พิมพ์หน้านี้ - ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Violet_Melon ที่ 12-09-2011 22:40:43

หัวข้อ: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 12-09-2011 22:40:43
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เีดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 12-09-2011 22:43:20
       ในที่สุดก็ได้ฤกษ์เขียนเรื่องราวของผมจริงๆซะที ผมเขียนเรื่องนี้เพราะแรงบรรดาลใจหลายๆอย่าง ทั้งตอนนี้ผมค่อนข้างว่างจากการทำงาน และการที่ผมมีโอกาสได้อ่านเรื่องราวของใครหลายๆคน จากหลายๆที่ ซึ่งมีเรื่องราวดีๆ ที่เพื่อนๆเอามาเขียนให้อ่านกันทำให้เห็นมุมมองความรักของใครหลายๆคนที่แตกต่างออกไป เป็นมุมมองที่ผมไม่เคยได้มองจากมุมนั้นมาก่อน ทำให้เหมือนเป็นการเปิดโลกทรรศน์ของผมให้กว้างขึ้น ผมจึงอยากตอบแทนเพื่อนๆบ้าง ที่ทำให้ผมได้มีโอกาศอ่านเรื่องราวดีๆเหล่านั้น
       ผมเลือกเขียนลงที่นี่เป็นเรื่องแรก เพราสังคมที่นี่แลดูอบอุ่น หน้ารัก ทั้งผู้เขียนและผู้อ่าน ดูมีความสุขในการทำหน้าที่ของตัวเอง ผู้เขียนมีความสุขที่ได้เล่าเรื่องราวผ่านตัวหนังสือ ส่วนผู้อ่านก็มีความสุขที่ได้อ่านเรื่องราวดีๆเหล่านั่น แล้วแสดงความชื่นชมผ่านการตอบกระทู้ ผู้เขียนก็ได้ความสุขจากตรงนี้กต่อหนึ่ง
       เหนือสิ่งอื่นใด ผมอยากจะเขียนเรื่องราวดีๆ เหล่านี้ เพราะผมกลัวว่าวันนึงผมอาจจะลืมเรื่องราวดีๆเหล่านี้ไป ดังนั้นผมจึงขอเก็บมันเอาไว้เป็นลายลักษณ์อักษร และขอตั้งชื่อเรื่องของผมว่า “ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ”
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 12-09-2011 22:46:18
เรื่องอยู่ไหน
1 - 10 ไม่เห็นมี
..รออ่านอยู่นะ..

+1 ให้ก่อนเลย
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 12-09-2011 22:51:26
      “ยังกับมึงพูดดีกับกูนักนี่ กูเกลียดมึง ยังไง กูก็ไม่มีวันญาติดีกับมึงหรอก ไปตายซะ ไอ้เชี่ยะหน้าตัวเมีย รังแกคนไม่มีทางสู้ กูเกลียดๆๆๆ เกลียดมึง ได้ยินมั้ยว่ากูเกลียดมึง” จำไม่ได้ว่าตอนนั้นพูดอะไรไปมั่ง แต่น่าจะประมาณนี้นะ ปากร้ายน่าดูเลยกู ยังคิดว่าทำไมตอนนั้นเป็นคนปากร้ายได้ขนาดนั้น มันเองก็ดูชะงักไปนิดนึง ตอนแรกคิดว่ามันจะหยุดไม่ก็มันคงจะบีบคอผมตายคามือตรงนั้น เพราะด่ามันไปแรงขนาดนั้น
       แต่........ ผมคิดผิด ไอ้นี่มันเลวกว่านั้นอีก เข้าขั้นโรคจิตแหละ (ที่จริงผมกับมันก็โรคจิตพอๆกัน ชอบความรุนแรง 5555) มันจ้องหน้าผมเขม็ง แบบแววตาตอนนั้นมันน่ากลัวมากๆอ่ะ ผมแทบอยากจะหายไปจากตรงนั้น หัวใจแทบจะหยุดเต้น ผมดิ้นจนมือข้างหนึ่งหลุดจากมัน  ผมรีบเอามือข้างที่มันปล่อยยันพื้น เพื่อที่จะพยุงตัวขึ้น แต่มันกลับใช้เข่ามันมากดทับท้องของผมไว้ แล้วคว้าเข้าที่คอเสื้อผม กระชากจนกระดุมหลุดออกมาทั้งแผง มันเอามือแหวกเสื้อผมออก แล้วกดผมลงกับพื้นตามเดิม ตอนนั้นผมก็ยื้อยุด ฉุดกระชากกับมันสุดฤทธิ์ แต่ก็จะไปสู้แรงควายแบบมันได้ยังไง  แล้วมันก็ทำในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน ไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะถูกผู้ชายด้วยกันมาทำอะไรแบบนี้ เมื่อมันเอาจมูกลงมาซุกที่ซอกใบหูผม
      ตอนนั้น บรรยายความรู้สึกไม่ถูกจริงๆ มันรู้สึกขนลุกไปหมด ขนลุกไปทั้งตัว หมดเรี่ยวแรง เสียงในลำคอก็รู้สึกแหบแห้งไปซะเฉยๆอย่างนั้น ยิ่งตอนที่จมูกมันซุกที่หลังใบหูผม แล้วมันสูดหายใจเข้า หายใจออก รู้สึกเหมือนใจจะขาด ทนแทบจะไม่ไหว ทำได้แค่หลับตาปี๋ พยายามหดคอลงให้สั้นที่สุด เพื่อที่จมูกมันจะได้ไม่สามารถเข้ามาสัมผัสกับลำคอผมได้ แล้วบิดลำคอหลบมัน แต่แทนที่มันจะช่วยให้ผมรอดพ้นจากคมจมูกของมันได้ มันกลับยิ่งไปกระตุ้นอารมณ์หื่นของมันให้มากขึ้นไปอีก
      “ไอ้เหี้ย ปล่อยกู”
    “ยังปากดี อยู่อีกเหรอ เดี๋ยวกูจะเอาให้ร้องไม่ออกเลยมึง”
    "ไอ้ เหี้ยมึงทำไรวะ ปล่อยกูโว้ย”
    “ด่า เอ๋อ ยังด่ากูอีกเอ๋อ”
     นอกจากมันจะไม่หยุดแล้ว” มันยิ่งรุกผมหนักมากกว่าเดิม ตอนแรกมันแค่เอาจมูกมาซุกๆที่หลังใบหู แล้วมันก็เริ่มลงมาที่คอ ใต้คาง แล้วก็เริ่มเอาหนวดเอาคางมันมาถูๆด้วย (เรียกว่าไซร้นั่นแหละ) พอผมเอียงหลบมันมาทางซ้ายมันก็เปลี่ยนไปไซร้ซอกคอผมทางขวา ผมเอียงหลบทางขวามันก็มาไซร้ซอกคอผมทางซ้าย จนกลายเป็นว่าผมให้ความร่วมมือกับมันไปโดยปริยาย ตอนนี้ในห้องเงียบกริบ มีแต่เสียงผมร้องบอกให้มันหยุด แต่ก็เบาลงๆ เสียงลมหายใจ จนในที่สุดก็เปลี่ยนเป็นเสียงครางของผมกะมัน (ผมไม่ได้ครางเพราะเสียวนะว้อย มันจึ๊กกะดึ๋ยอ่ะ แต่มันอ่ะครางทำไมก็ไม่รู้ ไปถามมันเองละกัน) เสียงหอบเป็นระยะๆ ตอนนั้นยอมรับว่าอารมณ์ผมเริ่มกระเจิงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ในหัวสมองมันขาวโพลนไปหมด ตอนแรกก็จึ๊กกะดึ๋ยปนจั๊กกะจี้ นานๆไปมันก็รู้สึกเสียวแปลกๆอ่ะ มันหยุดแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม ยิ้มแบบเยาะเย้ย
      “ไง แฮ่กๆ ไม่ปากดีแล้วเหรอ เอ๊ะหรือว่าชอบ แฮ่กๆ” อ๊ากกก เจ็บใจ อาศัยช่วงที่มันเริ่มคลายแรงบีบว่าแล้วผมก็ดันตัวขึ้นอีกรอบ เกือบจะดิ้นหลุดแล้วเชียว แต่มันนี่สิ เร็วกว่าคว้าตัวผมได้มันก็กดผมลงกับพิ้นแล้วก็ลงมือซุกไซร้ผมอีก ไอ้เชี่ยนี่มันไปฝึกทำจากไหนมาวะคล่องเชียว ทำเอาผมเคลิ้มกับมันไปซะได้ ตอนแรกผมก็ยังดิ้นรน เพื่อให้หลุดจากเงื้อมมือของมันสุดชีวิต แต่พอเจอแบบนี้เข้าไปหมดเรี่ยวแรงจริงๆ แล้วเหตุการณ์ที่เกิดผมไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันนานแค่ไหน แต่ความรู้สึกในตอนนั้นรู้สึกเหมือนมันนานมากๆ เหมือนเวลามันเดินช้าลงหลายร้อยเท่าเพื่อให้ผมได้จดจำกับทุกๆอย่างที่มันทำกับผม  ตอนนี้ผมหยุดดิ้นรนแล้ว ปล่อยมันทำตามใจของมัน มันจะทำอะไรก็ทำไป ผมไม่มีเรี่ยวแรงที่จะหลุดไปจากอุ้งมือของมันแล้ว
       เมื่อมันเห็นผมเริ่มนิ่งมันก็ค่อยๆปล่อยมือผม จากตอนแรกที่มันทำรุนแรงมันก็ค่อยๆทำเบาลง นุ่มนวน แผ่วเบา แล้วเปลี่ยนเป็น เอามือมาบีบไปตามสะโพก และก้นผม มันปล่อยมืออีกข้างที่เหลือจามือผม แล้วเปลี่ยนมาเป็นลูบไล้ ไปตามแผ่นหลังของผมแทน แต่สวนหัวของมันทั้งจมูกและปากมันก็ยังทำหน้าที่ของมันต่อไป ทั้งจูบ ทั้งไซร้ ไปทั่วคอและใบหูของผม มือมันเริ่มเลื้อยตำลงมาเรื่อยๆ ตอนนี้จากเดิมที่มันขึ้นคร่อมผมไว้ทั้งตัว ไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนเป็นนั่งคุกเข้าอยู่ตรงหว่างขาผมตั้งแต่เมื่อไร แล้วขาผมก็ไปเกยไว้ที่สะโพกของมัน กระดุมเสื้อมันขาดหลุดออกไปเหลือเพียงสองเม็ดดานล่างที่ติดอยู่ แต่ตัวเสื้อมันนั้นร่นลงมาจนเกือบถึงเอว คงเป็นเพราะแรงยื้อยุดฉุดกระชากกันก่อนหน้านี้ มือไม้มันก็ยังคงเลื้อยต่ำมาบริเวนบั้นเอวและแผ่นหลังของผม
        จนตอนนี้สติผมที่หลุดลอยไปมันเริ่มกลับมา แต่ตัวผมยังคงไร้เรี่ยวแรงเหมือนเดิม เริ่มคิดว่าทำไมมันทำแบบนี้กับผม เพื่อแก้แคนผมงั้นเหรอ มันเลือกใช้วิธีได้ถูกแล้วจริงๆ ตอนนี้ผมทั้งเจ็บทั้งอาย รู้สึกเสียศักดิ์ศรี ผมไม่สามารถสู้ ขัดขืนมันได้เลย ทำไมนะผมช่างอ่อนแอแบบนี้ ทำไมผมไม่เกิดมาแข็งแรง ตัวโตๆ เหมือนกับมันนะ ถ้าผมแข็งแรงกว่านี้ผมคงไม่โดนรังแกอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ ตอนนี้ ไม่มีเสียงใดๆหลุดจากปากผม มีแต่น้ำใสๆไหลออกจากตา ออกมาอาบแก้มสองข้าง ส่วนมันก็ยังคงเคลื่อนไหวร่างกายมันอยู่บนตัวผม มันไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย อารมณ์มันคงกระเจิงไปไหนต่อไหนแล้ว...
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 12-09-2011 23:04:12
ลป.จัด เลย์เอาท์ยากจัง กลัวคนอ่าน อ่านไม่รู้เรื่องง่ะ จะพยายามจัดให้อ่านง่ายๆละกันนะครับ  :call:

ตอนแรก : วันแรกกับชีวิตเด็กมัธยม

 
      ผมชื่อนะโม ครับ บ้านเกิดผมนะเหรอ คนส่วนใหญ่จะเรียกกันว่า “เมืองกล้วยไข่” เป็นจังหวัดที่อยู่ทางภาคเหนือตอนล่างนะครับ

ตอนเด็กเหรอ ผมก็เป็นเด็กผู้ชายทั่วๆไปแหละครับ ต่างจากคนอื่นก็ตรงที่ ผมจะเป็นเด็กที่โตช้าน่ะครับ ในรุ่นเดียวกันแล้วผมก็จะตัวเล็กกว่าเพื่อนๆ ครับ

ตอนเด็กๆผมน่ารักน๊าาาาาาาาา เพราะจำได้ว่าใครๆก็ชอบ มาหยิกแก้มผม บอกว่าแก้มน่าหยิกจัง ผมก็ชอบนะที่ใครๆ ก็มารุมมาตุ้มรุมรักผม

เหมือนเป็นดาราตัวน้อยๆ ยังไงยังงั้นเลย ปลื้มมมมมมม

       เข้าเรื่องกันซะที วันนี้ดีใจจัง เป็นวันเปิดเทอมแรกของผม  ผมจะได้เรียน ม.1 แล้วโอ๊วววว ตื่นเต้นๆ โรงเรียนใหม่จะเป็นไงมั่งน๊า ว่าเข้าไปนั่น

ตอนไปสมัครก็เคยไปมาแล้ว ทำยังกะบ้านนอกเข้ากรุง !!! ...ก็มันตื่นเต้นนี่นา

       แล้วกูจะรีบตื่นขึ้นมาทำบ้าไรวะนี่  ยังง่วงอยู่เลย รถโรงเรียนมารับตั้ง 7 โมงครึ่ง นอนต่ออีกหน่อยดีกว่า...ไม่ได้เฟร้ย... มันก็ต้องหล่อกันหน่อย วันนี้

เปิดเรียนวันแรก เราต้องสร้างความประทับใจให้เพื่อนใหม่ เว้ย ต้องเสริมหล่อกันน้อย เรียกเรตติ้งกันซะหน่อย

       ....เอ่อ หรือว่าตายแล้วเกิดใหม่ มันจะง่ายกว่าหว่า (โป๊ก!!! สาดดด --> จิตใต้สำนึก)

        แม่ : “อ้าว โหนก (แม่ผมจะเรียกผมว่า ไอ้โหนก อ่ะคับเพราะตอนเด็กๆหัวโหนก >///< อายจัง) ตื่นแล้วทำไมไม่ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวล่ะ มานั่งบ่นพึมพำไร คนเดียว”

        “แหะๆ แม่! ไปแล้วๆๆ”

       กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบๆ 7 โมง ผมเดินมารอรถพร้อมกับไอ้แก้ว(แก้วเป็นเพื่อนผู้หญิงที่สนิทกันมากครับ พ่อแม่มันกับพ่อแม่ผมซึ่งเป็นเพื่อนกัน เราถูกเลี้ยงด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ

     1 ชั่วโมงกว่าๆ ผ่านไปผมก็ได้มาถึงโรงเรียน โห... วุ่นวายดีจริงๆเปิดเทอมวันแรก คนมากมายเลย แล้วผมต้องไปอยู่ห้องไหนละนี่ ผมก็เดินเล่นรอบๆโรงเรียนกับแก้วครับ จนออดดังผมก็มาเข้าแถวครับ หลังจากเข้าแถวเสร็จแล้ว อาจารย์ก็ให้นักเรียนใหม่ เดินหาห้องเรียนของตัวเอง เค้าจะติดชื่อไว้ที่หน้าห้องน่ะ ผมก็เดินหาไป กูจะหาเจอมั้ยเนี่ย

     อ่ะ! นั่นเจอแล้ว ผมได้อยู่ห้อง 3 ครับส่วนไอ้แก้วมันได้อยู่ห้อง 4 (มีห้องเรียนทั้งหมด 6 ห้องอ่ะครับ) แอบเซ็งเล็กน้อย นึกว่าจะได้อยู่ห้องเดียวกัน   ผมเดินเข้าไปเหลียวซ้ายแลขวา  อ๊ะ! ที่ตรงนั้นว่าง ทำเลดีริมหน้าต่างซะก้วย มองไปข้างนอก เห็นหญ้าเขียวๆ แล้วน่าสดชื่อ อากาศดี ลมพัดโชยมาเบาๆ

      หลังจากนั้นก็มีคนทยอยเข้ามากันเรื่อยๆ ดูวุ่นวายมาก กว่าจะได้เข้าห้องกันหมดทุกคนก็ปาเข้าไป 10 โมง

                “นี่นาย ที่ตรงนี้ว่างป่ะขอเรานั่งด้วยคนได้มะ”

       ผมก็แหงนมองหน้ามัน (ยืนยันว่าต้องใช้คำว่าแหงนหน้า ใม่ใช่เงยนะ) โหนี่เด็ก ม .1 เหรอวะ ทำไมตัวมันสูงอย่างนี้วะเนี่ย สงสัยชาติก่อนมันจะทำบุญด้วยเสาไฟฟ้า สูงมาก สูงโคตรๆ จากการประมาณด้วยสายตา น่าจะสูงราวซัก 180 เซนฯกว่าเห็นจะได้ 

                “นี่นาย เราถามว่าที่นั่งตรงนี้ว่างมั้ย” \

                “อ่อ... ว่างๆ นั่งดิ”

            “เออ เราชื่อตุ๊นะ มาจากโรงเรียนปาง... นายล่ะชื่อไร มาจากโรงเรียนไหนเหรอ” โห... มาจากโรงเรียนดังซะด้วยสงสัยจะเรียนเก่งน่าดู ดีๆจะได้ลอกการบ้านมัน (แล้วหลังจากนี้ก็จะได้รู้ว่าผมคิดผิด หึหึ)

            “เราชื่อนะโม มาจากโรงเรียน....”

        แล้วผมก็คุยอะไรกันเรื่อยเปื่อยแหละ เริ่มๆสนิทกันแล้วล่ะ ดูท่ามันก็น่าจะนิสัยดี สุภาพ ผมได้เพื่อนใหม่แล้ว ดีใจจัง ตลอดทั้งครึ่งวันนั้นผมก็ไม่ได้เรียนหนังสือหรอก ก็เปิดเทอมนี่นะ มันก็วุ่นๆแบบนี้แหละ ก็มีแนะนำตัวกันไป อาจารย์คนไหนเข้ามาก็ให้แนะนำตัว สรุปว่าวันนั้นคงแนะนำตัวไป 5-6 รอบ ก็มันมีคาบเรียนประมาณ 5-6 คาบอ่ะ

        ออดดดดดดดดดดดดด ....โอ้เสียงสวรรค์ เวลาที่ผมรอคอยก็มาถึงซะที เที่ยงแว้วววว หิวโคตรๆ สงสัยเมื่อเช้าคุยมากไปหน่อย เลยเสียพลังงานไปเยอะ ต้องเอาพลังงานกลับคืนมา ผมก็เดินลงมากินข้าวกับไอ้ตุ๊


        เดินลงมาก็มองหาไอ้แก้วมัน กลัวมันไม่มีเพื่อนกินข้าว จนเดินลงมาถึงโรงอาหารก็เห็นมันนั่งกับเพื่อนๆใหม่เป็นโขยงเชียว ผู้หญิงนี่ละก็ผูกสัมพันธ์กับคนอื่นง่ายซะเหลือเกิน ผมก็เลยได้กินข้าวกับไอ้ตุ๊  2 คน แล้วก็ไปเดินรอบๆ โรงเรียนย่อยอาหาร ไปสำรวจตึกต่างๆ เพราะอาจจะต้องเดินเรียน ผมกับไอ้ตุ๊ดูจะถูกชะตากันมากไม่ทันไรเราก็สนิทกัน เลยเริ่มพูดกันมึงๆกูๆ มันเป็นคนน่ารักครับ คุยสนุก ค่อนข้างจะสุภาพเลยแหละ  ตอนนั้นผมคิดแค่ว่าดีจังได้มันเป็นเพื่อน เพราะว่าคงไม่มีใครกล้ามารังแกผม 555 ได้บอร์ดี้การ์ดตัวเบ้อเริ่ม   


หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 12-09-2011 23:09:14
คุณ broke-back มาเจิมเป็นคนแรกเลยอ่ะ ขอบคุณมากๆครับ กำลังรีบลงอยู่ครับ มันจัดเลย์เอาท์ยากมาก  :serius2:

ตอนที่ 2: คิดผิด...คิดใหม่
      หลายวันผ่านไป ไวเหมือนโกหก (มุขฝืดดดด)  วันนี้ก็เป็นอีกวันกับชีวิตเด็ก ม.1 วันนี้ผมมาถึงห้องก็เจอไอ้ตุ๊นั่งอยู่แล้ว พอมันเห็นหน้าผมเท่านั้นแหละ มันก็ยิ้มเผล่ ผมเดินไปนั่งที่ผม มันก็ทำท่าเอามือ มาบีบๆนวดๆ ขาผม

       “วันนี้มึงน่ารักจัง เหนื่อยมั้ย มาๆๆๆนั่งก่อนเอากระเป๋ามานั่เดี๋ยวกูช่วยถือ มาๆๆ นั่งๆ” มันทำท่าเอามือปัดฝุ่นที่เก้าอี้ของผม

       “อะไรของเมิง อารมณ์ไหนเนี่ยะ กินอย่าไม่ได้เขย่าขวดรึไง”

       “ป่าว ก็กูเห็นเมิงเดินมาเหนื่อยๆ แหมมึงเห็นกูเป็นคนไงวะเนี่ย”

       “เมิงไม่ต้องมาพูดดีอ่ะ มีไรก็ว่ามา”

       “แหะๆๆ เมิงอ่ะทำเป็นรู้ทันกู แบบว่า เมิงทำการบ้านภาษาอังกฤษมายังอ่ะ”

       “นั่นไงกูว่าแล้ว จะลอกกูว่างั้นเหอะ ทำมาเป็นทำดีกะกู ตอแหลจริงๆ”

       “เออน่าก็เมิงอ่ะ เก่งอังกฤษ มันก็ยาก กูทำไมได้อ่ะ ขอบเอามาดูเป็นแนวทางหน่อย” ถุ๊ยยยย ขอเอาไปลอกก็บอกมาตรงๆ ทำมาเป็นพูดให้ดูดีนะ สาดดดดด

       “ทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำวะ ไอ้ห่า กูก็เห็นเมิงลอกกูทุกอย่างแหละ” ผมคิดผิดจริงๆ ว่าเด็กที่มาจากโรงเรียนดังๆอย่างมันเนี่ยะ น่าจะเรียนเก่ง ที่ไหนได้ ดูมันเหอะ ผมก็ทำเป็นบ่นอุบอิบ แต่ก็ยอมให้มันลอกอยู่ดี

         ขณะที่มันกำลังก้มหน้าก้มตาลอกการบ้าน ผมถึงได้มีเวลามาพิจรณา รูปร่างหน้าตาของมัน คนอะไรวะสู๊งงงสูง คงสูง 180 กว่าแน่เลย ผมอ่ะสูงแค่หน้าอกมันได้มั้ง ตัวมันก็ล่ำๆ ผิวคล้ำหน่อย ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเด็กมอต้นอายุแค่ 13 แถมมันยังอ่อนเดือนกว่าผมด้วยตั้งเป็นครึ่งปี คิ้วมันก็ดก ปากอิ่มได้รูปสีแดงนั่น ทำให้ใบหน้ามันยิ่งแลดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปใหญ่ หันกลับมามองดูตัวเอง... แล้วทำไมตัวกูกะเปี๊ยกแบบนี้วะ แถมตัวก็ผอมอีก เฮ้อออ... อยากตัวโตๆแบบนี้มั่งจัง ซักพักมันคงรู้แหละว่าผมจ้องมันอยู่ ก็เริ่มออกอาการหน้าแดง แก้มแดง หูเหอแดง ขึ้นมาทันทีทันใด

       “มองเชี่ยะไรวะ หน้ากูมีไรติดรึไง” นั่นลอกของกูแล้วยังมาปากดีกะกู เดี๋ยวโดดเตะคอหัก (แหะๆ แต่ต้องให้มันนอนลงนะ จะได้เตะถึง)

       “อ่ะเอาไป เสร็จแล้ว ขอบใจ”

       “เออ กูมันก็มีประโยชน์แค่นี้แหละว้า”

       “เออน่า เดี๋ยวกลางวันเลี้ยงข้าว”

       “จริงอ่ะ เย้ๆๆๆๆ แต่ก่อนอื่น…”

       “ไรของเมิงงง”

       "ให้กูขี่คอลงไปเข้าแถวด้วย” ว่าแล้วก็โดดเกาะหลังมัน ฮ่า ฮ่า สบายไม่ต้องเดิน

       คือผมชอบขี่คอมันอ่ะครับ ก็มันตัวใหญ่ แบกผมได้สบายๆ ผมถามมันนะว่าไม่หนักเหรอ มันก็บอกว่าผมตัวกะเปี๊ยกเดียวแล้ว แบกผมสัก 10 คนก็ยังไหว (ว่าเข้าไปนั่น ดีงั้นกูขอขี่มึงทุกๆวันเลยละกัน) ได้ขี่หลังมันแล้วรู้สึกดียังไงก็ไม่รู้  เอ่อ... ผมแค่จะบอกว่าที่บอกว่ารู้สึกดีน่ะ ก็เพราะว่าได้ขี่คนตัวใหญ่ๆ รู้สึกเหมือนมีอำนาขอย่างไรก็ไม่รู้ หึ หึ หึ

       ผมกับไอ้ตุ๊ ตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋ มีผมที่ไหนก็มีมันที่นั่น แล้วตอนนี้ผมก็รู้จักเพื่อนใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น แล้วก็เริ่มจับกลุ่มกัน ตอนนี้กลุ่ม ผมก็จะมีอยู่ 6 คนแหละครับ ก็มี ไอ้ตุ๊ ผม ไอ้อุ้ย ไอ้ต้น ไอ้ตั้ม แล้วก็ไอ้คิด พวกมันตัวใหญ่กว่าผมกันทุกคน จะมีก็แต่ไอ้อุ้ยนี่แหละที่ตัวเท่าๆกับผม แกงค์ผมก็แสบๆคันๆกันทั้งนั้น ทั้งดื้อ ทั้งเสียงดัง เป็นขาโจ๋ ประจำห้องเลย  โดนอาจารย์ตีเป็นประจำก็เพราะไอ้ความทะลึ่ง ทะเล้นของพวกผมนี่แหละ




หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 12-09-2011 23:13:47
*-* 
รอนะๆๆ
ลงละเดี๋ยวบวกให้ ^__^
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 12-09-2011 23:17:32
 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 12-09-2011 23:18:48
ตอนที่ 3: อยากโต T_T

       เทอมนี้วิชาพละศึกษา อาจารย์จะสอนกีฬาเทเบิลเทนนิส หรือปิงปอง แต่...ไม่อยากจะบอกว่านะ ทักษะทางด้านกีฬาของผมนะ ห่วยมากถึงมากที่สุด แค่ส่วนโต๊ะปิงปองน่ะ ก็ดูเหมือนว่าจะสูงเกือบเท่าอกผมแล้ว  แค่คิดก็ปวดใจ แล้วแบบนี้ผมเล่นได้อย่างไรเนี่ย ดูคนอื่นเค้าก็ไม่ค่อยจะมีปัญหากันซักเท่าไร ก็หันไปหาไอ้อุ้ย(จำมันได้ป่ะ ที่เป็นเพื่อนในกลุ่มผมแล้วตัวมันเท่าๆกับผม) มองหน้ามันมันก็ยิ้ม คงรู้แหละว่าผมจะถามอะไรมันก็บอกว่า

       “ยืนไม่ถึงเหรอ 555 เตี้ยเอ๊ย” สาดดดด ต่อยกะกูเลยมะ ผมก็ไปลองยืนเทียบกับโต๊ะ O_o สูงเกือบถึงอก

       เล่นไปเล่นมาก็สนุกดีแฮะ ตีถูกมั่งไม่ถูกมั่ง  ผมวนเปลี่ยนกันเล่นไปทีละคน และแล้วก็มาถึงคราวผมเล่นกับไอ้ตุ๊

       “กูเอาจริงนะ ไอ้โม” ไอ้ตุ๊ทำท่าขู่

       “เออ อาจริงซะทีเหอะ แพ้แล้วอย่ามาคร่ำครวญ”

        “ทำเป็นปากดีนะเมิง กูจะคอยดูน้ำหน้าเมิง”

       ตอนแรกก็สนุกดีหรอกครับเล่นไปได้ซักพักผมก็เริ่มหงุดหงิด เมื่อผมรู้สึกเหมือนว่าจะโดนแกล้ง แล้วผมก็เริ่มโวยวายตามนิสัยของผม

        “แม่ง ไอ้ตุ๊มึงโกงกู”

        “โกงไรเมิงง พูดดีๆ เมิงอ่ะอ่อนเอง อย่ามาพาล”

        “เชี่ย ก็เมิงเล่นหยอดแต่หน้าเนต ใครจะไปรับได้วะ ขี้โกง”

        “อ๊าวว แล้วมันมีกฏข้อใหนว่าห้าม หยอดหน้าเนตวะ มึงบ้าป่าวว สู้เค้าไม่ได้แล้วมาพาล ขี้แพ้ชวนตี” มันทำท่ากวนตีนใส่ผม ผมยิ่งปรี๊ดขึ้นมาใหญ่

“เออ เมิงจะเล่นแบบนี้ใช่ป่ะ เชิญเมิงเล่นไปคนดียวเหอะ กูไม่เล่นแล้ว” ผมโยนไม่ทิ้งใส่โต๊ะ แล้วเดินออกมาด้วยอารมณ์โมโห อย่างมาก เซ็งเป็ด ผมก็เดินห้องน้ำว่าจะ ล้างหน้าล้างตาซะหน่อย ระหว่างที่ผมเดินก้มหน้าก้มตา หน้างอเป็นจวักตักข้าว เหลียวมองข้างหลังเป็นระยะๆ ด้วยคิดว่าไอ้ตุ๊มันจะตามมาง้ออย่างที่มันเคยทำ ได้แต่คิดในใจว่าแม่ง...มันไม่คิดจะตามมาง้อกูเลยใช่ไหมเนี่ยะ เพราะปกติผมงอนทีไร ไอ้ตุ๊ก็จะเป็นฝ่ายมาง้อผมตลอด ยิ่งเห็นว่าไอ้ตุ๊ไม่ตามมาง้อผมซะที ผมก็ยิ่งงอนหนักยกว่าเดิมอีก ระหว่างนั้นผมด้วยตวามไม่ระวังผมก็เดินไปชนใครบางคนเข้า

        “โอ้ย! ใครวะแม่งเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ คนยิ่งหงุดหงิดๆ อยู่” นี่แหละนิสัยผม มีอะไร ก็โวยวายไว้ก่อนแหละ ผิดถูกไม่รู้ขอให้ได้พูด ทั้งๆที่ผมเองแหละที่เดินไม่ดู

        “นี่ นายเดินมาชนเราเองนะ ขอโทษ ก็ไม่ขอโทษ ยังจะมาพูดแบบนี้อีก มารยาทอ่ะมีมั้ย”

        ผมก็เงยหน้าขึ้นมาองมัน โห แม่งตัวบักเอ๊บ (ภาษาถิ่นครับ แปลว่าใหญ่มาก ^ ^) สูงพอๆกะไอ้ตุ๊ได้เลยมั้งเนี่ย  ผมได้แต่คิดในใจ ... นี่กูจะโดนมันต่อยป่าววะ แล้วก็เหลือบไปเห็นชื่อที่อกเสื้อมัน  “เฉลิมพล ศิ....” อ่ะ นามสกุลมันคุ้นๆ น๊า เหมือนเคยเห็นที่ไหน นึกไม่ออกว่ะ ช่างแม่ง จำชื่อมันได้แล้วถ้ามึงต่อยกูจริง กูจะไปฟ้องครู หึ หึ  ชื่อมันขึ้นต้นด้วย “ฉ” สงสัยคงจะเรียนอยู่ห้อง 1/1 (คือว่าเทอมแรก จะแบ่งนักเรียนออกเป็น 6 ห้อง โดยเรียงลำดับตามตัวอักษรน่ะครับ แล้วเทอม 2 ค่อยแบ่งห้องตามเกรดเฉลี่ยครับ) ตอนนี้นึกถึงไอ้ตุ๊เลย ถ้ามันอยู่ด้วยนะมันต้องปกป้องผมได้แน่ๆเลย ฮือออออออ ไอ้ตุ๊มาช่วยกูที
       
         “ไม่มีเว้ย เผอิญพ่อแม่กู ไม่ได้สั่งสอน” เวงกรรมกู ตัวแค่เอวเค้าเนี้ยะ เมิงจะโดนมิใช่น้อย ถ้ามันเล่นงานกูขึ้นมา คาดว่าไม่ตายก็คางเหลืองล่ะนะ แต่ทำไงได้ปากมันเร็วกว่าความคิดไปแล้ว

         “เออ มึงทำเป็นปากดี ระวังปากจะมีสี” สันดานหยาบของมันเริ่มออก เริ่มขึ้นมึงขึ้นกู เลวจริงๆ (จริงๆแล้วเป็นมึงเองไม่ใช่รึ ที่ขึ้นมึงขึ้นกูกับเค้าก่อน --> จิตใต้สำนึก - -“)

          “ทำไม มึงนึกว่ากูกลัวมึงเหรอ” ยังครับ ผมยังปากดีไม่เลิก
         “เฮ้ย ไอ้เวอร์ทำไรอยู่วะ เร็วๆจะเปลี่ยนคาบแล้ว” เสียงเพื่อนมันเรียกครับ ชื่อเวอร์เหรอวะ เออดีรีบๆลากมันไปซะดีก่อนที่กูจะเตะมันคอหัก (คิดในใจไปงั้นแหละ จริงๆแล้วสูงแค่เอวมัน ไม่โดนมันเตะคอหักก็บุญแค่ไหนแล้ว)

          “ฝากไว้ก่อนเถอะ มึง”แล้วมันก็รีบเดินตามเพื่อนมันไป
           เฮ่ออออ รอดตัวไปที แล้วผมก็ไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา ไปนั่งรอบนห้องเรียนคาบต่อไป ผ่านไปซัก 10 นาทีพวกมันก็เดินตามขึ้นมา ไอ้อุ้ยก็ถือกระเป๋ามาส่งให้ บอกว่าผมลืมกระเป๋าไว้ที่ห้องพละแล้วมันก็เดินไปนั่งอีกโต๊ะที่อยู่ข้างหลัง ไอ้ตุ๊ มันก็เดินมานั่งข้างๆผม แต่ ... ชิส์ ผมงอน ผมก็ลุกไปนั่งกะไอ้อุ้ยมัน ไอ้อุ้ยมันก็มองหน้าผมยิ้มๆ ทำท่าล้อเลียน ผมทำหน้าดุใส่มัน แล้วก็นั่งลงเรียน จนหมดคาบ ก็ถึงเวลาพักเที่ยงพอดี เลยลงไปกินข้าวกลางวัน ตอนกินข้าวไอ้ตุ๊มันก็มานั่งข้างๆผม ผมก็ทำท่าจะลุกหนีไปนั่งข้างไอ้ต้น  แต่ไอ้ตุ๊มันก็คว้าข้อมือไว้ ผมก็ได้แต่ค้อนมัน(เริ่มมีมองค้อน แฮะๆๆ) แล้วก็นั่งลงที่เดิม แต่ก็ยังงอนมันยู่ ก้มหน้าก้มตากินไปไม่สนใจมัน มันก็พยายามชวนคุยนะ แต่...ชิส์ ผมไม่สน

         “โกรธเหรอ กูขอโทษกูก็แค่แหย่มึงเล่นๆ”

        “ไม่ได้โกรธ ทำไมต้องโกรธ มึงไม่ได้ทำไรผิดนิ”

         “ไม่โกรธ งั้นก็งอน”

         “ไม่ได้งอน กูจะงอนทำไม กูเสือกเกิดมาตัวเล็กเอง เลยเล่นสู้เมิงไม่ได้ แล้วไง”

         “นั่นไง มึงงอนจริงๆด้วย อะไรว๊าาาา แค่นี้ก็ทำงอน เป็นผู้หญิงไปได้ โอ๋ๆๆๆ หายงอนนะ”

        “...” เงียบ ไม่สนว้อย ไม่ต้องมาทำเป็นง้อ (จริงๆก็ไม่ได้โกรธไม่ได้งอนไรมากมาย แต่ทำฟอร์มไปงั้นแหละ อิอิ)

        “กูว่านะผู้หญิงเค้ายังไม่ขี้งอนเท่ามึงเลย อย่าทำตัวงี่เง่าน่า เรื่องแค่นี้เอง” พวกเพื่อนเข้ามารุมประนามผม

        “เออ ใช่ๆ” ไอ้ต้ำกะไอ้ต้นมันผสมโรงกัน รุมกูใหญ่ ผมก็ได้แต่ทำตาเขียวปั๊ดใส่มัน จนพวกมันหยุดพูด แล้วกินข้าว ต่อไป พอไอ้ตุ๊มันกินเสร็จมันก็ลุกเดินไป ผมก็มองตามหลังมันไป อาไรว้า...จะง้อกูอีกหน่อยก็ไม่ได้ เอ๊ะ! หรือว่ากูจะเล่นตัวมากไปหน่อย ตามมันไปจะดีมั้ยนะ .... ม่ายๆๆๆ เดี๋ยวเสียฟอร์ม มันหายไปได้ซักพัก มันก็กลับมาพร้อมกับถ้วยไอติม มันยื่นให้ เชอะแค่นี้คิดว่ากูจะหายโกรธเหรอ แต่ก็ยอมรับไอติมจากมือมันมาแต่โดยดี(เห็นแก่กินโน๊ะ >_<) แอบมองมัน มันก็ยิ้มๆ แล้วก็นั่งลงข้างๆ

        “ไรวะ มึงเลี้ยงไอ้โมคนเดียวเอง แล้วพวกกูล่ะ” พวกเพื่อนผมมันโวยวาย

        ไอ้ตุ๊  : “อยากกิน ก็ไปซื้อเอาเองดิ ตังค์พวกมึงก็มี”

        ไอ้ตั้ม : “แม่งลำเอียงว่ะ จำไว้เลยมึง”

        ไอ้คิด : “เมิงก็ต้องงอน กะมันบ่อยๆโว้ย มันถึงจะซื้อ ให้มึงกิน เมิงดูดิ๊ ไอ้โมงอนไอ้ตุ๊ทีไรมันได้กินฟรีทุกเที่ยว ถ้าเป็นกูนะกูจะงอนแม่งทุกวัน ได้กินฟรีๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
 
        เออ จริงว่ะ ไอ้คิดเมิงพูดถูกว่ะ เด๋วกูงอนมันแม่งทุกวันเลยดีกว่ากูจะได้กินฟรีๆ อิอิอิ แค่คิดก็น้ำลายสอแล้ว เป็นความคิดที่ดีมากๆ

        ไอ้ตุ๊  : “จะได้กินหน้าแข้งกูแทนน่ะสิ”

        ชิ้งงง!!! (เป็นเสียงสายตาที่ผมค้อนไอ้ตุ๊น่ะ ) มันก็หันมายิ้ม หัวเราะแหะๆ ประมาณว่า กูล้อเล่งงง แล้วผมก็ก้มหน้าก้มตากินต่อไป พวกมันก็ลุกไปซื้อไอติมมากินกันมั่ง ส่วนไอ้ตุ๊มันก็กินถ้วยเดียวกะผมแหละ (ช้อนคันเดียวกันด้วยล่ะ) ตอนพวกมันกลับมา ผมก็กะลังตักไออติมใส่ปากไอ้ตุ๊มันพอดี (เรียกว่าป้อนน่ะแหละ)

        ไอ้คิด : “โห มีป้อนกันด้วยวุ้ย ยังกะผัวเมียกันแน่ะพวกมึง 2 คน”

         ผม  :  “กินไปพวกมึงอย่าพูดมาก จะกินมั้ย หรือจะให้กูช่วย” ผมพูดพร้อมกับหยิบช้อนทำท่าจะตักไอติมมัน มันก็รีบยกถ้วยหนี จะบอกว่าตอนนั้นที่พวกมันแซว ผมก็ขำๆอ่ะครับ ไม่ได้มีอาการเขินอายอะไร ก็ตอนนั้นมันไม่ได้มีไรจริงๆ ผมไม่ได้คิดอะไรกับไอ้ตุ๊มันซักหน่อย แล้วที่สำคัญ ผมยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรด้วยซ้ำ ก็ยังเด็กอยู่นี่นะ ไร้เดียงสาครับ ไร้เดียงสา (/me ทำหน้าแบ๊ว)

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 12-09-2011 23:24:34
คุณ mook30628031 คุณ kitty  ขอบคุณมากๆครับ

ตอนที่ 4: อย่าทำแบบนี้...ไม่ดีๆ หัวใจจะวาย

       วันนี้ผมก็มาเรียนตามปกติแหละ ช่วงนี้กะลังสนุกกับการมาเรียนมากมายครับ อะไรใหม่ๆมักจะทำให้เราสดชื่นเสมอ เพื่อนใหม่ ห้องเรียนใหม่  บรรยากาศใหม่ๆ ฮ๊าาาาาาาา (สู้หายใจ) มีความสุขจริงๆเลยกรู วันนี้แกงค์ผมก็มากันพร้อมหน้าแหละ  วันนี้ตอนบ่ายมีเรียนสังคมศึกษาตั้ง 2 คาบแน่ะ(เป็นวิชาที่ผมไม่ชอบเอาซะเลย)  แล้วก็คาบสุดท้ายก็เป็นชั่วโมงอิสระ พวกผมก็เข้าไปเรียนสายกัน(อีกตามเคย) เพราะช่วงพักกลางวันไอ้พวกเพื่อนๆผม มันมัวไปนั่งเหล่สาวกันที่โรงอาหาร ผมก็เป็นไปกะเค้าด้วยแฮะ ขำๆน่ะ แค่สนุกสนาน ไปตามวัย หุ หุ

       พอเข้ามาถึงทำไมมันเสียงดังผิดปกติฟระ เพราะว่าปกติ ถ้าเรียนวิชานี้ จะต้องเงียบตั้งใจเรียนกันมาก เพราะอาจารย์แกโหดมากๆ

       ปรากฏว่าอาจารย์ไม่อยู่ครับ พวกกลุ่มผมก็เลยชวนกันว่าจะลงไปเตะบอลกัน แต่ปรากฏว่า ทันทีที่ก้าวออกจากห้อง ก็จ๊ะเอ๋กับอาจาย์สอนภาษาไทย(มาสอนแทนครับ และโหดไม่แพ้กัน) แกเดินเข้ามาบอกว่าไม่ให้ออกไปไหนไม่งั้นจะจดชื่อไปให้อาจารย์สุจินดา(ชื่ออาจารย์สอนสังคมศึกษา) ให้นั่งอ่านหนังสืออยู่บนห้อง พวกผมออกอาการเซ็ง เดินคอตกกันกลับมานั่งที่ ไม่นานนักฝนก็เทกระหน่ำลงมา อากาศก็เริ่มเย็นลง  ผมกับเพื่อนๆเดินมานั่งริมหน้าต่างหลังห้อง ทำท่าเป็นเอาหนังสือขึ้นมาอ่าน แต่ขี้เกียจง่ะ นอนดีกว่าแฮะ อากาศกำลังเย็นสาบยเลยด้วย
       ว่าแล้วก็ฟุบลงไปกะโต๊ะ... แต่แต่ปวดหลังแฮะ นอนไม่ถนัดเลย ผมเลยจัดแจง ไปลากเก้าอี้มาอีก 2 ตัว เอามาต่อกัน จะได้นอนสบายๆ ... เอาล่ะจะนอนละนะ แล้วก็ล้มตัวลงนอน...นอนบนตักไอ้ตุ๊มัน หุหุ สบายดีจริงๆ ไอ้ตุ๊มองผมงงๆ ตอนนี้มันกำลังนั่งอ่านการ์ตูน ผมยิ้มเอาปากทำท่าส่งจูบให้มัน แล้วก็นอนหงายบนตักมัน  มันก้มลงมามองผมยิ้มๆ เอามือลูบหัวผมเบาๆ ผมก็แยกเขี้ยวใส่มัน แล้วก็นอน หลับไป
                    Z
          z
 
    Z
          Z
                                                z
       z
                        Z
 
          Z
                                    z

       นอนหลับนานแค่ไหนก็ไม่รู้  ผมรู้สึกเหหมือนมีอะไรก็ไม่รู้ มันแข็งๆอุ่นๆ มาดุนอยู่ใต้ต้นคอผมอ่ะ งืมๆๆ แต่ด้วยความง่วง ผมก็งัวเงียๆ ขยับเปลี่ยนท่านิดนึง ก็ถึงได้รู้ว่า ไอ้ตุ๊มันหลับอยู่ครับคือมันเอาหน้าผากมันวางไว้บนขอบโต๊ะอ่ะแล้วก็หลับ หน้ามันกับหน้าผมก็เลยอยู่ตรงกันพอดีะ มือข้างขวาของมันมาวางไว้บนหน้าอกผม แล้วมือมันก็มากุมมือผมไว้ตั้งกะเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรงัวเงียขึ้นมานิดนึงแล้วก็หลับ

          Z
               z
 
         Z
              Z
                                                z
         z
                        Z
 
             Z
                                    Z


        ... ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้ง  ก็พบว่าตัวเองมานอนหงายอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ดูเหมือนจะเป็นกระท่อม มุงแฝกแฮะ โห ข้างนอกทำไมมันมืดอย่างนี้วะ สงสัยฝนจะตกอากาศก็เย็นๆ บรื๋ออออ....หนาวจัง ผมพยายามจะดันตัวลุกขึ้น แต่ว่าทำไมตัวมันหนักอย่างนี้วะ ลุกไม่ขึ้นอ่ะ ไม่มีแรงด้วย นี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย สงสัยจะไม่สบายแฮะ ไม่เป็นไรลุกไม่ได้ ก็ไม่ต้องลุก นอนมันอยู่อย่างนี้แหละ ว่าแต่ว่าที่นี่มันที่ไหนวะ เอ..... หรือว่ากูจะถูกจับมาเรียกค่าไถ่ หรือว่าถูกจับมาข่มขืน  ไม่นะ ม่ายยยยยย แม่จ๋าช่วยหนูด้วยยยยย (โป๊ก! ฟุ้งซ่านจริงนะมึง --> จิตใต้สำนึก)

       ผมนอนอยู่อย่างนั้นจะขยับตัวก็ไม่ได้ หมดเรี่ยวหมดแรงจริงๆ(เพิ่งมารู้ทีหลังว่า ไอ้อาการแบบนี้ละมั้งที่เค้าเรียกว่าผีอำ ) ตอนนี้ฝนก็ตกลงมาอย่างกับฟ้ารั่ว ผมได้แต่นอนมองหลังคาแฝกผุๆ  แต่ เหวอ มีฝนหยดลงมาด้วย เวรกรรมจริงๆ แล้วไอ้ฝนเจ้ากรรมมันก็ย้อยหยดลงมาตรงหน้าผากผม จะหลบก็หลบไม่ได้  แปะ! เม็ดแรกเต็มๆเลย แล้วนั่น เม็ดที่สองกำลังตามมา ไม่ได้การละ เม็ดใหญ่เลยทีนี้ โดนเข้าไปมีหวังแฉะแน่  ไม่ได้การละต้องหลบให้พ้น ผมพยายามรวบรวมกำลังที่มีเพื่อที่จะลุกขึ้นแต่ เหมือนร่างกายมันไม่ยอมทำตามคำสั่ง มันเริ่มย้อย ค่อยๆ หยดลงมา

       ...... แต่ก่อนที่มันจะหยดลงมาโดนหน้าผมนั้น ผมก็รวบรวมพลังทั้งหมดสะบัดหน้าแรงๆ พรืดๆๆ ..... ในที่สุดผมก็หลบมันพ้น เป็นพอดีกับที่ผมตื่นขึ้นมาพอดี เฮ้อ....เหนื่อยชิบเป๋ง แต่ว่า พอผมลืมตาขึ้นมา ผมก็ต้องพบกับเรื่องที่ทำให้ผมต้องตกใจยิ่งกว่า เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่า ไอ้ตุ๊มันจะกล้าทำกับผมแบบนี้ แล้วผมเองก็ยังไม่ได้เตรียมใจที่จะพบกับเรื่องแบบนี้ .......

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 12-09-2011 23:30:12
ตอนพิเศษ: รักแรก

        ตอนนี้เป็นตอนพิเศษนะครับ จำเป็นต้องเขียนตอนนี้ก่อนเพราะว่า เดี๋ยวเพื่อนจะอ่านตอนต่อไปไม่รู้เรื่องน่ะครับ

        ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ประถมครับ (ประมาณ ป.2 - ป.3 นี่แหละจำไม่ได้แล้ว) ก็อย่างที่บอกนะครับ ผมเป็นเด็กโตช้า ตัวเล็กนิดเดียว จึงเป็นเป้าหมายของพวกเด็กเกเรๆ ที่ชอบแกล้งคนอื่น ผมมักจะโดนไอ้พวกเด็กเกเรที่เป็นรุ่นพี่ ป.5-ป.6 แกล้งบ่อยๆ ตอนนั้นจะมีอยู่แก๊งค์นึงที่ชอบแกล้งคนอื่นไปทั่ว โดยเฉพาะผมนี่โดนมันแกล้งเป็นประจำ กลุ่มนี้มันมีกัน 4-5 คน เท่าที่จำได้ก็มี ไอ้เพลิง ไอ้แง ไอ้อุ๊ ไอ้แป๊ะ ไอ้หนึ่ง ตัวร้ายๆกันทั้งนั้น โดยเฉพาะไอ้แป๊ะตัวอย่างกับควาย ผมเห็นไอ้พวกนี้เดินมานะผมต้องรีบวิ่งหนี ไม่ก็หลบมัน กลัวพวกมันที่สุดแล้วตอนนั้น

        มีวันนึงที่โรงเรียนเหมือนจะจัดงานประชุมอะไรซักอย่างก็มี ครูจากต่างโรงเรียนมาประชุมกันมากมาย เต็มโรงเรียนไปหมด พวกครูในโรงเรียนก็ต้องไปประชุมกันหมด เด็กๆก็เลยไม่ต้องเรียนหนังสือ ออกมาวิ่งเล่นกันสนุกสนาน ผมก็ได้ออกมาวิ่งเล่นไล่จับ กับเพื่อนๆกันสนุกสนาน ดีใจจังไม่ต้องเรียนหนังสือ ขณะที่ผมกำลังวิ่งไล่จับกันสนุกสนานอยู่นั้น

        “เฮ้ย! โมระวัง” เอี๊ยดดดดดดดด ปึ๊ก

        ไม่ทันซะละ ผมวิ่งไปชนใครคนนึงเข้าอย่างจัง ผมน่ะกระเด็นเลย แต่ไอ้ใครคนนั้น มันไม่สะเทือนเลยสักกะนิด พอผมเงยหน้าดูมันเท่านั้นแหละ ฮืออออ แทบจะร้องไห้ ไอ้พวกนั้นมันมากันครบแกงค์เลย ผมลุกขึ้นเตรียมตัวจะวิ่งหนี แต่ไม่ทันละ มันเข้ามาล็อกตัวผมไว้เรียบร้อย

        “วันนี้มาหากูถึงที่เลยนะมึง ดี กูกำลังไม่มีอะไรทำอยู่พอดี”

        แล้วพวกมันก็ลากผมมาแถวๆห้องน้ำ ด้านหลังโรงเรียน ....โอย กูจะโดนพวกมันรุมโทรมมั้ยนี่ (โป๊ก เพ้อเจ้อ ! --> จิตใต้สำนึก)

        “อ๊ากก ปล่อยกูนะ ไอ้พวกบ้า ปล่อยเด้”

        “เฮ้ย! พวกมึงเอาไงกะมันดีวะ อัดมันเลยมะ”

        “ไอ้บ้า เดี๋ยวมันก็ตายห่ากันพอดี อืมมมม... เอางี้ กูว่าจับมันแก้ผ้า ดีกว่า ฮ่า ฮ่า”

        “เออๆ ดีๆๆ เอาเลยช่วยกันจับมันดิ๊ เดี๋ยวกูแก้ผ้ามันเอง”  -*- ไม่ต้องช่วยกันหรอก แค่ไอ้ควายแป๊ะตัวเดียวกูก็ดิ้นไม่หลุดแล้วววว ไอ้ฟาย

        “ปล๊อยย ปล่อยกูนะ กูจะฟ้องครู ฮือออออ ไอ้บ้า” ผมร้องไห้ไปด้วย ดิ้นด้วย ไอ้แป๊ะก็รัดผมจนเจ็บไปหมด แต่แทนที่พวกมันจะหยุด มันกลับช่วยกันรุมทึ้ง ผมยิ่งกว่าเดิม

        "ฟ้องครูเอ๋อ ฟ้องครูเอ๋อ  กูกลัวตายล่ะ นี่แน่ะ นี่แน่ะ 5555 ถอดออกให้หมดเลย  555" แต่ก่อนที่เสื้อผ้าของผมจะได้ทันหลุดออกจากตัวนั้น...
 
        “เดี๋ยว พวกมึงหยุดก่อน” เสียงไอ้เพลิงครับ หัวหน้าแก๊งค์ สงสัยมันจะใจอ่อนไม่อยากแกล้งผม แล้ว อืม ก็เป็นคนดีเหมือนกันนี่มึง

        “กูคิดอะไรดีๆ ออกแล้วว่ะ”มันพูดแล้วทำหน้าเจ้าเล่ห์ กรรมละกู เห็นนรกมารออยู่ข้างหน้าละ ไอ้นี่มันแสบที่สุดละ กูจะโดนอะไรวะนี่

        “เดี๋ยวกูมา ไอ้หนึ่งไปกับกูดิ๊ “มัน 2 คนหายกันไปแถวๆหน้าโรงเรียน ที่เค้าปลูกดอกไม้กันไว้เยอะๆมัน 2 คนหายไปได้ซักแปบ มันก็กลับมา พร้อมกับ .... พร้อมกับ .....พร้อมกับ กรี๊ดดดดดดดดดด “หนอนแก้ว”

        หมายเหตุ : ขออธิบายนิดนึง เกี่ยวกับ ไอ้เจ้า “หนอนแก้ว” เนี่ยะ เพื่อนๆรู้จักกันมั้ยครับ มันเป็นหนอนตัวเขียวๆ ที่อยู่ตามต้นดอก “แพงพวย” อ่ะครับคือมันตัวเท่าๆนิ้วก้อยอ่ะครับ ตัวเขียวๆ แล้วก็มีจุด สีขาว-ดำ อยู่ที่ตรงหัวมันอ่ะ ซึ่งเหมือน ตาโตๆ ของมันอ่ะครับ น่ากลัว มากกกกกกกกก กลัวที่สุดแล้วไอ้ตัวนี้ ปัจจุบันก็กลัวอยู่ แค่นึกถึงก็ขนลุกแล้ว บรื๋ออออออออ (ก็ตอนนั้นไม่เห้นว่าไอ้เจ้า "หนอนแก้ว" มันจะน่ารักเหมือนไอ้หนอนชาเขียวตรงไหน)

        กลับมาเข้าเรื่องกันต่อ

        ทันทีที่ผมเห็นมันจับหนอนแก้วมาเท่านั้นแหละ

         “ม่ายยยยย ปล่อยกู๊ ไอ้บ้า ฮือๆๆๆ ปล่อยกูนะ ไอ้พวกเชี่ย ปล๊อยยยยยย”

        “โห ปากนักดีเหรอ มีด่าด้วย มันต้องเจอแบบนี้” ว่าแล้วไอ้เพลิงมันก็เอาหนอนแก้วมาเกาะที่ แขนผม

        “อ๊าาาาาา เอาออกไป เอาออกไป๊ ไอ้เชี่ย ฮืออออออออ เอาออกป๊ายยยยย” เข่าอ่อนเลยครับ แต่มันไม่ปล่อยผมหลุดมือหรอก ไอ้แป๊ะมันยังรัดตัวผมแน่นอยู่ นี่ผมจะรอดมั้ยนี่ ถ้าไม่หัวใจวายตายซะก่อน ก็คงจะโดน ไอ้แป๊ะรัดจนตายก่อน

        “อ๊ะ ยังไม่หายปากดีมันต้องเจอแบบนี้ พวกมึง บีบให้มันอ้าปาก ดิ๊” แล้วพวกมันก็มารุม เอามือมาบีบปากผม แล้วก็หยิบหนอนมาจะใส่ปาก ผม

        “อ๊อก!  อ๊าก! กูหายใจไม่ อ่อก! ”จะตายครับผม กลัวก็กลัว หายใจก็ไม่ออก ฮืออออ ใครก็ได้ช่วยกูด้วย และแล้ว ....ก่อนที่ผมจะได้กินหนอนแก้วเป็นอาหารว่าง

        “หยุดนะ! นี่พวกเธอ ทำอะไรกันอยู่น่ะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”เป็นเสียงผู้หญิง เสียงใครสักคนนึง ดังขึ้นข้างหลังไอ้พวกนั้น  แค่นั้นแหละ ไอ้พวกนั้นมันก็วิ่งกระจัดกระจาย หายกันไป ส่วนผมก็นั่งทรุดแหมะ สะอึกสะอื้นอยู่ตรงนั้น  แล้วใครคนนั้นก็ มานั่งลงข้างหน้าผม

        “เป็นอะไรมามั้ยหนู เงียบซะ มาทางนี้มา เนื้อตัวมอมแมไปหมดแล้ว”แล้วเค้าก็จูงมือผมมานั่งที่โต๊ะหินอ่อน

        “อ่ะ หยุดร้องไห้ได้แล้วจ้ะ ไม่เป็นไรแล้วนะ”

        “ฮือ ฮึก ฮึก”ผมยังร้องไห้สะอึกสะอื้น

        “เงียบได้แล้วจ้ะ นี่เอานี่ไปนะ” ใครคนนั้นหญิบลูกอมจากในกระเป๋าถือยื่นให้ผมสองเม็ด แล้วแกะลูกอมอีกเม็ดยื่นให้ผม

        ผมรับลูกอมมาใส่ปาก แต่ก็ยังสะอื้น ฮั่กๆ อยู่ นึกว่าจะตายซะแล้วกู ใครคนนั้นก็มองผมยิ้มๆ ผมเพิ่งได้เห็นหน้าเค้าชัดๆครับ คงอายุราวๆ 30 กว่าๆ แต่ยังสวยอยู่เลย ผมยาวหยักศกนิดๆ หน้าขาว ตากลมโต ปากบางสวย ทาลิปสติกสีชมพูอ่อนๆ แต่งหน้านิดหน่อยยิ่งทำให้ใครคนนั้นดูสวยยิ่งขึ้นไปอีก  สวยมากเลยนะเนี่ยะ หน้าตาประมาณ “คุณลูกศร ธนาภรณ์ รัตนเสน” เลย (ไม่รู้ว่าจะรู้จักกันหรือเปล่า นางเอกช่อง 7 สมัยนั้น ตอนนั้นละครเรื่อง “ตะวันชิงพลบ”กำลังดังฮะ คือผมชอบนางเอกคนนี้มากอะ ไม่รู้ว่าตอนนี้หายไปไหนแล้ว) โอ้วว ไม่ไหวแล้วตกหลุมรักเข้าอย่างจัง สวยแถมยังใจดีอีก โอยยยย ใจละลายยยย

       “ชื่ออะไรจ๊ะหนู”นั่น เสียงก็เพราะ เพอร์เฟคจริงๆ ผมก็มัวแต่ตะลึงอยู่
       “ว่าไงจ๊ะ ชื่ออะไรล่ะเรา”
       “ฮึก ฮึก ชื่อ นะโม ฮึก ครับ”
      “แล้ว  ... บลา ๆๆๆๆๆ”นั่งปลอบผมอยู่ได้พักนึง คุณเค้าก็บอกว่าต้องไปประชุมต่อ ผมก็ขอบคุณเค้า ตอนเค้าลุกขึ้น ผมก็เหลือบไปเห็นป้ายชื่อที่หน้าอกเค้า “เยาว...    ศิ....” แหมชื่อก็ยังเพราะอีก สมบูรณ์แบบจริงๆ เป็นชื่อที่ผมคงจำไปตลอดชีวิตแหละ ก็รักแรกของผมนี่นา..



หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: gay_love ที่ 12-09-2011 23:33:50
 o13
มาลงพื้นที่อ่านด้วยแต่เพิ่งอ่านได้สองตอน..แต่ก็บวกจร๊า..ให้นะโมชื่อน่ารัก..
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 12-09-2011 23:35:30
ตอนที่ 5 : ปลาหมอตายเพราะปาก

        ช่วงนี้เป็นช่วงปลายภาคของการเรียนในเทอมแรกของผมแล้วครับ ไกล้สอบแล้วครับ ช่วงนี้เลยขยันอ่านหนังสือหน่อย วิชาอื่นๆที่ใครต่อใครว่ายาก ทั้ง คณิต อังกฤษ วิทยาศาสตร์ ผมรู้สึกว่ามันก็งั้นๆ อ่านอย่างละ 2 รอบก็พอ ผมไม่เห็นว่ามันจะยากอย่างที่ทุกคนว่าเลย (ตอนนั้นรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ) มีอยู่วิชาเดียวที่ผมกังวนอย่างมาก ไม่รู้จะเอายังไงกับมันดี ก็คือ .........ปิงปอง (พละศึกษา) ให้ตายเถอะ ผมไม่มีพวงสวรรค์ เอ๊ยย!!! พรสวรรค์ในด้านกีฬาเอาเสียจริงๆ เฮ่อออ

        วันนี้ตอนพักเที่ยงก็เลยว่าจะชวน พวกเพื่อนๆไปซ้อมตีปิงปอง ซะหน่อย แต่เนื่องจากเป็นช่วงไกล้สอบ พวกมันก็เลยขยันกันเป็นพิเศษ งดกิจกรรมต่างๆ ทุกชนิด จากที่เคยลงไปเล่นข้างล่าง ไปนั่งหลีหญิงกัน มันก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือกันแทน เพราะมันยังอ่านกันไม่จบซักวิชา  ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมมันไม่รู้จักทบทวนกันก่อนหน้านี้ ไม่รู้จักอ่านกันก่อนสอบนานๆ เพิ่งจะมาอ่านตอนนี้แล้วมันจะทันอ่านกันมั้ยนี่ ผมดูพวกมันละกลุ้มใจแทน ส่วนผมเองน่ะ... อ่านจบเล่ม มาตั้งแต่กลางภาคแล้วล่ะ

           ดังนั้น ตอนพักเที่ยง

            “ตุ๊ๆ ไปซ้อมปิงปองเป็นเพื่อนหน่อยสิ กูยังโต้ได้ไม่ถึง 20 ลูกเลยอ่ะ ไปเล่นกะกูหน่อย นะๆๆๆ”

           “... ” ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก ตรู๊ดๆๆๆๆ

           “คิด เมิงไปเป็นเล่นกะกูหน่อย ดิ “

           “.... ”หมายเลขที่ท่านเรียกยังไม่เปิดให้บริการ ตู๊ดๆๆๆ

           “อุ้ย.....”

           “ตาบอดเหรอเมิง กูอ่านหนังสือกันอยู่ไม่ไปเว้ย เล่นคนเดียวไปก่อน”

           “โหย เล่นคนเดียวกูจะไปโต้ลูกกับใครอ่ะ (จะให้กูไปโต้กับวิญญาณป้อมึงเหรอ สาดด) นะๆๆๆๆ ไปกะกูหน่อย”

           “ก็ตีกับข้างฝาไปก่อนดิ”

           “ -_- พวกเมิงอ่ะ ไม่รู้จักอ่านกันตั้งนานแล้ววะ มาอ่านตอนนี้อ่ะ มันจะทันมั้ย ชิส์ กูไปคนเดียวก็ได้วะ กูไม่เห็นจะง้อ” ว่าแล้วก็คว้าไม้ปิงปองแล้วก็เดินสะบัดตูดออกไป

           “นะโม!!! รอด้วย ไปเล่นซ้อมปิงปองเหรอ เราไปด้วยคน” เหมียวเป็นเพื่อนในห้อง น่าตาน่ารักดีทีเดียว อืมม ดีเหมือนกัน แก้ขัดไปก่อน ไม่ง้อพวกมันก็ได้ 

           และแล้วผมก็ได้ตระหนักว่า ฝีมือเรื่องกีฬาของผมนี่มันช่างห่วยดีจริงๆ ขนาดเด็กผู้หญิง ผมยังเล่นสู้เค้าไม่ได้เลย ทำไมวะกูต้องทำยังไงถึงจะเก่งวะ เรื่องใช้สมองนี่ กูไม่เคยกลัวใคร แต่ไอ้เรื่องใช้ร่างกาย ใช้กำลังนี่ไม่ถนัดจริงๆ  ดูท่าเหมียวจะสนุกมากๆ ส่วนผมน่ะเหรอก็สนุกครับ สนุกกับการวิ่งเก็บลูก  -_-  ขณะที่ผมกำลังสนุกกับการวิ่งเก็บลูกที่กระดอน ออกมานอกโรงยิมอยู่นั้น ผมก็บังเอินไปจ๊ะเอ๋ กับใครบางคน ในมือมันถือลูกปิงปองของผมอยู่ ให้ตายสิไม่รู้ทำไม รู้สึกไม่ถูกชะตากับไอ้บ้านี่จริงๆ “ไอ้เวอร์”

            “เอาลูกปิงปองกูคืนมา”

            “เอ๊ะ มึงนี่กูอุตส่าห์เก็บให้ พูดดีๆไม่เป็นไง”

            “เอาคืนมา”

            “พูดดีๆก่อนสิ แล้วกูจะให้” มันพูดแล้วทำหน้ากวนตีน อีก ชักยัวะ (เอ๊ะ อันที่จริงก็ยัวะ ตั้งกะเห็นหน้ามันแล้วล่ะ)

            “มึงนี่ พ่อ แม่ ไม่เคยสั่งสอนหรือไง ว่าการยุ่งกับของคนอื่นเค้า มันไม่มีมารยาท หรือว่าแม่เป็นครู มีเวลาแต่สั่งสอนคนอื่น เลยไม่มีเวลาสั่งสอนลูกตัวเอง พ่อเมิงก็คงจะด้วยสินะ คงทำงานจนไม่มีเวลามาสั่งมาสอนลูก เฮอะ”

(พอจะเดาได้มั้ยครับว่าผมรู้ได้ไงว่าแม่ของมันเป็นครู ลองกลับไปอ่านตอนพิเศษ “รักแรก”ดูนะครับ) ตอนนั้นผมเด็กอยู่น่ะครับ อารมณ์ก็ฉุนเฉียว พูดไปไม่ทันคิดหรอก ที่จริงมันก็ไม่ได้หวังร้ายอะไร มันอุตส่าห์เก็บลูกให้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนั้น คนมันไม่ชอบหน้านี่หว่า เรียกว่าเหม็นขี้หน้ามันสุดๆ ก็เลยพูดแบบนั้นไปน่ะ หารู้ไม่ว่า สิ่งที่พูดไปมันจะนำภัยร้ายมาสู่ตัวเอง จากตอนแรกที่คิดว่าจะกวนตีนมันเฉยๆ ตอนนี้ผมแทบไม่กล้ามองหน้ามันที่เดียว แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ

            ด้วยความที่มันเป็นคนค่อนข้างขาวด้วย ตอนมันโกรธหน้ามันเลยแดงแปร๊ดเลย แดงทั้งหน้า ทั้งหู ทั้งหัว ผมงี้ใจสั่นเลย มันตรงปรี่มาที่ผม พร้อมกับเอามือจับที่ไหล่ผมทั้งสองข้าง แล้วยกผมขึ้นแล้วจับผมไปกระแทกกับผนังโรงยิม

            ปึ๊ก!!!! แอ๊ก !!! อ่อกก

            เสียงดังมากทั้งเจ็บ ทั้งจุก น้ำตาเล็ดเลย ไอ้เลว ไอ้ชั่ว ไม่คิดว่ามันจะป่าเถื่อนได้ถึงขนาดนี้ กลัวก็กลัว ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยโดนใครทำแบบนี้ มันเลวจริงๆ อารมณ์นั้นแทบร้องไห้แต่ก็ยังมีฟอร์มครับ มันจ้องผมตาเขม็ง มือก็ยังยกผมลอยอยู่อย่างนั้น

            “มึง ด่ากูได้แต่อย่าลามถึงพ่อถึงแม่กู สัด พ่อแม่กู ไม่ได้รู้เรื่องด้วย แล้วกูก็ไม่ได้จะแกล้งอะไรมึงซักหน่อย กูอุตส่าห์เก็บลูกมาให้มึงยังมาด่า กูอีก มึงเป็นเหี้ยไร คราวก่อนก็ทีนึงแล้ว สัตว์เอ๊ยย” มันเอามืออีกข้าง มาบีบคอผมด้วยอ่ะ ไอ้เลวจะรอดมั้ยนี่เกิดมาไม่เคยโดนใครทำขนาดนี้กับกูเลยนะสาดดด

            “เฮ้ยย!! นายทำไรน่ะ ปล่อยนะไม่งั้นเราไปฟ้องครูจริงๆด้วย”

          “เออ!! ไปฟ้องเลยกูไม่กลัวหรอก ขอซัดปากไอ้เหี้ยนี่ซักทีเถอะ แม่งปากดีนัก” ไปฟ้องครูอะไรล่ะ ไอ้นี่มันเป็นลูกครู มันไม่กลัวหรอก เด็กเส้นแหงๆ ฮืออ ซวยจริงกู ไม่น่ามาเจอกับมันเลย (อ่านะคนเรา ไม่รู้จักโทษตัวเองซะมั่ง จริงๆ เป็นเพราะปากเสียเองแท้ๆ จิตใต้สำนึกไอ้โมครับ ชอบทับถมจริงๆนะเมิง)

            “นั่น อาจารย์สมศักดิ์เดินมาพอดีเลย อาจารย์คะทางนี้ค่ะ” มันจ้องตาผมเขม็ง นี่มันไม่กลัวอาจารย์จริงๆเหรอวะ

            “เออ กูก็ไม่อยากทำมึงหรอก สงสาร ลูกหมาว่ะ ดูซิตกใจหน้าซีดเชียว กลัวกูเหรอ ฮ่า ฮ่า ไอ้ลูกหมาทำเป็นปากดี ทำไมคราวนี้เงียบละ เอาดิ ด่ากูอีกดิ หึ หึ” มันพูดเสร็จแล้วก็ปล่อยผมร่วงลงมา แล้วมันก็หันหลังเดินไป เชี่ยยย เจ็บใจๆๆๆๆ ไอ้เลวฝากไว้ก่อนเหอะมึง(เมื่อไรจะได้เอาคืนวะ)

            “นะโม นะโม เป็นไงบ้าง”

            เจ็บน่ะสิถาม ได้ ฮืออ น้ำตาเล็ด เยี่ยวแทบราด แต่ก็กัดฟันตอบออกไป 

            “อืม ไม่เป็นไรหรอก รีบไปกัน เหอะเดี๋ยวอาจารย์มาจริงๆแล้วจะยุ่ง”แม่งสีฟอร์มชิบ กูต้องให้ผู้หญิงมาช่วยเหรอวะเนี่ยะ ไอ้เลวเวอร์อย่าให้ถึงทีกูมั่งนะมึง จะเอาคืนให้สาสมเลย ก็ได้แต่คิดเท่านั้นแหละผม ไม่มีปัญญาไปเอาคืนมันหรอก ตัวยังกะควายย ตัวพอๆกับไอ้ตุ๊เลยอ่ะ ใครจะไปสู้ได้วะ เอ๊ะ หรืออย่างนี้วะ ที่เค้าเรียกว่าปอดแหก ฮ่า ฮ่า

จบตอนนี้ ^ ^

ตอนที่ 4 (ต่อ)


           ผมนอนอยู่อย่างนั้นจะขยับตัวก็ไม่ได้ หมดเรี่ยวหมดแรงจริงๆ(เพิ่งมารู้ทีหลังว่า ไอ้อาการแบบนี้ละมั้งที่เค้าเรียกว่าผีอำ ) ตอนนี้ฝนก็ตกลงมาอย่างกับฟ้ารั่ว ผมได้แต่นอนมองหลังคาแฝกผุๆ  แต่ เหวอ มีฝนหยดลงมาด้วย เวรกรรมจริงๆ แล้วไอ้ฝนเจ้ากรรมมันก็ย้อยหยดลงมาตรงหน้าผากผม จะหลบก็หลบไม่ได้  แปะ! เม็ดแรกเต็มๆเลย แล้วนั่น เม็ดที่สองกำลังตามมา ไม่ได้การละ เม็ดใหญ่เลยทีนี้ โดนเข้าไปมีหวังแฉะแน่  ไม่ได้การละต้องหลบให้พ้น

           ผมพยายามรวบรวมกำลังที่มีเพื่อที่จะลุกขึ้นแต่ เหมือนร่างกายมันไม่ยอมทำตามคำสั่ง มันเริ่มย้อย ค่อยๆ หยดลงมา...... แต่ก่อนที่มันจะหยดลงมาโดนหน้าผมนั้น ผมก็รวบรวมพลังทั้งหมดสะบัดหน้าแรงๆ พรืดๆๆ ..... ในที่สุดผมก็หลบมันพ้น เป็นพอดีกับที่ผมตื่นขึ้นมาพอดี เฮ้อ....เหนื่อยชิบเป๋ง แต่ว่า พอผมลืมตาขึ้นมา ผมก็ต้องพบกับเรื่องที่ทำให้ผมต้องตกใจยิ่งกว่า เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่า ไอ้ตุ๊มันจะกล้าทำกับผมแบบนี้ แล้วผมเองก็ยังไม่ได้เตรียมใจที่จะพบกับเรื่องแบบนี้

           หน้าของผมกับไอ้ตุ๊ มันห่างกันแค่คืบ คือนึกภาพออกป่ะครับ ผมนอนบนตักมัน ส่วนมันก็หลับโดยเอาหน้าผากเกยบนขอบโต๊ะครับ หน้ามันกับหน้าผมเลยตรงกัน แล้วก็ห่างกันนิดเดียว ผมเห็นหน้ามันชัดเจน หน้าขาวๆ ไม่มีสิวสักเม็ด จมูกเป็นสัน และที่สำคัญปาก ปากแดงๆห้อยๆอย่างกับปากน้องต้อล AF4 หวานใจของพี่นัท มันกำลังไกล้เข้ามา ไกล้เข้ามา ไกล้เข้ามา อร๊างงงงง

           แต่.....แต่ๆๆอย่าเพิ่งคิดกันไปไกลสิ สิ่งที่ไกล้เข้ามานั้นมันไม่ใช่ปากแดงๆห้อยๆน่ะสิ แต่มันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ย้อยออกมาจากปากแดงๆห้อยๆนั้น ถถถถถถถ ถูกต้องแล้วคร้าบบบ o_O มัน มัน มันคือ น้ำลายยยยยย 

           ผมหลบน้ำลายหยดนั้นมาได้อยากหวุดหวิด ตื่นขึ้นมาก็ซัดไอ้ตุ๊ ไปสองสามที โทษฐานที่ทำให้ผมฝันร้าย และบังอาจเอาท่อนไม้มาหนุนหัวให้ผม ฮา




หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 12-09-2011 23:45:28
ขอบคุณนะครับ gay_love ฝากเรื่องของผมด้วยนะครับ

ตอนที่ 6: ประกาศสงคราม 1

        ผ่านไปหนึ่งเทอมละครับ ตอนนี้ผมอยู่เทอม 2 วันนี้เป็นวันก่อนเปิดเทอม 2 วันครับ เป็นวันที่อาจารย์นัดมาฟังผลสอบครับ เพื่อที่ใครติด “0” ติด “ร” ก็จะได้ทำเรื่องแก้ วันนี้มีเรื่องให้ตื่นเต้นตื่นเต้นอีกอย่างหนึ่ง คือเทอมนี้ต้องจัดห้องเรียนใหม่ครับ แล้วก็จะแบ่งนักเรียนออกตามเกรดเฉลี่ยครับ ห้อง 1 กับห้อง 2 ก็จะเป็นเด็กหัวอ่อนๆหน่อย ส่วนห้อง 3,4,5 (ตอนนี้เหลือ 5 ห้องแล้ว)ก็จะมีแต่เด็กเก่งๆ

        ส่วนผมหลังจากวิ่งตรวจดูรายชื่อหน้าห้องอยู่นาน ในที่สุดผมก็มีห้องอยู่แล้วครับ ผมได้อยู่ห้อง 3 ครับ แล้วเพื่อนๆผมหว่า มันได้อยู่ห้องไหนกันบ้าง ผมก็ไล่ดูรายชื่อเพื่อนในห้องเดียวกับผมละครับว่ามีใครบ้าง สรุปว่า ไอ้อุ้ยและไอ้ตุ๊ สุดที่ร๊ากกกกของผม มันได้อยู่ห้องเดียวกะผมด้วยอ่ะ ส่วนไอ้ต้น ไอ้คิด กับ ไอ้ตั้ม ได้อยู่ห้อง 4 หุหุ แต่ว่าตอนนี้พวกมันหายหัวไปไหนกันหมดหว่า เอ๊ะหรือจะกลับกันไปหมดแล้วหว่า ไม่เป็นไรอีก 2 วันค่อยเจอกันละกันนะ ตอนนี้กลับบ้านไปเล่นเกมดีกว่า Battle City กะลังมันเลยเชียว กี๊ซซซซซ

        .

        .

        .

        .

        .

        แล้ววันเปิดเทอมก็มาถึง ตื่นเต้นจังจะได้เจอเพื่อนใหม่ ห้องเรียนใหม่ อาจารย์ใหม่ มีความสุขจัง ผมรีบลุกขึ้น จะไปอาบน้ำแต่งตัว แต่... รู้สึกหน้ามันร้อนๆ ผ่าวๆ เอ๊ะรึว่าเราจะตื่นเต้นมากไป อ๊ะมีอะไรแดงๆไหลออกมาจากจมูกด้วยวะ แล้วทำไมหายใจไม่ออก (มึงก็หายใจเข้าสิวะ   -..,- ) แล้วทำไมโลกมันเอียง เอียงลง เอียงลง ตึง!!!! ได้ยินเสียงแม่โวยวายอยู่แว่วๆ แต่ไม่ไหว ตาจะปิด งืมมมม แล้วสติสัมปชัญญะของผมก็ดับวูบไป รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเย็นๆ มานอนอยู่ที่โรงพยาบาลซะแล้ว

        สรุปว่าผมเป็นภูมิแพ้ เกล็ดเลือดต่ำ แต่ทำไมเพิ่งจะมารู้ตัวตอนนี้หว่า อยู่มาตั้งสิบกว่าปีไม่เคยเห็นมีอาการ คุณหมอก็บอกว่าคงจะไปกินอาหารแสลงเข้า หรือไม่ก็คงแพ้อากาศ พักผ่อนน้อย(ก็แน่ล่ะเส่ เล่นเกมทั้งวันทั้งคืน)  แล้วเลยเกิดอาการภูมิแพ้กำเริบ สรุปว่าผมเลยไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะต้องนอนโรงพยาบาล 1 คืน พอออกจากโรงพยาบาลก็ต้องพักยาวไปอีก 1 อาทิตย์ แถมต้องโดนหมอเจาะเลือด โดนเข้มน้ำเกลืออีก ทรมานชิบ

        วันจันทร์ผ่านไป

        .

        วันอังคารผ่านไป

        .

        วันพุธผ่านไป

        .

        .

        (คือนับวันรอเมื่อไรจะได้ไปโรงเรียน อยากไปโรงเรียนๆๆๆๆๆ)

        7 วันผ่านไป ในที่สุดดดดดดดดด วันนี้ก็มาถึงซะที ผมจะได้ไปโรงเรียนแล้ววววว (/me ทำหน้าดีใจ ปากเผยอ ประหนึ่งว่าได้เป็นนางงามจักรยาน เอ๊ย!! จักรวาล) ใส่ชุดใหม่ เดินออกจากบ้านด้วยความมั่นใจ โลกช่างสดใสจริงๆ แล้วผมก็ได้มาเรียนจริงๆซะที มาถึงก็เจอไอ้ตุ๊ กะไอ้อุ้ย พวกมันนั่งกันซะหลังห้องเชียว มันจองที่ไว้ให้ผมด้วยแฮะ ไอ้ตุ๊กับไอ้อุ้ย มัน 2 คนนั่งด้วยกันแฮะ แล้วผมก็เลยต้องนั่นคนเดียว ... อ๊ะไม่ใช่หรอก
        “โมนั่งนี่ละกันนะ กูกะไอ้อุ้ยนั่งหลังมึง”

        “อ่ะ!! ให้กูนั่งคนเดียวเหรอ -_- ”

        “เปล่าๆ เราได้เพื่อนใหม่เพิ่มมาคนนึงว่ะ เด๋วมึงก็นั่งกะมันละกัน”

        โห ไอ้สองคนนี่มันเร็วจริงๆ หาเพื่อนมาตั้งแก๊งค์ใหม่ได้ละ กูหยุดเรียนไปแค่อาทิตย์เดียวเองนะนี่

        “นั่นไง ไอ้เวอร์มันมาแล้วว่ะ มันชื่อพาวเวอร์ นะมึง”

        “-_-” บอกอีกทีสิว่ามันไม่จริง มันชื่ออะไรนะ ไม่นะ โลกมันคงไม่กลมขนาดนั้นหรอก คงแค่คนชื่อเหมือนกันเฉยๆแหละ ชื่อแบบนี้อ่ะโหลจะตายไป พาวเวอร์เหรอ กระแดะใช้ชื่อภาษาอังกฤษเชียวนะเมิง ถุยยย

        “ไง เวอร์นี่นะโม อยู่ห้องเดียวกับกูมาตั้งแต่เทอมที่แล้วละ เดี๋ยวให้มันนั่งกับมึงนะ”

        ผม เงยหน้าขึ้นดูมัน มันก็มองมาที่ผม มันยิ้ม(ตอนนั้นเดาว่ามันต้องยิ้มเยาะผมแน่เลย ประมาณว่า มาให้มันเชือดถึงที่เลยทีนี้) ซวยแล้ววว ใช่มันจริงๆด้วย ไอ้ฟายตุ๊ ไอ้ฟายอุ้ย หาเรื่องตายให้กูแล้วมั้ยล่ะ คราวนี้กูได้ตายคามือมันแน่ พวกมึงไม่น่าเลย จะรู้มั้ยยว่ามันเกือบจะฆ่ากูมาครั้งนึงแล้ว ผมกับมันไม่ทันได้พูดอะไรกันหรอก เสียงออดก็ดังขึ้นก่อน ก็เลยต้องลงไปเข้าแถวกัน ผมก็รีบลุกจะไปเข้าแถว ขณะที่ผมก้าวขานั้น ผมก็รู้สึกว่าสะดุดอะไรบางอย่าง จนผมถลาเข้าไปหาไอ้อุ้ย แล้วล้มลงเสียงดัง

        “เฮ๊ย!!!” ตุ๊บ พลั่ก (น่าจะเสียงประมาณนี้นะ)

        “เป็นไร นะโม ยังไม่หายดีเหรอ” ไอ้อุ้ยถาม ผมมองหน้าไอ้เวอร์ มันยักคิ้วหนึ่งจึ๊ก (กวนตีนชิบ หน้าตามันตอนนั้นอ่ะ)

        “ป่าว สงสัย สะดุดตีนหมาน่ะ” ขีดเส้นใต้คำว่าหมานะ ผมย้ำ ไอ้เวอร์มันทำตาเขียวใส่ผม แล้วก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ผมได้แต่คิดในใจ“มึงจะประกาศสงครามกับกูใช่มั้ย”


หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 12-09-2011 23:50:06
ตอนที่ 7:ประกาศสงคราม 2

        หลายสัปดาห์ผ่านไป ผมกับไอ้เวอร์ไม่ค่อยได้คุยกันซักเท่าไรหรอก ทั้งที่ไปไหนก็ไปด้วยกัน 4 คนตลอด แต่เพื่อนๆก็ไม่ได้สงสัยอะไรกันมากมาย เพราะปกติมันก็ไม่ใช่คนคุยเก่งอยู่แล้ว ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอผมก็ไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับมันซักเท่าไรหรอก ผมคิดไว้แล้วว่ายังไงชาตินี้ก็ไม่มีวันญาติดีกับคนแบบมันเด็ดขาด แต่ไอ้เนี่ยมันร้ายลึก หลายๆคนมองภายนอกอาจจะเห็นว่า มันเป็นคนพูดน้อย อาจารย์หลายคนยังชมมันเลยว่ามันเป็นคนเรียบร้อย นิสัยดี แต่กับผมมันไม่ใช้แบบนั้นนะสิ ลับหลังคนอื่นทีไรมันได้ ทำสงครามกับผม อย่างเช่นวันนี้

       ผมมาถึงโรงเรียนเช้ากว่าปกติ เพราะวันนี้แม่มาส่ง ก็มาเจอมันนั่งอยู่ที่โต๊ะ ผมก็ว่าจะเอากระเป๋าไปเก็บแล้วจะลงไปกินข้าว ทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะ

        “ไง ลูกแหง่ วันนีให้แม่มาส่งเหรอ สงสัยกลัวลูกชายจะไปสะดุดตีนใครเข้า” อ้าวไอ้เชี่ยะนี่ กวนตีนกูแต่เช้า ผมก็หันกับไปมองหน้ามัน

        “พอดี แม่ลูกเค้ารักกันน่ะ ก็ต้องห่วงกันเป็นธรรมดา ดีนะเนี่ยแม่กูเป็นชาวไร่ชาวนา เลยมีเวลามาดูแลอบรมสั่งสอน มีเวลามาส่งกูที่โรงเรียน นี่ถ้าพ่อแม่กูเป็นครูสอนหนังสือนะ คงไม่มีเวลาให้แบบนี้หรอก เพราะคงต้องมัวแต่ไปสอนนักเรียนเลยไม่มาสอนลูก กูคงกลายเป็นเด็กมีปัญหา ขาดความอบอุ่นไปแล้วล่ะว่ะ”

        “ไอ้เหี้ย นี่มึงด่าแม่กู ว่าแม่กูไม่สั่งสอนกูเหรอ”
   
        “กูไม่ได้ด่าโว้ย กูก็แค่พูดเรื่องของแม่กูให้ฟัง ส่วนมึงคิดยังไงก็เรื่องของมึง” สะใจว้อยยย แต่ผมยังไม่อยากทะเลาะกับมันไปมากกว่านี้ (เด๋วเจ็บตัว อยู่กับมัน 2 คนด้วย ถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วย ก็จะกล้าต่อปากต่อคำกับมันมากกว่านี้ ) ผมรีบเอากระเป๋าวางแล้วจะลงไปกินข้าว แต่ทันทีที่ผมหันหลังแล้วกำลังก้าวขาออกมา มันก็ขัดขาผมอีกแล้ว แต่แผนแบบนี้มันใช้กับกูได้แค่หนเดียวเท่านั้นแหละเว้ย

        ก่อนที่ผมจะลมคะมำลงไป ผมก็หันมาคว้าหมับเข้าที่คอมันเข้าให้ แล้วก็เซ แซ่ด แซ่ด เข้าหามัน ตอนแรกกะว่าจะคว้าคอมันแล้วลากมันล้มคะมำไปด้วยกันแต่ป่าวเลย ตัวมันยังกะหมีควาย ไม่สะเทือนเลยแม้แต่น้อย ด้วยแรงเหวี่ยงหรืออะไรก็ไม่ทราบได้   มือมันก็คว้าหมับเข้าที่เอวผมแล้วก็กระชากอย่างแรง ตัวผมก็ถลาเข้าหาอ้อมกอดมันเต็มๆ รู้สึกร้อนๆตรงหน้าผาก เพราะจมูกมันชนเข้ากับหน้าผากผม ผมตัวแข็งทื่อ เหมือนโดนไฟฟ้าสักแสนโวลต์ช็อต หน้าผมกับหน้ามันห่างกันไม่กี่เซนต์ จ้องหน้ากันประมาณ 10 วิ ผมมองนัยน์ตามันตอนนั้นแปลกอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ได้มีความรู้สึกน่ากลัว หรือก้าวร้าวอย่างที่ผมเคยเห็นมาก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย ออกจะดูเศร้าๆเหงาๆ เหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ข้างใน แววตามันดูน่าสงสารอ่ะครับ บอกไม่ถูก ตอนนั้นผมคงไม่ทันสังเกตหรอกว่า หน้าผมอ่ะแดงมาก รู้สึกหน้าชาๆ แล้วมันก็เป็นฝ่ายรู้สึกตัวก่อน ปล่อยมือจากเอวผม แล้วมันก็รีบหันหลังออกจากห้องไป ส่วนผมนะเหรอยืนนิ่งตัวแข็งอยู่อย่างนั้น หน้าร้อนผ่าว ใจนี้เต้น ตึก ตึก แทบจะทะลักออกมา ไม่ได้กลัวว่ามันจะทำร้าย อะไรเลย เพราะความรู้สึกตอนนั้นมันไม่ได้มีความรู้สึกว่าจะทำร้ายผมเลย ผมเซเข้าหาผนังห้อง หอบแฮ่กๆ (ไม่รู้ว่ามันเหนื่อยอะไร ถึงได้หอบแฮ่กๆขนาดนั้น สงสัยกูจะไปวิ่งควายมา) พอดีกับไอ้ตุ๊เดินเข้ามา

         “เฮ้ยโม เป็นไรวะ”

        “ไม่เป็นไรอ่ะ สงสัยภูมิแพ้กำเริบ ตอนนี้ค่อยยังชั่วล่ะ”

        “แน่นะเว้ย เดี๋ยวมาตายในห้องเรียนกูกลัวผี” อ่าว ไอ่นี่ เด๋วโดดกัดหูขาดเลย ปากหมานจริงๆ

        “แล้วตะกี้เห็นไอ้เวอร์รีบออกไป ทักมัน มันก็ไม่พูด ไม่รุ้รีบไปไหน”

        “กูจะไปรู้มันเหรอ ไม่ใช่พ่อมันนิ สงสัยมันจะรีบไปตามควายมั้ง”

        “อ่าว ไอ่นี่ ถามดีๆ กวนตีนกูอีก เด๋วปั๊ด” อ่าวไอ่นี่ จะลงไม่ลงมือกับกูเหรอ

        “เออๆๆช่างเหอะ ไปกินข้าวกันหน่อยกูหิว” กูใช้พลังงานไปเยอะ พากูไปหน่อยเหอะ ไปถึงโรงอาหารก็เห็นไอ้เวอร์นั่งกินข้าวอยู่ ผมกับไอ้ตุ๊ไปซื้อข้าวมานั่งโต๊ะเดียวกับมัน ไอ้ตุ๊นั่งข้างมัน ส่วนผมนั่งอีกฝั่ง มันสองคนก็นั่งคุยกันไป ผมก็ก้มหน้าก้มตากิน ไม่กล้ามองหน้ามัน กินไปใจก็เต้นไป ยังตื่นเต้นกับเรื่องเมื่อกี้ไม่หาย ไอ้ตุ๊มันก็คงสงสัยแหละ ว่าทำไมผมกับมันไม่คุยกันซักคำ

        “มึงสองคนมีไร กันป่าววะ กูไม่เห็นมึงค่อยพูดกันเลยวะ” ผมกำลังจะอ้าปาก บอกไอ้ตุ๊ว่า ก็แน่ละ กูไม่ค่อยอยากเสวนากับมันหรอก กูเหม็นขี้หน้ามันจะตาย

        “ไม่นี่ ทำไมเหรอ ปกติกูก็ไม่ใช่คนชอบพูดมากมาย อะไรนี่ ถ้ากูพูดมากไปเดี๋ยวจะหาว่ากูแย่งไอ้โมมันพูดอีก เด๋วมันก็เฉาปากตาย ให้มันพูดไปคนเดียวอ่ะดีแล้ว หึ หึ” มันพูดแบบไม่มองหน้าผมครับ แล้วก็ยิ้มเยาะ หัวเราะ หึ หึ เลวจริงไอ่นี่มึงว่ากูพูดมากเหรอวะ ในตอนนั้นผมคิดว่าจะสวนมันกลับไปเหมือนกัน แต่เงียบๆไปดีกว่า ไว้เอาคืนมันไห้กระอักเลือดตายไปเลย เมิงยังรู้จักกูน้อยไป
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 12-09-2011 23:52:44
ตอนที่ 8: น้ำมาปลากินมด

วีรเวรวีรกรรมที่มันทำกับผมยังมีอีกเยอะ สาธยายจนคอแห้งก็คงไม่หมด เอาแบบที่พอจำได้ละกัน

อย่างเช่นวันนี้ พักเที่ยงกำลังจะออกไปกินข้าว

            “เฮ้ย!! รองเท้ากูหายไปไหนวะ ใครแอบใส่ผิดไปวะ ช่วยกูหาหน่อยดิ๊”

            “ไม่มั้ง ถ้าใส่ผิดก็ต้องมีคู่อื่น เหลืออยู่มั่งสิวะ แต่นี่ไม่เห็นมีเลยอ่ะ” อืมม นั่นสิไอ้อุ้ยพูดถูก ฉลาดมาก มาหอมที่ดิ๊ อิอิ

            “แล้วแม่งหายไปไหนวะ ใครเอาของกูไปซ่อนแน่เลย อย่าให้รู้นะมึง (ที่จริงก็เคยแอบเอาของคนอื่นไปซ่อนเหมือนกัน ^_^ ) ช่วยกูหาหน่อยสิ” ก็ช่วยกันหาอยู่นานสองนาน

            “เฮ้ยโม ดูโน่นดิ๊ใช่รองเท้ามึงรึเปล่า”ไอ้ตุ๊ชี้ไปบนยอดต้นพญาสัตบรรณ (ต้นตีนเป็ดน่ะแหละ) ที่อยู่ระหว่างอาคารเรียน (ตอนนี้พวกผมยืนอยู่กันที่ชั้น 2)

            “เฮ้ย! เชี่ยยยย ไปอยู่นั่นได้ไงวะ”จะบอกว่าตอนนั้นรู้สึกเฉยๆ เพราะผมก็เคยแกล้งเพื่อนคนอืนๆ ประมาณนี้เหมือนกัน และขณะที่กำลังจะลงไปปีนเอารองเท้าผมนั้น ผมก็ฉุกคิดได้ว่า คนที่จะกล้าทำกับผมแบบนี้ได้มันมีไม่กี่คนหรอก แล้วหนึ่งในนั้นก็ยืนอยู่ข้างๆผมนั่นแหละ “คนที่คุณก็รู้ว่าใคร” ผมมองหน้าไอ้เวอร์ มันยักคิ้ว จึ๊ก จึ๊ก แล้วยิ้มที่มุมปาก เป็นอันว่า มันนี่เองที่โยนรองเท้าผมไปบนยอดมะขาม ฮึ่มๆๆๆ แค้นนนนน แต่ก็เท่านั้นไม่ได้โวยวายอะไร ฝากไว้ก่อนมึงงงง
 
หรืออย่างเช่นวันนี้ คาบเรียนภาษาอังกฤษ

            “ใครไม่ได้ส่งการบ้านออกมายืนหน้าห้อง กฤษดา วันชัย กนกเนตร (ใครอีกก็ไม่รู้) แล้วก็ ศุภชัย (ชื่อผม)” เฮ้ยยยย ได้ไงกูส่งแล้วนี่ หันขวับมาที่ไอ้ตุ๊ กะ ไอ้อุ้ย ก็มันเอาของผมไปลอกนี่นา มองหน้ามันสองคน
            “กูส่งให้แล้วจริงๆนะ กูเอามาลอกแล้วก็ส่งให้พร้อมกัน 3 คนเลย จริงๆ”

            แล้วก็ผมก็โดนไม้เรียวหวดก้นไป 1 ทีเจ็บๆๆๆ คัดศัพท์ภาษาอังกฤษอีก 10 หน้า ตอนนั้นไม่ได้โกรธไรมากมายกับไอ้ 2 คนนั้นหรอก มันก็บอกขอโทด แล้วจะไถ่โทดโดยการเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวตอนเย็น (เห็นแก่กินโน๊ะ คนเรา) อาจารย์ก็สอนจนจบคาบเรียนไปแล้วก็ออกจากห้องไป ไอ้เวอร์ก็เอาสมุดการบ้านผมมาวางแปะไว้บนโต๊ะผม พร้อมกับโน๊ต แล้วมันก็เดินลงไปเข้าแถวกลับบ้านเฉยเลย

            “โทดที เอาไปลอกแล้วลืมส่งให้” ไอ้เลววววว อันนี้ไม่รู้จริงๆว่ามันจงใจแกล้ง หรือว่าลืมส่งให้ แต่ ณ ตอนนั้นคิดว่ามันแกล้งผมชัวร์ๆ เจ็บใจๆๆๆๆ ทำกูได้นะมึง (ที่จริงอันนี้ ถ้าจำไม่ผิดตอนเย็นมันเลี้ยงขนมผมด้วยล่ะ คาดว่ามันจะลืมจริงๆ แต่ไม่รู้ล่ะเหมาๆรวมไปแหละว่ามันจงใจแกล้งผม)
 
หรือว่าวันนี้กำลังทำแล็บวิทยาศาสตร์อยู่

ตอนทำแลบจะได้นั่งกันเป็นกลุ่มๆ หันหน้าเข้าหากันน่ะครับ กลุ่มผมก็นั่งกัน 4 คน วันนี้มันมาแนวแปลก พูดดีๆกับผมก็เป็น ขณะที่อาจารย์กำลังพูดอยู่นั้น

            “เฮ้ยๆ โมกูถามหน่อยดิ ตรงนี้กูไม่เข้าใจ เนี่ย...” พูดดีกับกูก็เป็นนะมึง มันพูดแล้วก็ยื่นหนังสือ ยื่นหน้าของมันมาไกล้ๆผม เอาวะมันคงเบื่อจะแกล้งผมแล้วล่ะ ก็ดี ผมก็ขี้เกียจสู้รบปรบมือกับมันแล้วเหมือนกัน แล้วอีกอยากอาจารย์กำลังสอนอยู่แบบนี้ ถ้าผมทำศึกกับมันตอนนี้มันคงไม่เป็นผมดีกับผมเป็นแน่แท้

             “ไหน อืม ก็ตรงนี้ มันต้อง .... แล้วก็ ... แล้วก็...”

             “อืมๆ เหรอ แล้วตรงนี้ล่ะ”

            “ก็ ... แล้วก็แบบนี้ ... แล้วก็ ... แล้วก็...” ขณะที่ผมกำลังอธิบายให้มันฟังอยู่นั้น อาจารย์ก็เดินมา แต่ผมไม่ทันมองเห็นหรอก ก็กำลังตั้งใจอธิบายให้มันฟังอยู่ แต่มันนี่สิ ผมคิดว่ามันคงเห็นอาจารย์เดินมาแหละแต่มันไม่บอกผม เลวจริงๆ

            “นี่ นายศุภชัย เธอจะสอนแข่งกับครูใช่มั้ย ครูจะได้ไม่ต้องสอน”

            “คือว่า ก็ผม”ไอ้เวอร์ ทำเป็นตั้งใจเรียนขึ้นมาทีเดียว ทำเป็นมองไปที่กระดานดำ ก้มหน้าก้มตาจด ทำเป็นเรียบร้อยขึ้นมากะทันหันเชียว แม่มมม จงใจแกล้งกูนี่หว่าไอ้เลว

          “ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย ตั้งแต่เข้าห้องมาครูเห็นเธอยังคุยไม่หยุดเลย คราวนี้จะหยุดได้รึยัง”

            “ครับ ขอโทษครับ”ไอ้เลว ทำกูโดนดุ แอบเหลือบไปมองที่มัน ยังทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเหมือนเดิม อ๊ากกกกกก เจ็บใจๆๆๆ ไอ้เลว แกล้งกูชัดๆ ฮืออออ น้ำตาแทบเล็ด เจ็บใจสุดๆ มีอีกหลายอย่างที่มันทำกับผมไว้เจ็บแสบ จำได้มั่งไม่ได้มั่ง อย่างที่บอกสาธยายจนคอแห้งก็ไม่หมด คราวนี้เป็นถือซะว่าทีของมึง อย่าให้ถึงทีกูบ้างล่ะกัน มึงได้อ่วมแน่ ชิส์
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 12-09-2011 23:55:47
ตอนที่ 9 : น้ำลดมดกินปลา
         ปกติแล้วที่ห้องเรียน ก็จะมีการแบ่งกันเป็นเวรประจำห้อง ทำความสะอาดห้องแหละครับ ผมอยู่วันอะไรก็ไม่รู้แหละจำไม่ได้ แต่ที่รู้ๆละเป็นคนละวันกับที่ไอ้เวอร์มันอยู่ ปกติแล้วคนที่เป็นเวรประจำวัน ก็จะต้องมาเช้ากว่าปกติ งานที่ต้องทำก็มี มาปัดกวาด เช็ด ถู ลบกระดาน ทิ้งถังขยะ จัดโต๊ะ ไอ้วันอื่นๆก็ไม่มีปัญหาหรอก จนมาวันหนึ่งผมก็สบโอกาสที่จะได้เอาคืนจากมันซะที หลังจากที่ผมปล่อยให้มันทำกับผมมาซะนาน  วันนั้นเป็นวันศุกร์ ผมก็มาเช้าเป็นปกติแหละ อ่านการ์ตูนอยู่ในห้อง เพื่อนๆก็ทะยอยกันมา เวรประจำวันเค้าก็มาทำกันปกติ ที่จริงผมจำได้ว่าวันนี้ไอ้เวอร์มันก็เป็นเวรประจำวันด้วย แต่ไม่ยักกะเห็นมันโผล่หัวมา จนเพื่อนๆทำความจะอาดห้องกันเสร็จเรียบร้อย  ก็ลงไปข้างล่างกันจนเกือบหมด เหลืออีก 2-3 คน ส่วนผมก็กำลังติดพันอยู่ การ์ตูนกำลังมันส์เลยเชียว และแล้วมันก็โผล่หัวมา ทันทีที่มันก้าวขาเข้าห้องมา
          “ดีเนอะคนเรา ไม่ค่อยจะเอาเปรียบเพื่อนเท่าไรเล๊ยย เป็นเวรประจำวันแท้ๆ มาเอาป่านนี้ ไม่มาพรุ่งนี้เลยล่ะ”...เงียบไม่มีคำไดๆหลุดออกมาจากปากของมัน

          “คนเราอ่ะ น้ำใจคงไม่มี เพื่อนๆเค้ารีบมาทำเวรห้อง กันเหนื่อยแทบตาย ตัวเองแกล้งมาสายซะงั้น สบายไปเลย”

          “มึงไม่รู้อ่ะไร ก็เงียบปากหมาๆ ของมึงไปซะ รถโรงเรียนมันมาช้าหรอก”

          “คนดีชอบแก้ไขอ่ะน่ะ คนอะไรชอบแก้ตัว” มันวาง (จริงๆต้องบอกว่าโยน) กระเป๋าลงบนโต๊ะ ข้างๆผมเสียงดังโครม ผมงี้สะดุ้งโหยง แต่ก็ยังรักษามาดนิ่งๆเอาไว้ได้

          “ดีแต่ใช้กำลังแหละว๊า สมองอ่ะใช้ไม่เป็น ที่จริงน่าจะเอากำลังควายๆ ไปช่วยเพื่อนทำเวรห้องจะดีกว่านะ ดีกว่าเอามาหาเรื่องคนอื่นเค้าน่ะ (ที่จริงกูตะหากที่ไปหาเรื่องมันก่อน)” มันคงจะขี้เกียจเถียงกับผมแล้วมันก็เดิน ไปทำท่าจัดโต๊ะ อะไรของมันไปเรื่อยเปื่อย แต่ด้วยความที่ว่าผมกลัวว่ามันจะได้ทำงานน้อยไป ผมก็เลยลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจ ก้าวขาออกมาแล้วก็แกล้งเดินสะดุด เซแซ่ดๆๆ ไปใส่โต๊ะ ทำเอาโต๊ะล้มระเนระนาดไปหลายตัว มันมองมาที่ผมตาเขียว

         “อ๊ะ!! โทดทีว่ะ พอดีกูหน้ามืดน่ะ ยังไงมึงก็จะจัดโต๊ะใหม่อยู่แล้วนี่ ก็ทำใหม่ให้เรียบร้อยเลยละกันนะ” มันไม่ได้ว่าอะไรแต่มองผมตาเขียวปั๊ด เดินมาจัดโต๊ะตรงที่ผมทำล้มไว้

         ผมก็รีบเดินอ้อมไปทางหลังห้อง (ไม่ได้กลัวนะ แต่ปลอดภัยไว้ก่อน) และแล้วผมก็เหลือบไปเห็นถังขยะหลังห้อง อะโห เต็มถังเชียว ไวเท่าความคิด ผมก็เตะถังขยะเข้าให้เสียงดัง โครมมมม!! ใหญ่ ขยะกระจายออกมาเกลื่อนเชียว

          “เฮ้ย!! มึง” มันชี้หน้าผม

          “อ้ะ!! อีกแล้วกูซุ่มซ่ามเองแหละ ขอโทดนะ ขอโทดนะ”ผมพูดแล้วยักคิ้วให้มัน 1 จึ๊ก แล้วก็รีบใส่ตีนผี โกยอ้าวลงมาเข้าแถวโดยด่วน จะอยู่ให้มันยำผมทำไม่ล่ะ ถ้าใครคิดว่าแค่นี้แล้วมันจะจบละก็ คุณผู้อ่านรู้จักกับความแสบของผมน้อยไปล่ะครับ เพราะผมได้คำนวณสิ่งต่างๆไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

         ผมลงมาถึงนักเรียนก็เริ่มทะยอยที่จะเข้าแถวกันแล้ว จนร้องเพลงชาติ สวดมนต์ ยืนสงบนิ่งเสร็จ ผมถึงเห็นไอ้เวอร์เดินลงมาเข้าแถว เหงื่อแตกพลั่กเลยล่ะครับ พอมันเดินลงมาถึง อาจารย์ก็เรียกให้ไปยืนด้านหน้าเสาธง คือที่นี่จะมีกฏว่าใครที่มาสาย จะต้องไปเข้าแถวยืน(ประจาน) หน้าเสาธงครับ แล้วก็รอจนกว่าเพื่อนๆจะทำกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จ แล้วถึงให้พวกนี้เริ่มทำกิจกรรมหน้าเสาธงกันใหม่ แล้วจบด้วยวิ่งรอบสนามอีก 1 รอบ ฮ่า ฮ่า บอกแล้วว่าผมคำนวณทุกอย่างไว้แล้ว แล้ววันนั้นผมก็นั่งเรียนอย่างสบายใจ หุหุ ไม่เคยรู้สึกสบายใจอย่างนี้มานานละ จนเพื่อนๆผมมันสงสัยว่าไอ้นี่เป็นอะไรวะ นั่งอารมณ์ดีอยู่ได้ แถมดูจะออกนอกหน้าไปซะด้วยซ้ำ คงมีอยู่คนเดียวแหละที่รู้ว่าทำไม ก็ไอ้คนที่นั่งแผ่รังสีอำมหิต อยู่ข้างๆผมนี่ไง ^o^


หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 12-09-2011 23:59:09
ตอน 10: Rate - R
            คนเราแต่ละคนมีความอดทน มากน้อย ไม่เท่ากันหรอก ไม่ได้หมายถึงตัวผมเองนะครับ เพราะรู้ดีว่าตัวผมเองเป็นคนไม่มีความอดทนเอาเสียเลย อะไรที่รู้สึกไม่พอใจก็จะแสดงออกมาตรงนั้นเลย ไม่ค่อยจะเก็บไว้ แต่บางคนก็จะสามารถที่จะเก็บอารมณ์เอาไว้ได้ โดยที่ไม่แสดงออกมา ความเป็นคนที่มีความอดทนอดกลั้นผมว่ามันเป็นสิ่งดี ทำให้เราสามารอยู่ร่วมกับคนอื่นได้

            สำหรับผมแล้วยอมรับว่าตอนนั้นยังเด็กอยู่มาก ความอดทนยังมีน้อย ก็ได้แต่คอยเรียนรู้ต่อไป เพื่อที่จะให้ผมสั่งสมความอดทนอดกลั้น ไม่ให้มันออกมาทำร้ายคนอื่นได้ง่ายๆเหมือนทุกวันนี้ สำหรับไอ้เวอร์แล้วผมว่ามันมีความเป็นผู้ใหญ่ค่อนข้างสูงกว่าผมเยอะ ผมรู้นะว่ามันค่อนข้างอดทนอดกลั้นกับผมแม้จะมีหลายครั้งที่มันก็หลุดโมโหออกมา จนทำเอาผมเกือบเจ็บตัวกับมันหลายครั้ง(นอกจากครั้งแรกที่เจอกัน อันนั้นเจ็บจริง) แต่ก็มีหลายครั้งมันรู้จักข่มใจไม่ให้โมโห ไปกับคำพูดยั่วโมโหต่างๆนาๆ ของผม  แต่ก็เท่านั้นแหละ คนเราต่อให้มันอดทนได้มากแค่ไหนมันก็มีขีดจำกัดของมันอยู่ ยิ่งมาเจอแบบผมด้วยแล้ว ใครทนได้เกิน 2 ครั้งก็เก่ง

            วันนี้ก็คงเป็นวันที่มันอดทนสุดๆ กับผมแล้ว วันนั้นเป็นเย็นวันศุกร์ กำลังอยู่ในช่วงแข่งกีฬาสีครับ ไอ้ตุ๊กับไอ้เวอร์เป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลครับ แต่ผมอยู่คนละสีกับพวกมัน อย่างที่รู้ๆกันว่ากีฬาผมไม่เอาไหน ก็ได้แต่นั่งดูพวกมันเล่นอยู่ข้างๆสนาม ส่วนไอ้อุ้ยมานั่งได้แป๊บเดียวมันก็ขอตัวกลับบ้านไปก่อน แล้วผมก็มีหน้าที่ เสิร์ฟขนม น้ำให้พวกมันสองคน แล้วเรื่องมันก็เกิดตอนนี้แหละ

            ไอ้เวอร์มันเพิ่งซื้อ เสื้อมาใหม่ เป็นเสื้อกีฬาสี มันก็ฝากผมถือไว้ แถมกำชับว่าห้ามทำเปื้อนด้วย ไม่งั้นเจ็บ เหอะ ไอ้บ้า กูกลัวตายล่ะ (จริงๆ ก็แอบกลัวมัน  =.= ) ผมก็ดูมันเล่นบาสกันไป ไอ้ตุ๊ของผมนี่มันเท่ห์จริงๆ ตัวก็สู๊งสูง หุ่นก็ดี หน้าตาก็หล่อ 555 เห็นนักกีฬาคนอื่นๆในสนาม มมีใครตัวสูงเท่ามันเลย แล้วงี้จะไปแย่งลูกคนอื่นได้ไงฟระ โดนชนทีตัวปลิว ผมเห็นพวกตัวเล็กๆเล่นแล้วเจ็บแทน นี่ถ้าลงไปเล่นด้วยคงได้เลือดแง๋มๆ ดูมันแต่ละคนตัวควายๆ ทั้งนั้น ไอ้ตุ๊งี้ ไอ้เวอร์งี้ แล้วยังมีพวก ม. 3 อีก เห็นแล้วสยอง ส่วนไอ้เวอร์อ่ะเหรอ ก็งั้นๆ เล่นไปเก๊กไป เห็นแล้วหมั่นใส่ มีพวกผู้หญิงที่นั่งเชียร์ข้างสนามด้วย เห็นกรี๊ดอ้เวอร์จัง มีดีอะไรวะ ชิส์ ผมก็นั่งดูมันเล่นกันนอยู่นาน จนหกโมงเย็น นักเรียนก็เริ่มทยอยกลับบ้านกันแล้ว ส่วนผมก็นึกได้ว่าลืมหนังสือไว้ที่ห้องเรียน ต้องเอากลับไปทำการบ้านด้วยก็เลยจะไปเอาหนังสือที่ห้อง เลยฝากเสื้อไอ้เวอร์ไว้กับเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆไว้ให้มัน เผื่อว่าพวกมันจะเลิกเล่นบาสแล้วกลับบ้านก่อน

            แล้วผมก็ขึ้นไปเอาหนังสือที่ห้องเรียนแต่ไปเจออาจารย์นุช อาจารย์ประจำชั้นผมหอบของพะรุงพะรัง เลยช่วยแกถือของกลับบ้านพักก่อนแล้วก็รีบขึ้นไปบนห้องไปเอาหนังสือ ตอนนั้นก็โพล้เพล้แล้ว ผมรีบไปหยิบหนังสือแล้วก็รีบเดินออกจากห้องมา แต่พอผมเดินมาถึงประตู ก็ต้องตกใจ เพราะไอ้เวอร์มันมายืนขวางอยู่ที่ประตู แถมมันมองผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทำเอาผมงี้เสียววาบไปทั้งตัว อึ้งไปแป๊บนึงผมก็ทำใจเย็นถามมันไป

            "อ้าว! ลืมของเหรอ" มันเงียบไม่ตอบแถม จ้องผมตาเขม็ง แล้วมันก็ผลักผมอย่างแรงกลับเข้ามาในห้อง แถมปิดประตูเสียงดังปัง ผมโมโหฉิวขึ้นมา ไอ้บ้านี่ผีเข้าอะไรอีกวะ แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรออกไปมันก็กระชากคอผมแล้วตะคอกกลับมา
 
           “มึงทำเชี่ยไรกับเสื้อกู”

           “อะไรกูทำไร”

           “แหกตาดูสิวะ สัด” อ้าวไอ้เชี่ยะนีมาถึงด่าเอาๆเห็นกูเป็นไรวะ มันโยนเสื้อมันใส่หน้าผม ผมก็หยิบมาดู ในใจนึกฉุนมันมากๆว่าคนเชี่ยะไรวะ แม่งพาลกูเอาๆ แต่พอเห็นเสื้อมันผมก็เข้าใจที่มันโกรธ เสื้อมันเปรอะเลยครับ แถมมีรอยหมากฝรั่งติดอยู่อีกต่างหาก

           “เฮ้ย! กูไม่ได้ทำนะโว้ย กู... ” ผมพยายามจะบอกว่าผมฝากเสื้อไว้กับเพื่อนอีกคนนะเว้ย แต่มันไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูด

           “ไม่ได้ทำเหรอ กูฝากเสื้อไว้กับมึง แล้วเสื้อกูก็ไปกองคลุกฝุ่น มันหมายความว่าไงวะ หา”

           “เฮ้ย ก็กูบอกว่ากูไม่ได้ทำ กู... ”

           “มึงไม่ไต้องมาพูด มึงมันกวนตีน ทำอะไรกูไม่ได้ ก็ไปทำกับของๆกู หน้าตัวเมียนี่หว่า สัดเอ๊ย”

           “ไอ้เหี้ย กูบอกว่ากูไม่ได้ทำๆ”

           “สัด มึงไม่ได้ทำแล้วใครจะทำ หมามันคงทำได้หรอก” อ้าว ไอ้เชี่ยนี่ด่ากูเป็นหมาอีก ฉุนขาด สติหลุดไปแล้วกู

           “เออ สัด แล้วจะทำไม ของแค่นี้กูซื้อให้ใหม่ก็ได้วะ แค่เปื้อนแค่นี้ จะเป็นจะตาย ยังกับพ่อตาย บ้าป่าววะ”ผมพูดแล้วก็รีบเดิน จะออกมาจากห้อง คราวนี้เอง มันมองผมตาเขียวปั๊ด อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ (เพิ่งมารู้ว่าหนึ่งในคำพูดที่ผมพูดไปนี้ เป็นคำพูดต้องห้ามสำหรับมัน ถ้ามันได้ยินเมื่อไรล่ะก็ สติหลุดทันที) แล้วเดินไปขวางประตูไว้ มันคว้าตัวผมได้ก็เหวี่ยงผมออกมาจากประตู แล้วก็จับตัวผมกดลงกับพื้นแล้วขึ้นคร่อมตัวผมไว้

           “มึงจะอะไรกับกูนักหนา ฮะ มึงจะเอายังไงกับกูวะ”   

            มือข้างหนึ่งของมันจับข้อมือของผมกางออกเสมอหัวแล้วกดไว้กับพิ้น มันจ้องตาผมเขม็งเลย บอกตามตรงว่าอารมณ์กลัวตอนนั้น ไม่ได้มีเลยแม้แต่น้อย ตายเป็นตายผมไม่กลัวมันหรอก ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากมัน แต่แรงมันเยอะชิบ แล้วด้วยท่าที่มันกดมือผมไว้ อยู่คิดเหรอว่าจะหลุดจากมันง่ายๆ เมื่อกำลังใช้ไม่ได้ผล ผมก็ต้องหันมาใช้อาวุธชิ้นเดียวที่ผมยังเหลืออยู่ ปากไง

            “แล้วไง มึงไม่ชอบขี้หน้ากู มึงก็มาพาลใส่กูตลอดอ่ะ กูก็ไม่ชอบขี้หน้ามึงเมือนกันละวะ กูเกลียดขี้หน้ามึง ยิ่งต้องมานั่งอยู่ไกล้มึงทุกวันๆ กูก็ยิ่งเกลียดมึงมากขึ้นทุกวันๆ ทั้งเกลียด ทั้งขยะแขยง กูเกลียดมึงอ่ะเข้าใจมั้ย”

            “แล้วกูไปทำอะไรให้มึงนักหนา มึงถึงได้เกลียดกูนัก มีแต่มึงนั่นแหละ แกล้งกูสารพัด”

            “เหรอ แล้วที่มึงทำกับกูล่ะ มึงก็แกล้งกูสารพัด ใช้กำลังกับกู เห็นกูสู้ไม่ได้ก็เอาใหญ่ แม่งถือว่ามึงตัวโตกว่า รึไงวะ”

            “ก็ถ้ามึงไม่ปากดีกับกู กูจะทำอะไรมึงมั้ย มึงอ่ะเคยพูดกับกูดีๆมั่งรึเปล่า”

            “ยังกับมึงพูดดีกับกูนักนี่ กูเกลียดมึง ยังไง กูก็ไม่มีวันญาติดีกับมึงหรอก ไปตายซะ ไอ้เชี่ยะหน้าตัวเมีย รังแกคนไม่มีทางสู้ กูเกลียดๆๆๆ เกลียดมึง ได้ยินมั้ยว่ากูเกลียดมึง” จำไม่ได้ว่าตอนนั้นพูดอะไรไปมั่ง แต่น่าจะประมาณนี้นะ ปากร้ายน่าดูเลยกู ยังคิดว่าทำไมตอนนั้นเป็นคนปากร้ายได้จนาดนั้น มันเองก็ดูชะงักไปนิดนึง ตอนแรกคิดว่ามันจะหยุดไม่ก็มันคงจะบีบคอผมตายคามือตรงนั้น เพราะด่ามันไปแรงขนาดนั้น

            แต่........ ผมคิดผิด ไอ้นี่มันเลวกว่านั้นอีก เข้าขั้นโรคจิตแหละ (ที่จริงผมกับมันก็โรคจิตพอๆกัน ชอบความรุนแรง 5555) มันจ้องหน้าผมเขม็ง แบบแววตาตอนนั้นมันน่ากลัวมากๆอ่ะ ผมแทบอยากจะหายไปจากตรงนั้น หัวใจแทบจะหยุดเต้น ผมดิ้นจนมือข้างหนึ่งหลุดจากมัน  ผมรีบเอามือข้างที่มันปล่อยยันพื้น เพื่อที่จะพยุงตัวขึ้น แต่มันกลับใช้เข่ามันมากดทับท้องของผมไว้ แล้วคว้าเข้าที่คอเสื้อผม กระชากจนกระดุมหลุดออกมาทั้งแผง มันเอามือแหวกเสื้อผมออก แล้วกดผมลงกับพื้นตามเดิม ตอนนั้นผมก็ยื้อยุด ฉุดกระชากกับมันสุดฤทธิ์ แต่ก็จะไปสู้แรงควายแบบมันได้ยังไง  แล้วมันก็ทำในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน ไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะถูกผู้ชายด้วยกันมาทำอะไรแบบนี้ มันเอาจมูกลงมาซุกที่ซอกใบหูผม


สิบตอนตามหัวข้อกระทู้นะครับ อิอิ จัดเลย์เอาท์ยากจริงๆ เลยลงเสร็จช้า 

แล้วจะรีบเอาตอนใหม่มาลงต่อนะครับ ไม่เกิน 2 วัน

ยังไงก็ฝากผลงานของผมด้วยนะครับ

ขอบคุณคร้าบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 13-09-2011 00:36:05
มาเป็นกำลังใจให้ครับ :L2:

อ่านตาปูดเลยฮับ o22
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: lunar ที่ 13-09-2011 03:51:36
ยาวมากกกก อ่านจุใจเลยค่ะ
รอตอนที่ 11 นะคะ
 :pig4:
ปล ปากแดงๆห้อยๆอย่างกับปากน้องต้อล AF4 หวานใจของพี่นัท>>>กรี๊ดดดดดแบบไม่มีเหตุผล (เหรอ) :o8:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 13-09-2011 07:56:57
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 13-09-2011 08:02:24
ตอน 11 ต่อเลยยยยยยยย

ค้างงงงงงง

 :call:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 13-09-2011 14:32:13
อยากอ่านต่ออออออออ  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: lptk ที่ 13-09-2011 15:52:31
ค้าง รอตอน 11 อยู่น้า  :call: :call:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 13-09-2011 15:53:49
แอ๊! อยากอ่านตอนที่ 11 ต่อเลยอ่า เพลินมากมาย  :m18:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 13-09-2011 17:02:05
เอาต่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 13-09-2011 17:50:50
อยากอ่านต่อ
ชอบนะโม ปากจัดน่าจูบดีจัง :man1:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> ตอน 1-10 ฉลองลงวันแรก 10 ตอนรวด <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 13-09-2011 22:44:03
ขอบคุณนะครับ คุณผู้ออ่านทุกท่านครับ

>> mini_bilieber ฝากผลงานผมด้วยนะครับ

>> lunar ชอบน้องต้อลเหมือนกันเหรอครับ อิอิ

>> roseen ขอบคุณนะครับ ช่วยจุดประทัดให้มีคนมาอ่านเยอะๆใช่ป่ะครับ

>> tawan จัดไปเล้ยยยยยย เอามาลงให้อีก 2 ตอนละ

>> Rhythm ได้เลยครับ

>> lptk เอาไปทั้งตอน 11 และ 12 เลยละกัน หุหุ

>> BeeRY เอาไปอีก 2 ตอนนนนนน

>> 4559 ครับๆ เอาต่อๆ แหะๆ

>>nara555 ครับ จูบเลยๆ ถ้าไม่กลัวโดน กัดปากเอาน่ะ

คนอ่านน่ารักดีครับ เลยเอามาลงให้อีกสองตอน อ่านกันให้สนุกนะคร้าบบบบบบ

อ้อ! ติชมกันมาได้นะครับ ผมจะได้เอาไปปรับปรุงการเขียน ขอบคุณคร้าบบบบ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> Up ตอน 11-12 แล้วครับ <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 13-09-2011 22:47:15
ตอน 11:(เรท R) ตอน 2

แต่........

   ผมคิดผิด ไอ้นี่มันเลวกว่านั้นอีก เข้าขั้นโรคจิตแหละ (ที่จริงผมกับมันก็โรคจิตพอๆกัน ชอบความรุนแรง 5555) มันจ้องหน้าผมเขม็ง แบบแววตาตอนนั้นมันน่ากลัวมากๆอ่ะ ผมแทบอยากจะหายไปจากตรงนั้น หัวใจเหมือนแทบจะหยุดเต้น มันละมือข้างนึงออกจากมือผม ผมรีบเอามือข้างที่มันปล่อยยันพื้น เพื่อที่จะพยุงตัวขึ้น แต่มันกลับใช้เข่ามันมากดทับท้องของผมไว้ แล้วคว้าเข้าที่คอเสื้อผม กระชากจนกระดุมหลุดออกมาทั้งแผง มันเอามือแหวกเสื้อผมออก แล้วกดผมลงกับพื้นตามเดิม ตอนนั้นผมก็ยื้อยุด ฉุดกระชากกับมันสุดฤทธิ์ แต่ก็จะไปสู้แรงควายแบบมันได้ยังไง  แล้วมันก็ทำในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน ไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะถูกผู้ชายด้วยกันมาทำอะไรแบบนี้ มันเอาจมูกลงมาซุกที่ซอกใบหูผม ตอนนั้น บรรยายความรู้สึกไม่ถูกจริงๆ มันรู้สึกขนลุกไปหมด ขนลุกไปทั้งตัว หมดเรี่ยวแรง เสียงในลำคอก็รู้สึกแหบแห้งไปซะเฉยๆอย่างนั้น ยิ่งตอนที่จมูกมันซุกที่หลังใบหูผม แล้วมันสูดหายใจเข้า หายใจออก รู้สึกเหมือนใจจะขาด ทนแทบจะไม่ไหว ทำได้แค่หลับตาปี๋ พยายามหดคอลงให้สั้นที่สุด เพื่อที่จมูกมันจะได้ไม่สามารถเข้ามาสัมผัสกับลำคอผมได้ แล้วบิดลำคอหลบมัน แต่แทนที่มันจะช่วยให้ผมรอดพ้นจากคมจมูกของมันได้ มันกลับยิ่งไปกระตุ้นอารมณ์หื่นของมันให้มากขึ้นไปอีก

   “ไอ้เหี้ย ปล่อยกู”

   “ยังปากดี อยู่อีกเหรอ เดี๋ยวกูจะเอาให้ร้องไม่ออกเลยมึง”

   “ไอ้ เหี้ยมึงทำไรวะ ปล่อยกูโว้ย”

   “ด่า เอ๋อ ยังด่ากูอีกเอ๋อ”

   นอกจากมันจะไม่หยุดแล้ว” มันยิ่งรุกผมหนักมากกว่าเดิม ตอนแรกมันแค่เอาจมูกมาซุกๆที่หลังใบหู แล้วมันก็เริ่มลงมาที่คอ ใต้คาง แล้วก็เริ่มเอาหนวดเอาคางมันมาถูๆด้วย (เรียกว่าไซร้นั่นแหละ) พอผมเอียงหลบมันมาทางซ้ายมันก็เปลี่ยนไปไซร้ซอกคอผมทางขวา ผมเอียงหลบทางขวามันก็มาไซร้ซอกคอผมทางซ้าย จนกลายเป็นว่าผมให้ความร่วมมือกับมันไปโดยปริยาย ตอนนี้ในห้องเงียบกริบ มีแต่เสียงผมร้องบอกให้มันหยุด แต่ก็เบาลงๆ เสียงลมหายใจ จนในที่สุดก็เปลี่ยนเป็นเสียงครางของผมกะมัน (ผมไม่ได้ครางเพราะเสียวนะว้อย มันจึ๊กกะดึ๋ยอ่ะ แต่มันอ่ะครางทำไมก็ไม่รู้ ไปถามมันเองละกัน) เสียงหอบเป็นระยะๆ ตอนนั้นยอมรับว่าอารมณ์ผมเริ่มกระเจิงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ในหัวสมองมันขาวโพลนไปหมด ตอนแรกก็จึ๊กกะดึ๋ยปนจั๊กกะจี้ นานๆไปมันก็รู้สึกเสียวแปลกๆอ่ะ มันหยุดแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม ยิ้มแบบเยาะเย้ย

   “ไง แฮ่กๆ ไม่ปากดีแล้วเหรอ เอ๊ะหรือว่าชอบ แฮ่กๆ” อ๊ากกก เจ็บใจ อาศัยช่วงที่มันเริ่มคลายแรงบีบว่าแล้วผมก็ดันตัวขึ้นอีกรอบ เกือบจะดิ้นหลุดแล้วเชียว แต่มันนี่สิ เร็วกว่าคว้าตัวผมได้มันก็กดผมลงกับพิ้นแล้วก็ลงมือซุกไซร้ผมอีก ไอ้เชี่ยนี่มันไปฝึกทำจากไหนมาวะคล่องเชียว ทำเอาผมเคลิ้มกับมันไปซะได้ ตอนแรกผมก็ยังดิ้นรน เพื่อให้หลุดจากเงื้อมมือของมันสุดชีวิต แต่พอเจอแบบนี้เข้าไปหมดเรี่ยวแรงจริงๆ แล้วเหตุการณ์ที่เกิดผมไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันนานแค่ไหน แต่ความรู้สึกในตอนนั้นรู้สึกเหมือนมันนานมากๆ เหมือนเวลามันเดินช้าลงหลายร้อยเท่าเพื่อให้ผมได้จดจำกับทุกๆอย่างที่มันทำกับผม  ตอนนี้ผมหยุดดิ้นรนแล้ว ปล่อยมันทำตามใจของมัน มันจะทำอะไรก็ทำไป ผมไม่มีเรี่ยวแรงที่จะหลุดไปจากอุ้งมือของมันแล้ว

   เมื่อมันเห็นผมเริ่มนิ่งมันก็ค่อยๆปล่อยมือผม จากตอนแรกที่มันทำรุนแรงมันก็ค่อยๆทำเบาลง นุ่มนวน แผ่วเบา แล้วเปลี่ยนเป็น เอามือมาบีบไปตามสะโพก และก้นผม มันปล่อยมืออีกข้างที่เหลือจากมือผม แล้วเปลี่ยนมาเป็นลูบไล้ ไปตามแผ่นหลังของผมแทน แต่สวนหัวของมันทั้งจมูกและปากมันก็ยังทำหน้าที่ของมันต่อไป ทั้งจูบ ทั้งไซร้ ไปทั่วคอและใบหูของผม มือมันเริ่มเลื้อยตำลงมาเรื่อยๆ ตอนนี้จากเดิมที่มันขึ้นคร่อมผมไว้ทั้งตัว ไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนเป็นนั่งคุกเข้าอยู่ตรงหว่างขาผมตั้งแต่เมื่อไร แล้วขาผมก็ไปเกยไว้ที่สะโพกของมัน กระดุมเสื้อมันขาดหลุดออกไปเหลือเพียงสองเม็ดดานล่างที่ติดอยู่ แต่ตัวเสื้อมันนั้นร่นลงมาจนเกือบถึงเอว คงเป็นเพราะแรงยื้อยุดฉุดกระชากกันก่อนหน้านี้ มือไม้มันก็ยังคงเลื้อยต่ำมาบริเวนบั้นเอวและแผ่นหลังของผม

   จนตอนนี้สติผมที่หลุดลอยไปมันเริ่มกลับมา แต่ตัวผมยังคงไร้เรี่ยวแรงเหมือนเดิม เริ่มคิดว่าทำไมมันทำแบบนี้กับผม เพื่อแก้แคนผมงั้นเหรอ มันเลือกใช้วิธีได้ถูกแล้วจริงๆ ตอนนี้ผมทั้งเจ็บทั้งอาย รู้สึกเสียศักดิ์ศรี ผมไม่สามารถสู้ ขัดขืนมันได้เลย ทำไมนะผมช่างอ่อนแอแบบนี้ ทำไมผมไม่เกิดมาแข็งแรง ตัวโตๆ เหมือนกับมันนะ ถ้าผมแข็งแรงกว่านี้ผมคงไม่โดนรังแกอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ ตอนนี้ ไม่มีเสียงใดๆหลุดจากปากผม มีแต่น้ำใสๆไหลออกจากตา ออกมาอาบแก้มสองข้าง ส่วนมันก็ยังคงเคลื่อนไหวร่างกายมันอยู่บนตัวผม มันไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย อารมณ์มันคงกระเจิงไปไหนต่อไหนแล้ว

   แต่เสียงสะอื้นน้อยๆ กับลำตัวที่สั่นๆของผม ทำให้มันหยุดพฤติกรรมทั้งหมดของมัน มันยันตัวขึ้น แล้วมองมาที่ผม พอมันเห็นผมร้องไห้ ดูมันตกใจ ชะงักไปแปบนึง มันหยุด แล้วพยุงตัวผมซึ่งท่อนบนตอนนี้เปลือยเปล่าขึ้นมา มันรั้งตัวผมเข้ามาแนบชิดกับอกของมัน แล้วก็เอามือข้างนึงโอบผมไว้ มืออีกข้างก็ลูบๆที่หัวผมเหมือนจะพยายามปลอบ ตอนนั้นดูมันเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ดูอ่อนโยน อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ผมก็ทำได้แค่เพียงสะอึกสะอื้นอยู่กับอกของมัน มันก็พยายามลูบหัวแล้วกอดผมให้เข้ามาแนบชิดกับตัวของมันมากขึ้นอีก คล้ายๆกับว่ามันพยายามจะบอกขอโทษ แต่ก็ไม่ได้มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากผมกับมัน อารมณ์ตอนนั้นบอกไม่ถูกว่าโกรธมัน หรือว่าเสียใจ หรือว่ากลัว แบบไหนมากกว่ากัน แต่อารมณ์หนึ่งที่ชัดเจนมากที่สุดที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้นคือผมรู้สึกสบาย สงบ สุข อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งๆที่มันเพิ่งทำร้ายผมแท้ๆ  มันกอดผมอยู่อย่างนั้นจนซักพักเมื่อมันเห็นผมสงบลง มันก็เอื้อมมือไปหยิบเสื้อที่สุดแสนจะรุ่งริ่งของผม เอามาใส่ให้ ตอนนี้ผมกลายเป็นลูกแมวเชื่องๆของมันไปโดยปริยาย มันทำอะไรให้ผมก็ยอม มันเอามือมาปาดน้ำตาให้ผมออกทั้งสองข้าง มันพยุงผมลุกขึ้นแล้วก็บอกว่า

   ”กลับบ้าน เด๋วไปส่ง” มันพูกเสร็จก็ยื่นจมูกของมันมาหอมตรงหน้าผากของผม แล้วก็เดินไปหยิบกระเป๋านักเรียนของผมกับมันมา แล้วก็พาผมออกมาจากกห้องมันพาผมมาส่งหน้าโรงเรียน ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากของผมกับมัน ดีนะที่ตอนนั้นเวลาประมาณ 6 โมงเย็นกว่าๆเกือบจะทุ่มนักเรียนกลับกันเกือบหมดแล้ว บรรยากาศก็เริ่มจะมืดแล้วด้วยไม่งั้นมีใครเห็นผมสภาพนี้ มีหวังได้รู้กันหมดแน่ว่าผมโดนอะไรมา ตอนแรกมันจะตามมาส่งที่บ้าน แต่ผมบอกว่าจะกลับเอง มันส่งผมขึ้นรถ แล้วเดินก็จ๋อยกลับบ้านไป

   ผมกลับมาถึงบ้านก็รีบเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย กลัวแม่มาเห็นสภาพนี้ เด๋วแม่ช็อคตายลูกชายเกือบจะโดนข่มขืน  เข้าห้องผมก็รีบอาบน้ำโดยด่วน พอส่องกระจกเท่านั้นแหละ แม่มมมม แดงเป็นปื้นทั้งตัวเลย ไอ้เวอร์ ไอ้เลว ไอ้โรคจิต ไอ้ซาดิสม์ จิตวิปริตแน่ๆเลยมึงเนี่ย ขัดๆถูๆ ขัดไปก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหมาดๆ ใจยังเต้นตุบๆอยู่เลย ตอนนี้รู้สึกอายมาก อ่าว แล้วกูจะอายทำไมนี่  อายก็แสดงว่ากูชอบที่มันทำแบบนั้นกับกูน่ะสิ ไม่ๆๆๆๆ(สะบัดหน้า พรืดๆ) กูต้องโกรธมัน เกลียดมันสิ มันโคตรเลว เลว เหล่ว เล่ว เล้ว เหลว แต่จะว่าไปอืมม ... มันก็เสียวดีน่ะ เพลินดีออก ม่ายยยย ไม่ๆๆๆบ้าๆๆ กูจะคิดยังงั้นได้ไงต้องรักนวนสงวนตัวหน่อยสิ มันเป็นศัตรูตัวฉกาจของมึงนะเว้ย อย่าเคลิ้มไปกับมันสิ ใช่แล้วกูต้องเกลียดๆๆๆ มันให้มากขึ้นไปอีก ฮึ่ยยยย
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> Up ตอน 11-12 แล้วครับ <<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 13-09-2011 22:51:20
ตอน 12: (เกือบ)หวาน

   วันรุ่งขึ้นเป็นเป็นวันศุกร์ ผมก็เลยโดดเรียนซะงั้น ขี้เกียจไปเห็นหน้ามันไม่ใช้ว่ากลัวมันนะ แต่ไม่อยากเจอมันตอนนี้ ต้องนั่งข้างมัอีก ไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไง แล้วก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดหื่นขึ้นมาแล้วจับผมปล้ำ อย่างเมื่อวานอีกหรือเปล่า ทางที่ดี อย่าเพิ่งเจอหน้ากันเลยดีกว่า ปลอดภัยไว้ก่อน ผมก็เขียนใบลาป่วยฝากไอ้แก้วไป ถ้าขาดไปเฉยๆโดนอาจารย์ประจำชั้นสุดโหดของผมฟาดน่องลายแน่ แล้ววันนี้ก็เลยนอนอยู่บ้านทั้งวัน ผมมานอนเล่นใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้านซึ่งมีเปลญวนผูกอยู่ นอนไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ก็ต้องสะดุ้งตื่น เพราะได้ยินเสียงรถยนต์ใครก็ไม่รู้เข้ามาจอดหน้าบ้าน
Mitsubishi Strada สีน้ำเงินของใครวะใหม่เอี่ยมเชียว พอรถจอดสนิด ผมก็เพ่งดูอยู่ว่าใครวะ จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครลงมา อะไรของมันวะ ได้ยินเสียงแม่ตะโกนมาจากหลังบ้านว่าไปดูซิใครมา ผมจำต้องลุกออกจากเปลแบบขี้เกียจๆลงไปดูว่าใครวะ รถแม่งก็ติดฟิล์มซะดำเชียว กูจะมองเห็นมั้ยนี่ ผมก็เลยเดินไปยืนข้างรถ พยายามมองว่าใคร แล้วกระจกรถก็ค่อยๆเลื่อลงช้าๆ

   “เฮ้ยยยย!!” ผมตะโกนแบบตกใจ มันมาได้ไงวะนี่ ใครน่ะเหรอ ก็จะใครซะอีกล่ะ ก็คนที่คุณก็รู้ว่าใคร มันใส่ชุกนักเรียนอยู่ อย่าบอกนะว่าเมิงโดดเรียนมา เหอๆไม่กลัวน่องลายเหรอเมิง

   “มาได้ไงอ่ะเมิง”

   “ขับรถมา” อ้าวเชี่ย ตอบแบบนี้เมิงคงอยากโดนรองเท้ากูยัดปาก

   “จะมากวนตีนกูแค่นี้ใช่มั้ย กูจะได้กลับเข้าบ้าน” ผมพูดเสร็จก็หันหลังเดินกลับเข้าบ้าน ได้ยินเสียงมันเปิดประตูรถ แล้วลงมาคว้าแขนผมไว้ บีบซะแน่น ก่อนที่จะกระชากผมเข้าหาตัวมัน มืออีกข้างนึงก็กอดเข้าที่เอวผม

   “ปล่อยกูนะเว้ย เมิงจะทำเชี่ยไรเนี่ย” ไอ้นี่ พ่อกับแม่กูอยู่นะเว้ย เมิงไม่กลัวลูกปืนพ่อกูเรอะ มันเงียบไม่พูดอะไร แล้วมองมาที่คอ แล้วก็ ตามเนื้อตัวผม ถ้าดูไม่ผิดผมแอบเห็นมันยิ้มด้วยอ่ะ ตอนแรกผมก็สงสัยว่ามันยิ้มอะไร ก็ก้มมองดูตัวเอง เฮ้ยยยยยย ก็ตอนนี้อ่ะผมใส่กางเกงขาสั้น เสื้อยืดย้วยๆอยู่ แล้วมันไม่แค่นั้น่ะสิ รอยดูด รอยแดง ตามเนื้อตามตัวผม มันยังไม่จางไปเลย แถมเริ่มออกจะเขียวๆ คล้ำๆแล้วด้วย ผมรีบผลักมัน ออกแล้วเอามือปิดตามเนื้อตามตัว (อย่างกะจะปิดมิด)  มันมองผมอย่างขำๆ ชิส์ ก็เมิงอ่ะแหละทำกูเป็นแบบนี้ แล้วผมก็เผลอนึกไปถึงเรื่องเมื่อวาน ทำให้ตัวเองรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวๆ

   “ไหน ว่าไม่สบาย แล้วไงมายืนทำปากดีกะกูอยู่ได้เนี่ย”

   “เรื่องของกู แล้วเมิงอ่ะถ่อมาทำไมถึงบ้านกูเนี่ยะ” มันไม่ตอบแต่ลากแขนผมมาที่รถ

   “ขึ้นรถ”

   “เฮ้ย จะพากูไปไหน กูไม่ไปกะเมิงหรอก ปล่อยกูเลย เชี่ยนี่”

   “เมิงจะไปกับกูดีๆ หรือเมิงจะให้กูจูบโชว์แม่มึงตรงนี้เลยล่ะ”มันพูดพลางขยับยื่นหน้าเข้ามาหาผม ส่วนผมก็ได้ยินเสียงแม่เดินมา

   “ใครมาน่ะโหนก”

   “เอ่อ...เพื่อนที่โรงเรียนน่ะแม่”

   “อ่า แม่นะโมเหรอครับ หวัดดีครับแม่ ผมชื่อพาวเวอร์ครับ” แหมทีงี้พูดซะน่ารักเชียวเมิง ทีกะกูละอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วตะกี้เมิงเรียกใครว่าแม่ สาดดดด นี่แม่กูนะเมิง ผมมองตอมันเขียวปั๊ด ทำปากขมุบขมิบ

   “ใครแม่เมิง ไอ้บ้า” มันยักคิ้วให้ผมจึ๊กนึง ทำหน้ากวนตีนๆ

   “จ้าๆ หวัดดีจะ แล้วมาทำไมล่ะนี่ ไม่ไปโรงเรียนเหรอ”

   “อ่อ มาเยี่ยมนะโมน่ะครับ เห็นว่าไม่สบาย”

   “อ้อเหรอ ไม่รู้มันเป็นอะไรเหมือนกัน เห็นเป็นผื่นๆแดงเต็มตัว สงสัยจะเป็นลมพิษ”

   “ลมพิษอะไรล่ะแม่ ถ้าจะเป็นลมพิษ ก็พิษหื่นของไอ้เวอร์นี่แหละ”อันนี้คิดในใจ ใครจะกล้าพูดออกมาวะ เด๋วแม่หัวใจวายตาย ส่วนมันอะยิ้ม หัวเราะหึๆ มองดูเนื้อตัวผม สะใจล่ะสิท่า สันดานนนนน

   “แม่ครับ งั้นเดี๋ยวผมพานะโมไปหาหมอนะครับ เดี๋ยวเป็นมากขึ้นจะแย่”

   “ใครบอกเมิง ว่ากูจะไปกับเมิง บ้าป่าว”

   “อ่อ อยากให้กูจูบโชว์แม่เมิงก็ไม่บอก”มันพูดแล้วก็คว้าข้อมือผมไว้ ทำท่าจะจูบผม ผมรีบหลบ หันไปบอกแม่

   “แม่เดี๋ยวไปหาหมอนะ เดี๋ยวกลับ”

   “อืม ขับรถดีๆกันล่ะ”

   “งั้นผมไปนะครับ”

   “จ้า เดี๋ยวขากลับแวะมากินข้าวกับแม่ด้วยนะ” เจร๊ยยยย แม่ไปชวนมันทำมายยย ไอ่นี่นะมันจะข่มขืนหนูน้า แล้วยังไปเรียกมันว่าลูกอีก จะบ้าตาย

   “ครับ ไปละครับแม่” แล้วมันก็จับผมยัดเข้ารถมัน ขับรถพาผมมาไม่รู้มันจะพาผมไปไหน

   “จอด กูจะลงตรงนี้”

   “อะไร กูบอกกะแม่เมิงว่าจะพาเมิงไปหาหมอ”

   “ไปหาป๊ะ เมิงอ่ะดิ กูไม่ได้เป็นอะไร”

   “เอ๊า ไหนเมิงบอกแม่เมิงว่าเป็นลมพิษ”

   “ลมพิษเชี่ยไร ที่กูเป็นแบบนี้ก็เพราะ...อุบส์” แล้วก็คิดไปถึงเรื่องเมื่อวาน แม่งยังเสียวไม่หาย เอ๊ย!!ไม่ใช่ ยังกลัวไม่หาย คิดแล้วก็หน้าร้อนผ่าวๆ

   “เพราอะไรล่ะ ก็ว่ามาดิ” มันพูดยิ้มๆ ตามันมองมางี้ หื่นเชียว

   “จะไปรู้เรอะ”เลิกพูดเหอะเมิงกูอายนะสาดนี่

   “อ่อ งั้นเดี๋ยวกูทำให้ดูอีกทีละกัน ว่ามันเกิดจากอะไร”มันพูดแล้วจอดรถ ทำหน้าหื่นใส่ผมอีกตะหาก

   “ไอ้เชี่ย อย่านะเมิง” ผมว่าแล้วเตรียมยกเท้าจะยันมัน ตัวเองก็ถอยมาพิงประตูรถ

   “ฮ่า ฮ่า กลัวเหรอเมิง คิดว่ากูจะพิสวาสเมิงนักรึไง อืม แต่จะว่าไป กูก็อยากลองเหมือนกันว่ะ เมิงก็ตัวนิ่มๆดี มาทำแบบเมื่อวานกันหน่อยดีมะ”

   “ไปลองกะพ่องเมิงเหอะ จอดรถก็ดีแล้ว กูจะได้ลง”ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปเปิดประตูรถ แต่มันไวกว่า รียบล็อคประตูรถซะก่อน

   “ใครอนุญาตให้เมิงลง”

   “อ่าว ไอ้ควายกูจะทำอะไร ต้องขออนุญาตเมิงรึไง”

   “แต่นี่มันรถกู”

   “แล้วเมิงเสือกพากูขึ้นมาทำไมวะ”

   “เรื่องของกู เมิงนั่งเฉยๆซะ ถ้าไม่อยากโดนแบบเมื่อวานอีก รับรองคราวนี้กูไม่ใจอ่อนแน่” เชี่ยละแม่งขู่กูแบบนี้กูนั่งเฉยๆก็ได้วะ มันพูดเสร็จก็ออกรถ ขับไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ แล้วก็ไม่รู้มันจะพาผมไปไหน ผมเองก็ขี้เกียจถามมัน จะพาไปไหนก็ไปเหอะ เซ็ง ผมเผลอนั่งหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็ตอนมันจอดรถ มันพาผมมาที่ไหนเนี่ย ได้ยินเสียงเหมือนน้ำไหลไกลๆ

   “ลงมาดิ” ผมเปิดประตูรถลงมาก็ถึงได้รู้ว่ามันพาผมมาที่สถานที่แห่หนึ่ง เป็นน้ำตกเล็กๆแถวบ้าน จริงๆมันไม่ใช่น้ำตกหรอก เป็นแก่งซะมากกว่ามีน้ำไหล แล้วก็โขดหินเรียงราย มีร้านขายอาหาร มันเดินนำผมไปที่ร้านอาหาร มันเลือกร้านที่มีที่นั่งติดริมน้ำ

   “จะกินอะไร”

   “มีเมนูป่ะ” จริงๆแล้วไม่อยากกินกับมันเล้ย แต่มันหิวอ่ะทำไงได้

   “ไม่มี”

   “แล้วมันมีอาหาร อะไรมั่ง”

   “ไม่ต้องล่ะเดี๋ยวกูสั่งเอง”แล้วมันก็สั่งอาหารมา 4-5 อย่างทุกอย่างที่มันสั่งต่องลงท้ายด้วยคำว่า ไม่เผ็ด สงสัยมันจะกินเผ็ดไม่ได้ อ่อนด๋อยว่ะ มานานนักอาหารก็มาถึง ผมก็จัดการโซ้ยซะ ก็มันหิวนี่นา แล้วบรรยากาศก็ดีซะด้วย นั่งกินอาหารริมน้ำ ชมป่าเขาลำเนาไพร มองอะไรไปเรื่อยเปื่อย บรรยากาศช่างดีจริงๆ

   “ไง อร่อยอ่ะดิ”

   “...” บรรยากาศมันเสียก็เพราะมึงนี่แหละ ถ้ามึงไม่อยู่ตรงนี้นะ มันคงจะร่มรื่นกว่านี้เยอะ

   หลังจากที่สวาปามอาหารจนหมดโต๊ะ

   “เล่นน้ำป่าว”

   “ไม่เอาอ่ะ ไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยน”

   “ไม่เห็นเป็นไรก็แก้ผ้าเล่น”พ่อเมิงอ่ะเส่ คนอยู่กันตาตั้งคะนาน (ตาตั้งคะนาน=มากมาย)

   “กูไม่ได้หน้าด้านเหมือนมึงนะ อยากเล่นก็เล่นไปคนเดียวเหอะ” ท่าทางมันจะไม่ได้ยินที่ผมพูดเพราะมันลากผมเดินลัดเลาะไปตามต้นน้ำ ซึ่งคนก็น้อยลงเรื่อยๆ (จริงๆแล้ววันนี้ก็ไม่ใช่วันหยุด คนเลยน้อยมาก) จนเดินมาไกลพอสมควรก็พบว่าไม่มีคนอยู่เลย บรรยากาศเงียบมากมาย น่าเสียตัวจริงๆ เฮ้ยยย!! ไม่ใช่ล่ะ

   พอได้ที่มันก็หันมามองทำตาซึ้งใส่ผม แล้วก็

ถอดเสื้อมันออก เฮ้ยยยยยย เมิงจะทำไรเนี่ย กูไม่เอานะเว้ย แต่จะว่าไปแม่งหุ่นดีจริงๆ นี่มันเด็กอายุ 13 แน่เหรอวะ ตัวโต มีกล้ามอกด้วยอ่ะ แล้วเอวมันนะคอดเล็ก ไหล่กว้าง มีกล้ามที่แขนอีก แม่งงกินอะไรมาวะ ดูกูดิ๊ ผอมกะหร่องเชียว

“มองไรวะ ชอบอะดิ๊”เชี่ย ดันเผลอมองมันซะได้ ว่าแล้วก็หน้าร้อนผ่าวๆเลยกู

“ค..ยเหอะ กูไม่ได้มองเมิงละกัน”จริงๆแล้วกูมองเมิงอ่ะแหละ มันส่วยหัว หัวเราะหึๆแล้วก็โยนเสื้อมาคลุมหัวผม

   “เชี่ยยยยยยยยยยย” ผมก็คว้าเสื้อออกจากหัว กะจะด่ามันซะหน่อย (อ้าว ด่าไปแล้วนี่ เหอะๆ) พอผมเอาเสื้อออกจากหัว ก็พบว่ามันมายืนอยู่ข้างหน้าผมซะแล้ว ตางี้จ้องกูซะเยิ้มเชียววว เชี่ยเมิงจะเข้ามาไกล้กูทำมายย กูกลัวนะเว้ย แล้วมันก็

   ก็



   ก็



ก็ก้มลงถอดกางเกง(อ่ะนั่นแน่ะ คิดอะไรกันอยู่ เหอๆ) แต่เอ๊ะ ถอดกางเกง จ๊ากกกกก เมิงจะถอดทำมายยยย แล้วหันหน้ามาทางกูอีก ไปบ้า กูยังไม่อยากเห็นหนอนชาเขียวเมิงนะโว้ยยย

   “เฮ๊ยย!! เมิงทำไรน่ะ”

   “เอ๊า ก็จะถอดกางเกงเล่นน้ำ”

   “ไอ้บ้า ไม่อายใครรึไง หรือว่าชอบโชว์หา”

   “อายทำไม ไม่เห็นมีคนอยู่” อ่าว แล้วหมาเหรอ ยืนคุยกับเมิงอยู่เนี่ย อ่าว งี้กูก็ด่าตัวเองว่าเป็นหมาน่ะสิ

   “ควาย กูนี่ไง” อ่าว ว่าตัวเองเป็นควายอยู่ดีแหละกู

   “เอ๊า นึกว่าอยากดูซะอีกเห็นจ้องกูเขม็งเลย” สาดดดด พ่อเมิงอ่ะเส่

   “เชี่ย เหอะ กูจะไปมองทำไมของกูก็มี”

   “ก็ของกูใหญ่กว่าไง เมิงเลยมอง” สาดด เอาเรื่องจริงมาพูด มันไม่ฟังเสียงถอดกางเกงมันลงพรวด

   “เฮ๊ยยยย!” ผมรีบเอามือปิดตา ยังไม่อยากเห็นตอนนี้ เด๋วกุ้งยิงตากู แล้วมันก็โยนกางเกงมาใส่หัวผม ไอ้สาดดดดดด ผมรีบเอากางเกงออกจากหัว แล้วโวยวายเตรียมจะด่ามัน โดยลืมไปว่ามันถอดกางเกงแล้ว

   “เฮ้ยยย!” ผมร้องอย่างตกใจในสิ่งที่ผมเห็น

   ผมเห็น


   ผมเห็น




(ยังไมจบนะครับตอนนี้ เดี๋ยวลงต่อพรุ่งนี้นะครับ นอนหลับฝันดีครับ ทุกท่าน)
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> Up ตอน 11-12 แล้วครับ [12/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: gay_love ที่ 14-09-2011 05:14:58
 o13
อ่านทันแล้วอ่านตอนต่อไป..แล้วตุ๊ละมะใช่พระเอกเหรอ..แต่พาวเวอร์ แรง!!!!!
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> Up ตอน 11-12 แล้วครับ [12/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 14-09-2011 12:45:14
เห็นอาร๊ายยย แอร๊ยย อยากอ่านต่ออีกแล้ว เอาอีกๆๆๆๆๆๆๆ :m1:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> Up ตอน 11-12 แล้วครับ [12/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 14-09-2011 12:47:14

แต่ละตอน ลงให้มันยาวเท่าๆ กัน น่าจะดีนะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> Up ตอน 11-12 แล้วครับ [12/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 14-09-2011 13:33:32
เอาต่ออออออออออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> Up ตอน 11-12 แล้วครับ [12/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 14-09-2011 17:32:27
เเง้ๆ ค้างอ่ะ

อยากอ่านต่อๆๆๆ รอจ้าาาา o13 o13
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> Up ตอน 11-12 แล้วครับ [12/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 14-09-2011 18:33:55
รอติดตามต่อค่ะ
ว่าแต่นะโมเนี่ยปากจัดจริงๆ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> Up ตอน 11-12 แล้วครับ [12/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 14-09-2011 19:56:12
ค่อด่วนครับ ค้างอย่างแรง :serius2: :serius2:

เรื่องสนุก เป็นกำลังใจให้ :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> Up ตอน 11-12 แล้วครับ [12/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 14-09-2011 21:12:00
อ๊ากกก  สนุกอ่าาาาา

ตอนแรกคิดว่าตุ๊เป็นพระเอกซะอีก  พาวเวอร์ชิมิๆ

มาอัพไวๆน้าาา  อยากอ่านต่อออ

ปล.เดี๋ยวนี้เด็กมันไวไฟกันจริงๆเนอะ  หุหุ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> Up ตอน 11-12 แล้วครับ [12/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Kiss Koki ที่ 14-09-2011 21:14:48
โอ๊ววววว......เจอกันครั้งแรกก็มีเรื่องกันซะแล้วววว... :m16:.....,,..เด็ก ม. 1เวอร์กะตุ๊ตัวใหญมากนะเนี่ย..ถึงม.6จะขนาดไหนเนี่ย ฮ่าๆๆๆ....ว่าแต่เด็กม.1 ขับรถเองแล้วเหรอเนี่ย??อิอิ.      "นะโม" ชื่อน่ารักอะ :impress2:
+1
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>> Up ตอน 11-12 แล้วครับ [12/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 14-09-2011 22:10:22
ตอน 12: (เกือบ)หวาน ต่อ

   “เฮ๊ยยยย!” ผมรีบเอามือปิดตา ยังไม่อยากเห็นตอนนี้ เด๋วกุ้งยิงตากู แล้วมันก็โยนกางเกงมาใส่หัวผม ไอ้สาดดดดดด ผมรีบเอากางเกงออกจากหัว แล้วโวยวายเตรียมจะด่ามัน โดยลืมไปว่ามันถอดกางเกงแล้ว

   “เฮ้ยยย!” ผมร้องอย่างตกใจในสิ่งที่ผมเห็น




   ผมเห็น






   ผมเห็น





   โอ้วววววววววว





   ผมเห็น....มันใส่กางเกงในอยู่ครับ แหม่! ผมแอบเสียดาย เอ๊ย!ไม่ใช่ ถอนหายใจโล่งอก ทำกูหัวใจจะวาย

   “อะไร เสียดายเหรอที่ไม่ได้เห็นของกู เดี๋ยวกูถอดให้ดูก็ได้”มันทำท่าจะถอดกางเกงในของมัน

   “หยุดเลยมึง โรคจิตรึไงชอบโชว์เนี่ย ประสาท”ผมพูดแล้วหันหน้าไปทางอื่น มันหัวเราะฮา แล้วก็เดินลงไปเล่นน้ำ

   “ไม่เล่นจริงเหรอเมิง สนุกนะ” มันพูดแล้ววักน้ำใส่ผม

   “เล่นไปคนเดียวเหอะเมิง” ผมเดินหนีมันมานั่งโขดหิน ถอดรองเท้าแล้วเอาเท้าแช่น้ำเล่น ฮ่า เย็นสบายดีจริงๆ ผมเอาเท้าแกว่งน้ำเล่น มองไปรอบๆ ที่นี่เงียบดีจริงๆ ได้ยิ่นแต่เสียงน้าไหล กับเสียงนกร้อง เพิ่งเคยเดินขึ้นมาบนนี้ มันรู้ได้ไงวะมีที่ดีๆแบบนี้ ขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น   

   “เฮ้ยยย อะไรเนี่ย ปล่อยกู๊  “ มันโผล่มาข้างหลังตั้งแต่เมื่อไรวะ แล้วมันก็อุ้มผมขึ้น อ๊ายยย เนื้อแนบเนื้อ กูสยิวนะว้อยไอ้บ้านี่

   “น่านะ ไปเล่นน้ำกัน กูเล่นคนเดียวไม่สนุกอ่ะ” ว่าแล้วมันก็อุ้มผม มากลางน้ำ แล้วก็

   ตูมมมม!!! มันโยนผมลงน้ำอ่ะ เชี่ยยยย เปียกหมดเลย หน็อยแน่ะ

   “เชี่ยย กูเปียกหมดเลยเห็นมั้ย เมิงเอาแบบนี้ใช่มั้ย” แล้วผมก็โดล็อคคอมัน จับมันกดน้ำซะเลย ฮ่า ฮ่า ก็เล่นน้ำกันไปสนุกสนาน จะว่าไปมันก็สนุกดีนะเนี่ย เล่นกันซะเสียงดังลั่นไปหมด จะว่าไปไอ้เวอร์นี่มัน ก็เหมือนเด็กๆ ถึงแม้บางทีมันชอบทำตัวขรึมๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา ขี้เก๊กไปบ้าง แต่ดูๆแล้วมันก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ถ้าผมจะลองเปิดใจมองมันใหม่จะดีมั้ยนะ ผมอาจจะได้เพื่อนดีๆเพิ่มอีกคนก็ได้




   วี้วววว!! แปะ!


   -__-




   “เชี่ยยยย” มันขว้างโคลนมาแปะกลางกะบาลผมเลยครับ แล้วมันก็หัวเราะสะใจ แล้วอย่างนี้เรื่องที่ผมจะเปิดใจรับมันน่ะเหรอ เมินซะเถอะ รู้อย่างเดียวว่าตอนนี้ เมิงตายยยยยย แล้วผมกับมันก็คว้าโคลนไล่ปากันอุตลุต เล่นกันนานแค่ไหนก็ไม่รู้ จนเหนื่อย ผมกับมันก็ไปล้างตัวเตรียมกลับบ้าน


   “สนุกป่าว เป็นไงล่ะมากับคนหล่อ ชอบอ่ะดิ” ถุ๊ยยย หลงตัวเองล่ะเมิง แต่มันก็หล่อจริงๆอ่ะ

   “อืม ก็ดี กลับกันเหอะ เย็นแล้วเดี๋ยวแม่เป็นห่วง” ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับมัน ผมก็เริ่มหนาวๆแล้วด้วย ตัวสั่นๆ แล้วมันก็เดินนำผมปีนป่ายโขดหินกลับไปทางเดิม

   “โอ๊ย!” ผมร้องรู้สึกเจ็บแปลบที่เท้า รีบก้มลง หงายเท้าดู โหยไอ้โมจะเป็นลม เลือดทะลักเลย สงสัยจะเหยียบหิน (คือรองเท้าอ่ะไม่ได้ใส่ ถืออยู่น่ะ) มันรีบวิ่งกลับมาดูผม

   “โหยเลือดออกเต็มเลย สงสัยจะเข้าลึกน่ะเนี่ย”แล้วมันก็วักน้ำมาล้างแผล เอามือกดห้ามเลือด แล้วที่สำคัญก็ต้องหาผ้ามาพันแผล

   “เจ็บ” ผมพูด น้ำตาเล็ด

   เพื่อนๆคงคิดกันล่ะสิ ว่ามันคงทำแมนฉีกเสื้อมันมาพันแผลให้น่ะ เหอๆๆ เปล่าเลยมันบอกว่าเสื้อตัวนี้แม่ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด มันเลยมาถอดเสื้อผมเอาไปพันแผลแทน T_T ทำเป็นแมนไม่แมนให้ตลอดล่ะวะ แล้วมันก็แบกผมขึ้นหลัง เนื้อแนบเนื้ออีกละ กูสยิวนะเว้ย ทำแบบนี้กับกูบ่อยๆ กูหวั่นไหวนะเนี่ยะ ตอนแรกก็ไม่กล้ากอดคอมันอ่ะ แต่กลัวตกเลยต้องจำยอมกอดคอมัน ไอ้โมอายโคตรๆ .... จนมาถึงรถ (จะรีบมาถึงทำไมเนี่ยะ กะลังอุ่นเลย เจร๊ยยย!!!  รักนวนสงวนตัวหน่อยสิเมิง) พอมันวางผมลงที่เบาะ ผมก็ตัวสั่นเลย หนาวอ่ะ


   “หนาวเหรอ” ผมพยักหน้า ยังจะถามอีก เล่นน้ำนานขนาดนั้น แถมน้ำก็เย็นเจี๊ยบ มันก็ถอดเสื้อมาให้ผมใส่ ผมส่ายหน้า ไม่เอา มันก็เลยจับเสื้อสวมหัวผมซะเลย ฮือออ บังคับกูเจรงงง แล้วก็เอื้อม มาคาดเข็มขัดให้ผม เอร๊ยยย หน้าเมิงน่ะเอาออกไปไกลๆกูก็ด้ายยยย จมูกเมิงน่ะจะชนกับแก้มกูแล้ว แล้วลมหายใจเมิงน่ะ พ่นออกมาอยู่ได้ กูสยิวนะเมิง เด๋วกูก็โดดกัดปากเมิงซะเลยนิ แล้วมันก็เอาอีกละ ขโมยหอมแก้มผมไปหนึ่งที ผมก็ได้แค่อายหน้าร้อนผ่าวๆ  นึกจะด่ามันแต่ก็ขี้เกียจ ได้แต่ทำหน้างอเป็นจวักตักข้าว มันหัวเราะ หึ หึ แล้วก็ออกรถ พาผมมาทำแผลที่อนามัย แล้วก็ไปส่งบ้าน สรุปว่าแล้วไอ้โม ก็ได้ป่วยจริงๆ เสาร์อาทิตย์ ไม่ได้ไปไหนเลย นอนซมเพราะแผลอักเสบ

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 12 จบ + ตอน 13 .P2[13/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 14-09-2011 22:13:48
ขอบคุณ คุณ gay_love,คุณ BeeRY,คุณ oaw_eang,คุณ 4559,คุณ Rhythm นะครับ ที่ติดตามผลงาน

แล้วก็ สัวสดีเพื่อนใหม่ด้วนะครับ คุณyeyong,คุณ GeTOuTNoW,คุณ silverphoenix,คุณ Kiss Koki

ฝากผลงานผมไว้ด้วยนะคร้าบบบบ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 12 จบ + ตอน 13 .P2[13/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: gay_love ที่ 14-09-2011 22:19:23
 o18
รอตอนต่อไปกัฟแต่สารภาพแอบเชียร์ตุ๊ง่ะ..ชอบรักนะไม่แสดงออกคริ คริ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 12 จบ + ตอน 13 .P2[13/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 14-09-2011 22:22:03
ตอน 13: วันของเรา

   แล้ววันจันทร์ผมต้องลากอีแตะมาโรงเรียน เท้าข้างหนึ่งพันผ้าพันแผล เดินกะเผลกๆ ลงมาจากรถโรงเรียน ตอนแรกว่าจะเดินเข้าไปในโรงเรียนเลย แต่มันไกลพอดู ขืนเดินเข้าไปเอง กว่าจะถึงห้องเรียน คงได้เลือดอาบอีกรอบ เลยตัดสินใจว่าจะรอไอ้ตุ๊ดีกว่า จะได้ขี่คอมันเข้าไป หุหุ

   ไม่นานนักก็มีรถโรงเรียนอีกสายหนึ่งเข้ามาจอด(มันมีหลายสายน่ะ ผม ไอ้ตุ๊ ไอ้เวอร์ ขึ้นคนละสายน่ะครับ ส่วนไอ้อุ้ยบ้านมันอยู่หน้าโรงเรียน ) เอี๊ยดดดดดด เสียงรถจอด ผมก็ดีใจนึกว่าเป็นรถคันที่ไอ้ตุ๊ขึ้นมา แต่เปล่าเลยไม่ใช่อ่ะ เป็นคันของไอ้เวอร์ตะหาก มะวานทำกูเจ็บตัว(จริงๆแล้วซุ่มซ่ามเอง) วันนี้ไม่รู้มันจะเอาความซวยอะไรมาฝากผมอีก มันเดินเก๊กมาหาผม

   “เป็นไง นึกว่าจะเจ็บ จนสำออยไม่มาโรงเรียนซะละ” นั่น กัดกูแต่เช้าเชียว แง่งงงง นี่มึงจะลับริมฝีปากกับกูใช่มะ

   “...” ขี้เกียจเถียง เลยหันหน้าไปทางอื่น ทำเป็นไส่สนใจมัน ไม่อยากอารมณเสียแต่เช้า

   “เอ๊า คนเค้าพูดด้วย ก็ไม่พูดด้วย มันเสียมารยาทรู้มั้ย”

   “แล้วไม่มีใครสอนเมิงเหรอ ว่ามาคุยกับคนที่เค้าไม่อยากคุยด้วยน่ะ เค้าเรียกว่าเสือกน่ะ” ในเมื่อมึงอยากโดนด่า กูก็จัดให้

   “คนเค้าอุตส่าห์เป็นห่วง” มันบ่นอุบอิบ ส่วนผมน่ะเหรอไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง นี่มันห่วงผมเหรอเนี่ยะ

   “แล้วทำไมไม่เดินเข้าไปล่ะเนี่ยะ เดินไหวไหม เดี๋ยวกูพยุงไป”

   “ไม่อ่ะ รอไอ้ตุ๊ดีกว่า”

   “รอมันทำไม ก็บอกว่ากูจะพาเข้าไปนี่ไง”

   “แล้วทำไมอ่ะ กูจะรอมัน ไปหนักหัวเมิงตรงไหน”

   “เออ ดีคนอุตส่าห์หวังดี”

   “เหอะ กูไม่ได้ขอให้เมิงช่วยซะหน่อย” แล้วมันก็สะบัดตูด กำลังจะเดินไป พอดีกับที่ไอ้ตุ๊เดินมาพอดี

   “เฮ๊ย ไอ้โม ไอ้เวอร์” ไอ้ตุ๊เรียก

   “โม ตีนเป็นไรวะ”

   “เป็นแผลไง ตาบอดเหรอ ผ้าพันแผลตรึมอยู่เนี่ย” อารมณ์ค้างจากไอ้เวอร์ตะกี้ เลยมาระบายกะเมิงซะเลย

   “อ่าว ไอ้นี่กูถามดีๆ เดี๋ยวกูก็เบิร์ดกะโหลกให้” มันทำท่าจะตบหัวผม

   “แหะๆ เค้าล้อเล่งงงง ให้เค้าขี้คอเข้าไปหน่อยดิ เดินไม่ไหวน่ะ นะๆๆ” พูดเพราะขึ้นมาเชียวกู

   “นั่น ลำบากกูอีก”

   “ไรว้า แค่นี้บ่น กูเดินไปเองก็ได้วะ ให้เลือดมันออกตายไปเลย”

   “แน๊ มีงอนอีกเมิง กระแดะขึ้นทุกวันนะเมิงเนี่ย” ง่า ว่ากูกระแดะอีก งอนเป็นสองเท่า

   “ไอ้เวอร์ ถือกระเป๋า ให้กูกะไอ้โมดิ๊” มันส่งกระเป๋าผมกับมันให้ไอ้เวอร์ถือครับ ไอ้เวอร์ทำหน้ามึนแต่ก็รับไป แล้วไอ้ตุ๊มันก็เอาผมขี่หลังมันครับ แฮ่ๆ ไอ้โมก็กอดคอมันทันที เอาหน้าซบไหล่ ไอ้ตุ๊ อร๊ายยยยย แข็งแรงบึกบึนดีแท้ ไอ้เวอร์ก็เดินตามหลังมา ผมก็หันไปมองมันเป็นระยะๆ มันก็เดินตาม ทำหน้าเก๊กตามเดิม แต่คิ้วมันอ่ะ ผูกโบว์เชียว มันมองมาผมก็แลบลิ้นให้มันอ่ะครับ หมั่นไส้ ส่วนมันก็แยกเขี้ยวใส่ผม แต่ไม่กล้าทำไรผมหรอก ฮ่า ฮ่า ไอ้ตุ๊อยู่ด้วยผมไม่กลัวมันหรอก

   แล้วผมก็ต้องพึ่งพาอาศัยไอ้ตุ๊ กับไอ้อุ้ยครับ เวลาเปลี่ยนคาบเรียนผมก็ขึ้นหลังไอ้ตุ๊บ้าง กอดคอไอ้อุ้ยบ้าง สบายไปเลย ตอนกลางวันลงไปกินข้าวกันครับขี่หลังไอ้ตุ๊ลงไป แล้วมันก็วิ่งแท่ดๆไปซื้อข้าวมาให้ผมกิน แทบจะป้อนกันเลยที่เดียว กูไม่ได้เป็นอะไรมากขนาดนั้น กูเจ็บที่ขา ไม่ได้เจ็บที่ปาก แต่แหมมันดีดีจริงๆ นี่ถ้าผมปวดฟัน เจ็บลิ้น ไม่รู้ว่ามันจะเคี้ยวข้าวป้อนผมด้วยหรือเปล่านะ

    พอกินข้าวเสร็จไอ้ตุ๊ กับไอ้เวอร์ มันก็จะไปเล่นบาสกันครับ (เหมาะจริงๆเมิงสองตัวน่ะ สูงปรี๊ด สุงกว่ารุ่นพี่ ม.6 อีก ตอนนั้นไอ้ตุ๊สูงที่สุดในโรงเรียนครับ ส่วนไอ้เวอร์ตอนนั้นก็น่าจะสูงราวๆ 180 แต่หุ่นไอ้ตุ๊มันจะหุ่นแบบตรงๆ หนาๆหน่อย คือยังโตไม่เต็มที่น่ะครับ เลยไม่ค่อยมีเชป ต่างจากไอ้เวอร์ที่ตัวไม่หนามาก แต่มันมีเชฟอ่ะ ไหล้กว้าง เอวคอด ก้นงอนเชียว)

   ตอนแรกผมว่าจะไม่ไปกับพวกมัน กะจะขึ้นห้องไปเลย แต่ไอ้ตุ๊มันก็คะยั้ยคะยอให้ตามไปดู ผมเลยให้มันสองคนเดินไปก่อน ส่วนผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อน แล้วจะตามไป ผมให้ไอ้อุ้ยมันพามาน่ะครับ ผมก็เดินกอดคอมันมา ห้องน้ำก็อยู่ไกล้ๆกับสนามบาสน่ะแหละ ระหว่างที่เดินกันมา ผมก็แอบมองไอ้อุ้ยเป็นระยะ ดูไปดูมาไอ้อุ้ยมันก็น่ารักแฮะ ไม่รู้เป็นไร หมู่นี้มองผู้ชายน่ารัก ท่าจะเพี้ยนไปละกู  ชอบคิ้วมันอ่ะดกจริงๆ ปากก็บ๊างบาง ถึงแม้ว่าผิวมันจะไม่ขาวเท่าไอ้เวอร์ แต่มันก็ถือว่าขาวมากสำหรับเด็กต่างจังหวัด ตัวมันก็เท่าๆกันกับผม ออกจะมีเนื้อมากกว่าผมนิดหน่อย ตอนนี้ผมกับมันแก้มแทบจะชนกัน ยิ่งตอนนี้แอบแอบเหลือไปมองมัน ทำให้จมูกผมไปชนกับแก้ม ผมแอบเห็นว่าแก้มมันแดงๆด้วยอ่ะ น่ารักชะมัด มันก็ไม่ได้ว่าอะไร กลิ่นตัวมันนี่ยังกะเด็ก ผมได้กลิ่นแป้งเด็กอ่อนๆ จากตัวมันด้วยอ่ะ ห๊อมม หอม ขอสูดให้ชื่นใจหน่อยเหอะ

        ซื๊ดดดดด.....

   “ทำไร เนี่ย”

   “ทำไมตัวเมิงหอมจังวะ หอมยังกะเด็กแน่ะ”พูดแล้วก็ยื่นจมูกไปไกลๆคอมัน แล้วทำท่า ดมๆ

   “เชี่ยไร ก็กลิ่นเหมือนๆกับมึงอะแหละ แล้วมาดมอะไรกูเนี่ย สยิวนะเว้ย”

   “อ่ะแน่ะ สยิวอะไร เห็นเมิงหน้าแดงแป๊ด เขินอ่ะดิ มาให้กูดมอีกหน่อย แม่งหอมจริงๆว่ะ”

   “เขินพ่อเมิงเส่ อากาศมันร้อนเว้ย แล้วตัวมึงอ่ะหนักจะตาย”

   “หนักเชี่ยไร ไอ้ตุ๊กะไอ้เวอร์มันแบกกูมันไม่เห็นบ่น”

   “เมิงเอากูไปเปรียบกับพวกมันอ่ะนะ ตัวอย่างกับหมีควาย แล้ว...เอ่อ ... เมิงกับไอ้เวอร์ไปญาติดีกันตั้งกะเมื่อไรวะ มันถึงยอมแบกมึง ปกติเห็นกัดกันยังกับหมา” เจร๊ยยยย เผลอหลุดปากออกไปได้ไงเนี่ยกู น่าอายจริงๆ ที่จริงแล้วมันทำกูมากกว่านั้นอีก ถ้าเมิงรู้แล้วจะหนาวววว

   “เออ ช่างกูเหอะ ถึงแล้วเนี่ย ปล่อยดิ เดี๋ยวกูจะเยี่ยว”

   “ให้กูรูดซิบให้ด้วยเลยมั้ยล่ะ”

   “กูไม่ได้เป็นง่อย สาดดด”

   “ฮ่า ฮ่า เด๋วกูรอข้างนอกนะเมิง อย่าแอบชักว่าวล่ะ” นี่เมิงจะปากดีกันทุกคนเลยใช่มั้ยเนี่ยะ

   “เด๋วกูจะเอาน้ำว่าวกูนี่แหละ ไปป้ายปากเมิง”

   ฉี่เสร็จผมก็เกาะไอ้อุ้ยตามไอ้สองตัวนั่นมาที่สนามบาส แม่งแดดเปรี้ยงๆ กลางวันแสกๆ เมิงไม่ร้อนกันรึไงวะ สนามบาสก็กลางแจง พวกเมิงบ้ากันไปแล้วแน่ๆ พอเดินมาถึงก็เห็นว่ามีรุ่นพี่ ม.3 อีกสามคน หนึ่งในนั้นมีอยู่คนหนึ่งชื่อพี่โอ๊คครับสุดหล่อของ ม.3 พี่คนนี้เป็นที่กรี๊ดกร๊าดของสาวๆมากครับ แล้วหน้าตานี่จัดว่าหล่อมาก สูสี กับไอ้เวอร์ได้เลยที่เดียว (แล้วทำไมกูต้องชมว่ามันหล่อ -_-) แต่พี่โอ๊คจะตัวบางกว่าไอ้เวอร์นิดหน่อย

   คือพี่โอ๊คเนี่ยเป็นพี่ชายของเพื่อนในห้องที่ชื่อกอล์ฟครับ ผมเคยคุยกับพี่เค้า 2-3 ครั้งครับ เพราะผมก็สนิทกับไอ้เพื่อนที่ชื่อกอล์ฟนี่เหมือนกัน คือเป็นคนอัธยาศัยดีน่ะ เข้าได้กับทุกคน สรุปว่ามีคนอยู่ในสนามทั้งหมด 5 คนแล้วมันเสือกถอดเสื้อเล่นทั้งห้าคนเลย เหงื่อไหลไคลย้อยกันเลยที่เดียว ผมก็นั่งดูมันเล่นกันไป ชอบดูครับ ไม่ชอบเล่น เพราะทักษะทางด้านการกีฬาของผมนี่เข้าขั้นติดลบ ฮ่า ฮ่า

   ดูไปเพลินๆ ไอ้ตุ๊ ก็หันมาส่งยิ้มให้ผมเป็นระยะๆ ผมก็นั่งโบกไม้โบกมือให้มัน ไอ้เวอร์ก็มองมาครับ แต่ผมทำเป็นไม่สนใจแถมยังแลลิ้นให้มันอีกตะหาก มันก็ชี้หน้าประมาณว่าเดี๋ยวเมิงจะโดน ฮ่า ฮ่า เล่นไปได้สักพักมันก็เดินมานั่งข้างๆผม แล้วก็บอกว่ารุ่นพี่ 3 คน ชวนเล่นพนัน วางเดิมพันคนละ 50 แต่ทีมรุ่นพี่มี 3 คน ผมก็บอกว่ามันจะไหวเหรอ 3 ต่อ 5 ไอ้สองตัวนี่กลับพูดว่า ดีซะอีกถ้าชนะจะได้ตั้ง 150 ได้กินกันพุงกางเลยนะเนี่ย สาดดด แล้วเมิงไม่เผื่อแพ้ด้วยล่ะ มันบอกว่าก็ถ้าแพ้ก็มีผมกับไอ้อุ้ยช่วยออกตังค์อยู่ดี สันดานนน แล้วมันก็ลงสนามไป

   มันสองคนก็เล่นได้สูสีกับรุ่นพี่สามคนนั่นน่ะครับ ด้วยความที่มันทั้งสองคนตัวโตด้วยเลยสู้ได้สบายๆเลย ระหว่างที่เล่นผมก็ดูไปเรื่อย พินิจพิจารณามัน 2 คน พวกนักกีฬานี่มันมีเสน่ห์จริงๆ โดยเฉพาะตอนอยู่ในสนามแข่ง ปกติผมเจอหน้ามันสองคนทุกวันอยู่แล้วไง ผมก็เฉยๆ มันก็ดูดีแหละแต่ผมไม่ยอมรับหรอกว่าพวกมันหล่อ ฮ่ะ ฮ่ะ


   ไอ้ตุ๊ : ชายหนุมร่างบึกบึน สูง 187 แก้มอิ่ม ปากรูปกระจับ จมูกโด่งเป็นสัน ตาสองชั้น หน้าตาออกตี๋ติดหน่อย ผิวออกสีน้ำผึ้ง ไหล่กว้าง มีกล้ามท้องเล็กน้อย ร่างกายชุมไปด้วยเหงื่อ 
   ไอ้เวอร์ : ชายหนุ่มสูง 182 เซ็นติเมตร ใบหน้าเรียวยาว ตาสองชั้น ขนตายาว คิ้วเค้ม ปากสีแดง ริมฝีปากบนบาง ริมฝีปากล่างหนากว่านิดหน่อย จมูกโด่งมาก ผิวขาวอมเหลือง ไหล่กว้าง เอวคอด ก้นงอน มีกล้ามอก กับกล้ามท้อง แล้วก็... ขน ไอ้นี่มันมนุษย์พันธ์ขนรึไงเนี่ย -__-  ขนจากข้างในมันเลื้อยขึ้นมาถึงสะดือแน่ะ ที่ขามันอีก

   พี่โอ๊ค (ขอหน่อยคือพี่เค้าหล่อจริงๆอ่ะ)  : ชายหนุ่มสูง 180 ตาโต ขนตายาว ปากบางสีแดง จมูกโด่งมาก ไว้จอน ผิวขาว ไหล่กว้าง เอวคอด ก้นงอน มีกล้ามเนื้อเล็กน้อย หุ่นดีโคตรๆ โดยรวมๆแล้วผมว่าหุ่นดีกว่าไอ้เวอร์อีก แล้วก็เป็นมนุษย์พันธ์ขนเหมือนกัน ขนเยอะมากๆ ดูท่าแล้วจะเยอะกว่าไอ้เวอร์อีก

   ผมนั่งดูมันเล่นไปจนได้ยินเสียงออดว่าให้ขึ้นเรียนนั่นแหละ สรุปว่าไอ้เวอร์กับไอ้ตุ๊ มันชนะครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า หวานคอแร้งสิแบบนี้ ตอนเย็นคงต้องฉลองกันหน่อย พอจะขึ้นห้องไอ้ตุ๊มันก็อาสาจะแบกผมขึ้นไป แต่ตัวมันอ่ะ เหงื่อยังกะอาบน้ำ ผมเลยกอดคอไอ้อุ้ยเดินมาดีกว่าน่ากอดกว่ากันเยอะ แถมตัวหอมอีกต่างหาก ให้มันสองคนไปล้างเนื้อล้างตัวกัน ส่วนผมก็เดินขึ้นห้องมากับไอ้อุ้ย

   สรุปว่าทั้งอาทิตย์นี้ ผมก็ขาเจ็บ ต้องอาศัยไอ้อุ้ยกับไอ้ตุ๊เวลาไปไหนต่อไหน ฮ่า ฮ่า สบายชะมัด ไม่อยากหายเลยตู หรือว่าจะแกล้งเจ็บต่อไปดีนะ ส่วนไอ้เวอร์ก็มีหน้าที่ถือกระเป๋าให้ผมครับสะใจจริงๆ ได้ใช้งานมัน แต่เวลาที่ผมขี่คอไอ้ตุ๊นี่สิ ผมสังเกตว่ามันชอบมองผม ทำคิ้วขมวด แต่ว่าผมไม่สนใจหรอก ตอนนี้กูกำลังมีความสุข เอิ๊กๆ

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 12 จบ + ตอน 13 .P2[13/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: gay_love ที่ 14-09-2011 22:35:32
 :a5:เชียร์ปุ๊ปตุ๊มาปั๊ปเลย..แต่แววมันบอกจิไม่ได้นายเอกแน่รุย...+1
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 12 จบ + ตอน 13 .P2[13/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 14-09-2011 23:40:05
ก็เวอร์มันหึงอ่ะเด้  555

ว่าแต่ทำไมเด็กเดี๋ยวนี้มันสูงกันจริ๊งจริง



 
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 12 จบ + ตอน 13 .P2[13/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 14-09-2011 23:52:55
ม.1สูงมากงะ สูงจริงๆงะ สูงไปไหน :เฮ้อ:

เชียร์เวอร์ เวอร์ลุยเลย
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 12 จบ + ตอน 13 .P2[13/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 15-09-2011 00:17:44
น้องเวอร์..สูงได้เวอร์สมชื่อ :laugh:

 :call:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 12 จบ + ตอน 13 .P2[13/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 15-09-2011 09:02:43
เว่อร์เริ่มหวงละ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 12 จบ + ตอน 13 .P2[13/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Kiss Koki ที่ 15-09-2011 09:08:12
 :m15:ได้เลือดอีกละ..นะโม เล่นน้ำกันจนตัวซีด อิอิ... :laugh: หนุกละซิเนี่ย
ขาเจ็บมาสบายเลยน๊านะโม....เย้ยยย ไปอ้อนตุ๊ อีกละ...เกาะป้องกันอย่างดี 555...(งานนี้เวอร์ว่าไง... o18???)
แอบเจ้าชู้นะเนี่ยนะเรา...ไปหอมแก้มอุ้ยซะแล้ว. เอ๊แล้วใครจะชอบใครนะเนี่ย5555 .....ตามต่อไปหนุกดี..
ว่าแต่เด็ก ม. 1 เนี่่ยแร๊งงงงงค์ ตั้งแต่เด็กนะเนี่ย :laugh:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 12 จบ + ตอน 13 .P2[13/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 15-09-2011 13:45:35
กำลังสนุกเลย  :L1: :L1: :L1: มารออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 12 จบ + ตอน 13 .P2[13/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 15-09-2011 13:56:13
 :call: :call:
ชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 12 จบ + ตอน 13 .P2[13/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: debubly ที่ 15-09-2011 15:18:41
อ่ะ รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 12 จบ + ตอน 13 .P2[13/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 15-09-2011 18:48:51
ใครตัวจริงเนี่ยยยยย
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 12 จบ + ตอน 13 .P2[13/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 15-09-2011 20:29:26
ตอน 14: เหตุการณ์ไม่ปกติที่เกิดขึ้นเป็นปกติ เอ๊ะ! ยังไง

   หลังจากที่มันเกือบจะข่มขืนผมวันนั้น จากนั้นเป็นต้นมาผมก็เลี่ยงที่จะอยู่กับมันสองต่อสองครับ ไม่รู้

ว่ามันจะลุกมาหื่นใส่ผมอีกเมื่อไหร่ ทางที่ดีผมขอปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า แต่เวลาอยู่กับเพื่อนๆผมกับมันก็ปกติ

ครับ คือทะเลาะกันเป็นปกติ มีการประทะคารมกันตลอด จนใครต่อใครรู้กันทั่ว ว่าผมกับมันถ้ามีเวลาว่างเมื่อไร

ต้องมีสงครามน้ำลายกันเสมอ วันนี้ก็เช่นกัน ขณะที่อาจารย์กำลังสอนภาษาไทยอยู่นั้น


   “ไหนนายเฉลิมพล ลองยกตัวอย่าง สุภาษิต/คำพังเพย ที่เกี่ยวกับคำพูดให้ครูฟังซิคะ”

   “น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหลงเหลงครับ หมายถึงคนที่พูดอะไรมากมาย ยืดเยื้อ แต่มีเนื้อหาสาระนิดเดียว”

   “ค่ะ แล้วมีสุภาษิต/คำพังเพย อันไหนที่ไกล้เคียงกับอันนี้อีกมั้ยคะ ลองยกตัวอย่างมาสิ”

   “ก็มี น้ำลายแตกฟอง พูดจนลิงหลับ แล้วก็ พูดเป็นต่อยหอยครับ เหมือนๆที่นาย ศุภชัยเค้าชอบทำบ่อยๆน่ะครับ” แล้วอาจารย์กับเพื่อนๆก็ฮา กันไปตามระเบียบ

   “เอาล่ะ ดีมากๆ นั่งลงได้ มีใครยกตัวอย่างได้อีกมั้ยคะ”ผมรีบลุกขึ้นยืนยกมือขึ้น

   “เอาละว่าไงคะ ลองยกตัวอย่างมาซิ”

   “เวลาที่อาจารย์พูดสอนนายเฉลิมพล แล้วไม่เข้าใจน่ะครับ แม้ว่าจะพูดหลายๆครั้งก็ยังไม่เข้าใจ เค้า
เรียกสีซอให้ควายฟัง ไงครับ (ผมเน้นคำว่าความแล้วก็หันหน้ามาทางมัน)”เพื่อนๆ ในห้องก็เฮ กันเลยครับ ฮ่า
ฮ่า แต่มันไม่ยอมแพ้ครับ รีบลุกยืนยกมือขึ้น

   “มีอีกครับอาจารย์ เวลาที่นายศุภัย ชอบหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว แต่สู้ใครเค้าไม่ค่อยได้น่ะ เค้าเรียกว่าหมาเห่าใบตองแห้ง ใช่ป่ะครับ (มันเน้นคำว่าหมาครับ)” หนอยแน่ะมันหลอกด่าผมว่าเป้นหมาเหรอ กูไม่ใช่นะเว้ย แง่งงงง (น้ำลายยืด เตรียมโดดเข้าฟัดกับมัน) แต่ก่อนที่ผมกับมันจะโดดเข้าฟัดกันนั้น


   “หยุดเลยพวกเธอ นี่ขนาดต่อหน้าครูนะเนี่ย นั่งลงทั้งคู่เลย ไม่งั้นครูจะฟาดด้วยไม้เรียวทั้งคู่นี่แหละ ทำไมนะชอบทะเลาะกันอยู่เรื่อย”

   “ก็มันชอบยั่วโมโหผม”

   “เธอน่ะตัวดี นั่งลงเลย” โห อาจารย์อ่ะ ผมกับมันรีบนั่งลง โดยที่ผมยังคงฟึดฟัดๆ แต่มันอ่ะยักคิ้วให้ผมจึ๊กนึง แล้วทำท่ายิ้มกวนตีนๆ แม่งเอ๊ยยยย เดี๋ยวกูก็โดดต่อยเข้าให้ แล้วเสียงออดก็ดัง บอกว่าเป็นเวลาพักเที่ยง

   “เอาล่ะนักเรียนงั้นวันนี้พอแค่นี้แล้วกัน เจอกันใหม่คาบหน้านะคะ อย่าลืมทำงานที่สั่งมาส่งครูด้วยล่ะ”

   เอ่อ...แล้วอาจารย์ไปสั่งงานตอนไหนฟระ!  :sad5:

   เหตุการณ์ที่เหมือนจะเป็นเป็นเรื่องปกตินั้น เริ่มมีบางคนที่รู้ว่า มันไม่ใช่เรื่องปกติ ผมเองก็ไม่รู้ เหมือนกัน ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ใครคนนั้น เริ่มสังเกตเห็นถึงความปกติที่มันไม่ปกตินั้น เอ๊ะ! ยังไง ยิ่งเขียนยิ่งงง เอาเป็นว่ามันเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติที่เกิดขึ้นเป็นปกติ ... -__- เอ่อ... ช่างมันเถอะ ผมเริ่มสังเกตเห็นว่าไอ้อุ้ยกับไอ้ตุ๊ เริ่มมองผมกับได้เวอร์แปลกๆ ทุกครั้งที่ผมปะทะคารมกัน

   ขณะเพื่อนๆ กำลังจับกลุ่มโม้กับเพื่อนๆ ขณะนั่งดูบาสเกตบอล NBA

   เพื่อนคนหนึ่ง : “เฮ้ย มึงดู ไอ้นั่นแม่งโคตรเท่ห์เลยว่ะ”

   เพื่อนอีกคนหนึ่ง :”ไหนวะๆ”

   เพื่อนคนหนึ่ง : “เนี่ยๆ มันมันโดดดังค์เอาๆ กูอยากทำได้แบบนั้นมั่งจัง” คือเรื่องจะใช้ท่าดังค์ สำหรับเด็กมอต้นเนี่ย มันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะส่วนสูงไม่น่าจะถึง ขนาดพวกมอปลาย ยังไม่มีใครสูงพอที่จะกระโดดดังค์ลูกได้เลย

   เพื่อนอีกคนหนึ่ง :”ไอ้ตุ๊ มึงทำได้ป่ะวะ”

   ไอ้ตุ๊ : “ก็ได้ว่ะ แต่ต้องวิ่งไกลหน่อย”

   เพื่อนอีกคนหนึ่ง :”โห แม่งอิจฉาว่ะ วันหลังทำให้ดูหน่อยดิ๊”

   ไอ้ตุ๊ : “หุ หุ เย็นนี้เลยมะ” ไอ้ตุ๊ กอดออกยืดเชียว

   ไอ้เวอร์ : “กูก็หัดอยู่ว่ะ ตอนนี้ก็เริ่มทำได้ล่ะ” ไอ้เวอร์อวดมั่ง

   เพื่อน : “เฮ้ย จริงอ่ะ งั้นกูว่าไปเที่ยงนี้เลยดีกว่า กูอยากดู”
   
   “แหวะ ขี้โม้!” เสียงใครคงไม่ต้องบอกนะ ทะลุกลางปล้องมาซะขนาดนี้ เพื่อนๆหันขัวบมามองผมเป็นตาเดียว

   “มึงว่าใคร” ไอ้เวอร์ ถลึงตาใส่ผม

   “โอ๊ะ โทษที กูคิดดังไปหน่อย” ผมยักไหล่ แกล้งทำเป็นอ่านการ์ตูนต่อไป

   “กูถามว่ามึงว่าใคร”

   “ปล๊าวววว อย่าร้อนตัวน่า”

   “มึงไปดูมั้ย กูจะทำให้ดู ถ้ากูทำได้มึงให้อะไรกู”

   “กูไม่เห็นอยากรู้ มึงทำได้หรือไม่ได้ก็เรื่องของมึง”

   “อ่าว สัดนี่ แล้วไหนมาว่ากูโม้ ทีแบบนี้ละป๊อด”

   “ไม่ได้ป๊อดเว้ย ก็แค่กูไม่สนใจ มึงจะทำได้ไม่ได้ก็เรื่องของมึง กูก็แค่ไม่ชอบคนขี้โม้ เห็นแล้วหงุดหงิดว่ะ”

   “กูไม่ได้โม้ สัด แน่จริงมึงไปดูมะ”

   “ไม่! แดดร้อน” จะไปทำไม่ เดี๋ยวมึงดังค์ได้ขึ้นมาจริงๆ กูก็หน้าแหกสิ กูก็แค่อยากจะกวนตีนมึงเล่นๆ

   “ป๊อด เอ๊ย ทีตะกี้ละทำปากดี ฮ่ะ ฮ่ะ ขี้ขลาด ว่ะ ตุ๊ดป่ะเนี่ยะ” มันหัวเราะเย้ย จากตอนแรกที่กะจะกวนตีนมัน มาถึงตอนนี้ผมกลับเริ่มของขึ้นซะเอง เพราะเถียงสู้มันไม่ได้ ฮึ่มมมมม

   “มึง....” ผมอ้าปากจะพูดต่อ แต่เหลือบไปเห็น ไอ้ตุ๊ กับไอ้อุ้ย ทำนิ่งมองผมอยู่ ทำให้เกิดกลัวว่ามันจะสงสัย เรื่องของผมกับไอ้เวอร์ขึ้นมา (แล้วจะกลัวทำไม เนี่ย ไม่ได้มีไรกะมันซะหน่อย)

   “ผัวเมียคู่นี้นะ ทะเลาะกันได้ทุกวี่ทุกวัน ทะเลาะกันแบบนี้ลูกดกแน่เลยว่ะ” นั่น ไอ้อุ้ย จะมาคุ้ย มาเขี่ย ทำซากอะไร เพื่อนๆ หันไปมองไอ้อุ้ย ทำหน้างง

   “อึก...เชี่ยอุ้ย พูดห่าไร” ผมร้อนตัว หน้าแดงแปร๊ดดดด

   “แหม กูแซวเล่น ทำหน้าแดงนะมึง”

   “แซวห่าไรเมิง หน้าอย่างไอ้เชี่ยเวอร์ ใครได้ไปเป็นแฟน ซวยทั้งชาติ” แถๆๆ เข้าไปกู

   “อ่ะแน่ะ ทำเป็นกลบเกลื่อนนะมึง วันก่อนยังแอบเห็นหอมแก้มกันแหม็บๆ” เฮ้ยยยย  มึงไปเห็นตอนไหนวะ มองไปที่เวอร์ มันทำไม่รู้ไม่ชี้ ควายยยยยยย  มึงนั่นแหละทำอะไรไม่ระมัดระวัง คราวนี้แหละ ได้รู้กันทั่วทั้งโรงเรียน ... นี่แหละคือเหตุการณ์ไม่ปกติ ที่มันเกิดขึ้นเป็นปกติ เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น ไอ้เวอร์มันจะหาเรื่องกัดกับผม แต่ลับหลังคนอื่นนี่สิ ได้ขโมยกอด ขโมยหอมแก้มผมตลอด ตอนแรก นึกว่าไม่มีใครสังเกตเห็น แต่ที่ไหนได้...

   ปึง! ตึง! เสียงไอ้ตุ๊เตะเก้าอี้ แล้วพรวดพราดเดินออกจาห้องไป เพื่อนๆหันตามไปมองกันเป็นตาเดียว ว่ามันเป็นอะไรวะ ตะกี้ยังคุยกันดีๆ

   “นั่นไง สามีหลวงงอนไปนู่นล่ะ ไปตามง้อหน่อยสิว้า” ไอ้อุ้ยยังเล่นไม่เลิก ไอ้ห่านี่ กูไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว

   “เชี่ยอุ้ย เยอะไปละมึงเนี่ย หยุดพล่ามได้ยัง แล้วพวกมึงเป็นห่าไรเนี่ย มารุมซะอย่างกับกูเป็นนักโทษ หลบๆๆ ไปซิเนี่ย รำคาญ” ผมทำโวยวาย เพราะเริ่มจะจนตรอกเข้าไปทุกที

   “ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า วงแตกกันเลยเชียว วันนี้พอหอมปากหอมคอก่อนละกันนะ วันหลังค่อยเอาใหม่” ไอ้อุ้ยหัวเราะร่วน ที่วันนี้มันได้เผาผมซะเกรียม ควันขโมงเชียว

   “เชี่ย ฝากไว้ก่อนเหอะมึง ไอ้อุ้ย” ผมบ่น อุบอิบ แต่มันยังทำหน้ามะเล้นใส่ หันไปมองไอ้เวอร์ มันก็ยังทำหน้ามึน ไม่ร็ไม่ชี้เหมือนเดิม ฮึ่มมมมม  เพราะมึงคนเดียวไอ้บ้ากามมมมมม  :o211:

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 12 จบ + ตอน 13 .P2[13/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 15-09-2011 20:32:38
ตอน 14: เหตุการณ์ไม่ปกติที่เกิดขึ้นเป็นปกติ เอ๊ะ! ยังไง (ต่อ)

หรืออย่างวันนี้

   หลังจากที่ผมเสร็จสมอารมณ์หมาย ไม่ใช่!!! ขณะที่ผมกำลังทำเวรห้องอยู่ หลังจากที่ผมลบกระดานดำเสร็จแล้ว ก็พบว่า มีฝุ่นชอล์คเปื่อนแขนและกางเกงผมเต็มไปหมด ผมพยายามเอามือปัดฝุ่นชอล์คออจากกางเกงผม ก็พบว่า ยิ่งปัดยิ่งเปรอะ -o- แล้วทันไดนั้นผมก็คิดแผนการณ์อะไรบางอย่างได้ ฮ่ะ ฮ่ะ

   ผมจัดการณ์เตรียมแผนการ ของผมจนเรียบร้อย ตอนนั้นเป็นเวลาเช้าอยู่ เพื่อนๆในห้อง เพิ่งมากันไม่กี่คน ทำให้แผนการของผม ดำเนินไปอย่างราบรื่น


   และแล้วคนที่จำทำให้แผนการของผมบรรลุผลก็มา... คนที่คุณก็รู้ว่าใคร   ...

   ทันทีที่ใครคนนั้นเดินเข้ามาในห้อง และกำลังเดินไปที่นั่งประจำ

   “อ๊ะ คุณพาวเวอร์คร้าบบบบ” อี๋ขนลุกกับตัวอง ผมเรียกขณะที่มันเดินมาถึงโต๊ะ กำลังจะเอากระเป๋าวาง แต่มันก็ชะงักซะก่อน

   “เป็นห่าไรแต่เช้าเนี่ย เรียกซะกูขนลุกเชียว” มันทำท่าขนลุก

   “แหะๆ ป่าว แบบว่าช่วยไรหน่อยสิ” ผมพูด พร้อมกับแถแถ่ดๆๆๆ ไปหามัน

   “กูว่าละ มาพูดกับกูซะเพราะเชียว ไหนล่ะ มีไรให้กูช่วย” ผมไม่ตอบ แต่เข้ากอดคอมันไว้ มืออีกข้าง หยิบกระเป๋าที่มือมัน ไปวางบนโต๊ะ

   “หือ?” มันทำท่างง เพราะตอนนี้ผมกอดคอมันไว้ แล้วกดตัวมันให้นั่งลงบนเก้าอี้

   “...” ผมยิ้มให้มันแต่ไม่ได้พูดอะไร หน้าผมกับมันห่างไม่ถึงคืบ

   “อารมณ์ไหนเนี่ย” มันถามงงๆ เพราะปกติ ผมไม่เคยเป็นฝ่ายทำอะไรแบบนี้ มีแต่มันที่จะเข้ามาลวนลามผมก่อน

   “...”ผมยังยิ้ม แล้วขึ้นนั่งคร่อม คุกเข่าบนตัก หันหน้าเข้าหามัน มือก็กอดคอมันไว้ ส่วนมันก็เอามือเท้าไปเก้าอี้ด้านหลัง มันมองหน้าผมยิ้มๆ คงคิดว่าผมกำลังจะจูบมัน แต่แล้วผมกลับลุกขึ้นมาแทน แล้วผลักจนมันหงายหลังไป

   “อะไรเนี่ย” มันงงกับการกระทำของผม แต่แล้วก็เหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่างได้ มันก้มลงไปดูที่ พื้นเก้าอี้ที่มันนั่งอยู่พร้อมเด้งผึงออกมา ส่วนผมก็โดนหลบไปหลังห้องอย่างไว

   “เชี่ยยยยยยย ไอ้โมมึง” มันเอี้ยวไปดูที่ก้นกางเกงมัน ที่ตอนนี้เปรอะไปด้วยชอล์ค และน้ำหมึกปากกา มันถลามาหาผมทันที พร้อมชี้หน้าผม

   “มึงทำเหี้ยไรเนี่ย มึงอย่าหนีนะมานี่เลย” มันโกรธจนหน้าแดง

   “ฮ่า ฮ่า หน้าโง่ โดนหลอกแค่นี้ก็เชื่อ คิดว่ากูจะพิสวาสมึงเหรอ ไม่มีทาง” ผมหัวเราะสะใจ

   “มึงอย่าให้กูจับได้นะมึง มึงโดนแน่ หยุดอยู่ตรงนั้นเลยมึง”

   “บ้าป่าว ใครจะไปหยุดว่ะ ฮ่า ฮ่า กูไม่ได้โง่แบบมึงนิ” ผมหัวเราะลั่น วิ่งหลบมันไปทั่วห้องโดยมี เก้าอี้
และโต๊ะ เป็นโล่กำบัง ส่วนไอ้เวอร์มันเห็นว่าจับผมไม่ได้แน่ มันจึงโดดขึ้นวิ่งบนโต๊ะเรียน ไล่กวดผมเลยทีเดียว

   “เฮ้ย!!!” ผมร้องตกใจ เมื่อ ไม่สามารถใช้เก้าอี้และโต๊ะมาเป็นโล่กำบังได้อีก
   “มึงโดนแน่” มันคำราม วิ่งเข้ามาใส่ผม ผมเห็นท่าไม่ดีแน่ เลยวิ่งไปที่ประตู กำลังจะพ้นประตูออกไปแล้วเชียว ไอ้เวอร์ก็ถลาเข้าคว้าเอวผมได้ทัน

   “ปล่อยนะโว้ย” ผมร้อง

   “ปล่อยก็โง่สิ ตะกี้มึงว่าไงนะ” มันย้อนผม

   “อึก..” ผมขนลุกเกรียวเลยครับ กลัวง่ะ

   “กลัวเหรอ หือ มึงโดนแน่ ทำกางเกงกูเปรอะเลยนะมึง”   มันทำตาเขียวปั๊ดใส่ผม

   “...” แต่ผมยังไม่หมดฤทธิ์ คว้าหมับเข้าทีเป้ากางเกงมัน (ทำไปได้นะกู แต่ก็นะ เพื่อความอยู่รอด) แล้วผมก็...บีบ

   “โอ๊ยยย!เชี่ยยยยโม” มันร้องพร้อมกับคลายมือออกจากผม ผมรีบโดดออกจากไอ้เวอร์ เพราะเมื่อสักครู่ไม่ได้บีบไปแรงมาก ยังไงมันต้องลุกขึ้นมากวดผมอีกแน่

   แล้วก็เป็นจริงดังนั้น พอผมโผล่พ้นประตูมาได้ ไอ้เวอร์ก็ตามผมออกมาทันพอดี แล้วผมก็ไปปะทะใครคนหนึ่งเข้า

   “ไอ้ตุ๊ ช่วยด้วย ไอ้เวอร์มันจะฆ่ากู” ผมวิ่งไปหลบหลังไอ้ตุ๊

   “ถอยไปไอ้ตุ๊” ไอ้เวอร์หอบแฮ่ก มือยังกุมเป้าอยู่ ย่างสามขุมเข้ามาหาผม ที่ซ่อนอยู่หลังไอ้ตุ๊

   “เล่นห่าไรกันเป็นเด็ก” ไอ้ตุ๊บ่น น้ำเสียงหงุดหงิด   

   “มึงไม่รู้หรอก ว่ามันทำอะไรกับกูไว้ หลบไป” ไอ้เวอร์ เอื้อมมือมัจะคว้าแขนผม แต่ไอ้ตุ๊ ก็คว้าแขนมันไว้ซะก่อน

   “พอได้แล้ว” ไอ้ตุ๊เสียงแข็ง

   “มึงอย่ามาเสือก ปล่อยกู” ไอ้เวอร์จ้องตาเขม็ง

   “ไปดิ ยืนรอห่าไร” ไอ้ตุ๊หันมาหาผม ผมรีบวิ่งปรู๊ดดดด ออกมา แต่ก็หยุดหันไปมองอีกที กลัวมันจะต่อยกันจริงๆ แต่พอหันไปก็พบว่ไอ้ยักษ์สองตัวนั่นยืนจ้องหน้ากันอยู่แป๊บหนึ่ง ก่อนที่ไอ้เวอร์จะสะบัดแขนออกจากไอ้ตุ๊ แล้วเดินเข้าห้องไป ผมเห็นอย่างนั้นก็โล่งอก  เลยรีบวิ่งหนีลงมาข้างล่างอย่างรวดเร็ว และนี่ก็คือเหตุการณ์อีกอันที่ไม่ปกติแต่เกิดขึ้นเป็นปกติ ที่ไอ้ตุ๊จะหงุดหงิดเสมอ เมื่อเห็นผม ทะเลาะกับไอ้เวอร์  :freeze:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 12 จบ + ตอน 13 .P2[13/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 15-09-2011 20:36:57
น้องตุ๊งอนไปละ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 14-15 .P2[15/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 15-09-2011 20:48:57
ตอน 15/1: you’re my first kiss (ครึ่งแรก)

   ช่วงนี้เป็นงานกีฬาสีของโรงเรียนครับ อย่างที่บอกไอ้ตุ๊กับไอ้เวอร์เป็นนักบาส อยู่สีเดียวกัน ไอ้อุ้ยเป็นนักฟุตบอล ส่วนผมซึ่งมีทักษะทางด้านกีฬาเป็นเลิศทำหน้าที่เป็นบริกรครับ มีหน้าที่ดูแลนักกีฬา เสิร์ฟผ้าเสิร์ฟน้ำ เวลาพวกมันมีแข่งก็ไปดูมันแข่งกัน อย่างตอนนี้ไอ้อุ้ยกำลังเตะบอลอยู่ผมก็ไปนั่งดูมันข้างๆสนาม ก็ได้ยินเสียวสาวๆที่นั่งเชียร์กันอยู่คุยกัน

   “เฮ้ย แกคนนั่นใครวะ ที่ใส่เสื้อเบอร์ 11 น่ะ”

   “ไหนๆ อ๋อ ชื่ออุ้ยไง บ้านอยู่ตรงหน้าโรงเรียนน่ะ”

   “เฮ้ย แกชั้นว่าหล่อดีนะ หน้าเข้มถูกใจชั้นเลยอ่ะ”

   “เออ ชั้นก็ว่าหน้าตาใช้ได้ ทำไมอ่ะแกชอบเหรอ”

   “อืม แต่ไม่รู้เค้ามีแฟนรึยังนะ แต่หน้าตาดีแบบนี้ ชั้ยว่าคนต้องจีบกันเยอะแน่เลย แล้วมันจะเหลือมาถึงชั้นมั้ยเนี่ยะ”

   “ของแบบนี้ไม่ลองก็ไม่รู้ เดี๋ยวเตะบอลเสร็จ ลองเข้าไปคุยกันดูมั้ยล่ะ”

   “ดีๆ แต่แกต้องไปกับชั้นด้วยนะ ไม่งั้นชั้นไม่กล้าว่ะ” ผมนั่งฟังสาวๆคุยก็น ก็นั่งยิ้ม ไอ้อุ้ยนี่เสน่ห์แรงเหมือนกันนะเนี่ย ยิ่งมันอยู่ในสนามด้วยแล้ว โคตรเท่ห์เลย ผมสังเกตุว่าตอนที่ไอ้อุ้ยได้บอลนะ พวกสาวๆงี้ กรี๊ดกันใหญ่เลย พอหมดพักครึ่งมันก็เดินมาหาผม ผมก็ยื่นน้ำกับผ้าเย็นให้มัน

   “เออ ขอบใจ”

   “มึงนี่หล่อว่ะ” ผมพูดแล้วจ้องมัน มันสำลักน้ำเลยครับ ฮ่า ฮ่า หน้างี้แดงแป๊ด

   “เป็นเชี่ยไรเนี่ย” มันพูด หน้ายังแดงเป็นลูกตำลึง

   “เอ๊า จริงๆ กูเห็นนะมีสาวๆข้างๆน่ะ เค้าคุยกันถึงมึงด้วย เค้าบอกว่ามึงอ่ะหล่อ” ผมชี้มือไปที่พวกสาวๆพวกนั้นนั่งอยู่ ไอ้อุ้ยยิ้มแล้วโบกมือให้ พวกนั้นงี้กรี๊ดกันเลยทีเดียว

   “เออ หน้าตาน่ารักดี แล้วเมิงไม่ไปดูไอ้ตุ๊กับไอ้เวอร์แข่งอ่ะ”

   “อีกแป๊บ เดี๋ยวก็ไปละ กูคงไม่ได้ดูเมิงแข่งครึ่งหลังนะ”

   “อืม ไม่เป็นไร มีน้องๆเขานั่งเชียวร์กูอยู่แล้ว”

   “สาดด ไม่ค่อยจะหลงตัวเองเลยนะเมิง”

   “ก็ กูหล่อ แถมเก่งอีกต่างหาก ชนะ สบายอยู่แล้ว”

   “เออ ให้จริง งั้นกูไปละ” ผมตบบ่ามัน แล้วเดินมาที่สนามบาส พอเดินมาถึงก็เห็นไอ้เวอร์ กับไอ้ตุ๊ กำลังเตรียมลงแข่ง

   “เฮ้ย หายไปไหนมาวะ พวกกูจะลงแข่งแล้วเนี่ยะ”

   “ก็ ไปดูไอ้อุ้ยเตะบอลมา”

   “แล้วเป็นไงวะ”

   “ครึ่งแรก นำ 2-0 ตอนนี้เพิ่งเริ่มครึ่งหลัง”

   “ดูกระเป๋า ของกูกับไอ้เวอร์ด้วยล่ะ กูไปล่ะ”

   “อืม เอาให้ชนะล่ะ”

   “โห ลอยลำอยู่แล้วทีมกูอ่ะ” แล้วมันกูลงสนามไป เพิ่งเห็นว่ามันแข่งกับทีมพี่โอ๊คสุดหล่อ ถึงว่าทำไม ผู้หญิงมานั่งดูกันตรึมเลย   

   “กรี๊ดดดด พี่โอ๊คสู้เค้านะค๊า”

   “พี่โอ๊ค สู้ๆค่ะ”

   “พี่โอ๊ค หล่อมากกกก ค่า”โหเสียงเชียร์ทีมนั้นตรึม โดยเฉพาะเสียงเชียร์ไอ้พี่โอ๊ค แต่จะว่าไปวันนี้ไอ้พี่โอ๊คมันหล่อจริงๆแหละ ชุดบาสเป็นเสื้อกล้ามด้วย มันช่าง ขาวเนียนดีจริงๆ

ปรี๊ดดดดดด เสียงนกหวีดเริ่มการแข่งขัน การแข่งขั่นดำเนินไปอย่างสูสีครับ ผลัดกันนำ ผลัดกันตาม จนหมดครึ่งแรกฝั่งทีมพี่โอ๊คตามอยู่ 24-30 ครับจนมาถึงครึ่งหลังครับ ฝ่ายทีมไอ้ตุ๊ก็ทำบอลออกนอกสนามมาทางผม บอลกระดอนมาทางผมพอดี ผมก็เลยเก็บบอลให้ แล้วพี่โอ๊คก็วิ่งมาเอาบอลที่ผม ยิ้มให้ผมด้วย

   “ขอบใจนะ นะโม” ง่าาาาาาา ม่างงหล่ออ่ะ

   “ครับ” ผมยิ้มตอบ

   แล้ววันนี้สังเกตดูว่า ไอ้พี่โอ๊คมันเล่นพลิ้วมากอ่ะ เป็นตัวทำแต้มเลย เวลาชู๊ตลงทีนะ สาวๆกรี๊ดกันกระจาย เลี้ยงบอลผ่านไปทางไหนนะ สาวๆก็กรี๊ดกันสั่น แล้วตอนมันผ่านหน้าผมนะ มันชอบหันมาส่งยิ้มให้อ่ะ เหอๆตอนนั้นไอ้โมไม่ได้คิดอะไร แต่ยิ้มตอบไป วันนี้ไอ้ตุ๊มันก็เล่นดีครับ ปกติมันก็เป็นตัวทำแต้มอยู่แล้ว แต่ดูวันนี้ไอ้เวอร์มันเล่นไม่ค่อยออกเท่าไร โดนประกบตลอด แล้วทันไดนั้น

   ปรี๊ดดดดด เสียงเป่านกหวีด ไอ้เวอร์มันไปทำฟาล์วครับ ไประแทกกับพี่โอ๊คเข้าอย่างแรง   สงสัยงานนี้จะมีว่างมวย แล้วเกมก็เริ่มตึงเครียดครับ คือไอ้พี่โอ๊คกับไอ้เวอร์มันเริ่มเล่นกันแรงขึ้นครับ สมาชิกภายในทีมเลยพลอยเล่นแรงกันไปด้วย แต่ยังดีนะที่มันปลายเกมแล้ว ผมเชียร์ให้มันหมดเวลาเร็วๆ ก่อนที่มันจะวางมวยกัน เกมยิ่งทวีความรุนแรงครับ เมื่อเพื่อนพี่โอ๊คโดด บล็อคไอ้เวอร์แล้วล้มลงมาทับไอ้เวอร์ ไอ้เวอร์ก็ล้มได้เลือดเลยครับ หัวเข่าถลอก ไอ้เวอร์เดินไปกระชากคอเสื้อมันเลย จนอาจารย์ต้องมาแยกออกไป ทีมไอ้ตุ๊ได้ฟาล์วครับ แล้วไอ้ตุ๊ก็สังหารจุดโทษลงไปทั้ง 2 ลูก แล้วอาจารย์ก็เป่านกหวีดหมดเวลา เฮ้อออ ผมละโล่งอก ได้หายใจทั่วท้องซะที สรุปว่าทีมไอ้ตุ๊ชนะไปอย่างฉิวเฉียด ขณะที่กำลังเดินไปเปลี่ยนผ้า

   ไอ้เวอร์ : “แม่งทีมมันเล่นแรง กูเกือบจะได้ต่อยคนแล้ว”

   ไอ้ตุ๊ : “เหี้ย จริงๆ ดีนะที่ชนะไม่งั้น กูว่ากูจะซัดปากแม่ง ไอ้พวกสีฟ้า มันกวนตีน”

   ไอ้เวอร์ : “มึงเห็นป่ะ มันจงใจโดดมาใส่กูชัดๆ”

   ไอ้โม : “เอ๊า ก็มึงไปชนพี่โอ๊ค เค้าก่อนไม่ใช่รึไง เพื่อนเค้าก็โกรธดิ”

   ไอ้เวอร์ : “กีฬา มันก็ต้องมีกรทบกระทั่ง แล้วมันเสือกมาทำตาเขียวใส่กู”

   ไอ้โม : “เหอะ กูเห็นเมิงจงใจชนพี่เค้าชัดๆ”

   ไอ้เวอร์ : “เมิงก็เข้าข้างมันอ่ะดิ เห็นอี๋อ๋อ สงยิ้มให้กันตลอดเวลา แทบจะเอากันตรงนั้นอยู่แล้ว”

   ไอ้โม : “เชี่ยไร มีแต่มึงแหละ ที่คิดอะไรเฮี่ยๆแบบนั้น อย่าคิดว่าทุกคนเค้าจะหื่นกามเหมือนกับมึง”

   ไอ้เวอร์ : “แน่ล่ะซี่ กูมันเลว สำหรับมึงอยู่แล้วนี่ ใครจะไปดีเหมือนไอ้พี่โอ๊ค มันล่ะ นี่ขนาดต่อหน้าคนมากมายยัง แสดงออกกันขนาดนี้ ถ้าลับหลังคงได้กันเลยละมั้ง”

   ไอ้โม : กระชากคอเสื้อมัน “ไอ้สัด แล้วมึงเสือกอะไรด้วย กูจะเอากับมันแล้ว ไง ไปหนักส่วนไหนของมึง ก็เพราะมึงทำตัวอย่างเนี้ยะ ถึงไม่ค่อยมีใครอยากคบ” คือไอ้เวอร์มันไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไร วันๆเอาแต่ขุลกอยู่กับไอ้ตุ๊ ไอ้อุ้ย

   ไอ้เวอร์ : มันปัดมือผม แล้วกระชากคอเสื้อผมกลับ “อย่ามาทำเป็นเก่งกับกู มึงก็รู้ถ้ากูโกรธ แล้วจะเป็นยังไง” มันทำหน้าโหด

   ไอ้ตุ๊ : “เฮ้ย ไอ้เวอร์ พอๆทั้งคู่มึงแหละ แล้วยังไงเราก็ชนะไปแล้ว” ไอ้ตุ๊ทำท่ารำคาญ

   พอดีกันกับที่พี่โอ๊คกับเพื่อนมันสองสามคน เดินสวนมาพอดี คงเพิ่งมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนกัน

   “อ้าว ตุ๊ เวอร์ ไงเจ็บที่ไหนกันหรือเปล่า โทษทีนะ ตะกี้เล่นกันแรงไปหน่อย” น้านพี่โอ๊คสุดหล่อ แถมนิสัยดีมีน้ำใจนักกีฬา

   “เฮ้ย ไม่เป็นไรพี่ กีฬาก็แบบนี้ กระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา” ไอ้ตุ๊นี่ก็แมนอีก ตะกี้บอกจะไปต่อยเค้าหยกๆ

   “แล้วนะโม ล่ะ ตะกี้พี่เล่นดีป่าว”

   “อ่า ก็ดีครับ เห็นสาวๆกรี๊ด กันตรึมเลยพี่ ฮ่า ฮ่า”

   “แล้วเราล่ะ กรี๊ด พี่ด้วยป่าว”

   “อ่ะ .... พี่นี่ตลกอีกละ ฮ่า ฮ่า” ไอ้โมหัวเราะกลบเกลื่อนครับ จริงๆอยากจะบอกว่าแอบกรี๊ด

   “ฮ่า ฮ่า แล้วทำไม่ต้องหน้าแดงด้วยล่ะ พี่ล้อเล่นนะ ไปล่ะ”

   “อ่าครับ” เมิงล้อเล่น แต่กูคิดจริงนะเว้ยไอ้พี่โอ๊คบ้า อ่าวนั่นไอ้เวอร์เดินลิ่วๆไปละ สงสัยรีบไปตาม
ควาย ผมรีบถือกระเป๋า เดินตามมันกับไอ้ตุ๊ไปติดๆ (ลืมบอกไป ตอนนี้ผม แบกกระเป๋ามันกับของไอ้ตุ๊ครับ แม่งแมนกันจริงๆ)  o12



เดี๋ยวดึกๆเอา ครึ่งหลังมาลงให้นะขอรับกระผม
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 14-15 .P2[15/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 15-09-2011 20:57:58
gay_love ต้องติดตามต่อไปครับ ว่าตุ๊มันจะพิชิตหัวใจนะโมได้ป่าว ตอนนี้ปล่อยให้ไอ้เวอร์มันทำแต้มนำไปก่อน หุหุ

silverphoenix นั่งสิ สูงเวอร์ไปละ

GeTOuTNoW ได้ข่าวว่า มันจัดหนักมาซะทุกตอนเลยเนี่ย

tawan สูงเวอร์ หื่นเวอร์

4559 ขนาดเริ่มนะเนี่ย ถ้านานไปนี่จะขนาดไหน

Kiss Koki อยู่ไกล้ไอ้เวอร์นะ เจ็บตัวตลอดแหละ ดีนะมีไอ้ตุ๊คอยโอ๋ อิอิ สำออยเข้าไป ว่าแต่ว่าเค้าไม่ได้หอมแก้มอุ้ยซะหน่อย แค่สูดกลิ่นเฉยๆ ฮ่ะ ฮ่ะ

artit สนุกก็ต้องติดตามต่อไปนะครับ

Rhythm ครับ ว่าแต่ชอบคนไหนเป็นพิเศษล่ะ หุหุ

debubly ไม่ต้องรอละครับ เอามาลงต่อให้แล้ว

yeyong ลุ้นกันต่อปายยยยยย

4559 สงสัยมันคิดว่ามันเป็นขนตา งอนซะ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 14-15 .P2[15/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 15-09-2011 21:07:11
ชอบบบ เพิ่งเข้ามาอ่านคะรวดเดียวเลย
เชียร์เวอร์ วู้วววววว!
สงสารตุ๊นะ แต่เรารักเวอร์วะ

รออ่านตอนต่อไปจ้าา
+1 ให้นะจ๊ะ จ๊วบบบ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 14-15 .P2[15/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Kiss Koki ที่ 15-09-2011 21:29:24
อะอ๊ะมีพี่โอ๊คโผล่อีกคนละ.....เวอร์แอบชอบนะโมก็บอกเค้าไปเถอะ....ตุ๊เหมือนดูคู่กัดออกนะเนี่ย55555 :angry2:อุ๊ยแซวชะนะโมร้อนตัว55555 :sad4:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 14-15 .P2[15/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 15-09-2011 21:39:17
ดูๆแล้วมีแต่คนชอบนะโมนะเนี่ย เสน่ห์แรงจริงๆ หวังว่าคงไม่เพิ่มพี่โอ๊คเข้าไปอีกคน  :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 14-15 .P2[15/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: gay_love ที่ 15-09-2011 21:55:53
 :กอด1:
มีคนชอบนายเองอีกแล้ว..แต่นายเอกยังอิโนเซ้นอ่ะ
คริ คริ...รออ่านต่อไปจร๊า
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 14-15 .P2[15/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 15-09-2011 22:00:13
เชียร์เวอร์อย่างเวอร์ๆ

ตุ๊มาก่อนไปก่อนนะลูก  T^T
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 14-15 .P2[15/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 15-09-2011 22:09:55
 :z2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 14-15 .P2[15/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 15-09-2011 22:50:21
ตอน 15/2: you’re my first kiss (ครึงหลัง)

   มันสองคนก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันไหนห้องน้ำครับ ไอ้ตุ๊เปลี่ยนเสร็จก็เดินออกมาก่อน

   “เฮ้ย เดี๋ยวไปดูไอ้อุ้ยมันแข่งบอลต่อนะ” ไอ้ตุ๊บอก

   “อือ” ผมรับปาก

   “มึงไปก่อนเลย เดี๋ยวกูไปทำแผลห้องพยาบาลก่อน” ไอ้เวอร์ตะโกนออกมา

   “อื้อ ป่ะ ไปโม” ไอ้ตุ๊คว้าแขนผมได้ กำลังจะจูงผมไป

   “เฮ้ย! มึงก็ไปสิ เอาไอ้โมไว้นี้ ไม่งั้นใครจะถือของให้กู แล้วต้องทำแผลอีก” มึงเป็นง่อยรึไงเนี่ย สาดดด

   “อาจารย์ห้องพยาบาลก็มี” ไอ้ตุ๊หันมาตะโกนบอก

   “มีที่ไหนวะ เค้าไปประจำสนามกีฬากันหมดน่ะสิ” เออจริงของไอ้เวอร์มัน

   “อือ ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูไปทำแผลให้มันก่อนแหละ มึงไปก่อนเหอะ” ผมบอกไอ้ตุ๊

   “เออ งั้น กูไปล่ะ” ไอ้ตุ๊เดินสะบัดตูดไป น้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก

   แล้วเอ่อ... ฝากแมวไว้กับปลาย่าง (ต้องฝากปลาย่างไว้กับแมวสิ! )กูจะรอดมั้ยเนี่ยะ ยิ่งเลี่ยงๆที่จะอยู่กับมันแบบสองต่อสองอยู่ นี่ถ้าไม่ติดหน้าที่พลเมืองที่ดีนะ กูไม่อยู่หรอกกกกก แล้วมันก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ผมมองเห็นว่าแผลที่เข้ามันเลือดยังซึมๆ อยู่เลย

   “ไอ้ตุ๊ไปแล้วรึ” ไอ้เวอร์เดินออกจากห้องน้ำมา

   “มันไปแล้ว ป่ะ ไปทำแผลก่อน”แล้วผมก็ถือของเดินนำมันมา ที่ห้องพยาบาลก็ดีเหลือเกิน ไม่มีคนอยู่ซักคน ผมก็เลยเดินไปหาอุปกรณ์ทำแผลมาทำแผลให้มัน มันนั่งอยู่บนเตียงครับ ส่วนผมก็นั่งกับพื้น แล้วหยิบสำลีชุบน้ำ เช็ดแผลให้มัน แล้วไอ้โมก็เหลือบไปเห็นขาอ่อนมันเข้า ง่า....ไอ้โมนั่งข้างล่าง ไอ้เวอร์มันนั่งข้างบน เลยเห็นไปถึงไหนต่อไหน เห็นกุงเกงในด้วยอ่ะ แล้วขนมันอ่ะ....เยอะจังหว่า อยากรู้จังว่าขนมันจะลามไปถึงไหนนะ ก้มลงอีกนิดจะเห็นไม่นะ

 

   ... อีกนิด...



   ... อีกนิด... 


   ...ขอดูอีกนิด...


   กว่าไอ้โมจะรู้ตัวก็เผลอจ้องไปซะนาน ฮ่า ฮ่า ไอ้โมหื่น เงยหน้ามามองดูมัน ชะ!อุ๊ย! มันมองผมอยู่น่ะเส่ ยิ้มด้วยอ่า ไอ้โมเลยหน้าแดงแปร๊ดไปตามระเบียบ แล้วมือก็ไปคว้าได้ทิงเจอร์ล้างแผล เปิดฝาปุ๊บ ด้วยความเขิน ไอ้โมก็เลยราดไปที่แผลมันเข้าให้ ฟองฟอดเลยเชียวล่ะ

   “อ๊ากกกกกก เมิงจะฆ่ากูรึไง” ฮ่า ฮ่า สะใจ เสือกทำกูเขิน สมน้ำหน้า

   “แค่นี้ทำเป็นสำออย เฉยๆไว้เหอะน่ะเดี๋ยวก็ดีเอง” ว่าแล้วก็ตามด้วยเบตาดีน ซึ่งก็แสบไม่แพ้กัน เห็นมันกัดฟันเลยอ่ะ คงจะแสบน่าดู แต่ไอ้โมอ่ะ สะใจ ได้แกล้งมัน ฮ่า ฮ่า แต่ก็ทำแผลให้มันจนเสร็จ

   หลังจากที่พันผ้า พันแผลให้มันเสร็จแล้วผมก็เอาอุปกรณ์ไปเก็บ แล้วผมก็ได้ยินเสียงปิดประตูเบาๆ แล้วก็สียงล็อคประตู พอเดินออกมาก็เห็นประตูปิดอยู่ แต่ไอ้เวอร์ยังอยู่ที่เดิมแต่มันยืนขึ้นแล้ว ผมก็จะเดินไปหยิบของ เพื่อที่จะได้ไปสนามบอล แต่พอเดินมาถึง มันก็คว้าตัวผมเข้ามากอดซะงั้น

   “เฮ๊ย ทำไรเนี่ย”

   “ทำโทษไง”

   “ทำโทษ เชี่ยไรปล่อยกูเลยเมิง”

   “ก็มึงแกล้ง ทำแผลกูแรง กูแสบมากเลยนะ”ว่าแล้วมันก็หอมแก้มผม อร๊ายยย ไอ้คนฉวยโอกาส

   “เชี่ยยยย กูช่วยทำแผลให้มึงนะ จะมาอะไรอีก ใครๆเค้าก็ทำกันแบบนี้แหละ” ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวๆ ใจเต้นอย่างกับพระตีกลองเพล

   “งั้นก็ลงโทษ ที่มึงแอบมองกางเกงในกู ฟอดดดดดด” เจร๊ยยยย ไอ้บ้า กูไม่ได้แอบมองเว้ย กูมองจะๆนี่แหละ ไม่งั้นมึงจะรู้ได้ไงว่ากูมอง แล้วมันก็หอมแก้มผมอีกฟอดใหญ่

   “พ่อเมิงเส่ กูไปมองตอนไหน มั่วแล้วมึง” ไอ้โมหน้าแดงแปร๊ดล่ะทีนี้ มันประคองหน้าผมให้หันมาเผชิญหน้ามัน แต่ไอ้โมเขินครับ เลยได้แต่หลบตามัน

   “แล้วก็นี่ ทำโทษที่เมิง ไปนั่งส่งตาหวานให้ไอ้พี่โอ๊ค อันนี้ข้อหาหนักสุด” แล้วมันก็ก้มลงมาจุ๊บปากผม เฮ๊ยยยย มาย เฟิร์ส คิส ขโมยเอาไปกันซึ่งๆหน้าแบบนี้เลยรึ

   “…”ไอ้โมพูดไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เอามือผลักดันอกมันไว้ เบือนหน้าหนี อารมณ์ตอนนั้นบอกไม่ถูกจริงๆว่ารู้สึกยังไง มันตุ๊มๆต่อมๆ ใครๆก็รู้ผมกับมันเกลียดกันจะตาย แล้วจู่ๆมันมาทำกับผมแบบนี้ มันคิดจะแกล้งผมรึไงกัน แล้วมันก็จู่โจมต่อเลยครับ มันเริ่มจากปาก มาจมูก มาแก้ม ติ่งหู ซอกคอ แล้วตอนนี้มันก็เริ่มไซร้คอผมแล้วอ่ะครับ ไอ้โมก็เสียวสิครับแบบนี้ ขนลุกเกรียวเลย รีบหดคอสั้นเลย มันก็ซุกไซร้เข้ามาใหญ่ อ๋อยย ไม่ไหวแล้วน๊า จะรอดมั้ยเนี่ยะวันนี้ 

   ปากผมร้องบอกให้มันหยุด ถ้าผมจะวิ่งหนีออกมาก็คงทำได้ ขามันเจ็บขนาดนี้คงตามผมไม่ทัน แต่ผมกลับปล่อยให้มันรังแกผมได้ตามใจมัน ผมยอมรับว่าหลังๆมาแม้ว่าผมกับมันจะประทะคารมกันบ่อยๆ แต่มันก็ไม่เคยลงไม้ลงมือกับผมเลยซักครั้ง (ยกว้นครั้งแรกอ่ะ)  แต่ว่ายังไงดีล่ะ คือคนที่เราคิดว่าเราเกลียด แล้วก็ต้องทะเลาะกันอยู่ทุกวันๆ จู่ๆมันมันทำแบบนี้กับผมมันก็คิดไปได้ทางเดียวแหละ ว่ามันจงใจจะแกล้งผม แล้วยิ่งหมู่นี้ผมก็ยอมรับแหละว่ารู้สึกแปลกๆกับมัน วันไหนมันไม่มาโรงเรียนผมก็ต้องมองหามัน วันไหนไม่ได้ทะเลาะกับมัน กลับไปบ้านก็นอนไม่หลับ แต่ก็ยังไม่กล้ายอมรับหรอก ว่ามันคือคนที่ทำให้ผมรู้สึกว่าอยากมาโรงเรียน

   อารมณ์ตอนนั้นทำให้ผมต้องคิดไปแบบนั้น ก่อนที่อารมณ์จะกระเจิงไปมากกว่านี้ ผมก็กอดคอมันแน่น ก้มหน้าเอาหน้าซุกกับอกมันไว้ เพื่อไม่ให้มันทำอะไรได้ต่อ มันก็ดูเหมือนจะรู้ ก็หยุด แล้วแค่เอามือโอบเอวผมไว้ ตัวผมสั่นจนมันรู้สึกได้ (สั่นสู้ป่าวเนี่ยะ)

   “โม โม เป็นไร กลัวเหรอ โอเคๆ กูไม่ทำอะไรมึงหรอก” มันดูตกใจ แต่มือยังกอดผมอยู่ ส่วนผมก็ได้แต่กอดคอมันแล้วเอาหน้าซุกกับอกมันไว้

   “มึง ทำกับกูแบบนี้ทำไม”

   “กู ...กู....”
   
   มึงสนุกนักใช้มั้ยที่ได้แกล้งกูน่ะ เอาเลยซี่มึงจะทำอะไรกูมึงก็ทำเลย กูสู้มึงไม่ได้อยู่แล้วนี่”

   “กู กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ”

   “…” ผมไม่พูดอะไร แต่น้ำตาสิ ไหลออกมาซะงั้น (นางเอ๊ก นางเอก สงสัยตูจะดูละครน้ำเน่ามากไป)

   “กู กูขอโทษ มึงอย่าร้องไห้นะ ที่กูทำไปแบบนี้ ก็ ... ก็ ...  ก็เพราะกูรักมึงนะ”มันโพล่งออกมา ห๊า ที่มึงทำกับกูมาแบบนี้มาตลอดนี่มึงบอกว่าเพราะมึงรักกูเหรอ มันคงจะตลกไปหน่อยละมั้ง กูเพิ่งรู้จักมึงได้ปีเดียว แล้วมึงมาบอกรักกูเนี่ยนะ การกระทำตอนไหนบ้างที่มันบ่งบอกว่ามึงรักกู มันคงคิดว่าถ้ามันพูดแบบนี้แล้ว คงจะทำให้น้ำตาที่ไหลอยู่นี้ แห้งลงได้ แต่เปล่าเลย มันกลับทำให้น้ำตาไหลออกมามากขึ้นอีก รัก รักคืออะไรเหรอ ผมไม่รู้จักจริงๆ ความรักคืออะไร เห็นแต่ในละครเค้าพูดกันว่ารักอย่างนั้น รักอย่างนี้ แล้วมันคืออะไร ตัวผมเองยังไม่เคยเห็นหน้าตาของความรักเลยว่าเป็นยังไง

   “รักกูเหรอ คนรักกันเค้าทำกันแบบนี้รึไง” มันเงียบค่อยๆคลายมือที่กอดผมออก น้ำตาผมไหลออกมาตลอดเวลา แต่ไม่มีแม้เสียงสะอื้น น้ำตามันแค่ไหลออกมาเฉยๆ มันไม่ใช่อาการที่เรียกว่าร้องไห้ แค่มันมีน้ำไหลออกมาจากตาเท่านั้นเอง

   “กูบอกไว้ก่อนเลยว่ากูไม่ได้ร้องไห้ กูไม่ได้เสียใจ กูไม่ได้กลัวมึง แล้วนี่มันก็แค่น้ำที่ไหลออกมาจากตาเฉยๆ”ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตา (ไม่สิมันเป็นน้ำที่ไหลออกจากตาต่างหาก)

   “กูจะไม่มีวันที่จะเสียน้ำตาให้คนอย่างมึงหรอก” ผมพูดเสร็จก็ผละออกจากมัน แล้วคว้ากระเป๋าวิ่งออกมา ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตอนนั้นผมทำอย่างนั้น ผมงง ผมสับสน กลัวไปหมด มันมาพูดอะไรเรื่องรักๆ ผมไม่รู้จัก รักของมัน คือรักแบบไหน นอกจากรักพ่อรักแม่ มันยังจะมีความรักแบบอื่นได้ด้วยเหรอ รักกันแล้วต้องทำตัวแบบไหน รักกันแล้วจะต้องทำยังไง ผมสับสนไปหมด ด้วยความที่ผมยังเด็กมาก ไม่ประสีประสากับเรื่องนี้จริงๆ ผมไม่เข้าใจความรักเลยสักนิดเดียว แล้วจะให้ผมทำอะไรได้ ผมออกมาได้ผมก็รีบตรงไปหน้าโรงเรียนแล้วขึ้นรถกลับบ้านเลย เฮ้ออออ จะทำอย่างไรดีล่ะทีนี้

   กลับมาถึงบ้านก็เข้าห้องนอนเลย ปวดหัวจะระเบิด แต่คิดเหรอว่าจะนอนหลับ ผมนอนคิดเรื่องมัน ปกติผมไม่ใช่คนที่ขี้แย เหะหะอะไรก็จะร้องไห้ได้ง่ายๆนะครับ ในชีวิตผมตั้งแต่โตขึ้นมา ผมจำได้ว่าที่ผมร้องให้น่ะนับครั้งได้เลย แต่กับไอ้เวอร์นี้ไม่รู้เป็นไร น้ำตาเข้าน้ำตาออก ได้ทุกทีสิน่า กว่าผมจะนอนหลับ ก็พลิกไปพลิกมาหลายตลบ เฮ้อออ สับสนในชีวิตจริงๆกู








เขียนตอนนี้เสร็จ ก็ได้น้ำตาร่วงอีกรอบ เผลอนึถึงเรื่องเก่าๆ ถึงมันจะผ่านไปนานแล้ว แต่ความรู้สึกกลับเหมือนว่ามันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อว่านี้เอง บางครั้งก็อยากจะลืมเรื่องราวในอดีตไปซะให้หมด แต่ใครจะรู้บ้างว่า เมื่อใดที่เราคิดจะลืม เมื่อนั้นคือเวลาที่เราเริ่มที่จะคิดถึง

   

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 14-15 .P2[15/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 15-09-2011 22:54:14
First Kiss (Feat.VieTrio) - พีท The Star

http://www.youtube.com/watch?v=jAVBjKFxLRA

(*)You’re my first kiss
ที่ทำใจฉันสั่น จูบนั้นฉันจำมาจนวันนี้
You’re my first kiss
กลับมาจูบฉันซักที
Oh baby, kiss me one more time
(don’t you remember)

ยังจำเรื่องเก่าได้ขึ้นใจ เธอทำอะไรกับฉันไว้จำได้รึเปล่า
ฉันจำได้ดี
เหมือนกับพึ่งเกิดเมื่อวานนี้ ทั้งที่เรื่องราวผ่านมาหลายปี
ฉันคนนี้ก็ยังฝังใจ ลืมมันไม่ได้เลย
เธอคงถามตัวเองว่าเรื่องอะไร ทำให้ฉันคนนี้ต้องติดใจเธอ
(*)

นี่คือเรื่องราวที่ฉันฝังใจ เลยอยากถามเธอจำได้ไหม
จูบแรกของเรา ที่เธอนั้นให้ฉัน
จึงอยากถามเธอว่าเพราะอะไร เธอจึงเลือกที่จะจูบฉัน
(*)(*)(*)

You’re my first kiss
You’re my first kiss
Don’t you remember

เอาเนื้อ first kiss มาแปะให้ด้วยอิอิ จะได้เข้ากับเนื้อเรื่อง
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 14-15 .P2[15/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Kiss Koki ที่ 15-09-2011 23:06:23
เวอร์เล่นแรงค์นะเนี่ย.....เวอร์ปล้นfirst kiss ของนะโมไปแล้ว :-[
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 15 First kiss จบ .P3[15/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 16-09-2011 00:13:13
ก็คิดอยุเหมือนกันว่ามันเล่นกันซะขนาดนั้นแล้ว  จูบแรกมันจะมาตอนไหน

โมทะลึ่งอ้ะ  55555



หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 15 First kiss จบ .P3[15/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 16-09-2011 01:05:35
อ่านประโยคสุดท้ายของตอนที่15แล้ว ฌสร้าๆ ใจเสีย รู้สึกไม่ดีเลย

ขออย่าให้มีเรื่องอะไรไม่ดีเลย :เฮ้อ: :เฮ้อ:

อยากขอรบกวนถามหน่อยครับ ไม่รู้จะสะดวกตอบไหม เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานเม่าไรล่ะครับ ปีอะไร o13

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 15 First kiss จบ .P3[15/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: MinKKniM ที่ 16-09-2011 01:10:33
เวอร์นี่เข้าข่าย ยิ่งชอบยิ่งแกล้งนะ

แล้วดูเหมือนว่าน้องโม เริ่มจะมีใจแล้วสิ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 15 First kiss จบ .P3[15/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 16-09-2011 10:39:40
อ้างถึง
เมื่อใดที่เราคิดจะลืม เมื่อนั้นคือเวลาที่เราเริ่มที่จะคิดถึง

ชอบประโยคนี้อ่ะ  o13 นะโมสับสนอ่ะดิ่ แล้วจะเป็นไงต่อไปล่ะเนี่ย  :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 15 First kiss จบ .P3[15/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 16-09-2011 19:45:28
ตอนพิเศษ : หอม

   วันหนึ่ง ณ ห้องเรียน

   ห้องผมมีนักเรียน 50 กว่าคนครับ แต่มีผู้ชายไม่ถึง 20 คน ผู้หญิงจะเยอะกว่ามาก เพราะฉนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่า ถ้าคาบไหนว่างอาจารย์ไม่สอนล่ะก็ คุณเธอก็จะนั่งจับเข่าคุยกัน เสียงดังเจี๊ยวจ๊าวลั่นห้องเชียวล่ะ วันนั้นเธอก็จับกลุ่มคุยกันตามปกติ แต่จะไม่ปกติก็เพราะมันดันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผมนี่สิ เธอคุยอะไรกันมั่งก็ไม่รู้แหละ ผมขอเดาๆให้มันเข้ากับเหตุการตอนนั้นแล้วกัน ขณะที่ผมนั่งอ่านการ์ตูนอยู่ ไอ้เวอร์มันทำไรไม่รู้จำไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมกับมันนั่งเอาหลังพิงกันอยู่

   “เฮ้ย แกเค้าว่านะโมกับพาวเวอร์ มันเป็นกระเทยแน่ๆเลยว่ะ” ตอนนั้นยังไม่รู้จักหรอกว่า เกย์คืออะไร รู้จักแต่กระเทยกับตุ๊ดนี่แหละ เพราะกรณีผมกับไอ้เวอร์เลยโดนเหมารวมไปด้วยว่าเป็นกระเทย

   “บ้า ไม่มั้ง ไปเอามาจากไหน”

   “จริงๆแก ชั้นเห็นมันตัวติดกันยังกับตังเม แถมมีหอมแก้มกันด้วย”

   “จริงดิ ชั้นคิดว่าไอ้เวอร์มันชอบจำปีซะอีก เมื่อวานก็เห็นเดินกลับพร้อมกัน” จำปีคือเพื่อนในห้องครับ น่าตาน่ารักมากเชียวแหละ

   “เออ นั่นสิ ชั้นเห็นพวกพี่มอสาม มอสี่นะกรี๊ดมันจะตาย มันคงไม่ใช่กระเทยหรอกน่า ตัวควายขนาดนั้น”

   “จริงด้วย แต่ถ้าเป็นนะโมก็ไม่แน่นะแก รายนั้นน่ะเดี๋ยวพาวเวอร์บ้างล่ะ ตุ๊ บ้างล่ะ มันออกจะสนิทกันเกินไปหน่อย”

   “บ้าแก เค้าเป็นเพื่อนกันนิ ก็เล่นกันธรรมดา”

   “ธรรมดาที่ไหน มีผู้ชายที่ไหนเค้ากอดกัน หอมแก้มกันวะ” อ่าวก็ผู้ชายอย่างพวกกรูนี่แหละ

   “จริงๆนะ เออ! ใช่ วันก่อนชั้นยังเคยเห็น นะโมไปยืนคุยจู๋จี๋กับพี่โอ๊ค ข้างหลังห้องน้ำด้วยแหละ” บ้าถ้าตูจำไม่ผิด ก็แค่ทักทายตามประสาคนรู้จัก

   “บ้าไปใหญ่กันล่ะพวกแก เค้าอาจจะแค่ทักทายกัน ใครๆเค้าก็ยืนคุยกันได้ทั้งนั้น”

   “นั่นดิ นะโมเค้าไม่น่าจะใช่กระเทยหรอก ไม่เห็นเค้าจะกระตุ้งกระติ้งอะไรนี่นา เดินก็ไม่เห็นตูดบิด ถ้าเป็นกระเทยก็ต้องแร่ดๆแบบอิอั้ม ห้องสี่แล้ว” อั้มคือกระเทยสาวไฟแรงเรียนอยู่ห้อง 4 เพื่อนโรงเรียนประถมผมเองแหละ

   “ที่สำคัญชั้นว่าชั้นปิ๊ง นะโมแหละน่ารักดี” อันนี้สาวน้อยนามว่าตุ๊กครับ

   “เฮ้ย จริงอ่ะ ชั้นก็ชอบนะโมว่ะแก หน้าหวานดี ตาโตน่ารักมากอ่ะ” อันนี้น้องไก่

   “งั้นแบบนี้มันต้องพิสูจน์ ว่านะโมเป็นกระเทย หรือเปล่า”เจร๊ยยย จะมาพิสูจน์อะรั้ย ผมไม่ใช่หนูทดลองยานะ

   “ก็... ซุบ ซิบ ซุบ ซิบ” แล้วพวกนั้นก็กระซิบอะไรกันไม่รู้ (จะไปรู้ได้ไงล่ะ ก็บอกแล้วว่าเดาเอาๆ เดาได้แค่นี้ก็บุญแล้ว)

   “มันจะได้ผลเหรอ”

   “ได้ดิ ถ้านะโมเป็นกระเทยนะ เดี๋ยวมันก็ต้องโวยวาย เพราะกระเทยไม่ชอบให้ผู้หญิงไปยุ่ง ยุมย่ามด้วยหรอก”

   “แล้วถ้าไม่ใช่กระเทยล่ะ”
   
   “ก็ต้องอายม้วน แทบมุดโต๊ะหนีเลยน่ะสิแก”

   “โห เชี่ยวนะ ไปรู้มาจากไหนล่ะ”

   “ก็ตอนชั้นหอมแก้มต้า เค้ายังอายม้วนเลยแก”

   “ห๊า... ต้าห้องสี่อ่ะนะ กล้ามากกกกกก”

   “ว่าไง แกกล้าป่าววะ ตุ๊ก”

   “สบายมาก”
   
   “แล้วแกล่ะ ไก่”

   “ตุ๊กกล้าชั้นก็กล้าว่ะ”

   “เออ ดีงั้นใครก่อน”

   “ชั้นเอง” น้องตุ๊กครับอาสาก่อนเลย แล้วพวกคุณเธอน่ะ เคยจะปรึกษาผมมั่งม้ายยยย งือออ ผมคือผู้เสียหายน่ะน๊า

   เข้าสู่เรื่องจริง
 
   น้องตุ๊กเธอเดินย่างสามขุมเข้ามาหาผม

   “นะโม”

   “อ้าว ไงตุ๊ก”

   “มีคนเค้าหาว่านะโม เป็นกระเทยอ่ะ” สะอึกเลยตู

   “เฮ้ยย ไปเอามาจากไหน” ตุ๊กมันโบ้ยปากไปทางกลุ่มผู้หญิงที่จับกลุ่มกันอยู่

   “ก็พวกมันบอกว่าเห็น พาวเวอร์ชอบหอมแก้มนะโมอ่ะ” เง้อ หนูไม่ได้เต็มใจนะ มันบังคับหนู ผมเลยเอาสอกกระทุ้งไอ้เวอร์ไปหนึ่งที มันหันมามองผม แล้วยิ้มมุมปาก

   “นะโม ต้องพิสูจน์นะว่าไม่ได้เป็นกระเทย”

   “ยังไง” ผมทำหน้างง

   “ก็ต้อง ให้เค้าหอมแก้ม พวกนั้นจะได้เชื่อว่านะโมไม่ใช่กระเทย ฟอดดดดดดด”

   “เง้ออออ ....”    ไอ้โมยังไม่ได้บอกเลยว่าได้ หรือไม่ได้ คุณเธอก็หอมแก้มผมเข้าให้แล้ว เสียงเพื่อนผู้หญิงที่นั่งลุ้นอยู่ กรี๊ดกร๊าด กันลั่นเลย ไอ้เวอร์หันมาดู กูจะโดนมันเชือดมั้ยเนี่ย แล้วคุณเธอก็ยิ้มแล้วเดินกลับกลุ่มไป ประหนึ่งว่าเธอเป็นฮีโร่ สามารถพิชิตแก้มแดงผมได้สำเร็จ ส่วนไอ้โมอ่ะเหรอ อายโคตรรรรรร เกิดมาไม่เคยโดนผู้หญิงหอมแก้มมาก่อน แต่ช้าก่อน ... เมื่อมีคนแรก ก็ต้องมีคนที่สอง น้องไก่ซึ่งตอนนี้ไม่ได้อยู่ในเล้า แต่นั่งอยู่ในดงชะนี ก็ลุกเดินมาหาผม พร้อมกับ

   ฟอดดดดดด!!

    “ให้ไก่พิสูจน์ด้วยคนนะ”  หอมเค้าก่อนแล้วค่อยมาขออนุญาต แล้วผมจะไปทำไรได้ ง่า หน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศ หันไปมองไอ้เวอร์มันยังทำหน้านิ่ง หัวเราะในลำคอหึๆ

   “ยังพิสูจน์ไม่ได้หรอก ต้องมากันทั้งกลุ่มนะแหละ ถึงจะชัวร์” เจร๊ยยยย เสียงใครน่ะ หนูไม่ได้พูดน้า... มองไปข้างหลังก็เจอต้นกำเนิดเสียง ไอ้เวอร์ ไอ้เลว ไม่คิดจะหวงของๆมึงหน่อยเหรอ (แล้วตูไปเป็นของๆมันตั้งแต่เมื่อไร) มันพูดเสร็จก็จับแขนผมล็อคไว้ข้างหลัง

   “เอ้า ใครอยากพสูจน์เชิญเลยจ้า”   :o เง้ออออ แล้วผมก็โดนฝูงชะนีดง เข้ามารุมกินกล้วย เต็มไปหมด หมุบหมับ หนุบหนับ จ๊วบๆ ด๊วบๆ (เสียงอะไร ทุเรศจริง) สรุปว่าไม่รู้ใครเป็นใครมั่ง น้ำลงน้ำลาย มีขี้มูกด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฮือออออ แต่ที่รู้ๆ

   แก้มหนูช้ำไปหมดแย้ววววววว

   แล้วเรื่องที่ไอ้โมโดนเมาท์ว่าเป็นกระเทยก็จบด้วยประการฉะนี้แล...



   .....ซะที่ไหนล่ะ



   ยังคงโดนจับตาอยู่เป็นระยะๆ จะเพราะใครซะอีกล่ะ ก็ไอ้เวอร์นี่แหละ เดี๋ยวนี้มันจะทำอะไรนะ ไม่เคยแคร์สายตาคนอื่นหรอก นึกจะกอดผมก็กอด นึกจะหอมแก้มก็หอม ส่วนไอ้ตุ๊น่ะไม่เท่าไร อย่างมากก็แค่โอบ กอดคอ ช่วงเที่ยงขึ้นมาบนห้อง ไม่รู้มันนั่งคุยอะไรกัน แต่ก็ดูแล้วไม่น่าจะใช่ทะเลาะกัน เห็นอย่างนี้ก็สบายใจ ไม่อยากให้มันโกรธกันเพราะผมเลยจริงๆ เฮ้ออออ

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 15 First kiss จบ .P3[15/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 16-09-2011 19:51:31
ตอน 16: หนีเสือปะจระเข้

   หลังจากกีฬาสีที่เพิ่งจะจบไป พวกมันสามคนก็ฮ็อตขึ้นทันตา ครับโดยเฉพาะไอ้อุ้ย มีจดหมายน้อยส่งมาให้มัน 3-4 ฉบับ แต่มีอยู่คนนึงนึง ชื่อพี่ญา เรียนอยู่ ม.4 น่ารักมากกกกก แล้วดูเหมือนมันก็จะสนใจพี่คนนี้ครับ พี่เค้าซื้อขนมมาให้มันด้วย แถมเอามาให้เองอีกต่างหาก ช่างกล้าจริงๆผู้หญิงสมัยนี้ ส่วนไอ้เวอร์อ่ะ มันมีคนมาจีบเยอะแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ ยิ่งมาตอนนี้ยิ่งมีสาวมารุมตอมมันมากขึ้นไปอีก เห็นล่ะหมั่นใส้ แล้วมันก็ชอบคุยโวนะ ประมาณว่าได้ขนมอีกละ ได้ดอกไม้ อีกละ อะไรแบบนี้ แหวะหล่อตายละมึง

   “สาวๆพวกนั้นมันก็คงตาถั่วล่ะวะ มาจีบมึงน่ะ ไม่ก็พวกที่ไม่มีใครเอาแล้วอ่ะ” ผมแขวะมันเข้าให้

   “อ่ะ นั่นแน่ะ อย่าบอกนะว่าเกิดหึงกูขึ้นมาน่ะ แหมๆ เห็นนิ่งๆ หึงกูก็ไม่บอกกกก”

   “เชี่ย หึงพ่อเมิงเส่ กูจะไปหึงมึงทำแป๊ะไร หล่อตายละเมิง ไอ้มนุษย์พันธ์ขน ไอ้ลิงอุรังอุตัง”

   “อ่ะ รู้ได้ไงกูมนุษย์ พันธ์ขน แอบดูกูบ่อยล่ะเส่ อยากดูก็ขอกันดีๆเด่ะ กูไม่หวงหรอก มามะ มาดูอีกมา” แล้วก็ทำท่าจะถลกกางเกงวอร์ม (วันนี้ใส่ชุดพละ) ให้ผมดู

   “พ่อเมิงอ่ะเส่ ไอ้ลามก กูหมายถึงขนตามตัวมึงหรอก” จริงๆแล้วผมก็ชอบแอบมองมันจริงๆแหละ ฮ่า ฮ่า รวมถึง ไอ้ตุ๊ กับไอ้อุ้ยด้วย อ่าว แบบนี้เข้าข่ายโรคจิตสิกู

   “ฮ่า ฮ่า แค่นี้ทำเป็นอายนะเมิง”

   ส่วนไอ้ตุ๊ก็เนื้อหอมไม่แพ้กันอ่ะครับ มีขนมมาสังเวยมันทุกๆเช้า ช่วงนี้ผมก็เลยอิ่มหมีพีมัน ไปกับพวกมันด้วยอ่ะครับ มีของฟรีมาเซ่นไหว้ทุกเช้าเลย ไอ้ตุ๊ มันไม่ได้มีท่าทีสนใจใครเป็นพิเศษหรอกครับ มันคุยได้กับทุกๆคน (หรือว่ามันจะปะเหลาะแดก ให้หมดทุกคนเลยวะ) ส่วนผมอ่ะเหรอ ... ผมไม่เกี่ยวเจี๊ยวยังเล็ก ฮ่า ฮ่า จริงๆแล้วก็มีบางนิดหน่อย เพื่อนผู้หญิงในห้องน่ะแหละก็เข้ามาคุยขำๆ จับแก้ม หยิกแก้ม แง่งงง แต่ตูไม่ใช่ตุ๊กตาหมีนะ “ -_-



   จนถึงช่วงสอบปลายภาคของมอสองเทอมหนึ่ง



   ช่วงนี้ไอ้อุ้ยดูมันมีความสุขหน้าดู ตอนกลางวันมันมักจะลงไปกินข้าวกับพี่ญาทุกวันเลย  ส่วนไอ้ตุ๊กับไอ้เวอร์ ก็มีขนมมาสังเวยมันอยู่เรื่อยๆ แอบอิจฉาพวกมันนะ แต่ก็ยังดี ที่ได้อิ่มขนม โดยที่ไม่ต้องเสียตังค์

   ช่วงนี้บางวิชาที่ปิดคอร์สไปแล้วก็จะเริ่มมีการทยอยสอบกันไปบ้าง ส่วนวิชาไหนยังไม่ได้ปิดคอร์สก็ยังมีเรียนอยู่ วันนี้มีเรียนวิชาพระพุทธศาสนา ปกติอาจารย์วิชานี้ไม่ค่อยสอนหรอกครับ แกจะปล่อยให้ดูวีดิโอ(สื่อการสอน)บ้าง อ่านหนังสือกันบ้าง นอนกันบ้าง อ้อ ห้องนี้ไม่มีโต๊ะเรียนครับ เป็นห้องปูพรม มีหมอนครับ ผมชอบแอบมานอนในห้องนี้กันบ่อยๆ ปรากฏว่าวันนี้อาจารย์ไม่อยู่ครับ แล้วก็ไม่มีอาจารย์มาสอนแทน เพื่อนๆส่วนใหญ่ก็เลย ลงไปเล่นข้างล่างกันบ้าง ไปห้องสมุดกันบ้าง เนื่องจากชั่วโมงถัดไปเป็นพักเที่ยงด้วยมั้ง ทำให้เหลือนักเรียนบนห้อง ไม่ถึง 10 คน รวมทั้งกลุ่มผมด้วย แต่ไอ้อุ้ยมันไม่อยู่ครับ สงสัยจะไปนั่งเฝ้าพี่ญาหน้าห้องเรียน ... ดูมันมีแฟนแล้วลืมเพื่อน

   ส่วนไอ้เวอร์ ผมก็พยายามจะเลี่ยง พยายามที่จะอยู่ห่างจากมัน เพราะช่วงนี้มันหื่นขึ้นทุกวัน แถมนยิ่งรุกหนักขึ้นกว่าแต่ก่อน วันก่อนก็ไม่รู้เคลิ้มไปกับมันอิท่าไหน กว่าจะรู้ตัวอีกที กระดุมเสื้อก็หลุดออกไปหมดแผงแล้ว ขืนอยู่ไกล้มันมากๆ คงได้เสียตัวให้มันเข้าซักวัน วันนี้ก็ไม่รู้มันหายหัวไปไหน สงสัยคงมีสาวที่ไหน นัดออกไปเจออีกแน่

   ตอนนี้ไอ้ตุ๊มันนั่งพิงผนังห้องเรียนดูวิดีโอซึ่งเปิดหนังแอ๊คชั้นอยู่ ส่วนผมก็นอนหนุนตักไอ้ตุ๊อ่านหนังสือการ์ตูน สบายอารมณ์ อากาศในห้องมันช่างเย็นสบาย จนในที่สุดผมก็เผลอหลับไป นานแค่ไหนก็ไม่รู้ ผมได้ยินเสียงผู้หญิงคราง แล้วมันก็ดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมเสียง พั่บๆๆๆ จนผมตื่นขึ้นมา แล้วหันไปมองหาต้นกำเนิดเสียง

    อุ! แม่เจ้า!!! เป็นสาวสวยหุ่นดี คนหนึ่ง กำลังกิจกรรมเข้าจักับชายหนุ่มคนหงหวะนึ่งอยู่ เว้ยยยย เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเห็น มันช่างใจกล้าดีแท้ ผมมองไปที่ไอ้ตุ๊เห็นมันมองหน้าจอทีวีตาแป๋ว มองไปที่เพื่อนๆอีก 6-7 คนแต่ละคนนั่งตัวเกร็งกันเชียว อิอิ บางคนนี่ต้องเปลี่ยนท่านั่งมานั่งชันเข้ากันแล้ว แล้ววันนี้ก็นะ มีเรียนพละศึกษาครับ พวกผมเลยอยู่ในชุดพละกางเกงวอร์ม เอาละเว๊ย เฮ้ย จะได้เห็นจูโด้ กันละงานนี้ ผมลุกนั่งบ้าง มองไปที่ไอ้ตุ๊ เห็นมันนั่งมองไปที่ทีวีซึ่งตอนนี้กำลังฉายหนักเรทเอ็กซ์อยู่ ไม่รู้ใครเอามา มันไปหามาจากไหนวะ ช่างกล้าจริงๆ  มองไปที่ประตูก็เห็นว่ามันไม่ได้ปิด แต่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ สงสัยจะคอยดูลาดเลา ไอ้ตุ๊มันนั่งมองตาไม่กระพริบ มันหันมามองผมแวบนึงหน้าแดงๆ ทำปากขมุบขมิบประมาณว่า มองเชี่ยไร ผมกระซิบบอกมันไปว่า

   “ดูใหญ่เลยนะไอ้หื่น” มันหน้าแดง แจกมะเหงกมาให้ผม 1 โป๊ก ง่า ... เจ็บนะเมิง ผมกระแซะเข้าไปพิงมัน แหะๆกูดูด้วยคน มันหันมามองยิ้มๆแล้วนั่งชันเข่าพิงผนัง แล้วลากผมเข้าไปนั่งหว่างขามัน ผมก็เลยเอนไปพิงอกมันอ่ะ (แร้ด แร่ด โน้ะ) หนังมันเริ่มดุเด็ดเผ็ดมัน ผมสั่งเกตว่าหลายคนเริ่มอยู่ไม่สุข บ้างก็นั่งตัวเกร็งกันเชียว บ้างก็เอามือล้วงเข้าไปจัดระเบียบร่างกายตัวเอง บางคนทนไม่ไหวมันก็ลุกเดินตัวงอ ออกจากห้องไปเลย คนอื่นๆก็จะแซวว่า

   “เฮ้ยย พาไอ้ใบ้ไปบีบคอเหรอว๊า”

   “อะไรวะ แค่นี้ทนไม่ได้แล้วเหรอ”

   “อย่าทำห้องน้ำ เลอะเทอะนะเมิง”

   ฯลฯ

   แต่บอกตามตรงตอนนั้น ไอ้โมไม่ยักจะเข้าใจความหมายที่พวมันพูดว่าหมายถึงอะไร

   แล้วทุกคนก็หันมาสนใจที่หน้าจอกันต่อ

   นั่งไปได้แป๊บเดียวไอ้ตุ๊ ก็เอาคางมาถูแถวๆคอผม ง่า จุดอ่อนกูอีกละ ผมก็ขนลุกอ่ะครับ แต่ทำไม่สนใจ ดูหนังต่อไป คราวนี้มันเริ่มใช้จมูกแล้ว มาถูๆแถมสูดลมหายใจเข้าออกอีก ไอ่บ้านี่ จะเป็นไอ้เวอร์สองหรือไงเนี่ย แต่จะว่าไปมันก็สยิวๆ ดีแฮะ สัมผัสของไอ้ตุ๊ดูมันจะนุ่มนวลกว่าไอ้เวอร์ เพราะไอ้ตุ๊มันจะไม่มีหนวดเคราครับ ส่วนไอ้เวอร์อย่างที่บอกมันเป็นมนุษย์พันธ์ขน เพราะนั้นสัมผัสของไอ้เวอร์มันจะสากๆหน่อย มันทำซ้ำๆอยู่อย่างนั้น

   ผมแอบเหลือบมองไปที่เพื่อนคนอื่นๆ ไม่เห็นมีใครหันมาสนใจผมกับไอ้ตุ๊เลย เห็นมันจ้องเขม็งกันไปที่หน้าจอทีวีอย่างเดียว หรืออาจจะเป็นเพราะผมกับไอ้ตุ๊นั่งกันอยู่ด้านหลังก็ได้เลยไม่มีใครสนใจ แค่หนังที่มันควบกันไม่บันยะบันยัง ก็ทำผมเสียวจะแย่อยู่แล้ว ยิ่งไอ้ตุ๊มันมาทำแบนี้ผมยิ่งเคลิ้ม ได้แต่ปล่อยให้มันทำตามใจชอบ (คิดย้อนกลับไป ทำไมกูแรดอย่างนี้วะ >///<) มันเอามือมาคล้องเอวผมขยับให้ผมชิดกับอกมันมากขึ้น คราวนี้มันเอามือข้างนึงที่โอบผม ล้วงเข้าไปในเสื้อแล้วเอามือมาลูบๆวนๆแถวหน้าท้องผม แปลกใจเหมือนกันว่าตอนนั้นทำไมไม่ขัดขืนมัน หรืออาจจะเป็นเพราะหนังที่เปิดอยู่ก็เป็นได้ ทำให้อารมณ์ผมกระเจิงไป มันเอานิ้วเลื่อนมาวนๆแถวๆหัวนมผม

   “อึ...” ไอ้โมเกือบจะเผลอครางออกมา ดีนะยกมือขึ้นปิดปากทัน มือไอ้ตุ๊มันลูบจนหัวนมผมแข็ง ส่วนจะมูกกับปากมัน ตอนนี้ไซร้ซอกคอผมเต็มๆแล้ว แถมมันยังใช้ปากเม้มคอผมแรงๆด้วยอีก ส่วนหลัง   ผมก็ได้สัมผัสถึง ส่วนกลางลำตัวของมัน ที่ตอนนี้มันขยายขนาดขึ้นจนร้อนผ่าว ดันหลังผมอยู่

   “ตุ๊...”ผมกระซิบเรียกมัน แล้วมือไปจับแขนข้างนั้นของมันไว้

   “…” แต่ไม่มีเสียงจากมัน มันยังทำแบบเดิมต่อไป เดาว่ามันคงคิดว่าผมครางเรียกชื่อมัน แต่ ผมจะบอกว่าผมเรียกให้มันได้สติ แล้วหยุดทำแบบนี้ซะทีต่างหาก เพราะผมเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว

   “ตุ๊...พ...พ...พอแล้ว”เสียงผมกระซิบบอกมันเบามาก

   “…” มันยังคงไม่หยุด ผมมองหาตัวช่วยอื่น มองไปที่เพื่อนคนอื่นทุกคนยังจดจ้องกันอยู่ที่หน้าจอ เหมือนจะไม่มีใครสนใจที่ผมสองคน หากแต่ว่าพอผมมองไปที่ประตู ก็พบว่ามีใครคนนึง กำลังจ้องมองมาที่ผมสองคน แววตามันอย่างกับจะฆ่าคนได้...

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 16+พิเศษ .P3[16/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 16-09-2011 20:01:45
Kiss Koki ไอ้เวอร์นี่มันแรงมสแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ ฮ่า ฮ่า

silverphoenix ป่าวทะลึ่งน้า ผีมันสิงโผมมมมมมมมม

GeTOuTNoW แหะๆ ติดตามต่อไปละกันนะครับ เรื่องทุกเรื่องมีเฉลยหมดแหละครับ ส่วนเรื่องเกิดปีไหน เดี๋ยวคงได้รู้เร็วๆนี้ครับ

MinKKniM ไม่จริ๊ง ไม่จริง ตอนไหนเหรอ ที่นะโมบอกว่าชอบไอ้เวอร์อ่ะ ไม่มี้ >///<

artit ประโยคนั้นไปจำจากคนอื่นมาอีกต่อน่ะครับ มันโดนใจดี ... ว่าแต่ว่า นั่นสิ เอาไงต่อดีเนี่ย

วันนี้รีบกลับมาลงให้เร็วหน่อย เพราะคืนนี้ต้องเดินทางไกล

ขอบคุณนะคร้าบบบบบบบ ที่ติดตามผลงานของผม สัญญาเขียนพยายมมาลงบ่อยๆ และลงให้จนจบแน่นอนครับ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 16+พิเศษ .P3[16/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 16-09-2011 20:35:58
เวอร์ฆ่ามันว่าที่เมียเริ่มนอกใจ :m31:

 :call:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 16+พิเศษ .P3[16/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Kiss Koki ที่ 16-09-2011 22:16:30
คนที่ยืนที่ประตูจะทำยังไงน๊า :angry2:+1
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 16+พิเศษ .P3[16/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 16-09-2011 22:18:10
อะเจ๊ย นะโม อยู่กับเวอร์สองต่อสองกลัวเสียตัว แต่ที่ตุ๊ทำแถมมีคนอื่นอยู่ตั้งเยอะ นี่ไม่เสี่ยงเสียตัวเลยใช่มั้ย น่ากลัวกว่าเวอร์อีกอ่ะ  o22
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 16+พิเศษ .P3[16/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: MinKKniM ที่ 16-09-2011 22:42:47
โอ้ย...น้องนะโมจะรอดมั้ยเนี่ย ทั้งเวอร์ทั้งตุ๊ ความเสี่ยงสูงมาก  :try2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 16+พิเศษ .P3[16/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 17-09-2011 01:16:59
นะโม...ตะสะ เลยไงคราวนี้ :m20: :m20:

 :L2: :L2: :L2:

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 16+พิเศษ .P3[16/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Kiss Koki ที่ 17-09-2011 21:52:50
 :z3:นะโม....มายังอะ..,,รอๆๆ o22
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 16+พิเศษ .P3[16/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 17-09-2011 22:05:43
 :เฮ้อ:สถานการณ์นำพาและอารมณ์พาไป
ขอให้รอดปลอดภัยจากศึกทั้งสองด้านนะ นะโม
โถ่  ทำไปได้
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 16+พิเศษ .P3[16/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 17-09-2011 22:55:19
ดูแล้วเสือถ้าจะดุกว่าจระเข้หลาย :sad4:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 16+พิเศษ .P3[16/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: gay_love ที่ 18-09-2011 12:25:49
 :o8: :o8: :o8:

นายเอกหึ๋งแล้วอะจิ ...น่ารักน่ะนะโม นี้.. :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 16+พิเศษ .P3[16/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 18-09-2011 21:07:02

   “ตุ๊...พ...พ...พอแล้ว”เสียงผมกระซิบบอกมันเบามาก

   “…”มันยังคงไม่หยุด ผมมองหาตัวช่วยอื่น มองไปที่เพื่อนคนอื่นทุกคนยังจดจ้องกันอยู่ที่หน้าจอ เหมือนจะไม่มีใครสนใจที่ผมสองคน หากแต่ว่าพอผมมองไปที่ประตู ก็พบว่ามีใครคนนึง กำลังจ้องมองมาที่ผมสองคน แววตามันอย่างกับจะฆ่าคนได้ ผมทั้งตกใจทั้งอาย รีบสะดุ้ง ออกจากไอ้ตุ๊ ผมรีบลุกเดินก้มหน้าออกมาจากห้องไม่ได้หันกลับไปมองไอ้ตุ๊อีก บอกตรงๆผมทั้งอายไอ้ตุ๊ แล้วก็ไอ้คนนั้นคนที่จ้องผมอยู่ที่หน้าประตูนั่น ผมรีบวิ่งออกมา ไม่สนใจเสียงเพื่อนๆที่แซวกันตามหลังมา พอออกมาได้ผมก็รีบวิ่งดิ่งตรงไปห้องน้ำเลยครับ



แต่..




   แต่อย่าเข้าใจผิด ผมไม่ได้มาปลดปล่อยอะไรหรอกนะครับ แค่เข้ามาตั้งหลักก่อน เผลอทำเรื่องหน้าอายไปซะได้ แล้วปกติไอ้ตุ๊มันไม่เคยทำอะไรกับผมขนาดนี้ ปกติก็แค่กอด ขี่คอมันบ้าง ทำไมวันนี้มันกล้าทำขนาดนี้ ไอ้นี่ชักจะไว้ใจไม่ได้แล้วล่ะมั้งเนี่ย ไอ้เวอร์ก็คนนึงแล้ว ถ้าไอ้ตุ๊เป็นแบบไอ้เวอร์อีกคน ผมว่าได้เสียตัวก่อนวัยอันควรแน่ๆ เฮ้ออออ... หนีเสือปะจระเข้จริงๆ แต่...ไม่หรอก จริงๆแล้วอาจจะเป็นเพราะหนังนั่นก็ได้ เลยทำให้ไอ้ตุ๊ มันทำแบบนี้ ...แล้วทีนี้จะไปมองหน้ามันยังไงเนี่ย ไอ้โมทำเรื่องอีกละ ใจง่ายตลอดเลยนะมึง ผมก้มหน้าวักน้ำล้างหน้า แล้วรีบเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็มาเจอโจทก์ ไอ้คนที่มันยืนมองผมกับไอ้ตุ๊เมื่อตะกี้นี้ พอมันเห็นผมมันก็ปรี่มาลากแขนผมเข้าห้องน้ำเลยครับ

   “ทำไม ร่านนักนะมึง มึงมีกูคนเดียวไม่พอรึไง”มันตะคอกใส่ผมซะเสียงดัง

   “อะไร เมิงพูดเรื่องอะไร มึงว่าใครร่าน พูดดีๆนะมึง”

   “ยังจะมาถาม กูเห็นนะมึงกับไอ้ตุ๊อ่ะ แทบจะเอากันอยู่แล้ว จะทำอะไรก็หัดทำในที่มันลับหูลับตาคนหน่อยเหอะ เพื่อนนั่งกันอยู่ตั้งเยอะแยะ กะจะเอากันโชว์แข่งกับในหนังเลยรึไง” โห แต่ละคำที่มันพูดมาดูถูกผมสุดๆ ไม่เคยมีใครดูถูกผมขนาดนี้มาก่อนเลย ไอ้โมโกรธจัด

   “ไอ้เหี้ยเอ๊ย” ผมปล่อยหมัด เข้าที่แก้มด้านซ้ายมันอย่างจัง

   “อย่ามาดูถูกกู กูไม่คิดทำอะไรบัดสีแบบนั้นหรอก เรื่องแบบนี้ก็มีแต่มึง นั่นแหละที่คิดได้ ถ้าพ่อแม่มึงว่างจากสอนหนังสือล่ะก็น่ะ ให้เค้าช่วยมาสอนความคิดดีๆ เข้าสมองมึงซะบ้างนะ ไม่ใช่ปล่อยให้ในสมอง มีแต่เรื่องเลวๆ อุบาทว์ๆ” แล้วผมก็พูดคำต้องห้ามสำหรับมันไปอีกแล้ว คำที่ทำให้สติมันขาดผึง

   มันปรี่เข้ามาจับแขนผมสองข้าง แล้วกระแทกกับผนังห้องน้ำ

   “ไอ้โม ดูท่ากูจะใจดีกับมึงมากไปแล้ว มึงถึงกล้ากับกูมากขนาดนี้ ไม่เมื่อกูเป็นคนดี มึงไม่ชอบ งั้นมึงก็ต้องเจอกูแบบเลวๆนี่แหละ” แล้วมันก็จับแขนผมตรึงไว้กับผนังห้องน้ำ มันเข้ามายืนแทรกหว่างขาผม

   “อ๊ะ ไอ้เชี่ย ปล่อยกูนะ มึงจะทำไรกู๊ ปล๊อยยย”

   “ปล่อยเหรอ คราวนี้มึงได้เจอกูของจริงแน่ อย่าอ้อนวอนกูซะให้ยาก กูจะไม่ใจอ่อนกับมึงอีกแล้ว”

   “อุ อื๊อออ...”ก่อนที่ผมจะร้องอะไรอีก มันก็บีบปากผมอย่างแรง แล้วมันก็ประกบปาก ผมเข้าให้ มันบดริมฝีปากของมันเข้ามาอย่างรุนแรง ส่วนผมก็พยายามเม้มปากไว้ไม่ให้มันทำอย่างที่ใจมันต้องการได้

   “อุปส์ เชี่ยเอ๊ย!!” มันอุทาน รีบละปากออกจากผม เมื่อผมกัดเข้าที่ปากมัน แต่ก็ไม่กล้ากัดแรงอยู่ดี ... กลัวมันเจ็บ มันยังไม่ยอมปล่อยผม จับผมบีบปาก พยายามจะเข้ามาจูบผมอีกรอบ

   “เฮ้ย มึงทำอะไรไอ้โมวะ” เสียงไอ้ตุ๊ครับ ไอ้เวอร์มันหันขวับไปมองไอ้ตุ๊ มันสองคนจ้องกันตาเขียวปั๊ด ผมรีบอาศัยจังหวะที่ไอ้เวอร์หันกลับไปมองไอ้ตุ๊นั้น สวนหมัดไปที่ท้องน้อยไอ้เวอร์อย่างจัง

   ปึ๊ก!! ได้ผลครับ ไอ้เวอร์ละมือจากผม ลงไปนั่งกุมท้องเลยครับ ผมรีบฉวยโอกาส วิ่งหนีออกมาทันที พอวิ่งผ่านไอ้ตุ๊มันก็คว้าข้อมือผมไว้ แต่ผมสะบัดข้อมืออย่างแรง แต่มันก็ยังไม่ยอมปล่อย ผมก้มลงกัดแขนไอ้ตุ๊เต็มแรง

   “โอ้ย!!! ไอ้โม” สุดท้ายไอ้ตุ๊ก็ยอมละมือออกจากผม ผมรีบวิ่งออกมาจากตรงนั้นทันที ได้ยินเสียงไอ้เวอร์กับไอ้ตุ๊ เรียกให้ผมหยุด แต่ผม ไม่สนใจ รีบวิ่งหนีไปที่โรงอาหาร มันเป็นช่วงเวลาไกล้พักเที่ยงพอดี คนเริ่มลงมากินข้าวกันเยอะแล้ว ดีแล้ว คนเยอะแบบนี้มันสองคนจะได้ตามหาผมไม่เจอ ไม่อยากเจอกับมันสองคนตอนนี้


ตอน 17/1: กอด (ครึ่งแรก)

   ผมซื้อข้าว แล้วแอบเอาไปทานที่ด้านหลังหอพักชาย(ยังไม่เคยบอกอ่ะดิ ว่าโรงเรียนผมมีหอชายด้วย เป็นหอเล็กๆน่ะครับ เอาไว้ให้นักเรียน หรืออาจารย์ฝึกสอนมาพัก) พอตอนบ่ายผมก็รีบขึ้นห้องเรียน โดยที่ผมไปนั่งด้านหลังกับไอ้อุ้ย (ไอ้สองตัวนั่นมันยังไม่ขึ้นมา) ผมเอากระเป๋าไอ้ตุ๊ ไปวางไว้ที่นั่งผมให้เสร็จสรรพ แล้วมันสองคนก็ขึ้นมา โดยที่ตอนนั้นผมนั่งอยู่กับไอ้อุ้ยแล้ว

   “เฮ้ย มึงสองตัวไปฟัดกับใครมาวะนั่น อย่าบอกนะว่าไปต่อยกับไอ้พวก มอสามมาอีกแล้ว” ไอ้อุ้ยร้องทัก เมื่อเห็นสภาพมันสองคนตอนนี้ เสื้อผ้ามอมแมม หนาตามันเขียวๆ ปูดๆ ไอ้อุ้ยเลยเดาว่า มันไปต่อยกับพวกมอสามมาแน่ เพราะพวกผมเคยมีเรื่องกับเด็กมอสาม ก็เรื่องแย่งกันจีบสาวน่ะแหละ

   “เปล่า” มันสองคนตอบพร้อมกัน โดยที่มันมองมาที่ผม ผมก็พอจะเดาออกแหละ ว่ามันสองคนอ่ะฟัดกันเอง

   “ไอ้โมอีก คอไปทำอะไรมาเนี่ยะ ยังกับไปโดนใครดูดมา เป็นจ้ำๆเชียว” เจร๊ยยยย ไอ้อุ้ย ช่างสังเกตจริงมึง ตัวกู กูยังไม่รู้เลย ฮือออ เพราะมันสองคนนั่นแหละ ไอ้โมอาย รีบเอาคอเสื้อ ขึ้นมาปิด

   “บ้า กูคัน สงสัยโดนแมลงน่ะ ใครบ้าที่ไหนมันจะกล้ามาดูดคอกูได้” งืออออ จะใครล่ะ ก็ไอ้ยักษ์สองตัวนี่แหละ ที่มันกล้า

   “แล้วทำไมไอ้โม ไปนั่งที่กู” ไอ้ตุ๊มันถาม ส่วนไอ้เวอร์ก็เลื่อนเก้าอี้เข้านั่งที่

   “ก็วันนี้กูง่วง จะแอบงีบ กูเลยมานั่งกับไอ้อุ้ย มึงนั่งกับไอ้เวอร์ไปละกัน” ผมตอบ แกล้งหันไปมองทางอื่น ไม่อยากมองหน้ามัน สรุปไอ้ตุ๊มันก็นั่งที่ผม

   ตลอดบ่ายนั้นผมเรียนไม่รู้เรื่องเลย มัวแต่คิดเรื่องไอ้สองตัวนี่ โดยเฉพาะไอ้ตุ๊ งงกับมันมากมาย ผมไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับมันจริงๆ ผมรู้สึกกับมันแบบพี่ชายมากกว่า เวลาอยู่ไกล้ๆมันแล้ว รู้สึกว่ามันมีอะไรๆ หลายๆอย่างคล้ายกับพี่ผม แล้วผมก็เคยคิดว่ามันก็คงเห็นผมเป็นน้องเหมือนกัน ตลอดเวลาผมก็มันก็เล่นกันแบบถึงเนื้อถึงตัวบ้าง โดยที่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอมาเหตุการณ์วันนี้ ทำให้ผมชักไม่แน่ใจว่ามันคิดยังไงกันแน่ ส่วนไอ้เวอร์ไม่ต้องเดา มันประกาศเจตนารมณ์ของมันต่อผมชัดเจนอยู่แล้ว ...จะบ้าตาย แล้วจะทำยังไงกับไอ้ตุ๊ต่อดีวะเนี่ย

   เลิกเรียนปุ๊บผมก็รีบกลับบ้านเลย ขี้เกียจรอเจอพวกมัน ปกติแล้วตอนเย็นๆ พวกผม(แล้วก็เพื่อนๆ คนอื่นๆในห้อง )ก็จะนั่งจับกลุ่มกันหน้าโรงเรียนครับ นั่งหลีสาวกัน กินขนมกันบ้าง แต่วันนี้ผมรีบกลับ ยังไม่พร้อมจะคุยกับพวกมันตอนนี้ มาถึงบ้านไอ้โมก็รีบอาบน้ำนอนเลย ปวดหัว สงสัยไมเกรนจะขึ้น คิดมากเรื่องไอ้สองคนนั้น แล้วผมก็หลับไป จนกระทั่ง...

   “ไอ้หัวโหนก ตื่นได้แล้ว เพื่อนมาหาแน่ะ” ผมงัวเงีย ขยี้หูขยี้ตา ตอนนั้นน่าจะสัก 6 โมงเย็นกว่าๆ สรุปว่าตูได้นอนไปนิดเดียว

   “ใครอ่ะแม่ ไอ้เวอร์เหรอ” ตายห่า เสือกตามมาทำไมอีกวะ ที่นึกถึงมันก็เพราะ มันมาหาที่บ้าน 2-3 หนแล้วจนแม่จำได้ ถ้าจะเป็นคนอื่นก็เพื่อนข้างบ้าน ซึ่งถ้าเป็นเพื่อนข้างบ้านมันก็น่าจะเข้ามาในห้องผมแล้ว เพราะสนิทกันมาก

   “ไม่ใช่นี่ เห็นบอกว่าชื่อตุ๊” เจร๊ยยยย มึงมาได้ยังงายยย กูยังไม่อยากเจอหน้ามึงตอนนี้ ผมก็รับออกมาดูมันหน้าบ้าน เห็นมันขี่มอไซค์มากับน้องสาวมัน ยังอยู่ในชุดพละอยู่เลย

   “มาได้ไงเนี่ยะ มีไร” ผมพูด แต่ไม่ยอมสบตามัน

   “ขึ้นรถ ดิ”

   “ไปไหน ไม่ไป จะนอน” ผมทำท่าจะเดินกลับเข้าบ้าน แต่มันรีบลงจากรถ มาคว้าแขนผมไว้ซะก่อน บีบซะผมเจ็บ

   “อย่าดื้อ กูบอกให้ขึ้นรถ เรามีเรื่องต้องคุยกัน” อะไรเนี่ยแต่ละคน ชอบบังคับกูกันจริง เห็นกูเป็นอะไรวะเนี่ย ไอ้โมทำตาแดงๆ

   “กูไม่ไป จะคุยอะไรก็คุยที่นี่”

   “มึงอยากให้กูคุยต่อหน้าแม่มึงใช่มั้ย ห๊ะ” มันทำท่าจะลากผมไปหาแม่ ที่อยู่หลังบ้าน อะไรเนี่ย วันนี้ไอ้ตุ๊ที่น่ารัก ไหงมาบทโหด ฮืออออ กลัววววว

   “…” ไอ้โมเดินมาที่รถมันแต่โดยดี

   “แม่ หนูไปบ้านเพื่อนที่... นะ เดี๋ยวค่ำๆกลับ” ผมตะโกนบอกแม่

   “เอ้ออ ขับรถดีๆกันล่ะ” เสียงแม่ตอบกลับมา ผมเดินจะไปขึ้นรถ ซึ่งน้องสาวมันลงจากรถแล้ว เข้าใจว่าคงจะให้ผมนั่งกลาง

   “มานั่งข้างหน้านี่” มันขึ้นคร่อมรถ แล้วให้ผมไปนั่งหน้า

   “นั่งกลางก็ได้” ไปนั่งหน้าให้มึงแต๊ะอั๋งกูนะสิ รู้นะมึงคิดอะไร

   “เร็ว จะมานั่งดีๆมั้ย” มันทำเสียงดุ ง่า กลัวอ่ะ ผมเลยจำต้องตามใจมัน

   แล้วไอ้โมก็เปลืองเนื้อเปลืองตัวอีกตามเคย กว่าจะมาถึงบ้านมัน เจ็บตูดระบม ไม่ใช่ไรน๊า รถมอเตอร์ไซค์มันกระแทก แล้วผมนั่งหน้าอ่ะ ได้นั่งปลายเบาะจิ๊ดเดี๋ยว เผลอขยับไปด้านหลังที่ไร ก็ไปเจอกุ๊โจ๊วมันแหลมมารอทิ่มตูดอยู่อ่ะ ผมเลยต้องนั่งเกร็งอยู่ปลายเบาะอย่างนั้น กว่าจะมาถึงบ้านมัน ผมก็นั่งเกร็งแบบนั้น เป็นระยะทาง 10 กว่ากิโล

   “พากูมาบ้านมึงทำไม เนี่ยะ ไหนบอกมีเรื่องอะไรจะคุย มีอะไรก็รีบๆพูดมา จะได้กลับ”

   “เออ เดี๋ยวกูอาบน้ำก่อน ขึ้นมาข้างบนก่อนดิ”

   “- -“คาดว่าถ้าขึ้นไป ไอ้โมอาจจะไม่เหลือพรมจรรย์ กลับมา

   “ไม่เอา กูรอข้างล่างนี่แหละ”

   “ตามใจ” แล้วมันก็เดินหายขึ้นไปข้างบน พอดีกับที่แม่มันกลับมาจากข้างนอกพอดี

   “แม่มาพอดีเลย แม่นี่พี่นะโม เพื่อนพี่ตุ๊” น้องไอ้ตุ๊ (ชื่อตั๊ก) แนะนำผมให้แม่มันรู้จัก

   ผม : “หวัดดีครับแม่” ผมยกมือไหว้แม่มัน

   แม่ไอ้ตุ๊ : “หวัดดีลูก แล้วตุ๊ไปไหน”

   น้องตั๊ก : “พี่ตุ๊ อาบน้ำอยู่น่ะแม่”

   แม่ไอ้ตุ๊: “อ้าว แล้วปล่อยให้เพื่อนอยู่คนเดียว เปิดทีวีให้พี่เค้าดูสิลูก”

   น้องตั๊ก : “จ้ะ แม่”

   แม่ไอ้ตุ๊: “แล้วบ้านอยู่ไหนล่ะเนี่ยะ”

   ผม : “อยู่ที่บ้าน... ครับ”

   แม่ไอ้ตุ๊: “อ่อ เหรอจ๊ะ แล้วนึกยังไงตุ๊มันถึงพาลูกมาบ้านเนี่ยะ ปกติแม่ไม่เห็นเค้าพาเพื่อนมาบ้านเลย”

   ผม : “มันพาผมมาเปิดตัว เป็นลูกสะใภ้แม่น่ะสิ เมื่อกลางวันมันเกือบจะได้ผมเป็นเมียมันแล้ว” -->> อันนี้คิดในใจ ฮ่า ฮ่า

   ผม : “อ่อ มาติวหนังสือกันน่ะครับ พอดีพรุงนี้มีสอบ”

   แม่ไอ้ตุ๊: “อ้าว เหรอจ๊ะ ขยันกันจัง งั้นอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันนะจ๊ะ แม่ซื้อของมาเยอะแยะเลย”

   ผม : “อ่า... ครับ ขอบคุณครับแม่”

   แม่ไอ้ตุ๊: “ตั๊ก ก็มาช่วยแม่ด้วยสิลูก ให้พี่เค้าดูทีวีไป หรือจะขึ้นไปบนห้องตุ๊ล่ะลูก ข้างบนก็มีทีวีนะลูก”

   ผม : “ไม่เป็นไรครับแม่ อยู่ข้างล่างดีกว่า เย็นดี” ขึ้นไปข้างบนมีหวัง แม่ได้ผมเป็นลูกสะใภ้แน่ๆ

   แม่ไอ้ตุ๊: “จ้า งั้นแม่ไปทำกับข้าวก่อนนะลูก” แล้วแม่ก็ไปทำกับข้าว เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ ไอ้ตุ๊ก็ไม่เห็นมันจะลงมาซะที นี่ก็มืดค่ำแล้วด้วย จะกลับบ้านยังไง ทางเปลี่ยวจะตาย ไกลก็ไกล ผมก็ไม่กล้าขึ้นไปตามมันข้างบนหรอก ได้แต่นั่งรอมันอยู่ข้างล่าง

   “กับข้าวเสร็จแล้วจ้ะ มากินข้าวกันมา อ่าวตุ๊ยังไม่ลงมาอีกเหรอ เอ๊ะยังไงเนี่ย มาให้เพื่อนรออยู่ได้ตั้งนาน” แม่ไอ้ตุ๊เรียก

   “...” ผมได้แต่ยิ้ม

   “ตั๊ก ขึ้นไปเรียกพี่เราลงมากินข้าวได้แล้ว ไม่รู้ทำอะไรอยู่” แล้วน้องตั๊กก็วิ่งขึ้นไปตามไอ้ตุ๊ แล้วน้องเค้าก็วิ่งลงมา

   “พี่ตุ๊หลับอยู่อะแม่ ตั๊กปลุกแล้วเดี๋ยวพี่เค้าตามลงมา” ไอ้เวรนี่ ปล่อยให้กูรอแล้วมึงไปนอนหลับอ่ะนะ เลวจริงๆ ไอ้โมเริ่มหงุดหงิด แล้วมันก็เดินลงมา แล้วอ้อมมานั่งข้างๆผม บ้านไอ้ตุ๊อยู่กัน 5 คนครับ มีแม่มัน ไอ้ตุ๊ น้องมัน ยาย แล้วก็น้า มันส่วนพ่อมันไปไหนไม่รู้ ไม่กล้าถาม

   “ทำไมปล่อยให้เพื่อนรอตั้งนาน ทำอะไรอยู่” แม่ดุมัน

   “ตุ๊ไปอาบน้ำแล้วเผลอหลับน่ะแม่ นึกว่านะโมมันจะตามขึ้นไป” สันดาน ตามขึ้นไปกูก็โดนมึงขย้ำกูน่ะเส่ กูฉลาดกว่าที่มึงคิดเว้ยยย

   “ลงมาที่หลัง ก็ไปยกมาข้าวในครัวมาเลย อยากช้ากว่าคนอื่น” แม่ใช้มันครับ

   “แม่อ่า...” มันทำเสียงอ้อน แต่ก็ลุกไปโดยดี ผมก็ได้แต่แอบมองมันขำๆ ทานข้าวเสร็จ ก็นั่งคุยกันครับ ครอบครัวมันดูอบอุ่นดีจริงๆ แต่บ้านนี้ไหงมีแต่ผู้หญิงหว่า (มีน้า แล้วก็ยายอีก) เป็นกันเองมาก แต่แปลก ไม่ยักกะมีใครพูดถึงพ่อมันเลย คุยกันอยู่นาน กว่าจะเก็บโต๊ะเสร็จ ก็ปาเข้าไปสามทุ่มกว่าแล้ว ยายกับน้ามันขึ้นไปนอนแล้ว ส่วนไอ้ตุ๊ไปช่วยน้องล้างจาน ส่วนผมช่วยแม่มันทำความสะอาดโต๊ะ

   “แล้วนี่ดึกแล้ว นะโมกลับบ้านยังไงล่ะลูก เอารถมาเหรอ”

   “อ่า...เปล่าครับ ตุ๊ไปรับมาน่ะครับ”

    “นี่มันดึกแล้วนะ ลูก ทางเปลี่ยว จะกลับกันยังไง นอนที่นี่แหละลูก ตุ๊มันก็นอนคนเดียว ขี่รถกันดึกๆมันอันตราย ไหนจะรถรา โจรผู้ร้ายอีก เค้ายิ่งมีข่าวดักปล้นกันอยู่ด้วย”

   “...” ไอ้โมพูดไม่ออก โจรผู้ร้ายอ่ะผมไม่กลัวหรอก ผมกลัวลูกชายแม่นั่นแหละ แล้วไอ้ตุ๊ก็เดินกลับมาพอดี

   “ตุ๊ วันนี้ให้นะโมนอนนี่แหละลูก ไปส่งกันดึกๆมันอันตราย แล้วไม่ต้องติวหนังสือกันดึกล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไม่มีแรงไปสอบ” แม่สั่งมัน แรงไปสอบผมน่ะมีเหลือเฟือ แต่แรงที่จะขัดขืนมันคืนนี้น่ะสิ เท่าไรก็ไม่พอ T_T พรมจรรย์จ๋า ไอ้โมขอลาก่อน ไม่รอดแน่ๆกรู

   “ครับแม่”มันยิ้ม แหม ที่งี้ละรีบรับคำแม่มึงเชียว ไอ้หื่นเอ๊ยยย

   แล้วเวลาแห่งการเสียตัวของไอ้โมก็มาถึง T_T หลังจากที่แขกเหรื่อกลับบ้านกลับช่องกันไปหมดแล้ว ก็ถึงเวลาเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวต้องเข้าห้องหอกัน เจี๊ยกกกก! ไม่ใช่ละ เข้ามาสู่ความจริงกันดีกว่า หลังจากเข้ามาห้องมัน

   “ไปอาบน้ำดิ” มันยื่นผ้าขนหนูให้

   “อาบมาแล้ว” ไอ้โมก้มหน้าตอบ ตั้งแต่บ่ายแล้ว ยังไม่กล้ามองหน้ามันจังๆ

   “งั้นก็นอน กันได้แล้ว”มันบอกแล้วก็ถอดเสื้อออก แล้วเดินมาหาผม ตอนนี้มันใส่แค่กางเกงขาสั้นตัวเดียว หุ่นน่ากินเชียว เดี๋ยวกูก็ปล้ำมึงซะหรอก บ้า... ไม่ใช่ละ

   “เฮ๊ยยย มึงจะทำอะไรน่ะ” ผมยกตีนเตรียมจะยันมัน แต่มันยังเดินเข้ามาหาผม แล้วมันก็

   ...


   มันก็



   มันก็

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 17/1: กอด .P3[18/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 18-09-2011 21:12:35
วันนี้ กลับมาถึงกรุงเทพฯ ตอน 10 โมง ก็ไปช่วยแพคของ ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่สนามฟุตซอลทองหล่อ

เพิ่งกลับมาถึงห้องเลยครับ เหนื่ยมาก แต่มีความสุขครับ ได้ช่วยเล็กๆน้อยๆก็ยังดี

ใครประสบภัยฯอยู่ ก็เข้มแข็งยิ้มสู้ไว้นะครับ ผมเอากำลังใจช่วย


หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 17/1: กอด .P3[18/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 19-09-2011 00:16:49
เป็นกำลังใจ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 17/1: กอด .P3[18/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: MinKKniM ที่ 19-09-2011 02:17:38
มันก็....

มันก็...อาไร้ แง่งๆๆๆๆๆๆ

ทำไมมาตัดฉับกันอย่างนี้  :m16:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 17/1: กอด .P3[18/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 19-09-2011 05:28:53
ตุ๊...นายจะเอาจริงแล้วใช่ม้ายยยยย

โมว่าไง..ใครดีล่ะโม  555
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 17/1: กอด .P3[18/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 19-09-2011 06:29:57
อ๊ะ ตุ๊จะทำอะไรน่ะ :z1:
ว่าแต่เป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออีกคนแล้วเหรอเนี่ย อย่างนี้น้องโมเลือกลำบากแน่ๆ :laugh:
เอ๊ะ หรือไม่ต้องเลือกดีน้า :haun4:
รออ่านตอนต่อไปจ้า...
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 17/1: กอด .P3[18/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 19-09-2011 07:05:11
อะไรวะเนี้ยยยยยยย

เริ่มไม่พอใจโมแล้วนะ

ไม่พอใอใจโมแล้วนะ :m16:

 :call:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 17/1: กอด .P3[18/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 19-09-2011 07:41:53
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 17/1: กอด .P3[18/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 19-09-2011 10:14:10
ชอบนะโม น่ารักจัง :o8:

ตุุ๊กับเวอร์ สูงจัง แค่ม.ต้นสูง 180 กว่าแล้ว อิจฉานะเนี๊ยะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 17/1: กอด .P3[18/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 19-09-2011 15:24:54
สองศรีพี่น้องก็สูงเว่อร์อ่า
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 17/1: กอด .P3[18/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: lptk ที่ 19-09-2011 15:36:26
นะโมลูกจะรอดไหมเนี้ย :haun4:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 17/1: กอด .P3[18/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Kiss Koki ที่ 19-09-2011 16:09:25
อ้าวเฮ้ยยยยย ตุ๊เล่นแบบนี้เลยเหรอ แล้วนะโม ว่าไงเนี่ยงานนี้ หุๆๆ :z3:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 17/1: กอด .P3[18/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 19-09-2011 17:19:07
เชียร์เวอรอ่ะๆๆๆๆ  :3123:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 17/1: กอด .P3[18/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 19-09-2011 20:32:22
tawan ไม่ได้นอกใจน้า ก็ยังไม่ได้เป็นไรกันจะมาเรียกว่านอกใจได้ไง ฮ่า ฮ่า

Kiss Koki เฉลยให้แล้วนะ ว่ามันทำไง

artit นั่นสิ หื่นเข้าไปทุกวันนะไอ้ตุ๊เนี่ย

MinKKniM เป็นกำลังใจให้ผมรอดปากเสือปากตะเข้ด้วยนะครับ

GeTOuTNoW   o22

Kiss Koki มาแล้วๆๆๆๆ

nara555 ตั้งรับยังไงดีล่ะทีนี้ หุหุ

GeTOuTNoW ถ้าจระเข้ลากผมลงไปในน้ำ คงจะน่ากลัวกว่านี้อีกอ่ะนะ

gay_love หึงเหรอ แบบนี้เค้าเรียกว่าหึงจิงอ่ะ ผมไม่รู้รรรรรรรร ไร้เดียงสา
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 17/1: กอด .P3[18/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 19-09-2011 20:34:14
ตอน 17/2: กอด (ครึ่งกลาง)

   “เฮ๊ยยย มึงจะทำอะไรน่ะ”ผมยกหมอนขึ้นมากันไว้ แล้วก็เตรียมยกเท้าจะยันมัน แต่มันยังเดินเข้ามาหาผม

   ....


   แล้วมันก็เอื้อมมือไปปิดสวิทช์ไฟที่อยู่บนหัวผม

   “เป็นอะไรของมึง” ง่า... กูนึกว่ามึงจะปล้ำกูน่ะสิ ไอ้เลว กูยังไม่ได้ถอดเสื้อผ้าเลยน้า (โป๊ก!!!เข้าให้ จิตใต้สำนึก)

   “ไหนมึงบอกว่า มีเรื่องจะคุย” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง มันมานั่งลงข้างๆผม

   “ก็เรื่องวันนี้แหละ” มันพูดน้ำเสียงจริงจัง

   “กูไม่รู้ว่าทำไม กูถึงทำกับมึงแบบนั้น กูไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ปกติกูก็ไม่เคยคิดอะไรกับมึงแบบนั้น จนกระทั่ง...”

   ผมทำหน้าเป็นหมาสงสัย ตาจ้องมัน ประมาณว่า แล้วไงต่อ

   “จนกระทั่ง ไอ้เวอร์มันเข้ามะเจ๊าะแจ๊ะกับมึงแหละ กูเห็นมันกอดมึงบ้าง หอมมึงบ้าง แล้ววันนั้น...กูเห็นมันจูบกับมึงด้วย” เจร๊ยยยย มึงไปเห็นตอนไหน กูว่ากูทำในที่ลับหูลับตาคนแล้วนะเนี่ย

   “กู...” ผมจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มันก็ชิงพูดต่อ

   “กูรู้สึกหงุดหงิด ที่หมู่นี้มึงไปสนิทสนมกับมันมากๆ ทั้งที่เมื่อก่อนมึงตัวติดกับกูอย่างกับอะไรดี พอมาตอนนี้กลายเป็นว่ามึงไปไหน มันไปนั่น” ง่า...หนูเปล่าน๊า เค้ามาเอง หนูเปล่าชวนน๊า เค้ามาเอง

   “เอ่อ....เรื่องวันนี้ มึงโกรธกูมากใช่มั้ย ...คือ... กูขอโทษนะ กูก็ไม่รู้ว่ากูทำแบบนั้นทำไม เมื่อก่อนกูก็แค่ ... แค่ดีใจที่มีมึงอยู่ไกล้ๆ แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้ทำไม กูรู้สึกว่ามึง ...” มันเว้นช่วง แล้วถอนหายใจยาว

   “.. กูรู้สึกว่ามึงน่ารัก ” อร๊ายยยยย ไอ้บ้าตุ๊ กูเขินนะ

   “ตอนที่ จู่ๆมึงก็ผลุนผลันลุกออกมา กูตกใจคิดว่ามึงโกรธกูมาก กูเลยรีบออกไปตามหามึงซะทั่ว จน...จนกูไปเจอมึงอยู่กับมันในห้องน้ำ”

   “กูรู้สึกโกรธมากเลย ที่มันทำกับมึงแบบนั้น พอมึงวิ่งหนีออกมา กูก็ต่อยกับมันตรงนั้นเลย” กูว่าแล้ว มึงกัดกันนี่เอง ถึงว่าสภาพยับเยินกันซะ

   “กูถามมันว่า มันทำกับมึงแบบนั้นทำไม มันบอกว่าทำไมจะทำไม่ได้ มากกว่านี้มันก็เคยมาแล้ว มันบอกว่ามันรักมึง แล้วมึงก็เป็นเมียมันแล้วด้วย”เฮ๊ยยยย ไอ้เวอร์ ไอ้เลว กูไปเป็นเมียมึงตอนไหน ขี้ตู่แล้ว

   “กูเสียใจมากเลยมึงรู้มั้ย” มันพูดก้มหน้ามองพื้น แววตามันเศร้ามากมาย ไอ้โมเป็นคนใจอ่อน อยู่แล้วด้วย เลยเอื้อมมือไปลูบแก้มมันเบาๆ มันหันมามองผมยิ้มๆ แล้วจับมือผมแนบกับแก้มมันไว้

   “กูไม่ได้มีอะไรกับมันนะโว้ย มึงเข้าใจผิดแล้ว”

   “.... แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่มันบอกกู”

   “…” ผมขมวดคิ้วประมาณว่า มันบอกอะไรมึงอีก

   “มันบอกว่า ... มึงก็รักมัน จริงป่าววะ” เจร๊ยยยยย กูไปบอกมันตอนไหน มันขี้ตู่ล้วนๆ

   “ครือแว่....”

   “บอกมาเหอะ กูรับได้”

   “กู...กูไม่รู้ กูก็รู้สึกดี ตอนอยู่กับมัน เหมือนๆ กับที่กูรู้สึกดีเวลาอยู่กับมึงน่ะแหละ จริงๆนะ” ถึงมันแจะแกล้งผมต่างๆนาๆ แต่มันก็ไม่เคยลงไม้ลงมือกับผม ถึงจะเล่นแบบเจ็บๆไปบ้าง แต่รวมๆแล้วมันก็ดีกับผม ... น่าน ไอ้โมมึงคิดจะจับปลาสองมือล่ะสิ (จริงๆแล้วเอาตีนเหยียบไว้อีกสองตัว อิอิ)

   “แล้วตกลงมึงรักมันหรือเปล่า” มันถามอีก

   “อย่างที่บอก กูไม่รู้”

   “แล้วมึงรักกูหรือเปล่า” โอ้ววว แทงใจดำเล่นถามกันซึ่งๆหน้าแบบนี้ แล้วกูจะตอบยังไง

   “ไอ้ตุ๊ มึงฟังกูนะ กูไม่รู้หรอก อะไรคือรัก อะไรคือไม่รัก มึงรู้แค่ว่ากูอยู่กับมึง แล้วกูมีความสุข มึงอย่าถามอะไรมากกว่านี้เลย กูไม่รู้จะตอบยังไงแล้ว” ตอนนั้นผมไม่รู้จริงๆ รักคือะไร เป็นยังไง นอกจากรักพ่อรักแม่แล้ว มันมีรักอย่างอื่นด้วยเหรอ เฮ้ออ ยิ่งคิดยิ่งปวดหมอง มันเงยหน้ามามองผม แล้วยิ้ม ที่มันทำหน้าเศร้าๆเมื่อกี้ ตอนนี้มันยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งเชียว

   “นั่นสิเนอะ คิดมากทำไมให้ปวดหัว ฮ่า ฮ่า ฮ่า นอนกันดีกว่า” เปลี่ยนอารมณ์เร็วจริงนะเมิง แล้วมันก็รวบตัวผม แล้วนอนทับลงมา แถมหอมแก้มผมไปอีกหนึ่งที แถมทำหน้าหื่นๆใส่อีก

   “เฮ๊ยยย ทำไรเนี่ย” นึกว่าว่าคุยกันรู้เรื่องแล้วเชียว สุดท้ายมึงกูจะฟันกูให้ได้ใช่มั้ย ฮืออออ มันเงยหน้ามามอง แต่มือยังกอดผมแน่น ตัวมันก็ทับผมอยู่ มันอามือมาลูหน้าผากผมเบาๆ ตอนนี้ผมกับมันจ้องตากันไม่กระพริบ มันก้มลงจูบหน้าผากผม เลื่อนลงมาถึงเปลือกตา ไล่มาจนถึงแก้ม

   “คืนนี้กูนอนกอดมึงนะ” ไอ้โมไม่ทันได้ตอบอะไรหรอก มันก็ล้มตัวลงนอนข้างหลังผมแล้ว แย่งหมอนออกจากมือผมก่อนที่จะโยนทิ้งไปข้างหลังมัน แล้วก็นอนตะแคงข้างมากอดผม ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มเราสองคน

   แล้วมึงจะมาถามกูทำไม ถึงกูบอกว่าไม่ได้มึงก็คงไม่ยอมอยู่ดีน่าแหละ ... เอาวะ กอดก็กอด อากาศข้างนอกก็เย็นอยู่แล้ว กอดกันก็ดี จะได้ไม่หนาว

   “ห้ามลักหลับกูล่ะมึง ไม่งั้นกูจะไม่พูดกับมึงอีกเลยตลอดชีวิต”

   “นอนได้แล้ว...” ง่า... ไม่รับปากกู แสดงว่ามึงคิดจะทำอะไรกูชิมิ งืออออ ไม่รอดแน่คืนนี้... พรมจรรย์จ๋า ไอ้โมลาก่อน ...




   


   แล้วผมก็เข้าสู่นิทรา ภายใต้อ้อมกอดอุ่นๆ ของไอ้ตุ๊









   เช้าวันรุ่งขึ้นอากาศยังค่อนข้างหนาวอยู่ แต่ผมก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นเพราะข้างนอกเริ่มจะสว่างแล้ว แล้วอีกอย่างมีปลาหมึกยักษ์อยู่ตัวนึง มันรัดผมซะแน่นเชียว T_T จะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว ผมพยายามแกะมือข้างที่มันโอบผมออก เพื่อจะขยับตัว แต่ว่า ทำไมรู้สึกหวิวๆหว่า...
   เจร๊ยยยยย!! เสื้อตูหายไปไหเนี่ย ฮือออ นึกแล้วเชียว ไอ้เลวตุ๊  ไว้ใจไม่ได้จริงๆด้วย ไม่น่าหลวมตัวมากับมันเลย ไหนบอกไม่ทำไรกูไง พอไอ้โมขยับตัว ถึงได้รู้ว่าระบมตูดมากมาย คงไม่ต้องบอกนะว่าเพราะอะไร ...



   ก็เพราะ...



   
   เพราะ





   เพราะ






   เพราะ

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 17/1: กอด .P3[18/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 19-09-2011 20:43:14
GeTOuTNoW ขอบคุณครับ

MinKKniM เฉลยแล้วๆ

silverphoenix  ใคร? อะไรเหรอ? (ทำไม่รู้ไม่ชี้ไปเรื่อย)  :confuse:

BeeRY ถึงกับเลือดกระฉูด

tawan อย่าทำไรผมเลยยย ผมไร้เดียงสา

roseen  หุหุ

ujen เขินนะเนี่ย แหะๆ

4559 ความหื่นสูงใช่ป่ะ

lptk กลัวจะไม่รอดก็คืนนี้แหละครับ

Kiss Koki นั่นสิเอาไงดีเนี่ย

Rhythm ถ้ามันรู้ว่ามีคนเชียร์แบบนี้ คงจะดีใจนะ ฮะฮะ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน กอด (จบ) .P4[18/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 19-09-2011 20:50:08
ตอน 17/2: กอด 2 (ครึ่งหลัง)
   ผมระบมตูดมากมาย เพราะซ้อนมอเตอร์ไซค์มันเมื่อวาน เอื้อมมือควานลงไปข้างใต้ผ้าห่ม(อ่ะนั่นแน่ะ รู้นะคิดอะไร) เพื่อดูว่ากางเกงยังอยู่กับตัวเองมั้ย แต่ก็โล่งใจไป เพราะกางเกงยังอยู่ดี สภาพผมกับมันตอนนี้ มันนอนตะแคงงอขาสอดมาใต้ขาผม แขนข้างหนึ่งรองใต้หัวผม อีกข้างพาดอยู่บนลำตัวผม ส่วนผมนอนหงายเอาขาพาดตรงสะโพกมัน หัวหนุนแขนมันอยู่ ช่างจัดท่าทางได้ดีนักนะมึง อย่างกับคู่ผัวเมียข้าวใหม่ปลามัน

   แต่ว่า... เอ๊ะมือกูสองข้างก็ยังอยู่ครบนี่หว่า แล้วไหงมีมือข้างที่สามมาอยู่ในกุงเกงกูได้ละเนี่ย

   เฮ้ย!!! ไอ้ตุ๊ ไอ้เลว ฮือออ คาดว่าเมื่อคืนตอนกูหลับคงจะแต๊ะอั๋งกูทั้งคืนเลยละเส่ะ แถมลูกชายผมยังรู้เห็นเป็นใจกับมันซะด้วย แข็งโป๊กสู่มือมันเลยเชียว  ผมนอนพิจารณาหน้ามันซึ่งตอนนี้แทบจะติดกับหน้าผม ลมหายใจสม่ำเสมอที่ออกมาจากจมูกนั่น อืม... จมูกมันโด่งจัง    ขนตามันก็ย้าวยาว ปากแดงด้วย เข้าขั้นหล่อนะเนี่ย ผมเผลอเอามือไปลูบแก้มมัน อ่ะแน่ะ แอบมีสิวอักเสบด้วย อิอิ

   “อื้อ... จะลูบอีกนานมั้ยเนี่ย ชักมีอารมณ์” เจร๊ยยยย เผลอลูบเพลินไปหน่อย เลยลามมาถึงลำคอมัน แล้วมึงตื่นมาตอนไหนเนี่ย มันพูดพร้อมกับกระชับแขนให้ผมกับมันชิดกันมากยิ่งขึ้น

   “ตื่นแล้วก็ไม่บอก สาดดด”

   “ตื่น นานแล้ว เห็นมึงนอนขี้มูกโป่งอยู่ เลยไม่อยากปลุก” พ่อเมิงอ่ะเส่ ถ้าตื่นนานแล้วก็ช่วยเอามือมึงออกจากกางเกงกูด้วย สาดดดดด

   “เชี่ยเส่ะ เมิงแหละ เห็นนอนกรนน้ำลายยืดเชียว” เรื่องไรกูจะยอมให้มึงแซวฝ่ายเดียว

   “ตื่นมาก็ปากดีเลยนะมึง เดี๋ยวจะโดน ฟอดดดด” เดี๋ยวเชี่ยะไรละ เมิงอ่ะหอมกูเข้าให้แล้ว

   “มึงอ่ะ” ผมทำหน้างอใส่มัน แก้เขิน

   “เอ๊า ก็ทักทายยามเช้าไง” แล้วมันก็หันมาจุ๊บปากผมเบาๆ อีกรอบ พ่อเมิงเส่ะ กูอ่ะเปลืองตัว (เขียนไปก็เขินไป)

   “แล้วมึงมาถอดเสื่อกูทำไมเนี่ยะ แล้วก็ช่วยเอามือมึงออกจากกางเกงกูได้ละ” ผมพูดพร้อมกับดึงมือมันออกจากกางเกงผม

   “เอ๊า จะได้กอดกันอุ่นขึ้นไง เป็นไงดีมั้ย ชอบอะดิ” มันยังทำหน้าระรื่น

   “ดีเชี่ยไร กูรู้นะมึงคิดอะไร หยุดเลย”

   “อ่ะ หรือมึงไม่คิด ดูดิ แข็งโป๊กเชียว” แล้วมันก็ถว่าหมับเข้าที่เสาธงของผมที่ตอนนี้ยังแข็งโด่เข้าให้อีกรอบ

   “เชี่ยยยยยยยย” ผมเด้งออกจากตัวมัน แต่มันเร็วกว่า คว้าผมกดลงกับเตียง ง่า แพ้มันอีกแล้วซิน่า

   แล้ว...เดี๋ยวนะ เมื่อคืนเมิงถอดเสื้อนอน กูก็พอจะจำได้อยู่แล้วไหง ตอนนี้...



        .....  :m30:  กางเกงเมิงไปไหน กางเกงขาสั้นเมิงน่ะไปหนายยยยยย นี่เมิงนอนแก้ผ้ากอดกูทั้งคือเลยใช่ม้ายยยย ไอ้หื่นนนนน แล้วไม่ต้องเดาเลยล่ะ ว่าลูกชายมันน่ะกำลังตัวอยู่เลยเชียว แล้ว เอ่อ ... มึงแน่ใจนะว่ามึงเป็นเด็กมอต้นกันเนี่ย  ฮืออออ ทำไมกูต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ด้วยนะเนี่ยะ ไอ้โมใจแตก

   “ปล่อย ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวต้องไปบ้านกูอีก เดี๋ยวก็ไปสอบไม่ทัน”ผมพูดทั้งอาย ทั้งกลัว (กลัวห้ามใจไม่อยู่ ฮ่า ฮ่า) ไม่กล้าสบตามัน แถมต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะผมไม่อยากเสียตัวก่อนวัยอันควร

   “อีกแป๊บนึงนะ วันนี้ไปสายๆก็ได้ มีสอบตั้ง 11 โมง เดี๋ยวกูเอามอไซค์ไปเรียน” มันกอดผม แล้วพลิกตัวมันมาอยู่ด้านล่าง ให้ผมนอนทับมัน ผมก็นอนนิ่งซบอกมัน ขี้เกียจดิ้น ยังไง ยังไง ก็หนีมันไม่รอด ผมผล็อยหลับคาอกมันไปแบบนั้น จนกระทั่งสายๆ เกือบเก้าโมงก็จึงตื่นมาอาบน้ำกัน (แต่ไม่ได้อาบด้วยกันน้า) ไอ้โมก็โล่งใจไป รอดตัวไปอีกวัน เฮ้ออออ

   แล้ววันนั้นมันก็พาผมมาส่งบ้านตอนเช้า โดนแม่ดุนิดหน่อย ว่าจะไปค้างคืนก็ไม่บอกไม่กล่าว แล้วแม่ก็บอกว่าเมื่อวานหลังจากที่ผมไปกับไอ้ตุ๊แล้ว ไอ้เวอร์มาหาผมที่บ้าน พอแม่บอกมันว่าผมไปกับไอ้ตุ๊ มันก็รีบกลับไปเลย  ... หัวกระไดไม่แห้งจริงๆ เมื่อคืนเคลียร์กับไอ้ตุ๊ได้แล้ว วันนี้ต้องเคลียร์กับไอ้เวอร์อีก ปวดเศียรเวียนเฮดจริงๆ

   วันนี้ผมมาสอบ เห็นไอ้เวอร์มันดูเงียบๆครับ กลัวมันโกรธผมมากเหมือนกัน ผมลองเข้าไปชวนมันคุย ถามเรื่องรอยช้ำที่หน้าว่ายังเจ็บอยู่ไหม มันก็ถามคำตอบคำ ไม่ยักกะกวนประสาทผมเหมือนทุกๆวัน มันเหมือนจะมีอะไรถามผม แต่มันก็ไม่ถาม จริงๆแล้วผมอยากอธิบายเรื่องผมกับไอ้ตุ๊นะ ว่ามันไม่ได้มีอะไร แต่คิดไปคิดมาอีกที ทำไมต้องอธิบายด้วยวะ ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย แล้วอีกอย่างมันก็ไม่ได้ถาม ถ้าผมอธิบายไป แล้วมันมาย้อนทีหลังว่า ไม่ได้อยากรู้ งี้ผมก็หน้าแตกดิ ปล่อยไปแบบนี้แหละ เดี๋ยวมันก็ลืมไปเอง ...
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน กอด (จบ) .P4[19/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 19-09-2011 20:59:12
 :m13:

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน กอด (จบ) .P4[19/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 20-09-2011 00:02:03
ง้อเวอร์ด่วน :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน กอด (จบ) .P4[19/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 20-09-2011 00:26:24
แว้กกก  เด็กมอต้นพวกนี้นี่  ไปเร็วกันจริ๊ง

เขินนนนนแทน  555

เอายังไงล่ะทีนี้  โม...เวอร์คิดยังไงอย่ามาทำเป็นไม่รุดิ  โห่  ง้อเวอร์ด่วนๆ

กับตุ๊รุสึกจะไปไกลกว่าเดิม  เอาไงล่ะทีนี้

โอ๊ยยย  คนอ่านปวดหัวแทน  55555
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน กอด (จบ) .P4[19/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 20-09-2011 00:28:33
รู้สึกว่าโมจะแรดมากไปแล้วนะ :m16:

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน กอด (จบ) .P4[19/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: MinKKniM ที่ 20-09-2011 06:46:56
เด็กๆจ๋า จะรีบโตกันไปไหน  :m29:

น้องโมออกแนว ฮาๆหื่นๆ รั่วอ่ะ

ทำไงดี เราชอบทั้งเวอร์ทั้งตุ๊ เฮ้อ  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน กอด (จบ) .P4[19/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 20-09-2011 08:01:47
ในที่สุดโมไม่เอาใครซักคนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน กอด (จบ) .P4[19/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: lunar ที่ 20-09-2011 08:15:02
ตกลงเรื่องนี้ 3 P ชิมิคะ จะได้ปรับฟีล :impress2:

น้องโมแรดนะคะ คิดว่าไม่นานคงเสียจิ้นแน่ๆ เจ๊กลากไป ไทยลากมาก็ไปกับเค้าโม๊ด
ผู้ชายด้วยกันถ้าขัดขืนจริงๆ ทำไมจะทำไม่ได้เพราะไม่อยากทำหรือเปล่าคะ นะโม :sad4:

เปิดโอกาสแบบนี้ คาดว่าไม่นานคงเสียเอกราชแน่ๆ :oo1:

จะเสียจิ้นทั้งที ก็อย่าเสียเพราะความอยากเลยคะ เสียดาย ถึงจะเป็นผชก็เหอะ :เฮ้อ:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน กอด (จบ) .P4[19/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 20-09-2011 14:14:44
คืนที่แล้วนะโมไปนอนบ้านตุ๊ เดี๋ยวสอบเสร็จ คืนนี้นะโมก็ไปนอนบ้านเวอร์ ผลัดกันคนละวัน แล้วคืนต่อไป เวอร์ก็ไปนอนบ้านตุ๊ ตุ๊ก็ไปนอนบ้านเวอร์ แล้วสามคนก็มานอนด้วยกัน จบก็สลับบ้านกัน  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน กอด (จบ) .P4[19/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 20-09-2011 14:21:50
เรามาเีชียร์ 3P  :laugh:
เพราะเรารักสงบและความเสมอภาค  :laugh:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน กอด (จบ) .P4[19/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: JayCin ที่ 20-09-2011 19:46:06
พาวเวอร์(ชอบชื่อนี้จัง)บอกรักโมล่ะ เหมือนตุ๊จะยังไม่บอก แค่หลอกถามโม ส่วนโมยังไม่ตอบว่ารักหรือไม่รักใคร

งั้นใครหนอเป็นพระเอก++++ก็แค่บอกรัก...มันยากนักเหรอ++++ ลุ้นต่อ เพราะไม่ว่าเป็นใคร ขอแค่เป็นคนที่นะโมรักก็พอ  :impress2: :impress2: :impress2: อิอิ ปอลอ. ชอบมากนะเรื่องนี้ :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน กอด (จบ) .P4[19/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 20-09-2011 20:24:10
 :laugh: :laugh: o22เง้อออ เรื่องนี้จะ 3P ป่ะเนี่ย ...ไม่เอานะ อยากให้คู่กับเวอร์อ่ะ :z3:

เเต่ถ้า 3P ก็ไม่เป็นไร :m19: :m4: รับได้ 55555 ...เอ๊ะ ยังไง :m21:


รอออออ ค่ะ  :call: :call:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน กอด (จบ) .P4[19/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Kiss Koki ที่ 20-09-2011 22:25:30
แล้วเวอร์จะสอบรู้เรื่องมั๊ยเนี่ย?? :z3:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน กอด (จบ) .P4[19/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 21-09-2011 21:17:32
ตอน 18: ปั้นปึง

   สองสัปดาห์ถัดมาเป็นช่วงสอบปลายภาคพอดี หลังจากที่ผมพยายามคุยกับไอ้เวอร์อยู่สองสามครั้ง แต่มันก็ไม่ยอมคุยกับผม แถมยังเดินหนีอีก ส่วนตัวผมตอนนั้น ก็ยอมรับว่าค่อนข้างทิฐิเยอะ ด้วยคิดว่าผมไม่ได้ทำผิดอะไรซักหน่อย ในเมื่อมันไม่อยากคุยกับผม ผมก็ไม่คุยกับมันก็ได้ ทำไมต้องมาตามง้อมันด้วย 
   
   ส่วนตัวไอ้เวอร์เอง มันก็เริ่มเล่นสงครามประสาทกับผม มันแยกจากกลุ่มผมไปนั่งอยู่กับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง บางวันก็เห็นมันไปขลุกอยู่กับกลุ่มเพื่อนผู้หญิงซึ่งหนึ่งในนั้น คือเพื่อนชื่อเหมียวเป็นคนที่มันเคยเอ่ยปากชมว่าน่ารัก มันพยายามเลี่ยงไม่มาอยู่ไกล้ผม เมื่อไรที่ผมก้าวเท้าเข้ามาในห้อง ก็มักจะเป็นเวลาที่มันเดินออกมาจากห้องพอดี หรือเวลาที่ผมมานั่งติวหนังสือกับเพื่อนๆ มันก็จะเลี่ยงออกไปนั่งอ่านหนังสือคนเดียว

   วันสองวันแรกผมก็พยายาม ทำตัวทำใจ ให้เหมือนเป็นปกติ เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เห็นเพื่อนๆรวมกลุ่มกันตรงไหน ผมก็เดินเข้าไปหาเหมือนเดิม ส่วนไอ้เวอร์เองถ้ามันเห็นผมเดินเข้ามา มันก็จะรีบเลี่ยงออกไปจากกลุ่มทันที จนหลายวันเข้ากลับกลายเป็นว่าผมกลับรู้สึกอึดอัดเสียเอง ต้องมานั่งหงุดหงิด กับการที่มันพยายามเลี่ยงหลบผม
   
   วันหนึ่งตอนพักเที่ยง ผมถือจานข้าวลงมาวางข้างๆไอ้อุ้ย มีไอ้ตุ๊ กับไอ้เวอร์ นั่งอยู่ด้วย แล้วก็เพื่อนๆอีก 4-5 คน

   “เขยิบหน่อยดิ๊” ผมบอกไอ้อุ้ย ... ขณะที่ไอ้อุ้ยกำลังจะเขยิบให้ผมนั่ง

   “กูอิ่มละ ไปก่อนนะ” ทันทีที่ผมวางจานข้างลง ไอ้เวอร์ก็ลุกขึ้น ทั้งๆที่ข้าวมันเหลืออีกเกือบเต็มจาน

   “อ้าว รีบไปไหน ไหนนัดกันว่าจะไปห้องสมุด” เพื่อนคนหนึ่งร้องถามมัน

   “เออ กูไปรอห้องสมุดละกัน เซ็งกับข้าว รสชาติน่าเอียน กูแดกไม่ลง”  ไอ้เวอร์พูดเน้นคำว่าเอียน แล้วรีบเดินออกไป ผมรู้ได้ว่าคำว่าเอียน ที่มันพูดน่ะ หมายถึงผม

   จนกินข้าวเสร็จ เพื่อนๆก็เริ่มแยกย้ายไป

   “พวกกูจะไปห้องสมุดนะ มึงจะไปกับพูกกูไหม” ไอ้ตุ๊ถามผม ตอนแรกก็กะจะไปกับพวกมัน แต่พอนึกถึงว่าไอ้เวอร์ก็อยู่ที่นั่น ใจนึงก็อยากไปเพราะถึงแม้จะไม่ได้คุยกันอย่างน้อยก็ยังได้มองเห็นมัน แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากไปเพราะถ้ามันเห็นผม มันก็คงจะหลบออกไปที่อื่นอยู่ดี

   “มึงไปกันเหอะ กูง่วงเดี๋ยวไปนอนข้างบนห้องดีกว่า” ผมตอบมันไป

   “เฮ้ย ไปเหอะน่า กูว่าจะถามเรื่องคณิตศาสตร์มึงซะหน่อย กูแก้โจทย์ไม่ได้ตั้งหลายข้อ” ไอ้ตุ๊ทำเสียงอ้อน

   “แต่...” ผมกำลังจะตอบปฏิเสธไป แต่ไอ้อุ้ยก็ชิงพูดเสียก่อน

   “เออๆ ไปเหอะไอ้ตุ๊ เดี๋ยวไอ้โมไปกับกู กูไปเข้าห้องน้ำก่อน” แล้วไอ้อุ้ยก็ลากผมออกมา เดินไปทางห้องน้ำชาย

   “มึงทะเลาะกับไอ้เวอร์ใช่มะ” ไอ้อุ้ยถามผมทันที เมื่อแยกออกมาจากกลุ่มเพื่อน

   “เปล่านี่” ผมก้มหน้าตอบมันไป

   “เปล่าอะไรอย่ามาโกหก กูเห็นนะว่ามึงสองคนไม่พูดกันมาหลายวันแล้วน่ะ” มันช่างสังเกตจริงๆนะไอ้นี่

   “ก็มันไม่พูดกับกูเอง”

   “แล้วทะเลาะกันเรื่องอะไรล่ะ”

   “...” ผมไม่ตอบ จะให้บอกไปยังไงล่ะ ให้บอกมันว่ามันโกรธผม เพราะมันไปเห็นผมโดนไอ้ตุ๊ลวนลามงั้นเหรอ

   “อะไรวะ มึงสองคนนี่ เห็นก่อนหน้านี้แกล้งกันยิ่งกว่านี้อีก เลือดตกยางออกก็มี มึงยังไม่เห็นจะโกรธกันจริงๆเลย แล้วคราวนี้มันเรื่องอะไร โกรธซะอย่างกับว่าจะไม่มองหน้ากัน”

   “ก็มันอ่ะงี่เง่า ไม่ฟังเหตุผล ชอบใช้กำลังด้วย” (ส่วนมึงน่ะใจง่ายไอ้โม-->อันนี้คิดในใจ)

   “เฮ้อออ มันก็พอกันแหละ มันก็โมโหร้าย มึงก็ปากเสียชอบยั่วโมโห” ง่า โดนไอ้อุ้ยหลอกด่า

   “ก็เพื่อนกันทั้งนั้น จะอะไรมากมายวะ ถ้ารู้ว่าผิดก็ยอมรับผิด แล้วไปง้อมันสิวะ จะยากอะไร” มันพูดต่อ

   “ก็กูไม่ได้ทำผิดอะไร...” ผมยังแถไม่เลิก

   “...” ไอ้อุ้ยขมวดคิ้วมองผม ทำหน้าไม่เชื่อ

   “... เออๆๆ กูผิดก็ได้...หน่อยหนึ่ง แต่กูก็พยายามง้อมันแล้ว มันเสือกงอนไม่เลิก แถมเดินหนีกูด้วย จะให้กูทำไงวะ”

   “สรุปว่าผิดจริงๆ แล้วไปสร้างเรื่องอะไรมาล่ะ”  มันเลิกคิ้วมองผม ผมได้แต่ก้มหน้า

   “กูไม่ได้สร้างเรื่องเองซะหน่อย มีแต่พวกมันน่ะแหละ ชอบสร้างเรื่องมาให้กู คนนี้ก็จะเอาแบบนั้น คนนั้นก็จะเอาอีกแบบหนึ่ง กูจะไปเอาใจพวกมันถูกได้ไง ” ผมพูดไปน้ำตาก็ปริ่มๆ

   “อ้อ สรุปว่าเรื่องนี้ไอ้ตุ๊มีเอี่ยวด้วยงั้นสิ ... ถึงว่าทำไมไอ้เวอร์มันถึงได้โกรธนัก” ไอ้อุ้ยมันถามอย่างรู้ทัน ผมได้แต่พยักหน้า น้ำตาปริ่ม

   “มึงละก็น้า ... มานี่ขึ้นไปด้วยกันแหละ เดี๋ยวกูช่วยเคลียร์ให้” ไอ้อุ้ยไม่รอให้ผมตอบ พอเข้าห้องน้ำเสร็จมันก็ลากผมขึ้นไปห้องสมุดทันที

   พอมาถึงไอ้อุ้ยก็กวาดสายตามองหากลุ่มเพื่อนๆ แล้วพาผมเดินเข้ามา ตอนที่กำลังเดินเข้ามาไอ้เวอร์มองมาที่ผมพอดี พอมันเห็นผมเดินมา มันก็รีบเก็บของเตรียมจะลุกออกมาทันที แต่ไอ้อุ้ยวิ่งเข้าไปคว้าข้อมือมันไว้ซะก่อน

   “มึงจะไปไหนวะไอ้เวอร์” อุ้ยถาม

   “อ่านหนังสือสิ ถามอะไรของมึง”

   “ก็อ่านตรงนี้ไง แล้วมึงจะลุกไปไหน”

   “กูทำคณิตไม่ได้ ว่าจะไปถามคนอื่นหน่อย”

   “นี่ไง เทวดายืนอยู่นี่ อยากถามอะไรก็ถามมาสิ” ไอ้อุ้ยพูดแล้ว มองมาที่ผม

   “ไม่ล่ะ กูไปถามคนอื่นดีกว่า”

   “อะไรว้า พวกมึงมีอะไรก็พูดกันดีๆ ทำไม่ต้องทำบึ้งตึงใส่กันด้วยวะ”

   “...” ไอ้เวอร์เงียบ

   “...”ผมเงียบ ไอ้อุ้ยมันมองหน้าผม สลับกับมองหน้าไอ้เวอร์

   “นั่งนี่แหละ มึงสองคน ไอ้เวอร์มีอะไรก็ถามไอ้โม” ไอ้อุ้ยมันบอก แต่น้ำเสียงเชิงสั่งให้ทำตาม

   “ไม่ล่ะ กูไม่ หน้าด้าน พอจะไปขอความช่วยเหลือกับคนที่เค้าไม่ชอบขี้หน้ากูหรอก เผอิญกูเป็นคนมี ยางอาย น่ะ” มันเน้นคำว่าหน้าด้าน และ ยางอาย ผมพอจะรู้ว่ามันหมายถึงเรื่องไอ้ตุ๊กับผม แล้วมันจะนึกบ้างหรือเปล่าว่า สิ่งต่างๆที่มันทำกับผมก็ไม่ได้แตกต่างไปจากที่ไอ้ตุ๊ทำกับผมหรอก อย่างนั้นมันก็คงหมายความถึงด้วยว่า ผมหน้าด้าน ไร้ยางอาย ที่ปล่อยให้มันมาทำแบบนั้นกับผมด้วย ใช่สิ ผมมันคงหน้าด้านไร้ยางอาย ใจง่ายอย่างที่มันว่า ใครนึกอยากจะทำอะไรก็ได้ เสียดายที่คิดว่าจะได้พูดดีๆกับมันแล้วเชียว แต่ในเมื่อมันรังเกียจและดูถูกผมขนาดนี้ ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดกันอีก

   “พอเหอะ ไอ้อุ้ย มันไม่อยากคุยก็ไม่ต้องคุย กูก็เบื่อเหมือนกันไอ้พวกงี่เง่า ไร้เหตุผลเนี่ย ตัวเองทำอะไรละก็ไม่เคยผิด ทีคนอื่นทำพลาดบ้างแล้วทำมาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ กูก็ไม่หน้าด้านพอจะมาคุยกับคนที่เค้าไม่อยากคุยกูหรอก” ผมพูดเสียงเครือ รีบเดินหันหลังออกมาจากห้องสมุดมาทันที ขืนอยู่นานกว่านี้มีหวังผมได้ น้ำตาร่วงให้มันเห็นแน่ๆ

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 18 .P4[21/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 21-09-2011 21:24:15
รู้สึกจะมีคนเชียร์พาวเวอร์เยอะแฮะ

แต่มีหลายคนเลยนะเนี่ย เชียร์ 3P อ่ะ ฮ่า ฮ่า

ขอบคุณทุกๆท่านนะครับที่ช่วยติดตามอ่าน นอนหลับฝันดีกันทุกคนนะครับ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 18 .P4[21/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 21-09-2011 21:52:53
คืนดีกันเร็วๆ :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 18 .P4[21/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 21-09-2011 22:07:37
พ่อแง่แม่งแนกันจิงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 18 .P4[21/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: lunar ที่ 22-09-2011 02:57:35
อุ้ย นี่สิคือเพื่อนน้องโม :L1:

ตุ๊ กับ เวอร์นี่ ควรอยู่ให้ห่างๆดีกว่า นิสัยแย่พอกัน :z6:

ตุ๊ เสียแรงเป็นเพื่อนสนิทนะโมแต่กลับเห็นแก่ตัวจะแ...กเพื่อสนิทตัวเองซะงั้น
เพื่อนรักเพื่อนได้ไม่ว่าแต่ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่เอะอะก็ลวนลาม
ถึงเนื้อถึงตัว ใช้กำลังบังคับ :angry2:

เวอร์นี่ก็ นะ... ใครเป็นน้องโมก็ต้องคิดมากน้อยใจเป็นธรรมดา เดี่ยวดี เดี๋ยวร้าย
ชอบใช้กำลังบังคับ ความรู้สึกตัวเองน่ะ กล้าแสดงออกในทางบวกหน่อย เอะอะก็จะนัวอย่างเดียว :serius2:

เรื่องที่เวอร์ว่าน้องโมไม่มียางอายนี่ ก็มีส่วนจริงนะคะ
ก็น้องโมเล่นนอนให้เพื่อนสนิทซุกไซร้ บี้นม ต่อหน้าเพื่อนๆ ที่กำลังดูหนังโป๊
ใครเห็นเข้าก็ต้องคิดแบบเวอร์เหมือนกัน :เฮ้อ:

น้องโมเองก็ต้องยับยั้งชั่งใจตัวเองบ้างนะคะ นี่ถ้าเวอร์ไม่มาเห็นเข้า
น้องโมกับตุ๊คงได้เล่นหนังสดให้เพื่อนๆดูแทนแน่ อ๊ะๆ อย่ามาเถียง
ถ้าน้องโมไม่หวั่นไหวจะภาวนาให้เพื่อนๆที่กำลังดูหนังโป๊อยู่ หันมามามอง ตุ๊จะได้หยุด
เพราะน้องโมอารมณ์เตลิดไปแล้ว

ปล เรื่อง  3 P นี่สำหรับเราประชดค่ะ ประชด
ที่เสนอไปเพราะดูแล้วน้องโมอยากจะเก็บเธอไว้ทั้งสองคน
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 18 .P4[21/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: MinKKniM ที่ 22-09-2011 13:06:35
พอกันทั้งสามคน ทั้งเวอร์ ทั้งตุ๊ น้องโมด้วย มะมา ขอโบกเกรียนคนละทีสองทีดิ๊  :beat:  :beat:

เวอร์ คิดอะไรก้อบอกเค้าไปตรงตรงเซ่

ตุ๊ จะเป็นเพื่อนรึเป็นอะไรเอาให้แน่ อย่ามากั๊กอย่างเน้

น้องโม แกรก้ออีกคนชอบไม่ชอบอะไรหัดปฏิเสธบ้างไรบ้าง แง่งๆๆ เด๋วโดดกัดขอเลยนิ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 18 .P4[21/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 22-09-2011 13:31:53
 :เฮ้อ: เป็นแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจกัน

เอาแต่ใจตัวเองกันทั้งนั้น

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 18 .P4[21/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Kiss Koki ที่ 22-09-2011 16:44:38
สถานการณ์ คลุมเครือ :m15:+1
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 18 .P4[21/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 22-09-2011 17:59:36
 :call: :call:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 18 .P4[21/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 22-09-2011 18:49:36
อ่านแล้วคิด จะสงสารนะโมดีมั้ย จะสงสารใครดี  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 18 .P4[21/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 22-09-2011 22:21:43
ขอบคุณนะครับ GeTOuTNoW,4559,MinKKniM,ujen,Kiss Koki,Rhythm,artit ที่ติดตามอ่านกันมาตลอดครับ


ชอบความเห็นของ lunar มากๆเลย  o13  ตรงประเด็น ชัดเจน โดนใจดำฉึกๆ ประหนึ่งว่าเป็นร่างโคลนนิ่งของคนเขียนกันเลยที่เดียว ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ก็อยากจะกลับไปตบหัวตัวเองซักผัวะสองผัวะ หมั่นไส้ความใจง่ายเหลือเกิน   :z6:


ขอบคุณ คุณผู้อ่านทุกท่านมากๆนะครับ เชิญอ่านตอนต่อไปกันได้เลยคร้าบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 18 .P4[21/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 22-09-2011 22:32:21
ตอน 19: อาจารย์ประจำชั้นคนใหม่

   ตลอดช่วงปิดเทอมเกือบสองเดือน ผมไม่ได้เจอไอ้เวอร์เลย ไอ้ตุ๊ก็ยุ่งช่วยงานที่บ้าน ไม่ค่อยได้มีเวลามาหาผมมากนัก ส่วนไอ้อุ้ยก็ไปอยู่บ้านที่กรุงเทพฯกับพ่อมัน จนกระทั่งถึงวันเปิดเทอมแรกของมอสองเทอมสองครับ

   เรากำลังยืนเข้าแถวหน้าเสาธงกันอยู่ แดดร้อนเปรี้ยงๆเชียว ทำไมอาจารย์ไม่ปล่อยให้ขึ้นห้องเรียนซักทีนะเนี่ย

   แล้ว ผอ. ก็เดินขึ้นมาหน้าเสาธง พร้อมกับไมโครโฟน เห็นแล้วพวกผมถึงกับถอนหายใจกัน นึกในใจว่าวันนี้ดูท่าจะได้ตากแดดนาน

   “สวัสดีนักเรียนทุกคน วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก ครูขอให้นักเรียนทุกคนตั้งใจเรียน และมีความสุขกับการเรียนวันแรกของเทอมนี้ แต่ก่อนอื่น วันนี้โรงเรียนเราจะมีอาจารย์ใหม่มาบรรจุเป็นอาจารย์ประจำที่นี่เพิ่ม อีก 5 ท่าน ขอเรียนเชิญอาจารย์ทั้งสี่ท่านแนะนำตัวด้านหน้าเลยครับ”

   “สวัสดีค่ะนักเรียนทุกคน ครูชื่ออาจารย์.... บลาๆๆ” แล้วอาจารย์ทั้งสี่ท่านก็แนะนำตัวกัน เป็นอาจารย์ผู้หญิง ที่เพิ่งบรรจุใหม่ทั้ง 5 ท่านเลยครับ จบมาจากสถาบันราชภัฏนครสรรค์ (ตอนนั้นยังเป็นสถาบันราชภัฏ) ทั้งสาวแล้วก็สวยซะด้วย โดยเฉพาะอาจารย์ 2 ท่านที่สอนวิทยาศาสตร์ กับคณิตศาสตร์ สวยมากๆ แบบน่ารักเวอร์ๆ พวกนักเรียนชายนี่ ฮือฮากันใหญ่ แนะนำตัวกันเสร็จ ก็นักเรียนก็แยกย้ายกันขึ้นห้องเรียนไป

   คาบแรกช่วงชั่วโมงโฮมรูม ซึ่งปกติแล้วคาบนี้อาจารย์ที่ปรึกษาจะเข้ามาคุยกับนักเรียน ถามสารทุกข์สุขดิบ มีปัญหาอะไรมั้ย เรียนได้หรือเปล่า ประมาณนั้น เป็นชั่วโมงที่ให้อาจารย์กับนักเรียนเข้ามานั่งทำความสนิทสนมกัน นักเรียนมีปัญหาอะไร ก็จะนำมาเล่าให้อาจารย์ฟังกัน

    และแล้วอาจารย์ที่ปรึกษาคนใหม่ก็ขึ้นมา

   “สวัสดีค่ะ แนะนำตัวอีกรอบนะคะ ครูชื่อนุสรีย์ ...  หรือเรียกว่า อ.เก้ (ออเก้) ก็ได้ค่ะ ครูจะมาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาห้อง 2/3 ในเทอมนี้นะคะ” โหยสุดยอด อาจารย์คนที่สอนคณิตฯที่บอกว่าน่ารักๆไง อาจารย์จะมาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาห้องผมครับ พวกผู้ชายในห้องเฮกันลั่นเลยล่ะครับ หุหุ พวกผมก็พลอยดีใจไปกับเค้าด้วย

   “ชั่วโมงแรกนี้เรามาแนะนำตัวให้ครูรู้จักกันก่อนนะคะ เริ่มจากคนที่นั่งด้านหลังขวาสุดน่ะคะ ตัวโตเชียว ชื่ออะไรคะ” อาจารย์เก้ชี้มาที่ไอ้ตุ๊น่ะครับ วันนี้ไอ้ตุ๊มันนั่งติดริมหน้าต่างน่ะครับ ไอ้ตุ๊ทำหน้างง แล้วยืนขึ้น ถ้าผมดูไม่ผิด หน้ามันแดงมากๆเลยล่ะ พูดตะกุกตะกัก มันเป็นอะไรของมัน แค่อาจารย์ให้แนะนำตัวเนี่ยะ

   “เอ่อ ... ผมชื่อ ... ชื่อวีระพงษ์ สิง… ชื่อเล่นตุ๊ครับ เอ่อ จบมาจากโรงเรียน ...”

   “ดูท่าจะตื่นเต้นนะคะ นั่งลงได้แล้วค่ะ คนต่อไปซิคะ”

   “ผมชื่อ วีระพงษ์ สุข… ชื่อเล่นอุ้ยครับ จบจากโรงเรียน...” ไอ้ตุ๊กับไอ้อุ้ยมันชื่อเหมือนกันครับ แล้วอาจารย์ก็ให้แนะนำตัวจนครบทุกคน สรุปว่าอาจารย์เก้ก็มาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาห้องผม แล้วก็สอนคณิตฯด้วยครับ ปกติแล้วที่โรงเรียนจะมีการสลับสับเปลี่ยนอาจารย์ที่ปรึกษาทุกๆเทอมครับ แต่อาจารย์เก้เองได้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาห้องผม จนถึงมอสามเทอมสองเลยครับ เด็กห้องผมเลยสนิทกับอาจารย์เก้มาก เรียกได้ว่าไปไหนไปกันเลยที่เดียว

   แล้วก็มีอาจารย์ใหม่อีกคนที่ได้สอนพวกผมด้วยก็คือ อาจารย์ภาษาอังกฤษครับ คนนี้อายุ 30 กว่าๆแล้วครับแต่เพิ่งมาบรรจุเป็นครู ชื่ออาจารย์อ๋อยครับ แบบว่าเป็นอาจารย์ที่โหดมากตีเจ็บโคตรๆ ขอเล่านิดนึงเกี่ยวกับอาจารย์สองท่านนี้ อาจารย์สองท่านนี้เป็นคนที่มีอิทธิพลกับพวกผมมาก ถึงมากที่สุดตลอดเวลาที่เรียนที่นี่

   เวลาที่ผมอยู่กับเพื่อนๆสนิท ผมก็จะเป็นเด็กปกติ ทะโมนๆ เพื่อนไปไหนก็ไปกัน ค่อนข้างติดเพื่อน แต่ในสายตาอาจารย์ และเด็กคนอื่นๆก็จะมองว่าผมเป็นเด็กดี เรียบร้อย เรียนเก่ง(อย่างที่เคยบอกผมเป็นคนเรียนเก่ง ผมการเรียนเป็นที่หนึ่งของโรงเรียน เกือบทุกเทอม อันนี้จริงๆ ไม่ได้โม้) เพราะฉะนั้นอาจารย์ท่านอื่นๆก็จะชื่นชมผมแบบนั้น และโดยปกติแล้วผมไม่ค่อยจะมีประวัติเสียในโรงเรียนเลย เวลาทำความผิดอะไร ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยจะมีใครจับได้ แล้วก็รอดไม้เรียวมาจากอาจารย์อื่นๆได้ทุกครั้ง แต่ก็จะมีอาจารย์อยู่สองท่านนี้ ที่จะรู้ทันผมตลอด ผมทำอะไรผิดก็จะจับได้ตลอด แล้วก็เป็นสองคนแรกที่ได้ฟาดไม้เรียวลงบนก้นผม สองท่านนั้นก็คืออาจารย์อ๋อยกับอาจารย์เก้นี่แหละ พูดไปแล้วก็คิดถึงอาจารย์สองท่านนะ ไม่ได้เจอกันมาเกือบ 10 ปีแล้ว ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง

   โป๊ก!!! “มึงนั่งเหม่ออะไรวะ” ไอ้อุ้ยมันเขกหัวไอ้ตุ๊

   “เชี่ยยย เจ็บนะโว้ย เดี๋ยวกูก็เตะเข้าให้” ไอ้ตุ๊โวยวาย

   “กูถามว่ามึงเหม่ออะไร”

   “ป่าวววว คิดอะไรปเรื่อยเปื่อย”

   “...เอ่อ มึงว่า... อาจารย์แก้น่ารักป่าววะ” ไอ้ตุ๊พูด ทำหน้าแดงๆ


   “หือ???” ผมกับไอ้อุยทำหน้างงๆ ปกติไม่ค่อยเห็นไอ้ตุ๊มันชมผู้หญิงคนไหนน่ารัก

   “อือ ก็น่ารักดี แล้วไง” ผมพูด แล้วจ้องหน้ามัน

   “ก็ไม่แล้วไง กูก็แค่ชมอาจารย์เฉยๆ ไปๆไปเรียนคาบต่อไปกันได้แล้ว” ไอ้ตุ๊ พูดเสร็จก็ลุกหยิบกระเป๋าเดินลิ่วออกมา ผมกับไอ้อุ้ยได้แต่งง กับท่าทีของมัน

   ส่วนไอ้เวอร์หลังจากเปิดเทอม จนเกือบสองอาทิตย์ผ่านไปผมก็ยังไม่ได้คุยกับมันเลย กับไอ้ตุ๊กับไอ้อุ้ย ผมก็เห็นมันคุยปกติ เห็นมันไปเตะบอล เล่นบาสกันเหมือนเดิม ตัวผมเองก็สบายใจไปได้หน่อยหนึ่ง ส่วนผมก็ตามไปนั่งดูมันข้างสนาม ถามว่าสถานการณ์ระหว่างผมกับไอ้เวอร์ดีขึ้นไหม ก็ตอบได้ไม่เต็มปากเสียทีเดียวว่ามันดีขึ้น เพราะถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะไม่ได้หลบหน้าผมแล้ว แต่ผมกับมันก็ยังไม่ได้คุยกันอยู่ดี

   ไอ้อุ้ยเอง ก็พยายามที่จะเปิดโอกาสให้ผมกับไอ้เวอร์ ได้มีโอกาสอยู่กันลำพัง บ่อยๆ โดยหวังว่าผมกับไอ้เวอร์ จะยอมคุยกันดีๆซะที แต่อย่างที่บอก ตอนนั้นตัวผมเป็นคนทิฐิสูงมาก คงไม่มีทางแน่ๆที่ผมจะยอมเข้าไปคุยกับไอ้เวอร์ก่อน  กอปรกับทั้งผมและไอ้เวอร์ ต่างก็ยังเด็กทั้งคู่ ต่อให้ร่างกายจะโตเร็วแค่ไหน แต่ความรู้สึกนึกคิด ยังไงก็ยังเป็นเด็กอายุ 14 อยู่วันยังค่ำ ความยับยั้งชั่งใจก็ยังมีน้อย การใช้อารมณ์จึงมักจะมาก่อนการใช้เหตุผลเสมอ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 19 .P5[22/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 23-09-2011 14:35:57
ทำไมมาแบบค้างๆ  :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 19 .P5[22/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 23-09-2011 14:57:02
 :monkeysad: สั้นจัง

รอน่ะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 19 .P5[22/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: MinKKniM ที่ 23-09-2011 19:10:31
มันสั้น ......... มากอ่ะ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 19 .P5[22/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 23-09-2011 20:43:33
 :o12:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 19 .P5[22/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 23-09-2011 22:03:04
สั้งงะ ไม่สะใจเลย :angry2: :angry2:

 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 19 .P5[22/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 25-09-2011 18:35:00
ตอน 20: (นึกชื่อตอนไม่ออก -..,- )

   เคยมั้ยครับตอนเด็กๆที่ทำอะไรทะโมนๆ หรือแกล้งเพื่อนแบบพิเรนทร์ๆ ยิ่งวันไหนที่ใส่ชุดพละ จะถือว่าเป็นวันที่อันตรายมาก .... ยังไงน่ะเหรอ? นึกดูละกันครับชุดพละ ต้องเป็นเสื้อพละ แล้วก็กางเกงวอร์ม ไอ้ที่อันตรายก็ตรงกางเกงวอร์นี่ล่ะครับ เพื่อนผู้ชายมักจะชอบเล่นพิเรนทร์  ดึงเกงเกงวอร์มกันครับ ในห้องจะมีกลุ่มที่มันทะโมนๆอยู่ คือกลุ่มไอ้เทพ เด็กผู้ชายตัวล่ำบึ๊ก บึกบึน ทั้งตัวมันมีสีขาวอยู่สองส่วน คือตา กับฟันมันครับ ไอ้นี่มันจะมีแก๊งลูกสมุน 3-4 คนคอยแกล้งเพื่อนคนอื่นๆ ไม่เฉพาะในห้องหรอก ลามไปถึงเพื่อนๆห้องอื่นด้วย จนมันเป็นที่เอือมระอาไปทั่วชั้น จริงๆมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมาย ไม่ใช่ว่าจะเป็นเด็กเกเร ตีรันฟันแทงอะไร แต่มันชอบแกล้งคนอื่นแบบให้อายน่ะครับ โดยเฉพาะวันไหนที่ใส่ชุดพละ แรกๆมันก็แค่แกล้งดึงกางเกงลงให้เห็นกางเกงในเฉยๆ หลังๆมันเริ่มพัฒนาครับ

   แรกๆ-->ดึงกางเกงลงถึงเข่า เพื่อนคนไหนเสือกใส่กางเกงในตูดขาด หรือขึ้นราก็จะแถมเรื่องโดนล้อให้อายไปอีกอย่างหนึ่ง

   ต่อมา-->ดึงกางเกงลง ถลกเสื้อขึ้น จะได้เห็นกางเกงในกันชัดๆ บางคนซวยกางเกงในยืด มันก็จะหลุดออกมาทั้งกางเกงนอก กางเกงในกันเลยทีเดียว

   หลังๆ-->ดึงกางเกงลง พอคนโดนดึงลงตามปฏิกิริยาก็จะต้องก้มลงเพื่อดึงกางเกงขึ้น มันก็ฉวยโอกาศ ดึงกางเกงในลงอีกต่อ แถมถลกเสื้อขึ้นด้วยอีกต่างหาก คราวนี้แหละมึงเอ๊ย เห็นกันจะๆ ทุกรูขุมขนเลยทีเดียว

   หนักๆเลยก็คือ--> ดึงกางเกงกับกางเกงในลง แล้วเอาไม้กวาดเสียบตรงหว่างขา แล้วหามวิ่งกันไปทั่วชั้นเรียน

   คนไหนโดนมันแกล้งนี่ อายกันไปหลายวันเลยที่เดียว แล้วเหยื่อของมันส่วนใหญ่ก็จะเป็น คนตัวเล็กกว่ามัน ซึ่งตัวไอ้เทพมันก็เกือบเท่าๆไอ้เวอร์ แต่มันจะล่ำกว่า แล้วก็เตี้ยกว่านิดหน่อย สรุปว่ามันแกล้งเค้าได้เกือบหมดทั้งชั้นแหละ ใครเจอแก๊งค์มันเข้าไปนี่ หวาดกลัวกันเป็นแถบๆ
   
   และแล้วมันก็มาถึงคราวซวยของผม ตอนนั้นยังเช้าอยู่ ผมมาถึงก็ทำเวรห้องครับ มีเพื่อนอยู่ในห้อง อีกประมาณสิบกว่าคน ส่วนแก๊งค์ผมยังไม่เห็นมีใครโผล่มาสักตัว ขณะที่ผมกำลังถูพื้นอยู่นั้นไม่รู้ว่าไอ้เทพ ไอ้เอ็กซ์ แล้วก็ไอ้บอย มันมาจากไหน มาข้างหลังผม แล้วไอ้เทพก็กระตุกกางเกงวอร์มผมลง

   “เฮ๊ยยย ไอ้เชี่ยเทพ” แต่ไอ้โมฉลาดครับ เนื่องจากเห็นเพื่อนๆโดนแกล้งกันบ่อย แล้วก็เคยโดนมาเองบ้าง หลังจากนั้นก็เลยใช้เชือกร้อยขอบกางเกงวอร์มเพิ่ม แล้วมัดไว้ จะได้ไม่โดนดึงง่ายๆ ฮ่า ฮ่า
   
   “โหย มัดเชือกด้วยวุ้ย เซ็งเลย แต่... ไม่เป็นไร เดี๋ยวจับถอดเอาก็ได้” เฮ้ยยยย เชี่ยละ เคยมีเพื่อนคนนึงโดนมันแกล้ง โดยการถอดกางเกงกับกางเกงใน แขวนไว้บนพักลมเพดาน วันนี้จะถึงคิวกูแล้วเหรอเนี่ยะ ม่ายยยย ว่าแล้วไอ้เอ็กซ์ก็มาล็อคแขนผมไว้ดานหลังเรียบร้อย ส่วนไอ้บอยจับขาผมไว้ ตอนนี้ผมล้มลงมานอนกับพื้น
   
   “ไอ้เทพ เอาเลย”ไอ้เอ็กซ์บอก

   “อย่านะมึง กูร้องให้คนช่วยจริงๆด้วย”

   “ร้องดิ๊ กูกลัวใครที่ไหน” ว่าแล้วมันก็จับที่เอวกางกางผม แล้วแก้เชื่อที่ร้อยเอวกางเกงออก

   “อ๊ากกกก ไอ้เทพ อย่าน๊า ปล่อยกู ปล่อย”

   “ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอาเลยๆ ถอดกางเกงเลย”

   “อย่านะ อย่า ปล่อยกู ไอ้เหี้ยยยยย” มันพยายามดึงกางเกงผมลง ผมก็ดิ้นสุดแรง

   “อย่าดิ้นเส้ อยู่นิ่งๆ”ไม่ดิ้นมึงก็ถอดกางเกงกูนะเส่

   “ไอ้เชี่ย กูเจ็บ” มันจับขอบกางเกงดึงลง แต่เล็บมันอ่ะโคตรยาว จนข่วนเอวผม มันดึงกางเกงลงมาได้นึดนึงละ แต่ผมยังดิ้นไม่หยุด เชี่ยแล้ว แม่งมันดึงกางในลงมาด้วยเลยนี่หว่า ไอ้โมเห็นอย่างนั้นก็ดิ้นแรงขึ้น

   “อยู่นิ่งๆสิมึง” ไอ้โมรู้สึกได้ว่างกางเกงมันเริ่มเลื่อนต่ำลงๆ จนถึงหน้าขา ไอ้โมก็หนีบขาสุดฤทธ์ กลัวหนอนน้อยจะโผล่ออกมา ตอนนั้นยังมีเพื่อนผู้หญิงอยู่ในห้องด้วย

   “เว้ย เฮ้ยย ขนกำลังขึ้นเลยเว้ย มึงดูดิ ฮ่าๆๆๆ” เชี่ยยยย ไม่เคยเห็นรึไง ของมึงก็มีสาดดด

   “เฮ้ย ไอ้เทพ ถอดกางเกงมันออกมาเลย” สาดดดด อยากถอดก็ไปถอดของมึงเส่ อย่ามายุ่งกับกู๊ ไอ้เทพจะดึงกางเกงลงอีก เง้อออ อย่าน๊า หนอนน้อยกูจะโผล่อยู่แล้วว

   “เฮ้ยย มึงทำไรไอ้โม ปล่อยมันเลย เดี๋ยวกูก็เตะเข้าให้” โอ้ววว พระเอกของช้านนน พวกมันรีบปล่อยผมทันที ชิส์ นึกว่าแน่จริง

   “เฮ้ย พอแล้วเว้ย แฟนเค้ามาแล้ว ฮ่า ฮ่า” สาดดด แฟนพ่อเมิงเส่ เค้าเรียกว่าคู่ซ้อม!!!

   “แฮ่กๆ” เล่นเอาซะกูเหนื่อย

   “ไง อยากโชว์ก็ไม่บอก ทีกับกูละทำเล่นตัว” น่านไอ้เวอร์ปากหมาทันทีเลยเชียว งั้นบทพระเอกที่บอกไปตะกี้นี้เป็นอันยกเลิก

   “เชี่ยดิ เมิงก็เห็นมันแกล้งกู” หงุดหงิด มันมาถึงก็เริ่มพูดแขวะผมเลย

   “แล้วทำไมไม่อยู่ห่างๆ รู้ว่ามันชอบแกล้ง”

   “กูจะรู้มั้ย มันเล่นเข้ามารุมกูซะขนาดนั้น”

   “ถ้ากูไม่มานี่ คงได้เห็นกันไปถึงไหนต่อไหนแล้วเหอะ”

   “คราวหลังก็ไม่ต้องมาเสือก กูดูแลตัวเองได้ กูอยากจะให้ใครดูอะไรก็เรื่องของกู” อะไรของมันมาถึงก็ว่าเอาๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย คนถูกกระทำน่ะกูนะเว้ย ผมพูดเสร็จก็เดินลงมาด้วยความโมโห ไม่ได้คุยกันมาต้องเกือบสองเดือน แทนที่จะได้พูดกันดีๆ เสือกมาทำปากหมาใส่ แม่มมม งั้นก็อย่าได้มาคุยกันเลย
   
   วันนั้นผมย้ายไปนั่งกับไอ้อุ้ยซะเลย ให้ไอ้ตุ๊มานั่งกับมัน จนถึงสองคาบสุดท้ายครับ มีเรียนเกษตร ทุกคนก็ลงไปที่แปลงเกษตรกัน ทุกคนจะมีแปลงเกษตรกันคนละ 1 แปลงครับ เลือกปลูกผักได้ตามใจชอบ ปลูกจนผักโตได้ที่ก็เรียกอาจารย์มาดูครับ แล้วอาจารย์จะตัดเกรดให้ตรงนั้นเลย หุหุ ง่ายๆใช่ป่ะล่ะ
   
   ลงมาถึงผมก็รีบรดน้ำพรวนดิน ตามปกติครับ แปลงของผม ไอ้ตุ๊ ไอ้อุ้ย จะอยู่ติดกันครับ ส่วนของไอ้เวอร์มันอยู่แปลงแรก รดน้ำพรวนดินเสร็จ ไอ้อุ้ยกับไอ้ตุ๊ก็เดินออกไปก่อน แล้วตะโกนบอกว่าจะไปรอที่สนามบาส ถ้ารดน้ำแสร็จแล้วให้ผมตามไปพร้อมไอ้เวอร์ (ไอ้ตุ๊มันยังไม่รู้ว่าผมกับไอ้เวอร์ยังไม่พูดกันส่วนไอ้อุ้ยน่ะจงใจให้ผมอยู่กับไอ้เวอร์อยู่แล้ว)  พอผมรดน้ำเสร็จผมก็เดินไปเลยครับไม่ได้รอไอ้เวอร์มัน เดินมาได้แป๊บเดียว ก็มีคนมากอดเอวผมจากด้านหลัง
   
   “ไม่รอกูก่อนล่ะ” ไอ้เวอร์มันว่า

   “รอไร มีตีนก็เดินไปดิ” ยังโกรธมันอยู่ ทั้งเรื่อง ที่ไม่ได้คุยกันมาสองเดือน แล้วก็เรื่องเมื่อเช้า

   “อะไร ยังโกรธกูอยู่เหรอ”มันไม่พูดเปล่าขโมยหอมแก้มผมไปทีนึงด้วย ไอ้บ้า กูอายนะ แต่ผมก็ยังทำเป็นฟอร์มต่อไป พูดถึงเรื่องหึง ทีวันที่กูโดนพวกผู้หญิงในห้องรุมหอมแก้มวันนั้น มึงไม่เห็นจะหึงเลย ทีแค่ไอ้เทพจะดูหนอนน้อยกูหน่อยเดียว ดันมาบอกว่าหึง ท่าจะประสาทละมึง
   
   “โกรธบ้าไร ทำไมต้องโกรธ แล้วนี่นึกยังไงมาคุยกับกู ไหนบอกไม่ชอบมายุ่งกับคนหน้าด้าน ไร้ยางอาย” ผมยังจำได้ที่มันเคยว่าแดกดันผม

   “กูขอโทษ ที่กูทำไปทั้งหมดน่ะ ก็เพราะกูหึงมึงนี่”มันทำเสียงอ่อย

   “หึงบ้าอะไร ไม่ได้เป็นไรกันซะหน่อย”

   “เอ๊า ก็เมิงเป็นแฟนกูไง”สาดดด กูไปเป็นแฟนมึงตอนไหน ไอ้ขี้ตู่เอ๊ย

   “หรือว่าต้องให้กู แสดงให้ดู” มันพูดพร้อมกับรั้งผมเข้าไปชิดตัวมัน แสดงเชี่ยไรอีกล่ะ มึงเพิ่งหอมแก้มกูไปแหมบๆ ถ้ามึงจะทำมากว่านี้กูคงต้องเป็นเมียมึงแล้วล่ะ

   “ปล่อย เลยมึง ทะลึ่งละ คนเยอะแยะ อายเค้ามั่งเหอะ”

   “ไม่ จนกว่ามึง จะยอมรับว่าเป็นแฟนกู”

   “เหอะ ไม่มีทางปล่อยกูเลย” ผมมันดันตัวมันออก แต่มันก็ดึงผมกลับเข้าหามัน แต่ผมไม่สนผลักมันออกแล้วเดินหนี แต่มันก็ยังตามมาคว้าเอวผมไว้ได้ มันพยายามเอาขามันมาพันขาผมไม่ให้ผมเดิน (คล้ายๆกับขัดขาน่ะแหละ) ผมก็เอาขาหนีมันเรื่อย
   
   “ไอ้เวอร์ ทำไรเนี่ย หลบไปเลยมึง”ผมยังคงเอาขาหลบมัน ซึ่งมันก็ยังตามเอาขามาเกี่ยวไม่เลิก

   “ไม่หลบ มึงต้องพูดก่อนว่ามึงเป็นแฟนกู” จังหวะที่ผมจะก้าวขาหลบ ขาผมก็ไปเหยียบลูกรังก้อนใหญ่เข้า ทำให้ผมล้มหงายหลังลงไป มันเองก็คว้าผมไม่ทัน ทำให้ผมล้มลงไปนอนคลุกฝุ่น และเนื่องจากตรงนั้นเป็นลูกรังแล้วผมเอาแขนข้างขวาลง ทำให้แขนผมครูดไปกับลูกรังเต็มๆ ผมรู้สึกเจ็บมาก ไอ้เวอร์ตกใจรีบมาประคองผมขึ้น
   
   “เฮ้ย โมเป็นไรป่าว”

   “...” ผมเจ็บ พูดไม่ออก แต่ยังมีแรงสะบัดแขนมันออก

   “อย่าดิ้นสิ แขนเลือดออกใหญ่แล้ว เดี๋ยวกูพาไปทำแผล” มันพยายามเข้ามาประคอง ตอนนี้ไอ้โมเริ่มรู้สึกว่า เจ็บขาด้วยแล้ว แต่ก็ยังสะบัดมือมันออก

   “ไม่ต้องมายุ่ง กูไปเองได้” ผมน้ำตาไหล ทั้งเจ็บ ทั้งน้อยใจ มันชอบทำอะไรตามอำเภอใจ นึกอยากจะดีด้วยก็มาทำดี พอนึกอยากจะโกรธก็ไม่ยอมฟังหน้าอินทร์ หน้าพรหม แถมชอบใช้แต่กำลัง คราวนี้ได้เลือดเลยดูสิ พอมันเห็นผมร้องให้มันดูตกใจ แล้วรีบมาประคองผม เอามือข้างไม่เจ็บกอดคอมันเรียบร้อย แล้วก็ทำท่าจะอุ้มผม

   “ไม่ต้อง กูเดินเองได้”

   “เดินอะไรเล่า ขาก็เจ็บไม่ใช่รึไง แล้วแค่นี้ทำเป็นร้องให้ไหนเคยบอกว่าไม่มีวันเสียน้ำตาให้คนอย่างกูไง” ง่ามันยังจำได้ ผมเอามือปาดน้ำตา แต่ยิ่งปาดน้ำตามันก็ยิ่งไหลออกมา

   “ใครบอกกูร้องให้เพราะมึง น้ำตามันไหลเองเพราะกูเจ็บต่างหาก”
   
   "ไม่ร้องไห้แล้วทำไมถึงต้องสะอื้นด้วยล่ะ" มันย้อนกลับมา

   ตอนแรกมันจะอุ้มผม แต่ผมไม่ยอมเลยได้แต่ขี่หลัง ให้มันพามาที่ห้องพยาบาล จำได้มั้ยครับครั้งที่ผมทำแผลให้มันแล้วเอาทิงเจอร์ราดจนมันร้องลั่น คราวนี้มันคงได้เอาคืนสมใจมันล่ะ

   แต่... มันคงไม่ได้ทำเช่นนั้นหรอก เพราะวันนี้อาจารย์พยาบาลอยู่ครับ เลยมาทำแผลให้ผมแทน โหดดดด สุดยอด ไอ้โมแสบโคตรรรรร ถึงว่าทำไมวันนั้นไอ้เวอร์มันร้องซะลั่น งือออ

   โดนกับตัวถึงได้รู้ ไอ้โมก็ได้เสียน้ำตาอีกรอบ อันนี้เพราะแสบจริงๆ ไม่ได้เกี่ยวกับไอ้เวอร์

   “อาราย ๆ แค่นี้ร้องไห้อีกแล้วเหรอ เสียน้ำตาให้กูสองหนแล้วนะวันนี้”

   “พ่อเมิงเส่ กูแสบ” ทำหน้างอใส่มัน กว่าอาจารย์จะทำแผล พันแผลให้เสร็จก็เลิกเรียนแล้ว นักเรียนทะยอยเข้าแถวกลับบ้านกันแล้ว มันทำท่าจะแบกผมออกมาหน้าโรงเรียนอีก แต่ผมไม่ยอม เลยแค่ให้มันถือกระเป๋าให้ ส่วนผมก็เดินกระเผกเกาะใหล่มันออกมา ตอนแรกกะว่าจะโกรธไอ้เวอร์เหมือนกันที่ทำผมเจ็บ แต่พอเห็นท่าทางที่มันห่วงใยผมจริงๆ แล้วยิ่งไม่ได้คุยกันมาเกือบสองเดือน ทำให้ผมต้องใจอ่อน
   
   มาเจอไอ้อุ้ยกับไอ้ตุ๊ มันก็โวยวายใหญ่ ว่าหายไปไหนมา พอพวกมันเห็นสภาพผมก็ตกใจ ถามว่าไปทำอะไรมา ผมก็บอกมันว่าหมามันมาวิ่งพันขา เลยสะดุดล้ม พวกมันหัวเราะกันใหญ่ว่าผมซุ่มซ่าม ส่วนไอ้อุ้ยก็มองหน้าผมกับไอ้เวอร์แล้วยิ้มๆ ผมเลยแจกมะเหงกมันไปซะหนึ่งที โทษฐานที่ทำเป็นรู้ดีนัก
   สรุปว่าอาทิตย์นั้นทั้งอาทิตย์ผมก็ต้อง เดินกระเผลกๆมาเรียน ทั้งอาทิตย์ โดยมีมันสามตัว ทำหน้าที่บริกร แล้วก็พาหนะ หุหุ เจ็บขาทีไรไอ้โมสบายทุกที ฮ่า ฮ่า งั้นแกล้งเจ็บขาบ่อยๆดีกว่ากรู
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 20 .P5[25/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 25-09-2011 19:29:38
ดีกันนนนนนนน

จะได้สมหวังสักที

 :call:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 20 .P5[25/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 25-09-2011 19:43:48
ดีกันแล้ว :m4:

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 20 .P5[25/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 25-09-2011 20:04:03
 :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 20 .P5[25/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 25-09-2011 20:57:03
สนุกมากค่าาาาาาาาาาาาา ติดตามอยู่นะๆ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 20 .P5[25/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 25-09-2011 21:00:21
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 20 .P5[25/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 25-09-2011 22:29:16
น่ารักได้อีก :-[ :-[ :-[

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 20 .P5[25/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: tiamo ที่ 25-09-2011 23:55:22
แรงได้อีกอ่ะ  :pighaun:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 20 .P5[25/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: shisu ที่ 26-09-2011 00:02:05
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 20 .P5[25/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Kiss Koki ที่ 26-09-2011 08:29:07
..เธอเป็นแฟนชั้นแล้ววววว :impress3:...เวอร์กลับมาแล้ว...เจ็บตัวตลอดถึงจะมีสุขนะนะโมนะ ต้องให้มันได้อย่างนี้ซิ คิ๊กๆๆๆ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 20 .P5[25/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 26-09-2011 11:03:10
โมเอ้ยยย  เลิกงอนได้แว้ววว 

แต่ที่แกล้งดึงกางเกงนี่ก็เหมือนจะแรงนะเน่ีย  =  ="

+1 เป็นกำลังใจให้น้าาาา
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 20 .P5[25/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: MinKKniM ที่ 26-09-2011 14:29:22
เวอร์ ชัดเจนดีชอบๆ  o13

โมเป็นแฟนเวอร์เหอะนะ สองคนนี้เหมาะกันดีอ่ะ

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 20 .P5[25/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: gay_love ที่ 26-09-2011 14:49:51
 :L2: :L2:

มาเป็นกำลังใจให้ เวอร์ก็น่ารักแต่สงสารตุ๊ ...น่ะ แต่ใครก็ได้ขอให้รักนะโมจริง เชียร์  :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 20 .P5[25/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 26-09-2011 17:23:17
ดีกันเเล้วใช่ป่ะ o13
 เชียร์เวอร์นะ หุหุ  :impress2:


 :call: :call:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 20 .P5[25/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Cupcake ที่ 26-09-2011 20:27:50
น่ารักอ่าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 20 .P5[25/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 27-09-2011 21:49:04
tawan ตอนนี้มันน่ะดี แต่ไม่นานก็คงกลับมากวนประสาทเหมือนเดิมแหละ

ujen ดีกัน แต่ต้องแลกด้วยเลิอดผม คุ้มมั้ยเนี่ยะ

roseen  :L2:

zabzebra สนุกก็ติดตามต่อไปเรื่อยๆนะครับ

artit  o13

GeTOuTNoW หมายถึงนะโมชิมิๆ

tiamo เบาๆเอง ตอนใหม่นี่แรงกว่านั้นเยอะะะะะะะะะะะ  :m25:

shisu ประทัดไม่พอ ต้องจุดพลุเลย

Kiss Koki เฮ้อออออ นั่นสิ เจ็บตัวตลอดเลย

silverphoenix ไม่ได้งอนแย้ววว แต่มันเจ็บอ่ะ ปล.ตอนเด็กๆมีเล่นแรงกว่านี้อีก ถึงกับเข้าโรงพยาบาลกันเลย

MinKKniM ติดตามอ่านต่อไปละกันครับ ถ้าเจอความแสบของไอ้เวอร์เรื่อยๆ เปลี่ยนใจตอนนั้นก็ยังไม่สาย

gay_love   :กอด1:

Rhythm เชียร์ให้มันมาเอาเลือกผมออกอีก ชิมิๆ

Cupcake  :o8:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 20 .P5[25/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 27-09-2011 21:51:33
ตอนที่ 21:  เรื่องคืนนั้น....

   เมื่อไรก็ไม่รู้ที่ผมรู้สึกว่า โรงเรียนเป็นสถานที่ๆผมอยากมาที่สุด ผมอยากมาโรงเรียนทุกวัน เคยมั้ยเวลาที่คุณชอบใครสักคน แล้วอยากเห็นหน้าเค้าทุกวัน อยากอยู่ไกล้ๆทุกวัน ถึงไม่จะไม่ได้คุยกัน แต่ขอมองห่างๆก็ยังดี

   มีคนเคยบอกกับผมว่า “ช่วงของความทรงจำที่ชัดเจนที่สุด คือช่วงที่เรากำลังมีความรัก” ไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนไปเมื่อไรกับความรู้สึกที่ผมมีต่อไอ้เวอร์ ผมรู้สึกว่าหมู่นี้เวลาอยู่ไกล้กับมันใจมันตุ๊มๆ ต่อมๆ(รู้สึกช้าไปไหมเนี่ย)  วันไหนที่มันไม่มาเรียนก็รู้สึกหดหู่ ไม่มีอารมณ์จะทำอะไร  ไม่จำเป็นต้องให้มันมาอยู่ไกล้ๆก็ได้ ขอแค่ได้เห็นมันอยู่ในสายตา จริงๆแล้วผมก็รู้สึกแบบนี้มานานแล้วล่ะ แต่ไม่เคยจะยอมรับตัวเองซะที่ว่าจริงๆแล้วผมอ่ะชอบมัน เฮ้ออ...ท่าจะบ้ากันไปใหญ่ เมื่อก่อนผมกับมันเกลียดกันจะตาย แทบจะฆ่ากันตายอยู่ทุกวัน แล้วตอนนี้จะให้ยอมรับว่าผมชอบมัน มันก็ยากอยู่นะ แล้วยิ่งเมื่อคืน ... ยิ่งคิดยิ่งน่าอาย








   เมื่อคืน






   ตอนที่ผมนอนหลับอยู่นั้น รู้สึกอึดอัด ร้อนๆ ยังไงก็ไม่รู้ จะนอนดิ้นจะนอนพลิกตัวก็ไม่ถนัด อะไรหนักหนาเนี่ย จนเป็นอย่างนั้นอยู่นาน สุดท้ายก็ทนไม่ไหวต้องลืมตาตื่นขึ้นเพราะรู้สึกเหมือนโดนนอนเบียดอยู่ ตอนแรกก็นึกว่าเป็นพี่ชายผม(ไม่เคยเล่าสินะ ว่าผมมีพี่สาว 1 คน พี่ชาย 1 คน น้องชายอีก 2 คน แต่ตอนนั้นน้องชายคนเล็กยังไม่เกิด น้องชายคนรองไปอยู่กับยาย) แต่ก็นึกได้ว่า จะบ้าเหรอก็พี่ชายผมมันไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ กับพี่สาว แล้วใครล่ะที่มันนอนกอดผมอยู่น่ะ ผมสะดุ้งลืมตาขึ้นมา แสงไฟสลัวๆ จากหน้าประตูบ้าน ทำให้ผมพอจะมองเห็นว่า มีแขนใครคนหนึ่งโอบผมมาจากด้านหลัง ขาวๆ ขนเยอะเชียว แถมแขนใหญ่จัง แล้วหน้ามันอ่ะ ซบอยู่ที่หลังผม ผมพยายามหันหน้ากลับไปดูว่ามันเป็นใครวะ บังอาจมานอนกอดกู ลูกเค้ามีพ่อมีแม่นะเว้ย ผมพยายามหันกลับไป แต่ยิ่งผมขยับตัว มันกลับยิ่งกอดผมแน่นขึ้น ผมพยายามแกะมือ มันออกแล้วรีบพลิกตัวหันกลับไปดูหน้ามัน

   “เฮ้ยยยยยยยยยยยย!!” ผมร้อง ตกใจ

   “มึงมานอนห้องกูได้ไงเนี่ย” มันมานอนห้องผมได้ไงเนี่ย จะใครซะอีกล่ะ ก็ไอ้มนุษย์พันธุ์ขนตัวแสบน่ะสิ

   “อาราย ตื่นมาถึงก็โวยวาย ...เมื่อเย็นก็กูมาหามึง แม่มึงบอกว่ามึงไม่สบาย กูเลยขอแม่มึงมานอนเฝ้าเพื่อนมึงเนี่ยะ” โห..คุณแม่ตู จะรู้มั้ยว่าฝากแมวไว้กับปลาย่าง (ต้องฝากปลาย่างไว้กับแมวสิถึงจะถูก - - )

   “...”

   “แล้วทำไมมึงต้องมานอนกอดกูด้วยเนี่ยะ กูอึดอัด ออกไปเลย”

   “อ๊าววว ทีหัวค่ำใครวะ นอนสั่น บอกหนาว กูก็หวังดีอุตส่าห์ ไปหายามาให้กิน แล้วก็มานอนกกมึงอยู่เนี่ยะ”

   “แล้วใครไปขอให้เมิงช่วยเล่า เดี๋ยวแม่กูเค้าก็มาดูกูเองแหละ เค้าไม่ปล่อยให้กูตายหรอก”

   “เอ๊า ทำคุณบูชาโทษอีก ทีหัวค่ำละกอดกูซะแน่นเชียว”

   “เหอะ กูเนี่ยนะจะไปกอดเมิง ฝันไปเหอะ ฮะ ฮะ” หัวเราะเยาะเย้ยมัน

   “คิดดีแล้วเหรอ หัวเราะใส่กูแบบนั้นน่ะ” มันทำเสียงเข้มขึ้น

   “แล้วไง”

   “เมิงดูนี่ซะก่อน” แล้วมันก็เปิดผ้าห่มที่ผมกับมันห่มอยู่

   “เฮ้ยยยยยยยย” ผมตะโกนลั่นเลยที่นี้ รีบทะลึ่งตัวพรวดขึ้นนั่ง เตรียมโดดลงจากเตียง แต่มันก็เร็วกว่าครับ คว้าตัวผมลงไปนอนแล้วมันก็ขึ้นมาทับผมไว้เหมือนเดิม ส่วนที่ผมตกใจน่ะเหรอ ก็ตอนนี้น่ะ ผมกับมันนอนแก้ผ้ากันอยู่น่ะเส่ ถึงว่าทำไมรู้สึกหวิวๆ ตอนแรกคิดว่านอนถอดเสื้อเฉยๆซะอีก แล้วไม่เท่านั้นน่ะ ผมเห็น เห็น ... น่ากลัวโคตรรรรร

   “ปล่อยนะ ไอ้เวอร์ ไอ้โรคจิต มึงทำอะไรเนี่ย” มันทับผมอยู่ทั้งตัวครับ แล้วไม่ต้องผูดถึงนะครับ ว่าสภาพตอนนี้เป็นยังไง เนื้อแนบเนื้อซะขนาดนี้ อะไรต่อมีอะไรมันก็เสียดสีกัน จนน่าขนลุกไปหมด

   “ไง ตะกี้เมิงหัวเราะอะไร ไม่หัวเราะต่อล่ะ”

   “...” ไอ้โมเงียบครับ อายมากมาย ฮือออ คงเห็นกูหมดทั้งตัวแล้วสิ ยิ่งคิดยิ่งอายยย เอียงหน้าหลบมัน ไม่อยากสบตามันอ่ะ ไอ้โมอาย

   “จะหลบหน้าไปไหน อ่ะ หันมามองหน้าคนหล่อหน่อยดิ๊”มันเอามือมาประคองหน้าผมให้มามองหน้ามัน ผมทำหน้ายิ้มเยาะ แบบหล่อตายล่ะ แหวะ

   “อ่ะ ยิ้มแบบนั้นทำไม หมายความว่าไง แบบนี้ต้องโดนทำโทษน่ะเนี่ยะ”ผมอ้าปากจะด่ามัน แต่...

   “อึ๊ ...” ยังไม่ทันจะมีคำใดหลุดออกมาจากปากผม มันก็ประกบปากมันเข้ามาหาผม แล้วสอดลิ้นเข้ามาเรียบร้อย มืออาชีพจริงๆนะมึง ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ยว่ามึงเป็นเด็กมอต้น

   “อื๊มมม...” ทำอะไรไม่ถูกเลย ตอนแรกก็ขัดขืนมันเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็ต้องเคลิ้มตามมันไป มันจูบเก่งอ่ะ มันจูบผมอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน ริมฝีปากมันบดเข้ากับของผม ส่วนลิ้นมันก็ตวัดพันกับลิ้นผม อย่างชำนาญ(มันไปหัดมาจากไหนวะ) ส่วนไอ้โมน่ะเหรอ โดนไปซะขนาดนี้ ก็ระทวยไปตามระเบียบ มันกดสะโพกลงมาใส่สะโพกผม จนรู้สึกได้ว่าบางอย่างที่ใหญ่โตของมัน แข็งและร้อนขึ้น จนผมเองก็เผลอยกสะโพกขึ้นรับกับแรงกดที่มันกดลงมา ส่วนกลางลำตัวของเราเสียดสีกันไปมา ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ผมมากขึ้นไปอีก มันผละหน้าของมันออกแล้ว ลากลิ้นมาที่คอผมแทน ทันทีทีมันปล่อยปากของผมให้เป็นอิสระ ผมก็รีบสูดอากาศเข้าปอด จูบตะกี้นี้มันนานมาก นานจนแทบขาดใจ แต่แปลกที่ผมกลับรู้สึกดี

   มันซุกไซร้ไปตามลำคอและหน้าอกผม ผมพยายามกัดฟันไว้ ไม่ให้มีเสียงเล็ดรอดออกมา แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ไม่สารมารถทนต่อไปได้ เมื่อมันเลื่อนปากกับลิ้นมาดูดดุนที่หัวนมของผม เลื่อนลงมาเรื่อยจนถึงหน้าท้อง ถึงสะดือผม

    “อ๊ะ ซี๊ดดด ...”เสียงผมสูดลมหายใจเข้าผ่านไรฟัน แต่มันกลับกลายเป็นเหมือนเสียงครางแทน (น่าอายจัง >///<)

    มันยิ่งได้ใจ เอามือมากอบกุมส่วนแข็งที่กลางลำตัวของผมและของมันเข้าไว้ด้วยกัน แล้วรูดขึ้นรูดลง เบาๆ มันสยิวไปหมด ผมก็ได้แต่บิดตัวไปมาเพราะความเสียว จนต้องเอื้อมมือสองข้างของผมไปรั้งคอมันขึ้นมาแล้วแล้วประกบปากผมเข้ากับปากมันแทน ก่อนที่ผมจะทนต่อความเสียวไม่ไหวจนขาดใจตาย

   มันสอดลิ้นเข้ามาอย่างชำนาญ ส่วนผมก็ไม่ยอมแพ้ ตอบสนองมันอย่างทันควัน จนตอนนี้ลิ้นผมกับลิ้นมัน พันกันมั่วไปหมดไม่รู้ลิ้นใครเป็นลิ้นใคร อารมณ์ตอนนั้นตายเป็นตาย ผมไม่ยอมละปากออกจากมันแน่ มือสองข้างยังคงเกี่ยวคอมันไว้ ปานประหนึ่งว่ามันจะหนีหายไปก่อนที่ภารกิจนี้จะลุล่วง

   ปากของมันทำงานได้อย่างเชี่ยวชาญ ส่วนท่อนล่างก็ไม่แพ้กัน มันบดสะโพกของมันเข้ามา เชื่องช้า แต่เน้นๆ  มือข้างที่กอบกุมแท่งร้อนทั้งสองไว้นั้นจากเดิมที่รูดขึ้นลงอย่างช้าๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นรวดเร็วและรุนแรงขึ้น จนผมทนต่อไปไม่ไหว ต้องยกขาขึ้นเกี่ยวสะโพกมันไว้ แล้วร้องครางออกมาอย่างลืมตัว

   “อะ อ๊า....”และแล้วผมก็ปล่อยความรู้สึกอัดอั้นทั้งหมดออกมา
...


..



..



..



to be continue
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 21 .P5[27/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 27-09-2011 22:04:56
 :o8: :-[ :o8:

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 21 .P5[27/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 27-09-2011 23:24:32
ฝันค้างเลยงะ :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 21 .P5[27/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 28-09-2011 04:37:51
แอ่ก! นอนตายจมกองเลือด คือยังนึกภาพทั้งสองคนเป็นเด็กๆอยู่เลยน้านี่ :jul1:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 21 .P5[27/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 28-09-2011 06:03:33
 :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 21 .P5[27/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: MinKKniM ที่ 28-09-2011 07:45:16
อะจึ๋ยยยย เอ่อ น้องเวอร์แน่ใจนะว่าอยู่ ม.2 ทำไมดูแกเชี่ยวมากถึงมากที่สุด   :haun5:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 21 .P5[27/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Kiss Koki ที่ 28-09-2011 09:46:10
เด็ก ม. ต้น เหรอเนี่ย โหะๆๆ ร้อนแรงจริงเล้ย เวอร์ :m25:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 21 .P5[27/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 29-09-2011 23:24:33
ตอนที่ 21:  เรื่องคืนนั้น....(จบ)

   “อะ อ๊า....”และแล้วผมก็ปล่อยความรู้สึกอัดอั้นทั้งหมดออกมา



   ....ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะรู้สึกอุ่นๆ แฉะๆ ที่กลางลำตัว ประกอบกับความรู้สึกวาบหวิวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทำให้ผมต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา ทันทีที่ลุกขึ้นนั่งผมก็กวาดสายตาหามัน แต่ผมกลับผมาว่ามีผมเพียงคนเดียวที่นอนอยู่บนเตียง .... เฮ้ออออ รอดตัวไปที นึกว่าเป็นเรื่องจริงซะอีกที่แท้ก็ฝันไปน่ะเอง แล้วผมก็นึกขึ้นได้รีบก้มมองดูเป้าตัวเอง อะโหยยยยยยยยยย เหนียวแฉะทะลุกางเกงนอนเลยเชียว
   

   ผมนั่งเหม่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืน แล้วรู้สึกอายมาก ดันฝันเปียกถึงไอ้เวอร์มันซะได้ น่าอายจริงๆเชียว มันก็นะ...บ้ากามจริงๆ ขนาดในฝันมันยังตามมาลวนลามผมซะได้ แล้วแบบนี้ผมจะรอดมือมันไปได้ซักกี่น้ำล่ะเนี่ย คิดแล้วกลุ้มใจจริงๆนานเท่าไรก็ไม่รู้ที่ผมนั่งเหม่อจนไม่รู้ว่ามีคนแอบมานั่งข้างหลังผมตั้งแต่เหมื่อไร กว่าจะรู้ตัวผมก็โดนขโมยหอมแก้มไปแล้ว

   “เชี่ยยยยย” นี่ไงคำทักทายยามเช้าสำหรับมัน ผมหันกลับไปกะจะด่ามันต่อ แต่มันกับขโมยหอมแก้มผมจากอีกด้านหนึ่ง

   “ไอ้เลววววว” โดนมันหอมแก้มไป 2 ที แล้วมันก็เอามือจะมาบีบก้นผมที่นั่งชันเข่าอยู่ตรงระเบียงหน้าห้อง แต่ว่ามือมันกลับไม่โดนก้นผมน่ะสิ ก็ตอนที่ผมนึกถึงเรื่องฝันเมื่อคืน ทำให้เจ้าโมน้อย มันตื่นขึ้น ดันกางเกงโป่งไปทางด้านหลังซะแข็งโป๊กเชียว มือมันเลยไปโดนเจ้าโมน้อยแทน

   “เฮ๊ยยย!!!!” ผมกับมันร้องพร้อมกัน

   “ฮ่าๆๆ คิดอะไรลามกแต่เช้าเลยมึง แข็งโป๊กเชียวนะ ฮ่าๆๆๆ คิดลามกถึงใครหราาาา ฮ่าๆๆ” มันหัวเราะลั่น แล้วอวิ่งโกยอ้าว ไปเลย งืออออ ไอ้โมอายโคตรรรรรรร มันจะรู้มั้ยเนี่ยะว่าผมคิดลามกถึงมันน่ะแหละ แถมฝันเปียกด้วยอีกตะหาก
 
   เพื่อนๆคิดดูสิ มันสุดแสนจะแสบสันต์กับผมขนาดนี้ แล้วจะให้ผมไปรักมันลงได้ยังไงเนี่ย คงต้องรอไว้ชาติหน้าตอนบ่ายๆแล้วมั้งผมถึงจะทำใจรักมันได้น่ะ และความรู้สึกเดียวที่ผมรู้สึกกับมันอยู่ตอนนี้ก็คือ




   …






   …






   …
   

   “ไอ้เชี่ยเวอรรรรรรร์ ไอ้เลว มึงตายยยยยยยยยยย”




ตอน 22: ประกาศิต




   อาจารย์ใหม่ไฟแรงมากครับ สั่งการบ้านเยอะโคตรๆ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ งานเยอะมากๆ แล้วสัปดาห์หนึ่งมีเรียนตั้ง 4 คาบ อาจารย์เล่นสังงานซะทุกคาบ แถมต้องไปท่องศัพท์กริยาสามช่องกับอาจารย์ทุกวันตอนเที่ยง ให้ได้สัปดาห์ละ 30 คำ ใครท่องไม่ครบก็โดนตีตามจำนวนคำที่ท่องไม่ครบเลยล่ะ มีนิทานภาษาอังกฤษที่ต้องแปลส่งอีกสัปดาห์ละ 1 เรื่อง และการบ้านในคาบเรียนอื่นๆอีกมากมาย ตัวผมเองน่ะไม่มีปัญหาหรอก ผมทำได้อยู่แล้ว แต่คนอื่นๆในห้องน่ะสิ บ่นกันอุบเลยอ่ะสำหรับคนอื่นมันเป็นเรื่องที่ยากมากมาย ทำไม่ครบบ้าง ทำไม่ได้บ้าง โดนตีกันแทบคน ทุกวันที่มีเรียนภาษาอังกฤษ ยกเว้นไอ้โมคนเดียว ฮ่า ฮ่า ไม่ใช่เด็กเส้นอะไรหรอก ถึงผมจะเกเร(นิดหน่อยอ่ะ) ยังไงการเรียนผมก็ไม่เคยทิ้งนะครับ ขยันทำงานส่งตลอด การบ้านก็ทำครับ แล้วอาจารย์จะหาเรื่องที่ไหนมาตีผม อาจารย์อ๋อยเองก็ดูท่านจะเอ็นดูผมมากอ่ะครับ ก็จะชมผมต่อหน้าเพื่อนตลอด จนผมแทบจะตัวลอย

   แต่ก็นั่นแหละคนรักเท่าผืนหนังคนชังเท่าผืนเสื่อ มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด อาจารย์แกคงเอาผมไปชมต่อหน้าคนอื่นจนทั่วโรงเรียน ทำให้มีทั้งคนที่ชื่นชอบผม ทั้งอาจารย์ รุ่นพี่รุ่นน้อง แล้วก็มีพวกที่หมั่นไส้ผมอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว หลายครั้งที่ผมเดินไปได้ยินพวกที่พูดให้ร้ายผม ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนในห้อง ผมก็ว้ากแตกเลย เพราะตามนิสัยผมแล้วไม่ยอมใครง่ายๆ ตาต่อตาฟันต่อฟัน ทำอะไรก็ทำซึ่งๆหน้า ไม่ชอบหลับหลัง และเพราะนิสัยแบบนี้ของผมแหละ ทำให้อาจารย์หลายคนไม่ชอบผม เค้าหาว่าผมก้าวร้าว

   ช่วงแรกๆไอ้โมก็รอดคมไม้เรียวของอาจารย์อ๋อยมาได้ตลอด แต่จนแล้วจนรอดผมก็ไม่วายโดนอาจารย์อ๋อยแกฟาดด้วยไม่เรียวอยู่ดี มาดูละกันว่าผมโดนแกตีด้วยเรื่องอะไรบ้าง
   เรื่องแรกที่ทำให้ผมโดนอาจารย์อ๋อยตีประจำ อย่างที่เกริ่นๆไว้ตอนต้นเรื่อง ว่าผมน่ะเก่งภาษาอังกฤษ ส่วนไอ้เพื่อนผมสามคนนั่น ภาษาอังกฤษมันง่อยยิ่งกว่าอะไร เพราะฉะนั้นเวลามีงานกลุ่ม หรือการบ้านทีไร วิธีที่พวกมันจะมีงานส่งก็คือลอกผมนั่นเอง ช่วงแรกๆก็ไม่ค่อยเท่าไร ลอกกันอยู่ 4 คน อาจารย์ยังจับไม่ได้ แต่พอหลายครั้งเข้า เริ่มมีเพื่อนๆคนอื่นมาลอกด้วย จนกลายเป็นว่าทำงานไปส่งเหมือนกันหมดเกือบทั้งห้อง งานนั้นโดนอาจารย์สวดยับ แถมโดนฟาดก้นยกห้องเรียนกันไปคนละ 3 ที แต่ผมอ่ะดิ โดนหนักสุด 6 ทีโทษฐานที่ช่วยเพื่อนในทางที่ผิด ฮืออออ อะไรกันเนี่ย ปกติถ้าเป็นอาจารย์คนอื่นไอ้โมคงจะเถียงคอเป็นเอ็นแหละครับ ว่าผมไม่ผิด มันหยิบเอาของผมไปลอกเอง แต่กับอาจารย์อ๋อยผมเถียงไม่ออกจริงๆ ไม่สิต้องบอกว่าไม่กล้าเถียง ด้วยความที่เคารพอาจารย์แกมาก แล้วผมก็รู้ว่าแกเอ็นดูผมมาก ผมก็เลยยอมรับผิดแต่โดยดี คนรักยิ่งมีเท่าผืนหนังอยู่รักษาไว้ดีกว่า

   แล้วอาจารย์แกยังลงโทษผมให้ไปช่วยงานด้วยอีก 1 อาทิตย์ หลังจากทำโทษเสร็จอาจารย์ก็เรียกผมเข้าไปคุยตามลำพัง อาจารย์ให้เหตุผลว่าที่ต้องทำโทษผมมากกว่าคนอื่นไม่ใช่ว่าผมผิดมากกว่าคนอื่น แต่เป็นเพราะผมรักเพื่อนในทางที่ผิดต่างหาก ถ้าผมให้เพื่อนลอกงาน ต่อไปเรื่อยๆ ในภายภาคหน้าเพื่อนก็จะทำงานเองไม่ได้เลย จะไปสอบก็ไม่ได้ เอาไปใช้งานจริงก็ไม่ได้ อีกอย่างครูเค้าต้องการให้เพื่อนๆเห็นว่าถ้าพวกเพื่อนๆลอกผมอีก ผมก็จะโดนทำโทษมากกว่าคนอื่นอีก เป็นการสร้างความสามัคคีทางอ้อมด้วย(แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนๆใน้หองมันจะสำนึกกันบ้างมั้ยเนี่ยะ) พออาจารย์สอนเสร็จผมก็ถึงเข้าใจเหตุผล แล้วก็ไม่เคยนึกโกรธอาจารย์เลย แต่... ฮ่า ฮ่า ก็ตอนนั้นพวกผมยังเด็กกันอยู่นี่นา อาจารย์สอนครั้งเดียวจะไปเข้าหูอะไร สรุปว่า เหตุการเดิมๆ ก็ยังเกิดขึ้นอยู่ คือ ลอกการบ้านกันยกชั้น แล้วอาจารย์ก็เรียกไปตียกชั้นตามระเบียบ

   เรื่องที่สองที่ทำให้ตูดไอ้โมเต้นเป็นแผ่นดินไหว ก็เพราะไอ้เวอร์นี่แหละ หลังจากวันที่มันทำผมเจ็บที่แปลงเกษตรวันนั้น มันประคบประหงมผมอยู่ได้ไม่กี่วัน ผมเองก็หลงคิดไปว่า มันคงจะเลิกแกล้ง เลิกกวนบาทาผมซะที ที่ไหนได้มันดีกับผมได้ไม่กี่วัน มันก็กลับมาเป็นไอ้เวอร์คนเดิม คนที่ผมอยากจะจับมันกดน้ำซักวันละสี่ห้าหน เนื่องจากที่มันชอบกวนประสาทผมไม่เลือกเวลา สถานที่ แล้วผมก็โวยมันได้ไม่เลือกเวลาและสถานที่เหมือนกัน ทำให้มีอยู่ครั้งหนึง ณ คาบเรียนภาษาอังกฤษ ขณะที่ผมยืนตอบคำถามอาจารย์อ๋อยเสร็จ และก็กำลังจะนั่งลง...

   “เหวอออ ตึง โครมมม!!” พร้อมกับเสียงหัวเราะ ฮาครืน กันทั้งห้อง ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์ เพราะอะไรน่ะเหรอ ไอ้เลวเวอร์มันดึงเก้าอี้ผมหลบ พอผมนั่งก็เลยหงายท้องเต็มแรง มือก็ไปฟาดโต๊ะล้ม ตูดก้นจ้ำเบ้า ขาชี้ฟ้ากันเลยทีเดียว เจ็บก็เจ็บนะ แต่ก็อายมากกว่า แต่ก็รีบลุกขึ้น พอลุกขึ้นได้ผมก็กระชากคอเสื้อไอ้เวอร์ ที่ตอนนี้มันกำลังหัวเราะตัวงอ

   “ไอ้เหี้ยเวอร์ ทำค...ย อะไรวะ แม่งกวนตีนกูซะแล้วสัตว์นี่” โหยไอ้โมโกรธจัด สบถคำหยาบออกมาเต็มเลย สำหรับพวกผมคำพวกนี้ถือว่าเป็นคำปกติ แต่สำหรับอาจารย์แล้วมันไม่ใช่

   “นายศุภชัย เธอพูดอะไรน่ะ หยาบคายมาก”

   “ก็ อาจารย์ มันแกล้งผม อาจารย์ก็เห็น”ผมเถียง

   “ครูเห็น แต่ว่าทำไมเธต้องหยาบคายขนาดนั้นด้วย”

   “ก็ มัน...”

   “ยังอีก พูดกับเพื่อนน่ะให้มันเพราะๆหน่อยสิ”ผมก้มหน้า มองไปทางไอ้เวอร์ตอนนี้มันหยุดหัวเราะแล้ว คงรู้ว่าผมโกรธจริง

   “ครูเห็นบ่อยแล้วนะ เธอน่ะพูดไม่เพราะเลย” งือออ อาจารย์ผมไม่ผิดน๊า ยังแอบเถียงในใจ

   “ครูรู้นะว่าเธอเรียนเก่ง ชอบช่วยเหลืออาจารย์ แต่คิดดูสิ ถ้าเธอยังไม่ปรับปรุงเรื่องคำพูดคำจา ก็จะไม่มีใครอยากพูดกับเธอ เธอรู้มั้ยว่าถ้าเธอพูดเพราะอีกหน่อย คงจะมีใครต่อใครรักเธอขึ้นอีกเยอะ”

   “...” ผมได้แต่ก้มหน้า

   “เอาล่ะ เพราะฉะนั้นครูจะทำโทษเธอ ที่เธอพูดจาหยาบคายในห้องเรียน” ง่า อาจารย์อ่ะ ผมไม่ผิดซะหน่อย แล้วผมก็โดนเรียกไปหน้าห้อง

   ฟั่บ!ฟั่บ! ฟั่บ! ไอ้โมโดนไป 3 ทีแล้วก็เดินกลับเข้าที่ แอบมองไอ้เวอร์ มันทำหน้าสลด เดี๋ยวตอนหมดคาบมึงโดนกูเอาคืนแน่ แต่เจ็บใจอ่ะทำไมตูโดนคนเดียววะ

   “เอาล่ะ ถึงคิวเธอละออกมาข้างหน้าห้องนายเฉลิมพล”เจร้ยยยย ฮ่า ฮ่า มึงก็โดนเหมือนกูละว้า ผมมองหน้าแล้วยักคิ้วให้มัน มันบ่นอุบอิบ แต่ก็ลูกเดินไปหน้าชั้นแต่โดยดี

   เปี๊ยะ!  เปี๊ยะ! เปี๊ยะ! เปี๊ยะ! เปี๊ยะ! เปี๊ยะ! สรุปว่าไอ้เวอร์โดนไป 6 ที ฮ่าๆๆ

   ขออธิบายว่าทำไมไอ้โมดัง ฟั่บ ไอ้เวอร์ ดังเปี๊ยะ คือไอ้โมตัวเล็กไง ใส่เสื้อกับกางเกงตัวใหญ่กว่าตัวเองนิดหน่อย บวกกับใช้เทคนิคการเด้งหลบไม้เรียว เลยทำให้ไม่เรียวไปลงที่ผ้ากางเกงหมด สรุปว่าวันนั้นไอ้โมโดนตี ไม่เจ็บเท่าที่ควร แต่ไอ้เวอร์น่ะเหรออย่างที่เคยบอกมันตัวใหญ่ แล้วก็เป็นคนมีเชปด้วย โดยเฉพาะก้นมันน่ะ งอนดีทีเดียว กางเกงมันก็ใส่แบบพอดีตัว ทำให้ไม้เรียวแต่ละทีทีลงมาทีก้นมัน โดนเนื้อมันเต็มๆ เอิ๊กๆๆ สมน้ำหน้า แกล้งกูดีนัก

   “แล้วก็เธอสองคน” หมายถึงผมกับไอ้เวอร์

   “ถ้าครูเห็นเธอ สองคนทะเลาะ หรือแกล้งกันอีก ครูจะตีพวกเธอคนละ ครึ่งโหล”  เจร๊ยยยย!!!!!  จารย์อ่ะ ผมไม่เกี่ยวซะหน่อย มันต่างหากที่ชอบแกล้งผม พออาจารย์ออกไป

   “เห็นมั้ย ไอ้ควายเวอร์ เล่นไม่รู้จักกาละเทศะ”

   “มึงแหละ โวยวายไม่เข้าเรื่อง โดนเลยกู เจ็บชิบ”

   เหอๆๆ สมน้ำหน้ามึงแล้วไอ้เลวเวอร์ สาดดด อ้าว....กูก็โดนด้วยนิหว่า เจ็บๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 21 .P5[27/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 29-09-2011 23:41:09
ตอนพิเศษ : คำที่ห้ามพูด

   ช่วงนี้แทบจะเหมือนว่า แกงค์ผมเหลือกันสามคน พักเที่ยงไอ้ตุ๊ไม่รู้มันเป็นไร หายหัวตลอด หลังๆมาจึงได้รู้ว่า มันไปขลุกอยู่กับอาจารย์เก้ บางที่ผมก็นึกหมั่นใส้มันนะ ก็ทำงอนๆมันบ้าง ว่ามันว่าไม่ค่อยใส่ใจผมเลย ปล่อยให้ผมอยู่กับไอ้เวอร์สองคน ไอ้อุ้ยก็ติดหญิง มันก็มาง้อบ้าง บอกว่าต้องทำหน้าที่ลูกศิษย์ที่ดี อาจารย์ให้ไปช่วยงาน ผมก็นอยด์มันไปตามระเบียบ

   ส่วนที่แลดูจะมีความสุขเป็นพิเศษก็ไอ้เวอร์นี่แหละ มันก็ดีจริงๆ(หรือว่าไม่ดีหว่า) อยู่กับผมติดหนึบ ผมไปไหนมันไปนั่น (แต่มันก็ยังไม่เลิกกวนบาทาผมอยู่ดี -*-) แล้วดูช่วงนี้มันจะอารมณ์ดีซะเหลือเกิน ดีสำหรับมันจริงๆแหละ แต่ว่าร้ายสำหรับผม ก็ช่วงนี้สิ อยู่กับมันตลอดมันนึกจะแต๊ะอั๋งผมตอนไหนก็ทำ ไม่เคยจะแคร์สายตาคนอื่ นึกยากจะกอดก็กอด อยากจะหอมแก้มก็หอม อยากจะนอนหนุนตักก็นอน แถมผมต้องบีบสิวให้มันอีกตะหาก ครบเลย แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ได้อยู่แค่สองคนตลอดหรอกครับ ก็ยังมีเพื่อนในห้องคนอื่นๆ ที่สนิทกัน ผมก็ตามไปเล่นกับพวกมัน นั่งเกาะกลุ่มกับพวกมัน ขอแนะนำตัวเพื่อนคนอื่นๆบ้างละกัน

   ไอ้เนียร --> ชายหนุ่มผิวขาว หน้าเหลี่ยมเล็กน้อย สูงประมาณ 165 เซนติเมตร, ฉายา ไอ้ขี้เมา เพราะชอบแอบเอาเหล้า 40 + น้ำแดง ใส่ขวดเอ็มร้อยเข้ามากินในโรงเรียน

   ไอ้เก --> ชื่อว่าเก แต่ไม่ได้เป็นเกย์นะครับ แค่วายเฉยๆ ไอ้นี่ก็จัดว่าหล่อมากเลยครับ ขาวตี๋ ปากแดง สเปคสาวๆเลยล่ะ ตอนเรียนมันฮ็อตไม่แพ้ไอ้เวอร์เลยล่ะ หุ่นดี ก้นงอนเลย สูงราวๆ 175, ฉายา ไอ้นิ้วแตก ที่ได้ฉายานี้มาเพราะตอนมอหนึ่ง เทอมสอง ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงหน้าหนาวครับ ลมก็จะแรงๆหน่อย ไอ้เกก็ดันไปยืนอยู่ข้างประตู ด้วยความที่ไม่ทันระวังตัวลมเลยพัดประตูหนีบนิ้วแตก อาจารย์เอามาประกาศเตือนหน้าเสาร์ธง ทุกคนเลยรู้กันไปทั้งโรงเรียน อีกชื่อนึงที่เพื่อนๆชอบเรียกมันคือแอนดริว ไอ้นี่เป็นคนที่ราบสูงครับ แต่หน้าตาเสือกออกไปทางลูกครึ่ง แถมไปละม้ายคล้ายคลึงกับพระเอกดาวรุ่งในตอนนั้น แอนดริว เกร๊กสัน อีกต่างหาก

   ไอ้เทพ --> ฉายาไอ้มืดครับ ไม่ต้องเดานะว่าทำไม เพราะมันขาวแต่ลูกตา

   ไอ้เอ็กซ์ --> ฉายาไอ้บ้ากาม เพราะชอบแอบเอาหนังสือโป๊ กับหนังโป๊มาโรงเรียน หนังโป๊ที่เอามาเปิดดู จนเกิดเรื่องราวระหว่างผมกับไอ้ตุ๊ ก็มันนี่แหละครับที่เป็นคนเอามา

   ไอ้จา --> ฉายาไอ้หมู เพราะขนาดตัวของมัน

   แล้วก็ยังมีเพื่อนๆอีกหลายคน เนื่องจากอย่างที่เคยอธิบายไปแล้ว เพื่อนๆผู้ชายในห้องมีน้อย เลยทำให้ทุกคนสนิทกันหมด เวลาไปไหนก็จะเฮโลไปด้วยกันหมด

   วันนั้นพวกผมก็มาจับกลุ่มกันที่สนามฟุตบอลครับ มีเพื่อนๆจากห้องอื่นมาเล่นด้วย ส่วนผมก็นั่งเชียร์จากข้างสนาม เพราะฝีมือทางด้านกีฬาของผมนั้น มันเข้าขั้นเทพพพพพ (ประชด) กลุ่มที่ผมไปนั่งด้วยนั้น มีสองสามคนที่มาจากโรงเรียนประถมเดียวกับที่แม่ไอ้เวอร์สอนอยู่ ได้ยินเสียงมันคุยถึงไอ้เวอร์ ผมเลยนั่งฟังอยู่เงียบๆ

   “ไอ้เวอร์มันโชคดีว่ะ กูละอิจฉามัน เกิดมาทั้งหล่อ ทั้งหุ่นดีวุ้ย แถมแม่มันก็เป็นครูสอนหนังสืออีก มันเรียนเก่งด้วยป่าววะ แม่งจะเพอร์เฟคเกินไปละ”

   “ได้ข่าวว่า มันก็เรียนเก่งอยู่นะ แถมเล่นบาสเก่งด้วยว่ะ สาวๆกรี๊ดกันตรึม”

   “ก็แน่ล่ะ ตัวสูงขนาดนั้นมันก็ได้เปรียบสิ ยิ่งกีฬาสีที่ผ่านมานะ อยู่ทีมเดียวกับไอ้ตุ๊ มันเลยได้เป็นแชมป์อย่างไม่ต้องสงสัย”

   “เฮ้ย แต่กูก็ได้ข่าวมานะ ไอ้นี่มันผีเข้า ผีออก ตอนอยู่โรงเรียนเก่า ได้ข่าวว่ามัน ไปอัดรุ่นพี่คนนึงซะปางตายเลย แถมไอ้คนนั้นดันเป็นลูกนักเลงแถวนั้นซะด้วย แม่มันก็เลยต้องย้ายมันมาอยู่โรงเรียนเดียวกับที่แม่มันสอนนี้แหละ”

   “เฮ้ย จริงอ่ะ ทำไมวะ”

   “ก็เห็น ว่าไอ้รุ่นพี่คนนั้นทะเลาะกับมัน เลยไปด่าลามปามถึงพ่อ ไอ้เวอร์ มันเลยสติหลุด ซัดกับไอ้นั่นซะปางตาย”

   “เฮ้ย มันรักพ่อมันขนาดนั้นเชียวเหรอวะ”

   “อื้อ กูได้ยินมาว่า พ่อมันตายตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน เพราะอุบัติเหตุน่ะ แล้วมันก็รักพ่อมันมาก ใครลามปามถึงพ่อมันที่ไร ได้สติขาดผึงทุกที”

   ผมนึกในใจว่า อ๋อ ถึงว่าทำไมที่ด่ามันลามไปถึงพ่อแม่มันทีไร มันสติขาดทุกทีเลย นี่สรุปว่าที่ผมรอดมาได้ มันออมมือให้ผมใช่ไหม่เนี่ย ไม่งั้นตอนนั้นผมคงชะตาขาดไปแล้ว นึกไปนึกมาก็อดสงสารมันไม่ได้ ผมเองมีพ่อกับแม่ครบ เวลาพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านสองสามวัน ผมยังเหงาจะแย่ แล้วนี่พ่อมันเสียไปแบบนี้ เหลือแม่แค่คนเดียว มันจะเหงาขนาดไหนกันนะ

   ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที ที่ครั้งหนึ่งเคยไปด่าลามปามถึงพ่อ ถึงแม่มัน ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะไปขอโทษมันจริงๆ

   สักพักเสียงออดว่าได้เวลาคาบต่อไปก็ดัง เพื่อนๆก็ทะยอยแยกย้ายกันกลับขึ้นห้องเรียน ไอ้เวอร์ตะโกนบอกผมว่าไปเจอกันที่ห้องเรียนเลย มันไปล้างเนื้อล้างตัวก่อน เดี๋ยวตามขึ้นไป

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 21 .P5[27/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 30-09-2011 09:25:41
โมเริ่มเห็นใจเวอร์แล้ว
แต่งงประโยคนี้อ่ะ
อ้างถึง
ตอนที่ผมนึกถึงเรื่องฝันเมื่อคืน ทำให้เจ้าโมน้อย มันตื่นขึ้น ดันกางเกงโป่งไปทางด้านหลังซะแข็งโป๊กเชียว
มันดันไปยังไง จากข้างหน้าไปข้างหลัง มันงอไปหรือยังไง คือไม่ได้ทะลึ่งแต่งงว่ามันไปยังไง  :o8:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 21 .P5[27/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 30-09-2011 15:21:18
 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 21 .P5[27/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 30-09-2011 20:23:00
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ เป็นกำลังใจให้นะ ขอบคุณค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 21 .P5[27/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 30-09-2011 22:16:39
สนุกจัง  :m4:
ตุ๊ไปกับอ.เก้น่ะดีแล้ว เชียร์เว่อร์สุดใจ
ก๊ากกกกก 55555

รออ่านตอนต่อไปอยู่น้า
+1 ให้จ้า รออยู่จุ๊บๆ

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 21 .P5[27/09/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 03-10-2011 21:06:48
ตอน 23: เจ็บแปลบ

   หลังจากที่ได้อาจารย์ประจำชั้นคนใหม่ อาจารย์เก้ก็มักจะเรียกพวกผมเข้าไปช่วยงานบ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงนี้ไกล้สอบปลายภาคแล้ว อาจารย์เลยให้ไปช่วยตรวจงานรุ่นน้องมอหนึ่ง พวกผมก็ยินดีไปช่วยแหละครับ เพราะอาจารย์เลี้ยงขนมด้วยแหละ อิอิ ไอ้โมเห็นแก่กิน

   เวลาผมอยู่ต่อหน้าอาจารย์เก้ ผมกับไอ้เวอร์ก็จะเรียบร้อยเลยครับ เพราะว่าอาจารย์แก้กับอาจารย์อ๋อยแกจะฮั้วกันครับ ถ้าผมทะเลากับไอ้เวอร์หรือพูดจาไม่เพราะ อาจารย์เก้แกจะบอกกับอาจารย์อ๋อยครับ แล้วผมจะโดนฟาดเอา

   จะว่าไปหมู่นี้ไอ้ตุ๊ มันแปลกครับๆ ไม่ค่อยมาเจ๊าะแจ๊ะ กับผมซักเท่าไร อ้อแล้วช่วงนี้มันไม่เห็นไปจีบสาวๆวะ ปกติเห็นมีพี่ๆมาตามจีบ มันก็ไปนั่งคุยนั่งเล่นกับเค้าซะทุกที แต่หมู่นี้มันชอบแว้บหายไปไหนไม่รู้บ่อยๆ ไอ้อุ้ยยิ่งไม่ต้องพูดถึง มันน่ะชอบทำตัวล่องหนไปกับพี่ญา ของมันอยู่แล้ว ทิ้งผมไว้กับไอ้เวอร์ ซึ่งแทบจะไม่เคยได้คุยกันดีเกิน 5 นาที

   วันนี้ทานข้าวเที่ยงเสร็จ ไอ้ตุ๊ก็รีบลุกออกมาก่อน บอกว่าเดี๋ยวรีบไปช่วยงานอาจารย์เก้ ผมก็บอกกับมันว่า เออ เดี๋ยวพวกผมตามไป ผมก็นั่งกันต่ออีกแป๊บนึงแล้วก็ตามมันขึ้นไป ส่วนไอ้อุ้ยมันบอกเดี๋ยวตามไป มันคงจะแวบไปหาแฟนมันอีกตามเคย พอผมกับไอ้เวอร์มาถึงก็เห็นมันนั่งหน้าแป้นแล้นอยู่กับอาจารย์เก้แล้ว ผมก็เข้าไปช่วยงานอาจารย์เลยครับ มีช่วยตรวจการบ้าน กรอกคะแนน ทำบอร์ดประชาสัมพัธ์ อะไรประมาณนั้น ไม่นานไอ้อุ้ยก็ตามขึ้นมา พร้อมขนมอีกสองสามถุง สงสัยแฟนมันจะซื้อมาฝาก หวานคอแร้งอีกละตู

   ตลอดเวลาที่ทำงาน ผมเห็นไอ้ตุ๊มันดูร่าเริง เชียวครับ คุยกับอาจารย์ไปยิ้มไป ดูมีความสุขซะเหลือเกิน สุขจนผมหมั่นใส้ ผมสะกิดไอ้อุ้ย ไอ้อุ้ยก็งง ผมบอกให้มันดูไปทางไอ้ตุ๊ ที่ตอนนี้กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับอาจารย์เก้อยู่

   ผม : “กูว่านะ หมู่นี้ ไอ้ตุ๊มันดูแปลกๆ”

   ไอ้อุ้ย : “แปลกยังไงวะ”

   ผม : “ก็มึงดูมันสิ คุยกับอาจารย์เก้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว ว่างที่ไร ก็เห็นมันลงมาขลุกอยู่กับอาจารย์เก้เนี่ย”

   ไอ้อุ้ย : “มึงคิดมากไปป่าว ก็เห็นนักเรียนคนอื่นๆก็มาช่วยงานอาจารย์บ่อยๆ”

   ผม : “ไม่คิดมากอ่ะ แล้วหมู่นี้ก็ไม่เห็นมันจะไปเล่นบาสเลย กับสาวๆคนอื่นก็ไม่เห็นมันจะไปเจ๊าะแจ๊ะด้วย (กับกูด้วยแหละ) มึงดูมันสิ ยิ้มไม่หุบเลยเชียว เห็นแล้วหมั่นไส้ว่ะ”

   ไอ้อุ้ย : “อารายย หึงมันเหรอ ฮะ ฮะ”

   ผม : “หึง พ่อเมิงเส่ะ มันเป็นไรกับกูล่ะ กูถึงจะต้องหึงมัน” จริงๆก็แอบจี๊ดๆอยู่ลึกๆ

   ไอ้อุ้ย : “ก็เป็นเมียมันไง ฮ่า ฮ่า”

   ผม : เอามือทำท่าจะไปเขกหัวมันซักที แต่มันก็หลบทัน แล้วหัวเราะร่วน

   ไอ้อุ้ย : “ฮ่า ฮ่า โอเคๆกูลืมไป ตัวจริงของมึงอยู่โน่นต่างหาก” มันพูดแล้วมองไปที่ไอ้เวอร์ ที่กำลังก้มหน้าก้มตาติดรูปลงที่บอร์ด ไอ้อุ้ย เมิงตายยยยยยยยย ทำท่าจะเขกหัวมันอีกรอบ แต่ไอ้นี่มันไวครับ หลบได้อยู่ดี คิดในใจก็ขำ ไอ้นี่นะ ช่างคิดได้ แต่ถ้าได้ทั้งสองคนเลยก็ดีเหมือนกันนะ อุ๊ปส์สสสสสสสสสสส  :o8:

   หลังจากเดินออกมาจากห้องพักครู กำลังจะขึ้นไปเรียน ไอ้ตุ๊เดินมากอดคอผม อย่างเคย แต่วันนี้เนื่องจากเกิดอาการหมั่นไส้(ไม่ได้หึงน้า) ผมเลยแกะแขนมันออกจากคอผม แต่มันไม่ยอมแพ้ เอากลับมากอดใหม่ ผมก็แกะมือมันออกอีก มันก็เอามากอด ผมก็แกะ เป็นอยู่อย่างนี้หลายที

   “เป็นอะไรอีกเนี่ย” ไอ้ตุ๊โวยใส่ผม

   “เปล่า อึดอัด”

   “เปล่าแล้วนี่อะไรเนี่ย มาแกะมือกูออกทำไม”

   “หนัก รำคาญ” ผมพูดเหวี่ยงๆ ไม่มองหน้ามัน

   “อะไรของมึงเนี่ย เอาใจไม่ถูกแล้วนะ”

   “เอาใจไม่ถูก ก็ไม่ต้องมายุ่งกับกู อยากไปไหนกับใครก็เชิญ”

   “เอ๊า กูพูดดีๆนะเนี่ย เมนส์ไม่มารึไง” แง่งงงง มันยิ่งพูดยิ่งทำให้ผมของขึ้นนะเนี่ย

   “เมนส์พ่องเส่ะ กูไม่ใช่ผู้หญิง”

   “เอ๊าไอ้นี่ ลามถึงพ่อกู เดี๋ยวกูก็โบก” มันทำท่าจะตบหัวผม คงคิดว่าผมจะหลบ แต่ผมไม่หลบ หันมาจ้องมันตาเขียว จนมันต้องลดมือลง ผมรีบเดินลิ่วนำมันมา

   “มันไปอะไรของมันวะเนี่ย ไอ้อุ้ย” ไอ้ตุ๊หันไปถามไออุ้ย

   “มึงไม่รู้จริงอ่ะ”

   “ฮึ?” ไอ้ตุ๊ส่ายหน้าทำหน้างง

   “ก็สมควรแล้วที่มันจะโกรธมึงอ่ะ ไอ้ควายยยยยย” ไอ้อุ้ยพูดแล้วรีบเดินตามผมมา ปล่อยให้ไอ้ตุ๊งงเป็นไก่ตาแตก

   “ฮะฮะ ควายตัวเบ้อเร่อ ดูสิเขางอกเต็มหัวเลยวุ้ย” ไอ้เวอร์หัวเราะเยาะ เอามือไปขยี้หัวไอ้ตุ๊

   “เชี่ยยยยย อะไรของพวกมึงวะ เดี๋ยวกูเตะ” ไอ้ตุ๊ทำท่าจะเตะไอ้เวอร์ แต่ไอ้เวอร์มันหลบและวิ่งมาเอามือกอดคอผม พอผมหันไปเห็นว่าเป็นไอ้เวอร์ ที่มากอดคอผม

   “งั่มมมมมมม” ผมก็งับแขนมันเข้าให้

   “โอ๊ยยยยยยย ไรเนี่ยเจ็บนะโว้ย อูยยยยย” ไอ้เวอร์โวย ละแขนออกจากคอผมแทบไม่ทัน

   “แง่งงงงง” ผมหันมาแยกเขี้ยวใส่มัน น้ำลายยืด

   “ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ” ไอ้อุ้ยกับไอ้ตุ๊  หัวเราะประสานเสียงพร้อมกัน ส่วนผมก็เดินจ้ำอ้าว ขึ้นห้องเรียนไป

   ตลอดบ่ายผมมานั่งนึกถึงเรื่องไอ้ตุ๊ งงๆ ตัวเองเหมือนกัน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผมค่อนข้างแน่ใจว่า ผมไม่ได้คิดอะไรกับไอ้ตุ๊เกินเลยกว่าคำว่าเพื่อนจริงๆ อย่างที่บอกไอ้ตุ๊มีอะไรหลายๆอย่างที่คล้ายกับพี่ชายผม เลยทำให้ผมไม่อาจคิดอะไรเกินเลยกับมันไปเกินกว่านี้ได้ แต่ก็ยังสับสน ยังงงอยู่ ว่าไอ้อาการที่ผมกำลังเป็นอยู่นี้คืออะไร หึงเหรอ? หวงเหรอ? น้อยใจ? หรือว่าอิจฉา? มันเป็นความรู้สึกแบบไหนกันแน่ แต่ที่แน่ๆ เป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากที่ผมรู้สึกกับไอ้เวอร์

   กรณีของไอ้เวอร์นี่เป็นความรู้สึก ไม่อยากเห็นมันไปเจ๊าะแจ๊ะกับใคร ไม่อยากให้มันแสดงความห่วงใยใคร อยากให้มันอยู่ไกล้ๆ อยากให้มันสนใจผมคนเดียว
   แต่กรณีของไอ้ตุ๊นี่จะแตกต่างออกไป เวลาที่เห็นมันอยู่กับอาจารย์เก้ ผมรู้สึกอิจฉาอาจารย์เก้ อยากจะเดินเข้าไปนั่งอยู่ตรงนั้นด้วย อยากเดินไปบอกไอ้ตุ๊ว่าผมอยู่ตรงนี้นะ อยากให้มันหันมามอง มาสนใจผม ไม่ชอบที่มันทำเหมือนไม่เห็นผมอยู่ตรงนั้น

   ตอนบ่ายผมดูเงียบๆไป จนไอ้อุ้ยจับสังเกตได้ ไอ้นี่มันจมูกไวจริงๆ มันย้ายมานั่งกับผม แล้วไล่ไอ้เวอร์ไปนั่งข้างหลังกับไอ้ตุ๊ มันไม่ได้พูดอะไรกับผมมาก  แค่เอามือมาตบไหล่ แล้วก็ยิ้มๆ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 23 .P6[03/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 03-10-2011 21:17:45
นะโม สับสนเหรอ ต้องเจอของจริงถึงจะรู้  :laugh:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 23 .P6[03/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 03-10-2011 22:10:00
เออ น้องโมจ้า ตกลงหนูชอบใครกันแน่ o2

+ :duck1:

:L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 23 .P6[03/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 03-10-2011 22:35:12
โมรู็สึกว่าตุ๊ให้ความสำคัญกับอาจารย์เก้มากกว่าตน เหมือนถูกแย่งตำแหน่งความสำคัญที่เคยเป็นของโมไป
เป็นธรรมดา เข้าใจ เหมือนน้องสาวหวงพี่ชาย อิอิ

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 23 .P6[03/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Kiss Koki ที่ 04-10-2011 16:15:09
นะโม ยังไงเนี่ย สับสนเหรอ หรือจะเก็บเอาไว้ทั้ง 2 คน เจ็บนะเนี่ย...ฮึ ๆๆ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 23 .P6[03/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 04-10-2011 17:18:59
อ่าวว โมเอ๊ยย หวังว่าคงแค่หวงตามประสาเพื่อนที่สนิทนะ
ถ้าชอบแบบเว่ออีกไม่เอานะ
เชียร์เว่อคนเดียวว  :o12:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอน 23 .P6[03/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 04-10-2011 23:52:39
เอ่อ... เพื่อนๆครับ มีเรื่องจะสารรูป เอ๊ย!!! สารภาพครับ คือไอ้โมลงตอนผิดครับ ข้ามไปหนึ่งตอน ตอนแรกคิดว่าจะข้ามไปเลย ไม่เอามาลง แต่ไหนๆก็เขี่ยนมาแล้ว เลยคิดว่า เอามาลงเป็นตอนพิเศษละกัน ขอโทษจริงๆครับ ผมผิดไปแย้ววววววว

ตอน พิเศษ : เปลืองตัว

   ในขณะนั้น(ปี 2538 อ่าว แบบนี้เค้าก็รู้อายุคนเขียนหมดกันพอดี) คอมพิวเตอร์ถือว่าเป็นอุปกรณ์ขั้นเทพ น้อยโรงเรียนนักที่จะมีโอกาศได้เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้มาครอบครอง และนักเรียนน้อยคนนักที่จะได้สัมผัสเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ แต่ที่โรงเรียนผม ผู้อำนวยการมีวิสัยทัศน์ก้าวไกล จึงปลูกฝังให้นักเรียนได้เรียนคอมพิวเตอร์กันตั้งแต่ชั้นมอหนึ่งกันเลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมได้มาทำอาชีพปัจจุบันของผมนี้

   แต่เนื่องจากคอมพิวเตอร์ไม่ได้มีมากพอสำหรับนักเรียนทุกคน ทำให้ต้องจับคู่นั่งกัน นักเรียน 2 คน ต่อคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง

   ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดอาจารย์สอนโปรแกรม Lotus 1-2-3 ที่พัฒนามาเป็น Excel ในปัจจุบัน (ใครเคยใช้มั่งหว่า รุ่น FoxPro จอดำ ,Dbase Plus ,SW สหวิริยาเวิร์ด,CU WRITER ของจุฬา อะไรพวกเนี้ย แล้วเกมคอมเกมแรกที่เคยเล่นก็คือ Bomber Man สนุกมั่กมักขอบอก)
   
   เข้าเรื่องกันต่อ สรุปว่าไอ้เวอร์มันก็นั่งกับผมเหมือนเดิม เหตุผลก็คือไอ้ตุ๊กับผม เขียนโปรแกรมเก่ง ส่วนไอ้เวอร์กับไอ้อุ้ย อ่อนคอมมาก ถึงมากที่สุด ถ้าให้นั่งด้วยกันเดี๋ยวโง่ตาย (แล้วทำไม ไอ้เวอร์ไม่ไปนั่ง กับไอ้ตุ๊ว้าาาาาา) แล้วผมกับมันนะนั่งไกล้กันเป็นเรื่องทุกที ไอ้ตอนนั่งข้างกันที่โต๊ะเรียน ก็พอทำเนาครับ เพราะโต๊ะเรียนมันเป็นแบบสอตัวต่อกัน แล้วมันก็กว้างพอดู แต่ตอนนั่งเรียนคอมน่ะครับ โต๊ะมันเป็นโต๊เดียวกัน เก้าอี้ก็เป็นแบบนั่งคู่กันอ่ะครับ มันก็เลยได้โอกาส นั่งซะชิดผมเลย แทบจะขี่คอกัน แล้วไม่ต้องพูดถึงมือไม้มันนะ...เลื้อยไปทั่ว มาเรียนห้องคอมนี่เปลืองตัวกับมันจริงๆ จะโวยวายก็ไม่ได้ อาจารย์โคตรดุ ห้ามมีเสียงแม้แต่แอะเดียว แรกๆก็พอทนได้ครับ มันก็แค่นั่งชิด โอบบ้าง หอมแก้มบ้าง แต่วันนี้ผมไม่ไหวจริงๆ

   ผมกับมันนั่งที่ประจำ(ตรงมุมหลังห้อง - - ทำไมต้องโดนเข้ามุมตลอดวะกู) อาจารย์สั่งงานเสร็จครับ ผมก็ต้องรับหน้าที่เขียนโปรแกรมทดสอบผลลัพธ์ไป ส่วนมันมีหน้าที่จดลงกระดาษคำตอบ ระหว่างที่กำลังเขียนโปรแกรม

   “ฟอดดดดด” มันแอบหอมแก้มผมครับ ผมงี้หน้าแดงแป๊ด ถึงมันจะทำแบบนี้กับผมบ่อยก็เหอะ แต่นี่มันในห้องเรียนนะ แล้วคนอื่นๆก็อยู่กันเต็มห้อง ผมทำตาดุมัน แล้วกระทืบเท้ามัน ทำปากขมุบขมิบประมาณว่า เดี๋ยวมึงจะโดน มันก็ทำท่าสลดไป



   “... ไอ้เชี่ยยยยย” ผมกระซิบด่ามันเสียงแหบ ก็มันน่ะสิ ล้วงมือเข้ามาในเสื้อ เล่นหัวนมผมอยู่ได้ ไม่ใช่เท่านั้น แต่ไอ้ที่ผมด่ามันเนี่ย มันเสือกเอาน้ำลายป้ายหัวนมผมด้วยน่ะสิ ผมอ่ะเสียวมาก เฮ๊ย!!!! ไม่ใช่โกรธมันมากตะหาก

   “มึงทำเชี่ยไรเนี่ย กูจะทำงาน เห็นมั้ย หรือว่ามึงจะมาทำเอง ถ้ามึงไม่หยุดนะ เด๋วมึงมาทำเอง”ผมกระซิบด่ามัน พร้อมกับหยิกมือมันอย่างแรง มันร้องโอ๊ย ทำท่าเจ็บ แล้วทำปากขมุบขมิบ ประมาณว่า เลิกเล่นก็ได้วะ เล่นด้วยก็ไม่เล่นด้วย

   คราวนี้มันนั่งเงียบครับ เงียบไปนานมาก ผมก็หันไปดูสรุปว่ามันหลับ มันนั่งหลับพิงผนังห้องอยู่…เออ ก็ดี ผมจะได้ทำงานอย่างราบรื่น ผมก็ทำงานจนเร็จแล้วก็เลยปลุกให้มันมาจดผลลัพธ์ที่ได้ งานผมเสร็จก่อนเวลา เหลือเวลาตั้งชั่วโมงกว่า (เรียนคอม 2 ชั่วโมงครับ) ผมก็เล่นเกมสิครับท่าน ฮ่า อ่า บอมเบอร์แมนของโปรดดด ตู๊มม ตู๊มมมม วางระเบิด กระจายยยย

   “ให้กูเล่นมั่งดิ” มันขอเล่นมัง

   “อะไรเล่า กูยังไม่ตายเลยอ่ะ”

   “โหย รอมึงตายกูก็ไม่ได้เล่นแล้ว ดูยังเหลืออีกตั้ง 3 ตัว” (จริงๆแล้วมันมีโหมดให้เล่นแบบ 2 ตัวแต่ตอนนั้นยังไม่รู้)

   “อ๊าวว ก็กูเก่งอ่ะ รอไปก่อนเลยมึง กูยังไม่ตายเมิงก็อดเล่นอ่ะ ดูกูเล่นเป็นตัวอย่างไว้ ว่าเทพๆอ่ะเค้าเป็นยังไง”

   “โหยไรวะ” มันทำท่าฟึดฟัด แต่เรื่องไรผมจะยอมกำลังมันเชียว

   ขณะที่ผมกำลัง วางระเบิดอย่างเมามันอยู่นั้น

   “กระดึ๊บ กระดึ๊บ...” แอ่ะ รู้สึกว่าจะมีปูมาใต่อยู่ในเสื้อตูว่ะ วิ่งขึ้นจากเอว ไปถึงหลัง ลามมาจนถึงต้นคอ อร๊างงงง แต่ผมกัดฟันทนทำเป็นไม่สนใจ เดี๋ยวมันเบื่อมันก็เลิกใต่ไปเอง

   แล้วก็จริงตามนั้น เมื่อร่างต้น(เหมือนจะมีสแตนเลย นั่น โจโจ้ล่าข้ามศตวรรษ เลยสิเนี่ย) ไม่สนใจ แล้วปูมันก็เลิกใต่ไป 

   มันเปลี่ยนเป็นมาโอบเอว ผมแทน -->  ไอ้โมเริ่มสยิว(จริงๆ ตั้งแต่มันปูใต่แล้วล่ะ) แต่ยังคงไม่สนใจต่อไป

   เอาคางมาเกยไหล่ผม ลมหายใจรดต้นคอ-->  ไอ้โมเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง

   พ่นลมหายใจใส่หู เลียหูตูอีกต่างหาก--> ตะคริวจะกินท้องกูละ

   งับติ่งหูไอ้โมเข้าให้-->  “อ๊า...” ผมเผลอครางออกมา รีบละมือจากคีย์บอร์ด เอามือออกมาปิดปากตัวเอง (แทนที่จะตั๊นหน้ามัน แต่ดันมาห่วงอาย) ผมมองมันตาเขียวปั๊ด หน้าแดงก่ำ (ทั้งอายทั้งโกรธ) มันยิ้มชอบใจ แต่เอร๊ยยย หันไปอีกที บอมเบอร์แมนตรู โดนแมงกระพรุนแทงใส้ไหลไปเรียบร้อย ไอ้เวอร์ ไอ้เลวววววว แล้วก็กระทืบเท้ามันไปอีกที พอผลักมันออกไปได้ ผมยังไม่ยอมแพ้ครับ รีบกลับมาตะลุยต่อ

   มันก็ไม่ยอมแพ้ครับ เอาคางมาเกยผมอีก แล้วจะบอกว่าตอนนี้ หลังจากที่ทำแบบนี้กับผมบ่อยๆ จนมันว่ารู้จุดอ่อนของผมไปทุกจุดแล้ว มันรู้ว่าทำตรงไหนผมจะนิ่ง ทำตรงไหนออกอาการ

   มันเอาคางมาเกยที่ไหล่เหมือนเดิม เริ่มเลียไปหู --> แต่ผมยังไม่สนใจ พยายามกลั้นใจสุดฤทธิ์

   มือเลื้อยมาลูบหลัง ลามไปต้นคอ -->  ลมหายใจเริ่มขาดห้วง ตอนนี้ไอ้โม โดนจู่โจมขนาดหนัก แต่ยังคงฝืน กลั้นใจไว้ได้อยู่

   แล้วมันก็ลงมาที่จุดอ่อนผมครับ นั่นก็คือซอกคอผม มันเอาจมูกมาถู --> อร๊างงง ผมก็มือไม้อ่อนสิครับ หดคอแทบไม่ทัน รีบละมือ มาผลักหัวมันออก

   “ไอ้บ้ามึงทำอะไรเนี่ย” ผมกระซิบด่ามัน เริ่มมองไปที่เพื่อนในห้อง ก็เห็นว่าทำงานกันเสร็จเกือบหมดแล้ว มีหลายคนที่หันมามองผมกับมัน มองไปที่ไอ้ตุ๊ก็เห็นว่ามันใจจดจ่อกับเกมไม่ได้หันมามองผม ไม่งั้นได้เป็นเรื่องอีกแน่ แต่พอมองไปที่ไอ้อุ้ยมันทำท่ายิ้มเผล่ เฮ๊ยยย อย่ามามองกูแบบนั้น กูโดนมันลวนลามนะ ไม่ได้เต็มใจสักหน่อย ฮือออ ผมอยากหายไปจากตรงนั้น ผมมัวแต่ด่ามันโดยลืมไปว่า

   “โม กูจะบอกมึงว่า...”

   “เชี่ยไรอีก อ๊ะ...”แล้วผมก็นึกขึ้นได้ เชี่ยยยยยย บอมเบอร์แมนกรูตายเรียบทั้ง 2 ชีวิตที่เหลือ โห...ของขึ้นเลย กว่าจะผ่านด่านมาได้ ตายหมด แถมต้องมาอายคนอื่นอีก ผมมองมันตาเขียว รีบลุกเดินออกมาจากห้องเลย ไม่กล้าโวยวายในห้องอีก อาจารย์ยังอยู่

   ผมรีบออกมา ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาเรียน เลยไม่มีคน อารมณ์เสีย หงุดหงิด ไอ้เวอร์มันเริ่มหื่นขึ้นทุกวัน ขนาดในห้องเรียนเพื่อนเยอะๆอย่างนี้มันยังกล้าทำแบบนี้ แม่งหน้าด้าน ไม่อายคนอื่นหรือไงนะ ผมดิอายจนจะแทรกผนดินหนี

   ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมา แต่ไม่ทันไรไอ้เวอร์มันก็โผล่มาด้านหลัง แล้วมันก็รวบตัวผมไว้ แล้วแล้วลากผมมาตรงม้าหินอ่อนหน้าห้องน้ำชาย เอาวางผมลงบนตักมัน

   “ปล่อยกูเลย ไม่ต้องมายุ่งกับกู ไม่เล่นเกมไปล่ะ อยากเล่นนักไม่ใช่ไง”

   “โกรธกูเหรอ ที่แย่งมึงเล่นเกมอ่ะ กูขอโทษ” กูโกรธที่เมิงมาลวนลามกูตะหาก ลูกเค้ามีพ่อมีแม่นะโว้ย

   “…”ไอ้โมเงียบ

   “ให้กูเล่นคนเดียวจะไปสนุกอะไร กูอยากอยู่ไกล้ๆมึงมากกว่านะ”

   “…” ผมยังเงียบ หันหน้าหลบมัน เพราะตอนนี้รู้สึกว่าหน้าเริ่มร้อนผ่าวๆ แล้วเอ่อ...ไอ้เวอร์มึงช่วยเอาหน้าเมิงออกไปห่างๆกูหน่อยเหอะ หายใจรดต้นคออยู่ได้ ผมนั่งทำหน้างอ แต่แขนกลับกอดคอมันซะแน่นเชียว แหะๆ (เค้ากลัวตกน่ะ ไม่ได้คิดเป็นอื่น) ว่าแต่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี่ยังไม่ไกล้พออีกเหรอวะ ตัวแทบจะติดกับกูอยู่แล้ว

   “กูไม่ได้อยากเล่นเกม แต่กูอยากอยู่ไกล้ มึงต่างหาก เข้าใจมั้ย” มันพูดย้ำ แล้วก็ประคองให้ผมหันหน้ามาหามัน สบตากันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมันยื่นหน้าเข้ามาไกล้ ริมฝีปากแดง กับจมูกโด่งๆ ของมัน ที่ตอนนี้ดูเซ็กซี่ชะมัด ผมไม่อาจที่จะหลบไปไหนได้เลย คำพูดต่างๆของมันเมื่อสักครู่นี้ทำให้ผมได้แต่ หลับตาแล้วรอ.... (ไม่อยากใช้คำนี้เลยอ่ะ อายยยย) ...รอให้มันประทับริมฝีปากลงมาแต่โดยดี.... ไอ้โมใจเต้นตึกตัก แทบจะทะลักออกมาจากอก แล้วมันก็…

   





   มันก็...








   มันก็ ...









   “เฮ๊ยย ไอ้เวอร์ ไอ้โม ไปกินข้าวกัน มานั่งทำห่าไรกันตรงนี้วะ” เชี่ยไอ้อุ้ยกับไอ้ตุ๊มา ผมรีบโดดผึงออกจากไอ้เวอร์ โอยเกือบไปแล้วกรู เกือบโดนไอ้เวอร์มันจูบ แถมเกือบโดนไอ้สองคนนี่เห็นอีก เดี๋ยวมันช็อคกันตายห่าพอดี ผมรีบวิ่งไปหามันสองคนโดยเร็วเลย อายโคตรๆ เสือกมีอารมณ์ร่วมไปกับมันซะได้ น่าอายชะมัด ไอ้เวอร์ตะโกนบอกเดี๋ยวตามไป เห็นมันนั่งนิ่งอยู่ สักพักมันก็รีบวิ่งตามมา ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเลย ผมได้ยินมันทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ แล้วบ่นงึมงำ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนพิเศษ .P6[04/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 05-10-2011 00:12:33
สะใจ เวอร์ไม่ได้จูบ  :laugh: :laugh: :laugh:

 :m20: :m20: :m20: :pigha2: :pigha2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนพิเศษ .P6[04/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 10-10-2011 21:03:50
 เวอร์อด o3

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนพิเศษ .P6[04/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: gay_love ที่ 10-10-2011 21:13:52
ลุ้น...เฮ้อ..เวอร์อด(แอบเชียร์ตุ๊)
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนพิเศษ .P6[04/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 10-10-2011 22:43:27
ทำไมตอนที่ผมโพสท์ไว้ มันหายไปตอนนึงละครับเนี่ย บอร์ดเป็นอะไรหรือเปล่า ดีนะมีต้นฉบับ เดี๋ยวลงให้ใหม่ครับ

ตอน 24: อาจารย์ฝึกสอน


   วันเปิดเรียนวันแรกของมอสามเทอมแรก เป็นประจำทุกๆปีที่ในภาคเรียนแรก จะมีอาจารย์ฝึกสอนจากสถาบันราชภัฏในตัวจังหวัด มาสอนที่โรงเรียนผม และก็เป็นวันที่พวกนักเรียนจะตื่นเต้นกันมากๆด้วย เพราะนอกจากจะเป็นวันแรกที่ได้มาเจอเพื่อนๆหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานเกือบสามเดือน ยังจะเป็นวันที่ได้เห็นหน้าอาจารย์ฝึกสอนน่าตาหน้ารักอีกด้วย พวกเราต่างยืนลุ้นว่า เทอมนี้อาจารย์ฝึกสอนจะน่ารักแค่ไหน จะได้เรียนกับอาจารย์ฝึกสอนหรือไม่


   ปรากฏว่า ในเทอมนี้มีอาจารย์ฝึกสอนมาทั้งหมด 5 คนเป็นผู้หญิงสองคน ผู้ชายสามคนครับ อาจารย์ผู้หญิงสองคนนั้นไม่ต้องพูดถึง ผมยาว น่ารัก ขาวใสเลยแหละ จำได้ว่า หนึ่งในสองคนนี้เป็นเชียร์ลีดเดอร์ ของคณะที่อาจารย์เรียนอยู่ด้วยครับ แล้วไอ้โมก็เป็นคนชอบผู้หญิงผมยาวอยู่แล้วด้วย เห็นแล้วอย่างเคลิ้มเลยแหละอาจารย์สองคนนี้สอนคณิตศาสตร์ทั้งคู่ ส่วนอาจารย์ผู้ชายสอนพละศึกษา 1 คน อีกสองคนสอนวิทยาศาสตร์กับสังคมศาสตร์ ดูนักเรียนสาวๆจะตื่นเต้นกับอาจารย์สอนวิทยาศาสตร์กันน่าดู เพราะ 1 ใน 2 คนนี้ขาวตี๋ เสปคของสาวๆภูธรเลยล่ะ (พวกเด็กผู้ชายแถวนั้น คงแว้นกันมากไป ผิวเลยเกรียมกันไปซะหมดแล้ว ฮ่า ฮ่า) นานๆจะมีแบบขาวตี๋มาให้เจริญหูเจริญตากันบ้าง พวกสาวๆเค้าเลยกรี๊ดกร๊าดกันน่าดู หลังจากแนะนำอาจารย์ฝึกสอนกันเสร็จก็เลิกแถวขึ้นห้องเรียน วันนี้เปิดเทอมวันแรก ยังไม่ค่อยได้เรียนอะไรมากมาย ก็จดตารางสอนกัน อาจารย์แต่ละวิชาก็จะมาแนะนำว่าเทอมนี้จะเรียนอะไรบ้าง


   จนถึงช่วยบ่ายเป็นคาบเรียนของวิชาวิทยาศาสตร์ครับ ก็มีอาจารย์ฝึกสอนเดินเข้ามี เป็นอาจารย์ขาวตี๋คนเมื่อเช้าที่สาวๆกรี๊ดกันนั่นแหละครับ


   อาจารย์ : “สวัสดีครับ นักเรียนทุกคน แนะนำคัวอีกครั้งนะครับ อาจารย์ชื่อปิยวัฒน์ … ครับ หรือว่าเรียกอาจารย์วัฒน์ก็ได้ (แต่พวกผมไม่ค่อยเรียกชื่อเล่นอาจารย์หรอก จะเรียกชื่อจริงซะมากกว่า)


   เทอมนี้ อาจารย์จะมาสอนจะมาสอนวิทยาศาสตร์พวกเรานะครับ” พออารย์พูดจบสาวๆงี้กรี๊ดกันลั่นห้องเลย -_- เยอะไปป่ะเนี่ย


   อาจารย์ : “เอาล่ะ เดี๋ยววันนี้มาแนะนำตัวกันนะครับ ว่าชื่ออะไรกันบ้าง เริ่มจากด้านหน้านี้ก่อนเลยครับ” แล้วพวกผมก็แนะนำตัวกันไป


   มาถึงตอนนี้ขอนอกเรื่องนิดนึง คือปกติตัวผมเองเป็นคนจำชื่อคนไม่ค่อยได้ แต่จำหน้าคนเก่ง เวลาที่รู้จักกับใครใหม่ๆจะจำชื่อคนไม่ค่อยได้ ต้องใช้ความคุ้นเคยกันซักพักนึง ผมถึงจะจำได้ หรือไม่ก็คนๆนั้นต้องมีจุดเด่นที่จำได้ง่าย (โดยเฉพาะคนน่ารักๆ ไอ้โมจำแม่น ฮ่า ฮ่า)ผมรู้สึกว่า คนที่จำชื่อคนอื่นได้ภายในครั้งแรกที่เจอเนี่ยเป็นคนมีเสน่ห์ น่าประทับใจมาก และอาชีพอาจารย์เนี่ย ผมสังเกตว่า อาจารย์มีลูกศิษย์ตั้วเป็นร้อยๆ แต่อาจารย์กลับจำนักเรียนได้เกือบทั้งหมดภายในครั้งแรกที่แนะนำตัว ผมว่าเป็นเสน่ห์ของอาชีพนี้เลยล่ะ (ไม่รู้ว่าคนที่เรียนครูเนี่ย เค้าต้องเรียนวิชาจดจำเอกลักษณ์บุคคลอะไรพวกนี้ด้วยหรือเปล่า)


   สรุปว่าก็ไม่ได้เรียนอะไรกันมากมาย คุยกับอาจารย์สร้างความคุ้นเคยกัน นั่งถามนู่นี่กับอาจารย์ โดยเฉพาะคำถามยอดฮิตที่สาวๆจะต้องถามกัน คืออาจารย์มีแฟนหรือยัง ฮ่า ฮ่า

   “เอาล่ะนะนักเรียน วันนี้ครูก็มีแบบฝึกหัด Pretest มาให้นักเรียนลองทำกันนะครับ ลองทำกันเล่นๆ ครูอยากทรายว่านักเรียนมีพื้นฐาน วิทยาศาสตร์กันแค่ไหน ครูจะได้วางแผนการสอนถูก ไม่ต้องซีเรยสกันนะครับ ไม่มีผลต่อคะแนน แต่ว่าขอให้ตังใจทำกันนะครับ มี 30 ข้อ ให้เวลาทำ 45 นาทีครับ ใครไม่เข้าใจคำถามให้ยกมือถามครูได้เลยนะครับ”

   Pretest คือการทดสอบก่อนที่จะมีการเรียนการสอนครับ อาจารย์เดินแจกข้อสอบเองเลยครับ สังเกตเห็นว่า สาวๆในห้องนี่ น้ำลายหกกันเป็นแถบๆ แล้วการสอบ Pretest ก็ดำเนินไป จนกระทั่งหมดเวลา 45 นาที


   “เอาละครับ เดี๋ยวเอาข้อสอบมาส่งครูด้านหน้านะครับ เดี๋ยวครูจะตรวจแล้วบอกคะนแนนะครับ” อาจารย์ใช้วเวลาตรวจข้อสอบ ราวสิบนาทีได้ แล้วอาจารย์ก็เริ่มบอกคะแนนทีละคน พร้อมคืนกระดาษคำตอบให้ครบทุกคน ยกเว้นผม


   “สรุปว่า ต่ำสุด 13 คะแนน สูงสุดได้ 29 นะครับ คะแนนเฉลี่ยสูงกว่าห้อง 3/4 อีกนะเนี่ย” เพื่อนๆผม ก็เฮ กันลั่น เพราะปกติ ห้อง 3 กับห้อง 4 จะเรียนเก่งแข่งกันครับ ส่วนห้อง 1, 2 จะเรียนอ่อนมาก แล้วก็ห้อง 5 ผลการเรียนจะกลางๆ อาจารย์ประจำชั้นก็จะคอยเชียร์ครับ เพราะอาจารย์ก็คงอยากให้ห้องของตัวเองได้ที่ 1 สำหรับห้องสี่ ก็จะมีนักเรียนที่เรียนเก่งเป็นที่หนึ่งอยู่ 1 คน ชื่อโยธิน ซึ่งเก่งทุกอย่างเลย ทั้งการเรียน และกีฬา ส่วนห้องสาม คงไม่ต้องเดาหรอกว่าใคร ฮ่า ฮ่า เก่งทุกอย่างเหมือนกัน ยกเว้นเรื่องกีฬา (-..,-)


   “เอ่อ อาจารย์ครับ”ผมยกมือถามอาจารย์


   “อาจารย์ลืมบอก คะแนนผมครับ” อาจารย์ยิ้มตาหยี (สาวๆในห้องมองกันเคลิ้มเชียว)


   “เปล่าครูไม่ได้ลืมหรอก” อาจารย์พูดพร้อมถือกระดาษคำตอบเดินมาหาผม


   “นักเรียนทุกคนปรบมือให้ นายศุภชัยด้วยนะครับ อ่ะนี่กระดาษคำตอบของเธอ ได้ 29 คะแนน สูงสุด ในทั้งหมด 5 ห้องเลยนะ” เพื่อนๆก็ปรบมือ เฮ กันใหญ่เลยครับ ผมก็ยิ้มดีใจ


   “อ่ะ แล้วนี้ก็ของรางวัล ทีครูเตรียมไว้” อาจารย์ ยื่นของรางวัลให้ ผมรับไว้แล้วยกมือไหว้ ขอบคุณ


   “ขอบคุณครับ” ผมแกะออกดูก็พบว่าเป็นปากกาน้ำงเงิน  1 ด้าม ปลอกสีส้ม มีสายสำหรับคล้องคอ ด้วยความเห่อ ไอ้โมก็เลยเอามาคล้องคอซะเลย แอบมองเพื่อนๆในห้อง เห็นนะ ว่ามองกันด้วยความอิจฉาน่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนพิเศษ .P6[04/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 10-10-2011 22:47:00
หายไปตั้งสองตอนแน่ะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยยยยยยยยย  :serius2:

ตอน 25: สนิทสนม

   โดยความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว ผมว่า”ความประทับใจแรก (First Impression)” เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการที่เราจะมีปฏิสัมพันธ์กับใครสักคน การสร้างความประทับใจแรก เป็นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญเสมอๆ มาจนถึงปัจจุบันนี้ เนื่องด้วยเรายังเป็นมนุษย์ปุถุชน ธรรมดา เราปฏิเสธไม่ได้หรอก ว่ายังหลงอยู่ใน รูป รส กลิ่น และเสียง อยู่ บางคนมีดีที่คำพูด แค่คำพูดสองสามคำ ก็ทำให้เกิดความประทับใจได้ บางคนมีดีที่บุคลิกภาพ บางคนทำบุญมามาก มีดีที่รูปร่างหน้าตา แต่ที่ขาดไม่ได้ ก็อย่าลืมให้มีจิตใจดีด้วย


   การสร้างความประทับใจแรก ก็คือการนำจุดดีๆ ที่คิดว่าเรามีอยู่ในตัวเรา ไปแสดงให้คนอื่นๆ ที่เราเพอ่งมีโอกาสได้จบเจอเป็นครั้งแรก ให้เค้าได้เห็น ให้เค้าเกิดความประทับใจ เพื่อที่จะให้เราได้มีโอกาส สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีได้ในอนาคต อาจไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวอย่างเดียว แต่รวมหมายถึงเรื่องงาน หรือเรื่องอื่นๆด้วย


   ผมเคยได้เคยอ่านเจอเรื่องราวของ พระนางคลีโอพัตรา ผู้หญิงที่มีเสน่ห์ที่สุดในประวัติศาสตร์ หลายคนอาจจะคิดว่า พระนางจะต้องเป็นหญิงสาวที่สวยงามที่สุด ราวกับเทพธิดา หรือนางฟ้า ก็ไม่ปาน แต่เปล่าเลยพระนาง เป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา มีความงามสมวัยดังเช่นหญิงสาวทั่วไป แต่พระนางมีวิธีสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นได้เสมอ อย่างเช่นเมื่อครั้งที่พระนาง จะเข้าถวายตัวกับกษัตริย์ฟาโรห์ พระนางได้จ้างให้พ่อค้าขายผ้า ให้นำพรมมาห่อร่างนางไว้ แล้วให้แบกพรมนั้นไปถวายแด่กษัตริย์ฟาโรห์ ครั้นเมื่อพ่อค้าแบกพรมมาถึงกลางท้องพระโรง ก็ได้สะบัด คลี่พรมลงพื้น เผยให้เห็นพระนางคลีโอพัตรา คล่อยๆคลายออกมาจากพรม ในชุดที่เย้ายวนใจ สร้างความประทับใจให้แก่กษัตริย์ฟาโรห์ และขุนนางที่อยู่ที่นั้น เป็นอย่างยื่ง


   ส่วนตัวผมเอง เนื่องจากไม่ได้เป็นคนหน้าตาดีนัก(เช่นเดียวกับพระนางคลีโอพัตรา ฮาาาา) คงไม่สามารถเอาหน้าตาไปสร้างความประทับใจกับใครได้หรอก สิ่งที่จะทำได้ก็พยายามฝึกการพูด ฝึกบุคลิกภาพ แล้วก็การแต่งตัว การแต่งตัวดีไม่ได้หมายถึงว่าให้ใช้ของแบรนด์เนมนะครับ แต่ให้หมายถึงการแต่งตัวให้เข้ากับกาลเทศะ เลือกเสื้อผ้าให้เหมาะกับบุคลิคของตัวเอง ผมเผ้าต้องสะอาดแล้วก็เรียบร้อย หน้าตาก็คงไม่ต้องแต่งมากถึงขนาดดารา เอาเป็นว่าทาครีมกันแดดบ้าง โลชั่นบ้าง ดูแลให้ผิวดูสะอาดและมีสุขภาพดี ผมยึดแนวทางปฏิบัตินี้ มาจนถึงปัจจุบัน ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสร้างความประทับใจให้คนอื่นได้บ้างหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ได้เพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง


   แล้วผม กับไอ้เวอร์นี่ นับว่าเป็น First Impression ได้หรือเปล่านะ เจอกันครั้งแรก ผมก็ด่าพ่อล่อแม่มัน ตัวมันเองก็เกือบจะฆาตกรรมผมซะแล้ว (หัวใจจะวายตาย มากกว่า)


   กับไอ้ตุ๊เอง ก็คงจะนับเป็น First Impression ได้ หน้าหล่อๆของมัน ไหนจะความสูงผิดมนุษย์มนา ของมัน ก็ทำให้ผมจดจำมันได้ ส่วนมันล่ะ ประทับใจผมตรงไหนล่ะ


   กรณีอาจารย์วัฒน์นี่ผมคิดว่า มันค่อนข้างชัดเจนที่จะเรียกว่าเป็นความประทับใจแรกได้ ผมสอบได้ที่หนึ่ง ส่วนอาจารย์ก็ให้ของขวัญที่ผมสอบได้ที่หนึ่ง เรียกได้ว่าประทับใจกันทั้งสองฝ่าย และเนื่องด้วย ห้องเรียนประจำของผมอยู่ไกล้กับห้องวิทยาศาตร์ซึ่งเป็นห้องที่อาจารย์วัฒน์อยู่ประจำ เพื่อนๆในห้องผมจึงได้เข้าไปขลุกอยู่กับกอาจารย์บ่อยๆ ทั้งผู้หญิงแล้วก็ผู้ชายเลย เวลาอาจารย์มีงานก็จะเรียกเพื่อนๆในห้องผม เข้าไปช่วยงานอยู่เสมอๆ จนเรียกได้ว่าสนิทสนมกับอาจารย์มาก ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ก็กลายเป็นห้องประจำของพวกผมไปอีกห้อง


   อย่างที่ผมเคยบอกว่าอาชีพครู-อาจารย์เป็นอาชีพที่มีสเน่ห์คือ สามารถจนจำคนมากมายได้ในเวลาอันรวดเร็ว แล้วนอกจากนั้นก็ยังมีเสน่ห์อีกอย่างคือ มันเหมือนมีแรงดึงดูดที่เหมือนกับว่าจะดึงดูดให้คนรอบข้างเข้าหา พวกผมใช้เวลาไม่นานก็สนิทสนมกับอาจารย์ ยิ่งตอนเย็น อาจารย์ก็จะไปเล่นบาสกับพวกผมด้วย เลยยิ่งสนิทกันมากขึ้นไปอีก


   เพื่อนผู้หญิงในห้องคงไม่ต้องเล่า ดูจะมีชีวิตชีวาขึ้นมากันมากมายทีเดียว คงเพราะอาจารย์เป็นชายในฝันของใครหลายๆคน รูปหล่อ พูดเพราะ อัธยาศัยดี เล่นกีฬาเก่งด้วย แถมดูท่าทางจะเรียนเก่งอีกต่างหาก สมบูรณ์แบบขนาดนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว


   ส่วนตัวผมเอง ก็รู้สึกว่าอาจารย์จะสนใจผมเป็นพิเศษ ไม่ได้หมายความในเชิงรักๆใคร่ๆอะไร แต่เพราะผมเป็นคนพูดเก่งอยู่แล้ว ในชั่วโมงเรียนเวลามีคำถามอะไร ก็มักจจะเป็นผมที่ แสดงทัศนคติ และตอบคำถามได้ดี ทำให้อาจารย์จะดูสนใจและใส่ใจผมเป็นพิเศษ (ปกติอาจารย์ท่านอื่นๆ ก็จะใส่ใจผมแบบนี้) ตัวผมเองก็รู้สึกดี ที่อาจารย์แลดูใส่ใจผมมาก เวลาคุยกัยอาจารย์วัฒน์ผมรู้สึกสนุกมาก เหมือนได้เป็นตัวของตัวเอง ไม่เข้าใจอะไรก็ถามตรงๆ ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องเรียน ด้วยอาจารย์เป็นผู้ใหญ่แล้วแต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นอยู่ ทำให้เข้าใจวัยรุ่นอย่างพวกผมได้ดี ผมจึงได้รับมุมมองใหม่ๆจากอาจารย์เสมอ


   ขอแอบเล่าเรื่อง มุมตลกๆ น่ารักๆ ของอาจารย์วัฒน์หน่อยหนึ่ง มีครั้งหนึ่ง อาจารย์สอน สุขศึกษาลาป่วย อาจารย์วัฒน์จึงได้รับมอบหมายให้สอนแทน แล้วช่วงนั้นเป็นบทเรียนเพศศึกษาและกายภาพของมนุษย์ ต้องมีการอธิบายอวัยวะต่างๆ(อวัยวะเพศส่วนต่างๆน่ะแหละ) แทบจะไปไม่รอดอาจารย์พูดผิดพูดถูก หูแดง หน้าแดงไปหมด พวกเพื่อนในห้องได้ทีก็ถาม ซักไซร้อาจารย์กันใหญ่ แซวอาจารย์บ้าง เป็นคาบเรียนที่สนุกสนานก็ไปเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนพิเศษ .P6[04/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 10-10-2011 22:49:51
ตอน 26/1:  มุ่งมั่น (Mc Scholar Ships 1)

   ความสนุกในช่วงชิวิตวัยเรียนที่จะขาดเสียไม่ได้อีกอย่างหนึ่ง ก็คือการทำกิจกรรม แล้วผมก็เป็นเด็กบ้ากิจจกรรมมาตั้งแต่ประถม ยันมหาวิทยาลัย กวาดรางวัลมาแล้วนักต่อนัก


   ตอนประถม จะชอบประกวดร้องเพลง อ่านทำนองเสนาะ(ตอนเด็กเสียงดีครับ เวที่ใหญ่ที่สุดที่เคยไปประกวดก็คือ KPN Junior Award แต่พอตอนมอสาม เริ่มแตกเนื้อหนุ่ม เสียงแตก หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยได้ไปประกวดที่ไหนอีก)


   ตอนมอต้น ก็จะประกวดร้องเพลง แต่งบทกวี แข่งทางวิชาการทั้ง คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์ วาดรูป โดยเฉพาะตอนไหนที่มีแข่งชิงทุนการศึกไอ้โม ลงแข่งเกือบทุกรายการ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะชนะและได้รางวัลซะด้วยสิ หุหุ


   ตอนมอปลาย จะเริ่มสนใจคอมพิวเตอร์เป็นพิเศษ ช่วงนี้เลยเดินสายแข่ง แล้วก็ประกวดเกี่ยวกับงานทางด้ายนคอมพิวเตอร์เกือบทั้งหมดเลย จนในที่สุดผมก็ยึดงานทางด้านนี้มาเป็นอาชีพของผมในปัจจุบัน


   วันนี้ช่วงพักเที่ยงอาจารย์ที่ปรึกษาเรียกไปพบที่ห้องพักครู ไปถึงก็พบว่ามี โยธิน(ที่เรียนอยู่ห้อง 4) มีอาจารย์อ๋อย แล้วก็อาจารย์วัฒน์อยู่ด้วย


   อาจารย์เก้ : “ครูเรียกพวกเธอมา เพราะจะแจ้งว่า ตอนนี้มีการรับสมัครสอบ Mc Scholar Ships ระดับมัธยมต้น (คืออะไรหว่า) ครูคิดว่าจะส่งพวกเธอสองคนเข้าสอบด้วย”


   โยธิน : “เอ่อ อาจารย์ครับ คือการสอบอะไรเหรอครับ”


   อาจารย์เก้ : “อ๋อ คือการแข่งขันสอบทางวิชาการ 3 วิชาน่ะ วิทย์ คณิต แล้วก็อังกฤษ”


   อาจารย์เก้ : “ที่ 1-3 ได้เงินรางวัลด้วยนะ (เท่าไรไม่รู้ จำไม่ได้ละ) ใบประกาศฯ แล้วก็ถ้าชนะดับประเทศ จะได้เงินรางวัลเพิ่มขึ้นอีก แถมได้ไปเข้าค่ายด้วย ถ้าเธอติดดันดับ โรงเรียนก็จะพลอยได้ชื่อเสียงไปด้วยนะ” เงินรางวัลลลลล ไอ้โมตาโต


   ไอ้โม : “เหรอครับ อาจารย์ แล้วแข่งกันเมื่อไรครับ”


   อาจารย์เก้ : “ก็สิ้นเดือนนี้ มีเวลาอ่านหนังสือกันอีก 3 อาทิตย์ เนื้อหาก็เป็นการเรียนการสอนตั้งแต่มอหนึ่งถึงมอสามน่ะ”


   อาจารย์เก้ : “แล้วครูก็คิดว่า จะช่วยสอนพิเศษหลังเลิกเรียน แล้วก็วันเสาร์-อาทิตย์ ด้วย อาจารย์วัฒน์จะสอนวิทย์ ครูสอนคณิต แล้วก็อาจารย์อ๋อยจะสอนภาษาอังกฤษ เธอสะดวกกันหรือเปล่า” ผมสองสองคนพยักหน้ารับ ว่าไม่มีปัญหา


   อาจารย์เก้ : “งั้นเดี๋ยวครูจะฝากจดหมายไปขออนุญาต พ่อกับแม่เธอนะ ช่วงคืนวันศุกร์-เสาร์ อาจจะต้องมาพักกับอาจารย์วัฒน์ ที่หอพักด้วย จะได้ติวหนังสือกันที่นั่น” คือที่โรงเรียนมีบ้านพักครูอยู่ประมาณ 6 หลัง แต่ว่าเต็มหมด หลังสุดท้ายก็ให้อาจารย์ฝึกสอนที่เป็นผู้หญิงอยู่ ทำให้อาจารย์ฝึกสอนที่เป็นผู้ชายต้องมาอยู่หอพักนักเรียนแทน (หอพักนักเรียนตอนนั้นว่าง ไม่มีนักเรียนอยู่ครับ)


   หลังจากนั้นตอนเย็นทุกเย็น ผมกับโยธิน ก็มีหน้าที่ต้องไปเรียนพิเศษ หลังเลิกเรียน โดยมีอาจารย์สามท่าน ผลัดเปลี่ยนกันมาสอน วิชาภาษาอังกฤษกับคณิตศาสตร์ ดูท่าจะไม่ค่อยมีปัญหากับผมเท่าใดนัก เพราะถ้าจำทฤษฎีได้หมด ก็จะสามารถทำข้อสอบได้แล้ว ต่างจากวิชาวิทยาศาสตร์ที่เนื้อหาเยอะว่า ต้องใช้การท่องจำเสียเป็นส่วนมาก แต่ไอ้โมไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือนิสิ เฮ้ออออ หนักใจ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนพิเศษ .P6[04/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 10-10-2011 22:53:29
ตอน 26/2: มุ่งมัน (Mc Scholar Ships 2)

   ช่วงนี้ผมตั้งใจกับการเตรียมตัวสอบมาก ทำให้ไม่ค่อยได้มีเวาไปไหนมาไหนกับพวกเพื่อนๆมานัก พักเที่ยงมาผมก็ไปขลุกอยู่กับอาจารย์วัฒน์ ที่ห้องวิทยาศาสตร์ ตอนเย็นก็ต้องรีบไปติววิชา ยอมรับว่าใผมคาดหวังกับการสอบครั้งนี้มาก จนเครียดและกังวลมาก ว่าผลสอบจะออกมาไม่เป็นอย่างที่ตาดหวังไว้ กว่าผมจะได้กลับบ้านก็เกือบหกโมง วันไหนไม่ทันรถรับส่งนักเรียน อาจารย์วัฒน์ก็จะขี่มอไซค์ไปส่งผมที่บ้าน (ส่วนบ้านไอ้โยจะอยู่ไกล้โรงเรียนครับ ห่างไม่ถึง 1 กิโลเมตร) จนรู้จักมักจี่ กับพ่อและแม่ผมเป็นอย่างดี ส่วนตัวผมเอง พี่ชายและพี่สาวก็ เข้าไปทำงานกรุงเทพฯหมดแล้ว น้องคนเล็กก็เพิ่งจะสี่ห้าขวบ การที่มีอาจารย์วัฒน์เข้ามาในชีวิต ก็เหมือนทำให้ผมได้มีพี่ชายเพิ่มมาอีกคน คุยกันได้หมดทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องกิน เรื่องนอน เรื่องเที่ยว และเรื่องส่วนตัว


   “อ่านหนังสือ ถึงไหนแล้ว ไกล้จบหรือยัง เหลืออีกสองอาทิตย์เองนะ” อาจารย์ชวนผมคุยขณะที่ กำลังขี่รถพาผมไปส่งบ้าน


   “พยายามอยู่อ่ะครับ อาจารย์ ภาษาอังกฤษจบแล้วครับ คณิตศาสตรก็พอได้ครับ แต่วิทยาศาสตร์นี่สิ เฮ้ออออ”


   “อ้าว ทำไมล่ะ ที่อาจารย์สอน ไม่เข้าใจหรอกเหรอ”


   “ป่าวครับ เนื้อหามันเยอะอ่ะ ต้องใช้ความจำมากด้วย นี่ผมก็ต้องไล่อ่านตั้งแต่หนังสือมอหนึ่ง ยันมอสามเลยนะครับเนี่ย”


   “ก็อ่าน สรุปจำใจความสำคัญก็พอ ไม่ต้องจำทุกตัวอักษรหรอก”


   “นั่นแหละ แล้วถ้ามันไปออกข้อสอบตรงที่ผมจำไม่ได้ล่ะ”


   “ฮ่า ฮ่า อย่าไปกังวลมาก นายโยธิน เค้าไม่เห็นจะเครียดอะไรมากเลย ทำให้ดีที่สุดก็พอ”


   “ก็โยธิน มันเรียนเก่งอ่ะครับ ผมแพ้มันแน่เลยรอบนี้”


   “อย่าไปมัวแต่กังวล ว่าจะไปแพ้คนอื่นสิ เราทำให้ดีที่สุดก็พอ ถ้าไปมัวแต่จะเอาชนะคนอื่น ถ้าไม่ชนะขึ้นมา เราก็จะผิดหวัง เสียใจ อย่าเอาตัวเองไปแข่งกับใครเลย แค่เอาชนะตัวเองได้ก็เป็นพอแล้ว” บอกแล้วว่าอาชีพอาจารย์เป็นอาชีพที่มีเสน่ห์ หรือเพราะคนพูดเป็นอาจารย์วัฒน์ก็ไม่รู้ ทำให้คำพูดที่อกมามันมีเสน่ห์ ความกังวลทั้งหมดที่ผมมีอยู่จึงได้ผ่อนคลายลงบ้าง ผมมองอาจารย์จากข้างหลัง แล้วอดยิ้มไม่ได้ นึกขอบคุณอาจารย์อยู่ในใจ


   วันรุ่งขึ้นตอนพักเที่ยง ผมไม่ได้ลงไปทานข้าว แต่ฝากให้ไอ้ตุ๊ซื้อขึ้นมาให้ ส่วนตัวผมเองก็ขึ้นมาอ่านหนังเสือที่ห้องวิทย์ตามปกติ


   “อ่าว นะโมทานข้าวมาแล้วเหรอ” อาจารย์วัฒน์อิ้ม ทักผม (น่ารักอีกแล้วอ่ะ ชอบตอนกาจารย์ยิ้มจัง ตาหยีเชียว)


   “ยังครับ เดี๋ยวฝากตุ๊ซื้อขึ้นมาให้ครับ อาจารย์ทานแล้วเหรอครับ” ผมยิ้มตอบ


   “ทานแล้วครับ อ้อนี่กินแซนด์วิชของครูก่อนสิ ซื้อมาตั้งสองอันแน่ะ” จริงๆแล้วอาจารย์มีของกินมาเผื่อ ผมตลอดแหละ ไม่ว่าจะมาตอนไหน ก็เห็นอาจารย์มีของกินไว้เผื่อผมเสมอ(อันนี้คิดเข้าข้างตัวเองไปป่าวหว่า ฮ่า ฮ่า)


   “ขอบคุณครับ” ผมรับแซนด์วิชจากอาจารย์ มากิน (ก็มันหิวนิ)


   “’จารย์ตรวจการบ้านเหรอครับ ให้ผมช่วยมะ” ผมพูดขณะที่เคี้ยวแซนด์วิชตุ้ยๆ เต็มปาก


   “ฮ่า ฮ่า เธอทำอะไรของเธอเนี่ย ไปกินให้หมดปากก่อน” อาจารย์หันมาเห็นผมเคี้ยวแซนด์วิชเต็มปากก็หัวเราะฮาออกมา นานๆจะเห็นอาจารย์หัวเราะนะเนี่ย ปกติเห็นแค่ยิ้มๆ ตอนหัวเรานี่ยิ่งนาร๊ากกกกก มองไม่เห็นลูกตากันเลยทีเดียว ผมเห็นอาจารย์หัวเราะก็เลยยัดแซนด์วิชคำโตที่เหลืออยู่ในมือเข้าปาก แล้วเคี้ยวตุ้ยๆให้อาจารย์เห็น อาจารย์ก็หัวเราะใหญ่

   “ฮ่า ฮ่า เรานี่มันจริงๆ” ผมเคี้ยวแซนด์วิชจนหมดปาก ส่วนอาจารย์ก็นั่งมองผมกิน แล้วก็เอื้อมมือไปหยิบ ขวดน้ำกับแก้วน้ำ แล้วก็ทิชชู่ให้


   “เอานี้กินน้ำซะ เดี๋ยวติดคอตาย ครูเสียใจแย่ เช็ดปากซะด้วย” ห๊า!!!... อะไรนะอาจารย์บอกว่า ถ้าผมตายแล้วอาจารย์จะเสียใจเหรอ ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง


   “ตอน’จารย์หัวเราะนี่น่ารักเนอะ” ผมเช็ดปากเสร็จก็นั่งเท้าคางดูอาจารย์ตรวจการบ้าน อาจารย์เลิกคิ้ว มองมาทางผมแว่บนึงแล้วก็ตรวจการบ้านต่อไป


   “หือ?”


   “ก็เวลาคนอื่นยิ้ม เค้ายิ้มกันที่ปาก” ผมหยุดพูดแล้วมองมาที่อาจารย์ อาจารย์ก็เลิกคิ้วมองผม ว่าผมจะพูดอะไรต่อ


   “แต่เวลาผมเห็นอาจารย์ยิ้ม อาจารย์ไม่ได้ยิ้มแค่ปาก อาจารย์ยิ้มทั้งหน้า ทั้งตา มันดูน่ารักมากเลยครับ” โหหหหหหหหห ไอ้โมเน่าโคตร มีด้วยเหรอ คนยิ้ม ที่หน้า ที่ตา


   “ฮ่า ฮ่า เรานี่มัน...ช่างพูด ถ้าเป็นผู้หญิงนี่ครูเคลิ้มไปแล้วนะเนี่ย”


   “ป่าววว ผมพูดจริงๆ ยิ่งตอนอาจารย์หัวเรานะ มองไม่เห็นลูกตาเลยเชียว หน้าเหมือนจอมมารบลู ในดราก้อนบอลอ่ะ” รู้จักกันไหม?จอมมารบลูน่ะ


   “...” อาจารย์ยังยิ้มไม่หุบ แล้วตรวจการบ้านต่อไป อาจารย์เป็นคนขาวมากน่ะครับ ไม่ว่าจะ เวลา ยิ้ม หัวเราะ หรืออายที หน้าเอย หูเอย ก็จะแดงไปหมด (แล้วตอนนี้อาจารย์อาย หรือเปล่าหว่า)


   “แล้วไงเนี่ย ไม่อ่านหนังสือเหรอ มานั่งแซวครูอยู่เนี่ย เดี๋ยวก็แพ้นายโยธินหรอก”


   “ง่า อาจารย์อ่ะ อย่ามาแช่งผมดิ ใจแป้วเลยนะเนี่ย” ผมทำหน้างอ แล้วเดินไปที่โต๊ะ ริมหน้าต่าง แล้วเปิดหนังสือขึ้นอ่าน พออ่านไปได้สักครู่ก็เกิดอาการเลื้อย บนโต๊ะ...ทำไมตัวหนังสือมันเยอะอย่างนี้เนี่ยยยย เล่มหน้าเตอะ แถมยังเหลืออีกตั้งสองเล่มจะอ่านทันมั้ยเนี่ย ผมหลับตาอยู่บนโต๊ะจนเกือบจะเผลอหลับไป วันนี้ฝนเพิ่งหยุดตกไป ลมเย็นๆที่พัดเข้ามาทางหน้าตาง บวกกับพัดลมเพดานที่เปิดอยู่ ก็ทำให้ผมเริ่มรู้สึกหนาวๆ จนต้องยกมือขึ้นมากอดออกไว้ เหมือนผมกำลังสลึมสลืออยู่ ครึ่งหลับครึ่งตื่น ได้ยินเหมือนเสียงมีคนเข้ามาไกล้ เดินมาห่มผ้าให้ ผมรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่ได้รับ


   แล้วก็เผลองีบหลับไป ตื่นมาอีกทีก็ตอนที่ไอ้ตุ๊เอาข้าวมาให้ แล้วมันก็รีบไปบอกว่านัดพวกไอ้เวอร์ไว้จะไปเล่นบาสกัน ตัวผมเองตื่นมาก็พบว่าบนตัวผมมีเสื้อแจกเก็ตวอร์มของสถาบันราชภัฏแห่งหนึ่งห่มไว้ ลองหยิบมาดูก็จำได้ว่าเป็นของอาจารย์วัฒน์ ผมมองไปหาอาจารย์ที่โต๊ะ ก็เห็นว่าอาจารย์ไม่อยู่แล้ว ผมยิ้มแล้วก็นึกขอบคุณอาจารย์ หยิบเอาเสื้ออาจารย์มาห่มไว้ตามเดิม แล้วก็เปิดกล่องข้าว(น้อย)กิน อย่างมีความสุข  :oni1:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนพิเศษ .P6[04/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: tender ที่ 11-10-2011 09:40:41
โมเสน่ห์แรงไปแล้วนะ!!!!
      เว่อร์ไปไหน~
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนพิเศษ .P6[04/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 11-10-2011 13:37:12
โห เรียนเก่งมาก แล้วสรุปใครกันแน่เนี่ย เวอร์หรืออาจารย์วัฒน์  :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่+โพสซ่อม.P6[11/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: gay_love ที่ 11-10-2011 20:33:22
เอ๊!..ตกลงใครจะเป็นคนได้หัวใจนะโมหนอ!!
รอลุ้น...แบบว่านะโม่จะเสน่แรงไปไหน....
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่+โพสซ่อม.P6[11/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 11-10-2011 21:23:34
เสน่ห์เหลือแรง :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่+โพสซ่อม.P6[11/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 11-10-2011 21:36:37
เสน่ห์เหลือร้ายเลยนะโม o17

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่+โพสซ่อม.P6[11/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 18-10-2011 23:41:12
ตอน 27: ข่าวลือ

          ยาเสพติดดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ อยู่ไกล้ตัวกับวัยรุ่นมาก และด้วยความที่มีนิสัยอยากรู้อยากลองนี่แหละ ทำให้ถูกชักจูงให้หลงผิดได้โดยง่าย บางคนถึงกับเสียผู้เสียคน หมดอานาคต เพราะไปยุ่งเกี่ยวกับมัน


          ตัวผมเอง ถูกเสี้ยมสอนมาตั้งแต่เด็ก ถึงโทษของยาเสพ์ติด ความร้ายกาจของมัน พ่อแม่ผมไม่ได้ใช้วิธีห้าม แต่จะสอนให้เห็นถึงโทษของมัน ตัวผมเองกล้ายืนยันเลยว่า ตั้งแต่เล็กจนโต จนถึงปัจจุบัน ถึงแม้จะเที่ยวกลางคืน กินเหล้า สูบบุหรี่บ้าง ไม่ไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว ที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพย์ติดผิดกฏหมาย แล้วผมก็เกลียดมากด้วย กับใครที่ไปยุ่งเกียวกับยาเสพย์ติด ผมจะไม่ไปคบค้าสมาคมเลย ผมเคยได้ยินคำสอนของพระท่านหนึ่งพอจะจับใจความได้ว่า


“แม้ว่าเราจะไม่ชอบกลิ่นคาวปลา ไม่ได้เป็นคนค้าขายปลา
ไม่ได้คิดจะบริโภคปลา แต่ถ้าเราเดินเข้าไปในสะพานปลา
กลิ่นคาวปลาก็จะติดตัวเรามาได้”

          ถึงแม้เราไม่ได้เป็นคนเลว ไม่คิดจะทำเลว แต่ไปคบค้าสมาคมกับพวกคนเลว วันหนึ่งเราก็อาจจะพลอยติดร่างแหไปกับคนพวกนี้ได้ เพราะฉะนั้นคนที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพย์ติด ถ้าไม่จำเป็นผมจะไม่เสวนาด้วยเลย


          ช่วงนี้ผมเอง ไม่ค่อยมีเวลาได้ไปไหนมาไหนกับพวกเพื่อนๆเลย ขลุกเป็นหนอนหนังสือ กับอาจารย์วัฒน์ แล้วก็ไอ้โย ตอนแรกดูเหมือนว่าไอ้โยมันจะหยิ่งๆ แต่พอทำไปทำมา มันกลับมีน้ำใจมาก ตรงไหนผมไม่เข้าใจมันก็ช่วยอะอธิบายให้ผมเข้าใจ ดูๆไปไอ้โยมันอ่านหนังสือมากกว่าผมอีก แลดูมันเป็นคนขยันมาก ตอนเด็กๆอาจารย์สอนว่าคนที่จะเรียนเก่งได้ต้องมีความขยันหมั่นเพียร ต้องตั้งใจอ่านตำรับตำรา ถึงจะเรียนเก่งได้ แต่หลังจากผมผ่านสมรภูมิรบมาอย่างมากมาย(ว่าไปนั่น) ทำให้ผมแยกแย่ได้ว่า คนที่จะเรียนเก่งได้มี 2 แบบคือ


          1.พวกที่ขยัน (หรือพวกที่มีพรแสวง)
          2.พวกที่มีพรสวรรค์ (หรือพวกที่ฉลาด เข้าใจอะไรได้รวดเร็วกว่าคนอื่น)


          พวกที่ขยันพวกนี้ จะได้เปรียบตรงที่มีความขยัน ทำให้มีความพยายามมากกว่าคนอื่น พวกนี้อาจจะต้องใช้เวลาในการอ่าหนังสือ มากกว่าคนอื่น หลายรอบกว่าคนอื่น คนพวกนี้จะถนัดวิชาที่ต้องใช้การท่องจำ


          พวกที่มีพรสวรรค์ หรือพวกที่ฉลาดเนี่ย คือพวกที่ไม่จะเป็นต้องอ่านมาก สามารถเข้าใจอะไรได้รวดเร็ว พวกนี้จะเหมาะกับวิชาที่เกี่ยวกับการคำนวณ หรือวิชาที่ต้องใช้การวิเคราะห์ จุดออ่น ของพวกนี้ก็คือในวิชาที่มีเนื้อหาเยอะที่จะต้องอ่านเอง หรือวิชาที่ต้องใช้การจดจำ ก็จะทำคะแนนไม่ค่อยได้ดี


          ส่วนใครที่มีทั้งพรสวรรค์และพรแสวงอยู่ในตัวพร้อมกันละก็ โคตรจะโชคดีแล้วล่ะครับ แต่เท่าที่เห็นมา มีน้อยมากๆ


          ตัวไอ้โยกับผมนั้น คนละขั้วเลยครับ ไอ้โยเป็นพวกหัวดีปานกลาง แต่ความขยันเป็นเลิศ ในขณะที่ผมเป็นพวกหัวดี แต่ความขยันแสนจะต้อยต่ำ การสอบครั้งนี้ก็เสมือนเป็นทั้งการแข่งขันระหว่าง ห้อง 3 กับห้อง 4 และการแข่งขันของคนมีพรสววรค์กับคนมีพรแสวง ว่าใครจะชนะ


          วันนี้มีคาบเรียน สุขศึกษาครับ เป็นการเรียนการสอนเกี่ยวกับเรื่องโทษของยาเสพย์ติด ช่วงนี้ ยาม้า(ปัจจุบันเรียกว่ายาบ้า สมัยนั้นเม็ดละประมาณ 30 บาท) กำลังระบาดหนักกันเลยทีเดียว เด็กนักเรียนหลายคนโดนไล่ออกเพราะไปพัวพันกับยาเสพ์ติด อาจารย์ก็สอนให้เราได้เห็นโทษของยาเสพย์ติด ทั้งการเสียเงินเสียทอง ต้องโทษติดคุกถึงประหารชีวิต เสียสุขภาพอีก ผมนั่งอยู่หลังห้องก็เห็นพวกกลุ่มที่มันเกเรๆ (ในห้องมี 2-3 คน) หนาวๆร้อนๆไปตามๆกัน เพราะผมก็พอจะรู้มาบ้างว่า ไอ้พวกนี้ชอบแอบไปหลบอยู่หลังห้องน้ำ มั่วสุมกันบ่อยๆ คงไม่ต้องเดาว่าแอบไปอัพยากันนั่นเอง อาจารย์พูดมาถึงว่า คนติดยาจะมีลักษณะ ขอบตาเขียวคล้ำ ตาแห้งแดง ปากแห้ง เบื่ออาหาร ฯ ขณะที่อาจารย์กำลังสอนอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงเพื่อนผู้หญิงหลังห้องซุบซิบอะไรกันบางอย่าง


          “เธอชั้นว่าแล้ว นายพาวเวอร์น่าช่างนี้อาการแปลกๆ เห็นชอบไปสุงสิงกับพวกพี่ชาญ พี่เกียรติ ม.5 ชั้นว่านายพาวเวอร์ต้องติดยาแน่เลย” (พี่ชาญ พี่เกียรติ คือรุ่นพี่ ม.5 กำลังโดนอาจารย์เพ่งเล็งอยู่ เรื่องเกี่ยวกับยาเสพย์ติดน่ะแหละ ภายหลังก็โดนตำรวจจับ เพราะเป็นคนขายยา)


          “ก็ว่าอยู่ ช่วงนี้เห็นเค้าตาคล้ำๆ ปากก็แห้งลอกเชียว”


          “ไม่มั้ง นอนดึกก็ปากแห้ง ตาคล้ำได้ ดูดิเค้าก็ตาเขียว ปากแห้งจนลอกเลยเนี่ย เพราะนอนดึกอ่านหนังสือ” ผมอดแย้งไม่ได้ ด้วยเพราะไม่เชื่อว่าไอ้เวอรันจะไปข้องเกี่ยวกับยาเสพย์ติดได้


          “แต่เราเห็นน่ะ วันก่อนอาจาร์เก้(อาจารย์ที่ปรึกษา)ก็เรียกนายพาวเวอร์เข้าไปหา เห็นว่าไปเตือน เรื่องที่ไปสุงสิงกับ พี่ชาญ พี่เกียรติ” จริงเหรอเนี่ย นี่ผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เพราะมัวแต่วุ่นกับการเตรียมตัวสอบสิเนี่ย


          “นะโม เป็นเพื่อนกันก็เตือนๆเค้าหน่อยสิ จริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่เตือนไว้ก่อนก็ดีนะ”


          “อือ” ผมรับคำไปงั้น แต่ผมจะไปเตือนอะไรมันได้ล่ะ คำพูดผมจะมีน้ำหนักพอให้มันทำหรือไม่ทำอะไรได้เหรอ


          หลังจากวันนั้น ผมก็พยายามสังเกตมัน ว่ามันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ชอบแอบไปหมกมุ่นที่ไหนหรือเปล่า จนสังเกตเห็นว่า ช่วงนี้ตอนเย็นมันไม่ได้ไปเล่นบาสกับพวกไอ้ตุ๊เลย พอโรงเรียนเลิกมันก็รีบกลับบ้านเลย ตอนเช้าก็มาโรงเรียนสายประจำ จนตัวผมเองอดเป็นห่วงไม่ได้ ว่าข่าวลือที่ได้ยินมาจะเป็นความจริง


          “อ้าวไอ้เวอร์ไปไหนล่ะเนี่ย ไม่เห็นมันมาเล่นบาสกับพวกมึง” ผมถามไอ้ตุ๊ ตอนเย็นวันหนึ่ง


          “แฟนอยู่นี่ไม่ถามถึงนะ ไปถามถึงคนอื่นทำมายย” ไอ้อุ้ยมันทำเสียงล้อเลียน


          “เชี่ย” ผมด่า พร้อมยกเท้าทำท่าจะยันมัน


          “ดี กวนตีนกู เป๊บซี่ที่กูซื้อมาก็ไม่ต้องกินละ” ผมพูดพร้อมปัดมือออก ทำท่าจะจะเดินหันหลังกลับ แต่ไอ้ตุ๊รีบเดินเข้ามาหา เอามือโอบหัวผมเข้าไปซบออกมัน


          “โอ๋ๆๆๆ เมียกูนี่ขี้งอนจริงวุ้ย ไอ้อุ้ยมึงก็ชอบไปเอาเรื่องจริงมาล้อเล่น” เออ เชี่ย ตะกี้เป็นแฟน ไม่ถึงนาทีก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเมียเมิงละ ว่าแต่ว่า เมียเมิงอยู่มนห้องพักครูไม่ใช่รึ เห็นไปฝ้ากันทุกวัน


          “อ่าว แล้วเมียที่เมิงไปฝ้าทุกกลางวันนั่นล่ะ อ่อ หรือว่านั้นเมียน้อย” เอาไปหนึ่งหมัด


          “เชี่ยยยย มึงเดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า อาจารย์เค้าจะเสียหาย” ไอ้ตุ๊เอารับเอามือ มาปิดปากผมไว้


          “แล้วเนี่ยกูถามว่า ไอ้เวอร์มันไปไหน” ผมพูดแล้วยื่นถุงเป๊บซี่ให้มันสองคน


          “ไม่รู้เหมือนกันเห็นช่วงนี้มันรีบกลับบ้านตลอดเลย”


          “แล้วที่เค้าว่ามันไปสุงสิงกับพวก พี่ชาญ พี่เกียรติ จริงเหรอ”


          “ไม่มั้ง เป็นเพราะสองคนนั้นอยู่ไกล้บ้านน้องจักจั่นหรือเปล่า เห็นว่าเป็นญาติๆกัน”


          “จั๊กจั่นไหน ใครวะไม่เห็นรู้จัก”


          “อ่อ มึงยังไม่รู้นี่ว่า ไอ้เวอร์มันจีบน้องมอหนึ่งอยู่ ไม่สิ มีน้องมอหนึ่งมาชอบไอ้เวอร์ เห็นช่วงนี้มันอยู่กับน้องเค้าบ่อยๆ สงสัยที่มีคนไปเห็นมันอยู่กับ พี่ชาญ พี่เกียรติ เพราะว่ามันไปหาน้องจั๊กจั่นหรือเปล่า”


           เฮ้ออออออ โล่งอกไปที่ที่มันไม่ได้ไปติดยา .............ใช่ซะที่ไหนล่ะ!!!! ไอ้โมปรี๊ด ....ฮึ่ม! ไม่ได้มีเวลาอยู่กับมันแค่ไม่กี่วัน ไปติดสาวอื่นเลยนะมึง เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องเคลียร์กันซะหน่อยแล้ว ผมคุยกับไอ้ตุ๊และไอ้อุ้ย อีกแป๊บ ก็กลับปข้างในโรงเรียนเพื่อติวหนังสือต่อ เรื่องไอ้เวอร์ติดยาก็พอจะเบาใจไปได้ แต่เรื่องน้องจั๊กจั่นนี่สิ ทำให้ผมหนักใจไม่น้อย
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่ P6[18/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 19-10-2011 01:22:33
 :z13: :z13:จิ้มจึ๊ก หลังจากที่หายไปนาน นึกว่าจะไม่ได้อ่านต่อซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่ P6[18/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 19-10-2011 09:04:47
สงสัยจะมีเคลียร์กันยาว

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่ P6[18/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: tender ที่ 19-10-2011 12:59:51
เย้ย~ เวอร์อย่านะ!!!
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่ P6[18/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 19-10-2011 13:02:07
อ่ะ อ้าว ทำไมเวอร์เป้นงี้ล่ะ :angry2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่ P6[18/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: gay_love ที่ 19-10-2011 15:55:03
 :กอด1:มาให้กำลังใจ พรุ่งนี้จะมาเม้นตอบ ขอไปอ่านนี้ก่อน เห็นเม้นแล้ว ต้องอ่าน
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่ P6[18/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: lunar ที่ 19-10-2011 16:26:00
555 จนได้นะเวอร์

ขนขึ้นเต็มหัวเหน่ายังเหอะ ริอ่านตัวเจ้าชู้ จีบเด็กม . 1
โอ๊ย ชั้นละหมั่นใส้พ่อไก่แจ้ฝึกหัด

น้องโมปล่อยมันไปเห๊อะ ผชมากมายดั่งฝูงลิงวอก
จะไปแคร์ทำไม คนน่ารัก รักดีอย่างน้องโม
แค่บัดบ๊อบก็ได้มาเพียบแล้วล่ะคะ

น้องโมเป็นเด็กดีต้องชมแต่ถ้าแรดเมื่อไร ก็โดนเมื่อนั้น

เชิดใส่อย่าได้แคร์ น้องโม
เชื่อป้าเอ๊ยพี่แล้วจะดีเอง
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่ P6[18/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 19-10-2011 22:19:09
ตอน 28:  S & M

   วันรุ่งขึ้นเป็นวันศุกร์ ผมหอบกระเป๋าเสื้อผ้ามาโรงเรียนด้วยเพราะวันนี้จะต้องนอนค้างที่โรงเรียนเพื่อติวหนังสือกัน ส่วนไอ้เวอร์มันก็ยังมาเรียนสายอีกตามเคย เรื่องนี้แหละที่ทำให้ผมยังวางใจไม่ได้ ว่ามันจะไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพย์ติด (หรือเรื่องน้องจั๊ดจั่นหว่า ) เพราะมันตาคล้ำมาเรียนแทบทุกเช้า วันนั้นตอนเช้าผมย้ายมานั่งด้านหลังกับไอ้อุ้ย ให้ไอ้ตุ๊ไปนั่งด้านหน้ากับไอ้เวอร์ ยังนึกงอนมันไม่หาย ว่าแล้วเชียวช่วงนี้มันไม่ค่อยมาเจ๊าะแจ๊ะกับผม นึกว่ามันเห็นผมวุ่นๆเรื่องการสอบเลยไม่มากวน ที่ไหนได้ไปติดหญิงนี่เอง แล้วจะไปติดยาด้วยหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย แต่ ... เวน ให้ไอ้สองคนนี้ไปนั่งด้านหน้าแบบนี้ ผมจะมองเห็นกระดานดำได้ไงล่ะเนี่ย ... ใครก็ได้ เอาเสาโทรเลข ออกไปจากข้างหน้าผมทีททททท


   ช่วงพักเที่ยงผมก็ขึ้นไปที่ห้องวิยาศาสตร์เหมือนเดิม แต่เหมือนจะอาจารย์วัฒน์จะยังไม่ขึ้นมา ในห้องไม่มีใครอยู่เลย ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะด้านหลังห้องตัวเดิม ลงมือทำข้อสอบที่ทำค้างไว้จากเมื่อวาน ผมคงนั่งทำข้อสอบจนเพลินไปหน่อย รู้ตัวอีกทีอาจารย์วัฒน์ก็เดินมาอยู่ข้างหลังผมแล้ว


   “ทำข้อสอบถึงไหนแล้ว ครบหมดทุกข้อหรือยัง” อาจารย์วัฒน์ถามผม ตอนนี้อาจารย์ยืนด้านหลังผม พร้อมเอามือมาจับไหล่ผมทั้งสองข้าง


   “อังกฤษ กับ คณิต เกือบหมดแล้วครับ แต่วิทย์นี่สิ โจทย์ย้าวยาว อ่านแล้วชวนงง”


   “โจทย์ยาวก็ดีแล้วนี่ แสดงว่า เรายิ่งมีข้อมูลในการตอบคำถามมากขึ้น (อาจารย์หลายคนชอบพูดปลอบใจเวลาออกข้อสอบแล้วโจย์ยาวๆ -..,- )”


   “แหะๆ จริงเหรอ’จารย์ ยิ่งอ่านมันยิ่งงงนี่สิ”


   “แล้ว...ไหนข้อนี้ ทำไมคำนวณจุดโฟกัสได้ออกมาเท่านี้ล่ะ ข้อนี้จุดโฟกัสควรจะวัดจากตรงนี้ถึงตรงนี้ต่างหาก” อาจารย์นั่งลงข้างๆผม แล้วชี้โจทย์ข้อที่ผมทำผิดให้ดู แต่หน้าอาจารย์นี่สิ ยื่นมาซะไกล้ผมเชียว ผมเงยหน้าขึ้นมาโดยไม่ทันระวัง จนจมูกของผมเฉียดไปกับแก้มของอาจารย์ ผมเห็นอาจารย์ชะงักไปนิดนึง แล้วหันมายิ้ม อันที่จริงคนที่จะอายน่าจะเป็นอาจารย์ แต่กลับกลายว่าเป็นผมต่างหากที่หน้าแดงเป็นลูกตำลึง


   “เอ่อ...ผมขอโทษครับ” อาจารย์ไม่พูดอะไร แค่ยิ้ม แล้วสอนผมทำข้อสอบข้ออื่นๆต่อ แต่ผมนี่สิ ไม่มีสมาธิจะจดจ่อกับแบบฝึกหัดตรงหน้าแล้ว ด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ทำให้ผมเองหัวใจเต้นแทบจะทะลุออกมาข้างนอก จมูกโด่งๆนั่น ริมฝีปากแดงและบาง ฟันทีขาวสะอาด   เรียงกันสวยงามราวกับเมล็ดข้าวโพด(ใช้มั่ง เห็นนักเขียนชอบใช้คำนี้กัน หุหุ) ทำให้ผมอดใจไม่ได้ที่จะชำเลืองมองอาจารย์เป็นระยะๆ อาจารย์เองก็คงจะรู้ เพราะผมเห็นอาจารย์แกก็สอนไปยิ้มไปตลอดเวลา จนถึงบ่ายโมงเมื่อเสียงออดดังขึ้น


   “บ่ายโมงแล้ว ครูต้องไปสอนละ แล้วเรามีเรียนอะไรล่ะ”


   “ภาษาอังกฤษครับ กับอาจารย์อ๋อย”


   “อ้อ งั้นครูไปก่อนนะ แล้วเจอกันตอนเย็น เตรียมเสื้อผ้ามาแล้วใช้ไหม”


   “ครับเตรียมมาแล้ว งั้นเจอกันตอนเย็นครับ ขอบคุณนะครับอาจารย์” ผมยกมือไหว้ อาจารย์ยิ้มรับ แล้วหยิบหนังสือเดินออกไป น่ารักอีกแล้วอ่าาาาาาาา  :bye2:


   ส่วนผมก็หยิบหนังสือเรียนเดินออกจากห้อง ทิ้งกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ที่นี่เดี๋ยวตอนเย็นค่อยมาเอา ผมเดินลงบันไดจากชั้นสอง ผ่านห้องน้ำอาจารย์ที่อยู่ระหว่างบันไดทางขึ้นลง ทันใดนั้นก็มีมือใครบางคนมาคล้องเอวผมไว้ ยกผมลอยหวือเข้าไปในห้องน้ำอาจารย์


   ปึง! แกร๊ก ! ประตูห้องน้ำถูกปิด และล็อคลงภายในคราวเดียวกัน ผมถูกวางลงตรงผนังห้องน้ำ พร้อมกับสายตา คู่พิฆาตคู่นั้น ของคนที่ลากผมเค้ามา


   “ไอ้เวอร์! ทำเชี่ยไรเนี่ย” ไอ้นี่ ผีเข้าผีออก อะไรอีกล่ะ


   “เมื่อวานไอ้ตุ๊ บอกว่ามึงถามหากู กูเลยมาตามหามึงที่นี่”


   “ไหนละ มีอะไรจะพูดกับกู”


   “เอ่อ...”


   “พูดอะไรไม่ออกเหรอ ทำไม ความรักมันจุกอกมึงอยู่เหรอ”


   “พูดบ้าอะไรของมึง”


   “ทำไมแค่กูกับไอ้ตุ๊ ไม่พอรึไง จะขาดผู้ชายไม่ได้เลยเหรอมึง” อะไรของมึงเนี่ยยยยย ไปกินรังต่อรังแตนที่ไหนมา


   “พูดเหี้ย ไรของมึงเนี่ย”


   “ก็เห็นหายมาขลุกอยู่ที่นี่ตลอด มาติวหนังสือ หรือมาทำอย่างอื่นกันแน่วะ” อะไรเนี่ย กูทำผิดอะไรอีก กูมาติวหนังสือนะ


   “มึงจะพูดอะไร มึงพูดมาตรงๆเลยดีกว่า กูไม่ชอบอ้อมค้อม”


   “เอออยากให้กูพูดตรงๆใช่มะ มึงนั่งทำอะไรกับอาจารย์ตะกี้นี้ อย่าบอกนะว่าติวหนังสือกัน กูเห็นแทบจะขี่คอกันอยู่แล้ว แล้วติวหนังสือนี่เค้ามีหอมแก้มกันด้วยเหรอวะ หา!” เฮ้ยยยยย ตอนไหน มึงตาฝาดแล้ววว


    “แม่งเอ๊ย! ทีกับกูละทำเป็นเล่นตัว ที่กับคนอื่นร่านกับเค้าไปทั่ว” โห ว่ากูร่านเหรอมึง ฟังเหตุผลกูมั่งสิวะ น้ำตาปริ่มอีกละ รู้สึกน้อยใจมันมาก ที่มันไม่ยอมให้ผมได้พูดอะไรเลย มาถึงก็ใส่เอาใส่เอา


   “แล้วทีมึงล่ะ บอกว่ารักกูๆ ยังแอบไปเฝ้าคนอื่นได้ทุกวี่ทุกวัน เรื่องน้องจั่นน่ะ อย่านึกนะว่ากูไม่รู้” อะไรเนี่ยกูพูดอะไรออกไป โดนสองดอกเลย ดอกที่หนึ่งเท่ากับว่ากูหึงมัน ดอกที่สองเท่ากับว่ากูยอมรับว่าแต๊ะอั๋งอาจารย์จริงล่ะสิเนี่ย ไอ้เวอร์มันดูชะงักไปนิดหนึ่ง


   “อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง แบบนี้มึงยอมรับแล้วสินะว่า มึงกับอาจารย์ทำอะไรกันจริงๆ เชี่ยเอ๊ย! ” มันสบถ พร้อมจับผมขึงเข้ากับผนังห้องน้ำ มันบีบข้อมือผมซะแรง


   “กูไม่เคยคิด ไม่เคยทำอะไรเหี้ยๆ แบบที่มึงพูดมา มึงมันโรคจิต หมาบ้า เที่ยวกัดเค้าไปทั่ว” พูดอะไรไม่เคยจะเชื่อกูเลย


   “เหรอ ไม่ได้ทำ แล้วที่กูเห็นล่ะมันอะไร กูเชื่อมึงก็ควายแล้ว เห็นตำตาขนาดนี้ เสาร์ อาทิตย์ก็มานอนด้วยกัน ได้กันไปกี่หนแล้วล่ะ ทีกับกูละเล่นตัวดีนัก” เออ ควายนะสิ ควายที่ไม่เชื่อกู อารมณ์นี้โกรธมากกว่า โกรธที่ไม่ได้ทำอะไรผิด พูดไปแล้วมันดันไม่เชื่ออีก มันดันผมเข้าชิดกับผนังมากขึ้นอีก แล้วเอาขาข้างหนึ่งสอดเข้ามาระหว่างขาผม แล้วก็ทำอย่างที่มันเคยทำ มันเริ่มซุกไซร้ซอกคอผม ทั้งซอกคอ ทั้งติ่งหู อารมณ์โกรธตอนนั้นไม่ได้ทำให้ผมเคลิ้มไปกับมันมากนัก ผมพยายามดิ้น ให้หลุดจากมัน ปากก็ร้องให้มันปล่อยผม


   “ปล่อยนะ มึงจะทำอะไร เชี่ย ปล่อยกู อ๊า..” แต่แรงมดอย่างผมหรือ จะไปสู้แรงช้างอย่างมันได้  ผมเหลือบไปมองมัน เห็นเป้าหมายคือซอกคอมันที่ตอนนี้ กระดุมมันถูกปลดลงไป 2 เม็ด (ตอนไหนวะ) ในที่สุดผมตัดสินใจงับเข้าที่ตรงซอกคอมัน แล้วกัดเต็มแรง มันชะงักไปนิดหนึ่ง ผมคิดว่ามันจะร้อง แล้วผละออกจากผม แต่เปล่าเลย ผมได้ยินแค่มันทำเสียง อึ๊ก ในลำคอ แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยผมอยู่ดี แถมรุกผมหนักยิ่งกว่าเดิม ทั้งขบทั้งเม้มผม จนเจ็บไปหมด (สงสัยจะยิ่งไปกระตุ้นความหื่นของมันเข้าไปอีก บอกแล้วไอ้นี่มันซาดิสม์) ผมกัดแรงขึ้นอีก กัดจนรู้สึกว่ามีรสชาติเค็มๆออกมา คิดในใจว่าคงเป็นเลือดมันออกมาแน่ ในใจหนึ่งอยากจะกัดให้เนื้อขาดหลุดออกมาเลย แต่ผมก็ทำไม่ได้ อารมณ์ตอนนั้นกลับกลายเป็นว่ารู้สึกผิด สงสารมัน กลัวมันเจ็บซะงั้น จนท้ายทีสุด ผมก็ต้องละปากจากคอมัน เผยให้เห็นรอยกัดเป็นรูปฟันที่คอมัน มีเลือดไหลซิบๆออกมา พอเห็นเลือดที่ไหลซิบๆออกมาแบบนี้แล้วก็อดสงสารมันไม่ได้ มันเห็นผมไม่ขัดขืนมันต่อแล้ว มันก็หยุดไซร้ผม ผละออกมามองหน้าผม มันปล่อยมือข้างหนึ่งของผมให้เป็นอิสระ แล้วใช้มือข้างนั้นของมัน บีบคางผมขึ้น มันบีบปากผมไว้แล้วก็ประกบปากมันเข้ามา เหมือนอย่างที่มันเคยทำ หากแต่ว่าครั้งนี้จะดูรุนแรงเร่าร้อนกว่าที่เคยเป็น


   “อึ๊....” มันใช้ฟันขบริมฝีปาก ผมเจ็บจนน้ำตาไหลออกมา(ไอ้ซาดิสม์) แล้วมันก็มันสอดลิ้นเข้ามา แรกๆผมก็เจ็บ แต่ในที่สุดก็ระทวยไปกับรสจูบของมัน (ฮ่า ฮ่า สุดท้ายก็ S&M พอกัน) ผมได้แต่คิดในใจ...ไม่รอดซะละมั้งกู วันนี้...  แต่...เดี๋ยวก่อน ตะกี้มันเพิ่งด่าผมว่าร่านไปแหม็บๆ อย่าคิดว่าผมจะลืมนะ แล้วที่มึงทำแบบนี้กับกูอยู่ก็เพราะคิดว่ากูร่านใช่มะ เออดี แล้วมึงจะได้เห็นว่ากูไม่ได้เป็นอย่างที่มึงด่ากูนะ คิดได้ดังนั้น ก็ตั้งสติแล้วผละปากออกจากมัน ผมใช้มือข้างที่ถูกปล่อยเป็นอิสระแล้วนั้น สวนหมัดเข้าที่ท้องมันไป 1 หมัด ได้ผลครับ มันละมือจากผม เอามือกุมท้อง แล้วลงไปนั่ง ร้องโอย เลยครับ ผมรีบผละออกจากมัน เปิดประตูห้องน้ำแล้วเผ่นแน่บ ออกเลยครับ


   ผมมาถึงห้องเรียน จน 15 นาทีผ่านไปก็เห็นไอ้เวอร์เพิ่งเดินเข้ามาห้องเรียน ที่คอมัน เห็นมีผ้าก็อตช์ติดอยู่ มันคงเดินไปทำแผลมาเรียบร้อยแล้ว โล่งอกไปที ที่ตะกี้ผมทั้งกัด ทั้งต่อยท้อง แล้วมันไม่ได้เป็นอะไรมาก


   “ไปโดนไรมะวะ ที่คอน่ะ” ไอ้อุ้ยถาม


   “หมากัดว่ะ” มันพูด พร้อมกับมองมาทางผม แง่งงงง แล้วไม่บอกไปด้วยล่ะ ที่เมิงโดนหมากัดน่ะเพราะว่าจะไปปล้ำหมาน่ะ (อ่าว งี้กูก็เป็นหมาจริงๆอ่ะดิ) ผมเกือบจะแยกเขี้ยวใส่มัน แต่ก็ต้องรีบระงับอารมณ์ไว้ ทำหน้านิ่ง เดี๋ยวโดนไอ้ 2 คนที่มองอยู่จับได้ ว่าหมา เอ๊ยยย!!! ผม...เพิ่งไปฟัดกับไอ้เวอร์มา
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่ P7[19/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 19-10-2011 22:26:05
nara555 ไม่ต้องห่วงครับ ต่อจนจบแน่นอน ตอนนี้เขียนไกล้จบแล้วครับ ประมาณ 40 ตอนนะ

ujen ใช่!!!! ต้อองเคลียร์

tender :angry2:

BeeRY  :m15:

gay_love ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ

lunar ฮ่า ฮ่า เชื่อครับ ไอ้โมจะเชื่อฟังป้า เอ๊ย!! พี่ lunar  ทุกประการครับ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่ P7[19/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: gay_love ที่ 19-10-2011 22:52:37
อุตสาลุ้นเต็มที..อดเลย..(คนลุ้นหื่น)...รอติดตามตลอดค่ะ..
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่ P7[19/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 21-10-2011 11:33:52
จะตามอ่านต่อไปนะคร้าบบบผม
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่ P7[19/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 21-10-2011 13:53:45
เขียนใกล้จบแล้ว อยากอ่านต่อ สนุกมากกกกกกงะ  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่ P7[19/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 21-10-2011 14:52:27
SM จริงๆด้วย :laugh:
แต่เวอร์ไม่เห็นเคลียร์เรื่องไปติดสาวเลยอ่ะ หรือว่าข่าวลือเป็นจริง :m16:
กอดให้กำลังใจโมน้อย ถ้าเวอร์ไปติดหญิงจริง เดี๋ยวช่วย :beat:ให้นะ 55+
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่ P7[19/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: tiamo ที่ 21-10-2011 20:44:12
โมน้อย เกรียนจริงๆ :m20:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่ P7[19/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 24-10-2011 09:46:49
ตอน 29 : ไกล้ 2/1


   เหนื่อยใจกับไอ้เวอร์จริงๆ มันอารมณ์ร้อน จนบางทีผมเองก็กลัว แล้วเวลามันผีเข้าขึ้นมานะ อธิบายอะไรไป ไม่เคยจะเป็นผล ผมอยากให้มันฟังผมอธิบายบ้าง ไม่ใช่ว่าเหะหะอะไรก็จะใช้กำลังอย่างเดียว เชื่อแต่ตัวเองอย่างเดียว โดยที่ไม่ฟังเหตุผลที่ผมอธิบายเลย บ่ายวันนั้นทั้งวัน มันนั่งเงียบ ไม่พูดไม่จา จนเลิกเรียนเข้าแถวเคารพธงชาติ(เชิญธงลง)เสร็จ เดินออกมาที่สนามบาส ก็ไม่เห็นมันจะมาเล่นกับพวกไอ้ตุ๊ แต่กลับรีบกลับบ้านไปเลย เหอะ! สงสัยจะรีบไปเฝ้าน้องจักจั่น\


    ผมนั่งอยู่ที่สนามบาส ดูพวกไอ้ตุ๊ และไอ้อุ้ย เล่นบาสกับเพื่อนๆ จนกระทั่งหาโมงเย็นจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมก็เดินมาที่หอพักที่อาจารย์วัฒน์พักอยู่


   หอพักเป็นอาคารชั้นเดียวแบบไม่ได้กั้นห้องครับครับ อยู่ด้านหลังสุดของโรงเรียน ติดกับสระน้ำหลังโรงเรียน ภายในเป็นห้องโล่ง มีเตียงนอนอยู่ 5-6 เตียง


   ผมเดินมาถึงด้านหน้าหอพักแล้ว กำลังจะเข้าไปก็นึกขึ้นได้ว่า ผมลืมกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ที่ห้องวิทยาศาสตร์ จึงเดินกลับไปเอากระเป๋าเสื้อผ้า กว่าจะเดินกลับมาถึงหอพักอีกรอบ ก็เหนื่อยแฮ่ก และเป็นเวลาเกือบ 6 โมงเย็นแล้ว หอพักเงียบสนิท เป็นเพราะอยู่ด้านในสุด และวันนี้เป็นวันศุกร์ด้วย อาจารย์เกือบทั้งหมดที่อยู่ต่างจังหวัด ก็จะเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดของตน เหลืออาจารย์ที่อยู่เฝ้าเวรเพียง 1-2 ท่าน ผมมาถึงหน้าหอพัก ก็เห็นว่าประตูด้านหน้าถูกล็อค จากด้านใน ลองตะโกนเรียกอาจารย์วัฒน์ ก็ไมเห็นมีเสียงตอบกลับมา ผมนึกขึ้นได้ว่า หอพักมีทางเข้าด้านหลังอีกทางหนึ่ง จึงเดินอ้อมไปด้านหลัง


   ระหว่างเดินไปด้านหลัง ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนอยู่ด้านหลังหอพัก แต่ไม่แน่ใจว่า เป็นเสียงอาจารย์วัฒน์หนือโยธิน ผมเดินตามเสียงมาเรื่อยๆ จนถึงด้านหลังหอพัก จนเจอ.....


   “เฮ๊ย!!!   :m30:” ผมตกตะลึงตาค้างกับภาพตรงหน้า คือด้านหลังหอพักเป็นอ่างน้ำซะเมนต์ ที่รองน้ำฝนไว้น่ะครับ ขนาดประมาณ 2x2 เมตร สูงประมาณ 1 เมตรกว่าๆ และภาพที่ผมเห็นคือ อาตี๋คนหนึ่ง ผิวขาวอมเหลือง สูงราว 180 เซนติเมตร คิ้วเข้ม จมูกโด่ง หุ่นนักกีฬา ใส่กางเกงในตัวเดียว (คนที่ไหนใส่กางเกงในสองตัวฟระ ฮาาาา) ในมือถือขันอาบน้ำ ซึ่งตอนนี้ตัวเปียกน้ำไปทั้งตัว กางเกงในแนบไปกับเนื้อ จนเห็นไปถึงไหนต่อไหน แล้วยิ่งตัวขาวๆแบบอาจารย์ โดนน้ำเย็นๆไปแบบนี้ ไม่อยากจะบอกว่า ... ขาวโบ๊ะ!


   “อะ อา อา อาจารย์ คือ...”ปากบอกตกใจ แต่ไอ้โมมองอาจารย์ตาไม่กระพริบ เลือดกำเดาจะทะลักแล้ววววว  :m10: ยุบหนอ พองหนอ ยุบหนอ พองหนอ ถ้าไม่ยุบ ก็พองต่อไปหนอ


   “คือ คือ ผมเห็น เห็นประตูด้านหน้าล็อคน่ะครับ เลย เลยจะมาเข้าด้านหลัง ไม่ ไม่ ไม่รู้ว่าอาจารย์อาบน้ำอยู่” อาจารย์ดูตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ส่วนผมก็เริ่มตั้งสติได้ (ตรงไหนวะ กุเห็นมึงตะกุกตะกัก ลิ้นพันกันอยู่เนี่ย)


   “อ้อ ครูล็อคเองแหละ กลัวหมามันจะแอบเข้ามาน่ะ เดี๋ยวเข้าไปกัดข้าวของละก็แย่เลย...”


   “...” ไอ้โมสติยังไม่กลับมา ยังจ้องไปที่อาจารย์อยู่ จนอาจารย์เงียบไป ผมเงยหน้าไปมองอาจารย์อีกที ก็เห็นอาจารย์มองมาที่ผมแล้วก็...ยิ้ม อ๊ากกกกก น่าร๊ากกกก น่ารัก เซ็กซี่โคตรๆๆ


   “เอ่อ ด.. ด...เดี๋ยวผม ผม เอากระเป๋า เข้าไปเก็บ เก็บนะครับ ข้างใน...เก็บ” โหยตะกุกตะกัก มือไม้สั่น นานๆจะได้เห็นของน่าแซ่บแบบนี้ .... ไม่ใช่ละกรู ผมเหลือบมาเห็นอาจารย์ยิ้มอยู่ จนทนอายไม่ไหว ....โดดเข้าไปกอดอาจารย์...(โป๊ก!! เพ้อเจ้อ--> จิตใต้สำนึก)เอ๊ย...จนต้องเปิดประตู แล้วก็เดินเข้ามาในหอ ขณะที่ผมกำลังจะเดินเข้ามาด้านใน


   “เธอ ก็มาอาบน้ำเลยสิ เดี๋ยวมืดแล้วจะยิ่งหนาวนะ ห้องอาบน้ำข้างในวันนี้น้ำไม่ไหลนะ ต้องมาอาบข้างนอกล่ะ”  :m25: อร๊างงงงง อยู่ดีๆก็มีอาตี๋หล่อ มาชวนอาบน้ำด้วยกัน อย่าพลาดเชียวนะเมิงงงงง ไอ้โม (โป๊ก!! อีกรอบ --> จิตใต้สำนึก)
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่แบบหื่นๆ P7[24/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 24-10-2011 09:57:26
ตอน 29 : ไกล้ 2/2


   “เอ่อ ผม ผม ปวดท้องนะครับ ด..เดี๋ยว เดี๋ยว เข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า” อ่ะนั่นแน่ จะแอบไปทำแท้ง รอรับศึกหนักคืนนี้ชิมิ เวรี่กู๊ดไอเดีย (โป๊ก!!! ทะลึ่งละมึง --> จิตใต้สำนึก) ผมรีบเปิดประตูหอพักเข้าไปด้านไหน ในใจยังเต้นตุ๊บๆ แทบจะทะลุหน้าอกออกมา รู้สึกหน้าร้อนผ่าวๆ เอากระเป๋าว่างบนเตียงนอน นั่งหอบแฮ่กๆ จนรู้ตัวอีกที ได้ยินเสียงอาจารย์วัฒน์ เปิดประตูเข้ามา


“อ้าว ครูนึกว่าเธอเข้าห้องน้ำอยู่” เจร๊ยยยย อาจารย์เข้ามาตั้งแต่เมื่อไร แล้วนั่นมัน นั่นมัน อาจารย์ ทำไมผ้าขนหนูอาจารย์มัน......ไปอยู่บนใหล่แบบนั้น... แล้วอาจารย์ไม่นุ่งผ้าขนหนูมาล่ะเนี่ยยยยย... แบบนี้มันก็หมายความว่า หมายความว่า


 :m10: :m10:



อาจารย์....








อาจารย์.....








อาจารย์...... 









   อาจารย์เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วน่ะสิ  :เฮ้อ: ตอนนี้อาจารย์ ใส่กางเกงบอลขาสั้น เสื้อกล้ามห่านคู่ สีขาว ....เซ็งเลย ไปใส่เสื้อผ้าตอนไหนนิ นึกว่าจะนุ่งผ้าขนหนูเข้ามา แล้วเดินเข้ามาหาเรา แกล้งทำผ้าขนหนูหลุดลุ่ย อร๊ายยยยยย คิดแล้วสยิวกิ้ว (โป๊ก!!! อีกรอบ หื่นเกินไปละมึง --> จิตใต้สำนึก) แต่จะว่าไปไม่เคยเห็นอาจารย์แต่งตัวแบบนี้มาก่อนเลย พอได้เห็นแล้ว โคตรรรรรจะน่ารัก


   “ครับ เข้าแล้วครับ นี่โยธินยังไม่มาเหรอครับ” หาตัวช่วยก่อน อยู่สองคนกับอาจารย์ ไอ้โมอาจหื่นเข้าไปปู้ยี่ปู้ยำอาจารย์เอาได้ง่ายๆ


   “อ๋อ นายโยคงมาซักทุ่มนึงแหละ เดี๋ยวเค้าให้พ่อมาส่ง เธอก็ไปอาบน้ำสิ จะได้ออกไปกินข้าวกัน” อ่ะนั่นแน่ จะแอบบดูผมอาบน้ำบ้างล่ะเส่  (โป๊ก!!! ไอ้หื่น --> จิตใต้สำนึก โว้ยยย หัวปูดหมดแล้วเนี่ย จะโป๊กอะไรกุนักหนา มันเป็นไปตามธรรมชาติเว้ย)


   “ครับ” ผมอาบน้ำเสร็จก็ออกมากินข้าวกับอาจารย์ แล้วกลับเข้ามาดูทีวี(ข่าว) กัน จนไอ้โยมาถึง จึงได้เริ่มติวหนังสือกัน



   เราได้เอาเสื่อผืนใหญ่มาปูตรงกลางห้อง แล้วเอาที่นอนปิ๊กนิค 2 อัน มาปูบนเสื่อ อีกที แล้วเอาโต๊ญี่ปุ่นมาตั้งตรงกลาง ทำเป็นที่ติวหนังสือ แล้วก็หอบหนังสือลงมากองไว้ข้างๆ แล้วก็จึงช่วยกันทำข้อสอบ แล้วเปิดเฉลยไปทีละข้อๆ ตลอดเวลาในการติว ไอ้โมก็ว่อกอว่กเป็นระยะๆ เพราะด้วยกลิ่นตัวหอมๆ กะซอกคอขาวๆ (และหัวนมชมพูที่โผล่ออกมาเป็นระยะๆ อิอิ ) ของอาจารย์ ทำให้ไอ้โมอดไม่ได้ที่จะชำเลืองไปมอง ยิ่งนึกถึงภาพที่เห็นเมื่อตอนเย็นนี้ด้วยแล้ว ทำให้หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่ด้วยที่มีไอ้โยอยู่ด้วย ทำให้ไอ้โมไม่สามารถกระโดดเข้าไปกัดซอกคออาจารย์เพื่อดูดเลือดได้ (/me ก้มหลบวูบ กลัวโดนอีกโป๊ก) คงได้แต่มองตามแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อกๆ



   ช่วงนี้ถึงจะยังไม่ใช่ช่วงหน้าหนาว แต่ฝนก็ตกชุกตลอด ยิ่งตอนนี้ก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว อากาศจึงเริ่มหนาวเย็นพอสมควร อาจารย์เดินไปหยิบเสื้อแขนยาวของอาจารย์สองตัวออกมา ส่งให้ผมกับไอ้โยคนละตัว ผมกับไอ้โยรับมา แล้วรีบใส่เพราะตอนนั้นอากาศเย็นมากแล้ว ส่วนอาจารย์เอาเสื้อสเวทเตอร์ (เขียนแบบนี้ป่าวอ่ะ) ที่อยู่ในตู้ของอาจารย์ฝีกสอนอีท่านออกมาใส่ ไอ้โมอดไม่ได้ที่จะแอบดมเสื้อออาจารย์ หุหุ หอมวุ้ย เหมือนอาจารย์จะยังไม่ได้ซักนะเนี่ยะ ถึงได้มีกลิ่นแป้งที่อาจารย์ใช้ประจำติดอยู่ด้วย เจร๊ยยยยยย พอผมเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นอาจารย์มองผมอยู่ แล้วแกก็ยิ้ม   ...ส่วนผมก็หน้าแดงแป๊ดดดดด ไปตามระเบียบบบบบ


   จนเวลาล่วงเลยมาถึงตีหนึ่ง ผมก็เริ่มไม่ไหวแล้ว จึงนอนหงาย กลางวง เอาหนังสือมากางออก แล้วปิดหน้า เพราะแสงไฟที่ยังเปิดอยู่มันแยงตา ผมสอดเท้ากลับเข้าไปใต้โต๊ะญี่ปุ่นที่อยู่ตรงกลาง แต่เท้าผมก็ไปโดนกับเท้าของอาจารย์วัฒน์เข้า จนผมต้องรีบชักเท้ากลับด้วยความตกใจ


   “อ๊ะ! ขอโทษครับ อาจารย์”


   “ไม่เป็นไร เท้าเย็นมากเลย เอาสอดมาใต้โต๊ะแบบเดิมก็ได้” อาจารย์บอก ยิ้มๆ ผมจึงเอาเท้าสอดกลับเข้าไปใต้โต๊ะ ตามเดิม ผมหลับตาลง ได้ยินเสียงอาจารย์กับไอ้โย เป็นระยะๆ จนผมผล็อยหลับไป


   ผมรู้ตัวอีกทีก็ตอนทีมีใครคนหนึ่ง มาห่มผ้าให้ ผมขยับเปลือกตาเล็กน้อย มองไปเห็นอาจารย์กำลังเดินไปหยิบหมอนมา ส่วนไอ้โยก็นอนหลับห่มผ้า โดยหันเท้ามาหาโต๊ะญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน พออาจารย์เดินกลับมาผมก็รีบหลับตาลง อาจารย์ค่อยๆช้อนหัวผมขึ้น แล้วเอาหมอนรองใต้หัวผม หลังจากหนุนหมอนให้ผมเสร็จ แต่อาจารย์ก็ยังไม่ได้เอามือออกใต้คอผม ผมรู้สึกว่าอาจารย์ยังนิ่งอยู่อย่างนั้น ครู่หนึ่ง ผมรู้สึกว่า ได้ยินเสียงลมหายใจของอาจารย์ดังอยู่ไกล้ๆ ไกล้มากขึ้น จนเหมือนอยู่ข้างหูผม ลมหายใจอุ่นๆรดอยู่ข้างแก้มผม จนผมรู้สึกได้








          ...







          ..






           ..







   แต่แล้วผมก็ผมได้ยินเสียงอาจารย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกได้ว่าเสียงลมหายใจของอาจารย์ค่อยๆห่างออกไป อาจารย์ลุกขึ้น เปลี่ยนเป็นเดินไปปิดสวิตช์ไฟ แล้วอาจารย์ก็นอนลงฝั่งที่ติดกับผม โดยสอดเท้าเข้ามาใต้โต๊ะญี่ปุ่นเช่นเดียวกับผม


   ผมตื่นขึ้นมา เพราะรู้สึกปวดฉี่ มองไปด้านนอกก็เห็นว่า ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว มองไปที่ไอ้โย ก็เห็นว่ายังนอนหลับอยู่ท่าเดิม มองไปที่อาจารย์ก็ยังนอนหงายหลับ อิจฉาจมูกอาจารย์จริงๆโด่งเป็นสันเชียว ปากก็แด๊งแดง น่ากินวุ้ย ผมขยับเท้ากำลังจะลุกขึ้นนั่ง แต่ก็พลันมีความรู้สึกทีเท้าข้างที่ติดฝั่งอาจารย์นอน ลองขยับดูก็พบว่า เท้าผมเกยอยู่บนเท้าอาจารย์ โดยทีมีเท้าอาจารย์สอดมาใต้ผ้าห่มผม ความอุ่นจากเท้าของอาจารย์ ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างประหลาด จึงยังไม่ลุกไปเข้าห้องน้ำ นอนอยู่อย่างนั้น นึกถึงคำอาจารย์เมื่อคืนที่ว่าเท้าผมเย็นจัง หรือว่าเพราะแบบนี้    อาจารย์เลยมาทำให้เท้าผมอุ่น คิดไปก็อดไม่ได้ที่หัวใจจะพองโต ผมนอนอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้เท้าของผม ได้รับรู้ความรู้สึกอุ่นที่ถ่ายทอดจากเท้าของอาจารย์ ผมนอนอยู่อย่างนั่นครู่หนึ่งได้ จนทนปวดฉี่ไม่ไหวจึงลุกไปเข้าห้องน้ำ


   ผมเปิดประตูห้องน้ำออกมา ก็พบว่าอาจารย์ตื่นแล้ว และกำลังเก็บหนังสือ ทีกระจายอยู่บนที่นอน ผมเกิดความสงสัยขึ้นเล็กน้อย ว่าจริงๆแล้วเมื่อสักครู ผมกับอาจารย์ใครตื่นก่อนกันแน่...

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่แบบหื่นๆ P7[24/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 24-10-2011 10:06:37
 :m25: :m25: :m25:

เลือดกระฉูดหมดตัวแล้ว

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่แบบหื่นๆ P7[24/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 24-10-2011 10:11:47
คุณ ujen มาเร็วมากกกก โพสต์เสร็จปุ๊บ มาอ่านปั๊บ  o13
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่แบบหื่นๆ P7[24/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 25-10-2011 08:53:40
อยู่ใกล้ใครก็มีโอกาสเสี่ยงหมดเลยนะเนี่ย เวอร์กะจารย์วัฒน์ ใครละเนี่ย
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่แบบหื่นๆ P7[24/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 25-10-2011 14:42:52
จะรอตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >> ตอนใหม่แบบหื่นๆ P7[24/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 31-10-2011 18:54:58
ตอน 30: แข่งขัน

   สามอาทิตย์ผ่านไป พรุ่งนี้วันศุกร์ ผมจะต้องไปสอบ Mc Scholar Ships แล้ว แต่ไอ้เวอร์สิ วันนี้เป็นวันที่สองแล้วที่มันไม่มาโรงเรียน มันหายไปไหนของมันนะ ช่วงนี้มันเป็นอะไรของมัน เห็นหยุดเรียนบ่อยๆ แล้วมันจะเรียนทันเพื่อนไหมเนี่ย ยิ่งโง่ๆอยู่ด้วย ถามพวกไอ้ตุ๊ ไอ้อุ้ย ก็ไม่มีใครรู้


   จนช่วงพักเที่ยงผมเดินทางไปที่ห้องพักครูจะเอาการบ้านไปส่งก็เห็นว่า แม่ไอ้เวอร์กำลังคุยกับ อาจารย์เก้อาจารย์ประจำชั้นผมอยู่พอดี ไม่รู้คุยอะไรกันนานสองนาน แต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพราะเห็นอาจารย์เก้ทำหน้าตกใจ ไอ้เวอร์มันเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย หรือจะรถมอเตอร์ไซค์คว่ำ มันยิ่งชอบไปขับรถเร็วอยู่ด้วย(ตอนนั้นเดาว่ามันคงไปยืมมอไซค์เพื่อนไปซิ่ง) จะเป็นอะไรหนักหรือเปล่าเนี่ย ไอ้ครั้นจะเดินเข้าไปถามก็ใช่เรื่อง เดี๋ยวจะหาว่าผมมาแอบฟังผู้ใหญ่คุยกัน แล้วยิ่งตอนนี้ข่าวเรื่องไอ้เวอร์กับผม...เอ่อ ...เรื่องที่มันชอบมากอด มาหอมผม เริ่มมีคนเห็นหลายคนขึ้น จนเอาไปเล่าถึงไหนต่อไหน แถมเรื่องทุกเรื่องไม่พ้นสายตาอาจารย์อยู่แล้ว ผมยิ่งไม่กล้าเข้าไปถามอาจารย์ วันนั้นทั้งวันผมได้แต่สงสัย ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ได้แต่นั่งเหม่อถึงไอ้เวอร์

   ...
   


   ...



   ...


   ...


   และแล้วก็ถึงวันที่ผมจะต้องไปสอบ Mc Scholar Ships วันนี้ผมมาถึงโรงเรียนหกโมงเช้า เพราะจะต้องไปสอบให้ทันตอน เจ็ดโมงครึ่ง ศูนย์สอบอยู่ทีโรงเรียนประจำจังหวัด ห่างจากโรงเรียนผมราวๆ 70 กิโลเมตร จึงต้องออกเดินทางกันแต่เช้า เราจะเดินทางกันไปโดยรถของโรงเรียน ซึ่งเป็น รถปิคอัพแวน วันนี้อาจารย์เก้ไม่ได้ไปด้วย เพราะมีสอน อาจารย์วัฒน์กับอาจาร์อ๋อยจึงมีหน้าที่พาผมกับไอ้โยไปสอบ โดยอาจารย์อ๋อยหนั่งด้านหน้ากับพี่คนขับรถ ส่วนผมสามคนนั่งในแวนด้านหลัง


   ผมทำข้อเสร็จเกือบบ่ายสาม ออกมาถึงด้านนอกแล้วโคตรเพลีย เหนื่อยมาก ข้อสอบก็โคตรยาก หมดหวังเลยว่าจะได้ติดอันดับ มหาหินจริงๆออกมาแบบแทบหมดแรง ถามไอ้โยว่าทำได้ไหม ไอ้โยส่ายหน้า ถอนหายใจ มันคงรู้สึกไม่ต่างจากผม


   “ไม่เป็นไรหน้า ถือว่าเราพยายามดีที่สุดแล้ว” อาจารย์วัฒน์กับอาจารย์อ๋อยปลอบผมสองคน


   “ครูเห็นความพยายามของเธอสองคนแล้ว ถึงไม่ติดอันดับก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวครูให้รางวัลเป็น คะแนนจิตพิสัยเต็มสิบเลยละกัน” อาจารย์อ๋อย เอาคะแนนมาปลอบใจผมสองคน แต่ผมสองคนก็ยังไม่วายทำหน้าเหี่ยว


   “มันเหมือนพยายามแล้วศูนย์เปล่าอ่ะครับ ผมคาดหวังไว้ตั้งเยอะ แต่พอออกมาแบบนี้แล้ว...” ไอ้โยถึงกับน้ำตาปริ่ม แสดงว่ามันคาดหวังไว้เยอะกว่าผมอีก จนอาจารย์อ๋อยต้องมาปลอบ


   “ไม่มีอะไร ศูนย์เปล่าหรอก ที่เธออ่านหนังสือมาน่ะ อย่างน้อยถ้าเธอกลับไปสอบปลายภาค ครูมั่นใจว่าเธอจะต้องได้เกรดสี่ และถ้าเธอไปสอบเรียนเข้ามอปลาย ครูก็มั่นใจว่าเธอจะต้องสอบเข้าได้แน่นอน”


   “ครับ” ไอ้โยยิ้มน้อยๆรับคำ


   “อาทิตย์หน้าถึงจะรู้ผลเดี๋ยวเค้าจะส่งผลการสอบไปที่โรงเรียนน่ะ”


   “งั้นวันนี้เราก็กลับกันเลยละกัน กว่าจะถึงโรงเรียนอีก”


   ตอนขากลับ ไม่รู้เพราะด้วยอากาศร้อน หรือเพราะอดหลับอดนอนมาหลายคืนก็ไม่รู้ ผมเมารถจนเป็นลม หน้าซีดเหงื่อแตกพลั่กๆ อาเจียนด้วย อาจารย์วัฒน์ก็ดีแสนดี เปิดกระจกออก เอาผมมานอนหนุนตัก แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าของอาจารย์ชุบน้ำ มาคอยเช็ดหน้าให้ ผมเองเมารถขนาดนั้น แทบจะไม่มีเรี่ยวแรง แต่บอกได้เลย โคตรรรรรจะมีความสุข ได้นอนหนุนตักอาจารย์มาตลอดทาง ตื่นมาอีกทีก็ถึงโรงเรียนแล้ว


   มาถึงโรงเรียน อาจารย์ก็รีบพาผมซ้อนท้ายไปหาหมอ ที่สถานีอนามัย(ซึ่งปิดทำการแล้ว) แต่หมอก็ออกมาดูให้ สรุปว่ามีไข้เล็กน้อย ร่างกายอ่อนเพลีย เพราะพักผ่อนน้อย จึงให้วิตามินมาทานแล้วบอกให้พักผ่อนเยอะๆ


   อาจารย์วัฒน์ขี่มอไซค์มาส่งผมที่บ้าน ยอมรับเลยว่าวันนั้นไอ้โมสำออยมาก ที่จริงรู้ตัวดีว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ก็ทำสำออย(อยากเรียกร้องความสนใจอ้ะ มีไรมะ!) ตอนกลับก็เลยกอดเอวอาจารย์ซะแน่น แถมด้วยซบหลังอาจารย์ แล้วก็แกล้งหลับจนถึงบ้าน ฮ่า ฮ่า มีฟามสุขโคตรรรรรร จนลืมนึกถึงไอ้เวอร์ไปเสียสนิท
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนใหม่ P7[31/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 31-10-2011 23:11:04
อ้าว ทำไมเป็นงั้นอ่ะ ลืมเวอร์ซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนใหม่ P7[31/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: gay_love ที่ 31-10-2011 23:26:12
สมน้ำหน้าเวอร์ ที่หายไป ก็ไม่เคลียร์ตัวเองสักอย่างเนอะนะโม
...
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนใหม่ P7[31/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 31-10-2011 23:33:24
คิดถึงเวอร์ เอาเวอร์กลับมาาาา :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนใหม่ P7[31/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: gay_love ที่ 01-11-2011 14:43:39
 :impress2:
มารออ่านค่ะ.... :กอด1:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนใหม่ P7[31/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 01-11-2011 17:15:31
อ้าวน้องโมทำไมหนูทำอย่างนี้ :o12:

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนใหม่ P7[31/10/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 02-11-2011 22:51:47
ตอน 31/1: หวาน 1


             ไอ้เวอร์หายไปอาทิตย์นึงเต็มๆ จนวันนี้มันก็มาเรียน(สายด้วย) เห็นแม่มันขับรถมาส่งที่โรงเรียน มาถึงก็เห็นแม่มันเดินขึ้นไปหาอาจารย์ที่ปรึกษา ส่วนตัวมันเองก็เดินกระย่องกระแย่ง เข้ามานั่ง ข้างๆผม เพื่อนๆเดินเข้ามาทักมัน


             “พาวเวอร์ เป็นไงบ้างอ่ะ หายดีแล้วเหรอ” หือ??? หายดีอะไร มันเป็นอะไร มันป่วยเหรอ


             “อือ ค่อยยังชั่วละ แต่แผลยังไม่หายดีเลย” แผล??? แผลอะไร มึงไปตีกับใครมา ไหนแผลอยู่ไหน ไม่เห็นมีแผลอยู่เลย


             “เหรอ เราขอดูแผลหน่อยได้มะ เห็นบอกว่าแผลยาวเลย” แล้วเพื่อนๆก็มามุงดูกันเต็มไปหมด นี่มันอะไรกันเนี่ย ผมตกข่าว ไม่รู้รื่องรู้ราวอะไรกับเค้าเลย ไอ้เวอร์มันค่อยๆปลดกระดุ่มเสื้อมันออก และแล้วผมก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก


             “โหหหหห” เพื่อนๆผมร้องอุทานพร้อมกัน เมื่อเห็นหัวนม ....ไม่ใช่ละ.... เมื่อเห็นผ้าก็อตช์ถูกมัดเป็นปมคิดอยู่ที่ใต้ราวนมข้างซ้ายของไอ้เวอร์ ยาวเรื่อยมาจนถึงหัวเหน่าทางด้านซ้าย หายเข้าไปในกางเกงมัน ดูแล้วบาดแผลน่าจะยาวไม่น้อยกว่า 1 ฟุต (ไม้บรรทัด)


             “น่าเสียวไส้มากเลยว่ะ” เพื่อนคนหนึ่งอุทาน


             “เจ็บมากไหมวะ” อีกคนถาม


             “เจ็บโคตร แถมโดนพยาบาลโกนขนซะเกลี้ยง” มันตอบ


             “ขนตรงไหนวะ”


             “ก็ตรงอก ท้อง ลงไปจนถึงตรงข้างในนั้นน่ะแหละ” หมายถึงขนหมออ้อยด้วยน่ะ


             “อึ๋ย” เพื่อนผู้ชายมันทำหน้าเสียว


             “เล่าให้ฟังมั่งสิว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้” แล้วมันก็เล่าให้ฟังว่า ท้องมันบวม แล้วก็ปวดท้อง ตอนแรกก็นึกว่าเป็นใส้ติ่งอักเสบ แต่ว่าใส้ติ่งมันต้องอยู่ข้างขวา หมอจึงจับเอกซเรย์ พบว่ามีสิ่งผิดปกติตรงช่องท้องด้านซ้าย ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร ต้องรีบผ่าตัดด่วน พอผ่าไปแล้วถึงได้พบว่า เป็นฝีในท้องเป็นทางยาว กำลังจะแตกแหล่ไม่แตกแหล่ ขืนมาช้ากว่านี้อีก 2-3 ชั่วโมง ฝีอาจแตกและเสียชีวิตได้ เลยต้องรีบผ่าเอาออก แล้วก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ


             มันเล่าจบ ประกอบกับรอยแฟลที่เห็นเป็นทางยาว ทำให้เพื่อนๆทำหน้าสยอง ร้องยี้ไปตามๆกัน



             ช่วงนั้นไอ้เวอร์ฮ็อตมากครับ ทั้งอาจารย์ รุ่นพี่ รุ่นน้อง ผู้ชาย ผู้หญิง มาขอดูกางเกงในไอ้เวอร์กันเต็มไปหมด  เอ๊ย!!! ไม่ใช่ มาขอดูแผลไอ้เวอร์กันเป็นว่าเล่น เป็นที่ฮือฮามากเลย เพราะไม่เคยมีใครเป็นแบบนี้ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องแปลกใหม่มาก


             จนถึงช่วงพักเที่ยงก็ได้เวลาลงไปกินข้าว ทุกคนก็ลงไปกินข้าวกัน ผม ไอ้ตุ๊ ไอ้อุ้ย ก็เตรียมลงไปกินข้าวกัน แต่ไอ้เวอร์ไม่ยอมลุก


             “เฮ้ย ไอ้เวอร์ลุกไปกินข้าวได้ละ” ผมเรียกมัน


             “ซื้อมาให้กูที กูไม่อยากลุกเดินไป กูเจ็บแผล” ตอแหลลลล!!! วันนี้ก็เห็นมึงเดินโชว์แผลทั้งวัน ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ทีตอนนี้มาบอกเจ็บแผล


             “อย่ามาแหล เป็นแผลที่ท้อง ไม่ใช่ที่ขา” ผมด่ามัน


             “เชี่ย ลองมาเป็นแบบกูดูมั้ยล่ะ โคตรเจ็บ แล้วที่กูเป็นแบบนี้ก็เพราะมึงน่ะแหละ” ห๊า เมิงว่าอะไรนะ กูไปทำอะไรให้มึงเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร หรือว่ากูไปหักอกมึงเข้า เลยทำฮาราคีรีตัวเอง


             “อะไร เกี่ยวอะไรกับกูด้วยเนี่ย” ผมทำหน้างง


             “ก็หมอเขาบอกว่ากูเป็นแบบเนี่ย เพราะกูได้รับแรงกระทบกระเทือนที่ท้องบ่อยๆ แล้วเท่าที่กูนึกออก ก็มีเหตุผลเดียว ก็เพราะว่ามึงชอบต่อยท้องกู ครั้งล่าสุดก่อนที่จะเข้าโรงพยาบาล ในห้องน้ำอาจารย์ มึงก็ต่อยท้องกู” เฮ๊ย!!! ไอเชี่ยเวอร์ เดี๋ยวไอ้สองคนนี่ก็รู้หมดหรอก ว่ากูกับมึงเข้าไปทำไรกันในห้องน้ำอาจารย์วันนั้น


             “แล้วมึงเข้าไปทำอะไรกันในนั้น” นั่นไง ไอ้ตุ๊ ถามขึ้นมาเลยเชียว กูซวยแล้วไม่ล่ะ มองไปที่ไอ้อุ้ย มันก็ยิ้มเผล่เลยเชียว ไอ้นี่รู้ดีจริงๆ... ผมหันไปมองไอ้เวอร์บ้าง ... ม่างงงงง ทำหน้ามึน


             “ครือแว่....” ผมพูดไม่ออก


             “กูจะได้กินข้าวมั้ยเนี่ย” ไอ้เวอร์ทะลุกลางปล้องขึ้นมา


             “เออๆ เดี๋ยวกูไปซื้อให้ รออยู่นี่ละกัน” ผมรีบรับคำ ไม่อยากโดน ไอ้ตุ๊ กับไอ้อุ้ยซักไปมากกว่านี้


             สำหรับเรื่องที่ไอ้เวอร์มันกล่าวหาผมว่า มันเป็นฝีในท้องเพราะโดนผมต่อยท้อง ใครมีความรู้เรื่องนี้ช่วยเฉลยให้ผมฟังทีเถอะ ยังคาใจมาจนถึงทุกวันนี้ว่าจริงๆหรือเปล่า บางครั้งผมก็เชื่อว่าจริง บางครั้งก็ไม่เชื่อ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง นักมวยเค้าต่อยท้องกันเอาๆ เค้าคงเป็นฝีในท้องกันไปหมดแล้วล่ะ


             ผมรีบกินข้าวให้เสร็จ แล้วซื้อข้าว รีบเอามาให้มันที่ห้อง ขึ้นมาก็เห็นมันนั่งหน้าหงิกอยู่


             “ไปเป็นชาติเลย กระเพาะกูจะทะลุแล้ว” ได้ข่าวว่ากูยังลงไปไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ที่ผมเป็นรองอยู่ในตอนนี้ทำให้ผม ไม่อยากเถียงอะไรมันออกไป


             “ขอโทษ กูรีบแล้ว กินเสร็จกูก็รีบมาเลยเนี่ย”


             “แล้วทำไม ไม่ซื้อขึ้นมากินข้างบนด้วยกัน” มันดุผม


             “เอ่อ...” จะแดกข้าว หรือมึงจะแดกกู


             มันเอามือทำท่าจับช้อนกินข้าว พอจะตักเข้าปาก มันก็ทำหน้าเบ้ วางช้อนลง พร้อมกับเอามือจับที่แผล


             “เจ็บเหรอ...” ผมถาม เป็นห่วงมันจริงๆนะ


             “อือ..” มันทำหน้านิ่ว ผมสังเกตว่ามีเลือดปนน้ำเหลืองไหลซึมออกมาจนทะลุเสื้อมัน


             “เฮ๊ย! มีเลือดไหลออกมาด้วย ไหนดูซิ” ผมตกใจมาก รีบเดินเข้ามาหามันข้างหน้า ก้มลงไปดูก็เห็นว่ามีเลือดสีจางๆซึมออกมาจริงๆด้วย


             “ดึงเสื้อขึ้นซิ” ผมบอกมัน มันก็ทำท่าจะดึงเสื้อขึ้น แต่ก็ต้องทำหน้านิ่ว บ่งบอกว่ามันเจ็บ


             “อ่ะ เจ็บเหรอ ไม่ต้องล่ะ ไม่ต้องละ อยู่นิ่งๆ” ผมบอกมัน พร้อมกับเอื้อมือ ไปแกะกระดุมเสื้อมันแทน พร้อมค่อยๆเปิดเสื้อมันออก ผมเอื้มมือไปลูปหัวนมมันเบาๆ ...ไม่ใช่ล่ะ ...ผมเอามือ ไปแตะที่ผ้าก็อต์ชเบาๆ เอามาดูไกล้ๆ ก็เห็นว่ามีเลือดซึมออกมานิดหน่อย แล้วก็เป็นยาปนกับน้ำเหลือง สีจางๆ


             “เลือดนิดหน่อยนะ เป็นยากับน้ำเหลือง มากกว่า ที่ซึมออกมา” ผมมองมันที่ทำหน้านิ่ว แล้วบอกกับมัน


             “งั้น เดี๋ยวกูป้อนข้าวละกัน” มันพยักหน้า ผมจึงค่อยๆตักข้าวป้อนมัน แต่...


             “โม กุกินไม่ถนัด” คือตอนนี้ ผมยืนด้านข้างซ้ายมัน แล้วก็ป้อนข้าวมัน ทำให้มันต้งเอี้ยวตัวนิดนึงเพื่อจะให้กินข้าวได้ และไม่ทำให้ข้าวหก


             “เหรอ งั้นแป๊บนะ เดี๋ยวกูไปเก้าอี้มานั่งนะ” ผมวางจานลง แล้วจะไปเอาเก้าอี้มาตั้งข้างๆมัน


             “ไม่ต้อง มึงมานั่งข้างบนสิ”


             “อะไรนะ บนตักมึงอ่ะเหรอ (ไอ้โมคิดไปโน่น ฮา)”


             “บนโต๊ะนี่ (ในใจมันคงด่าผมว่าควาย)”


             “อ่อ แหะๆ” ผมขึ้นนั่งบนโต๊ะ โดยหนหน้าเข้าหามัน โดยห้อยขา นั่งเหมือนกับว่าผมคร่อมมันไว้ ผมค่อยๆป้อนข้าวมันทีละคำ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอเวลาผ่านไป ผมก็เริ่มนึกได้ว่าท่าที่ผมนั่งป้อนข้าวมันอยู่นี้ก็ทำให้ชวนคิดลึกได้ไม่น้อยทีเดียว คิดได้ดังนั้นก็รู้สึกหน้าตัวเองร้อนผ่าวๆ บวกกับตอนนี้เพิ่งสังเกตว่ามันกินไป มองหน้าผมไป ยิ่งมันเห็นผมอาย มันก็ยิ่งจ้องไม่เลิก เลววววววว แกล้งกุอีกละ >///< ผมเองทำได้แค่หลบสายตามัน แล้วผมก็ป้อนข้าวมันจนหมด



             “โม..”


   “หือ?” ผมหันมามองมัน เจอมันทำตาเยิ้มอยู่ เง้ออออ ... กินข้าวเสร็จ เมิงจะกินแตงโมเป็นของหวานต่อเลยเหรออออ มันทำท่ายื่นหน้าเข้ามาไกล้ ผมก็เลยยื่นหน้าเข้าไปไกล้มันบ้าง เผยอปาก หลับตาพริ้ม เอร๊ยยยยยย ไอ้โม ไอ้คนใจง่ายยยยยย
มันยื่นหน้าเข้ามาข้างแก้มผม ...เอร๊ย จะจุ๊ฟๆๆๆแล้วววววว




             ...





             ..





             ...



             แล้วมันก็



             ..



             ..



             ..



             ก็



             ..



             ..



             ..



             ก็...พูดว่า






             “กูหิวน้ำ” ~ ~




             -..,-




             เซ็ง





             ผมลืมตามองไปที่มัน หน้ายังแดงไม่หาย ยิ่งเงยหน้าขึ้นมาองมันแล้วเห็นมันยิ้มอยู่ก็ยิ่งอาย ฮือออออ ไอ้บ้าเวอร์ >////< ผมหันไปจะหยิบน้ำให้มัน ...






             หยิบน้ำ ... น้ำ






             ไหนล่ะน้ำ ..






             น้ำอยู่ไหนหว่า...





             หรือว่า...







             ลืมซื้อมาสินะ ...






             -_-




             สรุปว่าไอ้โมต้องวิ่งหอบแฮ่กๆลงไปซื้อน้ำให้มันอีกรอบ T_T มันเหนื่อยนะว้อยยยยยยยย



หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/1 หวาน P7[02/11/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: gay_love ที่ 03-11-2011 04:03:34
หว่า..อุตสาเข้าใจผิด..แต่น่ารักดี
ใจอ่อนแล้วซิเชียร์เวอร์ดีกว่า
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/1 หวาน P7[02/11/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 03-11-2011 07:47:13
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/1 หวาน P7[02/11/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 03-11-2011 09:13:21
555555 :laugh:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/1 หวาน P7[02/11/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 03-11-2011 10:22:54
 :jul3: :jul3: :jul3:

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/1 หวาน P7[02/11/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 03-11-2011 12:40:39
รักเวอร์งะ ทำตัวน่ารักให้โมหลง :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/1 หวาน P7[02/11/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 03-11-2011 22:19:38
สับสนตรงไอ้ไม่ใช่และ ไม่ใช่และนี่แหละ นึกว่าใช่ทุกที  :laugh:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/1 หวาน P7[02/11/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 08-11-2011 20:06:44
ตอน 31/2: หวาน 2

    สามอาทิตย์ผ่านไปที่ผมคอยดูแลมัน เสิร์ฟข้าวเสิร์ฟน้ำ ไหนจะต้องพามันไปเข้าห้องน้ำ รวมไปถึงการที่ผมจะต้อง ลอกเลคเชอร์ให้มันเพื่อที่จะได้เอาไปอ่นที่บ้าน ยอมรับว่าเหนื่อยเหมือนกันที่ต้องคอยทำทุกอย่างให้มัน แต่แปลก ช่วงที่เหนื่อยนี้กลับเป็น่วงที่ผมรู้สึกมีความสุขที่สุด ผมได้มีเวลาไกล้ชิดกับมันมากขึ้น เรียกว่า แทบจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไม่เว้นแม่แต่ตอนเข้าห้องน้ำด้วยซ้ำ



    วันนี้ผมก็ยังคงซื้อข้าวมาให้มันกินบนห้อง หลังจากป้อนข้าว ป้อนน้ำให้มันเสร็จ (ยังกับเลี้ยงลูกเลยแน่ะ)



    “โม..”



    “หือ?”



    “ขอนอนตักหน่อยดิ”



    “หือออออ?” เล่นเอาผมงง อารมณ์ไหนของมันเนี่ย จะมาขอนอนตัก



    “นะๆๆ” มันทำเสียงอ้อน มันรู้ว่าผมเป็นคนใจอ่อน มันจึงชอบเอาจุดอ่อน มาให้ผมทำตามใจมันบ่อยๆ (จริงๆก็อยากทำให้มันนะ แต่เล่นตัวไปงั้น)



    “อือ .... แปบนึง .....” ผมพูดเบาๆ แต่ไม่กล้ามองหน้ามัน อายง่ะ



    ผมไปยกเก้าอีมาต่ออีกตัว รวมเป็นสามตัว แล้วเข้าไปนั่งด้านใน หันหลังพิงขอบหน้าต่าง  เอาขาชิดกัน มันนอนลงมาเอาหัวหนุนมาที่ตักระหว่างขาสองข้างที่ชิดกัน แล้วพาดลำตัวไปบนเก้าอี้ทั้งสาม



    “อืม สบายจัง ขอนอนหลับหน่อยนะ เมื่อคืนก็นอนดึก” มันบอก



    “ทำไมอ่ะ ยังปวดแผลอยู่เหรอ”



    “ป่าว กูนั่งเล่นเกม”



    “-_- เชี่ย หมอบอกให้พักผ่อน เดี๋ยวก็ไม่หายหรอกมึง”



    “ก็ดี มึงจะได้ดูแลก็อย่างนี้นานๆ หึหึ” มันหัวเราะ ขำ



    “อ่อ งั้นก็เป็นง่อยไปเลยสิ”



    “เชี่ย แช่งกู”



    “ฮะ ฮะ” ผมหัวเราะบ้าง



    “กุมีความสุขจัง...” มันพูดทั้งที่หลับตา พร้อมกับยิ้ม มันเอามือมันมาจับมือผมแล้วไปวางบนออกมัน ผมรู้สึกได้ถึงแรงเต้นของหัวใจมัน



    “...” ผมเงียบ ได้แต่ยิ้ม มองหน้ามัน ไม่กล้าบอกว่าผมเองก็มีความสุขเหมือนกัน อยากจะหยุดเวลานี้ไว้นานเท่านาน เวลาที่มีแค่เพียงผมกับมัน


   

    “โม...” มันกระซิบเรียกเบาๆ เซ็กซี่ชะมัด อร๊างงงงง



    “หือ?”ผม อยากจะรู้ว่ามันจะพูดอะไรต่อ หรือจะขอหอมแก้มกูว๊าาาาา ไอ้บ้า กุอายน๊าาาาาา มันเว้นช่วงซะยาว จนผมใจตุ๊มๆต่อมๆ



    .



    .



    .



    .



    .


    “บีบสิวให้หน่อย”


     ~



     ~



     ~




     “....”






     ไอ้เวอร์ ไอ้เลว โดดกันหูแม่งซะเลยดีแมะ คนกะลังซึ้งๆ ทำเสียบรรยากาศหมด นึกในใจอยากจะตบกะโหลกมันซักหนึ่งที แต่ก็ทำได้เพียงเสียงจิ๊จ๊ะ ในลำคอ แล้วก็บีบสิวให้มัน ชิส์



      บีบสิวให้มันจนเพลิน รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงมันกรนเบาๆ ผมมองหน้ามัน เห็นหน้ามันไม่ถนัดนัก เพราะมันนอนกลับหัวเข้าหาตัวผม มองเห็นรอยสิวที่ผมบีบให้มัน เป็นจุดแดงๆเล็กๆตามใบหน้า คิ้วเข้มตัดกับใบหน้าขาวๆเรียวยาวของมัน จมูกที่โด่งเป็นสัน และริมฝีปากอิ่มแดง แบบนี้น่ะเหรอ ที่ผู้หญิงหลายคนหมายปอง แบบนี้น่ะเหรอที่ผู้หญิงหลายคนฝันหาอยากลิ้มรส แบบนี้น่ะเหรอที่เคยสัมผัสกับริมฝีปากของผมมาหลายต่อหลายครั้ง คิดแล้วก็อดนึกภูมิใจไม่ได้ ที่ผมเป็นคนแรกที่ได้ลิ้มรสริมฝีปากคู่นี้ ผมอดไม่ได้ที่จะยกมืออีกข้างลูบผมของมันเบาๆ ผมที่หยักศกเล็กน้อย สีดำสนิท หนา แต่ให้ความสัมผัสที่นุ่มมือ ผมเคลิ้มไปกับมนต์สะกดของมัน จนอดไม่ได้ ผมค้อมตัวลงมา ประทับริมฝีปากลงบนที่หน้าผากขาวเนียนของมัน สูดหายใจเข้าหนึ่งครั้ง พร้อมกับกำลังจะเงยหน้าขึ้น แต่ตากลับเหลือบไปเห็นริมฝีปากสีแดงคู่นั่น จึงเลื่อนใบหน้าหน้าขึ้นไปอีกนิด เป้าหมายคือริมฝีปากที่ปิดสนิทอยู่ของมัน





     ไกล้อีกนิด




     ...






     อีกนิด




     ....





     นิดนึง




     ...





     แต่แล้วสติผมก็กลับคืนมา นึกอายขึ้นมาทันทีทันใด นี่ถ้ามันตื่นขึ้นมาตอนนี้ แล้วมาเห็นว่าผมกำลังทำอะไรกับมันอยู่ล่ะก็ ได้หัวเราะเยาะผมไปยันลูกบวชแน่



     ทำอะไรเนี่ยตู ..... ปากบอกว่าเกลียดมันนักมันหนา แต่กลับแอบมาลักหลับมันซะแบบนี้ รู้ถึงไหนได้อายไปถึงนั่นแน่



     ....ในขณะที่กำลังลังเลอยู่นั้น ทำให้ผมลืมสังเกตไปว่าเสียงกรนเบาๆนั้น ได้เงียบหายไปแล้ว ผมกำลังจะเงยหน้ากลับมา พลันก็มีมือมาจับด้านหลังศีรษะผมไว้ พร้อมกับกดคืนลงมา จนริมฝีปากของผมประกบลงเข้ากับริมฝีปากสีแดงที่รออยู่ด้านล่าง




     เหมือนไฟช็อตเลยครับ เป็นความรู้สึกแปลกประหลาดที่ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อน เหมือนตัวเบาล่องลอยอยู่กลางอากาศ เหมือนถูกไฟฟ้าช็อต  มันอธิบายไม่ถูก มีหลายความรู้สึกปนกันไป แต่ที่แน่ๆมันรู้สึกดีมาก รู้สึกดีแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต ผมปล่อยให้เป็นไปตามที่ใจต้องการ ขอมีความสุขสักครั้ง เพื่อจะจดจำช่วงเวลานี้เอาไว้ไปนานแสนนาน มันยังจับศีรษะผมไว้ ราวกับว่ากลัวผมจะถอนริมฝีปากออกจากมัน เวลาผ่านไปเนิ่นนาน จนผมต้องเป็นฝ่ายตัดสินใจถอนริมฝีปากออกจากมัน อย่างรู้สึกเสียดาย






     เพราะ......









     เพราะ







     ผมเริ่มจะปวดหลัง



     “ไง ทนความหล่อของกูไม่ไหว ถึงกับต้องลักหลับกูเลยเหรอ” นั่นไง ปากหมาขึ้นมาเลยทีเดียวไอ้นี่ ใครมีเข็มบ้างฟระ มาเย็บปากมันไว้หน่อยซิ ไอ้เวอร์นี่มันจะเพอร์เฟคทุกอย่างเลยล่ะ ขออย่างเดียว อย่าให้มันได้พูดออกมา เพราะสุนัขมันจะวิ่งออกมาจากปากมันเป็นพรวน


     “อึก...” ไอ้โมพูดไม่ออก เพราะที่มันพูดเป็นจริงทุกประการ


     “ลุกได้แล้ว เมื่อย ตัวหนักจะตาย” ผมทำโมโห กลบเกลื่อน ดันมันลุกขึ้นนั่ง ลืมนึกไปว่ามันจะเจ็บแผล แต่พอเห็นมันไม่เป็นไรก็โล่งใจ จึงปีนข้ามโต๊ะออกไป หันมามองมันก็เห็นมันหัวเราะ หึหึ


     “หัวเราะเชี่ยไร ไปห้องน้ำละ” ผมบอก อายโคตรรรรรรร นี่ผมทำอะไรลงไปเนี่ยยยยยยยย อยากจะแทรกแผ่นดีดินหนี ผมพูดเสร็จก็รีบวิ่งปรู๊ด ออกมาเลย ฮืออออ มันได้เอาไปล้อผมยันลูกบวชแน่ เสียฟอร์มชะมัดเลยอ่าาาาาาา >///<



     เขียนถึงตอนนี้ก็นึกไปถึงภาพยนตร์เรื่องสไปเดอร์แมน ฉากที่นางเองจูบสไปเดอร์แมน ที่กำลังห้อยหัวอยู่ ตอนนั้นเข้าใจอารมณ์ผู้กำกับเลยว่าทำไมถึงต้องให้สไปเดอร์แมนห้อยหัวไว้ด้วย คืออยากจะบอกว่า การจูบในท่ากลับหัวเนี่ย มันให้ความรู้สึกดีมากๆ เป็นความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากการจูบแบบปกติ ผมบอกไม่ถูกเหมือนว่าเพราะอะไร  มันรู้สึกเหมือนได้รสสัมผัสที่นุ่มนวลกว่า ตื่นเต้นกว่า ถ้าการจบแบบปกติให้ความรู้สึกเหมือนไฟช็อต การจูบแบบกลับหัวก็คงจะเหมือนโดนฟ้าผ่า (ขนาดนั้นเชียว) ถ้าใครชอบการจูบแล้วล่ะก็ อยากให้ลองท่าจูบกลับหัวดู รับรองติดใจชัวร์รรรรรรรรรร
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/2 หวาน P8[08/11/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 08-11-2011 20:39:38
หวานกันใหญ่เลยน่ะ :o8:

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/2 หวาน P8[08/11/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 09-11-2011 01:07:08
น่ารักอีกแล้ว ทำให้หลงได้ตลอดเวลา :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/2 หวาน P8[08/11/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 09-11-2011 05:55:47
Waan kan yai loei na kha,,,hu hu hu...
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/2 หวาน P8[08/11/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 09-11-2011 09:45:33
น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก :impress2:

 :call:

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/2 หวาน P8[08/11/54]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 11-11-2011 10:32:10
ตอน 31/3: หวาน 3

       เหมือนจะลืมประกาศผลสอบ Mc Scholar Ships สินะ สรุปว่าผลสอบออกมาตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ไอ้เวอร์มันกลับมาเรียนแหละครับ ผมได้รางวัล 3 รางวัล เป็นในประกาศนียบัตร 3 ใบ กับเงินอีกนิดหน่อย มีรางวัลต่างๆเท่าที่จำได้


       1.ชนะเลิศอันดับ 1 ภาษาอังกฤษ ระดับจังหวัด

       2.รองชนะเลิศอันดับ 1 วิทยาศาสตร์ ระดับจังหวัด

       3.รองชนะเลิศอันดับ 1 คะแนนรวม ระดับจังหวัด

       ส่วนไอ้โย น่าเสียดายที่มันไม่ได้รางวัลใดๆเลย อดสงสารมันไม่ได้ เพราะเห็นมันมีความพยายามมากกว่าผม ขยันมากกว่าผมเสียอีก อาจารย์ประกาศรางวันหน้าเสาธง ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่มีการส่งใบประกาศฯมาที่โรงเรียน อาจารย์วัฒน์ อาจารย์เก้ อาจารย์อ๋อย แลดูจะดีใจมากกว่าตัวผมเองซะอีก


       หลังจากนั้นคะแนนการสอบ ของผมก็ถูกส่งไปแข่งขันระดับประเทศต่อ คนที่ติดอันดัน 1-100 จะได้เงินเพิ่ม และจะได้ไปเข้าค่ายกับทาง Mc Scholar Ships แต่น่าเสียดายที่ผมไม่ได้รางวันใดๆในระดับประเทศเลย


       ช่วงนี้ผมต้องดูแลไอ้เวอร์ตลอด ทำให้ไม่ค่อยได้มีเวลาไปขลุกที่ห้องวิทยาศาสตร์เหมือนแต่ก่อน มีบ้างที่ผมแวะไปหาอาจาร์วัฒน์ แต่ส่วนใหญ่ก็เจอกันในห้องเรียนมากกว่า ตอนนี้ไอ้เวอร์เองมันก็สามารถลงมากินข้าวกลางวันข้างล่างกับพวกผมได้แล้ว วันนั้นหลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จ


       “วันนี้เดี๋ยวกูไปหาอาจารย์วัฒน์ที่ห้องวิทย์นะ” เหลือบไปมองไอ้เวอร์ หน้าบูดเป็นตูดลิง จนผมต้องอธิบายเพิ่ม


       “สงสัยจะเรียกไปคุยเรื่องผลสอบแหละ จะไปเล่นบาสกันใช่มะ”


       “อือ” ไอ้ตุ๊ กับ ไอ้อุ้ย พูดพร้อมกัน


       “งั้นไปเจอกันสนามบาส พาไอ้เวอร์ไปด้วย เด๋วกุตามไป” ผมบอก


       “กูไปเองได้ ไม่ได้เป็นง่อย” นั่น มาเต็มๆ อารมณ์ล้วนๆ ไอ้เวอร์ตอบกลับมา แต่ไม่ยอมมองหน้าผม


       “ก็ดี งั้นกูไปล่ะ” ฮะ ฮะ แกล้งมันซะหน่อย พูดเสร็จผมก็รีบเดิบไปห้องวิทย์ทันที


       พอมาถึงห้องวิทย์ ก็เจออาจารย์วัฒน์ นั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะอยู่


       “หวัดดีครับ’จารย์” ผมยกมือไหว้


       “เห็นอาจารย์เรียกหาผมครับ มีอะไรใช้ผมช่วยเหรอครับ” ผมถาม


       “อ๋อ เปล่าหรอก เรื่องผลสอบน่ะแหละ ตั้งแต่ประกาศผลอกมา เรายังไม่ได้มีเวลาคุยกันเลย”


       “อ่อ ครับ แหะๆ”


       “เก่งนะเนี่ยเรา ไม่หน้าเชื่อว่าจะได้ตั้งที่สองของจังหวัด” อาจารย์แซว ยิ้มๆ


       “แหะๆ เผอิญอาจารย์ที่มาติวให้เค้าเก่งนะครับ” ผมแซวอาจารย์คืนบ้าง


       “โห ชมกันซึ่งๆหน้าแบบนี้ครูก็เขินแย่” น่าน อาจารย์กู ไม่ค่อยหลงตัวเองเลย


       “ผมหมายถึงอาจารย์เก้ กับอาจารย์อ๋อยน่ะครับ หุหุ”


       “พูดแบบนี้ครูเสียใจนะเนี่ย”


       “แหมมมม ผมล้อเล่น เพราะ ‘จารย์แหละ ผมถึงได้ตั้งที่สอง เอ่อ... แล้วโยธินเค้าว่าไงบ้างอ่ะครับ”


       “ก็คงเสียใจแหละ ครูก็ไม่ได้ไปปลอบใจอะไร เดี๋ยวจะยิ่งเสียใจไปกันใหญ่”


       “อ่อ ครับ”


       “อ่ะ นี่ รับไปสิ” อาจารย์ยื่นกล่องใบนึงให้ผม


       “อะไรเหรอครับ” ผมทำหน้างงๆ


       “ครูให้ เป็นรางวัล ที่เธอพยายามทำได้ดีมาก” เฮ้ยยยย อาจารย์ให้ของขวัญผมเหรอเนี่ย ดีใจโคตรๆ เป็นของขวัญชิ้นแรกในชีวิตผมเลยนะเนี่ย


       “อ่า... ขอบคุณครับ”ผมยกมือไหว้ แล้วรับของขวัญมาจากอาจารย์ มองกล่องของขวัญอย่างดีใจ


       “แกะดูสิว่าชอบไหม”


       “ครับ” ผมค่อยๆบรรจงแกะห่อของขวัญออกมา เอ...จะเป็นอะไรนะ หรือว่า....จะเป็นแหวนหมั้น นี่อาจารย์จะขอเราแต่งงานรึเปล่าเนี่ย อร๊ายยยย (โป๊ก!!! เพ้อเหรอเมิง --> จิตใต้สำนึก) เมื่อผมเปิดของขวัญออกมาก็พบว่า เป็น... เสื้อเชิร์ต แขนยาว สีน้ำตาล ลายดำสลับขาว สวยมากๆ นี่เป็นของขวัญชิ้นแรกในชีวิตผม แล้วยังเป็นเสื้อเชิร์ตตัวแรกในชีวิตผมด้วย โหยยยย โคตรจะชอบ อาจารย์เลือกของขวัญได้ถูกใจดีจริงๆ ผมจับพลิกเสื้อไปมาอย่างตื่นเต้น เห็นมีป้ายเย็บติดกับปกเสื้อ เขียนว่ายี่ห้อ “John Henry” (ตอนนั้นเห็นแล้ว ก็พอนึกได้ว่าเคยเห็นในโฆษนาทีวี)


       “ลองสวมดูสิ” อาจารย์บอก


       “ครับ” ผมเอาเสื้อสวมทับชุดนักเรียน ลองติดกระดุมดู แต่ด้วยเสื้อยังใหม่อยู่ ทำให้ติดกระดุมยาก เพราะรังดุมยังแคบอยู่


       “มานี่สิ” อาจารย์ เดินเข้ามาหา พร้อมช่วยติดกระดุมเสื้อให้ผม ตอนนี้หน้าของผมกับอาจาย์ห่างกันไม่ถึงฟุต ผมได้แต่แกล้งมองไปถึงอื่น เพราะไม่กล้าสบตาอาจารย์ ตอนนี้รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวๆ ได้กลิ่นแป้งกลิ่นเดิมจากตัวอาจารย์ ผมรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของอาจารย์ที่อยู่ตรง       หน้า พร้อมกับเสียงหัวใจของอาจารย์ที่เต้นรัวไม่แพ้กับของผม


       อาจารย์ค่อยๆ ติดกระดุมให้ผม จนเสร็จทุกเม็ด แล้วจึงจับผมหมุนตัวเพื่อดู


       “ใหญ่ไปนิดนึงนะ” อาจารย์บอก พร้อมกับมองหน้าผมยิ้มๆ พร้อมกับส่งสายตาพิฆาต มาใส่ผม (อ๊ากกกกก เดี๋ยวโดดกัดซอกคอซะเลยนิ)


       “ครับ” ผมหลบตาอาจารย์ ยิ้มอายๆ


       “แต่ที่จริงครูว่า เธอน่ะผอมไปน่ะ น่าจะกินเยอะกว่านี้อีกซักหน่อย” อาจารย์ยังมองผมไม่เลิก เหมือนจะแกล้งผมซะงั้น


       “แหะๆ กินเยอะแล้วครับ ‘จารย์ สงสัยพยาธิ ในท้องจะเยอะน่ะ”


       “นั่นสินะ ฮะ ฮะ” ผมคุยกับอาจารย์ อยู่อีกครู่หนึ่ง ก็ขอตัวออกมา พร้อมกับของขวัญ วันนี้มีความสุขจัง ของขวัญชิ้นแรก เสื้อเชิร์ตตัวแรก ลัลล้ามากมาย ฮะ ฮะ


       ผมเอาของขวัญไปเก็บที่ห้อง แล้วรีบวิ่งมาสนามบาส สวนกับน้องจั๊กจั่นกับเพื่อนๆ ที่เดินออกมาจากทางสนามบาสพอดี





       “อ้าวพี่นะโม มาเล่นบาสกับเพื่อนๆเหมือนกับเหรอคะ” น้องจั๊กจั่นทักทายผม


       “อ๋อ ใช่ครับ แล้วน้องจั่นกับเพื่อนมาทำอะไรแถวนี้ครับ”


       “อ๋อ มาหาพี่พาวเวอร์น่ะค่ะ แล้วก็ซื้อน้ำมาให้” โห ช่างกล้า ตามมาหาผู้ชายถึงนี่เลยนะน้อง


       “อ๋อ ครับ งั้นพี่ไปหาเพื่อนก่อนนะครับ” ต้องรีบออกมา ก่อนที่จะของขึ้นไปมากกว่านี้ เกิดอาการจี๊ดๆที่หัวใจขึ้นมาอย่างกระทันหัน


        แต่ทันทีที่มาถึงสนามบาส สิ่งที่ผมเห็นเบื้องหน้านั้น ทำให้ผมถึงกับของขึ้น ขึ้นมาจริงๆซะงั้น ผมวิ่งผ่าเข้าไปกลางสนาม ที่พวกเพื่อนๆผมกับลังเล่นกันอยู่ รวมทั้ง








       ...... ไอ้เวอร์








       “มึงทำอะไรเนี่ย!!!” ผมตะคอกอย่างดัง จนเพื่อนทั้งสนาม ต้องหยุดเล่นแล้วหันมามองที่ผมเป็นตาเดียว


       “มึงหยุดเดี๋ยวนี้เลย อยากตายรึไงห๊ะ!” ผมโมโหมาก


       “หมอเค้าบอกให้มึงห้ามเล่นกีฬาอย่างน้อยก็ 1 ปี ไม่ใช่รึ มึงอยากตายรึไง!!!”


       “แล้วพวกมึงน่ะ รู้ทั้งรู้ ยังจะชวนมันมาเล่นอีก ถ้ามันเป็นไรขึ้นมาพวกมึงจะทำยังไง รับผิดชอบกันไหวเหรอ!!! ” ผมใส่เป็นชุด พวกเพื่อนๆในสนามได้แต่เงียบกริบ


       “แล้วมึงสองคน ไอ้อุ้ย ไอ้ตุ๊ ทำไมไม่ดูมัน ยังจะมาชวนมันเล่นอีก”


       “กูป่าวชวนน๊า มันมาแจมพวกกูเอง” ไอ้อุ้ย ตอบเสียงอ่อย ผมหันไปมองไอ้ตุ๊ตาเขียว มันทำหน้าเจื่อน


       “มึงหยุดเล่นเลย ไอ้เวอร์ มากับกูนี่” ผมหันไปหาไอ้ตัวต้นเรื่อง


       “ไม่เล่นก็ได้วะ แม่มมมม”มันบ่น แต่ก็เดินออกมาหาผม ที่ข้างสนาม


       “เออ ลองเล่นต่อสิ กูจะไปบอกอาจารย์เก้ ให้ไปบอกแม่มึง” ผมขู่


       “เออๆๆ ไม่เล่นแล้ว ไม่เล่นแล้ว พูดดีๆก็ได้”


       “พูดดีๆแล้วมึงจะฟังมั้ย รู้ทั้งรู้ ตัวเองเป็นแบบนี้ยังจะไปเล่นอีก ถ้าเป็นไรขึ้นมาแล้วจะทำไง ไม่เจียมสังขารตัวเองเล้ย”


       “เออๆ กูขอโทษๆ”


       “แม่มม ” ผมยังของขึ้นไม่เลิก มันไม่เจียมตัวเองจริงๆ สภาพสังขารแบบนี้ ยังจะไปวิ่งเย้วๆอยู่กลางสนาม ถ้าแผลฉีกแบะ ไส้ไหลออกมาจะทำยังไง (ตอนนี้คิดแบบนั้นจริงๆ ว่าถ้าแผลมันฉีก ไส้มันคงจะไหลออกมา)


       “อย่าให้กูเห็นว่ามึงแอบมาเล่นบาสอีกนะ ไม่งั้นถึงหูอาจารย์เก้แน่”


       “พวกมึงด้วย!  อย่าให้กูรู้นะ ว่ามาชวนมันเล่นบาสอีกอ่ะ” ผมขู่ไปถึงเพื่อนๆที่อยู่ในสนาม


       “เฮ้ย ไอ้เวอร์ เมียมึงดุจังวะ มีลูกขอไปเฝ้าบ้านซักตัวด้วยนะๆ” เพื่อนๆในสนามมันแซว


       “หุบปากไปเลยมึง” ผมชี้หน้าไอ้คนที่แซว จนพวกเพื่อนๆมันเริ่มเล่นบาสกันต่อ ผมอารมณ์เสีย เลยไม่ได้อยู่ต่อ หันหลังแล้วเดินกลับห้องเรียนด้วยอารมณ์เดือดปุดๆ หันกลับไปเห็นไอ้เวอร์ยังนั่งอยู่ข้างสนาม ไม่เห็นมันเดินตามผมมา ห่วงนิดนึงกลัวว่ามันจะแอบไปเล่นบาสอีก คิดไปคิดมาอีกที มันคงไม่กล้าหรอก เพื่อนๆก็ได้ยินผมพูดขนาดนั้นแล้ว คงไม่ยอมปล่อยให้ไอ้เวอร์ลงไปเล่นบาสอีก


       ผมเดินกลับมาถึงห้อง ก็นั่งคิดถึงไอ้เวอร์ ทั้งหึงเรื่องน้องจั่น ทั้งโมโหที่มันไม่รักตัวเอง นี่ถ้ามันแผลฉีกเป็นอะไรไปจริงๆแล้วจะทำยังไง ไม่รักตัวเองบ้างเลยรึไง เข้าใจนะว่ามันรักการเล่นบาสเป็นชีวิตจิตใจ แต่รอให้หายก่อนไม่ได้รึไง เดี๋ยวก็ได้ตายคาสนามหรอก


       ....พอคิดถึงเรื่องตาย แล้วก็อดใจหวิวๆไม่ได้

       ....ตายเหรอ เฮ้ออ ใจหายเลยแฮะ ถ้ามันเป็นอะไรไปจริงๆ ผมจะทำอย่างไรนะ ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย ผมคิดได้ดังนั้น น้ำตาก็ปริ่มออกมา



       ถึงตอนนี้คงต้องยอมรับแล้วว่าไอ้เวอร์ ...





       ไอ้เวอร์มันเป็นคนเดียวจริงๆ ที่ทำให้ผมทั้งมีความสุขมากที่สุด และเสียน้ำตาได้ขนาดนี้


      ระหว่างที่ผมนั่งคิดเรื่องไอ้เวอร์อยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงคนเดินมา ผมรีบปาดน้ำตา คงเป็นไอ้เวอร์แหละ ...แต่ เชอะ! ผมไม่สอนใจ งอนแม่งดีกว่า เสือกทำให้ผมเป็นห่วง ผมแกล้งนั่งเอาคางเกยขอบหน้าต่างไว้ หันหน้าออกไปข้างนอก สักครู่จึงรู้สึกว่า ใครคนนั้นมานั่งลงข้างๆผม


       “มึงห่วงไอ้เวอร์มากเลยเหรอ” เป็นไอ้ตุ๊นั่นเอง มันถาม น้ำเสียงดูตัดพ้อ


       “ห่วงสิ มันเป็นเพื่อนเรานิ” ผมยังนั่งอยู่ท่าเดิม ไม่หันกลับมา ไม่ใช่ไอ้เวอร์ แต่เป็นไอ้ตุ๊งั้นเหรอ ไอ้เวอร์ไม่อยู่ กุงอนไอ้ตุ๊แทนก็ได้วะ ตะกี้ก็เคืองมันจริงๆด้วย ที่ไม่ยอมห้ามไอ้เวอร์


       “ห่วงเพราะมันเป็นเพื่อน หรือห่วงเพราะมันเป็นมากกว่าเพื่อน” มันถามเสียงแผ่ว


       “...” ผมหันกลับมา เห็นไอ้ตุ๊ทำหน้าจ๋อย ง่า ว่าจะงอนมันซะหน่อย เห็นหน้ามันแล้วงอนไม่ลงอีกแระ


       “อะไรอีกเนี่ย ก็มันเป็นเพื่อนเรานิ หรือว่ามึงไม่ห่วงมันล่ะ”


       “ถ้ากูเป็นแบบมันมั่ง มึงจะห่วงกูแบบนี้มั้ย” มันยิ่งทำเสียงอ่อย


       “เอ๊า ไอ้นี่ห่วงสิ ถามได้” ก็ห่วงจริงๆอ่ะ ถ้ามันเป็นแบบไอ้เวอร์บ้าง ผมก็คงทำแบบเดียวกันน่ะแหละ








       ย้อนไปที่วันนั้น







       วันที่อาจารย์เก้เรียกไอ้ตุ๊เข้าไปคุยอะไรไม่รู้หลังเลิกเรียน ไอ้ตุ๊ก็ซึมไปอยู่หลายวัน ผมกับไอ้อุ้ยพยายามถามความจริงอยู่หลายครั้ง กว่ามันจะยอมเปิดปาก สรุปว่าอาจารย์เก้ก็ดูออกว่าไอ้ตุ๊คิดอย่างไรกับอาจารย์ อาจารย์จึงต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม ไม่อยากให้ไอ้ตุ๊มันถลำลึกไปมากกว่านี้ จึงจำเป็นต้องบอกความจริงกับมันไปตรงๆ ว่าความรู้สึกที่ไอ้ตุ๊มีให้ อาจารย์ท่านก็ทราบดี แต่ยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้ ทั้งด้วยสถานะที่เป็นอยู่(หมายถึงสถานะศิษย์-อาจารย์) อายุที่หางกันถึง 10 ปี ถึงแม้ว่าอาจารย์จะยังไม่ได้มีแฟน ก็ไม่ได้หมายความว่า อาจารย์จะมารักไอ้ตุ๊แบบคนรักได้ จากวันนั้น ไอ้ตุ๊ก็ซึมไปเป็นอาทิตย์ ผมกับไอ้อุ้ยก็พยายามปลอบ จนในที่สุดมันก็ทำใจได้ และ...หันกลับมาเจ๊าะแจ๊ะกับผมเหมือนเดิม T_T จะดีใจหรือเสียใจดีวะเนี่ย



       “กุเห็นช่วงนี้มึงกับบมันตัวติดกันอย่างกับตังเม เห็นมึงป้อนข้าวป้อนน้ำมัน บอกตรงๆว่ากูเห็นแล้วกูอิจฉามันมากเลยนะ”


       “บ้า จะมาอิจฉาอะไร เพื่อนกันทั้งนั้น”


       “จริงๆนะ กูอยากให้มึงทำแบบนั้นกับกูบ้าง” ไอ้บ้า มึงอะได้มากกว่ามันอีก แก้ผ้านอนกอดกูก็เคยมาแล้ว


       “เอ๊า ก็มึงไม่ได้ป่วยแบบมันนิ”


       “...” มันยังทำหน้าจ๋อยไม่เลิก จนผมต้องหันมาหามัน ผมลุกขึ้นหันหน้าเข้าหามัน  เอามือสองข้างมาคล้องคอมันไว้


       “มึงฟังกุนะ ไม่ว่าจะเป็นมึง หรือเป็นไอ้อุ้ย กูก็จะทำแบบเดียวกับที่กูทำให้ไอ้เวอร์แหละ แต่ตอนนี้คนที่ป่วยเป็นไอ้เวอร์ กูถึงต้องดูแลมันเป็นพิเศษไง กูสัญญา ถ้าถึงเวลาต้องดูแลมึงบ้าง กูจะดูแลให้ดีกว่าใครๆเลย”


       “จริงนะ งั้น....” มันพูด พร้อมกับทำตาเป็นประกาย แล้วทันใดนั้น มันก็ดึงเอวผมเข้าหามัน จนผมเซโรงัง ลงไปนั่งตักมัน พร้อมกับ....


       “ฟอดดดด” มันหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทันตั้งตัว มันก็ก้มหน้าลงมาจูบปากผมเข้าให้อีก ....


       “อื้อ...” ผมครางในลำคอ เห็นสีหน้าท่าทางมันตะกี้แล้ว ก็อดทำให้ผมใจอ่อน ไม่ได้ งงเหมือนกัน เห็นมันชอบอาจารย์เก้นักหนา ก็นึกว่ามันจะเลิกคิดอะไรกับผมแล้วเชียว



       ผมปล่อยให้มัน ทำตามใจของมัน อาจจะถือเป็นคำปลอบใจจากผมก็ได้ ปลอบใจที่ผมไม่อาจมอบความรู้สึกให้มันได้ ในแบบที่มันต้องการ จูบของไอ้ตุ๊แผ่วเบา เนิบนาบ แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถถูก จนได้ยินเสียงคนเดินคุยกันมาทางนี้ ผมจึงผลักมันออก



       “พอแล้ว มีเสียงคนเดินมาทางนี้แน่ะ” มันละปากออกจากผมแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยผมอยู่ดี ผมเงยหน้ามองมันก็เห็นว่า ...มันทำหน้าจ๋อยอีกละ โว้ยยยย กูจะบ้า พวกมึงนี่จะเอาอะไรให้ได้ดั่งใจกันเลยใช่ม้ายยย ขัดใจอะไรนิดหน่อยไม่ได้ พวกคุณหนูคุณชายเนี่ย กูละเบื่อเจรงงงงงง


       “อ่ะ เดี๋ยวตอนบ่ายไปนั่งด้วยก็ด้ะ แต่ตอนนี้นี้ปล่อยก่อน นะ” ผมทำหน้าอ้อนมันมั่ง มันยิ่มเผล่ ขึ้นมาเลยเชียว เฮ้อ... ชักระอากับพวกมันขึ้นมาแล้วเนี่ย กรรมของไอ้โมแท้ๆ มาเจอกับมันสองคนเนี่ย


       “มึงพูดแล้วนะ” มันย้ำ หมายถึงเรื่องที่ผมจะไปนั่งข้าหลังกับมัน หรือเรื่องที่ผมจะดูแลมันล่ะเนี่ย


       “อื้อ”ผมตอบ มันจึงยอมปล่อยผมเป็นอิสระ ผมลุกออกจากตักมัน เป็นเวลาเดียวกับที่ เพื่อนๆทยอยกันขึ้นมาเข้าห้องเรียนพอดี 
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/3 หวาน (จบ) P8[11/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: gay_love ที่ 11-11-2011 10:51:11
 :o8: :o8:มารออ่าน  :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/3 หวาน (จบ) P8[11/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 11-11-2011 10:52:29
น้องโมเสน่ห์แรงจริงๆ :o8:

  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/3 หวาน (จบ) P8[11/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 11-11-2011 13:14:40
ThankS
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/3 หวาน (จบ) P8[11/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 11-11-2011 18:17:13
บอกได้คำเดียวโมแรดวะ

เริ่มไม่ชอบแล้วอะ

  :m16:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/3 หวาน (จบ) P8[11/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 11-11-2011 18:45:13
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้รวดเดียวจากตอนที่1ถึงตอนปัจจุบัน
เป็นการเล่าเรื่องราวผ่านทางตัวอักษรการได้ดีและสนุกจ้ะ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/3 หวาน (จบ) P8[11/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 11-11-2011 20:53:00
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/3 หวาน (จบ) P8[11/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 11-11-2011 21:20:10
Namo sanea rang na kha nia,,ho ho ho!!!
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/3 หวาน (จบ) P8[11/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 11-11-2011 22:06:32
อ้างถึง
กำของไอ้โมแท้ๆ มาเจอกับมันสองคนเนี่ย
กำไรมากกว่ามั้ง  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/3 หวาน (จบ) P8[11/11/11
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 12-11-2011 02:09:48
เรื่องสนุกดีค่ะ เค้าชอบตุ๊นะ ส่วนเวอร์รู้สึกขึ้นๆลงๆยังไงไม่รู้
ส่วนน้องโมของเรา,,,,น่าจะชัดเจนกว่านี้นะ ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับตุ๊ก็อย่าทำเหมือนกับให้ความหวังเพราะมันน่าสงสาร แต่ถ้าเลือกไม่ได้ก็ทำความเข้าใจกันทั้งหมดแล้วอยู่ด้วยกัน3คนไปเลย 5555555
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/3 หวาน (จบ) P8[11/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 15-11-2011 21:32:59
ตอน 32:

        กิจกรรมอีกอันหนึ่งที่เด็กนักเรียนทุกคนต้องทำ ก่อนที่จะเรียนจนมอสาม ก็คือการเข้าค่ายลูกเสือ อันเป็นหนึ่งในกิจกรรมภาคบังคับ ของการเรียนลูกเสือ-เนตรนารี โดยใช้พื่นที่ด้านหลังโรงเรียนเป็นที่ตั้งแคมป์ลูกเสือ อาจารย์จะให้นักเรียนมอสามแบ่งกลุ่ม (เรียกว่าหมู่) โดยการสุ่มนับเลข


        ผลจากการแบ่งกลุ่มปรากฏว่า พวกผมสี่คนไม่มีใครได้อยู่หมู่เดียวกันเลย ไอ้ตุ๊พยายามจะมาอยู่หมู่เดียวกับผมโดยการที่พยายามเปลี่ยนหมายเลขกับคนที่อยู่ข้างๆ แต่เนื่องจากที่มันเป็นจุดเด่น เลยทำให้อาจารย์จำมันได้ อาจารย์จึงไม่ยอมให้มันเปลี่ยน พร้อมกับโดนทำโทษไปตามระเบียบ ส่วนไอ้เวอร์มันอยู่ถัดไปจากผมหนึ่งหมู่  ส่วนไอ้อุ้ยอยู่หมู่สุดท้าย


        มีการคัดเลือกหัวหน้าหมู่โดยที่ คนตัวโตสุดที่ยืนหัวแถวก็จะได้เป็นหัวหน้าหมู่ ส่วนคนตัวโตรองลงมาจะได้เป็นรองหัวหน้า


        และแล้วก็มาถึงการเข้าค่ายวันแรก วันนี้อาจารย์ให้เรามารวมตัวกันที่สนามหน้าโรงเรียน โดยกิจกรรมแรกที่จะต้องทำในวันนี้คือการเดินทางไกล เป็นระยะทางราวๆ 11 กิโลเมตร โดยใช้พื้นที่ในหมู่บ้าน ที่อยู่รอบๆโรงเรียน เป็นเส้นทางในการเดินทาง ระหว่างทางก็จะมีฐานต่างๆ ไว้คอยให้เราทำกิจกรรมต่างๆราว 10 ฐาน ขอนุญาตเล่าป็นบางฐานนะครับ เล่าครบหมด อาจจะยาวคนคนอ่านเบื่อซะก่อน การเดินทาง อาจารย์จะให้เดินออกไปทีละสองหมูครับ เว้นระยะเวลา แต่ละหมู่ราวๆ 10 นาที โดยให้ลูกเสือ 1 หมู่ ไปกับเนตรนารี 1 หมู่ เพื่อให้พวกผู้ชายคอยช่วย เผื่อกรณีที่เกิดอันตราย


        ฐานที่ 1: ลำเลียงน้ำ


        ด่านนี้ครับ อาจารย์จะปักหลักสองหลัก หลักกนึ่งไว้บนบก อีกหลักไว้ในคูน้ำข้างทาง แล้วเอา เชือกมาร้อยไขว้กับหูกระทะ ที่เป็นกระทะแบนๆไว้ จากนั้นก็เอาเชือกไปผูกไว้กับปลายเสาทั้งสอง แล้วให้พวกเรายืนเรียงแถว ค่อยๆลำเลี่ยงน้ำผ่านกระทะที่ร้อยเชือกไว้นั้น ให้เต็มถังที่ตั้งอยู่บนบก ให้ได้ภายในเวลา 10 นาที หากทำไม่ได้จะถูกทำโทษ ให้ลงไปแช่น้ำ แล้วลงมานอนคลุกฝุ่น ส่วนผู้หญิง จะโดนปั่นจิ้งหรีด 50 รอบ
ฐานแรกไม่ต้องเดาครับ หมู่ผมทำได้อยู่แล้ว สบาย....ซะที่ไหนล่ะ ตอนแรกนึกว่าหมูๆ ที่ไหนได้ ถึงน้ำโคตรใหญ่ ใครจะไปใสน้ำเต็มได้ แถมกระทะก็แบนแต๊ดแต๋ มันพอเก็บน้ำซะที่ไหน สุดท้ายหมู่ผมก็ต้อง เดินออกมาจากฐานด้วยสภาพตัวเปียกแดงเถือก เนื่องจากโดนทั้งแช่น้ำ และคลุกกับฝุ่นลูกรัง



        ฐานที่ 2: ต่อตัวตีระฆัง


        ด่านที่สอง ให้ขึ้นไปตีระฆังให้ดัง โดยที่ระฆังแขวนอยู่บนยอดเสา ซึ่งเป็นแท่งเหล็กที่ขัดจนมัน แล้วเอาน้ำมันทาเสาไว้ ตอนแรกก็ใช้วิธีปีนขึ้นกันไปทีละคน เผื่อว่าจะมีซักคนที่ปีนขึ้นไปได้สำเร็จ แต่ก็ยังไม่มีใครทำได้  จึงเปลี่ยนมาใช้วิธีต่อตัว แต่ในที่สุดก็หมดเวลา ก่อนที่จะต่อตัวไปตีระฆังได้ สุดท้าย ก็โดนทำโทษกันไปอีกตามระเบียบ รอบนี้อาจารย์ทำโทษโดยแจกบอระเพ็ดคนละหนึ่งชิ้น .... ให้เคี้ยวแล้วกลืย ทีละคน  !!!  Y_Y อ้วกแตกไปตามๆกันน่ะสิ เหอๆๆ



        ฐานที่ 5: ใต่เชือกข้ามน้ำ



        และแล้วก็มาถึงด่านโหดมหาหิน เบื่องหน้าเป็นสระน้ำ มีเชือกหนึ่งเส้น ผูกไว้บนต้นไม้จากฝั่งหนึ่ง ไปอีกฝั่งหนึ่ง ผมมาถึงที่นี่เร็วกว่ากำหนด ทันเห็นหมู่ก่อนหน้า กำลังตะเกียกตะกายขึ้นจากสระน้ำกันพอดี และแล้ว...


        “เฮ้ย!! ปลิง” ใครสักคนตะโกน


        “ไหนวะ ไหนวะ”


        “ที่ขามึงน่ะ ข้างหลังขา”


        “เฮ้ยยยยย ” ใครคนหนึ่งร้องเสียงดัง พร้อมกับดึงปลิงออกจากขามันเอง พร้อมกับเลือดสาด เต็มขา


        “เชี่ย แล้วววววว ทางนี้ก็มี ที่แขนกูเลยยยยย” พวกที่เหลือในสระ ตะโกน พร้อมรีบกรูกันขึ้นมาจากสระ (น้ำในสระไม่ลึกมาก ประมาณ คอผม)


        หลังจากหมู่ก่อนหน้า ผมผ่านไป ก็ถึงคิวพวกผมต้องให้อาหารปลิงกันบ้างแล้ว


        “เอาล่ะ ถึงคิวพวกเธอแล้ว ฐานนี้เราจะสบายๆนะ ไม่ต้องเครียด ฐานเราจะไม่มีการทำโทษ แต่ หึ หึ พวกเธอคงเห็นหมู่ก่อนหน้าแล้วใช้มะ ถ้าใครตกน้ำไปละก็ หึหึ” เจี๊ยกกกกก อาจารย์ซาดิสม์ หลอกเอาลูกศิษย์ตัวเองมาเป็นอาหารปลิง ผมมองดูเพื่อนๆที่มาด้วยกัน กืนน้ำลายเอื๊อก         กันเป็นแถวๆ เพื่อนๆค่อยยๆ ใต่เชือกข้ามน้ำกันไปทีละคนๆ


        จนเสร็จสินภารกิจปีนเชือก ไม่ถึงครึ่งที่ปีนใต่เชือกผ่านไปได้โดยปลอดภัย ส่วนอีกกว่าครึ่งที่ต้องตกลงไปในน้ำก็แทบช็อคตาย ต้องรีบตาลีตาเหลือขึ้นมาจากน้ำ ใครโชคดีหน่อยก็มีของแถมติดเนื้อติดตัว ขึ้นมาจากน้ำด้วย


        ส่วนไอ้โมน่ะเหรอ ไม่ต้องเดา...ต้องเป็นพวกที่ตกน้ำอยู่แล้วน่ะเส่ะ ดีนะตอนตะเกียกตะกายขึ้นมาจากน้ำ ไม่มีอะไรติดมาด้วย ไม่งั้นละก็ ได้ช็อคตายคาสระแน่ๆ -__-


        ฐานที่ 8: ส่งข้าวสาร



        กว่าจะมาถึงด่านที่แปดได้ ก็ทำเอาพวกผม สะโหลสะเหล ไปตามๆกับ สภาพเยินซะอย่างกับไปออกรบที่ปากีสถานมา โดนทำโทษมันเกือบทุกฐาน วันนี้เหมือนอาจารย์คุมฐานจะสนุกกับการแกล้งพวกผมซะเหลือเกิน สงสัยอาจารย์จะเก็บกดมาจากการเรียนการสอนในห้อง ที่พวกผมดื้อกันน่าดู เพราะฉะนั้นวันนี้ไม่ว่ามีอะไรที่แกล้งพวกผมได้ แกก็จะขนกันมาแกล้งพวกผมสารพัด แล้วก็หัวเราะกันสนุกสนาน ประหนึ่งว่าดูโชว์ละครสัตว์ก็ไม่ปาน ดูซิว่าฐานยี้จะโดนอะไรอีก


        “ฐานนี้ เนื่องจากครูเห็นว่าพวกเธอเหนื่อยกันมามากแล้ว เพราะฉะนั้นครูจะให้พวกเธอทำอะไรเบาๆ” แล้วอาจารย์ก็หยิบถ้วยขึ้นมาหนึ่งใบ


        “นี่คือถ้วย” รู้แล้ว’จารย์ ไม่ได้ตาบอด


        “นี่คือข้าวสาร” แล้วอาจารย์ก็เอาช้อนตักข้าวสารขึ้นมา


        “ครูจะให้พวกเธอลำเลียงข้าวสารทีละเม็ดจากหัวแถว ไปท้ายแถว แล้วเอาใส่ถ้วยไว้” เออ... ง่ายจริงด้วยวุ้ย แค่เอาช้อนตักข้าวสารไปใส่ถ้วย


        “โดยที่ห้ามใช้มือ” หือ ห้ามใช้มือ อ้อสงสัยให้ใช้ปากคาบช้อน ก็ยังพอไหวหวุ้ย


        “ห้ามใช้อุปกรณ์ไดๆช่วย” อ้าวยังไงล่ะเนี่ย


        สรุปว่าฐานนี้ ต้องใช้วิธีคาบคาวสาร ทีละเมล็ด ส่งเป็นทอดๆ ให้เพื่อนจนถึงท้ายแถว แล้วให้คนท้ายแถว เอาใส่ถ้วย พวกผมร้องยี้ ไปตามๆกัน ไม่อยากจะคิด เพราะไม่ว่าจะหาวิธีส่งข้างสารเมล็ดเล็กยังไง ก็คงไม่วายจะต้องจูบปากไอ้คนก่อนหน้า และไอ้คนที่อยู่ถัดไปจากเราอยู่ดี


        และแล้วภารกิจชวนสยิว (หรือว่าชวนสยองวะ) ก็เริ่มขึ้น ข้าวสารเมล็ดจิ๋วถูกส่งมาเป็นทอดๆ จนมาถึงไอ้โม ซึ่งอยู่เป็นคนที่สองรองจากท้าย ไม่อยากจะคิดว่ากว่าจะมาถึงผม เจ้าข้าวสารน้อยเม็ดนี้จะผ่านมือชาย ไม่ใช่สิ จะผ่านปากชาย คนไหนมาแล้วบ้าง น้ำลายใครต่อใคร งืออออ คิดแล้วสยองง่ะ และแล้ว


        “ดีๆนะไอ้ต่อ” ไอ้ต่อคือเพื่อนต่างห้องคนนึง มันใช้ฟันกัดเมล็ดข้าวไว้ แล้วทำท่าส่งมาที่ผม ส่วนตัวผมเองก็พยายามที่จะหามุม ที่จะไม่ต้องไปจ๊วบปากกับไอ้ต่อมันเข้า จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจยื่นหน้าเข้าไปหามัน แล้วก็ใช้ฟันงับข้าวสารเม็ดนั้นเข้าให้ ปากแตะกันไปหน่อยหนึ่ง พอให้ขนลุกขนพองได้ แต่ๆๆ ข้าวสารดันหักครึ่งซะได้ ผมทำท่าจะพ่นข้าวทิ้ง อาจารย์ที่คอยตามเดินมาดูตลอดรีบพูด


        “หักแล้ว ก็ห้ามทิ้งนะ ส่งต่อไปเร็วๆเข้า” เฮ้ยยยย เอางี้เลยเหรออาจารย์ ถ้าต้องส่งข้าวเม็ดนี่ให้ไอ้กร(เพื่อนที่อยู่ท้ายสุด) อาจารย์ให้ผมจูบกับมันซะเลยจะง่ายกว่า ผมทำหน้าเบ้ ลังเล จะสงดี ไม่ส่งดี


        “เร็วๆเข้านายศุภชัย ” อาจารย์เร่ง เพราะข้าวเมล็ดถัดไปกำลังจะภูกส่งมาถึงผมอีกแล้ว ผมตัดสินใจ หลับหูหลับตา กัดเมล็ดข้าวไว้ แล้วหันไปหาไอ้กร


        “อื้อ...” ไอ้กรมันรีบงับข้างสารจากปากผมทันที แต่...อย่าเรียกว่างับจะดีกว่า เพราะมันเอาปากมันมาดูด ดุนเอาเมล็ดข้าวออกไปจากปากผมมากกว่า ดีนะมันไม่เอาลิ้นมันควานเข้ามาในปากผมด้วย


        “...” ผมตะลึงเล็กน้อย ลืมตามาดูมัน เห็นมันเอาข้าวใส่ถ้วย แล้วหันมายักคิ้ว แล้วยิ้มที่มุมปาก (_ _”) อาไรของเมิงงงงง มาเล่นหูเล่นตา กูไม่อยากหาคนมาทำให้ปวดหัวเพิ่มแล้ว แค่ไอ้ตุ๊กับไอ้เวอร์กูก็จะรับมือไม่ไหวแล้ววววว


        กว่าจะลำเลียงเข้าสารมาได้หมด จริงๆแล้วน่าจะพูดว่า กว่าจะได้ชิมน้ำลายเพื่อนๆหมดทุกคน ทำเอาไอ้โมเหนื่อย ลุ้นที่จะระวังไม่ให้ ไม่จูบปากใครเข้า แต่ก็ไม่วาย โดนกันไปคนละหลายจุ๊บ เป็นเกมอะไรที่มันติดเรทจริงๆ ใครนะช่างคิดเกมนี้มาได้ เหอๆๆๆ


        กว่าจะเดินทางไกลครบ 11 กิโล ทำกิจกรรมครับ 10 ฐาน ก็เล่นเอาพวกผมแทบหมดแรง กว่าจะเดินวนกลับมาที่สนามโรงเรียนอีกรอบก็เป็นเวลา ห้าโมงเย็น ผมเดินมาถึงก็เห็นเพื่อนๆนอนบ้าง นั่งบ้าง กันใต้ร่มไม้ข้างสนาม เพราะต้องรอเข้าแถว เพื่อไปตั้งแคมป์ ผมเดินไปหาไอ้ตุ๊ ที่มันมาถึงก่อนผม เห็นมันนอนหลับแผ่สองสลึง อยู่ใต้ต้นมะม่วง สภาพยับเยินยิ่งกว่าผมซะอีก ตัวแดงเถือกไปด้วยลูกรัง หน้าเต็มไปด้วยผงถ่าน ผมถูกจับมัดเป็นจุกไว้ (อาจารย์ยังไม่อนุญาต ให้ไปอาบน้ำ หรือล้างออกครับ)  เอิ่มม อยากจะไปนอนหนุนมันนะ แต่เห็นสภาพมันตอนนี้แล้ว ม่ายไหวอ่ะ เอาไว้ทีหลังละกัน ผมเดินลงมานั่งหมดแรงข้างๆมัน เอาหลังพิงต้นมะม่วงไว้ ไม่นานนักก็เห็นหมู่ของไอ้เวอร์ก็เดินตามเข้ามา แต่ เฮ๊ย!!!!


        อะไรกันเนี่ย ในขณะที่พวกผมสถาพยังกับฝ่าดงระเบิดมา แต่ไหงไอ้เวอร์มันอย่างกับเดินอยู่บนแคตวอล์ค สภาพมันตอนนี้เสื้อผ้ายังเรียบร้อยเหมือนเดิม มีแต่ผมมันเท่านั้นที่ถูกมัดจุกไว้ ก็พอจะเข้าใจอ่ะนะว่ามันป่วยอยู่อาจารย์เลยไม่เล่นงานอะไรมันมาก แต่ทำไมๆๆๆๆ หน้ามันไม่เห็นจะโดนผงถ่านเลยฟระ


        “ไรเนี่ย เด็กเส้นเหรอ” ผมทักมัน ตอนที่มันเดินเข้ามาหา


        “หึ หึ แน่นอน” มันหัวเราะ แล้วยักคิ้ว


        “โห ไหนขอดูซิอะไร เปื้อนหน้าเนี่ย” ผมทำท่าเอื้อมมือ ที่เต็มไปด้วยผงถ่านจะจับหน้ามัน


        “ไม่ต้องมาเนียนเลย ดูสภาพซิเนี่ย อี๋ ไปไกลๆเลย” ง่ะ เมิงกล้าเสือกไสไล่ส่งกูเหรอ


        “รายอ่ะ มานี่ดิ๊ ขอนอนหนุนตักหน่อยจิ ง๊วง ง่วง”


        “อี๋ ไม่เอาอ่ะ ดูสภาพดิ ไปนอนหนุนไอ้ตุ๊นู่น” มีเสือกไสไล่ส่งกูด้วยนะเมิง


        “เออ จำไว้นะเมิง อย่ามาร้องไห้ทีหลังละกาน”


        “ฮ่า ฮ่า ไม่มีทาง ใครกันแน่จะมาร้องไห้เพราะคิดถึงกู” มันหัวเราะร่วน


        หลังจากนั้นพอทุกหมู่เดินทางมาครบ อาจารย์ก็ให้แยกย้ายกันไปกางเต็นท์ และทำอาหาร ที่ทางด้านหลังโรงเรียน ซึ่งอยู่เลยหอชายเข้าไป บริวเณข้างๆสระน้ำ


        หมู่ผมช่วยกันกางเต็นท์จนเสร็จ หลังจากนั้นก็ทยอยกันไปอาบน้ำ โดยอาจารย์จัดที่อาบน้ำไว้ให้สองที่คือ ที่อ่างน้ำด้านหลังหอพักชาย และที่ด้านข้างบริเวณห้องน้ำชาย ส่วนผู้หญิงอาจารย์เอาสังกะสีมากั้นให้เป็นห้องอาบน้ำชั่วคราว


        ผมเองยังไม่ได้ไปอาบน้ำ เพราะกำลังช่วยกันหุงข้าวและทำกับข้าวอยู่ วันนี้มีไข่เจียว ใส่กรอกทอด และต้มมาม่า


        ทำอย่างอื่นก็ราบรื่นหมด จนมาถึงการต้มมาม่า ก็เริ่มมีการเสนอไอเดียแปลกๆกัน


        “เอ่อ กุว่ามันน่าจะใส่ผักลงไปด้วยนะ จะได้เยอะๆหน่อย”


        “อ่อ มีผักคะน้าว่ะ หั่นใส่ไปเลยมะ”


        “เออๆ”


        “ใส่ไข่ไปด้วยดีมั้ยวะ จะได้เพิ่มโปรตีนด้วย”


        “เออๆๆ ดีๆ ตีไข้ใส่ไปเลย” แล้วก็ตอกไขใส่ลงไป แล้วก็คนๆๆ แล้วก็ได้เวลาชิม


        “ซู๊ดดดดด”


        “เป็นไงมั่งวะ”


        “น้ำปลาใส่หน่อยดิ๊ บีบมะนาวลงไปด้วย” แล้วก็ชิม


        “กูว่ามันขาดอะไรบางอย่าง ลองใส่ปลากระป๋องลงไปมะ”


        “หือ? มึงเอาจริงอ่ะ”


        “อือ ลองดู” เอาว่าใส่ก็ใส่ แล้วผมก็เปิดกระป๋องปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ ใส่ลงไป 2 กระป๋อง คนๆ แล้วก็ชิม


        “เฮ้ย!!! มึงลองชิมดิ” เพื่อนคนแรกชิม แล้วส่งช้อนให้ผมชิมบ้าง


        “เฮ้ย!!! มึงลองชิมดิ” ผมชิม แล้วส่งช้อนให้เพื่อนอีกคน


        “เฮ้ย!!! อร่อยว่ะ” ใช่แล้ว มันอร่อยจริงๆ อร่อยแบบไม่น่าเชื่อ มาม่าต้มยำกุ้ง ผักคะน้า ไข่ไก่ และปลากระป๋อง เข้ากันได้แบบไม่น่าเชื่อ ลองไปทำกันดูนะครับ อร่อยจริงๆ จนเพื่อนในหมู่ผมกลับมาจากอาบน้ำ ก็ลงมือกินข้าวกัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมันอร่อยจริงๆ หรือเป็นเพราะว่า พวก        ผมหิวกินแน่ ถึงได้กินข้าวกันเกลี้ยงหม้อซะอย่างกับหมาเลีย ฮ่า ฮ่า


        หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมก็กำลังเตรียมตัวจะไปอาบน้ำ ว่าจะเดินไปหาไอ้อุ้ย ชวนไปอาบพร้อมกัน แต่ก็พลันได้ยินเสียงอาจารย์เป่านกหวีดเรียกรวมพลซะก่อน พวกเราจึงต้องรีบวิ่งไปรวมพลกันรอบกองไฟที่อาจารย์จัดเตรียมไว้ ได้ยินเสียงอาจารย์ร้องเพลง



        “พอ ฤกษ์งามยามได้เวลา เชิญเทพบนฟ้าทุกทิศลงมาช่วยเป็นพยาน ...”



        พอนักเรียนมาครบก็เริ่มกิจกรรมรอบกองไฟ มีทั้งให้เหล่าลูกเสือ-เนตรนารี ออกมาแสดงละครไป เล่นเกม และอีกมากมาย แถมยังต้องคลุกฝุ่นกันอีกรอบ แอบดีใจที่ไม่ได้อาบน้ำมาก่อน เพราะจะได้ไม่ต้องอาบอีกรอบ


        ในระหว่างที่ทำกิจกรรมรอบกองไฟอาจารย์ก็ยังจะมีเรื่องเอามาแล้วพวกผมได้อีก โดยตั้งแต่ช่วงเย็นก่อนที่พวกผมจะมากางเต็นท์กัน อาจารย์ได้เอาบางสิ่งบางอย่างแอบมาฝังไว้ในจุดที่พวกผมนั่งรอบกองไฟกันอยู่


        “ครูมีเรื่องจะประกาศ” อาจารย์ท่านหนึ่ง ที่ประจำอยู่รอบกองไฟ พูดขึ้น


        “ครูคิดว่าที่ค่ายของเรามีขโมย” หือ พวกผมมองหน้ากัน มีขโมยในนี้งั้นเหรอ แล้วข้าวของที่ผมทิ้งไว้ในเต็นท์จะมีอะไรหายไหมเนี่ย


        “ใครรู้ตัวว่าเป็นขโมย ให้รีบยอมรับมา แล้วครูจะยกโทษให้” อาจารย์ประกาศ พร้อมมองไปรอบๆ


        “ถ้าใครยอมรับตั้งแต่ตอนนี้ ครูจะยกโทษให้ แต่ถ้าไม่ยอมรับ แล้วครูจับได้ภายหลังล่ะก็ ครูจะทำโทษขนานหนัก” เงียบ ยังไม่มีใครออกมายอมรับว่าเป็นขโมย


        “ในเมื่อไม่มีใครยอมรับ ครูก็ต้องตรวจค้นทีละคน” แล้วก็มีจารย์ท่านอื่นๆ ออดมาช่วยกันค้นตามบริเวณรอบๆกองไฟ พี่พวกผมนั่งอยู่


        “เจอแล้ว นี่ไงพวกขโมย”


        “เฮ้ย!! ”พวกที่โดนจับได้ ร้องตกใจไปตามๆกัน คือพวกอาจารย์จะแกล้งพวกผมโดยการ นำ มาม่า ปลากระป๋อง ไข่ ขนม มาฝังไว้รอบๆกองไฟ ตามจุดที่พวกผมนั่ง แล้วถ้าใครซวยไปนั่งตามจุดนั้นๆเข้า ก็จะโดนอาจารย์ลากตัวออกไปยืนหน้ากองไฟ โชคดีของผมกับไอ้อุ้ยที่ไม่ซวยไปนั่งในจุดนั้น แต่ไอ้เวอร์ กับไอ้ตุ๊ ซวยครับโดนลากไปกลางวงตามระเบียบ


        “เอาล่ะ ในเมื่อเราจับขโมยเหล่านี้ได้แล้ว ก็คงต้องทำโทษให้สาสม กับที่ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด”


        “ไหน พาผู้ต้องหามานี่สิ” อาจารย์พาหนึ่งในผู้ต้องหามาด้านหน้า เป็นอาจารย์ผู้ชายอีกคน ซึ่งคงได้เตี๊ยมกันไว้ก่อนแล้ว


        “บอกมาซิ ทำไมเธอต้องเป็นขโมย”


        “คือว่าหนู หิวน่ะค่ะ เนี่ยท้องหนูมันร้องไม่หยุดเลย ดูสิคะ” อาจารย์ทำท่าจับท้องให้ดู แล้วเขย่าๆ (อธิบายนิดนึง ว่าอาจารย์ท่านนี้เป็นอาจารย์สอนศิลปะ สูงราวๆ 170 หนักราว 85 ส่วนพุงล้ำหน้าไปซักสองเมตรได้) พวกที่นั่งอยู่รอบๆกองไฟ ก็ฮากันครืน


        “เอาล่ะวันนี้เราจะ แห่ประจานพวกขโมยเหล่านี้ไปรอบๆกองไฟ” โทษเบาไปรึเปล่า อาจารย์


        “แต่ก่อนจะแห่ไปได้ ปู้หญิงให้ใส่นี่เอาไว้ก่อน” อาจารย์หยิบกะลาขนาดใหญ่ที่ทำเป็นรูปยกทรงขึ้นมาให้ดู พวกที่นั่งอยู่รอบๆ ก็โห่ฮากันใหญ่


        “แล้วก็นี่ด้วย” อาจารย์เอา มะละกอลูกขนาดเขื่องสองลูดที่ผูกติดกันเอาไว้ด้วยเชือก พวกที่อยู่รอบๆ ยิ่งโห่ฮา กันยิ่งเข้าไปใหญ่


        “ส่วนผู้ชาย ให้ไปหากางเกงในมาสวมไว้ข้างนนอก แล้วเอานี่ไปแขวนไว้ที่เอว” อาจารย์โชว์ พวงกล้วยและเงาอีกสองลูกที่ถูร้อยติดกันไว้เป็นพวง คราวนี้พวกผมโห่กันลั่นเลยครับ ฮ่า ฮ่า อาจาย์นะ ช่างคิดได้

        แล้วพวกที่ถูกทำโทษก็ต้องเดินไปรอบๆ โดยมีพวกที่อยู่รอบๆกองไฟโห่ฮา กันไปตามระเบียบ เรากิจกรรมรอบกองไฟกันอีกหลายอย่าง จนถึงเวลาเกือบสี่ทุ่ม อาจารย์จึงปล่อยให้ไปพักผ่อน


        ส่วนผมเดินไปหาไอ้อุ้ย เพื่อชวนไปอาบน้ำ เพราะวันนี้ผมยังไม่ได้อาบนน้ำเลย เดินไปหาไอ้เวอร์ กับไอ้ตุ๊ ก็พบว่ามันกำลังจะไปอาบน้ำเหมือนกัน พวกผมเดินกันไปที่อ่างอาบน้ำที่หอพักชาย ก็พบว่ามีคนอยู่เยอะมาก จึงตัดสินใจเดินไปอาบน้ำที่ห้องน้ำชายซึ่งอยู่ไกลออกไปทางอาคารห้องคหกรรม


        พอผมมาถึงก็เป็นไปอย่างที่คาด ไม่มีใครอยู่เลย คงเป็นเพราะที่นี่อยู่ไกลกว่าอ่างอาบน้ำด้านหลัง จึงมีผมอยู่กันแค่สี่คน แล้วก็มีคนมาเข้าห้องน้ำอีกสองสามคน พวกผมจึงได้ถอดเสือผ้าเหลือกางเกงในคนละตัวแล้วก็ลงมืออาบน้ำกัน


        “บรื๋ออออ หนาววุ้ย” ผมอุทาน เพราะค่อนข้างดึกแล้ว อากาศก็เริ่มเย็น แถมมีลมพัดโชยมาอีก


        ซ่า!!! ผมตักน้ำสาดไปที่ไอ้อุ้ย ที่ตอนนี้มันลังเล จะตักน้ำอาบดีหรือไม่ดี


        “เชี่ยยยยยย” มันร้อง พร้อมกับตักน้ำสาดมาใส่ผมคืน จนกระเด็นไปโดนไอ้เวอร์กับไอตุ๊ที่ยืนอยู่ข้างหลังผม


        “นี่แน่ะๆ” ผมกับไอ้อุ้ยสาดน้ำใส่กันไปมา จนไอ้หมีสองตัวข้างหลังพลอยเปียกไปด้วย


        “มึงทำไรกันเนี่ย มันหนาวนะเว้ย” สองคนโวยวาย ในที่สุดมันก็หยิบขันขึ้นมา สาดน้ำกันอย่างสนุกสนาน


        ผมทั้งอาบน้ำ ทั้งเล่นน้ำกัน จนเหนื่อยและหนาว จึงเลิกเล่น หยิบผ่าขนหนู่มากำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน ขณะที่กำลังใส่ผ้าขนหนู และซักกางเกงใน...


        “หนาวเหรอ”ไอ้ตุ๊ถาม


        “อือเส่ะ เล่นห่ากันไรไม่รู้หนาวจะตาย”


        “มานี่มะ กูให้กอด” มันไม่พูดป่าว คว้าเอวผม ....










        เข้าไปกอด .....
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 31/3 หวาน (จบ) P8[11/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 15-11-2011 21:36:20
  เข้าไปกอด .....







         เหนือแนบเนื้อ >//< สยิวใช้ได้เลยวุ้ย ไม่ใช่ละ ... ผมอ้าปากจะด่ามัน แต่ก็ได้ยินเสียงไอ้เวอร์ ร้องแหวขึ้นมาซะก่อน


        “เฮ้ย ไอ้ตุ๊ทำอะไร ปล่อยเลย”


        “อะไร ทำอะไร กอดเมียกูผิดตรงไหน มากกว่านี้ก็เคยมาแล้ววว” นั่น ไอ้ตุ๊บังอาจกระตุกหนวกเสือ


        “มึงจะปล่อยดีๆ หรือจะปล่อยทั้งน้ำตา”ไอ้เวอร์เสียงแข็ง ตาเขียว เง้อ มันจะวางมวยกันแล้ว ไอ้อุ้ยช่วยกูที ไอ้เวอร์ไม่พูดเปล่า มันย่างสามขุมเข้ามาหาผมกับไอ้ตุ๊


        “เฮ้ยใจเย็นๆโว้ย มึงจะทำอะไรกัน” ไอ้อุ้ยรีบห้ามทัพ แต่ไอ้ตุ๊ไม่ยอมปล่อยผมง่ายๆ มันกลับอุ้มผมขึ้นจนตัวลอย


        “เฮ้ย!! ไอ้ตุ๊ ทำอะไรปล่อยกูลงนะ” ผมพูด มองไปที่ไอ้เวอร์ก็เห็นมันตาเขียวปัด ที่มันจะวางมวยกันจริงๆเหรอเนี่ย ผมห้ามไม่ไหวนะ หมีควาย กับวัวป่ะจะมาฟัดกันเนี่ย


        “มึงไม่ยอมปล่อยใช่ไหม” ไอ้เวอร์เงื้อมือ ใส่ไอ้ตุ๊


        “เฮ้ย!! ไอ้อุ้ยห้ามมันที” ผมร้องบอกไอ้อุ้ย แต่ยังไม่ทันที่ไอ้อุ้ยจะเข้าไปห้ามไอ้เวอร์ มือไอ้เวอร์ก็มาถึงตัวไอ้ตุ๊แล้ว




        พึ่บ!!!! ผมได้ยินเสียงแค่นั้น ได้แต่หลับตาปี๋ ไม่กล้าดูต่อ มันคงซัดกันนัวแน่



























        “เฮ้ย!!! ไอ้เชี่ยเวอร์ ไอ้ตุ๊ร้อง” รีบทิ้งผมลง ดีนะผมทรงตัวได้ไม่งั้นคงลงไปนอนจ้ำเบ้า เกิดอะไรขึ้นน่ะเหรอ ก็ไอ้เวอร์มันกระตุกผ้าขนหนูไอ้ตุ๊หลุดติดมือมันไป ตอนนี้ไอ้ตุ๊วิ่งโทงๆ ตามไอ้เวอร์ไป ส่วนไอ้เวอร์ก็ถือผ้าขนหนูได้ตุ๊วิ่งไปรอบๆ หัวเราะลั่น


        “เชี่ย เอาคืนมานะเว้ย เฮ๊ย! เอาคืน ม๊า” ไอ้ตุ๊ วิ่งไล่ไอ้เวอร์ไปทั่ว ปากก็ตะโกน ให้ไอ้เวอร์เอาผ้าขนหนูมันคืนมา แต่มีเหรอไอ้เวอร์มันจะยอมคืนง่ายๆ ส่วนผมเห็นว่าไอ้สองคนนี่มันไม่ได้จะต่อยกันจริงๆ ก็เลยโล่งอก แล้วผมก็นึกอะไรดีๆออกมาได้บ้าง



        ฟึ่บ!!!!



        “เฮ้ย!!! เชี่ย!!! ” ไอ้อุ้ยร้อง เมื่อผมเห็นมันยืนเผลอ ผมจึงไปกระตุกผ้าขนหนูไอ้อุ้ยบ้าง แล้วก็วิ่งถือผ้าขนหนู หนีมันไป


        “เอาคืนมา ไอ้เชี่ยโม” ผมได้ผ้าขนหนูมาอยู่ในมือแล้ว มือเหรอจะคืนง่ายๆ ฮ่า ฮ่า


        “ไอ้โม มึงตายยยยยย เอาผ้ากูคืนม๊าาาาาาา” สภาพไอ้อุ้ยกับไอ้ตุ๊ ตอนนี้ ล่อนจ้อน วิ่งเอามือปิดจู๋ ไล่กวดผมกับไอ้เวอร์ไปทั่ว เสียงพวกผมหัวเราะ ตะโกนกันลั่น คงได้ยินกันไปถึงไหนต่อไหน


        กว่าจะได้กลับเข้าเต๊นท์นอน ก็เป็นเวลา เกือบห้าทุ่มแล้ว ผมกลับมาถึงเต๊นท์นอนก็พบว่าเพื่อนๆเข้านอนไปกันเกือบหมดแล้ว คงเพราะเพลียกันมาทั้งวัน ผมล้มตัวลงนอนด้านริมสุด ขณะที่กำลังล้มตัวลงนอนนั้น ไม่รู้ไอ้เวอร์โผล่มาจากไหน มุดเข้าเต้นมาหาผม พร้อมหอบหมอนและผ้าห่มมาเสร็จสรรพ


        “เฮ้ย! มาไงเนี่ย” ผมพูดเสียงเบา


        “นอนด้วยคนนะ เต๊นท์กุมันเต็มแล้ว” เชี่ย แล้วเต๊นท์กูไม่เต็มรึไง มานอนเบียดกูเนี่ย


        “เต๊นท์กูก็เต็ม จะมานอนเบียดอะไรกูเนี่ย”


        “นอนได้แล้วเนี่ย ง่วงจะตายอยู่แล้ว” มันล้มตัวลงนอนข้างๆผม พร้อมดึงผมลงไปนอนข้างๆมัน ไม่วายที่มันจะขโมยหอมแก้มผมไปอีกหนึ่งที


        “ไอ้หน้าด้าน” ผมด่ามันเบาๆ ดีนะตอนนี้มันมืด ไม่งั้นมันคงได้เห็นว่าผมหน้าแดงแจ๋


        “หึ หึ” มันหัวเราะในลำคอเบาๆ พร้อมขยับเข้าหาผม เอามือมากอดผมไว้ ยังไม่ทันจะได้เคลิ้มหลับ ก็มีเรื่องให้ผมปวดหัวอีกรอบ เมื่อมีหมีควายอีกตัวโผล่เข้ามาในเต๊นท์


        “อะไรอีกเนี่ย!!!” ผมโวยวาย แต่พอนึกได้ว่าคนอื่นนอนกันหมดแล้ว ทำให้ผมต้องลดระดับเสียงลงมา


        “มาทำไมมึง” ไอ้เวอร์พูดขึ้นมา น้ำเสียงแลดูว่ามันจะไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไดนัก


        “ก็มานอนกับเมียกู” ไอ้ตุ๊กวนตีนใส่


        “นี่จะนอนกันมั้ย” ผมรีบขัดมันสองคน เมื่อเห็นไอ้เวอร์ทำท่าจะลุกขึ้นมา


        “เข้ามานอนข้างในนี่” ผมบอกไอ้ตุ๊ พร้อมกันกับที่มันเอาหมอนมาวางข้างผมด้านใน แล้วนอนลงข้างๆผม อีกฝั่ง ไอ้เวอร์ทำเสียงฟึดฟัด


        “นอนได้แล้ว” ผมนอนลงตรงกลาง ง่วงจะตายอยู่แล้ว อย่าได้ลุกมาฟัดกันอีกนะพวกเมิง  พอนอนลงได้ไอ้ตุ๊ก็เอามือมากอดผมหมับ ไอ้เวอร์พลิกตัวจะมากอดผมบ้าง พอวางมือมาโดนมือไอ้ตุ๊ มันก็เอามือแกะมือไอ้ตุ๊ออก ส่วนไอ้ตุ๊ก็ไม่ยอม จะเอามือมากอดผมให้ได้ ยื้อกันไปยื้อกันมา จนผมรำคาญ


        “จะไม่ยอมนอนกันใช่มั้ย งั้นกูจะไปนอนกับไอ้อุ้ย ง่วงจะตายอยู่แล้ว” ผมขู่มันสองคน


        “ง่ะ” มันสองคนอุทานพร้อมกัน แล้วจึงหยุดยือแย่งกัน


        “เฮ้ออออ”ผมถอนหายใจ เมื่อเห็นว่ามันหยุดกันได้ซะที ผมจึงนอนตะแคงหันหลังให้ไอ้ตุ๊ แล้วก็จับมือไอ้ตุ๊มาวางไว้ที่เอว ส่วนมืออีกข้างก็ไปกอดเอวไอ้เวอร์ไว้ (วันนี้ขอสองนะ อิอิ) แล้วผมก็หลับตานอน


        วันรุ่งขึ้นตอนเช้า เห็นไอ้สองคนยังนอนกอดผมแน่น จนได้ยินเสียงนกหวีดอาจารย์เป่าเรียก เราจึงรีบตื่นไปล้างหน้า แปรงฟันกัน ช่วงสายเรามีกิจกรรมกันอีกนิดหน่อย จนสิบเอ็ดโมงอาจารย์ก็กล่าวสรุปกิจกรมลูกเสือประจำปี แล้วจึงปล่อยพวกนักเรียนกลับบ้าน ผมกลับถึงบ้านแทบหมดเรี่ยวแรง ถึงบ้านได้ก็นอนหลับเป็นตาย เพราะเหนื่อยกับการเดินทางไกลเมื่อวานนี้ไม่หาย เมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยหลับ เพราะมีปลาหมึกยักษ์สองตัว มันมารัดผมไว้ทั้งคืน
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 32 P8[15/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 15-11-2011 22:10:29
นี่ :z13:ขอที
ป้าด โม ได้ควบสองตั้งกะเด็กเลยเด้อ ไม่เบาๆนะเราน่ะ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 32 P8[15/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 15-11-2011 23:48:36
โมรับศึกหนัก :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 32 P8[15/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 18-11-2011 16:53:41
ตอน 33: ล่ำลา
       
        ผ่านไปอีกเดือนกว่าๆ วันนี้เป็นวันสอบปลายภาควันสุดท้ายของมอสามเทอมหนึ่ง และเป็นธรรมเนียมของทุกปีที่วันนี้จะเป็นวันที่เราจะต้องทำการอำลา อาจารย์ฝึกสอนที่จะต้องกลับไปเรียนต่อที่สถาบันราชภัฏในตัวเมืองจังหวัด


        หลังจากเข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จแล้ว อาจารย์เวร ก็ขึ้นมาประกาศหน้าเสาธง ให้อาจารย์ฝึกสอนทุกท่านมายืนตรงด้านหน้า อาจารย์ให้ตัวแทนชั้นมอต้นและมอปลาย ขึ้นมากล่าวคำอำลา หลังจากนั้นก็ให้อาจารย์ฝึกสอนขึ้นมากล่าวอำลาทีละท่าน จนกระทั่งถึงอาจารย์วัฒน์


        “ก่อนอื่นครูต้องขอขอบคุณอาจารย์ทุกๆท่านที่ให้การต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี ขอขอบคุณอาจารย์รุ่งนภา ที่เป็นอาจารย์พี่เลี้ยง ได้ให้คำแนะนำและความช่วยเหลือผมอย่างดีเสมอมา ตลอดเวลาสี่เดือนที่ได้สอนนักเรียนที่นี่ ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่นาน แต่ครูก็รู้สีกผูกพันธ์กับพวกเราทุกคน จนไม่อยากจะกลับไปเรียนต่อแล้ว อยากจะสอนอยู่ซะที่นี่เลย นักเรียนทุกคนเป็นเด็กน่ารัก ถึงแม้จะดื้อบ้าง ซนบ้าง แต่ก็ทำให้ครูรู้สึกว่าอยากเจอกับพวกเธอ อยากมาสอนหนังสือทุกๆวัน พวกเธอคือคนที่ทำให้ครูรู้สึกว่า อาชีพครูเป็นอาชีพที่มีเกีรยติ เป็นอาชีพที่น่าภูมิใจ ครูหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สิ่งที่ครูได้สอนเธอไป ทั้งในเรื่องการเรียนก็ดี เรื่องชีวิต ส่วนตัวก็ดี จะทำให้พวกเธอ เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีใน อนาคตได้ สุดท้ายนี้ครูขอให้พวกเธอตั้งใจเรียน ได้ประสบความสำเร็จ เป็นคนดีของสังคม ของประเทศชาติ ต่อไป ขอบคุณมากๆครับ” อาจารย์พูดจบทั้งนักเรียน ทั้งอาจารย์ก็ปรบมือกันเกรียว


        หลังจากอาจารย์ฝึกสอนทุกคนกล่าวอำลเสร็จแล้ว ก็ถึงคราวให้นักเรียนทุกคน นำดอกกุหลาบ มามอบให้กับอาจารย์ทีละคน เป็นรุ่นพี่มอหกก่อนครับ ที่เดินมามอบดอกไม้ให้อาจารย์ฝึกสอนก่อน อาจเป็นเพราะว่าอาจารย์ฝึกสอนเกือบทุกคนได้สอนพี่มอหกหมด เลยให้เกียรติพี่มอหกก่อน


        แต่หลังจากที่พี่มอหกมอบดอกไม่เสร็จแทนที่จะเดินแยกย้ายไปห้องสอบ พวกพี่ๆกลับเดินมาเข้าแถวด้านหลังอาจารย์ฝึกสอน เป็นแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง พวกนักเรียน และอาจารย์ฝึกสอนก็แลดูจะแปลกใจไม่น้อย แต่ก็ยังคงทยอยกันเดินมามอบดอกไม้ต่อไป จนกระทั่งพี่มอหก        มอบดอกไม่เสร็จและเดินมาเข้าแถวด้านหลังอาจารย์ครบทุกคน จึงได้มีเสียงนำขึ้นมา



        “ครูบาอาจารย์ที่ท่านประทานความรู้มาให้ ...”
        (เพลงพระคุณที่สาม)



        “สิบนิ้วประนม ก้มลงน้อมไหว้คุณครู ครูเหมือนตราชู ที่ยืนอยู่ในยุติธรรม...”
        (เพลงสิบนิ้วประนม)



        “ธารแห่งใดไหนตรึงเหมือนธารจิตใจ (เหมือนธารจิตใจ)
        ธารจิตใจไหลรินหลั่งรดทรวงเรา (หลั่งรดทรวงเรา)
        ธารนั้นคือคุณครู คอยหนุนเราเรื่อยมา ชั่วชีวามิมีลืมเลือนท่านเลย...”
        (เพลงธารพระคุณ)



        พอได้ยินเพลงขึ้นผมงี้ขนลุกมากๆเลย มันแลดูขลังมากๆ เห็นสีหน้าเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ ก็คงไม่ได้รู้สึกแตกต่างไปจากผม ระหว่างที่นักเรียนที่เหลือนำดอกไม้ไปมอบให้อาจารย์นั้น พี่มอหก ก็ร้องประสานเสียงเพลงทั้งสามนี้ วนต่อเนื่องกันไป
 ตอนนี้เพื่อนนักเรียนหลายคนถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ บางคนก็ขอกอดอาจารย์ จนอาจารย์แต่ละท่านเองก็อดน้ำตาไหลไม่ได้ ผมเองก็น้ำตาไหลเป็นทาง ผมเดินเอาดอกไม้ไปให้อาจารย์ทั้ง 5 ท่าน จนมาถึงอาจารย์วัฒน์


        “โชคดีนะครับ อาจารย์ ขอให้ได้เกีรยตินิยมนะครับ”


        “เราก็เหมือนกัน ตั้งใจเรียนนะ อย่าเกเร ให้มันมากนัก”


        “ขอบคุณครับ” ผมยิ้มทั้งน้ำตา ส่วนอาจารย์วัฒน์เองก็เอามือมาลูบหัวผม


        จนนักเรียนมอบดอกไม้ให้อาจารย์จนครับทุกคน พี่มอหกก็ร้องเพลงธารพระคุณเป็นรอบสุดท้ายจนจบ นักเรียนจึงทยอยกันเข้าห้องสอบ


        ช่วงพักเที่ยงวันเดียวกันนั้นผมขึ้นไปหาอาจารย์ที่ห้องวิทย์ ด้วยกลัวว่าอาจารย์จะกลับสถาบันราชภัฏไปซะก่อน


        “อาจารย์ครับ” ผมเรียกอาจารย์ เมื่อเห็นอาจารย์นั่งตรวจข้อสอบอยู่


        “อ้าว นะโมนะเอง เข้ามาก่อนสิ”


        “ให้ผมช่วยไหมครับ” หมายถึงช่วยตรวจข้อสอบ


        “ไม่เป็นไร ครูตรวจจะเสร็จแล้ว เหลืออีกสองสามคนน่ะ”


        “งั้นอาจารย์ตรวจให้เสร็จก่อนก็ได้ครับ ผมรอได้”


        “อ้อ งั้นรอแปบนึงนะ” แล้วอาจารย์ก็ตรวจข้อสอบจนเสร็จ


        “มีอะไรล่ะว่ามาสิ”อาจารย์ถาม


        “ป่าวครับ แค่คิดถึง’จารย์” นั่น ไอ้โมช่างกล้า


        “ฮ่า ฮ่า ไม่ต้องมาทำปากดีเลย จะมาถามเรื่องคะแนนสอบวิชาของครูล่ะสิ”


        “ง่า อาจารย์อ่ะรู้ทัน”


        “ไม่ต้องห่วงหรอก เธอน่ะได้ท็อปอยู่แล้วหละ”


        “จริงเหรอครับ ‘จารย์” ผมทำท่าดีใจ


        “อื้อ จริงสิ”


        “เย้ๆๆๆ แล้วผมจะได้เกรดสี่ด้วยไหม่เนี่ย แหะๆ”


        “ยังไม่รู้ ครูยังรวมคะแนนไม่เสร็จเลย”


        “อ่อ ครับ แล้วอาจารย์จะกลับราชภัฏวันไหนครับ”


        “ยัง ต้องอยู่ที่นี่อีกเป็นอาทิตย์แน่ะ ต้องตรวจข้อสอบ รวมคะแนน ตัดเกรด อะไรอีกมากมาย”


        “อ้อ งั้นพรุ่งนี้ไปเที่ยว กันไหมครับ เดี๋ยวผมพาไป”


        “หือ? ไปไหน”


        “ก็ขี่มอไซค์เที่ยว แถวๆนี้กันครับ เที่ยวสวน เที่ยวบ้านเพื่อนๆ นี่แหละครับ”



        “อือๆ ดีเหมือนกัน เดี๋ยวชวนคนอื่นๆไปด้วย (หมายถึงอาจารย์ฝึกสอนคนอื่นๆ) ซักบ่ายๆละกัน ไปกลางวันจะร้อน ตอนเช้าครูจะได้รีบตรวจข้อสอบให้เสร็จ”


        “ครับ” ผมรับคำแล้วก็ขอตัวออกมา


        วันรุ่งขึ้น ผมมาช่วยอาจารย์วัฒน์ตรวจข้อสอบตั้งแต่เช้า วิ่งวุ่น ช่วยเอาเอกสารไปให้ผู้อำนวยการเซ็นต์ ช่วยรวมคะแนน และอื่นๆอีกมากมาย จนบ่ายสองโมงเย็น เราจึงได้ฤกษ์ออกแว้นกัน มีผม อาจารย์วัฒน์ อาจารย์ฝึกสอนอีกสองท่าน แล้วก็พี่มอหกอีกสองคน มอเตอร์ไซค์สี่คัน ซึ่งผมแน่นอนที่ผมต้องมากับอาจารย์วัฒน์อยู่แล้ว อิอิ โดยที่ผมเป็นคนขับ ส่วนอาจารย์วัฒน์นั่งเป็นสะก๊อยอยู่ข้างหลัง (ฮ่า ฮ่า) ที่ต้องให้ผมขับเพราะผมชำนาญทางแถวนี้มากกว่า ถ้าต้องให้อาจารย์วัฒน์ขับ ก็กลัวจะไปไม่ถึงจุดหมาย เพราะอาจารย์ ไม่เคยจะออกไปเที่ยวไหนเลย นอกจากโรงเรียน กับร้านกินข้าวแถวๆโรงเรียน


        วันนั้นผมพาอาจารย์ไปไหว้เพราะที่วัด พาไปนั่งกินส้มตำกันที่ฝายกั้นน้ำ พาไปขี่รถกินลมชมวิว ดูทุ่งนา และไรข้าวโพด อาจารย์วัฒน์ดูจะชอบมาก ชมเปาะตลอดเวลาว่า ที่นี่อากาศดี ไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้มานาน ระหว่างทางที่ผ่านบ้านเพื่อนนักเรียน ก็จะแวะชวนให้ไปด้วยกัน จนในที่สุดแก๊งแว้นบอย สก๊อยเกิร์ล ของเราก็รวบรวมคนได้เกือบ 20 คน ซ้อนสอง ซ้อนสามบ้าง คุณตำรวจคงจะไม่ว่าอะไรหรอกนะ ฮ่า ฮ่า
        อากาศตอนนี้กำลังดีทีเดียว ลมพัดเย็นมาก ถึงแม้จะมีฝุ่นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับพวกเรา เจอตลาดนัดก็แวะหาของกินกัน เจอบ้านเพื่อนคนไหนเป็นสวน เป็นไร่ ก็แวะเข้าไปเดินเล่น กินผลไม้กัน เจอตรงไหนเป็นคลองเป็นน้ำก็แวะแก้ผ้าเล่นน้ำกัน...เฮ๊ย!!! ไม่ถึงขนาดนั้น แค่แวะนั่งเล่น นั่งคุยกันริมน้ำเฉยๆ แหม่!


        เราเที่ยวเล่นกันจนเห็นว่าถึงเวลาเกือนหกโมงเย็นแล้ว จึงได้กลับกัน โดย อาจารย์ให้ขี่ย้อนกลับทางเดิม แล้วแวะส่งเพื่อนๆที่ละตนสองคน ด้วยห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะมีเพื่อนที่เป็นผู้หญิงหลายคน อาจารย์ไม่ให้ขับรถเร็ว แต่ให้ค่อยๆขับตามกันไป จนส่งทุกคนครบ ก็เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม ผม อาจารย์วัฒน์ และ อาจารย์ฝึกสอนอีกสองท่านก็มาถึงหน้าโรงเรียน อาจารย์สองท่านนั้นก็แยกย้ายกลับเข้าโรงเรียนไปก่อน ส่วนอาจารย์วัฒน์จะต้องมาส่งผมที่บ้าน โดยตอนนี้อาจารย์วัฒน์เป็นคนขับ แล้วให้ผมเป็นคนซ้อน


        ระหว่างทางทีกลับบ้าน เราไม่ได้คุยกัน อาจารย์วัฒน์ก็ขับรถไปช้าๆ


        “อาจารย์ครับ”


        “หือ?”


        “ขอกอดหน่อยนะ” ผมพูดเบาๆ


        “...” อาจารย์ไม่ตอบ แต่เอื้อมมือมาจับมือผม ที่เกาะเอวอาจารย์อยู่ แล้วเอาไปกอดเอวอาจารย์ไว้ ส่วนผมก็เอามืออีกข้างที่เหลือไปกอดเอวอาจารย์โดยอัตโนมัติ ผมอยากทำแบบนี้มาตั้งแต่กลางวัน แต่ติดที่เพื่อนอยู่เยอะ เกรงใจ กลัวคนอื่นจะมองอาจารย์ไม่ดีด้วย แต่ตอนนี้ก็เป็นเวลาค่ำแล้ว คงไม่มีใครมามองเห็นหรอก ผมจึงได้กล้าขอแบบนี้


        "ผมคงคิดถึง อาจารย์แย่” ผมพูดเสียงเครือ ในขณะที่เอาหน้าซบไว้ที่แผ่นหลังอันอบอุ่นของอาจารย์


        “คิดถึงก็ไปหาอาจารย์สิ หึหึ” อาจารย์พูดที่เล่นที่จริง


        “ไปถูกซะที่ไหนล่ะ”

        “...” อาจารย์ไม่พูด แต่เอื้อมมือมาจับมือผมที่ตอนนี้กอดเอวอาจารย์ไว้แน่น


        “อาจารย์ อย่าลืมผมนะ” ตอนนี้น้ำตาผมไหลออกมา รู้สึกได้ว่ามันไหลออกมา จนเปียกไปถึงหลังของอาจารย์


        “ลืมได้ไง ลูกศิษย์ครูออกจะน่ารัก ซะขนาดนี้...” อาจารย์เว้นช่วง เมื่อเห็นผมสะอื้น


        “ทั้งเรียนเก่ง พูดเก่ง เอ๊ะ! หรือว่าพูดมากล่ะเนี่ย ไหนจะขี้แยอีก ครูลืมไม่ลงหรอก”


        “’จารย์อ่ะ” ผมอดจะหัวเราะไม่ได้ ผมกอดอาจารย์แน่นขึ้นไปอีก ส่วนอาจารย์ก็เอามือข้างหนึ่งมาจับมือผมไว้ จนมาส่งผมถึงบ้าน


        “’จารย์ขับรถดีๆนะ”


        “อื้อ ครูไปละนะ”


        “เอ่อ อาจารย์ครับ”


        “หือ?”


        “ขอกอดอีกที” ผมไม่รอให้อาจารย์ตอบ เข้ากอดอาจารย์อีกครั้ง


        “ตั้งใจเรียนนะ แล้วเดี๋ยวครูจะเขียนจดหมายมาหา” อาจารย์พูด เอามือลูบหัวผมเบาๆ


        “ครับ อาจารย์ก็ด้วยนะครับ (หมายถึงตั้งใจเรียนน่ะ)”


        “คร้าบบบบบ” อาจารย์ทำเสียงล้อเลียนผม


        “ขับรถดีๆนะครับ” ผมละจากอาจารย์ ยืนส่งอาจารย์หน้าบ้าน จนเห็นอาจารย์ขับลับตาไป ลาก่อนนะครับอาจารย์วัฒน์






        ...







        อาจารย์วัฒน์ที่รัก

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 33 : ล่ำลา P8[18/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 18-11-2011 17:52:03
อ่านแล้วคิดถึงสมัยเรียนจัง

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 33 : ล่ำลา P8[18/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 18-11-2011 19:28:33
มีขอกอดอาจารย์ด้วย อาจารย์ขาดทุนเห็น ๆ  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 33 : ล่ำลา P8[18/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Key Mine ที่ 23-11-2011 00:13:55
นะโม อยู่บ้านเดียวกันเลยนะคะ
ดูเหมือนโลเคชั่นในเรื่องจะคุ้นๆนะ :L2:
55 สนุกมากค่ะ o13
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 33 : ล่ำลา P8[18/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 23-11-2011 02:16:06
อยากกลับไปเรียนมัธยมอีก คิดถึงเพื่อนๆและอาจารย์
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 33 : ล่ำลา P8[18/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 23-11-2011 06:14:39
ลูกศิษย์เราไม่เห็นมีอย่างนี้บ้างเลย ก๊ากก ไม่ใช่แล้ว :jul3:
แล้วกับเพาเวอร์เป็นยังไงต่อคะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 33 : ล่ำลา P8[18/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: gay_love ที่ 23-11-2011 10:24:12
 :impress2: :impress2:
มาจองรออ่านต่อ หายไปนานไปหน่อย เป็นกำลังใจนักเขียนเหมือนเดิม ..
 :L2: :L2: :L2:ชื่อตอนน่าจะมีน้ำตาไหล พกกระดาษทิชชู้มาด้วยดีกว่า :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 33 : ล่ำลา P8[18/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 25-11-2011 13:56:14
ตอน 34: ไม่เข็ด

     
      วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียนที่สอง เป็นเทอมสุดท้ายแล้วที่ผมจะใด้ใช้ชีวิตมอต้นอยู่ที่นี่ หลังจากเข้าแถวเคารพธงชาติแล้วผมและเพื่อนๆก็ค่อยๆทยอยกันขึ้นชั้นเรียน จนกระทั่งถึงเวลาเริ่มคาบเรียนแรก ทุกคนมากันเกือบครบแล้ว ขาดก็แต่...



      “ไอ้เวอร์มันไม่เห็นมาเรียนวะ” ไอ้อุ้ยถาม



      “นั่นดิ ไอ้โม มึงรู้มั้ยวะทำไมมันไม่มาเรียน”



      “ไม่นิ เดี๋ยวก็คงมาแหละมั้ง” กูจะไปตรัสรู้ได้เหรอ มันจะมาไม่มา ทำไมกูจะต้องคอยรู้เรื่องมันไปซะหมดด้วยวะเนี่ย .... แต่จริงๆก็แอบห่วงมัน



      “ไปไหนของมันวะ” ผมไม่ต้องสงสัยนาน ว่ามันหายไปไหน เพราะ...



      “นั่นไงมันมาโน่นแล้ว” ไอ้อุ้ยชี้ให้ดู ไอ้เวอร์ที่กำลังเดินกะย่องกะแย่ง เข้าห้องเรียนมา



      “ทำไมมันเดินแบบนั้นวะ” ไอ้ตุ๊สงสัย นั้นสิ ทำไมมันเดินแบบนั้นวะ ผมก็สงสัย จนมันเดินมานั่งที่เก้าอี้ของมัน



      “เฮ้ย เป็นไรวะทำไมเดินแบบนั้น หรือวะแผลปริ ต้องไปนอนให้พยาบาลแวกซ์ขนอีกรอบ ฮ่า ฮ่า ” ไอ้อุ้ยถาม พร้อมหัวเราะขำๆ



      “เออสิ...” ไอ้เวอร์ตอบ



      “เฮ้ย จริงอ่ะ” พวกผมและเพื่อนๆ ในห้อง ได้ยิน ต่างร้องเป็นเสียงเดียวกัน ไอ้เวอร์มันจึงเริ่มเล่าว่า มันต้องไปเข้าโรงพยาบาลอีกรอบ เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วมันเกิดมีอาการแบบเดิม คือท้องบวม จึงไปหาหมอ หลังจากตรวจอย่างละเอียดจึงพบว่า มีฝีเกิดขึ้นอีกไกล้กับจุดเดิม ทำให้ต้องผ่าตัดอีกรอบ มันเปิดแผลให้ดู ก็พบว่า มีผ้าก็อชติดเป็นทางยาว ใต้แผลผ่าตัดเดิม ห่างจากแผลเดิมราวๆ 2 นิ้ว ระยะความยาวของแผลคงพอๆกับรอยเดิม เพื่อนๆที่ได้เห็นต่างทำหน้าสยองไปตามๆกัน



     สรุปว่า ในที่สุด ผมต้องมาคอยป้อนข้าวป้อนน้ำให้ไอ้เวอร์อีกรอบ เฮ้อ เอากะมันสิ จากตรงนี้ไอ้เวอร์มันเลยได้ฉายาจากเพื่อนๆสองฉายาพร้อมกัน ว่า “ไอ้ไส้เน่า” ส่วนรอยแผลเป็นที่ท้องด้านซ้ายของมันทั้ง 2 รอย ดูคล้ายกับว่า มีตะขาบสองตัวเกาะอยู่ที่ท้องของมัน ผมจึงเรียกมันอีกชื่อหนึ่งว่า “ทายาทอสูร”


      รอบแรกที่มันป่วยผมดูแลมันอย่างดี เพราะทั้งสงสาร ทั้งห่วง แลดูว่ามันจะทำอะไรก็ไม่ถนัด แต่รอบสองนี้ผมไม่ได้ตามใจมันเหมือนรอบแรก ไม่ใช่ว่าไม่ห่วงมันเหมือนเดิม แต่ด้วยมีอารมณ์โกรธเข้ามาปนด้วย โกรธที่มันไม่รู้จักระวัง ไม่รู้จักห่วงตัวเอง มันเลยต้องมาเป็นแบบนี้อีกรอบ



      จนผ่านไปเดือนกว่าๆ แผลมันเองก็เริ่มจะหายสนิทแล้ว ดูเหมือนว่ารอบนี้จะหายเร็วกว่ารอบแรก วันหนึ่งขณะที่ซื้อข้าวมาให้มันกินบนห้อง



      “อ่ะ นี่ข้าว นี่น้ำ กินเสร็จแล้วอย่าลืมกินยาด้วย” ผมวางข้าวกับน้ำลงบนโต๊ะ



      “ป้อนด้วยดิ” มันอ้อน


      “เป็นง่อยรึไง แผลก็หายแล้ว จะมาปงมาป้อนอะไร”


      “ง่า กูอยากให้มึงป้อนนี่”


      “ทีเวลาแบบนี้ละมาทำสำออย ทีเวลาหมอเค้าห้าม ไม่เคยจะเชื่อ” ผมพูด ยังโมโหไม่หาย กับความรั้นของมัน จนมันต้องกลับมาเป็นแบบนี้อีกรอบ



      “... กูขอโทษ คราวนี้กูจะไม่แอบไปเล่นบาสอีกแล้ว”



      “แน่ล่ะ ถ้าเป็นอีกรอบ คงไม่มีที่จะให้ผ่าละ”



      “...” มันทำหน้าสลด


     
      “ขนาดตัวมึงเองยังไม่รัก แล้วมึงจะไปรักใครได้” ผมพูดเป็นนัยๆ หมายถึงที่มันเคยบอกว่ารักผมด้วย



      “ทำไมจะไม่ได้ ก็รักมึงนี่ไง” มันกลับมาทำหน้าทะเล้น



      “ไม่ต้องมาพูดดี รักตัวเองให้เป็นซะก่อนเหอะ ค่อยมารักคนอื่น” ผมอดคิดไม่ได้ว่า ถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ผมจะเป็นยังไง คิดได้ดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะใจหาย มันคงเห็นเสียงผมแผ่วลง เสียงเครือๆ มันก็จับเอวผมลงไปนั่งที่ตักมัน ผมก็ยอมนั่งตักมันแต่โดยดี ค่อยๆนั่งลงเบาๆเพราะกลัวว่าจะไปถูกแผลมันเข้า



      “กู ขอโทษ จริงๆ ต่อไปกูจะเชื่อหมอ จะไม่แอบไปเล่นบาสแล้ว” มันจ้องตาผม แล้วพูดออกมาเบาๆ



      “กูดีใจนะที่มึงเป็นห่วงกูน่ะ แต่กูไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก” มันยิ่งพูดไอ้โมน้ำตายิ่งคลอ จนในที่สุดก็ไหลออกมาอาบแก้มผมทั้งสองข้าง



      “ถ้ามึงเป็นอะไรไปจริงๆกูคง...” ผม รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอ ไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมานองแก้มทั้งสองข้าง



       มันเอามือมาปาดน้ำตา แล้วจูบตรงหางตาผมเบาๆ



      “มึงอย่าร้องไห้นะ กูไม่อยากเห็นมึงร้องไห้” ... เมิงก็หยุดพูดเส่ อย่ามาบิวด์



      “กูไม่เป็นไรหรอกน่า ดูสิ แผลหายเร็วจะตายไป”



      “ไหนบอกว่าจะไม่มีวันเสียน้ำตาให้คนอย่างกูไง หือ” มันย้อนกับคำที่ผมเคยปรามาสมันไว้



      “อ๋อ หรือว่าหึง ไม่อยากให้พยาบาลมาโกนขนให้กูอีกใช่ป่ะล่า... งั้นเดี๋ยวคราวหน้ากูให้มึงโกนให้นะ ดีป่ะ” มันหมายถึงขนหมออ้อยของมันน่ะแหละ



       “ไอ้บ้า” ผมยิ้ม ทั้งน้ำตา อดขำมันไม่ได้จริงๆ ช่างคิดได้



      “หึ หึ” มันหัวเราะในลำคอ เมื่อเห็นผมยิ้มได้ มันจูบปากผมเบาๆ แล้วเอามือมาปาดน้ำตาให้ผมอีกรอบ แต่....ง่า... อยากจูบอีกอ่ะ จูบกูนานๆหน่อยก็ด้ายยยยยย




      “ป้อนข้าวหน่อยจิ หิวจะแย่แล้วเนี่ย ” มันอ้อนอีก






      “ไม่” ผมเล่นตัว







      “นะๆๆๆๆๆ” มันยังอ้อน แถมทำตาหวานใส่







      “ชิส์” แล้วผมก็ต้องใจอ่อน จึงไปลากเก้าอีมาอีกตัวนั่งข้างๆมัน แล้วก็เอื้อมมือไปหยิบพลั่วขึ้นมาตักข้าวยัดใส่ปากมัน (ฮาาาา)
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 34 : ไม่เข็ด P8[25/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: gay_love ที่ 25-11-2011 14:07:12
 o18 o18 o18

 :call:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 34 : ไม่เข็ด P8[25/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 25-11-2011 15:10:07
 :m20: :m20: :m20:

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 34 : ไม่เข็ด P8[25/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 26-11-2011 01:06:23
วุ่นวายดีแท้...แต่ก็น่ารักดีค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 34 : ไม่เข็ด P8[25/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 26-11-2011 06:53:26
โห หวานซะขนาดนี้ ตอนไปหยิบพลั่วมา นึกว่าจะตักกินเองซะแล้ว  :laugh:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 34 : ไม่เข็ด P8[25/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 26-11-2011 07:10:28
ตกลงโมจะมีกี่ผัวอะ

มันไม่ชัดเลยอะ :m16:

 :call:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 34 : ไม่เข็ด P8[25/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 04-12-2011 13:04:49
 มาอ่านแล้วนะครับ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 34 : ไม่เข็ด P8[25/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 04-12-2011 14:27:01
555 เผลอไม่ได้เข้ามาอ่านแป๊บเดียว ที่นี่เขาใช้พลั่วแทนช้อนป้อนข้าวกันเล้วเว้ยเฮ้ย
555 พลั่วอาบน้ำผึ้งเคลือบน้ำตาลปะคะโม
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 34 : ไม่เข็ด P8[25/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 06-12-2011 11:59:47
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 34 : ไม่เข็ด P8[25/11/11]<<
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 11-12-2011 13:14:16
ThankS
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 35-36 P8[11/01/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 11-01-2012 13:29:58
ตอน 35: แอบ

   ตอนนี้แผลไอ้เวอร์เริ่มจะหายสนิทแล้ว ช่วงนี้ผมยังไปไหนมาไหนกับมันอยู่ ตามดูมัน กลัวว่ามันจะแอบบไปเล่นบาสอีก เดี๋ยวได้เข้าโรงพยาบาลอีกรอบ แค่นี้ตัวมันก็รุ่งริ่งเต็มที คงไม่มีที่ว่างตรงไหน จะไปให้หมอลงมีดได้อีกแล้ว
เรื่องที่มีสาวๆทั้งรุ่นน้อง รุ่นพี่ มาชอบไอ้เวอร์มากมาย เป็นเรื่องปกติธรรมดา มีขนมมาฝากมันบ้าง ของฝากอื่นๆอีกมากมาย ส่วนตัวพวกผมเองก็พลอยได้อานิสงค์ จากความฮ็อตของมันอยู่เป็นระยะๆ ตัวผมเองก็เห็นว่ามันไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษ ก็เลยสบายใจไปได้เปลาะหนึ่ง แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าวันหนึ่งมันเกิดไปชอบใครคนใดคนหนึ่งขึ้นมาแล้วผมจะเป็นอย่างไร


   อย่างที่บอกเกือบทั้งหมด ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายเข้ามาหามันเองเสียมากกว่า แล้วมันก็มีนิสัยที่ปฏิเสธคนอื่นไม่เป็นเสียด้วย เพราะฉะนั้นไม่ว่าชอบหรือไม่ชอบใคร ถ้าเค้าเข้ามาหามันก็จะคุยกับเค้าได้ซะทุกคนไป แต่ก็มีอยู่สองคน ที่ผมเห็นว่าจะมาแรงเป็นพิเศษ คือเพื่อนร่วมห้องชื่อเหมียว และน้องจั๊กจั่นที่อยู่ ม.1 ที่บอกว่ามาแรงเพราะผมสังเกตว่าสองคนนี้แสดงออกอย่างมากมายเกินงาม โดยเฉพาน้องจั่นกล้าเอาจดหมายมาให้เอง ตอนไอ้เวอร์ป่วยก็เห็นมาหากันแทบทุกวัน แถมผมเคยแอบเห็นว่าเกาะแขนไอ้เวอร์เดินด้วย ผมสังเกตว่าหลายครั้งเห็นไอ้เวอร์เป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาไปคุยกับน้องจั๊กจั่นเอง และหลายครั้งที่ผมอดจะคิดไม่ได้ว่ามันจะชอบน้องเค้าจริงๆ บางวันก็เห็นเดินไปหน้าโรงเรียนด้วยกัน อย่างเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ก็เห็นว่ามันไปช่วยน้องเค้ายกถุงปุ๋ยหมักอยู่ที่แปลงเกษตร หรืออย่างวันนี้ที่ทำให้ไอ้โมของขึ้นขนาดหนัก
ตอนช่วงก่อนพักเที่ยงผมเห็นว่ามีเพื่อนน้องจั๊กจั่นมายืนคุยอะไรกับมันอยู่ข้างหลังห้อง เห็นมันยิ้มๆ พยักหน้า แล้วน้องก็กลับไป


   จนถึงช่วงพักเที่ยง


   ไอ้เวอร์ : “เด๋วกินข้าวเสร็จเมิงไปสนามบาสกันก่อนนะ เดี๋ยวกุตามไป”


   ไอ้ตุ๊ : “อาราย นัดสาวไว้เหรออออ อ๊ะๆๆๆ หรือว่าเป็นน้องจั๊กจั้น”


   ไอ้โม ปรี๊ดดด ใจเต้นตุ๊บๆๆ แต่ยังเก็บอาการไว้อยู่ ทำเป็นไม่สนใจที่มันคุยกัน แล้วแกล้งหันมาคุยกับไอ้อุ้ย


   ไอ้เวอร์ : “รู้ดีนะเมิง เดี๋ยวนี้ แสนรู้ยิ่งกว่าไอ้โมอีก ฮ่า ฮ่า”


   ไอ้โมปรี๊ดดดด หนักว่าเดิม แต่ก็ยังเก็บอาการไว้ได้ (กัดฟัน) เมิงจะแอบไปหาผู้หญิงอื่น แล้วยังมาหลอกด่ากูเป็นหมาอีก เจ็บอ้ะ ปรี๊ดด้วย


   ไอ้ตุ๊ : “อ่าว ไอ่ห่านี่ หลอกด่าว่ากุเป็นแมว เดี๋ยวปั๊ดโบก”


   ไอ้เวอร์ :”ฮ่า ฮ่า”


   ไอ้สองคนนี่ยังไม่รู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่ไอ้โมปล่อยออกมา ยังคงหัวเราะเริงร่ากันนต่อไป แต่ตอนนี้ข้างในไอ้โมเดือดปุดๆ


   ไอ้อุ้ย : “อ่าวไอ้โม เมิงมากระทืบตีนกุทำไมเนี่ย เจ็บนะโว้ย”


   อ่าวไอ้โมลืมตัว


   ไอ้โม : “ป่าว กุนึกหมั่นใส้เมิงขึ้นมา วันก่อนเมิงเสือกมองหน้ากวนตีนกุ” อูยยย แถซะแสบสีข้างเลยกู มันสามคนมองผมอย่าง งงๆ


   ไอ้เวอร์ :”งั้นกุไปละ” ไปเลยชิ้วๆ ผมไม่สนใจแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วนั่งคุยกับไอ้อุ้ยต่อไป แต่ในใจนี่เต้นตุบๆ ผมเห็นมันเดินหายไปทางด้านข้างอาคารเรียนสาม ฝั่งที่ติดกับรั้วโรงเรียน ส่วนพวกผมสามคนก็เดินกันไปยังสนามบาส แต่ระหว่างทางนั้นไอ้โมก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา
   “พวกมึงเดินกันไปก่อนนะ เด๋วกุไปเข้าห้องน้ำก่อน เดี๋ยวตามไป” ไอ้โมไม่ทันให้ไอ้สองคนนั้นตอบกลับมา รีบวิ่งไปทางห้องน้ำ แต่พอมาถึง ก็รีบวิ่งอ้อมกลับไปอีกทาง เพื่อไปที่.........ด้านข้างของอาคารเรียนสาม


   ผมไปถึงก็แอบซุ่มๆดูอยู่ที่ข้างตึก สังเกตเห็นว่ามีเพื่อนน้องจั่น 2-3 คนยืนอยู่ห่างๆเหมือนคอยดูลาดเลาให้ ส่วนไอ้เวอร์กับน้องก็ยืนคุยกันอยู่ หน้าระรื่นเชียว เห็นมันยื่นคุยกันอยู่ซักสิบนาทีได้ ก็เลิกคุยกันแล้วเดินออกมา แต่ทันใดนั้น ก่อนที่จะเดินมาพ้นมุมตึก ผมก็เห็นน้องเค้าโดดห้อมแก้มไอ้เวอร์เอาดื้อๆซะงั้น (ใช้คำว่าโดด เพราะน้องเค้าสูงแค่ไหล่ไอ้เวอร์เอง) แรงงงงงงมากเด็กคนนี้นึกว่าจะใสซื่อบริสุทธิ์ ที่ไหนได้ ไอ้เวอร์ดูอึ้งๆไป แต่เพื่อนๆน้องนี่กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ ฮึ่มมมมม แต่ว่ามึงไอ้เวอร์ไม่คิดจะขัดขืนหน่อยรึ คงจะชอบล่ะสิท่า ไหนบอกรักกุนักรักกุหนา แล้วเมิงมาทำอย่างนี้กับคนอื่นอ่ะนะ เจ็บอ่ะ ใจผมเต้นตุบๆ มือที่กำแน่น แต่ขาแทบจะหมดเรี่ยวแรง จะว่าโกรธก็ไม่เชิง มันแน่นๆหน้าอก หายใจไม่ออก รู้สึกลำคอมันตีบ กลืนน้ำลายลำบาก (พิษสุนัขบ้าป่าววะ ฮา) น้ำตาจะไหลก็ไม่ไหล  ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร รู้แต่ว่ามันอึดอัดมากๆ ไอ้โมไม่กล้าอยู่ดูต่อ รีบเดินถอยหลังออกมาโดยไว เดินอย่างหมดแรงขึ้นไปบนชั้นเรียน ตอนนี้พักเที่ยง คงไม่มีใครอยู่ ขอไปนั้งเงียบๆคนเดียวละกัน โดยลืมไปเสียสนิทว่าผมนัดกับไอ้ตุ๊ แล้วก็ไอ้อุ้ยไว้


   ตลอดบ่ายนั้น คงไม่ต้องเล่าว่าไอ้โมนั่งเหม่อ ไม่คุยกับใคร ผมย้ายมานั่งด้านหลังห้องคนเดียว ทำเป็นแกล้งอ่านหนังสืออะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่จริงๆคิดถึงเรื่องที่ได้เจอมา มันสามคนคงงงว่าเมื่อเช้าผมก็ร่าเริงอยู่นี่หว่า แล้วไหงบ่ายมา ทำท่าอย่างกับหมาหงอย


   หลังจากวันนั้น ผมเห็นไอ้เวอร์หายไปพบน้องเค้า อีกหลายต่อหลายครั้ง ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ที่มันไปพบกับน้องเค้า ผู้ชายยังไงก็คงต้องคู่กับผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ ผมพยายามหลบหน้าไอ้เวอร์ตลอด มันเองก็คงรู้ถึงความผิดปกติของผม พยายามเข้ามาคุย มาถามว่าผมเป็นอะไร แต่ผมก็หลบหน้ามัน ผมเลือกที่จะปลีกตัวออกมาอยู่ตามลำพังบ่อยครั้ง ทำเป็นตั้งใจอ่านหนังสือ แต่จริงๆแล้วกลับใช้เวลาเหล่านั้น วนเวียนคิดถึงแต่เรื่องผมกับมัน ถึงแม้ผมไม่อยากรับรู้เรื่องราวใดๆของมันกับน้องจั๊กจั่น แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังมีเรื่องราวของมันกับน้องจักจั่น ลอยมาเข้าหูผมอีกเป็น ระยะๆ ซึ่งทุกครั้งที่ผมได้ยินเรื่องราวเหล่านั้น คงไม่มีคำใดมาอธิบายได้ดีไปกว่าคำว่า....เจ็บ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 35-36 P8[11/01/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 11-01-2012 13:37:46
   ตอน 36: น้ำตกและน้ำตา

   1 เดือนก่อนสอบปลายภาค เพื่อนในห้องก็รวมกลุ่มกัน ชวนกันไปเที่ยวน้ำตก ด้วยว่าหลังจากนี้อีกไม่นานก็จะเข้าสู่ช่วงสอบปลายภาคแล้ว จะไม่ได้มีเวลาว่างที่จะอยู่ด้วยกันแล้ว ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดจะไป เพราะไม่รู้ว่าไอ้เวอร์จะไปด้วยหรือเปล่า เพราะยังไม่อยากเห็นหน้ามันตอนนี้ แต่ก็โดนเพื่อนๆในห้องคะยั้ยคะยอให้ไป เพราะทุกคนก็ไปกันหมด อีกหน่อยจะไม่ได้เจอกันพร้อมหน้าแบบนี้อีกแล้ว ผมเลยขัดไม่ได้ จำต้องไปด้วย


   สรุปว่าวันเสาร์แปดโมง เจอกันหน้าโรงเรียน มอเตอร์ไซต์ เกือบ 20 คัน รถกระบะอีก 2 คับ เรียกว่าแว๊นบอย สก๊อยเกิร์ล เต็มถนนกันเลยที่เดียว จนเกือนสิบโมงก็มาถึงน้ำตกกัน


   มาถึงก็ตั้งวงกินข้าว กันเลยทีเดียว เป็นอาหารที่เตรียมกันมาบ้าง ซื้อจากแถวนี้บ้าง กินกันจนอิ่ม ก็แยกย้ายกันไปเล่นน้ำตก ช่วงนี้ไม่ใช่หน้าท่องเที่ยว จึงมีนึกท่องเทียวไม่เยอะมากนัก ทำให้ส่วนใหญ่ก็มีแต่พวกผมและเพื่อนๆ ที่มีกันอยู่ 40 กว่าคน


   ตอนนี้ผมมองไอ้เวอร์กำลังนั่งคุยอยู่เหมียว แล้วก็เพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง ผมเลยแยกออกมา ไม่อยากเห็นภาพบาดตา แล้วก็อยากจะหลบหน้ามันด้วย ทั้งเรื่องน้องจั่น เรื่องเหมียว ทำให้ผมเจ็บปางตายจริงๆ ผมไม่อยากจะเจอหน้ามันเลยจริงๆ เจอทีไร เจ็บไปทั้งหัวใจ  เห็นเพื่อนๆกำลังลงเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน น้ำตกที่นี่มีหลายชั้นครับ (กี่ชั้นจำไม่ได้แล้ว ไม่ได้ไปมานานมากแล้ว) เห็นบางส่วนก็เดินขึ้นไปกันบนชั้นถัดๆไป เพราะลชั้นล่างๆก็มีคนเริ่มเยอะแล้ว ผมนั่งตรงโขดหินข้างล่างอยู่ได้ครู่นึง ก็ได้ยินเสียงไอ้ตุ๊ ไอ้อุ้ย โบกมือเรียกชวนขึ้นไปชั้นบนๆ ตอนแรกก็ไม่คิดจะไป แต่คิดไปคิดมาก็ดีเหมือนกัน ได้หลบหน้าไอ้เวอร์ด้วย ก็เลยเดินตามมันขึ้นไป จนถึงประมาณชั้น 3 หรือ 4 ไม่แน่ใจ ก็เห็นว่าคนน้อยแล้ว เห็นมีแต่เพื่อนผู้ชายเล่นกันอยู่ไม่ถึงสิบคน ส่วนผู้หญิงคงไม่มีใครขึ้นมาเพราะชั้นนี้ไกลพอดู ทางชันด้วย ส่วนไอ้พวกที่เล่นกันอยู่ เนื่องจากไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยน ก็เลยถอดเสื้อผ้ากองไว้ แล้วใส่กางเกงในตัวเดียวเล่นน้ำกันสนุกสนาน ไอ้ตุ๊กับไอ้อุ้ย ก็ไม่ฟังเสียงมาถึงก็ถอดเสื้อผ้า โดดน้ำเสียงดังตูมม จนน้ำกระเดินมาโดนผมซะเปียกโชก


   “เชี่ยยยยยยยยย” ให้พรมันซะหน่อย ไอ้สองคนนั่นหัวเราะ เอิ๊ก อ๊าก พร้อมกับเพื่อนๆคนอื่นหัวเราะกันลั้น ผมชี้นิ้วใส่มัน ว่า เดี๋ยวเมิงจะโดนมีใช่น้อย


   “ลงมาเด้ แน่จริงก็ลงมาเลย มาเอากูคืนนี่มา ฮ่า ฮ่า” ไอ้ตุ๊หันหลังเอามือตบตูดท้าให้ผมลงไป ส่วนไอ้อุ้ยก็วิดน้ำใส่ผมใหญ่ สนุกสนานเชียวนะพวกเมิง


   “เชี่ยยย พวกมึง เดี๋ยวมึงเจอกูแน่” ผมวิ่งหลบ ปากก็ตะโกนด่าพวกมันไป ใจไม่อยากลงน้ำ ไม่มีอารมณ์จะเล่น ไม่ใช่ว่ากลัวเปียกหรือกลัวอายอะไร ผมหลบพวากมันมานั่งข้างๆ โขดหิน ดูมันเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน มองดูต้นหญ้า ต้นไม้ไปเรื่อยเปื่อย อากาศที่นี่สดชื่นดีมาก ได้มาสูดอากาศ สดชื่นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน คิดอะไจนเพลิน รู้ตัวอีกอีกที ก็ตอนที่ผมโดนใครบางคนอุ้มจนลอย


   “เฮ้ย! อย่า”


   ตูมมมมมมมม!!! ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร ไอ้ตุ๊ก็อุ้มผมขึ้น แล้วโดดลงมาสู่แอ่งน้ำด้านล่างพร้อมกัน แล้วเสียงเพื่อนๆ ที่อยู่ข้างล่างก็ เฮ กันยกใหญ่

   
   “ไอ้ตุ๊ เชี่ยยยยยย” ผมพยายามจะว่ายน้ำไปหามัน แต่ด้วยผมใส่กางเกงยีนส์ ทำให้มันหนักมาก ว่ายน้ำก็ไม่ถนัด จึงต้องหันเข้าหาตลิ่งแทน ขึ้นมาได้ผมก็จัดแจงถอดเสื้อผ้าอย่างเร็ว พร้อมกับโดดตูมลงน้ำ


   “ไอ้ตุ๊ มึงตายยยยยยยยยยยย” ผมพุ่งเข้าหามันอย่างรวดเร็ว เสียงพื่อนๆ เชียร์กันลั่น หัวเราะกันสนุกสนาน ผมตามไอ้ตุ๊เท่าไรก็ไม่ทันซะที จนผมเหนื่อยแฮ่ก เริ่มหนาวๆแล้วด้วย จึงหันเข้าหาตลิ่งขึ้นมาริมตลิ่ง ขึ้นมานั่งสั่นเป็นนกตะกรุม


   “หนาวหราาาาาาา” ไอ้ตุ๊มานั่งยองๆข้างหน้าผม พร้อมกับทำเสียงล้อเลียน


   “อื้อ หยิบเสื้อข้างหลังให้หน่อยจิ” ไอ้ตุ๊หันกลับไปหาเสื้อ ทำท่าจะหยิบเสื้อให้ แต่.....มันมีซะที่ไหนล่ะ เสื้อผมอยู่โขดหินข้างบนโน่น กว่าไอ้ตุ๊จะรู้ตัวอีกที มันก็โดนผมโถมเข้าใส่ จนล้มเลงไปนอนหงายแล้ว  ผมโดดคร่อมมันได้ ก็คว้าหมับที่คอมัน (คอบน นะไม่ใช่คอล่าง หุหุ) แต่ว่า....กำไม่รอบง่ะ แล้วจัดการบีบคอมันซะเลย


   “เมิงตายยยยยยย นี่แน่ะๆแกล้งกูเหรอ ตายแน่เมิง ฆ่าหมกน้ำตกแถวนี้แหละ” เพื่อนๆหัวเราะกันลั่น เพราะขำผมกับไอ้ตุ๊


   “อ่อก หายใจไม่ออก จะตายแล้ว หายใจไม่ออก” ไอ้ตุ๊ ทำท่า ดิ้นๆ กระแด่วๆ แอ๊คติ้งดีจริงๆนะเมิง น่าได้รางวัลตุ๊กตาทองนะเมิง แสดงดีขนาดนี้ ผมก็บีบคอมัน มันก็ดิ้นๆ จนกว่าจะรู้สึกตัวอีกที่ ก็มีบางอย่างผิดปกติ


   สิ่งที่ผิดปกติน่ะเหรอ ลองนึงสภาพผมกับไอ้ตุ๊ ตอนนี้ สภาพเหลือแต่กางเกงในทั้งคู่ แล้วผมยังนั่งครอมมันอยู่อีก ก้นผมไปลงที่เป้ามันพอดี แล้วมันก็ทำท่าดิ้นแด่วๆ เนื้อตัวผมกับมันก็แนบชิดกันอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วแถวมันมีบางอย่างโป่งขึ้นกลางลำตัวไอ้ตุ๊น่ะสิ ที่ผมรู้ได้ก็เพราะมันโป่งจนมาดันก้นผมอยู่ ผมก็คลายมือที่บีบคอมันออก ทำท่าจะลุกออกจากมัน ไอ้ตุ๊ก็เหมือนเริ่มรู้สึกตัว ก็จะลุกขึ้นนั่ง เป็นจังหวะเดียวกับที่ผมจะลุกออกจากตัวมันพอดี ทำให้ผมเซ จะหงายหลัง(ภาษาที่บ้านเรียกหงายเงิบ ฮา...) ไอ้ตุ๊มันรีบคว้าแขนผมไว้ แต่คว้ามันไม่คว้าเปล่าน่ะสิ รั้งเข้าหาตัวมัน แล้วหอมแก้มผมไปซะฟอดใหญ่ ผมด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวจะหลบก็ไม่ทัน เลยได้แต่หน้าแดงไปตามระเบียบ ได้ยิ้นเสียงมันหัวเราะ หึ หึ ในลำคอ ไอ้เลววว หลอกแต๊ะอั๋งกูอีกละ เปลืองเนื้อเปลืองตัวตลอด แต่ไอ้โมก็ได้รู้สึกตัวจากภวังค์(อีกที่) ก็เพราะมีปืนใหญ่อาเซนอลจ่อตูดอยู่น่ะเอง


   “ไอ้บ้ากาม” ไอ้โม หน้าแดง ผลักมันกลับไปนอนหงายแผ่หราอีกรอบ พร้อมด่ามันไปอย่างอายๆ แล้วรีบลุกจากมันโดดลงน้ำอย่างรวดเร็ว ได้ยินเสียงมันหัวเราะหึๆ ตามมา พร้อมก็บเห็นมันเอามือกุมเป้าโดดตามลงมาในน้ำอย่างไว แต่เดี๋ยวก่อนไอ้โมรู้สึกแปลกๆอะไรอีกอย่าง พร้อมกับเหลือบไปมองทางโขดหินที่ถอดเสื้อผ้าไว้ หัวใจไอ้โมแทบหยุดเต้น เมื่อผมเห็นไอ้เวอร์ยืนอยู่ มันมองมาที่ผมสีหน้ามันไม่ได้แสดงออกไดๆทั้งสิ้น ซึ่งแปลกว่าปกติ มันคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ลงมาลากผมขึ้นจากน้ำ เอาไปกินตับไปแล้ว (ฮาาาาา) แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด ทั้งกลัวมันโกรธ ทั้งอายด้วย นี่อย่าบอกนะว่ามันเห็นมาตั้งแต่ต้น มันมองผมด้วยหางตาแบบนั้น แล้วก็หันหลังเดินมุ่งหน้าขึ้นไปด้านบน


   ผมก็ได้แต่นึกในใจว่า เฮ้อ นี่มันความซวยอะไรของผมนะ สถานการณ์ระหว่างผมกับไอ้เวอร์ช่วงนี้ยิ่งไม่ค่อยดีอยู่แล้วด้วย มาเจอแบบนี้เข้าไปมีหวัง เฮ้อ.. ไม่อยากจะคิดเลย ไอ้ตุ๊ก็นะ หื่นมากขึ้นทุกวัน นึกว่ามันไปชอบอาจารย์เก้แล้ว มันจะหยุดหื่นใส่ผมซะที แต่ที่ไหนได้ เป็นหนักกว่าเดิมซะอีก ผมรีบขึ้นมาจากน้ำ ใส่กางเกงแล้วถือเสื้อเดินมองหาไอ้เวอร์ แต่ก็ไม่เจอมันแล้ว ผมยืนคิดครู่หนึ่งว่าจะเอาอย่างไรดี สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเดินขึ้นไปข้างบนน้ำตกชั้นถัดไป


   ผมเดินขึ้นมาเรื่อยๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าไผ่ สังเกตว่าได้ยินเสียงพวกไอ้ตุ๊อยู่ไกลๆ ข้างบนเงียบมาก ผมเดินมาจนถึงแก่งหินด้านบน ไม่เห็นว่ามีใครอยู่เลย ผมพยายามมองหาไอ้เวอร์ว่ามันไปอยู่ ผมเดินเที่ยวหามันอยู่นาน แต่ก็หามันไม่เจอ หรือว่ามันจะเดินกลับลงไปแล้ว ตอนนี้เนื้อตัวผมก็โดนทั้งใบหญ้า ใบไผ่บาดตัวจนแสบไปหมด ผมจึงตัดสินใจเดินกลับลงมา แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เดินถึงสิบเก้า ก็มีคนมาคว้าแขนผมไว้


   “ไอ้เวอร์ อยู่นี่เอง ตามหาซะทั่......” เย้ยยยย เผลอหลุดปากไปซะได้


   “ตามหาทำไม” มันยังทำท่านิ่ง


   “คือ.........” พอไอ้โมนึกไปถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นสักครู่นี้ ก็เกิดหน้าชาขึ้นมาในบัดดล ผมมาตามหามัน ก็เพื่อจะอธิบายเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ


   “คือ........” ไอ้โมยังพูดไม่ออก เห็นสีหน้าเฉยชา แบบนี้แล้วใจแป้วอ่ะ


   “หรือว่าจะตามให้ไปดู ว่ามึงกับไอ้ตุ๊กับลังจะได้กัน หน้าด้านกันจริง จริ๊ง คนตั้งแยะ หัดอายกันซะมั่งเหอะ จะทำอะไรก็ให้มันลับหูลับตาคนซะมั่ง” มันพูด ไอ้โมเจ็บจี๊ดๆ แต่ก็ไม่ได้คิดจะโกรธมัน ครั้งนี้เป็นความผิดผมจริงๆ เล่นจนเลยเถิด ไม่ทันระวังตัว แต่จริงๆแล้วนั่นก็เป็นเพราะผมไม่ได้คิดอะไรกับไอ้ตุ๊ต่างหาก ผมถึงเล่นกับมันแบบนั้นได้


   “คือ มันไม่ใช่แบบที่มึงคิดนะ กูก็แค่...”


   “เหรอ แล้วแบบไหนล่ะ ต้องให้กูเห็นตอนมึงเอากันเลยมะ จะได้รู้ว่าเป็นอย่างทีกูคิดหรือเปล่า” โห ไอ้โมน้ำตาหยดแหมะเลยอ่ะ บ่อน้ำตาตื้นจริงกรู พูดไม่ออกอ่ะ ผมแค่อยากให้มันเข้าใจผมบ้าง ว่าผมไม่ได้คิดจะทำอะไรกับไอ้ตุ๊แบบนั้นนะ เหตุการณ์มันพาไปต่างหาก


   “กูก็แค่... กูก็แค่...ฮึก ....” ผมสะอื้น พยายามจะบอกมันไปว่าแค่เล่นกันนะ ผมไม่ได้จะทำอะไรแบบที่มันคิด


   “ตลอดเวลา กูรักมึงมาตลอด กูเคยคิดเข้าข้างตัวเองนะ ว่ามึงก็คงมีใจให้กูบ้าง แต่พอมาเห็นวันนี้ กูก็ได้เข้าใจว่าทำไม มึงถึงไม่เคยคิดจะรักกูเลย” ผมยิ่งสะอื้นหนัก นี่มันจะไปกันใหญ่แล้ว มันยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าผมแคร์ มันยิ่งกว่าใครๆ มันจะต้องให้ผมพูดออกมาเลยเหรอ ว่าผมคิดกับมันอย่างไร


   “กูผิดที่คิดเข้าข้างตัวเอง คิดว่ามึงจะรักกูบ้าง แต่เปล่าเลย กูพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้มึงสนใจกูบ้าง ที่กูต้องแกล้งมึงสารพัด ก็เพราะกูแค่อยู่ในสายตามึงบ้าง กูอยากให้มึงสนใจกู” ไอ้โมได้แต่ก้มหน้าปล่อยให้น้ำตาหยกลงพื้นแหมะๆ มึงอยู่ในสายตากูตลอดแหละ ถ้าจะพูดให้ถูกมึงอยู่ในใจกูต่างหาก ผมได้แต่คิดนะ ไม่กล้าจะพูดออกไป


   “ตอนที่มึงบอกว่าเกลียดกู กูก็คิดว่า ซักวันกูจะทำให้มึงรักกูได้ แต่จนถึงวันนี้แล้ว กูก็รู้ว่ามันไม่มีทางเลย แต่ไม่เป็นไรหรอก อดทนอีกนิดเดียว เดี๋ยวมึงก็จะไม่ต้องทนเห็นหน้ากูอีกต่อไปแล้ว” อะไรนะมันหมายความว่าอย่างไร ตอนนั้นผมพูดอะไรไม่ออกอีก จะพูดอะไรมันก็กลายเป็นเสียงสะอื้นไปหมด หลายคนคงจะหมั่นไส้ รำคาญผม ก็แค่บอกออกไปสิว่าผมก็รักมัน มันจะยากเย็นอะไรกันนักหนา แต่ ณ ตอนนั้นผมไม่สามารถพูดออกไปได้จริงๆ ผมจะพูดออกไปได้ยังไง ในเมื่อผมยังไม่รู้เลยว่าความรักมันคืออะไร เป็นแบบไหน ผมกลัว กลัวไปหมดทุกสิ่ง กลัวว่าวันหนึ่งมันจะต้องจากผมไป กลัวว่าวันหนึ่งถ้ามันเลิกรักผมแล้วไปรักคนอื่นผมจะทำอย่างไร ตอนนั้นผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมไอ้เวอร์มันถึงพูดคำว่ารักออกมาได้ง่ายดายนัก มันรู้แล้วเหรอว่าความรักคืออะไร มันถึงกล้าพูดคำว่ารักออกมาอย่างมั่นใจ (ตอนนี้ผมมองกลับไปรู้สึกอิจฉามันจัง ที่มันได้รู้จักความรักตั้งแต่ยังเด็กๆ)


   “มึงรักไอ้ตุ๊ใช่ไหม” ผมเงยหน้ามองมันทั้งน้ำตา รักอีกและ อยากจะบอกว่ากูไม่รู้ๆๆๆ รักเริกคืออะไรอย่ามาบังคับถามกูได้ม้ายยยย


   “กู...ฮึก..” พอจะพูด ไอ้โมก็สะอื้นฮั่กๆ ออกมา


   “กู...”ผมแค่พยายามจะบอกว่า ผมไม่ได้คิดอะไรกับไอ้ตุ๊ มึงต่างหากเป็นคนที่กูแคร์มาตลอดนะ มันต่างหากที่ไปแสดงท่าที สนิทสนม กับคนโน้นทีคนนี้ที จนผมแทบจะทนไม่ได้ ... แต่ทันใดนั้น ก่อนที่ผมจะได้ทันพูดอะไร ก็มีเพื่อนในห้องคนนึง เดินขึ้นมา


   “เฮ้ย ไอ้เวอร์ ไอ้โม เค้าจะกลับกันแล้ว เหลือมึงอยู่สองคนเนี่ย เร็วๆ เพื่อนๆเค้ารอกันอยู่” ยังไม่ทันที่เพื่อนคนนั้นจะพูดจบ ไอ้เวอร์มันก็เดินจ้ำอ้าวลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว ส่วนผมก็รีบเอาเสื้อที่ถืออยู่มาเช็ดนำตา แล้วรีบก้มหน้าเดินลงมาข้างล่างอย่างไว


   จนกระทั่งเพื่อนๆมารวมตัวกันก่อนกลับ จึงได้รู้ว่ามันกลับไปก่อนแล้ว ผมก็ได้แต่มองตามหลังมันไป เรื่องของผมกับมันจะเลวร้ายไปไหน ของเดิมก็เลวร้ายจะแย่อยู่แล้ว ยังมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก ขากลับผมเลยไปซ้อนมอเตอร์ไซค์เพื่อนอีกคันนึง ไม่ได้นั่งคันไอ้ตุ๊(ขามาผมมากับมัน) มันก็งงๆว่าเกิดอะไรขึ้น จริงๆผมรู้สึกอายมันอยู่เหมือนกัน ยังไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น อยากรีบกลับบ้านนอน







ขอโทษที่หายไปนานครับ  เข้ามาต่อให้จบตามสัญญาแล้วครับ (เหลืออีกประมาณ 5 ตอน)

สวัสดีปีใหม่ มีความสุขกันทุกๆคนนะครับ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 35-36 P8[11/01/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 11-01-2012 15:38:30
 :เฮ้อ: สงสารโมจัง

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 35-36 P8[11/01/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 13-01-2012 11:31:34
ตอน 37: ใจแข็ง 


           ตลอดปลายเทอม ของมอสามเทอมสอง ผมย้ายมานั่งกับกลุ่มไอ้เก ไอเนียร มันสามคนยังนั่งกันอยู่ที่เดิม ตั้งแต่เกิดเรื่องที่น้ำตกคราวนั้น ผมไม่ได้คุยกับไอ้เวอร์อีกเลย เป็นเพราะผมเองแหละ ที่หลบหน้ามันตลอด พอผมเห็นมันเข้ามาผมก็หลบ มันมาขวา ผมไปซ้าย มันเข้าหน้าห้อง ผมออกหลังห้อง ยิ่งช่วงนี้ไกล้จะจบเทอมแล้ว หลายวิชาก็ปิดคอร์สไปแล้ว ทำให้ผมหลบหน้ามันได้ง่ายขึ้น อาจารย์ก็ไม่ค่อยได้เข้าสอน ปล่อยให้นักเรียนอ่านหนังสือเตรียมสอบกัน ที่ต้องรีบปิดคอร์สเพราะอาจารย์รีบสอนให้จบ นักเรียนจะได้ไปสอบเข้ามอปลายที่อื่นได้ ช่วงนี้ก็เห็นหลายๆคนวุ่นๆ ว่าจะไปเรียนต่อที่ไหนดี จะเรียนต่อสายสามัญ หรือสายอาชีพดี ส่วนผมเนื่องจากปัญหาทางเงิน ก็คงได้เรียนต่อมอปลายที่นี่ เพราะไกล้บ้าน และประหยัดค่าใช้จ่าย




           อาจารย์หลายท่านก็เสียดายโอกาส อยากให้ผมได้ไปเรียนต่อโรงเรียนชายนครสวรรค์ เพื่อจะได้มีโอกาสดีๆ เป็นการปูทางในการเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย เกลี้ยกล่อมผมเป็นนานสองนาน โดยเฉพาะอาจารย์อ๋อย (อาจารย์สอนภาษาอังกฤษ) ถึงกับจะออกทุนการศึกษาให้ผมจนจบมอปลายเลยที่เดียว แต่ไอ้โมก็ปฏิเสธไปด้วยหลายๆเรื่องอย่างที่บอก ทั้งเรื่องทางบ้าน ไหนจะการต้องไปปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนใหม่อีก และที่สำคัญอีกเรื่องที่ไอ้โมไม่ค่อยอยากจะยอมรับเท่าไร แต่มันก็เป็นความจริงคือ ไอ้เวอร์ มันน่าจะเรียนต่อมอปลายที่นี่เพราะ แม่มันเองก็สอนอยู่โรงเรียนประถมไกล้ๆกัน




           บ่ายวันนึงขณะที่ผมกำลังนั่งอยู่หลังห้อง อ่านหนังสืออยู่หลังห้อง ก็มีเด็กมอหนึ่งวิ่งเข้ามาตะโกนลั่นห้อง




           “พี่ศุภชัย คนไหนค้า จดหมายจากอาจารย์ปิยวัฒน์ ค่ะ อาจารย์รุ่ง (อาจารย์พี่เลี้ยงของอาจารย์ปิยวัฒน์) ให้เอามาส่ง” โห ตะโกนซะลั่นห้องเชียวน้องเอ๊ย กลัวเค้าไม่รู้กันรึไง ว่าแฟนพี่ เค้าส่งจดหมายมาให้ (แหวะ อาจารย์เค้าไปเป็นแฟนมึงตอนไหนวะ)



           “ทางนี้ครับน้อง ขอบคุณนะครับ” ไอ้โมยิ้มให้ น้องอายแก้มแดงไปเลยทีเดียว เครียดกับเรื่องไอ้เวอร์มานาน พอมาได้จดหมายจากอาจารย์วัฒน์ ก็ทำให้ผมยิ้มออกได้เลยทีเดียว ผมแอบชำเลืองมองไปที่ไอ้เวอร์ ก็เห็นว่ามันกำลังมองผมอยู่ ไม่หลบตาด้วย เหมือนมันกะจะให้รู้ว่า กุมองเมิงอยู่นะ จนผมต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาจากมันเสียเอง




           ผมแกะจดหมายอาจารย์ออกอ่าน ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็แค่ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เล่าว่าอาจารย์กำลังจะสอบปลายภาคแล้ว แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าผมเองก็น่าจะกำลังเตรียมตัวสอบเหมือนกัน แล้วก็อวยพรให้ผมได้เกรดสี่ทุกวิชา ผมเองได้อ่านก็ยิ้มดีใจ ขอให้สมพรปากเถอะ ส๊าธุ



           หลังจากที่อาจารย์ฝึกสอนกลับไปแล้ว ผมเองกับอาจารย์วัฒน์ก็ยังได้เขียนจดหมายติดต่อกันเป็นระยะๆ จนกระทั่งอาจารย์ได้รับการบรรจุไปสอนแถวโรงเรียนทางภาคเหนือ ส่วนผมก็สอบเข้าเรียนได้ที่มหาวิทยาลัยที่จังหวัดพิษณุโลก ก็เลยขาดการติดต่อกันไป




           ผมอ่านจดหมายเสร็จก็เก็บลงกระเป๋า กะว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยตอบจดหมายอาจารย์ ผมแอบชำเลืองดูที่โต๊ะไอ้เวอร์ก็เห็นว่า มันไม่อยู่ที่โต๊ะแล้ว และตลอดช่วงเช้าจนถึงบ่ายสอง ผมก็ไม่เห็นไอ้เวอร์เลย แอบเป็นห่วงมันลึกๆ แต่ในใจก็ยังแอบดีใจ หรือว่ามันจะหึงผมเรื่องจดหมายเมื่อเช้า แสดงว่ามันยังแคร์เราอยู่สิเนี่ย คิดไปก็แอบยิ้มในใจ หรือว่าจะไปลองง้อมันดีนะ อึดอัดจะตายอยู่แล้ว ไม่มีมันมาคอยกวนใจ รู้สึกเหงายังไงก็ไม่รู้ เฮ้ออออ




           ผมเดินคิดอะไรเพลิน จนเดินใจลอยมาถึงหน้าห้องพยาบาล ก็เห็นน้องจักจั่นกับเพื่อนอีกสองคนเดินหัวเราะคิกคักกันออกมา ด้วยความสงสัยผมก็เลยลองแอบเดินเข้าไปในห้องพยาบาล พอเข้าไปถึง ก็เจอไอ้เวอร์กำลังนอนหลับอยู่ หึ แอบมาพลอดรักกันอยู่นี่เองนึกว่าหายไปไหน กุมันโง่เองแหละที่หลงคิดเข้าข้างตัวเอง ว่ามึงยังแคร์กุอยู่ ผู้ชายยังไงมันก็ยังต้องคู่กับผู้หญิงวันยังค่ำ มึงจะมาสนใจคนอย่างกุทำไม ระหว่างที่ไม่ได้คุยกับกุ มึงสองคนคงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วสินะ คิดไปน้ำตาก็ไหลเอ่อขึ้นมา บ่อน้ำตาตื้นจริงกู ต้องเอามือปิดปากเพราะกลัวเสียงสะอื้นจะเล็ดลอดออกมา ผมรีบเดินออกมาจากห้องพยาบาลให้เงียบที่สุด แต่ตอนปิดประตู ลมเจ้ากรรมดันพัดประตูปิดซะเสียงดัง ปัง! ผมต้องรีบวิ่งมาให้พ้นจากตรงนั้น ผมหันไปดู ก็เห็นว่ามันเปิดประตูออกมา .. มันมองมาที่ผม มันมองเห็นผมแล้ว แต่..... หวังว่ามันคงจะไม่เห็นน้ำตาของผม
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 37 P9[13/01/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 13-01-2012 19:52:42
เฮ้อ จะลงเอยยังไงเนี่ย  :m16:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 37 P9[13/01/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 13-01-2012 20:10:10
น่าเบื่อวะ

ปากแข็งกันเกิน

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 37 P9[13/01/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 13-01-2012 20:12:56
 :serius2: จะเกิดอะไรขึ้นอีกนี้

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 37 P9[13/01/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 13-01-2012 22:47:37
อยากจะร้องไห้เย ไม่รู้ทั้งคู่จะสมหวังป่าว
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 37 P9[13/01/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: meiji ที่ 18-01-2012 20:51:05
หวังว่าจะไม่เศร้านะคะ
รออ่านเรื่องพี่โมอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 38-39 P9[23/01/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 23-01-2012 10:31:53
ตอน 38: อนาคต

              หลังจากวันนั้นที่ห้องพยาบาลผมก็ซึมไปเลย เฝ้าคิดแต่เรื่องของมันก็น้องจักจั่น อดคิดไม่ได้ว่ามันกับน้องเค้า คงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว ไหนจะเพื่อนในห้องที่ชื่อเหมียวอีก คงจบกันแล้วเรื่องราวระหว่างผมกับมัน ผมก็ไม่เป็นอันทำอะไร ยิ่งช่วงนี้ไม่ค่อยมีเรียนด้วยแล้ว ผมก็ได้แต่หลบมุมมานั่งซึมอยู่คนเดียว หนังสือหนังหา ไม่ค่อยได้อ่านหรอก เฝ้าแต่คิดวนเวียนถึงเรื่องของไอ้เวอร์ ไอ้ตุ๊ ไอ้อุ้ย ก็จับกลุ่มติวหนังสือกับเพื่อนๆคนอื่นอยู่


              ช่วงที่ผมกำลังนั่งซึมอยู่โต๊ะหินอ่อนใต้ร่มเฟืองฟ้านั้น ก็มีใครบางคนเดินเข้ามาทัก


              “ไง นะโม ไม่ได้คุยกันนานเลย มานั่งทำอะไรคนเดียวเนี่ย”


              “อ่ะ พี่โอ๊ค หวัดดีครับ” ตอนนี้พี่เค้าอยู่มอห้าแล้ว หล่อขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะเลย กำลังแตกเนื้อหนุ่มเปรี๊ยะๆเลย กลิ่นเนื้อหนุ่มนี่หอมมาแต่ไกลเลยล่ะ


              “ว่าไง มานั่งทำไรคนเดียวครับ”


              “อ่อ มาอ่อนหนังสือน่ะครับ”


              “เหรอ ครับ แต่พี่เห็นว่าเราถือหนังสือกลับหัวอยู่นะนั่น”


              “>///< ฮ่า ฮ่า จริงด้วยครับ”


              “เครียดล่ะสิ แล้วนี่จะไปเรียนต่อที่ไหนล่ะเรา”


              “คงได้เรียนต่อที่นี่ล่ะครับ ไม่อยากไปอยู่ไกลบ้าน”


              “เหรอครับ ดีใจจัง”


              “แหะๆ” ผมยิ้มเขินๆ แล้วพี่ก็ชวนคุยอะไรอีกมากมาย ผมก็รู้สึกดีนะ มีคนมาชวนคุย ถ้าไม่มีคนมาชวนคุยนี่ คงต้องนั่งเหม่อถึงไอ้เวอร์อีกแน่เลย เราคุยกันไปก็หัวเราะกันไป พี่โอ๊คเป็นคนคุยสนุกครับ จนกระทั่งเสียงออดดังเตือนให้ไปเรียนคาบต่อไป พี่เค้าจึงขอตัวไปเรียน เห็น     เค้าเดินไปทางห้องคหกรรม คงจะมีเรียนที่นั่น ผมก็เลยได้ฤกษ์เปิดหนังสืออ่านจริงๆซะที แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางอาคารเรียนตรงห้องเรียนผม แล้วผมก็ได้เห็นใครบางคนยืนอยู่หน้าห้อง แล้วมองมาทางที่ผม... ไอ้เวอร์นั่นเอง เฮ้อ.. ว่าจะไม่คิดถึงมันแล้วเชียว ดันโผล่มาให้เห็นหน้าซะอีกนี่ ไม่ต้องอ่านหนังสือกันแล้ววันนี้


              ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่จะเป็นช่วงที่ มีสถาบัน โรงเรียน และมหาวิทยาลัยต่างๆ (ส่วนใหญ่จะเป็นเอกชน) จะเดินทางมาแนะแนว และเชิญชวนให้ไปศึกษต่อที่สถาบันการศึกษาของตอน อาจารย์ก็จะส่งนักเรียนมอสาม มอหก ไปนั่ฟังการบรรยาย เพื่อให้นักเรียนได้เลือกว่าอยากจะไปเรียนต่อที่ไหน ซึ่งดูนักเรียนจะตื่นเต้น และดูกระตือรือร้นกันมาก แล้วบางสถาบันที่มีนักเรียนเก่าของเราไปศึกษาต่อ ก็จะพาศิษย์เก่าของเรากลับมา แนะแนวและเชิญชวนเราด้วย บางสถาบันก็พาคนแนะแนวมาหล่อๆ สวยๆ ทั้งนั้นเลย พวกนักเรียน ก็กรี๊ดกร๊าด ดี๊ด๊า กันใหญ่เลย ผมแอบชำเลืองดูไอ้เวอร์เป็นระยะๆ ดูมันไม่ค่อยสนใจสักเท่าไร เอ๊ะ หรือว่ามันตัดสินใจว่าจะเรียนต่อที่นี่ มันเลยไม่สนใจ ผมคิดไปก็แอบดีใจ ที่จะได้เจอได้เรียนกับมันที่นี่ อีกตั้งสามปีแน่ะ


              ตลอดเวลาช่วงนี้ ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่านะ ผมแอบชำเลืองมองดูมันบ่อยๆ แล้วผมก็เห็นมันเองก็แอบมองผมอยู่เสมอๆ ไม่ว่าผมจะทำอะไรอยู่ตรงไหน ผมก็ยังเห็นมันแอบมองดูอยู่ไกลๆ ผมก็รู้สึกดีนะ ที่ดูเหมือนว่ามันยังสนใจผมอยู่ ถึงแม้จะไม่ได้คุยกันเลย แต่ยังไงก็ตามที่ ผมก็ยังไม่กล้าจะเดินเข้าไปคุยกับมันอยู่ดี ทั้งๆที่ตอนนี้ผมอึดอัดใจจนจะบ้าตายอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 38-39 P9[23/01/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 23-01-2012 10:34:09
ตอน 39: สอบครั้งสุดท้าย

          และแล้วก็ถึงช่วงการสอบปลายภาค ซึ่งเป็นการสอบครั้งสุดท้าย ในชีวิตการเรียนมอต้นของผม ช่วงนี้เพิ่งจะเป็นปลายเดือนกุมภาฯ อากาศจึงยังหนาวอยู่ โดยปกติแล้วนักเรียนชั้นอื่นๆ จะสอบกันกลางเดือนมีนาคม แต่ชั้นมอสาม กับมอหก จะต้องรีบสอบให้เสร็จก่อนเพราะจะต้องเอาผลการเรียนไปสมัครเรียนที่อื่นต่อ



          ช่วงนี้แลดูทุกคนจะวุ่นวายกันไปหมด ไปที่ไหนก็มีแต่คนคุยกันว่าจะไปเรียนต่อที่ไหน ทำข้อสอบไดหรือเปล่า อย่างที่บอกผมรู้ตัวแล้วล่ะ ว่ายังไงก็ต้องเรียนต่อมอปลายที่นี่ เลยไม่ค่อยกระตือรือร้นเท่าไร ส่วนเรื่องสอบไม่ได้กังวลอะไร ไม่ได้โม้ครับ แต่ในระดับมอต้น ผมสอบได้ที่หนึ่งตลอด ส่วนถ้าเทียบทั้งโรงเรียนก็ติดหนึ่งในสาม ไอ้ตุ๊จะไปสอบเข้าโรงเรียนกีฬา ไอ้อุ้ยจะเรียนต่อที่นี่ก่อน แล้วจะไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ส่วนไอ้เวอร์นี่ยังไม่รู้ว่ามันจะเอายังไง ช่วงนี้เพื่อนๆก็จะจับกลุ่มกันอ่านหนังสือ พอสอบเสร็จก็เห็นรีบกลับบ้านกันไปอ่านหนังสือ บางคนก็จับกลุ่มติวหนังสือให้กัน แต่ผมไม่ค่อยถนัดติวให้ใคร แล้วก็ไม่ชอบอ่านหนังสือหลายๆคนด้วย ชอบมานั่งอ่านคนเดียวมากกว่า เพราะต้องใช้สมาธิเยอะ จะเพราะอะไรซะอีกล่ะก็เพราะมีเรื่องใครคนนึงวนเวียนอยู่ในหัว เผลอนิดหน่อยเป็นไม่ได้ ต้องใจลอยไปหามันทุกที อย่างวันนี้ผมก็มานั่ง         

          อ่านหนังสืออยู่คนเดียว ใต้ร่มชงโค ที่ปลูกเรียงรายข้างสนามกีฬา(กลางแจ้ง) ที่เลือกที่นี่ก็เพราะเงียบ และคงไม่มีใครมาเล่นกีฬากันในช่วงสอบแบบนี้


          ผมอ่านหนังสือไปได้นานแค่ไหนก็ไม่รู้ (กำลังเข้าสู่โหมดสมาธิ ฮ่า ฮ่า) รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงลูกบาสกระทบกับแป้น หลายต่อหลายครั้ง ดังมาจากสนามกีฬา ก็ได้แต่นึกในใจว่าใครกันวะ มาเล่นบาสตอนนี้ ไม่อ่านหนังสือหนังหากันรึไง ผมเกิดสงสัยขึ้นมา เพราะเสียงฝีเท้าการวิ่งแบบนี้มันคุ้นๆ อดรนทนไม่ได้ผมเลยเดินไปดูที่สนามบาสว่าใช่คนที่ผมคิดไว้หรือเปล่า ..... แล้วก็ใช่จริงๆด้วย เป็นไอ้เวอร์ แลวมันมาทำห่าไรที่นี่ ไม่ไปอ่านหนังสือ ฉลาดนักเหรอ ไม่อ่านหนังสือเนี่ย แล้วจะทำข้อสอบได้ไหม อ่อนทุกวิชา เค้าจับกลุ่มติวกันน่ะ ไม่ไปเข้ากลุ่มกับเค้า หรือจะเอาเกรด 4 พละศึกษา เค้าตัดเกรดไปแล้วเว้ย ผมสังเกตว่ามันเล่นจับลูกยัดห่วง วิ่งอยู่คนเดียว อย่างกับไปเก็บกดอะไรที่ไหนมา อดคิดไม่ได้นะว่าเป็นเพราะตัวผมหรือเปล่า อยากจะเดินเข้าไปหาไปคุย ไปกอดมันนะ ไปถามมันว่าเป็นอะไร ไปให้มันแกล้งก็ยังดี แต่คิดไปคิดมา ไม่เอาดีกว่า ไม่อยากหน้าแตก เพราะหลายครั้งแล้วที่คิดเข้าข้างตัวเองแบบนี้ แล้วต้องหน้าแหกกลับมา ผมเลยเดินหันหลังเลี่ยงมาอีกทาง แล้วไปหาที่อื่นเงียบๆ ที่อื่น เพื่อที่จะได้อ่านหนังสือ....เหรอ เพื่อที่จะได้คิดเรื่องไอ้เวอร์ต่างหาก เจอมันไปแบบนี้ เลยไม่มีสมาธิจะอ่านหนังสือแล้ว หาที่เงียบๆนั่งเหม่อดีกว่า



เป็นตอนสั้นๆ 2 ตอนนะครับ เหลืออีก 3 ตอนก็จะจบแล้ว จะพยายามลงให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้นะครับ

อ่านแล้วก็อย่าลืมคอมเมนต์กันด้วยนะครับ จุ๊ฟๆ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 38-39 P9[23/01/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 24-01-2012 07:35:46
ใกล้จะจบแล้ว แต่ยังคลุมเครืออยู่เลย ดูจะมืดมนซะแล้วมั้งคู่นี้ รออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 38-39 P9[23/01/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 24-01-2012 09:18:19
 :เฮ้อ:

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 38-39 P9[23/01/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: gay_love ที่ 24-01-2012 12:42:13
 :sad4: :sad4: ไมได้เข้ามาอ่าน เข้ามาอีกที ใครทำนะโม ฉันนนนนน!
มาเป็นกำลังใจต่อน่ะค่ะ... :L2: :L2: :L2:
***เวอร์นี้เยอะ!นะ!
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 38-39 P9[23/01/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 01-02-2012 13:22:23
ตอน 40: เสียดาย

        เหลืออีกสองวัน การสอบปลายภาคก็จะเสร็จแล้ว วันนี้เรามีสอบ สังคมศึกษาตอนเช้า กับภาษาอังกฤษตอนบ่าย อาจารย์คุมสอบให้ผมลงไปช่วยยกข้อสอบที่ห้องพักครู ทันทีที่ผมเดินลงมาถึงห้องพักครู ก็เจออาจารย์ที่ปรึกษาเรียกเข้าไปหา

        “นายศุภชัย เธอรู้หรือเปล่าว่านายเฉลิมพล เป็นอะไร”

        “อ่า เป็นอะไรเหรอครับ ผมก็เห็นเค้าปกติดี ไม่ได้ป่วยอะไรนี่ครับ”

        “อาจารย์ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คือเค้ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ดูสิเนี่ยคะแนนสอบออกมา 6 วิชา ตกซะครึ่งหนึ่ง วิชาที่ผ่านก็นะ ร่อแร่” โห แล้วงี้ มันจะจบมอสามมั้ยวะเนี่ย คะแนนเก็บมัน ก็ใช่ว่าจะเยอะอะไรมากมาย

        “ผมก็ไม่แน่ในเหมือกันครับ ช่วงนี้ผมก็อ่านๆหนัง ไม่ได้มีเวลาคุยกันเลยครับ”

        “อ้าว เหรอ ช่วยๆดูเพื่อนหน่อยสิ ปกติครูก็เห็นว่าเค้าไม่ได้เรียนแย่อะไร ทำไมตอนนี้คะแนนสอบออกมาเป็นแบบนี้ล่ะ”

        “มีปัญหากับทางบ้านหรือเปล่าครับ อาจารย์”

        “ไม่น่าใช่นะ ครูเพิ่งเจอกับอาจารย์เยาว(แม่ไอ้เวอร์) ก็ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาทางบ้านอะไร แล้วแบบนี้จะเอาคะแนนที่ไหนไปสมัครเรียนต่อที่อื่นได้ล่ะ” เรียนต่อที่อื่น?!? อะไรยังไง

        “แล้วเพื่อนคนอื่นละ มีใครรู้ไหม เอางี้เธอไปตามนาย วีระพงษ์ 2 คนนั่นมาหาครูที (ไอ้ตุ๊ กับ ไอ้อุ้ยครับ ชื่อเหมือนกัน แต่ขนาดตัวต่างกัน ราวยีราฟกับมด)”

        “ครับ” ผมเดินออกมา ก็คิดแต่เรื่องมันตลอดทาง ว่ามันจะอะไรนักหนา ไม่รักอนาคตตัวเองเลยหรือไง เรื่องผู้หญิงเรื่องอะไร ก็น่าจะเอาไว้ก่อน ตอนนี้ต้องตั้งใจสอบก่อนสิ เรื่องอื่นๆค่อยว่ากัน ผมคิดเรื่องมันจนเพลิน จนเกือบจะเดินชนกับไอ้เวอร์ที่เดินสวนมาเข้า ผมกับมันสบตากัน มันดูโทรมลงไปเยอะเลย ขอบตาเขียวเชียว เหมือนคนไม่ได้นอน แววตามันดูหงอยๆยังไงก็ไม่รู้ ไอ้โมเห็นแล้วใจหายวาบเลยจริงๆ

        “เดี๋ยวช่วย” มันพูด ส่วนตัวผมเองก็ไม่อยากอึดอัดต่อไป ตลอดสามเดือนที่ผ่านมาไม่ได้คุยกันเลย นี่เป็นคำพูดแรกที่มันพูดกับผม ผมก็ยื่นซองข้อสอบให้มันถือโดยดี มันเดินนำไปห้องสอบก่อน เป็นเวลาเดียวกับที่ไอ้ตุ๊กับไอ้อุ้ยเดินมาพอดี

        “เออ ตุ๊ อุ้ย อาจารย์เก้เรียกใหไปหาแน่ะ ทีห้องพักครู”

        “เดี๋ยวนี้เลยเหรอ”

        “อื้อ” ไอ้ตุ๊หน้าระรื่นเชียว อดไม่ได้เลยซัดมันไปหนึ่งโป๊ก! โดนอาจารย์ตอกหน้ากลับมา ยังไม่เข็ด

        “โอ๊ย! เชี่ย เจ็บนะเนี่ย หึงกุหราาาาาาาา” มันทำหน้าทะเล้น แล้วยื่นหน้ามาหาผม จมูกเฉียดแก้มผมไปนิดเดียว เพราะผมหลบทั้น

        “หึงพ่อมิงเส่ รีบไปเลยเมิงงง”

        “ฮ่า ฮ่า” ไอ้ตุ๊หัวเราะร่วน แล้วเดินนำไอ้อุ้ยไปห้องพักครู

พอมันสองคนกลับมาก็เห็นมันมาเรียกไอ้เวอร์ให้ลงไปพบอาจารย์บ้าง โห เรียกพบทุกคนเลยนี่หว่าเนี่ย มันหายไปประมาณสิบนาทีก็กลับมาทันสอบสังคมพอดี แต่รอบนี้เห็นมันดูเอาจริงเอาจังกับการทำข้อสอบมาก ผมเห็นแล้วก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก พอสอบเสร็จผมก็ช่วยอาจารย์ยกข้อสอบกลับมาที่ห้องพักครูอีกรอบ พอดีกับที่อาจารย์ที่ปรึกษาผมลงมาจากคุมสอบพอดีก็ได้เรียกผมเข้าไปหาอีกรอบ

        “เธอไม่รู้จริงๆเหรอว่านายเฉลิมพลเค้าเป็นอะไร”

        “ไม่รู้ครับ”

        “ตะกี้ครูคุยกับนายเฉลิมพล เค้าบอกว่า หลังจากเรียนจบจากที่นี่แล้ว แม่เค้าจะให้ไปเรียนต่อที่โรงเรียนจังหวัดระยอง” ผมใจหายวาบ ระยอง ไปเรียนทำไมที่ระยอง เท่าที่ผมทราบมา มันเกิดที่กำแพงเพชรนี่ พอกับแม่มันก็เป็นคนที่นี่ ญาติๆก็อยู่ที่กำแพงเพชรหมด แล้วทำไมมันต้องไปเรียนซะไกล แล้วมันจะไปเมื่อไร แล้วผมจะได้เจอกับมันอีกมั้ย คำถามมากมาย ยิงเข้ามาในหัวผมเต็มไปหมดทันที แต่ก่อนที่ผมจะฟุ้งซ่านมากไปกว่านี้

        “อาจารย์เยาว(แม่ไอ้เวอร์) ท่านสอบได้เป็น ผอ. ที่โรงเรียนในจังหวัดระยอง เพื่อความก้าวหน้าของแม่เค้า และตัวนายพาวเวอร์เอง เค้าก็ต้องไป”

        “แล้วไปกันหมดเลยเหรอครับ เห็นน้องไอ้เวอร์ก็เรียนอยู่ป.4 ที่โรงเรียนที่แม่มันสอนด้วยนี่ครับ แล้วจะทำยังไง”

        “ก็ย้ายไปหมดน่ะแหละ ตะกี้อาจารย์ก็เพิ่งได้คุยกับนายเฉลิมพล เค้าก็บอกเค้าไม่อยากไปเลย เค้าอยากอยู่ที่นี่ อยากเรียนต่อที่นี่”

        “ก็อยู่ก็ได้นี่ครับ หอพักโรงเรียนก็มี”

        “เค้าก็ว่าอย่างนั้น แต่แม่เค้าก็ห่วงสิ อยากให้ไปอยู่ด้วยกัน นายเฉลิมพล ก็ขัดแม่ไม่ได้ อาจารย์เยาวท่านก็พยายามมามาก กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้”
       ผมพอจะเดาเหตุผลจริงๆของแม่ไอ้เวอร์ออกแหละ ว่าทำไมท่านอยากจะไปจากที่นี่ เหตุผลนึงก็คงเพราะพ่อไอ้เวอร์ แม่ว่าพ่อของมันจะเสียไปเป็นสิบปีแล้ว แต่แม่มันก็ไม่ได้คิดจะแต่งงานใหม่เลย คงจะยังลืมพ่อไอ้เวอร์ไม่ได้ โดยเฉพาะแม่มัน ทั้งสาวทั้งสวย ขนาดนั้น จะหาแฟนใหม่เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว แม่มันก็คงอยากจะลืมเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นที่นี่ ไปเริ่มชีวิตใหม่ ออกจากที่เดิมๆ จะได้ลืมเรื่องร้ายๆได้เร็วขึ้น ณ จุดนี้ผมก็เดาว่าไอ้เวอร์ก็คงจะเข้าใจแม่มัน ว่าทำไมท่านถึงอยากไปจากที่นี่นัก เพราะถ้ามันยืนกรานคำเดียวว่าจะอยู่ที่นี่ จะเรียนที่นี่ แม่มันก็คงตามใจมัน แต่มันก็ไม่ทำ คงเพราะมันรักแม่มาก ....
      ... แล้วผมล่ะ มันจะคิดบ้างไหมนะ ว่าผมจะอยู่อย่างไร ผมจะอยู่โดยไม่มีมันได้ไหม จะมีเรื่องของผมอยู่ในหัวมันบ้างหรือเปล่า ผมหวนคิดไปถึงคราวที่มันบอกรักผม มันเป็นความจริงเหรอ มันรักผมจริงๆเหรอ ถ้ามันรักผมจริงแล้วมันจะทิ้งผมไปแบบนี้น่ะเหรอ แต่ก็นั่นแหละ นึกไปนึกมาก็รู้สึกสมน้ำหน้าตัวเอง ทั้งๆที่มันบอกรักผมตั้งหลายครั้งแล้ว ตัวผมเองกลับไปเคยจะยอมรับ ตัวผมเองกลับไม่เคยจะบอกว่าผมรู้สึกอย่างไรกับมัน ยิ่งไปกว่านั้นหลายต่อหลายครั้งที่ผมกลับพูดจาทำร้ายจิตใจมัน ผมคิดไปน้ำตาก็จะไหล รู้สึกเจ็บแปลบๆที่อกข้างซ้าย จนต้องเงยหน้าขึ้นกลืนน้ำตาให้มันไหลกลับเข้าไป

        “อีกเรื่องนึง ครูเห็นว่าเธอสองคนน่ะสนิทกันมาก มีอะไรก็ควรจะคุยกันให้เรียบร้อย เดี๋ยวก็จะไม่ได้เจอกันแล้ว เธอสองคนน่ะยังเด็ก ไม่รู้หรอกว่าเรื่องที่ดูเหมือนเล็กน้อยในวันนี้ ในอนาคตอาจจะมีผลอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตของเธอ เป็นเพื่อนกันเธอก็ต้องให้อภัยกันสิ เธอก็รู้นี่ว่านาย เฉลิมพล ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร” อาจารย์คงรู้เรื่องที่ผมกับไอ้เวอร์ไม่คุยกันจากไอ้อุ้ย กับไอ้ตุ๊แหละ

        “ส่วนตัวเธอเอง ครูก็อยากให้ลดธิฐิลงบ้าง ไม่ใช่เฉพาะกับเรื่องนี้เรื่องเดียว กับเรื่องทุกเรื่องน่ะแหละ อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่มีใครจะทำอะไรถูกใจเราไปซะทุกอย่างหรอก ในทางตรงกันข้าม ก็ใช่ว่าเราจะสามารถทำอะไรให้ถูกใจคนอื่นๆไปได้ซะหมด”

        “ครูไม่อยากให้นิสัยไม่ยอมแพ้ใครของเธอ ติดตัวเธอไปในอนาคตหรอกนะ มันจะเป็นปัญหาต่อการใช้ชีวิตของเธอได้ การขอโทษก่อนน่ะไม่ใช่เรื่องที่ต้องน่าอาย หรือเสียศักดิ์ศรีอะไร ตรงกันข้ามมันแสดงถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน ใครเห็นก็เอ็นดู เราสามารถขอโทษได้ก่อนไม่ว่าเราจะผิดหรือไม่ก็ตาม” ผมน้ำตารื้นเลยครับ ทั้งเรื่องที่อาจารย์อบรม แล้วก็เรื่องที่ไอ้เวอร์จะไปอยู่ระยอง ผมก้มหน้าลงไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้อีกต่อไปได้ ปล่อยให้น้ำตามันไหลหยดลงพื้น

         หลังจากคุยกันเสร็จผมก็เดิน เคว้งออกมาจากห้องอาหาร เหมือนหัวใจมันหวิวๆ เหมือนหลุดลอยออกไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ ไม่มีสติใดๆ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เดินมาหยุดหน้าห้อง คหกรรมแล้ว มองไปไม่เห็นมีใครอยู่ ผมจึงเปิดประตูเดินเข้าไป พอได้อยู่คนเดียวน้ำตามันก็ไหลพรากๆ ออกมาอย่างสุดกลั้น นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย ทรมานมันโดยการไม่พูด ไม่คุย ไม่เจอหน้ามันน่ะเหรอ ผมทำเหรอ ผมทรมานมันเหรอ แต่ทำไม ทำไม ผมถึงได้รู้สึกเจ็บอย่างนี้ เหมือนผมกำลังทำร้ายตัวเองอยู่ ความเจ็บที่คิดว่ามันจะเป็นฝ่ายได้รับ กลับสะท้อนกลับมาหาผมเป็นสิบเป็นร้อยเท่า ทำไมผมโง่อย่างนี้นะ ช่วงที่มันต้องเผชิญกับเรื่องต่างๆมากมายขนาดนี้ ผมกลับเอาเรื่องไร้สาระของผมไปเพิ่มให้มันต้องทุกข์ใจหนักขึ้นไปอีก ผมนี่มันเลวจริงๆ ทั้งเลวทั้งโง่อย่างไม่น่าให้อภัย ผมอยู่ในนั้นได้ไม่นานนักก็ต้องออกมา เพราะเลยช่วงเที่ยงมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ได้ยินเสียงคนหลายคนกำลังเดินตรงมาทางนี้ ผมเลยแอบไปหลบมุมใต้ร่มชงโค จนเผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีก็ได้ยินเสียงออดดัง เป็นการบอกเวลาว่าได้เวลาเข้าห้องสอบภาษาอังกฤษแล้ว

        ผมเดินไปห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา พอได้โดนน้ำเย็นๆก็ค่อยรู้สึกดีขึ้น กว่าจะเดินมาถึงห้องสอบก็เห็นว่า ทุกคนเข้าห้องสอบกันครบและอาจารย์แจกข้อสอบเสร็จแล้ว ผมเดินอ้อมเข้าด้านหลังห้อง ผ่านด้านหลังไอ้เวอร์ ผมนั่งถัดจากมันไปสองแถว ตอนผมนั่งลงก็แอบชำเลืองไปมองมันเห็นมันกำลังพลิกข้อสอบไปมา เอามือเกาหัว (อย่างที่เคยบอกว่า ไอ้เวอร์ ไอ้ตุ๊ ไอ้อุ้ย อ่อนภาษาอังกฤษมาก แต่จะเก่งคณิตศาสตร์กัน) ผมเห็นทุกคนเริ่มลงมือทำข้อสอบกันแล้ว ผมเองสูดหายใจลึกๆ สองสามครั้ง เพื่อทำสมาธิ พยายามเอาเรื่องราวต่างๆออกจากหัวให้หมด แล้วเริ่มทำข้อสอบ

         เวลาผ่านไปได้ราวสัก 15 นาทีได้ สำหรับผมข้อสอบไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่สำหรับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆกว่าครึ่ง คงโหดหิน มิใช่น้อยแต่ละคนเกาหัวแกรกๆ พลิกข้อสอบกันไปมา เพื่อจะหาข้อง่ายๆ ทำก่อน แต่ว่าข้อง่ายมันคงไม่ค่อยมี จึงเห็นว่าคนอื่นๆ ได้แต่พลิกข้อสอบกันซ้ำไปซ้ำมา ผมเหลือบไปมองทาวไอ้เวอร์ (ผมนั่งเยื้องด้านหลังมัน ถัดมา 2 แถว) เห็นในกระดาษคำตอบ ยังทำได้ไม่ถึง 5 ข้อ (จาก 40 ข้อ) แล้วจึงได้สังเกตว่า มันไม่ได้เอาดิคชันนารีมา วันนี้อาจารย์ให้นำดิคชันนารีมาด้วย เพราะข้อสอบส่วนใหญ่เป็นข้อสอบอ่าน แล้วให้ตอบคำถาม หากใครไม่มีดิคชันนารีมาด้วยล่ะก็ ข้อสอบจะเข้าขั้นโหดหินมากๆ โดยเฉพาะคนที่อ่อนภาษาอังกฤษแบบมัน สอบตกแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย ผมเห็นสภาพมันจากการที่พลิกข้อสอบไปมาแบบนั้น บวกกับกระดาษคำตอบทำได้ไม่ถึง 5 ข้อ สุดท้ายผมก็ตัดสินใจทำบางอย่าง

        “อาจารย์ครับ ขอนุญาตครับ”ผมลุกขึ้นยืน เห็นมีเพื่อนๆหันกลับมามองกับแว่บนึง แล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบต่อไป

        “มีอะไรนายศุภชัย”

        “คือข้อสอบของผมไม่ชัดน่ะครับ ผมข้อเปลี่ยนข้อสอบหน่อยนะครับ”

        “เดินมาหยิบด้านหน้า”  อาจารย์บอก พร้อมกับที่ผมเดินเอาข้อสอบไปเปลี่ยนด้านหน้า และไม่ลืมที่จะหยิบบางอย่างในมือติดมาด้วย ตอนเดินกลับผมจงใจเดินผ่านหน้าโต๊ะไอ้เวอร์ พร้อมกับวางดิคชันนารี่ที่ถืออยู่ในมือบนโต๊ะมัน มันเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม ผมพยักหน้าบอกให้มันเอาไปสิ มันทำหน้างง ผมพยักหน้าให้มันเอาไปพร้อมกับเดินกลับมาที่โต๊ะนั่งทำข้อสอบ ตอนผมกลับมานั่งที่โต๊ะ เห็นว่ามันมองมา แล้วยิ้มไห้ ผมก็ยักคิ้วกลับไป แล้วนั่งทำข้อสอบจนเสร็จ


        สุดท้าย ถึงแม้ว่าผมจะไม่มีดิคชันนารี่ ผมก็ยังทำข้อสอบเสร็จก่อนคนอื่นๆอยู่ดี(ไม่อยากจะโม้ว่าได้ท็อปด้วยล่ะ ฮ่า ฮ่า) ผมทำเสร็จก็ออกมาก่อน เหลือเวลาตั้งอีกเกือบชั่วโมงก่อนที่จะหมดเวลา ผมนั่งทำทีว่าอ่านหนังสือภาษาไทยอยู่หน้าห้องสอบ(พรุ่งนี้สอบภาษาไทยเป็นวิชาสุดท้าย) และเพื่อนั่งรอไอ้อุ้ยกับไอ้ตุ๊ไปพลางๆ แต่ในใจจริงๆผมอยากเจอไอ้เวอร์ต่างหาก อยากคุยกับมัน แต่ผมนั่งอยู่ได้ไม่นานก็เป็นเวลาเดียวกับที่อาจารย์สอนภาษาอังกฤษเดินผ่านมาพอดี(แกคงเดินมาดูลาดเลา วิชาสอบของแกเอง)

        “เป็นไงบ้างนาย ศุภชัย ทำเสร็จคนแรกเลยนะ”

        “อ่า ครับ แหะๆ”

        “ข้อสอบครูง่ายไปเหรอ คราวหลังต้องออกไห้ยากๆกว้านี้หน่อย” ง่ายกับผีอะไรล่ะ ‘จารย์ โหดมหาหินเลยล่ะ แต่ผมมันอัจฉริยะ ยากแค่ไหนก็ บ่ ยั่น ฮ่า ฮ่า (อันนี้คิดในใจ)

        “อาจารย์กลับห้องพักครูเหรอครับ”

        “ป่าว เดี๋ยวจะกลับบ้านพักครูน่ะ เธอช่วยถือของไปให้ครูหน่อยสิ ลงไปเอากระเป๋าที่ห้องพักครู ไปที่บ้านพักนะ”

        “อ่า ครับผม” ขัดไม่ได้ เดี๋ยวอดเกรดสี่ ทั้งที่ใจจริงๆอยากรอเจอไอ้เวอร์มันก่อน

        บ้านพักครูก็จะอยู่ด้านหลังของโรงเรียนครับ ห่างพอสมควรไปกลับรหว่างอาคารเรียนก็ราวๆ 15-20 นาที ผมเดินลงมาด้านล่างก็เห็นว่าอาจารย์เก้คุยกับแม่ไอ้เวอร์อยู่ สงสัยจะรีบมารับไอ้เวอร์กลับบ้าน ผมยกมือไหว้ทั้งสองคน แล้วก็ถือกระเป๋าไปที่บ้านพักอาจารย์ แต่กว่าเดินไปห้องพักครู ไปบ้านพักอาจารย์ กลับมาที่ห้องสอบ ก็เห็นว่าทุกคนออกมาจากห้องสอบเกือบหมดแล้ว ผมเห็นไอ้อุ้ยยังอยู่หน้าห้องสอบ ก็เดินไปหามัน

        “ไอ้ตุ๊ล่ะ” จริงๆอยากถามหาไอ้เวอร์ต่างหาก

        “ไปเฝ้าอาจารย์เก้เหมือนเดิม” ไม่กลับไปอ่านหนังสือรึงาย ถึงเป็นภาษาไทย ก็ไม่ใช่ง่ายๆนะว้อย

        “แล้ว...”ยังไม่ทันจะได้ถาม ไอ้อุ้ยก็ยื่นดิคชั่นนารี่ของผมคืนมาให้

        “ไอ้เวอร์ฝากคืนมึง เห็นมันมาถามหามึงอยู่ แต่ตอนนี้มันกลับไปแล้ว แม่มันมารับ เห็นว่าต้องรีบไปธุระนครสวรรค์ (ผมมารู้ทีหลังว่า รีบไปเพื่อจะไปเอาประวัติการรักษาพยาบาลของมันน่ะเอง)” ไอ้อุ้ยสาธยายซะยาวเดียว ราวกับว่ารู้ว่าผมจะถามอะไร

        “อือ ขอบใจ งั้นกูกลับละ” ผมซึมทันที อุตส่าห์ว่าจะได้คุยกับไอ้เวอร์แล้วเชียว เฮ้อ...

        “อ้าว ไม่รอไอ้ตุ๊เหรอ”

        “ไม่อ่ะ กุจะรีบกลับไปอ่านหนังสือ”

        “อ้าว เออ งั้นกุกลับด้วย” จริงๆบ้านไอ้อุ้ยมันอยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนนี่เอง แต่มันเห็นสภาพผมแล้ว มันก็คงอยากอยู่เป็นเพื่อน ตอนเดินออกมาหน้าโรงเรียนมันก็พยายามชวนคุย พยายามทำให้ผมหัวเราะ แต่ ณ ตอนนั้นมันขุดไม่ขึ้นจริงๆ ผมได้แต่ยิ้มๆกับมัน
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 38-39 P9[23/01/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 01-02-2012 13:27:44
ตอน 41/1: โอกาสสุดท้าย


          วันนั้นกลับมาถึงบ้าน สรุปว่าผมไม่ได้อ่านหนังสือเลย ได้แต่นั่งซึม น้ำไตไหล คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆนาๆ ที่ผ่านมา นึกโทษตัวเอง นึกโทษในความทิฐิของตัวเอง จริงๆผมรู้มาตั้งนานแล้วว่าผมรู้สึกอย่างไรกับมัน แต่ผมกลับไม่ยอมรับตัวเองซะที ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งๆที่ทุกอย่างมันชัดเจนขนาดนั้น


          ตัวมันเองก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่ามันคิดอย่างไรกับผม คงไม่มีคนบ้าที่ไหนหรอก จะเข้ามากอด มาหอม คนที่ตัวเองไม่ได้รัก ในตอนนั้นผมกลับโง่ ที่จะคิดไปว่า มันทำแบบนั้นเพราะต้องการแกล้งให้ผมอายต่างหาก และในหลายครั้งที่มันบอกผมว่ามันรักผม ผมกลับไม่เชื่อ คิดว่ามันพูดไปอย่างนั้น ไม่ได้จริงจังอะไร ผมกลับไม่เคยจะฉุกคิดเลยว่า สิ่งที่มันพูด มันทำเหล่านั้น ได้แสดงถึงความรู้สึกที่มันมีกับผมจริงๆ แล้วตัวผมล่ะ ผมได้ทำอะไรเพื่อที่จะแสดงความรู้สึกที่ผมมีต่อมันบ้าง มีแต่ทำร้ายจิตใจมัน ไม่ว่าคำพูด หรือการกระทำ ผมหลอกมัน หลอกตัวเอง ว่าจริงๆแล้วผมไม่ได้รักมัน ผมทำตรงกันข้ามกับความรู้สึก เพียงเพราะความคิดโง่ๆ เพราะทิฐิที่จะเอาชนะ ทิฐิที่ทำให้ตาผมมืดบอด จนมองไม่เห็นความรักที่มันมีให้กับผม



          คืนนั้นทั้งคืน ผมนอนคิด ว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าพรุ่งนี้ผมบอกรักมัน ผมขอร้องให้มันอยู่ต่อ ขอร้องให้มันเรียนต่อที่นี่ มันจะยอมทำตามที่ผมขอไหมนะ มันจะยังทันอยู่หรือเปล่าถ้าพรุ่งนี้ผมบอกรักมัน มันจะยอมฟังคำข้อร้องของผมไหมน่ะ ตลอดเวลาที่เรียนที่นี่ ผมยอมรับเลยว่า มันเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมอยากมาโรงเรียนทุกวัน เป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกว่าช่วงเวลาปิดเทอมแต่ละครั้งทำไมมันนานอย่างนี้ นานเสียจนไม่อยากให้มีวันปิดเทอม ไม่อยากให้มีแม้กระทั่งวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ ผมอยากมาโรงเรียนทุกวัน มาเพื่อที่จะได้เห็นหน้ามัน ได้ทะเลาะกับมัน ได้โดนมันแกล้งก็ยังดี ผมกล้าพูดได้เลยว่า จากวันที่ผมเกิด จนถึงปัจจุบันของผม ช่วงการเรียนมอต้น ช่วงที่ผมได้อยู่กับไอ้เวอร์  มันเป็นช่วงที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิต เป็นช่วงความทรงจำที่มีความหมายที่สุด


          ในที่สุดผมก็ตัดสินใจได้ ยังไงๆ พรุ่งนี้ผมต้องบอกมันให้ได้ว่าผมรักมัน ผมจะขอให้มันอยู่และเรียนที่นี่ต่อ จนจบมอปลาย ผมมั่นใจว่ามันจะต้องทำตามที่ผมขอ เพราะมันรักผม มันบอกว่ามันรักผม ต่อไปนี้ผมจะเชื่อที่มันพูดทั้งอย่าง เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้ ได้โปรด ได้โปรดให้มันเชื่อ และทำตามที่ผมขอร้องด้วยเถอะ


...


...



...


TBC
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 40-41 P9[01/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: gay_love ที่ 01-02-2012 15:20:05
 :กอด1:
มารอค่ะ เป็นกำลังใจค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 40-41 P9[01/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 01-02-2012 16:09:27
Dii kan rew rew na kha...
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 40-41 P9[01/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 06-02-2012 15:11:01
ตอน 41/2: โอกาสสุดท้าย

             เมื่อคืนผมนอนไม่หลับทั้งคืน มาได้หลับนิดหน่อยก็เกือบจะสว่างแล้ว นอนไปได้ 2-3 ชั่วโมง นาฬิกาปลุกก็ดัง ผมรีบลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเดินออกไปรอรถรับส่งนักเรียน

             โดยปกติแล้วถ้าเป็นวันสอบ จะไม่ต้องเข้าแถวเคารพธงชาติ แต่เนื่องจากมีแค่ มอสาม กับมอหก เท่านั้นที่เพิ่งจะสอบปลายภาค ทำให้วันนี้ยังต้องเข้าแถวเคารพธงชาติอยู่ ผมมองหามันแต่ก็ไม่เห็นไอ้เวอร์มันจะมาเข้าแถว จนกระทั่งอาจารย์ปล่อยเดินขึ้นห้อง จึงเห็นว่าแม่มันขับรถเข้ามาส่งมันที่ด้านหน้าอาคารเรียน ผมก็ค่อยโล่งใจ หลังจากนั้นผมก็เห็นแม่มันเดินขึ้นไปที่ห้องพักครู


             ข้อสอบภาษาไทยวันนี้ มีทั้งข้อสอบอ่าน และข้อสอบเขียน ซึ่งมีการเขียนเรียงความด้วย(เกลียดมากกกกกกกก) ให้เก่งแค่ไหน มาเจอข้อสอบภาษาไทยละก็ จอดสนิท ผมก็ทำไปเรื่อยๆ แอบหันมามองไอ้เวอร์มันอยู่เป็นระยะๆ  เห็นมันตั้งอกตั้งใจทำมาก แล้วผมก็หันกลับมาทำข้อสอบตัวเองบ้าง ทำจนเพลินรู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงอาจารย์ก็ปรากาศว่า เหลืออีก 5 นาทีจะหมดเวลา ให้นักเรียนตรวจทานข้อสอบให้เรียบร้อย นี่ผมทำข้อสอบจนเพลินไปเลยเหรอเนี่ย ดูนาฬิกาที่ข้อมือก็เกือบจะเที่ยงแล้ว ผมหันไปดูรอบๆก็เห็นว่าเหลือเพื่อนๆอยู่ในห้องอีกอยู่ไม่กี่สิบคน หันมาดูด้านข้าง ก็ไม่เห็นไอ้เวอร์แล้ว ผมจึงรีบเก็บข้อสอบ แล้วเดินเอาไปส่งอาจารย์ แล้วจึงรีบวิ่งลงมาข้างล่าง


             ผมพยายามเดินหาไอ้เวอร์จนทั่ว มันไปอยู่ไหนนะ ไปดูที่ห้องพักครูก็ไม่มี หน้าห้องสอบก็ไม่มีใครอยู่แล้ว ตอนนี้ก็หมดเวลาสอบแล้ว และก็พักเที่ยงแล้ว คนเริ่มเยอะขึ้น ผมกระวนกระวายใจมาก เดินหามันไปทั่ว จนผมเดินมาเจอไอ้อุ้ยกับไอ้ตุ๊


             “มึงเห็นไอ้เวอร์หรือเปล่า กูออกจากห้องสอบมาไม่เห็นมันเลย มีเรื่องจะคุยกับมัน”


             “โม...” ไอ้ตุ๊เรียกชื่อผม มันทำหน้าเศร้า เอื้อมมือมาจับไหล่ผม


             “ไอ้เวอร์... ไอ้เวอร์มันไปแล้ว”


             .


             .


             .


             .


             .


             .


             .


             .


             .


             .


             .


             .


             ตอนที่ผมได้ยินนั้น หัวของผมว่างเปล่า ได้ยินแค่เสียงวิ้ง....อยู่ในหัว สติผมหลุดลอยออกไปไหนแล้วไม่รู้ ถ้าคนที่ตายแล้วหัวใจจะหยุดเต้น ผมก็คงได้ตายไปแล้ว เพราะผมไม่ได้ยินเสียงใดๆอีกแล้ว ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจของตัวเองเต้น ใช่แล้วจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นได้อย่างไร หัวใจผมมันไม่มีอีกต่อไปแล้ว หัวใจของผมได้หายไปแล้ว หายไปพร้อมกับไอ้เวอร์ หายไปเพราะผมไม่เคยใส่ใจดูและมันให้ดี ไม่เคยให้ความรัก ความถนุถนอมไดๆกับมัน ภาพความหลังของผมกับมัน ผุดขึ้นมาในหัวมากมาย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับการฉายหนังเรื่องเดิมซ้ำๆ หลายพันหลายหมื่นครั้งในหนึ่งวินาที


             ผมไม่รู้ว่าไอ้ตุ๊ กับไอ้อุ้ย พูดอะไรกับผมอีก ผมเห็นแค่ปากมันขยับ แต่ไม่ได้ยินเสียงออกจากปากมัน ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่งราวกับว่ามีเพียงผมคนเดียวที่เคลื่อนไหวอยู่ ราวกับว่ามีผมคนเดียวที่จะได้รับรู้ความเจ็บปวดนี้ ราวกับว่าจะให้ผมจดจำวินาทีนี้ไปจนตาย ใช่แล้วตาย เค้าบอกว่าคนที่กำลังไกล้จะตาย จะมองเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างช้าลง แต่เวลาภายในจิตใจจะเดินเร็วกว่าเวลาภายนอก หลายร้อยหลายพันเท่า ภาพเก่าๆจะผุดขึ้นมาในหัว ให้เราได้ระลึกถึงคุณงามความดีก่อนจะตาย คนที่ระลึกถึงคุณงามความดีก่อนตายก็จะได้ไปจุติในภพภูมิที่ดี คนที่ละลึกถึงแต่สิ่งเลวร้ายก็จะต้องตกนรก หรือไปอยู่ในภพภูมิที่ต่ำกว่า


             ผมก็คงเหมือนกัน ต่อจากนี้ไปถึงจะไม่ได้ตกนรกเสียทีเดียว แต่ก็คงจะไม่มีวันเวลาไหน ที่ผมจะมีความสุขได้อีกต่อไปแล้ว คงไม่มีวันเวลาไหนที่ผมจะสามารถยิ้มได้ หัวเราะได้อีกต่อไปแล้ว คนที่ไม่มีหัวใจ มันจะยิ้มได้ จะหัวเราะ จะมีความสุขได้อย่างไร


             ผมเดินหันหลังให้สองคนนั้นมา ไม่ได้ยินแม้เสียงเรียกที่มันสองคนเรียก ผมเดินจากโรงเรียนกลับมาบ้าน(รถรับส่ง จะมาตอนเย็น ตอนนั้นเพิ่งเที่ยง) ไม่รู้สึกถึงความร้อนจากแสงอาทิตย์ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาถึงบ้านได้อย่างไร (ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร) ขึ้นห้องไปได้ผมก็ปิดประตูทันที ผมก็นั่งลงทรุดตัวลงหน้าประตู น้ำตาพรั่งพรูออกมาราวกับว่า รู้สึกเหมือนกับว่าวันนี้น้ำตาคงไหลออกจากตัวผมจนหมดเป็นแน่ ภาพเก่าๆผุดขึ้นมาในหัวผมอีกครั้ง ภาพที่ผมเคยหัวเราะ เคยร้องไห้ ภาพที่มันเคยกอดผมไว้ ภาพที่มันจูบผม ภาพวันแรกที่ผมได้เจอกับมัน ภาพเหล่านั้นมันผุดขึ้นมามากมาย ผมไม่อาจหยุดคิดถึงมันได้ แต่จะโทษใครได้เล่า เป็นเพราะตัวผมเอง เป็นเพราะความทิฐิ เป็นเพราะความโง่ของผมเองที่ทำให้มันต้องจากผมไปแบบนี้ ทำให้ผมต้องเจ็บปางตายแบบนี้ ผมปล่อยโฮออกมา อย่างที่ไม่กลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน ถ้าผมไม่ร้องออกมาแบบนี้ ผมคงต้องตายจริงๆ อึดอัดมันทรมานมากๆ ไม่เคยทรมานขนาดนี้มาก่อนเลยในชิวิต ถ้าวันนึงต้องเล่าเรื่องประสบการณ์เฉียดตายในชีวิต ผมคิดว่านี่แหละคือประสบการณ์เฉียดตายของผม


             นึกสมเพชตัวเองที่เคยประกาศต่อหน้ามัน “ว่าผมไม่มีวันเสียน้ำตาให้คนอย่างมัน” แล้วนี่มันเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วเล่าที่ผมต้องเสียน้ำตาให้มัน


            “ก็แค่บอกว่ารัก มันยากนักเหรอ” ใช่ ก็แค่บอกว่ารัก มันจะยากอะไรนักหนา ผมนึกโกรธตัวเอง ที่ปากหนักไม่ยอมบอกมันสักทีว่าผมเองก็รักมัน นึกเกลียดตัวเองที่ผมไม่เคยยอมรับตัวเองว่าผมรักมันมาตั้งนานแล้ว ใช่ผมรักไอ้เวอร์มาตั้งนานแล้ว แต่ผมไม่เคยจะยอมรับตัวเอง ผมเอาแต่วิ่งหนีใจตัวเอง จนมาถึงวันนี้ที่ดูเหมือนว่าทุกสิ่งมันคงจะสายไปเสียแล้ว


             ไอ้เวอร์ ...ไอ้เวอร์มันทิ้งผมไปแล้วจริงๆ  ผมยังไม่ทันได้บอกความในใจของผมให่มันได้รู้เลย อย่างน้อยได้โปรด ได้โปรดให้ผมได้บอกมัน บอกมันว่าผมรักมัน ถ้ามันจะต้องจากผมไปจริงๆ ของให้ผมได้บอกรักก่อน หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไรผมก็จะยอมรับได้ทุกอย่าง ไม่ใช่ให้มันทิ้งผมไปแบบนี้ น้ำตาของผมไหลออกมาไม่ขาดสาย มือผมก็กุมหน้าอกไว้ รู้สึกเจ็บหัวใจ เจ็บเหมือนมีใครกำลังเอามือมาบีบขยำหัวใจผมอยู่ มันอึดอัดเหมือนจะระเบิดออกมา ผมร้องไห้จนหลับคาประตูอยู่ตรงนั้น รู้ตัวอีกที่ก็ได้ยินแม่มาเคาะประตูให้ลงไปกินข้าว ผมล้างหน้าล้างตาแล้วก็เดินลงมหาแม่ข้างล่าง


             แม่เห็นผมเข้าก็ตกใจมากว่าไปทำอะไรมา ตาถึงได้บวมแดงขนาดนั้น จะพาไปหาหมอ ผมก็ได้แต่บอกไปว่านอนดึกน่ะ อ่านหนังสือมาก เดี๋ยวพักผ่อนก็หาย


             แล้วผมก็คิดอะไรบางอย่างออก ถ้าขืนผมยังอยู่ที่นี่ต่อมีหวังผมได้เป็นบ้า หรือไม่ก็คงได้คิดสั้นอะไรไปเป็นแน่


             “แม่ พรุ่งนี้เดี๋ยวหนูว่าจะไปอยู่กับแป๋ว(พี่สาวผม) ที่โคราชซักพักนะ”


             “หือ จะไปพรุ่งนี้เลยเหรอ แล้วโทรบอกพี่เค้ารึยัง แล้วไม่ต้องไปสมัครเรียนก่อนเหรอ หรือว่ายังไง หรือจะไม่เรียนต่อแล้ว”


             “ไม่รู้แม่ นี่ก็ว่าจะลองหางานทำเลย ถ้าได้งานดีก็อาจจะไม่เรียนแล้ว”


             “เอ้า จะเอายังไงก็ ... ตามใจ คิดให้ดีๆแล้วกัน”


             สรุปว่า ผมตัดสินใจไปอยู่โคราช เพราะอย่างที่บอก ถ้าขืนผมยังอยู่ที่นี่ต่อไปผมคงเป็นบ้า ไม่ก็คงฆ่าตัวตายไปซะก่อน ไปอยู่ไกลๆ หางานทำไม่ให้คิดฟุ้งซ่าน เรื่องเรียนต่อค่อยว่ากันอีกที





ตอนหน้าเป็นบทสรุปของเรื่องราวแล้วครับ เป็นตอนจบจริงๆเสียที ขอบคุณที่ติดตามกันนะครับ

หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 41/2 P9[06/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 06-02-2012 21:17:43
ทำไมเป็นแบบนี้อ่ะ ก็แค่บอกว่ารัก... มันยากนักเหรอ แล้วโอกาสที่จะบอกว่ารัก ไม่มีแล้วเหรอ  :m15:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 41/2 P9[06/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 07-02-2012 10:05:14
อยากแล้วเจ็บปวดมากกกเลยครับ  :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>ตอนที่ 41/2 P9[06/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 09-02-2012 10:11:11
บทส่งท้าย

             สองตอนสุดท้ายนี่เล่นเอาคนเขียนเครียด ตอนที่เล่าตอนสนุกๆนี่ง่ายกว่ากันเยอะเลย กว่าจะเขียนสองตอนสุดท้ายเสร็จนี่เล่นเอาหมดทิชชู่ไปหลายม้วนเหมือนกัน เอาไปซับน้ำลาย เอ๊ย!ซับน้ำหมาก เอ๊ย! ซับน้ำตา เอ๊ย! ถูกแล้ว!!! ซับน้ำตาครับ ไม่ใช่ซับน้ำอย่างอื่น ฮ่า ฮ่า
ใจจริงผมก็อยากจะเขียนเรื่องนี้ให้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งเหมือนกัน ผมเองก็ไม่ค่อยชอบอ่านอะไรที่มันแซดเอนดิ้งซักเท่าไร แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ อีกอย่าง ผมก็อยากแชร์ประสบการณ์เผื่อใครต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นจะได้ไม่ต้องทำอะไรที่ผิดพลาดเหมือนกับผม อยากจะเก็บความผิดพลาดนี้ไว้เป็นบทเรียนของชีวิต


   เรื่องราวหลังจากนั้น



         ไอ้ตุ๊ มันไปสอบเข้าโรงเรียนกีฬาไม่ได้ ทำให้ตอนนมอสี่มันต้องเรียนอยู่ที่โรงเรียนเดิมกับผม อยู่ห้องเดียวกัน นั่งด้วยกันเหมือนเดิม ตอนมอปลายมันสูง 196 ได้แล้ว แบบว่ายักษ์มากที่สุดในโรงเรียน แต่พอขึ้นมอห้ามันก็ได้โควตานักกีฬา ไปเรียนโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง ในตัวเมืองจังหวัดกำแพงเพชร
         หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วความสัมพันธ์ของผมกับไอ้ตุ๊เป็นแบบไหน มีอะไรมากกว่านั้นอีกหรือเปล่า ยอมรับว่ามีหลายครั้งก็เคลิ้มไปกับไอ้ตุ๊มันเหมือนกัน เพราะไอ้นี่มือไม้มันก็ใช่ย่อย ยั้วเยี้ย ราวกับปลาหมึก ไม่แพ้ไอ้เวอร์เหมือนกัน อยู่ไกล้กับมันก็เปลืองเนื้อเปลืองตัวได้ตลอด แต่ผมรู้ตัวเองดี ว่าจริงๆแล้วรู้สึกกับมันอย่างไร มันมีส่วนคล้ายกับพี่ชายของผมมากกว่า ผมเลยห้ามใจได้เสมอ ก่อนที่อะไรๆมันจะเลยเถิดไปมากกว่าที่ควรจะเป็น
          ผมลองมองย้อนกลับไปก็ทำให้คิดได้ว่าจริงๆแล้วไอ้ตุ๊มันไม่ได้เป็นเกย์อยู่แล้ว มันอาจจะอยู่แค่ในช่วงที่สับสน มันเองก็กำพร้าพ่อเหมือนกัน ทั้งบ้านก็มีมันเป็นผู้ชายอยู่คนเดียว (ที่บ้านมันมียาย แม่ น้าสาวสองคน แล้วก็น้องสาว)พอมาเจอผมก็เลยเข้ากันได้ดีเป็นพิเศษ เพราะผมกับมันก็ชอบอะไรคล้ายๆกัน แต่แล้วพอมันโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น มันก็จึงได้นพบว่า จริงๆแล้วมันชอบอะไรกันแน่ 
          ตอนที่มันจะย้ายไปเรียนที่อื่น ผมก็เคว้งเหมือนกัน ราวกับว่าคนที่เรารักค่อยๆหนีหายจากผมไปทีละคน  ตั้งแต่อาจารย์วัฒน์ ไอ้เวอร์ แล้วยังมาไอ้ตุ๊อีก แต่ก็ยังดีที่เวลามันกลับมาบ้าน มันก็แวะมาเยี่ยมผมตลอด พอให้หายคิดถึงมันได้บ้าง พอตอนมหาวิทยาลัยมันก็ได้ไปเรียนต่อที่เดียวกับผม แต่ของมันเรียนภาคพิเศษ(ภาคค่ำ) เพราะสอบเข้าไม่ได้ ผมก็ได้เจอกับมันบ้าง แต่ตอนนั้นมันอยู่กับแฟน(ซึ่งคือภรรยาคนปัจจุบันของมัน) เลยไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กันมากนัก ปัจจุบันมันมีลูกชาย 1 คนอายุ 4-5 ขวบได้แล้วครับ วัยกำลังน่ารักเชียว


           
          ไอ้อุ้ย น่าเสียดายครับ ตอนขึ้นมอสี่มันได้อยู่คนละห้องกับผม แล้วก็ไปคบกับเพื่อนไม่ดีเยอะ ทำให้มันไปพัวพันกับยาเสพย์ติด จนกระทั่งขึ้นมอห้าอาจารย์ก็จับได้ว่ามันไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพย์ติด เลยโดนไล่ออกตอนที่กำลังจะขึ้นมอห้าพอดี หลังจากนั้นมันก็ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ แต่จนแล้วจนรอดก็เรียนมอปลายไม่จบอยู่ดี เมื่อประมาณปีที่แล้ว ผมกลับไปเยี่ยมบ้าน ขับรถผ่านไปแถวบ้าไออุ้ย ก็เลยแวะไปเยี่ยมมัน ถึงได้รู้ว่ามันแต่งงานแล้ว ตอนนี้ก็เปิดร้านเล็กๆ อยู่แถวบ้าน ไม่กล้าถามว่ามันเลิกติดยาหรือยัง แต่ดูท่าแล้วมันก็น่าจะเลิกได้แล้ว ดูมีน้ำมีนวลขึ้น หน้าตาสดใส กลับมาหล่อเหมือนแต่ก่อนแล้ว



          อาจารย์วัฒน์หลังจากที่อาจารย์กลับไปเรียนต่อ เราก็เขียนจดหมายคุยกันเป็นระยะๆ หลังจากเรียนจบได้ไม่นาน ก็ได้รับบรรจุ เป็นอาจารย์สอนโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ส่วนผมจบเมื่อมัธยมปลาย และสอบเข้าได้ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ผมก็ได้ขาดการติดต่อกับอาจารย์ไป
           เพื่อนๆหลายคนอาจจะแอบเชียร์ผมกับอาจารย์วัฒน์ ผมลองมองกลับไปถึงตอนนั้น ยอมรับว่าผมรู้สึกดีกับอาจารย์มากๆ มีอาการใจตุ๊มๆต่อมๆ เหมือนกันเมื่อได้อยู่ไกล้กับอาจารย์ จนผมก็เกือบเข้าใจผิด คิดว่าผมชอบอาจารย์แบบคนรัก แต่อย่างที่บอกอาชีพอาจารย์เป็นอาชีพที่มีเสน่ห์ แล้วยิ่งเป็นอาจารย์วัฒน์ด้วยแล้ว มันยิ่งเพิ่มความมีเสน่ห์เป็นสองเท่าสามเท่า แต่เมื่อพิจารณาดีๆ ก็พบว่าจริงๆแล้วน่าจะเป็นการชื่นชมและชื่นชอบมากกว่า คล้ายๆกับการที่เราชื่นชอบศิลปิน หรือดารา ที่เราไม่จำเป็นต้องได้เขามาครอบครอง แค่ขอได้ชื่นชมอยู่ห่างๆ เราก็มีความสุขแล้ว 
           ส่วนตัวอาจารย์วัฒน์เองผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาจารย์คิดอย่างไรกับผม เพราะอาจารย์จะวางตัวดีมากๆ ไม่เคยแสดงทีท่าล่วงเกินอะไรผม ไม่ว่าจะด้วยคำพูด หรือการแสดงออก อาจเป็นเพราะด้วยฐานะศิษย์กับอาจารย์ด้วย ทำให้อาจารย์ไม่อาจจะแสดงอะไรที่ไม่ดีไม่ควรได้ คงมีแต่ความห่วงใย เอาใจใส่ ให้คำปรึกษาที่ดี ผมยังนึกขอบคุณอาจารย์ที่ทำให้ผมเป็นผมมาจนทุกวันนี้ ตอนที่ผมไกล้จะเรียนจบมหาวิทยาลัย เคยเขียนจดหมายไปหาอาจารย์ แต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับมา คาดว่าอาจารย์อาจจะย้ายไปสอนที่อื่นแล้ว


          ไอ้เวอร์ ผมไม่ได้ข่าวคราวอะไร จากมันอีก ตัวผมเองก็ไม่ได้เข้าที่โรงเรียนที่แม่มันเคยสอน ถึงเข้าไปก็ไม่รู้จักใคร แล้วผมเองก็คงจะไม่กล้าไปถามข้อมูลของมันและแม่มัน จากครูที่โรงเรียนนั้นหรอก ก็คงทราบแต่จากอาจารย์ที่ปรึกษาบ้างว่า ตัวไอ้เวอร์เองคงจะเรียนที่โรงเรียนเทคนิคในจังหวัดระยอง เพราะมันเองก็หัวไม่ค่อยดี คงไม่เหมาะที่จะเรียนต่อสายสามัญ ส่วนตัวแม่มันเองก็เป็นผู้อำนวยการอยู่ในโรงเรียนในจังหวัดชลบุรี ผมเองตอนนั้นก็ไม่ได้ติดตามข่าวมันต่อ ด้วยก็เข้าใจว่าเป็นการตัดสินใจของมันเองที่จะจากผมไปแบบนั้น มันคงคิดไตร่ตรองดีแล้ว เป็นผม ผมก็คงต้องเลือกครอบครัวก่อน ยิ่งพ่อมันไม่อยู่ด้วยแล้ว มันเองก็เป็นลูกชายคนโต ก็คงต้องเป็นเสาหลักของครอบครับมันต่อไป


           ตัวผมเองได้เรียนต่อมอปลายที่เดิม เป็นสามปีที่ทรมานมาก ผมต้องกลับมาเรียนสถานที่ที่เดิม เพื่อนกลุ่มเดิมๆ อาจารย์คนเดิม โดยที่ไม่มีไอ้เวอร์อีกแล้ว ช่วงแรกๆก็ทำใจไม่ได้ เกือบจะได้เลิกเรียนกลางคันอยู่แล้ว มันเป็นที่ๆมีความทรงจำระหว่างผมกับไอ้เวอร์เต็มไปหมด แต่ตอนนี้กลับเหลือเพียงผมคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ ยังดีที่ได้อาจารย์เก้กับอาจารย์อ๋อย คอยตามอยู่ตลอด และนั่นก็ทำไห้หลายๆอย่างในชีวิตของผมเปลี่ยนแปลงไป ผมไม่ค่อยได้สนใจเรียนเหมือนแต่ก่อน ผลการเรียนก็ไม่ใช่ที่หนึ่งเหมือนที่เคยเป็นมาอีกต่อไป เกเร กินเหล้า โดดเรียน สูบบุหรี่ แต่ก็ไม่เคยเอาตัวเองไปพัวพันกับยาเสพย์ติด ดีที่โดนอาจารย์คอยเคี่ยวเข็น ไม่ให้ชีวิตผมมันตกต่ำลงไปมากนัก จนกระทั่งผมสอบเข้าได้ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก หลังจากที่มาเรียนต่อที่นี่แล้วตัวผมเองก็ไม่ได้ข่าวคราวของไอ้เวอร์ และครอบครัวของมันอีกเลย

          จบแล้วครับ ตอนจบอาจจะขัดใจหลายๆคน ต้องขอโทษด้วยครับ ทำอย่างไรได้ ชีวิตจริงไม่ใช่นิยายครับ จะได้กำหนดตอนจบอย่างที่เราต้องการได้ ถ้ามองย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในอดีต พยายามนึกถึงแต่เรื่องดีๆที่มันทำให้กับผม เวลาดีๆที่ผมได้อยู่กับมัน มันก็ทำให้ผมยิ้มได้ รู้สึกอิ่มใจ ที่ครั้งหนึ่งในชิวิตผมก็เคยมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต ช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุด ช่วงเวลาที่ผมจะไม่มีวันลืมไปเลยตลอดชีวิต ผมรู้สึกขอบคุณไอ้เวอร์ทุกครั้งที่คิดถึงมัน ขอบคุณที่มันได้เข้ามาในชีวิตผม ขอบคุณที่มันทำให้ผมรู้จักการให้ รู้จักนึกถึงคนอื่นก่อนที่จะนึกถึงตัวเอง ขอบคุณที่มันทำให้ผมรู้จักความรักเป็นครั้งแรก....และสอนให้รู้จักการอกหักในเวลาเดียวกัน ผมจะไม่มีวันลืมชื่อนี้ได้เลย “(พาวเวอร์) เฉลิมพล ศ...”





หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 09-02-2012 11:37:55
T.T saw nor tae penkamlangjai hai kha,,suu suu tor pai naa~~!!!!
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 09-02-2012 18:33:56
ตอนจบเสียน้ำตาให้เรื่องนี้เลย

อยากให้โมกับเวอร์ได้มีโอกาสได้เจอกัน ถึแม้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปแล้ว ถึงจะไม่ได้รักกันแล้ว แต่อยากให้ให้ได้เจอกันสักครั้งก็ยังดี ให้โมได้บอกรักเวอร์

ผมเศร้าใจจัง :m15: :m15: :m15:

 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GeTOuTNoW ที่ 09-02-2012 18:41:14
ขอให้หัวใจที่พัธนาการกันและกัน ได้เป็นอิสะเสียที
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: artit ที่ 09-02-2012 18:58:21
สุดท้าย ก็ไม่ได้บอก ไม่เป็นไร ชีวิตยังต้องเดินต่อไป สู้ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: victorypong ที่ 13-02-2012 06:54:23
 :serius2: ในช่วงชีวิตหนึ่งของคนเราจะมีสักกี่ครั้งที่จะมีโอกาสแบบนี้ นึกไปก็เสียดายแทนครับ
                จริงๆถ้าเราคิดจะตามต่อก็ไม่ยากเกินไป ถึงจะจบก็ขอให้จบแบบเคลียร์ ๆ
                อยากให้มีโอกาสได้เจอกันอีกสักครั้ง อย่างน้อยก็เพื่อเคลียร์ปมในใจให้หมด
                ไม่อย่างนั้นมันก็จะทรมานอยู่อย่างนี้
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Karn12 ที่ 13-02-2012 10:47:28
เสียใจด้วยจริงๆครับ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: bomm ที่ 13-02-2012 22:50:51
It's So Sad...
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ครับ
ขอเป็นกำลังใจให้ชีวิตคุณนโมก้าวเดินต่อไป
ชีวิตเรายังต้องพบเจอผู้คนอีกมากมาย เพียงแค่เก็บสิ่งดีๆนั้นไว้เป็นความทรงจำ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: Violet_Melon ที่ 16-02-2012 11:21:00
MoMoRin : ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนจบนะครับ ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยครับ

GeTOuTNoW : อยากเจอไอ้เวอร์เหมือนกัน เจอมันจริงๆจะสารภาพให้หมดเปลือกเลยทีเดียว แต่คงไม่กล้าไปตามหามันหรอก หวังว่ามันคงจะมีครอบครัว มีความสุขไปแล้วล่ะนะ

GeTOuTNoW : "หัวใจที่พัธนาการกันและกัน" ชอบคำนี้จัง โดนใจคนเขียนเต็มๆเลยนะครับ

artit : สู้มาตั้งหลายปีดีดักแล้วล่ะครับ และก็จะสู้ต่อไปครับ

Karn12 : เมื่อก่อนเสียใจมากครับ  ปัจจุบันเสียดาย ที่ไม่ได้ทำตามใจตัวเอง

bomm : ใช่ครับ เก็บสิ่งดีๆไว้กับความทรงจำ กับไอ้เวอร์เนี่ย ก็มีเรื่องราวดีๆให้น่าจดจำเยอะเลยล่ะครับ

สุดท้ายนี้ขอบคุณผู้อ่านทุกๆท่านนะครับ ที่ติดตามอ่าน ทั้งที่ตอบและไม่ตอบคอมเม้นต์ ขอให้ทุกท่านโชคดี สมหวังในความรักกันถ้านหน้านะครับ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: biwtiz ที่ 26-02-2012 18:16:52
ตอนจบเศร้าจัง
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: balloon ที่ 27-02-2012 10:56:09
ขอขอบคุณ
คุณผู้เขียนจริงๆที่นำเรื่องราวดีๆในชีวิตมาแบ่งปับตัวผมเองนั้น ก็ได้พบความรักที่ไม่ต่างจากคุณ คือ ตอนนั้นผมยังเด้กเกินไปเลยไม่รู้ว่าความรักคืออะไร เลยทำให้เผลไปทำร้ายใจใครคนหนึ่งเข้า และพอวันหนึ่งเมื่อผมเรียนจบและได้แยก ย้ายกันไปหาที่เรียนต่อจึงทำให้ผมรู้ใจ ของผมจริงๆ และได้พยายามบอกเค้าคนนั้นแต่มันช้าไปเขาคนนั้นได้ย้ายไปก่อนที่ผมจะบอกเพียงวันเดียว
จากวั้นนั้นถึงวันนี้ ก็ 4 ปีแล้ว แต่ใจของผมก้ยังไม่เคยลืมเขาคนนั้นได้เลย และพอยิ่งได้อ่านเรื่องนี้ผมก็ยิ่ง นึกถึง
ผมมีความสุขมากที่ได้อ่านเรื่องนี้ ขอบคุณขอบคุณจริงๆ
จากใจคนอ่าน  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 28-02-2012 13:57:49
 :m15: :m15: :m15:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 28-02-2012 23:00:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: gummin ที่ 29-02-2012 16:14:48
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 02-03-2012 21:58:36
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ฮ๊าฟฟฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 27-01-2013 20:07:00
ThankS
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 30-01-2013 04:19:45
ขอบคุณสำหรับบทเรียนดีๆที่นำมาถ่ายทอดค่ะ
แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เวอร์ได้เจอกับนะโมอีกครั้งจัง
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: biggup ที่ 11-02-2013 00:08:07
มันค่อนข้าง.....
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงง
เวอร์ๆๆๆๆๆๆๆๆ
อยากให้เวอร์เจอกะนโมอีกครั้ง
แต่ว่ามันก็เป็นความทรงจำที่น่ารักและสดใสมากๆเลยในช่วงเวลาหนึ่งหล่ะนะ
อ่านแล้วนึกถึงตอนเรียน
นึกถึงความทรงจำตอนเด็ก
และนึกขึ้นมาได้ว่า ตอนเราเด็กพี่ๆชอบพูดว่า "ดีแล้วเป็นเด็กอ่ะ น่าอิฉา"
ตอนนั้นเถียงในใจสุดใจขาดดิ้นว่าไม่เห็นดีเลย
แต่ตอนนี้พอเรามาเป็นผู้ใหญ่ คำที่รุ่นพี่พูดมันเข้ามาในหัวตลอด ดีแล้วเป็นเด็กนะ o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 12-02-2013 21:06:19
ช่วงวัยมัธยม มักจะเกิดเรื่องราวต่างๆมากมาย

อ่านเรื่องนี้แล้วคิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นเหมือนกัน

ขอบคุณนะคะ ที่มาแบ่งปันเรื่องราวให้อ่านกัน :กอด1:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GimNgek ที่ 13-02-2013 01:07:41
เป็นเรื่องที่ดูrea lจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: BankkunG23 ที่ 15-02-2013 16:27:54
อ่าวววว จบแบบนี้เลยอ่ะ =.="
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 31-08-2014 12:57:19
อ่านไป เช็ดน้ำตาไป ตะหงิดๆตั้งแต่แรกล่ะว่ามันจะจบแบบไม่สมหวัง T_T
ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่เจ็บปวดจริงๆ สงสารเพาเว่อร์ และก็ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: yibsee2009 ที่ 04-10-2014 02:14:59
นะโม  รู้ตัวเมื่อสาย  ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ครับ
แถมเป็นคนจังหวัดเดียวกันด้วย   สู้ต่อไปนะโม....
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: คุณหนูไฉไล ที่ 04-10-2014 21:20:16
ผมคงเป็นรุ่นน้องคุณที่ ม.น. แน่ ๆ 555+

เป็นเด็ก น.ว. ครับ เกือบได้มาเป็นรุ่นพี่ผมแล้วมั๊ยล่ะ

นี่แหละมัน real มาก

ส่วนตัวเรื่องนี้รู้สึกคล้ายกับเรื่องนึงที่เคยอ่านที่บอร์ดนี้ ไม่ได้บอกว่าเลียนแบบนะ คือ ครึ่งเรื่องแรกน่ะเหมือนกันที่เวอร์มารักนะโม แต่เรื่องนั้นท้ายที่สุดเมื่อกลับมาเจอกัน ตัวพระเค้าเปลี่ยนไปแล้ว ก็ถือว่าโชคดีที่นะโมไม่ได้เจอเวอร์อีก เพราะไม่รู้ว่านะโมยังหวังอะไรกับเวอร์ไหม ถ้าหวังแล้วเวอร์ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วนะโมคงจะเสียใจมาก แต่ ณ วันนี้ ดูเหมือนมันผ่านมานานมากแล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตแล้วกัน ณ วันนี้นะโมคงมีความสุขอยู่ ณ จุดนึงของชีวิตแล้ว อย่าให้ปัจจุบันมันมาทำให้ความทรงจำเลวร้ายเลย วันนี้นะโมคงไม่รุ้สึกเจ็บปวดมาแล้ว ให้มันเป็นเพียงความทรงจำดีกว่า บางคนผ่านมาเพียงเพื่อทำให้จดจำ ให้เค้าอยู่แค่นั้น อย่าให้มาทำร้ายความทรงจำดี ๆ ของเราเลยเนอะ

เป็นกำลังใจให้นะโม มีความสุขมาก ๆ นะ ~
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 24-06-2017 18:49:49
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: หยดน้ำผึ้ง ที่ 17-08-2018 19:31:00
 :sad4: :sad4: :sad4:

ตอนอ่านชอบมากกกกกก ความสัมพันธ์ ของโม กับเวอร์ ตุ๊ และอุ้ย น่ารักมากกก อ่านแล้วมีความสุข

แต่บทสรุปช็อคมากกกก เข้าใจแหละว่าสมัยนั้นมันติดต่อกันไม่ได้ง่ายๆ เหมือนตอนนี้ เหมือนเราตอนเด็กๆ นั่นแหละ ห่างหายแล้วก็ห่างหายเลย เสียใจ ทั้งๆ ที่รักกันแท้ๆ โมเองก็ปากหนัก ถ้ายอมลงกว่านี้คิดว่าคู่นี้ไปกันได้แน่ๆ เสียใจ เสียดาย สงสาร

ขอบคุณที่เสียสละเวลาเขียนให้เราอ่านนะคะ เราประทับใจคนเขียนมาก หวังว่า ปัจจุบันนี้มีความสุขดีนะคะ ดีใจที่คลิกเข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ++++ ก็แค่บอกว่ารัก...มันยากนักเหรอ ++++ >>จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ [09/02/12]<<
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 19-09-2018 15:48:34
 :pig4: