พิมพ์หน้านี้ - Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 12 (5/12/2562)P.2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: sira_nann ที่ 01-06-2019 11:23:53

หัวข้อ: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 12 (5/12/2562)P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 01-06-2019 11:23:53
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์

สารบัญ

ตอนที่ 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70425.msg3978795#msg3978795)   ตอนที่ 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70425.msg3982024#msg3982024)   ตอนที่ 3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70425.msg3984547#msg3984547)
ตอนที่ 4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70425.msg3986857#msg3986857)   ตอนที่ 5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70425.msg3990026#msg3990026)   ตอนที่ 6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70425.msg3991671#msg3991671)
ตอนที่ 7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70425.msg3996214#msg3996214)   ตอนที่ 8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70425.msg3999940#msg3999940)   ตอนที่ 9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70425.msg4002635#msg4002635)
ตอนที่ 10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70425.msg4004752#msg4004752)   ตอนที่ 11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70425.msg4007898#msg4007898)   ตอนที่ 12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70425.msg4016322#msg4016322)


ผลงานที่ผ่านมาของ Sira_nann
This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68839.msg3906654#msg3906654)


สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)
หัวข้อ: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 1 (1/06/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 01-06-2019 11:28:54
ตอนที่ 1

เสียงกุกกักดังจากห้องน้ำด้านใน ทำให้วรภัทรชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเดินไปยังโถปัสสาวะหลังจากที่ทำธุระเสร็จแล้วชายหนุ่มกำลังเดินไปล้างมือ ก็ได้ยินเสียงสบถดังขึ้นจากห้องน้ำด้านใน

วรภัทรค่อยๆเดินเข้าไปตอนแรกที่เดินเข้ามาในห้องน้ำของโรงแรมหรูเขาคิดว่าภายในห้องมีเขาแค่คนเดียวแต่เสียงที่ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลายอดที่จะหวาดระแวงไม่ได้

โรงแรมนี้มีผีเหรอ แต่กลางวันแสกๆแบบนี้ผีคงไม่ออกมาหรอกนะ

ชายหนุ่มค่อยๆเดินผ่านห้องน้ำแต่ละห้องไปพบว่าประตูเปิดกว้างไม่มีใครจนมาถึงห้องสุดท้ายที่ประตูเปิดแง้มอยู่ วรภัทรค่อยๆเอื้อมมือไปที่บานประตูอย่างชั่งใจว่าจะผลักเข้าไปดีไหม แต่มือยังไม่ทันได้สัมผัสกับประตูก็ได้ยินเสียงพูดเสียก่อน เขาจึงเงี่ยหูฟังว่าคนในห้องน้ำพูดอะไรกันแน่

“โอ๊ยเห็นไหมมันติด”

“ค่อยๆครับ เดี๋ยวผมช่วยจับ”

“พอเหอะ ฉันทนไม่ไหวแล้ว”

เสียงสนทนาภายในห้องน้ำทำให้เขาชะงัก ก่อนถอยออกมา ผู้ชายสองคนอยู่ในห้องน้ำเดียวกัน เมื่อพยายามมองเข้าไปเห็นเงาสะท้อนอะลูมิเนียม เห็นผู้ชายใส่แว่นนั่งอยู่บนชักโครกก้มทำอะไรที่เป้ากางเกงคนที่ยืนอยู่ พอเห็นดั่งนั้นวรภัทรรู้สึกอึ้งทำอะไรไม่ถูก เขาเคยได้ยินเพื่อนๆมาพูดให้ฟังเกี่ยวกับพวกชอบความตื่นเต้นมีเซ็กซ์ตามห้องน้ำ แต่นั่นมันตามผับตามบาร์ประเภทสบตากันปุ๊บไม่รู้จะไปที่ไหนก็ลากเข้าห้องน้ำ พอเสร็จกิจก็แยกย้าย  แต่นี่มันโรงแรมหรูเชียวนะถ้าแขกคนอื่นในงานแต่งงานผ่านมาเจอแบบที่เขาเจอล่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหที่คนในห้องน้ำไม่มีจิตสำนึกในการใช้ห้องน้ำสาธารณะเอาเสียเลย

ชายหนุ่มตัดสินใจตบประตูห้องน้ำเสียงดังพร้อมตะโกนออกมาหวังว่าคนทั้งคู่จะละอายใจบ้างโดนไม่สนใจว่าประตูจะกระแทกแผ่นหลังของคนที่ยืนอยู่

“นี่คุณถ้าอยากมากขนาดนั้น ไปเปิดห้องกันเลยเหอะ”

เมื่อพูดจบวรภัทรก็ถอยห่างเพื่อจะเดินออกไปให้พ้นจากที่นี่เขาไม่อยากรู้แล้วว่าทั้งคู่จะหยุดหรือทำอะไรต่อ เดี๋ยวพอออกไปจะหาป้ายมาติดว่าห้องน้ำเสีย จะได้ไม่มีคนหลงมาเจอแบบที่เขาเจอ ชายหนุ่มคิดหาทางออกอยู่ภายในใจ แต่เสียงดังเหมือนถังขยะถูกเตะล้ม ทำให้เขาชะงักแล้วหันไปมอง วรภัทรเห็นผู้ชายสวมแว่นตามองเขาหน้าตาตื่นก่อนพูดว่า

“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ คุณกำลังเข้าใจผิด”

“นี่นายจะแก้ตัวทำไม ช่างมันเถอะ” เสียงชายคนที่สองดังขึ้นก่อนเดินออกมายังที่เขายืนอยู่ วรภัทรมองผู้ชายสองคนตรงหน้า แม้ว่าคนที่มาใหม่จะดูดีร่างกายดูสูงใหญ่กว่าเขาและผู้ชายสวมแว่นมากนัก แต่แววตาที่มองเขานั้นมีแววตำหนิ สงสัยจะโกรธที่เข้าไปขัดจังหวะล่ะมั้ง

“โถ่ บอส คุณคนนี้กำลังเข้าใจผิดเราอยู่นะครับ” ชายสวมแว่นหันไปพูดกับผู้ชายคนนั้น

“แล้วไง ใครจะคิดยังไงก็ช่าง ถ้าคนมันคิดอกุศลอธิบายไปก็คิดอยู่ดี” ชายคนนั้นพูดพร้อมมองมาทางวรภัทรด้วยสายตาวาวโรจน์

“ผมคงคิดดียาก เพราะจากที่มองเห็น พวกคุณทำให้คิดแบบนั้น” วรภัทรไล่มองคนทั้งคู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาตาเบิกกว้างเมื่อเห็นบางสิ่งบางอย่าง ก่อนเหยียดยิ้มเยาะให้ชายที่ตัวโตกว่าแล้วหันหลังเพื่อเดินออกไปจากห้องน้ำนี่ ไม่มีอะไรต้องพูดกับคนไม่มียางอายพวกนี้แล้ว

“นี่คุณ” ชายตัวโตเดินเข้ามากระชากไหล่ของวรภัทรให้หันมาเผชิญหน้ากัน

“เอ๊ะ ปล่อยนะ เราไม่มีอะไรจะต้องพูดกัน” วรภัทรปัดมือของคนตัวโตก่อนเงยหน้าสบตาคมนั่น

“แต่ผมมี คุณอยากจะพูดอะไรก็พูดมาเลยไม่ต้องมองเหยียดแบะปากแบบนั้นก็ได้มั้ง” ดวงตาคมวาวโรจน์จนวรภัทรรู้สึกว่าตัวเองเล็กลงกว่าปกติ แถมท่าทางที่จะมาขย้ำฉีกเนื้อเขาอีกล่ะ

“บอสครับใจเย็นๆ” ผู้ชายใส่แว่นเข้ามาดึงคนตัวโตเอาไว้

“ชินปล่อยเดี๋ยวนี้ นายไม่เห็นเหรอว่าไอ้เด็กนี่มันมองฉันยังไง” คนตัวโตหันไปเล่นงานผู้ชายใส่แว่น วรภัทร กำลังจะถอยหลังผละออกมาแต่คนตัวโตก็รู้ทันจับต้นแขนเขาทันที

“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับนาย” วรภัทรตะโกนใส่หน้าคนตัวโตที่บีบแขนเขาจนเจ็บไปหมด

“ไม่ปล่อยจนกว่านายจะขอโทษที่เสียมารยาทกับฉันก่อน”

“ไม่ปล่อยใช่ไหม ได้ ไม่ปล่อยแน่นะ” วรภัทรมองคนตัวโตอย่างโมโห เมื่อเห็นว่าตานั่นไม่ปล่อยเขาแน่ๆ วรภัทรจึงตัดสินใจยกเข่ากระแทกกล่องดวงใจคนตัวโตทันที

“นี่แหน่ ไอ้โรคจิต” ทันทีที่กระแทกไปสุดกำลังจนคนที่โตกว่าทรุดฮวบลง วรภัทรก็ตะโกนใส่หน้าพร้อมผลักคนที่ทำเขาก่อนให้ล้มลง แล้ววิ่งออกไปนอกห้องน้ำทันที

“บอส เป็นยังไงบ้างครับ” ชินกรร้องเรียกอย่างตกใจพร้อมเข้าไปประคองเจ้านายของตัวเองให้ลุกขึ้นมา

“เจ็บไงล่ะ ถามมาได้อย่าให้เจอนะไอ้ตัวแสบ” พสุธามองประตูที่ปิดลงอย่างอาฆาตคนที่ทำเขาเจ็บจุกจนพูดไม่ออก

“ผมว่าเรารีบไปจากที่นี่กันก่อนเถอะครับ บอสพอเดินไหวไหม” ชินกรพูดขึ้นหลังจากพยุงให้เจ้านายพิงเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าดีๆ ก่อนวิ่งไปหยิบข้าวของไม้แขวนเสื้อที่อยู่ในห้องน้ำออกมา แล้วส่งสูทมายื่นให้เจ้านาย ส่วนตัวเองเอาไม้แขวนที่มีกางเกงแขวนอยู่ถือไว้เอง ชายหนุ่มอยากพาเจ้านายให้ออกไปให้พ้นจากห้องน้ำโดยเร็วก่อนที่ใครจะเข้ามาเจอเข้าอีก

“นายจะเอาสูทมาให้ฉันทำไม สภาพแบบนี้คงจะไปร่วมงานไม่ได้แล้ว” พสุธาส่งเสื้อสูทคืนลูกน้อง เกิดเรื่องแบบนี้เขาคงไปร่วมงานแต่งงานได้หรอก เอาเถอะยังมีงานช่วงเย็นอีกรอบค่อยไปตอนนั้นก็ได้

“บอสลืมไปแล้วเหรอครับ คือซิบกางเกงบอสแตกอยู่แถมถอดกางเกงเปลี่ยนไม่ได้อีก ผมว่าเอาเสื้อสูทปิดไว้ตอนเดินออกไปน่าจะดีกว่านะครับ” ชินกรแนะนำเจ้านาย เขาไม่โทษชายหนุ่มคนนั้นที่มากล่าวหาว่าเจ้านายของเขาเป็นพวกโรคจิต เพราะถ้าเจ้านายของเขาเดินออกไปแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากที่เด็กหนุ่มว่าสักเท่าไหร่ เพราะซิปกางเกงเปิดอ้าโชคดีที่มีชายเสื้อโผ่ลออกมาปกปิดไว้บางส่วนไม่งั้นคงเห็นกางเกงชั้นใน

“เออ ลืมไปเลย” พสุธาก้มมองกางเกงตัวเองอย่างนึกได้ ก่อนดึงเสื้อเชิ้ตออกมาด้านนอกกางเกง ยกเสื้อสูทมาถือด้านหน้าเพื่อปิดบังซิบกางเกงเอาไว้ ก่อนเดินตามลูกน้องกลับไปห้องทำงานตัวเองด้านบนอย่างหัวเสีย

เมื่อถึงห้องทำงาน พสุธาคว้ากรรไกรบนโต๊ะของเลขาแล้วเดินเข้าไปที่ห้องพักด้านในเพื่อเปลี่ยนกางเกงใหม่ แต่ยังไม่ทันที่จะเสร็จดีเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ชายหนุ่มจึงกดรับสายเพื่อนสนิทพร้อมทั้งแต่งตัวไปด้วย

 “ว่าไง มีอะไรให้ผมรับใช้ครับคุณภาค”

(มี คือมีคนเจอไอ้โรคจิตในห้องน้ำโรงแรมมึงว่ะ)

“มึงว่าอะไรนะ” พสุธาตะโกนเสียงดัง

(เออ มึงได้ยินไม่ผิดหรอก เพื่อนของปันบอกว่าเจอโรคจิตในห้องน้ำโรงแรมมึงน่ะ แต่กูเดินไปดูแล้วไม่เห็นมีใครอยู่เลยนะ)

“เพื่อนปันเหรอ”

(เออดิ มึงไม่เชื่อเหรอ)

“เปล่าๆ เดี๋ยวกูบอกให้คนไปดูแลแล้วกัน” พสุธาบอกกับภาสวรก่อนที่จะกดวางสายลงไป


วันนี้เรียกว่าเป็นวันซวยของพสุธาก็ว่าได้ เริ่มตั้งแต่ตื่นสายในวันที่โรงแรมเขาจัดงานใหญ่ด้วยความรีบจึงหยิบเสื้อผ้าที่แขวนเอาไว้ในตู้มาใส่โดยไม่ทันดูให้ดี พอมาถึงโรงแรมงานแห่ขันหมากได้เริ่มไปแล้วโชคดีที่ไม่มีปัญหาอะไร งานแต่งงานไฮโซทายาทโรงพยาบาลชื่อดัง แม้แต่ครอบครัวของเขายังมาร่วมงานนี้ด้วย

เมื่อเห็นว่าคนดูแลจัดงานไม่มีปัญหาอะไร เขาจึงเดินไปห้องจัดเลี้ยงเพื่อดูความเรียบร้อยให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด โดยโทรนัดแนะเลขาให้นำเสื้อสูทลงมาให้เขาใส่เข้างานไปให้เจ้าภาพกับพ่อแม่ของเขาเห็นหน้าสักหน่อย

“คุณพสุธาครับ” ผู้จัดการห้องจัดเลี้ยงเดินเข้ามารับหน้าเจ้านายหนุ่มก่อนกระซิบเบาๆ

“คือ ซิปกางเกงคุณรูดลงมาครับ” พสุธาพยายามจับดูเพื่อเลื่อนซิปขึ้นพบว่าซิปได้ปริแตกไม่ได้เลื่อนลงเหมือนที่ผู้จัดการบอก ชายหนุ่มจึงได้ขอตัวกับผู้จัดการห้องจัดเลี้ยงแว๊บเข้าไปในห้องน้ำใกล้ๆเพื่อจัดการกับกางเกงตัวเอง

“ชิน ตอนนี้นายอยู่ไหน เอากางเกงลงมาให้ฉันด้วย รออยู่ที่ห้องน้ำใกล้ห้องจัดเลี้ยงนะ” ชายหนุ่มได้โทรหาเลขาเพื่อให้นำกางเกงมาเปลี่ยนให้เขา

ใช้เวลาไม่นานเลขาหนุ่มก็นำเสื้อสูทพร้อมกางเกงมาให้ พสุธารีบเข้าไปเปลี่ยนในห้องนำอย่างรีบเร่ง แต่ซิบที่แตกนั้นทำให้ไม่สามารถถอดกางเกงได้

“ชิน นายมีกรรไกรหรือคัตเตอร์ไหม” พสุธาตะโกนถามชินกรที่อยู่ด้านนอก

“ไม่มีครับ บอสจะเอาไปทำอะไร”

“เอามาตัดกางเกงไง ซิปมันติดถอดกางเกงไม่ได้” พสุธาพูดขึ้นอย่างขัดใจ

“เออ ขอผมดูหน่อยได้ไหมครับ เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง” ชินกรเอ่ยอย่างเกรงใจ

“ได้ งั้นก็เข้ามา” พสุธาเปิดกลอนให้เลขาเข้ามา เพราะเขาเองหมดปัญญาจะแก้ไขกางเกงตัวนี้แล้ว ไม่ว่าจะดึงหรือกระชากซิปบ้านี่ก็ไม่หลุดออกมาได้เลย เขาพลาดเองที่หยิบกางเกงตัวเก่าออกมาใส่โดยไม่ดูให้ดีเสียก่อน

“โอ๊ยเห็นไหมมันติด” พสุธาบอกกับเลขาที่มองอยู่ว่าซิปมันปริแตกทำให้เลื่อนลงมาไม่ได้

“ค่อยๆครับ เดี๋ยวผมช่วยจับ” ชินกรบอกเจ้านายพร้อมทั้งดึงกางเกงให้ซิปสองฝั่งใกล้ชิดกันมากที่สุดเพื่อที่เจ้านายของเขาจะดึงลงมาได้

“พอเหอะ ฉันทนไม่ไหวแล้ว” พสุธาหัวเสียและเสียเวลากับกางเกงตัวนี้มามากพอแล้ว เขาเปลี่ยนใจอยากให้เลขาไปเอากรรไกรมาตัดมันให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเสีย แต่ไม่ทันที่จะบอกออกไป ประตูห้องน้ำที่ปิดไม่สนิทก็มากระแทกที่หลังเขาอย่างแรงพร้อมเสียงตบประตู

“นี่คุณถ้าอยากมากขนาดนั้น ไปเปิดห้องกันเลยเหอะ” เสียงตะโกนลอดเข้ามาในห้องทำให้พสุธาโมโหเข้าไปใหญ่ เขาหันหลังเพื่อจะออกไปจัดการคนที่ทำประตูกระแทกเขา

“บอสครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง” ชินกรคว้าแขนเจ้านายเอาไว้พร้อมกับเบียดตัวแทรกออกไปจากห้องน้ำก่อนพสุธา ทำให้พสุธาเสียหลักถอยไปเตะถังขยะล้มลง

“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ คุณกำลังเข้าใจผิด” ชินกรพยายามอธิบายก่อนที่พสุธาจะตามออกไป

ไม่ว่าชินกรจะพูดอย่างไรผู้ชายปากดีนั่นก็ไม่ฟังแถมทำท่าทางกวนประสาทเขาอีก พสุธาที่กำลังหัวเสียก็โมโหมากขึ้นเรื่อย เขาปะทะคารมกับนายคนนั้นด้วยความโมโหจนชินกรต้องเข้ามาห้ามปรามเพื่อไม่ให้เรื่องราวลุกลามไปใหญ่โต แต่ไอ้หมอนั่นก็ทำร้ายเขาจนทรุดลงไปกองกับพื้น กว่าจะตั้งหลักกลับมาที่ห้องพักได้แทบแย่ แถมภาสวรยังโทรมาบอกเรื่องแย่ๆน่าอายนี่อีก แม้ว่าเพื่อนของเขาจะไม่รู้ว่าเป็นใครแต่พสุธาก็หน้าชา ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเขาโกรธหรืออายมากกว่ากันที่เด็กคนนั้นไปป่าวประกาศบอกว่าเขาเป็นไอ้โรคจิตให้คนอื่นรับรู้

ไอ้เด็กนั่นเป็นเพื่อนของปัญญวัฒน์นี่เอง อย่าได้เจอกันอีกนะ...ไอ้ตัวแสบ



*************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ

สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่

Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 1 (1/06/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 01-06-2019 11:44:50
 :pig2: :pig2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 1 (1/06/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-06-2019 15:32:46
เริ่มเรื่องก้อสนุกแล้ว.. ติดตามค่า   o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 1 (1/06/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 12-06-2019 00:49:22
 มาต่อไวไวนะคะ
หัวข้อ: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 2 (12/06/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 12-06-2019 11:42:13
ตอนที่ 2

“อ้าว ภัทร” เสียงเปิดประตูห้องพร้อมคำทักทายดังขึ้นทำให้คนที่กำลังแอบดูโน๊ตบุ๊คสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ

“อ๊ะ”

โครม!!! เสียงแก้วที่ใส่ปากกาหล่นลงบนพื้นจนข้าวของกระจัดกระจาย เพราะคนที่นั่งอยู่เผลอไปปัดตอนที่ลุกขึ้นยืน

“เอ้า ไอ้ภัทร ซุ่มซ่ามอีกแล้วนะ ดูซิข้าวของฉันพังพินาศหมด”

“โห พี่พงศ์มันเป็นอุบัติเหตุอ่ะ ก็พี่มาเงียบๆจนภัทรตกใจ” คนที่ถูกกล่าวหาว่าซุ่มซ่ามบ่นอุบอิบ

“ไอ้ภัทร นี่ห้องทำงานของฉัน การที่ฉันจะเข้าห้องทำงานตัวเองต้องเคาะประตูบอกด้วยเหรอ ว่าแต่แกกำลังทำอะไรอยู่ถึงได้ตกใจน่ะ” เมื่อพูดจบพงศกรก็ไปดูโน๊ตบุ๊คตัวเองเพื่อสำรวจดูว่าน้องชายตัวเองเล่นซนอะไรกับข้าวของของเขาบ้าง

“ภัทรไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แค่ดูภาพที่ค้างที่หน้าจอนิดหน่อยเอง” วรภัทรรีบปฎิเสธพี่ชายเขาแค่สนใจลายผ้าสวยๆพวกนั้น

“เออๆ ว่าแต่เรามีอะไรกับพี่หรือเปล่าถึงได้มาซนที่ห้องนี้” พงศกรถามขึ้นอีก เพราะน้องชายของเขาคงไม่ได้มานั่งรอเล่นๆที่ห้องเขาแน่ๆ

“ก็พ่อบอกให้ภัทรมาคุยกับพี่พงศ์เรื่องแบบคอลเล็คชั่นใหม่ที่พี่ดูแลแทนพี่พลอย” วรภัทรย่นจมูกเมื่อคิดถึงเรื่องที่เขาอ้อนขอเปิดร้านตัดเสื้อของตัวเอง แต่พ่อกับแม่ขอร้องให้เขามาช่วยที่บริษัทช่วงที่พี่สาวลาคลอดเสียก่อน ไว้พลอยลดากลับมาทำงานเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกันใหม่

“ก็ที่แกดูเมื่อกี้ไง คอลเลคชั่นใหม่คราวนี้จะใช้ผ้าไทยมาประกอบด้วย”

“หือ ผ้าไทยใช้ทำอะไร กระเป๋า รองเท้า” วรภัทรครุ่นคิดแบบต่างๆที่ผ่านมา

“นั่นคือโจทย์ไง ส่วนจะเป็นแบบไหน เดี๋ยวพี่พาไปคุยกับหัวหน้าทีมฝ่ายดีไซน์” พงศกรลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูพร้อมบอกเลขาหน้าห้องก่อนพยักหน้าให้วรภัทรเดินตามไป

“สวัสดีครับพี่กุ๊ก” วรภัทรยกมือไหว้ทักทายหัวหน้าทีมฝ่ายดีไซน์อย่างสนิทสนม เขาเคยมาฝึกงานช่วงปิดเทอมที่นี่ ก็ได้เธอคอยสอนงานช่วยเหลือหลายอย่าง

“สวัสดีค่ะน้องภัทร กลับมาแล้วเหรอคะ ตกลงจะมาทำงานที่นี่แล้วใช่ไหมคะ” กฤติกาเอ่ยทักชายหนุ่มที่ไปเรียนออกแบบเพิ่มเติมหลายเดือนที่ฝรั่งเศส

“เพิ่งกลับมาได้ไม่ถึงอาทิตย์ครับ”

“เลยให้มาช่วยพี่กุ๊ก ช่วงที่พี่พลอยลาคลอดน่ะครับ ดูโปรเจคผ้าไหม” พงศกรอธิบายแทนน้องชายเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวยังไม่ตอบคำถาม

“ดีค่ะ เผื่อได้ไอเดียใหม่ๆเพิ่มขึ้น” หญิงสาวเชื่อในฝีมือของวรภัทร จากที่ได้ร่วมงานกันมา ชายหนุ่มมีแนวคิดและมุมมองดีๆที่นำไปใช้ประโยชน์ได้มากมาย

วรภัทรเป็นลูกชายคนเล็กของเจ้าของบริษัทแบรนดังจำหน่ายกระเป๋าและรองเท้าที่วางขายทั้งในไทยและต่างประเทศ เพราะมีสายเลือดนักออกแบบเจ้าตัวจึงเลือกเรียนทางด้านแฟชั่นดีไซน์ซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มสนใจทางด้านออกแบบเสื้อผ้าถึงขั้นไปเรียนเพิ่มเติมและมีความมุ่งมั่นจะเปิดร้านเสื้อผ้าของตัวเอง

“น้องภัทรลองศึกษาดูนะคะ” กฤติกายื่นแฟ้มรายละเอียดให้ชายหนุ่ม

“ถ้ามีอะไรสงสัยก็เข้ามาคุยกับพี่เค้า” พงศกรบอกน้องชาย ใจจริงเขาอยากให้เจ้าตัวมานั่งทำงานที่บริษัทเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย แต่ด้วยนิสัยดื้อรั้นของน้องชายคงไม่อยากให้อะไรหรือใครมาเปลี่ยนความตั้งใจของตัวเอง

“ขอบคุณมากครับ งั้นภัทรลาพี่กุ๊กเลยแล้วกัน สวัสดีครับ” วรภัทรรับแฟ้มเอกสารก่อนยกมือไหว้ลาหญิงสาว

“สวัสดีค่ะ” กฤติกาลุกขึ้นเพื่อยืนส่งคนทั้งคู่

เพล้ง!!! ยังไม่ทันที่พงศกรจะเดินออกไปจากโต๊ะ วรภัทรก็ปัดเอากระถางเล็กๆของต้นพลูด่างตกลงมาแตกเสียแล้ว

“ไอ้ภัทร เอาอีกแล้วนะ” พงศกรอุทานขึ้นด้วยความอ่อนใจ ก่อนหันไปขอโทษเจ้าของต้นไม้ที่น้องชายเขาทำแตก

“ขอโทษครับพี่กุ๊ก เดี๋ยวภัทรเก็บให้” เจ้าตัวรีบวางแฟ้มที่เป็นสาเหตุทำให้กระถางแตกลงบนเก้าอี้ก่อนลงไปนั่งเก็บเศษกระถาง

“ไม่เป็นไรค่ะน้องภัทร เดี๋ยวพี่เรียกแม่บ้านมาจัดการค่ะ” กฤติการีบบอกชายหนุ่มก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นอีก

“งั้นเดี๋ยวภัทรซื้อกระถางมาให้พี่กุ๊กใหม่นะครับ ขอโทษจริงๆ” วรภัทรยกมือไหว้ขอโทษด้วยความสำนึกผิด

“ภัทรพี่ว่าเรารีบเดินออกมาดีกว่านะ ก่อนที่ข้าวของพี่กุ๊กจะเสียหายขึ้นมาอีก” พงศกรพูดขัดขึ้นมา

“พี่พงศ์” วรภัทรหันมาทำหน้าหงิกใส่พี่ชายที่ชอบว่าเขาอยู่เรื่อย

“เฮ้อ น้องภัทร ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีก็ยังซุ่มซ่ามไม่หายเลยนะ” กฤติกาส่ายหัวอย่างอ่อนใจ เมื่อสองพี่น้องเดินออกจากห้องทำงานของเธอไปแล้ว


กว่าจะออกจากบริษัทได้ก็บ่ายกว่าๆ วรภัทรขับรถมาหาปัญญวัฒน์ที่บริษัท วันนี้เพื่อนของเขาเข้ามาจัดการส่งต่องานให้พนักงานใหม่ดูแลก่อนที่จะไปเรียนต่อ พอจอดรถเรียบร้อยแล้ววรภัทรเดินเข้าไปรอเพื่อนสนิทที่ร้านกาแฟตรงชั้นหนึ่งของตึกออฟฟิต กลิ่นหอมๆของกาแฟแถมขนมเค้กที่จัดเรียงในตู้ดูยั่วน้ำลายไม่เบา ท้องของเขาเริ่มประท้วงเพราะมัวแต่คุยกับคนโน้นคนนี้จนลืมเวลา รู้สึกตัวอีกทีก็เลยเวลาพักกลางวันแล้วอีกทั้งกลัวว่าเพื่อนจะคอยนาน จนไม่ได้หาอะไรทาน

‘กว่าปันจะลงมาคงอีกนาน ไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า’ เร็วเท่าความคิดวรภัทรเดินไปสั่งเค้กกับโกโก้เย็น ใจจริงเขาก็อยากลองชิมกาแฟที่นี่ดูเหมือนกัน แต่กลัวว่าทานตอนนี้จะนอนไม่หลับ เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว เขาเดินไปรอของที่สั่งตรงช่องถัดจากเคาน์เตอร์แคชเชียร์

หลังจากที่ได้ของเรียบร้อยแล้ว วรภัทรยกถาดเค้กและเครื่องดื่มกลับหลังหันถาดที่ถือไปชนใครคนหนึ่งอย่างจัง โกโก้เพิ่มวิปครีมหกใส่แขนเสื้อชายคนนั้น แถมเค้กก็ลื่นตกจะจานมานอนแอ้งแม้งบนถาดหมิ่นเหม่จะพลัดตกลงบนพื้นเต็มที

“เฮ้ย คุณเดินระวังหน่อยซิ กาแฟคุณหกใส่ผมเปื้อนหมดแล้ว”

“คุณ นั่นแหละเดินไม่ระวัง ผมยืนหันหลังอยู่จะเห็นได้ยังไง ผมไม่มีตาหลังนะ ออ แล้วที่หกรดคุณนั่นโกโก้ไม่ใช่กาแฟ” วรภัทรโวยวายกลับทันควัน พลางมองวิปครีมที่เปรอะเปื้อนบนแขนชายหนุ่มด้วยความเสียดายเพราะในแก้วโกโก้แทบไม่เหลือวิปครีมให้เขากินเลย โชคยังดีที่ตัวเค้กมีพลาสติกพันไว้อีกชั้นจึงสามารถทานได้อยู่แม้ว่าครีมที่ตกแต่งหน้าเค้กจะดูเละๆไปหน่อย

“อะไรเนี่ย ทำผิดแล้วขอโทษสักคำก็ไม่มี”

“คุณต่างหากที่ผิด ที่ต้องขอโทษ” วรภัทรเริ่มโมโหก่อนเงยหน้ามองคนที่ตัวสูงกว่า

“คุณนั่นแหละที่ต้องขอโทษผม เห็นไหมเสื้อผมเปื้อนไปหมดแล้ว”

“ไม่ เอ๊ะคุณนี่หน้าคุ้นๆนะ เราเคยเจอกันมาก่อนใช่ไหม” วรภัทรพยายามนึกว่าเจอผู้ชายคนนี้ที่ไหน

“อะไร ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย คุณจะเอายังไงก็ว่ามา”

วรภัทรวางถาดลงบนโต๊ะใกล้ๆก่อนพิศใบหน้าผู้ชายคนนั้นอยู่นาน ก่อนโพล่งออกไปอย่างนึกได้ว่าเขาเคยเจอนายคนนี้ที่ไหน

“นึกออกแล้ว ปากแบบนี้ นายนี่เองไอ้โรคจิต อุ๊บ อื้อๆ....”

พสุธาเบิกตามองผู้ชายตรงหน้า ก่อนตรงเข้าไปเอามือปิดปากชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งหันไปมองรอบๆด้วยความตกใจ

“อ่อยนะ ไอ้อ้า” เสียงที่เล็ดลอดออกมาพร้อมแขนขาที่พยายามประทุษร้าย พสุธาเบี่ยงตัวหลบเข่าที่ยกมากระแทกตรงกลางลำตัวเขาได้อย่างเฉียดฉิว พร้อมทั้งหันมาล็อคคอปิดปากวรภัทรทางด้านหลัง

“ไม่ได้แอ้มหรอก มุกเดิมๆใช้ไม่ได้ผลแล้ว”

วรภัทรพยายามดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมแขนของพสุธาแต่พยายามยังไงก็ไม่สามารถหลุดออกจากอ้อมแขนเขาได้ วรภัทรกระทืบใส่เท้าข้างหนึ่งของพสุธาเมื่อเขาเผลอ

“โอ๊ย ฤทธิ์มากนักนะ ไอ้ตัวแสบ”

“อ่อยอันอ๊ะ”

“เงียบก่อน ถ้าไม่หยุดโวยวายก็ไม่ปล่อย” พสุธากระซิบขู่ที่ข้างหู แล้วหันไปบอกพนักงานว่าไม่มีอะไร พร้อมขอโทษขอโพย ก่อนพยายามลากชายหนุ่มออกมาจากร้านโดยไม่สนใจสายตาที่มองมาอย่างใคร่รู้จากคนในร้าน พนักงานอยากจะยื่นมือมาช่วยคนตัวเล็กที่ถูกจับอยู่หรอก แต่เกรงบารมีเพื่อนของภาสวรเจ้าของบริษัทพ่วงเจ้าของตึกที่เขาทำงานอยู่

“อื้อๆ” วรภัทรพยายามฝืนกายไว้ไม่ยอมให้พสุธาลากเขาออกไปจากร้าน ระหว่างที่กำลังดิ้นรนอยู่นั้นประตูร้านได้ถูกผลักพร้อมกับปัญญวัฒน์ที่เดินเข้ามาด้านในร้าน

“คุณดิน ภัทร เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย” ปัญญวัฒน์มองสองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ

“อื้อๆ อันอ่วยอ้วย” วรภัทรพยายามส่งเสียงบอกเพื่อนสนิท

“คุณดินครับปล่อยเพื่อนผมก่อน” ปัญญวัฒน์พูดกับพสุธาเมื่อเห็นวรภัทรหน้าแดงกล่ำน้ำตาคลออย่างหน้าสงสาร

“เฮ้ย ไอ้ดิน นี่มันอะไรกัน” ภาสวรที่ตามปัญญวัฒน์เข้ามาเอ่ยถามด้วยความตกใจ ก่อนเข้ามาช่วยดึงวรภัทรให้ออกมาจากพสุธา

“ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ปันแจ้งตำรวจเลยไอ้บ้านี่มันทำร้ายเรา” พอหลุดจากพสุธาได้วรภัทรก็ชี้หน้ากล่าวโทษอย่างไม่ไว้หน้า

“ภัทรใจเย็นก่อน” ปัญญวัฒน์ปลอบเพื่อนสนิทของตัวเอง

“ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว มึงก็เห็นว่ามันทำอะไรก- เรา” วรภัทรรีบเปลี่ยนสรรพนามทันทีที่เห็นสายตาดุๆของเพื่อนสนิท

“มีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆจากันนะ เดี๋ยวไปคุยกันที่ห้องพี่แล้วกัน” ภาสวรค่อยๆตะล่อมวรภัทร เขาเคยได้ยินปัญญวัฒน์พูดถึงเพื่อนคนนี้ว่านิสัยเอาแต่ใจ ขี้วีนไม่ต่างจากลูกชายเขาสักเท่าไหร่ เพราะเคยรับมือเพื่อนสนิทมาตลอดตั้งแต่เด็กเลยสามารถรับมือน้องเรนได้อย่างสบายๆ

“แต่...”

สายตาที่มองเค้กในถาดตาละห้อย ทำให้ ภาสวรหันไปเรียกผู้จัดการร้านที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ไม่ไกลให้เข้ามาหา

“คุณอุ๊ ผมขอกาแฟที่คุณพสุธาสั่ง แล้วก็ของภัทรเค้กกับโกโก้ใช่ไหม” ภาสวรหันมาถามชายหนุ่มที่ทำหน้าง้ำไม่พอใจอยู่ข้างปัญญวัฒน์

“ใช่ครับโกโก้เพิ่มวิปครีมด้วย แต่เค้กชิ้นนี้ยังทานได้นะครับ” วรภัทรหันมาตอบภาสวรอย่างรวดเร็ว ตอนแรกที่ภาสวรพูดกับผู้จัดการร้านเรื่องกาแฟของไอ้หมอนั่น เขาคิดว่าชายหนุ่มสนใจแต่เพื่อนของตัวเองไม่สนใจเขาสักนิด ‘เดี๋ยวจะยุให้ปันเลิกกับพี่เลยไม่สนับสนุนพี่ภาคแล้ว’ แต่เมื่อภาสวรหันมาถามเขาด้วย คะแนนที่ติดลบของภาสวรก็ค่อยเพิ่มพูนขึ้นมาเหมือนเก่า ‘ขอโทษนะครับที่ผมว่าพี่เมื่อกี้’ วรภัทรได้แต่ขอโทษชายหนุ่มอยู่ในใจ

“ครับเอาชิ้นนี้กับชิ้นใหม่ด้วยแล้วกัน...”

“เอาเค้กใบเตยมะพร้าวอ่อนนะครับ” วรภัทรเอ่ยขัดขึ้นเพราะตอนแรกลังเลที่จะเลือกระหว่างเค้กช็อคโกแลตกับเค้กใบเตยมะพร้าวอ่อนในเมื่อภาสวรใจดีเขาอยากกินทั้งสองชิ้นเลย ทำเอาปัญญวัฒน์อยากจะหยิกเพื่อนตัวดีที่ฉีกยิ้มอารมณ์ดีดี้ด้าผิดจากที่เขามาเจอตอนที่เข้ามาลิบลับ

“ครับคุณอุ๊ ตามนั้น ขอกาแฟกับโกโก้ให้ผมกับปันด้วยนะ เอาไปให้บนห้องทำงานผม นี่ครับ” ภาสวรยื่นเงินให้ผู้จัดการร้าน ก่อนหันมาพยักหน้าให้คู่กรณีทั้งสองให้เดินตามเขามา

พสุธาเดินรั้งท้ายมองวรภัทรด้วยความหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ทำไมวันนี้เขาได้ซวยแบบนี้ คิดว่าคงไม่เจอกันแล้ว เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันนานจนเขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าจะโดนสะกิดรื้อฟื้นขึ้นมาอีก

“ไอ้ดิน เดินเร็วๆซิวะ เดี๋ยวมึงไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องกูก่อนเลอะเทอะไปหมดแล้ว” ภาสวรชะลอฝีเท้าเพื่อจะมาคุยกับเพื่อนสนิท

“เออ เพราะไอ้ตัวแสบนั่นเลยทีเดียว” พสุธากระแทกเสียงใส่เพื่อนก่อนพึมพำด้วยความหงุดหงิด ทำเอาภาสวรได้แต่มองคู่กรณีทั้งสองด้วยความสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคนทั้งคู่กันแน่



****************
สวัสดีค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
อยากจะขอคอมเม้นท์เพื่อขัดเกลา ปรับปรุงในการแต่งนิยายต่อไป และเป็นกำลังใจในการเขียนกันหน่อยค่ะ

สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)

หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 2 (12/06/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-06-2019 21:41:26
น้องภัทรดูจะแสบ พี่ดินคงเหนื่อยปราบหน่อย รอจ้า  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 2 (12/06/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 12-06-2019 22:04:07
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 2 (12/06/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-06-2019 21:59:15
พระเอกมีลูกแล้ว? :hao4:
หัวข้อ: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 3 (22/06/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 22-06-2019 11:04:37
ตอนที่ 3

“ห๊ะ ภัทรเขาเข้าใจว่ามึงคือไอ้โรคจิตนั่น” ภาสวรอุทานหลังจากที่ฟังพสุธาเล่าเรื่องที่เจอกันก่อนหน้านี้ให้ฟัง

“เออดิ กูคิดว่าไม่ได้เจอกันแล้วแท้ๆ ซวยจริงๆ เพี้ยง! ขอให้เค้กติดคอตาย” พสุธาบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นคู่กรณีกินเค้กไปพูดคุยยิ้มแย้มอยู่ในห้องข้างๆกับปัญญวัฒน์โดยไม่รู้สึกผิดเลยด้วยซ้ำ

“หึ มึงนี่ทำอะไรเป็นเด็กไปได้ ไปออกไปข้างนอกกัน” ภาสวรรู้สึกขำท่าทางของพสุธาที่พยายามแอบมองสาปแช่งคู่กรณี

ส่วนอีกด้านหนึ่งปัญญวัฒน์พยายามตะล่อมถามเรื่องราวกับวรภัทรเมื่อเห็นเพื่อนอารมณ์ดีใจเย็นขึ้นแล้ว

“ภัทรตกลงเกิดอะไรขึ้นในร้านกาแฟเหรอ”

“ก็อย่างที่มึงเห็นไอ้โรคจิตมันทำร้ายกู นี่คงกะจะพากูไปซ้อมข้างนอกแน่ๆ”

“เฮ้ย ไม่น่าใช่ แล้วทำไมมึงเรียกเขาว่าโรคจิต” ปัญญวัฒน์ขมวดคิ้วอย่างไม่แน่ใจ เพราะจากที่รู้จักหรือพูดคุยกันมาพสุธาไม่มีลักษณะทีท่าซ้อมคนเป็นว่าเล่นหรือเป็นโรคจิตอย่างที่เพื่อนกล่าวหาเลย

“โอ๊ยเรื่องมันยาว ไว้ว่างๆกูจะเล่าให้ฟัง ขอกูกินนี่ก่อนนะ” วรภัทรเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ เค้กที่อยู่ตรงหน้าเขาน่าสนใจกว่าคุยเรื่องหมอนั่นตั้งเยอะ

“อืม มึงกินไปฟังกูไปแล้วกันนะ ถือว่ากูขอร้อง” ปัญญวัฒน์พูดไปมองท่าทีของเพื่อนไปด้วย เมื่อเห็นวรภัทรพยักหน้าหงึกหงักเชิงรับคำเขาจึงพูดต่อ

“มึงจำเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลตอนที่ไปรอรันเมื่อคราวก่อนได้ไหม ที่เราไปรอที่ร้านน้ำปั่นน่ะ” ปัญญวัฒน์เท้าความถึงตอนที่พวกเขาไปหาศรัณเพื่อนสนิทในกลุ่มที่กำลังเรียนแพทย์ปี5ขึ้นปี6

“จำได้ทำไมเหรอ” วรภัทรตอบพลางพยักหน้าหงึกหงักไปด้วย

“วันนั้นมีคุณหมอกำลังรอกาแฟอยู่ก่อนหน้าพวกเราแต่มีประกาศเรียกตัวที่ห้องฉุกเฉินทำให้ต้องรีบไป โดยบอกพนักงานที่รู้จักกันให้นำไปให้เขาใช่ไหม”

“ใช่ๆ ดูรีบมากจนแทบจะชนกูที่อยู่ด้านหลังเลยอ่ะ” วรภัทรพูดขึ้นอย่างนึกได้

“แล้วถ้าวันนั้นกาแฟคุณหมอเสร็จพอดี แล้วหันมาชนมึงจนกาแฟหกรดมึง มึงจะโกรธเขาไหม”

“โกรธดิ เฮ้ยมันไม่เหมือนกัน นั่นเขารีบไงมีความเป็นความตายของคนไข้นะโว๊ย ส่วนนี่ไม่ใช่ แล้ววันนั้นกูไม่ได้เลอะด้วย” วรภัทรเริ่มเข้าใจว่าเพื่อนต้องการจะสื่อความหมายอะไร เขาจึงแก้ตัวพัลวัน

“ใช่มันไม่เหมือน แต่ก็กรณีมึงกับคุณดิน ถ้ามึงเป็นคนเลอะมึงก็โกรธใช่ไหม แถมคนทำยังไม่รู้สึกผิดอีก กูว่าถ้าเป็นมึงคงจะกระโดดต่อยปากเขาไปแล้ว” ปัญญวัฒน์พูดขัดขึ้นเพราะเขารู้จักเพื่อนสนิทดี สมัยอยู่มหาวิทยาลัยมีเรื่องมีราวตลอดเพราะท่าทียียวนไม่สนน่าอินทร์หน้าพรหมชวนให้ใครต่อใครหมันไส้จนนาวินเพื่อนสนิทในกลุ่มอีกคนต้องออกโรงคอยไกล่เกลี่ยเคลียร์เรื่องให้บ่อยๆ

“...”

“ถือว่ากูขอร้อง ขอโทษคุณดินซะ เพราะยังไงมึงก็ทำให้เขาเลอะเดือดร้อนจนต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า”

“เออๆ เลิกพูดเหอะ มึงทำเค้กกูกร่อยหมด” วรภัทรรับคำอย่างขอไปที เขารู้ดีว่าถ้าไปพูดออกไปเพื่อของเขาคงจะกดดันไม่เลิก ชายหนุ่มหันไปทานเค้กที่เหลือต่อโดยไม่สนใจปัญญวัฒน์ที่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายในความดื้อดึงของเขามากแค่ไหน
หลังจากใช้เวลาไม่นานปัญญวัฒน์สะกิดวรภัทรที่กำลังเพลิดเพลินกับขนมเค้กให้สนใจคนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องรับรองแขกวรภัทรหันไปยิ้มให้ภาสวรก่อนทำหน้าบึ้งเมื่อเห็นคนที่เดินตามหลังเข้ามา

“คุณดินเป็นอย่างไรบ้าง ต้องขอโทษแทนภัทรด้วยนะครับ” ปัญญวัฒน์รีบขอโทษพสุธาแทนเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ไม่สนใจใครเอาแต่ก้มหน้าก้มตากิน

“ปันไม่ต้องขอโทษหรอก คนที่ควรขอโทษยังไม่สำนึกสักนิดเลย” พสุธาจ้องวรภัทรอย่างเอาเรื่อง

“ไอ้ดิน กูขอ” ภาสวรตบไหล่เพื่อนเพื่อห้ามปราม

“ก่อนที่มึงจะขออะไรกู มึงควรดูนู่นก่อนนะ” พสุธาพยักพเยิดไปทางวรภัทรไม่สนใจอะไร พอทานเสร็จก็ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์เจตนากวนตีนเขาชัดๆ

“เอาน่า มึงใจเย็นๆก่อนนะ ปันเห็นว่านัดกับเพื่อนไว้ไม่ใช่เหรอรีบไปเถอะเดี๋ยวจะสาย” ภาสวรหันไปพูดกับพสุธาก่อนหันมาคุยกับปัญญวัฒน์เพื่อจะแยกทั้งคู่ให้ออกจากกันโดยเร็วที่สุด เพราะพสุธาเริ่มหัวเสียขึ้นมาอีกแล้ว ขืนยังอยู่ใกล้กันต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้

“นั่นซิ ภัทรไปกันเถอะเดี๋ยวรถติด” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ลาพสุธาพร้อมทั้งรีบดึงเพื่อนสนิทออกมาจากห้องเมื่อเห็นสายตาดุๆของชายหนุ่มที่มองมา

“ขอโทษที่ทำเสื้อนายเลอะ และขอบคุณพี่ภาคด้วยเค้กอร่อยมากครับ” วรภัทรโพร่งขึ้นมาเสียงสะบัดหน่อยๆเมื่อเดินผ่านคู่กรณีก่อนเดินออกจากห้องไป พร้อมเอ่ยขอบคุณภาสวรด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลจนคนที่อยู่ในห้องรับรู้ได้ว่าเจ้าตัวจงใจ

“ไอ้ภาคมึงดู ไอ้ตัวแสบมันกวนตีนกูชัดๆ” พสุธาเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด

“เออๆกูเห็นแล้ว เขาไปแล้วมึงก็ใจเย็นได้แล้ว ถ้าใครมาเห็นจะเสียชื่อผู้บริหารดีเด่นหมด” ภาสวรพยายามพูดให้เพื่อนหายจากอาการฮึดฮัด   


--- Designer’s Love ---


“ภัทรไม่น่าไปทำแบบนั้นเลย” ปัญญวัฒน์บ่นพึมพำหลังจากที่วรภัทรขับรถออกมาจากบริษัทแล้ว

“แบบนั้นน่ะแบบไหน”

“ก็ที่ภัทรไปยั่วโมโหคุณดินแทนที่จะขอโทษเขาดีๆ งานนี้มึงผิดเต็มๆเลย”

“ปัน กูไม่ผิดนะกูขอโทษ ไอ้โรคจิตนั่นตามที่มึงบอกแล้ว”

   “เฮ้อ กูไม่พูดกับมึงแล้ว ขับรถดีๆล่ะ” ปัญญวัฒน์ค้านที่จะต่อปากต่อคำกับชายหนุ่ม

   หลังจากที่ผ่ามรสุมรถติดพวกเขาก็มาถึงที่หมาย ร้านหมูกระทะที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักของศรัณนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้าย วันนี้กลุ่มเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่เด็กนัดเจอกัน ทั้งๆที่ปกติก็เจอกันบ่อยๆแต่เพราะว่าที่คุณหมอช่วงนี้ยุ่งมากจนไม่มีเวลาเจอเพื่อนฝูงพวกเขาจึงนัดกันในที่ๆศรัณสะดวกมาเจอกันแม้จะชั่วโมงหรือสองชั่วโมงก็ยังดี 

   “รันรอนานไหม” ปัญญวัฒน์เอ่ยทักเมื่อเห็นเพื่อนสนิทยืนรออยู่หน้าร้าน

   “เพิ่งมาเหมือนกัน รอแป๊บนึงนะเขากำลังเคลียร์โต๊ะให้อยู่” ศรัณปิดปากหาวออกมา เมื่อคืนเขาอยู่เวรดึกที่อีอาร์พอออกเวรก็ต้องเดินราวน์ตามอาจารย์ตรวจคนไข้ช่วงเช้าทุกวันเป็นปกติ แถมตอนบ่ายเขายังต้องสรุปเคสเขียนรายงานกว่าจะเสร็จแทบหมดแรง โชคดีที่ปัญญวัฒน์โทรมาเตือนว่าวันนี้พวกเขามีนัดกันไม่งั้นเขาคงกลับไปหลับยาวที่หอแล้ว

   “ไอ้วินยังไม่มาเหรอ” วรภัทรมองหาเพื่อนสนิทอีกคน

   “ยังไม่มา เห็นบอกว่ารถติด” ศรัณตอบก่อนเดินตามพนักงานไปที่โต๊ะ

   “จะสั่งอะไรบ้าง” ปัญญวัฒน์ถือปากกาเตรียมจดออเดอร์หันมาถามวรภัทรที่นั่งอยู่ข้างเขา

   “เอาจิ้มจุ่มด้วยอยากกิน” วรภัทรหันไปมองโต๊ะข้างๆที่มีหม้อจิ้มจุ่มดินเผาวางคู่กับกระทะร้อน

   “เอาหมูไลด์ เบคอน ไก่ กุ้ง ปลาหมึกมาอย่างละสองก่อนแล้วกัน เดี๋ยวไอ้วินมาค่อยสั่งเพิ่ม แล้วก็กิมจิด้วยนะ” ศรัณกะคร่าวๆสิบถาดน่าจะหมด

   “ครับตามนั้น โค๊กขวดลิตรแล้วน้ำแข็ง1ถังเปล่า” ปัญญวัฒน์หันมายื่นออเดอร์ให้พนักงาน

   “อีกที่จะมาเมื่อไหร่ครับ” พนักงานเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าลูกค้าบอกว่ามากันสี่ที่

   “ใกล้จะถึงแล้ว” ศรัณตอบแทน เพราะเพื่อนของเขาส่งข้อความมาบอกว่ารถติดอยู่ห่างจากนี่ไม่ถึงสองร้อยเมตร

   “ครับงั้นรอสักครู่เดี๋ยวพนักงานยกเตาเข้ามาวางให้ครับ” หลังจากที่พูดจบ บริกรก็โค้งอย่างสุภาพก่อนเดินออกไป

   “ร้านนี้นักศึกษาเยอะอ่ะ” วรภัทรพูดขึ้นหลังจากที่มองไปทั่วร้าน

   “ก็มหาวิทยาลัยอยู่ใกล้ๆ แถมย่านนี้หอพัก คอนโดเพียบขนาดนี้ แล้วมึงคิดว่าลูกค้าร้านนี้จะเป็นใครไปได้วะ” ศรัณส่ายหัวเบาๆกับความคิดของเพื่อนตัวเอง

   “ก็ตอนที่กูเรียนไม่เคยมาอ่ะ” วรภัทรย่นจมูก

   “ร้านนี้เพิ่งเปิดมาปีกว่าๆได้มั้ง” ศรัณตอบเพราะร้านนี้มาเปิดแทนที่ร้านเหล้าที่ปิดตัวไป เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจแล้วก็คู่แข่งมากมายที่เปิดร้านกันอยู่ไม่ไกล

   หลังจากที่เครื่องดื่มถูกนำมาเสิร์ฟไม่นาน อาหารก็นำออกมาเสิร์ฟพร้อมกับนาวินที่เดินมาที่โต๊ะพอดี

   “เอาอะไรเพิ่มไหม” ปัญญวัฒน์ยื่นกระดาษที่เขียนออเดอร์ให้เพื่อนที่เพิ่งมา

   “ทำไมนัดกันที่นี่วะ ทำกินเองที่บ้านน่าจะสนุกกว่า” นาวินเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ส่งออเดอร์ให้พนักงานเรียบร้อยแล้ว

   “ถ้านัดกันที่บ้านก็ไม่เจอไอ้รันดิ ช่วงนี้มันอยู่เฝ้าโรงพยาบาลจนหน้าตาใกล้เคียงซอมบี้เข้าไปทุกทีแล้ว” วรภัทรตอบแทนเพราะบ้านพวกเขาอยู่ใกล้กัน เรียนมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แถมนาวินเป็นพวกคลั่งปาร์ตี้ชอบนัดเพื่อนๆมาทำอะไรกินที่บ้านบ่อยๆ

   “กูหมายถึงทำไมนัดร้านนี้ทำไมไม่นัดร้านเหล้าอะไรพวกนั้น” นาวินรีบอธิบายเมื่อเห็นเพื่อนตีความที่เขาพูดผิดไป

   “ไอ้รันเป็นคนเลือก” วรภัทรโป๊ยทันทีที่เข้าใจ

   “กูเห็นพวกมึงชอบกินหมูกระทะกันเลยเลือกร้านนี้ ถ้ามึงจะดื่มเบียร์ก็สั่งเลยแต่กูขอบายว่ะกลัวน็อคไปเสียก่อนง่วงมากเลย” ศรัณปิดปากหาวมาอีกรอบ

   “เสียดายนะหนูนายังไม่กลับ ไม่งั้นคงจะเจอกันครบ” ปัญญวัฒน์นึกถึงสาวสวยคนเดียวของกลุ่ม นาราเป็นน้องสาวฝาแฝดของนาวินที่ตอนนี้กำลังเรียนปริญญาโทอยู่ที่อเมริกา

   “เห็นบอกว่าจบแล้วจะขอทำงานที่โน่นต่ออีกปี แถมโปเฟสเซอร์รับรองกรีนการ์ดให้อีกตังหาก” นาวินบอกเพื่อนๆหลังจากที่ทราบว่าน้องสาวจะอยู่ที่นั่นต่อ

   “น่าไปหาอ่ะ จะได้ไปเที่ยวด้วย เอ้าไอ้รันกินๆอย่าเพิ่งหลับนะโว๊ย” วรภัทรพูดขึ้นเมื่อเห็นศรัณเงียบไปจนน่ากลัวว่าเพื่อนจะหลับคาโต๊ะไปเสียก่อน

   “ฟังอยู่ ไม่หลับหรอก พวกมึงเล่นคุยกันเสียงดังขนาดนี้” ศรัณพลิกหมูไปมาก่อนไปวางในจานปัญญวัฒน์ที่กำลังเฝ้าหม้อจิ้มจุ่มว่าเดือดหรือยังจะได้ใส่พวกผักลงไป

“พวกมึงกูมีเรื่องจะฟ้อง...” ปัญญวัฒน์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ร้านกาแฟให้ศรัณกับนาวินฟังระหว่างที่รอผักและหมูในหม้อจิ้มจุ่มสุก

“พี่ดินที่เป็นพี่ชายของพี่ลมใช่ไหม” นาวินถามขึ้นอย่างนึกได้ เพราะลม ไอรา นักร้องชื่อดังคนนี้เป็นรุ่นพี่ที่คณะของเขาและเป็นพี่รหัสของนารา ฝาแฝดของเขาอีกด้วย

“ใช่แล้วและภัทรทำตัวไม่น่ารักเอาเสียเลย” ปัญญวัฒน์พยักหน้าตอบ

“หึๆ ปัน มึงท่าจะเลี้ยงหลานมากไปแล้วนะ” นาวินขำคำพูดของเพื่อนสนิท อาจเพราะต้องช่วยเลี้ยงหลานสองคนพ่วงกับลูกชายเจ้านาย คนรักของตัวเองทำให้เพื่อนติดคำพูดที่ใช้ดุเด็กๆเอามาใช้กับพวกเขา

“พวกมึงน่ะ ไม่รู้อะไร ไอ้บ้านั่นเป็นโรคจิต” วรภัทรค้านขึ้นมาทันควันเมื่อถูกเพื่อนๆรุม

“ทำไมมึงไปว่าพี่เขาแบบนั้น” ศรัณถามอย่างสงสัย

“ก็...” วรภัทรจึงเล่าเหตุการณ์ที่เขาเจอพสุธาครั้งแรกที่ในห้องน้ำของโรงแรมที่จัดงานแต่งงานของศรุตและปาลิดา

“หือ กูว่าไม่ใช่และ พี่ดินไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น” นาวินขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เขาไม่รู้รสนิยมพสุธาแต่เพราะผู้บริหารโรงแรมถ้าจะทำเรื่องอย่างว่าไปเปิดห้องเป็นเรื่องเป็นราวดีกว่าไหม เรื่องอะไรจะเอาชื่อเสียงโรงแรมมาเสี่ยงแบบนี้ แต่เพื่อนเขาก็ไม่น่าจะโกหกใครจะรู้ว่าผู้บริหารหนุ่มไฟแรงเนื้อหอมอาจมีรสนิยมแบบนั้นก็เป็นได้

“ใช่ กูเห็นด้วยพี่ดินไม่น่าจะทำแบบนั้น มึงเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า” ศรัณเห็นด้วยกับนาวิน เพราะจากที่พบกันไม่น่าจะเป็นแบบที่เพื่อนเขาเข้าใจ

“แต่กูเห็นเต็มๆ ตอนออกมานะกางเกงยังไม่รูดซิปเลย พวกมึงไม่เชื่อกูเหรอ หาว่ากูโกหกปรักปรำเขาใช่ไหม” วรภัทรเถียงขึ้นเสียงดัง เขากำลังอารมณ์ดีๆอยู่แท้ๆเรื่องไอ้หมอนั่นทำเขาอารมณ์เสียขึ้นมาอีก

“ภัทรใจเย็นๆ พวกกูไม่คิดว่ามึงโกหก แต่สิ่งที่เห็นกับความจริงอาจจะคนละอย่างก็เป็นได้” ปัญญวัฒน์รีบปลอบเพื่อนสนิทก่อนเจ้าตัวจะอารมณ์เสียวีนแตก

“เอาเถอะ เรื่องจะเป็นยังไงก็ชั่ง ท่าทางในหม้อจะเดือดแล้ว กินกันเถอะ” นาวินตัดบทหันเหความสนใจไปก่อนที่งานจะกร่อยขึ้นมา

“ภัทรเอาหมูสไลด์เพิ่มไหม หรือเอาอะไรเพิ่มเดี๋ยวจะสั่งมาให้” ศรัณรีบรับลูกเอาใจวรภัทรขึ้นมาทันที เขาไม่อยากเสี่ยงให้เพื่อนล้มโต๊ะก่อนที่จะกินกันอิ่ม

“เอาเบคอนและกุ้งเพิ่มด้วย”

“ได้ๆ อ่ะสเต็กจิ้มแจ่วมาเสิร์ฟพอดี พวกมึงลองชิมดู” 

“อร่อย เอาเพิ่มด้วย” วรภัทรหันมาบอกเพื่อนเพิ่มออเดอร์ ศรัณจดเพิ่มไปก่อนยื่นให้พนักงาน

พอได้กินของอร่อยที่ต้องการแล้ว วรภัทรก็เริ่มกลับมาอารมณ์ดี คุยเล่นหัวเราะเรื่องราวตลกๆที่นาวินเล่าให้ฟัง ทำให้ปัญญวัฒน์ที่ลอบสบตากับศรัณที่นั่งฝั่งตรงข้ามรู้สึกโล่งใจ แต่พวกเขาก็ยังคาใจว่าทำไมเพื่อนตัวเล็กถึงได้โมโหขนาดนั้น ทั้งๆที่ปกติไม่ว่าพวกเขาจะด่าว่า ตำหนิอะไรก็ตาม วรภัทรจะพยายามฟังและทำความเข้าใจโดยดีแม้จะหงุดหงิดแต่ไม่วีนแตกขนาดนี้

วรภัทรเป็นคนที่โกรธง่ายหายเร็ว ถ้ามีเหตุผลมากพอเจ้าตัวจะรับฟัง ไม่เคยโกรธใครนาน ยิ่งกับพวกเขาแล้ว ชายหนุ่มไม่เคยโกรธได้ข้ามวันสักที อาจเพราะพวกเขารู้ดีว่าจะง้ออย่างไรให้เพื่อนหายโกรธ สรุปแล้วเรื่องระหว่างวรภัทรและพสุธามันคืออะไร ตกลงพสุธาเป็นพวกโรคจิตจริงตามที่วรภัทรกล่าวหาหรือเปล่านั้น พวกเขาคงไม่เข้าไปยุ่งหาคำตอบ พวกเขาได้แต่หวังว่าวรภัทรคงหายโกรธพสุธาโดยเร็ว เพราะลางสังหรณ์ได้บอกว่าในอนาคตคู่นี้อาจจะพบเจอกันอีก


****************

สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
อยากจะขอคอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจกันหน่อยค่ะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 3 (22/06/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 22-06-2019 12:52:04
คู่กัดชัดๆ  :hao6:
หัวข้อ: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 4 (2/07/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 02-07-2019 11:14:50
ตอนที่ 4

วรภัทรมองซ้ายมองขวาอย่างเบื่อหน่าย วันนี้เขามางานแฟชั่นโชว์ที่เพื่อนสนิทสมัยมหาวิทยาลัยเป็นนางแบบ แต่เมื่อเข้ามาในงานชายหนุ่มมองไปทางไหนก็ไม่รู้จักใครเลย ครั้นจะไปทางด้านหลังเวทีก็ไม่ได้เพราะเขาเป็นแค่คนภายนอก ได้แต่ส่งข้อความบอกเพื่อนว่าตัวเองมาถึงแล้ว

“น้องภัทร สวัสดีค่ะน้องโรสบอกพี่ว่าน้องภัทรมา มาค่ะพี่จะพาเข้าไปหาน้องโรสด้านใน” สุภาพรผู้จัดการส่วนตัวรสิกาเดินเข้ามาทักชายหนุ่ม ก่อนจะชักชวนให้ไปด้วยกัน

“สวัสดีครับพี่ฝ้าย สบายดีนะครับ” วรภัทรยกมือไหว้หญิงสาวที่อายุมากกว่าหลายปี

“สบายดีค่ะ น้องโรสบ่นคิดถึงน้องภัทรตลอด” สุภาพรรู้จักและคุ้นเคยกับชายหนุ่มดีเพราะตอนที่เธอรับหน้าที่มาดูแลรสิกา ตอนนั้นหญิงสาวยังเรียนอยู่จึงได้พบวรภัทรบ่อยๆที่มหาวิทยาลัย

“บ่นถึงผมหรือบ่นถึงขอฝากครับ” วรภัทรแซวเพื่อนตัวเองกลับ เพราะก่อนเขากลับมาเพื่อนสนิทได้ฝากซื้อของหลายอย่างแถมโอนเงินมาให้ก่อนเหมือนบังคับกลายๆว่าเขาต้องซื้อกลับมาให้ด้วย

“แหม น้องภัทรก็รู้ๆกันอยู่” ผู้จัดการสาวอมยิ้ม เพราะเธอเป็นคนไปรับของฝากมาให้เด็กในสังกัดของตัวเองเพราะเจ้าตัวติดงานที่ต่างจังหวัดกะทันหัน

เสียงดังโหวกเหวก ผู้คนดูชุลมุนวุ่นวายด้านหลังเวทีถือเป็นเรื่องปกติสำหรับช่วงเวลาสามสิบนาทีก่อนที่แฟชันโชว์จะเริ่มขึ้น นางแบบนับสิบชีวิต สไตลิสท์ ช่างทำผม และเมคอัพอาร์ทิสต์ ต่างจดจ่อกับหน้าที่ของตนเองจนแทบไม่มีใครสนใจใคร รสิกานั่งอยู่หน้ากระจกให้ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองจัดการกับใบหน้าเธอ

“ว๊ายพี่ฝ้าย พาใครมาเหรอคะ” กิ๊บซี่เมคอัพอาร์ทิสต์เอ่ยทักผู้จัดการหญิงสาวอย่างคุ้นเคย

“น้องภัทร เพื่อนสนิทโรสเขาน่ะ และนี่พี่กิ๊บซี่เมคอัพอาร์ทิสต์ชื่อดัง” สุภาพรแนะนำตัวทั้งคู่ให้รู้จักกัน วรภัทรยกมือไหว้ทักทายพร้อมมองเพื่อนสาวผ่านกระจกอย่างถูกใจ

“พี่ฝ้ายก็พูดเกินไป หนูยังไม่ดังขนาดนั้น” กิ๊บซี่สนิทสนมคุ้ยเคยกับทั้งคู่อยู่แล้วเพราะงานของเธอต้องร่วมงานกับรสิกาและผู้จัดการบ่อยๆ

“พี่แต่งหน้าสวยจังเลยครับ” วรภัทรเอ่ยชมเมคอัพอาร์ทิสต์คนเก่ง

“อ๊าย ปากหวานจัง น้องโรสเขาสวยอยู่แล้วล่ะค่ะ”

“ไม่หรอกค่ะ พี่แต่งเก่งจริงๆ ขอบคุณมากค่ะและขอบคุณพี่ฝ้ายด้วยนะคะที่ไปรับภัทรให้” รสิกาพูดขึ้นพร้อมทั้งยกมือไหว้ขอบคุณเป็นสิ่งที่เธอทำประจำเมื่อใครทำอะไรให้เธอ

ในวงการที่เต็มไปด้วยแสงสี มายา ทุกคนล้วนแต่ใส่หน้ากากเข้าหากัน ล้วนแต่หาความจริงใจได้ยาก เพราะแต่ละคนที่เข้ามาวงการนี้ล้วนต้องแข่งขันกันเองคำว่ามืออาชีพคือสิ่งเดียวที่สามารถพิสูจน์ตัวตนและจุดยืนในวงการได้ หน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนเข้ามาคนแล้วคนเล่าหน้าเก่าก็ค่อยหายไปเรื่อยๆนั่นคือวัฏจักรของวงการนี้

กิ๊บซี่มองรสิกาอย่างเอ็นดู ตั้งแต่ที่หญิงสาวเข้ามาวงการนี้สองปีกว่าความอ่อนน้อมถ่อมตน ความเคารพที่มีกับผู้อื่นยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่นางแบบบางคนเข้ามาใหม่ๆก็ดีอยู่พอเริ่มดังก็ไม่เห็นหัวคนอื่นโดยเฉพาะช่างแต่งหน้าทำผมที่มักจะโดนเหวี่ยงวีนเวลาที่พวกคุณเธอไม่พอใจเสมอ

“พี่กิ๊บซี่อยู่นี่เอง คุณลูกพีชมาแล้วค่ะ รีบไปแต่งหน้าเถอะค่ะ” ทีมงานวิ่งมาหาเมคอัพอาร์ทิสต์ก่อนพูดอย่างรีบเร่ง

“ต๊าย เพิ่งมาเหรอ อีกไม่ถึงยี่สิบนาทีนี่นะ”

“ค่ะๆ รีบไปเถอะพี่ เธอกำลังอารมณ์ไม่ดี” ทีมงานรีบช่วยกิ๊บซี่ถือข้าวของก่อนนำไปโซนพิเศษที่ดาราสาวนั่งรออยู่

“ลูกพีชนี่ใช่คนที่พี่พงศ์ควงด้วยพักนึงใช่ไหม” วรภัทรหันมาถามเพื่อนสนิท รสิกาสบตาผู้จัดการก่อนพยักหน้า

“เอาน่าน้องภัทร เขาเลิกกันไปแล้วนี่คะ ตอนนี้ลูกพีชเองก็มีข่าวกับหลานชายของเจ้าสัวพิพัฒน์” สุภาพรปลอบใจชายหนุ่ม เธอรู้ดีว่าการที่ดาราสาวกระเด็นออกไปจากพงศกรก็เพราะผู้เป็นน้องชายที่ไปสร้างวีรกรรมเหวี่ยงวีนจนคนแถวนี้เม้ามอยกันสนุกปาก นี่ยังดีนะที่พวกนั้นไม่เคยเจอไม่รู้จักน้องชายพงศกรว่าเป็นใคร ถ้ารู้คงสนุกครื้นเครงจนไม่เป็นอันทำงานกันล่ะ

“เจ้าสัวพิพัฒน์ เจ้าของโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์อีกหลายแห่งนั้นเหรอครับ” วรภัทรรู้สึกตกใจที่ทายาทเศรษฐีชื่อดังมาตกหลุมนางเอกจอมปลอมคนนี้

“นั่นแหละค่ะ น้องโรสไปแต่งตัวกันดีกว่า” สุภาพรหันมาตอบชายหนุ่ม ก่อนหันไปบอกรสิกาเมื่อเห็นว่าห้องแต่งตัวว่างแถมสไตลิสท์ยืนรออยู่หน้าห้องแล้ว

เมื่อเห็นว่าเพื่อนต้องเตรียมตัวขึ้นโชว์ วรภัทรจึงเดินออกมาข้างนอกเพื่อชมโชว์ในค่ำคืนนี้ เพราะถ้ายืนอยู่ในนั้นเขาคงรู้สึกแย่ขนาดเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กอย่างนาราฝาแฝดของนาวินความสูงยังเท่าเขา ส่วนรสิกานั้นไม่ต้องพูดถึงความสูงมากกว่าเขาสองเซ็นติเมตรนี่ขนาดไม่ใส่ส้นสูงนะ ถ้าใส่เขาคงเตี้ยแมะแคะ ทั้งๆที่เขาไม่เตี้ยขนาดนั้น

‘170 เซ็น นี่ไม่เตี้ยนะมาตรฐานคนไทย พวกนางแบบสูงนั่นแหละสูงเกินกว่ามาตรฐาน’ วรภัทรคิดอย่างเซ็งๆก่อนเดินออกมา ชายหนุ่มมองหาที่นั่งซึ่งอยู่บริเวณฟร้อนท์โรลล์โซนวีไอพี เขารู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่เพื่อนหาที่นั่งดีๆนี้ให้ได้

“ภัทร มาด้วยเหรอ” เสียงทักดังขึ้นข้างหลังทำให้เขาหันไปมอง

“หือ พี่พงศ์มาได้ไง”

“ฉันต้องถามแกมากกว่าว่ามาได้ไง” พงศกรเอ่ยถามน้องชาย

“โรสชวนมา แล้วพี่ล่ะ” วรภัทรตอบออกไปพร้อมถามพี่ชายกลับด้วยความหวาดระแวงกลัวว่าพี่ชายตัวดีจะนัดใครไว้

“ปกติฉันก็รับเชิญมางานแฟชั่นโชว์ตลอดแหละ แถมวันนี้มีกระเป๋าที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปีที่เขาขอมาโชว์ในงานอีก เดี๋ยว อย่าบอกนะว่าคิดอะไรไม่ดีอยู่” พงศกรหลี่ตามองน้องชายด้วยความสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่ม

“เปล่า โอ๊ย” วรภัทรปฏิเสธเสียงสูงก่อน ร้องอุทานออกมาเพราะโดนพี่ชายดีดหน้าผาก

“แต่สายตาแก มันเชื่อไม่ได้ หวังว่าแกคงไม่ก่อเรื่องขึ้นมานะไอ้ภัทร” พงศกรชี้หน้าคาดโทษน้องชายตัวด้วยความไม่ไว้ใจ
“ถ้าเรื่องมันมาเดินเข้าชนเองก็ไม่แน่” วรภัทรย่นจมูกอย่างขัดใจ

“อย่าแม้แต่จะคิด ไม่งั้นฉันฟ้องพ่อกับแม่แน่ๆ” พงศกรขู่น้องชาย เขาล่ะกลัวใจน้องชายตัวดีนี่จริงๆ

วรภัทรมองผ่านนางแบบที่เดินโชว์บนเวทีคนแล้วคนเล่า หน้าตาท่าทางทุกคนล้วนแต่มืออาชีพ การที่จะไต่ขึ้นในระดับมืออาชีพเรื่อยๆนั้นต้องอาศัยความอดทน พรแสวงและพรสวรรค์ของตัวเองซึ่งรสิกาก็เป็นหนึ่งในนั้น เพื่อนของเขา ยังยืนหยัดอยู่ในวงการนี้ที่เต็มไปด้วยเสือ สิงห์ กระทิง แรด แม้จะมีคลื่นลูกใหม่หลายลูกพัดเข้ามา และสิ่งที่เขาภูมิใจเป็นที่สุดคือเพื่อนคนนี้รักศักดิ์ศรีรักตัวเอง ไม่ใช้ร่างกายเป็นบันไดลัดสู่ความสำเร็จของอาชีพเหมือนคนบางคนที่ใช้วิธีนี้ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปรอบๆแล้วอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ แฟชั่นโชว์เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายสตรี ทำไมคนที่มาดูมีผู้ชายประมาณเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ขณะที่กำลังประเมินกลุ่มผู้มาร่วมงานสายตาของวรภัทรสะดุดเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากพี่ชายของเขา

‘มากับเขาด้วยเหรอไอ้โรคจิต’

เสียงปรบมือและแสงแฟรชเรียกสติของวรภัทรให้มองไปข้างหน้าอีกครั้ง รสิกาและนิชาดายืนประกบเจ้าของแบรนด์ในค่ำคืนนี้ แม้ว่าเขาจะขัดใจที่เห็นคู่ปรับเก่าแต่เอาเถอะเพราะเท่าที่เขาเห็นนั้นรสิกาดูโดดเด่นกว่าจนเห็นได้ชัด ไม่งั้นจะโดนให้มายืนประกบเจ้าของงานเหรอ เพราะปกติแล้วคนที่เดินชุดสุดท้ายฟินนาเล่อย่างนิชาดาต้องยืนคู่เพื่อมอบด้วยดอกไม้ให้แก่เจ้าของแบรนด์ แต่งานนี้เจ้าของงานควงทั้งคู่ออกมาโดยนิชาดายังเป็นคนมอบดอกไม้แต่มีรสิกายืนปรบมืออยู่ข้างๆ

“เฮ้อเสียดายอ่ะ ทำไมผู้ชายหล่อๆรวยๆ ถึงเสร็จยัยนี่ตลอด”

“ยัยลูกพีชมันทำบุญมาดี จับคุณดินเสียอยู่หมัด”

“ตอนแรกคิดว่าจะควงกันเล่นๆไม่นาน แต่นี่จะสามเดือนแล้วท่าทางคุณดินจะหลงมันจริง”

“ก็นะยัยนี่กำลังขึ้นหม้อ ได้เป็นนางเอกช่องดังเพราะเต้าไต่เขาเม้ากันให้แซดว่ากิ๊กกั๊กกับผู้จัดละครหน้าใหม่ที่เป็นลูกผู้จัดละครดังของช่อง จึงได้เล่นน่ะการแสดงก็งั้นๆเรตติ้งละครยังสู้ช่องคู่แข่งไม่ได้เลย ฉันว่าเจ้าตัวเล่นบทนางเอกเรียบร้อยอ่อนหวานไม่รุ่งหรอก”

“ใช่ๆ เพราะละครจบก็ควงคนอื่นปั๊บ เห็นว่าก่อนมาควงคุณดินก็เปลี่ยนคู่ควงมาหลายคนแล้ว แต่ละคนระดับไฮโซเชียวนะ”

เสียงสนทนาของทีมงานเม้ามอยนางเอกละครดังมาเข้าหูวรภัทร ทำให้ชายหนุ่มหันไปมองผู้ตกเป็นประเด็นในการนินทาครั้งนี้ ภาพที่เห็นทำให้วรภัทรแบะปากเดินออกไปโดยไม่ใส่ใจ

‘นึกว่าใครที่แท้ก็ยัยพีชเน่ากับไอ้โรคจิตนี่เอง ก็สมกันจริงๆเหมือน ผีเน่ากับโลงผุ’

“อ๊ะ ขอโทษครับ” เสียงคุ้นหูทำให้พสุธาหันไปมอง เขาเห็นคนตัวเล็กก้มหน้ากล่าวขอโทษแขกในงานที่เผลอสะดุดจนไปชนเข้า

“หือ ไอ้ตัวแสบ”

“อะไรเหรอคะ” นิชาดาเอ่ยถามเพราะได้ยินไม่ชัด

“ไม่มีอะไรครับ”

“คือนักข่าวขอถ่ายรูปด้วย คุณดินไปกับลูกพีชนะคะ”

“อย่าเลยครับ ผมไม่ใช่ดารา ลูกพีชไปถ่ายรูปเถอะครับเดี๋ยวผมรออยู่แถวนี้” พสุธารีบปฏิเสธ เขาไม่อยากเป็นที่สนใจมากไปกว่านี้

“งั้นเดี่ยวลูกพีชมานะคะ” นิชาดายิ้มอย่างอ่อนหวานให้ชายหนุ่มก่อนเดินไปยังกลุ่มนักข่าวที่สัมภาษณ์นางแบบคนอื่นอยู่

พสุธามองหาวรภัทรไปรอบๆ ก่อนจะเห็นชายหนุ่มยืนคุยกับรสิกานางแบบชื่อดัง ลักษณะท่าทางการจับไม้จับมือบ่งบอกว่าทั้งคู่สนิทสนมกันแค่ไหน

“ชินกร” พสุธากวักมือเรียกเลขาที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้เดินเข้ามาหา

“ครับบอส”

“นายดูนั่น พอจะจำได้ไหม”

“คุณโรส รสิกา ยืนกับ...” ชินกรพยายามพิศหน้าชายหนุ่มที่ยืนคุยกับนางแบบอยู่ ดูไปดูมาจะว่าคุ้นก็คุ้นแต่นึกไม่ออกว่าเป็นใคร จึงหันมามองหน้าเจ้านายแทน

“ก็ ไอ้เด็กบ้า ไอ้ตัวแสบที่เล่นงานฉันไง” พสุธารู้สึกขัดใจที่เลขาคนสนิทจำไอ้เด็กแสบไม่ได้

“เล่นงาน” ชินกรยังงงๆอยู่

“ก็ไอ้ตัวแสบที่ว่าฉันเป็นไอ้โรคจิตแถมทำร้าย...ที่ห้องน้ำโรงแรมไง” พสุธาถึงกับอึกอักไม่อยากพูดในเรื่องที่เสียหน้า

“อ๋อ” ชินกรพยักหน้า เขาคิดออกแล้วแต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเจ้านายจะทำอะไร

“รู้แล้วก็ไปสืบมาว่าคู่นั้นเป็นอะไรกัน”

“บอสจะทำอะไรครับ”

“อย่าถามมากบอกให้ทำอะไรก็ทำไป”

“ได้ครับบอส” ชินกรรับคำก่อนรีบไปทำตามคำสั่ง

“นั่นคุณชินไปไหนคะ” นิชาดาที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาหาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นหลังเลขาคนสนิทของพสุธาไวๆ

“ผมบอกให้กลับไปก่อนน่ะ เพราะเดี๋ยวผมจะขับรถไปส่งคุณเอง” พสุธาบอกพร้อมส่งสายตากรุ้มกริ่มไปให้

“แหม คุณดินก็” นิชาดาส่งยิ้มเอียงอายให้ชายหนุ่ม คืนนี้เธอก็ตั้งใจว่าจะขอให้เขาอยู่กับเธอทั้งคืน พอเขาเสนอมาก่อนดีเสียอีกแสดงว่าเสน่ห์ของเธอยังมัดใจได้อยู่

“แล้วคุณเสร็จธุระหรือยังครับ”

“เสร็จแล้วค่ะ เราออกไปได้เลย” นิชาดาควงแขนชายหนุ่มพร้อมเดินออกไปจากงานท่ามกลางสายตาที่มองมา



****************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
อยากจะขอคอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจกันหน่อยค่ะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)   
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 4 (2/07/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 02-07-2019 11:58:07
ถึงกับสืบเรื่องของเขานะคะคุณดิน
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 4 (2/07/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 02-07-2019 15:20:56
 :pig4:
 :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 4 (2/07/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 02-07-2019 20:17:00
จะแกล้งอะไรน้อง   :hao4:
หัวข้อ: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 5 (15/07/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 15-07-2019 10:50:25
ตอนที่ 5

“บอสครับ นี่ข้อมูลที่บอสอยากได้” ชินกรวางเอกสารที่เจ้านายต้องเซ็นต์บนโต๊ะก่อนยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลไปให้

พสุธาหยิบเอกสารขึ้นมาดูก่อนอ่านข้อมูลที่ได้รับมาสิบกว่าแผ่นคร่าวๆ

“ส่งดอกไม้ไปให้โรส รสิกา”

“ครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม” ชินกรเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ

“ว่ามา”

“บอสสนใจคุณโรสเหรอครับ”

“ก็สวยน่ารักดี”

“ครับงั้นผมจะสั่งเป็นดอกกุหลาบแดง” ชินกรตัดสินใจเมื่อได้ยินคำพูดของเจ้านาย

“ไม่เอาสีแดง” พสุธารีบปฏิเสธออกมาเมื่อได้ยินก่อนที่จะนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยออกมา “เอาดอกไม้อย่างอื่นที่ไม่ใช่กุหลาบดีกว่า”

“อ้าว แล้วบอสจะเอาดอกอะไร คุณโรสชื่อบ่งบอกแปลว่าดอกกุหลาบ” ชินกรเอ่ยออกมา เขาทำงานกับพสุธามานานจึงสามารถท้วงติงได้

“ก็เพราะชื่อแปลว่าดอกกุหลาบเขาก็คงได้ดอกกุหลาบเยอะแล้ว นายจะเลือกดอกอะไรก็ได้ที่บอกว่าฉันสนใจเขา แต่ไม่ได้จีบแบบโต้งๆเข้าใจไหม”

“เอ่อ เข้าใจครับแต่มันคือดอกอะไร”

“จะไปรู้เหรอ เป็นหน้าที่นายต้องไปหามา” พสุธาตะเพิดเลขาคนสนิทพร้อมโบกมือให้ออกไปจากห้อง

“ครับๆ” ชินกรก้มหัวลงก่อนเดินออกจากห้องไป


--- Designer’s Love ---


“ภัทรมาได้ไง สวัสดีค่าสาวน้อย” รสิกาเดินเข้ามาทักทายเพื่อนหลังจากที่ทำงานเสร็จด้านข้างเวที

“พาน้องฟ้ามาหาอะไรกิน” วรภัทรตอบเพื่อน ชายหนุ่มแวะพาหลานสาวมาเที่ยวห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพอสมควร บังเอิญมาเจอรสิกาที่มาทำงานในห้างนี้ด้วย วรภัทรจึงเข้ามาทักทายผู้จัดการของหญิงสาวก่อนรอพบเธอข้างเวทีหลังจากที่รสิกาทำงานเสร็จแล้ว

“สวัสดีค่ะน้าโรส น้าโรสสวยจัง” เด็กหญิงอิงฟ้ายกมือไหว้หญิงสาวพร้อมมองอย่างชื่นชม   

“ขอบคุณค่ะ สาวน้อยของน้าโรสก็สวยค่ะ” รสิกายิ้มให้หลานสาวเพื่อนสนิท ที่เธอคุ้นเคยกับเด็กน้อยพอสมควรเพราะช่วงใกล้เรียนจบเธอต้องไปทำงานที่บ้านวรภัทรทำให้เจอเด็กหญิงบ่อยๆ

“แล้วนี่มีงานต่อไหม” วรภัทรเอ่ยถาม

“ไม่มีแล้ว” รสิกาส่ายหัว งานเดินแบบเปิดตัวคอลเลคชั่นชุดกีฬาเป็นงานสุดท้ายในวันนี้จะมีอีกทีพรุ่งนี้บ่ายๆ

“สนใจไปกินไอศกรีมกับเราไหม” ชายหนุ่มชวนเพื่อนสนิท โดยมีเด็กหญิงลุ้นคำตอบของหญิงสาวอยู่ข้างๆ

“ได้ๆ แต่ขอไปเก็บของก่อนนะ” รสิกาตอบรับคำชวนก่อนบอกเพื่อน เพราะพี่ฝ้ายมาบอกว่าเจอวรภัทรเธอจึงมาทักทายชายหนุ่ม

“อืมไปเถอะบอกพี่ฝ้ายด้วยนะว่าเดี๋ยวเราไปส่งโรสเอง” วรภัทรบอกชายหนุ่มรู้ว่าทางโมเดลลิ่งให้ผู้จัดการส่วนตัวคอยรับส่งหญิงสาวเวลาที่ทำงานอยู่แล้ว

“วันนี้เรากลับบ้านนะไม่ได้นอนที่คอนโด” รสิกาท้วงเพื่อนเพราะไม่อยากให้วรภัทรไปส่งเธอในย่านรถติด

“ก็ดีซิเราอยากกินขาหมูของแม่โรสอยู่พอดี”

“นี่มันบ่ายแล้วนะ แม่เราคงขายหมดแล้วล่ะ เอาไว้วันจันทร์แล้วกันเดี๋ยวให้คนไปส่งที่บ้าน” บ้านของรสิกาเปิดร้านขายข้าวขาหมูซึ่งขายดีมาก วันธรรมดาไม่เกินบ่ายสองก็หมดแล้ว เพราะพนักงานออฟฟิตแถวนั้นชอบมาทานกัน

“ว้าแย่จัง ว่าจะไปหลายหนแล้วแต่ไม่ผ่านไปแถวนั้นเลย” วรภัทรรู้สึกเศร้าที่อดกินขาหมูแสนอร่อยฝีมือแม่ของรสิกา

“เอาน่ารอหน่อย วันจันทร์สัญญาว่าจะส่งไปให้กินแน่ๆ” รสิกาปลอบใจเพื่อนกันขอแยกตัวออกไปเก็บของ

รสิกาหายไปไม่ถึงสิบห้านาทีก็กลับมาในชุดใหม่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ร้องเท้าผ้าใบยี่ห้อดังสะพายกระเป๋าหอบดอกไม้ช่อโตเดินมาหาเพื่อนที่ยืนรออยู่กับหลานสาว

“น้าโรสดอกไม้สวยจัง” เด็กหญิงอิงฟ้ามองช่อดอกไม้ตาลุกวาว

“ชอบเหรอคะ งั้นน้าโรสให้ค่ะ” รสิกายื่นช่อดอกลิลลี่ขาวช่อใหญ่ให้เด็กหญิง

“เฮ้ยจะดีเหรอ คนให้มาจะเสียใจนะ” วรภัทรรีบจับมือเพื่อนไว้ก่อนที่จะถึงมือหลานสาว

“ไม่เป็นไร น้องฟ้าชอบเดี๋ยวน้าโรสให้ค่ะ แต่ขอน้าโรสเอาเกสรออกก่อนนะคะ” รสิกาบอกเพื่อนก่อนหันมาพูดกับเด็กหญิง

“เอาออกทำไมคะ” เด็กหญิงเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

“เกสรดอกลิลลี่เป็นพิษค่ะ เดี๋ยวน้องฟ้าจะแพ้ไม่สบายเอาได้” หญิงสาวพูดพลางหยิบกระดาษทิชชู่เปียกมาเช็ดเกสรออกมา โดยมีวรภัทรคอยช่วยด้วย

“ตกลงว่าใครให้มาลูกค้าเหรอ” วรภัทรซักต่อ รสิกาไม่ตอบแต่ยื่นนามบัตรที่แนบกับดอกไม้ให้ชายหนุ่มดู

“พสุธา แสงศศินา ชื่อคุ้นๆใครอ่ะ” วรภัทรพยายามนึกว่าเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหน

“หลานเจ้าสัวพิพัฒน์” รสิกาบอกเมื่อเห็นเพื่อนยังนิ่วหน้าคิ้วขมวด เธอก็พูดต่อว่า “ก็กิ๊กยัยลูกพีชไง”

“อ๋อ นึกว่าใคร ว่าไงนะ” วรภัทรอุทานเสียงดังเมื่อรู้ว่าเจ้าของดอกไม้เป็นใคร

“...” รสิกามองหน้าเพื่อนอย่างงงๆ เพราะจู่ๆแววตาของเพื่อนก็แข็งกร้าวขึ้นมา

“นายนี่คิดจะจีบโรสเหรอ โอ๊ยเอาไปทิ้งเลย ทีหลังอย่าไปรับของๆมันมานะ ตานี่ประสงค์ร้ายกับโรสอยู่หรือเปล่า ถ้ายัยพีชเน่านั่นรู้ไม่มาดักตบโรสเหรอ” วรภัทรพูดด้วยอารมณ์คุกรุ่น ความจริงเขาไม่กลัวว่านิชาดาจะมาเล่นงานหญิงสาว เขาเชื่อว่าเพื่อนเอาตัวรอดได้ แต่ที่ชายหนุ่มกลัว กลัวว่ารสิกาจะสนใจหมอนั่นมากกว่า

“ใจเย็นๆ ทำไมต้องเกรี้ยวกราดด้วย ดูซิน้องฟ้ากลัวหมดแล้ว” รสิการีบเบรคเพื่อนเมื่อเห็นวรภัทรอารมณ์เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

“น้าภัทรขอโทษนะครับน้องฟ้า ดอกไม้นี่เอาทิ้งไปดีกว่านะ เดี๋ยวน้าภัทรซื้อให้ใหม่”

“ทำไมล่ะคะ อันนี้ก็ได้ อาปาบอกว่าให้ใช้ของที่มี ต้องช่วยกันประหยัดค่ะ” เด็กหญิงอิงฟ้านึกถึงคำสองของปาลิดาผู้เป็นอา ให้รู้จักประหยัดรู้จักออมเงินไม่งั้นโตขึ้นไปจะไม่มีเงินใช้จ่าย ซื้อของที่อยากได้

“หึหึ” รสิกาอมยิ้มเมื่อเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าของวรภัทร ก่อนจะยื่นดอกไม้ไปให้เด็กหญิง “นี่ค่ะเช็ดหมดแล้ว น้าโรสให้น้องฟ้าค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ” เด็กหญิงยิ้มกว้างยกมือไหว้ก่อนเอื้อมไปรับช่อดอกไม้

“น้าแค่กลัวพิษของเกสรจะไปโดนน้องเหนือมากกว่า น้องยังเล็กเดี๋ยวจะไม่สบายได้ค่ะ” วรภัทรอธิบายให้หลานสาวฟัง

“แถจนสีข้างถลอกหมดแล้ว” รสิกาเอ่ยแซวทำเอาวรภัทรหันมาค้อนควักให้ทันที

“ไม่มีอะไรแล้ว ไปทานไอศกรีมกันดีกว่า” ชายหนุ่มได้แต่จูงมือหลานสาวไปร้านไอศกรีมชื่อดังแทนที่จะยืนเถียงกับเพื่อนให้เสียหน้าอีก ‘น้องฟ้านะน้องฟ้าไม่ช่วยน้าเลย’

“เขาส่งดอกไม้มาให้ คนรับก็พี่ฝ้ายนั่นแหละไม่ใช่เรา ภัทรก็รู้เราระวังตัวเรื่องพวกนี้แค่ไหน ถ้าไม่ใช่จากพวกแฟนคลับเราก็ไม่อยากรับ” จู่ๆรสิกาก็พูดขึ้นมาระหว่างที่รอไอศกรีมมาเสิร์ฟ

“อืม เราเข้าใจ แต่มันอดโมโหไม่ได้ โรสก็รู้ว่าเรามีเรื่องกับไอ้โรคจิตนั่น” วรภัทรพยายามพูดอย่างใจเย็น เขารู้ดีว่าเพื่อนเป็นอย่างไร แถมเขาก็เล่าที่มีเรื่องกับพสุธาให้เพื่อนฟังแล้วด้วย

“ต้องดูต่อไปว่าจะมาแบบไหน ถ้าเป็นแฟนคลับชื่นชมก็พอไหว แต่ถ้ามากกว่านั้นคงไม่เอา เราไม่อยากมีเรื่องกับยัยลูกพีช ตอนนี้นางกำลังขึ้นละครกำลังโปรโมทใหญ่เชียว” รสิกาไม่อยากมีเรื่องมีราวกับใครโดยเฉพาะผู้ร่วมอาชีพ หญิงสาวไม่อยากเป็นข่าวให้คนใส่สีตีไข่พูดกันสนุกปากโดยไม่คิดจะถามความจริงกันสักคำ

“อ้าว ไหนบอกว่ามีแต่คนเอือมไงล่ะ” วรภัทรสงสัยเพราะวันนั่นเขาก็ได้ยินคนนินทานิชาดากันอย่างสนุกปาก

“พอดีละครใหม่กำลังออนแอร์ ทางช่องกลัวเรตติ้งจะทิ้งดิ่งน่ะ เลยต้องสร้างกระแสโปรโมท ไม่งั้นไม่มีคนดู”

“งั้นเหรอ เฮ้อวงการมายานี่ก็มายาจริงๆ วันนี้ทะเลาะกันแทบตายประเภทไม่เผาผีกันแล้ว วันรุ่งขึ้นจูบปากกันเสียอย่างงั้น” วรภัทรเบ้หน้าส่ายหัวไปมา นึกชมเพื่อนอยู่ในใจที่เอาตัวรอดมาได้จนถึงวันนี้โดยไม่มีข่าวเสียๆหายๆอะไร


--- Designer’s Love ---

อาคารพาณิชย์หลายคูหาย่านปิ่นเกล้าเริ่มทยอยปิดร้านกันหมดแล้ว เหลือแต่ร้านมินิทมาร์ทที่เปิดยี่สิบสี่โมงยังเปิดอยู่ วรภัทรขับรถมาจอดในซอยข้างอาคารที่อยู่ริมสุด รสิกาก้าวลงจากรถก่อนล้วงกุญแจไขประตูด้านข้างที่อยู่ด้านหลังของอาคารพาณิชย์แห่งนี้ พอประตูเปิดหญิงวัยกลางคนสองคนก็เดินออกมา

“สวัสดีครับแม่ สวัสดีครับน้าพรรณ” วรภัทรยกมือไหว้อรณีกับอรพรรณ แม่และน้าของรสิกา โดยมีหลานสาวยกมือไหว้ตาม

“สวัสดีจ้าภัทร สบายดีนะลูก เอ๊ะนั่นใครกัน” อรณีทักทายเพื่อนสนิทลูกสาวอย่างคุ้นเคยก่อนจะก้มมองเด็กหญิงพร้อมเอ่ยถาม

“น้องฟ้าหลานสาวภัทรเองครับ” ชายหนุ่มแนะนำเด็กหญิงให้ทุกคนรู้จัก

“น่ารักจัง จะแวะเข้าบ้านก่อนไหม” อรณีชมเด็กหญิงก่อนถามชายหนุ่มว่าจะเข้ามาในบ้านหรือเปล่า

“ไม่ดีกว่า เอาไว้คราวหน้าดีกว่า เห็นโรสบอกว่าวันนี้แม่เพิ่งเก็บร้านเสร็จ พักผ่อนเถอะครับภัทรไม่อยากกวน อีกอย่างต้องรีบพาน้องฟ้าไปคืนพ่อแม่เขาป่านนี้ชะเง้อหาแล้ว” วรภัทรอธิบายพร้อมกับอ้างถึงพี่สาวและพี่เขยของเขา

“ไม่เข้าก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเอานี่ไปทานกันนะ เห็นโรสบอกว่าภัทรอยากทาน” อรณีรับถุงขาหมูถุงใหญ่จากน้องสาวส่งให้ชายหนุ่ม

“ขอบคุณมากครับ” วรภัทรรับถุงของฝากด้วยความยินดี

“นี่พอโรสโทรมาถามว่าของเหลือไหมภัทรอยากกิน ขนาดของขายหมดแล้วนะพี่นียังทำให้ใหม่เลย มีทั้งขาหมู คากิ แถมไข่กับไส้อีกตังหาก” อรพรรณรีบนินทาพี่สาวเมื่อมีโอกาส

“โหแม่เยอะขนาดนี้คิดเงินเถอะครับ ของซื้อของขาย” วรภัทรเริ่มรู้สึกเกรงใจเพราะเขาอยากกินมากจนเพื่อนต้องโทรมาหามารดาเพื่อทำให้เขา ทั้งๆที่ควรจะได้พักหลังจากขายของเสร็จแล้วแท้ๆ

“เอาน่านานๆที ถือว่าแลกกับน้ำหอมของฝากมากมายที่เราฝากโรสมาให้ตอนที่กลับมา” อรณีบอกปัดเพื่อนสนิทลูกสาว ถ้าจะให้คิดเงินกันจริงๆของฝากที่วรภัทรฝากมาให้บ้านเธอนั้นมีราคาค่างวดมากกว่าขาหมูหลายสิบถุงเสียอีก กะแค่ขาหมูถุงเดี๋ยวถือว่าเล็กน้อยมาก

“ขอบคุณมากครับแม่ น้องฟ้าขอบคุณคุณยายเร็ว เย็นนี้เรามีของอร่อยไปกินกับแม่แล้ว” วรภัทรสะกิดหลานสาว

“ขอบคุณค่ะคุณยาย อาภัทรบอกคุณยายทำขาหมูอร่อยมาก”

“แหม ปากหวานจังเลยมาให้ยายกอดที” อรณีอดไม่ได้ที่จะคว้าเด็กหญิงเข้าไปกอด

“งั้นผมกลับก่อนนะครับสวัสดีครับแม่ สวัสดีครับน้าพรรณ ไปแล้วนะโรส” วรภัทรถือโอกาสลาคนทั้งคู่

“สวัสดีค่ะคุณยาย สวัสดีค่ะน้าโรส” เด็กหญิงอิงฟ้ายกมือไหว้ลาคุณยายทั้งสองและน้าโรสคนสวย

“ขับรถดีๆนะภัทร ถึงแล้วไลน์บอกด้วย บ๊ายๆจ้าสาวน้อยของน้า” รสิกาโบกมือให้เด็กหญิงอิงฟ้า

“ว่างๆก็มาหายายใหม่นะคะ” อรณีโบกมือลาเด็กหญิงตัวน้อยกับเพื่อนลูกสาวก่อนตะโกนบอกเมื่อเห็นเด็กหญิงโบกมือลาเธอเช่นกัน

พอกลับมาถึงบ้านวรภัทรก็พบว่าพงศกรนั่งอยู่ที่บ้านคนเดียว บิดามารดาของเขามีงานเลี้ยงสังสรรค์ออกไปด้วยกันตั้งแต่เย็น

“เอาไงดี งั้นเรากลับบ้านโน้นกันดีกว่านะน้องฟ้า” วรภัทรหันมาถามหลานสาวที่กำลังเอาดอกไม้ไปอวดพี่ชายเขาอยู่หันมารับคำพยักหน้าหงึกหงัก

“จะเอาไปให้ใครคะน้องฟ้า” พงศกรเอ่ยถามหลานสาวถึงดอกไม้สุดหวงในมือของเธอ

“น้าโรสให้น้องฟ้ามาค่ะ สวยไหมน้าพงศ์”

“สวยค่ะ แล้วทำไมน้าโรสถึงให้น้องฟ้ามาคะ ภัทรไปเจอโรสมาเหรอ” พงศกรตอบหลานสาวก่อนหันไปถามน้องชายเขารู้ว่าวรภัทรพาหลานไปเที่ยวห้าง แต่ไม่คิดว่าจะนัดกับเพื่อนด้วย

“พี่พงศ์ไปบ้านโน้นด้วยกันไหม แม่โรสให้ขาหมูมาตั้งเยอะไปทานด้วยกันที่โน่นเหอะ” วรภัทรไม่ตอบเรื่องเพื่อนหรือดอกไม้แต่เอ่ยชวนพี่ชายให้ไปบ้านพี่สาวพี่เขยแทน

“เอาซิ พี่ไม่อยากทานข้าวคนเดียวเหมือนกัน” ความจริงเขานัดกับเพื่อนๆไว้ช่วงค่ำๆเพื่อสังสรรค์ตามปกติของหนุ่มโสด แต่เย็นนี้แวะทานอาหารกับพี่น้องก่อนก็ได้ยังพอมีเวลา


****************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
อยากจะขอคอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจกันหน่อยค่ะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 5 (15/07/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-07-2019 16:50:35
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 6 (22/07/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 22-07-2019 17:06:46
ตอนที่ 6

ทันทีที่เข้ามาในบ้านทุกคนต่างสนใจช่อดอกไม้มือของเด็กหญิงกันทั้งนั้น แถมเด็กหญิงยังหวงดอกไม้ช่อนั้นเอามากๆ จนวรภัทรหงุดหงิด เขาอยากเอาช่อดอกไม้ไปทิ้งเสียแต่ไม่อาจหักหาญน้ำใจหลานสาวของตัวเองได้ ไม่ใช่ดอกไม้ไม่สวยไม้ดี เพราะรู้ที่มาของมันทำให้ดอกไม้ช่อนั้นทำให้ทำใจชื่นชมได้ยาก

“พวกพี่หิวกันหรือยัง แม่ของโรสให้ขาหมูกับเครื่องเคียงมาเยอะแยะเลย” วรภัทรถามพี่สาวและพี่เขย

“เดี๋ยวรอป้านุชไปอุ่นก่อน ดีนะที่เราโทรมาบอกก่อนหน้านี้ไม่งั้นกับข้าวเต็มโต๊ะแน่ๆ” พลอยลดาบอกน้องชาย เพราะก่อนจะขับรถกลับมาบ้านวรภัทรได้โทรบอกแล้วว่ามีขาหมูขาใหญ่จะแบ่งมาให้ที่บ้าน แต่ไปๆมาๆกลับหอบขาหมูถุงใหญ่มาทานที่นี่แทน

“แล้วนี่ปันไม่อยู่เหรอ” วรภัทรชะเง้อมองบ้านข้างๆที่อยู่อีกฟากของสระว่ายน้ำ บ้านของปัญญวัฒน์ที่อยู่ในรั้วเดียวกับพี่ชาย

“คุณภาครับไปทานข้าวที่บ้านเขา เห็นว่าพ่อแม่มาจากเชียงใหม่น่ะ” พลอยลดาหันมาบอกเบาๆเพราะสามีของเธอนั่งหน้าตึงไม่พอใจภาสวรอยู่

“พี่เปรมยอมให้ทั้งคู่คบกันแล้วนี่ครับ แล้วทำไมยังไม่พอใจอยู่” วรภัทรกระซิบถาม

“จะอะไรกันก็หวงน้องชายนั่นแหละ พี่ว่าทางที่ดีภัทรอย่าเอ่ยถึงปันดีกว่างานจะกร่อยเสียเปล่าๆ” พลอยลดากระซิบตอบน้องชาย ซึ่งวรภัทรเหลือบตามองหน้าพี่เขยซึ่งเปรียบเหมือนพี่ชายอีกคนก่อนพยักหน้ารับแต่โดยดี

พอป้านุชพี่แก้วพี่ส้มจัดเตรียมกับข้ามที่โต๊ะอาหารเสร็จก็มาตามทุกคนไปที่โต๊ะ กับข้าวห้าหกอย่างวางเรียงรายเต็มโต๊ะทำเอาวรภัทรตาโต

“พี่พลอย ไหนบอกป้านุชแล้วไงว่าภัทรเอาขาหมูมา ไหงกับข้าวถึงได้เยอะอย่างนี้ล่ะ” วรภัทรถามพี่สาวเสียงหลง

“ป้าทำเพิ่มแค่ปลานึ่งมะนาวเห็นคุณเปรมบ่นอยากทาน ส่วนไส้อั่ว น้ำพริกอ่อง คุณภาคเอามาให้ค่ะ ยังมีน้ำพริกหนุ่มกับแคปหมูด้วยนะคะ คุณภัทรจะรับด้วยไหมคะเดี๋ยวป้าไปหยิบให้” ป้านุชเป็นคนบอกแทนหญิงสาว พร้อมกับถามขึ้นมาเผื่อมีใครอยากทานเพิ่มด้วย

“พอดีกว่าครับ แค่นี้ก็เยอะแล้ว” วรภัทรรีบปฏิเสธ

“เอ่อ คุณภัทรคะ ป้าแบ่งคากิไว้ขาหนึ่งและจับฉ่ายอีกถุงไว้เผื่อคุณภัทรจะเอากลับไปที่บ้านนะคะ” ป้านุชรีบบอก เธอรู้ดีว่าชายหนุ่มชอบทานเผื่อจะไปอุ่นทานที่บ้านมื้อต่อไป

“แม่ของโรสให้มาเยอะเลยนะเนี่ย จับฉ่ายนี่ก็ด้วยเหรอ” พลอยลดาเงยหน้าถามน้องชาย

“ไม่รู้” วรภัทรส่ายหน้าเขาเปิดถุงดูมีขาหมูกับเครื่องเคียงเท่านั้น

“อ้าว ยังไงกัน” คราวนี้พลอยลดาหันไปสบตาคล้ายจะเอ่ยถามป้านุชแทน

“ใช่ค่ะ มันอยู่รวมกันในถุงน่ะค่ะมีขาหมูขาใหญ่หนึ่งถุง คากิสองขาพร้อมไส้หนึ่งถุงใหญ่ ผักกาดดองคะน้าพร้อมไข่อีกถุงใหญ่ จับฉ่าย 2 ถุงเล็กค่ะ” ป้านุชแจกแจงตามที่เธอได้รับมา

“โห ตายแล้วไอ้ภัทร ของซื้อของขายไปเอาของเขามาได้ไง” พลอยลดาเมื่อได้ยินก็ตาลุกวาวหันมาเฉ่งน้องชาย

“ภัทรก็ไม่คิดว่าแม่ของโรสจะให้มาเยอะขนาดนี้” ชายหนุ่มพูดเสียงอ่อยๆ ตอนแรกเขาคิดว่าขาหมูกับคากิขาเล็กๆพร้อมเครื่องเคียงนิดหน่อยเท่านั้น ที่ถุงมันใหญ่เพราะอรณีใส่น้ำมาให้เยอะแยะเพราะเขาชอบขอน้ำขาหมูเพิ่มตอนที่ไปกินที่ร้าน

“วันหลังจะไปเยี่ยมแม่ของโรสที่บ้าน ซื้อขนมไปฝากเยอะๆแล้วกัน" พลอยลดาตัดบทหันมาดูลูกสาวทานข้าวขาหมูกับไข่อย่างเอร็ดอร่อยแทน

“จับฉ่ายอร่อยรสชาตกลมกล่อม ผักกับเนื้อหมูก็เปื่อยแทบละลายในปาก” พงศกรเอ่ยชม

“ใช่แล้ว ไม่งั้นคนไม่ชอบกินผักอย่างภัทรจะกินเรอะ พงศ์ไม่เคยกินเหรอโรสเอามาให้ออกบ่อย” พลอยลดาหันมาแขวะน้องชายคนเล็กก่อนถามน้องชายคนกลางอย่างสงสัย ตอนที่วรภัทรเรียนปีสุดท้าย รสิกามาทำงานที่บ้านด้วยกันแทบอาทิตย์เว้นอาทิตย์ หญิงสาวได้เอาขาหมูกับจับฉ่ายมาให้ที่บ้านประจำ เพราะน้องชายเธอไปประจบบ้านของหญิงสาวไว้เยอะว่าชอบกินมาก

“ขาหมูเคยทานนะ แต่จับฉ่ายไม่เคยเลยอ่ะ” พงศกรตอบพี่สาว ตอนที่เขากลับมาบ้านก็เห็นขาหมูอยู่หรอกแต่จับฉ่ายนี่ซิไม่เคยได้กินสักที

“ก็พี่พงศ์กลับช้า หมดก่อนทุกที” ความจริงเป็นเขาเองที่ทานหมดคนเดียว ยิ่งวันไหนเป็นกระดูกอ่อนเคี้ยวกรุบๆด้วยแล้วไม่มีเหลือเผื่อคนอื่นเลย ว่าแล้ววรภัทรก็ความหากระดูกอ่อนในชามจับฉ่าย

“โรสไม่คิดจะทำงานออกแบบแล้วเหรอ พี่เสียดายฝีมือกับไอเดียของเขา” พลอยลดาเอ่ยถามเรื่องที่ติดอยู่ในใจ

“ตอนนี้คงยัง เพราะโรสอยากเก็บเงินช่วยที่บ้านและส่งน้องชายเรียนหมอ” วรภัทรตอบพี่สาว

“เสียดายอ่ะ โรสเขามีไอเดียดีมาก ว่างๆให้มาคุยกับพี่หน่อยซิ” พลอยลดาเสียดายพรสวรรค์ของรสิกาจริงๆ หญิงสาวเคยคว้ารางวัลนักออกแบบหน้าใหม่ตอนที่เรียนจบชั้นปีสอง เพราะได้รับรางวัลในรายการนั้น รุปร่าง หน้าตาของรสิกาจึงได้ไปแตะตากับแมวมองชื่อดังและเข้าสังกัดโมเดลิ่งแห่งนั้น

“อืม แล้วจะบอกให้นะ พี่ก็เผื่อใจไว้บ้าง ช่วงนี้โรสฮอตมาก” วรภัทรรับคำพร้อมเอ่ยเตือนพี่สาวไว้จะได้ไม่ผิดหวังที่หลัง

“ฮอต อย่าบอกนะมีแบบนั้นมาอีกแล้ว” พลอยลดาเอ่ยอย่างตกใจ เพราะตอนที่รสิกาทำงานใหม่ๆ ได้มีพวกคนดังไฮโซติดต่อให้ไปทานข้าวสังสรรค์อยู่เหมือนกัน แต่หญิงสาวได้ปฏิเสธไป คนเหล่านั้นก็ไม่ย่อท้อให้เอเย่นต์มาติดต่อและติดตามจนรสิกากลัว พอวรภัทรกับเพื่อนรู้เรื่องนี้จึงได้ไปปรึกษาลุงกองทัพ ผู้เป็นพ่อของนาวิน ลุงกองทัพเรียกรสิกาไปคุยจึงได้รู้ว่าหญิงสาวเป็นลูกสาวอดีตลูกน้องคนสนิทสมัยที่ท่านรับราชการทหาร พ่อของรสิกาได้เสียชีวิตในเหตุการณ์คาร์บอมที่ชายแดนใต้ตอนที่หญิงสาวอายุสิบสามปี ลุงกองทัพจึงจัดการปัญหาคนที่เข้ามายุ่งกับหญิงสาวให้ แถมยังให้ลูกน้องเก่าคอยดูแลเจ้าตัวอีก

“ไม่ใช่แบบนั้น พี่รู้จักนายพสุธาหลานเจ้าสัวพิพัฒน์ไหม” วรภัทรรีบปฏิเสธก่อนที่จะเข้าใจผิดกันใหญ่

“พี่รู้จัก ทำไมเหรอภัทร” เปรมณัชหันมาตอบแทนหลังจากที่ฟังอยู่นาน เพราะเขาเคยร่วมงานกับพสุธา

“ก็ดอกไม้ที่น้องฟ้าถือมาอวดพี่น่ะ นายพสุธาให้โรสมา ดีนะไม่แนบสร้อยเพชรติดปลายช่อมาด้วย”

“หาอะไรนะ” พลอยลดาอุทาน

“คุณดินจะจีบโรสเหรอ” เปรมณัชสบตาวรภัทรอย่างไม่แน่ใจ

“คงงั้นมั้งครับ ทั้งๆที่มียัยพีชเน่าเป็นคู่ควงอยู่แล้วแท้ๆ” ประโยคแรกวรภัทรสบตาพี่เขย ส่วนประโยคหลังชายหนุ่มหันมาจิกตามองพี่ชายตัวเอง ที่เคยกิ๊กกั๊กกับนิชาดามาแล้ว

“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่อง พี่อยากรู้เรื่องสร้อยเพชร” พลอยลดารีบเบรกน้องชายคนเล็ก กลัวว่าจะชวนตีกับน้องชายคนรองเสียก่อน อีกอย่างเธออยากรู้ด้วยว่าพสุธาให้สร้อยเพชรรสิกาจริงๆหรือเปล่า

“พวกเสี่ยกระเป๋าหนักใช้วิธีจีบดารานางแบบโดยการให้ช่อดอกไม้บางทีก็มีริบบิ้นเป็นสร้อยเพชร หรือมาเป็นกล่องเลยก็มี บางคนถึงกับประมูลสร้อยเพชรที่นางแบบใส่โชว์ให้กับนางแบบเลย พี่พลอยก็น่าจะรู้นะ” วรภัทรอธิบายพร้อมถามกลับอย่างสงสัย เพราะวิธีพวกนี้พี่สาวของเขาน่าจะทราบเหมือนกัน

“ย่ะ เรื่องพวกนั้นฉันรู้ ที่ฉันอยากรู้คุณพสุธาทำแบบนั้นหรือเปล่า ใช้สร้อยเพชรจีบสาวน่ะ” พลอยลดากระแทกเสียงใส่น้องชาย

“ยังไม่เห็น แต่พี่พลอยน่าจะรู้ โรสมันไม่รับหรอก มันเคยได้และปฏิเสธไปทั้งดอกไม้และสร้อยเพชร” รสิกาเคยเล่าให้ฟังบางรายเสนอคอนโดหรู หรือไม่ก็บ้านพร้อมรถด้วยซ้ำ แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธไป แถมประกาศลั่นว่า ‘มีปัญญาหาเองได้’

“มีศักดิ์ศรีว่างั้น” พงศกรหลุดปากออกมา

“พี่พงศ์กำลังดูถูกเพื่อนภัทรเหรอ”

“เปล่า” พงศกรรีบปฏิเสธเสียงสูง

“จะว่าไปภัทรก็ว่าพี่พงศ์ไม่ได้หรอก พี่คงไม่เคยเจอคนดีๆไม่เห็นแก่เงินมาก่อน คงเจอพวก เงินมาผ้าหลุดมามากเลยแปลกใจที่โรสมันไม่ได้เป็นแบบนั้นใช่ไหม เพื่อนภัทรแตกต่างจากพวกนั้นเยอะ” วรภัทรแบะปากใส่พี่ชายหลังจากที่แขวะเขาเสร็จ

“พี่จะคอยดู เราอย่าการันตีเพื่อนให้มากนักเดี๋ยวจะเสียหมาเอาได้” พงศกรสวนน้องชายกลับ

วรภัทรจับหน้าพี่ชายให้หันมาสบตากับเขาก่อนพูดออกมาว่า “พี่พงศ์ดูปากภัทรนะ ไม่มีทาง โรสไม่ใช่คนแบบนั้น” ยังไงชายหนุ่มก็เชื่อว่าเพื่อนของเขาดีกว่าคู่ควงทั้งหลายของพี่ชายมากนัก

“ใช่ค่ะ น้าโรสใจดีและน่ารัก” เด็กหญิงอิงฟ้าที่นั่งเงียบตลอดที่ทานอาหารพูดขึ้นมา ทำเอาบรรดาน้าๆสะดุ้งโหยงเพราะสีหน้าพี่สาวที่มองมานั้นน่ากลัวมาก ดีนะที่เข้าไม่พูดคำหยาบหรือคำต้องห้ามออกมาไม่งั้นพี่สาวของเขาจะลุกขึ้นอาละวาดมากกว่านั่งตาเขียวปัดแบบนี้

“น้องฟ้าทานอิ่มใช่ไหมคะ ไปบ้วนปากกับพ่อดีกว่า” เปรมณัชเห็นบรรยากาศเริ่มกร่อยเลยชวนบุตรสาวออกไปจากโต๊ะอาหาร ปล่อยให้พี่น้องเคลียร์กันเองดีที่สุด

“ค่ะ” เด็กหญิงอิงฟ้าลุกจากเก้าอี้เดินจูงมือบิดาไปชั้นสองของบ้าน

“คุณพ่อขาเงินมาผ้าหลุดคืออะไรคะ” เสียงแจ๋วๆของหลานสาวที่เอ่ยถามบิดาแว่วเข้ามาทำเอาวรภัทรหน้าซีดเผือดเหลือบมองพลอยลดาแบบหวั่นๆ ‘งานนี้เขาจะรอดกลับบ้านไหมเนี่ย’

--- Designer’s Love ---

พสุธาเอนหลังจิบเครื่องดื่มนั่งมองแสงไฟกรุงเทพในยามราตรีในผับชั้นบนสุดของโรงแรม ผับแห่งนี้เป็นความภูมิใจของเขาก็ว่าได้ เพราะเขาเป็นคนที่ริเริ่มทำผับแห่งนี้ขึ้นมา แบ่งเป็นแนวอินดอร์และเล้าจ์ ส่วนอินดอร์ที่เป็นโซนหลักสำหรับสายแด๊นซ์ และเล้าจ์ด้านนอกระเบียงดาดฟ้าสำหรับสายชิล โซนหลักถูกประดับเด่นหรูด้วยแชงเดอเลียขนาดใหญ่ เปิดเพลงสไตล์ Hip Hop และเพลงแด๊นซ์ชื่อดังทั้งหลาย มีชั้นลอยสำหรับ VIP ที่ต้องการความส่วนตัว เล้าจ์ด้านนอกโซนระเบียงดาดฟ้ากึ่งกลางแจ้งที่สามารถมองเห็นสวนสาธารณะตอนกลางวันได้อย่างเต็มตา และแสงไฟของกรุงเทพในยามราตรี เหมาะสำหรับการเอนหลังจิบเครื่องดื่มพูดคุยและฟังเพลงสไตล์เฮ้าส์ (House) แบบไหลๆลื่นๆ พร้อมด้วยพื้นที่ที่สามารถเล่นพูล และ ฟุตบอลโต๊ะได้อย่างสนุกสนาน สำหรับเมนูอาหารและเครื่องดื่มนั้นมีความสร้างสรรค์และหลากหลายให้เลือก โดยวันนี้พสุธาเลือกที่จะนั่งชมวิวยามค่ำคืนด้านนอกมากกว่าด้านใน

“สวัสดีพี่ชาย ทำไมมานั่งเงียบๆคนเดียว” ไอราเอ่ยทักพี่ชาย ก่อนถือวิสาสะนั่งลงตรงเก้าอี้ตรงข้าม

“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่เราเหอะ จะขึ้นเวทีอยู่แล้วไม่เตรียมตัวเหรอ” พสุธาถามน้องชาย ผู้ที่เป็นนักร้องดังอยู่ตอนนี้

“ยังพอมีเวลา ลมคิดว่าพี่มาดูลมเสียอีก” ไอรามาร้องเพลงที่นี่เดือนละครั้ง เพราะเป็นข้อตกลงระหว่างเขากับครอบครัว เมื่อเขาไม่เข้าทำงานในกิจการของครอบครัวหลังเรียนจบ เพราะอยากทำตามความฝัน พสุธาเองก็ไม่ห้ามเพียงแต่เสนอให้มาร้องเพลงที่นี่บ้างเพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งเขาเองก็ยอมรับเงื่อนไขนั้นเพราะไม่อยากให้มารดาบ่นไปมากกว่านี้

“อยากอยู่ แต่คนเยอะขี้เกียจไปเบียดกับเขา” คืนไหนที่ไอรามาร้องเพลงส่วนอินดอร์จะแน่นเป็นพิเศษไม่ว่าจะโต๊ะนั่งหรือที่ยืน เพราะบางคนจองด้านในไม่ทันไม่มีที่จะเลือกจองด้านนอกแทน เพราะสามารถเข้าไปฟังชายหนุ่มร้องเพลงได้เหมือนกัน

“ลมว่าพี่ดินแปลกๆนะเนี่ย จะว่าอกหักก็ไม่น่าใช่” ไอราพิจารณาพี่ชายก่อนเอ่ยออกมา

“ไม่มีอะไร คิดมาก”

“ไม่มีอะไรก็แล้วไป พี่คิดดีๆแล้วกันจะทำอะไรก็นะ...” ไอราเว้นวรรคเพราะรู้ว่าพี่ชายรู้ที่เขาจะพูดต่อ “ยัยลูกพีชลมได้ข่าวว่าร้ายไม่ใช่เล่น จะทำอะไรก็ระวังหน่อยแล้วกัน”

“พี่ตกลงกับเขาไว้แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก”

“ลมไม่ได้ห่วงพี่ ลมห่วงคนใหม่ที่พี่ไปจีบมากกว่า โอ๊ะ ผู้จัดการมาตามแล้ว ไปก่อนนะพี่ชาย” ไอรารีบเดินเข้าไปด้านในทันทีหลังจากที่พูดจบ

พสุธามองตามหลังน้องชายก่อนยิ้มออกมา ‘ร้ายงั้นเหรอก็ดีซิ ดูซิว่าจะทำอย่างไรต่อไป ยิงนกทั้งทีต้องยิงทีเดียวได้ถึงสองตัวไม่ใช่เหรอ’


****************
สวัสดีค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ฝากติดตามนิยายด้วยค่ะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเม้นท์ แนะนำ ให้กำลังใจกันหน่อยนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)   
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 6 (22/07/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 22-07-2019 18:38:45
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 6 (22/07/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 22-07-2019 22:17:22
พี่ชายน้องภัทร มีความหลังอะไรกับโรสหรือเปล่าหนอ???  :hao4:
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 6 (22/07/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-07-2019 22:07:58
 :hao4:
หัวข้อ: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 7 (12/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 12-08-2019 11:59:56
ตอนที่ 7

“แม่ สวัสดีครับ น้าพรรณ สวัสดีครับ” วรภัทรเดินเข้ามาทักทายอรณีกับอรพรรณที่กำลังขายของอยู่

“อ้าวภัทร มายังไง นั่งก่อนๆ” อรณีเงยหน้ามองทันทีพอเห็นว่าเป็นใครก็บอกชี้ชวนให้ชายหนุ่มให้นั่งเก้าอี้ภายในร้าน

“ภัทรมากับพี่สาวครับ” พลอยลดายกมือไหว้มารดาของรสิกากับน้าสาว ก่อนวางถุงขนมของฝากบนโต๊ะที่น้องชายลากเก้าอี้ออกมา

“พลอยมาหาโรสค่ะคุณน้า มีเรื่องคุยกับโรสนิดหน่อยค่ะ” พลอยลดาเอ่ยกับอรณี

“อ้าว โรสไปไหนแล้ว” อรณีหันมาถามน้องสาว

“ เมื่อกี้ยังช่วยเก็บจานอยู่เลย หนูนาเห็นโรสไหม” อรพรรณหันมาตอบพี่สาวก่อนที่ตะโกนถามลูกจ้างที่เช็ดโต๊ะอยู่ไม่ไกล

“คุณโรสเอาจานไปเก็บด้านหลังค่ะ” หนูนาตอบอรพรรณ

“งั้นไปตามโรส บอกว่าเพื่อนมาหา” อรณีเอ่ยกับหนูนาที่กำลังมองวรภัทรและพลอยลดาอย่างใคร่รู้

“ได้ค่ะ” หนูนารับคำก่อนเดินเข้าไปหลังร้าน ใช้เวลาไม่นานรสิกาก็เดินออกมา

“สวัสดีค่ะพี่พลอย ภัทร” หญิงสาวยกมือไหว้พลอยลดาก่อนหันมาพยักหน้าทักทายเพื่อน

“พี่แวะมาขอบคุณเรากับครอบครัวที่ฝากของกินไปกับภัทรตั้งเยอะแยะ นี่จ้าขนมพี่เอามาฝาก ที่มาวันนี้พี่จะมาคุยกับเราด้วย” พลอยลดายื่นถุงของฝากให้หญิงสาวที่เลิกคิ้วแปลกใจในคำพูดของเธอ

“พี่พลอยจะคุยอะไรกับโรสเหรอคะ” รสิกาเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“คือ...”

“โรสพาเพื่อนไปคุยด้านบนเถอะ นั่งตรงนี้กลิ่นอาหารติดตัวเปล่าๆ” อรณีพูดขัดขึ้นมา เพราะช่วงนี้ลูกค้าทยอยเข้าร้านถ้าขืนพูดคุยกันตรงนี้จะไม่สะดวกเอา

“ได้ค่ะ พี่พลอย ภัทร ไปข้างบนดีกว่า” รสิการับคำมารดา ก่อนเอ่ยชวนสองพี่น้องเดินเข้าไปด้านในร้าน
หญิงสาวพาทั้งคู่ขึ้นมาชั้นลอยของอาคารพาณิชย์ที่ถูกดัดแปลงเป็นห้องพักผ่อนของครอบครัว

“โรส ความจริงแต่งแบบนี้ก็ดูดีนะ ไม่เห็นนานแล้ว” วรภัทรเอ่ยแซวเพื่อน รสิกาไม่ได้แต่ตัวน่าเกลียดอะไร เพียงแต่เขาไม่ค่อยได้เห็นตอนที่เพื่อนไม่แต่งหน้า ใส่เสื้อยืดตัวใหญ่กางเกงเข้ารูปสี่ส่วนแถมสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนที่แถมมาจากซอสปรุงรสยี่ห้อดังติดอยู่

“เราออกจะแต่งบ่อยออก”

“ภัทรคงติดภาพโรสตอนเป็นนางแบบไปแล้วมั้ง ความจริงเราตอนไม่แต่งหน้าดูเด็กมากเลย” พลอยลดาเอ่ยชมทำเอารสิกายิ้มแก้มปริ

“โห แค่พี่พลอยแกล้งชมก็ยิ้มหน้าบานเลยนะ” วรภัทรอดที่จะแขวะเพื่อนด้วยความหมันไส้

“พี่ชมโรสเขาจริงๆ ไม่ใช่แกล้งชม เดี๋ยวเหอะ” พูดจบพลอยลดาก็ตีไปที่แขนน้องชายที่พูดไม่คิด

“ตีมาขนาดนี้ไม่เดี๋ยวแล้วเหอะ” ชายหนุ่มหน้ามุ่ยเมื่อเห็นพี่สาวตีเขาจริงๆไม่ใช่พูดเล่น

“โรสอย่าไปสนใจเด็กไม่รู้จักโตเลย เรามาคุยธุระกันดีกว่า” พลอยลดาหันมาพูดจริงจังกับหญิงสาวโดยไม่สนใจน้องชายที่บ่นพึมพำอยู่ไม่ไกล

“รอแป๊บนึงนะคะ” รสิกาเดินไปเปิดตู้เย็นนำน้ำผลไม้ออกมาใส่แก้วก่อนนำมาเสิร์ฟให้ทั้งคู่ วรภัทรคว้ามาดื่มด้วยความกระหายทันที

“พี่อยากจะมาถามโรสว่ายังสนใจงานออกแบบอยู่ไหม พอดีโปรเจคใหม่พี่อยากได้ไอเดียใหม่ๆบ้าง”

“โรสเองก็อยากทำนะคะ แต่ไม่ค่อยมีเวลา กลัวว่าจะทำให้งานของพี่เสีย”

“ลองออกแบบก่อนไหม แล้วค่อยนำมาเสนอ ถ้าแบบไหนทางที่ประชุมอนุมัติพี่จะแบ่งเปอร์เซ็นยอดขายให้ดีไหม เราจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย” พลอยลดาพยายามเกลี่ยกล่อมหญิงสาวให้รับงานนี้

“พี่พลอยใจป้ำอ่ะ ทีของภัทรให้ค่าแบบเฉยๆไม่ให้เปอร์เซ็นด้วยซ้ำ” วรภัทรเริ่มบ่นพี่สาวที่ให้ผลประโยชน์รสิกามากกว่าใครๆ

“ฉันให้ค่าแบบแกก็บุญแค่ไหนแล้ว พนักงานบริษัทไม่ได้ค่าแบบเลยด้วยซ้ำ”

“พนักงานก็มีเงินเดือนอยู่แล้วนี่” ชายหนุ่มทำหน้าง้ำที่ไม่ได้แบบเพื่อน

“เอางานของแกมาให้ดูก่อนไหม ถ้าผ่านฉันอาจพิจารณาให้ก็ได้” พลอยลดารู้สึกปวดหัวตุ๊บๆ ไม่รู้คิดถูกคิดผิดที่พาน้องชายมาเจรจางานกับหญิงสาวในครั้งนี้

“มีคอนเซ็ปไหมคะ” รสิการีบพูดขัดขึ้นมาก่อนวรภัทรจะกวนอารมณ์พี่สาวไปมากกว่านี้ ความจริงเธอก็คิดถึงงานออกแบบอยู่เหมือนกัน ทุกวันนี้ได้แต่คิดออกแบบเครื่องประดับที่ตัวเองสนใจไปเรื่อยเปื่อย

“ภัทรเอาคอนเซ็ปพร้อมตัวอย่างให้เพื่อนดูหน่อยซิ” พลอยลดาสะกิดน้องชายให้เอาเอกสารพร้อมตัวอย่างลายผ้าไหมให้เพื่อนดู

“หือ ผ้าไหมลายสวยจัง” รสิกามองผ้าไหมสีเขียวอมน้ำเงินอย่างสะดุดใจ

“ใช่ไหม เราก็ว่าสวย พอเห็นผ้านี่เราได้แบบเจ๋งๆมาเพียบเลย นี่ไงๆ โรสว่าไอเดียเราเจ๋งไหม” พอเห็นเพื่อนชื่นชมผ้าไหมตัวอย่าง วรภัทรจึงหยิบกระดาษที่เขาร่างแบบส่งไปให้เพื่อนดู

“แบบเก๋ดี เราชอบ” รสิกาพลิกแบบสามสี่แผ่นไปมา หญิงสาวรู้สึกถูกใจไอเดียวรภัทรดีจริงๆ

“ไหนๆขอพี่ดูบ้าง” พลอยลดายื่นมือไปรับแบบร่างของน้องชายมาดูอย่างสนใจเพราะวรภัทรอุบเงียบไม่เคยบอกหรือให้เธอดูเลย

“เฮ้ยไอ้ภัทร นี่แบบเสื้อผ้านี่” พลอยลดามองหน้าน้องชายอย่างงงๆ

“ครับ ก็ใช่ไง”

“ไอ้ภัทร พงศ์ไม่ได้บอกเหรอว่าผ้าไหมนี่จะทำคอลเลคชั่นใหม่ของบริษัท” พลอยลดาพยายามพูดกับน้องชายอย่างใจเย็น

“บอกครับ” วรภัทรพยักหน้าหงึกหงักกับพี่สาว

“แล้วแกรู้ไหมว่าบริษัทเราออกแบบและผลิตสินค้าอะไร” พลอยลดาพยายามพูดอีกครั้ง

“กระเป๋าและรองเท้าไง”

“แล้วที่แกออกแบบมันคืออะไร มันเกี่ยวกับที่บริษัททำไหม”

“แหะๆ พี่พลอยดื่มน้ำให้ใจเย็นก่อน” วรภัทรยื่นแก้วน้ำให้พี่สาวก่อนพูดอย่างประจบว่า “พี่พลอยก็รู้ภัทรเพิ่งเรียนจบด้านออกแบบเสื้อผ้ามา ไอเดียกำลังโลดแล่น พอเห็นผ้าสวยๆภัทรเลยปิ้งทันทีน่ะ”

“โรสว่าภัทรออกแบบเข้าทีดีนะพี่พลอย ภัทรขอกระดาษกับดินสอสีหน่อยซิ” รสิกาชอบผลงานของเพื่อน พอเห็นผลงานนี้ทำให้เธอคิดอะไรออกมาจนต้องขอกระดาษเพื่อวาดมันลงไป

หญิงสาวใช้เวลาครู่ใหญ่ในการใส่รายละเอียดให้เข้ากับแบบที่เพื่อนวาดไว้ หลังจากที่ปรับไอเดียได้ตามที่ต้องการแล้ว รสิกาจึงส่งผลงานให้พลอยลดาดู

“จากชุดที่ภัทรออกแบบ โรสนึกถึงแอคเซสเซอรี่ต่างๆขึ้นมา ภาพแรก สร้อยคอกับต่างหู กำไรข้อมือที่เข้าชุดกัน” วรภัทรหลุดหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าเหวอๆของพี่สาวที่ฟังเพื่อนของเขาอธิบาย

“ภาพที่สอง เป็นกระเป๋าถือค่ะ แบบที่โรสวาดจะดูวัยรุ่นถึงวัยทำงาน ไม่ดูแก่มาก” พลอยลดาดูจะพอใจแบบที่รสิกาวาด หญิงสาวใส่รายละเอียดลายของผ้าไหมดูโดดเด่นสะดุดตาไม่เหมือนใคร

“ภาพสุดท้ายเป็นรองเท้าค่ะ เป็นแบบสานจะดูวัยรุ่นหน่อยแต่ก็เข้ากับชุดที่ภัทรออกแบบได้” พลอยลดามองผลงานอย่างพอใจ นับว่าหญิงสาวมีฝีมือพอตัวเลยทีเดียวแค่เห็นแบบ ก็สามารถคิดงานได้โดยใช้เวลาไม่นาน ทำให้เธอเสียดายพรสวรรค์ที่ซุกซ่อนไว้ของหญิงสาว

“เริศอ่ะ เราชอบโรสสนใจมาทำร้านกับเราไหม เราออกแบบเสื้อผ้าโรสออกแบบเครื่องประดับเราว่ามันต้องไปรอดแน่ๆ” วรภัทรเองก็ถูกใจผลงานของเพื่อน ถ้าเขาเปิดร้านเสื้อผ้าแบรนของตัวเองแล้วมีแอคเซสเซอรี่มาประกอบรับรองขายได้เห็นๆ

“เดี๋ยวก่อน เรื่องเปิดร้านเปิดแบรนของภัทรคุณพ่อยังไม่อนุมัติไม่ใช่เหรอ พี่ว่าเราทำคอนเซ็ปนี่ให้ผ่านก่อนเหอะ อย่าเพิ่งฝันไปไกล” พลอยลดามองแบบของทั้งคู่ เธอคิดว่าการที่น้องชายจะทำแบรนของตัวเองคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เพราะถ้าแบบของรสิกาชุดนี้ผ่านการพิจารณาในที่ประชุม บิดาของเธอคงอนุมัติให้วรภัทรทำชุดที่ออกแบบนำมาเปิดตัวพร้อมกันแน่ๆ ก็เล่นเข้าชุดกันจนไม่อยากปล่อยให้หลุดไปเลย

วรภัทรหน้าหงิกเล็กน้อย ก่อนหันไปชื่นชมภาพเครื่องประดับที่เพื่อนออกแบบมา ส่วนรสิกาเปิดดูภาพถ่ายผ้าไหม สีสันลวดลายต่างๆในไอแพคของเพื่อนอย่างสนใจจนอยากเห็นของจริงว่าจะเหมือนผ้าไหมสีเขียวน้ำทะเลนี้ไหม หรือสีจะเพี้ยนจากรูป

“ภัทรผ้าไหมสีฟ้านี่ภัทรมีตัวอย่างไหม เราอยากเห็นของจริง”

“ไหนๆ เราไม่ได้เอามา อยู่ที่ออฟฟิตน่ะ โรสสนใจเหรอ”

“อืม อยากเห็นของจริงว่าสีจะเป็นแบบไหน” รสิกาอยากรู้ว่าผ้าผืนนี้จะสีสวยเหมือนในรูปไหม หรือจะเพี้ยนต่างออกไปจากเดิมแค่ไหน

“ไปดูที่ออฟฟิตได้ โรสว่างเมื่อไหร่เข้าไปได้เลย”

--- Designer’s Love ---

วรภัทรเดินตามพี่สาวไปที่ส่วนออฟฟิตภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังเพื่อเช็คยอดขายสินค้าของบริษัท พลอยลดาให้เหตุผลว่าไหนๆก็ออกมาแล้วทำงานไปด้วยเลย ทันทีที่เดินผ่านประชาสัมพันธ์เข้ามาฝ่ายจัดซื้อเคาน์เตอร์แบรนด์ออกมาต้อนรับพวกเขาอย่างรวดเร็ว

“สวัสดีค่ะคุณพลอย ไม่คิดว่าคุณพลอยจะมาเองแบบนี้” ฝ่ายจัดซื้อที่รับผิดชอบดูแลสินค้าของบริษัทเอ่ยทัก ก่อนพาพวกเขาไปที่ห้องรับรองแขกพร้อมพนักงานที่ถือแฟ้มเอกสารเข้ามาวางไว้ให้

“พอดีพลอยมาช๊อปปิ้งค่ะไหนๆมาแล้วเลยมาทักทายคุณสาลินีด้วย” พลอยลดาบอกก่อนยื่นถุงขนมของฝากส่งไปให้หญิงสาวที่อายุมากกว่า

“ขอบคุณมาค่ะเกรงใจคุณพลอยจัง” ทุกครั้งที่พลอยลดาแวะเข้ามาจะมีขนมของฝากมาให้อยู่เสมอ

“ขนมเจ้านี้อร่อยมาก รายนี้การันตีได้ค่ะ” พลอยลดาชี้ไปทางน้องชาย เพราะวรภัทรแกะทานที่ซื้อไปฝากที่บ้านไปกว่าครึ่งแล้ว

“ใช่ครับ อร่อยจริงๆ” วรภัทรที่หาจังหวะอยู่เอ่ยขึ้นมา

“ภัทร นี่คุณสาลินี ฝ่ายจัดซื้อที่ดูแลสินค้าของบริษัทเรา ส่วนนี่ก็วรภัทร น้องชายคนเล็กของพลอย เพิ่งเรียนจบเลยพามาช่วยงานค่ะ” พลอยลดาแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกันไว้

“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวเอ่ยทักทายในขณะที่วรภัทรค้อมหัวทักทาย เพราะก่อนหน้านี้เขายกมือไหว้หญิงสาวพร้อมพี่สาวไปแล้ว

แกร็ก!

“อ๊ะ ขอโทษด้วยไม่คิดว่ามีคนอยู่” เสียงเปิดประตูทำให้คนในห้องหันไปมองผู้มาใหม่ที่ยกมือข้างหนึ่งขอโทษขอโพยที่จู่ๆก็เปิดประตูเข้ามา

“คุณพสุธาจะใช้ห้องเหรอค่ะ” สาลินีเอ่ยถามเจ้านายอย่างกล้าๆกลัวๆ เธอเห็นห้องรับรองว่างจึงพาลูกค้าเข้ามาที่ห้องนี้โดยไม่รู้มาก่อนว่าจะมีคนใช้

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปใช้ห้องประชุมเองตามสบายนะครับ ไปชินไปห้องประชุม” พสุธาพูดกับสาลินีก่อนหันไปบอกเลขาของตัวเองที่หอบเอกสารตามมา

“ครับ บอส”

“คุณสาลินีครับคนที่ใส่แว่นนั่นใครเหรอครับ” วรภัทรเอ่ยถามอย่างใคร่รู้เมื่อคนทั้งคู่เดินออกไปแล้ว

“คุณชินกรเลขาของคุณพสุธาค่ะ”

“หือ เหรอครับ” วรภัทรพยักหน้ารับ ถ้าเขาจำไม่ผิดผู้ชายที่อยู่กับไอ้โรคจิตวันนั้นคือนายแว่นคนนี้แน่ๆ

“ภัทรมีอะไรหรือเปล่า” พลอยลดาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าครุ่นคิดของน้องชาย

“อ๋อ ไม่มีอะไร ผมแค่แปลกใจที่เห็นนาย เอ๊ย คุณพสุธากับเลขาที่นี่” วรภัทรรีบเปลี่ยนสรรพนามเรียกชื่อชายหนุ่มทันทีที่เห็นสายตาของพี่สาว

“ไม่เห็นแปลก ก็ห้างนี้กับโรงแรมที่ติดกัน ครอบครัวแสงศศินาเป็นเจ้าของ และคุณพสุธาก็ดูแลอยู่” พลอยลดาบอกน้องชายก่อนหันไปสนใจเอกสารที่ฝ่ายจัดซื้อส่งมาให้ดูโดยไม่สนใจน้องชายอีก

“ห๊ะ” ใครจะคิดว่าห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่สินค้าของบริษัทเขามียอดขายมากที่สุดที่นี่ ไอ้โรคจิตนั่นดูแลอยู่ ทำไมมันเป็นอย่างนี้ไปได้ วรภัทรได้แต่คร่ำครวญอยู่ในใจทำไมรอบตัวของเขาถึงได้วนเวียนอยู่กับไอ้บ้านั่นนะ เมื่อไหร่จะสลัดหลุดไปพ้นๆเสียที พอเผลอๆก็ผ่านมาให้เห็นสร้างความรำคาญประหนึ่งเป็นแมลงสาบจอมอึดกำจัดยังไงก็ไม่หมดสักที

****************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ฝากติดตามนิยายด้วยค่ะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเม้นท์ แนะนำ ให้กำลังใจกันหน่อยนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)   

หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 7 (12/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-08-2019 17:55:18
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 7 (12/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-08-2019 12:31:03
ยังไม่เห็นแววจะญาติดีกันได้เลย  :laugh:
หัวข้อ: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 8 (27/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 27-08-2019 21:30:58
ตอนที่ 8

“บอสครับ คืนนี้มีงานกาล่าดินเนอร์การกุศล คุณหญิงมณีกาญจน์เป็นคนจัดขึ้นเพื่อช่วยหาทุนให้กับมูลนิธิเด็ก และคุณหญิงมณีกัลยาโทรมาย้ำว่าต้องเจอบอสในงานด้วยครับ” ชินกรเดินเข้ามารายงานเรื่องที่มารดาเจ้านายโทรมาหาย้ำเตือน

“งั้นนายไปกับฉันด้วยแล้วกัน” พสุธาเอ่ยขึ้นอย่างเบื่อหน่าย

“ครับ ออ ผมทราบมาว่า คุณลูกพีชไปร่วมงานด้วยครับบอส”

“งั้นเหรอ ยังส่งดอกไม้ไปให้โรสอยู่ใช่ไหม” พสุธาคลี่ยิ้มตรงมุมปาก เขาสั่งให้เลขาส่งดอกไม้ให้รสิกาทุกอาทิตย์ในวันที่หญิงสาวทำงาน

“ครับยังส่งอยู่อาทิตย์ละครั้ง วันนี้จะให้ส่งดอกไม้ไปให้คุณลูกพีชด้วยไหมครับ” ชินกรตอบก่อนจะถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องเจอนิชาดาในงานที่จะไปด้วย

“ไม่ต้อง” พสุธาปฎิเสธออกไปยังไงคืนนี้ก็เจอกันไม่จำเป็นต้องส่งไปให้


งานการกุศลที่เหล่าคนดัง นักการเมือง คนมีชื่อเสียงในวงการบันเทิง กับพวกนักธุรกิจมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง วรภัทรถอนหายใจเมื่อเห็นผู้ร่วมโต๊ะของตัวเอง ที่นั่งมีเยอะแยะทำไมถึงมานั่งโต๊ะเดียวกันได้

วันนี้โดนมารดาลากมาร่วมงานอุตส่าห์คิดว่าโชคดีที่มีเพื่อนอย่างปัญญวัฒน์และศรัณมาร่วมโต๊ะ แต่วรภัทรก็คาดไม่ถึงว่าภาสวรจะลากพสุธาและเลขามานั่งด้วยกัน ครั้นอยากจะไล่ให้ไปนั่งที่อื่นก็เกรงใจภาสวร

“ภัทรไม่กินเหรอ ไหนบอกว่าหิวไง” ศรัณเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างแปลกใจ

“กินซิ” วรภัทรกลับมาจดจ่ออาหารนาๆชนิดที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าหลังจากที่คิดอะไรเพลินๆ

“ภัทรทานนี่ซิอร่อยนะ” ปัญญวัฒน์ตักกระเพาะปลาผัดแห้งวางบนจานของเพื่อนสนิทที่ดูเงียบๆไปเฮฮาเหมือนเดิม

“อืม ขอบใจ” ชายหนุ่มตักอาหารทานอย่างเนือยๆไม่กระตือรือร้นอย่างตอนแรกที่ก้าวมาในงานจนศรัณและปัญญวัฒน์หันมาสบตากันอย่างเป็นห่วงเพื่อนตัวเล็กที่แปลกไป

“ทนๆเอาหน่อยนะ เดี๋ยวพาไปหาของอร่อยกินที่เยาวราชไปไหม” ศรัณกระซิบปลอบวรภัทรพร้อมเอ่ยชักชวนชายหนุ่ม ไหนๆพรุ่งนี้ก็ได้พักหนึ่งวันแล้วคืนนี้ไปเที่ยวผ่อนคลายบ้างก็ดีไม่ใช่น้อย

“ไปๆ งั้นไปกันเลยเหอะ” วรภัทรวางช้อนลงแล้วหันมาเขย่าแขนเพื่อนสนิทอย่างยินดี

“ยังไปไม่ได้ ขืนออกไปตอนนี้บรรดาแม่ๆเอาตายแน่ รออีกสักพักเหอะ” ศรัณรีบบอกเพื่อนสนิททันทีเพราะกลัวว่าเจ้าตัวจะลากเขาออกไปจากงานตอนนี้จริงๆ

“โห อีกนานไหม” วรภัทรถามขึ้นอย่างเซ็งๆ จากที่ดีใจข้างในใจพองฟูก็เหี่ยวแฟบลงกลับมาที่เก่าอีกรอบ

พสุธาลอบสังเกตวรภัทรที่นั่งอยู่ตรงข้าม ชายหนุ่มรู้สึกอารมณ์ดีที่ยั่วโมโหคนตัวเล็กได้สำเร็จ ทันทีที่เห็นเขามานั่งร่วมโต๊ะด้วย วรภัทรก็ชักสีหน้าไม่พอใจแต่ไม่สามารถโวยวายอะไรได้ เพราะเขามีเกราะป้องกันอย่างภาสวรแถมการ์ดที่คอยประกบซ้ายขวาวรภัทรคอยระวังไม่ให้เจ้าตัวอาละวาดก็เป็นเพื่อนสนิทของวรภัทรนั่นเอง ทำให้ไอ้ตัวแสบแผลงฤทธิ์ทำอะไรเขาไม่ได้

ใบหน้าที่เปลี่ยนไปตามอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายทำให้พสุธามองเพลิน เข้าไม่รู้ว่าวรภัทรคุยอะไรกับเพื่อน แต่สีหน้าที่เปลี่ยนไปบ่งบอกได้ว่าชายหนุ่มรู้สึกอย่างไร

“ไอ้ดินเดี๋ยวพวกกูต้องขอตัวกลับก่อนนะ” ภาสวรสะกิดบอกเพื่อน

“ทำไมรีบกลับล่ะ ไหนว่าอยู่ดึกได้” พสุธาถามอย่างแปลกใจ ตอนแรกที่คุยกันภาสวรบอกว่ากลับดึกได้เพราะลูกชายค้างคืนที่บ้านปัญญวัฒน์โดยนอนกับหลานสาวของชายหนุ่ม

“จะพาปันไปเดินเที่ยวเยาวราชกับเพื่อนๆน่ะ”

“หือ ไปเยาวราช” พสุธาเอ่ยอย่างแปลกใจ

“อืม ตามนั่นแหละ” ภาสวรบอกกับเพื่อนก่อนหันไปยิ้มกับปัญญวัฒน์

“กูกะจะชวนมึงกับปันขึ้นไปที่เลานจ์ด้านบนสักหน่อย” เขาอยากสำรวจว่าผับของโรงแรมในเครือฯจะเป็นอย่างไรบ้าง

“ไว้วันหลังแล้วกัน ตอนแรกว่าจะชวนมึงไปด้วยแต่กูว่ามึงคงไม่ว่างไปกับกูแล้วมั้ง” ภาสวรคลี่ยิ้มมองพสุธาอย่างรู้ทัน เพราะเขาเห็นนิชาดาที่นั่งอยู่ไม่ไกลส่งสายตามาหาเพื่อนเขาตลอด พสุธาคงไม่ได้ไปเลานจ์คนเดียวอย่างแน่นอน

--- Designer’s Love ---

เมื่อเห็นคนเริ่มทยอยกลับ วรภัทรหันมานัดแนะกับปัญญวัฒน์และภาสวรก่อนจะแยกตัวไปที่จอดรถกับศรัณ เนื่องจากตอนขามาวรภัทรไปรับเพื่อนสนิทที่คอนโด ขากลับจึงไปด้วยกันต่อ พอมาถึงรถวรภัทรได้แต่ขมวดคิ้วมองรถที่จอดขวางรถของเขาไว้ แม้จะพยายามเข็นให้พ้นทางอย่างไรก็ไม่สามารถขยับรถคันนั้นได้

“บ้าชิบ ดันใส่เบรกมือ” ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างหงุดหงิด

“ภัทรใจเย็นๆ เดี๋ยวกูไปขอความช่วยเหลือจากพี่ร.ป.ภให้” ศรัณปลอบเพื่อนก่อนเดินไปหา ร.ป.ภ ที่ยืนอยู่แถวๆประตูทางออก

“ไปทำไมยังไงมันก็เข็นไม่ได้อยู่ดี” วรภัทรคิดว่าเพื่อนจะไปตามพนักงาน ร.ป.ภ มาช่วยกันขยับรถ

“ไปขอให้เขาช่วยหาเจ้าของรถมาเลื่อนรถไงล่ะ” ศรัณส่ายหัวให้ความมึนของเพื่อนสนิท

“อ้าวเหรอ งั้นมึงรีบไปเลย”

ศรัณหายไปสักพักกลับมาพร้อมร.ป.ภ คนหนึ่งมาสำรวจรถที่จอดขวางรถของวรภัทรก่อนจะวิทยุรายงานเพื่อหาเจ้าของรถคันดังกล่าว

“เฮ้ย พี่ร.ป.ภ.ไปหาเจ้าของรถถึงไหนวะ นานมาก ป่านนี้ไอ้ปันกินอิ่มกลับบ้านนอนแล้วมั้ง” วรภัทรบ่นอย่างหงุดหงิด วันนี้สงสัยไม่ใช่วันของเขาหรือไม่ก็ซวยเพราะเจอไอ้โรคจิต ทำให้ทุกอย่างรวนไปหมด

“เออ ใจเย็นๆอีกสักพักพี่เขาก็กลับมาให้เวลาเขาทำงานหน่อย ถ้าปันมันกลับไปแล้วก็เหลือกูไงมึงไม่ต้องกลัว กูไปเป็นเพื่อนมึงแน่ๆ” ศรัณพูดปลอบเพื่อนพลางกดโทรศัพท์ดูฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ

“มึง ถ้าสมมติเจ้าของรถไม่อยู่ที่นี่ล่ะจะทำยังไง” วรภัทรเริ่มคิดถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่สุด ใครจะรู้บางทีเจ้าของรถอาจมีธุระต้องรีบไป จึงจอดรถไว้ที่โรงแรมนี้ก่อนแล้วไปรถไฟฟ้าก็ได้ใครจะรู้

“มึงอย่าเพิ่งคิดอะไรไปไกลเลย เอาน่าถ้าหาเจ้าของรถไม่เจอทางพวกพี่ ร.ป.ภคงมีวิธีแก้ปัญหาล่ะมั้ง” ศรัณตอบอย่างไม่มั่นใจ ตอนนี้ที่เขาทำได้คือพยายามปลอบเพื่อนไม่ให้ฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้

ขณะพวกเขารอกันอยู่นั้นเองเจ้าของรถที่จอดข้างพวกเขาก็มาที่รถ ซึ่งจอดติดกับรถของวรภัทรก็ออกไม่ได้เหมือนกัน เพราะรถคู่กรณีดันจอดขวางรถสองคัน

“พวกคุณรอนานหรือยังคะ” สาวสวยเจ้าของรถข้างๆเอ่ยถามศรัณเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“สี่สิบนาทีแล้วครับ”

“ตายจริง ตั้งนานแล้วยังหาเจ้าของรถคันนี้ไม่เจออีกเหรอ” สาวสวยอีกคนที่มาด้วยกันโวยวายขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบดูท่าเธอคนนี้จะดื่มมากเยอะพอสมควร เพราะเพื่อนของเธอที่เป็นเจ้าของรถได้แต่ส่งยิ้มแหยๆเชิงขอโทษมาให้พวกเขา

ศรัณไม่ตอบอะไรเขาได้แต่ส่งยิ้มตอบไปให้สาวสวยสองคนที่ร่วมชะตากรรมเดียวกับพวกเขา ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจลำพังรับมือกับเพื่อนสนิทตัวเล็กนั้นก็ว่าเหนื่อยแล้ว แต่นี่ผู้หญิงที่กำลังเมาและอารมณ์เสียเหวี่ยงวีน

 ‘เฮ้อ ชวนไอ้ภัทรนอนที่นี่เสียเลย พรุ่งนี้ค่อยกลับบ้านดีกว่าไหมวะ’

ระหว่างที่กำลังนึกอะไรเพลินๆ ก็มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินมาตรงที่พวกเขายืนอยู่ ท่าทางกรึ่มๆกันทั้งคู่ วรภัทรที่กำลังอารมณ์คุกกรุ่นหันมาสบตากับเพื่อนสนิทราวจะถามว่าชายหญิงคู่นี้จะเป็นเจ้าของรถเจ้าปัญหานี้หรือเปล่า ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร พวกเขาก็ได้คำตอบเมื่อฝ่ายชายยื่นมือกดรีโมทเพื่อเปิดรถประตู

ศรัณหันมายิ้มให้กับวรภัทรอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่าเจ้าของรถมาเลื่อนรถแล้ว เขากับวรภัทรจึงเปิดประตูเพื่อขึ้นรถตัวเองบ้าง แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

“นี่คุณทำไมจอดรถหมาๆแบบนี้” ผู้หญิงเมาที่มาในตอนแรกเดินเข้าไปต่อว่าชายหญิงคู่นั้นโดยมีเพื่อนพยายามปรามอยู่ข้างๆ

“ก็ไม่มีที่จอดไง เลยจอดมันตรงนี้เลย” ชายหนุ่มที่กำลังขึ้นรถหันมาต่อปากต่อคำด้วย

“เฮ้ย เอาแล้วไง” ศรัณรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

“นี่คุณอย่าเพิ่งเถียงกันได้ไหม ช่วยเลื่อนรถก่อน” วรภัทรเปิดประตูก่อนตะโกนออกไป

“ทำไม มึงมีปัญหาอีกคนเหรอ ถ้ามีปัญหานักก็มา” ชายคนนั้นหันมาเอาเรื่องวรภัทรทันที

“นี่นายอย่าเพิ่ง หันมาคุยให้รู้เรื่องก่อน ไอ้คนไม่มีมารยาท ส่วนคุณรอคิวไปก่อน เพราะฉันเอาเรื่องหมอนี่ก่อนคุณต้องต่อคิว” ผู้หญิงที่กำลังเล่นงานเจ้าของรถเจ้าปัญหาโวยวายขึ้นพร้อมชี้หน้าวรภัทรพร้อมบอกว่าให้ต่อคิวจากเธอ

“เอ๊ะยัยป้า แก่แล้วไม่เจียมนะ จะอะไรนักหนา” ผู้หญิงที่มากับผู้ชายคนนั้นเข้ามาร่วมวงด้วย

“โอ๊ย กูอยากจะบ้า” ศรัณฉุดเพื่อนให้เข้ามาในรถพร้อมกดเบอร์ของโรงแรมตามนามบัตรที่ได้มา

“พี่ร.ป.ภ.ของมึงไปไหนกันหมดวะ เฮ้ยผู้หญิงตบกันแล้ว อ้าว ไอ้หน้าตัวเมีย” พูดจบวรภัทรก็ลงจากรถไปช่วยผู้หญิงสองคนถูกชายหญิงคู่นั้นรุมสกรัม

“อ้าวเฮ้ยไอ้ภัทร” ศรัณเปิดประตูลงไปสมทบกับเพื่อนสนิทที่พยายามห้ามชายหญิงคู่นั้นทำร้ายผู้หญิงสองคนนั่น แต่กลับโดนชายคนนั้นทำร้ายแทน

เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายอยู่ครู่ใหญ่ร.ป.ภ.ก็เข้ามาห้ามพร้อมชายหนุ่มอีกสองคน กว่าเหตุการณ์จะสงบได้วรภัทรแทบทรุดไปกองกับพื้นด้วยความมึนจากการโดนต่อยเข้าไปอย่างจังทีนึงส่วนอีกหลายทีได้แต่โดนเฉียดๆ เมื่อเห็นมีคนมาช่วยชายหญิงคู่นั้นพากันจากไปด้วยความโกรธ

“ไอ้ภัทรเป็นอะไรหรือเปล่า” ศรัณที่กำลังประคองผู้หญิงคนหนึ่งไว้หันมาถามเพื่อนสนิทที่ถูกผู้ชายที่เข้ามาช่วยประคองไว้เช่นกัน

“มึนๆนิดหน่อย ขอบคุณมาก ผมไม่เป็นอะไร อ๊ะ” วรภัทรตอบเพื่อนก่อนหันไปขอบคุณคนที่ช่วยเหลือ แต่เมื่อเห็นหน้าคนที่พยุงเขาอยู่เจ้าตัวก็หุบปากลงฉับพลันแล้วเบิกตามองด้วยความตกใจ

“จะไม่เป็นได้ยังไง ปากแตกแก้มช้ำขนาดนี้” พสุธาดุคนตัวเล็กกว่า

“อ้าวพี่ดิน ขอบคุณครับที่มาช่วย ถ้าไม่ได้พวกพี่ป่านนี้พวกผมคงแย่” ศรัณยกมือไหว้ขอบคุณ

“เรื่องมันเป็นมายังไง พวกคุณเป็นอะไรไหม” พสุธาหันไปถามชายหนุ่มและหญิงสาวสองคน

“ก็...พอหันมาอีกทีก็เห็นชายหญิงคู่นั้นทำร้ายผู้หญิงสองคนนี้แล้ว ส่วนไอ้ภัทรก็เข้าไปห้ามเลยโดนลูกหลงกันหมดเนี่ย” ศรัณเล่าเรื่องทั้งหมดให้พสุธาและเลขาฟัง

“พวกคุณจะเอาเรื่องไหม เดี๋ยวนายไปขอดูกล้องวงจรปิดเผื่อคุณผู้หญิงสองคนนี่จะแจ้งตำรวจ” พสุธาเอ่ยถามหญิงสาวทั้งสองก่อนหันไปสั่งเลขาของตัวเอง

“ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงพวกเราขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณมาค่ะ” หญิงสาวฉุดเพื่อนขึ้นรถพร้อมขับออกไปทันที

“อ้าว แล้วยังจะเอาภาพวงจรปิดอยู่ไหม” ชินกรเอ่ยถามขึ้นอย่างงงๆที่หญิงสาวทั้งคู่รีบร้อนออกไปอย่างรวดเร็ว

“เอาซิ ออ แล้วเปิดห้องขออุปกรณ์ทำแผลด้วย ไปคุณดูซิเลือดกำเดาไหลใหญ่แล้วนั่น” พสุธาสั่งเลขาเสร็จก็หันมาดูวรภัทรพร้อมทั้งล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าซับเลือดให้ชายหนุ่มก่อนจะฉุดให้เดินตามเขากลับเข้าไปในโรงแรม

ศรัณมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นเร็วจนเขาตามไม่ทัน รู้ตัวอีกทีก็เห็นหลังเพื่อนไวๆหายเข้าไปในโรงแรมกับพสุธา ชายหนุ่มจึงรีบล็อครถแล้ววิ่งตามวรภัทรที่ถูกลากไปในทันที


****************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ฝากติดตามนิยายด้วยค่ะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเม้นท์ แนะนำ ให้กำลังใจกันหน่อยนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)

หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 8 (27/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-08-2019 22:16:03
กรรม..แทนที่จะได้กินของอร่อย   :ruready
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 8 (27/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-08-2019 02:45:37
 :pig4: :pig4: :pig4:

สรุปว่า  อ้ายดินจะแกล้งภัทรหรือสนใจจะจีบภัทรกันแน่?
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 8 (27/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 28-08-2019 17:29:29
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 8 (27/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 28-08-2019 21:42:47
 :hao4: กัดกันหนักขนาดนี้ จะไปชอบกันตอนไหนเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 8 (27/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-08-2019 23:58:03
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 8 (27/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-09-2019 09:58:21
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 8 (27/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 01-09-2019 16:01:17
โอ้ยยย อิงกันน้อยน่ารักกกก แสบๆซนๆน่าเอ็นดูวว
ไม่ทันไรก็อ้อนให้ท่านพี่กุบกับกอดโอ๋น้องแล้ววว  :impress3:
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 8 (27/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 01-09-2019 20:31:32
ติดตามจ้า   :L2:
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 8 (27/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-09-2019 10:40:14
รอลุ้นตอนต่อไปเลยครับ ^^
หัวข้อ: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 9 (10/09/2562)P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 10-09-2019 13:42:12

ตอนที่ 9

“อยู่นิ่งๆซิ” พสุธาดุคนตัวเล็กที่พยายามสะบัดมือเขา

“นายแหละ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ จะมาจับทำไม” วรภัทรพยายามแงะมือที่จับต้นแขนเขาทำอย่างไรก็เอาไม่ออก มืออะไรแข็งราวกับคีมอย่างนี้

“เอ๊ะอย่าดิ้น เลือดหยุดไหลหรือยัง เดี๋ยวไปทำแผลก่อน” พสุธาดึงวรภัทรให้เดินตามชินกรขึ้นไปห้องพัก โดยไม่สนใจคนตัวเล็กที่พยายามดิ้นรนให้พ้นจากเขา

“โอ๊ยเลือดหยุดไหลแล้ว เดี่ยวให้ไอ้รันทำแผลให้ก็ได้ ไอ้รันโว๊ย ช่วยกูด้วย” เมื่อเห็นว่าพสุธาไม่ฟังทำเลย วรภัทรจึงหันไปตะโกนเรียกเพื่อนที่วิ่งตามมา

“พี่ครับ ปล่อยไอ้ภัทรก่อน ไอ้ภัทรใจเย็นๆอย่าเพิ่งโวยวาย” ศรัณที่วิ่งตามเข้าลิฟท์ได้แบบฉิวเฉียดพูดกับพสุธาก่อนหันมาปรามเพื่อนตัวเอง

“คุณก็ดูเพื่อนคุณซิ ดื้อขนาดไหน เจ็บแบบนี้ยังไม่ยอมไปทำแผลอีก” พสุธาฟ้องศรัณแต่ไม่ยอมปล่อยคนตัวเล็กแต่อย่างใด

“เออ...” ศรัณไม่รู้จะพูดยังไงในสถานการณ์แบบนี้

“เดี๋ยวกลับไปบ้านให้ไอ้รันทำให้ก็ได้” วรภัทรรีบบอกเมื่อเห็นว่าพสุธาจะพาเขาไปให้ได้

“กว่าจะถึงบ้านอีกนาน  ทำแผลที่นี่ก่อนเผื่อต้องไปหาหมอ” พสุธาดันวรภัทรออกจากลิฟท์เดินตามชินกรไปเมื่อถึงชั้นที่พัก

“บอกว่าไม่ต้องไง นี่  ไอ้รันมันเป็นหมอเดี๋ยวให้มันทำให้” วรภัทรหันมาจับมือศรัณยึดเอาไว้แน่น

“ครับ ผมเรียนหมอ” ศรัณรีบเอ่ยออกไปเมื่อเห็นพสุธามองมาที่เขา

“ใช่มันเรียนหมอ แถมเป็นลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลมันคงไม่ปล่อยให้เป็นอะไรไปหรอก ใช่ไหมมึง” วรภัทรกระตุกมือเพื่อนให้ยืนยัน

“ใช่แล้วพี่” ศรัณพยักหงึกหงัก ชายหนุ่มเริ่มงงกับสถานการณ์ตรงหน้า ท่าทีของพสุธาไม่รู้ว่าชายหนุ่มต้องการอะไรถึงไม่ยอมปล่อยเพื่อนเขาสักที

“เออ ผมว่าพวกคุณเข้าไปในห้องทำแผลกันก่อนเถอะ ถึงผมไม่ใช่หมอแต่พอรู้ว่าคุณภัทรควรจะประคบเย็นก่อนที่หน้าจะบวมไปมากกว่านี้” ชินกรเอ่ยขึ้นเมื่อเปิดห้องพักเรียบร้อยแล้ว อีกสักครู่ทางฟอร์นคงให้พนักงานเอาอุปกรณ์ขึ้นมาแล้ว

เมื่อได้ยินดังนั้นศรัณหันไปมองหน้าวรภัทรพบว่าแก้มเริ่มบวมช้ำกว่าเดิมจริงๆ จึงพยักหน้าพร้อมดันให้เพื่อนเข้าห้องไปก่อน วรภัทรได้แต่ขึงตามองหน้าเพื่อนที่ไม่คิดจะช่วยเขาเลย

รอไม่นานพนักงานของโรงแรมก็นำเจลเย็นพร้อมทั้งอุปกรณ์ทำแผลมาให้ที่ห้อง ศรัณรีบส่งให้เพื่อนประคบหน้าทันที

“ประคบไว้ 30 นาทีก่อน วันนี้กับพรุ่งนี้ประคบเย็นวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15 นาที” ศรัณบอก

“อ้าว ไหนบอก 30 นาที” วรภัทรยกเจลออกก่อนแย้งออกมา

“ครั้งแรกประคบไว้ก่อน 20-30 นาทีให้เส้นเลือดหดตัวเพื่อลดอาการบวม” ศรัณอธิบายพร้อมกดเจลลงบนหน้าชายหนุ่มอีกรอบ

“15 นาทีก็พอมั้ง” วรภัทรทักท้วง เขาไม่อยากอยู่ที่นานแม้จะยังเจ็บอยู่

“เพื่อนเราบอก 30 นาทีก็ 30 นาทีนั่นแหละจะอะไรนักหนา” พสุธาที่นั่งอยู่ไม่ไกลพูดขัดขึ้นมา

“เอ๊ะ..”

“ไอ้ภัทร” ศรัณรีบปรามเพื่อนเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเริ่มจะออกฤทธิ์ขึ้นมาอีก

“นั่นซิ พูดมากแบบนั้นไม่เจ็บปากแล้วมั้ง” พสุธาเน้นเสียงอย่างยียวน

“รัน กูไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว กลับบ้านกันเถอะ” วรภัทรได้แต่ฮึดฮัดทำอะไรไม่ได้ จึงหันไปส่งสายตาอ้อนวอนให้เพื่อนแทน

“อืม กลับก็กลับ แต่มึงต้องกินยาแก้ปวดแก้ไข้ดักไว้ก่อน” ศรัณยื่นยาพาราให้เพื่อนก่อนจะยื่นแก้วน้ำตาม

“ขอบคุณพวกพี่มากนะครับ ผมคงต้องพาไอ้ภัทรกลับบ้าน เดี๋ยวพ่อแม่มันจะเป็นห่วงเอา” ศรัณหันมาพูดกับพสุธาเมื่อเห็นว่าวรภัทรทานยาเรียบร้อยแล้ว และการที่อ้างถึงพ่อแม่ของวรภัทรคงทำให้ชายหนุ่มยอมปล่อยพวกเขาออกจากที่นี่

“ในเมื่อไม่เป็นอะไรแล้ว ก็ดี จะกลับก็เชิญ” พสุธาบอกด้วยน้ำเสียงหยิ่งๆ

“งั้นพวกผมไปนะครับ สวัสดี” ศรัณยกมือไหว้ชายหนุ่มก่อนหันไปพยักหน้าให้เพื่อนตามมา

“เฮ้อ ไหนบอสไม่ชอบหน้าเขาไงครับ แล้วทำไมถึงช่วย” ชินกรเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าทั้งคู่เดินออกไปจากห้องแล้ว

“ก็ไม่มีอะไร ถ้าไม่ช่วยเดี๋ยวไอ้ภาคมันจะมาต่อว่าเอาเรื่องได้น่ะซิ”

“ผมว่าคุณภาคเขาคงไม่ว่าบอสหรอกครับ เพราะคุณภัทรเป็นแค่เพื่อนแฟนของคุณภาค แถมยังรู้ด้วยว่าบอสกับคุณภัทรไม่ถูกกัน” ชินกรพูดออกมาดังที่ใจคิด ภาสวรคงไม่ถือสาหาความกับเพื่อนสนิทด้วยเรื่องแค่นี้เป็นแน่

“ชินกร ท่าทางนายจะว่างมากนักนะ ถึงได้มาจ้องจับผิดฉันแบบนี้ ในเมื่อว่างจัดก็กลับไปทำงานที่วางบนโต๊ะฉันให้หมด พรุ่งนี้สายๆจะเข้าไปดู” พสุธาเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นๆ

“อะไรนะครับบอสนี่มันดึกแล้ว ผม..”

“ก็เพราะมันดึกไง นายควรรีบไปนะเดี๋ยวจะเสร็จไม่ทัน” พสุธาพูดแทรกก่อนที่ชินกรจะพูดจบ

“ครับบอส” ชินกรรับคำด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ ก่อนเดินคอตกออกจากห้องไป

--- Designer’s Love ---

รสิกามองช่อดอกไม้หลากหลายช่อพร้อมข้าวของอย่างอื่นตรงหน้าที่ผู้จัดการส่วนตัวนำมาวางไว้ให้ที่ห้องหลังจากที่ทำงานเสร็จแล้วในแต่ละวัน ส่วนใหญ่จะเป็นช่อดอกกุหลาบต่างสีสันกันไป มีเพียงช่อเดียวที่เป็นลิลลี่สีขาว หญิงสาวหยิบขึ้นมาควานหาการ์ดที่แนบมา เป็นอย่างที่คาดไว้ ลิลลี่ช่อใหญ่จากผู้ให้คนเดิม ไม่มีข้อความอะไรนอกจากชื่อผู้ส่ง’ พสุธา แสงศศินา’ เธอละความสนใจจากช่อลิลลี่มาจัดวางช่อดอกไม้รวมถึงของต่างๆที่ได้รับมาพร้อมถ่ายรูปลงอินตาแกรมเพื่อขอบคุณเจ้าของดอกไม้รวมถึงของฝากอื่นๆไม่ว่าจะเป็นขนม อาหาร ผลไม้หรือตุ๊กตาน่ารักต่างๆกันไป

รสิการวบรวมโพสต์อิทที่แปะมากับของต่างๆรวมถึงนามบัตรและการ์ดเพื่อเก็บเอาไว้เป็นกำลังใจอย่างน้อยเธอก็มีแฟนคลับที่ชื่นชอบและติดตามเธอเสมอมา อาหาร ขนมที่ได้รับมากมายในแต่ละวันโดยเฉพาะของสดที่ไม่สามารถเก็บได้ รสิกาจะแบ่งให้ผู้จัดการ พนักงานออฟฟิตแม่บ้านยามที่โมเดลลิ่งหรือคอนโดอยู่เสมอ ส่วนตุ๊กตาเธอจะแพคเก็บไว้อย่างดี พอใกล้ๆวันเด็ก หญิงสาวจะขออนุญาตบรรดาแฟนคลับนำพวกตุ๊กตาเหล่านั้นไปมอบให้บ้านเด็กกำพร้าเด็กด้อยโอกาสทุกปีตั้งแต่ทำงานมา เมื่อจัดข้าวของเสร็จหญิงสาวก็ปิดไฟนอนเพราะพรุ่งนี้เธอมีนัดกับพลอยลดาและวรภัทรที่บ้านเพื่อดูผ้าไหมที่ใช้ออกแบบ

รุ่งเช้ารสิกาขับรถมาที่บ้านหามารดาก่อนเพราะเมื่อคืนงานเลี้ยงเลิกดึกเธอจึงค้างที่คอนโดไม่ได้กลับบ้าน หญิงสาวหอบผลไม้ที่แวะซื้อที่ตลาดกับรังนกที่ทางสปอนเซอร์รวมถึงเอเจนซี่มอบให้นำมาฝากที่บ้านด้วย

“สวัสดีค่ะแม่ น้าพรรณ” หญิงสาวเอ่ยทักมารดาที่กำลังจัดข้าวของอยู่

“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ ของเก่ายังไม่หมดเลย” อรณีมองรังนกในมือลูกสาวก่อนบ่นออกมา

“ไม่ได้ซื้อค่ะ พอดีลูกค้าให้มาโรสเลยเอามาให้แม่”

“หนูเก็บไว้ทานเองบ้างซิ ทำงานเลิกดึกดื่น แถมตื่นเช้าเดี๋ยวจะไม่ไหวเอา”

“โรสแบ่งไว้แล้วค่ะ นี่สำหรับแม่และน้าพรรณ เขาให้มาเยอะแยะโรสทานคนเดียวไม่หมดหรอกค่ะ” หญิงสาวบอกก่อนนำข้าวของไปเก็บเข้าที่

“งั้นก็แบ่งไปให้ภัทรซิ วันนี้จะไปบ้านภัทรไม่ใช่เหรอ”

“สำหรับภัทรน่าจะเป็นขาหมูกับต้มจับช่ายของแม่มากกว่า” รสิกาหันมายิ้มให้มารดา เธอรู้ดีว่าเพื่อนชื่นชอบอาหารที่แม่ของเธอทำมากแค่ไหน

“แม่เตรียมเอาไว้ให้แล้ว” พอรู้ว่าลูกสาวจะแวะไปบ้านเพื่อนสนิทวันนี้ เธอก็ทำเมนูโปรดเตรียมไว้ให้วรภัทรแต่เช้า

“นี่โรสเริ่มอิจฉาภัทรแล้วนะคะ วันนี้วันหยุดแม่กลับลุกขึ้นมาตุ๋นขาหมูให้ภัทร”

“ที่แม่ทำก็เพราะเรานั่นแหละ จะได้ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อของไปฝากที่บ้านภัทร ของซื้อไหนจะสู้ที่เราทำเอง” อรณีสอนลูกเสมอเวลาจะไปบ้านใครเขาควรจะมีของติดไม้ติดมือไปฝากเจ้าของบ้านด้วย อย่าไปมือเปล่าเด็ดขาด

“ค่ะแม่ ป่านนี้ไอ้ภัทรคงชะเง้อรอขาหมูแล้วมั้ง” รสิกาโอบกอดมารดาก่อนหอมแก้มท่านเบาๆ

“ไปได้แล้ว ป่านนี้น้าพรรณเตรียมของเสร็จแล้ว” อรณีหันไปดูนาฬิกาพบว่าสิบโมงกว่าแล้ว กลัวว่าลูกสาวจะเอากับข้าวไปไม่ทันมื้อกลางวัน ถึงวันนี้จะเป็นวันหยุดแต่การจราจรก็คับคั่งไม่ต่างจากวันธรรมดา

“ค่ะแม่”

“แล้ววันนี้จะกลับมานอนที่นี่หรือไปนอนที่คอนโดล่ะ” อรณีเดินตามมาส่งลูกสาวที่รถเอ่ยถามขึ้น

“นอนบ้านค่ะแม่ พรุ่งนี้มีงานอีเว้นท์ตอนเย็นค้างที่นี่ดีกว่า”

“จ้า ขับรถดีๆนะลูก” อรณีพยักหน้ารับคำก่อนเตือนบุตรสาวที่ไม่ค่อยได้ขับรถให้ระมัดระวังในการขับขี่ด้วยความเป็นห่วง

“ค่ะแม่โรสจะระวัง เย็นนี้แม่ไม่ต้องทำกับข้าวนะคะเดี๋ยวโรสจะซื้อเข้ามาเอง สวัสดีค่ะ” รสิกาบอกผู้เป็นมารดาพร้อมเอ่ยลาก่อนที่จะขับรถออกไป

--- Designer’s Love ---

“เฮ้ยไอ้ภัทรหน้าไปโดนอะไรมา” รสิกาถามเสียงหลงเมื่อเห็นใบหน้าเพื่อนสนิท

“จะอะไรล่ะ ก็เข้าไปเสือกเรื่องชาวบ้านจนเจ็บตัวไง” นาวินที่รู้เรื่องตั้งแต่เมื่อคืนรีบมาบ้านวรภัทรแต่เช้าพร้อมปัญญวัฒน์และศรัณที่กลัวว่าเพื่อนจะไข้ขึ้นเพราะการอักเสบระบม

“ไอ้วิน ...” วรภัทรหันมาถลึงตาใส่พร้อมชี้หน้าเพื่อนสนิทอย่างเอาเรื่อง

“อ้าววินกลับมาเมื่อไหร่” รสิกาเอ่ยทักเมื่อเห็นสมาชิกร่วมแก๊งของวรภัทร

“กลับมาเมื่อคืนตอนดึกๆน่ะ ถึงก็ได้ข่าวไอ้ภัทรเลย โรสล่ะเดี๋ยวนี้ดังใหญ่แล้วนะ” นาวินตอบหญิงสาวพร้อมเอ่ยแซว แม้ว่ารสิกาจะเป็นนางแบบแต่ก็มีงานโฆษณาหลายตัวจนเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาคนทั่วไป

“โรสเข้าบ้านก่อน” ปัญญวัฒน์ออกมาเรียกหญิงสาวเมื่อเห็นว่ายืนคุยกันอยู่ด้านนอกนานแล้ว

“เออ นั่นซิ มาเข้าบ้านก่อน แล้วเอาอะไรมาเยอะแยะ” วรภัทรเอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเห็นแม่บ้านถือถุงใส่ข้าวของเข้าไปในบ้านก่อนหน้านี้หลายใบ

“แม่ฝากขาหมูกับต้มจับฉ่ายมาให้”

“จริงเหรองั้นเดี๋ยวไปกินกันเลย” วรภัทรเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ

“ลาภปากแท้ๆ” นาวินพูดขึ้นด้วยความถูกใจ เขาเองเคยไปทานที่ร้านบ้านหญิงสาวหลายครั้งติดใจรสชาติของขาหมูที่นั่นอยู่มากเหมือนกัน

“ไม่มีของมึง โรสเอามาฝากกูไม่ใช่มึง” วรภัทรยังเคืองนาวินไม่หายที่ว่าเขา

“โห ไอ้ภัทรโคตรขี้งกเลย โรสเอามาตั้งเยอะแยะมึงกินหมดคนเดียวเหรอ” นาวินเดินนำลิ่วเข้าไปในครัวทันทีหลังพูดจบ ชายหนุ่มรู้ดีว่าวรภัทรพูดไปอย่างงั้นไม่คิดอะไรจริงจังสุดท้ายเขาก็ได้กินอยู่ดี

“สวัสดีโรส” ศรัณที่กำลังนอนดูทีวีเอ่ยทักหญิงสาวที่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น

“โห เดอะแก๊งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเลยนะไม่ซิขาดไปคนหนึ่ง” รสิกาเอ่ยแซวเมื่อเห็นสี่หนุ่มอยู่กันครบขาดแต่หญิงสาวฝาแฝดของนาวินที่ไปเรียนต่อต่างประเทศเท่านั้น

“ก็มาดูภัทรนั่นแหละ เมื่อคืนนัดกันเสียดิบดีว่าไปเยาวราชด้วยกัน สุดท้ายเราไปเก้อคนเดียว” ปัญญวัฒน์บ่นออกมา เพราะเขาเดินไปกินไปรอเพื่อนมาสมทบจนอิ่มแล้วอิ่มอีก

“ใครบอกไปคนเดียว มีแฟนตามติดไปด้วยทั้งคนล่ะไม่ว่า” วรภัทรแขวะปัญญวัฒน์อย่างหมันไส้ เพราะเกิดเรื่องเมื่อคืนทำให้เขาพลาดของอร่อยไปตั้งเยอะ

“เอ่อ สรุปว่าเราจะรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมภัทรถึงเป็นแบบนี้ รันอีกคน” รสิกาเอ่ยถามขึ้นอย่างใคร่รู้ แม้ศรัณไม่มีรอยฟกช้ำให้เห็นแต่เธอก็เห็นว่าข้อมือชายหนุ่มรัดผ้ายืดเอาไว้

“เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า...” วรภัทรเล่าเรื่องอย่างไม่เต็มใจโดยมีศรัณคอยเสริมเมื่อเพื่อนทำทีจะเล่าข้ามวีรกรรมหัวร้อนของตัวเองกับพสุธา

“โชคดีแล้วที่คุณพสุธามาช่วย ไม่งั้นภัทรอาจจะเจ็บตัวมากกว่านี้” รสิกามองเพื่อนแล้วรู้สึกโล่งใจที่เจ้าตัวไม่เป็นอะไรมากมาย

“เดี๋ยวๆ โรสชมนายนั่นทำไม ไม่เห็นจะช่วยอะไรเลยเหอะ พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ออ อย่าคิดว่าเขาไม่รู้นะ ช่อลิลลี่สีขาวในอินตาแกรมเมื่อคืนของนายนั่นใช่ไหม” วรภัทรเอ่ยอย่างหมันไส้ปนพาลใส่รสิกาที่ชื่นชมพสุธาไม่ต่างอะไรกับนาวินและปัญญวัฒน์ แถมปัญญวัฒน์ยังบอกให้เขาไปขอบคุณหมอนั่นหลังจากที่หายดีแล้วอีก ใครจะไปกัน

“หือ” ศรัณ ปัญญวัฒน์รวมถึงนาวินที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องมองหญิงสาวอย่างแปลกใจ นี่เป็นข่าวใหม่สำหรับพวกเขาเลยทีเดียว

“ใช่ของคุณพสุธาจริงๆ แต่ไม่ได้เขียนอะไรได้แต่ลงชื่ออย่างเดียว” รสิกาบอกอย่างไม่สนใจเพราะชายหนุ่มอาจส่งมาแสดงความยินดีเหมือนแฟนคลับคนอื่นๆ

“พี่ดินจีบโรสเหรอ” ปัญญวัฒน์หันมาถามหญิงสาว

“ไม่นะ เราไม่เคยเจอตัวเขา เห็นแค่ช่อดอกไม้ตกอาทิตย์ละครั้งได้” รสิกาอธิบาย

“แปลกนะ” นาวินอดที่จะสงสัยไม่ได้

“ไม่เห็นแปลกเลย นายนั่นหน้าหม้อเจ้าชู้จะตาย เมื่อคืนเราเห็นยัยพีชเน่าเกาะแข้งเกาะขากันอยู่เลยที่เปิดห้องคงกะต่อกับยัยนั่นถึงเช้าล่ะมั้ง” วรภัทรแบะปากหมันไส้ไม่หาย

“ถ้าพี่ดินไปกับลูกพีชจริง เขาจะมาช่วยมึงกับกูไหม แล้วที่เขาเปิดห้องก็เพราะเขาเห็นว่ามึงหน้าบวมช้ำแถมเลือดกำเดาออกไหม” ศรัณพยายามพูดอย่างเป็นกลางไม่อยากให้วรภัทรใส่ร้ายพสุธามากเกินไปเพราะอคติกับชายหนุ่มล้วนๆ

“จริง กูเห็นด้วยกับไอ้รัน” นาวินเห็นด้วยกับประเด็นนี้ของศรัณ

“โอ๊ย กูจะบ้า พวกมึงเป็นเพื่อนกูนะ เข้าข้างคนอื่นอยู่ได้” วรภัทรปากยื่นหน้าง้ำที่เพื่อนๆไม่เข้าข้างแถมเอาใจออกห่างยกย่องชื่นชมหมอนั่นอีก

“เพราะว่ากูเป็นเพื่อนมึงไง ถึงมานั่งกันอยู่นี่ แถมช่วยดึงสติ อธิบายเพื่อแงะอะไรที่มันไม่ดีอยู่ในหัวมึงนี่ออกไปเสียบ้าง สมองมึงนี่บรรจุอะไรไว้บ้างวะถึงคิดไม่เหมือนคนอื่น ตาหัดมองอะไรกว้างๆบ้างไม่ใช่มองอยู่แต่ด้านเดียว มึงหัดโตได้แล้วนะไอ้ภัทร” ศรัณพูดขึ้นอย่างเหลืออด เมื่อเห็นว่าวรภัทรตั้งป้อมรังเกียจพสุธาจนมองไม่เห็นความหวังดีของชายหนุ่มเอาเสียเลย

“จริง” เสียงสนับสนุนคำพูดของศรัณจากทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งรสิกา ทำให้วรภัทรคอย่นฮึดฮัดกับคำพูดของเพื่อนพร้อมคาดโทษชายหนุ่มต้นเรื่องเอาไว้ในใจโทษฐานทำให้เพื่อนๆของเขาเอาใจออกห่างไปเข้าข้าง


****************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ฝากติดตามนิยายด้วยค่ะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเม้นท์ แนะนำ ให้กำลังใจกันหน่อยนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 9 (10/09/2562)P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 10-09-2019 15:14:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 9 (10/09/2562)P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-09-2019 01:47:51
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 10 (24/09/2562)P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 24-09-2019 18:48:46
ตอนที่ 10

“นั่นรถของใคร” พงศกรที่เพิ่งกลับมาจากสนามกอล์ฟเอ่ยถามคนงานในบ้านถึงรถไม่คุ้นตาที่จอดอยู่ไม่ไกล

“เพื่อนคุณภัทรมาหาค่ะ”

“อืม อย่าลืมเอาถุงกอล์ฟไปเก็บด้วยนะ” พงศกรส่งกุญแจรถให้คนงานก่อนเดินเข้าบ้าน

เสียงเจี๊ยวจ้าวดังมาจากด้านในทำให้พงศกรชะงักจากที่จะเดินขึ้นไปข้างบนกลับหันไปทางด้านห้องนั่งเล่นแทน ก็เห็นน้องชายและเพื่อนสนิทนั่งอยู่ในนั้น นาวินกับศรัณกำลังนั่งเล่นเกมเพลย์โดยมีปัญญวัฒน์นั่งเชียร์อยู่ข้างๆ ส่วนน้องชายของเขานั่งสเก็ตภาพกับรสิกาโดยมีกองผ้าไหมตั้งอยู่บนโต๊ะตัวเล็กขั้นกลางระหว่างสองคน

“พี่พงศ์ สวัสดีครับ” ปัญญวัฒน์หันมาเห็นพี่ชายเพื่อนจึงได้ยกมือไหว้ ส่วนคนอื่นพอได้ยินเสียงชายหนุ่มจึงหันมายกมือไหว้ตาม

“มากันนานหรือยัง” พงศกรถามออกไปก่อนเดินมานั่งข้างปัญญวัฒน์

“มาตั้งแต่สายๆครับพี่ มาดูภัทรมัน” ปัญญวัฒน์ตอบ

“แล้วจะอยู่ถึงเย็นกันไหม พี่จะได้ให้เขาเตรียมของทานตอนเย็น” พงศกรเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

“เอาๆครับพี่พงศ์ ปิ้งย่างหมูกระทะได้ไหมครับ” นาวินรีบผละจากเกมเข้ามานั่งใกล้ๆชายหนุ่ม

“ก็ได้เอาซิ จะกินอะไรสั่งกันเลยเดี๋ยวพี่จ่ายเอง”

“รวมน้ำเปลี่ยนนิสัยด้วยไหมครับ” นาวินถามต่อ เขารู้สึกเปรี้ยวปากขึ้นมาทันที

“พรุ่งนี้วันหยุดก็จัดไปเต็มที่ ถ้ากลับบ้านไม่ไหวจะนอนที่นี่ก็ได้ข้างบนมีห้องว่างอยู่” พงศกรเอ่ยอย่างใจป้ำนานๆทีถือว่าเลี้ยงปลอบขวัญน้องชายก็แล้วกัน

“เยี่ยม” นาวินชูนิ้วโป้งให้พี่ชายเพื่อนก่อนวิ่งไปขอกระดาษกับปากกาเพื่อจดรายการ

“พี่พงศ์วันนี้มาแปลกนะ เกิดอะไรขึ้น” วรภัทรวางมือจากงานหันมามองพี่ชายอย่างจริงจัง

“ไม่มีอะไรเห็นอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาเลยอยากหาอะไรทำกินแค่นั้น”

“หือ มาแปลกจริงๆด้วย ทุกทีเห็นออกไปปาร์ตี้กับเพื่อน” วรภัทรหลี่ตามองเหมือนจะจับผิด เพราะพี่ชายเขาชอบออกไปสังสรรค์กับเพื่อนกลับดึกๆทุกวันจนแม่บ่นให้ได้ยินบ่อยๆ

“ก็อยากพักบ้างไม่ได้เหรอ”

“อืม จะพยายามเชื่อนะ” วรภัทรพูดอย่างไม่ใส่ใจก่อนหันกลับไปวาดแบบต่อ

“ว่าแต่ทำอะไรกัน เพื่อนมาทั้งทีไม่ไปสนุกกับเพื่อนเหรอ” พงศ์กรเอ่ยถามด้วยความข้องใจที่น้องชายเอาแต่วาดรูปไม่สนใจเพื่อนสนิทที่เล่นเกมส์เฮฮาอยู่ไม่ไกล

“วันนี้นัดโรสมาดูผ้าไหม ทำงานกัน ไอเดียกำลังแล่นไม่อยากวางมือ” วรภัทรบอกพี่ชาย เขาสามารถทำงานได้แม้จะเสียงดังถ้ามีไอเดียแล้วไม่อยากให้อะไรทำให้ความคิดสะดุด

“ขอพี่ดูบ้างได้ไหม” พงศ์กรขยับไปนั่งใกล้ๆน้องชาย อยากรู้ว่าน้องชายออกแบบสินค้าล็อตใหม่นี้ยังไง วรภัทรส่งกระดาษที่ออกแบบในแฟ้มให้พี่ชายดูก่อนก้มหน้าใส่รายละเอียดลงสีในแบบที่วาดไว้ให้เสร็จ

“เฮ้ย เดี๋ยวนะนี่มันแบบเสื้อผ้าไม่ใช่เหรอ” พงศ์กรถามขึ้นอย่างงงๆ เมื่อเห็นแบบวาดของน้องชาย

“ก็ใช่ไง” วรภัทรตอบโดยพลางก้มหน้าก้มตาลงสีให้เสร็จ

“มันเกี่ยวกับสินค้าของบริษัทตรงไหน” พงศ์กรถามขึ้นอย่างงงๆแม้ว่าชุดที่น้องชายออกแบบจะใช้ผ้าไหมตัวอย่างของบริษัทแต่ก็ไม่ใช่พวกกระเป๋ารองเท้าที่ทางบริษัทผลิตและจำหน่าย

“ถ้าพี่พงศ์จะดูแบบสินค้าของบริษัทไปขอโรสดูเลยเพราะรายนั้นออกแบบอยู่” วรภัทรเงยหน้าพยักพเยิดไปยังรสิกาที่นั่งก้มหน้าก้มตาวาดชิ้นงานอยู่ตรงข้าม

“นี่ค่ะ” รสิกาเงยหน้าเมื่อได้ยินชื่อของตัวเองแล้วส่งแบบที่ทำเสร็จแล้วให้ชายหนุ่มดูก่อนหันไปทำงานต่อ

“ครับ” พงศกรตอบรับอย่างสุภาพ แม้ว่าจะเคยเจอหญิงสาวมาบ้าง แต่ไม่เคยคุยกันหรือสนิทกันเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆของน้องชาย อาจเพราะหญิงสาวไม่ได้บ้านอยู่ใกล้กันหรือเป็นเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เด็กเหมือนพวกนาวิน แถมเขาและเธอสวนกันไปมาตลอด ตอนที่รสิกามาทำงานที่บ้านเขาก็ไม่อยู่ เจอกันตอนที่เธอยกมือไหว้ลาพ่อแม่เขาเพื่อกลับบ้านตัวเองเลยเผื่อแผ่มาลาเขาด้วย

ภาพสินค้าที่รสิกาออกแบบทำให้พงศกรรู้สึกทึ่งทั้งการดีไซน์รูปลักษณ์สามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัย แถมบางแบบหญิงสาวจงใจให้เข้ากับชุดเสื้อผ้าที่น้องชายออกแบบอีกด้วย ฝีมือของเธอสมกับรางวัลนักออกแบบจริงๆ สมแล้วที่พี่สาวของเขาชื่นชมและอยากดึงตัวมาร่วมงาน พงศกรยกยิ้มในความเจ้าเล่ห์ของน้องชายตัวเองถ้าแบบของรสิกาผ่านการพิจารณาของบริษัท การเปิดแบรนด์เสื้อผ้าของน้องชายก็อยู่ไม่ไกลเผลอๆจะได้บริษัทสนับสนุนอีกด้วย นับว่าพี่น้องของเขานั้นล้วนแต่มองการณ์ไกลจริงๆ

“ผมชอบแบบของคุณ แต่ไม่รู้ว่าคณะกรรมการบริษัทจะเห็นด้วยไหม” พงศกรเอ่ยขึ้นขณะที่ส่งแบบคืนหญิงสาว

“ถ้าพี่พงศ์ชอบก็เท่ากับว่ามีเสียงสนับสนุนแล้วหนึ่งเสียง” วรภัทรตอบกลับพี่ชาย แม้ว่าพี่สาวของตัวเองจะวางตัวเป็นกลาง แต่ชายหนุ่มก็เชื่อว่าคนของพลอยลดาจะสนับสนุนเพื่อนของเขา

“ภัทรคงไม่ลืมนะ แม้ว่าบริษัทพวกเราจะถือหุ้นมากกว่า แต่อำนาจการตัดสินใจยังเป็นของคณะกรรมการบริษัท มติเสียงส่วนใหญ่คือเอกฉันท์” พงศกรชี้ให้น้องชายเห็นว่าเส้นทางที่จะเดินนั้นเจ้าตัวต้องสู้กับอะไรถึงจะไปถึงจุดหมายที่ต้องการ

“ภัทรเข้าใจ ความจริงภัทรเองอยากเปิดแบรนด์ของตัวเองไม่เกี่ยวกับบริษัท แต่เพราะอยากให้พ่อเห็นว่าการที่ภัทรจะทำห้องเสื้อนั้นสนับสนุนสินค้าบริษัทอย่างไร” วรภัทรบอกจุดยืนของตัวเอง ถึงแม้พ่อและบริษัทไม่สนับสนุนเขาก็ยังคงหลักการเดิมเพียงแต่หาเงินทุนมาเปิดร้านของตัวเองแค่นั้น

“งั้นพี่ขอให้เราโชคดีแล้วกัน” พงศกรอวยพรให้น้องชาย ตอนที่วรภัทรบอกครอบครัวว่าจะเปิดร้านนั้นเขาเองกะว่าจะสนับสนุนน้องชายโดยช่วยเหลือเรื่องเงินทุนในการเปิดร้าน แต่บิดาของเขาเบรกเจ้าตัวให้มาช่วยงานที่บริษัทเสียก่อน

“อืม” วรภัทรยิ้มให้พี่ชายตัวเอง

รสิกาฟังพี่น้องคุยกันแล้วรู้สึกดี แม้ว่าเธอจะไม่มีพี่น้องพ่อแม่เดียวกันแต่ก็มีพศุตม์ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นลูกของอรพรรณ น้าสาวของเธอเอง เธอกับพศุตม์อายุห่างกันเกือบห้าปีเลยไม่มีโมเมนต์พี่น้องที่ใกล้ชิตกันแบบนี้ทั้งๆที่อยู่บ้านเดียวกัน พอเห็นแบบนี้ความรู้เดิมๆเริ่มกลับมา หญิงสาวใจเต้นแรงจนต้องขอตัวออกมา

“เออ ภัทรเดี๋ยวเรากลับก่อนนะนัดกับแม่เอาไว้”

“ไม่อยู่ทานมื้อเย็นกันก่อนเหรอ” พงศกรหันมาถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามทันที

“นั่นซิ เราคิดว่าจะทำงานถึงเย็นเสียอีก” วรภัทรเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ

“เรานัดทานข้าวกับแม่ไว้ วันนี้ว่าจะมาดูผ้าเฉยๆน่ะ เดี๋ยวเราเอาแบบไปให้พี่พลอยแล้วกลับเลยนะ” รสิการีบพูดขึ้นพร้อมเก็บข้าวของก่อนหันไปยกมือไหว้ลาพงศกรและโบกมือลาวรภัทรกับเพื่อนๆ

“พรุ่งนี้ได้หยุดอีกวันแท้ๆ ไม่รู้รีบไปไหน” วรภัทรบ่นตามหลังรสิกาไป

“ก็เพราะเป็นวันหยุดไงเลยต้องไปทำงาน โรสเขาเป็นนางแบบนะ งานอีเว้นต์ส่วนใหญ่จะมีช่วงวันหยุด” ปัญญวัฒน์หันมาบอกวรภัทร ความจริงแล้วเขาถามรสิกาตอนที่ทานข้าวกัน เพราะงานเมื่อคืนเลิกดึกวันนี้หญิงสาวเลยได้พัก จะมีงานอีกทีช่วงสายๆพรุ่งนี้

“ใช่พรุ่งนี้เห็นว่ามีเดินแบบด้วย” ศรัณพูดขึ้น เขาเองก็ได้ยินที่ปัญญวัฒน์คุยกับหญิงสาว

“หือ มึงรู้ได้ไงวะ” นาวินหันไปถามศรัณ

“ก็กูได้ยินไอ้ปันคุยกับโรส ว่าพรุ่งนี้มีงานเดินแบบตอนค่ำแต่ต้องไปซ้อมตั้งแต่สายๆใช่ไหมไอ้ปัน” ศรัณหันไปพยักพเยิดกับปัญญวัฒน์

“ใช่” ปัญญวัฒน์พยักหน้ารับ

“ทำไมต้องซ้อมด้วย โรสเขาเป็นนางแบบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” นาวินถามอย่างสงสัย

“ก็งานแต่ละงานไม่เหมือนกันไง บางงานต้องซ้อมก่อนล่วงหน้าสามสี่วันด้วยซ้ำ” วรภัทรตอบเพราะเขารู้ดีที่สุด เพราะช่วงที่รสิกาเป็นนางแบบใหม่ๆเขาเคยไปด้วยบางงานซ้อมกันทีเป็นอาทิตย์ แถมตอนเรียนที่ฝรั่งเศสต้องออกแบบเสื้อผ้าคัดเลือกนางแบบที่จะใส่เสื้อผ้า เขาก็คัดเอง คุมซ้อมเดินแบบเองด้วยซ้ำ เวทีแต่ละที่ไม่เหมือนกัน นางแบบต้องหาจุดแสดงเพื่ออวดโฉมเสื้อผ้าที่สวมใส่

“โห เป็นนางแบบนี่ไม่ง่ายเลยนะ”

“ใช่ไม่ง่าย แถมการอยู่วงการนี้ก็ยากพอสมควร นายเองก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าโรสเจออะไรบ้าง” วรภัทรหันมาพูดกับนาวิน

“อืม” นาวินพยักหน้าตอบ เขาเองโดนวรภัทรมาปรึกษาเรื่องที่รสิกาเจอจนต้องเข้าไปหาพ่อให้ช่วยเหลือ

“ภัทร ตกลงมึงไม่คิดจะออกแบบสินค้าให้พี่พลอยเหรอวะ” ศรัณถามขึ้นเมื่อเห็นงานออกแบบของเพื่อนสนิท

“ให้โรสทำไป กูไม่มีไอเดียตอนนี้ เพราะในหัวมีแต่แบบเสื้อ” วรภัทรสารภาพออกมา

“โชคดีที่โรสมีฝีมือ ไม่งั้นมึงโดนพี่พลอยจวกเละ” ศรัณจิ้มหน้าผากวรภัทรเบาๆ ในขณะที่ปัญญวัฒน์พยักหน้าเห็นด้วย

“ได้ทีเอาใหญ่เลยนะพวกมึง เดี๋ยวก็ไล่กลับบ้านเสียเลยไม่ต้องกินมันแล้ว” วรภัทรทำหน้างอ วันนี้เขาโดนเพื่อนๆจวกหลายหนตั้งแต่เช้า

“เฮ้ยๆ ได้ไงกูสั่งของเรียบร้อยแล้ว แถมพี่ๆก็ออกไปซื้อป่านนี้คงใกล้กลับมาแล้วมั้ง ถึงมึงไล่กูก็ไม่ไปเพราะกูมีพี่พงศ์” นาวินโวยวายขึ้นมาก่อนหันไปยิ้มประจบประแจงเจ้าของบ้านอีกคน

พงศกรหัวเราะเมื่อเห็นๆพวกเพื่อนๆเย้าแหย่น้องชายของเขา แต่พอเห็นหน้าตางอง้ำของวรภัทร พงศกรจึงลูบหัวทุยๆของน้องชายเพื่อปลอบใจ

--- Designer’s Love ---

รสิกาขับรถออกจากบ้านวรภัทรด้วยความโล่งใจ ทั้งๆที่คิดว่าตัดใจจากเขาได้แล้วแต่เมื่อพบหน้าได้พูดคุยอย่างใกล้ชิดกลับกลายเป็นว่าความรู้สึกเดิมๆได้หวนกลับคืนมาอีก รสิกาได้เจอพงศกรครั้งแรกตอนที่เธออยู่มัธยมศึกษาปีที่หก หญิงสาวมาเรียนกวดวิชาเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนเด็กทั่วไป ระหว่างที่เดินคุยกับเพื่อนอยู่บนทางเท้ามอเตอร์ไซด์วิ่งมาด้านหลังเร็วมาก รสิกาโดนชายหนุ่มในชุดนักศึกษาคว้าแขนเพื่อหลบมอเตอร์ไซด์ที่วิ่งมาท่ามกลางเสียงกรีดร้องของวัยรุ่นที่เดินอยู่แถวนั้น

รสิกาจำได้ว่าเธอจ้องมองหน้าเขาด้วยความตกใจ ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยถามเธอว่าเป็นอะไรไหม แต่หญิงสาวไม่ทันได้ตอบคำถาม เพราะชายหนุ่มคนนั้นโดนผู้หญิงที่มาด้วยกันลากไปเสียก่อน แถมก่อนที่จะเดินจากไป ผู้หญิงคนนั้นยังหันมามองเธอด้วยความไม่พอใจอีกด้วย เธอคิดว่าคงไม่ได้เจอเขาอีก แต่ใบหน้าและแววตาคู่นั้นของเขาติดอยู่ในใจเธอเสียแล้ว

พอรสิกาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เธอได้รู้จักวรภัทรเพราะต้องจับคู่ทำงานด้วยกันทำให้สนิทกันไปโดยปริยาย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพื่อนสนิทเป็นน้องชายของเขาคนนั้น เมื่อวรภัทรชักจูงเธอให้เข้าประกวดนักออกแบบหน้าใหม่ที่บริษัทพ่อของชายหนุ่มจัดขึ้น รสิกาส่งผลงานด้วยความนึกสนุกไม่คิดหรอกว่าผลงานของเธอได้รับการพิจารณาจนได้รับรางวัลแถมได้เข้ามาฝึกงานร่วมกับวรภัทรตอนปิดเทอมอีก หลังจากที่ฝึกงานเสร็จพวกพี่ๆที่แผนกพาไปเลี้ยงส่ง เธอก็ได้พบเขาอีกครั้ง พงศกรเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้มารับน้องชายที่ร้านอาหารตอนนั้นเธอรู้สึกดีใจที่เจอเขาอีกครั้งแต่เขาคงจำเธอไม่ได้

หลายครั้งหลายหนวรภัทรได้บ่นถึงคู่ควงของพี่ชายแต่ละคนดีกรีไม่ธรรมดาไม่ว่าจะเป็นดารานางแบบทุกรายล้วนผ่านงานบันเทิงมาแทบทั้งนั้น รสิกาได้แต่รับรู้ข่าวคราวของเขาผ่านทางวรภัทรบ้างผ่านข่าวซุบซิบบ้างละ หญิงสาวได้แต่เฝ้ามองดูอยู่ห่างๆจนในที่สุดเธอได้รับการติดต่อให้ถ่ายแบบ ตอนนั้นที่ตัดสินใจทำก็เพราะอยากให้เขาหันมามองเธอสักนิดก็ยังดี แต่เขาก็มองผ่านเธอไปอยู่ดี

ตอนที่เธอเรียนจบหญิงสาวได้ตั้งใจไว้ว่าจะตัดใจจากเขาเสียทีไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนเธอก็ไม่คู่ควรกับเขาและสิ่งสำคัญเขาไม่เคยมองเธอเลย รสิกาได้ฝังกลบความรู้สึกดีๆแอบชอบเขาเอาไว้ เธอคิดว่าความรู้สึกที่มีต่อพงศกรนั้นคงไม่ต่างกับการแอบปลื้มแอบกรี๊ดดารานักร้อง ได้แต่เฝ้ามองไม่อาจเข้าไปยืนเคียงข้างเขาได้ ความรู้สึกเหล่านั้นคงหายไปเมื่อมีคนใหม่เข้ามาให้เธอปลื้มตามดูผลงานใหม่ๆ แต่เหตุการณ์ในวันนี้ได้บอกเธอว่าเธอคิดผิด ความรู้สึกที่มีต่อพงศกรไม่เคยหายไป เธอควรจะทำอย่างไรดี รสิกาได้แต่ถอนหายใจเพื่อให้สิ่งที่อยู่ข้างในใจนั้นสงบลงก่อนจะตั้งใจขับรถเพื่อกลับบ้านไปหาคนที่เธอรักและรักเธอ


****************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ฝากติดตามนิยายด้วยค่ะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเม้นท์ แนะนำ ให้กำลังใจกันหน่อยนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)   
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 10 (24/09/2562)P.2
เริ่มหัวข้อโดย: fada ที่ 24-09-2019 23:01:42
 :pig4:  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 10 (24/09/2562)P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-09-2019 23:11:37
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 10 (24/09/2562)P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-09-2019 23:16:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 11 (13/10/2562)P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 13-10-2019 23:03:20
ตอนที่ 11

“ไง มาด้วยเหรอ” เสียงทักของคนที่มานั่งข้างๆทำให้วรภัทรละสายตาจากบาร์เทนเดอร์ที่กำลังชงค็อกเทลสีสวยหันมามอง ตอนนี้เขาอยู่ในงานปาร์ตี้ที่เหล่าเซเลบและคนบันเทิงมาร่วมงานมากมาย ซึ่งจัดขึ้นโดยนิตยสารดัง

“ก็เห็นๆอยู่นั่งอยู่เนี่ยคงไม่มามั้ง”

“นี่เราจะพูดจากันดีๆไม่ได้เลยเหรอ” พสุธาเอ่ยถามวรภัทรเมื่อเห็นชายหนุ่มยียวนกวนประสาทเขา

“...” วรภัทรไม่ตอบคำถามนั่น ชายหนุ่มเหลียวหลังกวาดสายตามองหาพี่ชายที่บังคับให้เขามางานนี้ด้วย พอถึงงานพงศกรก็ถูกใครต่อใครลากตัวไปทิ้งให้เขานั่งแกร่วอยู่แถวๆเคาน์เตอร์บาร์นี่จนโดนไอ้หมอนี่เดินเข้ามาทัก

“ไหนๆเราสองคนก็เป็นคนกันเอง มาจับมือเป็นมิตรกันเถอะ เพื่อนนายจะได้สบายใจ” พสุธาพูดไปมองหน้าคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามไป

“...” วรภัทรยังนิ่งเงียบพยายามหาคนที่รู้จักเพื่อปลีกตัวไป

“นายไม่ตอบ ฉันถือว่านายตกลงแล้วกันนะ” พสุธาพูดเสร็จก็คว้ามือวรภัทรจับในท่าเชคแฮนด์

“เฮ้อ อะไรเนี่ย” วรภัทรดึงมือออกอย่างรวดเร็วพร้อมมองหน้าพสุธาอย่างเอาเรื่อง

“ก็ตกลงทำสัญญาเป็นมิตรกันไง ตอนนี้นายกับฉันถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้วนะ” พสุธามองคนตัวเล็กแล้วอดขำตัวเองไม่ได้ที่มาอะไรเด็กๆแบบนี้ เพียงแต่เขาชอบมองหน้าตาที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตามอารมณ์ของเด็กนี่

วรภัทรข่มใจเดินออกมาจากเคาน์เตอร์บาร์ชายหนุ่มไม่อยากอารมณ์เสียจนเหวี่ยงวีนพสุธาในงานนี่ ความจริงเขาชื่นชอบงานเลี้ยงนะ แต่ถ้ามองไปทางไหนแล้วไม่รู้จักใครก็น่าเบื่อนิดหน่อย พสุธาอมยิ้มกับท่าทีหมางเมินของชายหนุ่มก่อนที่จะเดินตามวรภัทรไปเงียบๆ

ชายหนุ่มเดินไปมองหาพี่ชายไปจนมาหยุดที่ซุ้มอาหารซึ่งเน้นไปทางอาหารว่างจัดเป็นชิ้นเล็กๆ สำหรับทานง่ายๆเหมาะสำหรับงานเลี้ยงแบบนี้ วรภัทรเลือกหยิบซูซิจากถาดอาหารญี่ปุ่นใส่จาน แฮมและไส้กรอกอีกเล็กน้อยก่อนหลบมุมเพื่อลองชิม แม้ว่าจะทานอะไรรองท้องมาแล้วแต่เขาก็หิวอยู่ดี

“แฮมนั่นอร่อยไหม” พสุธาถือจานมายืนข้างๆชายหนุ่มก่อนเอ่ยถามขึ้น

“อืม” วรภัทรถอนหายใจทันทีที่เห็นว่าใครมายืนข้างๆ

“งั้นเหรอ” พสุธาถือวิสาสะหยิบแฮมที่พันรอบขนมปังขาไก่ที่อยู่บนจากชายหนุ่มเข้าปาก

“เฮ้ย จะกินก็ไปหยิบเองดิ” วรภัทรมองอย่างเคืองๆที่โดนแย่งไป เขาหยิบมาแค่สามชิ้นเอง แฮมพันเมล่อนสองชิ้นทานไปแล้วชื้นหนึ่ง พันขาไก่แค่ชิ้นเดียวแถมเขายังไม่ได้ชิมอีกด้วย

“อร่อยสมแล้วที่นำเข้าจากเยอรมัน” พสุธาบอกก่อนเอาเข้าปากอีกคำโดยไม่สนใจสายตาที่จ้องมาอย่างเคืองๆ

“รับน้ำอะไรดีครับ” เสียงบริกรแทรกเข้ามาดึงความสนใจของวรภัทรให้หันไปมอง ชายหนุ่มคว้าแก้วค็อกเทลสีสวยยกขึ้นดื่มดับอารมณ์ตัวเอง ในขณะที่พสุธาหยิบแก้วน้ำอัดลมมาวางข้างตัว

เมื่ออาหารในจานหมด วรภัทรก็เดินไปหยิบอาหารและขนมเพิ่มเติม เวลานี้ชายหนุ่มพยายามไม่สนใจใครหน้าไหนจะเดินตามเพื่อกวนโมโหเขา เขามุ่งความสนใจไปที่อาหารตรงหน้ากินเพื่อดับอารมณ์โกรธที่ถูกยั่วโมโหให้หมดไป

พสุธาอมยิ้มกับภาพตรงหน้าวรภัทรจริงจังกับการกินเอามากๆ ไม่ว่าเขาจะเดินดักหน้าดักหลังชายหนุ่มก็ไม่สนใจได้แต่มองเมินทานอาหารที่เดินหยิบมาแค่นั้น

“โรส พี่ฝ้ายทางนี้” วรภัทรโบกไม้โบกมือเรียกเพื่อนสนิททันทีที่เห็น

“น้องภัทรคุณดินสวัสดีค่ะ” สุภาพรเอ่ยทักคนทั้งคู่ โดยมีรสิกายกมือไหว้พสุธาอยู่ด้านหลังเธอ พสุธารับไหว้ทั้งคู่

“ไม่คิดว่าภัทรจะมางานนี้ด้วย” รสิกาเข้ามายืนตรงหน้าเพื่อนสนิท

“โดนพี่พงศ์ลากมาน่ะซิ พอมาถึงก็ทิ้งเราเฉยเลย” วรภัทรได้โอกาสฟ้องเสียเลย คืนนี้เขาได้เพื่อนแล้ว แถมจะได้สลัดคนหน้าด้านที่เดินตามมาตลอดออกไปได้

“งั้นเหรอ แล้วภัทรมานานหรือยัง” รสิกาถามเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองเมื่อได้ยินว่าใครคนนั้นมาร่วมงานด้วย

“สักพัก กินจนอิ่มแล้ว โรสทานอะไรหรือยัง อร่อยทุกอย่าง” วรภัทรอมยิ้มยักคิ้วให้เพื่อนที่มองมาพร้อมการันตีเพราะเขาชิมมันหมดทุกอย่างแล้ว

“เราเชื่อ”

“พี่ล่ะอิจฉาน้องภัทรจริงๆกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน” สุภาพรมองชายหนุ่มตั้งแต่รู้จักกันมาตัวเท่าเดิมไม่อ้วนขึ้นเลยสักนิดทั้งๆที่กินเก่งขนาดนี้

พสุธามองวรภัทรกับรสิกาที่ยืนอยู่ข้างกัน พอเห็นแบบนี้เขาคิดว่าชายหนุ่มตัวเล็กแล้วแต่ไม่คิดว่าจะตัวเท่าๆกับรสิกา แถมตอนนี้หญิงสาวใส่ส้นสูงสามนิ้วทำให้วรภัทรดูเตี้ยไปถนัดตา

“คุณดิน สวัสดีค่า” เสียงแมนสรวงดังขึ้นมาก่อนตัว

“คุณดิน ไม่คิดว่าคุณจะมางานนี้ด้วย” นิชาดาเอ่ยทักพร้อมปลี่เข้ามายืนเบียดชายหนุ่มที่ยืนข้างวรภัทรทำให้เขาต้องเขยิบไปใกล้วรภัทรเข้าไปอีก

“สวัสดีครับคุณแมน เอ้ยคุณเมนี่ ลูกพีช” พสุธาทักทายผู้จัดการดาราและนิชาดา

“คุณดิน มายืนทำอะไรแถวนี้คะ ไปทางโน้นดีกว่าค่ะ” นิชาดาเอ่ยชวนพร้อมทั้งชี้ไปยังกลุ่มคนที่มีเจ้าของนิตยสารยืนอยู่ด้วย

“ใช่ค่ะไปกันเถอะ” แมนสรวงสนับสนุนนิชาดา ไม่อยากให้ชายหนุ่มยืนอยู่ใกล้รสิกา ไม่อยากให้หญิงสาวเป็นที่สนใจไปกว่าเด็กในสังกัดตัวเอง

“คุณเมนี่พาลูกพีชไปเถอะครับ ผมไปทักทายคุณวราลีมาแล้ว” พสุธาบอกคนทั้งคู่ก่อนหันมาหาวรภัทรอย่างนึกขึ้นได้ “จริงซิภัทรยังไม่ได้ไปทักทายเจ้าของงานเลยใช่ไหม ไปผมพาไป” พูดจบก็ฉุดชายหนุ่มเดินไปยังกลุ่มนั้นทันที

วรภัทรที่กำลังยกยิ้มขำนิชาดาและผู้จัดการที่หน้าแตกหมอไม่รับเย็บถึงกับเหวอที่โดนชายหนุ่มลากออกไป ทำให้เขาไปรีบคว้าแขนรสิกาที่ยืนอยู่ข้างๆให้เดินไปกับเขาด้วย

“สวัสดีค่ะคุณวราลี” รสิกากับสุภาพรยกมือไหว้เจ้าของงานที่หันมามองกลุ่มของพวกเขา

“สวัสดีค่ะน้องโรสคุณฝ้าย เอ่อ” เจ้าของนิตยสารดังยืนนิ่งไปสักพัก ปกติแล้วเธอจำหน้าคนได้แม่นแต่คนที่ยืนข้างพสุธาทายาทตระกูลดังนี่เธอกลับไม่คุ้นหน้า

“ภัทรนี่คุณวราลีเจ้าของงาน ส่วนนี่ วรภัทร วัชรเมธีสกุล บุตรชายคนเล็กของคุณวสันต์และคุณแพรชมพู” พสุธาแนะนำวรภัทรให้รู้จักเจ้าของงาน

“น้องชายคุณพงศกรใช่ไหม เมื่อกี้พี่เห็นคุยอยู่กับกลุ่มผู้ส่งออกตรงโน้น”

“ครับ ผมมากับพี่พงศ์...” วรภัทรยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อก็มีเสียงแทรกเข้ามาก่อน

“สวัสดีค่ะคุณวราลี” นิชาดาและแมนสรวงเข้ามาสวัสดีเจ้าของงาน

“สวัสดีค่ะ ตามสบายนะคะคุณเมนี่น้องลูกพีช น้องภัทรน้องโรส คุณฝ้ายก็ตามสบายนะคะ” วราลีบอกทุกคนที่อยู่ตรงหน้า

“งั้นพวกผมขอตัวก่อนนะครับ ภัทรไปทางนั้นกัน” พสุธาค้อมศีรษะให้เจ้าของงานก่อนลากชายหนุ่มให้มากับเขา รสิกามองคนทั้งคู่อย่างงงๆก่อนรีบเดินตามไปเมื่อเห็นวรภัทรหันพยักพเยิดให้เธอตามไป

“อ้าว ขอตัวก่อนนะคะ คุณดิน” นิชาดาตกใจท่าทีของพสุธาก่อนหันมายิ้มให้เจ้าของงานแล้วเดินตามพสุธาไป

วราลีมองท่าทีประหลาดของกลุ่มพสุธาด้วยความงงๆ แล้วหันไปทางเลขาตัวเองราวกับจะถามถึงที่มาที่ไป ส่วนเลขาก็จนใจที่จะตอบคำถามเพราะเธอไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่ผู้จัดการและดารานางแบบสองค่ายดังที่เคยมีข่าวเขม่นกันไฉนถึงได้เดินเกาะกลุ่มราวกับไม่เคยเกิดเรื่องระหองระแหงกันมาก่อน

“นี่คุณปล่อยฉันเสียที” วรภัทรสะบัดแขนไปมาก่อนพูดเบาๆพอที่จะได้ยินกันแค่สองคน

“ทำไมล่ะ นี่เดี๋ยวผมพาคุณไปรู้จักคนดังๆในงานไง เพื่ออนาคตจะได้ร่วมงานกัน” พสุธาพูดเสนอตัว

“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันรอพี่พงศ์พาไปก็ได้” วรภัทรบอกขณะที่พยายามแงะมือชายหนุ่มที่จับข้อมือเขาไว้

“พี่คุณ ไหนคุณบอกโดนทิ้งไง นี่ผมอุตส่าห์หวังดีแท้ๆ”

วรภัทรอยากฟาดคนหวังดีนี่หลายๆผัวะ ไอ้ที่บอกว่าหวังดีนี่หวังดีจริงใช่ไหม ไม่ใช่เอาเขาเป็นไม้กันหมาอยู่เหรอ คิดว่าเขามองไม่ออกจริงๆใช่ไหม ไอ้ที่ลากเดินเร็วจี๋ขาแทบขวิดทำเอายัยพีชเน่าเดินตามไม่ทัน แถมเพื่อนสนิทของเขาก็ดันเจอเจ้าของแบรนด์ที่เคยร่วมงานเข้ามาคุย ทำให้ตามเขามาไม่ได้เลยคาดกันผิดแผนที่วางไว้ไปโดยปริยาย

“ฉันว่านายเก็บความหวังดีไปใช้กับยัยลูกพีชนั่นดีกว่า ท่าทางยัยนั่นอยากไปกับนายจนตัวสั่นไปหมดแล้ว” วรภัทรแขวะเบาๆ

“ทำไมผมต้องพาเขาไป ผมว่าเขาน่าจะรู้จักคนเหล่านั้นอยู่แล้วไม่เหมือนคุณที่ไม่รู้จักใครน่ะ” พสุธาคลี่ยิ้มยักคิ้วกวนๆส่งให้ชายหนุ่ม

วรภัทรได้แต่ฮึดฮัดทำอะไรไม่ได้ เขาทำได้แต่เพียงจำใจเดินตามพสุธาที่จับข้อมือเขาลากไปเท่านั้น งานในค่ำคืนนี้ทำให้เขารู้จักนักธุรกิจหลากหลายประเภทโดยเฉพาะสาวๆที่แวะเวียนมาทักทายพสุธาไม่ได้ขาด

“น้าเกศยัยกัน สวัสดีครับ” พสุธายกมือไหว้เกศินีผู้มีศักดิ์เป็นน้าสะใภ้ของเขา

“พี่ดิน สวัสดีค่ะ นั่นใครเหรอคะ” กัญญ์วราเอ่ยถามลูกพี่ลูกน้องถึงชายหนุ่มที่ยืนหลบด้านหลังเขา

“ภัทร นี่น้าเกศินี น้าสะใภ้ของผม ส่วนนี่ยัยกัน น้องสาวผม” วรภัทรยกมือไหว้หญิงสาวทั้งคู่ เพราะดูแล้วกัญญ์วราน่าจะอายุมากกว่าเขา

“ส่วนนี่ก็ ภัทร วรภัทร วัชรเมธีสกุล” พสุธาแนะนำชายหนุ่มให้ญาติของตน

“ลูกชายคนเล็กของคุณแพรชมพูใช่ไหม เห็นว่าเพิ่งกลับมาจากฝรั่งเศส” เกศินีเอ่ยถามอย่างสนิทสนม เพราะแพรชมพูนั้นเป็นลูกค้าประจำของเธอ

“ใช่ครับ” วรภัทรตอบกลับอย่างนอบน้อม

“ภัทร ไปทำอะไรที่นั่นเหรอ” กัญญ์วราถามอย่างใคร่รู้

“ไปเรียนออกแบบเพิ่มเติมครับ”

“ใช่ๆ น้าได้ยินมาว่าภัทรจะเปิดห้องเสื้อใช่ไหม จะเปิดเมื่อไหร่ล่ะ น้าจะได้ไปอุดหนุน” เกศินีเองชอบตัดชุดเสื้อผ้าอยู่แล้ว ลองอุดหนุนคนรู้จักบ้างจะเป็นไรไป

“คิดว่าอีกไม่นานครับ เพราะช่วงนี้ต้องช่วยพี่พลอยดูแบบงานบริษัทที่ออกปลายปีนี้ก่อน” วรภัทรแบ่งรับแบ่งสู้เพราะไม่รู้ว่าพ่อจะไฟเขียวให้เงินมาลงทุนเปิดร้านเมื่อไหร่ แต่เขาคิดว่าน่าจะเร็วๆนี้ เนื่องจากแบบเสื้อผ้าของเขานั้นเข้าคอนเซ็ปงานของบริษัททำให้พ่อกับแม่ยอมควักเงินลงทุนให้

“ดีๆ ไว้น้าจะไปอุดหนุนนะ” เกศินีอดที่จะชื่นชมเด็กหนุ่มไม่ได้ ลูกบ้านนี้ช่วยพ่อแม่ทำงานตั้งแต่ยังไม่จบปริญญาตรี แบบกระเป๋าที่วรภัทรออกแบบให้บริษัทตอนที่ฝึกงานขายดีมาก ลูกสาวคนเล็กของเธอยังชอบใจรบเร้าให้เธอซื้อให้

“สวัสดีครับน้าเกศ กัน” เสียงทักทายดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้วรภัทรใจชื้น ตัวช่วยที่จะทำให้เขาสลัดพสุธาออกไปได้โผล่มาแล้ว

“ตาพงศ์ น้ากำลังคุยกับน้องชายเธออยู่เลย” เกศินีเอ่ยทักพงศกรที่ยกมือไหว้เธอ

“เพิ่งเคยเจอน้องภัทร ดูแล้วไม่เห็นเหมือนนายเลย” กัญญ์วราเอ่ยแซวเพื่อนสมัยเรียน ตอนที่เรียนปริญญาตรีเธอเรียนที่เดียวคณะเดียวกันกับชายหนุ่ม แม้ไม่ได้อยู่ก้วนเดียวกันแต่ค่อนข้างจะสนิทเพราะพงศกรเป็นเพื่อนสนิทแฟนของเธอ

“ยัยกันทำไมพูดแบบนั้น” เกศินีปรามลูกสาวเบาๆ

“เป็นแบบนี้ดีแล้วครับ ขืนกันเรียบร้อยคงตามนายกฤตไม่ทัน” พงศกรเอ่ยแซวหญิงสาวโดยพลาดพิงถึงธนกฤต เพื่อนสนิทของเขาคู่หมั้นของเธอ

“เอาเถอะจะพูดจะจากันยังไงน้าไม่ห้ามแล้ว คุยกันไปก่อนนะน้าขอตัวไปคุยกับคุณวราลีหน่อย” เกศินีส่ายหัวไปมาก่อนเดินออกไปทิ้งให้หนุ่มสาวคุยกันต่อ

“พี่พงศ์หายไปไหนมา” วรภัทรหันมาเฉ่งพี่ชายทันทีเมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใหญ่ยืนอยู่ด้วย

“อยู่ในงานนี่แหละ ว่าแต่เราทำไมอยู่ตรงนี้ พี่คิดว่าเราอยู่กับเพื่อนเสียอีก” พงศกรถามออกไป เขามองเห็นรสิกาในงานทำให้พูดคุยกับเพื่อนฝูงนักธุรกิจอย่างสบายใจ เพราะคิดว่าวรภัทรจะอยู่กับเพื่อนสนิท

“พอดีเพื่อนของภัทรคุยติดพันกับลูกค้า ผมเลยพาภัทรมาทำความรู้จักคนอื่นๆในงาน” พสุธาพูดแทรกขึ้นมา ทำให้วรภัทรหันควับไปมองทันควัน ว่าชายหนุ่มจะมีลูกเล่นอะไรอีก

“จริงเหรอภัทร” พงศกรหันมาถามน้องชาย ทำให้วรภัทรพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ “ผมต้องขอบคุณคุณพสุธาที่คอยดูแลภัทรให้”

“ไม่เป็นไรครับ เรียกผมว่าดินก็ได้” พสุธาเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

“พี่พงศ์ ภัทรอยากกลับบ้านแล้ว” วรภัทรมองนาฬิกาก่อนเอ่ยออกมา เขาไม่รู้ว่างานเลี้ยงจะเลิกเมื่อไหร่ แต่เขาไม่อยากอยู่แล้ว

“ก็ได้ กลับก็กลับ” พงศกรพยักหน้าให้น้องชายเมื่อเห็นสีหน้าหงุดหงิดของวรภัทร ก่อนเอ่ยลากับพสุธาและกัญญ์วรา
วรภัทรได้แต่เดินตามพี่ชายไปลาเจ้าของงานด้วยความโล่งใจ ในที่สุดเขาก็สลัดพสุธาหลุดได้แล้ว โชคดีที่พงศกรมาทันก่อนที่เขาจะหมดความอดทนที่จะหันไปเอาเรื่องพสุธา วรภัทรไม่รู้ว่าตัวเองนับหนึ่งถึงร้อยกี่รอบกว่าพี่ชายจะมาพาเขาออกไป พรุ่งนี้เขาตั้งใจว่าจะตื่นแต่เช้าใส่บาตรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พสุธาจะได้เลิกจองเวรจองกรรมเขาเสียที


****************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ฝากติดตามนิยายด้วยค่ะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเม้นท์ แนะนำ ให้กำลังใจกันหน่อยนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)   
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 11 (13/10/2562)P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-10-2019 23:14:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 11 (13/10/2562)P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-10-2019 00:17:38
 :katai2-1:
หัวข้อ: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 12 (5/12/2562)P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 05-12-2019 13:30:50
ตอนที่ 12

เหล่าคนงานเร่งตกแต่งออฟฟิตอย่างขะมักเขม้น เนื่องจากอาคารสำนักงานแห่งนี้เข้ามาทำงานช่างได้ช่วงหลังห้าโมงเย็นจนถึงสองทุ่มในวันธรรมดาและแปดโมงเช้าถึงห้าโมงเย็นในวันหยุดเสาร์อาทิตย์เท่านั้น เพราะการทำงานของพวกเขาจะส่งเสียงรบกวนการทำงานในส่วนออฟฟิตอื่นๆที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง

วรภัทรมองดูห้องที่ตกแต่งคืบหน้าไปมากในช่วงเดือนกว่าๆที่ผ่านมา หลังจากที่บิดาอนุมัติให้เขาทำห้องเสื้อแบรนของตัวเองได้ เพราะแบบชุดของเขาสนับสนุนคอลเลคชั่นใหม่ของบริษัทที่กำลังจะเปิดตัวอีกสี่เดือนข้างหน้านี้ พอทางบิดาอนุมัติ มารดาของเขาก็บอกว่าทางตึกสำนักงานที่มารดาเป็นเจ้าของมีห้องว่างพอดี เพราะบริษัทที่เช่าทำออฟฟิตไม่ต่อสัญญาในการเช่าต่อ ชายหนุ่มจึงเข้ามาดูพร้อมทีมอินทรีเรียดีไซน์บริษัทของคุณลุงกองทัพบิดาของนาวินและนาราเป็นเจ้าของ กว่าจะออกแบบกันเสร็จกว่าจะเข้ามาทำได้ก็ผ่านมาเดือนกว่า แถมกว่าจะเสร็จตามสัญญาก็กินเวลาไปเกือบสามเดือนเพราะกฎการเข้าทำงานของอาคารสำนักงาน

ตึกสำนักงานแห่งนี้สูง 15 ชั้นทำเลใจกลางเมือง ด้านข้างติด วิลล่า มาร์เก็ท ดิ อเวนิว ฝั้งตรงข้ามเป็นคอนโดหรูขนาดใหญ่ ถ้าเดินข้ามสะพานลอยมาที่วิลล่าต้องเดินผ่านตึกออฟฟิตก่อน แถมพื้นที่ที่เขาได้นั้นอยู่ชั้นหนึ่ง ห้องกระจกติดกับร้านดอกไม้ตรงทางเข้าสำนักงาน ห้องนี้เขาจะทำเพื่อโชว์สินค้าและจัดจำหน่ายเพื่อคนเดินผ่านจะได้เห็นได้ชัด ส่วนทางด้านบนชั้นสองนั้นขนาดใหญ่กว่าห้องด้านล่างสามเท่า เขาจะทำเป็นห้องทำงานและรับรองแขก

“ห้องนี้กว้างจัง ใกล้จะเสร็จแล้วนี่” รสิกาเอ่ยขึ้นเมื่อเดินไปรอบๆ ชั้นสองที่คนงานกำลังทาสีเพื่อเก็บงาน หญิงสาวถูกเพื่อนสนิทชักชวนให้เข้ามาดูความก้าวหน้าของห้องเสื้อด้วยกันหลังจากที่ประชุมงานคอลเลคชั่นใหม่ที่บริษัทเสร็จแล้ว

“ใช่ๆ เราบอกให้พี่ทัพทำห้องนี้ก่อน จะได้เริ่มทำงานได้” วรภัทรตอบพลางเดินเข้าไปในห้องที่กั้นไว้เพื่อเก็บสต็อคผ้า

“ห้องน้ำดูกว้างขวางดี” เพราะห้องนี้กินพื้นที่เกือบหนึ่งส่วนสี่ของชั้นทำให้มีห้องน้ำในตัว ห้องน้ำมีสองห้องใหญ่ ภายในห้องใหญ่มีห้องเล็กอีกสองห้อง รสิกามองอย่างพอใจ

ถัดจากห้องน้ำก็เป็นห้องครัวมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นลานจอดรถของวิลล่า มาร์เก็ทฯ รสิกาเดินสำรวจเปิดประตูห้องที่ทำขึ้นมาใหม่ทุกห้อง จนมาถึงห้องเล็กที่ติดกับห้องทำงานของเพื่อนสนิท

“ห้องนี้ห้องอะไร” หญิงสาวชะโงกถามวรภัทรที่กำลังพูดคุยกับหัวหน้าช่างอยู่

“ห้องเซิร์ฟเวอร์ พี่ทัพแนะนำให้ทำ เพื่อความปลอดภัย” เขาเองก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่ พอโทรทางไกลไปถามเพื่อนสนิทอย่างนาราที่เรียนทางนี้โดยตรง เธอก็แนะนำว่าต้องทำ เพื่อความปลอดภัยหลายๆอย่าง แถมยังบอกอีกว่าไม่ต้องห่วงเธอจะบอกให้พี่ชายทำให้เขาดีๆ

“ห้องนี้จะเสร็จเมื่อไหร่” หญิงสาวถามต่อ เพราะวรภัทรได้ชักชวนให้เธอไปดูเฟอร์นิเจอร์เพื่อนำมาใช้ที่นี่

“ต้นเดือนหน้าก็ขนของเข้ามาได้แล้ว” ชายหนุ่มบอกตามที่ทัพฟ้าได้บอกมา อีกสองอาทิตย์พื้นที่ในห้องนี้ก็พร้อมที่จะใช้งานได้แล้ว

“เร็วกว่าที่คิด” หญิงสาวอดที่จะทึ่งในศักยภาพของบริษัทลุงกองทัพไม่ได้ งานเสร็จเร็วกว่าที่กะไว้เป็นเดือน

“ใช่แล้ว เอาเวลาที่เหลือไปทำแบบดูงานเปิดตัวดีกว่า ว่าแต่ตอนนี้หิวแล้วอ่ะ ไปหาอะไรกินที่มาร์เก็ทฯข้างๆนี่กัน” วรภัทรเอ่ยชักชวนเพื่อนเพราะเวลานี้ก็เกือบทุ่มนึงแล้ว

“เอาซิ ว่าแต่มีร้านอะไรบ้างล่ะ”

“ไม่รู้ ยังไม่เคยเข้ามากินเลย เดี๋ยวเดินไปร้านไหนน่าสนใจก็เข้าร้านนั้นแหละ” ชายหนุ่มตอบ เพราะปกติเขาจะแวะเข้ามาดูความคืบหน้าช่วงบ่ายๆพอดูเสร็จก็กลับบ้านเลยไม่ได้แวะทานอะไรแถวนี้

ร้านอาหารที่วรภัทรเลือกใช้บริการเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ห้องอาหารที่ใหญ่พอสมควร มองจากหน้าร้านด้านหน้าประดับด้วยต้นไผ่ทุกหนแห่งราวอยู่ท่ามกลางป่าไผ่อันอุดมสมบูรณ์ แต่พอเดินมาข้างในกลับประดับประดาด้วยต้นซากุระ ดอกซากุระสีชมพูดูสว่างและโปร่งโล่งไปทั่วร้านแถมแต่ละโต๊ะมีฉากกั้นรูปดอกซากุระไว้เป็นสัดส่วน ได้อารมณ์บรรยากาศเหมือนไปชมดอกไม้ที่ญี่ปุ่นอยู่ไม่น้อย ผู้คนไม่พลุกพล่านมากเหมือนร้านอาหารบางแห่งในมาร์เก็ทแห่งนี้

“ไม่น่าเชื่อที่นี่จะมีร้านอาหารดีๆเยอะมาก” วรภัทรเอ่ยขึ้นเมื่อพนักงานส่งเมนูให้พร้อมทั้งบอกว่าจะมารับรายการอาหารในอีกสักครู่

“โชคดีนะที่ร้านนี้คิวว่าง ไม่งั้นคงยืนรอคิวอีกนาน” รสิกาพูดอย่างพอใจ ตอนที่เธอเดินผ่านร้านอาหารที่มีคนรอคิวอยู่นั้น ดันมีคนจำเธอได้จึงเข้ามาทักและขอถ่ายรูปด้วยอยู่นาน จนวรภัทรหน้าหงิกเกือบฟิวส์ขาดเพราะความหิว

“แค่รอคิวไม่เท่าไหร่หรอก ไอ้ที่ซุบซิบหันมามอง เข้ามาขอถ่ายรูปนี่ซินานมาก เผลอๆถ้ารอคิว เราอาจจะพลาดคิวได้เลยนะ นั่นไงพูดไม่ทันขาดคำ” วรภัทรบ่นออกมาเมื่อคนที่เดินผ่านล็อคที่พวกเขานั่งหันมามองอีกครั้งเมื่อเห็นรสิกา เขาลืมไปได้ไงว่าเพื่อนเป็นนางแบบชื่อดังคนรู้จักมากมาย

“ย้ายไปห้องวีไอพีไหม” หญิงสาวรู้สึกเกรงใจเพื่อนสนิทที่ไม่คุ้นชินเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกับเธอ

“ไม่เป็นไร ถ้าแค่มองไม่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวจนหน้าเกลียด เราพอรับได้ คิดว่าเป็นหมีแพนด้าแล้วกันที่ใครๆก็อยากมองดู”

“บ้า คิดได้ไงเปรียบเทียบซะ คิดว่าเราสวยหล่อดีกว่าไหมคนถึงอยากมอง” รสิกาส่ายหน้ากับความคิดพิเรนของเพื่อนสนิท ก่อนจะสั่งอาหารเมื่อพนักงานเข้ามารับออเดอร์

หลังจากสั่งอาหารไปพวกเขาคุยกันไม่นานอาหารก็ยกมาเสิร์ฟพอดี วรภัทรที่กำลังสนใจอาหารที่พนักงานยกมาวางตรงหน้าจึงไม่ทันเห็นว่ามีคนมานั่งข้างตัวเองพร้อมทั้งส่งกระดาษที่รับมาจากหน้าร้านให้กับพนักงานพร้อมทั้งสั่งเครื่องดื่มอย่างคล่องแคล่วท่ามกลางความแปลกใจของหญิงสาวเพียงคนเดียวในโต๊ะ

“สวัสดีค่ะ คุณพสุธา” รสิกาเอ่ยทักคนมาใหม่อย่างงงๆ พร้อมทั้งหันไปมองเพื่อนสนิทที่ก้มหน้าก้มตาสำรวจอาหารโดยไม่สนใจรอบข้าง

“สวัสดีครับคุณโรส ภัทร ไม่เจอกันนานเลยนะ” พสุธาอมยิ้มมองคนที่สนใจอาหารเข้าโลกของตัวเองไปแล้ว

“ภัทร ไอ้ภัทร” รสิกาเคาะโต๊ะเรียกเพื่อนสนิทเมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่สนใจเอาแต่ก้มหน้าก้มตากิน

“หือ ว่าไง อ้าวทำไมไม่กินรออะไรอยู่เหรอ” วรภัทรเงยหน้าถามหญิงสาวด้วยความแปลกใจ แต่เมื่อเห็นสายตาของรสิกาที่บุ้ยใบ้ไปที่ข้างตัวเขาจึงหันไปมอง

“เฮ้ย นาย มาได้ไงเนี้ย”

“นี่คุณ ผมมานั่งตั้งนานแล้ว คุณน่ะจะรีบกินไปไหนกลัวใครแย่งกินเหรอ” พสุธาแหย่ชายหนุ่มกลับไป

“ก็นายไง มานั่งได้ไงใครเชิญ” คนไม่เชิญมานั่งได้ไงเนี่ย

“เอาน่าผมมาคนเดียวขอนั่งด้วยคนนะ นะครับคุณโรส” พสุธาหันมาพูดกับหญิงสาวเมื่อเห็นสายตาเอาเรื่องของวรภัทร

“ได้ค่ะ” รสิกาตอบพลางหันไปส่งสายตาปรามเพื่อนสนิทที่กำลังออกอาการเหวี่ยงวีน

“โรส ที่นั่งมีตั้งเยอะ” วรภัทรเรียกเพื่อนอย่างไม่เห็นด้วย

“โธ่คุณ เราคนกันเองนั่งกินข้าวด้วยกันไม่เห็นเป็นไร”

ยังไม่ทันที่วรภัทรจะสวนคนหน้าด้านที่อัญเชิญตัวเองมาร่วมโต๊ะกลับไป อาหารที่พสุธาสั่งก็ยกมาเสิร์ฟพอดี ทำให้เขาต้องนั่งเงียบเพราะไม่อยากทำให้คนในร้านสนใจโต๊ะพวกเขามากไปกว่านี้

“ชาเขียวร้อนครับ แล้วนี่แซลมอนข้อสอบ ข้าวผสมน้ำปรุงข้าว แซลมอน 400 กรัม...” พนักงานพูดไปด้วย ลงมือชั่งน้ำหนักไปด้วย พอชั่งเสร็จก็เทปลาแซลมอนวางบนข้าว ทำเอาวรภัทรกับรสิกามองวิธีการทำนั้นด้วยความสนใจ

“อิคุระ 100 กรัม” พนักงานพูดไปชั่งน้ำหนักไปก่อนเทไข่ปลาแซลมอนลงบนถ้วยข้าวอีกทีแล้ววางไข่ดองขั้นตอนสุดท้ายก่อนเสริร์ฟให้พสุธาพร้อมเครื่องเคียงและวาซาบิ

“ภัทร สนใจลองชิมไหม” พสุธาหันมาถามคนข้างๆที่มองชามอาหารของเขาตาวาว

“ไม่ โรส กินได้แล้ว รีบกินจะได้รีบไป” วรภัทรเร่งเพื่อนตัวเองก่อนก้มหน้าทานอาหารของตัวเองพร้อมทั้งตั้งใจว่าคราวหน้าเขาจะสั่งแบบนี้มากินบ้าง

“หึหึ” วรภัทรเหล่ตามองเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ

รสิกาอมยิ้มในความท่ามากของเพื่อน เธอรู้ว่าวรภัทรอยากลองชิมมากแต่ไว้ท่า อาจเพราะไม่สนิทกับพสุธา ถ้าแซลมอนถ้วยนั้นเป็นของเธอ ชายหนุ่มคงจกกินโดยไม่ต้องรอให้เธอพูดซ้ำสองหรอก แต่สายตาของพสุธาที่มองเพื่อนของเธอนี่สิ มันแปลกๆแม้ว่าพสุธาจะคอยยั่วโมโหให้วรภัทรจิกกัด กระแหนะกระแหนเขาตอบ แต่เขากลับไม่โกรธหรือโมโหวรภัทรเลย แววตาที่ทอดมองด้วยความเอ็นดูนั่นอีก นี่เธอตกข่าวอะไรไปไหม

“อ้าว โรสไม่กินล่ะ อ๋อกินไม่ลงใช่ป่ะ คงเพราะแขกไม่ได้รับเชิญทำให้หมดอร่อยใช่ไหม” วรภัทรเอ่ยขึ้นโดยไม่วายจิกกัดคนข้างๆอีก

“เปล่าๆ เราคิดอะไรเพลินๆน่ะ” รสิกาบอกก่อนก้มหน้าก้มตาทานของตัวเองก่อนวรภัทรจะหงุดหงิดและพาลเธอเป็นคนต่อไป

 พอทานอาหารเสร็จหญิงสาวคนเดียวแอบโล่งใจที่เพื่อนของเธอไม่ก่อเรื่องโวยวายอะไรขึ้นมาอีก เพราะต่างฝ่ายก็ทานของตัวเองไป แต่แล้วรสิกาก็ต้องมาปวดหัวอีกรอบตอนที่เช็คบิลเพราะทั้งพสุธาและวรภัทรต่างแยกกันจ่ายค่าอาหารด้วยบัตรเครดิตของตัวเอง

“เพื่อนฉัน ฉันเลี้ยงได้ ส่วนคนอื่นคิดว่าทำบุญทำทานไปแล้วกัน” วรภัทรบอกพลางยื่นบัตรเครดิตให้พนักงาน

“ในฐานะที่ผมอายุมากสุด ผมจ่ายเอง” พสุธาปัดมือที่ถือบัตรของวรภัทรออกก่อนยื่นบัตรของตัวเองให้

“อ๋อจะบอกว่า แก่ใช่ไหม” วรภัทรลากเสียงยาวอย่างยียวน

“นี่คะค่าอาหาร ไม่ต้องทอนนะคะ ขอบคุณมากค่ะ” ก่อนที่สองคนจะต่อปากต่อคำไปมากกว่านี้ รสิกายื่นเงินสดโดยเผื่อค่าทิปให้พนักงานไปเล็กน้อยพร้อมส่งยิ้มกดดันให้พนักงานรับเงินของตัวเอง น้องพนักงานเองก็เข้าใจรับเงินก่อนเดินหายไปที่เคาน์เตอร์อย่างรวดเร็ว

“อ๊ะ ยังไม่ต้องพูดอะไรค่ะ” รสิกายกนิ้วชี้ส่ายไปมาให้คนทั้งคู่ เมื่อเห็นพวกเขากำลังอ้าปากประท้วงที่เธอทำ “มื้อนี้โรสเลี้ยงเองค่ะ ถ้าภัทรกับคุณพสุธาไม่พอใจ ก็คิดว่าติดหนี้โรสหนึ่งมื้อแล้วกันนะคะ ไว้คราวหน้าทั้งคู่ค่อยมาเลี้ยงคืนแล้วกัน” รสิกายกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แต่ดูเหมือนไม่มีใครสังเกตุเห็นหรือไม่ก็แปลเจตนาเธอผิดไป

“ก็ได้ครับ พบกันคราวหน้าผมขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงคุณโรสนะครับ แต่จะให้ดีเรียกผมว่าดินดีกว่า นี่นามบัตรผมเผื่อคุณต้อง..” การติดต่อ คำพูดของพสุธาหายไปในทันทีเมื่อวรภัทรคว้านามบัตรของเขาไป “อ้าวภัทรอยากได้ก็ไม่บอก”

“ใครอยากได้ของนายกัน จ่ายเงินแล้วก็กลับกันดีกว่าเดี๋ยวจะถึงบ้านดึก” วรภัทรลุกขึ้นทันทีที่พูดจบ พร้อมเบียดชายหนุ่มออกไปอย่างรวดเร็ว จนพสุธาไม่ทันตั้งตัว

“ลาแล้วนะคะ” รสิกาก้มหัวให้ชายหนุ่มเล็กน้อยก่อนเดินตามเพื่อนสนิทออกไปจากร้าน   

“โรสทำไมไปพูดแบบนั้น เดี๋ยวนายนั่นก็เอาข้ออ้างนี้ชวนกินข้าวหรอก” วรภัทรเล่นงานเพื่อนสนิททันทีที่ออกมานอกร้านแล้ว

“ก็ดีนะ เราจะได้ชวนนายไปด้วยไง”

“ชวนทำไมเราไม่ไปกับนายนั่นหรอก”

“อ้าว ภัทรจะให้เราไปกับคุณดินสองคนเหรอ” รสิกาเอ่ยถามพลางหันไปมองหน้าเพื่อนสนิท

“ขืน โรสไปทานข้าวกับนายนั่นสองคน ยัยพีชเน่าคงแล่นมาฉีกอกทันทีหรอก เขาว่าช่วงนี้ยัยนั่นเกาะหมอนี่ไม่ปล่อย”

“แปลกๆนะ ทำไมภัทรถึงรู้ได้ล่ะ” รสิกาหรี่ตามองเพื่อนสนิทอย่างสงสัย เพราะปกติแล้ววรภัทรไม่ใช่คนที่สนใจพวกข่าวกอสซิปอะไรพวกนี้

“ก็ได้ยินพวกพนักงานบริษัทเม้าส์กัน แถมข่าวออกให้คึก แหมโรสจะถามอะไรมากล่ะไปๆกลับบ้านได้แล้ว” วรภัทรพูดก่อนเดินไปเปิดประตูรถให้เพื่อนสนิท เมื่อเห็นรสิกากดปุ่มเปิดล็อคแล้ว “ขับรถดีๆนะ ถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกด้วย” ชายหนุ่มบอกก่อนโบกมือให้หญิงสาว

“จ้า ภัทรก็กลับบ้านดีๆนะ” รสิกาหันมายิ้มให้เพื่อนก่อนขับรถออกไป วรภัทรเองก็เดินไปที่รถตัวเองซึ่งจอดไม่ไกลกันนัก

พสุธาฮัมเพลงเดินข้ามถนนอย่างอารมณ์ดีกลับมาที่คอนโด คอนโดแห่งนี้บริษัทน้าชายของเขาเป็นเจ้าของโครงการ พสุธาจึงซื้อห้องเพนท์เฮ้าส์เก็บไว้ พอตกแต่งเสร็จเขารู้สึกชอบใจจึงมาพักที่นี่เป็นครั้งคราวสลับกับที่บ้านและโรงแรม ไม่คิดว่าครั้งนี้จะเจอไอ้ตัวแสบที่หายหน้าหายตาไปหลายเดือน ยังปากเก่งอยู่เหมือนเดิม ชายหนุ่มคลี่ยิ้มเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา



****************

สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ฝากติดตามนิยายด้วยค่ะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเม้นท์ แนะนำ ให้กำลังใจกันหน่อยนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)   

หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 12 (5/12/2562)P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-12-2019 16:14:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 12 (5/12/2562)P.2
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 06-12-2019 01:47:26
เอาแล้วๆๆ จะได้มาอยู่ใกล้ๆ กันแย้ววววว55555
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 12 (5/12/2562)P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-12-2019 22:01:30
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 12 (5/12/2562)P.2
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 24-12-2019 03:37:29
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: