*** ประกาศรีไรท์ ***
เรื่องนี้อยู่ระหว่างการรีไรท์ใหม่นะจ๊ะ
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกๆ ของคนเขียน ซึ่งยังมือใหม่มากๆ เนื้อเรื่องเลยอาจจะยังขาดๆ เกินๆ อยู่บ้าง
ทั้งในเรื่องความไม่สมเหตุสมผลของตัวละครและเนื้อหาบางช่วงบางตอนด้วย
ทั้งนี้ทั้งนั้นคนเขียนเองก็น้อมรับทุกคำวิจารณ์ที่คอมเม้นกันเข้ามา ซึ่งมีส่วนช่วยในการรีไรท์ครั้งนี้ของคนเขียนเป็นอย่างมาก
คนเขียนจึงได้ตัดสินใจว่านอกจากจะปรับภาษาให้อ่านลื่นขึ้นแล้ว ยังจะปรับโครงเรื่องบางส่วนใหม่ด้วย ฝากติดตามด้วยน๊าา
ติดตามฉบับรีไรท์ได้แล้วที่: https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71825.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71825.0)
ด้วยรักจากใจ... ก่อนเหมันต์
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
...................................................................
แค่เศษดาวที่เฝ้ามองพระจันทร์
"ได้โปรดอย่ามองผมเป็นแค่เด็กคนนึงที่วิ่งไล่ตามความฝันและจินตนาการเลย
ได้โปรดมองว่า ผมกำลังพยายามยื่นมือไขว่คว้าใครสักคนที่ผมมองไม่เห็น"
รักษ์ ชายหนุ่มจากชนบท ได้เข้ามาในกรุงเทพฯ เพื่อตามหาคนๆ หนึ่ง ที่ในวัยเด็กคนๆ นั้นเคยพิเศษต่อชีวิตสุดแสนธรรมดาของเขามาก
การตามหาในครั้งนี้ ไม่ได้หวังครอบครอง ขอเพียงแค่ได้อยู่ใกล้ ได้พบหน้าบ้างเป็นครั้งคราวก็เกินพอแล้ว
แต่มันไม่ง่ายแบบนั้น เมื่อชีวิตใหม่ของเขาที่นี่มันมีใครอีกหลายคนที่ผ่านเข้ามา ทำให้ชีวิตที่เขาคิดมาตลอดว่ามันไม่มีอะไร กลับมีอะไรเอาซะดื้อๆ
สารบัญ
๑ เด็กชายไม่เอาไหน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3713936#msg3713936)
๒ ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3714000#msg3714000)
๓ ภูผาและปลายดอย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3714826#msg3714826)
๔ ในวันที่เราพบกันอีกครั้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3716444#msg3716444)
๕ กรเกียรติ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3716968#msg3716968)
๖ ตุ๊กตากระเบื้อง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3717651#msg3717651)
๗ แฟนบังหน้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3717667#msg3717667)
๘ คนที่ไร้ตัวตน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3719017#msg3719017)
๙ กล้วยกับนม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3719773#msg3719773)
๑๐ หนังรอบดึก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3720402#msg3720402)
๑๑ คำสารภาพ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3721615#msg3721615)
๑๒ วันที่พระจันทร์โคจรเข้าใกล้เศษดาว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3722670#msg3722670)
๑๓ หมากับปลากระป๋อง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3726719#msg3726719)
๑๔ เที่ยวบินปฐมฤกษ์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3727148#msg3727148)
๑๕ หลงแสงจันทร์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3728077#msg3728077)
๑๖ หลุมพรางพระจันทร์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3729113#msg3729113)
๑๗ ผมรักคุณ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3729651#msg3729651)
๑๘ สวมรอย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3731476#msg3731476)
๑๙ ความลับของภูผา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3733208#msg3733208)
๒๐ ขุนเขา ดวงดาว และพระจันทร์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3734431#msg3734431)
๒๑ ขุนเขา ดวงดาว และพระจันทร์ ๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3737960#msg3737960)
๒๒ ข้อแลกเปลี่ยน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3738671#msg3738671)
๒๓ คนไม่มีความหมายก็เสียใจเป็น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3740660#msg3740660)
๒๔ ปล่อยใจไปกับสายน้ำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3741481#msg3741481)
๒๕ ความฝัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3742135#msg3742135)
๒๖ ยังจำหน้าร้อนนั้นได้ไหม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3743895#msg3743895)
๒๗ อดีตที่ถูกลืม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3753689#msg3753689)
๒๘ การจากลาไม่อาจหลีกเลี่ยง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3759546#msg3759546)
๒๙ อ้อมกอดของวิญญาณ (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62480.msg3768385#msg3768385)
๑
เด็กชายไม่เอาไหน
รังสิมันต์เป็นเพียงเด็กบ้านนอก เติบโตมาท่ามกลางการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายแบบชาวเชียงของ ในจังหวัดเชียงราย คนส่วนใหญ่มองเขาว่าเป็นเด็กที่ช้า ไม่ค่อยทันคน เพื่อนๆ ต่างก็บอกว่าเขา ซุ่มซ่าม ไม่ฉลาด และอ่อนแอ จึงมักถูกเพื่อนร่วมห้องที่แข็งแรงกว่ากลั่นแกล้งอยู่เสมอ แต่กระนั้นเขาก็ยังมีเพื่อนสนิทอย่างทัดทิวา สาวสวยที่สุดประจำห้อง ที่ร่วมชั้นกันมาตั้งแต่แรกเข้าอนุบาลยันมัธยม สาวน้อยอย่างทัดทิวา ลูกสาวเจ้าของร้านขายของชำที่รั้วบ้านติดกับเขา มักจะกลายเป็นฝ่ายปกป้องผู้ชายอกสามศอกอย่างรังสิมันต์อยู่เสมอมา
แม้จะเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องได้ราว ดังถูกขนานนามมาโดยตลอด แต่มีความลับในใจอย่างหนึ่งและเป็นเพียงอย่างเดียวที่รังสิมันต์แน่วแน่มาโดยตลอดทั้งชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจนถึงชีวิตวัยหนุ่มอย่างในตอนนี้ คือไม่ว่าจะยังไง การได้ใกล้ชิดชายหนุ่มที่เขาเฝ้าแอบมองมาตลอดชั่วชีวิตอย่างทัดนที ชายหนุ่มรุ่นพี่ ซึ่งเป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทของเขา ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นนักบินหนุ่มสุดหล่อรุ่นใหม่ไฟแรงในสายการบินใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ไปแล้ว นั่นแหละคือความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่ของเขา
แต่รังสิมันต์รู้ตัวเองดีมาตลอดว่าตนเองไม่ใช่คนฉลาดเลิศล้ำอะไร ในเรื่องการเรียน หัวก็ช้า ต้องพึ่งไปบุญทัดทิวาให้ช่วยสอนช่วยแนะอยู่เสมอ ที่เห็นจะพอไปไหวหน่อยก็คงเป็นเรื่องของภาษา ไอ้ครั้นจะไปมุ่งเน้นทางด้านนักบินเพื่อตามรอยทัดนทีให้ได้ไปอยู่ใกล้ชิดกับเขาก็คงไม่ไหว พอถึงวัยที่ต้องเข้ามหาวิทยาลัย รังสิมันต์จึงเลือกเรียนสิ่งที่ตัวเองคิดว่าพอถูไถไปได้มากที่สุด นั่นก็คือ ภาษา เขาเลือกเรียนภาษาญี่ปุ่น และอาจจะด้วยความถนัดที่ทุกคนต้องมี แม้แต่เด็กไม่เอาถ่านอย่างเขาก็เถอะ สุดท้ายการเลือกเรียนถูกที่ถูกทางของเขา ส่งผลให้ผลการเรียนของรังสิมันต์ไปสะดุดตาคณะกรรมการคณะ และถูกส่งไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นจนจบปริญญาตรีและเพิ่งจะกลับมาที่ไทยเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้
ตอนนี้รังสิมันต์สามารถฝ่าด่านอรหันต์นานัปการในการสัมภาษณ์ และสามารถเข้ามาเป็นหนึ่งในว่าที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบิน สยามวิงส์ ซึ่งเป็นสายการบินเดียวกันกับที่ทัดนทีเป็นนักบินอยู่ในปัจจุบัน ในที่สุดความฝันเขาสำเร็จมาขั้นหนึ่งแล้ว
ภายในห้องโดยสารที่มีควันโขมงไปทั่ว บวกกับตัวเครื่องบินที่สั่นไหวอย่างแรงจนทรงตัวไม่อยู่ ผสานกับเสียงหวีดร้องที่ดังก้องไปทั่วห้องโดยสาร รังสิมันต์และลูกเรืออีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ นั่งนิ่งอย่างสงบสติอารมณ์ ถึงเวลาก็ต้องตะโกนสั่งในทุกคนก้มหัวลง นั่งอยู่กับที่ แม้ในใจเขาเองจะสั่นไหวราวกับกลอง ในหัวคิดถึงคำสั่งต่อไปที่ต้องชี้นำผู้คนที่นั่งอยู่ในห้องโดยสาร และขั้นตอนปฏิบัติต่อไปในการอพยพผู้โดยสารเมื่อเครื่องลงสู่พื้น ไม่นานหลังจากนั้นเสียงจากด้านนอกก็ดังสนั่นหวั่นไหว บ่งบอกว่าเครื่องได้ลงจอดฉุกเฉินและนิ่งสนิทแล้ว
“โอเพนซีทเบลท์ โนแบคเกจ โนไฮฮีล – ปลดเข็มขัด ทิ้งกระเป๋า ถอดรองเท้า!” เสียงตะโกนสั่งประสานเสียงดังขึ้นจากลูกเรือทั้งหมดบนเครื่องบินซ้ำไปซ้ำมา ขณะที่เดียวกันก็ต้องปลดเข็มขัดตัวเองออกเพื่อพุ่งตัวไปเปิดประตูฉุกเฉินในฝั่งความรับผิดชอบตัวเอง
ประตูเปิดออก พร้อมกับสไลด์ลมยางกระพือออกและตามมาด้วยการพองลมด้วยตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนที่รังสิมันต์จะตะโกนบอกให้คนในห้องโดยสารอพยพหนีออกจากเครื่องบินไป คนแล้วคนเล่าที่กระโดดออกจากประตูเครื่องบินแล้วสไลด์หนีลงไป ก่อนจะวิ่งออกไปในที่ที่ปลอดภัย อย่างเป็นขั้นเป็นตอนจนครบทุกคน หลังจากที่รังสิมันต์ทำการพินดาวน์ หรือการวิ่งตรวจเช็คคนที่หลงเหลืออยู่ในห้องโดยสารเป็นครั้งสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็ไม่ลืมที่จะคว้าอุปกรณ์ฉุกเฉินที่จำเป็นต้องใช้หลังการอพยพแล้วกระโดดตามออกไปเป็นคนสุดท้าย
เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างเซ็งแซ่ทันทีที่ขาของเขาก้าวพ้นสไลด์ลมยางแล้วสัมผัสพื้น
“ทำได้ดีมากทีมนี้ ครูขอชม” เสียงชมเปราะดังมาจากหญิงวัยกลางคน ท่าทีสง่าผ่าเผย การแต่งกายและแต่งหน้าแต่งตาดูมืออาชีพ ในมือถือปากกาที่จ่ออยู่กับแฟ้มรองเขียน พร้อมยิ้มน้อยๆ มาทางเขา เธอคือหนึ่งในทีมครูฝึกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินสยามวิงส์ ที่รับหน้าที่ดูแลการฝึกในส่วนของวันนี้
นี่เป็นการฝึกภาคปฏิบัติวันสุดท้ายก่อนจะเข้าสู่การเป็นลูกเรืออย่างเต็มภาคภูมิของเขา รังสิมันต์ยังคงไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะทำไป ถ้าเป็นแต่ก่อน หลังจากสไลด์ลงมา เขาคงเอาหัวเข่าไปจูบพื้นอย่างไม่ต้องเดา เขายิ้มรับครูฝึก ก่อนจะเดินไปนั่งรอทีมถัดไปที่กำลังจะเข้าจำลองสถานการณ์แบบที่เขาทำเมื่อครู่บ้าง จู่ๆ เรื่องราวในอดีตก็ผุดเข้ามาในหัวของเขาเอาดื้อๆ
เด็กชายวัยสิบเอ็ดขวบกลิ้งคลุกๆ ลงมาจากบันไดไม้ที่เชื่อมไปยังชั้นสองภายในร้านขายของชำ หลังจากที่เดินขึ้นไปได้เพียงไม่กี่ขั้นเท่านั้น รังสิมันต์หลับตาปี๋รอรับความเจ็บปวดจากร่างที่กำลังจะตกกระทบกับพื้นข้างล่าง แต่ยังไม่ทันที่สิ่งที่เขาคาดไว้จะเกิดขึ้น มือหนาๆ ของใครบางคนก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเขาด้วยความเร็วเหนือเสียง เด็กชายค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น สำรวจร่างกายตัวเองที่นอนเหยียดยาวเอาหัวชี้ลงมา ซึ่งอีกแค่ไม่กี่นิ้วก็จะโหม่งเข้ากับพื้นเต็มๆ เจ้าของมือหนายืนคร่อมเขาอยู่ท่าทางทุลักทุเลไม่ต่างกัน ทัดนทีนั่นเอง
“รักษ์เป็นอะไรไหม” ทัดทิวาวิ่งหน้าตื่นตามลงมาหลังจากที่ได้ยินเสียง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รังสิมันต์ตกบันไดบ้านของเธอ
“เราไม่เป็นอะไร” เด็กชายเสียงอ๋อย ก่อนที่จะดันตัวลุกขึ้นนั่งตามแรงฉุดของทัดนที
“ทีหลังก็รู้จักระวังบ้าง” เด็กหนุ่มเสียงทุ้มในวัยสิบห้าพูดขึ้นหน้านิ่งๆ ก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้ทัดทิวาดูแลเพื่อนจอมซุ่มซ่ามต่อไป
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก
แม้ว่ารั้วบ้านจะติดกันและรังสิมันต์กับทัดทิวาเองก็ไปมาหาสู่กันแทบทุกวัน แต่ทัดนทีเองแทบจะเคยสนใจหรือเหลียวมองเขาเลย เขาจึงใช้วิธีแอบมองเด็กหนุ่มผ่านทางรั้วบ้านของตัวเองที่เป็นแบบก่ออิฐถือปูนเตี้ยๆ เสริมเหล็กดัดห่างๆ แล้วมีพุ่มดอกเล็บมือนางขึ้นทับหนาตา ทางฝั่งบ้านข้างๆ ซึ่งเป็นร้านขายของชำของป้าแพรวา แม่ของทัดทิวาและทัดนทีนั้นเป็นผนังที่มีบานหน้าต่างทรงยาวแบบติดๆ กัน ในตอนกลางวันจะเปิดไว้รับลม เผยให้เห็นด้านในเป็นห้องนั่งเล่นที่ทัดนทีชอบนั่งดูทีวีหรืออ่านหนังสืออยู่ในนั้น ทางฝั่งบ้านของเขาเองจะเป็นลานโล่งๆ ที่เอาไว้ตั้งราวตากผ้า ซึ่งนั่นคือเป็นทำเลทองในการเฝ้าแอบมองอีกฝ่ายของรังสิมันต์ ทุกครั้งเวลาที่เขาออกมาตากผ้าให้แม่ เขาก็จะแอบมองลอดไปยังอีกฝั่งของรั้วบ้าน ซึ่งก็อาจจะเจอเป้าหมายบ้างหรือไม่เจอบ้าง แต่มันก็ทำให้เขาสุขใจอย่างบอกไม่ถูกและแอบยิ้มกับตัวเองอย่างไม่รู้ตัว ทำไงได้ คนมันไม่กล้ามองตรงๆ
ซึ่งเขาเองในตอนนั้นก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร สำหรับเด็กที่ยังไม่รู้จักความรัก เขารู้แค่ว่าสิ่งที่เขารู้สึกต่อทัดนที มันคือความรู้สึกพิเศษ ความรู้สึกที่มากกว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อคนอื่นๆ อาจจะเพราะทัดนทีเป็นเด็กหนุ่มที่น่าอิจฉา เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ฉลาดมาตั้งแต่เด็กๆ เรียนเก่งอันดับต้นๆ ของห้อง เป็นนักกีฬาโรงเรียน หน้าตาหล่อเหลาที่สาวๆ คลั่งไคล้ แต่ด้วยนิสัยที่ดูเงียบขรึม ไม่ค่อยสนใจใคร ไม่หยาบโลนและมั่วสุมอยากรู้อยากลองเหมือนเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ทำให้เขายิ่งน่าค้นหามากขึ้นไปอีก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ที่ทัดนทีมี ล้วนแล้วแต่รังสิมันต์ไม่มีทั้งสิ้น นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เขาหลงใหลในตัวเด็กหนุ่มคนนี้นัก
ถึงแม้เขาเองจะไปบ้านนั้นอยู่บ่อยๆ ทั้งไปซื้อของใช้ให้แม่ ซื้อขนมหลังเลิกเรียน หรือไปทำการบ้านกับทัดทิวา แต่เขาก็ไม่เคยกล้าที่จะเดินเฉียดหรือเหลือบตามองทัดนทีแม้แต่เสี้ยววินาทีเช่นกัน ดังนั้นการแอบมองผ่านรั้วบ้านโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
ความคิดถึงวันวานของเขาหยุดลงเมื่อมีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น เขามองไปยังกลุ่มคนในชุดหมีสีน้ำเงินเข้มกำลังกรูกันเข้าไปช่วยพยุงหญิงสาวร่างบางที่กองอยู่กับพื้น
“แอร์!” ชายหนุ่มอุทานอย่างตกใจ ก่อนจะวิ่งตรงไปรวมกับคนอื่น เขาแทรกเข้าไปช่วยพยุงหญิงสาวขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับชายหนุ่มอีกคน ก่อนจะพาเธอมานั่งลงใกล้ๆ คนอื่นๆ ในที่ที่จัดสรรไว้สำหรับให้นั่งพักระหว่างฝึก
“เจ็บมากไหม” เขาถามหญิงสาวที่หน้าตาเหยเกด้วยความเจ็บปวด
“เหมือนขาจะแพลง” หญิงสาวร่างบางพูดขึ้น
“สงสัยตอนสไลด์ลงมาแล้วก้าวออกวิ่งผิดจังหวะ เลยทำให้ข้อเท้าพลิก” ชายหนุ่มอีกคนพูดขึ้น
“โชคดีที่ทำดริลล์เสร็จพอดี ไม่อย่างนั้นนะแย่เลย งั้นปฐมพยาบาลเบื้องต้นกันไปก่อนแล้วกัน ตามที่ได้เรียนกันมา เดี๋ยวครูจะคอยช่วยดู” ครูฝึกสาวกล่าว
“ได้ครับ” รังสิมันต์ลุกไปนั่งลงตรงหน้าสาวที่นั่งเหยียดขาอยู่กับพื้น เขาสำรวจที่ข้อเท้า จับโยกซ้ายขวาเบาๆ แล้วถามอาการเพื่อนเป็นระยะ
“เดี๋ยวผมช่วยครับ” ชายหนุ่มอดีตพยาบาลที่เมื่อครู่ได้ช่วยพยุงหญิงสาวมานั่งลงได้กล่าวขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบถังนำแข็งที่ใส่ผ้าเย็นไว้สำหรับลูกเรือฝึกหัด แล้วนำมาทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับข้อเท้าพลิกในแบบที่เขาได้เคยทำมาก่อนอย่างช่ำชอง โดยที่มีครูฝึกและรังสิมันต์คอยช่วยอยู่ใกล้ๆ
รังสิมันต์นั่งรอแอรินอยู่ในคลินิกกับภูผา ชายหนุ่มรูปร่างสูงกว่่าเขาไม่เท่าไหร่ หุ่นล่ำ ผิวขาวละเอียด ที่เป็นถึงอดีตพยาบาลบนแท่นขุดเจาะมาก่อน ก่อนจะตัดสินใจลาออกจากความน่าเบื่อหน่ายมาสมัครเป็นสจ๊วตของสายการบินสยามวิงส์และได้เข้ามารอบเดียวกับเขา ตามที่อีกฝ่ายเคยเล่า
เขานั่งมองภูผาที่เอาแต่จดๆ จ้องๆ อยู่กับโทรศัพท์ พลางนึกถึงตอนที่ชายหนุ่มผู้นี้กูลีกูจอเข้าไปช่วยแอรินก่อนใครอื่น ถามตอนปฐมพยาบาลให้เธอก็ทำไปถามไปอย่างเบามือ ความทะนุถนอมที่ชายหนุ่มมีต่อเพื่อนหญิงนั้น มันทำให้เขานึกถึงใครบางคน อีกแล้ว
เด็กชายในชุดนักเรียนกำลังปั่นจักรยานอย่างใจลอยไปตามถนนแคบๆ ที่เลียบไปตามริมฝั่งแม่น้ำโขง เพื่อกลับบ้านในช่วงใกล้ค่ำ พลันสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับร่างๆ หนึ่งที่กำลังปั่นจักรยานมาตามถนนไกลออกไป ไม่ใช่ใครที่ไหน ทัดนทีนั่นเอง เด็กหนุ่มในชุดกีฬา มีตาข่ายใส่ลูกฟุตบอลพาดไหล่อยู่ กำลังปั่นจักรยานตรงมาทางเขาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เห็นใบหน้านั้นทำให้เขาใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก จะว่ากลัวก็ไม่ใช่ จะว่าอายเหรอ ก็ส่วนหนึ่ง เพราะการตกบันไดต่อหน้าอีกฝ่ายในวันนั้น มันทำให้เขาอยากจะแทรกแผ่นดินหนีในทุกๆ ครั้งที่เผชิญหน้ากัน เด็กหนุ่มปั่นจักรยานใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาจึงหมายจะชะลอฝีเท้าลง เพื่อหลบลงไปข้างทางสักระยะ เพื่อให้เด็กหนุ่มได้ผ่านไปเสียก่อน แต่เท้าเจ้ากรรมมันไม่ได้ดั่งใจเอาซะเลย ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ด้วยความที่สมองคิดไตร่ตรองอยู่ จึงไม่ทันสั่งห้ามเท้าที่สาวไปเรื่อยๆ จนจักรยานถึงช่วงที่อยู่สูงที่สุดของถนนที่เป็นลาดเนิน ที่ปกติเมื่อถึงตรงนี้ เขาต้องลงเพื่อจูงจักยานลงไปทุกครั้ง เพราะว่าจักรยานเขาไม่มีเบรก ความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างเท่าตัวเกินกว่าจะยั้งไว้ได้ เมื่อรู้ตัวว่าจักรยานวิ่งลงมาตามทางลาดสูงนั้นเสียแล้ว ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ต้องหยุดจักรยานเจ้ากรรมนี้ก่อนที่มันจะพุ่งเข้าไปประสานงากับอีกฝ่ายที่กำลังก้มหน้าก้มตาปั่นอย่างเต็มที่เพื่อขึ้นเนินนี้ให้ได้เช่นกัน เด็กชายไม่กล้าแหกปากร้องเพราะกลัวอีกฝ่ายจะสังเกตเห็น มีทางเดียวคือ เขาต้องเป็นฝ่ายหลบไปอีกฝั่งเอง แต่ด้วยความเร็วของจักรยานที่วิ่งเร็วจนหน้าสั่นนี้ มันยากเกินไป ถ้าหักซ้ายตอนนี้มีหวังพุ่งตรงฝ่าป่าหญ้าคาไปลงแม่น้ำโขงแน่นอน มีทางเดียวคือต้องหักขวา ต้นประดู่แดงคงพอจะช่วยสกัดเจ้าจักรยานไม่รักดีนี้ไว้ได้
โครม!
เสียงดังสนั่นดังมาจากด้านหลัง เด็กหนุ่มต้องชะลอฝีเท้าลงแล้วหยุด หลังจากที่เห็นบางอย่าง ไวๆ ที่หางตาขณะกำลังก้มหน้าก้มตาปั่นจักรยานอย่างสุดชีวิตเพื่อขึ้นเนินนี้ให้ได้ เขาหันไปมองยังที่มาของเสียง จักรยานคันเล็กโกโรโกโสล้มอย่างหมดสภาพอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ พร้อมกับล้อหน้าที่เบี้ยวเป็นเลขแปด ล้อหลังยังคงหมุนอยู่อย่างนั้น ใกล้กัน มีร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งนอนแผ่หลาหมดสภาพไม่ต่างจากจักรยาน พร้อมเสียงโอดโอย
“รู้ว่าจักรยานไม่มีเบรคทำไมไม่ลงจูง” เสียงเจ้าของจักรยานที่เขาซ้อนท้ายอยู่ดังขึ้นเป็นประโยคแรกตลอดทางที่เขานั่งมาด้วยนี้
เจ้าของร่างสะบักสะบอมเงียบ ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะไม่กล้าเผชิญหน้าเด็กหนุ่มจนถึงขั้นขาดสติได้ถึงเพียงนี้ สุดท้ายก็กลายเป็นว่ายิ่งพยายามหลบยิ่งไม่พ้น
ทันทีที่ทัดนทีเห็นว่าเด็กชายร่างบางเพื่อนสนิทน้องสาวตัวเองพาจักรยานแหกโค้ง เขาก็รีบเข้าไปช่วยอย่างไม่รีรอ แล้วอาสาพาไปส่งที่บ้าน เพราะนี่ก็ใกล้จะมืดค่ำ ยิ่งพอเห็นสภาพแล้ว ครั้นจะปล่อยให้เดินกลับเองก็คงใจจืดใจดำเกินไป เขาจึงให้เด็กชายซ้อนท้ายจักรยานเขาเพื่อจะได้ไปส่งที่บ้านก่อน ค่อยกลับไปเตะบอลกับเพื่อน
“เห็นรุ่งกลับถึงบ้านตั้งนานแล้ว แล้วนี่ทำไมถึงเพิ่งกลับ” น้ำเสียงราบเรียบถามขึ้นอีก หลังจากที่อีกฝ่ายเอาแต่เงียบ ขณะที่ใบหน้าอันแสนคมคายของเขายังคงจดจ้องฝ่าความตะคุ่มของช่วงพลบค่ำไปบนถนนเบื้องหน้า
เด็กชายยังคงนั่งก้มหน้านิ่ง สองมือน้อยๆ กุมไว้ที่เสื้อกีฬาของร่างหนาข้างหน้า ที่ขยับเอียงซ้ายขวาสลับไปมาช้าๆ จากการหมุนขึ้นลงของบันไดรองเหยียบ
“ผ-ผม...ผมอยู่ช่วยคุณครูจัดบอร์ดครับ” เขาตอบด้วยความรู้สึกที่หนืดคอเหลือเกิน
แล้วการสนทนาของทั้งคู่ก็จบลงเพียงเท่านั้น ซึ่งรังสิมันต์ไม่มีวันรู้เลยว่านั่นจะเป็นการสนทนาสุดท้ายระหว่างเขาและทัดนที และเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายนับแต่นั้นมา
แม้ความได้ใกล้ชิดระหว่างเขาและเด็กหนุ่มที่เขาเฝ้าฝันนั้นมีมาแค่แบบผิวเผิน ซึ่งอีกฝ่ายอาจจะไม่เคยคิดว่าเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ อาจจะจำไม่ได้หรือไม่ได้จำ แต่สำหรับเขานั้น เขาจำมันได้ขึ้นใจ แม้การเรียนในห้องจะไม่ได้เรื่อง แต่ความจำในเรื่องราวที่ทัดนทีเคยทำร่วมกับเขานั้นเขาคือที่หนึ่ง มันได้ถูกฝังลึกลงไปในสมองทุกทีๆ แม้แต่การเผชิญหน้ากันด้วยความบังเอิญเพียงเสี้ยววินาทีก็เถอะ ใบหน้าที่เขาเฝ้าแอบมองมาโดยตลอดนั้น ให้ตายเขาก็ไม่มีวันลืม พี่ชายที่ใจดีของผม
“ชอบงานบริการหรอ ทำไมถึงอยากเป็นสจ๊วตล่ะ” ภูผาทลายผืนม่านความทรงจำที่รังสิมันต์กำลังกางดูไปจนหมดสิ้น หลังจากที่ละสายตาจากเกมโปรด แล้วนั่งหาวหวอดๆ เพื่อรอแอรินที่กำลังพบหมอ
“เอ่ออออ” เขายิ้มเขินๆ “จะเชื่อไหม ถ้าเราจะบอกว่า เรามาตามหาคน”
“ใครหายเหรอ” น้ำเสียงซื่อๆ ของอีกฝ่ายพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
เขานิ่งคิด ชั่งใจว่าจะพูดดีไหม ขณะที่อีกฝ่ายจ้องตาไม่กระพริบ เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นด้วยความสงสัย
เอาว่ะ นิดหน่อยคงไม่เป็นไร
“ตอนนี้เราเจอเขาแล้วล่ะ ไม่มี’ไร ไม่ต้องสงสัย” รังสิมันต์หลุบมองต่ำ
“อั้นแหนะ” ชายหนุ่มคิ้วเข้มแหย่เขา “อยู่สยามวิงส์นี่ล่ะสิ ใครน๊าาาาาา อยากรู้จัง” เขาไม่พูดเปล่าพลางขยับเข้ามาใกล้แล้วเอาไหล่หนาๆ กระทุ้งไหล่เขาเบาๆ
“เป็นไงบ้างหนุ่มๆ รอนานไหม” เสียงใสของหญิงสาวก็ดังขึ้นพอดี
รังสิมันต์รีบลุกขึ้นไปช่วยพยุงเธอ ก่อนที่ภูผาจะเข้าไปแทรก ด้วยความที่เขาแข็งแรงกว่าทุกคนในนี้จึงจะเป็นการดีกว่าที่เขาจะเข้าไปเป็นฝ่ายช่วยเอง
“หมอว่าไงบ้าง” รังสิมันต์ถามขณะก้มลงมองไปยังขาข้างหนึ่งของหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่ปลายเตียงในห้องของเธอ ครึ่งเท้าหลังของเธอถูกใส่เผือกเอาไว้ยาวไปจนถึงเกือบครึ่งแข้ง
“กระดูกร้าวสามจุดน่ะ หมอเข้าเฝือกอ่อนให้ เดือนหนึ่งนู่นแหละกว่าจะเอาออกได้”
“อ้าวถ้าอย่างนี้จะหายทันขึ้นโอเจทีไหม” ภูผาพูดถึงการฝึกปฏิบัติงานจริงบนเครื่องบินที่ลูกเรือที่เพิ่งผ่านการเทรนภาคทฤษฎีในห้องเรียนและฝึกเสมือนจริงมาจากเครื่องบินจำลองแล้ว จะต้องมาผ่านการ โอเจทีก่อนทุกคน ถึงจะได้ขึ้นเป็นลูกเรือที่ปฏิบัติงานจริงบนเที่ยวบินนั้นๆ
“เมื่อกี้ครูพี่แป๋มโทรมาแล้ว ครูเขาบอกว่าหายดีแล้วถึงจะออกตารางโอเจทีให้อีกที ไม่ต้องเป็นห่วง แต่จะลำบากหน่อยก็คงเป็นตอนขึ้นลงตึกหรือออกไปไหนมาไหนนี่แหละ”
“เรื่องนั้นไปต้องเป็นห่วง ยังไงเราสามคนอยู่ตึกเดียวกัน มีอะไรเรียกพวกเราได้ตลอด เผื่อวันไหนรักษ์มันมีบิน ผาก็อาจอยู่ หรือเผื่อผาไปบิน รักษ์ก็อาจจะอยู่”
“ใช่ๆ เดือนเดียวเอง แป๊บๆ” หนุ่มร่างบางเสริม
“โหยยย มานี่ มากอดหน่อยมา ทั้งสองคนเลย” หญิงสาวที่นั่งอยู่ปลายเตียงน้ำตาปริ่ม อ้าแขนออกกว้างเพื่อรอให้สองหนุ่มโผตัวเข้ามา “ถ้าไม่มีรักษ์กับผา แอร์คงแย่”
“นี่ไงล่ะ รักษ์ถึงได้บอกให้แอร์รีบๆ หาแฟน เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว มันลำบากนะ” ชายหนุ่มพูดติดตลก พลางผละออกช้าๆ
“ตอนนี้แอร์ก็มองเขาไว้อยู่นะ แต่ไม่รู้เขาจะมองแอร์บ้างหรือเปล่า” หญิงสาวทำเป็นพูดล้อเล่นกลบเกลื่อน พลางส่งสายตาแบบที่คนอย่างรังสิมันต์ไม่มีวันเข้าใจ จะมีก็คงแต่ภูผาที่เข้าใจเป็นอย่างดี ชายหนุ่มร่างหนาหุบยิ้มลงช้าๆ
มิตรภาพของทั้งสามเกิดขึ้นเมื่อตอนที่เริ่มเข้าสู่การฝึกเป็นลูกเรือที่สยามวิงส์นี่เอง ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่รังสิมันต์รู้จักกับแอรินและภูผา ด้วยนิสัยที่เข้ากันได้ดี เป็นคนชอบช่วยเหลือซึ่งกันและกันด้วยกันทุกคน ทำให้ทั้งสามสนิทกันอย่างรวดเร็ว อาศัยอยู่ที่เดียวกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน คอยช่วยกันในเรื่องของการฝึก อยู่อย่างนี้มาตลอดสามเดือน จนเกิดบางอย่างที่มากกว่าคำว่ามิตรภาพขึ้นจางๆ ในระหว่างเขาทั้งสามคน โดยที่คนบางคนไม่รู้อะไรเลย
เพิ่งเปิดเรื่องมาได้สองตอน เห็นหลายคนเข้ามาให้ความสนใจกันแบบนี้ ก็มีกำไรจัง เอ๊ย กำลังใจเขียนต่อแบบรัวๆ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามน๊าาาาา ชุฟๆ :katai2-1: :katai4:
๓
ภูผาและปลายดอย
รถเก๋งสีดำคันงามชะลอลงก่อนจะจอดอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ภายในรั้วบ้านสูงชัน ไม่นานหลังจากนั้นประตูรั้วก็เลื่อนเปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นความยิ่งใหญ่ของตัวบ้านข้างใน ซึ่งไม่ผิดจากที่รังสิมันต์คาดไว้นัก บ้านหลังงามในทำเลเช่นนี้ของกรุงเทพฯ ถ้าไม่มีฐานะจริงๆ คงซื้อยาก
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๔
ในวันที่เราพบกันอีกครั้ง
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นแบบถี่ยิบในตอนเช้าตรู่ของอีกวัน ประตูเปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นรอยช้ำม่วงเล็กที่ริมขอบปากของเจ้าของห้อง รอยเลือดแห้งๆ จุดหนึ่งบนริมฝีปาก และข้อแขนข้างหนึ่งที่ช้ำเขียวของเพื่อน แอรินจุกอกจนน้ำตาแทบไหลกับภาพที่เห็น
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๕
กรเกียรติ
เครื่องบินโบอิ้ง 787-9 ของสยามวิงส์ทะยานขึ้นจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเวลา 12.50 น. ตามเวลาในประเทศไทย
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๖
ตุ๊กตากระเบื้อง
นี่เป็นครั้งแรกที่รังสิมันต์ได้มีโอกาสมาเหยียบดินแดนยุโรป มันช่างเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ากับการที่ต้องแลกด้วยความเหนื่อยจากการทำงานตลอดสิบกว่าชั่วโมงกว่าจะมาถึงที่นี่
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๗
แฟนบังหน้า
ตั้งแต่ทำงานนี้มา รังสิมันต์แทบจะใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับการนอน ว่างเมื่อไหร่คือหลับ งานนี้ในมุมมองสำหรับคนภายนอกจะมองว่ามันคืองานสบายรายได้ดี วันๆ แต่งตัวสวยๆ ไปสนามบิน แต่สำหรับคนที่ได้สัมผัสและรู้ลึกถึงสายงานนี้จริงๆ จะรู้ว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น งานที่สิ้นเปลืองพลังงานชีวิตเอามากๆ กินนอนก็ไม่เป็นเวลา นาฬิกาชีวิตแปรปรวนไปหมด
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๘
คนที่ไร้ตัวตน
“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า” ทัดนทีเอ่ยขึ้นหลังจากที่นั่งมองแฟนหนุ่มเขี่ยอาหารในจานไปมาอย่างใจลอย เขาเอื้อมมือข้ามโต๊ะไปเพื่อที่จะจับหน้าผากของอีกฝ่าย แต่เจ้าของใบหน้าซังกะตายเบี่ยงหัวหลบ ทิ้งให้ชายหนุ่มค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น ก่อนจะค่อยๆ ดึงมือกลับ
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๙
กล้วยกับนม
รังสิมันต์ปรือตาตื่นขึ้นในตอนเช้า เพราะมีบางอย่างอุ่นๆ สัมผัสเข้ากับปลายจมูกของเขา แผ่นหลังหนาและเนียนกริบอยู่ห่างจากหน้าเขาแค่คืบ
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๑๐
หนังรอบดึก
บุษริญาคิดหาหนทางมาตลอดหลายวันนี้หลังจากที่เธอได้รับโทรศัพท์จากทัดนที แต่เธอก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับเธอ
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๑๑
คำสารภาพ
ตลอดทางหลังกลับออกมาจากห้าง ปลายดอยยังคงนั่งหน้าตึงไม่พูดไม่จาอะไรเลยสักคำ ทิ้งให้รังสิมันต์ที่โดยสารมาด้วยได้แต่นั่งเยบๆ อยู่ข้างๆ เขาดูออกว่าครั้งนี้คงสร้างความไม่พอใจให้ปลายดอยอย่างหนักหนาจริงๆ จากสีหน้าที่เขาเห็นในห้องน้ำ ถ้าเป็นคนที่มีความอดทนต่ำและไม่ใช่ผู้ชายที่สุภาพอย่างปลายดอย คงได้ต่อยกรเกียรติจนได้ลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๑๒
วันที่พระจันทร์โคจรเข้าใกล้เศษดาว
ตั้งแต่ทำงานมา นี่เป็นครั้งแรกที่รังสิมันต์มาสนามบินแบบรีบร้อนที่สุด เขาโดนเปลี่ยนตารางบินกะทันหัน และเพิ่งได้รับแจ้งจากฝ่ายจัดตารางบินทางโทรศัพท์ก่อนเวลารายงานตัวเพียงสี่ชั่วโมง ซึ่งเวลารายงานตัวคืออย่างน้อยสองชั่วโมงก่อนเวลาเครื่องออก นั่นหมายความว่าเขามีเวลาเพียงสองชั่วโมงในการแต่งตัว เก็บกระเป๋า และเดินทางมาที่สามบิน แต่นับว่าเป็นโชคของเขาที่ไม่มีอุปสรรคใดๆ ในระหว่างการเดินทางด้วยเวลาอันฉิวเฉียดเช่นนี้
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๑๓
หมากับปลากระป๋อง
บนโต๊ะอาหารเล็กๆ ในห้องของรังสิมันต์ วางเต็มไปด้วยอาหารญี่ปุ่นจากร้านดังที่ทัดนทีคุยนักคุยหนาว่าอร่อยล้ำ รังสิมันต์มองชายหนุ่มที่เคี้ยวตุ้ยๆ อยู่ตรงหน้า จะว่าไปก็เหมือนฝัน คนที่ตลอดมาเขาทำได้แค่จินตนาการถึง บัดนี้อยู่กับเขาตรงนี้ ตรงที่เขาจะสามารถมองอีกฝ่ายให้ชัดเจนหรือนานแค่ไหนก็ได้
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๑๔
เที่ยวบินปฐมฤกษ์
“สวัสดีครับ”
รังสิมันต์รับสายขณะนั่งรออาหารอยู่ในร้านอาหารตามสั่งใกล้คอนโดของเขา
“สวัสดีค่ะ น้องรังสิมันต์ใช่ไหมคะ”
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๑๕
หลงแสงจันทร์
หลังจากที่รังสิมันต์หลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมง เสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาสะดุ้งตื่น ปรือตามองไปรอบห้องที่สว่างโร่ไม่เห็นภูผา เขาจึงเดินไปเปิดประตู
แต่บุคคลที่ยืนอยู่ข้างนอกนั่นกลับไม่ใช่คนที่เขาคิด
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๑๖
หลุมพรางพระจันทร์
แม้จะดึกมากแล้ว แต่ทัดนทียังคงนอนพลิกตัวไปมาบนเตียง ใบหน้าของรังสิมันต์ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเขา แววตาที่ใสซื่อ ความรู้สึกอันแสนบริสุทธิ์ที่เขารับรู้ได้ มันมีความหมายเกินกว่าคนอย่างเขาจะเอามันมาใช้เป็นเครื่องมือในการล้างแค้นปลายดอย ผู้ที่เขาเชื่อว่าเป็นต้นเหตุทำให้ความรักที่กำลังไปได้สวยของเขาต้องล่มลง
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๑๗
ผมรักคุณ
แท็กซี่จอดลงตรงหน้ารั้วบ้านอันมโหฬาร นี่เป็นครั้งที่สองที่รังสิมันต์มาบ้านหลังนี้ เขากดออดอยู่นานสองนานก่อนประตูรั้วบานเล็กจะเปิดออก
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๑๘
สวมรอย
นักสัตววิทยาสาวจากประเทศออสเตรเลียกำลังจะได้กลับบ้านเป็นครั้งแรกในรอบปี หลังจากที่เธอเรียนจบและได้งานประจำในศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าแห่งหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๑๙
ความลับของภูผา
ในคืนอันเงียบสงบ ขณะที่รังสิมันต์ปิดไฟในห้องและกำลังจะเคลิ้มหลับอยู่บนเตียง จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ซ้ำไปมา จนเขาแน่ใจแล้วว่าไม่ได้หูแว่วไป หรือเป็นเสียงเคาะจากห้องอื่น เขาจึงลุกขึ้นจากเตียงเพื่อเดินไปส่องดูเจ้าของเสียงเคาะผ่านทางตาแมว ใครบางคนกำลังยืนก้มหน้านิ่งอยู่ข้างนอกนั่น สร้างความแปลกใจให้เขาไม่น้อย เขายื่นมือไปจับลูกบิดแล้วดึงประตูเปิดออก
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๒๐
ขุนเขา ดวงดาว และพระจันทร์
“ลมอะไรหอบมาถึงบ้านได้หะพ่อนักบินหนุ่ม” เอมอรพูดพลางเก็บเสื้อสูทที่ลูกชายคนโตพาดไว้ขนกระเป๋าลากใบโตไปเก็บไว้ในที่ๆ มันควรจะอยู่
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๒๑
ขุนเขา ดวงดาว และพระจันทร์ ๒
คืนก่อนวันเดินทาง
ทัดนทียังคงกล่าวโทษตัวเองในความโง่งม เหมือนหูตามืดบอดมองไม่เห็นความจริงใดๆ หรืออันที่จริงแล้วเขาไม่สนใจจะมองหามันต่างหาก เพราะความนิ่งนอนใจจึงทำให้เขามองข้ามเรื่องหลอกลวงนี้ไปเสียสิ้น ที่ผ่านมาเขามัวปล่อยเวลาให้ผ่านไปกับคนที่เขาคิดว่าใช่ที่สุด แต่มันกลับไม่ใช่แบบนั้นเลนสักนิด
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๒๒
ข้อแลกเปลี่ยน
“ครับแม่”
รังสิมันต์รับโทรศัพท์ด้วยภาษาคำเมืองหรือภาษาเหนือ หลังจากเห็นชื่อเจ้าของสายเรียกเข้าแสดงขึ้นในโทรศัพท์
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๒๓
คนไม่มีความหมายก็เสียใจเป็น
แท็กซี่จอดลงในคอนโดหรูแห่งหนึ่ง รังสิมันต์ก้าวลงมาจากรถ โดยไม่ได้เอะใจเลยสักนิดว่ามีใครบางคนกำลังตามเขามา
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๒๔
ปล่อยใจไปกับสายน้ำ
เสียงไก่ขันปลุกชายหนุ่มให้ลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ มันแตกต่างกับการใช้ชีวิตประจำวันของเขาที่กรุงเทพฯ ด้วยอาชีพที่สามารถลุกไปทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดึกดื่นเที่ยงคืนก็ต้องตื่นไปบิน หรือแม้แต่เช้าสายบ่ายเย็น ทำให้กินนอนไม่เป็นเวลาไปด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตื่นขึ้นในตอนเช้าเหมือนชีวิตปกติของคนอื่นๆ เสียที
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๒๕
ความฝัน
“คืนนี้ก็นอนที่นี่แหละ” ภูผาพูดขณะกำลังจะสวมเสื้อที่เพิ่งดึงออกมาจากตู้เสื้อผ้าของเขาให้กับผู้ที่นั่งจับเจ่าอยู่บนโซฟาในห้องเขา
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๒๖
ยังจำหน้าร้อนนั้นได้ไหม
อีกไม่กี่อึดใจปลายดอยก็จะถึงบ้านของเขา สายฝนเริ่มซาลง แต่ฟ้ายังขาวโพน เสียงบีบแตรดังอยู่ไม่ได้ขาดตลอดเส้นทางบนถนนแห่งความแออัดนี้
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๒๗
อดีตที่ถูกลืม
เป็นวันที่สามแล้วที่รังสิมันต์ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่ แม้ร่างกายจะถือว่าพ้นขีดอันตรายแล้วก็ตาม ราวกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินอยู่กับโลกอีกใบในห้วงนิทรานั้นจนหลงลืมโลกแห่งความจริงไปเสียสนิท
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๒๘ (ตอนก่อนจบ)
การจากลาไม่อาจหลีกเลี่ยง
นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่นับไม่ถ้วนแล้วที่เขาแอบมาหารังสิมันต์ที่โรงพยาบาล นับตั้งแต่เขาทราบข่าวร้ายที่เกิดขึ้น ในตอนแรกที่รู้ว่ารังสิมันต์ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงทัดนทีก็แทบไม่เป็นอันทำอะไร และสืบจนรู้ทุกอย่างในที่สุด เขาเทียวเข้าเทียวออกโรงพยาบาลจนพยาบาลเวรแทบจะจำหน้าเขาได้ทุกคนอยู่แล้ว แต่ก็คงสงสัยไม่น้อยว่าทำไมญาติผู้ป่วยคนนี้ถึงได้ทำตัวลับๆ ล่อๆ นัก
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*
๒๙ (ตอนจบ)
อ้อมกอดของวิญญาณ
ในค่ำของวันที่สองแม่ลูกอยู่กันพร้อมหน้า รังสิมันต์กับบุษบงกำลังนั่งรับประทานอาหารค่ำกันอย่างมีความสุขในรอบหลายวัน
*โปรดติดตามต่อในฉบับรีไรท์*