยอย่างแสนสาหัส คนหนึ่งคนที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวผูกมิตรกับใครมากไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคนคนนั้นอาจรู้จักตัวตนของตัวเองได้

“ผมจำคำสัญญาที่ให้ไว้กับคุณไม่ได้” ณิชพูดขึ้นอีกครั้ง

“ครับ คุณจำไม่ได้ แต่การกระทำคุณชัดเจนมาตั้งแต่ต้น” จีรัชญ์ยิ้มขำกับความดื้อรั้นของอีกฝ่ายที่พยายามเข้าหาเขาทุกทาง ถึงกับยอมเสี่ยงไปดื่มจนเมามายและโดนรถเฉี่ยวมานั่นแหละ

“คุณใจแข็งมาก ผมเอาตัวเข้าแลกคุณยังเฉยใส่ได้ แถมตอนแรกยังทำหน้าโหดดุที่ผมไปจับดอกพุดน้ำบุษย์ด้วย”

“เพราะผมรักคุณเกินกว่าที่จะทำใจได้หากต้องเสียคุณไปอีกครั้ง จึงคิดว่าต่างคนต่างอยู่คงจะดีเสียกว่า ผมพร้อมที่จะตัดใจ หยุดทุกอย่างไว้ดีกว่าต้องมาเสียคุณไปอีกครั้ง”

คำบอกรักที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัวทำคนที่น้ำตาเพิ่งหยุดไหลไปหน้าแดง เขินอายจนต้องมองไปทางอื่น แต่ทางอื่นที่ว่าก็ยังเห็นไอ้มั่นนั่งลอบยิ้มอยู่ที่ข้างตู้หนังสือ ไอ้ทาสผู้ซื่อสัตย์ยอมหลบฉากออกไปเมื่อเรื่องทุกอย่างถูกเล่าไปจนหมดแล้ว มันให้เวลาคนทั้งสองได้พลอดรักกัน ส่วนตัวมันนั้นจะไปหาเจ้ามิ่งที่ตอนนี้ไม่รู้อยู่แห่งใดของวัง

“แล้วตอนนี้จะอยากต่างคนต่างอยู่อีกไหมครับ” ณิชเอียงคอถามพลางทำตาปริบๆ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย ปลายจมูกแดงก่ำพร้อมแพขนตาที่ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาดูน่ามอง อาการที่สื่อว่าออดอ้อนแบบที่เจ้าตัวไม่เคยทำมาก่อนทำให้จีรัชญ์มันเขี้ยวจนต้องบีบแก้มอีกฝ่ายไปหนึ่งที

“โดนรุกหนักขนาดนี้ ผมจะไปทนยังไงไหว”

“อะไรที่ทำให้คุณยอมให้ผม”

“เพราะคำว่าเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำ อย่างน้อยๆ ถ้าหากชาตินี้ผมต้องอยู่อย่างทรมานเพื่อรอคุณอีก ผมก็จะได้มีความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับคุณไว้นึกถึงเพื่อรอคุณในชาติต่อไป”

คำตอบของจีรัชญ์ทำณิชน้ำตาเอ่อคลอ เขายืดตัวขึ้นแล้วใช้สองมือประคองศีรษะอีกฝ่ายให้โน้มเข้าหาตน ริมฝีปากนุ่มหยุ่นจูบประทับที่หน้าผากของจีรัชญ์ด้วยความทะนุถนอม ก่อนจะเลื่อนมาที่สองข้างแก้ม เปลือกตาของจีรัชญ์ปิดลงช้าๆ ก่อนจะรับรู้รสสัมผัสของจุมพิตที่ณิชจงใจมอบให้ ปลายจมูกโด่งก็ไม่เว้นว่าง ณิชจูบเบาๆ จากนั้นที่มาหยุดอยู่ที่ริมฝีปาก

ริมฝีปากคนทั้งคู่ประกบติด ณิชขยับดูดดึงกลีบปากล่างของจีรัชญ์เบาๆ สลับกับกลีบปากบน โดยที่จีรัชญ์แทบไม่ต้องทำอะไรเลย ปล่อยให้ณิชได้ชักนำอารมณ์ความวาบหวามนี้ไป ปล่อยใจไปกับความสุขราวผีเสื้อนับร้อยตัวบินวนอยู่รอบกาย ทิ้งอดีตของความทรงจำไว้ตรงก้นบึ้งของความรู้สึก เพื่อรับรู้ความสุขของความทรงจำครั้งใหม่

“ถึงผมจะเพิ่งมาเจอคุณได้ไม่นาน แต่ผมก็รักคุณเกินกว่าจะปล่อยให้คุณหนีห่างได้ พันธนาการของคำสาปที่ผูกเราไว้ด้วยกัน ไม่มีทางสู้ความรักของเราได้หรอกครับ” ณิชกระซิบบอกก่อนจะกอดคนตัวใหญ่เต็มรัก จีรัชญ์ขยับร่างที่เล็กกว่าเขาให้มานั่งตัก เขาซุกหน้าเข้ากับซอกคอของณิช สูดดมความหอมจากกลิ่นกายของณิชเพื่อย้ำเตือนตัวเองว่าให้เขาคิดถึงแต่ตอนนี้ นาทีนี้ที่เขามีณิชอยู่ในอ้อมกอด

“จริงสิ...คุณยังคงเป็นไอ้หาญ ส่วนผมเป็นทั้งคุณปราณ คุณชายปราณ และณิช ผมถามจริงๆ นะ คุณชอบใครมากที่สุดในสามคนนี้” ณิชผละตัวออกเล็กน้อยหลังปล่อยให้จีรัชญ์ซุกซอกคอตนเองเล่นอยู่หลายนาที

จีรัชญ์มองคนที่กำลังจ้องหน้ารอคำตอบเขา เรียกได้ว่านี่เป็นคำถามที่ตรงเสียจนไม่มีมุมให้หักเลี้ยวตรงไหนเลย ณิชรอฟังคำตอบใจจดจ่อ เขามองสบดวงตาคมที่มองเขาตอบพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น พวกเขานั่งหันหน้าเข้าหากัน มือที่จับกันอยู่ไม่ห่างออกจากกันเลย จีรัชญ์พินิจมองณิชอย่างละเอียดก่อนจะตอบออกไป

“ผมชอบความเร่าร้อนของคุณปราณ ชอบความอ่อนหวานของคุณชายปราณ และชอบความดื้อรั้นของคุณ”

“ไม่สิครับ ต้องเลือกหนึ่งคน”

“แต่ทุกคนที่กล่าวมานั่นคือตัวคุณ”

“แต่ผมอยากให้คุณชอบผมแค่คนเดียว คนที่เป็นปัจจุบันของคุณน่ะ” ณิชบ่นงึมงำกับตัวเองเมื่อเห็นว่าจีรัชญ์ไม่ยอมเลือกสักที ถ้าหากอีกฝ่ายบอกว่าชอบใครเขาจะได้รู้สเป็กว่าจริงๆ แล้วจีรัชญ์ชอบคนแบบไหน

จีรัชญ์ถึงกับหัวเราะเพราะเขาได้ยินเสียงบ่นพึมพำนั้น มือใหญ่โยกหัวอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู ถึงณิชจะอายุใกล้เลข 3 แล้วแต่ความเป็นเด็กในตัวอีกฝ่ายก็ยังมีอยู่ อดเอ็นดูไม่ได้ที่ดูณิชจะจริงจังและอยากให้เขารักตัวเองแค่คนเดียว

“ก็ได้ครับ ผมรักคุณ ขอบคุณที่คุณพยายามเข้าหาผมตลอด และไม่คิดทิ้งผมไว้ให้โดดเดี่ยว” มือใหญ่ของจีรัชญ์ลูบผมณิชเบาๆ เขารั้งใบหน้าของณิชให้เข้ามาใกล้เพื่อจูบอีกฝ่ายยืนยันคำตอบ ยืนยันในความรักที่แสนยาวนานของเขาให้ณิชได้รับรู้อีกครั้ง

“อึก...อื้อ...” ณิชครางเบาๆ เมื่อกลีบปากตนโดนรังแกจนแทบจะบวมช้ำ จีรัชญ์ดูดดุนมันราวกับเป็นพุดดิ้งจนเขาต้องดันอกอีกฝ่ายเบาๆ เพื่อสื่อว่าให้ปล่อยก่อน

“เจ็บเหรอครับ”

“นิดหน่อยครับ แต่กลัวปากบวม เดี๋ยวโดนมิ้งล้อ” ณิชบอกเสียงเบา รู้สึกเขินสายตาคนที่มองเขาในระยะประชิดแบบนี้จนต้องหลบสายตา ยิ่งนั่งอยู่บนตักความใกล้ชิดก็ยิ่งมีมากขึ้น

จีรัชญ์กอดกระชับร่างบางให้แน่นขึ้น จากนั้นก็หอมแก้มณิชทั้งซ้ายและขวา จนลามไปที่ลำคอขาวและไหล่ ไม่ลืมกระดูกไหปลาร้าที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตออกมาด้วย เขาทำซ้ำอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะพอใจถึงจะผละหน้าออก

“คุณอยากฟังเพลงไหม ผมจะเล่นเปียโนให้ฟัง” จีรัชญ์ถาม เพราะถ้าหากเขาสองคนยังอยู่ในห้องนี้ต่อ เชื่อเถอะว่าณิชคงโดนมิ้งล้อแน่ๆ แต่ไม่ได้ล้อแค่เรื่องปาก แต่เป็นเรื่องอย่างอื่นด้วย

“อยากครับ” ณิชพยักหน้าและตอบพลางยิ้มกว้าง

จีรัชญ์พาณิชมายังห้องจัดเลี้ยงที่ตกแต่งภายในใหม่เสร็จหมดแล้ว ความทันสมัยของมันและพื้นที่ที่เปิดโล่งดูสบายตา เพิ่มความมีชีวิตชีวาด้วยต้นไม้ที่ปลูกในกระถางขนาดกลาง ม่านผืนเก่าถูกเปลี่ยนเป็นสีสว่างอย่างสีครีม มีความบางเบาและพลิ้วไหวยามลมพัดจากภายนอกเข้ามา อีกทั้งเวลาแสงลอดเข้ามาห้องนี้จึงไม่มืดเกินไปนัก

เสียงบรรเลงเปียโนดังลอดออกไปจากห้องจัดเลี้ยง เป็นบทเพลงที่ไม่ได้ยินนานแล้วจนไอ้มั่นแทบลืมความสำคัญของเพลงนี้เสียสนิท มันยิ้มเมื่อได้ยินเพลงนี้จากที่ไกลๆ เพราะตอนนี้มันอยู่ตรงหลังตึกกับมิ้ง

“ไอ้หาญจับเปียโนในรอบกี่ปีวะเนี่ย หึหึ...โชว์ฝีมือเสียใหญ่โต” ไอ้มั่นอดแขวะเพื่อนตัวเองไม่ได้ นึกหมั่นไส้ในความอยากเอาใจคุณปราณในชาตินี้เสียเหลือเกิน

“คุณตรีดูเป็นคนโรแมนติกมากเลยนะพี่มั่น” มิ้งพูดพลางเคี้ยวขนมปุยฝ้ายที่ฝากหวีซื้อมาให้จากตลาดตุ้ยๆ เธอแอบมานั่งหลบแดดอยู่ด้านหลังตึกแต่ไม่ได้ออกไปที่สระบัวเพราะไอของแดดแทบทำเธอสุก ตรงนี้ร่มและลมพัดดีกว่าจึงปักหลักนอนเล่นแล็บท็อปตรงนี้แทน

“มันก็เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร หึ! ข้าละอิจฉา ตอนนั้นสาวในเรือนมองไอ้หาญตาเป็นมัน อยากได้ไอ้หาญเป็นผัวกันเป็นแถว แต่ก็โดนคุณปราณขวางเสียหมด”

“คุณปราณขี้หึงเนอะพี่” เท่าที่เธอฟังณิชเล่ามาคุณปราณนี่ก็ใช่ย่อย

“คุณเขารักของเขา”

มิ้งพยักหน้าเนิบๆ เธอกำลังแต่งนิยายบทใหม่อยู่ ตอนนี้มาถึงช่วงท้ายของเรื่องแล้ว ผลตอบรับจากนักอ่านถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเยี่ยม ต้องขอบคุณณิชกับจีรัชญ์ที่ให้เธอได้ยืมเรื่องราวมาแต่งนิยายแบบนี้

*

ตูม!!

เสียงกระโดดน้ำของมิ้งดังสะเทือนไปทั่วน้ำตกเพราะสาวเจ้าเล่นกระโดดลงมาจากชั้นบน วันนี้จีรัชญ์ใจดีพาแขกต่างเมืองมาเที่ยวน้ำตก ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองออกมาหลายสิบกิโล ผู้คนไม่พลุกพล่านอาจเพราะไม่ใช่วันหยุด การมาเที่ยวครั้งนี้ถือเป็นการฉลองที่งานของณิชและมิ้งเสร็จแล้ว งานนี้ป้าแจ่มจึงจัดอาหารมาให้พวกเขาได้ปิกนิกกันด้วย

“พี่ณิชๆ มากระโดดน้ำตรงนี้เลยพี่ น้ำเย็นมากกกก” มิ้งตะโกนเรียกรุ่นพี่ที่ยังนั่งอยู่บนฝั่งไม่ยอมลงน้ำสักที

“ไม่เอาอะ แกเล่นคนเดียวเถอะ” เขาอยากว่ายน้ำแต่เพราะกลัวว่าตัวเองจะเสี่ยงอันตรายจนทำให้ต้องพลัดพรากจากจีรัชญ์เลยต้องห้ามตัวเองไว้ เขาหันไปยิ้มให้จีรัชญ์ที่กำลังนั่งกินส้มอยู่ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้

“ผมอยากกินส้ม” ณิชบอกพร้อมกับอ้าปากรอ แต่จีรัชญ์กลับยื่นกล่องใส่ผลไม้ให้เจ้าตัวหยิบเองแทน

“ผมอ้าปากขนาดนี้แทนที่จะป้อน” ณิชบ่นกระเง้ากระงอดก่อนจะหยิบส้มเข้าปากเคี้ยวรับรู้รสชาติหวานอมเปรี้ยวของมัน

ณิชนั่งดูมิ้งเล่นน้ำคนเดียว มีผู้ชายกลุ่มหนึ่งประมาณ 3-4 คนเข้ามาทักมิ้งที่อยู่อีกฝั่งของน้ำตก สาวเจ้ายิ้มเขินจนณิชรู้สึกได้ มิ้งหน้าตาน่ารักน้อยเสียเมื่อไหร่ ตอนอยู่กรุงเทพฯ ก็มีคนมาขายขนมจีบบ้าง

‘ไอ้หนุ่มนั่นมาเกี้ยวเจ้ามิ่ง คุณปราณไม่ไปดูหน่อยหรือขอรับ’ ไอ้มั่นเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าผู้ชายกลุ่มนั้นยังคงคุยกับมิ้งไม่เลิก

‘มิ้งไม่ใช่เด็กแล้วนะมั่น อีกอย่างตรงนี้คนอยู่เยอะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นเราก็เห็น’

‘แต่บ่าวไม่ไว้ใจขอรับ’ ไอ้มั่นพูดจบก็หายวับไปโผล่อีกทีหลังผู้ชายกลุ่มนั้นทันที หน้าตาของมันบึ้งตึงที่เห็นการถึงเนื้อถึงตัวในบางจังหวะตอนที่มิ้งเล่นน้ำกับกลุ่มผู้ชาย

มิ้งยิ้มค้างเมื่อเห็นวิญญาณผู้พิทักษ์ของรุ่นพี่มายืนหน้าถมึงทึงมองเธออยู่ ไม่ว่าจะว่ายน้ำไปทางไหนหรือเดินไปทางใดก็จะเห็นมั่นมองอยู่ตลอดจนอึดอัด กลุ่มผู้ชายที่เข้ามาทักเมื่อเห็นหน้าหญิงสาวเริ่มไม่สนุกกับพวกตนจึงขอแยกตัวลงไปที่น้ำตกชั้นต่อไป

“พี่ณิช!” มิ้งว่ายน้ำกลับมาหารุ่นพี่คนสนิท ก่อนจะปีนขึ้นฝั่งเดินมาหาณิชที่นั่งสวีตหวานโรแมนติกกับเจ้าของหัวใจ

“อ่าว ไม่เล่นน้ำต่อแล้วเหรอ”

“จะให้เล่นต่อได้ยังไง ก็...” หญิงสาวตวัดสายตามองไอ้มั่นที่ยืนกอดอกคิ้วขมวดมองอยู่ข้างๆ กัน

‘เจ้าหารู้ไม่ว่าไอ้พวกนั้นมันหวังจะลวนลามเจ้า’ ไอ้มั่นพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นสายตาตำหนิของมิ้งที่ตวัดมองมาที่มัน

‘เขาไม่ได้จะลวนลามสักหน่อย ก็แค่เข้ามาคุยกันเฉยๆ’

‘อย่าคิดว่าข้าไม่เห็นมือของมันอยู่ใต้น้ำ มันกำลังโอบกอดเจ้า’

‘แค่นิดๆ หน่อยๆ แถมยังไม่ได้กอดเต็มๆ ด้วยซ้ำพี่จะเครียดทำไม’

‘เป็นผู้หญิงก็ต้องรักนวลสงวนตัว หากเจ้าเป็นน้องเป็นนุ่งข้ารึจะตีให้ก้นลาย!’

‘ถ้าหนูมีพี่ชายแบบพี่หนูก็จะบ่นให้หูชาว่าหัวโบราณ!’


ณิชมองหนึ่งคนหนึ่งวิญญาณเถียงกันในใจโดยไม่ออกเสียง แต่เขากับจีรัชญ์ได้ยินทุกคำจนต้องหลุดขำ มั่นหัวโบราณเพราะเป็นคนสมัยก่อนจริงๆ ส่วนมิ้งก็เป็นสาวสมัยใหม่ที่ไม่เข้าใจในความห่วงใยนี้นัก เถียงกันหน้าดำหน้าแดงจนเขาต้องห้ามทัพ

“มิ้ง... ใจเย็น หิวรึเปล่า กินขนมหน่อยไหม”

“จิ๊! หมดอารมณ์” มิ้งว่าก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างณิช ตัวที่เปียกโชกและเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นที่แนบทุกสัดส่วนของหญิงสาวไม่ได้ทำให้ณิชหรือจีรัชญ์เป็นกังวล เห็นจะมีแต่มั่นที่หันไปบอกเพื่อนรักว่าให้เอาผ้าขนหนูผืนใหญ่ห่มตัวมิ้งเสียหน่อย

‘มึงชอบมิ้งหรือ’ จีรัชญ์ถือโอกาสถามเมื่อเห็นว่าณิชกับมิ้งไม่ได้สนใจพวกเขาแล้ว

‘หึ! หาใช่อย่างนั้นไม่ กูแค่เอ็นดูเจ้าเด็กนั่น มึงก็รู้ว่ากูปักใจรักใครมิได้ดอก’

‘จะเอ็นดูยังไงก็ระวังด้วย เดี๋ยวจะอึดอัดใจกันเสียเปล่าๆ’


‘เจ้ามิ่งมันน่าเอ็นดู แม้ตอนแรกจะกลัวกูอยู่บ้างแต่ก็จุดธูปเอาข้าวเอาน้ำให้กูกินเสมอ เห็นแบบนี้ก็อดห่วงไม่ได้ กูห่วงว่าหากได้ออกเรือนไปใครคนนั้นจะดูแลมันได้ดีเหมือนที่มันดูแลกูหรือไม่’


จีรัชญ์เข้าใจในความรู้สึกของเพื่อนรักดี แม้เขา มั่นและณิชต้องผูกพันกันด้วยคำสัตย์สาบานต่างๆ แต่กับมิ้งไม่เหมือนกัน รายนั้นรับรู้เรื่องราวชีวิตพวกเขาผ่านณิชมาตั้งแต่ต้น จึงทำให้ผูกพันกันไปโดยปริยาย ไอ้มั่นจึงเอ็นดูและห่วงใยเหมือนน้องสาวตามประสาคนที่สนิทกัน

‘กูเคยคิดนะว่าหากวันหนึ่งมึงกับคุณปราณหลุดพ้นคำสาปแล้วกูจะเป็นเช่นไร คงได้ไปผุดไปเกิดอย่างเช่นวิญญาณดวงอื่นเสียที ในตอนนั้นเจ้ามิ่งก็คงเหงาที่ไม่มีกูอยู่เล่นด้วยแล้ว’

คิดมาถึงตรงนี้ไอ้มั่นก็เศร้าไปถนัดตา มันไม่ได้พบเพื่อนใหม่มานานตั้งแต่ตายเมื่อชาติโน้น เพราะจิตผูกกับคุณปราณและไอ้เกลอรักไว้เลยทำให้ต้องอยู่กับคนทั้งสอง ไอ้หาญยังได้รู้จักคนอื่นอยู่บ้าง แต่มันมีเพียงไอ้หาญและคุณปราณเท่านั้นที่มองเห็น มาในชาตินี้นี่แหละที่มิ้งเห็นมันและได้พูดคุยกัน ทำให้ชีวิตของไอ้ทาสคนนี้มีสีสันขึ้นมาไม่น้อย

‘มึงอย่าเพิ่งคิดถึงขั้นนั้นเลย เพราะกูเองก็ยังไม่รู้ว่าในวันข้างหน้ามันจะเป็นเช่นไร บางทีมึงอาจจะต้องอยู่กับกูไปอีกนานก็ได้ใครจะไปรู้’ พูดจบจีรัชญ์ก็ลุกเดินไปหาณิชที่ปีนโขดหินตามมิ้งไปชั้นบน เพราะมิ้งบอกว่าน้ำชั้นบนสีฟ้าสวยมาก ส่วนไอ้มั่นได้แค่ถอนหายใจที่ลึกๆ ที่ความคิดเพื่อนมันก็ยังคงเตรียมพร้อมรับความเจ็บปวดในชาตินี้







โปรดติดตามส่วนต่อไป

หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๘ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 16-02-2021 11:04:29
รอวันหลุดพ้น
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๘ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 16-02-2021 21:04:12
รู้เรื่องราวมาเยอะแล้ว ผ่านเหตุการณ์มาหลายภพหลายชาติ ชาตินี้ก็น่าจะมีทางหลุดพ้นซักทีนะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๘ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-02-2021 21:32:06
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๘ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 17-02-2021 08:59:05
ชอบมั่นมาก อยากให้ทั้งไอ้หาญ คุณปราณและไอ้มั่นหลุดพ้นจะได้มีความสุขจริงๆกับเขาสักที
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๘ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 17-02-2021 23:19:06
ไปแก้คำสาปเถ๊อะ แก้ยังไงนะเออ คนสาปอยู่ไกนละเนี้ย :hao4: อยากให้หลุดพ้น
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๘ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-02-2021 12:18:44
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๘ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 13-03-2021 19:28:08
คุณผอบ

คิดถึง คนึงหา
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๘ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-03-2021 02:06:53
 :z13:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๘ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 14-03-2021 19:15:57
น้ำตาไหลพรากแล้วจ้า ความสุขเริ่มมาแล้ว
ก็ขอให้จากนี้ มีสุขตลอดไปนะคะ

สงสารทั้งสามคนเลย จิตผูกกันมากี่ภพชาติ ชาตินี้จะหลุดพ้น
และมั่นจะกลับมาเกิดกลับใครที่มีฐานะ แล้วมาเจอกันอีก
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๘ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 03-04-2021 16:20:30
หายกันไปไหนหมดแล้วววว
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๘ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 15-04-2021 07:00:13
บทที่ ๒๘ (ครึ่งหลัง)


“เออ สวยจริงด้วยว่ะ” ณิชพูดพลางตาโต

“กระโดดไหมพี่ ตรงนี้ไม่สูงเท่าไหร่ โดดลงไปยังไงก็ไม่จมมิดหัวหรอก”

“คือ...” ณิชอึกอัก เขาไม่ได้กลัวว่ามันสูงหรือว่ากระโดดลงไปแล้วมันจะจม แต่เขากลัวว่าถ้าเกิดมีอุบัติเหตุเกี่ยวกับน้ำขึ้นมาอาจทำให้เขากับจีรัชญ์ต้องแยกจากกันในชาตินี้ก็ได้

“งั้นหนูไปก่อนนะ” พูดจบมิ้งก็กระโดดลงน้ำไปทันที น้ำใสสีออกฟ้าสวยกระจายตัวเป็นวงกว้าง ใต้ผืนน้ำเป็นทรายนุ่มละเอียดทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ความสูงของน้ำแค่ใต้คางบ่งบอกว่ายืนยังไงก็ไม่จม หญิงสาวหัวเราะร่ากับความกล้าของตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมากวักมือเรียกณิช “มาเร็วพี่ณิช”

“อยากเล่นน้ำเหรอครับ เอาสิ” จีรัชญ์ไต่ขึ้นเนินมาจนถึงที่ณิชยืนอยู่ ท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ของณิชทำให้เขาแตะแผ่นหลังบางเบาๆ

“แต่ผมกลัว”

“กลัว?”

“ถ้าเกิดผมกระโดดลงไปแล้วหัวฟาดโขดหิน หรือขาหักแล้วกระดูกเสียบทะลุออกมา หรือผมสำลักน้ำตายคุณก็ต้องอยู่คนเดียวสิ” จีรัชญ์ยิ้มขำเมื่อได้ฟังเหตุผลของคนที่ไม่กล้าลงเล่นน้ำ ถึงแม้ว่าบรรยากาศที่นี่จะน่ากระโดดลงน้ำแช่ตัวให้เย็นสบายมากแค่ไหน แต่ณิชก็ยังคงทำตัวติดกับเขาไม่ห่างกาย

“คุณคิดมากเกินไปแล้ว”

“ต้องคิดสิ ผมไม่อยากทิ้งคุณไว้คนเดียว”

“งั้นกระโดดพร้อมกัน”

“แต่คุณไม่ได้...เห้ย!!”

ตูม!!!

เสียงกระโดดน้ำของคนทั้งสองดังขึ้นพร้อมกับน้ำที่กระจายตัวออก ณิชโดนจีรัชญ์โอบเอวไว้แล้วทิ้งตัวลงน้ำแบบไม่ทันตั้งตัว หนุ่มเมืองกรุงจึงสำลักน้ำไปหลายอึก จนเมื่อยืนบนผืนทรายนุ่มใต้เท้าแล้วณิชจึงทุบคนที่เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง

“คุณจะบ้ารึไง ตกใจจนหัวใจจะวายตาย” ณิชบ่นอุบ แสบจมูกไม่น้อยเพราะกลั้นหายใจไม่ทัน ส่วนคนที่ชวนเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ กลับหัวเราะ โดยที่แขนสองข้างยังโอบกอดเอวณิชที่อยู่ใต้น้ำไว้ไม่ปล่อย

“คุณอยากให้ผมมีความสุข แต่คุณกลับเอาแต่กลัวโน่นกลัวนี่จนแทบไม่ได้ทำอะไรสนุกๆ เลย แบบนี้ผมก็รู้สึกไม่ดีสิครับ” จีรัชญ์บอกให้อีกฝ่ายได้สบายใจ

“งั้นผมขอกระโดดอีกรอบ” พูดจบณิชก็ปีนขึ้นไปบนโขดหินใหญ่อีกครั้ง คราวนี้เขากับมิ้งจึงกระโดดน้ำเล่นแทบทุกชั้น ไต่ขึ้นไปถึงชั้นบนก่อนจะไล่ระดับลงมาเรื่อยๆ โดยมีจีรัชญ์คอยดูอยู่ไม่ห่าง

รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของณิชทำให้จีรัชญ์ไม่อาจละสายตาได้ เขาเผลอยิ้มตามอีกฝ่ายหลายครั้งจนไม่อาจกลบรอยยิ้มแห่งความสุขที่เปื้อนบนหน้าตัวเองได้หมด เขาจึงโดนมั่นและมิ้งล้อทำเอาเขินไม่น้อย

“มีผู้หญิงมองพี่ณิชด้วย คนนั้นๆ ส่งสายตามาหวานเชียว สวยด้วยนะ สวยมากๆ” มิ้งบอกรุ่นพี่ของตนพลางกัดแอปเปิลกิน ณิชหันไปมองแต่กลับมีร่างสูงของหนุ่มอมตะนั่งบดบังเสียแล้ว พอเอนตัวจะมองจีรัชญ์ก็เอนตามก่อนจะมองณิชดุๆ

“จะมองทำไมครับ” จีรัชญ์เอ่ยถาม เขาไม่ได้หันไปมองหญิงสาวคนนั้นที่มิ้งว่า แต่มองคนที่เป็นเจ้าของหัวใจของตัวเองมาตลอดชีวิตนี้แทน

“แค่อยากรู้ว่าสวยจริงไหม”

“ผมไม่ให้มอง”

“หึงเหรอครับ” ณิชเอนตัวเข้าหาแล้วกระซิบถาม แววตาซุกซนนั้นทำจีรัชญ์อยากจะจับอีกฝ่ายตีก้นเสียจริงๆ

“ครับ” จีรัชญ์ตอบตามความจริงทำเอาคนถูกถามหัวเราะถูกใจ

ตกเย็นคนทั้งสามก็ออกจากน้ำตก จีรัชญ์ไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยนด้วยจึงต้องซื้อเสื้อฮาวายกับกางเกงผ้าขาสั้นใส่เปลี่ยนตอนกลับ มิ้งเริ่มบ่นว่าหิวพวกเขาจึงแวะร้านอาหารที่เดินทางออกมาจากน้ำตกไม่ไกลนัก อีกทั้งยังเป็นร้านที่อยู่ติดลำธาร ซึ่งเจ้าของร้านบอกว่าน้ำสายนี้ก็มาจากน้ำตกบนเขานั่นแหละ

“เอาปีกไก่ทอดจานนึงค่ะ ตำไทยใส่ปู ตำซั่ว หมึกยำมะนาว แหนมทอด พี่ณิชเอาอะไรไหม” มิ้งเงยหน้าขึ้นจากเมนูแล้วถามณิช ชายหนุ่มรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ใกล้กันถึงกับส่ายหน้า

“ที่แกสั่งมาถ้ากินไม่หมดมื้อนี้ต้องจ่ายเองนะเว้ย”

“หมดน่ะพี่ เร็วๆ เอาอะไร คุณตรีจะสั่งอะไรเพิ่มไหมคะ”

“ให้คุณณิชสั่งแทนผมได้เลยครับ เดี๋ยวผมมา” จีรัชญ์บอกก่อนจะชี้ไปที่โทรศัพท์มือถือซึ่งมีสายโทรเข้ามาเขาจึงแยกตัวออกไปรับสาย ส่วนณิชก็หันมาสั่งข้าวผัดหมูจานขนาดกลางกับต้มแซ่บกระดูกอ่อนเพิ่มไปแค่สองอย่างเท่านั้น

“แล้วนี่พี่จะอยู่ที่นี่ต่อหรือว่ายังไง” มิ้งถามระหว่างนั่งรออาหารมาเสิร์ฟ

“ไม่รู้ว่ะ ถ้าถามความรู้สึกจริงๆ คือไม่อยากกลับ แต่งานก็ต้องมีทำ จะให้มาเกาะคุณจีรัชญ์กินก็เกินไป”

“แหม อย่างคุณตรีน่ะเลี้ยงพี่ได้สบายเลย นี่ไม่รู้เอาเงินซ่อนไว้ในไหฝังไว้ตรงไหนบ้าง”

ณิชหัวเราะกับคำพูดแซวของรุ่นน้อง ดีที่มั่นไม่อยู่ด้วยไม่งั้นคงได้เถียงกันอีก

“มิ้ง...ถ้าเกิดพี่ลาออกจากบริษัทจะดีไหมวะ” เขาถามหลังจากคิดไตร่ตรองเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว

“มันอยู่ที่พี่แล้วพี่ณิช ลาออกจากที่กรุงเทพฯ ย้ายมาอยู่ที่นี่ หางานทำที่นี่ก็ได้นี่ พี่ไม่ต้องเครียดไปหรอกน่ะ”

“ไม่เครียดได้ไงวะ ลูกค้าที่คุณแขรอให้พี่ไปรับงานต่อก็ยังมี”

“เออว่ะ หนูลืมไปเลยนะเนี่ย แล้วนี่ต้องเริ่มงานเมื่อไหร่ พี่โอ๋ส่งรายละเอียดให้พี่รึยัง”

“ส่งมาแล้ว จะเริ่มงานอีกสองอาทิตย์”

“ก็ยังพอมีเวลาเหลือ นี่เราเสร็จงานก่อนกำหนดตั้งหลายวัน เนียนๆ ไปว่างานยังไม่เสร็จเพื่อที่พี่จะได้อยู่กับคุณตรีต่ออีกหน่อย จากนั้นพอพี่กลับหนูเชื่อว่าคุณตรีเขาต้องตามขึ้นไปอยู่แล้วแหละ เอาน่ะพี่ณิช ชาตินี้พี่กับคุณตรีไม่จากกันหรอก เชื่อหนู”

ณิชพยักหน้ารับแต่ความคิดก็ยังสับสนอยู่ดี ประจวบเหมาะกับอาหารทยอยมาเสิร์ฟและจีรัชญ์กลับมาที่โต๊ะ พวกเขาจึงเปลี่ยนเรื่องคุยกันเป็นเรื่องสัพเพเหระทั่วไปเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศ

กว่าคนทั้งสามกับหนึ่งดวงวิญญาณจะเดินทางกลับถึงวังปริพัตรก็ค่ำแล้ว เมื่อจอดรถเสร็จมิ้งกับณิชก็ช่วยกันขนของที่เอาไปด้วยลงจากรถ แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เข้าตัวตึกก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อเสียงดังลั่น

“ไอ้ณิช! ไอ้มิ้ง!”

เสียงที่คุ้นเคยทำให้คนทั้งสองหันขวับไปมองอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ก่อนจะเห็นหัวหน้าอย่างพี่โอ๋ยืนยิ้มอยู่ที่บันไดข้างๆ กันมีบอยยืนอยู่ด้วย

“พี่โอ๋!! ไอ้บอย!” ณิชเรียกคนทั้งสองเสียงดังไม่แพ้กัน เขาวิ่งเข้าไปหาหัวหน้าตัวเองทันทีพร้อมกับโดนสวมกอดจากโอ๋แน่นๆ มิ้งก็ทำตามเหมือนกันด้วยความคิดถึง

“กูมาเซอร์ไพรส์มึงเลยนะเนี่ย เป็นไงบ้างวะ ไอ้มิ้งเป็นไงบ้าง เห็นป้าแม่บ้านเขาบอกว่าพวกมึงไปเที่ยวน้ำตกมา แหม...อยู่ที่นี่จนลืมชีวิตคนเมืองไปแล้วรึเปล่า”

“โห่พี่โอ๋! พวกหนูเพิ่งได้ไปเที่ยวจริงๆ ก็วันนี้แหละ วันๆ ทำแต่งานอยู่ที่วังไม่ได้ออกไปไหนเลย แล้วนี่พี่กับไอ้บอยมาได้ยังไง”

“คุณแขพามา”

คำตอบของโอ๋ทำณิชเงียบไป เขาลืมไปเลยว่าเจ้านายเขามีความสัมพันธ์กับจีรัชญ์ ลืมไปเสียสนิทเพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องคำสาปของพวกเขาเอง จนกระทั่งแขไขเดินออกมารับจีรัชญ์ รอยยิ้มหวานของเจ้านายที่ส่งให้ชายคนรักของเขาช่างเสียดแทงใจ

เพราะหากให้พูดจริงๆ แล้ว ในสายตาคนนอกหรือคนที่บริษัท เขาคือลูกจ้าง ส่วนจีรัชญ์คือผู้ว่าจ้าง และคุณแขไขคือคนที่มีความสัมพันธ์กับจีรัชญ์ ถึงแม้ความสัมพันธ์ที่ว่าป้าแจ่มจะบอกว่าแค่เพื่อน ไม่ใช่คู่หมั้นคู่หมายอย่างที่พวกเขาคิดไปตอนแรกก็ตาม แต่ใครบ้างจะรู้ลึกแบบพวกเขา ท้ายสุดเมื่อมองจากภายนอกแขไขก็คือคนที่ดูเหมือนจะคบหากับจีรัชญ์อยู่ดี

“ไปเที่ยวน้ำตกสนุกไหมคะ” แขไขถามอย่างคนที่รู้อยู่แล้วว่าจีรัชญ์ไปไหนมา เพราะก่อนหน้านี้ได้เธอได้โทรคุยกับจีรัชญ์แล้ว ตอนแรกที่มาคิดว่าจะมาเซอร์ไพรส์จีรัชญ์ แต่กลับโดนเซอร์ไพรส์เสียเองเพราะจีรัชญ์ไม่อยู่ แต่พาพนักงานของบริษัทเธอไปเที่ยวเสียอย่างนั้น

“สนุกดีครับ คุณทานอะไรแล้วรึยังครับ”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ”

“เอ่อ...สวัสดีค่ะคุณแข ไม่เจอกันนานเลยลืมหนูแล้วรึเปล่าเนี่ย” มิ้งเอ่ยทักเจ้านายที่แทบไม่หันมามองพวกเธอเลย ทั้งที่ไม่ได้เจอกันนานหลายเดือนแต่เจ้านายกลับไม่ชายตาแลสักนิด เธอจึงต้องเสียมารยาทเอ่ยทักขัดจังหวะบทสนทนาของแขไขกับจีรัชญ์

“จ้ะมิ้ง ใครจะไปลืมได้ โอ๋บ่นทุกวันว่าทีมขาดคนจนฉันเบื่อ นี่พวกคุณสบายดีใช่ไหม คุณตรีเขาเลี้ยงดีรึเปล่า”

“ยิ่งกว่าดีอีกครับคุณแข ไอ้มิ้งเล่าให้ผมฟังประจำว่ามาทำงานที่นี่เหมือนมาพักร้อนมากกว่ามาทำงาน” บอยพูดแทรกด้วยความอิจฉา

ตอนแรกที่บอยมาถึงที่นี่ถึงกับต้องอ้าปากค้างกับคำว่า ‘วัง’ ที่ตัวเองได้เห็นเป็นบุญตาจริงๆ ก็วันนี้ แม้ตัวตึกจะไม่ได้ใหญ่โตโอ่อ่าราวคฤหาสน์หรูมูลค่าเป็นพันล้านอย่างในกรุงเทพฯ แต่เพราะความสวยและความเก่าแก่แต่ดูดีของมันทำให้เขาหลงใหลได้ไม่ยาก ยิ่งรู้ว่าอายุของวังแห่งนี้มีมานับร้อยปียิ่งขนลุก เครื่องใช้เครื่องเรือนต่างๆ ดูน่าเก็บสะสมและเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา

พวกเขาทั้งหมดเดินเข้าข้างใน แขไขดึงตัวจีรัชญ์ออกไปคุยด้วยทันที ทิ้งให้ลูกน้องของตัวเองได้อยู่คุยเล่นกันไป ป้าแจ่มบอกให้แม่บ้านจัดห้องไว้ให้แขกที่มาโดยไม่ได้นัดหมายไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว โดยโอ๋จะนอนห้องเดียวกับบอย ส่วนแขไขจะเป็นห้องแยกที่เธอมักได้พักหากได้มาที่แห่งนี้

ณิชเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่เขาจะแต่งตัวเสร็จ ได้ยินเสียงของบอยกับมิ้งอยู่หน้าประตูห้องเขาจึงเปิดให้คนทั้งสองเข้ามา

“ว่าไง” เขาถามพลางสวมเสื้อยืดที่ใส่นอนตัวโคร่งทางหัว

“ไอ้บอยมันอยากมาดูห้องพี่ณิช” มิ้งตอบ

“โห ที่นี่เขาประหยัดไฟเหรอวะพี่ ทำไมไม่ติดแอร์เลย” บอยเอ่ยทักเมื่อเห็นสภาพห้องของณิชไม่ต่างจากมิ้งเท่าไหร่นัก

ณิชยิ้มขำกับคำถามของรุ่นน้องทีมเดียวกัน อยากบอกเหลือเกินว่าไม่ใช่เพราะประหยัด แต่เพราะเจ้าของวังคุ้นชินกับอากาศปกติ และปกติห้องเหล่านี้ที่พวกเขาใช้ก็ไม่ได้เปิดให้มีคนเข้ามานอนแบบนี้ เพราะจีรัชญ์ไม่ให้ใครมายุ่งเกี่ยวกับวังปริพัตรเลย ฝ่ายนั้นจึงไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องติดเครื่องปรับอากาศแต่อย่างใด

“เปิดพัดลมก็คลายร้อนได้เหมือนกัน อีกอย่างอากาศที่นี่ตอนกลางคืนเย็นสบาย”

“จริง อันนี้คอนเฟิร์ม ตอนมาคืนแรกกะว่าจะไม่ห่มผ้า แต่พอตีสองต้องตื่นมาหาผ้าห่มแหละ นอนตัวสั่นฟันกระทบดังกึกๆ เลยเพราะอากาศมันเย็นๆ ชื้นๆ” มิ้งเสริมอีกแรง

“อืม ก็จริง อยู่กลางป่าขนาดนี้ไม่เย็นก็ให้มันรู้ไป นี่พี่ณิช ผมสงสัยจริงๆ นะ ทำไมคุณตรีเขาไม่เปิดบางส่วนของวังเป็นพิพิธภัณฑ์วะ หรือไม่ก็เปิดคาเฟต์ให้คนมาถ่ายรูป เก็บค่าเข้าชมไรงี้ นี่ทำเป็นโรงแรมยังได้เลยนะ” บอยมาถึงก็รับบทนักวิจารณ์ในทันที ปากที่คันยิบๆ เพราะอยากพูดตั้งแต่ครั้งแรกที่เหยียบที่นี่ พอได้ออกความเห็นก็โล่งขึ้นมาบ้าง แต่ณิชกลับหน้านิ่งแทน

“คุณตรีเขาไม่อยากให้ใครมายุ่งกับที่ของเขา” ณิชตอบแต่ใจจริงอยากจะบอกว่าจีรัชญ์ไม่อยากให้ใครมายุ่งกับ ‘ที่ของเรา’ เสียมากกว่า ที่แห่งนี้ที่มีความทรงจำของอนันต์และคุณชายปราณ และเขาก็ไม่อยากให้ใครมาทำลายบรรยากาศของเขาสองคนเช่นเดียวกัน

“อ่า...ก็เข้าใจได้ แต่ขนาดยอมตกแต่งภายในใหม่เพื่อทำเป็นเรือนหอ เขาก็คงรักคุณแขมากเลยแหละเนอะ” บอยพูดต่อ เขาเดินไปชะโงกหน้าดูที่หน้าต่าง มองออกไปเห็นต้นไม้เป็นเงาทะมึนๆ อยู่เต็มไปหมด มองไม่ออกว่าเป็นต้นอะไรบ้าง แต่เขาสัญญากับตัวเองว่าพรุ่งนี้จะต้องเดินสำรวจดูรอบๆ นี้ให้ได้ และจะขอเก็บภาพสวยๆ สัก 2-3 รูปสักหน่อย

“ใครบอกว่าคุณตรีรักคุณแข” มิ้งโพล่งขึ้นเพราะเห็นหน้ารุ่นพี่ที่สนิทของตัวเองหน้าเริ่มเครียด

“เอ้า! ก็เห็นๆ กันอยู่”

“เขาแค่เพื่อนกันก็ได้ปะวะ”

“อะไรของมึง ก็เราพูดกันตั้งแต่แรกว่าเขาอาจจะเป็นแฟนกัน นี่ที่ให้พี่ณิชมาทำงานนี้ก็เพราะพี่ณิชมีฝีมือสุดในบริษัท แถมยังจะทำเป็นเรือนหอด้วยไม่ใช่เหรอวะ”

“คนพูดคือริสารึเปล่าไอ้บอย กูยังไม่ได้พูดสักคำ ริสามันก็พูดมั่วไปเรื่อย ขอแค่มีเรื่องให้เม้ามันก็เดามั่วหมด”

“แต่มึงก็เห็นด้วย กูจำได้”

“ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกันสิวะ”

“ไม่เหมือนยังไง กูก็เห็นว่าคุณแขกับคุณตรีเขาสวีตกัน เนี่ย...เมื่อกี๊มึงก็เห็นว่าคุณแขเขาเข้าห้องไปกับคุณตรี” มิ้งเงียบไปเพราะเถียงบอยไม่ได้ ความสงสัยของเธอเกิดขึ้นก่อนหน้าที่จะมาเคาะห้องของณิช เพราะเธอกับบอยเห็นว่าคุณแขเข้าห้องคุณตรีไปจริงๆ

ณิชไม่ได้ใส่ใจจะฟังเรื่องที่รุ่นน้องเขาเถียงกัน เพราะเขาเชื่อมั่นในตัวของไอ้หาญที่มีหัวใจซื่อตรงต่อคุณปราณเพียงผู้เดียว เพียงแต่เขาอยากรู้ว่าจีรัชญ์จะจัดการเรื่องพวกนี้อย่างไร เพราะเขาคงไม่ออกหน้าว่าไปแย่งคนรักของเจ้านายแน่ๆ งานนี้คงต้องรอดูกันเลย







โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ



หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๖/๒/๖๔ ‡ บทที่ ๒๘ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 15-04-2021 07:04:15
บทที่ ๒๙ (ครึ่งแรก)




การมาเยือนวังปริพัตรของแขไขในครั้งนี้ทำให้ในวังเกิดบรรยากาศอึมครึมไม่น้อย มิ้งรู้สึกได้ว่ามื้ออาหารของวันนี้ไม่อร่อยเท่าทุกวันที่เคยกินมา ณิชเงียบจนแทบไม่พูดอะไรเลย จีรัชญ์ก็ส่งสายตาหาณิชบ่อยๆ แต่ฝ่ายถูกมองกลับไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตา เพราะมัวแต่นั่งเขี่ยข้าวในจาน เธอเห็นจะมีแต่แขกที่มาเยือนทั้งสามคนที่ดูจะเจริญอาหารไม่น้อย

“ตรีทานนี่สิคะ ของชอบไม่ใช่เหรอ”

แกงสายบัวต้มกะทิปลาทูถูกหญิงสาวสวยตักใส่จานข้าวของจีรัชญ์ มื้อเช้าที่ค่อนไปทางสายสักหน่อยในวันนี้มีกับข้าวหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือของโปรดของจีรัชญ์ที่แขไขจำได้ขึ้นใจ

จึกๆ

แรงสะกิดเท้าจากใต้โต๊ะทำให้ณิชหันไปมองคนที่นั่งข้างกัน มิ้งกำลังใช้เท้าสะกิดเขายิกๆ พลางบุ้ยใบ้ให้เขาตักทอดมันปลากรายให้จีรัชญ์

“ออกตัวบ้างสิพี่ อย่าปล่อยให้คุณแขทำคะแนนคนเดียว” มิ้งกระซิบบอกรุ่นพี่ที่สนิท ถึงแม้คนทั้งคู่จะรักกัน แต่เธอก็อยากให้ณิชแสดงอาการออกมาสักหน่อย ว่าระหว่างณิชกับจีรัชญ์ไม่ใช่แค่คนรู้จักกันเพียงผิวเผิน

ณิชส่ายหน้าเบาๆ เพื่อไม่ให้คนอื่นบนโต๊ะอาหารผิดสังเกต เขาปรามรุ่นน้องที่เชียร์เขาจนออกนอกหน้า ก่อนจะหันกลับมาเมื่อรู้สึกว่าอาหารถูกตักใส่จานโดยไม่ได้ร้องขอ

“จะกินแค่ปลาทูกับข้าวเปล่าอย่างเดียวเหรอครับ กินคู่กับน้ำพริกกะปิด้วยสิ คุณชอบไม่ใช่เหรอ” จีรัชญ์ตักน้ำพริกให้ณิชเล็กน้อย ไม่ลืมแกะปลาทูใส่จานให้ด้วย อีกทั้งผักแนมอย่างพวกแตงกวาก็ถูกจัดมาใส่จานให้พร้อมกิน

“ขอบคุณครับ” ณิชเอ่ยขอบคุณเบาๆ เขากลั้นยิ้มไว้แทบไม่อยู่เพราะไม่คิดว่าจีรัชญ์จะทำแบบนี้ ฝั่งไอ้มั่นที่เห็นเพื่อนรักทำแบบนั้นก็ตบเข่าฉาด

‘เอ็งจะกลัวไปไยเจ้ามิ่ง ถึงอย่างไรไอ้หาญก็เลือกคุณปราณอยู่วันยังค่ำ’

‘ก็หนูกลัวพี่หนูจะไม่สมหวังนี่’ มิ้งตอบกลับในใจ

‘เอ็งรอดูไปเถิด ข้าว่างานนี้มีคนเสียน้ำตาแน่นอน’

‘ใครเสียน้ำตาก็ได้แต่ต้องไม่ใช่พี่ณิชนะ เพราะตั้งแต่มานี่พี่ณิชเสียน้ำตาตลอดเลย’

‘บ๊ะ! เจ้านี่ห่วงคุณปราณยิ่งกว่าข้าอีก ถ้าไม่ตลกเกินไปข้าจะคิดว่าเจ้าคือยายอาบกลับชาติมาเกิด’
ไอ้มั่นอดคิดถึงยายอาบที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับมันในอดีต รายนั้นก็รักก็ห่วงคุณปราณพอๆ กับมันเพราะเลี้ยงดูกันมาตั้งแต่เกิด หากโชคชะตาจะบันดาลให้มิ้งเป็นยายอาบกลับชาติมาเกิดมันก็คงเชื่อหมดใจ

“ตรีกับณิชดูสนิทกันนะคะ แต่อย่างว่าแหละ ลูกน้องแขมาอยู่กับตรีซะนานนี่เนอะ นี่ถ้าไม่ใช่ว่าแขต้องทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ แขคงมาคุมงานด้วยตัวเองแล้ว จะได้ไม่ต้องรบกวนณิชกับมิ้งให้หอบข้าวของมาทำงานถึงนี่”

“สถาปนิกมาดูงานเองก็ดีแล้วครับ เวลาต้องปรับต้องแก้จะได้คุยกันเลย แบบนี้ทำงานง่ายกว่า” จีรัชญ์ตอบเสียงเรียบ ก่อนจะตักกับข้าวคืนให้หญิงสาวที่ตักแกงให้เขาก่อนหน้านี้

“นั่นสิคะ นี่ณิช...มาอยู่ที่นี่คุณตรีได้ทำอะไรคุณรึเปล่า เขาดุคุณไหม ผู้ชายคนนี้หน้าตาดุก็จริง แต่นิสัยนั้นดุกว่าหน้าเสียอีก ทุกอย่างเนี้ยบไปหมดจนบางทีฉันยังเกร็งเลย” แขไขชวนคุย เธอรู้สึกได้ว่าสายตาของจีรัชญ์ลอบมองลูกน้องเธอบ่อยๆ ไม่รู้ว่าตลอดเวลาหลายเดือนที่ณิชกับมิ้งมาอยู่ที่นี่จะเป็นอย่างไรบ้าง

“โหย ผมว่าคุณตรีคงดูแลดีมากกว่าครับ เข้าโรงพยาบาลกี่ครั้งแล้วล่ะก็ได้คุณตรีดูแล นี่ยังไม่นับเรื่องกินอยู่ที่ดูไอ้มิ้งจะสมบูรณ์ขึ้นตั้งเยอะ” โอ๋พูดบ้างพร้อมกับหันไปพยักหน้ากับบอยที่บอกเขาว่าเห็นด้วย

“ณิชเข้าโรงพยาบาลด้วยเหรอ ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง”

“เอ่อ...ตอนนั้นคุณแขน่าจะไม่อยู่ไทยครับ แต่ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกครับ” ณิชรีบพูดเพื่อไม่ให้เจ้านายเป็นห่วง และเขาก็ไม่อยากให้หยิบยกเรื่องนี้มาเป็นประเด็นบนโต๊ะอาหาร เพราะมันเกี่ยวเนื่องกับเรื่องเหนือธรรมชาติ ที่ไม่ว่าใครก็คงไม่เชื่อหากต้องเล่าให้ฟัง

“มีคนซนจนตกบันไดหัวฟาดพื้นน่ะครับ” จีรัชญ์พูดก่อนจะยกน้ำขึ้นจิบ ‘คนซน’ ที่ว่าหันไปถลึงตาใส่คนพูด ตอนนั้นเขาไม่ได้ซนสักหน่อย ก็เพราะตามหาความจริงเรื่องไอ้หาญนั่นแหละถึงได้วูบไปแบบนั้น

“อ้าว! ร้ายแรงนะนั่น” แขไขตกใจไม่น้อยที่ได้ยินเรื่องนี้ ตอนนั้นเธอไปทำงานต่างประเทศ ฝากงานไว้กับเลขาฯ และพวกหัวหน้าทีม รับรู้ความคืบหน้าของงานเท่านั้นแต่ไม่ได้ถามไถ่ชีวิตความเป็นอยู่ของลูกน้องเลย

“ใช่ค่ะ แต่ได้พยาบาลดีก็เลยไม่เป็นอะไร แถมยังแข็งแรงทั้งตัวทั้งหัวใจด้วย”

ได้ทีมิ้งยิ่งเสริมเข้าไปใหญ่ ทำเอาแขไขถึงกับทำหน้าฉงน เธอหันไปมองณิชราวจะขอคำตอบที่ขยายความให้เธอได้ แต่ลูกน้องมือดีก็ดันเลี่ยงเป็นยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอึกใหญ่ ส่วนจีรัชญ์ที่เคยเป็นเสือยิ้มยากกลับมีรอยยิ้มแต้มที่มุมปาก สายตาคมดุที่ไม่เคยแสดงความรู้สึกอื่นใดให้เธอเลยดูมีความนัยเมื่อมองไปที่ณิช

มิ้งลอบยิ้มกับไอ้มั่นในขณะที่ทุกคนไม่ได้สังเกต ดูท่างานนี้จีรัชญ์จะออกหน้าไม่น้อยว่าตัวเองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรุ่นพี่เธอ สมกับที่ฟันฝ่าอุปสรรคด้วยกันมามากจริงๆ คงจะมีแต่ณิชนี่แหละที่ยังทำตัวนิ่งเงียบ ยังไม่ค่อยกล้าแสดงตัวเท่าไหร่นักว่าตอนนี้ไม่ได้เป็นแค่มัณฑนากร แต่เป็นเจ้าของหัวใจของเจ้าของวังปริพัตรคนปัจจุบันแล้ว

หลังมื้อเช้าผ่านไปแขไขก็เริ่มเดินสำรวจห้องต่างๆ ที่ถูกปรับปรุงใหม่ โดยมีจีรัชญ์ทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีพาเดินชม ฝั่งพี่โอ๋กับบอยก็เกาะติดณิชกับมิ้ง สองหนุ่มขอไปนั่งที่ศาลากลางสระบัว เอ่ยชมธรรมชาติภายในอาณาบริเวณรั้ววังปริพัตรไม่ขาดปากว่าสวยงามมาก

“กูเชื่อแล้วว่าทำไมมึงถึงติดใจที่นี่ สวยฉิบหาย สวยเหี้ยๆ ถ้าเปิดเป็นโรงแรมย่อมๆ ต่อให้เสียคืนละหมื่นกูก็ยอม” พี่โอ๋ยังพูดไม่หยุดปาก เพราะไม่ว่าจะเดินไปมุมไหน สถานที่แห่งนี้ก็ดูสวยงามราวกับมีเรื่องราวในตัวมันเอง

“แล้วตกลงพี่ณิชกับคุณตรีนี่ยังไงวะ” บอยที่เก็บความสงสัยมานานถามขึ้น ใช่ว่าเขาจะไม่เห็นสักหน่อยว่าสายตาของจีรัชญ์มองรุ่นพี่เขาอย่างไร

“อะไรของมึง” ณิชหันไปทำหน้างงใส่

“อย่าคิดว่าผมไม่เห็นนะ สายตาคุณตรีเขามองพี่แปลกๆ ว่ะ หรือพวกพี่มีไรปิดบังพวกผม”

“มึงคิดไปเองรึเปล่า” ณิชถามกลับ บ่ายเบี่ยงที่จะตอบไปตรงๆ เพราะเขาไม่อยากออกตัวมากเกินไปว่ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับจีรัชญ์ คงรอให้จีรัชญ์เคลียร์กับทางคุณแขก่อน

“ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะพี่ ไม่ใช่อะไรหรอกนะแต่ผมเป็นห่วง ผมไม่อยากให้พี่ได้ชื่อว่าแย่งแฟนเจ้านา-”

ตูม!!

ยังไม่ทันที่บอยจะพูดจบ เขาก็รู้สึกถึงลมวูบหนึ่งที่พัดใส่จนหงายหลังตกลงไปในสระบัวทันที ณิชกับมิ้งยืนมองด้วยความตกตะลึงเพราะไม่คิดว่าไอ้มั่นจะยกเท้าขึ้นถีบบอยจนตกน้ำ ฝ่ายโอ๋ที่เห็นลูกน้องตกน้ำตัวเปียกก็รีบไปช่วย

‘กล้าดีเยี่ยงไรมาว่านายกูไปแย่งคนรักของคนอื่น!’ ดวงวิญญาณที่เปรียบดั่งผู้พิทักษ์ของณิชโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะได้ยินไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่กล่าวหาว่าคุณปราณไปแย่งไอ้หาญมาจากหญิงสาวคนนั้น

‘คุณปราณจะให้บ่าวจัดการมันเช่นไรขอรับ สั่งบ่าวมาได้เลยขอรับ’ ไอ้มั่นถามเสียงเหี้ยม

‘ไม่ต้องหรอกมั่น บอยมันก็พูดไปงั้นตามประสาคนไม่รู้ ไม่ต้องไปโกรธเขาหรอก’

‘หึ! ไม่ให้โกรธหรือขอรับ! มันกล่าววาจาได้หาตีนเยี่ยงนั้น หากบ่าวมีกายหยาบคงได้วางมวยกับมันเป็นแน่’ ไอ้มั่นเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเจ็บใจ ลองให้มันมีร่างกายดั่งคนเป็นสิ ไอ้หนุ่มเมืองกรุงนี้ไม่ปากแตกก็อย่าเรียกมันว่าไอ้มั่นเลย

“อ้าว! บอยตกน้ำเหรอ หรือลงไปว่ายน้ำเก็บดอกบัวล่ะนั่น” แขไขเดินออกมาที่สวนด้านหลังพอดีพูดขึ้น แต่จีรัชญ์ที่เห็นดังนั้นรีบเดินตรงดิ่งมาทันที

“พลี!! พาเขาขึ้นจะสระ!” จีรัชญ์สั่งคนงานของตัวเองที่อยู่แถวนั้นพอดีเสียงดัง นายพลีรีบวิ่งมาช่วยโอ๋ดึงบอยขึ้นจากสระบัวอีกแรง ท่าทางดุดันที่ดูโกรธจัดของจีรัชญ์ทำให้แขไขสะดุ้ง เธอรู้ดีว่าสระบัวแห่งนี้เป็นพื้นที่หวงห้ามของวังปริพัตร จีรัชญ์ไม่ชอบให้ใครมายุ่งสระบัวแห่งนี้เลย

‘ไอ้หาญ กูถีบมันตกน้ำเอง มันกล่าววาจาว่าร้ายคุณปราณว่านายกูแย่งมึงมาจากนายของมัน’ ไอ้มั่นได้ทีรีบฟ้องเพื่อนเกลอทันใด แม้คำบอกเล่าจะผิดเพี้ยนไปจากความจริงสักหน่อยก็ตาม

จีรัชญ์ตวัดสายตาหันไปมองชายหนุ่มที่เปียกโชกไปทั้งตัวเต็มๆ ตา ก่อนจะหันไปมองณิชที่ยืนอึ้งอยู่บนศาลา ฝ่ายนั้นเม้มปากมองเขาก่อนจะเลื่อนสายตามาจับจ้องที่แขน ซึ่งมีมือของแขไขจับแขนเขาอยู่

“ผมหวังว่าจะไม่มีลูกน้องคุณแขคนไหนตกลงไปในสระบัวอีกนะครับ เพราะไม่บ่อยนักที่ผมจะอนุญาตให้คนอื่นได้เข้ามาที่นี่ ผมไม่อยากให้สถานที่ที่ผมรักษาไว้เสียหาย” จีรัชญ์พูดอย่างตรงไปตรงมา บอยรีบยกมือไหว้ขอโทษขอโพยเจ้าของวังปริพัตรยกใหญ่ พร้อมกับโอ๋ที่กล่าวขอโทษแทนลูกน้องตัวเองที่พลาดตกน้ำ คงจะมีแต่มิ้งที่ลอบยิ้มและแอบยกนิ้วโป้งให้กับไอ้มั่นอยู่เงียบๆ

ลูกน้องของแขไขตกสระบัวถึงสองคน แต่มันคนละความรู้สึกกัน ตอนณิชมาที่นี่ครั้งแรกและตกสระนั่นเพราะไอ้มั่นมันพยายามช่วยให้เขาสนใจอีกฝ่าย แต่กับบอยไม่ใช่ ยิ่งได้รู้ว่าอีกฝ่ายคิดว่าณิชแย่งเขาไปจากแขไขก็ยิ่งไม่สบอารมณ์

หลังจากเหตุการณ์ที่สระบัวผ่านไป แขไขก็ดูเหมือนอยากสร้างบรรยากาศส่วนตัวกับจีรัชญ์กันสองคน พี่โอ๋เห็นว่าเจ้านายอยากสวีตกับชายหนุ่ม เขาจึงรีบลากลูกน้องในทีมทั้งณิชและมิ้งให้ออกจากศาลา เพื่อจะได้ไม่รบกวนคนทั้งสอง

ณิชกลับขึ้นมาบนห้องก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องจีรัชญ์แล้วเข้าไปอยู่ในนั้นแทน แม้ใจจะบอกว่าไว้ใจจีรัชญ์ แต่ท้ายสุดเขาก็มายืนดมกลิ่นหมอนหนุน ผ้าปูที่นอน รวมไปถึงสำรวจห้องน้ำทุกซอกทุกมุมว่ามีอะไรผิดปกติ หรือกลิ่นอื่นที่เขาไม่คุ้นเคยหรือไม่

“ดมยังไงก็ไม่เจอกลิ่นคนอื่นหรอกครับ เพราะมันไม่มีตั้งแต่แรก”

ณิชสะดุ้งเมื่อตัวเขาโดนรั้งมากอดจากทางด้านหลัง เสียงกระซิบบอกพร้อมกับหอมฟอดใหญ่ที่กกหูทำให้เขาย่นคอด้วยความจั๊กจี้

“คิดว่าคุณจะอยู่กับคุณแขที่สระบัวเสียอีก”

“เห็นหน้าหงอยๆ ของใครบางคนแล้วใครจะทนได้ ผมขอตัวขึ้นมาทำงานและปล่อยให้แขเขาอยู่ไปคนเดียว” จีรัชญ์ตอบ เขาโน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อยเพื่อดูว่าคนในอ้อมกอดนั้นมีสีหน้าเช่นไร ก่อนจะได้เห็นว่าณิชแอบยิ้มอยู่ แต่เจ้าตัวก็หุบยิ้มทันทีเมื่อโดนเขาจับได้

“เมื่อคืนมีคนเห็นคุณแขเข้าห้องคุณ” ณิชเบี่ยงตัวออกก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย เขามองจีรัชญ์เพื่อรอฟังคำตอบใจจดจ่อ อยากรู้ว่าจีรัชญ์จะยอมรับหรือโกหกเขา

“ไม่ได้เข้าครับ แค่จะเข้าแต่ผมก็ชวนออกไปคุยกันที่ริมระเบียงข้างนอกแทน”

“คุยอะไร”

“เรื่องทั่วไปครับ แขเขาเล่าเรื่องไปดูงานที่ต่างประเทศมา รวมไปถึงลูกค้าที่เขาต้องการตัวคุณไปทำงานให้เขามากๆ”

“อ่า...เรื่องลูกค้านั่น เอาจริงๆ ผมก็เครียดเรื่องนี้อยู่ ผมไม่อยากกลับกรุงเทพฯ เลย ขอผมอยู่ที่นี่ต่อได้ไหม” ณิชทำท่าอ้อน เขายอมรับว่าตอนนี้ตัวเองงอแงไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่ แต่ถ้ามีเวลาให้เขาได้อยู่กับจีรัชญ์ต่ออีกสักหน่อยเขาก็อยากจะทำ

“ไม่ได้ครับ คุณต้องกลับไป” จีรัชญ์จับแก้มอีกฝ่ายแล้วลูบเบาๆ ก่อนจะดึงมือให้ณิชเดินตามมานั่งบนเตียง

“แต่ผมอยากอยู่กับคุณ” หนุ่มเมืองกรุงเงยหน้าขึ้นบอกตามใจคิด จีรัชญ์ลูบหัวอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู ชาตินี้คุณปราณจะทำใจไอ้หาญพองฟูไปถึงไหน

“ผมรู้ แต่คุณต้องกลับไป คุณมีหน้าที่ของคุณ”

“นี่คุณรักผมจริงปะเนี่ย ทำไมถึงดูอยากให้ผมกลับไปกรุงเทพฯ จัง” ณิชเริ่มหงุดหงิดเมื่อจีรัชญ์ไม่รั้งเขาไว้อย่างที่คิด ไหนบอกจะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แต่ดูตอนนี้สิ แม้แต่คำว่าขอให้อยู่อีกฝ่ายยังไม่พูดเลย

“ฮึฮึ อย่าเพิ่งโกรธครับ ผมยังพูดไม่จบ” จีรัชญ์หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นหน้าตาที่เริ่มดูไม่ดีตามอารมณ์ที่กำลังขุ่นมัว “ผมอยากให้คุณกลับไปรับงานนั่นและทำให้เสร็จ เพราะงานคือสิ่งที่คุณรัก คุณมีความสุขเวลาได้ทำมัน และหลังจากนั้นถ้าคุณตัดสินใจจะออกจากงานและมาอยู่ด้วยกันที่นี่ผมก็ยินดี หรือถ้าไม่เราก็ค่อยหาทางอีกทีว่าจะทำยังไง เพราะผมพูดเรื่องคุณกับคุณแขไปแล้ว ผมบอกคุณแขไปแล้วว่าผมตกหลุมรักคุณ”

คำตอบประโยคสุดท้ายของจีรัชญ์ทำเอาณิชตัวชาวาบ ก่อนที่หัวใจจะเต้นถี่รัวจนแทบไม่เป็นจังหวะ




โปรดติดตามส่วนต่อไป

ขอโทษที่หายไปนานค่ะ
พอดีช่วงเวลาไม่ลงตัวเลยไม่ได้อัป ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ

 :m15:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๕/๔/๖๔ ‡ บทที่ ๒๙ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 15-04-2021 07:58:20
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๕/๔/๖๔ ‡ บทที่ ๒๙ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 15-04-2021 10:04:24
ไม่มีความคิดเห็น

มีแต่ความเป็นห่วง คุณผอบ

อย่าทิ้งกันนาน แบบนี้อีกนะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๕/๔/๖๔ ‡ บทที่ ๒๙ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-04-2021 01:02:35
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๕/๔/๖๔ ‡ บทที่ ๒๙ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 17-04-2021 10:27:15
มั่นทำได้ดีมาก

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๕/๔/๖๔ ‡ บทที่ ๒๙ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-05-2021 02:09:51
กลับมาแล้ว คิดถึง~
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๕/๔/๖๔ ‡ บทที่ ๒๙ {ครึ่งแรก} หน้า ๑๒
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 04-05-2021 06:35:28
บทที่ ๒๙ (ครึ่งหลัง)



ครั้งแรกที่แขไขได้รู้จักกับจีรัชญ์ก็ราวปีก่อน ในตอนนั้นเธอมาดูงานกับทีมงานในบริษัท ขับรถมาเองคนเดียวจนหลงมาทางถนนของวังปริพัตร ขับวนอยู่นานเพื่อหาทางออกแต่แล้วน้ำมันหมด เธอจอดรถหลบอยู่ข้างทางก็เจอหนุ่มใจดีให้ความช่วยเหลือ พอถามไปถามมาจึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายมีบ้านอยู่แถวนี้ และนั่นคือจีรัชญ์นั่นเอง

แขไขรู้สึกถูกชะตาต้องใจผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ อาจด้วยหน้าตา รูปร่าง และความมีน้ำใจทำให้จีรัชญ์ได้ใจเธอไปตั้งแต่วันนั้น เธอจึงพยายามสานสัมพันธ์กับอีกฝ่ายให้มากที่สุด แม้จีรัชญ์จะดูเป็นคนเก็บตัวและไม่ค่อยสุงสิงกับใครก็ตาม แต่เธอก็ยังเข้าหาอีกฝ่ายจนได้ผูกมิตรกัน ถึงขนาดยอมลงมาที่นี่ทุกเดือนหาข้ออ้างสารพัดเพื่อจะได้พบหน้าจีรัชญ์

เธอยอมรับว่าในตอนนั้นเธอรู้สึกดีกับจีรัชญ์มากจนเอ่ยปากบอกอีกฝ่ายไปตรงๆ ว่ารู้สึกอย่างไร แต่ถึงอย่างนั้นจีรัชญ์ก็ให้ความเงียบเป็นเพียงคำตอบ สีหน้าที่แม้จะมีรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก แต่สายตากลับเฉยชาไร้ความรู้สึก ราวกับว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการมีความรักและไม่คิดจะรักใคร

หญิงสาวจากเมืองกรุงยังไม่ละความพยายามในการเอาชนะใจจีรัชญ์ เธอยังคงเหนี่ยวรั้งอีกฝ่ายไว้ด้วยคำว่ามิตรภาพ จนกระทั่งจีรัชญ์ยอมเปิดใจที่จะให้เธอเข้ามาในวัง สถานที่ที่อีกฝ่ายหวงแหนไม่แม้แต่จะให้ใครคนอื่นได้เข้ามา เธอรู้สึกว่าจีรัชญ์เปิดใจให้กับเธอมากขึ้น และทุกอย่างก็ดูเป็นไปได้ดีจนลูกน้องที่ทำงานเริ่มพูดกันมากขึ้นว่าเธอกับเขาเป็นคู่รักกัน

จีรัชญ์ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้แขไขจึงไม่ได้แก้ข่าวในเรื่องนี้ เพราะสำหรับตัวจีรัชญ์ที่ยอมรับในชะตากรรมของตนเอง เขาคิดว่าหากชาตินี้จะผูกไมตรีกับผู้หญิงสักคนก็คงได้ แม้ใจจะไม่ได้รักเหมือนที่ตนรักคุณปราณก็ตาม จีรัชญ์ยอมให้แขไขเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้เข้าใกล้ตัวเขามากกว่าใครอื่น แต่คนทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนมีเส้นบางๆ กั้นอยู่เสมอ

ใจของไอ้หาญที่ถอดใจเรื่องของคุณปราณแล้ว ทำให้ตนเองยอมที่จะเปิดรับแขไขเข้ามาในชีวิต นอกเหนือจากคนอื่นที่เขาคบหาไว้เพื่อผลประโยชน์ในการปกปิดตัวตน จนกระทั่งจีรัชญ์ได้มาเจอณิช และทุกสิ่งทุกอย่างที่คิดไว้จึงผิดแผนจากที่คาดคิดไว้ทั้งหมด

“ที่นี่ร่มรื่นดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก ทั้งที่แค่เปลี่ยนแปลงข้างในตัวตึกไปไม่เท่าไหร่ แต่มันทำให้วังดูน่าอยู่มากกว่าเมื่อก่อนขึ้นเยอะเลยนะคะ” แขไขพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มสวยบนใบหน้า เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ บริเวณสระบัว เธอได้มาที่นี่นับครั้งได้เพราะจีรัชญ์มักจะให้เธอพักในตัวเมืองมากกว่า เธอเคยถามว่าทำไมถึงให้เธอไปพักที่อื่น ทั้งที่วังแห่งนี้มีห้องว่างตั้งหลายห้อง แต่จีรัชญ์กลับตอบแค่เพียงว่าไม่สะดวก

จีรัชญ์มองหญิงสาวที่ยังคงทำตัวเหมือนเดิม รอยยิ้ม ความสดใสในวัยเลข 3 ของแขไขยังมีเหมือนเดิม เพียงแต่ความรู้สึกดีๆ ที่อีกฝ่ายมอบให้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกับเธอมากกว่านั้น เขายอมเปิดรับแขไขเข้ามาในชีวิต แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเปิดใจให้ใครอื่นเข้ามา เพราะหัวใจของไอ้หาญเป็นของคุณปราณมาเนิ่นนาน และไม่สามารถรักใครได้อีกแล้ว

"คุณแขครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย" จีรัชญ์พูดน้ำเสียงจริงจังจนแขไขต้องหันมอง เธอลอบยิ้มในใจเพราะคาดหวังว่าเรื่องที่อีกฝ่ายจะพูดคงเป็นเรื่องแต่งงาน ถึงแม้จีรัชญ์จะไม่เคยพูดคำว่ารักกับเธอเลยก็ตาม แต่การที่ผู้ชายโลกส่วนตัวสูงเสียดฟ้ายอมให้เธอได้เข้าถึงขนาดนี้ เธอก็คงเป็นผู้หญิงที่จีรัชญ์เลือกแล้ว

แต่แน่นอนว่าความคิดเหล่านั้นเธอล้วนคิดไปเองทั้งสิ้น

“ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องมาเสียเวลากับคนอย่างผม และผมอยากให้เรื่องระหว่างเราจบกันเพียงแค่นี้ครับ" แต่คำพูดของจีรัชญ์เหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบหัว แขไขอึ้งไปไม่น้อยเพราะนอกจากมันจะไม่เป็นดั่งเธอหวังแล้วยังเป็นเรื่องใหญ่กว่าด้วย

"ทะ...ทำไมคะ"

"เพราะผมไม่ได้รักคุณ" คำตอบซื่อตรงคงดีที่สุดที่จะทำให้หญิงสาวตรงหน้าไม่ค้างคาไปมากกว่านี้

"แขไม่เข้าใจ ที่ผ่านมาคุณดีกับแขมาตลอด คุณไม่มีใครคบหาดูใจอยู่ เราเข้ากันได้ดีไม่ใช่เหรอคะ หรือแขทำอะไรผิดคุณบอกแขได้ไหมคะ" ตอนนี้เธองงไปหมดจนคิดว่าจีรัชญ์หลอกอำเธอรึเปล่า แต่สีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังของชายหนุ่มก็ดูจะจริงเกินกว่าจะโกหกตัวเองได้ว่าฝ่ายนั้นล้อเล่น

"คุณไม่ผิด แต่ผมผิดเองที่ไม่ชัดเจนกับคุณมาตั้งแต่แรก" แขไขตัวชาพร้อมใจที่ปวดหนึบ จริงอยู่ที่ผ่านมาจีรัชญ์ไม่ได้แสดงออกกับเธอหวือหวาดั่งเช่นคู่รักทั่วไปก็จริง แต่เธอก็รู้สึกกับเขามากกว่าเพื่อนชายและเธอก็แสดงออกชัดเจน

“ถ้าคุณไม่คิดจะรักแขตั้งแต่แรกแล้วคุณให้ความหวังแขทำไมคะ”

คำถามนี้ของหญิงสาวทำจีรัชญ์เงียบไป ไม่ใช่เขาอึ้งจนตอบไม่ได้ แต่เพราะเขาไม่สามารถตอบให้หญิงสาวเข้าใจได้ ทุกอย่างมันคือโชคชะตาที่เขาพยายามกำหนดด้วยตัวเองแล้ว แต่ท้ายสุดก็ทำไม่ได้เพราะจุดบรรจบมันก็ยังเหมือนเดิม

ตอนแรกที่เขายอมเปิดใจคุยกับแขไข ให้แขไขได้เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เข้าใกล้เขามากที่สุดนั่นเพราะเขาตัดใจเรื่องคุณปราณไปแล้ว ไอ้หาญยอมที่จะไม่ตามหาและฝืนชะตาด้วยการไม่ข้องเกี่ยวกับคนชื่อปราณอีก แต่ใครเลยจะรู้ว่าการที่เขาถอดใจนั้นมันแค่ยืดเวลาออกไปก็เท่านั้น เพราะท้ายสุดคุณปราณในชาตินี้ก็เอาชนะใจเขาได้อยู่ดี

เพี้ยะ!

แรงจากฝ่ามือกระทบผิวแก้มไม่เบานักจนเกิดเสียง แขไขตบหน้าจีรัชญ์ที่ยืนเงียบไม่พูดไม่จา ในตอนนี้เธอโกรธจีรัชญ์แต่มันก็โกรธได้ไม่สุดใจ เพราะลึกๆ แล้วเธอก็รู้อยู่ว่าจีรัชญ์เหมือนกำลังรอใครบางคนอยู่ ในแววตาของจีรัชญ์ตอนอยู่กับเธอไม่ได้ฉายแววมีความสุขอย่างคนที่กำลังมีความรัก มันเฉยชาแต่เธอกลับมองข้ามเพราะรู้สึกชอบอีกฝ่ายมาก

เธอมองข้ามทุกสิ่งทุกอย่างไป ยิ่งได้ยินคนอื่นพูดเรื่องของเธอกับจีรัชญ์ก็ยิ่งรู้สึกดี เหมือนเธอได้ครอบครองหัวใจผู้ชายคนนี้เข้าจริงๆ เธอเคยพูดเรื่องที่ลูกน้องในบริษัทลือกันว่าคนเหล่านั้นคิดว่าเขากำลังจะแต่งงานกัน แต่จีรัชญ์นิ่งเงียบไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ซึ่งมันยิ่งทำให้เธอคิดไปไกล ก่อนจะถูกกระชากกลับมาให้เจอกับความจริงในวันนี้ว่าจีรัชญ์ไม่ได้รักเธอเลย

“ถ้าคุณยังมีความเป็นสุภาพบุรุษหลงเหลืออยู่ก็บอกแขมาค่ะว่าคนนั้นคือใคร” แขไขพูดเสียงเรียบ เธอข่มเสียงไว้ไม่ให้สั่น แต่ความเสียใจที่อัดแน่นอยู่ในอกก็กลั่นออกมาเป็นน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้ม เธอจ้องหน้าจีรัชญ์ที่หลบสายตาเธอเพียงแวบเดียวก่อนจะตอบออกมา ซึ่งมันทำให้เธออึ้งกับคำตอบอีกครั้ง

“ผมรักคุณณิช”

แม้จะตะหงิดใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของจีรัชญ์กับณิชจะไปไกลถึงขั้นนี้ จีรัชญ์แสดงออกกับณิชต่างจากที่เคยแสดงออกกับเธอ มันไม่ใช่เรื่องการกระทำแต่เป็นสายตาที่อีกฝ่ายมองณิชอย่างลึกซึ้ง เธอคิดว่าตัวเองคิดมากไปแต่แท้จริงแล้วสิ่งที่เธอคิดนั้นคือความจริงที่ยากจะยอมรับ

เธอควรโกรธจีรัชญ์มากกว่านี้ แต่การที่จีรัชญ์หันไปชอบผู้ชายมันก็ห้ามกันไม่ได้

“แล้วณิชรักคุณไหม” แขไขกลั้นใจถามกลับ จีรัชญ์ไม่ตอบแต่แววตาที่มีความสุขของจีรัชญ์ก่อนหน้านี้ก็คือคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่าคนทั้งสองใจตรงกัน

“ผมไม่ว่าอะไรเลยถ้าคุณจะโกรธและเกลียดผม แต่คุณณิชไม่เกี่ยวอะไรด้วย เป็นผมเองที่ไม่หักห้ามใจ ขอคุณอย่าถือโทษเขาได้ไหมครับ”

แขไขไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์และคำสาปที่ผูกพันกันมาของพวกเขา เพราะฉะนั้นอธิบายอะไรไปอีกฝ่ายก็ไม่เข้าใจอยู่ดี และที่เขาบอกว่าไม่ห้ามใจนั้นก็เป็นเรื่องจริง ถ้าเขาฝืนโชคชะตาให้มากกว่านี้ เขาอาจจะรักแขไขขึ้นมาก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากให้หญิงสาวต้องพาลโกรธณิช ที่เขาบอกกับแขไขเรื่องรักณิชไปตรงๆ นั้นก็เพื่อไม่เป็นการดูหมิ่นความรู้สึกของแขไขที่มอบให้เขา แต่เป็นการให้เกียรติแขไขให้มากที่สุดเท่านั้น

“แค่พูดมันก็ง่ายนะคะ แต่ตอนนี้แขจะทำอะไรได้ล่ะคะ นอกจากมองดูพวกคุณรักกันส่วนแขก็โดนทิ้ง” อดที่จะประชดประชันออกมาไม่ได้ เธอหัวเราะในลำคออย่างนึกสมเพชตัวเอง อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วแต่ดันมาอกหัก ทั้งที่คนรุ่นราวคราวดียวกันมีครอบครัวมีลูกกันไปนานแล้ว

จีรัชญ์ปล่อยให้แขไขอยู่ที่ศาลาต่อไป เขาหลบเลี่ยงออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายได้ใช้เวลากับตัวเอง จะก่นด่าหรือแค้นเคืองเขามากแค่ไหนก็สุดแล้วแต่เจ้าตัวจะทำ แต่เขาได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจและรับผิดชอบต่อความรู้สึกของหญิงสาวไปหมดแล้ว

*

วันรุ่งขึ้นณิชและพวกผ้องเตรียมกลับกรุงเทพฯ แม่บ้านต่างมายืนรอส่งพวกคนกรุงที่กำลังจะกลับกันแล้ว ครั้งนี้บอยจะขับรถเขากลับไปเช่นเดิมโดยมีพี่โอ๋นั่งไปเป็นเพื่อน ส่วนเขากับมิ้งจะกลับกันทางเครื่องบิน โดยไฟลต์บินของเขาจะไปตอนบ่าย พี่โอ๋และบอยจึงขับรถออกไปก่อน เหลือก็แต่เขาสองคนที่กำลังรอให้จีรัชญ์ขับรถไปส่งที่สนามบิน

และสาเหตุที่เขานั่งรถทางไกลนานๆ ไม่ได้นั้นก็ได้รับการไขให้กระจ่างแล้ว ว่าที่เขากลัวการนั่งรถนานๆ นั่นก็เพราะในอดีตครอบครัวของเขาประสบอุบัติเหตุ มันคงเป็นเรื่องอ่อนไหวที่ส่งผลมาจนถึงเขาในชาตินี้

ส่วนแขไขนั้นนั่งเครื่องบินกลับไปก่อนแล้ว เขาคิดว่าคงเพราะเรื่องที่จีรัชญ์พูดอย่างแน่นอนที่ทำให้เจ้านายของเขาหนีกลับไปก่อนแบบนี้ เดี๋ยวไปเจอกันอีกทีที่กรุงเทพฯ เขาคงต้องเตรียมรับมือดีๆ เพราะไม่รู้ว่าแขไขจะทำกับเขาอย่างไร

“ขอให้เดินทางปลอดภัยนะคะ” ป้าแจ่มกล่าวอวยพร หญิงสูงวัยมีน้ำตาเอ่อคลอเมื่อต้องจากลากับคนทั้งสองที่มาอยู่ด้วยกันที่นี่นานหลายเดือน ความรู้สึกผูกพันมันก่อตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เธอรู้สึกผูกพันกับคนทั้งสองไปแล้ว

“ไว้เจอกันใหม่นะครับป้าแจ่ม ขอบคุณที่ดูแลพวกผมเป็นอย่างดีนะครับ” ณิชยกมือไหว้หญิงแม่บ้าน ก่อนจะโดนอีกฝ่ายดึงไปสวมกอดเต็มรัก เขาก็รู้สึกใจหายไม่น้อยที่ต้องจากวังปริพัตรแห่งนี้ไปอีกครั้ง

“ฮึก...” เสียงแปลกๆ หลุดออกมาจากมิ้งจนทุกคนต้องหันมอง ณิชขำด้วยความเอ็นดูเมื่อเห็นว่ารุ่นน้องตนก้มหน้าร้องไห้อยู่

“ฮึก...หนูคงคิดถึงที่นี่มากแน่ๆ เลย อึก...ฮือออ” แล้วเธอก็ปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ณิชยังมีทางออกว่าลาออกจากงานแล้วมาอยู่ที่นี่ได้ แต่เธอที่มีชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯ ล่ะจะทำอย่างไร ไม่รู้จะมีโอกาสได้กลับมาเจอผู้คนที่นี่อีกไหม และที่สำคัญ...คู่หูดวงวิญญาณอย่างพี่มั่นเธอก็อาจไม่ได้เจออีกแล้ว

กลายเป็นป้าแจ่มต้องมากอดปลอบมิ้งและพากันร้องไห้ตามๆ กัน ป้าแจ่มแพ็กขนมกลีบลำดวนใส่กระปุกสุญญากาศให้มิ้งไปจำนวนหนึ่ง ไม่ลืมเขียนสูตรขนมต่างๆ ที่อีกฝ่ายฝึกทำกับเธอตอนอยู่ที่นี่ให้ไปด้วย ย้ำมิ้งเป็นสิบครั้งว่าอย่าลืมคนที่นี่ ถ้าว่างต้องแวะมาเยี่ยมกันบ้าง

“หนูไม่อยากกลับเลย” มิ้งพึมพำเบาๆ

“ถ้าไม่ว่างมาค่อยโทรหากันก็ได้นะคะ” ป้าแจ่มบอกพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น มิ้งพยักหน้าก่อนจะมองเลยหลังป้าแจ่มไปก็เห็นไอ้มั่นยืนอยู่

‘เราจะได้เจอกันอีกไหมพี่มั่น’ เธอถามในใจ

‘เจ้าลืมไปแล้วรึว่าข้าคือคนของใคร คุณปราณอยู่ที่ใดข้าก็อยู่ที่นั่น ตราบใดที่คุณปราณยังอยู่อย่างไรเจ้าก็ได้เจอข้าเจ้ามิ่ง’ คำพูดของไอ้มั่นเหมือนเรียกสติของมิ้งไว้

“เออ จริงด้วยว่ะ” มิ้งพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเช็ดน้ำตาแล้วยิ้มกว้าง ป้าแจ่มมองด้วยสีหน้างงงวยที่หญิงสาวเปลี่ยนอารมณ์ได้ไวเหลือเกิน

ณิชขอตัวขึ้นไปหาจีรัชญ์เพราะฝ่ายนั้นยังไม่ออกจากห้องมาตั้งแต่เช้า เขาไปเคาะเรียกที่ห้องก็ไม่ตอบ พอใกล้ได้เวลาเดินทางเลยขึ้นมาตามสักหน่อย แต่จีรัชญ์ไม่ได้อยู่ในห้อง อีกฝ่ายอยู่ในห้องทำงานและกำลังหาของอยู่

“คุณจีรัชญ์ ผมจะไปแล้วนะ” ณิชบอกคนที่อาจจะลืมเวลาเดินทางของเขา

“มานี่สิครับ” จีรัชญ์เรียกเขาให้เข้าไปในห้องที่เก็บภาพวาดของเจ้าตัว ก่อนที่สมุดบันทึกของคุณปราณจะถูกยื่นมาตรงหน้า

“มันคือของคุณ ผมคืนให้ครับ” จีรัชญ์คืนสมุดบันทึกให้กับเจ้าของ ณิชยิ้มก่อนจะรับมา บทจะได้สมุดเล่มนี้ก็ได้มาง่ายเหลือเกิน ผิดกับตอนแรกที่ต้องทำตัวเป็นหัวขโมยทั้งที่สมุดเล่มนี้เป็นของเขาเองแท้ๆ

“ผมจะรีบเคลียร์งานให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้ลงมาหาคุณนะ” ณิชพูดก่อนจะรั้งมือจีรัชญ์มาจับไว้ เขาหอมมือใหญ่นั้นซ้ำๆ ด้วยความรักและคิดถึงที่มี ขนาดยังไม่จากกันเขายังคิดถึงอีกฝ่ายขนาดนี้ เขาไม่รู้เลยว่าเวลาต่อจากนี้ไปที่จะไม่ได้เจอจีรัชญ์เขาจะทรมานแค่ไหน

“ผมอยากให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เราต้องจากกัน และผมจะไม่มีวันปล่อยให้คุณต้องรอคอยผมอยู่คนเดียวอีกแล้ว” ณิชพูดต่อ เขากอดจีรัชญ์แน่นที่สุดเท่าที่จะถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดออกมาได้ จีรัชญ์จูบที่ขมับคนตัวเล็กกว่าเบาๆ

“ไอ้มั่นจะไปอยู่กับคุณ มันจะคอยดูแลคุณแทนผม”

“ครับ ผมจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เป็นหวัดนิดนึงก็จะรีบไปหาหมอ...หมอที่ชื่ออนันต์” ท้ายประโยคณิชกระซิบพร้อมสายตากรุ้มกริ่ม ทำเอาจีรัชญ์ถึงกับหัวเราะเบาๆ ก่อนจะบีบจมูกคนช่างพูด

“ทางที่ดีอย่าป่วยเลยดีกว่าครับ” จีรัชญ์บอกคนในอ้อมกอด

ณิชพยักหน้ากับอกกว้างเบาๆ เมื่อก่อนเขาทำงานแทบจะหามรุ่งหามค่ำ ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองเท่าไหร่นัก นอนดึกแต่ตื่นเช้าลากสังขารตัวเองไปทำงาน กินข้าวไม่เป็นเวลาจนหวิดจะเป็นกรดไหลย้อน แต่นับแต่นี้ต่อไปเขาจะดูแลตัวเองให้มากขึ้น ดูแลให้ดีที่สุดให้สมกับที่ใครบางคนรอคอยเขามานานนับร้อยปี

จีรัชญ์ขับรถมาส่งแขกของบ้านที่อยู่บ้านเขาร่วม 3 เดือนเศษ มิ้งยกมือไหว้ขอบคุณปรกๆ ที่จีรัชญ์ใจดีทั้งเรื่องกินและที่พักจนน้ำหนักขึ้นหลายกิโล อีกทั้งเรื่องราวความรักที่สุดแสนโรแมนติกปนเศร้า ซึ่งทำให้เธอเขียนนิยายได้จนมีแฟนคลับติดตามหลายพันคน

“หนูเข้าไปก่อนนะพี่” มิ้งบอกกับณิชเพราะเข้าใจดีว่าณิชคงร่ำลากับจีรัชญ์จนถึงวินาทีสุดท้ายโน่นแหละ

“ถ้าคุณว่างก็แวะไปหาผมที่กรุงเทพฯ บ้างนะครับ แล้วก็ฝากบอกคุณสุทินด้วยว่าขอโทษที่ไม่ได้ไปลา” ณิชไม่ลืมนึกถึงผู้ช่วยลับๆ ของจีรัชญ์อย่างสุทิน บุคคลที่เคยอยู่ในเหตุการณ์เฉียดตายของเขาตอนโดนรถเฉี่ยว

“เดินทางปลอดภัยนะครับ ถึงแล้วโทรบอกผมด้วย”

“ผมไม่อยากไปเลย” ณิชงอแงอีกครั้ง นิ้วชี้เขาเกี่ยวนิ้วก้อยจีรัชญ์แกว่งไปมาเบาๆ เขาก้มหน้าเพราะต้องซ่อนน้ำตาที่มันปริ่มๆ จะไหลไว้ ยิ่งใกล้นาทีที่เขาจะต้องไปที่เกทแล้วมันยิ่งบีบหัวใจ เพราะเขากลัวว่าเขาสองคนอาจจะต้องจากกันอย่างไม่มีวันได้เจออีกครั้ง

“ผมสัญญาว่าจะรอ”

“ผมไม่อยากให้คุณรออีกแล้ว คุณกลับไปกับผมได้ไหม ฝากวังไว้กับคุณสุทินก่อนก็ได้ ขึ้นกรุงเทพฯ ไปกับผม ไปอยู่ด้วยกัน อยู่ในสายตาของผม” ใช่ว่าจะมีแค่จีรัชญ์ที่รู้สึกโหยหาแต่ณิชก็เช่นกัน เขาอยากอยู่ใกล้จีรัชญ์ทุกคืนวัน ไม่อยากจากไปไหนเลย

จีรัชญ์ยิ้มอบอุ่นเมื่อเห็นว่าณิชไม่สามารถเก็บอารมณ์อ่อนไหวได้อีกต่อไป เขาเช็ดหยาดน้ำตาที่กลิ้งผ่านแก้มณิชอย่างเบามือ

“ได้เวลาแล้วครับ รีบไปเถอะเดี๋ยวจะตกเครื่อง” เขาเตือนเมื่อเข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาว่าณิชควรไปที่เกทได้แล้ว

ณิชเม้มปากแน่นยอมตัดใจ เขาเดินเข้าโซนที่จีรัชญ์ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ โบกมือลาคนที่ยืนส่งเขาอยู่หน้าประตู จากนั้นก็เดินไปทิ้งตัวนั่งข้างมิ้ง เงาดำทะมึนคุ้นตาอยู่ใกล้ไม่ห่างกาย ไอ้มั่นยิ้มให้นายของมันก่อนจะกล่าวออกมา

‘คุณปราณอย่าเสียใจไปเลยขอรับ อย่างน้อยๆ การจากลาในครั้งนี้ก็เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ ประเดี๋ยวก็จะได้เจอกันอีกนะขอรับ’ ณิชพยักหน้าเบาๆ กับคำพูดปลอบของทาสผู้ซื่อสัตย์ เขาก็ขอให้การจากกันในครั้งนี้ เป็นการจากกันครั้งสุดท้ายระหว่างเขากับไอ้หาญเถอะ

จีรัชญ์มองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่ได้หัวใจเขากลับไป ถึงแม้มันจะอยู่ที่เจ้าตัวมาตลอดตั้งแต่ชาติก่อนเก่า แต่ครั้งนี้ณิชกลับทำทุกอย่างเพื่อคว้าใจเขาไป ณิชร้องไห้เสียใจที่พวกเขาต้องจากกัน แต่เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าเขานั้นเจ็บกว่า เพราะนี่อาจเป็นอีกครั้งที่ไอ้หาญจะต้องเริ่มต้นรอคุณปราณอย่างไม่มีวันสิ้นสุด

*

การจราจรบนท้องถนนยังคงหนาแน่นตามรายงานของดีเจที่จัดรายการทางวิทยุ ก่อนเจ้าของรถจะบ่นเบาๆ เมื่อดีเจบอกว่าเกิดเหตุรถชนกันบนทางด่วน ณิชถอนหายใจด้วยความเซ็งที่เขาต้องมาติดแหงกอยู่แบบนี้เป็นชั่วโมง ทั้งที่ตอนนี้ได้เวลาเข้างานแล้ว

“ว่าไงไอ้บอย” ชายหนุ่มรับสายจากรุ่นน้องทีมเดียวกัน

[ถึงไหนแล้วพี่ ลูกค้าวีไอพีของพี่จะมาแล้วเว้ย]

“กูก็รีบอยู่เนี่ย ใจกูอยู่บริษัทแล้วแต่รถกูอยู่บนทางด่วน มีรถชนกันมันเลยช้า”

[เออๆ เดี๋ยวผมบอกพี่โอ๋ให้รับหน้าไปก่อน ถ้ายังไงรีบเลยนะเว้ย] พูดจบบอยก็วางสายไป

ณิชถอนหายใจรอบที่ร้อยของเช้านี้ และเขาก็ได้เฮเมื่อรถเริ่มเคลื่อนที่ในเวลาต่อมา ก่อนรถจะจอดติดไม่ขยับอีกครั้งเมื่อใกล้ถึงแยกที่เขาต้องเลี้ยวไปทางบริษัท เนื่องจากจำนวนรถติดไฟแดงสะสม ณิชเห็นว่าเลยเวลามาสิบนาทีแล้ว เขาไม่อยากช้ามากไปกว่านี้จึงจอดรถทิ้งไว้ข้างทาง จากนั้นก็โบกวินมอเตอร์ไซค์เพื่อไปบริษัททันที

เมื่อมาถึงเขาก็รีบเข้าบริษัท ใจเต้นรัวเหมือนกลองเพราะวิ่งมาด้วยความเร็ว ยืนหอบอยู่หน้าห้องประชุมอยู่ไม่กี่วิก็ฮึบกับตัวเองแล้วเปิดประตูเข้าไป สายตาทุกคนในห้องประชุมมองเขาเป็นตาเดียว แน่นอนว่าณิชเตรียมใจรับอยู่แล้วเพราะเขามาสาย เขายิ้มแหย่และก้มหัวขอโทษแขไขด้วยความรู้ผิด

“คุณปราณันต์มาสักที ผมกำลังรออยู่เลย” เสียงทุ้มไม่คุ้นหูแต่ดูมีอำนาจทำให้ณิชต้องหันไปมอง และถ้าเขาเดาไม่ผิดนี่คงเป็นลูกค้าวีไอพีที่เจาะจงให้เขาทำงานให้อย่างแน่นอน




โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๔/๕/๖๔ ‡ บทที่ ๒๙ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 04-05-2021 19:40:25
เสียงนี้คือพ่อของปราณในชาติแรกกลับชาติมาเกิดด้วยรึเปล่า

รอติดตามครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๔/๕/๖๔ ‡ บทที่ ๒๙ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-05-2021 23:08:57
 :z13: :z3: :z3: :z13:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๔/๕/๖๔ ‡ บทที่ ๒๙ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 31-05-2021 21:45:23
ลุ้นได้ทู๊กกตอน รอรอนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๔/๕/๖๔ ‡ บทที่ ๒๙ {ครึ่งหลัง} หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 03-06-2021 11:39:29
บทที่ ๓๐

ลูกค้าวีไอพีที่บอยพูดถึงมาตรงเวลาเป๊ะจนพวกเขาไม่สามารถยื้อเวลาให้กับณิชได้อีกต่อไป รูปร่างภูมิฐานสมส่วน หน้าตายิ้มแย้มดูเป็นมิตร อีกทั้งอายุเลข 4 นำหน้าไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายดูแก่เลย หนำซ้ำมันยังทำให้พวกเขาอึ้งมากกว่าที่ลูกค้าคนนี้อายุ 40 แล้ว

“สวัสดีค่ะคุณนิธาน” แขไขออกมารับแขกผู้มาเยือนที่มาพร้อมเลขาฯ ด้วยตัวเอง แม้ตัวเธอเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์อกหักมาหมาดๆ แต่บริษัทของเธอก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป และตอนนี้ตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องเสียใจก็ยังมาไม่ถึงบริษัททั้งที่สายแล้ว

หนุ่มใหญ่วัย 40 เดินตามแขไขเข้าไปในห้องประชุม ซึ่งถูกใช้เป็นห้องรับรองแขกคนนี้ชั่วคราว มีพนักงานอีกคนนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้เรียบร้อย

“คุณนิธานเป็นยังไงบ้างคะ สบายดีไหม”

“สบายดีครับ แล้วนี่คุณปราณันต์ยังไม่มาเหรอครับ” หนุ่มใหญ่ถามถึงสถาปนิกคนที่ตนหมายตาในฝีมือไว้ เพราะตั้งแต่เข้าบริษัทมาเขายังไม่เห็นฝ่ายนั้นแม้แต่เงา

“กำลังเดินทางมาค่ะ เห็นบอกว่ามีรถชนกันเลยช้า ขอโทษคุณนิธานด้วยนะคะที่พนักงานแขมาไม่ตรงเวลา” แขไขตอบพร้อมยิ้มแห้ง พนักงานเธอมาสายแบบนี้ถือเป็นการไม่ให้เกียรติลูกค้าจริงๆ

“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ผมเข้าใจๆ เหตุการณ์พวกนี้มันเกิดขึ้นได้เสมอ ยิ่งเวลาเช้าๆ แบบนี้มันเป็นชั่วโมงเร่งด่วน ผมก็ผิดเองที่นัดเช้าเกินไป จริงๆ นัดสักบ่ายน่าจะดีกว่า” นิธานพูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ให้หญิงสาวคิดมากและเกร็งกับเขาไปมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นพนักงานที่ชื่อปราณันต์คงโดนเอ็ดนอกรอบ

แขไขให้ทีมของโอ๋เข้ามาเตรียมตัว นิธานพูดคุยกับคนที่อยู่ทีมเดียวกับณิชจนครบทุกคนแล้ว เขาได้ดูผลงานของทีมนี้มาบ้าง อาจไม่ได้ดีมากเท่ากับทีมบริษัทใหญ่ๆ แต่ก็ถือว่ามีฝีมือพอสมควร นั่งคุยกันไปได้สักพักประตูห้องก็เปิดเข้ามาอีกครั้ง พร้อมกับร่างของชายหนุ่มคนที่นิธานรอคอยก้าวเข้ามา ฝ่ายนั้นยิ้มแหยก้มหัวขอโทษที่ตนมาสาย

“คุณปราณันต์มาสักที ผมกำลังรออยู่เลย” นิธานเอ่ยแทรกความเงียบเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันตึงเครียดไปมากกว่านี้ เขารู้ว่าทุกคนในที่นี้กลัวเขาไม่พอใจที่ต้องมารอ แต่เขาตั้งใจไว้แล้วว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะให้คนที่ชื่อปราณันต์ทำงานให้เขาให้ได้

ณิชมองชายหนุ่มที่ส่งยิ้มให้เขา ฝ่ายนั้นดูใจดีและเป็นมิตรกว่าที่คิด ไม่ได้หน้าตาบึ้งตึงหรือโกรธเคืองที่เขามาสาย จากที่เสียวสันหลังวาบว่าจะโดนดุก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย

"สวัสดีครับ" ณิชยกมือไหว้ แขไขส่งสายตาดุมาให้เขาแวบหนึ่งก่อนจะเบือนหน้าหนี

"มาครับ เรามาเริ่มกันเลยไหม" นิธานกล่าวอย่างอารมณ์ดี เขารู้สึกดีใจที่คนที่รอคอยมาถึงสักที

"ครับ คุณนิธาน”

ณิชหยิบสมุดออกมาเตรียมจดสิ่งที่นิธานต้องการ เขาได้รับบรีฟงานคร่าวๆ มาว่าเป็นโรงแรมริมแม่น้ำสไตล์ไทยย้อนยุค เพื่อดึงดูนักท่องเที่ยวต่างชาติจึงต้องแสดงความเป็นไทยโบราณออกมาให้มากที่สุด และผลสรุปงานของเขาก็คือได้ตกแต่งส่วนของล็อบบี้ ห้องอาหาร และห้องฮันนีมูนที่เป็นห้องใหญ่ของโรงแรม

คุณนิธานลูกค้าวีไอพีของบริษัทไม่ได้เรื่องมากกับเขาเลย แต่นี่มันก็แค่ด่านแรกในการทำงาน ยังมีอีกหลายอย่างที่เขาจะต้องทำให้ผู้ชายคนนี้ แต่บุคลิกเป็นคนยิ้มเก่งและอัธยาศัยดี ทำให้การคุยงานระหว่างพวกเขาไม่เครียดเท่าไหร่นัก

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปที่ไซต์งานของคุณนะครับ” ณิชบอกหลังจากเขาได้คุยกับคุณนิธานมาพักใหญ่ ได้รู้รสนิยมและความต้องการของอีกฝ่ายมาพอสมควร งานนี้เรียกได้ว่าต้องโชว์ฝีมือสุดตัว เพราะเขากะทิ้งทวนผลงานนี้ไว้ก่อนจะลาออกจากที่นี่

“ได้ครับ คุณเข้าไปกี่โมงช่วยบอกเลขาฯ ผมด้วยนะครับ”

ณิชหันไปมองเลขาฯ ของนิธานที่นิ่งเงียบและเอาแต่จดอะไรยุกยิกในสมุด ฝ่ายนั้นเป็นผู้ชายที่น่าจะอายุมากกว่าเขาไม่กี่ปี เขาคุ้นหน้าเลขาฯ คุณนิธานแต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน แต่ถ้าให้เดาก็คงเดินเคยเดินสวนกันที่ไหนสักแห่งละมั้ง

“ครับ” ณิชรับคำก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกจากห้องประชุมพร้อมกับคุณนิธาน โดยมีแขไขเดินไปส่งลูกค้าคนนี้ด้วยตัวเอง

"เป็นไงบ้างพี่ณิช" มิ้งเข้ามาถามทันทีเมื่อนิธานกลับไปแล้ว

“ก็ดี”

“แค่ก็ดีเหรอพี่ณิช หนูว่าเขาแซ่บอยู่นะ เป็นพ่อหม้ายที่ยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลย เป็นนักธุรกิจที่ไม่ค่อยออกสังคม เหมือนเป็นม้ามืดในวงการโรงแรมเลยพี่” ริสาเข้ามาร่วมวงเมื่อได้ยินคนในทีมกำลังพูดถึงลูกค้าคนที่เพิ่งออกไป

“ม้ามืด? ถ้าม้ามืดจริงแล้วไปรู้เรื่องเขาได้ไง” มิ้งหันไปถามริสา

“เอ้า! ก็ชอบเสือกไง แต่ก็หามาได้แค่นี้ ประวัติเขาไม่ค่อยมีเลยอะ” ริสาทำหน้าเสียดายที่เธอสืบประวัติของนิธานมากกว่านี้ไม่ได้ มิ้งส่ายหน้าให้กับความช่างหาข่าวของริสาก่อนจะหันมาหาณิชอีกครั้ง แต่ก็พบว่ารุ่นพี่คนสนิทหนีกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเองแล้ว

“พี่ณิช หนูยังไม่เห็นพี่มั่นเลยอะ พี่มั่นอยู่ไหนพี่รู้ไหม” มิ้งกระซิบถามใกล้ๆ เพื่อไม่ให้คนอื่นได้ยิน ณิชเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ หาดวงวิญญาณที่ตามติดเขาตลอด แต่วันนี้กลับไม่เห็น

“ไม่รู้ว่ะ แกถามหาทำไมเหรอ”

“ตอนเที่ยงหนูว่าจะไปซื้อชานมไข่มุก จะเอามาให้พี่มั่นกินด้วย” มิ้งบอกตาเป็นประกาย ตอนนี้เธออยากให้ไอ้มั่นได้ลองอะไรใหม่ๆ ที่เขานิยมกินกันสมัยนี้ เป็นไปได้เธอจะจุดธูปให้ไอ้มั่นกินทุกอย่างในกรุงเทพฯ เลย

“เออ เดี๋ยวเรียกให้ แกไปทำงานไปพี่โอ๋มองตาขวางแล้ว” ณิชบอกจากนั้นคนทั้งคู่ก็แยกกันไปทำงาน

*

ไอ้มั่นมาปรากฏกายข้างณิชเพราะโดนเรียก มันหายไปหาไอ้หาญมาเพื่อจะไปดูอาการไอ้เกลอว่าเป็นอย่างไรเมื่อต้องห่างเจ้านายของมัน แวะหยอกล้อพอให้ไอ้หาญได้ฟึดฟัดใส่มันก็กลับมาหาณิชที่นี่ ณิชบอกว่าตอนเที่ยงมิ้งจะชวนไปกินชานมไข่มุก มันเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้างแต่ก็ไม่เคยเห็นหน้าตาของไอ้เครื่องดื่มที่ว่านี่ พอถึงตอนเที่ยงมันจึงออกไปกับมิ้งก่อนจะแวบกลับมาหาณิชที่ไม่ได้พักเที่ยงอย่างคนอื่นเขา เจ้าตัวให้เหตุผลว่าฝากแม่บ้านซื้อมาให้แล้ว

‘คุณปราณอย่าลืมกินข้าวนะขอรับ อย่าทำงานหนักเกินไปจนไม่ได้นอน อย่า-’

‘รู้แล้วมั่น ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่ลืมแน่นอน’ ณิชตอบในใจ มุมปากยกยิ้มหน่อยๆ นึกขำกับคำเตือนที่แทบจะโผล่มาทุกชั่วโมง ไอ้มั่นเตือนเขาว่าอย่าลืมกินข้าวตั้งแต่ 11 โมง จนตอนนี้บ่ายแล้วก็ยังพูดไม่หยุด

‘บ่าวกลัวนะขอรับ ใช่ว่าจะมีแค่ไอ้หาญที่กลัว’

มันก็กลัวเจ้านายจะเป็นอะไรไปในชาตินี้เช่นกันถึงได้ตามติดไม่ยอมห่างแบบนี้ ข้างกายไอ้ทาสจึงมีแก้วชานมไข่มุกของมิ้งวางอยู่ มันรีบกลับมาอยู่กับณิชก่อน ส่วนมิ้งก็อยู่กินข้าวกับบอยและริสา

‘ไม่ต้องกลัว ชาตินี้ผมกลัวตายเพราะฉะนั้นไม่ตายง่ายๆ หรอก เดี๋ยวจะไปออกกำลังกายฟิตหุ่นด้วย จะได้แข็งแรงๆ ไง’

ไอ้มั่นยิ้มเอ็นดู ดูท่าชาตินี้ไอ้หาญจะสมหวังจริงๆ เพราะคุณปราณพยายามทุกทางเลย มันก็ได้แต่หวังและขอให้เบื้องบนเป็นใจบ้างเถิด ไม่ใช่ว่ามันไม่อยากอยู่กับคนทั้งสอง แต่เพราะมันไม่อยากให้ไอ้หาญกับคุณปราณต้องแยกจากกันอีกแล้ว

ตกเย็นณิชขับรถกลับมาถึงห้องก็ราวทุ่มกว่าแล้ว เขาเปลี่ยนชุดมาเป็นชุดกีฬา เตรียมพร้อมไปออกกำลังกายที่ยิมข้างๆ คอนโดฯ ที่เขาไม่เคยแม้แต่จะเหยียบย่างเข้าไป เมื่อมาถึงก็งกๆ เงิ่นๆ พอตัว พยายามทำตัวเนียนเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ผลเพราะเขาใช้ลู่วิ่งไฟฟ้าไม่เป็น

“ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอคุณปราณันต์ถึงสองครั้ง” เสียงทุ้มดังมาจากด้านหลังทำเอาณิชสะดุ้ง เพราะเขากลัวว่าจะมีใครมาเห็นวินาทีน่าอายของตัวเอง

“สวัสดีครับคุณนิธาน มาออกกำลังกายที่นี่ด้วยเหรอครับ” ณิชยิ้มเมื่อเห็นผู้ว่าจ้างคนล่าสุดของตน ฝ่ายนั้นเดินเข้ามาหาเขาที่ยังคงยืนงมปุ่มบนลู่วิ่ง ก่อนหนุ่มใหญ่จะแนะนำให้เขาเริ่มจากเดินก่อน แล้วค่อยปรับระดับขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเจ้าตัวก็ขึ้นไปเดินบนลู่อีกตัวที่อยู่ใกล้กัน

นิธานในชุดออกกำลังกายดูแปลกตาไปกว่าชุดสูทที่ใส่เมื่อตอนกลางวัน มัดกล้ามก็พอมีให้เห็นว่าเป็นคนออกกำลังกายเป็นประจำ นิธานดูแข็งแรงกว่าที่ณิชคิดไว้เสียอีก ถึงว่าทำไมริสาเอ่ยชมว่าเป็นพ่อหม้ายที่แซ่บมาก เขายิ้มให้ฝ่ายนั้นเล็กน้อยก่อนจะหันมาสนใจเจ้าเครื่องตรงหน้าต่อ

“ผมเพิ่งย้ายมาอยู่แถวนี้น่ะครับ เห็นว่ามียิมก็เลยมาใช้บริการสักหน่อย”

“อ้าว! เหรอครับ ผมก็อยู่แถวนี้เหมือนกัน คอนโดฯ ใกล้ๆ นี่เองครับ”

นิธานชวนณิชคุยอยู่เรื่อยๆ ฝ่ายหนุ่มใหญ่ดูจะเดาใจณิชได้เก่งอาจเพราะผ่านโลกมามาก เดาจากบุคลิกของณิชก็สรุปได้ว่าเจ้าตัวนั้นอารมณ์ศิลปินพอตัว อีกทั้งไม่ชอบสุงสิงกับใครเท่าไหร่นักหากไม่สนิทจริงๆ

ไอ้มั่นยืนมองคนทั้งสองสนทนากันราวกับรู้จักกันมาเนิ่นนาน ความชอบส่วนตัวของณิชก็ดูจะตรงกับความชอบของนิธานไปเสียหมด

เจ้านายมันใช้เวลาในการออกกำลังกายอยู่กับนิธานพักใหญ่ๆ จนกลายเป็นคนทั้งคู่แลกเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวกัน และฝ่ายนั้นก็บอกว่าพรุ่งนี้จะมารับณิชไปดูโรงแรมที่กำลังสร้างอยู่ด้วย

“ผมดีใจนะครับที่การรอคอยของผมคุ้มค่าเมื่อผมได้เจอคุณ” นิธานพูดขึ้นอีกครั้ง หลังจากพวกเขาอาบน้ำชำระเหงื่อไคลจากการออกกำลังกายเสร็จแล้ว ณิชยืนอยู่หน้ากระจกในห้องอาบน้ำหันมายิ้มให้

“ผมมากกว่าครับที่เป็นเกียรติมากๆ ที่คุณนิธานเชื่อมั่นในมือผมขนาดนี้ เอาจริงๆ ผมคิดว่างานนี้คงเป็นงานสุดท้ายที่ทำแล้วครับ เพราะผมจะลาออกแล้ว”

“ทำไมล่ะครับ”

“ผมมีอะไรที่สนใจให้ทำมากกว่าแล้วน่ะครับ” ณิชตอบกว้างๆ ไม่ได้เจาะจงว่าเพราะจีรัชญ์ทำให้เขาอยากเปลี่ยนงานและที่อยู่ การกลับไปอยู่วังเดิมของตัวเองที่จีรัชญ์เพียรพยายามเก็บรักษาไว้ให้ คงดีกว่าจะต้องมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ดิ้นรนหาเงินเสียค่าครองชีพที่แพงแสนแพง

นิธานไม่พูดอะไรต่อ แต่สีหน้าของเจ้าตัวเปลี่ยนไปเมื่อณิชไม่ทันมอง แต่มันไม่รอดพ้นสายตาไอ้มั่นไปได้ มันเห็นว่าฝ่ายนั้นหน้าเครียดขึ้นมาทันที

“ผมคิดว่าจะได้ร่วมงานกับคุณปราณันต์เรื่อยๆ เสียอีก เสียดายนะครับ”

“แต่คนอื่นๆ ในบริษัทก็ฝีมือดีไม่แพ้ผมนะครับ ถ้าคุณนิธานไม่ติดอะไรลองดูผลงานบริษัทผมได้ รับรองว่าไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน

“แต่ผมเลือกคุณ เพราะสำหรับผมมันต้องเป็นคุณเท่านั้นถึงจะใช่ที่สุด”

ประโยคคำพูดที่ฟังยังไงก็เหมือนโดนจีบทำให้ณิชถึงกับไปไม่เป็น มือไม้ที่ไม่รู้จะวางตรงไหนจึงทำเป็นหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดผม แต่ผ้าถูกกระเป๋าของนิธานทับอยู่จึงทำให้กระเป๋าหล่น ณิชรีบขอโทษก่อนจะก้มลงเก็บของให้ นิธานหัวเราะเบาๆ กับท่าทีไปไม่เป็นของณิช เขาจึงก้มลงไปหยิบของใส่กระเป๋าตัวเองซึ่งมันไม่มีอะไรมากมาย ก็แค่ชุดที่ใส่แล้วและโรลออนเท่านั้น

ณิชชะงักไปเมื่อเห็นว่ามือของอีกฝ่ายยื่นมาตรงหน้า จังหวะที่นิธานยื่นมือมาจับมือเขาที่หยิบขวดโรลออนอยู่ทำให้ณิชรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อต เขาสะดุ้งพร้อมกับปัดมืออีกฝ่ายออก แต่แล้วก็เห็นรอยที่แขนของนิธาน ชายหนุ่มตกใจเพราะคิดว่าเล็บของตนข่วนลูกค้าวีไอพีของบริษัทเสียแล้ว

“ขอโทษครับคุณนิธาน ขอโทษจริงๆ ครับ ผมรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตเลยตกใจ ผมข่วนแขนคุณเป็นรอยเลย ขอโทษนะครับ” ณิชกล่าวละล่ำละลักอย่างรู้สึกผิด นิธานนิ่งไปก่อนจะมองตามสายตาของณิชที่มองแขนเขาอยู่ ก่อนหนุ่มใหญ่จะหัวเราะเบาๆ

“ไม่เป็นไรครับคุณปราณันต์ รอยนี้ไม่ใช่รอยจากเล็บคุณหรอกครับ มันเป็นรอยติดตัวผมมานานแล้วน่ะ ไม่ต้องตกใจนะครับ” พูดจบมืออุ่นยกมาลูบหัวณิชเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ณิชยิ้มแหยพลางโล่งอกที่นิธานใจดีไม่ถือความตน ตอนแรกเขาไม่สังเกตเพราะมันไม่ใช่รอยใหญ่อะไร แต่ถ้ามองดีๆ มันเหมือนรอยแผลเป็นที่จางแล้ว

‘กลับกันเถิดขอรับคุณปราณ นี่ก็ดึกแล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าอีก ประเดี๋ยวจะพักผ่อนไม่พอนะขอรับ’ ไอ้มั่นบอกเจ้านายของมันด้วยความเป็นห่วง อีกใจก็อยากให้ณิชออกห่างจากคนชื่อนิธานนี้เสีย คนอะไรดูไม่น่าไว้ใจราวกับมีลับลมคมในจนไม่น่าผูกมิตรด้วย

ณิชที่โดนไอ้มั่นพูดเตือนอยู่ตลอดหันมองนาฬิกาฝาผนัง เห็นเวลาบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 4 ทุ่มแล้ว และเขาก็ควรกลับไปพักผ่อนเสียทีจึงเก็บข้าวของให้เรียบร้อย เตรียมตัวจะกลับแต่นิธานกลับรั้งไว้เสียก่อน

“คุณปราณันต์มายังไงครับ” หนุ่มใหญ่เอ่ยถาม

“เดินมาครับ คอนโดฯ ผมอยู่ห่างจากตรงนี้ไปไม่กี่ซอยเอง”

“ถ้าอย่างนั้นให้ผมเดินไปเป็นเพื่อนนะครับ” พูดจบนิธานก็โทรบอกให้เลขาฯ ของตนขับรถไปรอที่คอนโดฯ ของณิชเลย

“คุณนิธานรู้จักคอนโดฯ ผมด้วยเหรอครับ”

“รู้จักสิครับ ผมเคยพูดกับคุณแขไขว่าพักอยู่แถวนี้คุณแขไขเลยบอกว่าคุณพักอยู่ที่คอนโดฯ xx น่ะครับ”

แอบขนลุกเบาๆ เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายรู้เกี่ยวกับตัวเขามากขนาดนี้ ความอ่อนโยนที่อีกฝ่ายมีอาจทำให้ดูใจดีและเป็นมิตร แต่มีอีกความรู้สึกว่าเขาไม่ควรเชื่อใจผู้ชายคนนี้มากนัก ต่อให้นิธานบอกว่าขอตัวสมัครเป็นแฟนคลับเขา เขาก็ยังรู้สึกว่าอีกฝ่ายต้องการเข้าหาเขามากกว่านี้ ซึ่งมันแปลกไปจากผู้ว่าจ้างคนอื่น หากนับรวมจีรัชญ์น่ะนะ

ไอ้มั่นที่เดินตามเจ้านายต้อยๆ หน้าตาไม่สบอารมณ์นัก เพราะมันไม่ชอบให้คนชื่อนิธานเข้าใกล้คุณปราณเลยจริงๆ ยิ่งอีกฝ่ายพูดหยอดเหมือนหลอกจีบมันก็ยิ่งไม่พอใจ

‘บ่าวคิดว่าคุณนิธานจะจีบคุณปราณนะขอรับ’

‘ไม่หรอก ผมไม่ได้หน้าตาดีขนาดที่ใครๆ เห็นก็ต้องชอบนะมั่น’


‘แต่บ่าวไม่เชื่อใจมันนะขอรับ นี่ขนาดขอเดินไปส่งถึงที่พักเลยนะขอรับ ถ้าไอ้หาญรู้เรื่องนี้คงร้อนใจเป็นแน่’

‘ก็อย่าให้รู้สิ ผมเอาตัวรอดได้ บอกแล้วไงว่าจะดูแลตัวเองอย่างดี มั่นเดินตามมาเงียบๆ เถอะ’


ณิชยอมให้นิธานเดินไปพร้อมกัน เพราะอย่างไรเสียตลอดข้างทางก็มีร้านอาหารเปิดเรียงรายอยู่ หากนิธานอยากจ้างไอ้โม่งมาอุ้มเขาอย่างน้อยๆ ก็มีคนเห็น แต่เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ณิชก็ลอบขำกับตัวเอง เขากล้าคิดแบบนี้ได้ยังไง ทำราวกับว่าตัวเองคือหญิงสาวที่อาจโดนผู้ชายฉุดได้ทุกเมื่อ

นิธานเดินมากับณิชจนถึงคอนโดฯ ที่ว่า รถยนต์คันหรูที่ดูแปลกตาในที่แห่งนี้จอดอยู่หน้าคอนโดฯ พร้อมกับเลขาฯ ของนิธานยืนรอรับเจ้านาย ไอ้มั่นที่เดินตามณิชมาชะงักไปเมื่อเห็นเลขาฯ ของนิธาน เมื่อตอนกลางวันมันไม่อยู่เพราะหายไปหาไอ้หาญมา มาเจอเต็มๆ ก็ตอนนี้ว่านิธานมีเลขาฯ ด้วย และใบหน้าฝ่ายนั้นคล้ายคลึงไอ้คมคนที่ไล่ตามมันตอนที่กำลังหนี คล้ายมากจนคิดว่านี่คงเป็นไอ้คมที่กลับชาติมาเกิด แล้วยิ่งรอยที่แขนของนิธานยิ่งทำให้มันคิดได้ว่านิธานอาจจะเป็นท่านออกญาฯ ก็เป็นได้

‘อึก! โอ๊ย!!’

ไอ้มั่นร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกถึงแรงบาดที่ลำคอ มันกุมคอไว้ด้วยความเจ็บปวด ตั้งแต่เป็นวิญญาณมามันไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย นี่คือความเจ็บปวดครั้งแรกที่รับรู้ได้ และเจ็บราวกับคอจะขาดออกจากกัน

ณิชหันมองทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้องของไอ้มั่น ท่าทางทุรนทุรายของทาสชายทำชายหนุ่มใจเสีย

‘มั่น! เกิดอะไรขึ้น! เป็นอะไร’

‘คอบ่าวเจ็บมากขอรับ มันเจ็บเหมือนจะขาดเลยขอรับ’
ไอ้มั่นร้องบอกเสียงสั่น

“มีอะไรเหรอครับคุณปราณันต์”

“พอดีผมปวดท้องเลยจะรีบไปเข้าห้องน้ำครับ ขอบคุณที่เดินมาส่งนะครับ” ณิชรีบเดินขึ้นห้องโดนใจก็ร้องเรียกมั่นให้ตามมา แต่ไอ้ทาสผู้ซื่อสัตย์ก็หายวับไปกับตา

*

ฟึบ! ตึง!

แรงลมพัดเข้ามาพร้อมกับบานหน้าต่างกระแทกกับวงกบหน้าต่างเสียงดัง จีรัชญ์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องทำงานสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามาเห็นเพื่อนรักกำลังดิ้นหอบอยู่บนพื้นห้อง

“ไอ้มั่น! มึงเป็นอะไร!” จีรัชญ์ทิ้งหนังสือในมือเพื่อมาดูเพื่อนรักทันที ใจเขากระตุกวูบเพราะไม่เคยเห็นไอ้มั่นเป็นแบบนี้มาก่อน
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๐ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 03-06-2021 11:42:14
(ต่อ)



“มึ...มึงต้องรีบไป”

“ไปไหน”

“คุณปราณ...”

“ณิชเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นวะ!” ยังไม่ทันที่ไอ้มั่นจะได้ตอบเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น จีรัชญ์คว้ามือถือที่วางอยู่บนโต๊ะมารับสายเมื่อเห็นว่าณิชโทรมา

“คุณณิช คุณเป็นอะไรรึเปล่า” เขารีบถามทันทีด้วยน้ำเสียงร้อนรน

[ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ แต่คุณจีรัชญ์ มั่นอยู่กับคุณรึเปล่า ผม...อึก...ผมเห็นเขาเจ็บ ดูท่าจะเจ็บมาก แต่มั่นไม่ได้อยู่กับผม เขาหายไป] เสียงณิชสั่นเครือจนเขาอยากหายตัวไปหาอีกฝ่ายเสียเดี๋ยวนั้น

“ไอ้มั่นอยู่กับผม แต่ตอนนี้ดูไม่เป็นอะไรมากแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ”

[ผมไม่รู้ ฮึก...อยู่ๆ มั่นก็ร้อง ผมถามแล้วเขาบอกว่าเจ็บที่คอเหมือนจะขาด ฮือ...ผมกลัว มั่นจะเป็นอะไรไหม มันหมายความว่ายังไง เขาเคยเป็นแบบนี้ไหม]

ทั้งเสียงสะอื้นและเสียงร้องไห้ของคนที่กำลังกลัวปะปนกันไปในประโยค ณิชเดินวนอยู่ในห้องเพราะเขาร้อนใจ พยายามบอกตัวเองว่าให้ใจเย็นๆ แต่ยิ่งคิดภาพที่มั่นกุมคอตัวเองอย่างทรมานมันยิ่งทำให้เขากลัว

“คุณณิชใจเย็นๆ ถือสายรอแป๊บนึงนะครับ ผมขอถามไอ้มั่นก่อน” จีรัชญ์ปลอบอีกฝ่ายก่อนจะหันมาหาไอ้เกลอรักที่ยังคงนอนหมดสภาพอยู่บนพื้นห้อง เพียงแต่ไม่ดิ้นอย่างก่อนหน้านี้แล้ว

“มึงบอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น เอาให้กูรู้เรื่องด้วย” จีรัชญ์พูดเสียงเครียด เพราะตั้งแต่โดนคำสาปมา คนที่จะเป็นจะตายคือเขาไม่ใช่ไอ้มั่น ไม่ใช่วิญญาณเร่ร่อนตนนี้ แสดงว่าครั้งนี้มันต้องเกี่ยวโยงกับคำสาปหรือโชคชะตาของเขาพวกสามคนแน่ๆ

“คนที่มาจ้างคุณปราณทำงานให้ชื่อนิธาน มีรอยแผลเป็นที่แขน มีเลขาฯ หน้าคล้ายไอ้คม กูคิดว่าที่อาการกูเป็นแบบนี้เพราะสองคนนี้ปรากฏตัวแน่ๆ”

จีรัชญ์ตัวชาวาบเมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากไอ้มั่นจบ ตอนแรกเขาคิดว่าจะรอณิชอยู่ที่นี่ เพราะไม่อยากต้องเผชิญหน้ากับแขไขในเวลานี้ กลัวว่าแขไขจะพาลโกรธณิชจนทำให้เสียการเสียงาน แต่หากเคราะห์กรรมที่มีมาจะสิ้นสุดในชาตินี้ เขาก็ต้องพิสูจน์ว่าสิ่งที่ไอ้มั่นเจอนั้นคือเรื่องจริง ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าถ้าได้เจอท่านออกญาฯ จะเป็นอย่างไรก็ตาม

“คุณณิช...พรุ่งนี้ผมจะไปหาคุณ” จีรัชญ์บอกปลายสายเสียงเรียบ

*

ณิชนอนไม่หลับทั้งคืน เขาเผลองีบไปช่วงเช้าตรู่ก่อนจะตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเมื่อใกล้ได้เวลานัดกับคุณนิธาน เมื่อเวลานัดมาถึงเขาก็ลงมาข้างล่างและเห็นรถของนิธานจอดรออยู่แล้ว

“เดี๋ยวผมขับรถตามไปดีกว่าครับคุณนิธาน ครั้งต่อไปผมจะได้ไปถูก” ณิชบอกคนที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลัง นิธานยิ้มให้ก่อนจะพยักหน้ายอมแต่โดยดี เขาไม่อยากให้ณิชต้องรู้สึกอึดอัดกับตัวเขาจึงยอมเว้นระยะห่างสักหน่อย

ณิชแวะซื้อกาแฟหนึ่งแก้วก่อนจะรีบขับตามรถของนิธานไป จนมาถึงไซต์งานก่อสร้างที่เสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว วิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นดั่งทำเลทองของนักลงทุนถูกนิธานครอบครองไปไม่น้อย ณิชถูกแนะนำให้รู้จักกับสถาปนิกที่คุมโครงสร้างทั้งหมดของโรงแรม ซึ่งเขาเกร็งอยู่บ้างเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองคือเด็กเส้นใหญ่อย่างไรไม่รู้ อยู่ๆ ก็มาปาดหน้าเอาผลงานด้านการตกแต่งภายในไปเป็นของตัวเอง ทั้งที่สถาปนิกที่ทำอยู่ก่อนหน้านี้ก็สามารถทำได้

แต่ในเมื่อลูกค้าเป็นคนเลือก เขาก็ต้องทำตามอย่างขัดไม่ได้ พวกเขาเป็นเพียงมดงาน ส่วนคนที่ต่อสู้กันก็คือพวกหัวหน้านี่แหละ

“อันนี้คือที่ผมออกแบบให้คร่าวๆ ทั้งส่วนที่เป็นล็อบบี้ ห้องอาหารและห้องฮันนีมูน”

ณิชเปิดไอแพดให้นิธานดู ที่เขาออกแบบไว้มีประมาณ 3-4 แบบ เพื่อให้นิธานได้เลือก เขาได้รับข้อมูลมาก่อนหน้านี้เกือบอาทิตย์ รูปถ่ายที่เลขาฯ ของนิธานส่งมาให้เขาไม่ค่อยชัดนัก บางรูปบางมุมก็ดูไม่เข้าที่เข้าทางจึงต้องมาสถานที่จริง และต้องคุยกับสถาปนิกที่รับผิดชอบเพื่อที่งานจะได้ไปในทิศทางเดียวกัน

ณิชใช้เวลาอยู่ที่นี่อีกพักใหญ่ แต่นิธานสังเกตว่าณิชมองนาฬิกาข้อมืออยู่บ่อยครั้ง ดูเหมือนอีกฝ่ายมีงานต่อเขาจึงเอ่ยถามออกไป

“คุณปราณันต์มีธุระต่อเหรอครับ”

“อ่า... ใช่ครับ” ณิชตอบในทันที เขานัดกับจีรัชญ์ไว้ว่าเมื่อเสร็จงานจะไปรับอีกฝ่ายที่สนามบิน แต่ไม่คิดว่างานจะยืดเยื้อมาถึงเวลานี้

“ถ้างั้นก็ไปเถอะครับ ตรงนี้ไม่มีอะไรแล้ว” นิธานเอ่ยอนุญาต ณิชจึงยกมือไหว้ขอบคุณและกล่าวลาทันที

ณิชรีบขับรถมายังสนามบิน เขาได้รับสายจากจีรัชญ์ว่าฝ่ายนั้นมาถึงแล้ว และกำลังยืนรอเขาอยู่หน้าประตูทางออก ณิชขับรถเข้าไปจอดเทียบก่อนจะเปิดไฟฉุกเฉินไว้ เขาลงจากรถเพื่อโบกมือให้จีรัชญ์ ฝ่ายนั้นเมื่อเห็นเขาก็เดินตรงมาหาพร้อมกระเป๋าเดินทางขนาดกลาง

ณิชยิ้มกว้าง ใจเขาอยากกอดจีรัชญ์ให้หายคิดถึงแต่ก็ต้องเก็บอาการไว้ เมื่อเก็บกระเป๋าที่หลังรถเสร็จแล้วเขาก็ขับรถกลับคอนโดฯ ตัวเองทันที

“ผมจัดห้องไว้สะอาดเอี่ยมเลย รับรองว่าคุณจะต้องอยากอยู่ต่อจนไม่อยากกลับบ้านเลยล่ะ” ณิชพูดขณะเปิดประตูเข้าห้อง จีรัชญ์ได้แต่ยิ้มขำ เมื่อเข้าห้องมาเขาได้กลิ่นสเปรย์ปรับอาการอ่อนๆ ลอยอยู่ในห้อง ผสมปนกับกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่คาดว่าน่าจะมาจากผ้านวมและปลอกหมอน

“เมื่อคืนคุณได้นอนบ้างรึเปล่า” ในที่สุดคนไกลก็ได้เอ่ยถามเสียที หลังจากปล่อยให้ณิชพูดคนเดียวอยู่นาน ณิชที่ดีใจเมื่อได้เจอจีรัชญ์ก็แทบลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิท เมื่อคืนเขานอนไม่หลับถึงขนาดกับลุกขึ้นมาปัดกวาดเช็ดถูห้องซะสะอาด ทั้งๆ ที่ร้อยวันพันปีทำได้มากสุดก็แค่กวาดพื้น

“ไม่เลยครับ มั่นเป็นยังไงบ้าง วันนี้ผมยังไม่เห็นเลย”

“บ่าวไม่เป็นกระไรแล้วขอรับคุณปราณ” ไอ้มั่นปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับลมวูบหนึ่ง ณิชหันไปมองไอ้ทาสผู้ซื่อสัตย์ที่ยืนอยู่มุมห้อง เขาเดินเข้าไปหาใช้สายตาสำรวจว่าดวงวิญญาณตนนี้มีอะไรแตกต่างไปจากเดิมหรือไม่

“ผมตกใจแทบแย่ ทำไมคุณไม่ตามผมมาที่ห้อง”

“บ่าวต้องรีบกลับไปหาไอ้หาญขอรับ พอดี-”

“ไอ้มั่นมันตกใจน่ะครับ ตั้งแต่ผมมีชีวิตมามันไม่เคยเป็นแบบนี้เลยต้องไปบอกผมก่อนน่ะ แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว” จีรัชญ์พูดแทรกขึ้นก่อนที่ไอ้มั่นจะบอกทุกอย่างกับนายของมัน เขาไม่อยากให้ณิชตกใจกับเรื่องที่พวกเขาสองคนคาดเดา ยังไงเขาก็ต้องเจอหน้าคนชื่อนิธานก่อน ในตอนนั้นเขาถึงจะตัดสินใจอะไรๆ ได้มากกว่านี้

“แล้วมันตีความได้ว่ายังไงครับ เรากำลังจะหลุดพ้นจากคำสาปเหรอครับ” ณิชถามด้วยความตื่นเต้น เพราะหากเป็นเช่นนั้นไอ้หาญก็ไม่ต้องรอคุณปราณอีกต่อไป พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเสียที

“มันแค่อาการเวลาผมกับคุณต้องห่างกันทั้งที่ยังคิดถึงกันน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก” คำโกหกคำโตของจีรัชญ์หลอกณิชได้เสียสนิท ทั้งที่ชาติก่อนของคุณปราณ ไอ้มั่นไม่เคยเป็นแบบนี้เลย

“งั้นก็ดีแล้ว” ณิชยิ้มกว้างอย่างโล่งใจที่มั่นไม่เป็นอะไรอย่างที่คิด

เจ้าถิ่นอย่างณิชปล่อยให้จีรัชญ์เก็บของ จากนั้นก็พาอีกฝ่ายไปหาอาหารร้านอร่อยๆ กินกัน นี่คือครั้งแรกที่เขากับจีรัชญ์ได้เดตกันอย่างจริงๆ จังๆ ความนิ่งขรึมของจีรัชญ์ยังเหมือนเดิม เพียงแต่สายตาของเจ้าตัวแทบไม่ละไปจากณิชเลย

จีรัชญ์ยอมรับว่าการมากรุงเทพฯ ในครั้งนี้มันอาจเป็นจุดเปลี่ยนของเขากับณิชตลอดกาล เขานึกหาเหตุผลที่ไอ้มั่นมีอาการแบบนั้นได้แค่สองอย่างคือท่านออกญาฯ กลับชาติมาเกิด ทำให้พวกเขาที่ทำกรรมร่วมกันมาต้องมาเผชิญหน้ากันแบบนี้ กับสองก็คือคำสาปกำลังจะเปลี่ยนไป

“ทำไมคุณดูเครียดๆ มีอะไรรึเปล่าครับ” ณิชถามขณะที่นอนบนตักจีรัชญ์เพื่อดูรายการแข่งทำอาหารย้อนหลัง

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 5 ทุ่มแล้ว หลังจากกลับมาจากกินมื้อเย็นรวมไปถึงทำกิจกรรมอย่างว่ากันไปหนึ่งรอบ และอาบน้ำชำระร่างกายกันเสร็จ เขาสองคนก็มานอนดูทีวีด้วยกันบนเตียง โดยณิชใช้ตักจีรัชญ์แทนหมอนหนุนนอน ส่วนจีรัชญ์เอนหลังพิงกับหัวเตียง

“หรือคุณเหนื่อย คุณจะนอนเลยก็ได้นะ ผมขอดูรายการนี้จบก็จะนอนแล้วเหมือนกัน” ณิชขยับตัวลุกขึ้นเพราะคิดว่าจีรัชญ์อยากนอน แต่ชายหนุ่มกลับฉุดแขนคนรักไว้ให้นอนลงบนตักตนอีกครั้ง

“ผมไม่เหนื่อยครับ ดูทีวีต่อเถอะ” จีรัชญ์บอกเสียงนุ่ม เขาจับมือณิชมาจูบเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้ ณิชหันกลับมาสนใจรายการตรงหน้าต่อ ก่อนจะผล็อยหลับไปในเวลาต่อมาเพราะวันนี้ตนแทบไม่ได้พักเลย

‘คุณปราณหลับแล้ว เห้อ...แล้วนี่มึงจะทำเยี่ยงไร จะบอกคุณเขาเรื่องท่านออกญาฯ หรือไม่’

‘กูต้องมั่นใจก่อนว่านั่นคือคนนั้น พรุ่งนี้กูว่าจะตามณิชไปทำงานที่โรงแรมของคนชื่อนิธานด้วย’


‘มันจะไม่แปลกๆ ไปหรือวะ มึงจะใช้เหตุผลกระไรไปเฝ้าคุณปราณ’

‘แค่อยากไปเฝ้าแฟน ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลหรอก’


ไอ้มั่นถึงกับเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ หนึ่งคนกับหนึ่งวิญญาณที่ทำเพียงแค่สื่อสารกันภายในใจมองคนที่หลับไปแล้ว จีรัชญ์ขยับตัวณิชให้นอนดีๆ ก่อนที่เขาจะล้มตัวลงนอนเช่นกัน แต่เพราะความเครียดที่มีทำให้ข่มตาหลับไม่ลง เขาจึงนอนมองคนรักที่ตนเฝ้ารอคอยมารวมร้อยปีหลับอยู่กับฝันอันแสนหวาน

*

“คุณจะไปดูผมทำงานจริงๆ เหรอ” ณิชถามย้ำในตอนเช้ารอบที่สาม เพราะเขาไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าจีรัชญ์จะขอตามไปด้วย สายตาของหนุ่มเมืองกรุงมองอีกฝ่ายอย่างมีเลศนัย รอยยิ้มกรุ้มกริ่มบนหน้าหวานทำให้จีรัชญ์ต้องยิ้มออกมา

“ครับ”

“คุณรักผมมากเลยนะเนี่ย” ใจคนพูดฟูไปหมดเมื่อคิดว่าจีรัชญ์ตามตนไปเพราะไม่อยากให้ห่างสายตา “ชวนมาอยู่ด้วยกันตั้งแต่แรกก็ไม่เชื่อ เป็นไงล่ะ ท้ายสุดคุณก็ตามผมขึ้นมาอยู่ดี จะทำเก๊กไปทำไมก็ไม่รู้”

“รักสิครับ รักมานานมากแล้วด้วย” จีรัชญ์ตอบคนที่กำลังนั่งใส่ถุงเท้าอยู่ที่ปลายเตียง เขาเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะก้มลงหอมกระหม่อมอีกฝ่าย ณิชเงยหน้าขึ้นมองพร้อมใบหูที่แดงจัดเพราะเขินที่จีรัชญ์พูดออกมาตรงๆ

ไอ้หาญก็คือไอ้หาญ ซื่อสัตย์กับใจตัวเองเสมอ และเขาก็คือคนที่ไอ้หาญหลงรักมาตลอดชีวิตที่มีอยู่ของมัน

วันนี้ณิชไม่ได้เข้าออฟฟิศแต่ตรงไปหาคุณนิธานที่บริษัทฝ่ายนั้นแทน เนื่องจากแบบที่เขาออกแบบไว้มีจุดที่ต้องปรับแก้ตามความต้องการของนิธาน เขาจึงต้องไปหาเจ้าตัวเพื่อจะได้คุยงานได้สะดวก ตอนเช้าก็โทรนัดกับเลขาฯ ไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อมาถึงเขาจึงได้เข้าพบทันที

จีรัชญ์มองไปรอบๆ บริษัทของนิธานอย่างเก็บรายละเอียด เขาไม่รู้ว่าชาตินี้ท่านออกญาฯ จะเป็นคนแบบไหน แต่เท่าที่ฟังจากไอ้มั่นพูดแล้ว ดูเป็นคนมากเล่ห์และเข้าหาณิชมากทีเดียว

“สวัสดีครับคุณปราณันต์” เสียงเอ่ยทักดังขึ้นข้างหลัง ณิชกับจีรัชญ์หันไปมองก็เห็นเลขาฯ ของนิธานยืนรอเขาอยู่

“สวัสดีครับคุณคม” ณิชกล่าวทักอย่างอารมณ์ดี แต่จีรัชญ์ที่เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ พร้อมชื่อที่เหมือนกับชาติก่อนของไอ้คมทำเขาอึ้งไป หน้าตาอาจไม่เหมือนกันทั้งหมดแต่ก็มีส่วนคล้ายอยู่บ้าง

“เชิญคุณปราณันต์ครับ คุณนิธานรออยู่ที่ห้องทำงานแล้ว” คมบอกเสียงเรียบ สายตาเหลือบมองเลยณิชไปทางคนข้างหลังที่ยืนอยู่ สายตาที่สบมองกันของคนสองคนราวกับมีประจุไฟฟ้าแล่นผ่าน แต่มันก็เกิดขึ้นเพียงไม่นานเพราะคมเดินนำณิชไปที่ลิฟต์แล้ว

“ผมแจ้งคุณคมไว้แล้วว่าผมมีผู้ติดตามมาด้วย คุณไม่ต้องเกร็งนะ ทำตัวสบายๆ” ณิชกระซิบบอกจีรัชญ์เบาๆ เพราะจีรัชญ์อาจไม่ชินกับการทำงานแบบนี้ แต่เขาที่ไปพบเจอกับลูกค้ามานักต่อนักชินเสียแล้ว

เมื่อมาถึงชั้นห้องทำงานของนิธาน ณิชก็รู้สึกได้ว่าเป็นชั้นที่สงบเงียบจริงๆ เขาไม่เห็นใครในชั้นนี้เลยนอกจากพวกเขาที่เดินกันอยู่ แสดงว่าพนักงานส่วนใหญ่จะอยู่ชั้นอื่น ชั้นนี้จึงมีแค่ห้องทำงานของเจ้าของบริษัทเพียงคนเดียวเท่านั้น

“เชิญครับ” คมเปิดประตูให้ณิช แต่เมื่อจีรัชญ์จะเดินเข้าไปคมกลับขวางไว้

“คุณกรุณารอข้างนอก”

จีรัชญ์ยอมแต่โดยดีเพราะเขาไม่อยากให้มันกระทบงานของณิช เขาปล่อยให้ณิชเข้าไปในห้องทำงานของนิธานคนเดียว ส่วนตัวเขาเดินไปนั่งที่โซฟารับแขก โดยมีสายตาของคมคอยมองเขาเป็นระยะๆ

ในชาติก่อนที่คมยังมีชีวิต เขาไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นตายอย่างไร หรือมีชีวิตยังไงหลังจากที่ทิ้งท่านออกญาฯ ให้อยู่กับลุงขำ เขาจำได้แค่ว่ามันเป็นคนจับตัวไอ้มั่นได้ และนั่นคือครั้งสุดท้ายที่ไอ้มั่นได้มีชีวิต

“คุณมีปัญหาอะไรกับผมรึเปล่าครับ” จีรัชญ์ถามเพราะเห็นว่าคมมองเขาอยู่นานแล้ว ต่อให้เขาหลบสายตาทำเป็นหยิบนิตยสารมาอ่าน พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นคมมองอยู่

“คุณกับคุณปราณันต์เป็นอะไรกัน เพราะเท่าที่ผมรู้มาคุณไม่ใช่เพื่อนร่วมงานของคุณปราณันต์” คมเอ่ยถามเสียงเรียบไม่คิดหลบสายตาของอีกฝ่าย

“ผมจำเป็นต้องตอบด้วยเหรอครับ” จีรัชญ์ไม่ได้ตั้งใจยียวน แต่เขาไม่เห็นความสำคัญในการต้องตอบคำถามนี้จึงถามกลับ

“อาจจะไม่... ถ้าคุณไม่ได้มาที่นี่ แต่ตอนนี้คุณอยู่ในพื้นที่บริษัทของผม การที่คนนอกเข้ามาในบริษัท ผมก็ควรรู้ว่าคุณเป็นอะไรกับคุณปราณันต์ เพราะฉะนั้นตอบคำถามด้วยครับ” คมตอบกลับเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย

“ขนาดไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรกับคุณณิช แต่ตอนนี้คุณก็ยอมให้ผมเข้ามาถึงหน้าห้องเจ้านายของคุณ” จีรัชญ์สวนกลับด้วยน้ำเสียงปกติ แต่บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองกลับเยือกเย็นราวแช่น้ำแข็ง

“ผมกับคุณณิชกำลังคบหากัน” ในที่สุดจีรัชญ์ก็ตอบออกไปตามจริง ซึ่งนั่นทำให้คมเงียบไปทันที เขาจ้องหน้าจีรัชญ์ราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง ก่อนที่ฝ่ายคมจะลุกเดินมาหาจีรัชญ์ที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม

“เลิกกับคุณปราณันต์ซะ”

ตามปกติแล้วหากคนที่เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรกแล้วมาพูดใส่หน้ากันแบบนี้ คนอื่นคงมองว่ามันไร้มารยาท แต่สำหรับจีรัชญ์แล้วเขาคิดว่ามันมีความหมายอื่นแอบแฝงอยู่

“ทำไม” จีรัชญ์ลุกขึ้นยืน

“ไอ้หาญ... มึงไม่มีทางรอดจากคำสาปที่จองจำมึงไว้หรอก ชาตินี้ยังไม่ใช่เวลาของมึงกับคุณปราณ” เสียงกระซิบดังขึ้นข้างหู คมเข้าถึงตัวเขาได้เพราะจีรัชญ์ไม่คิดถอยหนี จีรัชญ์มองคนที่กล่าวเตือนเขา และเท่าที่เดาได้ก็คิดว่าคมน่าจะรู้เรื่องราวชาติก่อนของตัวเองหมดแล้ว

“ในเมื่อกูต้องทรมานเพราะคำสาปของนายมึง งั้นก็ฝากไปบอกนายมึงด้วยว่ากูก็จะทรมานมันด้วยการให้มันเห็นความรักที่กูมีให้กับคุณปราณ กูไม่สนว่าชาตินี้จะเป็นชาติสุดท้ายหรือเป็นอีกชาติที่กูต้องอยู่รอคอยคุณปราณ แต่ถ้ากูต้องเจอคนอย่างออกญาศรีรัตนกรอีก ครั้งนี้กูจะไม่ยอมให้มันได้เหยียบใจกูเป็นครั้งที่สองแน่”

จีรัชญ์พูดเสียงเย็น แผลที่หลังเจ็บแสบจนต้องกัดฟันทน แต่เขายอมทนเพราะความเจ็บนี้มันทำให้เขามีแรงฮึดสู้

“งั้นก็ขอให้มึงโชคดี อ้อ...หวังว่าไอ้มั่นเกลอของมึงมันจะช่วยมึงได้บ้างนะ” คมพูดแค่นั้นก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง และนั่นคือคำตอบที่บ่งบอกให้รู้ว่าท่านออกญาฯ ได้กลับมาแล้วจริงๆ









โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๐ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-06-2021 16:43:38
 :m31:


ตายแล้วๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๐ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 03-06-2021 19:40:54
ทำไงดีล่ะ......

จะช่วยคุณปราณ กับหาญได้

เกลียด ออกญา ไอ้คม เกลียดมาก
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๓/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๐ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 06-06-2021 06:42:53
บทที่ ๓๑

“สวัสดีครับคุณนิธาน” เมื่อเข้ามาในห้องทำงานของนิธาน ณิชก็ยกมือไหว้ทักทายเจ้าของห้องทำงานทันที ฝ่ายนั้นนั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว ตรงหน้ามีชุดแก้วเบญจรงค์ที่ดูสวยงามสะดุดตา ของเหลวในนั้นเป็นกาแฟร้อนพร้อมสำหรับสองทีราวกับเตรียมไว้รอเขา

“ผมเตรียมกาแฟไว้ให้คุณปราณันต์แล้วครับ เผื่อว่าการคุยงานของเราจะชวนง่วงเกินไป” นิธานเอ่ยอย่างเป็นกันเองจนณิชหัวเราะออกมา

“ไม่หลับหรอกครับ แต่ชุดแก้วสวยมากจริงๆ ผมไม่คิดว่าคุณนิธานจะชอบอะไรที่เป็นไทยๆ ขนาดนี้”

“มันแสดงความเป็นตัวผมดีน่ะครับ ความเป็นไทยที่อยากอนุรักษ์ไว้” นิธานตอบพร้อมรอยยิ้ม ณิชไม่ได้พูดอะไรต่อ เขานั่งลงตรงข้ามนิธานก่อนจะเปิดแลปท็อปเพื่อเข้าเรื่องงานทันที เขาไม่อยากให้จีรัชญ์ต้องรออยู่ข้างนอกนาน ถ้าเสร็จจากตรงนี้เร็วก็จะได้ไปหามื้อเที่ยงกินกัน และถ้ามีเวลาว่างเขาก็อยากพาจีรัชญ์ไปเที่ยวสักหน่อย

นิธานมองคนที่กำลังตั้งใจทำงานเพื่อให้ออกมาตรงใจเขาที่สุด ณิชมีความสุขกับการทำงานและตั้งใจกับผลงานที่ออกมามาก มีการออกความเห็นและคำแนะนำในหลายๆ ส่วนจนเขาอดชื่นชมในความเป็นมืออาชีพของคนคนนี้ไม่ได้

“ไม่ทราบคุณนิธานอยากจะแก้ตรงไหนอีกบ้างไหมครับ โทนสี หรืออยากเน้นจุดไหนเป็นพิเศษอีกไหมครับ”

“ไม่แล้วครับ” หนุ่มใหญ่ตอบ สายตาทอดมองณิชด้วยความเอ็นดูจนณิชรู้สึกเกร็ง เขาจึงหยิบแก้วกาแฟที่เย็นชืดขึ้นมาจะดื่ม แต่นิธานรั้งข้อมือไว้

“เดี๋ยวครับ มันเย็นหมดแล้วเดี๋ยวผมชงให้ใหม่”

“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ จริงๆ ถ้าคุณนิธานไม่แก้อะไรแล้วผมก็จะกลับแล้วครับ พอดีผมพาเพื่อนมาด้วย เขานั่งรออยู่ด้านนอกน่ะครับ”

“เหรอครับ โอเคๆ งั้นเดี๋ยวผมไปส่งครับ” นิธานลุกขึ้นยืนพร้อมกับณิชเก็บของใส่กระเป๋า ให้เรียบร้อย จากนั้นนิธานก็เดินนำไปที่ประตู

ทันทีที่ประตูเปิดออกมาและณิชก้าวเท้าออกมาจากห้อง จีรัชญ์ที่ยืนรออีกฝ่ายอยู่แล้วยิ้มให้ชายหนุ่มทันที ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะค่อยๆ จางลง จีรัชญ์ขบฟันจนขึ้นเป็นสันกรามนูนเด่น ความเจ็บปวดที่แทรกซึมทุกอณูของรอยแผลเป็นจนเขาแทบทรงตัวยืนต่อไม่ได้ มันทั้งเจ็บและแสบราวกับโดนหวายเฆี่ยนใหม่ๆ

แน่นอนแล้วว่าคนชื่อนิธาน คือท่านออกญาฯ กลับชาติมาเกิด และดูท่าคำสาปที่อีกฝ่ายทำกับเขาไว้ก็ยังไม่จางหาย เพราะความเจ็บปวดที่รู้สึกเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นในตอนนั้น กลับมาเล่นงานเขาในตอนนี้ ความโกรธแค้นคงติดตัวอีกฝ่ายมาเพื่อเอาคืนเขาให้ได้

“คุณจีรัชญ์ นี่คุณนิธานครับ คุณนิธาน นี่คุณจีรัชญ์เป็น-”

“เป็นคนรักของคุณณิชน่ะครับ” จีรัชญ์พูดแทรกต่อให้จบประโยค ณิชอึ้งไปไม่น้อยกับการออกตัวของจีรัชญ์ที่อยู่ๆ ก็พูดออกมาชัดเจนเรื่องสถานะของพวกเขา แถมยังพูดให้คนนอกที่เพิ่งรู้จักกันรู้ด้วย สงสัยไอ้มั่นคงไปฟ้องว่านิธานมีท่าทางจะจีบเขาแน่ๆ เลยทำแบบนี้

นิธานยิ้มกว้างมองคนที่ตนเพิ่งเคยเจอครั้งแรกตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะยื่นมือเข้าไปหาเพื่อจับทักทายตามแบบสากล

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณจีรัชญ์”

จีรัชญ์ยื่นมือไปจับอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว แม้ความเจ็บปวดที่ทบทวีคูณนี้จะเฉือนหลังเขาจนคิดว่าเลือดไหลซิบๆ ก็ตาม

แรงบีบที่มือของคนทั้งสองไม่มีใครยอมใคร จีรัชญ์มั่นใจว่านอกจากไอ้คมจะจำเรื่องราวในอดีตได้ เจ้านายของมันก็คงไม่ต่างกัน แต่เขาไม่กลัวแล้ว เขาเคยอโหสิในการกระทำของท่านออกญาฯ ไปแล้ว แต่หากอีกฝ่ายยังต้องการที่จะจองล้างจองผลาญเขาไม่เลิกแบบนี้ ชาตินี้เขาคงไม่มีคำว่าอโหสิให้มันแน่

คมเดินไปส่งณิชกับจีรัชญ์หลังจากเจ้านายตนและคนทั้งสองพูดคุยกันเสร็จ ลิฟต์เปิดออกอีกครั้งที่ชั้นแรก คมยืนส่งคนทั้งคู่ที่หน้าประตูลิฟต์จากนั้นก็ปล่อยให้คนทั้งสองเดินต่อไปเอง ณิชหันมายิ้มให้จีรัชญ์เพราะดีใจที่อีกฝ่ายพูดว่าตนคือคนรัก ก่อนหน้าหวานจะหุบยิ้มลงทันทีเมื่อเห็นอาการของจีรัชญ์ที่หน้าซีดลงเรื่อยๆ

“คุณจีรัชญ์ คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมหน้าซีดๆ”

“รีบไปที่รถเถอะครับ” จีรัชญ์บอกแค่นั้นก็จับมือณิชเดินไปที่รถทันที โดยมีสายตาของคมมองตามพร้อมรอยยิ้มเย้ย

เมื่อเข้ามานั่งในรถของณิชได้ จีรัชญ์ที่ข่มอาการเจ็บไว้ตั้งแต่แรกร้องออกมาทันทีด้วยความเจ็บปวด เสียงหอบหายใจดังไปทั่วรถ ณิชที่ยังไม่เข้าใจอะไรนักสตาร์ทรถและเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำ

“คุ...คุณเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นครับ ไปหาหมอดีไหม”

หนุ่มเมืองกรุงถามเสียงสั่น ก่อนจะสังเกตเห็นว่าเสื้อเชิ้ตสีเข้มที่จีรัชญ์ใส่มีรอยเปียกเป็นดวงๆ ที่กลางหลัง มันไม่ใช่รอยเหงื่ออย่างแน่นอนเพราะในสถานที่นั้นไม่ร้อนแม้แต่นิด ณิชไม่รอช้าเขาถลกเสื้อจีรัชญ์ขึ้นโดยที่อีกฝ่ายก็ยอมแต่โดยดี สีหน้าจีรัชญ์บิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บเมื่อความแสบร้อนของแผลเป็นยังไม่จางหาย

“นี่มันหมายความว่ายังไง”

เมื่อเห็นรอยแผลเป็นจากการถูกเฆี่ยนในอดีตปริแตกจนเลือดซึม ณิชก็ถามออกมาด้วยเสียงอันสั่นเครือ หัวใจเขากระตุกวูบด้วยความตกใจที่เห็นความสาหัสของแผลในครั้งนี้ มือเรียวที่กำลังสั่นเทาแตะไปบนแผลเหล่านั้นเบาๆ น้ำตาเอ่อคลอเมื่อเห็นว่าจีรัชญ์เจ็บปวดมากแค่ไหน

“คุณจีรัชญ์ บอกผมมาว่ามันคืออะไรกันแน่ ยังไม่มีใครเอ่ยชื่อท่านออกญาฯ เลยนะ แล้วทำไมแผลคุณถึงเป็นแบบนี้” ณิชถามพลางหาทิชชูจากในรถมาซับเลือดบนแผ่นหลังกว้าง เหงื่อผุดซึมตามกรอบหน้าของจีรัชญ์เพราะต้องทนรับความเจ็บปวดนี้ไว้ระหว่างรอให้มันหายเอง จีรัชญ์ยังคงเงียบไม่ตอบคำถามในทันที จนณิชทนไม่ไหวทุบเข้าที่ไหล่อีกฝ่ายไปเต็มแรง

“บอกผมมาเดี๋ยวนี้! อึก...บอกผมมา!”

น้ำตาที่เอ่อคลอในตอนแรกเริ่มไหลเมื่อความกลัวเกาะกุมใจเขา ยิ่งเห็นจีรัชญ์ทรมานเขาก็รู้สึกไม่ต่างกัน หัวใจมันปวดหนึบเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบขยำ ความรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทั้งหมดเข้าครอบงำเขาอีกแล้ว

“คุณณิช ใจเย็นๆ ก่อนครับ” จีรัชญ์เช็ดน้ำตาที่ยังไหลไม่หยุดของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะดึงณิชเข้ามากอด ตอนนี้อาการเจ็บปวดทุเลาลงแต่เขาก็ยังรู้สึกแสบที่แผลอยู่มาก

“คุณเจ็บผมก็เจ็บด้วย คุณเจ็บกายแต่ผมเจ็บใจที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณต้องมาเจออะไรแบบนี้ บอกผมมาว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง คำสาปมีอะไรเปลี่ยนแปลงรึเปล่า มันแตกต่างจากที่ผ่านมาใช่ไหม” ณิชถามแทบลืมหายใจ เขากอดจีรัชญ์โดยไม่ให้โดนส่วนที่มีแผล เขาอยากรู้ทุกอย่างที่จีรัชญ์รู้ เพื่อจะได้ช่วยกันแก้ไขไม่ให้ซ้ำรอยเดิมในอดีต

“ครับ ผมจะเล่าให้ฟัง คุณใจเย็นๆ ก่อนนะ ไม่ต้องร้องนะครับ”

จีรัชญ์กอดปลอบณิชอยู่สักพักจนอีกฝ่ายสงบลง พร้อมกับแผลที่สมานตัวกลับมาเป็นแผลเป็นดังเดิม เพียงแต่ทิ้งรอยแดงไว้ให้ดูต่างหน้าว่าเมื่อครู่แผลมันเปิดออก

“เรากลับห้องคุณกันดีกว่านะครับ กลับถึงห้องแล้วผมจะเล่าให้ฟัง”

ณิชพยักหน้ารับรีบเข้าเกียร์ขับรถออกจากหน้าบริษัทของนิธานทันทีอย่างไม่รอช้า เขาฝ่าการจราจรที่ติดแสนติดบนท้องถนนมาจนถึงคอนโดฯ ของตนเอง พอคนทั้งคู่ขึ้นห้องมาได้ก็พบว่าไอ้มั่นรออยู่แล้ว

“เป็นเยี่ยงไรบ้างวะไอ้หาญ” ไอ้มั่นถามเสียงร้อนรน แต่เมื่อเห็นสภาพเพื่อนรักที่ถูกณิชพยุงเข้ามามันก็รู้ในทันที

“ใช่หรือไม่ พวกมันกลับมาแล้วใช่หรือไม่” ไอ้มั่นถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ณิชที่ยังไม่เข้าใจอะไรสักอย่างหันมองไอ้มั่นทีหันมองจีรัชญ์ที

“พวกคุณกำลังปิดบังอะไรผมอยู่”

จีรัชญ์ดึงณิชให้นั่งลงข้างกัน เขากุมมือเรียวของอีกฝ่ายไว้ก่อนจะเล่าสิ่งที่เขากับไอ้มั่นคาดเดาให้ณิชฟัง หนุ่มเมืองกรุงตั้งใจฟังอย่างดี เขาเชื่อทุกคำที่จีรัชญ์พูด จากตอนแรกที่คิดว่านิธานเป็นแค่คนแปลกๆ มาตอนนี้ก็เข้าใจได้ในทันที

“เขาจำผมได้แน่ๆ ทั้งคำพูดทั้งสายตาทั้งการกระทำเขาทำให้ผมขนลุกแปลกๆ แถมยังเจาะจงว่าจะให้ผมทำงานให้อีก” ณิชนึกไปถึงตอนที่อยู่ในห้องแต่งตัวของยิมที่ฝ่ายนั้นจับมือเขาก็รู้สึกขนลุก เพราะหากคิดดีๆ นั่นเป็นการกระทำที่ค่อนข้างคุกคามไปสักหน่อยสำหรับคนที่เพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง

“การมาของท่านออกญาฯ กับไอ้คมครั้งนี้ จะมาจัดการไอ้หาญแน่นอนขอรับ บ่าวไม่เคยรู้สึกทรมานขนาดนั้นมาก่อนเลย เพียงแค่เห็นหน้าไอ้คมก็รู้สึกแสบที่คอราวกับจะขาดเลยขอรับ”

“แล้วทำไมมั่นถึงมีปฏิกิริยากับไอ้คมล่ะ แทนที่จะเป็นกับคุณนิธาน” ณิชหันไปถามดวงวิญญาณที่นั่งบนพื้นหน้าเครียดไม่แพ้กัน

“ผมคิดว่าเพราะก่อนตายไอ้คมเป็นคนจับไอ้มั่นไว้ จิตของพวกมันผูกใจแค้นต่อกันน่ะครับ” จีรัชญ์พูดตามที่ตนตีความได้ ไอ้มั่นจึงพยักหน้าเสริมอีกแรง

“ใช่ขอรับ บ่าวหนีไม่พ้นเพราะโดนพวกไอ้คมจับไว้ แทนที่มันจะเห็นใจกันที่ไอ้หาญไม่ได้รับความปรานี มันหาได้มีความเมตตาต่อผู้อื่นเลยขอรับ”

“แต่ผมไม่อยากให้พวกคุณต้องจองเวรจองกรรมกันอีกแล้ว เอางี้ไหม ผมจะไปพูดกับพวกเขา อย่างน้อยๆ ผมก็เคยเป็นลูกท่านออกญาฯ ยังไงพ่อก็ต้องเมตตาลูกบ้าง”

จีรัชญ์ลอบมองหน้ากับไอ้มั่นทันทีเมื่อฟังณิชพูดจบ หากมองในมุมของณิชก็สามารถคิดแบบนั้นได้ แต่สำหรับพวกเขาสองคนที่ยังต้องผูกเวรผูกกรรมอยู่แบบนี้ ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้เท่าไหร่นัก ถ้าท่านออกญาฯ รักบุตรจริง คงไม่สาปแช่งให้ลูกต้องพบเจอกับการพลัดพรากแบบนี้ทุกชาติไปหรอก

“ผมจะถอนตัวจากโปรเจกต์ของคุณนิธานก็ไม่ได้ คุณแขไขที่รู้สึกไม่ดีกับผมอยู่แล้วอาจจะคว้ามีดมาแทงผมเลยก็ได้ถ้าผมไปขอถอนตัวกลางคัน” ณิชถอนหายใจด้วยความเครียดที่คิดหาทางแก้ไขอย่างไรก็แก้ไม่ได้

เหมือนโชคชะตาดักพวกเขาไว้ทุกทาง จากที่คิดว่าไม่น่ามีอะไรยุ่งยาก และเขากับไอ้หาญจะได้ครองรักกันอย่างสงบสุขสักที กลายเป็นว่ากลับมีอุปสรรคชิ้นใหญ่มาขวางได้

“คุณต้องไปเจอนิธานอีกเมื่อไหร่” จีรัชญ์ถามเสียงเครียดหลังจากเงียบไปพักใหญ่

“อืม... เอาจริงๆ ผมเลี่ยงได้ครับ ส่งงานทางอีเมลก็ได้ แต่พอตอนลงงานจริงก็ต้องไปเจออยู่ดี”

“งั้นก็ทำทุกอย่างตามปกติ แต่ผมจะไปด้วย”

“ปกติได้ยังไง ผมไม่อยากให้คุณต้องเจอกับคุณนิธาน เดี๋ยวเขาทำร้ายคุณขึ้นมาแล้วผมจะทำยังไง”

“คุณลืมไปแล้วเหรอครับ ไม่มีอะไรทำผมได้ ผมไม่มีวันตาย”

คำพูดของจีรัชญ์และสายตาที่จริงจังนั้นทำให้คนฟังสะอึกไป ประโยคนี้หากไม่คิดอะไรก็อาจทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ แต่อีกใจกลับหน่วงจนเจ็บ เพราะมันแสดงว่าจีรัชญ์ไม่คิดว่าชาตินี้พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันและคำสาปจะหายไป

หลังจากประโยคนั้นของจีรัชญ์ ณิชไม่ได้พูดอะไรอีก เขาทำเพียงแค่ยิ้มให้อีกฝ่ายสบายใจ แสร้งว่าเขาไม่ได้คิดอะไรแล้ว ทั้งที่จริงมันหน่วงไปทั้งอก ความรู้สึกดีใจที่จีรัชญ์มาหาและตามเฝ้าก่อนหน้านี้หายไปหมดไม่มีเหลือ

ตกกลางคืนท่ามกลางความเงียบ มีเพียงเสียงฟ้าร้องและเสียงฝนตกกระทบระเบียงเท่านั้นที่ได้ยิน แต่คนทั้งคู่ที่นอนอยู่บนเตียงกลับข่มตาหลับไม่ลง หนึ่งคนคิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่วนอีกคนยังติดอยู่กับคำพูดที่ไม่อาจเอาออกจากหัวได้

จีรัชญ์รู้ว่าณิชยังไม่นอน แม้อีกฝ่ายจะนอนนิ่งและตะแคงหันหลังให้เขาก็ตาม ชายหนุ่มที่เปลือยช่วงอกขยับเข้าไปสวมกอดคนรักจากทางด้านหลัง เผื่อแผ่ความอบอุ่นไปให้คนที่กำลังนอนคุ้ดคู้อยู่

“ผมนอนไม่หลับ” ณิชพูดขึ้นเบาๆ เพราะไม่ว่าจะข่มตานอนตั้งแต่ห้าทุ่มจนถึงตอนนี้เที่ยงคืนครึ่ง เขาก็ยังตาสว่างเช่นเดิม

“ผมก็เหมือนกัน” จีรัชญ์กระซิบบอก เขากระชับอ้อมกอดให้แผ่นหลังของณิชแนบชิดอกเขามากขึ้น ณิชกอดมือเขาไว้ไม่ปล่อยก่อนเจ้าตัวจะผินหน้าหันมาพูดอีกครั้ง

“เราหนีกันไหมครับ”

จีรัชญ์นิ่งฟังแต่ไม่ได้ตอบออกไป ณิชกลืนก้อนที่จุกอยู่ตรงลำคอก่อนจะหันกลับมานอนตะแคงตามเดิม มองสายฝนที่กำลังสาดเทลงมาไม่หยุด

“หนีไปไหนก็ได้ ไปที่ไกลๆ ไปอยู่กันแค่สองคน ไปอยู่บนเขาก็ได้ ต่างประเทศที่มันสงบๆ ดีไหมครับ ไป...ในที่ที่ไม่มีใครหาเราเจอ”

ท้ายประโยคที่แผ่วเบาพร้อมกับที่ผิวแขนของจีรัชญ์รู้สึกถึงความเปียกชื้อของหยาดน้ำตา น้ำเสียงแห่งความสิ้นหวังของณิชบีบหัวใจเขาให้เจ็บจนชา ต่อให้ไปในที่ที่ไม่มีใครหาเจอ แต่โชคชะตาไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน

*

“พี่ณิช ทำไมโทรมแบบนี้เนี่ย ได้นอนบ้างรึเปล่า คุณนิธานเรื่องเยอะเหรอวะพี่” มิ้งชะโงกหน้าข้ามโต๊ะมาถามรุ่นพี่ที่รัก สภาพณิชในสายตามิ้งตอนนี้เหมือนคนอดนอนมาเป็นอาทิตย์ ความสดใสที่เคยมีก่อนหน้านี้หายเกลี้ยง บรรยากาศรอบตัวณิชดูอึมครึมดูไม่เหมือนคนกำลังมีความรักที่มีความสุขเลย

“มิ้ง...” ณิชเรียกชื่อหญิงสาวเสียงเครียด มิ้งจากที่เล่นๆ กลายเป็นทำหน้าจริงจังขึ้นมาทันที เธอขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้ชายหนุ่มอีกนิดเพื่อจะได้ถามอีกฝ่ายได้ถนัดๆ

“หรือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น คุณตรีเขาเปลี่ยนใจอยากให้พี่กลับไปอยู่กับเขาเร็วๆ ใช่ไหม ก่อนหน้านี้หนูได้ข่าวจากพี่มั่นว่าพี่โดนคุณนิธานจีบ เสน่ห์แรงไม่เบานะเรา” หญิงสาวจิ้มไหล่ณิชจึกๆ แต่ก็ต้องเอามือลงเมื่อณิชไม่มีทีท่าจะเล่นด้วย

“ออกไปซื้อกาแฟกับพี่หน่อย”

อยู่ๆ ณิชก็เปลี่ยนเรื่องทำเอารุ่นน้องสาวถึงกับงงไม่น้อย แต่ก็ยอมเดินตามณิชไปคาเฟต์ที่อยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศ ตอนนี้เป็นเวลาสายคนในร้านไม่เยอะนัก พอสั่งเครื่องดื่มมานั่งทานที่โต๊ะได้ณิชก็พูดเข้าเรื่องทันที

“คุณนิธานคือคนคนนั้น”

“คนไหน?” มิ้งถามพลางตักเค้กอัลมอนต์เข้าปากเขี้ยวหยับๆ รอยยิ้มของหญิงสาวที่มีต่อของหวานดูมีความสุขเหลือเกิน

“คน...นั้น...”

ณิชย้ำทีละคำ เขาส่งสายตาสื่อให้มิ้งรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดถึงอยู่คือเรื่องเหลือเชื่อที่ไม่สามารถเล่าใครในที่นี้ได้ พอมิ้งเข้าใจก็ทิ้งช้อนตักเค้กแล้วรีบเอามืออุดปากด้วยความตกใจ

“พี่แน่ใจเหรอ”

ณิชไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน เขากุมขมับที่ปวดตุบๆ อย่างคนไม่รู้จะทำเช่นไร เขาไม่อยากเจอนิธาน และไม่อยากให้จีรัชญ์ต้องเจอด้วย แค่คิดว่าต้องเจอกันที่ไซด์งานเขาก็เครียดแทบบ้าแล้ว

“แล้วคุณตรีว่าไง”

“ไม่รู้ว่ะ เขาบอกให้พี่ทำตัวปกติไป พี่ไม่รู้ด้วยว่า ‘คนนั้น’ เขาต้องการอะไร ทำไมต้องตามมาอีก”

“พี่ณิช ใจเย็นๆ นะพี่ บางทีมันอาจไม่มีอะไรร้ายแรงอย่างที่พี่คิดก็ได้”

ณิชถอนหายใจรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน วันนี้เขาไม่มีสมาธิทำงานเลย กลับจากซื้อกาแฟก็มานั่งจมอยู่กับแบบแปลนที่คืบหน้าไม่ถึงไหน เพราะในหัวคิดวนเรื่องนิธานซ้ำๆ จนแขไขต้องออกปากเตือน

“ณิช ตั้งใจทำงานหน่อย อย่าเอาแต่นั่งเหม่อในออฟฟิศ”

หญิงสาวที่มีตำแหน่งเป็นเจ้านายกล่าวเตือนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง วันนี้เธอเพิ่งเข้าบริษัทเพราะเพิ่งไปพบลูกค้าพร้อมกับโอ๋มา เธอเห็นว่าณิชนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นานแทบไม่กะพริบตาจึงต้องเตือนสักหน่อย ร่างระหงของหญิงสาวเดินผ่านไป ณิชก้มหัวขอโทษที่ตัวเองไม่ตั้งใจทำงานก่อนจะดึงสติกลับมากับงานตรงหน้า

เวลาล่วงเลยผ่านไปราว 2 อาทิตย์ที่ณิชพยายามยื้อเวลาไม่เจอหน้านิธาน แต่มันก็ทำได้เพียงแค่นี้เพราะเขาต้องเริ่มงานจริงๆ จังๆ แล้ว อีกทั้งนิธานยังฝากให้คมเร่งงานเขาด้วย ดูเหมือนฝ่ายนั้นต้องการเจอหน้าเขามากถึงกับนัดเขาล่วงหน้า 3 วัน

จีรัชญ์ขับรถมาส่งณิชที่ไซด์งานก่อสร้างในช่วงบ่าย ในส่วนของภายนอกเสร็จไปเยอะแล้ว เหลือแค่ตกแต่งภายในซึ่งเป็นหน้าที่ของณิช ช่างที่ร่วมงานกันเป็นประจำก็มาเริ่มงานรออยู่ก่อนอย่างรู้งาน ทำให้ตอนนี้เขาต้องรีบเข้าไปตรวจเช็กความคืบหน้า

นิธานกำลังคุยงานกับหัวหน้าวิศวกรและช่างรับเหมาอยู่ หางตาเขาเห็นว่าณิชลงมาจากรถฝั่งข้างคนขับ ซึ่งนั่นแสดงว่ามีคนขับรถมาให้ แต่ครั้งนี้พนักงานของแขไขไม่ได้มีณิชแค่คนเดียว แต่มีหญิงสาวตามมาด้วยซึ่งเขาจำได้ว่าเธอชื่อมิ้ง

“โห พอรู้ว่าคุณนิธานคือใครก็ขนลุกเลยอะ ดูเขามองพี่ดิ” มิ้งกระซิบบอกณิชระหว่างเดินเข้าไปหานิธาน

วันนี้ณิชตัดสินใจหิ้วมิ้งมาเป็นผู้ช่วยเนื่องจากไม่อยากให้จีรัชญ์ต้องเจอหน้ากับนิธานโดยตรง แม้จีรัชญ์จะยืนกรานว่าจะเผชิญหน้าก็ตาม แต่เพราะใจที่เป็นห่วงทำให้เขาเลือกทางสายกลางนั่นคือให้มิ้งมาเป็นเพื่อน ซึ่งกล่อมจีรัชญ์อยู่นานฝ่ายนั้นถึงยอม แต่กระนั้นก็ยังจะอาสาขับรถมาส่งเขา

“คุณณิชมาแล้ว ดีเลยครับเราจะได้เริ่มงานกันจริงๆ จังๆ สักที” นิธานพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินนำเข้าตัวโรงแรมไป คมมองตามเจ้านายตัวเองก่อนจะหันไปมองรถของณิช ชายหนุ่มยิ้มเหี้ยมจากนั้นก็เดินตามคนทั้งคู่เข้าด้านใน

‘มึงว่าท่านออกญาฯ กับไอ้คมจะทำกระไรวะ’ ไอ้มั่นถามเสียงเครียด ตอนนี้มันนั่งอยู่ในรถเช่นเดียวกัน จีรัชญ์ลดกระจกลงเป็นเปิดกว้างจนลมริมแม่น้ำพัดเข้ามาเบาๆ แต่เพราะอากาศที่อบอ้าวเหมือนฝนจะตกทำให้ไม่ได้คลายร้อนเท่าไหร่นัก

‘ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ มันต้องทำให้คำสาปคงอยู่ มันคงคิดว่าชาตินี้กูจะหลุดพ้น หึ...กูรอมานานหากจะต้องรอคุณปราณไปอีกสักร้อยปีจะเป็นไร’

จีรัชญ์ตอบน้ำเสียงเย้ยหยัน สมเพชในชะตาชีวิตของตนเอง เขาคิดไว้แล้วว่าชาตินี้เขาจะเก็บความทรงจำระหว่างณิชกับตัวเขาไว้เป็นความสุขยามนึกถึงคุณปราณ แต่ก่อนที่เขากับคุณปราณจะต้องจากกัน เขาก็ขอปกป้องอีกฝ่ายสุดหัวใจ ไม่ว่านิธานคิดจะทำอะไรก็ตาม

‘ไอ้ห่านี่! มึงพูดเช่นนี้ไม่กลัวคุณปราณจะเสียใจรึ คุณเขาทุ่มเททั้งกายทั้งใจเพื่อจะได้อยู่กับมึงเชียวนะ นี่มึงรักนายกูจริงหรือเปล่า กูเริ่มคิดแล้วนะว่าการที่คำสาปมึงไม่หายไปอาจไม่ใช่เพราะท่านออกญาฯ แต่เพราะมึงรักนายกูไม่มากพอ!’

‘ถ้าไม่ใช่ว่ากูเห็นแก่ความพยายามของเขากูจะมาอยู่ตรงนี้ไหมไอ้มั่น! กูจะยอมทิ้งความคิดที่จะไม่ตามหาเขาไหม ถ้าไม่ใช่เพราะกูหยุดรักเขาไม่ได้! มึงจำไว้เลยนะ มึงจะมองการกระทำกูเป็นอื่นยังไงก็ได้ แต่อย่ามาสงสัยในความรักของกูที่มีต่อคุณปราณ!’

ปึง!!

จีรัชญ์ลงจากรถกระแทกประตูปิดเสียงดังอย่างระบายอารมณ์ที่ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกเขา แม้แต่เพื่อนรักที่เป็นดวงวิญญาณตามติดมาตลอดชีวิตที่มีอยู่

หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๖/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๑ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 06-06-2021 06:44:03


ตอนแรกเขาคิดว่าเขากับท่านออกญาฯ หมดเวรหมดกรรมกันตั้งแต่ที่ท่านออกญาฯ ตายแล้ว แต่เขาไม่เข้าใจว่าโชคชะตาเล่นตลกอะไรอีกถึงได้ส่งฝ่ายนั้นมา อีกทั้งยังจำเรื่องราวทั้งหมดได้ด้วย อยากหาสีสันให้ชีวิตที่แสนทุกข์ระทมและน่าเบื่อของเขาอย่างนั้นเหรอ

ทางด้านณิชตอนนี้เขาเริ่มงานในหน้าที่ของตัวเองแล้ว เช็กทุกจุดเพื่อไม่ให้มีข้อบกพร่องไหนหลุดรอดสายตาไปได้ ยังคงความเป็นมืออาชีพโดยมีมิ้งคอยช่วยอีกแรง นิธานให้คมตามติดเขาแทบตลอดเวลา จนเวลาล่วงเลยเข้าช่วงเย็น คนงานทยอยกลับกันแล้วณิชจึงจะกลับด้วยเพราะจีรัชญ์โทรมาตามแล้ว

“วันนี้ผมขอเลี้ยงข้าวคุณณิชสักมื้อนะครับ ถือว่าเป็นการตอบแทนที่คุณณิชทำงานออกมาได้ตรงใจผมที่สุด ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ” นิธานบอกเมื่อเห็นณิชวางสายแล้ว

“อ่า...พอดีผมนัดกับแฟนไว้แล้วน่ะครับ เอาไว้...”

“งั้นดีเลยครับ ผมจะได้ถือโอกาสได้ทำความรู้จักกับแฟนคุณณิชด้วย นี่ผมก็นัดคุณแขไขไว้ ไปทานกันหลายคนสนุกดีนะครับ ผมให้คมจองโต๊ะที่ร้านอาหารไว้แล้ว ไปกันเถอะครับ” นิธานตัดบทอย่างรู้ทันว่าณิชกำลังจะปฏิเสธเขา เขาจึงมัดมือชกรวบรัดตัดความเดินหนีไปที่รถตัวเอง และกำชับณิชบอกว่าให้ขับรถตามไปที่ร้านได้เลย

“คุณจีรัชญ์ คุณนิธานเขาอยากให้เราไปทานข้าวด้วยครับ ตอนนี้เขาล่วงหน้าไปก่อนแล้วครับ”

“คุณจะไปไหมครับ”

“ผมไม่อยากไป แต่คุณแขไขไปด้วย ถ้าผมหนีกลับดื้อๆ มันจะน่าเกลียด” ณิชพูดเสียงอ่อนหลังจากนั่งในรถแล้ว เขาไม่อยากไป และคิดว่าจีรัชญ์ก็คงไม่อยากให้เขาไป แค่รับมือกับนิธานคนเดียวก็แย่แล้ว แต่นี่ต้องไปเจอแขไขด้วยเรียกได้ว่างานหนักคูณสอง

“ให้หนูโกหกให้ไหม แบบพี่ปวดท้อง ท้องเสีย ปวดหัว เดินๆ อยู่แล้วตกบันไดขาแพลงงี้” มิ้งชะโงกหน้าผ่านช่องว่างของเบาะมาเสนอความคิด

“คิดว่าเขาจะไม่รู้รึไงล่ะ ที่ผ่านมาก็เลี่ยงเจอเขาตลอด สารพัดข้ออ้างจนไม่มีอะไรจะอ้างแล้วว่ะ”

“งั้นก็ไปครับ” จีรัชญ์พูดจบก็เข้าเกียร์ออกรถไปร้านอาหารที่คมบอกชื่อกับณิชไว้ก่อนหน้านี้ โดยใช้ Google Map ในการนำทาง

“เขาคงไม่วางยาคุณในอาหารหรอกใช่ไหม หรือสั่งคนมาดักลอบทำร้ายอะไรทำนองนี้” ณิชคิดสะระตะไปเรื่อยเท่าที่ความคิดจะฟุ้งซ่านไปได้ จีรัชญ์ยิ้มมุมปากก่อนจะเอามือมาโยกหัวอีกฝ่ายเบาๆ

“ต่อให้จับผมเผาทั้งเป็นผมก็ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผมมีคำสาปนิรันดร์ติดตัวอยู่นะ”

“คุณพูดแบบนี้อีกแล้ว” ณิชพึมพำเบาๆ กับตัวเองซึ่งจีรัชญ์ไม่ได้ยิน ชายหนุ่มแค่หันมายิ้มให้ก่อนจะขับรถต่อไป

เมื่อมาถึงร้านอาหารที่นิธานจองไว้ เป็นร้านอาหารริมน้ำที่ออกมาไกลจากโรงแรมของนิธานสักหน่อย แต่ด้วยบรรยากาศของมันทำให้ณิชลืมเรื่องที่กังวลก่อนหน้านี้ไปชั่วขณะ ช่วงเย็นที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินรับกับแสงสีส้มกับไฟสีนวลที่เปิดตามเสาสวย มันยิ่งเสริมให้บรรยากาศของร้านน่านั่งมากขึ้นไปอีก

แขไขเห็นคนรักเก่าของเธอเดินเข้ามาพร้อมณิชกับมิ้ง เธอไม่แปลกใจเท่าไหร่นักที่เห็นจีรัชญ์เดินตามณิชแบบนั้น เพราะครั้งหนึ่งเธอเองก็เคยเดินตามจีรัชญ์แบบที่เจ้าตัวทำเช่นเดียวกัน แขไขสบตากับจีรัชญ์เพียงเสี้ยววิก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ตั้งแต่วันนั้นที่จีรัชญ์บอกเลิกเธอพวกเขาสองคนก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก จนได้มาเจอหน้ากันวันนี้จึงรู้สึกแปลกไปไม่น้อย

มิ้งมองบรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่ไปอึมครึมและเต็มไปด้วยความอึดอัด ไหนจะแขไขคู่รักเก่าของจีรัชญ์ ไหนจะนิธานที่พยายามดูแลณิชคอยตักอาหารให้ ไหนจะจีรัชญ์ที่นั่งสีหน้าเรียบนิ่งแต่ตาดุกร้าวมองนิธานทุกการกระทำ เธอรู้สึกอึดอัดแทนคนทั้ง 4 จริงๆ

“พอก่อนครับคุณนิธาน ผมกินไม่ทันแล้ว แหะๆ” ณิชยิ้มแหย อาการขนลุกกลับมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่านิธานดูแลเขาดีเกินไป

“เดี๋ยวผมเรียกพนักงานขอจานเปล่าให้นะครับ” จีรัชญ์แตะมือณิชพลางพูดยิ้มๆ ยังไม่ทันที่ณิชจะห้ามฝ่ายนั้นก็เรียกพนักงานมาขอจานใบใหม่เสียแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการประกาศสงครามอย่างชัดเจนจนแขไขยังตกใจ เพราะปกติจีรัชญ์ไม่ทำตัวเสียมารยาทขนาดนี้

“แหม...ตรีดูแลณิชดีเกินไปรึเปล่าคะเนี่ย ปกติณิชเขาไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นหรอกนะคะ เมื่อก่อนยังดูแลตัวเองได้เลย”

ณิชชะงักไปหนึ่งอึกเมื่อโดนแขไขเหน็บแนมเข้าเต็มเปา เข้าใจพิษรักแรงแค้นของหญิงสาวก็วันนี้ แต่จะให้เขามานั่งอธิบายกับอีกฝ่ายว่าเขาไม่ได้แย่งจีรัชญ์เพราะเขากับจีรัชญ์รักกันมาก่อนที่เธอจะเกิดก็ใช่เรื่อง

“ผมอยากดูแลคนที่ผมรักให้มากที่สุดน่ะครับ” แต่จีรัชญ์ไม่ได้ปล่อยผ่านคำพูดแขไขไปอย่างที่ณิชทำ เขายอมรับว่าตนเองผิดที่ดึงแขไขมาเกี่ยวข้อง อีกทั้งยังทำให้หัวใจของผู้หญิงดีๆ คนหนึ่งต้องบอบช้ำ หากแขไขจะโกรธหรือเกลียดเขาไม่ว่า แต่เขาบอกแล้วว่าอย่าโกรธณิช

“คุณจีรัชญ์กับคุณณิชคบกันมานานแล้วเหรอครับ” นิธานขัดจังหวะการฟาดฟันทางสายตาของจีรัชญ์กับแขไขพลางทำหน้าสงสัย แต่ภายใต้ใบหน้าที่ดูไร้พิษภัยนั้นกลับแฝงไปด้วยความคิดต่างๆ นานา

จะอีกกี่สิบชาติความโกรธแค้นที่มีอยู่ก็ไม่มีวันหาย ยิ่งเห็นว่าคนคนนี้ติดอยู่ในวังวนของความเป็นนิรันดร์ไม่สิ้นสุดยิ่งสาแก่ใจ เขาใช้เวลากว่า 30 ปีในการหาคำตอบให้กับความฝันประหลาดของตัวเอง จนวันหนึ่งทุกอย่างก็กระจ่าง

ภาพในอดีตฉายชัดในหัวจนเขาหมดสติ และต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการปวดหัวอย่างรุนแรงแต่หาสาเหตุไม่ได้ จนโชคชะตาทำให้ได้เจอกับคมคนที่เข้ารับการรักษาด้วยอาการเดียวกัน ระยะเวลาร่วมเดือนที่อยู่ในโรงพยาบาลทำให้เขาสองคนได้รื้อฟื้นอดีตไปพร้อมๆ กัน และเขาก็ตัดสินใจว่าจะมาดูว่าลูกชายเขาเป็นอย่างไร และไอ้หาญยังคงต่อสู้กับคำสาปที่เขาแช่งไว้ใช่หรือไม่

เขาใช้เวลาค้นหาตัวณิชไม่นาน ไม่รู้เพราะความบังเอิญ ความโชคดี หรือโชคชะตาที่ทำให้เขาเห็นรูปของสถาปนิกมือดีอย่างณิชในรายชื่อของสถาปนิกไฟแรง และเขาก็มั่นใจในทันทีว่าณิชคือลูกชายของเขาเมื่อชาติที่แล้วอย่างแน่นอน โดยมีชื่อจริงของอีกฝ่ายเป็นตัวการันตี

เพราะชื่อ ‘ปราณ’ ที่พระครูท่านตั้งให้ คือชื่อที่มีความหมายเดียวกับปราณันต์ อีกทั้งแววตาที่เขาจำได้ขึ้นใจ แววตาที่เขาเห็นมาตั้งแต่อีกฝ่ายลืมตาดูโลกครั้งแรก

“ระยะเวลาไม่สำคัญหรอกครับ แค่ผมได้พบเจอคนที่ผมรักแค่นี้ก็พอแล้ว” ณิชชิงตอบเพราะกลัวจีรัชญ์จะเปิดศึกกลางร้านอาหารเสียก่อน แต่เขาจะตอบอะไรให้หวานชื่นเพื่อยืนยันกับนิธานว่าเขาจะไม่เลิกกับจีรัชญ์เด็ดขาดก็ไม่ได้ เพราะแขไขยังนั่งอยู่ด้วย

“ขอแค่ได้พบเจอหรอกเหรอครับ ขอน้อยจังนะ” นิธานพูดพร้อมใบหน้ายิ้มแต่แววตาไม่ได้ยิ้มด้วย ณิชถึงกับอึ้งไปกับประโยคที่แฝงความนัยนี้

มิ้งลอบกลืนน้ำลายให้กับบรรยากาศที่แสนอึดอัดนี้ก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แขไขที่ไม่อยากนั่งทนดูความรักหวานชื่นของคนรักเก่าจึงลุกออกไปบ้าง โดยให้เหตุผลว่าเธออยากออกไปสูดอากาศสักหน่อย

“ไหนๆ ก็ไม่มีคนนอกแล้ว คุณอยากจะพูดอะไรกับผมไหมครับ คุณนิธาน” จีรัชญ์ถามทันทีอย่างไม่รอช้า นิธานยิ้มทันทีเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย หากเดาไม่ผิดจีรัชญ์คงรู้แล้วว่าเขาคือใคร

“จะให้พูดตรงนี้เลยเหรอครับ คนเยอะนะ เรื่องของเรามันออกจะตลกไปหน่อยไหมหากมีใครมาได้ยินเข้า” คำพูดนั้นทำให้นิธานและจีรัชญ์จะลุกไปจากโต๊ะ ณิชทำท่าจะไปด้วยแต่จีรัชญ์กลับกดไหล่ให้อีกฝ่ายนั่งลงตามเดิม

“ผมจะไปเคลียร์เอง มันคือเรื่องของผมกับเขา คุณรอตรงนี้แหละ คุณมิ้งกลับมาไม่เจอใครจะตกใจเอา”

“แต่ผม...”

“ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ” จีรัชญ์พูดให้อีกฝ่ายสบายใจก่อนจะเดินตามนิธานออกไปยังลานจอดรถที่อยู่ข้างร้าน

นิธานหยุดยืนดูวิวริมแม่น้ำในช่วงค่ำ มีแสงไฟจากเสาดวงเล็กๆ คอยให้ความสว่าง ท่าทางของหนุ่มใหญ่ดูสบายอารมณ์ผิดกับจีรัชญ์ที่ตามออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“อยากสร้างเวรสร้างกรรมอะไรในชาตินี้อีกเหรอครับ หรือว่าชาติก่อนผมยังทำได้ไม่ดีพอ” จีรัชญ์ถามขึ้นทันทีพลางมองไปยังรอยแผลที่แขนของนิธานเพื่อสื่อให้รู้ว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร นิธานก้มมองแขนตัวเองก่อนจะยกยิ้ม

“ฟันแขนแค่นั้นมันไม่ได้ทำให้กูกลัวมึงจนไม่กล้าจองเวรกับมึงหรอกไอ้หาญ”

ธาตุแท้ของหนุ่มใหญ่เผยออกมา สมกับที่รอคอยเวลาที่จะได้เจอลูกชายกับไอ้ทาสชั่วมานาน สายตาเหยียดหยันมองคนที่ไม่มีวันตายเพราะคำสาปของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะถ่มน้ำลายใส่รองเท้าของอีกฝ่ายด้วยความดูถูก

“เป็นยังไงบ้างล่ะกับสิ่งที่กูมอบให้มึง ไม่เจ็บ ไม่ตาย ทรมานต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีวันสิ้นสุด”

จีรัชญ์กำหมัดแน่นกับประโยคที่นิธานพ่นออกมา มาตอนนี้ท่าทางของนิธานออกชัดเจนแล้วว่าเป็นท่านออกญาฯ จริงๆ ทั้งท่าทางการยืน สายตา หรือแม้แต่ความคิดเคียดแค้นที่ถูกฝังอยู่ในจิตใจก็แสดงออกมาชัดเจน คมเดินมายืนอยู่หลังจีรัชญ์โดยที่เจ้านายไม่ต้องออกคำสั่ง

“แล้วมึงเป็นยังไงบ้างล่ะ ที่ไม่ว่ากี่ชาติก็ต้องเห็นว่ากูกับคุณปราณรักกัน ใกล้อกแตกตายรึยัง” ไอ้หาญไม่คิดให้เกียรติในการใช้คำสุภาพกับอีกฝ่ายอีก

“หึ! รักแล้วยังไง? ท้ายสุดมึงก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันอยู่ดี”

“นั่นลูกของมึง! คุณปราณคือลูกของมึง! จะคิดจองเวรกันไปถึงไหน!”

ผัวะ!

ไม่มีบอกกล่าวล่วงหน้า หมัดเน้นๆ ก็ซัดเข้าหน้านิธานอย่างจัง ขนาดที่คมมายืนคุ้มกันอยู่ก็ยังช่วยไม่ทัน ไอ้หาญทำท่าจะเข้าไปซ้ำแต่โดนคมจับตัวไว้เสียก่อน นิธานไม่ได้ต่อยกลับแต่เดินเข้าไปหาคนที่กำลังดิ้นเพราะโดนกดให้คุกเข่าลงกับพื้น

“นั่นลูกกูก็จริง แต่คนที่ทรมานต้องเป็นมึง!! มึงที่กล้าหยามเกียรติกูไอ้ทาสชั่ว! คนเลวทรามอย่างมึงโดนคำสาปกูไปน่ะดีแล้ว มองดูลูกกูตายอยู่ทุกภพทุกชาติ ตอนนี้ชาติที่เท่าไหร่ของมึงแล้วล่ะ”

ท่านออกญาฯ ในชาติปัจจุบันแต่จิตใจกลับไม่ต่างจากอดีตชาติทึ้งหัวไอ้หาญให้เงยหน้าขึ้น ก่อนที่ปลายมีดเล่มเล็กที่เจ้าตัวพกมาถูกกดลงบนแก้มไอ้หาญ แต่มันกลับไม่มีรอยบาดแม้แต่น้อย สื่อให้รู้ว่าคำสาปที่ตนเคยแช่งไว้มันยังมีผลอยู่

“หึ! รักกันงั้นเหรอ? ถ้ารักกันแล้วทำไมมึงไม่หลุดพ้นจากคำสาปกูสักทีล่ะ? กูจะบอกอะไรให้นะ ที่มึงยังติดอยู่ในคำสาปของกูเพราะมึงกับลูกกูไม่ใช่คู่กัน พวกมึงไม่ได้เกิดมาเพื่อคู่กัน!!!” พูดจบก็ถ่มเลือดในปากใส่หน้าไอ้หาญอย่างดูถูก รู้สึกสะใจที่ไอ้ทาสชั่วยังคงเป็นเหมือนเดิม ยังคงเป็นไอ้ทาสผู้ต่ำต้อยได้แค่รักลูกชายเขาแต่ไม่อาจได้ครองคู่

“พอได้แล้วครับ!” ณิชวิ่งออกมาก่อนจะผลักคมเพื่อให้ปล่อยจีรัชญ์ เขามองนิธานด้วยอารมณ์โกรธจัด

“ชาติก่อนผมกับคุณเป็นอะไรกันมันก็แค่อดีต แต่ตอนนี้ เวลานี้ คุณเป็นแค่คนจ้างงานของผมและคุณไม่มีสิทธิ์ทำร้ายคนรักของผม! ถ้าคุณกับคนของคุณทำอะไรแฟนของผมอีกแม้แต่นิดเดียว ผมเอาเรื่องคุณแน่!” ณิชเอาตัวเองมาขวางระหว่างจีรัชญ์กับนิธาน และตะคอกใส่หน้าฝ่ายหนุ่มใหญ่ไปอย่างไม่กลัวเกรง

นาทีที่เขาเห็นว่าไอ้หาญโดนถ่มน้ำลายใส่ นาทีที่ได้ยินคำพูดดูถูกเหยียดหยาม นาทีที่เขาได้เห็นสายตาแห่งความเกลียดชังที่ท่านออกญาฯ มีให้ไอ้หาญ หัวใจของเขาก็เจ็บปวดจนทนไม่ไหว หากความรักของพ่อมันทำให้เขาทรมาน เขาก็ขอลืมพ่อคนนี้ไปเสียดีกว่า

เพราะเท่าที่เขาเห็นมันก็แค่คนที่หลงอยู่ในวังวนความเห็นแก่ตัว ท่านออกญาฯ ไม่เคยคิดถึงใจใครนอกจากตัวเอง ขอเพียงตัวเองได้แก้แค้นให้สมใจก็พอแล้ว ไม่สนด้วยซ้ำว่าเขาที่เป็นลูกนั้นจะรู้สึกยังไง ขนาดตายจากกันไปเป็นอดีต เมื่อกลับมาเจอกันก็ยังจะตามจองล้างจองผลาญกันไม่เลิก เจ้ากรรมนายเวรเขาคงมาในรูปแบบผู้มีพระคุณแน่ๆ ถึงได้เจออะไรแบบนี้

“ในอดีตผมเคยขี้ขลาดเพราะมีพ่อที่ดีแต่เอาตัวเองเป็นใหญ่ แต่ชาตินี้ผมคือณิช ไม่ใช่คุณปราณคนที่เกรงกลัวพ่ออีกต่อไปแล้ว ผมจะปกป้องคนที่ผมรัก ต่อให้คำสาปบ้าบอนั่นจะบอกว่าเราไม่เหมาะสมกัน หรือคุณจะมาเย้ยหยันในความรักของเราอีกกี่สิบครั้ง แต่ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าผมรักผู้ชายคนนี้ และไม่มีวันปล่อยมือจากเขาเด็ดขาด!”

ณิชพูดทุกอย่างออกมาพร้อมน้ำตา เขาไม่อาจกักเก็บความเสียใจที่กระทำต่อไอ้หาญในอดีตได้ แต่กระนั้นก็ยังคงยืนหยัดที่จะพูดทุกอย่างออกมาให้ชัดเจนที่สุด เพื่อที่นิธานจะได้รู้ชัดกันไปเลยว่าเขาไม่มีวันยอมแพ้ และเขาไม่เสียใจเลยที่ได้รักผู้ชายคนนี้

นิธานได้ยินทุกคำของณิชชัดเจน อกเขาเหมือนมีอะไรมาบีบรัด ยิ่งเห็นมือทั้งสองที่กอบกุมกันอยู่ไม่ปล่อยยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บ

“ดี! งั้นก็ขอให้รักกันนานๆ” นิธานพูดแค่นั้นก็เดินไปที่รถ คมรีบเดินตามไปแต่เจ้านายกลับบอกว่าจะขับรถเอง เมื่อเห็นว่านิธานยอมล่าถอยไปง่ายๆ คมจึงยอมขึ้นไปนั่งที่ข้างคนขับ

“คิดว่าคำพูดแค่นั้นจะดับความแค้นกูได้เหรอ ยิ่งท้าทายคำสาปของกู กูก็จะยิ่งทำให้พวกมึงทรมาน”

คมหันมองหน้านิธานที่กำลังพึมพำกับตัวเอง สายตาอีกฝ่ายจับจ้องไปยังคู่รักชายที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม มือเรียวของณิชจับตัวจีรัชญ์ดูว่าบาดเจ็บตรงไหนอีกไหม

คนทั้งคู่กำลังเป็นห่วงเป็นใยกันหันไปตามเสียงของไอ้มั่น ก่อนจะได้ยินเสียงคันเร่งของรถก็ดังขึ้น จากนั้นรถยนต์คันสีดำจะพุ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างไม่คิดเบรก ณิชตกใจดึงตัวจีรัชญ์ให้หลบ แต่จีรัชญ์กลับใช้จังหวะสุดท้ายก่อนรถจะถึงตัวพวกเขาบังณิชไว้ ทำให้จีรัชญ์รับแรงกระแทกไปเต็มๆ

“คุณปราณ! ระวังขอรับ!” ไอ้มั่นที่เพิ่งโผล่มาร้องบอกก่อนจะเอาดวงวิญญาณของตนเองมาขวางไว้ โดยที่มันคงลืมไปว่าตัวของมันนั้นเป็นเพียงแค่วิญญาณไร้กายหยาบ

โครม! ตู้ม!!

ณิชล้มกลิ้งไปบนพื้นไม่เป็นท่า ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือร่างของจีรัชญ์ลอยละลิ่วกลางอากาศจากแรงกระแทกของรถ ก่อนร่างจะตกลงมากระแทกพื้นอย่างจังจนเลือดส่วนหัวนองไปทั่วพื้น ส่วนรถของนิธานก็พุ่งลงน้ำไปทันทีเพราะเบรกไม่ทัน

“คุณจีรัชญ์!!!” ณิชร้องเรียกอีกฝ่ายสุดเสียงก่อนจะวิ่งไปหา มือเขาสั่นคุมไม่อยู่เมื่อเห็นจีรัชญ์นอนหายใจพะงาบๆ อยู่บนพื้น เลือดสีแดงฉานกำลังไหลออกจากตัวจีรัชญ์ช้าๆ รูปกระดูกบิดเบี้ยวดูไม่ปกติ

เสียงชนเมื่อครู่ทำให้คนในร้านออกมามุงดูรวมไปถึงมิ้งและแขไข หญิงสาวทั้งสองร้องกรี๊ดก่อนจะรีบวิ่งมาดูอาการของจีรัชญ์ในทันที

“คุ...คุณ...อึก...ฮือ...ใครก็ได้โทรตามรถพยาบาลให้หน่อยครับ! โทรตามรถพยาบาลให้หน่อย!” ณิชตะโกนขอความช่วยเหลือพร้อมเสียงสะอื้นเพราะความกลัว แขไขที่ตั้งสิได้ก่อนใครรีบหยิบมือถือมาโทรหารถพยาบาลทันที แม้มือจะสั่นจนแทบทำโทรศัพท์มือถือร่วงก็ตาม

“ไหนคุณบอกไม่เป็นอะไร ฮือ...คุณมีเลือด ทำไมเลือดออก ฮืออ...คุณจีรัชญ์”

ณิชพูดไม่ออก เขาได้แค่ร้องไห้อยู่ข้างๆ จีรัชญ์ ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปกอดเพราะกลัวทำกระดูกที่หักเคลื่อนไปมากกว่านี้ เขาทำเพียงแค่จับมืออุ่นของจีรัชญ์ไว้ โดยคนเจ็บทำเพียงมองหน้าเขาแล้วบีบมือเบาๆ

“คำสาป...จบสิ้นแล้ว”

คำสุดท้ายของไอ้หาญที่มันได้พูดกับคุณปราณ มันรู้สึกผิดจับใจที่ทำให้คุณปราณต้องร้องไห้เพราะมันอีกแล้ว ในชาตินี้มันทำให้คุณปราณเสียใจหลายต่อหลายครั้ง แต่ครั้งนี้คงเป็นครั้งที่มันรู้สึกเจ็บปวดที่สุด เพราะมันไม่สามารถกลับไปขอโทษอีกฝ่ายได้อีกแล้ว







โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๖/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๑ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-06-2021 23:51:40
 :z3:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๖/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๑ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 08-06-2021 07:00:07
บทที่ ๓๒



หนึ่งใจแค้น มิเคยลืม ถูกหยามเกียรติ

หนึ่งใจเกลียด มิอาจรับ ความจริงได้

หนึ่งใจชัง มิอาจปล่อย ผ่านเลยไป

หนึ่งใจชั่ว มิอาจให้ ความปรานี


เพราะใจที่เจ็บแค้นไม่อาจให้ตนโดนหยามได้ อีกทั้งคำสาปที่ทิ้งไว้ก็ดูจะเป็นผลให้คนทั้งสองได้ครองคู่กัน ออกญาศรีรัตนกรในร่างนิธานจึงตัดสินใจขัดขวางโดยการขับรถพุ่งเข้าชนร่างณิช หวังปลิดชีวิตอีกฝ่ายเพื่อให้ไอ้หาญได้ทรมานไปอีกหนึ่งชาติ โดยไม่สนว่านั่นคือลูกของตน นาทีนี้สิ่งเดียวที่ต้องการคือการจองจำไอ้หาญให้ติดอยู่กับคำสาปไปอีกนานแสนนาน

“ท่านครับ! จะชนคุณปราณันต์แล้วนะครับ!” คมร้องเตือนคนที่เหยียบคันเร่งไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น ในตอนแรกคิดว่าอีกฝ่ายถอดใจยอมถอยเพื่อไปตั้งหลัก แต่ที่ไหนได้กลับขับรถมุ่งสู่ร่างคนทั้งสองที่เจ้าตัวเกลียดชัง

ความแค้นบดบังใจจนมืดบอด กลายเป็นไอ้หาญที่ยอมเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงรับแรงกระแทก ส่วนคนทั้งสองที่นั่งอยู่ในรถก็พุ่งลงน้ำไปพร้อมกับรถยนต์ที่ก่อเหตุ น้ำไหลเข้ามาในห้องโดยสารอย่างรวดเร็ว แรงกระแทกของผู้ที่ยังไม่ได้คาดเข็มขัดอย่างคม ทำให้ตัวกระเด็นกระแทกกับประตู หัวโขกกับคอนโทรลรถอย่างจังจนสลบไป และไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้อีกเพราะร่างกายไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองให้หลุดพ้นจากการจมดิ่งสู่ใต้แม่น้ำได้

ทางด้านคนขับที่คิดปลิดชีวิตผู้อื่นกลับดิ้นรนเพื่อหาทางออก แต่เพราะน้ำที่ไหลทะลักเข้ามาอีกทั้งประตูถูกล็อกปิดทำให้เขาต้องติดอยู่ในห้องโดยสาร เขาพยายามทุบกระจกแต่ก็ไม่เป็นผล ตะเกียกตะกายดิ้นรนจนนาทีสุดท้ายก่อนร่างชักกระตุกแน่นิ่งไปอีกคน

กลายเป็นชาตินี้ที่ท่านออกญาฯ และไอ้คมตายตกไปพร้อมกันโดยไร้ความช่วยเหลือใดที่มาช่วยได้ทันเวลา แม้แต่พญามัจจุราชก็ยังยินดีต้อนรับคนทั้งสองที่กระทำกรรมต่อผู้อื่นไว้ แม้จะให้โอกาสมาเกิดใหม่ และมอบความทรงจำของเรื่องราวทุกอย่างเพื่อว่าจะได้มาช่วยปลดปล่อยคนทั้งคู่ แต่ท่านออกญาฯ ก็ยังเลือกความแค้นของตนเป็นที่ตั้ง ไร้ความปรานีต่อผู้อื่น ทำให้ชาตินี้จึงเป็นชาติสุดท้ายที่จะได้เกิดมา หลังจากนี้คงได้อยู่ชดใช้กรรมในนรกต่อไป

*

“พี่ณิช ดื่มน้ำสักหน่อยนะพี่” มิ้งยื่นน้ำขวดให้กับรุ่นพี่ตนที่ยังนั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดไม่ไปไหน เนื้อตัวและเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดของจีรัชญ์ถูกชำระและเปลี่ยนให้สะอาดแล้ว ด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่มิ้งไปหาซื้อมาให้

หญิงสาวนั่งลงข้างคนที่รับขวดน้ำไปจากเธอแต่ไม่คิดเปิดดื่มแม้แต่น้อย ตอนแรกที่เห็นว่าจีรัชญ์โดนรถชน เธอไม่คิดด้วยซ้ำว่านั่นคือรถของนิธาน ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะทุกคนได้ยินเสียงก็ตอนเกิดเหตุแล้ว อาการของจีรัชญ์สาหัสมาก และณิชอยู่ในสภาวะช็อกทำอะไรไม่ถูกได้แค่ร้องไห้ เธอเองก็ตกใจมากเช่นกัน คนที่มีสติที่สุดเห็นจะเป็นเจ้าของร้านและแขไขที่รีบโทรตามรถพยาบาลและแจ้งตำรวจ

เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนณิชเลิกมองนาฬิกา จีรัชญ์อยู่ในห้องผ่าตัดและยังไม่ออกมา เขาได้แค่นั่งภาวนาขอให้อีกฝ่ายรอด เขาพยายามคิดถึงแต่สิ่งดีๆ ที่พอจะทำให้มีกำลังใจในการรอบ้าง นั่นคือคำพูดสุดท้ายของจีรัชญ์ที่บอกว่าคำสาปจบสิ้นแล้ว

เขาดีใจที่ชาตินี้คือชาติที่ไอ้หาญไม่ต้องทนรอเขาอีกต่อไป ห้วงเวลาของพวกเขาสองคนได้มาถึงแล้ว แต่ก็ไม่มีใครรู้เช่นเดียวกันว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ไอ้หาญอาจหลุดพ้นจากคำสาปจริง แต่โชคชะตาจะยอมให้เขาสองคนได้คู่กันโดยไม่มีอุปสรรคหรือไม่นั่นไม่มีใครรู้ได้

“ณิช... ตำรวจจะสอบปากคำเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คุณไหวรึเปล่า” แขไขเดินเข้ามาถาม

ตอนนี้กลายเป็นว่าเธอต้องจัดการเรื่องเหล่านี้ให้เอง เพราะสภาพลูกน้องมือดีของเธอไม่อยู่กับร่องกับรอย อีกทั้งคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ไม่มีใครเลยเธอจึงไม่สามารถบอกให้ตำรวจไปสอบถามใครเพิ่มเติมได้อีก

“ครับ” ณิชตอบรับก่อนจะลุกเดินออกไปคุยกับตำรวจ

เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ซึ่งฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ตรวจดูกล้องวงจรปิดแล้วก็เห็นเป็นอย่างที่ณิชเล่า ส่วนนิธานกับคมไม่ได้โผล่ขึ้นมาอีกเลย คาดว่าคงจมไปพร้อมกับตัวรถลงสู่ก้นแม่น้ำแล้ว คงต้องรอพรุ่งนี้เพื่อที่จะได้กู้ซากรถขึ้นมาตรวจสอบอีกครั้ง

การรอคอยที่แสนยาวนานสิ้นสุดลงเมื่อเจ้าหน้าที่ในห้องผ่าตัดเรียกชื่อญาติจีรัชญ์ ณิชรีบวิ่งไปหาทันที สภาพที่เห็นทำเขาแทบทรุดลงไปกองกับพื้น ร่างของจีรัชญ์มีเหล็กเสียบอยู่ตรงช่วงท้องทะลุเข้าตัวไปเพื่อยึดกระดูกไว้ จีรัชญ์ยังอยู่ในอาการโคม่า เนื่องจากกระดูกในหลายส่วนหัก มีอาการบอบช้ำภายใน รวมไปถึงสมองที่ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อีกทั้งเสียเลือดมากตอนผ่าตัด เพราะฉะนั้นจึงต้องรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤตต่อไป

ในคืนแรกนั้นแพทย์ยังไม่ให้เข้าเยี่ยมเพราะต้องการให้คนเจ็บพักผ่อนให้เต็มที่ ตอนแรกณิชไม่ยอมและยืนกรานว่าจะอยู่รอจนกว่าหมอจะอนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้ แต่แขไขกลับห้ามไว้

“อยู่ที่นี่คุณจะได้พักตอนไหน นั่งเฝ้านั่งหลับอยู่หน้าห้องไปแบบนี้เหรอ กลับไปพักก่อนแล้วค่อยมาเยี่ยมดีกว่าไหม” แขไขพูดน้ำเสียงกึ่งดุ แม้เธอจะไม่พอใจที่ณิชได้หัวใจของจีรัชญ์ครอบครอง แต่เธอก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำที่จะทนยืนดูณิชเคว้งคว้างอย่างคนทำอะไรไม่ถูกได้ เธอจึงยอมปัดความโกรธออกไปก่อนแล้วยื่นมือเข้ามาช่วย

“คุณแข...”

ณิชหันมองหน้าเจ้านายตัวเองด้วยใบหน้าเศร้า ดวงตาสวยคลอไปด้วยหยาดน้ำตา เขาเม้มปากเพื่อข่มความเสียใจและเสียงสะอื้นไว้ แขไขมองอีกฝ่ายที่คงยากจะทำใจได้ว่าจีรัชญ์อาจไม่รอดจากคืนนี้ เพราะหมอบอกความเสี่ยงไว้หมดแล้วว่าเปอร์เซ็นต์ที่จีรัชญ์จะอยู่รอดได้ต้องลุ้นกันชั่วโมงต่อชั่วโมง

“พี่ณิช กลับกันก่อนนะพี่ ค่อยมาใหม่นะ” มิ้งช่วยพูดอีกแรง แต่ณิชยังคงยืนเงียบ ร้อนถึงไอ้มั่นที่อยู่กับนายมันตลอดเวลา และรับรู้ถึงความเสียใจที่นายมันมีจึงพูดออกไปบ้าง

‘ให้บ่าวอยู่รอเองนะขอรับ หากมีกระไรเกิดขึ้นบ่าวจะรีบไปบอกคุณปราณนะขอรับ ตอนนี้คุณปราณกลับไปพักก่อนนะขอรับ’

ทาสผู้ซื่อสัตย์อ้อนวอนต่อนายของมัน ตอนนี้เป็นเวลาตีสามกว่าแล้ว มันอยากให้ณิชไปพักมากกว่าจะมานั่งอดนอนตรงนี้โดยที่ช่วยอะไรจีรัชญ์ไม่ได้ หนำซ้ำยังต้องเอาตัวเองมาทรมาน หากล้มป่วยไปอีกคนจะแย่เอา

‘แต่ผมไม่อยากทิ้งเขาไว้คนเดียว’ ณิชตอบไอ้มั่นในใจ สายตาเศร้าสร้อยทอดมองประตูห้อง ICU ที่ปิดสนิท และผู้ที่เข้า-ออกได้ต้องได้รับอนุญาตเท่านั้น

‘บ่าวจะอยู่กับมันไม่ไปไหนเลยขอรับ คุณปราณกลับไปพักก่อนเถิด บ่าวขอร้องนะขอรับ’ ไอ้มั่นถึงกับคุกเข่าขอร้องเจ้านาย ณิชก้มมองคนที่นั่งต่ำกว่าตนก่อนจะยอมจำนนต่อคำขอนั้น

มิ้งขับรถมาส่งณิชที่ห้องและถือโอกาสนอนค้างด้วยเสียเลย เพราะไม่อยากทิ้งณิชไว้คนเดียว ก่อนหน้านี้ก็เคยมาค้างตอนเมาบ่อยๆ จึงไม่รู้สึกประดักประเดิดอะไร เธอเอาเบาะนอนมาปูนอนหน้าโทรทัศน์ ส่วนณิชก็เข้าห้องนอนไป

แต่ถึงแม้ใครหลายคนจะบอกให้ณิชพักเขาก็นอนไม่หลับอยู่ดี ดังนั้นณิชจึงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่หกโมง มิ้งที่เพิ่งหลับไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงลุกขึ้นมองรุ่นพี่เธอด้วยสายตางัวเงีย

“พี่จะไปไหน”

“จะไปหาคุณจีรัชญ์ ฝากแกล็อกห้องแล้วก็ลางานกับพี่โอ๋ให้พี่ด้วยนะ” ณิชบอกทิ้งไว้แค่นั้นก็คว้ากุญแจรถออกจากห้องไป

“พี่ณิช! เห้ย! พี่ได้นอนยังเนี่ย เอ้า!” มิ้งลุกตามไปถามแต่ก็ไม่ทันเพราะณิชเข้าลิฟต์ไปแล้ว เธอขยี้หัวฟูๆ ของตัวเองก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไปล้างหน้าแปรงฟัน เดี๋ยวคงต้องกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องก่อน จากนั้นก็ค่อยไปบริษัท

“ฮัลโหลพี่โอ๋ วันนี้ขอเข้าสายหน่อยนะพี่ พอดีมีเรื่องว่ะ”

[เรื่องไรวะ ไม่ร้ายแรงไม่อนุญาต]

“เออ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง แล้ววันนี้พี่ณิชลานะพี่”

[มันจะไปไหนทำไมไม่ลาเอง]

“เออน่ะ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง แค่นี้นะ” พูดจบมิ้งก็วางสาย เธอกวาดสายตามองไปทั่วห้องของณิช เห็นรังรักของณิชกับจีรัชญ์แล้วได้แต่ถอนหายใจ มาอยู่ใกล้ให้มีความสุขแค่ไม่กี่วันก็ต้องทนทุกข์ทรมานกันอีกแล้ว

*

ณิชมาถึงโรงพยาบาลในเวลาแปดโมงเช้า เมื่อคืนเขาพยายามทำตัวให้ตื่นตลอดเวลาแต่มั่นไม่ได้กลับไปหาเขาเลย แสดงว่าจีรัชญ์ผ่านพ้นช่วงเวลาไปได้กว่า 5 ชั่วโมงแล้ว

ชายหนุ่มวัยทำงานที่มีกาแฟแก้วหนึ่งวางอยู่ใกล้ตัวนั่งมองคนที่เดินผ่านเข้าออกห้อง ICU เขาชะเง้อคอมองว่าแพทย์ที่ดูแลจีรัชญ์อยู่หรือไม่ เพื่อจะได้ถามไถ่อาการ แต่ความอดทนรอของเขามีขีดจำกัด เมื่อเห็นพยาบาลของหอผู้ป่วยวิกฤตเดินออกมาเขาจึงเข้าไปถามเธอ

“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบคนไข้ชื่อจีรัชญ์อาการเป็นยังไงบ้างครับ”

“คุณจีรัชญ์... อ๋อ คนไข้ของหมอวีระใช่ไหมคะ ตอนนี้ยังต้องเฝ้าดูอาการค่ะ เดี๋ยวคุณหมอจะเข้ามาอีกทีช่วงเที่ยง ถ้าญาติจะพบหมอก็มาตอนนั้นได้เลยนะคะ” พยาบาลสาวนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ

“ครับ ขอบคุณมากครับ” ณิชยิ้มขอบคุณ เขาหลบให้พยาบาลสาวเดินออกไปส่วนตัวเองก็กลับมานั่งที่เดิม

‘คุณปราณขอรับ’ ไอ้มั่นเรียกเจ้านายของมันเบาๆ รู้อยู่แล้วว่ายังไงคุณปราณก็ต้องมาหาไอ้หาญตั้งแต่เช้าแบบนี้

‘เมื่อคืนคุณจีรัชญ์เป็นไงบ้างมั่น เขาฟื้นรึยัง’

‘เหมือนจะรู้สึกตัวขอรับแต่ก็หลับไปก่อน ได้ยินพยาบาลเขาพูดกันว่าตอนนี้อาการยังน่าเป็นห่วง เพราะผ่าตัดหลายจุดต้องรอให้ร่างกายพักฟื้นอีกสักพัก แต่โดยรวมแล้วยังไม่มีอะไรที่แปลกไปจากเดิมขอรับ’

แค่นี้ก็ดีแล้ว แค่จีรัชญ์ยังมีลมหายใจอยู่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

ณิชไปหาข้าวที่โรงอาหารของโรงพยาบาลกิน แม้จะไม่ค่อยหิวสักเท่าไหร่ก็ตาม ส่วนไอ้มั่นก็กลับไปอยู่กับจีรัชญ์ตามเดิม ระหว่างที่กำลังทานข้าวอยู่นั้นแขไขก็โทรเข้ามาหา บอกเรื่องโปรเจกต์ของโรงแรมนิธานว่าเขายังต้องทำต่อไป เพราะผู้ถือหุ้นรายใหม่ขึ้นแท่นผู้บริหารแทนแล้ว ในส่วนของตำรวจก็กู้ซากรถขึ้นมาได้แล้ว มีศพของนิธานและคมอยู่ภายในนั้น เป็นอันแน่ชัดแล้วว่าทั้งคู่เสียชีวิตเพราะจมน้ำ

“ขอบคุณมากครับคุณแข” ณิชเอ่ยขอบคุณเจ้านายที่ช่วยเป็นธุระให้ทุกอย่าง

[ถ้าจะขอบคุณฉันก็ช่วยตั้งสติแล้วอยู่กับปัจจุบัน อย่ามัวแต่จมอยู่กับความเสียใจ ช่วงนี้ฉันอนุญาตให้ลางานได้ แต่คงให้ได้ไม่เกิน 3 วันนะ เพราะงานของบริษัทยังต้องเดินหน้าต่อ] แขไขพูดเสียงเรียบก่อนจะวางสายไป

ขอบคุณที่แขไขยังปรานีให้เขาหยุดเพื่อมาดูจีรัชญ์ถึง 3 วัน ส่วนหลังจากสามวันจะเป็นอย่างไรก็คงต้องรอดูกันอีกที ระหว่างนี้ณิชไม่ลืมโทรไปบอกป้าแจ่มว่าจีรัชญ์ประสบอุบัติเหตุ ฝ่ายนั้นตกใจจนเกือบเป็นลมเขาจึงได้คุยกับแม่บ้านอีกคนแทน ป้าแจ่มบอกว่าเดี๋ยวจะขึ้นมาเยี่ยมที่กรุงเทพฯ ณิชจึงบอกว่าเดี๋ยวจะให้มิ้งไปรอรับ และให้ป้าแจ่มมาพักที่ห้องของเขา

เข้าช่วงเที่ยงณิชมานั่งรอพบหมอเจ้าของไข้ นายแพทย์วีระเดินออกมาพร้อมกับหมอคนอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง เขาจำได้ว่าหมอที่ทำการผ่าตัดให้กับจีรัชญ์เป็นหมอที่มีอายุอีกท่านหนึ่ง แต่หมอวีระหนุ่มกว่าคาดว่าเป็นลูกศิษย์ของหมอวีระที่เป็นหัวหน้าทีมแพทย์อีกที

“รวมๆ แล้วตอนนี้ยังต้องติดตามอาการชั่วโมงต่อชั่วโมงครับ เพราะหมอไม่แน่ใจว่าคนไข้จะรับได้มากแค่ไหนนะ”

คำตอบหมอทำณิชฝืนยิ้มอีกครั้ง เอาน่ะ...อย่างน้อยๆ ตอนนี้ก็ผ่านไปเกิน 10 ชั่วโมงแล้วล่ะนะ รออีกหน่อย ขอให้จีรัชญ์อดทนอีกสักนิด ผ่านพ้นเวลาที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกันเพื่อจะได้ลืมตามาเจอกันอีกครั้ง

*

ณิชได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมจีรัชญ์ได้ในวันต่อมา ไอ้มั่นบอกว่าจีรัชญ์ฟื้นเมื่อคืน กะพริบตา 2-3 ทีก็หลับต่อ ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี วันนี้เขาจึงรีบมาหาตั้งแต่เช้าเพื่อให้ทันเวลาเยี่ยมไข้ เพราะมันเป็นกฎว่าต้องเข้าเยี่ยมตามเวลาเท่านั้น

ทันทีที่เขาได้เห็นร่างของคนเจ็บน้ำตาที่หายไปแล้วก็กลับมาอีกครั้ง เหล็กที่เสียบทะลุเนื้อเพื่อยึดกระดูกให้ติดกันดูน่ากลัว ร่างกายของจีรัชญ์เต็มไปด้วยเหล็กยึด สายระโยงระยางเต็มไปหมด มีทั้งสายที่มาจากเสาที่ให้ยา สายวัดชีพจร สายน้ำเกลือ ถุงเลือด สภาพในตอนนี้แทบลืมไอ้หาญคนที่เคยแข็งแรงไปได้เลย

ณิชกดเจลแอลกอฮอล์ตรงปลายเตียงผู้ป่วยเพื่อล้างมือให้สะอาด พยายามไม่ให้ตัวเองเข้าไปชนอุปกรณ์ต่างๆ ก่อนจะจับมืออุ่นข้างที่ไม่มีสายน้ำเกลือบีบเบาๆ เพื่อบอกให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าเขายังอยู่ตรงนี้

“คุณจีรัชญ์ครับ” เสียงอันสั่นเครือเรียกคนที่หลับอยู่เบาๆ เขามีเวลาเยี่ยมเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น หากเป็นไปได้ก็อยากให้จีรัชญ์ลืมตาขึ้นมามองกันสักหน่อย

ณิชจับมืออีกฝ่ายไม่ห่าง แม้เรียกแล้วแต่จีรัชญ์ไม่ตื่นขึ้นมาก็ตาม เขายืนมองใบหน้าหล่อที่ซีดกว่าปกติเล็กน้อย ตัวเลขบนหน้าจอตรงหัวเตียงบ่งบอกถึงการมีชีวิตยังคงทำงานของมันต่อไป เขาจะถือว่านี่คือเรื่องดีที่จีรัชญ์ไม่จากเขาไปเสียก่อน

เมื่อหมดเวลาเยี่ยมณิชก็ออกมารอที่หน้าห้อง โดยมีไอ้มั่นคอยเข้าๆ ออกๆ ห้องเพื่อไปเฝ้าเพื่อนรักกับมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้านาย แต่หลายครั้งที่ณิชบอกให้ไอ้มั่นเข้าไปอยู่กับจีรัชญ์ นี่คือข้อดีอย่างหนึ่งของการมีวิญญาณตามติด ถึงเขาจะเข้าไปอยู่กับจีรัชญ์ตลอดเวลาไม่ได้ แต่ก็ยังมีไอ้มั่นคอยส่งข่าวให้ตลอด

*

“อะ! กูซื้อข้าวมันไก่มาฝาก” พี่โอ๋ยื่นถุงกล่องข้าวมาให้ในเวลาตอนเที่ยงของการเฝ้าจีรัชญ์วันที่ 3 ก่อนจะมีกาแฟเย็นแก้วหนึ่งยื่นมาคู่กันแต่มาจากบอย

“ผมซื้อน้ำมาให้เป็นการไถ่โทษ ขอโทษนะพี่ณิช ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้ว่าพี่กับคุณตรีคบกันว่ะเลยพูดไรไปแบบนั้น” บอยกล่าวขอโทษอย่างรู้สึกผิด แต่ที่ยังค้างคาใจก็คงจะเป็นเรื่องลมที่พัดเขาจนตกสระบัว ลมพัดราวกับโดนใครถีบทำเอาเขาเข็ดสระบัวไปเลยจริงๆ

“ช่างมันเถอะ ขอบใจมากนะ ขอบคุณนะพี่โอ๋”

“เออ ไม่เป็นไร พวกกูเพิ่งรู้ข่าวเรื่องของมึงทั้งหมดจากไอ้มิ้ง ช็อกเถอะไอ้สัด แล้วนี่คุณตรีเขาเป็นไงบ้างวะ”

“อาการยังทรงตัวอยู่ ไม่ทรุดแต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่” ณิชตอบเสียงเรียบ เขาไม่ได้กินข้าวของพี่โอ๋แต่ดูดกาแฟไปอึกใหญ่

“ต้องให้เวลาร่างกายฟื้นฟูแหละ เจ็บหนักเลยนี่”

“อืม” ณิชพยักหน้ารับกับประโยคของบอย

แขไขกับมิ้งที่เข้าไปเยี่ยมจีรัชญ์เดินออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก กฎการเยี่ยมให้เข้าไม่เกินสองคนเขาจึงเข้าไปด้วยไม่ได้ แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวทั้งสองเดินออกมาหน้าตาแบบนั้นเขาจึงลุกไปหาทันที

“คุณจีรัชญ์เป็นอะไร!” ณิชถามเสียงร้อนรน

“เอ่อ...คุณตรีตื่นแล้ว” มิ้งตอบ ด้วยความดีใจณิชไม่ได้อยู่รอฟังประโยคต่อไปที่หญิงสาวพูดต่อ เขารีบพุ่งเข้าห้อง ICU ทันที โดยแขไขรีบตามไปอีกคน

ณิชตรงไปยังเตียงผู้ป่วยเตียงเดิมที่เขาเฝ้ามา 3 วันแล้ว และครั้งนี้จีรัชญ์ก็ตื่นมาเจอหน้าเขาสักที หลังจากที่ไอ้มั่นบอกว่าจีรัชญ์หลับๆ ตื่นๆ หลายครั้ง แต่มันก็คลาดกับเขาทุกครั้งไป เพราะทุกครั้งที่จีรัชญ์ตื่นก็จะหมดเวลาเยี่ยม ไม่ก็เป็นช่วงกลางคืนที่เขากลับไปนอนที่ห้อง

รอยยิ้มแรกของคนที่เฝ้ารอยิ้มให้กับชายหนุ่มที่นอนลืมตาอยู่บนเตียง ณิชเก็บความดีใจไม่มิดจนรีบพาตัวเองและมืออันเย็นเฉียบไปจับมือจีรัชญ์ไว้

“ในที่สุดเราก็ได้เจอกันสักที”

หากเป็นไปได้เขาอยากจะกอดจีรัชญ์ให้แน่นๆ ที่อีกฝ่ายต่อสู้จนตื่นมาเจอเขาอีกครั้ง เขาบีบมือใหญ่เบาๆ พร้อมใบหน้าที่ยังคงยิ้มไม่หุบ น้ำตาเอ่อคลอด้วยความดีใจ อย่างน้อยโชคชะตาก็ไม่ใจร้ายกับพวกเขานัก

“คุณคือใคร”

แต่คำถามแรกที่ออกจากปากจีรัชญ์ทำณิชตัวชาวาบ รอยยิ้มสดใสค่อยๆ เจื่อนลงทีละน้อย ก่อนจะหันไปมองหน้าแขไขที่ยืนหน้าเครียดอยู่ตรงปลายเตียง

“ไม่ตลกนะครับ อย่าเล่นกันแบบนี้สิ” ณิชยังฝืนยิ้มต่อ แต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของคนบนเตียงกลับทำให้รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าเขา

“แขครับ คนนี้คือ...” จีรัชญ์ถามหญิงสาวที่ตนรู้จักอย่างต้องการคำตอบ

“ณิชเป็นลูกน้องแขค่ะ เขา...เป็นคนดูแลโปรเจกต์รีโนเวทภายในวังของคุณ” แขไขรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่น้อยที่ต้องเป็นคนกลางแบบนี้ เธอไม่รู้ว่าถ้าหากบอกจีรัชญ์ไปว่าณิชคือคนรักของเจ้าตัว จีรัชญ์จะเป็นอย่างไร

“อ๋อ... สวัสดีครับคุณณิช ขอโทษทีนะครับ ผมจำอะไรไม่ค่อยได้ คงเพราะอุบัติเหตุที่ทำให้ผมต้องมานอนอยู่อย่างนี้แหละ” จีรัชญ์ตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนเพื่อบอกว่าเขาขอโทษจากใจจริง ก่อนเจ้าของมือที่ถูกณิชกอบกุมไว้จะดึงออกและหลุดจากกันในที่สุด

ความเจ็บปวดที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ ทำให้ณิชได้แค่กล้ำกลืนความเจ็บเหล่านั้นต่อไป แขไขได้แจ้งพยาบาลไปแล้วว่าจีรัชญ์จำเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่ได้ ซึ่งหมอได้มาตรวจดูอาการก่อนหน้านี้ที่จีรัชญ์ฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่เพราะคิดว่าอาจจะยังเบลอเพราะฤทธิ์ยาจึงปล่อยไปก่อน แต่เมื่อคนใกล้ชิดยืนยันแบบนี้ก็แสดงว่าจีรัชญ์คงสูญเสียความทรงจำก่อนหน้านี้ไปแล้วจริงๆ

หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๒ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 08-06-2021 07:01:53
(ต่อ)


ไอ้มั่นมองสหายของมันด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ มันเอามือโบกไปมาตรงหน้าแต่อีกฝ่ายกลับมองไม่เห็นมันเสียอย่างนั้น ไม่ว่าจะเรียกหรือทำเสียงแปลกๆ กวนประสาทเพราะคิดว่าไอ้หาญแกล้ง แต่เปล่าเลย...ไอ้หาญไม่มีท่าทีว่าจะได้ยินหรือรับรู้ได้ว่ามันมีตัวตน

“อึก...ฮึก...” ณิชพยายามกลั้นเสียงสะอื้นที่มันรั้นจะหลุดออกมาเสียให้ได้ จนเขาไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปจึงรีบออกจากห้อง ICU ไป

มิ้งวิ่งตามรุ่นพี่ของเธอมาจนเห็นว่าณิชกำลังหลบมุมนั่งร้องไห้อยู่หลังเสา มือเรียวอุดปากไว้ไม่ให้เสียงร้องของตัวเองรบกวนคนอื่นจนตัวสั่น น้ำตาเม็ดโตไหลไม่หยุดจนมิ้งรู้สึกสงสารจับใจ เธอจะคิดว่าจีรัชญ์ล้อเล่นเรื่องสูญเสียความทรงจำ หากไม่ใช่ว่าตอนที่เธอเข้าไปเยี่ยมจีรัชญ์อีกฝ่ายก็จำเธอไม่ได้เช่นเดียวกัน แต่ทักทายแขไขอย่างคนคุ้นเคยมานานพร้อมรอยยิ้มหวาน

“พี่ณิช...” มิ้งเรียกคนที่นั่งสะอื้นราวเด็กน้อยร้องไห้เสียงเบา เธอนั่งลงข้างกันก่อนจะกอดไหล่อีกฝ่ายเอาไว้ น้ำตาแห่งความเสียใจที่เข้าใจความรู้สึกของณิชดีไหลอาบแก้ม เธอสงสารณิชจับใจที่ต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ไอ้มั่นเองก็เช่นกัน มันตามเจ้านายของมันออกมา เห็นความเสียใจที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ของคุณปราณก็ทำมันน้ำตาไหล พวกมันทำอะไรผิดหรือ เหตุใดโชคชะตาถึงได้กลั่นแกล้งทรมานกันถึงเพียงนี้ แค่สองชาติที่ผ่านมายังเจ็บช้ำกันไม่มากพอหรือ

แต่หากกรรมของมันที่สร้างไว้ ผูกชะตาให้ครองคู่มิเปลี่ยนผัน

ก็จงหยุดคำสาปไว้นิจนิรันดร์ ให้มนต์นั้นสิ้นสลายมลายเอย

คำสาปที่ออกญาศรีรัตนกรลั่นวาจาไว้ บอกเพียงแค่ว่าให้ครองคู่ในเวลาที่เหมาะที่ควร ถึงแม้ความรักของทั้งคู่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นรักแท้ต่อกัน แต่การได้ครองคู่กันไม่ได้หมายความว่าจะได้อยู่ด้วยกันตราบสิ้นลมหายใจ

ณิชหยุดร้องไห้ไปแล้วเพราะน้ำตาเขาแทบไม่มีให้ไหล ปวดกระบอกตาไปหมดแต่กระนั้นความเสียใจก็ยังอยู่เต็มอก ชายหนุ่มไม่พูดไม่จากับใครเลย ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองสบตาใครก็ตามที่พยายามเรียกชื่อตน

‘ทำไงดีพี่มั่น พี่พอจะรู้อะไรเกี่ยวกับคำสาปอีกไหม หรือเราต้องผ่านด่านอะไรอีก’ มิ้งถามคนที่ในตอนนี้น่าจะเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุด แต่ไอ้มั่นกลับส่ายหน้าเป็นคำตอบ ดวงตาเศร้าสร้อยของทาสผู้ซื่อสัตย์ได้เพียงทอดมองนายของมันอย่างทอดถอนใจ

‘ข้าไม่รู้จะช่วยเยี่ยงไรแล้วเจ้ามิ่ง ข้าเองก็จนหนทางแล้วเช่นกัน’

ที่ถือสัตย์สาบานว่าจะช่วยเหลือคนทั้งคู่มันพยายามเต็มที่แล้ว ทั้งดูแล ทั้งคอยช่วยเหลือ แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ที่ไอ้หาญมองไม่เห็นและไม่ได้ยินมัน มันก็จนปัญญาไม่รู้จะหาวิธีใดมาช่วยคุณปราณได้แล้ว

“ณิช...” แขไขเดินเข้ามาหาคนที่หนีหน้าออกมาก่อน ตอนนี้หมดเวลาเยี่ยมแล้วเธอจึงออกมาดูคนที่ต้องแบกรับความเสียใจอีกครั้ง เธอไม่รู้จะพูดยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้น เข้าใจถึงอาการบาดเจ็บของจีรัชญ์แต่ก็สงสารณิชเช่นเดียวกัน ไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรอก

“หมอบอกว่าต้องให้เวลา มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับคนไข้ เพราะการบาดเจ็บที่กระทบกระเทือนสมองทำให้ตรีสูญเสียความทรงจำบางส่วนไป ถ้ายังมีโชคอยู่บ้างความทรงจำก็อาจจะกลับมา”

ณิชฟังคำพูดของหญิงสาวก่อนจะหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะที่ไม่มีความสุขเลยสักนิด ‘ถ้ายังมีโชคอยู่บ้าง’ โชคของพวกเขาหมดไปแล้ว ไม่มีเหลือแล้ว

“มิ้ง ฉันฝากด้วยล่ะ” แขไขตัดบทแค่นั้นไม่คิดพูดอะไรอื่นอีก เพราะเข้าใจว่าตอนนี้ณิชคงแบกรับอะไรไม่ไหวอีกแล้ว

โทรศัพท์ของณิชดังขึ้นขัดความเงียบ เมื่อเจ้าตัวหยิบออกมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์โทรของป้าแจ่ม เขากดรับสายกและบอกไปว่าเดี๋ยวจะให้มิ้งไปรับที่สนามบิน ป้าแจ่มมาพร้อมกับสุทินและรัศมีเลขาฯ ของจีรัชญ์ เพราะหญิงสูงวัยได้บอกข่าวกับสองคนนั้นแล้ว

“พี่จะไปด้วยกันไหม หรือจะอยู่ที่นี่” มิ้งลุกขึ้นยืนทุบขาตัวเองเบาๆ จากความเหน็บชาเพราะนั่งนานเกินไป

“พี่จะรอที่นี่” ณิชตอบเสียงอู้อี้

“ไอ้ณิช” พี่โอ๋เดินเข้ามานั่งข้างณิชแทนมิ้งที่ออกไปแล้ว ชายหนุ่มหัวหน้างานตบไหล่ลูกทีมตัวเองเบาๆ หลังจากได้รู้เรื่องอาการของจีรัชญ์แล้ว เขาไม่เคยเห็นณิชเป็นแบบนี้เลย ไม่เคยรู้ว่าอีกฝ่ายแบกรับอะไรไว้มากแค่ไหน แต่วันนี้ได้เห็นความอ่อนแอของอีกฝ่ายก็ทำเขาอึ้งไปเหมือนกัน

“เอาน่ะ เดี๋ยวความทรงจำมันก็กลับมา ค่อยๆ รื้อฟื้นไปทีละนิด กูเชื่อว่ายังไงคุณตรีเขาก็จำมึงได้ในสักวัน”

ณิชไม่ได้พูดอะไรกับคำปลอบใจนั้น เพราะลึกๆ แล้วที่เขาต้องการให้จีรัชญ์จำไม่ใช่แค่เรื่องราวในชาตินี้ แต่เป็นทุกภพทุกชาติที่เขาได้เจอกันต่างหาก

เมื่อก่อนจีรัชญ์เป็นคนจำเรื่องราวในอดีตได้ทุกอย่าง ส่วนตอนนี้เหลือเพียงเขาคนเดียวที่ต้องจดจำมันไว้ เหมือนโชคชะตาต้องการลงโทษที่เขาต้องทำให้ชีวิตคนหนึ่งคนต้องแบกรับความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า และจดจำเรื่องราวทุกอย่างได้ราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

มันก็สมควรแล้ว กรรมใดที่เขาก่อไว้ในอดีตชาติมันสมควรถูกชดใช้ให้หมดในชาตินี้ ไม่ใช่แค่คำสาปที่หายไป แต่กรรมที่สร้างไว้ก็ควรหมดไปด้วย

โอ๋กับบอยขอตัวกลับไปทำงานต่อณิชจึงได้อยู่คนเดียวอีกครั้ง เขายังคงนั่งหลบมุมอยู่ที่หลังเสาเช่นเดิม แรงจะลุกยืนยังไม่มีเพราะตอนนี้ตื้อไปหมด ไอ้มั่นนั่งลงข้างเจ้านายของมัน ไม่มีคำใดเอื้อนเอ่ยเพราะไม่รู้จะปลอบใจอย่างไร คงมีแค่ความเงียบและลมที่พัดเพียงแผ่วเบาปลอบประโลมคนที่กำลังเคว้งคว้างในตอนนี้

เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนมิ้งกลับมาอีกครั้ง ป้าแจ่ม สุทินและรัศมีมาพร้อมกับท่าทางร้อนรนเพราะเป็นห่วงเจ้านายตัวเองใจแทบขาด กว่าพวกเขาจะมาได้ก็ต้องอยู่เคลียร์งานก่อนเพื่อจะได้ขึ้นมาได้สะดวกใจ ป้าแจ่มกำขวดน้ำมันเหลืองที่ไว้สูดดมยามวิงวียนศีรษะไว้ตลอด ตอนรู้ข่าวจนกระทั่งตอนนี้ใจคอเธอไม่สู้ดีเลย

“ทุกคนรอตรงนี้ก่อนนะคะ ได้เวลาเยี่ยมช่วงเย็นพอดี เดี๋ยวหนูไปตามพี่ณิชก่อนจะได้เข้าไปดูคุณตรีกันเลย”

“ได้ค่ะๆ” ป้าแจ่มรับคำก่อนจะนั่งลงตรงที่นั่งหน้าห้อง ICU

สุทินแทบไม่เชื่อตัวเองว่าตอนนี้เขาจะมายืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วยวิกฤตเพื่อรอเยี่ยมจีรัชญ์ เจ้านายของเขาที่ไม่เคยเป็นอะไรแม้แต่รอยข่วน แสดงว่าคำสาปที่ติดตัวมาผ่านพ้นไปแล้ว ซึ่งใจหนึ่งเขาก็ดีใจแต่อีกใจก็ห่วงว่าหลังจากนี้จีรัชญ์จะกลับมาเป็นปกติหรือไม่

มิ้งเดินมาหาณิชตรงที่เดิม เธอสะกิดบอกอีกฝ่ายว่าคนจากวังปริพัตรมาแล้ว ดวงตาแดงก่ำของชายหนุ่มสื่อให้รู้ว่าเจ้าตัวยังคงนั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ตั้งแต่ที่เธอออกไปรับป้าแจ่ม จนตอนนี้ แม้ไม่มีน้ำตาไหล แต่หยาดน้ำใสที่เอ่อคลอดวงตานั้นเป็นตัวบ่งบอกว่าความเสียใจยังมีอยู่เต็มอก

“สวัสดีครับป้าแจ่ม คุณสุทิน คุณรัศมี” ณิชทักทายพร้อมกับยกมือไหว้หญิงสูงวัย อีกฝ่ายรีบเข้ามากอดณิชในทันที

“คุณณิชเป็นยังไงบ้างคะ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

“ผมไม่เป็นอะไรครับ คุณจีรัชญ์ช่วยผมไว้ ที่นี่เขาให้เข้าเยี่ยมได้ครั้งละ 2 คน เดี๋ยวผมพาป้าแจ่มเข้าไปก่อน ส่วนคุณสุทินกับคุณรัศมีค่อยเข้าไปตอนผมออกมานะครับ” ณิชข่มความเสียใจไว้ก่อนจะพาหญิงสูงวัยเข้าไปในห้องผู้ป่วยวิกฤต สุทินได้เพียงแค่มองตามหนุ่มเมืองกรุงที่ไม่กล้าสบตาใคร ดวงตาแดงก่ำนั้นสื่อให้รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก คงมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมากกว่าอุบัติเหตุแน่ๆ

ป้าแจ่มน้ำตาเอ่อคลอเมื่อเห็นสภาพของจีรัชญ์ที่สาหัสกว่าที่คิดมาก ตั้งแต่เธอทำงานที่วังปริพัตรมาก็ไม่เคยเห็นจีรัชญ์เจ็บไข้ได้ป่วยเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เห็นและมันรุนแรงจนเธอแทบเป็นลมลงตรงนี้

“ป้าแจ่ม” จีรัชญ์เอ่ยเรียกหญิงสูงวัยอย่างคนที่รู้จักกันดี ซึ่งนั่นยิ่งตอกย้ำว่าจีรัชญ์ลืมเรื่องราวของณิชเพียงแค่คนเดียว

“โถ...คุณตรี ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้คะ” ป้าแจ่มถามเสียงสั่นเครือ เธอไม่กล้าจับตัวจีรัชญ์จึงได้แค่ลูบไปบนหลังมือเบาๆ ณิชขอเก้าอี้จากพยาบาลมาให้เธอนั่ง ส่วนตัวเองก็หลบไปยืนอยู่ปลายเตียงแทน

“ผมก็ไม่ทราบครับ ตื่นมาก็เป็นแบบนี้เลย ผมจำเรื่องก่อนหน้านี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ” จีรัชญ์ตอบ

เขาพยายามนึกมากเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเกิดอุบัติเหตุที่ไหน ใครเป็นคนทำ เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นเป็นอย่างไร เขาจำได้แค่ว่าตนเองเดินทางมาหาแขไขเพื่อมาคุยเรื่องตกแต่งภายในวังปริพัตร ซึ่งมันคือมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษของเขา หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีก แขไขบอกเขาว่าเหตุการณ์นั้นผ่านมา 3 เดือนแล้ว แสดงว่าก่อนหน้าที่เขาจะประสบอุบัติเหตุต้องมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย แต่เขากลับจำอะไรไม่ได้เลย รวมไปถึงชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงปลายเตียงเขาด้วย

แขไขบอกว่าอีกฝ่ายชื่อณิช เป็นคนรับผิดชอบโปรเจกต์ตกแต่งภายในวังปริพัตร และได้ไปอยู่ที่วังตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา เขาอดแปลกใจไม่ได้ที่ตนเองกลับลืมเรื่องของคนผู้นี้ไปเสียสนิท ราวกับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อนและระยะเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้นด้วยซ้ำ แขไขยังบอกอีกว่าเขากับณิชนั้นสนิทกัน แต่เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเขาสองคนคงมีมากกว่านั้น เพราะหากเขากับณิชแค่ทำงานร่วมกันคงไม่ทำให้ณิชถึงกับต้องมาดูแลเขาแบบนี้

“ตอนคุณณิชโทรไปบอกป้าตกใจจนเป็นลม นี่เพิ่งดีขึ้นเลยได้ขึ้นมาหาค่ะ คุณตรีไม่ต้องห่วงนะคะ ป้าแบ่งงานให้พวกเด็กๆ ทำแล้ว ส่วนเรื่องสวนผลไม้ป้าให้ไอ้พลีจัดการเหมือนที่เคยทำมาค่ะ”

“ขอบคุณป้าแจ่มมากครับ” ชายหนุ่มขอบคุณหญิงสูงวัยที่เป็นแม่บ้านคนที่ตนไว้วางใจให้ดูแลวังปริพัตรที่สุด แค่มีป้าแจ่มเขาก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง

“อ้อ สุทินกับหนูรัศมีก็มานะคะ แต่คุณณิชบอกเขาให้เข้าเยี่ยมครั้งละสองคนเลยต้องรออยู่ข้างนอก” ป้าแจ่มเช็ดน้ำตาตัวเองก่อนจะพูดเบาๆ เพื่อไม่ให้รบกวนคนไข้เตียงอื่น จีรัชญ์พยักหน้าพลางยิ้มรับ

ป้าแจ่มอยู่คุยกับจีรัชญ์อีกเล็กน้อยก็ขอตัวออกมาก่อน เพราะจะได้ให้สุทินกับรัศมีเข้ามาเยี่ยมบ้าง ครั้งนี้สุทินเข้ามาพร้อมรัศมีและเมื่อคนทั้งคู่เห็นจีรัชญ์ก็ช็อกไปทันที รัศมีถึงกับมือสั่นเพราะความตกใจ จากที่คิดไว้ว่ามันสาหัสแต่ก็ไม่คิดว่าถึงขนาดกับต้องมีเหล็กเสียบยึดกระดูกโผล่ออกมาข้างนอกแบบนี้

“สภาพคุณดู...”

“อืม... ดูไม่จืดและเจ็บมาก”

จีรัชญ์ตอบรับคำสุทินที่ดูจะอึ้งกิมกี่พูดไม่ออก สีหน้าเหยเกของจีรัชญ์ยามขยับตัวเล็กน้อยสื่อให้รู้ว่าเจ้าตัวเจ็บปวดกับแผลไม่น้อย และนั่นคือคำตอบที่แน่นชัดว่าคำสาปได้หายไปแล้ว

“ตำรวจหาตัวคนขับรถชนคุณตรีได้ไหมคะ ให้หมีจัดการอะไรให้ไหม”

“คุณแขเขาช่วยจัดการเรื่องนี้ให้แล้วครับ”

“แล้วนี่จะทำยังไงต่อครับ คุณตรีคงต้องรักษาตัวอยู่ที่นี่อีกสักพักใหญ่ๆ เลย เพราะคงไปไหนมาไหนด้วยเหล็กเสียบตัวแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ”

“ยังไม่ได้คิดครับ แต่ก็คงต้องจ้างพยาบาลพิเศษ”

“อ่า...นั่นสินะครับ คุณณิชคงไม่ว่างมาเฝ้าตลอดเพราะต้องทำงานด้วย”

“อ้าว! ทำไมให้คุณณิชเฝ้าละคะ มันควรจะเป็นคุณแขมากกว่าน้าที่ต้องทำหน้าที่นี้ ใช่ไหมคะคุณตรี” เลขาฯ สาวถามพลางยิ้มแซว สุทินมองคนพูดก่อนจะหันไปมองหน้าจีรัชญ์ที่มีรอยยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อย แน่ล่ะว่ารัศมียังไม่รู้เรื่องของจีรัชญ์กับณิชว่าสองคนนี้คบหากันแล้วจึงพูดแบบนี้

“คุณแขเขาไม่ว่างหรอกครับ อีกอย่างผมไม่อยากรบกวนด้วย จ้างพยาบาลพิเศษน่าจะดีกว่าครับ”

สุทินขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินคำตอบของเจ้านายตน แทนที่จีรัชญ์จะปฏิเสธและบอกรัศมีไปตามตรงว่าตนกับหญิงสาวไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว แต่กลับตอบมาแบบนี้ทำให้เขาสงสัยไม่น้อย หรือตอนที่ขึ้นมากรุงเทพฯ ณิชกับจีรัชญ์ทะเลาะกันหรือเปล่า

พวกเขาพูดคุยกันอีกสักพักพยาบาลก็มาบอกว่าหมดเวลาเยี่ยมแล้ว รัศมีอวยพรให้เจ้านายให้ไวๆ เธอจะรออีกฝ่ายกลับไปทำหน้าที่อาจารย์มหา’ ลัยตามเดิม แม้จะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจีรัชญ์จะหายเป็นปกติก็ตาม ส่วนสุทินทำเพียงแค่ยิ้มให้และบอกว่าสู้ๆ แม้เขาจะมีความสงสัยอยู่เต็มหัวก็ตามที

“คุณรัศมีจองห้องพักให้ป้ากับคุณสุทินแล้วค่ะ คุณณิชไม่ต้องห่วงนะคะ”

“อ่า...งั้นเหรอครับ แล้วพักอยู่แถวไหนครับ” ณิชถาม

“โรงแรมใกล้ๆ โรงพยาบาลนี่แหละค่ะ เวลาเดินทางมาเยี่ยมจะได้สะดวกๆ”

“งั้นเดี๋ยวมิ้งขับรถไปส่งนะคะ” มิ้งอาสาพาคนทั้งสามไปส่งที่โรงแรมเพราะเห็นว่าไม่มีรถ

“เอ่อ...ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณณิชหน่อยครับ ไม่ทราบคุณณิชสะดวกไหม” สุทินขัดขึ้นเมื่อทุกคนกำลังจะแยกย้าย

สายตาของสุทินที่ส่งมาหาทำให้ณิชพยักหน้ารับได้ไม่ยาก จากนั้นเขากับสุทินจึงพากันไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ทันทีที่สั่งอาหารเสร็จสุทินก็ถามสิ่งที่เขาสงสัยในทันที

“ระหว่างคุณกับคุณตรีมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมผมรู้สึกว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิม”

ณิชยิ้มกับคำถามนั้น แต่สำหรับสุทินที่มองอยู่เขาเห็นว่ามันเป็นยิ้มที่เศร้าที่สุดที่เคยเห็นมา ก่อนที่ณิชจะเริ่มเล่าทุกอย่างให้สุทินฟังจนอีกฝ่ายได้รู้ความจริง

“จำเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้? นี่...มันบ้าอะไรวะเนี่ย” ชายหนุ่มถึงกับสบถออกมาอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน

“ไอ้คนทำก็ตายสบายไปแล้ว แต่คุณกับคุณตรีก็ต้องสู้กันต่อ คุณทำกรรมอะไรเอาไว้เนี่ยคุณณิช”

ณิชหัวเราะเบาๆ กับคำถามนั้น หากจะให้เขาพูดเรื่องกรรมที่ทำไว้มันคงมากจนคิดว่านี่คงเป็นการรับกรรมที่สาสมที่สุดแล้ว เขาปล่อยให้ไอ้หาญเจ็บปวดตั้งแต่ชาติแรกจนต้องโดนคำสาปและต่อสู้มาเพียงลำพัง ไอ้หาญยึดมั่นในความรักที่มีต่อคุณปราณ อดทนรอเป็นเวลาร้อยกว่าปีเพื่อจะได้หลุดพ้นจากคำสาป แต่เขาก็ยังทิ้งให้อีกฝ่ายทรมานซ้ำๆ เพราะคำว่ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะที่ควรที่ต้องคู่กัน

พอมาในชาตินี้... เมื่อทุกอย่างคลี่คลายมันเลยกลายเป็นเขาที่ต้องแบกรับทุกอย่างไว้เอง

“คุณจีรัชญ์สู้เพื่อผมมามากแล้ว ตอนนี้คงเป็นบทพิสูจน์ของผมมั้งครับว่าจะสู้เพื่อเขาได้ไหม”

เพราะหากนี่คือบททดสอบสุดท้ายของโชคชะตา เขาก็ยินดีที่จะทำเพื่อพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่าเขายินดีทำทุกอย่างเพื่อความรักในครั้งนี้ ถึงแม้เขาจะต้องเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหนเขาก็ยินดี

จีรัชญ์ถูกย้ายออกจากห้อง ICU หลังจากอาการดีขึ้นมากแล้ว แต่ภายใต้ใบหน้าของคนเจ็บที่ดูเหมือนไม่มีอะไร หากแท้จริงแล้วมันมีความรู้สึกตีรวนอยู่ในอกหลายอารมณ์หลายความรู้สึก ทั้งสงสัยที่ณิชทำตัวดีกับเขาเหลือเกิน ทั้งหงุดหงิดที่ตัวเองต้องนอนติดแหง็กอยู่บนเตียงขยับตัวได้แค่ช่วงบน อีกทั้งเรื่องความทรงจำที่ขาดหายไปนั่นก็ด้วย

เมื่อได้ย้ายมาอยู่ห้องพิเศษป้าแจ่มจึงขออยู่เฝ้า โดยณิชบอกว่าตนจะมาช่วยดูแลตอนกลางคืนให้เพื่อที่ป้าแจ่มจะได้พักผ่อนบ้าง ส่วนตอนกลางวันณิชก็กลับไปทำงานเช่นเดิม

รัศมีกับสุทินกลับไปแล้วหลังจากมาเยี่ยมจีรัชญ์ได้ 2-3 วัน เพราะฉะนั้นมีแค่ณิชกับป้าแจ่มที่คอยดูแลจีรัชญ์ คนทั้งคู่สลับหน้าที่กันไปเรื่อยๆ ป้าแจ่มย้ายมาอยู่ห้องณิชแล้วเพราะณิชบอกว่าไม่อยากให้เปลืองค่าห้องที่โรงแรม ส่วนแขไขก็แวะมาดูบ้างเมื่อมีเวลาว่าง

ไอ้มั่นคอยตามติดณิชไม่ห่าง หลายครั้งที่มันรู้สึกหงุดหงิดที่สื่อสารกับเพื่อนรักไม่ได้ มันรู้สึกไม่ชินเอาเสียเลยที่ต้องเป็นแบบนี้ อยากเพ่นกบาลไอ้เพื่อนเกลอสักทีที่ทำให้เจ้านายมันเสียใจ หลายครั้งที่มันเห็นดวงตาเศร้าของคุณปราณลอบมองไอ้หาญยามฝ่ายนั้นหลับไปแล้ว คุณปราณคอยดูแลไม่ว่าจะถ่ายหนักถ่ายเบาก็ทำให้ทั้งหมดอย่างไม่นึกรังเกีจ แต่ท่าทีของไอ้หาญยังไร้ความสนิทใจกับคุณปราณ แม้คุณปราณจะดูแลดีมากแค่ไหนไอ้หาญก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะจำยอดดวงใจของมันได้เลย







โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๒ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 08-06-2021 08:56:18
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๒ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 08-06-2021 19:31:49
อีกไม่นาน.....

คำสาปทั้งหมด ต้องหลุดพ้น
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๒ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: mister ที่ 09-06-2021 00:34:25
ฮือ รีบๆจำให้ได้นะไอ่หาญ :z3:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๒ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-06-2021 01:44:48
 o22
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๒ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-06-2021 07:41:47
คงเป็นบทพิสูจน์สุดท้ายแล้วนะ สงสารทั้งคู่เลยเมื่อไหร่จะพ้นคำสาป.  :katai1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๐๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๒ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 12-06-2021 09:52:03
บทที่ ๓๓

“โอ๊ย!” จีรัชญ์ร้องเบาๆ เมื่อรู้สึกเจ็บที่แผล แม้ตอนนี้เขากำลังปรับตัวให้ชินกับเครื่องมือของหมอที่ช่วยยึดสะโพกที่หักให้ต่อกัน แต่มันก็ยังไม่ชินจนต้องร้องทุกทีที่พอขยับตัวแล้วเจ็บ

“คุณจีรัชญ์เจ็บตรงไหนครับ จะนอนไหมผมจะได้ปรับเตียงให้” ณิชถามก่อนจะเดินมาดูจีรัชญ์ใกล้ๆ ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว เขาหลับๆ ตื่นๆ แบบนี้ทุกคืนเพราะต้องดูแลคนป่วย แต่จีรัชญ์กลับโบกมือบอกว่าไม่เป็นไร

“ไม่เป็นไรครับ คุณไปนอนเถอะ” จีรัชญ์บอกคนที่อาสาเฝ้าเขาตั้งแต่วันแรกจนตอนนี้

ตอนแรกเขาไม่สะดวกใจให้ณิชอยู่เพราะเขาไม่รู้ว่าตัวเองสนิทกับอีกฝ่ายมากแค่ไหน แต่เขาได้รับคำตอบแน่ชัดในตอนที่ตัวเองปวดปัสสาวะขึ้นมา อีกฝ่ายเอากระบอกปัสสาวะมาจัดการให้ มือเรียวจับส่วนนั้นของเขาไม่มีอาการขัดเขินหรือไม่อยากทำ เป็นเขาเองเสียมากกว่าที่อายจนอยากจะหนีไปจากตรงนั้น

รุ่งเช้าณิชไปทำงานปกติ เขาอาบน้ำแต่งตัวไปจากโรงพยาบาล ส่วนป้าแจ่มก็นั่งแท็กซี่มาตามที่ณิชได้สอนไว้แล้วเพื่อจะได้อยู่เฝ้าจีรัชญ์จนกว่าณิชจะเลิกงาน

“เมื่อคืนช่วงตี 4 คุณจีรัชญ์มีไข้ต่ำๆ ยังไงผมฝากป้าแจ่มช่วยดูหน่อยนะครับ คุณจีรัชญ์เขาไม่ค่อยบอกเวลาตัวเองเป็นอะไร ส่วนนี่เงินครับ ป้าแจ่มอยากทานอะไรก็เอาเงินนี้ไปซื้อได้เลยนะครับ” ณิชพูดเร็วๆ พลางหยิบของใส่กระเป๋าเพราะใกล้สายแล้ว

“โอ๊ยๆ ไม่ต้องหรอกค่ะคุณณิช ป้ามีเงินของป้าอยู่ค่ะ ไม่ต้องรบกวนคุณณิชเลย”

“ไม่เป็นไรครับ รับไว้เถอะผมจะได้สบายใจ ผมไปก่อนนะครับ ถ้าออกสายกว่านี้เดี๋ยวรถติด”

ณิชบอกก่อนจะยัดมือใส่เงินหญิงสูงวัยเพื่อใช้เป็นค่าอาหารและค่าเดินทาง เขาไม่ได้มีเงินถุงเงินถังอย่างที่จีรัชญ์มีก็จริง แต่แค่นี้มันก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไร เพราะถ้าไม่ได้ป้าแจ่มคอยดูแลจีรัชญ์ให้ในตอนกลางวัน เขาก็คงเป็นกังวลจนไม่ได้ทำงาน

ป้าแจ่มถอนหายใจอย่างคนไม่รู้จะทำอย่างไรดี เธอสงสารณิชจับใจที่ต้องวิ่งรอกไปกลับโรงพยาบาลกับที่ทำงาน ตอนกลางคืนก็แทบไม่ได้หลับเลยเพราะต้องดูแลจีรัชญ์ ใบหน้าที่เคยสดใสก่อนหน้านี้ซูบโทรมไปไม่น้อย ขอบตาดำคล้ำดูแปลกไปถนัดตา

หญิงสูงวัยหันไปมองเจ้านายของเธอที่นอนหลับอยู่บนเตียง ก่อนหน้านี้เธอได้เอ่ยถึงณิชอยู่บ้าง พูดถึงตอนที่ณิชไปอยู่ที่วังปริพัตร แต่พูดอย่างไรจีรัชญ์ก็นึกไม่ออก พอยิ่งใช้ความคิดมากเข้าจีรัชญ์ก็ร้องโอดโอยเพราะอาการปวดหัวจึงต้องพัก

‘มั่นไม่ต้องมาเฝ้าผม ไปอยู่กับคุณจีรัชญ์เถอะ ถ้าเกิดมีอะไรจะได้บอกผมได้’

‘บ่าวไม่อยากเห็นหน้ามันขอรับ มันบังอาจลืมคุณปราณไปได้เยี่ยงไร’

‘มันคืออุบัติเหตุ คุณจีรัชญ์เขาก็ไม่อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้หรอก’

‘แต่บ่าวไม่อยากเห็นหน้ามันจริงๆ ขอรับ ดูคุณปราณตอนนี้สิขอรับ ดูแลมันจนตัวเองแทบจะปลิวตามลมแล้ว ข้าวก็กินไม่เป็นเวลา นอนก็ไม่ค่อยได้นอน ไม่ได้พักผ่อนเลย แต่ไอ้หาญก็ยังทำตัวนิ่งเฉย หากบ่าวมีกายหยาบบ่าวจะคว่ำมันด้วยหมัดเดียวเลยขอรับ’


ณิชลอบยิ้มกับตัวเองขณะที่เดินไปที่รถโดยมีไอ้มั่นเดินตามไม่ห่าง ดูท่าไอ้มั่นจะงอนเพื่อนรักที่กล้าลืมเรื่องราวในอดีตไปเสียสนิท อีกทั้งยังทำให้เจ้านายของมันต้องเหนื่อยเป็นสองเท่ามันจึงเลือกอยู่กับณิชมากกว่าจีรัชญ์

ณิชมาถึงบริษัทในเวลาต่อมา เขายังต้องทำโปรเจกต์ของบริษัทนิธานให้เสร็จ แขไขที่เห็นณิชทุ่มเทเรื่องจีรัชญ์มากเธอถึงกับอ่อนใจ ยอมแล้วจริงๆ กับความพยายามของผู้ชายคนนี้ ณิชยังทำงานได้ดีไม่มีบกพร่อง ในขณะเดียวกันก็ต้องดูแลจีรัชญ์ที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล

ที่จริงหากหญิงสาวจะฉกฉวยโอกาสนี้แย่งจีรัชญ์กลับคืนมาเป็นของตนก็ย่อมได้ แต่เมื่อเห็นสิ่งที่ณิชทำแล้วเธอไม่ได้คิดไปในทางนั้นเลย เพราะณิชพิสูจน์ให้เธอเห็นแล้วจริงๆ ว่าฝ่ายนั้นรักจีรัชญ์มากแค่ไหน อาจจะรักมากกว่าที่เธอเคยรู้สึกด้วยซ้ำ เพราะเอาเข้าจริงใครจะไปทนได้ที่เห็นคนรักจำตัวเองไม่ได้ แต่กลับจำคนอื่นได้เป็นอย่างดี จะทนเจ็บช้ำซ้ำๆ เพื่ออะไรหากไม่ได้รักจริง

“ณิช คุณจะมาทำงานวันอาทิตย์ด้วยเหรอ ฉันว่าพักสักหน่อยดีกว่าไหม โหมงานหนักเกินไปจะป่วยเอา” แขไขพูดขึ้นเมื่อได้ยินณิชบอกกับมิ้งว่าจะทำงานวันอาทิตย์นี้ และคงลากยาวไปทั้งเดือนเลย

“นั่นดิพี่ณิช พักบ้างเถอะ นี่พี่ได้นอนเต็มอิ่มครั้งล่าสุดเมื่อไหร่เนี่ย” มิ้งพูดด้วยความอดห่วงไม่ได้ สภาพรุ่นพี่ในตอนนี้ดูโทรมแทบไม่เหลือเค้าเดิม เธอกลัวว่าณิชจะป่วยเข้าสักวันหากยังโหมงานหนักแบบนี้

“ผมอยากปิดโปรเจกต์ของคุณนิธานให้เสร็จเร็วๆ น่ะครับ” ณิชหันไปให้เหตุผลกับเจ้านาย

“ถ้าอย่างนั้นคุณแบ่งงานให้บอยกับมิ้งช่วย ฉันไม่อยากเห็นพนักงานตัวเองเป็นลมคากองงาน” แขไขพูดทิ้งไว้แค่นั้นก็เดินกลับเข้าห้องไปพร้อมแก้วกาแฟในมือ

“คุณแขรักพี่แหละ”

ณิชยิ้มไปกับคำพูดแซวของมิ้ง ถึงแม้จะเจอเรื่องแย่ๆ แต่อย่างน้อยความสัมพันธ์ของเขากับแขไขก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้น สายตาของหญิงสาวที่มองเขาก็เปลี่ยนไป ซึ่งมันดีกับเขามากๆ ที่ไม่ต้องรับศึกทุกด้านแบบนี้

*

“คุณจีรัชญ์จะทำอะไรครับ!” ณิชถามเสียงดัง เขาแค่ออกไปคุยโทรศัพท์เรื่องงานแป๊บเดียวเองนะ แต่เมื่อเขาเข้าห้องมาก็เห็นจีรัชญ์ทำท่าจะหยิบน้ำข้างหัวเตียง เหล็กที่ยึดกระดูกอยู่ทำให้ขยับตัวไม่ถนัด แต่เจ้าตัวก็พยายามจะเอื้อมไปหยิบให้ได้

“มาครับเดี๋ยวผมช่วย” ณิชรีบหยิบแก้วน้ำให้ แต่เพราะจังหวะมือที่ปัดโดนกันทำให้น้ำหกเลอะพื้น จีรัชญ์ทิ้งตัวนอนทันทีอย่างขัดใจที่ลำพังแค่จะเอาน้ำมาดื่มแก้กระหายก็ยังทำได้ยาก

ชายหนุ่มรินน้ำใส่แก้วแล้วยื่นให้จีรัชญ์ แต่อีกฝ่ายกลับปัดออก สายตาที่คนป่วยมองมาที่ณิชมันเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ส่วนหนึ่งนั่นเพราะอาการบาดเจ็บที่ทำให้เจ้าตัวไม่สามารถทำอะไรได้ดั่งใจได้ซึ่งณิชเข้าใจจุดนี้ดี จิตใจของผู้ป่วยหลังผ่าตัดมักอ่อนไหวเสมอ จากคนที่ทำทุกอย่างได้เป็นปกติแต่ต้องมานอนติดเตียงขยับไปไหนไม่ได้ เป็นเขาก็คงหงุดหงิดเหมือนกัน

“คุณช่วยออกไปก่อนได้ไหม” จีรัชญ์พูดขึ้นทำลายความเงียบระหว่างพวกเขาทั้งสอง ณิชที่กำลังเอาผ้ามาซับน้ำบนพื้นชะงักไป

“ครับ?”

“ออกไปก่อน ผมอยากอยู่คนเดียว” จีรัชญ์พูดเสียงห้วน ณิชก้มลงเช็ดพื้นให้แห้งก่อนจะยอมออกจากห้องไป หัวใจปวดหนึบกับความเย็นชาที่อีกฝ่ายมอบให้จนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เขาเอ่ยปากบอกกับพยาบาลว่าตนจะลงไปซื้อของข้างล่าง จึงฝากพยาบาลดูแลจีรัชญ์แทนสักครู่

ไอ้มั่นยืนมองเจ้านายตัวเองที่เดินเข้าลิฟต์ไปพร้อมไหล่เล็กที่ลู่ลงอย่างคนใกล้หมดแรง ความอดทนของไอ้มั่นขาดผึง มันเข้ามาในห้องเห็นไอ้หาญนอนถอนหายใจฟึดฟัดเพราะความหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ มันจึงเข้าไปยืนใกล้เตียงคนป่วย

“มึงมันบ้า! เหตุใดนายกูต้องมาเจอเรื่องราวห่าเหวแบบนี้ด้วย! มึงรู้หรือไม่ว่าคุณปราณน้ำตาตกเพราะมึงในชาตินี้กี่ครั้งกี่หนแล้ว รีบๆ จำเรื่องราวทั้งหมดได้สักที ก่อนที่กูจะหมดความอดทนไปมากกว่านี้!”

เพล้ง!

ลมพัดวูบใหญ่พัดแก้วน้ำที่ใส่น้ำอยู่เกือบเต็มแก้วตกลงมาแตก ส่งผลให้จีรัชญ์สะดุ้งเฮือก ห้องนี้มีหน้าต่างก็จริงแต่ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ ห้องพักผู้ป่วยมีเครื่องปรับอากาศจึงไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าต่าง แต่ลมที่ไม่รู้ที่มาเมื่อครู่ทำเขาเย็นวูบจนรู้สึกขนลุก อีกทั้งแก้วน้ำบนโต๊ะยังตกแตกอีก

ไอ้มั่นเห็นสภาพเพื่อนรักของตนที่กำลังทำหน้าเหลอหลาเพราะงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันยิ้มเย้ยก่อนจะฟาดกบาลไอ้หาญไปหนึ่งที แน่ล่ะว่ามันเป็นเพียงวิญญาณอีกฝ่ายจึงไม่รู้สึกอะไร แต่อย่างน้อยมันก็ได้ระบายความโกรธที่มีอยู่บ้าง

ทางด้านณิชที่โดนจีรัชญ์ไล่ออกมาก็เข้าร้านคาเฟต์ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วประเทศ เขาสั่งช็อกโกแลตร้อนมาดื่ม น้ำตาที่เอ่อคลอในตอนแรกถูกเจ้าตัวกะพริบตาไล่ไป เขาเก็บความเสียใจไว้ให้ลึกสุดใจ ปลอบใจตัวเองว่าที่จีรัชญ์เป็นแบบนี้เพราะอารมณ์ของคนป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

เขาหยิบมือถือตัวเองออกมาเปิดดูรูปภาพที่เคยถ่ายไว้ตอนอยู่ที่วังปริพัตร หวังให้มันเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวใจเขาไว้ให้อยู่กับความสุขที่มีอยู่เพียงน้อยนิดในตอนนี้ ทุกภาพทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขายังจำมันได้ดี ภาพวาดบ้านเรือนไทยที่เขาเห็นครั้งแรกจนตกอยู่ในภวังค์ รูปดอกบัวจากสระบัวที่เขาถ่ายเก็บไว้ในมือถือเครื่องนี้ เพราะเครื่องเก่าดันตกน้ำไปพร้อมๆ กับเขา ไหนจะดอกพุดน้ำบุษย์ที่มักส่งกลิ่นหอมลอยมาตามลมยามดอกบานสะพรั่งสีเหลืองเข้มทั่วทั้งต้น

เขาเริ่มต้นใหม่ที่วังแห่งนั้น เพราะตลอด 27 ปีที่ผ่านมา เขามีชีวิตอยู่ไปวันๆ ไม่ได้รู้สึกพิเศษกับอะไรตรงไหนจนมาเจอจีรัชญ์ และก็รู้ได้ทันทีว่าทั้งชีวิตที่เกิดมาเขาอยู่มาเพื่อพบคนคนนี้ ณิชเลื่อนมาเจอรูปที่เขาแอบถ่ายจีรัชญ์ไว้ แค่เสี้ยวหน้าด้านข้างในมือมีหนังสืออยู่หนึ่งเล่ม แค่เพียงรูปเดียวก็ทำให้ใบหน้าเศร้าสร้อยมีรอยยิ้มได้อีกครั้ง เขาจะรอวันที่จีรัชญ์กลับมาเป็นไอ้หาญเหมือนเดิม จะรอวันที่อีกฝ่ายจำได้ว่าเขารักจีรัชญ์มากแค่ไหน

*

ณิชยังคงทำหน้าที่ทุกอย่างได้ไม่บกพร่อง ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องดูแลจีรัชญ์ เป็นฝ่ายจีรัชญ์เองที่รู้สึกไม่สะดวกใจและเกรงใจอีกฝ่ายจนต้องเอ่ยปากกับพยาบาลในวันหนึ่ง

“คุณพยาบาลครับ ผมต้องการพยาบาลพิเศษให้มาดูแลผม ไม่ทราบต้องทำเรื่องติดต่อยังไงบ้างครับ” จีรัชญ์ถามขึ้นหลังจากเขาถูกเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยฝีมือของพยาบาลสาวเรียบร้อยแล้ว ณิชที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่เงยหน้ามองทันที

“เอ่อ...ผมเฝ้าคุณเองครับคุณจีรัชญ์ ไม่ต้องจ้างพยาบาลหรอกครับ หรือว่าผมทำอะไรไม่ดีครับ คุณบอกได้นะ”

“ผมเกรงใจ คุณแขใช้งานคุณเกินหน้าที่ไปแล้ว คุณเป็นสถาปนิกไม่ใช่พยาบาล คุณควรได้ทำหน้าที่ตามความสามารถของคุณไม่ใช่ต้องมาดูแลผมแบบนี้ ส่วนป้าแจ่มก็ต้องกลับไปดูแลวัง ผมไม่อยากให้ป้าแจ่มทิ้งวังมานานครับ”

ถึงจะไม่เข้าใจตัวเองนักกว่าทำไมถึงได้เป็นห่วงวังปริพัตรนัก แต่เขาก็ไม่อยากให้ณิชกับป้าแจ่มต้องมาคอยดูแลเขาแบบนี้ เขามีเงินมากพอที่จะจ้างพยาบาลมาดูแล ไม่จำเป็นต้องให้คนทั้งสองคอยสับเปลี่ยนเวลามาเฝ้าเขาเลย

“แต่ผมอยากเฝ้าคุณ”

ณิชพูดเสียงเบา ยิ่งเห็นว่าจีรัชญ์ยืนกรานที่จะจ้างพยาบาลพิเศษเขายิ่งใจเสีย เพราะนั่นแสดงว่าระยะห่างของพวกเขาจะเพิ่มมากขึ้น พยาบาลสาวเห็นบรรยากาศอึมครึมในห้องพักผู้ป่วยเธอจึงหลบออกไปก่อน เพื่อให้ญาติกับคนไข้เคลียร์กันให้เรียบร้อยแล้วเธอค่อยจัดการให้ทีเดียว

ภายในห้องมีเพียงแค่เสียงจากโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้เท่านั้น จีรัชญ์เงียบเพราะไม่เข้าใจว่าณิชจะมาทรมานตัวเองทำไม ส่วนณิชก็เงียบเพราะไม่รู้จะอธิบายกับอีกฝ่ายอย่างไร จนตอนนี้เขาก็ยังไม่กล้าบอกไปว่าก่อนหน้านี้เขากับจีรัชญ์คบหากันอยู่ เพราะคิดว่าพูดไปอย่างไรฝ่ายนั้นก็คงไม่เชื่อ

ในตอนนี้สิ่งที่จีรัชญ์รู้คือตนเองคบหากับแขไข ขนาดที่เขาอาสามาเฝ้าจีรัชญ์ยังเข้าใจว่าเป็นเพราะแขไขสั่งมา และเรื่องราวในอดีตระหว่างไอ้หาญกับคุณปราณก็ถูกลืมจนหมดสิ้น เขาไม่มีทางอธิบายให้จีรัชญ์เข้าใจเรื่องเหลือเชื่อนี้ได้เลยเพราะมันยิ่งกว่านิทานหลอกเด็ก ณิชจึงทำได้แค่ดูแลจีรัชญ์ไปเรื่อยๆ จนกว่าอีกฝ่ายความทรงจำจะกลับมา แต่เหมือนว่าถ้าเขายังไม่พูดอะไรออกไปตอนนี้ เขากับจีรัชญ์คงต้องห่างเหินกันไปแล้วจริงๆ

กลายเป็นว่าหลังจากคืนนั้น จีรัชญ์ก็นิ่งเงียบไม่ค่อยพูดค่อยจากับณิชสักเท่าไหร่ คงมีแค่ป้าแจ่มที่อยู่เป็นคนกลางระหว่างคนทั้งสอง จีรัชญ์วางแผนว่าหลังจากนี้จะจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลตน และเขาได้ให้แขไขจัดการเช่าคอนโดฯ ไว้ห้องหนึ่ง เพื่อเป็นสถานที่พักฟื้นหลังจากออกจากโรงพยาบาล แม้ใจณิชอยากคัดค้านมากแค่ไหน เขาก็ได้แค่เก็บงำความน้อยใจเอาไว้เพราะจีรัชญ์ไม่ยอมพูดกับเขาเลย

“ป้าแจ่ม... ผมกับคุณณิชสนิทกันมากเลยเหรอครับ”

จีรัชญ์ถามขึ้นในบ่ายวันหนึ่ง เพราะไม่ว่าเขาจะฟังเรื่องเล่าของป้าแจ่มที่เล่าเรื่องณิชให้ฟังอยู่เนืองๆ อย่างไร เขาก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าเหตุการณ์ตอนนั้นมันเคยเกิดขึ้น

“ถ้าป้าพูดไปคุณตรีจะเชื่อไหมล่ะคะ คุณตรีจะให้ป้าเล่าซ้ำๆ กี่ครั้งก็ได้ แต่มันอยู่ที่ใจคุณตรีด้วยว่าจะเชื่อหรือไม่” ป้าแจ่มหันมาตอบพร้อมยิ้มอบอุ่น เธอกำลังปอกแอปเปิ้ลฟูจิลูกใหญ่ให้จีรัชญ์ทาน ชายหนุ่มหยิบผลไม้ที่ปอกเปลือกเกลี้ยงและหั่นเป็นเสี้ยวพอดีคำมากิน สีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกไป

“ผมเชื่อครับ” จีรัชญ์ตอบเพราะป้าแจ่มไม่มีทางโกหกเขาอย่างแน่นอน

“ในตอนแรกๆ คุณตรีไม่ค่อยถูกชะตากับคุณณิชค่ะ ออกแนวนิ่งเงียบไม่ค่อยพูดกับคุณณิช วันแรกๆ ที่คุณณิชไปถึงก็ตกสระบัว คุณตรีรีบไปช่วยไว้คุณณิชเลยไม่จมน้ำไปเสียก่อน หลังจากนั้นพวกคุณทั้งสองก็เริ่มคุยกันมากขึ้นค่ะ”

“ผมดุกับเขามากไหมครับ”

“ดุค่ะ แต่คุณณิชก็ใช่ว่าจะยอม คุณตรีน่ะปากแข็ง ทำเหมือนไม่สนใจคุณณิชแต่ที่จริงก็เป็นห่วงเขามาก อย่างตอนคุณณิชเข้าโรงพยาบาลเพราะตกบันได คุณกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไปเฝ้าทั้งวันทั้งคืนด้วยตัวเอง”

จีรัชญ์เงียบฟังพลางคิดตาม แสดงว่า 3 เดือนที่ผ่านมามันเกิดเรื่องราวมากมายจนเขาสร้างความสัมพันธ์กับใครอีกคนนอกจากแขไข

“คุณณิชหัดทำอาหารเพื่อให้คุณตรีได้ทาน บางวันพวกคุณก็ไปปั่นจักรยานเล่นด้วยกันในสวน พากันไปถึงสวนหลังวังโน่นแหละค่ะ” ป้าแจ่มยังคงเล่าต่อ หญิงสูงวัยคอยสังเกตอาการของจีรัชญ์ไปด้วยว่ามีปฏิกิริยาเช่นไร เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ปวดหัวอย่างที่แล้วมาเธอจึงพูดขึ้นอีก

“คุณตรีบอกเลิกคุณแขไขเพื่อมาคบหากับคุณณิช คุณทำทุกอย่างให้ชัดเจนและถูกต้องที่สุด คุณรักคุณณิชมากแบบที่ป้าไม่เคยเห็นว่าคุณจะทุ่มเทและรักใครเท่านี้มาก่อน คุณกับคุณณิชเหมือนคู่ที่เกิดมาเพื่อกันและกันเลยค่ะ”

ในสายตาของเธอที่อยู่ดูแลจีรัชญ์มาหลายปี ไม่เคยเห็นสายตาหวานซึ้งหรือรอยยิ้มที่อบอุ่นของจีรัชญ์ที่ออกมาจากใจเท่ากับตอนเวลาอยู่กับณิช เวลาคนทั้งสองอยู่ด้วยกันเหมือนโลกทั้งใบของคนทั้งคู่หยุดหมุน และไม่มีใครเข้าไปในโลกใบนั้นของพวกเขาได้ เธอดีใจมากตอนที่รู้ว่าแขไขถูกจีรัชญ์สารภาพไปแล้วว่าตนนั้นหลงรักณิช ซึ่งเธอเห็นด้วยกับการกระทำนี้มากๆ เพราะดูยังไงจีรัชญ์ก็ไม่เคยรักแขไขเช่นชู้สาวจริงๆ

วันนั้นทั้งวันหลังจากได้ฟังเรื่องราวที่ป้าแจ่มเล่า จีรัชญ์ก็อยู่กับความคิดของตัวเอง เขาไม่ได้พยายามเค้นความคิดอีกต่อไปว่าตนเองนั้นรู้จักณิชดีแค่ไหน แต่เขากำลังซึมซับความรู้สึกผ่านคำบอกเล่าของป้าแจ่มที่บอกว่าเขากับณิชเหมือนเกิดมาเพื่อกันและกัน

*

“ตรีคะ ตรี... ตรีคะ” แขไขเรียกคนที่นอนอยู่บนเตียงและกำลังเหม่อลอย จีรัชญ์หันมองหญิงสาวที่มาเยี่ยมเขาในเย็นวันนี้ก่อนจะระบายยิ้มบางๆ

“คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เมื่อกี๊ค่ะ ตรีทานข้าวทานยารึยังคะ แขแวะซื้อข้าวหมูแดงเจ้าประจำที่คุณชอบมาให้ค่ะ” หญิงสาววางถุงอาหารที่ตนซื้อมาลงบนโต๊ะทานข้าว ก่อนจะจัดแจงหยิบจานและช้อนออกมาจากชั้นวางพื่อจะได้จัดข้าวให้จีรัชญ์ เพราะชายหนุ่มบอกว่ายังไม่ได้ทานมื้อเย็นเลย

“ป้าแจ่มไปไหนคะเนี่ย” เธอถามเพราะไม่เห็นแม่บ้านสูงวัยที่คอยอยู่เฝ้าจีรัชญ์ตลอดอยู่ในห้อง

“คงไปซื้อของกินล่ะครับ ป้าแจ่มไปเวลานี้ประจำ”

แขไขพยักหน้าเชิงว่าเข้าใจก่อนจะเลื่อนโต๊ะที่ไว้ให้สำหรับผู้ป่วยทานข้าวบนเตียงได้ไปใกล้ๆ จีรัชญ์ ข้าวหมูแดงหน้าตาดูน่าทาน แต่จีรัชญ์กลับไม่รู้สึกอยากกินมันสักนิด แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ปฏิเสธน้ำใจของหญิงสาว ยอมทานสิ่งที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่มีอิดออด

“ผมมีเรื่องจะถามคุณเกี่ยวกับเรื่องของคุณณิช”

มือที่กำลังรินน้ำใส่แก้วอยู่ชะงัก ก่อนแขไขจะหันกลับมาหาจีรัชญ์ที่ยังคงทานข้าวหมูแดงที่เธอซื้อมาให้

“เรื่องอะไรเหรอคะ”

“เรื่องระหว่างผม ณิช และคุณ” สายตาของชายหนุ่มหันมองหญิงสาวที่ยืนอยู่เต็มๆ ตา เขาวางช้อนลงเพราะไม่สามารถฝืนกินต่อไปได้ ตอนนี้เขาอยากรู้เรื่องราวจากฝั่งของแขไขบ้าง เพื่อจะได้เอามาชั่งน้ำหนักกับเรื่องที่ป้าแจ่มเล่า

“คุณจำได้แล้วเหรอคะ” จีรัชญ์ไม่ตอบ แขไขจึงยิ้มและพูดต่อ “ถ้าจะพูดถึงเรื่องของคุณกับณิช แขไม่รู้เรื่องอะไรมากนักหรอกค่ะ แต่ถ้าเรี่องของคุณกับแข คือ...คุณบอกเลิกแขก่อนหน้านี้แล้วค่ะ เราสองคนไม่ได้คบหากันอีกแล้ว”

“ทำไมผมถึงเลิกกับคุณ”

“เพราะคุณบอกว่ารักณิช”

เพียงคำตอบเดียวของหญิงสาวที่ไม่หลงเหลือความเสียใจแล้วทำให้จีรัชญ์พูดไม่ออก เรื่องราวผันผ่านมาจนถึงจุดนี้แต่เขาจำอะไรไม่ได้ นึกโกรธตัวเองที่ต้องประสบอุบัติเหตุความจำเสื่อม เขาลืมเรื่องสำคัญขนาดนี้ไปได้ยังไงกัน

“ผมขอโทษ ผมจำเรื่องพวกนี้ไม่ได้เลย”

“คุณขอโทษแขมามากพอแล้วค่ะ ก่อนหน้านี้แขเคยคิดโกรธพวกคุณสองคนเพราะรู้สึกเหมือนโดนแทงข้างหลัง แต่พอเห็นสิ่งที่ณิชทำในตอนนี้แล้วแขต้องยอมรับจริงๆ ณิชเขารักคุณมาก มากจนแขคิดว่าถ้าเป็นแขเองก็คงไม่สามารถทำอะไรได้แบบเขา”

แขไขทิ้งคำพูดไว้ให้จีรัชญ์จมอยู่กับความคิดตัวเอง แม้หญิงสาวจะกลับไปแล้วก็ตาม แต่จีรัชญ์ก็ยังคิดวนอยู่กับคำพูดนั้น ใช่ว่าเขาจะไม่รับรู้ถึงสิ่งที่ณิชทำ แต่เขารู้สึกแปลกๆ ทุกครั้งที่ต้องเห็นณิชมาทำอะไรแบบนี้ โดยที่เขานึกถึงเรื่องราวระหว่างเขาสองคนไม่ออกมันเลยกลายเป็นความไม่สนิทใจ

เสียงเม็ดฝนสาดกระทบหน้าต่างโรงพยาบาล ฝนตกมาตั้งแต่ช่วงเย็นจนตอนนี้ก็ยังไม่หยุด คงเป็นฝนหลงฤดูที่ทำให้เมืองกรุงแห่งนี้ชุ่มฉ่ำ จีรัชญ์นอนมองเม็ดฝนที่ไหลจากหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ก่อนจะได้ยินเสียงป้าแจ่มพูดขึ้นเสียงดัง

“ว้าย! คุณณิช ทำไมตัวเปียกแบบนี้ล่ะคะ”

“รถเสียน่ะครับ ผมเลยนั่งวินมาเพราะเห็นว่าไม่ไกลจากนี่”

รถเขาดับกลางทางจนต้องจอดหลบเอาไว้แล้วโทรให้ช่างเจ้าประจำไปยกรถมา ตอนแรกฝนซาไปแล้วเขาจึงเลือกใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์ แต่ใครจะไปรู้ว่าเพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้นมันจะตกลงมาห่าใหญ่จนเขาเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำแบบนี้

“ไปค่ะๆ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เปียกแบบนี้ยิ่งมาโดนแอร์จะทำให้เป็นหวัดเอา” ป้าแจ่มเอากระเป๋าของณิชมาวางบนโซฟา ก่อนจะดันหลังชายหนุ่มให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย

หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๓ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 12-06-2021 09:53:56
(ต่อ)


เมื่อออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งณิชบอกว่ามิ้งกำลังมา หญิงสาวคิดจะมาเยี่ยมจีรัชญ์และจะได้พาป้าแจ่มไปส่งที่คอนโดฯ เขาด้วย เนื่องจากตอนนี้ฝนยังไม่หยุดตกเลย จีรัชญ์มองตามคนที่เดินไปมาทั่วห้อง มือถือที่ถือติดมือไว้รับสายจากคนโน้นคนนี้ที่โทรเข้ามาแทบไม่ว่างเว้น ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องงานมากกว่า ถึงแม้จะเลยเวลาเลิกงานมาแล้วแต่ณิชก็ยังคงคุยเรื่องงานอยู่

“คุณกินข้าวมารึยัง หิวไหม”

จีรัชญ์เอ่ยถามในที่สุดหลังจากที่มองตามณิชอยู่นาน ทำเอาทั้งห้องเงียบไปทันที ป้าแจ่มลอบยิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่มองณิชอยู่ตลอดเปิดปากพูดสักที ไอ้มั่นที่ไม่คิดอยากเข้าใกล้เพื่อนรักถึงกับทำหน้าประหลาด เพราะนี่คือประโยคแรกที่จีรัชญ์แสดงความห่วงใยออกมาตั้งแต่รักษาตัวในโรงพยาบาล

“ครับ? เอ่อ...ผม...ผมยังไม่กินอะไรเลยครับ คิดว่าเดี๋ยวค่อยโทรสั่ง” ณิชตอบตะกุกตะกักอาการดีใจแทบปิดไม่มิด เพราะตลอด 3 อาทิตย์ที่ผ่านมาจีรัชญ์ไม่ได้มีคำพูดที่สื่อถึงความห่วงใยให้เขานักหรอก

“สั่งเลยสิครับ เอาเงินของผมไปใช้ได้เลย คุณมิ้งกำลังมาสั่งมาทานหลายคนคงดี”

ไอ้มั่นถึงกับยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเพื่อนเกลอเริ่มทำอะไรเข้าตาพูดอะไรเข้าหู วันนี้มันจะยกให้ไอ้หาญกลับมาเป็นเพื่อนรักสักหนึ่งวันก็แล้วกัน

‘สงสัยผีออกจากร่างมันแล้วขอรับ’ คำพูดของไอ้มั่นทำณิชถึงกับกลั้นขำก่อนจะตอบจีรัชญ์ออกไป

“ไม่เป็นไรครับ ผมมี...”

“เอาไปเถอะครับ ถือว่าแทนคำขอบคุณของผม” จีรัชญ์ยืนยันหนักแน่น ณิชไม่อยากให้บรรยากาศตรงนี้เสียไปเขาจึงรับเงินจากจีรัชญ์มา

หลังจากนั้นเขาก็สั่งอาหารจากแอปพลิเคชัน ประจวบเหมาะกับมิ้งมาพอดีพวกเขาจึงเหมือนกับจัดปาร์ตี้เล็กๆ กันในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ ครั้งนี้ไอ้มั่นไม่ได้กินด้วยเพราะมิ้งหาโอกาสจุดธูปให้มันไม่ได้ แต่หญิงสาวแปะโป้งไว้แล้วว่าเธอจะซื้อให้ไอ้มั่นได้กินหลังจากนี้

“หนูเคยขออาจารย์ไปเข้าห้องน้ำตอนเรียนค่ะ บอกไปว่าปวดฉี่แต่จริงๆ ซ่อนหนังสือไว้ในเสื้อเพื่อจะเอาไปคืนเพื่อนที่อยู่อีกห้อง แต่อาจารย์ดุมากบวกกับรีบก็เลยลื่นไถลจากกลางห้องไปอยู่หลังห้องเลยค่ะ ตอนนั้นอายมาก ทั้งห้องเงียบหมดหันมามองหนูเป็นตาเดียวเลย”

ณิชหัวเราะไปกับเรื่องเล่าของมิ้งที่กำลังเล่าอยู่ มันเป็นเพียงเรื่องตลกธรรมดาๆ แต่เขากลับรู้สึกราวกับมันคือความสุขที่ไม่ได้เจอมานาน เขาหันไปมองจีรัชญ์ที่กำลังดูละครหลังข่าวอยู่ ชายหนุ่มอมยิ้มกับตัวเองที่เขายังมีจีรัชญ์อยู่ตรงนี้ แม้อีกฝ่ายจะยังจำเรื่องราวของพวกเขาไม่ได้ แต่อย่างน้อยจีรัชญ์ก็ยังมีลมหายใจ

*

“อิ่มแล้วเหรอครับ คุณกินไปแค่นิดเดียวเอง” ณิชถามเมื่อเห็นว่ามื้อกลางวันของจีรัชญ์พร่องไปเพียงนิด วันนี้เขาหยุดเลยได้มาดูแลจีรัชญ์เต็มวัน ส่วนป้าแจ่มเขาให้หยุดพักที่คอนโดฯ หญิงสูงวัยจึงอาสาทำความสะอาดห้องเขาเสียสะอาดเอี่ยม ทั้งที่เขาบอกแล้วว่าไม่เป็นไรเพราะเขาค่อยหาเวลาว่างทำเอง แต่หญิงแม่บ้านของวังปริพัตรก็ไม่ยอม

“ผมเบื่ออาหารโรงพยาบาล” จีรัชญ์ตอบเสียงเรียบ อาหารโรงพยาบาลก็เมนูเดิมๆ แม้เขาจะเลือกได้แต่มันก็หนีไม่พ้นเมนูที่เคยทานมาแล้ว อีกทั้งรสชาติไม่จัดจ้านถูกปากสักเท่าไหร่

ณิชลอบยิ้มกับคำพูดนั้น เพราะจำได้ว่าป้าแจ่มเคยบอกเรื่องที่อีกฝ่ายกินยาก ถ้ารสชาติอาหารไม่ดั้งเดิมจริงๆ ก็แทบไม่แตะเลย ห้องเขาไม่มีครัวเหมือนที่วังป้าแจ่มเลยไม่ได้โชว์ฝีมือการทำอาหารเลย กลายเป็นว่าจีรัชญ์ต้องฝากท้องกับอาหารโรงพยาบาล ไม่ก็อาหารที่เขาซื้อมาให้จากข้างนอก

“ผมอยากกินหลนเต้าเจี้ยวกับไข่ต้ม” อยู่ๆ จีรัชญ์ก็พูดขึ้น ณิชชะงักไปเล็กน้อย หัวใจสั่นไหวเต้นรุนแรงเพราะกำลังคิดว่านี่คือการร้องขอของจีรัชญ์ที่มีกับเขาหรือเปล่า

“คุณทำเป็นไหม ป้าแจ่มบอกว่าคุณเคยหัดทำอาหารตอนอยู่ที่วัง”

“ทำเป็นครับ ถ้าคุณอยากทานเดี๋ยวผมจะทำมาให้พรุ่งนี้นะ” รอยยิ้มหวานของมัณฑนากรหนุ่มทำให้จีรัชญ์หยุดมองไปชั่วขณะ รอยยิ้มที่ดูเจ้าตัวมีความสุขจริงๆ สายตาที่เป็นประกายนั้นทำเขารู้สึกเอ็นดูไม่น้อย

เพราะคำว่าอยากกินหลนเต้าเจี้ยว ณิชจึงต้องไปขอยืมครัวบ้านพี่โอ๋ในการทำอาหารในวันรุ่งขึ้น พี่โอ๋ที่ติดจะงงไม่น้อยแต่ก็เข้าใจได้ว่าณิชต้องการทำอาหารไปเอาใจคนรัก เขาจึงอำนวยความสะดวกให้รุ่นน้องเต็มที่

“มึงอยากได้อะไรอีกไหม ของที่ซื้อมาครบรึเปล่าเดี๋ยวกูไปซื้อที่ตลาดหน้าหมู่บ้านให้”

“ครบแล้วครับพี่ เดี๋ยวถ้าทำเสร็จผมแบ่งให้กินนะ” ณิชบอกพร้อมรอยยิ้ม

“กินได้แน่นะ”

“แน่สิ รับรองว่าชาววังมาเอง” ณิชได้ทีก็โอ้อวดใหญ่

มิ้งที่ตามมาด้วยยืนกอดอกมองรุ่นพี่คนสนิท ตอนนี้ณิชดูมีความสุขใบหน้ายิ้มกว้างปากแทบฉีก เธอหันไปพยักหน้ากับไอ้มั่นที่มองเจ้านายไม่วางตา วันนี้คุณปราณโชว์ฝีมือสุดฤทธิ์เพื่อมัดใจไอ้หาญอีกครั้ง มันเชื่อว่าฝีมือปลายจวักของคุณปราณในครั้งนี้จะทำให้ไอ้หาญจดจำอีกฝ่ายได้แน่นอน

เมื่อทำเมนูที่จีรัชญ์อยากกินเสร็จเขาก็ยืมปิ่นโตพี่โอ๋ใส่กับข้าวและข้าวสวยมา มาถึงโรงพยาบาลก็รีบเอาอาหารขึ้นไปให้คนไข้ที่กำลังรอมื้อเที่ยงอยู่ ป้าแจ่มยิ้มต้อนรับเมื่อเห็นณิชกับมิ้งมาพร้อมปิ่นโตเถาหนึ่งในมือ

“ที่จริงผมอยากทำต้มกะทิสายบัวปลาทูมาด้วย แต่หาสายบัวทั่วตลาดแล้วไม่เจอเลยจึงได้แค่หลนเต้าเจี้ยว เอาไว้ครั้งหน้าถ้าผมเห็นสายบัวผมจะทำให้ทานนะครับ” เขาพูดระหว่างจัดแจงปิ่นโตที่เต็มไปด้วยอาหารมื้อกลางวันที่เขาจัดเตรียมมา

“ผมไปยืมครัวพี่โอ๋ พี่เขาอยากกินไข่ทอดชะอมกับน้ำพริกกะปิ ผมเลยทำไข่ทอดชะอมส่วนน้ำพริกกะปิพี่โอ๋เป็นคนทำ ลองชิมดูนะครับ” ณิชพูดต่อ ก่อนจะยืนรออยู่ข้างเตียงด้วยอาการลุ้นว่าอาหารที่เขาทำจะถูกปากจีรัชญ์ไหม เสียงเจื้อยแจ้วของณิชเงียบไป จีรัชญ์ลอบยิ้มกับท่าทางลุ้นว่าเขาจะชอบอาหารหรือไม่ดูน่าเอ็นดู

ป้าแจ่มเห็นท่าทางณิชเหมือนกับวันที่ทำ Egg Benedict ให้จีรัชญ์ทานก็อดเอ็นดูไม่ได้ ตาเป็นประกายนั้นกำลังลุ้นตอนที่จีรัชญ์ตักข้าวเข้าปาก ไข่ต้มที่ปอกเปลือกแล้วถูกตัดครึ่ง ราดด้วยหลนเต้าเจี้ยวด้านบนกินกับข้าวสวยร้อนๆ จีรัชญ์รับรู้รสชาติที่เหมือนกับที่ตนเคยกิน เขาพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันมาบอกณิช

“อร่อยมากครับ”

ณิชยิ้มกว้างทันทีเมื่อได้รับคำชม ใจฟูคับอกราวกับจะระเบิดออกมาด้วยความดีใจ ป้าแจ่มยกนิ้วโป้งทั้งสองข้างให้เขา ส่วนมิ้งกับไอ้มั่นยิ้มกว้างไม่หุบไปพร้อมกับความสำเร็จในครั้งนี้

‘เจ้าเห็นหรือไม่ ไอ้หาญมันก็มิได้โง่เสียทีเดียว’ หนุ่มโบราณร่างกำยำกอดอกมองเพื่อนรักด้วยสีหน้าภูมิใจ มิ้งเหลือบมองอีกฝ่ายก่อนจะตอบกลับในใจ

‘หนูก็ไม่ได้บอกว่าคุณตรีโง่สักหน่อย มีแต่พี่นั่นแหละที่ฟึดฟัดโกรธเพื่อนตัวเอง’

‘เหอะ! ใช่ว่าเอ็งจะไม่แอบคิดเสียเมื่อไหร่ ช่างเถอะ ไอ้หาญมันทำให้คุณปราณยิ้มได้อีกครั้งข้าก็ดีใจ’

‘หนูอยากให้คุณตรีจำเรื่องราวทั้งหมดได้เร็วๆ คำสาปก็หมดแล้ว หลังจากนี้ควรจะมีความสุขจริงๆ สักที เอาจริงๆ นะพี่ ถ้าพี่ณิชเป็นผู้หญิงหนูคิดไปถึงตอนพี่ณิชมีลูกแล้วนะ’


‘ถ้าเป็นเช่นนั้นได้ก็คงดีสิวะ แต่ตอนนี้ข้าอยากกินชานมไข่มุก เจ้าซื้อให้ได้หรือไม่’

‘ติดใจล่ะสิ กินมากๆ ระวังเบาหวานถามหา’

‘ข้าเป็นวิญญาณ ไยต้องกลัวโรคเช่นนั้น’


ไอ้มั่นเห็นข้อดีของการเป็นวิญญาณก็ตอนนี้ เพราะมันกินเครื่องดื่มที่มีเม็ดหนึบๆ ได้ไม่อั้น เสียอย่างเดียวก็ตรงที่มิ้งบ่นเสมอเพราะชานมไข่มุกหนึ่งแก้วใช่ว่าจะราคาถูกนัก

*

“ผมอยากให้ป้าแจ่มกลับไปดูแลวังได้แล้วครับ ทิ้งมานานแบบนี้ผมกลัวว่ามันจะรกร้างเอาได้ ผมอยากให้มีใครสักคนที่ผมวางใจอยู่ที่นั่น” จีรัชญ์พูดกับป้าแจ่มในช่วงวันหยุดซึ่งณิชก็ยังคงทำงาน เขาไม่อยากฝากวังไว้กับแม่บ้านคนอื่น เพราะไม่มีใครดูแลวังได้ดีเท่าป้าแจ่มอีกแล้ว

“แล้วใครจะดูแลคุณตรีช่วงกลางวันล่ะคะ”

“ผมจะจ้างพยาบาลพิเศษครับ”

ถึงบรรยากาศระหว่างเขากับณิชจะดีขึ้น แต่จีรัชญ์ก็ยังยืนยันความคิดนี้ เพราะเขาไม่อยากให้ณิชต้องมาอดหลับอดนอนดูแลเขา ไหนจะเรื่องงานอีกที่เจ้าตัวเร่งให้จบงานโดยไว แม้หน้าตาของณิชในช่วงนี้จะดูมีความสุขกว่าเมื่อก่อน ไม่ได้มีดวงตาเศร้าสร้อยแล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่อยากรบกวนอีกฝ่ายมากเกินไป

“คุณณิชจะยอมเหรอคะ”

จีรัชญ์ไม่ตอบ แต่ไอ้มั่นที่ได้ยินถึงกับอยู่ไม่ติด ไยเพื่อนรักที่ทำตัวดีขึ้นมาหน่อยถึงผีเข้าอยากสร้างเรื่องให้เจ้านายมันเสียใจอีกก็ไม่รู้ ไอ้มั่นรีบกลับไปบอกเจ้านายของมันทันที ณิชยังคงติดพันงานจึงมาหาจีรัชญ์ไม่ได้ ไอ้มั่นคอยบอกนายมันเรื่อยๆ ว่าตอนนี้จีรัชญ์ได้ติดต่อกับพยาบาลให้ช่วยดูพยาบาลพิเศษที่รับงานด้านนี้แล้ว ซึ่งจีรัชญ์ยินดีจ่ายค่าตอบแทนให้

“มิ้ง! พี่ฝากดูงานต่อด้วยนะ พี่มีธุระต้องรีบไป” พูดจบณิชก็รีบบึ่งรถมายังโรงพยาบาลทันที

จีรัชญ์มีกำหนดจะออกจากโรงพยาบาลภายใน 2-3 วันนี้ ณิชจัดการทุกอย่างไว้แล้วทั้งเรื่องที่พักและตารางเวลาในการดูแลจีรัชญ์ เพียงแต่ยังไม่ได้บอกเจ้าตัวเพราะคิดว่าจะเก็บไว้เซอร์ไพรส์

เขารู้ดีว่าจีรัชญ์เป็นห่วงวังปริพัตร เพราะฉะนั้นป้าแจ่มจึงไม่สามารถอยู่ดูแลจีรัชญ์ต่อได้ เขาคิดวางแผนไว้เลยว่าจะเอางานมาทำตอนอยู่กับจีรัชญ์ เนื่องจากห้องพักของเขามีขนาดไม่ใหญ่พอ อีกทั้งจีรัชญ์คงไม่สะดวกใจนักที่ต้องมาอาศัยอยู่กับเขา จากที่จะเช่าห้องที่คอนโดฯ ณิชจึงออกความเห็นร่วมกับแขไขว่าจะเช่าเป็นบ้านสักหลังดีกว่า จีรัชญ์จะได้มีพื้นที่ไม่อุดอู้อยู่แต่ในห้องแคบๆ มากเกินไป

ณิชใช้ชื่อตัวเองในการทำสัญญาเช่าบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใจกลางเมือง และไม่ไกลจากโรงพยาบาล เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ใช้เวลาในการเดินทางไม่นาน รวมไปถึงดูเตียงนอนสำหรับผู้ป่วยและให้ช่างต่อเติมอุปกรณ์ที่ช่วยในการกายภาพให้ด้วย เขาได้พูดคุยกับหมอกายภาพบำบัดไว้ล่วงหน้าแล้ว ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้แล้วเหลือเพียงแค่จีรัชญ์เข้าไปอยู่เพียงเท่านั้น

ปึง!

“แฮ่กๆ ผม...แฮ่ก...ผมจะดูแลคุณเอง” ณิชเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยพิเศษเข้าไปก่อนจะพูดโดยที่อาการหอบจากการวิ่งยังชัดเจน ชายหนุ่มแทบหายใจไม่ทันเพราะวิ่งมาเต็มฝีเท้า ใจเต้นรัวในอกแทบหลุดออกทางปากด้วยความเหนื่อย

จีรัชญ์มองคนที่กระหืดกระหอบมาบอกเขาถึงสิ่งที่เจ้าตัวต้องการจะทำ ตั้งแต่วันแรกที่เขาฟื้นจนวันนี้เวลาผ่านมาเดือนกว่าแล้ว แต่ณิชก็ยังยืนกรานจะทำแบบเดิม

“ผมติดต่อพยาบาลพิเศษไปแล้วครับ”

“ไม่! ผมบอกแล้วไงว่าผมจะดูแลคุณเอง คุณก็รู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ คุณรู้เรื่องของเราจากป้าแจ่มแล้ว ทำไมล่ะครับ ผมอยากทำให้ผมทำไม่ได้เหรอ” ท้ายประโยคณิชพูดเสียงอ่อนเมื่อเห็นแววตาแน่วแน่ของจีรัชญ์ที่จะปฏิเสธความหวังดีของเขา ป้าแจ่มถอนหายใจก่อนจะหลบออกจากห้องไปเพื่อให้คนทั้งสองได้คุยกันเอง

“คุณไม่เข้าใจคุณณิช” จีรัชญ์พูดเสียงเรียบ ชายหนุ่มมองอีกฝ่ายที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเตียงด้วยสายตาเรียบนิ่ง

“คุณนั่นแหละที่ไม่เข้าใจ ผมบอกแล้วว่าผมยินดีดูแลคุณ ต่อให้คุณเจ็บหนักกว่านี้ผมก็ยินดีทำ ทำไมไม่ให้โอกาสผมบ้าง”

“คุณจะฝืนทำไม” จีรัชญ์ถามเสียงอ่อน ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยกับสิ่งที่ณิชทำให้ แต่ทุกอย่างสำหรับเขามันคือความไม่สนิทใจ เพราะในความทรงจำของเขาไม่มีคนชื่อณิชอยู่เลย

“ผมไม่ได้ฝืน ผมสบายดี ผมยังทำงานได้ยังดูแลคุณได้ ผมไม่เป็นอะไรเลย คุณจะเกรงใจผมทำไม” ต่อให้เขาต้องอดนอนมากกว่านี้ แต่ถ้าทำเพื่อจีรัชญ์แล้วเขายอมทุกอย่าง ขอเพียงแค่ได้เห็นหน้าอีกฝ่าย ได้ดูแลอยู่ใกล้ๆ ก็พอ

“แต่มันทำให้ผมอึดอัด”

เพียงคำพูดเดียวที่หลุดออกมาจากปากคนที่ตนรักสุดหัวใจทำให้ณิชเกือบเข่าอ่อน ริมฝีปากบางเม้มสนิทพร้อมความเจ็บปวดในอกที่ถาโถมเข้ามาราวคลื่นทะเลซัด น้ำตาค่อยๆ ไหลอาบแก้ม เจ้าตัวพยายามปาดเช็ดเท่าไหร่แต่มันก็ยังไหลอยู่

เขาคิดว่าเรื่องระหว่างเขากับจีรัชญ์มันดีขึ้นแล้ว ต่อให้อีกฝ่ายจำกันไม่ได้เขาก็พร้อมสร้างความทรงจำใหม่ๆ ให้จีรัชญ์ได้จดจำเขาได้ ไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตามเขาก็ยินดี ต่อให้ต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดเขาก็ทำได้ ต้องแนะนำตัวเองว่าเขาคือปราณันต์ลูกน้องของแขไขเขาก็ทำได้ จะให้เขารื้อฟื้นเรื่องราวทุกอย่างใหม่ เอาชนะใจจีรัชญ์ให้ได้อีกครั้งก็เขาทำได้ แต่มันต้องไม่ใช่คำนี้ที่ทำให้กำลังใจในการสู้ต่อของเขาหมดลง

“พอเถอะครับ คุณเหนื่อยมามากแล้ว” จีรัชญ์พูดต่อ สงสารอีกฝ่ายเช่นกันที่ต้องมารับรู้คำพูดตรงๆ จากเขาแบบนี้ เขาเห็นในความพยายามของณิช แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้เขาไม่สบายใจอยู่ดี

มันปวดหน่วงในอกทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาในช่วงกลางดึกแล้วเห็นว่าณิชยังคงเปิดแลปท็อปทำงานอยู่ในห้องมืดๆ แสงจากหน้าจอทำให้สายตาเสียได้ แต่ณิชก็ยังทำเพราะไม่อยากเปิดไฟรบกวนเขา ทุกครั้งที่เขาขยับตัวอีกฝ่ายจะสะดุ้งตื่นเพื่อมาดูว่าเขาต้องการอะไร หลายครั้งที่เขาเห็นความเหนื่อยล้าจากแววตาเศร้านั้น แม้ใบหน้าจะเปื้อนยิ้มแต่ลึกๆ แล้วเขารู้ว่าเจ้าตัวไม่มีความสุขเลย

“ผะ...ผม...ผมทำคุณอึดอัดจริงๆ อึก...เหรอครับ”

ณิชถามเสียงแผ่วเบา แต่เพราะภายในห้องที่เงียบสนิททำให้จีรัชญ์ได้ยินชัดเจน ชายหนุ่มร่างบางเงยหน้าขึ้นมองสบตาคนที่นอนอยู่บนเตียง และตอนนี้ถอดเหล็กที่ดามไว้นอกร่างกายออกจากตัวแล้ว จีรัชญ์แข็งแรงขึ้นจากตอนแรกมาก แต่หมอยังไม่ให้เดินเพราะกลัวกระดูกที่เริ่มติดกันจะหักซ้ำ ตอนนี้จึงทำแค่กายภาพเล็กๆ น้อยๆ เพียงเท่านั้น

จีรัชญ์ไม่ตอบคำถามนั้น เขาให้ความเงียบเป็นคำตอบ แต่สำหรับณิชแล้วนั่นคือคำตอบที่ดีที่สุดที่เขาเข้าใจ ชายหนุ่มเม้มปากแน่นสนิท เขาไม่รู้เลยว่าการทุ่มเทให้จีรัชญ์มันทำให้อีกฝ่ายอึดอัด ไม่รู้เลยว่าต่อให้พยายามมากแค่ไหนท้ายสุดเขากับจีรัชญ์ก็ยังคงห่างเหินกันเช่นเดิม

“ครับ... ต่อไปผมจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก”

ณิชยอมให้กับจีรัชญ์ ไม่ใช่เพราะอยากยอมแพ้ แต่เพราะการได้ยินคนรักบอกกับเราว่าเขารู้สึกอึดอัดในสิ่งที่เราทำ มันทำให้เขาไม่มีแรงสู้ต่อในตอนนี้ เขาคงต้องกลับไปตั้งหลักกับตัวเอง และอาจจะต้องใช้วิธีของจีรัชญ์ในการดำเนินชีวิต

นั่นคือการรอ...

รอว่าสักวันพวกเขาอาจวนกลับมาพบกันอีกครั้ง





โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๓ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-06-2021 21:56:45
 :katai1:




โอยยยยยยยยยย เจ็บไปทั้งหัวใจ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๓ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 13-06-2021 12:15:11
อึดอัด  มาก
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๒/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๓ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 14-06-2021 09:54:35
บทที่ ๓๔

ก๊อกๆๆ

“พี่ณิช! พี่ณิชเปิดประตูให้หน่อย พี่ณิช!”

ปึงๆๆ

มิ้งเคาะประตูเรียกเจ้าของห้องที่เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องของตัวเองมาสามวันแล้ว น้ำหนักมือเพิ่มขึ้นตามอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง ก่อนหน้านี้เธอรู้ข่าวจากป้าแจ่มว่าณิชยอมให้จีรัชญ์จ้างพยาบาลพิเศษเพราะป้าแจ่มต้องกลับไปดูแลวังปริพัตร หลังจากนั้นก็ไม่เห็นหน้าณิชอีกเลย ป้าแจ่มไม่รู้ว่าจีรัชญ์กับณิชตกลงกันอย่างไรณิชถึงได้หายหน้าไปเลย ร้อนถึงหญิงสาวที่ต้องตามมาดูรุ่นพี่คนสนิทว่ายังอยู่ดีหรือไม่

“พี่ณิช! ถ้าพี่ยังไม่เปิดประตูหนูจะให้รปภ.คอนโดฯ พังเข้าไปแล้วนะ”

หญิงสาวร้องบอกด้วยความร้อนใจ ตอนแรกเธอคิดว่าณิชคงไม่สบายธรรมดา แต่เพราะแม้แต่ไอ้มั่นเธอก็ไม่เห็นเลยจึงไม่สามารถรับรู้ข่าวจากใครได้ว่าณิชเป็นอย่างไรบ้าง และการที่ไม่เห็นหน้าณิชรวมไปถึงไอ้มั่นพร้อมกันแบบนี้ แสดงว่านายกับบ่าวคู่นี้มีอะไรผิดปกติอย่างแน่นอนเธอจึงต้องตามมาดูถึงคอนโดฯ

ตอนนี้จีรัชญ์ออกจากโรงพยาบาลแล้ว โดยมีแขไขคอยจัดการธุระให้ทุกอย่าง ชายหนุ่มย้ายไปอยู่บ้านที่ณิชเช่าไว้ให้ เธอไม่รู้ว่าระหว่างคนทั้งคู่กันเกิดอะไรขึ้น จากที่คิดว่าคนทั้งสองกำลังสร้างความทรงจำใหม่ร่วมกันเพื่อรอจีรัชญ์จำเรื่องราวในอดีตได้ ทำไมถึงได้กลับตาลปัตรแบบนี้

“เจ้ามิ่ง”

เสียงของไอ้มั่นดังขึ้นด้านหลัง มิ้งหันไปหาดวงวิญญาณที่คุ้นเคยยืนอยู่ แต่สีหน้าและแววตาของไอ้มั่นไม่สดใสเหมือนอย่างเคย มันเศร้าจนดูเหมือนคนจะร้องไห้ตลอดเวลา

“พี่มั่น พี่ณิชเป็นอะไร หนูถามรปภ.ข้างล่างเขาบอกไม่เห็นพี่ณิชออกไปไหนเลย”

ไอ้มั่นไม่ได้ตอบในทันที แต่ดวงตาทั้งสองค่อยๆ มีน้ำเอ่อคลอก่อนจะไหลออกมา นี่คือความอ่อนแอครั้งแรกของไอ้ทาสผู้ซื่อสัตย์ ความรู้สึกของมันไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เพราะสงสารเจ้านายตัวเองจับใจ เสียงสะอื้นของไอ้มั่นเริ่มดังขึ้นแต่ยังดีที่มันเป็นเพียงวิญญาณจึงไม่มีใครได้ยินนอกจากมิ้ง

"หนูเข้าไปได้ไหม พี่บอกให้พี่ณิชเปิดประตูหน่อยสิ" ยิ่งเห็นท่าทีของไอ้มั่นเป็นแบบนี้มิ้งยิ่งหวั่นใจกลัวเกิดเหตุร้ายอะไรกับณิชอีก

"คุณปราณรู้ว่าเจ้ามา"

"แต่ไม่เปิดประตูให้สินะ" มิ้งพูดเสียงเศร้า รู้สึกน้อยใจรุ่นพี่ขึ้นมาเสียดื้อๆ ทำไมถึงได้เมินเฉยความห่วงใยของเธอแบบนี้

"ใช่สิ! พี่คิดว่าพี่ห่วงคนอื่นเป็นคนเดียวรึไง หนูก็ห่วงพี่เหมือนกันนะพี่ณิช! เป็นอะไรทำไมไม่พูดไม่บอก อยู่ๆ จะหนีหน้ากันแบบนี้เหรอ"

มิ้งตะโกนใส่ประตูราวกับว่ามันคือณิชเอง ทุบบานประตูระบายความน้อยใจไปด้วยหนึ่งที แต่ภายในห้องก็ยังเงียบกริบเหมือนไม่มีคนอยู่ หญิงสาวถอนหายใจเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี เธอยืนฟึดฟัดอยู่หน้าห้องอยู่หลายนาทีก่อนจะหันไปพูดกับไอ้มั่นอีกครั้ง

"หนูฝากพี่ไปบอกพี่ณิชด้วยว่าเดี๋ยวหนูจะซื้อข้าวมาแขวนไว้ให้ ถ้ามีอะไรก็โทรบอก อ้อ! ถ้าพี่ณิชเป็นอะไรพี่ไปบอกหนูได้ตลอดเลยนะพี่มั่น หนูกลัวพี่ณิชจะตายคาห้องไปก่อน"

ในเมื่อณิชยังไม่พร้อมเจอใครในตอนนี้เธอก็คงไม่เซ้าซี้ต่อ เมื่อพูดจบหญิงสาวก็จากไปและทำอย่างที่พูดไว้ ข้าวหนึ่งกล่องรวมไปถึงพวกขนมปัง นมกล่องและของกินเล่นที่เก็บไว้หลายวันได้ ผลไม้จำพวกแอปเปิ้ล ส้มก็มาพร้อมกัน อย่างน้อยๆ เก็บไว้วัน 3-4 วันมันก็ยังกินได้ ไม่ได้เน่าเสียภายในวันเดียว

"คุณปราณขอรับ เจ้ามิ่งซื้ออาหารมาเต็มเลยนะขอรับ ออกไปเอามากินหน่อยเถิดขอรับ" ไอ้มั่นพูดกับคนที่นั่งทำงานอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน จะมีก็แค่ลุกไปเข้าห้องน้ำเพียงเท่านั้น

มือของทาสที่ติดตามเจ้านายทุกภพทุกชาติลูบเบาๆ ไปบนแขนของณิช แม้ไม่รับรู้ถึงแรงสัมผัส แต่มันก็หวังว่าความห่วงใยที่มีจะส่งถึงเจ้านายมันได้

"คุณปราณขอรับ อย่าทำแบบนี้เลย จะให้บ่าวทำกระไรก็ได้แต่อย่าทรมานตัวเองเช่นนี้เลยขอรับ" ไอ้มั่นร้องขอเสียงสั่นเครือ มันแทบก้มกราบกรานให้เจ้านายกินอะไรเสียบ้าง มือเรียวที่กำลังร่างแบบอยู่หยุดนิ่ง เขาเหลือบมองไอ้มั่นที่นั่งหมอบอยู่ใกล้ๆ สีหน้าและแววตาเศร้าสร้อยสื่อให้รู้ว่าเป็นห่วงเขาจับใจ

"ผมกินไม่ลงหรอกมั่น"

เขาไม่อยากกินอะไรเลยเพราะไม่มีอารมณ์จะกิน ตอนนี้เข้าใจความทรมานของไอ้หาญแล้ว แต่ที่เขารู้สึกตอนนี้มันก็แค่เศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น การจากลาของพวกเขาในครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนเพราะเขายังมีชีวิต

แต่การมีชีวิตของคุณปราณในครั้งนี้ กลับไม่มีตัวตนในห้วงคำนึงของไอ้หาญเลย

"ฝืนสักหน่อยนะขอรับ บ่าวไม่อยากเห็นคุณปราณต้องล้มป่วย ไอ้หาญมันใจร้ายกับคุณปราณ แต่คุณปราณอย่าใจร้ายกับตัวเองเลยนะขอรับ"

คำพูดเตือนสติของบ่าวคนสนิททำคุณปราณในชาติปัจจุบันชะงักไป เขาไม่ได้ยอมแพ้ ไม่เคยคิดถอยหรือถอดใจจากจีรัชญ์ เขาแค่เหนื่อยและรู้สึกเหมือนคนกำลังจะจมน้ำ น้ำตาที่เจ้าตัวคิดว่าเหือดหายไม่เหลืออยู่ในตัวแล้วค่อยๆ เอ่อคลอขึ้นมา แค่เพียงกะพริบตาหยาดน้ำตาเม็ดโตก็ไหลลงในทันที ณิชนั่งหลับตาอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ๆ ปล่อยให้น้ำตามันไหลไปจนหยุดไปเอง

ใครจะอยากทำร้ายร่างกายตัวเองกัน เขาไม่ได้อยากให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ จากตอนแรกแรงสู้มีเต็มเปี่ยมแต่มันก็ถูกบั่นทอนทีละน้อย ความเจ็บปวดที่มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้สึก นึกโกรธและเกลียดการกระทำของตัวเองในอดีต

คุณปราณผู้อ่อนหวานแต่แฝงไปด้วยความเร่าร้อน ผูกมัดใจไอ้หาญด้วยคำรักและความรู้สึกที่มี แต่กลับขลาดเขลาเอาตัวรอดเพราะเกรงกลัวบิดาด้วยการโป้ปด น่าสมเพชสิ้นดี! หากได้ย้อนเวลากลับไปในตอนนั้น เขายอมให้ท่านออกญาฯ เฆี่ยนตีดีกว่าต้องมาทุกข์ระทมกับความรักที่แสนขมขื่นทุกภพทุกชาติแบบนี้

แต่ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว เขาย้อนเวลาไม่ได้จะมีก็แต่เวลาที่เดินหน้าต่อ ชีวิตในชาตินี้มีเขาเลือกเอง เพราะฉะนั้นถ้ายังมัวแต่จมปลักอยู่กับความเสียใจแบบนี้เรื่องทุกอย่างก็คงไม่ต่างจากที่แล้วมา

ณิชตั้งสติได้ก็ลุกไปหยิบของที่มิ้งซื้อมาให้ รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนใบหน้าเมื่อเห็นถึงความห่วงใยของรุ่นน้องตัวเล็ก เขาจึงส่งข้อความไปว่าขอบคุณซึ่งฝ่ายนั้นรีบกดอ่านอย่างไว ก่อนจะส่งกลับมาเป็นสติ๊กเกอร์ว่าไม่เป็นไร

มิ้ง : หนูไม่รู้ว่าพี่เป็นอะไร แต่หนูพร้อมฟังพี่ระบายนะ

อีกฝ่ายส่งมาแค่นั้นและณิชไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขานั่งลงกินข้าวที่เป็นมื้อแรกของสามวันที่ผ่านมา ไอ้มั่นนั่งคุกเข่าอยู่ใกล้ๆ มองณิชไม่วางตาด้วยความเป็นห่วง ทั้งลุ้นทั้งห่วงว่าณิชจะกินข้าวหมดไหม

“อิ่มแล้วหรือขอรับ ฝืนอีกสักหน่อยนะขอรับ กุ้งนั่นดูสดแถมตัวใหญ่ด้วย คุณปราณกินสิขอรับ บ่าวว่ามันต้องอร่อยแน่ๆ”

ณิชยิ้มบางกับคำพูดหลอกล่อของไอ้มั่นที่เหมือนผู้ใหญ่หลอกเด็กน้อยให้กินข้าว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยอมตักกุ้งตัวใหญ่เข้าปากเป็นคำสุดท้าย ก่อนจะเก็บข้าวที่เหลือกว่าครึ่งกล่องเข้าตู้เย็น ถ้าอยากกินอีกเมื่อไหร่ค่อยเอาออกมาใส่ไมโครเวฟอุ่นกินสักมื้อ

ชายหนุ่มยังคงใช้ชีวิตอยู่ในห้องที่ราวกับห้องปิดตาย เขาไม่ได้ออกไปไหนหรือพบเจอใคร มีเพียงดวงวิญญาณคอยอยู่เป็นเพื่อน ชวนคุยบ้างชวนเล่นบ้าง ไอ้มั่นมองคนที่นอนหลับคากองงานไปด้วยความอ่อนเพลีย ทั้งที่งานไม่ได้เยอะท่วมหัวแต่ณิชทำราวกับมันกำลังจะถล่มใส่ตัว

พี่โอ๋คุยกับลูกทีมตัวเองเพื่อให้ณิชมาทำงาน แม้งานของณิชจะเสร็จทันเวลาหรือไม่มีข้อบกพร่อง แต่เขาก็อยากเห็นหน้าเห็นตัวใช่แค่โต้ตอบแค่ทางโทรศัพท์หรือข้อความเท่านั้น แต่ณิชกลับบอกว่าขอเวลาพักสักหน่อย แม้วันลาที่มีทั้งปีกำลังจะหมดแล้วก็ตาม

แขไขที่รู้เรื่องราวจากจีรัชญ์ไม่ได้ตามให้ณิชกลับไปทำงาน เธอให้เวลาณิชรักษาใจที่บอบช้ำกับคำพูดที่เสียดแทงใจ ส่วนตัวเองก็ทำหน้าที่มิตรที่ดีโดยดูแลจีรัชญ์ให้ก่อน ไว้ทุกอย่างอยู่ตัวเมื่อไหร่เธอก็จะถอยออกมาเช่นเดียวกัน

ตุ้บ!

เสียงของตกจนณิชสะดุ้งตื่น ชายหนุ่มตาปรือเพราะยังง่วงอยู่ อาการเมื่อยเนื้อตัวเริ่มมาเพราะเขาเผลอหลับในท่าทางที่ไม่ใช่ท่านอนปกติ ณิชหันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาว่าตอนนี้ตี 2 แล้ว ท้องฟ้ามืดสนิทและภายในห้องเขาเองก็เช่นกัน ณิชขยับตัวไล่ความปวดเมื่อยก่อนจะลุกขึ้นเพื่อจะไปนอนที่เตียง แต่ก็ต้องชะงักเพราะเท่าเขาสะดุดกับของบางสิ่งที่มันไม่ควรมาอยู่ตรงนี้

สมุดบันทึกของคุณปราณ

ชายหนุ่มก้มลงหยิบสมุดบันทึกขึ้นมา นึกถึงตอนที่เขาพยายามค้นหาเพื่อจะรู้ความจริงจนต้องแอบขโมยเจ้าสิ่งนี้มาจากห้องทำงานของจีรัชญ์ ในตอนนั้นไม่สนเลยด้วยซ้ำว่าถ้าเจ้าตัวรู้แล้วจะโกรธมากแค่ไหน ขอเพียงเขาได้รู้อะไรเกี่ยวกับคนชื่อปราณและหาญบ้างก็พอ

ณิชเปิดสมุดบันทึกอ่านดูอีกครั้ง ความรู้สึกของเขายังคงเหมือนเดิม อ่านจบจนถึงหน้าสุดท้ายที่มีกลอนของไอ้หาญก็ยังรู้สึกแบบเดิม เขายิ้มให้กับสมุด ลูบไล้มันแผ่วเบาราวกับมันคือสิ่งล้ำค่าที่เปราะบางที่สุด

ไอ้มั่นยืนมองเจ้านายตัวเองอยู่ในมุมมืดเพราะณิชไม่ได้เปิดไฟ มีเพียงแสงจากดวงจันทร์เท่านั้นที่ส่องเข้ามาให้เห็นรางๆ มันใช้ความสามารถที่ตัวเองพอจะมีสร้างลมขึ้นมาเพื่อปัดสมุดบันทึกนั้นให้หล่น เพราะมันไม่เห็นหนทางไหนแล้วที่จะดึงคุณปราณให้กลับมาสู้ได้อีกครั้งนอกจากวิธีนี้

การให้คุณปราณได้เห็นสมุดบันทึกที่เป็นดั่งเรื่องราวร้อยเรียงของคนทั้งคู่ อาจทำให้คุณปราณคิดหาวิธีที่จะทำให้ไอ้หาญจจำเรื่องทั้งหมดได้อีกครั้ง

“คุณปราณจำเรื่องราวทั้งหมดได้จากสมุดบันทึกเล่มนี้ หรือคุณปราณลองเอาให้ไอ้หาญอ่านดีไหมขอรับ เผื่อมันจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง” ไอ้มั่นออกความเห็นก่อนจะปรากฏกายข้างเจ้านายของมัน ณิชนั่งอยู่ตรงปลายเตียง เขามองสมุดในมือแต่ไม่ได้พูดอะไร

*

จีรัชญ์มาอยู่บ้านเช่าได้ราวสองอาทิตย์ เขาเพิ่งมารู้ตอนออกจากโรงพยาบาลว่าณิชจัดการให้เรียบร้อยแล้ว ทั้งเรื่องเตียงและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยให้เขาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น รู้สึกปวดหน่วงในอกยามเห็นถึงความพยายามของณิชที่แฝงอยู่ทุกมุมของบ้านหลังนี้ มันสื่อว่าณิชให้ความสำคัญและห่วงใยเขามากจริงๆ

“คุณตรีจะทานมื้อเย็นเลยไหมครับ” คนดูแลที่ถูกจ้างมาเอ่ยถาม เขาขอไปว่าให้เป็นผู้ชายเพราะมันสะดวกมากกว่า อีกทั้งต้องให้คนดูแลพักที่นี่กับเขาด้วย เพราะฉะนั้นเป็นเพศเดียวกันจะดีที่สุด ชายหนุ่มคนนี้ที่เคยทำงานโรงพยาบาลเอกชนมาก่อนจึงถูกเรียกตัวให้มาดูแลเขา และอีกฝ่ายก็ทำหน้าที่ได้ดี

“ครับ” จีรัชญ์ตอบรับ แม้สายตายังจับจ้องอยู่ที่อ่างบัวก็ตาม

บ้านหลังนี้อยู่ในหมู่บ้านที่มีพื้นที่บริเวณ ไม่ว่าจะสระว่ายน้ำ ฟิตเนส สนามเด็กเล่น เรียกได้ว่ามีทุกอย่างครบครันเหมาะกับการใช้ชีวิตแบบครอบครัว บ้านที่ณิชเช่าให้ก็มีบริเวณ สนามหญ้าเล็กๆ เป็นพื้นที่สีเขียว แต่ที่สะดุดตาเห็นจะเป็นอ่างบัวที่เจ้าตัวดูจงใจจัดหามาวางไว้

ภายในอ่างบัวสวยมีดอกบัวอยู่ 3 สี สีขาว ม่วงและส้มแซมเหลือง ปลาหางนกยูงทั้งตัวผู้และตัวเมียถูกปล่อยแหวกว่ายอยู่ในนั้นเพื่อไม่ให้ยุงลายวางไข่ ถ้าดูผิวเผินบ้านหลังนี้ก็เหมือนบ้านทั่วไป แต่ความพิถีพิถันที่คนเช่าสร้างไว้ทำให้เขารู้สึกผิดกับณิชไม่น้อย

“ตรีคะ” เสียงเรียกของหญิงสาวที่คุ้นเคยทำให้จีรัชญ์หันไปมอง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนรถเข็นทำให้เห็นแขไขที่ลงจากรถมายืนเกาะรั้วอยู่ สาวเจ้ายิ้มหวานพร้อมกับคนที่ตามมาด้วย

“สวัสดีค่ะคุณตรี” มิ้งเอ่ยทักทาย วันนี้เธอขอติดรถแขไขมาเยี่ยมจีรัชญ์ด้วย เธอมีธุระสำคัญมาคุยกับจีรัชญ์ แน่นอนว่าอาจจะดูเหมือนเธอเป็นคนจุ้นจ้านมากเกินไป แต่แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้นที่เธอจะทำแบบนี้

คนทั้ง 4 ซึ่งรวมคนดูแลจีรัชญ์ด้วยนั่งทานมื้อเย็นด้วยกัน แขไขซื้อกับข้าวมาหลายอย่างเพราะรู้ว่าจีรัชญ์ทานมื้อเย็นเวลานี้ มิ้งลอบมองปฏิกิริยาของคนทั้งสองว่าเป็นเช่นไร เพื่อจะได้เก็บข้อมูลสักหน่อยว่าณิชยังพอมีโอกาสที่จะกลับมาอยู่ในใจของจีรัชญ์ได้หรือไม่

หลังจากมื้อเย็นผ่านไปมิ้งใช้โอกาสตอนที่แขไขออกไปคุยโทรศัพท์ และคนดูแลจีรัชญ์ออกไปทำธุระนอกบ้านมาคุยกับจีรัชญ์ สาเหตุที่เธอมาวันนี้ก็เพราะณิชไหว้วานให้มาทำบางอย่าง

“คุณตรีคะ” หญิงสาวเรียกคนที่นั่งอยู่บนเตียง จีรัชญ์หันมามองพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น เพราะสีหน้าของมิ้งดูจริงจังอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

“ครับ?”

“หนูมีเรื่องจะคุยด้วยค่ะ เกี่ยวกับพี่ณิช”

“อ่า...คุณณิช”

ตั้งแต่วันนั้นที่เขาพูดทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายไป เขาก็ไม่เห็นหน้าณิชอีกเลยอย่างที่เจ้าตัวบอก เขารู้ว่าคำพูดตัวเองตรงเกินไป แต่จะให้เขาพูดอ้อมค้อมจนเกิดความกระอักกระอ่วนใจกันก็ทำไม่ได้

“ผมยังไม่ได้ขอบคุณเขาเรื่องบ้านหลังนี้เลย เขาเป็นอย่างไรบ้างครับ สบายดีใช่ไหม”

มิ้งที่ได้ยินคำถามนั้นถึงกับยิ้มฝืน นึกโกรธจีรัชญ์ขึ้นมาบ้างเหมือนกันที่กล้าถามคำนี้ออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอีกฝ่ายอยู่ในสถานะความจำเสื่อม เธอจะด่าให้เลยว่าใครที่ไหนเขาจะสบายดี โดนคนรักพูดว่าอึดอัดใส่ถ้ายิ้มได้ก็บ้าแล้ว

“พี่ณิชฝากของมาให้คุณค่ะ” มิ้งเข้าเรื่องทันทีไม่ยื้อเวลาต่อให้มากความ จีรัชญ์เลิกคิ้วเชิงสงสัยว่ารายนั้นจะฝากอะไรมาให้เขา

สมุดเล่มหนึ่งที่สภาพของมันดูเก่ามากจนเห็นขอบกระดาษเป็นสีเหลืองถูกยื่นมาตรงหน้า หญิงสาวยื่นมันให้เขาพร้อมกับบอกว่าเป็นของสำคัญที่อยากจะให้เขาไว้ มิ้งไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม ประจวบเหมาะกับคนดูแลเขามาพอดี แขไขที่คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วจึงเข้ามาบอกว่าต้องขอตัวกลับก่อนเพราะมีธุระต่อ มิ้งจึงต้องกลับด้วย สายตาของหญิงสาวร่างเล็กมองมาที่สมุดเล่มนั้นไม่วางตา เหมือนจะฝากฝังเขาเป็นครั้งสุดท้ายโดยไม่ลืมกำชับว่า...

"คุณตรีต้องอ่านมันนะคะ”

*

“ในที่สุดลูกทีมกูก็มาครบองค์สักทีสินะ” พี่โอ๋เดินมาเคาะโต๊ะณิชพร้อมยิ้มกว้าง เป็นการเจอหน้ากันหลังจากที่ไม่ได้เจอมาร่วมสองอาทิตย์ ณิชดูซูบลงไปไม่น้อย ใบหน้าไม่สดใสเหมือนแต่ก่อน แต่โดยรวมก็ไม่ได้ผิดหูผิดตาไปมากนัก

แน่นอนว่าการหยุดงานของณิชเป็นที่กังขากับพนักงานคนอื่นๆ เพราะช่วงหลังมานี้ณิชหยุดงานบ่อย แต่แขไขออกโรงปกป้องว่าณิชกำลังอยู่ในช่วงที่เจอเหตุการณ์สะเทือนใจ ทำให้ต้องหยุดพักอยู่ห้องไปแต่ยังคงทำงานอยู่ ซึ่งข้อนี้เขาการันตีในฐานะหัวหน้าทีมว่างานของลูกค้าที่ณิชต้องรับผิดชอบส่งมาให้ครบหมดแล้ว ถ้ามีสิ่งที่ต้องทำอย่างเช่นออกสถานที่หรือไปเจอลูกค้าส่วนใหญ่เขาก็ให้มิ้งกับบอยไปอยู่แล้ว

“กินข้าวแล้วเหรอพี่” ณิชถาม

“ยัง จะมาชวนมึงเนี่ย ไปไหม”

“ไปดิ ชวนไปทั้งทีมเลยนะพี่ มื้อนี้ผมเลี้ยง” ณิชตอบพร้อมยิ้มให้ มิ้งเหลือบมองรุ่นพี่คนสนิทของตัวเองแล้วอดสงสัยไม่ได้ วันก่อนณิชฝากให้เธอเอาสมุดบันทึกไปให้จีรัชญ์ สีหน้าตอนนั้นยังเศร้าตาบวมปูดเป็นลูกมะนาวอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมาเป็นปกติราวกับก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

‘พี่มั่น ทำไมพี่ณิชดูแปลกๆ’

‘ข้าไม่รู้ใจคุณปราณเลยว่ะ ไม่รู้เลยว่าคุณเขาคิดทำอันใด’

‘เออ หนูกลัวใจพี่ณิชจริงๆ’


ถ้าณิชทำใจเรื่องจีรัชญ์ได้เธอก็ดีใจด้วย เพราะจะได้เห็นณิชกลับมาสดใสเป็นคนเดิมเสียที แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ...

พี่โอ๋พาบอย มิ้ง ริสาและณิชไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารใกล้ๆ บริษัท โชคดีที่จองโต๊ะไว้แล้วจึงทำให้พวกเขาไม่ต้องรอคิวนาน หรือต้องไปแย่งโต๊ะกับลูกค้าคนอื่นๆ

หลังจากสั่งอาหารกันไปเรียบร้อยพวกเขาก็นั่งคุยสัพเพเหระกันไปเรื่อย ณิชนั่งฟังเรื่องส่วนตัวของพี่โอ๋ที่ยังทะเลาะกับแฟนอยู่เสมอๆ แต่ก็กลับมาคืนดีกันได้ ส่วนบอยกำลังตามจีบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ เป็นลูกค้าของบริษัทซึ่งดูท่าแล้วสาวเจ้าก็เล่นด้วย อีกไม่นานพวกเขาคงได้ข่าวดีว่าบอยมีเจ้าของหัวใจสักที ไม่ทำตัวเมาหัวราน้ำเป็นแฝดกับมิ้งไปวันๆ

ริสายังคงเป็นสาวขาเมาท์ประจำทีม ข่าวคราวของคนในบริษัทยังถูกป้อนให้พวกเขารู้เสมอ ส่วนมิ้งที่เป็นคนที่สนิทกับเขาที่สุด อีกทั้งยังผ่านเรื่องราวต่างๆ มาด้วยกันบอกกับเขาว่าตัวเองแต่งนิยายเรื่องนั้นจบแล้ว เป็นตอนจบที่เธออยากให้เป็นและสมบูรณ์แบบที่สุด

หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๔/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๔ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 14-06-2021 09:55:57
(ต่อ)

“พี่โอ๋... ผมจะลาออก”

คำพูดของณิชทำทั้งโต๊ะเงียบลงทันที ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว

“มึงล้อเล่นไรไอ้ณิช ไม่ตลกนะเว้ย”

“ผมพูดจริงๆ” ณิชพูดพร้อมรอยยิ้ม เป็นยิ้มที่สื่อให้รู้ว่าเขาตัดสินใจดีแล้ว

ก่อนหน้านี้ที่เขายังอยู่ทำงานต่อนั่นเพราะอยากยื้อเวลาเผื่อว่าจีรัชญ์จะจำเขาได้ จมอยู่กับความเสียใจที่มีเสี้ยวของความหวังรั้งไว้ให้เขาอยู่ แต่เมื่อคิดตรึกตรองดูแล้ว การรอคอยของเขาไม่จำเป็นต้องอยู่ที่เดิมเสมอไป ไอ้หาญยังเดินทางไปรอบโลกเพื่อรอเขา แล้วทำไมเขาจะต้องรออยู่ที่เดิม หากโชคชะตาต้องการให้พวกเขาสองคนต้องพิสูจน์ความรักอีกครั้ง เช่นนั้นการห่างกันและอยู่รออย่างสงบคงเป็นทางออกที่ดี

“พี่พูดจริงเหรอวะ พี่เอาจริงดิ?” บอยถามหน้าตื่น เพราะถ้าทีมพวกเขาขาดณิชไปสักคนก็คงขาดสีสันไปไม่น้อย

“อืม คิดไว้นานแล้วว่าจะออก ตอนนี้คงได้เวลาแล้วล่ะ”

“มึงไม่รักพวกกูเหรอวะ” พี่โอ๋ถาม หัวหน้าทีมทำหน้าเศร้าทันทีเมื่อรับรู้ข่าวนี้ เขารู้สึกว่าทีมนี้เป็นเหมือนครอบครัวของเขาไปแล้ว ไม่อยากจากกันไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม

“รักสิพี่ แต่ผมอยากพักว่ะ มัน...เหนื่อยๆ ไงไม่รู้” พอพูดมาถึงตรงนี้เสียงเขาก็สั่นหน่อยๆ น้ำตารื้นขึ้นมาจนต้องกะพริบตาไล่มันไป มิ้งแตะข้อศอกณิชเบาๆ ปลอบใจอย่างคนที่เข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย ณิชจึงหันไปยิ้มให้หญิงสาวเชิงว่าขอบใจ

“คุณแขรู้เรื่องนี้ยังวะ”

“รู้แล้ว”

“แล้วเขาไม่รั้งมึงเลยเหรอ”

“รั้งสิ แต่ผมปฏิเสธไปแล้ว”

“ถ้ามึงออกจากงานนี้แล้วมึงจะทำอะไร จะไปอยู่ไหน หรีอมีบริษัทไหนมาเสนองานเสนอเงินให้มึงวะ” พี่โอ๋เริ่มคิดไปไกลจนณิชหลุดขำ เขารีบโบกมือให้อีกฝ่ายใจเย็นลง

“ไม่ๆ พี่คิดมากไปแล้ว ไม่มีบริษัทไหนมาเสนอเงินให้ผมทั้งนั้นแหละ ผมแค่...”

“เออๆ กูไม่ถามต่อแล้ว หน้ามึงตอนนี้เหมือนโดนกูรังแกยังไงไม่รู้ อย่าร้องไห้นะเว้ยอายเขา”

หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่คุยกันถึงเรื่องนี้อีก แม้บรรยากาศจะกร่อยกว่าตอนแรก แต่คนในทีมก็เคารพการตัดสินใจของณิช เมื่อกลับมาถึงบริษัทมิ้งจึงรีบเข้าหาณิชตอนที่อยู่กันสองคนทันที

“เรื่องลาออกน่ะ พี่แน่ใจแล้วเหรอ คุณตรียังจำเรื่องราวไม่ได้แต่พี่จะหนีเขาไปเหรอ ไหนบอกจะรอไง” มิ้งถามแทบไม่หายใจ หญิงสาวเขย่าแขนณิชแทบหลุดเพราะเร่งจะเอาคำตอบ

“ไม่ได้หนี บอกแล้วไงว่าเหนื่อยแค่อยากพัก”

“จะไปพักที่ไหนล่ะ อย่าบอกว่าอยู่ห้องเฉยๆ นอนให้ฝุ่นเกาะตัวอะนะ”

“ตอนนี้ยังไม่รู้ว่ะ อาจจะ...ไปอยู่ต่างจังหวัดมั้ง”

“ต่างจังหวัดที่ว่านี่คือวังปริพัตรปะ พี่จะไปรอคุณตรีที่นั่นเหรอ” มิ้งตาเป็นประกายทันที อย่างน้อยๆ ถ้าณิชไปอยู่ที่นั่น ถ้าหากจีรัชญ์จำเรื่องราวได้คนทั้งสองก็ไม่ต้องพลัดพรากจากกันอีก เพราะณิชไปรออยู่ที่เดิมที่ที่คนทั้งสองเคยจากกันเมื่อชาติที่แล้ว

ณิชไม่ตอบอะไร เขาเพียงแค่ยิ้มก่อนจะกลับไปทำงานที่ค้างไว้ตามเดิม พอเข้าสู่ช่วงบ่ายสายณิชก็โดนแขไขเรียกพบ

“คุณบอกเรื่องลาออกกับโอ๋แล้วเหรอ รายนั้นมาโวยวายใหญ่บอกว่าลูกทีมตัวเองกำลังจะหนี เขาให้ฉันยื้อคุณไว้ให้ได้” แขไขพูดน้ำเสียงไม่จริงจังนักณิชจึงยิ้มกับสิ่งที่ได้ยิน พี่โอ๋ก็คือพี่โอ๋ ปากบอกไม่ถามต่อและเคารพการตัดสินใจของเขา แต่พอลับหลังก็มาขอให้แขไขพูดกับเขาเพราะไม่อยากให้เขาลาออก

“เพิ่งบอกเมื่อตอนเที่ยงนี่แหละครับ”

“แล้วยังไง ตกลงจะอยู่ต่อไหม เอาจริงๆ ฉันไม่อยากให้คุณไปเลยนะณิช หรือคุณไม่พอใจที่ฉันคอยดูแลตรี ฉันไม่ไปเจอเขาได้นะ เพราะจริงๆ ฉันกับเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว พอฉันเป็นธุระให้คุณอาจไม่สบายใจได้”

“ไม่ครับ เรื่องของผมกับเขามันซับซ้อนเกินกว่าใครจะเข้าใจ แต่ผมบอกเลยว่าผมไม่ได้มีความคิดแบบนั้นกับคุณแขครับ ดีเสียอีกที่คุณจีรัชญ์ได้คุณมาคอยจัดการเรื่องต่างๆ ระหว่างรักษาตัว ผมเบาใจไปเปลาะหนึ่งที่อย่างน้อยเขาก็มีคนคอยช่วยเหลือ”

“คุณจะไม่รอให้เขาจำได้แล้วเหรอ”

“ยังรอครับ แต่ระหว่างรอนี้ผมแค่อยากใช้เวลากับตัวเองให้มากขึ้น หวังว่าคุณแขจะเข้าใจนะครับ”

แขไขพยักหน้าเข้าใจ เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่ต้องเสียลูกน้องฝีมือดีไป ณิชยังคงทำงานได้ตามคุณภาพของตัวเองอย่างคงเส้นคงวา ตลอดระยะเวลาการทำงานของอีกฝ่าย ณิชเป็นคนมีวินัย อาจมาเข้างานสายบ้างแล้วแต่วัน แต่เนื้องานที่ได้ยังคงดีเลิศเสมอ

“ฉันขอให้คุณโชคดีกับทางทีเลือก และขอให้การรอคอยของคุณสิ้นสุดลงในเร็ววัน”

คำอวยพรสุดท้ายจากเจ้านายทำให้ณิชยิ้ม เขาจากลากับทุกคนด้วยการมอบขนมให้ ริสาร้องไห้ที่จะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว ส่วนบอยกับพี่โอ๋ก็บอกว่าถ้าวันไหนว่างจะนัดไปดื่มกันสักหน่อย ณิชทำเพียงแค่พยักหน้าแต่ไม่ได้ตอบรับอะไร ไม่ได้บอกด้วยว่าเขาคงไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพฯ อีกแล้ว ส่วนมิ้งนั้นกำชับไอ้มั่นว่าห้ามลืมเจ้าตัวเด็ดขาด ต้องมาหากันบ้างหรือไม่ก็ส่งข่าวคราวกันบ้าง

ณิชใช้เวลาเก็บของในห้องใส่ลังให้เรียบร้อย ใช้เวลาจัดการราวอาทิตย์กว่าๆ ก็เสร็จ ตอนนี้เขาได้ที่อยู่ใหม่แล้วจึงย้ายออกจากที่นี่ เขาอยู่ที่นี่มาหลายปีไม่เคยย้ายไปไหนจึงใจหายไม่น้อยที่ต้องจากห้องนี้ไป

“คุณปราณขอรับ แล้วถ้าเกิดไอ้หาญมันจำได้ขึ้นมาในวันสองวันนี้ล่ะขอรับจะทำยังไง คุณปราณไม่ได้บอกใครเรื่องที่อยู่ใหม่เลยนะขอรับ”

ไอ้มั่นถามด้วยความเป็นห่วง เรื่องที่อยู่ใหม่ของณิชนั้นมันโดนกำชับว่าห้ามบอกมิ้งเด็ดขาด เพราะณิชต้องการอยู่กับตัวเองจริงๆ และหากโชคชะตาของณิชกับจีรัชญ์ต้องคู่กัน ยังไงจีรัชญ์ก็ต้องหาณิชเจอ

“ผมอยู่ไกลถึงกรุงเทพฯ โชคชะตายังพาให้ผมกับคุณจีรัชญ์ได้เจอกัน ถ้าเกิดคุณจีรัชญ์เขาจำได้แล้วผมเชื่อว่ายังไงเขาก็หาเจอ อย่าลืมสิมั่น ตอนนี้ไม่ใช่เมื่อร้อยกว่าปีก่อน ไม่ใช่สมัยที่ยังเขียนจดหมายหากันนะ ถ้าคนจะเจอกันห่างกันแค่ไหนมันก็เจอ ผมแค่ล่วงหน้าไปก่อน...เขาจะตามมาตอนไหนก็ปล่อยให้เป็นเรื่องโชคชะตา”

เขาเสียใจกับคำพูดของจีรัชญ์ในวันนั้นก็จริง เขาท้อเพราะเหนื่อยกับการที่ต้องพยายามก็จริง แต่เขาก็ยังมีความหวังในทุกๆ วันว่าสักวันหนึ่งเขากับจีรัชญ์ต้องได้กลับมาเจอกัน

*

“นอนไม่หลับเหรอครับคุณตรีหรือไฟแยงตาครับ ให้ผมปิดให้ไหม” เมื่อเห็นว่าเที่ยงคืนกว่าแล้วแต่จีรัชญ์ยังคงนอนอ่านอะไรสักอย่างบนเตียง ชายหนุ่มที่ถูกจ้างมาเป็นคนดูแลจึงเอ่ยถาม

“ไม่เป็นไรครับ คุณไปนอนเถอะ ผมขออ่านอะไรอีกสักหน่อยก็จะนอนแล้วครับ”

แต่ถึงจีรัชญ์จะพูดไปแบบนั้น เมื่ออีกฝ่ายจากไปยังห้องของตัวเองที่อยู่ชั้นเดียวกัน เขาก็ยังคงนอนไม่หลับอยู่ดี มือใหญ่ยังคงเปิดหน้ากระดาษทีละหน้า อ่านบันทึกของคนชื่อปราณอย่างพิจารณาทุกถ้อยคำ

ถึงเขาคิดว่าเพิ่งเคยเห็นสมุดบันทึกเล่มนี้ แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยราวกับเห็นสิ่งนี้มาแล้ว และการจดบันทึกของคุณปราณก็ดึงดูดเขาเข้าไปเจอสิ่งต่างๆ อย่างที่เจ้าตัวเคยเจอ คุณปราณเขียนถึงไอ้หาญบ่อยครั้ง บรรยายถึงความรักที่สุกงอมระหว่างตนกับทาสคนนั้นได้ซึ้งกินใจ จีรัชญ์รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รู้สึกเปียกตรงแก้ม น้ำตาเขาไหลออกมาไม่รู้ตัว และถึงแม้จะปาดมันออกหรือจะห้ามน้ำตาอย่างไร เขาก็ยังคงร้องไห้ไปกับเรื่องราวของคุณปราณในบันทึกเล่มนี้

จีรัชญ์ไม่อาจหักห้ามใจจะไม่อ่านให้จบเล่มให้ได้ แม้เวลาจะล่วงเลยเข้าวันใหม่แล้วก็ตาม เขายังคงนอนอ่านบันทึกเล่มนี้ต่อไปราวกับเสพติดมัน แต่เมื่อเปิดอ่านเรื่อยๆ ก็พบว่าหน้าหลังๆ ไม่มีเขียนอะไรไว้แล้ว จะมีก็แต่บทกลอนที่ลายมือช่างคล้ายลายมือเขาเสียเหลือเกิน

“อึก...”

เมื่ออ่านกลอนนั้นจบจีรัชญ์ถึงกับต้องอุดปากกลั้นเสียงร้องของตัวเองไว้ เขาปวดหน่วงในอกราวจะขาดใจ เจ็บลึกจนแทบหายใจไม่ออก ชายหนุ่มนอนดิ้นอยู่บนเตียงพร้อมกับอาการปวดหัวที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น น้ำตาไหลพรากจากตาคมทั้งสองข้าง ความเสียใจที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนถาโถมเข้าหาราวพายุ ก่อนความรู้สึกนั้นจะค่อยๆ หายไปหลงเหลือไว้แค่แรงหอบหายใจและหยาดน้ำใสที่ปลายหางตาเพียงเท่านั้น

“คุณณิช”

จีรัชญ์เรียกชื่อคนที่ฝากสมุดบันทึกเล่มนี้มาให้เขา กระดาษหน้าสุดท้ายมีรูปวาดดอกไม้ชนิดหนึ่ง มันถูกจับเข้าเป็นช่อเล็กๆ ถึงจะเป็นภาพระบายสีไม้แต่กลับสวยงามสมกับที่ณิชทำงานสายออกแบบจริงๆ

‘ผมวาดดอกพุดน้ำบุษย์มาให้ ถ้าหากวันใดที่คุณจำเรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว ผมจะมอบของจริงที่สวยกว่านี้ให้คุณ’

“ถ้าเรารักกันแล้วทำไมผมถึงจำคุณไม่ได้” จีรัชญ์พึมพำกับรูปวาดในสมุด เขาลูบมันเบาๆ ราวกับมันคือของจริง แม้ไม่เข้าใจว่าณิชจะให้เขาอ่านสมุดบันทึกของคุณปราณเพราะอะไรก็ตาม

*

“พร้อมนะมั่น”

ณิชถามดวงวิญญาณที่นั่งอยู่ตรงเบาะข้างคนขับ ครั้งนี้เขาจะทำใจขับรถตัวเองออกต่างจังหวัด เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาขับรถในระยะทางไกลหลายร้อยกิโล ทั้งตื่นเต้นและกลัว แต่เพราะเขาไม่สามารถไหว้วานบอยได้บ่อยๆ เพราะฝ่ายนั้นก็มีงานที่ต้องสะสาง ณิชจึงตัดสินใจขับรถตัวเองเพื่อไปยังที่พักที่เขาได้เช่าไว้แล้ว

“คุณปราณแน่ใจนะขอรับ บะ...บ่าวว่าให้เจ้ามิ่งขับดีกว่าไหมขอรับ” ไอ้มั่นถามเสียงตะกุกตะกัก หากการขับรถครั้งนี้ทำให้คุณปราณของมันต้องมีอันเป็นไปจะทำอย่างไร

“มิ้งไม่อยู่ ไปทำงานที่โคราช เอาน่ะ...มาลองกันสักตั้ง”

“แต่บ่าวกลัวคุณปราณ...” แววตาของไอ้มั่นเต็มไปด้วยความกังวล ณิชจึงหันมาปลอบใจคนที่จะร่วมเดินทางไปกับเขา ผู้พิทักษ์ที่ลั่นสัตย์สาบานว่าจะช่วยเหลือเขาทุกภพทุกชาติ

“ผมจะขับช้าๆ จะรักษาชีวิตตัวเองเพื่ออยู่รอไอ้หาญ ผมสัญญา” เขาบอกให้ไอ้มั่นสบายใจ และย้ำเตือนตัวเองไปไหนตัวด้วยว่าการออกเดินทางในครั้งนี้เขาต้องปลอดภัยไปถึงจุดหมายให้ได้

เขาจะล่วงหน้าไปรอจีรัชญ์ก่อน เพื่อหวังว่าสักวันจีรัชญ์จำเขาได้แล้วจะได้ไม่ต้องตามหาเขาแบบพลิกแผ่นดินอีก โซเชียลมีเดียต่างๆ เขาก็อัปเดตอยู่ตลอดว่าจะไปไหนทำอะไรบ้าง ถ้าวันที่จีรัชญ์จำเขาได้มาถึง เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายคงหาเขาไม่ยากอย่างแน่นอน

ณิชขับรถลงใต้และเมื่อตกเย็นเขาก็หาที่พักเพื่อพักผ่อน แต่ด้วยเพราะความกลัวมันคอยเล่นงานอยู่เนืองๆ ทำให้เขาต้องแวะพักที่ปั๊มบ่อยๆ ตอนนี้เขาจึงออกจากกรุงเทพฯ มาไม่ไกลนัก

เขาใช้เวลาในการเดินทางจากกรุงเทพฯ มายังจังหวัดหนึ่งที่อยู่ทางใต้ราว 1 วันกับอีก 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นจังหวัดที่เขาเคยอยู่มา 3 เดือน ความรู้สึกแรกเมื่อเห็นป้ายยินดีต้อนรับเข้าสู่จังหวัด เขารู้สึกราวกับกลับบ้านเก่า ถนนหนทางในเมืองที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีทำให้ณิชสบายใจขึ้น ไม่เกร็งเหมือนก่อนหน้านี้

เขาขับรถไปยังบ้านเช่าหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว มีที่จอดรถสำหรับ 1 คัน มีพื้นที่บริเวณบ้านไม่มากแต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย เพราะเขาอยากปลูกต้นพุดน้ำบุษย์ไว้รอบๆ ด้วย

เจ้าของบ้านมาพูดคุยกับเขาและมอบกุญแจบ้านให้ อีกฝ่ายใจดีจนเขาต้องกล่าวขอบคุณไปหลายครั้ง จากนั้นณิชก็ขนของเข้าบ้าน พวกของใช้อื่นๆ จะตามมาทีหลังทำให้ตอนนี้เขามีแต่พวกเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นเท่านั้น

การปรับตัวกับเมืองแห่งนี้ไม่ยากเท่าไหร่ อาจเพราะคุ้นเคยมาก่อนเขาจึงไม่รู้สึกว่าอยู่ต่างบ้านต่างเมืองนัก มิ้งโทรมาหาและบ่นว่าอยากมาเที่ยวด้วย แต่เพราะติดงานเลยเจ้าตัวจึงต้องทำงานไปก่อน ไว้มีวันหยุดเมื่อไหร่จะมาหาเขาทันที

“มั่น... คุณเคยคิดจะเปลี่ยนเสื้อผ้าตามสมัยบ้างไหม ผมซื้อให้” ณิชถามขึ้นในสายวันหนึ่ง เขาออกไปตลาดมาเห็นเสื้อผ้าสมัยนี้มีขายเกลื่อนถนนจึงถามดู

“ไม่ขอรับ บ่าวชอบแบบนี้” ไอ้มั่นตอบทันที มันส่ายหน้าหวือเพราะไม่ชอบเสื้อผ้าสมัยนี้ อีกทั้งมันเป็นเพียงดวงวิญญาณเท่านั้น จะแต่งให้ดูดีแค่ไหนก็ไม่มีใครเห็น

ณิชยิ้มขำกับท่าทางราวเด็กน้อยไม่อยากกินยานั่น วันเวลาผันผ่านไปตามจังหวะของมัน จนตอนนี้เขามาอยู่ที่นี่ได้ 4 เดือนแล้ว และได้ทำงานในบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ต่างอำเภอ เงินเดือนอาจไม่เท่าตอนอยู่กับแขไขแต่เขาก็รู้สึกสบายใจดี อาจเพราะการเดินทางโดยทางลัดที่เขาใช้ไปทำงานผ่านวังปริพัตร เขาจึงได้เห็นรั้ววังทุกวัน บางวันก็เห็นนายพลีออกจากประตูสวนเพื่อเอาผลไม้ไปขายตามฤดูกาล มันอาจเป็นภาพธรรมดาๆ แต่สำหรับณิชแล้วเขาคิดถึงความรู้สึกตอนที่เข้าไปอยู่ในวังแห่งนั้นจับใจ

ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่เขามีไอ้มั่นเป็นเพื่อน ไอ้มั่นไม่เคยห่างกายไปไหนเลย อาจจะแวบไปดูจีรัชญ์และไปหามิ้งบ้าง แต่ก็รีบกลับมาหาเขาเพราะไม่อยากทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวนานเกินไป

‘ไอ้หาญอาการดีขึ้นมาแล้วขอรับ แต่ยังต้องไปหาหมอเพื่อทำกายภาพบำบัดอยู่เรื่อยๆ มันยังกินข้าวนอนหลับได้ดี ส่วนมุมโปรดที่มันชอบไปนั่งก็ตรงอ่างบัวที่คุณปราณลงบัวไว้ให้นั่นแหละขอรับ’


คำบอกเล่าล่าสุดที่ไอ้มั่นไปเยี่ยมจีรัชญ์บอกกับเขา ณิชยิ้มบางกับสิ่งที่ได้ยิน เขาไม่รู้ว่าจีรัชญ์อ่านสมุดบันทึกแล้วหรือยัง แต่ก็ยังคงหวังว่ามันจะทำให้อีกฝ่ายจำเขาได้เหมือนที่เขาจำไอ้หาญได้จากสมุดเล่มนี้

*

ณิชแวะซื้อกาแฟให้ตัวเองตรงปากซอยทางเข้าบ้าน และไม่ลืมสั่งชานมไข่มุกให้ไอ้มั่นด้วย เพราะมิ้งบอกว่าไอ้มั่นชอบชานมไข่มุกมาก เป็นเมนูต้นๆ ที่ไอ้ทาสผู้ซื่อสัตย์เอ่ยปากบอกเลยว่าถูกใจ เมื่อกลับมาถึงบ้านเขาก็ขนของใช้ที่ซื้อมาเข้าบ้าน ก่อนเข้าบ้านก็แวะชมต้นพุดน้ำบุษย์ที่เขาซื้อมาปลูกริมรั้วที่เติบโตขึ้นทุกวัน เขารอวันที่มันจะออกดอกส่งกลิ่นหอมอีกครั้งซึ่งคาดว่าคงอีกไม่นาน

“มั่น วันนี้เราไปเยี่ยมป้าแจ่มกันนะ” ณิชบอกดวงวิญญาณที่นั่งดูละครอยู่ตรงโซฟาในโซนห้องนั่งเล่น

ตั้งแต่มาถึงที่นี่ ผ่านไปเกือบปีแล้วแต่เขาไม่ได้ไปเยี่ยมป้าแจ่มเลยเพราะมัวแต่ยุ่งๆ อย่างที่รู้กันว่าต่างจังหวัดไม่ค่อยมีสายงานอย่างพวกมัณฑนากรสักเท่าไหร่ เมื่อเขาได้ทำและมีโปรไฟล์ให้ลูกค้าดูการบอกปากต่อปากจึงทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้น จากที่หนีความวุ่นวายจากกรุงเทพฯ มา เมื่อมาอยู่ที่นี่เขาก็ยุ่งแทบไม่ต่างจากตอนอยู่เมืองกรุงเช่นกัน เพียงแต่มันไม่วุ่นวายเท่าก็เท่านั้น

ณิชขับรถมาตามทางที่คุ้นเคย เขาใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงสถานที่ที่คุ้นเคย ประตูรั้ววังปริพัตรเปิดไว้ในช่วงกลางวันเหมือนอย่างเคย สนามหญ้าหน้าตัวตึกยังเขียวชอุ่มและถูกนายพลีตัดแต่งอย่างดี พุ่มไม้ต่างๆ ก็เช่นเดียวกัน

“มาหาใคร... อ้าว! คุณณิช!” แม่บ้านของวังปริพัตรที่ชื่อหวีเรียกชายหนุ่มเสียงดังเมื่อเห็นว่าเขาลงจากรถยนต์ส่วนตัว อีกฝ่ายยิ้มกว้างก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปตามป้าแจ่ม ซึ่งหญิงสูงวัยเมื่อได้ยินว่าณิชมาก็วิ่งกระหืดกระหอบออกมาต้อนรับในทันที

“คุณณิชจริงๆ ด้วย” หญิงสูงวัยเข้ามากอดชายหนุ่มร่างบางเต็มรักด้วยความคิดถึง “มายังไงคะ มากับใคร คุณมิ้งมาด้วยไหมคะ”

“ทีละคำถามสิครับป้าแจ่ม ผมตอบไม่ทัน” ณิชพูดพลางกลั้วหัวเราะ

“แหม ก็ป้าดีใจนี่คะ มาค่ะๆ เข้าข้างในก่อน อ้อ! คุณตรียังไม่กลับมานะคะ บอกว่าจะอยู่ที่กรุงเทพฯ ต่อไว้พักให้แน่ใจอีกสักหน่อยว่ากระดูกแข็งแรงแล้วถึงจะกลับค่ะ”

ณิชพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เพราะถ้ามาที่นี่การเดินทางอาจทำให้กระดูกที่กำลังต่อกันหักซ้ำได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่จีรัชญ์จะอยู่รักษาตัวที่กรุงเทพฯ ต่อ

ป้าแจ่มดีใจที่ณิชมาหาจึงรั้งชายหนุ่มไว้เพื่อให้อยู่มื้อเย็นด้วยกันก่อน โดยหญิงสูงวัยไม่ลืมโทรบอกสุทินให้มาทานข้าวที่บ้านด้วย เพราะรายนั้นมักมาฝากท้องและช่วยเป็นหูเป็นตาในการดูแลวังแห่งนี้ให้จีรัชญ์อีกแรงหนึ่ง

อาหารวันนี้ณิชทานมากกว่าที่เคยทานมาหลายเดือน เพราะฝีมือปลายจวักของป้าแจ่มมัดใจเขากับมิ้งได้อยู่หมัดตั้งแต่มื้อแรกที่มาอยู่วังปริพัตร จนตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ มื้อเย็นที่รสชาติอาหารถูกปาก รวมถึงการพบปะพูดคุยกับคนคุ้นเคยอย่างป้าแจ่มและสุทินทำให้ณิชยิ้มกว้างมากกว่าทุกวัน ดวงตาสวยดูสดใสจนไอ้มั่นอดยิ้มตามไม่ได้

ขอแค่นี้... แค่คุณปราณยิ้มให้กว้างขึ้นอีกสักหน่อยมันก็พอใจแล้ว







โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๔/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๔ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 14-06-2021 10:51:31
 :hao3: :hao6:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๔/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๔ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-06-2021 02:38:42
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๔/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๔ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 15-06-2021 19:15:32
ไม่ค่อยอึดอัด

แต่หน่วง นิดๆ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๔/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๔ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 16-06-2021 22:58:05
ดีใจที่ณิชปรับตัวได้และอยู่ต่อไปแบบไม่อึดอัดนัก รอแค่ไอ้หาญนึกได้เท่านั้น  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๔/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๔ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 18-06-2021 10:31:59
รอวันที่ไอ้หาญกลับมา
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๔/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๔ หน้า ๑๓
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 18-06-2021 10:43:07
บทที่ ๓๕

นาฬิกาดิจิทัลของร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในตัวเมืองบอกเวลา 01.12 นาที ขณะที่คนในห้องคาราโอเกะ VIP ยังคงร้องเพลงสังสรรค์และดื่มเครื่องดื่มมึนเมาอย่างสนุกสนาน แต่ชายหนุ่มร่างบางคนหนึ่งอยู่ในสภาพมึนหนัก เพราะโดนหัวหน้าชนแก้วหลายครั้งทำให้ต้องปลีกตัวออกมาเข้าห้องน้ำ และสูดอากาศนอกห้องที่มีกลิ่นบุหรี่สักหน่อย

ปึก!

“โอ๊ะ! ขอโทษครับ” ณิชก้มหัวขอโทษคนที่เขาเดินชนเสียงอ้อแอ้ เขาพยายามเบิกตาให้โตที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เหมือนเปลือกตาจะไม่ฟังการสั่งการเท่าไหร่ เพราะมันทำได้แค่ปรือตามองคนตรงหน้าเท่านั้น

“คุณณิช! ทำไมเมาขนาดนี้ล่ะครับ” เสียงทักอย่างคุ้นเคยทำให้ณิชอึ้งไปพักหนึ่งอย่างคนกำลังประเมินผล ก่อนจะคลี่ยิ้มเมื่อนึกได้ว่าเป็นใคร

“คุณสุทินนี่เอง อ่า...พอดีหัวหน้าพามาเลี้ยงน่ะครับ”

“แล้วทำไมดื่มหนักขนาดนี้ คุณเมามากเลยนะครับ” สุทินพูดด้วยความตกใจเพราะเขาไม่เคยเห็นณิชดื่มหนักขนาดนี้มาก่อน

ณิชเกาะผนังไว้แต่เหมือนจะยืนไม่ไหวเขาจึงต้องโอบเอวประคองไว้ก่อน กลิ่นเหล้าคละคลุ้งปนกลิ่นบุหรี่หึ่งไปหมด สภาพสถาปนิกฝีมือดีแทบดูไม่ได้ เสื้อหลุดลุ่ยออกนอกกางเกง ผมเผ้ายุ่งฟูแก้มใสแดงระเรื่อ มองปราดเดียวก็รู้เลยว่าดื่มหนัก

วันนี้สุทินออกมาเที่ยวกับเพื่อน พวกเขานั่งอยู่ข้างนอกที่เป็นโซนบาร์ เขาขอตัวมาเข้าห้องน้ำจึงมาชนเข้ากับณิชที่ออกมาจากห้องคาราโอเกะพอดี เขามองเข้าไปภายในห้องคาราโอเกะเห็นเพื่อนร่วมงานของณิชออกลีลาเต้นกันมันหยด ท่าทางเมาพอๆ กับณิชนี่แหละ

“คุณสุทินมายังไงครับ อ่า...ทำไมคุณยืนไม่นิ่งเลย” ณิชจับหน้าสุทินล็อกไว้เพื่อให้อีกฝ่ายอยู่นิ่งๆ แต่ในสายตาเขาสุทินก็ยังขยับไปมาอยู่ดี

สุทินถอนหายใจกับอาการคนเมาที่ยืนตัวไม่ตรงแถมยังตาลายอีก เขากระชับอ้อมกอดก่อนจะพาณิชไปห้องน้ำ หากได้ล้างหน้าล้างตาสักหน่อยเจ้าตัวคงดีขึ้น

“ล้างหน้าหน่อยนะครับจะได้สร่างเมาบ้าง แล้วนี่คุณณิชจะกลับยังไงครับ”

“อือ...” ณิชก้มลงเกาะขอบอ่างล้างหน้าแล้วกวักน้ำใส่หน้าตัวเองหลายครั้ง เสียงครางรับในลำคอดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะเงียบไปหลายนาที จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองสุทินพร้อมตาแดงก่ำเพราะน้ำเข้าตา “ผมขับรถมาเอง”

“เมาขนาดนี้ขับกลับเองไม่ไหวหรอกครับ ให้ผมไปส่งไหม”

“หงึ” ณิชส่ายหน้าปฏิเสธ “เดี๋ยวน้องชัชไปส่งครับ”

‘น้องชัช’ คือเด็กหนุ่มฝึกงานของบริษัท สุทินเคยเห็นหน้าอีกฝ่ายที่บ้านของณิช 2-3 ครั้ง ดูเป็นเด็กร่าเริงแต่มีความกวนอยู่ในทื เด็กคนนั้นถือณิชเป็นไอดอลของตัวเองเพราะฝีมือการออกแบบภายในของณิชเก่งมาก ชัชจึงมาขอเรียนวิชากับณิชบ่อยๆ

สุทินมองคนที่เดินไปเกาะโถฉี่แล้วปลดปล่อยของเหลวออกจากร่างกาย เขานึกสงสารณิชจับใจ เพราะนี่ผ่านมา 5 ปีแล้วที่ณิชยังคงรอจีรัชญ์ แม้จีรัชญ์จะกลับมาอยู่วังปริพัตรแล้วก็ตาม แต่คนทั้งคู่กลับไม่เคยเจอกันเลย เขาจำได้ว่าครั้งหลังสุดเจอณิชที่วังปริพัตรก็ราวๆ 4 ปีก่อน หลังจากนั้นเมื่อจีรัชญ์กลับมา ณิชก็ไม่ได้ไปที่วังอีกเลย เจ้าตัวให้เหตุผลว่าหากจีรัชญ์ยังจำตนไม่ได้ก็ไม่อยากทำให้จีรัชญ์อึดอัดใจ

“อ้าว! พี่สุทินสวัสดีครับ” ชัชออกมาตามณิชเห็นสุทินกำลังประคองณิชออกจากห้องน้ำพอดีจึงเอ่ยทัก เด็กหนุ่มยกมือไหว้และยิ้มกว้างให้

“เออ เจอก็ดี พาคุณณิชกลับเลยเถอะ อยู่ต่อคงสลบคาห้องคาราโอเกะ”

“อ่า...แต่หัวหน้า...”

“ก็ช่างหัวหน้าสิ คุณณิชเมาขนาดนี้จะอยู่ไหวได้ยังไง อย่าไปเชื่อพวกผู้ใหญ่มันมาก รีบกลับไปก่อนเลยไป ขืนอยู่ต่อตี 4 ก็ไม่ได้กลับ”

สุทินพูดพร้อมกับพาณิชออกจากร้าน ชัชยืนลังเลอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจทำตามที่สุทินบอก เขาเข้าไปเอากระเป๋าของณิชและของตัวเอง ก่อนจะแอบย่องออกมาเพื่อชิ่งหนีงานเลี้ยงสังสรรค์ที่ไม่รู้จะจบเมื่อไหร่

“ขับรถดีๆ ล่ะ” สุทินกำชับเด็กหนุ่มที่ขึ้นนั่งประจำที่คนขับ ส่วนเจ้าของรถหลับไปแล้ว

“ครับ ขอบคุณพี่สุทินมากครับ ผมไปก่อนนะพี่” เขาไม่ได้ดื่มเพราะตกลงกับพี่ณิชไว้แล้วว่าจะขับรถให้ สติเขาจึงครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด สุทินพยักหน้าให้แล้วยืนมองรถยนต์ของณิชที่มีชัชเป็นคนขับเคลื่อนตัวออกจากร้านไป

ชัชพาณิชเข้าห้องนอนด้วยความทุลักทุเล เพราะคนเมาที่หลับอยู่ตอนนี้ไม่ให้ความร่วมมือใดๆ เลย อีกทั้งร่างกายที่ตัวเท่าๆ กันทำให้เขาแทบแบกณิชไม่ไหว กว่าจะพามาถึงเตียงได้ก็ทำเอาหอบหนักเกือบเป็นลม

“อือ...” ณิชครางในลำคอเบาๆ ชัชที่ทิ้งตัวลงนอนข้างกันนอนมองหน้าณิช

ในสายตาเขาแล้วพี่ณิชคือผู้ชายที่ดูธรรมดาทั่วไป แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าตัวมีเสน่ห์คือฝีมือด้านการทำงาน และเมื่อได้รู้จักตัวตนจริงๆ ของพี่ณิชยิ่งทำให้เขารู้สึกชื่นชมอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น พี่ณิชไม่ค่อยดื่ม ไม่ค่อยออกไปเที่ยว สิ่งที่พี่ณิชรักที่สุดในบ้านหลังนี้คือต้นพุดน้ำบุษย์ เจ้าตัวชอบกลิ่นหอมของมันเลยปลูกไว้ริมรั้วหลายต้น พี่ณิชมีเพื่อนสนิทชื่อพี่มิ้ง เขาเคยเจออยู่บ้างแต่ไม่บ่อยนักเพราะรายนั้นจะมาหาพี่ณิชนานๆ ครั้ง

“วันนี้ครบ 5 ปีแล้ว” อยู่ๆ คนที่ชัชคิดว่าหลับก็พูดขึ้นแม้ไม่ลืมตาก็ตาม

“ครับ?”

“มีคนบอกว่าพี่รอใครคนนั้นมา 5 ปีแล้ว”

ณิชพูดอีกครั้ง นึกถึงคำพูดของไอ้มั่นที่ย้ำเตือนเวลาให้เขารู้ว่าเขาเดินทางมาไกลแค่ไหนแล้วก็เศร้า และเพราะเหตุนี้วันนี้เขาจึงดื่มจนเมาหนักขนาดนี้ แค่อยากหยุดความอ่อนล้าที่โผล่ขึ้นมาจากส่วนลึกของความรู้สึก สาดเหล้าเข้าไปกลบฝังมันเพื่อเขาจะได้อยู่ต่อไปได้ในวันพรุ่งนี้ โดยไม่มีคำว่าเสียใจให้ระคายความรู้สึก

“นานขนาดนี้ถ้าเป็นผมผมเลิกรอแล้ว เลิกรอเลยพี่” ชัชออกความเห็น

“หึ... แค่ 5 ปีเอง เขาเคยรอพี่มานานกว่านี้อีก ให้รอเพิ่มอีกสักหนึ่งวันจะเป็นไรไป”

ชายหนุ่มลืมตาขึ้นพร้อมรอยยิ้มอ่อนบนใบหน้า ดวงตาสวยเหม่อมองเพดาน ต้องขอบคุณชัชที่ไม่ได้เปิดไฟในห้อง ไม่เช่นนั้นเขาคงอายที่ต้องให้อีกฝ่ายเห็นน้ำตา

หากพูดว่า 5 ปีนานแล้วมันก็นาน แต่สำหรับเขาแล้ว การรอคอยจีรัชญ์มีเวลาแค่เพียงหนึ่งวันเท่านั้น การรอคอยของเมื่อวานสิ้นสุดแล้ว เขาเริ่มรอใหม่ในวันนี้และการรอคอยนี้ก็จะสิ้นสุดลงในตอนกลางคืนเหมือนเดิม จากนั้นเขาก็จะเริ่มต้นรอจีรัชญ์อีกครั้งในวันถัดไป

5 ปีคือเวลาที่ยาวนาน แต่ 24 ชั่วโมงคือเวลาที่สั้นแค่นิดเดียว เขาเพิ่งรอจีรัชญ์ได้ไม่นานเพราะนาฬิกาเพิ่งบอกเวลาเข้าสู่วันใหม่ได้แค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ถ้าจะให้เลิกรอตอนนี้ก็คงเร็วเกินไป

“ดอกพุดน้ำบุษย์กำลังจะร่วงอีกครั้งแล้ว”

ณิชพูดแค่นั้นก็ผล็อยหลับไปพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาเงียบๆ และนี่คือสิ่งเดียวของณิชที่ชัชไม่เข้าใจ พี่ณิชไม่คบหาดูใจกับใครเลย ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายพี่ณิชก็ไม่เคยมองใคร ขนาดเขาแกล้งหยอดๆ จีบๆ ไปอีกฝ่ายยังไม่มีท่าทีหวั่นไหว

“ทำไมพี่ยังไม่มีแฟน นี่ผมสงสัยจนต้องถามพี่ตรงๆ เลยนะเนี่ย มีคนชอบพี่แถมจีบพี่ด้วยแต่พี่ไม่เอาสักคน”

“มันยังไม่ถึงเวลา”

“โห อายุ 32 แล้วยังไม่ถึงเวลาอีกเหรอพี่ ถ้าไม่มีตอนนี้แล้วจะไปมีตอนไหน”

“ต่อให้อายุ 80 ถ้ามันยังไม่ถึงเวลาก็คือยังไม่ถึงเวลา”

ในตอนนั้นเขาไม่ได้ถามต่อเพราะคิดว่าเป็นอารมณ์ศิลปินของพี่ณิช แต่มาตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่ามันหมายความว่าอย่างไร พี่ณิชกำลังรอใครบางคนและเจ้าตัวก็ยังจะรอต่อไป ต่อให้นานแค่ไหนพี่ณิชก็ยังจะรอ

*

ชัชงัวเงียตื่นขึ้นมาขยี้ตาดูนาฬิกาเห็นว่า 7 โมงเขาถึงกับรีบลุกจากเตียง เมื่อคืนหลังจากนอนฟังพี่ณิชพูดจนหลับไปเขาก็หลับตาม น้ำท่าไม่ได้อาบด้วยกันทั้งคู่ จนตอนนี้พี่ณิชก็ยังนอนหลับอยู่พอปลุกอีกฝ่ายก็ไม่ยอมตื่น บ่นว่าปวดหัวและจะหยุดงานเพราะไปไม่ไหว

“แกไปเลย ฝากล็อกประตูบ้านด้วย” ณิชพูดแค่นั้นก็นอนต่อ ส่วนชัชก็รีบวิ่งออกไปเรียกวินมอเตอร์ไซค์ที่หน้าหมู่บ้าน

ติ๊งหน่อง

เสียงกริ่งหน้าบ้านทำลายความสุขของคนแฮงค์ที่กำลังหลับได้ที่ ตอนแรกณิชไม่สนใจเสียงนั้นเพราะเขาลุกไม่ได้ แต่ไอ้มั่นกลับตะโกนโหวกเหวกโวยวายใหญ่

“คุณปราณตื่นขอรับ! ตื่นเถิดขอรับคุณปราณ!”

“ผมมึนหัวจะอ้วกเนี่ยมั่น เงียบหน่อยได้ไหม”

“คุณปราณจะนอนต่อไม่ได้ขอรับ ไปดูสิขอรับว่าใครมา”

“อือออ ไปบอกมิ้งว่ากุญแจสำรองอยู่ตรงกระถางต้นไม้ใบที่สาม ไขเข้ามาได้เลย” ณิชพูดทั้งที่ไม่ลืมตา เขาไม่ตื่นเต้นเพราะมิ้งส่งข้อความมาบอกเมื่อเย็นวานว่าเจ้าตัวจะมาหาเขาวันนี้

ไอ้มั่นที่เห็นว่าเจ้านายของตนไม่ตื่นขึ้นมาง่ายๆ จึงยอมถอยและไปบอกคนที่กำลังรอยู่หน้าประตูแทน อีกฝ่ายไขประตูเข้ามาด้วยกุญแจสำรองที่ซ่อนไว้อย่างแนบเนียน เมื่อผู้มาเยือนเข้ามาในบ้านได้ไอ้มั่นก็บอกว่าณิชอยู่ในห้อง มันแทบเก็บอาการดีใจไว้ไม่มิดที่ได้เจออีกฝ่าย

แอด...

ประตูห้องแง้มเปิดออกเผยให้เห็นเจ้าของบ้านที่ยังนอนหมดสภาพอยู่บนเตียง เสื้อผ้าที่ใส่อยู่หลงเหลือแค่กางเกงบ็อกเซอร์เท่านั้น คนที่เพิ่งเข้ามาเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ วางของบางอย่างที่ถือติดมือมาด้วยข้างหมอนที่หนุ่มร่างบางหนุน เขามองชายหนุ่มที่แก้มซีกหนึ่งบี้ไปกับหมอนดูน่าเอ็นดู

“มึงมาทำไมตอนนี้ 5 ปีที่ผ่านมาคุณปราณรอมึงอยู่ทุกวัน ไยมึงเพิ่งมาเอาป่านนี้”

ไอ้มั่นเอ่ยถามพร้อมน้ำตาคลอเบ้า มันสงสารเจ้านายตัวเองจับใจที่ต้องทนอยู่กับการรอคอยทุกวี่ทุกวัน แม้มันจะเข้าใจความรู้สึกรอเป็นอย่างดีเพราะที่ผ่านมามันก็รอคุณปราณกับไอ้หาญมาตลอด แต่ในชาตินี้พอเห็นว่าคุณปราณเป็นฝ่ายต้องรอ บ่าวอย่างมันมีหรือจะไม่เจ็บปวด

“มึงพยายามอย่างที่นายกูพยายามหรือไม่ มึงคิดบ้างไหมว่าถ้าคุณปราณไม่รักมึงคุณเขาจะอยากดูแลมึงไปไยกัน มึง...”

“อื้ออ มั่นนน เงียบหน่อยจะนอน” ณิชบอกทาสผู้ซื่อสัตย์เสียงอู้อี้ เขาได้ยินเสียงไอ้มั่นพูดแต่ไม่ได้ตั้งใจฟังเลยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไร

จีรัชญ์ไม่ได้ตอบไอ้มั่นเพราะอยากให้ณิชได้นอนหลับเต็มอิ่มอย่างที่เจ้าตัวต้องการ เขาทำเพียงแค่เหลือบมองเพื่อนรักที่มองมาอย่างโกรธเคือง แต่ก็ถือว่าดีที่มันยอมให้เขาเข้ามาในบ้าน

ในตอนที่เขาจำอะไรเกี่ยวกับณิชหรือคุณปราณไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเก็บสมุดบันทึกนั้นไว้เป็นอย่างดี เปิดอ่านแทบทุกวันจนจำทุกข้อความได้ขึ้นใจ ทั้งที่ปกติเขาควรจะคืนของที่ไม่ใช่ของตัวเองให้เจ้าของ แต่เขากลับรับสิ่งนั้นไว้และไม่คิดคืนให้ณิชไป แม้แต่ภาพวาดที่เขาชื่นชอบเขาก็จำไม่ได้ว่ามันคือรูปที่เขาได้มาได้อย่างไร

เขาไม่ได้โทรถามณิชว่าทำไมถึงให้สมุดบันทึกเล่มนั้นมากับเขา ไม่ได้ติดต่ออีกฝ่ายเพื่อพูดคุยหรือขอโทษที่ทำให้อีกฝ่ายเสียใจ เขาปล่อยเรื่องราวมาจนกระทั่งเมื่อวานที่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก ในตอนเช้าที่ตื่นมาเขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกพุดน้ำบุษย์ที่ใกล้ร่วงโรย ในใจหวนคิดถึงรูปดอกไม้หน้าสุดท้ายของสมุดบันทึก ก่อนจะวูบไปและเรื่องราวต่างๆ ก็เข้ามาในหัวราวกับตกอยู่ในความฝัน

เขาหลงลืมเรื่องราวในอดีตจนหมดสิ้น วันเวลาผ่านไปนานหลายปี โดยที่เขาทิ้งให้ณิชจมอยู่กับความทรมานในการรอซึ่งเขาเข้าใจความรู้สึกนี้ดี ทั้งที่บอกไว้ว่าจะรักและขอรอคุณปราณแต่เพียงผู้เดียว แต่ไอ้หาญกลับทำให้คุณปราณเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ได้แต่นึกโกรธก่นด่าตัวเองที่ต้องเจอเรื่องราวแบบนี้ไม่จบไม่สิ้น ก่อนจะตั้งสติแล้วเดินทางไปหาสุทินตั้งแต่เช้าตรู่

สุทินทั้งตกใจและดีใจที่เขาจำเรื่องราวได้หมด ก่อนจะเล่าให้ฟังว่าชีวิตของณิชในระหว่าง 5 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง ณิชสบายดีแต่ความสุขที่มีไม่ได้มากล้นเหมือนคนอื่นๆ เจ้าตัวมักซ่อนความเศร้าไว้เสมอๆ สุทินจึงกลายเป็นเพื่อนกับอีกฝ่ายไปโดยปริยาย เพราะสงสารที่เขาจำณิชไม่ได้สักที

จีรัชญ์ใช้เวลาขับรถออกมาเพื่อตามหาที่บ้านของณิชตามที่อยู่ที่สุทินให้มา หลงทางไปหลายรอบแต่ในที่สุดก็เจอ หัวใจเต้นกระหน่ำเป็นจังหวะหนักหน่วงเมื่อเจอบ้านหลังหนึ่ง จุดเด่นของบ้านณิชก็คือต้นพุดน้ำบุษย์ที่ปลูกไว้ริมรั้วราว 4-5 ต้น มันกำลังออกดอกสีเหลืองเข้มจัด ซึ่งมันบ่งบอกว่าใกล้เวลาร่วงโรยของเจ้าดอกไม้แล้ว

จีรัชญ์เด็ดมันมาหนึ่งดอก เขาก้มลงดมดอกไม้งามในมือ สูดกลิ่นหอมที่ฉุนเอียนในตอนแรกก่อนจะค่อยๆ จางไปทีละน้อยเหลือเพียงความหอมอวลหวานๆ ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มผุดรอยยิ้มอ่อนๆ ตอนแรกเขาชั่งใจอยู่นานว่าถ้าเจอหน้าณิชแล้วจะพูดอะไร เขายืนอยู่หน้าบ้านเชยชมต้นไม้ที่ณิชตั้งใจปลูกและดูแลเป็นอย่างดี จนกระทั่งเห็นเงาทะมึนของใครบางคนที่ไม่ได้เจอกันนานเช่นเดียวกัน

“หึ! โผล่หัวมาป่านนี้ จะทำอันใดให้นายกูช้ำใจอีกรึ!” ไอ้มั่นพูดทันทีเมื่อเห็นหน้าเขา แต่อีกฝ่ายคงไม่รู้ว่าเขานั้นมองเห็นเจ้าตัวแล้ว

“กูขอโทษที่มาช้า”

“นี่มึง...มองเห็นกูรึ?” ไอ้มั่นถาม ตาเบิกโตสีหน้าราวกับเห็นผี

“กูไม่ได้ตั้งใจทำให้นายของมึงต้องเสียใจ”

ไอ้มั่นไม่ได้อยู่ฟังต่อ มันหายไปก่อนจะกลับมาอีกครั้งแล้วบอกว่าให้เอากุญแจสำรองไขประตูเข้ามา และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

จีรัชญ์นั่งรอเวลาให้ณิชตื่น เขาใช้นิ้วเกลี่ยผมนุ่มที่ปิดหน้าผากอยู่ให้เปิดขึ้น ก่อนจะก้มลงประทับจูบที่เต็มไปด้วยความคิดถึง ทิ้งรอยจูบไว้เนิ่นนานจากนั้นก็ผละออก หน้าตาของณิชเปลี่ยนไปจากเมื่อ 5 ปีก่อนอยู่บ้างด้วยอายุที่มากขึ้น แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนมากจนถึงกับมีริ้วรอย

“อือ...” ณิชครางในลำคอและปัดมือเขาที่กำลังเขี่ยแก้มอีกฝ่ายเล่น ก่อนเจ้าตัวจะลืมตาขึ้นมาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรนัก

“อย่าแกล้งดะ...”

ณิชหยุดคำพูดไว้แค่นั้น เจ้าตัวกะพริบตาปริบๆ สบตาเขาที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงเพื่อให้สายตาอยู่ระดับเดียวกัน

“ฝันอีกแล้วสินะ” คนเมาค้างพึมพำเบาๆ

“คุณณิช... คุณไม่ต้องรอผมอีกแล้วนะ” จีรัชญ์ลูบหัวณิช คนที่อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นเม้มปากน้ำตาเอ่อคลอ

“แค่ในฝันคุณก็ยังใจร้ายกับผมเหรอ”

คำตัดพ้อของหนุ่มร่างบางทำจีรัชญ์ยิ้ม เขาโน้มตัวเข้าไปจูบหน้าผากอีกฝ่าย กดย้ำไป 2-3 ครั้งเพื่อสื่อให้รู้ว่านี่คือเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน

“คุณไม่ได้ฝัน ผมมาแล้วนะ”

เพียงแค่การกระทำและคำพูดนั้นณิชก็ลุกพรวดขึ้นจากที่นอน อาการแฮงค์จู่โจมทันทีแต่เขาไม่สน ชายหนุ่มโผกอดคนตรงหน้าเต็มรักราวกับกลัวว่าจีรัชญ์จะหายไป ก่อนจะปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น

ในที่สุดการรอคอยก็หยุดลง จีรัชญ์มาหาเขาก่อนที่ดอกพุดน้ำบุษย์จะร่วงโรยรอบที่ 50

ณิชสะอึกสะอื้นกับอกกว้าง อยากตะโกนถามโชคชะตาว่าหลังจากนี้จะทรมานอะไรพวกเขาอีกหรือไม่ จะทำให้พวกเขาพลัดพรากจากกันอีกกี่หนกี่พันครั้ง เขากอดอีกฝ่ายแนบแน่นราวกับกลัวจีรัชญ์จะหายไป ดีใจจนไม่สามารถพูดได้จึงมีเพียงหัวใจที่เต้นรัวอยู่ในอก

จีรัชญ์ยิ้มเมื่อเห็นว่าคนในอ้อมกอดเริ่มสงบ เขาเช็ดน้ำตาตัวเองก่อนจะเช็ดให้อีกฝ่ายด้วย ณิชมองเขาราวกับกลัวว่านี่คือความฝัน มือเรียวของคุณปราณประคองจับใบหน้าไอ้หาญ ดวงตาสวยแทบไม่กะพริบเพราะกลัวคนตรงหน้าจะหายไป น้ำตาไหลอาบแก้มไม่ว่าไอ้หาญจะเช็ดจะซับอย่างไรมันก็ยังไม่หยุด

“คุณจำได้แล้วจริงๆ เหรอ คุณ...” ณิชเงียบไปก่อนจะเหลือบตามองไอ้มั่น เขายังไม่วางใจเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาให้เขาดีใจเก้อหรือจำได้แล้วจริงๆ กันแน่ สิ่งเดียวที่จะพิสูจน์ได้คือจีรัชญ์ต้องมองเห็นไอ้มั่นด้วย ทุกอย่างถึงจะเรียกได้ว่าเหมือนเดิมอย่างแท้จริง

“ไอ้มั่นมันโกรธที่ผมทำให้เจ้านายของมันเสียใจ ยังดีที่มันให้ผมได้เข้าบ้าน”

ณิชยิ้มกับคำตอบนั้น น้ำตาไหลอีกรอบแต่เจ้าตัวรีบปาดออก ข้างหมอนมีดอกพุดน้ำบุษย์วางอยู่ เขาหยิบมาดมพลางมองหน้าคนที่เด็ดมันมา ก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย เพราะเขานอนเน่าตั้งแต่เมื่อคืน รู้สึกอายไม่น้อยที่จีรัชญ์มาเห็นเขาในสภาพนี้หลังจากไม่ได้เจอกันหลายปี

พอออกมาจากห้องน้ำณิชเห็นจีรัชญ์กำลังเดินสำรวจห้องนอนของเขาอยู่ ณิชแต่งตัวเสร็จก็พาอีกฝ่ายออกมาข้างนอก จีรัชญ์ยังคงสำรวจในบ้านเขาไปเรื่อยเหมือนเด็กน้อยที่อยากรู้อยากเห็นสิ่งต่างๆ

“คุณจำเรื่องทั้งหมดได้ยังไงหรือคุณตกบันไดแบบผมครับ” ณิชถามออกมาในที่สุด จีรัชญ์ถึงกับหัวเราะกับคำถามนั้น ดวงตาสวยของณิชกำลังจับจ้องเขาด้วยแววตาแห่งความสงสัย

“ไม่ใช่หรอกครับ มันแค่...อยู่ๆ ก็จำได้ขึ้นมาเอง”

ถ้าให้เขาเดาคงเพราะคำว่า ‘ถึงเวลาที่ถูกที่ควร’ เขาสองคนพลัดพรากจากกันหลายภพหลายชาติ มีอุปสรรคมากมายที่ต้องฝ่าฟัน ต้องเจ็บปวดทรมานกับคำว่าเสียใจ ถึงแม้จะเป็นคู่กันแต่เมื่อยังไม่ถึงเวลาโชคชะตาจึงบันดาลให้เขาทั้งสองต้องจากกัน

ส่วนเรื่องคำสาปที่ถูกแก้ไขแล้วเป็นเพราะตัวณิชเองทำให้ทุกอย่างมันชัดเจนขึ้น แค่คำว่ารักที่คุณปราณมอบให้ไอ้หาญยังไม่มากพอ แต่การกระทำในการเอาตัวเขาไปช่วยไอ้หาญคือข้อพิสูจน์ว่าความรักของคุณปราณมาจากใจอย่างแท้จริง

“สรุปก็คือที่ผ่านมาที่เราสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกันสิ้นอายุขัย ก็เพราะยังไม่ถึงเวลาที่เราสองคนต้องคู่กันสินะ” ณิชถามเสียงแผ่วเบา สีหน้าที่เคยอมทุกข์มาตลอดหลายปีคลายความกังวลลงไปมาก

“แล้วเรื่องคำสาปล่ะครับ ตอนนั้นคุณนิธานเขาจะฆ่าคุณทั้งที่รู้ว่ายังไงคุณก็ไม่ตาย” นี่คือสิ่งที่ยังค้างคาใจณิชอยู่ชายหนุ่มจึงเอ่ยถาม

“ไม่ใช่ครับ เขาต้องการเอาชีวิตคุณเพื่อทำให้ผมต้องอยู่กับคำสาปต่อไป แต่คุณเอาตัวเข้ามาขวางไว้ โชคยังดีที่ผมไหวตัวทัน ตอนนั้นผมคิดว่าตัวเองไม่เป็นอะไร แต่ใครจะไปรู้ว่ามันคือข้อพิสูจน์ที่ทำให้คำสาปสิ้นสุดลง”

เพียงแค่เสี้ยวนาทีที่เขาเลือกพลิกตัวรับแรงกระแทกจากรถ ตัวเขาก็ลอยละลิ่วขึ้นบนอากาศก่อนจะตกกระแทกอย่างจัง ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสแล่นไปทั่วร่างจนขยับไม่ไหว ตอนนั้นเขาตกใจกลัวว่าณิชจะเป็นอะไร แต่อีกใจก็ดีใจที่เขาได้ลิ้มรสความเจ็บปวดทางกายแบบนี้ เพราะมันสื่อให้รู้ว่าคำสาปสิ้นสุดลงแล้วจริงๆ

“ผมดีใจที่คุณยังไม่ตาย ดีใจมากๆ ที่โชคชะตายังปรานีให้เราได้กลับมาเจอกัน”

ณิชคิดย้อนไปตอนนั้นแล้วไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิดที่ทำแบบนั้น เพราะถ้าให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีกสักสิบรอบเขาก็คงทำแบบเดิม เขายอมแลกชีวิตของตัวเองแทนที่จะให้จีรัชญ์ต้องเจ็บปวดเพิ่ม แม้เพียงเสี้ยวนาทีเขาก็ไม่อยากให้คนตรงหน้านี้ต้องเจอกับคำนี้อีกแล้ว

“เมื่อคืนคุณไปดื่มมาใช่ไหม สุทินบอกผม” จีรัชญ์ถามเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“อ่า...ครับ หัวหน้าพาไปเลี้ยงน่ะ”

“แล้วเด็กที่ชื่อชัชคือใครครับ” จีรัชญ์ถามเสียงเรียบ สีหน้าไม่ได้บ่งบอกความรู้สึก แต่สายตาของชายหนุ่มกลับจ้องคนที่กำลังชงกาแฟดื่มไม่วางตา ไอ้มั่นที่เงียบมานานถึงกับเบ้ปาก

“เจ้าชัชเป็นเด็กนิสัยดี มันดูแลคุณปราณดีมาก”

หากไม่ใช่เพื่อนรักกันมานานจีรัชญ์คงปล่อยผ่านคำพูดนี้ไป คิดว่ามันคือประโยคบอกเล่าธรรมดาๆ แต่เขารู้ดีว่าไอ้มั่นกำลังกวนประสาทเขา

“กูถามคุณณิช ไม่ได้ถามมึง” จีรัชญ์หันไปพูดกับไอ้มั่นที่ยืนอยู่ตรงประตูครัว แต่เจ้าดวงวิญญาณกลับโต้กลับในทันที

“กูจะตอบแทนนายกู! มึงเสียอีกที่มาทำกระไรเอาป่านนี้ หึ! อยู่ๆ ก็จำคุณปราณได้ แล้วมึงจำได้หรือไม่ว่ามึงพูดกับนายกูคำสุดท้ายว่ากระไร คิดจะมาก็มากระนั้นรึ ไม่คิดจะขอโทษนายกูสักคำรึ คุณปราณให้อภัยมันง่ายไปนะขอรับ”

“ให้อภัยอะไรกันล่ะมั่น ผมไม่ได้โกรธคุณจีรัชญ์สักหน่อย” ณิชพูดพร้อมยิ้มอ่อน รู้สึกขำกับท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงของไอ้มั่นที่เขาไม่ได้ดั่งใจมัน

“แต่มันทำให้คุณปราณเสียใจนะขอรับ”

“ผมเสียใจแต่ผมไม่โกรธ ผมเข้าใจดี”

“ปัดโถะ!” ไอ้มั่นฟึดฟัดออกจากครัวไปแล้ว ทิ้งเพียงจีรัชญ์กับณิชที่มองหน้ากันแล้วหลุดหัวเราะออกมา

“ที่ไอ้มั่นพูดก็ถูกของมัน ตอนนั้นผมพูดไม่ดีกับคุณเลยผมขอโทษนะครับ” ไม่พูดเปล่าจีรัชญ์ยังขยับเข้ามาใกล้ เขากอดหนุ่มร่างบางจากด้านหลังแล้วกดจูบที่ขมับเบาๆ ก่อนจะลามไปยังท้ายท้อย กกหู และสิ้นสุดที่ไหล่ลาด

“ก็ตอนนั้นคุณไม่รู้จักผมนี่ ช่างมันเถอะครับ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว” ณิชหันไปบอกแต่เมื่อพูดจบกลีบปากนุ่มก็โดนจีรัชญ์ครอบครองในทันที

รสจูบที่เต็มไปด้วยความคิดถึง มันนุ่มลึกและรุ่มร้อนจนไม่อาจห้ามใจได้ จีรัชญ์โอบกอดคนที่ตนรักสุดหัวใจไว้แนบแน่น พอๆ กับสองมือเรียวที่จับประคองใบหน้าคมคายไว้ ก่อนริมฝีปากของคนทั้งคู่จะผละออกจากกัน สองสายตาประสานกันสื่ออารมณ์ที่รู้กันเพียงสองคนอย่างลึกซึ้ง ความโหยหาที่มีให้กันและกันส่งมอบผ่านจูบอันดูดดื่มอีกครั้งและอีกครั้ง

*

“กรี๊ดดดด คุณตรีจำพี่ณิชได้แล้ว!! กรี๊ดดดดด” มิ้งหวีดร้องเสียงดังลั่นบ้านทันทีเมื่อรู้ว่าจีรัชญ์กลับมาจำณิชและเรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว หญิงสาวกระโดดโลดเต้นก่อนจะสวมกอดณิชแล้วเขย่าร่างบางไปมาด้วยความดีใจ

มิ้งเพิ่งมาถึงบ้านณิชเมื่อครู่นี้ เธอตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นว่าจีรัชญ์ออกมาเปิดประตูให้เพราะณิชกำลังทำกับข้าวอยู่ พอเธอเห็นรอยยิ้มและคำทักทายอย่างคนคุ้นเคยของจีรัชญ์หญิงสาวเก็บอาการแทบไม่อยู่ เธอรีบถามไอ้มั่นก่อนจะเข้ามายืนยันคำตอบสุดท้ายจากณิช จากนั้นก็อย่างที่เห็นว่าเธอทั้งหวีดร้องเสียงหลงราวกับถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง อีกทั้งน้ำตายังไหลพรากด้วยความยินดี

“ฮืออออ หนูจะร้องไห้อะพี่ณิช หนูมาครั้งนี้ก็คิดว่าจะมาชวนพี่ไปเมาเลยนะ เพราะมันครบรอบ 5 ปีที่พี่มาอยู่ที่นี่พอดีอะ หนูจะร้องจริงๆ นะ” หญิงสาวที่น้ำตานองหน้าพูดไม่หยุด ณิชหัวเราะก่อนจะบอกว่า

“แกร้องอยู่เถอะ เช็ดน้ำตาน้ำมูกได้แล้ว”

“ก็หนูดีใจ” มิ้งตอบเสียงเบา ณิชจึงขยี้ผมฟูๆ ของหญิงสาวจนมันยิ่งยุ่งฟูมากกว่าเดิม เสียงหัวเราะจากหญิงชายทั้งคู่ดังไปพร้อมกัน เพราะที่ผ่านมาพวกเขาสองคนเหมือนพี่น้องที่คลานตามกันมาก็ว่าได้ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานจนคิดว่าจะอยู่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันแบบนี้ต่อไปทั้งชีวิตนี่แหละ

หลังจากณิชทำอาหารเสร็จมิ้งก็ช่วยจัดโต๊ะเพื่อที่ทุกคนจะได้ทานข้าวด้วยกันพร้อมหน้า จีรัชญ์นั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าวแล้ว ส่วนไอ้มั่นยังหน้าตาบูดบึ้งอยู่กับแก้วชานมไข่มุกที่มิ้งซื้อมาฝากจากกรุงเทพฯ หญิงสาวเพิ่งมารู้ตอนหลังว่าคู่หูของเธอโกรธเพื่อนรักที่ทำให้ณิชเสียใจ เจ้าตัวจึงเมินจีรัชญ์เสียอย่างนั้น

“คุณซื้อบ้านหลังนี้ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่เหรอครับ” จีรัชญ์ถามขณะที่ณิชกำลังล้างจาน พวกเขาทานอาหารกันเสร็จแล้ว จากนี้ก็คือเวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ มิ้งที่ลางานมาเพื่อมาหาเขาจึงนอนเอกเขนกอยู่ที่โซฟา เปิดหนังดูสบายใจหลังจากเก็บโต๊ะให้เสร็จแล้ว

“ผมเช่าอยู่ครับ ไม่ได้ซื้อ”

จีรัชญ์อึ้งไปกับคำตอบพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความฉงน ติดจะสงสัยไม่น้อยว่าณิชจะเช่าบ้านอยู่นานขนาดนี้ไปทำไมกัน ถ้าหากซื้อไปเลยคงจะดีกว่า

“เพราะผมคิดว่าสักวันคุณก็จะจำผมได้ และผมจะได้กลับไปอยู่วังปริพัตรผมเลยไม่ซื้อที่นี่ไว้ให้เปลืองเงิน อยู่บ้านเช่าจะสบายเท่าอยู่บ้านตัวเองได้ยังไง อย่าลืมสิครับว่าคุณซื้อวังนั้นไว้และดูแลมันให้ผมน่ะ” ณิชเฉลยพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งนั่นทำให้จีรัชญ์ถึงกับเจ็บแปลบในใจ แสดงว่าณิชตั้งใจรอเขาอยู่ที่นี่จนกว่าเขาจะจำได้จริงๆ อย่างนั้นเหรอ

“คุณรู้ไหม ผมปลูกต้นพุดน้ำบุษย์ตายไปสองรอบกว่ามันจะโตจนออกดอก ตอนนั้นผมท้อมากเลยแต่ผมก็ปลูกมันสำเร็จล่ะ” ณิชเล่าให้ฟังเสียงเจื้อยแจ้ว จีรัชญ์มองคนที่ตอนนี้ยืนอมยิ้มกับเรื่องของตัวเอง เจ้าตัวพูดมันอย่างไม่คิดอะไรแล้ว แต่เขาที่เป็นคนฟังกลับรู้สึกว่าที่ผ่านมาณิชต้องพยายามมากจริงๆ ในการรอเขา

“ผมรักคุณตั้งแต่วันแรกจนตอนนี้ผ่านมาเป็นร้อยปีแล้วแต่ผมก็ยังรักคุณ รักหมดหัวใจจนไม่รู้ว่าถ้าอยากจะรักคุณมากกว่านี้ผมต้องทำยังไง”

คำสารภาพรักที่พูดออกมาดื้อๆ ทำเอาณิชชะงัก จานในมือที่เต็มไปด้วยฟองจากน้ำยาล้างจานลื่นหลุดมือ เขาหันมองชายหนุ่มหุ่นกำยำที่ยืนใกล้กัน ฝ่ายนั้นมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ดวงตาคมมีหยาดน้ำใสเอ่อคลอ มือใหญ่เกลี่ยผมออกจากหน้าผากเขาก่อนความรู้สึกอุ่นวาบจากริมฝีปากของอีกคนจะประทับจูบลง

“เรากลับไปอยู่ในที่ของเรากันนะครับ กลับไปอยู่วังปริพัตรด้วยกัน”

*

หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: :นางสาวผอบ: ที่ 18-06-2021 10:45:39


ตั้งแต่วันนั้นจีรัชญ์ก็ช่วยณิชขนของกลับมาอยู่วังปริพัตร แน่นอนว่าต้นพุดน้ำบุษย์ที่อีกฝ่ายปลูกก็ถูกย้ายกลับมาปลูกที่วังเช่นกัน มิ้งลางานได้เพียงแค่สองวันจึงต้องกลับไปก่อน แต่ก่อนกลับไม่ลืมแวะทักทายป้าแจ่มและหอบขนมกลีบลำดวนกลับไปด้วย

“อ่า...”

ตุ้บ!

ณิชทิ้งตัวบนเตียงสี่เสาในห้องนอนของจีรัชญ์หลังจากขนของจากบ้านเช่า และทำเรื่องคืนบ้านทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาคิดถึงเจ้าเตียงนี่ใจจะขาด กลิ่นแชมพูที่จีรัชญ์ใช้ติดหมอนจนเขาต้องสูดดมให้เต็มปอด ไม่อยากเชื่อว่าการรอคอยของเขาสัมฤทธิผลแล้ว และเขาสองคนได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง

จีรัชญ์ยิ้มส่ายหน้าให้กับคนที่ฝังจมูกไปบนหมอนของเขา เจ้าตัวกอดหมอนไว้แน่นและทำท่าจะเคลิ้มหลับจีรัชญ์จึงเปิดแอร์ให้ เขาก้มลงหอมหัวอีกฝ่ายเบาๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายหลับไป

“ไอ้หาญ”

เสียงเรียกของเพื่อนรักดังมาจากมุมหนึ่งของห้องขณะที่เขากำลังจะออกจากห้องไป เรียกได้ว่าน้อยครั้งที่ไอ้มั่นจะเรียกเขา เพราะมันยังไม่หายโกรธเขาที่ทำให้เจ้านายมันเสียใจ

“ออกไปคุยกับกูข้างนอก” ไอ้มั่นพูดก่อนจะหายไปยืนรอจีรัชญ์อยู่ที่ระเบียงข้างห้อง ตรงจุดนี้จะเห็นสระบัวได้ชัดเจน แม้ตอนนี้จะบ่ายคล้อยใกล้ตะวันตกดินแล้วก็ตาม ความสวยงามของบัวในสระก็ยังอวดโฉมจนกว่าแสงสุดท้ายของวันจะมาถึง

“ยอมคุยกับกูแล้วรึไง” เขาแซวเพราะที่ผ่านมาไอ้มั่นแทบไม่เข้าใกล้เขาเลย หน้าตาของมันปั้นปึ่งบึ้งตึงดูไม่สบอารมณ์ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

“จากนี้ไปมึงต้องดูแลคุณปราณให้ดี กูรู้ว่ามึงดูแลคุณเขาดีอยู่แล้ว แต่จากนี้ไปมึงต้องดูแลเขาให้ดีกว่าที่ผ่านมา” ไอ้มั่นไม่สนใจคำแซวนั้น มันเข้าเรื่องที่ต้องการพูดในทันที

“กูรู้ มึงห่วงนายของมึงแต่ขอให้เชื่อกู จากนี้ไปมันคือเวลาของกูกับคุณปราณอย่างแท้จริง กูจะไม่มีวันห่างคุณปราณไปไหนอีกแล้ว”

ไอ้มั่นมองหน้าเพื่อนรักที่กำลังทอดสายตามองบัวในสระที่ชูดอกเบ่งบานเต็มที่ บางดอกกำลังจะร่วงโรยตามอายุของมัน บางดอกกำลังจะบานในช่วงกลางคืนซึ่งเป็นเวลาที่มันไว้อวดความสวยงาม

“แล้วนี่คิดยังไงถึงได้หายโกรธกู” ไอ้หาญหันไปถามเกลอรัก แต่ครั้งนี้ไอ้มั่นกลับต่างไปจากทุกวัน ดวงวิญญาณที่ตามติดไอ้หาญกับคุณปราณมาแต่ชาติปางก่อนดูเลือนรางไม่ชัดเจนเหมือนเช่นทุกที

“นี่มึง...”

“คำสาปมลายหายไปแล้ว หากถึงเวลาที่กูต้องไปกูก็ไม่อยากจากไปทั้งที่ใจยังโกรธเคือง”

ไอ้มั่นพูดพร้อมรอยยิ้มเศร้า ในตอนแรกมันไม่ได้สังเกตว่าตัวเองมีการเปลี่ยนแปลง จนมิ้งถามก่อนกลับกรุงเทพฯ ว่าทำไมตัวมันถึงดูซีดไป และมันก็เป็นเช่นนั้นเรื่อยมาจนมาวันนี้ ร่างที่ไร้กายหยาบของมันกำลังจะจางหายไปกับสายลม มันจึงคิดว่าควรมาบอกกล่าวกับเพื่อนรักสักหน่อย

“มึงบอกคุณณิชรึยัง”

จีรัชญ์เงียบไปหลายนาทีก่อนจะเอ่ยถามในที่สุด เพราะมัวแต่มีความสุขกับความรักที่มาถูกที่ถูกเวลาจนลืมไปว่าหนึ่งคนที่ติดบ่วงกรรมมาด้วยก็ต้องจากไปสักวันหนึ่ง

ไอ้มั่นส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ ก่อนหน้านี้แม้มันจะต่อว่าไอ้หาญว่าทำให้นายของมันเสียใจ แต่ใจจริงแล้วมันกลับดีใจมากที่อีกฝ่ายจำคุณปราณได้เสียที มันเฝ้าดูเจ้านายตัวเองนอนร้องไห้กับฝันร้ายในบางคืนนั้นเจ็บปวดใจจึงอยากที่จะให้อภัยในสิ่งที่เพื่อนรักทำได้

แต่ทว่าโชคชะตาได้กำหนดไว้แล้วว่าคนทั้งสองต้องครองคู่กัน มันจึงได้แต่ตีอกชกหัวตัวเองที่เอาคืนไอ้เกลอไม่ได้ เพราะคุณปราณไม่เคยโกรธไอ้หาญอย่างที่ตัวมันรู้สึก

สองเพื่อนรัก...หนึ่งคนหนึ่งวิญญาณยืนดูแสงสุดท้ายของวันด้วยกันผ่านความเงียบ ลมพัดหอบเอาความเย็นมาจากบนเขา ท้องฟ้าที่ไร้แสงดวงอาทิตย์มีเมฆครึ้มบ่งบอกว่าฝนกำลังจะตก บรรยากาศระหว่างพวกเขาแม้ไม่มีคำพูดใดแต่ก็เข้าใจกันดี

“กูไม่เคยเสียใจเลยที่ได้เกิดมาเจอมึง ขอบคุณที่เป็นเพื่อนกับกู” จีรัชญ์พูดขึ้นหลังจากปล่อยความเงียบให้อยู่รอบตัวนานนับชั่วโมง ไอ้มั่นยิ้มให้เพื่อนรัก หากมีโอกาสสักครั้งที่มันสามารถมีกายหยาบได้ มันก็อยากมีในเวลานี้เวลาที่อยากกอดลาเพื่อนรักที่สุด

“กูจะไปลาคุณปราณ” ไอ้มั่นเงยหน้ามองท้องฟ้าที่คล้ายกับวันนั้นวันที่มันได้มีลมหายใจครั้งสุดท้าย มันไม่รู้ว่าเวลาของมันจะหมดลงเมื่อไหร่ จึงคิดว่าลาคุณปราณในตอนที่ยังมีโอกาสคงจะดีกว่า จีรัชญ์พยักหน้าเบาๆ ก่อนที่ไอ้มั่นจะหายไป โดยที่จีรัชญ์ยังคงยืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอ

ไอ้มั่นเข้าห้องของจีรัชญ์มาก็เจอกับณิชที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ ท่าทางเพิ่งตื่นจากการหลับกลางวัน ใบหน้าหวานเปียกชื้นไปด้วยน้ำใส เจ้าตัวใช้ผ้าขนหนูซับน้ำออกจากหน้าก่อนจะเปิดมือถือดูข้อความจากที่ทำงาน

“คุณปราณขอรับ” ไอ้มั่นเรียกอีกฝ่ายเสียงนุ่ม

ในสายตาของมันคุณปราณคือผู้ชายที่เข้มแข็งและอ่อนหวานในคราวเดียวกัน ในยามที่อ่อนแอก็ดูราวกับแก้วเปราะบางพร้อมแตกหัก แต่เมื่อยามเข้มแข็งก็แกร่งดุจหินผา คุณปราณในชาตินี้ทำให้มันเป็นห่วงกว่าในชาติที่แล้วมา เพราะบุคลิกไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคนี่แหละที่ทำให้เขาปวดหัวหลายครั้ง แต่กระนั้นเขาก็ยังรักและซื่อสัตย์ต่ออีกฝ่ายไม่เปลี่ยนแปลง

ณิชละสายตาจากมือถือก่อนจะยิ้มให้ ไอ้มั่นทรุดกายลงนั่งคุกเข่าก่อนจะก้มกราบเจ้านายที่มันทั้งรักและเทิดทูนสุดหัวใจ ณิชตกใจไม่น้อยกับท่าทีแปลกๆ ของไอ้ทาสผู้ซื่อสัตย์ เขานั่งลงเพื่อให้ตัวเสมอกันก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงตกใจ

“มีอะไรมั่น กราบผมทำไมบอกแล้วไงว่าสมัยนี้เขาไม่ทำอะไรแบบนี้กันแล้ว”

“บ่าวมาลาขอรับ”

“ลา? ลาไปไหน ผม...มั่น...” ในตอนแรกณิชยังสงสัยแต่เมื่อเห็นแววตาเศร้าของวิญญาณที่อยู่กับเขามานานก็เข้าใจในทันที

“จากนี้ไปคุณปราณดูแลตัวเองดีๆ นะขอรับ อย่าลืมทานข้าวให้ตรงเวลาด้วยนะขอรับ เวลาขับรถอย่าประมาท บางครั้งคุณปราณขับเจ้าสี่ล้อนั่นเร็วเกินไป บ่าวไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีจนคุณปราณต้องแป็นอันตราย หากบ่าวไม่อยู่แล้วคุณปราณ...

มาถึงตรงนี้ไอ้มั่นไม่สามารถพูดต่อไป น้ำตาของมันไหลอาบแก้มจนไม่สามารถอดกลั้นได้อีก ยาวนานเหลือเกินที่มันได้อยู่กับเจ้านายคนนี้ หลายภพหลายชาติที่อยู่ด้วยกันมาทำให้ความผูกพันมากเกินกว่าจะกักเก็บความเสียใจเมื่อต้องจากกันได้ แต่เมื่อมันได้ช่วยคุณปราณครองรักกับไอ้หาญอย่างที่มันลั่นสัตย์สาบานไว้แล้ว มันก็ต้องจากไปตามที่ควรจะเป็น

“มะ...มั่น...” ณิชไม่สามารถพูดออกมาได้เพราะก้อนสะอื้นจุกที่คอ เขาเสียใจที่ต้องบอกลาทาสผู้ซื่อสัตย์คนนี้ แต่อีกใจเขาก็ยินดีที่อีกฝ่ายจะได้ไปเกิดใหม่เสียที หลังจากที่อยู่ทำตามคำสาบานของตนไว้มานาน

“ผมขอให้มั่นได้เกิดในที่ดีๆ หากเรามีวาสนาต่อกัน ผมหวังว่าเราจะได้เจอกันอีกในชาติใดชาติหนึ่ง อึก...ผมขอบคุณมั่นมากๆ ที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ทั้งในยามทุกข์และยามสุขมั่นก็ยังอยู่ข้างผมเสมอ ฮึก...สิ่งใดที่ผมได้ล่วงเกินมั่นไปทั้งชาติก่อนๆ และชาตินี้ ผมขออโหสิกรรมนะ”

คงมีเพียงแค่นี้ที่เขาจะตอบแทนความจริงใจ ความซื่อสัตย์ ความรัก และความมั่นคงของไอ้มั่นได้ ไอ้ทาสที่ยอมเป็นปฏิปักษ์ต่อคนที่มีอำนาจมากกว่าเพื่อช่วยเหลือเจ้านายที่มันรัก เพื่อช่วยเหลือเพื่อนรักที่มันพูดไว้ตั้งแต่เด็กว่าไอ้หาญคือเพื่อนเกลอที่มันจะอยู่ด้วยกันตลอดไป

ไอ้ทาสยิ้มให้เจ้านายของมันที่กำลังมองมันด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มไม่ต่างจากตัวมันเลย ไอ้มั่นก้มลงกราบคุณปราณเป็นครั้งสุดท้าย ดวงวิญญาณที่เห็นเริ่มเลือนรางลงทุกขณะ ณิชปล่อยโฮทันทีเมื่อไอ้มั่นหายไปต่อหน้า จีรัชญ์รออยู่นอกห้องเพราะให้เวลาคนทั้งคู่ได้ร่ำลากัน เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของณิชเขาจึงเข้ามากอดหนุ่มร่างบางที่สะอื้นจนตัวโยนไว้

การจากไปของไอ้มั่นเป็นตัวพิสูจน์แล้วว่าเคราะห์กรรมของพวกเขาทั้งสามคนสิ้นสุดลงแล้ว จากนี้ไปพวกเขามีชีวิตที่ตัวเองเป็นคนกำหนดโชคชะตา หากวันใดได้พานพบ...วันเวลาเวียนมาบรรจบอีกครั้ง พวกเขาอาจได้พบเจอและได้ผูกมิตรกันเช่นชาติที่ผ่านๆ มา...

*

ในห้วงความฝันของหญิงสาวที่กำลังหลับใหล เธอได้พบกับคนคุ้นเคยซึ่งเจอหน้ากันบ่อยครั้ง อีกฝ่ายกำลังเดินมาหาพร้อมกับแก้วชานมไข่มุกที่ตัวเองชอบกิน รอยยิ้มอบอุ่นที่เธอไม่เคยเห็นส่งมาให้อย่างจริงใจ

“พี่มั่นไปไหนมาน่ะพี่ แล้วนั่นใครซื้อชานมไข่มุกให้”

“แก้วนี้ของเจ้า ข้าให้”

“โหหห เดี๋ยวนี้ผีเขาเลี้ยงชานมไข่มุกให้คนได้ด้วยเหรอ แล้วนี่พี่จะไปไหน ใส่ชุดหล่อเชียว” มิ้งรับแก้วชานมไข่มุกมาก่อนจะถาม เพราะที่เธอเห็นไอ้มั่นตอนนี้คือเจ้าตัวนุ่งโจงกระเบนสีสดใหม่ สีผ้าไม่ดูมอซออย่างตัวที่ใส่เป็นประจำ เนื้อตัวขัดถูสะอาดสะอ้านราวกับอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ

“ข้าต้องไปแล้ว”

“ไปไหน ไม่ไปได้ไหม”

“ไม่ได้ ข้าต้องไปในที่ที่ข้าควรอยู่”

“แล้วพี่จะกลับมาไหม”

ไอ้มั่นไม่ตอบ มันเพียงแค่ยิ้มให้หญิงสาวหัวฟูตรงหน้าที่มันผูกพันราวกับอีกฝ่ายคือน้องสาวของตัวเอง มือใหญ่ขยี้ผมนุ่มฟูนั้นเบาๆ

“ลาก่อนเจ้ามิ่ง”

“โชคดีนะพี่มั่น”

คำกล่าวลาในความฝันที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่กลับทำให้น้ำตาไหลในความจริง



บทส่งท้าย

“ฮึบ!”

หนุ่มร่างบางกำลังลากเรือพายลำน้อยออกมาที่สระบัวใหญ่ เพราะตนตั้งมั่นไว้ว่าจะเก็บสายบัวไปทำอาหาร เขารวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายผลักเรือให้ลงไปในสระได้แล้ว จากนั้นเจ้าตัวก็กระโดดขึ้นไปนั่งบนเรือได้สำเร็จ

“คุณณิช!” เสียงเรียกกึ่งดุจากด้านหลังเรียกคนที่กำลังหาเรื่องใส่ตัวจนเจ้าของชื่อสะดุ้ง ณิชหันไปมองเห็นใบหน้าถมึงทึงของจีรัชญ์มองอยู่ “คุณคิดจะทำอะไร เอาเรือออกมาพายเล่นทำไมครับ”

จีรัชญ์ถามเสียงดุจนณิชยิ้มแหย ที่จริงวันนี้จีรัชญ์ต้องไปเก็บผลไม้กับนายพลี กว่าจะกลับก็คงเย็นๆ แต่ไฉนถึงมาโผล่เอาตอนสายได้ก็ไม่รู้ เขากะว่าจะทำต้มกะทิสายบัวปลาทูให้สักหน่อย แบบนี้คงอดเซอร์ไพรส์แล้ว

“ผมจะไปเก็บสายบัวที่กลางสระครับ”

“ทำไมไม่รอให้ผมกลับมาก่อน” จีรัชญ์ถามพลาดเดินเข้ามาใกล้ เขาขึ้นเรือจนมันโคลงเบาๆ แต่ณิชก็จับกราบเรือไว้มั่น แม้น้ำเสียงที่ใช้จะดุมากเพียงใด แต่แววตานั้นไม่ได้ดุด้วยเลย

“ผมไม่อยากรอคุณไง ผมคิดว่าคุณจะกลับเย็นๆ เสียอีก” ณิชตอบพร้อมปากที่บึนขึ้นอย่างเสียดายที่ไม่ได้เซอร์ไพรส์อีกฝ่าย “แต่ผมใส่เสื้อชูชีพนะ” ณิชเสริมพลางชี้ให้ดูว่าเขาใส่เสื้อชูชีพจริงๆ

จีรัชญ์ลอบยิ้มเอ็นดูก่อนจะพายเรือพาณิชไปยังกลางสระ จากนั้นก็กระโดดลงน้ำไปโดยทิ้งเสื้อไว้ให้ณิชดูต่างหน้า

“เดี๋ยวผมเก็บให้ คุณรออยู่บนเรือนั่นแหละ”

จากนั้นการเก็บสายบัวของไอ้หาญที่เป็นหน้าที่อันคุ้นเคยก็เริ่มทันที ณิชรู้สึกเหมือนว่าตัวเองย้อนกลับไปในตอนนั้นที่คุณปราณกับไอ้หาญไปเก็บสายบัวด้วยกัน ภาพวันวานที่ซ้อนทับกับปัจจุบันแม้จะต่างกันแค่วันเวลา แต่ความสุขในเหตุการณ์เดียวกันไม่ต่างกันเลย

สายลมพัดมาเบาๆ โอบล้อมตัวคนทั้งคู่ไว้ ณิชหลับตาลงพลางนึกไปถึงบุคคลหนึ่งที่จากไปนานหลายปีแล้ว ไอ้มั่นไม่ได้ปรากฏตัวให้พวกเขาเจออีก แต่ลึกๆ แล้วเขากลับรู้สึกราวกับอีกฝ่ายไม่ได้จากไปไหน เขาจึงยังคงถือว่าลมที่เกิดขึ้นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยคือตัวแทนของมัน

*

“พอทานได้ไหมครับ อร่อยไหม มันแย่ไหมครับ” ณิชถามจีรัชญ์พร้อมแววตาที่จ้องด้วยใจจดจ่อว่าจีรัชญ์จะถูกปากกับต้มกะทิสายบัวฝีมือเขาหรือไม่ เมนูนี้แม้เขาจะทำอยู่หลายรอบจนครั้งนี้ไม่มีป้าแจ่มคอยช่วยเหลือ จึงอยากรู้ว่าฝีมือเขาพอจะสู้ป้าแจ่มได้หรือยัง

“อืม...อร่อยดีครับ”

“แสดงว่าไม่อร่อย” ณิชหน้าหงอยลงทันที เขานั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเองด้วยท่าทางซึมๆ จีรัชญ์จึงบีบแก้มอีกฝ่ายเบาๆ

“ผมบอกว่าอร่อย”

“แต่คุณคิดนาน”

“ผมกำลังลิ้มรส”

ณิชถึงกับเบ้ปากกับคำแก้ตัวนั้น จีรัชญ์หัวเราะกับสีหน้าของอีกฝ่าย ก่อนณิชจะบอกอย่างตั้งมั่นว่าตนจะทำอาหารให้อร่อยเท่าป้าแจ่มให้ได้

ในช่วงค่ำณิชพาจีรัชญ์มาที่ห้องจัดเลี้ยง แกรนด์เปียโนตัวสวยถูกเปิดออกพร้อมกับเจ้าตัวนั่งลงก่อนจะดึงจีรัชญ์ให้นั่งตามใกล้ๆ ตน

“ในเมื่อต้มกะทิเฟลไปแล้ว งั้นผมจะเล่นเปียโนให้ฟัง”

“เนื่องในโอกาสอะไรครับ”

“ในโอกาสที่ผมอยากสวีตกับแฟน” ณิชเอียงคอตอบพร้อมรอยยิ้มอวด

“คุณจะเล่นเพลงหนูมาลีมีลูกแมวเหมียวให้ผมฟังเหรอครับ โอ๊ย!” คนแซวโดนทุบเข้าที่ไหล่ไม่แรงนัก ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ เพราะใบหน้างอง้ำของณิชดูน่ารักไม่หยอก

“ผมจริงจังนะ”

“โอเคครับ จริงจังก็จริงจัง”

“คุณห้ามหัวเราะนะ”

“ครับ”

ณิชสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะผ่อนออกมาช้าๆ เขายอมรับว่าตอนนี้ตัวเองเกร็งยิ่งกว่าตอนสอบสัมภาษณ์งานเสียอีก เขาเพิ่งหัดเล่นเปียโนโดยให้จีรัชญ์เป็นคนสอนให้ อาจยังไม่คล่องเท่าอีกฝ่ายแต่เขาก็ซักซ้อมมาเพื่อโชว์จีรัชญ์ในวันนี้

“เก็บเพลงรักนี้ไว้ให้เธอ...”

บทเพลงรักที่เขาเลือกคือเพลง ‘รักคุณเข้าอีกแล้ว’ ความหมายของเพลงที่ตรงตัวทำให้จีรัชญ์ไม่สามารถละสายตาไปจากคนที่กำลังตั้งใจร้องเพลงและเล่นเปียโนได้ หากณิชบอกว่าขอฝากชีวิตไว้กับเขา เขาก็ยินดีดูแลอีกฝ่ายทั้งชีวิตที่เหลือของตัวเองเช่นเดียวกัน

“ผมรักคุณ ยอดดวงใจของไอ้หาญ”

เสียงกระซิบข้างหูหลังโน้ตตัวสุดท้ายสิ้นสุดลง มือเรียวโดนกอบกุมไว้ก่อนจะถูกจุมพิตแผ่วเบา รอยยิ้มของคนทั้งคู่ที่มอบให้กันเต็มไปด้วยความรักที่มี ณิชจำได้ว่าที่ตรงนี้คือที่สุดท้ายที่ชายปราณทิ้งให้หมออนันต์ต้องเสียใจ แต่ต่อจากนี้ไปมันจะไม่มีเหตุการณ์อะไรแบบนั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว

“ผมก็รักคุณ ผมจะรักคุณให้มากเท่ากับที่คุณรักผม แม้คุณจะรักผมมานานเป็นร้อยปีแล้วก็เถอะ”


หนึ่งคำรัก ดั่งคำมั่น สัญญาไว้

ว่าที่สุด ของหัวใจ หนึ่งคนนี้

ขอมอบให้ หนึ่งเดียว ทั้งชีวี

หนึ่งดวงใจ ชายคนนี้ ณิชนิรันดร์







จบบริบูรณ์




ขอบคุณทุกการติดตามในบอร์ดนี้นะคะ
หวังว่าคนอ่านจะมีความสุขกับการอ่านนิยายเรื่องนี้ค่ะ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 18-06-2021 12:50:43
 :bye2: o13 ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก ที่ 18-06-2021 19:19:38
อิ่มเอม
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-06-2021 23:23:39
 :3123:



ขอบคุณนักเขียนสำหรับเรื่องราวดีๆ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 19-06-2021 10:38:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 19-06-2021 20:31:46
ในที่สุดไอ้หาญก็กลับมาหาคุณปราณ…

ลาก่อนนะมั่น…
———
ขอบคุณนักเขียนมากครับ สำหรับนิยายเรื่องนี้ สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 23-06-2021 23:48:38
ขอบคุณนะครับที่เขียนเรื่องราวดีๆให้ได้อ่านติดตามผลงานของคุณผอบ
ชอบสไตล์การเขียนงานแบบนี้ เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วชอบ
อย่างน้อยก็เป็นโมเมนต์ดีๆ ในสถานการณ์โควิด19 ในปี2021
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: momoo1108 ที่ 24-06-2021 14:28:48
 :mew1: :mew1:
ความรู้สึกอิ่มเอม มีความสุขมากๆค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีนะคะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 25-06-2021 20:16:30
จบแล้ว เราชอบอ่านแนวมากๆ
สนุกมากเลยค่ะ
เสียน้ำตาไปหลายลิตร
อยากให้มั่นกลับมาอยู่กันกับ 2 คนนี้
ขอบคุณคนเขียนสำรับนิยายสนุกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 27-06-2021 12:41:44
 :-[
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 27-06-2021 21:21:31
หายไปพักนึง กลับมาอีกที จบแล้ว สนุกมากกก ประทับใจมากๆ มีครบทุกรส
น้ำตาร่วงตอนคุณณิชถูกลืม แถมถูกพูดจาร้ายใส่ เคืองไอ้หาญตามไอ้มั่นเลยล่ะ ยิ่งตอนไอ้มั่นมาบอกลา น้ำหูน้ำตาไหลพราก...
มีแต่ความประทับใจเต็มไปหมดเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่ทำให้เรามีความสุขที่ได้อ่านเรื่องนี้นะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 28-06-2021 20:34:42
ทั้งสนุก ทั้งเศร้าเคล้าน้ำตา สงสารหาญมากที่ต้องแบกรับความทุกข์ไว้กว่าจะสมหวังกับปราณเสียน้ำตาไปมากมาย ส่วนมั่นก็เป็นทาสที่จงรักภักดีกับเจ้านายมาก รักนายเลยไอ้มั่น ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายดีๆ สนุกมากค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 15-10-2021 09:26:17
ขอบคุณนะคะ หน่วงมาก แต่ในที่สุดก็มาถึงวันที่เขาได้รักกันแบบไม่พลัดพราก