พิมพ์หน้านี้ - [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: เดหลี ที่ 11-10-2011 18:43:14

หัวข้อ: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 11-10-2011 18:43:14
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
เรื่องที่ 1


เสียงรถที่คุ้นเคยแล่นเข้ามาหน้าบ้าน ผมปรือตาขึ้นข้างหนึ่ง หูกระดิก ก่อนจะลุกขึ้นเหยียดตัวอย่างเกียจคร้าน ผมจำเสียงรถลูกชายเจ้าของบ้านได้ ว่าไปผมก็จำเสียงรถทุกคนได้ แมวหูดีไม่แพ้หมา เพียงแต่จะแสดงออกอย่างไรก็เท่านั้น

พอรถจอดสนิทในโรงรถและทินลงมานั่นแหละผมถึงได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติไป วันนี้ทินกลับบ้านคนเดียวแถมยังทำท่าหงอยซึมเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ

แล้วที่แปลกมากก็คือ... เจ้าตัวเดินเนือยๆ เข้าบ้านโดยไม่วิ่งหาผมก่อนแล้วฟัดเป็นอันดับแรก

ปกติทินเป็นเด็กร่าเริง (ความจริงก็ไม่เด็กแล้วละ ทำงานแล้ว แต่ผมอยู่กับเขามาตั้งแต่เขายังเรียนปริญญาตรีนี่นา) เข้าขั้นคึก กลับบ้านทีไรไม่มีหรอกที่จะเงียบอย่างนี้ สงสัยว่าจะ...

อีกแล้วรึเนี่ย

ผมเดินอ้อมเข้าบ้านทางหลังครัวเพราะรู้ว่าประตูมักจะเปิดแง้มๆ ไว้ ทันได้ยินมะม้าของทินถาม

"ชนม์ไปไหนล่ะลูก ไม่กลับมาพร้อมกัน ตามมาทีหลังเหรอ"

"มะม้าอย่าพูดถึงมันเลย" เท่านั้นแหละทินก็ปรี๊ด แต่เสียงสั่นชอบกล "คนพรรค์นั้น เฮอะ มะม้าไม่ต้องพูดชื่อมันอีกนะ"

มะม้ามองลูกชายอย่างงงๆ ส่วนทินเดินลิ่วขึ้นบันไดไปห้อง ผมไถขามะม้าหนึ่งทีเป็นการปลอบใจแล้วขึ้นบันไดตามทินไป

ถึงทินจะนอนบ้านบ้างนอนคอนโด (ของแฟน - ชนม์ที่ว่า) บ้างทำให้ไม่ได้เจอกันทุกวันเหมือนเดิม แต่ผมก็ไม่เคยลืมว่าทินเป็นคนอุ้มผมจากหลังบ้านที่แม่แมวออกทิ้งไว้แล้วก็หายไปมาขอมะม้าเลี้ยง ประคบประหงมลูกแมวขี้โรคผอมแห้งจนกลายเป็นแมวสีส้มรูปหล่ออย่างนี้ ผมอดห่วงทินไม่ได้

ทินทิ้งประตูห้องนอนแง้มไว้ ผมเอาตัวเบียดนิดเดียวก็เข้าไปได้ เจ้าของห้องนอนคว่ำหน้าซุกกับหมอน จริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทินกลับมาด้วยอาการงอนชนม์ ถ้าจำไม่ผิดเดี๋ยวโทรศัพท์ก็จะ...

“กริ๊ง...”
 
เริ่มด้วยมือถือก่อน และตามแพทเทิร์นทินก็จะ...

นั่นไง ผมมองนิ้วเรียวยาวล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดปิดอย่างไม่ไยดี ถ้าทินปิดโทรศัพท์มือถือละก็...

เสียงโทรศัพท์บ้านแผดลั่นก่อนเสียงมะม้าจะดังขึ้นจากข้างล่าง
 
“ทิน ชนม์โทรมาแน่ะลูก...”

ทินเงยหน้าขึ้น กัดริมฝีปากล่าง ก่อนจะตะโกนลงไป

“มะม้าบอกมันให้หน่อยว่าทินไม่อยู่ ยังไม่กลับ อะไรก็ได้ ทินไม่อยากพูดกับมัน”

ผมว่าที่ทินพูดนั่นอีกปลายสายคงได้ยินเต็มสองรูหูเลยล่ะ เสียงมะม้าพูดกับชนม์แว่วๆ แล้วเดินขึ้นมา

“ทิน ชนม์ฝากบอกว่า...”

ลูกชายตัวดีเอาหมอนปิดหูร้องลั่น “ไม่เอา มะม้า บอกแล้วว่าอย่าพูดถึงมัน มันจะฝากอะไรมาทินไม่รับทั้งนั้น”

คนเป็นแม่ถอนใจเฮือก “เด็กแท้ๆ แล้วอย่าหาว่ามะม้าไม่บอกนะ ทินไม่ฟังเอง แล้วไม่ต้องมาซึมเลยนะถ้าชนม์ไม่โทรมาอีก”

พ่อลูกชายก็เอาหมอนปิดหูฟึดฟัดอยู่อย่างนั้นจนมะม้าเดินกลับลงไป
 
ถ้ามะม้าจำเหตุการณ์เดจาวูนี้ได้เหมือนผม ท่านก็ต้องรู้ว่าชนม์ไม่เลิกโทรหรอก เผลอๆ อาจจะมาง้อถึงบ้านด้วยซ้ำ แล้วไม่นานคนขี้งอนก็ใจอ่อนยอมกลับไปเอง หวานจี๋จ๋ากันเหมือนเก่า อาจจะมากกว่าเดิมอีกต่างหาก

ผมบอกแล้วว่ามันเป็นแพทเทิร์น แต่ไม่รู้ว่าคราวนี้ทินโมโหมาด้วยเรื่องอะไรเหมือนกัน

มะม้าเดินกลับขึ้นมาอีก คงวางหูจากชนม์เรียบร้อยแล้ว ท่านนั่งลงที่ข้างเตียง ลูบผมลูกชายหัวดื้อ

“ทินฟังมะม้านะลูก อยู่ในความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์อะไรก็ตาม ก็เหมือนแล่นเรือออกทะเลน่ะลูก มันเลือกไม่ได้หรอกว่าจะมีแต่วันฟ้าใส คลื่นลมสงบ แต่ถ้าไม่อยากให้เรือล่ม ก็ต้องประคับประคองไปให้ดีที่สุด เรือแข็งแรงน่ะไม่ล่มง่ายหรอกลูก แล้วพายุก็จะพัดผ่านไปเอง”

ทินนอนเงียบๆ แต่ผมว่าเขาได้ยินมะม้าทุกคำแหละ มะม้าตบไหล่ลูกชายอีกเบาๆ ก่อนจะลุกลงไปข้างล่าง
 
ผมโดดตุบขึ้นบนเตียงก่อนพังพาบลงข้างทินด้วยท่าเหมือนกันเป๊ะ เขาพลิกตัวนอนตะแคงเอาแขนหนุนศีรษะไว้ มองผมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

“ฉ่อยเหรอ มาตั้งแต่เมื่อไหร่...”

ถ้าเขาไม่มัวแต่เอาหน้าซุกหมอนอยู่คงเห็นผมไปตั้งนานแล้วล่ะ อ้อ ก่อนอื่น ความจริงผมชื่อส้มป่อย มะม้า ป๊า พี่ๆ คนทำงานในบ้าน ลูกน้องของป๊า ทุกคนเรียกผมว่าส้มป่อยหมด มีทินคนเดียวที่ดึงดันจะเรียกผมว่าฉ่อย ผมก็เลยมีสองชื่อ

แต่ถามจริงๆ เหอะว่าแมวที่ไหนชื่อฉ่อยบ้าง นี่เพราะว่าเป็นทิน เป็นทินคนที่เก็บผมมาฟูมฟักหรอกนะ ไม่อย่างนั้นให้ตายผมก็ไม่ยอมขานชื่อฉ่อยหรอก
   
ทินกัดปากอีก ผมดูออกว่าเขากำลังไม่สบายใจมาก อาจจะมากกว่าทุกคราวที่เคยเกิดเหตุการณ์ ‘งอนชนม์’ ขึ้นมา
 
อย่าหาว่าผมเข้าข้างคนบ้านตัวเอง แต่ถึงทินจะขี้งอน ผมว่าเขาก็มีเหตุผลของการงอนทุกครั้งนะ (เล็กบ้างใหญ่บ้างตามแต่กรณี) ไม่ใช่เอะอะอะไรก็งอนเรียกร้องความสนใจหรอก คงเป็นเพราะอย่างนี้ด้วยชนม์ถึงได้มาง้อทุกที

ผมลุกขึ้นเดินอ้อมไปทางหัวนอนเขา ตรงชั้นหนังสือมีเล่มหนึ่งที่ยื่นออกมาเหมือนวางไม่เรียบร้อย ผมก็เป็นแมวเห็นอะไรยื่นออกมาไม่ได้จะต้องขอเอาหัวไปถูทิ้งกลิ่นไว้สักหน่อย

ทินยันตัวขึ้นนิดหนึ่งก่อนจะเอื้อมหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมา เขาเปิดมันออก ผมจำได้ว่าเป็นอัลบั้มรูปเล่มเก่าสมัยเขาเพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ

“ฉ่อยดูสิ” เขาเรียก “ตอนนั้นเราหน้าตาตล๊กตลก เด๋อด๋าเชียว ดูนี่ ใส่แว่นด้วย ยังไม่ได้เปลี่ยนมาใส่เลนส์เลย...”

ผมก็กลับมานั่งข้างๆ ตามใจเขา ทินพลิกเปิดอีกหน้าแล้วก็ชะงักค้างอยู่อย่างนั้น ผมรู้ว่าเพราะอะไร ก็จากหน้านี้เป็นต้นไปจะมีรูปชนม์ยืนสูงหล่อแทรกอยู่ทุกหน้าเลยน่ะสิ
 
ไม่ใช่รูปคู่ดีๆ หรอก ตอนนั้นก็ยังไม่สนิทกันถึงขั้นนั้น เป็นรูปหมู่เสียส่วนใหญ่ กับรูปที่ผมจำได้ว่าเมื่อสองปีที่แล้วทินบอกว่าเป็นรูปตอนไปทริปของบริษัท
 
ถึงจะถ่ายกันหลายคน แต่รูปนั้น ‘เผอิญ’ ทินได้ยืนข้างชนม์พอดี

กลับจากทริปนั้นก็สนิทกันมากขึ้น รู้อีกทีทินกลับบ้านก็พูดถึงแต่เพื่อนร่วมงานคนนี้ ไม่นานชนม์ก็มาเที่ยวบ้าน กินข้าวกับป๊ากับมะม้า ออกไปดูหนังซื้อของกันสองคนกับทินเป็นปกติ

ก็ดูเหมือนเป็นเพื่อนกันตามธรรมดาใช่มั้ยล่ะ แต่ผมรู้สึกตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะว่าชนม์เป็นเพื่อน ‘พิเศษ’ แมวน่ะเซนส์แรงนะจะบอกให้ แต่ชนม์ดูเหมือนจะไม่ได้รีบร้อนอะไร ทินเองก็เรื่อยพอกัน
 
จนวันหยุดวันหนึ่งชนม์มากินข้าวบ้าน กินเสร็จก็นั่งอยู่กับทินที่เก้าอี้ในสวน ตอนนั้นตกบ่ายแก่ๆ ผมก็อยู่แถวนั้นด้วย เดินสำรวจต้นไม้ใบหญ้า ไม่ต้องเงี่ยหูฟังก็ได้ยินว่าเขาคุยอะไรกัน บอกแล้วว่าแมวหูดี

ทินคุยเรื่อยเปื่อยกับชนม์ถึงตอนสมัยเรียน บอกว่าตัวเองเป็นคนแปลภาษาท่าทางไม่เก่ง พูดง่ายๆ ก็เป็นพวกอ่านบรรยากาศไม่ค่อยออก ตอนทำงานถึงได้ดีขึ้นมาก

(ถ้าชนม์ฟังผมรู้เรื่องผมก็อยากบอกว่าถึงทินจะเป็นอย่างนั้นแต่เขาก็ป๊อบปูลาร์ เพื่อนเยอะ และเพื่อนรักมากอยู่ดี คงเป็นเพราะอาจจะรู้ว่าทินตั้งใจดีแล้วก็หวังดีละมัง สมัยเรียนงี้บ้านมีคนมาแทบทุกวันเลยละ)

“แปลภาษาท่าทางไม่เก่งเหรอ” ชนม์ทวน “ยังงั้นเอง”

“อื้ม ก็พอทำงานจริงถึงได้รู้ว่าแปลแค่คำพูดอย่างเดียวไม่พอต้องดูบริบทด้วย เลยพยายามปรับปรุงตัว”

“นอกจากภาษาจีนแล้วแปลภาษาอะไรได้อีก”

“อังกฤษละมัง”

“แล้ว... ภาษานี้ล่ะ” ผมเห็นชนม์ชี้ที่หัวใจ

ทินอึ้ง ผมก็อึ้ง ภาษาใจ... ชนม์ช่างคิดได้

“เป็นล่ามยังไงแปลไม่ออก”

ทินทำหน้าเหวอ ส่วนผมเนียนเข้าไปใกล้ ดูว่าชนม์จะทำไงต่อ
 
ชนม์จับมือคนบ้านผมมา ไม่สนใจอาการขืนเล็กน้อยเพราะตกใจ เขาใช้นิ้วเขียนลงบนกลางฝ่ามือนั้นเบาๆ

“รัก ทิน” ไม่เขียนเปล่า ออกเสียงด้วย “แบบนี้ก็ไม่ต้องแปลแล้วนะ”

ทินทำปากขมุบขมิบเหมือนจะพูดอะไร แต่ไม่ยักชักมือออก

โหย ผมละจำแม่นเลย ประทับใจในความน้ำเน่าของชนม์มาจนถึงทุกวันนี้

พอเลื่อนสถานะจากเพื่อนเป็นแฟน สองคนนี่ก็ลุ่มๆ ดอนๆ ชอบกล ช่วงที่ดีน่ะดีมาก (ผมเปล่าพูดเอง ก็ได้ยินทินเวิ่นในโทรศัพท์กับเพื่อน) แต่ชีวิตทินเป็นแบบที่ ‘ได้ดั่งใจ’ มาตลอด ลูกชายคนเดียว มะม้ากับป๊าตามใจ คนในบ้านก็พะเน้าพะนอ ขนาดมีแมวที่ทุกคนตั้งให้ชื่อหนึ่งแต่ทินก็เรียกอีกชื่ออย่างไม่สนใจใคร ไม่ว่าจะเรียนหรือทำงานก็จัดการได้เรียบร้อย
 
พอเจออะไรหรือใครที่ ‘ไม่ได้ดั่งใจ’ บ้าง ผมว่า... คงต้องอาศัยการปรับตัวน่ะ ความจริงทินก็ดูจะเรียนรู้ตั้งแต่อยู่กับผมแล้วว่าทุกอย่างจะให้มันได้ดั่งใจไปหมดน่ะไม่มีหรอก เขาเลิกคาดหวังว่าผมจะทำตามที่เขาบอกทุกอย่างหรือมาทุกครั้งเมื่อเรียก

“ไม่ได้อยู่ในสายเลือดของแกสินะฉ่อย” เขาว่า แล้วก็ยอมรับแต่โดยดีว่าไม่อาจสอนให้แมวยืนสองขาได้ถ้ามันไม่อยากทำ
 
แต่กับชนม์ทินยังคาดหวังอยู่ ไม่ได้ดั่งใจ... ก็ผิดหวัง ความจริงชนม์พยายามอยู่นะ แต่เหมือนงานของเขาเกี่ยวกับการวางระบบโปรแกรมอะไรสักอย่างที่ต้องให้ลูกค้าปรึกษาถามไถ่ได้ตลอด (ผมได้ยินทินบ่นๆ ให้มะม้าฟัง) ต้องเดินทางบ่อยด้วย ก็เลยไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวเอาเสียเลย

“แล้วมาขอเป็นแฟนทำไมก็ไม่รู้” ทินว่าอย่างนั้น
 
ก็ถูก ตอนเป็นเพื่อนกันไม่เห็นเป็นปัญหานี่ ร้อยละเก้าสิบของเหตุการณ์ ‘งอนชนม์’ เกิดขึ้นเพราะ ‘ชนม์ไม่มีเวลา’

ทินปิดอัลบั้มปกแข็งอย่างแรง เขายัดมันกลับเข้าชั้น แน่นอนว่าก็เอียงกะเท่เร่กว่าเดิมอีก แต่เจ้าตัวไม่สนใจ เขาลงนอนหงายมือลูบตัวผมอย่างใจลอย
   
“ฉ่อยรู้มั้ยชนม์ผิดนัดผิดสัญญากับเรามากี่ครั้งแล้ว” มีเสียงถอนใจ “จะว่าไปครั้งนี้... มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องหนักหนากว่าครั้งไหนๆ ผิดนัด... ด้วยเรื่องสุดวิสัย แล้วก็พยายามชดเชยให้ทุกที แต่... ไม่รู้สิ ตอนนั้นเราจี๊ดขึ้นมาเลย แล้วก็หนีกลับบ้าน บ้าเนอะ”

ผมกระพริบตามองเขาเป็นนัยว่ายังฟังอยู่
 
“เพราะว่าชนม์บอก... ถ้าอยากไป ไปกับเพื่อนก่อนก็ได้นี่ ไม่เข้าใจรึไงว่าจุดสำคัญไม่ใช่การไปเที่ยว!” เขาชักน้ำตาคลอขึ้นมาอีก “พูดออกมาได้ ถ้าไม่ไปด้วยกันจะมีความหมายอะไรล่ะ เฮ้อ”

ผมเอียงคอ ทินก็เปลี่ยนมาเกาคางให้โดยอัตโนมัติ อู้ย ใครเกาก็ไม่สบายเท่าทินเลยสิน่า ผมครางนิดๆ อย่างพอใจ

“มะม้าพูดมาเราก็คิดนะ ไม่ใช่เราไม่รู้ว่าน่าจะอดทนแล้วก็ใจเย็นกว่านี้ ชนม์มันไปทำงาน ไม่ได้เหลวไหลสักหน่อย แต่ก็อดไม่ได้ เรามันนิสัยเสียยังงี้ล่ะฉ่อย แต่พอชนม์พูดอย่างนั้น มันทำให้เรารู้สึกว่าจะเป็นหรือไม่เป็นแฟนกันก็คงไม่ต่างอะไร” เขาถอนใจอีกที “แต่มันบ้าตรงที่ถ้าให้เลิกก็ไม่เอา บ้าไหมล่ะ”

แล้วคนมีความรักบ้าอย่างนี้ทุกคนรึเปล่า ผมอยากจะถาม

“เอาเถอะ” ในที่สุดเขาก็พูดขึ้น “ไปข้างล่างกันดีกว่า หิวข้าวมั้ย”

ผมว่าทินคงตัดบทเพราะยิ่งพูดเขาก็ยิ่งสูดจมูกหนักขึ้นทุกที ไม่อย่างนั้นอาจจะได้กินข้าวเคล้าน้ำตากันเป็นแน่
 
ทินเอาอาหารแมวให้ผมหลังจากที่ได้รับเสียงเมี้ยวพอเป็นพิธี เมื่อก่อนเขาก็ชอบให้ผมเมี้ยวนานหน่อย เดินวนไปวนมาแถวขาเขาอีกนิด แต่สงสัยวันนี้จะไม่มีอารมณ์แกล้งแมว

มะม้าอยู่ในครัวด้วยกำลังเริ่มเตรียมกับข้าว แป๊บเดียวลูกชายก็เข้าไปกอดเอวอ้อน
 
“มะม้า...” เขาลากเสียงยาว “ทินขอโทษน้าที่ทำยังงั้นไป แต่ทินยังไม่อยากพูดกับชนม์มันจริงๆ”

มะม้าก็คือมะม้า ใจอ่อนกับลูกชายเสมอ
 
“แล้วทินจะให้มะม้าเล่าที่ชนม์ฝากบอกได้หรือยัง ชนม์บอกให้บอกทินให้ได้นะลูก”

“ไม่เอา” ผมว่าทินดื้อมาก ดื้อเหมือนแมวไม่มีผิด “มันอยากบอกอะไรก็ให้มันมาบอกเอง”

“ตามใจ” มะม้าว่าก่อนจะหันไปง่วนกับกับข้าวต่อ ทินเดินรอบครัวหยิบโน่นจับนี่บ้างนิดหน่อย พอมะม้ารามือให้พี่ๆ ลูกมือทำต่อเขาก็ตามมะม้าออกมาด้วย

“ป๊าไม่กลับมากินข้าวบ้านเหรอ”

“ป๊าไม่อยู่หรอก ไปทำงานต่างจังหวัด”

“วันหยุดเนี่ยนะ”

“ทินก็รู้จักป๊า”

“บ้างาน” เขาย่นจมูก “มะม้ารักคนบ้างานอย่างป๊าได้ไงนะ”

“แล้วทินรักชนม์ได้ไงล่ะ”

“มะม้า!”

บทสนทนาเรื่องคนบ้างานจบแต่เพียงนั้น ระหว่างกินข้าวมะม้าชวนลูกชายคุยเรื่องสัพเพเหระ ทินก็ตอบสลับเหม่อบ้างใจลอยบ้าง มะม้าเองก็รู้ว่าทินใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว เพราะถ้าไม่ได้มีเหตุการณ์ ‘งอนชนม์’ เขาคงพูดเป็นต่อยหอย
 
โทรศัพท์ไม่ดังขึ้นอีกเลยตลอดเย็น... กินข้าวเสร็จมะม้าชวนทินดูทีวี แต่ผมว่าทินเหลือบมองโทรศัพท์บ่อยไปนะ
 
คนเรา ปากไม่ตรงกับใจจริงๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีค่ะทุกคน  :กอด1: ลงเรื่องนี้ในเล้าครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 ต.ค. แต่เล้าก็ประสบปัญหา ยูเซอร์เนมหายไปด้วยเลยต้องสมัครใหม่ล่ะ ชุดสมาคมขนสั้นนี่จะเป็นรวมเรื่องสั้นประมาณ 4 เรื่องนะคะ เล่าผ่านมุมมองแมวบ้าน 55 ก็พวกขนสั้นนั่นแหละ

กูเกิ้ลแคชทำให้เราเก็บเมนต์ไว้ได้ (ดีใจมาก) ขอบคุณคุณ fuku และคุณ Nichdia มากๆ นะคะมาอ่านเป็นคนแรกๆ เลย ขอบคุณคุณ fuku สำหรับบวกแรกด้วยค่ะ  :pig4: ลงตอนจบของเรื่องที่ 1 ต่อให้เลยข้างล่างนะคะ
 
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 1 [ลงซ้ำที่หายไปและต่อจนจบ] 11 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: Nineน้อย ที่ 11-10-2011 18:55:37
เรื่องของคนรักกัน ที่เล่าผ่านแมวน้อย หุหุหุ น่าร้ากกกกกกก

ตอนจบอยุ่ไหนอ่ะครับ ไหงไม่เห็นเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 1 [ลงซ้ำที่หายไปและต่อจนจบ] 11 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 11-10-2011 18:57:22
เรื่องที่ 1 (ต่อจนจบ)

ชนม์ไม่โทรมาอีก โทรศัพท์ดังบ้าง แต่ไม่ใช่จากคนที่ (ผมคิดว่า) ทินคอยอยู่ และตามวิสัยแล้วเขาก็ยังดื้อพอจะไม่ยอมเปิดมือถือด้วย

สัปดาห์นั้นเป็นวันหยุดยาว วันจันทร์ทินจึงยังอยู่บ้าน ท่าทางหงอยหนักกว่าเก่า ป๊าก็ยังไม่กลับ ไม่อย่างนั้นอาจจะออกไปกินข้าวนอกบ้านกันบ้าง
 
ทินออกไปนั่งที่สวน จุดเดิมกับที่เกิดการสารภาพรักขึ้นเมื่อปีก่อนโน้นนั่นแหละ ผมก็ตามออกไปด้วย กระโดดขึ้นโต๊ะหมอบหันหน้าไปทางเขา
 
ปกติผมไม่ได้ตัวติดกับทินนะ เขากลับบ้านทีก็ต้องค้นต้องหาเหมือนเล่นซ่อนแอบ (ผมรู้เขาสนุก) ว่าผมจะไปซุกอยู่ส่วนไหนของบ้านบ้าง แต่คราวนี้...

เวลาทินมีเรื่องไม่สบายใจผมก็อยากจะอยู่เป็นเพื่อนเขาบ้างก็เท่านั้นล่ะ

"ฉ่อย..." ทินเรียกและเกาข้างหูผมอย่างใจลอย "ทำไมเขาหายไปสามวันแล้ว เมื่อก่อนต้องโทรมาทุกวัน"

ผมคร้านจะเถียงเขาแล้วว่าผมชื่อส้มป่อย ทินดูหงอยอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
 
จริงๆ แล้วทินน่ะชอบเล่นชอบแหย่ผมสุดๆ พูดเสียงดังด้วย (แอบรำคาญบ้างบางครั้ง) แต่ก็เป็นสีสันของบ้าน
 
ผมชอบให้เขาเป็นอย่างนั้นมากกว่ามานั่งหง่าว (นั่นมันหน้าที่ผม ผมเป็นแมวหง่าวไง)
 
ดูไม่ใช่ทินที่เคยรู้จักยังไงก็ไม่รู้
 
"เรางอนเขานานไปเหรอ" ทินยังครวญต่อ "เมื่อก่อนเขาก็ง้อทุกที ก็รู้นี่ว่าง้อไม่นานเราก็หาย... หรือว่าเขาเบื่อแล้ว"
 
อ่านะ ก็ทุกทีที่เกิดเรื่องชนม์โทรมาทินก็งอนต่อไม่ยอมรับ ให้เขาโทรมาเรื่อยๆ อยู่นั่นแหละ ปิดมือถืออีก แล้วเวลามะม้าเรียกบอกว่าชนม์โทรมาที่บ้าน ทินก็เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องบ้างล่ะ บอกให้มะม้าบอกว่าไม่อยู่บ้างล่ะ
 
เป็นผมเลิกพยายามตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ก็... ผมเป็นแมวนี่ แมวไม่ง้อใครหรอก

อยู่ๆ ทินก็น้ำตาร่วงเผาะจนผมตกกะใจ เขารวบผมไปกอดแน่น น้ำตาหยดใส่หัวผมด้วย ถ้าเป็นเวลาอื่นก็คงจะดิ้นขอลงอยู่หรอกนะ แต่เวลานี้ผมรู้สึกว่าเขาคงเสียใจมากเลยปล่อยให้กอด

ไม่รักจริงไม่ยอมนะเนี่ย ผมน่ะเกลียดทั้งขนเปียกทั้งการรัดแน่นๆ ที่สุดเลย

เสียงกดกริ่งที่หน้าบ้านดังขึ้น ทินสะดุ้งคลายมือจากผมหันไปมอง ผมโดดตุบลงบนเก้าอี้สนามที่ทินนั่งอยู่ชะเง้อดูบ้าง ก็เห็น...
จะใครเสียอีกล่ะถ้าไม่ใช่คนที่ทินเพิ่งโอดถึงว่าหายไปสามวันแล้วน่ะ!

ทินนั่งตัวแข็ง จากตรงนี้ไม่มีทางเดินเข้าบ้านโดยที่ชนม์ไม่เห็นแน่นอน จะปล่อยให้ชนม์กดกริ่งต่อแล้วให้พี่ในบ้านมาเปิดให้ ก็คงต้องบอกว่านั่งอยู่ที่สนามอยู่ดี เขาใช้แขนเสื้อซับน้ำตาจนแห้ง สูดน้ำมูกพรืด
 
คนยืนอยู่หน้าบ้านก้มมองลอดรั้วเหล็กดัดเข้ามา ตรงที่ทินนั่งมีสุมทุมพุ่มไม้บังพอสมควร แนวต้นแก้วริมรั้วก็หนา ผมเห็นชนม์พยายามเพ่ง แต่ทินน่ะ... หลังจากงอนจนพอใจมาสองสามวัน (โดยไม่มีอีกคนตามง้อเหมือนเคยด้วย) บวกกับได้มะม้าเตือนสติแล้ว เขาก็เลือกจะออกไปเผชิญหน้าด้วยตัวเอง

ทินเดินออกไปที่หน้าบ้านแต่ยังไม่เปิดประตู ยืนกันอยู่คนละฝั่งอย่างนั้นแหละ ผมโดดลงจากเก้าอี้ไปเมียงมอง จะว่าผมสอดรู้สอดเห็นก็เอาเถอะ เป็นแมวทำอะไรก็ไม่มีคำว่าเสียมารยาทหรอก

ชนม์ยิ้มรับ ถ้าเขายังตั้งใจจะง้อผมว่าตอนนี้คงกำลังประเมินสถานการณ์อยู่ละมัง
 
“เป็นไงหืม”

“ถามใครล่ะ”
 
ถามแมวส้มนี่มั้ง โอ้ย ทิน อยากให้เขาง้ออยู่หรือเปล่า ผมไกวหางอย่างลุ้นๆ

"ก็ใครกอดแมวนั่งร้องไห้ฮือๆ..."
 
แสดงว่าเขาเห็นนะนี่

"ร้องที่ไหน"

ฝั่งนี้ก็เถียงทันควัน ถึงน้ำตาจะเช็ดแห้งไปแล้วแต่ตาจมูกช้ำๆ นั่นดูไม่รู้เลยสินะ

“ตรงเก้าอี้ในสวนนั่นไง” ชนม์ยังมีอารมณ์จะกวน

แต่พอเห็นทินจ้องเขาหน้าง้ำชนม์ก็ยกมือขึ้นสองข้าง
 
"เอาล่ะ เอาล่ะ"
 
ว่าไปผมก็เห็นชนม์ยอมมาแต่ต้นอยู่แล้วนะ คราวนี้ก็น่าแปลกใจอยู่ที่หายไปตั้งสามวันกว่าจะมาง้อ

ทินเหลือบมองข้างๆ สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที ตอนแรกผมนึกว่าทินคงมาแพทเทิร์นเดิมคือชนม์มาง้อก็จะฟอร์มไว้อีกนิดๆ แต่ตอนนี้ หายหมดเลย ฟอร์มน่ะ

สิ่งที่ทำให้ทินหลุดก็คือกระเป๋าเดินทางใบย่อมที่ชนม์วางไว้ข้างตัว ผมก็แอบตกใจเหมือนกัน ชนม์กะจะย้ายเข้าบ้านแฟนหรือไง

"นั่น... ของทินเหรอ" ฟังจากเสียงแล้วผมว่าทินทำท่าจะร้องอีกแล้วนะ "ชนม์เอาของมาคืนทิน ชนม์เก็บของทินออกจากคอนโดหมดแล้วเหรอ"

"หา" เห็นชนม์ก้มมองกระเป๋า "ของทิน? ไม่ใช่ ของทินใส่กระเป๋าเท่านี้พอที่ไหน"
 
ประโยคสุดท้ายเขาพูดเบา แต่แมวหูดีเป็นทุนก็เลยได้ยิน

"อะไรนะ"

"เปล่า เราแค่จะมา..."

"ชนม์จะมาลาทินเหรอ" คราวนี้คนที่ยืนอยู่อีกฝั่งรั้วปล่อยโฮ "กระเป๋าเสื้อผ้า... ชนม์ไปไหน ฮือ..."

ผมเห็นชัดเลยว่าชนม์งงเป็นไก่ตาแตก แต่ก็ตอบ
 
"ลาอะไรกัน ก็เราไปสิงคโปร์..."

"ไม่... ฮึก... บอกกันเลย ทินจะไม่ได้เจอชนม์อีกเหรอ ฮือ..."

"ทินพูดอะไรฟังไม่รู้เรื่องเลย หยุดร้องก่อน นะ" ชนม์พยายามเอื้อมมือลอดรั้วเข้ามาอย่างทุลักทุเล
 
ผมก็ไม่เข้าใจมนุษย์ ยืนคุยกันข้ามรั้วอยู่ได้ แมวยังไม่ทำเลย

"ก็บริษัทที่สิงคโปร์เคยอยากได้ชนม์ไปทำงานด้วยไง ชนม์จะย้ายไปสิงคโปร์ ชนม์จะไม่กลับมาอีกแล้วใช่มั้ย"

"นี่ฟังให้จบก่อนสักประโยคจะได้ไหมเนี่ย" เสียงอีกฝ่ายเริ่มเหลืออด "ไม่ได้จะไป ไปมาแล้วเพิ่งกลับ งานมันด่วนมาก กลับมาก็ขึ้นแท็กซี่ดิ่งจากสนามบินมานี่เลย ก่อนไปโทรบอกก็ปิดมือถือ โทรเข้าบ้านก็ไม่ยอมรับ ฝากมะม้าบอกว่าไปสิงคโปร์ยอมฟังบ้างหรือเปล่า ได้เช็คข้อความในมือถือมั้ย อีเมล์ล่ะ"

ทินเงียบกริบ แม้ ชนม์นี่ก็รู้จักแฟนตัวเอง พูดยังกับตาเห็นแน่ะ ทินไม่ฟังมะม้า ไม่เปิดมือถือ ไม่ดูอะไรทั้งนั้น
 
เขาเปิดประตูให้ชนม์เข้ามา อีกฝ่ายก็ส่ายหัวดิกท่าทางอ่อนใจ แต่เขาไม่ได้โกรธ ดูๆ ไปแล้ว ชนม์ก็คงไม่มีทางโกรธทินได้ลงจริงๆ

"ไม่ร้องแล้วนะ" ชนม์พูดเสียงอ่อน "ร้องขนาดนี้นึกว่าโดนทิ้งเหรอเนี่ย ไม่ทิ้งหรอก"

"ใคร... ฮึก... โดนทิ้ง" ผมขอยกตำแหน่งปากแข็งที่สุดให้ทินโดยไร้คู่แข่ง "ตัวเอง... นั่นแหละ... ระวังโดนทิ้ง"

"รู้รึเปล่าว่าทำไมคราวนี้ถึงต้องไปสิงคโปร์ด่วน" ชนม์ก็พูดต่อไปเรื่อยๆ อย่างใจเย็น “ลูกค้าที่โน่นต้องการคนไปให้คำปรึกษาแล้วก็วางระบบเร็วที่สุด...”

เอ่อ คือผมว่าเป็นแฟนกันเล่าสู่เรื่องงานที่ทำกันฟังมันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่นี่มันใช่เวลารึเปล่า หรือเป็นแผนการง้อของชนม์รูปแบบใหม่

ท่าทางทินจะคิดเหมือนผม แต่เขาก็ยอมฟังเงียบๆ

“หัวหน้าบอกว่า ถ้าเราไปคราวนี้ จะเปลี่ยนงานให้...”

ทินมองอีกฝ่ายตาโต “หมายความว่า...”

“หมายความว่า ถ้าไม่ใช่ตำแหน่งนี้ ก็ไม่ต้องเดินทางบ่อยๆ เหมือนเดิมแล้ว”

“แต่ชนม์ชอบทำนี่”

“ตำแหน่งใหม่ก็ดีเหมือนกัน คล้ายๆ เดิมแต่ได้วิเคราะห์แล้วก็ออกแบบมากกว่าเดิม”
 
“ก็ชนม์เคยบอกว่าชอบ” ทินยังพูดซ้ำ “บอกว่าเดินทางไปแก้ปัญหาให้ลูกค้า มันท้าทายดี”

“งานนั้นน่ะมันเหมาะกับคนโสด ไปโน่นมานี่ตลอด” ชนม์ตอบ “แต่ตอนนี้เราไม่โสดแล้ว ไม่อยากกลับไปโสดด้วย”

คนบ้านผมยืนก้มหน้าแก้มขึ้นสีอยู่ครู่ก่อนจะว่า “ขอโทษ ที่ตอนนั้นงอนอีกแล้ว ทินก็แค่อยากไปด้วยกันกับชนม์ สองคน...”

“รู้ไง” ฝ่ายนี้ก็ตอบง่ายๆ “ตอนเย็นๆ ก็ว่าจะมาขอข้าวมะม้ากินซักหน่อย พอดี หัวหน้าบอกงานด่วน เราก็เอ้า ถ้ามันจะทำให้ระยะยาวสถานการณ์ดีขึ้น ได้ทำงานชั่วโมงปกติอย่างคนอื่นเขาบ้าง ก็...”

“นี่จะมาตั้งแต่วันศุกร์แล้ว...?”
 
ชนม์พยักหน้า

"ไม่ง้อได้ไง" เขาว่า "แฟนทั้งคน"
 
ทินก็ยิ้มแป้นได้ทั้งๆ ที่เพิ่งจะบ่อน้ำตาแตกมาหยกๆ นั่นแหละ เฮ้อ นี่ถือว่าเรื่องลงเอยด้วยดีแล้วสินะ

“ไว้หยุดคราวหน้า เราไปด้วยกันนะ ที่ที่ทินอยากไปน่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอก” ทินบอก ผมรู้ว่าเขาพูดจริง “ไม่ต้องไปที่ไหนก็ได้ ถ้าชนม์อยู่กับทิน”

ชนม์ยิ้มแล้วรั้งตัวคนตรงหน้าเข้ามากอด ผมเห็นอย่างนั้นก็อยากมีส่วนร่วมเลยแทรกเข้าไปตรงกลางแถวๆ ข้อเท้าทั้งคู่แล้วเดินวน ทินหัวเราะก่อนจะผละตัวออก

“งั้นทินบอกมะม้าก่อน จะได้กลับไปคอนโดกัน” ทินว่า สายตาเขากวาดดูอีกฝ่ายขึ้นลง คงกลัวจะเหนื่อยมั้ง เพิ่งลงจากเครื่องบิน พรุ่งนี้ก็วันทำงานแล้ว

ชนม์ก้มมาทักผม “ไงส้ม”

ผมกระดิกหูนิดหนึ่ง ขณะที่คนบ้านตัวเองวิ่งตึงตังเข้าบ้านตะโกนลั่น
 
"มะม้า มะม้า... ทินกลับไปกับชนม์นะ มันมารับแล้ว!"

มะม้ารีบออกมารับไหว้ชนม์ เขาก็คุ้ยกระเป๋าหาถุงยื่นให้

“ของฝากครับ”

“ขอบคุณจ้ะ ทีหลังไม่ต้องหรอกของฝากอะไรเนี่ย ม้าสิต้องฝากชนม์ ฝากดูแลทินด้วยนะจ๊ะ”

"ฝากกันไปฝากกันมา” ทินยืนบ่นอยู่ข้างหลัง “งั้นทินก็ฝากมะม้าบอกป๊าด้วยว่ามะรืนไปกินข้าวกันสี่คนนะ ห้ามไม่ว่าง”

“จ้ะ ทินอย่างอนชนม์ก่อนถึงวันนั้นแล้วกัน”

“มะม้า!” เขาร้อง ก่อนจะลดเสียงเบา “ทินไม่งอนแล้ว หรือถึงงอน ก็จะคุยกับชนม์ให้รู้เรื่องน่า”

มะม้าบิดแก้มลูกชายเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว “ให้มันจริงเถอะ”

เขาพนมมือไหว้มะม้าแล้วเรียกหาผม ก่อนจะก้าวยาวๆ มาอุ้ม ก้มลงกระซิบ "ฉ่อยรู้มั้ย เราคงเพลาๆ ลงจริงๆ แหละ เดี๋ยวครั้งต่อไป ชนม์ไม่ง้อ ยุ่งแน่ๆ"
 
ทินกอดผมเสียแน่นอีกทีหนึ่งก่อนจะขึ้นรถโดยที่ชนม์เป็นคนขับ
 
คราวนี้ผมยอมให้กอดก็เพราะดูจากรูปการณ์แล้ว... คงอีกนานกว่าเขาจะกลับบ้านมาให้ผมปลอบอีก... มั้ง

หวังว่านะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

จบเรื่องที่ 1  :3123: คนเขียนชอบแมวส้มแบบสีเข้มๆ ฝรั่งเรียกว่า ginger cat ทำไมไม่เรียก orange cat ก็ไม่รู้สิเนอะ

เรื่องที่ 2 จะตามมาเร็วๆ นี้ค่า ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 1 [ลงซ้ำที่หายไปและต่อจนจบ] 11 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 11-10-2011 19:04:48
ชอบแมวเหมือนกันเลยจ้า


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 1 [ลงซ้ำที่หายไปและต่อจนจบ] 11 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 11-10-2011 19:10:05
กลับมาเม้นท์ใหม่ค่า คิดถึงแมวส้ม
ที่เค้าเรียกจิงเจอร์เพราะว่าในสมัยโบราณจริงๆ อังกฤษไม่มีส้มค่ะ
สีที่ใกล้เคียงที่สุดคือสีของขิง
อย่างคนที่ผมแดงอมน้ำตาลก็เรียกสีจิงเจอร์เหมือนกัน

ส้มมีต้นกำเนิดจากจีน เข้าสู่ประเทศอิตาลีในศต.ที่ 11 แต่มีรสขม ไม่เป็นที่นิยม
เริ่มขนส่งเข้าไปปลูกจริงจังในยุโรปประมาณปี 1500
แต่กว่าจะรู้จักกันทั่วไปก็ปี 1650
คุ้ยมาคร่าวๆ จากวิกิพีเดียค่า ^^
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 1 [ลงซ้ำที่หายไปและต่อจนจบ] 11 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 11-10-2011 20:31:19
เพิ่งเคยอ่านแนวนี้อะค่ะ
เล่าผ่่านแมว น่ารักดี
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 1 [ลงซ้ำที่หายไปและต่อจนจบ] 11 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-10-2011 21:22:21
 :กอด1:น่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 1 [ลงซ้ำที่หายไปและต่อจนจบ] 11 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 11-10-2011 21:38:39
เข้าใจตั้งชื่อแมว น่ารักดี  เรื่องก็น่ารัก ชอบค่ะ อ่านแล้วสบายใจ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 1 [ลงซ้ำที่หายไปและต่อจนจบ] 11 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 11-10-2011 21:49:40
ไอ้เหมียวน่ารักอ่ะ
ชอบอ่ะ กวนตีนดี^^
 :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 1 [ลงซ้ำที่หายไปและต่อจนจบ] 11 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: Nineน้อย ที่ 11-10-2011 22:33:32
และแล้วก็จบลงด้วยดีเน้อ แมวส้ม อิอิ

น่ารักดีครับผม
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 1 [ลงซ้ำที่หายไปและต่อจนจบ] 11 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 12-10-2011 18:24:25
แมวสีส้ม   น่ารักดี
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 2 [ตอนแรก] 13 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 13-10-2011 16:17:39
คุณ Nineน้อย เห็นตอนจบแล้วสิเนอะ พยายามให้จบลงด้วยดีค่ะ 55
คุณ golove2 บางทีคนเขียนคิดอะไรไม่ออกก็มีแอบหันไปมองเจ้าแมวเหมือนกัน
คุณ fuku ขอบคุณมากค่ะอุตส่าห์ไปค้นข้อมูลให้ด้วย ได้ความรู้มากเลย
คุณ POPEA ขอบคุณค่ะ ตอนเขียนแทบนึกว่าตัวเองเป็นแมวกันเลยทีเดียว
คุณ roseen ขอบคุณค่ะ เจ้าส้มใช่มั้ยคะที่น่ารัก 55
คุณ dahlia ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า แมวเพื่อนของคนเขียนก็ชื่อเจ้าจ่อยล่ะ (ใกล้เคียง)
คุณ bulldog17 ถ้าคิดว่าส้มมันกวนติงแล้ว ยังมีตัวอื่นที่เป็นขั้นกว่าของเจ้าส้มนะ 55 เราชอบคิดว่าแมวทุกตัวมีความร้ายกาจอยู่นิดๆ (ถึงร้ายก็รัก เหอๆ)
คุณ sang som ขอบคุณที่เห็นถึงความน่ารักของเจ้าส้มค่ะ

อ่านเรื่องที่ 2 ต่อกันเลย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เรื่องที่ 2

ตั้งแต่จำความได้ผมก็เห็นลานจอดรถนี้แล้ว มันไม่ใช่ที่จอดรถในอาคาร แต่เป็นลานกว้างเทคอนกรีตหน้าตึกหมู่หนึ่งที่ผมมารู้ภายหลังว่าเป็นสถานทูต มีป้อมยาม แล้วก็สวนหย่อม

นี่คือโลกของผมก่อนจะรู้จักเขา

พี่น้องร่วมครอกแยกย้ายกันไปนานแล้ว เหลือแต่ผมวนเวียนอยู่แถวนั้น มีแมวจากที่อื่นหลงมาบ้าง อยู่ได้ไม่นานก็ไม่เห็นหน้าค่าตากันอีก

ผมรอเขาทุกเช้า... และทุกเย็น
   
ผมเรียกเขาว่าคุณเกนเพราะได้ยินคนแถวนั้นเรียกอย่างนี้ คุณเกนทำงานข้างในตึก เขาเอาอาหารมาเลี้ยงแมวข้างหน้าบ่อยๆ แต่ผมอยากจะเข้าข้างตัวเองว่าเขาจำผมได้ตัวเดียว เพราะเขาเรียกผมว่าเสือ ในขณะที่เรียกตัวอื่นๆ ว่าเจ้าเหมียวโดยไม่เฉพาะเจาะจง
 
นอกจากแมวจรและแมวค่อนข้างประจำอย่างผมที่อยู่แถวนั้นแล้ว กับคนคุณเกนก็ไม่ได้ละเว้น เขาชอบซื้อกาแฟให้ยาม บางทีก็ซื้อขนมให้แม่บ้าน เอาเสื้อมาฝากลูกยามบ้างก็มี คุณเกนเป็นคนอย่างนี้แหละ

เอาข้าวมาเลี้ยงผมอยู่พักใหญ่ๆ ผมก็สังเกตว่าเขามักจะมองผมเหมือนคิดๆ อะไรอยู่สักอย่าง ผมก็มองเขากลับ คุณเกนยิ้ม

เขาแวะมาอีกทีตอนเย็น มองไปมองมาแล้วก็ถามลุงยาม

"ลุงครับ สรุปว่าเจ้าเสือนี่ของลุงเหรอ"

"ไม่ใช่หรอกคุณ" ลุงแกโบกไม้โบกมือ "เจ้านี่มันอยู่นานกว่าตัวอื่น คงติดใจว่าคุณเอาข้าวมาให้กินบ่อยๆ นั่นแหละ ผมไม่ได้เลี้ยงเป็นกิจจะลักษณะหรอก"

"ผมชอบแมวตัวนี้ครับ" คุณเกนประกาศ "ถ้าลุงไม่ได้เลี้ยงอยู่แล้วละก็ ผมขอเอากลับไปเลี้ยงที่บ้านนะ"

เขาเดินเข้ามาใกล้ ก้มลงบอกกับผมว่า "ไปอยู่ด้วยกันนะเสือ ไปด้วยกัน"

ผมเงยหน้ามองเขา รับรู้ว่าผมเชื่อใจเขาได้ ก็เลยร้องเมี้ยวตอบกลับไปเบาๆ และไม่ขืนตัวสักนิดเมื่อเขาก้มลงอุ้ม

คุณเกนคุ้ยๆ กระเป๋าตัวเองได้ผ้าขนหนูผืนย่อมมาปูที่นั่งข้างคนขับ

“ผืนนี้เคยใช้ตอนไปยิม แต่ไม่เป็นไรยกให้”
 
เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ บอกให้ผมอย่าเดินซนมากเดี๋ยวจะกลับไม่ถึงบ้านทั้งคนทั้งแมว พอถอยรถพ้นสถานทูตได้ก็ต่อโทรศัพท์

ผมได้ยินเสียงจากปลายสายสะท้อนออกมาด้วย อาจจะเป็นคนที่บ้านคุณเกนก็ได้

“ครับ”
 
“พี่ป๊อบ!” เขาเรียกอย่างตื่นเต้น “เกนมีอะไรจะเซอร์ไพรส์ พี่ป๊อบถึงบ้านยัง”

“พี่เปิดประตูปุ๊บเกนก็โทรมาเลย”

“ดี อย่าออกไปไหนนะ”

“พี่จะไปไหนล่ะ ปกติมีแต่เกนแหละที่ติดเลี้ยงโน่นนี่” หางเสียงเขาระแวงชอบกล “นี่เกนคิดจะทำอะไรแปลกๆ หรือเปล่า”

“ไม่มี้” คุณเกนก็เสียงสูง เขาเหลือบมองผมที่โดดจากเบาะลงไปสำรวจผ้ายางข้างล่าง “จุ๊ๆ เสือ!”

“เสือ?” คราวนี้ผมว่าเสียงพี่ป๊อบเริ่มตระหนก “ทำไมมีเสืออยู่ในรถเกน”

“เอาน่า ถึงบ้านก็รู้เอง” คุณเกนตัดบทฉับ “เดี๋ยวเจอกันนะพี่ป๊อบ”

ไม่นานเขาก็จอดรถที่หน้าบ้านสองชั้นขนาดไม่ใหญ่นัก ผู้ชายคนหนึ่งยืนชะเง้อชะแง้คอยอยู่ก่อนแล้ว ท่าทางเป็นห่วงไม่เบา คงเป็นคนที่คุณเกนเรียกว่าพี่ป๊อบนั่นแหละ

คุณเกนลงจากรถไปก่อน ตรงเข้าลากแขนพี่ป๊อบไปอีกฝั่งหนึ่งของรถ

“แต่น แตน แต๊น!”

เขาเปิดประตูรถแล้วอุ้มผมออกมา พี่ป๊อบชะงักนิดหนึ่งก่อนจะส่ายหัว

“นี่ไงเสือ ตกใจเปล่า”

“ถ้าเทียบกับที่เกนเคยทำๆ มาละก็ แค่นี้เรื่องเล็ก” พี่ป๊อบบอก ก่อนจะสงสัยว่าอยู่ๆ เอาแมวกลับบ้านแบบนี้ไม่รู้ได้ฉีดวัคซีนอะไรบ้างหรือยัง
 
“พี่ป๊อบก็พาไปหาหมอหน่อยสิพรุ่งนี้ วันเสาร์แล้วนี่นา”

ผมเริ่มดิ้น ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าวัคซีนคืออะไร แต่สังหรณ์ว่ามันคงจะไม่ค่อยดี

“เกนปล่อยก่อนเดี๋ยวข่วน เข้าบ้านไปล้างไม้ล้างมือซะทางนี้พี่จัดการให้”

ถึงจะแปลกใจที่อยู่ๆ คุณเกนก็มีแมวกลับบ้านมาด้วยจากที่ทำงาน แต่พี่ป๊อบก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับเช็ดเนื้อเช็ดตัวเอาข้าวให้กิน

และเพราะพี่ป๊อบคงรักคุณเกนมาก อะไรที่คุณเกนรักเขาก็รักด้วย ผมเลยได้เป็นแมวมีบ้าน และมีคนสองคนที่รักผม 

ชีวิตดูจะดีไม่หยอกเลยใช่มั้ยล่ะ

ทั้งบ้านเขาก็อยู่กันสองคนเท่านี้ ไม่มีคนมาช่วยงานอย่างอื่น ผมได้รู้ในเวลาต่อมาว่า จริงๆ แล้วมีพี่ป๊อบก็เหมือนมีพ่อบ้าน ช่างสารพัด และคนสวนพร้อมเสร็จสรรพ คุณเกนแทบไม่ต้องกระดิกนิ้วทำอะไรเลย พี่ป๊อบช่างบริการที่สุด

วันหนึ่งคุณเกนมีเพื่อนมากินข้าว ได้ยินว่าเป็นเพื่อนสมัยเรียน ทุกครั้งที่มีเพื่อนมาบ้านพี่ป๊อบก็เป็นคนทำกับข้าว คุณเกนดูออกจะภูมิใจที่แฟนมีเสน่ห์ปลายจวัก พี่ป๊อบไม่ค่อยอยู่กินด้วย ชอบทำไว้ให้แล้วออกไป ปล่อยคุณเกนคุยกับเพื่อนเต็มที่

เขานั่งกินกันที่นอกชาน ผมก็หมอบอยู่แถวนั้นเงียบๆ แต่พูดก็พูดเถอะ ผมอยากให้พี่ป๊อบอยู่ด้วยเสียจริง จะรู้ไหมเนี่ยว่าออกจากบ้านทีไรวงสนทนาชอบวกมาเรื่องตัวเอง มันเริ่มอย่างนี้
 
“ฉันไปฟิตเนสมานะแก ฮู้ย เจอคนหนึ่งหล่อมาก...” คนพูดเป็นผู้หญิง จีบปากจีบคอซะ “อยากให้แกไปดูด้วยจริงๆ นะเกน ถ้ากลุ่มเป้าหมายเขาไม่ใช่อย่างฉัน จะได้ยกให้แกไป”

“เราออกจากวงการแล้ว” คุณเกนบอกพลางหัวเราะ
 
“จะว่าไป คนที่ทำให้เกนเลิกกับกิ๊กทั้งหลายได้แล้วมาคบคนเดียวนี่ มันต้องมีอะไรดีน่ะ”

“ก็ดีสิ ดีมาก” คุณเกนตอบสั้นๆ เหมือนเคย

"แต่เราว่าพี่ป๊อบจืดออก" เพื่อนคนหนึ่งวิจารณ์อย่างไม่เกรงใจ
 
คุณเกนก็ไม่แก้เสียด้วย ได้แต่นั่งยิ้มๆ จนเพื่อนคนนั้นต้องพูดเสริมเสียเอง

"เราไม่ได้ตั้งใจว่าพี่ป๊อบนะ แค่รู้สึกว่าคนอย่างเกน... ไม่น่าจะอยู่กับคนอย่างพี่ป๊อบเท่านั้นเอง"

นี่มันดีขึ้นตรงไหนเนี่ย ผมนั่งหูลู่อย่างไม่สบอารมณ์
 
"แล้วเราควรจะอยู่กับคนอย่างไหนล่ะ" คุณเกนว่า "เผ็ดเปรี้ยว หวานหรือเค็มดี"

คนอื่นๆ หัวเราะกัน อีกคนบอกว่า "ก็ปกติเห็นชอบให้ชีวิตมีสีสัน มีรสชาติ"

"เผ็ดเปรี้ยวกินตอนแรกอาจจะอร่อย แต่เดี๋ยวก็แสบท้อง... หวานเกินก็เลี่ยน เค็มเกินก็ไม่ดีอีก" คุณเกนพูดเสียงจริงจัง "รสไม่จัดมากน่ะดีแล้ว กินได้เรื่อยๆ นานๆ"

ชีวิตของคุณเกนข้างนอก หน้าที่การงานของเขาคงหนักแล้วก็เครียดพออยู่แล้ว กลับบ้านเขาคงอยากได้ความสงบ... ซึ่งก็มีอยู่ในตัวพี่ป๊อบ (กับแมวอย่างผม)

เพราะฉะนั้น ถึงคุณเกนกับพี่ป๊อบจะดูแตกต่างกัน แต่ก็อยู่ด้วยกันได้อย่างราบรื่นดี พี่ป๊อบใจเย็นเป็นน้ำ ส่วนคุณเกนก็ไม่ขยันหาเรื่อง จริงอยู่เขาเพื่อนเยอะ สังคมจัด แต่ก็ไม่เคยให้มันมากระทบกระเทือนกล้ำกรายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพี่ป๊อบ

จนกระทั่ง...


เย็นวันจันทร์คุณเกนกลับบ้านมาหน้าตายิ้มย่องผ่องใสจนพี่ป๊อบต้องถาม

“วันนี้มีเรื่องอะไรดีหรือเกน”

“นักการทูตเพิ่งมาประจำใหม่ พี่ป๊อบก็รู้ปกติเกนต้องทำงานแต่กับคนแก่ๆ แล้วก็เรื่องมากเป็นที่สุด แต่คนนี้ยังหนุ่มอยู่แถมน่ารัก นิสัยดี” คุณเกนเล่าจ้อ “เป็นลูกครึ่งไทยด้วย พูดไทยได้นิดหน่อย ให้เกนสอนให้อีก”

“เหรอ ชื่ออะไรล่ะ” พี่ป๊อบก็ถามเรื่อยๆ ผมว่าเขาคงชินเพราะคุณเกนทำงานที่ต้องเจอคนมาก กลับมาก็มักจะเล่าโน่นเล่านี่ให้ฟังบ่อยๆ ไม่เหมือนพี่ป๊อบที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ วันๆ อยู่แต่ในแล็บ (นี่ผมก็ฟังจากเพื่อนคุณเกนพูดนั่นแหละ)
 
“แอรอน เกนตั้งให้ใหม่ว่าอรุณ เขาชอบใหญ่ ฮ่าๆ”

“แจนเจอรึยัง”

ในจำนวนเพื่อนของคุณเกน ผมชอบแจนที่สุด แจนทำงานที่เดียวกับคุณเกน ท่าทางใจดี ถ้าพูดถึงพี่ป๊อบก็มีแต่ในทางชื่นชมทั้งนั้น แล้วแจนก็ชอบลูบหัวเกาคางผมด้วย

“วันที่เขามาวันแรกแจนลากิจซะนี่ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็เจอ”

หลังจากวันนั้นคุณเกนก็มีเรื่องของนายแอรอนกลับมาเล่าให้พี่ป๊อบฟังทุกวัน ผมก็เลยได้รู้ว่าเขาจบมหาวิทยาลัยดังจากอเมริกา บ้านรวย แต่ไม่ได้ติดหรู พาไปกินอะไรแถวข้างถนนก็นั่งได้ ทำงานเก่ง เก่งมากด้วย...

“วันนี้เลย เจ้าหน้าที่ทูตฝ่ายการเมืองคนหนึ่ง ที่เกนเคยเล่าให้พี่ป๊อบฟังว่าเป็นฝรั่งยะโสมาก จะเอาข่าวย้อนหลังไปตั้งปี วันที่อะไรก็ไม่รู้ทั้งสิ้น ให้เกนสรุปมาให้ได้เอาเดี๋ยวนั้น พอดีแอรอนได้ยิน ฮีจำได้หมดว่าเดือนไหน สื่ออะไร ทุ่นเวลาไปได้เยอะ เกนเลยทำทัน” คุณเกนว่า “แถมยังช่วยแนะนำตรงวิเคราะห์ข่าวให้ด้วย”

พี่ป๊อบยิ้ม บอกว่าดีแล้ว ก่อนจะบอกว่าวันนี้ทำของโปรดไว้ให้ทาน

ผมเดินตามเขาสองคนเข้าครัว ดูคุณเกนออกจะชื่นชมแอรอนอยู่ไม่น้อย คุณเกนก็เป็นคนทำงานเก่ง ไม่แปลกที่จะชอบคนเก่งเหมือนๆ กัน

เพียงแต่แอรอนเป็นคนแรกที่ผมเห็นคุณเกนชื่นชมออกนอกหน้าขนาดนี้เท่านั้นเอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ต่อตอนต่อไปพรุ่งนี้นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 2 [ตอนที่ 2] 14 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 14-10-2011 17:58:49
เรื่องที่ 2 (ต่อ)

บางทีคุณเกนก็ต้องไปงานเลี้ยงบ้าง ส่วนใหญ่เกี่ยวกับงานในหน้าที่ที่เขาทำ คุณเกนว่า “ไปยืนถือแก้วคุยกัน กินอะไรก็ไม่อิ่ม” พี่ป๊อบที่ไม่ชอบออกงานสังคมเป็นที่สุดก็จะแค่ทำกับข้าวแล้วก็... รอ เหมือนเคย
   
“พี่ป๊อบ วันนี้ไม่ต้องรอกินข้าวนะ”

คุณเกนโทรมาตอนพี่ป๊อบกำลังปลดผ้ากันเปื้อนพอดี
 
“อ้าว มีเลี้ยงเหรอ”

“เย็นนี้เกนไปกินกับแอรอนน่ะ”

คิ้วพี่ป๊อบเริ่มขมวด แต่เสียงเขาก็ยังเรียบๆ ใจดีเหมือนเคย ผมรู้มาตั้งนานแล้วว่าไม่ว่าสีหน้าพี่ป๊อบจะเป็นอย่างไร แต่คนที่อยู่ปลายสายไม่มีทางรู้ เพราะมันจะไม่ออกไปในน้ำเสียงเด็ดขาด

“ไปกันสองคน?”

“อืม... เขาว่ามีอะไรต้องคุยกับเกนน่ะ คุยที่ทำงานไม่สะดวก แค่นี้ก่อนนะพี่ป๊อบเกนจะเข้าลิฟต์แล้ว เจอกันที่บ้านนะ”

คุณเกนวางหูไปแล้วพี่ป๊อบก็ยืนนิ่งอยู่พักใหญ่ หน้าตาคิดไม่ตกก่อนจะถอนใจแล้วเอาโทรศัพท์ไปเก็บที่

"กินข้าวกันสองคนอีกแล้วเนอะเรา" เขาบ่นหงอยๆ
 
ถ้าคุณเกนกินข้าวบ้าน พี่ป๊อบถึงจะกุลีกุจอไปจัดโต๊ะกินข้าวเสียสวยไว้รอ (แล้วผมก็กินข้าวตัวเดียวในครัวอะ ไม่เห็นมีใครสนใจ) แต่ถ้าเป็นอย่างวันนี้เขาก็จะนั่งลงกินที่โต๊ะในห้องครัวเลย

เก็บสำรับเรียบร้อยพี่ป๊อบก็ไปเปิดทีวีที่ห้องรับแขก ถึงคุณเกนบอกว่าไม่กลับมากินข้าวบ้านแต่พี่ป๊อบก็เก็บกับข้าวไว้ให้ทุกครั้ง

เสียงกริ่งดังขึ้น พี่ป๊อบผุดลุกขึ้นท่าทางดีใจ แต่ก็ดีใจได้แป๊บเดียว เพราะเขาย่อมคิดได้ว่าคุณเกนไม่จำเป็นต้องกดกริ่ง

ผมโดดขึ้นไปดูที่ริมหน้าต่าง ปรากฎว่าเป็นแจน จอดรถติดเครื่องเอาไว้โบกไม้โบกมือมาจากประตูหน้าบ้าน
 
พี่ป๊อบเดินออกไปรับ จากตรงนี้ผมได้ยินเขาพูดกันค่อนข้างชัด

“เป็นไงแจน จะเข้าบ้านไหม”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแจนรีบน่ะ แวะเอาเอกสารประชุมพรุ่งนี้มาให้เกน พอดีแจนต้องไปต่างจังหวัดด่วนเข้าประชุมด้วยไม่ได้”

“เกนไม่อยู่ พี่เก็บไว้ให้แล้วกันนะ” พี่ป๊อบบอก นิ่งไปนิดเหมือนชั่งใจ ก่อนจะเอ่ยถาม “เกนเขาไม่ได้บอกแจนเหรอว่าไปไหน”

“อ้าว เกนออกไปอีกเหรอคะ ตอนเลิกงานเห็นบอกจะกลับบ้าน”

พี่ป๊อบเพียงแต่ยิ้มนิดหน่อย รับเอกสารมาแล้วก็บอกให้แจนขับรถดีๆ
   
ผมนั่งรอพี่ป๊อบเปิดหน้าต่างให้ออกไปเหมือนทุกคืน เขาก็ใจลอยอยู่นั่นจนผมต้องแง้วเตือน
 
ย่ำไปย่ำมาในสวนแป๊บหนึ่งผมก็ไปแง้วที่หน้าต่างใหม่

สงสัยพี่ป๊อบจะยังนั่งเหม่ออยู่แน่ๆ ผมต้องแง้วอีกหลายครั้งเขาถึงลุกมาเลื่อนบานหน้าต่างเปิดออกให้
 
"โทษทีๆ ไม่นึกว่าจะกลับเร็ว"

จริงของเขา บางคืนผมท่องราตรีจนจะเช้า แต่คืนนี้ผมว่าพี่ป๊อบอยู่บ้านคนเดียวคงจะเหงานะ

เขากลับไปนั่งที่โซฟากดรีโมตเปลี่ยนช่องไปมา ผมโดดขึ้นนั่งข้างๆ เป็นที่ประจำ ถ้าคุณเกนอยู่บ้านเขาจะนั่งอีกข้างของพี่ป๊อบ แล้วเอื้อมมือมาลูบผมเป็นครั้งคราว ว่าไปทำไมเขาไม่กลับมาซะทีนะเนี่ย...
 
ผมเงยหน้ามองพี่ป๊อบ เห็นนั่งท้าวคางโน้มตัวไปข้างหน้า แต่ผมว่าไม่ได้ดูทีวีหรอก แป๊บๆ ก็ชะเง้อคอยดูรถ

ผมสงสารเขานะ อยากบอกว่าเขาไม่ได้รอคุณเกนอยู่คนเดียว ผมก็รอเป็นเพื่อนเหมือนกัน แต่จะปีนขึ้นตักเลยก็ใช่ที่ พอดีไม่ใช่แมวประเภทนั้น กระดากตัวเอง เลยเอาอุ้งเท้าหน้าไปวางทับมืออีกข้างของพี่ป๊อบที่วางอยู่บนโซฟา

เขาเอื้อมมือข้างที่ว่างมาลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะหันมองไปทางหน้าบ้านอีก

จนเกือบเที่ยงคืนนั่นแหละคุณเกนถึงได้กลับ แต่ว่ากลับแท็กซี่ ไม่ใช่รถตัวเองอย่างที่ขับออกจากบ้านไปเมื่อเช้า

พี่ป๊อบแทบจะกระโจนไปเปิดประตู คุณเกนลงจากรถด้วยท่าทางปกติ ควักตังค์ให้แท็กซี่ หันมาเจอคนรออยู่ก็ยิ้ม

อีกฝ่ายมองกวาดทั่วจนถึงแท็กซี่ที่ถอยออกไป ส่วนคุณเกนก็เดินอย่างสบายใจเข้าบ้าน

“พี่ป๊อบไม่ต้องสงสัย รถเกนอยู่ที่ร้านนั่นแหละ พอดีแอรอนเกิดครึ้มสั่งไวน์มา แต่เราก็รับผิดชอบต่อสังคม” เขาหัวเราะนิดๆ “ทั้งๆ ที่กินกันแค่คนละแก้ว เลยจอดรถทิ้งไว้แล้วแยกย้ายกันกลับแท็กซี่”

พี่ป๊อบทำหน้าผิดคาดนิดหน่อย แต่เขาก็ว่า

“ทีหลังบอกสิ พี่ไปรับ”

“โอ๊ยไม่เป็นไร สติสัมปชัญญะอยู่ครบถ้วนทุกอย่าง”

“พี่รู้ว่าเกนไม่ได้เมา แต่พี่ห่วง...” เขาเริ่มแล้วก็หยุด กลับถาม “แล้วนี่มีเรื่องอะไรฉลองกันสั่งไวน์ด้วย”

“หึๆ เรื่องดีๆ ของแอรอนเขาล่ะสิ” คุณเกนว่า “เออว่าแต่ ร้านที่เกนไปกินวันนี้สวยมากเลยนะ บรรยากาศโอเคเลย อาหารก็อร่อย ไว้เราไปกันมั่งเนอะ”

“ร้านอื่นก็ได้มั้ง” พี่ป๊อบพูดเบาๆ คุณเกนคงไม่ได้ยินแล้วเพราะว่าขึ้นบันไดไปอาบน้ำ “พี่ไม่อยากไปซ้ำ”

พี่ป๊อบไม่เคยซักคุณเกน ไม่เคยคาดคั้น เขาให้อิสระคุณเกนเต็มที่ เท่าที่ผ่านมา คุณเกนก็ไม่เคยเสียประวัติ

“ถ้าพี่คิดจะหาเรื่องหึงเกน คงหึงได้วันละเป็นร้อยรอบ” เขาเคยพูด

จริงๆ พี่ป๊อบก็มีเหตุผลสมควรทุกอย่างที่จะหึง ยกเรื่องที่คุณเกนเสน่ห์แรง หน้าตาดี อัธยาศัยเป็นเลิศซึ่งเป็นเรื่องช่วยไม่ได้แล้ว การที่คุณเกนไปกินข้าวสองต่อสองกับผู้ชายที่พี่ป๊อบไม่รู้จักนี่มันก็น่ากังวลอยู่ไม่น้อย

เพียงแต่... พี่ป๊อบเชื่อใจคุณเกนโดยไม่มีข้อแม้ ผมคิดว่านั่นแหละ
 
... ความรักของพี่ป๊อบ


แต่แล้ววันต่อมาคุณเกนก็บอกว่าอาทิตย์หน้าจะชวนแอรอนมาทานข้าวที่บ้าน เห็นบ่นอยากกินอาหารไทย แต่ใครทำก็ไม่อร่อยเท่าพี่ป๊อบเลยให้ตาย คุณเกนเลยอยากให้เขาได้กินที่มันไทยแท้ถึงเครื่อง
 
พี่ป๊อบจะทำอะไรได้นอกจากรับปากแล้วก็จดรายการออกไปซื้อของ ส่วนผมก็อารมณ์บ่จอยใส่คุณเกนไปทั้งวันจนเขาบ่นว่าเสือเป็นอะไร ฟ่อดแฟ่ดไม่ยอมให้อุ้มเหมือนเคย

... คุณเกนนะคุณเกน จะพาศัตรูหัวใจของพี่ป๊อบเข้าบ้าน แถมให้พี่ป๊อบทำกับข้าวเลี้ยงด้วย พี่ป๊อบก็ช่างทำตัวเป็นสามีทาส (ไม่ต้องถามว่าผมรู้ได้ไงว่าเขาเป็นสามี) ไม่มีปากเสียง ผมรู้ว่าพี่ป๊อบช่างอดช่างทน แต่ความอดทนของคนย่อมมีขีดจำกัดใช่รึเปล่า

ผมยังไม่อยากเป็นแมวบ้านแตกนะ!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

พบกับตอนจบของเรื่องที่ 2 พรุ่งนี้ค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 2 [ตอนที่ 2] 14 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 14-10-2011 20:28:32
พี่ป๊อบขา แสดงออกว่าหึงบ้างหวงบ้าง นิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอกนะคะ  ได้แต่หวังว่าคุณเกนคงไม่ทำร้ายพี่ป๊อบที่แสนดีได้ลงคอหรอกนะ แถมแมวบางตัวจะได้ไม่ต้องกลายเป็นแมวบ้านแตก 555555
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 2 [ตอนที่ 2] 14 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 14-10-2011 21:29:00
โฮ้ยยยย อ่านแล้วติดแมวทันใด ^^
กดเป็ดให้เพราะวรรคเกือบสุดท้ายเนี่ยแหละ
--แต่ความอดทนของคนย่อมมีขีดจำกัดใช่หรือเปล่า--

เรื่องแรก...นายเอกขี้งอนง่อนแง่น แต่ก็ไม่มีอะไรให้กังวล
ส่วนเรื่อง 2...ยังไม่จบ แต่แบบว่า...นายเอกมัวปลื้มคนอื่น บริหารเสน่ห์บ่อยๆ ระวังคนใกล้จะไปไม่รู้ตัว ขำไม่ออกนะเออ เหอๆ

รอตอนต่อ...หวังว่าจะแฮปปี้เนาะ ^^ คนอ่านไม่ปลื้มมาม่าซักเท่าไหร่ค่าาาา
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 2 [ตอนที่ 2] 14 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 14-10-2011 23:19:41
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ก็คนมันขี้หึง...นึดนึงก็คิดไกล~

ปล้ำลิง.พี่เสือน่าร๊ากกกก
:m3:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 2 [ตอนที่ 2] 14 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 15-10-2011 00:17:53
หวังให้แอรอนเป็นเผ่าเดียวกับเกน กร๊ากกกกกกกกกกกกกก
เค้าตะหงิดๆ ไงพิกลอ่ะ
แบบว่าเกนดูน่ารักๆ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 2 [ตอนจบ] 15 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 15-10-2011 18:04:27
เรื่องที่ 2 (จบ)

วันอาทิตย์มาถึงเร็วกว่าที่คิด ผมแอบดูจากชานพักบันไดโดยโผล่หน้ามาครึ่งซีก ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้จักผมขอประเมินจากระยะไกลว่าไว้ใจได้ไหม ถ้าได้ถึงจะเฉียดเข้าไปใกล้

สำหรับคนนี้ผมขออคติไว้ก่อน ก็ผมอยู่ฝ่ายพี่ป๊อบเต็มประตู แขกของคุณเกนเป็นคนยังไงจะได้รู้กัน

เพราะสุภาษิตเขาบอกให้ระวังคนที่ไม่ชอบแมวน่ะสิ

ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงรถจอดหน้าบ้าน คุณเกนออกไปรับแขกในขณะที่พี่ป๊อบทำกับข้าวเสร็จพอดี สองคนเดินคุยกันเข้าบ้านมาท่าทางชื่นมื่น แอรอนก็นับว่าเป็นลูกครึ่งที่หน้าตาดีคนหนึ่งล่ะนะ แต่ตอนนี้ผมเข้าข้างพี่ป๊อบแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ช่วยไม่ได้ที่แอรอนจะดูหล่อน้อยลงไปมาก

พี่ป๊อบออกมาจากครัว ปลดผ้ากันเปื้อนเรียบร้อยแล้ว ปกติถ้าคุณเกนมีเพื่อนมาบ้านโดยเฉพาะเป็นกลุ่มใหญ่เขามักจะทำกับข้าวไว้ให้แล้วออกไปข้างนอก แต่คราวนี้เป็นตายยังไงเขาคงต้องอยู่
 
พี่ป๊อบกวาดสายตามองแอรอนหัวจรดเท้า จริงๆ แล้วผมรับรองได้ว่าพี่ป๊อบน่ะใจดีมีเมตตามากๆ ไม่ว่าจะกับใครหรืออะไรก็ตาม แต่ตอนนี้รังสีคุกคามแผ่ชัดเลย
 
ก็แค่รังสีน่ะ เพราะสีหน้าเขายังเรียบเฉยเหมือนเคย
 
คุณเกนดูจะไม่สังเกต ส่วนแอรอนก็ส่งยิ้มให้พี่ป๊อบตามปกติ เสร็จสิ้นการแนะนำ (ที่พี่ป๊อบยื่นมือไปจับกับแอรอนอย่างเสียไม่ได้) คุณเกนก็นำไปโต๊ะอาหาร แต่แขกอุทานขึ้นเสียก่อนด้วยภาษาไทยออกจะติดสำเนียง

“นั่นแมวคุณรึเกน น่ารักมาก... เหมือนไทเกอร์”

แอรอนคงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรมากถ้าไม่รังเกียจแมว แต่เดี๋ยวก่อน ยังไงผมก็รักพี่ป๊อบที่สุดล่ะ

“ผมเอามาจากที่ทำงานนั่นแหละ ชื่อก็ไทเกอร์ด้วย ภาษาไทยเรียกว่าเสือ”

“เสื้อ?”

“ไม่ นั้นเชิ้ตแล้ว” คุณเกนแก้พลางหัวเราะขำ “เสือ”

“แมวเอมบาสซี่เหรอ ทำไมผมไม่เคยเห็น”

“ผมเอาเสือกลับบ้านก่อนเขาส่งคุณมาประจำอีก”

พี่ป๊อบกระแอม “อาหารอาจจะเผ็ดไปบ้าง ผมไม่ทราบว่าคุณชอบทานอะไร เกนไม่ได้บอกไว้”

“ผมทานได้ทุกอย่าง” แอรอนบอก “ขอบคุณครับที่เชิญมา เกนพูดถึงคุณบ่อยๆ”

พี่ป๊อบเลิกคิ้ว คงจะสงสัยเหมือนผมว่าที่ ‘พูดถึงบ่อยๆ’ นั้นพูดถึงอย่างไร แต่เขาก็ไม่ถาม กลับตักกับข้าวให้แอรอนอย่างมีมารยาท

แอรอนเริ่มกินก็น้ำหูน้ำตาไหล เหงื่อแตกเต็มกระหม่อม แต่ก็ชมเปาะว่าอร่อยจริงๆ ถึงใจ ไม่เหมือนอาหารไทยที่เขาเคยกิน

ผมป้วนเปี้ยนไปใกล้ ได้ยินคุณเกนกระซิบ “พี่ป๊อบ ทำเผ็ดกว่าทุกทีรึเปล่าเนี่ย”

“ปกติ” พี่ป๊อบตอบเสียงเรียบ “แขกก็ชมว่าอร่อย”

“แต่แอรอนเป็นฝรั่ง ไม่เคยกินเผ็ดขนาดนี้เดี๋ยวก็จู๊ดๆ หรอก”

ได้ยินเสียงแอรอนสูดปากพลางคว้าแก้วน้ำ คุณเกนก็หันไปดูแลแขกขอโทษขอโพย เห็นแอรอนสั่นศีรษะเชิงว่าไม่เป็นไรแล้วจับแขนคุณเกนยิ้มให้
       
พี่ป๊อบลุกขึ้นพรวดพร้อมๆ กับที่กริ่งหน้าบ้านดังขึ้น เขารีบกลบเกลื่อนสีหน้าให้เป็นปกติแล้วพูดว่า

“พี่ไปดูให้”

สักพักเขาก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับแจน หน้าตางงๆ เล็กน้อย

“แจนบอกเกนนัดมาทานข้าว?”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว” คุณเกนรีบไปหยิบจานช้อนส้อมผ้ารอง วางเพิ่มอีกที่บนโต๊ะให้เสร็จสรรพ “ได้ข่าวนัดเที่ยงนะแจน หิวเลยกินกันไปก่อนบ้างแล้วเนี่ย”

คุณเกนจับเพื่อนนั่งแล้วว่า “พี่ป๊อบ มีกับข้าวต้องไปดูเพิ่มไม่ใช่เหรอ เกนช่วยนะ” จากนั้นก็ลากพี่ป๊อบที่หน้าตายังงงไม่หายเข้าครัว

ผมตามเข้าไปด้วย คุณเกนแง้มประตูครัวไว้นิดๆ มีการหัวเราะอีก ท่าทางชอบใจเสียหนักหนา ส่วนสองคนที่ประจันหน้ากันอยู่ที่โต๊ะกินข้าวก็ดูขัดเขินชอบกล แต่... ทำไมผมสัมผัสได้ถึงบรรยากาศสีชมพู

“เกน นี่มันหมายความว่ายังไงน่ะ” พี่ป๊อบเท้าประตูครัวไว้แล้วถามคุณเกน ดึงความสนใจมาจากห้องอาหารเสีย

“ยังต้องถามอีกเหรอพี่ป๊อบ ก็แอรอนชอบยายแจนน่ะสิ” คุณเกนพูดเหมือนกับว่าใครๆ ก็ควรดูออก “เกนก็แค่... ช่วยนิดๆ หน่อยๆ ช่วยให้คนเขาสมหวังนี่ได้บุญแรงนะ”

พี่ป๊อบโบกมือก่อนจะชะงัก “เดี๋ยว งั้นที่เขาบอกมีเรื่องจะปรึกษา...”

“ก็เรื่องแจนเนี่ยล่ะ เกนก็บอกพี่ป๊อบไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าคุยที่ทำงานไม่สะดวกน่ะ”

“แล้วเราแน่ใจได้ยังไงว่าแจนจะไม่ปฏิเสธ เดี๋ยวก็เสียเพื่อนหรอก”

“เกนก็ไปเลียบเคียงยายแจนมาแล้วน่ะสิ ฝั่งเราก็ชอบเขาอยู่ บอกแอรอนถึงได้อารมณ์ดี สั่งไวน์มาฉลอง”

พี่ป๊อบถอนใจยาว “ที่ไปกินข้าวที่ร้าน...”
 
“แอรอนอยากจะพายายแจนไปเดต ลำบากเราอีก ตอนไปดูที่กับแอรอนก็หลบยายแจนเสียแทบแย่ ต้องบอกว่ากลับบ้าน แอรอนเห็นว่าเกนสนิทกับแจนที่สุดในที่ทำงาน เป็นคนเดียวที่เขาจะขอความช่วยเหลือได้ เกนน่าจะรู้ว่าแจนชอบไม่ชอบอะไร เลยขอแรงให้ไปดูร้านดูอาหารกับเขาหน่อยว่าจะถูกใจแจนไหม”

อ๊อ... มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ผมนั่งเอาหางเคาะพื้นฟังเขาคุยกัน

“แล้ววันนี้อีก”

“แอรอนอยากกินอาหารไทยจริงๆ เขาไม่รู้หรอกว่าเกนนัดแจนด้วย ขืนให้พี่ป๊อบจัดสี่ที่ตั้งแต่ต้น ไม่วายถามอีก... ความจริงเกนก็เพิ่งนึกได้ว่าควรจะนัดยายแจนเสียเลย มันจะมีที่ไหนดีไปกว่าบ้านเราล่ะ... จับมาเจอกันซะจะได้คุยให้รู้เรื่องกันไป ตัวเองก็ชอบเขา แอรอนก็ดีทุกอย่าง มัวแต่ขี้อายชาตินี้เมื่อไหร่จะมีแฟน ร้านที่อุตส่าห์ไปช่วยดูไว้เป็นหมันกันพอดี”

“เป็นพ่อสื่อพ่อชัก เหมือนวัวพันหลักชักเข้าตัวเอง” พี่ป๊อบว่าลอยๆ คุณเกนหัวเราะ

“อย่ามา กรณีนั้นมันพี่ไม่ใช่เหรอ เป็นพ่อสื่อให้เพื่อนแล้วมาหลงรักเกนเสียเองเนี่ย”
 
พี่ป๊อบยืนอ้ำอึ้ง พูดจาเข้าตัวเองชัดๆ นี่ผมก็เพิ่งรู้ประวัติความรักทั้งคู่เหมือนกัน

“พี่ป๊อบซักเกนขนาดนี้ แปลกนะเนี่ย” คุณเกนทำเสียงตื่นเต้นเหมือนกำลังประกาศข่าวอะไรสักอย่าง “ครั้งแรกในรอบร้อย... ปี พี่ป๊อบของเกนออกอาการหึง...”

“หึงอะไร้” พี่ป๊อบว่า ก่อนจะบอก “เกนมาเลือกพี่ก็เพราะพี่ไม่ขี้หวงขี้หึงไม่ใช่เหรอ”

“ส่วนหนึ่ง เกนไม่ชอบความวุ่นวาย... คนเรา ถ้าไว้ใจกันจริง ไม่จำเป็นต้องแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ถ้าเป็นของเรา ก็ต้องเป็นของเราอยู่วันยังค่ำ สงสัยได้ ก็แค่... ถาม” คุณเกนบอก “พี่ป๊อบก็รู้ เกนตอบทุกอย่างแหละ เพราะเกนไม่มีอะไรจะปิดบัง”

“บางทีเกนตอบไม่หมด”

“จริงเหรอ ไม่ได้ตั้งใจ คราวหน้าก็ถามจนกว่าจะเคลียร์ก็ได้นี่” คุณเกนสบตาพี่ป๊อบแล้วอมยิ้ม ตาเป็นประกายวิบวับเชียว
 
พี่ป๊อบก็ว่า “พี่ยังเชื่อใจเกนเต็มร้อยอยู่ เคยเชื่อยังไงก็เชื่ออย่างนั้น เพียงแต่... เกนไม่เคยชมผู้ชายอื่นต่อหน้าพี่”

"นี่เองเหรอที่ทำให้คิดมาก ก็เขาดีจริงๆ นี่" คุณเกนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ "แต่เป็นคนดี... ของคนอื่น ในกรณีนี้อยากให้เป็นแจน คนดีของเกนมีคนเดียว พี่ป๊อบก็รู้ว่าใคร"

คุณเกนล่ะปากหวาน ผมกลิ้งลงม้วนต้วนกับพื้น อายแทนพี่ป๊อบ

“ใครน้า”

“พูดขนาดนี้ไม่รู้ตัวอีกก็บ้าแล้ว ออกไปดูสองคนนั่นหน่อยดีกว่า” คุณเกนทำท่าจะเปิดประตูครัว แต่พี่ป๊อบดึงแขนไว้

“เดี๋ยวก่อนก็ได้ เกนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าให้เวลาเขาได้คุยกัน”

เห็นสองคนในครัวก้มหน้าลงใกล้กันทุกทีๆ ผมก็ออกจากห้องใช้เท้าหลังเขี่ยประตูปิดให้เสร็จสรรพ
 
ใครจะว่ายังไงผมไม่รู้หรอกนะ

แต่เอาเป็นว่า พี่ป๊อบน่ะไม่ได้ ‘จืด’ อย่างที่เพื่อนคุณเกนเขาพูดกันหรอก

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณทุกเมนต์ บวก และเป็ดมากๆ ค่า เป็ดคืนให้ทุกคน
 
คุณ dahlia พี่ป๊อบเป็นพวกขี้หึงหลบในอะค่ะ 55 แสดงออกได้แค่เนี้ย ส่วนเสือยังอยู่แฮปปี้ดี ^^
คุณ Gokusan ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า เกนเขาปลื้มไว้ให้เพื่อนน่ะ แต่เห็นด้วยเรื่องคนชอบบริหารเสน่ห์นะ
คุณ bulldog17 จริงด้วย ไม่รู้รึไง... ว่าใครมันรักเธอ 55
คุณ fuku แอรอนฮีเผอิญสเตรทน่ะ (เผอิญ?) ยกให้แจนไปละกันเนอะ

สุภาษิตที่ว่าอย่าไว้ใจคนไม่ชอบแมวนี่เสือมันไม่ได้แต่งเองนะ เห็นว่าเป็นสุภาษิตของไอริชน่ะค่ะ

แล้วพบกันในเรื่องที่ 3 เร็วๆ นี้ นะจ๊ะ
  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 2 [ตอนจบ] 15 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 15-10-2011 19:27:18
ว้ายยยยยย~♥!!!
เสือเขิน คนก็เขินนะ
คู่นี้น่ารักจัง ชอบอ่ะ
 :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 2 [ตอนจบ] 15 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: lidelia ที่ 15-10-2011 19:46:25
นึกว่าเกนจะนอกใจซะแล้ว  :เฮ้อ: :เฮ้อ:

 :กอด1:คนเขียน
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 2 [ตอนจบ] 15 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 15-10-2011 20:02:30
อรั๊ยยยย พี่ป๊อบไม่ได้จืดดดจริงๆด้วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 2 [ตอนจบ] 15 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 15-10-2011 20:34:24
น่ารักทั้ง 2 ตัวเลยน้า
รอเรื่องต่อไป
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 2 [ตอนจบ] 15 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 15-10-2011 20:53:08
พี่ป๊อบน่ารักจังเลย แหมอยากเห็นพี่ป๊อบตอนเป็นพ่อสื่อนะ 555

วันนึกว่าจะได้รับอุปถัมภ์แมวบ้านแตกซะอีก อดเลยอะ 555555555555555555555
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 2 [ตอนจบ] 15 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 15-10-2011 22:54:30
หึงนิดๆ พอให้รู้น่ารักออกนะ
แบบทำให้เรารู้ตัวว่าสำคัญ โหยยยยยยยยย พระเอกมาก
กอดทีนึงนะคะคุณป๊อบ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 1] 17 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 17-10-2011 18:23:21
คุณ bulldog17 เสือเป็นแมวขี้เขินเล็กน้อย 555
คุณ lidelia ไม่นอกค่ะไม่นอก คนเขียนก็ไม่นิยมการนอกใจ  :กอด1: ตอบ
คุณชะรอยน้อย ของแบบนี้มันก็มีบ้างอะไรบ้าง อิอิ
คุณ sukie_moo ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า พบกับตัวต่อไปได้เล้ย
คุณ dahlia พี่ป๊อบตอนเป็นพ่อสื่อเหรอ (คนเขียนถึงกับคิดไม่ออก) คงตรงๆ จนโดนเขาจับได้ 55 ดีใจแทนเสือมีคนรับอุปถัมภ์
คุณ fuku อยากเขียนพระเอกที่หึงแต่น้อยหรือไม่ค่อยแสดงออกมั่งน่ะ (ดันพี่ป๊อบไปรับกอด)

มาๆ อ่านเรื่องที่ 3 กันต่อค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เรื่องที่ 3

"เช้านี้อากาศดีนะ... สีหมอก”

คนพูดประสานมือเข้าด้วยกันแล้วยืดแขนเหยียดไปข้างบน เงยหน้าขึ้นสูดอากาศยามเช้าไว้เต็มปอด

ผมร้องเมี้ยวรับเบาๆ ตอนเช้าอย่างนี้อานนท์มักจะออกมาเดินเล่นหน้าบ้าน แล้วก็รดน้ำกล้วยไม้ของเขา ผมก็ตามออกมาด้วย

ทั้งบ้านนี้ มีผมอยู่กับอานนท์เพียงเท่านั้น ตั้งแต่ไหนแต่ไร ผมก็อยู่กับอานนท์แค่หนึ่งตัว กับอีกหนึ่งคนเท่านั้น

คงรู้กันแล้วว่าผมชื่ออะไร สีหมอก...

อย่าสงสัยว่าทำไมผมถึงชื่อเพราะ ก็ผมเป็นแมวของนักเขียนนี่นา

อานนท์เล่าให้ผมฟังว่านักเขียนดังๆ น่ะเลี้ยงแมวรักแมวกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นมาร์ค ทเวน, เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์, สตีเฟน คิง, นีล เกแมน, ฌอง-ปอล ซาตร์, ฮารุกิ มุราคามิ นี่แค่ส่วนน้อยนะ ไล่ชื่อกันไม่หวาดไม่ไหวเลยละ

ผมเงยหน้ามองเขา ก่อนจะเอาหัวถูเข้ากับขาของเขาเบาๆ

อานนท์ วิริยะ ก็เป็นนักเขียนที่เลี้ยงแมวรักแมวเหมือนกัน
 
"ใช่ๆ ฉันก็มีสีหมอก" เขาพูดเหมือนรู้ว่าผมบอกว่าอะไร
 
"แต่ฉันยังไม่ดังเท่านั้นเอง" สรุปแล้วก็หัวเราะ

ผมเดินตามอานนท์เข้าบ้าน เขาวางอาหารให้ผมเสร็จก็ชงกาแฟ ไปนั่งเขียนหนังสือที่โต๊ะ กิจวัตรประจำวันของอานนท์มีอยู่ไม่กี่อย่าง ผมไม่เคยเห็นใครมาบ้านเขา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ญาติ หรือใครก็ตาม

กินข้าวแล้วผมก็ไปหาเขาที่โต๊ะเขียนหนังสือ กิจวัตรประจำวันของผมก็คล้ายๆ กัน ที่ประจำของผมก็คือบนโต๊ะข้างๆ อานนท์

อานนท์เขียนหนังสือมือขวา เพราะฉะนั้นผมก็นอนข้างซ้าย บางทีตอนเขียนๆ อยู่เขาก็จะเอื้อมมือมาลูบผมเบาๆ บางทีก็หยุดเขียนเหมือนจะคิดต่อ แต่ตามองเลยไปข้างหน้า กล้วยไม้ของอานนท์แขวนอยู่ตรงกับหน้าต่างที่โต๊ะเขาพอดี

แต่บางครั้งผมก็ไม่แน่ใจว่าอานนท์มองกล้วยไม้ หรือว่ามองเลยไกลไปกว่านั้น ครุ่นคิดถึงเรื่องที่ผมก็เดาไม่ออกว่าคืออะไรแน่

"มาร์ค ทเวนบอกว่า แมวน่ะไม่ต้องฟังใคร เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวในโลกใบนี้ที่ไม่มีนาย" อานนท์ว่า
 
แน่นอน ผมอยู่กับอานนท์มาตลอดตั้งแต่เขาเก็บผมมาจากริมทาง แต่ผมก็จะไม่พูดว่าเขาเป็น ‘นาย’ ผมหรอก ‘เพื่อนรัก’ จะเหมาะกว่า
 
ชักอยากรู้จักมาร์ค ทเวนขึ้นมาแล้วล่ะสิ
 
"ฉันก็อยากเป็นอิสระอย่างแกมั่งเหมือนกันนะ สีหมอก" เขาพูดเบาๆ

ถ้าถามผม ผมว่าอานนท์ก็อิสระนะ เขาทำงาน ‘อิสระ’ เป็นนักเขียน ‘อิสระ’ แต่บางครั้งอานนท์ก็มีท่าทีอึดอัด
 
พอเวลาอานนท์เป็นแบบนี้ ผมก็ได้แต่ฟังเขาพูดแม้ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เพราะเวลาได้ระบายออกก็ดูเหมือนว่าอานนท์จะสบายใจขึ้นมาบ้าง... นิดหนึ่ง

พอตกบ่ายคล้อยเขามักจะเปลี่ยนบรรยากาศไปเขียนหนังสือต่อที่โต๊ะริมรั้ว ตรงนั้นเป็นอิฐปูแยกออกจากสนามหญ้าเล็กๆ ส่วนผมก็วนเวียนอยู่แถวนั้น บางทีก็ขึ้นไปนอนเกยทับกระดาษเขาบ้าง อานนท์ก็จะหัวเราะพลางขยับหนีแล้วบอกว่าจะไม่มีค่าปลาทูก็เพราะผมทำอย่างนี้นี่แหละ

วันหนึ่งอานนท์ออกไปนั่งเขียนหนังสือที่ข้างนอกเหมือนเคย มีรถบรรทุกคันใหญ่เข้ามาในซอย เป้าหมายก็คือบ้านข้างๆ เรานี้เอง ผมโดดขึ้นไปนั่งดูบนกำแพงเพราะไม่เคยเห็น คนงานลงมายกพวกเครื่องเรือนของใช้กันให้อึกทึก

“เพื่อนบ้านคนใหม่รึ” อานนท์พึมพำ บ้านข้างกันติดประกาศขายมาหลายเดือน ไม่รู้ว่ามีคนซื้อไปแล้วและกำลังจะย้ายเข้ามาอยู่วันนี้เอง

ผมเห็นชายคนหนึ่งลงจากรถเก๋งพร้อมกับเด็กหนุ่ม... อาจจะเป็นพ่อลูกกัน ดูความเรียบร้อยไปได้สักพักคนอายุอ่อนกว่าก็เร่มาริมกำแพงกั้นระหว่างสองบ้าน อาจจะเพราะเห็นผมนั่งเด่นเป็นสง่าละมัง

“เมี้ยวๆ แมวที่ไหนเนี่ยสวยจัง” เขาว่า

ผมนั่งมองเขานิ่งๆ ก็รู้ตัวอยู่หรอกนะว่าหน้าตาดี แต่คราวหลังช่วยดูเพศแล้วบอกว่าหล่อจะขอบคุณมาก

เขายื่นมือมาผมก็โดดแผล็วลงจากกำแพงไปบนโต๊ะของอานนท์ผู้หลังจากเห็นว่าเป็นเพื่อนบ้านใหม่จะย้ายของเข้าแล้วก็ไม่ได้สนใจอีก เวลาเขาตั้งสมาธิเขียนจริงๆ จะไม่ค่อยรับรู้โลกภายนอกเท่าไหร่ เป็นลักษณะเฉพาะตัวของนักเขียนหรือเปล่านะ

ผมกระโดดลงตรงริมกระดาษที่อานนท์เขียน แต่ก็ทำให้แผ่นกระดาษนั้นยับย่นเข้าไปพอดู เขาทิ้งปากการ้องว่า “สีหมอก!” ก่อนจะเงยหน้าขึ้น

แล้วจึงได้เห็นว่ามีเพื่อนบ้านยืนเกาะรั้วยิ้มแป้นอยู่

อานนท์ผุดลุกขึ้นท่าทางตื่นๆ ผมคิดว่าเขาอาจจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนน้อยไปหน่อย วันๆ อยู่แต่กับแมวแล้วก็หนังสือเลยไม่รู้จะพูดอะไรดี กลายเป็นว่าอีกฝ่ายต้องเริ่มบทสนทนาก่อน

“ขอโทษครับ... ตอนแรกไม่ทันเห็นว่ามีคนนั่งอยู่ตรงนี้ด้วย มองแต่แมว” เขาว่าแล้วยิ้มกว้าง “แมวน่ารักนะ”

อานนท์พึมพำขอบคุณ คนยืนอีกฝั่งสาธยายว่าเขาย้ายบ้านมาอยู่กับพ่อสองคน ดีใจได้เจอเพื่อนบ้านท่าทางเป็นมิตร (ก็ว่าไป) แถมเลี้ยงแมวด้วย เขาอยากเลี้ยงแมวมาตั้งนานแล้วแต่ยังไม่เคยมีโอกาส

“ปิดเทอมไม่ไปไหนเหรอครับ”

อานนท์งงอยู่อึดใจ ก่อนจะยิ้มบางๆ “ผมเรียนจบแล้ว”

เพื่อนบ้านหมาดๆ ทำตาโตเหมือนไม่อยากเชื่อ ตอนนั้นเองที่พ่อเขาส่งเสียงเรียกจากข้างใน คงไม่แน่ใจว่าลูกชายหายตัวไปไหนแทนที่จะเข้าไปจัดของในบ้านใหม่

“คร้าบ” เขาขาน ก่อนหันมาบอก “ต้องไปแล้วละครับ ยังไม่ทราบชื่อพี่เลย”

“ผมชื่ออานนท์” คนโดนขัดจังหวะการเขียนหนังสือเป็นครั้งที่สองของวันพูดเบาๆ

"หมอกครับ" เขายิ้ม อวดเขี้ยวเสน่ห์ "ชื่อเหมือนแมวพี่นั่นแหละ จำง่ายเนอะ"


กิจวัตรของอานนท์อีกอย่างก็คือบางทีก่อนลงมือเขียนหนังสือ เขาจะเล่นไวโอลิน... แต่ไม่ได้ทำทุกวันหรอก ผมว่าอานนท์ไม่ได้เล่นเพื่อเป็นความบันเทิงหรืออะไรอย่างนั้น ค่อนไปทางรวบรวมความคิดมากกว่า แต่บางครั้งเวลาเล่นเขาก็เหม่อไปไกล ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

พอเขาออกไปข้างนอกเพื่อนบ้านคนใหม่ที่ชื่อดันมาซ้ำกับผมก็กวักมือเรียกอยู่หยอยๆ

“พี่ครับ... พี่อานนท์”

อานนท์เหลียวไปมาด้วยความตกใจ พอเห็นว่าเป็นหมอกสีหน้าเขาก็คลายลง ยอมเดินไปที่ริมรั้ว

“ผมได้ยินเสียงไวโอลินจากในบ้าน พี่เล่นไวโอลินด้วยเหรอครับ”

อานนท์พยักหน้า “เล่นบ้าง... ให้มีสมาธิน่ะ”

“ผมก็เล่นอยู่เหมือนกัน เรียนมานานเลยละครับก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัย พักนี้ร้างๆ ไป” หมอกว่า “ถ้ายังไงผมไปเรียนกับพี่ต่อได้มั้ย”

“เอ้อ... คือผมไม่เคยสอนใคร”

“พี่เล่นได้ขนาดนี้เสียดายแย่” เขาว่า แต่ไม่ได้เซ้าซี้ต่อ

อานนท์ยิ้มน้อยๆ และบทสนทนาข้ามรั้วก็จบแต่เพียงเท่านั้น ผมว่าเพื่อนบ้านใหม่ของอานนท์ก็ออกจะดี คนเป็นพ่อนั้นผมไม่ค่อยเห็นบ่อย ท่าทางจะงานยุ่ง ถ้าอานนท์จะมีเพื่อนคุยที่เป็นมนุษย์บ้างก็ไม่เลว ปกติเขาคุยอยู่กับผม ไม่ก็กล้วยไม้ และพูดโทรศัพท์กับบรรณาธิการหรือสำนักพิมพ์เป็นครั้งคราวเท่านั้นเอง


หลายวันต่อมาผมออกไปเดินเที่ยวนอกบ้าน ขากลับมุดเข้ารั้วผ่านทางบ้านของหมอก พอดีเจ้าตัวกำลังรดน้ำต้นไม้ เห็นผมเข้าก็รีบปิดน้ำ ทิ้งสายยาง ก่อนจะกรากเข้าหาท่าทางดีใจ ผมยอมให้หมอกอุ้มเพราะเริ่มคุ้นกันระดับหนึ่งแล้ว เขารี่ออกนอกบ้าน ไปกดกริ่งบ้านอานนท์

สักพักกว่าอานนท์จะยอมมาเปิด คงไม่ได้ยินเพราะอยู่ในภวังค์เขียนงานอีกตามเคย ผมดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนของหมอกเพราะไม่ชินกับการถูกอุ้มไว้นานๆ ความจริงผมก็กลับบ้านเองได้อยู่แล้ว ชะรอยหมอกจะคิดว่าเขาทำดีที่อุ้มผมมาส่งนะนี่

“แมวพี่ไปบ้านผมครับ” เขาว่า

อานนท์รับผมมาแล้วว่า “สีหมอก... ไปซนมาอีกแล้ว เป็นไงหืมเรา”

คนยืนหน้าบ้านเกาหัวท่าทางเขินๆ “พี่อานนท์พูดยังงี้แล้วผมรู้สึกเหมือนถูกดุซะเองเลย”

อานนท์จ้องคนตรงหน้าอยู่แป๊บหนึ่งแล้วหัวเราะเบาๆ “โทษที... ชื่อเหมือนกันนี่นา ขอบคุณมากนะหมอก” นิ่งไปอีกครู่แล้วเขาก็บอกเหมือนตัดสินใจได้ “จะ... เข้าไปกินกาแฟหรืออะไรหน่อยมั้ย”

ไม่รู้ว่าอานนท์ชวนเป็นมารยาทหรือเปล่า แต่อีกฝ่ายก็ลิงโลดเสียปิดไม่มิด “ครับ ครับ... ขอบคุณครับ”

หมอกตามอานนท์ซึ่งอุ้มผมไปปล่อยในบ้านเข้าครัวไปด้วย แม้ว่าเจ้าของบ้านจะบอกให้นั่งรออยู่ห้องรับแขก เขาช่วยชงกาแฟอย่างคล่องแคล่ว ผมเห็นอานนท์ยิ้มขันๆ คงคิดว่าชวนมาแท้ๆ แต่แขกกลับเป็นฝ่ายหยิบจับโน่นนี่เสียเอง

“นี่พี่อยู่คนเดียวเลยเหรอครับ”

อานนท์พยักหน้า หมอกพูดต่อ “ช่วงนี้ผมก็เหมือนอยู่คนเดียวเพราะคุณพ่อไปสัมมนาต่างจังหวัดบ่อย”

“หมอกปิดเทอมไม่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ล่ะ”

“เรียนหนักมาทั้งปีผมก็อยากจะพักหน่อยน่ะครับ... ปลายเดือนหน้าจะมีไปออกค่ายอีก” หมอกบอก “พี่ทำงานฟรีแลนซ์เหรอครับ ผมไม่ค่อยเห็นพี่ออกไปไหน”

สองคนเดินออกมาที่ห้องรับแขกโดยที่หมอกแย่งถาดไปถือเสียเอง อานนท์ยกกองหนังสือที่โต๊ะรับแขกออกวางอีกทางแล้วตอบ
“ผมเขียนหนังสือ...”

“เป็นนักเขียนเหรอครับ เก่งจัง นี่คุณพ่อคุณแม่พี่เป็นนักเขียนด้วยหรือเปล่า”

“เปล่า...” เสียงอานนท์สะดุดนิดๆ “ทำไมหมอกถามอย่างนั้นล่ะ”

“ก็ที่ผมเรียนหมออยู่ทุกวันนี้สาเหตุใหญ่ก็เป็นเพราะคุณพ่อแหละครับ ท่านไม่ได้บังคับผมหรอกนะ ไม่ใช่ว่าเพราะคุณพ่อเป็นหมอผมเลยต้องเป็นเหมือนคุณพ่อ... แต่ไม่รู้สิครับ คงซึมซับมาเองมั้ง แล้วผมก็รู้ว่าถ้าผมเรียนหมอคุณพ่อคงดีใจมาก”

อานนท์นิ่ง แต่เขามองหมอกด้วยสายตาที่ผมอ่านไม่ออก หมอกก็พูดต่อ

"ผมเคยคิดอยากเป็นนักดนตรี... แต่อยู่เมืองไทยเล่นดนตรีคลาสสิกแบบนี้ถ้าไม่เก่งจริงคงไปไม่รอด ผมก็ไม่ได้อัจฉริยะอะไร แค่เล่นแล้วมีความสุขดีก็เท่านั้น"

คราวนี้แววตาอานนท์หม่นลง จนผมนึกสงสัย... อานนท์เคยไม่ได้เลือกทำสิ่งที่อยากทำจริงๆ หรือเปล่านะ...

แต่คงไม่หรอก เพราะตอนนี้เขาเป็นนักเขียน และผมก็รู้ว่าเขามีความสุขกับงานนี้ ผมรู้สึกอย่างนั้นทุกครั้งที่เขานั่งลงที่โต๊ะทำงานเลยละ

"หมอกต้องเป็นหมอที่ดีได้แน่" เขาบอก

"เหรอครับ... เรียนมาสองปีแล้วผมก็ชอบนะ อีกอย่าง... ผมอยากให้คุณพ่อภูมิใจด้วย" หมอกว่า "ผมก็เลยสรุปว่า ผมเป็นหมอที่เล่นไวโอลินให้คนไข้ฟังบ้างก็ได้ ดนตรีบำบัดไงครับ"

“แล้วคุณแม่หมอก...”

“คุณแม่หย่ากับคุณพ่อแล้วย้ายไปอยู่เมืองนอกตั้งหลายปีแล้ว ไม่ค่อยได้ติดต่อกันหรอกครับ แต่ไม่เป็นไรหรอก ท่านก็คงมีครอบครัวของท่านต้องดูแล”

"คุยกับหมอกแล้วไม่เหมือนคุยกับเด็กมหาวิทยาลัย" อานนท์ว่า "บางทีผมรู้สึกว่าหมอกเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกัน บางทีหมอกอาจจะเป็นผู้ใหญ่กว่าผมด้วยซ้ำ"

"เพราะผมคุยกับเพื่อนคุณพ่อบ่อยแน่ๆ เลยครับ คุยแล้วสบายใจดี พวกคุณลุงคุณอานี่เขาจะมีวิธีมองชีวิตอีกอย่าง" หมอกหัวเราะ แล้วเสริม "คุยกับพี่ก็สบายใจ แต่ผมไม่ได้ว่าพี่แก่นะ"

“หึ นี่คิดว่าผมอายุเท่าไหร่”

“ยี่สิบ... เอ็ดยี่สิบสองมั้ยครับ” หมอกว่า

อานนท์มองหมอกอยู่ครู่แล้วบอก “ปีนี้ผมก็เบญจเพสแล้ว”

“จริงเหรอ... ที่ทายอย่างนั้นก็เพราะผมรู้ว่าพี่จบมหาวิทยาลัยแล้ว แต่บอกว่าเพิ่งเข้าปีหนึ่งผมก็เชื่อ พี่หน้าเด็กออก”

“น้อยๆ หน่อย เข้าปีหนึ่งน่ะมันก็รุ่นราวคราวเดียวกับหมอกเลยนะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ” เขาว่าหนักแน่น ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหมอกไม่เป็นไรเรื่องอะไร แต่หลังจากนั้นอานนท์ก็หยิบไวโอลินมาให้หมอกลองเล่นดู แล้วก็บอกว่าถ้าหมอกอยากจะมาที่บ้านอีกเขาก็ยินดี

หมอกมาเรียนไวโอลินกับอานนท์อาทิตย์ละครั้ง แต่บางทีกลางสัปดาห์ก็แวะมาบ้าง คุยโน่นคุยนี่ ถึงอานนท์จะพูดตั้งแต่ในคราวแรกแล้วว่าหมอกเก่งเกินจะให้เขาสอน แต่ดูท่าคนอยากฝากตัวเป็นศิษย์จะไม่สนใจ ผมก็ชินกับการที่หมอกเข้านอกออกในบ้านนี้ มาทีไรเขามักจะมีของมาฝากผมประจำ ส่วนฝากอานนท์นั้นแน่อยู่แล้ว

ผมก็ไม่ใช่แมวเห็นแก่อามิสสินจ้างรางวัลอะไรหรอกนะ ถ้ารู้สึกได้ว่าหมอกเป็นคนไม่ดี ยังไงผมก็ไม่สนิทด้วยหรอก

แมวก็เลือกคบคนนะจะบอกให้


หมอกอ่านหนังสือของอานนท์ทุกเล่ม ผมตลกก็ตอนที่เขาหอบหนังสือมาขอลายเซ็นอานนท์ ท่าทางนักเขียนแปลกใจระคนดีใจ พอเรียนไวโอลินเสร็จหมอกมักจะอยู่คุยต่อ อานนท์ก็ไม่ได้มีท่าทีรำคาญ ผมเองก็ดีใจที่อานนท์มีเพื่อนคุยที่นอกเหนือไปจากแมวและกล้วยไม้เสียที

วันหนึ่งหมอกแวะมาบ้านเหมือนเคย เขาเอ่ยปากขอยืมหนังสือไปอ่าน อานนท์ก็บอกให้เข้าไปดูชั้นหนังสือในห้องทำงานได้ตามสบาย แต่พอกลับมานั่งที่ห้องรับแขกเรื่องก็เกิด

“ผมเห็นหนังสือเรียนกฎหมายในห้อง” หมอกว่าโดยไม่ทันสังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอานนท์ “พี่กำลังเขียนเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายหรือครับ ตัวละครเรียนนิติเหรอ เป็นทนาย หรือว่าเป็นอัยการ"

"เปล่า" อานนท์ตอบ แต่เสียงเขาห้วนอย่างที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน

ปกติอานนท์พูดช้าๆ เสียงเขานุ่ม ไม่ว่าพูดกับผมหรือพูดกับคนก็จะเป็นแบบนี้ อ่อนโยนและเจือเสียงหัวเราะ ผมรู้สึกราวกับว่าได้เห็นอีกแง่มุมของอานนท์ที่ผมไม่เคยรู้จัก

หมอกก็คงรู้สึกเหมือนกัน เขาชะงัก "ขอโทษครับ"

“หมอกไม่ผิดหรอก ผมเองนั่นแหละ” อานนท์ถอนใจ แต่เขาก็พูดแค่นั้นโดยไม่ขยายความอะไรเพิ่มเติมอีก

วันนั้นหมอกกลับไปโดยไม่ได้หนังสือ และไม่ได้กินกาแฟ... อานนท์เงียบจนผิดปกติ พอหมอกไปแล้วเขาก็กลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน แต่ไม่ได้เขียนหนังสือสักตัว

เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นอานนท์ไม่มีความสุขต่อหน้ากองกระดาษและปากกา
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เรื่องที่ 3 มาแล้ว เปลี่ยนอารมณ์จากสองเรื่องแรกเบาๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 1] 17 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 17-10-2011 20:09:02
สีหมอก...กวนได้ใจ :-[
พี่นนท์มีอะไรในใจกันแน่นะ o2

+1 นะตัว:P
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 1] 17 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 17-10-2011 20:37:45
ไม่รู้จะตอบอะไรดี แต่อยากอ่านต่อเร็วๆ
เรื่องเล่าแบบนี้น่ารักมากกกกก

สีหมอกมาเล่าต่อเร็วๆ
บวกหนึ่งและบวกเป็ดค่า
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 1] 17 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 17-10-2011 20:41:16
เรื่องที่ 2 แบบเครียดนิด ๆ

เรื่องที่ 3  ติดตามต่อจ้า
อานนท์มีอดีตอะไรที่ปิดอยู่

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 1] 17 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: lidelia ที่ 17-10-2011 23:32:31
อยากรู้อดีตของอานนท์เหมือนกันค่ะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 1] 17 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 18-10-2011 12:20:17
อานนท์ มีความหลังฝังใจแน่เลย แบบนีี้ต้องให้ว่าที่คุณหมอช่วยบำบัดนะ ฮิๆๆ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 1] 17 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 18-10-2011 15:57:11
คุณหมอหมอกช่วยรักษาแผลใจให้อานนท์ด้วย  สรุปเอง
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 1] 17 ต.ค. 54
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 18-10-2011 16:14:26
อ๊าๆๆ เพิ่งอ่านแค่เรื่องที่หนึ่งค่ะ
อยากอ่านอีก แต่มีบางสิ่งต้องทำด่วนๆ

สนุกจังค่ะ เจ้าฉ่อยของทินน่ะน่ารักแน่ๆล่ะ
แต่ที่น่ารักกว่าก็ต้องชนม์ อ๊า...เป็นผู้ชายที่สมควรถูกรักจริงๆ ><
ขอบคุณคุณเดหลีมากนะคะ

แล้วจะแวบมาอ่านต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 2] 19 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 19-10-2011 20:15:03
คุณ bulldog17 มาๆ อ่านต่อเลย ขอบคุณสำหรับบวกนะคะ

คุณ fuku สีหมอกมาเล่าต่อแล้ววว ขอบคุณสำหรับเป็ดและบวกค่ะ

คุณ golove2 เรื่องที่ 2 เครียดเหรอ 55 พยายามให้ไม่เครียดแล้วนะเนี่ย

คุณ lidelia อ่านต่อเลยค่า

คุณ dahlia อานนท์มีความหลัง แต่ไม่รู้ว่าที่คุณหมอจะช่วยได้หรือเปล่านะ อิอิ

คุณ sukie_moo เชิญอ่านต่อเล้ย สงสัยจะเป็นอย่างที่คิด

คุณ anajulia ขอบคุณที่แวะเข้ามานะคะ ดีใจที่ชอบ แล้วแวะเข้ามาอีกน้า

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เรื่องที่ 3 (ต่อ) 


อานนท์ค่อยๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ กิจวัตรของเขาดำเนินไปเหมือนเดิม แต่ผมก็ไม่แน่ใจเสียทีเดียว เพราะเหมือนหมอกไปสะกิดใจให้เขาคิดถึงเรื่องที่คงอยากจะลืม ดังนั้นถึงตอนนี้อานนท์จะทำทุกอย่างเหมือนๆ เดิม แต่เขาก็เหม่อหนักกว่าเดิม พอดีว่าหมอกเองก็หายหน้าหายตาไป ถ้าอานนท์อยากจะคุยก็ไม่รู้จะคุยกับใครแล้วล่ะตอนนี้

หลังจากนั้นไม่กี่วันผมก็เห็นวัตถุประหลาดมาแขวนไว้ตรงมุมรั้วข้างบ้าน เอาเข้าจริงมันก็คงไม่ใช่ของแปลก เป็นชะลอมอันเล็กๆ น่ะ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ควรมาแขวนอยู่ริมรั้วนี่นา

ผมลองเดินไปดมๆ ดูก็พอดีกับที่อานนท์หยิบมันขึ้น และพบว่าในชะลอมนั้นมีผลเชอรี่อยู่เกือบเต็ม เขามองของในมือนิ่งอยู่ครู่ก่อนจะเหลียวซ้ายแลขวา
 
“ออกมาเถอะหมอก” อานนท์ว่า

เพื่อนบ้านค่อยๆ โผล่หัวขึ้นมาจนพ้นกำแพงรั้ว ยิ้มเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิด

“ก็ผมไม่รู้ว่าพี่ยังโกรธอยู่หรือเปล่านี่ครับ”

“ผมไม่เคยโกรธหมอกนะ” อานนท์บอก “หมอกเสียอีกหายไปตั้งหลายวัน”

“อ้อ คุณพ่อให้ผมไปธุระต่างจังหวัดด้วยกะทันหันครับ เรื่องที่ดินอะไรก็ไม่รู้” หมอกว่า “แต่ก็ดี ได้เชอรี่มาฝากพี่ กินแล้วอารมณ์ดีน้า”

อานนท์ยิ้มนิดๆ หมอกเลยย้ำ “อารมณ์ดีจริงๆ ผลวิจัยทางการแพทย์ออกมาแล้วว่ากินเชอรี่นี่แก้อาการซึมเศร้าได้ชะงัด”

เห็นอานนท์เงียบไปเขาก็รีบเสริมเป็นพัลวัน “ผมไม่ได้ว่าพี่ซึมเศร้านะครับ ผมแค่อยากให้พี่...”

“... มีความสุข เหรอ” อานนท์ต่อให้เบาๆ

หมอกยืนคอตก “...ก็... ครับ”

“ผมดูไม่มีความสุขขนาดนั้นเชียว”

“ไม่เชิงหรอกครับ เวลาอยู่กับสีหมอก หรือว่าเวลาเขียนหนังสือ พี่ก็ดูโอเค แต่ถ้านอกจากนี้...” แล้วเขาก็เงียบไปอีก

อานนท์มองหมอกนิ่งอยู่อีกครู่แล้วจึงบอก “เอาเถอะ... จะเข้ามามั้ย”

หมอกรับคำอย่างดีใจ แป๊บเดียวเขาก็มายืนยิ้มอยู่ตรงประตูรั้วหน้าบ้าน ถึงหมอกจะชื่อเหมือนผมแต่ผมว่านิสัยเขาไม่เหมือนแมวหรอก อาจจะเหมือนหมามั้ง โดนดุก็หงอย แล้วก็กลับมาร่าเริงได้อย่างเก่า

เข้ามาในบ้านแล้วผมก็โดดขึ้นนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับอานนท์ หมอกเดินอย่างออกจะเกรงใจเข้ามานั่งตรงข้าม อานนท์เงียบอยู่พักหนึ่งจึงเอ่ยปาก

“หนังสือกฎหมายที่หมอกเห็น เป็นของผมเอง”

หมอกเงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ “พี่จบ... นิติ แต่มาเขียนหนังสือเหรอครับ”

“เปล่า ผมจบศิลปศาสตร์ แต่... ผมทิ้งหนังสือพวกนั้นไม่ได้” อานนท์พูดเบาๆ “หมอกจำได้ไหมที่เคยบอกผมว่าหมอกเรียนหมอเพราะคุณพ่อ... ผม... ก็เรียนนิติเพราะพ่อเหมือนกัน แม่เสียตั้งแต่ผมยังเล็ก ผมก็มีแต่พ่อเท่านั้น”

หมอกนิ่งฟัง อานนท์พูดต่อไปเรื่อยๆ

"พ่อของผมเป็นผู้พิพากษา ผมเลือกเรียนนิติตามพ่อ พ่ออยากให้ผมมีอาชีพทางนี้มาตลอด แต่ปีแรก แค่ปีเดียว ก็ทนไม่ไหว ผมซิ่วโดยไม่ได้ปรึกษาพ่อ ไปเข้าคณะศิลปศาสตร์ เรียนแล้วมีความสุข แต่มันมีความสุขอยู่บนความทุกข์ที่ว่าพ่อรู้แล้วจะว่ายังไง"
 
สำหรับผมแล้ว อานนท์เป็นนักเขียนมาตลอด ผมรู้จักแต่อานนท์ที่เขียนหนังสืออยู่ในบ้านหลังเล็ก ผมไม่เคยรู้จักอานนท์คนก่อนหน้านี้เลย

"พอผมขึ้นปีสอง พ่อก็หัวใจวายกะทันหัน ท่านเสียไปโดยที่ไม่รู้ว่าผมย้ายคณะแล้ว ท่านเสียไป... โดยที่ยังคงเข้าใจว่าผมจะจบและสอบเป็นผู้พิพากษาตามรอยท่าน เรื่องนั้นผมก็เสียใจมากพออยู่แล้วที่ไม่มีโอกาสได้บอกความจริงกับพ่อตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ แต่พวกญาติๆ สิ..."
 
อานนท์หยุดพูด เขาสูดลมหายใจลึกก่อนจะพูดต่อ

"ทุกคน... ด่าว่าผม หาว่าพ่อคงรู้ว่าผมนอกคอก ไปเข้าคณะขีดๆ เขียนๆ แทนที่จะอยู่นิติศาสตร์เหมือนเดิม ท่านคงเสียใจจน..."

"ไม่ยุติธรรมเลย" หมอกพูดเบาๆ

"แต่มาคิดๆ ดูแล้ว ตอนนั้น... ถ้าผมมีความรู้ทางกฎหมายอยู่คงดีไม่น้อย"

"พี่หมายความว่า..."

"เงินมรดก ทรัพย์สินต่างๆ บ้าน ที่ดิน... ญาติๆ เขาเอาไปหมด พ่อเสียกะทันหันจนไม่ได้ทำพินัยกรรม เหมือนโชคชะตาเล่นตลก พ่อเป็นถึงผู้พิพากษา รู้กฎหมายดีที่สุด แต่กลับไม่มีพินัยกรรม"

"แต่พี่เป็นลูกชายคนเดียว..."

"ผมเป็นทายาทโดยธรรมลำดับแรก ความจริงแล้วคนที่ไม่มีสิทธิควรจะเป็นพี่ๆ น้องๆ ของพ่อมากกว่าใช่ไหม แต่บอกตามตรงเวลานั้น ผมไม่มีแก่ใจจะคิดถึงอะไร ผมไม่มีแก่ใจจะทวงมรดก ไม่มีแก่ใจจะทำอะไรทั้งนั้น... เวลาอยู่ในศาล เขาฟ้อง เขาแก่งแย่ง เขาอ้างสิทธิกัน...  แต่ผมแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น"

"พี่..." หมอกครางอย่างสงสาร ผมก็เป็นไปด้วย ผมเอาแก้มถูเข้ากับแขนของอานนท์เบาๆ
 
"พี่ผ่านมาได้ยังไงครับ ช่วงเวลาเลวร้ายอย่างนั้น..."

ผมเห็นหมอกน้ำตาคลอ ในขณะที่คนเล่าเองยังไม่มีน้ำตาสักหยดด้วยซ้ำไป แต่... มันคงไหลจนเกินจะไหลแล้ว น้ำตาที่ไหลอยู่ข้างใน ใครจะเห็นบ้าง

"ผมเจอเจ้านี่ไง" อานนท์ยิ้มบาง เขาลูบผมที่นั่งอยู่ชิดตัวอย่างรักใคร่ "ผมเจอสีหมอก"

   
วันนั้นฟ้าครึ้มเป็นสีเทา ฝนตกปรอยๆ... ตกมานานจนผมลืมไปแล้วว่าเริ่มตกตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่พอจะกำบังฝนที่ไม่หนาเม็ดนักได้บ้าง แต่ก็ยังรู้สึกถึงละอองฝนที่ลอดผ่านใบไม้ กระเซ็นขึ้นจากแอ่งน้ำรอบๆ ลังที่ผมอยู่ข้างใน พยายามจะใช้สองเท้าหน้ายันขอบลังไว้แม้จะโดดออกมาไม่พ้น
 
เด็กหนุ่มร่างผอมบางเดินช้าๆ อยู่ในซอย ดูจะไม่รับรู้ถึงเม็ดฝนที่ตกลงมา เขากำสายกระเป๋าสะพายเอาไว้ ก้มหน้ามองพื้น เดินต่อไปช้าๆ...

แต่เขาไม่ได้เดินเลยผ่านไปอย่างคนอื่นๆ ผมที่ร้องจนเสียงแห้งยังแปลกใจที่เห็นขาคู่หนึ่งในกางเกงดำมาหยุดอยู่ตรงหน้า
   
เขาหยิบร่มออกมากาง ผมถึงได้รู้ว่าเขามีร่มด้วย... ถ้ามีร่มแล้วทำไมถึงได้เดินตากฝนมาตั้งนานนะ

“ฉันชื่ออานนท์” เขาบอกก่อนจะอุ้มผมขึ้นมาด้วยมือเดียว “เจ้าสีเทา เจ้าคงยังไม่มีชื่อ ให้ฉันตั้งให้เอามั้ย ฉันคิดชื่อเก่งนะ เพราะฉันเป็นนักเขียน”

พอมาย้อนคิดดูแล้ว ถ้าผมเองไม่ทั้งเบลอทั้งหนาวสั่นอยู่ละก็ คงคิดว่าอานนท์ออกจะแปลกอยู่เหมือนกัน พูดกับแมวได้เป็นคุ้งเป็นแคว แต่เขาอาจจะเหงาอยู่ก็ได้

แต่ตอนนั้นผมก็แค่ดีใจ... ที่มีคนสังเกตเห็นผม อุ้มผมขึ้นมาจากลังกระดาษเปียกแฉะที่ก้นเริ่มจะมีน้ำขัง และพูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

แล้วตอนนั้นเขาก็คงยังไม่ได้เป็นนักเขียนเต็มตัวหรอก แต่การยืนยันตัวตนกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่เถียงเขากลับและพร้อมจะเชื่ออะไรก็ตามที่เขาบอกคงน่าอุ่นใจอยู่ไม่น้อย...

"ไม่เป็นไรนะ" เขาพูด ผมรักน้ำเสียงเขาตั้งแต่ตอนนั้น "สีหมอกไม่ใช่แมวถูกทิ้ง สีหมอกจะมาเป็นแมวของฉัน..."

     

ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมอานนท์ถึงไม่มีเพื่อน ทำไมเขาถึงดูจะไม่สนิทกับใครเลย ทำไมถึงได้ปิดกั้นตัวเอง เพราะขนาดคนเป็นญาติยังทำกับเราได้ขนาดนี้ เขาคงขยาด ไม่อยากเชื่อใจใครอีก

แต่อานนท์ที่สูญเสียมาเยอะขนาดนั้นกลับอุ้มผมที่ถูกทิ้งขึ้นมา... อานนท์เห็นลูกแมวตัวเล็กๆ ขะมุกขะมอมจากในลังเก่าขณะที่คนอื่นเดินผ่านไปเฉยๆ
 
ผมอดภูมิใจที่ได้เป็นแมวของอานนท์ไม่ได้

“พี่... ไม่คิดจะฟ้องร้องกลับบ้างหรือครับ อย่างนี้มันก็เท่ากับว่าพี่ถูกโกง... เขาเรียกว่าอะไรนะ ย้าย... ปิดบังมรดก อะไรสักอย่างนี่แหละ” หมอกดูร้อนใจกว่าเจ้าของทรัพย์สินจริงๆ เสียอีก “พี่ไม่คิดจะทวงส่วนที่ควรเป็นของพี่คืนมาบ้างเลยเหรอครับ”

“เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว ผมไม่ผูกใจอะไรอีกแล้ว ถ้าเขาอยากได้ ก็เอาไปเถอะ ป่านนี้อาจจะเล่นแร่แปรธาตุจนตามยากแล้วก็ได้” อานนท์พูดเรื่อยๆ “ผมเหนื่อย... ไม่อยากจะรื้อฟื้นอะไรขึ้นมาอีก”

บางที ถ้าอานนท์ต้องขึ้นศาลอีก ก็ไม่รู้ว่าจะต้องถูกโจมตี ถูกทำลายจากฝั่งนั้นมากเท่าไหร่ เพื่อแสดงว่าเขาเป็นลูกอกตัญญู เขาคงอยากอยู่อย่างสงบ ทำงานที่เขารักโดยไม่ต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุการตายของพ่ออีก
 
“ทั้งหมดผมก็เหลือแค่เงินในบัญชีที่พ่อเคยฝากประจำให้ตลอด พอจะเอามาซื้อบ้านหลังเล็กๆ กับจ่ายค่าเทอม... เสื้อผ้าข้าวของติดตัวมาอีกนิดหน่อย อ้อ แล้วก็ไวโอลินด้วย”

อานนท์ยิ้มนิดๆ

ผมไม่แน่ใจว่าทำไมอานนท์ถึงเอาเงินมาซื้อบ้านก่อนแทนที่จะอยู่ห้องเช่าหรืออยู่กับคนอื่น อาจเป็นเพราะเขาอยากมีที่ที่กลับไปแล้ว รู้สึกว่าเป็นของเขาเองจริงๆ ละมัง

“หมอกรู้ไหมผมเริ่มเขียนหนังสือจริงจังตั้งแต่ตอนนั้นเอง แต่เขียนหนังสือเพื่อหารายได้ เพื่อให้มีกิน มันไม่เหมือนกับเขียนด้วยอารมณ์เพ้อฝัน ผมชอบเขียนบทกวี แต่ผมไม่ได้เขียนอีกเลยจนถึงวันนี้ เพราะมันขายไม่ได้ ช่วงนั้นผมเขียนทุกอย่าง คอลัมน์ เรื่องสั้น ปกิณกะ”

“แต่ตอนนี้พี่ก็เป็นนักเขียนอิสระได้อย่างที่ตั้งใจแล้วนี่ครับ”

“อิสระเหรอ... ก็ยังมีใบสั่งมาว่าอะไรขายได้อะไรขายไม่ได้อยู่ดีแหละนะ”

“ผมไม่เชื่อว่าพี่เขียนหนังสือเพื่อให้ขายได้อย่างเดียวหรอก ผมเคยอ่านหนังสือของพี่แล้ว เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาได้สบายๆ เลย”

“นี่หมอกชมผมแล้วเหรอ” อานนท์ยิ้มออกมาอีกนิดหน่อย “หนังสืออ่านนอกเวลามีแต่คนบ่นว่าอ่านแล้วหลับ”

“แหะ จริงๆ ตอนนั้นผมก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนวิชาภาษาไทยเท่าไหร่” หมอกเกาหัว “คือผมหมายถึง คงเป็นงานที่เรียกได้ว่าอะไรนะ เป็นวรรณกรรม... จรรโลงใจ พวกสร้างสรรค์สังคมอะไรอย่างนั้นน่ะครับ”

“บางทีผมก็ท้อนะ... คิดถึงพ่อ พ่อยังไม่เห็นด้วยกับการที่ผมเลือกเส้นทางนี้หรือเปล่านะ มันถึงได้ไม่มีอะไรราบรื่นเลย แต่แล้วผมก็ตัดสินใจว่า มาถึงตอนนี้ ทำได้อย่างเดียวก็คือ ตั้งใจเขียนงานให้ดีที่สุดเท่านั้น เพราะถ้ามันเป็นงานที่ผมบอกตัวเองว่าภูมิใจได้ละก็ พ่อก็คงจะเห็นความพยายามของผมบ้าง... เหมือนกัน”

หมอกเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาหาอานนท์ ตอนแรกผมนึกว่าเขาจะแตะตัว แต่ก็กลับเปลี่ยนใจเอากลางคันมาจับตัวแมวแทนซะงั้น เขาก้มหน้าพูดเบาๆ

“ผมว่าพ่อพี่... ต้องภูมิใจในตัวพี่แน่ๆ เลยครับ ผมเชื่ออย่างนั้น”

อานนท์ยิ้ม “ขอบใจมากนะหมอก”


ตั้งแต่เกิดเรื่อง อานนท์คงยังไม่เคยเล่าให้ใครฟังหมดเช่นนี้มาก่อน เมื่อได้พูดเรื่องในใจออกไปบ้างแล้วก็ดูจะสบายใจขึ้น
 
หลังจากวันนั้นหมอกก็กลับมาเป็นแขกประจำที่บ้านอานนท์ดังเดิม เขาเห็นอานนท์ชอบกล้วยไม้ก็ซื้อมาฝาก แล้วก็เลยขลุกอยู่ช่วยต่อ
 
“ความจริงผมเห็นเอื้องอยู่ชนิดหนึ่งสวยมากเลยครับ แต่คนขายบอกว่าอย่าซื้อเลย เพราะเดี๋ยวจะตายเปล่า เห็นว่ามาจากที่สูงมาก คนขายบอกว่าเดี๋ยวลูกค้าประจำที่เขามีเรือนกล้วยไม้จะมารับไป ผมเห็นพี่ชอบแขวนไว้ข้างนอกก็เลยเอาพวกที่ทนร้อนได้หน่อยมา...”

“คนขายพูดถูกแล้วล่ะ ผมไม่ได้มีห้องควบคุมอุณหภูมิอะไร ถ้าเอากล้วยไม้เขตหนาวมา เลี้ยงได้แป๊บเดียวก็คงไม่รอด กล้วยไม้น่ะปรับตัวไม่เก่งหรอก เคยอยู่ยังไงก็อยากจะอยู่อย่างนั้น”

“เหรอครับ ไม่เหมือนผมนะ เลี้ยงง่าย ตายยาก...” หมอกยิ้มหน้าเป็น

ผมว่าใครเห็นหมอกยิ้มก็คงอยากจะยิ้มตามทั้งนั้นแหละ พักนี้อานนท์ก็ยิ้มบ่อยขึ้นเมื่อมีหมอกมาป้วนเปี้ยน

ดี แบ่งเบาหน้าที่ผมไปบ้าง ไม่งั้นก็มีแต่ผมคนเดียวที่ต้องคิดกิจกรรมคลายเครียดให้อานนท์ โดดชาร์จหัวแม่เท้าเขาบ้าง ไล่ตะปบเศษกระดาษที่ปาไม่ลงถังบ้าง เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย แต่อานนท์คงไม่รู้หรอก มัวแต่จะขำผม

อานนท์ใส่เสื้อแขนสั้น พอยกแขนขึ้นจัดการกับกระถางกล้วยไม้เสื้อก็ร่นลง หมอกจ้องนิ่งอยู่อึดใจ

"พี่อานนท์ ทำไมแขนช้ำยังงั้นล่ะครับ" เขาว่า หมอกนี่ก็ช่างสังเกตจริงๆ "ถ้าบอกว่าพี่เป็นคนซุ่มซ่ามผมไม่เชื่อแน่ๆ"

อานนท์พลิกดูแขนตัวเองเหมือนเพิ่งเห็น
 
"เออ นั่นสินะ ผมก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วละ ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ไม่งั้นก็คงไปชนอะไรมาจริงๆ แหละ อาจจะไม่รู้ตัวก็ได้"

“พี่มีโรคประจำตัวอะไรไหมครับ”

“หึ คุณหมอจะซักประวัติผมแล้วหรือ ไม่มีหรอก ถ้าเคยป่วยก็ป่วยตามปกติคนทั่วไป เป็นหวัดอะไรอย่างนี้”

“พี่ตรวจร่างกายครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” หมอกถาม พออานนท์นิ่งเขาก็ว่า “ควรจะตรวจปีละครั้งนะครับ ไปโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยผมก็ได้ ผมพาไปเอง”
 
“ผมว่าไม่จำเป็น...” อานนท์ตั้งท่าจะปฏิเสธแต่หมอกร้องขึ้นเสียก่อน

“โอ๊ะ พี่อานนท์ เลือดกำเดา...”

อานนท์ยกหลังมือแตะดู ไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร
 
“ปกติน่ะ เหมือนเส้นเลือดฝอยในจมูกผมจะเปราะละมัง ไหลอยู่บ่อยๆ”

“ผมว่าข้างนอกนี่มันร้อนนะครับ พี่เข้าบ้านก่อนเถอะ”

หมอกจัดให้อานนท์นั่งแล้วเงยหน้าขึ้น เอานิ้วบีบจมูกไว้ในขณะที่เขาไปหาน้ำแข็งมาประคบ สักพักใหญ่นั่นแหละเลือดถึงได้หยุด

“ผมว่าพี่ไปหาหมอเช็คดูหน่อยดีมั้ยครับ” เขาว่าด้วยน้ำเสียงติดจะกังวล “ผมจะบอกคุณพ่อไว้ก็ได้”

“ไม่เป็นไรหรอก... ผมก็เป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรหรอกน่า” อานนท์ว่า

หมอกยังมองอย่างห่วงๆ เขากวาดสายตาขึ้นลงเหมือนจะใช้ความรู้ที่เรียนแพทย์มาสองปีประเมินว่าร่างกายอานนท์มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า แต่ดูจะหาไม่ได้เลยพูด
 
“ถ้ามีปวดหัวหรือว่าอาเจียนขึ้นมานี่โทรหาผมเลยนะครับ ผมจะพาพี่ไปโรงพยาบาล”

อานนท์ก็มองหมอกนิ่งๆ อยู่เหมือนกัน จนเจ้าตัวยกมือขึ้นเกาท้ายทอยอย่างเขินๆ “ม... มีอะไรรึเปล่าครับ”

“ก็เปล่า... เพียงแต่ ผมไม่ชิน...”

อานนท์พูดแค่นั้น แต่ดูหมอกก็จะเข้าใจดี เขายิ้มอ่อนโยน

“พี่อานนท์ กล้วยไม้จากถิ่นเดิมมา ถึงจะไม่คุ้น แต่ถ้าได้การเอาใจใส่ดูแล ผมว่าอยู่รอดนะ อยู่ได้ดีด้วย พวกกล้วยไม้น่ะใจสู้จะตายไป”

อานนท์หัวเราะเบาๆ ส่วนผมคิดว่า ถึงอานนท์จะไม่ชิน ก็ควรทำตัวให้ชินได้แล้ว

กับการเอาใจใส่ดูแลแล้วก็... ห่วงใยน่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เรื่องนี้ยังเหลืออีกสองตอนกว่าจะจบนะเนี่ย อาจจะยาวสุดในทั้งสี่เรื่อง
ขอบคุณที่แวะเข้ามานะคะ
  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 2] 19 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 19-10-2011 21:32:31
 :impress3:
หงิงๆ
 :impress2:
อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาา

 :กอด1:
ขอบคุณนะสีหมอก ขอบคุณมากที่ทำให้อานนท์ยังยืนอยู่ได้ และยังเขียนหนังสือต่อมา


.
.
ข้าพเจ้า....อิน!

ปล.พอมาอ่านเรื่องของอานนท์ เจ้ายรรยากาศงุ้งงิ้งหัวใจจากเรื่องที่สองหลุดออกจากขะหมองหมดเลยล่ะค่ะ Y_Y
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 2] 19 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 19-10-2011 21:36:54
อานนท์ต้องป่วยเป็นอะไรซักอย่างแน่ ๆ เลย     


พวกญาติ ๆ นั่นก็ เลวนะ โกงกันหน้าด้าน ๆ

 :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 2] 19 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 19-10-2011 22:54:39
เพิ่งได้มาอ่านครั้งแรกก็เรื่องที่3แล้ว

ชอบมากค่ะน่ารักทุกเรื่องเลย  เรื่องล่าสุดแอบเศร้าซึม

แต่ก็ดูอบอุ่นค่ะ  รอติดตามต่อนะคะ

 o13
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 2] 19 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 20-10-2011 00:01:54
อานนท์ เค้าอยากดูแลอานนท์บ้างอ่ะ

โฮววววววววววววววว เคะสูงอายุที่เค้าชื่นชอบ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 3] 20 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 20-10-2011 18:40:07
เรื่องที่ 3 (ต่อ)

พักนี้หมอกมีหัวข้อเรื่องใหม่ที่เขาพูดทุกวัน ก็คือการไปสอบใบขับขี่ เขายังว่าขับรถเป็นตั้งนานแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ไปสอบให้ได้ใบขับขี่เท่านั้น

“ถ้าผมสอบผ่านแล้ว พี่ต้องไปฉลองกับผมนะครับ”

“มีรถของตัวเองแล้วเหรอไง” อานนท์ยิ้ม

“แหะ ก็ยืมที่บ้านมาใช้ก่อนน่ะครับ” หมอกว่า “ถ้าผมได้ใบขับขี่แล้ว พี่จะไปไหนมาไหน เรียกผมได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”

“ผมนี่โชคดีจริง อยู่ๆ ก็มีสารถีอย่างนี้”

“ผมเป็นคนขับรถให้พี่ตลอดเลยก็ได้นะครับ ถ้าพี่โอเค” เขาว่า
 
อานนท์ชะงัก เขาเงยหน้าขึ้นมองคนข้างบ้าน ในขณะที่อีกฝ่ายเกาหัวอย่างเขินๆ
 
“ผมไม่อยากกวนหมอกถึงขนาดนั้นหรอก” อานนท์บอก

“กวนที่ไหนกันล่ะครับ โอเคนะ สัญญาแล้วนะ” หมอกสรุปเองแล้วก็หัวเราะร่า

สัปดาห์ถัดมาผมก็เห็นรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งเคลื่อนมาจอดหน้าบ้าน คนที่ลงมายิ้มแป้นในมือโบกบัตรใบเล็กๆ จะเป็นใครเสียอีกล่ะ

“พี่อานนท์ วู้” เขาตะโกนอยู่หน้าบ้าน ก่อนจะนึกได้แล้วถลามากดกริ่งเหมือนเคย ผมโดดลงจากขอบหน้าต่างที่สังเกตการณ์อยู่เมื่อกี้ก็พอดีว่าอานนท์เดินออกไปเปิดประตูให้

“นี่ครับ ใบอนุญาตขับรถ” หมอกถือบัตรนั่นสองมือยื่นให้อานนท์ดู ท่าทางตื่นเต้นซะไม่มี “ไปเลยมั้ย วันนี้พี่ว่างใช่มั้ยครับ”

“หมอกก็รู้อยู่แล้วนี่” อานนท์ส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อวานผมได้ยินอานนท์พูดโทรศัพท์กับหมอกว่าเขาเพิ่งส่งงานและพักนี้ก็ไม่ได้ไปไหน หมอกคงถามล่วงหน้าเพราะไปสอบมาแล้วนั่นเอง พอได้ใบขับขี่เขาก็รีบมาอย่างที่เห็น

“โทษนะครับพี่ รถเก่าไปนิด คุณพ่อบอกว่าให้ผมขับคันนี้ไปก่อน” หมอกพูดไปยิ้มไป ไม่รู้ว่าเพราะได้ใบขับขี่หรือเพราะจะได้ไปเที่ยวกับอานนท์กันแน่ “พี่อยากไปไหน บอกมาเลย”

อานนท์ยิ้มขัน เขาว่า “ผมไปเก็บของข้างในแป๊บนึง หมอกรออยู่นี่แหละ”

“งั้นผมสตาร์ทรถไว้ก่อนเลยนะครับ” หมอกพูดก่อนจะเดินแกมวิ่งไปทำอย่างที่บอก

อานนท์เข้าบ้านมาเก็บแก้วกาแฟจากโต๊ะเขียนหนังสือจะไปไว้ในห้องครัว แต่เจ้ากรรมอะไรไม่รู้เขาสะดุดขอบพรมที่เลิกขึ้นโดยไม่ทันสังเกตจนเสียหลัก แก้วกาแฟกับจานรองร่วงแตกกระจาย ตอนพยายามจะทรงตัวให้อยู่ก็ไปเหยียบเอากาแฟที่ไหลเปื้อนพื้นจนล้มลงไปจริงๆ

ผมร้องลั่น แก้วบาดเท้ากับฝ่ามือรวมทั้งข้อมืออานนท์ลึกเป็นทางยาว แต่นั่นไม่น่าตกใจเท่ากับเลือดที่ไหลออกมามากและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ ตั้งแต่มาอยู่กับอานนท์ ผมไม่เคยเห็นเขาได้แผลมาก่อน แต่บางอย่างทำให้ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่ธรรมดาแน่ๆ

หมอกพรวดพราดเข้าบ้านมาพอดี ไม่รู้ว่าเพราะได้ยินเสียงแก้วแตกหรือด้วยสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง
 
"พี่อานนท์ พี่อานนท์!" เขาร้อง ผวาเข้าหา พยายามประคองร่างที่อยู่บนพื้นขึ้น "พี่อานนท์... ได้ยินผมไหมครับ"

"ผม... ไม่เป็นไรหรอก แค่แก้วบาด" อานนท์พยายามพูด ผมแง้วอย่างใจชื้น แต่แล้วก็ใจที่มาก็หล่นลงไปกองอยู่ตาตุ่มอีกเมื่อเขาทำท่าจะฟุบ

"แค่แก้วบาดทำไมเลือดออกเยอะอย่างนี้ละครับ" หมอกพูดเสียงตื่น มือที่จับไหล่อานนท์อยู่สั่น "ไปโรงพยาบาลดีกว่า"

หมอกพยายามห้ามเลือดไว้ก่อนโดยเอาผ้าเช็ดหน้ามาพับทบแล้วกดที่ปากแผล แต่ไม่นานเลือดก็ซึมออกมาจนผ้าชุ่ม หมอกหน้าซีดกว่าคนเจ็บเสียอีก เขาเพิ่มแรงกดที่ปากแผลแล้วช้อนตัวอานนท์ขึ้นอุ้ม

ผมเห็นเลือดไหลเลอะเต็มเท้าอานนท์จนนองพื้น เลือดหยดเป็นทางทั้งจากเท้าและมือเขาจนถึงรถที่หมอกคากุญแจเอาไว้ ผมรีบวิ่งไปหน้าประตู ถึงจะทำอะไรไม่ได้ แต่ผมก็หวังสุดใจให้อานนท์ปลอดภัย


ตกเย็นกว่าที่หมอกจะกลับมา และกลับมาเพียงคนเดียว เขาเดินไหล่ลู่ไปปิดประตูรั้ว ล็อกจนเรียบร้อยก่อนจะเปิดประตูเข้ามาเห็นผม

“โทษทีนะสีหมอก” เขาพูดเสียงล้า “พี่อานนท์ยังกลับมาวันนี้ไม่ได้ ต้องค้างโรงพยาบาล”

หมอกจับฝ่าเท้าผมพลิกดูทั้งสี่ข้างจนพอใจว่าไม่ได้มีแผล ก่อนจะลงมือกวาดเศษแก้วแล้วเช็ดพื้น ผมเห็นเขาขมวดคิ้วมุ่นเมื่อซักผ้าแล้วน้ำเปลี่ยนเป็นสีคล้ำของเลือด แต่ก็ทำต่อจนสะอาดเอี่ยม แล้ววางอาหารให้ผม

“พี่อานนท์อยู่มาคนเดียวโดยที่เป็นโรคนี้แถมยังไม่รู้ตัวอีก” หมอกพูดเบาๆ เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า “คุณพ่อก็ไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นจะฝากให้เป็นคนไข้ประจำเสียเลย”

แล้วเขาก็ถอนใจเฮือก ผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่องนัก อานนท์มีโรคประจำตัวด้วยหรือ เท่าที่เห็นผ่านมาเขาก็ไม่แสดงอาการอะไร ดูออกจะปกติดีทุกอย่าง
   
“ฉันกลับไปโรงพยาบาลล่ะ... พรุ่งนี้เช้าจะกลับมาหาข้าวให้กินนะ” หมอกบอก เขาลูบหัวผมเบาๆ “คิดถึงพี่อานนท์เหรอ เดี๋ยวพี่เขาก็กลับแล้ว”

ผมรู้ว่าเขาตั้งใจจะปลอบ แต่อดคิดไม่ได้ว่าเขากำลังยืนยันกับตัวเองด้วยเหมือนกัน

แน่นอน อานนท์ต้องได้กลับบ้านสิ

สี่วันผ่านไปโดยที่หมอกเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านตัวเอง บ้านอานนท์ และโรงพยาบาล ซื้ออาหารมาให้ผม เก็บของไปให้อานนท์บ้าง ข่าวดีก็คือคุณพ่อของหมอกกลับมาแล้วตั้งแต่เมื่อวานและได้ตรวจอานนท์อย่างละเอียด หมอกดูสบายใจขึ้น ไม่เหมือนวันแรกที่เขาทำท่าราวโลกจะถล่ม ผมเลยถือเป็นสัญญาณว่าอานนท์คงใกล้หายดีแล้ว

ช่วงเช้าของวันที่ห้าผมรอหมอกอยู่หน้าประตูบ้านเหมือนเคยเมื่อได้ยินเสียงรถ แต่เมื่อประตูเปิดออกผมก็ต้องร้องอย่างดีใจ หมอกพยุงอานนท์ที่ยังเดินไม่ถนัดนักเพราะแผลที่เท้าเข้ามาด้วย
 
อานนท์ยิ้มให้ผมแล้วหยุดลูบตัวผมเบาๆ ด้วยมือข้างที่ไม่เจ็บ ผมรู้ว่าเขาคิดถึงผม ผมก็คิดถึงเขามากๆ เหมือนกัน ผมเดินตามทั้งคู่ไปจนถึงโซฟาที่หมอกค่อยๆ ประคับประคองให้อานนท์นั่งลง

“วันนี้พักผ่อนก่อนนะครับ อย่าเพิ่งขยับตัวอะไรมาก”

“ผมรู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้ ต้องมาอยู่เฉยๆ แบบนี้” อานนท์ว่า
 
“หลับก็ได้ครับ เดี๋ยวผมอยู่ด้วยเอง จนกว่าแผลจะหายพี่ห้ามทำอะไรที่ออกแรงนะ”

“แย่เนอะ ถ้าเป็นคนอื่นแผลแก้วบาดแค่นี้คงธรรมดา”

“แต่พี่ไม่ใช่นี่ครับ เป็นแบบนี้ก็ต้องระวังตัวให้มากกว่าปกติ แล้วคราวนี้ผมว่าแผลมันก็ลึกอยู่นะ ยิ่งพี่เป็นโรคนี้เลือดยิ่งหยุดไหลยากเข้าไปใหญ่”

พอฟังๆ ไปจากที่หมอกคุยกับอานนท์ผมก็จับใจความได้ว่ามันเป็นโรคที่ติดตัวอานนท์มาตั้งแต่เกิด หมอกเรียกว่าฮีโมฟีเลีย... ผมก็เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก

คนเป็นโรคนี้จะขาดสิ่งที่ทำให้เลือดแข็งตัว แต่เพราะอานนท์ไม่ได้เป็นโรคนี้ระดับรุนแรงและอาจจะยังไม่เคยเจออุบัติเหตุที่ทำให้เลือดออกมากจนหยุดเองได้ยากมาก่อนก็เลยไม่รู้ว่าตัวเองเป็น

“ไม่แปลกนะครับ” หมอกว่าอย่างนั้น “จริงๆ แล้วคนที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นน่ะมีเยอะ รู้ว่าเป็นก็ดีแล้วครับ จะได้ระวังรักษาตัวเอาไว้”

“แต่มันก็รักษาไม่หาย...”

“ตอนนี้ยังไม่มีวิธีรักษา... แต่ระดับที่พี่เป็นนี่ถือว่าเบา ระวังตัวหน่อย ก็ใช้ชีวิตแบบคนปกติได้สบายๆ ” หมอกยิ้มเหมือนจะบอกให้อานนท์วางใจ ก่อนจะเอ่ยติดตลก “ใครจะรู้ ต่อไปผมอาจจะค้นพบวิธีรักษาก็ได้”

เขากวาดตามองไปรอบๆ ห้องแล้วเอ่ยต่อ
 
“เดี๋ยวผมจะเอาฟองน้ำกับกระดาษกันกระแทกมาหุ้มขอบโต๊ะที่เป็นมุมแหลมๆ พวกนี้ กลัวพี่ไปชนเข้า เราต้องระวังอาการช้ำด้วย ความจริงมันมีวิธีให้พลาสม่าที่บ้านในกรณีเลือดออก... เอาพลาสม่าผงมาเก็บไว้ในตู้เย็นแล้วถ้าจะใช้ค่อยละลายด้วยน้ำกลั่น เดี๋ยวผมจะปรึกษาคุณพ่อดูอีกทีว่าจำเป็นขนาดไหน...”

หมอกชะงักเมื่ออานนท์เริ่มหัวเราะ นักเขียนผู้มีจินตนาการสูงอยู่ตลอดบอก “เหมือนแวมไพร์เลย มีเลือดเก็บไว้ที่บ้านแล้วพอขาดเลือดก็เอามาฉีด...”

“พี่อานนท์ มันไม่ใช่เรื่องตลกนะครับ” หมอกว่าเสียงเข้ม

“อะ... ขอโทษที” อานนท์พูด แต่ก็ยังยิ้มอยู่นิดๆ
   
“พี่ไม่รู้หรอก ตอนผมเข้ามา เลือดแดงฉานไปหมด หัวใจผมแทบจะหยุดเต้นแน่ะ” หมอกว่า เขายกมือขึ้นลูบหน้าราวกับจะสะบัดไล่ให้ภาพนั้นหายไป

ถึงผมจะคิดไม่ออกว่าสีแดงเป็นยังไง (เอาน่ะ พระเจ้าคงกลัวแมวจะสมบูรณ์แบบเกินไป เลยให้เราตาบอดสีนิดๆ หน่อยๆ) แต่ก็เข้าใจว่าหมอกคงตกใจมากแค่ไหน เพราะตัวเองก็รู้สึกเหมือนกัน ทั้งกองของเหลวปริมาณมหาศาล ทั้งกลิ่นคาวเฉพาะของเลือด โอย
 
นี่ดีว่าผมเป็นแมวความประพฤติเลิศมาตลอด ไม่เคยกัดข่วนอานนท์ให้ได้เลือดเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่อย่างนั้นถ้าอานนท์เลือดไหลหมดตัวเพราะแมว ผมคงรู้สึกผิดจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

“เรียนหมอแต่กลัวเลือดได้ไง” อานนท์เย้า

“เลือดคนอื่นผมไม่กลัว ผมกลัวเลือดพี่นั่นแหละ กลัวพี่เจ็บ” หมอกตอบซื่อๆ เห็นอานนท์ไม่ตอบอะไรก็พูดต่อ

“โชคดีที่พี่ไม่ได้เป็นแบบรุนแรง ไม่อย่างนั้นคงมีอาการร่วมพวกข้อบวมเพราะเลือดออกภายในข้อด้วย บางทีเลือดไหลเองได้เลย ไม่ต้องมีแผลภายนอก” เขาว่าคล่องราวกับเป็นหมอเฉพาะทางแล้ว “แบบนั้นจะอันตรายกว่ามาก เลือดออกในสมองละยุ่ง”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงตายเสียก่อนจะวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้แล้วล่ะ”

หมอกจับมืออานนท์ข้างที่ไม่ได้พันแผลไว้แน่น ถ้าที่ผ่านมาเขามีสติและทำตัวเป็น ‘ผู้ใหญ่’ ได้อย่างดีเยี่ยม ครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเขาเป็นเด็กที่เพิ่งใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยผ่านไปเพียงแค่สองปีอย่างที่เป็นจริงๆ

“อย่าพูดอย่างนั้น พี่อานนท์” เขาบอกเสียงเครือ แล้วทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรอีกมาก แต่ก็ลงเอยด้วยการเขย่ามืออานนท์เบาๆ ผมได้ยินแค่ว่า “ไม่เอาอะพี่ ไม่เอานะ ผมไม่อยากได้ยินพี่พูดคำนั้นเลย”

อานนท์มองเด็กข้างบ้านด้วยแววตาอ่อนโยน เอ๊ะ ถ้าอานนท์รักผม ใช้สายตาแบบนั้นมองผมเหมือนกัน งั้นกับหมอนี่อานนท์ก็...

หมอกทำหน้าคว่ำ แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือที่ยึดไว้เสียแน่น
 
“พี่มองผมเหมือนมองเจ้าสีหมอกเลย ไม่เอาอะ”

คำว่า ‘ไม่เอา’ ดูจะเป็นคำติดปากเขาไปเสียแล้ว คราวนี้อานนท์หัวเราะน้อยๆ

“เหมือนเหรอ เหมือนยังไง ผมว่าไม่เหมือนนะ”

“ก็... เอ็นดูๆ ปนขำๆ นิดหน่อย” หมอกว่า ทำปากยื่นเหมือนเด็กไม่มีผิด “ผมไม่ใช่เจ้าสีหมอกนะ”

“ใครว่าใช่ล่ะ... ผมมองหมอกไม่เหมือนที่มองเจ้าเหมียวแน่นอน” อานนท์ยืนยัน เขายังยิ้มอยู่

“งั้น... พี่มองผมยังไง พี่อานนท์”

อานนท์ไม่ได้หลบตาหมอก แต่เขาก็ไม่ตอบ หมอกรออยู่พักก็ถอนใจ

“พี่พักผ่อนเถอะครับ ผมจะอยู่ด้วย แผลหายสนิทแล้ว ไว้ผมมารับพี่ออกไปนะ เรายังไม่ได้ฉลองกันเลย”

อานนท์ยิ้มบางให้หมอกก่อนจะหลับตาลงช้าๆ “ผมไม่ลืมสัญญาหรอก”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คุณ anajulia ถ้าอานนท์ไม่มีสีหมอกคงแย่เหมือนกันจริงๆ แหละค่ะ เหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลกเน้อ อ่านแล้วอิน... คนเขียนดีใจมาก (เรื่องสองปล่อยเค้างุ้งงิ้งกันไป 555)

คุณ golove2 ถ... ถูกต้องนะคร้าบ! เพราะฉะนั้นคู่กับคุณหมอดีสุด 555 อีกอย่างตอนเขียนต้องไปค้นกันมาทีเดียวว่ายักย้ายปิดบังมรดกนี้มันทำกันยังไง (จริงจังไปมั้ย) เนื่องจากถึงไม่มีพินัยกรรมลูกชายคนเดียวก็ต้องได้ก่อนอยู่ดี แต่สุดท้ายก็เจอว่ามันมีแหละที่ลำดับอื่นได้แต่ลำดับแรกๆ ไม่ได้ไรงี้ (ถูกโกงนั่นเอง)   

คุณ MiSS-U โอ้ ยินดีต้อนรับ ขอบคุณที่เข้ามาค่ะ เรื่องที่ 3 ก็คิดว่าไม่เศร้าหรอกหนา (คิดว่า?) แล้วแวะมาอีกนะคะ

คุณ fuku สูงอายุ ก๊าก ยี่สิบห้ายี่สิบหกเองนะ เค้าจะเหมาว่าที่ว่าแก่นี่คือแก่กว่าหมอกละกันนะ 555

นักวิจัยว่าแมวตาบอดสีแดง คือเห็นสีแดงเป็นสีเทาล่ะ แต่โลกของแมวไม่ใช่ขาวดำนะเออ อย่างสีเขียวแมวก็เห็น (ถึงได้ชอบย่ำสนามหญ้ากันจัง รึเปล่า)

ตอนหน้าตอนจบของเรื่องที่ 3 แล้วนะจ๊ะ
  :กอด1:

ป.ล. เรียนผู้อ่านทุกท่าน เนื่องจากเขียนเรื่องที่ 3 หลังเรื่องที่ 1 และ 2 (มันก็แน่) และเพิ่งค้นเรื่องตาบอดสีของแมวตอนเขียนเรื่องที่ 3 - -" ก็เลยมีอันกลับไปแก้คำในเรื่องที่ 1 และ 2 นิดหน่อย (เพราะว่าแมวเป็นผู้เล่าและแมวไม่ควรจะเห็นสีแดง เหอๆ) ขออภัยด้วยนะจ๊ะ แต่เนื้อความยังเหมือนเดิมทุกประการ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 3] 20 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 20-10-2011 19:23:28
 :-[ "เลือดคนอื่นผมไม่กลัว ผมกลัวเลือดพี่นั่นแหละ กลัวพี่เจ็บ...ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนทำหัวใจตกเลยพี่รู้มั้ยครับ"

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก เสี่ยว แต่ข้าพเจ้ารู้นะท่านหมอหมอกว่าท่านก็รู้สึกอย่างนั้นแล แบร่ๆๆๆๆ
ฮีโมฟีเลีย เอาน่า ใกล้หมอ ทั้งคุณพ่อหมอคุณลูกหมอ แถมมีแมวช่างสังเกตอย่างเจ้าสีหมอกอีก อานนท์ไม่ตายแล้ว
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 3] 20 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 20-10-2011 19:34:27
โชคดีนะที่อานนท์มีว่าที่คุณหมอดูแลแบบนี้ แถมดูท่าทางหมอกก็อยากดูแลไปตลอดด้วยนะเออ พี่อานนท์ก็ตามใจเด็กเถอะนะ

ปล. เพิ่งรู้อีกแล้วว่าแมวตาบอดสีด้วย
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 3] 20 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 20-10-2011 19:34:56
 :L2: :L2:  ให้พี่อานนท์   

น้องหมอกและเจ้าสีหมอกต้องดูแลพี่เค้าดี ๆ นะ

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 3] 20 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 20-10-2011 19:54:49
โอย...  น่ารักเว่อร์...  หมายถึงพลพรรคแมวๆทั้งหลายน่ะนะ
ชอบทั้ง3เรื่องเลยค่ะ  สนุกมาก บรรยาย(แบบแมวๆ)ได้ดีสุดๆ :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 3] 20 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: lidelia ที่ 20-10-2011 20:39:50
สงสัยโชคชะตาทำให้หมอกเรียนหมอ เพื่อมารักษาอานนท์ (เริ่มเพ้อเจ้อ)  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 3] 20 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 20-10-2011 22:25:40
เรื่องนี้มันช่างให้อารมณ์อบอุ่นจริงๆนะเออ
ชอบจริงๆหญ้าอ่อนกินวัวแก่ อิอิ
 :จุ๊บๆ:
จุ๊บสีหมอก(ทั้งสอง๕๕)

+๑ กันดีกว่า ล้า ลา...,,,
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 3] 20 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: JkrR ที่ 21-10-2011 00:59:24
ตามเข้ามาเพราะพี่หนุ่นนุ้นแนะยำจากทู้นิยายต้องอ่าน
แล้วก็กรี๊ดสลบกับเจ้าสามตัวนี้ โดยเฉพาะเจ้าสีหมอก
ชอบตัวนี้ที่สุด แม้เรื่องนี้อ่านแล้วจะน้ำตาคลอเบ้า
(ช่วงนี้อินง่าย เพราะเขียนนิยายอยู่ ฮาๆ)

ไม่อยากให้จบแค่สี่เรื่องเลย (ผมชอบอ่านเรื่องสั้นมากกว่า)
เอาเป็นว่าเขียนให้ครบทุกสายพันธ์บนโลกเลยนะครับ :laugh:

+1 แอนด์ ก๊าบๆ โทษฐานทำให้ปลื้ม
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 3] 20 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 21-10-2011 02:10:55
อานนท์น่ารักตลอดเลย

วู้ววววววววววววว เอาเป็นว่าเคะอายุมากกว่า เราก็ชอบแระ
ตามด้วยนิสัยเก็บตัว แก่กว่าอายุนั่นก็โดนใจ

อ่านๆแล้วเราว่านิสัยของอานนท์ประมาณสามสิบได้นะ อิอิ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 3] 20 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 21-10-2011 03:50:38
ตอนนี้ออกจะเศร้านิดนึง ว่าป่ะ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 3] 20 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: pim_onelove ที่ 21-10-2011 04:33:53
ตามมาจากกระทู้แนะนำว่าเรื่องนี้ต้องอ่าน แล้วก็สนุกจริงๆ ด้วย  :mc4:
แถมที่บ้านยังเลี้ยงแมวอีกต่างหาก อ่านไปก็นึกถึงพฤติกรรมของเจ้าตัวแสบของที่บ้านไปด้วย อิอิ

ชอบทั้งสามเรื่องเลย แบบว่าแต่ละเรื่องก็ให้อารมณ์ที่แตกต่างกัน แบบว่าดีอ่ะ อบอุ่นและน่ารักดี
รออ่านตอนจบของตอนที่สามอยู่นะคะ รวมถึงตอนต่อๆ ไปด้วยค่ะ   :pig4:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 3] 20 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 21-10-2011 06:39:45
เรื่องแรก ชนมีความอดทนมากเลย เพราะถ้าเป็นเรา ง้อครั้งเดียวคือจบ ถ้าไม่หายงอนก็เรื่องของคุณ  แล้ววิธีบอกรักเนี่ย บอกกันแบบว่าตรงๆไม่อ้อมค้อมเลยอ่ะ
คราวหลังก็อย่างอนบ่อยนะ เพราะเดี๋ยวไม่มีคนมาง้อ ชอบคำพูดของแม่ทินด้วยค่ะ

เรื่องที่สอง คุณพระเอกใจเย็นมากกก ตอนที่อ่านยังคิดเลยว่า เกนแกล้งพูดถึงแอรอนบ่อยๆเพื่อให้หึงรึเปล่าเนี่ยเพราะเขาช่างนิ่งและเย็นเกือบชา สุดท้ายก็หักมุมมาเป็นว่า แอรอนต้องการจีบเพื่อนของเกนซะงั้น

เรื่องสุดท้าย ชอบหมอค่ะ55+ สีหมอกน่ารัก อานนท์น่าสงสาร เรื่องมรดกนี่มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ 

     ป.ล. ชอบแมวมากแต่ไม่ค่อยชอบเข้าไปเล่นด้วย แค่มองว่าน่ารักเฉยๆน่ะคะ มีเรื่องฝังใจกับมันเล็กน้อย^^
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 3] 20 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 21-10-2011 14:31:57
สีหมอกน่ารัก
หมอกก็ยิ่งน่ารัก
อานนท์สบายใจได้ ว่าที่คุณหมอไม่ปล่อยให้ว่าที่คนรักเป็นอะไรแน่ๆ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 3] 20 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: ISee ที่ 22-10-2011 14:38:34
อ่านไปแล้วสองเรื่องแล้วค่่ะ โดยส่วนตัวแล้วชอบหมามากกว่าแมวค่ะ
 แต่พออ่านสองเรื่องนี้แล้ว ชักอยากจะเลี้ยงแมวบ้าง น่ารักกันเหลือเกิน
 รอตอนที่สามจบจะกลับมาอ่านต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนที่ 3] 20 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 22-10-2011 14:59:10
รักแมว เปิดมาอ่านแล้วสมใจจริงๆ

แต่ละคู่น่ารักดีค่ะ อ่านแล้วยิ้มไปเพลินๆ รรอลุ้นคู่นี้จ๊ะ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนจบ] 22 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 22-10-2011 18:57:56
เรื่องที่ 3 (จบ)

หมอกมาดูแผลให้อานนท์ทุกวัน แต่เขาก็ไม่ได้พูดจาเข้าใจยากอย่างวันนั้นอีก จนแผลหายดีก็ประจวบกับที่หมอกต้องไปออกค่าย เขาทำท่าอิดๆ ออดๆ แต่ยังไงก็ต้องไปอยู่ดี หายไปได้สักอาทิตย์กว่า รถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่สีฟ้าอ่อนก็เคลื่อนมาจอดหน้าบ้านอานนท์อีกครั้ง

“พี่เป็นไงบ้างครับ” เขาเอ่ยถามทันทีที่เห็นหน้า อานนท์ยิ้มขัน

“หมอกโทรหาผมทุกวันยังต้องถามอีกเหรอ ออกค่ายว่างขนาดนั้นเชียว”

“ว่างไม่ว่างผมก็ต้องโทร” เขายืนยัน “เอาละ เชิญครับพี่อานนท์”

“หืม... ไปไหน”

“ก็พี่สัญญาไว้นี่นาว่าจะไปเที่ยวกับผมถ้าผมได้ใบขับขี่แล้ว”

“วันอื่นไม่ดีรึหมอก วันนี้ครึ้มมาเชียว เดี๋ยวฝนคงลงเม็ดแน่” อานนท์ว่าพลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

“วันอื่น... ไม่ดีหรอกครับ วันนี้แหละ วันดี” หมอกยิ้มร่า “เชิญเลยครับ”

อานนท์เหลียวหาผมก่อนจะเดินกลับมาเปิดประตูให้เป็นทำนองถามว่าผมจะเข้าบ้านไหม พอผมเฉยเขาก็พึมพำ
 
“สีหมอกก็อยากออกไปเที่ยวเหรอเนี่ยวันนี้”

ผมเมี้ยวแล้วออกเดินไปอีกทาง อานนท์ถึงได้เข้าบ้านไปหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วไปขึ้นรถหมอก อานนท์ควรจะได้ไปสนุกสนานบ้าง แล้วถ้าคนที่จะทำให้อานนท์มีความสุขและยิ้มออกคือหมอก ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายอะไรตรงไหน

สองคนหายกันไปทั้งบ่าย ฝนตกลงมาจริงอย่างที่อานนท์พูดไว้ แต่ก็ไม่ได้หนักอะไร ผมนอนหมอบอยู่ใต้ชายคาบ้านจนฝนหยุดจึงออกไปย่ำพื้นหญ้าหมาดฝนจนพอใจ ตกเย็นทั้งคู่จึงได้กลับมา

“พี่ไม่ยอมให้ผมเลี้ยง” หมอกลงมายืนบ่นกระปอดกระแปด

“ได้ยังไง... ผมแก่กว่า แถมยังทำงานแล้ว ก็ต้องเป็นคนเลี้ยงสิ” อานนท์บอก “ขอบคุณมากที่อุตส่าห์ขับรถพาไปถึงทะเล ผมไม่ได้ไปหลายปี”

“อ่า... แต่ฝนก็ตกจนได้”

“ผมบอกแล้ว หมอกก็อยากจะไปวันนี้ให้ได้” อานนท์ยิ้มมองคนตรงหน้า “แต่ยังไงก็สนุกอยู่ดี ถึงจะไปกินข้าวเสร็จแล้วก็แค่จอดรถดูทะเลกลางฝนก็เถอะ”

พอหมอกยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไรอีกเขาก็ว่า “งั้นผมเข้าบ้านก่อนนะ”

“ด... เดี๋ยวครับ” หมอกเรียกไว้ ก่อนจะหันไปหยิบกล่องไวโอลินออกมาจากเบาะหลัง เขาสบตาอานนท์ “นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงต้องเป็นวันนี้”

แล้วเขาก็เริ่มเล่น และไม่ได้ละสายตาจากอานนท์เลยตลอดเวลานั้น เพลงสั้นๆ ไม่ถึงครึ่งนาทีด้วยซ้ำ แต่ทำนองมันคุ้นหูผมเหลือเกิน ผมว่าผมเคยได้ยินจากทีวีนะ แล้วหลังจากนั้นก็ต้องพูดว่า...

“สุขสันต์วันเกิดนะครับ พี่อานนท์”

อานนท์สูดจมูก ถ้าเขาไม่ได้ร้องไห้เลยตอนที่เล่าเรื่องในอดีตให้หมอกฟัง ตอนนี้ผมว่าเขาก็ใกล้จะเสียน้ำตาเต็มที แต่น้ำตาที่ไหลเพราะความซาบซึ้งตื้นตัน ยังไงก็ดีกว่าไหลเพราะความเจ็บช้ำเสียใจล่ะน่า

“หมอกรู้... ได้ยังไง”

“ผมเห็นวันเกิดพี่ตอน... โรงพยาบาล พี่คงไม่โกรธนะครับ” หมอกว่า แล้วเอ่ยซ้ำอีกอย่างอ่อนโยน “สุขสันต์วันเกิดครับ พี่อานนท์”

“ขอบคุณมาก... ไม่เคยมีใครพูดคำนี้กับผมมานานแล้ว”

"พี่อานนท์รู้ไหมครับ ผมหาหนังสือเรื่องโรคฮีโมฟีเลียมาอ่านเป็นบ้าเป็นหลังเลย ทั้งซื้อทั้งยืมห้องสมุดทั้งขอคุณพ่อจนถูกแซวว่าจะเป็นหมอเฉพาะทางด้านนี้หรือไง" เขาหัวเราะเขินๆ

“ผมสนใจภาษาไทยมากขึ้น เพราะผมอยากเข้าใจคนที่ใช้ภาษาได้สวยงามอย่างนั้น ผมใส่ใจกับไวโอลินมากกว่าเดิม เพราะพี่ชมว่าผมเล่นดี... ถ้าความรักทำให้คนมีแรงบันดาลใจทำอะไรได้มากมาย ผมว่า...”

หมอกสูดหายใจลึกก่อนจะสบตาอานนท์ตรงๆ

“ผมคงรักพี่เข้าแล้วละครับ พี่อานนท์”

“รักผม... เพราะ...”

“ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอครับ... พี่น่ะทั้งหน้าตาน่ารัก ทุ่มเทกับงาน แถมยังจิตใจดี แล้วก็เข้มแข็งอดทนกับอะไรมามากเหลือเกิน... ผมรักทุกอย่าง แต่ทั้งหมดนั่นก็ยังไม่ใช่ทุกอย่างที่ทำให้ผมรักพี่”

อานนท์นิ่ง หมอกยังพูดต่อเรื่อยๆ

“ถ้าผมถามพี่ว่าพี่รักสีหมอกเพราะอะไร... เพราะมันขนเทาสวย ตาสียังกับท้องฟ้าตอนไม่มีเมฆ ฉลาดเจ้าเล่ห์ แต่ก็ขี้อ้อนหรือเปล่า ถ้าแค่นั้นทำให้พี่รัก ก็ยังมีแมวอีกตั้งมากที่เป็นแบบนี้เหมือนกัน... แต่มันก็ไม่ใช่สีหมอกอยู่ดี ก็เหมือนกันนั่นแหละครับ พี่เข้าใจไหม”

เขาพูดช้าๆ เหมือนจะย้ำให้ทุกคำถึงใจคนฟัง

“พี่อานนท์ ต่อไปชีวิตอาจจะยังต้องมีความเปลี่ยนแปลงอะไรอีกมากมาย... แต่ไม่ใช่ใจของผมแน่”


หมอกบอกว่าถ้าระหว่างนี้อานนท์ยังไม่สะดวกใจ จะไม่เจอกันสักพักก็ได้ จะได้มีเวลาคิด ทบทวนความรู้สึก... เพียงแต่ขอให้ดูแลตัวเองดีๆ ด้วย ถ้ามันจะช่วยอะไรได้ผมก็อยากจะบอกหมอกว่าผมเชียร์เขาเต็มที่เลยนะนี่

เช้านี้อานนท์เขียนอะไรอยู่ตั้งนานแล้ว เดี๋ยวลบ เดี๋ยวขีดฆ่า เดี๋ยวขยำกระดาษทิ้งถังขยะ ผมนอนหมอบดูจนเขาหันมาหัวเราะอายๆ ให้

“ไม่ได้เขียนนานก็เป็นอย่างนี้แหละสีหมอก เฮ้อ ไม่ไหว ไม่ไหว สนิมขึ้นหมดละ...” แล้วเขาก็บ่นพึมพำอะไรไม่รู้ต่อ

อานนท์ปล้ำกับงานชิ้นนี้อยู่ถึงเย็นก็ยังไม่เสร็จ ท่าทางจะหินน่าดู วันต่อมาเขาก็เริ่มใหม่ จนตอนบ่ายออกไปเดินยืดเส้นยืดสายนอกบ้าน พอเหลือบมองไปทางซ้ายเห็นเพื่อนบ้านคนเดิมยืนเกาะรั้วมองอยู่ หมอกสะดุ้งทำหน้าเขิน

“ข... ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ คือผมแค่จะ เอ่อ... พี่สบายดีก็ดีแล้วครับ”

แล้วเขาก็หลบวูบไปดื้อๆ ซะอย่างนั้น อานนท์ยิ้ม แล้วกลับทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ รีบเข้าบ้านมาเขียนงานที่ยังไม่เสร็จต่อ
ผมเห็นทั้งหมดนี้ผ่านหน้าต่าง แล้วก็ให้สงสัยเสียจริงว่างานอะไรของอานนท์กันนะ ที่ต้องการแรงบันดาลใจเป็นคนข้างบ้านด้วย...

 
พักนี้ฝนตกตอนบ่ายๆ ไปถึงเย็นตลอด อานนท์ก็เลยไม่ค่อยได้ออกไปนั่งเขียนงานข้างนอกอีก แต่พอฝนหยุดเขาก็จงใจเดินไปริมรั้ว หมอกกำลังล้างรถอยู่ ผมที่อยู่แถวนั้นอยู่แล้วเห็นชัดเลยว่าหมอกพยายามทำเฉยๆ เต็มที่ แต่พออานนท์เอ่ยปากเรียกเขาก็เช็ดมือกับเสื้อแล้วมาทันที

“ผมมีอะไรจะให้” อานนท์ว่า แล้วยื่นซองจดหมายข้ามกำแพง

หมอกมองงงๆ ก่อนจะเอ่ยเบาๆ “ถ... ถ้าพี่จะปฏิเสธผม ก็... บอกกับผมตรงๆ เลยก็ได้นะครับ ไม่ต้องยื่นซองขาวยังงี้หรอก”
“อย่าคิดมาก ผมมีซองแค่สีเดียว” อานนท์ยังมีอารมณ์หัวเราะ “อ่านก่อนสิ”

หมอกค่อยๆ เปิดซองจดหมายออก แล้วเขายังเงยหน้ามองอานนท์เหมือนจะถามว่าให้อ่านตอนนี้เลยเหรอ พออีกฝ่ายพยักหน้าเขาก็คลี่กระดาษอย่างเบามือ

ยิ่งอ่านเขาก็ยิ่งยิ้ม อานนท์ที่ยืนอยู่อีกฝั่งจับตาดูสีหน้าของหมอกก็อมยิ้มเหมือนกัน จนหมอกอ่านจบเขาก็พับใส่ซองไว้ตามเดิมอย่างถนอม เงยหน้าขึ้นสบตากับอานนท์ที่มองอยู่ก่อนแล้ว
 
“นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเขียนกลอนให้ผม” ท่าทางเขาตื่นเต้นดีใจ ตาเป็นประกายเชียวละ “แถมยังเป็น... เขาเรียกว่าเพลงยาวรึเปล่าครับ”

“ตามฉันทลักษณ์แล้วจะเรียกว่าอย่างนั้นก็ถูก” อานนท์อุบอิบ

“นี่ผมชอบวรรคนี้มาก...”

“อย่าอ่านออกเสียงนะ” อยู่กันมาตั้งนานผมเพิ่งเคยเห็นอานนท์ออกอาการเขินก็คราวนี้ล่ะ
 
หมอกยิ้มไม่หุบ “ผมยอมเป็นนางใน ให้พี่เขียนเพลงยาวมาเกี้ยวทุกวันเลย”

“เพลงยาวไม่ต้องเป็นเรื่อง... นั้นอย่างเดียวก็ได้ เพลงยาวพยากรณ์ รบทัพจับศึกอะไรก็มี”

“อ้อ ครับ” ขานี้ก็รับคำอย่างร่าเริง ยิ้มแป้น “แต่ถ้าเป็นจากพี่ ผมก็ไม่อยากได้เพลงยาวเรื่องอื่นหรอกครับ”

สองคนยืนยิ้มให้กันข้ามกำแพงอยู่อย่างนั้นจนผมร้องเมี้ยวขึ้น อานนท์หัวเราะ

“สีหมอกไม่ต้องห่วงหรอกน่า คิดซะว่ามีคนมารักเราเพิ่มขึ้น”

“เลิฟมีเลิฟมายแคทสินะครับ”

“ไม่ใช่รึไง”

“ผมน่ะรักทั้งเจ้าของทั้งแมวมาตั้งนานแล้ว” หมอกทำหน้าราวกับถูกกล่าวหา เขาลูบหัวผมก่อนจะเท้ามือบนกำแพงแล้วทำท่าจะปีนข้ามมา

“นี่ ทำอะไร” อานนท์เอ็ด “ประตูหน้าก็มีให้เข้า”

“ไม่ทันใจครับ” เขาตอบ ก่อนจะปีนข้ามมาจนได้ ถึงพื้นก็ว่า “ผมอยากกอดพี่ตอนนี้เลย”

อานนท์ไม่ทันตอบหมอกก็ทำอย่างปากพูดเสียแล้ว
 
"พี่อานนท์รู้ไหม ผมเคยตอบอาจารย์ตอนสอบสัมภาษณ์ว่าผมอยากเป็นหมอเพราะพ่อคงภูมิใจ เป็นหมอเพราะได้ช่วยคนอย่างชัดเจนมากที่สุดอาชีพหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมมีเหตุผลเพิ่มมาอีกอย่าง อย่างสำคัญด้วย”

อานนท์ฟังเงียบๆ แต่ผมเห็นรอยยิ้มระบายขึ้นอย่างช้าๆ หมอกพูดต่อ

“คนที่ผมรักเขาเป็นโรคทางพันธุกรรม ผมอยากศึกษาให้มาก ให้เก่ง เพราะผมอยากดูแลเขาให้ดีที่สุด แล้วก็ได้ช่วยคนที่เป็นเหมือนอย่างเขา...”

“ขอบคุณนะหมอก ขอบคุณมากๆ” อานนท์กอดตอบหมอก น้ำตารื้น แต่ก็หัวเราะออกมาเมื่อได้ยินประโยคถัดไป

“ขอบคุณเหมือนกันที่พี่รักผม ให้ผมรัก... แต่ว่า ผมขอจองตำแหน่งหมอประจำตัวพี่ไว้ก่อนเลยนะ”

“เป็นหมอประจำตัว เร็วไปม้าง” อานนท์อุตส่าห์ขัด “ยังไม่ทันจบเลย”

“ถ้าเร็วไป... ตอนนี้ก็รับไว้ประจำใจก่อนแล้วกันครับ”
 
หมอกก็ช่างกล้าพูด เมื่อก่อนผมไม่เห็นว่าเขาจะเล่นคำอย่างนี้เป็น ท่าทางการใกล้ชิดกับคนเป็นนักเขียนจะส่งผลซะแล้ว
 
ถ้าชีวิตของอานนท์เคยมีเมฆหมอกร้ายๆ มาปกคลุม ต่อไปในอนาคต ก็คงมีแค่สองหมอกเท่านั้นแหละ ก็หมอกที่เป็นคนหนึ่ง แมวอีกหนึ่งไงล่ะ

อานนท์ยิ้มสดใส ผมอยากจะเห็นรอยยิ้มแบบนี้บนหน้าของเขาตลอดไปจริงๆ อานนท์ยิ้มแบบนี้แล้ว... เหมือนละอองแดดแทรกผ่านหมอกยามเช้าเลยละ
   
แหม ผมนี่ก็พูดอะไรเป็นกวี ช่วยไม่ได้ ก็ผมเป็นแมวของนักเขียนนี่นา

อ้อ ตอนนี้คงต้องบอกว่า เป็นแมวของนักเขียนกับ (นักเรียน) หมอแล้วสินะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คุณ anajulia อร๊ายยย เขียนซะเขินเลย ตอนนี้ก็เป็นคนไข้ของคุณพ่อหมอไปก่อนรอคุณพระเอกเรียนจบ ปล. คนเขียนเซฟอานนท์โดยให้เป็นระดับเบาสุด คนเป็นเยอะๆ แล้วดูเค้าใช้ชีวิตลำบากอะ สงสาร ปล. 2 ขอบคุณมากๆ ค่ะที่เอาเรื่องนี้ไปแนะนำด้วย ดีใจมากๆ

คุณ dahlia ชอบคำว่าตามใจเด็ก ฮาๆ เรื่องแมวตาบอดสีเฉพาะสีแดงคนเขียนก็เพิ่งค้นจนแน่ใจค่ะ เมื่อก่อนคิดว่าแมวไม่เห็นสีซะอีก

คุณ golove2 เอาดอกไม้ให้พี่อานนท์สงสัยต้องเป็นกล้วยไม้ละป่าว 555 คิดว่าได้รับการดูแลดีแน่นอนนับจากนี้

คุณ Heisei ชอบแมวแน่ๆ เลย ตอนเขียนคนเขียนก็แทบจะเป็นแมวไป 555 พยายามคิดว่าถ้าเป็นแมวมองจะเป็นไงน้า

คุณ lidelia แอบคิดเหมือนกัน ถึงโรคนี้ยังรักษาไม่หายก็ดูแลกันไปละกันเนอะ

คุณ bulldog17 ไม่ใช่วัวแก่กินหญ้าอ่อนนะสรุป (ตกลงใครกินใครอะ 555) ขอบคุณสำหรับบวกค่ะ

คุณ JkrR ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า ชอบสีหมอกแสดงว่าชอบแมวน่ารักๆ ไม่ดื้อหรือว่ากวนติงเท่าไหร่ ครบทุกสายพันธุ์นี่แมวใช่ป่ะคะ อิอิ คนเขียนมีต้นแบบจากแมวธรรมดาๆ เนี่ยแหละไม่มีเพ็ตดีกรี (ตัวเองก็เลี้ยงแมวพันทางปกติ เอิ๊ก) ขอบคุณสำหรับบวกค่ะ

คุณ fuku นิสัยอานนท์แก่จริง เค้าแบบไม่ค่อยได้สังสรรค์กับคนรุ่นราวคราวเดียวกันอะ 555 ต้องรีบโตไปหน่อย

คุณ takara เศร้าเหรอ นิดๆ หน่อยๆ ค่า

คุณ pim_onelove ตอนเขียนก็นึกถึงแมวเหมือนกัน ฮาๆ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

คุณ berlyn ชนม์น่าจะพยายามบอกมาหลายทีแต่ทินยังไม่เก็ต ก็เลยเอาตรงๆ เลยจะได้ไม่ต้อง 'แปล' อีก ฮาๆ คนเขียนก็ไม่ค่อยตามง้อเหมือนกันค่า ก็เลยตั้งใจให้ทิน 'โต' ขึ้นหน่อยในตอนจบ ไม่ขี้งอนมากแล้ว ส่วนเรื่องที่สองเราตั้งใจให้ทั้งสองคนเป็นอย่างนี้น่ะค่ะ ตอนเกนยังมีกิ๊กเยอะแยะคงหึงหวงกันวุ่นวาย เกนเลยมาติดใจพี่ป๊อบ 555 ปล. เพื่อนคนเขียนบางคนก็เป็นงี้นะคะคือชอบแมวแต่ไม่จับ กลัวถูกตบตีอะ เหอๆ

คุณ sukie_moo เนอะๆ ดูแลกันไปๆ

คุณ ISee หมาก็น่ารักค่ะ แต่คนเขียนเป็น cat person ฮาๆ ที่บ้านก็เลี้ยงทั้งหมาทั้งแมวนะ

คุณ TONG ขอบคุณที่แวะมาค่ะ แมวๆ นี่น่ารักเนอะ 55

เรื่องที่ 3 ก็จบแล้ว ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ใครอยากฟังว่าไวโอลินเบิร์ธเดย์เป็นยังไงค้นดูในยูทูบได้นะ แต่คนเขียนชอบเวอร์ชั่นนี้ http://www.youtube.com/watch?v=c31NReNX8Kg เอิ๊ก ส่วนอันนี้สอน http://www.youtube.com/watch?v=jYNvkPrwNBg 

เรื่องที่ 4 จะตามมาเร็วๆ นี้เน้อ
  :กอด1:


หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนจบ] 22 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: JkrR ที่ 22-10-2011 19:11:42
อ๊ากกก มาทัน  :z13: พี่เดหลีด้วยแหละ  :impress2:

แอบลุ้นใจหายใจคว่ำ เพราะสองเรื่องที่แล้วมันหวานซะสุดติ่ง กลัวใจว่านายอานนท์มันจะซี้แหงแก๋

เป็นการสังเวยคนอ่านให้หัวใจวายตายเล่นๆ แอร๊ยส์ แต่จบแบบนี้ แทบจะกด like รัวๆ (ถ้าทำได้ ฮาๆ)

ปกติ ชอบนิยายแนวหมอๆด้วย แต่หมอกับหนุ่มอักษรก็น่ารักไม่หยอกอ่ะ

เอาเป็ดกับบวกไปครับ ในโทษฐานที่เรื่องนี้น่ารักและจบไม่ทำร้ายหัวใจ
อ้อ ...และเป็นการยืนยันว่าพี่เดหลีจะมาต่อเรื่องต่อไป (ให้เร็วกว่านี้)  :laugh:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนจบ] 22 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 22-10-2011 19:17:13
น่ารักจังเลยค่ะ ได้เห็นคนเค้ารักกัน ผ่านมุมมองของเจ้าตัวเล็ก :impress2:
อ่านรวดทั้งสามเรื่อง ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนจบ] 22 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 22-10-2011 19:39:04
น่ารักทุกเรื่อง ทุกคู่ (คน) และ ทุกตัว(แมว) จริง ๆ ค่ะ  :m1:
โดยเฉพาะเรื่องที่ 3 ที่เพิ่งจบไปกับประโยคสารภาพรักที่แน่วแน่ มุ่งมั่น ซาบซึ้ง และ กินใจของคุณน้องหมอก
ทำเอาดิฉันเคลิ้มแทบละลายแทนคุณอานนท์ แพ้ใจผู้ชายอบอุ่น จริงใจ พึ่งพาได้แบบนี้จริง ๆ เลย  :-[
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนจบ] 22 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 22-10-2011 20:02:52
^
^
^
จิ้มๆคุณเชอร์รี่เรด ><


เรารักสีหมอก เพราะสีหมอกเป็นแมวที่มีหัวใจกวี
มองเห็นรอยยิ้มของอานนท์แล้วเปรียบเทียบออกมาเป็นคำพูดแสนงามได้จับใจ
ยิ้มเหมือนแสงแดดที่ทอลอดหมอกเช้า อ๊า....งามแต๊ๆเน้อ

(เรารู้นะหมอหมอกว่าเพลงยาวฉบับนั้นน่ะ คุณหมอต้องเก็บกลับบ้านแล้วเอาไปเข้าเครื่องย่อเป็นขนาดพกพา เคลือบพลาสติกกันน้ำแหงๆ)
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนจบ] 22 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: DasHimmel ที่ 22-10-2011 20:48:16
น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แมวเหมียวทั้งสามน่ารักได้อีก คู่รักทั้งสามคู่ด้วย ^^
สามเรื่องสามสไตล์ น้องชนม์เป็นผู้ชายที่อบอุ๊นอบอุ่น งอนกันไปง้อกันมา คู่สองแอบแปลกใจที่พี่ป๊อบเป็นสามี >///< ทำกับข้าวเก่ง เป็นผู้ใหญ่แบบนี้รักตายเลย คู่น้องหมอกพี่อานนท์ แอบเศร้าอ่า อานนท์เป็นคนน่าสงสารมาก แต่หลังจากนี้ไปคงมีความสุขจริงๆซักที มีน้องหมอกมาคอยดูเเลเเระ อิอิ อ่านไปก็รักน้องเหมียวไปด้วย ตอนนี้อยากเลี้ยงแมวขึ้นมาทันที 555
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนจบ] 22 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 22-10-2011 21:12:47
น่ารักมากกกก อ่านแล้วมีความสุขสามเรื่องสามแบบ
เจ้าเหมียวน่ารัก เราก้อมีแมวเลยชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษ
ขอบคุณมากคะ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนจบ] 22 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 22-10-2011 21:50:56
ความรักทำให้มีแรงบรรดานใจที่จะทำสิ่งที่ดีสินะ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนจบ] 22 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 22-10-2011 22:48:55
สามเรื่องรวดเลย น่ารักทุกเรื่องเลย ^^
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนจบ] 22 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 23-10-2011 00:41:43
โอ๊ยยย....เขินนนนนนน ๕๕๕๕
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนจบ] 22 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 23-10-2011 08:46:02
 :o8:
เป็นคู่ที่น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนจบ] 22 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 23-10-2011 09:52:23
อ่านแล้วซาบซึ้งใจ
คุณหมอน่ารักเกินจะห้ามใจ

ส่วนหมอกรักหมดใจเลย
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนจบ] 22 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: lidelia ที่ 23-10-2011 13:04:30
มีเขียนเพลงยาวให้กันด้วย น่ารักอ่ะ  :-[ :-[

รอตอนที่ 4 นะค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนจบ] 22 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 23-10-2011 14:12:18
ตอนแรกที่เห็นชื่อเรื่องก็คิดๆ เอ..จะเป็นไงหว่า แต่พอเริ่มอ่านตั้งแต่เรื่องแรก....ยิ้มตลอด จนจบเรื่องที่ 3 อ่านจบก็ยังยิ้มอยู่ เฮ่อ...ชอบจัง ชอบการดำเนินเรื่องโดยผ่านการบอกเล่าของน้องเหมียว ชอบความละมุนละมัยของตัวละคร ชอบบรรยากาศอุ่นๆที่มันลอยอยู่ตลอดเวลาในขณะที่อ่าน และที่สำคัญ ชอบที่มันไม่มีดราม่า ชีวิตจริงเราเครียดมามากแล้วอย่าต้องให้มาเครียดกับการอ่านนิยายอีกเล้ย เขียนเรื่องต่อๆไปมาอีกนะคะจะรออ่าน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนจบ] 22 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 23-10-2011 22:30:37
อยากได้หมดประจำตัวแบบนี้บ้างจังเลย
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนจบ] 22 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 23-10-2011 23:52:55
ชอบทุกเรื่อง และชอบน้องเหมียวทุกตัวเลยค่ะ
อินเรื่องที่ 3 มากสุด อาจเป็นเพราะยาวกว่าทุกตอน
ทำให้มีรายละเอียดของเรื่อง และตัวละครมากกว่าตอนอื่น ๆ
ชอบมากค่ะ ซึ้ง ๆ ออกแนวอบอุ่นทุกเรื่องเลย
ขอให้มีตอนต่อ ๆ ไปออกมาอีกเรื่อย ๆ นะค๊ะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนจบ] 22 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: dawnthesky ที่ 24-10-2011 12:50:40
อ่านแล้วนึกอยากเลี้ยงแมวบ้างแล้วสิคะ ทั้ง 3 ตัวน่ารักมาก แสนรู้จริง ๆ เรื่องเล่าในมุมมองของแมว เพิ่งเคยได้อ่านค่ะ เมื่อก่อนเคยอ่าน "นิกกับพิม" หนังสืออ่านนอกเวลา แล้วชอบมาก การดำเนินเรื่องโดยใช้สัตว์เลี้ยงเป็นตัวดำเนินเรื่อง ทำให้น่าสนใจและน่าติดตาม ถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ จากมุมมองของ "แมว" ได้อยากดีเยี่ยม

แต่ทุกเรื่องที่อ่าน เราเกือบจะเสียน้ำตาให้กับคุณอานนท์มากที่สุด ดีแล้วล่ะค่ะที่คุณอานนท์คู่กับว่าที่คุณหมอ (ที่สีหมอกบรรยายว่านิสัยเหมือนน้องหมาในบางครั้ง)

จะติดตามอ่านเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 3 [ตอนจบ] 22 ต.ค. 54 หน้า 2
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 24-10-2011 13:19:23
 :mc4: จบแบบนี้ดีมากๆเลยอานนท์ก็มีคนมาดูแลแล้ว  หมอกคนกับหมอกแมวน่ารักสุดยอดเลย
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 1] 24 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 24-10-2011 20:29:05
คุณ JkrR อุ๊ยโดนจิ้ม 555 คนเขียนก็สงสารอานนท์เหมือนกันเน้อ ยังจะตายตอนจบอีกไม่ไหวล่ะ ขอบคุณสำหรับเป็ดและบวกนะคะ ตอนนี้เค้าก็แทบมาต่อวันเว้นวันอยู่แล้วนะเนี่ย อิอิ

คุณ pattybluet ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่า ดีใจที่ชอบ

คุณ Cherry Red หมอกต้องพยายามเยอะหน่อย อานนท์ชอบปิดตัวเอง เอิ๊ก

คุณ anajulia แมวหัวใจกวี จริงๆ ด้วย เพลงยาวย่อเคลือบกันน้ำ ใส่เป๋าตังค์ ส่วนตัวจริงขึ้นหิ้งบูชา 555

คุณ DasHimmel พยายามให้แต่ละเรื่องไม่เหมือนกันน่ะค่ะ พวกแมวๆ (นอกจากในเรื่องก็ได้) แต่ละตัวก็ไม่เหมือนกันด้วยอยู่แล้ว นิสัยพี่ป๊อบควรเคะมากกว่าใช่มั้ยสรุป แต่เกนเค้าแค่เคยลัลล้ามาก่อนเท่านั้นเอง 55

คุณ jeaby@_@ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ รักแมวเหมือนกันนน

คุณ berlyn ใช่แล้วค่า พยายามสื่ออย่างนั้นเหมือนกันนะ

คุณ seaz ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า

คุณ bulldog17 นิดนึง นิดนึง ><

คุณ golove2 ขอบคุณนะค้า

คุณ fuku เหมาสองหมอกเลยนะ 55

คุณ lidelia เพราะว่าก่อนหน้านี้อานนท์ไม่ได้เขียนพวกกลอนมานานเนื่องจากขายไม่ออก 55 เลยต้องอาศัยแรงบันดาลใจเยอะหน่อยค่า

คุณ Piaanie ขอบคุณนะคะ ดีใจที่อ่านแล้วยิ้ม ตัวละครในซีรีย์นี้แต่ละคนก็ไม่ค่อยชอบดราม่าเหมือนกัน 55

คุณ TONG เนอะๆ บ้านใกล้กันอีกต่างหาก

คุณ winndy ขอบคุณที่ชอบค่า เรื่องที่สามมีปมเลยต้องย้อนอดีตกันหน่อย ตั้งใจให้สองเรื่องแรกเบาๆ ไปก่อน อิอิ

คุณ dawnthesky ลองเลี้ยงดูค่ะ แมวแต่ละตัวนิสัยไม่เหมือนกันจริงๆ นะเออ คนเขียนชอบนิกกับพิมมากเหมือนกันค่ะ เขียนโดยใช้จดหมายเป็นสื่อด้วยน่ารักเนอะ

คุณ sukie_moo ขอบคุณค่า กลายเป็นครอบครัวสมบูรณ์ เอิ๊ก 

เรื่องสุดท้ายอ่านกันชิลๆ ส่งท้ายซีรีย์ชุดนี้ละกันนะจ๊ะ  :L2:


หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 1] 24 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 24-10-2011 20:30:47
เรื่องที่ 4

เวลาคุณอยากเรียกแมวให้มาหา คุณทำยังไงกันครับ

"เมี้ยวๆๆๆ... มานี่เร้วแมวเหมียว" หรืออะไรอย่างอื่น
 
แต่สำหรับผมน่ะ...

"อิเต็ง! กินข้าว!"
 
ผมเดินช้าๆ อยู่บนกำแพงรั้วหลังบ้านตรงมายังส่วนครัว คนที่เท้าเอวยืนเรียกปาวๆ มองอย่างหมั่นไส้

"นวยนาดอยู่นั่นแหละ ไม่ต้องกินซะเลยดีมั้ยฮึ!"

ผมทำหูทวนลม (ทวนลมจริงๆ หูลู่ไปข้างหลังเลย) เร่งได้เร่งไป ไม่ใช่หมานี่จะได้วิ่งพรวดพราดหางชี้เข้ามาทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก เขาไม่กล้าให้ผมอดหรอกผมรู้ ไม่อย่างนั้นโดนแฟนบ่นแน่ๆ

"ชิวเกินนะเอ็ง" เขาว่า "กินซะให้เสร็จ คนอื่นเขามีงานมีการต้องทำ"

ผมโดดจากกำแพงลงกันสาดอย่างสวยงาม ก่อนจะต่อไปยังม้านั่งแถวหลังบ้านแล้วค่อยลงพื้น คนทำหน้าที่ให้ข้าวยังคงบ่นอยู่อย่างต่อเนื่อง แรงดีไม่มีตก

“ท่ามากจริงๆ ไม่ได้อยากจะดูยิมนาสติกลีลาตั้งแต่เช้านะ”

ผมมองค้อน ก่อนจะหันไปสนใจข้าวคลุกปลาทู

“เฮีย เฮีย!”

เริ่มวันใหม่แต่เช้า ก็เท่ากับว่า... ต้องมีเสียงหนวกหูแต่เช้าด้วย ผมกวัดไกวหางไปมา แมวน่ะไม่ค่อยชอบเสียงอึกทึกหรอก แต่เพราะเป็นเสียงของคนที่คุ้นกันแล้วก็เลยพอรับได้

แค่พอรับได้หรอกนะ

“อะไรวะเจ็ง!” ตาคนให้ข้าวนี่ก็แปดหลอดกลับไปพอกัน ได้ยินถึงท้ายซอยแล้วมั้ง “หนวกหูเว้ย! ตะโกนอยู่ได้”

ผมเหลือบมองเขาด้วยหางตา ได้ข่าวคนพูดน่ะตัวดีเลย

“พี่อิ๊กบอกให้เฮียเช็คอุปกรณ์แล้วไปขึ้นรถเดี๋ยวนี้! ช่างกล้องวีดิโอเขาคิดรายชั่วโมง เดี๋ยวสายต้องจ่ายเพิ่ม”

“เว้ย! ก็ให้ข้าวอิเต็งอยู่เนี่ย ได้ข่าวคุณอิ๊กเป็นคนสั่งเอง” หางเสียงออกแนวประชดประชันหน่อยๆ “ออกไปทั้งวันแมวอด ว่าเราอีก”

“ถ้าไม่ตื่นสายแต่แรกตัวเต็งได้กินข้าวไปนานแล้ว และนูก็จะมีเวลาไปเช็คของด้วย”
 
อิ๊กมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ พูดเสียงเย็นอยู่หลังตานู

“เมื่อคืนเค้าก็เตรียมงานถึงดึกเลยน่ะ” ผู้ชายตัวโตทำเสียงอ้อนนี่มัน... ไม่ค่อยเวิร์กนะผมว่า

อิ๊กไม่สนใจ เขายิ้มให้ผมแล้วบอก “ตัวเต็งอยู่บ้านคนเดียวนะ แต่เย็นๆ พวกเราก็กลับแล้ว”

“อิ๊กอะ ชอบพูดเหมือนแมวมันฟังรู้เรื่องงั้นแหละ”

“ก็ดีกว่าพูดกับคนแล้วไม่รู้เรื่อง”

“ไปแล้ว ไปแล้วจ้า” อีกฝ่ายก็แจ้นตามไปในทันที
 
 นี่... อย่างตานูน่ะมันต้องอิ๊กเท่านั้น!


ผมเจอทั้งสองคนครั้งแรกเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ตอนนั้นผมเบื่อๆ อยู่พอดี ไม่มีที่กินข้าวประจำ เคยคิดจะผูกปิ่นโตกับบ้านฝรั่งสุดซอย กำลังดูใจอยู่ยังไม่ตกลงคบกัน เอ้ย ตกลงว่าจะเป็นแมวบ้านนั้น ก็พอดีตาฝรั่งใจร้อนหาหมามาเลี้ยงเสียก่อน

เขาก็พยายามจะให้ผมญาติดีกับหมาเขาอยู่หรอกนะ แต่ผมไม่เห็นความจำเป็น

ผมเป็นแมวไม่เรื่องมาก มีกฎสามข้อเท่านั้นเองในการอยู่ประจำบ้าน

ข้อหนึ่ง ต้องไม่มีหมา ผมไม่ได้โตมากับหมา ดังนั้นจึงไม่มีความพยายามพอจะอยู่ร่วมกับเจ้าพวกนี้

ข้อสอง ต้องไม่มีเด็ก แมวตัวไหนเข้ากับเด็กได้ดีก็ขออนุโมทนาด้วย แต่บางทีพวกเด็กนี้ก็พลังเหลือเฟือเกิน รับมือไม่ถูก

ข้อสาม ยังนึกไม่ออก เผื่อไว้ก่อน

ผมกำลังนอนหมอบอยู่บนกำแพงอย่างสบายอารมณ์ตอนที่ผู้ชายสองคนช่วยกันหอบแผ่นป้ายอันเบ้อเร่อออกจากตรงลานบ้านมาติดที่รั้วข้างหน้า คนหนึ่งถอยหลังมาดูไม่ให้มันเบี้ยว ก่อนที่อีกคนจะตามมาสมทบ สองคนยืนมองป้ายด้วยสีหน้าภูมิใจ
 
“อิน โปรดัคชั่นเฮาส์” คนตัวสูงกว่าอ่าน

“บริษัทของเรา” คนยืนเคียงกันอยู่ยิ้ม “ขอให้เฮงๆ”

“จะไม่เฮงได้ยังไง คุณโปรดิวเซอร์เก็บทุกเม็ดไม่ให้กระเด็น ป้ายทำมือ บ้านก็ทาสีกันเอง”

“เอาน่ะ เพิ่งเริ่มต้นแถมเงินทุนไม่ค่อยหนา อะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัด” ‘คุณโปรดิวเซอร์’ ตอบ “พรุ่งนี้นูบอกเจ็งนิมนต์พระหน่อยนะ ฤกษ์สะดวกก็ได้สักวันอาทิตย์ที่จะถึงนี่แหละ นิมนต์ท่านมาสวดแล้วก็เจิมป้าย จะได้เปิดบริษัทด้วยความเป็นสิริมงคล”

“ได้คร้าบ” อีกฝ่ายลากเสียงยาว ยังยืนมองป้ายด้วยความภาคภูมิใจ พูดต่อโดยไม่รู้ว่าคู่สนทนาเห็นแมวหล่อเข้าเลยเดินมาชื่นชมที่ริมกำแพงบ้านแล้ว “ไม่น่าเชื่อนะ ว่าเราจะฝ่าฟันกันมาจนมีวันนี้ได้ ทั้งเรื่องบริษัท แล้วก็เรื่อง...”

เขาหันหาแต่ไม่พบ เลยเดินตามมาข้างกำแพง “โธ่อิ๊ก จะทำซึ้งด้วยซะหน่อยมาดูแมวเสียนี่”

"ขนดำแต่หน้าท้องขาว ใส่ถุงเท้าขาวด้วยครบสี่ข้างเลย น่ารัก" อิ๊กชม ก่อนจะหันไปหาคนข้างๆ "ว่ามั้ยนู"

"แมวดำเขาว่าโชคร้ายนะ" คนชื่อนูตอบกลับมา

พูดงี้ได้ไง! ใครเจอแมวหน้าตาดีอย่างผมก็ต้องถือว่าโชคดีถึงจะถูก พูดจาแมวไม่รับประทานจริงๆ!

"มองตาเขียวเลย" ฝ่ายที่ชมว่าน่ารักหัวเราะ

"ก็มันตาสีเขียวนี่ จะให้มันมองตาเหลือง ตาฟ้าเหรอ"

"คงเป็นแมวแถวนี้ เจ้าถิ่นละมัง" อิ๊กหันมาสนใจผมต่อ คงชินเสียแล้วกับมุขแป้กๆ ของคนยืนข้าง "มีเจ้าของรึเปล่า ไม่มีมากินข้าวบ้านนี้ได้นะ"

"อย่าไปชวนมันสุ่มสี่สุ่มห้า" นูดุ "เดี๋ยวพาพวกมาเป็นโขยง"

ใครช่วยตบปากอีตานูที แมวไม่ได้เห็นแก่กินตลอดนะ แต่ที่ทำให้ผมเจ็บใจคือประโยคถัดมา

"เออ! แต่พูดไปมันก็ไม่รู้เรื่องหรอก"

ผมเชิดหน้าใส่แล้วโดดตุบลงจากกำแพงไปเขตบ้านข้างๆ

เชอะ อิ๊กกล้าชวนผมก็กล้ามาแหละ


วันรุ่งขึ้นผมเลียบกำแพงมาแต่เช้า บ้านนี้เขาตื่นเช้ากันจริงด้วย อิ๊กเห็นผมจากหน้าต่างก็ดีใจ รีบออกจากบ้านมาหาอะไรให้กิน
 
เขายืนมองผมกินข้าว ยังยิ้มอยู่ในหน้า ก็พอดีเสียงโหวกเหวกโวยวายในบ้านดังขึ้นจนต้องหันมองทั้งคนทั้งแมว
 
“ไอ้เจ็ง! เบลออีกแล้ว! เพิ่งบอกว่าตรงนาทีเนี้ยให้ตัด ให้ตัด! ปล่อยเลยไปหาพระแสงด้ามยาวอะไรวะ!”

อิ๊กรีบเข้าบ้าน ผมได้ยินเสียงเขาแว่วๆ “ใจเย็น ไม่ได้นอนกันมาทั้งคืน งีบหน่อยมั้ย หรือเจ็งจะเอากาแฟ เดี๋ยวชงให้”

ก่อนเสียงตานูจะลั่นออกมา “กาแฟใส่กระทิงแดงเลยเหอะ!”

แล้วผมก็นึกกฎข้อสามออก

... ต้องไม่เสียงดัง...

แต่ท่าทางจะสายไปแล้วมั้ง

เพราะวันต่อมาผมก็กลับมาอีก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน บางทีที่เห็นว่าตื่นกันเช้านั้นไม่ใช่ เป็นว่าไม่ได้นอนเลยต่างหาก แต่บางครั้งเขาก็เริ่มงานกันเช้าจริงๆ

อิ๊กตั้งชื่อให้ผมอย่างไพเราะเพราะพริ้งว่าตัวเต็ง แต่ไหงแฟนเขามาเรียกซะตัดสั้นแถมเพิ่มคำนำหน้าให้โดยพลการอย่างนี้ก็ไม่รู้
 
พอมาอยู่เข้าจริงบ้านอิ๊กกับนูก็ไม่ได้เสียงดังตลอดเวลาหรอก อย่างวันนี้พอเขาออกไปทำงานกันหมดบ้านก็เงียบ อิ๊กเรียกการออกไปทำงานนอกบ้านว่า “ออกกอง”

ระยะหลังทำไปทำมา คนที่เรียกผมกินข้าวทุกวันๆ กลับเป็นอีตานู มันเริ่มแบบนี้

“นูให้ข้าวตัวเต็งด้วย”

ผมก็อยู่แถวนั้นแหละ แถวๆ หลังคาบ้านเขาน่ะ ได้ยินเสียงคุยกัน แต่คนในบ้านไม่เห็นตัวผมหรอก

"แมวอิ๊กมั้ย" ตานูตอบอย่างทองไม่รู้ร้อน

"ตัวเต็งเป็นแมวบริษัท" อิ๊กยืนยัน "มาสคอตน่ะมาสคอต”

“ใครตั้ง”

“โปรดิวเซอร์ตั้ง มีปัญหาเหรอ” เสียงอีกฝ่ายชักมีน้ำโห “เร็วๆ จะออกจากบ้านแล้ว”

“ไปไหนเช้าขนาดนี้”

"ก็ไปรับสตอรี่บอร์ดที่ลูกค้าโอเคแล้วจากเอเจนซี่ให้คุณผู้กำกับมาทำงานต่อนี่ไงครับ" อิ๊กลงเสียงหนักท้ายประโยค “ยังต้องคุยเรื่องงบอีกหน่อยด้วย”

“อิ๊กอ่า ไปเลี้ยงมันทำไมก็ไม่รู้ ทำอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง เฝ้าบ้านยังไม่ได้เลย”

... ตานูนี่ พูดจาให้ ‘รมณ์เสียแต่เช้า
 
"เอาข้าวให้แมว" อิ๊กตัดบท "แล้วตัวเองก็ไปเช็คเทปเมื่อวานกับพวกเจ็ง ตัดต่อซะให้เสร็จ พรุ่งนี้อย่างช้าควรจะได้ใส่กราฟิคนะตามตารางน่ะ"

ลงโปรดิวเซอร์สั่งแบบนี้ตานูจะทำอะไรได้นอกจากงัวเงียลงมาทำตาม อิ๊กออกรถไปนานโขผมก็เพิ่งจะได้กินข้าว เพราะคนทำมัวแต่จะยืนหลับอยู่นั่นแหละ

“ไอ้เจ็ง! ทำงานต่อเว้ย!” แหกปากเรียกลูกน้องเสร็จตานูก็แกล้งเดินเฉียดผมที่กำลังเลียหน้าเลียตัวอยู่ “แต่งตัวไปไหนหือ”

หึหึ แมวต้องดูดีอยู่เสมอ ไม่รู้เหรอ

จากที่ผมดูๆ (เนื่องจากอิ๊กเรียกผมว่า 'แมวบริษัท' และ 'มาสคอต' ผมจึงควรรู้อะไรบ้าง) เจ็งเป็นผู้ช่วยผู้กำกับที่พ่วงหน้าที่ตัดต่อเข้าไปด้วย บางทีถ้างานเยอะและเร่ง เจ็งก็เอาเพื่อนสมัยเรียนมาช่วยเป็นคราวๆ ไป ความที่ทั้งหมดเป็นรุ่นน้องคณะของตานูมาก่อน เลยเรียกง่ายใช้คล่อง

บริษัทนี้มีพนักงานคนสุดท้ายเป็นผู้หญิงชื่อแป้ง ทำหน้าที่ประสานงานทั่วไป ประสานทุกอย่าง ตั้งแต่กองถ่ายยันลูกค้า นอกนั้นอิ๊กก็หาฟรีแลนซ์เอาบ้าง เป็นบริษัทเล็กแต่ละคนเลยทำหลายอย่าง ได้ยินอิ๊กเปรยๆ อยู่หลายทีว่าถ้ามีโอกาสได้ขยายงานกว่านี้อาจจะต้องหาทีมประจำมาเพิ่มเสียที

ไม่ทันไรเจ็งก็โวยวาย "เฮียๆๆๆ ดูนี่ๆ"

พอดีแป้งวิ่งเข้าบ้านมา ร้องลั่น (จริงๆ นะ ทั้งบ้านนี้อิ๊กไม่ตะโกนอยู่คนเดียว)

"พี่นู! แป้งถูกหวย! ซื้อกับเจ็งเมื่อวาน ตัวเต็งมันให้โชคจริงๆ นะนี่ พี่นูรู้ไหม แมวพี่ใบ้หวยได้นะ"

ตานูหรี่ตามองผมอย่างไม่เชื่อ "ส่วนไหนของอิเต็งวะที่มีหวย เห็นวันๆ เอาแต่กิน เจ็งไปขูดตัวแมวมันเรอะ เจออิ๊กด่านี่ตัวใครตัวมันเลยนะ"

"พี่นูดูหลังตัวเต็งดิ ลายมันเหมือนเลขแปด" แป้งว่า "แต้มตรงกลางก็เหมือนเลขศูนย์เลย แป้งเลยแทงแปดศูนย์ แล้วเจ็งมันซื้อตาม ถูกเลขท้ายสองตัว โชคดีชะมัด"

"ไม่เห็นมันจะใบ้อะไร" ตานูก็อย่างนี้แหละ ขอให้ขวางโลกสักหน่อยเป็นดี "ตีความกันเอาเองทั้งนั้น"

"ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เฮีย" เจ็งว่าเสียงขึงขัง "ตั้งแต่พี่อิ๊กเลี้ยงตัวเต็ง งานเข้าบริษัทไม่ขาด ขนาดเฮียทะเลาะกับลูกค้ายังขายงานผ่านเลย"

"ไม่ได้ทะเลาะ เขาเรียกชี้แจง" ตานูว่า "แล้วที่มันผ่านก็เพราะงานดี ไม่ได้พึ่งบารมีอิมาสคอตนี่หรอกเว้ย”

เพราะตานูเลี้ยงหมาในปากนี่เองถึงได้ไม่ค่อยถูกชะตาแมวอย่างผม ชิ

ถึงเวลาอย่ามาขอพึ่ง ‘ตัวนำโชค’ นี่ก็ละกัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

พบกับตอนต่อไปพรุ่งนี้นะคะ ขอบคุณทุกคนมากค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 1] 24 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 24-10-2011 20:39:17
ทำไมแมวที่บ้านเราไม่ให้โชคแบบตัวเต็งบ้าง


 :L2: :L2:

หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 1] 24 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: OTAKKIEZ ที่ 24-10-2011 20:45:37
เราชอบแมวมากเลยนะ แต่ทั้งบ้านไม่มีใครชอบเลย

อ่านเรื่องชุดนี้ก็ทำให้ยิ้มได้เรื่อยๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 1] 24 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 24-10-2011 21:36:30
ดีใจกับพี่อานนท์แล้วก็หมอกด้วย ดูแลพี่เขาดีๆๆ นะ

มาถึงตัวเต็งนี่สุดยอดอะ โดนใจจริงๆๆ อ่านไปขำไป ฮามากทั้งนูทั้งตัวเต็ง
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 1] 24 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 24-10-2011 22:06:30
"ตัวเต็ง" ชื่อน่ารักมาก ตอนเปิดเรื่องเรียก "อิเต็ง" แล้วฮามาก เพราะเราเรียนน้องชายเราอย่างเนี่ยเลย 55

อยากเลี้ยงแมวดำเท้าขาวแบบที่บรรยายมาก เสียแต่ว่าที่บ้านไม่ชอบเลี้ยงสัตว์ก็เลยอดไป

เลี้่ยงไม่ได้ก็มาอ่านนิยายให้ชืนใจแทน ชอบมากจ๊ะ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 1] 24 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 24-10-2011 22:11:55
ตัวเต็ง (*___*)

ลายของตัวเต็งน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 1] 24 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 24-10-2011 23:11:21
เรื่องนี้ ตลกดีอะ  เรียกเค้าซะเสียเลย ชื่อเค้าออกจะน่ารักเรียกอีเต็ง หมดเลย  ห้าๆๆ  เเมวนำโชค
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 1] 24 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 24-10-2011 23:51:26
กำลังจะนอนพอดีเหลือบมาเห็น
เอาว่ะยังไม่เที่ยงคืน...อ่านซะหน่อย
ตัวเต็งน่ารัก หยิ่งได้ใจมากกก ๕๕๕๕๕
 :กอด1:กอดคนเขียนก่อนนอน(จะฝันร้ายมั้ยเนี่ย...ล้อเล่น!)
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 25-10-2011 20:55:21
คุณ golove2 คนเขียนก็อยากจะให้แมวที่บ้านให้โชคบ้างเหมียนกัน

คุณ OTAKKIEZ ตอนแรกพ่อเราเฉยๆ กับแมวนะ รักหมามากกว่า แต่ตอนนี้รักแมวไปด้วยแล้ว 55 ของอย่างนี้อาจจะต้องได้คลุกคลีจริงๆ มังคะ แต่บางคนไม่ชอบก็คือไม่ชอบแหละนะ

คุณ dahlia ตัวเต็งเป็นแมวกวนสุดแล้วมั้ง เอิ๊ก เพราะไม่ได้ถูกเลี้ยงเป็นแมวบ้านมาตั้งแต่ยังเป็นลูกแมวหรือเปล่าก็ไม่รู้ 55

คุณ TONG น้องชายชื่อเต็งเหรอคะเนี่ย ไม่ได้เลี้ยงไม่เป็นไรนะ มาอ่านนิยายต่อดีกว่า
 
คุณ fuku อิอิ ลายน่ารักตัวก็น่ารักด้วยนะ

คุณ konnarak เดี๋ยวคอยดูต่อไปว่าจะนำโชคจริงหรือเปล่า เหอๆ

คุณ bulldog17 ขอบคุณค่ะอุตส่าห์มาอ่านก่อนนอน ฝันดีมั้ยสรุป 55 ตัวเต็งหยิ่งจริง กร๊าก  :กอด1: ตอบ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เรื่องที่ 4 (ต่อ)

ผมเป็นแมวบ้านนี้มาได้ปีกว่าแล้ว เรียนรู้นิสัยของคนให้ข้าวได้สามอย่าง

ข้อหนึ่ง ตานูชอบเล่นมุขแป้ก (ถึงผมจะเป็นแมวแต่ผมก็รู้ว่าอะไรขำไม่ขำ) จริงๆ ผมก็รู้ข้อนี้ตั้งแต่วันแรกที่เจอแล้วล่ะนะ แต่มันยังมีมากกว่านั้น

เช่น มีอยู่คราวหนึ่ง ตานูดูจะนึกครึ้มอะไรไม่ทราบ เที่ยวไล่ถามคนในออฟฟิศ (โอเค รวมตัวเองแล้วก็มีอยู่สี่คนถ้วน) ว่าความรักเหมือนอะไร

“ความรักเหมือน... ฝากเงินในธนาคาร ถ้าไม่ถอน ยิ่งนานก็ยิ่งได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
 
นี่จากแป้ง สาวน้อยหนึ่งเดียวในออฟฟิศ ไม่บอกไม่รู้ว่าเป็นคนโรแมนติกนะเนี่ย

“รักเหมือนโคถึกที่คึกพิโรธ รักเหมือนโรคา... บันดาลตาให้มืดมน” จากเจ็ง ดูเพ้อๆ ก่อนจะกระตุกมาเป็นเจ็งคนเดิม “จริงๆ แล้วผมว่าความรักเหมือนแมวอะเฮีย ยิ่งเรียกหายิ่งไม่มา แต่บางทีพออยู่เฉยๆ ก็มาหาเราเองซะงั้น บังคับไม่ได้อีกต่างหาก”

กับอิ๊ก ตานูยังไม่ทันถามเขาก็ว่า
 
“ความรักเหมือนอะไรไม่รู้หรอกนะ แต่ถ้าความรักมีหน้าตาละก็... หน้าตามันคงเหมือนนูนี่แหละ”

โอ้โฮ อิ๊กหวานไม่แคร์สื่อ ผมเห็นแป้งกับเจ็งสบตากันแล้วอมยิ้ม

ตานูอึ้งไปพักถึงบอก “ขอบใจอิ๊ก ซึ้งมาก รักมากเหมือนกัน แต่เดี๋ยวมาซึ้งด้วยทีหลังนะ ตอนนี้ตาอิ๊กถามละว่าความรักเหมือนอะไร”

“ความรักเหมือนอะไร” เชื่ออิ๊กเลย ยอมเล่นไปกับแฟนด้วย

ตานูดูสนุกสนานมาก “ความรักก็เหมือนเก้าอี้”

อิ๊กที่ว่าอยู่กับความประหลาดของแฟนตัวเองจนชินยังถึงกับเหวอ “อะไรนะ”

“ก็ความรักคือการแบ่งปัน... เลิฟ อิส ทู แชร์ ไง”

พูดเสร็จก็เดินลอยชายเข้าครัวไป อิ๊กยังนั่งขำไม่หยุด อาจจะขำในความแป้กก็เป็นได้

“ไม่เก้าอี้สองตัวไปเลยล่ะ ทูแชร์”

เนี่ย ดูเอาเถอะ ความจริงเจ็งผู้ช่วยตานูก็เส้นตื้นแถมชอบเล่นมุขแป้กพอกัน ส่วนแป้งก็ดูเป็นผู้หญิงไฮเปอร์ ทั้งหมดบริษัทนี้ผมว่ามีอิ๊กที่ดูปกติสุด

... ยกเว้นการยอมขำไปกับมุขบ้าบอของแฟน


ข้อสอง ตานูเป็นคนขี้หึง... ประมาณหนึ่ง ซึ่งความจริงน่าจะไม่จำเป็น เพราะผมก็เห็นอิ๊กรักตานูออกจะตาย แต่ก็ขอให้ได้กะบึงกะบอนไว้สักหน่อยเป็นดี (ผมขอย้ำ ผู้ชายตัวโตทำท่าแสนงอน... ไม่เวิร์ก)

วันหนึ่งเขากลับกันมาจากไปทำงานข้างนอก เจ็งกับแป้งแยกไปแล้ว เหลือตานูเดินฟาดงวงฟาดงาเข้าบ้าน

“ทีหลังไม่แคสต์นักแสดงเองแล้วนะ”

“คราวนี้อะไรอีก”

“ก็ไอ้นายแบบคนนั้นมันมาอ่อยอิ๊กอะ” ตานูโวยวาย “มีไปยืนคุยกันอีก เห็นนะ ได้เบอร์กันรึยังล่ะ”

“เขาเข้ามาคุยดีๆ จะให้ทำไง เบอร์น่ะไม่ได้ให้ บอกว่าจะได้หรือไม่ได้งานก็อยู่ที่ผู้กำกับกับเทปที่ถ่ายไปให้ลูกค้าดูเป็นหลัก แล้วก็บอกว่ามีอะไรให้โทรเข้าบริษัท พอใจยัง”

“แล้วมันก็มีมาอีก” คนเป็นผู้กำกับกระฟัดกระเฟียด “กี่หนแล้ว หรือเอางี้ เวลาแคสต์คน อิ๊กไม่ต้องมา”

ข้อเสนอนี้ได้รับการสนองเป็นการตบกะโหลกจากอิ๊กหนึ่งที

“ประสาท ไม่มาคงถลุงเทปกันบานแน่ถ้าไม่มีคนคอยคุม สิ้นเปลืองสุดๆ อีกอย่างคนที่เห็นภาพรวมมีแค่โปรดิวเซอร์คนเดียว”

“จ้างคนมาแคสต์แทนก็ได้ นะนะ เราจะได้ไปทำอย่างอื่นกัน ไปดูโลเคชั่น ไปหาแรงบันดาลใจ ไป...”

“ไม่เอา ทำงานหลายรอบ ที่สำคัญ เปลือง ตังค์” อิ๊กตอบชัด “งานนี้สเกลมันยังไม่ใหญ่ถึงกับต้องจ้างแคสติ้งไดเร็คเตอร์กับเทคนิคมา นูกับเจ็งก็ทำกันได้ดีอยู่แล้วนี่”

“อิ๊ก ลองไม่คิดแบบโปรดิวเซอร์ แล้วคิดแบบเป็นแฟนผู้กำกับดูมั่งนะ ไม่รู้สึกไรเลยเหรอที่แฟนต้องเจอกับนายแบบหุ่นล่ำๆ หน้าตาดีๆ ทีหนึ่งเป็นสิบๆ คนเนี่ย”

“ก็มันเป็นงาน ถ้าผู้กำกับไม่คิดนอกเหนือจากงานแฟนผู้กำกับจะกลัวทำไมล่ะ”

แล้วมันก็จบลงด้วยการที่ตานูเถียงไม่ชนะอีกตามเคย แต่เรื่องของเรื่องก็คือตานูขี้หึงขี้หวงไปตามประสา กับผู้ชายก็หึง กับผู้หญิงก็หวง ถ้าเข้ามาใกล้อิ๊กสักหน่อยเป็นโดนส่งสายตาพิฆาต

ถ้าผู้กำกับเป็นคนแคสต์เอง ก็ควรจะตกเป็นเป้าการอ่อยมากกว่า แต่ที่ผ่านๆ มาดูเหมือนว่าส่วนใหญ่จะมีแต่อิ๊กที่โดน อันนี้ผมก็ไม่แปลกใจ เพราะตานูขยันทำหน้าโหดซะไม่มี


ข้อสาม ตานูเป็นคน... จะเรียกว่าอะไรล่ะ ปากร้ายใจดีละมัง   

เพราะฉะนั้นผมถึง (ทำใจให้) ไม่ถือเวลาตานูประพฤติตัวกวนโมโห

... ค่อยเอาคืนบ้าง... ทีหลัง

มีอยู่คราวที่เขางีบกลางวันเพราะโต้รุ่งกันมาสองคืนติด ผมอุตส่าห์ขึ้นไปนอนด้วย ตานูสะดุ้งตื่นมาโวยวายหาว่าถูกผีอำ มันน่า... ผมก็ไม่ได้ตัวหนักขนาดนั้นสักหน่อย

อีกคราว ผมนอนอยู่ดีๆ ตานูแกล้งเดินเฉียด (อีกแล้ว) ผมส่งเสียงไม่สบอารมณ์ ใครๆ ก็รู้ว่าการกวนแมวหลับถือเป็นบาปมาก ตานูดันบอกจะเช็คว่าผมตายไปแล้วหรือยัง เห็นนอนนิ่งไม่ไหวติง

หนอย ผมแค่หลับลึกหรอก

อย่าให้ถึงทีเราบ้างจะโดดทิ้งน้ำหนักลงบนพุงซะเลย โดนแมวอำของจริงเสียให้เข็ด

แต่ถึงจะก่นว่าผม พรรณนาถึงความไร้ประโยชน์และเอาแต่ใจที่สุดของแมวยังไง เขาก็ยังให้ข้าวผมทุกเช้าโดยไม่มีบกพร่อง แม้ว่าอิ๊กจะไม่ได้ออกจากบ้านเร็ว ตานูก็เป็นคนให้ข้าวผมอยู่ดี

“เขาจะได้นอนต่ออีกหน่อย” ตานูว่า

หลังๆ มานี่ถึงขั้นนั่งปรับทุกข์กับผมบ้าง ทั้งคุยทั้งถาม (ไหนใครเคยบอกแมวพูดอะไรก็ฟังไม่รู้เรื่องไงล่ะ)

วันนี้เรื่องเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ   

"อิเต็ง เป็นแมวนี่ดีมั้ย"

อยู่ๆ เขาก็ถามผมขึ้นมา ผมปรายตาค้อนไปทีหนึ่ง เรียกอิเต็ง อิเต็ง อยู่ได้ ผมเป็นผู้ชายนะเว้ยเฮ้ย อินู!

"ดีนะ" ถามเองตอบเองอีก "เป็นแมวน่ะไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน เป็นแมวไม่ต้องหาเงิน ไม่ต้องใช้เงิน ไม่ต้องซื้ออะไร ดูสิ เสื้อผ้ายังไม่ต้องหาใส่เลย”

ตานูมาอารมณ์ไหนก็ไม่รู้ เขาถอนใจเฮือกๆ นั่งเท้าคางมองผมกินข้าวอยู่หลังบ้าน

“ถ้าเรารวยๆ มีเงินเป็นถุงเป็นถังก็คงดี บริษัทขาดทุนนิดหน่อยหรือหมุนเงินไม่ทัน เรื่องเล็ก แต่นี่...”

“นั่งบ่นอะไรกับแมว เหมือนตาแก่” อิ๊กเดินออกมาดูเราที่หลังบ้าน

“ถ้าแก่ก็แก่ด้วยกันทั้งคู่แหละ เป็นตาแก่สองคน” คนขี้บ่นเอื้อมดึงมืออีกฝ่ายให้ลงนั่งด้วยกัน กอดแขนเอาไว้แถมซบไหล่อีก

ผู้ชายตัวโตทำท่าอ้อน... ไม่เวิร์ก แต่มันคงเวิร์กสำหรับอิ๊กแหละมั้ง เพราะเขาใช้มือข้างที่ว่างจับแก้มคนเนียนซบไว้เบาๆ

“เป็นอะไร...”

“อิ๊กก็กลุ้มเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี งานไม่ค่อยเข้าบริษัทเลย” ตานูว่าเสียงอู้อี้ หันหน้าไปซุกไหล่อีกฝ่าย “พยายามแล้ว แต่... อยากทำให้ได้มากกว่านี้จัง”

“เอาน่ะ” อิ๊กว่า “เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น ตอนนี้ก็ไม่ถึงกับไม่มีงาน เงินเดือนก็ยังมีจ่ายเจ็งกับแป้ง อย่างอื่นอาจจะติดขัดไปหน่อย... หรือจะให้ไปยืมแม่ก่อน”

“แม่อุตส่าห์ยอมให้อิ๊กมาอยู่ด้วย ผ่านไปปีหนึ่งกลับไปขอเงินแม่เพราะทำบริษัทกันไม่รอด แม่อิ๊กคงคิด... ขอลูกเขามายังไงดูแลไม่ดี เสียเครดิตหมด”

อิ๊กหัวเราะแล้วเอื้อมมือไปขยี้ผมตานู “จะว่าไปด่านหินที่สุดก็ผ่านมาได้แล้วคือทำให้แม่ยอมรับในตัวนู จะมาถอดใจอะไรกันตอนนี้”

ผมกินข้าวไปแกว่งหางไป คิดถึงเรื่องที่เคยได้ยินเจ็งพูดกับแป้ง เจ็งคงเห็นว่าตานูไม่ได้ตั้งใจจะปิดเป็นความลับแต่ไหนแต่ไร พอแป้งถามเลยพรั่งพรูออกมาหมดเปลือก

“เฮียกับพี่อิ๊กเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน เรียนโรงเรียนเดียวกัน แล้วยังมหาวิทยาลัยเดียวกันอีก เวลามีงานต้องส่ง แม้แต่ทำงานให้คณะหรือมหาวิทยาลัย เฮียก็ไปค้างบ้านพี่อิ๊ก ยังเคยพาเรากับรุ่นน้องที่สนิทๆ กันไปช่วยทำงานแล้วก็กินข้าว... เรียกว่าแม่พี่อิ๊กเห็นเฮียเป็นเหมือนลูกชายอีกคนหนึ่ง”

แป้งฟังตาไม่กระพริบ “แล้วเป็นไงมาไงเขาถึงลงเอยกันได้เนี่ย”

“เฮียมารู้ตอนรอรับปริญญาว่าพี่อิ๊กจะต้องแต่งงาน... ความที่แม่พี่อิ๊กเห็นเฮียเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของลูกชาย มีอะไรก็บอก คนนี้เป็นคู่ที่พ่อแม่ดูเอาไว้ให้ เฮียก็ดันเพิ่งรู้ใจตัวเอง... ตอนนั้นเฮียอยู่หอเดียวกับเรา พอดีเรากำลังจะกลับบ้านต่างจังหวัด ไปเคาะประตูถามว่าจะเอาอะไรมั้ย โทรไปไม่รับหลายวัน ปรากฎเจอเฮียเมาแประ ไม่ได้ล็อกห้องด้วยซ้ำ เราก็เค้นถามไปสุดท้ายก็เล่า...”

“โอ๊ย” แป้งร้อง “แล้ว... ตอนนั้นพี่อิ๊กไปอยู่ไหน”

“ในโทรศัพท์เฮียมีมิสคอลเป็นตับ มีจากพี่อิ๊กด้วยแต่เฮียไม่ได้รับสายใครเลย เฮียบอก... กลัวพี่อิ๊กเกลียดเฮีย รับไม่ได้ที่เป็นเพื่อนกันแต่มารู้สึกแบบนี้ เรายังว่า... แล้วเฮียจะยอมให้พี่อิ๊กแต่งงานไปจริงๆ เหรอ ถ้าเฮียปล่อยพี่อิ๊กไปโดยที่ไม่พยายามจะสู้เลย แสดงว่าบางทีเฮียอาจจะไม่ได้รักพี่อิ๊กมากสักเท่าไหร่... จริงๆ กลัวเฮียต่อยเอาเหมือนกัน แต่เฮียกลับขอบใจเราจะแล่นไปบ้านพี่อิ๊กเดี๋ยวนั้น เราบอกให้โทรไปก่อน เฮียอยู่ในสภาพนี้ใครเห็นเข้าก็ตกใจทั้งนั้นแหละ”


ผมจำได้ว่าตอนนั้นคิดว่าเจ็งสติดีแล้วก็รอบคอบไม่น้อย แม้ว่าปกติออกจะดูป่วงๆ ก็เหอะ

“เฮียโทรเข้ามือถือพี่อิ๊ก ไม่มีคนรับ... เลยโทรเข้าบ้าน แม่พี่อิ๊กบอกว่าไปบ้านคู่หมั้นที่ชลบุรี เฮียกำโทรศัพท์หน้าซีด แต่ยังอุตส่าห์ถามที่อยู่มาจนได้ บอกว่ามีธุระด่วน”

“กรี๊ด ชั้นลุ้น” แป้งว่า “เจ็งแกเล่าเร็วๆ”   

“เราอาสาขับรถไปให้เอง... กลัวเฮียขับแล้วจะรถคว่ำตายก่อนเห็นหน้าพี่อิ๊ก พอดีก่อนถึงตัวบ้านผ่านชายหาด เห็นรถพี่อิ๊กเข้า เฮียวิ่งลงจากรถทั้งที่ยังไม่ทันจอดสนิทดี ไอ้เราก็ใช้เวลากว่าจะหาที่จอดแถวนั้นได้ พอลงไปเห็นสองคนดูจะโอเคแล้ว เฮียก็สีหน้าดีขึ้นมาก”

“อ้าว” แป้งว่า ท่าทางคงคิดว่าตานูจะลงไปเจอคู่หมั้นของอิ๊กด้วยแล้วเกิดการชิงรักหักสวาทขึ้นเหมือนอย่างในละคร

“สรุปว่าพี่อิ๊กมาบ้านคู่หมั้นเพราะจะขอปฏิเสธการแต่งงานด้วยตัวเอง ระหว่างทางก่อนกลับกรุงเทพฯ จอดรถลงไปเดินคิดว่าจะพูดกับเฮียกับที่บ้านว่ายังไงดีนั่นแหละ ที่จริงความรู้สึกเขาสองคนมันคงตรงกันมาตั้งนานแล้ว แค่ต่างฝ่ายต่างไม่พูดเพราะกลัวเสียเพื่อน แต่อุปสรรคต่อจากนี้มันคือที่บ้านพี่อิ๊กต่างหาก ตอนแรกแม่พี่อิ๊กเขารับไม่ได้ คิดดูคนที่ไว้ใจนึกว่าเป็นเพื่อนสนิทของลูก รักเหมือนลูกอีกคนหนึ่ง กลายเป็นว่าไม่ใช่ แล้วยังทำลายงานแต่งงานอีก”

“โอ๊ย... แล้วพี่นูทำไง”

“เฮียก็ใช้ความเสมอต้นเสมอปลายเข้าสู้ เคยไปมาหาสู่ เคารพนบไหว้ยังไงก็ยังทำอยู่อย่างนั้น ถูกไล่เปิดเปิงเฮียก็ทน แม่พี่อิ๊กถึงกับส่งลูกไปเรียนโทเมืองนอก ให้ห่างเฮีย พี่อิ๊กไม่ยอม เฮียเป็นคนบอกให้ไปเอง... พิสูจน์ให้แม่พี่อิ๊กเห็นว่าถึงจะจับแยกหรือทำยังไงก็เปลี่ยนแปลงความรู้สึกเฮียกับพี่อิ๊กไม่ได้ ตอนพี่อิ๊กไปเรียนเฮียทำงานเหมือนบ้า แต่ก็ยังหาเวลาไปเยี่ยมเยียนบ้านพี่อิ๊ก”

แป้งประสานมือเข้าด้วยกัน “ชั้นซึ้งอะแก แล้วแม่พี่อิ๊กยอมตอนไหน”

“ความรู้สึกดีๆ กับเฮียเหมือนลูกเหมือนหลานมาตั้งเกือบสิบปีมันก็คงยังมีอยู่นั่นแหละ เพียงแต่ตอนนั้นแม่พี่อิ๊กคงไม่แน่ใจว่าความรักแบบนี้จะยืนยาวไปสักเท่าไหร่ เฮียจะดูแลลูกเขาได้ตลอดรอดฝั่งไหม ก็พอดีว่า... เฮียแวะไปบ้านพี่อิ๊กเหมือนเคย ตอนนั้นพี่อิ๊กเรียนจบกลับบ้านแล้ว แม่พี่อิ๊กปกติไม่ค่อยยอมลงมาพบ แต่วันนั้นเดินลงบันไดมาแล้วก้าวพลาด เฮียเป็นคนไปรับไว้เอง พี่อิ๊กบอกตอนหลัง เอาตัวรับแทนจริงๆ แม่พี่อิ๊กไม่เป็นไร แต่เฮียหัวแตก กระดูกขาร้าว”

“โอ๊ยพี่นู” ไม่รู้แป้งร้องกี่หนแล้ว “สุดยอด”

“แม่พี่อิ๊กยอมไปเยี่ยมเฮียที่โรงพยาบาล ก็นับว่าเป็นสัญญาณดี ตอนนั้นเราก็ไปเยี่ยมเฮียด้วย... ได้ยินพี่อิ๊กบอกกับแม่ว่า กับแม่ของคนที่รัก เฮียยังยอมเจ็บตัวแทนได้ขนาดนี้เพื่อให้แม่ปลอดภัย แล้วกับคนที่เฮียรักอย่างลูกแม่ เฮียย่อมดูแลอย่างดีที่สุด พี่อิ๊กว่าแม่รู้จักเฮียมาสิบปี แม่จะไม่รู้เลยหรือว่าเฮียเป็นคนยังไง แล้ว... แม่จะไม่รู้เลยหรือ ถ้าลูกแม่รักใครเข้าจริงๆ”

“พี่อิ๊กก็สุดยอด” แป้งปลื้ม

“แม่พี่อิ๊กไม่ได้ยอมรับเฮียทันที แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นก็นับว่าดีขึ้นเป็นลำดับ จนกระทั่งยอมให้พี่อิ๊กมาอยู่กับเฮีย แล้วก็เปิดบริษัทเนี่ยแหละ”   



ผมได้ยินตานูตอบอิ๊ก “จริง... กว่าแม่จะยอม เพราะฉะนั้น อยู่กับอิ๊ก ไม่มีทางถอดใจ แต่... บางทีคิดขึ้นมาแล้วก็เสียดายที่ไม่ได้มีเงินกองไว้ได้เยอะๆ อาจจะช่วยอิ๊ก ช่วยบริษัทได้มากกว่านี้”

เขาเลื่อนมือไปประสานมืออีกฝ่ายทั้งยังพิงไหล่อยู่ อิ๊กกระชับตอบกลับมาแน่น

“เงินไม่มากไม่เป็นไร ความสามารถสำคัญกว่า นูน่ะเก่งจะตาย ไม่ต้องห่วง ถ้าคิดว่าจะเจ๊งไม่มาเปิดบริษัทด้วยหรอก”   

“ตกลงว่าคบเค้าเพราะเหตุผลทางธุรกิจเหรอเนี่ย” ตานูเงยหน้าขึ้นกระเง้ากระงอด

ขอย้ำอีกครั้ง กิริยาแบบนี้สาวๆ ทำก็อาจจะพอดูดี แต่ผู้ชายตัวโตมาทำนี่มัน...

อิ๊กคงเห็นว่าน่ารักน่าเอ็นดู เขาถึงได้หัวเราะ

"เลือกแฟนก็เหมือนลงทุน ใครจะเลือกให้ตัวเองขาดทุน เพียงแต่ของอย่างนี้... วัดกันด้วยตัวเงินไม่ได้"

เขายิ้ม

“ก็ไม่ได้เลือกมาเป็นหุ้นส่วนบริษัทอย่างเดียว เลือกมาเป็นหุ้นส่วนชีวิตด้วยนี่นา กำไรที่ได้... ก็กำไรชีวิต”

ตานูยิ้มปลื้มเสียแก้มแทบปริ อิ๊กลุกขึ้นฉุดแขน ‘หุ้นส่วนชีวิต’ ไปด้วย

“ไป ทำงานต่อได้แล้ว ยังมีโปรดิวเซอร์คนนี้อยู่อีกทั้งคน ไม่ปล่อยให้บริษัทเป็นอะไรไปง่ายๆ หรอกน่า”


เพียงแต่อีกสองสามวันต่อมาตานูก็ยังถอนใจเฮือกๆ ตอนให้ข้าวผม ส่วนอิ๊กก็แทบไม่อยู่เลย จากที่เจ็งกระซิบกระซาบกับแป้ง อิ๊กออกไปคุยกับเอเจนซี่หลายที่แต่ยังตกลงกันไม่ได้ ถ้าถูกกดงบจนเกินไปก็จำเป็นต้องปฏิเสธเพราะไม่เช่นนั้นงานก็ออกมาไม่ดี

“เสียชื่อผู้กำกับมือรางวัล” เจ็งว่าอิ๊กพูดอย่างนั้น 

ส่วนแป้งจุดธูปปักโคนต้นไม้แล้วลงมือภาวนา “ของานใหญ่ๆ ของานใหญ่มาสักงาน เจ้าประคู้ณ...”

ตานูเดินผ่านผมที่เฉลียงหน้าบ้าน ถอนใจยาว

“ไหนว่าเลี้ยงเจ้าตัวนำโชคนี่แล้วงานเข้าไม่ขาดไง” เขาพูดเบาๆ “บันดาลให้เงินทองไหลมาเทมาหน่อยสิ ซื้อปลาทูให้วันหนึ่งสามมื้อเลย”

ผมก็เลยได้รู้ว่า อิน โปรดัคชั่นเฮาส์ ท่าจะมีปัญหาหนักเสียแล้ว ลองถึงขั้นตานูบนบานศาลกล่าวแมวละก็

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

บ้านคนเขียนน้ำยังไม่มา แต่พ่อก็เตรียมการไว้ระดับหนึ่ง (ในขณะแม่ตั้งกองบอก มันไม่ท่วมหรอกๆ) ส่วนข้าพเจ้ากับพี่... เตรียมแผนอพยพหมาๆ แมวๆ เอิ๊ก ก็หวังว่าคงจะไม่ถึงขั้นนั้นนะ ขอให้คนอ่านทุกท่านปลอดภัยนะคะ

ตอนต่อไปตอนสุดท้ายแล้วล่ะ
  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 25-10-2011 21:20:21
อย่ามัวแต่อัพนิยาย จนลืมน้ำท่วมนะจ๊ะ กันไว้ดีกว่าแก้ อะรยกสูงได้ก็กันไว้ก่อนเนอะ

บริษัทมีปัญหาอย่างนี้ อิเต็งจะแก้อย่างไรนะ รอลุ้นจ๊ะ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 25-10-2011 21:25:10
เขียนถึงนิสัยแมวได้สุดยอดเลยค่ะ อ่านแล้วคิดถึงตอนที่ตัวเอง
เลี้ยงแมวค่ะ แมวติดจะหยิ่งจริง ๆ ด้วย ตอนเรียกไม่ค่อยมาหรอก
แต่ถ้าอยากมาหา เค้าจะเข้ามาเอง แมวตัวโปรดของเราสีออกเทา ๆ ลายเสือ
ลายเหมือนโฆษณาอาหารเม็ดวิสกัส ตัวกลม ๆ เท้าใหญ่ พุงย้อย
ตอนนั้นเราติดมันมาก ๆ ต้องจับมาฟัดตลอดจนมันรำคาญ แต่ทำไงได้
มันน่ารักมาก ๆ อ่ะ แต่เป็นอดีตไปแล้วค่ะ แมวตัวผู้ชอบออกไปกัดกับตัวอื่น
อยู่ไม่ติดบ้าน และตายไปในที่สุด ตอนนี้บ้านเลยไม่มีแมวเลยค่ะ
แต่ยังยืนยันว่ารักแมวมาก  :L1:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 25-10-2011 22:00:48
แหม นู ตอนแรกบอกไม่เชื่อๆแมวนำโชค ไงล่ะสุดท้ายต้องขอร้องแมวเลยเหรอ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: dawnthesky ที่ 25-10-2011 22:13:24
สู้ ๆ กับภัยน้ำท่วมนะคะ ปีนี้รู้สึกจะโดนกันทุกภาค สุพรรณบ้านเราน้ำก็ท่วม อยากกลับบ้านก็กลับไม่ได้ นราธิวาสน้ำไม่ท่วมแต่ฝนตกและสถานการณ์ไม่สู้ดี.........
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 25-10-2011 22:43:47
ตานูกับอิ๊กทำซึ้ง น่ารักกันมากๆ
สุดท้าย ชอบ... อิเต็ง!!! เริ่ดๆเชิดๆน่าหมั่นไส้ตลอด :laugh:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 25-10-2011 22:48:07
มาอ่านอีกทีก็เรื่องที่4แล้ว 
บรรยายนิสัยแมวได้ดีมากๆค่ะ  และมุมมองความรักของอิ๊กกะนูก็สุดยอด
ติดตามตอนต่อไปนะคะ

ปล.+1และเป็ดให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 25-10-2011 23:13:37
เพิ่งเข้ามาอ่าน
แต่งได้ดีมากเลยค่ะ อ่านเพลิน
เป็นเรื่องสั้นที่แมวเล่าเรื่องได้สนุกจังค่ะ
 o13
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: ลำนำบุหลันครวญ ที่ 25-10-2011 23:21:48
วันนี้ขี้เกียจแปลงร่างอวตาร มาทั้งไอดีนักเขียนเลย อิอิ

 :กอด1: พี่เดหลีแรงๆ ถึงแรงที่สุดหนึ่งที เรื่องนี้ยังแอบน่ารัก ปนสะอื้น

ถึงจะรู้ว่าเรื่องพี่เดหลีไม่จบ sad ก็เถอะ แต่ตัวหนังสือไม่กี่บรรทัด ก็บีบหัวใจดวงน้อยๆของนักอ่านได้

อ่านเรื่องนี้ งงๆ กว่าสามเรื่องแรก อาจจะเพราะตัวละครเยอะ (หรือเปล่า?) แต่ก็เข้าใจและซึมซับอารมณ์ได้ดีอยู่

ลุ้นต่อไปครับ ว่าเรื่องนี้จะจบยังไง (น่าจะตอนหน้าเนาะ เพราะพี่บอกเรื่องเจ้าสีหมอกยาวที่สุดใช่ม้าาา)

เอาเป็ดไปเลี้ยงนะครับ ไอดีนี้บวกไม่ได้  :L2:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 25-10-2011 23:49:47
จิ้มไปจิ้มมา....ที่กุพิมพ์ตะกี้หายไปไหนว่ะ o22

พิมพ์ใหม่ก็ได้ว่ะ บุ่ยยย ย :m17:

อิเต็งนี่ถ้าพูดได้คงจะโต้วาที?กะอินูสนุกเน๊อะ ๕๕๕

เดาว่าวิกฤตครั้งนี้จะมีเหมียวเต็งเป็นผู้กอบกู้ ชิมิ?

เรื่องของนูกะอิ๊กนี่ถ้าไม่เล่าสั้นๆนี่น่าจะแต่งได้ยาวเฟื้อย ดราม่า น้ำตาแตกแน่เลย

ไม่เอาๆเล่าผ่านมุมมองอย่างงี้แหละน่ารักดี :o8:

กอดคนแต่งสักหน่ยซิ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 26-10-2011 00:06:36
อ่านแล้วอึ้ง  :a5: คล้ายชีวิตตัวเองชะมัด แต่ตอนนี้โอเคแล้วนะ
ชอบประโยคนี้อ่ะ "เลือกแฟนก็เหมือนลงทุน ใครจะเลือกให้ตัวเองขาดทุน เพียงแต่ของอย่างนี้... วัดกันด้วยตัวเงินไม่ได้" โอววว ถูกใจให้ 5 ดาวเลยเอ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 26-10-2011 00:55:00
สุ้ๆๆ  ขอให้ผ่านไปได้ 
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 26-10-2011 01:22:24
เเมวเล่าได้น่ารักมากเเต่ละคู่เขาชอบคู่อานนท์-หมอก ที่สุด อิอิ :o8:

เเมวน่ารักได้อีกเเต่ทำไมเเมวบ้านฉันมันน่าถีบนะ o22
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 26-10-2011 01:33:15
โหยยยยยยยยยยย นูพระเอกมาก
เพี้ยงขอให้ตั้งตัวได้เร็วๆ เต็งจะได้มีกินสามมื้อ  :call:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 26-10-2011 13:55:26
เหมือนเป็นคู่สร้างคู่สมกันเลยเนอะ อินู กับ อิเต็ง 555555555555 ขำจนปวดท้อง

หวังว่า ตัวเต็ง จะเป็นแมวกวักงาน+เงิน มาให้ อินู เยอะๆๆ นะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: yaninjinna ที่ 26-10-2011 15:32:44
ตัวเต็งดูเกรียนกว่าทุกคนที่อ่านมา 555555  ชอบจัง
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: lidelia ที่ 26-10-2011 16:09:43
ตัวเต็งจะช่วยได้ไหมนะ ??  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 26-10-2011 18:16:29
555 น่ารักดีค่ะ เพิ่งอ่านตอนแรก ขำอะ "งอนชนม์" ยังกะบัญญัติศัพท์ใหม่  :o8:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 26-10-2011 18:22:00
อ่านตอนแรกจบแล้ว ชอบแมวอะ แป่วววว 555 ชอบชนม์้ด้วยค่ะ มีแฟนแบบนี้่ท่าจะดี ทินก็น่ารักเนอะ  :กอด1:

ปล. มีภาพปลากรอบน้องแมวจะดีมากมาย  :o8:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 26-10-2011 18:31:20
เสือน่าร้ากกกกก  :-[

ส่วนพี่ป๊อบกับเกนเหรอ ก็โอค่ะ  :t3: ซะงั้น 555
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 26-10-2011 19:05:30
เรื่องราวความรักของอิ๊ก-นู เป็นการผ่าฟันที่ซาบซึ้งมาก  :-[
อยากจะบอกน้องเต็งว่า ผู้ชายตัวโตทำท่าแสนงอนน่ะ น่าเอ็นดูที่สุด ( อย่างน้อยอิ๊กก็คงเห็น นูทำท่างอนแล้วน่ารักอ่ะนะ )
รอลุ้นตอนหน้าว่ามาสคอตของบริษัทอย่างแมวน้องเต็งหนึ่งจะเป็นแมวนางกวักนำโชคได้อย่างไร ?
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 26-10-2011 19:25:15
 :music:

อ่า
พอจะเดาออก

แต่มันจะมาแบบไหนหว่า

เค้าคิดถึงนู๋มิกซ์(แมว)อ่า
 :o12:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 26-10-2011 19:53:15
ติดตามต่อจ้า

 :L2: :L2:


คิดถึงเจ้าสองเหมียวแมวของเราจัง
เรียกได้ว่า โตมาด้วยกันเลย นอนด้วยกันทุกคืน
 :กอด1: :กอด1:

หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: 1andonly ที่ 27-10-2011 01:06:19
เขียนได้ดีค่ะ บรรยายพฤติกรรมน้องแมวได้สมจริงมาก อ่านแล้วเพลินจริงๆ ชอบมากค่ะ :)
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 27-10-2011 01:57:43
เครียดแฮะ...ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 27-10-2011 16:40:47
ลุ้นตอนต่อไป ช่วยลุ้นบ้านคนเขียนด้วยค่ะ ส่วนบ้านข้าพเจ้า ท่วมปายแระ - -"
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนที่ 2] 25 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 27-10-2011 19:56:46
คุณ TONG กันไว้ดีกว่าแก้จริงๆ ค่ะ พ่อก็คงคิดเช่นนั้น เหอๆ มาอ่านต่อเลยค่า

คุณ winndy ขอบคุณที่ชอบนะคะ แมวว่าง่ายๆ เรียกง่ายๆ นี่หาได้ยากมากค่ะ (หรือไม่ก็แล้วแต่อารมณ์คุณท่าน) แมวคุณ winndy เป็นพวกคล้ายๆ อเมริกันชอร์ตแฮร์สินะ แมวคนเขียนในอดีตบางตัวก็ชอบหายไปเหมือนกันค่ะ แต่แบบหายไปอย่างนี้ยังทำใจได้ง่ายกว่ารู้ว่าเค้าตายไปจริงๆ อะ เศร้านานเลย

คุณ berlyn อิอิ มันก็มีบ้างไรบ้างนะคะ พอเข้าตาจนก็อยากจะพึ่งเรื่องเหนือธรรมชาติบ้าง 55

คุณ dawnthesky ขอบคุณมากค่ะ คนรู้จักอยากกลับบ้านตจว. เหมือนกันแต่ก็กลับไม่ได้ไม่งั้นต้องไปอ้อมเส้นทางที่น้ำไม่ท่วมนานมากๆ เลยค่ะ ได้อยู่กทม. แล้วก็ลุ้นๆ กันไป เฮ้อ

คุณ pattybluet อิเต็งมันก็หล่อเริ่ดเชิ่ดเกรียนไปวันๆ ฮาๆๆ

คุณ MiSS-U ขอบคุณที่ชอบนะคะ ขอบคุณสำหรับบวกและเป็ดด้วยค่า

คุณ yeyong ขอบคุณที่ชอบค่า ฝากตอนจบด้วยนะคะ

คุณ Glorious นี้คือคุณน้อง JkrR ใช่บ่ อยากบอกว่าเค้าต๊ะนิยายตัวเองไว้ก่อนนะ (เรื่องที่เศร้าๆ อะ กร๊าก นึกว่าคุณน้องไม่ชอบเรื่องเศร้าซะอีก) ส่วนเรื่องที่ยังลงอยู่กะลังจะอ่าน เรื่องนี้ที่งงอาจจะเป็นเพราะลำดับเวลาก็ได้ค่ะ โดดไปโดดมาระหว่างอดีตปัจจุบันนิดหน่อย ก็ยังหวังว่าจะอ่านได้หนุกนะ ขอบคุณสำหรับเป็ดจ้ะ

คุณ bulldog17 คนเขียนเลยติดนิสัยพิมพ์ใน notepad ก่อนทุกที กลัวหาย 55 แอบคิดเหมือนกันว่าบางทีอยากให้แมวพูดได้ บางทีมันทำหน้าอยากเถียงเราม้ากมาก ตอนเขียนท้าวความเรื่องสองคนนี้คิดเหมือนกันค่ะแต่ไม่งั้นเค้าต้องดราม่าเยอะเลยอะ เอิ๊ก  :กอด1: ตอบ

คุณ Piaanie ดีใจที่โอเคแล้วนะคะ ขอบคุณที่ชอบค่า

คุณ konnarak ขอบคุณมากค่า

คุณ gumrai3 รู้สึกอานนท์หมอกจะเป็นขวัญใจ ฮาๆ เข้าใจอารมณ์บางทีแมวกวนประสาทมากมาย

คุณ fuku นูก็มีมุมอย่างนี้เหมือนกันนะ อิอิ ว่าแต่กินสามมื้อไม่อ้วนไงไหวเนี่ยตัวเต็ง

คุณ dahlia เขาเกิดมาคู่กัน 555 กัดกันตลอด ชอบแมวกวัก

คุณ yaninjinna ย้ำอีกทีว่าอิเต็งมัน หล่อ เริ่ด เชิ่ด และเป็นแมวเกรียนค่ะ กร๊าก

คุณ lidelia มาๆ อ่านต่อเลยค่า

คุณ Whatever it is ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า ดีใจที่ชอบน้องแมว (สรุปมันเด่นกว่าพระเอกนายเอก? ถ้าพวกแมวไม่ได้เด่นคงไม่ยอมมาเล่า ฮาๆ) ตอนแรกคิดจะใส่ภาพเหมือนกันแต่ปล่อยให้คนอ่านจิ้นกันเองดีกว่า ใครชอบส้มเฉดไหน ลายเสือยังไง เทาแค่ไหน ดำขาวแบบไหนเอาโลด ปล. ขอให้โอเคนะคะเรื่องบ้าน

คุณ Cherry Red เต็งมองไรไม่เหมือนชาวบ้าน 55 แต่นูน่ารักในสายตาอิ๊กก็คงพอใจละ พูดถึงแมวนางกวักแล้วคิดถึงแมวกวักของญี่ปุ่นเลยล่ะค่ะ

คุณ entirom ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า ทู้นี้สรุปรวมคนรักแมวและ/หรือ คิดถึงแมวตัวเองไปละ อิอิ

คุณ golove2 เราก็ยังระลึกถึงแมวในอดีตของเราอยู่เหมียนกัน จากไปใจคิดถึง เนอะ

คุณ 1andonly ขอบคุณที่ชอบค่า ขอฝากตอนจบด้วยนะคะ

คุณ Heisei เครียดเรื่องเงินนั้นเรื่องใหญ่ ฮาๆ อ่านต่อดีกว่า

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนจบแล้วจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: เดหลี ที่ 27-10-2011 20:08:34
เรื่องที่ 4 (จบ)

ในที่สุดอิ๊กก็กลับบ้านด้วยสีหน้าแช่มชื่นขึ้นบ้าง เขาบอกว่าตั้งใจไปคุยงานกับโปรดิวเซอร์ของเอเจนซี่หนึ่งแต่ก็เหลว เอเจนซี่ตัดสินใจให้บริษัทอื่นทำงานชิ้นนั้น แต่พอเดินออกมาที่โถงข้างหน้าเท่านั้นแหละ

“คุณลุงคนหนึ่งเข้ามาทัก บอกอยากทำโฆษณาให้สินค้าตัวเอง เราก็พยายามแก้ว่าเราไม่ใช่คนของเอเจนซี่ ถ้าจะติดต่อต้องบอกทีมครีเอทีฟให้เขาดูให้ แกก็ถามว่าครีเอทีฟนี่ทำอะไร จำเป็นไหม”

อิ๊กเล่าไปเรื่อยๆ อีกสามคนก็ตั้งอกตั้งใจฟัง ผมถึงไม่ได้ตั้งอกตั้งใจแต่ก็ฟังด้วยเหมือนกัน แหมนะ ยังไงผมก็ยังเป็นมาสคอตของอิน โปรดัคชั่นเฮาส์อยู่น่ะ

“พอบอกว่าจำเป็น ก๊อปปี้ไรเตอร์จะดูเรื่องสารที่ส่งไปถึงผู้บริโภคหรือลูกค้า แล้วก็ช่วยกันคิดกับอาร์ตไดเร็คเตอร์ว่าจะสื่อสินค้าออกไปยังไงให้ดูน่าซื้อ คุณลุงกลับบอกว่า งั้นไม่ต้องใช้แล้วล่ะ เพราะใครจะรู้จักสินค้าดีกว่าเจ้าของ ขอคิดเองดีกว่า”

ตานูขมวดคิ้วแต่ไม่ได้ขัด

“คุณลุงถามว่าที่เราหอบหิ้วอยู่นี่น่ะมันอะไร เราก็บอกว่างานที่บริษัทเราเองเคยทำ จะเอามาเสนอเขา แกขอดู...”

“นี่อย่าบอกนะว่า...”

“ใช่... แกบอก ก็เท่านี้แหละที่อยากได้ คือทำหนังโฆษณาขึ้นมา คุณลุงจับเรานั่ง ไอ้เราก็เกรงใจเอเจนซี่ มาใช้ล็อบบี้เขาคุยงานส่วนตัว เลยพูดกันคร่าวๆ ไว้ก่อน เท่าที่ฟังไม่น่ายาก ก็เน้นตัวสินค้า ใช้กราฟิคประกอบส่วนใหญ่”

“ซึ่งคุณลุงเป็นครีเอทีฟให้สินค้าแกเอง แล้วจ้างเราโดยตรง”

“ถูก คุณลุงคนนี้ชื่อสิทธา สินค้าคือเอสทีเฟอร์นิเจอร์”

“ผมเคยได้ยินพี่!” เจ็งโพล่งออกมา “เป็นเจ้าใหญ่มากแถวบ้านผมที่เมืองนนท์ สงสัยจะขยายกิจการ...”

“เท่าที่คุย เหมือนปรับภาพลักษณ์มากกว่านะ ให้ทันสมัยขึ้นแต่ยังเน้นความสบายอยู่เหมือนเดิม เจาะตลาดคนรุ่นใหม่ เห็นว่าจะทำเผื่อให้ลูกชายที่จะกลับจากเมืองนอกมาดูแลต่อ”

“แต่เราไม่เคยทำงานแบบที่ไม่มีเอเจนซี่เป็นตัวกลาง” ตานูว่า “กลัวจะมีปัญหาน่ะสิ โฆษณาชิ้นหนึ่งน่ะไม่ได้คิดกันง่ายๆ ไม่งั้นพวกครีเอทีฟก็ตกงานกันหมด”

“คุณสิทธาก็ดูมีความคิดชัดเจนดี... ลองทำงานจากลูกค้าโดยตรงมั่งไม่เสียหลายหรอก ที่สำคัญ” อิ๊กมองไปรอบๆ พลางยิ้ม “เขาว่าจะใช้เราหมด... ทั้งโฆษณา ตัวหนึ่ง ตัวสอง สกู๊ปโปรโมตในรายการทีวี พูดง่ายๆ ทุกอย่างที่เป็นสื่อโฆษณาของเอสทีเฟอร์นิเจอร์จะใช้อิน โปรดัคชั่นเฮาส์ถ่ายทำทั้งหมด”

“นี่มันสัญญาเป็นปีๆ เลยนะ” แป้งกรี๊ดจนผมสะดุ้ง โดดกอดกันกับเจ็ง

“ใช้เราทั้งหมด ถ้า...” ตานูยังไม่วายรอบคอบ

“ถ้า... เราทำงานแรกได้เป็นที่น่าพอใจ”

“นั่นแหละที่ยาก” เจ็งพึมพำ

แต่ตานูทุบโต๊ะเปรี้ยง “อิ๊กไปบอกเขาเลยว่า ถ้าใช้บริษัทเราน่ะ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้!”

พอผู้กำกับบอกเป็นไปได้ที่เหลือก็คึกคักตาม ผมก็ดีใจไปกับเขาด้วย แม้ว่าจะแสดงออกด้วยการมองอยู่ห่างๆ ก็เถอะ แมวทั่วโลกก็ดีใจแต่พองามทั้งนั้นแหละ


ไม่นานอิ๊กก็นัดคุณสิทธามาคุยที่บริษัท ผ่านไปสักพักผมก็ได้ยินเสียงตานูดังแว่ว

"นี่มันไม่เหมือนกับที่คุณสิทธิ์เคยบอกกับทางเรานะครับ..."

ผมเดินไปนั่งตรงปากประตูครัวที่ต่อกับห้องประชุมกึ่งห้องกินข้าว พอดีแป้งเดินเข้ามาบอกอย่างเกรงใจ

"ขอโทษค่ะ มีโทรศัพท์ด่วนถึงพี่อิ๊ก..."

อิ๊กรีบขอโทษลูกค้าก่อนจะดึงตานูออกไปด้วย ละให้แป้งนั่งคุยกับคุณสิทธาไปพลาง เขาลากตานูเข้าส่วนที่เป็นออฟฟิศแล้วปิดประตู

ตานูยืนกอดอกพิงผนังมองแฟนยิ้มๆ

"มุขนี้อีกแล้วเรอะ เราก็เอ๊ อิ๊กส่งไรยิกๆ ใต้โต๊ะ ที่แท้ก็เรียกยายแป้ง นึกว่าส่งหากิ๊ก"

"เวลานี้ยังจะมาเพ้อเจ้ออีก" อิ๊กว่า "ไม่งั้นจะออกมาคุยกันได้ยังไง นูน่ะต้องหัดฟังลูกค้าให้มากกว่านี้ เมื่อกี้ทำหน้ายังกับจะกินหัวเขาแล้ว ลูกค้าอยากจะแก้อยากจะเพิ่มอะไรไม่เหลือบ่ากว่าแรง ทำได้ก็ต้องทำ..."

"คร้าบ ครับ" ตานูยกมือเป็นเชิงยอมแพ้ "แก้ฟอนต์แก้สีอะไรตอนถ่ายเสร็จน่ะไม่ว่าหรอก แต่เปลี่ยนจากถ่ายในสตูดิโอมาเป็นเอาท์ดอร์นี่ก็ต้องขอท้วงกันหน่อยล่ะ อิ๊กรู้ดีที่สุดไม่ใช่หรือว่าถ่ายนอกสถานที่มันต้องออกไปดูโลเคชั่นก่อน ไม่พอต้องขออนุญาตด้วย อาจจะต้องเช่า สภาพอากาศไม่เป็นใจอีกก็แย่ มันคุมค่าใช้จ่ายยากกว่าถ่ายในสตูดิโอเยอะนะ”

“เอาน่ะ เรื่องคำนวณค่าใช้จ่ายให้โปรดิวเซอร์จัดการเอง นูใจเย็นๆ แล้วกัน”

สองคนเดินออกไปห้องประชุมผมก็ตามไปด้วย โดดขึ้นนอนบนโซฟาในนั้น เห็นตานูพยายามทำสีหน้ารับแขกเต็มที่

“กลุ่มเป้าหมายของคุณสิทธิ์มีลักษณะยังไงนะครับ” อิ๊กเริ่มคุยต่อ “คือมันสัมพันธ์กับภาพลักษณ์ที่เราจะเสนอสินค้าออกไปด้วย”

“ก็น่าจะรักอิสระ เป็นตัวของตัวเองสูง ชอบความสะดวกสบาย...” คุณสิทธาบอก “คล้ายๆ... แมวตัวนั้นล่ะ”

ตานูหันมองผมทำหน้าบอกไม่ถูก ส่วนลูกค้าเอากำปั้นทุบฝ่ามือตัวเอง

“ผมตัดสินใจแล้ว โฆษณาผมจะใช้แมวตัวนั้นสื่อ”

สองตัวแทนจากอิน โปรดัคชั่นเฮาส์อ้าปากค้าง ในขณะที่คนเป็นลูกค้ากระหยิ่มยิ้มย่อง

“มันลงตัวที่สุดละนะ คุณว่าไหม”

“ไม่ครับ” ตานูตอบห้วน

ส่วนอิ๊กรีบแทรก “ยังไงนะครับ”

“ก็เอาเป็นว่าเจ้าเหมียวตัวนี้... ชื่ออะไรนะ”

“ตัวเต็งครับ”

“ก็พอเจ้าตัวเต็งนอนบนโซฟาหรือว่าเตียงของผม เห็นหนูวิ่งมา แต่ก็สบายซะจนไม่อยากลุกไปจับหนูเลยเป็นไงล่ะ”

แต่ตานูถอนใจ “อันนี้ผมเคยเห็นในโฆษณาเฟอร์นิเจอร์ของออสเตรเลีย...”

“เอ ทำไมไอ้ที่ผมคิดมีคนคิดได้ใช้แล้วอยู่เรื่อยเลยนะนี่...”

“ไม่งั้นเขาจะจ้างครีเอทีฟไว้ทำไมกันล่ะครับ...” ตานูก็ตอบหน้าตาเฉย

อิ๊กกระแอมแล้วแอบใช้ศอกกระทุ้งตานูเบาๆ แต่คุณสิทธาดูจะไม่ทันสังเกต

“งั้นก็เอาตรงๆ ไปเลย ให้เจ้าตัวเต็งกระโดดขึ้นนั่งหรือนอนทำท่าสบายบนเฟอร์นิเจอร์ของผมก็พอ ใครๆ ก็รู้ว่าถ้าตรงไหนไม่สบายจริงละก็แมวไม่นอนหรอก”

"อ่า ผมว่ามันจะไปเหมือนโฆษณาไอเคียที่ฉายในอังกฤษเกินไปมั้ยครับ" ตานูเกาหัวแกรก

ท่าทางลูกค้าจะไม่เคยเห็นโฆษณาที่ว่า ผู้กำกับเลยต้องเปิดให้ดู ร้านเฟอร์นิเจอร์ยี่ห้อนี้ปล่อยแมวเข้าไปในโชว์รูมใหญ่เป็นร้อยตัว คงเดินกันวุ่นวายพิลึก แต่โฆษณายาวหนึ่งนาทีก็ตัดมาแต่ช็อตที่แมวทำท่าสบายที่สุดเมื่ออยู่บนเฟอร์นิเจอร์ของเขา ดูเสร็จคุณสิทธาก็ว่า

"ไม่เหมือนหรอก ... ของผมใช้แมวตัวเดียวเท่านั้น"

ตานูหันมองหน้ากันกับหุ้นส่วนชีวิตที่ตอนนี้ทำหน้าที่หุ้นส่วนธุรกิจเป็นทำนองให้ลองดูบ้าง

"คือว่า นี่เป็นแมวปกติธรรมดาครับ" ผมเห็นอิ๊กพยายามอธิบายแล้วขำ "หมายถึงไม่ได้ฝึกมาให้เล่นหนังเล่นโฆษณาอะไรน่ะครับ"

"ก็ไม่เป็นไรนี่... หน้าตาท่าทางมันฉลาดออก ไม่ยากหรอกผมว่า"

ผมยืดตัวขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้ฉลาดแค่หน้าตาท่าทางด้วย เหลือบเห็นตานูขมวดคิ้วทำปากขมุบขมิบ หวังว่าคงไม่ได้กำลังแช่งลูกค้าหรอกนะ

"เอาอย่างนี้ไหมครับ" อิ๊กยังหาทางออกต่อไป "ลองให้ผมติดต่อเพื่อนที่ทำพวกฝึกหมาแมวอยู่แล้ว ให้เขาดูว่ามีตัวไหนคล้ายๆ เจ้านี่ไหม ถ้าคุณสิทธิ์ชอบแมวดำใส่ถุงเท้า..."

"แล้วเจ้าตัวนี้มันเป็นยังไงล่ะ"

"ผมเกรงว่าจะมีปัญหาตอนถ่าย..."

"หมายความว่ามันไม่ฟังคำสั่งไงล่ะครับ" ตานูโพล่งขึ้นอย่างอดรนทนไม่ได้ "บอกให้ทำอะไรก็อาจจะไม่ทำ ภาพก็จะไม่ได้อย่างที่ต้องการ เสียเวลา เปลืองงบ..."

"ผมเอาตัวนี้แหละคุณ" คุณสิทธาก็ยืนกรานกระต่ายขาเดียว "ผมถูกชะตากับตัวนี้ ถ้าไม่ได้ ก็คงต้องไปที่อื่น คุณธนูก็รับปากผมไว้แล้วไม่ใช่หรือว่าถ้าใช้บริษัทคุณ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้"

"ก็ตอนคุยงานกันน่ะไม่ได้ตกลงว่าจะถ่ายกับสิ่งมีชีวิตเลยนะครับ!"

ผมเห็นอิ๊กบีบแขนตานูที่อยู่ใต้โต๊ะแน่น กันลุกไปฟาดปากกับลูกค้ามั้ง ผมล่ะกลัวใจตานูจริ๊ง

“ถ้าใช้เจ้าตัวเต็งล่ะก็ คุณจะไม่ถ่ายกลางแจ้งผมก็ไม่ว่าอะไรนะ”

"ทางเราจะพยายามแล้วกันครับ" อิ๊กบอกอย่างนั้น ส่วนตานูฉีกยิ้มใส่ลูกค้าแต่สายตาน่ะ... ถ้าผมเป็นคุณสิทธาคงจะเสียวสันหลังมากกว่าวางใจนะ

คุณสิทธาคงจะไม่ได้มีเซนส์เหมือนแมว เพราะแกยิ้มแป้น จับมือกับอิ๊กเรียบร้อย แถมยังเดินมาชื่นชมลูบหัวผมเสียอีก ผมก็ทำตัวสำนึกบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนของอิ๊ก (ที่ตานูเป็นคนให้) ด้วยการช้อนตามองเขาพลางร้องเบาๆ คุณสิทธายิ่งปลื้ม

ลูกค้ากลับไปแล้วตานูก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างห่อเหี่ยว ผมแง้วใส่กลัวจะนั่งทับผมเข้า ตานูจ้องผมเขม็ง

“อิเต็งนะอิเต็ง ใครว่าแกเป็นมาสคอตนำโชค หาเรื่องซวยมาให้สิไม่ว่า แกจะเดินเข้ามาตอนนั้นทำไมเฮอะ”

"ก็บอกแล้วว่าแค่ขายงานผ่านอย่าเพิ่งฉลอง" อิ๊กว่า "เค้าให้เราทำก็จริง แต่มันก็เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น กว่าจะเสร็จ..."

ตานูนั่งถอนใจยาว เขายื่นมือมารับแก้วน้ำเย็นจากแฟนแล้วว่า

"มันจะรอดมั้ยเนี่ย บอกที ถ้าอิ๊กบอกว่ารอดจะยอมเชื่อก็ได้"

"ถามนักแสดงดูสิครับคุณผู้กำกับ" อิ๊กบุ้ยใบ้ไปทางผม

“โอ๊ยอิ๊ก ป่านนี้แล้วยังอารมณ์ดีอยู่ได้”

“อารมณ์เสียไปแล้วมันจะได้อะไรล่ะ นูก็เห็นไม่ใช่หรือว่าลูกค้าไม่ยอมเป็นอย่างอื่นแน่นอน ตอนนี้ก็เหลือแค่... วางแผนเตรียมการทำงานแหละ” อิ๊กว่า แล้วยังอุตส่าห์ตบมุขแป้กของแฟนมาให้ช้ำใจเล่น “เป็นไง ความรักของนูเหมือนเก้าอี้ ได้เก้าอี้มาถ่ายหนังโฆษณาสมใจ”

ตานูส่ายหัวก่อนลุกขึ้นไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว ตบโต๊ะป้าบๆ “อิเต็ง เมี้ยวเมี้ยว ขึ้นโต๊ะซิ เร้ว...”

... ซึ่งใครจะไปกับการเรียกแบบไร้ศิลปะอย่างนั้น แถมจุดนี้บนโซฟาก็กำลังสบ๊ายสบายเลยด้วย

ตานูฟุบลงโต๊ะ “เรียกแค่นี้มันยังไม่มาเลย”

อิ๊กเดินไปลูบหลังไหล่ตานูแบบไม่รู้จะพูดอะไรดี

ส่วนผมก็... งีบก่อนล่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“วันนี้มันเหนื่อย ปู่ของเหนื่อย ทวดของเหนื่อย โคตรรรของเหนื่อย...” นั่นเสียงออกจากปากผู้กำกับ

ทั้งๆ ที่ความจริงมันควรจะเป็นผมมากกว่านะ ที่เหนื่อยน่ะ

“ไว้ลองถ่ายใหม่อีกทีแล้วกัน” อิ๊กบอกพลางปิดประตูบ้าน “บางทีก็ถ่ายให้เสร็จในวันเดียวไม่ได้หรอก...”

“ความจริงมันแค่ไม่กี่ชอตเอง” ตานูพูดเสียงเพลีย ทำท่าจะพับเอาดื้อๆ “ที่ว่าของต้องห้ามกับการถ่ายหนังมีสี่อย่างน่าจะจริง สัตว์ เด็ก เอฟเฟกต์ สลิง...”

“นูเคยถ่ายทั้งเด็กทั้งหมาในโฆษณาเดียวกันมาแล้วนะ...”

“หมามันเป็นหมาฝึกมาอย่างดี ซีนก็ง่าย เทียบไม่ได้เลยกับการเอาอิแมวที่แม่งทำตามใจตัวเองมาตลอดชีวิตขึ้นเก้าอี้เนี่ย”

โอ๊ะ ดูตานูพูดเข้าสิ ก็ผมไม่คุ้นกับเก้าอี้ตัวนั้นนี่นา กลิ่นอะไรของผมก็ไม่มีทิ้งไว้สักนิดเลย อยู่ๆ เอาเก้าอี้ตั้งในฉาก จับผมให้เดินเข้าไปหาแล้วโดดขึ้นนั่ง ไม่โอเคอย่างแรง

ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับการที่ตานูเชื่อว่าผม “พูดไม่รู้เรื่อง” ด้วย

“เดี๋ยวก็ถ่ายได้น่า” โปรดิวเซอร์ผู้มองโลกในแง่ดีอยู่เป็นนิตย์ปลอบ

“โธ่อิ๊ก วันนี้เจ็งแทบก้มลงกราบ ถ้ากราบแล้วมันยอมทำก็ยังดี...” ตานูจ้องผมอย่างเคืองๆ “อดข้าวซะดีมั้ย ปลาทูก็เงินนะเฟ้ย แล้วโซฟาในห้องประชุมน่ะ นอนได้นอนดี นอนจนมันจะบุ๋มเป็นรอยแล้ว อิอ้วนนี่ ทีเก้าอี้แพงๆ ทำเป็นรังเกียจ...”

อิ๊กทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนดีดนิ้วเปาะ

“รู้ละ ปกติแมวมี ‘ที่ประจำ’ เราก็แค่ทำให้เก้าอี้ตัวนั้นกลายเป็น ‘ที่ประจำ’ ของตัวเต็งซะก็สิ้นเรื่อง เดี๋ยวโทรขอเวลาคุณสิทธิ์เพิ่มก่อน นูบอกเจ็งกลับไปสตูดิโอ ขนเก้าอี้ตัวนั้นมาบ้านเราทีนะ”

“นี่อิ๊กจะทำอะไร...”

“เดี๋ยวก็รู้”


อิ๊กเอาเก้าอี้ตัวนั้นมาตั้งไว้ในห้องกินข้าวโดยไม่ทำอะไรให้เป็นพิเศษ ผมเห็นมีของชิ้นใหม่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยก็เดินเข้าไปดมๆ ดูก่อนจะถอยห่างออกมา

ได้ยินเสียงถอนใจเฮือก ผมหันไปมอง ตานูเดินมาตีสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วเลยไปหลังบ้าน

ตลอดทั้งสัปดาห์นั้นผมรู้สึกว่าทั้งบ้านจับจ้องผมแปลกๆ ผมผ่านของใหม่ในห้องชิ้นนั้นก็มีหยุดเอาหัวไถบ้างเพื่อกำหนดว่านี่ก็อยู่ในอาณาเขตตัวเองเหมือนกัน จนในที่สุด...

“โอ๊ย ทนไม่ไหวแล้วเว้ย!” แล้วตานูก็หอบตัวผมวืด... ขึ้นไปอยู่บนเก้าอี้เจ้ากรรม ก่อนทั้งบ้านจะไชโยโห่ร้อง

“เฮ้ย มันไม่ลง!”

พอนั่งดูแล้วมันก็สบายใช้ได้ ผมเลยนอนอยู่บนนั้นจนเย็น

“ทีนี้ก็เหลือแค่ให้ตัวเต็งโดดขึ้นไปเอง” เจ็งกระซิบกระซาบ

“ไม่มีปัญหาหรอก” อิ๊กดูมั่นอกมั่นใจ “ลองนอนยาวขนาดนั้น เดี๋ยววันต่อมาก็ขึ้นเอง”

หลังกินข้าวเช้าแล้วผมก็เข้าห้องไปหาที่นอน ดูไปดูมาแล้วก็ไม่พ้น... เก้าอี้สีขาวตัวนั้น

ขณะกำลังจะเคลิ้มหลับคลับคล้ายในห้องกำลังโกลาหล
 
“แป้ง จองสตูดิโอ! เราพร้อมถ่ายทำแล้ว”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“เชิญครับคุณสิทธิ์” ตานูเลื่อนเก้าอี้ให้

“ผมตื่นเต้นนะนี่” ลูกค้าว่า “จะได้ดูโฆษณาเต็มๆ เป็นครั้งแรก เห็นเทปที่คุณเอาไปให้ดูตอนยังไม่ใส่เสียงผมก็ว่าดีมากแล้ว เจ้าตัวเต็งกระโดดขึ้นเก้าอี้แบบไม่ลังเลเลย ถ่ายไกลได้ด้วยไม่ต้องตัดต่อตอนกระโดดกับตอนนอนบนเก้าอี้แยกกัน”

“ต้องขอบคุณคุณสิทธิ์ที่ให้เวลาเราเพิ่มด้วยครับ” อิ๊กบอก

“ใช้เวลาอีกหน่อยแต่งานออกมาดีผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก โฆษณาตัวนี้เป็นตัวแรกที่จะฉาย ผมอยากให้มันออกมาสมบูรณ์ที่สุด”

ปิดไฟแล้วตานูก็กดรีโมต บนจอปรากฎแมวขาวดำตัวหนึ่งเดินเข้าไปในฉากที่มีเก้าอี้รูปร่างลักษณะคล้ายกันหมดตั้งอยู่หลายตัว แต่โดดขึ้นตัวกลางอย่างมั่นใจ ก่อนจะขดด้วยท่าทางแสนสุข

เสียงบรรยายดังขึ้น “คุณอาจจะไม่รู้ถึงความแตกต่าง แต่แมวรู้... ตัวไหนสบายที่สุด”

โลโก้ของเอสทีเฟอร์นิเจอร์ขยายใหญ่ขึ้นพร้อมภาพตัดเจาะไปยังแมวที่หลับตาพริ้ม เสียงดนตรีรับ

“เอสที เฟอร์นิเจอร์ ความสบายที่แตกต่าง”

แหม ไม่อยากชมตัวเอง แต่ผมนี่ก็ขึ้นกล้องเหมือนกันนะเนี่ย

แน่นอนว่าผมนั่งเก้าอี้ตัวนั้นก็เพราะมันเป็นเก้าอี้ ‘ของผม’ แล้วน่ะ ซึ่งไม่เหมือนกันกับเก้าอี้ตัวอื่นๆ ในฉาก เจ้าเก้าอี้ตัวนี้ยังตั้งอยู่ในห้องประชุมของอิน โปรดัคชั่นเฮาส์ ตานูเรียกว่า 'เก้าอี้ประจำตำแหน่งของคุณมาสคอต'

“เยี่ยมมาก” คุณสิทธาปรบมือ “เห็นแล้วผมอยากขโมยเจ้าตัวเต็งไปเป็นมาสคอตของเอสทีเฟอร์นิเจอร์เสียจริง”

“ท่าจะยากละครับ” ตานูอมยิ้ม “เผอิญโปรดิวเซอร์เขาให้เป็นมาสคอตอิน โปรดัคชั่นเฮาส์ตั้งแต่แรกแล้ว”

“งั้นเรามาคุยกันเรื่องแผนโฆษณาตัวต่อไปเลยดีกว่า อีกอย่าง รายการทีวีเขาบอกอยากได้สัมภาษณ์ผมแล้วตัดสลับสินค้าสักสามช่วง ความยาวช่วงละประมาณหนึ่งนาทีครึ่ง เอาไว้ฉายคั่น...”

คุยงานกันต่อจนกระทั่งเย็น อิ๊กกับนูถึงเดินมาส่งลูกค้าที่หน้าบ้าน อิ๊กอุ้มผมติดมือไปด้วย

“ขอบคุณมาก ไว้ผมจะแนะนำบริษัทคุณต่อให้เพื่อนๆ เห็นความตั้งใจทำงานให้ออกมาดีแล้วผมประทับใจ” คุณสิทธาบอก ก่อนจะลูบหัวผม “ขอบใจนะตัวเต็ง”

พอรถลูกค้าเคลื่อนออกไปแล้วตานูกลับถอนใจยาวจนอิ๊กต้องถาม

“เป็นอะไรอีกล่ะ”

“คราวนี้โชคดีไป ลูกค้าพอใจ ถือว่า...” เขาเหลือบดูผมในอ้อมแขนอิ๊ก “คุณตัวเต็งต่อชีวิตบริษัทได้ระยะหนึ่ง แต่ถ้ามันมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นมาอีก...”

“เฉพาะงานจากคุณสิทธิ์ก็ทำกันไม่หวาดไม่ไหวแล้วนะ คอนเนคชั่นต่อจากนี้ด้วย ยังว่าจะหาคนมาเพิ่มเลย”

“ก็ถ้า...”

“นูดูนี่” อิ๊กอุ้มผมออกมานอกบ้าน ตรงที่ที่มีป้ายชื่อบริษัทติดไว้

ตานูมองแล้วก็พูดเบาๆ “อิน... ชื่อย่อของเราสองคน ไอ กับ เอ็น...”

“จำได้มั้ย ที่ชายหาดวันนั้น ที่เมืองชล นูพูดว่ายังไง”

“ถ้ามีอิ๊กอยู่ด้วย... ถ้าเราอยู่ด้วยกัน ต่อไป เจออะไรก็ไม่กลัว” ตานูว่า ยิ้มแล้วสบตาอีกฝ่าย “แล้วอิ๊กก็บอก ว่าคิดถึงวันที่ไม่มี ‘เรา’ ไม่ออกเลย”
 
อิ๊กพยักหน้ายิ้มตอบก่อนบอก

“จริงๆ อินมันมีย่ออีกนะ”

“หืม?”

“อิน จากอินฟินิตี้” อิ๊กก็พูดเรื่อยๆ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็จะผ่านมันไปด้วยกัน อุปสรรคมันไม่มีที่สิ้นสุดอยู่แล้ว เราก็เหมือนกัน ถ้ายังไม่ทิ้งกันไปไหน... เหมือนตัว ไอ กับ เอ็น แล้วก็ เอ็น กับ ไอ ในอินฟินิตี้ไง”

ตานูยื่นมือไปบีบจมูกแฟนเบาๆ

“คิดนานมั้ยเนี่ย หรือเราควรจะขยายกิจการพ่วงเอเจนซี่โฆษณาเข้าไปด้วยดี อิ๊กเป็นครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ได้เลย รับรองขายงานผ่าน”

อิ๊กหัวเราะ “ไม่ไหว ไปคิดให้คนอื่นฟังคิดไม่ออกหรอก”

ตานูเอาผมมาอุ้มให้แล้วจับมือแฟน อิ๊กลูบหลังผมด้วยมืออีกข้าง “นูเห็นหลังตัวเต็งมั้ย”

“ที่ว่าเป็นเลขแปดน่ะเหรอ”

“แปดแนวนอนเป็นสัญลักษณ์อินฟินิตี้ ตัวเต็งถึงเป็นมาสคอตของบริษัทไงล่ะ”

“อิของขลัง” ตานูมีเขย่าผมเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว

สองคนจับมือกันเดินเข้าบ้าน ผมกางเล็บจิกเสื้อคนตรงหน้าไว้นิดหนึ่ง พลางคิด...

... ว่าตานูยังติดปลาทูผมอยู่ วันหนึ่งสามมื้อไง

ที่บนไว้ทำเป็นลืม ถ้าไม่เซ่น เดี๋ยว ‘ของ’ ไม่ขลังไม่รู้ด้วยนะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เพิ่มลิงค์โฆษณาแมวไม่จับหนูเพราะนอนโซฟาของออสเตรเลีย http://www.youtube.com/watch?v=oChkVusqvOE ส่วนนี่โฆษณาไอเคียของอังกฤษ http://www.youtube.com/watch?v=Z7vXP3tHzhA

ซีรีย์รวมเรื่องไม่ยาวชุดสมาคมขนสั้นก็จบลงแล้ว ต้องขอบคุณคนอ่านทุกท่านมากๆ เลยค่ะ เมนต์ทุกเมนต์ บวกทุกบวก เป็ดทุกตัวเป็นกำลังใจให้คนเขียนอย่างมาก ขอบคุณแมวที่บ้านด้วยสำหรับแรงบันดาลใจ ก๊าก ตั้งใจให้สี่เรื่องสื่อไม่เหมือนกัน เจ้าแมวก็ไม่เหมือนกันด้วย แต่ก็เหมาะสำหรับแต่ละบ้านแล้วล่ะนะ

หมดสต็อคเรื่องสั้น คนเขียนขอลาไปปลุกปล้ำกับเรื่องยาวก่อนนะคะ (ซึ่งไม่มีแมว หุหุ) ขอเขียนไปให้ได้ประมาณหนึ่งก่อน จะนำมาลงค่ะ  :pig4:

แล้วพบกันใหม่นะจ๊ะ
  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 3
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 27-10-2011 20:27:36
อย่างน้อยอิเต็ง ก็ช่วยได้ 
เราชอบแมวแล้วก็ชอบแกล้งแมวด้วย
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 27-10-2011 20:54:17
ช่ายยยยยย
แมวมันมีที่ประจำ
อย่างนู๋มิกซ์อ่ะ
กะลังมังเล็กๆๆ
ยังขนลูกๆทั้งสามตัว
นอนเบียดกันเต็มเลย  :t3:
หลังกินข้าวเสร็จ  ไม่ว่ามื่อเช้า มื่อเย็น
 :music:
:catrun:
:t2:
:t4:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: JkrR ที่ 27-10-2011 21:00:11
 :z13: พี่  yeyong , entirom ทะลุถึงพี่เดหลีเลยครับ

ตอบพี่เดหลีก่อน พี่เดหลีเดาได้ถูกต้องละครับ

ส่วนที่บอกว่าผมไม่ชอบมาม่า คือจะบอกว่าไม่ชอบเรื่องเศร้าๆของคนอื่นน่ะครับ

แต่ชอบเขียนนิยายดราม่า (เลวมากไอ้หนิง  :z6:)  :laugh:

ยิ่งเรื่องไหนบีบหัวใจได้สุดๆ จะทำเอานอยด์ข้ามวันเลยทีเดียว

(เคยอ่านเรื่องนอยด์ขั้นสุดถึงขั้นต้องทำบุญให้ตัวละครตัวนั้น แล้วต้องกลับมาทำใจสักพักถึงจะหาย) :laugh:

ส่วนเรื่องนี้ถามว่างงตรงไหน ผมคิดว่าผมงงตรงนึกไม่ออกว่าใครรุกใครรับแหละมั้งครับ ในขณะที่อีกสามเรื่องมันชัดเจนกว่า

อ้อ แถมเรื่องนี้ ไอ้ตัวเต็งมันดูพระเอกกว่าอีกสามตัว ผมเลยงงๆคำว่า ผม ในเรื่องอยู่บ้าง

ว่าไอ้ ผมเนี่ย มันใครกันแน่ ตัวเต็ง อิ๊ก หรือนู

แต่ถามว่าชอบมั้ย ก็ยังชอบอยู่ดี พอตัดประเด็นว่าใครจะรุกจะรับออกไป

ก็สามารถชื่นชมความสนุกของเรื่องได้เต็มที่แล้วครับ

(เคยมีคนบอกว่าผมนิสัยเหมือนแมว ขี้อ้อน แต่ไม่ง้อคน ถ้าไม่ใส่ใจก็ทำลืมๆไป  และรักอิสระมากกก
อาจจะเป็นส่วนที่ทำให้คนที่ไม่ได้เลี้ยงแมว ไม่ได้รักแมวอย่างผม ชอบเรื่องนี้ถึงขั้นนั่งรีเฟรชเล้ารอเรื่อง
นี้ทุกวันก็ได้)

แอบเสียใจที่จะไม่ได้อ่านเรื่องแมวๆต่อ แต่ก็ขอบคุณนะครับ

 :L2: :กอด1:
เช่นเคย +1และรับเป็ดไปกอดเล่นนะครับ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 27-10-2011 21:28:00
อิเต็งของเค้าดีจริงๆ ฮุๆๆ

ปล.+1และเป็ดให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: dawnthesky ที่ 27-10-2011 21:29:36
บวกเป็ดให้ค่ะ

ในที่สุดก้อจบ (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น .....แล้วสินะคะ ขอสารภาพความจริง ตอนแรกที่เห็นกระทู้นี้ ไม่แน่ใจว่ากำลังตาลายหรือเปล่า แต่อ่านชื่อเรื่องเป็น "สมาคมผมสั้น" .... คือสงสัยว่าจะจ้องคอมมากไปหน่อย เลยตาลายไปเยอะเลย....อิอิ

เรื่องนี้อ่านได้เรื่อย ๆ สบาย ๆ ไหลลื่นไปกับตัวละครทุกตัว ถ่ายทอดนิสัยของแมวได้เหมือนคนเขียนเป็น "แมว" จริง ๆ เลยนะคะ (ชมนะอันนี้) เป็นเรื่องใส ๆ ที่อ่านได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ติดเรทค่ะ

 :L2: :3123:
จะติดตามเรื่องต่อ ๆ ไปของคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 27-10-2011 21:38:06
ไม่อยากให้จบเลย อยากให้มีต่อไปอีก อยากให้ตอนต่อไปเรื่อยๆ หวังว่าจะได้อ่านอีกนะจ๊ะ

ชอบคุณสิทธามาก "ในโฆษณาไอเกียใช้หลายตัว ผมใช้ตัวเดียว" ไม่ค่อยจะแถเลย 5555

ชื่นชมและเป็นกำลังใจให้จ๊ะ อนึ่งมีเรื่องยาวด้วยเหรอ เรื่องอะไรอะจะได้ตามอ่าน อิอิ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 27-10-2011 23:00:57
เเมวนำโชคจิงๆๆๆ   ขอบคุณนะคับบสำหรับเรืองดีๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 28-10-2011 00:23:15
+1  จ้า


อิเต็ง นำโชคจริง ๆ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 28-10-2011 00:52:08
แหมๆ เชิดๆเริ่ดๆตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ ตัวเต็ง :laugh:
น่ารักมากๆเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ บวกๆ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 28-10-2011 10:09:27
ตัวเต็งตัวนำโชค  น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกก

ไม่มีอีกซักเหมียวหรือเนี่ย

หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 28-10-2011 12:55:17
ม๊าววววววววววววว
ตัวเต็งสนใจมานอนเล่นบ้านเค้ามั้ย

เสียดายที่จะจบแล้ว แต่ก็จบได้สวยมากค่ะ คงคิดถึงแมวๆ ทุกตัว คงแวะมาอ่านซ้ำบ่อยๆ =^^=
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: lidelia ที่ 28-10-2011 15:10:30
อ้าว จบซะแล้ว

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะค่ะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: yoyo ที่ 28-10-2011 15:41:52
บวกเป็ดให้ตอนจบ
น่ารั๊กอะ  อิตัวเต็งให้โชค
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 28-10-2011 15:59:08
เป็นเรื่องสั้นที่น่ารักมากๆ ทุกเรื่องเลยฮะ
เปลี่ยนมุมมองกับแมวไปเลยนะเนี่ย
ไม่ค่อยชอบแมวเพราะกลัวมันข่วน และความเร็วของมัน
ได้เจอมุมมองแมวใหม่ๆ ก็แปลกดีฮะ รู้สึกเอ็นดูมันขึ้นมาเหมือนกัน
แต่ก็ขอเอ็นดูอยู่ห่างๆ (เหมือนเดิม) ล่ะกัน
ขอให้รอดปลอดภัยจากน้ำท่วมครั้งนี้ด้วยนะฮะ  :L2:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 28-10-2011 16:14:15
รักแมว ปลื้มแมว
ชอบทั้งเรื่องสั้น เรื่องยาว
และขอบคุณเดหลีมาก ๆ สำหรับเรื่องดี ๆ แบบนี้
เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Cherry Red ที่ 28-10-2011 19:31:49
I กับ N = Infinity = ∞  = อิ๊ก กับ นู = รักไม่สิ้นสุด  :m1:
แมวน้องเต็งสมกับเป็นมาสคอตนำโชคจริง ๆ ใครเห็นก็รักและเอ็นดู ( แต่นูอาจจะเอ็นดูแบบหมั่นไส้หน่อย ๆ )
ขอบคุณสำหรับเรื่องไม่ยาว ที่เพลิดเพลิน น่ารัก น่าเอ็นดูนะค่ะ...
 
แวะไปดูโฆษณา IKEA มาแล้ว อ๊าย...น่ารักมาก  :m3: แต่ Behind the scene วุ่นวายพอ 100 ตัวเลยนะ  :m23:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 28-10-2011 22:40:08
น่ารักจังเลย...
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: nn~~NN ที่ 29-10-2011 10:11:10
ประทับใจทุกเรื่องเลยค่ะ
ดีมากๆทั้งภาษา พลอตเรื่อง บรรยากาศ  ทุกอย่างเลย  อบอุ่น  ช๊อบบบบบบบ
รอติดตามผลงานต่อไปนะคะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: ♠♥♦♣ ที่ 29-10-2011 13:55:48
เรื่องน่ารักมากค่ะ
แมวน่ารักทุกตัวเลย ชอบอิเต็งสุด มันกวนตีนเนาะ555
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 29-10-2011 14:05:28
น่ารักทุกเรื่องเลย ชอบๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: ISee ที่ 29-10-2011 20:36:28
เรื่องที่สามยังไม่ได้อ่านข้ามมาอ่านเรื่องที่สี่ อยากได้แมวใบ้หวยอย่างตัวเต็งซักตัว อย่างนีเขาเรียกแมวกวักของจริง
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: ladymoon_yy ที่ 30-10-2011 12:54:15
ชอบทุกเรื่องเลย 

ใช้แมวเป็นตัวสื่อ น่ารักดีคะ  :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 30-10-2011 21:53:30
จบได้แจ่มมาก
 :L2:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 30-10-2011 22:32:49
น่ารักมากๆ ครับ ชอบทุกเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 30-10-2011 23:11:00
รู้สึกเสียดายที่ซีรีย์ขนสั้นจบซะแล้ว สนุกทุกเรื่องเลย แล้วจะคอยติดตามผลงานเรื่องอื่นๆ นะคะ

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: name ที่ 31-10-2011 01:50:28
ชอบแมวทุกเรื่องเลยครับ 555+
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: curiousfuse ที่ 31-10-2011 09:59:16
อุ๊ย! น่ารักมากอ่ะ แอบชอบเรื่องสุดท้ายที่สุด คริๆ
ถ้าจะหวานมันกวนกันขนาดนี้ล่ะก็....
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 31-10-2011 12:08:45
ตัวเต็งได้ถ่ายโฆษณาด้วยอะ อิๆ

ชอบหมาแมวค่ะ น่ารักดี จริงๆชอบหมามากกว่าแมว  :laugh:

จะแต่งเรื่องยาวแล้วเหรอคะ จะรออ่านค่า แต่จริงๆ มีน้องหมาน้องแมว ก็น่ารักออกน้า อิๆ

เรื่องบ้านก็รอน้ำลดอย่างเ้ดียวล่ะค่ะ แต่คงอีกนาน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: bookoki ที่ 31-10-2011 19:41:06
เรื่องนี้น่ารักมากกกกก เหมือนกับแมวมาเล่าเรื่องจริงๆเลยค่ะ  o13
แถมหลายตอนทั้งแมวและนิสัยคนเลี้ยงยังไม่เหมือนกัน พล็อตน่าสนใจมากๆ
จะรอติดตามเรื่องยาวนะก๊ะ ><
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 31-10-2011 23:34:46
อิเต็งน่ารัก ๆ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 01-11-2011 01:03:45
ฉ่อย เสือ สีหมอก อิเต็ง น่ารักมากกกกกกกกกกกกกก
ยิ่งอ่านยิ่งอยากเลี้ยงแมว
เรื่องน่ารักมากๆทุกเรื่องเลยค่ะ
เรื่องของฉ่อย ไม่เข้าใจกัน งอนง้อหวานๆ ค่อยๆปรับตัวเข้าหากัน อ๊ายยยย เขิน
เรื่องของเสือ ความเชื่อใจที่มีให้กันมั่นคงมากก ชอบคนแบบนี้สุดๆ (อยากได้มั่งจัง)
เรื่องของสีหมอก ดูหมองๆนิดๆ แต่พลิกกลับมาหวานซะ (อยากได้หมอบ้างอะไรบ้าง 555)
เรื่องของน้องเต็ง ฝ่าฟันอุปสรรค อยู่ด้วยกัน รักมั่งคง (หาได้ที่ไหนอีกเนี่ยยย)
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคะ
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 01-11-2011 23:02:03
มีแต่เรื่องน่ารักๆทั้งนั้น สนุกมากค่ะ

ขอบคุณมาก
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: pim_onelove ที่ 02-11-2011 00:51:46
เรื่องสนุก และน่ารักแบบนี้ ไม่อยากให้จบลงเลยค่ะ  :n1:
อยากให้เขียนให้อ่านต่อไปอีกหลายๆ ตอนเลย
แต่ละคู่ของแต่ละตอนก็น่ารัก สวีท หวานแหววกันไปเรื่อย
แมวของแต่ละตอนก็น่ารักแตกต่างกันไป ....... งื้ออออออออออ ไม่อยากให้จบเลยจริงๆ น๊า  :call:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: DasHimmel ที่ 02-11-2011 17:40:19
ตัวเต็งฉลาดมากลูก!!~
เรื่องนี้น้องเหมียวมีบทเยอะเลย ชอบจัง 555
นูอิ๊กก็น่ารักมากๆๆๆ อ่านไปอบอุ่นใจ รักแบบไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรมากมายก็รู้อยู่ว่ารักกันแค่ไหน ปลื้มมม :)
ขอบคุณสำหรับน้องเหมียวทั้งสี่เรื่องมากๆนะค๊า เป็นกำลังใจให้คุณเดหลีค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: Otani ที่ 03-11-2011 00:42:08
ชอบมากเลยครับอ่านแล้วรู้สึกว่า แมวนี้มันน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: yumiko ที่ 03-11-2011 11:35:23
อ่านจบครบสี่เรื่องเรียบร้อย

ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกค่ะ !!

แมวแต่ละเรื่องแต่ละตัวก็น่ารักกันมากเลยค่ะ บางตัวก็กวนตามภาษาแมว ฮ่าๆ
ตัวเอกแต่ละเรื่องก็ลงตัวเข้ากันดี
เราชอบนิยายเรื่อยๆเรียบๆแบบนี้มากนะ อ่านแล้วเพลิน เจริญใจ
ไม่ได้มีไรหวือหวามาก แต่ก็ไม่ได้จืดสนิท
ภาษาที่ใช้ก็สวย อ่านรื้น เข้าใจง่ายดี แถมมีมุขฮาบ้างด้วย

ชอบอ่า .. ไว้จะไปตามอ่านฟิคยาวของไรท์เตอร์นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 04-11-2011 03:35:03
เรื่องน่ารักมากๆ ค่ะ เราก็ชอบแมวเหมือนกันแต่เลี้ยงไม่ได้เพราะเพิ่งมีลูก ตอนเด็กๆ เคยเลี้ยงชอบแมวมากๆ ที่สุด คนรักแมวมักหน้าตาดี เราเชื่อแบบนั้น
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 06-11-2011 01:30:12
เพิ่งเข้ามาอ่าน น่ารักทุกเรื่องเลย ชอบมากๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-11-2011 21:46:00
ขอบคุณมากค่ะ สนุกทุกเรื่อง แมวก็น่ารักทุกตัว
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: bluebird ที่ 10-11-2011 02:14:38
โอ๊ย อ่านแล้วชอบจังเลยค่ะ ทุกเรื่องเลย ชอบแมวอยู่แล้วด้วย ยิ่งอ่านยิ่งเคลิ้มเลย
ชอบที่ทุกตัวเล่าแบบขี้บ่นนิดๆ หยิ่งหน่อยๆ จิกน้อยๆพอสวยงาม 55+ สมกะเป็นคุณแมวจริงๆ
อยากอ่านต่ออีกนะเนี่ย ชอบมากจริงจัง
เอาเป็นว่ารอเรื่องชุดต่อไปแล้วกันค่ะ ; )
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: from_mars ที่ 10-11-2011 15:24:45
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ น่ารักดี...รีบมาบอกความในใจก่อน
อ่านแล้ว..นึกถึงน้องหมาที่บ้านเลย เวลาเรามีเรื่องมีราว ก็คงเป็นแบบนี้ เค้าก็คงมีมุมมองของเค้าเหมือนกัน...
น่ารักดีจ๊ะ...ชอบ...
ไปอ่านต่อก่อนน้า....จบแล้ว จะมาดิทใหม่จ๊ะ
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: gear ที่ 11-11-2011 21:00:46
ทุกเรื่องที่อ่านสนุกมากทุกเรื่องเลยค่ะ
สำนวนและภาษาที่เขียนสละสลวยมาก ๆ
เหมือนเป็นนักเขียนมืออาชีพเลยค่ะ
แต่งต่อไปเรื่อย ๆ นะคะ น่ารักมากมาย
แม้ไม่มี NC ก็ยังน่าอ่านอยู่ดี
ขอบคุณคนเขียนมาก ๆ ที่เขียนเรื่องดี ๆ ให้อ่าน
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 31-12-2011 13:24:25
ขอบคุณมากๆ ค่ะ น่ารักทุกเรื่องเลย :impress2:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 30-01-2012 00:58:07
เห็นจากกระทู้แนะนำว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เล่าผ่านมุมมองของแมว ก็คิดอยู่ว่าจะออกมาเป็นแบบไหนน้า
พออ่านจบแล้วประทับใจทุกเรื่องเลยค่ะ คุณเดหลีบรรยายดีมาก อ่านแล้วนึกท่าทางน้องเหมียวออกเลย
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารักๆนะคะ แอบหวังอยากให้มีเรื่องต่อๆไปอีกจัง  :o8:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 11-02-2012 20:04:23
ชอบทุกเรื่องเลย
น่ารักดี :L2:
กด+เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 13-02-2012 00:48:02
ชอบเรื่องนี้จังค่ะ น้องแมวเหมียวหง่าวน่ารักกันจังเล้ยยยยยยยยยย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 23-03-2012 20:10:53
 :pig4:

หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: Silver-Ray ที่ 24-03-2012 01:22:04
น่ารักมากกก
ชอบแมวนิสัยแบบตัวเต็งที่สุด
กวนติงดี 55
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 24-03-2012 02:13:27
น่ารักมาก สุดๆเลย
หัวข้อ: Re: (รวมเรื่องไม่ยาว) สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 [ตอนจบ] 27 ต.ค. 54 หน้า 4 --จบหมดแล้วย้ายได้เลยค่า--
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 25-03-2012 09:41:24
คนรักแมวอ่านแล้วกรี๊ดด :m3:
น่ารักมากทุกเรื่องเลย อ่านแล้วอยากกลับบ้านไปหาแมว :impress2:
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 04-06-2012 04:50:18
ชอบมากเลยคะ จากมุมมองการเล่าของแมว แปลกดี ไว้แต่งมาอีกนะคะ
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: tookta ที่ 04-06-2012 15:45:56
ขอบคุณจ้า
เลี้ยงแมวมาก็หลายตัวแล้ว ชอบแมวมากมาย
ยอมรับเลยว่าเพิ่งรู้ว่า "แมวตาบอดสี"
มุมมองของแมวน้อยๆ ก็มีอะไรที่แตกต่างนะนี่ ^^
น่ารักมากๆ เลยจ๊ะ เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนนะ
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 04-06-2012 17:34:44
 :impress2: น่ารักมากค่ะ ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆให้อ่านนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: chatori ที่ 09-06-2012 02:32:29
น่ารัก!!!
ทั้งแมว ทั้งคนเลย
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ติดตามๆผลงาน : )

 :impress2:
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 09-06-2012 11:43:48
ฮาจริงจัง เจ้าแมวสี่ตัวสี่สไตล์ ยิ่งตัวเต็งยิ่งฮาเข้าไปใหญ่
ทำไมแมวในเรื่องน่ารักกว่าแมวตัวจริงของพี่เรานักนะ รายนั่น
มันนางมารร้าย
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 27-06-2012 10:24:45
จากใจคนรักแมว ขอบคุณค่ะ ชอบมากกกกกทุกเรื่องเลยค่ะ
อ่านแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
ดำเนินเรื่องผ่านมุมมองของน้องเหมียวได้น่ารักจริงๆค่ะ  o13
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 20-09-2012 10:49:25
สนุกมาก ๆ เลยครับ
เสียดายเพิ่งเข้ามาอ่าน เห็นผ่านตาตั้งหลายที
ตอนนี้ผมมาเรียนที่กรุงเทพ กลับบ้านนะ จะกลับไปเลี้ยงแมวซักตัวกับหมาซักตัว
เพราะแม่อยู่บ้านคนเดียวเลยยังไม่อยากเลี้ยง แต่พออ่านเจออิเต็ง สงสัยต้องเลือกแล้วล่ะว่าจะเอาหมาหรือแมว อิอิ
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 27-09-2012 19:24:36
 o13
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 02-03-2013 01:18:41
น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: noinia ที่ 07-03-2013 02:30:22
เรื่องสนุกมาก น่ารักมากด้วยค่ะ ทั้ง 4 เรื่องเลย
อ่านไปยิ้มไป ขอบคุณมากนะคะที่แต่งเรื่องดีๆมาสร้างความสุขให้คนอ่าน
อยากให้แต่งต่ออีกจัง ^^
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: มาโซซายตี้ ที่ 29-06-2013 22:35:42
ชอบเรื่องแมวๆ ม๊าก
แมวแต่ละตัวในเรื่อง ยิ่งน่ารักกันทุกตัวเลย
แต่ละคู่ในเรื่อง ก็มีเรื่องราวน่าติดตาม อ่านจนอิ่มอกอิ่มใจ
ชอบอิเต็งมากที่สุด 555 ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วย
ขอแปะรูปแมว ด้วยความกรี๊ด
(ถ้าลงลิ้งก์เครดิตรูป แล้วผิดกฎบอร์ด ต้องขออภัยด้วยค่ะ)

1.เจ้าฉ่อย แมวส้ม --เครดิต น้องม่อน แมวบ้านเพื่อน น่าร๊ากมาก
(http://upic.me/i/a7/v1xhn.jpg) (http://upic.me/show/45651592)

2.เจ้าไทเกอร์ เสือ แมวลายเสือ --เครดิต เจ้าโตงเตง เวปพันทิป
(http://upic.me/i/xz/g3ixq.jpg) (http://upic.me/show/45651919)

3.สีหมอก แมวสีเทา --กำลังนอนในสวนติดรั้วบ้านน้องหมอกข้างบ้านพี่อานนท์ --เครดิต คุณไฮโซ--OKNATION
(http://upic.me/i/kz/oix54.jpg) (http://upic.me/show/45651971)

4.ตัวเต็ง อิเต็ง แมวสีดำถุงเท้าขาว--หน้าตากวน มึน อึน มาก น่ารักสุดๆ --เครดิต น้องร่าเริง--OKNATION
(http://upic.me/i/w4/2lsaf.jpg) (http://upic.me/show/45651978)



หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 30-06-2013 15:18:05
สนุกมากๆค่ะ
เพิ่งเคยอ่านเรื่งที่มีผู้เล่าเรื่องเป็นบุคคลที่สามอ่ะ
มันคือความสนุกที่แตกต่างจริงๆ
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 05-08-2013 19:46:00
น่ารัก~
ไม่ว่าจะเป็นส้มป๋อย (ฉ๋อย) เสือ สีหมอกและตัวเต็ง
เป็นคนชอบทั้งแมวทั้งหมา พอมาเจอนิยายที่แมวบรรยายอย่างนี้ยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 31-01-2014 22:43:31
ทำไมน้องแมวมันน่ารักทุกตัวเลย

ชอบเรื่องที่3มากๆเลย

 :music:
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-02-2014 22:35:19
น่ารักทุกตัวเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Sillyfoolstupid ที่ 18-02-2014 22:21:45
เพิ่งเคยอ่านเรื่องเล่าจากแมว น่ารักมากเลยค่ะ

ชอบทุกเรื่องเลย อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่น อบอวล อ่านไปยิ้มไปทั้งเรื่อง

 o13
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Shin Heeyoo ที่ 19-02-2014 08:47:46
จะมีเรื่องที่ 5 มั้ยคะ อยากอ่านอีก

หรือเอาเป็นซีรีส์ใหม่ก็ได้ ต่อไปเป็นสัตว์เลี้ยงอะไรดี กระรอกบิน? ฮ่าๆๆๆ

สนุกทุกเรื่องเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ จะติดตามต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: mook0007 ที่ 20-02-2014 21:14:58
ตัวเต็งน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 22-06-2014 11:18:30
4 เรื่อง 4 อารมณ์ แต่สนุกและน่ารักทุกเรื่อง
ขอบคุณสำหรับเรื่องค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 24-06-2014 18:55:40
น่ารักทุกตัวโดยเฉพาะอิเต็งมันกวนทรีน555
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: PuncH ที่ 15-07-2014 05:09:58
น่ารักมากเลยค่ะ อ่านแล้วอยากเลี้ยงแมวขึ้นมาทันที

ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆมาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 12-02-2015 03:21:32
คือ....เกิดอะไรขึ้นกับล๊อคอินคุณเดหลี?????

เรื่องนี้น่ารักมากจริงๆ มุมมองจากน้องแมวน้อย

ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว น้องแมวแสนน่ารัก

แต่ตอนนี้เป็นห่วงว่าคุณเดหลีจะกลับมามั๊ย... :mew2:
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 30-06-2015 16:56:28
ติดงานเขียนของคุณเดหลีมาหลายเรื่องมาก โดยเว้นเรื่องนี้ไว้ รู้อยู่เต็มอก แต่ไม่เคยคิดเปิดอ่าน เพราะคิดว่าเป็นเรื่องมุมมองจากเจ้าแมวเหมียวทั้งหลาย คือมันเกิดจากว่าตอนแรกเราจินตนาการไม่ออกเอง เลยไม่คิดจะเปิดอ่าน

ผ่านมากนานมากๆๆๆๆ อยู่ๆ ก็อยากอ่านขึ้นมา พอได้เริ่มอ่านปุ๊บ ก็หลงรักเจ้าฉ่อยเลย แล้วยังไง คือแมว 4 ตัว มีสิ่งที่ต่างกัน แต่มันเป็นมุมมองที่น่ารักมากๆๆ ต้องบอกเลยว่า ไม่เคยอ่านนิยายที่ผ่านมุมมองของสิ่งมีชีวิตอื่นที่ไม่ใช่คน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นที่ในมุมมองของเราคือความลงตัว มันดี มันใช่สำหรับเรา โทนเรื่องที่ต่างกัน แมวที่ต่างกัน แต่มันสมบูรณ์ในตอน

ตอนนี้เราก็พูดกับตัวเองได้แล้วว่า เราเป็นแฟนนิยายของคุณเดหลีอย่างสมบูรณ์
ขอบคุณมากๆ ค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 19-07-2015 05:12:55
นุ้งแมวน่ารักกกกก อ่านรวดเดียว
โธ่ๆน้องฉ่อย มีหน้าที่อันยิ่งใหญ่ต้องคอยปลอบทิน ชนม์มีแอบเสี่ยวเข้ากั๊นเข้ากัน
เรื่องที่สอง พี่ป๊อบน่ารักมีเสือเป็นลูกสมุนฮ่าๆๆๆ
ชอบอารมณ์ของเรื่องที่สามมากเลยค่ะ สองหมอกรักษาอานนท์
เรื่องที่สี่ตัวเต็งอินดี้มาก น่าจับฟัดรัวๆ เข้ากับนิสัยคนทั้งบริษัทจริงๆ
สนุกค่ะ ฟิน ขอบคุณนะคะที่แต่งมาให้ฟินกัน
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 07-10-2015 22:49:41
ช่วงนี้ฝนตกก็คิดถึง
ขอบคุณที่แต่งเรื่องน่ารักๆ ให้ได้อ่านนะคะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 16-03-2016 16:39:23
น่ารักทุกเรื่องเลยครับ
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: TuiLoveKhaKing ที่ 20-03-2016 13:11:16
ชอบเรื่องแรกกับเรื่องสองค่ะ น่ารักก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 31-01-2017 04:26:32
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 31-01-2017 13:16:35
โอ๊ยน่ารัก เราชอบเรื่องของเจ้าตัวเต็งที่สุดเลยค่ะ
ตลกที่นูเรียกว่า อิเต็ง
สองหนุ่มนี่ ถ้าได้ลับฝีปากกัน ท่าจะมันส์หยดแน่นอนนะคะเนี่ย
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-01-2017 17:07:24
อ่านซ้ำ ก็ยังสนุก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [รวมเรื่องไม่ยาว] สมาคมขนสั้น เรื่องที่ 4 (ตอนจบ) 27 ต.ค. 54 หน้า 4
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 24-10-2019 13:44:27
พึ่งได้อ่านเรื่องนี้;-; น่ารักทุกตอนเลย น่ารักมากกกกกกก เวลาอ่านพาร์ทน้องแมวแล้วอยากบีบสุดๆเลยค่ะ เอ็นดูน้อง :m1: