** Hold Back The River ชื่อเก่า 'เนรมิต'
_________________________________________________________
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
------------------------------------------------
ใช่! คุณมันบ้าจริงๆ ไคลน์!! แอชเชอร์คิดเมื่อเย็นวันถัดมาตอนที่เขากำลังเดินผ่านเส้นทางที่กลายเป็นเส้นทางประจำไปแล้วสำหรับลานกว้างนี่ และนั่น! ไคลน์อยู่ตรงนั้น เขายืนร้องเพลงเดิมๆ กับท่าทางแข็งกระด้างบื้อๆ และหน้าหนวดโง่ๆ นั่น! แอชเชอร์ไม่รู้ว่าเขาโกรธอะไรชายตรงหน้านักหนา เพราะที่จริงแล้วไคลน์ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยด้วยซ้ำ มีแต่เขาเองนั่นแหละที่เป็นบ้าอยู่ฝ่ายเดียวกับคนแปลกหน้าที่รู้จักกันยังไม่ครบสองชั่วโมง!
“ไง” และคนที่กระวนกระวายไปต่างๆ นานาอย่างเขากลับทำได้เพียงทักทายโง่ๆ แบบนี้
“ไง” ไคลน์ร้องเพลงจบพอดี
“ไม่เจอกันนานนะ คุณหายไปไหนมาเหรอ” หนุ่มตาฟ้าเริ่มรู้ตัวว่าเขาเริ่มจุ้นจ้านอีกแล้ว แต่เขาหยุดตัวเองไม่ได้
“หางานทำน่ะ” ไคลน์ตอบเรียบๆ
“แล้วได้ไหม?” แอชเชอร์อยากตบปากตัวเอง
“ถ้าได้คงไม่มาร้องเพลงอยู่แบบนี้”
“นั่นสิ ถ้าได้คุณคงไม่โผล่ๆ หายๆ แบบนี้ คุณคง..หายไปตลอดกาล”
“เป็นอะไร” ไคลน์จับน้ำเสียงประชดเล็กๆ นั่นได้ ร่างสูงถามอย่างไม่เข้าใจ
“เปล่า ผมแค่...ผมต้องรีบกลับ บาย” ร่างโปร่งรีบเดินออกมา เข้าอยากจะเดินเอาหัวชนกำแพงชะมัดเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังหวังให้อีกฝ่ายร้องเรียกเอาไว้ ใครมันจะไปทำแบบนั้นกันฟะ!?
วันนี้เป็นอีกวันที่เขาใช้ทางเดิมกลับบ้าน นั่นคือเดินผ่ากลางลานกว้าง และเป็นอีกวันที่ไคลน์ยืนร้องเพลงให้คนเดินผ่านหน้าไปเล่นๆ เช่นเคย แอชเชอร์ไม่เข้าใจว่าเจ้าตัวจะมัวมาร้องเพลงทำไม ทั้งๆ ที่ไม่มีใครสนใจเขาเลยสักนิดเดียว นี่เป็นเป็นสิ่งที่เข้าอยากถามร่างสูง แต่เขาไม่ถามหรอก คนผมทองจึงเดินผ่านคนผมน้ำตาลไปเฉยๆ โดยไม่ทักทายเหมือนเคย แอชเชอร์ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องกลั้นหายใจทำไม บางทีเข้าอาจจะป่วยหรือเป็นอะไรสักอย่าง เขาคิดว่าเขาควรจะหาเวลาว่างไปหาหมอบ้างเผื่อจะได้ตะ...
“เฮ้ นายน่ะ” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหลัง ทำเอาขายาวหยุดชะงัก พยามถามตัวเองว่าเขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม
“ไม่คิดจะทักทายกันบ้างหรือไง วันนี้ฉันได้งานและเงินมานิดหน่อย จะพาไปเลี้ยงมื้อเย็นไปหรือเปล่า?” เขาคงฝันไปแน่ๆ... ไคลน์พูดอะไรยาวๆ กับเขาแถมจะพาไปดินเนอร์อีก!!!
“ผมหูฝาดไปหรือเปล่า” ร่างโปร่งทำหน้าไม่เชื่อ
“นั่นสิ นายคงหูฝาดไปจริงๆ นั่นแหละ” ไคลน์พูดประชดก่อนจะถอดกีตาร์ออกแล้วเก็บมันเข้ากระเป๋า
“โว้ว จริงเหรอเนี่ยที่คุณจะเลี้ยงผม!” และแล้วเจ้าหัวทองก็หางชี้จนได้ ไคลน์คิดว่าเขาพอจะเข้าใจนิสัยโกลเดนของหมอนี่ขึ้นมาบ้างแล้ว
“แต่มีข้อแม้นะ เงินฉันมีไม่มาก อย่ากินอะไรที่มันแพงไปกว่านั้น”
“แหงสิ ไม่งั้นผมก็ต้องออกเพิ่ม ซึ่งไม่เอาหรอก” แอชเชอร์ย้มแป้น ร่างโปร่งคิดว่ามันเป็นทางที่ดีที่จะได้สนิท (?) กับไคลน์มากขึ้นไปอีก
ชายหนุ่มสองคนนั่งรอรายการอาหารที่สั่งไปภายในร้านอาหารธรรมดาๆ แห่งหนึ่ง สักพักอาหารหน้าตาน่าทานสองอย่างสำหรับสองคนก็มาเสิร์ฟ เป็นอาหารบ้านๆ ที่หาทานได้ตามร้านอาหารทั่วไป แต่ไม่รู้ทำไม แอชเชอร์จึงรู้สึกได้ว่ามันเป็นมื้ออาหารที่พิเศษกว่าทุกครั้ง ไคลน์สังเกตได้ว่าคนตรงหน้าดูร่าเริงเป็นพิเศษสำหรับอาหารมื้อประหยัดของเขา ร่างสูงจึงยิ้มนิดๆ ตอนที่อีกคนกำลังม้วนเส้นพาสต้าด้วยซ้อม แน่นอนว่าแอชเชอร์ไม่มีทางเห็น
“อายุเท่าไหร่” ร่างสูงภามออกมาเรียบๆ แอชเชอร์ชะงัง
“ยี่สิบเจ็ด คุณล่ะ” เมื่อได้ยินดังนั้น ไคลน์จึงเงียบไปสักพักก่อนตอบ
“ยี่สิบห้า”
“โอ้พระเจ้า...มัน...แบบว่า เอ่อ...” คนตาฟ้าไม่กล้าบอกเลยว่าตอนแรกนึกว่าไคลน์น่าจะอายุสามสิบขึ้นไป
“พูดจริง ฉันยังไม่แก่สักหน่อย”
“ใช่ๆ คงเพราะเคราของคุณแน่ๆ” แอชเชอร์ออกความเห็น
“นายมีปัญหาอะไรกับเคราของฉันไม่ทราบ”
“อันที่จริงเพราะว่าคุณชอบทำหน้าเข้มด้วย ยัดยิ้มกว้างๆ บ้างสิ”
“ยุ่งไม่เข้าเรื่องน่า”
เมื่อโดนว่า ร่างโปร่งก็ไม่สนใจไคลน์อีกต่อไป แล้วจึงหันมาจัดการกับอาหารแสนอร่อยตรงหน้าต่อ ไคลน์ลอบมองคนตาฟ้าอยู่เรื่อยๆ ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องแอบมองตอนอีกคนเผลอแบบนี้ หรือพูดเอ่ยชวนอีกคนมาดินเนอร์ด้วยกัน พูดกันตามจริงแล้วเขา 'ไม่ควร' ที่จะ...เริ่มทำอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำ ยิ่งกับแอชเชอร์ ชายหนุ่มที่จริงใจและร่าเริงคนนี้ เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าต่อจากนี้ไปเขากับอีกคนจะเป็นอย่างไร เพราะอีกไม่นานเขา...
“ไคลน์ ทำไมคุณไม่กินสักทีล่ะ” เสียงนั้นทำให้ไคลน์หลุดออกจากภวังค์ ร่างสูงไม่ได้ตอบอะไรอีกคน แล้วจึงเริ่มลงมือกินของตัวเองบ้าง
“ขอบคุณมากสำหรับอาหารมื้อนี้ มันเยี่ยมยอดจริงๆ” ร่างโปร่งของแอชเชอร์เอ่ยออกมาหลังจากเห็นไคลน์เดินออกมาจากร้านหลังจากที่ร่างสูงเดินกลับเข้าไปใหม่เพราะลืมอะไรสักอย่าง ไคลน์พยักหน้ารับคำขอบคุณก่อนจะยืนถุงกระดาษสีน้ำตาลมาตรงหน้า
“อะไรน่ะ” แอชเชอร์รับงงๆ
“ของแม่นาย ซุปสมุนไพร ฉันเห็นว่ามันเป็นเป็นเมนูพิเศษที่ร้านจะทำเป็นบางโอกาส และนายโชคดีที่มาวันนี้” ถึงคำตอบจะฟังดูทะแม่งๆ ไปนิด แต่แท้จริงแล้วไม่ว่าจะมาวันนี้หรือวันไหน เขาก็อยากจะมีอาหารสำหรับคุณนายฮาเกนฝากติดไม้ติดมือไปกับลูกชายของเธออยู่ดี ไคลน์ตั้งใจแบบนั้นตั้งแต่แรก
“คุณ...” แอชเชอร์พูดไม่ออก เขาไม่รู้จะขอบคุณคนตรงหน้ายังไงดี เขาซึ้งใจหรือเกินสำหรับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ไคลน์ทำให้
“ผมไม่รับฝาก คุณต้องเอาไปให้เธอเอง” ร่างสูงขมวดคิ้ว
“ทำไมล่ะ บ้านฉันอยู่คนละทางกับนายนะ ลืมแล้วหรือไง”
“ไม่รู้สิ ผมสังหรณ์ไม่ดีเลย รู้สึกว่าจะไม่ได้เจอคุณอีก” แอชเชอร์พูดตามตรง
“...”
“รู้ไหม คุณน่ะเป็นพ่อมดที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ถึงจะทำตามคำขอผมได้จริงแต่มันนานชะมัด ตั้งอาทิตย์กว่าเชียวนะ! แล้วต่อไปคุณก็จะหายไปอีกกี่อาทิตย์ก็ไม่รู้ คุณบอกว่าคุณได้งานแล้วนี่” แอชเชอร์หัวเราะน้อยๆ ทั้งๆ ที่จริงไม่ได้อยากเลยสักนิด
“...” ร่างโปร่งหวังที่จะได้ยินไคลน์เอ่ยบอกเกี่ยวกับงานของเขา อธิบาย หรือบอกทาง ทำอะไรสักอย่างที่มั่นใจได้ว่าเขาจะได้เจอคนตรงหน้าอีก ซึ่งแน่นอนว่าเจาก็ผิดหวังตามเคย ไคลน์ได้แต่เงียบ
แอชเชอร์รู้ดี เขาไม่มีสิทธิ์ขนาดนั้น ไม่มีสิทธิ์รับรู้อะไรมากไปกว่าประโยค 'เรียกผมว่าไคลน์, จากเบลซ' นั่นหรอก
“เพราะฉะนั้น ขออะไรหน่อยสิคุณพ่อมด”
“..อะไร”
“ช่วยไปส่งผมที่บ้านที”
ตลอดเวลาตั้งแต่ในรถไฟฟ้าจนกระทั่งหน้าอพาร์ตเม้นที่หมาย ชายหนุ่มสองคนไม่ได้เอ่ยปากคุยอะไรกันอีกเลย ต่างคนก็ต่างเงียบจมอยู่กับโลกของตัวเองที่อีกฝ่ายไม่สามารถรับรู้หรือสัมผัสถึงมันได้ มันคือความทรมารเล็กๆ ที่กัดกินใจของแอชเชอร์ ยิ่งเมื่อมาถึง เขายิ่งรู้สึกว่าระยะเวลาสั้นๆ ระหว่างเขากับคนข้างๆ ใกล้จะจบลงเต็มที...
อีกนิดก็จะจบ เขาก็จะต้องกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม เหมือนที่ผ่านมา...ที่ไม่มีชายหนุ่มที่ชื่อ 'ไคลน์'
มันสั้นก็จริง แต่แอชเชอร์ก็รู้สึกดีกับมันมาก แต่กลับอีกคนล่ะ?
“นั่นกระดาษอะไร” ไคลน์ชี้ไปที่กระดาษที่เสียบอยู่กับพื้นใต้ประตูเมื่อพวกเข้าขึ้นลิฟต์และเดินมาถึงหน้าห้องเรียบร้อยแล้ว ร่างโปร่งจึงก้มไปหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน
'แอชชี่ลูกรัก, ป้าเจนกลับจากอังกฤษแล้วและชวนแม่ไปค้างกับเธอ
ฉะนั้นแม่จะกลับพรุ่งนี้สายๆ แม่โทรฯ หาเราไม่ติดจึงไม่ได้บอกก่อน
ปล. แม่เตรียมยาไปด้วยแล้วนะ ไม่ต้องห่วง รักลูก'
แอชเชอร์จึงนึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์เขาแบตฯ หมดไปตั้งแต่เที่ยงแถมยังลืมเอาสายชาร์ตไปอีกต่างหาก
“คุณพลาดแล้วล่ะ วันนี้เธอไม่อยู่” ร่างโปร่งยิ้มน้อยๆ บอกอีกคน
“น่าเสียดาย” ไคลน์เอ่ย
“อืม เข้ามาก่อนสิ” ร่างโปร่งผมทองเดินเข้ามาภายให้ห้องตามมาด้วยร่างสูงของแขกผู้มาเยือน จัดการเปิดไฟ เปิดทีวีให้แขกทำตัวตามสบายได้เต็มที่ ก่อนจะขอตัวเอาอาหารไปเก็บ ไคลน์เดินสำรวจรอบๆ ห้อง ที่ฟังจากปากเจ้าตัวตอนแรกเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นอย่างไร ไอ้ที่ว่าสภาพไม่สมราคา พอมาเห็นของจริงก็เห็นด้วยไม่น้อย แต่เพราะการจัดตกแต่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสะอาดสะอ้านของห้องแห่งนี้จึงทำให้มันดูไม่ได้แย่เหมือนในจิตนการตอนแรกของเขานัก เดินไปเจอกรอบรูปหลายอันที่ล้วนแต่มีภาพของสองแม่ลูกในช่วงเวลาต่างๆ แล้วก็อดยิ้มขำไม่ได้เมื่อมองดูเจ้าหัวทองวัยเด็กทำหน้าตาทะเล้นใส่กล้องอยู่แบบนั้น แม่ของแอชเชอร์เองก็สวยไม่หยอก ไม่แปลกใจเลยว่าหน้าตาดูดีแบบนี้ได้มาจากใคร
“เฮ้ย! มองอยู่ได้ อายนะเนี่ย” แอชเชอร์เดินมาโวยวายใส่เขา ไคลน์จึงหัวเราะ และนั่นทำให้ร่างโปร่งตาโต
“หัวเราะเสียงดังครั้งแรกนี่! ถือว่ามีพัฒนาการนะคุณ” ไคลน์ส่ายหน้าหน่ายๆ ใส่
“อะไรกัน ยิ้มบ่อยๆ หัวเราะบ่อยๆ ไม่ดีหรือยังไง มันจะทำให้หน้าคุณดูเด็กลงนะรู้เปล่า? เอ้ายิ้มมม” แอชเชอร์ถือวิสาสะใช้สองมือจับแก้มร้างสูงให้ยืดออกเป็นรอยยิ้ม แต่โดนไคลน์ปัดมือออกไป
“มันเจ็บน่า เอาออกไป” ไคลน์นวดแก้มที่โดนจับดึงเบาๆ ที่เขาเจ็บก็เพราะมือแอชเชอร์ดันดึงหนวดเขายืดไปด้วยต่างหาก
“ก็เพราะหนวดเคราของคุณนั่นแหละ”
“รู้สึกนายจะมีปัญหากับเคราของฉันมาก”
“แน่ล่ะ ก็มันจะทำให้คุณดูเหมือนพระเยซูคริสต์แทนที่จะเป็นผู้ชายอายุยี่สิบห้าไง”
“ขอถามอีกครั้งนะ มันเกี่ยวกับนายตรงไหนไม่ทราบ” ไคลน์เริ่มหัวเสีย
“มันไม่เกี่ยวกับผมหรอก แต่ผมบอกด้วยความหวังดี หรือที่คุณยังไม่ได้งานสักทีก็เพราะเครา กับผมยุ่งๆ ของคุณนั่นแหละ หัดทำตัวให้มันสมอายุซะบ้างสิ!” แอชเชอร์เองก็เริ่มขึ้นเสียงเช่นกัน รู้ดีว่าตัวเองยุ่งไม่เข้าเรื่อง แต่เขาหวังดีจริงๆ นี่นา ใครจะอยากให้คนที่ตัวเองชอบดูไม่ดีกันล่ะ เอ๊ะ...
เมื่อกี้เขาคิดว่าอะไรนะ...?
“ฉันจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉัน! กับคนที่เพิ่งรู้จักฉันอย่างนายอย่ามาสอดรู้ไปหน่อยเลย!!” ในที่สุดไคลน์ก็ฉุนขาด เขาเผลอตะโกนใส่หน้าอีกคนไปเสียงดัง แอชเชอร์มองเขานิ่ง สายตาคู่นั้นดูสั่นไหวละคนผิดหวัง ไคลน์จึงคิดได้ว่าเขาไม่ควรพูดจาแบบนี้กับคนตรงหน้า
“..โอเค ผมยอมแล้ว ขอโทษที่ผมสอดไม่เข้าเรื่อง” แอชเชอร์พูดเสียงเบา เขาไม่ยอมมองหน้าไคลน์อีกเลย ยอมรับว่าน้อยใจ ในที่สุดไคลน์ก็พูดมันออกมา สถานะอันต่ำต้อยของเขา และมันคือเรื่องจริง
“แอช..”
“บางทีคุณควรจะไปได้แล้ว ไม่อยากไล่นะแต่..พรุ่งนี้คุณมีงานต้องทำใช่ไหมล่ะ นั่นแหละ ถ้าช้าอีกนิด..” คำพูดของร่างโปร่งกลืนหายกลับเข้าไปในลำคอเมื่อมือแกร่งดึงร่างเขาเข้าไปกอด...ใช่แล้ว! เข้าถูกไคลน์กอด!!! แอชเชอร์ได้แค่กระพริบตาปริบๆ ทำให้แขนทั้งสองยิ่งรัดร่างของเขาให้แนบแน่นเข้าไปอีก รู้สึกได้ถึงแรงสั่นไหวจากหัวใจของอีกคน และนั่นทำให้หน้าของเขาร้อนผ่าว
“โอ้..นี่คุณ..” แอชเชอร์ทำท่าจะพูดอไรสักอย่าง แต่กลับถูกไคลน์ห้ามไว้
“ชู่ววว.. ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น...ขอโทษ” ฝันแน่ๆ นายต้องฝันอยู่แน่ๆ แอชเชอร์!!! มะ..หมอนี่ กำลัง..กอดเขาและขอโทษ... โอ้พระเจ้า
“...” แบบว่า..พูดไม่ออก
“ถ้าเคราฉันมันกวนใจนายมากนักก็จัดการให้หน่อยสิ” ไคลน์กระซิบข้างหู แอชเชอร์ตาโต
“หาาาาาาา?”
โปรดจินตการภาพชายหนุ่มตัวไม่ใช่น้อยๆ สองคนยืนเบียดเสียดกันในห้องน้ำแคบๆ คนหนึ่งมือนึงถือมีดโกนหนวด อีกมือถือครีมโกนหนวด และผู้ชายตัวสูงกว่าอีกคนกำลังทำหน้าอยากตายสุดขีด นั่นแหละพวกเขาล่ะ.. แต่เอ๊ะ? ใครบอกให้เขาจัดการให้กัน!!
“ขอร้องล่ะ เลิกทำหน้าแบบนั้นสักที นี่แค่โกนหนวดเองนะไม่ใช่บวชชีพราหมณ์” แอชเชอร์ส่ายหน้าเหนื่อยๆ ให้อีกคน
“ให้มันน้อยๆ หน่อย ไม่เคยมีใครบังคับฉันแบบนี้ได้นะ” ไคลน์ขมวดคิ้ว
“ย้อนกลับไปอ่านข้างบนสิไคลน์ จะได้รู้ว่าคุณพูดว่าอะไร” เห็นชัดๆ ว่าร่างโปร่งถือไพ่เหนือกว่า ไคลน์ถอนหายใจอย่างยอมจำนน แต่ตาสีเขียวอมเทาของเขากลับมองมีดโกนหนวดในมืออีกฝ่ายอ่างไม่ไว้ใจแทน
“ไอ้นั่นมันจะไม่ปาดคอฉันใช่ไหม” ชี้ไปยังอาวุธอันตรายในมืออีกคน
“ที่รัก, ไอ้นี่มันจะทำให้คุณดูดีขึ้น เชื่อผมสิ” แอชเชอร์พูดหน่ายๆ พยามไม่คิดเขินที่เขาพูดแบบนั้นออกไป แหม มนุษย์ส่วนใหญ่ก็ใช้ 'ที่รัก' เป็นสรรพนามได้หลายความหมายนี่นา.. หวังว่าไคลน์คงไม่คิดมาก (เหมือนเขา) นะ
“หวังแบบนั้นเหมือนกัน, ที่รัก” ไคลน์ล้อเลียนด้วยคำพูดไม่พอ มือทั้งสองของร่างสูงยังจะเอื้อมมาจับเอวแน่นๆ ของเขาให้เข้าไปไกล้อีก.. แอชเชอร์อยากจะระเบิดตัวตายมันซะตรงนั้น เขารู้ว่าไคลน์แกล้งแต่.... สภาพของเขาทั้งสองคนในตอนนี้เหมือนคู่แต่งงานใหม่หยอกล้อกันก็ไม่ปาน และมันทำให้หน้าแอชเชอร์แดงเถือกขึ้นมาอีกรอบ แต่ยัง! มันยังไม่จบลง เมื่อไคลน์บดขยี้เอวเขาดเบาๆ ในตอนแรก และสักพักมือหนาทั้งสองก็เพิ่มแรงขยับมากขึ้น ส่งผลให้ตัวเขาแนบชิบกับอีกฝ่ายมากขึ้น โดนเฉพาะบริเวณตั้งแต่เอาลงไป... แอชเชอร์ได้กลายร่างเป็นน้ำมะเขือเทศเหลวแน่ๆ หากไคลน์ยังไม่หยุดมือ
“ทะ..ทำบ้าอะไรของคุณ” หนุ่มตาฟ้าเอ่ยเสียงสั่น หนุ่มตาเขียวเลยได้ใจ
“แน่นชะมัดเลย.. สะโพกนายน่ะ ฮะๆ” ร่างสูงหัวเราะ แล้วก็ต้องรีบหุบปากลงทันทีเมื่ออีกคนทำหน้าโมโหก่อนจะชูมีดโกนหนวดที่ใบมีดมันคมวาววับกระแทกตามาตรงหน้าเขา ไคลน์ปล่อยมือแทบไม่ทัน
“หยุดเล่นได้แล้ว” แอชเชอร์พูดเสียงเขียว
“ตามนั้นเลย” ร่างสูงยกมือยอมแพ้ อีกคนเลยขยับเข้าไปไกล้ เงยหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อยเพื่อฉโลมครีมกับเคราหนานั่น ดีที่ส่วนสูงพวกเขาห่างกันไม่มากนัก ไม่งั้นคงทุลักทุเลพอควรกับการโกนเคราให้ร่างสูงที่ทำเองไม่เป็น (หมอนั่นบอก) แบบนี้
แต่เหมือนคราวนี้แอชเชอร์คิดผิด เพราะเพียงแค่เผลอสบตากับนัยต์ตาสีเขียวอมเทาคู่สวยนั่นมันก็ทำให้เขามือสั่นขึ้นมาเสียดื้อๆ แถมระยะห่างเพียงหยิบมือที่กั้นใบหน้าของพวกเขาไว้... แอชเชอร์แถบหยุดหายใจ
“มือสั่นนะ”
“รู้แล้วน่า ไม่เคยทำให้ใครแบบนี้เลยไม่ชิน”
“..เหมือนกัน” หัวใจดวงน้อยของเขากระตุกแผ่วเบา ไอ้ 'เหมือนกัน' นี่เหมือนกันแบบไหนฟะ!
“บางทีผมว่า..เราน่าจะเบี่ยงเบนความสนใจของคุณน่ะ แบบ มันจะทำให้ผมทำงานได้ง่ายขึ้นถ้ามันไม่เงียบเกินไปและคุณที่เอาแต่จ้องหน้าหาสิวผมอยู่” แอชเชอร์เสนอขึ้นมา ที่จริงมันเป็นข้ออ้างแก้เขินของเขาต่างหาก
“ก็ได้ งั้นฉันจะร้องเพลง” ไคลน์นึกขึ้นมาได้
“เยี่ยมเลย” ร่างโปร่งตอบเสียงเบาขณะตั้งใจเกลี่ยครีมให้ทั่วแนวเคราใต้สันกรามคมๆ ของอีกคน
“เอาล่ะนะ” ร่างสูงส่งสัญญาณ
“เอาเลย แต่ขอเบาๆ หน่อยนะ ถ้าไม่อยากได้แผลมากนัก” ไคลน์คิดว่านั่นเป็นคำเตือนจากความหวังดีของอีกคน...อาจจะ
“อะแฮ่ม!” ดีที่แอชเชอร์หยุดมือที่ถือมีดโกนหนวดได้ทันเมื่อไคลน์แกล้งกระแอมเสียงดัง ไม่งั้นหน้าคมๆ ของอีกฝ่ายคงจะได้แผลแรกเปิดงานแน่ๆ
“วอนซะแล้วคุณเนี่ย” ไคลน์หัวเราะน้อยๆ เมื่อปั่นหัวคนผมทองได้ ก่อนเขาจะเริ่มร้องเพลงเบาๆ
“Tried to keep you close to me, but life got in between..”
พยายามจะเก็บเธอไว้ใกล้ฉัน แต่บางทีชีวิตก็ต้องเลือก..
เพลงเดิมๆ คุ้นหูดังขึ้น แต่ถึงจะให้ฟังอีกสักกี่ร้อยครั้งร่างโปร่งก็ไม่เคยเบื่อ
“Tried to square not being there, but think that I should have been”
พยายามดึงตัวเองออกมาจากตรงนั้น แต่ก็คิดว่าฉันน่าจะอยู่ตรงนั้นต่อไป
“Hold back the river, let me look in your eyes. Hold back the river, So I
can stop for a minute and see where you hide. Hold back the river, hold back..”
รั้งสายน้ำไว้ ขอฉันมองตาเธอก่อน รั้งสายน้ำไว้ ฉันจะได้
หยุดและมองหาว่าเธอซ่อนอยู่ที่ไหน รั้งสายน้ำไว้ รั้งไว้ก่อน..
ที่คิดไว้ว่าจะทำให้ง่ายขึ้นกลับยากลงซะงั้น ก็แล้วใครใช้ให้พ่อนักร้องร้องไปด้วยแล้วจ้องตาเขาไปด้วยแบบนี้กันล่ะ? แล้วจะยังเนื้อเพลงนั่นอีก.. แอชเชอร์พยายามไม่คิดเข้าข้างตัวเองว่าไคลน์หมายถึงเขา ไคลน์แค่ร้องเป็นอยู่เพลงเดียวก็เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเขาเลยสักนิด
“Once upon a different life we rode our bikes into the sky.
But now we call against the tide. Those distant day are flashing by..”
ท่ามกลางความแตกต่างของชีวิต พวกเราปั่นจักยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
แต่ ณ เวลานี้พวกเราร้องตะโกนต่อต้านกระแสน้ำ วันเวลาเหล่านั้นผ่านไปเพียงพริบตา
“Hold back the river, let me look in your eyes. Hold back the river, So I
can stop for a minute and see where you hide. Hold back the river, hold back..”
รั้งสายน้ำไว้ ขอฉันมองตาเธอก่อน รั้งสายน้ำไว้ ฉันจะได้
หยุดและมองหาว่าเธอซ่อนอยู่ที่ไหน รั้งสายน้ำไว้ รั้งไว้ก่อน..”
ร่างโปร่งเอื้อมมือไปแตะปลายคางของร่างสูงแผ่วเบา ปาดมีดลงบนครีมที่ทาไว้ เส้นหนวดเคราสีน้ำตาลเข้มมากมายหลุดล่วงลงไปกองกับพื้นดูแล้วน่าขำ เหมือนจับลิงถอนขนยังไงไม่รู้ บ้างทีถ้าไคลน์มองตามไปที่พื้นตอนนี้เขาอาจเป็นลมก็ได้ ก็เคราของเขาที่ร่วงไปน่ะสามารถเอาไปทำรังนกได้หลายรังเลยทีเดียว ฮ่าๆ
“Lonely water, lonely water, won’t you let us wander
Let us hold each other
Lonely water, lonely water, won’t you let us wander
Let us hold each other”
สายน้ำที่อ้างว้าง เจ้าจะไม่ปล่อยเราให้ได้ร่อนเร่เลยหรือ
ขอเราโอบกอดกันสักครู่
สายน้ำที่อ้างว้าง เจ้าจะไม่ปล่อยเราให้ได้ร่อนเร่เลยหรือ
ขอเราโอบกอดกันสักครู่
เสียงของไคลน์ไม่ได้เพราะมาก แต่ฟังแล้วรื่นหู แอชเชอร์อยากจะอัดเสียงนี้เอาไว้ เแล้วขอให้เวลาหมุนวนอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ว่ามันจะหมายถึงอะไรก็ตามแต่ขาก็ยังอยากฟังมันอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้งอยู่ดี เขาไม่ได้ต้องการให้ไคลน์ไปยืนร้องเพลงตรงนั้นทุกๆ วัน แต่เขาต้องการให้ชายตาสีเขียวตรงนี้ร้องมันออกมาให้เขาฟังเพียงคนเดียว มันคือความเห็นแก่ตัวเล็กๆ ที่แอชเชอร์ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกไปเพราะรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นจริงได้
ความจริงคือไคลน์กำลังจะจากเขาไปต่างหาก...
“Let us hold each other..” เพลงท่อนสุดท้ายจบลงแล้ว และอีกไม่นานเวลาของพวกเขากำลังจะหมดลงด้วย
“เสร็จหรือยัง” เสียงทุ้มกระซิบถาม ร่างโปร่งจึงได้หลุดออกจากภวังค์แล้วมองหน้าใบเกลี้ยงเกลากว่าเดิมเยอะของอีกฝ่ายพร้อมกับทำตาโต
“อื้อ เอ่อ..เสร็จแล้วล่ะ” แอชเชอร์ได้หยุดหายใจจริงๆ ก็คราวนี้.. พระเจ้าครับ บอกทีเถอะผู้ชายตรงหน้าของผมคือใคร...
“ทำไม? ดูไม่ดีเหรอ” ไคลน์ลูบคางสากของตัวเอง รู้สึกหน้าเบาขึ้นเยอะ ร่างสูงหันไปหากระจกด้านข้างแล้วก็ต้องนิ่งค้างไป.. พอจะรู้เหตุผลที่เจ้าหัวทองมองเขาตาค้างแบบนั้นแล้วล่ะ
“เปล่า คือมัน..โอ้พระเจ้า! นั่นใช่คุณเหรอ ผมนึกว่านายแบบที่ไหนเสียอีก” ชี้หน้าร่างสูงอย่างไม่เชื่อสายตา
“ก็ฉันนี่แหละ ไม่ได้โกนมานานนับปี รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้” ไคลน์ยังคงสำรวจใบหน้าหล่อเหลาของตนเอง หันซ้าย หันขวาแล้วอมยิ้มขำเมื่อนึกบรรดาคนใกล้ตัวที่พูดแล้วพูดอีกให้เขาเอาเครารกๆ นั่นออก กลับไปแบบนี้มีหวัง...
“ที่จริงมันจะดีกว่านี้ถ้าตัดผมด้วย ผมตัดให้เอาไหม”
“ไว้ใจได้ด้วยเหรอ” ไคลน์เลิกคิ้ว
“แล้วใครกันที่เปลี่ยนพ่อมดลึกลับให้เป็นนายแบบสุดหล่อแบบนี้ได้กัน” แอชเชอร์กอดอก เลิกคิ้วกวนๆ ส่งกลับไปบ้าง
“หึหึ เอาสิ” สิ้นคำตอบจากร่างสูง ชายตาสีฟ้ายิ้มกว้าง รู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูก แถมยังรู้สึกดีด้วยที่ไคลน์ไว้ใจเขา แต่ไม่ทันทีที่จะได้พูดอะไรกันต่อก็เหมือนมีเสียงระฆังยามราตรีดังขัดขึ้นมาท่านกลางบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความสุขเล็กๆ ของคนสองคน ไคลน์หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาที่แผดเสียงริงโทนไม่คุ้นหูขึ้นมารับ กรอกเสียงทุ้มๆ ลงไปสองสามคำสั้นๆ แต่ฆ่าเขาทั้งเป็น
“อืม..ได้ เดี๋ยวไป” ร่างสูงส่งเครื่องมือสื่อสารนั้นกลับเข้ากระเป๋าตัวเอง ตามองอีกคนที่ก่อนหน้านี้ยังยิ้มอยู่ดีๆ แต่ตอนนี้รอยยิ้มสว่างไสวนั่นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“ต้องไปแล้วสินะ”
“อืม” แอชเชอร์เจ็บใจที่เสียงระฆังนั่นเหมือนกันกับในนิทานเจ้าหญิงที่เขาเคยอ่านเจอตอนเด็กๆ ระฆังคือสัญญาณบอกว่าเวลาที่จะได้อยู่กับเจ้าชายแปลกหน้าของเขาได้หมดลงแล้ว แต่ในที่นี้คนที่ต้องจากไปกลับเป็นชายตรงนั้นซะงั้น
“อา..แย่จัง ยังไม่ได้ตัดผมให้เลย” ร่างโปร่งยังคงพูดติดตลก ทั้งที่จริงขอบตาเขาเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา มันเร็วเกินไป เข้ายังอยากจะอยู่ต่อกับคนตรงหน้าอีกนิดก็ยังดี
“เดี๋ยวไปตัดที่อื่นก็ได้” ไคลน์แกล้งพูดออกมา แอชเชอร์จึงมองเขาโกรธๆ
“ใจร้าย ผมหรืออุตส่าห์เสนอจะตัดให้”
“เจอกันครั้งหน้าจะผมสั้นให้ดู” แต่คำพูดถัดมาของไคลน์ทำเอาเขาไล่ความโกรธออกไปเป็นปลิดทิ้ง หมอนี่..กำลังจะบอกว่าจะได้เจอกันอีกงั้นเหรอ
“แล้วครั้งหน้าน่ะเมื่อไหร่กัน”
“อืม..ไม่รู้สิ” ตอบมาได้หน้าตาเฉยมาก
“งั้นคุณจะหายไปกี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปีก็ได้น่ะสิ” แอชเชอร์มองอีกคนอย่างตัดพ้อ มีแต่เข้าต้องรอฝ่ายเดียวสินะ นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป
“ไม่นานหรอกน่า”
“งั้นเอาเบอร์มือถือคุณมานี่เลย” ร่างโปร่งแบมือขอ ไคลน์ทำได้เพียงมองอย่างลำบากใจ
“..ไม่ได้”
“ทำไม? ผิดจรรยาบรรณพ่อมดหรือไง”
“บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ..” ไคลน์พูดหน่ายๆ พยามให้อีกฝ่ายเข้าใจถึงความลำบากใจของเขา แต่แอชเชอร์กลับหันหน้าหนี แบบนี้ทุกที เขารู้ว่าตัวเองยิ่งกว่างี่เง่าอีก แต่เห็นใจกันหน่อยสิ ยิ่งเขารู้สึกกับไคลน์มากขึ้นเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนคนตรงหน้ายิ่งห่างไกลกับเขามากขึ้นเท่านั้น แล้วเขาก็รู้ด้วยว่าอนาคตต่อไปโดยไม่มีไคลน์เขาจะเป็นยังไง จะเหงาแค่ไหน จะทรมานขนาดไหน ใช่! เข้าต้องบ้าตายแน่ๆ หากไม่ได้เห็นหน้าหรือได้ยินเสียงคนแปลกหน้าที่เพ่งรู้จักกันอาทิตย์ที่แล้วอย่างหมอนี่!!!
“ก็ได้ งั้นเชิญคุณไปได้เลย” ร่างโปร่งเดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีร่างสูงเดินตามมา แอชเชอร์ปาดหางตาลวกๆ นึกสมเพชตัวเองอย่างสุดซึ้ง เขาเนี่ยนะเสียน้ำตาให้กับผู้ชายด้วยกัน
“นาย..”
“นี่ของคุณ เชิญ” ร่างโปร่งยัดกระเป๋าใส่กีตาร์ให้อีกคนแล้วผายมือไปทางประตู
“แอชเชอร์..” ไคลน์เรียกชื่อเขาเบาๆ และมันทำให้ขอบตาเขาร้อนขึ้นมาอีกรอบ
“...”
“แอช.. ” ชายหนุ่มร่างสูงมองลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้าคู่สวยนั้น ราวก็จะสื่ออะไรบางอย่างกับเจ้าของของมัน
“...”
“รอผมนะ”
“...”
“ผมสัญญาญอะไรกับคุณไม่ได้ แต่ได้โปรด...รอผม”
“...” ร่างโปร่งไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป จึงปล่อยให้มันไหลเป็นทางอยู่แบบนั้น ไคลน์มองภาพตรงหน้าด้วยความไม่สบายใจ นึกหวั่นว่าวันข้างหากหากเขา.. หากคนตรงหน้า 'รู้' เรื่องของเขาขึ้นมาจะทำอย่างไร เส้นทางข้างมันช่างเด็ดเดี่ยวและน่าหวั่นเกรง ไคลน์ลองนึกย้อนไปตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาพบกันแล้วพบว่าเวลามันช่างแสนสั้นถ้าหากนับเปรียบกับผู้คนที่เขาเจอมาทั้งชีวิต แต่เขารู้ดีว่าแอชเชอร์แตกต่างและสำคัญต่อเขาไม่แพ้ใคร ไม่สิ.. สำคัญมากเสียด้วย
เขาจะไม่เอาเวลามาเป็นข้ออ้างสำหรับของรู้สึกตัวเอง เพียงแค่เสี้ยววินาทีก็มากเพียงพอให้ตกหลุมรัก...
“คำขอสุดท้ายของผม, คุณพ่อมด” แอชเชอร์เอ่ยพลางเช็ดน้ำตา แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ
“...”
“โปรดกลับมาฟังคำตอบว่าผมสามารถรอคุณได้หรือไม่”
ไคลน์ไปแล้ว แถมไม่มีอะไรเหลือไว้ให้ได้ตามหาเหมือนในนิทานเสียด้วยสิ...
บทส่งท้าย
“โอ้ให้ตายเถอะ! ฉันอยากจะเป็นลม!!” เสียงเจื้อแจ้วของเพื่อนร่วมงานสาวกลุ่มหนึ่งเรียกริชาร์ด ฟลิกซ์เกอร์ให้เงยขึ้นจากกล่องข้าวที่ว่างเปล่าตรงหน้า ในเวลาพักเที่ยงแบบนี้สาวๆ จากแผนกข้างๆ มักมารวมตัวกันนั่งเม้าท์เร่องต่างๆ อย่างออกรสเป็นประจำ แต่ครั้งนี้มันดังกว่าครั้งไหนๆ ริชาร์ดขยับตัวไล่ความเมื่อขบแล้วยืดตัวขึ้นเอาหน้าเท้าคางมองไปยังกลุ่มพนักงานสาวตรงหน้า
“เสียงดังอะไรกันจ๊ะสาวๆ” แอนนาหนึ่งในกลุ่มนั้นเงยหน้าขึ้นเรียก
“ข่าวใหญ่เลยล่ะริชชี่ มาดูสิ” ริชาร์ดจึงเดินไปร่วมวงด้วยความสงสัย เขาหยิบหนังสือพิมพ์รายวันมาจากแอนนาแล้วอ่านพาดหัวข่าวเด่นหราตัวโตๆ ด้วยความตกใจ
“โอ้... ฉันเพิ่งจะเคยเห็นเขาชัดๆ แบบนี้ครั้งแรก” ริชาร์ดคราง
“ใช่ไหมล่ะ เขาน่ะไปศึกษาที่ต่างประเทศมาตั้งนานจนฉันเกือบจะลืมไปแล้วเสียอีก” เคซี่ย์หนึ่งในสาวทั้งสี่พูด
“ในข่าวบอกว่ากลับมาได้ตั้งสามเดือนกว่า แล้วทำไมข่าวเพิ่งออกล่ะเนี่ย” ริชาร์ดพูดกับตัวเอง
“ฉันเคยอ่านในนิตรสารเมื่อนานมาแล้ว เห็นว่าเขาค่อนข้างเก็บตัวและไม่ค่อยออกงานสังคมเลย ไม่แปลกหรอก” วิเวียน สาวอีกคนตอบ
“แต่ดูเขาตอนนี้สิ! ดาราดังยังชิดซ้ายเลยนะ” แอนนาร้องออกมา เพื่อนๆ ของเธอพยักหน้าเห็นด้วย
“ช่ายเลยย~ นี่มันเรื่องจริงยิ่งกว่านิทานชัดๆ ทำไมพระองค์ถึงได้มีรูปโฉมงดงามเช่นนี้~” โอลิเวีย สาวแว่นสุดอวบร้องครางถึงคนในรูปอย่างเพ้อๆ จนเพื่อนของเธอทำหน้าระอาและพากันขำ
ริชาร์ดละสายตาจากสาวๆ กลับมาอ่านหนังสือพิมพ์ในมืออีกครั้ง... ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ บัดนี้เจ้าชายพลัดถิ่นได้หวนกลับคืนบัลลังก์แห่งเบลซอีกครั้งหลังจากที่ทรงเสร็จไปศึกษาร่ำเรียนที่ต่างพระเทศตั้งแต่ครั้งทรงพระเยาว์ ข่าวนี้คงจะสร้างความปลื้มปิติยันดีต่อประชาชนและพระบรมวงศานุวงศ์เป็นอย่างมากแน่ๆ
ยังไม่ทันที่จะได้คุยกันต่อก็มีมารผจญอย่างเจ้าหัวหน้าจอมเฮี๊ยบโผล่มาขัดขึ้นเสียก่อน เจ้าโล้นนั่นไล่เขาและพวกแอนนาให้รีบกลับไปทำงานเพราะใกล้หมดเวลาพักเต็มที ริชาร์ดถอนหายใจอย่างหน่ายๆ พร้อมกับก้มดูนาฬิกาข้อมือตัวเอง เฮอะ! อีกตั้ง 5 นาทีกว่าจะหมดเวลาพักแน่ะ จะอะไรกันนักหนาฟะ ว่าแล้วก็วางหนังสือพิมพ์ที่ถือติดมือมาลงบนโต๊ะทำงานข้างๆ ที่ยังคงว่างเปล่าเนื่องจากเจ้าตัวยังไม่กลับขึ้นมาจากพักกลางวัน มีหวังแอชเชอร์ได้ถูกไอ้หัวเน่าบ่นอีกแน่ คงเซ็งน่าดู ริชาร์ดบ่นแทนเพื่อนในใจก่อนจะหยิบเอกสารที่พิมพ์ค้างไว้ขึ้นมาทำต่อ ปล่อยให้หนังสือพิมพ์รายวันฉบับล่าสุดที่พาดหัวข่าวกินพื้นที่เกือบทั้งหน้าถึงการกลับมาของบุคคลสำคัญของประเทศวางไว้บนโต๊ะทำงานของเพื่อนร่วมงานต่อไป
'His Royal Highness Prince Kline Christopher Bastian Of Blaze'
END
โดย ALinoKissADeer
*สโตนบีช – ชื่อเมืองในจิตนาการ
*เบลซ - ชื่อเมืองในจินตนาการ
*เพลง Hold Back The River ของ James Bay
ขอบพระคุณที่อ่านกันมาตั้งแต่ต้นจนจบค่ะ เรียกได้ว่าเป็นเรื่องสั้นเต็มรูปแบบครั้งแรกเลยที่เดียว เรื่องนี้มาได้ไงยังงอยู่ๆ ส่วนตอนจบก็ไม่ต้องอธิบายมากเนอะ จะเป็นยังไงต่อไปทุกคนน่าจะรู้อยู่ ก็อีกคนเค้าเป็นถึง... (เพ่น) หวังว่าจะชอบกันะคะ ไม่มั่นใจเลยจริงๆ อ้อ! ตอนแรกๆ กับตอนท้ายๆ จะเห็นว่าพี่ไคลน์ใช้ ผม-คุณ กับ ฉัน-นาย สลับกันไปมา อยากจะบอกว่าตั้งใจใช้สรรพนามตามอารมณ์ตัวละครค่ะ ที่ใช้เป็นทางการในตอนแรกเพราะไม่สนิท แต่ที่ใช้ตอนหลังเพราะ...ร้องขอจากหัวใจ กร๊ากกกก
สุดท้ายลากันด้วยภาพ HRH Kline เวอร์ชั่นโกนเคราไป 80% นะคะ ><
(http://i59.tinypic.com/mw72ft.jpg)
*ไม่ทราบอิมเมจจริงๆ แต่นำภาพมากจาก we heart it ค่ะ
ปล.ใครที่ยังไม่ได้เปิดเพลงฟังแนะนำให้ไปเปิดนะ *ฟินนักร้อง* ฮาาาา