พิมพ์หน้านี้ - Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่21 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)2/6/2561

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Letter123 ที่ 07-02-2018 15:43:21

หัวข้อ: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่21 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)2/6/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 07-02-2018 15:43:21
ระกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

****************************************************************************************









เย้ๆ เปิดเรื่องใหม่เรื่องที่ 5
เรื่องนี้ก็จะเรื่อยๆน่ารักๆอ่านสบายๆค่ะ
ดราม่าไม่มีมั้ง??
ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ












ผลงานที่แล้วมา
Love Diary รักที่แอบมอง
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54878.0
ไร่สายลม
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59812.0
 และอีกสองเรื่องไม่ได้ลงในเล้านะคะ
สามารถเข้าไปติดตามข่าวสาร ทวงนิยายได้ที่
https://www.facebook.com/letter123.writer/
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 07-02-2018 15:44:22
บทนำ
   
   “คืนวันศุกร์อาทิตย์ต่อไปนะครับ” เสียงพูดเบาๆของเจ้าหน้าที่ห้องสมุดที่คนที่มาใช้บริการบ่อยชินแต่อาจจะดูแปลกใจสำหรับคนที่มาใหม่ ก็เจ้าหน้าที่คนนี้แทบจะไม่สบตาใส่แว่นตาหนาบังซะครึ่งใบหน้าไหนจะทรงผมที่เหมือนจะตื่นมายังไงก็เป็นแบบนั้นไหนจะเสียงพูดเบาๆนั้นอีก
   “กล้าจ๋า ตื่นมายังไงก็มาแบบนั้นเลยใช่ไหม” เสียงหวานของสาวน้อยร่างเล็กเพื่อนสนิทคนเดียว
   “ก็เราตื่นสาย” เสียงเบาๆที่ฟังเหมือนยุงบ่น ทำให้สาวน้อยต้องกรอกตาไปมา ก่อนที่จะหยิบหวีในกระเป๋ามาหวีผมนุ่มให้หายยุ่งทั้งๆที่ผมของเจ้าตัวนิ่มแถมยังหอมขนาดนี้แต่เจ้าตัวดันไม่สนใจ
   “ขอบใจนะเอม”
   “จ้าๆ นี่เดี๋ยวเราเฝ้าให้เอง กล้าไปจัดหนังสือเถอะเดี๋ยวคุณคนนั้นมา ไม่ทันน้า” ชะเอมแอบเย้าเพื่อนสนิทขำๆเพราะพอได้ยินแก้มซีดๆนั่นแดงระเรื่อ
   “งะ...งั้นเราไปก่อนนะ” กล้าได้แต่รีบหนีสายตาล้อเรียนของเพื่อนสนิทร่างเล็ก เข็นรถเข็นเล็กๆที่มีหนังสือที่เอามาคืนอยู่เต็มรถ ร่างเล็กขยับไปเอาหนังสือเก็บเข้าชั้นหมวดหมู่ที่จัดไว้  งานของเขาไม่ได้วุ่นวาย ไม่ได้พบคนมากมาย มีเพียงเขากับหนังสือ ความเงียบสงบของห้องสมุดช่วงเย็นนั่นยิ่งทำให้ร่างเล็กชื่นชอบมือเรียวหยิบจับหนังสือเข้าชั้นตามหมวดหมู่ได้อย่างถูกต้องเพียงดูรหัสอย่างเดียวเรื่องนี้คงเป็นเรื่องเดียวที่คนตัวบางจะทำได้ดีเสียด้วยสิ 
   ตั้งแต่ตอนไหนที่กล้ารอคอยวันศุกร์เป็นเวลา 30 นาที ในช่วงตอนเย็นที่ไม่มีใครเข้าห้องสมุดจะมีใครคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในชุดสูทหรู เพียงแค่เวลา 30 นาทีที่เขาได้แอบมองคนที่เดินเลือกหนังสือ ก่อนที่จะจบลงเพียงระยะเวลาสั้นๆ
   “กล้าๆ มาเร็วๆ” เสียงเล็กที่เรียกเสียงดังยังดีที่ในห้องสมุดไม่มีใคร ร่างบางรีบวางหนังสือแล้วเดินมาที่เค้าเตอร์ มือขาวซีดสั้นน้อยๆเมื่อเห็นร่างสูงอยู่ข้างนอกประตูกระจกใส พูดคุยกับอีกคนก่อนที่จะเดินเข้ามา ดวงตากลมโตได้แต่แอบมองลอดผ่านหนังสือที่ยกขึ้นมาบัง
   “นี่ๆ” เอมเพื่อนสนิทกระตุกแขนเบาๆ
   “อะไรเหรอ” กล้าหันไปกระซิบตอบ
   “ไม่คิดจะเข้าไปคุยหน่อยเหรอ” ได้ยินอย่างนั้นกล้าได้แต่ส่ายหน้ารัวๆจนผมนุ่มกระจายด้วยการตกใจ
   “บะ..บ้าไปแล้วเอม เราไม่กล้าหรอก” กล้าได้แต่กระซิบบอกไป แค่เห็นห่างๆมือยังสั่นขนาดนี้จะให้ไปคุยนะเหรอ คงไม่มีทางเป็นไปได้
   “นายควรมีความกล้าให้สมกับชื่อนายหน่อยนะกล้า” แก้มป่องขาวๆถูกยืดออกเพราะความมั่นเขี้ยวกับท่าทางก้มหน้าก้มตาของเพื่อนรัก ไม่ว่าจะยุเท่าไหร่ก็ยุไม่ขึ้นจนสาวสวยเหนื่อยใจ
   “แค่นี้ก็พอแล้ว พอแล้วจริงๆนะเอม” ชะเอมได้แต่ยอมรับถ้าเพื่อนทำแล้วมีความสุขก็แล้วแต่เพื่อนก็แล้วกัน ได้เวลาที่เธอต้องหลบแล้วล่ะ สาวสวยรีบเดินหนีหลบฉากเมื่อหางตาเหลือบเห็นร่างสูงที่ใส่สูทเนี้ยบกริบถือหนังสือเดินตรงมา ยิ่งเข้ามาใกล้ใจดวงน้อยยิ่งสั่นรัว มือขาวบีบกันแน่นเพื่อระงับอาการตื่นเต้น
   “ยืมหนังสือครับ” เสียงทุ้มนุ่มหูที่ฟังแล้วรู้สึกสบายยิ่งทำให้ใจสั่น ร่างขาวไม่กล้าที่แม้จะเงยหน้ามองหน้าด้วยซ้ำ มองเพียงกองหนังสือกับมือใหญ่ก่อนที่จะรับเอาหนังสือมาประทับวันคืนก่อนที่จะส่งคืนให้ทั้งๆที่ไม่มองหน้านี่ล่ะนะ   
   “คืนวันศุกร์สัปดาห์หน้านะครับ”
   “ขอบคุณนะครับ” เสียงทุ้มตอบกลับแล้วหยิบเอาหนังสือเดินออกจากห้องสมุดไป กล้ายอมที่เงยหน้าก็ตอนนี้ มองแผ่นหลังที่ส่งหนังสือให้กับคนที่ขยับตัวเข้ามารับของก่อนที่จะเดินลับสายตาไป
   “หน้ามีความสุขเชียวน้า ชอบเขารึไง” ชะเอมกลับมานั่งข้างๆพร้อมกับจิ้มแก้มขาว
   “อือ เปล่านะ” กล้าปัดมือที่จิ้มแก้มเขาทิ้งรีบปฏิเสธเมื่อถูกถาม ชอบเหรอ คงไม่ใช่หรอก 
   เพียงแค่ 30 นาทีในทุกๆวันศุกร์ เป็นความสุขที่เขารอคอยนอกจากการรอหนังสือออกใหม่ ความสุขที่เพียงมอง ได้คุยกันเพียงแค่นี้ก็พอใจแล้ว
**************************************************
จุดพลุเปิดเรื่องใหม่อีกแล้วค่ะ
ฝากติดตามด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข บทนำ 7/2/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-02-2018 18:03:17
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข บทนำ 7/2/2561
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 08-02-2018 19:32:45
ช่วงเวลาแห่งความสุขจริงๆด้วย
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่ 1 9/2/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 09-02-2018 16:40:36
หากจะถามว่าอะไรคือสิ่งที่กล้าชอบ คำตอบคงเป็นกลิ่นหนังสือใหม่ๆกับบรรยากาศสายฝนพร่ำ กล้าสามารถอยู่ได้ทั้งวันเพียงแค่มีหนังสือโดยไม่รู้สึกเบือเลยซักนิดเพราะฉะนั้นงานที่กล้าคิดว่าเหมาะกับตัวเองคงไม่พ้นบรรณารักษ์ห้องสมุด สมัยเรียนก็เรียกได้ว่านอกจากเวลาเรียนแล้วกล้าก็จะมาหมดตัวอยู่ในห้องสมุดแห่งนี้เป็นประจำจนกระทั่งได้สมัครเป็นลูกจ้างแต่กล้าก็ขยันทำงานพอเรียนจบเขาก็สมัครเป็นบรรณารักษ์ที่ห้องสมุดใหญ่แห่งนี้

   “กล้าจ๋า กล้าจำได้ยังไงอ่ะเอมจำไม่เคยได้ซักที” เสียงหวานของเพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียวของกล้าถามอย่างสงสัย

   “ก็เราอ่านจนจำได้หมดแล้ว” มือขาวเรียงหนังสือเข้าชั้นอย่างช่ำชอง เพราะขลุกอยู่ในห้องสมุดมานานเลขหมวดหมู่ของห้องสมุดนั้นร่างขาวจำได้อย่างขึ้นใจ

   “แต่เอมจำไม่ได้” กล้าหลุดขำเบาๆกับอาการบ่นของเพื่อนสาวแล้วก็หันมาสนใจกับการจัดหนังสือเข้าชั้น ช่วงเวลาบ่ายเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีคนเข้ามาใช้บริการ ทำให้เขาและเอมมีเวลาคุยเล่นกัน ถึงชะเอมจะเป็นฝ่ายพูดอยู่คนเดียวก็เถอะ เขาถนัดฟังซะมากกว่า

   ห้องสมุดแห่งนี้เป็นห้องสมุดเอกชนที่ป้าของชะเอมเป็นคนเปิดเพราะท่านรักการอ่านเลยเปิดห้องสมุดใหญ่แห่งนี้มาตั้งแต่ยังมีขนาดเล็กๆจนขยายเป็นห้องสมุดที่ใหญ่อันดับต้นๆของจังหวัดแถมยังมีหนังสือหลากหลายแนว เพราะมาอ่านที่นี่บ่อยๆเลยได้รู้จักกับชะเอมและได้เป็นเพื่อนกัน เขาเป็นคนพูดน้อยดีที่ชะเอมชอบพูดและเขาชอบฟังเลยสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว

   “นี่ๆ ตอนเย็นไปหาอะไรกินกันไหม” เขาหันไปมองคนที่ชวนได้ทุกเย็น

   “อือ ไป” แม้จะไม่ชอบอยู่กับคนหมู่มากแต่เขาก็ไม่อยากให้เอมต้องเสียใจที่ชวน

   “จริงๆก็อยากชวนไปตอนกลางวันบ้าง นี่ดูสิผิวกล้าขาวจนซีดหมดแล้ว” ชะเอมจิ้มผิวขาวที่โผล่พ้นเสื้อแขนยาวผิวขาวซะจนผู้หญิงอย่างเธออิจฉา

   “คิกขนาดนั้นเลยเหรอ” กล้าได้แต่ส่ายหัวกับการเปรียบเทียบของเอมจริงอยู่ที่เขาขาวแต่คงไม่ได้ซีดขนาดนั้นหรอกมั้ง เพราะไม่ชอบออกไปไหนอยู่แต่ในห้องสมุดเลิกงานก็กลับบ้าน วันนี้คนมายืมหนังสือน้อยพอถึงเวลาปิดห้องสมุดชะเอมนี่รีบปิดไฟปิดแอร์แถมยังมาเร่งเขาให้รีบเก็บของ หลังจากตรวจความเรียบร้อยเขาก็ปิดล็อกห้องสมุด ชะเอมก็รีบจูงมือเขาไปยังตลาดนัดที่ไม่ไกลจากห้องสมุดนัก

   “ร้านนี้ไหม” ชะเอมชี้ไปยังร้านข้าวต้ม กล้าผู้ซึ่งอะไรก็ได้พยักหน้าตามใจเพื่อนสาวร่างเล็ก ที่พอเข้าไปนั่งในร้านก็สั่งรัวๆโดยที่สั่งเผือเขาด้วยเพราะรู้ดีว่าถ้าให้กล้าสั่งคงจะต้องเสียเวลาไปครึ่งชั่วโมงแน่ๆ ไม่นานนักอาหารที่ชะเอมสั่งก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะ กล้ากินเงียบๆคอยฟังชะเอมคุยโน้นคุยนี่ซึ่งเขาพยักหน้าบ้างตอบกลับบ้างไม่นานก็กินเสร็จ ชะเอมก็ชวนเขาไปเดินเล่นในตลาดนัด

   “นี่ตัวนี้เข้ากับกล้ามากเลยนะ” ชะเอมยกเสื้อเชิ้ตสีสดใสทาบตัวเขาซึ่งเป็นสีที่เขาไม่เคยใส่

   “อือ” ได้แต่พยักหน้า เสื้อแบบนี้มันเข้ากับเขาจริงๆเหรอ กล้าได้แต่สงสัยเพราะไม่เคยใส่เสื้อผ้าสีสดใสซักเท่าไหร่
 
   “อ่ะเอมซื้อให้”

   “ไม่เอานะเอม เราเกรงใจ” คนตัวขาวรีบดันถุงเสื้อคืน

   “ไม่เอาเอมจะโกรธนะ” หน้าหวานๆของชะเอมทำหน้าบึ้งจนคนขี้เกรงใจรีบรับเอาไปเพราะกลัวเพื่อนโกรธตัวเองจริง

   “เราเอาก็ได้อย่าโกรธเรานะเอม” เอมแอบขำแต่ก็ต้องทำหน้าบึ้งไว้ จนกล้ารับเอาถุงเสื้อไป

   “พรุ่งนี้ใส่มาด้วยนะ” เอมแอบกำชับเพราะกลัวว่าคนขี้เกรงใจไม่ยอมเอาเสื้อออกมาใส่ ทั้งตู้นี่มีแต่สีขาวกับสีดำเธอเลยอยากให้ใส่สีอื่นที่มันเข้ากับเจ้าตัวมาก หลังจากที่ยอมรับเสื้อหนึ่งตัวก็เดินจูงมือกันเดินดูของไปเรื่อยจนกระทั่งถึงร้านที่ขายหนังสือ กล้ารีบผละออกก่อนที่จะเดินเลือกหนังสืออย่างถูกใจจนลืมไปเลยว่ามากับใครและเพื่อนหายไปไหน และไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ เงยหน้ามาอีกทีก็มีแต่เขายืนอยู่ในร้าน เมื่อจ่ายเงินค่าหนังสือเขาก็ได้แต่มองช้ายมองขวาอย่างไม่รู้ทิศทางเพราะพึ่งมาครั้งแรกแถมเพื่อนยังหายไปอีก

   “อ่ะ จริงสิโทรศัพท์” เหมือนพึ่งจะนึกได้ มือขาวรีบค้นในกระเป๋าเอาโทรศัพท์รุ่นปุ่มกดที่ดูล้าสมัยออกมากดเบอร์เพื่อนสนิท

   “เอม....เอมอยู่ไหน”

   “(เอมต่างหากที่ต้องถามว่ากล้าอยู่ไหน ปลอดภัยดีใช่ไหม)”

   “อือเราปลอดภัยดี เอมอยู่ตรงไหนเหรอ”

   “(คือเราอยู่บนรถตอนนี้ที่บ้านเกิดเรื่องเราขอโทษที่ทิ้งกล้านะเราหากล้าไม่เจอจริงๆ)” เขาไม่ได้โกรธอะไรเพื่อนเลยแม้แต่นิด ผิดที่เขาเองมัวแต่เพลินเลือกหนังสือไม่ได้สนใจโลกอย่างที่เอมว่าให้บ่อยๆ

   “ไม่เป็นไรเดี๋ยวเรากลับเอง รีบกลับเถอะ” เพราะรู้ดีว่าเป็นเพื่อนรักเป็นห่วงก่อนที่จะวางสายยังโดนย้ำนักย้ำหนาว่าถ้าถึงบ้านให้โทรไปบอกได้แต่ยิ้มเพราะความเป็นห่วง  ดวงตากลมใต้แว่นมองซ้ายมองขวาอย่างชั่งใจว่าจะไปทางไหนดีจนเมื่อตัดสินใจได้เขาก็เดินหอบหนังสือหลายเล่มเดินไปอีกทาง เดินไม่นานก็เจอซอยทางลัด

   “เราก็เก่งเหมือนกันนี่น่า” กล้าได้แต่ยกยิ้มชมตัวเองเพราะขนาดเดินมั่วๆก็มาเจอทางลัดเขาคงจะโชคดีจริงๆ หอบหนังสือเดินเข้าซอยถึงจะเปลี่ยวหน่อยแต่ผู้ชายอย่างเขาคงไม่เป็นอันตรายอะไรหรอกมั้ง?? ยังดีที่ข้างทางสว่างเขารีบสาวท้าวเดินไวๆเพื่อให้พ้นซอยถึงจะสว่างแต่เขาก็กลัวเหมือนกันนะ

   ตุ๊บ!!!

   ตั๊บ!!!

   ผลั๊วะ!!

   “โอ๊ย พวกมึง...” เสียงโวยวายพร้อมกับเสียงเหมือนคนกำลังตีกันทำให้คนที่กำลังก้าวเท้าเร็วๆหยุดชะงัก ไม่นะกล้า ไม่ใช่เรื่องของนายรีบเดินกลับบ้านเลยนะ ร่างเล็กได้แต่กำชับหนังสือเข้าอ้อมอกคิดปลอบตัวเองแต่ขาดันก้าวไม่ออก เสียงในหัวถกเถียงกันไปมาเขาแอบดูในตรอกเล็กๆเงาร่างของคนหลายคนกำลังรุมทำร้าย ยิ่งนานไปเสียงโวยวายเริ่มเบาลงจนเขาเป็นห่วงคนที่ยังไม่รู้จักกันเสียอย่างนั้น เอาล่ะ

   “ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย คุณตำรวจทางนี้ครับ” นี่คงเป็นการที่เขาเสียงดังที่สุดในชีวิตแล้ว เมื่อได้ยินเสียงร้องของเขาร้องเสียงดังเงาในตรอกก็หยุดชะงักเหมือนลังเล เขาเลยทำเป็นร้องเรียกตำรวจอีกครั้งและก็ได้ผลเมื่อคนกลุ่มนั้นวิ่งหลบไปอีกทาง ร่างเล็กรอซักพักแล้วค่อยขยับที่เรียกได้ว่าเดินก้าวต่อก้าวช้ายิ่งกว่าหอยทางเข้าไปในตรอกก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นคนที่นอนขดตัวอยู่ในตรอกมืดๆ

   ฮือ ตายยังอ่ะ

   กล้าได้แต่จดๆจ้องๆเมื่อเห็นคนเจ็บยังนอนนิ่งก่อนที่จะตัดสินใจเดินไปนั่งยองๆข้างๆก่อนที่จะสะกิดไหล่คนที่นอนเจ็บเบาๆ

   “คะ....คุณ...คุณเป็นอะไรไหม”

   “โอ๊ยเจ็บ” เสียงทุ้มที่ร้องเพราะเขาไปเขย่าไหล่นั่นแรงไปสักหน่อย

   “คุณลุกไหวไหมผมแบกคุณไม่ไหวหรอกนะ” กล้าพูดความจริงเพราะดูขนาดตัวนั่นสิ เขายอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เขาได้แต่อิจฉาคนเจ็บที่ร่างกายสูงใหญ่กว่าเขา

   “ไม่ไหว ช่วยพยุงผมที” พอได้ยินคนเจ็บบอกกล้ารีบวางถุงหนังสือลงก่อนที่จะขยับเก้กังพยุงตัวคนเจ็บให้นั่งพิงกำแพง แสงไฟสลัวๆที่ทำให้เห็นทางเลือดสีแดงที่ไหลลงจากไรผม ปริมาณมันดูน่ากลัวจนร่างเล็กผู้ที่ซึ่งทีแรกยังกลัวๆ หยิบเอาผ้าเช็ดหน้าจากซอกๆหนึ่งในกระเป๋า มันยังสะอาดอยู่นะ ค่อยๆแตะลงบนแผลเบาๆ ถึงอย่างนั้นคนเจ็บก็ยังสะดุ้งแต่ก็ยอมอยู่นิ่งให้คนตัวเล็กเช็ดให้พร้อมกับไอ้โอกาสสำรวจใบหน้าใต้แว่นอันโต

   “คุณรออยู่ตรงนี้ได้ไหมผมจะไปตามคนมาช่วย”

   “ไม่เป็นไรขอยืมแค่โทรศัพท์คุณ...ได้ไหม” น้ำเสียงทุ้มทอดเสียงอ่อนตอนนี้เขาเริ่มตาพร่าเพราะเจ็บแผลที่หัวมากไปแน่ๆ  กล้าลนลานรีบส่งโทรศัพท์รุ่นดึกดำบรรพ์ส่งให้จนคนรับยังแปลกใจที่มีคนใช้โทรศัพท์รุ่นนี้อยู่อีกเหรอ คนเจ็บรีบต่อสายเรียกคนมารับคุยไม่กี่คำเขาก็วางสายแล้วส่งโทรศัพท์คืน

   “ผมจะรอจนกว่าจะมีคนมารับคุณนะ คุณไม่ให้โทรเรียกรถพยาบาลจริงๆเหรอ” กล้าได้แต่กลัวว่าคนตรงหน้าจะตายเอาเมื่อผ้าเช็ดหน้าที่กดแผลไว้นั้นเริ่มชุ่ม แต่คนเจ็บก็ยืนยันว่าจะไม่ไป วางสายได้ไม่นานก็มีรถหลายคันมาจอดที่หน้าตรอกจนคนตัวบางชักกลัวกำลังที่จะหาทางหนีทีไล่คนเจ็บก็ห้ามเขาไว้เสียก่อน

   “นั้นคนของฉัน” กล้าถอนหายใจด้วยความโล่งอกไม่นานคนใส่ชุดดำหลายคนก็วิ่งกรูเข้ามาในตรอกพร้อมกับไฟฉาย จากตรอกที่แคบตอนนี้ยิ่งแคบเข้าไปอีก ร่างเล็กได้แต่มองหวาดๆก็แต่ละคนหน้าตาน่ากลัวจริงๆ

   “ขออภัยครับนายเป็นเพราะพวกผม” หนึ่งในชายชุดดำโค้งจนสุดตัวพร้อมกับพูดเสียงดังจนเขาตกใจ ไม่ใช่แค่ตกใจเสียงแต่ตกใจกับบรรยากาศที่มันดูอึดอัด  คนเจ็บเพียงยกมือโบกแล้วบอกให้ช่วยพยุงซึ่งมันก็ง่ายๆ ร่างบางรีบลุกพร้อมกับหยิบเอาหนังสือขึ้นมา อันนี้ลืมไม่ได้

   “ขอบคุณคุณมาก จะให้ฉันตอบแทนยังไง” น้ำเสียงที่ฟังแล้วดูเย็นชาขึ้นทำให้ร่างขาวเอียงคอด้วยความสงสัย ตอบแทนยังไง เขาไม่ได้ต้องการอะไรซักหน่อย

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณมีคนมาช่วยแล้วรีบไปโรงพยาบาลดีกว่า ผมกลับก่อนนะ” เขาไม่ได้ต้องการอะไร อยากจะหนีออกจากตรอกนี้จะแย่แล้ว

   “ไม่รู้จักฉัน” เขาได้แต่ขมวดคิ้วกับคำถามของเจ็บ แล้วเขาจำเป็นต้องรู้จักด้วยเหรอ ท่าทางงงๆแบบที่ดูยังไงๆก็รู้เลยว่าไม่เข้าใจคำถามและแสดงออกชัดเจนว่าไม่รู้จักคนเจ็บ

   “ผมไปล่ะ คุณก็ระวังตัวด้วยนะ” ยังไม่วายที่จะห่วงแต่พอจะก้าวออกจากตรอกยังไม่ทันได้ก้าวเลย คนใส่ชุดดำก็ก้าวมาขวางทางไว้จนเขาสะดุ้ง

   “ให้ฉันไปส่ง”

   “มะ....ไม่เป็นไรครับ” เขารีบโบกมือไปมาน่ากลัวแบบนี้ใครเขาจะอยากไปกัน เมื่อเห็นว่าคนชุดดำไม่ได้เข้ามาใกล้แล้ว เท้าเล็กๆก็รีบวิ่งหนีออกไปจากตรอก เป็นครั้งแรกที่หนอนหนังสืออย่างเขาวิ่งได้เร็วแบบนี้

   “แฮ่กๆ ฟู่...น่ากลัวจัง คราวหน้าไม่เอาอีกแล้วนะกล้า” เมื่อคิดว่าพ้นแล้วหนอนหนังสือก็หอบจนตัวโยน เขาไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้เลยนะ ได้แต่ลูบอกเพื่อปลอบใจที่เต้นรัวของตัวเองให้สงบ พอหายเหนื่อยก็เดินกลับบ้าน และไม่ลืมที่จะโทรรายงานเพื่อนสนิทโดยที่ปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ คงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะนะ คนที่ไม่ได้สนใจอะไรอาบน้ำเสร็จก็ลืมเรื่องระทึกที่สุดในชีวิตอย่างง่ายดาย
   
   ในตรอกแคบ คนเจ็บได้แต่แปลกใจสายตายังคงมองตามทางที่คนตัวขาววิ่งหนีไป ทีแรกนึกว่าจะเป็นแผนอะไรซักอย่างแต่เด็กนั่นไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ ไม่รู้จักเขาแต่ยังมาช่วยคนที่ไม่รู้จักจะเรียกว่าเป็นคนใจดีหรือซื่อเกินไปดีนะ

   “จะให้ตามไหมครับนาย” หนึ่งในคนสนิทถามขึ้นเมื่อเห็นว่านายยังมองตามอยู่เป็นคนที่คิดไม่ดีรึเปล่าถ้าใช่พวกเขาจะได้ตามจับมาให้ทันท่วงที

   “ไม่ต้องพาฉันไปโรงพยาบาล” ก่อนที่ลูกน้องจะคิดไปทำอะไรเองก็สั่งให้พาไปโรงพยาบาลเพราะชักจะรู้สึกหน้ามืดเล็กๆแล้วสิ กวินนั่งพิงเบาะมือใหญ่กดผ้าเช็ดหน้าที่คนตัวขาวทิ้งไว้ให้กดแผล รถสีดำเล่นมาจอดหน้าโรงพยาบาลจนเจ้าหน้าหลายคนแตกตื่น แต่เมื่อมีคนเจ็บระดับวีไอพีมา หมอแทบจะวิ่งมารักษาจนรักษาเสร็จหมอก็ให้แอดมิทเพื่อดูอาการซักสองสามวัน

   “เอ่อผ้านี้ทิ้งเลยไหมคะ” นางพยาบาลหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ชุ่มไปด้วยเลือดที่ตอนนี้มันมีบางส่วนแห้งไปแล้ว

   “ไม่ต้อง เอาวางไว้นี่” กวินชี้ไปที่โต๊ะข้างเตียง นางพยาบาลรีบวางแล้วถอยหนี หน้าตาถึงแม้จะมีรอยช้ำแต่ก็ดูหล่อมากแต่ถ้าดูดุแบบนี้เธอก็กลัวเหมือนกัน

   ทันทีประตูปิดลงร่างใหญ่ก็หันไปมองผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กนั่น ใบหน้าคมเข้มติดเย็นชามีรอยยิ้มบางๆแต้มอยู่

   ก๊อกๆ

   “เข้ามา”

   “เรื่องของเด็กคนนั้น ผมสืบให้เรียบร้อยแล้วนะครับไม่เกี่ยวกับเรื่องลอบทำร้าย คงบังเอิญมาช่วยจริงๆ ส่วนพวกที่ลอบทำร้ายผมได้ส่งคนตามสืบแล้วครับ” คนสนิทส่งแฟ้มที่สืบอย่างรวดเร็วเพราะว่าคนใจดีนั้นไม่ได้เป็นคนหาตัวยากอะไร

   “ขอบใจมากไปพักเถอะ” มือใหญ่เปิดแฟ้มอ่านประวัติคนตัวขาวที่ดูเหมือนจะธรรมดามากคงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับธุรกิจทางเขาแน่ๆ อายุ 23 เหรอ เด็กชะมัด ทำงานบรรณารักษ์เหรอก็ดูเหมาะกับเจ้าตัวดี ถ้าไม่เกี่ยวข้องอะไรก็คงจะไม่ต้องได้ยุ่งเกี่ยวกันอีกแล้ว ส่วนตอบแทนค่อยให้เชษฐ์ส่งของตอบแทนคำขอบคุณไปล่ะกัน ใจดีแบบนี้ไม่กลัวรึยังไงกัน แม้จะว่าไม่ได้ติดต่อกันแต่ในหัวก็ยังวนเวียนอยู่กับคนตัวขาวที่มาช่วยตลอดที่รักษาตัว
*************************************************
เปิดตอนแรกแล้วค่ะ อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า

อันนี้พยายามปรับเปลี่ยนการเขียนอยู่ ถ้าอ่านแล้วติดขัดตรงไหน

ติชมได้เลยค่ะ

ถ้าชอบก็บอกด้วยนะคะจะได้เป็นแรงใจ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่ 1 9/2/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-02-2018 19:03:53
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่ 2 10/2/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 10-02-2018 19:00:32
        “กล้า เราขอโทษน้า” เช้าวันต่อมาขณะที่ร่างขาวกำลังอ่านหนังสือที่ซื้อมาเมื่อวาน
   “หือ ขอโทษเราทำไม” กล้าได้แต่งงเมื่อเพื่อนสนิทเดินมานั่งลงข้างๆแถมยังกอดแขนเขา
ไว้แล้วซบหน้าลงอ้อนๆ บางทีเขาก็คิดว่าชะเอมเหมือนลูกแมว

   “ก็ที่เราทิ้งกล้าเมื่อคืนไง” เขาได้แต่ส่ายหัวไปมาเพราะไม่ได้โกรธเลยซักนิด เมื่อยืนยันว่าไม่ไดโกรธอะไรแล้วเขาก็ปล่อยให้เอมนั่งเฝ้าเค้าเตอร์ส่วนเขาก็ขอไปจัดหนังสือทำความสะอาดชั้นหนังสือที่ไม่ค่อยมีใครใช้งานฝุ่นจับหมดแล้ว มือซ้ายหิ้วตะกร้าที่ใส่อุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดทั้งน้ำยา ทั้งไม้ขนไก่ ที่ปัดฝุ่นเดินขึ้นชั้นลอยชั้นสองที่เก็บหนังสืออ้างอิงและหนังสือต่างประเทศที่ไม่ค่อยมีใครเข้ามาใช้งานบ่อยๆ ถึงจะทำความสะอาดเดือนละสองครั้งแต่ฝุ่นก็ยังมาเกาะอยู่ดี

   “กระดาษเริ่มเหลืองแล้วเหรอ” นิสัยอย่างหนึ่งของกล้านอกจากชอบอยู่คนเดียวแล้วยังชอบพูดคนเดียวอีกด้วย ปากเล็กบ่นไปแต่มือก็ยังทยอยหยิบหนังสือลงจากชั้นทีละเล่มๆ เริ่มจากชั้นบนก่อนและเมื่อกล้านั้นสูงไม่เกินมาตรฐานชายไทย เขาสูงเพียง 170 ซม.แต่เขานั้นผอมก็ไม่เชิงว่าผอมแบบแห้งแรงน้อยอะไรนั่นหรอกนะเพียงแต่ผอมเพราะบางทีเขาก็ลืมกินข้าวแถมยังกินทีก็น้อยเท่าแมวดมเวลาที่ไปกินข้าวกับชะเอมจะโดนบังคับให้กินตลอด

   “ทำไมฝุ่นเกาะเร็วจังนะ” หอบหนังสือในอ้อมแขนเกือบสิบเล่มก่อนที่จะค่อยๆปีนลงจากบันไดแล้วค่อยหอบหนังสือไปวางไว้ที่โต๊ะใหญ่ที่เขาเตรียมไว้ที่ข้างหน้าต่างให้แดดส่องเล็กน้อย ขนไปสามสี่รอบแขนเล็กก็เริ่มล้าแต่ก็อยากขนลงมาให้หมดจะได้ทำความสะอาดครั้งเดียว

   “กล้า จะเที่ยงแล้วนะพอก่อนไหม”เสียงเรียกเบาๆของชะเอมทำให้เขาสะดุ้งจนแทบจะตกจากบันได

   “ชะเอมไปกินก่อนก็ได้ เดี๋ยวเราไปเฝ้าให้”

   “เอางั้นเหรอ งั้นเราจะซื้อเข้ามาให้”

   “ขอบใจนะ” เขารีบลงไปล้างมือก่อนที่จะไปทำหน้าที่แทนเอม ช่วงนี้จะมีคนมาคืนหนังสือเยอะเพราะเป็นเช่วงพักเที่ยง

   “อ่าวน้องผู้หญิงหายไปไหนแล้วล่ะจ๊ะ” พี่พนักงานออฟฟิศที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีถามขึ้น

   “พอดีไปทานข้าวนะครับ อ่านจบแล้วเหรอครับ” เพราะเห็นหน้ากันทุกวันเขาเลยพูดคุยด้วยโดยไม่เคอะเขิน

   “ใช่แล้วจ๊ะ ช่วยแนะนำหนังสือให้พี่หน่อยสิ เรื่องก่อนที่เราแนะนำอ่านแล้วสนุกมากเลย” เรื่องที่เขาแนะนำล่าสุดเป็นนิยายรักเรื่องหนึ่งของวิลเลียม เชคเปียร์ ฝันกลางคืนฤดูร้อน เป็นนิยายรักที่มีครบรสชาติ แฝงแฟนตาซีนิดๆ แถมยังมีมุขตลก

   “อ่านเรื่องเศร้าๆได้ไหมครับ”
   “โอ๊ยพี่อ่านได้หมดล่ะจ๊ะ แนะนำมาเลย” ผมเลยแนะนำ เรื่อง The fault in our Stars กับ อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก แม้จะเป็นนิยายที่คนแต่งต่างเชื้อชาติแต่ก็แฝงข้อคิดความรักและการใช้ชีวิตได้มากมาย แนะนำจบพี่สาวก็ตกลงยืมสองเรื่องที่ผมแนะนำไปแถมยังขอบอกขอบใจผมยกใหญ่

   “เอ่อขอโทษครับ”

   “ครับ??” กล้าเงยหน้าจากหนังสือที่อ่านค้างไว้เมื่อมีคนมาแล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อคนที่มาถามนั้นไม่น่าจะใช่คนที่น่าจะเข้ามายืมหนังสือซักนิด

   “ผมได้คำสั่งจากนายมาส่งของตอบแทนให้ครับ” กล้ายิ่งงงหนักเข้าไปอีกเมื่อคนชุดสูทสีดำส่งกล่องหรูที่ขนาดเขาไม่ได้เป็นคนสนใจอะไรมากมายนัก ก็รู้เลยว่าเป็นของมีค่าราคาแพง

   “ของตอบแทน?? ตอบแทนอะไรกันเหรอครับ” เขาลุกขึ้นดันกล่องหรูนั่นกลับไปทางคนที่เอามาให้อย่างสั่นๆก็คนที่เอามาส่งนั้นน่ากลัวน้อยเสียเมื่อไหร่

   “ก็ที่คุณช่วยเจ้านายผมไว้ครับ” ช่วย??? ตอนนี้ในหัวเล็กๆมีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด ท่าทางเอียงคอสีหน้าไม่ปิดบังซักนิดว่างง ท่าทางที่แสดงออกอย่างใสซื่อทำให้เชษฐ์คนสนิทของกวินที่เอาของตอบแทนมาให้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดี
 
   “ผมรับไม่ได้หรอกนะครับเอาคืนไปเถอะ” กล้ารีบบอกปฏิเสธเพราะไม่กล้าที่จะรับอีกอย่างมันก็มากเกินไป

   “แต่นายของผมต้องการตอบแทนคุณ”

   “เอาคืนไปเถอะครับผมรับไว้ไม่ได้จริงๆ” ไม่กล้ารับจริงๆกับของตอบแทนนี่มันมากเกินไป เขาแค่ช่วยเท่านั้นเอง

   “งั้นก็ได้ครับ” เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ยอมรับของเชษฐ์ก็ต้องยอมถอยเก็บของขวัญไว้ก่อนที่จะชวนคนตัวเล็กที่รู้สึกดีด้วย คนที่ไม่เคยเจอในชีวิตด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์

   “เอ่อ ถ้าผมจะยืมหนังสือต้องทำอะไรบ้างครับ” แม้ไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้าถึงเปลี่ยนไปแต่เมื่อต้องการยืมหนังสือเขาก็ไม่คิดอะไรมาก

   “ครับ ก็ทำบัตรสมาชิกและเวลาต้องการยืมก็ทิ้งบัตรไว้ด้วยครับ”

   “เอ่อแล้วถ้าพี่ไม่สะดวกทิ้งบัตรไว้ล่ะครับ” สีหน้าลำบากใจทำให้กล้ายกยิ้มบางๆให้ ก่อนที่จะอธิบายให้ฟัง

   “อ้อ งั้นก็ขอข้อมูลที่ติดต่อได้ไว้ก็ได้ครับอย่างเช่นนามบัตร” คนตัวสูงพยักหน้าเข้าใจก่อนที่จะขอสมัครสมาชิกซึ่งเขาก็ไม่อิดออดขอบัตรประชาชนเพื่อกรอกข้อมูล ถึงจะแปลกใจกับอายุที่ไม่เข้ากับหน้าของคนตรงหน้านี่เลยแต่กล้าก็ยังเป็นกล้าไม่ได้สนใจเรื่องของคนอื่นที่ผ่านเข้ามานัก

   “เรียบร้อยครับ นี่ครับ” เขายืนบัตรสมาชิกให้คนตรงหน้าที่พอได้รับบัตรก็หมุนตัวไปมาอย่างที่ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี จนเขาอดที่จะแนะนำให้ไม่ได้ว่าชั้นไหนเป็นชั้นไหน ถ้าเป็นเรื่องหนังสือเขาสามารถพูดได้น้ำไหลไฟดับเลยทีเดียว จนสมาชิกใหม่เดินไปชั้นหนังสือเพื่อลองเลือกหนังสือไปอ่านบ้าง

   “กล้า ไปกินข้าวก่อนสิเดี๋ยวเอมจัดการเอง”

   “ขอบคุณมากนะเอม” รับเอาถุงกล่องข้าวแล้วเดินไปห้องเล็กด้านหลังที่เป็นส่วนของเจ้าหน้าที่เพื่อกินข้าวเที่ยงที่ค่อนมาบ่ายกว่า เมื่อกินเสร็จก็เดินออกมาตั้งท่าจะไปทำความสะอาดหนังสือต่อถ้าไม่เพราะเอมมาดึงแขนเขาไว้แล้วเขย่าอย่างตื่นเต้น

   “กล้าๆคนเมื่อกี้ใครเหรอทำไมเขาฝากของให้กล้าด้วยล่ะ”

   “หือ เราไม่รู้จักหรอกนะแต่เราบอกแล้วนิว่าไม่รับ” เขารีบเดินไปที่เค้าเตอร์เห็นถุงที่ใส่ของก็ต้องถอนหายใจหนัก คงต้องรอวันที่พี่คนนั้นเอาหนังสือมาคืนเพื่อที่จะคืนของแล้วล่ะสิ

   “ไม่รู้จักทำไมเขาให้ของกล้าล่ะ”

   “ก็เราช่วยเขาไว้นิดหน่อยแต่เราไม่ต้องการเลยนะเอม” ใบหน้าใต้แว่นมุ่ยลงเมื่อโดยยัดเยียดของตอบแทนให้ทั้งๆที่เขายืนยันแล้วว่าไม่ต้องการ

   “งั้นถ้าเขามาตอนที่เอมอยู่เอมจะคืนให้นะ”

   “อือขอบคุณนะ งั้นเราขึ้นไปจัดหนังสือต่อนะ” เอมโบกมือให้ผมเลยขึ้นไปทำความสะอาดต่อแต่ในหัวก็ยังคิดไพล่ไปถึงคนที่เอาของมาให้ เอาความจริงแล้วเขาจำหน้าคนที่เขาช่วยเมื่อคืนไม่ได้ด้วยซ้ำแทบจะลืมไปแล้วเพราะสมองเขามีไว้เก็บตัวละครในหนังสือเท่านั้น ต้องตอบแทนกันขนาดนี้เลยเหรอ และจากคนที่ในหัวมีแต่เรื่องที่วันนี้จะอ่านอะไรดีกลับวนเวียนคิดว่าจะได้คืนของขวัญวันไหน





   หลังจากวันที่พี่คนนั้นมายืมหนังสือก็ผ่านไปอาทิตย์หนึ่งของขวัญยังอยู่ที่ชั้นด้านหลังวันนี้เป็นวันที่ต้องคืนหนังสือกล้าวันนี้ถึงกับขอทำหน้าที่เฝ้าเองทั้งๆที่ปกติชอบไปเรียงหนังสือซะมากกว่า รอจนเย็นก็ยังไม่เห็นมาแล้วเขาจะได้คืนของไหมล่ะ
   “กล้าวันนี้เอมกลับก่อนนะพอดีไปเดทนะ” ท่าทางเขินๆทำให้เขาส่งยิ้มบางๆให้

   “ไปสิ ไม่เป็นไรหรอก” เอมขอบคุณผมยกใหญ่ นั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยจนใกล้เวลาปิดก็มีคนเดินเข้ามาซะก่อน ใบหน้าขาวดีใจนึกว่าจะเป็นพี่คนนั้นแต่เมื่อเห็นว่าไม่ใช่ก็รู้สึกผิดหวังแต่ทำไมหัวใจผมถึงได้เต้นแรงนักนะ

   “คืน”

   “อ่า...ครับ” น้ำเสียงติดจะเย็นชานั่นทำให้ผมลน เมื่อสแกนบาโค้ดดูก็เห็นขึ้นเป็นชื่อพี่คนนั้น ฝากคนอื่นมาคืนงั้นเหรอ?? ท่าทางใส่สูทเหมือนกันคงทำงานที่เดียวกัน เมื่อเช็คจนครบแล้ว

   “เรียบร้อยใช่ไหม” ผมรีบพยักหน้าให้ เมื่อเห็นว่าเสร็จธุระคนตัวโตก็หันหลังกลับแต่ผมรีบเรียกไว้

   “เอ่อ...ผมฝากนี่ไปคืนพี่เขาได้ไหมครับ” กล้าได้แต่พูดเสียงเบาเมื่อสายตาคมนั่นดูน่ากลัวซะจนเกินไป

   “ทำไม”

   “คือผมบอกพี่เขาไปแล้วว่าไม่รับเพราะฉะนั้นฝากคืนด้วยนะครับ” ยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งเบาลงเรื่อยๆเมื่อโดนจ้องนิ่งๆ

   “อืม” คำสั้นๆพร้อมกับมือใหญ่หยิบเอาถุงของตอบแทนเดินกลับออกไป กล้าถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมกับบรรยากาศกดดันหายไป รอยยิ้มบางก็ปรากฏขึ้นโดยไม่ทันสังเกตว่าคนที่คิดว่าไปแล้วแอบมองอยู่
   


   การทำงานของกล้าไม่ได้มีอะไรมากมายออกจะซ้ำซากจำแจด้วยซ้ำแต่กล้ากลับทำโดยไม่รู้สึกเบื่อเลยซักนิดวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ต้องเอาหนังสือไปเรียงเข้าชั้นเพราะเก็บสะสมมามาทั้งอาทิตย์

   “อ่าวสวัสดีน้องกล้า” งานที่ซ้ำซากจำเจเปลี่ยนไปเมื่อมีสมาชิกที่รู้สึกว่าจะสนิทสนมกับเขาแบบแปลกๆถึงอย่างนั้นเขาก็ยกมือขึ้นไหว้

   “สวัสดีครับพี่เชษฐ์”

   “อ่ะนี่พี่ซื้อมาฝาก” อีกแล้วเหรอ ตั้งแต่คืนของตอบแทนนั่นไป วันต่อมาพี่เชษฐ์ก็มาที่ห้องสมุดแถมยังหิ้วขนมมาฝากพอบอกไม่เอาพี่เชษฐ์ก็ทำหน้าเศร้าจนเขาปฏิเสธไม่ได้

   “ขอบคุณครับ จริงๆพี่ไม่ต้องซื้อมาก็ได้นะครับ” มือขาวรับเอาถุงขนมมาถือไว้พร้อมกับบอกอย่างเกรงใจก็เล่นซื้อมาให้เขาทุกวันที่มาหา ถ้าหากร่างขาวรู้ว่าขนมในถุงพลาสติกธรรมดาๆนั่นเป็นขนมจากร้านดังที่ทำขายวันละไม่กี่ชิ้นคนตัวขาวคงต้องรีบคืนให้แน่ๆ เมื่อรู้ว่าคนตัวเล็กเป็นคนขี้เกรงใจเชษฐ์เมื่อซื้อขนมมาก็รีบเปลี่ยนถุงแถมแกะป้ายออก ทำไมเลขามือหนึ่งอย่างเขาต้องมาทำรายละเอียดหยิบย่อยขนาดนี้แต่เขาก็เต็มใจเมื่อเห็นสีหน้าดีใจของกล้า

   “ไม่เป็นไรพี่เต็มใจ กินเยอะๆล่ะ ผอมจริงๆเลยเรา” กล้าได้แต่ก้มสำรวจตัวเองเขาผอมไปเหรอ??

   “ครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ พี่เชษฐ์จะยืมหนังสือไหมครับ”

   “ไม่ล่ะพี่แค่แวะเอาขนมมาให้พี่ไปล่ะ”

   “ครับ ขอบคุณนะครับ” พี่เชษฐ์ยิ้มกว้างก่อนที่จะเดินออกจากห้องสมุด เป็นคนที่ไปเร็วมาเร็วเสมอเลย กล้าเอาถุงขนมไปเก็บแล้วค่อยไปทำงานเหมือนเดิมจนกระทั่งเลิกงานปิด

   “อ่าวพี่เชษฐ์” กล้าได้แต่ทำหน้างงๆเมื่อหันกลับมาเห็นพี่เชษฐ์ยืนพิงรถด้วยท่าทางเท่ๆโบกมือให้เขาอยู่

   “มาพี่ไปส่ง”

   “เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้”

   “น่านะพี่อุตส่าห์มารอเรา” พูดแบบนี้คนขี้เกรงใจอย่างเขาก็อ้ำอึ้งจนเปิดโอกาสให้อีกคนฉวยเอาย่ามเก่าๆไปถือพร้อมกับดันหลังผมไปที่รถติดฟิล์มดำสนิท นี่พึ่งรู้จักกันครึ่งเดือนเองนะแต่คนทีเรียกได้ว่าเข้าขั้นเบลอๆอย่ากล้าก็วางใจพี่เชษฐ์ไปซะแล้ว  พี่เชษฐ์รีบขึ้นรถแล้วขับพาผมไปส่งบ้าน

   “นี่เหรอบ้านกล้า” เขาพยักหน้ารับไม่ได้อายอะไรกับสภาพบ้านที่ดูภายนอกมันดูโทรมๆหน่อยจะทำยังไงได้ก็เขาอยู่คนเดียวภายนอกอาจจะดูแย่หน่อยแต่ข้างในก็อยู่ในสภาพดีแถมไม่ต้องกลัวความปลอดภัยบ้านเขามีอะไรให้ขโมยกัน

   “ขอบคุณนะครับพี่เชษฐ์” กล้ากระพุ่มมือไหว้แล้วค่อยลงจากรถเปิดประตูเข้าบ้าน รถของพี่เชษฐ์ขับออกไปเมื่อผมเดินเข้าบ้านไป ตั้งแต่สนิทกันกับพี่เชษฐ์ต้องบอกว่าพี่เชษฐ์เป็นฝ่ายขอสนิทด้วยกับผมน้ำหนักผมก็ขึ้นมากิโลกว่าๆเพราะขนมหวานนั่น ชะเอมเคยว่าผมไว้ใจคนอื่นง่ายๆแต่พี่เชษฐ์ก็ดูไม่เป็นคนเลวร้ายอะไรออกจะใจดีด้วยซ้ำ อาบน้ำเสร็จเขาก็ล้มตัวลงนอนท่ามกลางความเงียบสงัด เพราะเขาชิน ชินกับการที่อยู่คนเดียวท่ามกลางหนังสือพวกนี้
*************************************************************************
ทำไมยิ่งเขียนยิ่งรักน้องกล้า

นิยายเรื่องนี้ก็จะออกแนวไปเรื่อยๆคิดไว้ว่าคงไม่เกินยี่สิบตอน

แหะๆแต่ถ้าไหลก็อีกเรื่องนะคะ 555

อ่านแล้วเป็นยังไงบอกเราด้วยนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่ 2 10/2/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-02-2018 08:20:40
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่ 3 14/2/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 14-02-2018 17:23:10
หลังจากการมีคนเพิ่มเข้ามาในชีวิตอีกหนึ่งคน กล้ายอมรับเลยว่าเหมือนได้พี่ชายเพิ่มอีกคน จนชะเอมบ่นน้อยใจใหญ่ว่าผมมีพี่ชายคนใหม่แล้ว

   “พูดยังไม่ทันขาดคำนั่นไงมาแล้ว” ชะเอมบ่น ทีแรกล่ะก็กรี๊ดใหญ่รอพี่เชษฐ์มา แต่ทำไมพอหลังๆมาถึงได้ดูไม่พอใจนักก็ไม่รู้

   “อ่ะพี่ซื้อมาฝาก”

   “ผมกินจนน้ำหนักขึ้นแล้วนะครับ” ถึงจะบ่นอย่างนั้นแต่กล้าก็ยังรับขนมนมเนยนั่นมาเพราะรู้ดีถ้าไม่เอาพี่เชษฐ์ก็จะพูดหว่านล้อมจนได้

   “ดีสิกล้าผอมไป เออเดี๋ยวพี่ไปทำธุระต่อก่อนนะ”

   “ครับ ขอบคุณนะครับ” กล้ายกมือไหว้ พี่เชษฐ์ยกมือยีหัวเขาก่อนที่จะเดินออกไป หลังๆมานี่ไม่ได้มายืมหนังสือแล้วล่ะครับ มาแค่เอาขนมมาให้แล้วก็กลับ ทุกวันศุกร์พี่เชษฐ์ก็จะมาแบบเร่งรีบแบบนี้ประจำ กล้าหอบเอาถุงขนมหวานเข้าไปห้องพัก

   “แหมๆวันนี้ได้อะไรบ้างล่ะ” ชะเอมเดินเข้ามาแซว

   “อือ เค้กนะน่าอร่อยมากๆเลยล่ะ” กล้ายกเค้กครีมสด ขนาดหนึ่งปอนด์ออกมาจากถุง

   “หือ เค้กร้านนี้แพงมากนิ” กล้ารีบเงยหน้าขึ้นมองชะเอม เขาก็เห็นมันเป็นเค้กธรรมดาๆที่สวยมากปอนด์หนึ่ง แต่ชะเอมไม่คิดอย่างนั้นเธอจำเค้กนี่ได้ เพราะป้าเธอสั่งมาที่บ้านทุกอาทิตย์มันเป็นของที่ขายเพียงไม่กี่ชิ้นต่อวัน

   “มันคนละร้านกันหรอกมั้งเอม” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่กล้าก็ไม่มั่นใจเอาซะเลย ก็เขาไม่เคยที่จะได้กินของราคาแพงเลยนี่น่า รู้เพียงแต่ว่าเค้กที่พี่เชษฐ์ซื้อมาฝากมันอร่อยมาก และถ้ามันแพงอย่างที่เอมพูดเขาคงรับขนมจากพี่เชษฐ์ไม่ได้อีกแล้ว

   
   ก๊อกๆ

   “เข้ามา”

   “เรียบร้อยแล้วครับนาย” เชษฐ์รีบแจ้งงานที่นายส่งให้เขาไปทำ แรกๆเขาก็งงๆหน่อยแต่ตอนนี้เขาดดันรู้สึกสนุกที่ไปเจอน้องกล้า เขาไม่รู้ว่านายต้องการอะไรกันแน่ถึงได้ให้เขาไปตีสนิทน้องกล้า   

   “เป็นยังไงบ้าง” โอ๊ะหายากที่นายของเขาจะยอมหยุดมือทำงานแถมยังสนใจเรื่องคนอื่นอีก สายตาคมของเจ้านายทำให้ผมต้องรีบรายงาน

   “ก็ไม่มีอะไรมากครับ น้องกล้าก็ยังน่ารักเหมือนทุกๆวัน ตอนนี้ดูเหมือนจะมีน้ำมีนวลขึ้นเพราะขนมที่นายสั่งให้ผมไปส่งได้ผลดี ส่วนเรื่องบ้านบอกตามตรงนะครับนาย ผมยังไม่ได้เข้าบ้านน้องแต่ว่ามันก็ดูทรุดโทรมแถมดูเหมือนน้องจะอยู่คนเดียวเสียด้วย” พอได้พูดถึงน้องผมก็พูดน้ำไหลไฟดับ บอกตรงๆเลยครับว่าอยากได้น้องมาเป็นน้องชายจริงๆเด็กอะไรจะใสซื่อและมีจิตใจดีแบบนั้น คนแบบพวกผมไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกที่บริสุทธิ์แบบนี้หรอกนะ

   ปึก

   เอ....ทำไมเหมือนนายไม่พอใจหว่า ผมทำอะไรผิดหว่า เผลอก้าวถอยหลังก็สายตาเจ้านายตอนนี้เหมือนพร้อมจะฆ่าคนเลยนี่น่า

   “ต่อไปไม่ต้องไปแล้ว”

   “ได้ไงอ่ะนาย ผมอุตส่าห์สนิทกับน้องแล้วนะครับนาย” เหมือนคนไม่กลัวตายเพราะเชษฐ์ทำงานกับนายมาตั้งนานถึงแม้จะไม่เคยเห็นอาการแบบนี้ของนายก็เถอะ

   “ไอ้เชษฐ์ฉันสั่ง”

   “อ่าวแล้วใครจะส่งขนมให้น้องล่ะ น้องชอบขนมที่นายสั่งให้มากเลยนะครับ” แอบเห็นมุมปากนายยกขึ้นแวบหนึ่งถ้าไม่ใช่คนสนิทอย่างผมไม่มีทางที่จะทันเห็นหรอกนะ

   “ไม่ต้องยุ่ง”

   “นะครับนาย ให้ผมไปเจอน้องนะ ผมชอบน้องจริงๆ” ลองอ้อนวอนเผือที่นายจะเห็นใจ
   
           ปัง!!!

   “หุบปากแล้วเลิกเรียกว่าน้องซักที” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อเจ้านายตบโต๊ะเสียงดัง อาการแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน เจ้านายผมเปลี่ยนไป ได้แต่ยอมยกมือยอมแพ้คืออยากจะแซวแต่ก็กลัวตาย ได้แต่ลี้ออกจากห้อง

   กวินรู้สึกแปลกๆเมื่อลูกน้องคนสนิทเริ่มที่จะสนิทกับคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ให้ตายเถอะมันจะสนิทเกินไปแล้วนะ ทีแรกเขาเพียงส่งให้เชษฐ์เอาของไปให้แต่เมื่อเขาได้รับคืนก็เลยเปลี่ยนให้เชษฐ์ไปดูแล ไม่รู้สิ ตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง เมื่องานไม่เข้าหัว กวินก็ยอมที่จะเกงานวันนี้

   “อ่าวนายจะไปไหนครับ”

   “ห้องสมุด”  สั่งสั้นๆไอ้เชษฐก็ระริกระรี้รีบขับรถพาผมไปที่ห้องสมุดทันที

   “จะให้ผมเข้าไปด้วยไหมครับนาย”

   “ไม่ต้อง เอาบัตรแกมา” มันทำปากขมุบขมิบแต่ก็ส่งบัตรสมาชิกให้ คนในชุดสูทหรูเดินเข้าห้องสมุดใบหน้าคมนิ่งเฉยชา แต่ก็เรียกสายตาของทุกคนที่อยู่ในห้องสมุด ยกเว้นใครคนหนึ่งที่มัวแต่ก้มอ่านหนังสือ กวินเหลือบมองคนตัวขาวที่แสดงสีหน้าเปลี่ยนไปมาตลอด รอยยิ้มบางแต้มอยู่บนใบหน้าตลอดแต่เมื่อมีคนไปที่เคาน์เตอร์รอยยิ้มนั่นจะหายไปเหลือเพียงใบหน้าเรียบเฉย กวินแอบมองอยู่หลังชั้นหนังสือ มองเพลินจนมือถือสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสั่นเตือน  ข้อความจากเชษฐ์บอกว่าเขาได้เวลาที่ต้องไปงานต่อแล้ว  กวินหยิบหนังสือส่งๆสามสี่เล่มก่อนที่จะเดินไปหาร่างบางที่ยังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่จนเขาวางหนังสือแล้วก็ยังไม่รู้สึกตัว กวินเลยเคาะนิ้วลงบนเคาน์เตอร์สองสามทีก็ได้ผล ร่างขาวสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมอง มือเรียวขยับแว่นขึ้นอย่างตกใจ เปิดโอกาสให้กวินสำรวจใบหน้าขาวชัดๆ ดวงตากลมใต้แว่นหนาที่บังไปซะครึ่งหน้า ไหนจะเรียวปากบางชมพูระเรือที่อ้าปากค้างน้อยๆ จนแก้มขาวเริ่มแดงระเรื่อกวินก็รู้ว่าตัวเอง “เผลอ” จ้องนานไป

   “ยืมครับ”

   “อ้อ ครับ เอ๋ พี่เชษฐ์ไม่มาเหรอครับ” คิ้วหนากระตุกน้อยๆเมื่อทันทีแสกนบัตรคนตัวขาวถามหาเจ้าของบัตร

   “อยู่ข้างนอก” และก็เงียบพร้อมกับเสียงติ๊ดๆ ก่อนที่กล้าจะส่งหนังสือคืนให้

   “คืนวันศุกร์หน้านะครับ” กวินมองหน้าคนที่พยายามก้มหน้าก้มตาแวบหนึ่งแล้วค่อยหอบเอาหนังสือที่คนตัวโตคงรู้ดีว่าไม่มีทางอ่านแน่ๆ

   กวินเดินออกมาด้านนอกซึ่งเจ้าเชษฐ์รออยู่แล้ว พอเห็นนายออกมาก็รีบเปิดประตูรถให้ กวินขึ้นรถวางหนังสือที่หยิบมั่วๆวางอยู่ข้างกาย มือขยับรูดไทลงปลดกระดุมเม็ดบนนั่งมองหนังสือสี่เล่มไม่พูดอะไร 

   เชษฐ์เหลือบมองกระจกเห็นนายนั่งมองหนังสือนิ่งๆและที่แปลกใจที่สุดคือรอยยิ้มบางๆนั่น นี่คงเป็นครั้งแรกที่เจ้านายของเขาอารมณ์ดี

   “เจ้านายจะไปไหนต่อไหมครับ”

   “กลับบ้าน” เชษฐ์พยักหน้าแล้วหมุนพวงมาลัยตรงกลับบ้านเจ้านาย จนรถจอดหน้าบ้านหลังใหญ่แต่มีเพียงความเงียบเหงาในบ้าน กวินเดินถือหนังสือเข้าบ้านตอนนี้แม่บ้านก็แยกย้ายไปพักผ่อน ไอ้เชษฐ์บ้านก็อยู่ในรั้วเดียวกันเพราะเขาและมันโตมาด้วยกัน กวินวางหนังสือไวที่หัวเตียงก่อนที่จะไปอาบน้ำเพื่อเตรียมพักผ่อน จริงๆแล้ววันนี้เขาต้องไปงานต่อแต่หากได้ยินลูกน้องตัวดีที่ทำเกินหน้าที่ เรียกน้องอย่างนั้นน้องอย่างนี้อยู่ได้ มันน่ารำคาญจริงๆ
   กวินเอนตัวนอนเหลือบมองหนังสือนิ่งแล้วยกลงมาไว้บนเตียงก่อนที่จะหลับไป นี่คงเป็นคืนที่เขาหลับได้สนิท

   “กล้า พี่ชายคนใหม่นายไปไหน” กล้าได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้

   “หายไปจะอาทิตย์หนึ่งแล้ว” เขานับวันหลังจากวันล่าสุดที่เอาเค้กมาให้และมีเพื่อนพี่เชษฐ์มายืมหนังสือพี่เชษฐ์ก็หายไป  ขนมหวานของเขาก็หายไปด้วย

   “เหงาล่ะสิ” ผมพยักหน้า ยอมรับว่าพี่เชษฐ์เป็นคนที่สี่ที่เข้ามาในชีวิตและเขาเองก็เปิดรับ พี่เชษฐ์เป็นพี่ชายที่เขาไม่เคยมี

   “ก็นิดหน่อย เอมวันนี้กลับบ้านเร็วนิน่า” วันนี้เอมต้องไปบ้านคุณป้าเพื่อคุยเรื่องสั่งซื้อหนังสือใหม่

   “ใช่แล้วจ๊ะ ชวนไปก็ไม่ไปด้วย”

   “ไม่ล่ะเรายังอ่านหนังสือเล่มใหม่ไม่จบเลย อ้อนี่นะหนังสือที่เราลิสไว้ให้” ส่งกระดาษที่เขาจดรายชื้อหนังสือที่จะซื้อเข้ามาใหม่ 

   “งั้นเราไปก่อนนะ ถ้าไม่มีคนก็ปิดก่อนเวลาได้เลยนะ” ผมยิ้มให้เอม รู้ทั้งรู้ว่าผมไม่ทำ โบกมือลาชะเอมกลับมานั่งเฝ้าเคาน์เตอร์เพราะอยู่คนเดียวเลยต้องมีสติในการทำงานนิดหน่อย ใกล้ได้เวลาปิดห้องสมุดแล้วกล้าทยอยเก็บของเพราะวันนี้เขาจะเอาหนังสือกลับไปซ่อม

   ครืด

   เสียงประตูเลื่อนเรียกความสนใจของกล้าดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใส่สูทที่ดูเท่และน่าอิจฉามากในความคิดของกล้า เพื่อนของพี่เชษฐ์

   ตุบ

   “คืน”

   “อ้อครับ” กล้ารีบวางหนังสือแล้วไปทำเรื่องคืนให้คนตัวโต ส่วนคนที่เอาหนังสือมาคืนหมุนตัวไปตรงชั้นหนังสือเพื่อเลือกหนังสือ กล้าไม่รู้ตัวว่าเผลอมองคนที่เดินเลือกหนังสือ รู้ตัวอีกทีก็เผลอมองคนจำหน้าคนๆนี้ได้อย่างขึ้นใจ พอรู้สึกตัวอีกทีก็เผลอสบตากับสายตาคมที่หันมามองพอดี  ไม่สิคงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง ฟู่ว เผลอถอนหายใจยาว ยกมือทาบอกส่ายหน้าไล่ความคิดบ้าๆของตัวเอง โดยไม่รู้ว่าท่าทางน่ารักๆนั่นถูกมองอยู่โดยสายตาคมที่แอบมองอยู่

   “อันนี้คืนวันศุกร์เหมือนเดิมนะครับ” กล้าอยากจะถามหาพี่ชายคนใหม่ตัวเองแต่แค่จะเงยหน้ามองเขายังรู้สึกใจสั่นแบบแปลกๆเลย เลยได้แต่นั่งมือไม้สั่นจนเพื่อนพี่เชษฐ์เดินออกไป

   เฮ้อ.....

   ทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆแบบนี้นะ คราวหน้าหวังว่าพี่เชษฐ์จะมานะ
   
   หลังจากวันนั้นพี่เชษฐ์ก็หายไปจนผ่านมาจะสองเดือนกว่าแล้วจะมีเปลี่ยนไปก็เพียงคนๆนั้นที่มายืมหนังสือทุกวันศุกร์เป็นเวลา 30 นาที และเป็นเวลาที่ผมเกิดอาการแปลกๆมือไม้สั่นตลอดเวลาที่คนๆนั้นอยู่ในห้องสมุด จนชะเอมสังเกตเห็นพยายามผลักดันให้ผมกล้าคุยมากกว่าการแจ้งเวลาคืนหนังสือ

   “ถามเรื่องพี่เชษฐ์ก็ได้น่า” นั่นสิ

   “อือ จะลองดูนะ” ผมรอจนกระทั่งถึงวันศุกร์และเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างผมเมื่อชะเอมหนีกลับไปทำธุระที่บ้านและคนๆนั้นก็มาในเวลาที่ใกล้จะปิดแล้ว พอวางหนังสือคืนเสร็จก็เดินไปเลือกหนังสือ ทำไมหนังสือเหมือนไม่ได้อ่านเลย ซักพักคนๆนั้นก็เดินกลับมาพร้อมกับหนังสือ ที่เอ่อ ไม่เข้ากับคนที่ถือมาซะเลย หลังจากแจ้งกำหนดคืน เพื่อนพี่เชษฐ์ก็เดินเตรียมจะออกไปแล้ว จะไปแล้วนะกล้า ผมสูดหายใจลึกๆเพื่อเรียกความกล้า

   “ดะ......เดี๋ยวครับ” กล้ารีบเรียกคนที่กำลังจะเดินออกประตูไป คนตัวโตหยุดยืนนิ่งรอคนที่เรียกหยุดพูด

   “เอ่อ...อยากจะถามว่าพี่เชษฐ์หายไปไหนครับ” นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้คุยกับคนที่แอบมองตลอดสองเดือนนอกจากคำพูดที่พูดประจำ

   “ทำไมเหรอ”

   “พี่เชษฐ์ไม่มานานแล้วนะครับ” ยิ่งพูดเสียงยิ่งเบาลงเรื่อยๆ เมื่อคนที่จะกลับเดินเข้ามาใกล้

   “ทำไม”

   “เอ่อ...”เหมือนคำพูดจะหายไป กล้ายกมือดันแว่นเพราะรู้สึกประหม่าเมื่อเพื่อนพี่เชษฐ์เดินเข้ามาใกล้ จนเขาพูดอะไรไม่ออก  ฮือออออย่าเข้ามาใกล้นักสิ

   “ว่าไง”

   “ก็ไม่เจอนาน ผม...คิดถึง” ยิ่งพูดเสียงยิ่งเบาลง ทำไมรู้สึกกดดันแบบนี้ล่ะ ยิ่งประหม่าผมยิ่งไม่รู้ว่าจะทำอะไรมือไม้รู้สึกเก้งก้างจนได้แต่บีบไว้แน่น

   “อืม งั้นปิดห้องสมุด” ถ้อยคำสั้นๆ แต่เรียกความงงให้กับผมเต็มที่ พูดจบเพื่อนพี่เชษฐ์ก็เดินออกไป เอ...หมายความว่ายังไงอ่ะ   เหลือบมองนาฬิกาก็เห็นว่ามันเลยเวลาแล้วผมเลยรีบหอบเอาของใส่กระเปาเป้ใบใหญ่รีบปิดไฟเช็คทั้งหมดเรียบร้อยก็รีบปิดล็อกประตูด้านหน้า

   “เหวอ..” ผมตกใจแทบตายเมื่อหันกลับมาเพื่อนพี่เชษฐ์ก็มาอยู่ข้างหลัง ทำไมมาเงียบๆแบบนี้ มือขาวรีบยกมือทาบอกอย่างที่ชอบทำเวลาตกใจ

   “หึๆ มาสิ” ผมผงะเมื่อเพื่อนพี่เชษฐ์ขยับเข้ามาจับต้นแขน เดี๋ยวสิ

   “ปล่อยนะครับ” ผมพยายามที่จะแกะมือใหญ่ที่กำรอบแขนแน่นจนรู้สึกเจ็บ ดึงผมไปที่รถคันสีดำแถมยังติดฟิล์มดำสนิท พอถึงรถเพื่อนพี่เชษฐ์ก็เปิดประตูดันหลังให้ผมเข้าไปในรถ

   “ดะ...เดี๋ยวสิจะพาผมไปไหน” เขาพยายามยื้อประตูรถไว้ ฮือออ ผมแค่ถามหาพี่เชษฐ์เองนะ

   “ขึ้นรถ” เสียงทุ้มพร้อมกับการขยับเข้ามาใกล้ จ..จะชิดเกินไปแล้วยิ่งผมช้าเพื่อนพี่เชษฐ์ยิ่งขยับเข้ามาใกล้จนผมกระโดดขึ้นทันทีพร้อมกับยกเป้มากอดแน่นพร้อมกับขยับชิดประตูรถอีกฝั่งหนึ่ง เมื่อเพื่อนพี่เชษฐ์ขึ้นรถมา

   “สวัสดีน้องกล้า” เสียงคุ้นหูมาจากที่นั่งคนขับ

   “พี่เชษฐ์!!!” ผมเรียกพี่ชายพร้อมกับยิ้มกว้างจนลืมคนที่นั่งข้างๆ

   “ครับพี่เอง” พี่เชษฐ์ตอบกลับขณะที่จะออกรถ

   “พี่หายไปไหนมาครับตั้งสองเดือน” และผมก็ลืมคนที่นั่งข้างๆไปเรียบร้อยขยับเข้าไปใกล้เบาะหน้า

   “แหะๆ พี่ทำงานนะครับ ทำไมคิดถึงพี่เหรอ” น้ำเสียงติดจะร่าเริงของพี่เชษฐ์

   “อือ คิดถึงพี่”

   กร๊อบ

   เสียงคนข้างๆหักข้อนิ้วทำให้ทั้งผมกับพี่เชษฐ์เงียบไป เอ่อ ลืมไปเลย เมื่อนึกได้ผมก็ขยับกลับมานั่งที่เดิมทำตัวลีบๆเข้าไว้ พยายามไม่สนใจสายตาที่มองมา

   “นายครับจะให้ไปส่งกล้าก่อนไหมครับ”

   “อืม” และคราวนี้ทั้งรถก็เงียบผมไม่กล้าที่จะชวนพี่เชษฐ์คุยอีกลเย คนที่ผมเข้าใจว่าเพื่อนกลับเป็นเจ้านายของพี่เชษฐ์แถมยังเป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกปั่นป่วนมานั่งข้างๆ ทำไมใจผมถึงเต้นแรงแบบนี้นะ ทั้งรถเงียบจนกระทั่งมาถึงหน้าบ้าน

   เอ่อ

   “ขอบคุณครับพี่เชษฐ์ เอ่ ขอบคุณนะครับ” ยกมือไหว้พี่เชษฐ์แล้วก็คนข้างๆ ที่ผงกหัวยิ้มรับบางๆ แต่พอผมลงจากรถมายืนหน้าประตูรั้วที่ดูไม่น่าจะเป็นรั้ว เพื่อน ไม่สิ เจ้านายของพี่เชษฐ์ก็ลงมายืนข้างๆ

   “เอ่อ มีอะไรรึเปล่าครับ” กล้าขยับถอยเข้าไปชิดประตูรั้ว

   “พี่ชื่อกวิน แล้วไม่คิดจะชวนเข้าไปกินน้ำหน่อยเหรอ” กวินมองคนตัวเล็กที่กอดกระเป๋าเอียงคอมองหน้าท่าทางน่ารักเป็นธรรมชาตินั้นทำให้เขามองไม่รู้เบือ

   “พี่ขอเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหมน้องกล้า” ฝ่ายเชษฐ์เมื่อเห็นทั้งเจ้านายยืนนิ่งส่วนน้องชายเขาก็ยืนงง เห็นทีคนดีอย่างไอ้เชษฐ์ต้องช่วยเหลือนิดหน่อย น้องกล้าหันหน้ามามอง คิ้วเรียวขมวดนิดหน่อยก่อนที่จะไขประตูรั้วผุพังเข้าไปด้านในแม้ว่าภายนอกจะดูทรุดโทรมแต่สวนในตัวบ้านนั้นก็ไม่ได้ดูรกกลับกันมีกลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธ์

   “อ่า บ้านรกหน่อยนะครับ” กล้าพูดเสียงเบาก่อนที่จะไขกุญแจบ้าน เพราะบ้านเขาไม่ได้จัดมาสองวันแล้วแถมปกติก็ไม่มีแขกขนาดชะเอมยังนับครั้งที่ได้เข้าบ้านเขาเลย มือขาวค่อยๆเปิดประตูไม้บานเก่าแล้วเชิญแขกฉุกเฉินเข้าบ้าน

   “ห้องน้ำเดินตรงไปทางนั้นอยู่ขวามือนะครับ” กับพี่เชษฐ์เขาสามารถพูดได้ตามปกติแต่กลับใครอีกคน เขากลับหมุนตัวเดินหนีไปที่ห้องครัวเพื่อหาน้ำมาให้



   กวินมองรอบๆ มันไม่ได้ดูรกอะไรเพียงแต่มันมีหนังสือในจำนวนที่......เรียกว่ามาก บ้านหลังนี้เหมือนเป็นห้องสมุดเล็กๆด้วยซ้ำ ทั่วทั้งห้องเล็กๆด้านล่างนี่มีเพียงโซฟานุ่มกับโต๊ะเล็กๆที่ตอนนี้เต็มไปด้วยหนังสือ คงเป็นคนที่ชอบอ่านจริงๆสินะ กวินนั่งลงตรงโซฟาพร้อมกับร่างเล็กที่ถือแก้วน้ำมาให้พร้อมกับนั่งลงตรงพื้นด้านล่างตรงข้ามกับโซฟา

   “เอ่อ...น้ำครับ” พอกับเขาล่ะไม่กล้าสบตา ทีกับไอ้เชษฐ์เดี๋ยวก็พี่แถมยังคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติ

   “จำฉันได้ไหมนอกจากเจอกันที่ห้องสมุด” พอถามไป เด็กนี่ก็เงยหน้ามองผมแล้วเอียงคอคิด เหมือนจะดูตกอยู่ในความคิดของตัวเองเมื่อทาทางคิดว่าเคยเห็นเขาตอนไหน

   “อ่าเคยเจอกันด้วยเหรอครับ” ไอ้ท่าทางที่ไม่กล้ามองหน้าพร้อมกับพูดเสียงเบามือดันแว่นหนาๆที่น่าจะจับโยนทิ้ง ท่าทางแบบนี้ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงหงุดหงิด แต่ทำไมพอเป็นเด็กคนนี้เขากลับมองว่ามันก็น่ารักดี

   “งั้นนายก็ไม่รู้จักฉัน” ก็คงไม่แปลกเพราะท่าทางคงจะจมอยู่กับหนังสือ ขนาดทีวีในห้องยังไม่มีเลย ถึงจะแปลกใจที่มีแค่คนตัวบางอยู่คนเดียว

   “เอ๋....คำถามนี้ คุณในตรอก??”

   “อืม ใช่”  นี่ไม่คิดที่จะจำเขาได้เลยเหรอ

   “แผล.......แผลตอนนั้นไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมครับ” ใบหน้าใต้แว่นใหญ่ยอมที่จะเงยหน้ามามองผมสายตาที่ทอดผ่านฉายแวเป็นห่วงทำให้หัวใจของเขารู้สึกอุ่นขึ้นมาแปลกๆ

   “อืมดีขึ้นแล้วล่ะ” เพียงนั่งมองหน้าคนที่หันซ้ายหันขวาเหมือนอึดอัดที่นั่งเงียบๆด้วยกัน เชษฐ์มันคงไม่ออกมาจากห้องน้ำง่ายๆหรอกนะ

   “ชอบอ่านหนังสือมากเลยนะ” ผมชวนคุย

   “ใช่ครับ ทั้งชีวิตผมมีแค่หนังสือนี่ล่ะครับ” คำพูดแปลกๆชวนสะกิดใจแต่ผมก็เลือกที่จะชี้ถามเรื่องหนังสือและก็เป็นผลเมื่อกล้าเริ่มคุยอย่างสนุกสนาน ถามว่าผมจำเรื่องหนังสือที่กล้าเล่าได้ไหมบอกเลยว่าไม่ เพียงแต่มองสีหน้าสนุกเหมือนเด็กกำลังอวดของเล่นทำให้ผมเลือกที่จะเงียบฟัง ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่เรื่องจนเชษฐ์เดินออกมาจากห้องน้ำ (นึกว่าตกส้วมตายไปแล้ว) ผมก็รู้เลยว่าได้เวลาที่ผมต้องกลับแล้ว

   “งั้นพี่กลับล่ะ” ผมบอกกับกล้าที่ทำตาปริบๆมือดันแว่นเรียวปากสวยยิ้มบางๆแล้วลุกขึ้นไปส่งพวกผมที่หน้าบ้านพอร่างบางล็อกประตูรั้วแล้วเดินกลับเข้าบ้านผมถึงสั่งให้เชษฐ์ออกรถ

   “นายคิดยังไงกันแน่ครับ” เชษฐ์ถามนายตัวเองเมื่อขับออกมาได้ซักพัก

   “เปล่านิ”

   “ถ้าเปล่าพรุ่งนี้ผมไปหาน้องนะครับ” เชษฐ์ยิ้มอย่างดีใจไม่ได้คุยกับน้องชายเลยนับตั้งแต่นายห้าม

   “ว่างสินะ งั้นแกไปดูงานที่เปิดใหม่ที่ชลนะ” เชษฐ์ได้แต่อ้าปากค้างอารมณ์ช็อคค้างขับรถกลับมาส่งนายถึงบ้านได้ยังไงก็ไม่ทราบได้

   นาย!!!!!!!!!!!

   อย่างนี้เค้าเรียกหวงก้างนะเว้ยนาย อยากจะตะคอกว่าแบบนั้นเหมือนกัน แต่นั่นเจ้านายไง

   แล้วก็ตอบเขาว่าเปล่า คอยดูเถอะ จะได้ตามติดชีวิตน้องกล้าผู้น่ารักของไอ้เชษฐ์แน่ๆ
*********************************************************
สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะ
เอ...น้องกล้ากับคุณกวินเป็นยังไงบ้างคะ
อ่านแล้วเป็นไงบ้าง
บอกเราด้วยนะ พลีสสส :monkeysad:
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ คุณ Billie คุณ darinsaya
โค้งให้งามๆ
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่ 3 14/2/2561
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 14-02-2018 18:00:07
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่ 3 14/2/2561
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-02-2018 18:35:12
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่ 3 14/2/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-02-2018 19:09:59
สุขสันต์วันวาเลนไทน์
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่ 4 18/2/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 18-02-2018 19:30:25
       ตุ๊บ
   ถุงพ
ลาสติกถุงใหญ่วางลงบนเคาน์เตอร์เรียกให้คนที่มัวก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าขาวที่มีแว่นปิดเสียครึ่งหน้าฉายแววแปลกใจ เรียวปากบางอ้าน้อยๆตากลมโตใต้แว่นเบิกกว้าง

   “อ่ะ”

   “เอ๋??” เสียงอุทานแปลกใจพร้อมกับหน้าขาวเอียงคอน้อยๆ ท่าทางที่แสดงออกทำให้คนที่แอบอู้งานแอบอมยิ้มในใจแม้ใบหน้าจะเรียบเฉยแต่ถ้าสังเกตเห็นแววตาพราวระยับ มองหน้าคนที่ยังอึ้งจนพอใจแล้วก็หมุนตัวเดินกลับออกจากห้องสมุดไป
 
   “เดี๋ยวนะกล้าเดี๋ยวนี้ก้าวหน้าอะไรแล้วทำไมไม่บอกเอมล่ะ” กล้าที่ยังนั่งอึ้งอยู่สะดุ้งเพราะชะเอมโผล่มากอดแขนเขาแน่นแถมยังเขย่ารัวๆอาการดูตื่นเต้นมาก

   “ปะ..เปล่าซักหน่อย”

   “แว่นน้อยของเอมเริ่มก้าวหน้าแล้วน้า” แก้มขาวๆถูกยืดออกเพราะความเอ็นดูของชะเอม พอปล่อยกล้ายกมือขึ้นนวด ปวดแก้มไปหมดแล้ว

   “ไม่ใช่ซักหน่อยคุณกวินเป็นเจ้านายของพี่เชษฐ์”กล้ารีบอธิบายให้เพื่อนสนิทฟังก่อนที่จะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้

   “จ้าๆ ไหนดูชิมีอะไรบ้าง” ชะเอมชโงกหน้าเข้ามาดูในถุงขนม  พอเห็นข้างในเธอถึงคิดในใจว่าคุณกวินของแว่นน้อยทุ่มทุนจริงๆก็ขนมในถุงถึงจะไม่มีป้ายราคาแต่เธอก็จำแบรนด์ได้ แต่อย่างกล้าหรือจะรู้ ดูสิ นั่งอมยิ้มแก้มแดงมองขนนในถุง ทำไมถึงได้น่ารักอย่างนี้นะเพื่อนรักของเธอ

   “เอาเข้าไปกินด้านหลังเธอจ๊ะแว่นน้อยแล้วนั่นแก้มแดงเชียวน้า” อดไม่ได้ที่จะแซ็วแว่นน้อยที่พอแซ็วแล้วยิ่งแก้มแดงกว่าเดิมซะอีก

   “อือ ขอบคุณนะเอม” กล้ารีบหอบถุงขนมเดินเข้าไปห้องพัก  ทันทีที่กล้าหายเข้าไปในห้องชะเอมก็ถอนหายใจ เพื่อนตัวน้อยใส่แว่นตาแถมยังซื่อแสนซื่อตากลมเหมือนหนูแฮมเตอร์จะสู้อะไรกับคุณกวิน   นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงกับแฮมเตอร์คิดว่าใครจะชนะกันล่ะ 

   คนที่หอบถุงขนมที่ไม่ได้กินมานานร่วมสองเดือน กล้ารีบหยิบเอาขนมออกจากถุงรู้สึกว่าจะมีแต่เค้กและคัพเค้กหน้าตาน่ารักจนอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้เพียงแต่ที่กล้ามีมันยังเป็นหน้าจอขาวดำอยู่เลย

   “คุณกวินซื้อมาหรือพี่เชษฐ์ซื้อมาให้กันนะ”ไม่รู้ทำไมพอคิดว่าคุณกวินเป็นคนซื้อมาให้แล้วใจเขาเต้นรัวเหมือนได้หนังสือเล่มใหม่กันล่ะ มือเรียวยกขึ้นทาบตรงตำแหน่งที่หัวใจเต้นรัว นี่เขาต้องไปหาหมอไหม  กล้ากินขนมหวานที่คุณกวินจนหมด

   “กล้าวันศุกร์นี้เราไม่ได้มานะ” ชะเอมพูดเสียงอ่อย เธออยากอยู่ช่วยเพื่อนแต่ที่บ้านก็อยากให้เธอไปเรียนรู้ธุรกิจของครอบครัว

   “อือไม่เป็นไร ที่บ้านยุ่งเหรอ” กล้าถามเพราะเป็นห่วง รู้ดีว่าชะเอมกับที่บ้านมีปัญหาที่ชะเอมไม่ยอมไปรับหน้าที่ต่อที่ธุรกิจที่บ้าน

   “ช่ายยย เอมอยากอยู่นี่มากกว่า อยู่บริษัทนะน่าเบื่อ” ขะเอมเอียงหัวไปซบไหล่กล้าอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะสุดท้ายเธอก็ต้องไปรับช่วงต่ออยู่ดี เธอบ่ายเบี่ยงมานานแล้ว

   “เราว่าเอมขี้เกียจมากกว่านะ”

   “แว่นน้อย!! กล้าว่าเราเหรอ”

   “โอ๊ยๆ เจ็บน้าเอม” กล้ารีบยกมือนวดแก้มเมื่อชะเอมบีบมาเต็มแรง ทำไมถึงได้ชอบบีบแก้มเขาจัง

   “หึ ใช่สิ ตอนนี้กล้ามีพี่เชษฐ์พี่ชายสุดที่รักแถมยังมี คุณก....อุ๊ฟ”

   “อย่าพูดนะเอม” กล้ารีบยกมือปิดปากสวยๆของเพื่อนไว้ แค่ได้ยินชื่อใจเขาก็เต้นรัวแล้ว ชะเอมมองล้อๆ กล้ารีบเอามือลงหันไปหยิบหนังสือมาอ่านทั้งๆที่มันไม่เข้าหัวเลยซักนิด ยังดีที่ชะเอมไม่ได้พูดแซ็วอะไรให้เขารู้สึกแปลกๆอีก 

   วันต่อๆมา คุณกวินก็เดินเข้ามาในห้องสมุดวางถุงขนมไม่พูดอะไรแล้วก็เดินออกไปยังไม่ทันที่จะได้ขอบคุณด้วยซ้ำ กล้าแอบอมยิ้มเมื่อได้เห็นคนที่เคยแอบมองทุกวันไม่ใช่เพียงแค่ 30 นาทีในวันศุกร์อีกต่อไป แย่หน่อยก็ตรงที่ความรู้สึกแปลกๆมันเพิ่มขึ้นทุกวัน จนวันศุกร์วันนี้มีเพียงคนตัวขาวอยู่คนเดียวแต่แปลกเมื่อวันนี้ไม่เห็นคุณกวิน

   “หรือวันนี้ไม่มาน้า” กล้าบ่นกับตัวเองเมื่อได้เวลาปิดห้องสมุดยังคนที่รอก็ยังไม่มา เห็นทีวันนี้คงไม่ได้ทั้งขนมและไม่ได้เจอหน้า ก่อนหน้านี้รอคอยเพียงวันศุกร์แต่พอได้มาเจอทุกวันพอไม่เจอกลับรู้สึกไม่พอใจ ทำไมเป็นคนโลภมากอย่างนี้นะ กล้าได้ว่าตัวเองในใจก่อนที่รีบปิดห้องสมุดเพราะมัวแต่คิดไปเรื่อยจนเลยเวลา

   “อ๊ะ” กล้าอุทานตกใจเมื่อปิดร้านเสร็จเดินออกมาก็เห็นคนที่รอยืนกอดอกพิงรถด้วยท่วงท่าสบาย แต่ทำไมพอกล้าเห็นท่าทางแบบนี้แล้วกลับรู้สึกร้อนที่หน้า

   “เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ไม่รู้ว่าคุณกวินถามที่ว่าเรียบร้อยคืออะไรแต่กล้าก็พยักหน้างงๆแล้วก็ต้องผงะเมื่อกวินเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับเอื้อมมือมาแย่งเอาของที่หอบอยู่ไปถือให้

   “เอ๋..เดี๋ยวสิครับ”กล้ารีบเดินตามคุณกวินที่พอแย่งของไปถือก็เดินลิ่วไปที่รถแล้วก็โยนของเขาเข้าไปในรถ

   “ขึ้นสิ” กวินเปิดประตูแถมยังยืนรอให้กล้าขึ้นรถ

   “จะไปส่งผมเหรอครับ”

   “ใช่ขึ้นรถสิ” ถึงจะแปลกใจแต่กล้าก็ก้าวขึ้นรถกวินปิดประตูรถแล้วเดินมาขึ้นรถ พอกวินขึ้นรถมากล้ายิ่งรู้สึกเกร็งหนักขึ้นนั่งตัวลีบติดเบาะ ขนาดหายใจยังทำเบาๆเลย

   “เกร็งเหรอ”   

   “เอ่อครับ” เพราะเป็นคนที่โกหกไม่เป็นเมื่อถูกถามกล้าก็ตอบไปตามตรง และคำตอบซื่อๆก็ทำให้ใบหน้าเข้มมีรอยยิ้มมุมปาก และก็เงียบมาตลอดทางจนถึงบ้านของกล้า เมื่อรถจอดสนิทกล้าปลดเข็มขัดแต่ก็ลงไม่ได้เมื่ออีกคนยังไม่ได้ปลดล็อกประตู

   “ขอบคุณนะครับคุณกวิน” กล้ายกมือไหว้ขอบคุณ

   “ไม่เป็นไร พี่ลืมถามกล้ากินอะไรหรือยัง”

   “ยังครับ”

   “ถ้างั้น.....กล้าไปทานข้าวเป็นเพื่อนพี่หน่อยได้ไหมครับ” ฮืออออ ทำไมต้องยื่นหน้ามาใกล้ขนาดนี้ด้วยล่ะ  กล้าขยับตัวชิดประตูรถ

   “แต่ถึงบ้านผมแล้วนะครับ” กล้าก้มหน้าหลบสายตาคมที่ทำให้ใจเขาเต้นหนัก นี่เขาเป็นโรคหัวใจหรือเปล่าเนี้ย

   “ไปได้ครับ เดี๋ยวพี่กลับมาส่ง ไปทานข้าวกับพี่หน่อย...นะครับ”  แย่แล้ว ตอนนี้หัวใจของเขาแย่จริงๆเต้นรัวยิ่งกว่าตอนได้หนังสือที่อยากได้ซะอีก เต้นรัวจนต้องยกมือขึ้นมาทาบไว้กลัวว่ามันจะเต้นทะลุออกมานอกอก

   “กะ..ก็ได้ครับ” กล้ารีบตอบรับเพราะรับมือกับคนตรงหน้าไม่ถูก

   “ดีมากเด็กดี” มือใหญ่ยกมือขึ้นลูบผมนิ่มอย่างที่คิดไว้ ก่อนที่จะหันไปขับรถปล่อยให้คนที่โดนรุกได้หายใจหายคอเสียบ้าง
   กล้ายกมือขึ้นลูบผมใบหน้าก้มตำจนจะชิดอกในหูมีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นดังก้องคิ้วเรียวขมวดอย่างไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเอง แถมอาการร้อนที่หน้าอีกกล้ายกมือกุมแก้มตัวเองไว้แถมยังส่ายหน้าเบาๆ ท่าทางน่ารักๆถูกมองตลอดโดยคนที่ทำเนียนชวนมากินข้าว

   รถหรูสีดำจอดที่ร้านอาหารที่บรรยากาศอบอุ่นที่ดูเหมือนว่ากล้าจะชอบกับบรรยากาศแบบนี้เมื่อลงมายืนข้างๆรถ ตากลมใต้แว่นมองไปทั่วบริเวณ น้อยครั้งที่กล้าจะออกมาข้างนอกถ้าหากไม่โดนชะเอมลากออกมา

   “เข้าไปข้างในกันเถอะ” กวินเดินมาหาคนที่ยังมัวแต่มองรอบๆพร้อมกับมือใหญ่ที่แนบหลังบาง แต่คนที่มัวสนใจสถานที่ไม่ได้สนใจเลยว่าโดนร่าสูงแอบแตะตัวเนียนๆ

   “สวัสดีครับ ได้จองโต๊ะไว้หรือเปล่าครับ” พนักงานรีบเดินมาต้อนรับ

   “จองไว้ ชื่อกวิน” พอได้ยินชื่อของคนตรงหน้าพนักงานรีบเชิญไปที่โต๊ะวีไอพีเพราะเจ้านายได้กำชับเกี่ยวกับลูกค้าวีไอพีท่านนี้ กวินแตะเอวพาคนที่มัวสนใจร้านให้เดินตามไปที่จองไว้ โต๊ะส่วนตัวที่ถูกจัดไว้ที่สวนที่ร้านทั้งสวนถูกตกแต่งด้วยไฟสีส้มให้บรรยากาศดูอบอุ่น กวินหันมามองคนที่มัวแต่ตกหลุมรักบรรยากาศตากลมโตมองรอบๆอย่างสนใจ อยากจะปล่อยให้มองต่ออยู่หรอกนะเพราะท่าทางมีความสุขแต่ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่ได้กินข้าวกันพอดี กวินเลื่อนเก้าอี้แล้วดันหลังน้องให้นั่งลง

   “ชอบรึเปล่า” กวินถาม

   “ครับชอบมาก” เหมือนจะชอบมากจริงๆในเมื่อใบหน้าขาวประดับด้วยรอยยิ้มกว้างที่มอบให้ กวินมองรอยยิ้มกว้างนั่นด้วยใจที่เต้นแรง คิดถูกที่โทรหาเพื่อนสนิทให้จัดโต๊ะพิเศษให้ นั่งรอไม่นานอาหารที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟ พอเห็นอาหารเต็มโต๊ะ รอยยิ้มหวานก็มีให้เห็นตลอด

   “น่าทานจัง” ท่าทางเหมือนเด็กๆ ดวงตากลมใต้แว่นมีประกายระยิบระยับ

   “ทานสิ” กวินว่าพร้อมกับตักเนื้อกุ้งใส่จาน

   “ขอบคุณครับ” มองดูกล้าที่เอ่ยคำขอบคุณโดยไม่สบตา เห็นเพียงปลายหูที่แดงระเรื่อนั่นกวินก็ยิ้มพอใจ

   เพราะบรรยากาศดีๆกับอาหารอร่อยทำให้กล้าคุยกับกวินอย่างไม่เขินอายแถมยังโปรยยิ้มกว้างให้คนพามาอิ่มรอยยิ้มหวานไปนานแน่ๆ หลังจากที่อิ่มกันเรียบร้อยกวินก็เดินโอบเอวบางเดินออกจากร้านท่ามกลางสายตาสงสัยของสาวๆที่รู้จักกับกวิน นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่ได้รับตำแหน่งผู้ชายสุดฮอตอันดับหนึ่งในแวดวงธุรกิจ ท่ามกลางสายตาสงสัยและอิจฉาของสาวๆหนุ่มๆ สองคนที่ถูกจับจ้องกลับมีแต่รอยยิ้ม


   ชะเอมได้แต่จ้องซ้าย จ้องขวา เอียงหนังสือพิมพ์ซ้ายเอียงขวา แทบจะตีลังกาดูเมื่อข่าวซุบซิบวงการธุรกิจภาพถ่ายด้านหลังของคนคู่หนึ่ง ผู้ชายตัวสูงเธอไม่แปลกใจเพราะเสี้ยวหน้าครึ่งหนึ่งที่เห็นนั้นเธอฟันธงได้เลยว่าเป็นคุณกวิน แต่ผู้ชายตัวเล็กที่มองไม่เห็นหน้าเธอคุ้นตาเหลือเกิน แว่นน้อย!! แว่นน้อยของเธอ ตายแล้วววว ชะเอมได้แต่กรีดร้องในใจ แว่นน้อยเธอโดนล่อลวง!!

   “กล้า!!!” ชะเอมที่ถือนิตยสารก้าวฉับๆพร้อมกับเรียกกล้าเสียงดัง

   “ชู่วว”กล้ารีบห้ามเพราะมันเสียงดังเกินไปในห้องสมุด สาวสวยรีบยกมือไหว้ขอโทษคนที่อยู่ในห้องสมุดแล้วขยับเดินเข้ามานั่งชิด

   “กล้าบอกเรามาเลยนะ นี่แอบไปกินข้าวกับคุณกวินตอนไหน”

   “เอมรู้ได้ไงอ่ะ” กล้าตาโต เพื่อนสนิทเธอรู้ได้ยังไง

   “นี่ไง” เอมรีบเปิดหน้าข่าวซุบซิบให้กล้าดู ที่พออ่านไปเรื่อยๆตาโตเป็นปลาทองหน้าแดงไปหมด

   “ปะ..เป็นข่าวได้ยังไงกัน”

   “เพราะคุณกวินของกล้าไง” เอมได้แต่ส่ายหัวเพราะกล้าคงไม่รู้หรอกว่าคุณกวินนั่นนะดังแค่ไหน

   “ของเราอะไรกันล่ะเอม” กล้าตาโต คุณกวินไม่ใช่ของเขาซักหน่อย

   “จ้าๆ ทำหน้าตาน่ารักอีกแล้วนะ คุณกวินของกล้านะ....” ชะเอมที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาจะร่ายประวัติให้กล้าฟังต้องหยุดชะงักเมื่อกล้ายกมือปิดหู

   “เราอยาก..รู้จักแค่คุณกวินที่เป็นเจ้านายพี่เชษฐ์แค่นั้น”กล้าไม่อยากรู้จักคุณกวินในส่วนอื่นๆเป็นแค่คุณกวินเจ้านายของพี่เชษฐ์แค่นั้น ยิ่งพูดกล้ายิ่งก้มหน้าลงเพราะรู้สึกเขิน

   “จ้าๆ” ชะเอมอยากจะล้อต่อแต่กลัวว่าเพื่อนเธอจะม้วนลงไปกองกับพื้นไปเสียก่อน

   หลังจากนั้นกล้าก็ตั้งหน้าตั้งอ่านคอลัมน์นั้น ยิ่งอ่านผิวขาวๆเริ่มเปลี่ยนสีแดงขึ้นๆจนคิดว่ามีใครมาสาดสีใส่ ก็จะไม่ให้หน้าแดงได้ยังไงก็ในเมื่อพาดหัวก็บอกว่าคุณกวินเปิดตัวหวานใจ ยิ่งดูภาพประกอบแล้วกล้ารู้สึกเหมือนตัวเองจะละลายได้แต่ฟุบหน้าลงกับเคาน์เตอร์

   “เป็นอะไรรึเปล่า”

   “ค..คุณกวิน” กวินแปลกใจเมื่อใบหน้าที่เงยขึ้นมาแดงระเรื่อ

   “เป็นอะไรหรือเปล่า หรือไม่สบาย” มือใหญ่เอื้อมมาแตะหน้าผากคิ้วหนาขมวดแน่นทำไมถึงหน้าแดงขึ้นกว่าเดิมล่ะ

   “ปะ..เปล่าครับ ทำไมถึงมาช่วงนี้ได้ครับ” กล้าเหลือบมองนาฬิกาเมื่อมันไม่ใช่เวลาปกติ

   “เป็นห่วงพอดีพี่เห็นข่าวแล้ว”

   “ไม่ใช่พี่ต้องการให้เป็นข่าวเหรอคะ” เสียงหวานๆที่ติดจะห้วนๆหน่อยของชะเอมที่เดินออกมาจากห้องพัก กล้าได้แต่มองหน้าทั้งสองคนสลับไปมาเมื่อทั้งคุณกวินและชะเอมต่างจ้องหน้ากันนิ่ง

   “สวัสดีชะเอม”

   “ค่ะพี่กวิน”  ทำไมเหมือนเห็นประกายไฟระหว่างสองคนนี้ กล้าได้แต่หันมองคนทั้งคู่ไปมาพร้อมกับคำถามมากมายในหัว สองคนนี้สนิทกันเหรอ??

*************************************************************
อ๋อย หมดพลังงานชีวิตกว่าจะป่ันออกมาตอนนี้
เจ็บคอมากมาย
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์
ขอบคุณ คุณ warin  คุณsirin_chadada
และคุณ Billie ขาประจำ สำหรับคอมเม้นต์นะคะ //โค้งงามๆ
อ่านแล้วเป็นไงบอกด้วยนะคะ
รัก
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่ 4 18/2/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-02-2018 19:19:56
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่ 5 24/2/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 24-02-2018 18:20:43
         กล้ามองหน้าชะเอมที คุณกวินทีทั้งสองคนยังยืนจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร จนชะเอมเดินมานั่งข้างๆพร้อมกับคว้าแขนเขากอดซ้ำยังเอียงหัวซบไหล่อีกต่างหาก

   “พี่กวินมาทำอะไรที่นี่ตอนนี้เหรอคะ” ชะเอมมองคนที่ตอนนี้ยืนพิงเคาน์เตอร์ท่าทางสบายๆ เป็น CEOไม่ใช่เหรอทำไมถึงดูว่างงานอย่างนี้ล่ะ

   “ฉันเป็นห่วงกล้า” หนอยย อย่ามาทำหยอดคำหวานกับแว่นน้อยของเธอนะ

   “ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วค่ะ เอมจะดูแลแว่นน้อยเอง”

   “หึ ตกลงต้องการอะไรกันแน่ชะเอม” น้ำเสียงจริงจังทำให้เธอรู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มที่จะจริงจังแล้ว

   “เอมต่างหากที่ต้องถามพี่กวิน แว่นน้อยปิดหูก่อนเร็ว” เธอปล่อยแขนเรียวนั่นออกแล้วจับมือทั้งสองข้างปิดหูให้เสร็จสรรพ ถึงจะดูงงๆแต่กล้าก็ยอมยกมือปิดหูเธอเลยบีบแก้มที่เริ่มมีหลังจากที่โดนอ่อยด้วยของหวานจนแก้มน่าบีบขึ้นเยอะเลย

   “พี่คิดยังไงกับแว่นน้อยของเอมกันแน่คะ” เธอกอดอกทำท่าจริงจัง

   “แว่นน้อย??” กวินไม่ตอบคำถามแต่กลับยิ้มกว้างกับคำเรียกหาของเพื่อนสนิทแต่เมื่อเห็นสายตาจริงจังของชะเอมเลยเลือกที่จะตอบ

   “ยังไม่ได้คิดอะไร” กวินบอกไปตามตรง ยอมรับว่าตอนนี้เขาเพียงสนใจคนที่ช่วยเหลือเขาโดยบังเอิญแถมยังใสซื่อ  ก็ดูตอนนี้สิยังปิดหูตามที่เพื่อนบอกแถมยังทำหน้างงๆอีก

   “งั้นถ้าเอมบอกไม่ให้พี่มายุ่งกับกล้าล่ะ” เธอไม่เข้าใจคนที่มากด้วยเสน่ห์มายุ่งอะไรกับเพื่อนเธอ ทีแรกที่ไม่พูดเพราะคิดว่ามันคงจะจบตั้งแต่ที่พี่เชษฐ์หายไป

   “เราไม่มีสิทธิมาบอกพี่หรอกนะ” กวินคิดอย่างย่ามใจ กับชะเอมเขาพึ่งได้รู้จักในฐานะคนที่กำลังจะสืบทอดธุรกิจของครอบครัว

   “ใช่ค่ะเอมไม่มีสิทธิที่จะบอกพี่ แต่กับ....” เธอเหลือบมองเพื่อนสนิทแสนชื่อ “พี่กวินคิดว่ากล้าจะเชื่อใคร เอมไม่อยากให้กล้าเสียใจ ตอนนี้กล้าเปิดใจรับทั้งพี่และพี่เชษฐ์แล้วแค่พี่เชษฐ์หายไป กล้าก็หงอยแล้ว” กว่าที่เธอจะเป็นเพื่อนสนิทกับกล้าได้กว่าที่กล้าจะเปิดใจให้เธอคิดว่ามันง่ายหรือไง เธอไม่อยากให้เพื่อนที่แสนดีของเธอเสียใจอีกแล้ว

   กวินนิ่งเงียบเมื่อเห็นสายตาจริงจัง แม้จะบอกว่ายังไม่คิดอะไรแต่ความรู้สึกของเขามันก็มากกว่าคำว่าต้องตอบแทน มากกว่าความสนใจเขาหันไปสบตากับคนที่ยังนั่งปิดหูเอียงหน้ามองเขางงๆ ก่อนที่จะยกยิ้ม เรื่องบางเรื่องไม่ต้องค้นหาแต่ต้องปล่อยให้มันชัดเจน

   “พี่ขอปฏิเสธและพี่ก็ไม่ยอมถอยด้วย” กวินยืนยันกับสิ่งที่ตัวเองพึ่งตัดสินใจ สบตากับชะเอม ยังดีที่ตอนนี้ไม่มีคนเข้ามายืมหนังสือไม่อย่างนั้นเขาคงโดนด่าไปแล้ว
 
   “เอาเถอะเอมก็พอเดาได้” เธอถอนหายใจ ก่อนที่จะหันไปหาเพื่อนที่ตอนนี้ยังปิดหูอยู่เธอเลยดึงมือออก

   “อ่าวเสร็จแล้วเหรอ”

   “จ้า จริงสิกล้าเราลืมบอกว่าจะปิดห้องสมุดสามวันนะ พอดีที่บ้านจะไปทำธุระคุณป้าก็ไปด้วยเลยให้กล้าหยุดพักด้วย” เธอลืมเพราะดันไปเห็นข่าวซุบซิบนี่ก่อน

   “อ่าวเหรอ อืมๆ งั้นเราขอยืมหนังสือเรื่องใหม่กลับบ้านนะ” กล้าทำตาเป็นประกาย หยุดสามวันเท่ากับเขาจะได้อ่านหนังสือที่กองไว้ที่บ้านให้หมดซักที

   “จ้าๆ แต่อย่าย่าอ่านหนังสือจนไม่กินข้าวล่ะ กลับมาถ้าแก้มหายเราจะลงโทษ” ชะเอมอดใจไม่ได้ที่จะดึงแก้มป่องๆนั่นออก

   “อือ สัญญา” กล้ารีบรับคำเมื่อแก้มโดนปล่อยเขายกมือขึ้นนวดแก้มที่แดงเบาๆ

   “แดงหมดแล้ว” กล้าสะดุ้งเมื่อคนที่ยังยืนนิ่งๆเอื้อมมือมาเกลี่ยแก้มเขาเบาๆ ใจดวงน้อยเต้นแรงหน้าร้อนฉ่า

   “โอ๊ยยยร้อนนนน ร้อนจังเลยค่า”เอมทำท่าโบกไม้โบกมือพัดที่หน้า

   “หึ พี่กลับก่อนนะครับ เจอกันตอนเย็นนะ....แว่นน้อย” กวินลูบแก้มนิ่มเบาๆก่อนที่จะผละออกด้วยความเสียดาย  แล้วเดินออกจากห้องสมุด

   “แว่นน้อยของชะเอม หน้าแดงไปหมดแล้ว” เธอดึงตัวกล้ามากอดฟัด

   “คิกๆ จักกะจี้นะเอม”

   “นี่เคยกลับกับพี่กวินแล้วสินะ” ชะเอมถามกล้าที่ยังกุมเอวแน่น กล้าพยักหน้ารับ ชะเอมได้แต่ถอนหายใจพี่กวินเอาจริงสินะ แว่นน้อยของเธอรู้หรือเปล่าว่าโดนจีบอยู่ หันไปมองคนที่หันไปอ่านหนังสือไม่สนใจโลก ชะเอมไม่รู้ว่าจะสงสารคนจีบหรือคนโดนจีบดี



   กล้าวันนี้ก็ปิดห้องสมุดคนเดียวเพราะชะเอมกลับบ้านตั้งแต่ตอนบ่ายแก่ๆแล้ว กล้าหอบลังกระดาษใหญ่ที่บรรจุไปด้วยหนังสือเล่มใหม่ที่สบโอกาสกับวันหยุดกล้าจะได้กลิ้งนอนอ่านหนังสือที่บ้าน

   “เสร็จแล้วใช่ไหม” กวินถามเมื่อเดินมาชิดตัวคนที่ยังก้มปิดประตูเหล็กด้านหน้า ที่พอทักก็สะดุ้งสุดตัวหันมาทำหน้าตาตื่นใส่อีก

   “อ่า...เสร็จแล้วครับ” กล้ารีบบอกพร้อมกับก้มลงจะยกลังหนังสือแต่ก็ช้ากว่าคนที่มารอรับ

   “พี่ถือเอง กล้าเปิดรถให้พี่ที” กวินส่งกุญแจให้คนข้างเร็วๆเพราะลังหนังสือมันหนักจริงๆ  กล้ารีบกดเปิดแล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูให้ กวินเอาลังหนังสือไปเก็บพร้อมกับถามอย่างสงสัย

   “ถ้าปกติเอากลับยังไงครับ” กวินถามพร้อมกับเปิดประตูให้ กล้าทำหน้านึกพร้อมกับเข้าไปนั่ง

   “ค่อยๆถือกลับครับ” กล้าหันไปตอบ ถึงจะหนักหน่อย เดินกลับบ้านถึงช้าหน่อยแต่ก็ถึงบ้านล่ะนะ กวินพยักหน้ารับคงจะค่อยๆแบกกลับบ้านสินะ

   “พรุ่งนี้หยุดกล้าจะทำอะไรเหรอ” กวินหันไปถามทั้งๆที่เดาคำตอบได้แล้ว

   “อ่านหนังสือครับ” ผิดอย่างที่กวินเดาไว้ไหม แต่ถ้าหากห้องสมุดหยุดสามวันกวินก็ไม่มีข้ออ้างมาเจอแล้วสิ หัวสมองนักธุรกิจกำลังหาทางแก้ปัญหา นิ้วยาวเคาะที่พวงมาลัยคิ้วเข้มขมวดแน่น หากเชษฐ์มาเห็นคงบอกว่ากับงานจริงจังแบบนี้ไหมเจ้านาย จนรถมาจอดหน้าบ้านกล้าแล้วกวินก็ยังคิด

   “เอ่อ คุณกวินครับถึงบ้านผมแล้วครับ” กล้าเรียกคนที่ทำหน้าคิดมากจนทำให้กล้ารู้สึกกังวลตาม

   “อ้อ ลงเถอะเดี๋ยวพี่ยกหนังสือเข้าไปให้” กวินได้สติบอกกล้าให้ไปเปิดประตูรถลงไปเปิดบ้านให้ส่วนเขาก็เดินไปยกลังเดินตามกล้าเข้าไปในบ้าน

   “ขอบคุณนะครับคุณกวิน” กล้ายกมือไหว้ขอบคุณกวินที่ยังยืนนิ่งอยู่กลางบ้านแถมยังมีทีท่าว่าจะไม่ยอมกลับ

   “เมื่อไหร่จะเรียกพี่ว่าพี่” กวินขยับเข้าไปชิด มองคนที่กระโดดหนีขยับถอยห่าง

   “อ่า...เรียกคุณก็ดีแล้วนิครับ”

   “ทีกับเชษฐ์ยังเรียกว่าพี่เลย แล้วพี่ล่ะ” กวินขยับเข้าไปกดดันท่าทางที่เหลือบซ้ายมองขวาหาที่หนีทั้งๆนี่เป็นบ้านตัวเอง

   “ก็.....ก็.....ก็ยังไม่สนิทกันนิครับ” กล้าบอกเสียงเบา ไม่อยากบอกว่าแท้ที่จริงที่ไม่เรียกว่าพี่นั่นมีเหตุผลอะไรอยู่ มันน่าอายจะตายไป

   “แล้วพี่ต้องทำยังไงถึงจะสนิทกันล่ะครับ” กวินถามรู้สึกสนุกเมื่อเห็นอาการก้มหน้าหลบหน้าหลบตา แถมยังแก้มแดงระเรือที่อยากเข้าไปสัมผัสอีกครั้ง

   “เอ่อ....ไม่ต้องทำอะไรครับ ดึกแล้วคุณกวินกลับเถอะครับ” ยังมีการมาไล่เขาอีกทั้งๆที่ไม่กล้ามองหน้าเขาด้วยซ้ำ

   “อ่า พี่เหนื่อยจัง ง่วงมากด้วยขอพี่นอนพักได้ไหม” พอได้ยินผมพูดว่าเหนื่อยกล้าก็ทำหน้าตาตื่นรีบดึงข้อมือผมให้ไปนั่งที่โซฟาแล้วรีบเดินหายไปในครัวแล้วออกมาพร้อมกับแก้วน้ำ

   “เอ่อ คุณกวินพักให้หายง่วงก่อนก็ได้นะครับ” กวินลอบยิ้มกับท่าทางเป็นห่วง เขารู้ดีว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่ใจดีแถมยังขี้ใจอ่อนอีกด้วย กวินนั่งจิบน้ำในขณะที่กล้าวิ่งขึ้นชั้นสอง มือใหญ่กดโทรศัพท์กดเบอร์หาคนสนิท

   “(นายยยยย นายหายไปไหน)” ยังไม่ทันได้พูดอะไรไอ้ลูกน้องคนสนิทก็โวยวายจนต้องยืดโทรศัพท์ออกจากหู ให้ตายเถอะทำไมเป็นคนขี้โวยวายแบบนี้นะ

   “วันนี้ฉันไม่กลับบ้าน” กวินบอกแล้วก็ตัดสายทันทีไม่อยากที่จะให้ไอ้ลูกน้องกิตติมาศักดิ์มาซักไซ้แค่ทุกวันนี้ก็เหมือนจะเป็นพ่อคนที่สองของเขาขึ้นไปทุกที นั่งรอไม่นานกล้าในชุดนอนลายน่ารักก็เดินลงมาพร้อมกับผ้าขนหนูในมือ

   “อ่า..คุณกวินไปล้างหน้าก่อนก็ได้นะครับ” กล้าส่งผ้าขนหนูที่ตั้งใจถือลงมาให้กวินตอนนี้ก็จะสี่ทุ่มแล้ว เขาอยากไม่อยากให้มีคนอยู่กับเขาเลยแต่กลับคนๆนี้ คนที่เฝ้าแอบมองมาตลอดแถมยังได้คุยกัน นั่นทำให้ในหัวเขาตีกันจะแย่อยู่แล้ว

   “ขอบคุณครับ ว่าแต่พี่จะพักที่นี่ได้ไหมครับ” กวินจับมือที่ส่งผ้าขนหนูให้พร้อมกับช้อนตามองคนที่ยืนอยู่ กล้าหน้าร้อนฉ่าเมื่อสบสายตาคมใจเต้นรัวซะจนกลัวอีกคนได้ยิน กล้าพยักหน้าเบาๆ

   “ดะ..เดี๋ยวผมขึ้นไปเตรียมห้องให้นะครับ” กล้ารีบดึงมือออกแล้ววิ่งหนีขึ้นชั้นบนไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มกว้างของคนที่ทำเนียนขอนอนกวินรู้ดีว่าคนตัวขาวนั้นใจอ่อน นั่นรออีกนานก่อนที่กล้าจะเรียกให้เขาขึ้นไปข้างบน เป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นมาแม้ว่าสภาพภายนอกจะดูทรุดโทรมแต่ภายในก็ยังดูสภาพดี

   “พักห้องนี้นะครับ อาจจะเล็กไปหน่อยนะครับ” กล้าบอกเพราะห้องที่ให้เข้าไปพักนั่นเป็นห้องของกล้าเอง

   “นี่..ห้องเราใช่ไหม” กวินมองดูรอบๆก็รู้แล้ว แต่ที่เขาสงสัยว่ากล้าจะนอนไหน

   “ครับ เดี๋ยวกล้าไปนอนอีกห้องเอง”

   “พี่ไปนอนอีกห้องให้ก็ได้นะครับ” จริงอยู่ที่เขารุกแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรุกจนเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของกล้า

   “ห้องนั้นไม่ได้ครับ” กล้าก้มหน้าบอกเสียงเบา ห้องนั้นเขาแทบจะปิดตายไปแล้วด้วยซ้ำ กล้ารู้สึกแปลกใจกับตัวเองด้วยซ้ำที่ยอมให้คุณกวินมาพักมันไม่ใช่ความใจอ่อนของเขา มันเพราะอะไรกล้าเองก็ไม่อยากคิดหาคำตอบในตอนนี้

   “งั้นก็ขอบคุณครับ” กวินส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจให้คนใจดีเขินเล่นใจเต้นแรง ก่อนที่จะรีบพูด

   “คุณกวินห้องน้ำใช่ได้เลยนะครับ แล้วก็ราตรีสวัสดิ์ครับ” กล้าพูดจบก็วิ่งหนีเข้าห้องที่อยู่เยื้องถัดไป กวินเดินเข้าห้องน้ำ พอเข้าไปก็แปลกใจเมื่อมีทั้งชุดนอนและแปลงสีฟันอันใหม่เตรียมพร้อมให้เสร็จสรรพถึงจะแปลกใจที่กล้ามีชุดนอนไซส์เขา อาบน้ำเสร็จกวินก็เดินเข้าห้องที่เขาจะนอนคืนนี้ ห้องเล็กๆที่มีตียงขนาดหกฟุตภายในห้องไม่ได้มีของตกแต่งอะไรมากเพียงแต่มีชั้นหนังสืออยู่เต็มห้อง ขายาวก้าวไปนั่งที่เตียงขาวแล้วล้มตัวลงนอนกลิ่นหอมๆที่คงไม่ต่างจากเจ้าของห้อง คืนนั้นกวินนอนหลับสนิทในรอบหลายปี ส่วนเจ้าของห้องก็นอนหลับสนิททันทีที่นอนเพราะหัวใจทำงานหนัก

   กล้าตื่นมาแต่เช้าพยายามทำทุกอย่างเงียบๆปิดประตูบ้านแล้วเดินไปที่หน้าปากซอย ปกติแล้วเขาจะไม่ออกจากบ้านแต่เมื่อมีคนที่มาค้างด้วยและที่บ้านไม่มีอะไรในตู้เย็นเลย กล้าเดินหิ้วถุงน้ำเต้าหูเข้าบ้านที่ยังคงเงียบสงบ ท่าทางคุณกวินจะเหนื่อยอย่างที่บอกคงยังไม่ตื่นสินะ วางของไว้ที่โต๊ะกลางบ้านกล้ากำลังลังเลว่าจะขึ้นไปเรียกดีไหมวันนี้มันวันปกติ คุณกวินต้องไปทำงานหรือเปล่านะ เพราะความเป็นห่วงกล้าเลยเดินขึ้นไปที่ห้องแล้วเคาะประตู

   “คุณกวินครับตื่นหรือยังครับ” กล้าเคาะประตูเรียกอีกสองสามครั้ง

   เกร๊ก

   “อรุณสวัสดิ์ครับน้องกล้า ขอโทษนะพี่นอนเพลินไปหน่อย” กวินรีบเปิดประตูพร้อมกับเอ่ยปากขอโทษเขานอนหลับสนิทจนได้ยินกล้ามาเคาะประตูเรียก

   “ไม่เป็นไรครับ ผมแค่กลัวว่าคุณกวินจะไปทำงานไม่ทัน” กล้าหลบตาเมื่อคนมาเปิดประตูนั้นกระดุมชุดนอนหลุดจนเห็นแผ่นอกแกร่งแก้มขาวนั้นร้อนฉ่า

   “อ้อวันนี้พี่ไม่ได้เข้าบริษัทขอบคุณนะที่มาปลุก” กวินมองอาการเขินของกล้าอย่างชอบใจและไม่คิดที่จะติดกระดุมด้วย

   “ผมซื้อน้ำเต้าหูมาคุณกวินลงไปกินก่อนก็ได้นะครับ” กวินมองคนที่ใจดีมากแถมยังซื่อจนไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขาที่ตีเนียนสนิทด้วย

   “อืมขอบคุณเดี๋ยวพี่ลงไปนะ” กวินบอกพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูเพื่อเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา กล้าเลยเดินลงไปแกะถุงน้ำเต้าหู้รอ ไม่นานกวินก็เดินตามลงมาในชุดนอนสภาพเดิม กวินนั่งทานน้ำเต้าหู้พร้อมกับมองหน้ากล้าที่ดูเหมือนจะตั้งอกตั้งใจกินน้ำเต้าหู้มาก หลังจากทานเสร็จกวินเป็นฝ่ายขอทำความสะอาดเอง

   “วันนี้หยุดกล้าจะทำอะไรเหรอ” กวินถามเพราะเขาก้าวเข้ามาในเขตส่วนตัวของกล้านานไปกลัวว่ากล้าจะรู้สึกลำบากใจ

   “ก็จะอ่านหนังสือครับ” กวินพยักหน้าเข้าใจก่อนที่จะคิดออกว่าทำยังไงถึงจะได้อยู่ใกล้กับคนตัวเล็กในวันหยุด

   “ไปอ่านกับพี่ไหม”

   “หือ”

   “ก็จะได้เจอกับพี่เชษฐ์เราด้วยไง” กวินหาข้ออ้างที่จะล่อลวง และดูเหมือนว่าจะเริ่มได้ผลเมื่อกล้าทำหน้าคิดหนัก

   “เดี๋ยวตอนที่ไปทำงานค่อยเจอกันก็ได้ครับ” ไม่คิดว่าน้องจะตอบแบบนี้คนที่ยกเอาเชษฐ์มาเป็นข้ออ้างเลยต้องรีบคิดหาแผนการสำรองทันที

   “อ้อพี่ไม่ได้บอกเราไปสินะว่าวันจันทร์หน้าเชษฐ์ต้องไปดูการก่อสร้างแทนพี่ที่ชลเดือนหนึ่ง” ข้ออ้างที่คิดสดๆใหม่ๆแถมยังโยนไอ้เชษฐ์ไปทำงานที่ไซต์งานที่ชล โดยไม่สนใจว่าคนสนิทจะโวยวายแค่ไหนถ้ามันรู้ข่าว

   “เอ๋ ทำไมไปนานจังครับ” กล้าถึงกับตกใจเขาจะไม่ได้เจอพี่ชายที่ขยันเอาขนมมาฝากตั้งเดือนหนึ่งเลยเหรอ ยังไม่ทันได้คิดอะไรกล้าก็พยักหน้าตกลงแถมยังวางหนังสือใส่ลังเหมือนเดิม คนตัวเล็กไม่รู้อะไรเสียเลยเดินเข้าหลุมตื้นๆที่กวินพึ่งขุดเสร็จใหม่ๆ ขุดแบบต่อหน้าต่อตานี่ล่ะ กวินลอบยิ้มบอกให้กล้าไปเตรียมตัวส่วนตัวเขานั้นใส่ชุดนอนนี่กลับก็ได้ ถึงยังก็กลับบ้านตัวเองอยู่แล้ว ไม่นานกล้าก็เดินลงมาเขาเลยถือลังหนังสือไปที่รถ ปล่อยให้กล้าล็อคประตูบ้าน  กวินขึ้นไปนั่งรอกล้าบนรถเมื่อพร้อมเขาก็ขับตรงกลับบ้าน

   กับการแค่ล่อลวง?? ไม่สิหลอกล่อให้กล้ากลับบ้านด้วยนั้นไม่ได้ยากอะไรเลยเมื่อคนตัวเล็กนั่นซื่อแสนซื่อ แถมยังหลอกง่ายถึงอย่างนั้นก็จะมีกำแพงที่เขายังไม่สามารถก้าวข้ามไปได้เช่นกัน

************************************************************
พึ่งหายป่วย  :mew5: 5555
ไม่รู้ว่าจะสงสารเชษฐ์หรือแว่นน้อยดี
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ค่ะ
อ่านแ้ลวเป็นไงบอกเราด้วยน้า
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่ 6 2/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 02-03-2018 19:31:17


กล้าคิดว่าตัวเองตกลงปลงใจอะไรง่ายไปเพราะตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ตรงโซฟาที่ห้องนั่งเล่นที่กว้างใหญ่จนเขารู้สึกว่าตัวเล็กและมาอยู่ผิดที่ผิดทาง ส่วนคนที่พามานั้นก็เดินหนีขึ้นไปข้างบนปล่อยให้เขานั่งเหงาๆเพียงคนเดียว

                “น้องกล้า”เสียงเรียกทำให้คนที่นั่งตัวลีบหันไปมอง พร้อมกับรอยยิ้มดีใจที่เขาไม่ต้องนั่งเหงาคนเดียว

                “พี่เชษฐ์” กล้าขยับตัวนั่งดี เชษฐ์เดินมานั่งข้างๆทำให้กล้าคลายความตื่นเต้นไปได้

                “ทำไมถึงได้มาที่นี่ได้ล่ะหือ” เชษฐ์ถามคนที่นั่งหน้าตื่น แต่ก็ยอมรับว่าเจ้านายเขาเจ๋งจริงที่ล่อลวงน้องมาที่บ้านได้

                “ก็คุณกวินบอกว่าถ้าไม่มาเจอพี่เชษฐ์วันนี้ ผมก็จะไม่ได้เจอพี่อีกตั้งเดือน” เชษฐ์ได้แต่งงในใจนี่เขาจะหายไปไหนเดือนหนึ่ง แต่ก่อนที่จะได้อธิบายอะไรคนกุเรื่องก็เดินลงมาซะก่อน

                “ใช่เพราะนายต้องไปคุมงานให้ฉันที่ชลไงลืมแล้วเหรอ”  ลืมบ้าอะไรมันไม่เคยมีคำสั่งนี้ด้วยซ้ำเลยเว้ย เชษฐ์อยากจะตะโกนเถียงออกไปอยู่หรอกนะ แต่นี่เจ้านายไง ได้แต่เออออไปตามที่เจ้านายว่านั่นล่ะแต่จู่ๆก็โยนเขาไปเป็นเดือนก็ขอเอาคืนหน่อยล่ะกัน

                “น้องกล้า ขอบคุณนะที่มาหาพี่มาให้พี่ฟัดที” เชษฐ์อ้าแขนรอ คนที่เอียงคอทำหน้างงก่อนที่จะขยับเข้ามากอดปล่อยให้เชษฐ์ฟัดท่ามกลายสายตาคมที่กำมือแน่นและคิดว่าแค่เดือนเดียวคงจะยังไม่พอสินะ  เชษฐ์แอบขำเจ้านายที่นั่งลงตรงข้ามท่าทางขบกรามแน่นไม่ได้คิดเลยว่าตัวเองจะโดนโทษหนักเป็นสองเท่า

                กล้ากอดเชษฐ์เหตุผลของเขาไม่ได้มีอะไรมากเพียงแค่เชษฐ์เป็นคนที่เขาเปิดใจให้ เป็นพี่ชายคนใหม่ที่เขายอมเปิดใจยอมรับ

                “ถ้าพี่เชษฐ์ไป กล้าต้องอดขนมแน่ๆครับ” ไม่ทันรู้ตัวว่าตัวเองเผลอใช้คำแทนตันกับคนที่สนิท จนกวินที่นั่งฟังอยู่ด้วยอยากจะลุกไปกระชากแยกทั้งสองคนพี่น้องนั้นออกจากกัน

                “พี่ว่าไม่หรอกนะ” เชษฐ์มองไปที่เจ้านายที่ตอนนี้เส้นดำคาดเต็มหน้าแล้ว ให้ตายเถอะนี่หลงน้องชายเขาแล้วสินะ

                “หือ จริงสิกล้าอยากถามตั้งนานแล้วว่าซื้อที่ไหน จะได้ฝากให้เอมซื้อมาให้” เขาถามเมื่อมันเป็นเค้กที่อร่อยมากจนคนที่ไม่ค่อยกินขนมหวานอย่างเขาชอบมากจนคิดว่าสามารถกินมันได้ทุกวัน ตากลมใต้แว่นช้อนมองคนที่ยังลูบแก้มเขาอยู่

0              เชษฐ์สบตาโตแล้วรู้สึกเหมือนใจเต้น ทำไมน่ารักอย่างนี้ ไม่ยกให้เจ้านายจะผิดไหม ยิ่งเห็นแก้มป่องๆ รอยยิ้ชี่รบลางๆนั่นยิ่งทำให้เชษญ์อยากจะก้มลงไปฟัดแก้มนั่นแรงๆซักทีแต่ก่อนที่จะได้ทำอย่างนั้น   

                ฟุบ

                “เอ๋!!”

                “ถอยไปห่างๆเลยไอ้เชษฐ์” กวินยกมือชี้หน้าห้ามไม่ให้เชษฐ์เข้ามาใกล้คนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดเขาให้ตายเถอะ แค่เขามองห่างๆยังคิดว่ากล้าน่าฟัดเลย คนในอ้อมแขนเขานี่ก็เหลือเกิน ทีกับเขาล่ะไม่กล้าเข้าใกล้แต่พอเป็นไอ้เชษฐ์กลับยอมแถมเข้าไปกอดเองด้วยซ้ำ

                “ปล่อยนะครับคุณกวิน” กล้าดิ้นพยายามที่จะแกะมือหนาที่ล็อคเอวเขาแน่น ฮือ ใครก็ได้ช่วยเขาทีใจเขาเต้นแรงจนจะทะลุออกมาอยู่แล้วหันไปสบตาพี่คนใหม่ ก็เหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย

                “ปล่อยก็ได้” กวินเห็นว่าตากลมสวยเริ่มมีน้ำตาคลอซึ่งมันทำให้ผมเริ่มคิด..............ที่อยากจะรังแกอะไรๆมากกว่านี้ พอปล่อย กล้าก็ขยับหนีไปไกลยิ่งเห็นท่าทางเหมือนกระต่ายยิ่งทำให้เขาอยากจะแกล้งแต่ก็เอาเถอะ ปล่อยให้กระต่ายได้ทำใจก่อน

                “ไอ้เชษฐ์ไปคุยกันหน่อยสิ” กวินเดินนำเชษฐ์ไปที่ห้องครัวปล่อยกระต่ายให้หันซ้ายหันขวาทำหน้างงๆ เมื่อลับสายตากลมของกล้า เชษฐ์ก็เตรียมที่จะโวยเรื่องไปทำงานต่างจังหวัดเดือนหนึ่ง

                “นายหมายความว่าไงครับเรื่องที่ชล” ไม่ปล่อยให้คนเป็นเจ้านายบ่นเขาก็เริ่มก่อนลงมือก่อนได้เปรียบ

                “น่า ก็พึ่งคิดได้ฉุกละหุก เออออไปก่อนสิ”

                “แล้วนายคิดไงล่อน้องมาที่บ้าน ตกลงนี่คิดยังไงกับน้องกันแน่” เชษฐ์ทำหน้าจริงจัง แรกๆก็แค่เอ็นดูแต่พอสนิทกันจริงเขารักกล้าเหมือนน้องชายคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นต่อให้เป็นเจ้านายเขาก็ไม่ไว้หน้าแน่ๆ

                “ถ้าฉันบอกว่ายังไม่รู้ล่ะ”

                “ผมก็จะบอกให้เจ้านายไม่ต้องไปยุ่งกับกล้า"
      “นี่แกเห็นคนอื่นดีกว่าฉันเหรอวะ” กวินว่าพร้อมกับเอนตัวพิงเคาน์เตอร์ครัว

                “ใช่ครับนาย” คำตอบมันน่าส่งให้ไปอยู่ชลถาวรจริงๆ กวินหัวเราะเบาๆในลำคอสายตาคมแวววับนั้นทำให้เชษฐ์รู้สึกหนาวๆร้อนๆ

                “เอาเถอะรับรองว่าจะไม่มีใครเสียใจและแกก็จะไม่เสียน้องรักแน่ๆ” กวินว่าก่อนที่จะหมุนตัวไปเปิดตู้เย็นเทน้ำผลไม้กับขนมเค้กที่แอบสั่งให้คนไปซื้อมาไว้ที่บ้านวางบนถาด

                “อ้อไปเตรียมตัวได้เลยนะ เดือนหนึ่ง” รู้สึกสนุกที่เห็นหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก หึ เขายกถาดเดินออกมาที่ห้องรับแขกที่ตอนนี้กำลังเอนพิงหมอนอ่านหนังสือเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอกไปแล้ว ซึ่งก็เป็นภาพที่คุ้นตา

                กึก

                “ทานขนมก่อน”

                “ครับ” กล้าปิดหนังสือแล้วขยับตัวนั่งดียอมกินน้ำผลไม้และทานเค้กที่ดูเหมือนพอเข้าปากตากลมเปล่งประกายวิบวับชอบใจ

                “อร่อยไหม”

                “ครับเหมือนพี่เชษฐ์เอามาฝากบ่อยๆเลยครับ” เพราะความคุ้นเคยหรือเพราะวางใจกล้าเงยหน้าจากจานขนมยิ้มพร้อมกับยิ้มกว้าง รอยยิ้มใสซื่อที่กระตุกหัวใจอีกคนได้อย่างง่ายดาย มือหนาขยับไปเช็ดครีมขาวที่ติดอยู่ที่มุมปากบางแล้วยกนิ้วเปื้อนครีมแตะที่ปากตัวเอง ใบหน้าขาวแดงก่ำเรียวปากบางอ้าค้างนิ่งเหมือนโดนแช่แข็งไว้ จนกวินอดไม่ได้ที่จะขำเบาๆ น่ารักจริงๆ รอจนกระทั่งเลิกตกใจคนที่หน้าแดงก่ำยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง ท่าทางโก๊ะนั่นทำให้กวินถึงกับหัวเราะเสียงดัง นานแล้วที่กวินไม่ได้หัวเราะอะไรแบบนี้

                “ทานต่อเถอะ.....ไม่ทำอะไรแล้ว” กวินเสริมเมื่อตาโตๆนั่นหวาดระแวง ตาโตมองแวบหนึ่งก่อนที่จะหันมากินเค้กต่อด้วยท่าทางระมัดระวังไม่ให้ครีมมันเปื้อนอีก

                “ชอบมากเหรอ” ถามคนที่กินเค้นจนจะหมดชิ้นแล้ว

                “ครับ คุณกวินซื้อจากที่ไหนมาเหรอครับ” กล้ายังไม่ยอมเรียกเขาว่าพี่นี่ยังไม่สนิทกันอีกหรือไง

                “งั้นเดี๋ยวพี่ซื้อไปฝาก”

                “มะ..ไม่เป็นไรครับ บอกร้านมาเดี๋ยวผมไปซื้อเอง” กล้ารีบยกมือปฏิเสธ แค่มาทุกวันศุกร์หัวใจเขาก็ทำงานหนักแล้วถ้าให้เอาขนมมาให้เหมือนที่พี่เชษฐ์เอามาให้ล่ะก็เขาคงต้องไปหาหมอแน่ๆ

                “ไม่เป็นไรไม่ต้องเกรงใจพี่”

                “แต่ว่าไม่ดีกว่าครับ” คนหนึ่งก็อยากจะให้อยากจะไปหาส่วนอีกคนก็ปฏิเสธ ยิ่งคนตัวเล็กปฏิเสธอีกคนยิ่งขยับเข้ามาใกล้

                “งั้นถ้าพี่จะพาไปกินที่ร้านล่ะ ที่นั่นมีหนังสือน่าอ่านเยอะเลยล่ะ” พอพูดถึงหนังสือกล้าก็ดูเหมือนจะสนอกสนใจ

                “เอ๋ ที่ไหนเหรอครับ หนังสือเยอะมากเลยเหรอครับ”

                “ใช่ เห็นว่าเป็นหนังสือเก่าด้วยล่ะ” ยิ่งพูดตายิ่งเป็นประกาย กล้าแทบจะขอร้องให้คนที่ล่อล่วงพาไปตอนนี้เสียเลยด้วยซ้ำ

                “ที่ไหนครับ ผมอยากไป”

                “พรุ่งนี้ล่ะกันนะ วันนี้ก็อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนสิ เชษฐ์ก็มากินด้วย” พอเห็นว่าเชษฐ์มาด้วยกล้าเลยพยักหน้าอย่างลืมตัวทั้งๆที่ตั้งใจจะขอตัวกลับ

                “อ่านหนังสือเลยก็ได้นะ หรือจะไปอ่านที่สวนก็ได้นะแต่ต้องรอแดดร่มกว่านี้” กวินบอกกับกล้าที่เขากลัวว่าจะเบือกับการที่อยู่ในห้องนั่งเล่น

                “ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่ไหนก็ได้” กล้ารีบบอกปฏิเสธแม้สวนด้านนอกจะดูสวยล่อลวงแค่ไหนก็ตาม เมื่อเห็นกล้าสนใจหนังสือในมือกวินเลยหยิบไอแพดมาเลื่อนดูเอกสารข้อมูลงาน แม้จะอยู่กันเงียบๆมีเพียงเสียงเปิดหนังสือกับเสียงลมหายใจเบาๆแต่กวินกลับรู้สึกอยากให้มีบรรยากาศแบบนี้ตลอดไป

                กวินที่นั่งอ่านรายงานอย่างเคร่งเครียดรู้ตัวอีกทีก็ถึงเวลาเย็น มือหนายกมือขึ้นกดหัวตาเพราะรู้สึกสายตาล้าจนต้องหลับตาไปสักพักหันไปมองคนข้างๆที่ตอนนี้กึงนั่งกึ่งนอนบนโซฟาใบหน้าเล็กๆนั่นเอียงซบกับหมอนอิงบนตักมีหนังสือที่ไม่ใช่เล่มเดิมกับที่เขาเห็นล่าสุด อ่านเร็วจริงๆ ร่างสูงยืดเส้นยืดสายก่อนที่จะเดินเข้าไปในครัวหยิบจับข้าวของออกจากตู้เย็นเพื่อเตรียมทำอาหารเย็น แม่บ้านที่นี่เขาให้ทำแค่ความสะอาดเสร็จแล้วก็กลับเพราะเขากลับไม่เป็นเวลา ส่วนมากไม่กินมาจากข้างนอกเขาก็ทำอะไรง่ายๆเองแต่วันนี้เป็นมื้อพิเศษซึ่งเขาอยากจะทำให้มันดี

                ตึงๆ

                โครม

                สาบานว่านี่เสียงทำอาหาร เชษฐ์ที่เดินเข้ามาถึงกับแปลกใจเมื่อเห็นเจ้านายทำเสียงดังโครมครามแต่คนที่นอนอยู่โซฟากลับหลับสนิท

                “นายทำอะไรครับสียงดังมาก” เชษฐ์อยากจะลากเสียงก ไก่ ให้ยาวเพราะดูเหมือนห้องครัวใหญ่ตอนนี้มันจะดูรกมาก

                “มื้อเย็น แต่กะปริมาณไม่ถูก” ไม่ค่อยได้เห็นนักหรอกนะที่เจ้านายเขาจะทำท่าเก้ๆกังๆแบบนี้ เชษฐ์เดินเข้าไปถามว่ามีอะไรจะให้เขาช่วยไหมซึ่งกวินก็ไม่ขัดศรัทธาใช้ให้ล้างผักทันที กวินลงมือทำอาหารเย็นที่จากที่แรกจะทำสเต็กแต่มีปัญหาตรงเนื้อหมูเลยเปลี่ยนเมนูเป็นสปาเก็ตตี้มีทบอลแทน เอาจริงๆก็เขาทำพลาดเองเลยต้องเปลี่ยนเมนู หลังจากปลุกปล้ำกับการทำอาหารสำหรับสามคนแล้วไม่นานอาหารมื้อเย็นก็พร้อม

                “นายไปปลุกน้องเถอะครับ เดี๋ยวผมตั้งโต๊ะเอง”

                เขาเดินไปนั่งลงข้างๆโซฟามองคนที่หลับสนิทท่าทางมีความสุขจนเขาไม่อยากที่ปลุกแต่มือใหญ่ก็ขยับไปเขย่าไหล่เล็กๆนั่น

                “กล้า ตื่นได้แล้วครับ” เขาเขย่าเบาๆ จนคนที่หลับเริ่มขยับตัวเบาๆ เปลือกตาเริ่มเขาเลยขยับตัวออก

                หมับ

                “พี่พลูเหรอครับ กลับมาหากล้าแล้วเหรอครับ” ” น้ำเสียงออดอ้อนกับมือเรียวที่ความมือเขาไปแนบแก้มนุ่มแถมรอยยิ้มหวานนั่นอีก ไอ้พลูนี่โครวะอยากจะโวยวายอยู่หรอกนะ

                “โทษทีนะที่พี่ไม่ใช่ ลุกได้แล้วครับนี่เย็นแล้วนะ” กวินดึงมือตัวเองออก

                “เอ่อ คุณกวิน ขอโทษที่เผลอหลับครับ” กล้ารีบลุกขึ้นนั่งพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาขยับขึ้นนั่งดีๆ กวินถอยออกห่างเพื่อให้กล้าเรียกสติเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กโอเค

                “พี่ทำอาหารเย็นไว้แล้ว ไปล้างหน้าล้างตาก่อนดีไหม” กล้ารีบพยักหน้ารับแล้วเดินไปตามทางที่กวินบอก มือสั่นที่พยายามกวักน้ำขึ้นล้างหน้า เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องราวนั้นมานานจนกระทั่งวันนี้ กล้ารีบนึกถึงเรื่องราวในหนังสือร้อยๆเรื่องเพื่อให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นมันจะไม่เกิดขึ้นอีก

                กล้าเดินออกมาทั้งๆที่หน้าชุ่มโชกไปด้วยหยดน้ำท่าทางที่ทำให้กวินยืนรอเอาผ้าเช็ดหน้าให้เป็นห่วงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแคส่งผ้าขนหนูให้

                “ไปที่โต๊ะทานข้าวกัน”  กวินเลือกที่จะทำตัวปกติเดินนำกล้าไปที่โต๊ะ ส่ายหน้าห้ามเชษฐ์ที่กำลังจะถามเพราะท่าทางของกล้าซึ่งไอ้เชษฐ์ก็ยอมที่จะนั่งนิ่งๆแล้วชวนกล้าคุย

                “พรุ่งนี้จะไปร้านเค้กใช่ไหม”

                “อ้อครับ พี่เชษฐ์ไปด้วยกันนะ” กวินมองคนข้างๆที่ดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติคุยกับเชษฐ์แถมยังกลับมาเป็นกล้าที่ไม่ค่อยสบตาเขาเหมือนเดิม

                “ไปสิครับ” ไอ้เชษฐ์มันต้อนกวนตีนเขาอยู่แน่ๆ เอาเถอะแลกกับที่กล้าจะไม่อึดอัดใจที่จะอยู่ด้วยกัน

                “อาหารอร่อยไหม”

                “อร่อยครับ”

                “งั้นก็กินเยอะๆนะ ไม่บ่อยหรอกนะที่บอสจะลงมาทำอาหารให้กิน ต้องเอาให้คุ้ม”ยื่นหน้าเข้าไปชิดกันมากไปไหม

                “คุณกวินทำทั้งหมดนี่เลยเหรอครับมันอร่อยมาก ขอบคุณครับ” กล้าหันมายิ้มกว้างขอบคุณคนที่ทำอาหารมื้ออร่อยให้ถึงแม้จะดูไม่เข้ากับบุคลิกผู้บริหารของคุณกวินเลยก็ตาม

                “งั้นจะทำให้กินบ่อยๆ” สายตาคมสบตาอย่างสื่อความหมายจนกล้าไม่สบสายตาคม หลังจากกินข้าวเสร็จกวินก็ดื้อที่จะไปส่ง เรียกง่ายๆก็บังคับซึ่งกล้าก็ยอมเพราะเขาก็คิดถึงบ้านแล้วเช่นกัน

                “ขอบคุณสำหรับวันนี้นะกล้า”

                “เอ๋ เรื่องอะไรเหรอครับ”

                “ที่ยอมไปกับพี่ เข้าบ้านเถอะพรุ่งนี้สายๆพี่จะมารับ” กวินตัดบทก่อนที่จะนัดหมายวันพรุ่งนี้

                “ครับ ขอบคุณนะครับคุณกวิน” กล้ายกมือไหว้ก่อนที่จะลงจากรถ กวินรอให้กล้าเข้าบ้านเรียบร้อยก่อนที่จะขับรถกลับบ้านเพื่อรอวันพรุ่งนี้

*****************************************************************

หลังจากงานสุมหัวมาทั้งอาทิตย์พร้อมกับอาการป่วย

ในที่สุดก็เข็นออกมาสำเร็จ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะ   
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่ 7 17/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 17-03-2018 20:41:22
7
   เช้าวันต่อมากล้าลุกขึ้นมาแต่เช้าด้วยท่าทางเพลียๆเพราะอ่านหนังสือติดลมบนไม่หลับไม่นอนเมื่อคืนนี้อาจจะเป็นเพราะคิดถึงเรื่องในอดีตทำให้เขานอนหลับไม่สนิทจนมีอาการเบลอๆตั้งแต่เช้า แถมยังดูเหมือนว่าจะลืมนัดวันนี้ไปแล้ว

   “ขี้เกียจจัง” กล้าบ่นเบาๆพร้อมกับเดินอุ้มผ้าห่มลงมาที่โซฟาที่เขาชอบนั่งอ่านหนังสือเป็นประจำ วางผ้าห่มแล้วก็เดินไปเปิดหน้าต่างและผ้าม่าน แสงแดดจ้าที่สาดเข้ามาในบ้านทันทีที่เปิดผ้าม่าน ร่างบางเดินสะลืมสะลือกลับมาที่โซฟา สอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มนวมม้วนตัวเป็นก้อนก่อนที่จะหลับไปอีกครั้ง



แกร๊ก



   “ทำไมไม่ล็อกบ้านนะ” เสียงทุ้มๆของคนที่ถือวิสาสะเปิดประตูรั้วเข้ามาเพราะกวินบีบแตรเรียกตั้งนานสองนานแต่ก็ไม่มีคนมาเปิดด้วยความเป็นห่วงเขาเลยถือวิสาสะเปิดประตูรั้วสนิมเก่าๆเข้ามาในบ้าน แถมประตูบ้านก็ยังไม่ล็อก กวินรู้สึกใจตกไปที่ตาตุ่มเมื่อประตูบ้านไม่ได้ล็อกเขารีบเปิดเข้าไปทำท่าว่าจะตะโกนเรียกแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นม้วนผ้าห่มที่กลมป้อมตรงโซฟา กวินถอนหายใจอยากจะเดินเข้าไปดีเด็กที่ไม่รู้จักระมัดระวังตัวซักนิด ขายาวเดินไปหาทีแรกว่าจะปลุกแต่เมื่อเห็นท่าทางหลับสบาย

   “ปล่อยให้นอนไปก่อนละกัน” ร่างสูงเดินหายไปในห้องครัวเพื่อเทน้ำกินเองดูไร้มารยาทไปหน่อยแต่เจ้าของบ้านนั้นยังนอนหลับฝันดีอยู่เลย ถือแก้วน้ำมานั่งลงที่พื้นพรมมองก้อนกลมที่นอนหลับสนิทตรงโซฟา บนโต๊ะมีหนังสือกองไว้แต่มีเล่มหนึ่งที่เปิดอ่านไว้อยู่ เขาหยิบหนังสือสักเล่มในกองมาอ่านรอคนตัวเล็กตื่น  หากเชษฐ์มาเห็นภาพนี้คงต้องขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระทึก ใครๆก็รู้ว่ากวินนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่วันๆอ่านแต่เอกสารและข่าวธุรกิจจะมานั่งรอใครอีกคนตื่นแถมยังนั่งอ่านหนังสือรออีก
 
   แดดยามสายของประเทศไทยเริ่มส่องไปทั่วห้องเพราะความร้อนร่างที่นอนหลับอุตุเริ่มมีเหงื่อซึมพลิกตัวเตะผ้าห่มบางออกพอผ้าห่มหล่นไปที่พื้นร่างขาวก็พรูหายใจด้วยความพอใจทำท่าว่าจะหลับไปอีกถ้าไม่ใช่เพราะเสียงหัวเราะทุ้มที่ไม่น่าจะมีในบ้านเขา

   “หึๆ” คิ้วเรียวขมวดเมื่อเสียงไม่คุ้นหูดังขึ้น เปลือกตาขยุกขยิกก่อนที่ตากลมเหมือนกวางจะลืมขึ้น กวาดสายตาจนมาหยุดที่ร่างใหญ่ที่นั่งมองหน้าเขาอยู่ กล้าหรี่ตามองนี่เขาฝันไปเหรอก่อนที่จะยกมือขึ้นมาเพื่อจะขยี้ตา

   หมับ

   “อย่าขยี้เดี๋ยวตาก็แดงหมดหรอก”

   หือ

   ไม่ใช่ฝัน!!! ร่างบางรีบลุกขึ้นนั่งตัวตรงหน้าตาตื่น มะ..มาอยู่ในบ้านเขาได้ยังไง  ท่าทางเหมือนกระต่ายตกใจหูตั้งตาโตเรียกรอยยิ้มกว้างให้กับคนตัวโต

   “พี่มารับไปร้านหนังสือ” เลือกที่จะปัดรายละเอียดปลีกย่อยทิ้งๆไป

   “อ๊ะแล้วคุณกวินเข้ามาได้ยังไงครับ” เหมือนกระต่ายจะตั้งสติได้ ถามคำถามที่น่าสงสัยที่สุดแล้ว

   “ก็พี่มาถึงบีบแตรเรียกตั้งนานสองนานก็ไม่เห็นเราไปเปิด พี่เลยถือวิสาสะเปิดประตูรั้วเข้ามาแถมประตูบ้านก็ไม่ได้ล็อค” กล้ายกมือกุมขมับเขาลืมปิดประตูบ้านอีกแล้วเหรอ

   “งั้นไม่เป็นไรครับ” กล้าได้แต่ยอมรับว่าเป็นเพราะเขาลืมเองแถมยังนอนหลับสนิทจนคุณกวินเข้ามานั่งเล่นอยู่ในบ้านยังไม่รู้ตัวอีก

   “ปวดหัวไหม นี่ก็สายแล้วหิวหรือเปล่า” ถ้อยคำที่ถามเพราะความเป็นห่วงเรียกความร้อนมาอังที่แก้มขาวที่ตอนนี้แดงระเรื่อ จนกล้าทำตัวไม่ถูก

   “งะ..งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ” กล้ารีบหอบผ้าห่มวิ่งขึ้นไปชั้นสองจนคนที่มองอยู่นึกเป็นห่วงกลัวว่าจะเหยียบชายผ้าห่มแถมยังไม่ได้ใส่แว่นกลัวจะหกล้ม แต่ก็อดขำกับอาการรนๆของคนตัวขาวไม่ได้ นั่งรอไม่นานกล้าก็เดินลงมา

   “ส..เสร็จแล้วครับ” กล้ากระชับสายกระเป๋าแน่นเมื่อสายตาคมมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า

   “น่ารัก...ป่ะไปกันเถอะเดี๋ยวไอ้เชษฐ์รอ” กวินเดินออกไปรอที่รถ โดยที่ไม่ลืมกำชับให้กล้าล็อกบ้านดีๆ กล้าย่นจมูกใส่คนขี้บ่น ท่าทางน่ารักที่กล้าเผลอทำ กำแพงที่กั้นระหว่างสองคนเริ่มบางลง

   กวินขับรถออกนอกตัวเมืองร้านกาแฟที่จะไป เป็นร้านของเพื่อนสนิทที่มีน้อยนิดของเขาเองที่ลงทุนไปเรียนถึงเมืองนอกแต่กลับไทยมาเปิดร้านกาแฟกึ่งร้านหนังสือในชานเมืองแบบนี้ พอทาบทามให้มาทำงานด้วยเพราะเสียดายฝีมือแต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธ ล่ะไม่เข้าใจหัวคิดไอ้อัจฉริยะนี่เลยจริงๆ เหลือบตามองคนข้างๆที่นั่งเงียบเลยเลือนไปเปิดวิทยุ

   “หิวไหม” มองเวลาที่หน้าปัด ใกล้จะเที่ยงแล้วนึกเป็นห่วงคนที่พึ่งตื่น

   “ไม่เป็นไรครับ ผมชินแล้ว” กวินพยักหน้าแต่มองหาปั้มน้ำมันเพถึงก็ตบไฟเลี้ยวเข้า

   “รอแปบนะ” กำชับคนที่นั่งงง เพราะเขาไม่ได้ปิดรถ กวินเดินเข้าไปหยิบขนมกับนมไปจ่ายเงินแล้วเดินกลับมาที่รถ

   “กินนี่รองท้องก่อนนะเดี๋ยวจะปวดท้องเอา อีกไกลกว่าจะถึง” ส่งถุงขนมให้คนตัวเล็กที่รีบยกมือไหว้รับถุงขนมไปนั่งกินเงียบๆ ขับรถร่วมๆสี่สิบนาทีกล้ามองข้างทางด้วยความสนใจนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเดินทางไกลขนาดนี้ ยังดีที่ได้นมและขนมที่คุณกวินซื้อมาให้เลยไม่หิวเท่าไหร่นัก แอบมองคนที่ตั้งใจขับรถที่ดูแลเขาอย่างดีถึงแม้ตอนเช้าจะแอบเข้าบ้าน เป็นคนที่กล้ายอมรับว่าหล่อมากและจากที่แอบมองห่างๆก็มาใกล้ชิดจนตั้งกำแพงไม่ทัน ถึงจะไม่สนใจโลกภายนอกแต่เขาก็รู้ดีว่าด้วยรูปลักษณ์และฐานะที่ชะเอมรู้จักคงไม่ใช่ธรรมดา จะมาสนใจอะไรกับเด็กที่ช่วยไว้โดยไม่ตั้งใจ มองซะจนคนที่ขับรถหันมา

   “อ๊ะ” อุทานซะน่ารักจริงๆกวินก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าโดนจ้องก็เล่นจ้องซะขนาดนั้น

   “มีอะไรหรือครับ” ตีหน้านิ่งถามคนที่ทำหน้าตาตื่น

   “เอ่อ ใกล้ถึงรึยังครับ”

   “อีกไม่ไกลครับ หิวแล้วเหรอ”มุมปากยกยิ้มทำเอากล้าทำได้เพียงพยักหน้าอายๆ กวินแอบขำแล้วหันมาตั้งใจขับรถไม่นานก็มาถึงทางเข้าที่เป็นซุ้มต้นไม้รั้วเป็นต้นไม้ความร่มรื่นที่เห็นทำให้กล้าลืมเขิน พื้นที่เต็มไปด้วยต้นไม้พอเปิดประตูรถลงกลิ่นความสดชื่นมีเสียงน้ำไหลเบายิ่งทำให้ผ่อนคลาย แววตากลมแวววับด้วยความถูกใจและนึกชอบใจจนอยากมาอ่านหนังสือที่นี่ทุกวัน กวินมองรอยยิ้มกว้างอย่างชอบใจคิดถูกที่พามาที่นี่

   “เข้าไปในร้านเถอะ” กล้าพยักหน้าแรกจนผมกระจาย รีบวิ่งตามคนตัวโตไปร้านที่พอเห็นเขายิ่งชอบร้านไม้สีขาวที่ติดกระจกรอบบ้านยิ่งดูน่ารักพอเปิดประตูที่ห้องกระดิ่งไว้ พอเข้าไปในร้านกลิ่นหอมของกาแฟอบอวนไปทั่ว

   “ไงมากันแล้วเหรอ” เสียงหวานระรื่นหูดังขึ้นก่อนที่จะเห็นคนพูดซะอีก ประตูด้านหลังเคาน์เตอร์เปิดออก ร่างสูงโปร่งของเจ้าของร้านที่ถือถาดใส่จานสปาเก็ตตี้กลิ่นหอม

   “ไงซิน” กล้ามองคนที่คุณกวินเข้าไปทัก ร่างสูงโปร่งในเสื้อเชิ้ตสีขาวใบหน้าสวยผมสีดำยาวระใบหน้า สวยจัง เขาได้แต่มองตาไม่กระพริบยิ่งเรียวปากสีเชอร์รี่ยกยิ้มบางยิ่งทำให้คนคนนี้สวย

   “นี่เหรอน้องกล้า”
   “ใช่ มานี่สิกล้า” เขาสะดุ้งเมื่อเผลอสังเกตจนคุณกวินกวักมือเรียก เดินตัวลีบไปยืนข้างๆคุณกวิน

   “สวัสดีครับ” เขายกมือไหว้

   “น่ารักจังพี่ชื่อซินนะ ดีใจที่ได้เจอน้องกล้านะครับ”รอยยิ้มหวานที่พอยิ้มแล้วเขาได้แต่ยิ้มตาม

   “ไปนั่งกินข้างนอกกันเถอะ” คุณซินเดินออกมาจากเค้าน์เตอร์แล้วคล้องแขนดึงออกไปข้างนอกปล่อยให้คุณกวินถือถาดตามออกมา

   “ร้านคุณซินน่ารักมากครับ” กล้าอดไม่ได้ที่จะชมร้านที่ถูกใจเขามากจริงๆ

   “ไม่เรียกคุณสิ เรียกพี่สิ น้องกล้าชอบอ่านหนังสือเหรอ” คนสวยบังคับให้น้องเรียกว่าพี่ กล้าพยักหน้า
   “ครับพี่ซิน” เท่านี้ก็เรียกรอยยิ้มหวาน

   “เดี๋ยวสิ ทำไมกับไอ้ซินกับไอ้เชษฐ์ กล้าถึงเรียกว่าพี่แล้วทีพี่ล่ะ” กวินโวยวายเมื่อเดินออกมาทันได้ยินคนตัวเล็กเรียกเพื่อนสนิทว่าพี่ แล้วเค้าล่ะ ทีเขายังเรียกคุณอยู่เลยความยุติธรรมอยู่ที่ไหนกัน

   “โถ พ่อคนหล่อ น่าสงสารจังนะ กล้าลองชิมนี่สิพี่ลองทำอร่อยไหม” หันไปสมน้ำหน้าเพื่อนแล้วหันไปยิ้มให้น้องคนใหม่เลื่อนจานไปให้น้อง

   “ครับ” กล้าไม่หันไปสบตาคุณกวินที่ยังจ้องหน้าเขาอยู่ ก้มหน้าม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปาก ง่ำ อร่อย เขารีบเงยหน้าหันไปหาพี่ซิน

   “อร่อยมากครับ” กล้าส่งยิ้มกว้างรอยยิ้มที่กวินได้แต่ทำหน้าบึ้ง ทำไมนะเหรอ ก็เพราะไม่เคยได้จากคนตัวเล็กเลยนะสิแถมตอนนี้ยังรู้สึกเป็นส่วนเกินอีก

   “น้องกล้าพี่มาแล้วววววว” เสียงโวยวายมาก่อนตัวจะเป็นใครไม่ได้นอกจากไอ้เชษฐ์ที่ทะเล่อทะล่าเข้ามา

   “พี่เชษฐ์ สวัสดีครับ” นี่ก็ไปยิ้มกว้างให้อีก ให้ตายเถอะชักไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว ไอ้เชษฐ์เดินมานั่งทักทายกับซินนิดหน่อยก็หันมาคุยกับน้องชายสุดที่รัก เหมือนตัวเองเป็นตัวแถมยังไงไม่รู้สิ


   ครืด

   “อ่าวจะไปไหน” ซินถามเมื่อเพื่อนจู่ๆก็ลุกขึ้นดื้อๆ

   “ไปเข้าห้องน้ำ” น้ำเสียงห้วนๆทำเอาทุกคนบนโต๊ะหันไปมอง กวินรีบลุกเดินหายไปในร้าน ให้ตายเถอะอารมณ์เขาตอนนี้เหมือนเด็กหมดมาดCEO ได้แต่เดินเข้ามาสงบสติอารมณ์ความไม่พอใจที่คุกกรุ่นอยู่ภายใน จากที่คิดว่าแค่ชอบแค่สนใจตอนนี้ความรู้สึกมันชัดเจน ให้ตายเถอะ ร่างสูงที่บอกว่าจะเข้าห้องน้ำยืนกอดอกพิงอ่างเพื่อปรับอารมณ์หงุดหงิดให้เป็นปกติ




   กล้าแม้จะยิ้มจะคุยกับพี่ทั้งสองคนแต่สายตาก็ยังมองไปยังทิศที่แผ่นหลังกว้างเดินลับไป ซึ่งอาการนี้ทั้งเชษฐ์และซินต่างสังเกตเห็น โดยเฉพาะอาการหงุดหงิดของไอ้เพื่อนซี้ที่แทบจะกินหัวพวกเขาสองคนอยู่แล้วเมื่อกี้ เชษฐ์พยักหน้าให้ซินเป็นคนเริ่มหลังจากส่งซิกกันได้ซักพัก

   “น้องกล้าทำไมไม่เรียกไอ้วินวาพี่ล่ะครับ” ซินเปิดประเด็นอาการหงุดหงิดของเพื่อนเขาถ้าเดาไม่ผิดเกี่ยวกับที่น้องกล้าเรียกพวกเขาสองว่าพี่แต่เรียกมันว่าน้องเพิ่งรู้ว่าไอ้วินมันมีนิสัยเด็กน้อยแบบนี้ด้วย

   “ก็....ไม่รู้สิครับ” กล้าบอกเสียงเบาไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่กล้าเรียกคุณกวินว่าพี่ แต่กับพี่ซินและพี่เชษฐ์เขากลับไม่มีปัญหา แถมยังไม่กล้าที่จะสบตาคุณกวินได้นานเลยซักที

   “พี่ว่าเราสนิทกับบอสพี่มากเลยนะ” เชษฐ์สำทับขึ้นถึงจะชอบที่เห็นอาการผิดปกติของบอสก็เถอะ

   “เปล่าซักหน่อยครับ” อะไรคือการปฏิเสธแต่แก้มขาวนั้นแดงระเรื่อ อาการที่ทั้งสองคนแอบยิ้มอยากจะยุอีกอยู่หรอกนะแต่บอสเขาก็เดินกลับมาก่อน

   “เอากาแฟไหมวิน” ซินหาช่องทางเปิดโอกาสให้เพื่อนอยู่กับน้อง

   “อือ”

   “เฮ้ยเดี๋ยวไปช่วยจะไปเลือกเค้กด้วยเดี๋ยวพี่เลือกมาให้นะ” เชษฐ์รีบลุกวิ่งตามซิน พอสองคนนั่นไปโต๊ะก็กลับมาเงียบเพราะต่างคนต่างก็ไม่รู้จะคุยอะไรกัน

   “อยากเข้าไปดูห้องหนังสือก็ได้นะขึ้นไปชั้นสองของร้านได้เลยนะ” กวินบอกเมื่อมองเห็นความอึดอัดของคนตัวเล็กที่พออยู่กับเขาแล้วเหมือนจะอึดอัดไม่ค่อยยิ้มเหมือนตอนที่มีหนังสืออยู่ด้วยไม่ก็ไอ้เพื่อนสองคนของเขา ร่างเล็กขยับตัวเล็กน้อยสายตารีบหันไปมองทางร้าน เอาเถอะยังไงเขาก็เป็นคนเอาตัวเองเข้ามาในโลกของน้อง เมื่อเห็นว่าผมไม่ได้พูดอะไรกล้าก็ลุกขึ้นเดินหนีไปทางร้าน กวินได้แต่มองแผ่นหลังเล็กๆ ที่วิ่งสวนกับซินที่ถือกาแฟมาให้เขา

   “อ่าวนึกว่าจะคุยกับน้อง” ไอ้ซินถามซึ่งเป็นคำถามที่เขาได่แต่ถอนหายใจแรงรับแก้วกาแฟที่มันส่งมาให้

   “ก็ไม่รู้จะคุยอะไร” ตอบกลับเงียบๆ

   “อ่าว ถามจริงเถอะวินแค่อยากตอบแทนน้องหรือถูกใจน้อง”

   “ไม่ใช่ถูกใจ มันเกินคำนั้นไปแล้ว” ซินยกยิ้มกับอาการที่ยืนยันว่ามันคิดกับน้องไปไกลแล้ว


   “แล้วทำไมไม่จีบ”

   “ก็จะให้ทำยังไงได้น้องไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับฉันเลย”  เพราะรู้ว่าคนตัวเล็กนั้นโลกทั้งใบมีแต่หนังสือกับเพื่อนสนิทแค่น้องไม่เอ่ยปากกันเขาออกจากชีวิตน้องตอนนี้ก็ดีแล้ว

   “เห็นว่าเจอกันเพราะเรื่องบังเอิญ?”

   “ใช่ พอได้รู้จักน้องยังแปลกใจเลยที่ตอนนั้นไปช่วยฉัน” มุมปากยกยิ้มเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น คนที่แสนจะขี้กลัวและไม่ค่อยกล้าทำไมตอนนั้นถึงได้วิ่งเข้าไปช่วยเขา

   “ดูท่าทางมีความสุขนะ”

   “แค่เห็นน้องฉันก็มีความสุขแล้ว” กวินยกยิ้มจริงใจที่ไม่ใช่รอยยิ้มการค้าอย่างที่ทำเป็นประจำ ซินได้แต่ดีใจกับเพื่อน นั่งกินกาแฟคุยกันไปจนโทรศัพท์เครื่องหรูของกวินสั่น

   “ครับ....................ได้ครับ” คิ้วเข้มขมวดแน่นเมื่อกดวางสาย
 
   “ฉันต้องไปก่อนล่ะ”

   “อ่าวแล้วน้องล่ะ” ซินถามเมื่อกวินเก็บข้าวของบนโต๊ะ มือใหญ่ชะงักไปแต่เมื่อเห็นท่าทางอึดอัดนั่น

   “ฝากบอกให้ไอ้เชษฐ์ไปส่งน้องด้วย น้องคงอึดอัดถ้าฉันยังไปส่งเดี๋ยวต้องเข้าบริษัทก่อน”กวินรีบร้อนหยิบกุญแจรถเมื่อเกิดปัญหาที่บริษัท

   “เดี๋ยวสิ วิน ไอ้วิน!!” ซินร้องเรียกตามเมื่อกวินไปโดยไม่บอกใครแถมคนติดตามก็ไม่มี โดนลอบทำร้ายครั้งก่อนไม่เข็ดหรือไง เมื่อเห็นเพื่อนไม่ฟังซินเลยรีบเดินไปหาเชษฐ์

   “เชษฐ์ วินมันรีบกลับไปแล้วท่าทางที่บริษัทจะมีปัญหา” เชษฐ์รีบวางหนังสือโทรติดต่อหาคนที่อยู่ใกล้ที่สุดให้ตามเจ้านายที่ไม่สำนึกว่าตัวเองเป็นเป้าชอบทำตัวล่อเป้าตลอด  เมื่อสั่งงานเสร็จเชษฐ์ก็ทำท่าจะตามไป

   “วินให้นายไปส่งน้องกล้า” คนตัวเล็กที่ตอนนี้ที่รู้สึกใจกระตุกเมื่อได้ยินว่าคนที่ชวนมากลับไปก่อน

   “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวค่อยกลับละกันเนาะน้องกล้า” กล้าพยักหน้าเบาๆ เดี๋ยวถ้าได้เจอกับคุณกวินเขาจะขอบคุณที่พามา หลังจากได้หนังสือน่าอ่านเกือบสิบเล่มแถมพี่ซินยังใจดีให้ขนมแสนอร่อยมาด้วยกับหนังสือที่จะมาคืนตอนไหนก็ได้

   “ขอบคุณนะครับพี่เชษฐ์ที่มาส่ง”

   “ไม่เป็นไรพี่กลับล่ะนะ ปิดบ้านดีๆล่ะ” กล้าพยักหน้าให้พี่เชษฐ์ที่หอบข้าวของเข้ามาส่งถึงในบ้าน “ไม่ต้องไปส่งพี่นะ พักเถอะ”  กล้ายกมือไหว้ พี่เชษฐ์เดินกลับไปขึ้นรถ กล้าปิดลงกลอนประตูจนแน่นหนาหลังจากอาบน้ำร่างเล็กก็หอบผ้าห่มลงมาอ่านหนังสือที่ห้องนั่งเล่นเหมือนเดิม  แต่ในหัวกลับคิดถึงคนที่หนีกลับไปก่อนไม่มีแม้คำลาเดี๋ยววันที่เขาเริ่มไปทำงานก็คงจะเจอเพราะยังไงก็มายืมหนังสือแทบทุกวัน แต่ร่างเล็กยังไม่รู้เลยว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่จะได้เจอ

********************************************************
หลังจากอู้ไปไร่สายลมมา ก็กลับมาแต่งต่อแล้ว
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยเถอะนะคะ พลีสสสสสสสสสสส
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่7 17/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-03-2018 15:44:29
 :L2: :pig4:

รอนะ ^^
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่7 17/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 18-03-2018 15:56:03
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่8 24/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 24-03-2018 13:11:08
8
   ร่างขาวนั่งตรงเคาน์เตอร์ท่าทางเหมือนตั้งใจอ่านหนังสือแต่ทุกๆครั้งที่มีคนเดินเข้ามาหัวทุยจะรีบเงยหน้าขึ้นมองทันทีเหมือนรอใครบางคน ใครบางคนที่หายไปห้าวันแล้วหลังจากวันที่ไปที่ร้านพี่ซินแล้วคนตัวโตหนีกลับ จากทีแรกเขาตั้งใจที่จะบอกขอบคุณแต่คนตัวโตก็ไม่มา

   “เฮ่อ..” เสียงถอนหายใจเบาๆทำให้ชะเอมที่นั่งสังเกตมาหลายวันอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

   “แว่นน้อยเป็นอะไร”

   “ไม่ได้เป็นอะไร” เขาไม่รู้ว่าเป็นอะไรเลยไม่ได้สามารถบอกได้เป็นอะไร ไม่เข้าใจความรู้สึกตอนนี้เลยจริงๆ

   “อย่ามาโกหกเอม กล้ารออะไรอยู่เราเห็นมองแต่ประตูมาสามสี่วันแล้วนะ”

   “เอ่อ..คือ..”  ได้แต่อึกอักไม่ยอมตอบ ชะเอมยกมือกอดอกกดดันพลางคิดว่าอะไรทำให้แว่นน้อยของเธอมีอาการกระวนกระวายทั้งๆที่มือถือหนังสือเล่มใหม่แต่สามวันแล้วที่ยังอ่านไม่จบ

   “พี่กวินใช่ไหม พี่กวินทำอะไรนาย” อาการสะดุ้งเธอก็รู้เลยว่าเดาถูก พี่กวินทำอะไรแว่นน้อยของเธอ

   “ไม่ได้ทำอะไรเพียงแต่......ไม่เห็นมาห้าวันแล้ว” ยิ่งพูดยิ่งเสียงเบากลัวว่าเพื่อนจะว่า

   “ทำไมไม่โทรหาล่ะ”

   “ก็ไม่มีเบอร์” กล้ามีเพียงเบอร์พี่เชษฐ์กับพี่ซินที่ขอโทรศัพท์ไปเมมให้เมื่อวันที่ไปร้านแต่กลับคุณกวินนั้นเขาไม่มีช่องทางติดต่อจริงๆ

   “โทรหาพี่เชษฐ์สิแต่ก็แล้วแต่นะไปพักก่อนไป” เห็นหน้าหงอยๆแล้วก็ไม่อยากจะพูดอะไรต่อเลยไล่คนตัวเล็กให้หนีเข้าไปหงอยในห้องพัก กล้าหยิบโทรศัพท์ออกมาเลื่อนไปที่เบอร์พี่เชษฐ์ ไม่รู้ว่าพี่ชายคนนี้ไปอยู่ที่ชลแล้วเป็นอย่างไรบ้างจะรู้รึเปล่าว่าคนที่หายไปเป็นยังไงบ้าง

   กดดี

   หรือไม่กดดี

   “เอาล่ะ” เมื่อตัดสินใจได้มือขาวก็กดโทรออกหาพี่เชษฐ์ รอสายไม่นานเสียงทุ้มก็กดรับสาย

   “(สวัสดีครับ)”

   “พ..พี่เชษฐ์”

   “(อ่าวน้องกล้าว่าไงครับ)” เชษฐ์แปลกใจเมื่อคนที่ไม่คิดว่าจะโทรหากลับโทรหาเขา

   “พี่เชษฐ์ ย้ายไปที่ชลหรือยังครับ” อยากจะถามหาใครอีกคนแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง

   “(ยังครับพอดีมีปัญหาพี่เลยยังไม่ได้ไป)” พอรู้ว่ามีปัญหากล้าอดเป็นห่วงไม่ได้

   “มีอะไรมากหรือเปล่าครับ” ร่างบางรีบถาม

   “(อ้อเปล่าครับ พอดีบอสพี่บาดเจ็บนิดหน่อย.......เงียบนะไอ้เชษฐ์” เสียงตะโกนลอดเข้ามายังไม่ทำให้ร่างขาวตกใจจนหน้าซีดเท่ากับคำบอกเล่าของพี่เชษฐ์ บาดเจ็บ!! บอส?? คุณกวินงั้นเหรอ

   “พี่เชษฐ์คุณกวินเป็นอะไรหรือครับ” มือเรียวกำแน่นระหว่างรอคำตอบของพี่ชาย

   “(เอ่อ พี่พูดไม่ได้อ่ะน้องกล้า บอสนอนจ้องหน้าพี่อยู่)” ยิ่งพูดร่างขาวยิ่งรู้สึกเป็นห่วงดวงตากลมเริ่มแดงระเรื่อ

   “พี่เชษฐ์ครับอยู่ไหนครับ” เป็นครั้งแรกที่กล้าถามเรื่องอีกฝ่ายถึงจะแปลกใจแต่เชษฐ์ก็บอกที่อยู่ตอนนี้ให้ กล้ารีบวางสายแล้วไปหยิบกระเป๋ารีบเดินออกไปหาชะเอม

   “เอม เราขอหยุดครึ่งวันนะ” ยังไม่ทันได้ฟังคำตอบกล้าก็ขอบคุณแล้ววิ่งหนีปล่อยให้ชะเอมยกมือค้างยังไม่ทันที่จะได้ถามเลยว่าเพื่อนหนอนหนังสือของเธอรีบร้อนไปไหน กล้าเรียกแท็กซี่บอกจุดหมายปลายทางมือเรียวประสานแน่นอยู่บนตัก




เชษฐ์ Part

   จากที่แรกกำหนดการของผมจะต้องไปอยู่ชลแล้วแต่บอสผู้ซึ่งไม่เคยสำนึกตัวเองเลยว่าตอนนี้โดนหมายหัว หลังจากรับโทรศัพท์ก็รีบกลับบริษัทหลังจากแก้ปัญหาเสร็จก็หนีกลับไม่บอกคนติดตามเลยโดนลอบทำร้ายแล้วเป็นไง ตอนนี้ก็นอนเจ็บอยู่บ้านนี่ไง

   “บอสจะเอาอะไรอีกไหมครับ”

   “เอาโน้ตบุ๊กมาให้ฉัน” เชษฐ์กรอกตา หลังจากที่หลับไปสามวันตื่นมาก็เรียกจะเอาเอกสาร เอาโน้ตบุ๊ก จนผมต้องสั่งห้ามทุกคนที่เข้ามาดูแลห้ามเอาเข้าให้โดยเด็ดขาดไม่งั้นบอสเขาก็ไม่ยอมพักแน่ๆ

   “ไม่ได้ครับ อ้อเดี๋ยวผมขอไปรอรับแขกก่อนนะครับ นอนพักนิ่งๆถ้าแผลเปิดอีกผมจะให้หมอฉีดยานอนหลับให้”วันก่อนเล่นขยับซะจนแผลฉีกเดือดร้อนหมอที่ต้องรีบมารักษา

   “จะไปไหนก็ไปไอ้เชษฐ์” ผมรีบหนีออกจาห้องไปรอต้อนรับแขกพิเศษดีกว่าบอสเขาจะหายเร็วก็เพราะแขกพิเศษนี่ล่ะ โดนยิงไปตั้งสามนัดรอดมาได้ก็เรียกปาฏิหาริย์แล้ว รอไม่นานก็มีแท็กซี่มาจอดที่รั้วหน้าบ้านผมเห็นได้จากจอมอนิเตอร์ ร่างเล็กที่พอลงจาแท็กซี่แล้วยืนหันซ้ายหันขวา ผมรีบเดินไปที่รั้วที่ตอนนี้น้องกล้าโดนลูกน้องผมเข้าไปล้อมแล้ว

   “เดี๋ยวนั่นแขกฉันเอง”

   “ครับ” ทุกคนรีบกลับไปประจำตำแหน่ง ผมรีบเดินไปหาคนที่ทำหน้าตื่นใบหน้าขาวซีดซะจนเขาสงสาร

   “เข้ามาในบ้านสิ”

   “เอ่อคุณกวินเป็นยังไงบ้างครับ” กล้ารีบเดินเข้ามาจับแขนพี่ชายไว้ดวงตากลมใต้แว่นหนาฉายแววเป็นห่วงอย่างไม่คิดที่จะปิดบัง

   “ตอนนี้หมอให้พักแล้วก็ห้ามขยับตัว”

   “เป็นหนักมากเลยเหรอครับ” เชษฐ์มองน้องชายตัวเล็กที่มาหาเขาไม่ใช่สิต้องแก้ว่ามาเยี่ยมบอสผมต่างหาก

   “ก็คนไข้ดื้อนิดหน่อยนะ” หันไปมองกล้าที่เอียงหน้าทำหน้างงๆท่าทางน่ารักจนผมหลุดขำพอเห็นผมขำกล้ายิ่งทำหน้างงไปใหญ่เลยพาน้องเดินเข้าบ้านท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของลูกน้องว่าร่างเล็กนี่เป็นใครกันแน่

   “เดี๋ยวขึ้นไปเยี่ยมบอสก่อนก็แล้วกันนะ” พอจะชวนขึ้นไปข้างบนกล้าก็หยุดนิ่งที่บันได

   “ผม...ผมกลับดีกว่า” คิดจะหนีเหรอผมรีบคว้าแขนเล็กนั่นไว้แล้วลากขึ้นไปบนห้องใหญ่ชั้นบนไม่ฟังเสียงท้วงเบาๆของน้องกล้า


   ก๊อกๆ

   “เข้ามา” พอกล้าได้ยินเสียงของบอสก็ตัวแข็งทื่อพยายามที่จะแงะมือผมออกอีก คิดเหรอว่าจะรอด ยาดีสำหรับบอสเขาแบบนี้ไม่ปล่อยไปหรอกนะ รีบเปิดประตูแล้วผลักน้องชายสุดที่รักเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู อ่ะ แถมปิดล็อกจากข้างนอกให้ด้วยเอ๊า หึๆ บอสจะต้องขอบคุณเขา



   กวินมองคนที่โดนผลักเข้ามาในห้องอย่างไม่เชื่อสายตาพอจะลุกไอ้แผลที่อยู่ที่ท้องและไหล่เจ็บจนต้องล้มตัวนอนลงไปอีก

   “โอ๊ย” เจ็บซะจนเขาต้องร้องออกมา อย่าบอกนะว่าเลือดออกอีก

   “อย่าลุกสิครับ” ก่อนที่จะได้พูดอะไรมือขาวๆก็ดันไหล่ข้างที่ไม่บาดเจ็บให้นอนลง กวินมองใบหน้าเนียนนิ่ง ทั้งๆที่อยากจะไปหาแต่สภาพร่างกายนี่สิ

   “เจ็บ”

   “จะ..เจ็บตรงไหนครับ ละ..เลือดออกด้วย”เสียงหวานตื่นตระหนกมองร่างเล็กที่รีบวางกระเป๋ามองซ้ายมองขวาหาอะไรมาเปลี่ยนผ้าพันแผล

   “ไปถามกับไอ้เชษฐ์ก็ได้” คิ้วหนาขมวดแน่นหน้าผากเริ่มมีเหงื่อซีมเพราะอาการปวดหนึบที่แผล ครั้งนี้พวกมันเล่นหนักซะจนเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอดหายดีเมื่อไหร่จะตามเก็บบัญชีนี้รายตัวผมหลับตาลงซักพักได้ยินเพียงเสียงเปิดปิดประตู

   “คุณกวินครับเดี๋ยวผมเปลี่ยนผ้าพันแผลนะครับ” มืออุ่นๆที่แตะที่แผลทำให้ผมลืมตา ร่างขาวที่ยืนชะโงกหน้ามาดูแผลที่ไหล่เพราะท่าทางดูลำบากผมเลยบอกให้ขึ้นมานั่งบนเตียงท่าทางเหมือนกระต่ายตื่นๆที่แสนคิดถึง

   “ไม่เป็นไรก็ได้มั้งครับ” ท่าทางลังเลเหมือนตัดสินใจไม่ได้

   “อ่ะ เจ็บ” เพียงแค่ผมอุทานเบาๆน้องก็รีบวางกล่องพยาบาลขึ้นมานั่งบนเตียงข้างที่ไหล่เจ็บ ดวงตาคมมองใบหน้าเนียนที่ตั้งอกตั้งใจทำแผลอย่างเบามือจนเปลี่ยนเสร็จทั้งไหล่และที่ท้อง

   “ทำไมถึงมาตอนนี้ได้ล่ะ” ถามเพราะว่าตอนนี้ยังเป็นเวลางานของน้อง

   “พอดีโทรหาพี่เชษฐ์เลยรู้ข่าวนะครับ” น้องตอบเสียงเบา อะไรคือการที่น้องมีเบอร์ไอ้เชษฐ์วะ แต่ก็รู้สึกดีใจที่มาถึงจะไม่ได้ตั้งใจมาหาเขาก็เถอะ ให้ตายเด็กน้อยชะมัดที่ดีใจกับเรื่องอะไรแบบนี้

   ก๊อกๆ


   “อาหารเที่ยงกับยาครับบอส”  เชษฐ์ที่เห็นว่าได้เวลาทานข้าวแล้วถึงจะแปลกใจเมื่อเห็นกล้าขึ้นไปนั่งบนเตียง

   “งั้นผมกลับนะครับ”

   “โอ๊ะไม่ได้ครับพี่จะไปทำธุระฝากกล้าดูแลบอสได้ไหมครับ” ผมรีบถลึงตาใส่ไอ้ลูกน้องที่เจ้ากี้เจ้าการ ก็ดูน้องตอนนี้สิก้มหน้านิ่ง

   “เอามาวางไว้แล้วไปทำธุระที่ไหนก็ไป ไปส่งกล้าด้วย” อยากจะลุกไปตบหัวมันซักทีที่พอได้ยินผมสั่งมันก็กรอกตาไปมาทำปากขมุบขมิบนี่ผมยังเป็นเจ้านายมันไหม

   “เอ่อ”

   “ออกไปได้แล้ว” ผมตัดบทเพราะแค่น้องมาถึงบ้านเขาก็พอใจแล้ว ไอ้เชษฐ์ถอนหายใจก่อนที่จะยกถาดมาวางที่โต๊ะข้างเตียง

   “ป่ะน้องกล้าเดี๋ยวพี่แวะไปส่งบ้าน ปล่อยบอสพี่นอนแห้งอยู่นี่ล่ะ” ผมหลับตาลงได้ยินเสียงปิดประตู คงจะไปแล้วสินะน่ารำคาญแผลที่แค่ขยับเลือดก็ไหลซึมออกมาแล้วให้ตายเถอะ ได้แต่หงุดหงิดตัวเองยังดีที่เจ็บแค่ข้างเดียว ด้วยความที่ลูกน้องแต่ละคนรู้ดีว่าไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่มย่ามในห้องต่อให้เจ็บแค่ไหน แต่ไอ้เชษฐ์ห้ามมันได้ซะที่ไหน


   “ชิส์” ได้แต่จิปากเมื่อขยับพิงหมอนแล้วเอื้อมไปหยิบแก้วยาหลายเม็ดมากิน ข้าวตงข้าวต้มไม่ต้องกินมันหรอก แต่ก่อนที่จะกรอกยาเข้าปากประตูห้องก็เปิดซะก่อน

   “ทำอะไรนะครับ” หยุด ทุกอย่างหยุดรวมทั้งผมที่นิ่งจนมือขาวมาหยิบแก้วยาออกจากมือแล้วนั่งลงข้างๆ

   “ไม่ได้กลับไปแล้วเหรอ” ถามขึ้นเมื่อตั้งสติได้

   “ถ้ากลับก็ไม่เห็นคุณกวินไม่ยอมกินข้าว” จมูกรั้นย่นให้กับความรั้นถ้าเขากลับคงไม่เห็นคนเจ็บที่ไม่ยอมกินข้าวหรอก
   “ก็...”

   “เดี๋ยวผมป้อน” กล้าถือถ้วยข้าวต้มใช้ช้อนตักขึ้นจ่อริมฝีปากบางเป่าเบาๆแล้วค่อยยื่นไปจ่อปาคนเจ็บที่ยังมองหน้าเขานิ่งก่อนที่จะอ้าปากรับข้าวต้ม ในห้องมีเพียงเสียงช้อยกระทบชามกล้าบรรจงป้อนข้าวต้มจนจะหมดชามเมื่อเห็นคนเจ็บอิ่มแล้วเขาก็หยิบยาส่งให้

   “ทานยาก่อนครับ” คนเจ็บรับยาส่งเข้าปากแก้วน้ำก็ถูกยื่นมาจ่อริมฝีปากแถมยังหยิบทิชชู่มาเช็ดขอบปากผมให้อีก ประคองให้ผมลงไปนอน เมื่อได้รับการดูแลอย่างดีคนเจ็บยิ้มกว้างลืมความเจ็บแผลไปเรียบร้อย

   “ขอบคุณนะ”ผมคว้ามือขาวมากุมไว้แน่นเมื่อฤทธิ์ยาออก ตาคมเริ่มปรือแต่ไม่อยากปล่อยมือที่ให้ความอบอุ่นนี้ไปสิ่งสุดท้ายที่จำได้ก่อนที่สติจะหายไปคือรอยยิ้มหวานของคนที่กุมมือตอบ
**************************************************
ฮืออออออออออ
ไม่ว่างเลยค่ะทั้งงานราษฎและงานหลวงรุมเร้าเหลือเกิน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นที่เป็นกำลังใจให้เขียนต่อ
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราบ้างนะคะ

หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่9 29/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 29-03-2018 12:52:36
9
   
หลังจากที่ผล่อยหลับเพราะฤทธิยาคนเจ็บรู้สึกตัวขึ้นมาข้างนอกก็มืดไปซะแล้ว กวินกระพริบตาไปสองสามทีเรียกสติ คนตัวเล็กคงจะกลับไปหลังจากที่ผมหลับแล้วสินะทั้งๆที่คิดอย่างนั้นสัมผัสที่กุมมือไว้นั้นแสดงว่าผมคิดผิด ผงกหัวขึ้นมองเห็นเพียงหัวทุยที่นอนซบแขนตัวเองหลับสนิท มืออีกข้างนั้นยังถูกมือผมกุมไว้แน่น นี่นอนเฝ้าเขาตลอดเลยเหรอ ขณะที่เขากำลังคิดว่าจะปลุกดีหรือเปล่าประตูก็เปิดออก ไอ้เชษฐ์เดินเข้ามาหน้าตาระรื่น

   “แฮ่ม ตื่นแล้วเหรอครับบอสให้ผมเอาข้าวขึ้นมาให้เลยไหมครับ” อย่าคิดว่าฟังน้ำเสียงล้อๆของมันไม่ออกนะได้แต่ถลึงตาใส่ลูกน้องตัวดี

   “น้องนอนหลับไปนานหรือยัง”

   “ก็หลังบอสไปไม่เท่าไหร่ครับท่าทางจะเพลีย” ผมพยักหน้ารับแต่จะให้นอนแบบนี้คงจะไม่สบายตัว

   “ไปยกขึ้นมาเลย”

   “แล้วน้องล่ะครับ”

   “เดี๋ยวฉันปลุกเอง” ผมรีบห้ามทันทีเมื่อไอ้เชษฐ์ทำท่าจะเดินเข้ามาหาน้อง ให้ตายเถอะผมไม่เคยรู้สึกหวงอะไรแบบนี้เลยซักครั้งในชีวิตนี้ ไอ้ลูกน้องตัวดีหัวเราะในลำคอก่อนที่จะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป หึ เห็นทีคำสั่งไปชลคงจะเลื่อนเร็วขึ้นอีกถึงจะยังไม่หายก็จะให้มันไป เลิกคิดวุ่นวายกับไอ้เชษฐ์แล้วหันไปปลุกคนเล็กที่นอนหลับสนิท เรื่องน้องนอนขี้เซานั้นผมรู้ดีเหมือนตอนที่แอบเข้าบ้านนั่งเฝ้าเป็นชั่วโมงน้องก็ยังไม่คิดจะตื่น

   “กล้า.....กล้าครับ...น้องกล้า” เขย่ามือเรียกน้องเบาๆจนหัวทุยๆค่อยๆสเงยหน้านี่หลับทั้งๆไม่ถอดแว่นเลยนี่นะ ตากลมโตใต้แว่นกระพริบถี่ท่าทางงงๆเหมือนกำลังคิดว่าตัวเองอยู่ที่ไหนนั้นน่ารักซะจนผมหลุดขำ

   “ไปล้างหน้าก่อนไหมครับ” พอหันมาทางผมตากลมนั่นยิ่งเบิกกว้างกว่าเดิมแถมแก้มขาวนั้นยังแดงระเรือเพราะผมบีบมือขาวที่กุมไว้

   “อ่า ครับ” น้องหันซ้ายหันขวาอย่างไม่รู้ว่าตัวเองจะไปทางไหน ยิ่งเห็นผมยิ่งคิดว่าน้องเหมือนกระต่ายเข้าไปทุกที

   “อยู่ด้านหลังตรงมุมนั้น ในห้องน้ำมีผ้าขนหนูที่พี่ยังไม่ได้ใช้กล้าใช้ได้เลย” พูดจบน้องก็ยังนั่งนิ่งไม่ขยับตัว

   “ปะ...ปล่อยมือได้ไหมครับ” อ่าวลืมไปเลยว่าจับมือน้องไว้ผมปล่อยมือน้องด้วยความเสียดาย พอปล่อยน้องก็กระโดดแผล็วเข้าห้องน้ำ พอดีกับไอ้เชษฐ์ยกถาดอาหารเข้ามาพอวางไว้ก็เดินออกไป ไม่นานน้องก็เดินออกมาจากห้องน้ำท่าทางมองซ้ายมองขวาอยากจะหนีกลับ

   “อ่าหิวจัง” พอน้องได้ยินน้องก็รีบเดินเข้ามาหา

   “พี่เชษฐ์ไปไหนเหรอครับ” รู้ดีที่น้องถามเป็นเพราะจะหาทางหนีแล้วให้เชษฐ์ดูแลผมแน่ๆ

   “เชษฐ์ไปทำงานต่อแล้ว”

   “ดึกแบบนี้นะเหรอครับ” ตากลมเบิกกว้าง ถ้าน้องรู้ว่าบางทีพวกเขาแทบไม่ได้นอนเลยสองวันตาคงโตกว่านี้แน่ๆ

   “ใช่ เพราะพี่เจ็บอยู่เชษฐเลยต้องทำแทนพี่”

   “ทำงานหนักแบบนี้ตลอดเลยเหรอครับ” น้องขยับเข้ามาใกล้ช่วยผมให้พิงหมอนแล้วยกชามข้ามต้มค่อยๆเป่าแล้วป้อนผม พอกินไปได้สองคำผมก็ปิดปากแน่

   “ไม่ทานแล้วเหรอครับ”

   “กล้าทานด้วยสิไม่งั้นพี่ก็ไม่กิน” จะให้ผมทานคนเดียวได้ยังไงกัน ไม่รู้เลยว่าตอนที่น้องมาน้องได้กินข้าวมาแล้วหรือยัง

   “คุณกวินกินก่อนก็ได้ครับ”

   “กินด้วยกัน” แม้จะเคืองๆที่น้องยังไม่ยอมเรียกเขาว่าพี่ซักทีแต่ก็เป็นห่วงคนตัวบาง กล้าที่เห็นสายตาคมกดดันพอสบสายตานี้เขาโต้แย้งอะไรไม่ได้ เลยได้แต่พยักหน้า ป้อนคนเจ็บคำให้ตัวเองอีกคำจนคนเจ็บยิ้มพอใจยอมว่าง่ายทั้งกินข้าวกินยาไม่โดยไม่อิดออด คนเจ็บมองกล้าที่หันซ้ายหันขวา

   “ผมกลับล่ะนะครับ” เพียงคำสั้นๆก็ทำให้คนเจ็บรู้สึกเจ็บแผลขึ้นกะทันหัน

   “ช่วยทำแผลให้พี่ได้ไหม นี่ก็ดึกแล้วพักที่นี่เถอะนะ”

   “ทำแผลเสร็จผมค่อยกลับก็ได้ครับ” คนตัวเล็กยังยืนยันที่จะกลับบ้าน นี่มันก็ดึกแล้วไม่อยากให้กลับเลย

   “ค้างที่นี่เถอะนะครับ พี่เป็นห่วง” เพียงถ้อยคำสั้นๆกับน้ำเสียงทุ้มทีวอนขอทำให้กล้าเผลอพยักหน้าลงโดยไม่รู้ตัว รู้สึกตัวอีกทีคนเจ็บก็ยิ้มกว้างทำลายระบบความคิดเขาไปหมด

   “เดี๋ยวผมทำแผลให้นะครับ” กล้าปีนขึ้นเตียงก้มหน้าก้มตาทำแผลไม่ยอมสบสายตาคมที่ที่มองทุกการกระทำ กล้าอยากจะถามเหลือเกินว่าจ้องอะไรเขาหนักหนาพยายามที่จะจดจ่อกับแผลเมื่อการทำแผลเพราะคนเจ็บนั้นไม่ได้ใส่เสื้อมีเพียงผ้าพันแผลสีขาวพันช่วงไหล่และช่วงเอวสอบ จนกระทั่งเสร็จมันคงเป็นการทำแผลที่ทำให้หัวใจเขาทำงานหนักมาก

   “พี่มีเสื้อผ้าใหม่กับผ้าขนหนูอยู่ในตู้กล้าหยิบไปใช้ได้เลยนะ”

   “ขอบคุณครับ” กล้าบอกเบาๆแล้วลงจากเตียง ผมหลับตาเพื่อให้น้องสะดวกใจกับการใช้ห้องเลยแกล้งทำเป็นหลับได้ยินเพียงเสียงกุกกักทั้งๆที่ไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับห้องนอนและไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามในนี้แต่เขาก็รู้สึกดีที่มีน้องอยู่ในห้อง ความรู้สึกมันชัดเจนจนไม่รู้ว่าจะชัดเจนยังไงแล้ว เหลือก็เพียงเปิดประตูทีน้องไม่ยอมให้เขาเข้าไปซักที






   กล้ายืนกุมแก้มที่มันร้อนฉ่าจนรู้สึกได้เรียวปากบางขบเม้มจนเป็นเส้นตรงดวงตากลมใต้แว่นสั่นไหว อาการหัวใจเต้นแรงจนก้องอยู่ในหู ยิ่งอยู่ใกล้หัวใจยิ่งเหมือนไม่ใช่ของตัวเอง พอเห็นอาการเจ็บหนักของคุณกวินครั้งแรกหัวใจเขาก็ปวดหนึบขาแทบก้าวไม่ออก แถมยังเผลอหลับไปอีก

   “ฮือออ ทำอะไรลงไปนะกล้า” ลูบแก้มที่ตอนนี้แดงก่ำ จริงอยู่ที่อยู่ต่อหน้าเขาอาจจะไม่แสดงอาการอะไรแต่ในใจนี่เต้นรัวจนกลัวคุณกวินได้ยิน หายใจเข้าลึกๆเรียกสติก่อนที่จะเข้าไปอาบน้ำพอแต่งตัวเหมือนเขาแอบเอาเสื้อพ่อมาใส่ทั้งเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงวอร์มขายาวที่มันเลยขาผมไปอีกจนต้องพับขึ้นสองทบ มองดูสภาพตัวเองด้วยความรันทด ผึ่งผ้าขนหนูไว้กับราวในห้องน้ำแล้วค่อยเดินออกมามองคนเจ็บที่ดูเหมือนจะหลับไปแล้ว มองซ้ายมองขวาก่อนที่จะเดินไปล้มตัวนอนที่โซฟาใหญ่ในห้อ

   “กล้าขึ้นมานอนบนเตียง” ยังไม่ได้ทันที่จะได้หลับตาเสียงทุ้มจากคนที่คิดว่าหลับไปแล้วก็ดังขึ้น

   “แต่ว่าแผลคุณกวิน”

   “ไม่เป็นไรเตียงออกจะกว้างขึ้นมานอนตรงนี้เถอะ”

   “ไม่เป็นไรครับผมนอนตรงนี้ก็ได้” ใครจะกล้าขึ้นไปนอนตรงนั้นล่ะแค่ทำแผลใจเขาก็ทำงานหนักแล้ว

   “อย่าดื้อสิ”

   “ผมไม่ได้ดื้อนะ” อยากจะเถียงเหลือเกินว่าใครกันแน่ที่ดื้อ คนเจ็บต่างหากที่ดื้อแสนดื้อจนเผลอย่นจมูกเบ้ปากใส่คนที่ว่าเขาดื้อ

   “ไม่ดื้อก็นอนที่นี่สิครับ”

   “ผมจะนอนนี่” ได้ยินแต่เสียงถอนหายใจหนักเหมือนยอมแพ้

   “งั้นก็ไปหยิบผ้าห่มในตู้มาครับเดี๋ยวจะไม่สบายเอา” เมื่อเห็นว่าคุณกวินยอมผมก็รีบวิ่งไปเปิดตู้เอาผ้าห่มทันทีล้มตัวนอนบนโซฟาที่ใหญ่กว่าตัวเขามากแถมยังนอนสบายซะจนผ่านไปแปบเดียวก็หลับไปแล้วทั้งๆที่ไม่ใช่ที่บ้านไม่ใช่เตียงตัวเองแต่ความสบายใจนี้ทำให้ผมหลับแทบจะทันที

   เสียงหายใจประสานในห้องเงียบสะงัดสองร่างที่นอนหลับสนิทกันคนละมุมแต่กลับรู้สึกอบอุ่นในหัวใจทั้งๆทีแอร์เย็นเฉียบ(ใช่เวลาเล่นเหรอ)




   แสงสว่างยามเช้าส่องผ่านรอยแยกผ้าม่านแต่สองร่างยังนอนหลับสนิทจนคนที่แอบเปิดประตูห้องเข้ามาส่องหลุดยิ้มแล้วค่อยๆปิดประตูเบาๆเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนสองคนที่ยังหลับอยู่ แต่เพียงแค่เสียงปิดประตูเบาๆคนบนเตียงก็รู้สึกตัวตื่นแล้ว หันไปมองที่โซฟาหลุดยิ้มกับท่านอนที่คุ้นตา ม้วนตัวเป็นก้อนกลมกับผ้าห่ม กวินค่อยๆหยัดตัวขึ้นยังดีที่แผลเขาไม่ได้ปวดเท่าไหร่

   “อ่า” ยกมือกุมแผลที่ท้องที่ปวดจิ๊ดๆ ก่อนค่อยๆลงจากเตียงเดินกระเพลกเข้าห้องน้ำปล่อยให้คนตัวเล็กนอนหลับอย่างสบาย ทำธุระส่วนตัวเสร็จผมก็โทรให้ไอ้เชษฐเอาเอกสารงานมาให้ขยับได้ขนาดนี้แล้วจะให้นอนนิ่งๆงานการก็ไม่เดินซักที ค่อยๆเดินไปที่โซฟาวันนี้น้องต้องไปทำงาน

   “กล้า..ตื่นได้แล้ว” เขย่าตัวน้องเบาๆซักพักน้องก็ตื่นท่าทางงัวเงีย

   “ลุกได้แล้วเหรอครับ ไม่เจ็บแผลเหรอ” หลังจากที่นั่งเรียกสติไม่นานน้องก็รีบถามเพราะเห็นผมยืนอยู่
 
   “เจ็บนิดหน่อยไม่เป็นไร วันนี้กล้าไปทำงานเดี๋ยวพี่ให้คนไปส่ง”

   “เดี๋ยวผมกลับเองก็ได้ครับ” มองคนที่ดื้อกับผมซะเหลือเกิน

   “หรือจะให้พี่ไปส่งเองครับ พี่ไปได้นะ” ตาโตสะบัดค้อนให้เรียวปากเม้มอย่างรู้สึกขัดใจที่คนตัวโตบังคับหันไปพับผ้าห่มวางไว้ที่ปลายเตียงแล้วหนีเข้าห้องน้ำ กวินเดินไปหยิบเสื้อมาใส่ก่อนที่จะเดินลงไปข้างล่างปล่อยให้น้องใช้ห้องตามสบาย

   “ลงมาทำไมครับนาย” ไอ้เชษฐ์ที่กำลังจัดเอกสารหันมามองเขา

   “ให้เดินบ้างเถอะ แผลฉันดีแล้ว ป้าน้อมทำกับข้าวอะไรล่ะวันนี้” เดินไปนั่งที่โต๊ะทานข้าว บ้านหลังโตมีเพียงผมไอ้เชษฐ์และป้าน้อมกับลูกน้องอีกสี่ห้าคนซึ่งมีบ้านอยู่ในรั้วเดียวกันบ้านใหญ่มีเพียงผมอยู่คนเดียว

   “ป้าทำข้าวต้มกุ้งให้ค่ะ” ยังไม่ทันไอ้เชษฐ์ได้ตอบ ป้าน้อมก็ยกถาดข้าวมาเสิร์ฟถึงที่ ป้าน้อมป้าแม่บ้านที่เหมือนเป็นแม่อีกคนของผมร่างท้วมๆแต่ทำอะไรคล่องแคล้วเลี้ยงดูผมกับไอ้เชษฐ์มาด้วยกัน

   “หอมจังเลยครับ ผมขออีกที่นะครับ”

   “ได้ค่ะ” ป้าน้อมเดินเข้าห้องครัวพอดีกับน้องลงมาจากห้อง

   “อรุณสวัสดิ์น้องกล้า” ไอ้นี่ก็ตัดหน้าตลอด

   “มานั่งกินข้าวด้วยกันก่อนนะเดี๋ยวเชษฐ์จะไปส่ง”

   “ครับ” น้องวางกระเป๋าไว้ที่เก้าอี้แล้วนั่งลงข้างๆไอ้เชษฐ์ก็ลุกมาร่วมโต๊ะ

   “หลับสบายไหมครับ” เชษฐ์ถามน้องซึ่งน้องส่งยิ้มบาง

   “สบายครับ” พอดีกับป้าน้อมยกถาดข้าวต้มมาน้องรีบยกมือไหว้ป้าน้อมยิ้มเอ็นดูแถมยังบอกน้องทานเยอะๆอีก นั่งกินกันเงียบๆ

   “ป่ะเดี๋ยวพี่ไปส่ง” ทั้งเชษฐ์และกล้าเตรียมตัวที่จะออกจากบ้านแล้วผมขยับเข้าไปใกล้ถือวิสาสะกุมมือน้องไว้

   “ถ้าพี่หายเดี๋ยวพี่จะยืมหนังสือนะ” ร่างเล็กไม่พูดอะไรเพียงพยักหน้าเบาๆนั่นก็ทำให้ผมยิ้มกว้างแล้วเห็นทีผมต้องรีบหายเพื่อที่จะได้ไปหากล้าที่ห้องสมุดซะแล้ว





   หลังจากที่กล้ามาเยี่ยมก็ผ่านไปอาทิตย์กว่าๆแล้วแผลที่ถูกยิงก็แทบหายดีแล้วร่างสูงในชุดสูทพอดีตัวใบหน้าคมสวมแว่นตาสีชาเดินเข้าตึกพร้อมกับขบวนชายชุดดำตามหลังบรรยากาศเย็นยะเยือกและน่าหวาดหวั่นจนพนักงานในตึกหวาดหวั่นแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปขวาง เมื่อร่างสูงและคนติดตามเดินเข้าลิฟท์ไป ทุกคนถึงได้รู้ตัวว่าเมื่อซักครู่พวกเขานั่นกลั้นหายใจ ทำไมถึงน่ากลัวแบบนี้นะ

   “บอสจะเข้าไปคนเดียวจริงๆนะเหรอครับ”

   “หึ แค่ฉันรอดตายมาได้มันก็คงร้อนรนจะเป็นจะตายอยู่แล้ว” รอยยิ้มเย้ยยันแผลมันหายแต่มันก็เป็นรอยแผลเป็นและคนที่ทำมันก็ต้องรับผลที่ทำ

   “แต่คุณเชษฐ์ให้พวกผม..”

   “พอ..ไม่ต้องพูดถึงมัน” ผมรีบยกมือห้ามเพราะเพียงพูดถึงหูก็เหมือนได้ยินเสียงบ่นไอ้เชษฐ์ลอยเข้าหูเลยทีเดียว เมื่อลูกน้องแต่ละคนเชื่อไอ้เชษฐ์มากกว่าผมจะห้ามอะไรได้ เดินขึ้นไปยังห้องประธานใหญ่

   “ดะ........เดี๋ยวค่ะ ต้องนัดไว้ก่อนนะคะ” เลขาหน้าห้องที่เพียงสบตาก็ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า ส่งยิ้มเย็นก่อนที่จะพังประตูห้องเข้าไปไม่สนใจเสียงหวีดร้องของเลขาหน้าห้อง

   ปัง

   “ไง”

   “แกอ..ไอ้กวิน” ร่างท้วมของคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะผุดลุกขึ้นยืน ท่าทางตื่นตระหนกและหวาดกลัว หึรีมฝีปากหนายกยิ้มเหยียด

   “ทำหน้าเหมือนเห็นผีเลยนะครับ” น้ำเสียงสบายๆพร้อมกับยกมือสั่งลูกน้องให้ยืนรอตรงประตูก่อนร่างสูงจะก้าวไปนั่งเก้าอี้อย่างถือวิสาสะมือใหญ่ประสานอยู่บนตัก

   “แกมาที่ทำไม”

   “ก็แค่มามาบอกว่ายังไม่ตายและมาคิดบัญชี”

   ปัง!!

   “บัญชีเหี้ยอะไรไอ้เด็กเวร” โดนด่าว่าเด็กเวรอีก มองคนร้อนรนที่โวยวายปิดบังความรู้สึกสึกหวาดกลัวที่ฉายชัดออกมาทางแววตามือประสานกันนิ่งไม่ได้หวาดหวั่นกับท่าทางที่เล่นใหญ่จนเกินจริง

   “อืมนั่นสินะครับ เอาเป็นว่าเตรียมรับการคิดบัญชีจากผมดีๆก็แล้วกันนะครับ ขอให้มีความสุขกับทรัพย์สมบัติก่อนที่จะไม่มีโอกาสนะครับ” รอยยิ้มเย็นที่ทำให้คนมองรู้สึกเย็นยะเยือกแต่แผ่นหลังท้วมชุ่มไปด้วยเหงื่อ คนอย่างกวินในเมื่อถ้าคิดจะเล่นงานก็ต้องเตรียมรับผลที่กล้ามากระตุกหนวดเขา ส่งรอยยิ้มเย็นแล้วลุกขึ้นเดินกลับสายตาคมที่มองเหมือนเป็นตัวอะไรที่ไม่ควรค่า ตอนมาทำให้ทุกคนหวาดหวั่นขากลับยิ่งทำให้ทุกคนหลีกหนี

   
   “จะไปไหนต่อครับนาย” ใบหน้าที่ยังคงเย็นชาวันนี้ที่เขาไปพบตาแก่จิ้งจอกนั่นก็เพื่อบอกและเตือนพวกที่รวมมือว่าผมจะไม่ตั้งรับอีกต่อไปแล้ว ทีแรกว่าจะรอก่อนแต่เมื่อเล่นแรงแบบนี้ก็ไม่คิดจะเอาไว้เหมือนกัน ทั้งๆที่ทำธุรกิจมือสะอาดแต่ไอ้พวกโลภมากยังมาวุ่นวาย

   “แวะไปเอาขนมก่อนแล้วค่อยไปห้องสมุด” ขนมที่ร่างบางบอกว่าอร่อยทีแรกก็แค่ต้องการหาอะไรตอบแทนไอ้เซษฐ์แนะนำให้ซื้อไปให้ พอไอ้เชษฐ์บอกมาว่าอร่อยก็สั่งคนให้ไปสั่งจองเป็นเดือน จนไอ้เชษฐ์บ่นว่าทุ่มเทเกินไป สั่งให้ลูกน้องไปรับขนมแล้วก็ตรงไปห้องสมุดตั้งแต่เจอกันวันนั้นก็ไม่ได้ติดต่ออีกเลย ไอ้เชษฐ์ก็โดนผมเนรเทศไปคุมงานที่ชลเมื่อสองวันก่อน พอรถจอดที่หน้าห้องสมุดผมก็ถือเอาถุงขนมลงไป

   “จะให้ผมไปด้วยไหมครับนาย”

   “ไม่ต้องเดี๋ยวตอนเย็นค่อยมารับฉัน” ไม่ทันที่พวกผู้ติดตามจะได้พูดอะไร ร่างสูงก็ก้าวขายาวเดินหนีเข้าห้องสมุด

   “โอ๊ะลมอะไรหอบพี่กวินมานี่คะ” ชะเอมร้องทักคนที่หายไปจะเป็นเดือนเดินถือถุงขนมแบรนด์ดังแต่เห็นทีขนมจะเป็นม่ายซะแล้ว

   “ลมอะไรก็ช่างเถอะ กล้าอยู่หรือเปล่า” ผมเลือกที่จะเมินรอยยิ้มแปลกๆจากชะเอม สายตาคมกวาดมองหาร่างเล็กแต่ก็ไม่เจอ

   “แว่นน้อยไม่อยู่ แว่นน้อยไม่มาทำงานสามวันแล้ว” ได้ยินผมก็แทบจาหยน้องเป็นอะไรทำไมถึงได้ไม่มาทำงานด้วยนิสัยของกล้าคงไม่ทิ้งงานแบบนี้

   “กล้าเป็นอะไร”

   “ไม่รู้สิคะ” ไม่ทันได้สังเกตรอยยิ้มบนใบหน้าชะเอม ผมรีบหมุนตัวเดินออกจากห้องสมุดเดินไปหาลูกน้องที่รออยู่ที่รถ

   “ไปบ้านกล้า” ถึงลูกน้องจะทำตามคำสั่งทันทีแต่ก็ไม่เร็วทันใจผมเลย น้องเป็นอะไรทำไมถึงไม่มาทำงาน
*************************************************
หมดแรงทอคล์ แวะมาลงนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่9 29/3/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-03-2018 13:10:54
 :L2: :L1: :pig4:

รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่10 3/4/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 03-04-2018 22:32:55
10
รถคันหรูขับด้วยความเร็วมาจอดหน้าบ้านหลังเล็กไม่รอให้ลูกน้องทั้งสองคนเดนลงมาเปิดประตูกวินก็เปิดประตูรถเดินเข้ารั้วบ้านขายาวๆนั้นก้าวไปจนถึงประตูบ้านลองหมุนลูกบิดดูก็รู้ว่าไม่ได้ล็อก กล้าจะเป็นอะไรไหม??
   “กล้า!! กล้า!!” เสียงตะโกนดังลั่นบ้านพร้อมกับร่างสูงที่กวาดสายตามองรอบๆด้านล่างแล้วไม่เห็นคนตัวเล็กก็หมุนตัวเดินขึ้นชั้นสองของบ้านหยุดที่หน้าห้องนอนที่เขาเคยเข้าไปนอนหมุนลูกบิดเข้าไปก็เห็นร่างขาวที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงยิ่งทำให้ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มรีบเดินเข้าไปที่เตียงแตะเบาๆที่หน้าผากเนียนถ้าหากน้องไม่สบายจะได้รีบพาไปโรงพยาบาล แต่สิ่งที่พบคืออุณหภูมิปกติและลมหายใจเข้าออกที่ดูเหมือนว่า......น้องกำลังหลับ ผมถึงกับถอนหายใจแรงทั้งเพราะความโล่งอกทั้งจากจะบีบคนที่หลับอุตุให้สมกับที่ทำผมตกใจ นี่ขนาดเรียกเสียงดังแทบจะปลุกคนทั้งหมู่บ้านแต่ตัวเล็กก็ยังหลับอุตุได้ไม่สนใจโลกไหนจะบ้านที่ไม่ยอมล็อกประตูอีก มันน่าลงโทษซะให้เข็ด มองดูกองหนังสือเก่าที่วางไว้เป็นระเบียบด้านล่างทั้งยังอุปกรณ์หลายสิ่งที่ดูท่าน้องคงจะทำงานจนเหนื่อยแล้วหลับไป ผมเดินไปปิดผ้าม่านก่อนที่จะลงไปหยิบเอาขนมและบอกให้ลูกน้องกลับบ้านไปก่อน แล้วผมก็นอนเล่นที่โซฟาด้านล่างรอกล้าตื่น

   ผมหอบเอางานกลับมาทำโดยความช่วยเหลือจากซะเอมที่เอารถขนมาส่งให้หนังสือเก่าพวกนี้เป็นหนังสือที่ผมต้องเอามันกลับมารักษาดูแลเพราะเป็นงานที่ชอบเลยเผลอทำโต้รุ่งวันนี้เลยหมดแรก นอนบิดขี้เกียจซักพักแล้วค่อยลุกขึ้นจากเตียง
   “หือ เราปิดผ้าม่านด้วยเหรอ” ได้แต่เกาหัวงงๆเรียวปากสีเชอร์รี่อ้าปากหาวแม้ใบหน้าขาวจะซีดไปหน่อยเพราะการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างบางคว้าแว่นตาเดินเข้าห้องน้ำหลังจากเสร็จธุระแล้วก็เดินลากเท้าลงมาข้างล่างไม่ได้สังเกตว่ามีคนอยู่ในบ้านเดินผ่านโซฟาทั้งๆที่ตาจะปิดหายไปในห้องครัว
   “หิวจัง” บ่นเสียงเบาขณะที่เปิดตู้เย็นแล้วพบเจอกับความว่างเปล่าลืมไปซื้อของเข้าบ้านอีกแล้ว มือขาวลูบเบาๆที่ท้องก่อนที่จะเทน้ำมาจิบ
   “พี่มีขนมกินไหม”
   “ว๊ากกกก” เพราะจู่ก็มีใครมากระซิบที่ข้างหูทำให้ผมตกใจร้องดังลั่น พอหันกลับไปก็เห็นร่างสูงของคุณกวินที่ยืนซ้อนหลังผมอยู่ มาตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมถึงมาที่นี่ได้ เพราะมัวแต่ตกใจเลยได้แต่อ้าปากค้างทำตาโตเหมือนตัวจะแข็งทื่อไปแล้วด้วยซ้ำ
   กวินมองภาพคนที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก มุมปากยกยิ้มอย่างอดไม่ได้เห็นตั้งแต่ร่างบางลงมาแล้วแต่ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเลยว่าเขาอยู่จนเดินมาชิดตัวก็ยังไม่รู้อีก  ถือโอกาสที่ร่าบางกำลังงงฉวยข้อมือเล็กจูงไปที่โต๊ะจับไหล่ให้นั่งลง
   “อ่ะนี่พี่ซื้อมาฝาก....กล้า...น้องกล้า” เหมือนคนตรงหน้ายังไม่ได้สติ ผมเลยยกมือโบกผ่านหน้า ตาโตกระพริบถี่ๆหลังจากตั้งสติได้กล้าก็ขยับถอยห่างแก้มป่องนั้นแดงระเรื่อ
   “มาได้ยังไงล่ะครับ” กล้ายกมือขยับแว่นเพราะรู้สึกขัดเขินจนไม่กล้ามองหน้า
   “ก็ไปหาที่ห้องสมุดแล้วไม่เจอ เลยมาที่บ้าน” ข้ามเหตุผลที่โดนหลอกให้คิดไปไกลจากชะเอม
   “พอดีผมทำงานนะครับ”
   “นี่พี่ซื้อมาฝาก” ผมขยับถุงเค้กไปตรงหน้า ตากลมส่องประกายถูกใจเมื่อเห็กเค้กที่พี่เชษฐ์ถือมาฝากโดยตลอด
   “ขอบคุณครับ” กล้ายกมือไหว้พร้อมกับรอยยิ้มดีใจที่ไม่ปิดบัง
   “ชอบมากเลยสินะ”
   “ครับ ซื้อมาจากที่ไหนครับ ผมจะได้ไปซื้อมากินเองบ้าง” กล้าถามพร้อมกับค่อยๆแกะกล่องเค้ก ชีสเค้กนุ่มๆกลิ่นหอมกระจายทั่วห้องทันทีที่เปิดกล่อง
   “พี่ซื้อมาให้ไม่ดีเหรอครับ” กวินขยับตัวเข้าไปใกล้เพราะน้องส่งส้อมที่มีมาให้
   “ผมเกรงใจ”
   “แต่พี่เต็มใจ” ทั้งผมและน้องต่างนิ่ง  มองใบหน้าขาวที่ก้มลงแทบชิดคาง “พี่อยากสนิทกับกล้าไม่ใช่แค่คนที่ไปยืมหนังสือ"
   “ก็เราสนิทกันอยู่ไม่ใช่เหรอครับ” กล้าถามกลับ
   “เป็นเพราะพี่ก้าวเข้ามาใช่รึเปล่า” เป็นเพราะเขากล้าหรือจะเรียกว่าดื้อด้านก็คงไม่ผิด ถ้าหากเป็นปกติกว่าน้องจะสนิทใจด้วยคงใช้เวลาเป็นเดือนๆแบบไอ้เชษฐ์แต่กับผมที่เหมือนพยายามทู่ซี้เข้ามาน้องก็ยังคงไม่สะดวกใจและยังคงทิ้งระยะห่างจากผมอยู่ดี
   “.....” กล้าเงียบเป็นคำตอบนั่นทำให้ผมถอนหายใจแต่ก็เข้าใจดี
   “กินขนมเถอะ พักผ่อนด้วยนะ พี่กลับก่อน”  แต่ก่อนที่จะได้ลุกขึ้นแรงกระตุกเบาๆปลายเสื้อจากคนที่นั่งก้มหน้าอยู่
   “ตลอดอ่ะชอบทำให้ผมรู้สึกแย่แล้วก็หนีไป” ได้แต่ยืนอึ้งๆ เมื่อเห็นสีหน้าของกล้า คิ้วเรียวขมวดแน่นปากบางนั้นยู่อย่างขัดใจแถมยังแก้มแดงระเรื่อนั่นอีก ทำไมน่าเข้าไปลูบจังเลยนะรีบเบือนหน้าหนีท่าทางน่ารักของกล้าจนทำให้เขาอยากเข้าไปฟัด พึ่งรู้ตัวว่าแพ้อะไรๆน่ารัก ร่างสูงขยับไปนั่งข้างๆมีเพียงความเงียบและชายเสื้อที่ถูกกำไว้
   “พี่ขอโทษครับ”
   “อย่ามาทำเสียงแบบนั้นนะ” เสียงหวานเหวทั้งๆที่ก้มหน้าซ่อนแก้มแดงก่ำที่ยังไงก็ซ่อนไม่มิด เสียงทุ้มๆที่กล้าชอบแต่ก่อนเวลาที่จะได้ยินมีเพียงแค่วันหยุดแต่ตอนนี้เขากลับได้ยินมันบ่อยๆและมันทำให้หัวใจเขาทำงานหนัก
   “โอเค ๆ รีบทานเถอะเดี๋ยวจะไม่อร่อย” ร่างสูงมองกล้าที่บ่นพึมพำเรียวปากบางยู่อย่างขัดใจหันไปตักชีสเค้กเข้าปากโดยที่มืออีกข้างยังกำชายเสื้อเขาไว้ มองเสี้ยวหน้าขาวที่อมยิ้มที่ดูถูกอกถูกใจกับเค้กแสนแพง
   “งานทำเสร็จแล้วเหรอ” กวินหาเรื่องคุยไปเรื่อยยิ่งได้อยู่ใกล้ชิดเรื่องอะไรที่เขาจะพลาดโอกาสล่ะ
   “ยังครับเหลืออีกเยอะเลย” คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยเมื่อคิดถึงงานที่ยังไม่เสร็จอย่างหนักใจเพราะวันนี้ก็วันสุดท้ายแล้วที่เขาจะต้องทำงานให้เสร็จมีหนังสือหลายเล่มที่มีคนต้องการจะยืมแต่งานเสร็จเพียงครึ่งเดียว
   “พี่ช่วยได้ไหมจะได้เสร็จเร็วๆ” กวินเสนอถ้าน้องตกลงเขาก็ได้ข้ออ้างแบบเนียนๆโดยที่ไม่ต้องทำหน้ามึนแอบเนียนอยู่ใกล้คนตัวเล็ก กล้ารีบหันขวับมามองใบหน้าคมถึงจะจ้องได้เพียงครู่เดียวก็เถอะกล้ารีบพยักหน้ารัวๆได้คนช่วยถึงจะทำไม่เป็นแต่ก็ยังดีกว่าทำคนเดียวมั้ง
   ทั้งสองคนต่างตั้งหน้าตั้งตากินเค้กทั้งๆที่กวินไม่ได้ชอบของหวานซักเท่าไหร่แต่ถ้ากินกับคนข้างๆเขาก็ยอมทุกอย่าง กินเสร็จร่างบางก็หายเข้าไปในครัวกวินเลยถือโอกาสถอดสูทเนื้อดีวางพาดโซฟาแผลที่ถูกยิงนั้นดีขึ้นมากแต่ก็ยังไม่หายสนิทเอนหลังพิงโซฟาเพราะเริ่มปวดหนึบแผลที่ท้องถึงภายนอกจะดูดีแต่ภายในยังเจ็บอยู่ถ้าหากนั่งนานๆก็ไม่ไหวเหมือนกัน
   “เป็นอะไรไปนะครับ” กล้าถือแก้วน้ำกลับมาแล้วเห็นคนตัวโตนั่งกุมท้องพิงโซฟาหรือว่าแผลยังไม่หายดี
   “ปวดแผลนิดหน่อยครับ” นั่นไงล่ะคิดไว้ไม่ผิดเพราะแผลที่เขาเห็นนั้นมันลึกจนงไม่มีทางที่จะหายดีภายในวันสองวันหรอก กล้าวางแก้วลงบนโต๊ะ
   “เดี๋ยวผมดูให้ครับ” เสียงหวานบอกเบาๆแล้วนั่งลงบนพื้นพรมเพื่อจะได้ดูแผลที่ท้องได้ชัดๆ กวินขยับตัวเพื่อดึงชายเสื้อออกจากกางเกงแล้วค่อยๆปลดกระดุมเผยให้เห็นกล้ามท้องแกร่งที่สาวๆหลายคนอยากลูบไล้ร่างบางที่เห็นได้แต่อิจฉาเขาก็อยากมีแบบนี้บ้างนะแต่ความขยันในการออกกำลังกายนั้นเป็นศูนย์ มองแผลที่ยังคงมีผ้าก๊อชสีขาวปิดไว้มีเลือดซึมเป็นจุดเล็กๆ
   “เลือดซึมนิดหน่อยนะครับยังไม่หายดีทำไมถึงไปทำงานล่ะครับ” เพราะเห็นใส่สูทเต็มยศกล้าเลยเดาว่าคงไปทำงานขนาดตอนที่นอนเจ็บอยู่ยังทะเลาะกับพี่เชษฐ์เรื่องจะทำงานเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็เดาถูกเพียงรึ่งวันนี้ร่างสูงไปจัดการเรื่องตัวต้นเหตุต่างหาก มือเรียวทำแผลให้ใหม่อย่างคล่องแคล่วเก็บอุปกรณ์ทำแผลที่ค้นมาจากมุมห้องเพราะโดนหนังสือทับไว้จนมองไม่เห็นยังดีที่ยังจำได้ พอเห็นแผลที่ยังไม่หายสนิทร่างเล็กก็เริ่มที่ไม่อยากให้ช่วยทำงานแล้วแต่มีหรือที่จะทัดทานความดื้อของคนเจ็บได้เพียงแค่สบตาสายตาคมกับน้ำเสียงทุ้มละมุนเขาก็ใจอ่อนแล้ว ได้แต่ยอมสอนวิธีทำงานให้กับร่างใหญ่ที่แรกๆดูเงอะงะเพราะมือใหญ่กับงานละเอียดนั้นเป็นภาพที่ทำให้ร่างบางหยุดอมยิ้มไม่ได้เลย
   กวินรู้สึกอยากจะขอให้นิ้วตัวเองเล็กลงกว่านี้อีกนิดเมื่องานที่คนตัวเล็กให้ทำมันคือทากาวบางๆที่ขอบกระดาษและยังต้องทำให้บางสม่ำเสมอกันด้วยให้ตายเถอะ คิ้วหนาขมวดแน่นเพราะจริงจังกับงานที่ทำ ไม่รู้ว่าตัวเล็กทำงานแบบนี้ได้ยังไงทั้งวันแต่มันก็คงจะเหมือนที่เขานั่งเซ็นเอกสารทั้งวันล่ะมั้ง สายลมเอื่อยๆที่พัดผ่านผ้าม่านสีขาวนำกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ปลูกริมหน้าต่าง ต่างคนต่างก้มหน้าทำงานจนเวลาล่วงแสงสว่างหายลับไปนานแล้ว
   “อืออ” เสียงหวานส่งเสียงครางเมื่อยืดตัวบิดขี้เกียจเพราะนั่งก้มนานๆเงยหน้ามาข้างนอกก็มืดเสียแล้ว หันไปมองคนที่นั่งข้างๆยังก้มหน้าก้มตาแปะกาวตากกระดาษให้แห้งดูท่าทางจะคล่องขึ้นกว่าที่ทำแรกๆดวกตากลมใต้แว่นเหลือบมองนาฬิกาที่เข็มสั้นชี้ที่เลขแปด สองทุ่มแล้วเหรอ
   จึก จึก    มือขาวเอื้อมไปกระดุกชายเสื้อคนที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานช่วยเขาจริงๆ
   “หือ อะไรเหรอครับ”
   “ขอโทษครับมัวแต่ทำงาน หิวรึเปล่าครับ” กวินมองคนหน้าขาวที่ทำหน้าสำนึกผิดทำให้เขาเหลือบมองนาฬิกาบ้างนี่ทำงานเพลินขนาดนี้เลยเหรอ
   “ไปหาอะไรกินกันเถอะ” กวินเอ่ยชวนเพราะเขาก็เริ่มรู้สึกหิวพอได้ทำงานก็ลืมเวลาแถมยังเป็นทั้งคู่
   “อือครับ” คนตัวเล็กผงกหัวรัวๆเพราะตอนนี้ท้องเขาร้องหาอาหารแล้วขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะทีแรกนึกว่าจะหาอะไรกินง่ายๆแต่คุณกวินบอกว่าจะพาไปกินอะไรอร่อยๆ ใช้เวลาไม่นานทั้งสองคนก็ขึ้นมานั่งบนรถหรูที่กวินเรียกลูกน้องให้มารับ ร้านอาหารที่กวินพามาเป็นร้านที่ร่างสูงมาทานเป็นประจำเพราะถูกปาก บรรยากาศร้านทำให้กล้ารู้สึกเกร็งขึ้นมาทันทียังดีที่มือใหญ่ที่จู่มาแตะเบาๆที่หลังช่วยทำให้เขาไม่รู้สึกประหม่า พอพนักงานเชิญไปนั่งที่ประจำ
   “สั่งได้เลยนะ” กวินบอกกับคนตัวเล็กที่ยังกวาดสายตามองดูรอบๆดูก็รู้ว่ากำลังประหม่า
   “เอ่อผมไม่รู้ว่าจะกินอะไรดี” คำตอบที่ทำให้กวินยิ้มกว้างให้เลยอาสาสั่งอาหารมื้อนี้ทั้งหมด
   “พรุ่งนี้น้องกล้าจะไปทำงานรึเปล่าครับ” กวินชวนคุยระหว่างที่รออาหาร
   “คงต้องเอาหนังสือที่เสร็จแล้วไปส่งถ้ายังเหลือไม่เยอะคงเอาไปทำที่ห้องสมุดครับ” เพราะระยะห่างเริ่มน้อยลงรึเปล่ากล้าถึงได้พูดคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติตอบกลับยาวๆมากกว่าเดิมแต่ก็ยังไม่กล้าสบตาคมนั่นอยู่ดี
   “งั้นพรุ่งนี่พี่ไปส่ง......ได้ไหมครับ”
   “ไม่ต้องก็ได้นะครับ.ผมเกรงใจ” กล้าบอกเสียงอ่อยแค่วันนี้ที่เขาทำงานเพลินลืมไปว่าคุณกวินอยู่ช่วยทั้งๆที่ยังเจ็บแผลอยู่
   “พี่เต็มใจ นะพรุ่งนี้พี่จะมารับ” ก่อนที่กล้าจะได้แย้งอะไรพนักงานก็ยกอาหารมาเสิร์ฟเสียก่อนและกวินก็ไม่ปล่อยให้กล้ามีโอกาสแย้งโดยการเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น มือค่ำที่การพูดคุยเป็นอย่างลื่นไหลเป็นมื้อที่กวินยิ้มกว้างตลอดการรับประทานมื้อเย็น เมื่อมาส่งร่างเล็กที่บ้าน
   “ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ” ร่างบางยกมือไหว้เขารู้สึกขอบคุณคุณกวินมากที่วันนี้ทั้งช่วยงานแล้วยังพาไปทานอาหารที่แสนอร่อย
   “พี่เต็มใจครับ คืนนี้อย่านอนดึกนะ พรุ่งนี้เจอกัน ฝันดีครับ”มือหนายกขึ้นแนบแก้มเนียนที่รู้สึกถึงความร้อนทันที นี่เป็นครั้งแรกที่คนตัวเล็กไม่สะดุ้งหนีแถมยังเอียงหน้าซบฝ่ามือเขาอย่างที่ไม่รู้ตัว ทำไมถึงน่ารักแบบนี้นะและพอร่างเล็กรู้ตัวก็ผละออกท่าทางเหมือนกระต่ายที่ตกใจตากลมนั่นเบิกกว้างแก้มแดงระเรือนั่นทำให้ผมอยากลูบแก้มนิ่มอีกครั้งแต่ก็ต้องอดทนไว้ ได้ขนาดนี้ก็ดีแล้ว หลังจากร่างเล็กลงจากรถเข้าบ้านแล้วกวินก็สั่งให้ลูกน้องพาไปที่บริษัท
   “แต่มันดึกแล้วนะครับบอส”
   “แกอย่าบ่นเหมือนไอ้เชษฐ์ได้ไหมเดี๋ยวฉันนอนที่บริษัท” ลูกน้องแต่ละคนนี่ได้ไอ้เซษฐ์มาทั้งนั้นนี่เขายังเป็นเจ้านายพวกมันอยู่ไหม รถหรูมาจอดลานเขาขึ้นไปบนห้องทำงานอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมานั่งทำงานจนเวลาล่วงเลยไปอีกวันจริงๆแล้วเขานอนแค่วันละไม่กี่ชั่วโมงต่อวันเท่านั้นก็พอ กวินเดินเปิดประตูที่อยู่หลังชั้นวางหนังสือภายในเป็นห้องนอนที่เขานอนบ่อยกว่าที่บ้านยิ่งช่วงเดือนไหนที่งานเข้าแทบไม่ได้โผล่หน้ากลับบ้านเลยด้วยซ้ำ หลับได้ไม่นานก็ลุกขึ้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวไปบ้านคนตัวเล็ก



******************************************************************
มาทำงานต่างจังหวัดความสงบที่หายไป555
นิยายเรื่องนี้ก็จะไปเรื่อยๆเหมือนคนเขียนนะคะ
อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่10 4/4/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 04-04-2018 12:03:21
สนุกมากครับ มาลงบ่อยๆนะ
ชอบฟีลแบบนี้ เรียบง่ายดี
อ่านแล้วอยากทำงานแบบกล้าบ้าง ชอบหนังสือ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่10 4/4/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-04-2018 12:40:51
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่11 16/4/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 16-04-2018 15:30:07
11

กวินมาหากล้าแต่เช้าเพื่อช่วยขนหนังสือไปที่ห้องสมุด แล้วก็แยกย้ายถึงอยากจะอยู่ต่อแต่ภาระหน้าที่เขาก็ต้องทำ แถมยังโดนคนตัวเล็กบ่นอีกเลยกลับไปเปลี่ยนชุดที่บ้านแล้วตรงไปบริษัท

“บอสครับ มีคนขับรถตาม” ทำไมกันนะขออยู่อย่างสงบๆ ไม่ได้เลยเหรอ ก็อยากจะตะโกนไปถามนะแต่ดูท่าคงได้อย่างอื่นที่ไม่ใช่คำตอบนะสิได้แต่ถอนหายใจ

“สลัดให้พ้นถ้ามันยังเล่นไม่เลิกฉันก็จะเล่นกับมันด้วย” ลูกน้องรับคำก่อนที่จะเร่งความเร็วเพื่อสลัดรถสองคันที่ตามหลังมาติดๆ สงสัยว่าคงจะได้จัดการให้จบๆ ซะแล้วบอกให้ขับรถไปนอกเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์เดือนร้อนเพราะสลัดยังไงก็ยังไม่พ้น นี่กะจะเก็บเขาให้ได้จริงๆ เลยสินะ

“เอาละอย่าให้พวกมันเล่นสนุกฝ่ายเดียวสิ” รอยยิ้มร้ายประกฎขึ้นพร้อมกับมือที่เอื้อมไปใต้เบาะหยิบปืนพกที่เขาไม่อยากใช้เลยแต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ฟังคำเตือนก็คงต้องตอบโต้กันบ้าง

“ติดต่อไอ้ผู้กองให้มารอเก็บพวกนี้ด้วย” เมื่อได้ระยะเพราะทางเขาผ่อนความเร็วลงรถที่ตามมาสองคันพวกนั้นก็ไม่รอช้าเปิดฉากยิงใส่ทันที

“นี่ต้องเปลี่ยนรถอีกแล้วใช่ไหม”

ปัง ปัง ปัง

เสียงกระสุนดังลั่นนี่กะจะยิงสาดเลยสินะ มีกระสุนเท่าไหร่กันวะ ไม่อยากจะหลุดคำหยาบเลยซักนิดแต่ตอนนี้ยังไม่มีโอกาสให้โผล่ออกไปยิงเลย

“หักพวกมาลัยหลบ” ทันทีที่สั่งลูกน้องก็หักพวงมาลัยทันทีเสียงล้อรถบดเบียดถนนดังลั่น กวินเลื่อนกระจกรถลงก่อนที่จะส่งมือยื่นปืนยิงสวนไปจนหมดแม็ก

แกร๊ก

“เล็งที่ล้อถ้าคนมันไม่โผล่หัวมาอย่ายิง” ถึงยังไงการฆาตกรรมก็นำพาความยุ่งยากพวกมาด้วย

ปัง!

เอี๊ยด!! โครม!! กวินสอยรถคันหนึ่งรวงไป รถเสียหลักชนต้นไม้ข้างทางผมสั่งให้รถจอดข้างทางรถอีกคันที่ตามมาเห็นเพื่อนเสียหลักลงข้างทางไปแล้วก็รีบกลับรถเตรียมหนีแต่ก็ช้ากว่าไอ้รถผู้กองที่เปิดไซเรน นี่มันยกมาทั้งสถานีกันรึไง ยกมากันเยอะซะจนปิดถนนได้ หลังจากที่จับทั้งไอ้คนจะหนีและคนเจ็บไอ้ผู้กองก็เดินเข้ามาหา

“ไง เมื่อไหร่จะเลิกโดนหมายหัวซักทีวะ” มาคำแรกก็ชวนฟาดปากแล้วนะ

“เมื่อมึงเลิกเป็นตำรวจมั้ง ไอ้กิต” ยกมือไปตบบ่ามันแรงๆ เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กๆ ที่ไม่ว่าผ่านไปกี่ปีๆ สกิลปากก็ยังไม่เปลี่ยนถ้าได้รวมกับไอ้เชษฐ์ต้องขอพาราซักแผง กิตหันไปสั่งงานลูกน้องสองสามคำก่อนที่จะหันมาหา

“แล้วมึงจะเอาไง มันเล่นแรงขึ้นทุกวันนะ” กวินรู้ดีไม่ได้อยากมีเรื่องกับใครเลยด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่ตัวเองทำธุรกิจขาวสะอาดแต่พวกในมุมมืดก็เห็นเขาเป็นเสี้ยนหนามที่อยากกำจัดถอนหายใจหนักแล้วเปิดประตูรถไปหยิบเอาเอกสารที่เขาด็ใช้เล่ห์กลสืบเสาะหามาเพื่อเอาคืนตามกฎหมายทั้งหมดอยู่ในแฟ้มส่งให้กิตที่ทำตาโต

“ไม่ไว้ลายเลยนะ”

“ก็เล่นทำกูก่อนทำไมล่ะ” ร่างสูงเพียงยักไหล่เมื่อเขาอยู่สงบๆ แล้วมาเล่นไม่ซื่อก็คงไม่ยอมเป็นฝ่ายโดนเล่นฝ่ายเดียวหรอกนะกิตที่รับเอาหลักฐานทุกอย่างไปมันรับคำว่าเรื่องจะเสร็จภายในสองสามวันแถมยังบอกว่าถ้าเสร็จเรื่องเขาต้องเลี้ยงขอบคุณมันอีก หลักฐานเขาก็เป็นคนหาแล้วยังต้องมาเลี้ยงมันอีก

“เออๆ เลือกร้านไว้ล่ะกัน” ตัดบทโบกมือไล่ให้มันกลับไปทำงานซะทีจะได้ไม่มากวนเขาเล่นแบบนี้หันไปมองรถคู่ใจที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยกระสุน

“ต้องเปลี่ยนรถจริงๆ เหรอ” แม้จะมีเงินแค่ไหนแต่คนอย่างกวินก็ไม่ได้ใช้เงินฟุ่มเฟือย แต่ช่างเถอะถึงคราวเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนล่ะนะ

“ไปส่งฉันที่บ้านกล้านะ” กวินเลือกที่จะเมินสายตาล้อเลียนของลูกน้องทั้งสองคน

“ครับบอส” รถหรูที่มีแต่รอยกระสุนขับไปจอดที่หน้าบ้านหลังเล็กที่มาประจำกวินลงจากรถบอกให้ลูกน้องสองศรีนี่ไปเปลี่ยนรถที่บ้าน ตอนนี้เย็นแล้วกล้าคงจะยังไม่กลับบ้าน กวินกดโทรศัพท์โทรหาคนตัวเล็กที่ได้มาหลังจากไปส่งน้องเมื่อตอนเช้า รอสายไม่นานปลายสายก็กดรับ

“ (ครับ) ”

“พี่รออยู่ที่บ้านนะ พอดีพี่ผ่านมาทางนี้เลยแวะมาหา” เพราะไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรดีเลยพูดออกไปตรงๆ ถ้าไปหาที่ห้องสมุดก็คงไม่ได้คุยกับน้องเลยเลือกที่จะมารอที่บ้านดีกว่า

“ (เอ๋...รอที่บ้าน คุณกวินมีอะไรหรือเปล่าครับ) ” เสียงหวานๆ ที่ติดจะงงๆ เพราะกล้าก็เดาไม่ถูกว่าทำไมคุณกวินถึงได้เข้ามาในชีวิตเขาทีละนิดทีละนิด แต่เมื่อในใจเขาไม่ได้รู้สึกแปลกที่กวินก้าวเข้ามาในพื้นที่ของเขา

“พี่ไม่มีอะไรเพียงแค่อยากเจอกล้า” ได้โอกาสก็หยอดนิดหยอดหน่อยจริงๆ กวินเองก็อยากอยู่ใกล้ๆ แถมวันนี้เจอเรื่องมาเลยอยากที่จะอยู่มองหน้าคนตัวเล็กเพื่อเพิ่มแรงใจ ตอนนี้ถึงจะไม่ยอมเรียกเขาว่าพี่ตามที่เขาร้องขอแต่คนตัวเล็กก็ไม่ได้ตั้งกำแพงสูงลิ่วเหมือนตอนที่เจอกันครั้งแรก

“ (เอ่อ..อีกซักหนึ่งชั่วโมงนะครับ วันนี้ผมเลิกเร็วคุณกวินเข้าไปรอในบ้านก่อนก็ได้นะครับ) ”

“อย่าบอกนะว่าไม่ได้ปิดบ้านอีกแล้ว ไม่กลัวขโมยรึไงหือ” กวินแทบจะกุมขมับทีแรกนึกว่าเป็นนิสัยเวลาน้องทำงานเหนื่อยๆ แล้วลืมปิดแต่นี่ออกจากบ้านก็ยังไม่ปิดอีกเหรอ

“ (ไม่มีอะไรน่าขโมยหรอกครับมีแต่หนังสือ เข้าไปพักด้านในก่อนก็ได้ครับ) ” กวินได้แต่กรอกตาไปมาคงเป็นเพราะนิสัยของน้องเองแล้วล่ะที่ประมาทแบบนี้

“ครับขอบคุณนะ” พอวางสายกวินก็เดินไปเปิดประตูบ้านแถมยังถือวิสาสะเปิดม่านเปิดหน้าต่างให้ลมเข้า หลังจากที่ขลุกช่วยงานวันนั้นเลยได้รู้ถึงวิธีการเก็บรักษาหนังสือ จากที่คิดว่าจะเข้าบริษัทแต่ก็เกิดเรื่องเสียก่อน มือหนากดโทรหาลูกน้องแฝดสองคนนั่นให้ไปเอางานที่บริษัทและกระเป๋าเสื้อผ้าแถมยังสั่งให้ไปซื้อของอีก เลยได้คำบ่นเล็กๆ น้อยลอดมา

ให้ตายเถอะเหมือนลูกพี่มันจริงๆ นะกวินบ่นในใจ



ใบหน้าขาวฉายแววงงหลังจากวางสายจากคุณกวินแล้วก็นึกเป็นห่วงคงจะไม่มีอะไรหรอกนะหลังจากที่รับรู้ว่าคนที่ทำเนียนเข้ามาสนิทเจ็บตัวเพราะถูกยิง เขาก็มาถามข้อมูลจากชะเอมเพราะไม่รู้จักคุณกวินนอกจากที่ว่าเป็นเจ้านายของพี่เชษฐ์และทำธุรกิจหลายอย่างแต่ก็ไม่รู้เลยว่าทำอะไรบ้าง พอชะเอมเล่าให้ฟังตาที่โตอยู่แล้วยิ่งเบิกกว้างอ้าปากค้างนิ่งอยู่นานจนชะเอมต้องมาดันให้กลับคืน คนที่รวยขนาดนั้นทำไมถึงอยากสนิทกับเขาล่ะแถมยังไม่เคยบังคับอะไรเขาเลย ทั้งที่มีทั้งเงินและอำนาจถึงจะงงแต่ร่างบางก็เลือกที่จะโยนทิ้งไปอย่างที่เคยทำ รับรู้เรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ก็เพียงพอแล้ว

“แหมๆ ใครกันน้าโทรมาหาแว่นน้อยของเรา” กล้าหันไปสบตาเพื่อนสนิทที่ดวงตาสวยพราวระยับสีหน้าที่บ่งบอกชัดเจนเลยว่าล้อเขา กล้าเลยได้แต่อมลมแก้มพองงอนเพื่อนสนิท

“ไม่คุยด้วยแล้ว”

“แหมๆ แค่นี้ทำเป็นงอนนะคะ ไหนดูซิแก้มนี่ย้วยยัง” ชะเอมที่เห็นเพื่อนงอนแล้วยิ่งชอบใจยกมือมาจิ้มย้ำๆ ที่แก้มป่องแถมยังยืดแก้มนั่นอีก ถ้าพี่วินมาเห็นคงจะอิจฉาเธอน่าดู คิกๆ

“งือออเจ็บน้า ปล่อยได้แล้วน่าชะเอม” มือเล็กรีบปัดมือที่บีบแก้มเขาออก ทำไมถึงได้ชอบบีบแก้มเขานักหนา

“พี่วินโทรมาว่ายังไงบ้าง เล่ามาเลยยะ” ปล่อยแค่มือแต่ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยโดยไม่คาดคั้นเอาคำตอบนะ

“ก็.....คุณกวินแค่โทรมาบอกว่ารออยู่ที่บ้าน” ชะเอมยกมือปิดปากทำตาโตเล่นใหญ่ นี่มัน....สองคนนี่พัฒนากันไปถึงขั้นไหนแล้วนะพี่วินถึงได้เข้าออกบ้านแว่นน้อยของเธอได้เป็นว่าเล่น

“นี่กล้าให้พี่วินเข้าบ้านด้วยเหรอ” แม้แต่เธอยังไมได้รับอนุญาตเลยด้วยซ้ำ

“ก็......ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนิ” กล้าตอบเสียงอ่อยๆ จนชะเอมอยากตะโกนบอกว่าเป็นสิ ทำไมจะไม่เป็นล่ะเพราะความหมั่นไส้แต่เธอก็รู้ดีว่าพี่วินไม่ได้หลอกอะไรแว่นน้อยของเธอหรอกเพียงแต่หมั่นไส้พี่วินจนอยากจะแกล้งแต่ก็กลัวโดนเอาคืน

“ชิ อยากจะว่าอะไรหรอกนะเพียงแต่เราอยากรู้ว่ากล้ายอมเหรอแล้วเรื่องนั้น...” เธอเว้นวรรคไม่อยากจะพูดถึงเรื่องเมื่อตอนนั้นเรื่องที่ทำให้เธอไม่สามารถเข้าไปในบ้านนั้นได้แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว

“ก็นี่คุณกวินนะไม่ใช่คนเดียวกันซักหน่อย ยิ้มหน่อยสิชะเอม” กล้าเอาคืนด้วยการยืดแก้มของชะเอม เขาไม่ได้คิดมากเรื่องนั้นอีกแล้วเพราะท้ายที่สุดคุณกวินกับพี่พลูก็เป็นคนละคนกันเขาเลยไม่คิดถึงเรื่องนั้นแถมเขายังลืมมันไปหมดแล้ว ชะเอมเมื่อเห็นรอยยิ้มกว้างของแว่นน้อยทำให้เธอยิ้มกว้าง

“งั้นแว่นน้อยก็กลับไปเลยก็ได้พี่วินจะได้ไม่ต้องรอ”

“จะดีเหรอ” กล้าทำหน้าไม่แน่ใจ

“ดีสิวันนี้ไม่มีคนเท่าไหร่หรอกกลับเลย” เมื่อเห็นเพื่อนยืนยันกล้าก็เก็บของกลับก่อนบอกลาเพื่อนแล้วเดินกลับไปที่บ้านหลังเล็กของเขา

แกร๊ก

ทันทีเปิดประตูรั้วกลิ่นหอมๆ เรียกน้ำย้อยก็โชยมา หือ ใครทำอาหารทำไมมันหอมอย่างนี้นะกล้ารีบก้าวเท้าเข้าบ้านยิ่งเข้าบ้านกลิ่นหอมยิ่งทำให้เขาหิวทันทีที่เดินไปห้องครัวเล็กๆ ก็เห็นร่างสูงใหญ่ในชุดสบายๆ ทำโน่นทำนี่ในครัวทำให้เขาอึ้ง

“อ่าวกลับมาแล้วเหรอ พี่ขอโทษที่ถือวิสาสะมาใช้ครัวนะ” กล้ามองคนที่หันมายิ้มกว้างให้เขาพร้อมกับเทผัดในกระทะใส่จานคำขอโทษไม่ได้น่าสนใจเท่ากลิ่นหอมๆ ที่ชวนหิวนั่นเลยซักนิด กวินมองท่าทางสนอกสนใจอาหารมากกว่าเขาอย่างขำๆ ท่าทางจะหิวไม่อยากจะอวดอาหารฝีมือเขาที่เพียรทำมาขนาดไอ้เชษฐ์ยังนับครั้งได้ที่ได้กิน นานแล้วที่ไม่ได้ทำอาหารให้ใครกินเพราะงานรัดตัว

“ไปล้างมือก่อนสิจะได้กินข้าวกัน” ร่างเล็กพยักหน้าแรงก่อนที่จะหมุนตัววิ่งดุ๊กดิ๊กไปชั้นสองกวินเกือบหลุดขำกับท่าทางรีบร้อนที่แสนน่ารักนั่นจนเขาอยากจะคว้าตัวมากอดจนได้แต่อดใจไว้หันไปตั้งโต๊ะเตรียมรอน้องลงมา รอไม่นานนักกล้าลงมาพร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินมานั่งที่โต๊ะ

“ไม่รู้ว่าจะอร่อยไหมพี่ไม่ได้ทำนานแล้ว”

“กลิ่นหอมมากเลยล่ะครับ” กวินเห็นท่าทางตื่นเต้นเลยบอกให้น้องลงมือกินข้าว

กล้าตักกับข้าวเข้าปาก อือหือนี่เหรอคนที่ไม่ได้ทำมานานอร่อยยิ่งกว่าร้านอาหารอีก ตากลมโตใต้วแว่นหนาเงยหน้าขึ้นสบตาคมที่จ้องรอลุ้นว่าอาหารมื้อนี้จะถูกปากหรือเปล่า

“อร่อยมากเลยครับ”

“งั้นก็ทานเยอะๆ” กวินตักแกงพะแนงใส่จานคนตัวเล็กบอกขอบคุณเสียงเบาแถมยังตักคืนใส่จานให้กับเขาอีกน่ารักจริงๆ เป็นมื้อที่กวินยอมรับว่าเขากินข้าวได้เยอะที่สุดแล้ว

“เดี๋ยวผมล้างเองนะ” และก็เกิดปัญหาเมื่อกล้าไม่ยอมให้เขาล้างจาน

“ไม่พี่จะล้างเองเราไปพักเถอะ”

“คุณกวินนั่นล่ะที่ควรพัก ไหนว่าอยากมาพักไงครับ” ใบหน้าขาวบึ้งตึงเพราะโกรธคนตัวโตที่ไม่ยอมให้ล้างจาน ไหนบอกว่าเหนื่อยแถมยังทำกับข้าวที่แสนอร่อยให้เขากินอีกแล้วจะมาล้างจานให้อีกแก้มขาวเริ่มพองลมเมื่อรู้สึกขัดใจ

“โอเคงั้นเจอกันครึ่งทางช่วยกันได้ไหมครับ” เมื่อเห็นว่ายังไงก็ไม่ยอมกันแล้วเห็นแก่ท่าทางน่ารักๆ กวินเลยเสนอทางเลือกให้

“ก็ได้ครับ” และจานที่รอมานานก็ได้ทำความสะอาดซักที หลังจากที่ทำความสะอาดทั้งจานทั้งครัวต่างคนก็ต่างนั่งคนละมุม ร่างสูงนั่งลงกับพื้นพรมพิงโซฟาอ่านเอกสารข้างๆ กายเปิดโน้ตบุ๊กที่แสดงตัวเลขทั้งเขียวทั้งแดงที่ชวนปวดหัว ส่วนร่างเล็กนั้นนั่งบนโซฟาอิงหมอนอิงอ่านหนังสือเล่มใหม่ที่พึ่งเข้ามา แม้จะมีเพียงเสียงเปิดหน้ากระดาษดังสลับกัน

กวินที่ร่างกายวันนี้บู๊หนักอ่านเอกสารได้ไม่เท่าไหร่ร่างสูงก็คอพับคออ่อนหลับทั้งๆ ที่มือถือเอกสารไว้อยู่ ท่าทางสัปหงกนั่นทำให้กล้าชักสงสารถ้าปล่อยให้นอนอย่างนี้พรุ่งนี้คงจะปวดคอแน่ๆ

“คุณกวินครับ ขึ้นไปนอนข้างบนนะครับ” กล้าวางหนังสือแล้วขยับตัวไปเขย่าไหล่หนาเพื่อปลุกให้ตื่น ร่างสูงงัวเงียอยู่ซักพักมือใหญ่ลูบต้นคอเพราะรู้สึกปวด

“พี่เผลอหลับไปเหรอ”

“ใช่ครับพี่ขึ้นไปนอนข้างบนก็ได้นะครับ” กล้าอนุญาตให้คนตัวโตขึ้นไปชั้นสองอีกครั้ง กวินเงยหน้าขึ้นมามองคนตัวเล็กที่บอกให้เขาขึ้นไปนอนก่อนที่จะส่งยิ้มกว้างให้

“ขอบคุณนะครับ” มือหนาวางทับมือเรียวที่ยังวางบนไหล่พร้อมกับคำขอบคุณที่สือออกมาทางแววตา แววตาที่ทำให้กล้าก้มหน้างุดไม่ยอมสบตา ท่าทางเขินอายที่กวินชอบมองร่างใหญ่บิดขี้เกียจเล็กน้อยเพราะการนั่งหลับทำให้เขารู้สึกปวดร่างกายซะเหลือเกิน รึว่าเขาจะแก่แล้วจริงๆ

“แล้วกล้าไม่ขึ้นไปนอนเหรอ” กวินหันไปถามขณะที่กำลังเก็บเอกสารและโน้ตบุ๊ก

“ยังครับ ยังอ่านไม่จบเลย” กล้าชูหนังสือในมือที่ยังเหลืออีกครึ่งตั้งใจที่จะอ่านให้จบ ปกติแล้วถ้าได้อ่านหนังสือเขาก็เหมือนที่จะตัดขาดจากโลกภายนอกแต่พอมีคุณกวินเขากลับละความสนใจจากหนังสือได้แถมยังยอมให้ไปนอนที่ห้องตัวเองอีก

“อย่านอนดึกนะครับพี่เป็นห่วง” กวินไม่คิดจะห้ามคนตัวเล็กเพราะรู้ดีมันก็เหมือนเขาตอนที่ทำงาน หยิบเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่วางไว้ข้างใต้โต๊ะที่พอกล้าเห็นแล้วได้แต่อ้าปากค้าง นี่เตรียมการไว้แล้วนี่หนาเขากำลังคิดว่าจะหาเสื้อผ้าให้ลำบากใบหน้าน่ารักเผลอค้อนวงโตให้กับคนที่เตรียมการพร้อมมาค้างที่นี่

กวินมองท่าทางที่น้องค้อนๆ เรียวปากบางที่อ้าปากน้อยๆ เหมือนจะว่าอะไรเขาแต่ก็ไม่กล้าว่าจนอยากจะหลุดขำแต่ก็กลัวจะโดนค้อนอีกเลยขอตัวขึ้นไปข้างบนซึ่งได้นอนที่นอนน้องอีกแล้วแม้อยากจะถามว่าอีกห้องทำไมถึงไม่ให้เขาไปนอนแต่ให้มานอนห้องตัวเองเพราะโดยปกติเราต้องให้แขกนอนห้องพักแขกแต่กล้ากลับให้เขาไปพักห้องตัวเอง ระหว่างที่อาบน้ำกวินคิดถึงกำแพงที่กล้ายังไม่ปล่อยให้เขาเข้าไป หากจะถามว่าที่เขาทำทุกวันนี้มันเกินคำว่าถูกใจ จากที่ตอนแรกถูกใจคนตัวเล็กที่กล้าไปช่วยเขาในตรอกและพอได้ใกล้ชิดได้รู้จักเขายิ่งอยากอยู่ด้วยขึ้นทุกๆ ที มือใหญ่ปิดน้ำคว้าเอาผ้าขนหนูพันเอวแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำเพราะคิดว่าอยู่คนเดียวในห้อง

แกร๊ก

“เฮ้ย!!!” กวินร้องตกใจเมื่อจู่ประตูห้องก็เปิดออกจะไม่ตกใจเลยถ้าเขาไม่ได้กำลังจะใส่บ็อกเซอร์มือใหญ่รีบตะปบผ้าขนหนูที่มันหมิ่นเหม่จะร่วงออกจากเอวอยู่รอมร่อ

“อ๊า!!!” กล้าที่ลืมไปว่าไม่มีชุดที่ห้องโน้นเลยคิดที่จะแอบเข้ามาหยิบนึกว่าคนที่พักห้องนี้จะนอนแล้วใครจะรู้ว่ากำลังแต่งตัวอยู่ สิ้นเสียงร้องกล้ายกมือปิดหน้าหมุนตัวหันหลังให้ ฮืออมันต้องเป็นภาพติดตาเขาไปแน่ๆ ใบหน้าขาวแดงก่ำ ภาพร่างหนาผมที่เสยขึ้นไหล่กว้างที่ยังมีหยดน้ำเกาะไหนจะกล้ามท้องที่เป็นลอน อ๊า ภาพที่เห็นเหมือนจะวนเวียนหลอกหลอนซะจนไม่กล้าที่จะเงยหน้าได้แต่ซุกหน้าลงกับฝ่ามือบ่นพึมพำพยายามท่องรายชื้อหนังสือชื่อตัวละครจากนิยายที่เขาชอบแต่เหมือนมันจะช่วยอะไรไม่ได้เลย คิดอะไรของนายนะกล้า

“หันกลับมาได้แล้วพี่แต่งตัวเสร็จแล้ว” เสียงทุ้มพร้อมกลับแรงบีบที่บ่า

“ฮืออไม่เอา” เสียงสั่นๆ พร้อมกับหัวทุยส่ายรัวจนผมกระจ่ายใบหูแดงก่ำ

“งั้นกล้ามีอะไรรึเปล่า” กวินถามอย่างแปลกใจไม่เซ้าซี้ให้น้องหันหน้ามาเพราะเพียงแค่เห็นปลายหูเล็กที่แดงก่ำนั่นก็รู้เลยว่าน้องอายมาก

“อะ...เอาชุดครับ” กล้าบอกเสียงสั่น กวินบอกขออนุญาตเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบของที่คนที่ยังอายต้องการไปส่งให้ พอกล้าได้ของก็รีบเปิดประตูวิ่งออกจากห้องได้ยินเพียงเสียงดังปัง คงเป็นประตูห้องที่ถูกปิดอย่างแรง กวินได้แต่ยืนยิ้มกว้างถ้าร่างเล็กมีอาการหวั่นไหวให้เห็นชัดๆ นี่ถือว่าเขามีโอกาสใช่หรือเปล่า

ร่างเล็กที่วิ่งเข้าห้องปิดประตูเสียงดังก่อนที่จะทรุดนั่งพิงประตูใบหน้าซุกลงกับเข่ามือเรียวยกขึ้นขยี้ผมแรงๆ ฮืออออออออ อยากจะร้องทำไม ทำไม ทำไม ทำไมภาพนั้นยังไม่หายไปเลยอ่ะ พยายามที่จะลบภาพที่เห็นจนอาบน้ำเสร็จจนตอนนี้ร่างขาวนอนบนเตียงภาพที่เห็นก็ยังตามมาหลอกหลอน

“ฮือออลืมเดี๋ยวนี้เลยนะ” พลิกตัวนอนคว่ำเรียวขาขาวผ่องตีไปมาบนเตียง แล้วเขาจะนอนได้ไหมคืนนี้!!
**********************************************************

กลับมาแล้ววว สงกรานต์เล่นน้ำกันสนุกไหมคะ 

นี่นอน กิน อ่านนิยายอย่างเดียว

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณสำหรับคอเม้นต์นะคะ 

อาจจะดูราบเรียบไปนิด แต่ขอบคุณทุกคนที่ชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่12 20/4/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 20-04-2018 14:55:49
12

แสงแดดที่สาดผ่านหน้าต่างร่างเล็กที่ขดตัวใต้ผ้าห่มท่านอนประจำแต่เพราะความร้อนของแดดที่อส่องทำให้ก้อนกลมเริ่มขยับใบหน้าขาวที่เริ่มมีเหงื่อซึมตามไรผม ตากลมปรือขึ้นสีหน้างัวเงียลุกขึ้นนั่งผมหนาชี้ฟู มือขาวยกขยี้ตาเบาๆ แล้วเหลือบมองนาฬิกา ตากลมเบิกกว้างเมื่อเห็นว่ามันสายมากแล้วเพราะเมื่อคืนที่เขาไม่หลับซักทีไม่รู้เลยว่าเผลอหลับไปตอนไหน สะบัดผ้าห่มทิ้งแล้ววิ่งออกจากห้องไปที่ห้องนอนตัวเองพอเคาะประตูแล้วก็เงียบพอลองบิดลูกบิดดูก็เห็นว่าไม่ได้ล็อกเขาเลยรีบเปิดประตูเข้าไปก็เห็นห้องอยู่ในสภาพเรียบร้อยทั้งๆ ที่สงสัยแต่เขาก็ไม่มีเวลาที่จะสนใจอะไรแล้ว รีบคว้าเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำ

“สายแล้วๆ” เรียวปากบางบ่นพึมพำมือเล็กรีบโกยเอาข้าวของใส่กระเป๋าวิ่งลงจากห้องทีแรกว่าจะออกจากบ้านเลยถ้าหากหางตาไม่เหลือบไปเห็นโต๊ะกินข้าวที่มีฝาชีคลอบไว้ แม้จะรีบแต่ขาเขาก็ก้าวไปเปิดดูก็เห็นมื้อเช้าที่ถึงมันจะดูเย็นชืดไปแล้วพร้อมกับกระดาษที่ถูกทับไว้ข้อความสั้นๆ อยู่บนกระดาษนั่นทำให้ใบหน้าขาวมีรอยยิ้มกว้าง

“ลายมือสวยจัง” น่าอิจฉาลายมือสวยๆ คนที่ควรรีบกลับนั่งลงกินข้าวเพียงเพราะข้อความที่ถูกทิ้งไว้ ข้อความขอโทษที่ต้องออกไปก่อนและไม่ได้ปลุกแถมยังบอกว่าขอไถ่โทษด้วยการทำมือเช้าไว้ให้แม้มันจะเย็นชืดแต่มันกลับทำให้เขาอบอุ่นทั้งหัวใจหลังจากทานเสร็จกล้าก็รีบไปทำงาน

.

.

“ทำไมวันนี้มาสายล่ะแว่นน้อย” ชะเอมเอ่ยถามอย่างแปลกใจแว่นน้อยของเธอมาสายทั้งๆ ที่ปกติต้องรีบมาแต่เช้า

“ตื่นสายนะ” กล้ายกมือขยับแว่นอย่างประหม่า ท่าทางที่ชะเอมได้แต่สงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร กล้าเลยเลือกที่จะเก็บกระเป๋าแล้วหนีขึ้นไปเก็บหนังสือเข้าชั้น ตลอดทั้งวันกล้าพยายามที่จะไม่ลงมาอยู่ใกล้ชะเอมเพราะเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามซะจนไม่กล้าลงไปขนาดกินข้าวยังพยายามหลบเลย จนเลิกงานเขาเลยเดินลงไปข้างล่าง

“วันนี้หนีเอมตลอดเลยนะ” น้ำเสียงสะบัดติดจะงอนๆ ทำให้กล้าส่งยิ้มแห้งให้ มือเรียวกำแน่นที่สายกระเป๋า ง่า ก็เขาไม่พร้อมที่จะตอบเพราะถ้าชะเอมได้ถามเขาก็คงตอบโดยไม่โกหกอยู่แล้วก็บอกแล้วว่าชะเอมคือเพื่อนสนิทที่สุดคนเดียวของเขา

“งือ ขอโทษน้า” ขยับไปจับแขนเขย่าเบาๆ พร้อมกับส่งสายตาอ้อนๆ ไปให้เพราะรู้ดีว่าทำแบบนี้แล้วชะเอมจะโกรธเขาไม่ลง

“ฮึ รอดไปได้แค่วันนี้ล่ะ” ชะเอมหมั่นไส้เลยยกมือขึ้นบีบจมูกเชิดๆ นั่นแรงๆ

“โอ๊ย” กล้ายกมือขึ้นลูบจมูกเบาๆ มันคงจะแดงแน่ๆ

“ไปเดินตลาดกันไหม”

“อือไปสิ” เพราะไม่อยากขัดใจอะไรเพื่อนอีกเลยยอมไป แถมวันนี้คุณกวินก็ไม่ได้บอกด้วยว่าจะมาหาเมื่อเช้าก็ไม่รู้ว่าออกไปจากบ้านกี่โมงคงจะติดงานด่วนจริงๆ

“แล้วพี่วินไม่มาหาเหรอ” ชะเอมถามแต่ดวงตากลมนั้นพราวระยับสบตาล้อๆ ซะจนเขาเป็นฝ่ายหลบตาแถมยังเหมือนหน้ามันร้อนๆ ยังไงไม่รู้สิ

“ไม่รู้กับพี่วินสิ ไปกันเถอะนะ” เขารีบจูงมือชะเอมเดินออกไปข้างนอกก่อนที่เขาจะเป็นคนปิดประตู สองร่างบางที่ส่วนสูงไม่ได้ต่างกันนักเดินควงแขนไปที่ตลาดตอนเย็นที่ไม่ห่างจากห้องสมุดไม่เท่าไหร่ ชะเอมหันไปมองเพื่อเธอที่หลังๆ มามีรอยยิ้มกว้างแถมยังดูมีออร่าความสุขแผ่ออกมาคงต้องขอบคุณใครบางคนที่เข้ามา

“อ๊ะ เราอยากกินอันนี้ เอมกินด้วยไหม” กล้าที่มองเห็นร้านขายเครปเย็นนานๆ ครั้งที่เขานึกอยากกินของหวานตากลมเป็นประกายหันมาถามเพื่อนสนิทที่ส่ายหน้า เธอไม่เหมือนกล้านะที่กินของหวานตอนเย็นแล้วไม่เคยอ้วนซักที กล้าเลยเดินเข้าไปสั่งแล้วยืนรอซึ่งดูท่าจะรอนานชะเอมเลยบอกจะไปซื้อน้ำแล้วกลับมาหา กล้าที่ยืนรอเครปไม่ทันรู้เลยว่ามีคนมายืนซ้อนหลัง

“ได้แล้วครับ” กล้ารีบรับเครปพร้อมกับจ่ายเงินพอจะหันกลับมาเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อหันกลับมาคนที่ยืนข้างหลังกลับไม่ใช่เพื่อนสนิทแต่เป็นคนที่ทำมื้อเช้าไว้ให้ต่างหาก

“หึๆ ตกใจอะไรกันครับ” เสียงทุ้มถามเพราะคนตัวเล็กสะดุ้งซะจนกวินหลุดขำ

“กะ....ก็มาได้ยังไงครับ” เสียงหวานบอกสั่นๆ ไม่นึกว่าจะหันมาแล้วเจอคนที่ทำให้ใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะแบบนี้แถมสภาพตอนนี้ของคนตรงหน้ายิ่งทำให้เขาไม่กล้าสบตา ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนเสื้อพับขึ้นจนถึงศอกเนคไทถูกรูดลงหลวมๆ สูทหรูพาดอยู่ที่แขนซ้ายแต่ที่ทำให้ร่างเล็กไม่กล้าเงยหน้าสบตาคงเป็นสายตาคมที่ทอสายตาเอ็นดูให้เขา

“พี่พึ่งเลิกงานว่าจะมารับกลับแต่ไม่ทันเลยมาเดินเที่ยวตลาดด้วย” คนอย่างกวิน เจ้าของตำแหน่งนักธุรกิจไฟแรงแห่งปีมาเดินตลาดนัดตอนเย็น

“งั้นไปหาชะเอมกันดีกว่าครับ” กล้ารีบหาทางที่ตัวเองจะได้ไม่อยู่กับคนที่ทำให้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หมุนตัวเดินนำพร้อมกับกินเครปที่แสนอร่อย เพราะมัวถูกใจกับเครปเลยก้มหน้าก้มตากินไม่ได้สนใจทางเลยด้วยซ้ำ กวินได้แต่ส่ายหน้าขำๆ มือใหญ่โอบรอบเอวบางดึงให้พ้นทางเพราะคนที่มัวแต่กินจะชนกับคนที่เดินสวนทางมาแล้ว ถึงทำขนาดนี้แล้วคนที่กินก็ไม่ได้สนใจจะบอกให้เขาเอามือออกก็ถือเป็นโอกาสทองของเขา เดินจนผ่านหลายล็อกก็ยังไม่เห็นน้องชะเอม เขาเลยโอบเอวพาน้องไปนั่งพัก

“เดี๋ยวพี่โทรหาชะเอมดีกว่านะ” กล้าทำเพียงพยักหน้าเออออตามที่คนตัวโตแนะนำ ท่าทางเหมือนเด็กๆ กวินโทรหาชะเอมเขามีเบอร์ชะเอมอยู่แล้วเหลือก็เพียงเบอร์คนที่นั่งกินไม่นานก็ได้ความว่าชะเอมหลงไปไกลเมื่อเขาอยู่กับกล้าชะเอมเลยว่าจะกลับเลย

“ชะเอมจะกลับเลย หึ กินเหมือนเด็กๆ เลยนะ” กวินหัวเราะเบาๆ เมื่อคนตัวเล็กพยายามยกมือขึ้นเช็ดวิปครีม แต่ไม่โดน “ขอโทษนะครับ” ร่างสูงว่าแล้วค่อยใช้นิ้วโป้งเช็ดวิปครีมเบาๆ ที่มุมปากก่อนที่ยกปลายนิ้วที่เปื้อนแตะปลายลิ้น

ฉ่า!!

กล้ารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไข้ทั้งหน้าร้อนฉ่าจนต้องก้มหน้าหลบสายตาที่มองอยู่ ไม่อยากกินแล้วเครปใจเต้นรัวเหมือนวิ่งเพิ่งวิ่งรอบสนามฟุตบอลมาหัวใจเขาจะวายไหมอ่ะ ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มหู

“อยากได้อะไรเพิ่มไหมหรือจะเดินเที่ยวต่อ” ใจเต้นแรงอย่างนี้จะให้เขาเดินเที่ยวได้ยังไง ร่างบางส่ายหน้าจนผมกระจาย ก่อนที่มือหนาจะส่งมาตรงหน้า กล้ามองมือใหญ่อย่างไม่แน่ใจนักแต่ก็ยอมส่งมือเรียวไปวางบนมือหนาที่กุมมือเขาไว้แน่นดึงให้เขาลุกแล้วเดินจับมือกันเดินกลับไปที่รถ

“อ๊ะน่ากินจัง” เสียงพูดเบาๆ พร้อมกับร่างเล็กที่ชะงักหยุดนิ่งกวินหันมามองคนตัวเล็กที่มองร้านขายอาหาร

“งั้นซื้อกลับไปกินที่บ้านดีไหม” ร่างบางพยักหน้ารัวนานแล้วที่เขาไม่ได้มีความกระตือรือร้นอยากกินอะไรแบบวันนี้ยิ่งมีคนตามใจระหว่างเดินกลับสองมือเต็มไปด้วยถุงของกิน

“จะกินหมดไหม หือ” น้ำเสียงละมุนยามมองคนตัวเล็กที่หอบหิ้วของกิน เหมือนได้ใกล้ชิดเข้าไปอีกขั้นหลังจากที่หอบข้าของเข้าบ้านกวินก็โดนคนตัวเล็กไล่ไปอาบน้ำ ซึ่งเขาก็เต็มใจเอาจริงๆ ที่นี่เขาก็แทบจะทำให้เป็นบ้านอีกหลังไปซะแล้ว แต่งตัวเสร็จร่างสูงก็เดินลงมาพร้อมกับได้กลิ่นหอมอบอวนทั่วชั้นล่าง มองเข้าไปในครัวก็เห็นร่างเล็กกำลังจัดโต๊ะ

“จะกินหมดไหม” มองอาหารเต็มโต๊ะ

“แหะน่าจะหมดมั้งครับ” กวินมองร่างบางที่เริ่มแสดงอารมณ์ทางสีหน้าและกำแพงที่เริ่มบางลง

“อืออันนิ้อร่อยดีนะ” กวินตักไก่ใส่จาน กล้าก็ตักปลาหมึกคืน ไม่บ่อยนักที่เขาจะได้นั่งกินข้าวสบายๆ แบบนี้นักหรอกแค่เวลาจะนอนยังหายากเลย ยังดีที่โยนงานที่ชลให้ไอ้เชษฐ์ไปดูแล ซึ่งมันก็โทรมาบ่นได้ทุกวัน

ครืดๆ

เสียงสั่นของโทรศัพท์ทำลายบรรยากาศดีๆ พอยกขึ้นมาดูชื่อที่โชว์ทำให้เขาแทบไม่อยากรับสาย ไอ้เชษฐ์เพิ่งนึกถึงตายยากจริงๆ ดวงตากลมโตจ้องมองอย่างสงสัยเขาเลยยกยิ้มให้แล้วหันมือถือไปให้ดู กล้าเลยยิ้มกว้าง เขากัดรับและเปิดลำโพงเอาโทรศัพท์วางไว้บนโต๊ะ

“ (บอสสสสสสสสสสสสสสสส เมื่อไหร่ผมจะได้กลับ) ” ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรมันก็โหยหวนซะจนอยากจะปิดลำโพงตัดสายหนี แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรคนตัวเล็กก็ชะโงกหน้ามาตรงโทรศัพท์

“พี่เชษฐ์เหนื่อยไหมครับ” น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยชวนให้คิ้วกระตุกเพียงแต่เห็นแก่ที่น้องขยับเข้ามาใกล้ชิดถือว่าปล่อยผ่าน

“ (ฮือน้องกล้า พี่เหนื่อยมากกกก บอสใช้งานพี่หนักมากกก) ” ไอ้การลากเสียงอ้อนน้องมันอ้อนอวัยวะเบื้องล่างเขามากให้มันอยู่ต่ออีกซักเดือนดีไหม คนตัวเล็กได้แต่หัวเราะคิกคักคุยกับไอ้เชษฐ์ตกลงมันโทรมาหาเขารึเปล่าเหมือนมันจะลืมไปแล้ว

“แค่ก โทรมามีอะไรห๊ะไอ้เชษฐ์” เพราะเหมือนจะลืมเขาไปแล้วเลยต้องขัดจังหวะพูดแทรกขึ้น

“ (อ้อบอส บอสช่วยเรียกไอ้ผู้จัดการที่นี่ไปทิ้งที่ไหนก็ได้ได้ไหม) ”

“เป็นอะไรหมอนั่นทำงานดีมากนะ” น้อยครั้งที่ไอ้เชษฐ์จะบ่นไม่ชอบใจใครเห็นมันเป็นคนพูดมากแบบนี้แต่ก็เป็นคนอดทนไม่งั้นจะทำงานกับเขาได้เหรอ

“ (มัน.........มัน....ฮึย ช่างหัวมันเถอะ เมื่อไหร่ผมจะได้กลับบอส) ” ดูเหมือนว่าถ้าตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้ามันคงโดนกระชากคอเสื้อแน่ๆ

“อาทิตย์หน้าก็กลับได้แล้ว ให้วันหยุดด้วยอ่ะ อาทิตย์หนึ่ง”

“ (ขอบคุณครับบอสผู้ใจดี น้องกล้าพี่กลับไปหนีไปเที่ยวกับพี่ไหม) ” มันน่าให้มันหยุดไหมวอนจริงๆ นะแต่พอเห็แววตาพราวระยับกับคำชวนของไอ้เชษฐ์เลยไม่ได้พูดอะไรออกไป

“ที่ไหนครับพี่เชษฐ์”

“ (ไว้พี่กลับพี่จะไปคุยด้วยนะ) ” แล้วมันก็ตัดสายโดยไม่ลาเจ้านายมันซักคำ ผมเจ้านายมันนะเห้ย เมินตรูอีก น้องขำเมื่อเห็นสีหน้าเขา ให้ตายเถอะ

“อยากไปเที่ยวเหรอ”

“ก็..ครับ” ถึงใบหน้าขาวนั่นจะราบเรียบแต่แววตานั้นบอกทุกอย่าง เขายกยิ้มกว้างก่อนที่จะชวนน้องกินต่อหลังจากทานจนหมดโดยฝีมือของคนตัวเล็กซะส่วนใหญ่ ร่างสูงที่อาสาล้างจานเองถึงตอนแรกน้องจะไม่ยอมก็เถอะ ลับสายตาจาน้องมือใหญ่ก็คว้าเอาโทรศัพท์กดเบอร์ลูกน้องคนสนิทอีกคน

“ (ครับบอส) ”

“อาทิตย์หน้ามีงานด่วนไหม” เพราะจำตารางงานตัวเองไม่ได้

“ (ไม่มีงานด่วนครับบอส มีอะไรรึเปล่าครับ) ”

“ฉันจะไปพักผ่อนซักอาทิตย์หนึ่ง จองตั๋วให้ด้วยนะเดี๋ยวจะบอกรายละเอียดอีกที”

“ (อ่า...ได้ครับ) ” แม้จะรู้สึกแปลกใจแต่ก็ทำตามคำสั่งเจ้านายที่นึกยังไงอยากจะพักผ่อน หลังจากสั่งงานเสร็จเขาก็รีบล้างจานแล้วขึ้นไปบนห้องที่ถือว่าเป็นห้องนอนเขาแล้วที่ตอนนี้มีเสื้อผ้าของเมื่อวานถูกพับวางไว้บนเตียง อ่าอยากมาอยู่ที่นี่ถาวรแล้วสิ เพราะยังไม่ถึงเวลานอนเลยนั่งพีงเตียงไถไอแพดในมือดูหุ้นและข่าวต่างประเทศไปเรื่อย

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูเรียกให้ผมลุกขึ้นไปเปิดให้กับเจ้าของห้อง

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“พอดีว่า....พรุ่งนี้จะขอให้คุณกวินไปส่งได้รึเปล่าครับ”

“ได้สิ ว่าแต่” ผมเอื้อมมือไปจับมือเรียวไว้ซึ่งสะดุ้งทันทีที่เขาแตะ “เมื่อไหร่จะยอมเรียกพี่ว่าพี่ซักทีล่ะครับ”

“ไว้ถึงเวลาผมจะเรียกเอานะครับ” ทีแรกนึกว่าน้องจะปฏิเสธเด็ดขาดเหมือนที่แล้วๆ มา แต่เพราะประโยคสั้นๆ นั่นทำให้เขายิ้มกว้าง กำแพงนั่นกำลังลดลงให้เขาแล้ว
*******************************************

อาจจะสั้นไปหน่อย ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

ตอนต่อไปเจอกันวันอังคารนะคะ
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่12 20/4/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-04-2018 16:38:02
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่12 20/4/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 20-04-2018 17:35:06
สนุกดีนะ โมเม้นเดินตลาดชอบมากๆ
น้องกล้าได้ของกินเต็มเลย
ตอนหน้าจะไปเที่ยวกันที่ไหนนะ
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่13 23/4/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 23-04-2018 16:12:50
13

“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง” กล้ายกมือไหว้ขอบคุณคนที่มาส่ง หลังจากเคาะประตูขอให้คนตัวโตมาส่งเมื่อคืนตื่นเช้ามาทีแรกนึกว่าจะตื่นขึ้นมาก่อนแต่ก็ยังช้ากว่าคุณกวินที่ตื่นขึ้นมาทข้าวเช้าให้เรียบร้อยอีกต่างหากจนเขารู้สึกเกรงใจทั้งๆ นี่เป็นบ้านของเขาเอง

“พี่เต็มใจครับ อืมพี่จะไม่ได้มาหาแต่พี่จะให้คนมารับ” พอได้ยินผมก็รีบบอกปฏิเสธ

“ไม่ต้องครับ ผมเกรงใจ”

“พี่เป็นห่วง” เสียงทุ้มและแววตาจริงจังนั่นแทบทำให้เขาพูดไม่ออกใบหน้าขาวเลยพยักหน้ารับ แม้ในใจอยากจะบอกเหลือเกินว่าคนอย่างเขาใครจะทำอะไรแต่ก็ยอมกลืนคำนี้ไป เมื่อเห็นว่าเขารับคำคุณกวินก็ยกยิ้มกว้างที่ไม่ค่อยเป็นผลดีต่อหัวใจเขาเลย มือใหญ่ยกวางบนหัวทุยโยกเบาๆ สองสามทีก่อนที่จะบอกลา กล้าได้แต่มองตามหลังรถหรูยืนนิ่งอยู่กับที่เหมือนโดนตอกหมุดไว้ที่เท้ามือเรียวยกขึ้นแตะเบาๆ ตรงที่มือใหญ่วางไว้ แก้มขาวแดงก่ำซะจนหากคนที่ผ่านไปผ่านมาคงคิดว่าร่างเล็กนั้นไม่สบายแน่ๆ

กล้ารวบรวมสติก่อนที่จะหมุนตัวเดินเข้าห้องสมุด คุณกวินทำให้เขาเสียหลักไม่เป็นตัวของตัวเองหลายครั้งจนใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วตอนนี้

“อ๊ะๆ เอมเห็นน้าเมื่อกี้นี้” ยังไม่ทันที่จะได้ทักทายชะเอมก็เอ่ยล้อเมื่อเช้าเธอมาพร้อมกับที่รถคันหรูมาจอดหน้าห้องสมุดพอดีทีแรกว่าจะเข้าไปทักแต่พอเห็นบรรยากาศหวานๆ ทำให้เธอได้แต่แอบกันผ้าด้วยความฟินกับความละมุนของพี่วิน แต่ที่แปลกใจคือเพื่อนสนิทของเธอ “ยอม” ให้กับพี่วินขนาดนั้นได้ยังไง

“เห็นอะไรเล่าเอม ทำงานไปเลยนะ” กล้าโวยเสียงเบาพร้อมกับก้มหน้าไม่ยอมสบสายตา วางเของเสร็จก็เดินดุ่มๆ หนีไปเรียงหนังสือที่คืนเข้าชั้น ฮือทำไมถึงได้รุมแกล้งเขานักก็ไม่รู้ ตลอดทั้งวันกล้าได้แต่ก้มหน้าซ่อนแก้มแดงๆ ที่โดนชะเอมล้อทั้งวัน จนถึงเวลาปิดห้องสมุด

“ไปนะพรุ่งนี้เจอกัน จะไม่ให้เอมไปส่งจริงๆ เหรอ”

“ไม่เป็นไรเจอกันพรุ่งนี้นะ” โบกมือลาเพื่อนสาวที่คนที่บ้านมารับจนกระทั่งลับสายตาไป เขาก็เตรียมที่จะเดินกลับบ้านแล้วถ้าหากไม่มีรถสีดำคล้ายรถของคุณกวินมาจอดตรงหน้าเสียก่อนที่แรกนึกว่าเป็นคุณกวินแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเจ้าตัวบอกว่าจะไม่ได้มาขณะที่กล้ายืนงงใครบางคนที่เปิดประตูรถลงมา สูงจัง ร่างเล็กได้แต่โอดครวญด้วยความอิจฉาในใจ แค่สูงยังไม่พอยังต้องดูดีขนาดนี้เลยเหรอ ส่วนสูงที่พอๆ กับพี่เชษฐ์ยิ่งใส่สูทแบบนี้ยิ่งทำให้ดูดีขึ้นไปอีก เอ๊ะ เหมือนพี่เชษฐ์งั้นเหรอหรือว่าทำงานกับคุณกวิน

“สวัสดีครับคุณกล้าบอสให้ผมมารับคุณไปส่งที่บ้าน” คนตัวสูงมาหยุดตรงหน้า

“บอส....คุณกวิน??” ร่างเล็กถามกลับงงๆ

“ใช่ครับ” เมื่อเห็นคนตรงหน้าพยักหน้าหนักแน่นพร้อมกับคำตอบ ทำให้กล้าต้องถอนหายใจแรงเพราะความเกรงใจแต่ก็เดินตามคนมารับไปที่รถ

“ขอบคุณครับ” กล้ารีบยกมือไหว้ขอบคุณเพราะคนตัวสูงรีบก้าวมาเปิดประตูรถให้เขา คนที่ถูกไหว้กลับยิ้มมุมปากไม่ได้พูดอะไรพอร่างเล็กขึ้นนั่งเรียบร้อยเขาก็ปิดประตูรถให้ทำเหมือนที่ทำให้กับบอส พอขึ้นรถขับออกไปทั้งห้องโดยสารก็มีเพียงเสียงหายใจ จนกระทั่งรถมาจอดที่หน้าบ้านหลังน้อยกล้าอึกอักก่อนที่จะยกมือไหว้แล้วขอบคุณ

“พรุ่งนี้ผมจะมารับตอนแปดโมงเช้านะครับ”

“ไม่ต้องก็ได้ครับ” กล้ารีบตอบกลับด้วยความเกรงใจ

“บอสสั่งมาครับผมต้องทำตาม” พอได้ยินคำตอบสีหน้าคนตัวเล็กยิ่งลำบากใจ

“แต่ว่า...”

“ถ้าจะให้ผมไม่มารับคุณกล้าต้องบอกบอสเองแล้วล่ะครับ” เพราะรอยยิ้มกว้างบนใบหน้ารึเปล่ากล้าถึงได้เห็นว่าคนที่มารับกำลังกวนเขาอยู่ ใบหน้าขาวงอง้ำเพราะถึงมีเบอร์เขาก็ไม่มีความกล้าที่จะโทรไปหรอกนะ แค่ทุกวันนี้มันก็เกินความคาดหมายไปหมดแล้ว

“งั้นเจอกันพรุ่งนี้ล่ะกันครับ” กล้าตอบแล้วรีบลงจากรถเข้าบ้าน ให้ตายเถอะทั้งเจ้านายแล้วลูกน้องเลย หลังจากอาบน้ำเสร็จร่างขาวก็นอนกลิ้งอยู่บนเตียงแต่แล้วก็ต้องซุกหน้าลงกับหมอนนิ่งเพราะกลิ่นหอมที่แตะจมูก กลิ่นกายของคนที่มานอนพักที่ห้องนี้

“ง่า แล้วจะนอนหลับได้ไหมล่ะ” เพราะกลิ่นที่ทำให้เหมือนว่าไม่ได้นอนอยู่คนเดียวเหมือนถูกโอบรัดด้วยกลิ่นกายของคนที่ไม่อยู่ เพียงแต่ซุกได้ไม่นานคนตัวเล็กก็ตวัดผ้าห่มเป็นก้อนกลมหลับไป

.

.

เช้าวันต่อมาคนที่บอกว่าจะมารับก็มารับตรงเวลาพอส่งถึงหน้าห้องสมุดก็พูดเพียงว่าตอนเย็นจะมารับเป็นอยู่อย่างนี้จนเข้าวันที่สี่ พอมารับมาส่งก็เลยได้เริ่มพูดคุยจนได้รู้จักชื่อ พี่ฐา พี่ฐาก็เป็นลูกน้องคนหนึ่งของคุณกวินแต่อยู่คนละสาขางานกับพี่เชษฐ์แถมเวลาที่พี่ฐาพูดถึงพี่เชษฐ์ก็เรียกคุณแม้จะงงๆ แต่เขาก็เข้าใจว่าพี่เชษฐ์คงจะมียศใหญ่กว่าโดยที่เขาไม่รู้เลยว่าลูกน้องทุกคนของบอสต่างก็เรียกเชษฐ์ว่าคุณเพราะความเคารพทั้งฝีมือและนิสัย

“วันนี้ทำไมมาเร็วจังครับพี่ฐา” กล้าที่พึ่งปิดห้องสมุดก็เห็นพี่ฐายืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างรถอยู่แล้ว เขาเลยรอพี่ฐาคุยเสร็จจึงเข้ามาทัก

“บอสสั่งให้พี่มาเร็ว” พอพี่ฐาพูดถึงบอส ในหัวเขาก็ปรากฏภาพคนที่หายหน้าหายตาไปหลายวัน อยากจะถามไถ่ว่าเป็นยังไงแต่ก็เหมือนคำถามมันติดอยู่ตรงลำคอ พี่ฐาเปิดประตูให้เหมือนทุกครั้ง เขานิ่งเงียบจนถึงบ้านรถจอดแล้วแต่เขาก็ยังไม่ลงจากรถ

“เอ่อ...พี่ฐาครับ”

“ครับ??” มือเรียวบีบกันแน่นอยู่บนตัก เรียวปากสวยขมเม้นแน่นเพราะความประหม่าอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่รู้ว่าจะถามดีรึไม่ถามดี จนตัดสินใจได้

“คะ..คุณกวินเป็นยังไงบ้างครับ” เพราะหายไปนาน เพราะไม่ได้ยินเสียง เพราะไม่ได้เจอหน้า เพราะก่อนหน้านี้ได้เจอหน้าทุกวันแถมบางวันยังยิ่งกว่าเจอซะอีก

“อ้อ ตอนนี้บอสเคลียงานอยู่ที่บริษัทครับ” เพราะอยากจะหนีเที่ยวงานในอาทิตย์ที่บอสเขาจะหยุดเลยต้องมากองที่อาทิตย์นี้ถ้าหากอยากหยุดสบายๆ โดยไม่มีการหอบงานไปด้วย

“แล้วได้พักบ้างรึเปล่าครับ” พอได้ยินว่ายังอยู่บริษัททั้งๆ ที่ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว งานเยอะมากเหรอ ใบหน้าขาวก้มลงต่ำก่อนที่จะตัดสินใจเงยหน้าขึ้นสบตาที่นั่งอยู่ตรงคนขับ “พี่ฐารอผมซักครู่ได้ไหมครับ”

“อ่าได้ครับ” แม้จะแปลกใจแต่ฐาก็ยอมรออยู่ในรถ ส่วนคนที่บอกให้รอรีบวิ่งเข้าบ้าน โยนกระเป๋าลงโซฟาแบบลวกๆ ก่อนที่จะเดินเข้าครัว เปิดตู้เย็นหยิบเอากุ้งกับหอมหัวใหญ่มา มือขาวผัดข้าวมือเป็นระวิงไม่นานข้าวผัดกุ้งสีสวยก็เสร็จ กล้าหาเอาปิ่นโตเถาใหญ่ตักข้าวผัดใส่จนเต็มอีกอันเขาตักแกงจืดเต้าหู้ที่ทำพร้อมกันปิดฝารีบหิ้ววิ่งไปหาคนที่รอ

“พี่ฐา.....อันนี้..ผมฝากให้คุณกวินด้วยนะครับ” ส่งของที่ต้องการฝากไปให้กับคนงานยุ่ง ฐารับเอาปิ่นโตมาไว้พร้อมกับรอยยิ้มมุมปากดูท่าวันนี้บอสของเขาจะมีแรงทำงานโต้รุ่งแน่ๆ พอให้กล้าก็วิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าบ้าน ฐาขับรถเรียกได้ว่าประคองปิ่นโตจนถึงบริษัท ร่างสูงถือปิ่นโตเถาใหญ่ขึ้นลิฟท์ตรงไปยังชั้นบริหาร

ก๊อกๆ

ฐาเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป ภาพคุ้นตาในช่วงสามสี่วันที่ผ่านมาก็คือบอสที่ก้มหน้าก้มตาใส่แว่นอ่านเอกสารแทบจะไม่รู้ถึงเดือนถึงตะวันอยู่แล้ว

“กลับมาแล้วเหรอ” กวินที่เงยหน้าขึ้นมาทักแล้วก็ก้มลงอ่านเอกสารต่อ เขาพยายามที่จะเคลียงานที่จะทำให้เขาสามารถว่างได้อาทิตย์หนึ่งแต่ทำไมยิ่งทำเหมือนมันจะยิ่งเยอะแบบนี้นะ

“ผมว่าบอสควรพักนะครับ” พอเห็นสภาพแล้วฐาได้แต่สงสารตอนนี้บอสเขานอนที่นี่แทบจะเป็นบ้านหลังที่สองแล้ว

“ก็ทำเสร็จจะพัก” ฐาอยากจะย้อนว่าเมื่อวานบอกก็พูดแบบนี้ แต่วันนี้ไม่เหมือนเมื่อวาน

“อ่า งั้นบอสคงไม่อยากกินอาหารฝีมือคุณกล้าหรอกนะครับ” สิ้นคำพูดแฟ้มในมือบอสถูกปิดดังฉับลุกขึ้นมาตรงหน้าเขาทันที เอ่อเห็นทีคงได้ผลเกินไป

“อยู่ไหน” เสียงทุ้มที่แทบจะห้วนจนฐาต้องรีบส่งปิ่นโตให้

กวินรับปิ่นโตมาไว้ในมือด้วยความรู้สึกแปลกๆ เหมือนหัวใจมันฟูฟ่องอบอวนด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกรู้เพียงแค่มันทำให้เขามีความสุขมาก อ่ารู้สึกปวดแก้มหน่อยๆ แหะ

“นี่คุณกล้าอุตส่าห์รีบทำให้ทันทีที่รู้ว่าบอสไม่ได้พักงานเลยนะครับ” ยิ่งได้ฟังกวินยิ่งรู้สึกหัวใจพองโตกว่าเดิม รีบไปนั่งเปิดปิ่นโตกลิ่นหอมของข้าวผัดและแกงจืดเต้าหู กลิ่นหอมที่ทำให้เขารู้สึกหิวทันที ไม่รอช้ากวินรับเอาช้อนที่ลูกน้องคนสนิทส่งให้ตักเข้าปากให้ตายเถอะได้เสบียงแบบนี้ต่อให้โต้รุ่งเขาก็ไหวยิ่งอาหารถูกปากเขาก็ยิ่งได้แรงใจ ใช้เวลาไม่นานเขาก็กินเสร็จ เขามองไปที่กองงานกับความต้องการที่อดกลั้นมาตลอดสามสี่วันยิ่งได้เสบียงใจเขายิ่งอยากไปหา

“กลับกันเถอะ” กวินเก็บปิ่นโตทีแรกฐาจะเข้ามาถือแต่เขาก็อยากถือเองลงมาถึงชั้นจอดรถ

“กลับบ้านเลยเหรอครับบอส”

“ไม่ ไปบ้านน้องกล้า” เหลือบมองนาฬิกาเวลานี้น้องคงยังไม่นอน เพราะรู้นิสัยคนตัวเล็กดี ไอ้ฐาไม่ตอบอะไรเพียงหัวเราะเบาๆ แล้วกลับรถไปทางบ้านน้องกล้าของบอส

กวินเปิดประตูรั้วที่น้องไม่เคยจะล็อกจนถึงประตูหน้าบ้าน แล้วเคาะประตูเบาๆ ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากในบ้านก่อนที่ประตูจะเปิดออก

“คุณกวิน” เสียงหวานที่คิดถึงมาตลอดสามสี่วัน

“พี่ขอมานอนที่นี่ได้ไหม” ไอ้ฐาพอเขาลงจากรถมันก็ออกรถกลับบ้านทันที กวินมองร่างเล็กที่อยู่ในชุดนอนสีฟ้าผมฟูเป็ดไปข้างหนึ่งท่าทางน้องคงนอนอ่านหนังสือ ตาโตๆ นั่นเบิกกว้างเมื่อเห็นเขายืนอยู่หน้าประตูแต่น้องก็เบี่ยงตัวหลบให้เข้าบ้าน

“เอ่อ....เข้ามาสิครับ”

“ขอบคุณมากเลยนะสำหรับข้าวอร่อยๆ” ระหว่างที่เดินเข้าบ้านก็บอกขอบคุณน้องไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มกว้างรับปิ่นโตที่เบาที่แสดงว่ากับข้าวโดนกินจนหมด

“ไม่ได้พักเลยเหรอครับ” กล้าหันกลับมามองคนตัวโตที่ยังใส่แว่นดูไม่คุ้นแต่ก็ดูดีอีกแบบแต่รอยคล้ำใต้ตาเห็นได้ชัดและสีหน้าอิดโรย

“ก็ได้นอนนิดหน่อย” เพราะสายตากลมโตเต็มไปด้วยความเป็นห่วงทำให้กวินกลืนคำโกหกที่ว่าได้พักลงคอ

“งั้นขึ้นไปนอนพักดีกว่าครับ” เขาพยักหน้ารับก่อนที่จะบอกราตรีสวัสดิ์แล้วเดินขึ้นไปห้องน้องถอดแว่นวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงแล้วล้มตัวนอน ปลายจมูกโด่งได้กลิ่นหอมจางๆ ก่อนที่จะเข้าสู่นิทราในเวลาไม่นาน

เพราะการไม่ได้นอนเต็มที่หลายวันทำให้กวินหลบยาวตื่นขึ้นมาก็บ่ายกว่าแล้วเขาอาบน้ำแต่งตัวตรงเข้าบริษัทตั้งเป้าไว้ว่าวันนี้งานจะต้องเสร็จไม่งั้นเขาได้ขาดใจตายแน่ๆ เพราะทุมเทกับการวางแผนไปเที่ยวครั้งนี้มาก

ครืดๆ

“ไง”

“ (บอส!! ไหนบอกจะให้ผมไปพักผ่อนแล้วทำไมบอสต้องเป็นคนกำหนดทริปด้วยล่ะ ห๊ะ!!) ” เสียงโวยวายดังจนได้แต่ถอนหายใจ ทำไมช่วงนี้มันเป็นคนขี้โวยวายแบบนี้นะไปกินยาผิดที่ชลหรือไง

“ก็ฉันจะไปด้วยไง”

“ (เรื่องสิบอส บอสจะไปก็แยกกันไปสิทำไมต้องพ่วงผมไปด้วย) ”

“กล้าจะไปด้วย” พอเอ่ยถึงชื่อน้องไอ้เชษฐ์ก็เงียบไปทันที

“ (บอสจะล่อลวงน้องใช่ไหม) ” ไอ้นี่...กล่าวหากันชัดๆ

“เรื่องสิ น้องไม่เคยไปเที่ยวเลยอยากจะพาไป” เพราะอยากให้น้องมีความสุขเขาเลยคิดทริปเที่ยวนี้ที่จะให้น้องไหนจะไล่เคลียงานนี่อีก

“ (ไม่ค่อยนะบอสเอาเถอะเห็นแก่ความสุขบอสผมจะยอมทำให้) ”

“หึน่าเดียซจะให้โบนัสพิเศษ”

“ (ช่วยอย่าส่งผมกลับมาทำงานที่นี่อีกก็แล้วกัน) ” ท่าทางจะไม่ชอบผู้จัดการสาขานั้นจริงๆ เลยตกปากรับคำว่าจะไม่ส่งมันไปแล้วถึงได้พอใจ

“เอาวะรีบทำให้เสร็จเถอะไอ้วิน” เรียกสติให้คืนกลับมาพร้อมกับลุยงาน หลังจากที่ตะบี้ตะบันทำจนในที่สุดงานที่กองท่วมหัวก็สามารถจบลงซักที อยากจะนอนนิ่งๆ ซักหนึ่งวัน คว้าเอาข้าวของก่อนที่จะให้ฐาไปส่งที่บ้านน้อง เอาจริงๆ ก็แทบไม่อยากจะกลับบ้านตัวเอง

“บอสจะให้ผมเอาอะไรมาให้ไหมครับ”

“ให้ป้านงค์จัดกระเป๋าให้ฉันสำหรับเที่ยวอาทิตย์หนึ่งกับเอาเสื้อผ้ามาให้ฉันเปลี่ยนซักสองสามชุดนะ” ฐารับคำก่อนที่จะออกรถไป ยืนนิ่งอยู่หน้าบ้านก่อนที่จะโทรไปขออนุญาตเข้าบ้านซึ่งน้องก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่บอกให้เขาขึ้นไปนอนได้เลย ให้ตายเถอะนี่ไม่ได้ปิดบ้านอีกแล้วใช่ไหมได้แต่ส่ายหัวกับการไม่เคยปิดบ้านของน้อง เปิดประตูเข้าบ้านขึ้นไปอาบน้ำชำระความเหน็ดเหนื่อยแล้วล้มตัวลงนอนพักสายตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็เย็นพอดี

“ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานสินะ” ร่างสูงบ่นเบาๆ มองมือถือมีข้อความที่ฐาส่งมาบอกว่าเตรียมของมาให้แล้วอยู่ด้านล่าง เขาเดินลงมาเปิดไฟข้างล่างแล้วเดินเข้าห้องครัว ทำอาหารรอคนตัวเล็กยังดีที่ของในตู้เย็นมีไม่นานอาหารง่ายๆ สามสี่อย่างก็เสร็จ

แกร๊ก

“เอ๋ หอมจัง” เสียงอุทานแปลกใจพร้อมกับร่างเล็กที่เดินลิ่วมาที่ครัว

“ทานข้าวก่อนหรือจะอาบน้ำก่อน” กวินชอบบรรยากาศแบบนี้ อยากให้มันเกิดขึ้นจริงๆ อยากทำอาหารรอหรือไม่กลับบ้านมาก็มีคนตัวเล็กรอ อาจจะเป็นภาพที่เขาละเมอเพ้อพกไปก่อนคนเดียวแต่เขาก็อยากให้มันเป็นอย่างที่ฝัน

“งั้นเดี๋ยวผมลงมานะครับ” เสียงหวานที่ปลุกให้เขาออกจากภาพฝัน กวินเลยตั้งโต๊ะรอไม่นานน้องก็ลงมา

“กล้า สามารถหยุดงานได้ไหมซักอาทิตย์หนึ่ง” ร่างเล็กเงยหน้าจากจานข้าวขึ้นมองคนถาม

“ก็ได้นะครับ”

“งั้นดีลาเลยวันพรุ่งนี้พี่จะพาไปเที่ยว”

“เอ๋!!!!” กล้าอุทานเสียงดัง จู่ๆ ก็จะไปเที่ยวอย่างนี้เหรอ

“ไปกับพี่และก็ไอ้เชษฐ์” กล้าลังเลใจหนึ่งเขาก็อยากจะไปเที่ยวซักครั้งแต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะก้าวจากกำแพงที่เขาสร้างขึ้น

“แต่ว่า....”

“นะ...ไปกับพี่..นะครับ” มือใหญ่เอื้อมมากุมมือขาวที่วางอยู่บนโต๊ะเบาๆ

ตึกตักๆ ๆ

ฮือ

ทำไมใจเขาเต้นแรงแบบนี้ ใจดวงน้อยเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอก แก้มขาวแดงก่ำนัยน์ตากลมโตสั่นไหวได้แต่นิ่งให้คนตัวโตกุมมืออยู่อย่างนั้น

เขาแพ้แล้ว

แพ้ให้กับคนตรงหน้าแม้อีกคนจะไม่ได้บอกคำรักหรือแม้กระทั่งคำว่าชอบมีเพียงสายตาที่บอกเขาทุกอย่าง เขาควรออกจากกำแพงที่เขาสร้างได้แล้วใช่ไหม คนคนนี้จะไม่ทำให้เขาเจ็บปวด เขาควรที่จะลองอีกครั้ง

“ผม..ไปก็ได้ครับ” สิ้นคำตอบกล้าก็เห็นรอยยิ้มกว้างเพราะดีใจที่เขาตกลงไป รอยยิ้มที่ยิ่งทำให้ใบหน้าคมดูดีขึ้นอีกมากโข

“เยส พี่ดีใจจริงๆ ที่กล้ายอมไปกับพี่” ลูบเบาๆ ที่มือเล็ก

“ผมก็ดีใจที่จะได้ไปเที่ยวกับพี่เชษฐ์แล้วก็..... พี่กวิน” ถ้าหากที่น้องยอมไปเที่ยวทำให้กวินดีใจแล้ว คำพูดสามคำที่หลุดออกมาจากเรียวปากสวยนั่นยิ่งทำให้เขาเหมือนขึ้นสวรรค์ เคยคิดถ้าหากน้องเรียกเขาว่าพี่จะน่าฟังขนาดไหน แต่พอได้ยินแล้วมันกลับดียิ่งกว่าที่จินตนาการไว้ จนต้องยกมือมาปิดปากหลบสายตาน้องทั้งๆ ที่ปกติจะเป็นอีกฝ่ายที่เป็นคนหลบตา ใบหูใหญ่แดงระเรื่อง แค่น้องเรียกว่า “พี่” ทำไมดาเมจมันทำลายล้างแบบนี้ล่ะ เสียมาดนักธุรกิจหมด ให้ตายเถอะ

****************************************************

คุณกวินก็จะน่ารักหน่อยๆ

มาเร็วกว่าที่คิด อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน นะคะ
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่13 23/4/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-04-2018 10:40:02
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่13 23/4/2561
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 24-04-2018 23:12:46
น้องกล้าน่ารักมากๆ
ค่อยๆเปิดให้พี่เขาทีละนิดนะลูกกกก  :mew3:
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่13 23/4/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-04-2018 12:37:58
เพิ่งอ่านรอบสอง
อุอิ น้องหล้าน่ารักเวอร์
คุณกวินตอนที่8ฟินมากเลยนะ 55

ยังมีสะกดผิดอยู่นะรอบแรกมัวแต่ตื่นเต้นกับเนื้อหามองไม่เห็นคำผิด :z2:

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่13 23/4/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 27-04-2018 13:25:01
เรียกพี่กวินแล้ว น่ารักมาก
เขินแทนพี่กวินเลย ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่14 28/4/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 28-04-2018 17:50:18
14

“อ่าวน้องหลับเหรอครับ” กวินมองคนที่ตอนแรกดูจะตื่นเต้นยากไปเที่ยวมากแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะหมดแรงไปซะแล้วนั่งคอพับคออ่อนจนเขาต้องจับหัวทุยให้พิงไหล่ พอได้พิงเหมือนว่าน้องจะไม่พอใจขยับถูไถจนซุกซบอยู่ที่อกพอได้ที่พอใจรอยยิ้มบางๆ ยกขึ้นพร้อมกับลมหายใจสม่ำเสมอ แต่คนที่ให้พิงอย่างเขานี่สิ ให้ตายเถอะ พอเปิดใจแล้วน้องเป็นคนขี้อ้อนแบบนี้เหรอให้ตายเถอะ เขาจะทนไหวไหม เหมือนได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของไอ้เชษฐ์ที่ขับรถอยู่อยากจะว่ามันนะเพียงแต่กลัวเสียงดังแล้วน้องจะตื่น

ใช่ครับวันนี้เป็นวันที่พากันไปเที่ยวเมื่อคืนนี้น้องตื่นเต้นไม่รู้ว่านอนตอนกี่โมงเพราะงั้นถึงได้นอนหลับสนิทไงน้องไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะพาไปเที่ยวไหนเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็แทบจะเข้าวันใหม่แล้วเพราะมัวแต่จัดกระเป๋า กวินนั่งนิ่งให้คนตัวเล็กพิงจนกระทั่งเชษฐ์แวะเข้าปั๊มเพราะเดินทางมันร่วมร้อยกว่ากิโล ตอนนี้ไหล่ข้างที่น้องพิงเริ่มชานิดๆ มือใหญ่ที่โอบไหล่บางไว้เขย่าเบาๆ เพื่อปลุกคนหลับ

“กล้า...น้องกล้า..ตื่นก่อนครับอย่าขยี้ตาเดี๋ยวตาแดงครับ” กวินรีบจับมือเรียวที่กำลังยกขยี้ตาไว้ ตาโตที่ไม่มีแว่นบังกระพริบอย่างงุนงงเขาเลยหยิบแว่นตาใส่ให้

“ถึงไหนแล้วครับ” เสียงหวานแหบพร่าถามงง

“แวะพักครึ่งทางครับลงไปเข้าห้องน้ำไหม” กล้าไม่ได้ตอบคำถามเพราะกำลังประมวลผลก่อนที่แก้มขาวจะแดงก่ำซะจนคนที่มองเป็นห่วง

“เมื่อยรึเปล่าครับ” คนตัวโตไม่ตอบเพียงแต่ยกยิ้มบางแล้วชวนน้องลงจากรถ ถึงเมื่อยแค่ไหนแต่ถ้าน้องยอมทำแบบนี้กับเขาคนเดียวก็ยอม ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำธุระส่วนตัวกวินเดินไปเลือกซื้อขนมนมเนยให้คนตัวเล็กที่ยังทำธุระไม่เสร็จ

“ไหวไหมจะเปลี่ยนให้ฉันขับก็ได้นะ” เขาเดินไปหาไอ้เชษฐ์ที่กำลังยืนใส่แว่นตาดำดูดกาแฟเย็น

“ไม่เป็นไรบอส ไปนั่งเป็นเบาะให้น้องกล้านอนพิงเถอะ” หลังจากที่ไปดูงานที่ชลมารู้สึกว่าปากคอเราะร้ายขึ้นเยอะเลยนะ

“งานที่ชลก็ยังไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่นะ” เท่านั้นล่ะไอ้ท่าทางสบายๆ หาบวับ

“ไม่ไปแล้วนะบอส ถ้าบอสส่งไป ผมจะทำให้มันเจ๊งเลยคอยดู” นี่มันกล้าขู่เจ้านายมันแต่เอาเถอะเขายังมีโอกาสเอาคืน เพราะผู้จัดการสาขาชลถูกย้ายขึ้นมาสาขาใหญ่ใบหน้าคมมีรอยยิ้มร้ายประดับอยู่ รอยยิ้มที่เชษฐ์เห็นแล้วรู้สึกขนลุกขนชัน

“ขอโทษที่ทำให้รอนานนะครับ” กล้าที่เดินมางงๆ ในท่าทางแปลกๆ ของคนสองคนที่ยืนรออยู่

“ไม่เป็นไร ถ้างั้นก็ขึ้นรถกันเถอะ”

คราวนี้ร่างเล็กไม่ง่วงแล้วเพราะได้พักสายตาไปสักพัก ตากลมโตมองวิวข้างทางสลับกับพูดคุยกับพี่ชายที่หายไปทำงานเป็นเดือนๆ กวินมองรอยยิ้มกว้างฟังสองพี่น้องคุยกันเงียบๆ มือใหญ่หยิบนมรสจืดที่สังเกตว่าน้องชอบมาเปิดแล้วส่งให้น้อง

“หิวหรือเปล่ากินนี่ก่อนนะ”

“ขอบคุณครับพี่กวิน” ถึงแม้จะสนิทกันแค่ไหนเวลาเขาให้อะไรหรือทำอะไรให้น้องก็จะยกมือไหว้เขาเสมอ

“นี่ขนมปัง” ขนมปังรสโปรดถูกแกะแล้วส่งมาจ่อที่เรียวปากเล็ก ตากลมช้อนมองคนข้างก่อนที่จะตัดสินใจอ้าปากกัดขนมปังคำโต กวินอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างมองน้องเคี้ยวแก้มตุ้ยเหมือนกระต่ายป้อนน้องจนหมดชิ้นยกซองขึ้นเชิงถามว่ากินอีกไหมคนตัวเล็กส่ายหัวแต่หยิบเอาไปแกะแล้วหยิบขึ้นมาใกล้ริมฝีปากหยัก

“ป้อนพี่เหรอ” แววตาระยับจนคนป้อนไม่กล้าสบตาทำเพียงพยักหน้าเบา กวินอ้าปากกินขนมปังที่เหมือนจะอร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาในชีวิตหัวใจพองโต บรรยากาศที่นั่งด้านหลังอบอวลด้วยสีชมพูม่วงๆ ซะจนเชษฐ์คิดว่าที่ตัวเองมาด้วยนี่เป็นความคิดที่ดีรึเปล่า เหมือนเป็น กขค. ยังไงไม่รู้ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถไปจุดหมายพยายามที่จะไม่หันไปด้านหลัง

.

.

.

การเดินทางเกือบสามชั่วโมงกว่ารถฟอร์จูนเนอร์ก็เลี้ยวเข้าไปยังรีสอร์ทที่กวินเลือกเองทั้งหมดเพราะบรรยากาศเงียบสงบที่น้องน่าจะชอบ แอบเห็นกระเป๋าเดินทางที่หนักเป็นพิเศษถ้าเดาไม่ผิดคงจะเป็นหนังสือเพราะทั้งกวินและกล้าต่างไม่ชอบความวุ่นวาย กวินเลือกจองรีสอร์ทนี้เพราะบรรยากาศร่มรื่นและเงียบสงบ อ้อยังไม่ได้บอกสินะว่าพาน้องมาเที่ยวที่ไหน จังหวัดกาญจนบุรี เชษฐ์เดินเข้าไปเช็กอินรับกุญแจห้องพัก พวกเขาขับรถตามรถกอล์ฟที่พนักงานขับนำไปยังที่พักที่ปลีกวิเวกเป็นส่วนตัว

“ถ้าต้องการอะไรโทรไปแจ้งได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะครับ” เพราะถูกเจ้านายสั่งลงมาว่าให้ดูแลแขกที่มาพักให้ดี

“ขอบใจมาก” กวินให้ทิปไปเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปช่วยเชษฐ์ขนกระเป๋าเข้าที่พัก บรรยากาศตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้วแต่อากาศยังเย็นสบายเพราะต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ล้อมรอบแถมถัดไปไม่ห่างเป็นแม่น้ำแคว เขาเลือกจองบ้านพักเป็นหลังเพราะมันเป็นส่วนตัวกว่า

“ขึ้นไปพักก่อนนะตอนเย็นเราค่อยออกไปทานข้าวเย็นกัน” เชษฐ์หิ้วกระเป๋าขึ้นห้องซ้ายสุดไปเรียบร้อยเพราะขับรถคนเดียวมาตลอดคงจะเหนื่อย

“พี่กวินจะพักห้องไหนครับ” เมื่อเหลือสองห้องกล้าเลยถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

“น้องกล้าเลือกเลยครับ” แม้ใจจริงอยากจะให้พักห้องเดียวกันก็เถอะแต่มันคงจะเป็นการรุกหนักเกินไป น้องเลยเลือกห้องตรงกลางเขาเลยช่วยถือกระเป๋าขึ้นไปส่งน้องที่ห้อง

“พักนะครับ ยังดูเพลียๆ อยู่เลย”

“พี่กวินเหมือนกันนะครับ” พูดจบน้องก็เข้าห้องทันทีที่บานประตูปิดลง กวินก็ยกมือลูบหน้าปิดบังรอยยิ้มดีใจเพราะก่อนที่น้องจะเข้าห้องรอยยิ้มกว้างจนตาโตนั่นแทบปิด รอยยิ้มกว้างที่ได้รับเป็นครั้งแรก

หลังจากที่แยกย้ายกันพักไปตื่นขึ้นมาก็จะทุ่มกว่าแล้วกวินเดินลงมาข้างล่างคนแรกไม่นานไอ้เชษฐ์ก็ลงมาท่าทางไม่ได้เหนื่อยเหมือนตอนที่มาถึงที่พักแรกๆ

“บอสจะไปเที่ยวไหนบ้าง” เพราะลางานมาอาทิตย์หนึ่งแถมยังมาเที่ยวต่างจังหวัด

“ไม่รู้สิคงต้องรอถามน้องกล้าอีกที” ได้ยินเสียงถอนหายใจแบบหมั่นไส้จากไอ้เชษฐ์

“อะไรๆ ก็น้องกล้า”

“เออทำไมวะ”

“แต่ก่อนนี่ไอ้เชษฐ์ๆ เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็น้องกล้า” มันทำท่าสะดีดสะดิ้งได้น่าถีบมากเร็วกว่าความคิดเท้าโตๆ พุ่งไปหาและเพราะมันเป็นมือดีจึงหลบได้ทันทีแถมยังทำหน้าล้อเลียนอีก

“หยุดเลยนะไอ้เชษฐ์”

“หยุดผมก็โดนถีบสิ” และภาพเด็กโข่งสองคนที่วิ่งไล่เตะกันโดยมีโซฟาคั้นกลางก็ตกอยู่ในสายตาของคนตัวเล็กที่ตื่นเดินออกมาได้ยินเสียงโวยวาย เสียงหัวเราะใสดังขึ้นทำให้เด็กโข่งสองคนหยุดวิ่งไล่แล้วหันไปมองคนตัวเล็กที่ยืนหัวเราะอยู่บนบันได

“ขำอะไรพี่ หือ ตัวเล็ก” แม้จะพึ่งเคยเห็นน้องหัวเรากว้างแบบนี้แต่ทั้งเชษฐ์และกวินไม่ทักเพียงแต่เก็บภาพนี้ไว้

“ก็เล่นกันเหมือนเด็กเลยครับคิกๆ” รอยยิ้มกว้างนั่นทำให้กวินคิดไม่ผิดที่พาน้องมาเที่ยว

“ไปกินข้าวกันเถอะ” กวินชวนทั้งสองคนไปเพราะนี่ก็จะสองทุ่มแล้ว ขับรถออกไปร้านอาหารที่ไม่ไกลจากรีสอร์ทเป็นร้านอาหารริมแม่น้ำที่กวินอ่านรีวิวแล้วน้องคงชอบ สรุปทริปนี้ที่กวินวางแผนไว้ทั้งหมดอิงความคิดที่ว่ากล้าจะชอบอะไร และก็คงไม่ผิดจากที่หวังเพราะใบหน้าเล็กฉายชัดว่าชอบบรรยากาศแบบนี้ ร้านเรือนแพริมแม่น้ำ

“น้องกล้าอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม” เขาหันไปถามเพราะน้องดูเหมือนตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทานอะไร

“กุ้งครับ กล้าอยากกินกุ้ง” แทนตัวเองยังไม่พอ ยังแถมยิ้มกว้างให้อีก ให้ตายเถอะกวินหลบสายตาก่อนที่จะสั่งเมนูกุ้งมาสามสี่อย่าง

“บอสครับจะกินแต่กุ้งรึไง ไม่ต้องสั่งแล้วผมจะสั่งเอง” ชักคิดถูกที่พาไอ้เชษฐ์มาด้วย ไม่งั้นความน่ารักของกล้าที่จู่โจมเขาตลอดทำให้นักธุรกิจไฟแรงไปไม่เป็น เชษฐ์เปิดเมนูสั่งอาหารเพิ่มอีกสองสามอย่างที่ไม่ใช่เมนูกุ้ง ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ เสียงเพลงเบาๆ พร้อมกับลมพัดพาอากาศเย็นๆ ทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย กล้าคุยมากขึ้นรอยยิ้มกว้างที่น้อยครั้งจะได้เห็นตอนนี้กลับประดับอยู่บนใบหน้าขาวตลอด

แกร๊กๆ

เสียงซ้อมกระทบจานเสียงดัง กวินเงยหน้ามองน้องที่กำลังก้มหน้าก้มตาจริงจังกับการแกะกุ้งแม่น้ำเผาตัวโตดูเหมือนน้องจะแกะไม่เป็นด้วยซ้ำ เป็นเขาที่พลาดเองที่ไม่ได้สั่งแบบผ่ามาเรียบร้อย มือใหญ่จัดการแกะกุ้งอย่างคล่องแคล่วไม่นานเนื้อกุ้งฉ่ำก็ถูกวางลงจานคนข้างๆ

“ทานสิพี่จะแกะให้”

“ขอบคุณครับ” กวินคิดว่าคุ้มแล้วจะให้แกะกุ้งอีกสิบโลก็ไหวถ้าได้เห็นรอยยิ้มกว้าง

“แค่กๆ ๆ” เสียงไอขัดจังหวะหวานซึ้ง

“อะไรติดคอแกห๊ะเชษฐ์”

“หางกุ้งติดคอ” มันตอบพร้อมกับยักคิ้วให้สองที กวนตี... เขาปากุ้งใส่จานข้าวมันหางกุ้งติดคอนักใช่ไหม เอาไปกินทั้งเปลือกเลยไป

“ชอบไหมครับ” หันไปถามคนที่ทำตาแป๋วมองเขากับเชษฐ์ทะเลาะกัน

“ครับ” เท่านั้นล่ะครับที่เขาอยากได้ยิน แค่น้องชอบก็พอ แกะเปลือกกุ้งให้น้องจนเต็มจานและน้องก็ตอบแทนโดยตักโน่นตักนี่ใส่จานเขา ทานอาหารเสร็จก็พากันกลับเข้าที่พักพรุ่งนี้ว่าจะพาไปเที่ยวน้ำตก ไอ้เชษฐ์เดินเข้าห้องนานแล้วมีเพียงเขาที่เดินมาส่งน้องที่หน้าห้อง

“ฝันดีนะครับ”

“ฝันดีครับ” เห็นทีเขาคงจะฝันดีตลอดทั้งคืน

.

.

รุ่งขึ้นกวินตื่นขึ้นมาตอนเช้าทำธุระแต่งตัวเรียบร้อยก็ไปเคาะประตูเรียกน้องและเชษฐ์เพื่อไปกินข้าวเช้าที่เรือนริมธารของรีสอร์ท ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่เห็นน้องแต่งตัวน่ารักๆ จนเขาอยากจะเข้าไปฟัดให้ตัวขาวๆ นั่นแดงระเรื่อ หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จก็พาไปเที่ยวที่น้ำตกไทรโยคน้อย ที่ทางเข้ามีหัวรถไฟไอน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เชษฐ์เดินนำพร้อมกับถ่ายรูปจากกล้องตัวเก่ง งานอดิเรกของมันคือถ่ายรูป กวินชำเลืองมองคนที่เดินข้างๆ ที่ดูตื่นเต้นซะเหลือเกิน

กล้าไม่คิดว่าเพียงแค่บ่นเบาๆ ว่าอิจฉาพี่เชษฐ์ได้ไปเที่ยว พี่กวินก็พาเขามาเที่ยวแถมยังเป็นการมาเที่ยวต่างจังหวัดซะด้วยยอมรับว่าตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับแถมยังเผลอหลับพิงอกพี่กวินไปซะนาน พอมาถึงที่พักซึ่งถูกใจเขามาก มากซะจนลืมหนังสือที่หอบมา แถมพี่กวินยังใจดีมากแกะกุ้งให้เขาซะจนตัวเองไม่ได้กิน ความรู้สึกหวานๆ ที่เหมือนหมอกควันกระจายอยู่รอบๆ ตัว เพราะไม่มีกำแพงที่เขาสร้างขึ้นเขาก็เผยตัวตนที่แท้จริงให้คนใจดีเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับที่รู้จักพี่กวินมากขึ้น

“อ๊ะ” เพราะมัวแต่เหม่อคิดอะไรไปเรื่อยเลยไม่ได้ดูเลยว่าก้อนหินที่เท้านั้นมันเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำทำให้เขาลืนยังดีที่ได้วงแขนใหญ่สอดรัดที่เอวดึงไปกอดแน่น

“หินมันลื่นระวังหน่อยครับ” เสียงทุ้มบอกข้างหู

“ง่ะ ขอบคุณครับพี่กวิน” พอเห็นว่ายืนได้ดีแล้ววงแขนใหญ่ก็ปล่อยพร้อมกับมือใหญ่ที่ส่งมาตรงหน้า แม้จะเขินอายแต่เขาก็ยอมวางมือลง ความอบอุ่นผ่านฝ่ามือถึงหัวใจดวงน้อยที่เต้นรัว พี่กวินในชุดสบายๆ แต่ก็ยังดูดีเหมือนหลุดมาจากนิตยสาร เดินผ่านลำธารจนไปถึงน้ำตกไทรโยคน้อย เพราะธรรมชาติที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาคนที่ไม่เคยออกไปไหนยืนนิ่ง การเห็นภาพในหนังสือมันเทียบไม่ได้เลยกับภาพตรงหน้า ทั้งความเย็น เสียงน้ำ เสียงธรรมชาติรอบๆ ตัว ทำให้มือขาวบีบกระชับหันไปสบตากับคนตัวโตที่มองมาอยู่เช่นกันก่อนที่จะยิ้ม ..........ยิ้มที่เต็มไปด้วยคำขอบคุณ ยิ้มที่มาจากหัวใจเขาจริงๆ

“ขอบคุณนะครับ” เขาบอกได้เท่านี้ คำขอบคุณ ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่าง

กวินนิ่งทำเพียงยิ้มตอบแล้วบีบมือแน่น “พี่เต็มใจ” กล้าหันไปมองธรรมชาติตรงหน้าเหมือนเดิม

“ที่นี่เล่นน้ำได้ไหมครับ”

“เล่นได้นะแต่เราไม่มีชุดมาด้วย ไว้พรุ่งนี้ค่อยเล่นล่ะกัน” กวินว่าเพราะพรุ่งนี้ก็ยังไปเที่ยวน้ำตกอีกวันน้องไม่ว่าอะไรเพียงพยักหน้า เขาเลยจูงมือน้องไปหาไอ้เชษฐ์ที่มัวถ่ายรูปเพลิน ก่อนที่จะพากันกินข้าวแถวน้ำตกอาหารมื้อง่ายๆ เขากับน้องพากันเดินย่อยก่อนที่จะชวนกันนั่งลงที่ก้อนหินหย่อนขาลงแช่น้ำ

“เย็นสบายจังเลย” อดยิ้มไม่ไดกับคำพูดน่ารักๆ ของน้อง

“กล้าเคยไปทะเลหรือเปล่า” เขาถามซึ่งก็พอจะเดาคำตอบได้ว่าคงไม่ซึ่งน้องก็ส่ายหัว กวินมองคนข้างกายเอื้อมมือไปกุมมือเล็กก่อนที่จะเอ่ยคำสัญญาที่เขาตั้งใจจะทำให้มันเป็นจริง คำสัญญาที่จะทำไปตลอดชีวิต

“ถ้าอยากไปไหนพี่จะพาไปทุกที” มือที่กุมไว้เขากระชับแน่น

“อือ” น้องตอบเพียงเท่านี้ เท่านี้ก็พอแล้ว เขารอได้ รอได้ทั้งชีวิต

.

.

หลังจากเที่ยวน้ำตกพวกเราก็พากันแวะไหว้พระที่วัดป่าก่อนที่จะพากันกลับมาที่พัก เชษฐ์บอกขอตัวไปเช็ครูป ถึงตอนนี้จะบ่ายสามแล้วแต่อากาศยังคงเย็นดี

“ไปปั่นจักรยานเล่นกันไหมมีที่ที่กล้าน่าจะชอบ” ซึ่งน้องก็ไม่ปฏิเสธเพียงถามว่าเอาหนังสือไปได้ไหมพอบอกว่าได้น้องก็วิ่งไปบนห้อง ไม่นานก็พายกระเป๋าเป้ใบเล็กๆ สพายมาด้วย

“ไปครับ”

จักรยานคนละคันปั่นไปตามเส้นทางที่ร่มรื่นเพราะต้นไม้ใหญ่ข้างทางปั่นนำจนกระทั่งมาถึงริมแม่น้ำแควที่มีเก้าอี้เบาะพิงสีขาววางไว้ จอดจักรยานไว้แล้วเดินไปนั่ง กล้าถอดรองเท้านั่งบนเตียงเปิดกระเป๋าหยิบหนังสือเล่มโตออกมาเอนหลังพิงหมอนอ่านหนังสือ เมื่อเห็นน้องกลับเข้าสู่โลกของตัวเองเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นเปิดดูโน้นนี่ไปเรื่อย แม้ไม่ได้พูดคุยแต่ช่วงเวลาที่อยู่เงียบๆ ด้วยกันมันก็มีความสุขแล้ว

************************************

ทีแรกว่าจะให้งานเสร็จก่อนแล้วค่อยมาป่ันลง

เอาจริงๆดันคึกอู้งานซะงั้นฮ่าๆๆ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน อ่านแล้วเป็นยังไงบอกเราด้วยนะคะ

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ อ่านทุกคอมเม้นต์เพื่อเป็นแรงผลักดัน

ขอบคุณมากจริงๆค่ะ

ปล.คำผิดเดี๋ยวจะตามแก้ให้ทีหลังนะคะ 
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่15 4/5/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 04-05-2018 17:10:46

วันที่สองของการมาพักผ่อนออกเดินทางแต่เช้าเพื่อไปน้ำตกเอราวัณที่นี่มีเจ็ดชั้นและสามารถเล่นน้ำได้ เลยบอกให้น้องเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนด้วย หลังจากเตรียมของและไปรับตะกล้าปีกนิกที่สั่งทางรีสอร์ทไว้ นั่งรถไม่นานก็มาถึงน้ำตกเอราวัณมีทั้งหมด 7 ชั้น แต่ไม่รู้ว่าน้องจะขึ้นไปถึงชั้นสุดท้ายหรือเปล่า ไอ้เชษฐ์ตั้งเป้าไว้แล้วว่าจะขึ้นไปถ่ายรูปถึงชั้นสุดท้ายส่วนเขานะเหรอ....ก็ต้องตามติดน้องอยู่แล้ว

“กล้าอยากขึ้นไปไหม” หันไปถามคนที่เดินจับชายเสื้อเพราะเดินผ่านหินร่างบางเลยจับชายเสื้อยึดไว้

“อยากครับแต่ไม่รู้ว่าจะไหวไหม” กวาดสายตามองร่างเล็ก ท่าทางไม่ได้ออกแรงอะไรนอกจากการยกหนังสือ

“ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวขี่หลังพี่”

“บ้า ใครจะกล้า” มองแก้มขาวแดงระเรื่อเพลินตา ก่อนที่จะเผลอทำอะไรลงไปเลยหันไปคว้ามือมาจับไว้เดินไปที่น้ำตกชั้นที่หนึ่ง ที่จริงที่น้ำตกก็มีที่พักอยู่เพียงแต่เขาคิดว่าไม่จำเป็นให้ยุ่งยากกับการเก็บกระเป๋า เดินไม่นานก็ถึงชั้นแรก ไหลคืนรัง เพียงแค่เห็นชั้นแรกก็ดูเหมือนว่าคนข้างๆ จะตกหลุมรักไปเสียแล้ว

“น้ำใสน่าเล่นจังครับ”

“ชั้นบนๆ สวยมากกว่านี้อีก” ที่รู้เพราะศึกษามาอย่างดีไหนจะดูรีวิวการท่องเที่ยวอีก เพราะเขาก็ไม่เคยมาเที่ยวธรรมชาติแบบนี้ส่วนมากก็วนเวียนอยู่ตามผับหรือไม่ก็ทำงานจนลืมวันลืมคืน เชษฐ์ดูเหมือนจะตกหลุมรักที่นี่ไม่แพ้กันรัวชัตเตอร์ไม่ยั้งเดินหามุมไปเรื่อย

“ขึ้นไปชั้นต่อไปดีกว่านะครับ” ชวนน้องขึ้นไปชั้นต่อไป ซึ่งคนตัวเล็กก็พยักหน้ารับเพราะอยากเห็นชั้นต่อไปขนาดชั้นแรกยังสวยชั้นต่อไปจะไม่สวยได้ยังไงสองมือประสานเดินขึ้นไปน้ำตกชั้นที่สอง “วังมัจฉา” สมกับที่เป็นวังมัจฉา น้ำใสที่มีปลาจำนวนมากแหวกว่ายไปมา

“ว้าวตัวใหญ่จัง” ท่าทางตื่นเต้นกับฝูงปลาตัวใหญ่ที่ว่ายวน

“แต่ตรงนี้เล่นน้ำไม่ได้เหรอนะปลาพวกนี้ชอบตอด” ลงไปสิได้โดนไล่ตอดแน่ๆ แอบยกมือถือถ่ายรูปคนที่เพลิดเพลินกับธรรมชาติสงสัยว่าจะถ่ายเพลินไปหน่อยจนนายแบบรู้สึกตัวแต่แทนที่โวยว่าเขาแอบถ่ายแต่กลับยิ้มกว้างแถมยังขอให้เขาถ่ายให้อีกหลายรูป

“งั้นถ่ายคู่กับพี่ได้ไหม” หลังจากที่ถ่ายรูปเดี่ยวๆ ไปหลายรูป เขาก็อยากได้รูปคู่บ้าง ซึ่งร่างบางก็ไม่ขัดข้องขยับตัวเข้ามาใกล้กวินก้มหน้าลงจนชิดแก้มใส ก่อนที่จะกดถ่าย รูปคู่รูปแรกที่ได้มากวินก้มหน้ากดโทรศัพท์หรูสองสามครั้งรูปคู่นั้นก็กลายเป็นรูปหน้าจอไปเรียบร้อย

“ไปชั้นต่อไปเลยไหม”

“ครับ” เดินขึ้นไปทางชั้นสาม ผาน้ำตก ก็เหมือนกับชื่อเสียงน้ำตกเบาๆ แต่ภาพที่เห็นมันมากกว่าสิ่งที่ได้ยินมา เหมือนตกหลุมรักตรงนี้เลยจริงๆ เหมือนว่าจะมีละครหลายเรื่องมาถ่ายที่น้ำตกนี้ เมื่อถ่ายรูปจนเป็นที่พอใจก็พากันเดินกลับมาเลี้ยวเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นที่สี่

“ไหวไหมครับ” หันไปถามน้องที่เหมือนจะหอบน้อยๆ

“ยังไหวครับ” ใบหน้าเขาเริ่มมีเหงื่อตามไรผมแก้มแดงระเรื่อแถมยังเริ่มเดินช้าลงเขาเลยเดินช้าๆ กุมมือน้องแน่นกว่าเดิมเพื่อที่จูงมือขึ้นบันไดจนถึงชั้นที่สี่ อกนางผีเสื้อเลยหาที่นั่งพักและก็คิดว่าจะเล่นที่ชั้นนี้เพราะคนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่

“หิวรึยัง” เขาถามเพราะนี่มันก็เที่ยงแล้วแต่อากาศก็ยังเย็นสบายอยู่

“นิดหน่อยครับ” อาจจะเป็นเพราะได้ออกกำลังกายมากกว่าปกติทำให้กล้ารู้สึกหิว มองพี่กวินที่วางตระกล้าลงข้างๆ แล้วเปิดออกแค่เห็นเขาก็หิวแล้ว

“แล้วพี่เชษฐ์ล่ะครับ” มองซ้ายมองขวาไม่เห็น

“เดี๋ยวก็คงตามมา กินก่อนเลยนะพี่จะโทรตามมันก่อน” กล้าพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้หยิบอะไรมากินก่อน พี่กวินโทรคุยกับพี่เชษฐ์สองสามคำรอไม่นานพี่เชษฐ์ก็เดินมาสมทบ

“สนุกไหมตัวเล็ก”

“ครับ” เขามีความสุขมาก หลังจากที่กินข้าวเที่ยง นั่งซักพักพี่กวินก็อนุญาตให้เขาลงเล่นน้ำได้ ร่างเล็กลงไปลอยคอว่ายน้ำ พี่กวินไม่ได้ลงเล่นน้ำด้วยเพียงแต่นั่งมองเขาเล่นน้ำอยู่คนเดียวเพราะพี่เชษฐ์ก็หนีไปถ่ายรูปอีกแล้ว เล่นได้ซักพักก็รู้สึกเหนื่อยเลยกลับมาหาพี่กวิน

“ไม่เล่นน้ำเหรอครับพี่กวิน” เขาขยับขึ้นมานั่งข้างๆ พี่กวินที่เก็บภาพ

“ไม่ดีกว่า หนาวไหมครับ” กล้าไม่รู้ว่าจะตอบอะไรเมื่อจู่ๆ พี่กวินยื่นมือมาเกลี่ยผมที่เปียกแนบแก้มเขาอยู่ จากที่หนาวๆ ตอนนี้รู้สึกอุ่นไปทั้งตัว ได้แต่หลุบสายตาลงไม่กล้าสบสายตาคมที่สื่อความหมาย มือใหญ่ที่เกลี่ยแก้มขาวที่มีหยาดน้ำใสเกาะอยู่ สัมผัสแผ่วเบาที่ทำให้เขารู้สึกหยุบหยับในหัวใจทั้งอยากจะผละออกแต่ร่างกายกลับอยู่นิ่งให้คนตัวโตลูบแก้มเขาอยู่

ตุ้ม ซ่า

เสียงคนกระโดดน้ำทำให้ทั้งคู่ที่ตกภวังค์เหมือนอยู่กันเพียงสองคนสะดุ้งผละออกห่างกันแถมยังมีอาการขัดเขินอึกอักไม่กล้าพูดกันเสียอย่างนั้น

“เอ่อ.......พี่ว่าเราขึ้นไปชั้นต่อไปดีไหม” กล้าได้แต่พยักหน้าลุกขึ้นตามพี่กวินโดยไม่ยอมมองหน้าเลยซักนิด

“เอานี่คลุมไว้ก่อนเดี๋ยวจะไม่สบาย” ผ้าขนหนูผืนไม่ใหญ่มากนักที่พี่กวินหยิบออกมาจากเป้มาคลุมไหล่เขาไว้ กล้าได้แต่ก้มหน้างุดยอมให้อีกคนกุมมือเดินขึ้นชั้นที่ห้า ชั้นที่หก แม้จะเหนื่อยแต่มือที่ถูกมือใหญ่กุมไว้คอยประคองให้เดินขึ้นไปถึงชั้นเจ็ดที่ดูจะเป็นการใช้แรงที่มากที่สุดของเขาแล้ว แต่ความเหนื่อยก็หายไปเมื่อเห็นน้ำตกชั้นสุดท้าย

“สวยจังครับ” เหมือนอาการขัดเขินจากเมื่อชักครู่จะลืมไปแล้วเพราะมัวตกตะลึงกับความงามของธรรมชาติตรงหน้า

“ใช่สวยมาก” กล้าไม่รู้หรอกว่าคำว่าสวยที่กวินพูดนั้นไม่ได้หมายถึงน้ำตกตรงหน้า กล้ามองเห็นพี่เชษฐ์ยืนถ่ายรูปอยู่ไม่ไกล ทั้งที่อยากเล่นน้ำต่อแต่เขากลับรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ หรือเขาจะไม่สบายเข้าจริงๆ กวินสังเกตเห็นปากบางซีดมือที่กุมรับรู้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมาเบาๆ

“ไม่สบายรึเปล่า” กวินรีบวางของแล้วรีบยกมือแตะที่หน้าผากเนียนที่ความร้อนอุ่นๆ ที่แผ่ออกมานั่นทำให้กวินร้อนใจเรียกเชษฐ์ให้มาหา

“มีอะไรครับบอส”

“เหมือนน้องจะไม่สบาย” พอได้ยินกวินพูดเชษฐ์ก็รีบเก็บกล้องมาถือของแทนบอส กวินรีบค้นเอาผ้าขนหนูจากกระเป๋าไอ้เชษฐ์มาคลุมตัวน้องอีกผืน

“ไม่เป็นไรครับพี่กวิน ผมแค่รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ เฉยๆ” กล้ารีบห้ามคนที่เป็นห่วงซะจนคิ้วหนาขมวดแน่นเพราะเป็นห่วงเขา

“ไม่ได้ถ้าเป็นหนักขึ้นจะว่ายังไง” กวินว่าเสียงดุ เพราะเกรงใจไม่เลิกคิดว่าคลุมพอที่จะอุ่นพอแล้วก็จูงมือเล็กพากันเดินลงจากน้ำตกไม่สนใจเสียงบ่นเล็กจากคนที่ว่าเขาเป็นห่วงเกินเหตุ คอยดูนะถ้าเป็นหนักจะซ้ำให้ดู พอถึงจุดพักเขาก็ดันหลังให้น้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกออก ตอนนี้แก้มซีดเริ่มแดงก่ำแถมยังตัวจากที่อุ่นๆ กลายเป็นเริ่มร้อนไหนคนบอกไม่เป็นไร พอขึ้นรถเท่านั่นล่ะเริ่มออกอาการหนาวสั่น

“อิงมาทางพี่ก็ได้ นอนไปเลยก็ได้” กวินจับไหล่คนดื้อให้มาพิงอกเขาไว้ คนดื้อที่พยายามพูดว่าตัวเองไม่เป็นอะไร แต่ปากซีดแก้มแดงจนน่ากลัวขัดขืนซักพักก็หลับไปเพราะฤทธิ์ไข้ ไม่นานก็มาถึงที่พักกวินอุ้มคนที่หลับไปเพราะพิษไข้ขึ้นไปห้องนอนมือใหญ่ยกแตะตามหน้าผากเนียนและซอกคอขาวความร้อนที่แผ่ออกมาทำให้คิ้วหนาขมวดแน่นนึกโทษตัวเองในใจที่ไม่ได้ดูแลน้องให้ดีดึงผ้าห่มหนาคลุมจนถึงคอแล้วเดินไปหยิบกะละมังใส่น้ำกับผ้าขนหนูมาเพื่อเช็ดตัวให้คนป่วย

“พี่ขอโทษนะครับ” กวินพูดเบาๆ แล้วค่อยสอดมือเข้าไปในผ้าห่มเพื่อถอดเสื้อยืดออกแล้วค่อยๆ เช็ดตัวให้อย่างรวดเร็วแล้วใส่เสื้อให้ใหม่เพราะเสียงพึมพำเบาๆ ว่าหนาวจนกวินรีบคลุมผ้าให้

“น้องเป็นไงบ้างครับบอส” เชษฐ์ที่เพิ่งเก็บของเสร็จเดินเข้ามาถาม

“คงจะไม่สบายนั่นล่ะเดี๋ยวรอให้ตื่นค่อยดูอีกทีถ้าไข้ยังไม่ลดคงต้องไปโรงพยาบาล”

“งั้นเดี๋ยวผมไปสั่งข้าวไว้ล่ะกันนะครับ” กวินพยักหน้าแล้วกลับเข้าไปดูแลคนป่วย

.

.

กล้ารู้สึกปวดหัวปวดตัวเป็นอาการที่เขาไม่ได้เป็นมานานเห็นแบบนี้เขาก็ไม่ได้ป่วยบ่อยอะไรหรอกนะนี่คงเป็นเพราะเล่นน้ำแถมยังใช้แรงมากไปนิดเลยได้ไข้แบบนี้ ตากลมกระพริบถี่เพราะไม่ได้ใส่แว่นตาภาพที่เห็นเลยเบลอเพียงแต่รู้สึกอุ่นๆ พี่กวิน ถึงจะเห็นเพียงแค่เงาลางๆ แต่ก็รู้ว่าเป็นใคร

“พี่กวิน” เสียงแหบพร่าเพราะอาการป่วยเรียกคนที่ฟุบหลับอยู่ข้างเตียง ที่พอเขาเรียกแล้วเริ่มขยับตัวตื่นขึ้นมาพอเห็นว่าเขาตื่นก็รีบลุกเอามือใหญ่ทาบหน้าผากแตะตามเนื้อตัวจนกล้าเองรู้สึกเหมือนไข้กลับยังไงอย่างนั้น แตะจนคนตัวโตพอใจ

“ดีขึ้นแล้วลงไปกินข้าวดีกว่านนะนี่มันจะเย็นแล้ว” เมื่อเห็นว่าตัวแค่อุ่นๆ เลยให้ลงไปทานข้าวเองดีกว่า ซึ่งคนป่วยรีบพยักหน้ารัวๆ เพราะไม่อยากนอนนิ่งอยู่บนเตียง

“เข้าไปอาบน้ำก็ได้นะแต่เป็นน้ำอุ่นนะห้ามอาบน้ำเย็นแล้วห้ามสระผมด้วย” กวินสั่งเสียงเข้ม

“คร้าบ” กล้ารับคำเสียยาวจนกวินอยากจะบีบแก้มป่องที่ยิ้มซะกว้างอย่างมันเขี้ยวซะจนอยากจะบีบแก้มขาวเร็วกว่าความคิดมือใหญ่ยืนไปบีบแก้มป่องเบาๆ

“หึ พี่ลงไปรอข้างล่างนะ” เพราะถ้ายังอยู่เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะห้ามตัวเองไม่ให้ “ฟัด” น้องได้รึเปล่า รีบเดินลงไปข้างล่างพอดีกับเชษฐ์กำลังตั้งโต๊ะ

“พรุ่งนี้บอสจะไปเที่ยวไหนไหมครับ”

“คงไม่ อยู่ที่พักนี่ล่ะกัน” กวินว่าพร้อมกับนั่งลงตรงข้ามเชษฐ์รอไม่นานคนป่วยก็เดินเหนื่อยๆ ลงมา หลังจากทานข้าวกวินก็ส่งยาที่เตรียมไว้ให้ซึ่งคนป่วยรีบส่ายหน้ายกมือปิดปากไม่ยอมกินยา

“กินยาครับ ไม่งั้นไม่หายนะ”

“ปล่อยไว้เดี๋ยวก็หายเอง..” คนป่วยพูดเสียงอ่อยๆ กล้าจะไม่ยอมกินยาแน่ๆ สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือการกินยาพอเห็นสายตาดุๆ มือขาวก็ยกขึ้นปิดปากพร้อมกับส่ายหน้าขยับตัวหนี กวินมองคนป่วยที่ทำตัวดื้อไม่ยอมกินยา

“จะกินดีๆ หรือจะให้พี่ป้อน” ใบหน้าคมขยับเข้าไปชิดจนเห็นดวงตากลมใต้แว่นเบิกกว้าง ยอมที่จะเอามือลงแล้วคว้ายาโยนเข้าปากแล้วดื่มน้ำซะจนครึ่งเหยือกทำหน้าเหมือนกินยาขมเป็นกำแถมยังส่งค้อนให้เขาวงโต

“ขึ้นไปพักเถอะครับ” พอได้ยินกล้าก็รีบลุกหนีขึ้นห้องจะไม่ให้หนีได้ยังไงล่ะ เขาสู้สายตาแวววับนั่นไม่ได้จริงๆ อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นทาบอกข้างซ้ายที่เต้นรัว ฮือ ไม่ไหวแล้วใจเต้นรัวเกินไปแล้ว

.

.

วันต่อมาและวันต่อๆ มาก็ไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนซึ่งกล้าก็ไม่ได้อยากไปเที่ยวไหนอยู่แล้วเพราะรู้ลิมิตร่างกายตัวเองดีว่ายังไม่ฟื้นตัวดีเลยมีเวลานอนอ่านหนังสือที่ขนมาจนหมด วันสุดท้ายที่มาเที่ยวก็มาถึง พวกเขาเตรียมตัวกลับกันแล้ว กล้ากำลังนั่งรอพี่กวินที่ขึ้นไปหยิบของตรงโซฟาโทรศัพท์เครื่องเก่าก็ดังขึ้น

“ว่าไงชะเอม” ไม่มีกี่คนที่รู้เบอร์เขาหรอกนะ

“ (กล้า) ” เสียงกระซิบตื่นๆ ทำให้กล้าอดแปลกใจไม่ได้

“มีอะไรหรือเปล่าเอม” เพราะน้ำเสียงตื่นๆ ของชะเอมทำให้เขาเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ

“กล้า...............พี่พลูกลับมาแล้วนะ” ชื่อคนที่หายไปนาน ชื่อที่พอได้ยินมือที่ถือโทรศัพท์ค่อยๆ ลดลง หูเหมือนดับไปกะทันหันในหัวไม่รับรู้อะไรแล้ว กลับมาแล้ว พี่พลูกลับมาแล้ว

*******************************************

ตัวละครลับมาแล้ววววว

อ่านแล้วเป็นยังไง บอกเราด้วยนะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

ปล.หากคำผิดจะเข้ามาแก้อีกรอบนะคะ
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่15 4/5/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 08-05-2018 12:59:10
น่ารักค่ะ
กล้าน่ารักมากกกกก
สมควรที่พี่กวินจะรักก้อนกลม ๆ ขาว ๆ

แต่พี่พลูคนนี้ ใครเอ่ย?
พี่ชายกล้า? หรือคนในอดีต?

ลุ้นค่ะ รอลุ้น
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่16 9/5/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 09-05-2018 17:29:13
กวินมองคนนั่งข้างๆ ที่ดูเหม่อลอยซะจนเขาเป็นห่วงหลังจากได้ยินน้องคุยโทรศัพท์ก็เหมือนจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว แต่จะให้ถามกวินก็ไม่อยากก้าวล้ำเส้นไปหากน้องไว้ใจก็คงพูดออกมาเอง ท่าทางคิดหนักทำให้กวินส่งมือไปกุมมือที่กำแน่นแล้วบีบเบาๆ เพื่อที่จะบอกว่าเขาอยู่ตรงนี้จะคอยอยู่ข้างๆ เสมอ กล้าเพียงหันมาสบตาคมที่สื่อความมั่นคงและความพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเขา กล้าไม่ได้พูดอะไรเพียงหลับตาลงแล้วเอนตัวเอาหัวพิงไหล่แล้วหลับตานิ่งซึมซับความอบอุ่นนี้ไว้ กวินทำเพียงกุมมือเล็กไว้แน่นแม้จะแปลกใจก็ตาม

รถจอดนิ่งที่หน้าบ้านหลังเล็กแต่ยังไม่มีใครขยับเชษฐ์รับรู้ถึงบรรยากาศแปลกๆ แต่ก็เลือกที่จะเงียบปล่อยให้ทั้งสองคนที่เบาะหลังแอบอิงกันอยู่ กวินไม่ได้เอ่ยห้ามหรือถามอะไรเพียงนั่งให้น้องพิงและลูบมือเขาแต่ก็ไม่นานน้องก็ผละไปนั่งดีๆ และยกยิ้มบางส่งให้

“ขอบคุณนะครับ”

“เดี๋ยวพี่ช่วยขนกระเป๋านะ” กวินลงไปช่วยหิ้วกระเป๋าส่งถึงในบ้าน “งั้นพี่กลับก่อนนะ คงจะไม่ได้เจอกันอีกสองสามวันนะเพราะงานคงจะต้องทับคอพี่ตายแน่ๆ” กวินพูดเล่นขำหวังว่าจะให้คิ้วเรียวนั่นคลายออก

“อย่าหักโหมมากนะครับ ไว้พี่กวินว่างค่อยมาเจอก็ได้ครับ” ให้ตายเถอะแค่คำพูดเป็นห่วงของน้องก็ทำให้เขารู้สึกหัวใจพองโตแล้ว อยากจะพกน้องไปทำงานด้วยจัง

“มีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดเลยนะครับ” เพราะเป็นห่วงกลัวคนตัวเล็กคิดมากถ้าหากเกิดอะไรขึ้นถ้ากล้าโทรมาเขาจะรีบมาหาทันทีท่าทางของกล้าไม่ได้ดีขึ้น เมื่อเห็นว่ามันดึกมากแล้วกวินเลยกลับแถมยังไม่ลืมที่จะย้ำให้ปิดบ้านดีๆ

.

.

หลังจากที่กวินแยกจากกล้าตอนนี้มันก็ผ่านไปสามสี่วันแล้วงานที่หยุดไปทั้งอาทิตย์ส่งผลให้เขาต้องไล่เคลียร์งานยาวแทบจะไม่มีเวลาปลีกตัวไปทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้ วันนี้ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรถึงได้รู้สึกกระวนกระวายไม่เป็นอันทำการทำงานจนทนไม่ไหวกดโทรศัพท์โทรหาคนที่ทำให้เป็นห่วง รอสายจนกระทั่งสัญญาณตัดไปกดโทรไปสามสี่รอบก็ยังไม่มีคนรับสาย เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะกวินกดเบอร์ของอีกคนที่น่าจะรู้ว่ากล้าเป็นอะไร รอสายไม่นาน

“ (สวัสดีคะพี่กวิน) ”

“ชะเอม กล้าเป็นอะไรรึเปล่าทำไมไม่รับสายพี่” เพราะความเป็นห่วงทำให้เขาเข้าประเด็นในทันที ปลายสายเงียบไปก่อนที่จะได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ

“ (พี่กวิน....ฝากดูแลแว่นน้อยของเอมด้วยนะคะ แว่นน้อยอยู่ที่บ้านค่ะ) ” ยังไม่ทันที่จะถามอะไรเพิ่มเติมชะเอมก็ตัดสายเร็วพอๆ กับข้อความเข้าที่เป็นที่อยู่กวินทิ้งทุกอย่างที่ทำค้างไว้เดินออกจากห้อง สีหน้าเคร่งเครียดซะจนเลขาไม่กล้าที่จะเอ่ยเรียก ความเร็วของรถหรูที่ฉวัดเฉวียนเสียจนน่ากลัวหลังจากได้ที่ได้ที่อยู่กวินยิ่งร้อนใจ

เสียงล้อบดกับถนนเสียงดังกวินไม่รีรอรีบดับเครื่องรถขายาวๆ รีบก้าวเข้าบ้านแต่คราวนี้แปลกเมื่อประตูหน้าบ้านถูกล็อกแน่นหนา กวินเรียกอยู่นานไม่มีคนลงมาเปิดทั้งยังโทรศัพท์ก็ไม่รับ จำได้ว่าน้องเคยบ่นเรื่องกุญแจบ้าน เขาเดินเข้าไปหาใต้พุ่มไม้ที่ซ่อนกุญแจไว้หาไม่นานก็เจอ รีบไขกุญแจเข้าบ้านที่มีเพียงความเงียบโต๊ะกลางห้องนั่งเล่นว่างเปล่า ทั้งที่ปกติจะมีหนังสือกองหนังสือวางไว้เต็มเดินขึ้นไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องนอนเล็ก

“กล้า น้องกล้า” ได้ยินเพียงเสียงขยับเบาๆ ในห้อง มือใหญ่ลองหมุนเบาๆ ที่ลูกบิดเห็นว่าไม่ได้ล็อกเลยถือวิสาสะเปิดเข้าไป ภายในห้องเล็กนั้นมืดสนิทเพราะม่านหนาถูกดึกปิดเห็นเพียงก้อนกลมๆ บนเตียง กวินค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ก้อนกลมบนเตียง

“กล้าครับ...กล้า” เขย่าเบาๆ บนส่วนที่น่าจะเป็นไหล่น้อง ร่างใต้ผ้าห่มสะดุ้งเบาๆ แต่ยิ่งรั้งผ้าห่มไว้แน่น พอเขาดึงผ้าห่มกล้าก็ยิ่งรั้งไว้ จนเขาต้องเลิกยื้อแต่ยังวางมือบนไหล่เล็กไว้

“ออกมาเจอพี่หน่อยไม่ได้เหรอครับ เดี๋ยวหายใจไม่ออกเอานะครับ” น้ำเสียงทุ้มทอดเสียงอ่อนลงจนคนม้วนตัวใต้ผ้าห่มเริ่มคลายแรงที่ดึงไว้ จนกวินค่อยๆ ดึงผ้าห่มออกเลยได้เห็นหน้าคนที่คิดถึงมาตลอดสามสี่วัน ใบหน้าขาวปากซีดตาแดงช้ำเพียงแค่เห็นใบหน้าขาวซีดใจกวินก็ปวดหนึบ ตัวเล็กของเขาเป็นอะไรใครทำอะไรให้

“กล้า..” กวินเรียกชื่อน้องเบาๆ ก่อนที่จะยื่นมือไปแตะเบาๆ ที่แก้มซีดราวกับกลัวคนตัวเล็กบุบสลาย เพราะอาการน้องตอนนี้เหมือนแก้วร้าวที่หากแตะแรงๆ เพียงนิดเดียวแก้วที่ร้าวอาจแตกสลายได้

“พี่กวิน” เสียงหวานแหบพร่าเรียกชื่อเขาตาคู่สวยจะเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาที่พรั่งพรูไหลเต็มแก้มก่อนที่ร่างเล็กโผขึ้นมากอดคอเขาแน่นใบหน้าขาวซบนิ่งตรงอกแกร่ง แม้จะตกใจที่ร่างเล็กโผเข้ามากอดแต่น้ำที่ซึมผ่านเสื้อเชิ้ตจนเปียกชื้นเป็นวงกว้างมือใหญ่โอบกอดคนที่ร้องไห้ปานจะขาดใจร่างบางที่เหมือนจะบางลงไปอีกจากครั้งล่าสุดที่ดูจะมีเนื้อมีหนังขึ้นมาแล้ว

“ไม่เป็นไรนะครับ พี่อยู่กับกล้าเสมอนะ” ไม่เอ่ยถามถึงสาเหตุที่ร้องไห้หนักเพียงแค่โอบกอดลูบหลังเบาๆ นั่งปลอบนิ่งจนร่างเล็กจากที่ร้องไห้จนตัวโยนเหลือเพียงอาการสะอื้นเป็นระยะๆ กวินก้มลงมองก็เห็นคนตัวเล็กหลับไปทั้งๆ ที่น้ำตาใสยังคงเกาะแก้มขาว กวินตัดสินใจที่จะอุ้มร่างคนนอนหลับในอ้อมแขนเดินลงจากห้องแต่ยังไม่ทันที่จะออกจากบ้าน ใครบางคนที่กำลังเดินเข้ามาทำให้ขาเขาหยุดชะงัก

“คุณเป็นใครแล้วนั่นกล้าวางกล้าลงเดี๋ยวนี้นะ” แม้ส่วนสูงจะเท่ากันแต่ความหนาของร่างกายก็ต่างกัน กวินขยับหลบผู้มาใหม่ที่พุ่งเข้ามาใกล้กระชับคนในอ้อมกอดไว้ สายตาคมหรี่มองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจสายตาคมตวัดมองอย่างไม่พอใจ

“ปล่อยกล้า” เสียงทุ้มตวาดลั่นแต่ก็ไม่ทำให้กวินสะทกสะท้านจ้องตากลับ

“คุณเป็นใคร” กวินถามเสียงห้วนมองคนตรงหน้าอย่างไม่เป็นมิตร

“ผมเป็นผู้ปกครองของกล้า” กวินหรี่ตาอย่างไม่ไว้ใจ แต่ก่อนที่จะทำอะไรคนในอ้อมแขนก็รู้สึกตัวขึ้นเสียก่อน ตากลมปรือตาขึ้นยังดีที่เขาใส่แว่นให้แล้ว ทีแรกเหมือนจะงงๆ แต่เมื่อมองไปเห็นคนคนนั้นกล้าก็ดูจะแปลกไปแขนเล็กยกขึ้นกอดคอเขาแน่นซุกหน้าลงกับซอกคอตัวสั่นเหมือนจะร้องไห้อีกแล้ว

“กล้ามาหาพี่เดี๋ยวนี้นะ” กวินขยับตัวออกห่างไม่ยอมให้เข้าใกล้ มันเป็นคนที่ทำให้กล้าเสียใจเขาไม่มีทางที่จะให้เข้าใกล้น้องแน่ๆ

“หลีกไป อย่าคิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรนายนะ” พลูสะดุ้งกับสายตาคมที่ดูดุและน่ากลัว กวินรีบอุ้มคนที่ร้องไห้ซบอยู่บนบ่าไปที่รถค่อยๆ วางน้องลงที่เบาะนั่งข้างหน้าแต่กว่าจะกล่อมได้ก็ยากเย็นเพราะกล้าไม่ยอมปล่อยมือจากคอเขาเสียที กวินขับรถตรงกลับบ้านตลอดเวลาคอยแต่ชำเลืองมองคนที่ร้องไห้จนหลับไปอีกรอบ รถหรูเลี้ยวเข้าจอดที่โรงจอดรถ เดินอ้อมไปอุ้มคนหลับเดินเข้าบ้าน

“คุณกวินน้องเป็นอะไรมาคะ” ป้านิ่มรีบเดินเข้ามาถาม เขาก้มหน้ามองคนหลับทั้งๆ ที่มีคาบน้ำตาเต็มแก้ม

“น้องไม่สบายนะครับ เดี๋ยวผมดูแลเองครับป้านิ่ม” เขาอุ้มน้องขึ้นห้องนอนตัวเองบรรจงวางคนตัวเล็กลงบนเตียงดึงผ้าห่มคลุมปิดคอแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามใบหน้าขาวสังเกตเห็นใต้ตานั้นแดงช้ำกวินค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบใต้ตา

“เกิดอะไรกับกล้ากันหือ” เสียงทุ้มบ่นเบาๆ ปล่อยให้น้องพักผ่อนส่วนตัวเขาก็เดินไปโทรศัพท์สั่งให้เชษฐ์เอางานมาให้ที่บ้านโดนมันบ่นไปหลายอย่างแต่พอบอกว่ากล้ามีปัญหามันก็เลิกบ่นแล้วบอกจะรีบกลับมาเขากลับเข้าไปนั่งเฝ้าคนที่ม้วนตัวเป็นก้อนกลมหลับสนิทอยู่บนเตียง

กล้าค่อยๆ กระพริบตาภาพที่เห็นพร่ามัวแต่ก็พอรู้ว่ามันไม่ใช่ห้องของตัวเองหันมองไปรอบๆ ก่อนที่ตาโตจะเบิกกว้างเมื่อเห็นใบหน้าคมที่หลับสนิทนอนอยู่ข้างกาย กล้าพลิกกายหันไปนอนมองใบหน้าคมนิ่ง ตอนที่รู้ข่าวพี่พลูกลับมาทำให้เขาตกใจมาก พี่พลูพี่ชายของชะเอมเป็นคนที่เหมือนผู้ปกครองเพราะคอยดูแลเขาตั้งแต่พ่อแม่เขาเสียไปพร้อมกันเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์แต่เขารอดมาได้แต่มันก็เกิดแผลในใจจนเขากลายเป็นคนไม่พูดดีที่ได้ชะเอมและพี่ชะพลูคอยดูแลจนเขาสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ แต่ก็ยังมีกำแพงระหว่างโลกภายนอกอยู่โลกของเขามีเพียงแค่หนังสือ จนกระทั่งได้เจอคุณกวิน......คนที่เข้ามาทำลายกำแพงนั่นอีกครั้ง มือขาวยกขึ้นแตะตามคิ้วหนาไล่ลงมาตามจมูกโด่งใบหน้าคมคายจากที่เคยแอบมองจนได้ใกล้ชิด

“!! ”

หมับ

“เล่นซนอะไรครับ” กล้าตกใจเมื่อคนที่เขาคิดว่าหลับจับมือเขาแนบแก้มไว้แน่นทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา ใจดวงน้อยเต้นรัวพยายามที่จะดึงมือตัวเองออก

“ปล่อยเถอะครับ” กล้าก้มหน้างุดแทบชิดอกไม่กล้าเงยหน้ามองหน้าคมคายที่มีรอยยิ้มกว้างซะจนเขารู้สึกตาพร่า

“ไม่มองหน้าพี่หน่อยเหรอ” กวินมองท่าทางที่น้องเขินทำเพียงแค่ส่ายหน้ากับอกเขาไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาถามว่าดีใจไหมที่เห็นน้องยอมใกล้ชิดแบบนี้ถึงตอนนี้จะไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาก็เถอะ

“หิวข้าวไหม ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเดี๋ยวลงไปกินข้าวกัน” เลือกที่จะไม่ถามถึงสาเหตุที่ร้องไห้เพราะอยากให้น้องสบายใจที่อยู่ข้างๆ เขาเลยได้แต่รอเท่านั้น รอน้องเล่าให้ฟังเอง กล้ารีบลงจากเตียงหนีเข้าห้องน้ำไปพักหายใจเมื่อหัวใจเขาเต้นแรงมาก เต้นรัวกว่าตอนที่เจอหน้าพี่พลูอีก พี่ชายที่ไม่ได้เจอกันมานานใบหน้าขาวสลดลงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมือคืนที่ทำให้เขาร้องไห้ทั้งคืน เพราะพี่พลูรู้เรื่องที่เขาไปเที่ยวและสนิทกับพี่กวิน เขารู้ดีว่าพี่พลูเป็นห่วงเมื่อพี่พลูยื่นคำขาดว่าให้เลิกข้องเกี่ยวกับพี่กวินใจเขาก็เหมือนโดนมือที่มองไม่เห็นบีบรัดจนหายใจไม่ออก เขาไม่อยากสูญเสียความอบอุ่นนี้ไป

ก๊อกๆ

“พี่ลงไปรอข้างล่างนะครับ” กล้าสะดุ้งเมื่อเสียงเคาะประตูเรียก เขารีบเช็ดหน้าแล้วเปิดประตูเดินตามลงไปข้างล่าง พี่กวินกับพี่เชษฐ์นั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าว

“ไม่สบายเป็นอะไรมากไหมน้องกล้า”

“ไม่เป็นอะไรครับ”

“ทานข้าวต้มก่อนสิกำลังร้อนๆ” พี่กวินเลื่อนชามข้าวต้มมาทางเขาเหมือนบังคับกลายๆ กล้าเลยลงมือทานข้าวต้มเงียบๆ จริงๆ เขาไม่ได้ไม่สบายซักหน่อยแค่ร้องไห้หนักเกินไปจนไม่กล้าเจอหน้าใครเท่านั้นเอง

“ตายังช้ำอยู่เลย” จู่ๆ พี่กวินก็พูดขึ้นคงเป็นเพราะร้องไห้ทั้งคืน

“งั้นเหรอครับ” กล้ายกมือขึ้นแตะใต้ตา

“งั้นเดี๋ยวพี่หาอะไรมาประคบให้แล้วกันนะ” แต่ก่อนที่กวินจะลุกขึ้นโทรศัพท์เครื่องหรูดังขึ้นเสียก่อนเบอร์โทรคุ้นตากวินกดรับสายทันที

“ครับ”

“ (พี่กวินขอสายกล้าหน่อยได้ไหมคะ บ้านจะแตกแล้ว) ” เสียงร้อนรนของชะเอมทำให้เขาขนมดคิ้วแต่ก็ยอมส่งโทรศัพท์ให้กล้า

“ครับ?” กล้ารับไปคุยงงๆ กวินอยากรู้ใจจะขาดได้ยินเพียงกล้าอือออกับปลายสายยิ่งคุยใบหน้าขาวยิ่งหงอยเหมือนโดนดุ

“อือ เราเข้าใจพี่พลูอยู่แล้ว อือ...เดี๋ยวเราจะบอกพี่กวินให้” กวินมองน้องที่ทำหน้าหงอยซะจนน่าสงสารไอ้เชษฐ์อ้าปากกำลังจะถามแต่เขาส่งสายตาห้ามมันไว้ กล้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะทำแก้มป่องพองลมท่าทางขัดใจจนเขาหลุดหัวเราะ

“โมโหอะไรครับ”

“พี่พลูนะสิครับไปกวนเอมจนไม่ได้ทำงานเพราะอยากให้ผมกลับบ้าน” พอได้ยินชื่อผู้ชายจากปากน้องใบหน้าคมก็บึ้งตึงเรียบเฉยซะจนเชษฐ์ลุกหนีไปห้องครัวทันที

“แล้วอยากกลับรึเปล่า”

“ก็...อยากนะครับ”

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง” กล้าแปลกใจเมื่อจู่ๆ พี่กวินเหมือนจะอารมณ์เสียขึ้นเฉยๆ พอเห็นร่างสูงที่ผุดลุกขึ้นเขาก็รีบคว้ามือหนาไว้

“พี่โกรธอะไรผม” เพราะไม่เข้าใจกล้าเลยถามไปตรงๆ

“ไม่ได้โกรธ”

“โกหก” กล้าเถียงดูก็รู้ว่าโกรธแต่ทำไมไม่ยอมพูดออกมาล่ะว่าโกรธอะไรเขา เงยหน้าสบตาคมตรงๆ

“ครับพี่โกรธแต่ไม่ได้โกรธเรา พี่โกรธตัวเอง” กวินมองน้องที่เอียงคอน้อยๆ ทำไมมันน่าฟัดอย่างนี้นะ อารมณ์ขุ่นๆ หายไปตั้งแต่ที่น้องจับมือเขาไว้แล้ว

“คนอะไรโกรธตัวเอง” กวินหลุดขำเมื่อน้องว่าให้เขา อยากจะเข้าไปฟัดน้องจริงๆ ไอ้ท่าทางแบบนี้ทำไมมันน่ารักแบบนี้นะ

“จะให้พี่ไปส่งที่ไหนล่ะ” แม้ไม่อยากจะไปส่งแค่ไหนก็ต้องไปล่ะนะ

“ที่บ้านครับ อ้อ พี่พลูว่าให้พี่กวินไปพร้อมกันเลยนะครับ” กวินมองรอยยิ้มกว้างแต้มบนหน้าอย่างอารมณ์ดี ดี!! เขาจะได้รู้เหมือนกันว่าไอ้พี่พลูของกล้านี่มันเป็นใครกัน ถึงได้ทำให้น้องร้องไห้แบบนี้

.

.

กวินยืนจ้องหน้ากับคนที่เจอไปเมื่อตอนสาย สายตามจ้องมองอย่างประเมินคนตรงหน้า รูปร่างหน้าตาก็ยอมรับว่าดูดีหุ่นไม่หนาเท่าเขาใส่แว่นตาใส ทั้งสองคนจ้องมองกันนิ่งไม่ยอมพูดจาอะไรแถมยังมีบรรยากาศมาคุแปลกๆ เงียบนานซะจนชะเอมทนไม่ไหว

“ถ้าเป็นปลากัดนี่คงท้องไปแล้วนะจ้องกันขนาดนี้”

“ยัยเอมเงียบไปเลย พี่ยังไม่ได้คิดบัญชีเรานะ” กึก ชะเอมขยับไปกอดแขนแว่นน้อยของเธอแน่นก็สายตาพี่พลูตอนนี้มันน่ากลัวน้อยซะที่ไหนไม่ต่างกับพี่กวินเลย เงียบดีกว่าเรา

“ผมไม่ให้คุณมายุ่งกับกล้า”

“ทำไมผมต้องฟังคุณ” มีสิทธิ์อะไรมาห้ามให้เขามายุ่งกับกล้า

“เพราะผมเป็นผู้ปกครองของกล้า และคุณ...” สายตาใต้แว่นใสกวาดมองกวินตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนที่จะยิ้มมุมปาก “ก็ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด” กวินพยายามคิดถึงหน้าน้องไว้เพื่อที่จะสะกดอารมณ์อยากพุ่งเข้าไปต่อยหน้ากวนประสาทของคนตรงหน้า เท่าที่ฟังน่าจะเป็นพี่ชายของชะเอมแล้วจะเกี่ยวอะไรกับกล้า

“ผมไม่คิดที่จะฟังคุณพูด”

“ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะมายุ่งได้หรอกนะ ผมจะพากล้าไปอยู่ด้วยที่อเมริกา” ไม่เพียงแค่กวินที่ตกใจ เจ้าตัวที่นั่งเงียบถึงกับลุกขึ้นพร้อมกับชะเอม

“พี่พลูกล้าไม่ไปนะครับ” ตากลมเริ่มคลอด้วยน้ำใสอะไรกันจู่ๆ ก็มาตัดสินใจให้เขาไป

“กล้าไม่ฟังพี่แล้วเหรอครับ” เสียงของพลูอ่อนลง เขาไม่น่าปล่อยให้น้องรักเขาอยู่ที่นี่น่าจะพาน้องไปตั้งแต่สามปีที่แล้ว

“กล้าฟังพี่พลูเสมอนะครับแต่กล้าไม่อยากไป” เสียงหวานเริ่มสะอื้นเพียงแค่คิดว่าจะไม่ได้อยู่ที่นี่น้ำตาไหลออกมาแล้ว กวินเมื่อเห็นน้ำตาก็ทนไม่ไหวขยับเข้าไปรั้งตัวน้องเข้ามากอดกดหัวทุยให้ซบลงตรงบ่า

“ชู่ ไม่ร้องนะครับ” กวินไม่สนใจพลูที่ยืนกำหมัดแน่น เขาสนเพียงคนตัวเล็กที่ยืนร้องไห้เป้นมุมที่เขาไม่เคยเห็นและไม่อยากเห็นอีก

“ฉันจะไม่ยอมให้กล้าไปไหนแน่ ถ้าคิดจะลองฉันก็พร้อม” สิ้นคำบรรยากาศกดต่ำเย็นยะเยือกมีเพียงแค่กล้าเท่านั้นที่ไม่รู้เรื่อง

“อึก...ฉันจะให้โอกาสนายถ้านายทำให้น้องฉันร้องไห้แม้แต่ครั้งเดียวฉันจะพาน้องกลับ” เพราะน้ำเสียงและสายตาทำให้พลูรู้สึกหวั่นๆ รีบขยับเข้าไปใกล้น้องสาวที่ดูเหมือนจะกลัวๆ เหมือนกันกระซิบถามน้องสาวตัวดี

“หมอนี่มันใครกัน” พลูถามเพราะแรงกดดันที่แผ่ออกมาไม่ใช่ธรรมดาเลย

“นี่พี่ไม่รู้เลยเหรอ ไปเสิร์ชกูเกิ้ลดูนะพี่” ชะเอมกระซิบตอบ

“นี่คุณปล่อยน้องผมได้แล้ว” ชักจะนานไปแล้วนะ แล้วน้องเขานี่ก็นิ่งให้กอดจัง กวินยังมองตาขวางแต่ก็ประคองน้องนั่งลงข้างๆ

“ผมชะพลูนะเป็นพี่ของยังชะเอมและก็เป็นผู้ปกครองของกล้า” คิ้วหนาเลิกขึ้นนิดหน่อยกับคำว่าผู้ปกครอง

“ผมกวิน....กำลังจีบน้องอยู่” ชำเลืองมองน้องที่สะดุ้งเมื่อได้ยินเขาว่าจีบ

“เอาเถอะเห็นที่ว่ากล้ายอมเข้าใกล้นายฉันจะอยู่ดูก่อน แต่ตอนนี้กล้ามาหาพี่มา” พลูที่คิดถึงน้องรักเพราะไม่ได้เจอกันตั้งนานแต่น้องก็ไปซบไอ้กวินซะอย่างนั้นมันน่าน้อยใจจริงๆ นะ แต่พลูก็มองภาพตรงหน้ากล้าที่อยู่ใกล้ชิดคนอื่นที่ไม่ใช่เขาและชะเอมแสดงว่าไอ้กวินก็มีดีทำลายกำแพงได้

กล้าหันซ้ายหันขวาแต่เพราะรู้สึกอายกับคำว่าจีบของพี่กวินเลยลุกขึ้นไปนั่งข้างๆ พี่พลูที่พอเขานั่งลงก็คว้าตัวเขาไปกอดแถมยังฟัดแก้มเขาซะจนปวดไปหมดห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมฟัง ไม่ได้สนใจสายตาขวางๆ ของคนที่นั่งตรงข้ามเลยซักนิด

“งือพี่พลูกล้าเจ็บ” กล้าร้องเมื่อพี่พลูบีบแก้มเขาซะเจ็บไปหมด

“มีเนื้อขึ้นเยอะเลยนะ ยัยเอมดูแลดีสินะ” พลูว่าเมื่อสัมผัสถึงแก้มป่องและเนื้อหนังที่เพิ่มขึ้น

“บ้า โน่นคนดูแลนะอยู่โน้น” ชะเอมบุ้ยปากไปทางพี่กวิน อยู่กับเธอกล้าก็กินเท่าแมวดมดีขึ้นก็ตอนที่พี่กวินมาดูแลนี่ล่ะถึงได้กินเยอะจนมีแก้มนี่ล่ะ

“หึๆ” กล้าอยากจะซื้อเสียงหัวเราะนี้จริง ก้มหน้างุดหนีสายตาเย้าก็ลองเขากินไม่เยอะสิ พี่กวินได้แกล้งเขาตลอด คุยกันซักพัก พี่พลูก็ชวนไปทานข้าวเย็นด้วยกันและพี่กวินก็ขอเป็นคนเลี้ยงเอง ตลอดการกินข้าวพลูก็เห็นว่ากวินคอยดูแลและให้น้องกินโน้นกินนี่โดยตลอด ส่วนกล้าก็มีรอยยิ้มน้อยๆ ตักกับข้าวที่กวินตักให้แถมยังตักคืนอีก เฮ่อเห็นทีเขาคงไม่ต้องห่วงอะไรมากแล้ว พลูเลยแสดงท่าทีเป็นมิตรกับกวินมากขึ้น แต่ก็ยังชอบแกล้งกวินโดยการกอดกล้าบ้างหอมแก้มบ้าง ทำให้กวินคิ้วกระตุกตลอด เมื่อไหร่ไอ้พลูมันจะกลับวะ
***********************************************

กลับมาแล้วค่ะ ขออภัยที่ช้านะคะ คือแต่งไปแล้วรอบหนึ่งมันดันดาร์กซะงั้น

เลยลบเขียนใหม่ นิยายเรื่องนี้ก็เรื่อยๆนะคะ 

อ่านแล้วชอบหรือไม่ชอบยังไง บอกเราซักนิดก็ดีนะคะ 

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ 

ปล.แก้ไขคำผิดค่ะ 
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่16 9/5/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 10-05-2018 01:18:10
ชอบค่ะ
น่ารักดี ... พี่ชะพลูมาพอขำ ๆ พอเนอะ
ถ้ามาดึงดราม่าน้องกับพี่กวิน... จะจับทำเมี่ยงคำซะเลย
คอยดู๊
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่17 16/5/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 16-05-2018 14:03:41
17

กล้าได้แต่จนใจเมื่อพี่พลูทำตัวติดกับเขามาก มากซะจนพี่กวินถึงขั้นมาบ่นมากับเขา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพี่กวินหลังจากที่พี่กวินบอกไปว่าจีบผมมันก็ไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนไปยังคงทำตัวเดิม มารับกลับบ้านบางวันก็พาไปกินข้าวหรือไม่ก็มาทำมื้อเย็นทานด้วยกันซึ่งมันก็ทำให้กล้าเคยชิน เคยชินที่มีกวินอยู่รอบๆ ตัวในทุกๆ วัน เคยชินที่เขานั่งอ่านหนังสือโดยมีคนตัวโตนั่งทำงานอยู่ข้าง

“วันนี้ไปทานข้าวที่บ้านพี่นะครับ” เพราะเมื่อคืนกวินมานอนค้างที่บ้านกล้า เพราะมาค้างบ่อยกล้าเลยยกห้องอีกห้องที่กล้าเข้าไปนอนประจำให้กวินเข้าไปอยู่ที่ไม่ให้เข้าไปตอนแรกนั้นเพราะไม่ได้เก็บห้องและห้องนั้นก็เป็นห้องของพี่พลูตอนที่ยังอยู่ด้วยกัน

“ทำไมเหรอครับ” กล้าเงยหน้าขึ้นถามเพราะทุกวันนี้พี่กวินแทบจะอยู่ที่บ้านเขาแทบทุกวันแล้ว

“ก็ไปกินข้าวกับไอ้เชษฐ์ด้วย” พอกับพี่กวิน พี่เชษฐ์ก็มาหาเขาแทบทุกวันและทุกครั้งก็จะเถียงกันกับพี่พลูตลอดจนเขาเหนื่อยที่จะคอยห้าม กล้านึกว่าเย็นนี้ไม่ได้มีนัดกับพี่พลูเลยพยักหน้าตกลงแล้วเดินตามไปขึ้นรถเพื่อจะไปทำงาน พี่กวินส่งเขาลงที่ทำงานก่อนไปทำงานพี่กวินก็บอกว่าเดี๋ยวตอนเย็นให้คนมารับกล้ารับคำ

“อย่าลืมทานข้าวเที่ยงนะครับ” และเป็นทุกครั้งที่กล้าต้องย้ำอีกคน เพราะมีครั้งหนึ่งที่พี่กวินไม่ได้ทานข้าวทั้งวันตกเย็นมาปวดท้องทำให้เขารู้ว่าพี่กวินมัวแต่ทำงานเลยลืมทานข้าวซะอย่างนั้น

“ครับพี่จะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดครับ” กล้าได้แต่ส่งค้อนวงโตให้กับคนที่ทำท่าจริงจังแต่แววตานั้นเป็นประกาย กล้ายืนโบกมือลาแล้วเดินเข้าห้องสมุดเพื่อทำงาน

“ว้า ทำไมรู้ร้อนจังน้า...” ชะเอมพูดขึ้นทันทีที่กล้าเดินเข้ามาพร้อมกับยกมือมาพัดเบาๆ ที่หน้า

“ร้อนอะไรกันเอมเย็นจะตาย” กล้าได้แต่ทำหน้างงแอร์ในห้องสมุดเย็นจนเขาต้องใส่เสื้อคลุมตลอด มารงมาร้อนอะไรกัน

“ร้อนสิ..แว่นน้อยดูตาเรานะ เอาอิจฉาจนตาร้อนไปหมดแล้วเนี้ย” พอเข้าใจความหมายแก้มขาวก็แดงก่ำแม้จะโดนชะเอมแซวทุกวันแต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะเขิน

“ไม่คุยด้วยแล้ว” เขาเดินหนีโดยมีเสียงหัวเราะใสตาหลังมา กล้าทำงานไปเรื่อยๆ จัดชั้นหนังสือ เช็คหนังสือ แนะนำหนังสือให้คนที่มายืม ทั้งๆ ที่เป็นงานที่ต้องทำเป็นประจำซ้ำๆ เหมือนเดิมแต่เขากลับไม่รู้สึกเบื่อเลยซักนิดผ่านไปอีกวัน กล้ายืนรอคนที่พี่กวินส่งให้มารับไม่นานรถสีดำคันหรูก็มาจอดเทียบคนขับนั้นคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้วกล้ารีบขึ้นรถก่อนที่จะมีคนมาเปิดให้แม้จ้ะห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟังเขาซักที

พอมาถึงบ้านหลังใหญ่แต่เจอกับความเงียบแถมยังไม่เปิดไฟอีก พอจะหันไปถามคนที่พาเขามาก็หายไปเสียแล้ว กล้าได้แต่ยืนหมุนซ้ายหมุนขวาเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จะกลับก็ไม่ได้ ระหว่างที่กำลังยืนหมุนจู่ก็มีผ้ามาปิดตา กล้าเกือบที่จะร้องไปแล้วถ้าไม่ได้ยินเสียงที่คุ้นหู

“คิก อย่าพึ่งร้องเดินตามเรามานะ”

“ชะเอม??”

“ใช่เราเอง ตามเรามานะ” แม้จะมีคำถามอยู่มากมายในหัวแต่กล้าก็เดินตามชะเอมอย่างว่าง่าย คอยเดินตามที่ชะเอมบอก

“ยืนรอตรงนี้นะแว่นน้อย” กล้าได้แต่งงเมื่อคนที่จูงมือตลอดปล่อยให้เขายืนนิ่งอย่างไม่รู้อะไร ไม่นานก็มีมือมาปลดผ้าปิดตาออก กล้ากระพริบตาเพราะแสงที่เข้ามากะทันหัน สวนหลังบ้านถูกเนรมิตประดับไฟตามต้นไม้อย่างสวยงามศาลาไม้สีขาวถูกประดับผ้าขาวมีโต๊ะเครื่องดื่มแต่สิ่งที่ทำให้กล้าประหลาดใจที่สุดคือบรรดาคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า พี่พลู พี่เชษฐ์ ชะเอม ก่อนที่จะได้พูดอะไรมือขาวถูกกุมไว้จากคนที่ขยับมายืนเคียงข้าง

“นี่มันอะไรกันครับ” กล้าเงยหน้าไปถามกวินที่ไม่ยอมตอบมีเพียงปากหยักยกยิ้มบางจูงมือเขาไปยังตรงกลาง ใจดวงน้อยเต้นรัวเพราะความตื่นเต้นอยากจะเดินหนีจากตรงนี้แต่ก็เหมือนเท้าถูกตรึงไว้แน่น

“พี่อยากทำทุกอย่างให้เป็นทางการ” กล้าเงยหน้ามองคนที่กุมมือทำหน้าจริงจังแต่ไม่ได้พูดตอบอะไรออกไป “เราอาจจะรู้จักกันในแบบไม่ตั้งใจและพี่ก็รู้ว่าเป็นพี่ที่ทำตัวมึนเข้าหา” คำพูดที่เขาอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเห็นด้วยไม่ได้

“แต่พี่ก็มั่นใจว่าพี่เลือกไม่ผิด กล้าเป็นคนน่ารักและเป็นคนที่พี่รัก” ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำบอกรักเรียวปากเผยอขึ้นเล็กน้อย กวินมองท่าทางตกใจได้น่ารักของคนตัวเล็ก กวินยกมือเรียวข้างซ้ายขึ้นมากุมไว้

“พี่รักกล้านะครับ และพี่อยากให้กล้ามาอยู่ด้วยกัน กล้าอยากอยู่กับพี่ตลอดไปไหมครับ” ไม่มีคำขอคบแต่คำว่าอยู่ด้วยกันตลอดไปมันมีความหมายมากกว่านั้นมากพอที่จะทำให้ใจของกล้าพร้อมยกให้ไปทั้งดวง

“อึก...ผมไม่รู้ว่าจะทำให้มันเป็นจริงไหม..แต่ผมอยากอยู่กับพี่.....ตลอดไปเหมือนกันครับ” กล้าบอกด้วยเสียงสะอื้นแก้มขาวเต็มไปด้วยหยาดน้ำใสเรียวปากบางยกยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่กวินเคยเห็น รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขแม้จะไม่มีคำรักตอบแต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะคำว่าที่ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนั้นมันมีความหมายมากกว่า กวินหยิบกล่องเล็กที่อยู่ในกระเป๋าเปิดออกหยิบแหวนทองคำขาวเรียบด้านในสลักชื่อเขาไว้

“เป็นของพี่แล้วนะ” กวินว่าพร้อมกับค่อยๆ สวมแหวนที่นิ้วนางก่อนที่จะยกมือขึ้นแนบริมฝีปากลงไป กล้าได้แต่หลุบตาลงต่ำไม่กล้าสบสายตาคมที่แวววับซะจนเขารู้สึกร้อนไปทั่วร่าง

“ใส่ให้พี่บ้างสิครับ” กวินส่งแหวนอีกวงที่เหมือนกันเพียงแต่วงใหญ่กว่าและข้างในสลักชื่อของกล้าไว้ กล้ารับไว้ในมือแล้วก้มหน้าก้มตาสวมแหวนให้คนตัวโต เมื่อแหวนถูกสวมกวินใช้มืออีกข้างที่ว่างเชยคางเล็กให้เงยขึ้นดวงตากลมสบตาอย่างงงๆ ก่อนที่จะเบิกกว้างเมื่อใบหน้าคมขยับเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนเรียวปากบางถูกกดแนบชิดริมฝีปากหยักขบเม้มดูดดึงเบาๆ

“อะแฮ่ม เกินไปล่ะๆ” แต่ก่อนที่กวินจะได้สัมผัสลึกซึ้งเสียงกระแอมไอขัดจังหวะจนกล้าที่เผลอไผลดันไหล่หนา กวินยอมที่จะผละออกยกปลายนิ้วลูบเช็ดน้ำใสที่มุมปาก การกระทำที่ทำให้กล้าหน้าร้อนฉ่าซุกหน้าลงกับอกกว้าง

“คุณนี่อยู่เฉยๆ ไม่ได้ใช่ไหม” เชษฐ์หันไปเหน็บคนขัดจังหวะหวาน

“เรื่องของฉัน” พลูเหลือบมองด้วยหางตา

“คิกๆ เลิกทะเลาะกันเถอะค่ะ ดูสิแว่นน้อยเขินซะแก้มแดงหมดแล้ว” ชะเอมเดินเข้ามาหากล้า วันนี้เป็นแผนของพี่กวินทั้งหมดเป็นการวางแผนตั้งแต่สองสามวันที่แล้ว ทั้งน่ารักและน่าอิจฉาจนเธออยากสละโสดบ้างแล้ว

“ห้ามแซวนะเอม” เสียงพูดเบาๆ จากคนที่ยังหลบหน้าอยู่ในอกกว้าง

“หึๆ ๆ” เสียงหัวเราะทุ้มกวินโอบไหล่เล็กเดินเข้าไปในศาลาที่ตกแต่งไว้ กวินให้กล้านั่งลงข้างๆ ทุกคนเดินตามมานั่งลงเพื่อทานอาหารเย็น แผนการเซอร์ไพรส์วันนี้ต้องขอบคุณเชษฐ์กับชะเอมส่วนไอ้คุณพลูนั่นปล่อยมันไปเถอะ ว่างเป็นไม่ได้ต้องมากวนตลอด

“ทานข้าวกันเถอะ” กวินชวนทุกคนที่นั่งนิ่งโดยเฉพาะคนข้างๆ ที่นั่งก้มหน้างุดเห็นเพียงแก้มขาวที่แดงก่ำซะจนกวินกลัวว่าเส้นเลือดนั้นจะแตกเอา

“ก้มหน้าจนคางจะชิดกันอยู่แล้ว” กวินเอ่ยแซวน้องที่ก้มหน้าก้มตาทานข้าวไม่สบตาใคร โดยเฉพาะเขา

“งือ..ไม่ต้องมากวนผมเลย” กล้าตวัดสายตาค้อนคนต้นคิดที่ทำให้เขาเขินขนาดนี้แล้วยังมีหน้ามาแซวเขาอีกแค่นี้เขาก็ทำตัวไม่ถูกแล้ว

“บอสสงสารน้องเถอะครับแค่นี้ก็แก้มแดงแล้ว” เชษฐ์ที่เห็นว่าน้องอายก็กระโดดเข้าร่วม

“เพิ่งเคยเห็นกล้าอายม้วนขนาดนี้นะคะเนี้ย” ชะเอมกระโดดเข้าร่วมอีกคน

“ถ้าเขินมานั่งข้างพี่ก็ได้นะกล้า” พลูที่เห็นทุกคนรุมแกล้งก็อดสงสารไม่ได้ บวกกลับที่อยากจะเอาคืนไอ้คนที่จะยึดน้องเขาไปตลอดชีวิตถึงมันจะทำให้เขามั่นใจว่าจะดูแลน้องเขาได้แต่ก็อดมั่นไส้ไม่ได้

“หยุดเลย” กวินตวัดสายตาตาใส่ไอ้คนหวงน้องที่ชอบหาเรื่องกันได้ตลอด ตลอดมื้อแสนพิเศษแม้กล้าจะเขินอายไม่ยอมสบตาเขาแต่ก็ไม่ได้ดึงมือที่เขากุมไว้ จนกระทั่งงานเลิก

“กล้า ใครใช้ให้แอบกินคอกเทลครับ” กวินที่เข้าไปคุยงานแปบเดียวออกมาคนตัวเล็กก็นั่งคอเอียงตากลมปรือฉ่ำวาวผิวขาวนั่นแดงระเรื่อไปทั้งตัว กวินรีบเดินเข้าไปหาส่วนแขกทั้งสามก็รีบหนีทันทีใครจะอยู่รอเล่าขืนอยู่มีหวังคอได้ขึ้นเขียงแน่ๆ เพราะมัวแต่ห่วงน้องพอหันกลับมาก็ไม่มีใครแล้ว ให้ตายเถอะ

“กล้าครับ น้องกล้า”

“งือพี่กวินกล้ามึนหัวจัง” ยุบหนอ อย่าพองหนอ กวินได้แต่ท่องนะโมสะกดอารมณ์ เพราะคนเมาขยับเข้ามากอดเอวใบหน้าขาวซุกอยู่ตรงอกถูไถหาที่สบายเหมือนแมวตัวน้อย ท่าทางน่ารักเสียจนกวินแทบจะอดกลั้นไม่ไหว แกอย่ามาเป็นดีแตกตอนนี้นะไอ้กวินได้แต่พยายามสะกดกลั้นอุ้มน้องขึ้นเพื่อที่พาไปพักซึ่งคนตัวเล็กก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือเลยสักนิด

“อือ...ร้อนกล้าร้อน...พี่กวิน” กวินอยากจะบ้าตายเมื่อคนที่อยู่ในอ้อมแขนจากที่มือคล้องคออยู่ดีๆ กลับเลื่อนไปปลดกระดุมเสื้อตัวเองแถมยังเบียดตัวเองเข้ามาชิดไหนจะคำแทนตัวที่แสนจะออดอ้อนนั่นอีกกวินอยากจะโยนความเป็นดีทิ้งได้แต่ขบกรามแน่นเดินขึ้นห้อง อยากจะคิดบัญชีกับทั้งพลูและไอ้เชษฐ์ไว้จะเอาคืนโทษฐานที่ทำให้เขาทรมานแบบนี้ กวินได้แต่คิดเรื่องงานที่ต้องไปทำพรุ่งนี้ในหัวยามที่เอาผ้าชุบน้ำเช็ดตามเนื้อตัวขาวที่แดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์

“อือ...เย็น...ไม่เอา...” ตากลมปรือตาขึ้น แววตาฉ่ำวาวนั่นเกือบทำให้กวินอดทนไม่ไหวรีบเช็ดตัวอย่างรวดเร็วเอาเสื้อผ้าของเขามาใส่ให้ดึงผ้าห่มปิดจนถึงคอ กวินถึงกับถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกนึกขอบคุณความอดทนของตัวเองที่มีมากมายซะจนทึ่งกับตัวเอง ลุกหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำที่ทำธุระส่วนตัวนานกว่าปกติ ร่างสูงในชุดคลุมอาบน้ำเดินเช็ดหัวออกมาจากห้องน้ำ ปากหยักยกยิ้มกว้างเมื่อเห็นก้อนกลมบนเตียงกวินใส่เพียงกางเกงขายาวพยายามสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มที่น้องม้วนไปกอดแน่นเมื่อสอดตัวเข้าไปนอนข้างๆ คนที่เมาหลับก็พลิกตัวขยับเข้ามาซุกแถมยังขยับหาที่สบายก่อนที่จะพรูลมหายใจยาวแล้วหลับสนิทมีเพียงเขาที่ต้องท่องนะโมอีกรอบ ก้มมองคนที่หลับสนิทพร้อมรอยยิ้มทำให้เขาอดไม่ได้ที่ยิ้มตาม กดจมูกลงบนกลุ่มผมหนาแล้วหลับด้วยความสุขใจที่มีคนตัวเล็กในอ้อมแขน

.

.

หนัก สิ่งแรกที่กล้ารู้สึกตั้งแต่ตื่นมาแม้ยังไม่ลืมตาร่างกายเขาเหมือนโดนทับแพรขนตาหนาค่อยๆ ขยับก่อนที่จะลืมตาตื่นอย่างงงๆ ก่อนที่จะเบิกตากว้างเมื่อใบหน้าเขาอยู่ใกล้แผ่นอกกว้างเปลือยเปล่าแถมยังความร้อนจากผิวกายที่รู้สึกได้และเหมือนมันจะแผ่มายังใบหน้าเขาด้วย

“อือ..ตื่นแล้วเหรอครับ” เสียงทุ้มแหบพร่าทักเขาที่พยายามดิ้นที่หลุดจากอ้อมแขนทำให้คนที่นอนกอดตื่น

“คะ..ครับ ปล่อยก่อนครับ” กล้าพยายามที่จะยกมือดันแผ่นอกกว้าแต่เหมือนวางมือทาบเหล็กร้อน

“พี่ขอนอนอีกแปบนะครับ” กวินกระชับอ้อมแขนแรงๆ หนึ่งทีก่อนที่จะปล่อยน้องออกจากอ้อมแขน กล้าลุกขึ้นถอนหายใจโล่งอกลุกขึ้นจากที่นอนเดินสำรวจในห้อง ห้องนอนที่ใหญ่โตแทบจะเท่าห้องนอนเขาสองห้องรวมกันเสียอีก แม้จะมีเพียงสีดำและเทาแต่ก็ดูอบอุ่น ร่างเล็กเดินสำรวจไปเรื่อยจนไปสะดุดตาที่ชั้นวางกรอบรูป รูปของพี่กวินตั้งแต่ตอนยังเด็ก เด็กชายกวินที่มีรูปร่างหน้าตาดีตั้งแต่เด็กไหนจะส่วนสูงนั่นที่ชวนน่าอิจฉาอีก ไล่ลงมาเป็นรูปตอนมหาลัยที่ถ่ายคู่กับพี่เชษฐ์ รอยยิ้มกว้างนั่นทำให้กล้าอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามไม่ได้

หมับ

“ดูอะไรครับ” เพราะมัวแต่สนใจกับรูปเลยไม่รู้ว่าคนที่หลับตื่นมาอยู่ด้านหลังตั้งแต่ตอนไหน

“ดูรูปพี่กวินอยู่ครับ” แม้จะตกใจแต่เขาก็ยอมพิงคนที่ยืนกอดอยู่ด้านหลัง

“พี่หล่อตั้งแต่เด็กล่ะสิ” กล้าได้แต่เงยหน้าขึ้นไปมองแล้วส่ายหน้าให้กับความหลงตัวเอง

“อะไรส่ายหน้าแบบนั้น..พี่ไม่หล่อจริงๆ เหรอครับ” กวินวางคางบนหัวทุยพร้อมกับพูดเสียงอ่อน เสียงหัวเราะกังวารทำให้กวินยิ้ม

ฟอด

“น่ารักจริง เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำที่ห้องเล็กกล้าใช้เสื้อผ้าในตู้พี่ได้เลยนะ” กล้าได้แต่ยกมือปิดแก้มที่ถูกหอมรู้สึกอยากจะทำร้ายคนที่ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ เมื่อได้รับอนุญาตให้ใช้ของได้ตามสบายกล้าเดินหยิบผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าที่เขาพอจะใส่ได้ แต่งตัวเสร็จเดินออกมาก็พอดีกับพี่กวินเดินเข้ามา

“เหมือนแอบเอาเสื้อพ่อมาใส่เลยนะครับ” สายตาคมกวาดมองกล้าเลยก้มมองตัวเองเสื้อยืดที่ดูเหมือนตัวเล็กสุดในตู้ก็ยังยาวเลยสะโพกไหนจะกางเกงที่ยาวจนต้องพับขาขึ้นตั้งสองสามรอบ

“พี่กวินตัวโตไปต่างหาก” โบ้ยความผิดให้คนตัวโต

“ป่ะไปกินข้าวกันเดี๋ยวพี่พาไปเก็บเสื้อผ้า” กล้ายอมโดนจูงมือก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าพี่กวินพูดอะไร

“เดี๋ยวนะครับเก็บเสื้อผ้าอะไร” กล้าขืนตัวไว้เพื่อถามให้รู้เรื่อง

“ก็เก็บมาที่นี่ไงครับ เดี๋ยวตอนบ่ายพี่จะพาไปที่หนึ่ง” กล้าไอ้แต่อ้าปากเหวอแม้จะดูเอาแต่ใจแต่เมื่อคืนพี่กวินก็ได้ทำให้เขาวางใจให้แล้วเลยไม่ได้ค้านอะไรเพียงแต่บ้านหลังนั้น

“แล้วบ้านผมล่ะครับ” เขาถามเสียงเบาเพราะเป็นห่วงบ้านหลังน้อย ร่างสูงหันกลับมายกมือทั้งสองข้างของเขามากุมไว้แน่น

“พี่ไม่ได้จะให้ทิ้งบ้านนั้นหรอกนะ แต่พี่จะให้คนเข้าไปปรับปรุงและพี่ก็อยากให้กล้ามานอนบ้านนี้บ้างถ้ากล้าคิดถึงบ้านนั้นเราก็ไปนอนที่นั่นด้วยกัน” กล้าได้แต่ยิ้มกว้าเพราะคนตรงหน้าใส่ใจเขาเหลือเกิน ใส่ใจจนเขารู้สึกอยากตอบแทน ร่างเล็กขยับเข้าไปชิดก่อนที่จะหยัดตัวขึ้นกดจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากหยักแล้วผละออกมายิ้มกว้าง กล้าเอียงคอน้อยๆ มองกวินที่จู่ก็ยกมือขึ้นปิดหน้าแถมยังถอนหายใจยาว

กวินมองท่าทางน่ารักที่เหมือนน้องจะทำโดยไม่รู้ตัวจนเขาอยากจะบ้าตายแค่ก่อนหน้านี้เขายังอยากจะจับน้องกอดน้องฟัดอยู่แล้วพอตกลงคบกันน้องยิ่งน่าฟัดกว่าเดิม

“พี่อยากจะฟัดเราจะตายอยู่แล้วลงไปกินข้าวกันดีกว่า” กวินรีบเปลี่ยนเรื่องไม่อย่างนั้นเขาได้จับน้องฟัดแน่ๆ เพราะว่ากลัวน้องจะกลัวตัวเองซะก่อน จับจูงมือกันลงไปทานข้าวเช้าแล้วพากันออกไปบ้านกล้าเพื่อที่จะให้น้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขับรถออกนอกตัวเมือง

“พี่กวินกินขนมหรือเปล่าครับ” กล้าถามคนที่ขับรถมานานเพราะข้าวเช้ามีเพียงข้าวต้มเขากลัวคนตัวโตจะไม่อยู่ท้อง

“กินถ้ากล้าป้อนพี่” กล้าได้แต่ส่ายหัวกับความอ้อนที่เขาคิดว่าจะได้เห็นนึกถึงตอนแรกๆ ที่ได้เจอมาดดุๆ นั่นหายไปไหนหมดแล้วก็ไม่รู้ แกะขนมปังป้อนแถมด้วยน้ำผลไม้อีกกล่อง

“แล้วนี่จะไปไหนครับอีกไกลรึเปล่าครับ” หันมองข้างทางที่มีแต่ต้นไม้

“อีกไม่นานครับ” และพี่กวินก็ไม่ได้บอกอะไรอีกกล้าเลยรอถึงเมื่อไหร่ก็คงจะรู้เอง รถสปอร์ตคันหรูขับเข้ามาจอดในวัดที่ดูเงียบสงบ กล้าเดินตามกวินจนมาถึงที่เก็บอัฐิ กวินจูงมือเขามานั่งลงข้างๆ

“นี่พ่อกับแม่พี่เองท่านเสียตั้งแต่พี่ยังเด็ก ได้ลุงซึ่งก็คือพ่อไอ้เชษฐ์คอยดูแลพอพวกพี่เรียบจบมาทำงานลุงก็เสียครอบครัวของพี่เหลือเพียงไอ้เชษฐ์คนเดียวถึงมันจะกวนไปหน่อยก็เถอะ” พี่กวินเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง ใบหน้าคมไม่ได้มีแววเศร้าหมองมีแต่เพียงร่องรอยอาลัยคิดถึงเท่านั้น เขาบีบมือที่จับไว้พร้อมกับส่งรอยยิ้มบาง

“พี่มีกล้าเป็นครอบครัวเป็นคู่ชีวิตพี่เลยอยากพากล้ามาให้พวกท่านรู้จัก” กล้ารู้สึกเต็มตื้นไปทั้งใจยกมือขึ้นพนมอธิฐานในใจ

“ผมจะดูแลพี่กวินให้ดีที่สุดครับ” ข้อความก่อนหน้านี้ผมไม่ได้พูดออกมาเพราะรู้สึกอายกับการที่จะมาพูดต่อหน้าเจ้าตัว

“พี่ก็จะดูแลเราให้ดีที่สุดเหมือนกัน กลับกันเถอะจะได้ไม่ถึงบ้านค่ำ” เขาพยักหน้าเห็นด้วยลุกขึ้นจูงมือเดินกลับไปที่รถด้วยกัน สายลมอุ่นพัดผ่านมาวูบหนึ่งทำให้กล้าหยุดเดิน

“มีอะไรรึเปล่าครับ” กวินหันมาถามอย่างสงสัย

“ไม่มีอะไรครับ” เขาส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มบอกว่าไม่เป็นไร

คุณพ่อคุณแม่และก็คุณลุงครับ ขอบคุณที่ทำให้ผมได้เจอกับผู้ชายที่อบอุ่นที่สุดคนนี้ ขอโทษที่ผมกับพี่กวินรักกัน ผมสัญญาจะไม่ทำให้พี่กวินเสียใจและจะไม่ทอดทิ้งกันไป ผมจะรักพี่กวินตลอดไปได้โปรดช่วยอวยพรและดูแลพวกเราด้วยนะครับ

.

.

พอกลับมาถึงบ้านหลังใหญ่กล้าก็คิดว่าพี่กวินทำอะไรรวดเร็วเกินไปแล้วกล่องเสื้อผ้าและกล่องหนังสือที่ดูเหมือนมันจะมากกว่ากล่องเสื้อผ้าเขาอีก

“นี่..มันอะไรกันครับ”

“พี่ให้คนไปขนมาให้ครับ ป้านิ่มครับให้คนมาขนหนังสือไปที่ห้องหนังสือส่วนเสื้อผ้าเอาไปไว้ที่ห้องผม”

“เดี๋ยวสิพี่จะให้ผมอยู่ห้องเดียวกัน??” กล้าถามเสียงหลง ถึงแม้เมื่อคืนจะได้นอนเตียงเดียวกันแต่เขาก็เมามากถ้าจะให้นอนทุกคืนแค่คิดเขาก็รู้สึกร้อนที่หน้าแล้ว

“ใช่สิครับ” กวินลูบเบาๆ ที่แหวนที่นิ้วนางของกล้า

“ตะ...แต่ว่า..แต่ว่า..” เหมือนว่ากล้าจะหาคำพูดต่อไปไม่ได้ ท่าทางขัดเขินเหมือนกระต่ายตื่นตกใจเรียกรอยยิ้มกว้างจากคนตัวโตกวินไม่อยากกดดันน้องมากกว่านี้เลยบอกคนตัวเล็กว่าจะไปที่ห้องทำงานให้กล้าทำตัวตามสบาย กล้าเดินขึ้นไปที่ห้องหนังสือเพื่อไปจัดหนังสือที่พี่กวินอุตส่าห์ไปให้คนขนมา ห้องหนังสือขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ว่างขนาดที่ต่อให้ขนหนังสือจากที่บ้านเขายังไม่เต็มแถมยังอากาศถ่ายเทเหมาะกับหนังสือมาก กล้ามัวแต่สนุกกับการจัดหนังสือจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่จนได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ

“เพลินเลยนะครับ” กล้ารีบเงยหน้าจากกองหนังสือมองคนตัวโตที่ยืนพิงกรอบประตู

“ขอโทษครับ” เขาบอกเสียงอ่อยถ้าได้อยู่กับหนังสือเขาก็ลืมไปทุกที มองคนตัวโตด้วยความรู้สึกผิด

“ไม่เป็นไร ได้เวลาทานข้าวเย็นแล้วพี่เลยมาเรียก” พอพูดขึ้นเขาก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที แต่เพราะนั่งทับขาตัวเองนานไปหน่อยเลยลุกไม่ขึ้นเรียวปากบางยิ้มน้อยๆ หันมาหาคนตัวโตก่อนที่จะชูแขนขึ้นทั้งสองข้าง

“ดึงหน่อย”

“ให้อุ้มเลยไหมครับ”

“บ้า..ดึงหน่อยครับพี่กวิน” ทอดเสียงยาวอ้อนคนที่ทำหน้าขรึม

“ให้ตายเถอะน่ารักไปแล้วนะเรานะ” ถึงจะบ่นแต่พี่กวินก็เดินขึ้นมาดึงเขาให้ยืนดีๆ แต่เพราะนั่งทับนานไปหน่อยจนขามันชาร่างเล็กจึงเซถลาเข้าไปซบอกกว้าง

“อยากกอดพี่บอกตรงก็ได้นะ”

บึก

“ขาผมชาต่างหากเล่า” กล้าทุบอกไปทีแต่เพราะขายังชาเลยได้แต่พิงอกไว้ จนขาหายชากล้าก็ทำท่าจะผละออกแต่ก็ติดวงแขนแกร่งที่ประคองเขาลงไปข้างล่าง มื้อเย็นถูกปากร่างเล็กทำให้เขากินได้เยอะกว่าปกติพูดคุยกับคนตัวโตได้อย่างไม่ขัดเขิน และช่วงเวลาลำบากใจก็มาถึงร่างเล็กยืนหมุนไปมาอยู่ในห้องน้ำทั้งที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่เขายังไม่กล้าที่จะออกไป ไม่ใช่กลัวว่าพี่กวินจะทำอะไรแต่เป็นเพราะรู้สึกเคอะเขินคนตัวโตเสียมากกว่า มือเรียวยกมากุมแน่นตรงอกหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อทำใจ

แกร๊ก

ร่างเล็กในชุดนอนของตัวเองค่อยๆ เดินออกมาจากห้องน้ำเสทำโน่นทำนี่จนคนตัวโตเดินเข้าห้องน้ำกล้ารีบวิ่งขึ้นเตียงสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มคลุมจนมิดคอแสร้งหลับหนีคนที่กำลังอาบน้ำอยู่ รอด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่นานก็รู้สึกถึงเตียงฝั่งข้างๆ หยวบลงพร้อมกับไออุ่นและกลิ่นสบู่กลิ่นเดียวกันกับเขานั่นยิ่งทำให้ใจเขาเต้นรัว

งือ เขินจะตายแล้ว

หมับ

“ยังไม่หลับใช่ไหมครับ”

“.....”

“หึ ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ ฝันดีนะคนดี” รับรู้ถึงแรงกดเบาๆ ที่ขมับพร้อมกับแรงรัดที่เอวลมหายใจอุ่นที่รดต้นคอทำให้รู้สึกแปลกๆ แต่มันก็รู้สึกอบอุ่นจนเขาเผลอหลับไปทั้งๆ ที่โดนกอดตอนไหนก็ไม่รู้ เมื่อร่างเล็กหายใจสม่ำเสมอกวินก็ลืมตาขึ้นร่างเล็กที่หลับสนิทรู้ดีว่าคนตัวเล็กยังไม่ชินแต่ไม่เป็นไรเขาจะทำให้น้องชินเอง คนที่หลับสนิทพลิกตัวมาซุกแน่นแถมยังยกแขนมากอดเขาอีกน่ารักจริงๆ เลยนะอดไม่ได้ที่จะหอมหน้าผากเนียนก่อนที่จะหลับตาลงพร้อมคนในอ้อมแขน

***********************************************

ช่วงนี้ติดของหวาน นิยายก็จะหวานๆหน่อย 

ช่วงนี้จะได้มาๆหายๆหน่อยเพราะงานประจำ 

และกำลังวางพล็อตเรื่องต่อไปอยู่ ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราบ้างน้า อ่านแล้วชอบอย่าลืมกดถูกใจติดตามไว้นะคะ 

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่17 16/5/2561
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 16-05-2018 22:03:40
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่17 16/5/2561
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 17-05-2018 09:55:04
 :pig4: กล้าาาาาาน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่17 16/5/2561
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 18-05-2018 09:28:42
อ่านแล้วเขินแทน :hao5:
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่18 19/5/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 19-05-2018 16:12:30
18.

การเปลี่ยนแปลงเมื่อครั้งแรกๆ อาจจะยังไม่ชินแต่พอนานวันเข้ากล้ากลับชิน ชินที่ได้นอนหลับในอ้อมแขนแกร่ง ชินที่ได้เจอหน้าทานข้าวด้วยกัน ชินที่โดนหยอกเย้า ชอนโดยที่ไม่รู้ตัวเองเลยว่าถ้าหากไม่มีคนตัวโตอยู่ด้วยเขาจะอยู่ยังไง ตอนนี้พี่พลูหนีกลับไปแล้ววันที่เขาไปส่งก็งอแงอยากให้เขาไปด้วยจนกวินมองตาขวางจะกลับยังต้องแหย่

“อือ” เสียงทุ้มต่ำครางในลำคอพร้อมกับอ้อมแขนที่กระชับร่างบางเข้าไปชิด

“ตื่นแล้วเหรอครับ” กล้ายกมือขึ้นแตะแก้มคนที่ตื่นแล้วแต่ยังไม่ยอมลืมตาและปล่อยเขาออกจากอ้อมกอด

“ยังครับ” กล้าอยากจะหยิกแก้มคนที่ยิ้มกว้างตอบคำถามด้วยความยียวน

“งั้นก็ปล่อยครับผมจะลุกแล้ว” แรกๆ ในการตื่นในอ้อมแขนทุกๆ เช้าทำให้กล้าเขินอายแต่ตอนนี้ความเขินอายเริ่มจากหายมีเพียงความอบอุ่นใจ

“ไม่เอาพี่อยากนอนกอดเราทั้งวันเลย” ร่างสูงกระชับวงแขนไม่อยากลุกไม่อยากไปทำงานเลยให้ตายสิ กล้าเงยหน้ามองมือที่วางทาบแก้มบีบแก้มคนอ้อนอย่างที่ชอบบีบเขาประจำ

“โอ๊ยๆ พี่เจ็บครับ”

“ก็ผมบีบให้เจ็บไม่ต้องมาเนียนเลยครับวันนี้ต้องไปทำงานลุกได้แล้วครับ” แม้แรกๆ เสียงจะแข็งๆ หน่อยเพราะความหมั่นไส้แต่ประโยคหลังกล้าพูดเสียงอ่อนเพราะรู้ดีว่าคนตัวโตนั้นชอบให้อ้อน

“จูบพี่ก่อนสิ” เจ้าเล่ห์ ชอบจริงกับการที่ทำให้เขาเขินจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อคนเจ้าเล่ห์ไม่ยอมปล่อยกล้าเลยขยับขึ้นไปแนบริมฝีปากลงเบาๆ ก่อนที่จะผละออก

“หวานจัง” แขนแกร่งยอมปล่อยให้เขาลุกจากเตียง ร่างบางเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อของตัวเองและเตรียมเสื้อผ้าสำหรับทำงานให้คนที่ยังนอนบนเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำ เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จกล้าก็บีบยาสีฟันใส่แปรงผ้าขนหนูพาดไว้ตรงราวเป็นสิงที่ร่างเล็กทำให้ทุกวัน พอเดินออกจากห้องน้ำคนตัวสูงก็เดินเข้าห้องน้ำ กล้าเดินลงมาข้างล่างช่วยป้านิ่มเตรียมตั้งโต๊ะทานข้าว

“อรุณสวัสดิ์น้องกล้า” พี่เชษฐ์ที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตมีสูทสีดำพาดที่แขนพร้อมทำงานเดินเข้ามาที่ห้องทานข้าว

“อรุณสวัสดิ์ครับ” กล้ายิ้มให้พี่ชายที่ตรงเข้ามาช่วย ไม่นานกวินก็เดินลงมาสูทสีเทาพาดอยู่ที่แขนและไทในมือเดินเข้ามาชิด

ฟอด

“หอมจังครับ” ไม่รู้ว่าหอมข้าวต้มที่ร่างเล็กกำลังตักหรือแก้มขาวๆ ที่จมูกโด่งแนบชิด

“บ้า พี่เชษฐ์ก็อยู่” กล้าอยากจะฟาดคนที่ทำอะไรไม่อาย

“ไม่ต้องสนใจพี่ก็ได้นะ” เชษฐ์พูดยิ้มๆ ท่าทางมีความสุขของทั้งสองคนทำให้เชษฐ์ยิ้มตาม

“ไม่คุยด้วยแล้วครับ” กล้าได้แต่คิดในใจว่าทำไมเขาต้องโดนแซวแต่เช้าด้วย สังเกตเห็นว่ากวินยังคงถือไทไม่ยอมใส่ทั้งๆ ที่ก็สายแล้วร่างบางขยับเข้าไปชิดหยิบเอาไทในมือกวินมาถือไว้ ร่างสูงเพียงยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ขยับเข้ามาใกล้ก้มมองใบหน้าขาวที่ตั้งอกตั้งใจกับการผูกไทซะจนคิ้วเรียวขมวดน้อยๆ มือเรียวค่อยๆ ผูกแล้วรูดขึ้นจัดทรงให้เข้าที่รอยยิ้มบางๆ ถูกยกขึ้นเมื่อเห็นผลงานเป็นที่พอใจ

“ขอบคุณนะครับ” เสียงทุ้มบอกกล้าเพียงยิ้มน้อยๆ ตอบกลับไปแล้วต่างนั่งลงทานข้าวเช้าเงียบๆ เชษฐ์มองภาพตรงหน้าเงียบๆ ทั้งๆ ที่มาอยู่ด้วยกันเพียงแค่ไม่นานแต่ทำไมบรรยากาศโดยรอบของทั้งสองคนกลับดูเหมือนอยู่ด้วยกันมานาน เห็นแล้วชักอิจฉาอยากได้ซักคนเว้ย

.

กวินแวะมาส่งกล้าที่ห้องสมุดแล้วแยกตัวไปทำงาน รถหรูขับเข้ามาจอดยังที่ผู้บริหารกวินและเชษฐ์เดินเข้าบริษัทร่างสูงสง่าของประธานและคนสนิทเรียกสายตาทั้งพนักงานสาวๆ และหนุ่มๆ แอบชายตามองและทอดสะพานที่แทบปูพรมแดงเชิญสองหนุ่ม หากแต่ทั้งสองคนก้าวยาวๆ เข้าลิฟท์ส่วนตัวของผู้บริหารทันทีที่ประตูลิฟท์ปิดลง

“กรี๊ด ท่านประธานยังหล่อเหมือนเดิมคุณเชษฐ์ก็เท่ เฮ่อ....ใครกันน้าจะได้เป็นคนรักของท่านประธาน” พนักงานประชาสัมพันธ์พูดอย่างเพ้อๆ กับเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ กาย

“เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นเกย์ ท่านประธานเคยมีข่าวกับผู้ชายคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ” เพื่อนสาวนึกไปถึงข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ธุรกิจ

“บ้าเหรอ หล่ออย่างท่านประธานนะเหรอ” สาวประชาสัมพันธ์ถึงกับทำตาโตเธอไม่เชื่อข่าวลือนั่นหรอก แต่มันก็มีมูลหรือเปล่านักข่าวถึงได้เล่นข่าวได้และข่าวลือว่าท่านประธานมีแฟนเป็นผู้ชายก็ลามไวยิ่งกว่าไฟไหม้ฟางเสียอีก

“บอสครับ เรื่องด่วน มีประชุมที่นิวยอร์กวันมะรืนนี้ครับ” เชษฐ์ถือวิสาสะเปิดประตูเข้าแจ้งข่าวที่สาขาที่วางแผนว่าจะขยายเครือบริษัทไปยังยุโรปแต่มีปัญหาด่วนจนต้องให้บอสไปดู

“ไม่ไปได้ไหม” กวินแทบไม่อยากไปไม่อยากออกห่างจากคนตัวเล็กเลยเพราะรู้ดีว่าน้องคงไปไม่ได้เพราะเคยบ่นว่าหยุดงานเยอะเกรงใจชะเอมเลยไม่อยากหยุดงานแต่เขาก็ไม่อยากห่างน้อง

“ช่วยเลิกทำตัวติดกันกับน้องเถอะครับผมเตรียมการไว้ให้หมดแล้วเดินทางคืนนี้สองทุ่มนะครับ” เชษฐ์ไม่ได้สนใจท่าทางติดแฟนของเจ้านายแจกแจงกำหนดการเรียบร้อยก็เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้กวินนั่งถอนหายใจทิ้งเพราะความติดแฟน มือใหญ่หยิบโทรศัพท์กดโทรด่วนหาคนรักทันที

“ (ครับพี่กวิน) ” เสียงหวานรับสายทำให้เขายิ้มกว้างก่อนที่จะถอนหายใจยาวเมื่อคิดถึงปัญหาที่ดูเหมือนเขาเป็นปัญหาฝั่งเขาซะมากกว่า

“พี่...จะต้องไปประชุมงานที่นิวยอร์ก” กวินพูดเสียงเบาเพราะเขาไม่อยากไป

“ (อ่า...พี่ไปกี่วันครับ) ”

“พี่ยังไม่รู้เลย” เพราะเขายังไม่รู้ว่าปัญหามันใหญ่หรือเล็กและเขาต้องบินด่วน

“ (ไปวันไหนครับ) ” กวินเงียบไปซักพักแล้วบอกกับน้องว่าเขาต้องเดินทางคืนนี้ทั้งเขาและปลายสายต่างเงียบไป

“น้องกล้า”

“ (พี่กวินเดี๋ยวกล้าไปหาได้ไหมครับ) ” ปลายสายถามอย่างไม่มั่นใจนัก

“ได้สิจะให้พี่ส่งคนไปรับนะ พี่ไม่อยากให้กล้ามาเองพี่เป็นห่วง” กวินรีบบอกออกไปก่อนที่กล้าจะพูดอะไรเพราะถ้าจะรอน้องโดยที่ไม่รู้ว่าน้องอยู่ตรงไหนสู้ให้คนไปรับน้องมาดีกว่า

“ (ได้ครับ) ” ยังดีที่น้องรับคำไม่รู้หรอกว่าน้องคิดอะไรถึงได้อยากมาหาเขาที่ทำงานแต่เขาก็ยินดีที่น้องจะมา เมื่อรู้ว่าคนรักจะมาหามือใหญ่ก็คว้าเอาแฟ้มงานเร่งทำงานเพรามันใกล้เที่ยงแล้วถ้าหาน้องมาทันจะได้พาน้องไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน เคลียร์งานไม่นานนักประตูห้องก็ถูกเคาะพร้อมกับเชษฐ์ที่เดินนำคนรักของเขาที่เดินตัวลีบตามหลังมา

“เดี๋ยวออกไปกินข้าวด้วยกันนะไอ้เชษฐ์” เชษฐ์เออออแล้วเดินออกจากห้องปล่อยให้คนตัวเล็กยืนกำสายกระเป๋าอยู่กลางห้องทำงาน กวินปิดแฟ้มลุกไปจับมือเล็กจูงมานั่งที่โซฟา

“พี่ไม่อยากไปเลย” กวินกุมมือเล็กไว้แน่นเขาไม่อยากที่จะห่างน้องเลยจริงอะไรกันทั้งๆ ที่เพิ่งจะได้อยู่ด้วยกันจริงๆ จังๆ แต่งานก็เรียกตัวเขาเสียแล้ว

“พี่ต้องไปทำงานผมเข้าใจ”

“พี่อยากให้เราไปด้วย” ตัวเล็กรีบส่ายหน้าหวือ

“ไม่ไปนะครับ...แต่ผมขออย่างหนึ่งได้ไหมครับ” ใบหน้าสวยก้มหน้าลงไปนิดก่อนที่จะช้อนตาขึ้นมองปากบางเผลอเม้มปากตากลมหวั่นระริกท่าทางอ้ำๆ อึ้งๆ ที่แสนจะน่ารักของคนตัวเล็กทำเอาเขาอยากจะดึงน้องมาฟัดแต่ก็ต้องอดใจไว้รอฟังว่าน้องจะพูดอะไร

“เอ่อ...ติดต่อมาหาผมตอนที่ว่างได้หรือเปล่าครับ” น้ำเสียงอ้อนๆ ที่แทบทำให้ใจผมละลายถ้าน้องใช้น้ำเสียงแบบนี้อ้อนขออะไรเขา เขาคงยกให้ได้โดยไม่คิดอะไรเลยเกินขีดความอดทนกวินดึงตัวคนเล็กที่กำลังเผลอลอยขึ้นตัก

“เหวอ”

“ให้ตายเถอะพี่อยากให้เราไปด้วยจริงๆ ถึงกล้าไม่ขอพี่ก็ทนไม่ไหวหรอกนะที่จะไม่ติดต่อ” กวินโอบเอวซบหน้าผากลงกับไหล่บางสูดกลิ่นหอมที่ได้กลิ่นแล้วรู้สึกสงบ

“อย่าทำงานหนักจนเกินไปนะครับ” กล้าบอกเสียงอู้อี้บนบ่ากว้าง ทั้งสองกอดกันเพียงครู่ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะทำให้ร่างเล็กผลักไหล่คนที่ยังกอดแน่นให้ปล่อยเขาออก

“ไปกินข้าวกันเถอะครับแล้วจะกลับไปทำงานไหม” กวินถามคนตัวเล็กที่รีบกระโดนลงจากตักทันทีที่เขาปล่อย กวินคว้ามือขาวมากุมไว้เดินออกไปหาเชษฐ์ พอขึ้นลิฟท์คนรักของเขาก็ทำท่ากังวล

“เป็นอะไรครับ”

“พี่ปล่อยมือผมได้ไหมครับ” ทั้งเขาและเชษฐ์ต่างก้มมองกล้าที่ก้มหน้างุด

“ไม่ปล่อยพี่จะกุมมือนี้ไม่มีทางปล่อยแน่ๆ” กวินรู้ดีว่ากล้ากลัวอะไรแต่เขาไม่หวั่นเลยซักนิด แม้ว่ากล้าจะพยายามที่จะแกะมือเขาออกแต่เมื่อเห็นว่าไม่เป็นผลกล้าเลยเลือกที่จะก้มหน้าเดินตามแรงที่จูงมือเขาไว้ เมื่อผ่านมาถึงล็อบบี้บริษัทซึ่งตอนนี้เป็นตอนเที่ยงพนักงานที่กำลังจะออกไปทานข้าวหลายคนถึงกับหยุดอยู่กับที่เมื่อเห็นท่านประธานสุดหล่อจูงมือหนุ่มร่างเล็กแว่นหนาเตอะที่ก้มหน้าซะจนมองใบหน้าไม่ชัดแต่จากรูปร่างและการแต่งที่ดูเชยเมื่อเทียบกับสองหนุ่มฮอตที่ได้รับการการันตีจากหนังสือธุรกิจแนวหน้า เพียงแต่ท่าทางสนิทสนมของทั้งสามคนทำให้สาวๆ มองแทบตาถลน รีบยกมือถือมาถ่ายรูปไว้

กวินและเชษฐ์รู้ดีว่ากำลังโดนถ่ายรูปแต่กวินไม่สนใจเพราะใจจริงเขาก็จะจัดงานเปิดตัวให้คนรักที่เดินก้มหน้ามองพื้นราวกับพื้นบริษัทเขาปูด้วยทองคำ ทั้งสามคนเดินมายังที่จอดรถเพื่อที่จะไปกินอาหารร้านประจำของกวินที่เขาอยากพากล้ามาลองทานดูบ้าง รถคันหรูเลี้ยวเข้าจอดยังบ้านหลังหนึ่ง ภายนอกอาจจะเหมือนบ้านหลังหนึ่งแต่จริงๆ แล้วเป็นร้านอาหารที่เปิดขายเพียงไม่กี่ที่ต่อวัน เมื่อรู้ว่าน้องจะมาหากวินก็โทรมาจองโต๊ะไว้แล้ว

“เชิญทางนี้เลยครับคุณกวิน” พนักงานที่คุ้นหน้าคุ้นตาเดินนำไปยังที่นั่งประจำของร่างสูง ห้องริมสวนที่แยกออกมา

“ร้านสวยจังเลยครับ”

“อาหารอร่อยมากด้วย กล้าอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ” เอนตัวเข้าไปถามกล้าที่นั่งข้างๆ เปิดดูเมนู

“อือ..พี่กวินสั่งให้ผมเลยดีกว่าครับไม่รู้ว่าจะกินอะไรดีมันน่าอร่อยทุกอย่างเลย” ร่างบางบอกเสียงอ่อยเพราะแต่ละอย่างที่เห็นมันน่าทานทั้งนั้น กวินสั่งอาหารที่คิดเอาว่าน้องจะชอบมาจนเต็มโต๊ะส่วนไอ้เชษฐ์นะเหรออยากกินอะไรเดี๋ยวมันก็สั่งกินเอง เมื่ออาหารมาเสิร์ฟคนตัวเล็กก็บ่นอุบว่าสั่งมาเยอะเกินไปแล้ว

“อืม...อร่อย” ทันทีที่ได้ชิมร่างบางก็อุทานออกมาเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง กวินรีบตักโน่นตักนี่ใส่จานท่าทางเจริญอาหารทำให้เขารู้สึกคิดถูกที่พาร่างเล็กมาทานจะไม่ให้ห่วงได้ยังไงกินข้าวแต่ละครั้งเท่ากับแมวดมพอเห็นน้องกินเยอะเขาก็ดีใจ

เชษฐ์มองความเอาใจใส่และความอบอุ่นที่ไม่น่าจะมาจากเพื่อนและเจ้านายด้วยสายตาแปลกใจและรู้สึกเหมือนตัวเองมาอยู่ผิดที่ผิดทางให้ตายเถอะทำไมรู้สึกเป็นส่วนเดินแบบนี้นะได้แต่ตักข้าวเข้าปากด้วยอารมณ์ที่หลากหลายทั้งดีใจและอิจฉา หรือเขาควรไปหาใครซักคนได้แล้ว

หลังจากทานข้าวด้วยกันกวินก็ไม่ปล่อยให้ร่างบางกลับไปทำงาน และก็เหมือนตอนออกไปทานข้าวแต่คราวนี้เหมือนทุกคนจะเตรียมตัวทำไร่เผือกกันเต็มที่ เมื่อร่างสูงของท่านประธานเดินประคองร่างบางที่เหมือนจะมีความมั่นใจขึ้นมากเดินหัวเราะเคียงข้างไม่ได้ทักท้วงกับมือใหญ่ที่วางทาบอยู่บนหลัง ทุกคนไม่ได้แปลกใจกับคู่ควงแต่แปลกใจกับรอยยิ้มน้อยๆ ของท่านประธานต่างหาก

“หล่ออ่ะ” เสียงเพ้อๆ ของสาวๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มของท่านประธาน

กวินเดินโอบหลังร่างบางขึ้นลิฟท์ เชษฐ์แยกตัวไปเตรียมเอกสารที่ต้องเดินทางคืนนี้ พอเข้าห้องทำงานกวินก็ตวัดโอบเอวบางซบหน้าลงกับไหล่

“ไม่เกเรสิครับ ไปทำงานนะ” กวินถอนหายใจเมื่อโดนไล่ไปทำงานแอบเนียนแตะจมูกลงที่ท้ายทอยขาวไปทีแล้วผละออกไปนั่งโต๊ะทำงานกดโทรศัพท์สั่งให้เลขาเอาขนมและน้ำเข้ามาให้น้อง

“เดี๋ยวพี่ขอเคลียร์งานสักพักนะแล้วเราค่อยกลับพร้อมกัน” กล้าทำเพียงยกยิ้มแล้วนั่งลงที่โซฟาหยิบเอาหนังสือที่อยู่ในกระเป๋ามาอ่านรอคนตัวโต

ก๊อกๆ

“ขออนุญาตครับ นี่ขนมกับน้ำส้มครับคุณกล้า” เลขาคนสนิทยกน้ำและขนมเข้ามาให้ กล้ารีบยกมือไหว้และพูดขอบคุณ ตอนที่บอสบอกว่าจะมีนายอีกคนพวกเขาต่างแปลกใจที่เห็นว่าเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาๆ แต่พอได้อยู่ใกล้พวกเขาก็ยอมรับคุณกล้าและเข้าใจว่าเพราะอะไรบอสถึงรัก





ตอนนี่กล้าไม่รู้จะพูดอะไรเมื่อคนตัวโตงอแงกอดเขาไม่ยอมปล่อยทั้งๆ ที่นี่ก็จะได้เวลาที่จะต้องเดินทางไปสนามบินแล้ว

“ไปได้แล้วครับเดี๋ยวไม่ทันนะครับ”

“ไม่อยากไปเลยพี่จะนอนหลับได้ยังไงถ้าไม่ได้กอดกล้า” กล้าอยากจะถามกลับว่าไม่อายคนอื่นบ้างเหรอเพียงแค่ฟังเขาก็รู้สึกร้อนที่หน้าแล้ว

“ไปได้แล้วนะครับ อย่าโหมงานนะครับ” กล้าสำทับเพิ่มอีกครั้งเพราะเป็นห่วงว่าจะมัวแต่ทำงาน

“ถ้าไปถึงพี่จะรีบติดต่อกลับมานะครับ” กวินกุมมือเรียวเขาซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่เพื่อที่จะได้คุยกันแบบเห็นหน้า มองคนที่ตั้งอกตั้งใจพยักหน้ารับคำสั่งจนอดใจไม่ไหวเชยคางเล็กแนบริมฝีปากบดเบียดชิมลิ้มรสความหวานจากโพลงปากเล็กหยอกเย้าลิ้นเล็กเมื่อคนตัวเล็กตกใจเผยเรียวปากให้เขาเข้าไปกวาดต้อน รสหวานที่ได้ชิมยิ่งไม่อยากผละออกจนมือเล็กทุบเบาๆ ที่อกเพราะแทบขาดอากาศหายใจทำให้กวินต้องผละออกอย่างเสียดาย

“แฮ่กๆ ..” เสียงหอบแผ่วเบาของคนที่อ่อนระทวยพิงอกเขา กวินก้มสูดกลิ่นหอมอย่างโหยหาแล้วผละออก

“พี่ไปแล้วนะครับคนดีถึงที่โน่นแล้วพี่จะโทรหานะครับ” ก้มลงหอมแก้มเนียนอีกฟอดแล้วเดินไปขึ้นรถเพื่อไปสนามบิน

.

.

หลังจากที่พี่กวินเดินทางไปประชุมถึงแม้ว่าพี่กวินจะคอลมาหาเขาทุกคืนแต่มันก็ไม่เหมือนกัน ยิ่งเห็นหน้าเขายิ่งคิดถึง ตอนนอนทุกวันนี้เขาต้องพลิกซ้ายพลิกขวาเพราะนอนไม่หลับเมื่อไม่มีไออุ่นจากร่างหนาต่อให้ห่มผ้าห่มเขาก็ยังไม่รู้สึกอุ่นสักครั้ง

“ทำไมหน้าหงอยแบบนั้นล่ะแว่นน้อย”

“วันนี้วันที่สี่แล้ว” ชะเอมทำหน้างงหน่อยๆ ที่จู่ๆ แว่นน้อยก็พูดออกมา

“อ้อ พี่กวินยังไม่กลับเหรอ” กล้าส่ายหน้าเมื่อคืนพี่กวินบอกว่างานที่โน้นมีปัญหาหนักมากอาจจะไม่ได้กลับภายในอาทิตย์นี้ อยากจะบอกคนที่อยู่อีกซีกโลกว่าคิดถึงแต่เขาก็กลัวว่าพี่กวินจะพวงกับเขาเลยได้แต่ยิ้มกว้างบอกว่าไม่เป็นไร

“คิดถึงพี่เขาล่ะสิ”

“ใช่ เมื่อก่อนไม่ได้อะไรหรอกนะ แต่....ตอนนี้คิดถึง...คิดถึงมากเลยล่ะ” กล้าฟุบหน้าลงกับแขนยิ่งพูดเขายิ่งคิดถึง พี่กวินนี่แย่ แย่ที่ทำให้เขาขาดพี่ไม่ได้

“อ่ะ ไปเรียกนิตยสารไปจะได้ไม่ว่าง” ชะเอมไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรเลยให้กล้าเรียงนิตยสารที่พึ่งเข้ามาเมื่อสักครู่ขึ้นชั้น

“อือ” ร่างบางก็คิดว่าดีเหมือนกันเขาจะได้ไม่ต้องคิดถึงพี่กวินมากเกินไป มือขาวค่อยๆ บรรจงเรียงนิตยสารขึ้นชั้น ดวงตากลมมองปกนิตยสารธุรกิจแนวหน้า ภาพแผ่นหลังกว้างและใบหน้าคมเข้มด้านข้างที่แสนคิดถึงหากแต่ที่ดวงตากลมเบิกกว้างคือหญิงสาวที่แค่ด้านหลังเขายังรู้สึกเลยว่าสวย มือใหญ่ที่ทาบแผ่นหลังเนียนภาพที่เห็นทำให้ร่างบางอดคิดไม่ได้ว่าเหมาะสม นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเปิดตัวแฟนสาวรึเปล่า เดตลับๆ ที่นิวยอร์ก พาดหัวข่าวนั่นทำให้น้ำใสเอ่อคลอ

“แว่นน้อยเป็นอะไร”

“อึก...ฮือ..” อาจจะเป็นเพราะความคิดถึงที่สะสมมาหลายวันทำให้ในหัวเขาคิดอะไรไปมากมายยิ่งเห็นภาพความใกล้ชิดสนิทสนมและรอยยิ้มบนใบหน้ากว้างนั่นอีกกล้าโผเข้ากอดเพื่อนสนิทแน่นแล้วปล่อยโฮอย่างไม่อายใคร

อย่าเปลี่ยนเลยนะ อย่าเปลี่ยนใจจากเขาเลย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แรกๆก็หวาน........//หลบรองเท้าแปบ 

น้องร้องไห้อีกแล้ว แต่อย่างพี่กวินอ่ะเนาะ พ่อหนุ่มฮอต 

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราบ้างนะ
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่18 19/5/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 19-05-2018 19:44:39
น้องคงคิดมาก ร้องไห้เลย

เฮ้อ อย่าเพิ่งคิดมากนะ
รอพี่เขากลับมาละค่อยถามเนอะ
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่18 19/5/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-05-2018 22:58:10
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่18 19/5/2561
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-05-2018 02:32:25
น้องงงงงงงงงงง TT
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่19 20/5/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 20-05-2018 22:16:23

19

กวินรู้สึกแปลกใจเมื่อโทรหาคนรักแล้วติดต่อไม่ได้และพอโทรเข้าบ้านป้านิ่มก็บอกว่าน้องไม่ได้กลับบ้าน ใจเต้นรัวในหัวคิดไปต่างๆ นาๆ ด้วยความเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องกับน้องกระจิตกระใจของร่างสูงไม่ได้จดจ่อกับงาน

“เชษฐ์ฉันจะกลับเดี๋ยวนี้จองตั๋วให้ด้วย” เมื่อติดต่อไม่ได้เขาก็ไม่คิดที่จะรออีกแล้ว

“เดี๋ยวครับบอสเกิดอะไรขึ้น”

“ฉันติดต่อกล้าไม่ได้แถมยังไม่กลับบ้าน” ใบหน้าคมเคร่งเครียดเขาสังหรณ์ใจไม่ดีเลย

“แต่เรื่องงาน..”

“ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ยื่นคำขาดไปเลย ฉันไม่มีเวลามาเล่นสนุกกับมันอยู่แบบนี้หรอกนะ” ที่เขาเดินทางมาที่นิวยอร์กเพราะมีปัญหาเรื่องการต่อรองวัสดุก่อสร้างทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ตกลงไว้แล้วแถมยังปัญหาจากคนภายในที่เขาให้มาดูแลงานฝั่งนี้เลยต้องตัดเนื้อร้ายนั่นทิ้ง

“บอสลองโทรไปหาน้องเอมรึยังครับ”

“โทรแล้วติดต่อไม่ได้” ถ้าติดต่อได้เขาคงไม่คิดหนักแบบนี้ เชษฐ์รีบตดต่อจองตั๋วเครื่องบินให้บอสส่วนเขาคงจะต้องอยู่ทางนี้เองเพราะเขาเองก็เป็นห่วง

“ไฟท์ที่เร็วที่สุดอีกสองชั่วโมงครับ ผมจะให้คนไปส่งที่สนามบิน” กวินพยักหน้าก่อนที่จะกลับไปที่โรงแรมเก็บกระเป๋า

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูทำให้กวินรีบผละจากกระเป๋าไปเปิดประตู คนที่ยืนหน้าประตูทำให้เขายิ้มกว้างอย่างอดไม่ได้

“ไง”

“ว่าจะมาชวนไปกินข้าวเที่ยงค่ะ เห็นเชษฐ์ว่าอยู่ที่โรงแรม”

“ไม่ได้แล้วล่ะ ฉันต้องรีบกลับไทย”

“อ่าวทำไมล่ะไหนว่าจะมาอยู่หลายวัน” ใบหน้าสวยเอียงคอถามอย่างไม่เข้าใจ

“ฉันติดต่อกล้าไม่ได้” กวินตอบเสียงเครียด

“โอเคงั้นก็เดินทางดีๆ นะ ไว้ฉันกลับไทยอย่าลืมพาน้องกล้ามาเจอฉันล่ะ” กวินพยักหน้าให้เพื่อนสนิทที่ได้เจอกันโดยบังเอิญที่นี่เพราะปกติจะอยู่ที่เยอรมันกับสามีแต่แอบหนีมาเที่ยวเลยได้เจอกัน โดยที่ร่างสูงไม่รู้เลยซักนิดว่าโดนเขียนข่าวใส่สีตีไข่เรียบร้อยเพราะภาพความสนิทสนม

แม้จะรีบแค่ไหนแต่เขาก็ต้องเสียเวลาไปถึง 19 ชั่วโมง เมื่อมาถึงไทยร่างสูงที่ยังไม่ได้หลับไม่ได้นอนก็ตรงมาที่บ้านขึ้นห้องที่ไม่มีร่องรอยที่มีคนมาอยู่ในห้องเลย นี่เท่ากับว่าน้องไม่ได้กลับมานอนบ้านแล้วสองคืนมือใหญ่กดโทรศัพท์โทรหาแต่ก็ไม่มีสัญญาณ น้องไปไหนของเขานะ

“ป้านิ่มน้องได้โทรมาบอกอะไรไหมครับ” หันไปถามป้านิ่มที่เดินตามขึ้นมา

“ไม่มีเลยค่ะ ป้าไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกันไหมแต่นี่เห็นเด็กในบ้านมันอ่านกันนะคะ” กวินมองนิตยสารในมืออวบของป้านิ่มมันจะไม่น่าสนใจถ้าหากเขาไม่เห็นรูปถ่ายเขาและยัยเพื่อนซี้นั่นกับพาดหัวข่าวที่ส่อว่าเขาเป็นอะไรกัน กวินได้แต่ใจหายวาบเมื่อคิดว่าน้องเห็น....... กวินรีบลงไปที่โรงรถขับรถออกไปยังบ้านหลังเล็ก เมื่อเห็นความมืดข้างในก็เปลี่ยนไปยังบ้านของชะเอม

“สวัสดีค่ะมาหาใครคะ”

“ผมมาหาน้องชะเอมครับ” กวินตอบแม่บ้านที่เดินมาที่รั้ว

“ไม่ทราบว่าจะให้เรียนว่าใครมาพบคะ”

“ผมกวินครับ” กวินนั่งรอในรถไม่นานประตูรั้วก็เปิดให้เขาเข้าไป ทันทีที่จอดรถเรียบร้อยเขาก็เดินตามแม่บ้านไปยังห้องรับแขก

“คุณเอมบอกว่าให้คุณรออยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ” กวินพยักหน้ารับแล้วนั่งรอที่โซฟาพยายามไม่สนใจสายตาแปลกๆ จากแม่บ้านก็เขาเล่นใส่เสื้อโค้ทยาวที่ใส่มาตั้งแต่สนามบินจนตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้ถอด นั่งรอไม่นานชะเอมก็เดินลงมา

“สวัสดีค่ะพี่กวิน” เขายกมือรับไหว้พร้อมกับมองสายตาแปลกๆ จากชะเอม

“กล้าล่ะเอม” เสียงทุ้มพูดอย่างร้อนรน

“เอมให้นอนพักอยู่บนห้องค่ะ” พอได้ยินคำตอบเขาก็รู้สึกหายใจได้ทั่วท้องอีกครั้ง สีหน้าที่ดูผ่อนคลายลงทำให้ชะเอมกล้าที่จะถาม

“ข่าวที่ลงหมายความว่ายังไงคะ แว่นน้อยเสียใจมากเลยนะ”

“พี่ไม่รู้ คนในรูปนั่นเพื่อนพี่เองแถมฝ่ายนั้นก็มีสามีแล้ว” กวินไม่คิดที่จะโทษที่น้องคิดมากที่น้องไม่เชื่อใจก็ไอ้พาดหัวข่าวมันทำให้คิดแถมด้วยนิสัยของน้องด้วย

“จริงๆ เอมก็บอกแว่นน้อยแล้วว่ามันไม่น่าจะมีอะไร แต่เหมือนจะคิดมากเลยไม่อยากให้กลับไปอยู่คนเดียว” เขารู้สึกขอบคุณชะเอมจริงๆ ที่คอยดูแลน้องคราวหน้าไม่ว่าที่ไหนเขาจะพาน้องไปด้วยแต่ก่อนหน้านั้นเขาต้องมีเรื่องให้เลขาเขาจัดการ

“พี่ขอบคุณมากนะ ขอพี่ขึ้นไปหากล้าได้ไหม” ชะเอมมองสภาพของคนตรงหน้าท่าทางอ่อนล้าและเหมือนไม่ได้นอนไหนจะชุดที่ดูแปลกสุดๆ นี่อีก เธอเลยเดินนำพาขึ้นไปยังห้องนอนแขกที่เธอให้กล้ามาพักอยู่ด้วย

“พี่พักที่นี่ก่อนก็ได้นะ พอกล้าตื่นก็เคลียร์กันให้รู้เรื่องนะคะ เอมต้องไปออกงานกับคุณพ่อคุณแม่”

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่พากล้ากลับบ้านขอบคุณอีกครั้งนะ” กวินเปิดห้องเข้าไป มองร่างเล็กที่นอนขดเป็นก้อนกลมบนเตียงด้วยความคิดถึงขยับเข้าไปอุ้มคนที่หลับสนิทขนาดที่เขาดึงผ้าห่มออกแล้วยังไม่ตื่นคงเป็นเพราะร่างบางเพลียเกินไป กวินอุ้มร่างบางที่เหมือนน้ำหนักจะเบาลงค่อยๆ วางน้องลงตรงเบาะแล้วถอดเสื้อโค้ทคลุมร่างบางที่คว้าไปกอด ล่ำลากับชะเอมสองสามคำเขาก็ขับรถพาน้องกลับบ้าน

กวินนั่งมองคนรักที่นอนหลับสนิทเขายังไม่กล้าที่จะหลับเลยได้แต่นั่งพิงหัวเตียงคว้ามือเรียวมากุมไว้เบาๆ คิดว้าถ้าคนตัวเล็กตื่นขึ้นมาเขาคงจะได้ปลอบยกใหญ่แน่ๆ น้ำตา มืออีกข้างที่ยังว่างกดโทรหาเลขาเพื่อสั่งงานบาง

“นนท์ฉันมีงานด่วนให้ทำ” แม้ตอนนี้จะนอกเวลางานแต่นนท์ก็ยอมรีบสายแม้น้ำเสียงจะเหวี่ยงๆ หน่อยก็เถอะ สั่งงานยาวเหยียดซะจนเจ้านนท์บ่นอุบแต่ก็รับคำสั่ง

“ให้เสร็จภายในสองวันนี้นะ แค่นี้ล่ะ” กวินกำชับย้ำอีกก่อนที่จะวางสายเมื่อร่างเล็กเริ่มขยับทำท่าว่าจะตื่น ขนตาแพยาวขยับไหว

“อือ..”

“ตื่นแล้วเหรอครับ” กล้ารู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงที่แสนคิดถึงตากลมกระพริบถี่เมื่อเห็นร่างสูงที่พิงหัวเตียงอย่างไม่เชื่อสายตาเขารีบผุดลุกขึ้นนั่งก้มลงมองมือที่ถูกกุมไว้ดวงตาคู่สวยเอ่อคลอด้วยน้ำใสก่อนที่มันจะไหลรินอาบแก้ม มือสั่นไหวยกขึ้นทาบแก้มคม

“อย่าร้องไห้สิครับคนดี” น้ำเสียงทุ้มและความอบอุ่นผ่านฝ่ามือที่ถูกกุมไว้และ มือใหญ่ที่เช็ดน้ำตาอยู่ข้างแก้ม

“ไม่ใช่ฝัน..อึก..พี่กวิน” ไม่ใช่ฝันที่เขาฝันอยู่ทุกคืนกล้าโผเข้าไปกอดคนที่เขาคิดถึงแน่น

“ไม่ร้องนะครับ พี่กลับมาแล้ว ชู่..ไม่ร้องครับไม่ร้อง” ยิ่งกวินปลอบคนตัวเล็กก็ยิ่งปล่อยโฮน้ำตาเปื้อนเป็นวงกว้าง กวินก้มหน้าจูบซับน้ำตาที่หางตากอดร่างบางอย่างทะนุถนอมจนน้องใจเย็นเหลือเพียงแรงสะอื้นน้อยๆ เท่านั้น

“ตาบวมหมดแล้วครับ พี่คงเป็นคนรักที่แย่มากเลยใช่ไหมครับ เราถึงได้ร้องไห้” มือหนาเช็ดคราบน้ำตาอย่างอ่อนโยนแต่คำพูดทำให้กล้าส่ายหน้าจนผมสะบัด

“อึก..ไม่ใช่..ไม่ใช่นะ”

“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ ทำไมไม่รับสายพี่ครับ” กวินถามเรื่องที่เขาเดาสาเหตุได้แต่ก็อยากได้ยินจากปากน้อง

“กล้ากลัว...กลัวว่าจะพูดเอาแต่ใจให้พี่ตามใจ อึก..แล้วก็เรื่อง...” กวินสังเกตว่าเวลาที่คนรักลนจะชอบแทนตัวเองด้วยชื่อ เริ่มแรกน้องก็อธิบายชัดถ้อยชัดคำแต่พอหลังๆ เสียงก็แผ่วลง แผ่วลงซึ่งเป็นเรื่องที่เขาเดาออก

“เรื่องรูปนั่นใช่ไหม ไม่ต้องคิดมากนะคนในรูปนั่นเพื่อนพี่เอง รอแปบนะ” กวินหยิบโทรศัพท์ ถึงแม้ว่าที่โน้นจะดึกแล้วก็ตามกดเฟสไทม์ ไม่นานเพื่อนเขาก็กดรับในสภาพหัวฟู ไอ้รูปที่ถูกถ่ายนั่นมันหลอกลวง

“ (ไอ้กวินนี่มันกี่โมงกี่ยามห๊า!) ” เสียงแว๊ดๆ ทำเอากล้าสะดุ้ง

“นี่ช่วยลืมตาก่อนได้ไหม แฟนฉันตกใจหมดแล้ว” เมื่อได้ยินว่ามีใครอยู่ด้วยก็เหมือนว่าเพื่อนเขาจะโยนโทรศัพท์ลงเตียงได้ยินแต่เพียงเสียงกุกกัก กล้าที่ซบอกเขาอยู่เงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาอย่างงงๆ

“ (อ๊ายยยย น้องกล้าสวัสดีค่ะ น่ารักจังเลยอ่ะ) ” และเพื่อนร่างสูงก็กลับมาใน......สภาพที่ดูดีเป็นผู้เป็นคนกว่าเมื่อกี้ สรุปหายไปแต่งหน้ามา

“ส...สวัสดีครับ” กล้าที่ถูกทักยกมือขึ้นไหว้

“นี่เพื่อนพี่เองครับ ชื่อวิ วินี่น้องกล้าแฟนฉัน” วิยะดาทำปากคว่ำมองบน อะไรกันกับความละมุนน้องกล้า. โอ๊ยยยเห็นแล้วอยากกลับไปหาสามี

“ (ย่ะ แล้วนี่คอลมาทำไมยะ รู้ไหมกี่โมงกี่ยาม) ” เธอหันไปโวยวายรู้ไหมว่านอนไม่พอผิวมันจะเสีย

“ก็ที่ฉันไปเจอเธอที่โน้นถูกถ่ายรูปมาลงหนังสือที่ไทยนะสิ น้องเลยเข้าใจผิด”

“ปะ...เปล่านะครับ..ไม่ใช่นะ”

ฟอด

“พี่รู้ครับว่าเราคิดมาก”

“ (โอ๊ยยยยย อย่ามาหวานให้ฉันอิจฉานะ อย่ากวินนี่นะแถมเงินสิบล้านพี่ก็ไม่เอาหรอกน้องกล้า คนบ้าอะไรเย็นชาจะตาย) ” วิยะดาเธอไม่ได้พูดเกินจริงเลยซักนิดหมอนี่ตั้งแต่คบกันมาไม่มีหรอกท่าทางอ่อนโยน

“พี่กวินใจดีออกครับ” กวินยิ้มกริ่มเมื่อน้องพูดแก้เขินๆ ดูท่าจะไม่คิดมากแล้วสินะ พูดคุยกันอีกสองสามคำไม่ใช่เขาหรอกที่คุยมีเพียงกล้ากับยัยวิแค่นั้นก่อนปิดยังมีหน้ามาด่าเขาอีก

“เข้าใจพี่แล้วนะครับ” กวินก้มหน้าลงถามคนที่พอรู้ตัวแล้วก้มหน้างุดมีเพียงปลายหูที่แดงก่ำพยักหน้าเบาๆ ว่าเข้าใจแล้วท่าทางทำอะไรไม่ถูกมุดอยู่ตรงอกทำให้เขาขำก่อนที่จะรัดอ้อมแขนให้แน่น

“เราเข้าใจกันแล้วนะ พี่ขอนะถ้ามีอะไรให้ถามพี่เพราะพี่พร้อมจะตอบคำถามเราเสมอขออย่างเดียวอย่าให้พี่ติดต่อไม่ได้อีก” แค่นั้นเขาก็จะขาดใจตายแล้ว

“ครับกล้าไม่ทำอีกแล้ว”

“มาให้พี่ทำโทษซะดีๆ”

“หวา” กวินล้มตัวลงนอนพร้อมคนในอ้อมแขนที่ร้องอย่างตกใจ

“ให้พี่นอนกอดอย่าหายไปไหนอีกนะ” มันเหมือนเป็นคำสั่งแต่ร่างบางกลับฟังเป็นคำอ้อนกล้ายกแขนกอดเอวสอบนแน่น

“ไม่ทำอีกแล้วครับไม่หายไปไหนอีกแล้ว” กล้ากระซิบบอกมีเพียงอ้อมแขนที่กอดกระชับกันแน่นขึ้น กล้าจะไม่ทิ้งอ้อมกอดนี้อีกแล้ว ไม่นานลมหายใจของคนตัวโตก็สม่ำเสมอบ่งบอกว่าหลับสนิทแล้ว กล้ามองคนที่หลับสนิทสังเกตเห็นร่องรอยความเหนื่อยล้ายังไม่ทันได้ถามเลยว่างานที่ว่าเสร็จรึยังยิ่งเห็นเสื้อผ้าที่กวินใส่อยู่กล้ายิ่งมันใจว่าคนตัวโตนั้นตามหาเขาแม้จะรู้สึกผิดแต่เขาก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจกล้าหลับตาลงในอ้อมแขนที่คิดถึงมานาน

.

.

ไม่รู้ว่าผ่านมากี่ชั่วโมงร่างเล็กตื่นขึ้นมาท้องฟ้าข้างนอกก็ทอประกายสีส้มแล้วคนที่กอดเขาไว้ยังหลับสนิท ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเมื่อเขาแกะมือออกแล้วเอาหมอนให้กอดแทน มองใบหน้าคมที่แฝงร่องรอยอ่อนล้าก่อนที่จะแอบทำอะไรที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรง

“นอนพักก่อนนะครับ” เสียงหวานกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูแล้วก้มลงจรดปลายจมูกลงแก้มตอบเบาๆ แค่นี้ก็ทำให้เขาใจเต้นหนักจนต้องหนีลงมาข้างล่าง

“ป้านิ่มครับ” เดินเข้าไปในครัวที่ป้านิ่มกำลังเตรียมทำกับข้าวเย็นอยู่

“คะคุณกล้า ดูสิผอมลงอีกแล้ว” เขาได้แต่ยิ้มบางเมื่อป้านิ่มเดินมาลูบตามเนื้อตัว

“ผมขอทำกับข้าวเย็นเองได้ไหมครับ” เพราะอยากทำอะไรไถ่โทษบ้างที่คิดเองจนทำให้พี่กวินกลับมา

“ได้สิคะ เดี๋ยวป้าไปรีดผ้านะคะ” กล้าขอบคุณเดินเข้าครัวแม้ฝีมือเขาจะไม่อร่อยเท่าป้านิ่มแต่มันก็ไม่แย่เท่าไหร่นัก สองมือสารวนกับการทำกับข้าวมื้อพิเศษด้วยความตั้งอกตั้งใจจนกับข้าวสี่ห้าอย่างเสร็จก็ล่วงเลยมาถึงสองทุ่มกล้าตั้งโต๊ะแล้วเดินขึ้นไปปลุกคนที่ยังหลับ

“พี่กวิน....พี่ตื่นมาทานข้าวก่อนครับ” แม้จะเข้าใจว่าคงไม่ได้นอนแต่ถ้าให้หลับไปทั้งๆ อย่างนี้ไม่ดีแน่ๆ เขย่าตัวไม่นานคนตัวโตก็งัวเงียลุกขึ้นมาคว้าเขาไปกอด

“ตื่นก่อนครับไปล้างหน้าล้างตานะครับ กล้าทำกับข้าวไว้แล้ว” ตกลงยังง่วงอยู่รึเปล่าทำไมถึงได้มือไม้ปลาหมึกอย่างนี้ไล่จับไม่ทันแล้วจนต้องเขย่าไหล่หนานั้นแรงๆ

“ครับ เดี๋ยวรอลงไปพร้อมกันนะ”

“ครับ ไปล้างหน้าให้สดชื่นก่อนนะครับ” ร่างสูงสะบัดหัวสองสามรอบก่อนที่จะลุกเดินเซๆ เข้าห้องน้ำ นั่นตื่นจริงๆ แล้วใช่ไหมผ้าขนหนูก็ไม่เอาเข้าไป เขาเลยยืนถือผ้าขนหนูรอ กวินเดินออกมาทั้งๆ ที่หน้าและผมยังเปียกจนกล้าได้แต่ส่ายหน้าเดินเอาผ้าไปซับน้ำออกให้

“ขอบคุณครับ” กวินว่าพร้อมกับยิ้มกว้าง แล้วพากันจูงมือกันลงไปทานข้าวและดูเหมือนว่าจะเจริญอาหารมากกว่าปกติเพราะเป็นฝีมือร่างเล็กและไม่ได้นั่งกินข้าวด้วยกันเลยหลังจากทานข้าวเสร็จกล้าพยายามไล่ให้กวินขึ้นไปอาบน้ำนอนก่อนเลยแต่อีกคนก็ดื้อขอช่วยล้างจานจนเขาได้แต่ยอมช่วยกันล้างจานจนเรียบร้อย พี่กวินก็จูงมือเขาขึ้นห้องพอถามก็ไม่ยอมปล่อย

“ไปอาบน้ำสิครับ”

“อือ..อาบด้วยกันนะ” หือ กล้าได้แต่คิดว่าเขาคงหูฝาดไป

“ว่าไงนะครับ”

“ก็พี่ง่วง.เพราะงั้นอาบน้ำด้วยกันนะ”

เดี๋ยวนะแบบนี้ใช้เป็นเหตุผลได้ด้วยเหรอครับ เพราะว่ามัวแต่ยืนงงเลยโดนจูงมือลากเข้าห้องน้ำโดยไม่ทันตั้งตัวมารู้ตัวอีกทีก็ตอนร่างสูงกำลังที่จะถอดเสื้อนี่ล่ะ

“เดี๋ยวกล้าอาบต่างหากดีกว่าครับ” เขารีบหันหลังหนีภาพแผ่นอกกว้างและกล้ามท้องที่เป็นลอนน่าอิจฉาทำไมถึงได้หุ่นดีแบบนี้นะ ได้ยินเสียงเปิดน้ำใส่อ่างพอจะหนีก็โดนมือใหญ่รั้งข้อมือไว้

“พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรมากกว่านี้....แค่อาบน้ำ...นะครับ” พอได้ยินคำอ้อนใจเขาก็อ่อนหยวบเผลอพยักหน้าตกลง เงยหน้าไปสบตาก็เห็นรอยยิ้มกว้างกับแววตาวาวระยับเจ้าเล่ห์ เขาไม่น่าตกหลุมพรางเลยให้ตายเถอะ! แม้จะหนีก็คงหนีไม่ได้แล้ว ฟองสบู่หนาเต็มอ่างคนตัวโตที่ถอดเสื้อผ้าก็ลงไปแช่เรียบร้อย

“หลับตาไปเลยนะพี่” เขาว่าอย่างเขินอายจะให้ถอดเสื้อผ้าให้ดูแค่อาบน้ำด้วยนี่ก็เกินไปแล้ว ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ก่อนที่ร่างสูงจะหลับตาลง เขารีบถอดเสื้อผ้าแล้วลงไปนั่งในอ่างยังดีที่ฟองสบู่นั้นหนาพอเลยไม่เห็นข้างล่างมีเพียงไหล่เปลือยเปล่าโผล่พ้นฟองสบู่สีขาว

“ขยับมานี่สิครับ” กล้าส่ายหน้าหวือ จะให้เข้าไปชิดทั้งๆ ที่ไม่ได้ใส่อะไรนี่เหรอแค่คิดหน้าเขาก็ร้อนฉ่าแล้ว ขยับเข้าไปชิดอีกมุมอ่างชันเข่าขึ้นมากอด

กวินมองไหล่ขาวที่โผล่พ้นฟองสบู่ ผิวเนียนที่น่าทำให้เป็นรอยแต่ก็รู้ดีที่อาบน้ำด้วยก็เกินพอแล้ว เขาแกล้งกวักน้ำแหวกฟองสบู่ที่เห็นผิวขาวๆ ได้น้ำวับๆ แวมๆ

“พี่กวิน!!” เสียงหวานเหวใส่เขาอย่างตกใจใบหน้าขาวทำท่าทีบึ้งตึงแต่เขามองว่ามันน่ารัก เลยแกล้งต่อก

ซ่า

“แค่กๆ” เต็มๆ ครับ ทั้งน้ำทั้งฟองสบู่เข้าเต็มๆ หน้า

“คิกๆ”

“หัวเราะพี่เหรอ” เขาเอาคืนโดยการโกยเอาฟองสบู่เต็มมือวางใส่หัวทุยจนมันดูน่าขัน เสียงหัวเราะเสียงหยอกเย้าดังลอดออกมาจากห้องน้ำ หากใจกันคาวามสุขก็ตามมาอาจจะเป็นเพราะความไม่เข้าใจและความคิดไปเองโดยไม่ได้พูดคุยแต่ก็เหมือนยิ่งทำให้พวกเขาปรับตัวเข้าหากัน

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อย่าพึ่งเทพี่กวินของน้องกล้าค่ะ พี่แกไม่นอกลู่นอกทางแน่ๆ

นางหื่นค่ะ แต่หื่นกับน้อง 55555555555

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะคะ 

ตอนหน้าพี่กวินเราสั่งให้จัดการอะไรไปบ้างนั้นเดี๋ยวจะได้รู้กันคะ

อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้ว ติดตามกันด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่19 20/5/2561
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 20-05-2018 23:16:08
ขอบคุณค่า  หวานละมุนละไม
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่19 20/5/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-05-2018 11:39:50
 :L2: :L1: :-[
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่20 21/5/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 22-05-2018 15:52:47


20

หลังจากที่ผ่านคืนหวานๆ อย่าพึ่งคิดลึกเพียงแค่อาบน้ำด้วยกันแค่นั้นเองครับกล้าก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นน้องกล้าพูดกล้าทำกล้าที่จะบอกความรู้สึกออกมาตรงๆ ส่วนเขาก็ปรับตัวบอกเล่าเรื่องราวส่วนตัวให้อีกคนรู้มากขึ้นเล่าว่าวันนี้ไปทำอะไรมาบ้าง

“บอสครับเรื่องที่สั่งผมจัดการให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องงานแถลงข่าวผมแจ้งทางสื่อเรียบร้อยแล้วครับ” กวินพยักหน้ารับเอาจริงๆ เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้เพราะทึกคนที่อยู่รอบตัวต่างรู้เรื่องเขาสองคนดีอยู่แล้ว แต่เพื่อป้องกันเรื่องแบบนี้อีกเขาเลยคิดว่าจะจัดแถลงข่าวซะเลยจะได้ไม่ยุ่งยากใจทีหลังทึกคนจะได้รู้ๆ ไปเลย

“อย่าหลุดปากบอกกล้าเชียวนะ” กวินกำชับขืนเจ้าตัวรู้มีหวังไม่ยอมออกงานกับเขาแน่ๆ หลังจากที่ข่าวนั้นออกพนักงานทุกคนต่างก็งงตกลงว่าใครกันแน่เป็นคนรักของท่านประธานเพราะคนเชยๆ นั้นก็ไม่ได้เห็นอีกส่วนผู้หญิงในรูปพวกเธอก็ไม่เคยเห็น กวินไม่สนใจสายตาสอดรู้สอดเห็นของพนักงานตราบใดที่มันไม่ทำให้งานเสียเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ขายาวก้าวขึ้นรถที่มาจอดรับเพื่อแวะไปรับคนรักแล้วกลับบ้านพร้อมกัน

“เหนื่อยไหมครับวันนี้” ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะถามอะไรคนที่พึ่งขึ้นรถก็ถามขึ้นมาซะก่อน

“ไม่เท่าไหร่ครับ แล้วกล้าล่ะ”

“กล้าไม่ได้ทำงานหนักเหมือนพี่นะ ไม่เหนื่อยหรอกเย็นนี้อยากกินอะไรไหมครับ”

“ไม่ล่ะพี่จะพาเราไปดินเนอร์” เนียนหอมแก้มป่องไปทีได้ฝ่ามือฟาดเบาๆ ที่ไหล่ แรงเท่ามดเขาจะรู้สึกเจ็บอะไร รถเข้าไปจอดที่ร้านอาหารที่เขาเคยพาน้องมาทานข้าวด้วยกันครั้งแรก พนักงานเดินนำไปที่โต๊ะมุมเดิมที่มากันครั้งก่อน กวินเลื่อนเก้าอี้ให้ร่างบางแล้วเดินไปนั่งตรงข้าม

“คิดถึงตอนแรกเลยนะครับ” กล้าเงยหน้าขึ้นมาพูดอายๆ ทำให้กวินยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงวันนี้ที่เขาพาตัวน้องมาดื้อๆ

“แต่ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้วนะครับ” ตอนนั้นเขาตีมึนพาน้องมากินข้าวเพราะยังไม่ได้เป็นอะไรกันแต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว

“จะเอาอะไรเพิ่มอีกไหมครับ” กล้าส่ายหน้าเพราะเท่าที่คนตัวโตสั่งมาก็เต็มโต๊ะแล้ว ดินเนอร์ที่แสนหวานผ่านพ้นไปทั้งสองคนที่นั่งกุมมือเงียบๆ บนรถ

“พรุ่งนี้พี่จะให้คนไปรับพากล้าไปซื้อของนะ”

“ซื้ออะไรอีกล่ะครับ” กล้าพูดเสียงอ่อย ซื้อของอีกแล้วเหรอเสื้อผ้าเขาตอนนี้มีแต่ชุดใหม่ที่กวินซื้อให้หมดทั้งตู้

“ความลับครับ” กวินยกยิ้มเจ้าเล่ห์ พอคนตัวเล็กอยากรู้เขาก็ยิ่งปิดปากเงียบแถมยังดูสนุกกับการที่น้องเข้ามาเขย่าแขนเข้ามาอ้อนซะจริง ฝ่ายคนตัวเล็กเมื่อเห็นว่าคนขี้แกล้งไม่พูดอะไรแล้วก็ไม่เซ้าซี้พรุ่งนี้เขาคงจะได้รู้เอง

.

.

กล้าที่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าคนที่ตะกองกอดเขาไว้ก็ไม่อยู่แล้วร่างบางได้แต่ขมวดคิ้วน้อยๆ แล้วถอนหายใจคิดกับตัวเองว่าเขาจะติดกลิ่นกายอุ่นๆ นั่นเกินไปแล้วรีบสะบัดความรู้สึกหงอยเดินเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัวเพื่อไปทำงานลงมาข้างล่างก็รู้ว่ากวินออกไปทำงานแล้วใบหน้าหวานงอง้ำเมื่อคนตัวโตไม่ยอมบอกอะไรกับเขาเลยซักคำ ขึ้นรถทีแรกนึกว่าจะได้เข้าไปทำงานแต่คนขับรถกลับพาเขามาจอดที่หน้าร้านสูทหรู พอไม่ลงพี่คนขับก็อ้างว่าเป็นคำสั่งของกวินจนกล้าได้แต่เดินตามเข้าไปในร้านที่พอเห็นเขาก็รีบเข้ามาต้อนรับเสียจนทำตัวไม่ถูก

ร่างบางถูกจับตัวหมุนซ้ายหมุนขวาลองชุดสูทหลายชุดก่อนที่ทุกคนจะลงความเห็นว่ร่างบางนั้นเหมาะกับสีขาวเมื่อได้สูทร่างบางก็ถูกพาไปด้านบนเพื่อปรับรูปลักษณ์ระหว่างที่รอสูทที่แก้ให้พอดีตัว ทั้งโดนจับเข้าสปา เสร็จจากสปาก็ไปตัดผมแถมยังโดนถอดแว่นตาเปลี่ยนมาใส่คอนแทคเลนส์ที่ทำให้เผยดวงตากลมโตใสยิ่งขับให้ใบหน้าหวานดูน่าเอ็นดู ยังไม่พอเขายังโดนพาไปแต่งหน้าทำผมอีกแล้วค่อยไปใส่ชุดสูทที่แก้เสร็จพอดี เขาหัวหมุนไปหมดแล้วร่างบางที่ตอนนี้อยู่บนรถหลับตาพักด้วยท่าทางอ่อนล้าไม่รู้เลยว่ารถได้เคลื่อนมาจอดภายในโซนวีไอพีของโรงแรมหรูในเครือบริษัทของกวิน

กึก

“ถึงแล้วครับคุณกล้า” เสียงคนขับรถบอกแว่วๆ กล้าแทบจะหลับก็ต้องรีบลงมาเพราะมีคนเปิดประตูให้พอเห็นว่าใครเป็นคนเปิดประตูกล้าก็เบิกตากว้าง

“พี่เชษฐ์!!” กล้าร้องด้วยความดีใจรีบลงจากรถเข้าไปหา

“หือ นี่ใครกันพี่จำแทบไม่ได้” เชษฐ์พูดตามความจริงน้องดูน่ารักซะจนเดาได้เลยว่าบอสจะต้องหัวเสียแน่ๆ

“นี่น้องไงครับ เจ้านายพี่เล่นอะไรกันนะครับ” เสียงหวานว่าสะบัดเสียงงอนๆ

“หึๆ มาสิเดี๋ยวก็รู้” เชษฐ์เดินนำกล้าขึ้นลิฟท์พาไปยังห้องรับรองสุดหรู “เข้าไปในห้องสิครับแล้วถามเอาเองนะว่าบอสพี่กำลังทำอะไรอยู่” เชษฐ์กระซิบอย่างขี้เล่นแล้วเผ่นแนบไปดูความเรียบร้อยที่ห้องแถลงข่าว กล้าสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเปิดประตูเข้าไปเห็นร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

“มาแล้วเหรอ..............” กวินที่หันมาพอเห็นร่างคนรักในชุดสูทสีขาวยืนตรงประตูคำพูดที่จะพูดก็หายไป ให้ตายเหอะนี่เขาคิดถูกหรือคิดผิดกัน ที่ให้คนจับน้องแต่งตัวกวินได้แต่หัวเสีย กล้ามองภาพกวินที่ยืนไม่พอใจอย่างใจแป้ว เขาดูไม่ดีเหรอร่างบางทำใจกล้าขยับเดินเข้าไปชิดยกมือขึ้นโอบเอวคนที่กำลังหัวเสียเงยหน้าถามอย่างไม่มั่นใจ

“กล้าดูไม่ดีเหรอครับ” กวินก้มหน้ามองแล้วถอนหายใจยาวยิ่งทำให้ใบหน้าหวานซีดลงก่อนที่จะพูดระบายออกมา

“ไม่ใช่เลยครับ เพราะกล้าดูดี ดูน่ารักจนเกินไป น่าทะนุถนอมจนพี่ไม่อยากให้กล้าออกไปเจอใคร กล้าน่ารักมากซะจนพี่อยากจับขังไว้ในห้องนอนไม่ให้ออกไปไหน” ยิ่งได้ดวงตากลมยิ่งเบิกกว้างใบหน้าขาวเหมือนโดนไปอังไฟจนร้อนฉ่า

“งือเลิกพูดเลยนะครับ”

“ยิ่งแก้มแดงแบบนี้พี่ยิ่งไม่อยากให้เราออกไปเจอใคร”

“ไม่ไหวแล้ว อือ” กล้ารีบยกมือมาปิดหูส่งเสียงหวานสั่นเครือ น่าอาย น่าอายที่สุด

ท่าทางน่ารักที่กวินอยากจับน้องโยนลงเตียงแล้วฟัดให้สมกับความน่ารักของน้องแต่ก็ไม่ได้ทำเพราะเลขาเขาเปิดประตูเข้ามาเรียกเสียก่อน

“ได้เวลาแล้วครับบอส” กวินพยักหน้าก่อนที่จะกุมมือเล็กจูงมือกันไปที่ห้องแถลงข่าวทันทีที่ร่างสูงปรากฎตัวแสงแฟรชก็สาดรัวจนร่างบางได้แต่ขยับเข้าไปหลบหลังแผ่นหลังกว้างอย่างตกใจ เชษฐ์รีบเข้าไปคุมสถานการณ์ กวินหันมากระซิบปลอบอย่างอ่อนโยนท่าทางเป็นห่วงและอ่อนหวานทำให้นักข่าวมองกันอย่างไม่เชื่อสายตา แทบจะยกกล้องเก็บภาพแทบไม่หวาดไม่ไหว กวินประคองคนที่ตื่นกล้องขึ้นบนเวทีเล็กนั่งลงบนโซฟาเขานั่งลงข้างๆ มือใหญ่บีบกระชับเบาๆ กล้าที่ตกใจเริ่มคุมสติตัวเองได้ขยับเข้าไปอิงแอบอย่างหาที่พึ่ง ก่อนที่งานแถลงข่าวจะเริ่มขึ้นจริงๆ

กล้าแทบจำไม่ได้ว่าตอบคำถามอะไรไปบ้างตั้งแต่ต้นจนจบงาน ได้แต่บีบมือที่จับเขาไว้แน่นตอบคำถามอย่างงงๆ โดยมีร่างสูงคอยช่วยเสมอ เขาจำไม่ได้ว่าเดินกลับมาห้องพักได้ยังไง

“ไหวรึเปล่าครับ” ผ้าเย็นๆ แตะลงที่แก้มพร้อมเสียงทุ้มแฝงความห่วงใยอย่างไม่ปิดบัง กล้าส่ายหน้าบอกว่าไม่ไหวหลับตาพริ้มเอียงหน้าให้มือใหญ่ใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้ ทั้งๆ ที่มือใหญ่ท่าทางจะแข็งกระด้างแต่แรงที่ซับตามหน้านั้นกับดูอ่อนโยน ประคองเช็ดหน้าราวกับของล้ำค่า

“ขอบคุณนะครับ” กล้ายกยิ้มกว้างเอียงแก้มซบมือใหญ่

“คืนนี้ก็พักที่นี่ก่อนล่ะกันนะเดี๋ยวพี่ให้คนเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน” เพราะเห็นท่าทางเหนื่อยอ่อนของคนรักแล้วเขาก็ไม่อยากให้เดินทางจนเหนื่อยอีก เดินเข้าไปเปิดน้ำไว้แล้วอุ้มคนรักเข้าห้องน้ำปล่อยให้น้องทำธุระส่วนเขาก็เดินออกไปสั่งให้คนไปซื้อเสื้อผ้ามาให้เขาและกล้าอย่างละสองชุด รอไม่นานลูกน้องก็เอาเสื้อผ้ามาส่งให้พอดีกับน้องที่ใส่ชุดคลุมออกมายืนนิ่งอยู่หน้าประตูไม่ยอมเดินต่อ

“นี่ครับเสื้อเป็นอะไรรึเปล่า”

“เปล่าครับพอดีกล้ามองไม่ชัด” น้องพูดพร้อมกับหัวเราะเขาก็ลืมไปว่าน้องคงถอดคอนแทคเลนส์ออกแล้ว กวินส่งชุดนอนให้ร่างเล็กแล้วเดินไปหยิบแว่นตาที่เขาเก็บไว้มาใส่ให้ แบบนี้สิถึงจะเป็นน้องกล้าของเขา ร่างสูงหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป พอเดินออกมาก็เห็นก้อนกลมอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้วดูท่าน้องคงจะล้าจริงๆ เขาค่อยล้มตัวลงนอนข้างๆ ขยับเข้าไปตะกองกอดก้อนกลมแล้วหลับไปด้วยกัน

เปิดตัวคนรักหนุ่ม ของนักธุรกิจหนุ่มที่สาวๆ หมายปอง

ถือเป็นข่าวน่าตกใจและเรื่องน่ายินดี แต่สาวๆ หลายคนคงต้องเช็ดน้ำตา ไม่อยากเชื่อว่า หนุ่มฮอตที่สาวๆ โหวต ผู้ที่มีทั้งทรัพย์สินมหาศาลและธุรกิจมากมายแถมยังรูปร่างหน้าตาที่เป็นหนึ่ง เมื่อเย็นนี้ทางสำนักพิมพ์ได้รับจดหมายเชิญจากท่านประธานหนุ่มสุดหล่อหลังจากที่ข่าวครึกโครมเกี่ยวกับสาวปริศนาที่ลอนดอน ใจความจดหมายเชิญคือเรื่องเปิดตัวคนรัก ทุกคนต่างคาดการไปต่างๆ นาๆ ว่าจะเป็นสาวปริศนาคนนั้นหรือเปล่า

และช่วงเวลาที่เรารอคอยก็มาถึงประธานหนุ่มสุดหล่อเดินจูงมือกับคนที่พวกเราต่างไม่คาดคิด หนุ่มน้อยน่ารักท่าทางตื่นๆ ทำให้เราอดเอ็นดูไม่ได้ อยากรู้ว่าน่ารักแค่ไหนดูภาพประกอบเลยค่ะ ท่าทางที่ท่านประธานมาดดุที่คอยกระซิบ คอยกุมมือทำให้ดิฉันอยากจะกรี๊ดด้วยความอิจฉา ทำไมดูละมุมดูอบอุ่นหัวใจอย่างนี้ล่ะคะ ขอบอกเลยนะคะถ้าหากจะมีแฟนคลับขึ้นมาดิฉันจะขอเข้าร่วมเป็นคนแรกเลยค่ะ ไม่เชื่อดูภาพประกอบสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ทางเราถ่ายมาทุกซ็อตทุกความฟินเลยค่ะ

และก็มาถึงการแถลงข่าวที่ทำให้สาวอย่างดิฉันแทบละลายลงไปกองกับพื้นกับความหวานละมุนและความจริงใจของคุณกวิน

“ที่ผมจัดงานแถลงข่าวครั้งนี้เพราะอยากชี้แจงเรื่องภาพข่าวที่ไม่มีมูลความจริง” คุณกวินเว้นวรรคแต่สายตาคมทำเอาเหล่านักข่าวต่างสะดุ้งกันเป็นแถบๆ “และผมอยากเปิดตัวคนรักของผม กล้า เพราะฉะนั้นภาพที่ลงจึงไม่ใช่แฟนผมแต่อย่างใด” คำว่าคนรักที่ทำให้สาวๆ ทุกคนในห้องถึงกับเพ้อ “ผู้หญิงในรูปเป็นเพียงเพื่อนสนิทสมัยเรียนไฮสคูล เพราะไม่อยากให้คนรักของผมเข้าใจผิด...ผมเลยออกมาชี้แจงให้ทุกคนเข้าใจว่า...ผมเลือกคนที่ผมจะใช้ชีวิตคู่ด้วยตลอดไปและจะเป็นคนๆ เดียวที่ผมรัก” ถ้อยคำที่คุณกวินพูดออกมานั้นเต็มไปด้วยความจริงจังและสายตาที่สบประสานทำให้ดิฉันเชื่ออย่างสุดหัวใจเลยว่าทั้งสองคนรักกันจริงๆ หลังจากนั้นก็เปิดโอกาสให้บรรดาสื่อตั้งคำถาม ยังดีที่ปีการจัดการอย่างเป็นระเบียบคำถามทุกคนถูกตอบอย่างเท่าเทียม ซึ่งดิฉันได้ไล่เรียงให้ทุกคนได้รับรู้ถึงความรักของคู่รักแห่งปี

เจอกันได้อย่างไร

กวิน : เจอกันในตรอกครับ น้องเป็นคนมาช่วยผมไว้...ตอนนั้นผมโดนลอบทำร้ายครับ ทั้งๆ ที่กลัวแต่น้องก็มาช่วยแถมยังไม่รู้ว่าผมเป็นใครด้วยใช่ไหมครับ

กล้า (พยักหน้ารับรัวๆ)

แล้วทำไมถึงได้เข้าไปช่วยล่ะครับทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกัน

น้องกล้า (ขอเรียกตามคุณกวินเลยก็แล้วกันนะคะ) ทำท่านึกนิดหนึ่งก่อนที่จะยกยิ้มบาง

กล้า : อือ...เพราะกลัวครับ กลัวว่าถ้าไมช่วยผมจะเสียใจภายหลังที่ไม่ได้ทำอะไร”

ไม่รู้จักคุณกวินจริงๆ เหรอครับ

กล้า : (ส่ายหน้า) ไม่รู้จักเลยครับ ตอนนี้ก็ยังไม่รู้จักคุณกวินของพวกพี่ๆ ผมรู้จักเพียง...พี่กวินคนที่นั่งข้างๆ ผม

(คำตอบนี้ของน้องกล้าทำเอาทุกคนอมยิ้ม แต่คนที่หนักสุดคงเป็นคุณกวินที่ยกมือขึ้นปิดปากท่าทางเขินอาย)

แล้วจีบน้องยังไงคะคุณกวิน

กวิน : อ่า พูดแล้วมันก็จะน่าอายหน่อยนะครับ ผมให้เชษฐ์คอยไปส่งขนมจนเกือบสองเดือน (น้องกล้าทำตาโตเหมือนไม่รู้มาก่อน) จนคิดว่าทนไม่ไหวเลยเข้าไปยืมหนังสือกับน้องทุกวันศุกร์

ไม่น่าเชื่อเลยนะคะที่คุณกวินจะทำอะไรอ้อมค้อมแบบนี้ แล้วได้คุยกันจริงๆ จังๆ ตอนไหนคะ

กวิน : หลังจากที่ไปยืมหนังสือประมาณสองเดือนกว่าครับผมตีมึนพาน้องไปทานข้าวแล้วก็เริ่มสนิทกัน

หลังจากนั้นดิฉันก็เก็บโมเม้นท์น่ารักๆ ของทั้งคู่มาให้ชมค่ะ ดิฉันขออวยพรให้ทั้งคู่มีแต่ความสุขรักกันหวานชื่นนะคะ ยืนยันนอนยันว่าคู่นี้เรียลค่ะ

รูปภาพดูต่อหน้าต่อไป

และใครจะไปรู้ว่านิตยสารคอลัมน์พิเศษนี้จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของคู่รักชายรักชายที่มีหน้ามีตาในแวดวงสังคมธุรกิจ

“แว่นน้อยดังแล้ว” ชะเอมแซวเมื่อหลายคนที่มายืมหนังสือชะโงกหน้ามาดูทำเหมือนเพื่อนเธอเป็นแพนด้าในสวนสัตว์อย่างไงอย่างนั้นยังดีที่พี่กวินให้คนมาดูแลที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ถัดไปเลือกคนได้ถูกจริงๆ เลยนะ เพียงแค่มาดนิ่งๆ หน้าโหดกับชุดสูทสีดำก็ไม่มีใครมาวอแวแล้ว

“ไม่ได้อยากดังซักหน่อย” ถ้าไม่ใช่ที่พี่กวินไม่ยอมบอกเขาว่าจะจัดงานแถลงข่าว

“ดีใจล่ะสิ พี่กวินนี่เล่นใหญ่มากกกกกกกกก” ชะเอมลากเสียงยาวทำเอากล้าขำกับท่าทางของชะเอมที่เล่นใหญ่พอๆ กัน

“ก็ดีใจนะ” รอยยิ้มเขินอายเรียกความเอ็นดูจากทั้งคนที่มาเฝ้าและเพื่อนสนิท ชะเอมเดินไปนั่งกระแซะก่อนที่จะถามสิ่งที่เธอเองก็เขินอาย

“กล้า..เคยทำ...กับพี่กวินยัง” หลังจากที่เพื่อนสนิทเธอเปิดโลกใหม่ให้ เธอก็ตกลงไปในหลุมที่ไม่มีทางออกจนเข้าร่วมลัทธิสาววายไปเรียบร้อย กล้าที่เข้าใจความหมายของชะเอมที่ต้องการจะสื่อถึงกับหน้าแดงก่ำ

“พ..พูดอะไรออกมานะ”

“ท่าทางจะยัง แล้วพี่กวินทนได้ไง แว่นน้อยออกจะน่ารัก” ชะเอมบีบแก้มป่องด้วยความมั่นเขี้ยว กล้าคิดไปถึงทุกคืนที่นอนด้วยกันมีบางครั้งที่คนตัวโตลุกหายไปในห้องน้ำนานหลายนาที แม้เขาจะหมกตัวอยู่แต่กลับหนังสือแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่เข้าใจเรื่องธรรมชาติของผู้ชายหรอกนะ แต่พอจะให้ทำอะไรแบบนั้น......เขาก็อายเพียงแค่คิดเขายังอายม้วนอยากหนีกลับไปมุดตัวอยู่ในผ้าห่ม

“แล้วเคยจูบกันยัง” ชะเอมถามอย่างอยากรู้อยากเห็นเธอจะเอาไปแชร์กับคนในกลุ่มรับลองคนตายเกลี้ยงกลุ่มแน่ๆ ท่าทางแก้มแดงก่ำเป็นหลักฐานอย่างดีทำเอาเธอกรี๊ดในใจกำลังที่จะถามต่อเธอก็โดนขัดซะก่อน

“จะอยากรู้เรื่องแบบนี้ไปทำไมครับ” เขารู้สึกสงสารเจ้านายตัวเล็กที่เขินซะจนแทบจะมุดลงไปใต้โต๊ะแล้ว

“แล้วนายจะมายุ่งอะไรด้วยล่ะคะ”

“ก็เรื่องแบบนี้ยังไงล่ะครับ”

“แล้วฉันถามเพื่อนมันจะผิดอะไรนายอย่ามายุ่ง” กล้าไม่ได้สนใจสองคนที่สาดน้ำลายใส่กันในหัวเขาคิดถึงคนรัก ถ้าหากว่า.... ถ้าหากว่าพี่กวินขอแล้วเขาจะตอบรับหรือปฏิเสธ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สามวันนี้รู้สึกจะคึกหนัก ป่ันลงทุกวัน

หลังจากนี้อาจจะลงวันศุกร์เลยนะคะ เรื่องนี้คงจะปิดให้จบภายในสิ้นเดือนนี้

ฮืออเศร้าใจ ยังไงอ่านแล้วเป็นอย่างไรบอกเราด้วยนะคะ

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์น่ารักๆนะคะ

หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่21 ตอนจบ 2/6/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Letter123 ที่ 02-06-2018 19:18:09
21

“เป็นอะไรครับ” กวินรู้สึกแปลกๆ เมื่อคนรักนั่งคิดมากอยู่บนเตียงแถมตั้งแต่กลับมาคนตัวเล็กก็เหมือนมีอาการหลบหน้าหลบตาเขา พอขยับขึ้นไปนั่งข้างๆ บนเตียงเจ้าตัวก็สะดุ้งก้มหน้าก้มตามือขาวบีบกันแน่นจนเขากลัวว่ามันจะเจ็บเลยเอื้อมมือไปจับมือขาว

“ไหนเป็นอะไรบอกพี่หน่อยครับ” ร่างบางส่ายหน้ารัวทั้งๆ ที่ก้มหน้า

“เปล่าครับ” กวินมองคนโกหกถึงแม้แก้มขาวปรากฏริ้วแดงจนเขายิ่งอยากรู้ว่าน้องคิดอะไรอยู่

“บอกมาเร็วครับไม่งั้นพี่ไม่ปล่อยนะ” กวินเปลี่ยนจากที่กุมมือคว้าเอาตัวบางกอดรัดเบาๆ

“งือ...ไม่เอาปล่อยนะครับ”

“บอกพี่ก่อนเร็วครับ” แกล้งรัดเอวบางแรงจนคนตัวเล็กทนไม่ไหวยกมือขึ้นหยิกมือเขา

“บอกแล้วครับบอกแล้ว” เมื่อเห็นว่าเขาเอาคืนกล้าก็ยอมที่จะบอกดีๆ ปล่อยให้น้องหายใจหายคอซักพักถ้าน้องบอกว่าจะบอกคนตัวเล็กไม่เคยหลอกเขากอดเอวหลวมๆ ไว้เอนหลังพิงหัวเตียงให้คนตัวเล็กพิงอกนิ่ง

“วันนี้ชะเอมถามกล้า.....เรื่อง..เอ่อ..เรื่องนั้น” เหมือนมีเครื่องหมายคำถามขึ้นในหัวเรื่องอะไรกัน เมื่อเห็นว่าเขายังไม่เข้าใจกล้าก็เงยหน้าตาโตหลุกหลิกฟันคมกัดเรียวปากบางท่าทางน่ารักน่ารังแกจนเขาต้องอดใจไว้

“เรื่องไหนครับ”

“อ่า....เรื่อง..เรื่อง..เรื่องบน..เตียงครับ” เมื่อเห็นว่าเขาไม่เข้าใจร่างเล็กก็กลั้นใจบอกทั้งๆ ที่หน้าแดงก่ำพูดจบก็ซุกหน้าลงกับอกเขาคำตอบที่ได้รู้ทำเอากวินหัวเราะลั่น ไม่รู้เลยว่าสองคนนี้จะคุยกันเรื่องนี้เดาว่าน้องเอมคงเป็นคนถามแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าถามกันอีท่าไหนน้องถึงได้อายตกค้างไม่กล้าสบตาเขาแบบนี้

“หึๆ คนดีของพี่ เรื่องแบบนี้พี่ไม่ใช่ไม่คิดเพราะเราก็รู้ตัวดีใช่ไหมครับ” กวินรู้ดีว่าที่เขาลุกขึ้นกลางดึกน้องก็รู้ ใครจะทนได้ล่ะกลิ่นตัวหอมๆ เนื้อตัวนุ่มนิ่มที่ขยับเข้ามาซุกเขาอีกทำให้บางคืนที่สะกดกั้นอารมณ์ไม่ไหว แต่เขาก็ไม่คิดที่จะทำอะไรคนรักหรอกนะแค่จูบลึกซึ้งคนตัวเล็กก็สั่นจนเขาอยากค่อยเป็นค่อยไป

“อือ” กล้าครางรับเสียงเบาๆ เพราะรู้ดีถึงได้บอกออกไป

“พี่รอให้เราพร้อม ไม่อยากเอาเรื่องนี้มาเป็นแรงกดดันในความรักของเรา เอาเป็นว่าตัวเล็กไม่ต้องเครียดเรื่องนี้ โอเคไหม” ก้มลงไปถามร่างเล็กที่ยังซบอยู่ตรงอก ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมองดวงตากลมทอประกายซึ้งกับรอยยิ้มกว้างที่ทำให้กวินอดใจไม่ไหวกดริมฝีปากแนบหน้าผากเนียนสูดกลิ่นหอมหวานเป็นเอกลักษณ์ของร่างบางพร้อมกับสะกดกั้นอารมณ์ที่เริ่มประทุ

“นอนกันเถอะพรุ่งนี้ไปทำงานกับพี่นะ” กวินพูดชวน

“จะดีเหรอครับ”

“ดีสิพี่อยากอยู่กับเรา” ใจจริงกวินอยากให้น้องเลิกทำงานแล้วอยู่กับเขาตลอดเวลาแต่เขาก็ไม่อยากเห็นแก่ตัวบังคับน้อง

“ไม่เอาครับ พรุ่งนี้หนังสือใหม่เข้า”

“นี่พี่แพ้หนังสือใช่ไหม ฮ่าๆ ๆ” กวินเอนตัวนอนพร้อมกับตวัดผ้าห่มคลุมทั้งตัวเองและคนที่พิงอกเขาอยู่ นี่ไงครับสิ่งที่เขาต้องอดทนทุกคืน

“เพิ่งรู้เหรอครับ คิกๆ ฝันดีนะครับ” เสียงหวานพูดเบาลงเรื่อยๆ ท่าทางจะง่วงหนัก

“หึๆ ฝันดีครับ” เมื่อร่างเล็กขยับหาที่สบายก็หลับไป ปล่อยให้กวินสวดมนต์หลายจบแล้วหลับไป

.

.

กล้ามองเพื่อนสนิทกับพี่ที่ทำสงครามน้ำลายเหมือนทุกวันจนเขาขี้เกียจจะห้ามปรามปล่อยให้ทะเลาะกันแบบนี้ แต่ดูๆ ไปก็สนุกดีกล้าเลยไม่ห้ามอะไรแม้ว่าชะเอมจะหันมาแซวเรื่องนั้นอีกกล้าก็ไม่ได้รู้สึกอายอะไรเพราะความมั่นใจและวางใจจากกวินทำให้เขาเพียงยิ้มตอบ บางครั้งเรื่องของความรักก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องแบบนี้ซะหน่อย ไว้ถึงเวลา..เขาก็คงจะยินยอมพร้อมใจ

“กลับล่ะนะเอม” กล้าโบกมือลาชะเอมที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ เขาเลิกงานเร็วเลยคิดว่าจะกลับไปทำกับข้าวอร่อยๆ ให้กับพี่กวินขอบคุณที่คอยดูแลและเป็นห่วงเสมอ บอกพี่ธันพาแวะตลาดเพื่อซื้อของเพิ่มแล้วตรงกลับบ้าน พี่กวินเสนอให้ชะเอมจ้างงานนักศึกษามาทำกะดึกเพื่อที่จะให้เขาเลิกงานเร็วและชะเอมก็ดันเห็นด้วย เอาเถอะก็ยังถือว่าดีที่พี่กวินไม่ได้ห้ามให้ทำงานเสียเลย

“ขอบคุณนะครับพี่ธัน” แม้จะโดนห้ามแต่กล้าก็ยังทำเหมือนเดิม

“ครับพรุ่งนี้ผมจะมารับเหมือนเดิมนะครับ” เขาได้แต่พยักหน้ารับก่อนที่จะหิ้วของเดินเข้าบ้านตรงไปที่ครัวใหญ่ เพราะมาอยู่ที่นี่ทำให้กล้าพัฒนาฝีมือการทำอาหารได้หลากหลายมากขึ้นถมยังสามารถทำขนมได้อีก

“ป้าครับเดี๋ยวผมทำอาหารเย็นวันนี้เองนะครับ” กล้าตรงเข้าไปกอดเอวร่างท้วมทีกำลังเก็บของเข้าตู้เย็น

“แหม จะทำให้คุณกวินทานอีกล่ะสิคะ” ป้าหันมาแซวยิ้มๆ ก่อนที่จะปล่อยห้องครัวให้ผมและยังห้ามให้ผมทำความสะอาดอีก ง่าก็เขาไม่อยากทิ้งงานให้ป้าทำนี่น่า

ร่างขาวหมุนซ้ายหมุนขวาเดินทั่วครัวเพื่อทำอาหารให้คนพิเศษในคืนนี้แถมยังมีของหวานที่เขาเพิ่งรู้ไม่นานมานี้ว่าคนตัวโตชอบ ชอบกินของหวานและขนมหวานเพียงแต่ไม่ค่อยได้ทานเพราะจะให้คนตัวโตใส่สูทเดินหน้าเข้มเข้าร้านขนมหวานก็คงรู้สึกเขินอายเหมือนกัน เพราะงั้นพอรู้ร่างบางเลยหาโอกาสว่างทำทั้งขนมไทยและขนมเทศให้แถมยังเผือแผ่ให้คนรอบข้าง เล่าเอาทุกคนบ่นว่าต้องเข้าฟิตเนสเพราะน้ำหนักขึ้น

ฟอด

“หอมจังครับ” เพราะมัวแต่ก้มละลายน้ำตาลในน้ำกะทิเลยไม่รู้ว่ามีใครมาด้านหลังจนแรงกอดรัดที่เอวพร้อมกับแก้มที่โดนขโมยหอมไป

“ยังไม่เสร็จเลยครับ ขึ้นไปอาบน้ำก่อนไหม” กล้าหันหน้าไปถามเขาเคยชินแล้วกับการที่จู่ๆ ถูกกอดถูกหอมตั้งแต่ย้ายมาอยู่ด้วยกันได้รับรู้เลยว่าคนตัวโตนั้นชอบสัมผัสอยู่ใกล้กันต้องคว้าเขาไปกอด

“งั้นเดี๋ยวพี่ลงมานะครับ” ฟอด ยังไม่วายที่จะหอมแก้มเขาอีกครั้ง กล้าได้แต่ส่ายหัวให้กับความตอดเล็กตอดน้อยของร่างสูง หันมาทำของหวานให้เสร็จเขาก็ตั้งโต๊ะพอดีกับร่างสูงเดินลงมา ระหว่างทานข้าวร่างเล็กคอยตักกับข้าวให้กันและกัน ผลัดกันเล่าเรื่องในวันนี้ให้อีกฝ่ายฟังแม้เป็นการการทำง่ายๆ แต่มันคือการสร้างความสัมพันธ์

จนถึงเวลานอนเวลาที่ร่างเล็กรู้สึกเขินอายเพราะยิ่งเห็นเขาเคยชินร่างสูงก็หันมาใส่เพียงกางเกงนอนขายาวเพียงตัวเดียวอวดกล้ามเนื้อสวยที่เมื่อร่างเล็กตื่นขึ้นมาตอนเช้าต้องหน้าแดงทุกครั้งเมื่อได้เห็นใกล้ชิด กล้าเช็ดผมจนแห้งพาดผ้าเช็ดตัวเรียบร้อยก็ขยับขึ้นบนเตียงล้มตัวลงนอนข้างๆ คนตัวโตที่คว้าเขาไปกอดทันที ตอนนี้เขาไม่ได้นอนม้วนตัวในผ้าห่มแล้วเพราะมีความอบอุ่นที่โอบกอดเขาไว้ทุกๆ คืน ร่างขาวขยับขึ้นซบบนอกกว้าง

“หือ อ้อนอะไรพี่ครับ” กวินถามอย่างแปลกใจปกติแล้วไม่มีทางซะล่ะที่คนขี้อายอย่างกล้าจะทำอะไรแบบนี้

“ไม่ได้เหรอครับ” ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่การที่น้องนอนเกยอกเขาอยู่อย่างนี้มันไม่ปลอดภัยกับน้องเลยซักนิด

“ได้สิ มีอะไรหรือเปล่า” กวินสบตากลมทีจ้องตอบในแววตามีเพียงความมั่นใจที่สื่ออกมาแต่ก่อนที่เขาจะได้ถามอะไรคนที่นอนอยู่บนอกก็ขยับตัว กดจูบที่ปลายคางแล้วยิ้มหวาน

ท่าทางแบบนี้หมายความว่ายังไง

หึย

จะไม่ทนแล้ว

กวินโอบกอดฉกชิมรสหวาน พลิกร่างบางลงบนที่นอนมือหนาลูบไล้ผิวเนียนลื่นมือ เสียงครางหวานยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ให้ลุกโชน กวินแตะทุกส่วนด้วยความทะนุถนอมช่วงเวลาที่เขาได้เป็นหนึ่งเดียวกับคนรักมันช่างเป็นอะไรที่สุขล้น ไม่ใช่เพียงแค่เซ็กส์แต่มันคือการเมคเลิฟ กวินจูบเก็บน้ำตาที่หางตาโต

“เจ็บไหมครับ”

“ไหว อือ..อึดอัด พี่กวินช่วยด้วย” แขนเรียวตวัดโอบรอบคอหนากระซิบเสียงพร่า กวินกัดกรามแน่นเพราะความน่ารักของคนรัก ร่างใหญ่ตักตวงความหวานจนค่อนคืน ร่างบางตาปรือแทบจะหลับมิหลับแหล่รับรู้เพียงความเย็นจากผ้าขนหนูที่เช็ดตามตัว ก่อนที่จะหลับไปได้ยินเพียงคำรักข้างๆ หู กวินรั้งเอวบางเข้ามากอดหลังจากที่เช็ดตัวและใส่ชุดนอนให้น้องเรียบร้อย ในใจอิ่มเอมกับความรักและความไว้ใจที่คนตัวเล็กมีให้แม้อยากจะตักตวงให้มากกว่านี้แต่ก็สงสารร่างบางที่ดูเหนื่อยอ่อนแล้วเมื่อรอบสุดท้าย

กวินตื่นขึ้นมาทั้งๆ ที่นอนได้นิดเดียวเพราะความร้อนที่แนบอก ร่างสูงผุดลุกขึ้นมือหนาแตะหน้าผากเนียนรับรู้ถึงอุณหภูมิที่สูงใบหน้าขาซีด กวินตวัดผ้าห่มออกรีบเดินเข้าห้องน้ำเตรียมน้ำและผ้ามาเช็ดตัวร่างบาง พยายามที่จะไม่มองรอยรักที่เขาฝากไว้ทั่วผิวเนียน

“อดทนไว้ไอ้กวิน” ร่างสูงบ่นกับตัวเอง รีบเช็ดตัวอย่างรวดเร็วดึงผ้าห่มคลุมให้จนปิดคอเก็บของเรียบร้อยกวินก็โทรไปบอกเชษฐ์ว่าวันนี้จะไม่เข้าบริษัทและให้โทรเรียกลุงหมอมาให้ด้วยร่างสูงรีบวางสายหนีก่อนที่เชษฐ์จะพูดแซวอะไรอีก

“ป้าครับข้าวเช้าผมขอเป็นข้าวต้มและโจ๊กใส่ไข่ให้น้องนะครับ” พอดีกับที่กวินเปิดประตูป้านิ่มก็กำลังจะขึ้นมาถามว่าทำไมเจ้านายถึงไม่ลงไปข้างล่างเสียทีทั้งๆ ที่สายแล้ว

“ได้ค่ะ น้องกล้าเป็นอะไรรึเปล่าคะ” กวินบอกเพียงน้องไม่ค่อยสบาย สั่งเรียบร้อยร่างสูงก็เดินกลับเข้าห้อง นั่งลงข้างๆ คนป่วยเขาน่าจะเอายาให้น้องกินก่อน มือหนาคอยเช็ดตัวให้อุณหภูมิน้องลดลง เสียงเคาะประตูคนที่เข้ามาใหม่คือลุงหมอ

“ไหนคนป่วย” กวินยกมือไหว้แล้วขยับตัวให้ลุงหมอตรวจร่างบางที่นอนหลับสนิทเพราะพิษไข้

“อือ..” เสียงเล็กๆ ครางแหบพร่าเมื่อถูกพลิกตัวเพื่อที่ต้องฉีดยา พอฉีดเสร็จก็เหมือนว่าจะหลับลงอีกรอบ

“เดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้วล่ะ ลุงฉีดยาให้แล้วทีหลังก็ถนอมๆ น้องหน่อย” ลุงหมอพูดกระเซ้าเพราะเพียงฟังการโม้ของเจ้าคนที่ตามตัวมารักษาก็เดาอะไรได้หลายอย่าง กวินถอนหายใจแรงแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรเพียงยกมือไหว้และขอบคุณลุงหมอที่มาแต่เช้า กวินลุกไปส่งลุงหมอที่ประตูพร้อมกับรับยาที่ลุงหมอให้ไว้มีทั้งใช้กินและทา.. ถ้าน้องรู้คงตัวแดงเป็นกุ้งต้มแน่ๆ

“อือ.. พี่กวิน” กวินรู้สึกตัวเพราะเสียงแหบที่เรียกเขา นี่เผลอหลับไปสินะ

“เป็นไงบ้าง รู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม ค่อยๆ จิบน้ำนะ” กวินค่อยๆ ป้อนน้ำอุ่นให้คนป่วย

“ดีขึ้นแล้วครับ”

“งั้นกินโจ๊กนะ” เมื่อเห็นร่างบางพยักหน้ากวินรีบยกถ้าโจ๊กมาป้อน ร่างบางกินได้เพียงครึ่งหนึ่งแม้กวินจะคะยั้นคะยอให้กินเพิ่มแต่กล้าก็รู้สึกเจ็บคอจนทานอีกไม่ไหว

“งั้นทานยาครับ” พอเห็นเม็ดยาในแก้วแล้วกล้าอยากจะส่ายหน้าไม่ยอมกินแต่ถ้าไม่กินเขาก็จะไม่หายร่างบางเลยได้แต่กลั้นใจโยนยาเข้าปากแล้วกรอกน้ำตามจนแทบหมดเหยือก

“นอนพักนะครับ” กวินดึงผ้าห่มคลุมพร้อมกับกดจูบที่หน้าผากเนียน

กล้าได้แต่นอนบนเตียงแม้จะดีขึ้นแล้วแต่คนตัวโตไม่ยอมให้เขาไปทำงานเสียที จึงได้แต่นอนหมกตัวอยู่ในห้องหนังสือ ยังดีที่ให้พี่ธันไปทำงานแทนหวังว่าจะไม่ทะเลาะกันตายหรอกนะ กล้าหยิบหนังสือในกล่องที่ยังไม่เปิดเขาลืมไปแล้วว่าเคยมีกล่องๆ นี้ กล้าค่อยๆ เปิดกล่องด้านในเป็นหนังสือที่เขาต้องใช้เวลานานเพื่อที่จะซ่อมมันเพราะดันไปทำเปียกเสียก่อน

หนังสือในวันนั้น หนังสือที่ทำให้เขาได้เจอกับคนที่ทำให้เขารู้จักกับคำว่ารักเพราะถ้าเขาไม่เลือกหนังสือพวกนี้เพลินเขาคงไม่ได้รู้จักกับพี่กวิน เพราะวันนั้นมัวห่วงคนบาดเจ็บเลยเอาหนังสือวางบนพื้นผลคือหนังสือเปียกจนเขาต้องใช้เวลาซ่อมอยู่นาน เป็นหนังสือเกี่ยวกับความรักกล้าค่อยๆ หยิบหนังสือในกล่องออกมาหอบไปที่โต๊ะข้างที่อ่านหนังสือที่กวินสั่งให้คนมาทำใหม่ เตียงยาวข้างหน้าต่างบานกว้างที่เขาชอบมานอนอ่านหนังสือที่นี่

ร่างขาวที่นอนหลับทั้งๆ ที่มีหนังสือวางไว้บนอกทำให้กวินนึกอยากจะปลุกขึ้นมาบ่นเสียจริงทั้งๆ ที่ในห้องก็เปิดแอร์แต่ไม่ยอมคลุมผ้าห่มเดี๋ยวไข้กลับกันพอดี กวินเดินไปนั่งลงข้างๆ มองใบหน้าเนียนที่หลับสนิทบนใบหน้าประดับรอยยิ้มจางจนกวินอยากรู้ว่าอะไรทำให้คนตัวเล็กยิ้มทั้งๆ ที่หลับอย่างนี้ แต่แค่เห็นร่างเล็กหลับอย่างมีความสุขข้างๆ เขา กวินก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แม้จะจะมีเงินมากมายแต่หากขาดคนที่เป็นที่พักใจชีวิตก็คงว่างเปล่าเหมือนที่แล้วมา มือใหญ่ลูบแก้มเนียนรอยยิ้มกว้างที่ไม่มีใครเคยเห็น รอยยิ้มที่มีเพื่อคนๆ เดียว คนที่เขาเพียงสงสัยคนที่มาช่วยเขาทั้งๆ ที่ตัวเองทั้งตัวก็เล็กแค่นั้น ไหนจะเป็นคนขี้อายอีกแต่พอได้สังเกตพอได้คุยยิ่งทำให้เขาอยากปกป้อง อยากดูแล และอยากที่จะรัก..........และอยู่ด้วยกันอย่างนี้แม้จะเรียบง่ายและอาจจะแตกต่างกันไปบ้างแต่ก็เป็นส่วนที่ลงตัวสำหรับเรา
จบแล้วนะคะ 

อาจจะไม่ใช่เรื่องยาวอะไร เรื่องนี้ทีแรกเป็นเพียงเรื่องสั้น 

แต่เค้าเขียนยาวเอง TT^TT มันมือไปหน่อย 

และเป็นการทดลองเขียนแบบใหม่ 

ขอบคุณสำหรับการติดตาม น้องกล้ากับพี่กวินมาจนถึงตอนนี้นะคะ

เจอกันเรื่องใหม่ค่ะ 

หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่21 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)2/6/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 02-06-2018 23:34:00
เผลอไปแป๊บเดียว จบแล้ว
::

น่ารักเช่นเดิมค่ะคู่นี้
พี่กวินรักน้องแบบมั่นคงมากจริง ๆ
ดีจัง

ขอบคุณที่เขียนให้อ่าน แบบไม่กั๊กตอนกันเลย
แล้วจะรอเรื่องต่อไปนะคะ

"ขอบคุณค่ะ"
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่21 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)2/6/2561
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 03-06-2018 03:11:56
ฟีลกู๊ดมากๆ
แบบเอ็นดููน้องกล้า น่ารักอะไรขนาดนี้ TT
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่21 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)2/6/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 03-06-2018 05:07:41
น่ารัก ตอนแรกเลยนะอ่านไปนึกว่าพลูอะแฟนเก่าที่ทิ้งไป แถมหวงบ้านอีกงี้ อ่อ สรุป ผู้ปกครอง เล่นเอาใจหายแวบ

หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่21 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)2/6/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-06-2018 09:46:34
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่21 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)2/6/2561
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 06-06-2018 03:08:45
น้องน่ารักกกก พี่ก็ละมุนไปอีกกกกกกก

 :hao7:
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่21 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)2/6/2561
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-06-2018 13:06:00
 :pig4: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่21 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)2/6/2561
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 15-06-2018 00:46:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่21 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)2/6/2561
เริ่มหัวข้อโดย: benceii ที่ 15-06-2018 10:44:06
น้องงงงง น่ารัมาก ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่21 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)2/6/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-07-2018 05:59:58
น้องกล้าน่าเอ็นดู  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Half an hour ช่วงเวลาแห่งความสุข ตอนที่21 (จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ)2/6/2561
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 22:34:09
 :pig4: