พิมพ์หน้านี้ - แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. แฟนชีวิตเดียว 04/12/2019

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Maywrite ที่ 24-07-2019 02:07:11

หัวข้อ: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. แฟนชีวิตเดียว 04/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 24-07-2019 02:07:11
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
_______
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:Prologue:. 23/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 24-07-2019 02:10:41
แฟนเดือนเดียว / A month boyfriend

#ต้นคนรักไม่เป็น

ติ้ง!

กดล๊อคโทรศัพท์แล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงเมื่อประตูลิฟท์เลื่อนเปิดออกกว้าง เขาเดินเข้าไปข้างในก่อนจะหันไปกดหมายเลขชั้นที่ขึ้นไปประจำทั้งๆ ที่ไม่ได้มาครั้งแรกแต่วันนี้หัวใจกลับเต้นรัวเร็วจนเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอกอยู่แล้ว สายตามองตามหมายเลขลิฟท์ที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ปากก็ท่องทบทวนประโยคที่เตรียมไว้ซ้ำไปซ้ำมา

“..สุขสันต์วันครบรอบหนึ่งเดือนนะ...

...ไม่ใช่เดือนเดียว แต่ขอให้มันเป็นเดือนแรกของเรานะ”

สติที่หลุดไปกลับมาอีกครั้งเมื่อประตูลิฟท์เปิดออก กีสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วพ่นออกมาแรงๆ เพื่อเรียกความมั่นใจ เหลือบมองตัวเองเร็วๆ หัวจรดเท้าในกระจกบานใหญ่ของลิฟท์อีกครั้งเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย พอก้าวออกมาได้ก็อดไม่ได้ที่จะแง้มดูสภาพเค้กที่ถืออยู่ในมือว่ายังอยู่ดีหรือเปล่า พอทุกอย่างดูเข้าที่เขาก็เดินตรงไปยังห้องของคนที่มาหา แต่ละก้าวที่เดินออกไปช่างหนักอึ้ง ในหัวเต็มไปด้วยจินตนาการนับร้อยนับพันว่าเรื่องของเขาจะเป็นยังไงต่อไป ถึงใจจะบอกว่าทุกอย่างกำลังไปได้ดี แต่ส่วนที่อยู่ลึกที่สุดก็ยังครอบคลุมไปด้วยความกลัว





ก๊อกๆ ๆ

ร่างบางเคาะประตูเบาๆ สามครั้ง รออยู่อึดใจประตูก็เปิดแง้มออก ขาที่กำลังจะก้าวเข้าไปต้องชะงักเมื่อช่วงหน้าเรียวเล็กของใครคนนึงที่เขาไม่รู้จักโผล่มาจากหลังประตู กีเหลือบไปมองหมายเลขห้องอีกครั้งเมื่อเห็นว่าถูกต้องก็ยิ่งงงงวยเข้าไปใหญ่หันกลับไปจ้องหน้าอีกฝ่ายไม่วางตา คนตรงหน้าดูท่าทางลุกลี้ลุกลน เหงื่อออกเต็มปลายจมูก เราสองคนจ้องกันสักพักและเป็นคนด้านในที่เอ่ยออกมาก่อน

“มะ..มาหาใครครับ..”

“เอ่อ.. ต้น.. ห้องตั้งต้นหรือเปล่า”

“อ่อ ใช่ๆ แต่ว่าตอนนี้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่...เฮ้ย! อย่าเพิ่ง...” พอมั่นใจว่ามาถูกห้องกีก็ไม่รอฟังดันประตูเปิดกว้างก่อนจะเดินก้าวเข้าไปด้านในจนอีกคนร้องห้ามเสียงหลง กีไม่คิดจะฟัง ยิ่งคนตรงหน้าทำท่าเหมือนซ่อนอะไรอยู่ เขาก็ยิ่งอยากเข้าไปให้เห็นกับตา

เมื่อเข้ามายืนประจันหน้ากับอีกฝ่ายกีก็ต้องตาโตเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึง คนตรงหน้าเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ติดกระดุมอยู่แค่เม็ดเดียว แถมยังติดผิดจนชายเสื้อข้างหนึ่งสั้นกว่าอีกข้างอยู่มาก มองลงไปด้านล่างก็เห็นว่าอีกฝ่ายมีเพียงบ็อกเซอร์สีแดงสั้นสีสด กีรู้สึกหน้าชา มือไม้สั่นจนแทบจะประคองเค้กในมือต่อไม่ไหวแล้ว

“นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรเนี้ย” กีพึมพำออกมาเหมือนพูดกับตัวเอง แต่มันก็ดังพอให้อีกฝ่ายได้ยิน

“แกนั่นแหละเป็นใคร อยู่ๆ ก็เข้ามา ออกไปเลยนะ ไม่งั้นจะโทรเรียก รปภ.” อีกฝ่ายเริ่มโวยวายขึ้นมาบ้าง พอดีกับที่ประตูห้องนอนเปิดออกมา สภาพของคนมาใหม่ไม่ได้ต่างกับอีกคนมากนัก ร่างสูงใหญ่ที่ท่อนบนเปลือยเปล่า ท่อนร่างมีเพียงกางเกงวอร์มสีดำที่รั้งต่ำจนเห็นแนววีเชฟชัดเจน กีบอกแล้วว่ากีไม่ใช่คนโง่ ไม่ต้องบอกก็พอรู้ได้เองว่าสองคนที่อยู่ในสภาพนี้เพิ่งไปทำอะไรกันมา

“ต้นรู้จักหรือเปล่า อยู่ๆ มันก็บุกเข้ามา” คนตรงหน้ากีเริ่มฟ้อง เดินเข้าไปควงแขนอีกฝ่ายแน่น กีมองทุกการกระทำที่เกิดขึ้นอย่างไม่ละสายตา

“อืม ริวไปรอในห้องนอนนะ”

“แต่..”

“บอกให้ไปรอในห้องไง” เมื่อได้ยินต้นพูดซ้ำด้วยเสียงที่เข้มขึ้นริวก็ยอมตัดใจผละเข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาครอบคลุมทั่วบริเวณอีกครั้ง ต้นเดินไปปิดประตูที่กีเปิดค้างไว้จนสนิทก่อนจะผายมือไปที่โซฟาเป็นการเชื้อเชิญ

“นั่งก่อนไห...”

“ไม่เป็นไร!!” กีรีบสวนกลับเสียงแข็งโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ เขาตัดสินใจวางกล่องเค้กในมือลงก่อนที่จะทำมันหล่นจริงๆ เพราะตอนนี้ตัวเขาสั่นเป็นเจ้าเข้าไปหมดแล้ว

“ไหนกีบอกมีเรื่องจะคุยกับต้น” เมื่อกีปฎิเสธอีกฝ่ายก็ว่าต่อ น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเรียบเฉยจนกีใจหาย เขาอดแปลกใจกับท่าทางที่ต่างกันราวฟ้ากับเหวของคนตรงหน้าไม่ได้

“นี่มันเรื่องเหี้ยอะไร” กีทำได้แค่พูดคำถามเดิมซ้ำขึ้นมา ต้นเลิกคิ้วขึ้นเหมือนไม่เข้าใจก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่าออกมาหนึ่งขวด เปิดฝาแล้วยกขึ้นดื่ม กีมองทุกการกระทำของอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ท่าทางสบายๆ ของอีกคนทำให้หัวใจที่ร้อนรุ่มเดือดดาดขึ้นมากกว่าเดิม จนในที่สุดก็ทนไม่ไหวเอื้อมไปคว้าขวดน้ำในมืออีกฝ่ายปาใส่ผนังด้านหนึ่งอย่างแรงจนน้ำกระฉอกเต็มพื้น

“ทำอะไรน่ะ” เสียงเข้มกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ ท่าทางสบายๆ ของต้นเปลี่ยนไปทันที ตาคมจ้องมองมาที่เขาอย่างนึกตำหนิ แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรแล้ว

“ไอ้เหี้ยในนั้นเป็นใคร”

“กี ระวังคำพูดหน่อย” คนตัวโตกล่าวเตือน

“ทำไมเราต้องระวัง นี่มันอะไรกัน” เสียงที่เอ่ยออกไปเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ อย่างไร้การควบคุม

“เราถามว่ามันเป็นใคร!!”

“แล้วเกี่ยวอะไรกับกีด้วย” คำตอบที่สั้นกระชับถูกสวนกลับมาอย่างเยือกเย็น กีที่ตั้งท่าจะโวยวายสะดุดอึ้งไปคำตอบที่ไม่คาดคิด แต่ความร้อนรุ่มข้างในก็ยังผลักดันให้ดื้อรั้นเถียงต่อไป

“ไม่เกี่ยวได้ไง ก็เราเป็นแฟนกันไม่ใช่หรอ” เมื่อจบประโยคห้องเล็กก็โดนความเงียบปกคลุม กีกำหมัดแน่น กลั้นหายใจรอฟังคำตอบ จับจ้องอีกฝ่ายที่ตอนนี้ทิ้งตัวลงไปนั่งบนโซฟา เอาสองมือลูบหน้าตัวเองไปมา

“หึ..หึ” ไหล่ของต้นเริ่มสั่นไหว กีไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรจนเดินเข้าไปใกล้จึงเข้าใจได้อย่างชัดเจน

“ฮ่าๆ ๆ ๆ” เสียงหัวเราะของอีกฝ่ายดังลั่น มันดังขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนต้นไม่สามารถควบคุมมันได้ หงายหลังพิงโซฟาเอามือกุมท้องแน่น

“ต้น...” กีงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็แอบใจชื้นขึ้นมานิดเพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายแกล้งอำเขาเล่น ยกยิ้มขึ้นเตรียมจะว่าคนที่เล่นแรงแบบนี้ แต่ไม่ทันได้พูดอะไรอีกคนก็พูดขึ้นมาก่อน

“นี่ยังไม่ครบเดือนอีกหรอ” รอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาต้องหายไปทันที

“มะ..หมายความว่าไง”

“ก็ไหนบอกเดือนเดียวไง ทำไมนานจัง”

“ก็นี่ไง ก็ครบเดือนพอดี” กีว่าพร้อมกับหันหลังตั้งใจจะไปหยิบเค้กที่เตรียมไว้มาให้

“งั้นก็ดีเลย จะได้จบๆ กันไปซะที” เท้าเขาชะงักทันที หันหน้ามาประจันกับอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อหู

“นี่แค่เดือนเดียวเองนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเบื่อได้ขนาดนี้” คนตรงหน้ายังคงพ่นคำพูดร้ายออกมาอย่างกลัวเขาเจ็บไม่พอ กีจ้องเข้าไปในตาสีนิลของอีกฝ่ายเพื้อนต้นหาความจริงแต่ก็ต้องใจเสียมากขึ้น

ไม่มีความล้อเล่นในแววตานั้น

กีพยายามเรียกสติตัวเองกลับมา เขากัดฟันแน่นเพื่อห้ามน้ำตาไม่ให้ร่วงลงมาตอนนี้ ความทรงจำตลอดหนึ่งเดือนที่แสนหวานหวนกลับมาจนไม่อยากจะเชื่อกับทุกสิ่งตรงหน้า ตอนนี้หัวใจเกรี้ยวกราดจนอยากจะต่อว่าอีกฝ่ายให้สาสม แต่แล้วคำพูดที่เคยสัญญากันไว้ในวันแรกก็เข้ามาทำลายทุกสิ่ง

‘ก็ลองคบกันเดือนนึง พอครบเดือนถ้ามีคนไหนไม่อยากไปต่อค่อยเลิก ถ้าพอใจทั้งคู่ค่อยว่ากัน’

‘ได้ งั้นเดือนนึงนะ ถ้าไม่โอเคแล้วทางใครทางมันนะ’

น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ค่อยๆ ร่วงหล่นลงมา ทั้งที่โกรธมากมายแต่ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำผิดสัญญา ถ้าจะโกรธ ก็ต้องโกรธตัวเองที่ยอมรับข้อตกลงบ้าๆ แบบนี้

“อะ..เอางั้นหรอ” เสียงสั่นถูกเอ่ยออกไปเมื่อการพยายามควบคุมไม่มีผลอีกต่อไปแล้ว เขาแอบเห็นแววตาวูบไหวในตาอีกคน แต่มันก็แค่แวบเดียวจนต้องคิดว่าเขาคิดไปเอง รออยู่สักพักเมื่ออีกคนไม่ว่าอะไรต่อ เขาจึงเป็นฝ่ายพูดเอง

“โอเค งั้นก็ตามนี้” พูดเสร็จกีก็หันหน้าเดินออกไปเปิดประตูห้องแล้วเดินออกมา เมื่อประตูปิดสนิทเขาก็ยืนค้างอยู่แบบนั้นสักพัก ส่วนลึกของหัวใจเขายังแอบหวังให้ทุกอย่างเป็นแค่เรื่องโกหก ยังอยากให้อีกคนมารั้งไว้แล้วบอกว่าล้อเล่น แต่เมื่อไม่มีทีท่าว่าใครจะเปิดประตูออกมาเขาก็ตัดสินใจเดินตรงไปหน้าลิฟท์ หมายเลขชั้นของลิฟท์ที่เคลื่อนไหวตรงหน้าเริ่มพร่ามัวขึ้นจนในที่สุดก็มองไม่เห็น เมื่อลิฟท์ถูกเปิดออก กีก็รีบแทรกตัวเข้าไปด้านใน กดชั้นหนึ่งซ้ำๆ เหมือนหวังให้มันไปถึงเร็วขึ้น

ฮึก

กีร้องไห้อย่างไม่อาจจะเก็บกลั้นมันอีกต่อไปแล้ว ความอัดอั้นตันใจทั้งหมดถูกระบายออกมาเป็นสายน้ำ ใจยังไม่อาจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อนได้ ทั้งๆ ที่เห็นทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตา ได้ยินทุกถ้อยคำบาดลึกด้วยหูของตัวเองแท้ๆ เขายกมือข้างนึงจับหน้าอกข้างซ้ายที่บีบรัดแน่นจนหายใจไม่ออก

“เจ็บ ฮึก..เจ็บ” พร่ำบอกออกมาเหมือนอยากให้คนบางคนได้ยิน

“ต้น... กีเจ็บ...”

ความเสียใจที่ก่อตัวทำให้เผลอเรียกหาคนที่เพิ่งตัดสินใจทิ้งกันไป

‘คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว’

กีปล่อยโฮอีกครั้ง ทรุดลงไปนั่งกับพื้นเมื่อจู่ๆ ขำหวานที่อีกฝ่ายเคยบอกมามันแว๊บเข้ามาในหัว แม้แต่เวลาแบบนี้เขายังไม่อาจลืมสิ่งที่อีกคนเคยบอกไว้ จนในที่สุดสิ่งเดียวที่ทำได้คือพร่ำโทษตัวเองซ้ำไปซ้ำมา









“ไอ้เหี้ยกี มึงมันโง่ มึงมันโง่”

* ชายรักชายจ้า

* มีเอ็นซีบ้าง แต่ไม่เยอะน้า เป็นนิยายรักมากกว่าเนอะ

*เรื่องนี้เป็นเรื่องต่อจาก รักมือสอง / 2nd hand love นะคะ ถ้าอ่านเรื่องนี้ก่อนจะดีมาก (><) จะได้รู้ว่าเริ่มคบกันยังไงเนาะ แต่ถ้าไม่อ่านก็น่าจะได้อยู่นะ เพราะก็มีย้อนให้เข้าใจได้อยู่จ้า



ตัวละครหลัก



กี - กีรติ



ชายหนุ่มตัวเล็ก ผิวขาวตามประสาลูกคนจีน เป็นคนขี้โวยวาย สนุกสนาน แต่ก็เป็นคนที่พึ่งพาได้ ถึงจะดูไม่จริงจังกับเรื่องอะไร แต่เรื่องความรักคือนี่คิดเยอะกว่าใคร



ต้น - ตั้งต้น



หนุ่มเดือนคณะที่ทั้งหล่อและฐานะดี คุณสมบัติชั้นดีของคนเจ้าชู้ที่ไม่คิดจะปักหลักกับใคร นอกจากเพื่อนฝูงแล้วเขาไม่เคยคิดว่าจะมีความรักแบบอื้นหลงเหลืออยู่ในโลกนี้





* ขอฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ เรื่องที่สามแล้ว ถึงตอนแรกมีจุดประสงค์ที่จะเขียนเพื่อจะเก็บไว้อ่านเอง แค่อยากระบายสิ่งที่จินตนาการอยู่ในหัวออกมาเป็นตัวอักษรเฉยๆ แต่เชื่อเถอะค่ะ ที่เมไรมุ่งมั่นเขียนมาได้ถึงวันนี้ก็เพราะกำลังใจจากคอมเม้นต์ของนักอ่านทุกคน ถึงจะมีกันอยู่แค่นี้แต่มันเป็นกำลังใจแสนมหาศาลของเราจริงๆ ค่ะ ชอบไม่ชอบยังไงก็เม้นต์มาบอกกันนะคะ ยินดีรับคำติชมและจะพยายามพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ



ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:Prologue:. 23/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 24-07-2019 02:12:06
.:Prologue:.



กาวที่ยืดเหนียวถูกนิ้วสากปาดขึ้นลวกๆ ก่อนที่คนทำจะเอาฝามาปิดหลอดกาวสีเหลืองจนแน่นสนิทแล้ววางไว้บนโต๊ะข้างตัว นิ้วมือที่ชุ่มของเหลวใสค่อยๆ บรรจงเกลี่ยไปรอบกรอบสีขาวหลังรูปถ่ายที่เตรียมไว้ เมื่อพอใจเจ้าของผลงานจึงหันด้านที่ทากาวไว้แล้วแปะลงบนที่ว่างตรงกลางกระดาษ 100 ปอนด์สีขาวรวมกับรูปถ่ายอื่นๆ ที่ถูกแปะไว้ก่อนหน้า กวาดตามองเร็วๆ เพื่อสำรวจความเรียบร้อย ก่อนจะหยิบปากกาเมจิกสีดำขึ้นมาบรรจงเขียนข้อความที่ตั้งใจเอาไว้



To the most important persons in my life

Happy 15th Anniversary



ใช้สองมือจับปลายกระดาษล่างบน ยืดออกไปจนสุดแขนเพื่อสำรวจภาพรวมอีกครั้ง เมื่อพอใจในผลงานก็จัดการวางแผ่นกระดาษขนาด A3 ในมือลงในกรอบรูปไม้สีขาวที่เตรียมไว้ ก่อนจะปิดกรอบรูปจากด้านหลังและกดปิดล๊อคหนีบตามจุดต่างๆ อย่างแน่นหนา

“ในที่สุดก็เสร็จซะที”

เขายิ้มออกมาอย่างพออกพอใจ นั่งมองของขวัญที่ทำให้คนสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาซ้ำไปซ้ำมา พรุ่งนี้เป็นวันครบรอบวันแต่งงานของพ่อแม่ ภาพถ่ายที่ถูกถ่ายไว้มากมายตอนไปเที่ยวของครอบครัวถูกนำมารวมในกรอบเดียว ส่วนใหญ่จะเป็นภาพที่เขาถ่ายรูปกับพ่อหรือแม่เพียงแค่สองคน ฉากหลังเป็นสถานที่สำคัญระดับโลกหลายแห่งที่เขาเคยไปเยือน จะมีแต่ภาพสุดท้ายตรงกลางเท่านั้นที่เป็นรูปที่มีเราสามคนพ่อแม่ลูกนั่งอยู่ในสวนหน้าบ้านของเรา เขาชอบรูปนี้ที่สุด บนโลกนี้จะมีที่ไหนที่จะสุขใจเท่าบ้านที่มีคนที่เขารักที่สุดอยู่พร้อมหน้า เด็กหนุ่มวางกรอบรูปในมือก่อนที่จะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนฟูกนุ่มบนเตียง ยกขาขึ้นมาขัดสมาธิข้างนึงก่อนที่จะทาบทับด้วยกีต้าร์โปร่งตัวใหญ่ที่ถูกวางคว่ำทิ้งไว้บนเตียงก่อนหน้านี้ เขาเหลือบมองปลายนิ้วทั้งสี่ของมือซ้ายที่เคยบวมแดงเพราะการซ้อมหนักมาตลอดหนึ่งเดือน ตอนนี้จากผิวหนังบวมห่อเลือดเริ่มเปลี่ยนเป็นผิวเนื้อแข็งด้านจากความเคยชินของผิวหนังกับสายกีต้าร์ ชายหนุ่มละความสนใจแล้ววางนิ้วตามคอร์ดแรกและเริ่มต้นเกาเพลง Nothing Gonna Change My Love for you เพลงโปรดที่แม่ของเขาชื่นชอบมากที่สุด เขาตั้งใจจะขึ้นร้องเพลงนี้ในงานวันพรุ่งนี้ คิดถึงตรงนี้แล้วก็ยิ้มออกมา พ่อเขาช่างเป็นคนที่โรแมนติคเหลือเกิน เลือกเพลงได้เก่งขนาดนี้แม่เขาถึงไปไหนไม่รอด

ด้วยธุรกิจมากมายของทั้งพ่อและแม่ที่ต่างฝ่ายต้องดูแล บวกกับการเป็นลูกชายเพียงหนึ่งเดียวไร้พี่น้องเคียงข้าง มันก็มีบ้างที่เขารู้สึกเหงาใจ แต่เขาก็ไม่เคยนึกน้อยอกน้อยใจหรืออยากทำตัวเรียกร้องความสนใจแต่อย่างไร เขาเข้าใจคนทั้งคู่ดีว่ามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากมายแค่ไหน และรู้ว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่ได้เกิดมาในตระกูลที่เพียบพร้อมทั้งฐานะการเงินและหน้าตาในสังคมแบบนี้ ตระกูลภาคภูมิไพศาลของเขาเป็นตระกูลใหญ่ ต้นตระกูลเราเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ และถึงเราจะไม่ค่อยมีเวลามาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเหมือนครอบครัวอื่น แต่ถ้าพ่อหรือแม่เขามีเวลาว่างเมื่อไหร่ ต่างฝ่ายก็มักจะหาโอกาสพาเขาไปออกทริปใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่อยู่เสมอ เรียกว่าจริงๆ แล้วเขาก็แทบไม่มีเวลาให้มานั่งเหงาเลยทีเดียว

เมื่อซ้อมจนพอใจ เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินไปวางกีต้าร์ตัวโปรดลงบนขาตั้งกีต้าร์ข้างหัวนอนอย่างเบามือ ในที่สุดเมื่อทนเสียงเรียกร้องของกระเพาะไม่ไหวเขาจึงตัดสินใจเดินลงไปหาอะไรกินที่ห้องครัวด้านล่่าง วันนี้ตั้งแต่เช้าเขายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย อย่างว่าแต่แค่เมื่อเช้า ตั้งแต่เมื่อคืนเขาก็ยังไม่ได้นอนสักนิด นอกจากจะนั่งทำของขวัญกับซ้อมร้องเพลงจนดึกแล้ว เขายังอยู่คุยโทรศัพท์กับลินค่อนคืนจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนแบบนี้

ละลินเป็นเพื่อนในชั้นเรียน เมื่อสองเดือนก่อนเจ้าตัวมาสารภาพรักกับเขา เด็กชายไม่แน่ใจว่ามันเป็นความบังเอิญหรือเจ้าตัวรู้มาก่อนหรือไม่ แต่เขาแอบหลงรักลินมาตั้งแต่มอหนึ่งแล้ว ลินเป็นคนน่ารักน่าเข้าใกล้ ผู้หญิงที่สูงแค่ 160 cm ตัวบางผิวขาวน่าทะนุทะนอม ผมยาวดำขลับ ปากแดงๆ ที่มักแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มสดใส แค่เห็นเธอครั้งแรก เขาก็คิดไปถึงอนาคตที่เขาอยากมีร่วมกับอีกฝ่าย คิดถึงความรักที่อยากให้มั่นคงเหมือนความรักที่พ่อกับแม่มีให้กัน และถึงแม้ไอ้ดินเพื่อนสนิทของเขาจะเชียร์ให้เขาไปสารภาพกับลินกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยมีความกล้าเลยสักนิด จนในที่สุดก็ต้องมาแปลกใจปนปลาบปลื้มอย่างที่สุดเมื่ออีกคนเป็นฝ่ายมาสารภาพรักกับเขา เอง และแน่นอนว่าเมื่อเขาตอบตกลง สองเดือนที่ผ่านมาจึงกลายเป็นสองเดือนที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา

ตุ้บ!

จากห้องบนชั้นสามผ่านลงมายังชั้นสอง ชายหนุ่มกำลังจะก้าวลงบันไดไปยังชั้นล่างสุดของบ้าน แต่ก็ต้องมาหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเหมือนหนังสือตกลงพื้น ประสาทสัมผัสบอกได้ว่าต้นเสียงมาจากห้องทำงานของแม่ พอเหลียวมองก็เห็นว่าประตูเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย เขายกยิ้มอย่างดีใจ ก็ไหนแม่บอกเขาว่าวันนี้อาจจะไม่กลับ คิดแล้วก็เปลี่ยนทิศทางขยับสองเท้าไปทางที่คิดอย่างรวดเร็ว ตั้งใจจะเข้าไปชวนคนที่แสนคิดถึงไปนั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน สำหรับเขาแล้วต่อให้ใครต่อใครเอาอาหารเลิศหรูชั้นดีแค่ไหนมาเสิร์ฟ ตรงหน้า มันก็คงไม่มีอาหารชนิดไหนที่จะทำให้เขาอิ่มอร่อยเท่ามื้อที่นั่งร่วมกับคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต

มือของเด็กชายที่กำลังจะแตะผลักบานประตูต้องชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาดังออกมาจากในห้อง ลังเลอยู่นิด เขาดันประตูออกไปเบาๆ ก่อนที่จะชะโงกหน้ามองเข้าไปตรงช่องว่างระหว่างประตู หัวใจของเด็กชายวูบไหว ตาเบิกกว้างกับสิ่งที่สองตาเห็นตรงหน้า ไม่ทันยั้งเขาผลักประตูออกเต็มแรงจนมันกระแทกเข้ากับฝาผนังห้องจนก่อเกิดเสียงดังลั่น คนสองคนที่อยู่ในห้องหันขวับมาดูพร้อมเด้งแยกออกจากกันในเสี้ยววินาทีด้วยความความตกใจอย่างขีดสุด

“ทำอะไรกันน่ะ!” เขาโพล่งออกไปแบบนั้น หัวสมองขาวโพลน เนื้อตัวสั่นเทา สองมือกำแน่นจนรู้สึกเจ็บเพราะเล็บที่เริ่มจิกเข้าไปในเนื้อ ขบกรามแน่นจนได้ยินเสียงของฟันบดขยี้ ภายในอกเหมือนมีมวลร้อนไหลเวียนจนทำให้หายใจไม่สะดวก

“ต้น...คือแม่..คือ..”

“แม่.. ลุงกันต์.. ต้นถามว่าทำอะไรกัน” เสียงที่เอ่ยถามแหบพร่าสั่นไหว ภาพที่ปรากฎแก่สายตาทำให้กระบอกตาร้อนผ่าว เขาอยากให้สิ่งที่เห็นเป็นเพียงการเข้าใจผิด แต่ภาพตรงหน้ามันชัดเจนเกินไป เขาโตพอที่จะเข้าใจว่าการที่คนที่เป็นเลขาคนสนิทของแม่ คนที่เขานับถือเหมือนลุงแท้ๆ กำลังทำอะไรกับผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด เด็กชายจ้องทั้งสองสลับกันไปมา เฝ้าถามเหตุผลของการกระทำไร้เหตุผลตรงหน้า ไม่มีคำตอบใดหลุดปากออกมาจากผู้ใหญ่ที่เขาเคารพนับถือ จนในที่สุดเมื่อเสี้ยวของใจเริ่มซึบซับความจริง เขาก็ไม่อาจห้ามหยดน้ำตาร้อนที่มันเอ่อล้นจนไหลร่วงผ่านสองแก้ม ภาพคนสองคนที่จูบกันอย่างดูดดื่มเมื่อนาทีก่อนซ้อนทับมาครั้งแล้วครั้งเล่า ใจยังคงเฝ้าถามเหตุผลของสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้อะไรเลย

ความรู้สึกที่เหมือนโดนหลอกลวงมาทั้งชีวิต

แม้แต่คนตรงหน้าที่ใจคุ้นเคยที่สุด จริงๆ แล้ว เขาก็ไม่เคยรู้จักคนทั้งสองมาก่อนเลย...

.

.

.

.

.

“If I had to live my life without you near me. The days would all be empty. The nights would seem so long. With you I see forever, oh, so clearly...I might have been in love before. But it never felt this strong...”



เสียงร้องอ่อนนุ่มกับกีต้าร์ที่เริ่มบรรเลงเพลงรักหวานจากเวทีกลางสวนดอกไม้ชวนให้อากาศยามเย็นรื่นรมณ์ชวนฝัน ผู้คนมากหน้าหลายตาทั้งนักบริหารชื่อดังและผู้คนจากแวดวงไฮโซเข้ามาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง นักข่าวสองสามสำนักยืนอออยู่หน้างานคอยเก็บภาพคนดังที่มาร่วมงาน วันนี้เป็นวันครบรอบงานแต่งงานของสองคนที่เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงสังคม เจ้าของงานทั้งสองยืนอยู่ตรงซุ้มดอกลิลลี่สีขาวตรงทางเข้าคอยต้อนรับผู้มาร่วมงาน วุฒิศักดิ์นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ในชุดสูทสีดำเนียบหรูกับแก้วตาผู้บริหารโรงแรมดังหลายแห่งที่แม้จะเริ่มเข้าวัยสี่สิบแต่ก็ยังสวยสะพรั่งเหมือนสาวแรกรุ่น ทั้งสองทำหน้าที่เจ้าภาพอย่างเต็มที่ ยืนทักทายแขกเรื่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

“ดีใจด้วยนะคะพี่แก้ว พี่วุฒิ ครบรอบปีที่เท่าไหร่แล้วค่ะเนี่ย แหม๋ ยังรักกันจนหน้าอิจฉาเหมือนเดิมนะคะ” คุณหญิงนิภาเจ้าของร้านเครื่องเพชรชื่อดังเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม เจ้าตัวยื่นถุงกระดาษเล็กๆ ที่เตรียมมาเป็นของขวัญให้พี่แก้วตาคนสนิทในสโมสร เมื่อเธอรับไปก็เปิดถุงเข้าไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มที่อยู่ด้านในขึ้นมา เมื่อเปิดดูก็เห็นว่าภายในเป็นตุ้มหูหรูเรียบของยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง

“แหม๋ น้องนิ พี่เกรงใจจัง 15 ปีแล้วจ๊ะ ของร้องล่ะ ปีที่ 16 ไม่ต้องแล้วนะ” ทั้งสองหัวเราะเบาๆ พร้อมกัน พูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันอีกนิดก่อนที่นิภาจะหันเหความสนใจไปทางเวทีที่มีชายหนุ่มนั่งดีดกีต้าร์ร้องเพลงรักโรแมนติคอยู่เพียงคนเดียว

“เผลอแปปเดียว ตาต้นโตเป็นหนุ่มแล้วนะคะ หล่อแล้วยังร้องเพลงเพราะแบบนี้ ไม่รู้ทำสาวหลงไปถึงต่อไหน แหม๋ ร้องเพลงโปรดของคุณแม่เสียด้วย” แก้วตามองตามสายตาอีกฝ่ายที่จับจ้องลูกชายเขาอย่างชื่นชม ยิ้มเจื่อนให้แทนคำตอบรับคำชื่นชมลูกชายคนเดียวของเขา แต่เมื่อเผลอสบตาเข้าจังๆ กับคนบนเวทีที่มองมาก่อนแล้วเขาก็ต้องรีบหลบสายตา เสมองไปทางแขกเรื่อที่นั่งอยู่เรียงรายอย่างคนทำตัวไม่ถูก ลูกชายที่เคยรักและเทิดทูนเขาที่สุด บัดนี้กลับมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว แววตาเฉยชาไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ส่งให้แก้วตาหน้าร้อนผ่าว เม้มปากกลั้นน้ำตาที่แทบจะไหลออกมาได้ทุกเมื่อ แม้จะไม่พร้อมเพียงใดแต่ด้วยภาระหน้าที่และหน้าตาในสังคม หล่อนจึงต้องพยายามปั้นหน้าให้ปกติที่สุด จำใจยิ้มแย้มพูดคุยอย่างร่าเริงอีกครั้งเมื่อมีแขกกลุ่มใหม่เดินเข้ามา



“Our dreams are young and we both know. They'll take us where we want to go. Hold me now, touch me now. I don't want to live without you..”



ตั้งต้นมองตรงไปที่เจ้าภาพของงานคืนนี้ ทั้งสองที่จับมือกัน เกาะเกี่ยวแขนกันเหมือนรักใคร่กันประดามันทำให้เขาไม่เคยฉุกคิดมาก่อนเลย

หึ ต้องเล่นละครเก่งกันแค่ไหนนะ ที่ทำให้ตลอดระยะเวลา 14 ปี เขาไม่เคยระแคะระคายอะไรเลยสักนิด

‘แม่กับพ่อไม่ได้รักกัน’ แก้วตาบอกให้กันต์เลขาส่วนตัวออกจากห้องทำงานไปก่อน เมื่อชายหนุ่มเดินออกไปและปิดประตูตามหลังสนิท เธอก็เข้ามารั้งตัวลูกชายคนเดียวไว้ กล่าวคำมากมายเพื่อที่จะให้ลูกรักเห็นใจกับการกระทำตัวเอง ต้นไม่มีสติจะฟังอะไรทั้งนั้น สิ่งที่ได้ยินและสะท้อนซ้ำไปมามีเพียงประโยคที่แสนเจ็บปวดประโยคเดียวเท่านั้น มันเป็นประโยคที่ยืนยันได้ว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมามันช่างว่างเปล่า...พ่อกับแม่ของเขาไม่เคยรักกัน

‘แต่แม่มีชู้...’ เด็กชายเอ่ยเถียง มันไม่มีเหตุผลใดในโลกที่ทำให้การเป็นชู้กลายเป็นเรื่องที่ถูกต้องได้ไม่ใช่หรือ...

‘แม่คบกับลุงกันต์อยู่ก่อนแล้วนะลูก ก่อนที่จะแต่งกับพ่อ...’ หญิงวัยกลางคนต้องการอธิบาย มันไม่ใช่คำแก้ตัวเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด แต่เธออยากให้คนที่เธอรักมากที่สุดเห็นใจเธอบ้าง เข้าใจในสิ่งที่เธอจำใจต้องทำ แม้จะรู้ดีว่าสิ่งที่เธอขอมันมากเกินไป



“Nothing's gonna change my love for you. You ought to know by know how much I love you. The world may change my whole life through but...Nothing's gonna change my love for you”



ผู้คนในงานต่างมองมาที่เขาอย่างชื่นชม ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ เป็นครอบครัวในอุดมคติที่ใครๆ ต่างก็ต้องอิจฉา พ่อแม่ที่ยังหล่อสวย กับลูกชายคนเดียวที่เติบโตมาอย่างน่าภูมิใจ เขาก็เคยอิจฉาตัวเองเหมือนกัน เคยคิดว่าเขามีทุกอย่างที่ทุกคนใฝ่ฝัน แต่ทั้งหมดมันก็ก่อนที่ความจริงที่แสนปวดร้าวจะมากระแทกหน้าเขาอย่างจัง

ต้นยังคงเล่นเพลงที่เข้าตั้งใจซ้อมอย่างคนชินมือ แม้ภายในหัวสมองยังคงมีแค่ภาพของเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานแทรกเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

‘ที่พ่อกับแม่แต่งงานกันมันเป็นเรื่องของผลประโยชน์ แต่ที่เราทั้งคู่ยังอยู่ด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้ก็เพื่อลูกนะครับ’

‘แล้วพ่อล่ะ แม่ไม่สงสารพ่อหรอ’ แววตาอีกฝ่ายไหววูบ ผู้หญิงตรงหน้าหลบตาเขา ไม่ต้องมีคำอธิบายเขาก็เข้าใจในทันที

‘นี่พ่อกับแม่ร่วมมือกันหรอ’ เด็กชายมองเข้าไปในตาชุ่มน้ำของมารดา ความเสียใจทิ่มแทงอกร้อนจนกลั้นน้ำตาไม่ไหว สรุปมีแต่เขาที่โดนหลอก ภาพของครอบครัวแสนสุขผาดผ่านในความคิด เขาทำผิดอะไร ต้องเป็นที่เกลียดชังแค่ไหนถึงโดนปล่อยให้เจ็บถึงเพียงนี้

‘แม่ทำเพื่อเรานะลูก’ เธอย้ำอีกครั้ง

เด็กน้อยไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด การโกหกว่ารักกัน การเสแสร้งว่ามีความสุขมันเป็นการทำเพื่อเขาตรงไหน ทั้งสองคนต้องการอะไรและตั้งใจจะจบเรื่องนี้ลงเมื่อไหร่

ใจรู้สึกขยะแขยง

เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองแล้ว มนุษย์เราสามารถทำได้ทุกอย่าง เสแสร้ง แกล้งรัก หลอกลวงคนทั้งโลกโดยไม่สนว่าใครจะคิดหรือรู้สึกอย่างไร

‘ทำเพื่อผมสักครั้ง’

‘อะไรนะครับลูก’ แก้าตารีบรุดเข้าไปลูกชาย เมื่อตั้งต้นยอมเปิดปากพูดอีกครั้ง

‘ถ้าแม่เคยรักผมบ้าง.. ถ้าที่เคยบอกรักผมยังจริงอยู่บ้าง..’

‘โธ่ ต้น ทำไมพูดกับแม่อย่างนี้ละลูก แม่รักเรามากที่สุด มากกว่าอะไรทั้งนั้น’ แก้วตาปล่อยโหเมื่อได้ยินคำพูดเสียดแทงของลูกรัก เอื้อมมือไปโอบไหล่เด็กชายอย่างถวิลหา

‘ผมไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรโกหกอีกต่อไปแล้ว’ เด็กชายวัยสิบสี่สะบัดไหล่ออกจากมือของคนที่รักที่สุดที่เอื้อมมาสัมผัส

‘ผมจะไม่ขออะไรเลย แค่เพียงอย่างเดียว...ช่วยเลิกเสแสร้งทำเป็นรักกันได้ไหม’ เขาว่าพร้อมมองลึกเข้าไปในดวงตาดำขลับของผู้เป็นแม่ แม้จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแต่เขายังอยากจะเชื่อเหลือเกิน อยากจะเชื่อว่าอย่างน้อยความรักที่เธอมีให้เขามันเป็นความจริง

‘อย่าให้ผมต้องหมดศรัทธาในความรักไปมากกว่านี้เลยนะแม่’



“Nothing's gonna change my love for you. You ought to know by know how much I love you. The world may change my whole life through but...Nothing's gonna change my love for you.”



ชายหนุ่มพยายามฝืนตัวเอง ตั้งสติอยู่กับกีต้าร์และพยายามปรับน้ำเสียงไม่ให้ฟังดูสั่นไหว ไปมากกว่านี้

เขาอยากจะร้องเพลงนี้ให้จบ

นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขามีโอกาสได้ทำมัน

เขาเกลียด... เกลียดเพลงรักที่เขาร้อง

เพราะมีแต่คนโง่เท่านั้น ที่รัก..

และมีแต่คนที่รักเท่านั้นที่เจ็บ...





**********

มาแล้วววว ขอบคุณทุกคนนะคะที่รอเรื่องนี้กัน ดีใจนะคะที่หลายคนชอบน้องกี แล้วก็สำหรับตั้งต้น ฉันช่วยเรียกคะแนนความสงสารให้แกได้แค่นี้นะ ตอนหน้าแกตายแน่ 5555 เรื่องนี้อาจจะมีปมหนักๆ อยู่บ้างแต่ก็ยังคงความใสตามสไตล์คนเขียนเหมือนเดิมค่ะ มาม่าได้นิดเดียว คนเขียนเหนื่อยแทน แล้วก็จบดีแน่นอลลล

อยู่กันไปนานๆ น้า จะพยายามอัพเร็ว บ่อยๆ คะ

พูดคุยกันได้นะคะ

ทวิตเตอร์ @maywrite1 #ต้นคนรักไม่เป็น
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:Prologue:. 23/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 24-07-2019 02:59:47
 :katai1: ถึงแม้มีปมแต่ก็รับที่ทำแบบนั้นกับกีไม่ได้จริงๆ

หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:Prologue:. 23/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Peterpanmama ที่ 24-07-2019 08:31:21
เอามาอีกตอน ได้โปรดดด
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:Prologue:. 23/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-07-2019 12:07:51
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:Prologue:. 23/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 25-07-2019 08:27:03
รอค่ะรอ
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:Prologue:. 23/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TuEyyy ที่ 25-07-2019 08:29:18
ตามตั้งแต่ ดิน อิน จะรอน๊าาา
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:Prologue:. 23/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 25-07-2019 22:55:49
ถึงแม้เป็น คนมีปม จมกับรัก
เคยโดนหัก ซ้ำซาก มากหนักหนา
แต่ถ้าเจอ รักแท้ ใจบอกมา
ต่อให้ช้ำ แทบจะบ้า ก็ฝ่าฟัน

แต่นี่เหมือน รักแค้น แน่นในอก
ทุกเวลา คิดวิตก หมกหุนหัน
คุณรักเขา หรือตัวเอง มากกว่ากัน
รักไม่เป็น หรือจริงนั่น รักไม่พอ

ตั้งต้นแค่ไปเห็นว่ากีสนิทสนมกับคนอื่่นในที่โล่งแจ้ง..ตัวเองเสียใจว่าโดนหลอก
แล้วที่ทำให้กีเห็นว่ากำลังจะเอากันในห้อง(หรือเอากันไปแล้วก็ไม่รู้)..แบบนี้ กีจะรู้สึกว่าโดนอะไร

คนรักกันจริงเค้าไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นกันขนาดนี้หรอกนะ
คิดเอาคืนแก้แค้น ให้เห็นเอากับคนอื่นคาห้อง แบบเต็มลูกกะตา
มันไม่ใจร้ายต่อกัน มากเกินไปเหรออออออออออ..

รักไม่เป็นหรือรักไม่พอกันแน่..ตั้งต้น
เลวววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:Prologue:. 23/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 25-07-2019 23:04:34
มาแล้วววว รออ่านต่อนะครับ,,,,
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:Prologue:. 23/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 27-07-2019 10:24:37
มารอจ้า
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 1:. 27/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 27-07-2019 16:39:09
.:บทเรียนที่ 1:.





ปัง!

เมื่อประตูถูกปิดลง ชายหนุ่มทิ้งตัวเอนพิงพนักโซฟานุ่มอย่างอ่อนล้า เขาทำได้เพียงถอนหายใจหนัก แหงนหน้ามองเพดานอย่างเลื่่อนลอย สมองที่ว่างเปล่ากลับหนักอึ้ง เขายกสองมือขึ้นมาขยี้หน้าไปมา อดแปลกใจไม่ได้เมื่อสัมผัสได้ถึงน้ำร้อนชื้นคละเคล้ามากับฝ่ามือหนาทุกครั้งที่ปาดผ่านสองตา ร่างสูงเลื่อนมือข้างนึงมาเกาะกุมหน้าอกข้างซ้าย ความรู้สึกวูบโหวงเหมือนหายใจผิดจังหวะทำให้เขารู้สึกเหนื่อยสุดกำลัง หัวใจที่ตอนแรกเคยเจ็บจี๊ดตอนนี้เหมือนมันจะสงบลง ที่จริงไม่ใช่ไม่เจ็บแต่ตอนนี้มันไม่ได้รู้สึกอะไรเลยต่างหาก มันเหมือนหัวใจของเขาไม่ได้อยู่ตรงที่เดิมอีกต่อไปแล้ว ชายหนุ่มยิ้มเยาะกับตัวเอง แค่เดือนเดียวยังเป็นได้ขนาดนี้ เขารู้แล้วว่าตกหลุมรักอีกฝ่ายมากแค่ไหน นึกโทษตัวเองที่ยอมเผลอตัวเผลอใจไปได้ขนาดนี้

ทั้งๆ ที่ก็น่าจะรู้ตัวดีอยู่แล้วว่าคนแบบเขาไม่มีใครมารักจริงๆ หรอก

“ต้น...” ไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงนี้นานแค่ไหน เขาเหยียดหลังตรงเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกชื่อ อีกฝ่ายมายืนอยู่ข้างตัวเขาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงประตูห้องนอนเปิดออกมาด้วยซ้ำ

“ได้ยินเสียงประตูปิดไปตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่เข้ามาในห้องสักที” รวินทร์เดินตรงเข้ามานั่งตักชายหนุ่ม ยกสองมือคล้องคออีกฝ่ายอย่างออดอ้อน ก่อนจะซบหน้าลงบนแผ่นอกกว้าง

“คนอะไร ไร้มารยาทที่สุด ต้นน่าจะเรียกพี่ยามข้างล่างมาไล่ไปนะ” คนบนตักเอ่ยถึงคนที่เพิ่งออกไป นึกรู้ว่าอีกฝ่ายคงเป็นเด็กคนใดคนหนึ่งของตั้งต้น แต่ใครๆ ก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่จริงจังกับใคร เบื่อเมื่อไหร่ก็ทิ้ง รวินทร์รู้สึกสะใจ เมื่อเห็นเต็มๆ ตาว่าตั้งต้นอยู่กับเขาแบบนี้ก็คงชัดเจนพอแล้ว จะได้เลิกมาระรานสักที คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้มาโวยวายแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ

“เสียงดังโวยวายอย่างกับคนไม่มีกา...” ไม่ทันได้จบประโยครวินทร์ก็ต้องหยุดเมื่อโดนมองตาขวาง เขารู้ได้ทันทีว่าทำให้คนตัวโตไม่ชอบใจเข้าแล้ว รวินทร์ที่หวังให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นจึงค่อยๆ เปลี่ยนท่านั่งเอาขาทั้งสองข้างพาดเอวประจันหน้ากับคนร่างสูง นิ้วชี้เรียวยาวลูบไล้ไปตามแผงอกอย่างเบามือ เมื่อเห็นว่าคนตัวโตมีแววตาอ่อนลง เขาก็ยิ่งเบียดเข้าไปแนบชิด วันนี้โดนขัดจังหวะตลอด ยังไปไม่ถึงไหนกันเลย หลังจากนี้จะไม่ยอมให้มีอะไรหรือใครมาขวางทางอีกแล้ว เจ้าตัวคล้องแขนสองข้างรอบคอแกร่งอีกครั้ง ก่อนที่จะประกบเรียวปากลงไปที่อวัยวะเดียวกันของอีกฝ่าย ลากเลียลิ้นร้อนไปตามริมฝีปากนุ่มทั้งบนล่าง ลิ้นร้อนดุนดันตามรอยแยกเบาๆ ไม่ได้ลุกล้ำ เหมือนรอคอยคำอนุญาตจากอีกฝ่ายสำหรับการเริ่มต้นทำอะไรที่มันลึกซึ้งมากกว่านี้ ตั้งต้นที่ตอนแรกนั่งนิิ่งเมื่อโดนกระตุ้นมากขึ้นเจ้าตัวที่แทบจะไม่มีสติอยู่แล้วก็เหมือนจะยอมปล่อยตัวไปตามอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้า เพราะสมองที่หนักอึ้งทำให้เขาไม่อยากคิดอะไรอีกต่อไปแล้ว ความว้าวุ่น ความร้อนกรุ่นในอกถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นจูบที่ดึงดัน ชายหนุ่มโอบรัดตัวคนบนตักแน่นแนบชิด จากที่เป็นฝ่ายถูกปลุกเร้า เขากลับเป็นฝ่ายจู่โจม ร่างสูงถาโถมเข้าไปหาอีกฝ่าย ดูดเม้มริมฝีปากบางจนบวมเจ่อ เลื่อนไหลจมูกโด่งได้รูปไปตามซอกคอ ฟันคมกัดกินอีกฝ่ายจนขึ้นรอยแดงเพื่อหวังจะลืมความเว้าแหว่งภายในใจ

RRrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

ตั้งต้นชะงัก เสียงจูบดูดดื่มที่ดังก้องทั่วห้องโดนกลบด้วยเสียงเรียกเข้า เมื่อเขานิ่งคนตัวเล็กจึงไม่รอช้าเปลี่ยนเป็นฝ่ายเล้าโลมแทน ชายหนุ่มตัดสินใจเพิกเฉยสายเสียงโทรศัพท์จนในที่สุดมันก็หยุดไปเอง ร่างสูงเอื้อมมือไปดึงบอคเซอร์สีแดงของคนตัวเล็กบนตักให้ร่วงหลุดไปที่ขาขวา แต่ก่อนที่จะได้ถอดกางเกงวอร์มของตัวเองออกเสียงโทรศัพท์เครื่องเดิมก็ส่งเสียงดังขึ้นอีกครั้ง

“โธ่เว้ย..” ชายหนุ่มสบถอย่างสุดทน ก่อนจะยกคนบนตักวางลงบนโซฟา คนตัวเล็กหน้ามุ่ย รู้สึกรำคาญเหลือเกินที่วันนี้ถูกขัดจังหวะครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งต้นหัวฟัดหัวเหวี่ยงลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ข้างโทรทัศน์จอใหญ่ พอเห็นว่าใครโทรมาก็กดรับอย่างรวดเร็ว

“ไอ้เหี้ยดิน ถ้าธุระมึงไม่สำคัญมึงโดนแน่” ปลายสายหัวเราะร่า มันโมโหขนาดนี้รู้เลยว่าเขาต้องโทรมาขัดจังหวะเวลาความสุขของมันแน่นอน

[โทษทีว่ะ มึงอยู่กับกีหรอ] บดินทร์เอ่ยแซวเพื่อนตามประสา แต่สิ่งที่เอ่ยมาทำให้อีกฝ่ายชะงัก ความโมโหที่โดนเพื่อนขัดจังหวะเปลี่ยนเป็นความรู้สึกละอายในจิตใจกับการกระทำของตน

“ปะ..เปล่า มึงมีอะไรก็ว่ามา”

[ก็เรื่องคอนโดมึง สรุปอินจะย้ายเข้ามาอยู่กับกู กูแค่จะโทรมาถามว่ามึงจะเอายังไง เอาห้องเดิมไว้หรือจะหาที่ใหม่] บดินทร์เข้าเรื่อง เขาสองคนเคยเป็นรูมเมทกันมาก่อน ด้วยความที่บดินทร์อยากมีห้องของตัวเองมาตลอด เขาถึงพยายามสะสมเงินทั้งหมดที่ได้จากการร้องเพลงมาหลายปีเพื่อซื้อมัน เมื่อก่อนก็เคยสัญญากับมันว่าถ้าซื้อคอนโดแล้วจะให้มันย้ายมาอยู่ด้วย แต่พอตอนนี้บดินทร์มีแฟน ตั้งต้นมันก็เลยเสนอมาว่าถ้าเขาอยากอยู่กับแฟนมันแยกไปอยู่คนเดียวก็ได้ เมื่อเป็นแบบนั้นเขาก็เลยตัดสินใจชวนอินมาอยู่ด้วยกัน

“กูอยู่ห้องเดิมก็ได้ ไม่มีปัญหา” ตั้งต้นตอบ เขาไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ค่าเช่าห้องแค่ไม่กี่บาทไม่ได้ทำให้เขาใส่ใจอะไร ทั้งคู่คุยกันเกี่ยวกับรายละเอียดหอพักอีกเล็กน้อย นัดแนะกันเกี่ยวกับวันย้ายของออกจากห้อง รวินทร์มองคนที่ไม่ยอมวางโทรศัพท์อย่างเบื่อหน่าย วันนี้คงไม่ใช่วันของเขาจริงๆ พอท้องเริ่มร้องคนตัวเล็กก็เลยเดินไปทางตู้เย็นเพื่อเปิดหาของกินเล่น ขณะที่เดินผ่านโต๊ะอาหารสายตาก็ไปสะดุดกับถุงกระดาษใบใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะ พอก้มลงดูก็ยกยิ้มอย่างดีใจที่เห็นเค้กชอคโกแลตก้อนโตอยู่ข้างใน รวินทร์มองไปทางคนที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่

“ต้น ริวขอกินนะ” เสียงตะโกนทำให้ร่างสูงหันไปมองคนที่ชี้ถุงกระดาษ พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจเป็นการอนุญาตก่อนที่จะกลับไปโฟกัสกับบทสนทนา เมื่อได้รับอนุญาตร่างเล็กก็ปรบมือดีใจ รีบยกเค้กก้อนโตออกมาบนโต๊ะแกะสก๊อตเทปใสที่ยึดฝากล่องแล้วเดินไปในครัวเพื่อหามีดและส้อมมาตัดเค้กกิน

[เออ ว่าแต่มึงยังมีชีวิตดีอยู่นะ] ปลายสายว่ากลั้วหัวเราะ

“หมายความว่าไงว่ะ”

[เอ้า ก็เนี่ย อินพึ่งบอกกูว่ากีทำเค้กให้มึง] อินแฟนของเขาเป็นเพื่อนสนิทกับกีแฟนมัน วันนี้ตอนที่เขาไปรับอีกฝ่ายมาดูห้อง เจ้าตัวเพิ่งบอกว่ากีไปให้สอนทำขนม เขาแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะกีเป็นพวกคุณหนูที่โดนตามใจของแท้ อย่าว่าแต่เข้าครัว งานบ้านสักอย่างก็ทำไม่เป็น

[กูนึกว่ามึงจะท้องเสียน้ำหมดตัวไปแล้วซะอีก] ชายหนุ่มตัวแข็งทื่อฟังเสียงหัวเราะร่าของเพื่อนสนิท สองตาเหลือบมองคนตัวเล็กในครัวที่หาอุปกรณ์เจอแล้วมุ่งหน้าเดินกลับไปที่โต๊ะ

“แค่นี้นะ” ตั้งต้นตัดสายเพื่อนโดยไม่รอฟัง เดินเข้าไปหาร่างบาง

“ริว” คนที่ตั้งอกตั้งใจตัดเค้กเงยหน้าขึ้นมาเมื่อโดนเรียก ยิ้มหวานสบตาคนที่มายืนเคียงข้าง

“วันนี้กลับไปก่อนได้ไหม” รวินทร์คิ้วขมวดชนกัน หรี่ตามองอย่างไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“มีอะไรหรือเปล่า” ร่างบางถาม

“เรารู้สึกไม่ค่อยสบาย” ชายหนุ่มว่าต่อ พยายามหาเหตุผลที่จะไม่ทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายเกินไป คนตัวเล็กรุดเข้ามาหาแต่พอเขาปฎิเสธจริงจังอีกฝ่ายก็ยอมละถอยกลับไป ไม่อยากทู่ซี้ให้อีกคนนึกรำคาญใจไปมากกว่านี้

เมื่อได้อยู่คนเดียวแล้วจริงๆ ร่างสูงก็ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ ตาเรียวเพ่งลงตรงวัตถุตรงหน้า

“ใจเย็นไอ้ต้น มันก็แค่เค้ก...” ตั้งต้นจ้องมองเค้กที่มีรูปร่างบิดเบี้ยว ชอคโกแลตครีมที่โดนปาดไปมามากบ้างน้อยบ้างไม่เรียบเนียนอย่างที่ควรจะเป็น ด้านบนมีตัวหนังสือเอียงๆ เขียนว่า หนึ่งเดือน ลายมือขยุกขยิกจนแทบจะอ่านไม่ออกอยู่แล้ว ต้นยกมือกุมหน้าอกซ้ายแน่นอีกครั้ง

“แค่เค้กก้อนเดียว ทำไมมึงต้องเต้นแรงขนาดนี้ว่ะ” เขาพูดกับใจตัวเอง

เอื้อมมือหยิบส้อมไปตักเค้กเข้าปากหนึ่งคำ ความหวานจัดที่แตะลิ้นผ่านตรงไปที่กระบอกตาร้อนก่อเกิดเป็นของเหลวชื้นเอ่อล้นตาคม ชายหนุ่มหลับตา ประสาทสัมผัสทั้งหมดมารวมอยู่กับเค้กเพียงหนึ่งคำที่ทำให้ร่างกายสั่นไหว ความหวานอบอุ่นที่ได้รับมันสร้างฮอร์โมนความสุขไปทั่วร่างกาย

มันจริงเกินไป...

ทั้งที่พยายามบอกว่าสิ่งที่อีกคนทำให้ตลอดมามันเป็นการเสแสร้ง แต่ความหวานละมุนจนอกที่วูบโหว่งอุ่นซ่านมันจริงเกินไป ตั้งต้นลืมตามองเค้กตรงหน้า จินตนาการถึงภาพขะมักเขม้นของคนทำได้เป็นตุเป็นตะ ความสุขที่ได้รับทิ่มแทงหัวใจจนต้องยกมือกุมอกซ้ายอีกครั้ง พึมพำบางอย่างเหมือนอยากให้คนบางคนที่ไม่สามารถสลัดออกจากใจได้ยิน

“รสชาติแย่กว่าที่คิดนะ”

เขายกยิ้ม เจ้าตัวจะโวยวายแค่ไหนกันนะถ้าได้ยินแบบนี้..

.

.

.

.

.

ชายหนุ่มจอดรถคันหรูที่ลานจอดรถ VIP ของโรงแรมหรูแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ เดินตรงไปที่ห้องบอลลูนห้องแรกที่อยู่ชั้นหนึ่งของโรงแรม วันนี้เขาต้องเป็นตัวแทนมางานแสดงเครื่องเพชรของคุณนิภารุ่นน้องคนสนิทของแม่ ตั้งต้นอยู่ในชุดสูทเรียบหรูพอดีตัวสีเทา ผมที่เคยละประบ่าโดยรวบไว้ข้างหลังอย่างเรียบร้อย เมื่อถึงบริเวณงานชายหนุ่มเดินตรงไปที่เจ้าของงาน ยกยิ้มการค้าที่ฝึกจนเคยชินให้อีกฝ่ายเป็นการทักทาย

“คุณน้านิสวัสดีครับ ยินดีด้วยนะครับ” เจ้าตัวว่ายื่นช่อดอกไม้ที่เตรียมไว้ส่งให้อีกฝ่ายอย่างสุภาพ

“แหม๋ ไม่น่าลำบากเลยนะตาต้น เป็นอย่างไรบ้างลูก คุณพ่อคุณแม่สบายดีนะ” คนเป็นผู้ใหญ่พูดทักทายกลับอย่างเป็นกันเอง

“สบายครับ ท่านทั้งสองฝากความคิดถึงมาให้คุณน้าด้วยครับ โดยเฉพาะคุณแม่บอกให้คุณน้าหาเวลาว่างไปเที่ยวที่บ้านที่หัวหินให้ได้ ไม่งั้นท่านจะงอนจริงๆ แล้วนะครับ” หญิงรุ่นใหญ่หัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะฝากบอกแม่ของเขาว่าหลังจากงานนี้จะหาโอกาสไปให้ได้ แถมบอกให้เจ้าตัวเตรียมอาหารทะเลสดรอไว้ได้เลย

“แล้วเราล่ะ ได้ข่าวว่าเข้าไปช่วยงานที่บริษัทคุณพ่อหรอช่วงนี้ งานหนักไหมลูก”

“ครับช่วงปิดเทอมคุณพ่ออยากให้ผมเริ่มเรียนรู้งานที่บริษัท ช่วงนี้เลยต้องเข้าไปทุกวันแต่สนุกดีครับไม่เหนื่อยเท่าไหร่” นิภาพยักหน้ารับรู้ จ้องมองชายหนุ่มอย่างชื่นชม เห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ตั้งต้นเป็นคนสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนเสมอมา รูปร่างหน้าตาก็หล่อเลิศได้ข่าวว่าเป็นถึงเดือนมหาวิทยาลัย ไม่ต้องพูดถึงฐานะการเงินและหน้าตาในสังคมที่เพรียบพร้อม และแม้อีกฝ่ายจะเป็นลูกชายคนเดียวของคุณวุฒิและคุณแก้วตาแห่งภาคภูมิไพศาล แต่เจ้าตัวก็ยังขยันขันแข็งไปทำงานทุกวันแบบไม่มีบ่น คุณสมบัติขนาดนี้ถ้าได้มาเป็นลูกเขยคงจะเป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครัวเขาไม่น้อย

“ถ้าว่างๆ ก็มาพายัยชาไปกินข้าวบ้าง รายนั้นบ่นถึงพี่ต้นตลอดเลย” ชายหนุ่มยิ้มรับ ในหัวพาลนึกถึงน้องนิชาจอมแก่นที่รู้จักกันดีมาตั้งแต่เด็ก เขารู้ว่าผู้ใหญ่พยายามจับคู่ให้พวกเขามาตลอด แต่เขาไม่ได้คิดอะไรกับน้อง น้องเองก็เหมือนกัน สำหรับน้องแล้วเขาเป็นแค่เพียงข้ออ้างเวลาที่จะขอคุณนิภาไปเที่ยวกับแฟนเท่านั้น

“ได้ครับ แล้วผมจะหาเวลาไปหาน้องนะครับ” ตั้งต้นตอบกลับอย่างสุภาพ คุยกับเจ้าภาพอีกนิดหน่อยจึงขอตัวเข้าไปด้านใน ภายในงานมีโต๊ะกลมสีขาวขาตั้งสูงถูกจัดไว้เรียงราย งานนี้เป็นงานแบบคอกเทล ไม่มีเก้าอี้ให้นั่งเป็นหลักแหล่ง บรรยากาศสบายๆ ที่ทำให้แขกเรื่อเดินคุยกันได้อย่างสะดวกสบาย มีเพียงตรงกลางห้องที่กั้นดอกไม้สีขาวสลับฟ้าซ้ายขวาสำหรับใช้เป็นแนวแคทวอร์คให้กับเหล่านางแบบนายแบบที่จะโชว์เครื่องเพชรคืนนี้ ตั้งต้นมาแต่หัววันตามมารยาท เขาต้องรออีกนานกว่างานจะเริ่ม เจ้าตัวเอ่ยปากทักทายคนที่พอจะเคยเห็นหน้าคร่าตากันในงานสังคมตลอดทางเดิน ตลอดระยะทางเขาสัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองเขาด้วยแววตาที่สื่อความใน ถ้าเป็นปกติเขาคงกวาดยิ้มเรียกคะแนน ตัดสินใจเลือกใครสักคนจากหนึ่งในนั้น และหาโอกาสที่จะทำให้งานสังคมที่น่าเบื่อแบบนี้เร้าร้อนขึ้นมาบ้าง แต่วันนี้เขาไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น ความรู้สึกอัดแน่นในอกที่ยังชัดเจนมันทำให้เขาไม่อยากเริ่มต้นคุยกับใคร

ทั้งๆ ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ

เค้กที่ละเลียดกินก็หมดไปหลายวันแล้ว

แต่ภาพของจอมโวยวายที่น้ำตาท่วมหน้าก็ยังผ่านเข้ามาทุกครั้งที่เผลอตัว

เมื่อเจอโต๊ะว่างก็เดินเข้าไปแสดงความเป็นเจ้าของ หยิบแก้วคอลเทลจากในถาดที่ยริกรยื่นให้ จิบน้ำสีฟ้าขมปะแหล่มไปนิด ก่อนจะลอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เขาเกลียดงานแบบนี้ ที่สุด ที่ที่มีแต่คนยิ้มแย้ม พูดคุยทักทายกันอย่างเป็นมิตร แต่หาความจริงใจจากใครไม่ได้เลย แม้แต่เสียงหัวเราะที่ดังแว่วมา เขายังสัมผัสได้ถึงความเสแสร้งในนั้น เหม่อลอยมองคนรอบตัวอยู่นาน ใจก็เผลอคิดถึงคนที่พูดจาโผลงผาง เก็บความรู้สึกไม่เก่ง คิดอะไรก็พูดออกมาแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่ได้ดั่งใจก็โวยวายเอาแต่ใจ แต่พอเขาตามใจก็อดห่วงความรู้สึกเขาจนเผลอตามใจกลับไม่ได้

คนที่จริงใจที่สุดที่ชีวิตนี้เคยเจอ

พอคิดได้ถึงตรงนี้ความรู้สึกผิดที่หลบอยู่ในซอกหนึ่งของหัวใจก็ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง เขารีบส่ายหัวเรียกสติ พยายามบอกตัวเองว่าสิ่งที่ทำมันดีแล้ว สิ่งที่เห็นและรู้สึกมันก็เป็นแค่ภาพลวงตา เป็นแค่ละครบทหนึ่งที่สร้างมาให้เขาติดกับ ก็เห็นมากับตาตัวเองแล้วแท้ๆ เขายังจะหวังอะไรอีก แอบรู้สึกโกรธที่ส่วนหนึ่งของใจยังคงเถียงว่าเขาเข้าใจผิด ได้แต่ด่าตัวเอง ต้องโง่แค่ไหนถึงจะยังคิดว่าอีกฝ่ายรักแค่เขาคนเดียว

“ไงมึง” เสียงทักทายดังขึ้นพร้อมกับวงแขนที่วางพาดบนแผ่นหลัง หันไปก็เห็นว่าเป็นภูผาเพื่อนสนิทตน ตบไหล่ทักทายกันอย่างคนคุ้นเคย แอบอดรู้สึกดีใจไม่ได้ที่อย่างน้อยคืนนี้จะมีมันมาอยู่เป็นเพื่อน

“หนีไม่รอดหรอมึง” ต้นเอ่ยหยอกล้อคนที่เกลียดงานสังคมแบบนี้ที่สุดแต่ก็โดนบังคับให้มาทุกครั้ง ภูผาเป็นเพื่อนสนิทที่อายุห่างกันห้าปี ทั้งสองรู้จักกันตั้งแต่เด็กเพราะได้มีโอกาสเจอกันตามงานสังคมที่ต้องไปบ่อยๆ ด้วยความที่นิสัยใจคอหลายๆ อย่างคล้ายกัน เขาทั้งสองจึงเริ่มสนิท และในที่สุดมันก็กลายเป็นคนที่เขาไว้ใจมากที่สุดคนหนึ่ง ยิ่งในช่วงตอนอายุสิบสี่ที่เขารับรู้เรื่องแม่ นอกจากบดินทร์เพื่อนตายแล้วก็มีมันนี่แหละที่อยู่เคียงข้างเขาเสมอมา

“เออ กูตรงมาจากพัทยาเลยนะ ย่ากูสนิทกับคุณนิ” ภูผาตอบเพื่อน ยกคอกเทลในมือขึ้นจิบก่อนจะทำหน้าหยี รสชาติห่วยแตกที่สุด

“แล้วเป็นไงมึง ร้านอยู่ตัวหรือยัง” เขาเอ่ยถามถึงผับสาขาที่ 5 ของเพื่อนที่พัทยา เขาเคยไปแค่ครั้งเดียวเมื่อเดือนก่อนตอนงานฉลองวันเปิดร้าน พอนึกย้อนไปถึงวันนั้นภาพของคนบางคนก็ย้อนกลับมาอีกครั้งจนได้

ปกติเขาจะไม่พาคนที่เขาคบอยู่ไปหากลุ่มเพื่อนสนิทเพราะไม่เห็นความจำเป็นที่จะแนะนำคนที่เดี๋ยวก็เลิกกันให้รู้จัก แต่สำหรับคนคนนี้ ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรถึงเอ่ยชวน พอนึกขึ้นได้ว่าวันที่ไปที่ร้าน คนของเขามองเพื่อนสนิทด้วยสายตาแบบไหนก็นึกโมโห ทั้งๆ ที่มีเขายืนหัวโด่อยู่ข้างๆ ยังมีหน้าชายตามองคนอื่นด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม ความรู้สึกผิดที่ครอบคลุมใจก่อนหน้าฟืบลงกลับไปที่ซอกลืบเดิม มีความครุกรุ่นร้อนรนเข้ามาแทนที่ เป็นอีกครั้งที่บอกตัวเองว่าเขาคิดถูกแล้วที่ตัดอีกฝ่ายไปแบบนั้น เพราะถ้าขืนปล่อยตัวเองให้ก้าวเข้าไปมากกว่านี้ คนที่เจ็บก็คงมีแค่เขา

“ก็คนเยอะดี นักท่องเที่ยวก็เยอะ ปัญหาก็ไม่เยอะอย่างที่กูคาดไว้” ตั้งต้นพยักหน้ารับรู้ แต่สมองยังจดจ่อถึงเรื่องบางคนในหัว

“ว่าแต่กับน้องกีเป็นไงบ้าง” ภูผากระแทกศอกเบาๆ กระเซ้าถามถึงแฟนอีกฝ่าย คนที่ทำให้เพื่อนเขาหึงจนออกหน้าออกตา วันที่เจอกันที่ร้านตอนแรกมันบอกว่าเป็นแค่เพื่อน เห็นว่าน่ารักดีก็เลยลองจีบดู แต่ไปไงมาไงไม่รู้กลับโดนหึงจนมันตะโกนใส่หน้าว่าคนนี่เป็นแฟนมัน เขาถึงกับอึ้ง จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง คบกันมากี่ปีต่อกี่ปี มันเคยมีแฟนซะที่ไหน

“เลิกคุยกันแล้ว” ชายที่เด็กกว่าตอบสั้นๆ

“เห้ย ทำไมว่ะ”

“ก็เหมือนทุกที ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ”

คำพูดเรียบเฉยไม่ได้ทำให้ภูผาสนใจเท่ากับท่าทางผิดปกติของมัน เขารู้จักมันมาตั้งแต่เด็กๆ จะไม่รู้ได้ไงว่ามันพยายามปิดบัง จริงๆ แล้วใจไม่ได้เฉยอย่างที่เห็นเลยสักนิด

“มึงก็รู้ว่ากูดูออกเวลาที่มึงโกหก” ภูผาหัวเราะ ตบไหล่เพื่อนสนิทเบาๆ

“ชอบเขาแล้วหรอ”

“เปล่า...”

“ถ้าไม่อยากเล่าก็บอก กูจะไม่รบเร้า แต่อย่าโกหกกู”

“ไม่มีอะไรจริงๆ ..” ชายหนุ่มยังยืนยัน

“โอเค งั้นกูขอได้ไหม” ตอนแรกภูผาตั้งใจจะแหย่มันเล่น แต่จริงๆ แล้วเขาก็เห็นว่าอีกคนน่ารักดีจริงๆ ถ้าได้จริงก็ไม่เกี่ยงเหมือนกัน

“...” ชายหนุ่มหันมามองหน้าเขา ท่าทางพะอืดพะอมไม่รู้จะตอบยังไงของมันทำให้เขานึกขำ ทั้งมันและเขาต่างก็ไม่มีพี่น้อง บางครั้งเขาก็แอบรู้สึกเอ็นดูมันเหมือนน้องชายเขาคนนึง

“ก็แล้วแต่มึง...” นั่น...มันยังจะปากแข็ง ภูผาหัวเราะดังลั่นจนคนโต๊ะอื่นหันมามอง

“มึงชอบเขาแล้วไอ้ต้น..อย่าเถียงกู” ตั้งต้นไม่ทันได้เอ่ยปฎิเสธก็โดนดักคอไว้ก่อน

“เป็นแบบนี้แล้วจะเลิกกันทำไมว่ะ” เขายังลังเลใจอยู่นิดเมื่อโดนจี้ต่อ แต่รู้ดีว่าไอ้ภูผาไม่เลิกแน่ถ้าไม่ได้คำตอบที่ต้องการ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตัดสินใจเปิดปากเล่าทุกเหตุการณ์ที่อยู่ในหัว ไม่ว่าจะเรื่องที่เจอกีกับนทพรอดรักกันหน้าร้าน หรือเรื่องที่กีไปเจอเขากับริวที่ห้อง ที่จริงเขาก็อยากระบายให้ใครสักคนฟัง แต่เขายังไม่อยากเล่าให้ไอ้ดินได้รู้ มันเป็นแฟนกับเพื่อนสนิทกี ไม่อยากให้มันต้องลำบากใจที่จู่ๆ ต้องกลายมาเป็นคนกลาง

“สรุปว่ามึงคิดไปเองว่าเขานอกใจแล้วมึงก็เหี้ยใส่เขา?” ภูผาสรุปกลั้วหัวเราะ

“กูไม่ได้คิดไปเอง กูเห็นกับตา มึงไม่เห็นหรอ ขนาดวันที่ไปร้านมึง ไปกับกูแต่เขายังมองมึงตาเป็นมัน มึงจะให้กูไว้ใจหรอ” ตัั้งต้นยังพยายามอธิบาย แอบฉุนเพื่อนที่หาว่าเขาคิดไปเอง ไม่ได้มาเห็นกับตาแบบเขาก็พูดได้สิ คนแก่กว่ายังหัวเราะร่วน เข้าใจว่ามันอยากบอกอะไร วันนั้นเขาก็เห็นที่อีกฝ่ายมองมา แต่มันก็แค่ครั้งแรกที่เจอกัน หลังจากนั้นพอเขาเข้าไปจีบทางนั้นก็ตั้งกำแพงป้องกันอย่างชัดเจนจนทำอะไรไม่ได้

“มึงเห็นเขามองกูยังไง กูก็เห็นเหมือนกันว่าเขามองมึงด้วยสายตาแบบไหน แล้วกูจะบอกมึงให้เลยว่า มันไม่ใครมองมึงได้ลึกซึ้งกว่านั้นแล้ว”

“...”

“ถ้าชอบเขา มึงก็ไปคุยกันให้รู้เรื่อง ให้โอกาสตัวมึงเองกับตัวเขาด้วย”

“...”

“ถ้าเขาจะยังยอมคุยกับคนเหี้ยอย่างมึงน่ะนะ” ว่าจบเขาก็หัวเราะ ยกมือขอค็อกเทลแก้วใหม่จากบริกร จิบน้ำสีฟ้ารสชาติห่วยพร้อมเหลือบมองเพื่อนรักที่คิ้วขมวดครุ่นคิดอย่างหนัก ภูผาอมยิ้ม เขาเข้าใจดีเหลือเกินว่ามันไม่ง่ายสำหรับมัน ไอ้ต้นมันเป็นเจ้าสาวที่กลัวฝน มันกลัวจะโดนทำให้เจ็บ กลัวโดนหลอกให้รัก มันถึงเลือกที่จะอยู่คนเดียวลอยไปลอยมาไม่รักใครแบบนี้ จะโทษมันว่าคิดมากเกินเหตุก็ไม่ได้ เพราะสำหรับสิ่งที่มันเจอมาก่อน ใครไม่ใช่มันก็คงไม่เข้าใจเหมือนกัน

“คนอยากกู ไม่มีทางเจอคนจริงใจหรอก” ชายหนุ่มพึมพำเหมือนบอกตัวเองมากกว่าคุยกับเขา คนที่แก่กว่าอดเอื้อมมือไปผลักหัวอีกคนเบาๆ ไม่ได้ เก่งทุกเรื่องดันมาตกม้าตายเพราะความรัก รู้ถึงไหนอายถึงนั่น

“กูกํไม่ใช่คนที่จะมาสอนมึงหรอกนะ” เขาว่า

“แต่มึงลองคิดง่ายๆ ถ้ามึงอยากเจอคนที่จริงใจ มึงก็ต้องลองแสดงความจริงใจกับเขาก่อนไม่ใช่หรอว่ะ”

“...”

“แล้วการที่คนอย่างเขา มาตกลงลองคบกับคนอย่างมึงที่ได้ชื่อว่าเจ้าชู้ตัวพ่อ ได้หมดถ้าสดชื่น คืนเดียวจบไม่คบต่อแบบมึง มึงว่าคนที่กลัวโดนนอกใจควรจะเป็นเขาไม่ใช่หรอ”

ตั้งต้นหน้าชานิ่งฟังคำเพื่อน คำพูดที่ได้ยินอีกฝ่ายกระซิบบอกตอนใกล้จะหลับแว่บเข้ามาในหัว

‘แม้เรื่องของเราอาจจะต้องจบลงที่แค่หนึ่งเดือนก็ตาม แต่เราก็ดีใจที่เรื่องทััั้งหมดมันเกิดขึ้น และดีใจยิ่งกว่าที่มันเกิดขึ้นกับนาย’

ชายหนุ่มหลับตาแน่น รู้ตัวว่าทำผิดพลาดไปแล้ว เผลอตัวไปตามอารมณ์ร้อนจนทำร้ายอีกฝ่ายโดยไม่คิดถามให้ดี ภาพในอดีตหลั่งไหลกลับมา วันที่มีคนน่ารักเคียงข้าง วันที่ได้ยิ้มและหัวเราะโดยไม่ต้องเสแสร้ง ความรู้สึกผิดครอบคลุมในจิตใจ แต่ที่มากกว่าคือความโหยหา แม้จะไม่แน่ใจแต่เขาอยากกลับไปอีกครั้ง กลับไปในวันที่ใจที่ปล่าวเปลี่ยวดวงนี้อุ่นแน่นด้วยมวลความสุข

ตั้งต้นกังวล..

ถึงจะยังเคลือบแคลงและยังไม่มั่นใจในความรู้สึกดีๆ ที่อีกฝ่ายมีให้

แต่ถ้ามันจริง..

ถ้าสิ่งที่อีกคนเคยให้มาคือรักที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เจอจริงๆ

เขายังจะรักษามันไว้ได้หรือเปล่า...

คนเลวๆ แบบเขา จะยังมีโอกาสได้รับมันอีกหรือเปล่า..









****************

อ้าววววว ด่ามา 5555 เกลียดพระเอกได้แต่ห้ามหยุดอ่านนะ! ต้นมันสับสนซะจนคนเขียนสับสนตามไปด้วย คือความรู้สึกมันจะยังสลับไปสลับมาว่าควรจะกลับไปหาน้องดีหรือเปล่า อารมณ์ประมาณว่า อยากกลับไปแต่ก็ยังกลัวเจ็บ ไม่รู้คนอ่านงงจะงงกับมันกันไหมเนี้ย แต่คนมันสับสนเนาะ ฮืออ

ตอนนี้ยาวหน่อยนะคะ อยากเล่าให้ละเอียดเผื่อบางคนไม่ได้อ่านรักมือสอง (แต่ไปอ่านเถอะ ขอร้องละจ้า อิ่มแน่นกว่าแน่นอน) ใครที่คิดถึง น้องกีมาแน่นอนตอนหน้านะคะ คือเขียนโครงเรื่องจบแล้วแต่ว่าไม่มีเวลาได้นั่งเขียนเนื้อเรื่องเลย ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่จะรีบมาต่อเร็วๆ นะคะ แล้วตอนนึงเราพยายามจะให้มันแน่นๆ หน่อย ก็เลยออกช้านิดนึง ถ้ามันเอื่อยไปก็แนะนำมาได้นะคะ

สำหรับ #รักมือสองอินดิน มีตอนพิเศษเร็วๆ นี้แน่นอนจ้า สลับกันไปนะคะ ถ้าอ่านควบคู่กันไปจะยิ่งอินมากขึ้นกว่าเดิมไปอีกแน่นอน :)

ชอบไม่ชอบยังไง ฝากเม้นเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือไปคุยกันในทวิตเตอร์ได้น้า @maywrite1

#ต้นคนรักไม่เป็น

เจอกันค่า!


หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 1:. 27/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 27-07-2019 17:50:02
 :pig4:
 :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 1:. 27/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-07-2019 18:11:57
คนระแวงในรักแบบต้น จะคิดมาก คิดเองจากภาพที่เห็นก็ไม่แปลก พอรู้ว่าจะถูกกระทำก็เลยรีบร้อนถอยห่าง แล้วก็มาเกิดขึ้นกับน้องกีผู้ซึ่งไม่ตื๊อคนที่ไม่รักด้วยก็เลยต้องเฉาๆกันไป
 
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 1:. 27/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 27-07-2019 23:02:57
 :hao4: ถามวาสึสงสารต้นไม๋ ตอบเลยว่าไม่
สมน้ำหน้าค่า
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 1:. 27/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 27-07-2019 23:35:14
เอาแต่อ้าง กลัวเจ็บ จากคนอื่น
อยากจะมี รักชื่น มื่นสุขสม
เอาแต่ได้ เข้าตัว มั่วอารมณ์
ผลักความเศร้า ขื่นขม คนรักกัน

แก้ความกลัว ตัวเอง ได้ชั่วมาก
หันไปลาก กระชากตูด รูดสวรรค์
นี่หรือกลัว เลยมั่ว พัลวัน
ความจริงใจ ที่หานั้น มันไม่มี

ตั้งต้น#เมิงไปตั้งกับคนอื่นเหอะ..ไป#ชาตินี้และชาติหน้าเมิงก็หาไม่เจอ#ความจริงใจ

เชี่ยยยยยยยยยย..รอลุ้นอ่านแทบวางวาย..สุดท้ายแล้วเมิงก็เลวจริง
เสียใจแบบเมิงนี่ดีเน๊อะ นัดคนอื่นมาเอาแก้ความเสียใจ หุหุ

รออ่าน..กีจะเข้าใจความรักเลวๆแบบนี้ได้ยังไง
เครียด..เศร้า..เหงา..เสียใจ แต่สามารถนัดกับใครก็ได้ให้มาเอาที่ห้องได้เมื่อนั้น

ไม่เฮี่ยจริง..ทำไม่ได้นะเนี่ยะ
ไอ่ห่านจิก
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 1:. 27/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 28-07-2019 00:04:17
เอาแต่อ้าง กลัวเจ็บ จากคนอื่น
อยากจะมี รักชื่น มื่นสุขสม
เอาแต่ได้ เข้าตัว มั่วอารมณ์
ผลักความเศร้า ขื่นขม คนรักกัน

แก้ความกลัว ตัวเอง ได้ชั่วมาก
หันไปลาก กระชากตูด รูดสวรรค์
นี่หรือกลัว เลยมั่ว พัลวัน
ความจริงใจ ที่หานั้น มันไม่มี

ตั้งต้น#เมิงไปตั้งกับคนอื่นเหอะ..ไป#ชาตินี้และชาติหน้าเมิงก็หาไม่เจอ#ความจริงใจ

เชี่ยยยยยยยยยย..รอลุ้นอ่านแทบวางวาย..สุดท้ายแล้วเมิงก็เลวจริง
เสียใจแบบเมิงนี่ดีเน๊อะ นัดคนอื่นมาเอาแก้ความเสียใจ หุหุ

รออ่าน..กีจะเข้าใจความรักเลวๆแบบนี้ได้ยังไง
เครียด..เศร้า..เหงา..เสียใจ แต่สามารถนัดกับใครก็ได้ให้มาเอาที่ห้องได้เมื่อนั้น

ไม่เฮี่ยจริง..ทำไม่ได้นะเนี่ยะ
ไอ่ห่านจิก

ขอบคุณสำหรับบทกลอนมากเลยนะคะ ดีใจที่มีคนอินไปด้วยขนาดนี้ อ่านแล้วสะเทือนแทนตั้งต้นเลยค่ะ5555
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 1:. 27/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 28-07-2019 23:30:55
จะเอายังไงก็เอาานะตั้งต้น,,,
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 2:. 29/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 29-07-2019 04:06:46
.:บทเรียนที่ 2:.





ซ่า...

“คุณกี น้ำล้นออกมาแล้วค่ะ” กีรติที่ได้สติกลับมาจากเสียงเตือนรีบลนลานหมุนปิดก๊อกน้ำที่เปิดไว้รองน้ำใส่ฝักบัวรดน้ำ เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน วันนี้เหม่อรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ เมื่อเช้าก็เหม่อจนเดินชนประตูห้องนอนไปรอบนึงแล้ว เขาเจื่อนยิ้มให้คนงานคนนึงในร้านที่มาเตือน เจ้าตัวทำท่าอยากจะเข้ามาทำแทนเขา แต่พอคุณหนูส่งสัญญาณบอกว่าไม่เป็นไรก็ได้แต่พงกหัวรับแล้วเดินออกไป กีรติใช้มือซ้ายออกแรงยกฝักบัวที่เติมน้ำจนเต็มไปยังชั้นไม้ลาดเอียงตรงสวนหน้าบ้านที่มีพืชผักสวนครัวปลูกอยู่เต็มพื้นที่ มือขวาลูบไล้รอยที่เกิดจากการชนเมื่อเช้า ตอนนี้มันเริ่มปูดออกมาเป็นรอยชัดเจน เขาจำไม่ได้แล้วว่านี่เป็นแผลที่เท่าไหร่ ตั้งแต่กลับบ้านมาเหมือนเขาจะซุ่มซ่ามรายวัน จนแม่แทบจะไม่อยากให้ทำอะไรแล้ว งานบัญชีที่ว่าจะกลับมาช่วยก็โดนห้าม แม่บอกว่าเดี๋ยวก็คิดเลขถูกคิดเลขผิดจนขาดทุนกันพอดี พอถึงหน้าชั้นไม้กีรติก็เริ่มใช้ฝักบัวรดต้นมะเขือเทศสีดาในกระถางที่วางเรียงรายอยู่เต็มชั้นล่างสุด ยืนมองสายน้ำฝอยที่ไหลออกมาจากฝักบัวอย่างเหม่อลอย

เย็นวันนั้นหลังจากที่กลับมาจากห้องของตั้งต้น เขาก็ได้แต่ร้องไห้จนหลับไป ตื่นมาอีกทีก็เห็นว่ามีสายโทรเข้าจากแม่และเพื่อนสนิทอยู่หลายสาย พอข้ามวันมาได้ก็เหมือนว่าเขาเองก็พอที่จะสงบสติอารมณ์ได้พอสมควร เลยตัดสินใจโทรกลับไปหาแม่ก่อนเพราะถ้าหายไปนานๆ อาจจะทำให้ที่บ้านเป็นห่วงจนกลายเป็นเรื่องใหญ่กว่าเดิมก็ได้ ถามสารทุกข์สุกดิบกันตามปกติแม่ก็เล่าว่าตอนนี้ที่บ้านงานยุ่งมาก เพราะคนทำบัญชีที่ร้านเพิ่งมาขอลาออกจากงานกระทันหัน พอได้ยินอย่างนั้นเขาก็เลยอาสาขอกลับไปช่วยที่บ้าน ถึงจะรู้สึกแปลกใจไม่น้อยแต่แม่ก็ดีใจที่เขาจะกลับไปหา กีรติเองก็คิดว่าตัวเองตัดสินใจดีแล้ว อยู่บ้านที่กรุงเทพฯ ก็ต้องอยู่คนเดียวเป็นส่วนใหญ่ พี่จีก็ไม่ค่อยอยู่บ้านเพราะต้องไปทำงานตลอด พี่จีของเขาเป็นแอร์ฮอสเตส ทำงานไม่เป็นเวล่ำเวลา ถึงจะเรียกว่าอยู่ด้วยกันแต่แทบจะไม่เจอหน้ากันเลยด้วยซ้ำ ได้กลับบ้านที่ระยองแบบนี้อย่างน้อยก็จะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว

‘นี่แค่เดือนเดียวเองนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเบื่อได้ขนาดนี้’

ถ้อยคำบาดใจจากคนใจร้ายยังคงก้องอยู่ในหัว เมื่อมันผ่านเข้ามาก็พาลทำให้หัวใจบีบรัดแน่น น้ำตาเอ่อล้นเต็มสองตากลม ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นความจริง เพราะตลอดเวลาที่คบกัน เรื่องระหว่างเรามันดีเกินไปจนหาเหตุผลอะไรไม่ได้เลยที่จะมาใช้อ้างให้อีกคนมาทำร้ายกันแบบนี้

“เขาก็แค่ไม่รักมึงไอ้กี...เรื่องมันก็มีแค่นั้น” กีรติพึมพำเตือนตัวเอง ไม่เห็นจำเป็นต้องหาคำอธิบาย เหตุผลมันก็ง่ายๆ แค่นั้น

“ต้นไม้แม่จะตายหมดแล้ว” เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยออกมาให้กีรติหันไปดู เห็นแม่เขายืนขำส่งสายตาไปที่มือของเขา กีรติหันตามก็เห็นว่ากระถางต้นมะเขือเทศสีดาเอ่อล้นไปด้วยน้ำแถมล้นออกมาข้างนอกชื้นแฉะเต็มพื้น เมื่อเห็นดังนั้นเขารีบยกฝักบัวออก แต่มันสายไปแล้วจริงๆ น้ำที่เคยเต็มล้นฝักบัวตอนนี้ไม่มีเหลือสักหยด กีรติกัดฟันยิ้มเจื่อนให้มารดา ทำตาหวานออดอ้อนเป็นเชิงขอโทษ

“ไหวไหมเนี่ยเรา มา..เดี๋ยวแม่ทำต่อเอง” ธิดาไม่นึกโกรธ หยิบฝักบัวออกจากมือลูกชายแล้วเดินไปเปิดน้ำ เธออมยิ้ม เห็นคนเป็นลูกที่ปกติไม่ชอบช่วยงานบ้านมาขอช่วยก็ไม่อยากให้เสียกำลังใจ แต่แค่บอกให้รดน้ำต้นไม้ เจ้าตัวก็แทบจะทำผักทั้งสวนของเขาตายอยู่แล้ว

“แม่ น้องทำต่อได้นะ” คนเป็นลูกรบเร้าอยากทำต่อ เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็ไม่อยากขัดใจ ยื่นฝักบัวให้ถิือก่อนที่จะเป็นคนหมุนก๊อกเปิดน้ำ ตาก็ลอบมองลูกรักที่ตั้งแต่กลับมาก็ไม่ร่าเริงเหมือนเคย

“น้องกีมีอะไรอยากเล่าให้แม่ฟังไหม” ธิดาเลือกที่จะถามตรงๆ เพราะขนาดอยู่ด้วยกันแบบนี้เจ้าตัวยังเหม่อลอยไปอีกแล้ว พอได้ยินคำถามก็พยายามปรับสีหน้ากลับมาให้เป็นปกติที่สุด แต่มีหรือที่คนเป็นแม่อย่างเขาจะมองไม่เห็น

“เรื่องอะไรครับ แม่หมายความว่าอะไร” ลูกคนเล็กยังทำไขสือ

“แม่ว่าหนูเหมือนมีอะไรในใจนะ มีอะไรก็เล่าให้แม่ฟังได้นะ” คนเป็นแม่พูดขณะหมุนปิดก๊อกน้ำ กีรติจ้องหน้าคนตรงหน้า ลอบกลืนน้ำลายที่ฝืดคอ น้ำตาที่เคยเหือดแห้งย้อนกลับมาคลอเต็มเบ้าตาอีกครั้ง ที่จริงเขาอยากเล่า อยากระบายให้ใครสักคนฟัง แต่กับมารดาแล้ว เขาไม่แน่ใจว่าจะเริ่มพูดยังไงเหมือนกัน

“แม่..คือน้อง..”

“ถ้ายังไม่พร้อมจะเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็หาคนที่ลูกน่าจะอยากเล่าให้ฟังมาให้แล้ว” ธิดาหันมาสบตา ส่งยิ้มใจดีที่เขาแสนคุ้นเคยมาให้ กีรติขมวดคิ้วชนกันคิดตามว่าแม่พยายามใบ้ถึงใครกันแน่ ไม่ทันจะได้เอ่ยถามก็มีเสียงรถยนต์บีบแตรดังมาจากหน้าบ้าน

“อ่ะ มากันแล้ว” หญิงวัยกลางคนหันไปมองตามเสียง เมื่อชะแหงนมองก็เห็นว่าเป็นรถของคนที่รออยู่ กีรติวางฝักบัวในมือก่อนที่จะเดินตามแม่ไปหน้าบ้าน ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นเพื่อนสนิททั้งสามเปิดประตูรถออกมายกมือไหว้แม่เขาพัลวัน

“พวกมึงมาได้ไงว่ะ” กีรติเผลอพึมพำออกไปอย่างไม่ตั้งตัว ก็คุยกันในกลุ่มแชทตลอด พวกมันไม่เห็นมีใครบอกเขาสักคนว่าจะมา

“โห ไอ้กีพวกกูขับรถมาตั้งไกล นี่หรือคือคำทักทาย” ไอ้ธันบ่นโอดครวญ

“ไปๆ เข้าไปในบ้านก่อน กินข้าวเช้าด้วยกันนะจ๊ะเด็กๆ แล้วค่อยไปกัน” คนเป็นแม่เดินนำเพื่อนลูกๆ เข้าบ้าน

“พวกมึงจะไปไหนกันว่ะ” คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเอ่ยถามอย่างงงๆ

“พวกกูก็มาลักพาตัวมึงไปเที่ยวกับพวกกูไง” แนทเสริมต่อ “กูจองห้องพักที่เสม็ดไว้แล้ว” ว่าแล้วเจ้าตัวก็วิ่งตามแม่เพื่อนและธันเข้าบ้านไปยังโต๊ะกินข้าว เหลือทิ้งไว้แค่เขากับอินที่เดินตามหลังมาไม่พูดไม่จา อินทัชเอามือมาวางพาดบนไหล่ก่อนจะดึงตัวเขาเข้าไปแนบชิด

“ไงมึง” อินทัชเอ่ยถาม

“ไม่ไงว่ะ ก็นอนเปื่อยอยู่บ้าน ดีใจนะที่พวกมึงมากัน” กีรติพยายามทำสีหน้าให้ปกติที่สุด เพื่อนอุตส่าห์มาเที่ยวทั้งที เขายังไม่อยากทำลายบรรยากาศ

“ไอ้กี..มึงมีอะไรหรือเปล่า” อินทัชเข้าเรื่องตรงๆ ก็ที่มาหามันก็ด้วยเหตุผลนี้ แม่ของมันโทรมาถามเขาที่เป็นเพื่อนสนิทเพราะกีดูไม่ร่าเริงเหม่อลอยเหมือนมีเรื่องในใจอยู่ตลอดเวลา ปกติกีมันเป็นคนตรงไปตรงมา ดีใจก็บอก เสียใจก็ไม่เคยเก็บไว้ แต่ดูจากอาการฝืนทำเป็นปกติแบบนี้ แสดงว่าเรื่องที่อยู่ในใจต้องใหญ่พอสมควร

“ตั้งแต่วันนั้น” อินทัชว่าต่อ “วันที่ทำเค้ก” อินทัชสังเกตได้ถึงร่างที่เริ่มแข็งทื่อของเพื่อนรักในทุกขณะที่เขาเอ่ยคำ ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าเป็นเรื่องของใคร “มีปัญหาอะไรกับต้นหรอว่ะ” ไม่รู้ว่าเพราะน้ำเสียงที่เอ่ยอย่างห่วงใยหรือความอบอุ่นที่พาดผ่านไหล่เล็ก น้ำตาของเขากลับมาเอ่อล้นอีกครั้ง ทั้งสองสบตาจ้องกัน ถ้าเขาพูดอะไรออกไปตอนนี้คงไม่สามารถห้ามน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาได้แน่

“เออๆ เอาไว้คุยกันก็ได้” เพื่อนรักที่เข้าใจกันดีที่สุดเอ่ยบอก ยกมือขึ้นมาขยี้กลุ่มผมนุ่มอย่างเอ็นดู ทั้งคู่เดินเข้าบ้านนั่งกินมื้อเช้าด้วยกันพร้อมพ่อและแม่เขา ธันที่เป็นคนพูดเก่งอยู่แล้วชวนคุยเรื่องต่างๆ นานา จนกว่าจะกินข้าวเสร็จบางคนก็หัวเราะจนท้องขดท้องแข็ง บางคนก็แทบสำลักข้าวเพราะกลั้นขำไม่ทัน

เมื่อกินข้าวเสร็จกีรติก็ขึ้นไปเก็บกระเป๋าบนห้อง ก่อนที่ทุกคนจะบอกลาพ่อแม่เขาและเดินทางออกจากตัวเมืองระยองเพื่อไปท่าเรือที่ไปยังเกาะเสม็ด เมื่อไปถึงก็ต่อรถสองแถวไปยังที่พักที่จองไว้ ที่ที่เพื่อนเลือกเป็นบ้านหลังเล็กบรรยากาศดีที่อยู่ติดชายหาด มีห้องนอนที่เป็นเตียงคู่อยู่สองห้อง แต่ละห้องมีห้องน้ำในตัว มีส่วนกลางที่มีห้องครัวเล็กๆ ในตัว พวกเขาไม่คิดจะทำอะไรกินกันเองอยู่แล้วจึงไม่เป็นปัญหา ขอแค่มีที่ชงกาแฟกินตอนเช้าให้ก็เพียงพอสำหรับเขาทั้งสี่แล้ว

เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเรียบร้อยทั้งสี่ก็เดินไปร้านอาหารภายในรีสอร์ท ตอนที่เข้ามาเชคอินก็สั่งอาหารไว้ล่วงหน้าแล้ว พอมาถึงอาหารที่สั่งไว้มากมายก็มาเสริ์ฟพอดี ทั้งสี่แทบไม่พูดคุยนั่งกินอาหารทะเลสดอย่างเอร็ดอร่อย ทำเหมือนหิวโซทั้งๆ ที่เพิ่งกินอาหารจนแน่นพุงมาเมื่อเช้า เมื่อกินเสร็จก็เช่ารถให้เขาพาไปเที่ยวชมรอบเกาะ ลัดเลาะถ่ายรูปกันจนทั่วก็ตัดสินใจกลับมาที่ห้องเพื่อเปลี่ยนชุดลงเล่นน้ำทะเล สนุกสนานกันจนแสงอาทิตย์เริ่มอ่อนลง ในที่สุดก็ยอมตัดใจพากันกลับมาอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวไปกินอาหารเย็นที่อยู่ติดริมชายหาดของที่พัก

กีรติกับอินทัชที่อาบน้ำเสร็จก่อนเดินมาถึงชายหาดเป็นกลุ่มแรก ตอนนี้ท้องทะเลมืดสนิทมีเพียงแสงไฟสีส้มจากหลอดนีออนเล็กๆ ประดับประดาอยู่บนต้นไม้ให้แสงสว่างนำทาง ด้วยความที่วันนี้เป็นวันธรรมดา ชายหาดแห่งนี้จึงเหมือนกลายเป็นหาดส่วนตัว ไม่มีแขกโต๊ะอื่นเลยสักโต๊ะ ที่นั่งที่นี่เป็นเพียงโต๊ะญี่ปุ่น ด้านใต้เป็นเสื่อจันทบูรมีเบาะรองนั่งสีขุ่นสี่อันรอบด้าน บนโต๊ะมีเทียนกลมอยู่ 2 อันที่ให้ทั้งความสว่างและเสริมบรรยากาศให้ยิ่งผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งสองนั่งขัดสมาธิลงตรงเบาะนั่ง ใช้แขนสองข้างยันพื้นเอนตัวไปด้านหลัง หลับตาลงรับสัมผัสจากไอทะเลที่มาปะทะหน้า กีรติลืมตาขึ้น วันนี้ทั้งวันเขามัวแต่สนุกเฮฮากับเพื่อนจึงไม่มีเวลาให้คิดถึงใครอีกคน แต่พอได้มาอยู่ในที่ที่เงียบสงบแบบนี้ ความรู้สึกหนักอึ้งที่เคยมีก็กลับมาอีกครั้ง

“กูเลิกกับตั้งต้นแล้ว” เอ่ยขึ้นทั้งที่ตายังจ้องผืนทะเลตรงหน้า อินทัชลืมตาขึ้นมองอย่างตกใจ เขารู้ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสองแต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงกับเลิกกัน เขาหันทั้งตัวมาหาเพื่อนสนิท พอดีกับเพื่อนอีกสองคนเดินมาถึง พออีกฝ่ายเห็นสีหน้าของอินทัชก็รีบนั่งลง ทั้งสามจดจ่ออยู่กับคนที่น้ำตาคลอไหวเม้มปากแน่น

“กูเลิกกับต้นแล้ว” กีรติพูดซ้ำ คราวนี้ไม่ใช่บอกเพื่อนตรงหน้า เขาแค่อยากพูดทวนให้ตัวเองได้ยินชัดเจนอีกครั้ง น้าตาที่เอ่อล้นค่อยๆ ร่วงไหลลงอยากไม่อาจเก็บกลั้น

“เห้ยมึง ทะเลาะอะไรกัน คุยกันดีๆ ก่อนไหม” ธันรีบเอื้อมมือมาแตะไหล่ เขาทำได้เพียงสั่นหน้าเป็นการปฎิเสธ เอ่ยปากเล่าสิ่งที่เก็บกั้นอยู่ภายใน

“กูทำเค้ก..อึก” เมื่อเอ่ยปากพูดก็เหมือนจะไม่มีแรงไปกลั้นน้ำตาอีกต่อไป

“ใช่ มึงทำเค้กไปให้มัน แล้วไง มันทำอะไรมึง” อินทัชที่เริ่มใจไม่ดีเพราะเพื่อนที่ร้องไห้ไม่หยุดถามคาดคั้น

“เค้กที่กูทำ..วันนั้น..ฉลองครบหนึ่งเดือนที่คบกัน” กีรติเล่าทั้งน้ำตา ภาพเหตุการณ์ที่ได้เห็นย้อนกลับมาเป็นฉากๆ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นวันนั้นย้อนกลับมาจนต้องยกมือกุมหน้าอกข้างซ้ายแน่น

“กูเห็นมันนอนกับคนอื่น” เมื่อสิ้นคำกีรติก็ร้องไห้หนักจนพูดอะไรไม่ได้อีก เพื่อนทั้งสามได้แต่มองหน้ากันไปมา ใช้มือลูบไหล่ ลูบหลังคนที่สะอื้นหนักอย่างทำอะไรไม่ถูก ถ้าจะถามว่าพวกเขาแปลกใจหรือเปล่าที่ได้ยินว่าแฟนเพื่อนทำแบบนี้ก็ต้องบอกเลยว่าไม่ เพราะใครๆ ต่างก็รู้สรรพคุณของเดือนคณะคนดังคนนี้ทั่วกัน แต่สิ่งที่พวกเขาแปลกใจคือการที่เห็นเพื่อนสนิทร้องห่มร้องไห้มากมายขนาดนี้ พวกเขาไม่รู้มาก่อนเลยว่ามันรักและจริงจังกับความสัมพันธ์นี้มากขนาดนี้แล้ว ที่ผ่านมามันไม่เคยแสดงออกให้เห็นสักนิด

ธันทำหน้าที่ปลอบใจคนที่ร้องไห้ไม่หยุดในขณะที่แนทเดินไปสั่งอาหารและเครื่องดื่มมาให้ อินทัชขอแยกตัวออกมานั่งอยู่ตรงชิงช้าริมชายหาด กดโทรออกหาคนที่โทรมาหาเขาหลายสายแล้ววันนี้

[ครับอิน ถึงเสม็ดแล้วใช่ไหม] รอไม่นานเสียงปลายสายก็ดังขึ้น รู้ว่าทำตัวเป็นเด็กแต่เมื่อได้ยินเสียงคนรักก็พาลให้คิดถึงอีกคนที่ทำให้เพื่อนช้ำใจ

“อืม มาตั้งแต่เช้าแล้ว ดินทำอะไรอยู่” อย่างไม่ตั้งใจน้ำเสียงที่ส่งไปยังคงเย็นชา ความโมโหครุกรุ่นในอก อยากรู้เหลือเกินว่าอีกฝ่ายมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ไหม

[ดิน..เอ่อ..ดินอยู่กับต้น] บดินทร์ตอบกลับมาอย่างกระอักกระอัก อินทัชเม้มปากแน่นรู้สึกผิดหวังในตัวอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

“ดินรู้มาตลอดเลยใช่ไหม ดินทำอย่างนี้ได้ยังไง ไหนเราเคยคุยกันแล้ว กีเป็นเพื่อนสนิทของอินนะ” เพราะความร้อนในหัวและจิตใจที่ร้อนรุ่มทำให้เขาไม่สามารถห้ามปากตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว

[อิน..อิน ใจเย็นๆ ก่อนนะ ดินก็เพิ่งรู้เรื่องเหมือนกัน]

“ไม่ต้องมาโกหก” เขาเริ่มน้ำตาคลอเบ้า ถึงจะทำตัวเข้มแข็งมาทั้งวันต่อหน้าเพื่อน แต่จริงๆ แล้วเขาสงสารมันจับใจจนจะร้องไห้ตามหลายรอบแล้ว

[ไม่ได้โกหกครับ อินใจเย็นก่อนนะ]

“...”

[คุยกับดินก่อนเร็ว]

“...”

[อินครับ]

“ต่อไปนี้จะไว้ใจดินได้ไหม”

[เอ้า! แล้วมันมาเกี่ยวกับดินได้ไง] บดินทร์ว่ากลั้วหัวเราะ

“ก็เพื่อนกันก็ต้องนิสัยแบบเดียวกันนั่นแหละ”

[ใช่ที่ไหนเล่า..]

“ที่จะย้ายไปอยู่ด้วยกัน ต้องคิดใหม่อีกรอบแล้วมั้ง” อินทัชชะงัก ยกมือตบปากตัวเองทันที เขาเผลอพลั้งออกไปด้วยความคะนองปากแท้ๆ รู้ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับดินสักหน่อย

[...]

“เอ่อ..ดิน”

[ก็ถ้าอินยังไม่แน่ใจ จะลองคิดดูอีกทีก็ได้ครับ..] เสียงที่เอ่ยออกมาเย็นชาจนอินเสียวสันหลังวาบ

“ไม่คิดๆ ๆ อินขอโทษนะ” อินรีบตอบกลับ

[...]

“ขอโทษทีนะ พอเห็นกีมันเป็นแบบนี้ อินเลยพาลไปหน่อย”

[...]

“ขออินไปอยู่ด้วยคนนะ”

[เฮ้อ..] คนปลายสายถอนหายใจ

[ดินก็ไม่ได้อยากให้เรืื่องมันเป็นแบบนี้ แต่เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเราสองคน อย่าพูดแบบนี้อีกอินก็รู้ว่าดินมีอินแค่คนเดียว]

“...”

[รู้ใช่ไหม?]

“รู้..อินก็มีแค่ดินคนเดียว” อินทัชยิ้มให้กับโทรศัพท์ ความรู้สึกหนักอึ้งที่ได้รับรู้เรื่องของเพื่อนรักเริ่มเบาลง มันก็เหมือนกับทุกครั้งที่คนคนนี้ทำให้เขาสบายใจขึ้นเสมอเวลาที่ได้คุยกัน

[แล้ว..แล้วกีเป็นยังไงบ้าง] บดินทร์เอ่ยถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล

“ก็ร้องไห้หนัก อินก็ถามอะไรมันมากไม่ได้ พอเริ่มจะพูดทีไรน้ำตาก็จะไหลตลอด”

[...]

“แต่ไปบอกเพื่อนดินเลยนะ เสียใจด้วยที่มันยังไม่ตายง่ายๆ” อินอดไม่ได้ที่จะกระแนะกระแหน่

[อิน..ไม่พูดอย่างนี้นะครับ]

“ไม่ต้องมาแก้ตัวแทนกันเลยนะ นี่อินเห็นว่าเป็นเพื่อนดินก็เลยไม่อยากจะว่าอะไร แต่ขอร้องเลยนะ อยู่ห่างๆ ไว้เลย ถ้ามันกล้ามาทำอะไรเพื่อนอินอีกคืออินไม่ปล่อยไว้แน่” อินทัชพูดรัวเร็ว เขาคิดตามที่พูดจริงๆ ถ้าคนใจร้ายยังกล้าโผล่หน้ามาให้เห็นอีกเขาจะต่อยให้หน้าหงายไปเลย ถึงอีกคนจะตัวโตกว่ามาก แต่ดินคงไม่ปล่อยให้เพื่อนตัวเองต่อยเขากลับหรอก

พูดคุยกันอีกหน่อยก็บอกลากัน อินทัชเดินกลับไปที่โต๊ะ ตอนนี้ทั้งโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารที่ทำเสร็จใหม่และเบียร์หลายขวดวางเรียงราย เขานั่งลงมองหน้าธันกับแนท ทั้งสองส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เพื่อนสนิทของเขายังคงกอดเข่าแน่น งอตัวซบคางลงบนนั้น ตากลมโตมองตรงไปยังทะเลสีดำอย่างเหม่อลอย กีรติยังน้ำตาไหลร่วงไม่หยุด แค่เห็นภาพทะเลที่เงียบสงบเหมือนวันนั้น วันที่ความกังวลต่างๆ ไม่สามารถชนะความรู้สึกก้นบึ้งในหัวใจ วันที่เขายอมตกลงรับใครบางคนเข้ามาในชีวิต

“บางทีกูคงคิดว่ากูเป็นนางเอกละคร” ในที่สุดคนที่เอาแต่ร้องไห้ก็ยอมเปิดปาก ทั้งสามคนนิ่งฟังอย่างตั้งใจ

“อย่างละครเกาหลีที่กูชอบดู พระเอกที่บ้านรวยหน้าตาหล่อเหลาแต่เสือกนิสัยเสีย คบกับคนนั้นคนนี้ไม่ซ้ำหน้า แต่พอมาเจอนางเอกหน้าตาบ้านๆ ฐานะยากจน ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ อยู่ๆ แม่งก็เลิกยุ่งกับคนทุกคน แล้วก็มาจริงจังกับคนธรรมดาซะงั้น”

กีรติซบแก้มลงบนเข่าอย่างเหนื่อยล้า ปวดตาจนไม่อยากจะร้องไห้อีกต่อไปแล้ว แต่น้ำตาเจ้ากรรมก็ยังไหลต่อเนื่องไม่หยุด สบตากับเพื่อนแต่ละคนที่จ้องเขามาด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจ

“มึง..มันเป็นเพราะอะไรวะ เพราะชีวิตมันไม่ใช่ละคร.. หรือเพราะแค่จริงๆ แล้วนางเอกมันไม่ใช่กูหรอมึง”

“กี...” แนททนไม่ได้ เข้าไปโอบเอวเอาหน้าซุกแผ่นหลังเล็กของเพื่อนรัก เพื่อนอีกสองคนเอื้อมมือมาแต่ไหล่คนละข้าง บีบแน่นให้มันแน่ใจว่าพวกเขายังอยู่ตรงนี้

“กูโง่เองมึง..อึก..กูโง่เอง” กีรติพึมพำออกมา

“วันนี้กูขอนะ..อึก” เขาเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องเพราะแรงสะอื้น “ขอกูร้องให้พอใจแล้วกูจะลืมเรื่องทั้งหมด อึก กูจะลืมมัน”

“พวกกูอยู่ตรงนี้ ร้องออกมาให้พอเลยมึง” เมื่อได้ยินธันว่าอย่างนั้น กีรติก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาจกลั้นไว้อีกครั้ง

“พอ..อึก..แล้ว...อึก..มึง กูพอแล้ว”

กับความรักงี่เง่าแบบนี้เขาพอแล้ว เขาขอร้องไห้ให้กับมันเป็นวันสุดท้าย เขาก็เพียงแค่หวังว่าเมื่อน้ำตาที่รินไหลเหือดหายไป คนใจร้ายที่เคยอยู่เต็มหัวใจจะโดนลบออกไปจากชีวิตเขาสักที...





***********

น้องกีมาแล้ววว ตอนนี้ร้องทั้งตอนเลยหนู สงสารหนักมากกก แอบมีอินดินมาหวานโชว์นิดนึงนะ อิอิ

สำหรับตอนนี้เป็นการเกริ่นเรื่องตอนสุดท้าย ตอนหน้าเข้าเนื้อเรื่องแล้วนะคะ น้องกีจะแสบแค่ไหนมารอลุ้นกัน!

เช่นเคย ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นที่ส่งมา คุณคือแรงใจมหาศาลของเราจริงๆ ค่ะ :)

*พูดคุย ให้กำลังใจน้องกีหรือด่าตั้งต้นได้ตลอดเลยในทวิตเตอร์จ้า @Maywrite1 #ต้นคนรักไม่เป็น




หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 2:. 29/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 29-07-2019 06:42:53
ร้องซะให้พอกี เดี๋ยวพอต้นมาง้อเมื่อไหร่ก็จัดหนักไปเลย เอาให้แสบๆเลย :beat:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 2:. 29/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Peterpanmama ที่ 29-07-2019 09:23:26
ถ้าไอ้ต้นมาง้อเมื่อไหร่เอาให้หนักเลยนะน้องกี
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 2:. 29/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-07-2019 13:46:02
เกิดจากเรื่องเข้าใจผิดแล้วไม่ถามนิดเดียว ลามไปใหญ่โตเลย
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 2:. 29/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 29-07-2019 21:58:45
ไม่ต้องการ ให้มาง้อ หรือขอโทษ
เพราะความโกรธ ไม่มีเหลือ เผื่อสงสาร
มันหมดแล้ว มันจบแล้ว แต่เมื่อวาน
ไม่ต้องทัก ถ้าเดินผ่าน หน้าด้านพอ

ไม่อยากทราบ ไม่อยากรู้ คู่คนไหน
เชิญเมิงไป ทำจัญไร ใส่คนขอ
ไม่อยากได้ ไม่เอาเมิง ไม่เออ-ออ
ไปให้พ้น คนหน้าหอ อีเลวทราม

#ไม่เอานะ#ไม่สงสาร#go to hell#จะตั้งอะไรใส่ใครก็ไป
#ขอความสะใจ

+1 คุณนักเขียน
#รออ่านต่อ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 2:. 29/07/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 30-07-2019 00:00:04
ร้องไห้พอนะกี

สงสารมาก,,,
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 3:. 01/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 01-08-2019 09:37:20
.:บทเรียนที่ 3:.

บดินทร์เปิดประตูก้าวออกมาเมื่อจอดรถเก๋งสีขาวที่จอดลงที่ลานจอดรถเรียบร้อย วันนี้เขามาหาตั้งต้นที่บ้านของพ่อมัน เพราะหลังจากที่พยายามโทรหามันหลายครั้งแล้วมันไม่ยอมรับ ไปหามันที่คอนโดก็หาไม่เจอ ในที่สุดเมื่อคิดอะไรไม่ออกก็เลยโทรไปหาภูผาเพราะเดาว่ามันอาจจะไปสิงอยู่กับอีกคนแบบที่เคยทำประจำ พอคุยกับภูถึงได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้น ตัดสินใจลองขับรถมาหามันที่นี่ รู้ดีว่าต้นมันไม่ไปบ้านแม่อยู่แล้วถ้าไม่จำเป็น นอกจากคอนโดของมันแล้วคงจะมีแต่ที่นี่ที่มันพอจะยอมกลับมาอยู่บ้างในช่วงปิดเทอมแบบนี้ แล้วพอแวะคุยกับยามหน้าบ้านก็ได้ความว่ามันอยู่ที่นี่จริงๆ ตามที่คิดไว้ เขาเดินขึ้นมาบนชั้นสามของบ้านอย่างที่ทำประจำ เมื่อมาถึงห้องนอนของลูกชายคนเดียวของเจ้าของบ้านก็ต้องถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ สภาพห้องที่มีขวดวิสกี้เปล่าวางอยู่เกลื่อนกราด เจ้าของห้องนอนถือขวดเหล้าที่หมดไปครึ่งในอก นอนหลับอ้าปากไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอยู่บนพรมผืนใหญ่ในห้อง

“เมาเหมือนหมาเลยนะมึง” บดินทร์ส่ายหน้า เดินเข้าไปซ้อนแขนเพื่อนสนิทยกหิ้วปีกมันขึ้นมา จนในที่สุดเจ้าของห้องก็สะลึมสะลือตื่นขึ้นมามองหน้า เอ่ยเรียกชื่อเขาเบาๆ

“เออ กูเอง นอนดีๆ” เขาจับมันวางลงบนเตียงก่อนที่อีกคนจะเปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคงกอดผ้าห่มแน่นหลับไปอีกครั้ง ชายหนุ่มยืนมองคนขี้เมาอย่างนึกระอา แต่อีกใจนึงก็อดนึกขำไม่ได้ เพราะรู้จักกับมันมานานถึงได้รู้ว่ามันปิดกั้นตัวเองมากแค่ไหน ชอบพูดนักล่ะ ‘มีแต่คนโง่ที่รัก’ แล้วเป็นไงล่ะมึง โง่พอไหมล่ะไอ้ควาย คิดได้ไงไปเอากับคนอื่นประชดเขา สุดท้ายแล้วก็ต้องมานั่งแดกเหล้าประชดชีวิตแบบนี้

หนีนักนะมึง โดนพิษรักเข้าเต็มๆ แล้วไง

เขายังจำได้ดีตั้งแต่เรื่องพ่อแม่และเรื่องลินที่ทำให้มันเปลี่ยนจากหน้ามืิอเป็นหลังมือ หลังจากนั้นมันก็ไม่ยอมเปิดใจให้ใครอีกเลย ที่เห็นคบๆ กับคนไปทั่วก็แค่ผิวเผิน ทั้งๆ ที่คอยยุมันมานักหนา มันก็ไม่เคยเห็นมันจะคิดจริงจังกับใคร ไอ้ที่จะได้มาเห็นมันนั่งน้ำตาตกแบบนี้เขาบอกตรงๆ ว่าไม่เคยคิดไม่เคยฝันจริงๆ แต่ก็เอาเถอะ ถึงจะรู้สึกสงสารมันอยู่บ้างที่ต้องเห็นมันทรมานกับความรัก แต่จริงๆ แล้วเขาก็แอบดีใจที่อย่างน้อยมันก็ยอมก้าวออกมาจากเซฟโซน และสภาพแบบนี้ก็เป็นการยืนยันว่าหัวใจมันยังมีความรู้สึกกับเขาอยู่เหมือนกัน

บดินทร์เดินลงมาชั้นล่าง ตั้งใจจะเข้าไปในครัวบอกให้แม่บ้านเตรียมข้าวต้มให้เพื่อนสนิท เขาคาดว่ามันคงไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน เอาข้าวต้มร้อนๆ ไปรองท้องก่อนน่าจะดีที่สุด พอคุยกับแม่บ้านเรียบร้อยชายหนุ่มก็ตั้งใจจะเดินกลับไปห้องนอนเพื่อน แต่เมื่อได้ยินเสียงโทรทัศน์ดังมาจากห้องนั่งเล่นก็เลยเดินไปดู เห็นพ่อของเพื่อนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โซฟาเดี่ยว เขายกยิ้มตัดสินใจเดินเข้าไปทักทายอีกฝ่าย

“พ่อสวัสดีครับ” เขาพนมมือไหว้คนตรงหน้าอย่างเด็กมารยาทดี

“อ้าว ดิน มาเมื่อไหร่กัน นั่งก่อนสิ” พ่อเพื่อนพับหนังสือพิมพ์วางบนโต๊ะข้างตัว ถอดแว่นสายตายาวที่ใส่อยู่พับสอดเข้ากระเป๋าเสื้อ ยืดตัวขึ้นมาคุยกับเขา ยิ้มใจดีที่แสนคุ้นเคยถูกส่งมา ชายหนุ่มเดินเข้าไปนั่งตรงโซฟาเดี่ยวที่ตั้งคู่กัน คนแก่กว่าเอื้อมมือมาตบหลังมือเขาที่วางอยู่ตรงพนักโซฟาเบาๆ เป็นการทักทาย

“พ่อเป็นยังไงบ้างครับ งานหนักไหม” เขากล่าวถามอย่างสนิทสนม บ้านนี้เขาเข้าออกประจำตั้งแต่เด็กๆ รู้สึกคุ้นเคยกับทุกคนเหมือนกับบ้านตัวเองไปแล้ว

“ก็ยุ่งเหมือนเดิมนั่นแหละ เราล่ะเป็นไงบ้าง”

“ช่วงนี้ก็สบายๆ ครับ มีรับงานนอกเรื่อยๆ ทำด้วยกันกับต้นนี่ละครับ”

วุฒิศักดิ์พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะโน้มตัวเข้าหาเพื่อนลูก สายตาคมเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที

“ดิน..” พ่อเพื่อนว่าขึ้น “มีอะไรกันหรือเปล่า ตอนแรกต้นมันก็ไปช่วยพ่อทำงานดีๆ แต่จู่ๆ ทำไมมันไม่ยอมไปทำงานหลายวันแล้ว แม่บ้านบอกมันเอาแต่กินเหล้าอยู่ในห้อง” น้ำเสียงของผู้ใหญ่เต็มไปด้วยความกังวล แต่ถึงจะสนิทกันแค่ไหน ดินก็ไม่คิดจะเล่าเรื่องของเพื่อนให้อีกฝ่ายฟัง เรื่องส่วนตัวของมัน ถ้ามันอยากเล่าให้ครอบครัวมันฟังก็ให้มันเล่าเองดีกว่า

“ก็มีปัญหานิดหน่อยครับ แต่พ่อไม่ต้องห่วงนะครับผมดูมันอยู่” ถึงจะเล่าไม่ได้ แต่เขาก็อยากให้ผู้ใหญ่ที่เคารพรักสบายใจ อีกฝ่ายพยักหน้ารับ ยกมือตบไหล่เขาเบาๆ สองสามที

“พ่อฝากดินด้วยนะ” คนเป็นพ่อมองต้องมาที่บดินทร์อย่างนึกเอ็นดูเป็นที่สุด เพื่อนของลูกคนนี้เป็นมากกว่าเพื่อนธรรมดา ดินเปรียบเสมือนหนึ่งในครอบครัว บางสิ่งที่เขาทำให้ลูกชายไม่ได้ ก็มีแต่ดินนี่แหละที่คอยมาทำแทนเขา

“แล้วเรื่องของพ่อ...” พ่อเอ่ยต่อ บดินทร์สบตากับคนแก่กว่าที่นั่งไม่เป็นสุข แววตาที่เต็มไปด้วยความหวังในตัวเขาทำให้ชายหนุ่มไม่กล้าและไม่คิดปฎิเสธคำขอร้องที่อีกฝ่ายเคยว่าไว้ พยักหน้ารับรู้และเอ่ยถามออกมาอย่างใจเย็น

“เมื่อไหร่นะครับ”

“ถ้าต้นโอเค ก็กันยานี้” บดินทร์ยิ้มรับ คำนวณในใจเขายังมีเวลาอีกสี่เดือนที่จะบอกมัน

“โอเคครับ ผมคุยกับต้นเอง พ่อไม่ต้องกังวลนะครับ”

.

.

.

.

.

เมื่อเดินขึ้นมาถึงหน้าห้องนอน บดินทร์สวนทางกับแม่บ้านที่เพิ่งจะเดินออกมาพร้อมถาดอาหาร พอเข้าห้องไปก็เห็นเพื่อนของเขาตื่นมานั่งปลายเตียง มือกุมนวดขมับสองข้างอย่างคนเมาค้าง น้ำส้มที่แม่บ้านยกมาให้ถูกดื่มไปจนเหลือแต่แก้วเปล่าวางไว้

“ไงมึง” บดินทร์เอ่ยทัก นั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือที่มีเพียงแลปทอปวางอยู่

“ปวดหัว” อีกคนตอบกลับมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหงุดหงิด

“กินซะมึง ข้าวต้มมึงจะเย็นหมด”

“กูไม่หิว”

“ไม่หิวก็ต้องกิน” บดินทร์ลุกเลื่อนโต๊ะที่วางชามข้าวต้มมาให้มันถึงตรงหน้า ตักข้าวต้มขึ้นมาจ่อปากมัน

“หรือน้องต้นจะให้พี่ดินป้อน” บดินทร์พูดกลั้วหัวเราะ

“เชี่ย กูกินเองได้” ตั้งต้นพูดอย่างหงุดหงิด รับช้อนไปก่อนที่จะเอาข้าวต้มใส่ปาก ความร้อนของอาหารที่ตกถึงท้อง ทำให้สมองเขาผ่อนคลายขึ้นมาทันที ในที่สุดเมื่อร่างกายรับรู้ว่าต้องการอาหารเพิ่ม เขาก็เลยนั่งกินอาหารตรงหน้าจนหมดอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจคำแซวของเพื่อนที่บอกให้ระวังข้าวต้มติดคอ พอดื่มน้ำหมดแก้วก็เอนหลังพิงหัวเตียง ชายหนุ่มหลับตาลง เมื่อหนังท้องตึงก็เหมือนหนังตาจะเริ่มหย่อน เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองตั้งใจเข้านอนแบบคนทั่วไปครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ความง่วงที่สะสมมานานเหมือนมันจะถาโถมเข้ามาจนไม่อยากเปิดตาขึ้นมาอีกเลย

“มึงจะหลับหนีกูแบบนี้ไม่ได้” บดินทร์ทิ้งตัวนั่งลงข้างเพื่อนสนิท มันลืมตาขึ้นมามองเขา หน้าตาอิดโรยของมันทำให้เขาไม่กล้าดุมันแรงๆ

“มึงรู้เรื่องจากไอ้ภูแล้วนี่” คนพูดยกมือนวดขมับอีกครั้ง เอ่ยกลับมาอย่างสบายๆ ตั้งท่าเอนตัวลงนอนราบกับที่นอน บดินทร์รีบจับตัวมันพลิกกลับมาประจันหน้ากัน

“แต่กูอยากฟังจากมึงไอ้เชี่ย” เมื่อเพื่อนสนิทไม่ยอมปล่อยให้นอน ตั้งต้นก็ทำได้ถอนหายใจหนัก หลายวันที่เรื่องของอีกคนวนเวียนอยู่ในหัว เขาทำได้เพียงกินเหล้าเพื่อที่จะได้ต้องกลับไปคิดถึงมันอีก การที่ต้องมารื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากทำ แต่ไอ้ดินก็คือไอ้ดิน มันไม่ยอมปล่อยเขาแน่ถ้ามันยังไม่ได้เค้นเรื่องจริงจนหยดสุดท้ายออกจากปากเขา ชายหนุ่มยันตัวขึ้นเอนหลังพิงหัวเตียงอีกครั้ง

“มึงอยากรู้อะไรล่ะ สัั้นๆ นะ”

“ดูจากจำนวนขวดเหล้า กูว่่าไม่น่าจะสั้นๆ ได้นะ” ตั้งต้นเสตามองตามนิ้วที่ชี้ขวดเหล้าบนพื้น

“...”

“กูจะไม่ถามซ้ำ ไอ้ภูมันเล่ากูหมดแล้ว” ดินว่า “แต่กูอยากรู้ว่ามึงทำแบบนี้ทำไม” คนฟังนิ่งอยู่สักพัก เริ่มย้อนคิดถึงเรื่องที่พยายามหลีกเลี่ยงมาอยู่หลายวัน ใคร่ครวญหาจุดประสงค์ที่แท้จริงของสิ่งที่ทำลงไป เมื่อคิดว่าได้คำตอบที่แท้จริงก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา โดยไม่รู้สึกกลัวสักนิดเพราะรู้ดีว่าเพื่อนรักคนนี้มันจะไม่ตัดสินเขาโดยไม่ฟังอะไร

“กูแค่อยากให้เขาเจ็บ...” ชายหนุ่มพึมพำออกมา

“ตอนนั้นกูคิดว่าเขานอกใจกู กูแค่อยากให้เขารับรู้รสชาติการโดนทรยศบ้าง..กูคิดแค่นี้” บดินทร์นิ่งฟังเพื่อน ไม่ได้คิดที่จะแสดงความคิดเห็นอะไร

“แล้วตอนนี้ยังคิดว่าเขานอกใจอยู่ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามต่อ

“กูไม่รู้”

“ถ้ามึงหมายถึงเรื่องไอ้นท กูบอกได้เลยว่าไม่มีอะไร วันนั้นมันเมา กีก็แค่ช่วยมัน”

“...”

“ไม่เชื่อ?”

“กูไม่รู้...” ต้นยังย้ำคำเดิม

“แล้วทำไมไม่ถามเขาไปตรงๆ”

“...”

“ต้น...”

“...”

“ถ้ามึงจะรักใครสักคน กฎมันมีไม่เยอะหรอกนะ มึงก็แค่ต้องซื่อสัตย์ต่อกัน”

“...”

“ถ้าคิดจะคบกัน มีอะไรก็ต้องคุยกันให้ได้ทุกเรื่อง ไม่ใช่มาคอยประชดประชัน เจ้าคิดเจ้าแค้นกันแบบนี้”

“...”

RRrrrrrrrrrr

ไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น บดินทร์กดรับสายคนที่เขาพยายามโทรหาทั้งวัน

“ครับอิน ถึงเสม็ดแล้วใช่ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยกับปลายสายก่อนที่จะเดินไปคุยที่ระเบียงห้องทิ้งให้เจ้าของห้องนั่งนิ่ง คิดตามในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดไว้ก่อนหน้า ไม่ทันได้มีเวลาทบทวนตัวเองให้ดีอีกคนก็เดินกลับเข้ามา บดินทร์กดเปิดสปีคเกอร์โฟน ถือแบไว้บนมือระหว่างเขากับตัวเอง

“แล้ว..แล้วกีเป็นยังไงบ้าง” เอ่ยถามทั้งที่สายตาจ้องมาที่เขา ตั้งต้นนิ่งจ้องโทรศัพท์ เผลอตัวกลืนน้ำไหลเหนียวฝืดคออย่างยากลำบาก

[ก็ร้องไห้หนัก อินก็ถามอะไรมันมากไม่ได้ พอเริ่มจะพูดทีไรน้ำตาก็จะไหลตลอด] บดินทร์ลอบมองเพื่อนสนิท ตาที่แดงแบบคนนอนน้อย ตัวยังคลุ้งไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ ผมเผ้ารุงรังหมดสภาพเดือนคณะที่สาวทั้งมหา’ ลัยหมายปอง

[แต่ไปบอกเพื่อนดินเลยนะ เสียใจด้วยที่มันยังไม่ตายง่ายๆ] บดินทร์ยกยิ้ม ปกติแฟนเขาไม่ใช่คนพูดจาใจร้ายแบบนี้ แต่เพื่อนเขาก็สมควรโดนแล้ว ก็งี่เง่าอยากทำตัวเองก็ต้องโดนด่าให้สำนึกซะบ้าง แต่พอหันไปเจอมันจ้องมาก็ต้องหุบยิ้มทำหน้าขรึมขึ้นมาเมื่อมันมองมาที่เขาน้ำตาคลอเบ้า

“อิน..ไม่พูดอย่างนี้นะครับ”

[ไม่ต้องมาแก้ตัวแทนกันเลยนะ นี่อินเห็นว่าเป็นเพื่อนดินก็เลยไม่อยากจะว่าอะไร แต่ขอร้องเลยนะ อยู่ห่างๆ ไว้เลย ถ้ามันกล้ามาทำอะไรเพื่อนอินอีกคืออินไม่ปล่อยไว้แน่]

คนอะไรว่ะ เวลาโมโหยังน่ารักขนาดนี้

บดินทร์กลั้นยิ้มไม่ไหวเลยปิดสปีคเกอร์โฟนแล้วเดินออกไปคุยกับอินทัชที่นอกระเบียง คนที่โดนทิ้งให้นั่งอยู่คนเดียวเอามือกุมหน้า ลูบไปมาพยายามเรียกสติให้กลับมา เจ็บจุกไปหมดทั้งอก ความรู้สึกผิดทิ่มแทงเข้ามาในใจ

เขาทำพลาดไปจริงๆ

จะเพราะไอ้ความคิดเล็กคิดน้อย หรือเพราะความกลัวไม่เข้าท่าที่ทำให้เขาทำแบบนี้ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร เขาก็เผลอทำให้อีกคนเสียใจไปแล้ว

เมื่อวางโทรศัพท์บดินทร์ก็ยิ้มเดินเข้ามานั่งข้างตัวเขาอีกครั้ง

“ไงมึง”

“...”

“ยังต้องให้กูโทรไปถามไอ้นทไหม” คนถูกถามส่ายหน้าเป็นการปฎิเสธ

“หมาไหมล่ะ” บดินทร์หัวเราะชอบใจเมื่อเพื่อนพยักหน้า

“แต่ที่กูติดใจคือ วันนั้นมึงพาริวเข้าห้องทำไม” ตั้งต้นเงยหน้ามองเพื่อนสนิทคิ้วขมวดกับคำถามที่ได้ยิน

“จริงๆ แล้ว มึงตั้งใจจะแอบมาเอากันจริงๆ หรือมึงตั้งใจอยากให้กีมาเห็นกันแน่” คนโดนถามถอนหายใจหนักก่อนที่จะถามกลับแทนคำตอบ

“แล้วมันต่างกันตรงไหน” ในเมื่อผลลัพธ์ที่ออกมามันก็มีค่าเท่ากัน เขาทำลายความไว้ใจของอีกคนไปแล้ว

“ระดับความเหี้ยมันต่างกัน” เพื่อนสนิทตอบ “ถ้าตัั้งใจแอบมาเอากันคือกูก็จะบอกว่ามึงสมควรโดนเกลียดแล้วและกูขอให้มึงอย่าไปยุ่งกับกีมันอีกเลย” เขาว่าต่อ ลอบพินิจพิจารณาเพื่อนตัวเองไปด้วย เขาไม่คิดว่าเป็นข้อนี้เพราะไม่งั้นมันคงไม่มีสภาพอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้

“แต่ถ้ามึงแค่อยากประชด มึงก็ยังเหี้ยอยู่ดี” ยิ้มจริงใจถูกส่งมา บดินทร์เอื้อมมือมาตบไหล่เพื่อนรัก “แต่ถึงจะยากแต่มันก็น่าจะพอให้อภัยได้” เพราะมันเป็นเพื่อนตายของเขา การที่ได้เห็นมันจริงจังกับความรักเป็นสัญญาณที่ดี เขาก็แค่ไม่อยากให้สิ่งที่มันตามหามาตลอดหลุดลอยไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าตัว

“กูควรทำยังไงดีว่ะ” ตั้งต้นเอ่ยถาม ก้มหน้ามองพื้น หลายวันนี้เขาอยู่แต่กับความสับสน เขาไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร ใจเคยอยากเดินเข้าไปขอโทษ อยากกลับไปหา แต่อีกใจก็บอกว่าที่เป็นแบบนี้มันก็ดีแล้ว ความรักมันยุ่งยากเกินไปสำหรับเขา

“มึงอยากทำอะไรล่ะ”

“กูไม่รู้จริงๆ มึง”

“อยากง้อเขาไหมล่ะ” ชายหนุ่มสบตากับเพื่อนสนิท

“ถ้ากูเป็นเขา กูคงไม่ให้อภัยตัวกูเองแน่” บดินทร์มองเพื่อนรักที่ว่าขึ้นอย่างสิ้นหวัง

“กูบอกมึงแล้ว ว่ามีอะไรให้คุยกันตรงๆ อย่าคิดเองเออเอง เขาไม่ใช่มึง มึงไม่มีทางรู้ว่าเขาคิดยังไงจนกว่ามึงจะถามเจ้าตัว”

“...”

“และในเมื่อมึงผิดจริง มึงก็ต้องรู้จักขอโทษ ต้องพิสูจน์ความจริงใจให้เขาเห็น”

“...” บดินทร์มองหน้าคนที่นิ่งฟังเขา พยายามพูดทุกอย่างออกมาตรงๆ แม้จะต้องทำร้ายใจกัน หน้าที่ของเพื่อนก็คือการให้คำแนะนำที่ดีและรู้จักตักเตือนกันอย่างจริงใจไม่ใช่หรอ

“แต่กูขอล่ะ ก่อนอื่นขอให้มึงคิดดีๆ ว่ามึงรู้สึกยังไงกันแน่ ต้้องการเขาจริงไหม พร้อมที่จะซื่อสัตย์กับเขาคนเดียวหรือเปล่า ถ้ามึงยังตอบตัวเองไม่ได้ กูขอล่ะ มึงอย่ากลับไปยุ่งกับเขาเลยมึง..”









.

.

.

.

.

ชายหนุ่มนั่งอยู่ในรถที่แอร์เย็นช่ำที่จอดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ตามองตรงไปยังบ้านเดี่ยวสองชั้นด้านหน้า ตรงหน้ารถของเขามีรถอีกสองสามคันจอดซ้อนอยู่ ทำให้คนในบ้านไม่น่าจะสังเกตเห็นรถคันนี้ แต่แม้จะเห็นก็คงไม่คิดอะไรเพราะมันไม่ใช่รถเขาแต่เป็นรถที่เขายืมมาจากที่บ้านอีกทีต่างหาก เขาจำไม่ได้จริงๆ ว่านั่งอยู่ตรงนี้มาไม่นานเท่าไหร่แล้ว รู้แต่ว่าจากแดดที่เคยร้อนแรงเริ่มอ่อนตัวลงจนท้องฟ้าแทบจะไม่มีแสงสีส้มเหลืออยู่ เขาขยับตัวตั้งตรงเมื่อประตูรั้วหน้าบ้านมีการเคลื่อนไหว มีผู้หญิงร่างท้วมคนหนึ่งก้าวออกมาจากประตู ดูท่าจะเป็นคนงานในบ้านที่เพิ่งจะเลิกงาน เจ้าตัวยืนรออยู่หน้าบ้านสักพักก็มีรถมอเตอร์ไซค์ขับมาจอดตรงหน้าก่อนที่เธอจะซ้อนท้ายและรถก็ถูกขับออกไป ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเขาหวังอะไรเหมือนกันที่จู่ๆ ก็ตัดสินใจขับรถจากกรุงเทพฯ มาถึงระยองแบบนี้ ใจที่สับสนมันพาเขามา เขาก็ไม่ได้คิดจะเข้าไปทักหรือแสดงตัวอะไร แค่รู้สึกว่าอยากมาเห็นอีกฝ่ายอีกครั้ง ใจจริงคืออยากรู้ว่าเมื่อเจออีกคนแล้วเขาจะมีความรู้สึกอย่างไร อย่างน้อยความสับสนในอกจะได้แน่ชัดเสียที ตั้งต้นหันเหความสนใจไปตามเสียงกระดิ่งที่ดังขึ้น เห็นรถไอศครีมกระทิสดขับผ่านมาคันหนึ่ง ไม่ทันได้ตั้งตัวประตูรั้วบ้านที่จ้องมาตลอดวันก็เปิดออกอีกครั้ง หัวใจเต้นแรงเมื่อคนที่ตั้งใจมาหาโผล่หน้าออกมา ชายหนุ่มมองตามคนที่โบกรถไอติมได้จริงจังที่สุดที่เขาเคยเห็นในชีวิต ยกยิ้มตามเมื่ออีกฝ่ายยิ้มแป้นชะโงกหน้าเข้าไปดูในถังก่อนจะตัดสินใจเลือกเครื่องเคียงไอติมเสียงดังเจื้อยแจ้ว

“โวยวายได้ทุกเรื่องเลยนะ” ตั้งต้นพึมพำออกมา สายตาคมเรียวยังคงอยู่ที่อีกคนที่ตอนนี้ถือถ้วยไอติมสองถ้วยหายเข้าไปในบ้านก่อนจะออกมาใหม่อย่างรวดเร็ว

“ของผมเอาใส่ในขนมปังนะลุง” เขาหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงที่ลอยมาตามลม “เอาลูกจากกับข้าวเหนียวด้วยครับ” ท่าทางจริงจังในทุกเรื่องที่เคยเห็นบ่อยๆ ทำให้ใจหวั่นไหว ย้อนเห็นภาพวันที่คนตรงหน้าคิ้วขมวดพูดเป็นจริงเป็นจังถึงข้อตกลงตอนที่จะเริ่มคบกัน “ใส่นมข้นเยอะๆ ด้วยนะลุง ผมชอบ” ชายหนุ่มหลุดหัวเราะพรืด เอนตัวพิงเบาะด้านหลังอย่างเหนื่อยอ่อน ตาคมยังคงจับจ้องอยู่ที่คนเดิมที่ตอนนี้ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันหน้าครบทุกซี่ โบกมือหยองแหยงให้กับคนขายไอติม

“ไอ้นิสัยไว้ใจคนง่ายแบบนี้ก็เลิกซะทีนะ”

เมื่อรถไอติมลับตาไปชายหนุ่มก็ต้องแปลกใจเมื่อสีหน้าของอีกคนเปลี่ยนไป ท่าทางที่ดูร่าเริงเมื่อครู่ก่อนหายวับไปทันตา เจ้าตัวยังยืนอยู่หน้าบ้าน สายตาจ้องมองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย ตั้งต้นถอนหายใจอย่างอ่อนใจ เขาสังเกตเห็นตาที่บวมเปล่งของอีกฝ่ายในตอนนั้น ทำให้พอจะเดาได้ว่าอีกคนผ่านการร้องไห้มาหนักแค่ไหน เป็นแบบนี้ยังจะทำให้ตัวร่าเริงให้คนอื่นสบายใจว่าไม่เป็นไรอยู่ได้

คนแบบนี้เนี่ยนะ...

มันน่าตีที่สุด...

ตัวเขานี่แหละ มันน่าโดนตีที่สุด..

กับคนที่คอยห่วงความรู้สึกคนอื่นแบบนี้

ต้องโง่แค่ไหนกันนะ...

ที่จะคิดว่าคนแบบนี้ตั้งใจมาทำร้ายกัน..





“เหม่อขนาดนี้ ลักพาตัวไปเลยดีไหม”

พูดกลั้วหัวเราะกับตัวเอง และต้องขำพรวดออกมาเมื่อร่างบางตรงหน้าโวยวายอีกครั้งเมื่อไอติมในมือละลายเปื้อนมือเต็มไปหมด เขาเฝ้ามองคนที่ลนลานเลียไอติมที่ไหลย้อยรอบขนมปังจนตอนนี้รอบปากเปื้อนไปหมดแล้ว ความอุ่นซ่านแผ่กระจายในอกอุ่น ความรู้สึกถวิลหาเกิดขึ้นในจิตใจ เขาคิดถึง.. คิดถึงคนคนนี้

เขารู้ชัดเจนแล้ว

เขาอยากกลับไป..

ไม่รู้ว่ามันจะสายไปหรือเปล่า..

ไม่รู้ว่าอีกคนจะอภัยเขาหรือไม่..

รู้แค่ว่า..

อยากให้โวยวายใส่ อยากโดนด่า อยากโดนอ้อน อยากให้มาวุ่นวายกับเขาอีกครั้ง

อยากเข้าไปกอด อยากหอมที่หน้าผาก เลื่อนไปใบหู เลื่อนลงไปถึงแก้มร้อน อยากซูดดมกลิ่นของแป้งเด็กที่อีกคนชอบใช้ อยากกดลงไปบนริมฝีปากนุ่มที่แดงเรื่อ

ที่สำคัญที่สุด..

เขาอยากได้รอยยิ้มนั้นกลับมาเป็นของตัวเองอีกครั้ง...

“หึ”

ชายหนุ่มหัวเราะเยาะตัวเอง ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน นึกถึงความผิดพลาดที่ไม่น่าอภัยของเขาแล้วรู้สึกหมดแรง ต้องทำยังไงให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้งกันนะ...เอาหัวพิงพนักอย่างอ่อนแรง





“ตอนนี้ ไม่รู้จะเกลียดต้นไปถึงไหนแล้วนะ...”

























**************

โอ่ยยย ตั้งต้นนนนนนนนน รักเขาแล้วลูก ทำตัวดีๆ เดี๋ยวคนอ่าน เอ๊ย เดี๋ยวน้องกีก็ให้อภัยน้า 55555

เรื่องเนือยๆ หรือเปล่าค่ะ อยากให้มันสมเหตุสมผลเลยเอาพี่ดินมาเทศน์ก่อนสักตอน ให้ต้นมันคิดได้ ตอนนี้คือจะเป็นตอนที่ต้นเริ่มชัดเจนกับความรู้สึก รู้ว่าอยากกลับไปหาน้องจริงๆ (สักทีนะ) แต่ไม่ให้น้องคืนง่ายๆ หรอกนะ 5555





@Maywrite1 ทวิตเตอร์ #ต้นคนรักไม่เป็น จ้า






หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 3:. 01/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-08-2019 11:05:38
เราจะเป็นกำลังใจให้นายนะตั้งต้น
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 3:. 01/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 01-08-2019 12:09:45
ต้องง้อแบบจัดหนักแล้วหล่ะต้น
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 3:. 01/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 01-08-2019 13:38:31
หนูอยากได้ ลูกโป่ง ลอยโด่งสูง
หนูอยากได้ นกยูง รำแพนหาง
หนูอยากได้ เครื่องบิน บังคับทาง
หนูอยากได้ ทุกอย่าง อ้างต้องการ

เบื่อลูกโป่ง ปล่อยทิ้ง กลิ้งที่พื้น
เจ้านกยูง ตายเมื่อคืน อดอาหาร
เครื่องบินเสีย เกียร์หลุด ตั้งนมนาน
นิสัยหนู มันหยาบกร้าน ผลาญในใจ

#รักไม่เป็น#เห็นแต่ตัวเอง#ไม่เห็นใจคนอื่น

โง่นะตั้งต้น
หุหุ
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 3:. 01/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 01-08-2019 23:32:43
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 3:. 01/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 02-08-2019 00:59:34
โง่ตั้งนานนะตั้งต้น,,,
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 3:. 01/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 02-08-2019 22:30:49
บทเรียนที่สี่อยู่หนายยยยยยยย
รอนะ
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 4:. 04/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 04-08-2019 05:07:09
.:บทเรียนที่ 4:.





“แฮ่กๆ ๆ กี.. มึง..ทิ้งกูไว้ตรงนี้” อินทัชพูดขาดๆ หายๆ สมองพล่าเบลอเพราะหายใจไม่ทัน หลังโค้งลงต่ำมาด้านหน้า สองมือกุมเข่าสองข้างแน่น ขาสั่นจนเหมือนจะยืนต่อไปไม่ไหวแล้ว พยายามหอบเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอดอย่างยากลำบาก เพื่อนสนิทหันมามองเขา มันส่ายหัวอย่างระอาก่อนจะมาดึงแขนข้างหนึ่งแล้วกระชากเบาๆ เป็นสัญญาณให้เขาวิ่งต่อไปด้วยกัน

“อิน มึงจะมาสำออยไม่ได้ นี่เพิ่งจะสองรอบเองนะ” ไอ้กีเอ่ยเร่ง เขามองหน้าเพื่อนสนิทอย่างละเหี่ยใจ ไม่รู้มันไปฟิตมาจากไหน ตั้งแต่เปิดเทอมมามันพาเขามาวิ่งที่สวนในมอทุกเช้า คนอย่างมันที่ปกติไม่เคยจะออกกำลัง แค่เดินยังเหนื่อย ไม่รู้ตอนมันกลับไปอยู่บ้านหัวมันไปฟาดกับอะไรหรือกินอะไรผิดสำแดงก็ไม่รู้ พอมาเจอกันอีกที มันกลายเป็นคนรักสุขภาพไปแล้วซะงั้น ไม่ใช่แค่ที่ตื่นนอนปุ๊ปก็ไปหาเขาที่คอนโดแต่เช้า ลากเขามาวิ่งด้วยทุกวันแบบนี้หรอกนะ แต่บางวันมันถึงขนาดทำอาหารคลีนมาเผื่อเขาหลังวิ่งเสร็จ แล้วยิ่งไปกว่านั้นคนที่เคยขึ้นชื่อว่าขี้เกียจตัวเป็นขน งานอะไรก็ไม่เคยจับเคยแตะ เดี๋ยวนี้มันขยันกว่าใคร วันก่อนที่เขาไปหามันที่บ้าน เขาแทบจะเก็บอาการตกใจไว้ไม่ไหว นอกจากบ้านมันจะสะอาดเอี่อมอ่องไปทุกซอกทุกมุมแล้ว สวนหน้าบ้านมันที่เคยมีแต่หญ้าเหลืองๆ เกรียมแดด ตอนนี้มีดอกไม้ใบหญ้ามาลงเต็มพื้นที่ไปหมด มันถึงขนาดขุดบ่อเลี้ยงปลาเล็กๆ ใส่ปลาหลากหลายพันธุ์ลงเต็มบ่อ เรียกว่าแค่ไม่เจอกันไม่กี่วัน มันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ในที่สุดพอเขาลองถามถึงเหตุผลที่มันเปลี่ยนแปลงตัวเองได้รวดเร็วขนาดนี้ ก็ต้องรู้สึกสะอึกกับคำตอบที่มันให้

‘เพราะในที่สุดแล้วคนที่รักกูจริงก็คือตัวกูเอง ดังนั้นกูต้องหัดดูแลตัวเองดีๆ’

อินทัชรู้สึกเจ็บในอกเมื่อได้ยิน รู้ดีว่ามันยากแต่ไหนกับการลุกขึ้นมาหลังจากเจอเรื่องราวแย่ๆ แบบนั้น เขารู้ดีที่สุด และไม่เคยลืมว่าคนที่ทำให้เขาผ่านวันร้ายๆ มาได้ก็คือเพื่อนอย่างมันนี่แหละ ดังนั้นพอถึงตาเขา เขาก็ตั้งปณิธานว่าจะอยู่เคียงข้างมันให้ถึงที่สุด จะไม่ยอมปล่อยให้มันต้องผ่านเรื่องนี้ไปตามลำพังแน่ๆ เพราะคิดอย่างนี้เขาถึงยอมออกมากับมันทุกเช้าแบบนี้ แม้จะเกลียดการออกกำลังกายเป็นที่สุดก็ตาม

“มึงต้องไหวไอ้อิน” มันว่าต่อ

“กูไม่ไหวแล้วจริงๆ มึงไปเถอะ” แต่เพราะเมื่อคืนนอนซะดึก พอต้องตื่นมาวิ่งแต่เช้าแบบนี้ เขาก็เหมือนจะไม่ไหวจริงๆ ตั้งใจจะทิ้งมันตรงนี้แล้วเดินไปหาซื้อน้ำกิน ขณะที่กำลังจะยันตัวขึ้นเพื่อนสนิทก็ยื่นหน้ามาที่ใบหู ยกมือขึ้นป้องปากกระซิบบอก

“ออกกำลังเยอะๆ น่ะดีแล้ว ถึงเวลาต้องใช้มึงจะได้อึดๆ พอดินทำท่าที่ร้อยจะได้มีแรงสู้”

อินทัชหูแดงเรื่อจนลามมาที่หน้า “ไอ้กีมึง เดี๋ยวจะโดน” กีรติหัวเราะร่ารีบวิ่งหนีนำเพื่อนสนิทไปก่อน อินทัชรีบวิ่งตามอีกฝ่ายไปติดๆ เป็นแบบนั้นจนวิ่งกันครบห้ารอบ จริงๆ เขาก็แค่อยากจะตามไปเตะมัน ไม่ได้อยากจะองอยากจะอึดอะไรเลยนะ

พอวิ่งเสร็จทั้งสองก็มาที่ลานกว้างที่มีเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้งอยู่หลายชนิด กีรติขึ้นไปบนเครื่องโยกที่ใช้ช่วยเรื่องกล้ามเนื้อบริเวณขาและสะโพก เขาขยับขาซ้ายและขวาไปมาหน้าหลังสลับกันเป็นจังหวะเร็วๆ แอบอมยิ้มเหลือบมองเพื่อนสนิทที่หนีไปนั่งเล่นบนชิงช้ากับเด็กน้อยคนนึงอย่างสนุกสนาน

“พี่กี หวัดดีครับ” กีรติหันหลังไปมอง ยกยิ้มเมื่อเจอชายร่างสูง ผิวสีแทนคมเข้มในชุดวอร์มสีดำที่ยืนยิ้มเห็นฟันขาวครบทุกซี่อยู่ก่อนแล้ว

“อ้าว น้องพุทธเจอกันอีกแล้ว” กีรติทักทายอย่างร่าเริง “หมีพูห์ก็ด้วย ฟิตกันจังเลยนะพวกเรา” กีรติมองไปข้างหลังเห็นคนที่มีหน้าตาอิดโรยแบบคนนอนน้อยยิ้มเจื่อนมาให้เขา อินทัชที่สังเกตเห็นจากไกลๆ อดขำไม่ได้ คนอย่างหมีพูห์มันไม่ได้อยากมาออกกำลังกายหรอก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันโดนพี่รหัสสั่งให้มาคอยเป็นไม้กันหมา มาคอยคุมเวลาเขามาวิ่งแล้วเผื่อมีคนเข้ามายุ่ง อินทัชส่ายหน้าให้กับความขี้หึงไร้สาระของแฟนตัวเอง ตื่นไม่ไหวแล้วยัังจะใช้น้องมาทำอะไรแบบนี้แทนอีก เขาโบกมือทักทายหมีพูห์กลับตอนที่อีกคนกางแขนโบกมือให้เขาไหวๆ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเขา มันก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข้อความอะไรสักอย่างในโทรศัพท์

รายงานตามเรียลไทม์เลยนะน้องหมี

“ครับ บังเอิญจัง พี่กีก็ขยันเหมือนกันนะครับ” อินทัชแอบอมยิ้ม ถ้าเดาไม่ผิดเมื่อคืนดินต้องบอกหมีพูห์ไปแล้วว่าเขาจะมาวันนี้ พุทธโธทีี่เป็นรูมเมทกับมันก็ต้องรู้เหมือนกัน บังองบังเอิญอะไรไม่มีซะล่ะ แต่ก็ช่างเถอะ ไอ้น้องพุทธก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ตอนที่รู้จักกันที่ค่ายอาสาก็ดูเป็นคนน้ำใจดีคอยช่วยเหลือคนนั้นคนนี้อยู่ตลอด ในสายตาเขาถือว่าน้องเป็นคนดีใช้ได้คนหนึ่งเลยล่ะ และที่สำคัญที่สุดน้องมันเช้าถึงเย็นถึง การกระทำทุกอย่างชัดเจนมาก ถ้ามันจะเข้ามาจีบไอ้กีจริงจังแบบนี้เขาก็อยากลองสนับสนุนดูเหมือนกัน เขาคิดแล้วก็ลุกจากชิงช้าเดินเข้าไปสมทบกับคนทั้งสาม

“อืม พักนี้อยากออกกำลังกาย จะได้กินเยอะๆ ได้ ไม่ต้องมานั่งรู้สึกผิดไง” พุทธโธยืนยิ้มมองคนที่ตอบคำถามเขาหน้าตายิ้มแย้ม แก้มที่มีเลือดฝาดแดงเรื่อจากการออกกำลังกายทำให้อีกคนดูน่ารักขึ้นเป็นสองเท่า ท่าทางจริงจังเกินเหตุเวลาเล่าเรื่องสูตรอาหารคลีนทำให้เขารู้สึกอยากจับอีกคนมาฟัดเล่นซะเหลือเกิน ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายอายุมากกว่าแท้ๆ แต่เพราะขนาดตัวที่สูงแค่อกเขา ร่างเรียวบางและผิวขาวเนียนเหมือนเด็ก มันทำให้เขารู้สึกเอ็นดูอีกคนเหลือเกิน เขารู้จักกับพี่กีตอนที่ไปค่ายอาสาที่เชียงรายเมื่อปิดเทอมที่แล้ว ตอนแรกที่ไอ้หมีชวนไปเขาก็ยังสองจิตสองใจเพราะไม่เคยไปมาก่อน แต่ก็ต้องรู้สึกขอบใจที่มันขะยั้นขะยอจนในที่สุดเขาก็รับปาก และมันก็คงเป็นโชคดีที่สุดของเขาเพราะทำให้ได้มีโอกาสรู้จักกับคนตรงหน้า

“งั้นไหนๆ วันนี้ก็ออกกำลังกายแล้ว ตอนเย็นไปหาอะไรกินกันไหมครับ” พุทธโธเอ่ยออกไปตรงๆ โดนปฎิเสธไปหลายครั้งแล้ว ต้องมีสักวันสิที่อีกฝ่ายจะตอบตกลง ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก!!

“ไม่ได้เด็ดขาดนะไอ้พุทธ” ไม่ใช่พี่กีแต่เป็นเพื่อนของเขาเองที่พูดขึ้นมา พูรินยกแขนขึ้นไขว้กันเป็นกากบาทอันใหญ่ประกอบกับคำพูดตัวเอง

“วันนี้พี่ดินชวนสายรหัสไปเลี้ยงที่ร้าน และพี่กูเขาจะขึ้นร้องวันแรกด้วย มึงจะมาเอาพี่กีไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” พูรินว่าเสียงแข็งขึ้นมาก่อนจะหันมาถามรุ่นพี่ทั้งสอง “พี่อินกับพี่กีก็จะไปด้วยกันใช่ไหมครับ” นอกจากจะต้องคอยช่วยพี่รหัสดูพี่อินแล้วเขายังต้องคอยช่วยพี่ต้นดูพี่กีอีก นี่ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าพี่ๆ รู้ว่าไอ้พุทธเพื่อนเขามาจีบพี่กีอยู่เขาจะโดนอะไรบ้าง ทางนั้นก็พี่ทางนี้ก็เพื่อน หมีพูห์เหนื่อยเหลือเกินครับแม่!

อินมองหน้าเพื่อนสนิท “ถ้ามึงไม่อยากไป ก็ไม่เป็นไรนะมึง” เขายังไม่แน่ใจว่ามันพร้อมจะไปเจออีกคนแล้วหรือเปล่า ไม่มีความจำเป็นต้องฝืนถ้ายังไม่อยากเจอ กีหันหน้ามามองเขาก่อนจะยกยิ้มบางให้

“กูไม่เป็นไรมึง กูไปได้” มันว่า “จะช้าจะเร็ว ยังไงสักวันก็ต้องเจอกันอยู่ดี” อินทัชนิ่งมองเพื่อนสนิท เมื่อมันว่าอย่างนั้นเขาเลยหันไปหาอีกคน

“พุทธอยากไปด้วยกันไหมล่ะ” พุทธโธยิ้มแก้มแทบปริ พยักหน้ารับเร็วๆ เป็นการตอบตกลง กีรติหรี่ตามองหน้าเพื่อนสนิท รู้เลยว่ามันกำลังตั้งใจจะทำอะไร แต่พอเห็นหน้าตาดีใจซะเหลือเกินของน้องพุทธเขาก็ไม่อยากว่าอะไร เลยได้แต่ยิ้มตามน้ำ

“มึงจะไปทำไมว่ะ สายรหัสมึงก็ไม่ใช่”

เมื่อได้ยินแฟนพี่รหัสว่าอย่างนั้นพูรินก็หน้าซีดขึ้นมาทันที รีบตะโกนแย้งขึ้นมา อุตส่าห์หลบเลี่ยงมาได้ตั้งนาน คืนนี้พี่ดินกับพี่ต้นต้องเชือดเขาทิ้งแน่ๆ

“แล้วพี่กูก็โครตดุมากด้วย เขาไม่ชอบให้ใครไปวุ่นวาย”

“ดินไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย แล้วถ้าจะว่าอะไร เดี๋ยวพี่คุยให้้เอง”

“พี่อิน~” พูรินร้องคราง

พี่อินนะพี่อิน หาเรื่องให้น้องจังเลยนะ!!!

พูรินพยายามใช้สายตาขู่เพื่อนสนิท ส่งสัญญาณทางสายตาให้มันเปลี่ยนใจ แต่นอกจากมันจะไม่กลัวแล้ว มันยังจ้องหน้าส่งตาหวานให้พี่กีไม่หยุด

“งั้นให้ผมไปรับพี่กีที่คณะไหมครับ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ว่าจะเข้าไปเปลี่ยนชุดที่ห้องพี่อินก่อน ยังไงเจอกันที่ร้านเลยนะ” กีรติตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม

“ไปมึง อาบน้ำกินข้าวกัน เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทันนะ” กีรติหันหน้าไปบอกเพื่อนสนิท กล่าวลารุ่นน้องทั้งสองอีกนิดหน่อยก็เดินแยกออกมา

“น้องพุทธก็น่ารักดีนะมึง” ไอ้อินยิ้มกรุ่มกริ่มมาให้เขา

“จะฟ้องดิน” เขาสวนกลับ ริอาจจะทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชัก เดี๋ยวก็ป่วนให้โดนหึงซะเลยนี่ มันรีบยกมือส่ายไปมาปฏิเสธยกใหญ่

“ไม่ใช่กูสิ กูดูก็รู้ว่าน้องเขาจีบมึง”

“มึงมั่วแล้ว”

“จ๊ะ มาดักรอทุกวันแบบนี้ไม่ใช่หร๊อก”

“บังเอิญเจอกันหรือเปล่า”

“บังเอิ๊ญญญที่ซู๊ดดด”

“เสียงเพี้ยนเชียวนะ”

“เชี่ยกี..ไม่ถามก็แล้วก็ได้” กีรติหัวเราะร่า ข้อดีที่สุดของเพื่อนคนนี้คือมันเป็นคนคิดเยอะ เวลาจะพูดจาอะไรก็คิดแล้วคิดอีก พอเห็นเขาไม่อยากพูดมันก็เลยไม่ถามหรือแซวอะไรต่อ เขาเองก็รู้อยู่เต็มอกว่าน้องมันเข้ามาหาเขายังไง แต่เพราะตอนนี้ยังไม่พร้อม เขาจึงทำได้เพียงรักษาระยะห่างให้พอเหมาะ ไม่ได้นึกรังเกียจแต่ก็ไม่อยากให้ความหวังมากเกินไป ตอนนี้ถ้ายังไม่แน่ใจว่ากำจัดอีกคนออกไปจากใจได้หมดแล้ว เขาก็ยังไม่อยากเปิดใจรับใครเข้ามา เขาขอเจ็บคนเดียวพอ ไม่อยากจะลากคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรมาเจ็บเพิ่มไปกับเขาอีก

.

.

.

.

.

.

.

.

“นี่น้องเป้นะครับพี่ๆ ส่วนนี่ก็พี่ดินลุงรหัสสุดหล่อ ร้องเพลงเพราะที่สุดในโลกหล้ากับพี่นนท์ปู่รหัสสายเปย์ผู้ใจกว้างเยี่ยงมหาสมุทร”

ปณวัชยกมือไหว้สายรหัส ตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้มาเจอกัน และตั้งแต่เข้ามหา’ ลัยมานี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสเข้ามาร้านเหล้า

“หมีพูห์ มึงยังเว่อร์เหมือนเดิมเลยนะ ตอนนี้เป็นพี่รหัสแล้ว กูจะไว้ใจให้มึงดูแลน้องได้หรือเปล่าเนี้ย” ธนนท์เอ่ยแซวรุ่นน้องจนมันหน้างอพึมพำบ่นอบอุบ แต่ถึงจะไม่พอใจยังไงก็รักจนไม่กล้าเถียงพี่ๆ อยู่ดี

“เราแอดน้องเข้าไลน์กลุ่มด้วยนะ มีอะไรปรึกษาพวกพี่ได้ตลอดไม่ต้องเกรงใจนะเป้” บดินทร์ว่าต่อ ปณวัชพยักหน้ารับ เอื้อมมือไปรับแก้วเหล้าที่พี่รหัสส่งให้ “งั้นเดี๋ยวพี่ไปเตรียมตัวก่อนนะ เพื่อนพี่เรียกแล้ว พี่นนท์เดี๋ยวพวกอินมานะ ฝากดูให้ผมด้วย”

“เออๆ กูจะดูให้แบบยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอมเลย” คนแก่สุดกล่าวแซว มันจะห่วงจะหวงอะไรหนักหนาก็ไม่รู้ บดินทร์เดินออกไปจากโต๊ะได้ไม่นานคนที่โดนกล่าวถึงก็เดินมาพร้อมกับเพื่อนสนิทเจ้าตัวกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกคน

“ไอ้พุทธมึงมาจริงๆ ด้วย” พูรินกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ มันมองหน้าเขาแล้วหัวเราะแหะๆ ก่อนจะยกมือไหว้รุ่นพี่ปีสี่ลุงรหัสของเขา นั่งลงข้างพี่กีที่มันไปยืนรอหน้าร้านอยู่เป็นนานสองนาน คนในโต๊ะกล่าวทักทายและแนะนำตัวกันไปมา จนเมื่อโชว์บนเวทีเริ่มขึ้นความสนใจทั้งหมดก็ไปอยู่ทางนั้น

“ว่าไงเป้ พี่ดินร้องเพลงเพราะอย่างที่พี่บอกหรือเปล่า” ปณวัชพยักหน้ารับ มองลุงรหัสที่ร้องเพลงอยู่บนเวทีอย่างชื่นชม เขานึกชอบบรรยากาศของร้านนี้ ครึกครื้นแต่ไม่ได้ดูวุ่นวายเกินไป เขาแอบอมยิ้ม วันหลังลองชวนภัทรมาด้วยกันดีกว่า

“แล้วมึงก็คงเห็นว่านั่นพี่ต้น” พูรินกระทุ้งศอกไปยังเพื่อนตัวเองที่มัวแต่นั่งเคลิ้มมองหน้าพี่กีอยู่ได้ มันร้องโอ๊ยออกมาเบาๆ ก่อนจะหันมามองหน้าเขาอย่างไม่สบอารมณ์ พุทธโธรู้ดีว่าพี่ต้นเป็นใคร และรู้ด้วยว่าเป็นแฟนเก่าพี่กีเพราะไอ้หมีมันคอยย้ำอยู่ตลอด แต่เขาไม่แคร์ซะอย่าง แฟนเก่าก็ส่วนแฟนเก่า ไม่มีปัญญารักษาพี่กีเอาไว้เอง เขาจะต้องสนใจทำไม

“ผมชงให้ครับ” ว่าแล้วก็เอื้อมไปหยิบแก้วมาชงเหล้าส่งให้คนข้างตัว พี่กีกล่าวขอบคุณเล็กน้อยก่อนที่จะหันหน้าไปบนเวทีอีกครั้ง เขาแอบลอบถอนหายใจ แม้จะพยายามเพิกเฉยแค่ไหน แต่พุทธโธก็ยังเห็นสายตาที่อีกฝ่ายมองคนบนเวทีได้อย่างชัดเจน

ยังลืมไม่ได้สินะ

ส่ายหัวไล่ความคิดงี่เง่าออกไป ไม่ว่าจะต้องพยายามแค่ไหน เขานี่แหละที่จะทำให้พี่กีลืมอีกคนให้ได้เอง

.

.

.

เมื่อเพลงสุดท้ายจบลง ตั้งต้นและบดินทร์ก็fist bump ใส่กันก่อนที่จะเก็บของเคลียร์พื้นที่แล้วแยกย้ายกันลงเวที

“กูไปโต๊ะก่อนนะ สายกูรออยู่ มึงเก็บของเสร็จก็ตามมานะ”

“กูไปจะดีหรอว่ะ” ตั้งต้นลังเล เขารู้จากไอ้ดินมาก่อนแล้วว่าวันนี้กีจะมาด้วย

“ยังจะลังเลอะไร ช่วงปิดเทอมคือมึงไปเฝ้าหน้าบ้านเขาเกือบทุกวันเพื่อ?”

“เผื่อเขาไม่อยากเจอกู”

“เลิกเดาไอ้ต้น เก็บของแล้วตามมานะมึง” บดินทร์ตัดบทเดินลงเวทีไปก่อน ตั้งต้นเก็บกีต้าร์ลงเคสเรียบร้อย ก่อนจะเอาไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บของ เดินเข้าไปล้างหน้าล้างมือในห้องน้ำ

“ไม่ต้องคิดแล้วไอ้ต้น” พูดกับเงาตัวเองที่สะท้อนมาจากกระจก “ถ้ามึงอยากได้เขากลับมา มึงก็ต้องพยายาม” ตบแก้มตัวเองเรียกขวัญกำลังใจก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ

พลั่ก!

“ขอโทษครับ” ตั้งต้นกล่าวเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วชนเข้ากับไหล่บางคนเข้าอย่างจัง

“อ่ะ ต้นเองหรอ” อีกฝ่ายกล่าวทัก เขาจึงหันไปมองหน้า ปรากฎว่าคือน้ำเดือนบัญชีที่เคยคุยด้วยเมื่อเทอมที่แล้ว

“อ้าว น้ำเองหรอ เจ็บหรือเปล่า ขอโทษทีนะไม่ทันได้มอง” เขาเห็นอีกฝ่ายเอามือกุมไหล่ ลูบไปมาจึงเอ่ยถาม เพราะเมื่อกี้ก็ชนกันแรงพอดู

“ไม่เป็นไรมากหรอก แต่ดีใจจังเลย ไม่ได้เจอกันตั้งแต่คราวนั้น” คนตรงหน้าพูดเสียงอ่อนเสียงหวานเน้นคำว่า ‘คราวนั้น’ อย่างมีความหมาย ก็ตั้งแต่ ‘คราวนั้น’ ที่มีอะไรกันยันเช้า เขาก็ไม่ได้ติดต่ออีกฝ่ายไปอีกเลย แต่มันก็คือความพอใจของคนทั้งคู่ ก็ตกลงกันก่อนแล้วว่าจะไม่ได้ผูกพันธ์อะไร

“อืม ต้นยุ่งๆ น่ะ” ต้นตอบกลับสั้นๆ ทั้งคู่เอี่ยวตัวหลบเมื่อมีคนเดินจะเข้าห้องน้ำ อีกฝ่ายถือโอกาสสวมกอดเขา เบียดตัวเข้ามาแนบชิดจนช่วงล่างของทั้งสองแนบติดกันสนิท

“นานแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน” คนตัวเล็กกว่าส่งเสียงออดอ้อน ช้อนตาขึ้นมาหาเขา

“เอ่อ..น้ำ..ปล่อยก่อนนะ” ตั้งต้นบอกอีกคนด้วยเสียงสุภาพ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจัดการรวบหัวรวบหางอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ในวันนี้ที่จิตใจมั่นคงกับใครบางคน ร่างกายจึงรู้สึกอึดอัดที่โดนจู่โจมแบบนี้

“หืม..ใจร้ายจัง ต้นไม่คิดถึงกันเลยหรอ” เมื่อความอดทนถึงขีดจำกัด ตั้งต้นก็จับแขนอีกฝ่ายไว้มั่น ตั้งใจจะดึงออกจากเอวตัวเอง

“ขอโทษนะ” ไม่ทันได้ทำตามใจคิด เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาให้ต้องหันไปมอง ร่างสูงตกตะลึงเมื่อเห็นคนที่ไม่คาดคิดยืนอยู่ตรงนั้น สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา

“กี...” เขาเผลอเอ่ยเรียกชื่อออกไปอย่างลืมตัว คนมาใหม่ยกมุมปากขึ้นนิดนึง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ติดเกรงใจ

“เอ่อ คือเราจะเข้าห้องน้ำน่ะ ขอทางหน่อยได้ไหม” ไวกว่าความคิด คนตัวเล็กในอ้อมอกเขาก็ดันตัวเขาไปอีกด้านเพื่อหลีกทางให้ กีสบตาเขาแปปนึงแล้วจึงหันไปพงกหัวให้อีกคนเป็นการขอบคุณ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ตั้งต้นรีบดึงแขนอีกฝ่ายออกจากตัวอย่างรวดเร็ว

“ต้นไปก่อนนะ”

“เอ่า ต้นจะไปไหน~” เสียงอีกคนประท้วง

“แล้วไม่ต้องโทรหาล่ะ ต้นมีแฟนแล้ว” เจ้าตัวว่ารัวๆ ก่อนจะเดินเร็วๆ หายเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งให้อีกคนยืนอึ้งกับคำพูดของเขาอยู่ตรงนั้น

เมื่อไปถึงในห้องน้ำก็พบว่าตรงซิ้งล้างมือ และโถรวมไม่มีใครอยู่ เมื่อสำรวจห้องส้วมที่มีอยู่สามห้องก็เห็นว่ามีเพียงห้องเดียวที่ปิดประตู ชายหนุ่มยืนรออยู่ตรงซิ้งล้างมือด้วยใจเต้นตึกตัก ไม่นานเสียงปลดกลอนประตูก็ดังขึ้น คนที่เขารอด้วยใจจดจ่อก็เดินออกมาจากห้องนั้น เมื่ออีกฝ่ายเห็นเขาก็แอบชะงัก แต่มันก็แค่แวบเดียว อีกคนปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว

“อ้าว ต้น มาทำอะไรตรงนี้” กีรติกล่าวทักด้วยรอยยิ้ม “นึกว่าจะไปถึงไหนต่อไหนแล้วซะอีก” เขาเอ่ยแซวต่อ พยายามข่มใจทำน้ำเสียงให้ดูเป็นปกติที่สุด

“เมื่อกี้กีเข้าใจผิดนะ ต้นไม่ได้จะไปกับน้ำ ก็แค่บังเอ..”

“เห้ย ต้นไม่เห็นต้องมาอธิบายให้เราฟังหรอก” ตั้งต้นไม่ทันจะพูดจนจบประโยคก็โดนแทรกขึ้นมาเสียก่อน “อย่าลืมสิ เราไม่ได้เป็นแฟนกันแล้วนะ เราไม่ไปตามโวยวายหรอกน้า” ร่างเล็กว่ากลั้วหัวเราะพร้อมกับเอื้อมมือไปกดสบู่มาล้างมือ ตั้งต้นขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาทันที

“กี คือ...ต้น..ขอโทษนะ คุยกันก่อนได้ไหม” เขาไม่รู้ว่าจะเข้าเรื่องยังไง เลยได้แต่พูดอ้ำๆ อึ้งๆ ออกไป พอถามออกไปแล้วก็เอื้อมมือไปวางบนไหล่เล็กเบาๆ อีกคนที่ล้างมือเสร็จแล้วหันหน้ามายิ้มให้เขา

“จะขอโทษทำไม ต้นไม่ผิดสักหน่อย” กีรติว่า “ยอมรับนะว่าตอนแรกก็ช๊อค แต่พอมาคิดดูดีๆ ต้นก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เราสัญญากันแค่เดือนเดียว พอหมดสัญญาแล้ว ต้นอยากจะไปคบ หรืออยากจะไปนอนกับใครมันก็ไม่เกี่ยวกับเราสักหน่อย” กีรติท่องคำพูดเหล่านี้มาแล้วเป็นร้อยๆ ครั้ง เขาคิดว่าเขาทำได้ดี แม้เสียงจะสั่นไปหน่อยก็เถอะ

“งั้นเราไปที่โต๊ะล่ะนะ หายมานานเดี๋ยวอินจะเป็นห่วง” ว่าแล้วก็ผละเดินไปที่ประตูทางออก แต่จู่ๆ ก็มีสองมือเข้ามารวบจากด้านหลัง รั้งให้เข้าไปชิดกับแผงอกกว้าง

“กี ขอร้องล่ะครับ คุยกันก่อนนะ อย่าประชดได้ไหม” ตั้งต้นเว้าวอนข้างหูอีกฝ่าย เผลอสูดดมกลิ่นที่แสนคิดถึงเข้าเต็มปอด อกอุ่นที่ว่างโหวงมีความร้อนอุ่นแทรกมาอีกครั้ง

“เราปล่าวประชดนะ เราพูดจริงๆ” อีกฝ่ายยังยืนยันด้วยเสียงใส ตั้งต้นจับไหล่อีกคนหมุนให้อีกฝ่ายหันหน้ามาประจันกัน เรียบมองใบหน้าที่ไม่ได้เห็นใกล้ๆ มานานอย่างถวิลหา อีกคนผอมลงไปเยอะ แก้มเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ริมฝีปากแดงเจ่อที่ไม่ว่าจะประกบลงไปกี่ครั้งก็ไม่เคยพอ

“กี.. ต้นผิดไปแล้ว..ต้นขอโทษ” ตั้งต้นบีบไหล่อีกฝ่ายแน่น เอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจมาตลอด

“ให้โอกาสต้นได้ไหม ฟังต้นอธิบายหน่อยเถอะ ต้นรู้ ต้นมันโง่ งี่เง่าที่สุด แต่ขอให้ต้นได้แก้ตัวได้ไหม”

“ต้นพอเถอะนะ” กีรติถอนหายใจ เอ่ยออกไปด้วยเสียงที่ราบเรียบ “ให้มันจบตอนนี้ ตอนที่ยังพอเป็นเพื่อนกันได้เถอนะ” กีรติสบตาคนตรงหน้า แม้จะอ่อนไหวกับคำพูดอีกฝ่ายไม่น้อย แต่เขาตัดสินใจแล้ว

“ไม่นะกี.. ต้นไม่ยอมนะ” ตั้งต้นยังดึงดัน “ช่วงเวลาที่มีกีอยู่ มันเป็นช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ดีที่สุดในชีวิตของต้นเลยนะ” ชายหนุ่มสารภาพหมดเปลือก ไม่มีแล้วซึ่งศักดิ์ศรีใดๆ

“อาจจะเป็นเพราะว่ามันแค่เดือนเดียวหรือเปล่ามันถึงได้ดีมาก” อีกฝ่ายกล่าวออกมาอย่างใจเย็น

“เพราะมีเวลาจำกัด เราทั้งสองถึงทุ่มเทกันเต็มที่แบบนั้น” ร่างบางว่าต่อ

“บางทีเราก็ควรจะเก็บมันไว้ ให้มันเป็นความทรงจำดีๆ ระหว่างเราสองคนดีกว่านะ” เพราะถ้าดันทุรังต่อไป ในที่สุดเราอาจจะเกลียดกันจริงๆ ก็ได้

คนตัวโตนิ่งฟัง กีรติคิดว่าเขาพูดหมดแล้ว เจ้าตัวยิ้มให้คนตรงหน้า เขาให้อภัยในสิ่งที่อีกคนทำได้แล้วจริงๆ ไม่คิดโกรธแค้นอะไร คนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะไปในทางที่ตัวเลือก ในเมื่อวันนั้นเราสองคนเลือกทางที่ต่างกันเราถึงต้องแยกจาก ต่อไปก็แค่ต่างคนต่างอยู่ ใช้ชีวิตที่ตัวเองเลือกให้ดีที่สุด

“ไม่...” กีรติเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินอีกคนพึมพำออกมา

“แต่ต้นไม่อยากให้มันจบแบบนี้” อีกคนยังดึงดัน

“ต้น..เราว่านายอย่า...”

“อย่าห้ามกันได้ไหม” เขายังพูดไม่จบร่างสูงตรงหน้าก็แทรกเข้ามาก่อน

“ไม่ได้จะให้ยกโทษหรือขอให้กลับมาคบกันตอนนี้ แต่ต้นขอพิสูจน์ตัวเองได้ไหม”

“...”

“ต้นจะแสดงให้กีเห็นเองว่าต้นเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ”

“...”

“นะ”

กีรติถอนหายใจ ตั้งต้นก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม คนที่ทำอะไรตามใจตัวเองตลอด ถึงเขาจะห้ามยังไงอีกฝ่ายก็คงไม่ฟังอยู่ดี

“ก็ตามใจ”

ก็ในเมื่อเขาพูดสิ่งที่คิดไปหมดแล้ว

ต่อจากนี้อีกฝ่ายอยากทำอะไรก็ทำ

เพราะไม่ว่าจะทำอะไร

จะพลิกดินพลิกฟ้า จะเปลี่ยนนรกเป็นสวรรค์

เขาก็ไม่คิดจะสนใจอีกต่อไปแล้ว..





*********

มาแล้วจ้าาา น้องหนักแน่นพอไหมแม่จ้า แล้วตอนนี้มีคนมาใหม่เต็มเรื่องเลย หุหุ แล้วมีใครจำน้องเป้ได้บ้างหรือเปล่า น้องเป้นี่คือพระเอกคนแรกของเค้าเองแหละ เอาน้องเขามาใส่ในสายรหัสซะงั้น 5555 เรื่องของน้องคือ เรื่องเล็กๆ / A small story เป็นงานเขียนเรื่องแรกเลยค่ะ มีคนอ่านประมาณสิบคนได้ ก๊ากก ใครว่างแบบว่างมากๆ ก็เข้าไปลองอ่านกันได้นะคะ :)

ทวิตตต #ต้นคนรักไม่เป็น @maywrite1






หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 4:. 04/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-08-2019 07:53:43
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 4:. 04/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 04-08-2019 09:12:15
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 4:. 04/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-08-2019 14:21:28
ก็ลุ้นกันไป
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 4:. 04/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kaamnutt ที่ 04-08-2019 16:03:35
กุมใจจจจ #ทีมกี นะ
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 4:. 04/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 04-08-2019 21:31:35
ไร้อะไร ไม่เท่าใจ ไร้รู้สึก
ไร้สำนึก เคยมีใจ ให้ใหลหลง
ถ้าเมื่อไหร่ ใจเอ่ยออก บอกให้ปลง
ประตูใจ มันปิดลง จงลืมเลือน

#สมน้ำหน้า#ไม่เห็นใจ#ควรสงสารเหรอ
หุหุ  :katai3:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 4:. 04/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 05-08-2019 00:36:27
พยายามเข้านะต้น,,,
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 4:. 04/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: I wait ที่ 05-08-2019 23:05:47
งื้ออออ น้องกี  :sad4:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 4:. 04/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 06-08-2019 13:39:21
ก็เข้าใจนะว่าเจอคนรอบข้างทำให้ผิดหวังมากเยอะแต่กับกีนี้คือคิดไปเองว่า"ฉันโดนทำร้ายอีกแล้ว" "ไม่มีใครรักฉันจริง"ไม่ถามไม่เข้าไปขอคำอธิบายแล้วยังประชดกีอีก มีปากก็ถามสิอย่าคิดไปเองแล้วเป็นไงทำร้ายตัวเองไม่พอยังจะทำร้ายคนที่ตัวเองรักอีก กีอย่าใจอ่อนง่ายๆนะ ดันนิสัยให้เข็ดไปเลย(รึจะให้เปลี่ยนพระเอกใหม่ดี o18)
#ทีมกี
ปล.ตามมาจากดินอิน :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 4:. 04/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 06-08-2019 14:50:06
น้ำตาจะไหลแล้ว งือ
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 5:. 08/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 08-08-2019 13:54:29
.:บทเรียนที่ 5:.





ตั้งต้นคิดว่าเขาเป็นคนอารมณ์ดี

อย่างน้อยคนรอบข้างเขาก็มักจะว่าอย่างนั้น

เข้ากับคนง่าย อัธยาศัยดี

ใครทำให้โกรธได้ถือว่าเก่ง

เขาเองก็จำไม่ได้ว่าครั้งล่าสุดที่รู้สึกหงุดหงิดแบบนี้มันนานมากแค่ไหนแล้ว

รู้แค่ว่าอยากจะดึงคอเสื้อคนตรงหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วเหวี่ยงมัดใส่เต็มแรงสักครั้ง





“พี่กีผมเติมเหล้าให้ครับ”

“พี่กีเอากับแกล้มเพิ่มอีกได้นะ”

“อ่ะ พี่กีเช็ดปากด้วยสิครับ กินเหมือนเด็กเลย”

“พี่กีออกไปเต้นกันนะครับ”

“พี่กีไหวหรือเปล่า เดี๋ยววันนี้ผมไปส่งบ้านนะครับ”

เขานั่งไขว้ห้างเอามือกอดอก สองมือกำแน่นเก็บกลั้นอารมณ์ครุกรุ่นในใจ ตาคมจ้องมองสองคนตรงหน้าที่ไม่ได้มีท่าทีจะหันมาสนใจเขาสักนิดอย่างหงุดหงิดงุ่นง่านในใจ ทั้งที่พยายามส่งสายตาอาฆาตออกไปโต้งๆ แบบนี้ทำไมถึงไม่มีใครหันมามองกันบ้างเลยนะ

“หมีพูห์มานั่งข้างพี่มา” พูรินเสียวสันหลังวาบเมื่อเพื่อนสนิทพี่รหัสตบเบาะข้างตัว เอ่ยเรียกเขาให้ไปนั่งข้างๆ ด้วยเสียงเย็นเฉียบจนหายใจหายคอไม่สะดวก คนเรียกยังไม่ได้หันมามองตอนที่เขาเดินมาหย่อนก้นลงข้างตัว สายตาที่เรียกว่าฆ่าคนได้จ้องไปที่หัวของเพื่อนสนิทเขาอย่างไอ้พุทธ งานนี้กูขอบอกเลยว่ามึงทำตัวเอง บอกแล้วว่าไม่ให้มา ไม่ให้มา มึงก็ยังรนมาหาที่ตายเอง งานนี้ถึงจะรักมึงแค่ไหนแต่ตอนนี้กูขอตัวใครตัวมันก่อนแล้วกัน

หมีพูห์บอกเลยว่าเรื่องนี้หมีพูห์ไม่ยุ่ง!

หมับ!

พูรินสะดุ้งสุดตัวเมื่อแขนหนักพาดลงมาที่บ่า มือหนาตบลงที่ไหล่ซ้ายหลายครั้งก่อนที่จะบีบมันแน่น พูรินห่อตัวจนเล็กลีบ คล้ายว่าวันนี้เขาได้แปลงร่างเป็นตะเกียบไปแล้วยังไงยังงั้น

“ไอ้นั่นมันเพื่อนมึงไม่ใช่หรอหมี” พี่ต้นพูดเสียงเย็น ปกติเวลาที่พี่แกเรียกเขาว่าหมีเขาจะเอ่ยท้วงขึ้นทุกครั้ง บอกกี่ครั้งก็ไม่รู้จักฟังกันว่าเขาชื่อหมีพูห์ หมีพูห์ เป็นเพราะไอ้พี่แทนแท้ๆ ที่พี่แม่งเที่ยวไปป่าวประกาศว่าจริงๆ เขาชื่อหมี แต่พอเข้ามหา’ ลัยก็มาตั้งเองว่าหมีพูห์ ใครๆ ถึงพากันเรียกตามพี่มัน แต่จะยังไงก็เถอะ วันนี้เขาไม่คิดจะทักท้วงอะไรทั้งสิ้น คำนวณจากแรงที่ได้รับจากการโดนบีบไหล่ วันนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าควรจะสงบปากสงบคำไว้ดีกว่า ขอแค่มีชีวิตรอดกลับไปถึงหอให้ได้จะชื่อหมีชื่อควายเขาก็ไม่สนทั้งนั้น

“ครับพี่ต้น” ถ้าทำเสียงให้เบากว่านี้ได้ พูรินคงทำไปแล้ว ไอ้เชี่ยพุทธ!!

“มันจีบกีหรอ” คำถามสั้น ชัดเจนถูกเอ่ยออกมา พูรินอึกอัก ทั้งๆ ที่อยู่ในห้องที่เย็นหนาวเฉียบแต่เหงื่อออกเต็มแผ่นหลัง เมื่อเขาไม่ตอบพี่ต้นก็หันหน้ากลับมามอง ขาข้างที่ไขว้ห้างกลับมาตั้งตรงก่อนที่จะหันทั้งตัวมาที่เขาอย่างหาเรื่อง

“มึงจะมาคาดคั้นอะไรกับน้องกู”

สวรรค์มาโปรด!!! พี่นนท์!!

พูรินรีบเกาะแขนลุงรหัสตัวเองทันที รู้สึกขอบคุณสววรค์ที่วันนี้พี่แกมาด้วยกัน เขาแอบส่งสายตาน้อยอกน้อยใจไปให้พี่ดินที่นั่งอยู่กับแฟนจนไม่เห็นว่าน้องต้องเผชิญกับอะไรอยู่ ไม่ต้องถึงขั้นเข้าช่วยอะไรกัน แค่ส่งสายตาความเห็นใจมาให้กันบ้าง หรือแค่สังเกตว่าน้องยังอยู่ตรงนี้บ้าง แค่นี้น้องก็จะปลื้มใจตายแล้ว

“ไม่พอใจใครก็ไปลงที่คนนั้น หรือคุณทำไม่ได้ครับคุณตั้งต้น” คนแก่ที่สุดในโต๊ะว่ากลั้วหัวเราะ ตั้งต้นที่โมโหหนักอยู่แล้วเมื่อได้ยินรุ่นพี่ว่าอย่างนั้นก็ยิ่งอาการหนักเข้าไปใหญ่ แต่เขาทำอะไรได้ แค่ยังได้นั่งอยู่ตรงนี้ก็ดีแต่ไหนแล้ว

“ไปหมีพูห์ มึงจะกลับพร้อมพี่ไหม” ธนนท์ดื่มเหล้าจนหมดแก้วแล้ววางลงบนโต๊ะ กล่าวชวนพูรินกลับก่อนที่จะหันไปหาน้องเล็กสุด “ไปเป้ เดี๋ยวพี่ไปส่งเราที่หอ” ปณวัชพยักหน้ารับ ยกมือไหว้พี่ๆ รอบโต๊ะก่อนที่จะลุกขึ้นตามพี่ใหญ่ พูรินรีบลุกขึ้นทันที แต่ก่อนจะได้ก้าวออกไปก็ต้องเสียวสันหลังอีกรอบเมื่อมีกระแสอำมหิตส่งมากระแทกหลัง ไม่ต้องมองก็รู้ว่าต้นตอมาจากไหน

“อะ..ไอ้พุทธ!” พูรินเรียกเพื่อน “มึงทำไมไม่ลุก กูจะกลับแล้วนะ” พุทธโธหันมามองเพื่อนสนิทสลับกับรุ่นพี่ข้างตัวอย่างลังเล แล้วยิ่งเหลือบไปเห็นสายตาของอีกคนที่เขาพยายามเมินมาทั้งคืนแล้ว บอกตรงๆ ว่าเขาไม่อยากทิ้งพี่กีไว้กับมันเลย

“พี่กีให้ผมไปส่งไหมครับ ผมรอกลับพร้อมพี่ได้นะ” เอ่ยถามโดยไม่สนใจเสียงของคนที่พึมพำสบถออกมา

“ไม่เป็นไรหรอก มันดึกแล้ว เดี๋ยวพี่ว่าจะขอนอนคอนโดดิน เรานั่นแหละกลับไปพร้อมเพื่อนเถอะ” กีรติเอ่ยบอกน้อง ตลอดทั้งคืนเขาเองก็รู้สึกได้เหมือนกันถึงสายตาที่จ้องมองเขาทั้งคู่ ใจเขาก็อยากจะแกล้งอีกคนโดยการไปกับน้องมันให้รู้แล้วรู้รอดเหมือนกัน แต่ถ้าทำอย่างนั้นมันก็จะกลายเป็นเขาหลอกใช้น้องมันเปล่าๆ เขาบอกแล้วว่าเขาไม่อยากเอาใครเข้ามาเอี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้ว พุทธโธหน้าหงอยขึ้นมาทันทีแต่ก็ยอมตกลงโดยง่าย กล่าวลาพี่ๆ ในโต๊ะแล้วเดินออกไปพร้อมเพื่อนสนิท

“งั้นเดี๋ยวกูกลับล่ะ” เมื่อเห็นน้องๆ เดินออกไปจนพ้นสายตากีรติก็หันมาหาเพื่อน กระชับกระเป๋าเตรียมลุกจากที่นั่ง

“อ้าว ไหนจะนอนกับกู” อินทัชว่าอย่างงงๆ

“กูก็แค่พูดไปงั้น ไม่อยากให้น้องมันต้องลำบากไปส่ง” กีรติลุกขึ้นยืนเตรียมจะก้าวเท้าออกไปแต่เพื่อนสนิทก็ทำท่าเหมือนจะลุกตามขึ้นมา

“งั้นเดี๋ยวกูไปส่งขึ้นรถ” เขารีบจับไหล่เพื่อนดันลงไม่ให้มันลุกขึ้น “ไม่เป็นไร กูไปเองได้” กีรติพูดแบบนั้นเพราะวันนี้เห็นอินมันดื่มเยอะ ยังมีหน้าจะมาดูแลเขาอีก คนอย่างมันให้ดินนั่งดูแลอยู่แบบนี้น่ะดีแล้ว

“เดี๋ยวถึงบ้านกูไลน์บอก” พูดส่งท้าย ตบหลังเพื่อนหนึ่งทีเป็นการบอกลา ยกมือโบกไปมาเบาๆ ให้แฟนเพื่อนสนิทก่อนที่จะทำใจแข็งหันไปยิ้มสุภาพให้อีกคนที่มองมาอยู่ตลอดแล้วเดินออกไปจากร้าน

“ไม่ต้องตามไปเลยนะ” อินทัชพูดเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงลุกขึ้นตามเพื่อนเขา ตั้งต้นชะงักหันไปมองหน้าคนพูดที่จ้องมาทางเขาอย่างโกรธเคือง เขาลังเลอยู่นิด หันหน้าไปทางเพื่อนสนิทเหมือนขอคำปรึกษา เมื่อไอ้ดินพยักหน้ารับก็รีบเดินเร็วออกไปโดยไม่สนเสียงบ่นของอีกคน

“ดินไม่ต้องมาห้ามเลย” อินทัชว่าเมื่อแฟนตัวเองจับแขนเขาไว้ ไม่ยอมให้เขาตามสองคนนั้นไป

“น่า ต้นมันไม่ทำอะไรหรอก”

“ก็ลองทำสิ จะโดนทั้งคนทำคนช่วย” อินเอานิ้วชี้หน้าคาดโทษเขา บดินทร์ทำได้แค่ยิ้มเจื่อนๆ กลับไป

“ดินไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

“หึ อย่าคิดว่าอินไม่รู้นะว่าคอยรายงานความเคลื่อนไหวให้เพื่อนตัวเองฟังตลอด”

“โถ แต่คราวนี้ไอ้ต้นมันจริงจังนะ”

“คราวที่แล้วก็พูดแบบนี้ แล้วไงจริงจังจนเพื่อนอินเจียนตายเลยไหม” บดินทร์หน้าเสียทำได้แค่ยกแก้วเหล้าในมือมาจิบ เขาไม่มีหน้าไปแก้ตัวแทนมันจริงๆ หลักฐานคาตาขนาดนี้ ถ้ามันอยากจะลุยต่อมันก็ต้องอดทนพิสูจน์ตัวเองต่อไป

ก็ถ้ามันจะไม่ดีแตกไปซะก่อนน่ะนะ









กีรติเดินเร็วๆ ออกจากร้านจนขาแทบพันกัน เม้มปากแน่นกลั้นทุกความรู้สึกที่ล้นอกไว้ภายใน สองตาที่ปริ่มไปด้วยน้ำชื้นหรี่แน่นเก็บกักทุกห้วงอารมณ์อ่อนไหว เขาต้องก้าวไปให้ถึงแท็กซี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่ความอดทนเฮือกสุดท้ายจะหมดลง จริงๆ แล้วเขาอดชื่นชมตัวเองไม่ได้ ทุกบทที่เคยซ้อมหน้ากระจกถูกแสดงออกมาอย่างไม่มีที่ติ สายตาเพิกเฉยไร้หัวใจ ท่าทางสบายๆ เหมือนไม่แคร์เวลาอยู่ต่อหน้าที่ทำซ้ำจนเคยชิน เขาคิดว่าในที่สุดเขาก็หลอกทุกคนได้สำเร็จ ในที่สุดเขาก็เผชิญหน้ากับอีกฝ่ายได้อีกครั้ง อย่างน้อยเพื่อนๆ เขาจะได้สบายใจสักทีที่เห็นเขาดีขึ้นแบบนี้

“มึงทำดีแล้วกี” กล่าวชื่นชมให้กับความพยายามของตัวเอง ถึงจะขัดกับความรู้สึกภายในแต่เขาก็คิดว่าเขาทำดีที่สุดแล้ว

หมับ!

“ให้ต้นไปส่งนะ” ร่างบางชะงักเมื่อมีมือหนามาจับข้อศอกเขาแล้วดึงไว้เบาๆ หันกลับไปเขาก็เห็นคนที่เป็นสาเหตุของความเข้มแข็งจอมปลอมนี้ กีรติใจอ่อนวูบ ความดีใจที่ไม่ควรจะเกิดผุดขึ้นมาล้อมรอบใจที่อุ่นร้อน เขาสลัดมันออกมาในนาทีต่อมา ในตอนแรกที่คุยกันในห้องน้ำ เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกลับมาวุ่นวายกับเขาทำไม แต่พอมาที่โต๊ะเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่สบอารมณ์ที่เห็นเขากับพุทธก็เข้าใจได้ทันที มันก็เหมือนที่พัทยาคืนนั้น มันก็แค่ความรู้สึกห้วงก้าง เขาก็เหมือนของเล่นที่อีกคนไม่เคยสนใจ

แต่พอมีคนมาขอไป กลับมีค่าขึ้นมาทันที

ยิ้มเยาะให้ตัวเองอีกครั้ง แค่แว๊บเดียวที่คิดว่าอีกคนมีใจให้กันก็มากพอแล้ว ยังโง่ไม่จำนะมึง..

“ไม่เป็นไร เรากลับเองได้” มือกำหมัดแน่น เพื่อให้เสียงที่พูดออกไปไม่สั่นจนอีกคนสังเกตได้

“นะ มันดึกแล้ว ต้นเป็นห่วง”

หึ เป็นห่วง.. คนเราทำไมพูดคำแบบนี้ได้พล่อยๆ ขนาดนี้นะ

“นะ..” คนตัวโตที่สังเกตเห็นแววตาวูบไหวของอีกฝ่ายใจชื้นขึ้นมาทันที แม้จะเป็นเพียงชั่ววูบเดียว แต่มันก็เพียงพอให้เขาเดินหน้าต่อ

“ให้โอกาสต้นได้ดูแลกีบ้างนะ” อีกคนใจกระตุก เบือนหน้าหนี ปากเรียวเม้มแน่นกักกั้นอารมณ์อ่อนไหว ทำเป็นมองถนนหาแท๊กซี่ที่ตนเรียกไว้

“เห้ย จะมาดูแลทำไม เราดูแลตัวเองได้” ยังพูดติดตลกเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ยังไม่กล้าสบตากับอีกคน

“กี...” ร่างที่สูงกว่าจับไหล่ทั้งสองของเขา หันให้มาประจันหน้ากัน กีรติรวบรวมสติ แม้จะหวั่นไหวเป็นที่สุดแต่เขาจะต้องไม่กลับไปเป็นของตายของใครอีกแล้ว

“ต้น...” เงยหน้าสบตาอีกฝ่ายที่มีรอยยิ้มบางส่งมาให้ “ปล่อยมือได้ไหม” รอยยิ้มนั้นหายวับไปทันทีแทนที่ด้วยสีหน้าตระหนกหวาดหวั่น

“ต้นไม่ปล่อย” อีกคนยังดึงดัน

“เราบอกให้ปล่อย”

“ตกลงว่าจะกลับกับต้นก่อนแล้วต้นถึงจะปล่อย”

“...”

“...” ร่างบางถอนหายใจหนัก

“นายทำให้เราอึดอัด” มือหนาดึงกลับไปทันทีที่เขาเอ่ยออกมา

“กี..ต้นขอโท...”

“บอกจะมาดูแล จะมาพิสูจน์ตัวเอง แต่นายก็เป็นคนเดิมอยู่ดี” เขาว่าต่อ “นายถือความรู้สึกตัวเองเป็นใหญ่ตลอด มีสักครั้งไหมที่จะคิดถึงความรู้สึกเรา มีสักครั้งไหมที่จะฟังสิ่งที่เราพูด”

คำจริงที่มากระแทกหน้าทำให้ร่างสูงแทบล้มทั้งยืน ทำได้แค่เพียงมองตามเมื่ออีกฝ่ายขึ้นไปนั่งบนแท๊กซี่ คำสุดท้ายที่อีกคนเอ่ยทิ้งไว้ยังดังสะท้อนก้องในหัว

“นายพูดขอโทษหลายครั้ง เราก็อยากรู้ว่านายรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ หรือเปล่า ถ้านายรู้สึกผิดจริงตามที่พูดสักนิด

ขอเถอะนะ.. อย่ามายุ่งกับเราอีกเลย”

.

.

.

.

.

.

.

หลังจากวางอกไก่ที่กริลล์เสร็จใหม่ๆ ลงในส่วนขวาของกล่องข้าวทั้งสองกล่อง กีรติก็เปิดหม้อหุงข้าวตักข้าวกล้องหนึ่งทัพพีลงในด้านที่ว่างอยู่ ลงท้ายด้วยการแต่งหน้าด้วยบล๊อคโคลี่และแครอทต้มที่หั่นเรียบร้อยแล้ว เขาปิดฝายัดกล่องข้าวทั้งสองลงถุงกันความร้อนที่เตรียมไว้ก่อนที่จะผละไปอาบน้ำแต่งตัว นี่ยังเพิ่งตีห้าครึ่งกว่าจะไปถึงหอไอ้อินแล้วรับมันไปสวนสาธารณะก็คงหกโมงครึ่งพอดี

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

“ว่าไงอิน” พอเข้ามาในห้องนอนหยิบผ้าขนหนูจะไปอาบน้ำ เสียงโทรศัพท์จากเพื่อนสนิทก็ดังขึ้นเสียก่อน

“กี นี่ดินนะ” เสียงจากปลายสายกล่าวขึ้น เมื่อเขารับคำอีกคนจึงว่าต่อ “วันนี้อินเหมือนไม่ค่อยสบายคงจะไปวิ่งด้วยไม่ได้ อินให้โทรมาบอก”

“อ้าวมันเป็นอะไรมากไหม เมาค้างหรอ” ถามออกไปอย่างเป็นห่วง เขาจำได้ว่าเมื่อคืนมันก็ดื่มเยอะอยู่เหมือนกัน

“อืม นิดหน่อยน่ะ” อีกคนว่าไงบดินทร์ก็ว่างั้นจะให้บอกความจริงไปได้ไงว่าเมื่อคืนเขาเล่นงานจนอีกฝ่ายไข้ขึ้นแบบนี้ เพิ่งจะได้นอนกันก็ตอนรุ่งเช้านี่เอง

“โอเค งัั้นเดี๋ยวเราวิ่งเสร็จขอเข้าไปหานะ บอกมันให้หน่อยว่าขอเข้าไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อยออกไปเรียนพร้อมกัน” กรีติคุยกับปลายสายอีกเล็กน้อยก็กดวาง อาบน้ำแต่งชุดวอร์มเรียบร้อย จัดกระเป๋าเสื้อผ้าที่จะเอาไปเปลี่ยนหลังอาบน้ำที่ห้องอิน ไม่ลืมที่จะหยิบกล่องข้าวในถุงกันความร้อนใส่กระเป๋า ถึงไม่มีไอ้อิน ก็เอาไปแบ่งพุทธกับหมีพูห์แทนก็ได้ ไหนๆ ก็เจอกันประจำเวลาไปออกกำลังกายอยู่แล้ว









นี่มันเรื่องตลกอะไรเนี้ย

คำที่ผุดขึ้นมาในหัวเมื่อเขามาถึงสวนสาธารณะ เพราะแทนที่จะได้เจอรุ่นน้องที่เจอประจำอย่างที่คิดไว้เขากลับเจอใครบางคนที่ตาดไม่ถึงรออยู่ก่อนแล้ว ร่างสูงที่อยู่ในชุดวอร์มสีแดงกับรองเท้าผ้าใบสีขาวเรียบ ผมที่ปกติยาวประบ่าถูกมัดรวบไว้ด้านหลังอย่างน่ามอง ผู้ชายที่โดดเด่นจนทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาในสวนหันมามองเป็นตาเดียวกันกำลังยืนส่งยิ้มสดใสมาให้เขาอยู่

“Good morning ครับกี”

“นายมาได้ไง” กีรติกระพริบตาถี่ๆ เขายังไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ไม่อยากจะคิดว่าอีกคนมาดักรอกัน เพราะเมื่อคืนเขาว่าเขาพูดชัดแล้วแท้ๆ แต่จะให้คิดว่าอีกฝ่ายมาออกกำลังกายที่นี่แล้วมาเจอกันโดยบังเอิญมันก็น่าเหลือเชื่อไม่แพ้กัน

“ต้นก็มาออกกำลังกายเหมือนกัน” กีรติหรี่ตาลงมองอย่างเคลือบแคลง แอบหงุดหงิดที่ใจตัวเองเต้นรัวเมื่อเผลอคิดว่าเจ้าตัวมาดักเจอเขา

“อย่างนายเนี่ยนะ”

“ใช่ อย่างต้นเนี่ยล่ะ” เมื่ออีกฝ่ายยืนยันอย่างนั้น เขาเลยไม่คิดจะทู่ซี้ถามอะไรต่อ เอาเถอะ สวนก็ตั้งกว้างถ้าอยากจะวิ่งก็วิ่งไปสิ ว่าแล้วก็เดินจะไปเก็บกระเป๋าในล๊อคเกอร์ที่ให้เช่า ปกติไปห้องไอ้อินก่อนเลยไม่มีปัญหานี้ แต่วันนี้คงต้องใช้บริการที่นี่ไปก่อน ตอนที่กำลังจะยื่นมือรับกุญแจจากพนักงาน คนตัวใหญ่กว่าก็มาจับมือเขาไว้

“เอาไปไว้ในรถต้นก็ได้นะ” ปากพูดมือก็เอื้อมไปหยิบสายสะพายจากไหล่อีกคน แต่ไม่ทันจะได้ดึงออกมาถือก็โดนสะบัดหนีเสียก่อน

“ไม่เป็นไร” เจ้าของกระเป๋าว่าแล้วก็กระชับกอดกระเป๋าไว้กับตัวแน่น จ้องหน้าเขาอย่างกับจงอางหวงไข่ ตั้งต้นที่จตั้งใจจะตื้อต่อนิ่งมองหน้าอีกคน คำพูดเมื่อคืนย้อนกลับมาให้คิด

‘นายทำให้เราอึดอัด’

ไม่ว่าจะเป็นเจตนาดีหรือร้าย ถ้าคนรับไม่อยากได้เขาก็ไม่ควรจะฝืน ต้นผายมือขึ้นข้างตัวเป็นการยอมแพ้ เมื่ออีกคนเห็นดังนั้นก็คลายกระเป๋าออกจากตัวอีกครั้ง รับกุญแจจากพนักงานก่อนที่จะเอากระเป๋าไปเก็บ

กีรติอุ่นเครื่องอยู่ประมาณสิบนาทีก็ตัดสินใจเริ่มออกเดินเร็วๆ ตลอดเวลาที่ทำกิจกรรมดังกล่าวเขาสัมผัสได้ถึงสายตาคมที่จ้องมาที่เขาไม่วางตา ถึงจะรู้สึกทำตัวไม่ถูกบ้างแต่ก็ยอมปล่อยไป ไม่อยากจะโวยวายต่อปากต่อคำกับอีกคนให้เหนื่อยใจกันแต่เช้า

เดินเร็วๆ ไปได้สักพักจนเหงื่อเริ่มชื้นขึ้นตามหน้าผากและแผ่นหลังเล็ก เขาสังเกตได้ถึงเสียงฝีเท้าที่เหมือนจะเข้ามาใกล้ทุกขณะ พอหันไปดูก็เห็นว่าเป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย คนร่างสูงที่เคยดูอยู่ห่างๆ ตอนนี้เข้ามาใกล้จนอีกฝ่ายกลายเป็นเงาของเขาไปแล้ว กีรติเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นหวังจะทิ้งห่าง แต่ช่วงขาที่ยาวกว่ามากของอีกคนทำให้เขาไม่ประสบความสำเร็จแถมตอนนี้เจ้าตัวยังเดินมาเบียดจนไหล่ทั้งสองแตะกันเป็นครั้งคราวตามจังหวะการเดิน

เขาตัดสินใจออกวิ่ง จากวิ่งเยาะๆ ก็เปลี่ยนเป็นวิ่งเต็มฝีเท้า ถ้าฟังไม่ผิดเขาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังออกมาจากอีกคน ก่อนที่เสียงฝีเท้าของเจ้าตัวจะรัวเร็วขึ้นทำให้เขาต้องวิ่งหนีสุดกำลัง ความอยากเอาชนะทำให้วิ่งไม่คิด คิดในใจว่าถ้าวิ่งได้เร็วแบบนี้ตั้งแต่เด็กคงได้เป็นนักกีฬาจังหวัดไปแล้ว แต่ในที่สุดไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน ช่วงขาที่เสียเปรียบก็ยังคงพ่ายแพ้ เมื่อมาถึงจุดเริ่มต้นที่เขาตั้งใจจะให้เป็นเส้นชัย อีกคนก็เบียดแซงเขาไปเรียบร้อย กีรติทรุดนั่งลงบนพื้นหญ้า เอาหน้าซบลงบนเข่าอย่างเหนื่อยอ่อน หอบหายใจแรงพยายามเอาอากาศเข้าปอดให้มากและเร็วที่สุด

“ต้นชนะแล้ว” ร่างสูงทรุดลงนั่งข้างตัวเขา ยิ้มร่าก่อนพร้อมเอ่ยคำที่ทำให้เขาขมวดคิ้ว

“เราไปแข่งกับนายตอนไหน!!” เพราะสมองยังทำงานไม่ปกติดีจึงเผลอโวยวายออกไป อีกฝ่ายดูดีใจออกหน้าออกตาที่บางคนหลุดออกมาแบบนี้

“เมื่อกี้” คนหน้าด้านก็ยังหน้าด้านต่อไป

“ไม่แฟร์สักนิด เราไม่ได้ตกลงเลยนะ” คนชอบเถียงยังเถียงต่อ

“งั้นเอาใหม่ไหมล่ะ”

“ได้!!” ความชอบเอาชนะทำให้เผลอตอบตกลงโดยไม่คิดให้ถี่ถ้วน

“แต่รอบนี้ต้องมีรางวัลสำหรับผู้ชนะ แล้วก็บทลงโทษสำหรับผู้แพ้ด้วยนะ” ร่างเล็กชะงัก แอบคิดคำนวณอยู่แปปก็ส่ายหัว

“ไม่เอา เราเสียเปรียบ นายขายาวกว่า”

“จะต่อให้ 20 เมตรเลย” กีรติหรี่ตามองอย่างเคลือบแคลง ต่อให้ขนาดนี้กลัวอีกคนจะมีแผนการอะไรสักอย่างแอบแฝง

“กลัว? กลัวก็ไม่ต้องนะ”

“ไม่ได้กลัวสักหน่อย!” รีบตอบกลับโดยอัตโนมัติ “แต่รางวัลกับบทลงโทษ..” เขากลัวอีกคนจะมาขออะไรที่เขารับปากไม่ได้ “ต้องเป็นอะไรที่สมัครใจกันทั้งสองฝ่ายนะ” คนตัวโตพยักหน้ารับ เขาไม่ไก้อยากได้อะไรทั้งนั้น แค่ยังได้นั่งคุยกันแบบนี้ก็เหมือนฝันแล้ว ขอบคุณความดื้อด้านของตัวเองที่แม้เมื่อคืนจะโดนซะสะอึกก็ยังไม่ยอมแพ้ไป

เมื่อตกลงกันได้ทั้งสองก็ไปที่ลู่วิ่งออกกำลังกายอีกครั้งโดยคนตัวเล็กกว่าอยู่นำไปก่อน 30 เมตร (หลังจากการต่อรองกันไปมาหลายครั้ง) ตามที่ตกลงกันตั้งต้นจะยอมปล่อยให้อีกฝ่ายเริ่มออกวิ่งก่อนแล้วถึงจะวิ่งตาม พอกีรติออกตัวปุ๊ปเขาก็ทำดังนั้น เขายิ้มขำ วิ่งไปได้นิดก็แทบจะประชิดตัวอีกฝ่ายแล้วแต่เขาก็รักษาระยะห่างจนเมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเส้นชัยที่กำหนดกันไว้ถึงเริ่มเร่งเครื่องและแซงอีกฝ่ายไปอย่างเฉียดชิว เขามองคนที่ล้มกองลงกับพื้นหญ้า หน้าเล็กที่มีเหงื่อท่วมขึ้นสีแดงเรื่อ หอบหายใจอย่างติดขัด ปากเจ่อแดงที่เผยอขึ้นนิดเพื่อช่วยให้อากาศเข้าไปได้ง่ายขึ้น

จู่ๆ ภาพที่ไม่ควรคิดก็ซ้อนทับเข้ามา

ตั้งต้นรู้สึกปวดหนึบกลางกาย

“โอเค เราแพ้แล้ว..” เมื่อหายจากการหอบอย่างหนักกีรติก็เอ่ยออกมา ตั้งต้นเรียกสติตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็ว รีบนั่งลงข้างตัวอีกฝ่ายอีกครั้ง

“แล้วอยากได้อะไร” เขาถามถึงรางวัลของผู้ชนะที่อีกคนอยากได้ ที่จริงมันคือสิ่งที่เขาสงสัยอยู่เหมือนกัน

“ต้นขอไม่เยอะหรอก ต้นแค่อยากมาออกกำลังกายด้วยกันได้ไหม” เมื่อได้ฟังคำอีกฝ่าย เขาก็ต้องเลิกคิ้วเพราะความแปลกใจ เขานึกว่าอีกคนจะขอให้เขายกโทษ ขอให้ให้โอกาส หรืออาจจะขอเริ่มต้นใหม่ อะไรแบบนั้น ถึงจะรู้สึกดีใจที่อีกฝ่ายไม่ขออะไรที่ทำให้เขาต้องปฏิเสธ แต่ไม่รู้เพราะอะไรใจกลับรู้สึกโหวงเหวงแปลกๆ เหมือนจะรู้สึก..รู้สึกผิดหวังหรือเปล่านะ?

“ก็ได้ ถ้าแค่จะมาออกกำลังกาย” กีรติหลับตาแน่นเมื่อคิดว่าพลาดไปแล้วที่ตอบแบบนั้น ถึงจะนึกรู้ว่ามันเป็นข้ออ้าง ถึงจะนึกรู้ว่าควรปฎิเสธ แต่ทำไมถึงยั้งปากตัวเองไม่ได้ ปากที่พูดในสิ่งที่ใจคิดโดนไม่ได้รับการกลั่นกรองจากสมอง เมื่อตั้งต้นได้ยินเขาว่าอย่างนั้นก็ยิ้มแป้นออกมา

“แล้วบทลงโทษของคนแพ้ล่ะ” ร่างสูงว่า กีรติแอบพึมพำออกมา ได้คืบจะเอาศอก คนตัวโตหัวเราะร่า

“แล้วนายอยากให้เราทำอะไรล่ะ”

“ขอให้คนแพ้เลี้ยงข้าวสักมื้อได้ไหม” เขาขอแค่ให้ได้ใช้เวลาร่วมกับคนตรงหน้าอีกนิดก็เพียงพอแล้ว เมื่อได้ฟังข้อเสนออีกฝ่ายก็นิ่งหยุดคิดก่อนที่จะผุดยิ้มออกมาแล้วพยักหน้าตอบตกลง ทั้งสองเดินกลับไปที่ล๊อคเกอร์เก็บกระเป๋า หยิบกระเป๋่าของอีกฝ่ายเอากุญแจไปคืนที่ร้านแล้วจ่ายเงินเรียบร้อย

“ไปนั่งใต้ต้นไม้ตรงนั้นกัน” แทนที่จะไปที่รถเพื่อไปหาอะไรกินตรมที่สัญญา กีรติชี้ไปที่ต้นชมพูพันทิพย์ที่อยู่ติดกับบึงเล็กๆ พอนั่งขัดสมาธิลงก็รูดซิปเปิดกระเป๋าตัวเอง หยิบถุงที่ห่อข้าวกล่องสองกล่องขึ้นมา ยื่นข้าวกล่องที่ยังอุ่นอยู่ให้กับอีกคน

“อ่ะ หายกันแล้วนะ” ตั้งต้นมองการกระทำทั้งหมดอย่างไม่เข้าใจจนได้กลิ่นของไก่ย่างลอยมาแตะจมูก

“นี่กีทำข้าวกล่องมากินเองหรอ” เอ่ยถามอย่างแปลกใจ

“อืม ปกติทำมาเผื่ออินด้วย แต่วันนี้มันไม่ได้มา” ตั้งต้นพยักหน้าเป็นการรับรู้ เขารีบเปิดกล่องออกมาดู ยิ้มกว้างอย่างปิดไม่มิดที่จะได้กินอาหารฝีมือของอีกคน

“อาจจะไม่ค่อยอร่อยนะ แต่ก็ถือว่าเลี้ยงแล้วนะ”

“แบบนี้ดีกว่าไปกินตามร้านซะอีก ขอบคุณนะครับ” อีกคนใจกระตุก พยายามกลั้นรอยยิ้มไม่ให้หลุดออกมา มองคนที่เริ่มเอามีดตัดไก่แล้วเคี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อย จนในไม่ช้าอาหารในกล่องก็ถูกกินจนเกลี้ยง

“แล้วทำไมไม่กินบล๊อคโคลี่” ถามเมื่อเห็นว่าทั้งกล่องเหลือแค่ผักสีเขียวอยู่สองสามชิ้น

“ต้นไม่ชอบ”

“มันมีประโยชน์ ถึงไม่ชอบก็ต้องกิน”

“...”

“บางครั้งคนเราก็จะเลือกทำแต่สิ่งที่ชอบไม่ได้หรอกนะ ถ้าเพื่ออะไรบางอย่างเราก็ต้องอดทนทำในสิ่งที่ไม่ชอบด้วย อย่างเราตอนนี้ ถึงจะอยากนอนเยอะๆ อยากกินของมันๆ แต่เพื่อสุขภาพแล้วเราก็ต้องรู้จักหักห้ามใจ กินแต่ของที่มีประโยชน์ เข้าใจไหม” คนพูดลืมตัวเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้ว ลงท้ายด้วยการถือส้อมชี้มาที่เขาเพื่อถามความเข้าใจ เขามองจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างเผลอตัว เขาคิดถึงคนตรงหน้าเหลือเกิน นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้พูดคุยกันแบบนี้ อยากให้มันเป็นแบบนี้ตลอดไป..

เหมือนอีกคนจะรู้ตัวว่าเผลอพูดเยอะไปแล้ว จึงรีบถอนตัวกลับ ก้มหน้ามองกล่องข้าวของตัวเอง

“เอ่อ ขอโทษนะ ไม่ใช่เรื่องของเราสักหน่อย” จะกินหรือไม่กินอะไร เขาก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งกับอีกฝ่ายแล้ว เมื่อได้ยินแบบนั้นร่างสูงก็เอาส้อมจิ้มผักที่อยู่ในกล่องข้าวเข้าปากฝืนเขี้ยวหลายทีก่อนที่จะกลืนลงคอไป อีกคนมองการกระทำดังกล่าวไม่วางตา ใจกระตุกอีกครั้ง

“ขอบคุณนะที่เตือนสติ ที่จริงรสชาติก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่” ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ กีรติพยักหน้ารับคำก่อนที่จะก้มหน้ากินข้าวต่อไป ดื่มด่ำไปกับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า

“เค้กอร่อยนะ” จู่ๆ ร่างสูงก็เอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ เขาแอบแปลกใจไม่คิดว่าอีกคนจะกล้าเอ่ยถึงเรื่องวันนั้น แต่พอคิดไปถึงเค้กก้อนนั้นก็จำได้ดีว่าความรู้สึกขณะที่ทำมันเป็นเช่นไร

“อืม ถ้าชอบก็ดีใจ” ยิ้มให้อีกฝ่ายที่มองมาก่อนแล้ว

“ต้นไม่มีข้อแก้ตัว ทั้งหมดคือความผิดของต้นเอง”

“ช่างมันเถอะ เราไม่คิดอะไรแล้ว” เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ เหนื่อยเกินที่จะเก็บความรู้สึกแย่ๆ ไว้กับตัวอีกต่อไป เขาอยากปล่อยมันให้พัดไปกับสายลมที่มาปะทะหน้า

“ช่างมันไม่ได้..”

หันหน้ามาสบตากันอีกครั้ง

“เรื่องของกี...ต้นช่างมันไม่ได้สักนิดเลย”

ใจของใครอีกคนกระตุก ความรู้สึกที่นอนรายเรียบอยู่ก้นบึ้งเหมือนตะกอนขุ่น ล่องลอยขึ้นมาด้านบนสะเปสะปะเหมือนโดนเอาไม้มากวนซ้ำแล้วซ้ำเหล่า

ไม่ดีเลย..

ใจที่เต้นแรงแบบนี้...มันไม่ดีสักนิดเลย









********************

หยุด!! แค่ใจกระตุกสองที่อย่าเพิ่งว่าน้อง 555 ตามกันยาวๆ เรื่องนี้เขียนแล้วมันส์มากเลยอ่ะ ขอบอก (><) หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ แต่เพราะงานเยอะเลยอาจจะอัพช้าหน่อย พยายามให้อาทิตย์นึงได้ 2-3 ตอนแล้วแต่สภาพและโอกาสเนาะ

ถ้านักอ่านเคยอ่านเรื่องอื่นของเรามาบ้างแล้วน่าจะพอสังเกตว่าเรื่องนี้ตอนนึงจะเนื้อหาเยอะขึ้น ลงรายละเอียดเพิ่มขึ้นมาก กลับไปดูเจ้าเป้ภัทร อ่านสองชั่วโมงจบเรื่อง 55 เห็นไหมว่าเราพยายามพัฒนาตัวเองจริงๆ น้า ไม่ได้โม้~

ขออ้อนขอกำลังใจหน่อยน้า ใครอ่านก็เม้นมาให้เห็นหน่อยเถอะน้า ยิ่งมีกันน้อยๆ อยู่ อ่านคอมเม้นแล้วบินได้จริงๆ จ้าาาา ตัวล๊อยย (><)
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 5:. 08/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 08-08-2019 21:09:13
 :pig4:
 :3123: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 5:. 08/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kaamnutt ที่ 08-08-2019 21:18:07
มีคนใจอ่อนแล้วรึเปล่านะ :mew1:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 5:. 08/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 08-08-2019 23:53:14
ใจแข็งอีกนิดนะกี,,,
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 5:. 08/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 09-08-2019 02:21:06
 :katai5:  พยายามเข้านายต้น น้องกีเจ็บมาเยอะ ต้องใช้เวลานานหน่อย
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 5:. 08/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 09-08-2019 06:39:29
กีอย่านะลูกกกกกก..อย่าใจอ่อนนะดัดนิสัยต้นเยอะๆนี้ยังไม่ได้ครึ่งเลย

คนเขียนสู้ๆรออ่านอยู่จ้า :L2: :mew1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 5:. 08/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 09-08-2019 22:57:46
ทำก้มหน้า รับความผิด ติดตัวอยู่
ไอ่หน้ารู้ อยู่แก่ใจ ให้สงสาร
ทำอิดเอื้อน เหมืือนอิดออด ดอดขอทาน
เรื่องวันวาน ขอรับผิด คิดกลับใจ

โดนกระทำ ใจช้ำเจ็บ ยังเข็ดอยู่
เตือนให้รู้ จดจำภาพ นาบเคลื่อนไหว
มันติดตา กอดก่ายชู้ อยู่กับใคร
จะให้ลืม ได้อย่างไร ใจย้ำเตือน

#ยอมรับแบบแมนๆ#มุกนี้ไม่เวิร์ค#หน้าด้านมั้ยอ่ะ
#คิดเล่นๆ#ถ้าเห็นกีนัดคนอื่นมาเอากันที่ห้องแบบเต็มตาบ้าง#ตั้งต้นจะรู้สึกยังไง

นอกกายนอกใจ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น#เลิกกันนะดีแล้ว
หุหุ
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 6:. 10/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 10-08-2019 21:23:12
.:บทเรียนที่ 6:.





วันนี้เขาตั้งใจจะมาเซอร์ไพร์แฟนสาว ตอนแรกที่เธอชวนมาที่ห้องเลยแกล้งบอกว่าไม่ว่างต้องไปทำธุระกับครอบครัว สองมือกุมดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ที่สั่งให้ที่ร้านทำเป็นพิเศษ

หกเดือนแล้วที่คบกัน

หลังจากที่รับรู้เรื่องแม่แล้วละลินก็กลายเป็นที่พึ่งทางใจแห่งเดียวของเขา เป็นคนๆ เดียวที่ยังทำให้เขาเชื่อว่าความรักยังมีอยู่จริง เขาอยากให้วันนี้เป็นวันที่น่าจดจำของเราสองคน

หน้าคุ้นๆ

ขณะที่เดินออกจากลิฟท์ เขาสวนกับชายคนนึงที่เดินเข้าไปด้านใน ด้วยความที่คนดังกล่าวเอาแต่ก้มหน้ามองมือถือทำให้เขามองเห็นหน้าตาอีกฝ่ายไม่ถนัด เขาละความสนใจ ความตื่นเต้นกับสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำมีมากกว่า นอกจากดอกไม้แล้วเขายังซื้อสร้อยคอทองคำขาวเส้นบางมีจี้เป็นรูปหัวใจเตรียมไว้อีกด้วย ตั้งใจจะให้มันเป็นของแทนใจชิ้นแรกจากเขา เด็กหนุ่มเดินเร็วๆ ไปที่ประตู เอื้อมมือกำลังจะกดกริ่งหน้าห้องแต่แล้วก็ชะงักมือตัวเองไว้ ไหนๆ จะทำเซอร์ไพร์ทั้งที เขาขอใช้กุญแจห้องที่อีกฝ่ายให้มาแทนดีกว่า คิดได้ดังนั้นก็เปิดกระเป๋าเป้ล้วงเข้าไปเอากุญแจที่ไม่เคยคิดจะใช้เพราะถือว่าห้องนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของอีกฝ่าย ไขกุญแจเข้าไป ปิดประตูห้องอย่างเบามือ ถอดรองเท้าที่สวมใส่อยู่ก่อนจะเดินเข้าไปดูในห้องรับแขกแต่ปรากฎว่าไม่มีเงาของใครสักคนแม้ว่าไฟจะเปิดอยู่ ก็ไหนว่าจะอยู่ที่ห้อง

เสียงหัวเราะดังลอยมา เด็กหนุ่มรู้สึกเสียวสันหลังวูบเมื่อความทรงจำเลวร้ายที่ยังสดใหม่ย้อนกลับมา

ไม่นะ ไม่มีทาง

เขาเดินเข้าไปจนถึงหน้าประตูห้องนอนที่เป็นต้นตอของเสียง ประตูที่ถูกปิดไม่สนิททำให้เสียงเล็ดลอดออกมา ไม่คำนึงถึงมารยาทใดอีกต่อไป เขาแนบหูลงกับประตูเพื่อแอบฟัง

“นกแกนี่นะ” เสียงหัวเราะของลินดังขึ้น แต่เขาไม่ได้ยินเสียงตอบรับของอีกฝ่าย ความโล่งใจก่อเกิดขึ้นในอก แฟนเขากำลังคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิทเจ้าตัว ยกมือปาดเหงื่อที่หน้าผากก่อนที่จะผลักเบาๆ เพื่อให้ประตูเปิดออก แต่ยังไม่ทันได้เปิดกว้างก็ต้องชะงักลงอีกครั้ง

“ต้าร์เพิ่งกลับไปเมื่อกี้เอง”

ต้าร์? ใช่แล้ว คนเมื่อกี้ที่เจอที่ลิฟท์ชื่อต้าร์ที่เรียนห้องห้า ถึงจะไม่เคยคุยกันแต่เขาก็พอคุ้นหน้าเพราะในโรงเรียนเจ้าตัวก็ดังพอตัว

“ชั้นไม่กล้าให้อยู่นานหรอก เผื่อต้นโผล่มาชั้นจะทำยังไง” ละลินว่ากลั้วหัวเราะ ตั้งต้นใจกะตุกเมื่อชื่อตัวเองถูกเอ่ยออกมา ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่นพยายามประมวลความหมายของประโยคก่อนหน้า

“โอ๊ยชั้นเลือกไม่ได้หรอกนะ ต้าร์น่ารักจะตาย เอาใจใส่สุดๆ กว่าชั้้นจะได้เบอร์มา กว่าจะจีบติดชั้นใช้เวลาไปเท่าไหร่แกก็รู้ อ่อยจนแทบจะแก้ผ้าต่อหน้าแล้ว” หญิงสาวยังพูดติดอารมณ์ขัน

“แล้วกับต้นแกก็รู้ ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนั้น พอรู้ว่าเขาแอบปลื้มชั้นมานานชั้นก็ต้องเก็บเข้าสต๊อกสิ จะให้ปล่อยไปได้ไง”

เด็กหนุ่มกำช่อดอกไม้ในมือแน่น เดินห่างประตูออกมา เสียงหัวเราะของหญิงสาวยังตามหลอกหลอน เป็นอีกครั้งที่หัวใจของเขาโดนทดสอบ ความโมโหที่โดนหลอกลวงพุ่งพล่านในจิตใจ เขาอยากจะทำเหมือนวันนั้น ผลักประตูเปิดออกแรงๆ ถามหาเหตุผลของการกระทำที่ไร้เหตุผลของคนตรงหน้า แต่จากประสบการณ์ที่ยังสดใหม่ทำให้เขารู้ว่ามันไม่ช่วยอะไรเลย

เขาไม่อยากฟังเหตุผลที่ใช้อ้าง

ไม่อยากฟังคำแก้ตัว

ไม่อยากได้ยินคำขอร้องให้เห็นใจ

เขาวางช่อดอกไม้ในมือลงบนโต๊ะกินข้าว หยิบสร้อยคอที่เตรียมไว้วางข้างกัน ใจที่เจ็บปวดเริ่มด้านชา นั่นเป็นครั้งแรกที่ความคิดนฝที่เคยสับสนวุ่นวายได้บทสรุป

“พอแล้วไอ้ต้น ความรักมันไม่เหมาะกับมึง”













ปี๊ป ปิ๊ปปป

สติเขาคืนกลับมาเมื่อรถคันหลังบีบแตรไล่เพราะสัญญาณไฟเปลี่ยนจากแดงเป็นเขียวตั้งนานแล้ว ชายหนุ่มรีบเหยียบคันเร่ง พยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านในหัวออกไปให้หมด เช้าๆ แบบนี้ดีนะที่ถนนไม่ค่อยมีรถวิ่งเยอะ อันตรายชะมัดที่มาขับรถด้วยสมองที่ยังตื่นไม่เต็มที่แถมยังกลับไปคิดเรื่องไร้สาระนั่นอีก

เฮ้อ

เจ็บกว่าแม่มีชู้ก็ตอนที่โดนแฟนตัวเองทำนี่ล่ะ

หึ

แล้วมึงต่างอะไรกับคนพวกนั้นว่ะ

คิดไปถึงสิ่งที่เขาทำไว้กับอีกคนแล้วก็ยังปวดใจ ความเจ้าคิดเจ้าแค้น ความที่ไม่ยอมฟังเหตุผล ความเอาแต่ใจตัวเองมันทำให้ทุกเรื่องพังไปหมด เขารู้ตัวแล้วว่ารักอีกฝ่ายเข้าไปเต็มเปา เป็นความรักที่เคยคิดว่าชาตินี้คงไม่ได้สัมผัสอีกแล้ว แต่เพราะว่ามันดีเกินไป ดีจนหวั่นไหว ดีจนไม่ยอมเชื่อว่ามันตะเกิดขึ้นกับเขา และในที่สุดด้วยความฟุ้งซ่านของตัวเองก็ทำให้พลาดทำในสิ่งที่ไม่น่าอภัยลงไป

มันจะสายไปหรือเปล่า อีกฝ่ายจะยอมยกโทษให้เขาหรือไม่ เขาต้องทำยังไงถึงจะได้ใจอีกฝ่ายกลับคืนมา ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ไม่รู้มันจะดีพอให้อีกคนกลับมาหากันอีกหรือเปล่า

คิดไปก็ไม่ได้อะไร ไม่ใช่เวลามาท้อ ไม่ว่ายังไงก็จะเอาอีกคนกลับมา ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมปล่อยให้ไปไหนอีกแล้ว

รถยุโรปสีดำเลียบจอดตรงหน้าบ้านสองชั้นหลังหนึ่ง ชายหนุ่มลงจากรถเปิดรั้วบ้านเข้าไปประตูด้านในอย่างคุ้นเคยก่อนที่กดออดตรงประตูทางเข้า ที่ถือวิสาสะเข้ามาได้ขนาดนี้เพราะเขาได้รับอนุญาตโดยตรงจากเจ้าของบ้านตัวจริงแล้ว

“อ้าว ต้นมาแล้วหรอ” จีระนันท์เอ่ยทักทายใบหน้ายิ้มแย้มถูกส่งมาให้คนที่คอยมารับน้องชายไปออกกำลังกายทุกวัน ถึงจะพยายามคาดคั้นถึงสถานะแต่ไอ้กีมันก็ไม่ยอมตอบเขา แต่แม้จะไม่พูดอะไรเขาก็พอเดาได้จากท่าทางของมันว่าคนนี้คงไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา

“อรุณสวัสดิ์ครับพี่จี ขอโทษนะครับ มารบกวนแต่เช้าเลย” ทักทายคนที่อนุญาตให้เขามาเมื่อไหร่ก็ได้อย่างยิ้มแย้ม

“รบกวนอะไร จะเข้ามาก่อนไหม กีมันแต่งตัวอยู่”

“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ เดี๋ยวผมรอที่รถ พี่แค่ช่วยบอกให้หน่อยได้ไหมว่าผมมาแล้ว”

พูดคุยกันอีกเล็กน้อยเขาก็กลับไปนั่งรอในรถ เขาไม่อยากเข้าไปรอในบ้าน ที่ดึงดันขอมารับเจ้าตัวทุกเช้าแบบนี้ก็มากเกินพอแล้ว เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดจนพาลไม่อยากเห็นหน้ากันอีก

ไอ้คำไล่ที่แสนเจ็บปวด ได้ยินครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว

รอไม่นานคนน่ารักก็เดินออกมาพร้อมกระเป๋าสะพาย เจ้าตัวเปิดรถและเข้ามานั่งด้วยหน้าตาเรียบนิ่งเหมือนเคย

“เราบอกแล้วว่าไม่ต้องมารับ” กีรติเอ่ยเสียงขุ่น หน้าตายังบึ้งตึงทั้งๆ ที่ในใจหวั่นไหวเต็มที

“มอนิ่งครับกี” คนตัวโตไม่คิดจะต่อคำ เลี่ยงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เหยียบคันเร่งออกรถเมื่อเห็นอีกฝ่ายรัดเข็มขัดเรียบร้อย

“วันนี้ทำข้าวเช้ามาหรือเปล่า” คนขับว่าต่อ

“ก็เมื่อวานแพ้ ไม่งั้นก็ไม่ได้อยากทำมาให้หรอกนะ” อีกคนหน้ามุ่ยพึมพำออกมา ตั้งต้นแค่ยิ้มรับไม่ได้ว่าอะไร เขาอดนึกถึงเกมส์ที่แข่งกันเมื่อวานไม่ได้ โดนท้าให้แข่งขว้างหินในบึงด้วยหน้าตามั่นอกมั่นใจ พอเขาขว้างได้ไกลกว่าก็โวยวายลั่น แต่กีก็ยังเป็นกีแพ้แล้วก็ยังยอมรับบทลงโทษแต่โดยดี เขาจึงขอให้อีกคนทำอาหารเช้าเผื่อเขาด้วยเป็นการตอบแทน

กีรติแอบลอบมองเสี้ยวหน้าของคนขับ หน้าตาที่ดูอิดโรยจากการนอนน้อย เขารู้ว่าอีกคนต้องไปเล่นที่ร้านจนดึกดื่นแล้วยังต้องขับรถมาตั้งไกลเพื่อมารับเขาไปออกกำลังกายแต่เช้า วันแรกที่มารับเขาก็พยายามปฎิเสธเสียงแข็ง แต่บังเอิญว่าพี่จีอยู่ก็เลยต้องยอมไปด้วยเพราะไม่อยากให้พี่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น คิดเองว่าเดี๋ยวอีกฝ่ายก็เบื่อไปเอง แต่กลับกันผ่านมาเป็นเดือนแล้วเจ้าตัวกลับมารับเขาทุกเช้าไม่เคยขาด แถมยังสนิทกับพี่จีอย่างกับอะไร กีรติมองตามคนที่หาววอดเอามือปิดปาก ไม่อยากยอมรับแต่เขาใจอ่อนยวบให้อีกคนไปแล้ว ความกลัวเกาะแน่นในหัวใจ พอเป็นคนๆ นี้ทีไรเหมือนหัวใจเขาจะไม่เคยสนตรรกะใดๆ ทั้งนั้น

“ต้นตัดสินใจแล้วนะ” หลุดออกจากห้วงความคิดเมื่อได้ยินอีกคนเอ่ยออกมา ทั้งสองหันหน้ามาหากัน

“ต้นว่าจะเลิกบุหรี่” เขาตาโตไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน บทสนทนาเมื่อวานก่อนผุดขึ้นมา

‘สูบบุหรี่แต่เช้าเลยหรอ’

‘อืม หลังอาหารน่ะ’ หลังจากจัดการข้าวในกล่องจนเกลี้ยงเขาก็หยิบบุหรี่ม้วนนึงมาสูบเหมือนที่ทำเป็นประจำ เขาไม่ใช่คนสูบจัด เขามักจะชอบสูบบางเวลาอย่าง หลังกินข้าวเสร็จใหม่ๆ ไม่ก็ตอนกินเหล้าหรือหลังมีเซ็กส์

‘นายก็น่าจะรู้ว่ามันไม่ดี เหม็นจะตาย’

‘ครับ ต้นพยายามจะไม่สูบตอนอยู่ด้วยกันนะ’

‘เราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย..’

‘...’

‘เราไม่ได้บอกเพราะเราเหม็น’

‘...’

‘แต่เพราะมันไม่ดีต่อตัวนายเอง’

‘...’

“นายต้องเลิกทำอะไรที่เป็นผลเสียต่อตัวเองได้แล้ว’

‘...’

‘แหะๆ เรายุ่งเกินไปอีกแล้ว’ เขาส่ายหน้าปฎิเสธ ส่งยิ้มให้คนที่ก้มหน้ามองพื้น

‘ขอบคุณนะครับ’

‘...’

‘ขอบคุณที่ยังห่วงกัน’









“จะเลิกจริงๆ หรอ” กีรติถามออกไปอย่างไม่อยากเชื่อ ถึงจะไม่เคยสูบแต่ก็รู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะเลิก ในใจเต้นตึกตักที่คิดว่าอีกฝ่ายอาจจะตัดสินใจเลิกบุหรี่ตามคำเตือนของเขา

“อะไรที่ไม่ดีต้นก็ไม่อยากทำแล้ว” ตั้งต้นหันหน้ามาสบตา เขาสะดุ้งสุดตัวเมื่อเจ้าตัวเอื้อมมือมากุมมือเขาไว้ “ขอแค่กีบอก” คนตัวโตว่าต่อ “อะไรที่ไม่ดี ต้นจะเลิกให้หมดทุกอย่างเลย”

“ละ..แล้วนายจะมาเชื่อเราทำไม นายต้องรู้ดีที่สุดสิว่าอะไรดีไม่ดีสำหรับตัวเอง”

“กี”

“ห๊ะ?”

“สำหรับต้นกีดีที่สุด”

“...”

“เพราะงั้นไม่ว่ากีจะว่าอะไร ต้นก็เชื่อตามนั้น”

.

.

.

.

.

.

.

เสียงเพลงจังหวะสนุกที่ลอยละล่องอยู่ในอากาศปลุกบรรยากาศยามค่ำคืนให้สดใสมากขึ้น กลุ่มเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันสักพักพูดคุยกันเสียงดังอยู่ตรงที่นั่งประจำของพวกเขาเวลามาเที่ยวที่ผับกึ่งร้านอาหารแถวสามย่านแห่งนี้

“คือสรุปว่ามึงฟิตมาก” ธันวาเอ่ยแซวเพื่อนที่ตอนนี้ผอมลงเยอะ ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเพราะมันกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะความรัก แต่ดูจากหน้าตามีน้ำมีนวลของมันและกล้ามแขนที่โผล่ออกมาจากเสื้อยืดตัวโคร่งเขาก็คิดว่าไม่ใช่แค่ไม่ได้นั่งตรอมใจ แต่ตอนนี้คือมันดูดีกว่าเมื่อก่อนหลายเท่าด้วยซ้ำ

“อืม มันออกกำลังกายทุกเช้า กินคลีนด้วยนะพวกมึง” อินทัชเอ่ยเสริม “แรกๆ มันก็มาปลุกกูทุกเช้า หลังๆ นี่ทิ้งกูไปคนเดียวตลอด” พูดเหมือนบ่นแต่จริงๆ เขาดีใจมากกว่า ด้วยความที่ไม่ชอบออกกำลังกายเป็นทุนเดิม แล้วยังต้องรอดินกลับห้องดึกๆ ทุกคืน ถ้าต้องตื่นไปออกกำลังกายแต่เช้าเป็นเพื่อนมันแบบนั้นตลอดเขาก็คงไม่ค่อยไหวเหมือนกัน พอมันบอกว่ามันชินแล้วไปเองได้เขาก็เลยปล่อยไป

“กูเกรงใจผัวมึงไง” กีรติตอบกลับจนอินทัชสำลักเหล้าที่กำลังดื่ม หน้าแดงขึ้นมากับคำที่เพื่อนใช้เรียกแฟนตัวเอง

“ผะ..ผัว เผอ อะไร มึงเรียกดีๆ”

“หรือจะบอกว่าดินเป็นเมียมึง” คราวนี้ธันวาเป็นคนพูดขึ้น หัวเราะก๊าก ก่อนที่ทั้งโต๊ะจะเริ่มรุมคนขี้อายให้ยิ่งอายหนักกว่าเดิม

“แล้วมึงเป็นไงบ้างกี โอเคขึ้นหรือยัง” เมื่อเล่นงานอินทัชจนเหนื่อย หัวข้อสนทนาก็วกกลับมาหาคนที่นั่งเหม่ออยู่

“ก็..กูโอเคแล้ว” กียิ้มเจื่อน หลบสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของเพื่อนๆ เขารู้สึกผิด ถ้าเพื่อนรู้ว่าเขาให้อีกคนมาใกล้ตัวขนาดนี้พวกมันจะผิดหวังในตัวเขามากแค่ไหนกันนะ ถ้ามันรู้ว่าใจที่ควรเข้มแข็งโอนอ่อนไปตามอีกคนอีกแล้ว เขาจะถูกหัวเราะเยาะหรือเปล่า

“ไงสหาย ไม่ได้เจอกันนานคิดถึ๊งงง” สองคนที่เดินมาร่วมโต๊ะเอ่ยทักทายคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว ธารานั่งลงตรงเบาะที่ว่างข้างกีรติ ส่วนทิวานั่งลงข้างอินทัชเอ่ยทักทายถามสารทุกข์สุกดิบกันเจื้อยแจ้ว ก็เขาไม่ได้เจอกลุ่มนี้มานานมากแล้วตั้งแต่งานวันเกิดดินนี่น่า

“แหม๋อีทิว อีลูกน้ำ กว่าพวกมึงจะมา ปล่อยให้พวกกูรอซะอยากจะกลับอยู่แล้ว” ธันวาเอ่ยโต้กลับไปมือก็หยิบแก้วขึ้นมาสองใบจัดแจงชงเหล้าให้คนมาใหม่

“เออ โทษทีมึง ยังไงวันนี้กูเป็นเจ้าภาพเอง” เมื่อธาราว่าอย่างนั้นทั้งโต๊ะก็เฮลั่น “เจ้ลูกน้ำๆ ๆ”

“แล้วมาไงกัน วันนี้แฟนไม่มาคุมหรอ” ทิวาเอ่ยขึ้น เขารู้สึกสนิทใจกับอินทัชจนเอ่ยแซวได้โดยไม่รู้สึกอะไรแล้ว บอกเลยตอนนี้รักอินมากกว่าดินเสียอีก

“เออ สมบัติห้องกูอยู่ไหน” ธาราว่าต่อ “ไหนดินพ่อบ้านใจกล้า” พูดพร้อมหันไปหาอินทัช “ไหนตั้งต้นคนหน้าม่อ” หันไปสบตากับกีที่ยิ้มเจื่อนทำหน้าไม่ถูก

“อีน้ำหยุดเล่น” ธันวาเอ่ยเตือน แต่คนยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางยังว่าต่อ “แหม แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยนะ หวงกันจังเลย”

“คือกูกับต้นเลิกกันแล้วน่ะ” เมื่อเห็นเพื่อนๆ ทำท่าอ้ำๆ อึ้งๆ กีรติเลยตัดสินใจเอ่ยออกไปตรงๆ ทั้งโต๊ะเกิดเดสแอร์ขึ้นมาทันที ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากัน จนในที่สุดทิวาก็เป็นคนทำลายความเงียบ

“เราถามได้ไหม” เมื่อกีรติพยักหน้าเขาจึงว่าต่อ “อย่าบอกว่ามันนอกใจ?” กีรติสบตาคนพูด เม้มปากกลั้นความรู้สึก เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงถอนหายใจ

“เราก็เคยอยากจะเตือนเหมือนกัน มันก็เป็นแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไร แต่ก็คิดว่ารักกันดีเลยไม่อยากเข้าไปยุ่ง” คนที่รู้จักนิสัยตั้งต้นดีรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้ไม่เคยจริงจังกับใคร ตั้งแต่เลิกกับลินต้นมันไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่พอมาเห็นมันบอกว่าเป็นแฟนเขาก็นึกว่าอีกฝ่ายจะเป็นข้อยกเว้น เป็นคนที่มันจริงจังด้วยเสียอีก

“หมดเวรหมดกรรมแล้วนะมึง” ธาราเอ่ยต่อ

“ถือว่าฟาดเคราะห์แล้วกันนะมึง” นัชชาผู้หญิงคนเดียวในโต๊ะเอ่ยขึ้นบ้าง

“แต่คือ...” กีรติเม้มปากแน่น ดูก็รู้ว่าเพื่อนเขาโล่งใจแค่ไหนที่เลิกกันได้ เขานั่งไม่สุข ตอนนี้เขาอยากจะเอ่ยเล่าให้เพื่อนฟังกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหนึ่งเดือน

อีกคนที่กลับมาง้อ

อีกคนที่ยอมรับผิดทุกอย่าง

อีกคนที่บอกจะยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเขา

แล้วเขา..

ทั้งที่ไม่ควร เขาดันคิดจะให้โอกาส..

ขณะที่ยังลังเลสายตาก็ไปสะดุดกับคนคนนึงที่กำลังจะเดินออกไปนอกร้าน กีรติรีบขอตัวแล้วลุกตามไป เขาพลาดไม่ได้ คนคนนั้นเป็นคนเดียวที่จะไขปัญหาที่ค้างคาอยู่ในใจเขาได้

“เดี๋ยวก่อน” เขาเอ่ยเรียก คนด้านหน้าหันกลับมาจ้องเขาอยู่แปปนึงก็ยกยิ้มเยาะเย้ยมุมปากเพราะจำได้แล้วว่าเขาคือใคร

“ไง” รวินเอ่ยทักด้วยท่าทางสบายๆ “วันนี้จะมาตามระรานอะไรอีก” เขาหน้าชากับคำตอบกลับและเสียงหัวเราะในลำคอของอีกฝ่าย เจ้าตัวหันไปบอกเพื่อนให้เดินนำไปก่อน แล้วจึงหันหลังเดินกลับมาหาเขาอีกครั้ง

“แค่มีอะไรจะถามน่ะ” เขาเกริ่น คนตรงหน้ายกมือขึ้นเกาหัวอย่างรำคาญใจก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมา

“เฮ้อ จะบอกให้เอาบุญนะ คนอย่างต้นน่ะ ถ้าไม่เอาก็คือไม่เอา ไปหาเอาใหม่เถอะนะ ทำแบบนี้มันจะลดคุณค่าตัวเองเปล่า หรือยังเจ็บไม่พอ” คำพูดร้ายเสียดแทงในใจ ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นย้อนกลับมาอีกครั้ง กีรติกัดฟัน ยังไงเขายังอยากรู้ความจริงอยู่ดี

“ระ..เราแค่อยากรู้เรื่องวันนั้น..”

“หืม?”

“มันน่าแปลก ทั้งๆ ที่วันนั้นเขานัดกับเราแล้วเขากับนาย..” กีรติพูดตะกุกตะกัก “มันบังเอิญเกินไป” ทั้งๆ ที่เห็นตำตาแต่ใจยังอยากเชื่อว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ยังหวังให้มันมีอะไรสักอย่างที่มาเป็นเหตุผลให้เขาอภัยให้อีกคนได้

รวินยืนสำรวจคนตรงหน้า คนแบบนี้ไม่ใช่คนรักสนุกแบบเขา คงปล่อยตัวปล่อยใจให้คนเจ้าชู้ไปหมดแล้วถึงได้มีสภาพแบบนี้ จะเรียกว่าอะไรดีนะ น่าสมเพช? ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็น่าสงสารจนอยากเข้าไปช่วย

ช่วยให้ตัดใจจากคนแบบนั้นได้สักที

รวินควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า กดหาเบอร์คนที่อยู่ในบทสนทนาก่อนจะโทรออก ไม่นานปลายสายก็กดรับ

[ครับ]

“ต้นนี่ริวนะ”

[ครับริว มีอะไรหรือเปล่า]

“คืนนี้ว่างไหม”

[...]

“ริวมีเรื่องอยากคุยด้วย ขอเข้าไปหาได้ไหม”

[โอเค ต้นก็มีเรื่องอยากจะคุยกับริวเหมือนกัน]

“งั้นเจอกันนะ”

กีรติกำมือแน่น บทสนทนาสั้นๆ ทำให้สมองขาวโพลน อาการเจ็บอกที่เคยเป็นตอนนี้มันหายไปแล้ว

เหมือนหัวใจมันไม่เต้นอีกต่อไปแล้ว

รวินกดวางสาย ยกมือตบไหล่คนที่ยืนนิ่งอยู่หนึ่งทีเป็นการปลอบใจ

“ชัดแล้วนะ ตั้งต้นมันก็ง่ายแค่นี้แหละ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินหันหลังออกไป รวินคิดว่าเขาช่วยพอแล้ว เขาไม่คิดจะเข้าไปยุ่งมากกว่านี้ ทีเหลือก็เป็นหน้าที่ของเจ้าตัวว่าจะเอายังไงต่อ

ฟันขบแน่นจนได้กลิ่นเลือดเคล้าอยู่ในน้ำลายที่ฝืนกลืนอย่างยากลำบาก ตัวที่ยืนนิ่งสั่นไหวจนต้องทิ้งน้ำหนักลงไปที่พนังร้านข้างตัว เขาปิดเปลือกตาทั้งสองลงอย่างอ่อนล้า

หึ

ชัดพอไหม

ไม่รู้ว่าเขาเอาความมั่นใจมาจากไหน

ทำไมยังอยากจะเชื่อ..

เฝ้าหลอกตัวเองว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด

ครั้งนี้นี่แหละที่เขาจะสุขสมหวังสักที

แต่มันไม่ใช่..

ไม่ใช่เลยสักนิด..

เพราะถ้ามันใช่..

มันควรจะรู้สึกเจ็บซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้หรือ...





**********

เวลาเรื่องมันเครียดจะแต่งไม่ค่อยได้เลยน่ะ (>~<) เครียดตามน้องจริงๆ ตอนนี้ คืออย่าด่าน้องเยอะเราผิดเอง 5555 คือน้องรักอ่ะ คือคนเราแบบพอมันรักแล้วมันตัดฉับไม่ได้นะ แล้วยิ่งอีกฝ่ายมาทำดีด้วยมันก็ต้องไขว่เขว้เป็นธรรมดา จนต้องโดนซ้ำไปอีกทีนี่แหละถึงจะแบบ เออ คือมันไม่ใช่จริงๆ ใจมันถึงจะได้แข็งเป็นหินสักที ~ งงในงง 5555

แล้วคือตั้งต้น นอกจากดินแล้วไม่มีพวกสักคนในโลก 55555 หาพวกเพิ่มแปปปป





ทักทายในทวิตเตอร์ได้เน้อ @Maywrite1


หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 6:. 10/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 10-08-2019 22:31:42
"กำ" ของไอ่ต้น เจอตัวแม่อย่างริว
หุหุ

ติดจรวด กวดจี๋ วิ่งรี่ใส่
กรรมของใคร เวรคนนั้น ช่างสรรหา
ทำอะไร ย้อนเข้าตัว ทุกเวลา
อยากหัวเราะ ฮ่าฮ่าฮ่า น้ำหน้ามึง

เคยคิดทำ เค้าช้ำใจ เข้าใจผิด
ไม่เคยถาม เค้าซักนิด เพราะพิษหึง
โดนซะบ้าง อย่างเค้า ผิดดันดึง
กรรมมาถึง อย่าอึ้งแดก และแปลกใจ

ถึงตาตัวเองบ้างแล้วนะตั้งต้น ถ้าริวจะทำให้กีเข้าใจผิดไปใหญ่โต
ถือซะว่าเป็นเวรกรรมแล้วกัน เคยทำอะไรไว้มันย้อนเข้าตัวเองหมดเลย ฮ่าฮ่า

เราก็แอบใจอ่อนให้ตั้งต้นบ้างแล้ว..แต่นิดเดียวนะ จริงจริ๊ง
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 6:. 10/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 11-08-2019 00:10:22
คนแต่งใจร้ายอ่ะ รีบหาพวกให้ต้นเลย
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 6:. 10/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 11-08-2019 13:48:37
ตอนนี้ไม่รู้จะสงสารใครกว่ากันต้นโดนหนักเลยที่นี้ แถมไม่มีใครช่วยอะไรได้อีกเห็นใจนะยังไงก็พยายามถ้ายังอยากให้กีกับมา
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 7:. 11/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 12-08-2019 02:41:34
.:บทเรียนที่ 7:.





ติ๊ด ติ๊ด...ติ๊ด ติ๊ด...

มือหนาโผล่ออกมานอกผ้าห่ม สะเปสะปะควานหาต้นเสียงที่ทำให้เขาตื่น พอเจอโทรศัพท์ก็คว้าหมับก่อนจะหดแขนเข้าไปในผ้าห่มตามเดิม ข่มใจเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างแสนทรมาน

05.30

ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งบนเตียงเกาหัวไปมา เมื่อคืนมีเล่นที่ร้านกว่าจะถึงห้องก็ตีหนึ่งกว่าแล้ว ได้นอนจริงๆ ไม่ถึงสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่ถึงจะมีความง่วงมาคอยผลักดันให้ล้มลงบนเตียงนอนอีกครั้ง แต่เขาก็ต้องทำใจลุก วันนี้ความตั้งใจเขาแน่วแน่ยังไงก็ต้องไปดักรอเจอคนที่ไม่ได้เจอมาอาทิตย์กว่าแล้วให้ได้

ตั้งแต่วันจันทร์เขาก็ไปรับกีที่บ้านเหมือนเคยแต่พอไปถึงพี่จีก็ออกมาบอกเขาว่าอีกคนออกไปแล้ว วันอังคารก็ยังเป็นแบบเดิม ถึงจะตามไปที่สวนที่อีกฝ่ายออกกำลังกายเป็นประจำก็ยังไม่เจอ โทรศัพท์หาก็ไม่รับ ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ ไอ้สองอย่างหลังมันเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ที่ไปดักเจอจนถึงวันศุกร์แล้วยังไม่เจอมันทำให้เขาหวั่นใจจริงๆ จะให้ไปดักรอที่คณะก็กลัวจะโดนโกรธ จนในที่สุดวันนี้ถึงได้ตั้งใจตื่นเช้ากว่าที่เคย มีเรียนก็ไม่มี ปกติเสาร์อาทิตย์ก็ไปออกกำลังกายสายกว่าปกติ ยังไงวันนี้ถ้าไม่เจอก็จะไม่กลับจริงๆ

ตั้งต้นบิดขี้เกียจสองสามทีเดินตรงไปยังห้องครัว เมื่อวานเย็นก่อนที่จะไปร้านเขาเสิร์ทอินเตอร์เนตนานสองนานหาสูตรอาหารคลีนที่พอจะทำเองได้ พอได้สูตรที่พอใจก็ไปห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุดเลือกซื้อผักผลไม้ออกานิคและเครื่องปรุงจำเป็นจนครบ เขาตั้งใจว่าหลังจากที่ได้กินฝีมืออีกฝ่ายมาหลายครั้งแล้ว ต่อไปนี้เขาจะหัดทำข้าวกล่องให้อีกคนกินบ้าง ตอนดูในอินเตอร์เนตแอบไฟแรงอยากทำข้าวกล่องเบนโตะน่ารักๆ แต่ก็ต้องเลิกล้มความตั้งใจแทบจะทันทีเพราะแค่อ่านสูตรกับชื่ออุปกรณ์เขายังไม่สามารถทำความเข้าใจได้สักนิด แต่เขายังไม่ย่อท้อ อาทิตย์ที่แล้วจึงสั่งซื้อกล่องข้าวลายมินเนี่ยนมาเพื่อหวังจะเพิ่มความน่ารักให้กับอาหารธรรมดาๆ ที่ตัวเองตั้งใจจะทำแทน

หึ

ถ้าไอ้ดินกับพี่มินมาเห็นผู้ชายตัวควายๆ อย่างเขาทำตัวมุ้งมิ้งแบบนี้ มันคงเอาไปเล่าให้คนในตระกูลมันฟังจนถึงรุ่นเหลน

ตั้งต้นเปิดตู้เย็นค้นผักผลไม้ออกมาวางบนเคาร์เตอร์ในครัว กวาดตามองของทุกอย่างแล้วก็แอบถอนหายใจ ทั้งชีวิตเขาไม่เคยเข้าครัวเลยสักครั้ง ไข่เจียวทำยังไงก็ยังไม่รู้ ถึงความตั้งใจจะมีมากแต่เขาเองก็แอบกลัวเหมือนกันว่ามันจะกินได้ไหม หวังอย่างเดียวว่าคงไม่ทำให้อีกคนท้องเสียไปเสียก่อน

ไอ้ต้น มึงจะมาท้อตั้งแต่ยังไม่เริ่มไม่ได้

เขาหยิบหม้อที่เพิ่งซื้อมาใหม่เพราะในห้องไม่มีเครื่องครัวเลยสักชิ้นขึ้นมาใส่น้ำเปล่าและตั้งไฟ ใส่เกลือลงไปนิดรอให้น้ำเดือดก่อนที่จะหยิบไข่ไก่ออกมา 4 ฟองล้างน้ำจนสะอาดแล้วใส่ลงในหม้อรวดเดียว

“โอ้ย!” เขาร้องเมื่อน้ำร้อนกระเด็นโดนแขน ลูบไปมาให้หายเแสบก่อนที่จะเริ่มจับเวลา 6 นาที ตามสูตรที่อ่านมา ระหว่างรอเขาหันไปทำสลัดอะโวคาโด้ เขาหยิบอะโวคาโด้ออกมาหนึ่งลูก มะเขือเทศสองลูก หอมแขกสองหัว จัดการล้างทุกอย่างจนสะอาดเอี่ยมอ่อง จากสูตรทุกอย่างต้องหั่นเต๋า

“โอ้ย!” ขณะที่เพ่งสมาธิก็ดันหั่นมือตัวเองซะงั้น ดีนะที่แค่ถากไปนิดๆ ได้เลือดหน่อยๆ สงสัยวันนี้คงต้องเปลี่ยนเป็นยำเลือดสดซะแล้วมั้ง เขาตัดสินใจลืมเรื่องความสวยงามที่ควรจะเป็น ดูจากสถานการณ์แล้วแค่มันยังพอเป็นชิ้นไม่เละไปตามมือเขาก็ถือว่าใช้ได้แล้ว เมื่อหั่นทุกอย่างลงถ้วยเขาก็เทน้ำมันมะกอก น้ำผึ้ง มะนาว เกลือและพริกไทยลงไป ใช้ช้อนคลุกไปมาก่อนที่จะตักขึ้นมาชิม

“หืม..ก็ไม่แย่หรือเปล่านะ” เหมือนจะขาดเค็ม เอ๊ะหรือขาดเปรี้ยว ไม่ๆ ออกจะขาดหวานนิดๆ ...

ช่างแม่งเถอะ

เมื่อตัดสินใจไม่ได้ก็เลยเติมเครื่องปรุงทุกอย่างลงไปอีกหน่อยตักแบ่งลงข้าวกล่องเรียบร้อย ตัดสินใจให้กีเป็นคนตัดสินแทนดีกว่าว่ามันใช้ได้ไหม ตอนกำลังเอาขนมปังโฮลวีทใส่ไปในกล่องก็ต้องตกใจเพราะเสียงเตือนจากโทรศัพท์

“เชี่ย!!! ร้อนๆ” ไม่ทันระวังใช้สองมือจับหูหม้อต้มไข่จะยกไปเทน้ำแต่เพราะว่ามันร้อนจัดจึงทนไม่ไหวทิ้งหม้อทั้งหม้อลงไปที่ซิ้งค์ล้างจานซะอย่างนั้น ไข่ด้านในร่วงออกมากระจัดกระจาย บางใบมีรอยแตก บางใบถึงกับแบ่งออกเป็นสองส่วน

“ทำไมมันยากจังวะ” เขาหลับตาลงพ่นลมหายใจเข้าออก อดสบถในลำคออย่างอารมณ์เสียไม่ได้ เอื้อมมือไปเปิดเอามือผ่านน้ำเย็นให้อาการแสบตามนิ้วมือบรรเทาลง หยิบไข่ขึ้นมาปอกเปลือกจนเกลี้ยงเกลา ผ่าครึ่งด้วยมีดคมก่อนจะจัดวางลงในกล่อง เขามองข้าวกล่องที่ตั้งใจทำอย่างพิจารณา ถึงจะดูเละเทะไปสักหน่อย แต่ก็อดยิ้มอย่างภูมิใจไม่ได้อยู่ดี

“เพราะมันไม่ง่าย มันถึงยิ่งมีคุณค่าทางจิตใจ”

เขาคิดถึงหน้าคนที่อยากให้ชิมอาหารมื้อนี้

“และเพราะเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต..ไม่ว่าจะยากแค่ไหนต้นก็จะพยายาม”

.

.

.

.

.

.





“วันนี้ก็คงออกมาเจอไม่ได้ กีมันไม่ค่อยสบายน่ะ” พี่จีที่วันนี้ใส่เครื่องแบบแอร์ฮอสเตสสีฟ้าเข้มเต็มยศบอกเมื่อเดินมาเปิดประตูให้เขา เจ้าตัวพูดตะกุกตะกัก หลบสายตาเขา ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่นก่อนจะถอนหายใจ เป็นเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง โกหกไม่เนียนทั้งคู่ ตอนนี้เขารับรู้ได้แน่ชัดแล้วว่าอีกคนพยายามเลี่ยงไม่อยากเจอเขาจริงๆ ด้วย

“จริงหรอครับ ผมขอขึ้นไปดูได้ไหม” จิระนันท์เบิกตาโต ลังเลอยู่นิดก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เปิดประตูกว้างขึ้นพยักหน้าเชิญอีกฝ่ายให้เข้ามาในบ้าน

“มีปัญหาอะไรกันทำไมไม่คุยกันดีๆ อาทิตย์นี้พี่พูดปดจนเสียผู้ใหญ่หมดแล้ว” หญิงสาวเอ่ยถาม

“ก็..คือ..” ตั้งต้นไม่รู้จะตอบยังไง เขาก็ไม่แน่ใจว่าทำไมอยู่ๆ อีกคนถึงไม่อยากเจอ จะว่าเป็นเพราะเรื่องเมื่อก่อนก็ไม่น่าจะใช่ เพราะไม่งั้นเจ้าตัวคงไม่ยอมให้เขามารับมาส่งอยู่เป็นเดือนๆ แบบนี้ เขาสำรวจมองคนตรงหน้า ดูก็รู้ว่าพี่สาวคนนี้ยังไม่รู้เรื่องที่เขาเคยทำไว้ ไม่งั้นเขาคงจะไม่ได้รับการต้อนขับสู่ที่ดีขนาดนี้ จู่ๆ เขานึกอยากเล่าให้อีกฝ่ายฟัง ถึงจะเสี่ยงไปสักหน่อย แต่อยากน้อยมันก็จะได้เป็นเครื่องแสดงความจริงใจของเขา

“เอาเถอะ ถ้ายังไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร จะขึ้นไปก็ขึ้น เคลียร์กันดีๆ แล้วกัน” หญิงสาวก้าวเข้ามาใกล้ มองตรงมาที่เขาหน้าตาเคร่งขรึม

“พี่ไว้ใจเราได้ใช่ไหม” เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้ารับหญิงสาวก็โล่งใจ “ยังไงพี่ฝากดูมันหน่อยนะ พี่ต้องออกไปแล้ว พี่มีบินวันนี้ กว่าจะกลับก็วันอังคารแน่ะ” เจ้าตัวว่าพร้อมลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กออกไปที่ประตูทางออก

“เอ่อ พี่จีครับ” เขาเรียกตอนที่อีกคนกำลังเดินออกไปพ้นประตู อีกฝ่ายหันกลับมามองอย่างสงสัย

“ถ้าพี่มีเวลาสักห้านาที ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ”

















ตั้งต้นเดินขึ้นชั้นสองไปยังห้องที่เคยมาแล้วครั้งนึง เขาเปิดประตูออกอย่างเบามือ ห้องที่ปิดม่านสนิทจนมืดทึบมองไม่เห็นอะไรสักอย่าง สองแก้มสัมผัสได้ถึงอากาศเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศที่มาปะทะทันทีที่เดินเข้าไป เมื่อสายตาชินกับความมืด เขาก็มองเห็นก้อนผ้าห่มขนาดใหญ่กองอยู่บนเตียง ชายหนุ่มยกยิ้ม สองขาก้าวเดินเข้าไปประชิดขอบเตียง ทรุดตัวลงนอนข้างๆ ก้อนวัตถุนั้นก่อนที่จะถือวิสาสะเอามือโอบรัดแน่น กลิ่นของแป้งเด็กที่คุ้นเคยลอยฟุ้งใกล้จมูก เอียงหัวเข้าไปซบกับก้อนกลมที่เริ่มขยับไปมาเล็กน้อย

“พี่จี วันนี้วันเสาร์น้องขอนอนตื่นสายนะ” เสียงที่แหบพร่าเอ่ยออกมา คนในผ้าห่มเทน้ำหนักตัวมาทางเขา ชายหนุ่มยิ้มกระหย่องได้แต่พยักหน้ารับแรงๆ ผ่านผ้าห่มแทนคำตอบ

“ไหนบอกว่าวันนี้มีบิน ไม่ไปตอนนี้จะทันหรอ” อีกฝ่ายถามต่อคราวนี้เขาส่ายหัวแทนคำตอบ

“ทำไมไม่ตอบน้องล่ะ” ตั้งต้นหลุดยิ้ม ทำไมไม่ยอมเลิกราง่ายๆ นะ ขอนอนต่อไม่ใช่หรอ อยู่เงียบๆ ให้เขาทำเนียนนอนกอดแบบนี้ไปอีกนิดไม่ได้หรือไงนะ

“พี่จี?” อีกฝ่ายยังรั้น เขานิ่งไม่ยอมว่าอะไรแต่รัดตัวอีกฝ่ายแน่นขึ้น จนในที่สุดคนที่ทนไม่ไหวก็ขยับสองสามทีก่อนที่จะผุดหัวออกมาจากผ้าห่ม

“นายมาได้ยังไง!!” เมื่อเห็นชัดว่าเป็นใครที่นอนยิ้มอยู่ข้างตัวร่างเล็กก็เหยียดตัวขึ้นยืนบนเตียงก่อนที่จะเหยียดสุดแขนใช้นิ้วชี้ชี้หน้าเขา ตะโกนถามออกไปสุดเสียง ตั้งต้นขยับขึ้นนั่งบนเตียง ดึงอีกคนที่ยืนอยู่ให้ล้มลงมาบนตัก กอดรัดไว้แบบนั้นแม้อีกฝ่ายจะพยายามขัดขืน

“ก็พี่จีบอกว่าไม่สบาย ต้นเป็นห่วง” ว่าแล้วก็เอื้อมเอามือแตะหน้าผากอีกฝ่าย “ก็ไม่เห็นมีไข้นี่ ปวดหัวหรอครับ” กีรติหดคอห่อไหล่เข้าเมื่อโดนกระซิบข้างหูเสียงพร่า พยายามดิ้นรนยังไงก็ไม่หลุดจากอ้อมกอดอีกฝ่ายเสียที

“ปะ..ปล่อย”

“ต้นไม่ปล่อย จนกว่ากีจะบอกว่าเป็นอะไร” จับคางอีกฝ่ายเชิดขึ้นเบาๆ อยู่ใกล้กันแบบนี้เขาสังเกตเห็นตาที่บวมฉึ่งของอีกฝ่ายได้ชัดเจน มันไม่ใช่ตาที่บวมเหมือนคนตื่นนอนใหม่แต่มันเหมือนตาของคนที่ผ่านการร้องไห้มาตลอดทั้งคืนต่างหาก แม้กระทั่งตอนนี้ตอนที่สบตากันใกล้ๆ ในความมืดเขายังเห็นแววตาเรื่อวูบไหวเหมือนมีน้ำตาที่พร้อมจะร่วงหล่นลงมาทุกเมื่อ ความร้อนรุ่มก่อเกิดขึ้นในใจ เขาสงสัยเหลือเกิน คนตรงหน้าเขาเป็นอะไรกันแน่

“บอกต้นได้ไหม” ร่างสูงยังเว้าวอน “ทำไมถึงหลบหน้ากันแบบนี้” ทั้งๆ ที่เรื่องเหมือนจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วแท้ๆ

“ที่ร้องไห้แบบนี้ นี่เป็นเพราะต้นหรือเปล่า” อดไม่ได้ที่จะก้มลงประทับริมฝีปากลงบนเปลือกตาที่ร้อนชื้น คนที่เพิ่งตื่นนอนยังคงงวยงงเหมือนอยู่ในความฝัน มันก็เหมือนทุกวันที่ร้องไห้จนหลับ ฝันถึงคนคนนี้และตื่นมาพร้อมน้ำตา มีเพียงสัมผัสร้อนที่มากระทบผิวเย็นที่ทำให้รู้ว่านี่ไม่ใช่ฝัน ความร้อนที่แตะลงมาที่เปลือกตา เลื่อนไล้ลงมาที่ข้างแก้ม ต่ำลงมาเรื่อยๆ

“ยะ..หยุดนะ” สองมือผลักร่างสูงออกเต็มแรงในจังหวะที่ริมฝีปากทั้งสองกำลังจะสัมผัสกัน อีกฝ่ายยอมปล่อยปลายคางเขาออกแต่โดยดี แต่มือที่รั้งเอวบางไว้ยังคงกระชับแน่น

“ใช่ ทั้งหมดมันเป็นเพราะนาย” คนตัวเล็กเอ่ยเสียงสั่น พยายามสุดกำลังที่จะดันตัวออกจากอีกฝ่าย แต่ไม่ว่ายังไงมือหนาก็ยังไม่ยอมปล่อย

“นะ..นายทำให้เราอึดอัด เราเคยบอกนายแล้ว” กีรติท่องสิ่งที่อยู่ในใจออกไป “เราเคยบอกไปแล้ว แต่นายไม่ฟัง จะให้พูดซ้ำ ให้ไล่บ่อยๆ เราก็เกรงใจ แต่เราก็ทนไม่ไหวแล้ว” สองตาจ้องที่แผ่นอกอีกฝ่าย สองมือที่ตอนแรกพยายามผลักออกเปลี่ยนเป็นกำเสื้อยืดของคนตรงหน้า ฝืนตัวเองให้พูดสิ่งที่ควรพูดออกไป

“ขอร้องล่ะ เราไม่อยากเป็นคนใจร้าย แต่เรารำคาญเต็มทนแล้ว ต่อไปนี้อย่ามาให้เห็นหน้าอีกเลยนะ ขอให้เรื่องของเราจบลงสักที” กีรติหลับตา เม้มปากแน่น เขาพูดมันออกไปแล้ว พูดโดยที่ไม่ร้องไห้เลยสักแอ๊ะ อย่างช้าๆ อีกคนยอมปล่อยมือออกจากเอวเขา

ในที่สุด...

จบกันสักที...

“ต้นไม่เชื่อ” กีรติลืมตาขึ้นมาอีกครั้งสบตาเข้าอย่างจังกับคนที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว “กีโกหก บอกมาสิว่ากีโกหก”

“อยากคิดยังไงก็ตามใจนาย..แต่เราพูดสิ่งที่เราคิดไปหมดแล้ว” ร่างเล็กยันตัวเองลุกขึ้นออกจากเตียงตั้งใจจะเดินหนีไปทางห้องน้ำ เม้มปากแน่นกลั้นน้ำตาทั้งหมดไม่ให้ไหลออกมา คนตัวโตรีบยืนตามดึงแขนคว้าอีกคนเข้ามาประชิดแนบอก แขนแกร่งข้างหนึ่งสอดรัดเอวสอบแน่น ก่อนจะใช้มือที่ว่างดันคางอีกคนให้สบกันอีกครั้ง

“พูดใหม่ทั้งหมดสิ มองตาต้นแล้วพูดซิว่ารำคาญ พูดซิว่าไม่อยากเจอกันแล้ว” ร่างสูงเสียงสั่นเครือ ความกลัวแผ่ซ่านเต็มหัวใจ ถึงจะโดนอีกฝ่ายเอ่ยปากไล่มาครั้งแล้วคนั้งเล่า แต่ไม่มีครั้งไหนที่เหมือนครั้งนี้ ถ้าเขาปล่อยอีกคนไปมันเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับเขาแล้วจริงๆ

“กลับไปซะ..” เขาตาโตเมื่อได้ยินสิ่งที่ออกมาจากริมฝีปากบาง “อย่าทำให้เรารำคาญไปมากกว่านี้” หยาดน้ำใสร่วงหล่นออกมาจากตากลมแต่เจ้าตัวยังไม่คิดจะหลบสายตา ชายหนุ่มรู้สึกจุกในอก ความเจ็บปวดทำให้กระบอกตาเร่าร้อนในที่สุดน้ำชื้นที่ผุดขึ้นมาก็ไหลลงสองแก้ม

“ไม่จริง” เอ่ยออกไปเสียงสั่น “ต้นรู้ กีรักต้น กีรักต้นที่สุด” เขาจับไหล่สองข้างอีกฝ่ายเขย่าไปมาแต่ก็โดนสะบัดออกในทันที

“ใช่! เรารักนาย! แล้วนายคิดสิว่านายตอบแทนความรักของเรายังไง!” เหมือนคนที่พยายามนิ่งก็หมดความอดทน

“ยังทำเราเจ็บไปพอหรอ ต้องการอะไรจากเราอีก ทำไมไม่ปล่อยให้เราไปตามทางของเราสักที” เมื่อพูดจบกีรติก็ร้องไห้โฮทรุดลงนั่งบนที่นอน

เขาพยายามแล้ว

พยายามจะจบมันด้วยดี

พยายามไม่โวยวายให้เป็นเรื่องใหญ่

แต่ทำไม ทั้งที่เคยขอร้องกันดีๆ ในเมื่อไม่รักกัน แล้วจะยังเข้ามาให้เขาเจ็บซ้ำไปซ้ำมาทำไม

“ต้นปล่อยกีไปไม่ได้ ต้นรักกีนะ ต้นรักกีจริงๆ” ร่างสูงทรุดชันเข่าลงที่พื้น กอดสองขาอีกฝ่ายแน่น ซบแก้มลงบนตัก อีกคนชะงักในการกระทำของอีกคน คิดสมเพชตัวเองเหลือเกินที่แค่ได้ยินคำรักก็ใจอ่อนวูบอีกแล้ว

“ปล่อยนะ! เราบอกให้ปล่อย! ปล่อยสิว่ะ” สองมือผลักไหล่หนาเต็มแรง สองขาสะบัดไปมาพยายามถีบอีกฝ่ายออกไป แต่คนตัวโตยังรัดไว้แน่น

“ตีต้นเลย ลงโทษต้นเลย แต่ต้นจะไม่ปล่อยกีไปไหนอีกแล้ว” เงยหน้าขึ้นมาสบตากันอีกครั้ง “ต้นรักกีจริงๆ นะครับ”

เพี๊ยะ!

ตั้งต้นหน้าชาเพราะแรงที่มากระทบ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ยอมหลบตาอีกฝ่าย สองมือยังเกาะขาเรียวแน่น

“อึก...เลิกพูดพล่อยๆ ได้แล้ว” คนบนเตียงกล่าว “คำว่ารัก..อึก..มันไม่ได้เอามาใช้..อึก..เรี่ยราดแบบนี้หรอกนะ” พูดไปทั้งที่ยังสะอึกสะอื้น “แค่จะรั้งกันไว้..อึก..แล้วจะมาพูดจา..อึก...ไร้ความรับผิดชอบ...แบบนี้ไม่ได้หรอกนะ”

คนตัวโตรีบส่ายหน้าปฎิเสธเอามือข้างนึงอังแก้มอีกฝ่าย “ไม่นะครับ” รีบกล่าวอย่างร้อนรน “ต้นรู้ตัวแล้ว ต้นรักกี รักกีคนเดียว ต้นอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีกี กีเชื่อต้นนะ” หยดน้ำตาไหลร่วงจากตาคม เขาไม่มีอะไรจะพิสูจน์มีแต่คำพูดที่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะน่าเชื่อถือแค่ไหน

“เราไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว” ร่างบางส่ายหน้า “จะจริงหรือไม่จริงเราก็ไม่อยากจะรับรู้อะไรแล้ว” กีรติร้องไห้ตัวโยน เขาเหนื่อย เหนื่อยเกินไปจนไม่อยากเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับความรักครั้งนี้อีกแล้ว

“ไม่ ไม่นะ ขอโอกาสให้ต้นอีกครั้งนะครับ” คนตัวโตกว่าคว้าสองมือมาแนบแก้ม “ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ต้นสัญญาว่าจะไม่ทำผิดพลาดอีก ต้นสัญญาว่าจะไม่ทำให้กีผิดหวัง” กีรติมองร่างสูงที่ฟูมฟายไม่หยุด คนที่ร้องไห้กอดขาอ้อนวอนขอให้เขากลับไป แต่ก็เป็นคนเดียวกับคนที่ทำให้เขาเจ็บเจียนตาย

เขาไม่เชื่อ...

เขาไม่ควรจะเชื่อ...

แต่เขายังอยากเชื่อ...

ในที่สุดเขาก็ยังแพ้หัวใจที่เจ็บไม่เคยจำของตัวเองอยู่ดี

“ครั้งสุดท้าย..” ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมาสบตาอย่างรวดเร็วเมื่อเขาเอ่ยขึ้น

“ขอให้มันเป็นครั้งสุดท้าย...

แล้วถ้านายยังรักษามันไว้ไม่ได้...”

ร่างบางสะอื้นจนตัวโยน

เราขอร้องล่ะ..อึก...ปล่อยเราไปเถอนะ”

พูดไม่ทันจบประโยคดี คนที่ชันเข่าอยู่ที่พื้นก็ฉุดแขนเขาให้เข้าไปประชิด สอดสองแขนมาโอบแผ่นหลังเขาแนบสนิท ซบหน้าลงที่บ่าข้างหนึ่ง เขาสัมผัสได้ถึงความเปียกแฉะที่ไหล่ ร่างสูงใหญ่ไหวเล็กน้อย อีกคนกำลังร้องไห้

“มันจะไม่มีวันนั้น ต้นสัญญา ต้นสัญญา”

เขารู้แล้ว..

ใจที่เคยคิดว่าเข้มแข็งขึ้น ที่จริงมันไม่เคยเป็นแบบนั้นเลย แขนเรียวยกขึ้นโอบกอดแผ่นหลังหนา

เขาคิดถึง.. กลิ่นที่คุ้นเคย...ความอบอุ่นของอ้อมกอดนี้.. เขาคิดถึงมันเหลือเกิน

.

.

.

.

.

.

“นี่นายทำเองหรอ” ดูจากหน้าตาอาหารก็น่าจะพอเดาได้อยู่แล้ว แต่ถึงมันจะน่าเกลียดยังไงมันก็ยังไม่น่าเชื่ออยู่ดีว่าอีกฝ่ายจะลงมือทำเอง

แล้วยังกล่องข้าวอีก

กีรติอมยิ้มมองฝากล่องข้าวรูปมินเนี่ยน ดูยังไงก็ขัดกับผู้ชายร่างใหญ่ตรงหน้าเหลือเกิน เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปก่อนที่จะใช้ส้อมจิ้มอะโวคาโด้เข้าปาก

“ชอบจนต้องถ่ายรูปเก็บไว้เลยหรอ” ร่างสูงที่นั่งกอดอกมองเขาเอ่ยแซวออกมา ตาที่ยังบวมฉึ่งเป็นหลักฐานว่าเจ้าตัวร้องไห้หนักแค่ไหน

“จะเอาไปประจาน” ร่างเล็กเอ่ยออกไปให้อีกคนหัวเราะร่า พูดไปแบบนั้นแต่ที่จริงตั้งใจจะถ่ายเก็บไว้ ก็มันเป็นข้าวกล่องกล่องแรกที่อีกฝ่ายทำให้นี่น่า

“อร่อยดีนะ ขอบใจที่อุตส่าห์ทำให้” พึมพำออกมา อีกคนฉีกยิ้มกลับส่งสายตาหวานซึ้งจนต้องเสมองไปทางอื่น พอดีกับที่ตาไปสบกับอะไรบางอย่างเข้าอย่างจัง

“โดนมีดบาดหรอ” พอจิตใจสงบลงก็สังเกตเห็นนิ้วสองนิ้วที่มีพลาสเตอร์พันอยู่ อีกฝ่ายปล่อยแขนลงข้างลำตัวเหมือนไม่อยากให้เห็น เขาไม่อยากให้อีกคนเป็นห่วง

“นิดหน่อยนะ ครั้งแรกมันก็เจ็บแบบนี้แหละ” สายตาเจ้าเล่ห์กับคำพูดกำกวมทำให้อีกคนหน้าแดง “ถ้าได้อาจารย์ดีๆ เหมือนที่กีได้ ครั้งแรกก็คงไม่เจ็บแบบนี้” คนตัวโตยังยียวน

“ทะลึ่ง!” กีรติตะโกนว่าจนอีกคนหัวเราะ

“คิดอะไรเนี้ย หมายถึงอาจารย์สอนทำอาหารไง” เขาไม่อยากต่อปากต่อคำเลยได้แต่กินข้าวในกล่องต่อไปเงียบๆ คนทำเองก็เริ่มหยิบส้อมขึ้นมาตักอาหารเข้าปาก พลางเอ่ยชมตัวเองจนอดขำไม่ได้ มันคงจะไม่ง่ายที่จะกลับไปคุยเล่นกับอีกฝ่ายเหมือนเดิม และแม้จะยังมีความกังวลกับการตัดสินใจของตัวเองอยู่ก็เถอะ แต่เขาก็ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะดูงี่เง่าแค่ไหน เขาขอทำตามใจหัวใจที่มันไม่รักดีดวงนี้อีกครั้ง

“เจ็บมากหรือเปล่า” เอ่ยถามอีกฝ่ายตอนที่สังเกตเห็นแก้มที่เริ่มบวมแดงขึ้น “ขอโทษนะที่ตบไปเมื่อกี้” อีกคนส่ายหน้า ชี้นิ้วให้ดูรอยที่มุมปาก

“มือพี่กีหมัดหนักกว่าอีก” พูดกลั้วขำออกมา ทำเขาเบิกตากว้าง รอยหมัดที่มุมปากเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงอมม่วง

“พี่จีหรอ? พี่จีต่อยนายทำไม” คิ้วหมวดเข้าหากันแน่น ถามออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“เมื่อเช้าต้นเล่าให้พี่จีฟังแล้ว ว่าเคยทำอะไรไว้” ตากลมโตยิ่งเบิกกว้างกว่าเดิม “กับสิ่งที่ต้นเคยทำ แค่หมัดเดียวยังไม่พอเลย”

“ต้น..นายนี่มัน..” เขาส่ายหน้า ร่างสูงเอื้อมมาคว้ามือเขาไว้

“ต้นรู้ว่าตัวเองแย่ รู้ว่าไม่คู่ควรจะมาขอความเห็นใจ แต่ต้นก็เป็นแค่คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง ต้นไม่อยากปล่อยให้กีไปให้ใครอีกแล้ว” ทั้งสองสบตากัน นอกจากยอมเชื่อใจแล้ว พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย มันก็มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่าง

“มันก็ไม่ได้ยากอะไรหรอกนะ..” ร่างเล็กเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นบ้าง “การที่จะทำให้เราอยู่ตรงนี้ มันไม่ได้ยากอะไรเลย”





นายก็แค่ต้องรักเรา.. แค่รักเราคนเดียว...









***********

โอ้ยยย เหนื่อยยย อีต้นนนนนน 55555 ไม่รู้จะถูกใจกันหรือเปล่านะคะ แต่ฉากนี้คือเป็นฉากที่อยู่ในหัวฉากแรกๆ เลยตอนที่ตั้งใจจะเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา คือตอนที่คิดเนื้อเรื่องก็คิดไว้หลายแบบ คืออยากให้น้องแก้แค้น อยากให้น้องแกล้ง ถึงขนาดอยากให้น้องหลอกกลับไปเป็นแฟนแล้วคบซ้อนให้ต้นช้ำใจไรงี้ แต่พอคิดไปคิดมาคือตัวตั้งต้นมันเป็นคนมีปมเนาะ คนที่ไม่เชื่อในความรักแบบนางคืออยากให้เจอคนที่รัก แบบรักมากๆ จนในที่สุดคนอย่างมันก็จะได้รู้ว่ารักแท้มันยังมีอยู่จริง และช่วยให้นางคลายปมที่มีอยู่ในอดีตมาตลอดให้ได้ ด้วยเหตุนี้ น้องก็เลยดูง้อง่ายไปนิด เหมือนจะตัดจะตัดแต่ทำไม่ได้ อย่าว่าน้องเลยนะคะ เก๊าผิดเอง!!

แหม๋ สปอยขนาดนี้ไปเขียนตอนหน้าให้เสร็จดีกว่ามั้ง 555 บอกไว้แต่แรกแล้วนะคะ เรื่องนี้จะสั้นกว่ารักมือสองนี่ก็ประมาณครึ่งเรื่องแล้วค่ะขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่าน อยู่ด้วยกันไปจนจบเลยน้า รักกก

ติดตามความเคลื่อนไหวในทวิตเตอร์จ้า @maywrite1 #ต้นคนรักไม่เป็น






หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 7:. 11/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 12-08-2019 03:01:36
 :katai1: อแต่เเรกก็แค้นต้น แต่อยากให้เคลียร์กันดีแี นุ้งกีควรบอกวาทำไมถึงหลบหน้า ต้นก็บอกได้แล้วว่าเข้าใจผิดนุ้งกีเรื่องอะไร
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 7:. 11/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 12-08-2019 20:20:23
 :m3:
คือว่ารักกัน



จะมีใคร..งานเข้าอีกไม๊หว่า
มารมีเยอะ มาตลอดดดดดด
หุุหุ


หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 7:. 11/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 12-08-2019 23:47:14
อุปสรรคเยอะจริงๆนะครับ,,,
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 7:. 11/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-08-2019 01:05:50
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend .:บทเรียนที่ 7:. 11/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 13-08-2019 20:19:01
ใหนๆก็อ้อนวอนขนาดนี้แล้วเคลียร์ทุกอย่างด้วยนะต้น โอกาสมีแค่ครั้งเดียวนะอย่าให้มันค้างคา
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - แจ้งตอนพิเศษของรักมือสองค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 13-08-2019 23:53:35
มาแอบแจ้งตอนพิเศษของรักมือสองค่า

Special 1: ดาว✨

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70324.90

ฝากด้วยนะคะะะ :)
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 8:. 16/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 16-08-2019 11:18:04
.:บทเรียนที่ 8:.


“พร้อมหรือยังครับ”
“พร้อมตั้งนานแล้ว” ว่าแล้วก็ยกแผ่นกระดาษที่เขียนข้อความจนแน่นล้นหน้าให้ดู
“ต้นเริ่มไม่พร้อมแล้วแฮะ”
“ลากมาถึงพัทยาแล้วยังมีหน้ามาเปลี่ยนใจ?”
“ล้อเล่นครับ ล้อเล่น งั้นเริ่มกันเลย ม่ะ!” ตั้งต้นขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเตียง ประจันหน้ากับคนที่นั่งท่าเดียวกันอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กตรงหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมาให้ก่อนที่จะเริ่มอ่านสิ่งที่ตั้งใจเขียนมาตลอดทาง
กีรติยิ้ม หลังจากเมื่อเช้าที่ตกลงใจจะให้โอกาสอีกคน เจ้าตัวก็เป็นฝ่ายชวนเขาขับรถมาเที่ยวพัทยา ตอนแรกเขาหรี่ตามองเจ้าของไอเดียอย่างไม่ไว้วางใจ นี่ยอมใจอ่อนให้ปุ๊ปก็คิดจะลากเขาขึ้นเตียงปั๊ปเลยหรือไงนะ แต่พออีกฝ่ายให้เหตุผลน่าฟังว่า
“อยากมีเวลาอยู่ด้วยกันสองคนจริงๆจังๆ”
“อยากคุยทุกเรื่อง อยากเล่าให้กีฟังทุกอย่าง”
“อยากให้เราเปิดใจกันมากขึ้น”
“เพราะที่แห่งนั้นเป็นที่ที่ทำให้ต้นเริ่มรู้ใจตัวเอง”
เมื่อได้ฟังเหตุผลที่ฟังขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้างของอีกคนเขาก็เลยยอมตกลงเพราะใจอ่อนกับความมุ่งมั่นสรรหาคำ ที่จริงเขาก็คิดนะ ที่ผ่านมาเราไม่เคยได้มานั่งคุยกันจริงจัง อาจจะเป็นเพราะระยะเวลาที่เป็นตัวกำหนด เราจึงเลือกที่จะไม่ใส่ใจรายละเอียดใดๆ ไม่ชอบก็มองผ่านไม่คิดจะคุยกันให้เข้าใจ แต่ถ้าต่อไปจะลองคบหากันเป็นเรื่องเป็นราวจริงๆแล้วล่ะก็ เราก็ควรที่จะคุยกันมากขึ้น และเขาเองก็มีคำถามค้างคาอยู่มากมายในใจ จนระหว่างที่นั่งมาบนรถแทบจะไม่ได้เงยหน้าไปคุยกับคนขับ นั่งจดสิ่งที่อยากจะคุยกับคนตรงหน้ามาตลอดทาง
“ข้อแรกที่อยากรู้มากที่สุด” เขาเริ่มอ่านข้อความในกระดาษ ตาแอบเหล่มองคนที่นั่งเกร็งฝืนกลืนน้ำลายดังเอือก
“ทั้งๆที่วันนั้นนัดกับเรา ทำไมถึงมีคนอื่นอยู่ที่นั่นได้”
อยากจะพูดว่า ‘ทำไมพาคนมาเอาที่ห้อง’ ก็แอบเกรงใจ มองคนตัวสูงกว่าที่นั่งปาดเหงื่อที่ไหลออกมาตอนไหนไม่รู้ ยิ้มเจื่อนเหมือนไม่รู้จะเริ่มตอบว่ายังไงดี
“รู้ใช่ไหมว่าเลว” เป็นเขาที่ว่าต่อ จริงๆอยากด่ามานานแล้วแต่นั่งร้องไห้เป็นนางเอกตาหวานอยู่
“ระ..รู้ครับ”
“รู้แล้วทำทำไม” กอดอกแน่นพูดกระแทกกระทั่น ร่างสูงมองเลิกลั่ก คิดอยู่ครู่ก่อนที่จะกลั้นใจพึมพำออกมา
“ประ..ชด” เบาจนเขาต้องเหงี่ยหูฟัง “อะไรนะ?”
“ก็แค่อยากประชด”
“ห๊ะ”
“ก็แค่อยากประชด”
“ได้ยินแล้ว แต่ไม่เข้าใจ ประชดอะไร” เขาคิ้วขมวดแน่นอย่างไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง ผู้ชายมั่นใจตรงหน้าล่อกแล่กไปมา จนในสุดก็ยอมเอ่ยเล่าเรื่องที่ไปเจอเขากับนทที่ผับคืนนั้น เขาอ้าปากจะพูดแทรกแต่ก็งับลงอีกครั้ง ก่อนจะทำแบบเดิมซ้ำๆไปมาจนอีกฝ่ายเล่าจบ รู้สึกปวดขมับขึ้นมาทันที อะไรจะคิดเองเออเองเก่งเบอร์นี้
“ปัญญาอ่อน”
“หืม?”
“เราด่าว่านายปัญญาอ่อน”
“โถ..กี” อีกคนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงปนน้อยใจ
“แล้วทำไมไม่เดินเข้าไปถาม?”
“...”
“หรืออย่างน้อยก็เดินเข้าไปต่อย” ก็ถ้าจะทำแบบที่ทำลงไป เดินมาต่อยหน้ากันยังจะเจ็บน้อยกว่า
“เฮ้อ หมดคำพูดจริงๆ” เขาส่ายหัวไปมาอย่างสิ้นหวัง ยกมือขึ้นไปนวดขมับ ไม่อยากจะเชื่อว่าที่เรื่องมาถึงขนาดนี้ เป็นเพราะอะไรแค่นี้จริงๆ
ก็ถ้ามันจะไม่ใช่แค่ข้ออ้างน่ะนะ
“แล้วหลังจากเรากลับไป ได้มีอะไรกันไหม” ถามลองเชิงไปงั้น คิดจริงๆว่ามีเรื่องกันขนาดนั้นเจ้าตัวคงไม่มีอารมณ์ต่อหรอก แต่พออีกคนไม่ตอบนั่งก้มหน้าหลุบตาลง ก็ต้องตาโต หน้าร้อนด้วยความโมโห
อีต้น~ มึงนี่นะ
เอื้อมไปดึงติ่งหูอีกฝ่ายลงแรงๆ
“โอ้ยยยยย กี...ต้นเจ็บ”อีกคนได้แต่โอดครวญแต่ไม่กล้าเอามือมาจับให้เขาหยุด
“นายอยากตายหรือไงห๊ะ” เหมือนจะยังไม่สะใจ เอามืออีกข้างมาจับติ่งหูที่ว่างอยู่ บิดดึงลงพร้อมกันให้ต้องร้องลั่นกว่าเดิม
“พอแล้วๆๆ แค่เกือบๆ แค่เกือบๆเอง” ร้องแก้ตัวออกไป เพราะเริ่มจะทนต่อความเจ็บไม่ได้แล้ว
“ตัดทิ้งเลยดีไหมนะ” ยิ่งพูดยิ่งโมโห
“ไม่ได้มีอะไรจริงๆ แค่เห็นเค้กก็ละอายใจไม่ไหวแล้ว”
“นี่ถ้าไม่มีเค้กก็เสร็จไปแล้วงั้นสิ”
“ไม่มีๆๆ ยอมแล้วๆๆๆ”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว รู้หรอกนะว่าไม่ได้เจอกันแค่วันนั้นน่ะ” พอพูดไปอย่างนั้นอีกฝ่ายก็หันมาสบตาด้วยสีหน้าประหลาดใจ จับสองแขนเขาให้อยู่นิ่ง
“กีรู้..รู้ได้ไง” อีต้น~ มันน่านัก!!!
“รู้สิ แล้วก็ไม่ได้เข้าใจผิดแบบนายด้วยนะ ตอนนัดกันก็ยืนฟังอยู่ข้างๆนั่นแหละ”
“มันก็ใช่..คือ ไม่ใช่นะ!!!” รีบแก้ตัวเมื่ออีกฝ่ายกลอกตาขึ้นบน ทำปากยื่นอย่างคนหงุดหงิดอย่างสุดจะทน
“คือไปเจอกันจริงๆ ริวอยากมาเจอ แต่ไม่ได้มีอะไรเกินเลยจริงๆนะ” ตั้งต้นรีบว่าต่อไม่อยากโดนเข้าใจผิดอีก อีกฝ่ายหรี่ตามองอย่างไม่คิดเชื่อคำพูดเขา
“ตั้งแต่วันนั้น ต้นก็ไม่ได้ไปยุ่งกับใครอีกเลยนะ” พูดย้ำเพราะอยากให้อีกคนมั่นใจ แม้จะรู้ดีว่าคำพูดขอเขามันคงไม่มีน้ำหนักมากมายอะไรนัก
“แล้วคุยกันถึงไหนต่อไหนล่ะ” ร่างเล็กอดประชดออกไปไม่ได้ ก็ประวัติดีเหลือเกินคนนี้
“ก็ไม่ได้อะไร ตอนที่ริวมาที่ห้อง เขาก็เข้าใจผิดนึกว่าจะทำเหมือนเคย..โธ่.. กี...ฟังก่อนสิครับ” เมื่อคนร่างสูงเริ่มเล่าก็เหมือนอีกคนจะเริ่มทนไม่ไหวเบือนหน้าหนีจนเขาต้องเอื้อมมือไปจับให้หันหน้ามาคุยกันดีๆ
“แต่ต้นตัดสินใจแล้ว ต้นบอกแล้วไงว่าต้นมีแค่กี”
“แล้วถ้าไม่คิดอะไรแต่แรก ก็บอกปัดไปตั้งแต่คุยโทรศัพท์สิ จะให้มาถึงห้องทำไม”
“ก็ริวเป็นเพื่อน ไม่อยากพูดตัดไปทางโทรศัพท์” ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงเอ่ยปากตัดโดยไม่มีเยื่อใยไปแล้ว แต่อีกคนดันเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาก่อน ถ้าไม่เรียกมาคุยต่อไปอาจจะมองหน้ากันไม่ติด

‘หึื ตกลงว่าตัวจริงว่างั้น’
‘อืม คนนี้ต้นจริงจัง’
‘เป็นแฟนกันแล้ว?’
‘ก็พยายามง้ออยู่’
‘ก็ไม่น่าจะยากนี่ ดูอยากจะกลับมาจนตัวสั่นขนาดนั่น’
‘หืม?’
‘เปล่า’
‘...’
‘ไม่ได้ใจดีขนาดจะมาช่วยพูดให้ดีกันหรอกนะ’


“แล้วน้ำเดือนบัญชีล่ะ” กีรติยังจี้ต่อ ขีดฆ่าประเด็นที่ถามไปแล้วออก รายชื่อมันยาวเหลือเกินจนไม่รู้ว่าวันนี้จะถามจบไหม
“วันนั้นต้นก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไร”
“แต่ก็เคยมี”
“ครั้งเดียวเอง โอ๊ย!!” พูดไม่ทันขาดคำก็โดนดึงหูอีกแล้ว วันนี้สงสัยเขาจะหูขาดแน่ๆ
“พูดออกมาได้ ครั้งเดียวเองๆๆ” นึกหมั่นไส้จนไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว ในที่สุดคนที่ทนเจ็บต่อไปไม่ไหวก็จับเขารัดแน่นในวงแขน
“ต้นขอโทษครับ ต้นมันงี่เง่าเอง”
“ก็รู้ตัวดีนิ”
“ต้นรู้ว่าต้นมันเลว อดีตเยอะจนไม่รู้จะแก้ตัวยังไงไหว ถ้าทำได้ต้นก็ไม่อยากทำ แต่ต้นกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้เลย”
คนพูดใช้น้ำเสียงออดอ้อนที่เขารู้ดีว่าไม่ควรจะหลงคารม
“แต่ต้นสัญญากับเรื่องอนาคตได้ ต้นจะไม่มีวันทำอีก ด้วยเกียรติของคนคนหนึ่ง ต้นจะรักและมีแค่กีคนเดียว”
แต่ทั้งที่รู้ดี ใจคนฟังก็ยังอ่อนยวบลงไปอย่างช่วยไม่ได้เหมือนทุกครั้ง
“...”
“นะกีนะ เป็นแฟนกับต้นอีกครั้งนะครับ”
ใจกระตุก คำถามที่เคยสงสัยมาตลอดว่าเจ้าตัวจะเอ่ยออกมาไหม ถูกพูดออกมาให้หน้าร้อนผ่าว
“ถ้ากีไม่ตอบตกลง ต้นจะนั่งกอดกีไปแบบนี้จนตัวแห้งตายเลย” เขาขำหึในลำคอ หันไปสบตาคนที่พูดเสียงเล็กเสียงน้อย ปากยื่นปากยาว นึกว่าตัวเองตัวน้อยตัวนิดมากนักหรือไง
“จะกอดอะไรนักหนา แม่ไม่รักปะเนี่ย” เขาก็แค่พูดหยอกกล้อแก้เขินออกไปแบบไม่คิด แต่ก็ต้องตกใจเพราะอยู่ๆหน้าอีกฝ่ายกลับมาตึงเรียบทันที
“ก็ไม่รักแหละ” อีกฝ่ายยิ้มเจื่อนพึมพำออกมา เขาแทบอยากจะยกมือขึ้นตบปากตัวเอง พึ่งนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนเจ้าตัวเคยเล่าให้ฟังว่าพ่อแม่อีกฝ่ายเลิกกันตั้งแต่เด็ก
“เอ่อ..เราขอโทษนะ เราปากไวไปหน่อย” เอื้อมมือไปจับมืออีกคนไว้ “ไม่ได้ตั้งใจจะหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆนะ” อีกคนยิ้มรับ ส่ายหน้าปฎิเสธกลับมา
“หือ ไม่เป็นไรหรอก ก็กีไม่รู้นี่” กอดเขาแน่นขึ้น เอาคางเกยกับไหล่เล็ก ยิ่งอีกฝ่ายไม่โกรธเขายิ่งรู้สึกผิด
“ต้นเป็นคนทำให้ทั้งสองเลิกกันเองแหละ” อีกคนว่าต่อ เขาตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเอ่ยออกมาด้วยอารมณ์แบบไหน
“ทะ..ทำไมล่ะ..” เพราะใจที่อยากรู้เรื่องของอีกคนจนทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ “แต่ถ้านายไม่อยากเล่า..”
“เล่าได้”
“ต้นอยากให้กีรู้” อยากให้รู้ทุกอย่าง อยากให้รับได้ในตัวตนของเขา
“อยากรู้ทุกเรื่องของกี และอยากให้กีรู้เรื่องทุกอย่างของต้น ไม่อยากมีความลับกับกีอีกแล้ว” คนฟังยกยิ้ม สิ่งที่ได้ฟังมันทำให้ใจดวงน้อยอุ่นร้อนไปหมด
“ต้นจับได้ว่าแม่มีชู้” เสียงที่เอ่ยออกแทบจะเรียบสนิทเหมือนไร้ความรู้สึก
“ต้นบอกว่าถ้ายังรักต้นอยู่บ้าง ก็ขอให้เลิกแกล้งรักกัน ขอให้เลิกกับพ่อ” เขานิ่งฟัง รู้สึกสงสารอีกคนขึ้นมาจับใจ เริ่มเข้าใจแล้วว่าอะไรทำให้ผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่างขาดความมั่นใจเรื่องความรักได้ขนาดนี้ ขนาดที่ไม่กล้าเดินมาถามหาความจริงจากเขาในวันที่เข้าใจผิด คิดแบบนั้นแล้วก็ได้แต่ยกมือขึ้นกอดหลังอีกฝ่ายไว้แน่น
“รู้ใช่ไหมว่าเราไม่ได้มีอะไรกับนท” คนที่ซบไหล่เขาอยู่พยักหน้ารับ “ต้นขอโทษนะ”
“กับน้องพุทธก็ไม่มีอะไร” เขายังว่าต่อ “ต้นรู้ ต้นมันงี่เง่าเอง”
“เชื่อเราไหม ถ้าเราบอกว่าเราจะไม่มีวันทรยศนาย” เขาผละออกมาห่าง พอให้สามารถสบตากัน ได้ “เราขอแค่อย่างเดียว มีอะไรก็คุยกันตรงๆ ถ้าวันไหนอยากไปก็ขอให้บอก จะไม่รั้งเอาไว้เลย”
อีกคนรั้งเขาเข้าไปกอดแน่นอีกที ส่่ายหัวไปมาแรงๆ “ครับ ต้นจะบอกกีทุกอย่าง แต่มันจะไม่มีวันนั้น” วันที่เขาจะหันหลังให้คนคนนี้
ร่างบางยิ้มรับ ผละออกมาอีกครั้ง มือเรียวยกขึ้นไปอังแก้มของคนตรงหน้า สบตากับตาอีกคู่ที่มีภาพเขาอยู่ข้างใน เอ่ยสิ่งที่อยากพูดและคิดว่าอีกคนอยากฟังมากที่สุดออกไป
“เป็นแฟนกันนะ”
คนฟังนิ่งประมวลผลสิ่งที่ได้ยิน เมื่อแน่ใจแล้วก็โผเข้าไปสวมกอดคนตรงหน้าด้วยความอิ่มเอมใจ
ในที่สุด ในที่สุดก็ได้ครอบครองสิ่งที่คิดว่าคงไม่ได้กลับคืนมาอีกครั้ง
และมันจะไม่มีวันนั้นหรอก วันที่เขาจะปล่อยคนตรงหน้าไปไหนอีก มันจะไม่มีวันนั้นแน่นอน

.
.
.
.
.
.
.
.
“น้องกี คิดถึงจังเลย” ภูผาเดินเข้ามาโอบไหล่ร่างบางทันทีที่ทั้งสองคนเดินเข้ามาในร้าน คนโดนโอบทำหน้าตาไม่ถูก ครั้งที่แล้วที่อยู่ใกล้กันขนาดนี้ เขาเกือบจะโดนคนตรงหน้าทำมิดีมิร้ายอยู่แล้วถ้าต้นไม่เข้ามาช่วยไว้ก่อน แต่จะว่าอะไรมากก็ไม่ได้ เพราะมันก็เป็นเขาเองนั่นแหละที่ดึงดันจะมาที่นี่อีกครั้งให้ได้ นอกจากเรื่องนท ต้นยังเข้าใจผิดว่าเขามีใจให้ภูผาอีก ดังนั้นเขาถึงอยากจะมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจให้เห็นกันไปเลย แต่มือที่มาเกาะกันเป็นปลาหมึกแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้การพิสูจน์ง่ายขี้นสักนิดเลย
หมับ!
ตั้งต้นจับต้นแขนเพื่อนสะบัดเหวี่ยงออกไปอย่างแรงจนภูผาหัวเราะร่า ร่างสูงสอดมือรัดเอวบางเข้ามาประชิดตัวแน่นจนทำให้คนโดนกอดปลายจมูกร้อน หลุดยิ้มออกมา
“โอ้ย หวงจริงนะครับคุณ ไหนบอกแค่เพื่อนกัน”
“ เพื่อนพ่-ง นี่แฟนกู” ก็จำได้ว่าย้ำตั้งหลายครั้งยังจะมากวนตีนกันอยู่ได้
“โอ้ คุณตั้งต้น แอบอ้างหรือเปล่า ถามเจ้าตัวเขาหรือยัง” ว่าแล้วก็หันมายักคิ้วให้กับคนที่ก้มหน้าซุกตัวอยู่ในอกอีกคน เขาชอบต้นแบบนี้ กร๊าวใจที่สุด~
ร่างสูงเมินไม่ตอบ เดินนำอีกคนขึ้นไปชั้นวีไอพีที่เคยมาแล้วครั้งนึงแบบไม่คิดจะรอเจ้าของร้าน
“บอกแล้วไม่ใช่หรอว่าอย่ามา” เอ่ยต่อว่าคนข้างตัวอย่างอดรนทนไม่ได้
“ทำไม กลัวสาวๆที่มองอยู่จะเสียใจหรือไงที่นายมีแฟนแล้ว” ร่างเล็กกวาดตามองสาวน้อยสาวใหญ่ รวมไปถึงสายตาวิบวับของหนุ่มๆร่างบางที่มองแฟนเขาเป็นตาเดียวกัน รู้หรอกว่าหน้าตาดี แต่อะไรมันจะป๊อปขนาดนั้น มือเรียวกำชายเสื้ออีกคนแน่นจนเจ้าตัวสังเกตได้ โน้มหน้าลงมากระซิบข้างหู
“ก็ต้นบอกแล้ว ว่าจะ ‘เอา’ แค่กี จะคิดมากทำไมคนอื่นก็ได้แต่มอง” เสียงพร่าที่ส่งมาทำให้อีกคนเสียววาบ พยายามผละออกมาหวังให้มีระยะห่างในการหายใจเพิ่มขึ้นอีกนิด แต่เหมือนจะสู้แรงอีกคนแทบไม่ได้เลย ตอนนี้ถึงได้ใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายชัดเจน
“ให้มันแน่เถอะ” ทำเป็นพูดขู่ ทั้งที่หน้าแดงก่ำจนไม่สามารถหันไปสบตาอีกฝ่ายได้แล้ว
ทั้งสองนั่งลงตรงที่ว่างในมุมหนึ่งของชั้น ตั้งต้นจัดแจงสั่งเครื่องดื่มและกับแกล้มสองสามอย่างที่คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะชอบ พอนั่งดื่มนั่งคุยกันไปได้สักพัก ร่างเล็กก็ชวนกันออกไปเต้นที่ฟลอร์ อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศที่พาไป พร้อมกับแอลกอฮอลในเลือดที่ทำให้คนที่จมอยู่ความเศร้ามานานสนุกเกินเหตุ โยกซ้ายส่ายขวา ยิ้มหัวเราะเริงร่าจนความน่ารักสะดุดตาเสือสิงห์รอบตัว คนที่ตามมาคุมอย่างเขาเริ่มหงุดหงิด สายตาคมคอยสอดส่องคนรอบข้างที่ส่งตาหวานเยิ้มมาให้คนที่ยังไม่รู้ตัวสักนิด
“มองคนอื่นอยู่ได้ เดี๋ยวจะโดน” คนที่ยังไม่รู้ตเรื่องว่าเป็นเป้าสายตาเริ่มโวยวายเมื่อเห็นร่างสูงมองคนนั้นคนนี้ไม่หยุด ความโมโหปนน้อยใจปะทุขึ้นในใจอีกครั้ง
“ถ้าอยากจะไปก็ทิ้งกันไปเลย ไม่ใช่..อื้ม!!” พูดไม่ทันจบประโยคก็โดนปากอีกฝ่ายประกบลงมา ยกมือสองข้างทุบอกคนที่ทำอะไรไม่ดูสถานที่ให้ปล่อย แต่ยิ่งทุบแรงเท่าไหร่ก็เหมือนอีกคนจะยิ่งกดจูบเข้ามาร้อนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
“ทำแบบนี้ตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง แค่นี้ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับแฟนต้นแล้ว” ว่าหน้าตายพร้อมกับเอานิ้วโป้งเกลี่ยเช็ดริมฝีปากนุ่มของอีกฝ่าย
“พอเลย คนฉวยโอกาส..” พึมพำกลับไปเบาๆ ผละออกมาหันหลังจะเดินกลับไปที่โต๊ะ อีกคนก็รีบสอดมือจากด้านหลังมาที่เอวบาง แสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่
“ไอ้ต้น!” ใครสักคนเอ่ยเรียกเมื่อพวกเขาเดินผ่าน ทั้งสองหันไปมอง ร่างสูงเมื่อจำได้ว่าเป็นเพื่อนที่รู้จักก็ยกมือกล่าวทักทาย
“จะไปหาเพื่อนก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวเรารอที่โต๊ะ” เมื่อเห็นอีกคนลังเลเขาจึงว่าอย่่างนั้น
“ไปด้วยกันไหม”
“หือ ไปเถอะ เรารอได้” เมื่อได้ยินดังนั้นอีกคนจึงว่าต่ออย่างเกรงใจ
“เดี๋ยวต้นมานะ แป๊ปเดียวจริงๆ” เมื่อมาส่งเขาที่โต๊ะ เจ้าตัวก็เดินไปทักทายเพื่อน เขามองตามอีกนิดก่อนจะละความสนใจ คว้ามือถือตัวเองขึ้นมากดเข้ากลุ่มแชทของเพื่อนสนิท
“เป็นไงเป็นกันวะ”

ถึงร้ายก็รัก (4)
กีร่า: มึงๆ นอนกันยัง
ธันย่า: ว่า?
แน้ตตี้: ยังจ้าา ว่าไงมึง
หนูอิน: นอนแล้วววว
ธันย่า: มึงนอนแล้วมึงตอบได้ไง อีหนูอิน
แน้ตตี้: 55555
หนูอิน: 555 ว่าแต่มึงมีอะไรกี
กีร่า: คือกูมีเรื่องจะบอก ให้กูพิมพ์จบก่อนนะอย่าพึ่งแทรก

เขาหายใจเข้าออกแรงๆ กลั้นใจพิมพ์จนจบรวดเดียว
กีร่า: คือตอนนี้กูคืนดีกับตั้งต้นแล้ว กูอยู่พัทยากับมัน กูรู้ว่าพวกมึงจะด่ากู แต่ค่อยกลับไปด่ากูวันอาทิตย์เย็นที่บ้านกูนะ เดี๋ยวกูซื้อข้้าวหลามหนองมนไปฝาก รักพวกมึงทุกคนที่สุด
เมื่อกดส่งเขาก็รีบปิดกดเครื่องก่อนที่จะมีสายโทรเข้ามา ถึงจะรู้สึกผิดต่อมันแต่ก็อดหัวเราะไม่ได้เมื่อคิดว่าเพื่อนเขาจะช๊อคมากแค่ไหน รู้ดีว่ามันคงด่าเขาไปเป็นอาทิตย์ แต่ก็แค่อาทิตย์เดียวนั่นแหละ ยังไงเดี๋ยวก็ใจอ่อนให้เขากันอยู่ดี
“ไง” เขาหันไปมองตามเสียง เห็นเจ้าของร้านหน้าตาคุ้นเคยยืนส่งยิ้มมาให้ เขายิ้มเจื่อนกลับไปยังไงก็ยังไม่สะดวกใจอยู่ดีเวลาอยู่กันสองต่อสอง แต่ก็นะยังไงก็ต้องรักษามารยาท เขาขยับตัวเล็กน้อยให้เบาะกว้างขึ้นเป็นการแบ่งที่นั่งให้อีกฝ่าย เบาะยวบลงทันทีที่อีกฝ่ายทรุดตัวลงมา สองมือมีแก้วค็อกเทลสีสวยอยู่ในมือ หนึ่งในนั้นถูกยื่นมาให้เขา
“พี่รู้ว่าครั้งที่แล้วไม่น่าจดจำเท่าไหร่”
เขาแปลกใจกับคำแทนตัวที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายอายุมากกว่าหลายปีก็เถอะ แต่คราวที่แล้วเจ้าตัวไม่ได้แทนตัวแบบนี้นี่น่า
“แต่มาเริ่มทำความรู้จักกันใหม่ได้ไหม”
สายตาที่ส่งมาอ่อนโยนปราศจากสิ่งใดเคลือบแฝง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เรดาห์จับคนเจ้าชู้ในหัวดังสนั่นหวั่นไหวเมื่อเจอคนตรงหน้า ตอนนี้เขากลับแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้เข้ามาแบบนั้น เขาส่งยิ้มเล็กๆกลับไป ก่อนจะเอื้อมรับแก้วในมืออีกฝ่ายขึ้นมาจิบ
“ผมเองก็ต้องขอโทษ..” เอ่ยออกไปเสียงเบา “ที่ทำตัวเสียมารยาท..ขอโทษนะครับพี่ภู”
อีกฝ่ายส่งยิ้มกลับมา ขยับตัวพิงแผ่นหลังกว้างกับพนักพิง สายตามองไปยังรุ่นน้องที่สนิท
“ดีกับมันแล้วหรอ” เอ่ยถามพร้อมกับยกแก้วในมือขึ้นจิบ เมื่ออีกคนพยักหน้ารับเขาก็ว่าต่อ “เหนื่อยหน่อยนะ น้องพี่มันเป็นคนคิดมาก”
เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ได้แต่ลอบมองคนที่มองแฟนเขาด้วยแววตาเอ็นดู ต้นเคยบอกว่าร๔้จักเพื่อนคนนี้มานาน เป็นคนที่ไง้ใจมากที่สุดคนหนึ่ง ตอนนี้เขาคิดว่าอีกฝ่ายก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน
“มันเจ็บมาเยอะ มันเลยไม่เคยรักใคร ไม่ใช่สิ ไม่กล้าที่จะรักใคร” ภูผาว่าต่อ
“มันอาจจะยังรักไม่ค่อยเป็น แต่พี่รู้ว่ามันพยายามอยู่” คนเป็นพี่หันหน้ามาหาเขา “ให้โอกาสมันหน่อยเถอะนะ”
กีรติเขาพยักหน้ารับ “ผมให้ไปแล้ว” มองคนที่คุยกับเพื่อนหัวเราะร่าอย่างเด็กๆ ตาจ้องมองรอยยิ้มที่นึกอยากให้มันเป็นของเขาตลอดไป
“พี่แน่ใจได้เลยว่า ตราบใดที่เขารักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผม ผมจะไม่มีวันทิ้งเขาแน่นอน”

********
อยากได้เฮียภู 555 เรื่องนี้เขียนแล้วหมดพลังมากเลยอ่ะ มันเครียดเยอะ แต่ก็เป็นเรื่องที่ย้อนกลับไปอ่านแล้วชอบที่สุดเลย เขียนเอง อ่านเอง อินเองอี๊ก 555 (>~<) อ่านแล้วเป็นยังไงบ้างค่ะ หวังว่าจะชอบเหมือนกันนะคะ
แล้ว เนี่ยๆๆๆ ถ้าใครไม่ได้อ่านรักมือสองก็จะไม่รู้หรอกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างกีกับเฮียภูรอบที่แล้ว ถึงจะเล่าคร่าวๆในตอน แต่มันจะสู้กลับไปอ่านเองได้ไง ละเอียดยิบกว่ากันเยอะ 555
#ต้นคนรักไม่เป็น
ใครยังไม่ได้อ่านตอนพิเศษอินดินอย่างลืมไปอ่านเด้อ หวานอยู่น้า ~ #รักมือสองอินดิน
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 8:. 16/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 16-08-2019 12:25:43
กว่าจะยอมพูดออกมา ลุ้นจนเหนื่อยเลยต้นเอ้ย
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 8:. 16/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 16-08-2019 23:44:02
ก็ไม่รู้ซินะ#เชื่อใจได้แน่เหรอ

ขนาดจะประชด ยังเกือบๆเล๊ยยยยยย
แค่เริ่ม..ก็ผิด ก็ชั่ว ก็เลวแล้ว....หรือเปล่าอ่ะตั้งต้น
กอดจูบนัวเนีย กลิ้งเกลือก จนเกือบจะสอดใส่
ประชด ??????? หราาาาาาาาาาาาา หึหึ

หวังว่าคงจะไม่ดีแตกในเร็วๆนี้นะ
สัญชาติแมลงวัน มันอดใจไม่ได้หรอก จะไม่บินไปตอมขี้ที่เชิญชวน

เห็นขี้เมื่อไหร่ บินเร็วรี่เข้าไปหาเลย
อิต้นชอบนักล่ะ ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 8:. 16/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 16-08-2019 23:54:41
 :katai2-1: :katai2-1: :hao5:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 8:. 16/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-08-2019 18:22:51
ต้นได้โอกาสแล้วก็รักษาไว้ให้ดีเด้อ
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 8:. 16/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 18-08-2019 23:28:19
ได้รับโอกาสแล้วก็รักษาให้ดีนะครับ,,,
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 8:. 16/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 19-08-2019 21:25:57
 :pig4:
 :katai2-1:
 o13
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 9:. 19/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 19-08-2019 21:44:34
.: บทเรียนที่ 9:.













“พี่ไม่อนุญาตให้คบกัน”

“พี่จี!” คนเป็นน้องร้องขึ้นมาอย่างแปลกใจ

“ฉันแค่อนุญาตให้ขึ้นไปคุยกันบนห้อง แต่นายกลับพาน้องฉันไปพัทยาสามวันสองคืนแบบนี้ นายยังไว้หน้ากันบ้างหรือเปล่า” ผู้หญิงคนเดียวในห้องนั่งไขว่ห้างกอดอกแน่น หันไปประจันหน้ากับคนร่างใหญ่อย่างไม่เกรงกลัว เห็นเธอตัวเล็กร่างบางแบบนี้ เวลาโกรธทีเอาอะไรมาฉุดก็ไม่อยู่ทั้งนั้น

“พี่จี แต่น้องเป็นคนอยากไปเอ...”

“เงียบไปเลยนะ แกนั่นแหละตัวดี ปิดเครื่องหนีแบบนั้น พี่ติดต่อไม่ได้ตั้งหลายวัน” กีรติหุบปากฉับ หลุบตาลงต่ำไม่รู้จะจะหาคำพูดใดมาเถียง ก็เขาผิดจริงๆ นั่นแหละ ตอนแรกที่ว่าจะกลับวันอาทิตย์แต่กว่าจะกลับมาจากพัทยาจริงๆ ก็วันจันทร์ตอนเย็น มีเรียนก็ไม่ได้ไป ไอ้อินมันคงโกรธเขาไปแล้ว หลังจากวันนั้นเขาโทรไปมันก็ไม่ยอมรับ แต่ก็สมควรแล้วแหละ

คราวนี้เขาทำตัวเหลวไหลจริงๆ นี่น่า

“ถ้าจะคบกันแล้วพากันออกนอกลู่นอกทางแบบนี้ พี่บอกเลยว่าไม่ให้คบ ป๊ากับแม่ให้พี่ดูแลแก ถ้าทำตัวแบบนี้ พี่จะมีหน้ากลับไปหาป๊ากับแม่ได้ยังไง”

“พี่จี...น้องขอโทษ...” เขาเอ่ยเสียงอ่อน จับแขนเล็กของพี่สาวแกว่งไปมาเล็กน้อยก่อนจะเอาหัวซบเป็นการออดอ้อน จีระนันท์พยายามไม่สบตาน้อง น้องชายคนเดียวของเขา เขารักเขาหวงยิ่งกว่าใคร ทั้งชีวิตก็ตามใจน้องมันมาตลอด จะให้มาเล่นบทโหดแบบนี้ บอกเลยว่าเก็กจนเมื่อยหน้า แต่ถ้าไม่ทำมันก็หมายถึงเขาทำหน้าที่ของพี่ที่ดีได้ไม่สมบูรณ์น่ะสิ

“ผมผิดเองครับพี่ ผมเป็นคนชวนกีไปเอง” ตั้งต้นที่นั่งนิ่งฟังอยู่นานเอ่ยขึ้น “ผมสัญญาว่าต่อไปนี้จะไม่ทำตัวเหลวไหลแบบนี้อีกแล้ว”

“ก็ยังดีที่รู้ตัว” สาวร่างเล็กยังไม่ยอมอ่อนข้อให้ “แล้วฉันขอเตือนนะ ถ้านายไม่ได้จริงจังกับน้องฉัน...”

“ผมจริงจังครับ” ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดจบ ตั้งต้นก็แทรกขึ้นมา “อย่างที่ผมบอกพี่วันนั้น ผมอาจจะทำผิดพลาดมาหลายอย่าง แต่ในเมื่อกีให้โอกาสผม ผมจะไม่มีวันทำแบบนั้นอีก” ชายหนุ่มพูดทุกคำออกมาชัดถ้อยชัดคำ ดวงตาคมมองตรงมาที่คนตรงหน้าไร้ความไววูบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเอ่ยคำสัญญา เขาพูดประโยคพวกนี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่ไช่พูดเพื่อให้ใครมาเชื่อใจ เขาพูดเพื่อเตือนใจตัวเองต่างหาก

“ดี” หญิงสาวเองก็ไม่ยอมหลบตา ยกยิ้มขึ้นมุมปากอย่างพอใจ “วันศุกร์เราสองคนมีเรียนถึงกี่โมง” พอทั้งคู่บอกเวลาเลิกเรียนแล้วเขาจึงว่าต่อ

“งั้นวันศุกร์ตอนหกโมงมาเจอกันที่บ้าน นายก็เตรียมเสื้อผ้ามาด้วยล่ะ สองวันสามคืน”

“จะไปไหนหรอพี่กี”

“ก็จะพาไปหาป๊ากับแม่” กีรติตาโต หันมองหน้ากับร่างสูงเลิ่กลั่ก เอื้อมมือไปเขย่าเข่าเขาให้พูดอะไรออกมาบ้าง แต่เหมือนอีกฝ่ายจะทำได้แต่นิ่งไป เขาเข้าใจ เขารู้ว่าต้นคงจะยังไม่พร้อม การไปเจอผู้ใหญ่มันทำให้เรื่องจริงจังขึ้นไปอีกหลายเท่า

“พี่จี ไปทำไม อย่าเพิ่งบอกป๊ากับแม่เลยนะ” คนน้องเป็นฝ่ายอ้อนวอนขอแทน เมื่อเห็นว่าอีกคนคงเรียกสติกลับมาไม่ได้ง่ายๆ

“ทำไมถึงจะบอกไม่ได้” พี่สาวเอ่ยถามเสียงขุ่น

“ก็มันเร็วไป..มันยังไม่ถึงขั้นนั้น” เขาเริ่มพูดเสียงอ่อยลงเรื่อยๆ หลุบตาลงมองนิ้วที่พันกันด้วยความกังวล ยิ่งพูดแบบนี้ก็เหมือนยิ่งยอมรับว่าเรายังไม่ได้คิดที่จะจริงจังกับความสัมพันธ์ที่มี

“ถ้าแค่นี้ทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องกลับมาคบกัน” จีระนันท์ยื่นคำขาด

“โอเคครับ งั้นวันศุกร์เย็นผมมารับที่บ้านนะครับ”

กีรติเบิกตากว้างเมื่ออีกฝ่ายยอมตกลง “ตั้งต้น!” ร่างสูงไม่ได้ว่าอะไร ไม่ยิ้ม ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้ากัน ก็แน่สิ โดนหมัดมือชกซะขนาดนั้น

“ดี และจนกว่าจะถึงวันศุกร์ นายต้องทำตามที่ฉันบอก ห้ามทำตัวเหลวไหล มารับไปออกกำลังตอนเช้า ตอนเย็นก็ต้องมาส่ง กลับมากินข้าวที่บ้านด้วยกัน เลทสุดไม่เกินหนึ่งทุ่ม โอเค๊?”

“พี่จี!!!” เขาว่าพี่เขาเริ่มจะเยอะไปแล้ว

“ครับพี่จี” อีกคนก็บ้าตามไปอีก!!

“ดีมาก” หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นยืน ให้อีกสองคนต้องลุกตาม “นี่ฉันเห็นแก่ที่นายเป็นคนเดินมาบอกฉันเองนะเรื่องที่นายเคยทำอะไรไว้กับน้องฉัน ถ้าฉันไปรู้จากคนอื่น นายอย่าคิดว่าจะได้แม้แต่มายืนอยู่ตรงนี้” สองสายตาสบกัน ต่างไม่มีใครยอมใคร

“ผมรู้ครับ ขอบคุณมากครับพี่”

















“เราขอโทษนะ” กีีรติเอ่ยขึ้นเมื่อเดินออกมาส่งร่างสูงหน้าบ้าน “ต้นคุยกันก่อนสิ” เขาว่าอีกครั้งพร้อมดึงชายเสื้อคนที่ไม่ยอมหยุดเดิน น้ำตาเริ่มเอ่อล้นขอบตาเมื่ออีกคนยังไม่ตอบอะไรกลับมา

เขาน้อยใจ

ทำไมถึงไม่พูดอะไรบ้าง ทำไมถึงต้องช๊อคขนาดนี้ ถึงจะเข้าใจแต่เขาก็แอบน้อยใจเหมือนกันนะ เขาเองก็รู้ดีว่าพี่เขาทำเกินไป การเข้าไปหาผู้ใหญ่มันก็เหมือนการประกาศให้ทุกคนรู้ ถ้าเป็นผู้หญิงผู้ชายก็อาจจะเลยเถิดไปถึงเรื่องแต่งงานได้เลยด้วยซ้ำ ที่บ้านของอีกฝ่ายก็เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม มันอาจจะมีปัญหาตามมาอีกมากมายก็ได้ถ้าทางนั้นรู้เรื่องของเขา

แต่มันก็เป็นต้นเองไม่ใช่หรอ ทั้งที่ตัวเองพูดเองว่ารัก เป็นฝ่ายกลับมาร้องขอโอกาส แล้วพอฝ่ายเขาจริงจังขึ้นมาก็หน้าบึ้งเหมือนโดนจับคลุมถุงชนแบบนี้

ทั้งคู่หยุดเท้าลงเมื่อมาถึงประตูคนขับ ตั้งต้นหันหน้ามาประจันกับอีกคน ยกแขนขึ้นกอดอกแน่น ย่อตัวเอาหลังพิงกับตัวรถทำให้ระดับสายตาของทั้งสองคนอยู่ในระดับพอๆ กัน

“ถ้านายไม่อยากไปเราจะคุยกับพี่จีเอง” เขาพูดจริงๆ ถึงจะน้อยใจแต่มันมีประโยชน์อะไรถ้าอีกคนฝืนใจไปแบบนั้น

“...” อีกฝ่ายยังไม่ตอบ ให้เขาใจนึกเสียใจหนักกว่าเดิม

“มีอะไรก็พูดออกมาสักทีสิ ทำไมต้องเงียบขนาดนี้ด้วย!” จะโกรธอะไรหนักหนา เขาเองก็เริ่มโมโหแล้วนะ

“เมื่อกี้กีหมายความว่ายังไง” ร่างสูงถอนหายใจ ในที่สุดก็เอ่ยถามเสียงห้วน คิ้วสองข้างที่จรดกันแน่นกับกรามที่ขบเกร็งทำให้รู้ว่าเจ้าตัวอารมณ์เสียแล้ว

“อะ..อะไร”

“หมายความว่ายังไง ว่ามันยังไม่ถึงขั้นนั้น” ตั้งต้นถามซ้ำอย่างไม่พอใจ ทั้งๆ ที่ตลอดเย็นเขาพยายามสงบอารมณ์ให้นิ่งที่สุด พยายามแสดงความจริงใจที่มี ทำตัวให้น่าเชื่อถือที่สุดเท่าที่จะทำได้ต่อหน้าพี่แฟน แต่เขาก็ต้องมาหมดความอดทนเพราะคำพูดของคนตรงหน้า

“หรือกีไม่อยากให้ต้นไปเจอกับพ่อแม่กีหรอ”

“เฮ้ย อะไรนะ”

“หรือว่าที่จริงกีต่างหากที่อายที่จะบอกที่บ้านว่าคบกับต้น”

“บ้าแล้ว! ไม่ใช่นะ!” เขารีบเอื้อมไปจับแขนที่ยังกอดอกแน่นอยู่ อีกฝ่ายไม่ว่าอะไร เสมองไปด้านอื่น สีหน้าเรียบเฉย มีเพียงปากเรียวที่งุ้มลงที่พอทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังอารมณ์เสีย

“เราแค่ไม่อยากให้นายอึดอัด จู่ๆ ก็โดนบังคับให้ไปบ้านเรา” เขาเริ่มอธิบาย “แล้วเราก็เพิ่งคบกันไม่เท่าไหร่” มองคนที่ยังมองหน้าเขาไม่พูดอะไร

“ต้นเข้าใจแล้ว” คนหน้าบึ้งยืดตัวตรงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหากุญแจรถ “แล้วต้นจะแสดงให้ดู” ตั้งต้นว่า “ถึงจะให้พูดอะไรออกไปตอนนี้ มันก็คงเป็นแค่ลมปากสินะ” เพราะเคยทำไว้แต่เรื่องแย่ๆ คำพูดของเขามันเลยไม่มีน้ำหนัก เห็นได้จากการที่คนตรงหน้าพูดแบบนี้ ถึงอีกฝ่ายจะให้โอกาสเขา แต่เจ้าตัวก็ยังกลัว ยังไม่มั่นใจว่าเขาจะจริงจังกับตัวเองคนเดียว ต้องเป็นคนยังไงนะที่จะทำให้แฟนคิดว่าขนาดจะไปบ้าน เขายังไม่อยากจะอยากไป

แต่จะโทษใคร ทั้งหมดมันก็เป็นความผิดของเขาเอง

“แล้วต้นจะแสดงให้กีเห็นเอง ว่าสิ่งที่ต้นพูดไม่ใช่แต่คำหวานที่พูดออกมาพล่อยๆ อย่างที่ใครคิด”

.

.

.

.

.

.

.

.

กีรติเดินเข้าบ้านหลังจากที่ส่งอีกคนเรียบร้อยแล้ว เขาเดินขึ้นตรงไปยังห้องนอนพี่สาว อย่างน้อยอยากเขาก็อยากจะพูดให้อีกคนใจอ่อนกับต้นมากกว่านี้ พอเปิดประตูเข้าไปในห้อง ก็ได้ยินเสียงพี่สาวเขาดังแว่วมา พอมองหาก็เห็นว่าร่างเล็กกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ตรงระเบียง เห็นดังนั้นก็เลยนั่งลงบนเตียง คว้ารีโมทมาเปิดทีวี ตั้งใจจะดูซีรี่รอไปพลางๆ

“ไอ้อิน~ เพราะแกคนเดียวเลยนะ” มือที่กดรีโมทถึงกับชะงักเมื่อได้ยินชื่อของเพื่อนสนิทลอยมาตามลม เขาตัดสินใจเงี่ยหูตั้งใจฟังทันที

“คืิอพี่ทำตามที่แกบอกทุกอย่าง วันศุกร์นี้จะพาไปบ้าน แกต้องมาเห็นตอนพี่คุย พี่สมควรได้ออสการ์เลยล่ะแก...เฮ้ย... ไอ้กี!!!” จิระนันท์ที่กำลังร่วนหัวเราะตกใจสุดขีดเมื่อหันหลังพิงระเบียงแล้วดันสบตาเข้ากับน้องชายที่นั่งกอดอกอยู่บนเตียงพอดี แล้วแบบคือหน้าโหดมาก

[ตะโกนอะไรพี่จี] ปลายสายยังคงพูดต่อ

“ตะโกนหาพ่อ-มึงไงไอ้อิน”

[ไอ้กี!!!] อินทัชตกใจที่อยู่ๆ เสียงคนที่คุยด้วยเปลี่ยนไป แถมเป็นคนที่กำลังเม้าอยู่ด้วย!

“แล้วมึงจะตะโกนทำไม!!!”

[...]

“กูน่าจะเดาออกว่ามันเป็นแผนของพวกมึง” กีรติว่าเสียงเข้ม เพราะจริงๆ แล้วเขาก็แปลกใจไม่น้อย พี่จีคนใจดีของเขาที่ไม่เคยสักครั้งที่จะดุน้องจู่ๆ ถึงได้เกรี้ยวกราดขึ้นมาขนาดนี้ ถึงจะสงสัยแต่ก็คิดว่าเป็นเพราะอีกคนรักเขามากมันถึงทำให้คนคนหนึ่งทำเรื่องที่ปกติไม่ทำได้ขนาดนี้ แหม๋ ใครจะรู้ล่ะว่าไอ้พวกเพื่อนตัวแสบของเขาจะเป็นคนสร้างแผนขึ้นมา

[มึงยังมีหน้ามาบ่นอะไร]

“...” เมื่อเสียงปลายสายถามมาอย่างหาเรื่องเขาก็พูดอะไรไม่ออก ความผิดที่เคยทำไว้ค่อยๆ ถูกเอ่ยเรียงออกมา

[ปิดเครื่องหนีพวกกู ไปพัทยา ดีกับไอ้ต้น แถมด้วยโดดเรียนวันจันทร์ นี่กูนับครบไหม?]

“..ไอ้อิน~” เขาว่ากลับเสียงอ่อย

[ไม่ต้องมาเรียกชื่อกู]

“กูขอโทษ มึงไม่ยอมรับโทรศัพท์กูเลย มึงโกรธกูมากเลยใช่ไหม มึงยังไม่เกลียดกูใช่ไหม” คนทำผิดเอ่ยเสียงอ้อน

[เฮ้อ..รู้ไหมว่าพวกกูเป็นห่วงมึงมากแค่ไหน]

เขาพยักหน้ารับเหมือนมันจะเห็น น้ำตาที่คลอเอ่อเริ่มไหลรินลงมาอาบสองแก้ม

[กูไม่ได้โกรธ แต่กูน้อยใจ] เขารู้สึกหน้าร้อนเมื่อเพื่อนว่าอย่างนั้น

[สองครั้งแล้วนะมึง ที่เวลามีเรื่องขึ้นมาแล้วมึงตัดกูออก ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นกู กูจะวิ่งไปหา กูจะบอกมึงเป็นคนแรก] เขายังจำวันที่อินเลิกกับแฟนเก่าเพราะอีกฝ่ายนอกใจไปมีคนอื่น สิ่งแรกที่อินทำคือโทรมาหาพวกเขา ให้พวกเขาไปรับ ระบายทุกอย่างให้พวกเขาฟัง เราทั้งหมดช่วยพยุง ช่วยดูแลกันและกัน จนอินมันลุกขึ้นและผ่านวันเลวร้ายนั้นมาได้ ในส่วนของเขา เขาเต็มใจทำให้เพื่อน แถมรู้สึกภูมิใจในตัวเองด้วยซ้ำที่เพื่อนพึ่งพาเขา แต่พอมาถึงเรื่องตัวเอง เขากลับเลือกที่จะเก็บทุกอย่างไว้กับตัว ตัดสินใจทุกอย่างไปเองคนเดียวโดยไม่คิดจะปรึกษากับใคร เขาคิดแค่ว่าไม่อยากรบกวนเพื่อน แต่จริงๆ แล้วเขาลืมคิดไปเลยว่าอาจจะทำให้เพื่อนเสียใจ

[กูขอโทษแล้วกันที่ยุ่งวุ่นวาย แต่ที่กูทำก็เพราะกูรักมึงนะไอ้กี] เขารีบส่ายหน้าปฎิเสธ

“ไม่เลยไอ้อิน ไม่เลย” เขารีบแก้ทันที “กูขอโทษที่กูไม่เคยบอกใคร แต่กูแค่ไม่อยากรบกวนพวกมึง”

[แล้วเวลากูมีปัญหา คือกูรบกวนพวกมึงหรอ]

“เปล่าเลยมึง กูขอโทษ กูสิ้นคิดเองมึง” เขาว่า “ขอบใจมึงมากที่อยู่ข้างกูมาตลอด ไอ้อินกูโครตรักมึงเลย” เขาปล่อยโฮออกมา ช่วงนี้ต่อมน้ำตาแตกง่ายเหลือเกิน

[เออๆ มึงพอ กูจะร้องตามอยู่แล้ว ไหนๆ มึงก็รู้แล้วว่าพวกกูวางแผนกัน ถ้ามึงยังเชื่อกูบ้าง มึงห้ามเอาไปบอกไอ้ต้นนะ]

“แผนอะไร มึงจะแกล้งอะไรมันอีก” แค่โดนลากไปหาที่บ้านเขาก็หนักพอแล้ว แล้วมันยังจะทำอะไรอีก

[เออน่ะ ไม่ช่วยก็ไม่ต้องมายุ่ง กูกำลังช่วยมึงพิสูจน์รักแท้ไง]

.

.

.

.

.

.

.

เขาตื่นแต่เช้า เมื่อคืนหลังที่คุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิทอย่างยาวนาน มันก็บอกให้เขาไปรับมันมาออกกำลังกายด้วย ถึงจะแปลกใจแต่ก็รู้ว่าเพื่อนไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะให้เขามาซักไซร้อะไรได้ เขาเลยได้แต่ตอบตกลง พอต้นมารับตอนเช้าก็บอกให้อีกคนแวะไปคอนโดดินรับเพื่อนสนิทเขามาด้วย

“เนี้ยนะ แผนมึง” เมื่อมาถึงก็ต้องถามด้วยความสุดฉงน เมื่อเห็นรุ่นน้องสองคนวิ่งตรงเข้ามาหา หันไปมองเพื่อนสนิทที่ยิ้มแป้นโบกมือให้อีกฝ่ายแล้วอยากยกมือขึ้นมานวดขมับเสียจริง

“ใช่ นี่แหละส่วนหนึ่งของแผนกู” ไม่ใช่หมีพูห์หรอกนะ น้องพุทธนี่แหละเป็นหมากตัวต่อไปของเขา

“มึงกูไม่เล่นด้วยนะ มึงไม่สงสารน้องมันหรือไง เอาหัวใจคนอื่นมาล้อเล่นแบบนี้ ไม่ดีนะมึง”

“ไอ้กี มึงเห็นกูเป็นอะไร” อินทัชเอ่ยออกมาอย่างโมโห “กูรู้หรอกน่า กูไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น”

“แล้วมึงเอาน้องมายุ่งทำไม”

“พุทธมันรู้ว่ามึงกลับไปคืนดีกับต้นแล้ว กูบอกมันเองว่ากูอยากให้มันมาช่วยกวนตีนไอ้ต้น มันก็ตอบตกลง” ก็มันน่ะหมั่นไส้ไอ้ต้นมากกว่าใครซะอีก

“อือฮือ กูรู้สึกสงสารดินขึ้นมายังไงไม่รู้” เขากล่าวทีเล่นทีจริง จับแก้มมันสองข้างบิดไปมา “มึงกลืนหนูอินเพื่อนรักกูเข้าไปใช่ไหม มึงเป็นใครกันแน่” มันหัวเราะร่า เอามือมาตีมือเขาให้ปล่อยหลายๆ ที

“กูก็เป็นองครักษ์พิทักษ์มึงไงไอ้กี”

“ไอ้อิน~” เขาอ้าแขนเตรียมเข้าไปโผกอดคนพูดจาซึ้ง แต่มันดันหัวเจาออกเสียก่อน

“มึงพอ ถ้ามึงจะเชื่อฟังกู ก็ช่วยเล่นตามน้ำไปด้วยกันหน่อยแล้วกัน”









เพิ่งมาถึงสวนได้ไม่เท่าไหร่ แต่ตั้งต้นวิ่งมาได้ห้ารอบแล้ว ปกติเขาไม่ได้ตั้งใจวิ่งเร็วและจริงจังขนาดนี้เพราะที่มาวิ่งก็แค่อยากมาใช้เวลากับอีกคนเท่านั้น แต่วันนี้เมื่อเห็นอินมาด้วย เขาก็เลยอยากเปิดโอกาสให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน ยอมปลีกตัวออกมาวิ่งห่างๆ

แต่แม่งมันมาได้ไงวะ

เขาแอบมองจากไกลๆ ตรงลานกลางแจ้งที่กีออกกำลังกายอยู่ เขาเห็นรุ่นน้องที่คณะสองคนยืนคุยอยู่กับกลุ่มแฟนเขา ไอ้น้องหมีก็ไม่เท่าไหร่นะ มันเคยโดยไอ้ดินบังคับให้มาตามดูอินบ่อยๆ อยู่แล้ว แต่ไอ้พุทธนี่สิ ไม่รู้ว่ามันจะตามมาทำไมทุกครั้ง

ที่จริงเขาก็รู้มาตลอดนั่นแหละว่าพุทธโธมันแอบชอบแฟนเขาอยู่ มันเองก็ไม่เคยคิดที่จะปิดบัง แถมแทนที่จะกลัวเกรงกันบ้าง เวลาอยู่ต่อหน้าเขา มันกลับจงใจแสดงออกมากกว่าปกติซะอีก

อ่ะ มียื่นขวดน้ำให้ด้วย!

แฟนกูเปิดขวดน้ำเองได้!

กี! เอาผ้าขนหนูซับหน้าให้มันทำไม!

มึงเป็นง่อยหรอไอ้พุทธ!!

โอ๊ย! ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!

เขาวิ่งออกไปสุดแรงเกิด เร็วกว่านี้ก็คือยูเซน โบลต์แล้วล่ะ มึงยุ่งกับใครไม่ยุ่ง มายุ่งกับแฟนกูทำไมไอ้พุทธ

“ทำอะไรกันนะ” ถามออกไปทั้งที่ยังเหนื่อยหอบ คนในกลุ่มหันมามองเขา

“อ้าว มาแล้วหรอ” กีกล่าวทักด้วยรอยยิ้มสดใส เขาแอบชะงักไป ยิ้มน่ารักแบบนี้แล้วเขาจะทำหน้าขรึมต่อไปได้ไง

“หายไปไหนมาตั้งนาน” ร่างเล็กถามต่อ

ก็ไปแอบดูกีนั่นแหละ! อยากจะพูดแบบนี้แต่เขายังต้องรักษามาดไว้บ้าง

“ต้นเพิ่งวิ่งเสร็จน่ะ” ต้นคนคูลยังต้องอยู่ต่อไป

“น้องๆ ชวนไปกินข้าวที่โรงอาหารน่ะ ไปด้วยกันไหม” เขาเหลือบไปมองด้านหลัง อินที่ยืนเล่นโทรศัพท์เหมือนไม่สนใจ ไอ้หมีที่ยิ้มเจื่อนหลบหน้าเขา และไอ้พุทธ! ไอ้พุทธที่ยกยิ้มมุมปากไม่ยอมหลบสายตากัน

“แล้วกีจะไปเปลี่ยนชุดห้องต้นไหมวันนี้”

“ไม่ล่ะ วันนี้จะไปกับอิน” เขาแอบเห็นว่าอินยกยิ้มมุมปาก

“งั้นต้นไปกินข้าวด้วย”

“พี่ต้นวันนี้ปีสามมีเรียนเช้าไม่ใช่หรอครับ ถ้าไม่ไปอาบน้ำตอนนี้จะไม่ทันนะครับ” พุทธโธเอ่ยแทรกขึ้นมา

“เสือก” ตั้งต้นตอบกลับเพียงคำเดียว พูรินรีบปิดปากเพื่อน แต่เสียงหัวเราะของมันเล็ดลอดออกมาก่อน เขาพยายามลากจูงเพื่อนตัวเองให้เดินนำไปทางโรงอาหาร กลัวเหลือเกินว่าเพื่อนจะมีเรื่องกับเพื่อนพี่รหัสตรงนี้

ไม่ได้ห่วงมันนะ กูห่วงตัวเองนี่ล่ะ ต้องคอยตามเก็บตามกวาดตลอด!!

เมื่อถึงโรงอาหารอินทัชกับกีรตินั่งจองโต๊ะ ที่เหลือแยกย้ายกันไปซื้อข้าวเช้า ตั้งต้นไปรอซื้อก๋วยเตี๋ยวเพราะกีอยากกินเกาเหลาน้ำ เขาต่อแถวไปก็แอบมองที่โต๊ะไป เห็นรุ่นน้องมันกลับมาที่โต๊ะกันแล้ว แน่นนอนว่าไอ้พุทธมันเลือกที่นั่งใกล้แฟนเขา โกรธก็โกรธ โมโหก็โมโห แต่ที่เป็นมากที่สุดคือน้อยใจ กีก็รู้ว่าเขาหึงมัน แล้วยังมาปล่อยให้มันอยู่รอบตัวแบบนี้ได้ไงกันนะ

เขาสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ไม่ ไอ้ต้น ถ้ากีบอกว่าไม่มีอะไรมึงก็ต้องเชื่อ การมานั่งระแวงแบบนี้มันคือการไม่ให้เกียรติกีชัดๆ





“ตกลงศุกร์นี้ต้นไปรับกีกับพี่จีที่บ้านนะ” เมื่อนั่งกินกันไปสักพัก ต้นก็เอ่ยขึ้นกลางวง

“ไปไหนกันอ่ะพี่ต้น” ไอ้หมีมึงถามได้ดี!

“พี่จะไปแนะนำตัวกับพ่อแม่พี่กีน่ะ” กีรติสำลักน้ำแข็ง หน้าแดงหันไปมองข้างๆ แต่เขาไม่สนพูดต่อลอยหน้าลอยตา “พี่จีพี่สาวพี่กีเป็นคนชวนพี่เองเลยนะ บอกอยากให้พ่อแม่รู้จักแฟนพี่กีสักที” พูดไปสายตาก็เหลือบไปมองไอ้รุ่นน้อง หึงไม่ได้ หวงไม่ได้ แต่ขอเบ่งหน่อยแล้วกันว่ะ

“กลับวันจันทร์ใช่ป่ะ” อินทัชเอ่ยแทรกขึ้นมา “พอกลับกันมาแล้ว กีมึงไปดูหนังกับกูนะ” หันไปหาเพื่อนสนิทที่นั่งนวดขมับอยู่ เมื่อไหร่วันนี้มันจะจบสักทีว่ะ

“กูนัดกับพวกที่ค่ายไว้ มึงต้องไปด้วยกันนะ” พูดกับกีแต่อินทัชจงใจมองหน้าอีกคนที่ตอนนี้จ้องเขาตาไม่กระพริบ

“จำเพื่อนไอ้นทได้ไหม วันที่มึงไปช่วยมันที่มันเมาน่ะ”

“อ่อ ไอ้กันต์อะน่ะ”

“อืม มันขอเบอร์มึงกับกูด้วย แต่กูไม่ได้ให้ไปว่ะ” อินทัชยังจงใจเน้นทุกคำ เขาไม่สนหรอกนะ ดินยังช่วยเพื่อนตัวเองมาตั้งเยอะ ถ้าเขาจะช่วยเพื่อนเขาบ้างมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา

“ถ้ามึงจะให้ มึงก็ให้เองวันไปดูหนังแล้วกัน”

กีรติค่อยๆ หันไปมองคนที่น่าบึ้งไปแล้ว รู้ดีว่าต้นเป็นคนเลือดร้อนแถมคิดมากมากแค่ไหน เขาอยากจะบอกให้อีกคนสบายใจ อยากบอกว่าระหว่างเขากับน้องไม่มีอะไรจริงๆ ไอ้อินมันแค่แกล้งเล่นเท่านั้น แต่มาคิดดูๆ แล้วที่เห็นต้นเป็นแบบนี้ก็อดดีใจไม่น้อยเหมือนกัน

ดีใจที่เห็นต้นไม่โวยวายออกมา ทั้งที่โมโหขนาดนี้

ดีใจที่เห็นต้นยังนั่งฟังได้เงียบๆ ทั้งๆ ที่จะเดินหนีไปก็ได้

ดีใจที่ในที่สุด...ต้นเริ่มหัดเชื่อใจกันแล้ว

เขายกยิ้มให้คนหน้าบึ้งเมื่ออีกฝ่ายบังเอิญหันมาสบตากัน จ้องกันสักพักในที่สุดคนที่ทำหน้างอก็มีสายตาอ่อนลง ยกยิ้มมุมปากมาให้เขา เหมือนในที่สุดเจ้าตัวก็รับรู้ในสิ่งที่เขาพยายามสื่อผ่านสายตาออกไป

เขาอยากให้รู้ว่ามันไม่มีอะไรน่ากังวลเลยสักนิด เพราะเขาเลือกแล้ว ขอแค่ต้นเชื่อใจและมั่นใจในตัวเขา ก็ไม่มีอะไรน่าหวั่นไหวเลยสักนิด...

























*********

ตอนใหม่มาแล้วเนาะ ทีมหนูอินต้องมาแล้ว 5555

ช่วงนี้แอบไปเขียนหมีพูห์ เรื่องต้นมันเครียดอ่ะ เลยขอผ่อนอารมณ์หน่อย เรื่องนั้นอย่างน่ารักอะ ไม่ได้โม้เลยนะ!! แต่เรื่องนี้ก็ไม่ทิ้ง จะพยายามให้จบภายในเดือนกันยานะคะ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ :)

#ต้นคนรักไม่เป็น


















หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 9:. 19/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 19-08-2019 22:25:01
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 9:. 19/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 19-08-2019 23:31:36
ร้ายกาจมากหนูอิน,,,
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 9:. 19/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 20-08-2019 00:17:24
 o13 น้องหมีผู้น่ารัก ก็จะมา
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 9:. 19/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-08-2019 10:10:28
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 9:. 19/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-08-2019 12:11:17
องครักษ์พิทักษ์กี55555 ทำดีมากอิน
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 9:. 19/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 21-08-2019 13:39:59
ต้นยิ่งพยายามปรับปรุงตัวเองให้เป็นคนรักที่ดีมากขึ้นเท่าไหร่..ก็ยิ่งกลัวว่าจะมีดราม่าแอบโผล่ขึ้นมาตอนไหนก็ไม่รู้
เดิมทีน้องกีรักต้นมากๆๆๆๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถ้าเกิดเหตุรักร้าวอีกครั้ง น้องกีจะทนรับมือกับมันไหวเหรอ

คงไม่มีเกิดขึ้นอีกแล้วนะต้น  สงสารน้องกีเหอะ
กีเสียใจครั้งก่อนก็ร้องไห้ปานจะขาดใจ ลาตาย
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 9:. 19/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 21-08-2019 14:32:40
ใครเอาหนูอินไปซ่อนเอาหนูอินกลับคืนมานะ :ling1:
ตั้งต้นนายพยายามได้ดีมาใจเย็นๆหาเหตุผลเยอะๆยังไงกีก็เลือดนายแต่ถ้านายกลับมานิสัยเดิมโอกาสนายจะไม่มีทันที่
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 10:. 23/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 23-08-2019 14:20:54
.:บทเรียนที่ 10:.

รถยนต์ยุโรปซีดานซ์สีดำจอดสนิทในโรงรถข้างตัวบ้าน ถึงจะออกมาเร็วแต่ด้วยความที่เป็นวันศุกร์เย็นจึงทำให้กว่าจะผ่านการจราจรของกรุงเทพฯออกมาได้ก็ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง ทำให้กว่าจะมาถึงบ้านที่ระยองจริงๆก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ป๊ากับแม่ที่มารอรับกล่าวต้อนรับลูกๆและแขกที่มาเป็นครั้งแรกอย่างเป็นกันเอง ด้วยความที่ดึกมากแล้วเมื่อถามแล้วพบว่าไม่มีใครหิว แม่เลยบอกให้ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อน จะคุยจะทำความรู้จักอะไรค่อยเริ่มกันพรุ่งนี้ ตั้งต้นคิดว่าเขาจะได้นอนห้องเดียวกับกีที่อยู่ชั้นสอง
ทำไมเขาถึงรู้นะหรอว่าอยู่ชั้นสอง ก็เพราะว่าเคยแอบมาส่องเป็นเดือนๆน่ะสิ
แต่ปรากฎว่าเจ้าของบ้านคนเล็กกลับนำเขาไปที่ห้องรับแขกที่อยู่ชัั้นหนึ่งของบ้านแทน
“ทำไมต้องลำบาก ต้นนอนกับกีก็ได้” คนเป็นแขกกล่าวเสียงอ่อย ไม่ได้กลัวเจ้าของบ้านลำบากหรอก คือใจจริงไม่อยากนอนคนเดียว เมื่อกีมองกลับมาก็รีบส่งสายตาออดอ้อนว่าขอนอนด้วยได้ไหม
“ไม่ได้ แม่บอกให้พาต้นมาห้องนี้” คนตัวเล็กว่าพร้อมเดินไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้า หยิบผ้าขนหนูและของใช้จำเป็นออกมาวางไว้ให้บนเตียง ร่างสูงรีบเดินไปปิดประตูห้องก่อนจะเดินตามไปประชิดเข้าสวมกอดจากข้างหลังอย่างรวดเร็ว
ฟอดดด
“แต่ต้นคิดถึงกีจังเลยครับ วันนี้ขอนอนด้วยนะ” กระซิบบอกเสียงเบา ก่อนที่จะกดจมูกลงบนแก้มนุ่มซ้ำๆ สูดเอาความหอมของแป้งเด็กเข้าไปเต็มปอด
“คิดถึงอะไร ตัวติดกันขนาดนี้” อีกฝ่ายว่ากลั้วหัวเราะ ก็มันเรื่องจริงนี่น่า ถ้าไม่นับเวลาเรียน หรือเวลาที่อีกคนมีงาน เขาทั้งสองคนก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เรียกว่าตัวติดกันไปแล้ว
“ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันสองคนเลย ทั้งๆที่อยู่ใกล้กันแค่นี้แต่เหมือนกีอยู่ไกลแสนไกล ต้นคิดถึงไม่ไหวแล้ว” คนด้านหลังยังโอดครวญไม่หยุด จูบไหล่จูบคอจนเขาตัวอ่อนยวบไปหมดแล้ว ในที่สุดก็ทนไม่ไหวหมุนตัวหันหน้าไปประจันหน้ากับอีกฝ่าย ยกมือลูบผมอีกฝ่ายเบามืออย่างนึกเอ็นดู
“ขับรถเหนื่อยไหม” อีกคนพยักหน้าเร็วๆเรียกร้องความเห็นใจ
“เหนื่อยมากเลย ขอรางวัลให้หายเหนื่อยหน่อยได้ไหม” เขาเลื่อนมือลงมาลูบแก้มของอีกคนที่ดูเหมือนจะซูบลงเยอะ ตั้งแต่กลับมาดีกัน เขารู้ว่าต้นพยายามทำหลายอย่างเพื่อเขา เจ้าตัวที่ต้องไปเล่นกีต้าร์ที่ร้านแทบจะทุกคืนจนดึกดื่น แล้วยัังอุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาหาเขาที่บ้าน มาคอยรองรับอารมณ์ คำประชดประชันของพี่สาวและเพื่อนเขาที่ป่วนไม่หยุด แล้วพรุ่งนี้เขาไม่รู้จริงๆว่าอีกฝ่ายจะโดนอะไรอีกบ้าง สงสารก็สงสาร ตอนนี้ถึงใครจะว่าเขาโง่งี่เง่าก็เถอะ เขาน่ะเชื่อเกินร้อยในความจริงใจของเจ้าตัวแล้ว แต่ที่ยังเงียบไม่ห้ามไม่เตือนอะไรใคร ก็เพราะหวังอยากให้ต้นชนะใจทุกคนให้ได้เหมือนที่ชนะใจเขาต่างหาก
“แค่นี้ก็จะไม่ไหวแล้วหรอ อยากจะเลิกก็ได้นะ” เอ่ยเย้ายอกคนที่มองหน้าสบตากัน ให้เจ้าตัวหน้างอขึ้นมาทันที
“ต้นไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย เลิกพูดเรื่องเลิกได้ไหม..” อีกฝ่ายเริ่มงอแงเสียงอ่อย เขายกยิ้ม เอาสองมือดันไหล่อีกฝ่าย เขย่งเท้าขึ้นกดริมฝีปากลงบนที่เดียวกัน
จุ๊บ!
“อ่ะ งั้นนี้ก็รางวัลของคนพยายามเก่ง”
หมับ!
พูดไม่ทันจบคำเขาก็โดนสองมือหนากุมเข้าที่หน้า จับเอียงให้ได้องศาก่อนที่อีกฝ่ายจะกดจูบเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อหายตกใจมือที่เคยยันที่ไหล่หนาก็เปลี่ยนไปสอดรอบหลังกว้าง ลิ้นนุ่มตอบโต้ลิ้นร้อนที่ดุนดันเข้ามาในโพรงปากของเขา ตั้งต้นเม้มปากเรียวนุ่ม ดูดกลืนทุกหยดน้ำใสที่สัมผัสไปถึง ฟันคมขบกัดเบาๆบนริมฝีปากบางให้อีกฝ่ายร้องครางออกมา ก่อนที่จะยอมผละออกในที่สุด
“ขอบคุณสำหรับรางวัลครับ” คนหน้ามึนว่าก่อนที่จะยกยิ้มกว้างจนตาปิด ถึงอยากจะเถียงว่าไอ้รางวัลที่จะให้มันแค่จุ๊บเดียว ที่เหลืออีกฝ่ายขี้โกงขโมยจูบไปเองก็เถอะ แต่ตอนนี้ก็ต้องยอมรับเลยว่าเขาคิดถึงจูบของคนตรงหน้าแทบบ้าเหมือนกัน ว่าแล้วก็ยกยิ้มอย่างไม่คิดปิดบังอะไรอีกแล้ว โน้มหน้าเข้าไปตั้งใจจะมอบรางวัลให้อีกฝ่ายอีกรอบ
ก๊อกๆๆๆ แอ๊ดดด
เสียงเคาะประตูและตามด้วยประตูที่เปิดขึ้นแทบจะทันทีทำให้เขารีบเด้งตัวออกห่างจากอีกคนด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน เมื่อมองไปเห็นพี่สาวยืนหน้าบึ้งกอดอกอยู่ตรงกรอบประตูก็ได้แต่เจื่อนยิ้มกลบเกลื่อน
“กี แม่บอกให้ขึ้นไปหาที่ห้อง” ว่าจบพี่สาวก็หรี่ตามองมาที่น้องตัว ตากลมเรื่อน้ำกับหน้าแดงก่ำของคนเป็นน้องมันทำให้คิดดีไม่ได้เลย “ไปสิ” เขากล่าวซ้ำเมื่อมันยังเลิกลั่กหันมองไปมาระหว่างเขากับต้น
“งั้นเราไปนอนก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้” ถึงจะอยากให้อยู่แต่อีกคนก็พยักหน้ารับ เอื้อมเอามือมาแตะกลุ่มผมนุ่มก่อนจะขยี้เบาๆ
“ครับ ฝันดีนะครับ”

เมื่อเดินมาจากห้องเขาก็เดินขึ้นชั้นสองตามพี่มาห้องป๊ากับแม่ ทั้งสองที่อยู่ในชุดนอนนั่งดูทีวีกันอยู่บนเตียง เมื่อลูกๆเข้ามาก็ปิดทีวีลง ตบฟูกลงเบาๆเรียกให้มานั่งข้างกัน
“คิดถึงป๊ากับแม่จังเลย” ลูกคนเล็กรีบเอ่ยอ้อน สวมกอดคนเป็นพ่อและแม่ก่อนที่จะหอมแก้มคนละที
“แม่ว่าน้องลืมแม่ไปแล้วซะละมั้ง หายไปนานจนแม่ต้องให้พี่ไปตาม” ว่าแล้วแม่ก็หัวเราะ ขยิบตาให้ป๊า
“แม่มำไมพูดแบบนี้ น้องจะลืมแม่ได้ไง” ลูกชายคนเล็กยังออดอ้อนซุกลงไปที่อกของคนเป็นแม่
“ตกลงว่าคนนี้หรอตัวการทำฟันผุ” ป๊าเอ่ยถามที่เล่นที่จริงมาที่เขา พี่จีเป็นฝ่ายรีบตอบออกไป
“ใช่ คนนี้แหละป๊า พรุ่งนี้แม่ต้องเล่นงานให้หนักเลยนะ”
“พี่จี...” เขาส่งสายตาอ้อนวอนพี่สาว แต่อีกฝ่ายไม่สนใจเล่าเรื่องที่เขาหนีไปพัทยาโดยไม่บอกไม่กล่าวอย่างละเอียดยิบ ป๊ากับแม่ที่เห็นเขาร้องไห้มาตลอดปิดเทอมนิ่งเงียบตั้งใจฟัง มีบางครั้งที่มองมาที่เขาให้ต้องหลบสายตาด้วยความรู้สึกผิด ปกติเขาเป็นคนที่เล่าทุกอย่างให้ครอบครัวฟัง แต่มีครั้งนี้กับคนนี้เท่านัั้นที่ไม่เคยคิดจะกล้าเอ่ยปาก เขาก็เคยสงสัยเหมือนกันว่าทำไม แต่จริงๆใจลึกๆก็พอจะรู้คำตอบ เพราะจริงๆแล้วถึงจะรักแค่ไหนแต่ใจก็ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่มั่นใจกับความรู้สึกของอีกฝ่าย เพราะที่จริงแล้วเขาก็รู้ดีว่ารักครั้งนี้มันเสี่ยงเหลือเกิน
“แล้วตกลงเราจะเอายังไง” คนเป็นพ่อถามขึ้นมา
“จะเอาไงอ่ะป๊า เล่นมันหนักๆเลยจะได้สำนึก” พี่สาวรีบว่าต่อ
“จีป๊าเขาถามกีอยู่นะ” เป็นแม่ที่เอ่ยห้าม
“แต่น้องมันใจอ่อ..” เมื่อพี่จีตั้งท่าจะเถียงอีกรอบป๊าก็ปรามด้วยสายตาจนต้องเงียบลงทันที
“ตกลงน้องจะเอายังไง” ป๊าถามซ้ำ ทุกสายตามองมาที่คนที่นั่งก้มหน้าเกลี่ยนิ้วตัวเองด้วยความประหม่าไปมา
“...”
“ใจอ่อนกับเขาแล้วหรอ” เมื่อคนเป็นพ่อถามเขาก็ชะงักก่อนที่จะพยักหน้าลงเบาๆให้พี่สาวโวยวายออกมาอีก
“แล้วเรามั่นใจไหมว่าจะไม่เจ็บแบบรอบที่แล้วอีก” คนถามยังจี้ต่อ ลูกคนเล็กเงยหน้าขึ้นมาสบตา สมองพยายามประมวลผลหาคำตอบสุดท้าย จนเมื่อได้มันมาก็น้ำตาคลอเบ้า ส่ายหน้าไปมา
“ไม่มั่นใจเลยป๊า” น้ำตาไหลร่วงลงข้างแก้มให้คนเป็นพ่อทนไม่ไหวรวมตัวเข้ามากอด
“ไม่มั่นใจ แต่ก็ยังอยากกลับไปคืนดีกับเขางั้นหรอ” คนในอ้อมกอดสะอื้นพยักหน้ารับ คนที่เหลือทั้งสามมองสบตากันไปมา พวกเขาทั้งรักทั้งหวงเด็กคนนี้ยิ่งกว่าอะไร เลี้ยงมากับมือ พวกเขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าตอนนี้มันสับสนมากแค่ไหน
“ยังไงก็จะไม่เลิกใช่ไหม” เมื่อได้ยินคำถามกีรติผละออกมาสบตากับคนเป็นพ่อ ส่ายหน้าแรงๆเป็นคำตอบ
“ป๊าอยากให้น้องเลิกหรอ” เอ่ยถามทั้งๆที่กลัวคำตอบเหลือเกิน คนเป็นพ่อยิ้มเอามือลูบหัวเบาๆอย่างเอ็นดู
“พูดแบบนี้ป๊าเสียใจนะ ยังไม่รู้จักป๊าอีกหรอ ป๊าเคยขอให้กีทำในสิ่งที่กีไม่อยากทำสักครั้งไหม” เขาส่ายหน้าแรงๆแทนคำตอบ ก็เพราะมันจริงที่สุด ป๊าคือคนที่ตามใจเขามาตลอดชีวิต
“แต่สัญญากับป๊าได้ไหมว่าเราจะรักตัวเอง ถ้าไม่ไหวจริงๆก็ควรจะรู้ว่าจะหยุดตอนไหน ถ้าคิดว่าทำได้ ป๊าก็จะสนับสนุนเต็มที่” เหมือนต่อมน้ำตาที่ช่วงนี้ทำงานหนักก็ยังทำงานได้ดี เขาปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเป็นน้ำตาแห่งความสุข ความสุขที่ได้รับรู้ว่าในเวลาที่ยากลำบากที่สุดของชีวิต ในวันที่ท้อแท้จนไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปยังไง เขายังมีคนที่รักและพร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วยเขาเสมอ มันไม่มีเลยสักครั้ง ที่เขาจะถูกปล่อยทิ้งให้อยู่เดียวดาย...
ไม่มีเลยสักครั้งจริงๆ

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


ครอบครัวของกีเป็นครอบครัวไทยเชื้อสายจีน มีกันอยู่สี่คนคือ ป๊า แม่ พี่จีและตัวกีที่เป็นน้องคนเล็ก เมื่อก่อนบ้านนี้ไม่ได้ร่ำรวยขนาดนี้ แต่เป็นเพราะป๊ากับแม่กีเป็นคนขยันขันแข็งทำให้ฐานะทางการเงินของครอบครัวดีขึ้นเรื่อยๆ จากที่กีเล่าให้ฟัง ป๊าของกีจะเป็นคนคอยดูแลกิจการสวนผลไม้ของที่บ้านที่มีผลไม้ปลูกสลับหมุนเวียนกันไปตลอดทั้งปี ในทุกๆเช้าป๊าจะเป็นคนขับรถเข้าไปตรวจดูงานที่สวนที่อยู่ชานเมืองไม่เคยขาด แม้จะมีลูกน้องช่วยมากมาย แต่กีไม่เคยเห็นป๊าหยุดพักเลยสักครั้ง นอกจากสวนผลไม้แล้วที่บ้านยังมีกิจการร้านขายของส่งที่ตึกติดกับตัวบ้าน ที่ร้านจะขายของจำพวกที่ขายกันในร้านขายของชำ มีตั้งแต่ยาสีฟันแปรงสีฟัน ของกินเล่น เครื่องใช้ในครัวเรือน รวมไปถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในทุกวันจะมีร้านของชำจากทั้งในและต่างอำเภอมากมายแวะเวียนเข้ามาอุดหนุน ด้วยความที่แม่กีเป็นคนใจดีและร้านเปิดมานาน บางคนที่เป็นลูกค้าประจำแม่ก็จะให้เซ็นต์ หรือไม่ก็แถมนั่นแถมนี่ไปเรื่อย ทำให้ร้านแม่เป็นที่รู้จักกันเยอะในระยอง แต่ละวันมีลูกค้าเข้ามาไม่เคยขาด
แต่ถึงกีจะว่าอย่างนั้น เขาก็ไม่คิดว่าลูกค้าจะเยอะขนาดนี้...
“ต้น เบียร์สิบลังท้ายรถกระบะสีขาว”
“ครับๆๆ”
“ตั้งต้นมาช่วยพี่เรียงของเข้าชั้นเร็ว”
“มาแล้วครับพี่จี”
“ต้น ขวดน้ำปลาแตก มาทำความสะอาดเร็วๆ”
“ไม้ถูพื้นมาแล้วครับแม่”
“ต้น ตวงข้าวสารให้แม่หน่อย”
“ตาชั่งอยู่ตรงไหนครับ”
“ต้น ไปช่วยพี่บุญยกลังเป๊ปซี่สิ”
“พี่ผมมาแล้ว!”
“ต้น ไป..”
“ครับ ไปแล้วครับ”
“เดี๋ยว..ใจเย็น พี่จะมาตามไปกินข้าว”
“แฮะๆ เพลินไปหน่อยครับพี่จี”
“ต้น กินข้าวเสร็จแล้วมาช่วยแม่นับของด้วยนะ”
“อะ..อิ่มแล้วคร้าบบ”





ในที่สุดนอกจากการพักกินข้าวสิบห้านาทีแล้วเมื่อถึงเวลาพลบค่ำเขาถึงได้พักจริงๆ แม้จะยังมีลูกค้าหลงเหลืออยู่สองสามราย แต่ตอนนี้ร้านถูกเขาทำความสะอาดเรียบร้อยพร้อมที่จะปิดได้ทุกเมื่อ ตั้งต้นนั่งลงตรงไม้หินอ่อนหน้าร้าน นั่งมองแม่ของกีที่ยังวุ่นวายอยู่กับการนับเงินใส่ซองให้คนงานรายวันไม่หยุดมือ วันนี้เขาเหนื่อยจนหมดแรง แม้จะเคยออกกำลังกายหนักในยิมแต่การมาใช้แรงหิ้วของไปมาแบบนี้มันไม่เหมือนกันเลยสักนิด แต่ยังไงเขาก็รู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำมันยังเหนื่อยไม่ถึงครึ่งของที่หญิงวัยกลางคนตรงหน้าเขาคนนี้ทำด้วยซ้ำ เขาไปนั่งตวงข้าวในขณะที่แม่ไปยืนนับของ ขณะที่เขาไปพักกินข้าว แม่กลับเอาข้าวมานั่งกินที่โต๊ะแล้วคิดเงินไปด้วย ดังนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะจงใจแกล้งเขาหรือเพราะวันนี้ขาดคนงานอย่างที่บอกจริงๆ เขาก็เต็มใจจะช่วยไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไร
“อ่ะ” กระป๋องเบียร์เย็นจัดจนมีหยดน้ำเกาะอยู่ประปรายถูกยื่นมาตรงหน้า เขาเหลียวไปมองก็เห็นคนที่เพิ่งกลับมาจากงานที่สวนยืนส่งยิ้มบางมาให้ มองไปด้านหลังเห็นกีที่หายไปกับพ่อทั้งวันยืนคุมคนงานเข็นผลไม้เข้าร้านอยู่ เขากล่าวขอบคุณพร้อมเอื้อมมือไปรับมาเปิดฝา พร้อมกระเถิบตัวเปิดทางให้เมื่ออีกคนทำท่าจะนั่งลงตรงข้างเขา
“ป๊ากลับมาแล้วหรอครับ”
“อืม” เอ่ยตอบสั้นๆพร้อมกับเปิดฝาเบียร์ในมือแล้วยกขึ้นจิบอึกใหญ่
“วันนี้เหนื่อยเลยสินะ” ป๊าว่าต่อ ที่จริงเขากลับมาได้สักพักแล้ว มานานพอที่จะได้เห็นอีกคนวิ่งวุ่นขนลังนั้นยกลังนี้ไม่หยุด แถมโดนทั้งแม่ทั้งลูกสาวคนโตใช้ถูชั้น ถูหน้าร้านจนเอี่ยมอ่อง ถึงจะดูรูปร่างใหญ่หุ่นนักกีฬา แต่จากผิวพรรณและการแต่งตัว เขาก็รู้ว่าเด็กชายไม่เคยมาลำบากทำอะไรแบบนี้
“ก็นิดหน่อยครับ” ชายแก่กว่าขำออกมาเบาๆ ยกมือตบไหล่เขา
“ลำบากหน่อยนะ ป๊าเลี้ยงบ้านนี้แบบตามใจไปหน่อย ยิ่งเจ้ากีมันเป็นคนเล็ก ไม่ใช่แค่ป๊ากับแม่ พี่จีของมันก็หวงกันอย่างกับอะไร”
“ไม่หรอกครับ ผมเข้าใจดี” ลองคิดว่าตัวเองเป็นคนทั้งสอง ถ้ามีคนมาทำให้คนที่เขารักเสียใจ เขามั่นใจว่าเขาคงจะไม่คิดอ่อนข้อให้ง่ายๆแบบนี้แน่ๆ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการกระทำของอิน ของพี่จี หรือของแม่ เขาก็เข้าใจได้ทั้งนั้น เมื่อได้ยินคำตอบคนเป็นพ่อก็ได้แต่ขำยกเบียร์ในมือดื่ม ตั้งต้นมองเสี้ยวหน้าคนที่ส่งสายตาเอ็นดูมาให้เขา
“แล้วป๊า..ไม่โกรธผมด้วยหรอครับ”
“โกรธสิ” หนุ่มวัยกลางคนตอบแบบไม่คิด “แต่เมื่อกีมันให้อภัยเราแล้ว ป๊าก็ขี้เกียจจะโกรธแล้ว” ชายหนุ่มใหญ่พูดต่อ
“ทำไมง่ายจังครับ” ตั้งต้นถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหูกับคำตอบสบายๆเกินพอดีของอีกฝ่าย
“อือ ก็ง่ายแค่นั้นแหละ” ป๊าว่าต่อ “ที่จริงแม่กับเจ้าจีมันก็ไม่ได้โกรธเราหรอกนะ เพราะถ้าโกรธจริงๆ เราไม่มีทางได้มานั่งตรงนี้หรอก”
“กีน่ะ มันเป็นคนตรงไปตรงมากับความรู้สึกตัวเอง โกรธก็โวยวาย เสียใจก็ร้องไห้ ไม่เคยที่จะเก็บหรือฝืนความรู้สึกตัวเองได้เลย เวลามันรักก็เหมือนกัน ถ้ามันรักแล้วก็คือรัก มันไม่บวกลบคูณหารถึงผลได้ผลเสียหรอก เพราะมันรัก มันถึงไม่คิดถึงศักดิ์ศรี มันถึงยอมคืนดีกับเราง่ายๆ” ป๊ายังร่ายยาว อยากให้คนฟังเข้าใจถึงเหตุผลของลูกสาวและภรรยา
“ที่พวกนั้นทำไปเขาก็แค่อยากให้เราได้เรียนรู้คุณค่าของกี เขากลัวว่าถ้าเราได้มันคืนไปง่ายๆแล้วเราจะไม่เห็นค่าของมันอย่างที่เคยทำอีก” ตั้งต้นเม้มปากแน่น เขารู้สึกหน้าชากับประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน ถึงอีกฝ่ายจะพูดกลั้วหัวเราะแต่เขารู้ว่านี่มันคือคำเตือนกลายๆจากผู้ชายคนนี้
“แต่เรื่องยากๆแบบนั้นป๊าไม่ยุ่งหรอกนะ ป๊าขอเป็นฝ่ายรอตามใจง่ายกว่าเยอะ” คนเป็นพ่อยังว่าต่อหน้าตายิ้มแย้ม แต่ถึงจะว่าอย่างนั้นเขาก็รู้ดีว่าคนเป็นพ่อไม่ได้คอยแต่ตามใจอย่างที่ปากว่า เข้ารู้ดีตราบใดที่กียังเลือกเขา เขารู้ว่าผู้ชายคนนี้พร้อมที่จะสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือแบบเต็มกำลัง แต่ในขณะเดียวกันถ้าวันใดที่กีบอกจะตัด เขารู้ดีว่าคนที่เขาจะไม่สามารถทำให้ใจอ่อนได้เลยไม่ใช่แม่หรือพี่สาว แต่คือชายตรงหน้าต่างหาก
“แล้วป๊าไม่ว่าอะไรหรอครับ ผมเป็นผู้ชาย..” เมื่อเริ่มเปิดใจได้มากขึ้น เขาก็อยากจะรู้เรื่องที่แปลกใจมาโดยตลอดที่ทุกคนทำเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ ถ้าเป็นที่บ้านเขา เขาไม่แน่ใจเลยสักนิดว่าคนเหล่านั้นจะคิดยังไงกับเรื่องนี้
“เราเคยรักใครไหม” ป๊าเอ่ยถามขึ้นมาแทนคำตอบ เขาไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่นิ่งฟังสิ่งที่จะตามมา เผลอกลืนน้ำไหลเหนียวลงคออย่างยากลำบาก
“ถ้าเรารักใครสักคน สิ่งที่เราทำได้คือต้องเชื่อมั่นในตัวเขา ใครๆก็ว่าป๊าเลี้ยงลูกมาแบบทิ้งๆขว้างๆ คอยแต่ตามใจมันจนเคยตัว แต่จริงๆแล้วคือมันไม่ใช่ ป๊าแค่พยายามสร้างความมั่นใจให้น้องมันมากที่สุดต่างหาก”
“ตั้งแต่เด็กๆป๊าจะให้มันเลือกทางเดินของตัวเองมาตลอด ไม่ว่าอยากทำอะไรก็ให้ลอง อยากเป็นอะไรก็ให้เป็น จะมีบ้างแค่ช่วยชี้แนะไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง นอกจากที่น้องมันจะได้เรียนรู้ว่าอะไรดีไม่ดี ได้รู้ว่าตัวเองชอบอะไรแล้ว สิ่งหนึ่งที่มันจะได้คือความมั่นใจ น้้องมันจะมั่นใจได้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามป๊าก็ยังจะอยู่กับมันเสมอ ดังนั้นกีมันถึงไม่เคยมีเรื่องปกปิดป๊า อยากได้อะไรก็ขอ มีเรื่องเครียดก็เล่าให้ฟัง หรือถึงไม่เล่าแต่เวลาที่น้องไม่มีที่ไปมันก็ยังคิดกลับมาหลบพักใจที่บ้านไม่ได้เตลิดหายไปไหนให้ต้องเป็นห่วง เห็นไหมว่ามันง่ายกว่าการควบคุมให้มันทำตามที่ป๊าสั่งอย่างเดียวตั้งเยอะ ป๊ามีแต่ได้กับได้” คนเล่ายกยิ้มเอ็นดูก่อนที่จะหันมาตบไหล่เขาเบาๆ
“ที่เล่ามาทั้งหมดก็เพื่อตอบคำถามของเรา ป๊าไม่คิดจะว่าอะไร และป๊าก็ไม่สนว่าคนจะมองจะพูดอะไร ขอแค่ลูกป๊าเลือกเขาก็พอ ขอแค่เขาทำให้ลูกป๊ามีความสุขก็พอ” ตั้งต้นตั้งใจฟังทุกคำของชายตรงหน้า เขารู้สึกเคารพความคิดของคนคนนี้เหลือเกิน ตอนนี้เขาไม่แปลกใจเลยสักนิดที่กีโตมาเป็นคนจิตใจดีแบบนี้ จริงใจเหมือนคนเป็นแม่ เหมือนจะเอาแต่ใจแต่ก็แสนจะใจอ่อนเหมือนคนเป็นพี่ และการรักและพร้อมจะเข้าใจเหมือนคนเป็นพ่อ ทุกๆสิ่งหลอมรวมมาเป็นคนรักของเขา คนที่ครั้งนึงเขาเคยโง่จนทำให้อีกฝ่ายเสียใจ ตอนนี้เขารู้สึกโชคดีเหลือเกินที่ตัวเองยังมีโอกาสได้มานั่งอยู่ตรงนี้
“ผมสัญญาครับว่าผมจะพยายามเต็มที่ให้กีมีความสุขที่สุด” เขาเอ่ยสิ่งที่ออกมาจากใจ คนเป็นผู้ใหญ่ยิ้มรับ ก่อนจะเอ่ยสอนคนที่เขานึกเอ็นดูเหมือนลูกอีกคน
“ฟังนะต้น ทุกความสัมพันธ์มันยากในตัวมันอยู่แล้ว แล้วยิ่งความสัมพันธ์แบบพวกเรามันยิ่งยากกว่าหลายเท่า ทั้งคนรอบตัว ทั้งสังคมภายนอก ปัญหามันพร้อมจะเข้ามาจากปัจจัยรอบด้าน ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือคุยกันเยอะๆเข้าใจกันให้มากๆ และที่สำคัญต้องเชื่อใจและไม่ทำลายความไว้ใจของกันและกัน แค่นี้ป๊าก็เชื่อว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเราจะผ่านมันไปได้”
“แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ บอกป๊า เดี๋ยวป๊าจัดการเอง” ตั้งต้นหัวเราะในลำคอให้กับคนที่ชอบตามใจ กระบอกตาร้อนผ่าว เขาซึ้งใจจริงๆ ตอนนี้เขาไม่ได้ได้แค่คนรักที่ดีที่สุด แต่เขายังได้มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่อบอุ่นที่สุดที่เขาเคยเจอมาในชีวิตอีกด้วย
“ขอบคุณมากๆเลยนะครับป๊า”
“ต้น มาช่วยแม่ยกลังเข้าบ้านเร็ว!” เสียงเรียกดังมาจากหน้าบ้าน ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแทบทันที ร่างกายที่เคยเหนื่อยล้ากลับมากระปรี่กระเปร่าอย่างกับคนเพิ่งกินผักโขมของป๊อปอายมาใหม่ๆ

“ครับแม่ มีกี่ลังต้นยกเองครับ!!”

**********
อ่ะๆ ให้ต้นทำคะแนนหน่อยยย ป๊ามาตอนเดียวบทเยอะกว่าน้องหมีมาสิบตอน 5555 ตอนนี้ไม่รู้จะชอบกันหรือเปล่านะคะ ดูเหมือนจะสอนกันเยอะเกินไป แต่ถึงจะยาวก็ลบทิ้งไม่ได้สักคำเลยค่ะ เป็นสิ่งที่คิดว่ายังไงก็ต้องใส่ไว้ในเรื่องนี้ ตอนหน้าจะพยายามมาเร็วๆนะคะ ช่วงนี้งานเยอะจริ๊งๆๆ เลยมาข้าไปหน่อยจ้าาา
#ต้นคนรักไม่เป็น
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 10:. 23/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 23-08-2019 22:41:03
 :hao3: ต้นอ่วมแน่ๆงานนี้
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 10:. 23/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 24-08-2019 16:10:44
ครอบครัวน่ารักของน้องกี ตั้งต้นจริงใจๆๆท่องไว้ๆ
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 10:. 23/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-08-2019 14:51:23
เหมือนต้นได้ครอบครัวที่อบอุ่นแบบที่ต้องการแล้วรักษาไว้ให้ดีๆนะ
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 11:. 25/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 25-08-2019 15:27:32
.:บทเรียนที่ 11:.


“แล้ววันนี้ต้นมันไม่ร้องมาด้วยหรอ” อินทัชเอ่ยถามเพื่อนสนิทขณะที่ยืนรอเพื่อนอีกสามคนที่กำลังไปซื้อตั๋วหนังและป๊อปคอร์นอยู่ วันนี้พวกเขามาดูหนังกับเพื่อนที่ค่ายอย่างที่เขาเคยบอกไว้ก่อนที่กีจะกลับบ้าน แต่กว่าจะนัดกันลงตัวว่างพร้อมกันทุกคน กีมันก็กลับมาจากบ้านได้เป็นเดือนแล้ว

“วันนี้ต้นมีนัดกินข้าวกับเพื่อน” กีรติตอบกลับ จริงๆตั้งแต่ที่เจ้าตัวรู้ว่าเขาจะมาก็ร้องบอกว่าจะมาด้วยทุกครั้งจนเขาก็ยอมตามใจ แต่พอจะถึงวันจริงๆเจ้าตัวกลับหน้ามุ่ยเดินมาบอกว่าไม่ว่างแล้วซะงั้น
“ก็ดี ไม่รู้จะหวงอะไรนักหนา ตามติดซะ” คนที่ยังไม่ยอมอภัยให้ง่ายๆก็เอ่ยขึ้นอย่างมั่นไส้
“อย่างมึงเนี่ยนะมาว่ากู มองไอ้หมีสิ มันโดนใครส่งให้มาเฝ้ามึง” อินทัชหันไปมองน้องรหัสแฟนที่ยืนยิ้มแห้งหันซ้ายขวาฟังพวกเขาคุยกันอยู่ แน่นอนว่าการที่เขามากับเตแบบนี้ ดินไม่มีทางยอมปล่อยมาง่ายๆ ถึงจะไม่ได้แสดงอาการหึงจนออกนอกหน้า แต่การส่งหมีพูห์มาแบบนี้มันแสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้าตัวไม่ได้นิ่งอย่างที่คิดสักนิด
“หมี พี่บอกแล้วไงว่าถ้าไม่อยากมาก็ไม่ต้องมาก็ได้นะ” เอ่ยบอกน้องรหัสแสนน่ารัก ที่ไม่รู้ว่าจะซื่อสัตย์จงรักภักดีกับพี่มันไปถึงไหน นี่ถ้าไม่บอกเขาจะคิดว่ามันคิดอะไรเกินเลยกับดินไปแล้ว
“ไม่เป็นไรพี่อิน ผมเองก็คิดถึงพี่ที่ค่ายเหมือนกัน” แน่นอนหมีมันรู้จักคนในค่ายเพราะมันก็ไปด้วยกัน เขาเพิ่งมารู้ที่หลังว่าแท้จริงแล้วดินเนี่ยแหละที่เป็นคนส่งมันไป

ยืนคุยกันสักพักเพื่อนอีกสามคนก็กลับมา เตแฟนเก่าเขายื่นตั๋วหนังสามใบมาให้ นทคนที่ต้นเข้าใจผิดเป็นวักเป็นเวรจนเลิกลากันไป ถือถังป๊อปคอร์นมาสามถัง พวกเขาไม่ได้เล่าอะไรให้มันฟังเพราะรังแต่จะทำให้มันคิดมากไปเปล่าๆ ระหว่างนทกับกีมันไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าคำว่าเพื่อน ถ้ามันรู้ว่าเป็นสาเหตุให้กีเสียใจปางตายมันก็คงไม่สบายใจถึงจะไม่ใช่ความผิดมันก็เถอะ และคนสุดท้ายที่ถือถุงใส่แก้วน้ำอัดลมหกแก้วมาคือกันต์ เพื่อนสนิทของนทที่เพิ่งรู้จักกันที่ค่าย และหลังจากที่เจอกันที่ร้านเหล้าอีกรอบก็มาขอเบอร์กีกับเขา
เขาไม่ได้ให้ไปหรอกนะ ถึงจะอยากยุ่งแค่ไหนแต่ของแบบนี้ต้องให้เจ้าตัวอนุญาตเอง
แต่ถ้าถามว่าเชียร์ไหม บอกได้เลยว่าตอนนี้ถึงจะอยากเชียร์ก็เชียร์ไม่ได้ เพราะมันตกลงกลับไปคบกับต้นจริงๆจังๆแล้ว ถึงจะอยากให้เพื่อนได้เจอคนที่ดีกว่าแค่ไหน แต่เขาก็รู้ว่าการทำให้แฟนเลิกกันมันไม่ใช่สิ่งที่ดี และอีกอย่างสำหรับเขาความสุขของไอ้กีสำคัญที่สุดเสมอ ในเมื่อมันเลือกอีกคนไปแล้ว เขาจะทำอะไรได้นอกจากคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลัง กับกันต์เอง เขาก็บอกปฎิเสธไปจริงๆจังๆอีกครั้ง พร้อมบอกไปเรียบร้อยแล้วว่ากีมันมีแฟนแล้ว เจ้าตัวก็เหมือนจะยังไม่ได้จริงจังอะไรเท่าไหร่ หลังจากนั้นก็ไม่ได้มาถามหรือแสดงอาการเกินพอดีกับเพื่อนเขาอีก

แต่ไม่บอกให้ไอ้ต้นมันได้ใจหรอกนะ อย่างมันต้องโดนให้เข็ด

“งั้นก็เข้าไปในโรงกันเถอะ” เป็นนทที่กล่าวชักชวนเพื่อนเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาเต็มทีแล้ว เตชาที่ทำหน้าที่แจกจ่ายเสบียงให้เพื่อนๆยื่นแก้วน้ำอัดลมให้เพื่อนทุกคนก่อนจะที่จะหันมายื่นให้เขา

“วันนี้นั่งข้างเตไหมครับ” อินทัชหันมาหรี่มอง ลังเลอยู่ว่าควรจะพูดอะไร จริงๆเขาคุยกับเตได้เป็นปกติและรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่เจอ แต่เขาแค่กลัวว่าถ้าสนิทกันเกินไปมันอาจจะเป็นการให้ความหวังอีกฝ่ายหรือเปล่า ดังนั้นเขาคิดว่าควรปฎิเสธ ยังไงทิ้งระยะห่างไว้ก็น่าจะดีกว่า
“ไม่ได้ครับ พี่อินต้องนั่งข้างพี่กี ส่วนอีกข้างผมจะนั่ง” ก่อนจะเขาจะได้ปฎิเสธหมีพูห์ก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียงหนักแน่น จับมือเขาเดินเข้าไปในโรงหนังทันทีโดยไม่คิดจะไว้หน้าเตเลยสักนิด พี่รหัสมันสอนมาดีเหลือเกินนะ
“หมี เสียมารยาทรู้ไหม”
“ขอโทษครับพี่อิน แต่หมีแต่ทำตามหน้าที่”
“พี่ดินจะให้อะไรรอบนี้”
“หุหุ พี่ดินบอกจะซื้อตั๋วดิสนี่ย์ออนไอซ์ให้อ่ะพี่อิน!” น้องมันเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้นให้เขากลอกตามองบน ทีกับเรื่องแบบนี้ทุ่มเทจังเลยนะคุณบดินทร์~



“หนังสนุกไหม” เตชาเอ่ยถามอินทัชเมื่อทั้งหมดเดินออกมาจากโรงหนัง พวกเขาสองคนยืนรอเพื่อนที่ไปเข้าห้องน้ำกันอยู่ ชายหนุ่มลอบมองหน้าแฟนเก่าที่ไม่ว่ายังไงก็เป็นคนที่เขายังลืมไม่ได้สักที
แต่ก็นะ ถึงจะลืมไม่ได้แต่เขาก็รู้ดีว่าอีกคนมีความสุขกับรักครั้งใหม่มากแค่ไหน จนไม่เคยคิดที่จะเอาตัวไปแทรกกลางหรือสร้างความลำบากใจ แค่ขอให้ยังได้พูดคุยกันอยู่บ้าง สำหรับเขาแค่นี้ก็มีความสุขมากพอแล้วจริงๆ

“สนุกมากเลยเต อินมองตาไม่กระพริบจนกีมันแย่งกินป๊อปคอร์นหมดไปทั้งถังเลย” เขาหัวเราะให้กับท่าทางน่ารักของคนตรงหน้า ในช่วงเวลาหลายเดือนที่ไม่ได้เจอกันเขาคิดว่าอินเปลี่ยนไปเยอะเหลือเกิน เมื่อก่อนตอนที่คบกัน อินจะเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยแสดงออกหรือพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด คอยตามใจเขา ตกลงเออออไม่ว่าเขาจะชวนไปไหนหรือกินอะไร เป็นเขาเองที่ต้องคอยเดาใจอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา แต่พอมาตอนนี้เขาเห็นอินที่มั่นใจในตัวเอง หัวเราะพูดคุยกันอย่างเปิดเผย แล้วก็ยังรอยยิ้มบาดใจนั่นอีก ถึงจะเจ็บในอกแต่ก็รู้ดีว่าที่อินเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ก็เพราะผู้ชายอีกคน ผู้ชายงี่เง่าที่ทำตัวเหมือนเด็กสองขวบ ได้ตลอดเวลา

คนบ้าอะไรส่งน้องรหัสมาคุมแฟนตัวเองแบบนี้

แต่จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อคนบ้างี่เง่าที่เขาว่ามันดันเป็นคนเดียวกับผู้ชายที่ทำให้อินมีความสุขที่สุด ถึงจะไม่ชอบใจแต่จะทำอะไรได้นอกจากต้องยอมรับความจริง

“ถามแต่อินแล้วเตชอบไหม” ตากลมหันมาสบ ให้คนที่ตกอยู่ในพวังค์ตอบออกไป
“ก็ชอบ..ชอบเหมือนเดิมเลย”
“ชอบเหมือนเดิมอะไร ภาคก่อนหน้านี้นะหรอ” เขาสะดุ้งกับสิ่งที่หลุดไป อินถามออกมาซื่อๆ ให้คนที่แอบเผลอบอกความในใจได้แต่ยิ้มเจื่อนพยักหน้ารับกลับไป ตายังคงมองคนที่ไม่ว่าเขาจะเจอกี่ครั้งใจก็ยังเต้นแรงทุกที แววตาของอินเริ่มเปลี่ยนไปเหมือนเจ้าตัวก็เริ่มจะรู้ว่าคำตอบของคำว่าชอบเหมือนเดิมก่อนหน้านี้ ไม่ได้หมายถึงหนังภาคที่แล้วอย่างที่คิดในตอนแรก

“เต..แล้วเตเป็นยังไงบ้าง” อีกฝ่ายถามออกมา ตากลมแวววับมองมาให้ใจสั่นจนต้องหลบตา

“เตก็ดี แต่เรียนหนักมาก อินล่ะ”
“ก็หนักอยู่ แต่คงไม่สู้วิดวะได้หรอก” อินทัชเอ่ยตอบลอบมองอีกฝ่ายก่อนที่จะเอ่ยถามสิ่งที่ตนอยากรู้จริงๆ
“แล้วเต..เอ่อ..คือ”
“หืม?” เตชาหันจ้องเข้าไปในตาของคนที่เริ่มอึกอัก
“มีใครเข้ามาบ้างหรือยัง” ในที่สุดก็กลั้นหายใจถามออกไป ไม่รู้ว่าละลาบละล้วงเกินไปหรือเปล่า แต่เขาก็อยากรู้จริงๆว่าเมื่อไหร่เตจะมีคนมาดูแลหัวใจ เตป็นคนดี เขาก็อยากให้เจ้าตัวได้เจอรักดีๆสักที

คนโดนถามก็เหมือนจะอึ้งกับคำถามไปนิด แต่ก็ยิ้มออกมาก่อนจะเอื้อมมือมาวางบนกลุ่มผมของเขา
“ยังเลย ทำไม กลัวเตจะยังชอบอินอยู่หรือไง” หัวเราะในลำคอทั้งๆที่ตาเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด

“ปะ..เปล่านะ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”
“แล้วยังไงล่ะครับ”
“ก็...”คนที่แค่ถามเพราะเป็นห่วงพยายามหาเหตุผล “ไม่อยากให้เตเหงา ถ้ายังไม่มีอินช่วยหาได้นะ”
“พอเลยเราน่ะ หนักกว่าเดิมอีก เก่งแต่ทำเตเสียใจ” เตชาพูดเหมือนเหย้าหยอก แต่บอกเลยเจ็บจริงอะไรจริง ไม่รักตอบไม่ว่า ยังจะยัดเหยียดให้ไปหาคนอื่นอีก
“ง่ะ..อินไม่ได้...”
“ช่างเถอะเตล้อเล่น เตว่าจะไปกินเอ็มเคกันต่อ พวกอินไปด้วยกันนะ” เตชาเอ่ยชวน ส่วนหนึ่งเขาก็อยากใช้เวลากับอินให้มากขึ้นอีกนิด เพราะถึงจะมาดูหนังด้วยกันก็แทบจะไม่ได้คุยกันเลยสักนิด
“ก็น่าจะได้นะ ขอถามกีกับหมีพูห์ก่อนนะ อ่ะมาพอดี” เขาหันไปมองรุ่นน้องกับเพื่อนอีกสองคนที่เดินมาสมทบแต่ยังไม่เห็นเพื่อนสนิท
“พี่กีล่ะหมี” รุ่นน้องชี้มือไปที่หน้าห้องน้ำไกลๆ เขาเห็นมันยืนนิ่ง สีหน้าถอดสี คิ้วขมวดแน่นเข้าหากัน สองตาจ้องมองโทรศัพท์ในมืออย่างไม่วางตา
“เอ่อ เดี๋ยวอินมานะ” หันไปบอกเตก่อนที่จะเดินไปหาเพื่อนสนิท
“มีอะไรหรือเปล่ามึง” เขาเอื้อมมือไปแตะไหล่ ก้มมองหน้าคนที่ยังจ้องมือถือไม่หยุด
“ไลน์กลุ่ม” มันตอบมาสั้นๆ ให้เขาที่ยังงงอยู่รีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองที่ปิดเครื่องไปตอนอยู่ในโรงหนังมาเปิดดู พอเครื่องเปิดได้ปุ๊บเขาก็เข้าไปในไลน์กลุ่มทันที

ถึงร้ายก็รัก (4)
ธันย่า: เพื่อนมึง
ธันย่า: กูมีข่าวไม่ค่อยจะสู้ดี ใจเย็นๆนะ พวกมึงพร้อมไหม
แน้ตตี้: เฮ้ย มีอะไรว่ะ
ธันย่า: เดี๋ยวรอพวกมันมาก่อน โดยเฉพาะไอ้กี
แน้ตตี้: วันนี้พวกมันไปดูหนัง ป่านนี้อยู่ในโรงอยู่เลยมั้ง
ธันย่า: อ้าว หนังมันเลิกกี่โมงเนี้ย จะทันไหมว่ะ
แน้ตตี้: ทันอะไรว่ะ มึงทำกูตื่นเต้นทำไม อีธัน!
กีร่า: กูมาแล้วพวกมึง หนังเพิ่งเลิก
ธันย่า: ไอ้อินอ่ะ?
กีร่า: ยืนคุยกับแฟนเก่ากระหนุงกระหนิง กูนี่อยากถ่ายรูปไปให้ดินดู 555
ธันย่า: ช่วงรูปไอ้อินเถอะ มึงดูรูปนี้ก่อน
ธันย่า: (แนบไฟล์รูป)
แน้ตตี้: เชี่ยย ตั้งต้นมันนั่งอยู่กับใครว่ะ
ธันย่า: ไอ้ทิวส่งมา มันบอกว่าชื่อนิชา คนที่มีข่าวกับไอ้ต้นมาตลอด มึงลองเปิดลิ้ง
ธันย่า: (ลิ้ง)
ธันย่า: เป็นไฮโซลูกเจ้าของร้านเพชร กูอ่านแล้วคือบ้านนี้จะสนิทกับบ้านตั้งต้นมาก แล้วคือตั้งแต่เด็กๆมีข่าวกับมันมาตลอด เขาว่าเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันด้วย
แน้ตตี้: ไอ้กีมึงรู้เรื่องนี้ไหม
กีร่า: กูไม่รู้ว่ะ ต้นไม่เคยบอก
ธันย่า: วันนี้มันบอกมึงว่าจะไปไหน ไอ้ทิวบอกเขายังนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่เลย
กีร่า: อืม ต้นบอกว่าจะไปกินข้าวกับเพื่อน แต่กูไม่ได้ถามว่าเป็นใคร
ธันย่า: งั้นมึงก็ถามซะให้รู้เรื่อง ตอนแรกกูก็ว่าจะรอเจอมึงแล้วค่อยบอก แต่พออ่านประวัติฝ่ายหญิงแล้ว กูว่ามึงควรจะรู้เร็วๆ
กีร่า: เออ ขอบใจนะ เดี๋ยวกูคุยกับมันเอง
แน้ตตี้: กีมึงใจเย็นๆนะ อย่าเพิ่งคิดไปไกล ถามมันไปเลยตรงๆ
ธันย่า: เออ คุยกันไปตรงๆ กูเก็นกูยังอารมณ์เสีย เอาให้เคลียร์เลยนะมึง
กีร่า: กูโอเคมึง ขอบใจนะ กูคุยกับมันแล้วได้ความว่าไงจะมาเล่าให้พวกมึงฟังนะ
หนูอิน: พวกมึงไม่ต้องห่วงนะ กูอยู่กับมันนี่แหละ


อินทัชจับแขนเพื่อนที่ตอนนี้ยืนตัวสั่นไปหมดแล้ว ไอ้กีก็ยังเป็นไอ้กี มันไม่เคยทำตัวให้พวกเขาเป็นห่วงสักครั้ง นี่ถ้าไม่ยืนอยู่ข้างมันเขาก็จะนึกว่ามันโอเคจริงๆเหมือนที่มันพิมพ์เหมือนกัน
“กีมึงใจเย็นนะ”
“กูโอเคมึง”
“โอเคอะไรล่ะ หน้ามึงไม่มีเลือดอยู่แล้วเนี่ย แป๊ปนะ” เขาว่าอย่างนั้นก่อนที่จะเดินไปหากลุ่มเพื่อน บอกว่าพวกเขามีธุระกระทันหันต้องกลับก่อน คงไปกินข้าวต่อด้วยไม่ได้ ตอนแรกหมีพูห์มันก็จะตามมาด้วยแต่เขาเป็นคนขอให้เตไปส่งน้องมันที่ห้องให้หน่อย น้องก็เลยตามพวกนั้นไปกินเอ็มเคด้วย
“แล้วมึงจะเอาไงไอ้กี” เขาพามันมานั่งสงบสติอารมณ์ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง พอกาแฟปั่นที่สั่งไปมาเสิร์ฟที่โต๊ะเขาก็เอ่ยถามคนที่ไม่พูดอะไรสักคำ เอาแต่กูเกิ้ลข่าวแวดวงไฮโซที่มีรูปคู่ของต้นกับผู้หญิงอีกคนอยู่ได้
“กูไม่รู้” มันเอ่ยขึ้นหันมามองหน้าเขา “กูทำไงดีว่ะอิน” เม้มปากแน่นก่อนที่จะถามออกมาอย่างคนไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ เขามองหน้ามัน ลึกเข้าไปในแววตาวาบไหว เขารู้ว่ามันกลัว

กลัวที่จะถาม
เพราะกลัวที่จะรู้คำตอบ

“มึงก็รู้ กูก็ไม่ได้ชอบมันหรอกนะ แต่ยังไงกูก็อยากให้มึงฟังมันก่อน อย่าให้เรื่องเป็นแบบคราวที่แล้ว” เขาเองก็รู้ดีที่สุด ว่าการที่ไม่พูดจากันให้รู้เรื่องมันสร้างปัญหาได้มากมายแค่ไหน

“แล้วมันจะบอกกูหรอ” คำพูดของอีกฝ่ายทำให้อินทัชตกใจ มันไม่ได้ล้อเล่นเสียด้วย
“ไอ้กี...มึงแม่งไม่ไว้ใจมันยิ่งกว่ากูเสียอีก” เขาว่า “ถ้ามึงยังต้องมานั่งระแวงมันแบบนี้ แล้วอย่างนี้มึงจะคบกับมันได้ยังไง”

กีรตินิ่งฟังสิ่งที่เพื่อนพูดแล้วคิดตาม ใช่ลึกๆแล้วเขายังไม่ไว้ใจต้นเลยสักนิด ถึงอีกฝ่ายจะพยายามทำดีกับเขามากแค่ไหน แต่เหมือนใจมันก็ยังกลัว เขารู้ว่าอีกคนแคร์เขามาก ที่บอกว่ารักเขาก็เชื่อไปหมดแล้วทั้งใจ แต่เขาก็แต่สงสัยว่าความรักที่อีกฝ่ายมีให้มันจะมากพอหรือเปล่า มากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายหยุดกับเขาคนเดียว มากพอที่อีกฝ่ายจะตัดทุกคนออกไปจนหมดเลยหรือเปล่า

แล้วอีกอย่าง..

“มึงก็รู้ว่าบ้านต้นไม่เหมือนพวกเรา ถ้าพ่อแม่เขาให้หมั้นกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ มันคงปฎิเสธไม่ได้ ”
นี่ก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้เขากลัวอยู่ตอนนี้ บ้านของต้นเป็นบ้านของคนมีหน้ามีตาในสังคมไม่เหมือนคนธรรมดาแบบบ้านเขา เขาไม่คิดหรอกนะว่าบ้านของอีกฝ่ายจะมารับความสัมพันธ์ชายกับชายของพวกเขาได้ง่ายๆ ความกลัวที่มีมาอยู่ตลอดบวกกับสิ่งที่เห็นว่าอีกฝ่ายมีคู่หมั้นคู่หมายเป็นตัวเป็นตน แถมยังมีฐานะที่สมน้ำสมเนื้อ จะว่าเขาดูละครเยอะก็ใช่ แต่เราก็ต้องยอมรับว่าเรื่องแบบนี้มันก็มีอยู่จริง

“กีพอ ไม่คิดเอง โทรหามัน เรียกมันออกมาคุย หรือจะให้กูโทรเอง?” อินทัชยื่นคำขาด เขาไม่อยากให้มันนั่งฟุ้งซ่านอยู่แบบนี้อีกต่อไปแล้ว มันก็ยอมทำตามที่เขาบอกแต่โดยดีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก

[ครับกี] รอสายไม่นาน ปลายสายก็เอ่ยขึ้นมา
“ต้น..ต้นอยู่ไหน” กีรติสะดุ้ง เสียงที่ถูกควบคุมให้เป็นปกติถูกกล่าวออกมาทันทีทันใด
[ต้นบอกแล้วนี่ว่ามากินข้าวกับเพื่อน กีดูหนังเสร็จแล้วหรอครับ]
“อืม...”
[มีอะไรหรือเปล่า]
“ปะ..ก็มี” ตอนแรกว่าจะบอกว่าไม่มีอะไร แต่เมื่อเห็นเพื่อนสนิทจ้องมาไม่หยุด เขาก็เลยต้องเปลี่ยนคำตอบ
“ต้นกลับห้องตอนไหน กีไปรอที่หอนะ”
[มีอะไรหรือเปล่าหืม ทำไมน้ำเสียงดูไม่ดีเลย ไม่สบายหรอครับ]
“คือ..”
‘พี่ต้น เอาไอศรีมกะทิไหม’
เสียงหวานดังลอดออกมาให้เขาต้องเม้มปากแน่น
“ก็แค่คิดถึง วันนี้ไปนอนด้วยได้ไหม” อินทัชอ้าปากค้างกับคำตอบเพื่อน ตัวมันเองก็ส่ายหน้าแดงๆของมันไปมา จู่ๆก็หึงจนหน้ามืด พูดอะไรหน้าอายต่อหน้าไอ้อินไปแล้ว
[กีพูดจริงหรือเปล่า งั้นกีไปรอที่ห้องนะครับ ต้นจะรีบกลับ]
น้ำเสียงดีใจของปลายสายทำให้เขาใจชื้นขึ้นมานิดนึง ไอ้อินจะว่าหน้าด้านก็ช่างมันล่ะวะ “อืม รีบมาเร็วๆนะ”

เมื่อปลายสายวางไป กีก็ก้มหน้าซบลงกับโต๊ะส่ายหน้าไปมา กระทืบเท้าไม่หยุด
“ไอ้อิน~ กูไม่กล้าถาม~” อินทัชไม่รู้จะหัวเราะหรือสงสารมันดี ได้แต่ตบหลังมันเบาๆ
“เอาน่ะ ยังไงคุยกันซึ่งๆหน้าก็ดีกว่า”
“กูได้ยินเสียงผู้หญิงด้วยวะ ชัดมาก”
“แล้ว?”
“กูกลัวมึง กูกลัว..”
“มึงก็คิดในแง่ดีว่าเขาก็คุยต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น”
“ถ้ารอบนี้ ถ้ามันเป็นความจริง แล้ว...”คนที่กลัวก็ยังกลัวอยู่ดี
“ไอ้กีพอ มึงรู้แค่ว่าความจริงคือพวกกูก็ยังอยู่ตรงนี้” เขามองหน้าเพื่อนสนิทที่ส่งยิ้มมาให้ ตบหลังเขาแรงๆสองที “ไป วันนี้มึงไปคุยให้รู้เรื่อง ได้เรื่องยังไงก็บอกกูด้วย” มันว่าพร้อมกระชับกระเป๋าเตรียมลุกขึ้นยืน

“ถ้าคราวนี้มันทำอีก กูสัญญาว่าจะต่อยปากมันจริงๆ คันไม้คันมือมานานล่ะ” เขาลุกตามเพื่อนสนิท อดหัวเราะให้กับท่าทางของมันไม่ได้ ไอ้อินคนขรึมไม่มีอีกต่อไปแล้ว เตก็ทำไม่ได้ ดินก็ไม่มีวัน มีแต่ต้นนี่ล่ะที่กระชากวิญญาณดิบของมันออกมาได้


ฟืดดดดด
สูดหายใจเข้าลึกๆ
ถ้าคราวนี้เขาต้องเจ็บอีก เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายก็คงเจ็บไม่แพ้กัน

อย่างน้อยก็น่าจะฟันหักซักซี่ล่ะนะ
.
.
.
.
.
.
.
.
กีรตินั่งรถแท๊กซี่มาลงที่หอพักแฟนที่อยู่ใกล้มหา’ลัย ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหากุญแจที่ต้นเคยให้กับเขาไว้ ไม่ใช่แต่ที่นี่ แต่ต้นให้กุญแจคอนโดที่กรุงเทพฯและพัทยาไว้ด้วย ตอนแรกเขาก็ปฎิเสธแต่เจ้าตัวก็ยังยืนยัน บอกว่าอยากให้เขาวางใจ อยากให้รู้ว่าเจ้าตัวให้ความสำคัญกับเขามากแค่ไหน เขาก็เลยจำใจต้องรับมันมา
เมื่อปิดประตูห้องลง เขาก็ทรุดตัวลงนั่งกับโซฟาพร้อมหัวใจที่หนักอึ้ง ถอนหายใจหนักๆครั้งแล้วครั้งเล่า

‘ไอ้กี...มึงแม่งไม่ไว้ใจมันยิ่งกว่ากูเสียอีก’

ไอ้อินมันพูดถูก ถ้าเขายังไม่เชื่อใจอีกฝ่ายอยู่แบบนี้ พวกเขาจะไม่มีวันมีความสุข เขาเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือ ที่เราต้องเลิกกันวันนั้นมันเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมเชื่อใจ ไม่ยอมเดินเข้ามาถาม ไม่เคยคิดที่จะฟังที่เขาพูด ดังนั้นวันนี้เขาจะไม่ทำสิ่งที่เขาเคยว่าว่ามันไม่ดี เขาต้องคุยให้รู้เรื่อง บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ บางทีสองคนนั้นเป็นแค่เพื่อนอย่างที่ต้นบอก ข่าวทั้งหมดมันอาจจะเป็นแค่ข่าวโคมลอยเหมือนข่าวดาราอื่นๆก็ได้

ใช่ ไอ้กี มึงต้องคุยกับมันก่อน ห้ามคิดไปเองเด็ดขาด..




ติ๊ก ต๊อก ติ๊ก ต๊อก


เขารอแล้วรอเล่าแต่คนที่บอกจะกลับมาก็ยังไม่กลับ ทั้งๆที่คอยปลอบตัวเองซ้ำไปซ้ำมา แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไปความคิดฟุ้งซ่านก็กลับมาอีกครั้ง


ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงยังไม่กลับมา
ทั้งๆที่ห้างก็น่าจะปิดไปตั้งนานแล้ว
หรือว่าจะไปต่อกันที่อื่น..
หรือว่าอีกคนไม่ยอมปล่อยให้กลับ..
หรือว่าจะไปไหนต่อไหน..


เดี๋ยวๆ ไอ้กี

ไม่เอาๆๆ มึงอย่าคิดเอง ถ้ามึงสงสัยมึงก็ถามสิ!

ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาคนที่เขารออยู่ แต่ไม่ว่าจะรอยังไงก็ไม่มีคนรับสาย เขากดสายทิ้งตัดสินใจโทรไปใหม่อีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม เขารอจนสายโทรศัพท์ตัดไป จึงกดโทรออกอีกรอบ


“ต้นรับโทรศัพท์เราสิ” พึมพำกับตัวเอง หัวใจเริ่มร้อนรนขึ้นทุกที ไม่สามารถคิดแง่ดีได้เลยสักอย่าง
“เราจะโกรธแล้วนะ นับหนึ่งถึงสิบ ไม่สิ นับหนึ่งถึงร้อย ถ้าไม่โทรกลับมาเราจะไม่คุยด้วยจริงๆแล้วนะ” พูดกับรูปโปรไฟล์ในโทรศัพท์ของอีกฝ่ายที่ยังยิ้มแป้นจนหน้าหมั่นไส้

1..2....3......4......

เริ่มต้นนับ พยายามเว้นวรรคให้ยาวๆ ให้มันใช้เวลามากที่สุดเท่าที่จะทำได้

20....21.....22....23...

เหลือบมองโทรศัพท์มือถือ หยิบขึ้นมาดูให้แน่ใจว่ามันไม่ใช่ระบบสั่น เขาเริ่มลุกขึ้นยืนกอดอก เดินไปเดินมาในห้องอย่างกระวนกระวาย

33....34....35...36.....

“จะพาไปหาแม่ทุกเสาร์อาทิตย์เลย เอาให้ปวดหลังจนเดินไม่ได้” เริ่มคิดหาทางแก้แค้นคนที่ยังไม่ติดต่อมาสักที


47...48......49....50....


“แล้วก็ จะไม่ทำข้าวกล่องให้ทั้งอาทิตย์เลยนะ” เอ่ยออกไปด้วยเสียงที่เริ่มอ่อยลงทุกที


60....61....62...
“จะไม่ยอมให้นอนกอดเลยด้วย”



75....76....78...79....
“คราวนี้ จะดึงให้หูหลุดไปเลย!!”



85....86...88...
“จะให้กินแต่บล๊อคโคลี่ทุกวันเลยด้วย” คนที่จะไม่ทำข้าวกล่องเปลี่ยนแผน น้ำตาเริ่มล้นเอ่อขึ้นขอบตาอีกครั้ง



98...99...100.... เขาหลับตาลง น้ำตาที่พยายามกลั้น ไหลลงมาอาบแก้มจนได้



“....”


“รู้หรอกนะว่ากำลังจะโทรมา..จะยอมนับเพิ่มให้อีกร้อยก็ได้ แต่ถ้ายังไม่โทรมาคราวนี้จะโกรธจริงๆแล้วนะ!”
ว่าแล้วคนที่ร้องไห้ไปนับเลขไปก็ยังนับอยู่อย่างนั้น


101...102...103...
....


....



....


997...998...999...


โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า ถึงจะนับไปจนถึงเช้า อีกคนก็ไม่กลับมาอยู่ดี...




**************
มาม่าาาาาาาาา มันเครียดดด แต่อีกสองสามตอนจะจบแล้ว อย่าเพิ่งเบื่อกันน้าาา
#ต้นคนรักไม่เป็น
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 11:. 25/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-08-2019 17:26:58
 :pig4:
 :3123:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 11:. 25/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-08-2019 21:12:11
อะไรของต้นอีกเนี้ย  :mew5:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 11:. 25/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 25-08-2019 22:21:52
เกิิดอุบัติเหตุกับต้นหรือเปล่า
เราคิดบวกไปให้ต้น..เยอะเลย

ไม่อยากเห็นกีต้องเสียใจอีก
ต้นคงเลิกเหลวไหลแล้ว---อ่ะ คิดบวกให้อีกที

ถ้ารักกันก็อย่าทำร้ายกันเลย
แค่บอกว่าเลิกรัก..มันง่ายกว่าไหม
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 11:. 25/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 25-08-2019 23:36:17
คืออะไรอ้ะ ทำไมปล่อยให้กีรอ,,,
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 11:. 25/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 26-08-2019 19:39:01
เกิดอะไรขึ้น อ่ะ ..
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 12:. 28/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 28-08-2019 13:55:26
.:บทเรียนที่ 12:.




กีรติลืมตาตื่นขึ้นเมื่อแสงอาทิตย์จากนอกระเบียงแยงเข้ามาจนแสบตา ใช้สองแขนยันตัวขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก เขายังอยู่ที่เดิม ยังอยู่บนโซฟาตัวเดิมที่ใช้นั่งรอใครบางคนตลอดทั้งคืน

“ต้น” เมื่อมองสำรวจไปรอบด้านแล้วปรากฎว่าไม่มีร่องรอยของคนที่เฝ้ารอจึงเปล่งสุดเสียงลองเอ่ยเรียกชื่ออีกคน เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับเลยตัดสินใจลุกขึ้นจากโซฟานุ่ม เปิดบานประตูทุกห้อง สำรวจด้านในเผื่อว่าเจ้าตัวจะหลับอยู่ที่ใดที่หนึ่ง

“ไม่ได้กลับมาจริงๆด้วย” จริงๆก็รู้อยู่แก่ใจ ถ้ากลับมาจริงคงไม่ยอมปล่อยให้เขานอนหลับบนโซฟาอยู่แบบนี้หรอก เมื่อคิดได้ก็รีบกลับไปที่โซฟามองหาโทรศัพท์มือถือของตัวเอง บางทีต้นอาจจะโทรมาตอนที่เขาเผลอหลับไป บางทีเจ้าตัวอาจจะมีเรื่องอะไรสักอย่างจนกลับมาไม่ได้ ในหัวเริ่มคิดไปใหญ่โต ได้แต่ภาวนาขอให้อีกคนยังปลอดภัยดี หาไปหามาปรากฎว่าโทรศัพท์ตกลงไปข้างโซฟา เขารีบก้มลงไปเก็บ สมองจินตนาการถึงเหตุผลที่อีกคนจะเอามาใช้แก้ตัวที่หายหน้าไปทั้งคืนแบบนี้ ถึงจะเป็นห่วงแต่คอยดูนะ ถ้าเหตุผลฟังไม่ขึ้น เดี๋ยวจะบิดให้หูขาดกันไปข้าง


ว่างเปล่า..
ไม่มีข้อความ..
ไม่มีสายโทรเข้า..


“นี่มันเรื่องเชี่ยอะไรอีกแล้ว” ตอนแรกเขาก็แอบกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับต้น แต่เขาก็รู้ดีว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุหรืออะไรทำนองนั้น ป่านนี้เขาคงได้ข่าวจากเพื่อนเจ้าตัวไปแล้ว แต่นี่มันไม่ใช่ ความรู้สึกประหลาดที่แสนจะคุ้นเคยครอบคลุมจนแน่นอก ความรู้สึกที่นำความทรงจำเลวร้ายครั้งก่อนกลับมา

ในตอนที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดี
ทั้งๆที่ไม่มีสัญญาณร้ายอะไรสักอย่าง
หรืออยู่ๆก็จะโดนทิ้งอีกแล้วหรอ

ยิ่งคิดก็เหมือนกระบอกตายิ่งร้อนชื้น ตัดสินใจขยี้ตาที่บวมฉึ่งแรงๆก่อนจะลุกขึ้นไปห้องน้ำ หวังจะล้างหน้าล้างตาให้สมองมันปลอดโปร่งกว่านี้สักหน่อย แล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะเอายังไงต่อไป แต่เมื่อเดินเข้ามาถึงหน้ากระจกก็ต้องตกใจ

อีกแล้วหรอวะ
เขาเจอใครบางคนที่เห็นมาตลอดปิดเทอม ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงรุงรัง ตาตี่ๆที่ตอนนี้แถบกลายเป็นเส้นตรงเพราะเปลือกตาที่บวมฉึ่ง จมูกแดงก่ำ ปากที่ขึ้นรอยเพราะเม้มขบเวลาร้องไห้หนัก

..เบื่อ..เบื่อที่เห็นตัวเองต้องเป็นแบบนี้

‘ถ้าไม่ไหวจริงๆก็ควรจะรู้ว่าจะหยุดตอนไหน’

คำพูดที่ป๊าเคยพูดไว้สะท้อนมาในใจ

เฮ้อ

“สงสัยจะไม่ไหวจริงๆแล้วแหละป๊า” เขารู้สึกจริงๆว่าไม่ไหวแล้ว ไม่มีแม้กระทั่งอารมณ์จะคิดหาสาเหตุที่อีกคนทำแบบนี้ อารมณ์ที่จะร้องไห้ก็ไม่มี อาจจะเป็นเพราะนอนไม่พอทำให้สมองมันตื้อไปหมด รู้เพียงอย่างเดียวเขาเหนื่อย

เหนื่อยจริงๆกับทุกสิ่งทุกอย่าง
เหนื่อยแล้วจริงๆที่ต้องปรับตัวเข้าหา

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาตัดสินใจล้างหน้าล้างตาจนสะอาด ทิ้งแปรงสีฟันที่เพิ่งใช้เสร็จลงถังขยะ เดินไปหยิบเสื้อยืดของตัวที่เคยเอามาตุนไว้ที่ห้องนี้มาเปลี่ยน จัดการกวาดตัวที่เหลือในตู้ใส่ลงถุงกระดาษ มองไปรอบด้านว่ามีของอะไรที่เป็นของตัวเองหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาคาดไหล่ หยิบกุญแจห้องทั้งหมดที่อีกคนเคยให้ไว้ออกมาวางบนโต๊ะ

“เราถือว่าเราให้โอกาสนายแล้วนะ” เขาพูดกับพวงกุญแจตรงหน้าเสียงสั่น “แต่ในที่สุดเมื่อไม่มีใครรักเรา เราก็ต้องรักตัวเอง” ว่าแล้วก็เดินมาใส่รองเท้า หันหลังกลับมามองห้องกว้างที่เขามาบ่อยเหมือนบ้านตัวเองอีกครั้ง ภาพตรงหน้าพร่าเบลอลงเรื่อยๆจนต้องยกมือมาขยี้ตา

“นายไม่มาเองนะ” ทั้งๆที่พยายามประวิงเวลา ทำทุกอย่างให้ช้าที่สุดแต่คนที่อยากให้มาห้ามก็ยังไม่มา
“ถ้าเราออกไปถือว่าเราจบกันนะ” ยังพึมพำออกไปทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีใครได้ยิน


ปัง!
ในที่สุดประตูห้องก็ปิดลง
“พอ จบกันซะทีนะมึง”
นิ่งอยู่อย่างนั้นจนรู้สึกว่าใจหายสั่นก็ตัดสินใจเดินตรงไปที่ลิฟท์

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

สะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น มือล้วงเข้าไปโดยอัตโนมัติคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา แต่เพียงชั่วอึดใจเขาก็ต้องชะงักลง ความลังเลก่อเกิดขึ้นในใจ

เขาควรจะทำยังไงดี

เขาควรจะฟังเสียงของหัวใจ ยอมรับฟังคำแก้ตัวของอีกฝ่ายแล้วกลับไปคืนดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกครั้ง

หรือจริงๆมันถึงเวลาแล้ว..
เขาควรจะหันมารักตัวเองแล้วหยุดมันไว้แค่นี้หรือเปล่า
.
.
.
.
.
.
.
.

“เมื่อกี้ใครโทรมาน่ะพี่ต้น” หญิงสาวที่นั่งกินไอศครีมกะทิหลังอาหารอย่างเอร็ดอร่อยเอ่ยถามด้วยสีหน้าเย้าย้วนกวนอารมณ์เป็นที่สุด

“แฟนพี่”
“เห้ย อะไรรรรรร ใช้คำว่าแฟนซะด้วย ธรรมดาที่ไหน เป็นใคร อะไร ยังไง” นิชาถามกลับยาวเยียด ถึงจะขำท่าทางตื่นเต้นเกินเหตุของคนตรงหน้าแต่ตั้งต้นเองไม่คิดจะปิดบังอยู่แล้ว ถ้าทำได้เขาออกจะอยากประกาศให้คนทั้งโลกรับรู้ด้วยซ้ำ ว่าแล้วก็ยื่นมือถือของตัวเองให้อีกฝ่ายดู

“โอโห อะไรคือแบกกราวด์เป็นรูปคู่ ทีนเอจมากอ่ะพี่”
“ชื่อกี เรียกพี่ด้วย รุ่นเดียวกันกับพี่ เรียนบริหาร น่ารักเนอะ” ไม่สนคำแซวใดๆทั้งสิ้น เขาร่ายประวัติแฟนพร้อมตบด้วยคำชม

“เห้ย เสป๊กน้องเลยอ่ะ ขอได้ไหม” น้องสาวเอ่ยลองเชิง อดหมั่นไส้ไม่ได้ อะไรจะเห่อเบอร์นี้

“น้องชาครับ เรายังต้องทำธุรกิจด้วยกันอีกเยอะนะ” คนเป็นพี่รีบสวนกลับให้น้องสาวหัวเราะลั่น

“โห หวงขนาดนี้ทำไมไม่พับเก็บไว้ในกระเป๋าเลยล่ะคุณตั้งต้น”

“บอกเลยว่าทำได้ทำไปแล้ว” คนขี้เห่อตอบแบบไม่อาย
“หลงสุดอะไรสุด ข่าวใหญ่เลยนะคุณ”

“เราก็เว่อร์จริง ทำไมต้องตกใจอะไรขนาดนั้นด้วย นี่พี่แค่มีแฟนนะ”

“โธ่ พี่ต้นพูดให้ใครฟัง นี่ชานะ รู้จักกันมาตั้งแต่เกิดนี่คือได้ยินคำว่าแฟนครั้งที่สอง ขอน้องตื่นเต้นหน่อยเถอะ” ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก ก็หลังจากเลิกกับลินแล้วเขาก็ไม่เคยเปิดตัวใครว่าเป็นแฟนเลยสักคน ถึงจะคิดว่าน้องมันทำท่าทางโอเว่อร์ไปหน่อยแต่ที่มันพูดก็ไม่ผิดสักนิด

“อ่ะ พอพูดถึงแฟนก็เพิ่งนึกออก วันก่อนเจอพี่ลินที่มอด้วย” เด็กสาวตรงหน้าพูดพร้อมกับตักไอศรีมคำสุดท้ายเข้าปาก ยื่นหน้ามาหาเขากระซิบเสียงเบา

“เปลี่ยนแฟนอีกแล้วเหอะ พี่ต้นก็รู้จัก พี่กอล์ฟลูกเจ้าของโรงแรมเบต้าพัทยา” ตั้งต้นยักไหล่อย่างไม่สนใจ แต่ก็อดหัวเราะเบาๆให้กับคนที่ยังยื่นหน้าหรี่ตาพิจารณาเขาอยู่นั่น เลิกคิ้วถามเมื่อชามันไม่ยอมเลิกมองสักที

“แล้ว?”

“แล้ว?” อีกฝ่ายทวนคำ

“แล้วเกี่ยวอะไรกับพี่”

“เห้ยยยย ไม่เหลือเยื่อใยเลยว่ะ คือดีใจสุด คือหลุดพ้น คือนิพพานป่ะ” นิชาเอาสองมือกำประกบกันกลางอก กระพริบตาปริบๆมองพี่ชายสุดที่รัก เขาจะไม่รู้สึกดีใจได้ยังไง เพราะผู้หญิงคนนี้คนเดียวทำให้พี่ชายแสนใจดีของเขาผูกใจเจ็บจนไม่ยอมจริงใจกับใครสักที ด้วยความที่เขาเรียนที่เดียวกับพี่ลิน หลายครั้งที่อดใจไม่ได้เอาเรื่องอีกคนมาเล่าให้พี่ชายฟัง ส่วนใหญ่พี่ต้นต้องกระฟัดกระเฟี้ยดหรือพูดจาถากถางอะไรสักอย่างให้รู้ได้ว่ายังฝังใจไม่ลืม แต่พอมาเห็นท่าทางเมินเฉยแบบนี้เขาก็แสนอุ่นใจ เขารู้ได้เลยว่าในที่สุดพี่ของเขาข้ามผ่านจุดนั้นมาได้แล้วจริงๆ

“แต่ไม่ใช่แค่นั้น เขาถามหาพี่ต้นด้วยนะ” ต้นชะงักมือที่จะกำลังตักไอศรีมเข้าปาก ยกหางคิ้วเหมือนตั้งคำถามว่าทำไม

“เขาบอกอยากเจอ อยากคุยด้วย” คนเป็นน้องว่าต่อ ตั้งต้นไม่ได้ใส่ใจเขาแค่กินไอศรีมต่อไป

“ถ้าเจอก็คุยได้ แต่ไม่นัดหรอกนะ” เรื่องมันผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ถึงจะไม่ได้นึกโกรธถึงขั้นจะเผาพริกเผาเกลือเท่าเมื่อก่อน แต่เขาไม่เคยคิดจะให้อภัยหรือกลับไปคบค้าสมาคมด้วยหรอกนะ

“ชาก็ว่า เปลี่ยนแฟนไปเป็นร้อยแล้วยังจะอยากคุยอะไร” คนเป็นน้องเอ่ยอย่างแค้นเคืองแทน

“ป่ะ ถ้ากินเสร็จแล้ว งั้นกลับกันเลยไหมพี่กีรอพี่อยู่ห้อง” เขาไม่ได้สนใจเรื่องของอีกคนเลยสักนิด ตอนนี้ใจคิดอยากกลับไปกอดคนที่รอเขาอยู่ก่อนแล้วมากกว่า เมื่อเห็นว่าน้องไม่ได้จะสั่งอะไรเพิ่มเขาก็เรียกพนักงานมาคิดเงิน

“อ่ะจ้า คิดถึงแฟนจ้า” เด็กสาวเอ่ยแซว
“แซวไป ยิ่งแซวพี่ยิ่งภูมิใจ”

“รักจริงจัง รักเปิดเผยขนาดนี้ ต่อไปชาต้องหาคู่จิ้นใหม่ซะแล้วมั้ง” คนอยากแซวก็ยังแซวไม่หยุด

“เออ กับเราพี่มันก็มีค่าแค่นี้ใช่ไหม” เขาพูดพร้อมบีบแก้มคนแก้มยุ้ยไปมาเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว

“พูดเหมือนแคร์?”แต่อีกฝ่ายก็ถามมาอย่างมารู้ทัน

“ก็ไม่นะ” หัวเราะลั่นพร้อมกันทั้งคู่ ตั้งต้นขยี้ผมคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างเอ็นดู ในสังคมที่คนใส่หน้ากากเข้าหากันแบบที่เขาอยู่ นิชาเป็นคนเพียงไม่กี่คนในนั้นที่ทำให้เขาสบายใจด้วยทุกครั้งเวลาที่มาเจอ เขารู้ว่าผู้ใหญ่พยายามจับคู่เขาทั้งสองคนมาตลอดแต่พวกเขาไม่คิดจะสนใจ ถึงความผูกพันธ์ที่เรามีให้กันมันจะไม่ใช่แบบคนรัก แต่พวกเขารู้ดีว่าความรู้สึกที่มีให้กันมันมีค่ามากกว่านั้นเยอะ ทั้งตั้งต้นและนิชาต่างเป็นลูกคนเดียว นิชารักและเคารพตั้งต้นเหมือนพี่ชายแท้ๆ ในขณะที่ชายหนุ่มเองก็เอ็นดูน้องสาวคนนี้ไม่ต่างกัน

“ป่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่งบ้าน”

Rrrrrrrrrrrrr

ตอนกำลังจะลุก โทรศัพท์ในมือก็ส่งเสียงดังออกมา พอหันไปดูก็ต้องยกยิ้มทำหน้าทะเล้นให้คนตรงหน้า

“อ่ะ พี่ภูของใครโทรมาก็ไม่รู้” ว่าแล้วก็ยื่นหน้าจอให้คนที่หน้าบึ้งแต่ปลายจมูกแดงเรื่อดูใกล้ๆ นิชาปัดมืออีกฝ่ายออกห่าง เขานึกโกรธตัวเองเหลือเกิน ตอนเด็กๆ ไม่น่าไปหลวมตัวบอกพี่มันเลยว่าแอบชอบพี่ภูอยู่ เพราะนอกจากไม่เคยคิดที่จะช่วยแล้ว เขาโดนพี่มันล้อตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้

“ครับคุณภูผา” ตอบรับปลายสายอย่างอารมณ์ดี

[ทำอะไรอยู่มึง]

“กำลังนั่งกินข้าวกับน้องชา จำได้ไหมมึง คนที่มัดสองแกละ ร้องตามจะกลับบ้านกับพี่ภูอะ” พูดไปก็แลบลิ้นให้คนที่นั่งงอนกอดอกไป

[อ่อ ลูกสาวคุณนิ]

“ใช่ น้องเขาฝากสวัสดี” คนอารมณ์ดียังเล่นไม่เลิก ให้คนโดนล้อโกรธจนจะทึ้งผมอีกฝ่ายอยู่แล้ว

[มึงเสร็จกี่โมง มาเจอกันหน่อยได้ไหม] นอกจากภูผาจะไม่ได้สนใจสิ่งที่เขาพูด เจ้าตัวยังเปลี่ยนเรื่องทันทีจนเขาต้องเปลี่ยนตาม

“วันนี้ไม่ว่างว่ะ กำลังจะกลับห้องกีรออยู่”

[...]

“มึงมีอะไรหรือเปล่า” เมื่อรู้สึกได้ถึงความผิดปกติเขาก็ถามกลับอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้

[มึงคือกูมีอะไรจะบอกว่ะ เชี่ย กูควรเริ่มยังไงดีว่ะ] ภูผาสบถออกมา ทำให้เขายิ่งกังวลกว่าเดิม

“ไอ้ภูมึงอยู่ไหน เดี๋ยวกูไปหา”

[กูอยู่บนรถ มึงนั่นแหละบอกที่อยู่กูมา]

“โอเคงั้นมารับกูที่ห้างxxนะ ไอ้เชี่ยมึงทำกูกังวล”

[โอเคเจอกันมึง]

“มีไรกันพี่ต้น” พอวางโทรศัพท์ปุ๊ป คนที่สังเกตเห็นความผิดปกติของบทสนทนาก็ถามขึ้น

“ชา วันนี้พี่คงไปส่งเราไม่ได้แล้วล่ะ เอารถพี่ไปไหม เดี๋ยวภูมันมารับพี่”

“ไม่เป็นไรพี่ต้น เดี๋ยวชากลับแท๊กซี่ได้ มีอะไรหรือเปล่า”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนภูมันจะมีเรื่อง” ถามไถ่กันอีกนิดตั้งต้นก็เดินไปส่งน้องขึ้นแท๊กซี่ รออยู่แถวนั้นจนรถสปอร์ตสีแดงเลื่อนมาจอด เขายกมือทักทายก่อนที่จะเดินมาเปิดประตูด้านข้างคนขับและนั่งลงคาดเข็มขัดเรียบร้อย

“มึงมีเรื่องอะไร” ถามออกไปทั้งที่ยังไม่ได้กล่าวทักทายอะไรสักอย่าง

“เดี๋ยวขอกูหาที่จอดรถก่อน”

พวกเขาขับออกมาจากหน้าห้าง แวะจอดรถหน้าร้านกาแฟในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง

“เมื่อไหร่มึงจะเล่าสักที” เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเงียบอยู่ เขาก็ทนไม่ไหวถามออกไป

“มึงมีอะไรเล่ามาเลยอย่าลีลา”

“คือวันนี้กูพาย่าไปโรงพยาบาลมา”

“เห้ย ย่ามึงเป็นอะไร”

“เปล่าๆ ใจเย็นมึง ย่ากูสบายดี”

“แล้ว?”

“กูเจอน้าวรรณ”

“เฮ้ย น้าวรรณเป็นไรว่ะ” น้าวรรณที่มันพูดถึงเป็นหัวหน้าคนงานในบ้านของพ่อ เป็นคนเก่าคนแก่ที่พ่อพามาจากบ้านปู่ย่าตอนที่แต่งงาน ตั้งต้นรักและเคารพน้าวรรณมากกว่าใคร เพราะในขณะที่พ่อแม่เขามัวแต่ทำแต่งาน เธอเป็นคนที่อยู่ดูแลเขามาตลอด สำหรับต้นแล้วเธอเหมือนเป็นแม่คนที่สองของเขาเลยทีเดียว

“ไอ้ต้น มึงใจเย็นสิวะ กูกำลังเล่า”

“มึงก็เล่าสิวะ อ้ำๆอึ้งๆกูจะบ้าตาย”

“น้าวรรณมากับพ่อมึง” ตั้งต้นขมวดคิ้วแน่น หรี่ตามองเพื่อนที่พยายามจะพูดอะไรสักอย่าง

“คือกูสะกิดใจอะไรบางอย่าง กูเลยใช้เส้นสายนิดหน่อยไปสืบมา”

“นี่มึงพยายามจะบอกอะไรกูกันแน่” คนใจร้อนเอ่ยเร่งรัดเมื่อเพื่อนยังพยายามอ้อมโลกไปมา

“น้าวรรณท้องว่ะ” ท่าทางอึกอักเหมือนคนพูดไม่ออกทำให้เขาพอจะเดาสิ่งที่จะตามมาได้

“มึงอย่าบอกกูนะว่า”

“เออ ชื่อพ่อเด็กเป็นชื่อพ่อมึงว่ะ”

“ไอ้เหี้ยภู มึงพูดเหี้ยอะไร!” ตั้งต้นตะโกนสุดเสียง กระชากคอเสื้อเพื่อนสนิทดึงมันเข้ามาใกล้

“มึงอย่ามาล้อเล่นกับกูแบบนี้นะ!”

“ไอ้ห่า กูจะล้อเล่นแบบนี้ทำไม” ตั้งต้นมองเข้าไปในตาอีกฝ่าย เขารู้จักมันดี มันก็รู้จักเขาดี ดีพอที่มันจะไม่มาล้อเล่นกับเขาด้วยเรื่องแบบนี้

“มึงขับไปบ้านพ่อกูเดี๋ยวนี้เลย!” ใช้สองมือผลักเพื่อนออกจากตัวแรงๆก่อนจะออกคำสั่ง

“ไอ้ต้นมึงใจเย็น กูว่าให้มึงมีสติมากกว่านี้ค่อยเข้าไปคุยดีกว่าไหม”

“ไอ้ภู มึงจะขับหรือจะให้กูหาทางไปเอง”

เมื่ออีกฝ่ายมองตาขวางพร้อมยื่นคำขาดมาภูผาก็จำใจออกรถขับตรงไปยังบ้านของพ่อเพื่อน เพราะเริ่มจะดึกแล้วถนนในกรุงเทพฯจึงค่อนข้างโล่งสะดวก พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่หมาย ทันทีที่รถเข้ามาถึงในตัวบ้านตั้งต้นก็ปลดสายเข็มขัด เปิดประตูลงตั้งแต่รถยังจอดไม่สนิทดีจนคนขับก่นด่าตามหลัง

“คุณหนูสวัสดีค่ะ” สาวใช้คนหนึ่งเดินยิ้มออกมาต้อนรับคนที่เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงเข้าบ้าน เธอหน้าซีดลงทันทีที่เห็นเจ้านายที่ปกติแสนจะใจดีมีทีท่าน่ากลัวแบบนี้
“พ่ออยู่ไหน” ตั้งต้นตวัดตาคมเอ่ยถามให้คนมาต้อนรับตอบกลับเสียงอ่อยพร้อมชี้มือไปทางห้องนั่งเล่น

“น้าวรรณล่ะ”

“คุณวรรณพักผ่อนอยู่ที่ห้องค่ะคุณหนู”

“ไปตามมาเดี๋ยวนี้”

“แต่คุณวรรณไม่ค่อยสบา...”

“กูบอกให้ไปตามมันมา!!” สาวใช้สะดุ้งจนตัวโยนเมื่อคุณหนูของบ้านตะโกนออกมาพร้อมใช้สรรพนามที่ไม่เคยใช้มาก่อน

“ค่ะๆๆ”
“เสียงดังอะไรกัน” ทันทีที่พูดจบก็มีอีกเสียงถามออกมาให้ทุกคนชะงัก ตั้งต้นหันไปทางต้นเสียง เห็นคนเป็นพ่อยืนอยู่ที่กรอบประตูห้องนั่งเล่น แต่เขาไม่คิดจะสนใจอีกต่อไปแล้ว

“ไม่ได้ยินหรอ กูบอกให้ไปตามมันมา!!”

“ตั้งต้นหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” คนเป็นลูกชะงักอีกครั้งเมื่อโดนตะคอกใส่ ตาชื้นร้อนผ่าวหันมาสบกับคนเป็นพ่อ หัวใจที่รุ่มร้อนโดนแผดเผาด้วยความโมโหที่เพิ่มขึ้นทุกนาที วุฒิศักดิ์ส่งสัญญาณให้สาวใช้ทั้งหมดออกไปจากห้องก่อนที่จะเดินมาจับไหล่ลูก

“เราเป็นอะไร ทำไมโวยวายแบบนี้” คนเป็นพ่อพยายามถามเสียงอ่อน

“ผมจะเป็นอะไรได้ นอกจากควายที่โดนหลอกมาทั้งชีวิต!” ชายหนุ่มพูดออกไปเสียงเครือ “นึกว่าจะมีแต่แม่ พ่อก็ไม่ได้ต่างอะไรเลยสักนิดสินะ”

“ต้น..ต้นพูดอะไร” หนุ่มใหญ่ชะงักกับคำที่อีกคนพูดมา
“เลิกเสแสร้งได้ไหม ผมรู้แล้ว เรื่องของพ่อกับน้าวรรณ” ชายหนุ่มว่าต่อ “มันก็ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม ตั้งแต่ที่แม่มีลุงกันต์ พ่อก็มีน้าวรรณมาตลอด สนุกกันมากไหมที่มาเล่นละครต่อหน้าผม ผมดูตลกมากไหมล่ะ”

“ต้น..ต้นฟังพ่อก่อน”

“ถามจริงเถอะ เห็นผมเป็นตัวอะไร”

“ต้น...” ทันทีที่มือหนามาแตะที่ไหล่เขาก็สะบัดทิ้งทันทีอย่างไม่มีเยื่อใย

“ต้น..ต้นอย่าพูดแบบนี้ ไม่ว่ายังไงต้นก็คือลูกที่พ่อกับแม่รักที่สุด”

“หยุด! พ่อหยุดโกหกสักที ทำไมพ่อไม่บอกผมตั้งแต่วันนั้น ทำไมพ่อไม่ให้ผมเจ็บทีเดียว มาหลอกผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำไม”

“คุณต้น...” ชายทั้งสองหันไปหาหญิงวัยกลางคนที่เดินหน้าซีดเข้ามา ตั้นต้นสบตากับหล่อน ผู้หญิงคนนี้คือคนที่อยู่เคียงข้างเขามาเสมอในวันที่พ่อกับแม่เขาไม่เคยเห็นความสำคัญ ถึงเขาเคยเปรียบให้ผูหญิงคนนี้เหมือนแม่ของเขา แต่มันไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนี้

“หึ มาแล้วสินะ” ชายหนุ่มพึมพำออกไป “ต่อไปคงต้องทำความรู้จักกันใหม่ จะให้เรียกว่าอะไรล่ะ ชู้รักดีไหม”

“หยุดหยาบคายเดี๋ยวนี้นะ!” คนเป็นพ่อกล่าวเตือน

“ทำไม แตะต้องไม่ได้เลยนะ” ชายหนุ่มพูดเสียงสั่น “ถ้าพูดความจริงแล้วรับไม่ได้ เวลาทำเรื่องชั่วๆทำไมไม่คิดกันบ้าง ร่านจนท้องป่องแบบนี้จะให้เคารพยัง...”

เพี๊ยะ!

พูดยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องหน้าหันด้วยแรงตบของประมุขของบ้าน ตั้งต้นหันหน้ากลับมาทันที จ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อว่าจะโดนทำแบบนี้ นี่มันคือครั้งแรก ครั้งแรกจริงๆตั้งแต่เกิดมาที่เขาโดนพ่อตบ และเหตุผลก็มาจากลูกและเมียใหม่ของพ่อ

“คุณคะ อย่าทำคุณต้นเลยนะคะ” น้าวรรณเอ่ยห้าม เอามือมาโอบไหล่เขาไว้จนเขาต้องสะบัดออกทันที

“เอามือสกปรกของแกออกไปนะ” ว่าแล้วก็ผลักเธอออกห่างจากตัว เธอเซไปนิดแต่พ่อมารับตัวเธอไว้ได้ก่อนที่จะล้มลงพื้น

“ตั้งต้น! หยุดเดี๋ยวนี้นะ” คนเป็นพ่อหมดความอดทน “ออกไป ออกไปจากบ้านฉัน”

“นี่พ่อไล่ผมหรอ” ตั้งต้นไม่อยากเชื่อหู

“ใช่ ไปสงบสติอารมณ์ตัวเองซะ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับมา” คนเป็นพ่อว่าเสียงเข้มก่อนที่หันไปดูคนรักที่หน้าซีดเหมือนจะเป็นลมไปวินาทีใดวินาทีหนึ่ง ตั้งต้นมองทั้งคู่สลับกัน ความน้อยใจที่แน่นอกแปรเปลี่ยนเป็นความน้ำตาที่เอ่อล้นจนยากจะควบคุม

“ได้! ผมจะไป ผมขอให้พ่อมีความสุขกับครอบครัวใหม่ของพ่อแล้วกัน” ชายหนุ่มยืนขึ้น ปาดน้ำตาที่ร่วงล้นลงมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“แล้วที่บอกว่ารักผม ก็เลิกพูดกันสักทีเถอะนะ เพราะสุดท้ายแล้วพ่อก็เหมือนแม่นั่นแหละ ที่คิดถึงแต่ความสุขของตัวเอง” ว่าจบคนพูดก็หมุนตัวออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว

“คุณคะ ตามไปเร็ว” น้าวรรณเขย่าแขนอีกคน คนเป็นพ่อลังเลไม่อยากจะทิ้งคนตรงหน้าไว้คนเดียวแต่ก็อดห่วงลูกชายไม่ได้ ก้าวเท้าจะเดินตามไป แต่ภูผามากันไว้ก่อน

“พ่อครับ เดี๋ยวผมตามมันไปเอง” ให้ตามไปตอนนี้ก็รังแต่จะทะเลาะกันเปล่าๆ “เดี๋ยวให้มันสงบลงกว่านี้ผมจะพามันมาใหม่นะครับ” ชายหนุ่มกล่าวก่อนที่จะเดินตามเพื่อนสนิทออกไป





เพล้ง! โครม! ตุ๊บ! เพล้ง!

“ต้นมึงหยุดก่อน...”

“มึงอย่าเสือก”
ทันทีที่เข้ามาในห้องที่คอนโด ตั้งต้นก็หยิบเก้าอี้ที่ใกล้มือที่สุดเขวี้ยงใส่กระจกใสที่ระเบียงจนเศษกระจกหล่นกระจัดกระจาย ยกขาถีบโต๊ะเก้าอี้ทุกตัวที่ขวางหน้าลงไปกองระเนระนาดที่พื้น ซ้ำยังหยิบขาเก้าอี้ที่หักไล่ฟาดข้าวของในห้องจนไม่เหลือชิ้นดี ภูผาที่พยายามเอ่ยปรามมองคนที่กำลังระบายอารมณ์ลงกับข้าวของอย่างทำอะไรไม่ถูก บอกตรงๆว่าเกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นมันโกรธจนหน้ามืดขนาดนี้ จะเข้าไปห้ามแต่ใจก็กลัวมันจะเผลอฟาดเก้าอี้ใส่หัวเขาแทนข้าวของพวกนั้น

“ไอ้เหี้ยต้น นั่นเครื่องละแสนนะมึง” พยายามตะโกนบอกเมื่อมันพยายามคว่ำจอทีวีขนาดใหญ่ยักษ์ลงพื้น

“ทำไม กูมีเงินจ่าย” มันตอบพร้อมกับเอาเท้ากระทืบซ้ำจนมั่นใจว่าหน้าจอแตกละเอียด “ทั้งชีวิตกูก็มีเงินนี่แหละที่กูมั่นใจว่ามี” ว่าแล้วก็เดินไปทางห้องครัว เริ่มทำลายข้าวของที่ใกล้ที่สุดที่จะคว้ามาได้ ภูผายกมือขึ้นมานวดขมับอย่างกลัดกลุ้ม ในที่สุดก็ตัดสินใจแล้วว่าจะปล่อยให้มันทำลายข้าวของจนมันพอใจ

มันพูดถูก

มันมีเงินจ่าย

สิ่งที่คนบ้านนั้นให้มันมาก็มีเพียงแค่เงินเท่านั้น

ใจนึงรู้สึกผิดที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรื่องวุ่นวายขนาดนี้ แต่ใจนึงก็คิดว่าดีแล้วที่มันจะได้ไม่โดนหลอกสักที เขาสงสารมันจับใจ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อเป็นแม่มัน คนที่มันรัก คนที่บอกว่ารักมัน คนเดียวกับที่ทำให้ชีวิตมันพัง

ภูผามองคนที่ทรุดตัวลงนั่งที่พื้นห้องครัว ทั้งๆที่ไม่มีน้ำตาสักหยดแต่มันดูหน้าสงสารกว่าใครทั้งนั้น เขาเหลือบมองดูนาฬิกาบนผนังห้อง ใจคิดอยากจะตามดินมาช่วยดูมันอีกแรง แต่พอเห็นว่ามันตีสองกว่าแล้วก็เลยเปลี่ยนใจเดินไปที่ตู้เย็นหยิบเบียร์ออกมาสองขวด เปิดฝาก่อนที่จะเดินเอาไปให้เจ้าของห้อง เมื่อมันรับไปเขาก็นั่งลงข้างๆมัน

“ไอ้ภู” มันเอ่ยเรียกเมื่อเขานั่งลง สายตาทั้งสองยังคงมองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย

“โดนหลอกอีกแล้วว่ะ” มันแค่นหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะที่เศร้าที่สุดที่เขาเคยได้ยินมา

“ไอ้ต้น..”ภูผายกมือขึ้นมาบีบไหล่เพื่อนสนิท รู้สึกสงสารมันจับใจ

“มึงรู้ไหม ถึงตอนนั้นกูจะจับได้ว่าเขาไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรัก แต่กูก็ยังแอบคิดว่าที่พ่อกูยอมทุกอย่างก็เพราะว่าพ่อรักแม่กูมาก” คนที่อาละวาดจนใจเย็นลงบ้างแล้วเล่าต่อ อกร้อนที่เคยมีไฟสุมจนร้อนรุ่ม ตอนนี้กลับเย็นยะเยือกจนทำให้กายหนาวสั่น

“แต่วันนี้กูรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ เขาไม่ได้รักกัน ทุกอย่างมันก็เพื่อเงิน และกูเป็นลูกที่ไม่ได้เกิดมาจากความรัก”

น้ำตาที่เอ่อล้นค่อยๆไหลลงข้างแก้ม ถึงจะพยายามปฎิเสธมาตลอดชีวิต ถึงจะพยายามเข้าข้างตัวเองว่าทั้งสองยังรัก แต่วันนี้เขาเห็นแล้ว ที่เคยบอกว่ารักนักรักหนา พอถึงเวลาจริงๆก็ไม่มีใครสักคนที่คิดถึงเขาก่อน ทุกคนก็คิดถึงแต่ความสุขของตัวเองเป็นอันดับหนึ่งกันทั้งนั้น

“กูแค่ไม่เข้าใจ ทำไมเขาไม่บอกกูตรงๆ ทำไมถึงเลือกที่จะโกหกกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า” พอได้ระบายก็ไม่สามารถหยุดตัวเองได้ “นี่หรอว่ะคือคนที่บอกว่ารักกัน คนที่รักกันเขาทำกันแบบนี้จริงๆหรอมึง” เขาสะอื้นตัวโยนจนเพื่อนรวบตัวเขาเข้าไปกอด ไออุ่นที่ได้รับทำให้เขาปวดหัวใจ มันเป็นสิ่งที่เขาอยากได้มาตลอด ความรักจากใจของใครสักคน

“ไอ้ภูกูไม่มีใครเลย ไม่มีเลยจริงๆมึง” ไม่ว่าจะแม่ที่เคยรักมากที่สุด หรือพ่อที่เคยเห็นเขาสำคัญกว่าใคร

“มึงมีกูไอ้ต้น มึงมีกู” ภูผาไม่มีคำแก้ตัวแทนใครทั้งนั้น ชายหนุ่มได้แต่กอดคนที่ร้องไห้โฮไม่หยุด

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มึงยังมีกูไอ้ต้น”

*********
หยุด!!!!! ไม่เอา ห้ามจิ้นเฮียกับต้นนะ 5555 เขารักกันแบบพี่น้อง
งือ เขียนไม่ไหว ปวดใจมาก ลบสองพันล้านรอบ เรื่องนี้เขียนยากทุกตอน เขียนไปหดหู่ไป เพราะรู้ว่าต้นมันรู้สึกยังไงแต่ไม่รู้จะสามารถสื่อไปถึงทุกคนได้ไหม บอกเลยว่าอินจัด อินจริง เขียนไปก็อ่านนิยายไป (อ้าง) ใกล้จบมากแล้วนะ อย่าเพิ่งทิ้งกันนนน
#ต้นคนรักไม่เป็น









หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 12:. 28/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 28-08-2019 15:04:43
แล้วทำไม ไม่คิดถึงน้อง ..
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 12:. 28/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-08-2019 21:45:28
ต้นยังมีกีอยู่นะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 12:. 28/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 28-08-2019 22:29:09
 :a5: ชีวิตต้นก็น่าสงสารไปนะ รักลูกกันยังไงไม่บอกความจริงวะ
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 12:. 28/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 29-08-2019 00:26:56
สงสารกีนะ ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว กีไม่ใช่คนที่ตั้งต้นจะคิดถึงเป็นคนแรกหรอ?? เศร้า,,,
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 12:. 28/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 29-08-2019 14:11:37
ต้นเอากีไปไว้ไหน :ling1:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 12:. 28/08/2019
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 29-08-2019 22:52:13
ไม่มีตัวตนอยู่ในสายตา
นับว่าเป็นความเจ็บปวดยิ่ง

ถูกทิ้งซะยังจะดีกว่า
หุหุ
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 13:. 01/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 01-09-2019 13:22:49
.:บทเรียนที่ 13:.













Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

กีรติสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น มือล้วงเข้าไปโดยอัตโนมัติคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา แต่เพียงชั่วอึดใจเขาก็ต้องชะงักลง ความลังเลก่อเกิดขึ้นในใจ

เขาควรจะทำยังไงดี

เขาควรจะฟังเสียงของหัวใจ ยอมรับฟังคำแก้ตัวของอีกฝ่ายแล้วกลับไปคืนดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกครั้ง

หรือจริงๆ มันถึงเวลาแล้ว..

เขาควรจะหันมารักตัวเองแล้วหยุดมันไว้แค่นี้หรือเปล่า

ความลังเลหมดลงเพราะทันทีที่เสียงโทรศัพท์เงียบไปเขาก็แน่ใจแล้วว่าจริงๆ เขาอยากรับสายๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็นคำแก้ตัวหรือคำโกหกอะไรเขาก็ยังอยากจะเชื่ออยู่ดี ใจขอเพียงต้องการยื้อให้เรื่องระหว่างเรายังไม่จบลงแค่นี้ เมืี่อรู้ใจตัวเองแล้วเขาก็ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมา พอดีกลับที่มีสายโทรศัพท์เข้าอีกครั้ง แต่มันกลับไม่ใช่จากคนที่เขารออยู่

“ดิน” เมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามาคือเพื่อนแฟน ความน้อยใจและความสิ้นหวังที่เกาะแน่นในอกก็แปรเปลี่ยนเป็นความกังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นกับอีกคนหรือเปล่า “มีอะไรหรือเปล่าโทรมาแต่เช้า”

“โทษทีนะ เห็นอินบอกว่ากีอยู่ห้องต้นใช่ไหม”

“ใช่ เมื่อคืนต้นนัดกับเรา แต่โทรไปเท่าไหร่ก็ไม่รับสายเลย มีอะไรกันหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามออกไปอย่างร้อนรน

“กีลงมาหาเราตอนนี้ได้ไหม เรากำลังจะถึงหน้าหอมันอยู่แล้ว” อีกฝ่ายว่าไปอีกอย่างไม่ได้ตอบสิ่งที่เขาสงสัย ความกังวลในใจเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ

“ได้ๆ เดี๋ยวเรารีบลงไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” ว่าแล้วก็วางสายโทรศัพท์แล้วรีบวิ่งไปที่ลิฟท์ พอลงมาได้ก็เห็นรถญี่ปุ่นสีขาวของแฟนเพื่อนจอดรออยู่แล้ว เขาเดินเร็วๆ ไปเปิดประตูข้างคนขับสอดตัวเข้าไปในรถอย่างรีบร้อน

“ต้นอยู่ไหน ต้นเป็นอะไร” เอ่ยถามเมื่อเจอหน้าอีกคน หัวใจร้อนรุ่มด้วยความกระวนกระวายอย่างที่สุด สมองจินตนาการถึงเหตุการณ์ร้ายๆ ไปร้อยแปด

“กีใจเย็นนะ ต้นมันโอเคดี” บดินทร์เอ่ยอย่างใจเย็น เพราะต้นมันก็ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ก็ถ้าหมายถึงทางกายภาพน่ะนะ

“แล้วทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์เราเลย แล้วทำไมดินมาหาเรา มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“กี..กี..ใจเย็นก่อน” บดินทร์เอื้อมมือไปแตะไหล่อีกฝ่าย ลูบปลอบประโลมไปมา “คือเมื่อคืนมันมีเรื่องนิดหน่อย” อีกคนอ้าปากจะถามว่าเรื่องอะไรแต่เขายกมือขึ้นห้ามไว้ก่อน เอ่ยเล่าเรื่องคร่าวๆ ที่ได้ยินมาจากภูผาที่เมื่อเช้าตรู่มันโทรมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง

ที่จริงเรื่องของพ่อกับน้าวรรณเขารู้มาก่อนแล้ว พ่อไอ้ต้นเป็นคนบอกเขาเอง และยังขอร้องให้เขาช่วยพูดกับต้นให้หน่อย เพราะฝ่ายนั้นตั้งใจจะจัดงานแต่งงานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่เพราะมีทั้งเรื่องของกีเข้ามาและเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลืออยู่ เขาถึงยังไม่ทันได้หาเวลาบอกมัน แต่ปรากฎว่ามันดันมารู้จากไอ้ภูเสียก่อน ตอนแรกที่พ่อมาบอกเรื่องแต่งงาน เขาก็สงสัยเหมือนกัน ก็ทั้งๆ ที่คบกันมาแบบหลบๆ ซ่อนๆ ได้ตั้งนาน จู่ๆ ทำไมถึงคิดที่จะจัดงานแต่งงานใหญ่โตให้คนนินทาเล่น พอมารู้จากไอ้ภูว่าน้าวรรณท้องเขาถึงได้เข้าใจเรื่องทั้งหมด

กีรตินิ่งฟังเรื่องทั้งหมดอย่างตั้งใจ รู้สึกสงสารคนที่เขาแสนรักอย่างที่สุด การที่ต้องมาโดนคนที่ใกล้ชิดที่สุดหลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้มันจะเจ็บแค่ไหนกันนะ เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ภูถึงบอกว่าต้นเป็นเป็นคนกลัวความรัก เป็นคนรักใครไม่เป็น

ก็เพราะเจ้าตัวไม่เคยโดนรักมาก่อน แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าการรักใครสักคนต้องทำยังไง

“แล้วทำไมในเวลาแบบนี้ ต้นไม่มาหาเรา..ทั้งที่บอกว่ารักกันที่สุด แล้วเวลาที่ต้นต้องการใครมากที่สุด ทำไมถึงไม่คิดถึงเรา”

ถึงจะสงสารแต่เขาก็ไม่อาจห้ามความน้อยใจที่ก่อเกิดขึ้นในหัวใจไปได้ ในเวลาที่ยากลำบาก เวลาที่ต้องการใครสักคน คนเราจะคิดถึงคนที่รักมากที่สุดไม่ใช่หรือ ทำไมเจ้าตัวถึงไม่คิดถึงเขา หรือที่จริงแล้วมันเป็นเพราะเขาไม่ใช่คนที่อยากเจอมากที่สุดหรือเปล่า

“เรารู้ว่าเราอาจจะขอกีมากไป ถ้าจะขอให้กีพยายามเข้าใจมัน” บดินทร์เกริ่นขึ้นก่อนที่จะเริ่มร่ายยาวถึงเรื่องราววุ่นวายในชีวิตของเพื่อนสนิท

“เรารู้จักต้นมาตั้งแต่เด็ก มันเคยเป็นคนที่มีทุกอย่าง เราไม่ได้หมายถึงฐานะทางการเงินนะ แต่คือมันมีครอบครัวที่อบอุ่น คนรักที่ใส่ใจ และเพื่อนพ้องที่ร่ายล้อมรอบตัว”

“แต่พอมาวันนึงมันกลับสูญเสียทุกอย่างไปหมด แม่กับพ่อมันแต่งงานเพราะเหตุผลทางธุรกิจ แฟนมันคบซ้อน เพื่อนที่เคยมีรอบตัวก็เข้าหามันเพราะเงิน เรายังจำได้ว่าช่วงนั้นมันเสียสูญแค่ไหน มันไม่ยอมมาเจอใคร พยายามตัดขาดจากโลกภายนอก กว่ามันจะยอมให้เรากับไอ้ภูเข้าใกล้ก็เหนื่อยกันแทบตายเหมือนกัน” ดินหันหน้ามาทางเขา ตาชื้นรื่นสองคู่ประสานกัน สองใจรู้สึกเจ็บปวดแทนคนในเรื่องราว

“แล้วที่กีถามว่ามันทำไมไม่มาหา เราก็เคยถามคำถามนี้กับตัวเองเหมือนกัน จะว่ามันโง่มันก็โง่จริงๆ นั่นล่ะ แต่มันคิดไม่ได้กี ไม่ว่าจะกี่ปีกี่ชาติ เวลามันมีปัญหาอะไรมันคิดไม่ได้สักทีว่ามันยังมีเรา ไม่ว่าจะพยายามทุ่มเท แสดงความจริงใจให้มันเท่าไหร่ พอเกิดเรื่องขึ้นทีไรมันก็จะหนีไปอยู่คนเดียว ต้องคอยตามหากันจนวุ่น ดีนะที่รอบนี้อยู่กับไอ้ภู ไม่งั้นเราคงหามันไม่เจอ” บดินทร์หัวเราะหึในลำคอ นึกทีไรก็อดสงสารเพื่อนคนนี้ไม่ได้

“มันไม่เคยเชื่อกี ไม่ใช่สิ มันไม่เคยกล้าที่เชื่อว่าจะมีใครรักมันเป็นห่วงมันจริงๆ มันเลยเลือกที่จะอยู่คนเดียวมาตลอด มันไม่กล้าไว้ใจใคร ไม่กล้าเอาใจไปให้ใคร เพราะมันกลัวที่จะเจ็บ”

“แล้วดินจะให้เราทำยังไง ในเมื่อเราทุ่มเทมาให้ขนาดนี้เขาก็ยังไม่รับรู้” คนฟังเอ่ยถามออกมา ถึงอยากจะเข้าข้างเพื่อนแค่ไหนแต่เขาก็เห็นใจคนตรงหน้าเหมือนกัน บดินทร์เอื้อมมือไปวางบนกลุ่มผมนุ่ม โยกไปมาอย่างอ่อนโยน

“ทำตามหัวใจของกีเลย ทำในสิ่งที่กีจะมีความสุขที่สุด”

เขาเล่าทุกอย่างให้อีกฝ่ายฟังอย่างหมดเปลือก แล้ว เขาไม่รู้เลยว่าอีกคนจะรู้สึกยังไงกับเรื่องทั้งหมด กีอาจจะอยากเดินออกไปจากความสัมพันธ์ที่มันยุ่งยากนี้ก็เป็นได้ ถึงจะบอกว่าไอ้ต้นมันรักคนนี้จริงๆ แต่มันก็ทำกับอีกฝ่ายไว้เยอะจนยากจะให้อภัยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าวันนี้กีเลือกที่จะจากไป แม้มันจะทำให้ไอ้ต้นเสียสูญจนไม่กล้ารักใครอีก แต่เขาก็รู้ว่ากีไม่ผิดเลยสักนิด

เมื่อเขาพูดจบความเงียบก็ก่อเกิดขึ้นในห้องโดยสาร กีได้แต่มองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง เขามองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายที่ตอนนี้มีน้ำใสไหลลงมาตามแก้ม เขารู้ว่ามันไม่ง่าย เจ้าตัวกำลังคิดหนัก ตั้งแต่เขารู้จักกีมามันเป็นคนที่ร่าเริง คอยเรียกเสียงหัวเราะให้คนรอบข้างมาตลอด แต่ตั้งแต่ที่มันคบกับต้น เขาก็เห็นแต่คนที่ต่อมน้ำตาแตกง่าย จริงๆ เขาก็คิดนะ หรือบางที..เราทุกคนควรจะเลิกดันทุรังกันได้แล้ว..

“ดิน”

อีกฝ่ายหันหน้ามาประสานสายตาอีกครั้ง ใช้มือสองข้างปาดน้ำตาลวกๆ เม้มปากแน่นก่อนที่จะปล่อยออกมาพร้อมกับประโยคคำถามปนขอร้องสั้นๆ

“พาเราไปหาต้นหน่อยได้ไหม”

.

.

.

.

.

ตั้งต้นสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา พยายามยกเปลือกตาที่หนักอึ้งกวาดมองไปรอบๆ ห้อง มองไปทางไหนเขาก็เห็นแต่ข้าวของที่กองระเนระนาดอยู่ที่พื้น ถอนหายใจหนักเมื่อสมองหวนคิดไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

พ่อกับน้าวรรณ

เขาเข้าใจผิดมาตลอด จากที่เคยคิดว่าแม่เป็นคนที่ทำให้พ่อเสียใจ แต่มันกลับกลายว่าทั้งคู่ต่างร่วมมือกัน ในขณะที่ทั้งคู่มีคนรักเป็นตัวเป็นตน แต่กลับยอมตกลงที่จะแต่งงานกัน หึ ทั้งหมดก็เป็นเพราะเงินตัวเดียว เขาคงต้องรักมันให้มาก เพราะถ้าไม่ใช่เพราะเงินเขาคงไม่ได้เกิดมา

แต่เจ็บยิ่งกว่าพ่อก็คือน้าวรรณ คนคนเดียวที่ดูแลเขามาตลอด คนที่เขาคิดว่ารักเขาเพราะเขาเป็นเขา ไม่ใช่เพราะหน้าที่ ไม่ใช่เพราะเงิน แต่แล้วในที่สุดเขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่

มันก็เหมือนกับทุกคน ที่บอกว่ารักเขาเพราะมีจุดประสงค์อื่น..

เขาอยากจะคิดว่ามันเป็นแค่ฝันแต่มือที่โดนเศษกระจกบาดตอนที่เขาปัดชั้นวางของลงพื้นก็ทำให้รู้ว่ามันคือความจริง ตอนนี้หัวใจของเขามันเหนื่อยเหลือเกิน เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะโทษใครสำหรับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น โชคชะตา พ่อ แม่ หรือบางทีมันอาจจะเป็นความผิดเขา บางทีเขาอาจจะไม่ควรเกิดมาบนโลกนี้แต่แรก





กี..

ต้นหลับตาลงพยายามข่มความรู้สึกเจ็บปวด หัวใจเต้นแรงเพียงคิดถึงหน้าของใครอีกคน เมื่อคืนตอนที่ออกมาจากบ้านพ่อ เขาอยากจะตรงไปหากีที่รอเขาอยู่ที่ห้อง แต่ความกลัวที่เข้ามาครอบงำหัวใจมันทำให้หยุดตัวเองไว้

เขาไม่มีวันทำให้กีมีความสุข

สักวันเขาจะทำให้กีเสียใจ

เขามันก็เหมือนพ่อเหมือนแม่ที่เห็นแก่ตัวเอง

คนที่ไม่ได้เกิดจากความรักอย่างเขาจะมีหน้าไปรักใครได้

น้ำตาที่หยุดไปแล้วก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง เขาปล่อยมันไหลลงไปโดยไม่คิดจะเก็บกลั้น กีดีเกินไปสำหรับคนอย่างเขา บางทีเขาควรจะปล่อยให้กีไปเจอคนที่ดีกว่าสักที ถึงจะต้องเสียใจแค่ไหนแต่เขาจะเอาแต่เห็นแก่ตัวไม่ได้ เขาไม่อยากเป็นแบบพ่อแม่ เขาไม่อยากจะคิดถึงแต่ตัวเอง เขาอยากให้กีมีความสุข คำรักของเขามันเคยเป็นแค่ลมปาก แต่วันนี้การที่เขายอมปล่อยให้กีไป มันอาจจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้แล้วว่าเขารักอีกคนมากแค่ไหน





แก๊ก

เสียงประตูห้องเปิดออกให้สติกลับมา ต้นลืมตาขึ้นหันไปมองที่ต้นเสียงก็พบว่าคนที่อยู่ในความคิดกำลังยืนมองเขาอยู่ที่กรอบประตู

“กี..” เมื่อได้ยินเสียงเรียก กีรติก็เดินไปทรุดนั่งลงข้างตัวคนที่เรียกชื่อเขา มองสำรวจอีกฝ่ายที่ตอนนี้มีสภาพดูไม่ได้ ผมเผ้ารุงรัง ตาบวมฉึ่งเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แล้วยังไหนแผลตามตัวที่ขึ้นรอยขีดแดงเต็มไปหมด เขาเดาว่ามันคงเป็นแผลที่เกิดจากตอนที่อีกฝ่ายทำลายข้าวของในห้อง ดูจากสภาพห้องแล้วเขาถือว่าแผลแค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ

“ไง” ส่งยิ้มให้กับคนที่ยังจ้องเขาตาไม่กระพริบ

“กีมาได้ไงครับ” ทั้งๆ ที่ใจบอกให้ปล่อย แต่เมื่ออีกคนมาอยู่ตรงหน้า ความสับสนความอยากเป็นเจ้าเข้าเจ้าของมันก็กลับมาอีกครั้ง แต่ความละอายในใจมันก็ยังมีมากกว่า ตอนนี้เขาจึงทำได้แค่มองตามทุกกิริยาบทของอีกฝ่ายอย่างเดียว

“ดินพามา” กีรติตอบหน้ามุ่ย “ทำไม มาไม่ได้หรอ”

ตั้งต้นพูดอะไรไม่ออกได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ เจ้าตัวอึกอักอยู่นานจนในที่สุดกีรติตัดสินใจใช้หลังมือลูบแก้มอีกฝ่ายไปมา เอ่ยถามออกไปเสียงเบา

“เป็นยังไงบ้าง ปวดหัวไหม” อีกคนส่ายหน้าแทนคำตอบอีกครั้ง

“หิวข้าวหรือเปล่า” เมื่ออีกคนยังทำแบบเดิม เขาก็ยกยิ้มก่อนจะพูดต่อ

“เมื่อคืนรอทั้งคืนเลยนะรู้ไหม ลืมหรอหืม”

ต้นหลับตาลงเหมือนหยุดหายใจไปหลายวิก่อนที่จะลืมตามาอีกครั้ง เอื้อมมือมาจับมือที่เขาใช้ลูบแก้ม เอาไปวางไว้กลางอกตัวเอง

“กี ต้นขอโทษนะที่ไม่ได้ไปหา เมื่อคืนมีปัญหากับที่บ้านน่ะ”

“แล้วทำไมถึงมาที่นี่ไม่ไปหาเรา”

“...”

“เวลาที่คนเรามีปัญหาปกติเราก็มักจะคิดถึงคนที่เรารักเป็นคนแรกไม่ใช่หรอ”

“...”

“หรือว่านายไม่ได้รักเรา?” คนถามถามเสียงใสซื่อ ร่างสูงรีบส่ายหน้าปฎิเสธ

“ต้นรักกี.แต่คือ..ต้น..” คำว่ารักที่ได้ยินทำให้เขาใจชื้น เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังอ้ำอึ้ง เขาจึงเป็นฝ่ายว่าต่อ

“ผิดสัญญากับเราอีกแล้วนะ จะให้เราทำยังไง” ประโยคเง้างอนถูกส่งออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม คนพูดยังคงยิ้มใจดีส่งมาให้

“เมื่อคืนโกรธจนโวยวายอยู่คนเดียวทั้งคืนเลยรู้ไหม โทรหาก็ไม่รับ ทั้งเป็นห่วงทั้งโมโห”

“เราร้องไห้จนหลับไปเลยด้วย เมื่อเช้าก็เลยตัดสินใจเก็บข้าวของออกมาจากห้องนายหมดแล้ว” กีว่าต่อเหลือบมองไปรอบห้องที่เละเทะไปหมด

“ที่นี่ก็คงไม่เหลืออะไรให้เก็บแล้วมั้ง” ตั้งต้นยังนิ่งฟังคนข้างตัวพูด แม้แต่ในเวลาที่อีกคนลุกขึ้นยืน เขาก็ทำได้แค่เงยหน้ามองตาม ถึงอยากจะดึงมากอด ขอร้องให้ยกโทษให้คนงี่เง่าอย่างเขา แต่ครั้งนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่ทำ เขาจะให้กีเป็นคนตัดสินใจ กีสมควรที่จะได้รับความรักดีๆ กีดีเกินไปสำหรับคนอย่างเขา

“งั้นเลิกกันเลยดีไหม” ตั้งต้นตาโตเมื่ออีกฝ่ายถามออกมาด้วยเสียงเรียบปกติ ทั้งๆ ที่เตรียมใจไว้แล้วแต่เขาอดใจหายไม่ได้ กีไม่ได้มีอาการโกรธหรือน้อยใจอะไรเวลาพูด นั่นหมายถึงว่าเจ้าตัวคงคิดมาดีแล้ว

“ต้นรู้ว่าต้นทำผิดกับกีมาเยอะ ต้นจะยอมรับทุกอย่างไม่ว่ากีจะว่ายังไง” ทั้งๆ ที่อยากจะยื้อไว้สุดใจ แต่ที่เขาพูดได้มันมีแค่นี้จริงๆ

หมับ!

“แล้วถ้าเราอยากจะเลิกจริงๆ นายก็จะโอเคเลยหรอ” ทันทีที่ต้นพูดจบก็ตกตกใจเมื่อกีเข้ามาสวมกอดเขา ซบแก้มลงที่อกกว้างเอ่ยคำพูดแสดงความน้อยใจออกมาเบาๆ

“ทำไมนายถึงไม่เคยคิดถึงใจเราบ้างเลย ที่เรายังมายืนอยู่ตรงนี้ทั้งๆ ที่นายปล่อยให้เรารอเก้อมาทั้งคืน นายยังไม่รู้อีกหรอว่าทั้งหมดมันหมายความว่ายังไง” พูดไปก็พยายามกลั้นน้ำตาที่เริ่มก่อตัวขึ้นมา

“เราพยายามเข้าใจนายมากที่สุดแล้วนะ เรารู้ว่านายเจอเรื่องมาหลายอย่าง แต่เมื่อไหร่นายจะเชื่อใจเราบ้าง จะต้องให้เราทำยังไงให้นายรู้ว่าเรารักนายมากที่สุด ว่าเราไม่เหมือนใครและตราบใดที่นายยังต้องการเรา เราจะไม่มีวันทิ้งนายไปไหน” เขาผละออกมาเพื่อสบตาร่างสูงที่ยังนิ่งอึ้งฟังอีกครั้ง

“หรือจริงๆ แล้วนายต่างหากที่ไม่ได้ต้องการเราตั้งแต่แรก” เจ้าตัวรีบส่ายหน้าปฎิเสธ

“มันจะเป็นไปได้ยังไงกี ต้นรักกีมากที่สุด ต้นแค่ไม่อยากเห็..”

“นี่คือครั้งสุดท้ายจริงๆ นะตั้งต้น” กีรติไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เขายื่นคำขาดออกไปน้ำตาไหลลงสองแก้ม

“เราจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่ห้ามตอนนี้เราจะไม่กลับมาอีกแล้วนะ”

“หนึ่ง”

หมับ!

ทันทีที่เริ่มนับ ตั้งต้นดึงอีกฝ่ายเข้าไปในอกอีกครั้ง ทำไมคนตรงหน้าเขาเป็นแบบนี้นะ ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้ เขาพอแล้ว เขาขอเป็นคนเห็นแก่ตัวต่อไป ถึงแม้จากนี้กีอาจจะไปเจอคนที่ดีกว่า แต่เขาไม่อยากเสียคนตรงหน้าไปให้ใครทั้งนั้น คนที่รักเขาได้มากขนาดนี้ เขาไม่อยากยกให้ใคร

“กี..ต้นขอโทษ..อย่าไป..อยู่กับต้นเถอะนะ” ตั้งต้นร้องขอออกไป

“เราเบื่อแล้วนะ เลิกขอโทษเรา เลิกทำให้เราร้องไห้สักทีได้ไหม” ตั้งต้นยิ้มเมื่อกีโวยวายออกมา มันเป็นน้ำเสียงที่เขาแสนคิดถึง น้ำเสียงของคนที่เขารักมากที่สุด

“ต้นแค่คิดว่าต้นไม่อยากให้กีเจ็บปวดเพราะต้นอีกแล้ว ต้นมันไม่คู่ควร”

“ทำไมนายมันโง่แบบนี้ เมื่อไหร่นายจะรู้ว่าสิ่งที่ทำให้เจ็บปวดที่สุดคือการที่นายไม่เชื่อในความรักของเรา นานคิดว่าเราจะมีความสุขได้หรอถ้าไม่มีนายอยู่ด้วย”

กีรติสบตาอีกฝ่าย เอื้อมมือปาดน้ำตาที่ไหลลงมาข้างแก้มไม่หยุดให้ ยกยิ้มให้กับคนที่ดูอ่อนแอเหลือเกินในเวลานี้

“รู้ตัวสักทีได้ไหม เชื่อใจเราสักทีเถอะ”

ตั้งต้นเม้มปากแน่น ความรู้สึกมันตื้นตันแน่นในหัวใจไปหมด ทั้งๆ ที่เขาทำตัวแบบนี้ ทำไมคนตรงหน้ายังรักเขาได้มากมายขนาดนี้

“เป็นกีได้ไหม ไม่ว่าหัวใจดวงนี้จะทุกข์หรือสุข ขอกีเป็นคนดูแลเองได้ไหม”

ตั้งต้นสะอื้นออกมา ดึงคนตรงหน้าเขามากอดแน่น เมื่ออยู่ใกล้กันแบบนี้เขาสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน มันช่างหนักแน่นและมั่นคง จนทำให้ใจที่เคยเย็นชาดวงนี้อบอุ่นขึ้นมากว่าครั้งใด

“ต้นรักกี ต้นรักกี..”

.

.

.

.

.

ตั้งต้นรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง ลืมตามาก็ต้องตกใจเมื่อคนที่เคยนอนอยู่ข้างตัวหายไป ความกลัวก่อเกิดขึ้น หรือเรื่องเมื่อกี้อาจจะเป็นแค่ฝัน หรือจริงๆ แล้วกีไม่ได้มาหาเขา ขณะที่กำลังสับสนก็ได้ยินเสียงพูดคุยแว่วมาให้ได้ยิน พอลองเงี่ยหูฟังก็รู้สึกโล่งใจเมื่อมันเป็นเสียงของคนที่เคยอยู่ในอ้อมกอดเขา ตั้งต้นยกยิ้ม ลุกขึ้นจากที่นอนเดินไปเปิดประตูห้องจะเดินเข้าไปหา

“เป็นเพราะกูเอง กูน่าจะมาปรึกษาพวกมึงก่อน ไม่น่ารีบบอกมันเลย” เขาชะงักเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนสนิท เขาเห็นไอ้ภูผาที่นั่งอยู่ข้างบดินทร์เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“ไม่หรอกมึง จะช้าจะเร็วมันก็ต้องรู้ ความจริงก็คือความจริง” บดินทร์เอามือตบตักปลอบใจเพื่อน

“ดินเราขออะไรหน่อยสิ” จู่ๆ คนที่นั่งนิ่งฟังเพื่อนทั้งสองของเขาคุยกันมาตลอดก็เอ่ยขึ้น เขาไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายเพราะตอนนี้กีนั่งหันหลังมาทางเขา

“กีอยากได้อะไร”

“ต่อโทรศัพท์หาพ่อต้นให้เราหน่อยสิ” เพื่อนอีกสองคนหันมามองหน้ากัน ถึงแม้จะยังสงสัยแต่ดินมันไม่ได้เอ่ยถามอะไรเพียงแต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำตามที่กีบอก ตั้งต้นเปิดประตูออกกว้างอยากเดินเข้าไปห้าม แต่เพื่อนทั้งสองที่เห็นเขาส่งสัญญาณบอกให้หยุด

[ดินว่าไงลูก] เขาได้ยินเสียงพ่อตัวเองดังออกมาตามสปีคเกอร์โฟน ความโกรธพุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง

“พ่อ สวัสดีครับ”

[เราอยู่กับต้นหรือเปล่า คือเมื่อคืน..]

“ครับ ภูเล่าให้ผมฟังแล้วเมื่อเช้า พ่อเป็นยังไงบ้างครับ”

[พ่อเป็นห่วงต้นลูก แต่คือ..] เขาหัวเราะในลำคอ คำก็รักสองคำก็เป็นห่วง ความจริงใจหากันไม่ได้จริงๆ

“ผมรู้เรื่องน้าวรรณแล้ว ดีใจด้วยนะครับ”

[...]

“ผมขอโทษที่ผมไม่ได้บอกมันก่อน”

[ดิน พ่อขอโทษนะ พ่อรู้ว่าพ่อทำให้ต้นกับดินผิดหวัง แต่น้าวรรณทนอยู่กับพ่อมานาน มันถึงเวลาสักทีที่พ่อจะตอบแทนเขาบ้าง..]

“...”

[...]

“ผมเข้าใจครับพ่อ” ไอ้ดินมองหน้าเขาก่อนที่จะเอ่ยต่อ

“ที่ผมโทรมา เพราะมีคนเขาอยากคุยกับพ่อน่ะครับ สักครู่นะครับ” ดินยื่นโทรศัพท์ให้กีที่รีบรับไปจนโทรศัพท์ร่วงลงจากมือ ในเวลาแบบนี้เขาก็ยังอดยิ้มไม่ได้ เห็นแค่นี้ก็รู้ว่าเจ้าตัวตื่นเต้นแค่ไหน

“สะ..สวัสดีครับ ผมกีนะครับ” กีเอ่ยออกไป เมื่ออีกฝ่ายทักทายกลับมากีก็ว่าต่อ

“คือที่ผมโทรมารบกวน คือผมแค่มีเรื่องอยากจะเรียนให้ทราบ..” คนตัวเล็กว่าต่อ

“ผมกับต้น ตอนนี้เราคบกันอยู่ครับ” ไม่ใช่แค่คนปลายสายที่อึ้งไป แต่เพื่อนอีกสองคนก็ตาโตหันมามองหน้าเขาเมื่อได้ยินสิ่งที่ไม่คาดคิด จนในที่สุดไอ้ภูก็ทนไม่ไหวเดินออกไปหัวเราะร่วนที่ระเบียงให้กับความใจกล้าของอีกคน

“ถึงจะเป็นเวลาไม่นานเท่าไหร่ แต่ผมอยากให้คุณพ่อรู้ไว้ว่าผมรักตั้งต้นมากจริงๆ ครับ”

เมื่อกีพูดจบห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ เขาเองก็ไม่รู้ว่าพ่อจะว่ายังไงเมื่อรู้ว่าเขามีแฟนเป็นผู้ชายแบบนี้ คนที่ห่วงหน้าตาในสังคมแบบพ่อก็คงไม่ยอมง่ายๆ ตั้งต้นเดินเข้าไปใกล้ ตั้งใจจะหยิบโทรศัพท์มาคุยเองให้รู้แล้วรู้รอด เขาไม่อยากให้กีเจอเรื่องยุ่งยากใจอะไรทั้งนั้น

[งั้นหรอ..] ปลายสายว่าต่อหลังจากที่เงียบไปนาน ตั้งต้นชะงักใจ ที่จริงเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะว่าอย่างไร

[แล้วต้นล่ะ..มันรักเราไหม]

“ก็...เขาก็บอกว่ารักนะครับ” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปอย่างไม่มั่นใจทำให้เขาอยากเดินเข้าไปกอดคนพูดที่สุด

[งั้นหรอ..งั้นก็ดีแล้วนะ] ตั้งต้นรู้สึกแปลกใจ กับคำตอบ เขาไม่คิดว่าพ่อของเขาจะยอมรับความสัมพันธ์ง่ายๆ แบบนี้

“คุณพ่อ..จะไม่ห้ามใช่ไหมครับ..” เหมือนอีกคนก็แปลกใจไม่แพ้เขา กีเอ่ยถามออกไปให้ปลายสายหัวเราะออกมา

[พ่อดูเลวมากเลยใช่ไหมในสายตาเรา] พ่อหัวเราะในลำคอ น้ำเสียงยังใจดีไม่เปลี่ยน

“เปล่านะครับ..ผมแค่คิดว่าคุณพ่ออาจจะไม่เห็นด้วย”

[หึ เราอาจจะยังไม่เชื่อพ่อนะ แต่พ่อรักต้นมันจริงๆ ความสุขของต้น พ่อไม่คิดจะขัดขวางหรอกนะ] บดินทร์เหลือบมองหน้าเพื่อนสนิทที่ยืนนิ่งฟังอยู่ ยกยิ้มให้กับคนที่น้ำตาไหลง่ายกว่าปกติ

กีรติรู้สึกดีใจแทนตั้งต้น ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนไม่ดีแบบมี่เขาคิดตอนแรก คนที่คิดถึงความสุขของต้นมาก่อนอะไรทั้งหมด จะเรียกว่าไม่รักลูกได้ยังไง

“ที่ผมโทรมา ผมแค่อยากมาขออนุญาตคุณพ่อ ต่อจากนี้ผมจะขอเป็นคนดูแลเขาได้ไหมครับ ไม่ว่าจะยามสุขหรือทุกข์ ผมสัญญา ตราบใดที่เขาต้องการผม ผมจะไม่มีวันทิ้งเขา คุณพ่อไว้ใจผมนะครับ”

หมับ!

ทันทีที่พูดจบประโยค เขาก็ถูกสวบกอดจากด้านหลัง ความอบอุ่นของอกกว้างกระชับแน่นเข้ากับตัว เขาเหลียวหลังกลับไปมองก็เห็นคนที่เขาเพิ่งเอ่ยปากขอจากคนในโทรศัพท์ซบจมูกลงบนไหล่เล็กของเขา ความอายเขินก่อเกิดขึ้นในจิตใจเมื่อคิดว่าอีกคนคงได้ยิน

[งั้นพ่อก็ฝากมันด้วยนะ ช่วยทำในสิ่งที่พ่อเลวๆ คนนี้ทำไม่ได้ด้วยแล้วกัน]

“ครับคุณพ่อ ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ”

ดินกับภูยกยิ้มเดินเอาโทรศัพท์ไปคุยต่อที่ระเบียง ปล่อยทั้งสองคนให้อยู่ในห้องคนตามลำพัง ถึงเมื่อกี้เขาจะทำใจกล้าพูดทุกอย่างออกไป แต่พอมาอยู่ต่อหน้าเจ้าตัวความประหม่าก็เข้ามาครอบคลุมอีกครั้ง

“ต้น..คือเราขอโทษนะ ที่ทำอะไรโดยพลการ..”

“ต้นจะตายแล้ว.. จะตายจริงๆ แล้ว” ร่างสูงพึมพำ “ทำไมต้องดีขนาดนี้..ทำไม”

“ต้น...”

“ต้นรักกี...ได้ยินไหม ต้นรักกี” พร่ำบอกความรู้สึกออกไป นอกจากคำพูดพวกนี้ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะสามารถอธิบายความรู้สึกในใจได้อย่างไร ความรู้สึกที่อีกฝ่ายมีให้มันมากมายจนไม่รู้จะตอบแทนได้ยังไงไหว

เขารู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายเหลือเกิน...

ขอบคุณที่เดินเข้ามาในชีวิตคนห่วยๆ คนนี้

ขอบคุณที่ยังรักกันถึงแม้เขาจะไม่ดีพอ ไม่คู่ควรที่จะได้รับ

ขอบคุณที่ยังเชื่อมั่นในตัวเขา ในวันที่เขาไม่แม้แต่จะเชื่อมั่นในตัวเอง

“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณจริงๆ ..”





****************

ยาวมากก ตัดไม่ได้ เหนื่อยสุดดด เรารู้ว่าเนื้อเรื่องมันอาจจะขัดใจใครหลายคนนะคะ เขื่อเถอะว่าเราลบไปลบมาหลายรอบมาก แต่คือเราพยายามคิดตามตัวละครแล้วมันก็ได้ออกมาแบบนี้ คือเราสร้างกีมาเพื่อต้นจริงๆ ค่ะ อยากให้คนที่ไม่เคยเชื่อในความรักเลยเจอกับคนที่เชื่อในความรักจนวินาทีสุดท้าย และเมื่อเข้าใจกันได้แล้ว มันก็จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิตต้น ซึ่งก็คืออีกสองตอนสุดท้าย! จะจบแล้วน้า ~

ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้ช่วยแสดงตัวหน่อยน้า ~ เหมือนเรื่องนี้คนจะอ่านน้อยลงเรื่อยๆ แงงงงขอเช็คชื่อหน่อยค่า คอนเม้นมาให้กำลังใจหน่อยเร็ว~~~

#ต้นคนรักไม่เป็น






หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 13:. 01/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 01-09-2019 14:38:49
เข้ามาอ่าน ..
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 13:. 01/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 01-09-2019 21:57:00
ขอบคุณที่รักกัน

แม้นว่ามี แค่สองคน อยู่บนโลก
ถึงจะมี ความทุกข์โศก ก็โยกหาย
หรือว่ามี สึนามิ จ้องทำลาย
จะจับมือ กันไม่คลาย วันตายมา

ใครสร้างโลก สร้างอะไร เราไม่รู้
หรือสร้างคู่ รักของเรา ไม่ถามหา
รู้แค่เพียง ว่าสองเรา ทุกเวลา
จะชาตินี้ ถึงชาติหน้า ตามหาเจอ

อิ่มใจกระไรเช่นนี้..อ่านแล้วมีความสุข
สนับสนุนให้คนรักกันเข้าใจกันอย่างนี้

Much more thanks!
คุณนักเขียน
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 13:. 01/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 02-09-2019 00:21:02
น้ำตาไหล,,, กีแมนมาก,,,
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 13:. 01/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 02-09-2019 00:51:39
เจอคนที่รักแล้วนะต้น รักษาไว้ดีดี
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 13:. 01/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 02-09-2019 20:37:49
เข้าใจต้นล่ะว่าเพราะอะไรถึงไม่ไปหากี แต่จนถึงตอนนี้ต้นต้องปรับตัวเองใหม่แล้วนะเพื่อกีจะได้ไม่เสียใจอีกและเพื่อความสุขของต้นเอง :กอด1:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 13:. 01/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 03-09-2019 22:49:50
จะว่าไปต้นยังโชคดีที่ไม่เจอพ่อแม่กดดันตีกรอบลูกนะ โดยเฉพาะครอบครัวที่แต่งงานเพื่อผลประโยชน์
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 14:. 04/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 04-09-2019 06:08:11
.:บทเรียนที่ 14:.
“อืม..อ่า...ตะ..ต้น...” เมื่อริมฝีปากผละออกจากกัน ร่างบางก็เผลอครางชื่ออีกฝ่ายเสียงกระเซ่า ขณะที่อีกคนลดหน้าลงต่ำ ลากลิ้นร้อนไปตามซอกคอขาว กัดเม้มอย่างหมั่นเขี้ยวจนอีกฝ่ายขึ้นรอยแดงเป็นจ่ำเต็มไปหมด มือหนาบีบคลำไปทั่วลำตัวขาวกระตุ้นให้คนโดยกระทำร้อนรุ่มเหลือทน มือข้างเดิมเลื่อนมาหยุดลงที่ตุ่มไตกลางอก เคล้าคลึงจนมันตั้งประชันสู้กับนิ้วเรียวยาว
ฟืดดดด
“กีหอมจังเลย” เอ่ยออกมาเสียงพร่าข้างใบหู ก่อนที่จะเม้มดึงติ่งหูนุ่มเบาๆจนอีกฝ่ายส่งเสียงครางออกมา ละเลียดลงต่ำเรื่อยๆลากเลียจนถึงกลางอกของคนที่นอนหงายอยู่ใต้ร่างเขา ตั้งต้นอ้าปากครอบส่วนที่ตั้งชันกลางเนินอกก่อนที่จะทั้งดูดทั้งเลียอย่างตะกละตะกลามจนร่างบางดิ้นพล่านด้วยความเสียวกระสัน เขาใช้ฟันขบดึงเบาๆจนกีไม่อาจจะกลั้นเสียงร้องอีกต่อไปได้
“อ่า~ ต้น~”
ร่างสูงยกขาขวาของอีกฝ่ายขึ้นพาดไหล่ นั่งทับเข่าก่อนจะดึงร่างบางเข้ามาประชิด กดจูบลงบนต้นขาอ่อนด้านในซ้ำๆไล่ลงมาจนเกือบถึงหัวเข่า ลากลิ้นเลียไปทั่วก่อนที่จะดูดแรงๆหลายครั้งจนเกิดเสียงดังก้องไปทั่วห้อง
“อ่ะ!” อีกฝ่ายร้องเสียงหลงเมื่อเขายกขาซ้ายของเจ้าตัวขึ้นมาพาดไหล่อีกข้าง ดึงกลางตัวเข้ามาประชิดหน้าก่อนที่ยกลิ้นเลียส่วนอ่อนไหวที่เริ่มแข็งตัวขึ้นแล้ว เอื้อมเอามือมาจับกลางตัวเลื่อนขึ้นลงช้าๆ จนอีกฝ่ายเกร็งหน้าท้องแข็งจนแทบลืมหายใจ ไม่รอช้าเขาห่อปากครอบลงบนส่วนร้อน ลิ้นร้อนหยอกล้อกับส่วนปลายที่มีน้ำใสปริ่มออกมา ดูดดึงสองสามทีก่อนที่จะขบลงเบาๆให้อีกคนร้องเสียงหลง อย่างได้ใจเขาขยับปากขึ้นลง เร่งจังหวะให้เร็วขึ้นจนอีกฝ่ายทนไม่ไหวต้องขยับตัวโต้ตอบกลับมาอย่างลืมความอาย
“ต้น เราไม่ไหวแล้ว” เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยออกมาเสียงกระเซ่า มันก็ยิ่งกระตุ้นให้เขาขยับเร่งจังหวะให้เร็วมากขึ้น สองมือเล็กเรียวเอื้อมมาเกาะแขนแกร่ง เล็บคมจิกลงบนผิวเนื้อเพื่อระบายความเสียวซ่านที่กำลังก่อตัว มือหนาของคนที่กำลังรุกเร้าเลื่อนขึ้นมาคลึงเคล้ากับตุ่มไตกลางหน้าอกอีกครั้ง
คนตัวเล็กตีแขนแกร่งๆเบาๆเป็นสัญญาณให้หยุดเพราะไม่อย่างนั้นเจ้าตัวคงไปถึงฝั่งฝันแค่เพียงเพราะปากอีกฝ่ายแน่ๆ แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ตั้งต้นห่อปากแน่นขึ้น เร่งจังหวะพร้อมใช้มือที่เหลือหยอกล้อกับก้อนกลมสองก้อนกลางตัวอีกคนไปมาให้ความเสียวซ่านที่ได้รับเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
“อ่า~”
พรวด!
ทันทีที่น้ำขุ่นขาวพุ่งออกมาตั้งต้นก็ถอนปากออกจากส่วนร้อนที่เคยครอบครอง จับขาซ้ายของคนที่ยังหอบหายใจหนักแยกกว้างลงบนฟูก สอดมือที่เต็มไปด้วยน้ำขุ่นร้อนไปตามร่องก้นนุ่ม ละเลงมันรอบช่องแคบที่ตอดรับทันทีที่นิ้วเขาสัมผัส นิ้วที่ชุ่มไปด้วยน้ำขุ่นที่ตั้งใจจะใช้เป็นตัวหล่อลื่นสอดเข้าไปช้าๆให้ร่างบางเกร็งรับ ตามเข้าไปด้วยนิ้วที่สองและสามอย่างรวดเร็วก่อนที่จะขยับเข้าออกช้าๆ เร่งจังหวะให้เร็วขึ้นจนอีกคนขยับตามจังหวะที่เขาเป็นผู้นำ

“กีรัดนิ้วต้นแน่นมากเลย” ร่างสูงเอ่ยบอก ตอนนี้เขาเจ็บกลางตัวจนความอดทนของเขาแทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว
“ต้น พอแล้ว..เอาเข้ามาสักทีนะ” ทันทีที่อีกฝ่ายเอ่ยเสียงอ้อนร้องขอเขาก็ดึงนิ้วทั้งสามออกมา แทนทีมันด้วยส่วนใหญ่โตที่แข็งตัวรออยู่แล้ว
“อ่า~”
ทันทีที่เข้าไปภายใน ร่างเล็กก็ร้องครางหนักกว่าเดิมด้วยความเสียวซ่าน เขาขยับช้าๆเพื่อสร้างความคุ้นเคยก่อนที่จะเริ่มเร่งจังหวะเข้าไปอย่างรวดเร็ว เมื่อหาจุดอ่อนไหวในร่างกายอีกฝ่ายเจอเขาก็ถอนกลายออกมาเกือบจะหมดก่อนที่จะกระแทกกลับเข้าไปหนักๆ ซ้ำๆให้อีกคนตัวกระตุกเพราะความเสียวซ่าน ต้นดึงแขนทั้งสองข้างให้เจ้าตัวลุกขึ้นจากฟูก จัดท่าให้มานั่งคร่อมลงบนตักเขาทั้งๆที่ทั้งสองยังไม่แยกออกจากกัน
“กีขยับหน่อยครับ”
กีไม่ว่าอะไรได้แต่ทำตามที่เขาบอก สองมือเกาะไหล่เขาแน่น ใช้มันเป็นหลักไม่ให้หงายไปข้างหลัง ขยับขึ้นลงตามจังหวะของมือเขาที่เกาะแน่นอยู่ที่เอวสอบเพื่อช่วงพยุงอีกแรง
“มะ..มันลึก” ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่เจ้าตัวก็ยังไม่หยุด เสียงหายใจหนักๆดังก้องให้เขารู้สึกเกิดอารมณ์มากกว่าเคย เขาหยุดตัวเองไม่ได้ ขยับเร่งจังหวะให้เร็วและแรงขึ้นกว่าเดิมจนอีกคนตัวแทบลอย
“เราจะไม่ไหวแล้ว” คนพูดตัวกระตุกแต่เขายังไม่ยอมให้อีกฝ่ายเสร็จง่ายๆ
“เกาะเอวต้นไว้ดีๆ”
“ต้น! เราจะตก!” ทันทีที่พูดจบเขาก็ลุกขึ้นทั้งที่มีร่างบางอยู่ในอก กีรีบใช้ขาสองข้างรัดรอบเอวหนา สองแขนเปลี่ยนมาคล้องรอบคอของเขาแน่น เขาเดินสองสามก้าวมาจนถึงกำแพงฝั่งหัวเตียง จัดให้หลังบางทิ้งน้ำหนักลงไปด้านหลัง เมื่อจับตำแหน่งได้เขาก็เริ่มขยับส่วนใหญ่โตเข้าออกอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนอีกคนครางออกมาเสียงดังไม่หยุดอย่างสุดจะอดกลั้น
“ต้น...มันลึก.. มันลึกเกินไป” กีรติทั้งอายทั้งเสียวซ่าน สองมือทุบไหล่ของคนที่แทงเข้ามาไม่ยั้งอย่างสุดจะกลั้น ถึงจะเคยมีอะไรมาด้วยกันหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนรุนแรงและลึกล้ำเท่าครั้งนี้มาก่อน
“อ่ะๆๆ ต้น..”
ตั้งต้นก้มประกบจูบคนตรงหน้า
ยิ่งอีกฝ่ายเรียกชื่อเขาเท่าไหร่เขายิ่งห้ามตัวเองไม่ได้
กับคนๆนี้เขาไม่เคยพอเลยจริงๆ

“กี..ต้นรักกี” ทันทีที่ได้ยินคำรักคนฟังก็ปลดปล่อยความร้อนอุ่นออกมาอีกรอบเต็มหน้าท้องของคนทั้งคู่ ด้านหลังที่ตอดอย่างหนักทำให้ร่างสูงขยับต่อเพียงไม่กี่ครั้งก็ฉีดพุ่งความอุ่นร้อนเข้าไปในตัวอีกฝ่ายอย่างล้นทะลัก
แฮ่กๆๆ..
ในความเงียบมีเพียงเสียงหอบหายใจหนักที่ดังก้องไปทั่ว ต้นโอบเอวบางพร้อมยกอีกฝ่ายหันกลับก่อนที่จะทิ้งตัวลงพิงหัวเตียงทั้งๆที่มีอีกคนนั่งค่อมอยู่ ร่างบางใช้หัวซบลงไปที่อกกว้างโดยที่ทั้งสองยังไม่แยกจากกัน กีรติหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ด้วยท้วงท่าที่ต้องใช้แรงเยอะและด้วยที่เขาปลดปล่อยออกมาถึงสองครั้งทำให้เขาหมดแรง ทำได้แค่หลับตาหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนอยู่บนอกแกร่งของคนที่ทำให้เขามีสภาพแบบนี้

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

จุ๊บ..จุ๊บ
“ตะ..ต้นพอแล้ว”
จุ๊บ..จุ๊บ...ฟืดดดด
“ระ..เราบอกให้พอได้แล้ว เราช้ำไปหมดทั้งตัวแล้วนะ”
จุ๊บ..จุ๊บๆๆๆๆ
“ตั้งต้น!” ในที่สุดเมื่อร่างเล็กตะเบ็งเสียงออกมาอีกคนที่มือไวอย่างกับปลาหมึกก็ยอมจำใจผละออก
“แต่ต้นยังไม่พอนี่น่า..” ไม่วายยังบ่นพึมพำเสียงเบาออกมา “กับกียังไงต้นก็ไม่พอ” หยอดคำหวานให้คนที่พยายามทำหน้าดุแก้มขึ้นสีแดงเรื่อแต่ก็ยังคงเถียงเสียงอ่อย
“แต่เราตามใจนายมาทั้งคืนแล้วนะ”
“ทั้งคืนที่ไหนกว่าจะแย่งมาจากอินได้ ก็ตีสามกว่าแล้ว”
ตั้งต้นบ่นอุบอิบ เพราะอาทิตย์นี้วันจันทร์กับอังคารเป็นวันหยุดราชการ จึงกลายเป็นว่ามีวันหยุดยาวสี่วัน เขาจึงชวนกีมาเที่ยวที่บ้านพักตากอากาศที่หัวหินหวังจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้เต็มที่ แต่ตั้งแต่มาถึง กีก็อยู่แต่กับเพื่อนสนิทที่บอกว่าจะตามมาด้วยตลอดเวลา นี่ถ้าดินมันไม่ช่วยเขา เมื่อคืนเขาคงไม่ได้ตัวอีกฝ่ายมาครอบครองแบบนี้หรอก แล้วอย่างนี้จะให้เขาปล่อยไปง่ายๆได้ยังไง
“แต่ก่อนนอนนายก็ทำไปตั้งหลายรอบแล้วนะ ตื่นมาก็ทำไปแล้วรอบนึง เมื่อไหร่จะรู้จักพอครับคุณตั้งต้น”
“ต้นจะทำจนกว่าอินจะเข้ามาขวาง” ร่างเล็กหัวเราะร่วนกับคำตอบที่เอ่ยออกมาอย่างมุ่งมั่นของอีกฝ่าย ทีเรื่องอย่างนี้จริงจังขึ้นมาเชียว
“ไม่รู้ว่าไอ้ดินจะรั้งเพื่อนตัวแสบของกีไว้ได้นานแค่ไหน” ว่าแล้วคนที่อยากใช่เวลาให้คุ้มค่าที่สุดก็เริ่มออเซาะอีกฝ่ายอีกครั้ง
“แต่น้องไม่ไหวแล้วจริงๆนี่น่า” กีรติใช้ไม้ตายสุดท้ายอ้อนปฎิเสธ ใจจริงเขาก็อยากจะตามใจอีกคนอยู่หรอกนะ แต่ตอนนี้เขาเหนื่อยสุดๆแล้วจริงๆ
“พอก่อนนะ..” เมื่อเห็นสายตาที่ส่งมาออดอ้อน เขาก็รู้ว่าอีกคนคงเหนื่อยจริงๆ ถึงแม้จะเสียดายเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เจ้าตัวก็ทำได้เพียงถอนหายใจหนัก ยอมล้มเลิกความตั้งใจ
“โอเคครับ..”
ฟุ่บ!
“งั้นแบบนี้ดีกว่าเนอะ” ว่าแล้วก็เหยียดกายนอนลง ดึงอีกคนให้มาซบลงบนอกแกร่ง แขนเรียวพาดลงกระชับแน่นบนเอวหนา กีรติขยับหาตำแหน่งที่สบายที่สุดก่อนจะหลับตาพริ้มอย่างผ่อนคลาย ช่วงเวลาแบบนี้มันเป็นช่วงเวลาที่เขาชอบที่สุด ได้นอนอยู่ตรงนี้เขาได้ยินเสียงเต้นของหัวใจอีกฝ่ายชัดเจนจนรู้สึกอุ่นซ่านไปทั่วทั้งใจ
“กีมีความสุขไหม” ในตอนที่กำลังนอนหลับตาคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจู่ๆร่างสูงก็เอ่ยถามขึ้นมา มือหนายังคงลูบผมเขาเล่นไปมาอย่างเอ็นดู
“อืม เรามีความสุขที่สุดเลย แล้วนายล่ะ” ยกหัวขึ้นนิด สายตาอยู่ในระดับเดียวกันกับอีกฝ่าย
“ต้นมีความสุข มีความสุขมากๆจนบางทีต้นยังนึกว่าต้นอยู่ในฝัน” เจ้าตัวเอื้อนเอ่ยสิ่งที่ใจคิด ถ้าไม่ได้พูดออกไปบ้าง มันคงอัดแน่นล้นหัวใจจนทำให้หายใจไม่ออกไปจริงๆก็ได้
“ถ้าเป็นฝันนายก็ต้องฝันดีมากๆเลยสิ เพราะมีคนหน้าตาดีขนาดนี้อยู่ด้วย” พูดไปพร้อมเอามือชี้ตัวเองประกอบ
“ทำไมหลงตัวเอง” บีบแก้มนิ่มของคนที่ยอตัวเองอย่างหมั่นเขี้ยว
“แล้วนายจะบอกว่านายไม่หลงเราหรอไง” เลิกคิ้วถามด้วยท่าทางกวนๆจนอยากจะจับมาฟัดซะให้เข็ด
“ยอมครับยอม หลงจนไม่รู้จะหาทางออกเจอไหมแล้ว” กดหัวอีกฝ่ายเบาๆให้เจ้าตัวซบลงบนอกกว้างอีกครั้ง ใช้สองแขนรัดโอบรอบอีกคนอย่างแสนรัก เขาคิดจริงๆ ไม่มีที่ไหนในโลกที่จะดีกว่าตรงที่เขาอยู่อีกแล้ว
“ต้นรักกีที่สุดเลย”
“เราก็รักนายเหมือนกัน”
“...”
“...”
“...”
“ต้น..”
“หืม” ตั้งต้นที่กำลังเหม่อลอยมองเพดานครางรับเมื่ออีกฝ่ายเรียกชื่อเขาหลังจากที่เงียบไปนาน เขานึกว่าอีกคนหลับไปแล้วซะอีก
“เมื่อวันก่อนกีคุยกับคุณพ่อ” เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด บรรยากาศผ่อนคลายที่มีอยู่ก็หายวับไปทันที เขาดันอีกฝ่ายออกไปนิด ผละตัวลุกนั่งพิงกับพนักเตียง สองมือวางบนไหล่แต่ละข้างของอีกคน
“อีกแล้วหรอ” ถามออกไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เขาจำได้ดีตั้งแต่วันที่กีโทรไปหาพ่อ พ่อก็บอกให้ดินพาแฟนเขาไปบ้าน ทั้งๆที่เอ่ยห้ามเอาไว้แต่เมื่อกีอยากไปเขาก็ไม่กล้าเถียง หลังจากกลับมาก็เป็นอย่างที่เห็น บางวันคุยกับพ่อ บางวันคุยกับน้าวรรณ แล้วยิ่งไปกว่านั้น ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เบอร์แม่เขาเข้ามาอยู่ในมือถือของอีกฝ่าย
“น้าวรรณบอกว่ารู้เพศน้องแล้วนะ” กีรติเลี่ยงไม่ตอบคำถาม ทำเป็นไม่เห็นอาการไม่พอใจของอีกฝ่าย เอ่ยเล่าสิ่งที่ตนรู้มา
“...”
“ต้นไม่อยากรู้หรอว่าได้น้องผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“เราเป็นลูกคนเดียว” ทันทีที่พูดจบก็โดนสวนกลับมาทันที
“ไม่เอาแบบนี้สิ ในตกลงกันแล้วว่าจะลองเปิดใจไง” รวบสองมือมาไว้กับตัวก่อนที่จะซบแก้มลงบนหลังมือนั้น
“...”
“นะ..ทำเพื่อกีสักครั้..”
“พอได้ไหม..” ร่างสูงเอื้อมเอาสองมือที่โดนจับไว้เปลี่ยนมาวางบนสองแก้มนิ่มของอีกฝ่ายพร้อมกระซิบบอก
“ขอแค่เรื่องนี้กีอย่าบังคับต้นเลยนะ” เขารู้ดีว่ากีมีจุดประสงค์ดี เพราะกีเป็นคนจิตใจดี กีถึงคิดว่าทุกคนจะเป็นเหมือนตัวเอง แต่ครอบครัวของเขามันพังไปแล้ว ไม่ว่าจะพยายามยังไงมันคงไม่มีทางกลับไปดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้
“โอเค เราไม่พูดแล้ว” ร่างเล็กเลิกรบเร้า ถึงจะยังไม่ยกเลิกความตั้งใจแต่เขารู้ว่าของแบบนี้ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป ถึงเขาเองก็คิดว่าพ่อกับแม่ของต้นเป็นคนผิด แต่เขาก็รู้ว่าจริงๆแล้วท่านทั้งสองก็ยังรักต้น และต้นเองก็รักพวกท่านไม่ต่างกัน ดังนั้นหากต้นสามารถให้อภัยให้กับเรื่องราวในอดีตได้ มันก็ไม่น่าจะยากที่จะเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง

“เราอยากกินปูเผาตัวใหญ่ๆ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังหน้าบึ้งอยู่คนตัวเล็กก็เลยลองเปลี่ยนเรื่อง รีบปีนขึ้นไปนั่งค่อมบนตัวอีกฝ่าย เอาสองมือคล้องรอบคอเอ่ยอ้อนถึงอาหารที่อยากกิน
“เดี๋ยวต้นบอกแม่บ้านให้” ถึงจะยังหน้างอ แต่ร่างสูงก็โอบรัดเอวสอบเอ่ยรับอย่างตามใจ
“แล้วก็เอากุ้งชุบแป้งทอด ยำไข่ปลาหมึก ปลากระพงราดน้ำปลา ข้าวผัดปูจานโตๆ”
ตั้งต้นมองแฟนตัวเองที่ไล่ชื่อรายการอาหารที่อยากกิน ในที่สุดก็หลุดหัวเราะออกมา
“เลิกไดเอทแล้วหรอเรา” ว่าพร้อมเอานิ้วไปบีบจมูกคนตัวเล็กส่ายไปมา
“วันนี้งดไปก่อน ก็ออกกำลังเยอะกันขนาดนี้แล้ว วันนี้ต้องกินชดเชยให้เต็มที่” ก็ตั้งแต่เมื่อคืนเปลี่ยนมาไม่รู้กี่ร้อยท่า ขืนเป็นแบบนี้บ่อยๆเขาคงไม่ต้องไปฟิตเนตที่ไหนแล้วมั้ง เหมือนอีกคนก็รู้ว่าเขาหมายความว่ายังไง เจ้าตัวยิ้มหวานพร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้ก่อนที่จะพูดเสริม
“โอเคงั้นจะให้กินไอติมผลไม้กับบิงซูด้วยเลยเอาไหม” คนเจ้าเล่ห์เอ่ยถึงรายการของหวานที่อีกคนชอบกิน
“หืม แต่ขนาดนั้นก็เกินไป ถึงจะไม่ได้ไดเอทก็ไม่ควรจะกินมากไปนะ”
“งั้นกีก็ออกกำลังกายเพิ่มอีกนิดสิครับ” พูดไปก็เริ่มเอาปลายจมูกโด่งคลอเคลียกับส่วนเดียวกันของอีกฝ่าย
“ต้น..” สัมผัสที่วาบหวามกระตุ้นทำให้อีกคนเริ่มไปไม่ถูก เจ้าตัวเริ่มหายใจผิดจังหวะ
“จะซื้อโรตีกล้วยหอมให้ด้วย”
“นี่..นี่นายจะเอาของกินมาล่อเราหรอ” ปากเก่งพูดออกไปทั้งที่สติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
“แล้วไม่ได้หรอครับ..” กระซิบที่ข้างหูอีกครั้ง ไม่ลืมที่จะหยอกล้อกับติ่งหูที่นึกรู้ดีว่าเป็นส่วนอ่อนไหวของอีกฝ่าย
“นะครับ”
“แต่..”
“ครั้งสุดท้ายจริงๆ..” เขาเม้มปากแน่น แต่ไหนแต่ไรเขาก็โอนอ่อนให้ผู้ชายคนนี้ตลอดอยู่แล้ว ยิ่งมาอ้อนกันแบบนี้นอกจากตอบตกลงเขาจะทำอะไรได้
“งั้นเรา..งั้นเราเอาขนมปังสังขยาด้วยนะ”
เมื่อว่าออกไปอย่างนั้นมันก็เหมือนเป็นสัญญาณไฟเขียว ร่างสูงกดจูบร้อนลงที่ซอกคอขาวอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือหนาเริ่มบีบคลำบนร่างขาวที่มีสีแดงเรื่อปะปนอยู่ทั่วอย่างร้อนรน

ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ
ทั้งคู่ชะงักอยู่ท่านั้นเมื่อเสียงทุบประตูดังขึ้น หันมามองหน้ากันอย่างมึนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“กี!!! ตื่นได้แล้วมึง ไปกินข้าวกัน!!”
กีรติหลุดขำร่วนเมื่อได้ยินเสียงเพื่ิอนสนิทดังอยู่หน้าประตู ผิดกับอีกคนที่นั่งหน้าบึ้งกอดอกบ่นพึมพำออกมา
“ไอ้ดิน มึงแม่งไม่มีน้ำยาจริงๆ”
.
.
.
.
.
.
.

ถึงจะเรียกว่ามื้อเช้า แต่กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวและลงมาพร้อมกันได้ก็เกือบเที่ยง กว่าจะกินกันเสร็จจริงๆก็เลยบ่ายโมงไปแล้ว หลังกินข้าวเสร็จได้สักพัก เมื่อเห็นว่าแดดเริ่มอ่อนลงกีกับอินก็กลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวจะลงเล่นน้ำทะเล ตอนที่เดินลงกลับมาที่ชายหาดก็พอดีกับที่คนที่พวกเขารออยู่มาถึงพอดี
“พวกมันมาได้ไง” เจ้าของบ้านที่ไม่รู้เรื่องมาก่อนว่าจะมีแขกมาเพิ่มเอ่ยถามเพื่อนสนิทหน้ามุ่ย ตอนนี้มีแค่อินเขาก็แทบจะรับมือไม่ไหวอยู่แล้วแล้วนี่ยังมีน้องรหัสไอ้ดินมาเพิ่มอีก แล้วยัง..
“แล้วไอ้พุทธมาเสนอหน้าทำไม”
“มันขับรถมาให้หมี” บดินทร์เอ่ยตอบอย่างนึกขำในใจ เขายังไม่ชินกับการที่เพื่อนสนิทกลายเป็นคนขี้หึงแบบนี้
“ถ้าน้องมึงมันหาทางมาไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาสิ”
“มึงนี่ ก็น้องมันอยากมาเล่นน้ำทะเล แค่นี้จะเป็นไรวะ”
ทั้งสองมองตามสองคนที่เพิ่งมาถึงแต่วิ่งลงทะเลไปกับแฟนของพวกเขาแล้ว มันยังไม่แม้แต่จะเอากระเป๋าไปเก็บบนห้องเลยด้วยซ้ำ
“เชี่ย มันแอบเหลือบมองแฟนกู” ตั้งต้นสบถ ตอนแรกเขาเห็นแล้วว่ากีจะใส่เสื้อสีขาวแต่เพราะนึกว่าไม่มีใครมาเพิ่มเลยไม่ว่าอะไร แต่ตอนนี้มีไอ้พุทธมาด้วยเขาไม่อยากให้มันฉวยโอกาส คิดแล้วก็ยันแขนเตรียมจะลุกแต่โดนเพื่อนสนิทฉุดแขนไว้ก่อน
“มึงจะทำอะไร”
“ไปเอากีขึ้น ดูดิพอโดนน้ำแล้วยังกับไม่ใส่อะไร”
“โหคุณตั้งต้น คุณกลายเป็นคนขี้หึงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ต้นคนคูลหายไปไหนครับ”
“ก็คนของกู” อีกคนโต้อย่างไม่อาย “แล้วคือมึงไม่หึงเลยนะ อีกนิดกูนึกว่าอินอยู่หน้าหนาว” เขาเอ่ย สายตามองไปที่แฟนเพื่อนที่อยู่ในเสื้อสีดำตัวโคร่งกับกางเกงวอร์มขายาว “เสื้อผ้าหนักจนอินจะจมน้ำแล้วมึง”
“เออ ผมเป็นคนรอบคอบ จะได้ไม่ต้องมานั่งหึงเป็นหมาบ้าแบบคุณไงครับ” ตั้งต้นไม่สนคำเพื่อนสนิท ตายังจับจ้องอยู่ที่คนของเขาที่กระโดดขึ้นห่วงยางอย่างทุลักทุเล พอขึ้นไปนอนได้ก็มีไอ้เด็กพุทธดันห่วงยางออกไปกลางทะเลไกลจากกลุ่มเพื่อน
“กูไม่ทนแล้ว” ว่าแล้วก็ยันกายขึ้นรีบถอดเสื้อกล้ามออกจากตัวอย่างรวดเร็วเดินลงทะเลตามทั้งสองคนไป
บดินทร์หัวเราะร่วนให้กับท่าทางของเพื่อนสนิท คนอย่างไอ้ต้นที่ขึ้นชื่อว่าไม่เคยหึงไม่เคยหวงใคร คนที่ใครๆก็ว่าไม่มีทางรักใครจริง วันนี้มันมายืนแย่งห่วงยางกับรุ่นน้องเป็นเด็กๆเพียงเพราะคนคนนึง คนที่มันบอกว่ามันรักหมดหัวใจ เขายกยิ้ม เขาเคยอยากให้มันมีวันนี้ เขาคิดว่ามันคงจะมีความสุข แต่ความสุขที่เขาเคยคิดไว้มันเทียบอะไรไม่ได้เลยสักนิดกับความสุขที่มันกำลังเผชิญ ความสุขที่เอาอะไรมาแลกมันก็คงไม่ยอม
“ไอ้พุทธ มึงไปไกลๆตีนกูเลย!”
“พี่กี พี่ต้นว่าผม”
“ตั้งต้น! ทำไมนายพูดกับน้องแบบนี้!”
“กี ทำไมกีเข้าข้างมัน”
“พี่กีช่วยผมด้วย”
“ไอ้พุทธ มึงวิ่งไม่เร็วมึงเจ็บแน่!”
“พี่กี~”
.
.
.
.
.
.
.
.
“เศษใจที่เขาโยนทิ้ง ยินดีรับครอบครอง เป็นรักมือสอง ก็อยากดูแล...ที่เห็นเป็นดินหล่นพื้นจะเอาคืนบนฟ้าเป็นดาวที่สดใส คอยส่องให้ฉันค้นเจอหัวใจ”
เสียงร้องแสนไพเราะเคล้าคลอกับคลื่นทะเลยามเย็นสร้างให้บรรยากาศสบายๆอบอุ่นมากขึ้น อินทัชใจเต้นรัว ทั้งจมูกทั้งแก้มขึ้นสีแดงเรื่อเมื่อสองตาประสานเข้ากับตาคมของนักร้องบนเวที
“เพลงนี้ต้องเล่นทุกงานเลยใช่ไหม” กีรติอดแซวไม่ได้ ยื่นจานของกินเล่นให้เพื่อนที่วานไปตักเพราะไม่อยากพลาดการร้องเพลงสดของคนบนเวที
“ไม่ต้องมาแซวกูเลยนะ” ทำเสียงขู่พร้อมกับหยิบส้อมมาจิ้มของกินในจานเข้าปาก เมื่อเพื่อนสนิทนั่งลงข้างกันดีแล้วก็เอ่ยถามเรื่องที่ยังค้างคาใจ
“เออ ว่าแต่มึงถามเรื่องนิชาหรือยังวะ”
“ถามแล้ว กูคุยกับเจ้าตัวแล้วด้วย” พอนิชาเห็นว่าต้นเงียบหายไปตั้งแต่วันที่ไปกินข้าวด้วยกัน เจ้าตัวก็โทรมาหาอีกฝ่ายเอง เผอิญว่าตอนนั้นเขาอยู่ด้วย ต้นเลยยื่นโทรศัพท์ให้เขาคุย พอคุยกันเขาก็รู้สึกได้จริงๆว่าทั้งสองคนไม่มีอะไรมากไปกว่าพี่น้องจริงๆ แถมตอนที่คุยกันอีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้จักเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยซ้ำ
“เอองั้นก็ดีแล้ว”
“รู้อย่างนี้แล้ว เมื่อไหร่มึงจะเลิกแกล้งต้นสักที สงสารต้นบ้างเถอะ”
“เมื่อมันทำให้กูมั่นใจว่ามันจะให้ทำให้มึงมีความสุข” คำตอบชัดเจนตรงไปตรงมาทำให้อีกคนหน้าร้อนผ่าว จู่ๆกระบอกตาก็ร้อนขึ้นจนต้องรีบปาดน้ำตาที่เริ่มมารวมตัวกัน
“ขอบใจมึงมากนะอิน” เอามือวางบนไหล่อีกคน “สำหรับทุกๆอย่างเลย”
“ไม่เป็นไร ก็มึงคือเพื่อนรักกู” อินวางมือทับบนมือที่จับไหล่เขาอยู่ บีบเบาๆเพื่อย้ำถึงความหนักแน่นของสิ่งที่บอกไป
“มึงก็คือเพื่อนรักกูเหมือนกัน” เขาตอบกลับ “กูไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เพราะกูรู้ว่าไม่ว่ายังไงกูก็มีมึงอยู่”
“เหมือนกันเลยมึง” อีกฝ่ายตอบกลับมา พวกเขาไม่ได้ว่าอะไรต่อเพียงแต่ยิ้มให้กัน ยิ้มให้กับมิตรภาพที่ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ก็จะคงอยู่ตลอดไป

“ฉันเคยเกือบพลาดสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต
หากในวันที่ฉันล้มอยู่ ไม่มีหนึ่งใจของเธอ
ฝันคงจบ หลายสิ่งที่ดีคงหมดทางได้เจอ
หนึ่งกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ ไม่ลืมได้เลย...”
ทั้งสองหันไปมองบนเวทีอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงกีต้าร์ดังขึ้นพร้อมกับเสียงนักร้องที่เปลี่ยนไป ตอนนี้ดินกลายเป็นคนเล่นกีต้าร์ในขณะที่ตั้งต้นทำหน้าที่เป็นนักร้องนำ เพลงที่ได้ยินเป็นเพลงที่เขาเคยได้ยินมานานแล้ว แต่เมื่อมันโดนร้องโดยคนที่กำลังจ้องมองเขาไม่วางตา มันก็เลยดูมีความหมายมากกว่าที่เคยจนทำให้หัวใจเต้นแรง
“ต้นมันดูเปลี่ยนไปนะ” จู่ๆอินก็เอ่ยขึ้นให้เขาหันไปมองหน้า
“จะว่ายังไงดีละ มันดูสดใสขึ้น ถึงจะยังเหม็นขี้หน้าอยู่บ้าง แต่กูว่ามันดูเข้าถึงง่ายกว่าเมื่อก่อน มึงว่าไหม” พูดจบก็หันมาถามความคิดเห็นเขา เขาหันกลับไปมองคนบนเวที ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มรู้จักอีกฝ่าย ชีวิตของเขาก็มีเรื่องราวมากมายผ่านเข้ามา ไม่ว่าจะดีหรือร้ายแต่ต้นคือคนที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตเขา คนที่ทำให้เขารู้จักที่จะรักตัวเอง คนที่ทำให้เขามองเห็นความรักมากมายจากคนรอบด้าน และเป็นคนที่ทำให้เขาได้รู้สึกถึงคำว่ารักอย่างแท้จริง
ความรักที่ขอเพียงแค่รัก
ความรักที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน
ความรักที่ทำให้ยอมอภัย

“อิน กูแม่งโครตรักต้นเลยว่ะ”

“ขอบคุณที่รักกัน...
ขอบคุณทุกครั้งที่คอยกอดฉัน
ในวันที่ปัญหา ถาโถมเข้ามาใส่
จะตอบแทนความรัก ที่ฉันได้จากเธออย่างไร
ก็รู้ดีว่าไม่พอ แต่ขอทำให้ดีที่สุด

อินทัชมองเพื่อนสนิทตนที่ยกยิ้มเล็กน้อย สายตาทอดมองใครอีกคนด้วยแววตาแสนรักใคร่ เขาหันไปมองบนเวทีแล้วก็ต้องพบกับสายตาแบบเดียวกันสะท้อนกลับมาหาคนข้างตัวเขา
เขายิ้ม
“กูว่า...มันแม่งก็โครตรักมึงเลยวะ”

“ขอบคุณในความรัก ที่หาไม่ได้จากที่ไหน
จะรักเธอให้มากพอ และขอทำให้ดีที่สุด”

*********
#ต้นคนรักไม่เป็น
โอ้ยยย มีความสุขสักทีนะตั้งต้น แม่ดีใจน้ำตาไหล T_T แต่ง Nc ทีไรไม่เคยมั่นใจ แต่ทั้งเรื่องมีแค่ตอนเดียวก็อยากจะให้รู้ว่าลูกชั้นก็ไม่ธรรมดานะ 555 !! ติชมกันมาได้นะคะ นานๆจะแต่งทีมันก็อาจจะไม่สมจริงสมจังไปบ้าง ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจ้า
แล้วคือตอนหน้าจบแล้วนะคะ ใจหายจัง (>_<)
สุดท้ายท้ายสุด ~ ขอฝากเรื่องน้องหมีกับพี่แทนด้วยน้า เปิดตอนแรกไปแล้วจ้า ไปลองอ่านกันดูเนาะ ชอบไม่ชอบวิจารณ์กันมาได้เต็มที่เลย น้อมรับสุดๆ //กราบแนบอก
ชื่อเรื่อง “หมูพีที่รัก / My honey”
#หมีแทนที่รัก


หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 14:. 04/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-09-2019 15:59:04
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 14:. 04/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 04-09-2019 18:44:57
ดีใจด้วยนะตั้งต้นรู้จักความรักสักที
เฮ้ยจะจบแล้วเหรอจะมีตอนพิเศษมั้ย :impress: :m13:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 14:. 04/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-09-2019 20:24:59
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 14:. 04/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 05-09-2019 00:11:51
สนุกมากครับ,,,
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 14:. 04/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 05-09-2019 04:32:15

สนุกดีค่าแต่ขออย่างสิคะเว้นบรรทัดใก้ห่างกว่าได้มั้ยอ่านยากแลดูไม่สบายตาอ่า

เนื้อหาน่าติดตามแต่ออกรวบรัดไปนิดสู้ ๆ ค่า
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนที่ 14:. 04/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: TuEyyy ที่ 07-09-2019 16:57:41
ตามอ่านจนสุด ขอบคุณน๊า  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:Epilogue:. 10/09/2019 -End
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 10-09-2019 13:22:59
.:Epilogue:.





ร่างสูงถ่ายเทน้ำหนักตัวทั้งหมดไปที่ผนังด้านหลัง สองแขนก่ายกอดอกกว้างแน่นกระชับเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายยามเช้ามืดที่มีน้ำค้างลงแบบนี้ ตาคมเหม่อมองไปยังวิวทิวทัศน์ตรงหน้า วิวของเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับไหล มันเป็นอย่างนี้เสมอ มันอยู่เป็นเพื่อนแก้เหงาให้เขาเสมอไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เขานอนไม่หลับ

นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ฝันร้ายแบบนี้ อย่างน้อยก็ตั้งแต่มีกีกลับเข้ามาในชีวิต ฝันที่มักจะเริ่มต้นด้วยความสุขในวัยเด็ก เสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่แสนสุขของเด็กชายตัวน้อย เด็กที่อยู่กับคนที่รักมากที่สุด เด็กที่มีทุกสิ่งทุกอย่าง เด็กที่ครองโลก แต่มันก็เป็นเพียงแค่ครึ่งแรกของความฝัน เพราะหลังจากนั้นภาพก็ตัดมาที่ความทรงจำที่เขาไม่เคยลืม แม่กับลุงกันต์ในห้องทำงานวันนั้น วันที่เรื่องจริงถูกเปิดโปงขึ้น วันที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล

ที่จริงเขาก็ชินแล้ว เขาเห็นฝันแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาตลอดหลายปี ถึงจะต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกทุกครั้ง แต่พอตื่นแล้วเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่กับสิ่งที่ฝันถึง แต่สิ่งที่ทำให้วันนี้จิตใจของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็คงเป็นเพราะภาพสุดท้ายที่เขาเห็นก่อนที่จะลืมตา

น้าวรรณ

ในฝันน้าวรรณกำลังร้องไห้อย่างหนักมองมาที่เขา ตั้งแต่วันที่เขาทะเลาะกับพ่อที่บ้านครั้งสุดท้ายเขาก็ยังไม่ได้คุยกับเจ้าตัวอีกเลย ทั้งที่อีกฝ่ายพยายามโทรมา มาดักรอเขาที่หน้าคอนโด แต่เขาก็ยังพยายามหลีกเลี่ยงทุกทาง ใจจริงเขาก็รู้ว่าตัวเองทำรุนแรงเกินไป สิ่งที่น้าวรรณทำให้เขามาตลอดหลายปีมันทำให้เขาไม่อาจปฎิเสธได้เลยว่าอีกฝ่ายรักเขาจากใจ

น้าวรรณไม่ผิด ถ้าผิดก็คงเป็นเพราะรักพ่อของเขามากเกินไป

ชายหนุ่มถอนหายใจหนัก คลายสองแขนลงข้างตัวก่อนจะหันหลังกลับเดินออกมาจากระเบียงเข้าไปในตัวห้อง ใจอยากเข้าไปนอนกอดคนบนเตียงให้หลับสบาย เขาไม่อยากจะคิดอะไรอีกแล้ว

ตั้งต้นหย่อนตัวลงนอนตะแคงเอาศอกยันฟูกนุ่ม ตาคมจ้องมองคนที่ยังหลับไม่รู้เรื่องอย่างนึกเอ็นดู

เขายิ้ม

ตอนนี้กีเป็นความสุขเดียวที่เขามี เป็นความรักทั้งหมดที่เขากล้าทุ่มเทให้ เขาใช้หลังนิ้วเกลี่ยแก้มนุ่มของอีกคนก่อนที่จะก้มจูบลงบนปากนุ่ม ทั้งๆ ที่คิดว่าทำเบาแล้ว แต่อีกคนก็ยังสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมามองหน้ากัน

“ต้น...เช้าแล้วหรอ” คนที่ยังครึ่งหลับครึ่งตื่นละเมอถามออกมา

“หลับต่อเถอะครับ ยังไม่เช้าเลย” แทนที่คนฟังจะนอนต่อ เจ้าตัวกลับเอาสองมือขยี้ตาไปมาก่อนจะลุกขึ้นนั่งเอาหลังพิงหัวเตียง เอาสองมือตบหน้าตักตัวเองเบาๆ ให้เขาเอาหัวลงไปหนุน ใช้สองแขนกอดรอบเอวสอบ มือบางวางบนหัวของเขาอย่างเบามือก่อนจะลูบไปมา

“มีอะไรหรือเปล่าหืม” เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าของหน้าตักเมื่อเจ้าตัวเอ่ยถามออกมาเสียงนุ่ม

“อย่าบอกว่าไม่มีอะไร วันนี้นายเหม่อทั้งวันเลย” เขายกยิ้มเมื่อโดนรู้ทัน แฟนของเขาช่างใส่ใจเกินใคร

ตั้งต้นลุกขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียงข้างกัน มือเอื้อมไปที่โต๊ะด้านข้าง หยิบซองสีชมพูยื่นให้อีกคนดู อีกฝ่ายรับมันไว้ก่อนที่จะเปิดมันออกมา

“อืม เราก็ได้เหมือนกัน..” กีรติว่าขึ้นพร้อมหยิบการ์ดแต่งงานที่อยู่ด้านในขึ้นมา

“...”

“ต้นอยากไปหรือเปล่า”

“...”

“...”

“ต้นคงต้องไป เพราะมันเป็นหน้าที่” ร่างสูงว่าขึ้น สายตายังคงจ้องมองการ์ดในมือเขา เขารู้ว่ายังไงต้นก็ต้องไป เจ้าตัวอยู่ในอีกสังคมหนึ่ง เป็นสังคมที่เขาไม่มีวันเข้าใจ เป็นสังคมที่ทุกอย่างสำคัญกว่าความรู้สึกของจิตใจ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากรู้

“เราไม่ได้ถามว่าจะไปหรือเปล่า เราถามว่านายอยากไปไหม” อีกคนนิ่งไม่ได้ตอบคำถาม ถอนหายใจหนักก่อนที่จะรวบตัวเขาไว้บนตัก สองขาเรียวคร่อมร่างอีกคนไว้ หันหน้าประชันเข้าหากัน

“ต้นไม่รู้..” หน้าผากกว้างสบลงบนส่วนเดียวกััน แขนเรียวเล็กยกขึ้นโอบรอบคอแกร่งแน่น ลูบปลอบประโลม

“ต้นฝันถึงน้าวรรณ...”

“หืม..”

“ในฝันน้าวรรณร้องไห้...” เขาเอื้อมตัวไปโอบรัดคนพูดแน่น จนตอนนี้ต่างฝ่ายต่างวางคางลงบนไหล่ของอีกคน

“ต้นรู้ว่าน้าวรรณรักต้นมากใช่ไหม” เขาเอ่ยถามออกไป

“ก็รู้..” ร่างบางยิ้มเมื่อคนปากหนักยอมรับในที่สุด

“แล้วต้นก็รู้ว่าต้นรักน้าวรรณมากกว่าใคร”

“...” เขาผละออก พยายามมองสบตากับอีกคนที่ไม่ยอมหันหน้ามามองกันตรงๆ

“ต้นเรามาคุยกันหน่อยไหม”

“ไม่เอากี..”

“เราไม่ได้จะเข้าข้างพ่อต้นนะ แต่ว่า..”

“กี แต่ต้นพูดแล้วว่าจะไม่คุยกันเรื่องนี้..”

“ฟังก่อนได้ไหม..นะ..แล้วเราสัญญาว่าเราจะไม่เข้าไปยุ่งอีกเลย” เขาบีบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ เป็นการขอร้อง เขาพูดเรื่องนี้กับอีกคนมานับครั้งไม่ถ้วน และนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ

“แต่กีกำลังเข้าข้างเขา...”

“ใช่ที่ไหนเล่า เราจะเข้าข้างใครได้นอกจากนาย” เขาว่ากลั้วหัวเราะ

“...”

“นะ ข้อร้องล่ะ”

“...”

“...”

“เฮ้อ...ต้นฟังอยู่” เขายกยิ้มอย่างดีใจเมื่อคนตัวโตว่าอย่างนั้น ยกมือขึ้นลูบแก้มของคนฟังไปมาอย่างนึกเอ็นดู พยายามพูดออกไปด้วยเสียงที่นุ่มนวลที่สุด

“เรารู้ว่าเขาทำผิดกับนายมาเยอะ เราจะไม่มาบอกว่านายเข้าใจผิดหรืออะไร เราเองก็คิดเหมือนนาย แต่ที่เราอยากให้นายทำคือลืมเรื่ิองเก่าๆ ไปซะ มันไม่มีประโยชน์สักนิดที่จะมานั่งโกรธเกลียดทั้งที่ยังรักกัน ทั้งหมดก็เพื่อตัวนายเองและคนที่นายรัก”

“แต่กีไม่คิดว่ามันมากไปหรอ ต้นจะลืมได้ยังไง เขาทำกับต้นไว้ตั้งขนาดนั้น” อีกคนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนฟ้อง จนเขายกยิ้มมุมปาก

“เราทุกคนก็เคยทำผิดไม่ใช่หรอ”

“...”

“ทั้งเราทั้งนาย เราต่างก็เคยทำผิดพลาด ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ” เขายกยิ้มเจ้าเล่ห์พูดแหย่อีกฝ่าย

“จะให้เรารื้อฟื้นไหม เรายังจำบ๊อคเซอร์สีแด..อือๆ ๆ”

“พอเลย ตัวแสบ อยู่ๆ ก็วกมาเรื่องต้นได้ไง ต้นรู้แล้วไม่ต้องยกตัวอย่าง” คนตัวโตย่นจมูกใส่ เอามือปิดปากพร้อมบิดแก้มอย่างนึกมันเขี้ยวที่สุด เขาตีเบาๆ จนเจ้าตัวยอมคลายมือออกในสุด

“เราแค่อยากให้เห็นภาพ ว่าต้นเองก็เคยทำผิดพลาด แต่มันก็ไม่ได้แปลว่านายไม่รักเราไม่ใช่หรอ”

“...”

“และที่เราให้อภัยนาย ก็ไม่ใช่เพื่อนาย แต่เพื่อตัวเราเอง”

“...”

“เพราะท้ายที่สุดแล้ว ความสุขของเราก็คือการที่แค่ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข”

“...”

“เรารู้ว่าต้นรักพ่อ รักแม่ รักน้าวรรณ และเราก็รู้ว่าที่จริงต้นเองก็รู้ว่าพวกท่านเองก็รักต้นมากแค่ไหน”

“กีเข้าข้างพ่ออีกแล้ว...” เขาหัวเราะในลำคอเมื่ออีกคนพูดเหมือนบ่นออกมาเสียงอู้อี้

“ไม่จริงสักนิด เราไม่ได้เข้าข้างใคร เราแค่รักแต่นาย” เขาซบลงบนอกกว้าง ร่างสูงหัวเราะในลำคอ จุ๊บเบาๆ ลงบนกลุ่มผมนุ่ม

“อ้อนเก่ง” เขาหัวเราะ

“ก็อ้อนแต่กับนาย”

“ทำแบบนี้ต้นจะปฎิเสธกีได้หรอ”

“ก็อย่าปฎิเสธสิ อย่างน้อยแค่่ลองคุยกันสักครั้ง” เขาเงยหน้ามาสบตากันอีกครั้ง

“...”

“นะ ให้โอกาสตัวเองสักครั้งเถอะนะ”

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.





วุฒิศักดิ์ลูบผมนุ่มของคนรักไปมาเบาๆ ตาคมจ้องมองคนที่นอนหลับสนิทอยู่ในชุดไทยสีครีมเรียบหรู วันนี้เจ้าสาวของเขาต้องลุกขึ้นมาแต่งตัวแต่เช้ามืดก็เลยเพลียหลับไปอีกครั้ง ช่วงนี้เจ้าตัวไม่ค่อยได้นอนเป็นเวลา หนึ่งเพราะแพ้ท้องอย่างหนักมาตลอดหลายเดือน แล้วไหนจะยังเป็นเพราะเจ้าตัวร้องไห้ทุกครั้งเมื่อคิดถึงลูกชายคนเดียวของเขา

เขาถอนหายใจอย่างหนักอก ชายร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงเดินออกมาจากห้องนอนของห้องสูทมีระดับที่ใช้สำหรับแต่งตัวและพักผ่อนรอเวลางานเริ่ม เขาเดินไปเทบรั่นดีลงบนแก้วใสขุ่น หย่อนตัวลงบนโซฟาเดี่ยว สายตาทอดยาวไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย

ในแวดวงสังคม เขาเป็นหนึ่งในนักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จที่สุด ผู้คนต่างให้ความนับถือและไว้วางใจในตัวเขา

แต่สำหรับชีวิตส่วนตัวแล้ว เขากลับเป็นคนที่ล้มเหลวที่สุด

มันเริ่มตั้งแต่วันที่เขายอมแต่งงานกับแก้วตาเพราะคำสั่งของพ่อเขาและพ่อเธอ ใช่โดยภาพรวมมันอาจจะเป็นเพราะเงินหรือผลประโยชน์ทางธุรกิจ แต่สำหรับเขามันคือความรับผิดชอบของลูกผู้ชายคนโตที่ต้องแบกรับความกดดันทั้งหมดแทนคนรอบข้าง เขาไม่อาจทำตามใจคิด ถึงแม้ว่าจะมีคนรักอยู่แล้วแต่เรื่องของเราทั้งสองก็ดูจะเป็นไปไม่ได้ วรรณเป็นแค่ลูกคนงานในบ้าน พ่อของเขาไม่มีวันยอมรับในความสัมพันธ์ของเรา ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะไม่อยากเลิกกับเธอ แต่เป็นวรรณต่างหากที่ตีตัวออกห่างเพื่อผลักดันให้เขาตัดสินใจที่จะแต่งงานกับแก้วตา

ตลอดเวลาที่แต่งงานกัน ถึงแม้เขาจะยังรักอีกฝ่ายจนเอามาอยู่ด้วยที่บ้านใหม่ ถึงเขาจะนอกใจแต่เขาไม่เคยนอกกายภรรยา เขายังให้เกียรติอีกฝ่ายเสมอ เราทั้งสองมีลูกที่เรารักด้วยกัน ลูกชายที่เป็นทุกอย่างให้เขาทนอยู่ต่อ เขาให้อิสระคนเป็นลูกเสมอ เขาสาบานกับตัวเองว่าจะไม่มีวันบังคับให้ลูกต้องมาเจอชะตากรรมแบบเดียวกับเขา

แต่แล้ววันนึงเมื่อกันต์กลับมา เขาก็รู้ว่าไม่ได้มีแต่เขาที่มีอดีตฝังใจ แก้วเองก็ต้องทนฝืนใจไม่ต่างกัน ในตอนนั้นเองเขาเริ่มมีความหวังกลับมาอีกครั้ง ตอนนี้เขาโตแล้ว เขาสามารถทำตามใจโดยมันจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครทั้งนั้น เขากับแก้วตกลงกันอย่างลับๆ มันถึงเวลาที่เราควรจะตอบแทนคนที่รักภักดีและรอเรามาตลอดสักที

แต่เขาก็ทำพลาดอีก ด้วยความที่ห่วงความรู้สึกของลูกชายเกินใคร เราจึงตัดสินใจปิดเรื่องนี้เป็นความลับ อยากจะรอจนกว่าเจ้าตัวจะโตพอแล้วถึงจะอธิบายให้ฟัง แต่แล้วมันก็สายเกินไป..อย่างไม่ตั้งใจพวกเขาทำร้ายจิตใจคนที่เขารักมากที่สุด ถึงอยากจะแก้ไขยังไงมันก็เหมือนไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมได้เลย ซ้ำเจ้าตัวยังมารู้เรื่องวรรณเข้าอีก นอกจากทำร้ายลูกชายที่เขารัก เขายังทำให้คนรักของเขาต้องนอนจมทุกข์ไปอีกด้วย

วุฒิศักดิ์หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน

คนอย่างเขามันห่วย

เขาไม่เคยทำให้คนที่เขารักมีความสุขได้เลย





ก๊อกๆ

เขาออกจากห้วงความคิดเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู วุฒิศักดิ์ที่อยู่ในชุดทักซิโดสีดำลุกขึ้นเดินไปเปิดมันออก เขาค่อนข้างอึ้งปนตกใจ แต่ที่มากที่สุดคือความดีใจที่ไม่อาจจะเก็บกลั้นได้ที่เห็นลูกชายคนเดียวของเขายืนอยู่หลังประตูบานนั้น มองถัดออกไปด้านหลังเขาเห็นคนรักของลูกที่ยืนส่งยิ้มให้กำลังใจเขาอยู่

“สวัสดีครับคุณพ่อ” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นไหว้เขาก่อนที่จะเอ่ยทักอย่างสุภาพ เขาพยักหน้ารับก่อนที่จะมองกลับมาที่คนตรงหน้า เจ้าตัวยืนนิ่ง ตาเสมองไปทางอื่นไม่หันมาสบตากับเขาตรงๆ

“เข้ามาก่อนสิลูก” ประตูถูกเปิดออกกว้าง เจ้าของห้องเบี่ยงตัวหลบเปิดทางให้พวกเขาเข้าไปก่อน พอปิดประตูเจ้าตัวก็ผายมือไปที่โซฟายาวเป็นสัญญาณให้นั่งลง

“ผมขออนุญาตไปหาน้าวรรณได้ไหมครับ” ร่างเล็กเอ่ยขึ้น วุฒิศักดิ์พยักหน้าอนุญาตก่อนที่จะชี้ไปที่ประตูห้องนอน เจ้าตัวกำมือเขาแน่นเหมือนพยายามให้กำลังใจก่อนที่จะผละเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว เขานั่งลงตรงตำแหน่งที่พ่อชี้มา ก่อนที่อีกคนจะนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวข้างกัน

“พ่อดีใจนะที่วันนี้ลูกมา” วุฒิศักดิ์กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ถึงจะแปลกใจอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็รู้สึกมีความสุขเกินกว่าจะถามหาเหตุผลใดๆ

“ผม...ผมก็ต้องมาอยู่แล้ว มันเป็นหน้าที่”

“ถึงอย่างนั้นพ่อก็ดีใจ” อีกคนยังคงยิ้มส่งมา จนคนที่แอบเหล่มองตกใจเมื่อสบตากันเข้าอย่างจัง

“แล้วก็เพื่อน้าวรรณ...” ชายหนุ่มพึมพำออกมาให้อีกคนกระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

“น้าวรรณต้องดีใจมากแน่ๆ ถ้าเห็นลูกมา”

“...”

“...”

“ดูแลน้าวรรณให้ดี น้าวรรณสมควรได้รับความสุขที่สุด”

“พ่อรู้..พ่อจะพยายามไม่ทำพลาดอีก”

“อย่าให้น้องต้องเป็นแบบผม” วุฒิศักดิ์หน้าชา น้ำตาเอ่อล้นจนภาพตรงหน้าพร่าเบลอ

“...”

“...”

“พ่อขอโทษเราด้วยนะ สำหรับทุกเรื่อง”

“...”

“ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม พ่อรู้ว่าพ่อทำผิดพลาดมาหลายครั้งในชีวิต แต่พ่ออยากให้ลูกรู้ไว้ว่าลูกไม่ใช่ผลพลอยได้ทางธุรกิจอย่างที่ลูกคิด ลูกเป็นกำลังใจสำคัญหนึ่งเดียวของพ่อกับแม่ เชื่อพ่อได้ไหมว่าพ่อกับแม่ไม่ได้อยากโกหก ไม่เคยหวังร้าย ไม่ว่ายังไงพ่อกับแม่ก็รักเรามากที่สุด”

“...”

“มาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหมลูก ให้โอกาสพ่อแก้ตัวได้ไหม ให้พ่อทำหน้าที่ของพ่อที่ดีสักครั้ง”

“...”

ความเงียบเข้าครอบงำ วุฒิศักดิ์พูดในสิ่งที่อยู่ในใจไปหมดแล้ว นี่มันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตที่มีโอกาสพูดกับอีกฝ่ายก็ได้ เขาไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเจ้าตัวจะยอมมาเจอเขาแบบนี้อีกเมื่ิอไหร่

“ตลอดเวลาหลายปี พ่อรู้ไหมว่าอะไรที่ทำให้ผมเจ็บปวด” จู่ๆ คนที่นั่งนิ่งฟังมาตลอดก็เป็นฝ่ายเอ่ยออกมาบ้าง

“...”

“ไม่ใช่ที่แม่มีคนอื่น หรือแม้แต่ตอนที่รู้ว่าพ่อมีน้าวรรณ ผมอาจจะเสียใจไปบ้าง แต่ผมก็คิดว่าผมรับมันได้ ผมไม่ได้ต้องการครอบครัวที่สมบูรณ์แบบหรืออะไร ไม่เคยเลย”

“...”

“ผมแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องโกหกกัน ทำไมถึงไม่พูดความจริง มันเป็นเพราะพ่อกับแม่เห็นผมเป็นตัวตลก ไม่มีค่าหรือไม่สำคัญที่ต้องบอก หรือว่าเพราะผมดูงี่เง่าจนกลัวว่าถ้าบอกความจริงไปแล้วจะรับไม่ได้” ชายหนุ่มเอ่ยระบายสิ่งที่คิด เขาเก็บคำถามนี้มากับตัวเองมานานเหลือเกิน ในที่สุดสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจก็ถูกเผยออกมา

“ต้น..พ่อ..”

“ผมไม่ได้อยากได้คำตอบ” ไม่ทันที่จะได้ตอบชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายว่าต่อ “ต่อจากนี้ผมไม่อยากได้คำตอบอะไรอีกแล้ว” คนเป็นพ่อหน้าชา ความหวังที่มีเพียงน้อยนิดดับลง ในที่สุดคำที่เขากลัวที่สุดก็หลุดออกมาจากลูกชายคนเดียว เจ้าตัวไม่สนอีกแล้วว่าเขาจะพูดว่าอะไร

“ไม่ต้องหาคำตอบอะไรทั้งนั้น ผมไม่สนใจเรื่องในอดีตอีกแล้ว แค่ต่อจากนี้ ผมขอแค่ต่อจากนี้ไป เรามาทำมันให้ดีที่สุดไปด้วยกันได้ไหมครับ” วุฒิศักดิ์ไม่อยากจะเชื่อหู เมื่อแน่ใจว่าไม่ได้ฟังผิด เขาก็โผตัวเข้าไปกอดลูกชายคนเดียวไว้แน่น รู้สึกอยากยกนิ้วขึ้นมาหยิกตัวเองแรงๆ อย่างนึกกลัวว่าตัวเองกำลังอยู่ในฝัน

“ต้น...”

“ผมไม่ใช่เด็กแล้ว ต่อไปพ่อไว้ใจผม เล่าให้ผมฟังทุกอย่างได้ไหม ไม่ปิดบังหรือเลิกโกหกกันซักทีได้ไหม”

“ได้ลูกได้ พ่อขอโทษ กับทุกสิ่งที่ผ่านมา พ่อขอโทษ” เสียงสั่นเครือตอบกลับมาทันที น้ำตาของชายวัยกลางคนร่วงหล่นอย่างสุดกลั้น

“พ่อรักลูก รักลูกเหลือเกิน พ่อขอโทษนะ” เจ้าตัวพูดซ้ำไปซ้ำมาเหมือนอยากให้คำพูดมันฝังแน่นลงไปในใจของคนในอ้อมกอด

ตั้งต้นยกยิ้ม รู้สึกดีใจเหลือเกินที่ตัดสินใจทำแบบนี้ กีพูดถูกจริงๆ การรักกันมันง่ายกว่าการโกรธแค้นเป็นไหนๆ ทำไมเราต้องสร้างทิฐิขึ้นมากั้น ไหนเมื่อความสุขอยู่ใกล้แค่เอื้อมนี่เอง เขายกแขนขึ้นโอบรัดรอบหลังอีกฝ่ายไว้แน่น รู้สึกอุ่นกายอุ่นใจมากที่สุดในรอบหลายปี

“มาเริ่มต้นกันไหมนะครับพ่อ..”

.

.

.

.

แก๊ก

พอตั้งต้นเปิดประตูเข้าไปด้านใน เขาก็เห็นน้าวรรณที่อยู่ในชุดเจ้าสาวนั่งจับมืออยู่กับแฟนของเขาบนเตียงนอน ทั้งที่แต่งหน้าแล้วแต่หน้าตาอีกฝ่ายยังดูซีดเซียวเหมือนคนไม่ค่อยได้นอน จากที่กีเคยเล่าให้ฟัง น้าวรรณยังแพ้ท้องหนักแม้จะตั้งครรภ์มาแล้วหลายเดือน

“คุณต้น..” ทันทีที่เห็นเขา น้าวรรณก็เอ่ยเรียกชื่อออกมา เขายิ้มบางส่งไปให้ ก่อนที่จะเดินไปนั่งลงเคียงข้างกับเจ้าตัว

“คุณต้น..” เหมือนหาคำอื่นไม่ได้ เป็นอีกครั้งที่คนแก่กว่าเอ่ยเรียกชื่อเขา สองตากลมเรื่อไปด้วยน้ำชื้น ปากเม้มแน่นพยายามกลั้นไม่ให้น้ำตารินไหล

“น้าวรรณ..” แค่ได้ยินเขาเรียกชื่อ อีกฝ่ายก็ปล่อยโฮออกมาโผเข้ากอดเขา เขากอดตอบในทันที กอดของน้าวรรณยังอุ่นเหมือนเดิม

มันเหมือนกับวันที่อีกคนมานอนกล่อมเขาในคืนที่เขาเจอฝันร้ายกลางดึก

มันเหมือนกับวันที่อีกคนมากอดแสดงความยินดีเมื่อเขาชนะการแข่งวิ่งครั้งแรก

มันเหมือนกับวันที่เจ้าตัวมาปลอบโยนเด็กชายที่ร้องไห้หนักเพราะเพิ่งเสียสุนัขตัวแรกไป

แล้วมันก็เหมือนกับวันที่เจ้าตัวกอดร้องไห้ พร่ำบอกว่าภูมิใจในตัวเขาแค่ไหนเมื่อเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้

อ้อมกอดยังอุ่นเหมือนเดิม ความอบอุ่นหนึ่งเดียวที่เขามีมาตลอดชีวิต

“คุณต้น..น้าขอโทษ..น้าขอโทษนะคะคุณต้น” คนพูดร้องไห้ไม่หยุด พูดคำเดิมซ้ำไปซ้ำมา

“ผมก็ขอโทษครับน้าวรรณ ขอโทษที่พูดไม่ดี ขอโทษที่ทำตัวไม่น่ารัก น้าวรรณยกโทษให้ต้นนะครับ”

“ไม่เลยค่ะคุณต้น น้าผิดเอง น้าผิดเองทุกอย่าง” อีกคนส่ายหน้า เขาจะถือโทษโกรธคุณต้นของเขาได้อย่างไร

“น้ารักคุณต้นนะคะ เชื่อน้าได้ไหมคะว่าน้าไม่เคยอยากให้คุณต้นเสียใจ” อีกฝ่ายเกาะแขนเขาแน่น เขายกยิ้ม ยกมือขึ้นไปลูบแก้มเช็ดน้ำตาให้

“ร้องไห้แบบนี้ เดี๋ยวก็ต้องแต่งหน้าใหม่หรอกนะครับ” เขาเอ่ยออกไปเสียงเบา

“อะไรที่ผ่านไปแล้ว ก็ให้มันผ่านไป มาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ”

“คุณต้น...”

“น้าวรรณต้องมีความสุขมากๆ กินเยอะๆ ตอนนี้ผอมลงเยอะเลยรู้ไหม เป็นแบบนี้เดี๋ยวส่งผลกระทบกับน้องนะครับ” เขาเอื้อมมือไปแตะท้องที่เริ่มโตแล้วของคนที่ยังสะอึกสะอื้นไม่หยุด

“แล้วให้ต้นตั้งชื่อเล่นของน้องได้ไหมครับ” ทันทีที่พูดจบ คนฟังก็โผเข้ามาในอ้อมอกกว้างอีกครั้ง รัดตัวเข้าแน่นก่อนจะปล่อยโฮออกมาอีกรอบ

“คุณต้น..คุณต้นของน้า จะชื่อจริงหรือชื่อเล่น น้าให้คุณต้นตั้งหมดเลย” ชายหนุ่มหัวเราะออกมา

“เดี๋ยวผมได้ทะเลาะกับพ่ออีกแน่”

“น้าจะเข้าข้างคุณต้นเต็มที่เลย”

“ครับ เราสามคนมารุมพ่อกันให้เต็มที่เลยเนอะ ให้กีอยู่ข้างพ่อไปคนเดียว” พูดไปพร้อมเหล่มองแฟนตัวเองที่ทำหน้ามุ่ยไปนิด ก่อนจะส่งยิ้มหวานกลับมา เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่อีกคนยอมกลับเข้ามาในชีวิตเขา

คนที่ให้ทั้งความรัก ความเข้าใจ คนที่สอนให้รู้จักขอโทษและให้อภัย

คนที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง..ของทุกๆ วัน





.

.

.

.

กีรติหันหน้าออกนอกระเบียงกว้างหน้าห้องจัดงานแต่ง พักสายตาด้วยการเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย จริงๆ เขาออกมาเพราะอยากเลี่ยงสายตาของผู้คนมากมายที่จับจ้องมาทางเขา ยิ่งพ่อของตั้งต้นแนะนำให้ทุกคนรู้จักและบอกฐานะอย่างเปิดเผย เขาก็รู้สึกว่าสายตาทั้งหมดมากองรวมกันที่เขา

“หนีมาอยู่นี่เอง” คนที่หายไปคุยกับแขกในงานนานสองนานมายืนซ้อนหลัง พอเขาหันไปมองก็เห็นชายหนุ่มยกยิ้มส่งมา มือยื่นแก้วน้ำส้มในมือส่งมาให้ เขายิ้มตอบ กล่าวขอบใจเล็กน้อยก่อนที่จะรับแก้วจากมืออีกคน

“เบื่อหรือเปล่า อยากกลับหรือยังครับ” ว่าพร้อมเอามือที่ว่างแล้วขึ้นมาลูบแก้มเขาไปมา เขาส่ายหน้าปฎิเสธทันที

“สัญญากับน้าวรรณแล้วว่าจะอยู่ถ่ายรูปตอนงานเลิก” คนฟังพยักหน้ารับรู้ สอดมือเข้ามารอบเอวเขา วางคางลงบนไหล่ข้างหนึ่งจากด้านหลัง

“กี..”

“หืม..” เขาหันข้างไปมอง ใกล้กันจนตอนนี้ปลายจมูกแทบจะโดนแก้มอีกฝ่ายแล้ว

“ขอบคุณนะครับ..สำหรับทุกอย่าง”

“พอแล้วได้ไหม นอกจากคำขอโทษ คำขอบคุณก็เบื่อแล้วเหมือนกัน” เขาพูดหยอกล้อให้อีกคนกลั้วขำในคอ

“ต้นดีใจจริงๆ ที่วันนั้นเดินไปทักไอ้ดินที่โต๊ะ” เจ้าตัวว่ากล่าวถึงวันที่ดินเพิ่งจะจีบอินใหม่ๆ วันนั้นเขาแค่อยากรู้จักกับคนที่เพื่อนสนิทสนใจเลยเดินเข้าไปหา แต่มันกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความรักเดียวในชีวิตของเขาแทน

“ตอนนั้นใครก็ไม่รู้หวังจะฟันอย่างเดียวเลยนะ” เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซว ตอนแรกเขาเองแอบปิ๊งอีกฝ่ายตั้งแต่เจ้าตัวยังไม่มานั่งที่โต๊ะด้วยซ้ำ แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าอีกคนเป็นพวกหน้าม่อจนถอยแทบไม่ทัน..ก็ไม่ทันจริงๆ นั่นแหละ

“แต่เราก็ยังแปลกใจนะ ทำไมจู่คนที่ไม่ยอมคบใครแบบนายถึงมาขอเราเป็นแฟน เรายังตกใจไม่หาย” เขาว่าต่อ ใจย้อนคิดไปถึงอดีตที่ผ่านมา ถึงสำหรับหลายคนมันอาจจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ยาวนานเท่าไหร่ แต่สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นมันมากมายเสียจนเขาไม่มีวันลืม

“ต้นอาจจะรักกีตั้งแต่ตอนนั้นก็ได้” คนที่นิ่งคิดไปนานเอ่ยออกมาในที่สุด

“ทั้งๆ ที่คิดว่าจะไม่ยอมให้ใครเขามาในหัวใจ แต่ตอนนั้นต้นกลับไม่อยากให้กีไปไหน ต้นแค่ยังไม่รู้ใจตัวเอง”

“ก็เลยตั้งกฎบ้าๆ ขึ้นมาซะงั้น” เขาหัวเราะ อะไรคือมาขอคบเดือนเดียว แล้วเขาก็ยังบ้าจี้เล่นตามอีกคนไปด้วยเสียอีก

“ดีใจนะที่ตอนนั้นกียอมตกลง” ว่าแล้วก็กดปลายจมูกหอมแก้มนุ่มไปหนึ่งครั้ง

“แล้วรอบนี้จะนานแค่ไหนดี?” เขาหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินคำถามของคนร่างบาง

“วันเดียว? เดือนเดียว? ปีเดียว?” อีกคนยังคงหยอกล้อไม่เลิก

“ชีวิตเดียว” เข้าตัวเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจนคนเอาแต่เล่นเงียบกริบ หน้าแดงเรื่อขึ้นมาทันที

“ขอแค่ชีวิตเดียว..กีอยู่กับต้นแบบนี้ได้ไหม”





ไม่ใช่แค่หนึ่งเดือน แต่เขาขอเป็นหนึ่งชีวิต





“ต้นรักกีนะ รักที่สุดเลย”

“อืม...เราก็รักนายเหมือนกัน”









The End

***********

จบแล้วค่า เฮ้อ.. โล่งใจเป็นที่สุด #ต้นคนรักไม่เป็น

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขียนแล้วรู้สึกว่ายังไงชั้นก็เขียนไม่ดีพอ เขียนบรรยายอารมณ์ตัวละครได้ไม่ถึงสิ่งที่ใจอยากให้รี้ดรับรู้ แต่ไม่ว่าจะยากจะง่าย จะแก้เยอะแก้น้อย ในที่สุดก็มาถึงตอนจบในแบบที่เราคิดว่าทำได้ดีที่สุดแล้ว ขอขอบคุณรี้ดทุกคนนะคะ คุณทำให้มีนิยายเรื่องนี้ (ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะเขียนแยก แต่มีคนชอบคู่นี้หลายคน รวมทั้งเราเองด้วย ก็เลยเขียนขึ้นมา) และคุณทำให้เรามีกำลังใจเขียนมาถึงตอนนี้จริงๆ ค่ะ ประเด็นเรื่องพ่อกับแม่ หรือแม้แต่ตัวตั้งต้นหรือตัวกีเอง อาจจะทำให้ใครหลายคนขัดใจไปบ้าง แต่มันคือความตั้งใจของเราจริงๆ นะคะ อาจจะถูกใจหรือไม่ถูกใจยังไงก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

ยังไงฝากติดตามผลงานต่อๆ ไปด้วยเถอะะะ พี่แทนกับน้องหมีก็มีสองตอนแล้ว แต่ขอพักสักแปปแล้วจะมาต่อให้จบเลย ช่วงนี้หมดไฟไปนิดนึง ขอไปเติมไฟแปปปป

ขอบคุณที่แวะมาค่ะ

แล้วเจอกันใหม่นะคะ

ทวิตเตอร์ @maywrite1






















หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:Epilogue:. 10/09/2019 (End)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 10-09-2019 15:41:33
 o18 น้องกีคือความโชคดีของต้นน
ขอบคุณผู้แต่งมากๆเลยค่ะ :katai2-1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:Epilogue:. 10/09/2019 (End)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 10-09-2019 20:30:55
เคลียร์พ่อ แล้วแม่ล่ะ
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:Epilogue:. 10/09/2019 (End)
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 10-09-2019 22:49:52
จบแล้ว สนุกมากครับผม,,,

ขอบคุณนะครับ,,,
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:Epilogue:. 10/09/2019 (End)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-09-2019 23:43:35
ดีที่มีกันและกัน :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:Epilogue:. 10/09/2019 (End)
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 18-09-2019 12:44:55
จบแล้ว  :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. คนเก่า 27/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 27-09-2019 08:57:37
.:บทเรียนพิเศษ:. คนเก่า









“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานของใครคนหนึ่งเรียกให้คนทั้งโต๊ะหันไปมอง ร่างบางที่อยู่ในชุดเกาะอกสีครีมขาวและมินิสเกิร์ตสีแดงส่งยิ้มมาให้ สายตามุ่งตรงไปที่หนุ่มผมยาวประบ่าที่นั่งอยู่ที่โซฟานุ่มด้านในสุด เสียงเชียร์ด้านหลังที่ดังไม่หยุดบวกกับท่าทางเคอะเขินและหน้าที่แดงก่ำของเจ้าตัว ทำให้พอจะเดาได้ว่าคนตรงหน้าโดนเพื่อนในโต๊ะยุมาอีกที

“ขอไลน์ได้ไหมคะ” ทั้งที่ในโต๊ะมีคนเยอะแยะ แต่สายตาที่พุ่งตรงไม่ลังเลไปไหน ทำให้ทุกคนมั่นใจว่าเป้าหมายที่แท้จริงคือใคร ความเงียบครอบคลุมไปชั่วขณะ ก่อนที่สองคนที่ได้สติกลับมาก่อนใครจะระเบิดหัวเราะเสียงดัง

“ฮ่ะๆ ๆ ๆ ๆ ๆ กูไม่ไหวแล้วว่ะทิว” ธารากุมท้องตัวเองแน่น หัวเราะจนตัวโยนซบหน้าลงบนไหล่ข้างหนึ่งของเพื่อนตัวจิ๋ว ก็ตอนนี้คนที่โดนขอเบอร์ขอไลน์มาตลอดทั้งคืน แถมยังมีโจทย์เก่าแวะเวียนมาสร้างสีสันเป็นระยะๆ หน้าเจื่อนเป็นไข่ต้มสุกโดนปอกเปลือกไปแล้ว

“รายที่สามหรือสี่ว่ะวันนี้...อะแฮ่มๆ โทษทีครับพี่ขำเพื่อนพี่น่ะ”

ทิวาที่กำลังหัวร่อไปกับเพื่อนบังเอิญสบสายตากับคนมาใหม่ เห็นเจ้าตัวหน้าเสียไปแล้วก็แอบรู้สึกผิด พูดเฉไฉไปนิด พยายามกลั้นหัวเราะ ทำทีเป็นยกแก้วเหล้าในมือขึ้นมาดื่มต่อปิดบังยิ้มกว้าง

“พวกมึงพอเลยนะ” นัชชาผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มกล่าวเตือน ตาหันไปมองคนที่ยืนหน้าแดงอย่างเห็นใจลูกผู้หญิงด้วยกัน เห็นมือเรียวกำมือถือในมือแน่นเกร็ง กระสับกระส่ายเหมือนคนอยู่ผิดที่ผิดทาง

“ขอโทษนะคะน้อง แต่คือคนนี้เป็...”

“เอามาครับ เดี๋ยวผมเมมให้” นัชชาพูดไม่ทันจบประโยคก็โดนอีกเสียงแทรกขึ้น คนที่นั่งข้างเป้าหมายหลักยืดตัวขึ้นจากโซฟา แบมือขอโทรศัพท์จากอีกคน เจ้าหล่อนลังเลเล็กน้อยก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้คนขออย่างงงๆ

หมับ!

ไม่ทันจะได้รับโทรศัพท์ไปไว้ในมือ เจ้าเครื่องสื่อสารดังกล่าวก็โดนแย่งไปด้วยมือใหญ่ของคนที่สาวเจ้าอยากได้เบอร์ เธอยกยิ้มขึ้นมาทันที ใจชื้นขึ้นกว่าเดิม เพราะตอนแรกนึกว่าจะโดนเจ้าตัวเมินไปเสียแล้ว

“ผมขอโทษนะครับ ผมคงให้ไม่ได้จริงๆ” ชายหนุ่มปฎิเสธออกไปอย่างสุภาพ ยื่นโทรศัพท์ตัวปัญหากลับไปให้เจ้าของ รอยยิ้มที่เพิ่งผุดขึ้นมาของเจ้าตัวจมหายไปในทันที หน้าร้อนชาเมื่อโดนสายตาของคนทั้งโต๊ะจับจ้อง แล้วไหนจะเพื่อนอีกทั้งโต๊ะด้านหลังที่คงรอหัวเราะเยาะถ้าเขาแห้วกลับไป

เธอเม้มปากแน่น ยังไงวันนี้ก็ไม่ยอมกลับไปมือเปล่า เจ้าตัวยื่นโทรศัพท์ออกไปอีกครั้ง

“งั้นขอเบอร์พี่แทนได้ไหมค่ะ” ว่าพร้อมส่งสายตายั่วยวนให้พี่คนเดิมที่เคยบอกให้เอาโทรศัพท์มา เพราะเป็นคนเดียวที่มีท่าทีเหมือนจะสนใจเขา ถึงพี่เขาจะหน้าหวานไปหน่อย เรียกว่าสวยเกินจนผู้หญิงอย่างเขาต้องอาย แต่ในขณะเดียวกันก็ถือว่าหล่อตี๋ตามสมัยนิยม

ทันทีที่เธอพูดจบ เสียงพูดคุยในโต๊ะก็เงียบลง คนในโต๊ะมองหน้ากันเลิกลั่กอย่างทำอะไรไม่ถูก เพราะอย่างไม่รู้ตัว สาวเจ้าเหยียบโดนกับระเบิดเขาแล้วอย่างจัง

ไม่ทันทีที่มือบางจะได้เอื้อมออกมา เจ้าตัวก็โดนรวบเอวสอบด้วยมือหนาเข้าไปในอกของอีกคน ในจังหวะที่กำลังหันไปมองเพราะกำลังตกใจ ก็โดนฉกจูบลงมาอย่างจัง ปากเรียวนุ่มที่มาสัมผัสทั้งรุนแรงและดุดัน ดูดแรงๆ จนเกิดเสียงจ๊วบขึ้นในอากาศหนึ่งครั้งถึงยอมปล่อยออก

“ตั้งต้น!!” คนโดนละลาบละล้วงต่อหน้าคนแปลกหน้าร้องดัง ตีไหล่อีกคนแรงๆ ไปทีอย่างเผลอตัว เจ้าตัวยิ่งตะโกนโวยวายหน้าแดงก่ำเมื่อไอ้เพื่อนเวรในโต๊ะโชว์มือถือส่ายไปมา บอกเป็นในว่าเหตุการณ์เมื่อกี้โดนบันทึกไว้เรียบร้อยแล้ว

“จะเอาเบอร์แฟนผมไปทำไมครับ” คนหน้าหนาไม่สนใจ หันกลับไปยิ้มถามคนที่ยืนอึ้งอ้าปากค้างทำตัวไม่ถูก เขาอุตส่าห์รักษามารยาท ปฎิเสธไปอย่างสุภาพ เจ้าหล่อนดันมายุ่งกับของรักของหวงเขาทำไม จนในที่สุดเพื่อนเจ้าตัวก็รีบวิ่งมาช่วย เอ่ยกล่าวขอโทษเล็กน้อยก่อนจะลากคนที่วิญญาณออกจากร่างกลับไปที่โต๊ะ

“ไม่รู้จักอาย” กีรติค้อน

“รู้จัก แต่ไม่อาย”

“แต่เราอาย!!” คนตัวเล็กโวยวาย ตั้งต้นมองตาพริ้ม ยิ่งโวยวายเขาก็ยิ่งคิดว่าแฟนเขาน่ารัก สอดสองแขนรอบเอวบาง วางคางลงบนบ่าเรียวจากด้านหลัง

“ก็อยากมายุ่งกับแฟนต้นเอง” ทำเสียงเล็กเสียงน้อยแก้ตัวออกไป

“แล้วกีก็เหมือนกัน เลิกแจกเบอร์ต้นได้แล้ว หึงบ้างอะไรบ้าง” คนในอ้อมกอดหัวเราะขึ้นมาทันที

“ถ้าต้องมานั่งหึง ตอนนี้คงบ้าตายไปแล้ว”

ก็คนของเขามันธรรมดาที่ไหน ไม่ใช่แค่คนที่เข้ามาหาแบบนี้หรอกนะ แต่คนที่เจ้าตัวเคยคบเคยนอนด้วยนี่สิ ที่เยอะจนเอานิ้วมือนิ้วเท้ารวมกันแล้วยังนับไม่ไหว แรกๆ เขาก็มีหวั่นไหว ตามโกรธตามหึงตามหวง แต่พอเห็นว่ามันเยอะเหลือเกิน จนเขาเองก็เหนื่อยที่จะเก็บมาคิดให้ทะเลาะกันร่ำไป หลังๆ ก็เลยชิวแบบที่เห็นนี่แหละ

คดีเก่าถือว่าให้แล้วกันไป แต่ถ้ามีคดีใหม่พ่อจะตัดแล้วโยนให้เป็ดกินเสียเลย





“มึง พี่น๊อตเรียกแล้วว่ะ” คนที่กำลังกกกอดแฟนไม่ห่างหันไปมอง เห็นไอ้ดินเพื่อนสนิทเดินส่งเสียงมาจากหลังร้าน พวกเขามาที่นี่กันบ่อยจนรู้จักกับเจ้าของร้านเป็นอย่างดี พี่แกเลยมาขอให้พวกเขามาช่วยขึ้นเล่นในวันที่นักร้องลากระทันหันแบบนี้

“สักที ต้องขึ้นแล้วมึง” บดินทร์ย้ำอีกครั้ง กรอกตามองคนที่มือยังเป็นปลาหมึกไม่ยอมปล่อยอีกคนไปง่ายๆ เขาเองก็เลยถือโอกาสรวบเข้าด้านหลังใครอีกคนที่ยกยิ้มเงยหน้าขึ้นมามองกันอยู่ก่อนแล้ว

“อินอยากฟังเพลงอะไรไหมครับคืนนี้”

“ไม่เอารักมือสองนะ เพื่อนแซวกันหมดแล้วว่าดินเล่นเป็นเพลงเดียว” ร่างสูงย่นจมูกใส่อย่างมั่นเขี้ยว จุ๊บลงที่จมูกนุ่มเบาๆ ก่อนที่จะกระซิบที่กกหูให้อีกคนหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ

“โอเคครับ เดี๋ยวดินค่อยกลับไปร้องให้อินฟังที่ห้องก็ได้เนอะ”





พรึบ!

“ทั้งคู่เลยพวกมึง วันนี้จะได้ขึ้นไหม” เป็นเจ้าของร้านที่ว่าขึ้นเสียงเหนื่อยหน่าย

“ให้ไอ้ดินมาตาม แม่งช้ากว่าเดิมไปอีก” จับคอเสื้อทั้งสองคนดึงขึ้น ลากไปทางเวทีอย่างทุลักทุเล คนทั้งโต๊ะหัวเราะร่วนให้กับท่าทางเด็กน้อยของสองหนุ่มที่เป็นขวัญใจสาวๆ ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเด็กที่แอบมาปีนมะม่วงแล้วโดนเจ้าของบ้านจับได้อย่างไงอย่างงั้น

“คือกูไม่อยากจะเชื่อ ตั้งต้นคือหลงมึงเว่อร์ไอ้กี” เป็นธันที่เอ่ยขึ้น เขาเฝ้ามองสถานการณ์มาทั้งคืน คนที่เคยควงคนไม่ซ้ำหน้าอย่างมัน คืนนี้ไม่ได้ละสายตาไปจากเพื่อนตัวน้อยของเขาเลยสักนิด

“มึงนั่นแหละเว่อร์” กีว่ากลับแก้เขิน

“จริงๆ เรายืนยันได้นะกี คือตั้งแต่รู้จักมันมาเพิ่งเคยเห็นมันเป็นแบบนี้จริงๆ” ทิวาช่วยยืนยัน เข้ารู้จักอีกฝ่ายมาตั้งแต่มอต้น ตั้งแต่อีกฝ่ายเลิกกับลินไป เขาไม่เคยเห็นต้นจริงจังกับใครแบบนี้เลย พูดกันตามตรงเขาว่าจริงจังยิ่งกว่าตอนคบกับลินเสียอีก

“แล้วมึงแม่งทำเป็นเก่ง แจกเบอร์ไอ้ต้นให้คนไปทั่ว ระวังเถอะมึงจะเจอดี” อินทัชกล่าวเตือนเพื่อนบ้าง ไอ้กีทำเป็นมาทำตัวคูลไม่เข้าเรื่อง

“พวกมึงไม่เข้าใจกู” กีรติว่าท่าทางสบายๆ หยิบน้ำส้มที่อีกคนสั่งไว้ให้ขึ้นมาดื่มเพราะเขาเริ่มจะมึนๆ แล้ว

“กูเหนื่อยมึง มึงเข้าใจไหมว่ามันเยอะจนกูเหนื่อย กูหึงกูหวงแล้วจะได้อะไรถ้าคนจะทำมันก็ทำไหม” เขาเริ่มร่ายยาว

“ที่กูทำได้คือไว้ใจ ไว้ใจจนสุดหัวใจกูจริงๆ ถ้ามันบอกว่าไม่ได้ทำกูก็เลือกที่จะเชื่อแบบนั้น มันง่ายกว่ากันเยอะ” เพื่อนในโต๊ะได้แต่พยักหน้าตาม พยายามเข้าใจในความคิดลึกล้ำของอีกคน

“และต้นมันก็รู้ว่ากูเชื่อใจมันแค่ไหน และถ้ามันกล้าที่ทำลายความไว้วางใจนั้น มันเองนั่นล่ะคือคนที่รู้ดีที่สุดว่ากูจะไม่มีทางกลับไปหามันอีก”

เพื่อนๆ ที่นั่งฟังนิ่งสนิท ดูภายนอกเหมือนไอ้เพื่อนตัวน้อยจะเป็นคนยอมอีกฝ่ายเพียงข้างเดียว แต่จริงๆ แล้วคนที่คุมเกมส์นี้อย่างอยู่หมัดคือมันต่างหาก

แปะ แปะ แปะๆ

เป็นนัชชาที่ตบมือเป็นจังหวะช้า ลุกขึ้นจากที่นั่งเหมือนเวลาดูละครเวทีจบ จนคนทั้งโต๊ะทำตาม ตบมือกันเสียงดัง จะมีก็แต่ไอ้อินที่นั่งมุดอยู่ที่เบาะโซฟาเอากระเป๋าบังหน้าอย่างแสนอาย อินทัชหน้าแดงก่ำ พึมพำด่าพวกมันอยู่ในใจ

ไอ้พวกเชี่ยนี่ ทำตัวได้น่าอายเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ เลยนะพวกมึง!





“มึงแม่ง แค่นั่งสวยๆ ไม่ต้องออกแรงสักนิด แต่คืออยู่หมัดจริงๆ ดูไว้อีธัน เอะอะให้บุก เอะอะให้ตบตลอด หัดใช้สมองเสียบ้าง”

“แหม อีแนท ไม่ใช่มึงเลยนะที่มาคอยยุกู” กีรติหัวเราะ นั่งฟังพวกมันด่ากันไปมาไม่หยุดอย่างนึกขัน

“เห้ย อีลูกน้ำ มึงดูนั่น” จู่ๆ ทิวาก็ตะโกนขึ้นให้ทั้งวงเงียบเสียง หันมองตามนิ้วที่ชี้ไปอีกฝั่งของร้าน

“เชี่ย มาได้ไงว่ะ แล้วนี่เห็นต้นหรือยังก็ไม่รู้”

“จะไม่เห็นได้ไง เด่นหร่าขนาดนั้น” ว่าแล้วก็เหลือบไปมองบนเวทีที่อีกคนกำลังนั่งดีดกีต้าร์อยู่ พอย้อนกลับไปมองทางเดิมอีกครั้งก็เห็นว่าคนที่พูดถึงยืนจ้องคนบนเวทีตาไม่กระพริบ

“เห็นชามันบอกอยู่ว่านางพยายามขอนัดคุยกับต้นหลายทีแล้ว” ทิวาเอ่ยขึ้น เขารู้จักกับน้องนิชาดี เจ้าตัวเป็นรุ่นน้องของเขาตั้งแต่สมัยมัธยมและตอนนี้ก็ยังเป็นน้องในมหา’ ลัยอีกจึงได้เจอกันบ่อยๆ

“ยังมีหน้าอีกนะ อย่าบอกว่าจะมาขอคืนดี”

“ใครหรอ” ทั้งสองที่กำลังวิจารณ์กันสนุกปากจนลืมว่ามีอีกคนอยู่ด้วยชะงักลงทันที ทำหน้าเหรอหรา

“แล้วเกี่ยวอะไรกับต้น” เขาแน่ใจว่าเขาได้ยินชื่อของแฟนในบทสนทนา แล้วยังสายตาของเจ้าหล่อนที่จับจ้องแฟนเขา มันไม่ใช่สายตาของคนที่เพิ่งมาปิ๊งนักดนตรีในร้านเหล้าแน่ๆ ทิวายิ้มเจื่อนให้ธาราก่อนจะหันไปมองคนที่ถามคำถาม เจ้าตัวใช้ดวงตากลมโตวาบวับจับจ้องมาที่เขาสองคนด้วยความสงสัยเต็มประดา จนในที่สุดเมื่อทนต่อไปไม่ไหวก็เป็นทิวาที่ตัดสินใจเอ่ยออกมา

“นั่นนะลิน... แฟนเก่าคนเดียวของต้น”

.

.

.

.

.

.

.

.





“ต้น” หลังจากจบการแสดงของคืนนี้ ตั้งต้นก็เดินไปเก็บอุปกรณ์และเครื่องดนตรีหลังร้าน พอกำลังจะเดินกลับไปที่โต๊ะที่เพื่อนและแฟนรออยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกพร้อมสัมผัสเบาๆ มาสะกิดไหล่ให้หันหลังกลับไปมอง

ในชั่วขณะที่สบตาเข้ากับอีกฝ่าย คิ้วเรียวยาวมุ่นเข้าหากัน ตาคมเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจ แต่มันก็เป็นแค่เพียงครู่เดียว เพราะต้องทำมันมาทั้งชีวิต การตีสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงออกซึ่งความรู้สึกใดๆ จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลยสักนิด

“ลิน” เอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่าย เจ้าตัวส่งยิ้มมาให้ รอยยิ้มหวานที่ไม่เคยเปลี่ยน มันเป็นรอยยิ้มที่เขาเคยหลงไหลที่สุด

“ไง ไม่ได้เจอกันนานเลยเนอะ”

เขาเพียงแค่ยิ้มและพยักหน้ากลับไป แว๊บนึงอยากจะใช้คำพูดกระแทกกระทั้นให้อีกคนเจ็บใจเล่น

ใช่ ไม่ได้เจอกันนาน

ก็ตั้งแต่อีกคนทำตัวมั่วไม่เลิก

ก็ตั้งแต่วันที่เขาจับได้ว่าอีกคนมีชู้





ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะเอ่ยมันออกไป แต่สำหรับตอนนี้แค่คิดก็ยุ่งยากเกินไปที่จะทำแล้ว

“ลินมีอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่มีผมขอตัวก่อนนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยออกไปอย่างสุภาพ เขาไม่คิดจะทำร้ายอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว ต่างคนต่างอยู่คือดีที่สุด

พอทำท่าจะหันหลัง หญิงสาวก็รั้งข้อมือเขาไว้ให้ต้องหันไปมองกันอีกที ตั้งต้นมองหน้าเจ้าตัวที่เขาเพิ่งสังเกตว่ามีแววตาเศร้าหมองกว่าที่เคย ก่อนที่จะเลื่อนสายตาไปยังบริเวณที่สัมผัสกันให้อีกคนรีบปล่อยมือออกทันที เจ้าตัวอ้ำอึ้ง เม้มปากแน่นเหมือนคนที่ไม่มั่นใจสุดขีด แต่ในที่สุดก็เอ่ยในสิ่งที่อยากพูดมานานออกมา

“ขอลินคุยด้วยหน่อยได้ไหม”













ปัง!

ประตูรถถูกปิดสนิท รอบข้างเงียบสงัดมีเพียงเสียงของเครื่องยนต์และลมแอร์เบาๆ ในอากาศ ตั้งต้นนั่งนิ่งอยู่ที่ตำแหน่งข้างคนขับ ตาเหม่อมองไปด้านหน้า ปล่อยให้อีกคนที่บอกว่ามีเรื่องอยากคุย ใช้เวลาเตรียมใจอีกนิดโดยไม่ได้คิดจะเร่งรัดอะไร

“ต้น...” คนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับเอ่ยขึ้น เอื้อมมือมากุมมือเขาอีกครั้ง เขาชะงักไปนิด ใจอยากจะดึงมือออกแต่ก็สงวนท่าทีรอดูว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่

“มีอะไรอยากจะคุยกับผมก็ว่ามาเลย”

“ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้คุยกันเลยเนาะ” เธอกล่าวถึงวันที่ชายหนุ่มทิ้งดอกไม้ไว้ที่ห้อง หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้อีกเลย ถึงตอนหลังจะรู้ว่าอีกคนมาตีตัวออกห่างเพราะอะไร แต่ด้วยที่ตอนนั้นยังเด็ก จึงถือทิฐิเหนืออื่นสิ่งอื่นใด ตัดสินใจคบกับต้าร์เพียงเพื่อจะให้ทุกคนรู้ว่า ไม่ใช่ต้นที่ทิ้งเขา เป็นเขาต่างหากที่เป็นคนที่ทิ้งอีกคน

“ลินอยากขอโทษมาตลอด ทั้งๆ ที่ต้นเองต้องเจอเรื่องแย่ๆ หลายอย่างอยู่แล้ว ลินยังทำตัวเองเป็นเรื่องแย่ๆ อีกเรื่องของต้นอีก”

ตั้งต้นไม่ได้ว่าอะไร นั่งมองคนที่น้ำตาคลอหน่วยเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจ

“ถ้ามันจะทำให้ต้นรู้สึกดี ลินอยากให้ต้นรู้ไว้ ว่าสิ่งที่ลินเคยทำกับต้น มันย้อนกลับมาหาลินครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีใครจริงใจกับลินเลยสักคน” ละลินเอ่ยความจริงจากใจ ไม่ใช่ว่าเขาอยากคบกับใครไปทั่ว เขาเองก็อยากเจอรักแท้สักทีเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะลองคบใคร ลองให้ใจใครไป สุดท้ายสิ่งที่ได้กลับมา กลัยบมีเพียงการโดนหักหลัง โดนหลอกลวงไม่มีสิ้นสุด

มันคงเป็นผลกรรมที่เขาเคยทำไว้กับอีกคน





“มันไม่ได้ทำให้ต้นรู้สึกดี” สรรพนามที่คุ้นเคยกลับมาให้อีกคนแอบใจชื้น ในที่สุดชายหนุ่มที่นั่งนิ่งมาตลอดก็พูดขึ้น ในตอนแรกเขายังไม่แน่ใจว่าเขารู้สึกอย่างไรกันแน่ ตลอดหลายปี มีหลายครั้งที่เขาเคยคิดอยากให้คนคนนี้ตกนรกหมกไหม้ อยากให้มีแต่ความทุกข์เหมือนที่เขาเคยเป็น แต่ในเวลานี้ที่เขาได้มาเห็นอีกคนซึมเศร้าจมกับความทุกข์ด้วยสองตา เขาก็รู้แล้วว่าจริงๆ เขารู้สึกอย่างไร

เขารู้แล้วว่าการที่มานั่งประชดหรือการเก็บความรู้สึกโกรธแค้นไว้ในอกมันช่างเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ รังแต่จะสร้างความเจ็บช้ำให้ตัวเขาเองเปล่าๆ

เมื่อได้ลองทำไปแล้วครั้งนึง เขาจึงได้เรียนรู้แล้วว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือการปล่อยวาง กีสอนให้เขารู้จักการให้อภัย

ในโลกนี้ถ้าเขาอภัยให้คนที่ทำให้เขาเจ็บปวดที่สุดอย่างพ่อกับแม่ของเขาได้ ก็ไม่มีใครหรอกที่เขาจะอภัยไม่ได้ แม้จะยังไม่หมดทั้งใจ แต่เขาไม่คิดจะมานั่งแค้นเคืองอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว

“มันอาจจะมีช่วงเวลาที่ต้นยังไม่เข้าใจ ยังโกรธแค้น ยังอยากให้ลินไม่เป็นสุข ยังอยากให้ลินทรมานเหมือนที่ต้นเป็น แต่มันก็ผ่านมาแล้ว ผ่านมานานมากแล้ว” เขาว่าเอามือที่ว่างขึ้นมากุมทับมืออีกฝ่าย

“...”

“ลิน..เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ลินที่ผิดหรอกนะ ลองคิดดูดีๆ ต้นเองก็มีส่วนผิด ตอนนั้นต้นอาจจะเป็นแฟนที่ไม่ดีพอก็ได้ อาจจะเอาแต่ใจจนลินทนไม่ไหว” หญิงสาวส่ายหน้าเร็วๆ เป็นการปฎิเสธ เริ่มมีหยดน้ำใสไหลออกมาจากตากลม

“เราทุกคนทำผิดได้ เราแค่ต้องเรียนรู้จากสิ่งที่เราทำ เก็บมันไว้เป็นบทเรียน เมื่อรู้ว่าผิดก็อย่าทำมันอีก แค่นี้ทุกคนก็พร้อมจะให้อภัยเราแล้วเนอะ” ว่าขึ้นพร้อมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอีกฝ่ายเบาๆ

“ต้นขอโทษในส่วนที่ต้นเคยทำไม่ดี แล้วต้นก็ให้อภัยในส่วนที่ลินเคยทำไว้”

“...”

“เลิกแล้วต่อกันดีกว่าเนอะ”

หลังจากได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ละลินที่เก็บความอ่อนไหวในใจไม่อยู่ร้องไห้โฮโผกอดอีกฝ่ายแน่น เขารู้สึกตัวเบาเหมือนปุยนุ่น ความรู้สึกผิดที่มีมาตลอดหลายปีถูกปลดปล่อยในที่สุด ได้แต่พึมพำทั้งขอโทษและขอบคุณคนตรงหน้าไม่หยุดจนอีกฝ่ายยกยิ้มอย่างนึกเอ็นดู

เขารู้ดี..เวลาที่เราทำผิดแล้วมีคนยกโทษให้..

มันรู้สึกดีแค่ไหน









“ต้นดูใจเย็นขึ้นเยอะเลยเนอะ” เมื่อหยุดร้องไห้อีกคนก็ว่าขึ้นในขณะที่ตามองดูคนที่ยังนั่งนิ่งอย่างพิจารณา ใจย้อนนึกถึงสมัยตอนที่คบกัน คนตรงหน้าเคยเป็นคนใจร้อน เอาแต่ใจ แล้วไหนจะความมั่นใจที่แสนมากล้น จนทำให้คนที่เป็นแฟนอย่างเขารู้สึกด้อยค่าเวลาอยู่ใกล้ ถึงแม้ในตอนนั้นต้นจะรักเขามากเท่าไหร่ แต่เพราะในทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน ตัวตนของอีกคนมันทำให้เขารู้สึกด้อยค่าลงทุกที เขาถึงเคยรู้สึกอึดอัดมาตลอด

“เพราะแฟนต้นน่ะ” ตั้งต้นกล่าวขึ้นเรียบๆ พร้อมรอยยิ้ม ตามองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย สมองคิดถึงใครอีกคนที่อยู่ในใจเสมอ

“ที่ทำให้ต้นรู้จักการปล่อยวาง ทำให้ต้นรู้จักการให้อภัย คนที่ทำให้ต้นเลือกที่จะเก็บแต่ความสุขไว้กับตัว ทั้งหมดก็เป็นเพราะแฟนต้นทั้งนั้น”

ละลินรอบมองคนที่พร่ำเพ้อถึงใครอีกคน ใจแอบรู้สึกเสียดายขึ้นมาอย่างจับใจที่เขาทำอะไรโง่ๆ ในวันนั้น

“ดีจังเลยเนอะ” พูดขึ้นให้อีกคนหันกลับมาสบตากัน ขมวดคิ้วเข้าหากันเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด

“แฟนต้นเขาโชคดีเนอะ ที่มีคนรักเขาได้มากขนาดนี้”

ตั้งต้นยกยิ้ม ใจยังคิดถึงคนที่โดนพาดพิงในบทสนทนา

“ต้นต่างหากล่ะที่โชคดี”

การที่ได้เจอ มีโอกาสได้รักและรับรักจากคนๆ นี้

มันเป็นเขาต่างหากล่ะที่โชคดี...

.

.

.

.

.

.

.

.

.

ทันทีที่ตั้งต้นปิดประตูรถของลินก็เคลื่อนตัวออกไป เขาชะงักเมื่อสายตาไปปะทะเข้ากับใครอีกคนที่ยืนกอดอกพิงรถที่จอดอยู่ถัดไปอีกสองคัน สายตาเรียบนิ่งกับใบหน้าที่เฉยชาของอีกคน ทำให้เขาเสียวสันหลังวาบ ร่างสูงหลับตาลงพร้อมถอนหายใจหนักเมื่อกียืดตัวตรงพร้อมกับเดินเข้ามาหา

หายมาอยู่ในรถกันสองคนแบบนี้ จะให้เข้าใจว่ายังไงได้..

“กีคือ..”

“เสร็จธุระแล้วใช่ไหม” ไม่ทันจะได้พูดอะไรร่างเล็กก็เอ่ยถามแทรกมาก่อน มือบางเอื้อมมาจับมือเขาไว้ นิ้วเรียวสอดประสาน เขาที่ยังอึ้งตะลึงทำได้มองการกระทำดังกล่าวอย่างไม่รู้จะพูดอะไร สถานการณ์มันชวนให้เข้าใจผิด เขาไม่ได้คิดจะปิดบัง แต่เรื่องของเขากับลินมันซับซ้อนจนไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าจากตรงไหนดีต่างหาก

“งั้นเข้าไปข้างในกันเนอะ” เจ้าตัวเอ่ยพร้อมยกยิ้ม ก่อนที่ค่อยๆ ดึงมือเขาเดินนำไปก่อน เขาใช้มือที่ประสานกันอยู่ดึงรั้งอีกคนไว้เบาๆ

“กีครับ..กีกำลังเข้าใจต้นผิดนะ” เมื่อว่าอย่างนั้นอีกฝ่ายก็หันมา มือที่เคยแนบชิดผละออกจากกัน

“คนนี้แฟนเก่าต้นไม่ใช่หรอ” ร่างเล็กว่าให้เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่

กีรู้..

ตั้งต้นพยักหน้ายอมรับ

“อ้าว..แล้วเราเข้าใจผิดอะไรล่ะ” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นกอดอกรอคำตอบ จนคนที่มีชนักติดหลังเยอะแยะจนกลัวไปก่อนอย่างเขาต้องรีบอธิบายแทบไม่ทัน

“วันนี้คือต้นบังเอิญเจอกับลินข้างใน เขาชวนต้นออกมาคุยกันที่รถเพราะอยากเคลียร์ คือเรื่องของต้นกับลินเราจบกันไม่ค่อยดี และมันก็ค้างคามาหลายปีแล้ว เมื่อก่อนเป็นต้นเองที่ไม่อยากเจอ ไม่อยากเคลียร์กับเขา”

“...”

“แต่ตอนนี้ ต้นอยากให้กีเชื่อต้นนะ ว่าสำหรับต้น เรื่องของลินไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว ต้นเลยอยากมาคุยให้มันจบ จะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างอีกต่อไป”

คนตัวเล็กยืนฟังคำอธิบายยืดยาวของเขาตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ได้พูดอะไร พอเขาเงียบลงเราทั้งสองก็ได้แต่มองหน้ากันไปมา จนในที่สุดเป็นร่างบางที่เอ่ยออกมา

“แล้วตอนนี้คือจบแล้วใช่ไหม” เขาพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว

“ครับ จบแล้วจริงๆ” ไม่ว่าจะด้านดีหรือร้าย เขาไม่มีความรู้สึกใดๆ ให้อีกคนแล้วสักนิด

“งั้นก็ดีแล้ว”

“...”

“แล้วตกลงเราเข้าใจผิดอะไร”

“...”

“...”

“กี...คือต้นมาคุยกับลินที่รถ..ต้น..” ต้นพยายามอธิบายจนลิ้นพันกันไปหมด

“ก็ไหนบอกไม่มีอะไร”

“ไม่มีอะไรจริงๆ” ตั้งต้นรีบยืนยันอีกครั้ง

ตาประสานกัน ทั้งสองจ้องกันอย่างยั่งเชิง จนในที่สุดร่างบางก็เป็นฝ่ายปล่อยสองมือออกจากอก

“งั้น..เราก็เข้าใจถูกแล้วนี่” ว่าแล้วก็ยื่นแขนหนึ่งข้างมาหาเขา

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราขอพาแฟนเรากลับเข้าข้างในได้หรือยัง”

“กี...”

“รู้หรอกน่าว่าไม่มีอะไร แต่วันหลังจะทำอะไรก็บอกกันก่อน ไอ้เรื่องชวนให้เข้าใจผิดนี่เก่งเกินใครจริงๆ นะคุณ”

“ขอโ..”

“พอเลยนะ ไม่ต้องมาขอโทษเลย ทำอะไรคิดหน้าคิดหลังดีๆ ได้ไหม คิดถึงใจเราให้เยอะๆ หน่อยสิคุณตั้งต้น” คนตัวเล็กที่เดินนำอยู่เริ่มโวยวายออกมา ตั้งแต่ลานจอดรถถึงหน้าร้านก็ยังพูดไม่หยุด ตั้งต้นได้แต่จับจ้องใบหน้าของคนที่เชื่อใจเขาเก่งเกินใคร ยกยิ้มให้กับความน่ารักของเจ้าตัวที่นับวันจะน่ารักขึ้นกว่าเดิม

ถ้าเจอแม่กับป๊าอีกครั้งจะต้องถามให้ได้

ตอนเด็กๆ ให้กินอะไรกันนะ

ทำไมถึงโตมาเป็นคนแบบนี้ ทำไมถึงได้น่ารักน่าฟัดได้ขนาดนี้





“ยิ้มอะไรน่ะ คืนนี้นอนพื้นไปเลยนะ”

“ไม่เอา” เขาว่า “เดี๋ยวกีเจ็บหลัง”

“นายนอนพื้น เราจะเจ็บหลังได้ไง”

“ต้นนอนคนเดียวได้ซะที่ไหน ไม่ได้นอนกอดกี ต้นนอนไม่หลับหรอกนะ”

“...” ใครอีกคนทำได้แต่พยายามทำหน้างอ แต่หน้าที่ขึ้นสีแดงก่ำทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายพยายามกั้นยิ้มสุดกำลัง

“นะกีนะ ขอต้นนอนด้วยนะ”

“พอเลยนะ วันนี้จะกลับไปนอนกับพี่จี”

“วันนี้พี่จีไม่อยู่สักหน่อย”

“...”

“ไม่ต้องคิดจะไปนอนกับอินเลยนะ สงสารดินมัน”

“...” รู้ทันตลอด

“นอนด้วยกันนี่แหละ ดีที่สุดแล้วเนอะ”

“เออๆ นายนี่ เดี๋ยวนี้พูดมากจริงๆ เลยนะ” เขาหัวเราะ ทำเป็นบ่นนั่นบ่นนี้ ยังไงก็ยอมใจอ่อนให้เขาอยู่ดี

บางทีเขาก็รู้สึกอิจฉาตัวเอง...





แฟนเขานี่...มันดีที่หนึ่งจริงๆ





















********

เอาตอนพิเศษมาเสิร์ฟค่ะ ตั้งต้นคนหลงแฟน 555 คือตอนที่จบไปยังมีหลายประเด็นที่ยังไม่ได้ขมวดปม จะค่อยๆ ทยอยมาเรื่อยๆ เนอะ มารอลุ้นไปด้วยกันนะคะ รวมตอนนี้ด้วยจะมีตอนพิเศษทั้งหมดสี่ตอนค่ะ :)

#ต้นคนรักไม่เป็น


หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. คนเก่า 27/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 27-09-2019 12:39:34
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. คนเก่า 27/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 27-09-2019 13:26:14
กีน่ารักเสมอ
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. คนเก่า 27/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: airjang ที่ 28-09-2019 17:08:52
ตามมาจาก 2nd hand love รักมือสอง ไม่ผิดหวังเลย

สมกับชื่อ ..บทเรียน..

น้อยคนที่จะเดินแข็งจากก้าวแรก ล้วนต้องเริ่มจาก ก้าวหนึ่ง สอง สาม ...

ถ้าใครโชคดีก็ยอมให้ความผิดพลาด ความคิดน้อย สอนเรา พยุงเรา

ให้อภัย ให้โอกาสคนอื่นก็คือให้โอกาสตัวเองเหมือนกัน


Maywrite จำชื่อนี้ไว้แล้ว
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. คนเก่า 27/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 28-09-2019 23:18:17
กีเป็นคนมีเหตุผลมากครับ,,,
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. คนเก่า 27/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 29-09-2019 00:56:16
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. คนเก่า 27/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 29-09-2019 13:37:42
กีน่ารักแล้วก็น่าฟัดด้วยเนอะต้น :-[
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. คนเก่า 27/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 30-09-2019 19:17:48
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. คนเก่า 27/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 04-10-2019 21:36:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. คนเก่า 27/09/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 05-11-2019 21:55:50
ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายนะคะ
ชอบน้องกี น้องน่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. เพลงโปรดของแม่ 09/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 09-11-2019 19:01:00
ดีใจได้เจอโมเม้นท์ภูผา
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. เพลงโปรดของแม่ 09/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 21-11-2019 02:23:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. วันตามใจ 30/11/2019
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 01-12-2019 14:49:27
น่ารักกันจริงๆนะครับ,,,
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. แฟนชีวิตเดียว 04/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 06-12-2019 15:40:55
ขอบคุณคุณนักเขียนนะคะ สำหรับนิยายเรื่องนี้
เราอิจฉาต้นนะ ที่กียอมให้อภัยตลอดเลย
เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนนะคะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. แฟนชีวิตเดียว 04/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 06-12-2019 17:27:40
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. แฟนชีวิตเดียว 04/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 15-12-2019 21:09:30
น่ารักดีค่ะเรื่องนี้
ชอบกีน่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. แฟนชีวิตเดียว 04/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 19-12-2019 00:28:28
ทรหดมากคู่นี้ ฝ่าฟันกันมาหนักหน่วง สนุกมากกกช่วงกลางเรื่องร้องไห้กับกีหนักมากเอ็นดูทุกๆคน แต่ละคนก็มีชีวิตของตัวเองที่ผิดบ้างถูกบ้างแต่สุดท้ายก็ทำไปเพราะความรัก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: แฟนเดือนเดียว / A Month Boyfriend - .:บทเรียนพิเศษ:. แฟนชีวิตเดียว 04/12/2019
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 21:06:26
 :pig4: