พิมพ์หน้านี้ - กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Xenon ที่ 27-10-2010 13:28:26

หัวข้อ: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 27-10-2010 13:28:26
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


 
 :pig2:



เป็นนิยายที่เขียนตอนสมัยยังละอ่อน และเข้าสู่เส้นทางสาววายมาใหม่ ๆ   :o8:


ชื่อเก่าคือ  "พันธนาการรัก"  แต่ชื่อนี้จะบอกว่า โล๊ โหล เห็นชาวบ้านตั้งกันมากมาย (ก็นะพล็อตมันโหลนี่นา)  คนเขียนก็เลยเปลี่ยนชื่อให้มันย้าวยาวออกไป เลยกลายเป็น "กรงรัก...พันธนาการใจ" แทนค่ะ บอกไว้ก่อน เผื่อคนที่เคยอ่านแล้วจะสับสนว่าคุ้นจังแฮะ

อาจจะมีไม่สมจริงและขัดหูขัดตาไปบ้าง ก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ ช่วงนี้อยากรวบรวมงานเขียนตัวเองให้มาอยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง เพราะบอร์ดที่เคยลงก็ปิดไปหมดแล้ว และก็อยากรีไรท์สำนวนบางส่วนให้มันเข้าท่ากว่าเดิมด้วย

เอามาลงขัดตาทัพ ระหว่างคุณตำรวจยอดรักยังไม่มาต่อค่ะ - -"


ป.ล. นามปากกาที่อื่นของ Xenon ก็มี ปัทม์  , ปัด แล้วก็  pat104  ที่ไว้ลงนิยายตามบอร์ดอื่น ๆ ค่ะ 


----------------------------------------------

นิยายเก่า ๆ ที่ลงไว้ (จบแล้ว)
คุณตำรวจยอดรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=16626.0)  ,  คุณอาที่รัก(แนวโชตะ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17582.0)  , กรงรัก...พันธนาการใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.0)  , The Eden School (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27513.0)  , ดวงใจจ้าวมังกร (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=24780.00) , ม่านราตรี (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27757.0) ,   Miracle Café (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34057.0) 
ลิขิตรักอสุรกาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35637.0)    ,  เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ. (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39294.0)    , ขอโทษที คนนี้พี่จองแล้ว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43240.0)    , กรงรัก พันธนาการใจ (ฉบับรีเมก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43253.0)
เรื่องสั้น
คุณพี่...ที่รัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=20403.0)   ,  สัญญา สายใย เชื่อมใจรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33672.0)


นิยายที่ยังไม่จบ
-
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะค่า]
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 27-10-2010 13:29:47
สารบัญนิยาย

บทที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1172869#msg1172869) ++  บทที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1174572#msg1174572) ++  บทที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1175735#msg1175735) ++  บทที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1177111#msg1177111) ++  บทที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1178619#msg1178619) ++  บทที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1178623#msg1178623) ++  บทที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1180081#msg1180081) ++  บทที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1180087#msg1180087) ++  บทที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1181910#msg1181910) ++  บทที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1183613#msg1183613)++  บทที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1184343#msg1184343)++  บทที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1184345#msg1184345)++  บทที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1187614#msg1187614)++  บทที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1188823#msg1188823)++  บทที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1189561#msg1189561)++  บทที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1189563#msg1189563)++  บทที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1192851#msg1192851)++  บทที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1192873#msg1192873)++  บทที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1194243#msg1194243)++  บทที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1194245#msg1194245)++  บทที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1196214#msg1196214)++  บทที่ 22(จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1196221#msg1196221)++  ตอนพิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=19318.msg1313013#msg1313013)

 
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะค่า]
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 27-10-2010 13:41:49
เรื่องนี้มีฉบับรีเมกค่ะ : ใครใคร่สนใจอ่านเปรียบเทียบก็เชิญค่ะ
กรงรัก พันธนาการใจ (ฉบับรีเมก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43253.0)

บทที่ 1
****************

   ร่างบางพยายามดิ้นรนหนีจากอ้อมแขนแข็งแกร่งที่จับกดเขาสุดชีวิต ใบหน้าหวานราวหญิงสาว อาบนองไปด้วยน้ำตา นึกเสียใจที่ตัวเองเคยช่วยชีวิตอีกฝ่ายเอาไว้ แต่กลับต้องมาได้รับผลตอบแทนที่น่าเจ็บช้ำเช่นนี้

     ย้อนหลังไปราว 2 อาทิตย์ก่อน

    ทานากะ ยูคิ  หนุ่มน้อยวัย 16 ปี กำลังเดินทางกลับบ้านของตนตามปกติ  ร่างบางเดินมองตรงไปข้างหน้าแต่ในสมองกำลังคิดถึงเรื่องเมนูอาหารในมื้อเย็นนี้ 
    ยูคิอาศัยอยู่กับบิดา ซึ่งมีอาชีพเป็นนักข่าวตามลำพังสองคน เพราะมารดาของเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่เด็กหนุ่มอายุเพียง 5 ขวบเท่านั้น
    แม้จะกำพร้าแม่ แต่ยูคิก็เติบโตมาด้วยความรักและการอบรมสั่งสอนของผู้เป็นพ่อ  เด็กหนุ่มไม่เคยคิดโทษชะตาตนเอง เขามีความสุข และพอใจ กับการใช้ชีวิตอย่างทุกวันนี้
    “แกรก!”
    เสียงกรอกแกรก จากภายในซอยเล็ก ๆ แห่งหนึ่งทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังเดินเหม่ออยู่ถึงกับสะดุ้งเฮือก เขาเหลือบไปมองแล้วก็ต้องอุทานแผ่วเบาในลำคอด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบวิ่งตรงไปยังต้นกำเนิดเสียงนั้นทันที
    “คุณ! คุณครับ เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ!”
    ร่างสูงของชายหนุ่มวัยประมาณ 25-30 ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนเหยียดยาว พิงกำแพง กะพริบตาน้อย ๆ ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นมามองภาพ ของคนเบื้องหน้า
    “....เธอ...ใคร...”
    “ผม เอ่อ คือผมผ่านมาทางนี้เห็นคุณนอนเลือดโชกเลยเข้ามาดู อ๊ะ!  ไม่ใช่สิ นี่ไม่ใช่เวลามาถามไถ่กันนะ ต้องพาคุณไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ!”
    กล่าวแล้วก็เหลียวมองซ้ายที ขวาที เพื่อหาคนมาช่วยอย่างลุกลี้ลุกลน ซึ่งร่างสูงก็เป็นฝ่ายจับแขนบางรั้งไว้ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะวิ่งออกไปตามคนอื่นมาช่วย
    “เดี๋ยว...ไม่ต้อง ... ปล่อยฉันไว้แบบนี้...แล้วเธอไปซะ!”
    ยูคิอ้าปากค้างกับคำขอร้องแกมสั่งของอีกฝ่าย ก่อนจะโพล่งใส่ชายหนุ่มอย่างลืมตัว
    “จะบ้าหรือไง เลือดออกจนจะหมดตัวแบบนี้นี่นะจะให้ปล่อยไว้ คุณไม่ใช่หมา ใช่แมว ที่ผมจะทำเป็นไม่สนใจได้หรอกนะ!  ไม่สิ!  ต่อให้เป็นหมาหรือแมว ถ้าเห็นว่ามันบาดเจ็บ ก็ต้องช่วยอยู่ดีนั่นล่ะ!”
    บอกแล้วก็ตรงเข้าประคองร่างสูงกว่าตัวเอง ที่นั่งอึ้งไปชั่วครู่ด้วยความตกใจ เพราะไม่เคยมีใครที่กล้าพูดแบบนี้กับเขามาก่อนเลยสักครั้ง
    “โธ่! ตัวหนักชะมัด  แล้วผมจะแบกคุณไปไหวไหมเนี่ย” 
    ยูคิบ่นอุบ แต่ยังคงพยายามลากชายหนุ่มที่สูงกว่าตนเกือบยี่สิบเซนติเมตรด้วยความตั้งใจ 
    “...เธอพาฉันไปโรงพยาบาลไม่ได้...ถ้าอยากจะช่วย...ขอแค่หาโทรศัพท์ให้ฉันก็พอ...”
    ร่างสูงยังคงยืนกรานหนักแน่น แถมขืนขาไม่ยอมให้เด็กหนุ่มพาไปง่าย ๆ ลำพังแค่ประคองไปเฉย ๆ ยูคิก็แทบจะไม่ไหวแล้ว มาเจอแบบนี้ เด็กหนุ่มยิ่งเหนื่อยหนักเข้าไปใหญ่
    “ก็ได้ ๆ  ยอมแพ้คุณแล้ว  เอาแบบนี้ บ้านผมอยู่ถัดไปแค่ซอยเดียว คุณไปใช้โทรศัพท์ที่นั่นแล้วกัน!”
    พอบอกออกไปแบบนั้น ก็ทำให้ชายหนุ่มให้ความร่วมมือ ยินยอมให้ยูคิประคองต่อไปได้  เด็กหนุ่มถอนหายใจกับตัวเองแผ่วเบา  สังเกตบาดแผล และคำพูดของชายหนุ่มผู้นี้ ก็พอจะวาดภาพได้ว่า อีกฝ่ายไปเจอเหตุการณ์ เช่นไรมาบ้าง
    ….หวังว่าคงจะไม่ใช่พวกยากูซ่าตีกันหรอกนะ ......
    ยูคิคิดในใจอย่างหวาด ๆ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นจริง เขาก็ไม่สามารถทิ้งคนบาดเจ็บไว้ด้านหลังโดยไม่สนใจได้อยู่ดี
    
    บ้านของยูคิเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังเล็ก ๆ  เนื่องจากเวลานี้ยังคงเป็นเวลาแค่สี่โมงเย็น บิดาของเขาจึงยังไม่กลับจากที่ทำงาน  ยูคิกับชายแปลกหน้าผู้นี้จึงอยู่กันตามลำพังเพียงสองคนเท่านั้น
    “เอ้านี่โทรศัพท์ แล้วขอผมทำแผลคุณด้วย”
    ยื่นโทรศัพท์ให้ และหิ้วกระเป๋ายามายืนรอ เมื่อเห็นคนบาดเจ็บนิ่งไปสักพัก ก่อนจะพยักหน้าอนุญาต เขาจึงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายออก แล้วก็ต้องทำหน้าเบ้ เมื่อเห็นร่องรอยอันเกิดจากกระสุนปืน และคราบเลือดที่เริ่มแห้งกรังจับตัวกันเป็นก้อน
    “อืม...ฉันไม่เป็นอะไร ฉันอยู่ที่ ......”
    ชายหนุ่มกดปุ่มวางสายโทรศัพท์ พลางชำเลืองมองมายังยูคิ ที่กำลังทำแผลอย่างขะมักเขม้น   
    “ขอบใจ”
    น้ำเสียงทุ้มนุ่มกล่าวขึ้น ทำให้ยูคิชะงักและเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียง ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ที่เขาไม่ได้ทันสังเกตแม้แต่น้อย เพราะมัวแต่ตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา เพิ่งจะสะดุดสายตาของเขาเข้าก็ตอนนี้
    ...เป็นผู้ชายที่ดูดีชะมัดเลยแฮะ...
    เด็กหนุ่มคิดในใจ นึกชื่นชมบุคลิกของคนตรงหน้ายิ่งนัก
    “อืม...ไม่เป็นไร ผมช่วยเพราะอยากจะช่วยก็แค่นั้น”
    ยูคิตอบออกไปอย่างจริงใจ ส่งผลให้ร่างสูงมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ  อย่างที่ยูคิเองก็บอกไม่ถูก เด็กหนุ่มจึงก้มหน้าทำแผลต่อ สักพักเสียงกดออดเรียกหน้าบ้านก็ดังขึ้น
    “ครับ ๆ ไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ...”
    บอกแล้วก็ต้องชะงัก เพราะมือใหญ่ฉุดรั้งแขนเขาเอาไว้เสียก่อน จากนั้นร่างสูงก็ทำสัญญาณให้เขาเงียบลง และยันกายเดินโซเซ ไปยังหน้าต่างบานใหญ่ในห้องรับแขก เหลือบมองร่างที่กำลังยืนกดออดอยู่หน้าประตู แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
    “คนของฉันเอง ไปเปิดให้เขาเข้ามาเถอะ”
    ยูคิพยักหน้ารับด้วยท่าทีตื่น ๆ พอเขาเดินไปเปิดประตู ก็พบกับชายหนุ่มหน้าตาดี ท่าทางเหมือนพนักงานบริษัทระดับสูง คนหนึ่งยืนรออยู่
    “ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าที่นี่รับคนบาดเจ็บไว้คนหนึ่งใช่หรือเปล่าครับ”
    “อะ...เอ่อ  ครับ  เชิญครับ”
    ยูคิบอกกับอีกฝ่ายด้วยท่าทีสุภาพเช่นกัน คนตรงหน้ามองยังไง ก็ไม่เห็นเหมือนพวกยากูซ่าอย่างที่เขาเคยคิด  เพราะทั้งบุคลิก คำพูดจา และท่าทางสง่างามนั่น จะว่าไปแล้ว ผู้ชายอีกคนที่เขาช่วยไว้เองก็เช่นกัน ถ้าบอกว่าเป็นประธานบริษัท หรือคุณชายบ้านไหน ค่อยน่าเชื่อถือหน่อย
    “คุณริวยะ ผมมารับแล้วครับ ขออภัยที่ความบกพร่องในหน้าที่ของผมทำให้คุณได้รับบาดเจ็บขนาดนี้”
    ชายหนุ่มผู้มาใหม่ โค้งให้กับผู้ชายที่เขาเรียกว่า ริวยะ ด้วยท่าทางนอบน้อม จนยูคิประหลาดใจ แต่พอมาคิดถึงข้อสันนิษฐาน ว่าเขาอาจจะเป็นประธานบริษัทใหญ่ หรือคุณชายบ้านไหนนั่น ก็ทำให้เด็กหนุ่มไม่ค่อยจะติดใจอะไรนัก
    “ไม่เป็นไร อากิระ บาดแผลแค่นี้เรื่องเล็ก เทียบกับ ที่เจ้าพวกนั้นโดนแล้ว ฉันว่าฉันยังเบากว่าเลยมั้ง”
    น้ำเสียงทุ้มนุ่มกล่าวเรียบ ๆ ทว่า นัยน์ตาคมกริบคู่นั้นกลับวาวโรจน์ขึ้นมาวูบหนึ่งอย่างน่ากลัว ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ยูคิหันไปเห็นเข้าพอดี เด็กหนุ่มถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างลืมตัว
    “ง่า...ในเมื่อคุณเจอคนของคุณแล้ว ผมว่ารีบให้เขาพาคุณไปรักษาบาดแผลดีกว่า การปฐมพยาบาลของผม มันช่วยอะไรคุณได้ไม่มากเท่าไหร่  นักหรอกนะครับ”
    แม้จะนึกกลัว แต่ก็ยังคงเป็นห่วงบาดแผลของคนตรงหน้า ซึ่งร่างสูงก็เงียบไปสักพัก จากนั้นจึงก้มหัวให้ยูคิเล็กน้อยแทนการขอบคุณ และผู้ชายที่ชื่ออากิระก็พาเขากลับไป ยูคิยืนส่งชายหนุ่มขึ้นรถเบนซ์สีดำคันใหญ่ จนลับตา และเดินกลับเข้ามาในบ้าน ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง
    “เฮ่อ วุ่นวายจังเลยแฮะวันนี้  ถ้าพ่อรู้เข้าคงตกใจแย่เชียวล่ะ”
    เด็กหนุ่มทำท่าจะหลับในไม่ช้า แต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อนึกขึ้นได้ว่า ลืมทำอาหารเย็นไปเสียสนิท 
    “เฮ่ย! ซวยแล้ว ทำไงดีล่ะ กับข้าวก็ยังไม่ได้ซื้อเข้ามาเลย ไปซื้อตอนนี้ก็....”
    “ไงยูคิ พ่อกลับมาแล้ว  หิวจังเลย มีอะไรกินบ้างล่ะลูก!!”
    พูดไม่ทันขาดคำ ทานากะ มาซายะ ผู้เป็นพ่อก็กลับมาถึงบ้านเรียบร้อย ก่อนที่จะตกตะลึง อ้าปากค้าง และปราดเข้ามาดูลูกชายของเขาด้วยความตื่นตระหนก
    “ยูคิ!! เป็นอะไรไป ทำไมเลือดเปื้อนเต็มตัวแบบนี้ บอกพ่อสิลูก!!”
    “พ่อครับ! ใจเย็นครับ นี่มันไม่ใช่เลือดผม เป็นเลือดคนอื่นต่างหาก!”
    ยูคิรีบอธิบายทันทีก่อนที่พ่อของเขาจะแตกตื่นไปยิ่งกว่านี้  เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้เป็นบิดาจึงรีบคาดคั้นให้เด็กหนุ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เขาฟังทันที ซึ่งพอฟังจบ เขาก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างโล่งอก แต่ก็อดที่จะท้วงติงบุตรชายไม่ได้อยู่ดี
    “มันก็ดีอยู่หรอกที่ลูกช่วยเขา แต่ว่าทีหลังต้องระวังด้วยนะ เพราะคนพวกนี้ อาจจะมีเบื้องหลังอะไรบางอย่างที่เราไม่รู้ก็เป็นได้”
    “แต่เขาบาดเจ็บขนาดนั้น”   
    ยูคิแย้งเสียงอ่อย ซึ่งผู้เป็นพ่อก็จับศีรษะลูกชายเขย่าเบา ๆ อย่างเอ็นดู
    “พ่อรู้ว่ายูคิเป็นเด็กดี พ่อเองถ้าเจอสถานการณ์แบบนั้นก็คงจะช่วย แต่ว่ายูคิควรจะโทรมาปรึกษาพ่อก่อนสักนิดก็ยังดีนี่นา”
    “ครับ...”  เด็กหนุ่มรับคำเสียงอ่อย และสองพ่อลูกก็นั่งคุยกันต่อถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น จนต่างฝ่ายต่างลืมเรื่องอาหารไปเสียสนิท  สุดท้ายมื้อเย็นมื้อนั้นก็หนีไม่พ้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีเหลืออยู่ในตู้กับข้าวจนได้


      หลังจากเหตุการณ์อันน่าตื่นเต้นผ่านไป ยูคิก็กลับมาใช้ชีวิตประจำวันตามปกติที่ผ่านมา จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปหนึ่งอาทิตย์ ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังเรียนหนังสืออยู่ เสียงประกาศจากวิทยุกระจายเสียงภายในโรงเรียนเรียกตัวเขาไปพบที่ฝ่ายปกครอง ก็ดังขึ้น
    “ดูท่าจะโดนจับได้เรื่องแฮกข้อมูลโรงเรียนเสียล่ะมั้งยูคิ!” 
    เพื่อนร่วมห้องกล่าวแซว โดยที่ยูคิก็ยิ้มรับอย่างไม่ใส่ใจ แต่เขาเองก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่า โรงเรียนประกาศเรียกชื่อเขาทำไม
    “เอ่อ...ขออนุญาตเข้าห้องครับ”
    เด็กหนุ่มเคาะประตู แล้วเปิดเข้าไป แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็น อาจารย์ซาโต้ อาจารย์ประจำชั้นของเขาเดินหน้าตาตื่นเข้ามาหา
    “ทานากะ  เมื่อครู่ทางโรงพยาบาลโทรมา คุณพ่อของเธอประสบอุบัติเหตุถูกรถชน อาการสาหัส”
    ยูคิรู้สึกราวกับว่าประสาทสัมผัสรับรู้จะด้านชาไปหมดตั้งแต่ได้ยินคำพูดนั้น เบื้องหน้าเขาขาวโพลนไปชั่วขณะ  ประโยคถัดมา ก็ฟังเลือนราง ไม่ชัดเจน มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่อาจารย์ซาโต้ เขย่าแขนของเขาเพื่อเรียกสติ
    “ทานากะ! ฟังครูอยู่หรือเปล่า! ครูโทรเรียกรถแท็กซี่แล้ว เธอรีบไปเอากระเป๋าหนังสือมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
    “คะ...ครับ”
    ยูคิรับคำตะกุกตะกัก  กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปในห้อง ซึ่งเพื่อน ๆ เมื่อเห็นสีหน้าของเด็กหนุ่มก็พากันตกใจ ไม่กล้าถามอะไร  เพราะสีหน้าของเจ้าตัวยามนี้มันดูซีดเซียว ไร้สีเลือดอย่างน่ากลัว และเมื่อเขาออกไปจากห้องแล้ว เสียงอื้ออึงก็ดังขึ้นภายในห้องตามหลังไปติด ๆ
    ...ไม่เป็นไร พ่อต้องไม่เป็นอะไร ...
    ระหว่างนั่งอยู่ในรถ ยูคิเฝ้าแต่ภาวนาให้พ่อของเขาปลอดภัย ใบหน้าซีด ๆ และร่างบางที่ตัวสั่นด้วยความหวั่นวิตก ทำให้อาจารย์สาว รู้สึกสงสารลูกศิษย์จับใจยิ่งนัก
    “อย่าพึ่งคิดในแง่ร้ายเลยนะทานากะ บางทีคุณพ่อของเธออาจจะปลอดภัยแล้วก็ได้”
     ยูคิพยักหน้ารับค่อย ๆ มือทั้งสองกำเข้าหากันแน่น แม้อยากจะเชื่ออย่างที่อีกฝ่ายปลอบโยน แต่หากไม่ได้เห็นผู้เป็นบิดาปลอดภัยกับตาตัวเอง ก็ไม่อาจคลายความกังวลภายในใจของเขาได้อยู่ดี


    ทันทีที่รถแท็กซี่จอดสนิท  ยูคิรีบวิ่งตรงไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล ถามหาห้องที่บิดาอยู่อย่างร้อนรน
    “ผมเป็นลูกชายของทานากะ มาซายะ ที่ประสบอุบัติเหตุรถชนครับ ไม่ทราบว่าพ่อของผมอยู่ห้องไหนหรือครับ”
    พยาบาลรีบเช็คข้อมูลให้อย่างรวดเร็ว และเป็นเวลาเดียวกับที่อาจารย์ซาโต้ วิ่งตามมาทันพอดี
    “เชิญที่ห้องฉุกเฉิน  ตึก B ชั้น 2 ได้เลยนะคะ”
    “ขอบคุณครับ!”
    กล่าวแล้วก็รีบเร่งฝีเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นาน เขาและอาจารย์ซาโต้ ก็มาหยุดยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
    “คุณพ่อ....”  ยูคิพึมพำเสียงแหบแห้ง ป้ายหน้าห้องที่ขึ้นว่ากำลังทำการผ่าตัดไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกใจชื้นขึ้นมาแม้แต่น้อย  มิหนำซ้ำยังเครียดหนักเข้าไปอีก เมื่อเห็นแพทย์ออกมาสั่งพยาบาลให้วิ่งไปเตรียมเลือดเพื่อใช้ในการผ่าตัดมาเพิ่มด่วน
    หกชั่วโมงแห่งการรอคอย ยูคิยังคงนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องผ่าตัดไม่ยอมห่าง อาจารย์ซาโต้เองก็ยังไม่ยอมกลับ และนั่งรอเป็นเพื่อนเด็กหนุ่ม  ยูคิซาบซึ้งในน้ำใจของหล่อนเหลือเกิน เพราะเวลานี้ การที่มีคนอยู่เป็นเพื่อน แม้เพียงคนเดียวก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจยิ่งนัก
    ยูคิรีบลุกขึ้นพรวดแทบจะทันทีที่สัญญาณไฟหน้าห้องผ่าตัดเปลี่ยนสี  การปรากฏกายของนายแพทย์ซึ่งมีสีหน้าอ่อนล้า  สร้างความหวาดหวั่นให้กับเขาไม่น้อย และแล้วคำพูดที่ออกจากปากนายแพทย์ผู้นั้น ก็ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับตกตะลึง หัวใจแทบจะหยุดเต้นลงไปในทันทีทันใด
    “เสียใจด้วยครับ ทางเราพยายามเต็มที่แล้ว แต่ก็ช่วยไว้ไม่ได้….”
    คำพูดต่อมาไม่ได้เข้าหูเขาอีกแล้ว เบื้องหน้าของเด็กหนุ่มกลับกลายเป็นว่างเปล่า ขาวโพลนไปหมด  เขาแว่วเสียงร้องโวยวายด้วยความตกใจ จากอาจารย์ซาโต้ และ เสียงเรียกหาพยาบาลของนายแพทย์  ก่อนที่เสียงต่าง ๆ จะค่อย ๆ เลือนหายไป เหลือเพียงความมืดมิดอันไร้ซึ่งสรรพเสียงเท่านั้น….


    ยูคิ กระพริบตาขึ้นมองแสงไฟนีออนจากเพดาน เขาได้ยินเสียงอาจารย์ซาโต้คุยกับนายแพทย์หนุ่ม เรื่องการจัดการศพพ่อของเขา เด็กหนุ่มรับรู้ข้อความด้วยสีหน้าและแววตาว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่หยดน้ำตาบนดวงตาคู่งามให้เห็น  ไม่มีแม้กระทั่งปฏิกิริยาใด ๆ ตอบรับ ในขณะที่คนทั้งคู่ เดินเข้ามาดูอาการของเขา
    “ทานากะ ...โธ่เอ๋ย คงจะช็อกมากสินะ”
    อาจารย์ซาโต้กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อเห็นสภาพลูกศิษย์ของตนยามนี้
    “เด็กไม่มีญาติคนอื่นแล้วใช่ไหมครับ”
    “ค่ะ คุณหมอ แต่ดิฉันและทางโรงเรียนยินดีรับดูแลเรื่องนี้เอง ไม่ต้องห่วงนะคะ”
    “ครับ ผมเข้าใจ  เอาเป็นว่าคืนนี้ให้เด็กนอนพักที่โรงพยาบาลคืนหนึ่งก่อนนะครับ พรุ่งนี้ค่อยมารับตัวกลับ ส่วนศพทางโรงพยาบาลจะนำไปเก็บไว้ที่ห้องดับจิตให้ก่อนแล้วกันครับ”
    “ค่ะ ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ ดิฉันขอตัวลาล่ะค่ะ  ครูไปแล้วนะจ๊ะ ทานากะ”
    อาจารย์ซาโต้หันมากล่าวอำลา ซึ่งยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากลูกศิษย์ของเธออยู่ดี
    “.......”
    อาจารย์สาวถอนหายใจยาว และจึงจากออกไปพร้อมนายแพทย์หนุ่ม ในห้องนั้นจึงเหลือเพียงแค่ยูคิตามลำพัง   
    ... มันก็แค่ความฝัน ...เป็นเพียงฝันร้าย ไม่ใช่ความจริง  ...
    เด็กหนุ่มตอกย้ำตัวเองอยู่เช่นนั้น รู้ทั้งรู้ว่ามันคือการโกหกตัวเอง  ทว่า หัวใจกลับไม่อาจยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นกะทันหันเช่นนี้ได้ ...


    เวลาล่วงเลยผ่านไป อาจารย์ซาโต้ ยังคงเป็นธุระจัดการเรื่องทั้งหมดให้กับเด็กหนุ่ม ทั้งการประสานงานเรื่องค่ารักษาพยาบาล  ไปจนถึงการจัดพิธีศพ
    ตลอดงาน ยูคิยังคงนั่งซึม ไม่ทักทายใคร แม้เพื่อนฝูงจะพยายามหาทางปลอบใจขนาดไหน เขาก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับกับใครทั้งสิ้น จนกระทั่งวันเผาศพมาถึง  ด้วยความที่สองพ่อลูกเป็นคนดี และมีน้ำใจไมตรีกับเพื่อนฝูงอยู่เสมอ ทำให้บรรดาอาจารย์  นักเรียน ตลอดจนเพื่อน ๆ นักข่าวของมาซายะ  พากันมาร่วมงานอย่างคับคั่ง  คนเหล่านั้นจับกลุ่มคุยกันด้วยความสงสารยูคิ ลูกชายของผู้ตายที่บัดนี้เหลืออยู่ลำพังเพียงคนเดียว
    “เด็กไม่มีญาติที่ไหนแล้วใช่ไหม”
    “ใช่ เหลืออยู่ตัวคนเดียวนี่ล่ะ”
    “น่าสงสารจัง จะมีใครรับอุปการะไปเลี้ยงได้บ้างไหมนะ”
    “ก็อยากช่วยอยู่หรอก แต่เศรษฐกิจแบบนี้ แค่ตัวเองลำพังก็จะเลี้ยงไม่รอดอยู่แล้ว”
    ประโยคสนทนาดังกล่าว ผ่านเข้าหูของเด็กหนุ่มตลอดเวลา เพราะไม่ว่าใครก็พร้อมใจกันพูดแต่เรื่องนี้ ทว่า เขาเองกลับไม่คิดใส่ใจ ...ไม่สิ ยามนี้ เขาคิดอะไรไม่ออกต่างหาก
    จู่ ๆ เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นไปทั่ว  มื่อร่างสูงสง่าในชุดสูทสีดำปรากฏกายขึ้นกลางงาน และเดินตรงมาหยุดอยู่หน้ายูคิ  ซึ่งยังคงยืนนิ่งมิได้รับรู้อะไร  รอบกาย
    “ทานากะ  ยูคิ”   
    น้ำเสียงทุ้มนุ่ม ทรงอำนาจ กล่าวเรียกชื่อของเด็กหนุ่มอย่างช้า ๆ และชัดถ้อยชัดคำ ซึ่งก็ทำให้คนที่ไม่ยอมรับรู้อะไรตลอดหลายวันที่ผ่านมา เงยหน้าขึ้นมองในที่สุด
    “ฉันมารับ ต่อไปนี้เธออยู่ในความดูแลของฉันแล้ว”
    คำพูดนั้นสร้างความตกตะลึงให้ทุกคนในงาน โดยเฉพาะเพื่อน ๆ นักข่าวของมาซายะ ไม่มีใครที่ไม่รู้จักบุรุษตรงหน้า  “มุราคามิ  ริวยะ”  ประธานบริษัทอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์ ชื่อดังย่านอากิฮาบาระ   คุณชายแห่งตระกูลมุราคามิอันเก่าแก่ ผู้มีอิทธิพลขนาดที่นักการเมืองหลายคน ยังต้องเคารพพินอบพิเทา
     “คำตอบล่ะ ทานากะ ยูคิ”
    คำถามพร้อมกับมือใหญ่ที่ยื่นส่งมาให้ตรงหน้าเด็กหนุ่ม ยูคิจ้องมองมือข้างนั้นนิ่ง ก่อนจะตัดสินใจยื่นมือเล็ก ๆ ของตนวางลงไป  เด็กหนุ่มไม่รู้หรอกว่า อีกฝ่ายทำไปเพื่อต้องการสิ่งใด แต่สิ่งเดียวที่เขารับรู้ก็คือ เจ้าของมือที่ยื่นส่งมาให้ ต้องการเขา ...  เขาซึ่งไม่เหลืออะไรอีกแล้วในชีวิตนี้
    “ผมจะไปกับคุณครับ”
    เด็กหนุ่มรับคำแผ่วเบา และนอกจากกล่องใส่อัฐิของบิดา  เขาก็ไม่ได้นำสิ่งใดติดกายไปด้วยเลย ซึ่งดูเหมือนว่าริวยะเองก็ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น  เพราะชายหนุ่มจัดการพายูคิไปพร้อมกับเขาทันที โดยไม่ได้แคร์สายตาของคนอื่น ๆ ที่จับจ้องมา แต่ไม่กล้าเข้ามายุ่งแม้แต่น้อย

 

--------
TBC
--------
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะค่า]
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 27-10-2010 16:00:22
เอ๋...เค้าเคยอ่านหรือเปล่าน้อ  :m28:

เหมือน ๆ จะลางเลืิอน


รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ  :oni1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะค่า]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 27-10-2010 16:20:54
เค้ารออ่านต่อล่ะกัน แน่ใจว่าไม่เคยอ่่าน

เนื้อเรื่องอาจจะพอเดาได้ แต่ตัวละครน่าสนใจดีค่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะค่า]
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 27-10-2010 17:58:59
แวะมาอ่านขอรับ :a3:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะค่า]
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 27-10-2010 18:58:12
อ่านด้วยๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะค่า]
เริ่มหัวข้อโดย: eastwind ที่ 27-10-2010 19:14:47
อ่านตอนแรกก็น่าสนุกแล้ว รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะค่า]
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 27-10-2010 20:17:15
เริ่มมาก็เสียพ่อเลยยูคิน่าสงสาร :o12:
ไปอยู่กับริวยะก็ไม่รู้จะเจอกับอะไรบ้าง :sad4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะค่า]
เริ่มหัวข้อโดย: ronlbb ที่ 27-10-2010 20:33:42
อยากอ่านต่ออ่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะค่า]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 27-10-2010 20:50:06
น่าติดตามคร้า



รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะค่า]
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 27-10-2010 20:55:23
จะมาม่ามากมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะค่า]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 27-10-2010 21:23:56
 :L1:รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะค่า]
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 27-10-2010 23:51:33
รอออออออ

 :call:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะค่า]
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 28-10-2010 01:53:11
ถ้าบอกว่าเคยอ่านแล้ว จะหมายถึงว่าเราแก่หรือเปล่านะ  :m29:

มารอตอนพิเศษจ้า :a12:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะค่า]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 28-10-2010 04:43:51
อ่า ดีใจจัง ได้อ่านนิยายใหม่เพิ่มอีกเรื่อง :mc4:

อย่าลืมมาต่อบ่อยๆนะจ๊า  :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะค่า]
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 28-10-2010 09:42:46
เปิดเรื่องมาภาพแรกที่อยู่ในสมองเลยนึกถึง อายะเสะกับคาโน่ซังงงงงงงงงงงงงงงงงเลยอ่ะส์ อิอิ

น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะค่า]
เริ่มหัวข้อโดย: Red_sister ที่ 28-10-2010 14:36:54
เริ่มแรกเหมือน no money  เลย แต่ก็สนุกดีค่ะ จะติดตาม
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาก&#
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 28-10-2010 15:18:14
รออ่านตอนต่อไปด้วยคนค่า ^^
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะค่า]
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 28-10-2010 16:46:55
อืมมมม~ ไปกับเขาง่ายๆเลยเนอะ สงสัยจะช็อคมากแห๊ะ แต่งานพ่อยังไม่เสร็จเลยนะ


ปอลิง เห็นบอกว่าเป็นนิยายเก่าจากกรุ งั้นก็มาอัฟเรื่อยๆอย่าดองไว้ต่ออีกนะ o18
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาก&#
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 28-10-2010 18:26:49
 
=====
บทที่ 2
=====


    ยูคิเดินตามร่างสูงลงจากรถ เข้าไปในคฤหาสน์สไตล์ญี่ปุ่นของอีกฝ่าย ภายในนั้นกว้างขวาง หรูหรา ยิ่งกว่าเรียวคัง*(โรงแรมแบบญี่ปุ่น) ชื่อดังบางแห่งเสียอีก
    “ต่อจากนี้ไป ที่นี่คือบ้านของเธอ”
    น้ำเสียงทุ้มนุ่มกล่าว เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อเห็นคนงานภายในบ้านกว่ายี่สิบชีวิต ออกมาตั้งแถวยาวสองข้างทาง ยืนต้อนรับพวกเขาเบื้องหน้า
    “ชิโนะ”
    ริวยะ เรียกชื่อของหญิงสาววัยกลางคนผู้หนึ่งให้ออกมาพบเขา  หญิงผู้นั้นมีลักษณะภายนอกน่าเกรงขาม หากแววตายังคงแฝงแววอารีให้เห็น
    “ชิโนะคือแม่บ้านของที่นี่ ถ้าเธอมีอะไรไม่เข้าใจเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่นี่ก็ถามเขาได้เสมอ”
    “อะ...ครับ ผมทานากะ ยูคิ ยินดีที่รู้จักครับ”
    เด็กหนุ่มก้มศีรษะโค้งให้อีกฝ่ายทันทีที่ริวยะแนะนำตัวจบ ซึ่งหญิงตรงหน้าก็โค้งรับตอบอย่างสุภาพ
    “ยินดีที่รู้จักเช่นกันค่ะ คุณยูคิ”
    ยูคิเกาศีรษะอย่างเขิน ๆ เพราะไม่เคยมีใครปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพเช่นนี้มาก่อน จากนั้น ริวยะจึงเดินนำเขาไปยังห้องพัก ซึ่งเด็กหนุ่มก็รีบเร่งฝีเท้าตามอย่างลำบาก เพราะคนข้างหน้าแค่เดินเรื่อย ๆ แต่เขากลับต้องซอยเท้าตามเสียหลายก้าว
    ริวยะพายูคิเข้ามาในห้อง ๆ หนึ่ง  ภายในเป็นห้องสี่เหลี่ยม  มีเตียงนอนขนาดกลางตั้งอยู่ริมห้อง  โต๊ะทำงาน  ตู้เสื้อผ้า ถูกจัดแบ่งออกเป็นสัดส่วน  พื้นที่ว่างที่เหลือก็กว้างขวาง ทำให้บรรยากาศภายในห้องโปร่งสบาย ไม่อึดอัด นอกจากนั้นก็ยังมีห้องน้ำในตัวอีกต่างหาก
    “ที่นี่คือห้องพักของเธอ สำหรับข้าวของ ฉันจะให้คนจัดซื้อให้ภายหลัง”
    ร่างสูงกล่าวเรียบ ๆ  ทำให้ ยูคิที่กำลังเดินเอาอัฐิบิดาไปวางไว้บนโต๊ะ  หันขวับมาแย้งโดยทันที
    “เรื่องนั้นไม่ต้องหรอกครับ เอ่อ....คือ ผมหมายความว่า ผมมีของใช้ของตัวเองอยู่แล้ว ไม่ต้องลำบากซื้อใหม่หรอกครับ”
    เด็กหนุ่มรีบอธิบายต่อ เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจวูบหนึ่ง ทันทีที่เขาปฏิเสธออกไป
    “ไม่เป็นไร ฉันเต็มใจซื้อให้”
    น้ำเสียงทุ้มบอกง่าย ๆ แต่ยูคิรู้สึกถึงการออกคำสั่งแฝงไว้ในน้ำเสียงนั้นกลาย ๆ จึงทำให้เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างจำใจ เพราะขณะนี้เขาอยู่ในฐานะผู้อาศัย การที่จะไปโต้แย้ง คนที่มีพระคุณอุปการะเขา มันคงไม่ใช่การกระทำที่สมควรนัก
    “ฉันให้เวลาเธออาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยภายใน 30 นาที แล้วฉันจะให้คนมาพาเธอไปห้องอาหาร เราจะทานข้าวเย็นพร้อมกันที่นั่น”
    ริวยะออกคำสั่ง โดยไม่ต้องรอถามความคิดเห็นของอีกฝ่าย  เพราะหลังจากกล่าวจบ  ชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องไป เหลือเพียงยูคิที่ยืนมองรอบ ๆ ห้อง ด้วยความรู้สึกกังวลที่เริ่มก่อตัวทีละน้อย
    ...หรือว่าเขาจะตัดสินใจผิด ที่ยอมตามชายคนนี้มา ....
    ยูคิถอนหายใจเฮือกใหญ่  แต่เมื่อคิดว่า ต่อไปนี้เขาต้องเหลือเพียงตัวคนเดียว ไม่มีใครให้พึ่งพาปรึกษาดังเช่นเมื่อก่อน ก็ทำให้เด็กหนุ่มฮึดสู้ขึ้นทันที
    “คุณพ่อ ช่วยปกป้องผมด้วยนะครับ”
    ยูคิกล่าวกับอัฐิของบิดาเบา ๆ  ก่อนจะสูดลมหายใจเรียกพลังเข้มแข็งจากภายใน เพื่อเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ในอนาคต ที่คงจะเปลี่ยนแปลงไปจาก ชีวิตประจำวันที่เขาเคยประสบมาโดยสิ้นเชิงแน่นอน
 
    ยูคิอาบน้ำเสร็จภายในสิบนาที  และขณะคิดว่าจะหยิบเสื้อผ้าชุดเดิมมาใส่ ก็พบว่ามีเสื้อผ้าชุดใหม่ วางพับเป็นระเบียบอยู่บนเตียงเรียบร้อย
    เสื้อเชิ้ตแขนสั้น และกางเกงขายาว ที่ตัดเย็บอย่างประณีต ซึ่งเมื่อพลิกยี่ห้อดู ก็ทำให้เขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างลืมตัว
    “จะให้ใส่เสื้อพวกนี้จริง ๆ นี่นะ”  
    บ่นพึมพำ แล้วก็พยายามคิดง่าย ๆ ว่า ริวยะคงซื้อชุดนี้ให้เขาเพื่อเป็นของขวัญต้อนรับ  โดยภายหลังจึงมารู้ว่าที่เคยคิดไว้ มันผิดถนัดทีเดียว
    เด็กหนุ่มใส่เสื้อผ้าชุดนั้นอย่างระมัดระวังสุดฤทธิ์ ซึ่งก็เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกลำบากใจกับการแต่งตัว
     “คุณยูคิคะ นายท่านให้มาเชิญไปที่ห้องอาหารค่ะ”
    เสียงเคาะประตู พร้อมกับเสียงเรียกของหญิงสาว ทำให้ยูคิซึ่งกำลังนั่งเหม่อ ๆ บนเก้าอี้ ถึงกับชะงัก พลางรีบวิ่งมาเปิดประตูพรวด จนหญิงสาวผู้นั้นตกใจ
    “อะ...เอ่อ ขอโทษครับ”
    “ไม่เป็นไรค่ะ เชิญตามดิฉันมาได้เลยค่ะ”
    หญิงสาวผู้นั้นยิ้มแย้มให้อย่างเป็นมิตร และเดินนำหน้าเด็กหนุ่มตรงไปยังห้องอาหาร ซึ่งระหว่างนั้น ทำให้ยูคิได้สังเกตรอบ ๆ บ้านเป็นครั้งแรก
    สวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ที่ประดับไปด้วยบอนไซพันธุ์ดี   บ่อปลาขุดกว้าง ที่ภายในมีปลาคาร์ฟตัวใหญ่หลายสิบตัวแหวกว่ายไปมา ยูคิชำเลืองมองแล้วก็ลอบกลืนน้ำลายลงคอ เพราะเคยไปดูตามงานนิทรรศการ ปลาสวยงามกับบิดามาก่อน ลักษณะปลาพวกนี้ แต่ละตัว ราคาไม่น่าจะต่ำกว่าตัวละล้านเยนทีเดียว
    “คุณคะ ถึงแล้วค่ะ”
    หญิงสาวกล่าวขึ้น และยืนส่งเด็กหนุ่มแค่เพียงหน้าประตูเลื่อน ซึ่งบัดนี้ถูกเปิดไว้เพื่อให้คนในห้องได้ชมความงามของสวนภายในบ้าน ระหว่างที่รับประทานอาหารไปด้วย
    “เข้ามาสิ”
    น้ำเสียงทุ้มนุ่มทรงอำนาจ ออกคำสั่ง เมื่อเห็นร่างบางยังคงยืนเก้ ๆ กัง ๆ ไม่กล้าเข้ามาภายในห้อง
    “อ่ะ....ครับ”
    ยูคิเดินเข้ามาภายในห้องด้วยท่าทีเกรงใจ  ร่างสูงในชุดยูคาตะ ตรงหน้านั่งอยู่หลังโต๊ะญี่ปุ่นตัวใหญ่ จ้องมองเขาที่ทรุดตัวนั่งลงฝั่งตรงข้าม และไม่พูดอะไรอีก จนกระทั่งคนในบ้านยกอาหารมาเสิร์ฟบนโต๊ะ  
    ยูคิกลืนน้ำลายเอื๊อกลงคอ  ลำพังแค่เจ้าเห็ดมัตซึทาเกะ อย่างเดียว เขากับพ่อเองปีหนึ่ง ๆ จึงจะมีโอกาสได้กินสักหน แต่นี่เล่นเสิร์ฟฟลูครอสหรูหราครบชุด เขาอยากถามคนตรงหน้าจริง ๆ ว่า กินแบบนี้กันทุกวันหรือเปล่า
    ร่างสูงแย้มยิ้มมุมปากเล็กน้อย  เมื่อเห็นสีหน้าตื่น ๆ ของอีกฝ่าย ที่บางครั้งก็ทานไป ชำเลืองมองเขาไป ด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น เพียงแต่เขาเองที่แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับสายตาคู่นั้น
    เมื่ออาหารเย็นถูกเก็บไปหมด เสียงถอนหายใจเบา ๆ ของเด็กหนุ่มจึงดังขึ้นอย่างลืมตัว
    “ทำไม? ไม่อร่อยเหรอ?”
    ริวยะถามอีกฝ่าย ที่สะดุ้งโหยง ก่อนจะรีบปฏิเสธโดยไว
    “ไม่ใช่ครับ  อาหารอร่อยมาก แต่..”
    หลุดปากออกไปแล้วก็รีบตะครุบปากไว้แทบไม่ทัน ซึ่งก็เรียกรอยย่นบนคิ้วของร่างสูงได้ทันที
    “แต่อะไร?”
    น้ำเสียงทุ้มติดห้วนเอ่ยถาม  ยูคิมองชายหนุ่มอย่างหวาด ๆ ก่อนจะตัดสินใจอุบอิบตอบออกไปในที่สุด
    “คือ อาหารอร่อย แต่...แต่ผมรู้สึกว่ามันค่อนข้างเครียดไปหน่อย  ปกติเวลาทานข้าวเย็น ผมกับพ่อมักจะเอาเรื่องที่เกิดขึ้นในแต่ละวันมาเล่าสู่กันฟังจนเคยชิน  พอต้องมาทานข้าวแบบนี้เลยดูแปลกไป  เอ่อ ขอโทษครับ ผมก็รู้ดีว่า แต่ละบ้านไม่เหมือนกัน...”
    พูดแล้วก็ชำเลืองมองร่างสูงอย่างเกรง ๆ ใบหน้านิ่ง เงียบขรึมนั้น  สร้างความน่าหวาดหวั่นให้เด็กหนุ่มยิ่งนัก ทั้ง ๆ ที่เป็นใบหน้าที่หล่อเหลาชวนมองแท้ ๆ
    “เวลาทานข้าว ไม่ใช่เวลาพูดคุย”
    น้ำเสียงทุ้มกล่าวเรียบ ๆ มันสั้นแต่ชัดเจน จนยูคิสะอึก
    “ครับ ผมทราบ.... ขอโทษครับ”   เด็กหนุ่มก้มหน้าก้มตาตอบแผ่วเบา แล้วก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองอย่างตะลึง เมื่ออีกฝ่ายกล่าวประโยคถัดมา
    “แต่ถ้าเธออยากคุย ฉันก็อนุญาต”
    ริวยะแย้มยิ้มนิด ๆ ที่ริมฝีปาก แต่เพียงแค่นั้น ก็ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาดูอ่อนโยน น่ามองมากขึ้นไปอีก
    “หรือไม่ต้องการ?”   คำถามถัดมา เมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของอีกฝ่าย ยูคิรีบสั่นศีรษะปฏิเสธ พลางพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว จนคนมองต้องแอบซ่อนยิ้มไว้ในหน้า
    “พักผ่อนซะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะบอกเองว่าเธอจะต้องทำอะไรต่อไป”
    ร่างสูงกล่าวตัดบท พร้อมกับลุกออกจากห้องอาหารไป ยูคิมองตามร่างนั้นไปจนลับตา บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าชายหนุ่ม เป็นคนยังไงกันแน่... เคร่งขรึม เย็นชา หรือว่า อ่อนโยน ....
     คืนนั้นเป็นคืนแรกที่ยูคิได้หลับเต็มตา หลังจากวันที่รับรู้การตายของบิดา  อาจจะเป็นเพราะความอ่อนเพลียที่สะสมมาเรื่อย ๆ หรืออาจจะเป็นเพราะอบอุ่นใจที่ต่อจากนี้ไป เขาไม่ต้องอยู่คนเดียว อย่างที่เคยหวาดหวั่น
 ..
..
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 2 มาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 28-10-2010 18:31:23
    “คุณยูคิคะ เช้าแล้วค่ะ ตื่นเถอะ”
    เสียงเพราะ ๆ ที่ออกจะคุ้นหู ทำให้ยูคิกระพริบตาตื่นด้วยความตกใจ แล้วก็พบว่า แม่บ้านที่ชื่อ ชิโนะ กำลัง เปิดผ้าม่านให้เขา และหันมาส่งยิ้มให้ เด็กหนุ่มมองภาพนั้นด้วยความตื้นตัน เพราะเสียแม่ตั้งแต่เล็ก ทำให้เขาไม่คุ้นกับการที่มีคนมาดูแลเอาใจใส่แบบนี้มาก่อน ถึงแม้จะมีบิดาคอยดูแล แต่การปฏิบัติของผู้ชายกับผู้หญิงก็ยังคงแตกต่างกันอยู่ดี
    “คุณยูคิ เป็นอะไรไปคะ!”  ชิโนะกล่าวด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ เด็กหนุ่มตรงหน้าก็มีน้ำตาไหลออกมาเสียเฉย ๆ
    “อะ...อ๊ะ  น้ำตาไหลได้ยังไงกันเนี่ย  คือ ขอโทษนะครับ”
    ยูคิรีบขยี้ตา และหัวเราะเก้อ ๆ  ชิโนะมองเด็กหนุ่มด้วยความรู้สึกเวทนา เพราะพอจะรู้ประวัติจากผู้เป็นนายมาบ้างว่า เด็กคนนี้กำพร้าแม่แต่เล็ก และพ่อซึ่งเป็นญาติเพียงคนเดียวก็เพิ่งจะมาเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
    “รีบล้างหน้า ล้างตาดีกว่าค่ะ เพราะเดี๋ยวคุณต้องไปรับประทานอาหารเช้าพร้อม ท่านริวยะ ที่ห้องอาหารนะคะ”
    ยูคิพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ก่อนจะสะดุ้งโหยง เมื่อก้มมองเสื้อผ้าราคาแพง ที่ยับทั้งตัวเพราะเขาเผลอนอนหลับไปทั้งอย่างนั้น โดยไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า
    “เอ่อ...คือ พอดีผมไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน...”
    ชิโนะหัวเราะเบา ๆ กับท่าทางของเด็กหนุ่ม  หญิงวัยกลางคน เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ที่พอยูคิเห็นก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจ กับเสื้อผ้าหลายสิบชุดที่ถูกนำมาแขวนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ
    “ท่านริวยะ ให้เอามาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ค่ะ  เสื้อผ้าพวกนี้ท่านเป็นคนไปเลือกมาด้วยตัวเองเชียวนะคะ”
    ยูคิกวาดสายตามองเสื้อผ้าเหล่านั้น ด้วยใบหน้าซีด ๆ ค่าขนมของเขาทั้งปี ยังซื้อเสื้อผ้าพวกนี้ได้อย่างมากก็แค่ชุด ครึ่งชุดด้วยซ้ำไป
    “ผมรับไม่ได้หรอกครับ มันดีเกินไป”  เจ้าตัวพึมพำเบา ๆ ซึ่งชิโนะเมื่อได้ฟังก็ถอนหายใจยาว
    “คุณอย่าไปพูดแบบนี้ต่อหน้าท่านริวยะนะคะ คุณยูคิ สิ่งใดที่ท่านเห็นสมควรแล้ว ท่านเอ่อ..ไม่ชอบให้มีคนมาขัดใจน่ะค่ะ”
    หญิงวัยกลางคนเอ่ยเตือน ซึ่งยูคิ ก็กลืนน้ำลายลงคอ พลางก้มหน้านิ่งรับคำแผ่วเบา
    “...ครับ”
    ยูคิกล่าวพลางหายเข้าห้องน้ำไปสักพัก และจึงกลับมาด้วยใบหน้าที่แม้จะซีดเซียวนิด ๆ แต่ก็ยังคงดูสดชื่นกว่าเดิม
    “เชิญค่ะ”
    ยูคิพยักหน้ารับง่าย ๆ ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไปเงียบ ๆ  และเมื่อมาถึงห้องอาหาร ก็พบว่าร่างสูงในชุดสูทเต็มยศ กำลังนั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว
    “ขออนุญาตครับ”
    บอกเบา ๆ และเดินเข้ามานั่งในห้อง ซึ่งร่างสูงก็เลิกคิ้วนิด ๆ เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจ ของเด็กหนุ่ม
    “เป็นอะไรไป”
    ยูคิสะดุ้ง อยากจะบอกเรื่องเสื้อผ้า แต่ก็กลัวอีกฝ่ายไม่พอใจ จึงแกล้งโกหกออกไป
    “มะ...ไม่เป็นไรครับ”
    โชคร้ายที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าตัวเองโกหกได้แย่ขนาดไหน เพราะทั้งสีหน้า และแววตา มันฟ้องให้เห็นชัด ๆ ว่า สิ่งที่พูดออกไปไม่ใช่ความจริง
    ชิโนะและสาวใช้คนอื่น ๆ ซึ่งกำลังทยอยนำอาหารเช้าเข้ามาเสิร์ฟต้องหยุดชะงัก  เมื่อจู่ ๆ ผู้เป็นนายก็ทำสัญญาณให้เลื่อนการเสิร์ฟอาหารเช้า และให้พวกเธอออกไป  จากนั้นเขาจึงหันกลับมาจ้องร่างบางที่นั่งก้มหน้าอยู่ตรงข้ามด้วยแววตาคมกริบ
    “ยูคิ”  น้ำเสียงทุ้มที่เรียกชื่อของเขาเป็นครั้งแรก ทำให้ยูคิเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วก็ต้องสะดุ้ง เมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่าย
    “บอกฉัน ....เกิดอะไรขึ้น”
    “ผม...เอ่อ...ไม่มีอะไรครับ”  เด็กหนุ่มยังคงยืนกรานปฏิเสธ โดยไม่รู้ว่าการกระทำเช่นนั้นสร้างความไม่พอใจให้กับคนตรงหน้ามากเพียงใด
    “ฉันสั่งให้พูด!”  น้ำเสียงห้วนออกคำสั่ง ยูคิสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวคนอื่นเป็นครั้งแรก
    “ขะ...ขอโทษ ครับ”  เสียงสั่น ๆ คล้ายสะอื้นทำให้ริวยะต้องถอนหายใจยาว พยายามข่มกลั้นอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในขณะนี้
    “เล่ามาสิ”
    “คะ...คือ เรื่องเสื้อผ้า”
    ยูคิตอบตะกุกตะกัก ไม่เต็มเสียง เขานึกอยากจะวิ่งหนีออกไปจากห้องเสียเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่กลัวคนตรงหน้าจะโกรธมากยิ่งกว่าเดิม
    “เสื้อผ้าทำไม?”  ริวยะทวนคำอย่างสงสัย แต่เมื่อยูคิอธิบายให้เขาฟังถึงเหตุผลของเจ้าตัว ชายหนุ่มก็ถอนหายใจแรง ๆ อย่างหงุดหงิด
    “เหลวไหล! เรื่องแค่นี้นี่นะที่ทำให้เธอลำบากใจ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเต็มใจซื้อ!”
    “แต่มันดีเกินไปนี่ครับ แล้วอีกอย่าง ... แค่คุณรับผมมาอยู่ด้วยกัน นั่นก็มากเกินพอแล้ว”
    ประโยคนั้นทำให้ ริวยะเงียบไป ความหงุดหงิดจางหาย ก่อนที่ใบหน้าคมเข้มจะเหยียดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
    “เธอไม่ต้องกังวลหรอกสำหรับเรื่องนั้น คนอย่างฉันทำอะไรไม่เคยขาดทุนอยู่แล้ว”
     คำพูดทิ้งท้ายของชายหนุ่มทำให้ ยูคิ จ้องมองคนตรงหน้าด้วยความสงสัย แต่ยังไม่ทันถามอะไร เจ้าตัวก็ออกปากเรียกให้ชิโนะนำอาหารเข้ามาเสิร์ฟทันที ซึ่งแม้จะได้รับอนุญาตให้สามารถพูดคุยได้ในระหว่างรับประทานอาหาร แต่ยูคิก็ยังคงไม่กล้ากระทำเช่นนั้นกับคนตรงหน้านี่อยู่ดี
 


-----
TBC
-----


ตอนนึงมันยาวไปแฮะ พอปัดแก้ไขคำผิดปุ๊บ ระบบตัดคำหายปั๊บ ก็เลยต้องแบ่งโพสนี่ล่ะค่ะ ^^"

ส่วนคนที่กลัวดราม่า เรื่องนี้ไม่ดราม่านะคะ เน้นหวานน้ำตาลกระจายค่ะ~

สำหรับเรื่องนี้พล็อตมันออกจะแนวสำเร็จรูปไปนิด ก็เลยอาจเดาง่ายไปหน่อย ...แล้วก็ค่อนข้างเขียนแบบเน้นสนองนี้ด ตัวเองเต็มที่  :o8: ถ้าออกมาพิลึกหรือพล็อตง่ายไปนิด ก็ขออภัยอย่างสูงค่า   บอกแล้วเขียนตอน "ละอ่อน"  เพราะฉะนั้นใครเคยอ่านแล้ว ก็นะ...หุ ๆ เราวัยเดียวกันนะตัวเอง  :กอด1:

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 2 มาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: kkmm ที่ 28-10-2010 18:43:20
 o22
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 2 มาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 28-10-2010 19:02:23
ไม่เลย ถึงจะพอเดาได้ แต่ก็ชอบแนวนี้มาก  o13
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 2 มาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 28-10-2010 19:03:29
เรื่องนี้ไม่ดราม่านะคะ เน้นหวานน้ำตาลกระจายค่ะ~

...แล้วก็ค่อนข้างเขียนแบบเน้นสนองนี้ด ตัวเองเต็มที่




เจอ 2 ประโยคนี้เข้าไป..............คึคึคึ  :o8:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 2 มาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 28-10-2010 20:25:11

ไม่มีดราม่า เน้นหวานน้ำตาลกระจาย อิอิ ชอบ
ยังไม่เคยอ่าน สนุกดีค่ะ รีบมาต่อตอนต่อไปนะ จะรอ  
:L2:

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 2 มาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: jjuboy ที่ 28-10-2010 20:43:01

เข้ามารอตอนหวาน....ค่า :L2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 2 มาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 28-10-2010 20:49:46
อาร๊ายยยยยยยเนี่ย
ริวยะ...พ่อคู๊ยนนนนน
จะเก็กไปไหน
ยูคิกลัวหัวหดแล้วมั้งแนี่ย
เชอะๆๆๆ พูดมาได้ ไม้เคยทำอะไรขาดทุน
อย่ามาตกม้าตายกับยูคิแล้วกัน

ปล ขอเตือน ตอนนี้หลงน้องยูคิมาก
ห้ามมาทำร้ายน้องสาวชั้นนะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 2 มาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 28-10-2010 21:04:05
ไม่มีดราม่า เน้นหวานน้ำตาลกระจาย ชอบแบบนี้แหละสนุกดี :-[
ไม่เศร้า ไม่เครียด ไม่จน :laugh:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 2 มาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 28-10-2010 21:13:29
ชอบแบบหวาน น้ำตาลกระจายอยู่แล้ว :o8:
ขอบคุณค่ะ รออ่านตอนต่อไปเน้อ :impress2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 2 มาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 28-10-2010 21:31:26
 “คนอย่างฉันทำอะไรไม่เคยขาดทุนอยู่แล้ว” <-- แอบเสียวสันหลังแทน
 
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 2 มาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 28-10-2010 21:49:10
อย่าโหดมากเป็นพอ เหอะๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 2 มาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 28-10-2010 22:01:00
คิดกำไรกับตัวเป็น ๆ แน้เลย :laugh:

ยูคิเสร็จแน้เลยงานนี้

 :call:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 2 มาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 28-10-2010 22:04:04
ทำอะไรไม่เคยขาดทุน
เดี๋ยวก็เอาทุนคืน ช๊ะ เลว!!

มาต่อๆ ๆ ๆ ๆ ๆๆๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 2 มาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 28-10-2010 22:23:30
เข้ามาอ่านเรื่องใหม่
ว่าแต่คุณพี่ริวยะเนี่ย จะเก็กไปไหนห๊า
น้องกลัวหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 2 มาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 28-10-2010 22:43:46
 :เฮ้อ:งานเข้าละน้อง
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 2 มาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 28-10-2010 23:13:57
:o8: เพิ่งตามมา่อ่านค่ะ ท่าทางน่าสนุก
ท่านริวยะนี่ข่มยูคิไปไหนเนี่ย หุหุ

อ่านทอล์คคุณคนแต่ง เราก็ขอเขินไว้ก่อนล่วงหน้าละกันค่ะ อิอิ
(ส่วนที่บอกว่า สนองนี้ด .. เค้าจิ้นไปไกลแล้วแหละ งุงิงุงิ ><")
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 2 มาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 29-10-2010 00:04:39
ริวยะจะขรึมไปไหนเนี่ยรู้หรือเปล่าว่ายูคิเขากลัวนะ
มาต่อไวๆนะคะสนุกอยากอ่านตอนต่อไปแล้ว :call: :call: :call:
+1 นะคะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 2 มาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 29-10-2010 00:15:41
เรื่องนี้เน้นหวานน้ำตาลกระจาย 

แล้วอย่างนี้คนอ่านจะไม่เป็นเบาหวานแย่เหรอค๊าบบ  :laugh:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 2 มาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 29-10-2010 01:04:33
น่ารักจัง


โอะชีวิตช่างน่าเศร้า


ริวยะโหดจังอ่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 มาแล้วค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 29-10-2010 12:09:51
มาต่อแล้วค่า รีบมาต่อ เดี๋ยวป๋าริวยะจะโดนแฟน ๆ เกลียดไปมากกว่านี้ หุ ๆ

---------------------------------------------------------------------


====
บทที่ 3
====

 
     หลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย ริวยะจึงเตรียมตัวออกไปข้างนอก โดยที่ยูคิก็ตามมายืนส่งชายหนุ่มด้วยกันที่หน้าประตูบ้าน  
    “ฉันจะไปทำงาน เดี๋ยวเย็นถึงจะกลับ เธอก็รออยู่บ้านนี่ล่ะ”
    “…แล้วโรงเรียนล่ะครับ”
    ยูคิอ้อมแอ้มถาม พอสบายใจบ้างแล้ว ก็เริ่มนึกถึงเพื่อน ๆ และบรรดาอาจารย์ที่เป็นห่วงเป็นใยเขาเหล่านั้น
    “ฉันจัดการลาออกให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องโรงเรียนใหม่ เดี๋ยวค่อยย้ายไปก็ได้”
    “อะไรนะครับ!”
    คำตอบเรียบง่าย ทำให้ยูคิถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถือวิสาสะจัดการเรื่องต่าง ๆ ของเขา เพียงแค่ระยะเวลาชั่วข้ามคืน เช่นนี้
    “แปลกใจอะไรกัน ต่อไปนี้เธอเป็นคนของฉันแล้ว ฉันก็มีหน้าที่ต้องดูแลเรื่องส่วนตัวทุกอย่างของเธอให้เรียบร้อย อีกอย่างความรู้อย่างเธอ น่าจะเรียนในโรงเรียนระดับสูงกว่านี้ ไม่ใช่หรือไง”
    เด็กหนุ่มพูดอะไรไม่ออก ฟังจากที่ริวยะกล่าว ก็พอจะรู้แล้วว่าชายหนุ่มรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเขามากขนาดไหน
    “แต่ว่า...ผม”
    “ไม่มีแต่ยูคิ... เธอเป็นสมบัติของฉันแล้ว ไม่ว่าฉันจะสั่งให้ทำอะไร เธอก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ”
    ประโยคนั้นทำให้เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดออกมาได้
    ทว่าริวยะกลับมิได้ใส่ใจในสิ่งที่เพิ่งกล่าว  ชายหนุ่มมีสีหน้าเรียบเฉย และเดินจากไปขึ้นรถเบนซ์สีดำคันใหญ่ ที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว
    
     ... กลับบ้านดีกว่าเรา ...
    ความกังวลใจสร้างความหวั่นวิตกและหวาดระแวง  เด็กหนุ่มตัดสินใจกลับบ้านของตนเอง เพราะแม้จะอยู่ตัวคนเดียว แต่คงจะดีกว่าอยู่กับคนที่ไม่รู้ว่าคิดอะไรในใจ อย่างริวยะเป็นแน่
    ยูคิเดินตรงกลับไปยังห้องพักของเขา  ขณะที่กำลังจะหยิบกล่องใส่อัฐิของบิดา ก็ก้มมองเสื้อผ้าตัวเองที่ใส่อยู่ แล้วถอนหายใจ จากนั้นจึงเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ค้นหาดูก็พบชุดที่เขาใส่ตอนขามา ซึ่งถูกซักรีดเก็บอย่างเรียบร้อย
    เด็กหนุ่มจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า และตรงไปหยิบกล่องใส่อัฐิบิดา เดินออกไปนอกห้อง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อปรากฏร่างสูงสง่าของชายแปลกหน้า ยืนขวางทางออกเอาไว้
    “จะไปไหนไม่ทราบครับ คุณยูคิ”
    “คะ...คุณเป็นใคร”  ยูคิตะกุกตะกักถาม  ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนที่ดูดีมาก ทั้งรูปร่างหน้าตาและการวางตัว เขาช่างดูสง่างาม ราวกับคุณชายตระกูลเก่าแก่ที่ไหนสักแห่ง จะต่างกันก็ตรงแต่ความน่าเกรงขาม ที่ยังไม่อาจเทียบรัศมีคนอย่าง มุราคามิ ริวยะได้
    “ผมเป็นคนของคุณริวยะ ที่สั่งให้มาคอยดูแลคุณครับ”  เจ้าตัวตอบกลับอย่างสุภาพและนุ่มนวล จนยูคิแทบไม่อยากเชื่อว่า คนที่มีบุคลิกดูดีเช่นนี้จะเป็นแค่เพียงลูกน้องธรรมดาเท่านั้น
    “ดูแลผม?”  ยูคิทวนคำ นี่แสดงว่าเขาต้องอยู่ในความดูแลของริวยะ แม้กระทั่งยามที่เจ้าตัวไม่อยู่เลยงั้นหรือ? ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็ตัดสินใจถูกแล้วล่ะที่คิดจะกลับบ้าน
    “คือ ... ผมจะกลับบ้านแล้วครับ ฝากขอโทษและขอบคุณ คุณริวยะด้วยนะครับ”  
    บอกออกไปอย่างนั้น เพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะยอมเปิดทางให้ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงไม่ยอมขยับกายไปจากบริเวณนั้นแต่อย่างใด
    “เอ่อ คุณครับ คือผมบอกว่าผมจะกลับบ้านแล้วครับ”  
    ยูคิย้ำอีกครั้ง เพราะคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะได้ยินไม่ชัด แต่ผลก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง จนเด็กหนุ่มชักเริ่มหงุดหงิด
    “นี่คุณ! พวกคุณไม่มีสิทธิ์มากักขังผมนะ ผมยอมตามมาเองแต่แรกก็จริง แต่นี่ผมจะกลับแล้ว!”
    คนตรงหน้ายังคงเงียบกริบไม่โต้ตอบ แต่ก็ไม่ยอมหลบไปไหน ยูคิจึงตัดสินใจจะพุ่งชน หนีออกไป ทว่าเขากลับคิดผิด เพราะร่างสูงขยับหลบเพียงนิดเดียว ก็ทำให้เด็กหนุ่มเสียหลักจนเกือบจะล้มลงไปกับพื้น หากไม่ได้แขนแข็งแกร่งนั้นช่วยฉุดเอาไว้เสียก่อน
    “เป็นยังไงบ้างครับคุณยูคิ คราวหลังอย่าพุ่งใส่แบบนี้สิครับ มันอันตราย”
    ยูคิใจเต้นแรงด้วยความตกใจ ถ้าช้ากว่านี้อีกนิด หน้าของเขาคงได้ฟาดพื้นเป็นแน่
    “ไม่มีประโยชน์หรอกคุณยูคิ ไม่เคยมีใครหนี ‘มุราคามิ’ พ้นหรอกครับ”
    “นาย...!!”
    สีหน้าเรียบเฉย ตัดกับน้ำเสียงนุ่มนวล และประโยคดังกล่าว ทำให้ ยูคิ ฉุนจัด จนเผลอเปลี่ยนสรรพนามเรียกคนตรงหน้าที่ดูยังไงก็อายุมากกว่าเขาหลายปี
    “ทาคาคุระ  ทาคุ ครับ”  เจ้าตัวกล่าวแนะนำตัวเองเสียอย่างนั้น โดยไม่คิดสนใจคนที่กำลังเดือดดาลสุดขีดตรงหน้าแม้แต่น้อย
    “ฉันจะกลับบ้าน!”
    ตวาดออกไปด้วยความฉุนเฉียว แต่คนตรงหน้ากลับตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมผิดจากเดิม
    “ไม่มีบ้านให้คุณกลับอีกแล้วล่ะครับ บ้านที่คุณเคยอยู่ตอนนี้กลายเป็นผืนดินว่างเปล่าไปเรียบร้อยแล้ว”
    ยูคิเบิกตากว้างสุดขีด ก่อนจะเข่าอ่อน ทรุดลงไปนั่งกลับพื้น อย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
    “ทำไม? เขาทำถึงขนาดนี้ เพื่ออะไรกันแน่...”
    เด็กหนุ่มพึมพำด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ไร้เรี่ยวแรง มือเรียวบางกอดกล่องอัฐิของบิดาแน่น  ซึ่งนั่นก็เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายเพียงชิ้นเดียวที่เขาหลงเหลืออยู่
    ทาคุ มองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาสงสารแกมเวทนาวูบหนึ่ง  ทว่าเขาไม่อาจกระทำสิ่งที่จะเป็นการปลอบโยนอีกฝ่ายได้ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็เช่นกัน ไม่มีใครแตะต้องยูคิได้เกินกว่าขอบเขตที่ริวยะอนุญาต ไม่แม้กระทั่งการสนทนาสนิทสนมเป็นการส่วนตัวด้วยซ้ำ...

    ยูคิกลับเข้ามาในห้อง พลางทิ้งตัวลงบนที่นอนด้วยความอ่อนเพลีย นึกโทษตัวเองในตอนแรกที่ตัดสินใจตามริวยะมาด้วยกัน จนเป็นแบบนี้
    ทว่าเด็กหนุ่มก็ไม่อาจปฏิเสธถึงความอ่อนโยนที่เขาสัมผัสได้ เมื่อตอนที่มือใหญ่ยื่นมาตรงหน้าของเขา  มันช่างอบอุ่นอ่อนโยน จนเขาเผลอตอบรับไปโดยไม่รู้ตัว แตกต่างกับริวยะคนเมื่อเช้า ราวคนละคนนัก ...
    เด็กหนุ่มเหม่อมองกล่องอัฐิของบิดา แล้วก็ต้องสลดใจ...บ้าน  สถานที่แห่งความทรงจำ ซึ่งเคยมีร่วมกันกับมาซายะ บิดาของเขา บัดนี้ หลงเหลือแค่เพียงภาพในความทรงจำเท่านั้น
    …ผมจะทำยังไงต่อไปดีครับพ่อ ผมไม่รู้เลยจริง ๆ ....
    เด็กหนุ่มบอกกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา จนเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่ทราบ มารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่ได้ยินเสียงประตูห้องเลื่อนปิดเบา ๆ
    ยูคิกระพริบตาถี่ ๆ เพราะยังคงมึนงงอยู่  เหลือบมองนาฬิกา ก็เป็นเวลาบ่ายกว่า รู้สึกแปลกใจตัวเองที่ดันนอนไปได้นานขนาดนั้น แต่มาหวนคิดดูอีกที ก็อาจจะเป็นเพราะความเครียดที่ก่อตัวขึ้นก็เป็นได้
    แต่แล้วระหว่างที่คิดอะไรเพลิน ๆ เด็กหนุ่มก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อสังเกตเห็นของบางอย่างที่น่าจะอยู่ด้วยกันกับเขาภายในห้อง ได้หายไปเสียแล้ว  
    “คุณพ่อ!”
    ยูคิสำรวจหาทุกที่ภายในห้องที่คาดว่า กล่องใส่อัฐิของบิดาน่าจะอยู่ ทว่ากลับไม่พบร่องรอยอะไรแม้แต่น้อย
    “พวกนั้น!”
    เด็กหนุ่มอุทานพลางกัดฟันกรอด ไม่อยากคิดว่าแม้แต่อัฐิของบิดา ก็จะถูกทำให้หายสาบสูญไป เช่นเดียวกับบ้านของเขา
    เด็กหนุ่มวิ่งพรวดออกไปนอกห้อง จนแทบจะชนกับร่างสูงที่สวนเข้ามา
    “คุณ!”
    “รีบร้อนแบบนั้นจะไปไหนงั้นหรือ ยูคิ”  
    ร่างสูงเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มเรียบ ยูคิมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาวาววับ เขาโกรธจนลืมไปแล้วว่าคนตรงหน้าน่ากลัวขนาดไหน
    “เอาอัฐิพ่อผมคืนมานะ! พวกคุณเอาไปใช่ไหม!”
    ริวยะชะงักเล็กน้อย ก่อนจะสะดุดสายตาที่มือเรียวบางซึ่งกำลังกำหมัดสั่นระริก เจ้าตัวค่อย ๆ หรี่ตาลง พลางเหยียดยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก
    “เสียใจนะ ตอนนี้มันไม่ได้อยู่กับฉันแล้ว เลยคืนให้เธอไม่ได้”
    ชายหนุ่มบอกออกไปง่าย ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ส่งผลให้ร่างบางเลือดขึ้นหน้าตวาดใส่อย่างลืมตัว
    “คุณมันคนใจร้าย! บ้านของผมคุณก็สั่งให้คนทำลายมันทิ้ง นี่แม้แต่กระดูกพ่อผม คุณก็ยังไม่ยอมละเว้น!”
    ริวยะยังคงยืนสงบนิ่งด้วยท่าทีเย็นชา  ทว่าสายตาคมกริบกลับจับจ้องมองมายังเด็กหนุ่ม เพื่อดูว่าอีกฝ่ายจะทำเช่นไรต่อไป
    “แล้วไง? ถ้าฉันทำแบบที่เธอบอกจริง ๆ เธอจะทำอะไรฉันได้?”
    ชายหนุ่มย้อนถามไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จนคนฟังถึงกับฉุนขาด กำหมัดที่มือขวาแน่น ชกเปรี้ยงไปที่ปากของอีกฝ่ายเต็มแรง
    ร่างสูงหน้าหันไปตามแรงหมัด ทว่าแทนที่จะโกรธแค้น หรือชกคืน ริมฝีปากได้รูปที่บัดนี้มีเลือดย้อยลงมา กลับเหยียดยิ้มน้อย ๆ แทน  นัยน์ตาคมกริบตวัดมามองเขม็ง จนร่างบางสั่นสะท้านไปทั่วกายด้วยความหวาดหวั่น
    “ใช้ได้นี่ ... สมกับเป็นคนที่ฉันต้องการ”
    มือใหญ่เช็ดคราบเลือดออกจากปาก และก้าวเข้าประชิดตัวเด็กหนุ่มช้า ๆ ยูคิสะดุ้งเฮือก ถอยกรูดหนีกลับเข้าไปในห้อง ซึ่งร่างสูงก็เดินตามเข้ามา พลางจัดการเลื่อนประตูปิดให้เรียบร้อย
     “จะทำอะไร!”  เด็กหนุ่มถามอย่างหวาด ๆ เกรงว่าคนตรงหน้าจะเอาคืนด้วยการซ้อมเขา ซึ่งถ้ามีการต่อสู้เกิดขึ้นจริง ๆ ล่ะก็ รูปร่างอย่างเขา คงไม่มีทางสู้อีกฝ่ายที่สูงกว่า 185 เซนติเมตรได้แน่ ๆ
    “คนอย่างฉัน ไม่เคยเจ็บตัวฟรี ๆ หรอกนะ”
    ยิ่งพูดยูคิก็ยิ่งหวาดระแวง เด็กหนุ่มถอยหนีมาจนติดขอบเตียง และขณะกำลังคิดว่าจะโต้ตอบยังไงดี  ริวยะก็ก้าวเข้ามาประชิดตัวเขาอย่างรวดเร็ว
    “นี่จะเป็นบทเรียนให้เธอรู้จักตัวฉัน ขึ้นมาบ้าง ...”
    เด็กหนุ่มหลับตา เตรียมพร้อมรับหมัด เข่า หรือ ศอก จากอีกฝ่าย แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจ ที่ไม่ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวด แต่กลับได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ และลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดที่ใบหน้า ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความนุ่มที่บดทับมายังริมฝีปากของตนแผ่วเบา…
    ยูคิลืมตาโพลงทันทีด้วยความตกใจ ...เขาถูกจูบ ...จูบ โดยผู้ชายตรงหน้าที่เขาเพิ่งจะชกไปเมื่อครู่นี้
    เด็กหนุ่มรีบผลักร่างสูงให้ถอยห่างจากตัวเขา เลยทำให้ตัวเองเสียหลักล้มลงไปบนเตียงนอนแทน
    “อะไรกัน ทนไม่ไหวจนต้องขึ้นเตียงรอเชียวหรือ?”
    คำถามที่ทำให้ใบหน้าหวานแดงวาบ ก่อนจะคว้าหมอนเขวี้ยงใส่คนตรงหน้าด้วยความโมโหปนอับอาย
    “ไปให้พ้นนะ!”
    ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบหมอนที่ปลิวมาอย่างสบาย ก่อนจะยืนเหยียดยิ้มมองร่างบางบนเตียงอย่างเจ้าเล่ห์
    “นี่เพียงแค่ทักทายกันเท่านั้น ของจริงมันต่อจากนี้ไปต่างหาก”
    บอกพลางถอดสูทตัวนอกออก และเหวี่ยงมันพาดกับเก้าอี้มุมห้อง โดยไม่ไยดีว่าสูทราคาแพงของตนจะมีรอยยับแต่อย่างใด
    ยูคิถอยกรูดไปจนชิดกำแพง ร่างบางตัวสั่นระริก ไม่เคยต้องเจอะกับสถานการณ์อันน่าหวาดหวั่นเช่นนี้มาก่อนในชีวิต
    ร่างสูงเคลื่อนกายขึ้นมาบนเตียงช้า ๆ  ราวสัตว์ป่าดุร้ายกำลังไล่ต้อนขย้ำเหยื่อ
    “ยะ...อย่า เข้ามานะ”
    เด็กหนุ่มกล่าวเสียงสั่น ซึ่งก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อมือใหญ่คว้าหมับเอาที่ข้อมือของตนเองก่อนจะบีบแน่นจนเขาน้ำตาคลอด้วยความเจ็บ
    “ฉันจะสอนวิธีการใช้ชีวิตต่อจากนี้ของเธอให้เอง ...ยูคิ”
 


-----
TBC
-----
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 29-10-2010 12:22:42
ม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ยูคิจัง โฮววววววววววววววววววววววว T______T
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 29-10-2010 12:58:47
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 29-10-2010 14:41:47
อ๊าา เริ่มการทรมานอันแสนหวาน  :laugh:

ว่าแต่ คงไม่ได้เอาอัฐิไปทิ้งใช่ใหม  :m21:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 29-10-2010 15:02:01
มาต้อนรับนิยายของปัทม์ อีกเรื่องนะคะ

เรื่องนี้ออกแนวเจ้าพ่อกับหนุ่มน้อยสินะ

ให้ความรู้สึก หวานปนโหด เนอะ

รอตามตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 29-10-2010 15:21:14
จะโหดไปไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 29-10-2010 15:29:22
 :sad4:ริวยะทำไมเป็นคอย่างนี้
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Red_sister ที่ 29-10-2010 15:41:36
อร้ายยยยย ยูคิน้อยย จะโดนแล้ว :-[ :-[ :-[

ริวยะอ่อนโยนนะ สะกดเป้นไหม  อ่อนโยนนนนนนนนนนนนนนนหน่อยดิ o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 29-10-2010 15:41:47
พูดกับยูคิดีๆไม่ได้หรือไงยะ...เอะอะๆจับกด อุ๊ย ถูกใจ :jul3:  
ริวยะคงไม่ได้ทิ้งอัฐิไปจริงสินะ ไม่ใจร้ายขนาดนั้นมั้ง :monkeysad:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: aimjungna ที่ 29-10-2010 15:43:41
ริวยะจาโหดไปไหนอ่ะ

สงสารยูคิจัง   :m15:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 29-10-2010 18:08:02
:o เง้อออออ ..


จบตอนด้วยความค้างค่ะ TT :serius2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 29-10-2010 18:21:22
 :z3:

ตอนนี้นึกออกแค่นี้แหละ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 29-10-2010 18:53:28
โหด  รักแต่ทำไมทำร้ายกันขนาดนี้
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 29-10-2010 18:55:59
ดีใจจังค่ะได้อ่านเรื่องใหม่(แต่เห็นบอกเก่าเก็บ)ของน้องปัทม์
ไหนบอกว่า เรื่องนี้เน้นหวานน้ำตาลกระจาย..แต่...
ทำไมดูบุคลิกพระเอกของเราแล้ว ออกจะนิ่งๆ ดุๆ ไปคะ
เนี่ยตอนนี้ก็ทำเอาหนูยูคิกลัวจนสั่นไปแล้ว  รึว่านอกขมเข้มแต่ซ่อนหวานข้างในคะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 29-10-2010 19:11:54
ริวยะ
นายจะจับน้องสาวเจ๊กดชั้นก้อไม่ว่า
แต่อย่าทำให้น้องกัวเซ่

ครั้งแรกเนี่ย
มันสำคัญนะเฟ้ย
อย่ามาทำรุนแรงเน้
เดี๋ยวน้องช้ำหมด

ปล แต่เค้าก้ออยากอ่านตอนน้องทรมานน้า
ฮ่าๆ โรคจิตแน่กุ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: beautyless ที่ 29-10-2010 19:58:07
งงอย่างแรง ริวยะต้องการอะไรกันแน่
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาก&#
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 29-10-2010 20:16:14
สงสารยูคิจังเลย  :sad11:
+1 นะคะ  :call:  :call:  :call:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 29-10-2010 20:32:47
ม๊ายยยยย (กรี๊ดล่วงหน้าแทนยูคิ)
ป๋าริวยะโหดไปไหนเนี่ย
น้องกลัวจนตัวสั่นแล้วนั้น
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 29-10-2010 21:48:10
ค้างกันอย่างต่อเนื่อง

 :call:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Ant998 ที่ 29-10-2010 21:59:20
ค้างงงงงงงงง  อย่างแรงง!!!! :call:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 29-10-2010 23:09:21
อ้ากกกกกกยูคิจะถูกกดแล้ววววววว
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 29-10-2010 23:25:02
แอะ อารายง่ะ

อย่ารุนแรงนักสิ

ครั้งแรกของยูคิเชียวนะ :z1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 30-10-2010 00:20:21
จะหวานแหววน้ำตาลกระจายจริง ๆ ใช่มั้ยคะ

อย่าหลอกันนะค่า อิอิ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 30-10-2010 01:20:26
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ไหนคะน้ำตาล ไหนของหวาน นี่มันมาม่าชัดช้าดดดดดดด :serius2:

ทั้งบ้าน ทุกอย่าง กระทั่งอัฐของพ่อก็มาเอาไปนี่มันเกินไปแล้วนะ  :m31:

อดคิดไม่ได้แห๊ะว่าทุกๆอย่างมันเร็วไปซะไอ้คุณริวยะนี่มันดำเนินการตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเลยรึเปล่าแว๊ะ(ถ้าใช่จริงถึงขั้นฆ่าคนก็เกินไปนะ)
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 30-10-2010 07:08:16


อ่านแล้วปลื้ม อ่านแล้วชอบ...แนวมาเฟียกะเด็กมัธยมเนี่ย...ของโปรดเค้าเลยนะตะเอง...คริคริ


แม้ว่าจะเดาเรื่องได้บ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง...แต่ก็น่าติดตามและน่าลุ้นอยู่ดี...

หลายคนคิดว่ามันมาม่า...แต่เค้าว่าเค้ารู้นะว่ามันจะหวานยังไงอ่ะ...อร๊ายยยยยยยยย ยยยยยย...ขอเขิลล่วงหน้าก่อนได้ป่ะ...อุคิอุคิ


นี่ยังไม่ทันพันธนาการใจกันเลย...พ่อพระเอกมาดดุก็ดันจะมาพันธนาการกายกันก่อนเลยเหรอ

แล้วอย่างนี้ยูคิน้อย(?)จะเหลืออะไรหล่ะเนี่ย...ไรท์เตอร์ทำค้างอย่างแรงนะฮะ...รีบมาต่อไว ๆ นะฮะ...เค้ารออยู่นะ...งุงิงุงิ >///////<
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 3 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 30-10-2010 10:10:41
ใกล้ละ :man1:
รอตอนต่อไปโลดขอรับ :a9:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 4 มาแล้วค่า (มีทิชชูแจกไว้ซับเล
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 30-10-2010 10:45:48
มาแล้วค่า สำหรับคนที่กำลังหาความหวานในเรื่องนี้.... ใกล้แล้วค่า  ...ใกล้แล้ว  คนเขียนไม่โกหกแน่นอน หุ ๆ
และสำหรับตอนนี้ก็อย่างที่หลายคนเดาได้ล่วงหน้า ว่าจะต้องมีการ....เกิดขึ้น    :o8:  ดังนั้นคนแต่งขอแจกทิชชูไว้ให้ก่อนล่วงหน้าเลยนะคะ ซับเลือดเสร็จแล้วจะใช้ปาหัวริวยะต่อก็ไม่ว่ากัน  หึ ๆ

หลายท่านที่คลางแคลงใจ ในบุคลิกของ ริวยะ  อยากให้ลองตามอ่านเองแล้วก็จะพบว่าตัวตนของเขาเป็นคนยังไง เพราะถ้าคนแต่งบอกหมด มันจะสปอยส์แล้วพาลไม่ลุ้นไป แต่ส่วนเรื่องความหวานนี่ต้องบอกก่อนเดี๋ยวคนอ่านจะกลัวมาม่าไม่กล้าอ่าน หุ ๆ ไม่มาม่าแน่นอนค่ะ เพราะคนเขียนชอบแฮปปี้   :impress2:

มาอ่านต่อกันดีกว่าค่ะ

=======================================================


บทที่ 4

 
    ร่างบางถูกกระชากตัวปลิว เข้าสู่อ้อมอกของร่างสูง เด็กหนุ่มพยายามดิ้นรน ต่อต้านสุดฤทธิ์ ทว่าก็ไร้ประโยชน์ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่แข็งแรงกว่าเขาไม่รู้กี่เท่า
    “อื๊อ! ….อืม!....”
    ริมฝีปากของเด็กหนุ่มถูกบดขยี้อย่างหนักหน่วง จนรับรู้ได้ถึงรสเลือดจากปากที่แตกนั่น กลีบปากบางถูกบดเบียดบังคับให้เผยอออก และจากนั้นฝ่ายรุกรานจึงทำการสอดแทรกปลายลิ้นอุ่นชื้นเข้าไปแสวงหาความหวานซ่านภายใน  ลิ้นของชายหนุ่มเกี่ยวกระหวัด พัวพัน หยอกล้อ ลิ้นของอีกฝ่าย คล้ายหิวกระหาย  มันเนิ่นนานเสียจนยูคิ รู้สึกราวกับว่าเขากำลังจะขาดใจตายไปเสียเดี๋ยวนั้น
    “…อา ...”
    ริมฝีปากได้รูปค่อย ๆ ถอนออกไปช้า ๆ  ทันทีที่เป็นอิสระ  ร่างบางก็อ่อนแรง ทรุดฮวบ ลงภายในอ้อมแขนแกร่งของชายหนุ่ม
    “อืม...ยูคิ  เธอวิเศษกว่าที่ฉันเคยคิดไว้อีกนะ”
    ริวยะพึมพำด้วยความพอใจ ก่อนที่เขาจะจับร่างบางในอ้อมแขน กดราบลงไปกับเตียงนอนช้า ๆ
    “...มะ...ไม่…ทำแบบนี้ ทำไมกัน”
    ยูคิถามด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น พยายามบ่ายเบี่ยง ขัดขืน เมื่อร่างสูงทาบทับลงมาซุกไซ้บริเวณซอกคอขาวเนียนของตน
     “เพราะฉันต้องการให้เธอเป็นของฉันน่ะสิ!”
    คำตอบง่าย ๆ แต่มันกรีดแทงเข้าไปในหัวใจให้ปวดแปลบ ร่างบางพยายามดิ้นรนหนีจากอ้อมแขนแข็งแกร่งที่จับกดเขาสุดชีวิต ใบหน้าหวานราวหญิงสาว อาบนองไปด้วยน้ำตา นึกเสียใจที่ตัวเองเคยช่วยชีวิตอีกฝ่ายเอาไว้ แต่กลับต้องมาได้รับผลตอบแทนที่น่าเจ็บช้ำเช่นนี้
      "ฆ่าผมให้ตายเสียยังดีกว่า ที่จะให้ผมยอมตกเป็นของคุณ!"
    ยูคิตวาดใส่เสียงแข็ง ดวงตาที่วาววับไปด้วยหยาดน้ำตา จ้องมองอีกฝ่ายเขม็งโดยไม่คิดจะหลบ เรียกรอยแย้มยิ้มจากริมฝีปากได้รูปของชายหนุ่ม จากนั้นน้ำเสียงทุ้มนุ่มจึงกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา
     "ฆ่างั้นหรือ...ทำไมฉันจะต้องทำเรื่องที่เปล่าประโยชน์แบบนั้นด้วยเล่า ในเมื่อฉันสามารถทำให้เธอเต็มใจเป็นของฉันได้อยู่แล้วน่ะ"
    นัยน์ตาคมกริบที่กวาดมองทั่วร่างของเขา ทำให้ยูคิรู้สึกเหมือนกับจะหายใจไม่ออก ความกล้าหาญที่พยายามเค้นมันออกมาเพื่อต่อต้านเมื่อสักครู่ หายไปเกือบหมด ความหวาดหวั่นต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเข้ามาแทนที่  
    “มะ...ไม่ ...ช่วยด้วย ...ใครก็ได้ช่วยด้วย!”
    เด็กหนุ่มตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ จนเจ็บคอ ทว่าไม่ปรากฏแม้แต่เงาของมนุษย์คนใดในบริเวณนี้ ทั้ง ๆ ที่มีคนอยู่ในบ้านราวยี่สิบชีวิตด้วยซ้ำไป
    “เปล่าประโยชน์ ต่อให้เธอตะโกนเท่าไหร่ ถ้าฉันไม่อนุญาต ก็ไม่มีใครเข้ามาหรอก”
    น้ำเสียงเย็นชากล่าว พลางนั่งคร่อมกดทับร่างบางไว้ไม่ให้ขยับไปไหน ส่วนตัวเขาจัดการปลดเนคไทของตนออก และมัดมือของเด็กหนุ่มที่ยังคงพยายามดิ้นรนหนีสุดชีวิต
     “ฮึก ... ไม่นะ...”
    ยูคิสะอื้น มองเห็นอนาคตของตัวเองในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ร่างบางตัวสั่นระริก  เมื่อมือใหญ่เอื้อมมาจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเขาออกทีละชิ้น ๆ
    “...อา...”
    เสียงครางในลำคออย่างพึงพอใจของร่างสูง เมื่อเห็นเรือนร่างอันงดงามปราศจากอาภรณ์ปกปิดกาย ใบหน้าหวาน ๆ อาบนองไปด้วยน้ำตา  น้ำเสียงสั่นเครือ เริ่มเปลี่ยนมาใช้วิธีร้องขอความเห็นใจแทน
    “...ได้โปรด...ปล่อยผมไปเถอะ...”
    “สายไปแล้วล่ะ ... ยูคิ ฉันตอนนี้หยุดตัวเองไว้ไม่ได้อีกแล้ว”
    น้ำเสียงทุ้มแหบพร่า แฝงไว้ด้วยความปรารถนาเด่นชัด จากนั้นร่างสูงจึงจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว
     ผู้ชายดูดีที่สุดในร่างเปลือย...มุราคามิ  ริวยะ เองก็เป็นแบบเดียวกับคำกล่าวนั้น
    “อะ... อา...”
    ยูคิครางออกมาอย่างลืมตัว เมื่อมือใหญ่สากของอีกฝ่ายลูบไล้ไปทั่วผิวกาย สัมผัสของชายหนุ่มช่างรู้สึกดี จนเขายากที่จะปฏิเสธ ความต้องการตามธรรมชาติลุกผงาดขึ้นมาอย่างไม่อาจระงับไหว
    “..อือ...อา...”
    ปลายลิ้นอุ่นลากไล้บริเวณซอกคอขาวเนียน และเลื่อนต่ำลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่ยอดอกสีชมพู ชวนมอง  
    “อะ...อา...”
    มือใหญ่บีบเค้นยอดอกข้างหนึ่งเล่นราวกลั่นแกล้ง ส่วนอีกข้างก็ถูกขบเม้น ด้วยริมฝีปากได้รูป ช่วยให้ความสุขแก่ร่างบางอย่างทัดเทียมกัน
    ยูคิสะดุ้งเฮือก แอ่นร่างรับสัมผัสที่ตามมา  เมื่อมือใหญ่ข้างที่ว่างย้ายมาหยอกเย้ากลางหว่างขาของตน ... ร่างกายของผู้ชายโกหกไม่เป็น เด็กหนุ่มรู้สึกดี จนต้องเผลอร้องครวญครางออกมาอย่างพอใจ
    “...อะ...อ๊า!..”
    “...รู้สึกดีมากใช่ไหม...”
    น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบถามข้างหู ยูคิหอบหายใจหนัก ทั้งสุข ทั้งเสียวซ่าน จนแทบจะขาดใจ
    “...อื้อ...อืม...”
    ร่างบางรับคำในลำคอ แต่แล้วก็ต้องผวาเฮือก เมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกปลอม ที่ล่วงล้ำเข้ามาภายในร่างกายจากเบื้องหลัง
    “...จะ...เจ็บ...อย่า...”
    ร่างกายเกร็งบีบรัด นิ้วเรียวยาวที่เข้ามาทำการเปิดทางเพื่อเตรียมพร้อมไว้ก่อน ยูคิรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก แต่เพียงไม่นานเด็กหนุ่มก็ได้รับรู้ว่า ความเจ็บดังกล่าวยังคงน้อยกว่า เมื่อริวยะจัดการพลิกร่างของเขาให้คว่ำลง และพยายามจะสอดดันความเป็นชายของตนเข้ามาภายในช่องทางคับแคบของเขานั่น  
    “อ๊า!!  พะ..พอ...ได้โปรด ...คุณริวยะ...ผมเจ็บ…”
    น้ำเสียงสะอื้นปานจะขาดใจ เนื่องจากความเจ็บปวดที่ไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต  
    “...ฮึก...อา...ไม่...อย่า...”
    ปากพยายามจะปฏิเสธ แต่ก็ทำได้ยากเย็น เมื่อริวยะใช้มือใหญ่ข้างหนึ่งช่วยเร่งความสุขให้กับส่วนหน้าของเขา เพื่อให้ลืมความทรมานที่เกิดขึ้นนี้เสีย โดยที่ชายหนุ่มเองก็ขยับสะโพกเร่งจังหวะจากเบื้องหลังไปด้วย เวลาทั้งความสุขและทุกข์จากคนทั้งคู่ ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ตราบจนกระทั่งพายุอารมณ์แห่งความปรารถนาเริ่มดำเนินมาถึงปลายทาง  
    “อะ...อา...ผม...ไม่ไหวแล้ว…อ๊า!”
    ยูคิปลดปล่อยความปรารถนาของตัวเองอย่างไม่อาจกลั้นไว้อยู่ ร่างกายเกร็งบีบรัด ตัวตนของอีกฝ่ายที่ยังคงคาค้างจากเบื้องหลัง  สีหน้าของร่างสูงแสดงออกถึงความปวดร้าว ความต้องการที่จะปลดปล่อยของเขาก็มาถึงจุดสิ้นสุดแล้วเช่นกัน
    “...อา...ยูคิ ...”
    เสียงครางทุ้มต่ำ ประสานกับเสียงหอบหายใจระรวยของร่างบาง ซึ่งฟุบลงบนเตียงทันที ที่ชายหนุ่มถอนกายออกมา
    แผ่นหลังเปลือยขาวเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเล็ก ๆ ซึ่งเจ้าของร่างยามนี้สลบไปแล้วด้วยความอ่อนเพลีย  
     ริวยะก้มลงจูบที่แผ่นหลังขาวเนียนอย่างอ่อนโยน เขาจัดการปลดเนคไท ที่ผูกข้อมือของร่างบางออก และจึงหยิบผ้าห่มมาปิดคลุมร่างกายเปลือยเปล่าชวนมองนั้นเสีย
    จากนั้นร่างสูงจึงเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย  สักพักจึงกลับออกมาหยิบเสื้อผ้าชุดเก่าสวมใส่  ชายหนุ่มเหลือบมามองร่างบางบนเตียงด้วยแววตาอ่อนโยนวูบหนึ่ง  พลางถอนหายใจเบา ๆ และเดินตรงออกจากห้องไปโดยไม่ได้เหลียวหลังกลับมามองอีก

    ริวยะ เดินออกมาจากห้องได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็พบว่ามีร่างสูงของชายผู้หนึ่งกำลังยืนถือแฟ้มเอกสารรอเขาอยู่เบื้องหน้า
    “รออยู่แถวนี้ตลอดเลยหรือไง อากิระ”   น้ำเสียงทุ้มเรียบถามออกไปคล้ายดังจะไม่ใส่ใจ คนตรงหน้าลอบยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก ก่อนจะโค้งศีรษะให้เล็กน้อยก่อนตอบ
    “ผมเพิ่งจะมายืนรอคุณเมื่อสิบนาทีที่แล้วเองครับ ตอนแรกผมคิดว่าคงจะมาทันเวลาพอดี แต่กลายเป็นว่าผมกะเวลาพลาดไปหน่อย”
    ริวยะถอนหายใจเบา ๆ ให้กับถ้อยคำอันแฝงไว้ด้วยความนัย ของมือขวาคนสนิท
    “ไปตอนนี้ยังทันประชุมไหม?”
    อากิระก้มมองนาฬิกาข้อมือก่อนตอบ
    “ถ้าเร่งหน่อย ก็คงถึงก่อนเริ่มประชุมสักสิบนาทีครับ”
    ริวยะพยักหน้ารับรู้ และจึงก้าวนำหน้าไป โดยที่มือขวาหนุ่มก็แอบซ่อนยิ้มไว้ในสีหน้า แล้วจึงเดินตามร่างสูงนั้นไปติด ๆ

    ยูคิกระพริบตาขึ้นถี่ ๆ เมื่อรับรู้ถึงสัมผัสเย็นสบายตามร่างกาย เด็กหนุ่มขยับปากจะพูด แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรออกจากปากของเขา ทั่วร่างก็หนักอึ้ง จนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่น้อย
    “อ๊ะ! คุณยูคิ ฟื้นแล้วหรือคะ”
    น้ำเสียงคุ้นเคยฟังใจดี อุทานออกมาอย่างยินดี  ยูคิพยายามปรับภาพของอีกฝ่ายให้ชัดเจน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเบลอเกินกว่าจะทำอย่างนั้นได้
    “คุณมีไข้ขึ้นสูงมากเลยค่ะ ตอนนี้คุณทาคุกำลังไปพาคุณหมอมารักษาคุณอยู่นะคะ”
    หญิงวัยกลางคนพยายามอธิบายให้ร่างบางฟัง แต่คำพูดนั้นก็เหมือนลอยผ่านไปมา เพราะพิษไข้ที่รุมเล่นงาน ทำให้สมองของเด็กหนุ่มไม่สามารถรับรู้เหตุการณ์รอบข้างได้เท่าที่ควรนัก
    เสียงเลื่อนประตูเปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มร่างสูง ผู้มีบุคลิกสง่างาม ทาคาคุระ ทาคุ  ซึ่งด้านหลังของเขา มีชายหนุ่มในชุดกาวน์ ท่าทางดูเป็นคนอารมณ์ดี เดินตามมาติด ๆ
    “โฮ่ ๆ ไหน ๆ  นี่น่ะเหรอ ลูกแมวของเจ้าริวยะมัน อืม...รสนิยมดีเหมือนเดิมเชียวนะ!”
    “คุณหมอคะ”  ชิโนะทักอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความกังวล จนคนฟังต้องยิ้มให้อย่างปลอบโยน
    “ชิโนะ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันจะรักษาเจ้าหนูนี่เอง ขอค่าจ้างเป็นซุปปลาไท ฝีมือชิโนะสักถ้วยก็พอแล้ว”
    หญิงวัยกลางคนฟังดังนั้น จึงยิ้มออกมาได้ในที่สุด
    “ดิฉันทำให้ทั้งหม้อเลยก็ได้ค่ะ ถ้าคุณหมอมานาเบะ รักษาคุณยูคิให้หายดีได้”
    “ตกลง! อย่างนี้ฉันค่อยมีกำลังใจทำงานหน่อย ส่วนค่ารักษาพยาบาลจริง ๆ ค่อยไปขูดเลือดเจ้าริวยะมันทีหลัง”
    เจ้าตัวบอกออกไปทีเล่นทีจริง พลางจ้องมองร่างบางบนเตียง ที่นอนเหม่อลอยเพราะพิษไข้อย่างพิจารณา รับรู้ได้เองว่า คนตรงหน้าคงสำคัญจริง ๆ เพราะไม่เช่นนั้น ทาคุคงจะไม่ไปรับเขามาจากโรงพยาบาล เพื่อมารักษาถึงบ้านเป็นแน่
    “เดี๋ยวขอตรวจคนไข้ก่อนแล้วกัน...หือ?”
    มานาเบะ เหลือบมองร่างสูงที่ขยับเข้ามายืนข้าง ๆ ขณะที่เขากำลังปลดกระดุมเสื้ออีกฝ่ายเพื่อตรวจร่างกาย
    “มีอะไรงั้นหรือทาคุ?”
    “ผมได้รับคำสั่งจากคุณริวยะ ให้อยู่เฝ้าคุณยูคิ ตลอดเวลาครับ”
    ชายหนุ่มบอกเรียบ ๆ ซึ่งพอมานาเบะได้ฟัง ก็อ้าปากค้างอย่างลืมตัว
    “แม้แต่ตอนที่ฉันทำการรักษาคนไข้นี่นะ!”
    “ครับ คุณริวยะสั่งให้ผมเฝ้า...เอ่อ โดยเฉพาะตอนที่คุณหมอทำการรักษาคุณยูคิ ยิ่งต้องเฝ้าอย่าให้คลาดสายตาครับ”
    ทาคุตอบอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงด้วยความเกรงใจอีกฝ่าย  มานาเบะ เกาหัวแกรก ๆ อย่างยุ่งยากใจ กับพฤติกรรมขี้หึงเกินขีดจำกัดของเพื่อนสนิท
    “ไอ้บ้านั่น! ฉันเป็นหมอนะ จะเผลอไปมีอารมณ์อย่างว่ากับคนไข้ได้ยังไงกัน แถมคนไข้ยังเป็นเด็กผู้ชายแบบนี้อีก มันอย่าเอามาตรฐานตัวมันมาวัดกับฉันสิวะ!”
    แพทย์หนุ่มสบถอย่างหงุดหงิด จนชิโนะและทาคุ ที่อยู่ด้วย ต่างมองหน้ากันอย่างลำบากใจ
    ทว่าแม้จะไม่สบอารมณ์กับริวยะยังไง แต่จรรยาบรรณของแพทย์ ก็ทำให้เขายังคงทำการรักษาต่ออย่างเต็มความสามารถ ชายหนุ่มจัดการฉีดยาให้ร่างบางเข็มหนึ่ง ใบหน้าที่แดงเพราะพิษไข้ ก็เริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
    “เอายานี่ให้กินหลังอาหารทุกมื้อ กินติดต่อกันสักสองสามวันก็ค่อยยังชั่วแล้ว”
    มานาะเบะยื่นยาส่งให้ชิโนะ ซึ่งหญิงวัยกลางคนก็รับมาพร้อมโค้งขอบคุณอีกฝ่าย
    “อ้อ! แล้วนี่ค่าจ้างฉัน ฝากให้ริวยะด้วย”
    แพทย์หนุ่มหันไปทางทาคุ และยื่นนามบัตรเล็ก ๆ ให้ ซึ่งพอทาคุรับมาดู ก็เห็นว่ามันเป็นนามบัตรของไนต์คลับชื่อดังแห่งหนึ่ง
    “บอกหมอนั่นให้มาให้ได้นะ ไม่อย่างนั้นยาที่ฉันฉีดให้เจ้าหนูนี่ อาจจะกลายเป็นยาพิษขึ้นมาทีหลังก็ได้!”
 เจ้าตัวบอกพลางเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ ซึ่งทาคุก็สั่นศีรษะช้า ๆ อย่างระอา และจึงอาสาช่วยแพทย์หนุ่มถือของ พร้อมกับเดินไปส่งอีกฝ่ายที่รถด้วยกัน



------
TBC
------
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจ
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 30-10-2010 11:19:02
แอบจิ้ม   :z13:

ตอนนี้  :man1:
รอตอนต่อไปโลดขอรับ :a9:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจ
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 30-10-2010 11:31:22
ชอบคนขี้หึง  ยิ่งแอบหึงคนที่เค้าก็ไม่รู้ตัวด้วยแล้ว น่ารักสุดๆ  :-[
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจ
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 30-10-2010 11:34:14
เล่นซะไข้ขึ้นเลย :z1:

เบา ๆ หน่อย ๆ ก็ได้

รอตอนต่อไปอยู่นะ
 :call:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ [นิยายเก่า ขุดกรุ มาปัดฝุ่นแปะ].... บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจ
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 30-10-2010 12:19:40


รุนแรงไปหรือเปล่าเนี่ยริวยะ...เล่นเอายูคิสลบเหมือดคาที่...แถมยังเป็นไข้อีกต่างหาก -*-


แต่แหมะ...เค้าว่ากันวัน ยิ่งโหดยิ่งรัก ยิ่งรัก ก็ยิ่งหวง...คงจะเห็นได้จากการที่ให้ทาคุตามติดหมอมานะเบะซะขนาดนี้

ไม่พกติดตัวไปดูแลเองเลยหล่ะริวยะ...ทำกันซะขนาดนี้แล้วหน่ะ...คริคริ >////////<
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจกด้านในจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 30-10-2010 12:56:54
หึงกระทั่งหมอ

เป็นเอามากนะเนี่ย

สนุกดีจ้า ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจกด้านในจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 30-10-2010 13:02:45
ใจเย็นนะริวยะ ทำซะหนูยูคิไข้ขึ้นเลย :z1:
แล้วหมอมานาเบะนี่ท่าทางจะเจ้าเล่ห์น่าดูเลยน้า :o8:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจกด้านในจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 30-10-2010 13:45:59
ตามมาอ่านแล้วค่ะคุณปัทม์ (ขอเรียกชื่อเลยละกันนะคะ หลังจากเรียกuserมาระยะนึง ฮ่าๆ)
 :a1:


โฮ่ๆๆๆ แค่4ตอนก็ได้ :m25:แล้วหรือนี่
เริ่มสงสัย ริวยะรู้จักยูคิกับพ่อมาก่อนหรือเปล่าเนี่ย?

ตามอ่านตอนต่อไปค่ะ(พร้อมคุณตำรวจสามคู่ด้วยนะคะ)
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจกด้านในจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 30-10-2010 14:02:21
คุณหมออะไรวะนั่น~~ หึหึ ^^
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจกด้านในจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 30-10-2010 15:13:57
ชอบเมะขี้หึงจังเลย คริ ๆ แต่อย่าหึงแบบงี่เง่า ๆ นะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจกด้านในจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 30-10-2010 15:41:18
ริวยะ
น่ารักที่ซู๊ดดดดดดดดดดดเลย
 :sad4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจกด้านในจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 30-10-2010 16:55:38
 :L2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจกด้านในจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: pp4 ที่ 30-10-2010 17:34:34
อะกริ๊ววววววว คุณหนูยูคิมีเสี่ยเลี้ยงซะง้านนนน  :impress2:
ทำไมพระเอกเหมือนหื่นๆ?? 555+ ;P
ติดตามค่า~=]
 :bye2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจกด้านในจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 30-10-2010 18:03:53
ริวยะ นายเล่นแรงไปปะ จนน้องไข้ขึ้นเลยอะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจกด้านในจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 30-10-2010 18:55:39
ชอบแนวนี้อ่ะ  หวานๆชิมิ ไม่ดราม่าแน่น่ะ 55  ริวยะเบาๆหน่อยจิ  55
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจกด้านในจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 30-10-2010 19:09:43
ขี้หึงได้อีกนะคุณริวยะ
แอบปลื้มคุณหมอซะแล้วอ่ะ ดูเจ้าเลห์ดีจัง
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจกด้านในจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 30-10-2010 22:07:41
รุนแรงกะน้องซะจนไข้ขึ้นเลยเนอะคนเรา

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจกด้านในจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 30-10-2010 23:35:26
อ่าแค่ ตอนที่สี่ก็รวมร่างซะแล้ว  :haun4: ต่อจากนี้จะหวานมั้ยน้า หรือหวานอมขมกลืน  :pigha2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจกด้านในจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 30-10-2010 23:36:03
แหมอะไรจะหึงขนาดนั้นต้องคอยเฝ้าทุกฝีก้าวอิอิ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจกด้านในจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: taniyone ที่ 31-10-2010 02:28:02
 :impress2: ออกแนวคล้ายๆโอคาเนะกะไนเลยเค่อะ

อร๊ายยยยย พระเอกแบบนี้ (ริวยะเมะโหด)

เคะแบบนี้ (แบบน้องยูคิอะ) ชวอบบบบค่ะ

เอาอีกๆ :haun4:

ชอบเคะไม่มีทางสู้ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก

รอดูอ่านตอนต่อไปค่ะ อะฮั้งงงง
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจกด้านในจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 31-10-2010 02:29:28
 :pighaun: :haun4: :oo1:
รอตอนต่อไป
+1 นะคะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 4 มาแล้วนะคะ (ตอนนี้มีทิชชูไว้แจกด้านในจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 31-10-2010 09:21:22
 :call:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 31-10-2010 15:58:20
มาแปะต่อแล้วค่า แถมให้สองตอนเลยนะคะ เพื่อความต่อเนื่อง~
หวังว่าคงจะถูกใจนักอ่านนะคะ~


=====
บทที่ 5
=====


    ยูคินอนซมอยู่บนเตียงเป็นเวลากว่า 2 วัน และเมื่อล่วงเข้าสู่เย็นวันที่ 3 เด็กหนุ่มก็สะลึมสะลือตื่นขึ้น เนื้อตัวเมื่อยล้าไปหมด ขยับเขยื้อนกายแทบไม่ไหว แต่ก็ยังดีกว่าวันแรก ๆ ที่เขาเริ่มจับไข้
    “อือ...หิวน้ำ...”  เสียงเล็ก ๆ อ่อนแรงพึมพำแผ่วเบาในลำคอ ยังผลให้ร่างสูงที่นั่งเฝ้าอยู่ชะงัก และจึงเดินตรงมาหาร่างบางที่เตียงเพื่อถามไถ่อาการ
    “ฟื้นแล้วหรือครับคุณยูคิ รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ”
    ยูคิกระพริบตามองคนตรงหน้าอย่างเบลอ ๆ  ก่อนจะพึมพำบอกเสียงแหบแห้ง
    “อา...หิวน้ำ...”
    “น้ำหรือครับ สักครู่นะครับ”   ร่างสูงกล่าวแล้วก็เดินออกไปจากห้อง สักพักก็กลับมาพร้อมเหยือก และแก้วน้ำ
    “ดื่มช้า ๆ นะครับ...ระวังสำลัก”
    ทาคุประคองร่างบางให้กึ่งนั่งกึ่งนอน แล้วจึงป้อนน้ำให้เด็กหนุ่มอย่างระมัดระวัง
    “...อา...” เสียงครางเบา ๆ ด้วยความพอใจจากร่างบาง น้ำแก้วนั้นเรียกความสดชื่นคืนสู่ร่างกายที่เพิ่งฟื้นจากพิษไข้ได้เป็นอย่างดี
    “ผมจะโทรไปรายงานคุณริวยะนะครับ ว่าคุณฟื้นแล้ว”  ชายหนุ่มบอกและกำลังจะลุกจากไป  แต่แขนผอมเพรียวของยูคิ ก็ดึงรั้งเสื้อของอีกฝ่ายไว้ก่อน
    “อย่านะครับ...อย่าบอกเขา...”
    ทาคุชะงัก เก็บแก้วน้ำในมือวางบนโต๊ะ และจึงดึงเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ เตียง พลางเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงทุ้มแลดูอ่อนโยน
    “ทำไมล่ะครับ คุณริวยะเป็นห่วงคุณมากนะครับ เขาแวะมาดูคุณตลอดเวลาที่คุณนอนซมเพราะพิษไข้ ...”
    “โกหก!”  ยูคิกล่าวสวนทั้ง ๆ ที่ชายหนุ่มยังคงพูดไม่จบประโยค
    “คน ๆ นั้น น่ะหรือจะมาเป็นห่วงผม ...ก็ในเมื่อเพราะเขานั่นล่ะ ที่ทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้!”   เด็กหนุ่มบอกออกไปด้วยความคับแค้นใจ หยาดน้ำใส ๆ วาววับคลอเบ้าตา
    “คุณยูคิ...”   ทาคุเรียกชื่อของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเวทนา ใจหนึ่งคิดอยากจะอธิบายให้เจ้าตัวเข้าใจ แต่ก็ต้องชะงักไว้ เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ยอมรับฟังเหตุผลอะไรทั้งสิ้น จึงทำได้แต่เพียงกล่าวทิ้งท้ายไว้ให้เด็กหนุ่มขบคิดด้วยตนเอง
    “คุณริวยะ แคร์ความรู้สึกของคุณมากกว่าที่คุณคิดนะครับ คุณยูคิ”
    จากนั้นชายหนุ่มจึงยืนขึ้นโค้งศีรษะให้ และขอตัวออกจากห้องไป ทิ้งให้ยูคิมองตามหลังร่างสูงไปด้วยความรู้สึกสับสน ต่อคำพูดเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา

    เสียงทอดถอนหายใจเบา ๆ ทำให้ชายหนุ่มที่เพิ่งกลับมาถึงทักทายอย่างอดแหย่ไม่ได้
    “ไง ทาคุ เป็นอะไรไปอีกล่ะ หรือว่าเบื่อจะเป็นพี่เลี้ยงเด็กเสียแล้ว”
    คนฟังไม่ได้ใส่ใจต่อคำทักทายนั่น แต่กลับถามหาอีกคนแทน
    “อากิระ…แล้วคุณริวยะล่ะ”
     “คุณหมอมานาเบะ มาที่บริษัทแล้วลากตัวไปดื่มด้วยกันแล้วล่ะ”
    เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้จึงทำให้อากิระ ถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัยจริง ๆ
    “มีอะไรงั้นหรือ ทาคุ”
    “นายคิดว่า คุณริวยะ จะปล่อยให้เด็กนั่นเข้าใจตัวเองผิดไปอีกถึงเมื่อไหร่กัน?”
    อากิระเลิกคิ้วน้อย ๆ ก่อนจะย้อนถามด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
    “สงสาร?”
    “แล้วไม่น่าสงสารอย่างนั้นรึ” ทาคุตอบสวนกลับด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม ไม่นึกสนุกไปกับคนตรงหน้าด้วยแม้แต่น้อย
    “ไม่เอาน่า นายก็รู้ว่าคุณริวยะคิดยังไงกับเด็กนั่น มันไม่ใช่แค่การคบอย่างฉาบฉวยเหมือนคู่ควงคนก่อน ๆ ของเขาสักหน่อย”
    ชายหนุ่มพยายามพูดให้อีกฝ่ายสบายใจ แต่ดูเหมือนจะยังคงไม่ได้ผล
    “แต่อย่างน้อยก็น่าจะอธิบายความจริง ... คุณริวยะเลือกทำแบบนี้มันไม่ดีทั้งต่อตัวเอง และเด็กคนนั้นเลยสักนิด”
    อากิระถอนหายใจยาว พลางตบบ่าเพื่อนสนิทเบา ๆ
    “นายก็รู้นิสัยคุณริวยะดีนี่ทาคุ  คน ๆ นั้น  ไม่มีวันยอมพูด หรือแสดงความในใจที่แท้จริงต่อหน้าคนอื่นเด็ดขาด...ถึงต่อให้อยากบอกขนาดไหนก็ตามเถอะ”
    “หัวดื้อล่ะสิ”
    คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้อากิระชะงัก ก่อนจะเผลอหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว
    “ฮ่า ๆ อย่าไปพูดต่อหน้าเจ้าตัวเชียว ฉันยังไม่อยากทำงานคนเดียวหรอกนะ”
    เจ้าตัวบอกอย่างยากลำบาก เพราะพยายามกลั้นหัวเราะ เมื่อเห็นสาวใช้ ซึ่งทำงานอยู่แถวนั้น เหลือบมามองเขาด้วยความสนใจ
    “ว่าแต่ฉันไม่อยู่ที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง”
    ทาคุเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคุมอารมณ์ให้กลับเป็นปกติเรียบร้อยดีแล้ว
    “ทำยังไงได้ ขาดโปรแกรมเมอร์มือดี ฉันก็วุ่นวายนิดหน่อย แต่คนใหม่ที่มาแทนนาย ก็ทำงานใช้ได้  ถึงฉันจะต้องเหนื่อยในการสอนงานเขาบ้างก็ตามเถอะ”  
    อากิระกล่าวพลางยักไหล่ ซึ่งเมื่อได้ฟัง ทาคุก็แย้มยิ้มที่มุมปากให้อีกฝ่าย
    “เหนื่อยแย่ล่ะสิ”
    “ก็งั้น แต่ก็ยังดีกว่าเป็นพี่เลี้ยงเด็กนั่นล่ะ”
    อากิระบอกออกไปแล้ว ก็เหมือนกับจะนึกขึ้นได้ถึงเรื่องบางอย่าง เขาจึงถามชายหนุ่มด้วยความสงสัย
    “จริงสิ ทาคุ แล้วเด็กคนนั้นเห็น ‘นั่น’ หรือยังล่ะ”
    “ยัง...ก็เพิ่งฟื้นไข้ จะมีแรงเดินไปสำรวจดูรอบบ้านได้ยังไงกัน”
    ทาคุตอบเรียบ ๆ พอได้ฟังดังนั้น อากิระจึงยิ้มขึ้นอย่างพอใจ และกล่าวกับอีกฝ่าย ด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเจ้าเล่ห์นิด ๆ
    “อืม...น่าจะให้ได้เห็นนะ เผื่ออะไร ๆ มันจะดีขึ้นมาก็ได้”
    “ไม่กลัวโดนคุณริวยะโกรธเอาทีหลังหรือไง”
     ใบหน้าคมเข้มถามอย่างระอา ซึ่งคนฟังก็หัวเราะเบา ๆ ในลำคอพลางเหยียดยิ้มตอบ
    “ก็ถ้าเด็กคนนั้นเป็นฝ่ายไปเจอด้วยตัวเอง มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราไม่ใช่หรือไงล่ะ”
    ทาคุถอนหายใจเบา ๆ กับความคิดของชายตรงหน้า คนส่วนใหญ่มักจะมองภาพพจน์ของอากิระ เป็นคนอ่อนโยน สุภาพ เรียบร้อย แต่ความจริงแล้วชายหนุ่มเป็นคนฉลาด ซึ่งติดจะเจ้าเล่ห์เสียด้วยซ้ำ ช่างคิด ช่างวางแผน เป็นมือขวาที่ ริวยะไว้วางใจให้ทำงานสำคัญ ๆ อยู่เสมอ
    “เอาเถอะน่า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันจัดการเอง”
    อากิระตบบ่าเพื่อนของตน และมองไปยังประตูห้องของยูคิ ด้วยแววตาที่ ทาคุต้องถอนหายใจยาวออกมาอีกครั้ง

    ยูคิฟุบนอนลงบนเตียงอย่างเหนื่อยหน่าย ยามนี้เขาไม่อยากจะคิด หรือทำอะไรทั้งสิ้น เด็กหนุ่มนอนอยู่แบบนั้นครู่ใหญ่ จนกระทั่งได้ยินเสียงในกระเพาะร้องประท้วงลั่นเพราะความหิว
    “เฮ่อ... ต่อให้โลกจะแตก แต่ท้องก็ยังคงหิว อยู่ดีล่ะนะ”
    เด็กหนุ่มบ่นกับตัวเองเบา ๆ  เพราะเจ้าเสียงครวญครางในกระเพาะมันทำลายบรรยากาศสลดหดหู่ภายในใจไปเกือบสิ้นเชิง
    ยูคิขยับกายลุกขึ้น แต่แล้วเขาก็ต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บที่ยังคงหลงเหลือจากเบื้องล่าง เจ้าตัวกัดฟันกรอด พยายามยันกายอย่างช้า ๆ โดยไม่คิดจะร้องขอความช่วยเหลือจากคนภายนอกแต่อย่างใด
    “หือ?”
    เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนโงนเงนเดินมาที่ประตู แต่พอเปิดมันออก ก็ต้องสะดุดเอาเข้ากับความรู้สึกลื่น ๆ ที่ปลายเท้า ก้มลงไปก็พบว่าตนกำลังเหยียบผ้าบางผืนหนึ่งอยู่  ผ้าที่เขาต้องเพ่งพิจารณา เพราะรู้สึกว่ามันคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นจากไหนมาก่อนสักแห่ง  
    “ผ้าที่ห่อกล่องอัฐิพ่อนี่นา!”
    ยูคิอุทานด้วยความตกใจ ก้มลงเก็บมันขึ้นมาพิจารณาดูอีกครั้ง ก็พบว่าเขาไม่ได้เข้าใจผิดไปแต่อย่างใด
    “ทำไมมันมาอยู่ที่นี่ได้ ก็ในเมื่อวันนั้น ก็ไม่เห็นมี...”
    เจ้าตัวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พลางย้อนไปนึกถึงเมื่อ 3 วันก่อนที่เขาค้นหาในห้องแทบเป็นแทบตาย ก็จำได้ว่าไม่เคยเห็นผ้าผืนนี้เลยแม้แต่น้อย
    เด็กหนุ่มกำผ้าผืนนั้นแน่น บางทีอัฐิพ่ออาจจะยังอยู่ในบ้านหลังนี้ แม้ความหวังอาจจะดูเลือนราง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีเสียเลย
     จากนั้นร่างบางจึงเหลือบมองซ้าย มองขวา พอไม่เห็นมีใครก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก และค่อย ๆ เดินย่องไปตามทางเดินระเบียงหน้าห้อง เพื่อสำรวจดูรอบ ๆ บ้าน โดยหวังว่าจะเจออัฐิของบิดาอยู่ในไม่ห้องใดก็ห้องหนึ่ง
    ทันทีที่ลับหลังร่างบางไปแล้ว ร่างสูงสองร่างที่ยืนหลบอยู่ ก็ปรากฏกายออกมาจากที่ซ่อน ร่างหนึ่งยืนยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ ส่วนอีกร่างถอนหายใจเบา ๆ ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
    
    ยูคิเดินไปเรื่อย ๆ ตามระเบียงทางเดิน พลางมองซ้าย มองขวาอย่างหวาดระแวง ไม่รู้ว่าคนในบ้านจะโผล่ออกมาให้เห็นเอาเข้าเมื่อไหร่ แต่พอเวลาผ่านไปสักพัก เขาก็รู้สึกหน้ามืดเล็กน้อย เพราะความที่ร่างกายเพิ่งจะฟื้นจากพิษไข้ ประกอบกับยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักนิด
    ท่าทางโซเซเหมือนจะเป็นลมนั้น ทำให้ร่างสูงที่แอบตามมา แทบจะจ้ำพรวดออกไปหาด้วยความเป็นห่วง ถ้าไม่ถูกคนที่ยืนอยู่ด้วยกันรั้งตัวเอาไว้ก่อน
    “เด็กนั่นไม่ไหวหรอก เพิ่งจะฟื้นไข้ อาการยังไม่ค่อยดีเลยนะ”
    ทาคุบอกอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก ซึ่งอากิระก็พยายามอธิบายให้ชายหนุ่มเข้าใจอย่างใจเย็น
    “รออีกหน่อยน่า ห้องข้างหน้านั่นก็ถึงแล้ว นายคงจะไม่ปล่อยให้โอกาสดี ๆ แบบนี้หลุดมือไปหรอกนะ”
    ทาคุยืนมองอย่างลังเล แต่พอเห็นยูคิ เริ่มออกเดินต่อ และหยุดชะงักตรงหน้าห้องที่เลื่อนประตูเปิดแง้มเอาไว้ ก็ทำให้เขาอดทนยอมยืนรออยู่ห่าง ๆ ตามคำบอกของอากิระ

    ยูคิเลื่อนประตูที่แง้มเอาไว้ แล้วก้าวเข้าไปในห้อง  มันเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ โล่ง ๆ  ธรรมดา  เพียงแต่สิ่งที่ดึงดูดให้เขาต้องก้าวเข้ามา มันคือป้ายวิญญาณ ซึ่งวางอยู่หน้าตู้บูชาเล็ก ๆ ที่ในนั้นมีกล่องบรรจุอัฐิของบิดาเขาตั้งประดับไว้อย่างดี
    “กล่องใส่อัฐิ....ทำไม?”
    เจ้าตัวพึมพำกับตัวเองด้วยความรู้สึกสับสน จากที่เคยคิดว่าคงจะโดนอีกฝ่ายทำลายทิ้งไปแล้ว แต่กลับได้รับการดูแลรักษาอย่างดีแบบนี้แทน
    ...ทำไม ถึงไม่บอก ...ทำไมต้องทำให้เข้าใจผิด...แล้วทำไมต้องทำแบบนั้น...กับเรา
    คำถามสารพัดที่ประดังเข้ามาในใจ หากไม่มีใครตอบให้ได้ ยกเว้นคนเพียงคนเดียว
    “ทุกอย่างที่คุณทำ มันเพื่ออะไรกันแน่ ...คุณริวยะ”
    ยูคิพึมพำกับตัวเองแล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาในห้อง พร้อมกับการปรากฏกายของร่างสูง ที่จับจ้องมายังตนด้วยสายตาที่ยากจะอ่านความในใจ
    “ทำไมไม่อยู่ที่ห้อง ออกมาเดินเล่นแบบนี้ หายดีแล้วอย่างนั้นหรือไง”
    ร่างสูงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มราบเรียบ โดยไม่ได้มีท่าทีประหลาดใจแต่อย่างใดที่เห็นอีกฝ่ายมาปรากฏกายอยู่ภายในห้องนี้
    “กลับห้องได้แล้ว”  เจ้าตัวออกคำสั่ง พลางเดินมาฉุดแขนร่างบางให้ไปด้วยกัน แต่เพียงแค่ออกแรงเบา ๆ คนที่ยืนใบหน้าซีดเซียว ก็แทบจะเซถลาไปตามแรงดึงนั่น
    ริวยะขมวดคิ้วมองร่างบางอย่างพิจารณา ก่อนจะตวัดสายตาคมกริบมายังบุรุษสองคนที่ยืนคอยอยู่นอกห้อง
    “ทั้งสองคน เดี๋ยวตามไปพบฉันที่ห้องด้วย”
    บอกด้วยน้ำเสียงห้วนจนคนฟังต้องลอบกลืนน้ำลาย จากนั้นก็อุ้มช้อนร่างบางที่ยังคงยืนตกตะลึง ขึ้นแนบอก พลางอุ้มกลับห้องไปด้วยกันทั้งแบบนั้น

    “ปะ...ปล่อยเถอะครับ”
    ยูคิพยายามขอร้องอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เหตุการณ์เมื่อสักครู่ยังคงสร้างความสับสนให้กับเด็กหนุ่มอยู่ไม่หาย
    “เดินไม่ไหวไม่ใช่หรือไง”
    น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างไม่ใส่ใจต่อคำขอร้องนั่น
    “เดินไหวครับ... ปล่อยผมลงเถอะ”
    เด็กหนุ่มตอบอึกอัก รู้สึกลำบากใจอย่างบอกไม่ถูกที่ต้องมาอยู่ในอ้อมแขนของร่างสูงแบบนี้
    “โกหก หน้าซีดเป็นกระดาษแบบนี้นี่นะเดินไหว”
    ริวยะดุร่างบางในอ้อมแขนเบา ๆ และเดินตรงไปข้างหน้าอย่างไม่ใส่ใจ จนกระทั่งผ่านหน้าห้องของเด็กหนุ่มก็ยังไม่ยอมหยุด ส่งผลให้ร่างในอ้อมแขนอุทานขึ้นอย่างหวาดระแวง
    “อ๊ะ... เอ่อ...จะพาผมไปไหนครับ”
    “ห้องฉัน”  คำตอบสั้น ๆ ง่าย  ๆ เรียกความหวั่นวิตกให้อีกฝ่ายเป็นเท่าตัว
    “คือ...”
    “ทำไม....กลัวงั้นหรือ”
    ใบหน้าคมเข้มก้มลงมากระซิบถาม ซึ่งยูคิก็รู้สึกวูบวาบที่ใบหน้าอย่างประหลาด
    “มะ...ไม่ครับ... แต่”
    “ไม่กลัว ก็เลิกพูดได้แล้วน่า”
    ริวยะตัดบท แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อได้ฟังประโยคถัดมาของเด็กหนุ่ม
    “ไม่ได้กลัวครับ...แต่หิวข้าว...”
    “หือ?” ร่างสูงเลิกคิ้วอย่างไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ฟังนัก แต่เมื่ออีกฝ่ายย้ำถ้อยคำเดิมมาอีกครั้ง เขาก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
    “หิว...แล้วทำไมไม่ไปที่ห้องอาหารแต่แรก ทางไปห้องอาหารเธอก็รู้จักแล้วไม่ใช่หรือ”
    “ก็ผม...” ยูคิอึกอัก ในขณะที่ตัดสินใจจะถามถึงเรื่องอัฐิของบิดา ริวยะก็พาเขามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องอาหารพอดี
    “ถึงแล้ว”
    “ท่านริวยะ... อ้าว คุณยูคิ ฟื้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ”
    ชิโนะแม่บ้าน ซึ่งกำลังเตรียมอาหารเย็นให้ริวยะ อุทานด้วยความประหลาดใจที่เห็นยูคิมาด้วยกันกับชายหนุ่ม  
    “ชิโนะ ช่วยเตรียมอาหารอ่อน ๆ ให้ที่หนึ่งนะ เร็วด้วยล่ะ”
    “ค่ะ ๆ จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ  รอสักครู่นะคะคุณยูคิ”
    หญิงวัยกลางคนรีบรับคำ และผลุบหายไปในครัว จากนั้นริวยะจึงอุ้มร่างบางเข้ามาในห้อง และประคองวางลงบนพื้นอย่างอ่อนโยน
    “อะ...เอ่อ...”
    ยูคิกล่าวขึ้นอย่างตะกุกตะกัก เพราะไม่รู้จะเริ่มถามอีกฝ่ายยังไงดี
    “มีอะไร” น้ำเสียงวางอำนาจกล่าว  เล่นเอาคนตั้งท่าจะถามใจฝ่อ แต่ก็พยายามรวบรวมความกล้าถามออกไปได้ในที่สุด
    “เรื่องอัฐิพ่อของผมน่ะครับ ... ทำไมคุณถึงไม่บอก”
    ริวยะเงียบไปสักพัก และจึงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เฉยชา
    “ไม่มีความจำเป็นที่ฉันต้องบอกนี่”
    ทว่าคำกล่าวนั้น กลับทำให้ร่างบางที่นั่งฟังอยู่ทนไม่ไหว ความรู้สึกคับแค้น สับสน และน้อยใจ มันประดังประเด ถาโถมเข้ามาหาเขาแทบจะพร้อมกัน
    “ไม่มีหรือครับ! คุณทำให้ผมเข้าใจคุณผิด ทำให้ผมโมโหคุณ จน...เกิดเรื่องแบบนั้น ...แล้วยังบอกว่าไม่มีความจำเป็น...”
    ชายหนุ่มร่างสูงนิ่งเงียบไม่กล่าวตอบอะไรออกไป ยิ่งทำให้ความอดทนของเด็กหนุ่มถึงขีดจำกัด เจ้าตัวโพล่งออกไปเสียงดังอย่างสุดกลั้น
    “ทำไมไม่พูดล่ะครับ ทำไมไม่อธิบายเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกันล่ะ!”
    “ทานข้าวเสร็จแล้ว ก็กลับห้องเองแล้วกัน ฉันมีธุระต้องจัดการนิดหน่อย”
    ริวยะกล่าวเรียบ ๆ และลุกเดินออกจากห้องนั้นไปในทันที  โดยที่มียูคิตะโกนเรียกชื่อของตนตามไปติด ๆ
    “คุณริวยะ!”
   “ทำไมกันล่ะครับ...”
    เด็กหนุ่มพึมพำเบา ๆ กับตนเอง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงเกิดความรู้สึกแปลก ๆ เช่นนี้  ความรู้สึกที่เขาก็บอกกับตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่ามันคืออะไร...
    

===
TBC
===
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 31-10-2010 16:02:06
 


=====
บทที่ 6
=====


   ริวยะเดินกลับมายังห้องส่วนตัวของเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทำเอา ทาคุและอากิระ ซึ่งยืนคอยอยู่หน้าห้องต้องลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างหวาด ๆ
    “เข้ามาสิ”
    ชายหนุ่มกล่าวห้วน ๆ ขณะเปิดประตูห้องและตัวเขาเองก้าวนำไปก่อน
    ทาคุและอากิระ เดินเข้ามาเงียบ ๆ และนั่งคุกเข่าต่อหน้าริวยะซึ่งทรุดนั่งลงบนเตียงนอนของตนเอง
    “ทาคุ”  น้ำเสียงทรงอำนาจเรียกชื่อชายหนุ่มที่นั่งคุกเข่าสำนึกผิดอยู่เบื้องหน้า
    “ครับ”
    “บอกแล้วใช่ไหมว่าให้ดูแลยูคิให้ดี และเมื่อครู่นั่นทำไมถึงปล่อยให้ออกไปเดินคนเดียวแบบนั้น”
    สีหน้าและน้ำเสียงเย็นชา ทำให้ทาคุก้มหน้านิ่ง ยอมรับผิดแต่โดยดีโดยไม่คิดจะตอบโต้ ซึ่งก็ทำให้อากิระที่นั่งอยู่ข้าง ๆ รีบแย้งขัดขึ้นมาทันที
    “เอ่อ คุณริวยะครับ ความจริงแล้วเรื่องทั้งหมดเป็นความคิดของผมเองครับ ทาคุก็แค่ถูกบังคับให้ร่วมมือด้วยเท่านั้น”
    ริวยะตวัดสายตากลับมาหาชายหนุ่มอีกคน พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
    “ไม่ต้องบอกฉันก็รู้ว่าเป็นแผนการของนาย แต่ที่ฉันตำหนิทาคุ เพราะเขาละทิ้งหน้าที่ที่ฉันสั่ง ซึ่งฉันไม่สนหรอกว่ามันจะเป็นเพราะสาเหตุใด”
    “ตะ...แต่”  อากิระพยายามอธิบาย แต่ทาคุห้ามเอาไว้เสียก่อน
    “ไม่ต้องแล้วอากิระ คุณริวยะพูดถูกฉันบกพร่องต่อหน้าที่ สมควรถูกลงโทษ”
    ริวยะมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะเหยียดยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากได้รูปนั่น
    “อืม ไว้เรื่องทำโทษนายฉันจะพิจารณาทีหลัง ว่าแต่อากิระ!”
    หันมาทางอีกคนซึ่งสะดุ้งโหยงเมื่อถูกเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ
    “คะ...ครับ!”
    “เยี่ยมมากเลยนะ  ถ้าฉันไม่หนีเจ้ามานาเบะกลับมาก่อน และเห็นพวกนายสองคนยืนลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวนั้นล่ะก็   ฉันคงคิดว่ายูคิเจอห้องนั้นด้วยตัวเองไปแล้ว”
    คำพูดแฝงการประชดประชันนิด ๆ ทำเอาอากิระกลืนน้ำลายลงคอ แต่ก็พอจะใจชื้นหน่อย ๆ  เพราะหาก ริวยะโกรธจริง ชายหนุ่มจะเงียบกว่านี้  ...ไม่สิ เจ้าตัวจะเงียบชนิดที่ทำเอาคนรอบข้างเสียวสันหลังวาบทีเดียว  มันเป็นความเงียบที่เปรียบเสมือนทะเลก่อนจะเกิดพายุใหญ่ยังไงยังงั้น
    “เอ่อ ...แล้วเรื่องลงโทษ”
    อากิระอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ถาม  ซึ่งก็ได้รับคำตอบกลับอย่างหนักแน่น จนคนฟังใจเสีย
    “อ๋อ! ทำแน่ ไม่ต้องห่วงหรอก!”
    “อะ...เอ่อ อะไรหรือครับ พอจะบอกให้เตรียมใจก่อนได้หรือเปล่า”
     อีกฝ่ายยังคงต่อรอง ซึ่งทาคุที่ฟังอยู่ก็ถอนหายใจเบา ๆ เห็นการพูดคุยต่อปากคำกันลักษณะนี้ ก็พอจะรู้แล้วว่า ผู้เป็นเจ้านายไม่ได้โกรธเคืองอะไรพวกเขาแล้ว
     คนที่รู้จัก มุราคามิ  ริวยะ แต่เพียงผิวเผิน  มักจะคิดไปเองว่า ชายหนุ่มเป็นคนชอบวางตัวเย็นชา สวมหน้ากากเข้าหาคนอื่นอยู่เสมอ จะมีก็แต่เพียงครอบครัว  เพื่อนสนิทบางคน  เขา อากิระ และคนงานเก่าแก่ภายในบ้าน  ถึงจะได้มีโอกาสเห็นตัวตนที่แท้จริงซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากเย็นชาของชายหนุ่มเท่านั้น
    “เอ่อ...คุณริวยะครับ”
    ทาคุกล่าวขัดขึ้นเบา ๆ ระหว่างการสนทนาของริวยะ และอากิระ
    “มีอะไรหรือทาคุ”
    ริวยะหันถามชายหนุ่ม แต่พออีกฝ่ายบอกถึงเรื่องที่ต้องการจะสนทนาด้วย เขาก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที
    “เรื่องคุณยูคิน่ะครับ”
    “มีอะไร!”  ริวยะถามเสียงห้วน
    “ทำไมถึงไม่บอกคุณยูคิถึงความรู้สึกที่แท้จริงของคุณล่ะครับ”
    “เฮ่ย! ทาคุ”  อากิระพยายามจะบอกให้เพื่อนสนิทหยุด เพราะเรื่องที่ชายหนุ่มจะพูด มันเฉียดเข้าขั้นคอขาดบาดตายเลยทีเดียว
    “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายเลยนะทาคุ”
    ริวยะกล่าวเสียงเรียบ สีหน้าและแววตากลับกลายมาเป็นเย็นชาอีกครั้ง อากิระกลืนน้ำลายลงคอพยายามสะกิดให้เพื่อนสนิทหยุด แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะทาคุเองก็เริ่มจะหมดความอดทนแล้วเช่นกัน
    “คิดจะปิดบังไปถึงเมื่อไหร่กัน ไหนคุณเคยบอกกับพวกเราว่าคุณยูคิเป็นคนสำคัญไงครับ แล้วนี่หรือครับการกระทำกับคนสำคัญของคุณ!”
    “ทาคุ!” ริวยะตวาดขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ ทว่าคนพูดก็ยังคงไม่ยอมหยุดและยังพูดต่อไป
    “ผมทราบครับว่าผมไม่มีสิทธิ์จะมาพูดใส่หน้าคุณแบบนี้ ผมยินดีรับโทษหลังจากนี้ทุกประการ แต่ตอนนี้ผมต้องพูด เพราะผมทนดูคุณเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว!”
    “นาย!” ใบหน้าคมเข้มชะงัก รู้ดีว่าคนตรงหน้าเองก็คงถึงที่สุดเหมือนกัน มิเช่นนั้นจะไม่มีวันได้เห็นทาคุผู้สงบเสงี่ยม เจียมตัวเสมอ กล้าขึ้นเสียงต่อเขาเป็นอันขาด
    “คุณริวยะ รู้ตัวเองบ้างไหม สีหน้าของคุณตอนไปดูแลคุณยูคิที่นอนซมเพราะพิษไข้นั่นน่ะ มันทำให้คนที่เป็นห่วงคุณเจ็บขนาดไหน  ผม  อากิระ คุณชิโนะ…ทุก ๆ คนในบ้าน ไม่มีใครต้องการเห็นสีหน้าแบบนั้นของคุณหรอกนะครับ ...สีหน้าที่เจ็บปวด และสำนึกผิดแบบนั้นน่ะ”
    ทาคุกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ คำพูดนั้นมันทำให้อากิระต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะเขาเองก็รู้สึกแบบเดียวกับที่ชายหนุ่มพูดมานั่นเอง
    “แล้วยังเด็กคนนั้นอีก...จู่ ๆ ก็ถูกพามาในที่ ๆ ตัวเองไม่รู้จัก หวังว่าคนที่รับตัวเองมาอยู่ด้วยจะเป็นที่พึ่งพาได้ แต่กลับถูกกระทำในสิ่งที่เหมือนโดนหักหลัง แถมยังโดนเย็นชาใส่แบบนี้ เป็นคุณ คุณจะรู้สึกยังไงล่ะครับ”
    อากิระถอนหายใจอีกครั้ง  เพื่อนผู้เถรตรงต่อความรู้สึกของเขาคนนี้ ลองปล่อยให้พูดในสิ่งที่ตนคิด ก็จะพูดออกมาเสียหมดเปลือก โดยที่ไม่แคร์เลยสักนิดว่าคนฟังจะรับได้ไหม...แต่ดูเหมือน เขาคงจะไม่ต้องเป็นห่วงเท่าไหร่แล้วล่ะมั้ง  ก็ในเมื่อสีหน้าของริวยะตอนนี้ มันไม่ใช่สีหน้าของคนที่โกรธเกรี้ยวยามถูกพูดแทงใจดำเอาเข้าเต็ม ๆ เลยนี่นะ บางทีการพูดแบบเปิดอกครั้งนี้ของทาคุ อาจจะเป็นวิธีการที่ถูกต้องแล้วก็เป็นได้
    “นี่เป็นความหวังดีของ ‘พี่ชาย’ ที่มีต่อ ‘น้องชาย’ ที่เคยเล่นด้วยกันในสมัยเด็ก ๆ นะครับ คุณริวยะ”
    อากิระเอ่ยกับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายในปัจจุบัน ด้วยสีหน้าอ่อนโยน ซึ่งริวยะก็ถอนหายใจเบา ๆ  ก่อนจะสั่งให้คนทั้งคู่ลุกขึ้นยืนได้
    “เอาเถอะ ฉันรู้ว่านายหวังดีกับฉัน หึ...จะว่าไปก็ไม่ได้โดนทาคุสั่งสอนยาว ๆ แบบนี้มานานแล้วนะ จริงไหมอากิระ?”
    หันไปถามชายหนุ่มซึ่งยืนยิ้มมองมาพลางพยักหน้าให้ ในขณะที่อีกคนถอนหายใจเบา ๆ แม้จะมีสีหน้าเคร่งเครียด แต่ก็ระบายด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ
    “คุณริวยะ...”  ทาคุเรียกชื่ออีกฝ่ายเบา ๆ  ซึ่งร่างสูงก็เหยียดยิ้มมุมปากนิด ๆ ก่อนกล่าว
    “อืม! ฉันจะลองดู แต่ไม่รับประกันว่าจะสำเร็จไหมนะ นายก็รู้ว่าฉันเป็นคนขี้อาย แถมยังพูดไม่เก่ง”
    อากิระแทบจะหลุดหัวเราะพรืดออกมา เมื่อได้ฟังประโยคนั้น ส่วนทาคุสั่นศีรษะอย่างระอา ให้กับคนที่ออกตัวว่าขี้อาย พูดไม่เก่ง ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูงโดยสายเลือด และรู้จักการใช้คำพูดจนสามารถเจรจาธุรกิจยาก ๆ ให้ประสบความสำเร็จมานักต่อนักแล้ว
    “ขอบใจ สำหรับคำแนะนำนะทาคุ”
    ริวยะหันมากล่าวกับชายหนุ่มก่อนออกจากห้องไป ซึ่งทาคุก็ก้มศีรษะให้กับอีกฝ่ายน้อย ๆ และเมื่อริวยะออกไปแล้ว อากิระก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
    “นึกว่าจะตายจริง ๆ เสียแล้วสิ”
    ทาคุหันมามองเพื่อนสนิท แล้วก็สั่นศีรษะอย่างระอา แต่ก็อดนึกขอบใจอีกฝ่ายไม่ได้ว่า หากไม่เป็นเพราะแผนที่อากิระคิด ยูคิก็คงไม่ได้มองริวยะในแง่ดีขึ้นมาหน่อยแบบนี้หรอก

    ยูคิกลับมาจากทานอาหารเย็น และตรงเข้านอนทันที  แต่ไม่ว่าจะทำยังไงเขาก็ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อช่วงเย็น มันยังคงรบกวนจิตใจเขาไม่จางหายไป
    ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูเลื่อน และการก้าวเข้ามาของฝีเท้าหนัก ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคนซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ก่อนที่จะแสร้งทำเป็นหลับตาลงทันทีเมื่อรับรู้ถึงน้ำหนักที่ยุบตัวลงมาของเตียงนอน
    “ยูคิ...”
    น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบเบา ๆ ข้างหู ทำเอาคนฟังใจเต้นตึกตัก
    “ฉันรู้ว่าเธอยังไม่หลับ ลืมตาขึ้นมาคุยกันหน่อยสิ”
   ทว่ายูคิยังคงนอนนิ่ง แถมหลับตาปี๋ ไม่ยอมลืม จนคนมองหมั่นไส้ระคนเอ็นดู
    “ถ้าไม่ตื่น จะปล้ำนะ”
    คำขู่กึ่งเอาจริงของร่างสูงทำให้ เด็กหนุ่มเบิกตาโพลง ลุกขึ้นพรวด ใบหน้าแดงวาบ พลางถอยกรูดหนีไปอีกมุมเตียง
    “กลัวฉันนักหรือไง หือ?”  น้ำเสียงทุ้มนุ่ม อ่อนโยน ราวดังเป็นคนละคนกับเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ประกอบกับเรื่องอัฐิพ่อ ทำให้ยูคิเริ่มลังเลในความรู้สึกที่มีต่อคนตรงหน้า
    “ผม...เอ่อ”
    “ฉันจะมาตอบคำถามเธอเรื่องเมื่อตอนเย็นยังไงล่ะ”
    คำบอกนั้นเรียกความสนใจของเด็กหนุ่มได้อย่างชะงัด เจ้าตัวเริ่มสบตาตรง ๆ กับอีกฝ่ายได้บ้าง
    “เข้ามาใกล้ ๆ สิ อยู่ตั้งไกลอย่างนั้น จะให้ตะโกนคุยกันหรือไง”
    ริวยะแสร้งบอกดุ ๆ ความจริงแล้ว ตำแหน่งที่เขาและยูคิอยู่ไม่ได้ห่างกันไกลเท่าไหร่เลย ก็แค่หัวเตียงกับปลายเตียงเท่านั้น
    แต่ด้วยความที่อยากรู้คำตอบ ทำให้ยูคิขยับเข้ามาใกล้ อย่างกึ่งกล้ากึ่งกลัว ซึ่งริวยะก็ลอบยิ้มในสีหน้าเมื่อเห็นปฏิกิริยาดังกล่าว
    “เอ่อ...คือคำตอบล่ะครับ”
    “อยากรู้จริงหรือ?”  ร่างสูงย้อนถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย
    “ครับ”
    “บอกก็ได้...”  พูดแค่นั้นแล้วก็โน้มใบหน้าเข้ามาจู่โจมร่างบาง ซึ่งนั่งนิ่งตกตะลึง เพราะจู่ ๆ ก็ถูกขโมยจูบเอาดื้อ ๆ แบบนั้น
    “อื้ม…คุณ ริ…อืม..”
    จูบครั้งที่สอง ครั้งที่สาม และอีกหลาย ๆ ครั้งตามมา จูบเร่าร้อน อ่อนโยน และดุดัน คละเคล้าสลับกันไป จนคนถูกจูบทรุดฮวบลงกับอ้อมอกกว้างทันทีที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ
    “นี่ยังไงล่ะ คำตอบของฉัน ...ยูคิ”
    ชายหนุ่มบอกพลางจุมพิตที่หน้าผากเกลี้ยงเกลาอีกครั้ง และเดินออกไปจากห้อง โดยมีร่างบางที่ยังคงนั่งอึ้ง แต่ก็เริ่มจะเรียกสติกลับคืนมาได้บ้างแล้ว
    ...ก็ไหนบอกว่าจะตอบคำถามเมื่อตอนเย็นไงล่ะ  แต่นี่มาถึงก็จูบเอา จูบเอาแบบนี้ ตกลงมันหมายความว่ายังไงกันแน่ มุราคามิ ริวยะ!
    ยูคิคิดในใจอย่างสับสน ไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มกระทำแม้แต่น้อย แต่ที่รู้เพียงอย่างเดียวก็คือตอนนี้ ใบหน้าของเขามันร้อนวูบวาบอย่างประหลาด ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากลองไปส่องกระจกดู มันจะแดงก่ำขนาดไหน



===
TBC
===
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 31-10-2010 16:03:39


เป็นไงบ้างคะ ยาวเกินไปไหม ^ ^" พอดีเห็นความหวานมันต่อเนื่อง นักอ่านจะได้ไม่เข้าใจริวยะผิด ถึงจะขี้เก๊กและหื่นแต่ก็แอบหวานนะเอ้อ~

ถ้ายาวจนตาลายเกินไปไว้ครั้งหน้าจะโพสทีละตอนแล้วจ้า~
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 31-10-2010 16:12:49
 :L2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 31-10-2010 16:16:21
ตอบค่ะ ไม่ยาวเกินไป ยาวกำลังดีเลยค่ะ >//////<

แต่ๆๆ เหตุผลของริวยะซังนี่ไม่ไหวจะเคลียร์นะคะ พูดไม่เก่ง อาย เลยจับปล้ำซะเนี่ยนะ
แหม่ๆๆ คิดด๊ายยยยยยยยยยย :m20:

ปล.ทาคุกะอากิระเท่โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 31-10-2010 16:25:25
อ๊า ริวยะเริ่มเปิดใจแล้ว อย่าปล่อยให้ยูคิเข้าใจผิดอีกเลยนะ ที่จริงก็รักเค้านิ่
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 31-10-2010 16:31:20
ขี้อายและพูดไม่เก่ง ก็เลยบอกด้วยการกระทำ
แต่พี่ท่านเล่นเข้ามาจูบ จูบ จูบ แล้วออกไปอย่างนี้
มันหน้าจะงงกว่าเดิมไหมห๊า ปากหนักจริงพ่อคุณ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 31-10-2010 16:55:35
:-[
รอตอนต่อไปโลดขอรับ :a9:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 31-10-2010 16:56:22
พระเอกนี่ ปากแข็งจริงๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 31-10-2010 17:05:34
ตอนนี้ทาคุเอาไปเลย 100คะแนนเต็ม  ริวยะแอบน่ารักน่ะ  ตอนหน้าขอหวานๆน๊า
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 31-10-2010 17:23:30
 o13
อย่าอีกเค้าเสียใจน้า
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 31-10-2010 17:29:08
โพสยาว ๆ แบบนี้ชอบค่า ไม่ลายตาเลยค่า อิอิ

เข้าใจริวยะขึ้นมาบ้างแหละ แต่แสดงออกบ้างอะไรบ้างก็ดีนะ

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 31-10-2010 17:39:26
ขี้อาย พูดไม่เก่ง  ตลกหล่ะ


ตัวเอกเรานี้ไม่ไหวนะ


แล้วเข้าไปเคลี่ยเนี้ยมันคืออะไร จูบนี้นะะะ   
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 31-10-2010 18:26:13
ริวยะ ไม่ถนัดในการตอบคำถามแบบบรรยาย
เลยตอบแบบใช้ภาคปฏิบัติแทน หุ หุ หุ
น้องยูคิ คงเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ใช่ปะคะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 31-10-2010 18:40:44
อ่านไปยิ้มไปเลยนะครับ  ทั้งๆที่ก่อนหน้าน้ำตาแทบใหล
แต่ได้ไรเตอร์ยืนยันว่าไม่เศร้า  ก็เลยทำใจได้หนอย
เนื้อเรื่องแต่งให้เกิดขึ้นในญี่ปุ่น  แต่ตัวลครไม่มากนัก
ก็เลยจำชื่อได้ง่ายหน่อย
บางเรื่องตัวละครเยอะก็เลยจำชื่อตัวละครไม่ได้ ทำให้ยิ่งอ่านยิ่งงง

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: b27072010 ที่ 31-10-2010 19:31:33
ดีนะที่มีมีคนท้วงเตือนแล้วก็รับฟัง

ไม่งั้นแย่กันทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: KM ที่ 31-10-2010 20:07:17
โอ๊ยยยย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 31-10-2010 20:19:01
ภาษาพูดมันสื่ออกมายาก ริวยะเลยใช้ภาษากายบอกแทนชิมิ
แต่ยูคิก็ยังไม่รู้ต่อไป 55
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 31-10-2010 20:19:43
ชอบโพสยาว ๆ แบบนี้ชอบมากเลยจ้า :pig4:
อืมนะ ริวยะพ่อคนขี้อาย มาถึงก็จูบเอาๆ อายมากเลยนะนั่น :laugh:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 31-10-2010 20:49:36
รอตอนที่เจ็ดแปดอยู่นะ o13
 :call:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 31-10-2010 21:13:04
พูดไม่ค่อยเก่ง ขี้อาย เลยใช้การกระทำบอกความรู้สึกแทนใช่ป่าวริวยะ  :m12:
แต่บางทีต้องกระทำพร้อมคำพูดด้วยนะ จะได้เคลียร์ใสกิ๊ง
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Red_sister ที่ 31-10-2010 21:21:40
อ้ายยยย ริวยะ คำตอบแบบนี้กำกวมเกินไปน้า 55555
ริวยะสุๆๆๆๆ อ่อนโยนแบบนี้ไปตลอดไปนะ 5555

เป็นริวยะแบบนี้รักตายเลย
ยูคิ อ่า พูดแล้วเขิน ยูคิ มะ เหมือ..เหมือนแมวเลยอ้ะ -///- อะ..อ้ายยย น่ารักมากกมายยยยยยย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 31-10-2010 22:05:52
ต๊ายยยยยยยย พระเอกของเราเป็นคนขี้อาย แถมยังพูดไม่เก่งด้วยค่ะคู๊นนน
เชื่อค่ะ เชื่อมากเลยเถอะ

บอกด้วยการกระทำแบบนี้แล้วยูคิจะเข้าใจหรือเปล่้าเนี่ย  :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 01-11-2010 00:12:38
ริวยะ ท่านริวยะ >_<
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 01-11-2010 01:48:11
แหมริวยะแสดงออกอย่างเดียวมันไม่พอ


พูดออกมาด้วยดิมันไม่ค่อยเคลียร์อ่ะ



อิอิน่ารักจริงอ่ะขี้อายไม่กล้าพูดจริงอ่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 01-11-2010 08:10:50


แอร๊ยยยยยยยยยยย ยยยยยย...เขิลจริงอะไรจริง...ริวยะอ่ะ...ทำอะไรก็ไม่รู้...เล่นเอาคนอ่านเขิล

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น...ยูคิก็ยังมึนและไม่รู้อะไรเหมือนเดิม...5555555555555+


เอาน่าเรื่องแบบนี้บางทีคำพูดมันก็ต้องมาควบคู่กับการกระทำด้วยนะ...บอกยูคิไปตรง ๆ ดีกว่านะริวยะ

แม้ว่าริวยะจะทั้งขี้อาย และพูดไม่ค่อยเก่งก็เถอะ (เหรอ)...นี่เค้าเชื่อแบบหมดใจเลยนะเนี่ย...กร๊ากกกกกกกกกกก กกกกส์ =^= b

งานนี้สงสัยคงต้องขอบคุณทั้งทาคุ และอากิระ สำหรับคำแนะนำดี ๆ...แต่จะดีกว่านี้มาก ถ้าริวยะพูดตรง ๆ อ่ะนะ



ตอนนี้เค้าเตรียมถังรองเลือด และไบรกอนไว้พร้อมต้อนรับความหวานแล้วนะฮะไรท์เตอร์...จัดมาเลยฮะ จัดมาเลย...คริคริ  >//////////<
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 01-11-2010 12:43:45
ต้องย้ำว่า พระเอกขี้อาย

จะพยายามเชื่อนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 7- 8
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 01-11-2010 18:10:43
พระเอกเรากลายเป็นที่น่าหมั่นไส้ซะแล้ว เพราะความ ขี้อาย (ตายล่ะ) ของเจ้าตัว (หุ ๆ)

มาต่อแล้วนะคะ ให้ควบสองตอนตามคำเรียกร้อง~


====
บทที่ี่ 7
====


    ยูคิลืมตาตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย  แสงแดดบาง ๆ ที่ลอดผ่านเข้ามาทางกระจกหน้าต่างบานใหญ่ ทำให้เขาต้องเอามือบังแสงไม่ให้แยงตา
    “คุณยูคิคะ เช้าแล้วค่ะ ได้เวลาตื่นแล้ว วันนี้คุณริวยะจะพาคุณไปโรงเรียนนะคะ”
    “หือ? โรงเรียน?”  ยูคิทวนคำงง ๆ ก่อนจะเบิกตาโพลงในเวลาต่อมา
    “โรงเรียนใหม่ยังงั้นหรือครับ!”
    ชิโนะแย้มยิ้มอ่อนโยนให้ และหยิบชุดเครื่องแบบของโรงเรียนที่ยูคิมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นของโรงเรียนเอกชนเกรดหรู
    “ง่า...คุณริวยะ จะให้ผมไปเรียนโรงเรียนนี่จริง ๆ หรือครับ”
    ชิโนะเลิกคิ้วมองเด็กหนุ่มด้วยความแปลกใจ ก่อนจะถามยิ้ม ๆ
    “ทำไมล่ะคะ  โรงเรียนเอกชนยามิคุระ ไม่ถูกใจคุณยูคิตรงไหนหรือคะ ดิฉันว่าที่นั่น การเรียนการสอนก็ดี และเครื่องมืออุปกรณ์ก็ทันสมัย  คนในตระกูลมุราคามิส่วนใหญ่ก็จบจากที่นั่นแทบทุกคนล่ะค่ะ”
    พอได้ยินชื่อโรงเรียน ยูคิก็กลืนน้ำลายลงคอ โรงเรียนเอกชนยามิคุระ  โรงเรียนที่ชาตินี้ แม้แต่ฝันเขาก็ยังไม่อยากจะกล้านึกถึง
    โรงเรียนแห่งนี้ขึ้นชื่อ เรื่องความหรูหรา ไฮโซ ของบรรดานักเรียนในโรงเรียน  ระดับของแต่ละคนก็ขนาด ลูกผู้จัดการ ประธานบริษัท  หรือ นักการเมือง ประมาณนั้น
    ด้วยค่าเทอมที่แพงหูฉี่ ชนิดเงินเดือนทั้งปีของพ่อเขา ก็ส่งเขาเรียนแทบจะไม่ไหว และไม่ต้องสงสัยว่าตลอดการเรียนทั้งเทอม จะมีกิจกรรมให้ต้องควักกระเป๋าใช้จ่ายอีกเท่าไหร่  ซึ่งสรุปแล้ว เป็นโรงเรียนที่อยู่กันคนละโลกกับที่ยูคิเคยอยู่มา
    ...แล้วริวยะ จะส่งเขานี่นะ ให้ไปอยู่ในสังคมแบบนั้น ...
    “ง่า...ผมว่า คงไม่ไหวหรอกมั้งครับ  อย่างผมนี่นะจะให้ไปเรียนในที่แบบนั้น ไม่อยากนึกเลยเชียวล่ะ”
    “แต่คุณริวยะตัดสินใจเรียบร้อยแล้วค่ะ  คุณยูคิคงจะไม่...”
    ชิโนะกล่าวเตือนด้วยความหวังดี ซึ่งยูคิก็พยักหน้ารับอย่างปลง ๆ
    “ครับ ผมทราบ...แค่ไม่กี่วันที่อยู่ที่นี่ ทำให้ผมพอจะเข้าใจนิสัยของคน ๆ นั้นดีพอควรเลยล่ะ”
    เด็กหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงประชดนิด ๆ ซึ่งชิโนะก็ยิ้มรับอย่างไม่สู้ดีนัก และจึงขอตัวเลี่ยงไปเตรียมอาหารเช้าต่อไป
    ...คิดยังไงของเขากันแน่นะ จับเราไปอยู่ในโรงเรียนแบบนั้น  เฮ่อ!  แต่ถ้าถามก็คงไม่ได้คำตอบอีกตามเคยนั่นล่ะ...
    ยูคิคิดในใจแล้วก็ต้องหน้าแดงวาบ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นตอนหัวค่ำเมื่อวาน
    ...บ้าชะมัด คนอะไรก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจเลยว่าคิดอะไรอยู่กันแน่! …
    เด็กหนุ่มบ่นกับตัวเองแล้วก็ต้องถอนหายใจ เหลือบไปมองเครื่องแบบบนเตียง ก็ยิ่งกลุ้มหนัก จากนั้นเจ้าตัวก็หายเข้าไปในห้องน้ำสักพัก และกลับมาหยิบชุดเครื่องแบบไปใส่อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

    ริวยะวางกาแฟลงช้า ๆ โดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างบอบบางที่ก้าวเข้ามาในห้องอาหาร
    ...เหมาะจริง ๆ นั่นล่ะ...
    ความคิดแรกที่แวบเข้ามาในสมองของชายหนุ่ม เครื่องแบบของยามิคุระ เป็นของแบรนด์แนมอยู่แล้ว ไม่ว่าใครใส่ก็หรูหราดูดีขึ้นมาแทบทั้งนั้น  แต่สำหรับยูคิ ต้องบอกว่า เครื่องแบบนักเรียนดังกล่าว เหมาะกับเด็กหนุ่มมากทีเดียว...แต่พอดู ๆ ไปเขาก็ชักเริ่มไม่ค่อยชอบใจนิด ๆ เสียแล้วสิ
    เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูร้อน เครื่องแบบจึงถูกดีไซน์เป็นแขนสั้น เนื้อผ้าก็บาง ๆ พลิ้ว ๆ ชนิดว่าถ้าเปียกน้ำ คงจะเห็นไปถึงไหนต่อไหน ...ริวยะขมวดคิ้วนิด ๆ ยิ่งมองก็ยิ่งไม่ค่อยจะสบอารมณ์  ดูท่าเขาคงจะต้องไปปรึกษากับ ยามิคุระ อิชิโจ  เจ้าของโรงเรียนยามิคุระ คนปัจจุบัน เสียหน่อยแล้วว่า ควรจะให้ทางโรงเรียนเปลี่ยนดีไซน์เสื้อผ้าฤดูนี้ ให้มันมิดชิด ไม่ล่อแหลมต่อสายตาคนมองจนเกินไปนัก
    ยูคิเข้ามานั่งตรงกันข้ามกับชายหนุ่มด้วยท่าทางหวาด ๆ ยิ่งเหลือบมองคนตรงหน้า ก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมชายหนุ่มถึงจ้องเขาเขม็ง แถมยังมีสีหน้าไม่ค่อยจะพอใจแบบนั้น ... บางทีคงจะคิดได้แล้วมั้งว่า คนธรรมดาเดินดินอย่างเขาไม่เหมาะกับเครื่องแบบโรงเรียนชื่อดังแบบนี้ นี่ขนาดเสื้อผ้า ยังถูกจับผิดเสียขนาดนี้แล้ว
    เด็กหนุ่มคิดเอาเองฝ่ายเดียว โดยไม่ได้รู้ถึงต้นสายปลายเหตุอันแท้จริงแม้แต่น้อย และเมื่อชิโนะยกอาหารเข้ามา ริวยะจึงรู้ตัวว่าเขาจ้องอีกฝ่ายนานเกินไป จนผิดสังเกต
    “ทานข้าวได้แล้ว”
    ริวยะกล่าวสั้น ๆ ห้วน ๆ ซึ่งยูคิก็รีบก้มหน้าก้มตาทานทันที ด้วยความหวั่นเกรง  ขณะทานอาหารเขาเหลือบมองคนตรงข้ามเป็นระยะ ๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทั้ง ๆ ที่เมื่อวาน ชายหนุ่มดูอ่อนโยน นุ่มนวล ขนาดนั้น แต่ไหงมาวันนี้ ถึงกลับมาบึ้งตึง เย็นชาใส่เขาอีกแล้ว

    “เชิญครับ คุณยูคิ”   ทาคุซึ่งยืนรออยู่ที่รถ เปิดประตูให้ยูคิก้าวขึ้นไปบนรถ ซึ่งเด็กหนุ่มก็มีทีท่าเขิน ๆ เล็กน้อย เพราะไม่เคยมีใครปฏิบัติต่อเขาแบบนี้มาก่อน
    และประตูอีกด้าน อากิระ ก็เปิดให้ริวยะขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังเคียงข้างเด็กหนุ่ม ซึ่งมีสีหน้ากระอักกระอ่วน อย่างเห็นได้ชัด จนคนเปิดประตูต้องหันไปลอบยิ้มอีกด้านหนึ่ง
    “ออกรถได้แล้ว”  
    ริวยะสั่ง จากนั้นอากิระซึ่งเป็นคนขับ ก็เคลื่อนรถออกจากบริเวณบ้าน โดยมีทาคุนั่งไปด้วยกันที่เบาะด้านหน้า

    ยูคิเดินตามร่างสูงต้อย ๆ เข้าไปยังห้องผู้บริหาร ซึ่งภายในนั้นมีชายหนุ่มหน้าตาดี วัยพอ ๆ กับริวยะ นั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหาร พลางมองมายังพวกเขาทั้งสองด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแปลก ๆ
    “ไงริวยะ มาเลทไปหลายวันเลยนะ ไหนนัดว่าจะฝากเด็กนักเรียนให้ฉันดูแล ตั้งแต่เมื่อ 3 – 4 วันก่อนไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมเพิ่งมาวันนี้ล่ะ”
    น้ำเสียงนั้นถามค่อนข้างจะยั่วเย้า มากกว่าจะต้องการคำตอบ ซึ่งริวยะก็เดินตีสีหน้าเคร่งขรึม มานั่งยังโซฟารับแขกภายในห้อง โดยมียูคิซึ่งเดินหน้าแดงตามมาติด ๆ
    “พอดีฉันมีธุระด่วนนิดหน่อย เลยมาไม่ได้”   เจ้าตัวบอกแค่นั้นพลางเหลือบไปมองร่างบางที่นั่งก้มหน้างุด ๆ ใกล้ ๆ ใบหน้าแดง ๆ เขิน ๆ นั้น ทำให้ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมาแวบหนึ่งอย่างลืมตัว
    “จริงสิธุระด่วน ...มิน่าล่ะ มานาเบะมันก็บอกฉันอยู่เหมือนกัน ว่าช่วงนี้ธุระนายมันเยอะ ต้องรีบกลับบ้านแต่หัวค่ำทุกวัน  เพื่อนฝูงชวนไปดื่มก็ไม่ยอมไป”
    ยามิคุระ อิชิโจ  นอกจากจะเป็นเจ้าของโรงเรียนเอกชนยามิคุระ รุ่นที่ 5   เขายังเป็นเพื่อนนักเรียนร่วมรุ่นของมานาเบะ และริวยะ อีกด้วย  ดังนั้นเรื่องส่วนตัวของริวยะ ถ้าเขาหรือ มานาเบะรับรู้ คนที่เหลือก็จะพลอยได้รับรู้ไปโดยปริยาย
    “ไอ้หมอบ้านั่น...”  ชายหนุ่มสบถบ่นพึมพำเบา ๆ ในลำคอ ซึ่งอิชิโจเห็นดังนั้นก็แอบซ่อนยิ้มไว้ในสีหน้า พลางเดินเข้ามาหายูคิ และลูบผมนุ่ม ๆ นั้นเล่นอย่างเอ็นดู
    “ทานากะ ยูคิ ใช่ไหม”
    ยูคิพยักหน้ารับอย่างเขิน ๆ แต่คนที่อยู่ใกล้ ๆ ถลึงตามองมายังเพื่อนเก่าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเลยทีเดียว
    อิชิโจหันไปเห็นสีหน้าริวยะ ก็ยิ่งนึกอยากแหย่เข้าไปอีก เขาดึงให้เด็กหนุ่มลุกขึ้นและเดินโอบไหล่พาไปด้วยกันที่ประตูห้อง โดยที่ยูคิก็ยังคงงง ๆ จับต้นชนปลายไม่ถูกขณะที่ชายหนุ่มอีกคนชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะตามมาด้วยอารมณ์โกรธ อย่างยากจะควบคุม
    “อิชิโจ!”
    ริวยะเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงห้วน ทำเอาคนทั้งคู่หันมามอง โดยที่อิชิโจยังคงมีสีหน้าระรื่นเป็นปกติ หากยูคิกลับหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เพิ่งเคยจะได้เห็นสีหน้าโกรธเกรี้ยวของอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก เนื้อตัวมันเลยพาลสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
    “อะไรอีกล่ะ ฉันแค่จะพานักเรียนใหม่ ไปส่งที่ห้องเรียนเอง แค่นี้ก็ทำเป็นหวงไปได้”  อิชิโจบอกยิ้ม ๆ พลางปล่อยมือที่จับบ่าร่างบางออก ไม่ใช่เพราะกลัวริวยะ แต่หากเพราะสงสารคนที่ตัวสั่นอยู่ใกล้ ๆ นี่ต่างหาก
    “นายนี่นะ ริวยะ เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยขี้หึง  โมโหง่ายแบบนี้เสียที ดีนะที่ฉันกับมานาเบะมันพวกมาโซฯ เลยรองรับอารมณ์ของนายได้ ถ้าเป็นคนอื่นน่ะเหรอ เขาเผ่นป่าราบ กันไปนานแล้ว!”
     เจ้าตัวพูดกึ่งจริง กึ่งเล่น ทำเอาคนฟังค่อยคลายอารมณ์หงุดหงิดลงไปได้บ้าง ริวยะสบถกับตัวเองเบา ๆ ตั้งแต่มียูคิมาอยู่ด้วย เขารู้สึกว่าตัวเองจะอ่อนไหวง่ายกว่าเดิม โดยเฉพาะถ้าเรื่องเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มโดยตรง
    “นายก็เลิกนิสัยแย่ ๆ ชอบแหย่ชาวบ้านได้แล้วเหมือนกันล่ะน่า”
    ริวยะประชดใส่เพื่อนสนิท ซึ่งอิชิโจได้ฟังก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
    “ฮ่า ๆ มันเป็นสันดานแล้วล่ะ ช่วยไม่ได้นี่ หือ เป็นอะไรไปหรือยูคิคุง”
    เจ้าตัวชะงัก เพราะหันมาเห็นสีหน้า อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ของคนข้าง ๆ  
    “คือ...ผม อยากรู้ว่าตัวเองต้องอยู่ห้องไหนน่ะครับ”
    เด็กหนุ่มตัดสินใจถามออกไป เขาพอจะรู้มาบ้างว่าการจัดการเรียนในสถาบันนี้แตกต่างกันออกไปในแต่ละระดับชั้น โดยตัวแปรของความแตกต่างนั้น มักจะมาจากสติปัญญาของผู้เรียน หรือไม่ก็อำนาจเงินทองของผู้ปกครองเด็ก และเขาจะรู้สึกสบายใจมากขึ้นถ้าตัวเองได้อยู่ห้องที่มันธรรมดาที่สุดในโรงเรียนแห่งนี้
    “อ๋อ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลย ว่าไงริวยะ จัดให้เด็กนี่อยู่ห้อง Z เลยใช่ไหม”
    “อืม...แล้วเด็กในห้อง...” ริวยะพยักหน้าแต่ยังคงลังเลอยู่บ้างเล็กน้อย
    “ไม่ต้องห่วง  อารากิ ก็อยู่ห้องนั้นด้วย หมอนั่นคนเดียวคุมนักเรียนได้ทั้งชั้นนั่นล่ะ”
    อิชิโจ หมายถึงหลานชายของเขา ที่เรียนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ และเป็นนักเรียนในห้อง Z ที่ยูคิจะไปอยู่ ซึ่งพอได้ฟัง ริวยะก็ค่อนข้างสบายใจขึ้นมาบ้าง
    “อารากิ ...ถ้าเป็นเด็กนั่นก็พอวางใจได้”
    “แต่ไม่รับประกันนะ เพราะอารากิปลื้มนายจะตาย  ยิ่งถ้ารู้ว่ายูคิ เป็นสุดสวาทขาดใจของนาย หมอนั่นอาจจะอิจฉาขึ้นมาก็ได้”
    คำกล่าวทื่อ ๆ ของเจ้าของโรงเรียนยามิคุระ ทำเอาคนฟังทั้งคู่สะดุ้ง โดยเฉพาะ ยูคิ เด็กหนุ่มอยากหาที่ซุกหน้าหลบเสียเหลือเกิน เพราะใบหน้าของเขายามนี้มันคงแดงก่ำไปหมดแล้ว
     “ผะ...ผมว่า ขอผมอยู่ห้องธรรมดาจะดีกว่าครับ ...”
    ....แต่ถ้าเป็นไปได้ขออยู่โรงเรียนธรรมดาจะดีกว่านะ ....
     คำพูดนั้นทำเอาคนฟังทั้งคู่หันมามองหน้ากัน ซึ่งอิชิโจ ก็ยิ้มน้อย ๆ อย่างเอ็นดู เพราะเข้าใจไปอีกอย่าง
    “เอาน่า ๆ ฉันแค่ล้อเล่น อารากิ หลานฉันไม่ใช่คนชอบระรานใครหรอกน่า และถ้าเธอมีปัญหาอะไร มาปรึกษาฉันได้เสมอ”
    “ไม่ใช่นะครับ!” ยูคิรีบแย้งเพราะเห็นอีกฝ่ายเข้าใจผิด
    “คือ...ที่ว่าขออยู่ห้องธรรมดา เพราะผมไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไร จู่ ๆ ให้ไปอยู่ห้องพิเศษแบบนั้น”
   ยูคิบอกออกไปเพราะเข้าใจดีว่า ห้อง Z ของโรงเรียน คือห้องคิงที่รวบรวมเด็กนักเรียนมีความสามารถ ไปจนถึง อำนาจบารมีที่มากกว่านักเรียนทั่วไป
    ทว่าคราวนี้คำพูดของเด็กหนุ่มกลับทำให้ อิชิโจ แย้มยิ้ม ในขณะที่ ริวยะถอนหายใจเบา ๆ
    “ยูคิคุง เธอคิดว่าฉันจะยอมรับเธอเข้ามาเรียนในโรงเรียนของฉันง่าย ๆ โดยไม่ผ่านการพิจารณาอะไร เพียงเพราะว่าเธอเป็นคนของริวยะเท่านั้นงั้นหรือ?”
    “มะ...หมายความว่ายังไงครับ”  ยูคิถามซื่อ ๆ แต่คำพูดต่อมาของผู้อำนวยการโรงเรียนหนุ่ม ทำให้เขาสะดุ้งโหยง
    “สถาบันการเงิน T.K”
   อิชิโจยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเด็กหนุ่ม
    “ไง...จำได้หรือเปล่าล่ะ ว่าผลงานใคร ที่เปิดโปงการทุจริตบริษัทนั้นชนิดดิ้นไม่หลุดน่ะ”
    “คะ...คุณรู้ ...รู้ได้ยังไง ขนาดพ่อผม ยังไม่รู้เลยนะ”
    ยูคิกล่าวเสียงสั่น ชักจะกลัวคนสองคนตรงหน้ามากขึ้นทุกที  ผลงานที่เขาแอบแฮกเข้าไปในระบบของสถาบันดังกล่าว เพื่อล้วงเอาข้อมูลการทุจริตส่งให้พ่อเขาซึ่งเป็นนักข่าว โดยไม่ได้บอกที่มาที่ไปของแหล่งข่าวนั่น  ทำให้พ่อของเขาได้รับรางวัลสื่อมวลชนยอดเยี่ยมประจำปีนั้นด้วย
    “อย่าดูถูกการตามกลิ่นของ ‘มุราคามิ’ สิยูคิคุง ไม่ว่าเรื่องอะไร ถ้าคนพวกนี้อยากรู้ ไม่มีคำว่าไม่มีทางหรอกนะ”  
    อิชิโจกล่าวพลางหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เมื่อ ผู้นำตระกูลมุราคามิคนปัจจุบัน ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง เมื่อได้ฟังประโยคที่แสนจะทะแม่ง ๆ นั่น
    “...จะเอาไปบอกตำรวจหรือเปล่าครับ”
    ยูคิบอกเสียงอ่อย ๆ เพราะยังไงการกระทำของเขา มันก็ยังคงเข้าข่ายอาชญากรรมอยู่ดี แต่พออิชิโจได้ฟังชายหนุ่มก็เลิกคิ้ว พลางกล่าวกับอีกฝ่าย ด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
    “เอาไปบอกให้ฉันโดนหมอนี่ฆ่าทิ้งงั้นรึ!  เรื่องอะไรล่ะ เธอก็ทำถูกต้องแล้วนี่ ถึงวิธีการจะผิดก็เถอะ  อีกอย่างได้บุคลากรที่มีความสามารถระดับนี้มาอยู่ในโรงเรียน ฉันก็ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษอยู่แล้วจริงไหม?”
    ชายหนุ่มกล่าวพลางหันไปยิ้มยั่วริวยะซึ่งกลับไปนั่งที่โซฟาและตีสีหน้าเคร่งขรึมอีกครั้ง ก่อนจะปรับเปลี่ยนเป็นอ่อนลง เมื่อเห็นสีหน้าไม่ค่อยสบายใจของยูคิ  เขาเรียกให้เด็กหนุ่มมานั่งใกล้ ๆ เขาเช่นเดิม ซึ่งเจ้าตัวก็ยืนลังเลอยู่สักพัก และจึงตัดสินใจเดินไปนั่งข้าง ๆ ร่างสูงอย่างไม่มีทางเลือก
    “เอาเถอะน่า ถ้าเธอมีปัญหาอะไร จริง ๆ ก็บอกอิชิโจได้ เพราะเขามีหน้าที่ดูแลเธอในโรงเรียนนี้แทนฉัน”
    ชายหนุ่มกล่าวปลอบพลางตวัดสายตาคมกริบไปยังคนที่ยืนอยู่ ซึ่งอิชิโจก็ยักไหล่นิด ๆ ให้แทนคำตอบ
    “แต่ถ้าปรับตัวเข้ากับที่นี่ไม่ได้จริง ๆ ...อยากจะย้ายกลับที่เก่าก็ไม่ว่าอะไร”
    ประโยคถัดมา ทำให้ยูคิเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
    “จริงหรือครับ!”
    “อืม”  ริวยะรับคำและยิ้มให้อย่างอ่อนโยน  ซึ่งก็สร้างความตกตะลึงให้คนมองอีกครั้ง แม้กระทั่งอิชิโจเองก็ไม่อยากจะเชื่อสายตา
    ....มานาเบะ  นายน่าจะมาอยู่ด้วยกันที่นี่จริง ๆ ว่ะ  สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยเชียวนะเพื่อนเอ๋ย...
    และเหมือนคนถูกมองจะรู้ตัว ชายหนุ่มกระแอมเบา ๆ และวางท่าทีให้กลับเป็นเคร่งขรึมเช่นเคย จนคนที่คบกันมานานต้องแอบหันไปกลั้นหัวเราะทางอื่น ในขณะที่เด็กหนุ่มนั่งเอ๋อ ปรับอารมณ์ตามไม่ทัน
    “เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันพาไปที่ห้องเอง!”
    อิชิโจบอกหลังจากที่หายหัวเราะได้แล้ว ซึ่งยูคิก็หันมาพยักหน้ารับค่อย ๆ ในขณะที่ริวยะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้อำนวยการหนุ่มพาคนของเขาไปแนะนำตัวกับเพื่อนในชั้นต่อไปแทน
 


====
TBC
====
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 7 - 8
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 01-11-2010 18:14:53
====
บทที่ 8
====


    ยูคิเดินตามอิชิโจ ไปเรื่อย ๆ ซึ่งระหว่างทางชายหนุ่มก็ชวนเขาคุย พลางอธิบายเกี่ยวกับห้องต่าง ๆ ที่สำคัญในโรงเรียน และแล้วสักพัก พวกเขาก็มาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง ม.5 /Z
    เสียงเปิดประตูพร้อมกับการปรากฏกายของท่านผู้อำนวยการโรงเรียน ทำให้นักเรียนทั้งชั้นซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 25 คน ต่างหันมามองแขกผู้มาเยือนด้วยความประหลาดใจ
    “ขออนุญาตนะอาจารย์มิซาวะ  ผมพาเด็กนักเรียนใหม่มาแนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักหน่อย”
    อาจารย์มิซาวะ  อากิ อาจารย์ที่ปรึกษาห้อง ม.5 / Z ซึ่งกำลังทำการโฮมรูมนักเรียนอยู่หันมาโค้งให้ผู้อำนวยการ และเลี่ยงไปยืนข้าง ๆ เมื่ออิชิโจ พายูคิ มายืนอยู่กลางหน้าชั้นเรียน
    เด็กหนุ่มกลายเป็นที่จับตามองทันที เพราะไม่เคยมีนักเรียนคนใดที่จะพิเศษจนถึงขั้นท่านผู้อำนวยการพามาแนะนำด้วยตัวเองมาก่อน
    “เด็กคนนี้จะย้ายมาเรียนกับพวกเราตั้งแต่วันนี้  มีเหตุผลส่วนตัวนิดหน่อย จึงทำให้เขาต้องย้ายเข้ามาโรงเรียนเราตอนกลางเทอม หวังว่าทุกคนคงจะเป็นเพื่อนที่ดีกับเขานะ”
    “เอ่อ ทานากะ ยูคิ ครับ ยินดีที่รู้จักทุกคน”
    ยูคิแนะนำตัวเองหลังจากที่อิชิโจกล่าวจบ  ก็มีเสียงซุบซิบดังขึ้นอื้ออึงไปทั่วห้อง แต่บางประโยค เด็กหนุ่มก็พอจะจับใจความได้เช่นกัน
     “ทานากะ ...นามสกุลนี้นายเคยได้ยินมาก่อนหรือเปล่า”
    “ไม่เคยได้ยินนี่นา  นามสกุลประธานบริษัทที่ไหนล่ะมั้ง”
    “จะว่าเป็นนามสกุลตระกูลเก่า ก็ไม่น่าใช่  นามสกุลฟังดูพื้น ๆ จังเลยแฮะ”

    ยูคิหน้าเข้มขึ้นนิด ๆ ก็รู้อยู่หรอกว่าเขามันคนละชั้นกับคนพวกนี้ แต่พอได้ยินแล้วมันก็ชักจะ เจ็บ ๆ คัน ๆ ในหัวใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้เสียนี่
    “ขอโทษนะ นามสกุลฉันมันไม่ใช่ นามสกุลผู้รากมากดีอะไรที่ไหนหรอก พ่อแม่ฉันก็แค่คนธรรมดาทั่วไป เพราะฉะนั้นพวกนายไม่ต้องคิดให้ปวดสมองหรอกว่า มันเป็นนามสกุลของประธานบริษัท หรือเชื้อสายเหล่ากอของตระกูลผู้ดีอะไรที่ไหน!”
    ทุกคนในห้องพากันอึ้ง เงียบกริบ เพราะคนตัวเล็ก บอบบาง หน้าตาหวาน ๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นคนเรียบร้อยหัวอ่อนตรงหน้า จู่ ๆ ก็พูดขึ้นห้วน ๆ ชนิดไม่ไว้หน้าใครเลยแม้แต่น้อย
    “ปัง!”  เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นกลบความเงียบในห้อง ร่างสูงของเด็กหนุ่มซึ่งนั่งอยู่หลังชั้นจู่ ๆ ก็ลุกขึ้นยืน ใบหน้าคมเข้มจ้องมองมายังยูคิเขม็ง ก่อนจะแย้มยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก
    “พูดได้ดี! คุณอา...ไม่ใช่สิ ผู้อำนวยการ ให้เขามานั่งข้าง ๆ ผมก็ได้  โต๊ะมันยังว่างอยู่”
    เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพราะคนที่กำลังเอ่ยปากชักชวนอยู่ขณะนี้ก็คือ ยามิคุระ อารากิ คนที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นคนเดียวที่คนทั้งชั้นยอมซูฮกให้อย่างศิโรราบ
    อิชิโจ ซ่อนยิ้มไว้ในสีหน้าอย่างพึงพอใจ ที่เห็นอารากิ ที่เขาตั้งใจจะฝากฝังให้ดูแลยูคิ สนใจเด็กหนุ่มด้วยตัวเองเช่นนี้…แต่เมื่อคิดถึงสถานภาพของยูคิในสายตาของคนทั้งห้อง เขาก็ตัดสินใจกล่าวอะไรบางสิ่งออกไป
    “ขอบใจอารากิ  ว่าแต่ฉันมีเรื่องหนึ่งจะบอกทุกคนให้รับรู้เอาไว้ก่อน”
    ทุกคนมองไปยังผู้อำนวยการเป็นตาเดียว ไม่เว้นแม้กระทั่งยูคิ
    “ถึงยูคิคุงจะแนะนำตัวเองกับพวกเธอว่าเขาคือ ทานากะ  ยูคิ  แต่อีกไม่กี่วันนี้ เขาจะกลายเป็นมุราคามิ ยูคิ แล้วล่ะนะ”
    “อะไรนะ!” ยูคิตะโกนด้วยความตกใจ จนคนอื่น ๆ ที่เตรียมจะอ้าปากอุทาน ต้องสะดุ้งโหยง
    “คุณพูดอะไรของคุณ เรื่องอะไรผมต้องเปลี่ยนไปใช้นามสกุลของคุณริวยะด้วยล่ะ!”
    คำพูดยิ่งตอกย้ำความสัมพันธ์ของตัวเองและตระกูลมุราคามิ คนอื่น ๆ ในห้องมองตากันปริบ ๆ  ทุกคนรู้จัก มุราคามิ ริวยะ ดี .....คน ๆ เดียว ที่พ่อแม่ของพวกเขาแต่ละคน ไม่อยากเสี่ยงมีปัญหาด้วย
    “คนของคุณริวยะ?”  อารากิถามด้วยความสงสัย  ซึ่งยูคิก็หันขวับมาทางอีกฝ่ายก่อนจะตวาดหน้าแดงนิด ๆ ด้วยความลืมตัว
    “ไม่ใช่!  .... อ๊ะ...ขอโทษ”
    บอกไปแล้วก็นึกขึ้นมาได้ ว่าคนที่ถามไม่ได้เจตนาถึงความสัมพันธ์อย่างว่า ของเขากับริวยะ  และเมื่อนึกถึงคำพูดของอิชิโจตอนอยู่ในห้องก็ยิ่งลำบากใจมากขึ้นไปอีก
    …“แต่ไม่รับประกันนะ เพราะอารากิปลื้มนายจะตาย  ยิ่งถ้ารู้ว่ายูคิ เป็นสุดสวาทขาดใจของนาย หมอนั่นอาจจะอิจฉาขึ้นมาก็ได้”…
    “คือ...พ่อฉันตาย ที่บ้านเหลือฉันคนเดียว เขาเลยรับฉันมาอุปการะน่ะ”
  ยูคิรีบเปลี่ยนเรื่องคุย แต่พอบอกออกไปก็ก้มหน้าลงนิด ๆ เมื่อหวนคิดถึงบิดาผู้ล่วงลับขึ้นมาอีก ความเศร้าฉายอยู่ในแววตาและสีหน้านั้น จนคนที่มองรู้สึกหดหู่ตามไปด้วย
    “ไม่เห็นเป็นไรเลย จะทานากะ หรือมุราคามิ มันก็คน ๆ เดียวกันนี่นา”  
    อารากิโพล่งขึ้น ขจัดความเงียบที่เริ่มเข้ามาเกาะกุมภายในชั้นเรียน
    ยูคิเงยหน้ามองคนพูดชัด ๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้ รู้สึกถูกชะตาอีกฝ่ายอย่างประหลาด
    “ขอบใจ”  
    บรรยากาศในห้องเริ่มกลับมาเป็นปกติ ยูคิเดินผ่านคนอื่น ๆ ไปหลังชั้นเรียน และนั่งอยู่ข้าง ๆ อารากิ ที่แสดงความเป็นมิตรให้เขาอย่างเปิดเผย
    “เอาล่ะ! ทีนี้ก็หมดหน้าที่ฉันแล้ว พวกเธอก็เชิญเรียนต่อกันตามสบาย อ้อ! แล้วเป็นเพื่อนที่ดีของยูคิคุงกันด้วยนะ”
    อิชิโจกล่าวทิ้งท้าย ซึ่งนักเรียนแต่ละคนก็ส่งยิ้มฝืน ๆ ให้  เพราะตอนนี้รู้สถานภาพที่แท้จริงของยูคิดีแล้ว ใครกันจะกล้าเสี่ยงเป็นศัตรูกับตระกูลนี้กันเล่า ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นแค่คนที่ถูกอุปการะก็ตามเถอะ
 
    ยูคิ สนิทสนมกับอารากิ อย่างรวดเร็ว เพราะความที่เป็นคนที่ชอบอะไรคล้าย ๆ กันหลายอย่าง พอเวลาพักกลางวันอารากิ จึงชวนยูคิไปทานอาหารกลางวันบนดาดฟ้าของโรงเรียน ที่ประจำของเขากันสองคน
    “นายก็ชอบคอมพิวเตอร์งั้นเหรอ ยูคิ”
    “อืม ชอบแต่ไม่มีปัญญาซื้อเอง ต้องใช้คอมของโรงเรียนตลอด”
    ยูคิตอบซื่อ ๆ ซึ่งคนฟังก็มองอย่างเห็นใจ
     “เอาน่า ตอนนี้มาอยู่กับคุณริวยะแล้ว ก็ให้เขาซื้อให้สิ จะเอาอย่างดีแค่ไหนก็ได้”
    “บ้าเหรอ! เรื่องอะไรฉันต้องให้เขาซื้อให้ด้วยล่ะ ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกันสักหน่อย อีกอย่างแค่มาขออาศัยด้วย บุญคุณก็ท่วมหัวจนชดใช้ไม่หมดอยู่แล้ว!!”
    ท้ายประโยคน้ำเสียงติดประชดอย่างลืมตัว ทำให้คนฟังเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
    “นายพูดเหมือนกับไม่ค่อยพอใจคุณริวยะอย่างนั้นเลยนะ”
    ยูคิสะดุ้ง ก่อนจะรีบแก้ตัวทันที
    “ปะ...เปล่าสักหน่อย” บอกออกไป ก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายมองเขม็งกลับมา
    “ยูคิ...”
    “อะ...อะไร”  เด็กหนุ่มถามอย่างหวาด ๆ ก็สายตาจับผิดของอารากิ มันเหมือนกับจะมองทะลุไปถึงสิ่งที่อยู่ในหัวของเขาได้ยังไงยังงั้น
    “มีใครเคยบอกนายหรือเปล่า ว่าโกหกได้ห่วยมาก ๆ น่ะ”
    คำพูดตรง ๆ ทำเอาคนฟังแทบสะอึก อ้าปากพะงาบ ๆ สมองก็พยายามหาเรื่องแก้ตัวสุดฤทธิ์
    “เห็นอย่างนี้ฉันเป็นคนเก็บความลับเก่งนะ”
    อารากิบอกยิ้ม ๆ แต่สายตากลับคาดคั้น ทำเอาคนฟังยิ้มแหย ๆ เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองยามนี้ดีว่า กำลังถูกบีบให้เล่าความจริงออกมา
    “คือ...ฉันไม่ค่อยชอบเขา...ตรงที่ชอบบังคับ ใช้กำลัง....เอ่อ ไม่ใช่ ฉันหมายถึงเย็นชา เอาแต่ใจ แล้วก็ชอบฝืนใจคน...คือ...ก็ไม่ได้ถึงกับเกลียด แต่ว่า...บางทีมันก็เกินไป...”
    เจ้าตัวเกาศีรษะแกรก ๆ อย่างยุ่งยากใจ พยายามจะไม่บอกถึงเรื่องความสัมพันธ์ลับ ๆ ของเขากับริวยะ ให้อีกฝ่ายได้ทราบ แต่ยิ่งเลี่ยง ก็ดูเหมือนมันจะวก ๆ กลับมาอย่างน่าปวดหัว
    “อืม....หมายความว่าคุณริวยะ ชอบใช้กำลัง กดขี่ แล้วก็ฝืนใจนายบ่อย ๆ ใช่ไหม”
    อารากิถามอย่างไม่ได้คิดอะไรในใจ แต่คนฟังกลับคิดมากจนหน้าแดงก่ำโดยไม่รู้ตัว
    “หือ?”  ปฏิกิริยาโต้กลับอย่างน่าประหลาด ทำให้อารากิเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย เมื่อมาหวนคิดถึงถ้อยคำที่กล่าวออกไป ประกอบกับท่าทีของคนตรงหน้า ก็ทำให้เขาชักจะเอะใจอะไรบางประการ
    “หรือว่าคุณริวยะ กับนาย...”  อารากิพูดค้างไว้แค่นั้น ก็ยิ่งมั่นใจ เมื่อใบหน้าที่แดงอยู่แล้ว ยิ่งแดงหนักเข้าไปอีก จึงทำให้เจ้าตัวต้องถอนหายใจออกมาเบา ๆ
    “เฮ่อ...คุณริวยะนี่นะ ไม่อยากจะเชื่อเลย”
    ยูคิฟังแล้วก็หวนนึกถึงคำพูดของอิชิโจ เด็กหนุ่มก้มหน้านิ่ง พลางกล่าวอุบอิบ
    “ขอโทษด้วยนะ”
    “หือ? ขอโทษฉันน่ะเหรอ ทำไมล่ะ”
    อารากิถามด้วยความสงสัย แต่เมื่อเห็นสีหน้าเขิน ๆ ปนลำบากใจของยูคิที่มองมายังเขา ก็ทำให้เด็กหนุ่มพอจะเดาได้ไม่ยาก
    “เฮ่ย! เดี๋ยวก่อน อย่าบอกนะว่านายคิดว่าฉันจะ...เอ่อ...คิดแบบนั้นกับคุณริวยะ”
    “แล้วไม่ใช่หรือไง”  น้ำเสียงซื่อ ๆ ถามกลับมา คราวนี้กลายเป็นอารากิหน้าแดงแทน แต่เป็นอาการหน้าแดงด้วยความเขิน ปนตกใจ และฉุนเฉียวนิด ๆ
    “ไปเอามาจากไหนกัน ว่าฉันคิดอะไรแบบนั้นกับคุณริวยะน่ะ!!”
    “ก็...ผู้อำนวยการบอก”  
    แค่นั้นเอง เด็กหนุ่มก็สบถเบา ๆ ให้กับอาของเขา ก่อนจะจับบ่ายูคิ ให้หันมาสบตากับตน  และกล่าวเน้น ช้า ๆ ชัด ๆ ทีละประโยค ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
    “ฟังนะ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับคุณริวยะแบบนั้น ฉันแค่ชอบที่บุคลิกของเขา  คุณริวยะเป็นแบบอย่างลูกผู้ชายที่ฉันอยากเป็นในอนาคตก็แค่นั้นเอง อย่าไปฟังคำพูดงี่เง่าของไอ้อาบ้านั่น!  เข้าใจแล้วใช่ไหม!!”
    ยูคิพยักหน้าหงึก ๆ ทันที เพราะขืนปฏิเสธไป อาจจะถูกคนตรงหน้าโกรธเอาก็เป็นได้
    อารากิถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เห็นอีกฝ่ายเข้าใจ แล้วก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ที่เห็นสีหน้าอึ้ง ๆ ของยูคิ
    “ขอโทษที ฉันมันพวกหน้าโหด ใครเห็นก็กลัว เวลาปกติยังไม่ค่อยมีคนอยากเข้าใกล้เท่าไหร่เลย”
    “ง่า...ก็น่ากลัว แต่ยังน้อยกว่าคุณริวยะ”
    ยูคิบอกไปตามความเป็นจริง ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะจากอีกฝ่ายขึ้นไปอีก จากที่เคยสนใจตอนนี้อารากิชักจะเริ่มถูกใจเด็กหนุ่มเข้าจริง ๆ เสียแล้ว
    “น่าสนใจจริง ๆ นะนายเนี่ย ถ้าไม่ใช่ของคุณริวยะ คงจะมีคนเข้าหาตรึมแน่”
    “มะ...หมายความว่ายังไง คนเข้าหา”
    ยูคิถามอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก แต่ก็พอจะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ
    “อ้าว! โรงเรียนนี้มันโรงเรียนชายล้วน โฮโมก็เยอะ แต่นายไม่ต้องห่วงหรอก ไม่มีใครกล้าเอาคอขึ้นเขียงไปเสี่ยงกับคนของมุราคามิหรอกน่า!”
    ยูคิกลืนน้ำลายเอื๊อกลงคอ ประโยคหลังมันยังไม่เท่าไหร่ แต่ประโยคแรกนี่สิ
    “โฮโมเหรอ...”  
     “ใช่! มันเป็นเรื่องธรรมดาของโรงเรียนชายล้วนน่ะ แต่พวกที่นี่ไม่ค่อยเปิดเผยเท่าไหร่หรอก เพราะชื่อเสียงของตระกูลมันค้ำคออยู่ ก็เลยหลบ ๆ ซ่อน ๆ รักกัน  พวกที่ไม่แคร์ชื่อเสียงก็มีบ้าง แต่พวกนั้นมีแบล็คอัพอย่างดีหนุน จะทำอะไรก็ไม่มีใครกล้ายุ่งด้วย”
    อารากิอธิบายราวกับว่ามันช่างเป็นเรื่องที่ธรรมดา จนยูคิต้องยิ้มแหย ๆ เมื่อฟังจบ
    “ง่า...มันเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลนี่นะ ถ้าไม่เดือดร้อนอะไรกับคนอื่น ก็คงไม่มีปัญหาหรอก”
    อีกฝ่ายพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยทันที  
    “ใช่ ๆ นายพูดถูก ฉันก็คิดอย่างนั้น แต่คนที่ฉันอยากให้คิดแบบนั้นด้วย กลับไม่ยอมคิด เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังทีไร ก็พยายามเลี่ยงฉันทุกที แย่ชะมัด!”
    คำบอกเล่ากึ่งบ่นนั้น ทำให้คนฟังกลืนน้ำลายเอื๊อก พอจะเดาได้ว่า คน ๆ นั้นที่อารากิพูดถึง คงจะไม่ใช่ผู้หญิงแน่นอน…
    “อะ...ก็เอาใจช่วยนะ” บอกออกไปพลางยิ้มให้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มตอบอย่างพอใจ
    “อืม ขอบใจ”  
    ยูคิลอบถอนหายใจเบา ๆ เรื่องส่วนตัวของคนอื่น เขาก็ไม่คิดจะไปยุ่มย่าม  อีกอย่างลำพังตอนนี้ตัวเขา คงไม่มีหน้าไปบอก หรือให้คำแนะนำปัญหาความรัก ของใครต่อใครนักหรอก ก็ในเมื่อเขาเองก็ยังไม่เข้าใจเลยว่า แท้จริงแล้วริวยะคิดยังไงกับเขากันแน่ด้วยซ้ำไป ....






===
TBC
===
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แวะมาแปะ บทที่ 5 - 6 ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 01-11-2010 18:31:26
เอร๊ยยยยยยยยยยยยย
ตอนหน้าจะเปิดตัวคนคนนั้นของอารากิรึเปล่าคะ?

อยากจะทำความรุ้จัก งุงิ >///////<

ริวยะซามะ ชักจะหลุดบ่อยแล้วนะเจ้าคะ กร้ากกกกกกกกกกกกกกกส์
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 7 - 8 มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 01-11-2010 18:38:19
2บท ยาวๆ ลัลล้า อ่านก่อนเดี๋ยวกลับมาเม้น
------------------
นิสัยแบบริวยะนี่แหละ มันช่างน่าแกล้งเป็นยิ่งนัก  :laugh:
ดีจริงๆ ยูคิได้เพื่อนใหม่แล้ว แล้วอารากิ..ดูท่าจะเป็นเพื่อนที่ดีด้วย

แอบอยากรู้อีกนิดว่าอารากิชอบใคร ฮ่าๆๆ


 :กอด1:ให้กำลังใจคุณปัทม์
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 7 - 8 มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 01-11-2010 18:50:04
 :L1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 7 - 8 มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 01-11-2010 19:03:06
ยาวๆโดนใจ  55  อยากได้เอ็นซีหวานๆ  ฮิฮิ  หื่นจังกุ  55
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 7 - 8 มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 01-11-2010 19:30:45
ได้เพื่อนใหม่มาแล้วนะหนูยูคิ :z1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 7 - 8 มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 01-11-2010 19:32:22
ยิ่งใหญ่เลยทีนี้  555
แต่คิดว่าน่าจะมีคนลองดีนะ  เพราะว่าทุกที่จะต้องมีคนที่ชอบลองของ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 7 - 8 มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 01-11-2010 19:39:50
ดีจังที่ยูคิได้อารากิเป็นเพื่อน o13
อยากรู้ว่าอารากิชอบใครอยู่
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 7 - 8 มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 01-11-2010 20:02:49
 o13
ถูกใจมาก
ยาวดี


ว่าแต่เมื่อไหร่จะหวานกันสักทีเีนี่ย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 7 - 8 มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 01-11-2010 20:14:17
ตอนหน้าจะเปิดตัวคนคนนั้นของอารากิหรือเปล่าน้อ


รอ ๆ  :z2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 7 - 8 มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 01-11-2010 22:39:45
 o13
ดีจังมาทีละ 2 ตอนเลย
ชอบบบบบบบ
 :call:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 7 - 8 มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 01-11-2010 22:48:30
มาแบบแพ๊คคู่
จุใจดีขอรับ
+ 1 จัดไปโลด :a9:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 7 - 8 มาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 02-11-2010 00:57:02
น่ารักจิงๆ  เอิ้กๆๆๆ

มาดันให้คนอ่านเยอะ ๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 02-11-2010 22:02:34
====
บทที่ 9
====

    ยูคิผ่านชั่วโมงเรียนวันแรกไปด้วยความราบรื่น ทั้งนี้เพราะได้อารากิคอยดูแล เป็นพี่เลี้ยงให้  เด็กหนุ่มอธิบายให้เขาฟังถึงการวางตัว และบอกเล่ากฎสำคัญอันพึงปฏิบัติต่าง ๆ ภายในโรงเรียนแห่งนี้อย่างละเอียด
    “พรุ่งนี้เจอกันนะ ยูคิ”  อารากิโบกมือให้เพื่อนใหม่  และก้าวขึ้นรถเบนซ์คันใหญ่ที่มาจอดเทียบรอตนอยู่
    ยูคิมองไปรอบ ๆ พลางกลืนน้ำลายเอื๊อกลงคอ เพราะแต่ละคนก็มีรถยนต์หรูหลากยี่ห้อ มาจอดรอรับกลับบ้านทั้งนั้น เด็กหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ และขณะที่กำลังตัดสินใจจะเดินกลับบ้าน รถเบนซ์สีดำสุดหรูคันหนึ่งก็มาจอดขวางหน้าเขาไว้
    “คุณยูคิ คุณริวยะให้มารับกลับบ้านครับ”  
    ทาคุ ซึ่งลุกมาจากที่นั่งคนขับ โค้งนิด ๆ ให้กับเด็กหนุ่ม ที่เกาศีรษะแกรก ๆ ด้วยความเขิน และก้าวขึ้นนั่งเบาะหลัง ที่ชายหนุ่มเปิดประตูให้อย่างลังเล
    “เอ่อ...ขอบคุณครับ”
    ทาคุโค้งรับ และเดินกลับมาประจำตำแหน่งคนขับ เคลื่อนรถออกไปจากโรงเรียน ระหว่างการเดินทาง ยูคิพยายามจะชวนชายหนุ่มคุย แต่ก็หวั่น ๆ กับบุคลิกเงียบขรึมของอีกฝ่าย เลยได้แต่นั่งลังเลอยู่อย่างนั้น
    “เอ่อ....”
    “อะไรหรือครับ”
    ทาคุถามโดยไม่หันมามอง เด็กหนุ่มอ้ำอึ้ง ก่อนจะตัดสินใจกล่าวเบา ๆ
    “คือบ้านกับโรงเรียนก็อยู่ใกล้แค่นี้ วันต่อไป ผมนั่งรถไฟไปกลับเองก็ได้ครับ”
    “การมารับส่งคุณ เป็นคำสั่งโดยตรงของคุณริวยะ ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนแปลง ควรจะบอกกับคุณริวยะมากกว่าครับ”
    ทาคุบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบซึ่งยูคิก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันทีที่ได้ฟัง
    “งั้นผมพอจะคาดเดาคำตอบล่วงหน้าได้แล้วล่ะครับ”
    ชายหนุ่มยิ้มนิด ๆ กับท่าทางปลงตกของอีกฝ่ายที่มองเห็นได้จากกระจกส่องหลัง
    “คุณริวยะเองปกติแล้วก็เป็นคนรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นนะครับ ถ้าเหตุผลของคุณดีพอ ผมก็เชื่อว่าคุณริวยะคงไม่ขัดข้องอะไร”
    ยูคิเลิกคิ้วอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก แต่ก็ลองบอกถึงเหตุผลของตัวเองให้ทาคุฟังก่อน
    “ผมคิดว่ามันสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุน่ะครับ”
    “ข้อนั้นตัดไปได้เลยครับ  คุณริวยะไม่นับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เป็นเหตุผลที่ดีแน่”
    ทาคุตอบโดยไม่ต้องคิด ซึ่งก็ทำให้เด็กหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง พลางอุบอิบตอบเบา ๆ
    “งั้นก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะครับ”
    ทาคุยิ้ม ก่อนจะทำเหมือนกับจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
    “จริงสิครับ ผมมีเรื่องหนึ่งอยากขอร้องคุณหน่อย”
    เด็กหนุ่มได้ฟัง ก็สนใจ เพราะไม่คิดว่าเขาจะทำประโยชน์อะไรให้กับคนพวกนี้ได้มาก่อน
    “อะไรหรือครับ”
    “คือเรื่องการวางตัวกับพวกผมน่ะครับ ...ผม  อากิระ  รวมไปถึงคนงานทุก ๆ คนในบ้านด้วย”
    ยูคิหน้าเสีย พลางคิดว่าเขาเผลอทำอะไรไม่สุภาพ หรือไม่เหมาะสมกับพวกคนที่บ้านมุราคามิไปบ้างหรือเปล่า
    “ไม่ได้จะตำหนิคุณหรอกครับ คุณวางตัวได้มีมารยาทกับทุกคนในบ้านดี แต่ผมว่ามันไม่เหมาะสม เพราะพวกผมเป็นแค่คนรับใช้”
    ทาคุอธิบายเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของเด็กหนุ่ม  แต่ยูคิก็รีบแย้งสวนไปทันที
    “ไม่เกี่ยวกันนี่ครับ ก็ผมไม่ใช่คนของบ้านมุราคามิ เป็นแค่คนอาศัยเท่านั้นเอง”
    “…ถ้าอย่างนั้น เวลาคุณเป็นคนของบ้านมุราคามิเต็มตัวแล้ว ก็ขอให้วางตัวเสียใหม่ได้ไหมล่ะครับ”
    ยูคิฟังคำกล่าวนั้น ด้วยสีหน้างุนงง แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร รถยนต์ก็มาจอดที่ประตูทางเข้าคฤหาสน์ตระกูลมุราคามิเรียบร้อย
    “เชิญครับ”  ทาคุที่ออกมาเปิดประตูให้กับเด็กหนุ่มโค้งเชิญอย่างสุภาพ ซึ่งยูคิก็เดินลงมาแต่โดยดี
    “ท่านริวยะรอคุณอยู่ที่ห้องรับแขกแล้วค่ะ”
    ยูคิชะงักเมื่อได้ยินชื่อของผู้นำตระกูลมุราคามิคนปัจจุบัน  เด็กหนุ่มเดินตามสาวใช้คนหนึ่งที่ออกมาต้อนรับ และนำเขาไปที่ห้องรับแขก
    “คุณยูคิมาแล้วค่ะ ท่านริวยะ”
    “อืม ให้เข้ามาได้”
    สิ้นเสียงทุ้ม บานประตูเลื่อนก็ถูกเปิดออก ยูคิเดินเข้าไปในห้องรับแขกแบบญี่ปุ่น ซึ่งมีคนอยู่ภายในห้องก่อนแล้ว ...ริวยะ  อากิระ และชายแปลกหน้าอีกคนที่เขาไม่รู้จัก
    “ยูคิ มานี่สิ มานั่งข้าง ๆ ฉัน”  ริวยะเอ่ยปากเรียก แต่ก็แฝงไปด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งกลาย ๆ
    “อ่ะ...ครับ”
    พอทรุดนั่งลงบนผืนเสื่อทาตามิ คนข้าง ๆ ก็เลื่อนกระดาษขาว ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนหน้านั้น มาไว้ตรงหน้า
    “อะไรกันครับ”  ถามอย่างสงสัย แล้วก็ต้องชะงัก ด้วยความตกตะลึง เมื่อร่างสูงกล่าวออกคำสั่งเสียงเข้ม    
  “เซ็นให้เรียบร้อย ฉันจะได้ให้คุณคามาดะไปจัดการต่อ”
    “แต่นี่มัน...”
    ยูคิกล่าวอย่างลังเล แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่ปล่อยให้เขาตัดสินใจนานนัก
    “เซ็นให้เรียบร้อย เธอจะได้เป็นคนของตระกูลมุราคามิเต็มตัวเสียที”
    ยูคิมองดูชื่อของตัวเองที่ถูกจัดการย้ายเข้าไปในทะเบียนบ้านในฐานะบุตรบุญธรรมของชายหนุ่ม  แล้วก็ต้องกลืนน้ำลายเอื๊อก มิน่า ทาคุ ถึงพูดอะไรทำนองว่า หากเขาเป็นคนของมุราคามิ เต็มตัวแบบนั้น
    “ตะ...แต่”
    “ไม่มีแต่ นี่ฉันเคารพการตัดสินใจของเธอ โดยการรอให้เธอมาเป็นผู้เซ็นด้วยตัวเองนะ ลำพังแค่ปลอมลายเซ็น แล้วจัดการเรื่องเอกสารให้เรียบร้อย ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากสำหรับฉันสักนิดเดียว”
    คำพูดนั้น ทำให้ยูคิ ยอมจำนน ไร้ข้อโต้เถียง เด็กหนุ่มเซ็นชื่อลงบนกระดาษ ด้วยสีหน้าลำบากใจ และเมื่อผู้ชายที่ชื่อคามาดะ รับเอกสารไปแล้ว เขาก็ขอตัวกลับทันที
    “ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนล่ะนะครับ คุณริวยะ”
    “เชิญครับ ขอบใจมากที่มาเป็นธุระให้  อากิระ ไปส่งคุณคามาดะให้เรียบร้อยด้วย”
    อากิระ โค้งรับคำสั่ง และเดินนำออกไป  ทำให้ในห้องเหลือเพียงแต่ ริวยะ กับ ยูคิ สองคนเท่านั้น
    “ถ้าเสร็จธุระแล้วผมขอตัวกลับห้องนะครับ”  
    เด็กหนุ่มกล่าว พร้อมกับลุกขึ้นยืน และเตรียมจะเดินออกไป แต่ก็ถูกมือแข็งแกร่งของร่างสูงฉุดให้เซลงไปซบกับอกกว้างทันที
    “อ๊ะ!”
    “จะรีบไปไหนล่ะ อยู่คุยกับฉันก่อนสิ”
    ยูคิพยายามยันกายหนีจากอกกว้างของอีกฝ่าย แต่ยิ่งหนี ก็ดูเหมือนอ้อมแขนนั้นจะรัดแน่นขึ้นทุกที
    “คุยก็ได้ครับ... แต่นั่งคุยดี ๆ ได้ไหมครับ”
    เจ้าตัวพยายามต่อรอง เพราะกลัวใครจะโผล่มาเห็นท่าทางที่น่าอายนี้เข้า แต่ริวยะก็ไม่สนใจ เขาจับพลิกร่างบางให้กลายเป็นนั่งตักเขาอย่างง่ายดาย จมูกโด่งคมสัน ก็คลอเคลียซอกคอขาวเนียนเล่นไปมา จนเด็กหนุ่มสะท้านไปทั้งกาย
    “อา....อย่าครับ”   ยูคิครางเสียงแผ่ว ริวยะได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ มือใหญ่ไล่ปลดกระดุมเสื้อนักเรียนของร่างบางออกทีละเม็ด ก่อนจะล้วงเข้าไปลูบไล้ ผิวหนังเนียนขาวอย่างถือสิทธิ์เต็มที่
    “ไม่เห็นร่างกายของเธอบอกอย่างที่พูดเลยนี่นา ดูสิ มันตอบรับฉันออกขนาดนี้...”
    นิ้วมือของชายหนุ่มบีบเค้นยอดอกที่แข็งเป็นไต ด้วยลีลาปลุกอารมณ์ อันเชี่ยวชาญของอีกฝ่าย ทำให้ยูคิเผลอครางออกมาด้วยความลืมตัว  มือเรียวบางจับที่แขนของร่างสูงอย่างร้องขอ
    “อย่า...ได้โปรด...ไม่ใช่ที่นี่”
    ริวยะเหยียดยิ้ม ก่อนที่จะประกบริมฝีปากของตนลงไปบนกลีบปากนุ่มนั้นอย่างเร่าร้อน เนิ่นนาน กว่าจะยอมตัดใจละจากความหวาน ของเด็กหนุ่มมาได้
    “คราวนี้ฉันยอมตามใจเธอก็ได้...ว่าแต่จะไปที่ห้องเธอ หรือห้องฉันดีล่ะ”
    เด็กหนุ่มหายใจหอบ ปรือตามอง ไม่มีคำตอบ เพียงแต่ใบหน้าแดงระเรื่อนิด ๆ นั้น ทำให้คนถามแทบจะอดใจไม่ไหว จึงตัดสินใจแทนให้ และจัดการช้อนร่างบางลอยตัวขึ้น เดินออกไปจากห้องรับแขกอย่างรวดเร็ว
    “งั้นไปห้องฉันแล้วกัน”

    ริวยะอุ้มร่างบางที่ซุกหน้ากับอกกว้างมาตลอด  เพราะระหว่างทางที่จะไปห้อง เขาพบคนงานภายในบ้าน 2 – 3 คน ซึ่งแต่ละคนพอเห็นก็โค้งกายนอบน้อมหลบให้ชายหนุ่มเดินผ่านโดยไม่ได้เงยหน้ามองพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ยูคิก็ยังคงรู้สึกกระดากอายมากอยู่ดี
    “ถึงห้องฉันแล้ว”  น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบบอก  พลางใช้เท้าเขี่ยเบา ๆ ประตูเลื่อนก็เปิดออกได้อย่างง่ายดาย
    “เริ่มกันเลยแล้วกัน”  ร่างสูงบอกหน้าตาเฉย ขณะที่วางร่างในอ้อมกอดลงบนเตียง
    “มะ...ไม่ได้ครับ” ยูคิรีบยันแผ่นอกกว้างของคนที่กำลังโน้มกายลงมาจูบเขาทันที  
    “มีปัญหาอะไรอีกล่ะ”  
    ริวยะบอกด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะหงุดหงิด แต่เมื่อคนบนเตียงพึมพำบอกอะไรบางอย่าง เขาก็ยิ้มออกมาได้ และลุกขึ้นเดินไปปิดประตูห้องให้เรียบร้อย จากนั้นก็กลับมาหาเด็กหนุ่มอีกครั้ง
    “คราวนี้คงไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้วนะ”
    “เอ่อ....”  ยูคิทำท่าจะหาเรื่องมาแย้งอีก เลยทำให้ริวยะหมดความอดทน ชายหนุ่มจับร่างบางกดราบไปกับเตียงนอน และตัวเขาก็ทาบทับตามมา ทั้ง ๆ ที่ยังใส่ชุดสูทเต็มยศ
    “ดะ...เดี๋ยวเสื้อผ้าจะยับหมดนะครับ”
    “ยับก็รีดใหม่ได้”  ร่างสูงตอบอย่างไม่ใส่ใจ ริมฝีปากลากไล้จากคอขาวนวล ไล่ลงมาจนถึงแผ่นอกเนียน
    “อา....คุณริวยะ”   ยูคิเผลอหลุดเสียงครางออกมาเบา ๆ เมื่อชายหนุ่มใช้ริมฝีปากขบเม้ม และแทะเล็มยอดอกที่แข็งเป็นไตนั้นเล่นอย่างหยอกเย้า  
    “อ๊ะ....อื้อ...อย่า”
    ร่างบางบิดกายไปมา รู้สึกเสียวซ่านไปทั่วร่าง  จากนั้นมือใหญ่จึงจัดการปลดเข็มขัด และตะขอกางเกงของเด็กหนุ่มออก  กางเกงขายาวถูกรูดออกไปจนสุดปลายขา เหลือแต่เพียงกางเกงชั้นในสีขาวตัวเดียว ความต้องการที่ถูกปลุกเร้ารั้งตึงจนชายหนุ่มเห็นได้ชัด
    “อืม...เธอเองก็ต้องการเหมือนกันสินะ”
    “มะ...ไม่ใช่ ...อา!”  ยูคิหลุดครางออกมา เมื่อใบหน้าหล่อเหลาเลื่อนลงไปที่กลางลำตัวของเขา มือใหญ่ข้างหนึ่งดึงกางเกงชั้นในของเด็กหนุ่มลงมา  เผยให้เห็นแก่นกายที่กำลังตื่นตัวผงาดตรงหน้า
    “ไม่....อย่ามอง ...ได้โปรด”
    ร่างบางขอร้องด้วยใบหน้าแดงก่ำ พยายามเอามือมาปิดของตัวเองไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็น  เขารู้สึกอับอายเหลือเกิน ที่ต้องเปิดเผยของลับต่อหน้าคนอื่น ตรง ๆ แบบนี้
    “อย่าปิดสิ ยูคิ ... ไม่เห็นมีอะไรตรงไหนน่าอายสักหน่อย”
    แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะไม่ยอมเชื่อเขาแล้วในคราวนี้ ริวยะถอนหายใจเบา ๆ  พลางปัดมือบางที่พยายามป้องกันตัวเขาออกไป และใช้มือของตนประคองส่วนนั้นของเด็กหนุ่ม ก่อนจะดูดกลืนมันไว้ภายในริมฝีปากอันอบอุ่นของตนเอง
    “อ๊า...ยะ...อย่า...อื๊อ....อือ....”  
    ยูคิ ร้องครวญครางเสียงหลง ความรู้สึกยามนี้ที่ริวยะปรนเปรอให้ มันช่างทำให้เขารู้สึกดี จนยากจะปฏิเสธได้ลง มือไม้ที่พยายามดันให้ศีรษะของชายหนุ่มออกไปจากกลางลำตัวก่อนหน้า กลับกลายมาเป็นขยุ้มเส้นผมของอีกฝ่าย ด้วยความเสียวซ่านแทน
    “อึก...อ๊ะ!”  
    เด็กหนุ่มทนไม่ไหวจนต้องเป็นฝ่ายปลดปล่อยออกมาก่อนภายในปากของชายหนุ่ม  แผ่นอกเนียนขาวกระเพื่อมตามจังหวะหอบหายใจ เมื่อริวยะถอนริมฝีปากออกมา  
    “ต่อเลยนะ ยูคิ”  
    ร่างบางปรือตามองอีกฝ่ายอย่างงุนงง  และกว่าจะเข้าใจว่าเขาหมายความว่ายังไง ร่างของตนก็ถูกพลิกคว่ำให้นอนราบไปกับเตียงเสียแล้ว
    “อ๊ะ...มะ...ไม่นะครับ  พรุ่งนี้...ต้องไปเรียน”
    ยูคิรีบเอ่ยท้วงอีกฝ่ายทันที ที่เห็นว่าร่างสูงกำลังสอดนิ้วเรียวยาว เข้ามาสำรวจภายในร่างของตน
    “ไม่ต้องเป็นห่วงน่า ฉันไม่ทำหลายรอบหรอก”
    คำตอบที่ไม่ได้ช่วยสร้างความสบายใจอะไรให้เลยสักนิด  แต่ก็ไม่อาจสามารถปฏิเสธได้ ร่างบางบีบรัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาภายในอย่างแรง จนคนที่ทดสอบความพร้อมจากอีกฝ่ายพอใจ เขาดึงนิ้วออกมาจากร่างของเด็กหนุ่ม และจัดการปลดเข็มขัดกางเกงของตนออก รูดซิบ และหยิบแก่นกายแข็งขึงออกมาเตรียมจ่อไว้ตรงปากทางเข้า ที่สั่นสะท้านรอคอย ตามความต้องการของร่างกาย
    “อ๊ะ......อ๊า! ไม่! ไม่!”  
    ยูคิร้องลั่น พลางสั่นศีรษะไปมา.... ความเจ็บปวด แม้จะไม่เทียบเท่ากับครั้งแรก แต่มันก็ยังรู้สึกเจ็บมากอยู่ดี  ริวยะดันเข้าไปได้ครึ่งทางก็ต้องพบกับการบีบรัดอย่างรุนแรงจากภายใน  
    “อย่าเกร็งสิ...ยูคิ ผ่อนคลายหน่อย... นั่นล่ะ ...อย่างนั้น  แล้วเธอจะไม่เจ็บ...”
    “อื้อ...อะ...อ๊ะ...คุณริวยะ”
    ยูคิทำตามคำบอกนั้น แล้วก็เริ่มรู้สึกว่าจะคลายความเจ็บลงได้บ้าง แต่เมื่อแรงบีบรัดเริ่มลดลง ชายหนุ่มก็กระแทกแก่นกายของตนเข้ามาจนมิดในทีเดียว
    “อ๊า!!!!!!”
    เด็กหนุ่มกรีดร้องสุดเสียง มือบางกำผ้าปูที่นอนแน่น น้ำตาไหลรินด้วยความเจ็บปวด ริวยะก็ยังคงค้างของเขาไว้ในร่างบางอยู่เช่นนั้น ชายหนุ่มพยายามอดกลั้นความต้องการของตัวเองไว้ก่อน เขารอจนภายในของอีกฝ่ายเริ่มปรับตัว และคลายการบีบรัดลงบ้าง จากนั้นจึงค่อย ๆ ขยับสะโพกเข้าออกอย่างช้า ๆ และเร่งจังหวะขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างข้างใต้เริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาอย่างน่าพึงพอใจ เวลาแห่งความสุขผ่านไปได้พักใหญ่  จนกระทั่งถึงใกล้ถึงจุดสุดท้ายแห่งความหฤหรรษ์อันแสนร้อนแรงนี้
    “อ๊ะ...คุณริวยะ! คุณริวยะ!”
    ยูคิเรียกชื่อของอีกฝ่าย ด้วยเสียงครางดังลั่น  ร่างทั้งร่างเกร็งกระตุกวูบ เมื่อชายหนุ่มปล่อยสายธารแห่งความสุขเข้าไปภายในร่างกายของเขา
    “ยูคิ...”  ริวยะฟุบหน้าลงบนแผ่นหลังเนียน และพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังนั่น โดยที่ยังคงไม่ยอมถอนกายออกมา
    “...คุณริวยะ...นะ...ไหนบอกว่าแค่รอบเดียวไงครับ”
    ยูคิกล่าวเสียงสั่น ใบหน้าแดงก่ำ เมื่อรับรู้ถึงความตื่นตัวข้างในร่างกายของเขาจากชายหนุ่ม
    “ช่วยไม่ได้นี่ ก็เธออยากทำให้ฉันรู้สึกดีทำไมล่ะ”
    ร่างสูงตอบง่าย ๆ และก่อนที่ร่างบางจะทำการประท้วง เขาก็ถอนกายออก และจับร่างของอีกฝ่ายให้พลิกหงายกลับคืน พลางประกบจูบเร่าร้อน เพื่อหยุดคำพูดที่จะตามมานั้นเสีย
    “อีกรอบนะ”  
    คำกล่าวพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จากคนที่เพิ่งจะถอนริมฝีปากออกมา ยูคิสั่นหน้าเตรียมปฏิเสธ แต่ก็ถูกอีกฝ่ายปรนเปรอด้วยลีลาอันเชี่ยวชาญ จนต้องหลวมตัวร่วมมือไปด้วยอีกครั้งหนึ่ง
    และแล้ว เช้าวันต่อมา เด็กหนุ่มก็ต้องหยุดเรียน หลังจากที่เพิ่งจะได้ไปเรียนเมื่อวานเป็นวันแรก  เพราะตั้งแต่ตอนเย็นจนกระทั่งเช้า ริวยะไม่ยอมปล่อยตัวเขาออกจากห้องเลย และก็แน่นอนว่า ไม่มีใครในบ้านที่จะกล้าเข้ามาขัดจังหวะของทั้งคู่  ดังนั้น ยูคิจึงต้องนอนซมอยู่กับบ้านตลอดทั้งวัน  เพียงแต่โชคดีที่คราวนี้ เจ้าตัวเพียงแค่อ่อนเพลีย ไม่ถึงกับไข้ขึ้นอย่างคราวที่แล้ว ....  
 

====
TBC
====



ช่วงนี้ยังไม่ได้เช็คคำผิดไว้สต๊อกล่วงหน้า เลยแปะตอนนึงก่อนนะคะ ไว้ตรวจทานเสร็จไว จะแปะควบสองตอนเหมือนก่อนหน้านั้นให้อีกรอบค่ะ ^ ^"
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 02-11-2010 22:28:22
ริวยะหื่นอ่า
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 02-11-2010 22:29:20
ริวยะหื่นเกินไปละ  :pighaun:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 02-11-2010 22:43:03
กรรม เหมือนตาแก่ตัณหาจัดเลย
ริวยะซามะเจ้าขา ยูคิจังยังวัยเรียนอยู่นะเจ้าคร้า  :m16:

..............คุณปัทม์ ยังแอบเห็นคำผิดสองสามที่นะคะ
ที่ชัดๆก็ตรงนี้ แต่ยูคิก็ยังคงรู้สึกกระดายอายมากอยู่ดี....กระดากอาย
แล้วก็มีตอนที่ริวยะซังท่าน ขบเม้ม พิมพ์เป็นขบเม้น

สู้ๆค่ะ รออ่านตอนต่อไป ^o^
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 02-11-2010 22:45:57
อายจังเลย :o8:
 :call:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 02-11-2010 22:46:48
 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 02-11-2010 22:47:41
เอ่อ..ตกลงก็ยังไม่ได้บอก

ภาษาพูดไม่ใช้ เน้นภาษากายก่อนอีกล่ะนะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 02-11-2010 22:51:57
ริวยะจับกดเก่งซะจริงเลยนะ หุหุ :oo1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 02-11-2010 22:52:46
หื่นเนอะ  :z1:

 :z2:

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 02-11-2010 22:59:52
กรี้ดดดดดดดดดด อายแทนเล อ่านไปอายแทนจิงๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 02-11-2010 23:01:45
กรรม เหมือนตาแก่ตัณหาจัดเลย
ริวยะซามะเจ้าขา ยูคิจังยังวัยเรียนอยู่นะเจ้าคร้า  :m16:

..............คุณปัทม์ ยังแอบเห็นคำผิดสองสามที่นะคะ
ที่ชัดๆก็ตรงนี้ แต่ยูคิก็ยังคงรู้สึกกระดายอายมากอยู่ดี....กระดากอาย
แล้วก็มีตอนที่ริวยะซังท่าน ขบเม้ม พิมพ์เป็นขบเม้น

สู้ๆค่ะ รออ่านตอนต่อไป ^o^

หวา ๆ นี่ว่าเช็คดีแล้วนะคะ ยังเบลอหลุดออกมาจนได้ ^ ^"  พักนี้ผิดบ่อยจัง พิมพ์บทนึงต้องตรวจทานอย่างน้อย 4 -5 รอบถึงจะรอด  ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยดูให้ แก้ไขแล้วค่ะ
ป.ล. คนที่เคยอ่านเรื่องนี้มาก่อน เรียกริวยะว่า มารการศึกษา ค่ะ  หุ ๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 02-11-2010 23:30:38


อร๊ายยยยยยยยยยยยยยย ยยยยยยยยยย...ตายล่ะ...ยูคิของฉัน(?) นี่จะเรียนหนังสือหนังหากะเค้ารู้เรื่องมั้ยเนี่ย???

ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษริวยะแหล่ะ...แหมะ...ทำอย่างกะไม่เคย...หรือว่าไปตายอดตายอยากมาจากไหนกันหน่ะริวยะ

จะทำอะไรก็บันยะบันยังซะบ้างนะ...สงสารยูคิอ่ะ...นี่คงต้องรับศึกทั้งคืนแน่ ๆ เช้ามาเลยหมดสภาพแบบนี้... -*-

ได้ข่าวว่ายูคิยังไม่รู้เลยว่าริวยะรู้สึกยังไงกับตัวเอง...แต่ก็สมยอมเค้าไปอีกรอบแล้ว...อร๊ายยยยยยย ยยยยยย...ลูกสาว...เอ๊ยยยยยยยยย ยยย...ลูกชายฉันใจง่ายไปไหมเนี่ย - ????

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น...ก็ต้องโทษริวยะแหล่ะ...หื่นเกิ๊นนนนน นนนนน...เอะอ่ะ เอะอ่ะ...จับกดตลอด... >[]<

กะว่าจะให้เค้าเลือดหมดตัวเลยชิม่ะ...ขอบอกว่าทำสำเร็จนะคุณ...กร๊ากกกกกกกกกกกกกกส์ >//////////<
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: Natavishi ที่ 02-11-2010 23:39:49
สงสาร  ยูคิ จัง   ....  ^^
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 02-11-2010 23:47:40
ริวยะแบบนี้จะให้ยูคิแจ้งทางโรงเรียนว่าป่วยเป็นอะไร
แล้วยูคิคงต้องขาดโรงเรียนบ่อยๆแล้วซินะ แบบนี้จะเรียนทันเพื่อนเหรอ
 
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 02-11-2010 23:48:50
ริวยะปล่อยให้ยูคิไปเรียนซะบ้างเถอะ :angry2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 03-11-2010 00:01:06
ทำให้น้องขาดเรียนซะงั้น  :z1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 03-11-2010 00:32:55
โธ่ยูคิจะเรียนทันเพื่อนป่ะเนี่ย


เล่นโดนซะขนาดไปเรียนไม่ไหวเลย



อิอิหื่นจังอ่ะริวยะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 03-11-2010 00:41:12
มารการศึกษา  :m20:  คุณค่าที่คุณ(ริวยะ)คู่ควร

ถนอมๆยูคิหน่อยเถอะ เด็กยังต้องได้รับการศึกษาอีกสูง อนาคตอีกไกลนะริวยะ  :m12:


 :กอด1:ให้กำลังใจคุณปัทม์
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 03-11-2010 02:08:19
 :haun4:นี่ก็อีกบทเรียนนึงเหมือนกันใช่ม่ะยูคิ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: bow55 ที่ 03-11-2010 10:49:39
หื่นที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาก&#
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 03-11-2010 15:26:23
:man1:
รอตอนต่อไปโลดขอรับ :a9:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 03-11-2010 17:03:51
เอ่อ ก็รู้นะว่า ริวยะ ทำผิด ที่ทำให้ยูคิไม่ได้ไปเรียน

แต่......


คนอ่านชอบอ่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 03-11-2010 17:17:21
เฮ้อ  ทั้งคืนเลยเหรอ  ใช้แรงงานเด็กเยอะไปเปล่านี่ครับ 
แต่น่ารักขึ้นนะนี่   
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: Red_sister ที่ 03-11-2010 17:43:36
อ้ายยยยย ยูคิเพิ่งได้ไปเรียนแค่วันเดียวเองนะ
สนใจการเรียนของยูคิหน่อยดิ

เล่นแบบทั้งวันทั้งคืน แบบนี้ำไม่ไหวนะ :haun4: 5555

ขอบคุณค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> แปะบทที่ 9 ค่ะ (P.5)
เริ่มหัวข้อโดย: pp4 ที่ 03-11-2010 18:33:48
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 03-11-2010 23:02:15
=====
บทที่ 10
=====


    หลังจากที่ต้องหยุดเรียนอีกหนึ่งวันเต็ม ๆ พอวันรุ่งขึ้นยูคิคิดจะไปโรงเรียนก็ต้องผิดหวังเพราะว่าตรงกับวันอาทิตย์พอดี
    “บ้าจริง...ขืนเป็นแบบนี้บ่อย ๆ เวลาเรียนไม่พอต้องซ้ำชั้นแน่ ๆ เลย”
    เด็กหนุ่มบ่นอุบกับตัวเองแล้วก็ต้องเผลอหน้าแดง เมื่อคิดถึงคนที่ทำให้เขาอาจจะซ้ำชั้นได้ในอนาคต
    “คนเอาแต่ใจ”   
    บ่นอุบอิบ แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูเลื่อนห้องของเขาดังขึ้น
    “อ๊ะ...คุณชิโนะนั่นเอง ตกใจหมดเลย”
    “ทำไมคะ ดิฉันก็มาเก็บกวาดห้องคุณทุกเช้าอยู่แล้ว หรือคิดว่าเป็นคนอื่น”
    ชิโนะย้อนถามยิ้ม ๆ ทำไมหญิงวัยกลางคนจะดูไม่ออกว่าเด็กหนุ่มหมายถึงใคร
    “ปะ...เปล่าครับ”   ยูคิรีบปฏิเสธแก้ตัว ก่อนจะรีบคว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไปทันที
    ชิโนะยิ้มตามหลังเด็กหนุ่มไป ก่อนจะสั่นศีรษะนิด ๆ กลุ้มใจที่อีกฝ่ายยังคงวางตัวสุภาพกับเธอเกินความจำเป็นอยู่แบบนี้ไม่ยอมเปลี่ยน
    “คงต้องไปปรึกษาคุณทาคุดูสักหน่อยดีกว่า”
 
    “ผมก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันครับ เรื่องนั้น”
    ทาคุบอกยิ้มๆ เมื่อหญิงวัยกลางคนเข้ามาหาเขาที่ห้องเพื่อขอคำปรึกษา    
    “ดิฉัน กลุ้มใจจังค่ะ ทั้ง ๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในตระกูลมุราคามิแล้ว คุณยูคิก็ยังคงวางตัวเกรงใจเหมือนกับเป็นผู้อาศัยอยู่ตลอดเวลาแบบนี้”
    “เขาเป็นเด็กสุภาพ อ่อนโยน”
    ทาคุทวนคำ ยิ้มน้อย ๆ เมื่อนึกถึงอีกฝ่าย 
    “แต่หากเมื่อเข้ามาเป็นมุราคามิแล้ว ต้องรู้จักการวางตัว และใช้อำนาจให้เป็น ถึงจะคู่ควรที่จะใช้นามสกุลนี้”
    ชายหนุ่มหยุดเว้นวรรคสักครู่ ก่อนจะกล่าวต่อ
     “เราคงต้องฝึกเขาตั้งแต่ตอนนี้เสียแล้วล่ะครับ”   
    ทาคุบอกพลางส่งยิ้มอย่างนักวางแผน ที่นาน ๆ ที ชิโนะจะได้เห็นสักครั้ง
    “ลองคุณทาคุ เอาจริงแบบนี้ คงจะสำเร็จแน่เชียวค่ะ”
    หญิงวัยกลางคนเอ่ยชื่นชม แต่คนฟังกลับอมยิ้ม
    “อาจจะไม่ได้ผลก็ได้นะครับ ก็ดูอย่างคุณชิโนะเอง ผมยังไม่สามารถทำให้คุณวางตัวกับผมแบบปกติได้เลยจนถึงป่านนี้”
    ชิโนะสะดุ้ง ก่อนจะค้อนขวับตอบอย่างงอน ๆ
    “แหม! คุณทาคุล่ะก็ แซวดิฉันอีกแล้ว ก็ฐานะอย่างคุณทาคุ กับคุณอากิระ ดิฉันจะกล้าตีตนเสมอเทียบเท่าได้ยังไงคะ คุณทาคุเสียอีกนั่นล่ะ ที่สุภาพกับดิฉันตลอดเชียว”
    ทาคุหัวเราะออกมาเบา ๆ  พลางกล่าวกระเซ้าอีกฝ่ายเล่น
    “ต้องสุภาพสิครับ ก็คุณชิโนะเป็นแหล่งกำเนิดพลังงานในบ้านนี้นี่ครับ” 
    “ค่ะ ๆ ดิฉันก็มีดีแค่เรื่องทำอาหารนี่แค่นั้นล่ะค่ะ” 
    แม่บ้านหญิงวัยกลางคนกล่าวตอบงอน ๆ และเดินกลับที่พักไป ทาคุยิ้มมองตามไป ก่อนจะนึกถึงอีกคนหนึ่งที่กำลังเป็นปัญหาสำหรับเขาในตอนนี้
    “คงต้องเล่นไม้แข็งเสียแล้วล่ะนะ งานนี้”

    ยูคิเดินออกมาเตร็ดเตร่รอบ ๆ บ้าน หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว แต่ก็นึกแปลกใจที่วันนี้ไม่เห็นหน้าริวยะเลยแม้แต่น้อย ทั้ง ๆ ที่ตามปกติ ชายหนุ่มมักจะรอเขาทานข้าวเช้าพร้อมกันเสมอ
    “ทำอะไรอยู่หรือครับ คุณยูคิ”
    น้ำเสียงทุ้ม ดังมาจากเบื้องหลัง ยูคิหันกลับไปมอง แล้วก็ยิ้มรับน้อย ๆ 
    “คุณทาคุ”
    ชายหนุ่มมองหน้าฝ่ายตรงข้าม พลางยืนนิ่ง มิได้กล่าวอะไรต่ออีก แต่กลับคอยเดินตามเด็กหนุ่มอยู่เงียบ ๆ จนคนถูกตามชักขัดใจ
    “ผมเข้าใจครับว่าคุณได้รับคำสั่งคุณริวยะ ให้คอยดูแลผม แต่ที่นี่มันในบริเวณบ้านคงไม่มีอันตรายอะไรหรอกครับ และอีกอย่างก็ไม่ต้องกลัวผมหนีหรอก เพราะผมไม่มีที่จะกลับไปเหลืออีกแล้ว!”
    น้ำเสียงที่ค่อนข้างหงุดหงิดนั้น ทำให้คนฟังลอบยิ้ม ก่อนจะกล่าวตอบกลับไปอย่างสุภาพ
    “วันนี้คุณริวยะไม่ได้สั่งให้ผมตามคุณหรอกครับ แต่ผมคอยตามเองต่างหาก”
    ยูคิอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้ เด็กหนุ่มบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงค่อนข้างฉุนเฉียวเล็กน้อย
    “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องตามแล้วครับ ผมแค่อยากขอเดินเล่นเงียบ ๆ เท่านั้น”
    “งั้นคุณก็ออกคำสั่งสิครับ ถ้าคุณออกคำสั่ง ผมก็จะปฏิบัติตาม”
    ยูคิชักเอะใจกับใบหน้ายิ้ม ๆ นั้น แต่ก็ยอมออกคำสั่งตามที่อีกฝ่ายบอก
    “ก็ได้!  ถ้าอย่างนั้น ผมขอให้คุณปล่อยให้ผมอยู่เงียบ ๆ คนเดียวสักพัก”
    “ไม่ขอปฏิบัติตามครับ”
    ทาคุตอบหน้าตาย จนคนสั่งสะดุ้ง 
    “อะไรกันครับ ก็ไหนคุณบอกว่าให้ผมออกคำสั่ง คุณจะทำตามยังไงล่ะ!”
    “ครับ...ถ้าเป็นคำสั่งในฐานะที่เป็น มุราคามิ ยูคิ ผมก็จะปฏิบัติตาม แต่นี่คุณออกคำสั่งในฐานะที่เป็น ทานากะ ยูคิ  ผมเห็นทีจะปฏิบัติตามคำสั่งของคุณไม่ได้หรอกครับ”
    คำตอบของชายหนุ่มทำเอายูคิเกาศีรษะแกรก ๆ อย่างยุ่งยากใจ ก่อนจะถามอีกฝ่ายเสียงห้วน
    “แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงกันเล่า!”
    ทาคุยิ้ม พลางตอบฝ่ายตรงข้ามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
    “ก่อนอื่นก็เปลี่ยนสรรพนามแทนตัวที่ใช้เป็นอันดับแรกเลยครับ”
    “สรรพนาม?”  ยูคิทวนคำงง ๆ
    “ใช่ครับ... ไม่ควรใช้ ‘ผม’  เพราะตอนนี้คุณอยู่ในฐานะเหนือทุกคนในบ้านหลังนี้ จะเป็นรองก็แค่คุณริวยะเท่านั้นเองครับ”
    เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง ก่อนจะรีบหุบปากทันควัน ไม่คิดว่าฐานะลูกบุญธรรมของเขา มันจะยิ่งใหญ่อะไรปานนั้น ทีแรกก็คิดว่าริวยะแค่ให้เขายอมรับที่จะใช้นามสกุลมุราคามิ เพื่อบังคับให้เขาอยู่ที่นี่กับตัวเองตลอดไปเสียอีก ไม่คิดว่าตัวเองจะมีสิทธิ์พิเศษต่าง ๆ เหนือคนในคฤหาสน์ หลังนี้มาก่อนด้วยซ้ำไป
    “แต่ผม...ไม่ชิน”
    “ฝึกกันได้ครับ อย่าลืมนะครับ ว่าคุณยอมรับนามสกุลมุราคามิแล้ว คุณก็ต้องวางตัวให้ สมกับนามสกุลนี้”
    ทาคุบอก และก็ต้องแอบยิ้ม เมื่อได้ยินอีกฝ่ายบ่นอุบอิบเบา ๆ
    “ไม่ได้เต็มใจสักหน่อย ถูกบังคับให้ยอมชัด ๆ”
    “และถ้าคุณอยากมีเพื่อนคุยคนอื่น นอกจากคุณริวยะ คุณก็ควรวางตัวอย่างที่ผมบอก ถ้าคุณสุภาพกับทุกคนในบ้าน แน่นอนว่าคนอื่น ๆ ก็จะลำบากใจ และจะพยายามหลบหน้าคุณทุกครั้งที่มีโอกาส นอกจากหน้าที่บังคับเท่านั้น จึงจะยอมเผชิญหน้าด้วย  ไม่เชื่อคุณก็ลองสังเกตดูก็ได้ เริ่มจากวันนี้ไปเลยครับ”
    บอกเสร็จแล้วทาคุก็โค้งให้น้อย ๆ และเดินจากไป ทิ้งให้ยูคิเฝ้าขบคิดอย่างหนักตามลำพังแถวนั้นสักพัก  แต่หลังจากนั้นเพียงแค่ครึ่งวัน เด็กหนุ่มก็ต้องประจักษ์กับตัวเอง ถึงประโยคที่ชายหนุ่มกล่าวทิ้งไว้ แทบจะไม่มีใครในบ้านยอมพูดคุยกับเขาตามปกติ ไม่ว่าเขาจะเป็นฝ่ายชวนสนทนาก่อน ก็ตาม  คำตอบที่ได้รับแต่ละคนก็แทบประหยัดคำพูด หรือยอมตอบเฉพาะ ที่ถามเพียงสั้น ๆ เท่านั้น

    “อะไรกัน คนบ้านนี้ แล้วจะให้ฉันทำตัวยังไงเล่า ฉันเองก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้สักหน่อยนี่นา!”
    เด็กหนุ่มทิ้งตัวนั่งบนทางเดินระเบียง  พลางมองไปรอบ ๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ การที่ได้อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ใหญ่โต เต็มไปด้วยความสะดวกสบายพร้อมพรั่ง แต่กลับไม่มีคนที่จะพูดคุย ปรึกษาด้วยสักคน มันทำให้เหงาได้ขนาดนี้เชียวงั้นหรือ...
    “คุณยูคิ ทำไมมานั่งอยู่แถวนี้คนเดียวล่ะครับ ข้างนอกอากาศร้อนออก เดี๋ยวจะไม่สบายนะครับ”
    ทาคุซึ่งเดินผ่านมากล่าวทัก และยื่นมือช่วยฉุดเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้น  ยูคิจ้องหน้าชายหนุ่ม ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือใหญ่นั้น และเมื่อลุกขึ้นแล้ว เด็กหนุ่มก็กล่าวกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงค่อนข้างสั่น
    “แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมก็แค่อยากให้มีคนพูดคุยด้วยก็แค่นั้นเอง”
    ทาคุมองร่างบางตรงหน้า ก็พอจะทราบว่าอีกฝ่ายกำลังกลั้นสะอื้น เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาเบา ๆ อย่างระอา
    “ขอโทษครับ ผมคงคาดคั้นคุณมากเกินไป คุณยูคิอยากวางตัวแบบไหนก็เชิญเถอะครับ ผมคงต้องขอตัวก่อน”
    และเมื่อทาคุกำลังจะเดินจากไป มือเล็กก็คว้าหมับที่ตรงข้อมือของเขาทันที
    “คุณก็ไม่อยากพูดกับผมด้วยใช่ไหมครับ  ทั้งบ้านนี้ ก็มีแต่คุณนั่นล่ะ ที่เป็นฝ่ายยอมพูดทักทายกับผมก่อน  ถ้าคุณไม่พูดด้วยอีกคน ผมคง...”
    เด็กหนุ่มก้มหน้านิ่ง ทาคุหันหน้ากลับมา และจับมือทั้งสองของเด็กหนุ่ม จนยูคิตกใจเงยหน้าขึ้นมา และก็ได้เห็นแววตาหนักแน่น จริงจัง มองมายังเขา
    “งั้นก็วางตัวอย่างที่ผมบอกสิครับ คุณไม่ต้องกังวลว่าใครจะตำหนิอะไร คุณมีสิทธิ์เต็มที่ ในฐานะมุราคามิ คนหนึ่ง  ตอนนี้คุณไม่ใช่ทานากะ ยูคิ แล้วนะครับ แต่คุณคือ มุราคามิ ยูคิ คือคนที่มีศักดิ์และสิทธิ์ในบ้านหลังนี้ทุกประการ”
    “คุณทาคุ...”
    “ทาคุครับ ลองเรียกดูสิครับ”
    “ทาคุ”  เด็กหนุ่มยอมพูดตามที่อีกฝ่ายบอก และก็ต้องยิ้มออก เมื่อคนตรงหน้ายิ้มรับกับคำเรียกนั้น
    “ครับ แล้วกับคนอื่น ๆ ก็วางตัวให้เหมือนกันด้วยนะครับ”
    “ครับ...เอ่อผม....ไม่สิ หมายถึง ฉันจะลองดูแล้วกัน... ครับ”
    ทาคุหัวเราะเบา ๆ  กับคำลงท้ายที่เผลอหลุดออกมาของอีกฝ่าย ดูท่าเขาคงจะต้องจับฝึกเด็กหนุ่มอีกสักพักใหญ่เชียวล่ะ กว่าจะกลายเป็นมุราคามิ ที่สง่างามและมีอำนาจบารมีขึ้นมาได้  แต่ดูเหมือนว่าก่อนอื่นคงต้องไปบอกคนในบ้านว่าไม่ต้องวางตัวห่างเหินกับเด็กหนุ่มอีกแล้ว 
     ความจริง ยูคิไม่ได้ทราบเลยว่า เพราะทาคุ ได้เรียกประชุมคนงานทุกคนในบ้าน ให้ช่วยร่วมมือในเรื่องการฝึกฝนตนเองในครั้งนี้  จึงทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกปล่อยเกาะ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว แทบทุกคนในบ้านก็อยากจะเข้ามาคุยกับนายน้อยคนใหม่คนนี้ด้วยกันทั้งนั้น
    ถึงแม้ตอนแรกพวกเขาจะได้รับคำสั่งจากริวยะ ที่ไม่ให้วางตัวสนิทสนมกับยูคิมากเกินหน้าที่  เพราะจุดประสงค์ของชายหนุ่มก็คือต้องการให้ยูคิโดดเดี่ยว และหันมาพึ่งพาเขาได้คนเดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้คำสั่งดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไปแล้ว ทุกคนในบ้านจึงอยากจะหาโอกาสทำความรู้จักเด็กหนุ่ม หรือใกล้ชิดสักนิดตามแต่โอกาสจะอำนวย

    ริวยะกลับมาจากข้างนอกพร้อมอากิระ ก็ต้องพบกับความประหลาดใจ ที่เห็นเด็กหนุ่มทักทายพูดคุยกับคนในบ้านไม่เหมือนเดิม ถึงแม้จะติดขัดอยู่บ้าง แต่ก็วางตัวในแบบที่เขาอยากให้เป็นมานานแล้ว
    “ฝีมือทาคุแน่ ๆ แบบนี้” 
    “ผมก็ว่างั้นล่ะครับ”   อากิระตอบยิ้ม ๆ พลางคิดในใจ
    ...หมอนี่ ทำจนได้สินะ ...
    ความจริงแล้วทาคุคิดเรื่องการวางตัวของยูคิ ตั้งแต่ก่อนที่ริวยะจะรับเด็กหนุ่มเป็นบุตรบุญธรรม หรือจะพูดให้ถูกก็คือตั้งแต่ที่เขาได้รับหน้าที่ให้เป็นคนคุ้มกันของยูคินั่นเอง
    เพราะความที่เป็นคนมีความรับผิดชอบสูง และยึดมั่นในเรื่องหน้าที่ของตนเป็นพิเศษ จึงทำให้อากิระแน่ใจว่า ทาคุคงจะไม่ชอบที่เห็นเด็กหนุ่มปฏิบัติตัวนอบน้อมต่อตนเองมากเกินไปนัก
     “แล้วไม่หึงเลยหรือครับ”   
    อากิระเอ่ยแซว เพราะสังเกตเห็นยูคิ ค่อนข้างจะติดทาคุแจเป็นพิเศษมากกว่าใคร
    “หึง? กับทาคุน่ะหรือ...ไม่หรอก เพราะฉันรู้ว่าหมอนั่นไม่คิดอะไรกับยูคิเกินเลยอยู่แล้ว”
    “แต่คุณยูคิอาจจะคิด”
    เจ้าตัวยังไม่เลิกแหย่ ยังผลให้สายตาคมกริบตวัดมามองอย่างเอาเรื่อง
    “ถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครเขาว่าอะไรหรอกนะอากิระ”
    “ผมก็แค่พูดไปตามที่ตาเห็นล่ะครับ และอีกอย่างเห็นแบบนั้น แต่ผมว่าคุณยูคิค่อนข้างติดคนง่ายนะครับ”
    อากิระปล่อยระเบิดแล้วเจ้าตัวก็รีบชิ่งหลบไปโดยไว ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนหัวเสียอยู่ตามลำพัง
    “อ๊ะ...คุณริวยะ”
    ยูคิอุทาน เมื่อหันมาเห็นร่างสูงที่ยืนมองเขาอยู่ห่าง ๆ
    “มัวแต่คุยกันเพลินจนไม่ทันเห็นฉันเลยสินะ”
    ริวยะบอกเสียงเข้ม ซึ่งคนงานคนอื่น ๆ ก็ต่างรีบสลายตัวไปอย่างว่องไว เหลือก็แต่ทาคุ ที่ยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ เด็กหนุ่มเท่านั้น
    “ทาคุวันนี้พอแค่นี้ ที่เหลือฉันดูแลต่อเอง”
    “ได้ครับ คุณริวยะ...เอ่อ” ชายหนุ่มชะงักและลังเล จนริวยะต้องเอ่ยถาม
    “มีอะไรงั้นหรือ?”
    “พรุ่งนี้วันจันทร์นะครับ แล้วอีกอย่างเพิ่งไปเรียนคุณยูคิก็ขาดเรียนแล้ว  ผมคิดว่าพรุ่งนี้น่าจะให้คุณยูคิไปเรียนดีกว่า...”
    ริวยะยืนอึ้งกับคำเตือนซื่อ ๆ และจริงใจของอีกฝ่าย  เขาแน่ใจว่าถ้าหากอากิระยืนอยู่ใกล้ ๆ ป่านนี้เจ้าตัวคงแอบหัวเราะเขาไปแล้วแน่ ๆ
    “เออ! ฉันรู้แล้วน่า ไม่ต้องเตือนหรอก!”
    ชายหนุ่มบอกออกไปอย่างหงุดหงิด ทาคุโค้งให้ทั้งสอง แล้วเดินจากไป เหลือแต่ยูคิที่ยืนหน้าแดงก่ำ เพราะรู้ถึงความหมายที่ทาคุเอ่ยเตือนอย่างดี
    “ยูคิ”
    เสียงเรียกชื่อตนทำเอาคนฟังสะดุ้งเฮือก ก่อนจะเอ่ยตอบตะกุก ตะกัก
    “คะ...ครับ”
    “เป็นอะไรไป กลัวฉันนักงั้นหรือ”
    ริวยะแกล้งถามเสียงเข้ม ทั้ง ๆ ที่ในใจก็อดนึกสงสารท่าทางหวาดระแวงของเด็กหนุ่มไม่ได้
    “มานี่สิ มาให้ฉันกอดหน่อย”
    ยูคิยืนขาแข็งไม่ยอมทำตาม ใบหน้าแดงระเรื่อ กับคำพูดทื่อ ๆ ของอีกฝ่าย
    ...ผู้ชายคนนี้ ไม่เคยคำนึงถึงสถานที่เลยสักนิด ถึงจะไม่แคร์ว่าอยู่ในบ้านของตัวเองก็เถอะ แต่เขาไม่เหมือนกันนะที่จะยอมปล่อยให้ถูกกอด ถูกจูบ ในห้องนั่งเล่น ที่ใคร ๆ ก็สามารถเดินผ่านไปมาได้แบบนี้…
    “ดื้ออีกแล้วนะ”
    ชายหนุ่มบ่น และไม่รอให้อีกฝ่ายเดินมาหา เขากลับเป็นฝ่ายเดินเข้าไป และดึงร่างบางเข้ามากอดเสียเอง
    “ยะ...อย่าครับ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
    คำปฏิเสธนั้นทำให้คนฟังลอบยิ้ม ทำไมจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร  แต่เขาก็แค่อยากจะแกล้งเด็กหนุ่มเท่านั้น เพราะเจ้าสีหน้าเขินอาย ปนลำบากใจนั่น มันช่างน่ารัก น่าเอ็นดู ชนิดที่ว่า มองเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกเบื่อ
    “ไม่เห็นเป็นไร อยากเห็นก็เห็นไป ขอแค่ไม่เข้ามาขัดจังหวะก็ใช้ได้แล้ว”
    บอกออกไปพลางเฝ้ารอดูปฏิกิริยา แล้วก็เป็นดังเช่นคาด อีกฝ่ายใบหน้าแดงก่ำ พลางพยายามดันร่างออกจากอ้อมกอดเขาให้ได้
    “ไม่เอาครับ... อ๊ะ!”
    ยูคิสะดุ้งเฮือก อุทานออกมาเบา ๆ เมื่อมือใหญ่แหวกสาบเสื้อของตน เข้ามาลูบคลำผิวใต้ร่มผ้าไปมา สร้างความเสียวซ่าน และปลุกเร้าอารมณ์ปรารถนาให้ตื่นขึ้นอย่างง่ายดาย
    “รู้สึกง่ายเหมือนเดิมนะ น่ารักเสียจริง…”
    ริวยะกล่าวชมเสียงแหบพร่า พลางช้อนร่างบางอุ้มขึ้นตรงกลับห้องนอนของตนทันที เพราะขืนอยู่ที่นี่นานกว่านี้อีกนิด เขาคิดว่า คงจะควบคุมตัวเองไม่ให้แตะต้องเด็กหนุ่มมากไปกว่านั้นไม่ได้แน่
    ร่างบางซุกหน้ากับอกกว้าง พลางขยุ้มเสื้อสูท และบ่นพึมพำอะไรบางอย่างกับชายหนุ่มอุบอิบ ใบหู หน้าตา ตลอดไปจนถึงลำคอ แดงก่ำไปหมด  ซึ่งพอริวยะได้ฟังแล้วก็ต้องเหยียดยิ้ม ก่อนจะกระซิบตอบกลับอีกฝ่ายแผ่วเบา
    “โอเค ๆ ฉันเข้าใจ คราวนี้ฉันไม่ทำให้เธอต้องขาดเรียนอีกแน่ สัญญา”
    แล้วทั้งคู่ ก็หายเข้าไปในห้อง แม้กระทั่งเวลาอาหารเย็นแล้วก็ยังไม่ออกมา ซึ่งคนในบ้านก็ไม่มีใครคิดไปตาม เพราะเป็นอันรู้กันว่า หากทั้งคู่อยู่ด้วยกันสองต่อสองภายในห้อง ถ้าไม่มีธุระด่วนชนิดคอขาดบาดตายจนถึงขนาดต้องเข้าไปตาม  ห้ามเฉียดเข้าไปใกล้บริเวณดังกล่าวเด็ดขาด 
    และวันนี้ก็เช่นกัน กว่าริวยะจะยอมปล่อยตัวยูคิออกมาได้ ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนกว่า ซึ่งเด็กหนุ่มพอกลับถึงห้องก็ฟุบหลับทันทีด้วยความอ่อนเพลีย ไปตื่นอีกทีก็เกือบแปดโมงเช้า  ซึ่งก็ทำให้เขาเกือบจะต้องขาดเรียนไปอีกวันเสียแล้ว


====
TBC
====

ทยอยแปะจ้า เร็วบ้าง ช้าบ้าง เยอะบ้าง น้อยบ้าง ขึ้นอยู่กับความยุ่งส่วนตัวนะคะ ช่วงนี้ใช้สายตาตรวจทานนิยาย(เรื่องอื่น)อย่างหนักจนตาล้าเลย (พันกว่าหน้า เอ 5 ตรวจมาหลายรอบจัด - - แต่ตรวจทีไรก็เจอคำผิดหลุดมาประจำ- -*)

แล้วเจอตอนใหม่พรุ่งนี้ค่ะ พรุ่งนี้จะแปะชดเชยให้ 2 ตอนนะคะ  วันนี้ลาไปนอนก่อนล่ะค่ะ --/
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 03-11-2010 23:20:47
ชอบให้ยูคิ อ่อนน้อมถ่อมตนแบบเดิมอะ
ไม่อยากให้เป็นเหมือนริวยะ มันดูไม่ใช่ยังไงไม่รู้
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 03-11-2010 23:26:50
ริวยะนี่ก็ฟิตเกินเนอะ  :o8:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 04-11-2010 00:02:05
ขอ 2 ตอนแบบยาว ๆ :impress2:
 :pig4: ล่วงหน้าเลย
 :call:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 04-11-2010 00:13:53
อ่า คึกจริง พระเอกเรา  :z1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 04-11-2010 00:41:01
เอิ้กๆๆ รออัพต่อ นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: doomare ที่ 04-11-2010 04:30:14
จะได้ไปเรียนเหรอ ?
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 04-11-2010 07:31:54
 :L2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 04-11-2010 07:53:12
คุณริวยะ หื่นโคตร 5555555+
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 04-11-2010 16:22:00
=====
บทที่ 11
=====


   เช้านี้ยูคิมาโรงเรียนได้ทันเวลาเข้าเรียนเกือบฉิวเฉียด แต่เขาก็ต้องประหลาดใจกับสายตาแปลก ๆ ของคนอื่นที่จับจ้องมองมายังเขา จนกระทั่งมารู้คำตอบจากอารากิในภายหลัง
    “ก็อาฉันเขาเข้ามาบอกตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ว่า คุณริวยะ รับนายเป็นลูกบุญธรรมเรียบร้อยแล้วน่ะสิ”
    “อะไรกัน! เรื่องส่วนตัวแบบนี้ไม่เห็นต้องเอามาบอกคนอื่นนี่นา!”
    ยูคิโวยอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ แต่อารากิก็อธิบายสวนกลับทันที
    “ใครว่า เรื่องนี้สำคัญมากนะ คิดดูสิ นายเป็นเด็กเข้าใหม่กลางเทอม หรือจะให้พูดก็คือ เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ ไม่มีบริษัทใหญ่โต ไม่มีนักการเมืองหนุนหลัง แต่กลับได้เข้าเรียนในโรงเรียนนี้ แน่นอนว่าคนฐานะธรรมดาอย่างนาย ต้องถูกไอ้พวกนิสัยเสีย ๆ ที่ชอบวางอำนาจเขม่นข่มเอาเป็นลูกไล่แน่ ๆ นายก็รู้ว่าแต่ละโรงเรียนมันก็มีพวกงี่เง่าแบบนี้อยู่เยอะใช่ม้า  ที่สำคัญ นายน่ะน่ารักออก ถ้าอาไม่บอกว่านายเป็นคนของคุณริวยะตั้งแต่วันแรก ป่านนี้นายถูกเจ้าพวกนั้นแกล้ง หรือไม่ก็ถูกพวกหื่นกามที่ไหนฉุดไปปล้ำแล้วล่ะมั้ง”
    อารากิอธิบายยาวเหยียดด้วยสีหน้าเฉย ๆ แต่คนฟังกลับกลืนน้ำลายเอื๊อกกับคำพูดตรง ๆ ทื่อ ๆ ของอีกฝ่าย
    “โอเค ฉันเข้าใจ และซาบซึ้งใจผู้อำนวยการมาก ๆ เลยล่ะ ที่มองการณ์ไกลขนาดนั้น”
    ยูคิตอบพลางยิ้มฝืด ๆ ซึ่งอารากิ ก็หัวเราะเบา ๆ อย่างชอบใจ
    “ฉันรู้ว่านายไม่ชอบ แต่เชื่อเถอะ ใช้นามสกุลมุราคามิในโรงเรียนนี้ มีแต่ได้ ไม่มีเสียหรอกน่า”
    ทั้งสองคนคุยกันอีกสักพัก ก็ต้องเงียบ เพราะเสียงกระแอมเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่ทราบของอาจารย์มิซาวะ อากิ อาจารย์หนุ่มที่ปรึกษาของห้อง ม.5 / Z นั่นเอง

    “ฉันว่าอาหารกลางวันของโรงเรียนก็อร่อยดีนะ แต่ทำไมนายถึงกินขนมปังพวกนี้แทนล่ะ เดี๋ยวก็ขาดสารอาหารกันพอดี”
    ยูคิบ่น เมื่อเห็นอารากิซื้อพวกขนมปังมากิน แทนที่จะเป็นอาหารกลางวันชุดของโรงเรียน
    “ฉันก็ไม่ใช่ชอบเจ้าพวกนี้นักหรอก ก็แค่กินเพราะต้องการประชดคนเท่านั้นล่ะ”
    อารากิตอบ ขณะเคี้ยวขนมปังอย่างเซ็ง ๆ
    “ประชด?” ยูคิทวนคำงง ๆ
    “ใช่! ประชด ฉันจะกินจนเป็นโรคขาดสารอาหารอย่างที่นายบอก จนกว่าเขาจะยอมทำข้าวกล่องมาให้ฉันกินบ้าง”
    ยูคิหน้าแดงนิด ๆ ยังไม่รู้หรอกว่า ‘เขา’ ของเพื่อนคนนี้เป็นใคร เพียงแต่คงจะต้องสำคัญมากกับเจ้าตัวพอดู ถึงกับเสี่ยงเอาร่างกายตัวเองมาเป็นของเดิมพันแบบนี้
    “ไหน ๆ เด็กใหม่ที่ว่าเป็นคนของมุราคามิ ริวยะน่ะ คนไหนกัน หือ?”
    เสียงที่ดังโพล่งมาจากอีกฟากหนึ่งของโรงอาหาร ทำเอาคนที่กำลังเคี้ยวข้าวอยู่ถึงกับสำลัก และหันไปมองยังต้นเสียงทันที
    “ใครน่ะ หมอนั่น!”
    ยูคิถามอารากิ ซึ่งกินขนมปังหมดไปเป็นอันที่สาม และกำลังดื่มนมต่อ
    “หนึ่งในจำพวกงี่เง่าที่บอกไงล่ะ  แต่ไม่ใช่พวกชอบวางอำนาจหรอกนะ หมอนั่นมันเป็นประเภทหื่นกามน่ะ”
    คำตอบที่ไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีไปด้วยแม้แต่น้อย แถมยังทำให้กังวลหนักไปอีก ว่าคนประเภทอย่างนั้น มาถามหาเขาทำไมกัน
    “อ้าว ๆ นั่นเอง ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนนี่ ใช่แน่ ๆ”
    บอกแล้ว ก็เดินตรงรี่เข้ามาหา ซึ่งยูคิกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกด้วยความหวั่นวิตก และทำท่าจะลุกหนี แต่อารากิฉุดแขนเขาเอาไว้ก่อน
    “ไม่เป็นไรหรอก ถึงหมอนั่นจะหื่นกามขนาดไหน แต่ก็ไม่คิดจะทำต่อหน้าคนเป็นร้อยในโรงอาหารนี่หรอก”
    คำกล่าวของเด็กหนุ่มทำให้ยูคิยอมอยู่ต่อ และเมื่อคนผู้นั้นเข้ามาใกล้ ยูคิก็สังเกตเห็นว่าเขาเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตา และบุคลิกดีมากคนหนึ่งทีเดียว
    “สวัสดีครับประธานนักเรียน ทีหลังอย่าทำตัวโวยวายแบบนั้นสิครับ เดี๋ยวเด็กใหม่ก็ตกใจกลัวหมดพอดี”  
    อารากิทักขึ้นด้วยสีหน้าเรียบ ๆ ซึ่ง ยูคิก็อ้าปากเหวอ ไม่คิดว่าผู้ชายหื่นกามที่อารากิเรียกจะเป็นถึงประธานนักเรียนของโรงเรียนยามิคุระแห่งนี้
    “เขาจะกลัวฉันก็ต่อเมื่อได้ยินคำใส่ร้ายจากใครบางคนต่างหาก อารากิ”
    เด็กหนุ่มผู้มาใหม่กล่าวยิ้ม ๆ ซึ่งอารากิก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ ทั้งที่ก็แอบสะดุ้งเล็ก ๆ ที่ถูกอีกฝ่ายมองออก
    “สวัสดีครับ ทานากะ...เอ่อ  มุราคามิ ยูคิ ครับ”
    ยูคิทักทายเบา ๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็หันขวับมายิ้มรับทันที
    “สวัสดียูคิ ฉัน มิยาโมโต้  คาสึกะ เป็นประธานนักเรียนของที่นี่... อืม เป็นมาปีที่ 3 แล้วล่ะ”
    ยูคิฟังแล้วก็ต้องอ้าปากค้าง ตกตะลึงอีกเป็นรอบที่ 2
    “ปีที่ 3 ก็หมายความว่าเป็นมาตั้งแต่  ม.4 หรือครับ!”
    คาสึกะยิ้มรับ เห็นปฏิกิริยาตอบรับซื่อ ๆ ตรง ๆ แบบนี้แล้ว ก็ยิ่งชอบใจเด็กตรงหน้ามากขึ้นไปอีก
    “ใช่! แต่นั่นไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก ยูคิคุง เธอมาเป็นเลขาฯ ฉันไหมล่ะ สภานักเรียนยินดีต้อนรับเธอเสมอนะ”
    คราวนี้ไม่ใช่ยูคิคนเดียวที่ตกใจ แต่อารากิกลับลุกขึ้นพรวด และเผชิญหน้ากับคาสึกะแทน
    “ประธาน! ยูคิเป็นคนของคุณริวยะนะครับ ประธานคงไม่…”
    “มุราคามิ ริวยะ ไม่เกี่ยวด้วยสักหน่อย ที่ฉันอยากได้ยูคิน่ะ ความสามารถของเขาต่างหาก ไม่ใช่ตัวเขา”
    “ยืนยันได้หรือครับเรื่องนั้นน่ะ!”  อารากิคาดคั้นอย่างไม่ไว้ใจสุด ๆ
    “หวาดระแวงจริง ๆ นะ  ถ้านายกลัวฉันจ้องแอ้มเพื่อนนายขนาดนั้น ก็เข้าสภานักเรียนเสียด้วยกันเลยสิ อารากิ”
    ข้อเสนอของคาสึกะ ทำให้อารากิขมวดคิ้วยุ่ง แต่ก่อนที่จะตอบปฏิเสธออกไปเช่นเคยอย่างทุกครั้ง  อีกฝ่ายก็สวนกลับมาเสียก่อน
    “แต่เรื่องของยูคิคุงน่ะ ทางท่านผู้อำนวยการเป็นคนเสนอให้ฉันเองนะ เธอคงจะไม่คิดปฏิเสธหรอกนะ จริงไหม?”
    เด็กหนุ่มหันมาทางยูคิ ที่ยืนอึ้งฟังอยู่ ส่วนอารากิเมื่อได้ยินดังนั้น จึงโพล่งขึ้นแทน
    “อาน่ะเหรอ เป็นคนเสนอ ทำไมผมไม่รู้ล่ะ!”
    “ลองไปถามดูได้เลย นายเองไม่รู้หรอกว่า ความสามารถที่แท้จริงของเด็กคนนี้มีมากขนาดไหน”
    ประโยคสุดท้ายหันมาขยิบตากับยูคิ ซึ่งก็สะดุ้งเฮือก พลางโพล่งถามออกไปอย่างลืมตัว
    “หรือว่า ผอ. เล่าเรื่องนั้นให้คุณฟังด้วย!”
    คาสึกะยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับค่อย ๆ ซึ่งยูคิก็หน้าซีด คิดหนัก เพราะหากปฏิเสธออกไปบางทีอีกฝ่ายอาจจะเอาเรื่องของเขาไปโพนทะนา ให้คนอื่นรู้ต่อก็ได้
    “คนเจ้าเล่ห์”  อารากิกล่าวอย่างหงุดหงิด ที่ไม่รู้จะช่วยเพื่อนปฏิเสธได้ยังไง
    “ไม่เอาน่าอารากิ ฉันก็แค่ทำเพื่อโรงเรียนของเรา อีกอย่างการที่มีบุคลากรซึ่งมีความสามารถเข้ามาร่วมงานด้วย ยิ่งมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดีเท่านั้น จริงไหม?”
    อารากิเถียงไม่ออก หันไปทางยูคิ เด็กหนุ่มก็มองเขาด้วยแววตาอ้อนวอน จนเขาพูดไม่ออก ได้แต่ถอนหายใจยาวอย่างนึกปลง
    “งั้นผมขอเข้าเป็นสมาชิกด้วยคนแล้วกัน”
    “เยี่ยม! ได้บุคลากรชั้นยอดทีเดียวสองคน อย่างนี้สภานักเรียนก็มีอำนาจต่อรองมากขึ้นไปอีก”
    ประธานนักเรียนหนุ่มกล่าวอย่างอารมณ์ดี ซึ่งอารากิก็ถอนหายใจยาวอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรมากนัก เพราะสนิทและคบกันมานานจึงทำให้รู้นิสัยของอีกฝ่ายดี  ซึ่งถ้าไม่นับเรื่องเป็นคนเจ้าชู้ และปากว่ามือถึงแล้ว คาสึกะก็จัดว่าเป็นคนดีที่น่าคบคนหนึ่ง
    “แต่ห้ามยุ่มย่ามกับยูคิเด็ดขาดนะ!”
    อารากิกระซิบดุ ๆ เตือนลอดไรฟัน จนยูคิที่อยู่ใกล้ ๆ สะดุ้ง และหน้าแดงขึ้นมาทันที ส่วนคาสึกะหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ พลางกล่าวตอบอย่างยิ้มแย้ม
    “เออ ๆ รู้น่า ฉันยังไม่อยากถูกจับโบกปูน ถ่วงทะเล นักหรอก!”
    อารากิถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ยูคิ ตงิด ๆ กับคำพูดกึ่งจริงกึ่งเล่นของประธานนักเรียนหนุ่ม โดยส่วนตัวแล้ว เขาไม่คิดหรอกว่า เพื่อตัวเขาแล้วริวยะจะถึงขนาดฆ่าคนได้แบบนั้น  แต่ดูเหมือนคนอื่น ๆ ที่นี่ จะคิดว่าชายหนุ่มทำเช่นนั้นได้จริง ๆ ไปเสียหมด
    ระหว่างที่ทั้งสามยืนคุยกันอยู่ คนอื่น ๆ ก็พากันจับกลุ่มมองอยู่ห่าง ๆ ...ประธานนักเรียน  หลานชายผู้อำนวยการ  และบุตรบุญธรรมของมุราคามิ  ริวยะ  ช่างเป็นการรวมตัวของผู้ทรงอิทธิพลในโรงเรียนอย่างที่ไม่อยากมีใครกล้าเข้าไปยุ่งย่ามด้วย
    และจู่ ๆ สายตาของคาสึกะ ก็เผอิญเหลือบไปสะดุดเข้ากับคน ๆ หนึ่ง  ริมฝีปากได้รูปจึงเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น
    “อารากิ ...พักนี้ ไปได้ไม่ดีกับ ‘เขา’ ใช่ไหมล่ะ”
    อารากิสะอึก ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจ แต่ยูคิฟังแล้วอึ้ง ๆ แสดงว่า คาสึกะคงต้องสนิทกับอารากิพอสมควร จึงทำให้รู้เรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายได้แบบนี้
    “ช่วยให้เอาไหม?”
    คาสึกะก้มลงกระซิบถามอีกฝ่ายใกล้ ๆ  แต่ก็ช่างน่าหวาดเสียวในสายตาคนมอง
    “ไม่ต้องยุ่งน่า ผมจัดการเองได้!”
    อารากิตัดบทห้วน ๆ และขณะที่กำลังจะเดินผ่านอีกฝ่ายไป จู่ ๆ ก็ถูกดึงมือเอาไว้ และเมื่อเด็กหนุ่มจะหันกลับมาต่อว่า ก็ต้องตะลึงเมื่อคาสึกะชะโงกหน้ามารออยู่แล้ว
    ยูคิยืนหน้าแดง เมื่อเห็นเพื่อนของเขาถูกประธานนักเรียนขโมยจูบเอาดื้อ ๆ ต่อหน้าต่อตา  ซึ่งคนอื่น ๆ ในโรงอาหารก็พากันกลืนน้ำลายเอื๊อก แต่ก็ขยาดกับอิทธิพลของคนทั้งสองมากเกินกว่าจะเสี่ยงล้อเลียน หรือ วิพากษ์วิจารณ์อะไรออกไป
    “คาสึกะ! ไอ้บ้า! นาย...”   อารากิช็อคจนหลุดเรียกอีกฝ่ายออกไปตามอารมณ์โกรธ ซึ่งคาสึกะก็ยักไหล่พลางเลียปากเล่นอย่างพึงพอใจ
    “น่า ๆ อย่าโกรธสิ ผลงานฉันได้ผลนะ ท่าทางจะโกรธจนหนีไปแล้วล่ะ แสดงว่านายเองก็ยังมีหวังจริงไหม?”
    อารากิชะงัก  หันไปมองคนอื่น ๆ ที่มุงดูอยู่ทันที  ก่อนจะสะดุ้งเฮือก เมื่อเพิ่งจะนึกขึ้นได้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันนี้
    “ไอ้บ้า! เมื่อครู่นี้ เขาอยู่ด้วยงั้นเหรอ!”
    “ก็เออน่ะสิ ไม่งั้นจะจูบทำไมกันล่ะ”
    คาสึกะตอบหน้าตาย อารากิกัดฟันกรอด และก่อนที่ใครจะนึกอะไร เด็กหนุ่มก็เตะหน้าแข้งอีกฝ่ายเข้าเต็มแรง
    “โอ๊ย!”  
    คาสึกะร้องเสียงหลง ทรุดกุมหน้าแข้งด้วยความเจ็บในขณะที่อารากิวิ่งพรวดออกจากโรงอาหารไปอย่างรวดเร็ว
    “ทำคุณบูชาโทษแท้ ๆ อ๊ะ ขอบใจยูคิคุง”
    ประธานนักเรียนหนุ่มกล่าวยิ้ม ๆ เมื่อเห็นยูคิยื่นมือมาช่วยฉุดเขาให้ลุกขึ้น
    “เอ่อ ... ประธานรู้จัก ... ของอารากิด้วยหรือครับ”
    ยูคิถามตะกุกตะกัก หน้าแดงนิด ๆ อย่างเขินอาย  คาสึกะมองแล้วลอบกลืนน้ำลายเอื๊อกลงคอ ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่คนของ มุราคามิ  ริวยะ เขาคงไม่ยอมปล่อยเอาไว้เฉย ๆ แน่  
    “ใช่! แต่มันเป็นความลับนะ เธออยากรู้ก็ได้  แต่ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนกันนิดหน่อย”
    บอกพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ยูคิเลยรีบกระเถิบหนีออกไปห่าง ๆ ด้วยความหวาดระแวง
    “อ่ะ... ไม่เป็นไรครับ ไว้ถามเองก็ได้ ขอตัวก่อนนะครับ”
    แล้วเจ้าตัวก็รีบแผ่นแนบตามเพื่อนไปอีกคน คาสึกะหัวเราะเบา ๆ เขาก็ไม่คิดจะยุ่มย่ามอะไรอีกฝ่ายหรอก แต่แค่แตะนิดแตะหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

    กว่ายูคิจะหาตัวอารากิเจอ ก็หมดเวลาพักกลางวัน แต่พอเข้าชั่วโมงเรียน เด็กหนุ่มก็เอาแต่ตีสีหน้าเคร่งขรึม  ซึ่งก็ทำเอายูคิกลัวจนไม่กล้าพูดด้วย  
    จนกระทั่งเวลาเลิกเรียนมาถึง …
    “งั้นฉันกลับก่อนนะอารากิ” ยูคิกล่าวลา หลังจากที่อารากิบอกว่าจะขออยู่ที่โรงเรียนต่ออีกสักพัก
    “อืม พรุ่งนี้ก็อย่าขาดเรียนอีกล่ะ”  อารากิยิ้มแย้มทักทาย ดูอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว
    “ฉันก็ไม่อยากจะขาดเรียนสักหน่อย...”  เด็กหนุ่มอุบอิบตอบหน้าแดง และรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดทั้งห้องก็เหลือเพียงแต่อารากิ เขาหยิบสมุดเช็คชื่อที่แอบไปเอามาจากห้องพักครูเมื่อตอนกลางวันขึ้นมาวางบนโต๊ะ พลางนั่งรอเจ้าของสมุดมาเอาคืนอยู่อย่างนั้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งในที่สุด เจ้าของสมุดก็ปรากฏกายขึ้น...

    “อ๊ะ! ตายจริง ลืมสมุดโน้ตวิชาภาษาอังกฤษไว้ในห้องนี่นา”
    ยูคิอุทานเบา ๆ ในขณะที่กำลังจะก้าวขึ้นรถ
    “ทาคุ เดี๋ยวรอผมอยู่ที่รถก่อนได้ไหม เดี๋ยวผมมา”
    “ไม่ใช่ผมครับ ‘ฉัน’ ต่างหาก”  ทาคุช่วยแก้สรรพนามที่ใช้แทนตัวเองของเด็กหนุ่ม ซึ่งเจ้าตัวก็ขมวดคิ้วยุ่ง แล้วกระชากเสียงใส่อย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
    “รู้แล้วน่า! เดี๋ยวฉันมา พอใจไหม!”
    “ครับ ผมจะรอที่รถ แต่อย่าให้นานนักนะครับ เดี๋ยวกลับบ้านผิดเวลาคุณริวยะจะไม่พอใจ”
    คำบอกนั้น ทำเอาเด็กหนุ่มที่กำลังจะเดินไปที่ห้อง เปลี่ยนฝีเท้าเป็นวิ่งไปทันที  ซึ่งทาคุก็มองตามไปด้วยความเอ็นดู

    “อย่านะ....เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า.....อื้ม....อย่าสิ”
    ประโยคที่ดังออกมาจากในห้อง ประกอบกับความเงียบสงัดของอาคารเรียนที่ไร้ผู้คน ทำให้ยูคิชะงักกึก หน้าแดงนิด ๆ กับถ้อยคำนั้น  มันไม่น่าจะเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจาก...
    “อารากิ...บอกว่าพอก่อนยังไงล่ะ”  น้ำเสียงกระเส่านั้น ทำเอายูคิกลืนน้ำลายเอื๊อก แต่ก็ยังไม่เท่ากับชื่อของเพื่อนใหม่ที่หลุดออกมาให้ได้ยินจากเจ้าของเสียงนั่น
    …หรือว่า เป็น นั่นของอารากิ? …
    ใจหนึ่งก็อยากจะแอบดู แต่อีกใจก็บอกกับตัวเองว่าเป็นการเสียมารยาท พอตัดสินใจไม่ถูกเข้า ก็เลยได้แต่ยืนขาแข็งอยู่หน้าห้อง ไม่กล้าขยับไปไหน
    “ไม่พอหรอก...ก็คุณอยากใจร้ายกับผมก่อนทำไมล่ะ รู้ทั้งรู้ว่าผมคิดอย่างไงกับคุณ แต่ก็แกล้งทำตัวเย็นชา ไม่สนใจผมเลยสักนิด”
    เสียงอารากิดังขึ้นมา ยูคิกลืนน้ำลายอีกครั้ง เรื่องสมุดโน้ตวิชาภาษาอังกฤษลืมไปได้เลย เพราะเขาไม่คิดจะเปิดประตูห้องแล้วเข้าไปหยิบมันตอนนี้หรอก
    “ก็เธอเป็นลูกศิษย์...”  น้ำเสียงของอีกคนในห้องดังขึ้นมาอีก ยูคิสะดุ้งโหยง เมื่อได้ยินประโยคนั้นชัดเจน
    ...ลูกศิษย์งั้นเหรอ แสดงว่านั่นก็... แต่เสียงคุ้น ๆ นะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ...ไม่จริงน่า....เสียงนั่น....
    “ทำอะไรอยู่หรือครับคุณยูคิ”
    ทาคุที่เห็นว่าเด็กหนุ่มหายไปนานจึงขึ้นมาตาม ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า ยูคิยังคงยืนลังเลอยู่หน้าห้องไม่กล้าเข้าไปสักที
    “เหวอ ทาคุ!” ยูคิเผลออุทานออกมาด้วยความตกใจ แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงดังกรอกแกรกจากภายในห้อง
    “มานี่เร็วเข้า!”  
    ยูคิจูงมือชายหนุ่ม วิ่งแผ่นแนบจากหน้าห้องไปอย่างรวดเร็ว  ซึ่งพอคนที่อยู่ในห้องเปิดออกมาก็เห็นเพียงหลังไว ๆ เท่านั้น
    “ยูคิ?”  อารากิพึมพำ  ก่อนจะยักไหล่ เพราะถ้าเป็นยูคิ คงไม่มีปัญหาอะไร จากนั้นเจ้าตัวก็จัดการปิดล็อกห้อง และเดินตรงเข้ามาหาคนที่นอนตาปรือรอคอยเขาอยู่บนพื้นห้องเรียน
    “ต่อเลยนะครับอาจารย์มิซาวะ”  เด็กหนุ่มกล่าวพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ซึ่งก็ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายปฏิเสธ เพราะเขาจัดการรุกเผด็จศึกต่อทันที เพื่อไม่ให้โอกาสดี ๆ ที่อุตส่าห์ได้อยู่กันตามลำพังสองต่อสองแบบนี้ ต้องหลุดลอยไปเหมือนกับหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา ...


===
TBC
===
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 12
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 04-11-2010 16:26:20
=====
บทที่ 12
=====



    พอยูคิกลับมาถึงคฤหาสน์ของตระกูลมุราคามิ ก็พบว่าริวยะกำลังนั่งรอเขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ด้วยสีหน้าบึ้งตึง
    “ทำไมกลับสายเกือบ 10 นาที”
    ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด และทำสัญญาณให้ทาคุ และคนอื่น ๆ แถวนั้นออกไป จนกระทั่งเหลือเขากับยูคิเพียงลำพังสองคนเท่านั้น
    “มานั่งข้าง ๆ นี่”  น้ำเสียงวางอำนาจกล่าวดุ ๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งก้มหน้าอยู่ตรงข้ามกับเขา
    “ครับ...” ยูคิรับคำเสียงอ่อย ไม่กล้าเถียง หรือปฏิเสธ เพราะรู้ดีว่ามันจะทำให้คนตรงหน้าอารมณ์เสียมากยิ่งขึ้น
    “ไหนเล่ามาสิ ทำไมถึงกลับช้า”  ริวยะกระซิบถามพลางดึงร่างบางมานั่งตักตนเองหน้าตาเฉย  โดยไม่สนใจอาการดิ้นรนขัดเขินนั่นแม้แต่น้อย
    “คือ...ลืมสมุดโน้ตทิ้งไว้ที่ห้องเรียน เลยกลับไปเอาครับ”  พอบอกถึงตอนนี้ก็ดันไปนึกถึงเรื่องที่เกิดในห้องเรียน เลยยิ่งทำให้ใบหน้าที่แดงระเรื่ออยู่แล้ว แดงหนักมากยิ่งขึ้นไปอีก
    “ทำไม? มีอะไรในห้องเรียนกันแน่ ถึงทำหน้าแบบนี้!”  ริวยะที่สังเกตเห็นคาดคั้นหนัก แต่ยูคิก็ไม่กล้าพูด ได้แต่ อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ จนชายหนุ่มขัดใจ
    “พูดมาสิ!”  คนสั่งบังคับถาม โดยมือใหญ่แข็งแกร่งจับคางกลมมนให้หันหน้ามาประสานสายตาเขาไม่ยอมให้หลบ
    “คือ...”  ยูคิใบหน้าแดงก่ำ  แต่ก็จำต้องบอกอีกฝ่าย ด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักและแผ่วเบา
    “หือ?”  ริวยะปล่อยใบหน้างามให้เป็นอิสระ พอได้รับรู้ถึงสาเหตุทั้งหมด เจ้าตัวก็คลายอาการหงุดหงิดลง แถมยังนึกขำที่เห็นเด็กหนุ่มเขินอายหนักแบบนี้อีกด้วย
    “อะไรกัน...ทำอยู่บ่อย ๆ เจอแบบนั้นยังไม่ชินอีกหรือไง?”
    ยูคิสะดุ้ง เงยหน้ามองใบหน้าคมเข้ม แล้วก็รีบหลบตา ทั้งหน้า หู และคอ แดงแป๊ดไปหมด
    “ว่ายังไงล่ะ หรือต้องให้ฉันช่วยเพิ่มภูมิต้านทานเรื่องแบบนั้นให้กับเธอกัน หือ?”
    น้ำเสียงทุ้มกระซิบใกล้ ๆ หู ก่อนจะขบกัดติ่งหูนุ่ม ๆ เล่น อย่างหยอกเย้า
    “อ๊ะ!” ยูคิสะดุ้ง เมื่อถูกสัมผัสกระตุ้นอารมณ์จากอีกฝ่าย  เขาพยายามเบี่ยงกายออกจากอ้อมแขนแข็งแกร่ง แต่ดูเหมือนเจ้าของอ้อมกอดจะไม่ยอมให้ความร่วมมือด้วยเลยสักนิด
    “ดื้ออีกแล้ว เมื่อไหร่จะยอมว่าง่าย ๆ ไม่ขัดขืนเสียทีนะ”
    ริวยะกระซิบพลางซุกไซ้ไปทั่วซอกคอขาวนวลเนียนนั้น ไม่ได้เอาจริง แต่ตั้งใจจะแกล้งอีกฝ่ายเล่นมากกว่า
    “ถ้าผมยอมง่าย ๆ คุณคงจะพอใจสินะครับ ... เพราะประโยชน์ของผมก็คงมีเท่านี้...”
    น้ำเสียงตัดพ้ออย่างไม่ตั้งใจ ดังขึ้นแผ่วเบา ทำเอาคนฟังชะงักกึก
    “อะไรทำให้เธอคิดแบบนั้นกัน”  ริวยะเงยหน้าขึ้นถามร่างบางในอ้อมกอด ทว่าใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม อย่างน่าหวั่นเกรง
    “ก็คุณ...” ยูคิพูดได้แค่นั้นก็พูดไม่ออก ก้มหน้านิ่ง จนคนรอคำตอบขัดใจ
    “ฉันทำไมกัน! หรือเธอจะคิดว่า ที่ฉันรับเธอมาอยู่ด้วยกับฉัน เพราะต้องการแค่ตัวเธอเท่านั้นหรือไง!”
    “แล้วไม่ใช่หรือไงล่ะครับ!” ยูคิสวนกลับ ชักจะหมดความอดทนเหมือนกัน ที่เขาเหมือนจะโดนข่มขู่เอาฝ่ายเดียวแบบนี้
    ยูคิคิดว่าจะได้เห็นสีหน้าหงุดหงิด กราดเกรี้ยวจากร่างสูง ทว่าเด็กหนุ่มเห็นแต่เพียงแววตาที่สลดวูบลง และใบหน้าที่เศร้าหมองแทน
    “ฉันคิดว่าเธอจะรับรู้ความรู้สึกของฉันที่ผ่านมาเสียอีก กลายเป็นว่าเธอมองฉันในอีกแบบตลอดมางั้นสินะ”
      ยูคิรู้สึกว่าหัวใจโหวงเหวง ว่างเปล่า  เมื่อชายหนุ่มปล่อยร่างเขาให้เป็นอิสระ และลุกขึ้นเดินจากห้องไป เด็กหนุ่มก้มหน้านิ่งคิดอะไรบางอย่างสักพัก  ก่อนจะเงยหน้าขึ้น ประกายตาเปลี่ยนไป เป็นมุ่งมั่นและจริงจังกว่าครั้งไหน ๆ
    ริวยะเดินเรื่อย ๆ เพื่อตรงกลับเข้าห้องพักของตน แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อร่างบางที่วิ่งตามมา ปราดเข้าขวางหน้าเขาเอาไว้เสียก่อน
    “มีอะไร!”  ถามด้วยน้ำเสียงวางอำนาจเช่นเคย แต่คราวนี้คนฟังไม่ได้หวาดหวั่น แม้แต่น้อย กลับตวาดเผยออกไปถึงความในใจ ที่อัดอั้นมานานของตัวเอง ให้อีกฝ่ายรับรู้
    “ผมจะไปรู้ความรู้สึกของคุณได้ยังไงกัน! ในเมื่อคุณไม่เคยบอกอะไรผมมาก่อน! ผมไม่ได้อ่านใจคุณได้นี่ ถึงจะได้รู้ว่าคุณคิดยังไงกับผม!”
    คนอื่น ๆ ที่ทำงานอยู่แถวนั้น โผล่หน้าออกมาดูทีละคนสองคน เพราะแปลกใจที่เห็นเด็กหนุ่มขึ้นเสียงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
    “ยูคิ...”   ชายหนุ่มอึ้งไปชั่วครู่ กับถ้อยคำที่อีกฝ่ายกล่าวออกมา และก็ต้องเม้มปากนิ่งเมื่อได้ยินน้ำเสียง และดวงตาเว้าวอนที่จับจ้องมายังเขา
    “พูดสิครับ ...พูดออกมาเถอะ ผมอยากฟังจากปากของคุณเอง...”
    ริวยะนิ่งเงียบไปนาน จนยูคิใจคอไม่ดี ใบหน้าหวาน สลดลง แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเสียงหัวเราะแผ่วเบาในลำคอของอีกฝ่ายดังขึ้น
    “หึ...เธอนี่  ทำให้ฉันประหลาดใจได้ทุกครั้งเลยนะ อยู่กับเธอฉันไม่เคยเบื่อเลยจริง ๆ”
    ยูคิมึนงง กับปฏิกิริยาตอบรับดังกล่าว และเมื่อริวยะหันมาเห็นสีหน้าสงสัยของเจ้าตัว เขาก็ยิ้มน้อย ๆ พลางชะโงกหน้ากระซิบอีกฝ่ายเบา ๆ
    “ตกลงว่าเธอจะให้ฉันสารภาพความในใจกับเธอตรงนี้แน่นะ...”
    ยูคิสะดุ้ง  เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็เห็นคนงานในบ้านผลุบหน้าหลบกันเป็นแถว ๆ ในทันที
     จากนั้นเจ้าตัวจึงรีบสั่นศีรษะหน้าแดงก่ำ  ริวยะหัวเราะในลำคออีกครั้ง และช้อนร่างบางอุ้มขึ้นไว้ในอ้อมกอดของตนอย่างทะนุถนอม
    “ฉันจะบอกเธอทุกเรื่องเกี่ยวกับตัวฉัน...ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่เธออยากรู้... ยูคิ”
    น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบบอกอย่างอ่อนโยน ยูคิซุกหน้านิ่งกับอกกว้าง แขนเรียวบางยกขึ้นโอบรอบคอของชายหนุ่ม และปล่อยให้อีกฝ่ายพาเขาไปที่ห้องโดยไม่คิดจะขัดขืนแต่อย่างใด
 
    “คุณทาคุ  คุณอากิระ จะดีหรือคะ ...ท่านริวยะ อยู่แต่ในห้องนอนกับคุณยูคิมาสองวันแล้วนะคะ พอดิฉันไปเชิญทานข้าว ก็ได้แต่บอกว่า ให้นำสำรับมาวางไว้หน้าห้องเท่านั้นเอง”
    ชิโนะบ่นอย่างเป็นห่วง แต่คนฟังสองคน หนึ่งในนั้นหัวเราะ ส่วนอีกหนึ่งสั่นศีรษะอย่างระอา
    “เอาน่า ๆ คุณชิโนะไม่ต้องห่วงไปหรอก ข้าวใหม่ปลามันก็งี้ล่ะ เดี๋ยวพอเบื่อก็ออกมาเองแหละครับ”
    ชิโนะกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะสบตากับทาคุ คิดตรงกันว่า หากขืนรออย่างที่อากิระบอก บางทีทั้งคู่อาจจะไม่ได้ออกจากห้องนั้นอีกนานเลยก็ได้
    “คุณอิชิโจ โทรศัพท์มาตามคุณยูคิให้กลับไปเรียนด้วยนะคะ”
    ชิโนะบอกต่ออย่างเป็นกังวล ซึ่งอากิระก็แก้ตัวแทนเจ้านายอีกตามเคย
    “ไม่เป็นไรหรอกครับ  เวลาเรียนปีหนึ่งขาดได้ตั้งหลายหน แล้วคุณยูคิ ก็ขาดแค่ไม่กี่วันเอง”
    “จะดีหรือคะ” อีกฝ่ายยังคงกังวลไม่หาย อากิระจึงบอกด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ แต่ทำเอาคนฟังเงียบกริบ
    “ไม่เป็นไรครับ แล้วถึงจะเป็นปัญหาจริง ๆ  ใครที่นี่จะกล้าเข้าไปขัดจังหวะทั้งคู่ตอนนี้กันล่ะครับ”
     ชิโนะหน้าแดงนิด ๆ เมื่อได้ฟัง ก่อนจะหันไปมองทาคุอย่างขอร้อง ซึ่งอีกฝ่ายก็สั่นศีรษะปฏิเสธ เป็นเชิงว่าตัวเองก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้เช่นกัน
    “โธ่เอ๋ย คุณยูคิ เพิ่งจะได้ไปเรียนแท้ ๆ ”  แม่บ้านแห่งตระกูลมุราคามิบ่นอย่างกลัดกลุ้ม ซึ่งอากิระก็ปลอบให้อีกฝ่ายหายกังวล
    “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ  คุณริวยะไม่ปล่อยให้คุณยูคิต้องซ้ำชั้นอยู่แล้ว”
    “ข้อนั้นดิฉันเข้าใจค่ะ เพียงแต่...”  หญิงวัยกลางคนกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ปนเขินอาย
    “ดิฉันห่วงสุขภาพของคุณยูคิน่ะค่ะ ดูเธอยิ่งไม่ค่อยจะแข็งแรงเท่าไหร่ แล้วท่านริวยะเองก็ไม่ค่อย...เอ่อ...ถนอมสุขภาพเธอเท่าไหร่ด้วยน่ะค่ะ”
    พอได้ฟัง อากิระก็รีบหันไปกลั้นหัวเราะทางอื่น เพราะกลัวเสียมารยาท ในขณะที่ทาคุได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
    “ไม่เป็นไรหรอกครับ เห็นอย่างนั้นคุณริวยะก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงนะครับ ผมว่าไม่เกินวันนี้ พรุ่งนี้ก็ต้องออกมาจากห้อง เพราะงานที่บริษัทหลายอย่างก็เร่งด่วน และรอคำสั่งของคุณริวยะอนุมัติอยู่ด้วย”
    อากิระอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง หลังจากที่พยายามสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ซึ่งคำพูดในครั้งนี้ของชายหนุ่ม ก็ได้รับการยืนยันจากทาคุด้วยเช่นกัน
    “อย่างที่อากิระบอกนั่นล่ะครับ คุณชิโนะ”  ชายหนุ่มเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนเป็นเก้อเขินเล็กน้อย
    “ส่วนเรื่องสุขภาพของคุณยูคิ ผมจะคอยเตือนคุณริวยะให้เอง”
    อากิระอมยิ้มให้คำพูดของเพื่อนสนิท  ก่อนจะขอตัวไปจัดการธุระที่บริษัทต่อ หลังจากแวบกลับเข้ามาดูว่า ผู้เป็นนายยอมออกจากห้องแล้วหรือยัง

    เช้าของวันที่ 3 ซึ่งทั้งคู่เข้าไปอยู่ในห้องด้วยกัน  ริวยะออกมาจากห้องเพียงลำพัง เขาอยู่ในชุดสูทเรียบร้อย พร้อมเตรียมตัวไปทำงาน
    “ท่านริวยะ แล้วคุณยูคิล่ะคะ” ชิโนะถามถึงนายน้อยคนใหม่ด้วยความเป็นห่วงซึ่งริวยะก็แย้มยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี
    “หลับอยู่น่ะ คงจะเพลีย ชิโนะปล่อยให้นอนไปก่อนเถอะ อย่าเพิ่งไปปลุกเลยนะ”
    ชิโนะพอได้ฟัง ก็รับคำสั่งนั้นแต่โดยดี
    “ค่ะ...งั้นดิฉันไปเตรียมอาหารเช้าให้ตัวท่านก่อนนะคะ”
    “อืม ขอบใจ”
    ริวยะบอก พลางเดินออกไปชมสวนญี่ปุ่นคั่นเวลาในการรออาหารเช้า ซึ่งคนงานก็ล้วนแต่พากันแปลกใจที่เห็นเช่นนั้น  เจ้านายของพวกเขาดูอารมณ์ดีอย่างไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก ทว่าทุกคนก็ได้แต่เพียงคิด ไม่มีใครกล้าหลุดปากสนทนา วิพากษ์วิจารณ์กันถึงเรื่องนี้เลยแม้แต่คนเดียว ยกเว้น...
    “อ้าว! คุณริวยะ ผมคิดว่าเช้านี้จะไม่ได้พบคุณเสียแล้ว เป็นยังไงครับ สบายดีไหม”
    “อากิระ...ถ้อยคำเหน็บแนมของนาย มันทำให้ฉันอารมณ์เสียตอนนี้ไม่ได้หรอก”
    ร่างสูงกล่าวตอบ ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยความอิ่มเอิบ สบายใจ อย่างที่คนมองเลิกคิดจะแหย่ เปลี่ยนกลับมาสนทนาอย่างจริงจังแทน
    “ไปกันด้วยดีแล้วสินะครับ”
    “อืม...อย่างที่ทาคุเคยบอกไว้ พอพูดเปิดอกไปแล้ว อะไร ๆ มันก็ดีขึ้นกว่าเดิม”
    ริวยะบอก และหันกลับมาซักถามอีกฝ่ายแทน
    “ที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง”
    “ก็มีเอกสารที่ต้องเซ็นอนุมัติ แต่ไม่มีชิ้นไหนสำคัญเร่งด่วน เป็นพิเศษครับ”
    อากิระตอบอย่างเป็นการเป็นงาน ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้ารับรู้
    “ขอบใจที่ช่วยเป็นธุระให้ เดี๋ยววันนี้ฉันจะเข้าบริษัทไปเคลียร์งานให้เสร็จ นายช่วยเตรียมเอกสารให้ฉันด้วยแล้วกัน”
    “ครับ”  อากิระโค้งรับคำสั่ง ก่อนจะปลีกตัวออกไป ทิ้งให้ริวยะยืนชมความงามของธรรมชาติในสวนตามลำพัง  ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนชายหนุ่มไม่เคยให้ความใส่ใจสิ่งเหล่านี้เลยสักนิด ทว่า ตั้งแต่ยูคิมาอยู่ด้วย เขาก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย มาถึงวันนี้ ริวยะไม่อยากคิดเลยว่า หากวันใดวันหนึ่งข้างหน้า เขาต้องสูญเสียยูคิไป  เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกัน....
 

===
TBC
===
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 04-11-2010 16:28:56

มาต่อให้แล้วนะคะ 2 บทรวดอย่างที่บอกค่ะ คนปากหนักขี้เก๊กในที่สุดก็ยอมเผยความในใจสักที
แต่เผยอีท่าไหนไม่รู้ หนูยูคิก็ต้องหยุดเรียนต่อไปอีก 3 วันจนได้ - -....

จะทยอยมาอัพให้เรื่อย ๆ นะคะ เพราะช่วงนี้เรื่องหลักที่ค้างไว้ ยังไม่มีกำหนดต่อเลย ถ้าเคลียร์งานนิยายทำมือเสร็จก็คงว่างมาปั่นต่อล่ะค่ะ ติดไว้ก่อนนะคะ สำหรับเรื่องคุณตำรวจยอดรัก ^ ^" ขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 04-11-2010 16:50:26
หวานเนอะ


ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 04-11-2010 17:08:11
น้ำตาลขึ้น ยูคิจะไหวมั๊ยเนี่ย 
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 04-11-2010 17:23:44
จ๊าก 3 วัน  :m25:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 04-11-2010 17:38:19
ส่งสัยต้องส่งเอ็ม150 ให้ยูคิสักลังสองลังแล้วละ

ริวยะเล่นกดข้ามวันข้ามคืนแบบนี้ 5555
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 04-11-2010 18:15:19
เราสงสารยูคิอ่ะ

แต่ยูคิคงบอกว่า "ไม่ต้องมาสงสารฉันหรอก ฉันมีความสุขดี!!!"

อ๊ายยยยยยยยยยยยย >////<
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 04-11-2010 18:18:16
อยากรู้จังเค้าเข้าไปทำไรกัน ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 04-11-2010 18:43:50
 :L2:บทเรียนรัก
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 04-11-2010 18:45:47
เค้าไปสารภาพเปิดอกกันท่าไหนก็ไม่ทราบเนอะคะ  :-[ :o8: แหะๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 04-11-2010 19:31:04
ขำกับทุกเม้นท์ก่อนหน้านี้ 555

ซุปไก่ รังนก โสม ไข่ลวก พร้อมมม
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 04-11-2010 19:43:58
ริวยะซามะนี่ สมกับฉายามารการศึกษาจริงอะไรจริงนะเจ้าคะ  :m20:

ปล.อยากรู้เรื่องของอารากิจังกะอาจารย์อ้ะค่ะ งุงิงิงุ
....................

แอบเอาของฝากมาให้คุณปัทม์ค่ะ
เอาเรื่องของเขาไปโพทะนา (โพนทะนา)
อารากิกระซิบดุ ๆ เตือนรอดไรฟัน (ลอดไรฟัน)
ไม่อยากมีใครกล้าเข้าไปยุ่งย่าม (ยุ่มย่าม)
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Pororo ที่ 04-11-2010 19:44:20
อยากเอาสว่านไปเจาะห้องริวยะ คิคิ :z1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: annis204 ที่ 04-11-2010 19:49:00
เอ่อ...ขอโทษนะถ้าจะถามว่า อ.มิซาวะเนี่ยผู้หญิงหรือว่าผู้ชายอ่ะ จะโดนประนามหรือเปล่า
คืออยากรู้จริงๆอ่ะ แหะแหะ ถามแล้วก้อแอบอาย ฟิ้ววววววววววว
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 04-11-2010 20:18:51
ริวยะซามะนี่ สมกับฉายามารการศึกษาจริงอะไรจริงนะเจ้าคะ  :m20:

ปล.อยากรู้เรื่องของอารากิจังกะอาจารย์อ้ะค่ะ งุงิงิงุ
....................

แอบเอาของฝากมาให้คุณปัทม์ค่ะ
เอาเรื่องของเขาไปโพทะนา (โพนทะนา)
อารากิกระซิบดุ ๆ เตือนรอดไรฟัน (ลอดไรฟัน)
ไม่อยากมีใครกล้าเข้าไปยุ่งย่าม (ยุ่มย่าม)


ขอบพระคุณค่าที่ช่วยเช็คให้ นำไปแก้ไขแล้วนะคะ ^ ^ เรื่องของอารากิกับอาจารย์มิซาวะ ไม่ได้เขียนถึงในเนื้อเรื่องหลักค่ะ แต่บางทีอาจจะแตกมาเป็นตอนพิเศษก็ได้ ถ้านักอ่านสนใจ เพราะเรื่องนี้กะว่าจะเขียนตอนพิเศษเพิ่มหลังจากว่างแล้วน่ะค่ะ

เอ่อ...ขอโทษนะถ้าจะถามว่า อ.มิซาวะเนี่ยผู้หญิงหรือว่าผู้ชายอ่ะ จะโดนประนามหรือเปล่า
คืออยากรู้จริงๆอ่ะ แหะแหะ ถามแล้วก้อแอบอาย ฟิ้ววววววววววว

อ.มิซาวะ อากิ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของทั้งสองหนุ่มนี่ล่ะค่ะ (เป็นผู้ชายแน่นอนค่ะ)  พอดีออกฉากมานิดเดียว แถมไม่มีบทพูดเลยไม่เด่นเท่าไหร่ค่ะ ^^" อาจจะอ่านผ่านตาไปได้
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 04-11-2010 20:38:41
ป้าดดดดดดดดด 3 วันกันเลยเหรอ

อยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้องอะ เค้าเ้ข้าไปทำอะไรกันเหรอ  :z1:


มาต่อเร็ว ๆ นะ รออยู่จ้ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 04-11-2010 20:47:03
ริวยะน่ากลัวจริง ๆ

สามวันเลยเหรอ :m25:

 :call:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 04-11-2010 21:10:13
ตอนนี้คงไม่มีอะไรมาทำให้ริวยะเสียอารมณ์ได้แล้วแหละ
กร๊ากกก
สงสัยยูคิเปื่อยไปแล้ว
ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 04-11-2010 21:18:30
อะคริๆ สามวันเลยนะริวยะ สงสารหนูยูคิอะ
หมดแรงไปเรียนแล้วแน่ๆ :o8:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 04-11-2010 22:49:55
ขอมาตามอ่านเรื่องนี้ด้วยคนนะคะ
แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่เขียนช่วงแรกๆ แต่ว่าก็สนุกไม่น้อยเลยค่ะ

 :o8: คุณริวยะ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา อธิบายความรู้สึกเป็นคำพูดไม่เก่ง
แต่ว่า ทำอย่างอื่นเก่งนะนั่น เล่นเอาน้องหนูไม่ได้ไปเรียนอีกแล้วนะ

หนูยูคิเข้าไปทำงานสภาโรงเรียนด้วย จะมีอะไรให้คนอ่านตื่นเต้นมั้ยนี่

บวก 1 แต้มก่อนนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ  :3123:


หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 04-11-2010 23:11:50
หวานมากกกเลยยยย   เอิ้กๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 04-11-2010 23:32:30
โหยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย คุณพี่ริวยะ
ให้ยูคิได้พักผ่อน ได้ไปเรียนหนังสือบ้างเถอะ
ถนอมยูคิบ้างอะไรบ้าง  :laugh:


อาจารย์มิซาวะนี่ใช่อาจารย์ประจำชั้นหรือเปล่าเนี่ย?


 :L2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 05-11-2010 11:36:42
ริวยะซัง มารการศึกษาจริงๆด้วย
ปล่อยหนูยูไปเรียนบ้างอะไรบ้างนะ
จะได้ไปสืบเรื่องอาจารย์คนนั้นไง
แอบคิดว่าอารากิเป็นเคะอยู่ได้ตั้งนาน  :laugh:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 05-11-2010 11:44:46
สารภาพความในใจกัน 3วัน3คืนเนี่ยนะ
อย่างนี่สุขภาพยูคิไม่แย่ก็แปลกแล้วอ่ะ 555
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Red_sister ที่ 05-11-2010 12:35:01
สารภาพความในใจกัน 3วัน3คืนเนี่ยนะ
อย่างนี่สุขภาพยูคิไม่แย่ก็แปลกแล้วอ่ะ 555

ว่าแต่เกินไรขึ้นในห้องนั้นนะ ตั้ง 3 วัน  5555 :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 05-11-2010 12:42:42
นั่นซีคะคุณปัทม์ พี่แก้วเองก็คิดเหมือนกันค่ะ สารภาพความในใจกันตั้ง3วัน
สงสัยคุณริวยะแกคงมีความในใจเยอะอ่ะค่ะ หนูยูคิเราก็รับคำสารภาพซะเพลียไปเลย
แล้ววันนี้ก็คงไม่ได้ไปโรงเรียนอีกตามเคย ยังไงยังไงก็อย่าให้ขาดเรียนเกิน 80%นะจ๊ะยูคิ เดี๋ยวไม่มีสิทธิ์เข้าสอบปลายภาค
แต่งานสารภาพความในใจคราวนี้ คิดว่าคนอ่านทุกคนชอบนะคะ(ขอเอาความรู้สึกตัวเองเป็นบรรทัดฐาน คริ คริ คริ)
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 05-11-2010 14:13:09
3วัน :m26: รอดมาได้ไงเนี่ยอึดกันจัง :laugh:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 05-11-2010 14:31:47
สามวันเลยเหรอ บร๊ะเจ้า  ยูคิยังไม่ตายก็เก่งแล้วเนี่ยะ  
ริวยะ  หื่นได้โล่ห์จริง ๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Mitra ที่ 05-11-2010 17:40:38
สงสารยูคิจังเลยอ่ะ
ริวยะนี่อึดจิงๆ เลยนะเนี้ย
ตั้งสองวันเลย

แต่อยากรู้จังเลยนะว่าสองวันนั่นจะเป็นไงบ้างน้า
อิอิ

รอตอนต่อไปนะ
เป็นกำลังใจจ้า
สู้ๆ นะจ้ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 05-11-2010 18:32:33
หวานจังยอมเปิดใร  แต่โหดไปป่าว ตั้ง 3 วัน
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 05-11-2010 19:43:57
กรี๊ดดดดดดด
ริวยะ ฟิตไปหนายยยยยยยย
สามวัน ยูคิม่ะต้องเลื้อยออกจากห้องเหรอคะ?
 :m25:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 06-11-2010 01:06:04
โอ้ยโหย๋ 3 วัน เชียว อย่างนี้น่าจะจัด ฮันนีมูน ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ให้สองหนุ่มก็น่าจะดีนะคะ
สงสัยต้องเตรียมของบำรุงร่างกายให้นู๋ยูคิแล้วหล่ะ แต่เค้าอยากรู้อ่ะ ว่าริวยะพูดอะไรมั่งกะ
ยูคิที่สารภาพอ่าคะ อยากเห็นริวยะเขินมั่งอ่ะ จะมีมั้ยน้อ :z2: :z2:
มาต่อไวๆนะจ๊ะ กำลังขาดน้ำตาลในเลือดพอดีเรยจ้า :impress2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: bow55 ที่ 06-11-2010 10:43:04
หื่นที่สุดดดด

ไม่ไหวๆๆๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 11-12 กับฉากหวาน ๆ (?) ของพระเอก-นายเอกค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: doudoh ที่ 06-11-2010 12:19:24
โห สามวัน

สุดยอด รึเปล่า? 55555+

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 06-11-2010 22:51:25
มาแล้วค่ากับตอนใหม่~ พอโพสต์นี่เสร็จก็จะไปเคลียร์คุณตำรวจยอดรักบ้าง...

อยากเขียนนิยายเรื่องใหม่ด้วย เคยคิดจะเขียนแนว Y แบบลึกลับ แต่ก็ได้แต่คิด ยังไหาพล็อตถูกใจไม่ได้สักที

สำหรับนิยายเก่า ๆ ของปัดมีอยู่เรื่องนึงเป็นแนวแวมไพร์ แต่คาแรกเตอร์มันหื่นกามมาก ๆ ไร้เหตุผล แถมขี้หึงกว่าอีตาริวยะหลายเท่านัก (ก็แน่ล่ะ เพราะมันเป็นต้นแบบ) แหะ ๆ ผลงานแรก ๆ เวลาโพสแล้วก็เหมือนประจานตัวเองยังไงไม่รู้  :o8: ไว้เกลาสำนวนให้มันดูดีกว่านั้นแล้วอาจจะมาโพสให้อ่านนะคะ (หรือไม่ก็อาจจะเขียนใหม่ไปเลย...แนวผีดิบไทย ๆ ก็น่าสนใจดี อยากอ่านไหมคะ?)

อ่ะ เมาท์นอกเรื่อง ไปตามอ่านตอนใหม่ของเรื่องนี้กันได้ต่อเลยค่ะ


=====
บทที่ 13
=====

 
    ยูคิเดินงัวเงียออกมานอกห้องในตอนบ่ายของวันนั้น เด็กหนุ่มรู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมาริวยะแทบไม่ยอมปล่อยให้เขาได้นอนพักเลยสักนิด จนกระทั่งเขาเผลอหลับไปเองในตอนเกือบรุ่งเช้า

     “ฉันว่าจ้างครูมาสอนที่บ้านแล้วให้เธอไปสอบวัดระดับเพื่อเลื่อนขั้นทีหลังดีกว่านะ”  
    จากเหตุการณ์ในค่ำคืนที่ผ่านมา ริวยะได้เสนอความคิด หลังจากที่เด็กหนุ่มโอดครวญว่า ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ มีหวังเขาคงจะเรียนไม่ทันเพื่อนร่วมชั้นแน่ ๆ
    “ไม่ดีหรอกครับ อย่างนั้นก็ไม่มีเพื่อนกันพอดี”  ยูคิจำได้ว่าพอปฏิเสธออกไปแบบนั้น ริวยะก็มีสีหน้าไม่ค่อยจะพอใจนิด ๆ ก่อนจะยื่นคำขาดที่ทำให้เขาคิดหนักต่อมา
    “ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่ต้องบ่นเรื่องเรียนไม่ทัน  สมองอย่างเธอเรื่องเรียนไม่น่าจะเป็นปัญหาอยู่แล้ว อีกอย่างฉันก็ไม่ใช่ผู้ปกครองที่ให้ความสำคัญต่อเรื่องผลการเรียนสักเท่าไหร่นักหรอกนะ”
    “แต่ถ้าเวลาเรียนไม่พอ ...”   เขาบอกออกไปเบา ๆ แล้วก็ต้องเงียบกริบเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาเสียงห้วน
    “ถ้าใครกล้าให้คนของมุราคามิซ้ำชั้นได้ ก็ลองดูสิ!”
    “ใช้อำนาจในทางที่ผิดมันไม่ดีนะครับ”  เด็กหนุ่มแย้งเสียงอ่อย
    “เขาเรียกว่าใช้อำนาจที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ต่างหาก”  ริวยะตอบหน้าตาย จนร่างบางต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่
    “เถียงกับคุณคงไม่มีทางชนะ”
    “รู้อย่างนั้นก็เลิกเถียงสิ เอาเวลามาใช้ในเรื่องอื่นที่น่าสนใจดีกว่า”
    พูดไม่พูดเปล่า เจ้าตัวเริ่มจับร่างบางกดนอนราบลงไปกับเตียงอีกครั้ง
    “อ๊ะ...อย่าสิครับ เพิ่งจะพักได้แป๊บเดียวเองนะครับ”
    ยูคิพยายามขัดขืน ใบหน้าหวาน ๆ ก็แดงก่ำไปหมด เมื่อได้ยินชายหนุ่มพูดประโยคถัดมา
    “กอดเธอเท่าไหร่ก็ไม่เคยรู้สึกพอสักที...”
    ริวยะบอกพลางใช้มือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วผิวกายเนียนละเอียดของร่างบาง
    “อืม...อา   แต่ถ้าบ่อยเกินไป ...ระวังจะเบื่อเอานะครับ”  
    ยูคิตอบเสียงกระเส่า อารมณ์ปรารถนาที่ถูกชายหนุ่มกระตุ้น เริ่มก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง
    “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสิ แต่นี่ยิ่งกอด กลับยิ่งต้องการมากขึ้นทุกที”
    ริวยะบอกพลางจูบหนัก ๆ ไปทั่วร่างของเด็กหนุ่มอย่างไม่รู้จักเบื่อ ก่อนจะวนขึ้นไปจูบเบา ๆ ที่กลีบปากบางอีกครั้ง
    “แล้วเธอเองก็ชอบให้ฉันทำแบบนี้กับเธอด้วยไม่ใช่หรือไง”
    ยูคิหน้าแดงก่ำ หลบตาคมกริบของอีกฝ่ายทันทีด้วยความเขินอาย จนริวยะต้องหัวเราะเบา ๆ ในลำคอด้วยความเอ็นดู
    “ถ้าไม่ตอบฉันจะถือว่าเธอชอบนะ”
    “อะ...เอ่อ... ผม...ไม่... อื้ม!”  
    ยูคิอ้ำอึ้งเตรียมจะตอบออกไป แต่ก็ต้องถูกริมฝีปากหนาได้รูปประกบปิดเอาไว้ กักคำพูดเตรียมปฏิเสธของเขากลืนลงไปในลำคอ
    “ขี้โกง...นี่นา...”
    เด็กหนุ่มหายใจหอบ บ่นใส่อีกฝ่ายเบา ๆ หลังจากริมฝีปากได้รับอิสระแล้ว
    “เพิ่งจะรู้เหรอ...”
    ริวยะยิ้มเจ้าเล่ห์ และเตรียมลงมือเล้าโลมร่างบางอีกครั้ง โดยไม่ยอมฟังเสียงร้องขอนั่นแม้แต่น้อย
    “อื้อ...เดี๋ยวก่อนสิครับ...ดะ...เดี๋ยว...อะ...อา…”
    “อืม.. ยูคิ ฉันรักเธอนะ”   ชายหนุ่มกระซิบคำรักแผ่วเบา สลับกับการรุกเร้าหนักหน่วง  
    “ผะ...ผม...ก็รักคุณครับ”  
    ยูคิสะอื้นตอบ เมื่อสัมผัสจากร่างสูงที่มอบให้ ทำให้เขาทั้งเร่าร้อน และเสียวซ่าน จนแทบจะขาดใจตายไปเสียเดี๋ยวนั้น
 
    ยูคินั่งหน้าแดงอยู่ตรงระเบียงแถวสวนญี่ปุ่น เมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อคืน   ซึ่งเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ตัวเองจะรักผู้ชายด้วยกันได้แบบนี้
    เด็กหนุ่มนั่งเหม่อลอยอยู่สักพัก ก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อมีคนนำผ้าคลุมไหล่ผืนใหญ่ มาคลุมให้เขา
    “คุณยูคิ มานั่งตากลมอะไรแถวนี้กันครับ  เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกครับ”
    “ทาคุ...”
     ยูคิกระชับผ้าคลุมไหล่ของตนแน่น อมยิ้มเล็กน้อย รู้สึกเขินนิด ๆ ที่มีคนมาคอยห่วงใย เอาใจใส่ตนแบบนี้
    เพราะอยู่กับบิดามาตลอด และเนื่องจากอาชีพนักข่าวของมาซายะ  ทำให้เขามักต้องอยู่บ้านคนเดียวเสมอ จึงไม่ค่อยเคยชินกับการที่มีคนมาคอยเอาอกเอาใจอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
    “จริงสิ ทาคุ เห็นคุณริวยะบอกว่าคุณเป็นโปรแกรมเมอร์ของบริษัทใช่ไหม”
    ทาคุพยักหน้ารับเบา ๆ แทนคำตอบ
    “ต้องมาคอยตามฉันตลอด คงน่าเบื่อแย่สินะ”
    ยูคิบอกยิ้ม ๆ ชักเริ่มชินกับการวางตัวที่ชายหนุ่มพยายามพร่ำสอนมากขึ้นทุกที
    “ไม่หรอกครับ ผมยินดีรับหน้าที่นี้ด้วยความเต็มใจ”
    ทาคุตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง เสียจนคนฟังต้องเกาแก้มด้วยความเขิน
    “แหะ ๆ ขอบใจนะ  ความจริงแล้ว ถ้าไม่ได้คุณคอยอยู่เป็นเพื่อนคงเหงาแย่”
    ทาคุยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะช่วยฉุดข้อมือ ของร่างบางที่กำลังยันกายลุกขึ้นมา
    “ผมก็ว่าอย่างนั้นล่ะครับ อีกอย่างก็ต้องคอยแก้ไข การใช้คำพูดของคุณอีกด้วย  บอกแล้วไงครับ สรรพนามแทนตัวผม ไม่ต้องใช้คุณ”
    ยูคิเบ้ปากนิด ๆ ไม่ชอบทาคุอยู่อย่างก็ตรงที่ชอบคอยจุกจิกกับเขานี่ล่ะ
    “รู้แล้วน่า ก็เผลอไปบ้างเท่านั้นเอง  ต่อไปนี้จะเรียกชื่อเฉย ๆ แล้วก็เรียก นาย แทน คุณ พอใจไหม”
    “ถ้าได้เช่นนั้นตลอดก็ดีครับ”  ทาคุตอบยิ้ม ๆ ทำให้คนฟัง เผลอค้อนขวับเข้าให้อย่างลืมตัว
    “หิวข้าวแล้วล่ะ!”  ยูคิบอกพลางเดินลิ่ว ๆ นำหน้าไป แต่แล้วก็ต้องเข่าอ่อน เกือบล้มลงไปกองกับพื้น ถ้าไม่ได้ร่างสูงที่เดินตามหลังมา คว้าไว้ได้ทัน
    “ระวังหน่อยสิครับ คุณไม่ได้พักผ่อนมาติด ๆ กันหลายวันแล้วนะครับ”
    คำเตือนด้วยความปรารถนาดีนั้น ทำเอาคนฟังหน้าแดงก่ำ อยากจะวิ่งหนีไปให้พ้น ๆ ด้วยความอาย แต่ตอนนี้ขาแข้งมันกลับหมดแรงเอาดื้อ ๆ ไปเสียเฉย ๆ
    “ห้องอาหารก็อีกไกล จะให้ผมลากคุณไปด้วยก็คงไม่เหมาะนัก”
    ทาคุพึมพำเบา ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดเบอร์ ๆ หนึ่ง
    “คุณริวยะครับ ผมทาคุครับ คือคุณยูคิ แขนขาไม่มีแรงเอาดื้อ ๆ ตรงบริเวณสวนญี่ปุ่นน่ะครับ ถ้ายังไงผมขออนุญาตอุ้มคุณยูคิกลับห้องได้ไหมครับ”
    ยูคิอ้าปากค้าง กับคำพูดหน้าตายของอีกฝ่าย และก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อทาคุยิ้ม และส่งโทรศัพท์มือถือมาให้เขา
    “คุณริวยะ อยากพูดด้วยครับ”
    “อ่ะ...เอ่อ  คุณริวยะหรือครับ”
    “เป็นยังไง ยูคิไหวไหม”
    น้ำเสียงบ่งบอกถึงความเป็นห่วง ทำเอาเด็กหนุ่มรู้สึกปลื้มใจอยู่ไม่น้อย
    “ไม่เป็นไรครับ ก็แค่วูบหมดแรงเฉย ๆ พักสักครู่คงจะเดินไหว”
    “ไม่ต้องพักแถวนั้นหรอก ลมแรง เดี๋ยวจะไม่สบาย ให้ทาคุอุ้มกลับห้องไปก็แล้วกัน”
    ยูคิหน้าแดง เมื่อได้ยินคำสั่งดังกล่าว
    “ตะ...แต่ ผมเดินเองได้”
    “อย่าดื้อสิ! แล้วให้ทาคุมาพูดกับฉันแทนด้วย”
    ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงดุ ๆ ทำเอาคนฟังหน้ามุ่ย แต่ก็ยังทำตามคำสั่งนั้นแต่โดยดี
    “ครับ รับทราบครับ เดี๋ยวผมจะดูแลคุณยูคิเองครับ”
    ทาคุกดตัดสาย และหันมาโค้งศีรษะนิด ๆ ให้กับคนที่เขายืนประคองอยู่
    “ขออภัยนะครับ คุณยูคิ”   บอกแล้วก็ช้อนร่างบางขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน  ยูคิหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ที่ต้องมาถูกอุ้มเหมือนเด็กผู้หญิงแบบนี้
    “เดี๋ยวผมจะพาคุณกลับห้อง และให้คนยกสำรับอาหารไปให้ที่ห้องเองครับ”
    “อะ...อืม”  ยูคิพยักหน้ารับ เพราะรู้ว่าถึงจะปฏิเสธไป คนในบ้านนี้ ไม่ว่าเจ้านาย หรือลูกน้อง ก็ไม่ค่อยจะฟังคำพูดของเขาอยู่แล้ว สู้ปล่อยเลยตามเลยไปดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาคอยปวดหัวในภายหลังอีก

    ยูคิรู้สึกว่าการที่ตนเองถูกปฏิบัติราวกับเป็นเด็กสาวผู้บอบบาง ทำอะไรเองไม่ไหว มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
    “ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ ฉันไม่ใช่คนป่วยใกล้ตายเสียหน่อย!”
    เจ้าตัวบอกกับทาคุ ที่ยกสำรับมาให้เขาถึงเตียง แถมทำท่าเหมือนจะช่วยป้อนข้าว ป้อนน้ำให้เขาอีกต่างหาก
    “ขออภัยครับ ที่ทำให้คุณหงุดหงิด ผมก็แค่เป็นห่วงเท่านั้น”
    ทาคุตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนน่าใจหาย เล่นเอาคนฟังรู้สึกผิดขึ้นมาทันที
    “อะ...เอ่อ ผม เอ๊ย ฉันหมายความว่า ฉันไม่เป็นอะไรเท่าไหร่นักหรอก แค่ได้กิน ได้พักผ่อนเพียงพอ ก็หายดีแล้ว”
    “ครับ ถ้าอย่างนั้นก็ทานข้าวเสียก่อนนะครับ”
    ชายหนุ่มบอกด้วยสีหน้ายิ้มนิด ๆ ซึ่งก็ทำให้ยูคิถอนหายใจอย่างโล่งอก และรับจานข้าวและกับที่อีกฝ่ายช่วยตักให้มากินอย่างเงียบ ๆ  เวลาไม่นานนักกับข้าวสำรับนั้นก็หมดเกลี้ยง
    “ทานเสร็จก็นอนพักเสียนะครับ”  ทาคุบอกขณะที่ยกสำรับจะไปเก็บ
    “เฮ่! กินเสร็จแล้วนอนได้ยังไง จุกตายน่ะสิ!”  ยูคิโวย แต่คนฟังอมยิ้ม และตอบกลับในประโยคที่ทำให้เด็กหนุ่มหน้าแดง
    “แต่ถ้าไม่ฉวยโอกาสพักผ่อนให้มาก ๆ เดี๋ยวคุณริวยะกลับมา อาจจะไม่มีโอกาสได้พักนะครับ”
    “ระ...รู้แล้วน่า  นอนก็ได้...”
    ยูคิบอกออกไปด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ และรีบดึงผ้าห่มมาคลุมโปงนอนทันที
    “ถ้าอย่างนั้น ผมไม่รบกวนแล้วครับ พักผ่อนให้มาก ๆ นะครับ”
    ทาคุโค้งน้อย ๆ และเดินปิดประตู ออกไปจากห้อง เหลือเพียงร่างบางที่แม้อยากจะหลับ แต่ถ้อยคำที่ชวนให้หวนคิดไปถึงเรื่องอย่างว่า ก็ทำให้เขารู้สึกเขินอายจนหลับไม่ลงอยู่ดี
 


====
TBC
====
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 06-11-2010 23:10:09
 o18ได้ออกจากห้องแล้ววววววววววววววววว


แล้วจะกลับเข้าไปเมื่อไหร่อะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 06-11-2010 23:13:12
 :m20: ขำก็ขำเขินก็เขิน
ทาคุซังน่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ต้องโทรไปขออนุญาตด้วย คริ
เราเป็นยูคิจังนี่คงเขินตายแหงๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 06-11-2010 23:20:23
 o18  o18  o18
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 06-11-2010 23:27:23
:m20: ขำก็ขำเขินก็เขิน
ทาคุซังน่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ต้องโทรไปขออนุญาตด้วย คริ
เราเป็นยูคิจังนี่คงเขินตายแหงๆ

 :laugh: ลอกเม้นพี่นุ่นค่ะ 5555
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 06-11-2010 23:32:54
อ๊าก นู๋ยูคิหมดแรง ฮ่าๆ :z2:
เอาแนวแวมไพร์ก็ดีนะคะ ท่าทางจะน่ารัก
ขอคิกขุแบบยูคิด้วยน๊าาาา เค้าชอบ   :man1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 06-11-2010 23:51:44
:m20: ขำก็ขำเขินก็เขิน
ทาคุซังน่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ต้องโทรไปขออนุญาตด้วย คริ
เราเป็นยูคิจังนี่คงเขินตายแหงๆ

 :laugh: ลอกเม้นพี่นุ่นค่ะ 5555


เห็นด้วยอย่างแรงตรงที่มีโทรไปขออนุญาตด้วย โอ๊ยยยยย  :m20:
คุณริวยะ ให้อนาคตของชาติไปเรียนหนังสือ มีสังคมของตัวเองบ้างเถอะค่ะ
กักไว้แต่ในบ้าน จ้างครูมาสอนที่บ้าน
อย่างงี้ก็ไม่มีอุปสรรคมายั่วคุณริวยะสิ
กร๊ากกกกกกกกกกกกก

(คนอ่านเหมือนหวังดี แต่จริงๆ อยากแกล้งริวยะด้วยความเอ็นดู คิดเล่นๆว่าถ้ามีเพื่อนหรือใครที่สนิทจริงๆ นิสัยแบบริวยะ  คงจะแกล้งให้กระอักแต่พองาม  :laugh: )


ส่วนเรื่องที่พล็อตแวมไพร์ คนอ่านไม่ได้กามนะ แต่อยากเห็นขั้นกว่า ว่ามันจะมากกว่าริวยะแค่ไหน
อย่างที่บอกค่ะ แค่ขนาดริวยะ ถ้าเรามีคนที่สนิทจริงจังแบบนี้ มันช่างน่าแกล้งให้หัวหมุนเป็นยิ่งนัก
ดูนิสัยไม่ดีเนอะ แต่ด้วยความรักและเอ็นดู จึงแกล้งเล่นไง ฮ่าๆๆ


 :กอด1:คุณปัทม์ เดี๋ยวจะตามไปดูความคืบหน้าคุณตำรวจด้วย ^^
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: thopia ที่ 06-11-2010 23:54:44
หวานจนน้ำตาลขึ้นจริงๆค่ะ   :-[
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 07-11-2010 00:25:34
ยูิคิคงไม่หวั่นไหวกับทาคุหรอกนะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: zatamare ที่ 07-11-2010 00:33:06
โอ้ว เขินตายเลยยูคิ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 07-11-2010 01:17:54
ได้ออกจากห้องแล้ว

แล้วก็ต้องกลับเข้าไปใหม่ ครึครึ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: doomare ที่ 07-11-2010 04:54:54
เล่นซะเข่าอ่อนเลย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 07-11-2010 06:39:04
เออ เขินไปด้วยเลยแฮะ :o8:
อะไรมันจะขนาดนั้นริวยะ ส่วนทาคุก็ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่มาก มีการโทรไปขออนุญาต :m20:
+1 ขอบคุณค่ะ เพิ่มน้ำตาลในเลือดได้แ่ต่เช้าเลย :-[
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 07-11-2010 06:53:16
 :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: RakorN ที่ 07-11-2010 09:35:55
ริวยะอ่า มากมายได้อีก :-[
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: pp4 ที่ 07-11-2010 10:03:24
หื่นได้อีก   :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 07-11-2010 10:11:19
ทาคุซัง~~~

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: Red_sister ที่ 07-11-2010 10:24:15
อ้ายยยยยยยยยยยย ยังคงต้องเผื่อแรงตอน ริวยะกลับมาอีก เริ่มสงสารยูคิแล้วนะ

ริวยะจะหื่นไรนักหนาวะ 4444
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 07-11-2010 10:51:00
โห  เข่าอ่อนกันเลยทีเดียว  ริวยะไม่ทะนุถนอมเลยวุ๊ย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 07-11-2010 12:14:35
คนอ่านก็เขิลไปด้วย  ไรเตอร์ครับ ไม่มีโหดแล้วใช่เปล่าครับ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 07-11-2010 12:26:16
ยูิคิคงไม่หวั่นไหวกับทาคุหรอกนะ
ไม่หรอกค่ะ สำหรับยูคิ ทาคุเหมือนพี่ชาย หรือไม่ก็แม่ มากกว่าค่ะ (ตรงชอบบ่น ชอบดูแล)

เออ เขินไปด้วยเลยแฮะ :o8:
อะไรมันจะขนาดนั้นริวยะ ส่วนทาคุก็ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่มาก มีการโทรไปขออนุญาต :m20:
+1 ขอบคุณค่ะ เพิ่มน้ำตาลในเลือดได้แ่ต่เช้าเลย :-[

ขอบคุณเช่นกันค่ะ สำหรับคำคอมเมนต์ หุ ๆ คนเขียนเวลาเห็นเมนต์น่ารัก ๆ ก็มีความสุขเช่นกัน~

คนอ่านก็เขิลไปด้วย  ไรเตอร์ครับ ไม่มีโหดแล้วใช่เปล่าครับ

เอ...ไม่น่ามีแล้วล่ะค่ะ  ก็อาจจะขึ้นเสียงนิดหน่อย ตามประสาคนขี้เก๊กเจ้าอารมณ์ แต่หลัง ๆ นี่จะเน้นหวานเป็นหลัก (มั้ง) คะ ~ แหะ ๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 07-11-2010 12:28:52
:m20: ขำก็ขำเขินก็เขิน
ทาคุซังน่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ต้องโทรไปขออนุญาตด้วย คริ
เราเป็นยูคิจังนี่คงเขินตายแหงๆ

 :laugh: ลอกเม้นพี่นุ่นค่ะ 5555


เห็นด้วยอย่างแรงตรงที่มีโทรไปขออนุญาตด้วย โอ๊ยยยยย  :m20:
คุณริวยะ ให้อนาคตของชาติไปเรียนหนังสือ มีสังคมของตัวเองบ้างเถอะค่ะ
กักไว้แต่ในบ้าน จ้างครูมาสอนที่บ้าน
อย่างงี้ก็ไม่มีอุปสรรคมายั่วคุณริวยะสิ
กร๊ากกกกกกกกกกกกก

(คนอ่านเหมือนหวังดี แต่จริงๆ อยากแกล้งริวยะด้วยความเอ็นดู คิดเล่นๆว่าถ้ามีเพื่อนหรือใครที่สนิทจริงๆ นิสัยแบบริวยะ  คงจะแกล้งให้กระอักแต่พองาม  :laugh: )


ส่วนเรื่องที่พล็อตแวมไพร์ คนอ่านไม่ได้กามนะ แต่อยากเห็นขั้นกว่า ว่ามันจะมากกว่าริวยะแค่ไหน
อย่างที่บอกค่ะ แค่ขนาดริวยะ ถ้าเรามีคนที่สนิทจริงจังแบบนี้ มันช่างน่าแกล้งให้หัวหมุนเป็นยิ่งนัก
ดูนิสัยไม่ดีเนอะ แต่ด้วยความรักและเอ็นดู จึงแกล้งเล่นไง ฮ่าๆๆ


 :กอด1:คุณปัทม์ เดี๋ยวจะตามไปดูความคืบหน้าคุณตำรวจด้วย ^^


แหะ ๆ ทาคุซังเขาเป็นคนจริงจังอ่ะค่ะ  (เป็นบุคลิกตัวละครในเรื่องที่คนเขียนชอบมากเป็นพิเศษ)  แต่เห็นจริงจังแบบนั้น ก็เจ้าเล่ห์ไม่แพ้นายนะคะ ฮ่า ๆ สงสารยูคิจริ๊ง กลายเป็นที่สนใจของคนบ้านนี้ซะได้

ส่วนคนแกล้งริวยะ นี่ก็คงไม่พ้นเพื่อน ๆ ทั้งสองคนนั่นล่ะค่ะ ผู้อำนวยการอิชิโจ กับคุณหมอมานาเบะ   อ้อ อากิระบางทีถ้าได้โอกาสก็แอบแหย่เหมือนกันนะคะ หุ ๆ

ป.ล. คุณตำรวจยังไม่คืบนะคะ แต่จะพยายามทำให้คืบค่า ^ ^"
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: Mitra ที่ 07-11-2010 14:34:08
ยูคิออกจากห้องได้ละ
แต่ก็ไปได้ไม่ไกลเลยนะเนี้ย
น่าสงสาร
อิอิ

ริวยะก็นะ
ให้ยูคิพักบ้างสิ

รอตอนต่อไปนะ
เปฌนกำลังใจจ้า
สู้ๆ นะจ้ะ

+1 จ้า
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 07-11-2010 14:54:35
ริวยะน่ากลัวจริง
เล่นซะหมดแรงเลย o18
 :call:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 07-11-2010 18:33:22
 :haun4: ะ คล้ายการดูดวิญาน  :z1:
 :pig4: writer คะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 07-11-2010 19:12:03
อยากได้กิจกรรมที่เค้าทำกันในห้องนอนแบบเต็มๆอ่ะ  ฮิฮิ หื่นจังกู
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 13
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 07-11-2010 21:35:04
วันนี้คุณปัทม์อัพมั้ยค๊า มานั่งรอจ้า
มารอทุกวันแหละ อิอิ ทั้งสองเรื่องเลย
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 14
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 07-11-2010 22:40:52
มาแปะต่อแล้วค่า ...รออีกเกือบสิบวัน~ หลังจากแพคของส่งหนังสือเรียบร้อยก็เป็นอิสระแล้ว~ จะได้เริ่มปั่นนิยายต่อสักที หุ ๆ (ถึงจะเหนื่อยแต่เวลาได้ทำหนังสือที่เราเีขียนจบด้วยตัวเองมันก็สนุกดีนะคะ)

อ้อ! นอกเรื่องอีกละ ก่อนอื่นต้องขออภัยนักอ่านที่รออ่านนะคะ แปะไม่ค่อยเป็นเวลาเลย บางทียุ่ง ๆ ก็ทำให้ลืมได้ค่ะ  แต่ก็จะพยายามแปะทุกวันนะคะ (ใกล้จบแล้วล่ะนะ เรื่องนี้ไม่ยาวเน้อ)


=====
บทที่ 14
=====

   ยูคิกำลังนอนกึ่งหลับกึ่งตื่น อยู่ภายในห้อง จู่ ๆ ก็ได้รับรู้ถึงน้ำหนักของร่าง ๆ หนึ่ง ที่ทรุดนั่งลงมาบนเตียงซึ่งเขานอนอยู่ ก่อนจะตามมาด้วยสัมผัสอ่อนโยน จากมือใหญ่ที่ลูบไล้เส้นผมอ่อนนุ่มบางเบา
   “อืม”  ร่างบางพลิกกายหลบ แม้จะรู้สึกสบายกับสัมผัสนั้นแค่ไหน แต่ความง่วงที่มีอยู่ ก็ทำให้เขาไม่อยากให้ใครมาขัดจังหวะการนอนอันแสนสุขอยู่ดี
   “ขนาดหลับยังจะดื้อเลยนะ!”  น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบดุเบา ๆ ข้างหู  พลางจับร่างบางพลิกกายให้หันหน้ากลับมาทางเขาอีกครั้ง ก่อนจะมอบจุมพิตนุ่มนวลที่ริมฝีปากนั้นแผ่วเบา
   “อื้อ...อืม” ร่างบางที่กำลังเคลิ้มหลับ เริ่มมีปฏิกิริยาตอบรับ แขนเรียวทั้งสองข้างเริ่มยกขึ้นไขว่คว้าคอร่างสูง พลางแอ่นกายเบียดชิดร่างเข้าไปใกล้ด้วยความเคยชิน
   “น่ารักเสมอเลยนะ ยูคิ”  ริวยะพึมพำด้วยความพอใจ แต่ก็จำต้องแกะแขนที่ยึดเหนี่ยวร่างของเขาออกไปอย่างเสียดาย ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว เขาอยากจะทำต่อยิ่งกว่านั้นแท้ ๆ แต่ก็สงสารคนรักตัวน้อย ที่ไม่ค่อยจะมีเวลาพักผ่อนอย่างเพียงพอเท่าไหร่นัก
   “ครั้งนี้จะยอมเว้นให้สักครั้งนะ ไว้เธอแข็งแรงดีเมื่อไหร่ คราวนี้ฉันไม่ปล่อยไว้แน่!”
   ริวยะกระซิบบอกเบา ๆ และเดินจากไป เหลือก็แต่เพียงเด็กหนุ่มที่ยังคงนอนเคลิ้มหลับ คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝันเท่านั้น

    ยูคิลืมตาตื่น ยันกายลุกขึ้น พลางบิดกายนิด ๆ อย่างเกียจคร้าน
    “เฮ่อ! หลับเต็มอิ่มจริง ๆ”  
    เพราะได้นอนรวดเดียวจากบ่ายยันเช้า จึงทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกสดชื่น แข็งแรงอีกครั้ง
    เจ้าตัวมองดูนาฬิกา เพิ่งจะแค่หกโมงเช้า เขายังมีเวลาเตรียมตัวอีกมากก่อนไปโรงเรียน อย่างน้อยก็คงพอจะมีเวลาเดินเล่นออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้าได้บ้างหรอก
    ตัดสินใจได้แล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไปนอกห้องทันที แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นร่างสูงที่คุ้นเคย กำลังเดินเล่นอยู่ในสวน ก่อนหน้าที่เขาจะออกไปอยู่แล้ว
    “คะ...คุณริวยะ”  
    ยูคิอุทานด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตื่นเช้าเช่นกัน และเมื่อใบหน้าคมเข้มหันมามองยังเขา ก็ทำให้ใบหน้าของเด็กหนุ่มอดที่จะร้อนผ่าวไม่ได้
    “ตื่นแล้วหรือยูคิ เมื่อคืนหลับสบายไหม”  
    ริวยะเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเล็กน้อย จนคนมองต้องรีบหลบตา ไม่กล้าสู้หน้า เพราะกลัวอีกฝ่ายจะรับรู้ถึงอาการเขินอายของเขา
    “คะ...ครับ”  วิธีตอบโดยไม่ยอมสบตานั้น ทำให้ร่างสูงถึงกับหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ พลางสืบเท้าเข้าไปหาร่างบางที่กำลังยืนลังเล ไม่แน่ใจว่าจะเดินเข้าไปหา หรือหลบเลี่ยงชายหนุ่มไปอีกทางดี
    “คิดจะหนีฉันอีกแล้วล่ะสิ”
     ร่างสูงที่เข้ามาประชิดกายตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบทำเอายูคิสะดุ้ง แล้วก็ต้องหน้าแดง เมื่อถูกดึงร่างเข้าไปซบกับอกกว้างของอีกฝ่าย
    “เมื่อคืนฉันนอนไม่ค่อยหลับเลยรู้ไหม”
    ริวยะบอกขณะที่อ้อมแขนกระชับร่างบางให้แนบชิดกับตัวเขา
    “ทะ...ทำไมล่ะครับ”
    เด็กหนุ่มถามเสียงอู้อี้ เนื่องจากใบหน้าถูกกดให้แนบไปกับอกกว้าง
    “ก็ไม่ได้กอดเธอยังไงล่ะ”
    คำตอบที่ตามมาทำเอาคนฟัง ใบหู หน้า ลำคอ แดงก่ำไปหมด จนคนมองชักจะเริ่มอดใจไว้ไม่ไหว
    “หยุดเรียนอีกสักวันดีไหม หือ?”  น้ำเสียงกรุ้มกริ่มถาม ในขณะที่แววตาคมกริบนั้น เริ่มส่องประกายอย่างเจ้าเล่ห์
    “มะ...ไม่เอาครับ...ไว้เสาร์ หรือ อาทิตย์ดีกว่านะครับ”
    ท้ายประโยคเด็กหนุ่มลดเสียงลงดุจกระซิบ ใบหน้าหวาน ๆ ยิ่งแดงหนักเข้าไปอีก จนคนมองต้องถอนหายใจยาว และยอมปล่อยร่างในอ้อมกอดออกอย่างสุดแสนเสียดาย
    “ก็ได้ เห็นแก่ที่เธอทำตัวน่ารักเมื่อ 2 – 3 วันที่ผ่านมานี้นะ ไม่งั้นฉันไม่ยอมแน่!”
    “คะ...ครับ”  ยูคิก้มหน้าตอบอุบอิบ และ พยายามจะเดินเลี่ยงไปทางอื่น แต่ก็ถูกริวยะล็อคตัวเอาไว้ในอ้อมกอดอีกครั้งหนึ่ง
    “จะไปไหนกัน”  น้ำเสียงเข้มเอ่ยถามดุ ๆ
    “กะ...ก็ จะไปเดินเล่นยังไงล่ะครับ”
    ยูคิอธิบายเสียงอ่อย ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกดีกับอ้อมกอดของอีกฝ่าย แต่ขืนปล่อยให้ริวยะอยู่ใกล้ ๆ เขามากไปกว่านี้ มีหวังชายหนุ่มจะต้องหาเรื่องผิดสัญญาอีกแน่ ๆ
    “เดินด้วยกันก็ได้นี่นา”  ริวยะบ่น แถมยังไม่ยอมคลายอ้อมกอดอีกต่างหาก
    “แต่กอดแบบนี้ จะเดินได้ยังไงล่ะครับ”  เด็กหนุ่มแย้ง และพยายามทำสีหน้าอ้อน ๆ ขอร้อง ซึ่งแทนที่จะสำเร็จกลับยิ่งทำให้คนมองกอดแน่นเข้าไปอีก
    “เด็กบ้า! ทำหน้าตาน่ารักแบบนี้ใส่ฉัน แล้วฉันจะควบคุมตัวเองไหวได้ยังไงกันล่ะ!”
    คำพูดที่ทำเอาคนฟังสะดุ้ง เพราะดูท่าทางแล้ว อีกฝ่ายน่าจะพูดจริง ไม่ใช่ล้อเล่นแน่ ๆ
    “ดะ...เดี๋ยวก่อนสิครับ คุณริวยะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะ...อุ๊บ”
    ริมฝีปากบางถูกประกบปิดด้วยริมฝีปากหนานุ่ม  ศีรษะถูกมือใหญ่จับให้แหงนจากด้านหลัง เงยหน้าขึ้นรับจูบของเขาให้กระชับแนบแน่นยิ่งขึ้น
    “อืม....”  
     วินาทีที่ริวยะถอนริมฝีปากออกมา ร่างบางในอ้อมกอด ก็แทบจะทรุดลงกับพื้น  ต้องอาศัยอ้อมแขนแข็งแกร่งคอยประคองเอาไว้ ทั้งนี้ก็เพราะแขนขาที่จู่ ๆ มันพาลหมดแรงเอาเสียเฉย ๆ นั่นเอง
    “ฉันจะให้ทาคุโทรไปลาหยุดให้อีกวันนะ...”  น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู ยูคิรีบสั่นศีรษะปฏิเสธ แต่ก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นไปเสียอย่างนั้น

     ในขณะที่ริวยะกำลังอุ้มเด็กหนุ่มกลับเข้าห้องนอน ทาคุที่เพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นก็เดินตรงมาหาพวกเขา และยังมีชายหนุ่มแปลกหน้าที่ยูคิไม่เคยเห็นเดินตามมาด้วย
    “อ้าว! นี่ผมมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าครับเนี่ย”
    น้ำเสียงร่าเริงกล่าวทักทายขึ้น ยูคิซึ่งยังคงอยู่ในอ้อมแขนของริวยะ มองชายแปลกหน้าด้วยความประหลาดใจ เพราะรู้สึกว่าใบหน้าของอีกฝ่ายคุ้น ๆ ตา เหมือนดังจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อนสักแห่ง
    “มาหาแต่เช้ามีธุระอะไรกันแน่ ริวจิ!”  
    ริวยะทักเสียงเข้ม ยูคิชำเลืองมองสีหน้าชายคนรัก ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยพอใจเท่าไรนักที่เห็นผู้ชายที่ชื่อริวจิ คนนี้
    “ก็มาเยี่ยม...” แววตาแฝงไว้ด้วยความสนุก เหลือบมาทางยูคิ ก่อนจะกล่าวต่อ “...พี่ริวยะยังไงล่ะครับ”
    “อย่ามาโกหก!”
    ริวยะตวาดใส่ อารมณ์พิศวาสที่ก่อตัวเมื่อครู่สลายไปหมด ตั้งแต่ที่เห็นหน้าชายหนุ่มแล้ว
    “คุณริวยะครับ”  ทาคุกล่าวเบา ๆ เตือนสติ เมื่อเห็นริวยะอารมณ์เสีย และยูคิซึ่งชายหนุ่มกำลังอุ้มอยู่ตัวสั่นนิด ๆ ด้วยความกลัว
    “ยูคิ...” ริวยะเรียกชื่อร่างบางในอ้อมแขนเบา ๆ แล้วจึงถอนหายใจยาว ก่อนจะส่งร่างนั้นต่อให้ทาคุ
    “พาไปที่ห้องญี่ปุ่น เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง”
    ทาคุที่รับร่างบางของเด็กหนุ่มมา พากันเดินไปทางห้องญี่ปุ่น ทั้ง ๆ ที่ยูคิอยากจะบอกว่า เขาเดินเองได้ไม่ต้องอุ้ม แต่ก็เกรงว่าริวยะ ที่ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนักในยามนี้จะโกรธเอา
    “อื้อหือ? ไม่อยากจะเชื่อเลยพี่ นึกว่าเป็นแค่ข่าวลือ แต่ดันเป็นของจริงซะอีก นั่นเหรอ ว่าที่พี่สะใภ้ของผม”
    ชายหนุ่มกล่าวด้วยสีหน้าร่าเริงจนอีกฝ่ายเริ่มหงุดหงิด
    “นายมาหาฉันมีธุระอะไรกันแน่ริวจิ บอกมาเสียดี ๆ ก่อนที่จะไม่ได้พูด!”
    ริวยะกล่าวเสียงเหี้ยมเกรียม เสียจนคนฟังคราวนี้เปลี่ยนมาเป็นยิ้มแหย ๆ แทน
    “ไม่เอาน่าพี่ชาย จะทำร้ายน้องชายที่น่ารักได้ลงคอเชียวหรือครับ?”
    “ถ้านายยังไม่เลิกกวนประสาทฉันล่ะก็นะ!”  ริวยะเหยียดยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ริวจิสาบานได้เลยว่าไม่อยากเห็นมันสักนิด
    “โอเค ๆ ผมไม่แหย่เล่นแล้ว  คือว่า พ่อกับแม่ ให้ผมมาดูว่าที่พี่สะใภ้  เอ่อ...เด็กคนนั้นน่ะ”
    ริวยะขมวดคิ้วยุ่ง ก่อนทวนคำ “พ่อกับแม่ใช้นายมา?”
    “ก็อย่างนั้นล่ะสิ ไม่งั้นผมจะโผล่มาขัดจังหวะทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพี่จะโกรธจนแทบจะฆ่าผมแบบนี้งั้นเรอะ!”
    ริวจิรีบกล่าวเสริมทันที แต่เมื่อเห็นริวยะเงียบขรึมไป เขาจึงกล่าวกับพี่ชายอย่างเป็นการเป็นงานกว่าเดิม
    “อย่าคิดมากน่ะพี่ ...ผมว่า พ่อ กับ แม่ ก็แค่ตื่นเต้นอยากเห็นหน้าว่าที่ลูกสะใภ้เท่านั้นล่ะมั้ง”
    ริวยะเหลือบสายตามองน้องชายคนเดียวของเขา ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
    “กับคนที่พยายามยัดเยียดหาคู่ดูตัวเป็นคุณหนูของตระกูลต่าง ๆ ให้ฉันนั่นน่ะเหรอ ที่ตื่นเต้นอยากจะเห็นหน้ายูคิเท่านั้นน่ะ!”
    ริวจิกลืนน้ำลายลงคอพลางยิ้มเจื่อน ๆ ให้ ริวยะดูออกทุกอย่าง พ่อกับแม่ของเขาโกรธจัดทีเดียวเมื่อรู้ว่า ลูกชายคนโตที่มีตำแหน่งเป็นถึงผู้นำของตระกูลคนปัจจุบัน จะแหกคอกมารักชอบผู้ชาย และเลี้ยงดูอย่างออกหน้าออกตาแบบนี้ แม้จะสร้างภาพบังหน้าต่อคนอื่น ๆ ว่าแค่รับเด็กหนุ่มเป็นลูกบุญธรรมเท่านั้นก็ตาม
    “โธ่ ๆ พี่ก็รู้ ว่าพ่อกับแม่หวังเอาไว้มาก ว่าอยากให้พี่แต่งกับคุณหนูมีตระกูลที่ทางเราจะได้อิงฐานอำนาจให้ยิ่งใหญ่มากขึ้นต่อไปยังไงล่ะ”
    “กับแค่อำนาจ ของแค่นั้นฉันสร้างเอาเองก็ได้”
    ริวยะบอกน้องชายด้วยน้ำเสียงเย็นชาไม่เปลี่ยน
    “ผมรู้ว่าพี่ทำได้...แต่พี่กับเด็กนั่น ก็สร้างทายาทที่เป็นสายเลือดของมุราคามิไม่ได้ไม่ใช่หรือไง?”
    ท้ายประโยค คนพูดมีสีหน้าแดงเรื่อนิด ๆ ซึ่งพอได้ฟัง ริวยะก็ตอบกลับไปอย่างไม่คิดมาก
    “นายกับสึมิเระ ก็สร้างเอาเองสิ ทายาทน่ะ!”
    ชายหนุ่มหมายถึง ซากุระซากิ สึมิเระ คู่หมั้นวัย 16 ของริวจิ น้องชายของตนเอง
    “เฮ่ย! สึมิเระ แค่ 16 เองนะพี่ อีกอย่างผมเองก็ยังเรียนไม่จบ จะสร้างได้ยังไงกันทายาทน่ะ!”
    ริวจิท้วงอย่างตกใจ ใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อยด้วยความขัดเขิน
    “ตัวเองทำไม่ได้ ก็อย่ามาคาดคั้นคนอื่น!”  ริวยะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างไม่คิดจะใส่ใจ แล้วจึงเดินไปทางห้องญี่ปุ่น โดยที่ริวจิได้แต่ยืนเกาศีรษะด้วยความกลัดกลุ้ม  ไม่กล้าเดินตามไป เพราะกลัวว่าพี่ชายจะฟิวส์ขาด เล่นงานเขาเข้าจริง ๆ อย่างที่เจ้าตัวเคยคิดจะทำก่อนหน้านั้น

    ยูคินั่งรอริวยะอยู่ที่ห้องรับแขก พลางชำเลืองมองทางประตูเลื่อนเป็นระยะ ๆ จนทาคุที่อยู่ด้วยกันเผลออมยิ้มน้อย ๆ
    “เดี๋ยวคุณริวยะก็ตามมาครับ”
    ยูคิสะดุ้งที่ถูกอีกฝ่ายอ่านความคิดได้ เจ้าตัวมีสีหน้าเขินอายนิด ๆ  แต่สักพักก็กลับมาเป็นปกติ ก่อนจะเริ่มต้นอ้อมแอ้มถามคนตรงหน้าด้วยความสงสัย
    “ทาคุ คน ๆ นั้น ใครงั้นหรือ?”
    “คุณริวจิ น้องชายคนเดียวของคุณริวยะครับ”  ทาคุตอบเรียบ ๆ แต่ก็สร้างความตกใจให้แก่เด็กหนุ่มได้พอสมควร
    “น้องชาย! คุณริวยะมีน้องชายด้วยหรือ?”
    “ครับ คุณริวจิเป็นน้องที่อายุค่อนข้างห่างกับคุณริวยะอยู่หลายปีทีเดียว และตอนนี้คุณริวจิก็ยังเป็นนักศึกษาอยู่ชั้นปี 2 ของ ม.โตเกียวครับ”
    ยูคิกลืนน้ำลายลงคอทันทีเมื่อฟังจบ
    “โฮ่! เด็ก ‘โทได’ งั้นเหรอ?”
    ... คนตระกูลนี้มันสุดยอดกันทั้งตระกูลหรือยังไงนะ ...
    เด็กหนุ่มคิดต่อในใจ เพราะไม่เคยทราบเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวของชายคนรักมาก่อน แถมพอเวลาเขาถามถึงเรื่องนี้ ริวยะก็ยังมีสีหน้าเหมือนไม่อยากตอบ จนเขาไม่กล้าที่จะซักไซ้อะไรชายหนุ่มมากไปกว่านี้
    “อยากรู้เรื่องครอบครัวของคุณริวยะจังเลย ทาคุเล่าให้ฉันฟังได้ไหม?”
    ยูคิหันมาอ้อนชายหนุ่มซึ่งกำลังส่งยิ้มให้เขาอย่างเอ็นดู
    “ทำไมคุณไม่ไปถามคุณริวยะเองล่ะครับ น่าจะดีกว่ามาถามผมนะครับ”
    เด็กหนุ่มขมวดคิ้วยุ่ง ก่อนจะตอบกลับไปด้วยสีหน้าค่อนข้างบึ้ง
    “ก็เคยถามแล้วเขาไม่ยอมบอกนี่! แถมยังทำหน้าดุยังกับยักษ์ใส่อีก ฉันก็ไม่กล้าถามต่อน่ะสิ!”
    “งั้นลองถามใหม่ก็ได้นี่ บางทีคราวนี้ อาจจะยอมเล่าให้ฟังก็ได้นะ”
    น้ำเสียงทุ้มกลั้วหัวเราะ กล่าวขัดขึ้นจากเบื้องหลัง จนคนที่กำลังนินทาสะดุ้งโหยง
    “คะ...คุณริวยะ”  เรียกชื่อคนรักเบา ๆ แล้วก็ต้องตวัดสายตากลับมายังชายหนุ่มอีกคนอย่างเอาเรื่อง โทษฐานที่อีกฝ่ายนั่งหันหน้าให้กับประตูหน้าห้อง แต่ดันไม่ยอมเตือนให้เขารู้ตัวว่าริวยะมายืนฟังอยู่ได้สักพักแล้ว
    “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปบอกให้ทางครัว เตรียมอาหารเช้าเลยนะครับ”
    ทาคุลุกขึ้นโค้งให้ริวยะและยูคิ ก่อนจะปลีกตัวออกไปอย่างว่องไว แต่ยูคิก็ยังคงสังเกตเห็นใบหน้ายิ้ม ๆ ของอีกฝ่ายอยู่ดี
    …เจ้าเล่ห์พอกันทั้งนาย ทั้งลูกน้องเลยนะ! …
 

====
TBC
====
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 14 แปะแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 07-11-2010 22:48:27
เค้าความยุ่งยากมาอีกละ เพิ่งจะหวีดวี้วี หวานแหววเองน๊าาา
ยังไงยูคิก็สู้ๆนะจ๊ะ
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 14 แปะแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 07-11-2010 22:55:45
คริคริ
จะกินหญ้าอ่อนตลอดเวล่ะอิตาโคแก่ริวยะซามะ  :m20:

ว่าแต่ ริวยะซามะท่านแข็งกร้าวชัดเจนขนาดนี้ คงไม่มีดราม่ามากระหน่ำใส่ยูคิจังอีกหรอกน้าาาาาาาาาาา
ยูคิจังจ๋า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 14 แปะแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 07-11-2010 22:56:42
 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 14 แปะแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 07-11-2010 23:00:38
 :เฮ้อ:ยูคิงานเข้าอีกแล้ว :L1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 14 แปะแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 07-11-2010 23:01:13
 o13  o13
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 14 แปะแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: bow55 ที่ 07-11-2010 23:04:13
หือ

ถึงกับเข่าอ่อน
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 14 แปะแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 07-11-2010 23:15:11
ชอบพุชายแบบริวยะอ่ะสามารถปกป้องยูคิได้  หวังว่างานคงมิเข้าน่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 14 แปะแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 08-11-2010 00:21:13
ริวยะ โมโหแล้วอย่าไปลงที่ยูคินะ
ขาดเรียนบ่อยเกินไปแล้ว
 :jul3:


ตอนแรกนึกว่าน้องชายจะมาป่วน
ดูไปดูมา ท่านพ่อท่านแม่นี่แหละมีแววจะมาป่วนซะเอง
 :เฮ้อ:



 :กอด1:คุณปัทม์ให้กำลังใจค่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 14 แปะแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: zatamare ที่ 08-11-2010 00:28:18
เอ... ทำไมเค้าดูว่าลูกน้องจะเจ้าเล่ห์กว่า นะ หึหึ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 14 แปะแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 08-11-2010 00:50:46
ไม่รู้ว่าริวจิจะเข้ากับแฟนพี่ชายได้ดีมั้ยน้อ แต่ริวยะดีจริง ไม่แคร์สื่อ อิอิ :impress2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 14 แปะแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: thopia ที่ 08-11-2010 01:38:10
เง้อ  ทั้งพี่ทั้งน้องชอบหญ้าอ่อนทั้งคู่เลยนะคะ    :z1:   
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 14 แปะแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Red_sister ที่ 08-11-2010 06:33:11
ยูคิดน่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 14 แปะแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 08-11-2010 11:30:42
ยูคิน่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 14 แปะแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 08-11-2010 14:23:44
 :z1: จะให้หยุดเรียกอีกละ
 :pig4: writer คะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 14 แปะแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: minchy ที่ 08-11-2010 14:43:46
จะมาสารภาพว่าเพิ่งจะได้เข้ามาอ่าน เนื่องจากเห็นชื่อเรื่องแล้วตอนแรกทำไมไม่เข้ามาดูก็ไม่รู้


แต่พออ่านแล้ว  ยิ้มตามไปตลอดเลยทีเดียวน่ารักมากมาย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 14 แปะแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 08-11-2010 15:16:50
ถนนที่จะเดินทางไปสู่ตำแหน่งสะใภ้ใหญ่ของตระกูลนี่ ท่าทางจะมีอุปสรรคอันใหญ่หลวงซะแล้ว
เป็นธรรมดาล่ะนะ ทางเดินไหนๆ มันก็คงไม่ราบเรียบสะดวกสบายตลอดไปหรอกนะ มันต้องมีขรุขระ ลำบากบ้าง
ขอแค่คุณริวยะมั่นคง หนักแน่น ในความรู้สึกที่มีต่อยูคิตลอดไปก็พอ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 14 แปะแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 08-11-2010 15:28:51
เดี๋ยวไปฟ้องกระทรวงศึกษาฯ ดีกว่า

มีคนกักขังไม่ให้เด็กไปเรียนหนังสือ

แต่คนอ่านชอบบบบ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15- 16
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 08-11-2010 15:46:58
วันนี้แวะพาแม่ไปตรวจสุขภาพตามหมอนัดมา ง่วงมากกก- - เพราะฉะนั้นกลางคืนอาจจะอู้ เลยมาแปะตั้งแต่บ่ายก่อนค่ะ กลัวลืม
แปะให้ 2 ตอนรวดเลยค่ะ ^ ^


=====
บทที่ 15
=====



    ยูคิกลืนน้ำลายเอื๊อกลงคอ เมื่อร่างสูงเดินเข้ามาหาเขาช้า ๆ และทรุดนั่งลงใกล้ ๆ
    “เป็นอะไร ทำหน้าแบบนั้น กลัวฉันจะดุเอางั้นหรือ”
     ยูคิไม่ตอบแต่อาการก้มหน้าหลบสายตาที่ทำอยู่มันก็ฟ้องให้เห็นชัดแล้ว
    “เฮ่อ...ฉันคงเหมือนยักษ์ เหมือนปีศาจ ในสายตาของเธอสินะ” 
    ริวยะกล่าวเปรย ๆ พลางแสร้งถอนหายใจ ทำเอาคนฟัง รีบเงยหน้าขึ้นมอง พร้อมแก้ตัวทันที
    “ปะ ปล่าวนะครับ ไม่เคยคิดอย่างนั้นนะครับ!”
    ... ที่จริงก็คิดอยู่หรอก แต่ไม่ถึงขนาดที่ว่าสักหน่อย ...
    เจ้าตัวคิดต่อในใจ แต่ที่แน่ ๆ ไม่มีวันจะบอกคนตรงหน้าอยู่แล้ว
    “อืม... ถ้าไม่คิด ก็เข้ามานั่งตรงนี้สิ” ชายหนุ่มบอกพลางแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ และใช้มือตบที่ตักของตน เป็นเชิงให้ยูคิ นั่งลงบนตักนั้น
    เด็กหนุ่มหน้าแดง แสร้งทำเป็นไม่เห็นที่อีกฝ่ายต้องการสื่อ กลับคลานเข่าไปนั่งใกล้ ๆ แทน 
    “หือ? บอกให้มานั่งบนนี้ไง”  ริวยะย้ำ แต่คนฟังทำเป็นหูทวนลม ไม่สนใจ จึงทำให้ชายหนุ่มต้องออกแรงยกร่างบางมาไว้บนตัก โดยไม่สนอาการตกใจ หรือดิ้นหนี ของร่างในอ้อมแขนแม้แต่น้อย
    “เจ้าเล่ห์นักนะ คิดจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้งั้นหรือ?”
    น้ำเสียงนั้นดุ แต่ไม่จริงจังนัก แต่คนฟังชักเริ่มหมั่นไส้ขึ้นมาตงิด ๆ
    “ฮึ...ยังมีหน้ามาว่าคนอื่นเขาอีก ตัวเองต่างหาก เจ้าเล่ห์ของแท้”
    ยูคิบ่นพึมพำเบา ๆ กับตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ชายหนุ่มยังคงได้ยินทุกคำพูดอยู่ดี ร่างบางจึงถูกรุกด้วยจูบหนัก ๆ ที่ริมฝีปาก เป็นการลงโทษ
    “อื้ม...”
    “ยูคิ”   ริวยะเรียกชื่อเด็กหนุ่มหลังจากถอนริมฝีปากออกมา พร้อมกับจ้องมองด้วยสีหน้าจริงจังผิดจากเดิม
    “อยากรู้เรื่องครอบครัวของฉันมากอย่างนั้นเชียวหรือ”
    “กะ ... ก็ อยากรู้บ้างแหล่ะครับ อยากรู้ว่าทำไมคุณถึงดูฉุนเฉียว เมื่อพบกับคุณริวจิ  อยากรู้ว่า คุณมาจากครอบครัวแบบไหน อยากรู้ว่าคุณพ่อ คุณแม่ของคุณเป็นคนยังไง...”
    ... และพวกเขาจะคิดยังไงกับผม  ถ้ารู้ว่าผมกับคุณมีความสัมพันธ์กันแบบนี้ ...
    ประโยคสุดท้ายเจ้าตัวกล้ำกลืนหายไปในลำคอ ยังไม่กล้าพอที่จะเอ่ยปากถาม เพราะกลัวคำตอบจะตรงกับใจที่คิดไว้
    ทว่าคนที่อ่านคนอื่นออกอยู่เสมออย่างริวยะมีหรือจะไม่รู้ ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ในใจ ชายหนุ่มโอบรัดร่างบางในอ้อมแขนแน่นขึ้นกว่าเดิม ทั้งรัก และหวงแหน
    “ยูคิ อย่ากังวลไปเลย ไม่ว่าใครจะคิดยังไง เธอก็ยังคงเป็นคนสำคัญที่สุดของฉัน”
    เท่านั้น เด็กหนุ่มก็รับรู้คำตอบได้โดยไม่ต้องถาม มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นมิใช่หรือ จะมีพ่อแม่คนไหนกัน ที่ยินดีให้ลูกชายไปมีความสัมพันธ์กับผู้ชายอื่น โดยเฉพาะลูกคนนั้นมีศักดิ์เป็นถึงทายาทคนโตด้วยแล้ว
    “การที่เราอยู่ด้วยกันแบบนี้มันผิดสินะครับ”
    เจ้าตัวบอกเสียงแผ่ว น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าตา เมื่อนึกถึงความจริงที่ยากจะปฏิเสธ
    “ยูคิ!”  ริวยะเรียกชื่อของเด็กหนุ่มด้วยความตกใจ ไม่คิดว่ายูคิจะกล่าวเช่นนี้ต่อหน้าเขา
     “ถ้าบางทีผมแยกกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม”
    ...แล้วก็ต้องอยู่คนเดียวอีกครั้ง...
    “...ก็คงจะดี”
    ...คุณก็คงไม่ต้องลำบากใจ และทะเลาะกับครอบครัวเพราะผม ...
     “พูดบ้าอะไรออกมาน่ะ!”
    ริวยะตวาดร่างบางดังลั่น สีหน้าของชายหนุ่มยามนี้บ่งบอกว่าโกรธจัดอยู่ทีเดียว 
    “กะ...ก็ คุณ...”  ยูคิตอบเสียงสั่น กลัวชายตรงหน้านี่เหลือเกิน ชายหนุ่มยามนี้ กลายเป็นเหมือนคนแปลกหน้าที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
    ริวยะลุกขึ้นพรวด พลางกระชากแขนร่างบางให้เดินตามเขาไป ยูคิอยากจะต้านทานแรงนั้น แต่ก็สู้ไม่ไหว เจ้าตัวถูกลากมายังห้องของชายหนุ่ม และจับเหวี่ยงขึ้นไปบนเตียงใหญ่ พร้อมด้วยร่างสูงที่ทาบทับตามมาอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจอาการเจ็บปนจุกของร่างที่อยู่ข้างใต้แม้แต่น้อย
    “อยากไปจากฉันนักใช่ไหม ถึงพูดแบบนั้นออกมา!”
    ไหล่ที่ถูกบีบแน่น สร้างความเจ็บปวดให้กับยูคิยิ่งนัก เจ้าตัวน้ำตาคลอเบ้า กัดฟันไม่ยอมตอบ ซึ่งปฏิกิริยาเช่นนั้นก็ยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้กับริวยะมากยิ่งขึ้น
    “ไหนเธอเคยบอกว่ารักฉันยังไงล่ะ ความรักของเธอมันเปลี่ยนเพียงแค่ชั่วข้ามคืนง่ายดายแบบนี้น่ะหรือ!”
    คำพูดนั้นทำให้ยูคิสุดกลั้นต่อไป เจ้าตัวโพล่งความรู้สึกอันอัดอั้นตันใจที่ไม่คิดจะพูดให้อีกฝ่ายได้ฟังจนหมดสิ้น
    “ก็เพราะรักมากน่ะสิครับ ถึงอยากจากไป! ผมไม่อยากให้ตัวผมเป็นสาเหตุให้คุณกับครอบครัวทะเลาะกัน  เพราะรักคุณ ไม่อยากให้คุณทุกข์ ไม่อยากให้คุณเศร้า ...เพราะรักคุณมากเหลือเกิน... คุณล่ะ เคยเข้าใจผมบ้างไหม!”
    คำสารภาพของร่างบางทำให้ริวยะนิ่งเงียบไป ชายหนุ่มคลายแรงบีบที่ไหล่ลง จ้องมองใบหน้าร่างข้างใต้นิ่ง... เนิ่นนาน จนในที่สุด เขาก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ และเอ่ยกับอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเศร้า ๆ
    “ขอโทษ...ยูคิ ฉันผิดเอง ฉันคิดว่าเธอคงอยากจะไปจากฉันจริง ๆ  ... ทุกวันนี้ แค่คิดว่าจะไม่มีเธออยู่เคียงข้าง ฉันก็ทนไม่ได้แล้ว”
    “คุณริวยะ...”  มือบางยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าคมเข้มแผ่วเบา อย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ใครกันจะคิดว่า คนตรงหน้าที่เพียบพร้อมไปด้วย รูปร่าง หน้าตา ฐานะทางสังคม ซึ่งอยู่เหนือคนอื่น ๆ จะมาให้ความสำคัญกับเด็กหนุ่มธรรมดาอย่างเขา คนที่ไม่มีอะไรพิเศษเลยสักนิด
    “มาถึงตอนนี้ ผมไม่เคยคิดอยากจากคุณไป  อยากอยู่กับคุณตลอดชีวิตเลยด้วยซ้ำ...แต่ถ้านั่นจะเป็นสาเหตุให้คุณผิดใจกับครอบครัวซึ่งเป็นคนสำคัญของคุณ ผมคงทนไม่ได้... ผมเคยสูญเสียครอบครัวอันเป็นที่รักไป ทั้งแม่และพ่อ จนต้องอยู่คนเดียว ทำให้ผมเข้าใจซึ้ง ถึงคำว่าครอบครัวดี ว่ามันสำคัญขนาดไหน”
    ริวยะนิ่งฟังเด็กหนุ่มกล่าว ด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ  เขาตัดสินใจไม่ผิด ที่เลือกยูคิให้อยู่เคียงข้าง และมอบความรักให้ 
     “แต่เธอสำคัญกับฉันที่สุด ยูคิ ถ้าเธอกลัวว่าเธอจะสร้างปัญหาให้กับฉันและครอบครัวล่ะก็  เราสองคนช่วยกันคิดวิธีอื่นในการแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้เถอะ อย่าใช้วิธีที่จะคิดตีจากฉันไปเลย นั่นมันเหมือนกับการฆ่าฉันทั้งเป็นมากกว่าจะทำให้ฉันมีความสุขนะ”
    “คุณริวยะ” เสียงสะอื้นดังขึ้นจากร่างบาง ริวยะกอดปลอบโยนเด็กหนุ่มให้หยุดร้องไห้  เขากอดปลอบอยู่เช่นนั้นสักพัก จนยูคิสงบลงได้ในที่สุด
    “เข้าใจแล้วนะ ยูคิ  อย่าใช้วิธีหนีจากฉันเพื่อแก้ปัญหา... มันไม่ได้ช่วยอะไรหรอก แต่มันจะทรมานเราทั้งสองคนต่างหาก”
    “ครับ...ผมทราบแล้วครับ”  ยูคิตอบเสียงแผ่ว แขนเรียวบางกระชับกอดอีกฝ่ายแน่นแทบไม่ต่างกัน
    “ถ้าเข้าใจแล้วก็...”  ชายหนุ่มบอกพลางจับร่างบางกดแนบไปกับเตียง ทว่าอีกฝ่ายรีบยันกายลุกขึ้นหลบทันที
    “เอ่อ...วันนี้ไม่ได้ครับ ต้องไปโรงเรียน แล้วนี่ก็จะสายแล้วด้วย”
    ริวยะขมวดคิ้วยุ่งอย่างขัดใจ ที่อีกฝ่ายไม่ยอมร่วมมือด้วย
    “เดี๋ยวให้ทาคุโทรไปลาให้ก็ได้”
    “ไม่ครับ ก็สัญญากันแล้ว ว่าเป็นวันเสาร์ หรือไม่ก็อาทิตย์ยังไงล่ะครับ”
    ยูคิเถียงหัวชนฝา ไม่ยอมตามใจชายหนุ่มเด็ดขาด ทำเอาริวยะขยี้ศีรษะยุ่งด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะลุกพรวดเดินออกจากห้องไปทันที ซึ่งยูคิก็มองตามไปตาปริบ ๆ ใจหนึ่งอยากจะตามไปง้อ แต่ขืนง้อ มีหวังวันนี้คงไม่ได้ไปโรงเรียนอีกวันแน่
    …ก็รักอยู่หรอกนะ แต่เรื่องแบบนั้นขืนทำบ่อย ๆ เขาก็แย่กันพอดี ...
     เด็กหนุ่มคิดอย่างกลุ้มใจ  แต่แล้วก็พลันหวนนึกถึง คำพูดหวาน ๆ ก่อนหน้านั้นของชายหนุ่มขึ้นมา ทำเอาเจ้าตัวต้องนั่งหน้าแดงอยู่พักใหญ่ กว่าจะควบคุมความคิดไม่ให้เตลิดเปิดเปิงไปมากกว่านั้น

    ภายในห้องอาหาร ริวยะนั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว ยูคิซึ่งรีบกลับไปอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เดินก้มหน้าก้มตาเข้ามานั่งอยู่ตรงข้ามชายหนุ่ม ก่อนจะเหลือบมองคนตรงหน้าอย่างหวาด ๆ
    ใบหน้าคมเข้ม และแววตาคมกริบ ที่มองกลับมา ทำเอาเด็กหนุ่มกลืนน้ำลายเอื๊อกลงคอ ริวยะยังคงไม่หายโกรธ ซึ่งก็ทำเอายูคินั่งใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ไม่กล้าพูดทักอะไรออกไป จนกระทั่งชิโนะยกอาหารมาเสิร์ฟบนโต๊ะ 
    “ทานสิ เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก”  น้ำเสียงทุ้มห้วนออกคำสั่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังนั่งก้มหน้าก้มตาไม่ยอมแตะต้องอาหารตรงหน้า
    “คะ...ครับ”
    ยูคิรับคำและตักอาหารทานอย่างหวาด ๆ และแล้วมื้อเช้าที่แสนจะน่าอึดอัดก็ผ่านไป
    “จะไปแล้วใช่ไหม”
    เสียงเข้มถามขณะที่ยูคิขอตัวลุกขึ้นออกจากห้องอาหาร
    “ครับ”  เสียงอ่อย ๆ ตอบ และยืนรออย่างลังเลว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรกับเขาอีกหรือไม่
    “อืม ไปเถอะ”  ริวยะบอกสั้น ๆ และก้มลงจิบกาแฟ ไม่ยอมมองเด็กหนุ่มอีก จนยูคิก็ชักขัดใจ
    ...อะไรของเขานะ ตอนแรกก็ทำท่าไม่อยากให้ไป ทีอย่างนี้ดันมาทำเป็นไม่สนใจเสียอีก…
    “งั้นไปล่ะครับ!”  เด็กหนุ่มบอกลาห้วน ๆ บ้าง และเดินจากไปอย่างงอน ๆ ทำให้ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองตามแผ่นหลังบอบบางไป พร้อมกับใบหน้าระบายยิ้มเจ้าเล่ห์
    “ช่วยไม่ได้ ก็เธออยากขัดใจฉันก่อนเองทำไมล่ะ”
    แต่พอมาหวนคิดถึงเรื่องครอบครัวของตัวเองก็ทำให้เขาเคร่งขรึมขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน และเดินตามไปยังประตูหน้าบ้าน จนกระทั่งมาทันยูคิซึ่งกำลังขึ้นไปนั่งบนรถ และทาคุกำลังจะเข้าประจำที่ของคนขับ
    “ทาคุมานี่หน่อยสิ”
    ริวยะออกคำสั่ง ซึ่งลูกน้องหนุ่มก็รีบมาหาเขาทันที ทั้งคู่พูดคุยกระซิบกันเบา ๆ ไม่ให้คนอื่นแถวนั้นได้ยิน
    “ช่วยดูแลยูคิด้วย ฉันไม่ค่อยไว้ใจคนทางบ้านใหญ่เท่าไหร่นัก”
    “ครับ...ผมจะคอยจับตาดูแลคุณยูคิตลอดเองครับ”
    “อืม...ขอบใจ แต่ระวังหน่อย ทางโน้นก็เจ้าเล่ห์จะตาย บางทีอาจจะจู่โจมตอนที่ยูคิอยู่ในโรงเรียนก็ได้”
    “ครับ ผมจะระวังครับ”
    ทาคุโค้งให้อีกฝ่าย ก่อนจะเดินกลับไปยังรถ ประจำตำแหน่งคนขับ และขับพารถเบนซ์สีดำคันใหญ่ ออกจากคฤหาสน์ไป
    “หวังว่าฉันคงจะไม่คิดมากไปเองหรอกนะ”
    ริวยะพึมพำกับตัวเองตามลำพัง จากนั้นจึงเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์ เพื่อเตรียมตัวไปทำงานที่บริษัทต่อ


===
TBC
===
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 08-11-2010 15:48:46
=====
บทที่ 16
=====

    ทันทีที่เด็กหนุ่มก้าวเท้าลงจากรถยนต์ส่วนตัวคันหรู เขาก็ตกเป็นเป้าสายตาของคนในโรงเรียนทันที
    ...มุราคามิ  ยูคิ  บุตรบุญธรรม ของ มุราคามิ  ริวยะ  เด็กหนุ่มที่ย้ายมากลางเทอม แถมยังมาเรียนแค่วันสองวัน แล้วขาดเรียนไปเฉย ๆ อีกหลายวัน ...
    แม้จะคิด จะสงสัย หรือกระทั่งสนใจ แต่เพราะบารมีของตระกูลมุราคามิ ก็ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่มย่าม พูดคุย สนทนาเป็นส่วนตัวกับเด็กหนุ่มแม้แต่น้อย ยกเว้น ...
    “ไง ยูคิ มาโรงเรียนได้แล้วเหรอ? ฉันนึกว่านายจะมาไม่ถูกแล้วเสียอีก”
    ยามิคุระ อารากิ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในโรงเรียนเอกชนยามิคุระแห่งนี้ กล่าวทักทายมาแต่ไกล ทันทีที่เห็นว่าเพื่อนใหม่ของเขามาถึงโรงเรียนแล้ว
    “อย่าแซวกันสิอารากิ วันนี้ฉันก็มาแล้วไงล่ะ”  ยูคิทักตอบยิ้ม ๆ  ยังไงเขาก็ยังอยู่ในวัย กิน เที่ยว เล่น การที่มาโรงเรียนแล้วมีเพื่อนคุยถูกคอ มันย่อมดีกว่าการต้องมานั่งเรียนอยู่กับบ้านเฉย ๆ อยู่แล้ว
    “ถ้าอย่างนั้นตอนเย็นผมจะมารับกลับนะครับ”  ทาคุกล่าวกับเด็กหนุ่ม ก่อนจะโค้งอำลา ซึ่งยูคิก็พยักหน้าตอบ และยืนส่งจนทาคุขับรถกลับออกไป
    “แล้วเป็นไง ช่วงสองสามวันที่หยุดไป คุณริวยะไม่ยอมให้พักเลยสิท่า”
     อารากิกระซิบถามขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินขึ้นตึกเรียน
    “บ้า!” ยูคิตอบกลับไปคำเดียว ใบหน้าก็พลันขึ้นสีเรื่อ อย่างห้ามไม่ได้  อารากิเห็นดังนั้นก็หัวเราะในลำคอ ก่อนกล่าวต่อ
    “น่าอิจฉาจริงนะ อยู่บ้านเดียวกันแบบนี้ จะจี๋จ๋าเมื่อไหร่ก็ทำได้ทันที  พวกฉันเองเสียอีกจะเจอกันก็ได้แค่ ตอนเย็นหลังเลิกเรียน กับวันหยุดเท่านั้นเอง”
    อารากิบ่น พลางถอนหายใจยาว ซึ่งยูคิก็หันกลับมามองหน้าเพื่อนสนิท พลางยิ้มแหย ๆ
    “ตกลงคบกันแน่นอนแล้วใช่ไหมนายกับอาจารย์... เอ่อ ‘เขา’ น่ะ”
    อารากิยิ้มให้ยูคิอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับพยักหน้าตอบรับ
    “ฮื่อ... ก็วันที่นายเห็นวันนั้นล่ะ ฉันเผด็จศึกเขาเรียบร้อย แล้วเราก็ตกลงคบกันเป็นเรื่องเป็นราว แหม! ถ้ารู้ว่าทำแบบนั้นแล้ว เขาจะยอมโอเค ฉันคงตัดสินใจทำไปนานแล้วล่ะ!”
    อารากิบอกราวกับเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนฟังนี่สิ หน้าแดงก่ำไปหมด
    “อ้าว! ไหงหน้าแดงอย่างนั้นล่ะ  นายเองก็มีอะไรกับคุณริวยะออกบ่อยไม่ใช่หรือไง ยังไม่ชินกับเรื่องแบบนี้อีกหรือ?”
    คำถามที่มาพร้อมกับใบหน้าไม่รู้สึกรู้สานั้น ทำเอายูคิเหยียดยิ้มแค่นให้ ก่อนจะคิดในใจอย่างเซ็ง ๆ
    ...ไม่แปลกเลยสักนิด ที่อารากิจะชื่นชม คิดเอาคุณริวยะเป็นแบบอย่าง ก็แค่ความคิดเรื่องพรรค์นั้น ทั้งคู่ยังเหมือนกันขนาดนี้ น่าสงสารอาจารย์มิซาวะ จริง ๆ ที่ดันมาหลงชอบคนอย่างหมอนี่ได้ ...
    กำลังคิดอะไรเพลินอยู่ดี ๆ เจ้าตัวก็ต้องสะดุ้งเฮือก เสียววาบไปทั้งตัว
    “เป็นอะไรไปยูคิ ทำไมหน้าซีดแบบนั้น”
    อารากิถามด้วยความสงสัย ที่จู่ ๆ คนที่หน้าแดงอยู่ดี ๆ สีหน้าก็กลับพลันเปลี่ยนแปลงเป็นซีดเผือดคล้ายดังจะตกใจอะไรสักอย่าง
    “อารากิ...ฉันรู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองฉันอยู่จากที่ไหนสักแห่ง”
    ยูคิบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทั้งนี้เพราะบางครั้งเขาก็ตื๊อตามบิดาไปทำงานด้วย จนทำให้ติดสัญชาตญาณระวังภัยจากอาชีพของบิดาติดตัวมาบ้าง
    “มีคนมอง? นักเรียนคนอื่น ๆ หรือเปล่า?”
    อารากิบอกพลางหันซ้าย หันขวา มองไปรอบ ๆ บริเวณนั้น
    “ไม่รู้สิ แต่พอจะจับความรู้สึกได้ว่า ไม่ได้มาดีแน่ ๆ”
    ยูคิตอบ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ และหันมาฝืนยิ้มให้กับเพื่อนสนิท
    “ช่างเถอะ บางทีฉันอาจจะคิดมากไปก็ได้ ขึ้นห้องเรียนกันดีกว่า”
    “เอางั้นก็ได้”  อารากิรับคำง่าย ๆ แต่ก็เริ่มระมัดระวังตัว และสังเกตรอบข้างมากขึ้นกว่าเดิม เพราะปฏิกิริยาที่ยูคิมีนั้นไม่ค่อยน่าไว้วางใจสักเท่าไหร่นัก

    เวลาเรียนในช่วงเช้าผ่านไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งเวลาพักกลางวันมาถึง ยูคิกับอารากิจึงลงมาที่โรงอาหาร และเลือกรับประทานอาหารกลางวันชุดเดียวกัน
    “ฉันว่า อาหารกลางวันที่โรงเรียนก็ไม่เลวเลยนะ รสชาติก็อร่อยใช้ได้”
    “ก็เพราะว่าพ่อครัวที่นี่เคยเป็นเชฟชื่อดังของโรงแรมใหญ่มาก่อนน่ะสิ”
    อารากิบอกพร้อมกับตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ
    “อืม ถึงว่าล่ะ”  ยูคิพยักหน้ารับ พร้อมกับตักข้าวกินอย่างเอร็ดอร่อยเช่นกัน  
    จะว่าไปแล้ว ฝีมือครัวของชิโนะนั้นอาจจะเยี่ยมกว่าที่นี่อยู่ก็จริง แต่ว่าการที่มีคนร่วมกินข้าวเป็นเพื่อน และพูดคุยสนทนาไปด้วยเรื่อย ๆ แบบนี้ ก็ทำให้อาหารมื้อนั้น มีรสชาติอร่อยเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวได้เหมือนกัน
    “แล้วเป็นไง ยังรู้สึกว่ามีคนแอบมองอยู่อีกหรือเปล่า”
    อารากิถามขึ้นหลังจากที่จัดการมื้อกลางวันมื้อนั้นเรียบร้อย
    “ไม่มีแล้ว ดูท่าทางเมื่อเช้าฉันคงจะคิดไปเองจริง ๆ นั่นล่ะ”
    ยูคิตอบขณะรวบช้อนส้อมเก็บเรียบร้อย และยกน้ำผลไม้ขึ้นดื่ม แล้วก็ต้องแทบสำลัก เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งกำลังเดินตรงมายังพวกเขา
    “ประธาน”
    “ไง ยูคิ หยุดเรียนไปหลายวันเชียวนะ คิดถึงจัง....เฮ่ย!”
    คาสึกะชะงักมือที่กำลังจะตรงเข้าโอบบ่าของเด็กหนุ่มลง เมื่อคนข้าง ๆ เขา ใช้ส้อมในมือจ่อเข้าที่คอของเขาอย่างน่าหวาดเสียว
    “หยุดอยู่แค่นั้นเลยประธาน ก่อนที่ผมจะควบคุมมือของตัวเองไว้ไม่อยู่”
    อารากิบอกด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม  เพราะยังไม่หายฉุนที่ถูกขโมยจูบเมื่อคราวก่อนหน้านั้น
    “โห! โหดชะมัดเลยนะ อารากิ ทั้ง ๆ ที่ฉันอุตสาห์ลงทุนลงแรงช่วยให้นายสมหวังในรักได้แท้ ๆ”
    คาสึกะแสร้งรำพึงรำพันไปเรื่อย ๆ แต่คนฟังหน้าแดงวาบทันทีเมื่อได้ยิน
    “ระ...รู้ได้ยังไง”
    “มีอะไรในโรงเรียนนี้ที่ฉันอยากรู้แล้วไม่รู้บ้างล่ะ อารากิ”
    คาสึกะบอกพร้อมยักคิ้วให้อย่างกวน ๆ ก่อนจะหันมาทางยูคิที่ทำหน้าตื่น ๆ แทน
    “มาโรงเรียนก็ดีแล้วยูคิ พอดีเย็นนี้ฉันมีงานให้เธอทำหน่อย ในฐานะเลขานุการคนใหม่ของสภานักเรียนไงล่ะ”
    เจ้าตัวรีบพูดดักคอ ก่อนจะได้ยินเสียงปฏิเสธของอีกฝ่าย  
    “เอ่อ...แต่ผม…”
    ยูคิอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบยังไง อารากิเลยต้องอธิบายแทนเพื่อน
    “ยูคิอยู่เย็นไม่ได้หรอก เขาต้องรีบกลับบ้าน ตามคำสั่งของคุณริวยะ”
    คาสึกะเลิกคิ้ว ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
    “มุราคามิ ริวยะ น่ะเหรอ  เขาเองตอนอยู่ที่นี่ก็เคยเป็นสมาชิกของสภานักเรียนมาก่อน ฉันว่าเขาคงจะเข้าใจนะ ว่าคนที่ทำกิจกรรมเพื่อโรงเรียนน่ะ บางทีก็ต้องเสียสละเวลาส่วนตัวให้โรงเรียนบ้าง”
    คำตอบของคาสึกะ ทำเอาเด็กหนุ่มอีกสองคนเงียบกริบ เพราะไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรแย้งได้ โดยเฉพาะยูคิ เจ้าตัวถึงกับปวดขมับด้วยความกลัดกลุ้ม เพราะเขาเองลืมบอกริวยะไปเสียสนิทว่าตัวเองได้เข้าเป็นสมาชิกสภานักเรียนไปเรียบร้อยแล้ว
    “ถ้ายังไงฉันคุยกับเขาให้ไหมล่ะ?”
    คาสึกะหันมายิ้มให้กับยูคิ เพราะพอจะเดาสีหน้าของเด็กหนุ่มได้
    “ตะ...แต่”  
    “ไม่เป็นไร เห็นแบบนี้ ฉันก็เคยติดต่องานกับเขามาก่อนนะ”
    เจ้าตัวบอกพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มากดเบอร์ โดยไม่ได้สนใจสีหน้าตกใจ ปนประหลาดใจของอีกสองคนแม้แต่น้อย
    “สวัสดีครับ คุณริวยะ ครับผมเอง คาสึกะ  อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกครับ เพียงแต่วันนี้ สภานักเรียนมีประชุม ผมเลยมาโทรขออนุญาตผู้ปกครองของเลขานุการของผมสักหน่อย ...เอ๋ ? ไม่ทราบมาก่อนหรือครับ ผมเคยคุยกับเขาไปเมื่อวันจันทร์น่ะครับ …ใช่ครับ  อ๋อ อยู่ด้วยกันแถวนี้ครับ จะคุยใช่ไหมครับ  สักครู่นะครับ”
    คาสึกะหันมาทางยูคิ แล้วสั่นศีรษะนิด ๆ อย่างระอา ก่อนจะส่งโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายพร้อมถ้อยคำกระซิบแผ่วเบา
    “แก้ตัวให้ดี ๆ นะ”
    ยูคิชะงัก สีหน้าลำบากใจสุด ๆ เมื่อรับโทรศัพท์ของเด็กหนุ่มมา
    “เอ่อ...ผมยูคิพูดครับ”
    เสียงในโทรศัพท์เงียบไปสักครู่ ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงทุ้มค่อนข้างเรียบ
    “ทำไมไม่บอกเรื่องที่เธอเข้าเป็นสมาชิกสภานักเรียนกับฉันก่อนหน้านี้”
    ยูคิสะดุ้งเฮือก พยายามตั้งสติ ซึ่งก็เป็นโชคดีที่นี่เป็นการโทรศัพท์ ไม่ใช่การพูดเผชิญหน้ากับเจ้าตัวโดยตรง ไม่เช่นนั้นป่านนี้เขาอาจจะกลัวจนลนลาน ไปแล้วก็ได้
    “กะ...ก็  ไม่มีโอกาสบอกนี่ครับ ก็วันนั้นคุณนั่นล่ะที่ไม่ให้โอกาสผมพูดเลย...”
    บอกไปแล้วก็หน้าแดงวาบ ชวนให้อีกสองคนมองด้วยความสงสัย  
    “แล้วหลังจากตอนนั้นก็มีโอกาสให้บอกไม่ใช่หรือไง?”
    ริวยะเงียบไปสักพักก่อนจะแย้งกลับมาอีก ซึ่งคราวนี้ยูคิจึงตอบกลับไปเสียงอ่อย ๆ
    “ก็...ลืมไปนี่ครับ”
    เสียงถอนหายใจดังยาวมาตามสาย ก่อนที่น้ำเสียงทุ้มค่อนข้างคาดคั้นจะสำทับตามมา
    “วันนี้พอประชุมเสร็จแล้ว เตรียมหาข้อแก้ตัวที่มันดีกว่าประโยคเมื่อครู่ มาพูดกับฉันทีหลังด้วย แค่นี้นะ”
    สัญญาณติดต่อถูกตัดไป ยูคิถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือส่งคืนคาสึกะ
    “ไง  เจ้าตัวอนุญาตใช่ไหม”
    สีหน้าและน้ำเสียงร่าเริงที่ถามมา ทำให้ยูคิมองกลับไปด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ ก่อนถอนหายใจอีกครั้ง
    “ครับ...อยู่ได้เย็นนี้”
    “น่า ๆ อย่าทำสีหน้าแบบนั้นสิ ฉันว่ายังไงเขาก็คงไม่ฆ่า ไม่แกงอะไรเธอหรอก”
    คาสึกะปลอบเพราะพอจะเดาสีหน้าของอีกฝ่ายได้
    “ครับ...ไม่ฆ่า ไม่แกง”   ยูคิบอกด้วยน้ำเสียงหมดอาลัยตายอยาก ใช่สิ ยังไงริวยะก็ไม่ฆ่าเขาอยู่แล้ว แต่ที่ชายหนุ่มจะทำนั่นมันอย่างอื่นต่างหาก
    “ดีไม่ดี พรุ่งนี้ก็อาจจะต้องหยุดเรียนอีกใช่ไหม”  
    อารากิขัดขึ้นมา ทำเอายูคิสะดุ้งโหยง หันกลับมามองเพื่อนด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ซึ่งคาสึกะก็มองอาการนั้นอย่างงง ๆ สักครู่ ก่อนจะนิ่งเงียบ และเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา
    “โอ๊ะ โอ๋! มันเป็นแบบนี้เองน่ะหรือ  มิน่าล่ะ ถึงว่า อะไรมันจะหวงนักหนา กับแค่ลูกบุญธรรมเท่านั้น”
    ยูคิใบหน้าแดงวาบหนักกว่าเดิม ส่วนอารากิถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ
    “ทีเรื่องนี้น่ะ ไวนัก สมกับฉายาประธานจอมหื่นประจำโรงเรียนเชียวนะ”
    คาสึกะสะดุ้งกับฉายาที่อีกฝ่ายเรียก ก่อนจะโพล่งออกไปคล้ายพูดกับตัวเอง
    “เออ! ฉันมันหื่น แต่ก็ไม่เคยข้ามรุ่นไปยุ่งกับใคร เหมือนบางคนหรอกน่า”
    คนมีชนักติดหลังสะดุ้งโหยง และหันขวับกลับมาประสานสายตากับอีกฝ่ายด้วยแววตาวาบวับ ชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
    “เอ่อ ทั้งสองคน คือว่า”
    ยูคิแย้งขึ้น เพราะตอนนี้พวกเขาทั้งสามกำลังตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนทั้งโรงอาหารอยู่ ฝ่ายผู้เป็นประธานนักเรียนเห็นดังนั้น ก็ถอนหายใจ เบา ๆ ก่อนจะหันมากล่าวกับเด็กหนุ่ม
    “ถ้าอย่างนั้นตอนเย็นเจอกันนะยูคิ อ้อ! นายจะไม่มาก็ได้นะอารากิ”
    คาสึกะยิ้มหวานกับยูคิ ก่อนจะหันมายักคิ้วกับอารากิ ซึ่งเจ้าตัวก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ก่อนจะโต้ตอบไปอย่างเอาเรื่อง
    “เชอะ! คิดหรือว่าฉันจะยอมส่งเพื่อนฉันไปหาหมาป่าอย่างนายตามลำพัง ฝันไปเถอะ!”
    คาสึกะฟังแล้วก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะโบกมือแล้วเดินจากไป ทิ้งให้คนที่อยู่ข้างหลังมองตามไปอย่างหงุดหงิด
    “กวนประสาทไม่เปลี่ยนเลยเจ้าหมอนี่ นิสัยแบบนั้นเมื่อไหร่จะเลิกได้เสียทีก็ไม่รู้”
    “อารากิสนิทกับประธานจังนะ”
    ยูคิพูดคุยกับเพื่อนใหม่ด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ซึ่งอารากิก็มองเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าทะแม่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นถอนหายใจอย่างนึกเซ็ง
    “เผอิญที่บ้านติดต่อธุรกิจกันอยู่ ฉันเลยรู้จักเขาตั้งแต่เด็ก ๆ ก็เล่นด้วยกันมาบ้าง แต่ถ้าจะบอกว่าชอบนิสัยหมอนั่นไหม ขอตอบว่าไม่เลยสักนิด!”
    “อือฮึ ... แต่ฉันมองยังไงก็เหมือนเพื่อนซี้ คู่กัด กันเลยนะ”
    ยูคิบอกด้วยสีหน้าซื่อ ๆ ซึ่งก็ทำให้อารากิต้องขมวดคิ้วยุ่ง
    “ไม่อยากถูกมองแบบที่นายว่าเลยให้ตายสิ  ให้ถูกมองเป็นคู่กัดอย่างเดียวยังจะดีเสียกว่าอีก”
    “สรุปแล้วประธานนิสัยหาดีไม่ได้สักอย่าง?”   ยูคิตั้งคำถาม ซึ่งคำถามนั้นก็ทำเอาคนฟังตีสีหน้าลำบากใจ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
    “ก็ไม่เชิงอย่างนั้นหรอก ถ้าไม่คอยกวนประสาทอะไรสักอย่าง หมอนั่นก็ถือว่าเป็นคนที่พึ่งพาได้อยู่หรอกนะ”
    ยูคิอมยิ้ม ยังไงเขาก็เข้าใจไม่ผิดหรอกในเรื่องที่ว่า ทั้งสองคนนี้สนิทสนมกันพอสมควรทีเดียว
    “แล้วตกลงเย็นนี้นายจะไปหาหมอนั่น?”
    อารากิถามอีกฝ่าย ซึ่งก็ได้รับการพยักหน้าเบา ๆ เป็นการตอบรับ
    “ก็คงต้องเป็นแบบนั้น ก็ดันรับปากเข้าเป็นสมาชิกสภานักเรียนไปแล้วนี่”
    “งั้นฉันไปเป็นเพื่อนด้วยก็ได้”
    อารากิโพล่งขึ้น ซึ่งยูคิก็ยิ้มกว้างให้อย่างยินดี
    “ขอบใจ”
    “ไม่เป็นไร อีกอย่างฉันเองก็อยากรู้ด้วย”
    ประโยคที่ตามมา ทำเอายูคิ ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
    “รู้อะไร?”
    “ก็ฝีมือที่แท้จริงของนาย ที่คาสึกะสนใจยังไงล่ะ”
    คำตอบของอารากิ ทำเอาเจ้าตัวสะดุ้ง ก่อนจะเกาศีรษะแกรก ๆ อย่างยุ่งยากใจ
    “ไม่ได้มีอะไรมากหรอกน่า ก็แค่ความสามารถพื้น ๆ ทั่วไปนั่นล่ะ”
     “ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ก็อยากรู้อยู่ดีนั่นล่ะ  คนที่อาของฉันกับคาสึกะสนใจน่ะ ฉันคิดว่าคงไม่ได้มีอะไร แค่พื้น ๆ ทั่วไปหรอกนะ”
    อารากิพูดพลางส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ ทำเอายูคิยิ้มแหย ๆ ทั้งนี้เพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้วีรกรรมที่เขาเคยทำไว้เพิ่มขึ้นนั่นเอง

     “เอ้า! ยูคิ เร็วเข้าสิ ขืนไปหาหมอนั่นสาย เดี๋ยวก็โดนหาเรื่องแกล้งเท่านั้นเอง เห็นแบบนั้นหมอนั่นเป็นคนที่ระเบียบและตรงต่อเวลามากเลยนะ!”
    อารากิบ่นใส่ยูคิที่กำลังเก็บข้าวของ ใส่กระเป๋าหนังสืออยู่ แต่ยิ่งเจ้าตัวรีบเก็บเท่าไหร่ ก็เหมือนดังจะยิ่งลนลานจนทำให้ช้าเข้าไปอีก
    “ง่า...ถ้าอย่างนั้นนายไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลัง”
    ยูคิบอกขณะที่มือปัดหนังสือเรียนบนโต๊ะตกลงไปข้างล่างอีกรอบ
    “นายนี่นะ  เฮ่อ  ถ้าอย่างนั้นฉันไปรับหน้าก่อนแล้วกัน ฉันก็ไม่ชอบเห็นเวลาหมอนั่นอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่นักหรอก ยิ่งนิสัยงี่เง่าแบบนั้นอยู่ด้วย!”
    อารากิตอบเซ็ง ๆ และเดินดุ่ม ๆ ไปอย่างเร่งรีบ ทั้งนี้เพราะชั่วโมงสุดท้าย อาจารย์ผู้สอนวิชาประวัติศาสตร์ สอนติดพัน จนทำให้พวกเขาต้องเลิกเรียนช้ากว่าห้องอื่น ๆ ไปกว่าสิบนาที
    เป็นเวลากว่าห้านาที ที่ยูคิเก็บของเสร็จ ซึ่งเจ้าตัวก็ถอนหายใจตัวเองอย่างเซ็ง ๆ กับความซุ่มซ่ามผิดปกติของตนในวันนี้
    “ต้องรีบแล้วล่ะสิ”   ยูคิดูนาฬิกาข้อมือ แล้วก็วิ่งจ้ำอ้าวไปตามอาคารเรียนอย่างรีบร้อน แต่เพียงแค่หัวโค้งเดียวที่จะถึงห้องสภานักเรียน เขาก็ต้องชะงัก ที่จู่ ๆ ก็มีชายแปลกหน้าโผล่พรวดมาดักขวางทางเขาไว้
    “ทานากะ ยูคิ สินะ!”
    น้ำเสียงห้วน ๆ เอ่ยชื่อเขา ประกอบกับแววตาเย็นชาที่มองมาทำให้ยูคิตัดสินใจถอยหลังหนี เพราะความรู้สึกที่ได้รับจากอีกฝ่าย ดูยังไงก็ไม่เห็นว่า จะมาดีสักนิด
    “ไปด้วยกันดี ๆ จะได้ไม่ต้องลงไม้ลงมือให้เจ็บตัว”
    อีกฝ่ายกล่าวขึ้นมาอีก ซึ่งยูคิก็ยิ้มให้เครียด ๆ  ก่อนจะเหวี่ยงกระเป๋าใส่อีกฝ่ายทันที พร้อมกับรีบวิ่งหนีไปจากบริเวณนั้นให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้
    ชายผู้นั้นยกมือขึ้นมากันกระเป๋าของเด็กหนุ่มไว้  แล้วจึงรีบวิ่งตามไป ซึ่งก็ไม่มีปัญหา เพราะตัวเขาทั้งสูง และขายาวกว่ายูคิ เพียงแค่เร่งฝีเท้าไม่เท่าไหร่ ก็กวดตามทันเด็กหนุ่มแล้ว
    ... บ้าชะมัด! หมอนั่นเป็นใคร ทำไมถึงต้องการตัวฉัน  หรือว่า? ...
    ยูคิหยุดชะงักความคิดไว้แค่นั้น เมื่ออีกฝ่ายตามทันเขา และฉุดมือเขาไว้ ก่อนจะชกเข้าที่ท้องของเขาแรง ๆ หนึ่งหมัด
    “อุ๊บ!”
    ยูคิจุกจนตัวงอ และสลบไปในทันที ซึ่งชายผู้นั้นก็อุ้มร่างอันไร้สติของเด็กหนุ่มหายลับไปทางบริเวณประตูหลังของโรงเรียน  โดยไม่มีผู้ใดพบเห็นระหว่างทางเลยแม้แต่คนเดียว


===
TBC
===
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 08-11-2010 16:28:56
กรรม ยูคิจัง หงิงๆ

ทาคุซังงงงงงงงงงงงงงงงงง มาเร็วเข้าเจ้าค่ะ ลูกสาวถูกจับไปแล้วววววววววววววว
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: aehJTS ที่ 08-11-2010 16:37:55
แว๊กกกกก.......ค้าง
ทาคุ มาด่วนเลย ยูคิเป็นไรขึ้นมาจะหาว่าไม่เตือน
 :pig4: writer คะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 08-11-2010 17:07:40
แย่แล้ววว ริวยะ มาช่วยนู๋ยูคิด่วนเลย
มาต่อไวๆน๊าเค้าค้างอ่าาา เป็นห่วงนู๋ยูคิ :m31:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 08-11-2010 17:09:50
ค้างมากเจ้าค่ะ !!!!  ทาคุนายอยู่ไหน
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 08-11-2010 17:18:18
กริ้ดดดด ยูคิจ๋า ใครลักพาตัวไปแล้ว :serius2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 08-11-2010 17:25:19
ทาคุโดนแน่ๆงานนี้
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: pp4 ที่ 08-11-2010 18:29:28
ริวยะหื่น!!  เจ้าพ่อหื่นอ่ะ!! 555+ :laugh:
รอๆๆๆๆ  :sad4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 08-11-2010 18:52:34
ริวยะช่วยด้วยๆๆๆๆ  ยูคิอยู่ในอันตราย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: Mitra ที่ 08-11-2010 18:59:07
ยูคิโดนจับไปแล้วอ่ะ
ทาคุ อารากิ หรือริวยะก็ได้
มาช่วยยูคิด่วนเลย

รอตอนต่อไปนะ
เป็นกำลังใจจ้า
สู้ๆ นะจ้ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: Red_sister ที่ 08-11-2010 19:34:37
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ยู...ยูค..คิ.ยูคิ โดนนนนนนนอุ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

ริวยะติดต่อด่วนนนนนนนนนนนน เอาแม่งใหตายไปเลยยยยย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 08-11-2010 20:03:16
ทาคุ  อยู่ไหน  มาช่วยเร็ววววววววว
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 08-11-2010 20:21:13
จะเกิดอะไรขึ้นเนี่ย... o22
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 08-11-2010 20:25:31
อ๊ากกกก ยูคิ๊!!!~
คนจากบ้านใหญ่มาลักพาตัวอ๊ะป่าวเนี่ย
ริวยะมาช่วยเลย  :angry2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 08-11-2010 22:28:14
พูดได้คำเดียวว่า ค้าง

 :call:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: minchy ที่ 08-11-2010 22:53:17
อารายกันเนี่ย

ทำไมถึงถูกพาไปง่ายดายขนาดนี้
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 08-11-2010 23:13:14
ใครมาเอาตัวยูคิไปฟระ?
ท่านผอ. (จำชื่อไม่ได้ - -") ทำไมปล่อยให้คนเข้าลักพาตัวยูคิไปง่ายอย่างนี้ล่ะ
:angry2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 09-11-2010 00:56:46
อ้าววววววว ยูคิโดนลักพาตัวไปซะแล้ว
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 09-11-2010 01:41:05
แล้วสิ่งที่ริวยะสังหรณ์ก็กลายเป็นจริง

ครอบครัวของริวยะแน่ๆเลยที่ส่งคนมาลักตัวยูคิไป

อะไรจะเกิดต่อไป รอลุ้นต่อค่ะ

บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 09-11-2010 08:55:48
ป๋าริว เมียเอ๊ยลูกบุญธรรมโดนอุ้ม
ไปช่วยอย่างไวเลย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 09-11-2010 10:23:09
 :serius2:ยูคิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ริวยะช่วยยูคิด้วยยยยยยยยยยยยยยย o13
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 09-11-2010 14:33:18
อุ้มกันไปง่ายๆเลยอ่ะ ยูคิจะเป็นไงบ้างเนี่ย
อยากรู้แล้วอ่ะว่าริวยะจะทำไงต่อไป แล้วรีบมาต่อน้า
 
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 09-11-2010 16:53:52
อ๊ากกกกใครจับตัวว ไปกันน  พวกบ้านใหญ่แน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 09-11-2010 17:50:12
อ้ากกกกยูคิโดนลักพาตัว


ทาคุไปไหนเนี่ยตายแน่งานนี้


ริวยะถล่มเละแน่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 09-11-2010 18:19:29
หนูน้อยหมวกแดงโดนหมาป่าลักพาตัวไปแล้ว  นายพรานใหญ่มาช่วยอย่างด่วนเลย :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: torto ที่ 09-11-2010 18:54:31
รออ่านตอนต่อไปนะ รีบมาต่อ :call: เถอะ   เพราะค้างเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 09-11-2010 23:01:59
ฝีมือของบ้านใหญ่ใช่มั้ยเนี่ย  :angry2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 15-16
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 09-11-2010 23:14:39
ตายล่ะยูคิ คนของคุณริวยะไปไหนหมดเนี่ย อย่าพึ่งเป็นไรไปนะยูคิ
เห็นด้วยกับรีบน ฝีมือคนบ้านใหญ่แน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 10-11-2010 18:52:58
มาแล้วค่า ตอนที่ 17 หลายคนเดาออกแล้วว่า ใครกันแน่ที่อุ้มหนูยูคิไป ~ มาตามอ่านต่อกันได้แล้วค่ะ

-----------------

=====
บทที่ 17
=====


    “เฮ่! อารากิ ฉันว่ามันจะช้าเกินไปแล้วนะ”  
    คาสึกะตั้งข้อสังเกต เมื่อเห็นอารากิมาถึงเกือบสิบนาทีแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววว่ายูคิจะตามมาสักนิด
    “นั่นสิ ผมก็ว่าช้าเกินไปจริง ๆ นั่นล่ะ”  อารากิรับคำอย่างเป็นห่วง เมื่อยิ่งหวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า เด็กหนุ่มก็ยิ่งกระวนกระวายใจเข้าไปใหญ่
    “ผมว่า ผมตามไปดูดีกว่า”
    เจ้าตัวบอกพลางเดินออกไปจากห้อง ทว่าคาสึกะกลับขอตามไปด้วยอีกคน
    “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ดูสีหน้านายไม่ค่อยดีเลยนะ”
    “เมื่อเช้ายูคิบอกว่า รู้สึกถึงสายตาคนมองมายังเขาแปลก ๆ แต่พอตอนกลางวัน เขาบอกว่าคงจะคิดไปเอง ผมก็เลยไม่ได้ใส่ใจ พอดีรีบ ๆ ในตอนเย็น ก็เลยปล่อยให้เขามาเอง ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริง ๆ ล่ะก็ ...”
    อารากิหน้าซีดลงเล็กน้อยระหว่างเล่าเรื่อง จนคนที่เดินมาด้วยกันข้าง ๆ ต้องตบบ่าเขาเบา ๆ ให้กำลังใจ
    “อย่าเพิ่งคิดมากสิ บางทีอาจจะไม่เป็นอย่างที่นายคิดก็ได้นะ”
    “อืม...ก็หวังว่าอย่างนั้น”  อารากิรับคำด้วยใบหน้าฝืนยิ้ม แต่เมื่อทั้งคู่เลี้ยวพ้นหัวโค้งมุมตึก แล้วพบกับกระเป๋าใบหนึ่งตกอยู่ โดยที่ไม่มีวี่แววเจ้าของให้เห็น ทั้งคู่ก็มีสีหน้าเคร่งเครียดทันที
    “กระเป๋าของยูคิ”  อารากิพึมพำแผ่วเบา ด้วยน้ำเสียงแทบไม่พ้นลำคอ
    “อารากิ ติดต่อคนของยูคิที ดูท่าว่าเขากำลังเผชิญกับปัญหาอะไรบางอย่างเสียแล้วล่ะ!”
    คาสึกะออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงและท่าทีเฉียบขาด จนอารากิสะดุ้ง ก่อนจะรีบตั้งสติอย่างรวดเร็ว
    “คุณทาคุ คงรออยู่ข้างนอก ผมจะไปตามเขามา!”
    “ดี! ส่วนฉันจะติดต่อคุณริวยะเอง”
    คาสึกะบอกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ทว่าอารากิกลับเป็นห่วงที่อีกฝ่ายตัดสินใจเช่นนั้น
    “แต่...คาสึกะ  จะดีเหรอ?”
    คาสึกะหันมายิ้มเครียด ๆ ก่อนจะตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
    “ฉันเป็นคนขอให้ยูคิอยู่ด้วยเย็นนี้ จนเกิดเรื่องขึ้น ฉันจะรับผิดชอบสิ่งที่เกิดเอง นายไปตามคุณทาคุมาเถอะ”
    อารากิ นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้ารับด้วยใบหน้าจริงจังแทบไม่ต่างกัน จากนั้นเขาจึงรีบวิ่งออกไปหาทาคุข้างนอกทันที เหลือแต่คาสึกะอยู่เพียงลำพัง
    เด็กหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะตัดสินใจกดเบอร์ ๆ หนึ่งลงไป
    “คุณริวยะหรือครับ  ผมเองนะครับ  คือว่า...”

    อารากิกลับมาพร้อมกับทาคุในเวลาไม่นานนัก ทั้งคู่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา และเห็นคาสึกะกำลังใช้โน้ตบุค กดคีย์อะไรบางอย่าง ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
    “คาสึกะ ทำอะไรน่ะ”
    อารากิถามด้วยความสงสัย  ซึ่งประธานนักเรียนหนุ่ม ก็ยกมือให้อีกฝ่ายหยุดซัก ก่อนจะก้มหน้าก้มตา เช็คอะไรบางอย่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อไปสักพัก แล้วจึงเงยหน้ามามองทั้งสองคน
    “คุณทาคุครับ ผมว่าผมพอจะรู้ที่อยู่ของยูคิแล้วล่ะ”
    “อะไรนะครับ”  ทาคุกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงค่อนข้างตกใจปนดีใจ  ส่วนอารากิเบิกตากว้างมองประธานนักเรียนของเขาอย่างไม่เชื่อสายตา  ก่อนจะซักถามออกไปด้วยความสงสัย
    “นายรู้ได้ยังไง!”
    “กระดุมของเครื่องแบบโรงเรียน มีสัญญาณติดตามติดเอาไว้หมด”
    คำตอบเรียบ ๆ แต่ทำให้คนฟังตกใจ โดยเฉพาะอารากิ
    “หา! อะไรนะ!”
    “ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาอธิบายถึงรายละเอียดปลีกย่อย ตอนนี้ต้องตามไปช่วยยูคิก่อน”
    คาสึกะตัดบท แต่ทาคุกลับลังเล
    “ผมว่าผมไปคนเดียวดีกว่าครับ พวกคุณบอกตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันคุณยูคิมาก็พอ”
    คาสึกะยิ้มให้กับชายหนุ่มอายุมากกว่า ก่อนจะตอบกลับอย่างชัดถ้อยชัดคำ
    “ไม่ได้ครับ ผมสัญญากับคุณริวยะแล้ว ว่าจะไปพาตัวยูคิกลับมาให้ได้ และที่สำคัญ ถ้าไม่ได้ใช้เครื่องมือที่ผมมีนี่ ก็ไม่สามารถสะกดรอย ตามยูคิไปได้หรอกครับ”
    ทาคุถอนหายใจ จนปัญญาจะรั้งเด็กหนุ่มไว้ เจ้าตัวพยักหน้ารับรู้ พร้อมกับนำทั้งคู่ไปที่รถยนต์ส่วนตัวอย่างรวดเร็ว
    “นายไม่เห็นจำเป็นต้องมาด้วยเลย อารากิ”  คาสึกะบอกคนข้าง ๆ ขณะที่วิ่งไปที่รถด้วยกัน
    “ไม่ต้องมากีดกันผมออกจากเรื่องนี้เลย ผมบอกประธานแล้วไง ว่านี่ก็เป็นความรับผิดชอบของผมด้วยเหมือนกัน”  
    อารากิตอบโต้อีกฝ่ายไปอย่างไม่ยอมแพ้ จนคนแย้งต้องสั่นศีรษะนิด ๆ ด้วยความระอา
    “ดื้อเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนนะ นายน่ะ”  
    “ก็พอ ๆ กันนั่นล่ะ” อารากิตอบพลางเหยียดยิ้มให้  ก่อนจะเร่งฝีเท้าตามทาคุไปติด ๆ

    “อืม...”
    แสงไฟจากเพดาน ทำให้คนที่เพิ่งฟื้นสติ กระพริบตาถี่ ๆ ก่อนจะรับรู้ถึงความจุกเสียดเล็กน้อย ที่ยังคงหลงเหลืออยู่
     “ฟื้นแล้วหรือ?”  น้ำเสียงทุ้ม ทรงอำนาจดังขึ้น จนเด็กหนุ่มต้องปรือตาขึ้นมอง ก่อนจะขมวดคิ้วนิ่ง เมื่อได้เห็นใบหน้าเจ้าของเสียงชัดเจน
    “คุณ ...คุณพ่อของคุณริวยะ?”
    ใบหน้าที่แทบจะเป็นพิมพ์เดียวกัน ผิดแผกไปแค่วัยของเจ้าตัวเท่านั้น ทำให้ยูคิพอจะเดาได้ไม่ยากว่าคนผู้นี้เป็นใคร
    “ใช่  เก่งนี่ ที่รู้จักฉันด้วย”
    “...ก็เหมือนคุณริวยะออกนี่ครับ ... ว่าแต่ คุณหรือ ที่ให้คนไปพาตัวผมมาแบบนั้นน่ะ”
    ยูคิที่พอจะยันกายลุกนั่งไหว เริ่มโต้ตอบสนทนากับอีกฝ่ายอย่างใจเย็น จนคนฟังแปลกใจ
    “ฉันนึกว่าเธอจะกลัวจนลนลาน หรือโวยวายตกใจเสียอีก แต่นี่กลับยังใจเย็น และสรุปเรื่องราวได้ดีจนฉันแปลกใจเลยนะนี่”
    “ก็พอเดาได้นั่นล่ะครับ อีกอย่างก็ได้ยินมาจากคุณริวยะบ้างเหมือนกันเรื่องที่คุณไม่ชอบขี้หน้าผมเท่าไหร่”
    ยูคิตอบเรียบ ๆ ซึ่งก็ทำให้ชายสูงอายุ เหยียดยิ้มมุมปากนิด ๆ ก่อนจะมองมายังเด็กหนุ่มด้วยแววตาเย็นชาและดูหมิ่น
    “ดี! ถ้ารู้เรื่องแล้วจะได้พูดกันง่าย ๆ หน่อย  ฉันขอบอกตรง ๆ เลยนะ  เลิกยุ่งกับลูกชายฉัน และออกไปจากชีวิตเขาสักที”
    ยูคิยิ้มน้อย ๆ ให้ ดีที่เขาพอจะเตรียมใจมาบ้างแล้ว เจอแบบนี้เลยพอจะรับได้ แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ กับคำพูดของอีกฝ่ายอยู่บ้างเหมือนกัน
    “คงจะยาก อีกอย่างผมไม่ใช่ฝ่ายเข้าไปยุ่งก่อน ถ้าคุณสืบเรื่องมาดีแล้วก็น่าจะรู้”
    แม้จะเข้าใจอีกฝ่ายดี แต่เพราะโดนปฏิบัติแบบดูถูกแบบนี้ ก็อดจะโต้ตอบแก้เผ็ดกลับไปไม่ได้เหมือนกัน
    “ปากดีนัก! ริวยะคงตามใจมากล่ะสิ ถึงท่าทางไม่กลัวใครแบบนี้!”
    “ผมก็เป็นของผมแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว  ใครมาดีก็ดีด้วย แต่ถ้าใครมาร้าย ถ้าเป็นคุณเอง คุณจะยังยิ้มรับ โต้ตอบกลับอย่างสุภาพไหวหรือครับ  ผมคนหนึ่งล่ะที่ทำไม่ได้!”
    ...เอ้าเป็นไงเป็นกันสิ! ถึงยังไงเขาก็ไม่ยอมให้มาข่มกันง่าย ๆ แบบนี้หรอกนะ  ถ้าขอร้องดี ๆ ให้เขาไปจากชีวิตคุณริวยะ ตั้งแต่แรก เขาก็อาจยอมทำตามที่ขอหรอก แต่มาวางอำนาจข่มกันแบบนี้เรื่องอะไรจะยอมกันเล่า! ...
    แววตาเด็ดเดี่ยว จริงจัง ชนิดที่ไม่ยอมแพ้ใคร ทำให้ชายสูงอายุ มองเด็กหนุ่มใหม่อีกครั้ง  พลางพิจารณาอีกฝ่าย นิ่งนานกว่าเดิม
    “แววตาเด็ดดี ...เหมือนแววตาของใครบางคนที่ฉันเคยรู้จัก หมอนั่นก็แบบนั้น ทั้งอำนาจ ทั้งบารมี ไม่มีอะไรดีสักอย่าง เว้นแต่เรื่องใจสู้นั่นล่ะ ที่มันไม่เคยยอมแพ้ใคร”
    ชายสูงอายุ กล่าวเบา ๆ เหมือนกำลังรำลึกความหลัง ยูคิขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดถึงใคร แต่แล้วเจ้าตัวก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อคนที่พาตัวเขามายังที่นี่ ก้าวเท้าเข้ามาในห้อง
    “ท่านเซอิจิครับ  ทาคุกำลังตามมาที่นี่ครับ”
    ชื่อของทาคุทำให้ยูคิ เบิกตากว้างด้วยความดีใจ  ทว่า มุราคามิ เซอิจิ กลับมีสีหน้าเคร่งขรึมลง
    “มันตามมาที่นี่ถูกได้ยังไง แถมยังใช้เวลาเพียงแค่ไม่นานอีกด้วย”
    เพราะบ้านพักตากอากาศของตระกูลมุราคามิมีมากมาย เซอิจิจึงมั่นใจว่า ฝ่ายริวยะคงจะใช้เวลาตามหาอยู่นานทีเดียวถึงจะรู้ว่า พวกเขาอยู่ที่ไหน แต่เหตุการณ์ผิดคาดดังเกิดขึ้น ก็ทำให้เขาต้องเปลี่ยนแผนใหม่จากเดิมที่เคยวางไว้
    “ทีแรกฉันคิดว่าฉันจะเกลี้ยกล่อมเธอให้ไปให้พ้นจากริวยะด้วยตัวเธอเอง แต่เห็นทีฉันคงต้องเปลี่ยนแผนใหม่”
    เซอิจิหันมาบอกกับยูคิด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเย็นชา จนเด็กหนุ่มต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดหวั่น
     “จะ...ทำอะไรผม?”
    เด็กหนุ่มถามเสียงสั่น เมื่อหวนนึกถึงข่าวลือต่าง ๆ ของตระกูลนี้ที่เข้าหูเขา เจ้าตัวก็เริ่มคิดในทางร้าย ๆ ยิ่งขึ้นไปอีก
    “ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ทำให้เธอหายไปจากชีวิตของริวยะเท่านั้น”
    เซอิจิบอกพลางเหยียดยิ้ม และหันไปพยักหน้ากับลูกน้องของเขา ซึ่งเจ้าตัวก็โค้งรับก่อนจะเดินตรงมายังยูคิ ที่นั่งตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
    ...หรือว่าเขากำลังจะถูกฆ่าทิ้ง ...
    ความกลัวทำให้เด็กหนุ่มเริ่มบ้าบิ่น เจ้าตัวเหลียวซ้ายแลขวา มองไปรอบ ๆ ห้อง แล้วก็สะดุดเข้ากับดาบญี่ปุ่นเล่มยาวที่แขวนประดับไว้ตรงผนังห้อง
    เสี้ยววินาทีก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้ามาถึงตัว ยูคิกลิ้งม้วนหลบไปยังผนังนั้น และดึงดาบยาววาววับ ออกมาจากฝัก และชี้ดาบไปยังอีกฝ่ายด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว
    “ใครจะยอมให้ฆ่ากันง่าย ๆ ล่ะ!”
    ท่าทางขึงขังและแววตาดุดัน รวมไปถึงท่าที่จับดาบนั้น ทำให้ มุราคามิ เซอิจิ ขมวดคิ้วนิด ๆ เมื่อเห็นภาพของใครบางคนซ้อนทับกับภาพของเด็กหนุ่มอย่างพอดิบพอดี
    “โคบายาชิ  เรียว...”  
    เสียงพึมพำเรียกชื่อนั้นอย่างลืมตัว ทำให้ยูคิชะงัก ก่อนจะหันมามองหน้าชายสูงอายุ อดีตผู้นำตระกูลมุราคามิ ด้วยแววตาประหลาดใจ
    “คุณรู้จักชื่อตาของผมได้ยังไงกัน!”
    คำพูดนั้นของเด็กหนุ่ม ทำให้เซอิจิเองถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน  จนกระทั่งลูกน้องของเขาเรียกชื่อตน  ชายสูงอายุจึงได้รู้สึกตัว
    “พอแล้ว ทาคาอิ ไม่ต้องแล้วล่ะ”  
    เซอิจิ ออกคำสั่ง ซึ่งลูกน้องของเขา ก็มีสีหน้าสงสัยเล็กน้อย แต่ก็โค้งให้และรับคำสั่งจากนายอย่างเคร่งครัด
    “โลกมันกลมจริง ๆ หลานของหมอนั่นเองหรอกหรือ”
     ยูคิงุนงงกับพฤติกรรมของอดีตผู้นำตระกูลมุราคามิ แต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยดาบ และมองคนทั้งคู่ด้วยความหวาดระแวงไม่หาย
    “วางดาบเถอะ ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรเธอหรอก ทีแรกก็แค่จะจับตัวเธอไปปล่อยไกล ๆ ให้ห่างจากริวยะเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดฆ่าแกง อย่างที่เธอระแวงหรอก”
    เซอิจิกล่าวดักคอ ทำเอายูคิสะดุ้ง แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยดาบอยู่ดี
    “แล้วตอนนี้ล่ะ คุณคิดจะทำยังไงกับผมต่อไป”
    ยูคิถามขึ้นด้วยความสงสัย ซึ่งเซอิจิก็ยิ้มน้อย ๆ กับตัวเอง ก่อนจะพึมพำตอบเบา ๆ
    “ตอนนี้น่ะหรือ ไม่รู้สิ แต่ถ้าเธอเป็นหลานของหมอนั่นจริง ๆ ฉันก็คงทำอะไรเธอไม่ได้หรอก...เพราะฉันติดหนี้หมอนั่นมากมายเหลือเกิน มากจนไม่รู้ว่าต่อให้ชาตินี้ทั้งชาติ ฉันจะชดใช้ได้หมดหรือเปล่าก็ไม่รู้”
    ยูคิจ้องมองชายสูงอายุด้วยความประหลาดใจ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อเสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้น
    “ยูคิ! นายอยู่ไหนน่ะ ตอบด้วยสิ!”
    “อารากิ”  เด็กหนุ่มจำได้ดี ว่าเสียงดังกล่าวเป็นเสียงของเพื่อนเขาเอง และหลังจากเสียงตะโกนนั้นไม่นาน ร่างของคนสามคนที่คุ้นเคยก็ปรากฏต่อหน้าของเขา
    “คุณยูคิ!”  ทาคุเรียกชื่อของเด็กหนุ่มด้วยความยินดี ก่อนจะเปลี่ยนเป็นท่าทางเย็นชา เมื่อหันไปเห็นทาคาอิ ซึ่งเหยียดยิ้มส่งให้เมื่อเห็นชายหนุ่ม
    “มาไวกว่าที่คิดนะ แสดงว่าลูกน้องของฉันเอานายไม่อยู่เลยสักคนล่ะสิท่า”
    ทาคุไม่ตอบคำถาม แต่หันไปทางเซอิจิแทน พร้อมกับโค้งให้ชายสูงอายุอย่างสุภาพ
     “ท่านเซอิจิ ผมมาขอรับตัวคุณยูคิคืนครับ ได้โปรดคืนให้แต่โดยดีด้วยเถอะครับ”
    เซอิจิหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะย้อนอีกฝ่ายไป
    “แล้วถ้าฉันไม่คืนให้ล่ะ”
    ทาคุเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
     “ถ้าเช่นนั้นผมคงต้องขอล่วงเกินแล้วล่ะครับ”
    ทั้งอารากิ กับคาสึกะ ที่มาด้วยกัน เงียบกริบ เด็กหนุ่มทั้งสองได้เห็นฝีมือการต่อสู้ของทาคุ ซึ่ง ๆ หน้า มาแล้ว ซึ่งทั้งสองคนสาบานไว้เลยว่า แม้จะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่คิดจะทำให้ผู้ชายคนนี้โกรธเด็ดขาด
    “งั้นหรือ?  ถ้าอย่างนั้นก็เอาคืนไปเลยแล้วกัน”
    ประโยคถัดมาของเซอิจิ ทำเอาทุกคนในห้องอึ้งกันถ้วนหน้า  ชายสูงอายุหัวเราะเบา ๆ กับปฏิกิริยาของทุกคน ก่อนจะเดินไปหายูคิ ซึ่งยืนกำดาบไว้ป้องกันตัวแน่น
    “ไว้ฉันจะไปเยี่ยมเธอที่บ้านของริวยะวันหลัง มีเรื่องจะถามอีกหลายเรื่องทีเดียว เกี่ยวกับเธอและตาของเธอ”
    คำพูดทิ้งท้ายก่อนเจ้าตัวจะเดินออกไปจากห้อง พร้อมกับทาคาอิ ทิ้งให้ยูคิ และทุกคนในห้องนั้น มองตามไปด้วยความสงสัย ระคนประหลาดใจอย่างเป็นที่สุด
 

====
TBC
====
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 10-11-2010 19:00:55
 :confuse:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 10-11-2010 19:04:56
 
 
โอ.. ยูคิขอเราไม่ธรรมดานะเนี่ย จวนตัวมาก็เอาเรื่องเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 10-11-2010 19:05:16
โฮ่ มีความหลังติดหนี้บุญคุณกันมาตั้งแต่รุ่นคุณตา
คริคริ ทางสะดวกแล้วเจ้าข้าเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 10-11-2010 19:07:16
โอ้ว โลกช่างกลมยิ่งนัก ดีแล้วหล่ะ เหมือนจะยอมรับอ่ะ  :z2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 10-11-2010 19:07:47
แปะต่อ ๆ ใกล้จบละ~  

ระวัง! สำหรับตอนนี้ มี... :-[



=====
บทที่ 18
=====


    ยูคินั่งคิดหนักไปตลอดทางหลังจากที่ไปส่งอารากิ และคาสึกะที่บ้านแล้ว  เด็กหนุ่มรู้สึกฉงนว่าทำไมตนถึงถูกปล่อยกลับมาอย่างง่ายดายขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้น ชายสูงอายุยังทำท่าทางรังเกียจปนดูหมิ่นเขาเสียเต็มประดาแบบนั้น
    “คุณยูคิครับ ถึงบ้านแล้วนะครับ”
    ทาคุซึ่งลงมาเปิดประตูรถให้เด็กหนุ่มบอกเบา ๆ ยูคิสะดุ้งจากภวังค์ก่อนหันไปมองซ้าย มองขวา อย่างงง ๆ
    “อ๊ะ...เหรอ ถึงแล้วหรือเนี่ย”
    เด็กหนุ่มก้าวลงจากรถ ก่อนจะชะงักเท้า ไม่กล้าเข้าบ้านเสียอย่างนั้น
    “เป็นอะไรไปหรือครับ”
    ทาคุหันมาถามอย่างสงสัย ซึ่งพอเห็นสีหน้าของยูคิ ชายหนุ่มก็ถอนหายใจพลางยิ้มให้น้อย ๆ
    “ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณริวยะไม่โกรธคุณหรอก  อีกอย่างเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของคุณนี่ครับ”
    ยูคิมองชายตรงหน้าอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก แต่ก็พยักหน้าหงึก ๆ ยอมเดินเข้าบ้านไปแต่โดยดี จนกระทั่งมีสาวใช้มาบอกว่า ริวยะรอเขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่น และให้เขาตามเข้าไปพบด้วย

    ยูคิมาหยุดยืนหน้าประตูห้องด้วยใจเต้นระทึก ขณะที่กำลังลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือเปล่า เสียงทุ้มข้างในก็ดังขึ้นเสียก่อน
    “ถ้ามาถึงแล้วก็เข้ามาสิยูคิ ยืนอยู่แถวนั้นทำไมล่ะ”
    น้ำเสียงฟังดูเรียบเฉย ไม่มีวี่แววโกรธ หรือเป็นห่วงอะไรให้จับได้ ซึ่งยูคิก็รู้สึกโล่งอก แต่ก็น้อยใจนิด ๆ ที่อีกฝ่ายไม่ได้คิดเป็นห่วงอะไรเขามากมายอย่างที่คาดไว้
    “ครับ...ขออนุญาตนะครับ”
    เด็กหนุ่มเลื่อนประตูเปิดออกมา และเดินเข้าไปนั่งคุกเข่าหน้าคนที่นั่งรออยู่บนเบาะนั่งก่อนหน้านี้แล้ว
    “ปลอดภัยกลับมาสินะ”  ชายหนุ่มในชุดสูท เอ่ยถามเหมือนไม่ได้ใส่ใจ อาจจะเป็นเพราะรับรู้จากรายงานที่ทาคุโทรรายงานไปแล้วในตอนขากลับมา แต่ว่าทั้งน้ำเสียงและท่าทางเช่นนั้น ก็ทำให้ยูคิน้อยใจมากยิ่งขึ้น
    “ครับ...ไม่ได้เป็นอะไร ...เอ่อ ถ้าไม่มีธุระอะไรผมขอตัวกลับไปพักผ่อนได้ไหมครับ รู้สึกเพลียเหลือเกินวันนี้”
    ริวยะเงียบ ไม่ได้ตอบอะไร แต่นั่นจึงทำให้ยูคิเหมาว่าชายหนุ่มอนุญาตแล้ว เจ้าตัวรีบลุกขึ้นเพื่อกลับห้อง เพราะรู้สึกเหมือนว่าน้ำใส ๆ มันจะเริ่มก่อตัวขึ้นรอบนัยน์ตาของเขาเสียแล้ว
    ทว่าก่อนที่เด็กหนุ่มจะเดินไปถึงประตู ร่างสูงที่ลุกตามขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ ก็โอบร่างบางมากอดจากด้านหลัง  ริวยะซบหน้าลงกับไหล่ของเด็กหนุ่มคนรัก มือก็โอบกอดร่างบางจากด้านหลังแน่นขึ้นไปอีก
    “คะ...คุณริวยะ”  ยูคิเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความตกใจ พยายามจะพลิกร่างกลับไปหา แต่ก็ถูกอีกฝ่ายกอดแน่นไม่ยอมให้เขาขยับไปไหน
    “ขอโทษนะยูคิ ...ฉันขอร้อง ช่วยอยู่แบบนี้อีกสักพักได้ไหม”
    เด็กหนุ่มเงียบและเลิกต่อต้าน เขายืนสงบนิ่งตามคำขอนั้นสักพัก แต่ภายในหัวใจกลับเต้นแรงมากขึ้น มากขึ้นทุกขณะ
    ริวยะเงยหน้าขึ้นและจับร่างบางพลิกตัวกลับมาเผชิญหน้าเขา ยูคิมองร่างสูงด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจจะบรรยายได้ เพราะสีหน้าของชายหนุ่มยามนี้ เป็นสีหน้าที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อนเลย นับตั้งแต่ได้รู้จักกับผู้ชายที่ชื่อ มุราคามิ  ริวยะ คนนี้
    ...สีหน้าที่บ่งบอกถึงความรัก ความห่วงใย ยิ่งกว่าที่เขาเคยคาดคิดว่าจะได้เห็นสีหน้าเช่นนี้ด้วยซ้ำไป ....
    “คุณ...ริวยะ”
    “ยูคิ...ฉันคิดว่าชาตินี้ทั้งชาติ ฉันจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าเธออีกแล้ว”
    คำพูดนั้นทำให้ร่างบางโผเข้ากอดอีกฝ่ายแน่น ก่อนจะกระซิบตอบอุบอิบกับแผ่นอกกว้างนั้น
    “ผมกลับมาแล้วยังไงล่ะครับ ถึงยังไงผมก็จะไม่มีวันเป็นฝ่ายจากคุณไปก่อนแน่นอน”
    ...ยกเว้นเสียแต่ว่า คุณจะเป็นฝ่ายทิ้งผมก่อนเท่านั้น ...
    เด็กหนุ่มคิดต่อในใจ ก่อนจะสลัดความคิดฟุ้งซ่านนั่นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว  เพราะยามนี้ เวลานี้ เขากำลังมีความสุขกับคนที่เขารัก  รักมาก จนเขารู้สึกกลัวว่า หากความรักนี้ต้องสูญเสียไป เขาจะอยู่ได้อย่างไร...
    ริวยะรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่แผ่นอก ทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน และดันร่างบางออก ก่อนจะก้มลงจูบที่เปลือกตาทั้งสองข้างของคนรักแผ่วเบา
    “ร้องไห้อีกแล้วนะ...”
    “ขะ...ขอโทษครับ” ยูคิรีบปราดน้ำตาออกทันที จนริวยะต้องหัวเราะในลำคอเบา ๆ
    “ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย หน้าเธอตอนร้องไห้ก็น่ารักดี”
    เด็กหนุ่มหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะก้มลงอุบอิบถาม
    “ละ...แล้ว หน้าตาตอนปกติล่ะครับ”
    “หึ! ตอนปกติก็น่ารัก  ยิ้มก็น่ารัก  โกรธก็น่ารัก”
    คนที่หน้าแดงน้อย ๆ อยู่แล้วยิ่งแดงใหญ่ เพราะคำหวานของอีกฝ่ายที่ไม่ค่อยจะพูดให้ฟังบ่อยนักนั่นเอง
    “แต่ว่า หน้าตาตอนถูกทำอย่างนั้น น่ารักที่สุด”
    ถ้อยคำกระซิบประโยคสุดท้าย ทำเอายูคิหน้าแดงก่ำ เด็กหนุ่มรู้สึกอายจนอยากจะวิ่งหนีไปให้พ้น ๆ แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะยามนี้เขาถูกชายหนุ่มช้อนร่างอุ้มขึ้นไว้เสียแล้ว
    “คะ...คุณ ริวยะ จะพาผมไปไหนกันครับเนี่ย”
    ยูคิถามเสียงสั่น ใบหน้าแดงก่ำ รู้ดีอยู่แล้วว่า อีกฝ่ายมีเจตนาเช่นไร แต่ก็ยังอดเขินอายไม่ได้อยู่ดี
    “ก็ห้องนอนฉันน่ะสิ ...เพราะตอนนี้ฉันอยากเห็นหน้าตาแบบที่น่ารักที่สุดของเธอจะแย่อยู่แล้วรู้ไหม?”
     ยูคิซุกหน้ากับอกกว้างด้วยความอาย เด็กหนุ่มยามนี้ก็มีความต้องการที่ไม่ต่างจากชายคนรักเท่าไหร่ ดังนั้นเจ้าตัวจึงได้แต่เงียบไปตลอดทาง จนคนที่อุ้มไปต้องอมยิ้มด้วยความพอใจ เพราะนาน ๆ  อีกฝ่ายจึงจะยอมว่าง่ายด้วยแบบนี้สักที

    ประตูถูกเปิดออก พร้อมกับร่างของคนสองคนที่ก้าวเข้ามาในห้อง ยูคิมองเตียงใหญ่ซึ่งตั้งอยู่กลางห้อง ก่อนจะซุกหน้ากับอกกว้างด้วยความเขินอาย
    “ถึงแล้วนะ ยูคิ พร้อมหรือยังล่ะ”  ริวยะกระซิบถาม พลางยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นสีหน้าแดง ๆ ของคนในอ้อมกอด
    “คะ....ครับ”  เสียงรับคำตะกุกตะกักดังขึ้นแผ่วเบา ริวยะก้มลงจูบหน้าผากเนียนเกลี้ยงเบา ๆ อย่างแสนรัก ก่อนจะค่อย ๆ บรรจงวางร่างในอ้อมกอดไปบนเตียงนอนของตนอย่างอ่อนโยน
    “ยูคิ ...”  ริวยะเรียกชื่อเด็กหนุ่มคนรัก ขณะที่ค่อยใช้ริมฝีปากลากไล้แผ่นอกขาวเนียนตามมือที่จัดการปลดกระดุมเสื้อของเด็กหนุ่มออกทีละเม็ด
    “อื้ม...”  ยูคิครางเบา ๆ สัมผัสอ่อนนุ่มจากริมฝีปากนั้นทำให้เขารู้สึกเสียวสะท้านไปทั่วร่าง
    ไม่นานนัก ร่างบอบบางของเด็กหนุ่มก็ถูกร่างสูงปลดเปลื้องให้เปลือยเปล่าอวดความงดงามต่อสายตาคนมอง
    “ยูคิ...คราวนี้ถึงตาเธอแล้วนะ”  
    ริวยะบอกกับร่างที่นอนหลับตาพริ้มรอคอยเขา  ซึ่งก็ทำให้เด็กหนุ่มต้องลืมตาขึ้นมามองชายหนุ่มอย่างสงสัย
    “ผม...ทำอะไรหรือครับ?”
    ร่างสูงยิ้มมุมปากน้อย ๆ ก่อนจะยืดตัวขึ้นนั่งและใช้มือจับเสื้อผ้าของตัวเอง พร้อมกับส่งสายตาบอกความหมายมาให้อีกฝ่าย
    “อะ..เอ่อ...ก็ได้ครับ”  ยูคิซึ่งเข้าใจ ในสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการจะสื่อ รับคำอาย ๆ เขายันกายลุกขึ้น และค่อย ๆ ถอดเสื้อสูทตัวนอกของอีกฝ่ายออก ก่อนจะพับเก็บอย่างช้า ๆ ซึ่งก็สร้างความขัดใจให้คนรอทันที
    “ไม่ต้องไปพับเก็บซะเรียบร้อยขนาดนั้นหรอก มาถอดชิ้นต่อไปได้แล้ว”   คนเจ้าอารมณ์ออกคำสั่ง  ยูคิทำเสียงฮึในลำคอเบา ๆ แต่ก็ต้องยอมทำตามอีกฝ่ายอย่างเสียไม่ได้อยู่ดี
    เด็กหนุ่มเลือกถอดเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายก่อน เขาค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อของชายหนุ่มทีละเม็ด เผยให้เห็นกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งของบุรุษวัยฉกรรจ์  แผ่นอกกว้างที่เขามักจะอาศัยไออุ่นยามหลับ และพักพิงยามไม่สบายใจ  
    ริวยะมองคนที่ก้มหน้าก้มตาปลดกระดุมเสื้อให้เขาอย่างเอ็นดู เพราะแม้ไม่เห็นใบหน้า แต่ใบหูขาว ๆ นั้น ยามนี้มันก็แดงก่ำ จนสังเกตเห็นได้อย่างง่ายดาย
    เสื้อเชิ้ตถูกถอดออกไปแล้ว คราวนี้เหลือก็แต่กางเกงขายาว ที่ยูคิต้องกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะมองหน้าชายหนุ่มที่ยืนขึ้นให้เขาถอดกางเกงอย่างลังเล แต่ก็ได้รับเพียงแค่แววตาคมกริบออกคำสั่ง ตอบกลับมาเท่านั้น
    เด็กหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงค่อย ๆ ปลดซิบกางเกงอีกฝ่ายออกช้า ๆ และค่อย ๆ รูดกางเกงลง ซึ่งคราวนี้ริวยะคงรำคาญที่เด็กหนุ่มงก ๆ เงิ่น ๆ ทำอะไรไม่ถนัด เขาเลยช่วยโดยการดึงกางเกงตนเองออกและโยนไปห่าง ๆ เตียง ไม่คิดจะรอให้ยูคิเก็บนั่งพับให้เรียบร้อย เหมือนเสื้อนอก และเสื้อเชิ้ต
    “ทีนี้ ก็ตัวสุดท้ายแล้วนะ...”  ริวยะบอกด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ จนยูคิที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า อายจนหน้าแดงก่ำ มือที่เอื้อมจะไปถอดผ้าชิ้นสุดท้ายจากร่างสูงก็สั่นเทาไปหมด
    ทันทีที่กางเกงชั้นในถูกรูดลงไป ความเป็นชายของอีกฝ่ายก็ผงาดขึ้นมาตรงหน้า ยูคิหน้าร้อนวาบ เตรียมที่จะถอยออกไป แต่แล้วก็ถูกชายหนุ่มจับล็อกศีรษะของเขาไว้ไม่ให้ไปไหน
    “ทำอย่างที่ฉันเคยทำให้เธอสิ...ยูคิ”  
    ร่างสูงออกคำสั่ง ซึ่งก็ทำให้ใบหน้าหวาน ๆ แดงหนักขึ้นไปอีก มือเรียวบางสั่นเทา ค่อย ๆ เอื้อมไปจับสิ่งนั้น ปากเล็ก ๆ ก็ไล่จุมพิตวนไปรอบ ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เผยอปากขึ้นอมสิ่งนั้นเข้าไปทีละน้อย ซึ่งก็เรียกเสียงครางค่อย ๆ ด้วยความพึงพอใจได้จากอีกฝ่าย
    “อา...แบบนั้นล่ะ  ดีแล้ว ...เธอเป็นลูกศิษย์ที่หัวไวใช้ได้เชียวล่ะ”
    ริวยะบอกเด็กหนุ่มด้วยเสียงครางกระเส่า ขณะที่ยูคิกำลังทดลองใช้ลิ้นไล้วนเล่น กับจุดที่อ่อนไหวที่สุดของเขา  อย่างที่เคยได้รับการสอนมาก่อนหน้านี้ …
    “อือ...”  จู่ ๆ ยูคิก็ถูกอีกฝ่ายผลักให้เงยหน้าขึ้น ริวยะดันร่างบางให้นอนราบไปกับเตียง ก่อนที่ตัวเขาจะขึ้นคร่อมตามมา
    “วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน...”  ริวยะบอก  จากนั้นจึงจูบที่ริมฝีปากเผยอน้อย ๆ ของอีกฝ่ายอย่างอดใจไม่อยู่
    “ส่วนที่เหลือ...” ชายหนุ่มเว้นวรรค ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปกระซิบเบา ๆ กับอีกฝ่าย
    “ฉันจะเป็นคนช่วยทำให้เธอมีความสุขแทนเอง”
    ยูคิหน้าแดงวาบ ก่อนจะสะดุ้งเฮือกสุดตัว เมื่อสะโพกถูกยกขึ้น และถูกอีกฝ่ายสอดใส่ความเป็นชายเข้าไปภายในร่างของเข้าอย่างช้า ๆ
    “อ๊ะ...คะ..คุณริวยะ! ...คุณริวยะ!”  
    เด็กหนุ่มครางเรียกชื่ออีกฝ่ายลั่น เมื่อร่างสูงเริ่มขยับกายเข้าออกเป็นจังหวะ
    “ขยับเข้าสิยูคิ...อย่าเอาแต่อยู่เฉย ๆ แบบนั้น”  น้ำเสียงดุอย่างไม่จริงจังนะ ยูคิโอบคอร่างสูงเอาไว้ และขยับสะโพกเป็นจังหวะสอดคล้องกับชายหนุ่มอย่างว่าง่าย
    “ดีมาก ... วันนี้น่ารักจริง ๆ เลยนะ  ถ้าอย่างนั้นฉันก็มีรางวัลพิเศษให้”
    ริวยะบอกด้วยน้ำเสียงหอบ ๆ อย่างพึงพอใจ ก่อนจะดึงร่างบางขึ้นมาจากเตียง และเปลี่ยนให้มานั่งเผชิญหน้ากับเขาบนตัก โดยที่ความเป็นชายของตนยังคงค้างคาอยู่ที่ปากทางเข้าของเด็กหนุ่ม
    “คืนนี้ทั้งคืน ฉันจะบริการเธอให้ถึงใจเลยนะยูคิ”
    “อา...คุณริวยะ”
    ยูคิจับบ่าคนตรงหน้า ก่อนจะค่อย ๆ ขยับสะโพกของตนเอง เบา ๆ และเมื่อคนซึ่งอยู่เบื้องล่างตอบสนองกลับมาอย่างหนักหน่วง เจ้าตัวก็ยิ่งเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นเข้าไปอีก
    “อ๊ะ...ดีจัง....แบบนั้นล่ะ”   เด็กหนุ่มครางพร้อมกับขยับสะโพกไม่หยุด ซึ่งร่างสูงก็ตอบสนองมาอย่างเร่าร้อนแทบไม่ต่างกัน
    “เยี่ยมมาก...ยูคิ...วันนี้เธอยอดจริง ๆ”  ริวยะเอ่ยชม  ใบหน้าหล่อเหลามีเม็ดเหงื่อเล็ก ๆ ผุดขึ้นทั่ว ร่างบางหอบคราง  พลางก้มลงเป็นฝ่ายจูบร่างสูงก่อนอย่างดูดดื่ม
    “อื้ม...”   ริวยะสอดลิ้นเข้าไปแสวงหาความหวานภายในอย่างกระหายหิว ชายหนุ่มไม่รู้หรอกว่า เหตุใดคืนนี้ยูคิจึงตอบสนองเขาอย่างเร่าร้อนนัก เขารู้แต่เพียงว่า ขอแค่ได้กอดร่างบางตรงหน้า ไว้ในอ้อมแขนตลอดเวลาแบบนี้ เขาก็พอใจมากแล้ว

    สำหรับเด็กหนุ่ม ... วันนี้เขาได้ปลงตกแล้วว่า คงจะไม่มีโอกาสได้กลับมาหาคนอันเป็นที่รักอีกแน่ แต่เมื่อสถานการณ์กลับพลิกผันเช่นนี้ เด็กหนุ่มจึงตั้งปณิธานไว้ว่า ขอเพียงแค่ให้ชายคนรักมีความสุขยามอยู่กับเขา เขาก็พร้อมจะยอมทำทุกอย่างโดยไม่คิดจะเกี่ยงงอนอันใดอีกต่อไป
    “อ๊ะ...คะ...คุณริวยะ ...ผมจะไม่...ไหว...แล้ว”
    ยูคิบอกด้วยน้ำเสียงที่ขาดเป็นห้วง ๆ  ขณะที่เร่งขยับสะโพกเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
    “อา....ยูคิ”  ร่างสูงเองก็แทบไม่ต่างกัน และหลังจากนั้นไม่นาน เสียงกรีดร้องของยูคิพร้อมกับเสียงครางทุ้มของริวยะ ก็ดังสอดประสานในเวลาไล่เลี่ยกัน
    เด็กหนุ่มหอบสะท้านไปทั่วกาย ศีรษะซบกับอกกว้างอย่างหมดแรง ก่อนที่ริวยะจะค่อย ๆ จับร่างของเด็กหนุ่มนอนเอนราบไปกับเตียงอีกครั้งหนึ่ง
    “เป็นยังไงบ้าง”
    น้ำเสียงทุ้มนุ่มของคนที่เอนนอนลงเคียงข้างเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน
    “รู้สึกดีมากเลยครับ...” ยูคิตอบอย่างเพลีย ๆ แต่ก็ยังคงส่งยิ้มหวานให้ชายคนรัก
    “วันนี้ทำไมถึงน่ารักแบบนี้ล่ะ หือ?”  ริวยะถามยิ้ม ๆ เพราะรู้สึกได้เหมือนกันว่า อีกฝ่ายค่อนข้างจะตามใจเขา แถมยังเป็นฝ่ายบริการเขาอย่างถึงใจแทนเสียอีก
    “แล้วไม่ชอบหรือครับ” คำตอบที่ไม่ตรงคำถาม ทำให้อีกฝ่ายมันเขี้ยว ก่อนจะชะโงกหน้าไปจูบริมฝีปากบางนั้นอีกครั้งหนึ่ง
    “ทำไมจะไม่ชอบล่ะ ถ้าเป็นไปได้ อยากจะกอดเธอแบบนี้ตลอดไม่ต้องออกจากห้องไปไหนด้วยซ้ำไป”  ริวยะบอกหลังจากถอนริมฝีปากออกมาแล้ว ซึ่งก็ทำให้เด็กหนุ่มหน้าแดงระเรื่อนิด ๆ อย่างเขินอาย
    “ถ้าเป็นอย่างนั้นเห็นทีจะไม่ไหวหรอกครับ...ถ้านาน ๆ ที ก็ว่าไปอย่าง”
    บอกแล้วก็ต้องสะดุ้ง เมื่อร่างสูงเริ่มพลิกกายขึ้นมาคร่อมทับร่างของเขาอีกครั้ง
    “คุณริวยะ?”
    “เมื่อครู่ฉันยังไม่ทันได้บริการเธอเลย แต่เธอดันเป็นฝ่ายบริการฉันจนถึงใจแทนเสียก่อน ยังไงรอบนี้ฉันขอแก้ตัวแล้วกันนะ”
    คำพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้น ทำให้ยูคิถอนหายใจอย่างระอา สังหรณ์ใจว่าคืนนี้ทั้งคืน เขาคงจะไม่ได้พักผ่อนแน่ ๆ เผลอ ๆ พรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันเสาร์และเขามีเรียนแค่ครึ่งวัน ก็คงจะไม่ได้ไปอีก  คิดดังนั้น เด็กหนุ่มจึงถอนหายใจอีกครั้งอย่างนึกปลง ก่อนจะส่งยิ้มหวานที่ติดเจ้าเล่ห์นิด ๆ ตอบอีกฝ่ายไปเช่นกัน
    “ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอดูแล้วกันนะครับ ว่าคุณจะแก้ตัวได้ดีขนาดไหน ...และถ้าไม่ถูกใจ ผมคงต้องเป็นฝ่ายทำโทษคุณบ้างล่ะ”
    ริวยะขมวดคิ้วกับคำพูดนั้นของคนรัก
    “ทำโทษ?”
    “ก็จะไม่ยอมมีอะไรกับคุณไปสักอาทิตย์เลยยังไงล่ะครับ”  เด็กหนุ่มตอบพร้อมฉีกยิ้มหวาน แต่ริวยะสังเกตเห็นแววตาซุกซนนิด ๆ แฝงมากับประกายตาที่จ้องมองเขา
    “หึ! ถ้าอย่างนั้นฉันขอยื่นเงื่อนไขบ้างสิ”
    “เงื่อนไข?”  คราวนี้ยูคิกลับเป็นฝ่ายแปลกใจแทน และเมื่อริวยะเฉลย เด็กหนุ่มก็หน้าแดงนิด ๆ ทันที
    “ก็ถ้าฉันทำให้เธอพอใจในคืนนี้ได้ ฉันก็จะขอจองคิวในอาทิตย์หน้าทั้งอาทิตย์เลยแล้วกันนะ”
    “แล้วคุณ...จะไหวหรือครับ”  ยูคิตอบพลางหน้าแดงระเรื่อ เพราะมือใหญ่ของอีกฝ่ายเริ่มซุกซนเสียแล้ว
    “เธอคอยดูแล้วกัน”  ชายหนุ่มตอบโดยไม่ยอมให้เสียเวลาทำคะแนนไปแม้แต่นาทีเดียว มือใหญ่เลื่อนลงไปเกาะกุมแก่นกายของเด็กหนุ่ม ที่ถูกปลุกเร้าจนตั้งตระหง่านขึ้นมาอีกครั้ง
    “อย่าเพิ่ง....ด่วนสรุปสิครับ...อื้ม...คุณยังไม่ชนะ....สักหน่อย”
    คำพูดพร้อมกับเสียงครางนั้น ทำให้ริวยะเหยียดยิ้ม ถึงยังไงเด็กหนุ่มก็ยังอ่อนชั้นเชิง ต่างจากเขามากนัก การที่จะทำให้อีกฝ่ายเคลิบเคลิ้มจนตอบสนองอย่างลืมตัวนั้น ไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับเขา
    “แต่ฉันว่า น่าจะรู้ผลกันแล้วล่ะ”  
    เสียงทุ้มกลั้วหัวเราะเอ่ย เมื่อเห็นสีหน้าที่แสดงถึงความพึงพอใจในการถูกเล้าโลมยามนี้
     “จะชนะฉันน่ะ  รอไปอีกสิบปีดีกว่านะยูคิ”
    ร่างสูงกระซิบบอกเบา ๆ ขณะที่อีกฝ่ายไม่ได้รับรู้อะไรอีกแล้ว นอกจากความหฤหรรษ์ที่ถูกปรนเปรอด้วยฝีมือของชายหนุ่ม ตลอดค่ำคืนอันยาวนานนี้นั่นเอง ...

 

=====
TBC
=====
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 10-11-2010 19:08:16
โห! ข้างบนนั่นไวมาก หุ ๆ อ่านต่อกันได้เลยจ้า ไม่ให้ขาดช่วง ~~
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 10-11-2010 19:10:55
เฮ้อออ  โล่งอก   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17-18
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 10-11-2010 19:21:39
หวานได้อีกอ่ะ  :impress2: :impress2:
 คู่นี้ โอ๊ย อิจฉาอ่า  :z3:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17-18
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 10-11-2010 19:36:07
อ่า เหตุการพลิกผันกลายเป็นดี เฮ้อ
ลุ้นนึกว่าจะนั่งเศร้าแล้ว
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17-18
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 10-11-2010 20:06:43
หึหึ  :z1:



เอ่ออออ หนูยูคิจ๊ะ เวลาแบบนี้ หนูยังห่วงพับผ้าอีกเหรอจ๊ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17-18
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 10-11-2010 20:32:42
:m25:

เห็นเงื่อนไขแล้วเหนื่อยแทนเลย หุหุ  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17-18
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 10-11-2010 20:45:03
^
^
^
ลอกๆ ลอกกันง่ายๆ
คริคริ

ริวยะซามะอ้ะ บร้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่ตอนนี้ยูคิจังก็โซ ฮอท นะคะ กร้ากกกกกกกกกกกกกส์
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17-18
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 10-11-2010 20:47:39
ขอทิชชู่ซับเลือดด่วนค่า คริ ๆ  :pighaun:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17-18
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 10-11-2010 20:55:54
 :L2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17-18
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 10-11-2010 21:15:40
ใกล้จะจบแล้วหรอ

น่าจะต่อยาวๆๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17-18
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 10-11-2010 21:19:46
ในที่สุดก็อ่านทันสักที
ริวยะนี่หื่นจริงๆนะยูคิจอนหลังๆก็ไม่ใช่ย่อยนะ
+1 นะคะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17-18
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 10-11-2010 21:26:06
ดีจังที่เรื่องร้ายกลายเป็นดี
งานนี้ผู้ใหญ่ก็ต้องไฟเขียวแล้วแน่ๆ
หลังเรื่องร้ายๆผ่านไปก็หื่นแล้วนะท่าน
หวังว่าอาทิตย์ต่อไปจะไหวนะจ๊ะ  :haun4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17-18
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 10-11-2010 21:34:20
^-^  very  like
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17-18
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 10-11-2010 21:47:37
เร้าร้อนกันจริง ๆ เลย

ทั้งสองคนนั้นแหละ  :haun4:

 :call:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17-18
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 10-11-2010 22:21:19
ปลอดภัยจากคุณพ่อ แต่กลับบ้านไม่รอดจากริวยะเลยเนอะยูคิ :haun4:
จริงๆแล้วริวยะต้องแอบไปโด๊ปยามาทุกวันเลยใช่มะ คนอะไร้  :oo1: ได้ทุกวี่ทุกวัน
+1 ขอบคุณค่า หวานขึ้นเรื่อยๆเลยคู่เนี้ย

ปอลอ. จิ้มอีโมนี้- - >  :oo1: ทีไรเขินทุกที >///<
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17-18
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 10-11-2010 23:14:39
อ่านแล้ว เลือดโชก เต็ม โต๊ะ คอมเลยยยย



กระ ฉูด จิงๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17-18
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 10-11-2010 23:32:41
และแล้วก็แฮปปี้เอ็นดิ้ง เอ๊ยยยยยยยยย ยังนี่นะ  :laugh:

ความหลังของคุณพ่อ(ของริวยะ)กับคุณตา(ของยูคิ) น่าจะเป็นความผูกพัน ลึกซึ้งสินะคะ
อาจจะจบลงด้วยความเศร้า แล้วก็มาสมหวังตอนรุ่นลูกรุ่นหลานนี่ละ

บวกอีก 1 แ้ต้มนะคะ ตอนนี้เลือดหวานมากเลยค่ะ  :o8:

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17-18
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 11-11-2010 13:43:53
น้ำตาลปนเลือด

นี่เป็นสีชมพูเลยแฮะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 11-11-2010 16:53:38
ทยอยแปะจ้า ตอนนี้มาย้อนอดีตของคนแก่กันบ้าง~

----------------------------------------------

=====
บทที่ 19
=====

    ยูคิปรือตาตื่นขึ้นมาด้วยความยากลำบาก เขารู้สึกปวดเมื่อยร่างกายไปหมดอย่างน่าประหลาด มือเล็กคลำสะเปะสะปะหานาฬิกามาดูเวลา 
   “อืม...กี่โมงแล้วนะ” 
   เด็กหนุ่มรู้สึกแปลกใจที่ตำแหน่งของนาฬิกาไม่ตั้งอยู่ตรงที่เดิม แล้วก็ต้องชะงักเมื่อหวนคิดขึ้นมาได้ว่า ตนไม่ได้นอนอยู่ที่ห้องของตัวเอง  ยิ่งเมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาเมื่อคืน ก็ทำให้เด็กหนุ่มใบหน้าแดงซ่าน เลิกหาสาเหตุอาการปวดเมื่อยของตนโดยสิ้นเชิง
    เจ้าตัวมองไปรอบ ๆ ด้าน ก็ไม่เห็นเงาของร่างสูง จึงเข้าใจเอาเองว่า ริวยะคงออกไปทำงานแล้ว
   “ฮึบ! …แย่จัง แถมอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ยังต้อง...” 
   เด็กหนุ่มยันกายขึ้นนั่ง แล้วก็ต้องหน้าแดงก่ำเมื่อหวนนึกถึงสัญญาที่เขาแพ้พนันเมื่อคืนที่ผ่านมา
    “ก็ถ้าฉันทำให้เธอพอใจในคืนนี้ได้ ฉันก็จะขอจองคิวในอาทิตย์หน้าทั้งอาทิตย์เลยแล้วกันนะ”
   ก็นั่นล่ะ ... มีหรือที่เทคนิคและลีลาของริวยะ จะเคยทำให้เขาไม่พอใจได้ สรุปเขามันบ้าไปเอง ที่รับพนันแบบนั้น
   ... แต่ถึงแม้จะเสียเปรียบ ก็ใช่ว่าเขาจะรังเกียจกับผลที่ตามมาหรอกนะ…
   ยูคินั่งคิดอะไรเพลิน ๆ  ก่อนจะกอดอกตัวสั่นน้อย ๆ เพราะเขานั่งเปลือยแบบนั้นมาได้สักพักแล้ว
   “อาบน้ำดีกว่า”  เด็กหนุ่มยันกายลุกขึ้น เดินกะโผลกกะเผลก ไปหาผ้าขนหนูในตู้ พร้อมกับเหลียวไปเห็นชุดเสื้อผ้าของเขาที่พับเรียบร้อยวางไว้บนเก้าอี้ทำงานของริวยะ
   “คุณชิโนะล่ะสิท่า” ยูคิกล่าวกับตัวเองยิ้ม ๆ แล้วจึงหยิบชุดที่แม่บ้านชิโนะเตรียมไว้ให้เข้าไปห้องน้ำ

   เด็กหนุ่มใช้เวลาพักใหญ่ ก็ออกมาพร้อมชุดแต่งกายเรียบร้อย  ชำเลืองมองนาฬิกา ซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของริวยะ ก็ถอนหายใจเบา ๆ เพราะขณะนี้เป็นเวลาสามโมงเช้า ซึ่งเลยเวลาเข้าเรียนไปแล้ว
   “เฮ่อ  ไปหาข้าวกินดีกว่า”
   เจ้าตัวพยายามปลงไม่คิดมาก และเดินไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินของเรือนพัก แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนคุยกันรอดออกมาจากห้องรับแขกแบบญี่ปุ่นข้างหน้า
   …เสียงคุณริวยะ กับ  ....
   ยูคิไม่ค่อยมั่นใจนัก แต่ก็คิดว่าตนฟังไม่ผิด เสียงอีกเสียงนั่นมันน่าจะเป็นเสียงของ มุราคามิ  เซอิจิ พ่อของริวยะ คนที่เขาพบเมื่อวานนั่นเอง

   “แล้วคุณพ่อจะตกลงยังไงเรื่องของยูคิกับผม แต่บอกไว้ก่อนนะ ไม่ว่าคุณพ่อจะเห็นด้วยหรือไม่ ผมก็ไม่มีวันเลิกกับยูคิเด็ดขาด!”
   คำพูดของริวยะทำเอายูคิสะดุ้ง เจ้าตัวพยายามเดินเข้าไปใกล้ เพื่อฟังให้ชัด ๆ ว่า เซอิจิจะตอบว่ายังไง แต่เพราะแข้งขาที่มันค่อนข้างอ่อนแรง ทำให้เขาเผลอสะดุดขาตัวเองล้มโครมอยู่แถวนั้น
   “โอ๊ย!”  เด็กหนุ่มอุทานเบา ๆ แต่ก็ดังพอที่จะทำให้เสียงในห้องรับแขกเงียบกริบ
   ยูคิสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูเลื่อน พร้อมกับการปรากฏกายของชายคนรัก
   “ยูคิ มาทำอะไรที่นี่ แล้วนั่นเป็นอะไร?”  ริวยะถามพร้อมกับไปช่วยฉุดให้เด็กหนุ่มคนรักลุกขึ้นยืน ยูคิยิ้มแหย ๆ พลางตอบอุบอิบเบา ๆ
   “ขอโทษครับ พอดีผมหิวข้าว เลยจะเดินมาที่ห้องครัวหาข้าวกิน แต่ดันสะดุดขาตัวเองล้มน่ะครับ”  เด็กหนุ่มไม่ยอมบอกว่าตัวเองหยุดแอบฟัง เพราะกลัวถูกริวยะดุ ซึ่งริวยะก็ไม่ได้ซักอะไร แต่หันกลับไปหาทาคุ ซึ่งนั่งอยู่ด้วยกันในห้องรับแขกนั่นแทน
   “ทาคุ พายูคิไปห้องอาหารหน่อยสิ”
   “ครับ”  ทาคุรับคำ และหันมาโค้งให้กับเซอิจิเพื่ออำลา ทว่า
   “เดี๋ยวก่อน ยังไม่ต้องไป เรียกเด็กนั่นเข้ามาก่อน”
   ชายสูงอายุกล่าวด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งกลาย ๆ ริวยะจ้องมองบิดาของตนเขม็ง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ และโอบประคองยูคิที่หน้าตาตื่น ๆ เข้ามาในห้อง และให้นั่งลงใกล้ ๆ กับตนเอง
   “ไม่ต้องระวังขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่ทำอะไรเด็กคนนี้ต่อหน้าแกหรอก”
   เซอิจิบอกเมื่อเห็นท่าทีที่ริวยะมีต่อเด็กหนุ่ม และเมื่อจ้องมองใบหน้าหวานตื่น ๆ นั่น เจ้าตัวก็ยิ้มอ่อนโยน ชนิดที่ ริวยะ ทาคุ รวมไปถึง ทาคาอิ ผู้เป็นบอดี้การ์ดประจำตัวของชายสูงอายุ ต่างตกตะลึงไปตามกัน
     “เธอบอกว่าเธอเป็นหลานของ โคบายาชิ เรียว ใช่ไหม”
   ยูคิ พยักหน้ารับเบา ๆ ซึ่งเซอิจิก็ถอนหายใจน้อย ๆ ก่อนจะกล่าวต่อ
   “ใช่จริง ๆ นั่นล่ะ พอรู้เรื่องเมื่อวานฉันก็ให้คนไปสืบดูจากประวัติของตระกูลเธอ ... หมอนั่นตายแล้วสินะ”
   คราวนี้ ยูคิเริ่มมองหน้าคนพูดเต็มตา พลางกล่าวตอบออกไปเต็มเสียงขึ้น
   “ครับ คุณตาตายตั้งแต่ผมยังห้าขวบ”
   “เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วหรอกหรือ...มิน่า ถึงไม่มีข่าวคราวอะไรให้ตามตัวได้เลย ...หมอนั่น คงยังโกรธแค้นฉันอยู่สินะ ถึงไม่ยอมให้พบ และหนีไปแบบนั้น”
   เซอิจิพูดเหมือนกำลังรำลึกความหลัง ทำให้ทุกคนในที่นั้นสงสัย โดยเฉพาะยูคิเขารู้สึกขัดใจเหลือเกิน เรื่องที่อีกฝ่ายพูดเหมือนตาของเขาไปมีความแค้นอะไรกับตนเอง
   “ตกลงเรื่องมันเป็นมายังไงกันครับ แล้วเรื่องโกรธแค้น ที่ว่ามันหมายความว่ายังไงครับ”
   เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถาม ซึ่งเซอิจิ ก็ยิ้มน้อย ๆ ให้เขา แล้วจึงหันไปหาทาคุ
   “พาเขาไปทานข้าวก่อนก็ได้”
   “เดี๋ยวสิครับ เล่าเรื่องให้ผมฟังก่อนเถอะครับ ผมอยากรู้เรื่องตาของผม ว่าเกี่ยวข้องยังไงกับคุณกันแน่!”
   ยูคิโพล่งออกมาอย่างขัดใจ ที่อีกฝ่ายเดี๋ยวก็ให้เขาเข้ามาหา พร้อมพูดเรื่องที่ทำให้เขาสนใจขึ้นมา แต่จู่ ๆ ก็กลับเหมือนจะไล่ให้เขาออกไปเสียนี่
   “เอาเถอะ ฉันจะเล่าให้ฟัง แต่เรื่องเล่าของคนแก่มันยาวนะ เธอเองก็บอกว่าหิวข้าวไม่ใช่หรือไง ไปทานให้เรียบร้อย แล้วค่อยกลับมาฟังก็ได้”   
   เซอิจิบอกยิ้ม ๆ โดยไม่ใส่ใจท่าทีฮึดฮัดเล็กน้อยนั่น ซึ่งข้อนี้ก็ทำให้ริวยะ และคนอื่น ๆ สงสัยมากขึ้น เพราะน้อยครั้งนักที่คนอย่าง มุราคามิ  เซอิจิ จะทำดีกับใคร แม้ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตนก็ตาม
   “แต่ผม...” ยูคิทำท่าจะแย้งต่อ ทว่าริวยะก็ตบบ่าเขาเบา ๆ และใช้สายตาแกมบังคับให้อีกฝ่ายทำตาม
   “ก็ได้ครับ...” เด็กหนุ่มรับคำเสียงอ่อย และจึงยอมออกไปนอกห้องพร้อมกับทาคุอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

   “ตกลงคุณพ่อ กับตาของยูคิ มีอะไรเกี่ยวข้องกันแน่  แล้วที่มาหาผม บอกว่ามีธุระสำคัญเกี่ยวกับยูคิ นี่มันเรื่องนี้งั้นหรือครับ”
   เมื่อลับร่างเด็กหนุ่มไปแล้ว ริวยะก็หันกลับมาเปิดฉากคำถามรุกผู้เป็นบิดาต่อ ซึ่ง เซอิจิก็นั่งจิบชาอย่างใจเย็น โดยไม่ใส่ใจนัก
   “ทำไมแก ไม่รอฟังพร้อมเด็กนั่นทีเดียวเลยล่ะ ฉันจะได้ไม่ต้องพูดซ้ำซ้อนหลายรอบ”
   ริวยะถอนหายใจแรง ๆ เรื่องหัวรั้นไม่ยอมใครของผู้เป็นบิดานั้น เขาย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นเช่นไร  และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดมาร้ายในเรื่องของเขากับยูคิ ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะนิ่ง รอฟังผลอยู่เงียบ ๆ แทนดีกว่า
   
   ยูคิได้รับการบอกเล่าจากทาคุ ว่าเซอิจิมาหาริวยะ  ก่อนชายหนุ่มจะไปทำงาน ริวยะจึงให้อากิระไปดูงานที่บริษัทแทนตน และนั่งสนทนาเกี่ยวกับเรื่องของชายหนุ่มและยูคิ ซึ่งตอนแรกเขาก็ค่อนข้างแปลกใจที่ เซอิจิเหมือนจะพูดอ้อมไป อ้อมมา ไม่เข้าเรื่องสักที แต่พอมาหวนคิดดู  บางทีชายสูงอายุอาจจะถ่วงเวลาเพื่อรอยูคิตื่นขึ้นมาก่อนก็ได้
   “แสดงว่าคุณพ่อของคุณริวยะ อยากจะคุยกับผมโดยตรง”
    ยูคิสรุป ขณะที่กำลังทานอาหารเช้าชนิดแทบไม่ต้องเคี้ยว
   “ครับ คิดว่าเป็นอย่างนั้น เอ่อ คุณยูคิ ช่วยกรุณาเคี้ยวข้าวก่อนกลืนครับ เดี๋ยวติดคอ แล้วเรื่องคำสรรพนามแทนตัวเวลาคุยกับผมน่ะ ลืมอีกแล้วนะครับ”
   ทาคุร่ายยาว ชนิดที่ยูคิฟังแล้วแทบสำลัก ก่อนจะเหลือบตามองคนตรงหน้าที่ทำตัวขี้บ่นจู้จี้ ราวกับแม่เขาเข้าไปทุกที
   “ครับ ๆ รับทราบแล้วครับ”
   ยูคิบอกประชด พลางเคี้ยวตุ้ย ๆ ด้วยใบหน้างอ ๆ อย่างที่ทาคุเห็นแล้วต้องแอบอมยิ้มเพราะความเอ็นดู
   
   ยูคิและทาคุ เดินเข้ามาในห้องรับแขก เด็กหนุ่มโค้งน้อย ๆ ให้กับเซอิจิ ก่อนจะเลือกนั่งลงใกล้ ๆ กับริวยะตามเดิม
   “เรียบร้อยแล้วสินะ พร้อมจะฟังเรื่องของฉัน กับตาของเธอหรือยังล่ะ”
   เซอิจิเอ่ยปากถาม ซึ่งยูคิก็รีบพยักหน้าทันทีโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องเอ่ยซ้ำ
   “ดีเหมือนกัน ... ฉันเองก็เก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวเองมานานแล้ว ยังไม่เคยได้เล่าให้ใครฟังสักครั้ง ไม่คิดเหมือนกันว่าจะต้องมาเล่าความหลังให้กับ หลานของหมอนั่นฟังแบบนี้”
   เซอิจิเปรยกับตัวเอง ใบหน้าดูอ่อนโยนลงยามเมื่อเจ้าตัวหวนคิดถึงอดีต ผิดกับภาพลักษณ์เคร่งขรึม ดูน่าเกรงขามอย่างที่เคย
   “แล้วเรื่องมันเป็นยังไงหรือครับ”
   เสียงอ่อย ๆ ของยูคิขัดขึ้นมาอย่างเกรงใจ เมื่อเห็นว่าผู้สูงอายุชักจะรำลึกความหลังกับตัวเองนานไปหน่อย
   “ฮ่า ๆ ใจร้อนเหมือนหมอนั่นไม่มีผิดเชียวนะ เอาเถอะฉันจะเล่าให้ฟังเดี๋ยวนี้ล่ะ”
   เซอิจิหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจ ก่อนจะเริ่มต้นเล่าเรื่องเมื่อครั้งอดีต สมัยที่ตนยังอายุเพียง 17 ปี ให้อีกฝ่ายฟัง


   ตอนนั้น ฉันอายุได้ 17 ปี กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต ฉันถูกทางบ้านบังคับให้เรียนต่อในสาขาวิชาที่ตัวเองไม่ชอบ เพื่อสืบทอดต่อกิจการทางบ้าน  คุณพ่อของฉัน ปู่ของริวยะ เป็นคนที่หัวแข็งและเจ้าระเบียบมาก ทุกคนในปกครองของคุณพ่อ ต้องอยู่ในกรอบที่ท่านวางไว้เสมอ แม้แต่คุณแม่ของฉันเอง ท่านถูกบีบคั้นจนทนไม่ได้ และได้หนีออกจากบ้านไปตั้งแต่ฉันอายุเพียง 8 ปี   หลังจากนั้นชีวิตฉันก็ถูกคุณพ่อบงการมาตลอด ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ราวกับตุ๊กตาชักใยของท่าน ไม่เคยสักครั้งที่ฉันจะต่อต้าน เพราะฉันรู้ดีว่าไม่มีวันที่คุณพ่อจะยอมรับฟังในตัวฉันอย่างแน่นอน
   “คุณพ่อครับ ผมได้รับรางวัลชนะเลิศประกวดวาดภาพ ระดับมัธยมปลาย ของเขตคันโตครับ”
   ฉันบอกกับคุณพ่อเรื่องที่ฉันได้รางวัลชนะเลิศวาดรูป แต่ท่านก็เฉย ฉันจึงพูดต่อ
   “คุณพ่อครับ เรื่องเรียนต่อน่ะครับ”
   “มีอะไร”  ท่านถามเสียงห้วน
   “ผม...อยากเรียนทางด้านศิลปะแทนได้ไหมครับ”
   ฉันตัดสินใจบอกออกไปหลังจากลังเลมานาน ที่สำคัญฉันรู้ตัวดีว่า ฉันรักการวาดรูปมากกว่าที่จะเลือกเรียนเกี่ยวกับการบริหารอย่างที่พ่อต้องการให้เรียน
   “เซอิจิ!”  เสียงคุณพ่อตะโกนลั่นราวฟ้าผ่า จนฉันสะดุ้ง
   “ฉันไม่สนใจว่าแกจะชอบอะไร แต่เรื่องอนาคตของแก แกไม่มีสิทธิ์เลือก! แกเป็นทายาทของมุราคามิ แกก็ต้องทำเพื่อมุราคามิ และทำตามที่ฉันสั่งเท่านั้น!”
   ฉันฟังแล้วถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ หัวสมองว่างเปล่าไปหมด ใช่...ฉันรู้ว่าคุณพ่อท่านต้องพูดแบบนั้นอยู่แล้ว แต่ถึงจะรู้ ฉันก็อดคิดไม่ได้ว่า ท่านเห็นฉันเป็นอะไรกันแน่ ลูกชาย หรือแค่ผู้สืบทอดตระกูล ต่อจากท่านเท่านั้น
   ฉันจำสภาพตัวเองตอนจำยอมทำตามคำสั่งนั้นไม่ได้ แต่ฉันพอจะเดาออกว่าสภาพฉันตอนนั้น มันก็คงไม่ต่างอะไรกับหมาขี้แพ้ตนหนึ่ง ที่ยอมปล่อยให้เจ้าของลากจูงไปตามแต่เขาจะชอบใจ ไม่มีสิทธิ์ขัดขืน หรือโต้แย้งอันใดแม้แต่น้อย
   ฉันซึ่งตอนนั้นได้แต่เฝ้าคิดว่าตัวเองเกิดมาเพื่ออะไรกันแน่ และกำลังท้อแท้ สิ้นหวังอย่างถึงขีดสุด จนกระทั่งเกือบคิดสั้น ลงไป  ทว่าฉันกับได้พบหมอนั่น ...โคบายาชิ  เรียว  เด็กผู้ชายอายุเท่าฉัน แต่กลับมีชีวิตที่แตกต่างกับฉันราวฟ้ากับดิน 

    “เฮ่ย! นั่นนายจะทำอะไรน่ะ! แม่น้ำนั่นเชี่ยวมากนะ เดี๋ยวก็จมน้ำตายหรอก!”
   มือใหญ่ของเด็กผู้ชายที่ไม่รู้จัก ฉุดฉันซึ่งกำลังเดินไร้สติลงแม่น้ำขึ้นฝั่ง เจ้าตัวนั่งหอบใกล้ ๆ  และเมื่อฉันหันไปมองหน้าเขาว่าเป็นใคร เขาก็ตวาดสวนด้วยเสียงอันดังจนฉันสะดุ้ง
   “นายจะบ้าหรือไง! ชีวิตนายพ่อแม่นายให้มานะ นายจะมาทำลายลงง่าย ๆ แบบนี้น่ะเหรอ! คิดบ้างหรือเปล่าว่าถ้านายเป็นอะไรไป พ่อกับแม่นายจะเสียใจขนาดไหน นายอยากให้พ่อกับแม่นายร้องไห้หรือยังไง!”
   ฉันอึ้ง ก่อนจะตามมาด้วยความโมโห ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยมีใครกล้ามาตวาดใส่หน้าฉันนอกจากพ่อ แล้วหมอนี่ถือดียังไงถึงมาตวาดใส่ฉันแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ก็นั่นล่ะ ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบโต้อะไรไป หมอนั่นก็ทำให้ฉันแปลกใจซ้ำสองในเวลาต่อมา
   “เฮ่อ ...แต่ก็โชคดีรู้ไหม ที่ฉันผ่านมาน่ะ นายจะเจอปัญหาทุกข์ใจขนาดไหนฉันไม่รู้หรอก แต่อย่างน้อยปัญหาทุกอย่างมันก็มีทางแก้นะ ไม่ควรจะมาคิดสั้นแบบนี้ รู้ไหม?”
   จู่ ๆ หมอนั่นก็เปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มแย้มอ่อนโยนแทน แถมคำพูดปลอบโยนที่ตามมาทำเอาฉันพูดอะไรไม่ออกไปชั่วครู่
   “จริงสิ ตัวเปียกแบบนี้ระวังเป็นหวัดนะ บ้านนายอยู่ไหนน่ะ?”
   เขาถามพร้อมกับยันกายลุกขึ้นยืน และยื่นมือมาให้ฉัน ซึ่งลังเลอยู่พักใหญ่ก่อนจะยอมจับมือนั้น และให้เขาฉุดฉันลุกขึ้นด้วยกัน
   “ชินจูกุ”
    ฉันตอบสั้น ๆ หมอนั่นฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว
   “แล้วมาทำอะไรตั้งอาซากุสะนี่ล่ะ”
   ฉันเงียบไม่ตอบ อันที่จริงฉันก็คงตอบไม่ได้เหมือนกัน เพราะตอนออกจากบ้านมาก็เบลอ ๆ เดินทางไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ในตอนนั้น
   “ช่างเถอะ ไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร แต่นายต้องรีบไปทำตัวให้แห้งแล้วล่ะ ขืนเป็นหวัดไปจะแย่เอานะ ไปบ้านฉันก่อนก็แล้วกัน”
   เจ้าตัวบอกก่อนกึ่งจูงกึ่งลากฉันไปโดยไม่ถามความสมัครใจฉันสักนิด คิดแล้วก็แปลกที่คนอย่างฉันยอมตามหมอนั่นไปได้ง่าย ๆ บางทีอาจเพราะแววตาจริงใจ ไร้ผลประโยชน์แอบแฝง ไม่เหมือนกับคนรอบตัวฉันทุกวันนี้ก็ได้
   “บ้านรกหน่อยนะ ฉันอยู่คนเดียวน่ะ”
   หมอนั่นบอกร่าเริง ในขณะที่พาฉันเข้ามายังบ้านเช่าซอมซ่อของตัวเอง ดูสภาพแล้วคนที่อาศัยอยู่ในสถานที่แบบนี้ ไม่น่าจะมีสุขภาพจิตดีอย่างที่หมอนี่เป็นอยู่เลย
   “เอ้า! เสื้อผ้าของฉัน เปลี่ยนซะสิ”  เจ้าตัวโยนชุดเสื้อยืดกางเกงวอร์มมาให้ฉัน ซึ่งยืนลังเลไม่กล้าเปลี่ยน
   “ใส่ไปเถอะ ชุดพวกนั้นซักหมดแล้วน่า”
   เขาบอกยิ้ม ๆ ฉันเงียบไป ไม่ได้แก้ตัวว่าที่จริงแล้วฉันไม่ได้รังเกียจ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไม คนที่เพิ่งรู้จัก ถึงต้องทำดีกับฉันด้วยแบบนี้
   “เออ จริงสิ! คุยกันมาตั้งนานแล้วฉันยังไม่รู้จักชื่อนายเลย นายชื่ออะไรล่ะ อ้อ ฉันชื่อ โคบายาชิ เรียว นะ”
   เขาแนะนำตัวกับฉันอย่างร่าเริงตามเคย ฉันเงียบอีกพักใหญ่จนเขาคิดว่าฉันคงไม่ยอมพูดเช่นเคย และเมื่อเขาหยิบเสื้อผ้าของตัวเองเพื่อจะเปลี่ยนชุดบ้าง ฉันก็หลุดปากแนะนำตัวไปอย่างที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
   “เซอิจิ...ฉันชื่อ มุราคามิ  เซอิจิ”
    
    ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หมอนั่นให้มาเรียบร้อย และเดินตามเขาไปยังร้านซักแห้ง ซึ่งเจ้าตัวเอาเสื้อผ้าของทั้งฉันและเขามาซัก  ซึ่งพวกเราทั้งคู่ก็คอยอยู่ที่นั่นได้พักใหญ่ชุดก็อบแห้งพอดี
   “เอ้า! เรียบร้อย เสื้อผ้านาย”
   โคบายาชิ ยื่นชุดนักเรียนของฉันส่งคืนให้ ฉันมองเขาและถามด้วยสายตา ว่าจะให้ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าคืนเขาที่ไหน หมอนั่นก็หัวเราะพร้อมกับทำให้ฉันประหลาดใจอีกครั้ง
   “บ้าน่า เสื้อผ้าถึงมันจะแห้งแต่ก็ไม่ได้รีด นายจะใส่กลับยับ ๆ แบบนั้นเหรอ ใส่ชุดฉันกลับไปนั่นล่ะ ไม่เป็นไรหรอก”
   “แล้วค่าซักเสื้อผ้า”  ฉันถามและหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา เงินถึงมันจะเปียกน้ำ และชื้นไปบ้าง แต่ก็ยังใช้ได้อยู่
   “บ้าน่า! กับอีแค่ค่าซักชุดแค่นี้ ฉันออกให้ก็ได้”
   ฉันเงียบกริบพูดอะไรไม่ออก  ถ้าหมอนี่เรียกร้องเงินทองกับฉัน ทั้งค่าที่ช่วยชีวิต ค่าที่ให้ยืมเสื้อผ้า ค่าที่ซักเสื้อผ้าให้ ฉันคงจะสบายใจเสียกว่า แต่หมอนี่กลับทำในสิ่งที่คนรอบข้างที่ฉันรู้จักไม่เคยปฏิบัติต่อฉันเลยสักครั้ง ...การให้ โดยไม่หวังผลตอบแทน เช่นนี้
    “ทำไมต้องทำดีกับฉันด้วย ทั้ง ๆ ที่ตัวนายไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยด้วยซ้ำ”
   ในที่สุดฉันก็หลุดปากถามไปจนได้ เพราะไม่เข้าใจ และไม่เคยพบเจอคนแบบเขามาก่อนเลยในชีวิตของฉัน
   “ประโยชน์? อ๋อ ประโยชน์น่ะเหรอ ต้องมีอยู่แล้วล่ะ”
   เขาตอบยิ้ม ๆ ฉันชะงัก ...จริงสิ ไม่มีใครคนไหนหรอกที่จะไม่หวังผลประโยชน์จากคนอื่น หมอนี่ก็ไม่ต่างจากคนอื่นนักหรอก....ฉันคิดในใจ แต่ก็อดเจ็บแปลบลึก ๆ ไมได้ ทว่า ...
   “ก็เพราะทำแล้ว มันทำให้ฉันสบายใจน่ะสิ นี่ล่ะประโยชน์ที่ฉันช่วยนายไงล่ะ”
   คำตอบพร้อมรอยยิ้มร่าเริง และแววตาจริงใจไร้การเสแสร้ง ทำให้ฉันนิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออก ไม่อยากจะเชื่อสายตา ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง แต่ลึก ๆ ในใจแล้วฉันรู้ดีว่าตัวเองกำลังยินดีเพียงใด ยินดีในสิ่งที่ตัวฉันเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะเหตุใด
   “พรุ่งนี้ฉันจะเอาชุดนายมาคืนให้”
   ฉันบอกก่อนจาก ซึ่งโคบายาชิ ก็ยิ้ม และเดินมาส่งฉันขึ้นรถไฟ หมอนั่นโบกไม้โบกมืออำลาฉันเหมือนเด็ก ๆ ทำกับฉันเหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่ง....เพื่อน ถ้าฉันได้เป็นเพื่อนกับคนแบบนี้จะดีเพียงใดหนอ ...ตอนนั้นฉันคิดแบบนั้น โดยไม่รู้เลยว่า พวกเราจะได้กลายมาเป็นเพื่อนรักกันได้จริง ๆ

 
====
TBC
====

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 11-11-2010 16:55:07
 

=====
บทที่ 20
=====

 

     เช้าวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันอาทิตย์ ฉันออกจากบ้านมาแต่เช้า ซึ่งก็โชคดีที่คุณพ่อมัวแต่ยุ่งกับการต้อนรับแขกคนสำคัญซึ่งเป็นนักการเมืองอยู่ที่บ้าน เลยไม่ได้มาใส่ใจฉันเท่าไรนัก  ฉันนั่งรถไฟมาที่อาซากุสะ และเดินตรงไปยังแมนชั่นเก่า  ๆ อันเป็นที่พำนักอาศัยของเด็กหนุ่มที่ชื่อโคบายาชิ  เรียว
    ฉันกดออดประตูห้องอยู่สักพัก แต่ก็เงียบไม่มีวี่แววใครจะมาเปิด ฉันลังเลว่าจะยืนรอสักพักดีไหม พอดีก็มีผู้หญิงวัยกลางคนข้างห้อง เดินออกมาพอดี
    “อ้าว พ่อหนู มาหาเรียวจังหรือจ๊ะ”
   “เอ่อ ครับ เขาไม่อยู่หรือครับ”  ฉันถามออกไป
    “เรียวจังไม่อยู่หรอกจ้ะ เขาไปทำงานพิเศษตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ เด็กคนนี้ขยันนะ พอเลิกเรียนก็กลับมาทำงานพิเศษ  พอเสาร์ อาทิตย์ ก็ทำงานพิเศษ  อยู่คนเดียวก็แบบนี้ล่ะ”
    ผู้หญิงคนนั้นเล่า แล้วก็ทำหน้าเวทนา ซึ่งฉันก็นึกได้ว่าเมื่อวาน หมอนั่นก็บอกกับฉันว่าเขาอยู่คนเดียวเหมือนกัน
   “แล้วพ่อ กับแม่ของเขาล่ะครับ”
   “พ่อกับแม่ของเรียวจังไม่มีหรอกจ้ะ ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ไปตั้งแต่เมื่อครึ่งปีที่แล้ว เรียวจังก็ไม่มีญาติที่ไหน พอดีคุณเจ้าของบ้านเช่านี่เห็นใจ เลยให้เช่าต่อ และอีกอย่างเรียวจังเองก็ขยันทำงาน จ่ายเงินค่าเช่าบ้านตรงเวลา ก็เลยไม่มีปัญหา แถมเด็กคนนั้นยังเป็นคนมีน้ำใจ อัธยาศัยดี ใคร ๆ ก็รัก ...แล้วเธอไม่รู้เรื่องนี้หรอกหรือ ไม่ใช่เพื่อนกันหรือจ๊ะ”
   หญิงสาววัยกลางคนเล่ายืดยาว ก่อนจะย้อนถามฉันอย่างสงสัย ฉันก็ยิ้ม และตอบออกไปตามความจริง
    “เราเพิ่งรู้จักกันเมื่อไม่นานนี่เองครับ เขาช่วยชีวิตผมไว้”
   ผู้หญิงคนนั้นทำท่ารับรู้ และสีหน้ายิ่งชื่นชมหนักเข้าไปอีกเมื่อพูดถึงโคบายาชิ เรียว
   “โถ เรียวจัง เป็นเด็กดีจริง ๆ เลยนะ”
    “เอ่อ แล้วผมจะเจอเขาได้ที่ไหนล่ะครับ”  ฉันตัดสินใจถามถึงที่ที่เขาทำงานพิเศษ น่าแปลก ทั้ง ๆ ที่ความจริงฉันจะฝากเสื้อผ้าให้ผู้หญิงคนนี้คืนเขาก็ได้ แต่พอได้ฟังเรื่องราวของเขา ฉันก็รู้สึกอยากรู้จักเขามากขึ้นกว่านี้
    “ถ้าเป็นตอนเช้าอย่างนี้ก็คงเจอตัวที่ร้านขายผักของคุณทาคุมิ ล่ะจ้ะ  แต่ถ้าเป็นตอนกลางวันเรียวจังเขาจะไปช่วยส่งอาหารที่ร้านบะหมี่ของคุณทามะน่ะ เดี๋ยวฉันเขียนแผนที่ให้แล้วกัน เธอจะได้ไปถูก”
    จากนั้นฉันก็เดินหาโคบายาชิ เรียวตามแผนที่ซึ่งได้รับมา ภาพที่ฉันเห็นก็คือหมอนั่นยกลังผักอย่างขันแข็ง และเรียกทักทายลูกค้าอย่างยิ้มแย้มร่าเริง โดยที่ไม่มีสีหน้าเหน็ดเหนื่อยหรือเบื่อหน่ายให้เห็น ฉันจ้องมองอยู่นาน จนเขาเป็นฝ่ายเห็นฉันก่อน
    “อ้าว! นี่นาย มุราคามิ เซอิจิใช่ไหม มาทำอะไรแถวนี้น่ะ  คุณทาคุมิครับ ผมขอตัวแป๊บนึงนะครับ”
    เจ้าตัวหันไปขออนุญาตชายวัยกลางคนใกล้ ๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มร่าเริงตอบรับ
    “เพื่อนมาหาล่ะสิ ตามสบายเลยเรียวจัง คุยนาน ๆ ก็ได้ ตอนนี้คนเริ่มน้อยแล้วล่ะ”
    “ขอบคุณครับคุณทาคุมิ”
    หมอนั่นวิ่งตรงมาหาฉัน ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเคย
    “ไง! เป็นยังไงบ้าง มาถูกได้ยังไงเนี่ย”
    “ฉันไปหานายที่บ้าน จะเอาเสื้อผ้ามาคืน แล้วคนข้างบ้านบอกว่านายอยู่ที่นี่”
    “โธ่เอ๊ย! ไม่ต้องลำบากมาคืนเองก็ได้  อ๊ะ! แต่ก็ดีแล้วที่มา เดี๋ยวสักพักฉันก็เสร็จงานแล้วล่ะ ไว้จะพาไปเลี้ยงบะหมี่เจ้านี้อร่อยมากเลยนะ”
    “เลี้ยงบะหมี่ เนื่องในโอกาสอะไร” ฉันถามกลับไปด้วยความงุนงง
    “ก็ฉลองที่เราเป็นเพื่อนกันยังไงล่ะ รอแถวนี้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันไปขอคุณทาคุมิเลิกเร็วหน่อยก็ได้”
    หมอนั่นพูดจบก็วิ่งกลับไปทำงานต่อ โดยทิ้งฉันที่ยืนอึ้งอยู่ตามลำพัง เพื่อนงั้นเหรอ? หมอนั่นยอมรับฉันเป็นเพื่อนแล้วนี่นะ ทั้งที่พวกเราเพิ่งพบกันเมื่อวานแท้ ๆ
    ฉันยืนมองโคบายาชิ  เรียว ทำงานอยู่พักใหญ่ ภาพที่หมอนั่นทำงานอย่างขยันขันแข็งและร่าเริง ทำให้ฉันเผลอลืมเวลาไปทีเดียว และเมื่อหวนคิดถึงตัวเอง ก็ทำให้ฉันรู้สึกหดหู่ลงอีกครั้ง
    “เฮ่! เป็นอะไรไป นายดูซึม ๆ ไปนะ”
    ฉันสะดุ้ง ที่หมอนั่นมายืนอยู่ตรงหน้าฉันเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ
    “ฉะ...ฉัน ไม่ได้เป็นอะไรนี่”
    ฉันตอบตะกุกตะกัก หมอนั่นขมวดคิ้ว และยักไหล่ ก่อนจะเดินนำหน้า และกวักมือเรียกฉันให้ตามไป
    “ช่างเถอะ ตามฉันมาสิ จะพาไปกินบะหมี่รสเด็ดที่สุดในย่านนี้เลยล่ะ”
    ฉันเดินตามหมอนั่นไปต้อย ๆ น่าแปลกที่คนอย่างฉันยอมตามคำคนอื่นนอกจากพ่อได้ง่ายดายอย่างนี้

    “สวัสดีครับ ขอแบบพิเศษ 2 ที่ครับ”
    โคบายาชิ ตะโกนสั่งทันทีที่เดินเข้าไปในร้าน ซึ่งคนในนั้นก็ยกมือทักทายยิ้มแย้ม เมื่อได้เห็นเขา
    “ไงเรียวจัง”
    “เรียวจัง ทำไมวันนี้มาไวจังล่ะ”
    “เรียวจัง สบายดีไหมจ๊ะ”
    “สวัสดีครับทุกคน วันนี้ผมพาเพื่อนใหม่มากินบะหมี่ร้านอร่อยที่สุดในย่านนี้น่ะครับ”
    เจ้าตัวตอบรับร่าเริง แถมยังดันฉันขึ้นหน้าแนะนำตัวให้คนอื่นรู้จัก เล่นเอาฉันพูดอะไรไม่ออก
    “โฮ่! เพื่อนใหม่เรียวจังหรอกเหรอ ดีเลย งั้นวันนี้ฉันจะทำให้สุดฝีมือเลยล่ะ”
    ชายวัยกลางคน ที่ดูเหมือนจะเป็นพ่อครัวของร้านบอก โคบายาชิ ดึงฉันให้ไปนั่งตรงเคาท์เตอร์ร้าน ฉันเดินตามไปนั่งอย่างไม่ค่อยชิน  เพราะเพิ่งเคยมาร้านแบบนี้เป็นครั้งแรก
    “เสร็จแล้ว บะหมี่พิเศษสูตรของทามะจังเองจ้า”
    “ขอบคุณคร๊าบ!  คุณทามะ น่ากินจังเลย ว้าว! ใส่ให้พิเศษเสียด้วย”
    โคบายาชิบอกพลางหยิบบะหมี่ชามหนึ่งเลื่อนให้ฉัน
    “ไม่ต้องห่วงหรอก ที่ทำให้พิเศษนี่ไว้หักจากค่าแรงเรียวจังทีหลังนั่นล่ะ”
    ผู้ชายที่ชื่อทามะหัวเราะพร้อมบอก ส่วนโคบายาชิฟังแล้วก็หัวเราะตามแห้ง ๆ แต่ฉันฟังแล้วกลับตกใจ เพราะเพิ่งรู้ว่านี่เป็นร้านที่หมอนั่นทำงานพิเศษ
    “เอ่อ ถ้าอย่างนั้นทั้งสองชามนี่ผมจ่ายเองก็ได้ครับ”
    ทั้งสองคนหันมามองฉัน ก่อนจะหัวเราะขึ้นมาพร้อม ๆ กันดังลั่นเล่นเอาฉันงงไปชั่วครู่
    “ล้อเล่นน่ะพ่อหนุ่ม ฉันเลี้ยงเองก็ได้ นาน ๆ เรียวจังจะพาเพื่อนมาที่ร้านสักที”
    “จริงหรือครับคุณทามะ ถ้าอย่างนั้นเบิ้ลสองได้ไหมครับ”
    โคบายาชิรีบหันไปบอก ซึ่งอีกฝ่ายก็ชูมะเหงกให้
    “มากไป แค่ชามนี้กินให้มันหมดเสียก่อน เห็นอย่างนี้ฉันใส่เครื่องหนักนะ”
    “ครับ ๆ ผมรู้ว่าบะหมี่ของคุณทามะ คุณภาพคุ้มราคาอยู่แล้ว”
    โคบายาชิพูดพร้อมกับหัวเราะ และหันมาทางฉัน
    “เอ้ารีบกินเข้าสิ เดี๋ยวเส้นก็อืดหมดหรอก บะหมี่มันต้องกินตอนร้อน ๆ นี่ล่ะถึงจะดี”
    “อะ...อืม”  ฉันตอบพร้อมกับใช้ตะเกียบคีบเส้นเข้าปาก รสชาติที่ไม่เคยได้ลิ้มรส แม้จะไม่ใช่บะหมี่เลิศหรูเหมือนกับที่ฉันเคยกินตามภัตตาคารแต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามันอร่อยมากที่สุด มากกว่าอาหารทุกชนิดที่ฉันเคยกินมาก็ไม่รู้
    “นี่...พ่อหนุ่ม เป็นอะไรไปน่ะ”  คุณทามะถามฉันด้วยสีหน้าตกใจ ฉันเองก็งง แต่พอรู้สึกถึงความเย็นของน้ำใส ๆ ที่ไหลรินผ่านใบหน้า ฉันเองก็ตกใจเช่นกัน
    “เอ่อ...ผม”  ฉันพูดอะไรไม่ออก ทว่าโคบายาชิกลับยิ้ม และใช้มือตบบ่าฉันเบา ๆ
    “กินเถอะ เดี๋ยวมันจะอืดเสียนะ”
    ฉันยกแขนปาดน้ำตา พร้อมกับพยักหน้าค่อย ๆ และกินบะหมี่ตรงหน้าต่อไป โดยที่คุณทามะก็ยิ้มน้อย ๆ คล้ายเข้าใจและปล่อยให้เราสองคนนั่งกินเงียบ ๆ เช่นนั้นจนกระทั่งบะหมี่หมดชาม
    “คุณทามะครับ วันนี้ผมขอเข้าร้านช้าหน่อยนะครับ”
    โคบายาชิบอกซึ่งคุณทามะเองก็โบกมือให้
    “ตามสบายเลยเรียวจัง”
    “ไปกันเถอะเซอิจิ” โคบายาชิหันมาเรียกชื่อฉัน และเดินจูงมือฉันให้ตามเขาไป ฉันเดินตามเขาไปสักพัก ก่อนจะขืนตัว และดึงมือออก
    “เป็นอะไรไปล่ะ เซอิจิ”  เขาถามฉันด้วยความสงสัย ฉันจึงตัดสินใจบอกสิ่งที่อัดอั้นในใจออกไปให้คนตรงหน้าฟังอย่างที่ไม่เคยตั้งใจจะพูดออกมา
    “ทำไมต้องทำเหมือนฉันเป็นเพื่อนนาย ทำไมต้องทำตัวสนิทสนมแบบนี้ และทำไมต้องทำดีกับฉันด้วย!”
    หมอนั่นเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มแย้มอย่างจริงใจให้ฉัน
    “แปลกตรงไหน ก็เพราะฉันคิดว่านายเป็นเพื่อนน่ะสิ”
    “เพื่อน...ทั้ง ๆ ที่เราเพิ่งพบกันเมื่อวานนี้นี่นะ” ฉันเถียงกลับ ซึ่งโคบายาชิก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนตอบ
    “ทำไมล่ะ การที่คนเราจะเลือกคบอีกคนเป็นเพื่อน มันจำเป็นต้องมีระยะเวลาเป็นเงื่อนไขด้วยงั้นหรือ? ฉันถูกชะตากับนาย อยากเป็นเพื่อนกับนาย นายว่ามันผิดมากงั้นหรือไง?”
    “เหตุผลแค่นี้...” ฉันถามเสียงเบา ไม่เข้าใจคนตรงหน้ามากขึ้นทุกที
    “ก็แค่นี้ล่ะ” หมอนั่นตอบง่าย ๆ และเดินนำหน้าไปอีก ฉันก็เดินตามเขาไป จนกระทั่งถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง มันช่างเงียบสงบ และร่มรื่นยิ่งนัก
   “ฉันชอบมาที่นี่ เวลาเหนื่อย และนึกท้อกับชีวิต ฉันก็จะมานั่งมองต้นไม้ มองดอกไม้ พักผ่อนเรื่อย ๆ ให้หายเหนื่อย แล้วก็ลุกขึ้นสู้เผชิญหน้ากับปัญหาต่อไป”
     โคบายาชิหันมาหาฉันและยิ้มให้
    “ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายต้องผจญกับความทุกข์มามากขนาดไหน แต่ฉันคิดว่าไม่มีใครหรอกที่จะโชคร้ายไปเสียตลอด หากคนคนนั้นมีความมุ่งมั่นที่จะมีความสุขในชีวิต สักวันก็ต้องสมหวังจนได้”
    ฉันนิ่ง พูดไม่ออก ไม่เคยมีใครพูดให้กำลังใจกับฉันแบบนี้มาก่อน ไม่สิ ไม่เคยมีคนที่เข้าใจฉัน และฉันก็ไม่เคยที่จะแสดงความอ่อนแอให้ใครได้เห็นสักครั้ง จนกระทั่งได้พบกับหมอนี่...
    “นายมันประหลาดชะมัด”  ฉันบอกกับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มจริงใจที่ไม่เคยมีให้ใครมาก่อน
    “เอ๋? จริงน่ะเหรอ? ฉันนี่นะ?” หมอนั่นทำหน้าเหรอหรา ซึ่งก็ทำให้ฉันหัวเราะออกมาได้เป็นครั้งแรก
    “นายหัวเราะแล้วดูดีกว่าทำหน้าบึ้งตั้งเยอะ”  หมอนั่นบอกยิ้ม ๆ ซึ่งฉันฟังแล้วก็ชะงัก ก่อนจะแกล้งทำเป็นพูดเรื่องอื่น กลบเกลื่อนแก้เขิน
    “ฉันมีธุระต้องรีบกลับแล้วล่ะ เอ้านี่เสื้อผ้านาย ฉันกลับล่ะนะ”
    “เดี๋ยวก่อนสิ เซอิจิ”  เขารั้งฉันไว้ก่อน ซึ่งฉันก็หันมาถามด้วยความสงสัย
    “อะไร?”  
   “แล้วเจอกันอีกนะ”  หมอนั่นบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเคย ทำให้ฉันเผลอพยักหน้าตอบกลับไปเช่นกัน
    “อือ...แล้วเจอกัน”
    และนับจากวันนั้น ฉันก็แวะเวียนไปหาหมอนั่นเสมอ หลังเลิกเรียนบ้าง วันหยุดเสาร์ อาทิตย์บ้าง โดยอ้างกับพ่อว่า ฉันออกไปเรียนพิเศษ หรือไม่ก็ไปหอสมุดเพื่ออ่านหนังสือเตรียมสอบ จนกระทั่งสามเดือนผ่านไป ฉันก็ถูกพ่อจับได้ในที่สุด

    “เซอิจิ! แกกล้ามากนักนะ โกหกฉันว่าไปเรียนพิเศษ แต่ก็ไปแอบคบกับเพื่อนกุ๊ย ๆ ของแกแทนงั้นเหรอ!”
    พ่อฉันตวาดใส่ฉันอย่างเกรี้ยวกราด แต่ฉันในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ตั้งแต่ได้พบกับหมอนั่น ฉันตัดสินใจแล้วว่า ฉันจะเชื่อมั่นในหนทางที่ถูก ความฝันของฉันไม่ใช่สิ่งผิด สิ่งเลวร้าย และฉันก็จะไม่ทิ้งความฝันของฉัน แล้วปล่อยให้พ่อบงการอีกต่อไป
    “อย่ามาเรียกหมอนั่นว่ากุ๊ยนะครับ  โคบายาชิเป็นเพื่อนที่ดี และไม่เคยเอาเรื่องฐานะมาเกี่ยวข้องในการคบกัน  เขาเป็นเพื่อนที่มีแต่ความจริงใจให้ ไม่เหมือนกับพวกที่พ่อเรียกว่าเพื่อน ทั้ง ๆ ที่มีแต่เรื่องผลประโยชน์ระหว่างกันนั่นหรอก!”
     “เซอิจิ! แกบังอาจเถียงฉันงั้นเหรอ! นี่คงเป็นเพราะเพื่อนแกเสี้ยมสอนมาอย่างนั้นล่ะสิ!”
    พ่อตวาดใส่ฉันหนักกว่าเดิม เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นพ่อฉุนเฉียวมากถึงขนาดนี้
    “เพื่อนผมไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย! หมอนั่นน่ะ เฝ้าแต่บอกให้ผมเปิดอกพูดคุยดี ๆ กับพ่อ เรื่องความฝันของผม ความต้องการที่แท้จริงของผม แต่ผมไม่เคยกล้า เพราะผมรู้ว่าถึงพูดไป พ่อก็ไม่เคยคิดจะฟัง เพราะพ่อเป็นคนแบบนี้ แม้แต่แม่ก็ยังทนไม่ได้ ถึงได้หนีพ่อไปแบบนั้นไงล่ะ!”
    ฉันเถียงออกไป นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันกล้าพูดตามที่ใจปรารถนาต่อหน้าพ่อของฉัน พ่อฉันชะงัก และตวาดใส่ฉันสุดเสียง
    “เซอิจิ!”
   ฉันนิ่ง เผชิญหน้ากับพ่ออย่างไม่ไหวติง  พอกันที! ฉันจะไม่ยอมเป็นตุ๊กตาของพ่ออีกแล้ว ฉันมีชีวิต มีจิตใจ ฉันเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ตุ๊กตา!
    “ถ้าพ่อยังคงไม่ยอมรับฟังผม ผมก็จะขอออกจากบ้านหลังนี้ ไปตามทางของตัวเอง แม้จะต้องถูกตัดขาดจากมุราคามิไปตลอดชีวิตก็ตาม!”
    ฉันตัดสินใจพูดออกไป พ่อฉันมีสีหน้าทั้งโกรธ และผิดหวังปะปนอยู่ในนั้นเป็นครั้งแรก ท่านชี้นิ้วมาที่ฉัน ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากนั้น ก่อนที่ท่านจะใช้มือกุมหน้าอก สีหน้าเริ่มผิดแปลก และทรุดลงไปกับพื้น สร้างความตกใจให้ฉันยิ่งนัก
    “นายท่านอาการกำเริบ ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลทีเร็วเข้า!”
    คาโต้คนสนิทของพ่อที่อยู่ด้วยกันที่นั่นรีบปราดเข้ามาดูอาการ และรีบสั่งให้คนงานในบ้านเรียกรถพยาบาล โดยที่ฉันยังคงนิ่งด้วยความช็อกไม่หาย
    “คุณเซอิจิ! นายท่านขึ้นรถพยาบาลไปแล้ว คุณก็รีบตามไปเถอะครับ!” คาโต้เรียกฉันซึ่งตกอยู่ในภาวะตกตะลึงให้คืนสติ ซึ่งพอตั้งสติได้ ฉันก็รีบวิ่งตามคาโต้ไปที่รถทันที
    “คาโต้ คุณพ่อเป็นอะไรไป ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!” ฉันถามคาโต้ระหว่างนั่งรถตามไปโรงพยาบาลด้วยความสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  
    “นายท่านเป็นโรคหัวใจครับ แต่ท่านให้ปิดเงียบไว้ ท่านรู้ว่าชีวิตของท่านไม่แน่นอน อาจอาการกำเริบขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้”
    คำพูดของคาโต้ทำให้ฉันชาไปทั้งตัว พ่อป่วย...แต่ฉันไม่เคยได้รับรู้
    “แล้วทำไมถึงไม่บอกฉันบ้าง”
    ฉันถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิวแทบไม่พ้นลำคอ เพราะฉันทำให้อาการท่านกำเริบแท้ ๆ
    “ท่านไม่อยากให้คุณเป็นกังวล...และที่ท่านเข้มงวดกับคุณ ก็เพราะอยากให้คุณได้ดี อยากให้คุณมีทางเดินชีวิตที่มั่นคง ก้าวหน้า หากวันใดท่านเสียไป อย่างน้อยท่านก็จะได้จากไปอย่างหมดห่วง ท่านรักคุณมากนะครับ คุณเซอิจิ”
    คำพูดของคาโต้ฉันได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ ทว่าฉันไม่มีคำตอบใด ๆ สำหรับเรื่องนี้  ฉันนิ่งเงียบ ปล่อยให้น้ำตาไหลรินอาบแก้มโดยไม่คิดจะห้ามมัน  ฉันมันโง่เอง ...ถ้าฉันพูดดี ๆ กับท่านตั้งแต่แรกเหมือนที่หมอนั่นบอก พ่อก็คงไม่เป็นแบบนี้  

    ...พ่อครับ ผมขอโทษ...
     นั่นคือประโยคแรกที่ฉันอยากบอกกับพ่อยามนี้ ฉันที่เฝ้าอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ด้วยความกระวนกระวาย จนกระทั่ง...
    “พ้นขีดอันตรายแล้วครับ” คำพูดของหมอเปรียบเหมือนเสียงจากสวรรค์ ฉันโล่งอกนึกขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ช่วยคุ้มครองพ่อให้ปลอดภัย  หมอยังไม่ให้ฉันเข้าเยี่ยม และเตือนว่าให้ระวัง อย่าให้มีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจเกิดขึ้นกับพ่ออีก เพราะคราวหน้าหากอาการกำเริบ หมอไม่รับประกันว่าจะสามารถช่วยเหลือได้เหมือนครั้งนี้อีกหรือไม่
    ฉันไม่กลับบ้าน ฉันเฝ้ารอจนกว่าจะเข้าเยี่ยมพ่อได้ แม้คาโต้จะพยายามเกลี้ยกล่อม แต่ฉันก็ยังยืนกรานตามเดิม โชคดีที่อิทธิพลของมุราคามิมีมากพอ ที่จะทำให้ฉันพอมีสิทธิ์พิเศษอยู่บ้าง
     ในที่สุด หมอก็ให้ฉันเข้าเยี่ยม แวบแรกที่ฉันเห็นพ่อ ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรมันจุกอยู่ในอกจนกระทั่งหายใจแทบไม่ออก ฉันไม่เคยมองพ่อชัด ๆ แบบวันนี้ พ่อดูซูบเซียว อ่อนแรง ผิดจากพ่อที่ฉันเคยเห็นทุกครั้ง... ไม่สิ ความจริง ฉันแทบไม่เคยมองพ่อชัด ๆ เลยต่างหาก ในความคิดของฉัน ท่านคือบุคคลที่ฉันหวาดกลัว ไม่กล้าขัดขืน ทั้งที่ความจริงแล้ว ท่านก็เป็นเพียงแค่ชายชราธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น เป็นพ่อที่ฉันไม่เคยได้รับรู้ถึงความรัก ความห่วงใย ที่แฝงมากับความเข้มงวดของท่านเลยสักครั้ง
    “พ่อครับ...ผมขอโทษ”  ฉันเข้าไปซบอกและกอดพ่อ เฝ้าพร่ำขอโทษอยู่เช่นนั้น...พ่อผอมเหลือเกิน ผอมกว่าที่ตาเห็นด้วยซ้ำ พ่อผอมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
    มือของพ่อโอบกอดตอบร่างของฉัน สิบเจ็ดปีที่อยู่ด้วยกันมา ฉันเพิ่งเข้าใจถึงความรักของพ่อก็วันนี้  เข้าใจเมื่อเกือบสายไปแล้วจริง ๆ


 
====
TBC
====

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 17-18
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 11-11-2010 16:58:12
พรุ่งนี้จะมาโพสสองตอนสุดท้ายนะคะ ~ และถ้ามีเวลาว่างจะมาแต่งตอนพิเศษหวาน ๆ ให้สักตอนค่ะ ^ ^"

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ ผลงานเขียนสมัยเข้าวงการ(Y) มาใหม่ ๆ เลยอาจจะขาดตกบกพร่องไปบ้าง ต้องขออภัยอย่างสูง มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ


และถ้าเลยวันที่ 15 พ.ย. ไปแล้วจะเริ่มว่าง จะมาเคลียร์ คุณตำรวจยอดรักต่อ และอยากเริ่มต้นเขียนแนวไทย ๆ ลึกลับสักเรื่อง (แต่ไม่เน้นน่ากลัว)


แล้วพบกันกับตอน 21 - 22 พรุ่งนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 11-11-2010 17:22:42
เรื่องราวเป็นเยี่ยงนี้นิเอง
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 11-11-2010 18:03:57
ออ แบบนี้นี่เอง
ว่าแต่ว่า เอาหวานๆ น๊า เค้าชอบ
ไม่เอามาม่านะตัวเอง เรื่องใหม่ก็ด้วยอ่า
เด๋วตามไปอ่านจ้า  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 11-11-2010 18:14:42
ขอบคุณคร้าบ...จาจบแย้ว  :really2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 11-11-2010 18:18:46
ออ เป็นเพื่อนกันนี้เอง
แอบคิดว่าเป็นคู่รักที่พลัดพรากกันซะอีก :เฮ้อ:
จะจบแล้ว แอบใจหาย ขอตอนพิเศษหวานๆด้วยคน
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: pp4 ที่ 11-11-2010 19:34:09
ฮว้ากกกกกกกกกก กกก  :serius2:
ตอนนี้ไม่ค้างแฮะ!!  o22
แต่ยังไงก็...
อัพไวๆๆ  :call:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-11-2010 19:47:37
 :L1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 11-11-2010 19:50:49
รอตอนต่อไปโล๊ดๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 11-11-2010 20:43:11
ออ เป็นเพื่อนกันนี้เอง
แอบคิดว่าเป็นคู่รักที่พลัดพรากกันซะอีก :เฮ้อ:
จะจบแล้ว แอบใจหาย ขอตอนพิเศษหวานๆด้วยคน

จริงค่ะ เห็นด้วย
นึกว่ามีความวายฝังใจมาแต่รุ่นคุณพ่อคุณตา
ที่แท้เป็นเพื่อนกัน

แบบนี้ไม่มีอุปสรรคแล้วสินะ

คุณริวยะ แอบน่ารัก ตอนที่ยูคิกลับถึงบ้านปลอดภัย แต่..
ยูคินี่สิ ผิดคาดจริง
 :-[
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 11-11-2010 20:44:01
อ้อ..ญาติผู้ใหญ่มีความผูกพันทีดีต่อกันมาแต่หนหลังนั่นเอง เลยมีอานิสงส์ส่งผลมายังรุ่นหลาน
รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อจ้ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 11-11-2010 20:57:47
ใกล้จะจบแล้วสินะคะ

เห็นบอกว่าเป็นผลงานแรกๆที่แต่ง
แต่ฝีมือสุดยอดเลยค่ะ เหมือนแต่งมาหลายเรื่องแล้ว
ขอบคุณนะคะ ที่ให้ได่อ่านกัน

มารอตอนหวานๆนะคะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 11-11-2010 21:00:52
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 11-11-2010 21:23:11
เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
+1 นะคะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: BExBOY ที่ 11-11-2010 21:25:00
ปาดน้ำตากระซิกๆ...ซึ่งจัด
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 11-11-2010 21:46:22
มิตรภาพระหว่างเพื่อน มันช่างซาบซึ้งตรึงใจจริง  :monkeysad:


หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 11-11-2010 21:55:15
เพื่อนแท้หายาก :a1:
แต่จะจบแล้วเหรอคะ...อย่าลืมตอนพิเศษด้วยน้าาา :man1:
ขอบคุณค่า รออ่านตอนต่อไปเน้อ :impress2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 11-11-2010 22:30:48
อ่านจุใจหลายตอน
ว่าแล้วก็นั่งรอตอนต่อไปโลดขอรับ :a9:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 11-11-2010 23:07:04
แล้วคุณพ่อของริวยะ กับคุณตาของยูคิ มีเรื่องอะไรกันนี่
ทำไมคุณตาของยูคิถึงได้โกรธเคืองกันไป
ไม่มีความหลังลึกซึ้งฝังใจกันจริงๆรึ

รอลุ้นตอนจบนะคะ

บวกเพิ่มอีก 1 แต้มยังไม่ได้ แต่ก็ขอบคุณมากค่ะ
ถึงจะเป็นนิยายที่แต่งตอนยังมือใหม่ แต่คุณภาพก็คับแก้วค่ะ  o13

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 11-11-2010 23:16:24
ความหลังยาวไปไหนอะ

ขอแบบสั้น ๆ เข้าใจง่าย ๆ

 :call:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 11-11-2010 23:26:05
งานนี้ น้องยูคิทางโล่งมากเรย
ฮ่าๆๆๆ
อนาคตสดใสแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: lolilo ที่ 12-11-2010 01:20:58
 :m25: :m25:

ว่าแล้วว่าทำไมคุ้นๆ เค้าเคยอ่านแว้ว !!!!
แต่อ่านที่ไหนจำไม่ได้ 555 +

ขอบคุณมากจร้า ที่แต่งออกมาให้อ่าน คิกๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 12-11-2010 11:05:39
อ่อ เรื่องเป็นเช่นนี้เอง มาเป็นกำลังใจให้ สำหรับตอนต่อไป สู้ๆ o18
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 19-20
เริ่มหัวข้อโดย: Mitra ที่ 12-11-2010 15:45:15
เป็นอดีตที่เศร้าจังเลยนะ
ตอนที่กินบะหมี่กันอ่ะ
น้ำตาคลอเลยนะ

รอตอนต่อไปนะ
เป็นกำลังใจจ้ะ
สู้ๆ นะจ้ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 12-11-2010 21:59:41
มาแปะแล้วค่า ~ (เกือบไม่ได้มา วันนี้ออกไปข้างนอกทำธุระยุ่งทั้งวันเลย ^ ^")

----------------------------------------------

======
บทที่ 21
======

 
    นับจากวันนั้น ฉันกับพ่อก็พูดคุยกันมากขึ้นกว่าเดิม ฉันตัดสินใจเลือกเรียนบริหารตามที่พ่อคาดหวังไว้  ทั้งนี้ฉันรู้แล้วว่า เพราะท่านเป็นห่วงจึงอยากให้ฉันเลือกทางเดินที่มีอนาคตมั่นคง จริงอยู่ฉันรักการวาดรูป แต่พ่อก็ไม่ได้ห้ามฉันเหมือนอย่างเคย ฉันจึงตัดสินใจเลือกสิ่งนั้นเป็นเพียงงานอดิเรกที่ฉันรักแค่นั้น
    “ดีแล้วล่ะ ที่ตัดสินใจได้แบบนี้ บางครั้งความฝัน กับความเป็นจริง มันก็ร่วมทางเดินกันลำบากสักหน่อย”
    โคบายาชิบอกกับฉันหลังจากที่ฉันเล่าเรื่องของพ่อ และการตัดสินใจของฉันในการเลือกเรียนต่อให้เขาฟัง
    “แล้วนายล่ะ ฉันยังไม่เห็นนายสนใจและพูดถึงคณะที่อยากเรียนเลยสักครั้ง ตกลงนายจะเข้าเรียนคณะอะไรงั้นหรือ?”
    ฉันถามซึ่งหมอนั่นก็ยิ้มให้ พร้อมคำตอบที่ฉันคาดไม่ถึงว่าจะได้รับฟัง
    “ฉันไม่เรียนต่อหรอก จบ ม.ปลาย แล้วก็จะทำงานเลย”
    “ทำไมล่ะ น่าเสียดายออก!” ฉันโพล่งออกไปด้วยความตกใจ ซึ่งโคบายาชิกลับเห็นเป็นเรื่องตลก เขาหัวเราะให้กับฉัน
    “ก็เป็นธรรมดานี่ ฉันตัวคนเดียว ค่าเทอม ค่าใช้จ่ายในการเรียนมหาวิทยาลัย มันมากโขเอาการ ฐานะอย่างฉันมันไม่มีปัญญาส่งเสียตัวเองเรียนต่อหรอก”
    “ถ้าเป็นเรื่องเงินล่ะก็ฉัน...”  ฉันยังไม่ทันพูดจบประโยคหมอนั่นก็ยกมือให้ฉันหยุดพูด พร้อมกับทำสีหน้าจริงจังกล่าวกับฉันผิดเคย
    “ฉันรู้ นายยินดีช่วยฉัน  แต่คนอย่างฉันไม่ได้หัวดี เป็นอัจฉริยะ ถึงจะเรียนจบปริญญาไป ก็เท่านั้น ไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นทรัพยากรบุคคลอันล้ำค่าของประเทศนี้ขึ้นมาหรอก”
    “แต่...” ฉันเตรียมจะแย้งต่อ ทว่าโคบายาชิ กลับไม่ยอมเปิดโอกาสให้ฉันพูดขัดเขาเลย
    “อีกอย่าง ฉันมีความฝันของฉัน  ฝันที่ไม่จำเป็นต้องมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีของใบปริญญามาค้ำประกัน ฝันที่แค่คนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งใฝ่ฝันจะเป็น”
    ฉันเงียบ ฟังเขาพูดต่อ เพราะโคบายาชิไม่เคยเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฉันฟังมาก่อน
    “ฉันอยากมีครอบครัวธรรมดา  มีภรรยาที่เข้าใจในตัวฉัน มีลูกน่ารัก ๆ  และพอแก่ตัวไปก็กลายเป็นตาแก่ เลี้ยงหลานตัวเล็ก ๆ  อยู่กับบ้าน”
    เขาเล่าพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมสุข  มันช่างเป็นสีหน้าที่ดูดีมากเหลือเกิน มันทำให้ฉันมองแล้วรู้สึกอิจฉาที่เขาสามารถมีความฝันเป็นของตัวเอง โดยที่ฉันตอนนี้ ยังไม่ได้คิดไปถึงอนาคตไกลขนาดนั้นมาก่อน
    “แล้วฉันก็จะเปิดโรงเรียนสอนเคนโด้ ให้เด็ก ๆ แถวนั้น และให้หลานของฉันได้เรียน”
    มาถึงตอนนี้ฉันเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจในเรื่องใหม่ที่รู้มา
    “นายเล่นเคนโด้ด้วยงั้นหรือ?”
    โคบายาชิมองฉันด้วยความแปลกใจก่อนอุทานอย่างลืมตัว
    “อ้าว? นี่ฉันไม่เคยบอกนายมาก่อนหรือนี่  จริงสิ พอขึ้นม.ปลายปี 3 ฉันก็ทำงานพิเศษหนักขึ้น ไม่มีเวลาซ้อมเลยลาออกจากชมรมน่ะ พวกสมาชิกเขาก็ไม่อยากให้ลาออกหรอก แต่พวกนั้นเข้าใจความจำเป็นส่วนตัวฉันดีเลยไม่รั้งไว้”
    “นายเล่นเก่งหรือเปล่า?” ฉันรู้สึกสนใจ และอยากรู้ในสิ่งที่หมอนั่นทำ ก็มันไม่ยุติธรรมเลยไม่ใช่หรือ หากเราเป็นเพื่อนกัน แล้วเป็นฉันที่ไม่รู้เรื่องของหมอนั่นอยู่ฝ่ายเดียว
    “เอ่อ...ก็ไม่เก่งหรอก แค่เคยได้เป็นแชมป์ของภูมิภาคคันโตเท่านั้นเอง”
    โคบายาชิบอกด้วยสีหน้าเขิน ๆ ส่วนฉันอ้าปากค้าง ก็คิดอยู่บ้างว่าอาจจะเก่ง แต่ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีดีกรีแชมป์ห้อยท้ายแบบนี้
    “นายเก่งถึงขนาดนี้ ทำไมไม่เรียนต่อ ขอทุนนักกีฬาก็ได้นี่นา มันต้องมีมหาวิทยาลัยสักแห่งออกทุนให้อยู่แล้ว”
    ฉันบอกออกไป พยายามกล่อมให้หมอนั่นนึกอยากเรียนต่อ ส่วนเรื่องทุนและค่าใช้จ่ายทั้งหมด ฉันคิดว่าจะติดต่อกับทางมหาวิทยาลัยที่หมอนั่นเลือกอีกทีโดยไม่บอกให้เขารู้  แต่โคบายาชิก็ยังยืนกรานคำเดิม
    “ฉันเล่นเคนโด้ เพราะฉันรักในกีฬาชนิดนี้  ฉันไม่คิดจะใช้สิ่งที่ฉันรักเป็นเครื่องมือในการหาประโยชน์เข้าตัวเอง อีกอย่าง ฉันบอกนายแล้วว่า มหาวิทยาลัยไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉัน  ขอแค่ชีวิตมีความสุขไปวัน ๆ ฉันก็พอใจแล้ว”
     “สรุปว่ายังไงนายก็ไม่คิดจะเรียนต่อ”
    ฉันถามเขาอย่างนึกเสียดาย ความจริงแล้ว ฉันอยากให้เขาได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยแห่งเดียวกับฉันด้วยซ้ำไป
    “อืม...หรือว่าถ้าฉันไม่ใช่นักศึกษา ไม่ใช่พวกบัณฑิตมีความรู้ แล้วจะคบหากับนายไม่ได้เหมือนเดิม”
    โคบายาชิย้อนถาม เล่นเอาฉันโพล่งกลับไปอย่างลืมตัว
    “จะบ้าหรือไง! ฉันไม่เคยแคร์ว่านายจะเป็นใคร มีฐานะอะไร คนที่ฉันถือว่าเป็นเพื่อนมีนายแค่คนเดียวเท่านั้นนะ!”
    หมอนั่นยิ้มกว้างให้ฉัน และตบบ่าฉันเบา ๆ
    “ก็นั่นล่ะ ฉันก็เหมือนกัน ถึงแม้ฉันจะไม่ได้เรียนต่อ หรือเลือกทางเดินคนละทางกับนาย แต่เราสองคนก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมตลอดไปได้นี่นา”
    “อืม...ใช่ เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่มีวันหักหลังนายเด็ดขาด”
    ฉันให้สัญญากับเขา โคบายาชิยิ้มให้ฉัน ใช่แล้วฉันตั้งใจไว้ สักวันฉันจะตอบแทนบุญคุณของเขาที่เขาทำให้ฉันเข้าใจกับพ่อ สักวันฉันจะทำเพื่อเขาบ้าง  ฉันจะไม่มีวันทำให้เขาผิดหวัง  ฉันจะไม่มีวันทรยศต่อเขาเด็ดขาด ...ไม่มีวัน
    
    ในที่สุดฉันก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยโตเกียวได้ตามคาดหมาย บางทีฉันก็เคยคิดว่าอาจจะเป็นเพราะอิทธิพลของพ่อ แต่เรื่องนั้นโคบายาชิกลับบอกว่า คนเราถ้าลองไม่มีความสามารถ แสร้งทำเก่งยังไงก็ไม่อาจปิดส่วนด้อยของตนได้มิด  แต่ถ้ามีความสามารถ ก็แสดงออกมาให้คนรอบข้างเห็น พวกที่นินทาหาว่าเราใช้เส้น ก็จะได้ไม่มีใครกล้าพูดแบบนั้นอีก
    “นายคิดว่าฉันเก่งจริงงั้นเหรอ?” ฉันเคยถามหมอนั่น ซึ่งเจ้าตัวก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนตอบ
    “จะไปรู้นายเหรอ? แต่อย่างน้อยฉันก็ไม่คิดว่านายห่วยหรอก!”
     ฉันหัวเราะด้วยกันกับเขา แต่ก็ต้องแปลกใจที่หมู่นี้โคบายาชิ ดูเหม่อ ๆ ไปในยามที่เราไม่มีอะไรคุยกัน
    “นายเป็นอะไรหรือเปล่า โคบายาชิ ฉันว่านายดูแปลกไปนะ”
    ฉันถามด้วยความสงสัย โคบายาชิสะดุ้ง เจ้าตัวอึกอักก่อนสั่นหน้าปฏิเสธ
    “โธ่! เซจัง ไม่รู้หรอกเหรอว่า เรียวจังน่ะมันไปแอบหลงรักสาวเข้าให้แล้ว!”
    คุณทามะ ที่เป็นพ่อครัวร้านบะหมี่ที่โคบายาชิยังคงมาช่วยงานอยู่ แทรกขัดขึ้นมา ฉันถึงกับอึ้งเมื่อเห็นหมอนั่นหน้าแดงด้วยความเขินและฉุนที่ถูกเปิดเผยความลับ
    “ฮ้า! จริงน่ะเหรอ! สาวที่ไหนล่ะ! บอกฉันมั่งสิ เผื่อฉันจะช่วยได้ เห็นแบบนี้เรื่องผู้หญิงน่ะ ฉันเชี่ยวชาญมากเลยนะ!”
    ฉันรีบเสนอตัวเข้าช่วยเหลือ เพราะเห็นเป็นเรื่องสนุก แถมแกล้งคุยทับไปอีกต่างหาก ดูเหมือนโคบายาชิจะเชื่อที่ฉันพูด เพราะเขาเริ่มหันมามองฉันด้วยความสนใจ บางทีหากหมอนั่นมานึกทีหลังได้ว่าฉันเองจบมาจากโรงเรียนชายล้วน ไม่เคยมีประสบการณ์ใกล้ชิดผู้หญิงมาก่อน เขาคงฉุนฉันน่าดู
    ในที่สุด โคบายาชิก็ยอมเล่าเรื่องสาวที่เขาแอบปิ๊งให้ฉันฟัง ผู้หญิงคนนั้นอายุน้อยกว่าพวกเรา 3 ปี และขณะนี้กำลังเรียนอยู่ ม.ปลายปี 1  สาเหตุที่ทำให้โคบายาชิต้องมานั่งเหม่อลอยด้วยความกลุ้มใจ ก็เพราะ ผู้หญิงที่เขาแอบหลงรักนั้น เป็นคุณหนูของตระกูลมีชื่อ และร่ำรวย เป็นผู้หญิงที่เรียกได้ว่าเป็นดอกฟ้า สำหรับเจ้าตัวเลยจริง ๆ
    “เอาน่า อย่างน้อยถ้ายัยคุณหนูนั่นเห็นเรื่องฐานะสำคัญ มากกว่าความเป็นคน ฉันนี่ล่ะจะเชียร์ให้นายเลิกสนใจหล่อนเอง”
    ฉันปลอบ ซึ่งคำปลอบของฉันคงแย่มาก เพราะฉันไม่ถนัดให้คำปรึกษาคนอื่น มีแต่คอยปรึกษาเขาเสียมากกว่า
    “เธอไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก เธอเป็นคนใจดีมาก วันที่ฉันเจอเธอครั้งแรก  ฉันไปส่งบะหมี่ตามบ้าน แล้วรถของเธอตัดหน้ารถจักรยานของฉัน ทั้ง ๆ ที่คนขับรถลงมาดูแล้ว แต่เธอกลับลงมาด้วยตัวเอง และสอบถามฉันด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจ แถมยังให้ผ้าเช็ดหน้าฉันมาเช็ดแผลถลอกด้วย และยังจะพาฉันส่งโรงพยาบาลอีกด้วยนะ”
    โคบายาชิเล่าด้วยสีหน้าชื่นชม แวบหนึ่งฉันรู้สึกอิจฉาผู้หญิงคนนั้น ที่เห็นหมอนั่นสนใจคนอื่นมากกว่าตัวฉัน อาจเป็นเพราะฉันมีหมอนี่เป็นเพื่อนคนเดียวก็ได้
    “แล้วนายเป็นอะไรมากไหม?” ฉันถามด้วยความเป็นห่วง แต่เขากลับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
    “จะเป็นอะไรได้เล่า นายก็รู้ว่าฉันอึดจะตาย ก็แค่แผลถลอก เลียเอาก็หายแล้ว”
   “คงจะไม่บอกกับผู้หญิงคนนั้นแบบนี้หรอกนะ” ฉันเดา แล้วก็เป็นจริง
    “เอ๋? รู้ได้ยังไงกัน ใช่ฉันบอกไปแบบนั้น แล้วเธอก็หัวเราะคิกคักใหญ่เลย  แต่ก็นั่นล่ะ เวลาเธอหัวเราะน่ารักดี ฉันก็เลย รู้สึกว่าตัวเอง...ชอบเธอเข้าแล้ว”
    ท้ายประโยคเขาเกาแก้มอย่างเขิน ๆ ซึ่งฉันก็ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนตัดสินใจช่วยเหลือให้ความรักของหมอนี่สมหวัง อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่เพื่อนสมควรทำให้เพื่อน โดยเฉพาะเพื่อนที่ดีอย่างเขา
    “แล้วผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไรล่ะ”
    ฉันเริ่มถามข้อมูล ซึ่งโคบายาชิ ก็อ้ำอึ้งก่อนตอบ
    “ซายูริ...เธอชื่อ โทริคาวะ  ซายูริ”

   เซอิจิ หยุดพักเล่าเรื่อง ก่อนจะรับน้ำชาที่ ทาคาอิ ลูกน้องของตนส่งให้ขึ้นจิบ
    “แล้วไงอีกล่ะครับ!”
    ยูคิถามอย่างกระตือรือร้น เมื่อเห็นชายชรานิ่งเงียบไปอีกครั้ง ซึ่งเจ้าตัวก็หันมาทางเด็กหนุ่ม พลางเหลือบมองลูกชายที่ลอบถอนหายใจ หลังจากที่ได้ฟังมาถึงตรงนี้
    เซอิจิยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากเมื่อเห็นปฏิกิริยาดังกล่าวของริวยะ แล้วจึงหันมาถามเด็กหนุ่มแทน
    “อยากฟังต่องั้นหรือ?”
    “ครับ อยากฟังครับ” ยูคิรีบตอบทันทีซึ่งชายชราก็หัวเราะเบา ๆ กับท่าทีเช่นนั้น แล้วจึงเล่าเรื่องในอดีตของตนต่อไป

   ไม่ใช่เรื่องยากเลย ที่ฉันจะพาโคบายาชิ เข้าพบคุณหนูตระกูลโทริคาวะถึงบ้านของหล่อนได้ แค่ทางนั้นรู้ว่าฉันเป็นคนของมุราคามิ ก็ยินดีต้อนรับ และเชื้อเชิญฉันเข้าบ้านแทบไม่ทัน และดูเหมือน โทริคาวะ ยามาโตะ เจ้าบ้านโทริคาวะ จะนึกว่าฉันมาจีบลูกสาวเขาเสียด้วยซ้ำ  ฉันเองก็ขี้เกียจแก้ข้อเข้าใจผิด และถือโอกาสนี้ให้โคบายาชิทำความรู้จักกับซายูริเสียเลย
    ความจริงแล้ว เด็กสาวคนนี้ก็เป็นคนดีใช้ได้ หล่อนเป็นคุณหนูตระกูลผู้ดีโดยสายเลือด กิริยาวาจาที่แสดงออกนั่นสุภาพกับทุกคนไม่เว้นแม้แต่กับโคบายาชิ  ที่สำคัญก็ค่อนข้างจิตใจดี และมองโลกในแง่ดี เหมือนกันอีกต่างหาก
    พวกเรามักไปไหนมาไหนด้วยกันสามคนเสมอ บางทีฉันกับซายูริก็ให้โคบายาชิซ้อมเคนโด้ให้ดู บางทีทั้งคู่ก็เป็นแบบให้ฉันวาดรูปให้ ซึ่งแน่นอนว่าพักหลังพ่อของซายูริเริ่มผิดสังเกต และเรียกฉันมาพูดเรื่องหมั้นกับซายูริให้เป็นจริงเป็นจัง เล่นเอาฉันถึงกับอึ้ง ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดี

    “คุณเซอิจิ ก็ต้องเข้าใจนะครับ ลูกสาวผมเลี้ยงดูมาอย่างดี การที่ปล่อยให้ไปไหนมาไหนกับผู้ชาย หรือให้ผู้ชายมาหาถึงบ้าน ทั้ง ๆ ที่เป็นแค่เพื่อน คนอื่นเขาจะนินทาลูกสาวของผมลับหลังได้  ถ้ายังไงเสียหมั้นกันให้เป็นเรื่องเป็นราว อย่างน้อยก็รักษาชื่อเสียงของซายูริไว้ได้บ้าง อีกอย่างเรื่องนี้ผมได้คุยกับคุณพ่อของคุณแล้ว ท่านเองก็เห็นควรให้หมั้นหมายให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเช่นกันน่ะครับ”
    ฉันเงียบกริบ ลองตกลงกับพ่อของฉันเรียบร้อยแล้วฉันจะมาปฏิเสธโดยอ้างว่าที่ทำไปเพราะเพื่อน มีหวัง มุราคามิ กับ โทริคาวะคงมองหน้ากันไม่ติดแน่ อีกอย่างถ้าเกิดเรื่องขึ้นอาจจะกระทบกระเทือนหัวใจของพ่อก็เป็นได้ ซึ่งฉันเองก็ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นเด็ดขาด ทว่า...แล้วฉันจะบอกโคบายาชิยังไงกันดี
    ฉันรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก หลังจากคุยกับคุณพ่อของซายูริแล้ว ฉันก็เดินเรื่อยเปื่อยลงมายังสวนพักผ่อนของบ้านโทริคาวะ เลือกนั่งเอนหลังบนเก้าอี้ยาวที่สวนด้วยความเหนื่อยอ่อน โชคดีที่วันนี้โคบายาชิไม่ได้มาด้วยกัน เพราะยามาโตะ เจาะจงเรียกตัวฉันมาพบเพียงลำพังเท่านั้น
   “คุณเซอิจิคะ วันนี้มาคนเดียวหรือคะ”
    ซายูริทักทายฉัน ซึ่งเจ้าหล่อนมาอยู่ที่สวนตอนไหนฉันเองก็ไม่อาจรู้ได้ คงเพราะฉันมัวแต่คิดอะไรเพลินไปหน่อย
    “อืม...มาคุยธุระกับคุณพ่อเธอเล็กน้อยน่ะ”
    ฉันเลือกเลี่ยงตอบ ไม่แน่ใจว่าซายูริเองจะรู้อยู่ล่วงหน้าหรือเปล่า
    “ดูคุณสีหน้าไม่ค่อยดีเลย มีอะไรกลุ้มใจก็บอกกับฉันได้นะคะ ถึงฉันจะเป็นที่ปรึกษาได้ไม่ดีเท่าคุณโคบายาชิ แต่ก็ยินดีรับฟังค่ะ”
    ประโยคหลังเจ้าหล่อนรีบบอกต่ออย่างกระตือรือร้น ฉันยิ้มน้อย ๆ อย่างเอ็นดู ความจริงแล้วฉันยังไม่เคยคุยกับซายูริตรง ๆ แบบนี้มาก่อน ส่วนใหญ่ฉันจะคุยผ่านโคบายาชิมากกว่า หรือจะว่าไปแล้ว โคบายาชิ จะเป็นคนทำให้การสนทนาระหว่างเราเกิดขึ้นต่างหาก
    “ไม่มีอะไรหรอก ...จริงสิ ซายูริ ฉันถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
    ซายูริชะงัก ยิ้มเอียงอายน้อย ๆ จะว่าไปแล้วเวลาเธอคุยกับฉันก็มักเป็นแบบนี้ตลอด ขี้อาย ไม่ค่อยกล้าพูดด้วยเสมอ
    “อะไรหรือคะ”
    “เธอคิดยังไงกับโคบายาชิ เธอชอบหมอนั่นไหม?”
    ซายูริเงียบกริบ ฉันเองก็ผิดสังเกตที่เห็นเธอเงียบไปนาน ฉันนึกทวนคำพูดของตัวเอง บางทีฉันคงถามอะไรตรงเกินไปก็ได้
    “เอ่อ...ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาท แต่ก็แค่อยากรู้ เพราะหมอนั่นชอบเธอนะ”
    เธอเงียบอีก ฉันเองก็เงียบเพราะเพิ่งนึกได้ว่าดันไปเผลอบอกความในใจของเพื่อนรักให้เธอรับรู้แทนเจ้าตัวไปเสียแล้ว
    “แล้วคุณ...” ซายูริ กระซิบเสียงแผ่วซึ่งฉันจับใจความไม่ได้ แต่แล้วเธอก็ยิ้มให้ฉัน เป็นรอยยิ้มที่ฉันมองแล้วทำไมถึงดูเหมือนหล่อนจะร้องไห้มากกว่า
    “ฉันก็ชอบคุณโคบายาชิค่ะ เขาเป็นคนดี... ดีมากเลย”
    “งั้นหรือ! ดีจริง หมอนั่นรู้เข้าคงจะดีใจ เธอตัดสินใจถูกแล้วล่ะ หมอนั่นถึงจะจนแต่เป็นคนดีนะ ฉันเองก็ชอบหมอนั่นมากเขาเป็นเพื่อนที่ฉันรักมากที่สุด เป็นเพื่อนคนสำคัญคนเดียวที่ฉันยอมรับ”
    ฉันบอกอย่างยินดี แล้วก็พูดถึงโคบายาชิในความคิดฉันให้เธอฟัง แต่ฉันคงดีใจแทนเพื่อนไปหน่อย เลยไม่ได้สังเกตสีหน้าของซายูริในตอนนั้น
    “แล้วฉันล่ะคะ...”
    ซายูริเอ่ยขึ้น ซึ่งก็ทำให้ฉันหันมามองเธออย่างงง ๆ
    “แล้วฉันล่ะคะ คุณเซอิจิคิดยังไงกับฉันกันแน่”
    คำถามของหล่อนทำให้ฉันขมวดคิ้ว แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นแววตาจริงจังแฝงความหมายที่มองมา
    “แต่เมื่อครู่เธอบอกว่าเธอชอบโคบายาชิไม่ใช่งั้นหรือ...”
    ฉันถามด้วยความสับสน ซายูริคนนี้ดูผิดแปลกไปจากซายูริขี้อายที่ฉันรู้จักราวคนละคน
    “ใช่ค่ะ ฉันชอบคุณโคบายาชิ แต่มันไม่เหมือนความรู้สึกชอบที่ฉันมีต่อคุณนี่คะ!”
    ซายูริโพล่งใส่ฉัน เป็นครั้งแรกที่เธอขึ้นเสียงใส่ฉัน ไม่ใช่สิ นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่คุณหนูผู้เรียบร้อยอย่างเธอขึ้นเสียงใส่คนอื่นแบบนี้
    “แต่ฉัน...”
    ฉันอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก ฉันจะปฏิเสธออกไปว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับเธอดีไหมนะ แต่ถ้าฉันทำแบบนั้นเธอจะเสียใจไหม ถ้าผู้หญิงที่ตัวเองรักเสียใจ โคบายาชิล่ะ...หมอนั่นจะเสียใจด้วยไหม?

    แล้วตัวฉันก็ต้องตัวชาทั้งตัว เมื่อหันไปพบว่ามีสายตาของคน ๆ หนึ่งจ้องมองมาทางพวกเรา ...โคบายาชินั่นเอง หมอนั่นมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ข้าง ๆ มี โทริคาวะ ยามาโตะยืนอยู่ด้วย ใบหน้าของชายวัยกลางคนเหยียดยิ้มน้อย ๆ ซึ่งฉันมองปราดเดียวก็พอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
    “โคบายาชิคุง เธอว่าสองคนนั่นเหมาะกันดีไหมล่ะ ในฐานะที่เธอเป็นเพื่อนสนิทของคุณเซอิจิ ในงานหมั้นของทั้งสองคน ฉันขอเชิญเธอเป็นแขกในงานนี้ด้วยแล้วกันนะ”
    ยามาโตะเปรยขึ้นดัง ๆ ซึ่งซายูริเองก็หน้าเสียไปเมื่อหันไปเห็นพ่อของตนกับโคบายาชิ  ส่วนฉันกำหมัดน้อย ๆ เพราะความโมโห ตอนนั้นคิดแต่เพียงว่า เป็นไงเป็นกัน ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทว่า...
    “ขอบคุณครับที่เชิญผม  แล้วก็ยินดีด้วยนะเซอิจิ  ซายูริจัง”
     โคบายาชิกล่าวกับทั้งฉันและซายูริด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ฉันกลับรู้สึกเจ็บแปลบในอก รอยยิ้มแบบนั้น รอยยิ้มเศร้า ๆ ของโคบายาชิที่ฉันไม่เคยได้เห็น และไม่คิดปรารถนาจะเห็นมันเลยสักนิด แต่ยามนี้เขากลับส่งรอยยิ้มเช่นนั้นให้ฉัน
    “แล้วเรื่องธุระ...”
    โคบายาชิหันไปทางยามาโตะ ยังคงรักษาสีหน้าให้เป็นปกติเช่นเคย
    “อืม...นั่นสิ ถ้าเป็นแบบนี้ ธุระนั่นคงไม่ต้องคุยกันแล้วก็ได้ เอาเป็นว่าขอโทษที่รบกวนเวลาเธอนะ โคบายาชิคุง”
    “ไม่เป็นไรครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวลากลับก่อนนะครับ”
    โคบายาชิโค้งให้ยามาโตะ โดยที่หันชำเลืองมองมาทางฉันและซายูริแวบหนึ่ง  จากนั้นเขาก็เดินออกไป โดยไม่มีแม้แต่คำอำลา ฉันรีบวิ่งตามเขาไปทันทีที่ตั้งสติได้  โดยไม่ได้สนใจพ่อลูกโทริคาวะ  แต่ฉันก็ตามไม่ทัน หมอนั่นไปแล้ว เขาวิ่งหนีไป ไม่รอให้ฉันตามมาเพื่ออธิบายเลยแม้แต่น้อย

    ฉันตามไปที่ทำงานที่หมอนั่นทำอยู่แต่ละแห่ง ทว่ากลับได้รับคำตอบเดียวกันหมดคือโคบายาชิโทรมาขอลางาน ฉันตามไปที่ห้องพักของหมอนั่น เคาะประตูห้องอยู่ตั้งนานแต่ก็เงียบ เขาไม่ยอมเปิดให้ฉันเข้าไป
    “โคบายาชิ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องมันเป็นแบบนี้”
    ฉันเฝ้าพึมพำขอโทษอยู่หน้าห้องเช่นนั้นเป็นเวลาเกือบชั่วโมง แต่ภายในห้องยังคงเงียบสนิท แต่ฉันรู้ว่าหมอนั่นอยู่ข้างใน
    “ฉันจะไปปฏิเสธการหมั้น  ฉันจะบอกความจริงกับโทริคาวะ ยามาโตะ  จะบอกความจริงกับซายูริ ว่าฉันไม่ได้ชอบเขา ที่ฉันทำลงไปทั้งหมดนี่ก็เพื่อนายเท่านั้น”
   “...อย่าทำแบบนั้นนะ”
    เสียงของโคบายาชิดังขึ้นเป็นครั้งแรก ฉันดีใจมากทุบประตูรัวให้เขาเปิดห้องให้ฉันเข้าไป
    “โคบายาชิ นายอยู่ในห้องจริง ๆ สินะ เปิดให้ฉันเข้าไปได้ไหม ขอร้องล่ะ!”
    ประตูห้องเปิดออก โคบายาชิเปิดประตูออกมา ฉันกอดเขา และพร่ำขอโทษ หมอนั่นลูบหลังปลอบฉัน พร้อมคำพูดอ่อนโยนเหมือนดังเช่นทุกครั้งยามที่ฉันมีทุกข์และต้องพึ่งพาเขา
    “ฉันขอโทษ โคบายาชิ นายอย่าโกรธฉันได้ไหม นายเป็นเพื่อนคนเดียวที่ฉันมีนะ”
    “บ้าน่ะ ฉันไม่เลิกคบกับนายเพราะเรื่องแบบนี้หรอก”
    โคบายาชิปลอบ เรานิ่งเงียบสักพัก หมอนั่นจึงพูดต่อ
    “เซอิจิ...ซายูริจังชอบนายจริง ๆ นะ เวลาที่อยู่ด้วยกันเธอก็มักแอบมองนายเสมอ ด้วยสายตาที่ฉันรู้ดีว่ามันแฝงไว้ด้วยความรัก ...ใช่ฉันรู้ แต่ฉันมันขี้ขลาด ฉันมันไม่กล้ายอมรับความจริง  ฉันมันไม่ใช่เพื่อนที่ดีของนายหรอกเซอิจิ คนที่ควรจะขอโทษน่าจะเป็นฉันมากกว่า”
    คำสารภาพของโคบายาชิทำให้ฉันตกตะลึง  หมอนั่นรู้มาตลอดถึงความรู้สึกของซายูริ  แล้วทำไมไม่บอกฉันสักคำ...ถ้าเขาบอกให้ฉันรับรู้ ฉันจะรีบพาเขาออกให้ห่างจากผู้หญิงคนนั้น  ฉันจะไม่ทำให้เขาเจ็บเพราะตัวฉัน โดยที่ฉันไม่ได้ตั้งใจเช่นนี้เด็ดขาด
    “โคบายาชิ...นายมันบ้า! บ้าที่สุด!”
    ฉันไม่รู้จะพูดอะไรกับเขาดี ฉันมันปลอบคนไม่เก่ง เพื่อนฝูงที่คบหา นอกจากหมอนี่แล้ว ฉันก็ไม่เคยให้ความสนิทสนมกับใคร โลกส่วนตัวของฉันมีแต่เขาเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่เป็นแบบนี้ ฉันยังทำให้เขาต้องเจ็บโดยที่ฉันไม่ทันรู้ตัวแบบนี้อีก
    “พวกนายทั้งคู่เหมาะสมกันนะ”
   โคบายาชิบอกพร้อมรอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มเศร้า ๆ ที่ฉันไม่อยากเห็นนั่นอีกครั้ง
   “นายโกหก! บอกออกมาถึงความรู้สึกที่แท้จริงของนายสิ! นายโกรธฉันใช่ไหม นายเสียใจใช่ไหม ที่คนที่ซายูริชอบเป็นฉันไม่ใช่นาย! อย่ามาทำเป็นเสียสละหลีกทางให้แบบนี้ แล้วแอบไปเสียใจคนเดียวได้ไหม ฉันเป็นเพื่อนของนายไม่ใช่หรือไง!”
    ฉันระเบิดอารมณ์ กระชากคอเสื้อเขามาใกล้และตะคอกใส่หน้า เพราะไม่อยากเห็นโคบายาชิคนนี้  ฉันรู้ว่าเขาเสียใจ แต่ต่อหน้าฉันเขากลับไม่ยอมแสดงความอ่อนแอให้เห็นเลยสักนิด แล้วเขาจะมีฉันไว้เป็นเพื่อนทำไมกัน
    โคบายาชิชะงัก เขาเงียบไป และค่อย ๆ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงปวดร้าว อย่างที่ไม่เคยให้ใครได้ยินมาก่อน
    “ใช่...ฉันเสียใจ ...ฉันเสียใจที่ซายูริไม่ชอบฉัน...ฉันเจ็บใจที่ฉันมันไม่เจียมตัวเอง....คนจนอย่างฉัน ดันใฝ่สูงไปรักดอกฟ้าแบบนั้น...มันก็ต้องพบกับจุดจบแบบนี้อยู่แล้ว ...”
      เขาเงียบไปพักใหญ่ จากนั้นจึงปัดมือฉันที่กุมคอเสื้อเขาออกไป แววตาเย็นชาที่ไม่เคยได้เห็นมองมายังฉัน น้ำเสียงห้วนที่ไม่เคยฟังเอ่ยชัดเจน
    “ไปให้พ้นจากห้องของฉัน แล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก ...ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย!”
    ฉันตกตะลึงพูดอะไรไม่ออก ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้ ...ใช่แล้วฉันเองที่บังคับให้เขาพูดออกมา แต่ฉันไม่คิดว่าจะได้ยินคำตัดขาดจากเขา ...เพื่อนคนเดียวของฉัน  เพื่อนคนสำคัญที่สุดของฉัน
    “โคบายาชิ...นายพูดเล่นใช่ไหม...”
    เขาดันร่างฉันให้พ้นประตูห้องและปิดประตูกระแทกใส่ฉันแทนคำตอบ ไม่ว่าฉันจะเคาะประตูเรียกเขานานเพียงใด ก็ไม่มีเสียงตอบมาจากข้างในนั้น
    “โคบายาชิ...เราเคยสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปไม่ใช่หรือไง...”
     ฉันทิ้งท้ายก่อนที่จะตัดสินใจกลับบ้าน วันนี้หมอนี่อาจจะเสียใจมากจนไม่อยากรับฟังอะไร  บางทีหากเป็นพรุ่งนี้ เราคงจะทำความเข้าใจกันได้เหมือนเดิม  เพราะเราเป็นเพื่อนกัน...เพื่อนรักคนสำคัญตลอดกาล

    ทว่าวันพรุ่งนี้ของเราก็ไม่อาจมาถึง  วันรุ่งขึ้นฉันรีบมาหาโคบายาชิแต่เช้า แต่ก็พบกับความว่างเปล่า สอบถามเจ้าของบ้านเช่า ได้ความว่าเมื่อคืนจู่ ๆ โคบายาชิก็ขอย้ายออกกะทันหัน เขาจ่ายค่าเช่าที่ค้างไว้ให้เรียบร้อย ก่อนจะเก็บข้าวของที่มีอยู่ไม่มากออกไป พอฉันถามเขาว่าโคบายาชิย้ายไปไหน เจ้าของบ้านเองก็ไม่รู้เช่นกัน
    ฉันไปถามเจ้าของร้านที่โคบายาชิไปทำงานพิเศษแต่ละแห่ง ก็พบคำตอบเดียวกัน คือไม่รู้ หมอนั่นไปลาพวกเขา และผลุนผันออกไป ไม่เปิดโอกาสให้ใครได้ซักถาม ซึ่งคนสนิทอย่างคุณทามะเองก็ซักไซ้ไล่เรียงฉันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฉันก็ได้แต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ พูดไม่ออกเช่นกัน
    หลังจากนั้นอีกเพียงหนึ่งเดือน ฉันจำต้องเข้าพิธีหมั้นกับซายูริ เพราะพ่อของฉันออกหน้าเร่งรัดฉันกลาย ๆ ซึ่งฉันก็พอจะเดาได้ว่า โทริคาวะ ยามาโตะ  ต้องมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้  พ่อเชิญแขกมากมายซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่ในวงการที่มีชื่อเสียง ฉันไม่อยากให้พ่อเสียใจ จึงจำต้องยอมตกลงโดยไม่ขัดขืน ...แต่ความจริงแล้ว อาจเป็นเพราะฉันในตอนนี้ ใครจะให้ฉันทำอะไร ให้อยู่ในสถานะไหน ฉันก็ไม่มีจิตใจจะแข็งขืนใครอีก ไม่อยากคิดอะไรมากให้มันรกสมองอีกแล้ว ... นับตั้งแต่วันที่หมอนั่นจากไป

    หลังจากนั้น ฉันกับซายูริ ก็แทบไม่ค่อยได้พบปะกัน แม้จะหมั้นกันแล้ว แต่ฉันกลับมุ่งในด้านการเรียนมากขึ้น พอจบออกมาก็ยุ่งวุ่นวายกับงานธุรกิจ ไม่คิดจะไปสู่ขอเธอให้เป็นเรื่องเป็นราว และยิ่งหลังจากพ่อฉันเสีย ฉันก็ได้ครอบครองอำนาจทุกอย่างของมุราคามิ ฉันไม่จำเป็นต้องเกรงใจโทริคาวะ ยามาโตะอีกต่อไป
    บางทีฉันอาจจะทำไปเพื่อแก้แค้นแทนเพื่อนของฉันก็ได้ ฉันรู้ว่าเขาไม่ต้องการ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ ฉันก็ไม่อาจยอมรับว่าหมอนั่นหนีไปเพราะฉันเป็นต้นเหตุได้
    แต่ซายูริเองก็อดทนรอฉัน  เธอไม่เหมือนพ่อของเธอ ฉันรู้ เธอรักฉันจากใจจริง...และแล้ว หลังจากเราหมั้นกัน นับจากวันนั้นก็ผ่านมาสิบปี วันที่ฉันได้คิดถึงโคบายาชิอีกครั้ง  
    “บางที...ฉันเองก็อยากย้อนเวลากลับไปตอนที่พวกเราทั้งสามคนยังอยู่ด้วยกัน เที่ยวเล่นด้วยกัน เวลานั้นเป็นเวลาที่ฉันมีความสุขที่แท้จริง  มากกว่าวันที่ฉันได้คนที่รักมาครอบครอง แต่ก็ได้เพียงร่างกายของเขา ส่วนหัวใจไม่ได้ตามมาด้วยเลย”
    ซายูริพูดกับฉัน หลังจากที่เธอคืนแหวนหมั้นให้ฉัน เธอทำให้ฉันรู้สึกตัวอีกครั้ง  ฉันมันโง่เอง  ฉันเสียเพื่อนไปแล้ว แต่นี่ฉันกำลังจะเสียคนที่รักฉันไปอีกคนแล้วสินะ
    ฉันนึกถึงความผิดพลาดของตัวเองเมื่อครั้งอดีต ฉันไม่อยากทำผิดอีกครั้ง ดังนั้นฉันจึงไม่ยอมเสียซายูริไป ฉันอาจจะเห็นแก่ตัวก็ได้ ที่ยึดเธอไว้เป็นที่พึ่ง เธอเองก็รู้แต่เพราะรัก เธอถึงไม่ทิ้งฉันไป
    แล้วเราก็แต่งงานกัน จนมีริวยะ และริวจิ ทว่าทุกวันนี้ ฉันเองก็ยังคงไม่ลืมหมอนั่น ฉันอยากเจอเขาอีกสักครั้ง อยากจะขอโทษเขาในทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เหนืออื่นใด ฉันอยากให้เขาอภัยให้ฉัน อยากให้เรากลับมาเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิมอีกครั้ง...

 


=====
TBC
=====

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 22 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 12-11-2010 22:03:18
แปะตอนสุดท้ายแล้วนะคะ ถ้ามีโอกาส ก็จะมาเขียนตอนพิเศษให้อ่านนะคะ

ขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และคอมเมนต์เป็นกำลังใจ พูดคุย แนะนำ แสดงความคิดเห็นต่อนิยายเรื่้องนี้  ได้อ่านทุกคอมเมนต์นะคะ ถึงจะไม่ได้ตอบหรือพูดคุยด้วยตลอดก็ตาม สำหรับนิยายเรื่องที่อัพค้างอยู่ก็จะมาต่อเรื่อย ๆ ค่ะ (ตั้งแต่วันจันทร์นี้ไปก็เริ่มว่างแล้วค่ะ)


--------------------------

======
บทที่ 22 (จบ)
======


            เซอิจิถอนหายใจเบา ๆ หลังจากเล่าจบ เขามองยูคิซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาที่ซึมออกมา โดยมีริวยะลูบหัวปลอบโยนอยู่ข้าง ๆ เพราะไม่คิดว่าตาของตัวเองและอีกฝ่ายจะมีอดีตอันน่าเศร้าแบบนี้มาก่อน
    “นี่ล่ะเรื่องของฉันกับตาของเธอ  เธอคงไม่รู้เลยสินะ ตาของเธอคงไม่อยากพูดถึงคนอย่างฉันให้หลานอย่างเธอได้ฟังล่ะสิ”
    น้ำเสียงเศร้า ๆ ทำให้ยูคิเช็ดน้ำตาของตนให้แห้ง แล้วรีบแย้งกลับไปทันที
    “คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ!”
    คนอื่น ๆ สะดุ้งโหยงกับเสียงตะโกนของเด็กหนุ่ม ยูคิรู้สึกตัว จึงก้มหัวขอโทษค่อย ๆ 
    “เอ่อ... คือผมอยากบอกว่า คุณตาเองคงไม่โกรธคุณหรอกครับ”
    คำพูดของยูคิทำให้ทั้งเซอิจิ และริวยะหันมามองด้วยความสนใจ เด็กหนุ่มรู้สึกประหม่าเล็กน้อยที่ถูกจ้องมอง แต่ก็ยังกล่าวต่อไปอีก
    “คุณตาของผมไม่ใช่คนที่จะอาฆาตแค้นใครกับเรื่องแค่นี้แน่ โดยเฉพาะคน ๆ นั้นได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนรักของคุณตาด้วยแล้ว”
    เซอิจิเงียบไปเมื่อได้ฟัง ก่อนเอ่ยขัดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
    “แต่การที่เขาหนีหน้าหายไปจากฉันแบบนั้นล่ะ จะให้ฉันคิดเป็นอย่างอื่นได้ยังไง”
    “ผมก็ไม่แน่ใจ...”
   ยูคิบอกไม่เต็มเสียง เขาเงียบไปสักพัก แล้วก็ทำท่าฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้
    “บางทีนะครับ ถ้าได้อ่านสมุดบันทึกของคุณตาอาจจะรู้ก็ได้!”
    “สมุดบันทึก?”  เซอิจิทวนคำ และก็ต้องแปลกใจที่จู่ ๆ คนที่ทำท่าดีใจ กลับสลดลงไปอีกรอบ
    “ครับ ...คุณตาชอบเขียนบันทึกส่วนตัวยามว่าง แต่ว่า...บันทึกของคุณตา ไม่อยู่แล้ว เพราะ...”
   ยูคิลอบชำเลืองมองไปทางริวยะ แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อสบตาอีกฝ่าย เจ้าตัวก้มหน้ามองพื้น บอกต่ออุบอิบ
    “ของทุกอย่างของคุณตา ไม่สิ ของทุกอย่างที่บ้านเก่า มัน...”
    ริวยะถอนหายใจเบา ๆ  และหันไปทางทาคุซึ่งอยู่ในห้องด้วย
    “ทาคุ พายูคิไปที่ห้องนั้นทีสิ”
    ทาคุโค้งรับคำสั่ง และหันมากล่าวกับยูคิอย่างสุภาพ
    “คุณยูคิ เชิญตามมาทางนี้ครับ”
    ยูคิลุกขึ้นเดินตามทาคุไปอย่างงง ๆ  โดยมีริวยะยิ้มอย่างอ่อนโยน มองต่างร่างบางไป  ฝ่ายเซอิจิเมื่อชำเลืองมอง เห็นสีหน้าเช่นนั้นของบุตรชาย จึงลอบถอนหายใจกับตัวเอง แล้วยิ้มออกมาน้อย ๆ เช่นกัน

    ทาคุพายูคิมาหยุดยืนหน้าประตูห้อง ๆ หนึ่ง และเมื่อชายหนุ่มยิ้มพร้อมเปิดประตูห้องให้ ยูคิก็ต้องพบกับความประหลาดใจ เมื่อข้าวของ เครื่องใช้ ของส่วนตัวที่บ้านเก่านั้น ถูกจัดเรียงเป็นระเบียบอยู่ภายในห้อง
   “ของ ๆ ฉัน ที่บ้านโน้นนี่นา!”
   ยูคิอุทานด้วยความประหลาดใจ ปนตื่นเต้น เพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นของเหล่านี้อีก เนื่องจากคิดว่าริวยะทำลายทิ้งไปพร้อมบ้านเก่าแล้ว เจ้าตัววิ่งไปสำรวจ สิ่งของต่าง ๆ อย่างดีใจ จนทาคุต้องเอ่ยปากเตือน
   “คุณยูคิครับ ไว้ค่อยมาสำรวจของเหล่านี้ทีหลังก็ได้ครับ แต่ตอนนี้เราไม่ควรให้คุณริวยะ และท่านเซอิจิต้องรอนานนะครับ”
   ยูคิชะงัก ก่อนจะหันมายิ้มแห้ง ๆ ให้ จากนั้นเจ้าตัวก็ลงมือค้นหาบันทึกของโคบายาชิ เรียว ซึ่งก็ใช้เวลาสักพัก ในที่สุดก็เจอ
   “นี่ไง ของ ๆ คุณตาทั้งหมด!”
   ยูคิหยิบลังไม้ลังใหญ่ ยกออกมาจากด้านล่างตู้โชว์ซึ่งตั้งอยู่ในห้อง พอเปิดลังดูก็พบว่า ข้างในนั้นมีสมบัติส่วนตัวของโคบายาชิ และสมุดบันทึกเล่มหนา ๆ  อยู่ราว 10 เล่ม
    “นี่ไง ทาคุ...”
    ยูคิเรียกชายหนุ่มมาดู พร้อมกับหยิบสมุดบันทึกเล่มหนึ่งขึ้นมาพลิกไปมา พลางมองอย่างรำลึกความหลัง
   “คุณตาของฉันน่ะชอบเขียนบันทึก เวลาตอนฉันเด็ก ๆ ฉันเคยถามท่านว่าเขียนไปทำไม ท่านก็หัวเราะ แล้วบอกว่า สมุดบันทึกเหล่านี้ คือตัวแทนของท่าน เป็นความทรงจำอันล้ำค่า ที่ถูกถ่ายทอดผ่านตัวอักษร  ตัวตนของท่านทั้งหมดจะคงอยู่ตราบเท่าที่สมุดบันทึกเหล่านี้ยังอยู่...”
    “เป็นคุณตาที่น่านับถือนะครับ”
    ทาคุเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ซึ่งยูคิก็ยิ้มรับ
    “ใช่ ฉันรักคุณตาของฉันมากที่สุด และเชื่อเถอะ คุณตาต้องไม่หนีหน้าไปเพราะโกรธคุณเซอิจิด้วยเรื่องแค่นั้นแน่นอน ต้องมีเหตุผลที่มากกว่านั้นแน่ ฉันเชื่อมั่นอย่างนั้น!”
    ชายหนุ่มยิ้ม และอาสาช่วยถือสมุดบันทึก ซึ่งยูคิก็ส่งให้ครึ่งหนึ่ง ทั้งที่ทาคุบอกว่าจะถือให้ทั้งหมด แต่เด็กหนุ่มยืนกรานไม่ยอม ลงท้ายคนที่มีหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงส่วนตัว ก็ต้องยอมรับข้อเสนอ ให้อีกฝ่ายช่วยถือครึ่งหนึ่งแต่โดยดี
   
    “ขอโทษครับที่ทำให้รอนาน”
   ยูคิกล่าว พร้อมกับเดินคุกเข่ามานั่งข้างหน้าเซอิจิ และส่งยื่นสมุดบันทึก ทั้งหมดที่เขาและทาคุถือมาให้
    “ผมไม่แน่ใจนะครับ แต่ผมเชื่อว่า ในบันทึกของคุณตา ต้องมีเรื่องของคุณอยู่ด้วยแน่นอน”
    เซอิจิซึ่งหยิบสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง มาลองเปิดอ่านผ่าน ๆ ก่อนจะเงยหน้ามองเด็กหนุ่มเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว
   “ทำไมเธอมั่นใจแบบนั้นล่ะ”
   คำถามที่ทำให้คนฟังยิ้ม และบอกตอบอย่างอ่อนโยน
   “เพราะผมเคยถามคุณตาอยู่ครั้งหนึ่ง ว่าคุณตาเขียนอะไรลงไปบ้าง  คุณตาก็บอกว่า เขียนเรื่องสิ่งที่คุณตาชอบ เขียนเรื่องคนที่คุณตารัก พอผมถามต่อว่า คนที่คุณตารักมีใครบ้าง ตอนนั้นคุณตาก็ไล่ชื่อ คุณย่า คุณแม่ คุณพ่อ  แล้วก็ผม และคนอื่น ๆ ที่ท่านรู้จัก แต่คนสุดท้ายที่ผมจำได้เสมอไม่มีวันลืม แม้เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อสมัยผมยังเด็กมากก็ตาม…”
    ระหว่างที่ยูคิกำลังกล่าวให้ชายสูงอายุฟัง  ริวยะเองที่นั่งอยู่ด้วยกันในห้องก็เริ่มสังเกตได้ว่า เด็กหนุ่มหายหวาดกลัว และเริ่มชินกับพ่อของตน เห็นได้จากการที่เจ้าตัวไปนั่งคุยกับอีกฝ่ายใกล้ ๆ เหมือนดังเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
    “คุณตาทำหน้าระลึกความหลังอยู่สักพัก แล้วก็ยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยนที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น ท่านบอกว่า ท่านเขียนถึงเพื่อนรักของท่านคนหนึ่ง คนที่แม้ชีวิตนี้ไม่อาจไปพบกันได้อีก แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คน ๆ นั้นก็ยังเป็นเพื่อนรักที่สุดตลอดกาลสำหรับท่าน”
    เซอิจินิ่งเงียบ รู้สึกจุกแน่นในอกขึ้นมาเฉียบพลัน เมื่อได้ยินประโยคบอกกล่าวถึงความรู้สึกอันแท้จริงของเพื่อนรัก จากเด็กหนุ่มผู้เป็นหลานชายเพื่อนตรงหน้า
    “มาถึงตอนนี้ ผมพอจะเข้าใจแล้วครับว่า เพื่อนรักคนที่คุณตาหมายถึง คือใคร”
    ยูคิบอกพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะหยิบสมุดบันทึกเล่มหนึ่งขึ้นมาจากกองสมุดตั้งนั้น มันเป็นสมุดบันทึกที่มีปกเป็นสีดำมีกรอบนูนทองตรงหน้าปก
    “และที่ผมจำได้ดีก็คือสมุดเล่มนี้ครับ...สมุดที่คุณตาเขียนเป็นเล่มสุดท้าย ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต”
    เซอิจิจ้องมองสมุดเล่มนั้น และเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่กล่าวต่อไป
   “คุณตาบอกกับผมในวันนั้นว่า... สักวันหนึ่งอยากจะให้คน ๆ หนึ่งได้อ่าน ซึ่งพอผมถามว่าเป็นใคร ท่านก็ไม่ได้ตอบ เพียงแต่ยิ้มให้ และในคืนนั้น ท่านก็จากไปอย่างสงบ...”
   ยูคิยื่นส่งให้กับมือของชายชรา และจับมือของอีกฝ่ายที่นั่งนิ่งให้รับมันไว้
   “ผมส่งต่อให้แล้วนะครับ ผมเชื่อเหลือเกินว่า เพื่อนที่คุณตาท่านบอก ก็คือคุณนั่นเองครับ”
    เซอิจิไม่พูดอะไร นอกจากเปิดบันทึกดู เขาเปิดไปหน้าหลัง ๆ แล้วก็ต้องสะดุดกับข้อความ ๆ หนึ่ง

    [ถึง เซอิจิ เพื่อนรักของฉัน]
    ชายชราชะงัก มือสั่นเทา และตัดสินใจอ่านข้อความในหน้านั้นต่อ โดยมีคนอื่น ๆ มองดู อย่างเอาใจช่วย
   [ฉันหวังเหลือเกินว่าจะมีปาฏิหาริย์ใดก็ตาม ทำให้นายได้มีโอกาสอ่านสมุดบันทึกของฉันเล่มนี้  ฉันรู้ตัวดี ว่าคงเหลือเวลาอยู่อีกไม่มาก ฉันรู้สึกผิดที่ตลอดเวลายี่สิบกว่าปีนี้ ฉันไม่เคยโผล่หน้ากลับไปหานายเลยสักครั้ง  ฉันรู้ วันนั้นที่ฉันจากนายมา มันทำให้นายเจ็บปวด ทำให้นายไม่เข้าใจในตัวฉัน นายคงคิดสินะ ว่าฉันโกรธนาย เกลียดนาย อยากตัดความสัมพันธ์กับนาย...
   แต่ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เพื่อนรัก...ฉันไม่เคยนึกโกรธนาย เกลียดนาย แต่อย่างใด นายกับซายูริ เหมาะสมกันมากที่สุดแล้ว  ฉันดีใจที่นายสองคนหมั้นกัน ฉันรู้ว่านายเป็นคนที่เอาแต่ใจ และใจร้อน ซายูริ เป็นคนใจเย็น มีเหตุผล ถ้านายเป็นไฟ ซายูริ ก็เหมือนเป็นน้ำคอยดับไฟ ฉันมั่นใจว่าชีวิตคู่ของพวกนายจะต้องราบรื่นเป็นแน่
     เพราะอย่างนั้น ฉันจึงจำต้องจากมา ...ฉันรู้ ถ้าฉันยังอยู่ นายย่อมไม่มีวันจะลงเอยกับซายูริได้  นายคงจะเกรงใจฉัน และพยายามหาทางทำให้ฉันกับซายูริ ลงเอยกันให้ได้แทน ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันปรารถนาจะให้เกิดขึ้นเลย
    เพื่อนรัก ... นายไม่ต้องแก้ตัวหรอกนะ ว่านายจะไม่ทำดังเช่นฉันว่า  ฉันติดตามข่าวคราวของพวกนายตลอด โชคดีที่พวกนายทั้งคู่เป็นคนของสังคม คนธรรมดาอย่างฉันจึงสามารถตามข่าวคราวได้ไม่ยาก  ฉันรู้สึกเสียใจมาก ที่การจากมาของฉัน ทำให้นายเย็นชากับซายูริจนเกือบจะเลิกกัน และดีใจที่พวกนายทั้งคู่ได้แต่งงานกันแม้จะใช้เวลายาวนานหลังจากหมั้นกันเกือบสิบปี
    พอถึงเวลานั้นฉันควรจะไปอวยพรกับพวกนายได้แล้ว แต่เจ้าความคิดบ้า ๆ บางอย่างของฉัน ทำให้ฉันเกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่า คนอย่างฉันยังจะมีหน้าไปพบนายได้อีกอย่างนั้นหรือ  เวลาเปลี่ยน คนอาจเปลี่ยนแปลง คนที่มีพร้อมทุกอย่างเช่นนาย ยังจะรับฉันเป็นเพื่อนอีกไหม
    มาถึงตอนนี้ ตอนที่มันสายไปแล้ว ฉันถึงได้คิดว่า ฉันมันบ้าไปเอง...เซอิจิ ฉันไม่น่าดูหมิ่นน้ำใจของนายเลย นายคนที่ยอมรับคนอย่างฉันเป็นเพื่อนรัก นายคนที่ไม่เคยแคร์ว่าฉันจะยากดี มีจน ยอมคบหากับคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างฉัน  แล้วทำไมแค่เวลาไม่กี่สิบปี จะทำให้คนอย่างนายเปลี่ยนไปได้ล่ะ
    เซอิจิ...ฉันขอโทษ  แม้ไม่อาจได้พูดต่อหน้านาย แต่จงรับรู้ไว้เถิด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม  คนที่ฉันนับเป็นเพื่อนรักตลอดกาล มีเพียงนายคนเดียวเท่านั้น....
    โคบายาชิ  เรียว ....เพื่อนของนาย]

    มือสั่นเทาถือสมุดบันทึกค้างไว้อย่างนั้น หยาดน้ำใส ๆ ไหลรินจากดวงตาทั้งสอง จนหยดลงบนกระดาษสมุด โดยคนอ่านไม่รู้ตัว
    “หมอนั่น ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ปี ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน บ้าจริง ๆ”
   เสียงพึมพำจากปากของชายสูงอายุ ก่อนจะปิดสมุดบันทึกเล่มนั้น และจ้องมองใบหน้าของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหลานของเพื่อนรัก คนที่ถอดพิมพ์ความกล้าหาญ ความซื่อตรง และความอ่อนโยน มาจากเพื่อนสนิทของเขาได้เกือบหมด
    “ฉันขอบใจเธอมากนะ...ยูคิ ที่ทำให้ฉันได้มีโอกาสอ่านสมุดบันทึกเล่มนี้”
    คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ยูคิแย้มยิ้มรับอย่างยินดีเป็นที่สุด
   “ตกลงคุณตาไม่ได้โกรธคุณใช่ไหมครับ คุณตายังคิดกับคุณเป็นเพื่อนรักเหมือนเดิมใช่ไหมครับ!”
    เด็กหนุ่มซักถามพลางจับมืออีกฝ่ายเขย่าเบา ๆ อย่างลืมตัว ก่อนจะสะดุ้ง พลางดึงมือกลับ พร้อมก้มศีรษะโค้งให้อย่างสำนึกผิด
   “เอ่อ...ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกิน”
    เซอิจิยิ้มน้อย ๆ และใช้มือลูบศีรษะอีกฝ่ายเบา ๆ อย่างอ่อนโยน ภาพที่ทำให้ทุกคนในห้องที่เกี่ยวข้องถึงกับไม่อยากเชื่อสายตา แม้แต่ริวยะผู้เป็นลูกชายแท้ ๆ ก็ตาม
    “ไม่เป็นไร หลานของโคบายาชิ ก็เหมือนหลานของฉัน ต่อไปนี้เธอเรียกฉันว่า ตาแทนก็ได้”
   ยูคิอ้าปากค้างด้วยความตกใจ แต่ส่วนลึกก็แอบดีใจ ที่ตัวเองได้รับการยอมรับจากคนตรงหน้า
   “เรียกแบบนั้นไม่ได้สิครับคุณพ่อ”
   เสียงขัดจากคนที่นั่งเงียบอยู่นานทำให้คนอื่น ๆ หันไปมองแทบพร้อมกัน
   “มีอะไรขัดข้องงั้นหรือริวยะ”
    น้ำเสียงของชายชราเข้มขึ้นทันที จนยูคิที่นั่งอยู่ข้าง ๆ สะดุ้งเล็กน้อย
   “ก็...ความจริงยูคิมีศักดิ์เป็นสะใภ้คุณพ่อด้วยซ้ำ จะให้เรียกตาได้ยังไงล่ะครับ”
    ริวยะเฉลยต่อมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้ชายชราอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะหลุดหัวเราะลั่นดังตามมา
   “ฮ่า ๆ เออ! มันก็จริงของแก! เอาเป็นว่าต่อไปนี้ฉันรับเด็กนี่เป็นลูกสะใภ้ เธอก็เรียกฉันว่า พ่อ เหมือนที่ริวยะเรียกก็แล้วกันนะยูคิ!”
    ยูคิหัวเราะแห้ง ๆ รับคำพูดอะไรไม่ออก  ทาคุเองก็อมยิ้ม ฝ่ายทาคาอิ ที่เป็นบอดี้การ์ดประจำตัวของเซอิจิหัวเราะในลำคอเบา ๆ ไม่คิดมาก่อนว่าพ่อลูก ตระกูลมุราคามิ จะหัวเราะร่าเริงให้เห็นได้แบบนี้ บางทีอาจเป็นเพราะเด็กหนุ่มคนนี้  ที่ค่อย ๆ เข้ามาเปลี่ยนคนในตระกูลมุราคามิ ผู้เคยได้ชื่อว่า เย็นชา เจ้าเล่ห์ ไม่สนใจใคร ให้อ่อนโยนลง และยอมรับในตัวคนอื่นมากขึ้นก็ได้

    เซอิจิกลับไปพร้อมกับสมุดบันทึกของโคบายาชิ  เรียว ที่ยูคิยกให้ทั้งหมด เด็กหนุ่มให้เหตุผลว่า คุณตาของตนคงดีใจ ถ้าได้ถ่ายทอดตัวตนทั้งหมด หลังจากแยกทางกัน ให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนรักได้รับรู้
   ฝ่ายเซอิจิ ก็ชักชวนยูคิให้ไปเที่ยวที่บ้านใหญ่ เพราะอยากให้เจอกับซายูริภรรยาของตน ทว่าริวยะแย้งไว้ก่อน เพราะไม่อยากให้มันปุบปับกะทันหันเกินไป
    แต่เด็กหนุ่มรู้ดีว่า ที่คนรักต้องเหนี่ยวรั้งตนเอาไว้ก่อน เกิดจากสาเหตุใด
    “ในที่สุดก็ได้อยู่กันตามลำพังสักทีนะยูคิ”
   รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ พร้อมน้ำเสียงทุ้มกล่าว กับร่างบางที่เจ้าตัวดึงมากอดแนบอก
   “คุณต้องไปทำงานที่บริษัทไม่ใช่หรือครับ”
   ยูคิพยายามบ่ายเบี่ยง ทั้งนี้เพราะพอจะคาดเดาได้ว่า หากปล่อยให้ริวยะนัวเนียอยู่แบบนี้ คงไม่แคล้วโดนอีกฝ่ายลากขึ้นเตียงเป็นแน่
    “ไม่เป็นไร อากิระคอยดูแลให้แล้ว ไปช้าสักชั่วโมง สองชั่วโมงก็ไม่มีปัญหา”
   ริวยะไม่พูดเปล่า เขารั้งร่างบางเดินไปด้วยกันยังห้องนอนของตน ไม่สนใจว่ายูคิจะทั้งดิ้น ทั้งร้องขออ้อนวอน หรือยกเหตุผลร้อยแปดมาอ้าง
   “เลิกพยายามหาเรื่องอ้างได้แล้วยูคิ  รู้ไหมว่าวันนี้ฉันดีใจขนาดไหน ที่ความรักของเราสองคน หมดสิ้นซึ่งอุปสรรคสักที ลองพ่อฉันยอมรับทั้งคนแบบนี้ เรื่องอื่นก็ไม่มีปัญหาอีกแล้ว”
    คำพูดของริวยะทำให้ร่างบางในอ้อมแขนชะงักนิ่ง ใบหน้าแดงน้อย ๆ ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบ
   “ผมเองก็ดีใจนะครับ...ที่คุณพ่อของคุณริวยะยอมรับในตัวผมได้แบบนี้”
     ริวยะโน้มใบหน้าไปจูบแก้มเนียนนั้นฟอดใหญ่อย่างอดใจไม่อยู่
   “เห็นไหม เธอเองก็ดีใจใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็เลิกอ้างโน้นอ้างนี่ได้แล้ว”
   ใบหน้าหวานแดงก่ำเงยหน้าขึ้นสบกับอีกฝ่ายทันที
   “มันคนละเรื่องกันนี่ครับ อีกอย่างเมื่อคืนก็...”
   บอกแล้วก็ต้องก้มหน้างุด ๆ ด้วยความเขินอาย ทำให้ริวยะหัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างเอ็นดู
   “นั่นสิ พูดถึงเมื่อคืนก็นึกได้ ยังจำสัญญาของเราได้ใช่ไหมล่ะ หนึ่งอาทิตย์หลังจากนี้ เธอต้องยอมเชื่อฟังฉันในเรื่องนั้นไม่ใช่หรือไง”
   ยูคิรีบเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ
   “อ๊ะ! แต่นั่นหมายถึงตอนกลางคืนอย่างเดียวนี่ครับ ไม่ใช่เวลาไหนก็ได้ แบบนี้สักหน่อย”
   “ใครบอกเธอแบบนั้นล่ะ”  คำตอบของริวยะทำให้ยูคิอ้าปากค้าง
   “ฉันบอกว่าทั้งอาทิตย์ ก็คือ ทั้งอาทิตย์ ไม่ได้จำกัดเวลาสักหน่อยว่ากลางวันหรือกลางคืน มันขึ้นกับว่าฉันอยากจะกอดเธอขึ้นมาตอนไหนต่างหาก”
    บอกแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ทำเอาคนฟังต้องโอดครวญประท้วงทันที
   “ขี้โกงนี่ครับ!”
   “เพิ่งรู้เหรอ” คนเจ้าเล่ห์บอกหน้าตาย และไม่รอฟังคำประท้วงที่ตามมา เจ้าตัวก็ช้อนร่างบางอุ้มขึ้นและพาเข้าห้องไป จากนั้นเพียงไม่นาน เสียงเอะอะโวยวายก็เงียบหาย เหลือเพียงแต่เสียงครวญครางกระเส่าดังแผ่วเบารอดมาเท่านั้น




=====
..End...
=====
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 12-11-2010 22:30:30
ขอบคุณค่าสำหรับเรื่องราวน่ารักๆของ ยูคิกับริวยะ  :L2: บอกตรงๆว่าเรื่องของคุณพ่อเซจิ กับเพื่อนรักคุณตาของยูคิ และซายูริ มาแย่งซีนตอนท้ายซะงั้น เป็นดราม่าที่ยอดเยี่ยมมาก เรื่องราวแนวเราสามคนที่มิตรภาพระหว่างเพื่อนมาเอี่ยว อ่านแล้วแอบน้ำตาซึมที่สุดท้ายทั้งสองคนก็ต่างเป็นห่วงความรู้สึกของเพื่อนมากกว่าความสุขของตัวเอง ถ้าไม่ติดว่าคนเขียนชอบแนว yaoi มากกว่า อยากแนะนำให้เพิ่มรายละเอียด และพัฒนาการของความสัมพันธ์ของทั้งสามคน เขียนเป็นเรื่องยาวลงเว็บนิยายปกติท่าจะดี
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 12-11-2010 22:42:50
โห...........เรื่องของคุณตากับคุณพ่อสามีของยูคิจังมากินพื้นที่ช่วงท้ายเรื่องไปซะจนโทนต้นเรื่องเปลี่ยนไปเยอะเลยนะคะ
แต่ๆๆ ในที่สุดก็กลับมาจบที่ความหวานปนหื่นได้ในที่สุด :m20:

ขอบคุณคุณปัทม์มากค่ะ จะรออ่านเรื่องของคุณอารากิกับอาจารย์คนนั้นเมื่อคุณปัทม์มีเวลานะคะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: heefever ที่ 12-11-2010 22:43:52
จบซะแล้วววว

ตอนจบสามารถเรียกน้ำตาจากคนอ่านได้จริงๆ มันไม่เศร้านะ แต่มันซึ้งมากกว่า :monkeysad:
"เพื่อน" คำคำนี้มันยิ่งใหญ่จริงๆ นะ จะมีซักกี่คนที่มีเพื่อนแท้อย่างนี้ เสียสละ เพื่อให้เพื่อนได้มีความสุข
แม้ว่าตัวเองจะเจ็บปวดซักแค่ไหนก็ตาม

ซาบซึ้งจริงๆ กับ 2 บทสุดท้ายของเรื่องนี้

ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวดีๆ มาให้ได้อ่าน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 12-11-2010 23:05:26
แอบซึ้งนะเนี่ยะ เรื่องของคุณตา แต่นับศักดิ์กันไปๆมาๆ
เรียกตาหรือว่าเรียกพ่อ เนี่ยะแอบขำนะ ทำหน้าไม่ถูกเลย
น่ารักดีอ่า ขอฉากหวานแหวว๋แบบไปฮันนีมูนไรงี้ได้ป่าวค๊า
 :กอด1: :กอด1: ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 12-11-2010 23:13:23
 :L1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 12-11-2010 23:13:45
จบแบบเสียน้ำตาอะ :m15:

สงสารคุณตาของยูคิ

ยังไม่อยากให้จบ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 12-11-2010 23:19:11
เรื่องของคุณพ่อเนี่ย ดราม่าได้ทีเลย
แอบโดนแย่งซีนเล็กน้อยนะ
ว่าแต่พ่อของริวยะเนี่ยรุ่นตาของยูคิ
ริวยะก็รุ่นพ่อเลยจิ  :a5:
เลี้ยงต้อยนะเราน่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: JipPy ที่ 12-11-2010 23:25:50
เรื่องราว  มันยาว นาน จิงๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: knightofbabylon ที่ 12-11-2010 23:30:01
เรื่องรุ่นคุณพ่อคุณตา แอบซาบซึ้ง จริงๆ

คุณริวยะก็หื่นตลอด ไม่ได้ขาดตกแม้แต่น้อย  :laugh:


เห็นด้วยกับหลายๆรีบนนะคะ
แล้วก็
อยากเห็นตอนพิเศษของริวยะกับยูคิแล้วก็อาจารย์กับอารากิด้วยเหมือนกัน

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 12-11-2010 23:47:19
ทำซึ้งตอนจบอ่ะ

น่าสงสารคุณตาเหมือนกันนะครับ

แต่ก็อย่างนี้แหละ คำว่าเพื่อน มันยิ่งใหญ่

หวังว่าจะมีตอนพิเศษมาบ้างนะครับ  :bye2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 13-11-2010 00:08:05
เรื่องราวระหว่างคุณตาของยูคิและคุณพ่อของริวยะเป็นความผูกพันลึกซึ้งจริงๆ

แล้วยูคิก็ทำให้ปาฏิหาริย์ที่คุณตาปรารถนาได้เกิดขึ้นจริง

ความผูกพันของคนรุ่นก่อนช่วยให้รุ่นลูกรุ่นหลานสมหวัง

ปมของเรื่องตอนหลังนี้ทำให้เรื่องจบลงอย่างมีน้ำหนักอีกเยอะเลยค่ะ

บวกไปอีก 1 แต้มส่งท้าย ขอบคุณมากๆค่ะ
รอคอยว่าจะได้อ่านตอนพิเศษนะคะ  :3123:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 13-11-2010 00:22:32
แอบซึ้งกับมิตรภาพของเพื่อน ^^
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 13-11-2010 00:44:35
ขอบคุณครับน่ารักมากกกกกกก


มีโอ้ยูคิเป็นหลานเพื่อนรักของพ่อริวยะเหรอเนี่ย



รักมั่นคงยืนยาวเนี่ยแหละมิตรภาพระหว่างเพื่อน



หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: leeteuk ที่ 13-11-2010 12:17:29
ไม่มีตอนพิเศษบ้าง หรอค่า

อยากอ่านต่ออีกซะนิดก้อคงดีไม่น้อยเลยนะค่า

ขอตอนพิเศษ หน่อยนะค่า
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 13-11-2010 12:58:08
เรื่องราวจบแบบมีความสุขของคู่รัก ริวยะกับยูคิ
แต่ตอนกล่าวถึงเรื่องราวระหว่างเพื่อนรักสองคนนั้น(คุณตากับคุณพ่อ)
อ่านไปน้ำตาซึมไป ร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งไปกับความรักระหว่างเพื่อน
ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่น้องปัทม์นำมาให้ค่ะ ขอบคุณมาก
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 13-11-2010 13:14:10
จบแบบแฮปปี้ คนอ่านก็แฮปปี้ไปด้วยมากๆเลย
แต่สสัยอยู่อย่างว่ายูคิจะเรียนจบมั้ยนะ ถ้าริวยะยังหื่นเสมอต้นเสมอปลายอย่างนี้เนี่ย :haun4:
ขอบคุณนะคะ รออ่านตอนพิเศษเน้อ :impress2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: pp4 ที่ 13-11-2010 13:51:08
คุณริวยะ หื่นไม่เลิก! ข้าขอคารวะ  :z3:
ความเป็นเพื่อนของคุณพ่อกับคุณตา ซึ้งจัง  :sad4:
อยากได้ตอนพิเศษ~ :call:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 13-11-2010 14:11:02
ความสัมพันธ์ระหว่างคนสูงอายุทั้งคู่
ทั้งที่ผ่านมาเนิ่นนาน แต่ก็ยังคงประทับใจอยู่เสมอ

นึกว่าเรื่องนี้เรียกเลือด  :pighaun: ได้อย่างเดียว
มาตอนสุดท้ายทำเอาหลั่งน้ำตาได้เลยนะคะเนี่ย  :monkeysad:
แต่มาจากความประทับใจนะคะ ไม่ได้เศร้าอะไร

ขอบคุณกับเรื่องดีๆนะคะ สนุกมาก
มารอตอนพิเศษหวานๆ ต่อนะคะ

อยากรู้ว่าลูกสะใภ้เจอกับแม่สามี จะเป็นยังไงต่อไป
ก็คงราบรื่นนะคะ เพราะคุณซายูริใจดีอยู่แล้ว
ยิ่งรู้ว่าเป็นหลานของเพื่อน คงดีใจไม่น้อย

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 13-11-2010 14:27:18
จบแบบซึ้งๆ
มิตรภาพจากรุ่นคุณตาทำให้เรื่องราวต่างๆง่ายขึ้น
แอบชอบตอนจบทั้งอาทิตย์ :man1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: Mitra ที่ 13-11-2010 14:46:05
ดีจังเลยน้า
จบแบบมีความสุขเนี้ย
พ่อสามียอมรับ
อิอิ

รอติดตามเรื่องอื่นๆ นะจ้า

+1 จ้า
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 13-11-2010 14:48:12
แอบเสียน้ำตาให้กับรุ่นของคุณตา    :monkeysad:
แต่ประทับใจมากเลย


 o13 o13
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 13-11-2010 14:55:18
มาตามอ่านแบบรวดเดียวจบเลย
จะรออ่านเรื่องต่อๆไปนะค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: takuya007 ที่ 13-11-2010 15:34:16
อ่านแบบรวดเดียวจบ

ริวยะแสนอบอุ่น  อิอิ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 13-11-2010 15:35:08
อ่านชื่อเรื่องแล้วนึกว่าเป็นเรื่องแนวโหดหื่น

ที่ไหนได้...กลับเป็นเรื่องออกแนวน่ารัก ชอบค่ะ

รออ่านตอนพิเศษจ้า
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 13-11-2010 16:24:01
 :impress2:จบแล้ววววววววววววววววววว


น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกก :impress2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 13-11-2010 18:06:47
เพื่อนนิรัีนดร์ ทำโทนเรื่องเปลี่ยนจริงๆ
แต่พอหักกลับมา...เอิ่้ม...น่ะนะ ก็..กลับมาได้จริงๆด้วย

สนุกมากครับ
ขอบคุณมาก
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 13-11-2010 19:05:29
ขอบคุณมากๆนะคะที่มีนิยายดีๆให้อ่าน :pig4:
แล้วมาแต่งเรื่องใหม่ๆให้อ่านอีกนะคะ
+1 นะคะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 13-11-2010 20:27:19
โธ่ น้องยังอยู่ในวัยเรียนนะ
อย่าทำให้น้องใจแตกสิ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 13-11-2010 22:19:38
ขี้โกงตลอดอะแก
ริวยะ
เอาเปรียบมากมาย
ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: reborn23 ที่ 02-12-2010 16:23:52
ริวยะนี่หื่นจัง
เรื่องน่ารักมากเลย o13
ใจจ้า
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 10-02-2011 14:18:07
ว่าจะแต่งตอนพิเศษเพิ่ม คงไม่ได้แต่งแน่เลยช่วงนี้ - -

งั้นไหน ๆ ก็ใกล้วาเลนไทน์ ไปขุดกรุตอนพิเศษวาเลนไทน์ของเรื่องนี้มาแล้วกันค่ะ

อีกเรื่องเ็ป็นครอสฟิกกับ viewfinder ตอนแรกว่าจะลง แต่หลายคนที่ไม่ได้อ่านการ์ตูนคงไม่รู้จักป๋าอาซามิกับน้องอากิ ก็เลยไม่หยิบมาลงดีกว่า --.

-----------------------------
ตอนพิเศษรับวาเลนไทน์ (แต่แต่งเมื่อหลายปีที่แล้วล่ะนะคะ สำหรับตอนนี้ --)


     ทานากะ ยูคิ หรือซึ่งขณะนี้ก็คือ มุราคามิ  ยูคิ  ... เด็กหนุ่มเข้ามาอยู่ในตระกูลมุราคามิได้ครึ่งปีกว่าแล้ว ในด้านการวางตัว ก็เริ่มเคยชิน หรือพูดง่าย ๆ ว่าเพราะถูกบังคับให้ชินโดยพี่เลี้ยงประจำตัว ทาคาคุระ ทาคุ ซึ่งมักจะคอยแนะนำสิ่งจำเป็นต่าง ๆ ของการเป็นหนึ่งในตระกูลมุราคามิให้เด็กหนุ่มอยู่ตลอดเวลา 

     วันนี้ก็เป็นปกติของบ้านมุราคามิ ที่เริ่มมีการสนทนาบางอย่างของคนสองคน โดยมีอีกฝ่ายคอยโวยวาย และอีกฝ่ายรับฟังอย่างสงบนิ่ง

    “ฉันก็แค่จะออกไปซื้อของข้างนอกเท่านั้น ไม่ได้เถลไถลสักหน่อย ไปไม่นานก็กลับแล้ว!”

     คนฟังนิ่งเงียบรับฟัง และเมื่อเด็กหนุ่มโวยจบ เขาก็ตอบกลับไปอย่างสุภาพ

    “แต่คุณริวยะบอกแล้วว่าไม่อนุญาตให้คุณไปลำพัง หรือถ้าจะไป ก็ต้องมีผมตามไปด้วยครับ”

    ยูคิชะงักกึก เม้มปากแน่น ความจริงเขาก็ไม่รังเกียจที่ทาคุจะไปด้วยหรอกนะ แต่นี่เพราะเขาจะไปซื้อชอกโกแลตวาเลนไทน์ ให้กับริวยะ รวมถึงซื้อชอกโกแลตขอบคุณให้กับคนอื่น ๆ ในบ้านด้วย ซึ่งก็รวมตัวทาคุเองด้วยนั่นล่ะ  แล้วถ้าชายหนุ่มไปด้วย แผนการเซอร์ไพรส์ของเขามันก็ไม่ประสบความสำเร็จน่ะสิ

    “อืม .... งั้นไม่ไปแล้วก็ได้”

    เจ้าตัวบอกเรียบ ๆ และก็ขอตัวเดินกลับห้อง ทาคุหรี่ตามองเล็กน้อย แปลกใจกับอาการ “ยอมว่าง่าย” ของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรมาก และโทรไปรายงานต่อริวยะดังเช่นตามปกติ

    “หือ? ยูคิยอมง่าย ๆ อย่างนั้นรึ?  แปลกนะ ...เอาเป็นว่านายคอยจับตาดูเขาไว้ก็แล้วกัน และทำไมถึงอยากออกไปข้างนอกขนาดนั้นกันนะ ของกิน ของใช้ที่บ้าน ก็มีออกจะพร้อมทุกอย่าง ถ้าอยากได้อะไรก็บอกคนให้ไปซื้อให้ก็ได้นี่นา ... ช่างเหอะ นายคอยดูเขาไว้แล้วกัน”

    ชายหนุ่มบ่น ๆ แล้วก็ตัดบทสรุป ซึ่งทาคุก็รับคำเพียงสั้น ๆ   “ครับ”

    จากนั้นเขาจึงเดินไปที่ครัว เพื่อไปขอเค้กของหวานจากแม่บ้านชิโนะ นำไปเสิร์ฟให้กับนายน้อยของเขา โดยหวังให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นเมื่อได้ทานของหวานที่เจ้าตัวชอบ

    ... ก๊อก ๆ …

    ชายหนุ่มเคาะประตูเบา ๆ เรียก แต่ก็เงียบ เขานึกเอะใจ ก่อนเคาะอีกครั้งพร้อมกล่าว

    “คุณยูคิครับ ผมขออนุญาตเข้าไปนะครับ”

    บอกแล้วจึงเปิดประตูเข้าไป ก็ต้องเงียบกริบ เมื่อพบว่าบัดนี้เจ้าของห้องไม่ได้อยู่ในห้องเสียแล้ว

    ชายหนุ่มวางจานเค้กลงบนโต๊ะทำงานในห้อง แล้วจึงเร่งฝีเท้าเดินออกไปทางหน้าบ้าน

    “ทากะ คุณยูคิ ออกจากบ้านไปหรือเปล่า?”

     ชายที่ทำหน้าที่เฝ้าประตู หันมามองทาคุอย่างแปลกใจ พร้อมกับถามกลับ

    “อ้าว? คุณทาคุไม่รู้หรือครับ ไหนคุณยูคิท่านบอกว่า จะออกไปซื้อของข้างนอก คุณทาคุเองก็อนุญาตให้ไปได้แล้ว ผมก็เลยปล่อยให้ท่านไป ยังแปลกใจอยู่เลยว่าทำไมถึงไปเองไม่ให้คนเอารถไปส่ง ....เอ่อ...คงไม่ใช่หนี...”

    ท้ายประโยคเจ้าตัวเสียงแผ่ว หน้าซีด จนทาคุเห็นแล้วก็นึกสงสาร

    “ไม่มีอะไรมากหรอก ว่าแต่คุณยูคิออกไปนานแล้วหรือยัง?”

    “สักพักได้แล้วครับ ก่อนหน้าที่คุณทาคุจะมา ราวสิบนาทีได้ครับ”

    ทากะบอกด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าเดิม ทาคุพยักหน้ารับรู้ และเดินไปที่โรงรถ ถอยรถออกจากบ้านเพื่อตามตัวเด็กหนุ่มที่ล่วงหน้าไปทันที
   

     ยูคินั่งรถประจำทางไปลงยังย่านศูนย์การค้าแถบนั้น มองบรรยากาศรอบ ๆ อย่างคิดถึง เพราะเมื่อก่อน ก็มักจะมาเดินเที่ยวกับเพื่อนบ้างตอนวันหยุด เสาร์ – อาทิตย์  แต่หลังจากมาอยู่กับริวยะ เขาแถบจะไม่ได้ออกไปไหนพ้นบ้าน สาเหตุเพราะมุราคามิ เป็นตระกูลใหญ่ และมีอำนาจทางธุรกิจ ดังนั้นจึงมีศัตรูเยอะเป็นเงาตามตัว เขาจึงไม่ได้รับการปล่อยให้มาเดินภายนอกอย่างอิสระเช่นนี้โดยไร้ผู้ติดตาม แม้บางครั้งเขาเองก็อยากมีเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง

     “ไปดูชอกโกแลตดีกว่า”

    เด็กหนุ่มรีบทำตามจุดประสงค์ที่ตั้งใจไว้ โดยไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า เพราะคิดว่าคงใช้เวลาไม่นานเท่าใดนัก และเขาก็หวังว่า บางทีทาคุอาจจะยังไม่ทันรู้ตัวก็ได้ว่าเขาหายตัวมา

    ยูคิคิดอย่างมองโลกในแง่ดี แล้วจึงเดินหายเข้าไปในห้างแถวนั้น
   

    “อะไรนะ!  หนีออกไปซื้อของคนเดียวงั้นรึ!!”

     ริวยะตวาดใส่โทรศัพท์มือถือดังลั่นจน อากิระที่กำลังทำงานให้ชายหนุ่มอยู่ในห้องด้วยสะดุ้งโหยง

    “แล้วตอนนี้เจอตัวหรือยัง! …เข้าใจละ ...ตามให้เจอแล้วพากลับบ้านเลยแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้ล่ะ!”

     วางสายเสร็จ ก็หันไปทางมือขวาคนสนิท

    “อากิระ  กลับกันได้แล้ว!”

    อากิระมองกองเอกสารตรงหน้า พร้อมกับเงยหน้ามองเจ้านายของเขายิ้ม ๆ พร้อมกับโค้งรับคำสั่ง

    “ครับ คุณริวยะ”

    เลขาหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ในลำคอเดินตามเจ้านายของเขาไป  ต่อให้ไม่ได้ยินการสนทนาในโทรศัพท์ก็ตาม แต่เรื่องที่ทำให้คนอย่าง มุราคามิ  ริวยะ ร้อนรนได้ ก็มีอยู่เรื่องเดียว

    ... เรื่องของเด็กหนุ่มสุดที่รักของเจ้าตัวนั่นล่ะ!....


     ยูคิเดินยิ้ม หอบถุงกระดาษใบใหญ่ออกมาจากห้าง ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะหุบลง เปลี่ยนเป็นยิ้มแห้ง ๆ แทน เมื่อพบว่า มีใครคนหนึ่งกำลังยืนคอยเขาอยู่หน้าทางเข้าห้างสรรพสินค้า

    “ผมมารับคุณกลับบ้านครับ ... คุณยูคิ”

    ทาคุบอกเรียบ ๆ สีหน้าไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ แต่นั่นก็ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับเผลอกลืนน้ำลายลงคอ

    “ทาคุ ...โกรธเหรอ?”

    ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่ตรงเข้ามาช่วยเขาถือของ ซึ่งยูคิก็รีบยื่นให้อย่างไม่เกี่ยงงอน และระหว่างที่เดินไปขึ้นรถ เขาก็ถามซ้ำอีกรอบ

    “ทาคุ ...โกรธใช่ไหม?”

     ทาคุชำเลืองมามองนายน้อยของเขา ก่อนเปิดประตูให้เด็กหนุ่มขึ้นนั่งบนรถ

    “ขึ้นรถเถิดครับ”

    ยูคิมองชายหนุ่มที่เปิดประตูให้เขา พร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ และขึ้นไปนั่งบนรถเบนซ์สีดำคันใหญ่นั้น อย่างว่าง่าย

    ระหว่างทางที่นั่งไป ยูคิพยายามชวนทาคุคุย ซึ่งชายหนุ่มผู้พูดน้อยอยู่แล้วก็ยิ่งพูดน้อยเข้าไปใหญ่ และเมื่อเกิดอาการถามคำ ตอบคำ ตามมา ยูคิจึงต้องเลิกล้ม และจำต้องนั่งเงียบอย่างอึดอัดไปตลอดทาง

    และเมื่อถึงบ้าน  ทาคุก็ลงมาเปิดประตูให้เด็กหนุ่มลงจากรถ ยูคินั่งนิ่งอยู่สักพัก จึงตัดสินใจลงมา และยื่นมือขอถุงกระดาษที่ทาคุถือให้คืน ซึ่งชายหนุ่มก็มองพร้อมกับส่งคืนให้ง่าย ๆ เช่นกัน

    เด็กหนุ่มล้วงของข้างใน และหยิบกล่องสี่เหลี่ยมห่อของขวัญอย่างสวยงาม ออกมาหนึ่งกล่อง และยื่นส่งให้กับทาคุ บอกอุบอิบ

    “สาเหตุที่ทำให้ฉันต้องออกไปซื้อของข้างนอกคนเดียว ...อันนี้ของทาคุ ให้ก่อนหน้าวันหนึ่งแล้วกัน”

    ทาคุรับมาอย่างงง ๆ พลิกกล่องไปมาด้วยความสงสัย ซึ่งยูคิก็บอกตามมา

    “ชอกโกแลตวาเลนไทน์ น่ะ ... ทาคุไม่ค่อยชอบทานของหวาน ฉันเลยเลือกแบบไม่หวานมาให้ ...ส่วนพวกนี้เป็นของทุกคนในบ้านน่ะ”

    ทาคุชะงัก ลืมไปสนิท ว่าวันพรุ่งนี้เป็นวันวาเลนไทน์ หรือความจริง เขาก็ไม่เคยสนใจกับเทศกาลนี้มาก่อนอยู่แล้ว แต่ก็ต้องอมยิ้ม เมื่อคนให้ เอ่ยอีกคำตามมา

    “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ ...ต่อไปฉันจะไม่ทำแบบนี้อีก”

     ยูคิใจชื้นที่เห็นอีกฝ่ายยิ้มให้ เขายิ้มตอบก่อนจะชะงัก เมื่อทาคุบอกว่า ริวยะเองก็รู้เรื่องที่ตนหนีออกไปซื้อของคนเดียวเสียแล้ว

    “...ตายแน่ งานนี้ ฉันต้องตายแน่ ๆ”

    ทาคุเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ยิ่งเมื่อรู้จุดประสงค์อันแท้จริงของเด็กหนุ่ม เขาก็ยิ่งตื้นตัน ที่อีกฝ่ายคิดถึง และเอาใจใส่ในตัวเขา และทุกคนในบ้านเช่นนี้

    “ลองสารภาพกับคุณริวยะตามตรงสิครับ จะได้ไม่มีปัญหา”

    คำแนะนำของทาคุนั้นถูกต้อง และเป็นทางออกที่ดีที่สุดก็จริง เพียงแต่ยูคิเองก็รู้สึกเสียดาย หากเรื่องที่คิดเซอร์ไพรส์คนอื่น ๆ ต้องถูกยกเลิกไปแบบนั้น

     “...ก็ได้ จะลองพูดดู”

    เด็กหนุ่มตอบเสียงอ่อย พลางมองชอกโกแลตในถุงกระดาษอย่างนึกเสียดายที่สุด


    ริวยะกลับมาถึง  ก็ต้องแปลกใจเมื่อทาคุออกมารับหน้าเขาก่อนถึงทางเข้าบ้าน

    “มีอะไรงั้นหรือทาคุ? แล้วยูคิกลับมาถึงบ้านหรือยัง”

    ชายหนุ่มถามด้วยความแปลกใจ

    “คุณยูคิรอคุณอยู่ที่ห้องของคุณครับ แล้วก็ที่ผมต้องมาดักรอคุณก่อนก็แค่อยากขอให้คุณใจเย็น ๆ อย่าโกรธคุณยูคินะครับ”

    คนฟังขมวดคิ้วแปลกใจ พลางย้อนถาม

    “แล้วทำไมฉันถึงจะโกรธเด็กนั่นไม่ได้ ในเมื่อเจ้าตัวแอบขัดคำสั่งฉัน หนีไปคนเดียวแบบนั้น”

    ทาคุยิ้มอ่อนโยนให้ พลางเลี่ยงตอบ

    “ไว้คุณทราบเหตุผลจากคุณยูคิ แล้วคุณก็จะเข้าใจเองนั่นล่ะครับ”

    ริวยะเงียบ พลางพิจารณาท่าทีของคนสนิทอีกคนของเขา พลางถอนหายใจเบา ๆ

    “ฉันไม่ค่อยชอบท่าทีอมพะนำ เจ้าความลับแบบนี้ของนายเลยทาคุ ...แต่เอาเถอะ ถ้าลองนายมาบอกเองแบบนี้ ฉันก็จะใจเย็นอีกนิดแล้วกัน”

    ทาคุโค้งให้ และเมื่อเจ้านายของเขาเดินลับหายไป อากิระจึงรีบถามเพื่อนสนิททันที

    “ตกลงมีอะไรกันแน่น่ะทาคุ? …แล้วเรื่องเหตุผลที่ว่านั่นมันอะไรงั้นหรือ?”

    ทาคุมองหน้าอีกฝ่ายพลางตอบหน้าตาเฉย

    “บอกไม่ได้”

    อากิระสะดุ้ง พร้อมกับโวยตามหลังเพื่อนที่เดินหนีไป

    “เฮ่ย! ทาคุ! กลับมาคุยกันก่อน ทิ้งไว้แบบนี้มันคาใจนะ!”

     ‘พ่อบ้าน’ แห่งมุราคามิ อมยิ้มอย่างนึกขำ สำหรับยูคิ การเซอร์ไพรส์เขากับ ริวยะ พลาดไปแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่อยากให้ความตั้งใจของเด็กหนุ่มต่อคนอื่น ๆ ต้องพังลงหมดเสียก่อน

    อย่างน้อยสีหน้าแปลกใจ และดีใจของคนอื่น ๆ ในบ้าน ทาคุก็อยากให้ยูคิได้เห็นในวันพรุ่งนี้

    .....14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ .....



   
--- END ---
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 10-02-2011 15:35:45
แหม..น่าจะมีต่ออีกหน่อย

อยากรู้ว่าริวยะจะทำหน้ายังไง
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 10-02-2011 15:50:40
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 10-02-2011 16:07:52
มันยังมีตอนพิเศ๊ษพิเศษอีกตอนนึงใช่มั้ยคะ? ^^
ปล. คิดถึงเรื่องนี้จัง >_<
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: waan_warunee ที่ 10-02-2011 16:29:28
มันจบตอนแค่นี้จริงๆ หรอปัทม์ ไม่น๊า~~~~~~~~~
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 10-02-2011 16:36:18
อยากอ่านต่ออีกนิดน่ะ....

น๊า...

แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคะสำหรับตอนพิเศษน่ารักแบบนี้
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: eve2011 ที่ 10-02-2011 17:28:56
 :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 10-02-2011 17:37:28
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 10-02-2011 20:19:14
อ่านตอนต้นกับตอนจบ และพิเศษ
น่ารัก ชอบค่ะ เดี๋ยวมาอ่านใหม่อีกรอบ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 10-02-2011 20:51:22
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่า แหม๋อยากรู้จริงๆ ว่าจะทำหน้ายังไงน๊า
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: pp4 ที่ 10-02-2011 21:35:41
ตอนพิเศษค้างง่ะ งื้ดๆ TAT
อยากอ่านต่อๆ งอแงๆ  :sad4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 10-02-2011 21:56:55
 :serius2:อยากอ่านต่อออออออออออออออออออออออออออออออ o13
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 11-02-2011 00:49:00
สนุกมากค่ะ

ริวยะหื่นจริงๆๆๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: babyfaibossy ที่ 11-02-2011 03:08:10
สนุกมากเลยค่ะ

แต่แอบผิดหวังนิดๆ  :a5:

อยากอ่านแบบเศร้า ๆ  :o12: ชื่อเรื่องมันดูน่าเศร้าดี อิอิ ดิฉันมันซาดิส  :z2:

อ่านแล้วสนุกมากค่ะ ริวยะ เนี่ย หื่น สุดๆ จริงๆ

 อยากอ่านอีกอ่ะ  :m15:

ใกล้ วาเลนไทน์แล้ว  :L2: :L2: ให้ นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: kboom ที่ 11-02-2011 14:33:09
น่ารักมากอ่ะพี่น้อง
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 11-02-2011 19:57:36
จบแบบน่ารักดีค่ะ แต่อยากบอกว่าริวยะหื่นมาก
ว่างไม่ได้จับยูคิปล้ำตลอด

ชอบตอนพ่อริวยะกับตาของยูคิ
ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: pppp ที่ 11-02-2011 20:00:10
ยูคินี่น่ารักจริงๆ เนอะ
เสียดายนะคะ อยากให้แต่งเกี่ยวกับความสามารถของยูคิมากกว่านี้
แต่ก็นะ ไม่มีโอกาสแสดงความสามารถล่ะมั้ง ริวยะเล่นผูกขาดเวลาซะอย่างนั้น
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: mook0007 ที่ 11-02-2011 22:00:46
ริวยะหื่นมากๆเลย อย่างนี้ยูคิก็ช้ำหมดหรอก
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 12-02-2011 10:27:40

สนุกมากเลยค่ะ

แต่แอบผิดหวังนิดๆ  :a5:

อยากอ่านแบบเศร้า ๆ  :o12: ชื่อเรื่องมันดูน่าเศร้าดี อิอิ ดิฉันมันซาดิส  :z2:

อ่านแล้วสนุกมากค่ะ ริวยะ เนี่ย หื่น สุดๆ จริงๆ

 อยากอ่านอีกอ่ะ  :m15:

ใกล้ วาเลนไทน์แล้ว  :L2: :L2: ให้ นะจ๊ะ

ง่า ....ขออภัยค่า ที่ไม่โหด แหะ ๆ พอดีไม่ชอบตัวเอกทารุณกรรมกับนายเอกน่ะค่ะ  (ยกเว้นจับกด)
ปกติติดเขียนพระเอกซึน ๆ ไม่ก็หวานไปเลย (แต่ที่เหมือนกันคือหื่น)




ยูคินี่น่ารักจริงๆ เนอะ
เสียดายนะคะ อยากให้แต่งเกี่ยวกับความสามารถของยูคิมากกว่านี้
แต่ก็นะ ไม่มีโอกาสแสดงความสามารถล่ะมั้ง ริวยะเล่นผูกขาดเวลาซะอย่างนั้น

เคยคิดเขียนนะคะ แต่พอจะเขียน ก็งานเข้าดองทุกที -- นิยายเก่านี่พอห่างแล้วต่อติดยากจังน้อ

แต่ก็ไม่แน่ค่ะ ช่วงนี้เริ่มขยันแต่งตอนสั้น ๆ อาจจะได้ตอนพิเศษสั้น ๆ มาเพิ่มก็ได้ค่ะ ^ ^ อยากให้น้องยูคิมีบทเด่น ๆ เหมือนกัน โดนจับปล้ำตลอดศกอย่างเดียวเลย --"
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 12-02-2011 12:04:24
อ่านรวดเดียวจบเลยคะ ขอบคุณมากๆสำหรับเรื่องราวดีๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 12-02-2011 19:37:03
 :-[ ชอบมากมาย อ่านรวดเดียวจบเลยอ่ะ

มี  :m15: ด้วย ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ขออีกๆๆๆๆๆ ตอนพิเศษๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :กอด1:


บวกหนึ่งไปโลดดดดดดดดดดดด ห้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 12-02-2011 22:31:09
ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆแบบนี้ค่ะ
อิอิ
ว่าแต่คุณริวยะนี่หื่นจริงอะไรจริงนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 13-02-2011 13:55:35
หนูยูคิเลยอดเซอร์ไพร์วาเลนไทน์เลย น่ารักที่ซู๊ดด
ชอบทุกตอนเลย อ่านไปลุ้นไป พระเอกเราก็ปากแข็งเหลือเกิน
ชอบสร้างความเข้าใจผิดอยู่เลย มันน่านัก
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: gummin ที่ 13-02-2011 14:51:33
ยูคิน่ารักจังเลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: pupuzaa ที่ 13-02-2011 17:49:00
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: hahn ที่ 13-02-2011 18:46:26
อยากอ่านอีกอ่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: eyejaejae ที่ 13-02-2011 20:10:37
 :-[ ยูคิน่ารักจิงๆๆๆ จังๆๆ

ส่วนคุณริวยะ หื่นตล๊อด ตลอดดดด  ฮ่าๆๆ แต่ตัวนิดหน่อยก็เอาเชียว
ฮ่าๆๆ แต่ชอบบบบบบบบบบบบบบ

หนุกมากมายค่าาาา
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 13-02-2011 20:43:18
น่ารักดี แต่อยากให้มีบทหึงหวงมากกว่านี้อะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: kaowkong ที่ 14-02-2011 01:46:46
โอ๊วววว...อ่านแล้วเคลิ้มมมมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 14-02-2011 04:38:09
ยูคิกะจะเซอร์ไพรส์ ทำให้ทุกคนดีใจนี่นา

แต่ยังไงก็ยังดีที่พลาดไปแ่ค่สองคน แต่ได้เซอร์ไพรส์คนที่เหลือทั้งบ้าน

บวก 1 แต้ม สำหรับตอนพิเศษ ขอบคุณมากค่า

สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะคะ  :L1:

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: tray ที่ 15-02-2011 00:06:21
มาต่อให้อีกนิดเถอะเจ้าค่ะ
ได้โปรดเถอะนะเจ้าค่ะ
อยากอ่านอีกนิดก็ยังดีอะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 15-02-2011 15:38:23
น่ารักจัง ถึงแม้คาแรกเตอร์พระเอกนายเอกจะซ้ำๆ แต่เรื่องราวน่ารักม๊ากมาก ชอบค่า
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 15-02-2011 21:23:29
ตอนพิเศษเหมือนจะยังไม่จบเลยนะครับ ต่ออีกนิดได้ไหมเนี่ย ^^
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: catwander ที่ 17-02-2011 11:09:32
ซึ้งมากครับ แอบเสียน้ำตาไป 1 ปิ๊บ

 :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 17-02-2011 19:55:38
แต่งได้ดีครับ   :กอด1:


สนุกมาก   :o8:



 o13 o13
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: V ที่ 21-02-2011 22:23:07
 :-[

น่ารักที่สุดเลยยยย

อยากอ่านต่ออีกหน่อยอ่าา

 :impress2:

 :call:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Chocolate108 ที่ 22-02-2011 09:55:03
น่ารักอ่าาาาา
ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: fayala ที่ 22-02-2011 14:29:33
สนุก น่ารัก เบาสมองดีค่ะ ไม่เครียดเกินไป ชอบๆๆ
แอบเสียน้ำตาตอนจะจบด้วย ซึ้งในมิตรภาพอ่า.. T___T

ขอบคุณที่เอาเรื่องสนุกๆ มาให้ลงให้อ่านนะคะ.. +1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: ♫~Eristneth~♪ ที่ 25-02-2011 15:07:02
สนุกมากๆเลยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 02-04-2011 23:54:59
สนุกมากเลยค่ะ  ถึงพล็อตจะเดาออกได้ แต่ ก็แต่งได้น่าสนใจ น่าติดตาม น่าอ่าน  ไม่แพ้เรื่องอื่นเลยจริง ๆ นะคะ

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 03-04-2011 12:40:16
 o18  น่าหนุกจัง
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 18-04-2011 23:05:54
 :o8: กรีสสสสส  น่ารักเกินไปแล้ว  :-[
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: harusame ที่ 20-04-2011 22:34:50
บทที่ 1
ง่าาาา เศร้าแต่ต้นเรื่องเลยแฮะ
น่าสงสารยูคิอ่ะ T^T

บทที่ 2
กะเอาให้คุ้มสินะ เห่อๆ
โชคดีนะยูคิ //ยืนไว้อาลัยให้ยูคิ 3 วิ
สงสัยอย่างเดียว หวังว่าคงไม่ใช่ริวยะนะที่เป็นคนชนพ่อยูคิอ่ะ
ตอนแรกก็กลัวดราม่าเหมือนกัน แต่พอไรท์เตอร์ยืนยันแบบนี้แล้วค่อยยังชั่วหน่อย ฮ่าๆ

บทที่ 3
ริวยะใจร้ายอ่าาาาา ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วยยล่ะ  - 3-
ยูคิไม่เหลือที่ให้กลับจริงๆแล้วสิเนี่ย
เอ.....หรือจะไม่ได้ทำหว่าาาา
ยูคิจะรอดมั้ยเนี่ยยย

บทที่ 4
โหหหห ยังจะมีอารมณ์ไปประชุมอีกเนาะ ฮ่าๆๆๆๆ
สงสารยูคิง่ะ โดนซะขนาดนั้น - -

บทที่ 5
ที่แท้ก็เก็บรักษาดูแลไว้อย่างดีสินะ อืม........
เป็นคนไม่พูดนี่ก็ลำบากนะ ถ้าไม่ใช่คนที่อยู่ด้วยกันมานานๆก็ไม่รู้หรอก

บทที่ 6
พูดไม่เก่งก็เลยแสดงออกด้วยการกระทำสินะ
แล้วแบบนี้เค้าจะรู้มั้ย!!! แต่ก็อาจจะรู้นะ <<< เอ๊ะ ยังไง
ถ้าไม่พูดแบบนี้มันก็แค่สงสัย แต่ไม่กล้าคิดเองหรอก เนอะ

บทที่ี่ 7
โหหห เพื่อนแต่ละคน ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
ยูคิก็สุดยอดเหมือนกันนะเนี่ย
ไอ้ 3 - 4 วันที่เลทคือวันที่ยูคินอนซมสินะ เห่อๆ
อารากิจะทำยังไงน๊าาาาาา

บทที่ 8
เฮ้อ.....โล่งอก ตอนแรกก็คิดว่าอารากิชอบริวยะแบบนั้นจริงๆนะเนี่ย ฮ่าๆๆ
ดีจัง เข้าเรียนวันแรกก็ได้เพื่อนดีๆละ
ผู้อำนวยการก็เจ้าเล่ห์จริง แค่บอกว่าเป็นคนของมุราคามิก็ไม่มีใครกล้ายุ่งแล้ว
ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ตัวเองก็สบายเลยดิ ฮ่าๆๆๆๆๆ
คนที่อารากิชอบจะเป็นใครกันน๊าาาา อยู่ห้องเดียวกันป่าวเอ่ย
แล้วก็......โรงเรียนนีมันมีระดับชั้นละ 24 ห้องเลยเรอะ!!!

บทที่ 9
อะไรเนี่ยยยย เห็นเค้าหายดีหน่อยก็เอา(?)ใหญ่เลยนะ ฮ่าๆๆ
สงสารยูคิง่ะ ได้ไปเรียนวันเดียวก็ต้องหยุดอีกละ
และแล้วยูคิก็ได้เป็นคนของมุราคามิเต็มตัวซะทีนะ

บทที่ 10
ริวยะนี่ดื้อจริง ฮ่าๆๆ
นี่ถูกทาคุเตือนแล้วนะ ถ้าไม่จะขนาดไหนเนี่ยย
ยูคิหาย(ป่วย)เป็นไม่ได้เลยนะ

บทที่ 11
อาจารย์มิซาวะ!!!! อย่าบอกนะว่าเป็นที่ปรึกษาโฮมรูมน่ะ (หรือเราจะจำผิดหว่า)
แหม....อารากิ ไม่ค่อยเลยนะ เล่นของสูงจริ๊งงงงงงงงง ฮ่าๆ

บทที่ 12
โหววววววว 2 วันติดเลยนะนั่น
เกิดอะไรขึ้นในห้องนั้นมั่งละเนี่ย
ริวยะไม่ถนอมยูคิจริงๆน่ะแหละ = ="
หวังว่าคราวนี้คงไม่นอนซมอีกนะ

บทที่ 13
ถึงกับเข่าอ่อนกันเลยทีเดียว - -
จะอุ้มทีก็ต้องโทรบอกกันเลยแฮะ น่ากลัวจริงๆ
รีบๆนอนน๊าาายูคิ เดี๋ยวกลับมาอาจจะมีมาราธอนอีกรอบก็ได้ หึหึ

บทที่ 14
ริวยะมีน้อง!!!!!
มีพ่อแม่ด้วย!!!! <<< ไม่มีแล้วจะเกิดมาจากไหน - -*
ดีที่ยังมีน้องชายไว้สืบสกุล ฮ่าๆ
รอดูว่าวันนี้ยูคิจะได้ไปเรียนมั้ย หึหึ

บทที่ 15
เย้~ ยูคิขัดใจริวยะสำเร็จแล้ววว(?)
คนบ้านนี้ช่างน่ากลัว ว่าริวยะเจ้าเล่ห์แล้วบ้านใหญ่ยังจะเจ้าเล่ห์กว่าอีกเรอะ!
ตอนอยู่ในโรงเรียนถ้าฝากให้อาจารย์ใหญ่กับอารากิดูก็น่าจะหายห่วงไปอีกนิดล่ะนะ

บทที่ 16
โฮ่....โดนเอาตัวไปจนได้
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่ามันไม่ค่อยลื่นเท่าไรแฮะ
ต้องเป็นคนจากบ้านใหญ่แน่ๆ
หวังว่าคงไม่เกี่ยวกับประธานนะ

บทที่ 17
เย้ยยยยยยยยย มันปล่อยกันง่ายๆแบบนี้เลยเรอะ! ฮ่าๆ
ตอนแรกนึกว่าหมายถึงพ่อยูคิซะอีก
แหมๆ สองคนนี้มีเบื้องหลังกันนี่เอง
โชคดีจริงๆ ที่ยูคิเป็นหลาน ฮ่าๆ
ปล.ตอนทาคุโกรธน่ากลัวมากกกกก

บทที่ 18
สะ..สะ..ใส่(?)แบบไม่เตรียมเลยเรอะ!!!
น่ากลัวมาก แบบนี้จะลุกไหวมั้ยเนี่ย
ทั้งอาทิตย์!!! งานนี้มีตายกันไปข้าง ฮ่าๆๆๆ

บทที่ 19
ว้าววววววว อดีตอันหวานชื่น(?)
คนเรามันก็ต้องเคยมีอดีตกันทั้งนั้นละน๊าาา
แต่แปลกใจที่ทำไมเซอิจิไม่มีคนติดตามล่ะ
ถึงหนีมาได้ง่ายๆแบบนี้

บทที่ 20
ผู้หญิงคนนี้รู้ละเอียดดีจริงๆ - -
คุณพ่อคงจะแสดงความรักไม่เก่งละมั้งเลยออกมาแบบบังคับ
เรียวจังเข้มแข็งจังเลย

บทที่ 21
ง่าาาา พ่อของซายูรินิสัยไม่ดีอ่ะ
ทำให้เรียวจังเสียใจได้ไง
แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้นก็ไม่มีริวยะสินะ เฮ้อ......

บทที่ 22 (จบ)
ในที่สุดก็ได้รู้ความจริงกันซะที
ยูคิระบมแน่ ฮ่าๆๆๆๆๆ
แอบเขิลแทนคนงานในบ้าน ฮ่าๆ

ตอนพิเศษรับวาเลนไทน์
แอร๊ยยยยยยยยยยย ตอนนี้เหมือนเป็นตอนพิเศษของทาคุเลยนะเนี่ยยยย >///////<
คงไม่เคยมีใครให้ล่ะสิ คนบ้านนี้ก็ดูจะไม่สนใจเทศกาลกันอยู่แล้วนี่ - -
ขอบคุณสำหรับนิยายจ้าาา สนุกมากๆ ^^
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: l2_in* ที่ 27-04-2011 21:07:36
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ

ชอบมากเลยค่ะ อยากให้มีตอนพิเศษอีก  :laugh:   :laugh:

ชอบตัวละครทุกตัวเลยค่ะ ^^

 :bye2:   :bye2:   :bye2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 29-04-2011 00:32:49
 :-[ น่ารักมากๆ หวานเจี๊ยบ

เเรกๆดร่าม่า ทำเอาเศร้าหลังหวาน ที่สุด

ขอบคุณนิยายน่ารักๆค่ะ อยากได้ตอนพิเศษอีกจังค่ะ

+1 ค่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: pingwowo ที่ 01-05-2011 21:58:08
น้องยูคิน่าลั๊คมากอ่ะ

ทำเซอร์ไพล์สะด้วย

ริวยะอย่าโกดน้องยูคิเลยน๊า.... :-[ :-[
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 05-05-2011 22:01:09
อ่านรวดเดียวจบ น่ารักมากมายเลย ทั้งพระเอกนายเอก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: KMprince ที่ 05-05-2011 23:41:45
ตามอ่านมาถึงตอนที่ 5 แล้วค่ะ
ริวยะเนี่ยเป็นคนประเภทอ่อนโยนแต่ปากแข็ง
กลับแสดงออกไม่ค่อยเป็นใช่ไหมเนี่ย


แอบชอบทาคุกับอากิระ อิอิ

 o13
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Hachi_an1234 ที่ 06-05-2011 03:29:14
อ่านตอนแรกๆอะ.. แบบ เรื่อง No money คาโน่กับอายะเสะ วิ่งเข้ามาในหัวเลยอะ...
เรื่องนี้อ่านแล้วเพลินดีอะ... ถึงจะแบบพอคาดการณ์ล่วงหน้าได้..
แต่ก็ยังอยากอ่านอยู่ดี.. ฮาๆๆๆ...
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 06-05-2011 05:04:51
เป็นเรื่องที่อ่านไปยิ้มไป ฮ่าๆๆ ยูคิน่ารักมากๆเลยจร้า
ตอนแรกริวยะดูโหดอ่ะ แต่พอตอนหลัง อ๊ายยยยย น่ารักที่สู๊ดดดดดด
เหมาะสมกันมากๆเลยจร้า
สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 18-05-2011 12:28:45
 :L2: น่ารักค่ะ แม้คุณริวยะจะ*หื่น*ไปนี้สสสส  แต่ยิ่งอ่านยิ่งสนุกค่ะ :laugh:

ขอบอกว่าอ่านแบบนอนสต๊อป 2 วัน 1 คืนกันเลยทีเดียว โฮะๆๆๆ  o13
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Ryojung ที่ 19-05-2011 07:34:27
อ๊า  น่ารัก  หวานๆมากมายเลยค่า!!! ริวยุหื่นมาก เอิ๊กกก จะว่าไปแอบอยากเจาะลึกคู่อารากินะเนี่ย 555
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: so close ที่ 23-05-2011 06:57:23
 o13 แค่เริ่มต้นก๊น่าติดตามแล้วค่ะ (ถึงจะมาช้าไปหน่อย)
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 29-05-2011 19:55:11
น่ารักจริงๆ เลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 02-06-2011 16:19:51
 

:pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaUM ที่ 18-06-2011 01:17:08
ยูคิ จัง น่ารัก มาก ๆเลยค่ะ

ชอบจังเลย  อยากอ่านตอนพิเศษอีกนะคะ ^___________________________^
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 20-06-2011 01:29:44
่จบอย่างรวดเร็ว
ตอนแรกนึกว่าจะดราม่าเสียอีก
แต่ก็กุ๊กกิ๊กน่ารัก
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: parkjaewon ที่ 24-07-2011 19:33:21
อ้าวO_O จบซะงั้น
อยากอ่านต่ออ่ะ :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: parkjaewon ที่ 24-07-2011 21:01:37
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: parkjaewon ที่ 24-07-2011 21:25:04
คนๆนั้นของอารากิคือใครกันนะ

อยากรู้จัง :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: parkjaewon ที่ 24-07-2011 21:39:06
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: parkjaewon ที่ 24-07-2011 22:18:11
3 วัน!!!! :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: พอลลี่ ที่ 25-07-2011 20:03:11
เย้ในที่สุดก็อ่านจบ
หวานกันมากมาย
ชอบมากเลยอะ o13
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: fay_13 ที่ 25-07-2011 20:22:40
อ่านจบแล้วววววววววว / จุดพลุฉลอง

ชอบมากเลยค่ะ น่ารักมากๆ ยูคิจังน่ารักสุดๆไปเลยอ่ะ

ว่าแต่ตอนพิเศษตัดจบแค่นั้นจริงๆอ่ะเหรอ?? มาต่อให้อีกจิ๊ดนึงก็ยังอ่ะ มาต่อหน่อยเถอะนะค้าาาา พลีสๆๆๆ  :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: mintny ที่ 26-07-2011 10:22:46
เริ่มเรื่องมานายเอกก็เสียพ่อซะแล้ว
แย่จังคะ  หวังว่าชีวิตจะไม่รันทดนะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 26-07-2011 19:25:44
ตอนแรกๆ นี่คุณริวยะซึนเดเระมากเลยค่ะ
ชอบเค้ามาตั้งแต่แรกแล้วหนิ อิอิ

น่ารักมากเลยค่ะ

 o13 o13
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 27-07-2011 06:36:15
ตอนแรกออกแนวตบจูบ+พระเอกปากแข็ง พูดน้อยต่อยหนัก

แต่ไหงหลังๆมันถึงได้หวานฉ่ำกันจนน่าอิจฉาขนาดนี้

ยูคิน่ารักอ่า น่ารักโพดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ริวยะก็หื่นโพดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แต่งได้น่ารักมากๆเลย ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: nammy ที่ 27-07-2011 17:11:10
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ o13
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 08-08-2011 02:16:02
หวานปนหื่นน่ะเรื่องนี้
แต่ชอบค่าาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 10-08-2011 23:40:33
เรื่องของคุณตาซึ้งมากๆ เลย

ปิดท้ายด้วยริวยะยังคงความหื่นไว้อย่างที่สุด
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: dariganae ที่ 20-08-2011 10:21:23
อ่านรวดเลย>.<!!! คุณปัดแต่งเก่งมากกกกกกกกกก

ที่จริงใกล้สอบแล้วต้องอ่านหนังสือ แต่ มาเจอเรื่องนี้แล้วอ่านไปหนึ่งตอน กะว่าหลังสอบเสร็จจะมาอ่านต่อ
ที่ไหนได้ รู้ตัวอีกทีก็อ่านจบแล้ว (เหลือบมองเวลา เฮือก เกือบสามชั่วโมง)

อ่านแล้วติดมากกกกก หนูยูคิน่ารักมากกกกกกกกก แม่ยกปลื้มค่ะ><
เรื่องราวคุณตานี่เล่นเอาน้ำตาซึม ซึ้งไปด้วยทีเดียวววว

ตอนพิเศษน่ารักโฮกกกกกก แต่รู้สึกแอบค้าง ฮ่าๆๆๆ อยากรู้วิธีสารภาพของหนูยูคิจังเลยน้า

ขอบคุณนักเขียนที่เขียนผลงานดีๆมาให้อ่านนะคะ^^
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: borg ที่ 25-08-2011 15:26:26
สวัสดีค่ะมาให้กำลังใจ คุณน่าทำหนังสือนะค่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 27-08-2011 00:03:30
ไม่ได้เช็คซะนาน ขอบคุณเมนต์บน ๆ ที่ชอบด้วยนะคะ ^ ^

สวัสดีค่ะมาให้กำลังใจ คุณน่าทำหนังสือนะค่ะ

เคยคิดจะทำค่ะ แต่ส่วนตัวเรื่องนี้แต่งนานแล้ว และคิดว่ามันยังไม่ค่อยจะดีพอจะรวมเล่มน่ะค่ะ --" ทั้งเนื้อเรื่อง ภาษา ยังกลวง ๆ อยู่เลย ก็เลยเว้นไว้ก่อนน่ะค่ะ  แต่รู้สึกดีใจนะคะ ที่นักอ่านอ่านแล้วชอบกัน

ป.ล. ถ้าชอบแนวสไตล์ เมะคุกคาม กับเคะน้อยน่าถนอม ราว ๆ นี้ ไว้จะลองแต่งมาให้อ่านใหม่นะคะ

แต่ตอนนี้ขอเคลียร์ ๆ เรื่องที่ค้างไว้ก่อนล่ะค่าา
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: earnearn ที่ 28-08-2011 17:57:01
อ๊ายยยยย ขอร้องดังๆๆหน่อยๆๆ  :o8: :o8:

เขิลๆๆๆ ยูคิน่ารักมากอ่ะๆๆๆๆ  :o8: :o8:

ชอบๆๆ ริวยะ ซึนๆๆ แต่น่ารัก

ขอบคุณสำหรับนิยายนะค่ะ ชอบมากๆๆ

ปล.ขอตอนพิเศษหน่อยน่า  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: NAS ที่ 02-09-2011 18:24:06
น่ารักมากค่ะ คุณปัทม์ไม่แต่งเพิ่มอีกซักนิดหรือค่ะ อยากได้เป็นหนังสือนะค่ะ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 02-09-2011 19:04:11
อ๊ายยยยย ขอร้องดังๆๆหน่อยๆๆ  :o8: :o8:

เขิลๆๆๆ ยูคิน่ารักมากอ่ะๆๆๆๆ  :o8: :o8:

ชอบๆๆ ริวยะ ซึนๆๆ แต่น่ารัก

ขอบคุณสำหรับนิยายนะค่ะ ชอบมากๆๆ

ปล.ขอตอนพิเศษหน่อยน่า  :impress2: :impress2:

ู ^ ^" จะพยายามหาเวลามาแต่งต่อนะคะ ทิ้งไว้นานจนลืมคาแรกเตอร์แล้วค่ะ


น่ารักมากค่ะ คุณปัทม์ไม่แต่งเพิ่มอีกซักนิดหรือค่ะ อยากได้เป็นหนังสือนะค่ะ
ขอบคุณค่ะ

ถ้ามีโอกาสจะลองรีไรท์ดูนะคะขอบคุณที่สนใจนิยายค่า ^ ^
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: saradino11 ที่ 25-09-2011 23:17:18
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: represser ที่ 26-09-2011 13:53:43
“เธอไม่ต้องกังวลหรอกสำหรับเรื่องนั้น คนอย่างฉันทำอะไรไม่เคยขาดทุนอยู่แล้ว”
โอ๊โอ  ไม่ขาดทุนไม่เท่าไหร่  แต่กลัวจะเอากำไรสูงด้วยนี่สิ  แล้วยูคิน้อยจะทำไงละเนี่ย  :เฮ้อ:  (สงสารยูคิ  แต่คนอ่านก็ชอบให้เป็นแบบนี้ :laugh:)
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 27-09-2011 23:45:35
ยูคิผู้บอบบาง ไม่ไหวๆ โดยริวยะ ทำเข่าอ่อนตลอด
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: pidoma2009 ที่ 28-09-2011 01:59:05
 o13




 :pig4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: aezac ที่ 28-09-2011 16:05:44
 :o8: :-[ :impress2:


 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: ♥Täsinä→l3€LL♥ ที่ 28-09-2011 22:18:19
สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: indyska ที่ 29-09-2011 14:03:36
-..-  เอร๊ยย หื่นได้ใจ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: ✪PATTY✪ ที่ 15-10-2011 23:33:33
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Vavaviz ที่ 24-10-2011 12:14:21
แต่งน่ารักจังเลยยยยยยยย *-*

เก่งจังเลยค่ะ ! ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุก ๆนะคะ ~
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมสัมปันนี ที่ 24-10-2011 17:25:02
ชอบมากกกกกก  ขอบคุณฮะที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน ขอบคุณเล้าเป็ดด้วยที่เอื้อเฟื้อสถานที่
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: kuro ที่ 26-10-2011 13:08:50
กรงรักที่สร้างขึ้นยังไงก็แตกเพราะรัก
แต่รักนี่แหละดีที่สุด
 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 29-10-2011 20:49:26
สนุกมากเลยค่ะ ^^

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: pronpailin ที่ 30-10-2011 11:20:38
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ ครั้งแรกเลย เมื่อวานตอนเย็น อ่าน ยาว มา เรื่อยๆ จบซะแหละ แต่ ชอบมาก เลย
 o13
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 30-10-2011 16:44:55
ตอนจบแอบซึ้งในความรักของเพื่อน

ตอนพิเศษก็แอบหวาน

 o13
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 09-12-2011 19:05:31
ริวยะคงยิ้มแป้นแล้นเลยแหละหลังจากรู้เหตุผล หุหุ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: nano ที่ 11-12-2011 17:50:50
กรี๊ดดดดด.  ริวยะชั้นยอมเป็นทาสในเรือนเบี้ยคุณ. 55
ยูคิก็น่ารักซะแบบนี้ไม่ให้ริวยะหลงได้ไง
อ่านๆไปรู้สึกทาคุเป็นนักวางแผนนะเนี่ย

อยากให้มาต่ออีก อยากรู้ยูคิจะง้อริวยะยังไงนะ สงสัยไม่ได้ออกมาอีกสามวัน อิอิ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: karn49 ที่ 11-12-2011 22:10:49
น่ารักสุด ๆ ! > <
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: nanajung ที่ 13-12-2011 16:18:51
ชอบนิยาย สไตร์นี้มากเลย พระเอก ต้องแถว โหดๆ นิ่งๆ เย็นชา ถูกใจ

นายเอก ก็บทบาท นางเอกจริงๆเลย นายเอกผู้แสนดี  อิอิ ถูกพระเอก จับกด

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: zetsubo ที่ 19-01-2012 23:01:53
โอ๊ย ตามมาอ่านแล้วน่ารักอะ >w<  บางตอนซึ้งมากมาย 555

แต่อยากรู้ตอนต่อไปของตอนพิเศษอะ ริวยะจะทำอย่างไรต่อไป 555 อยากรู้ๆๆๆ :z13:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: nayne ที่ 23-01-2012 13:54:53
นิยายสนุกมากเลยค่ะ
อ่านรวดเดียวจบเลย
ยูคิน่ารักมาก :impress2:
คนเขียนแต่งเก่งมากเลย
จะคอยติดตามผลงานนะค่ะ
เห็นบอกว่ามีฟิคป๋าอาซามิด้วย :haun4:
อยากอ่านมากเลยค่ะ
คิดถึงป๋ามากมาย :sad4:

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 04-03-2012 17:40:21
ยังคงสนุกอยุเหมือนเดิมนะค้า
แต่ว่า ริวยะหื่นได้ใจมากค่ะ :haun5:
อยากรุเหมือนกานนะคะว่า
คนเขียนแอบคิดรัยอยุป่าวตอนแต่งเรื่องนี้น่ะ :impress2:
ล้อเล่นค่า
จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปอยุนะคะ :give2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 06-03-2012 14:39:07
สนุกดีค่ะ เป็นพล็อตเรื่องเรียบๆแต่น่ารักมากค่ะ ยูคิก้ออย่าดื้อกับริวยะมากนัก มีอะไรขอให้บอกริวยะเค้าก้อพร้อมจะตามใจอยู่แล้ว  ส่วนริวยะก้อทะนุถนอมสุขภาพน้องยูคิด้วยนะคะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆนะคะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: akeins ที่ 10-03-2012 15:07:14

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 11-03-2012 14:46:41
ริวซังยูคิ  อ่านเมื่อไรก็สนุกเมื่อเดิม ทาคุ ยังเท่เมื่อเดิม
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 13-03-2012 12:05:34
 :-[ริวจังน่ารักมากเลยอะท่านยูคิก็เท่มากๆๆๆๆๆอ่านแล้วอิดฉาริวจังเลยอะอิอิ
ปล.  อยากให้มีตอพิเศษมาอีกอะอิอิหวังมากไปรึเปล่าวว้า :กอด1: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 19-03-2012 01:18:41
 o13 :impress2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: biw43 ที่ 20-03-2012 10:28:17
หวา .. ชอบมากเลย น่ารักมาก  o13
ชอบม๊ากกกกกกกกกกกก กก แต่งเก่งจริงนะค่ะ
อ่านสองวันจบเลย 5555555555

ชอบมากๆจริงๆนะค่ะ ยูคิน่ารัก  :กอด1:
ว่าแต่โดนพระเอกจับกดตลอดเลย แอบสงสารน้องหนูเบาเบาๆนะค่ะ
อยากให้ต่อตอนพิเศษอีกซักนิด
มันค้างอ่ะค่ะ 555555555  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 20-03-2012 19:10:18
สนุกมากมาย ช๊อบชอบบบบบบบบบบบบบบบ น่ารักที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Number1_90 ที่ 24-03-2012 12:08:44
สนุกมากกกกกกกกกกก

หวานๆ อ่านเเล้วเขิน  :o8:

ขอบคุณค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเล็ก ที่ 28-03-2012 02:33:39
ตามมาอ่านเรื่องนี้
นะคะ
สนุกมากๆๆๆค่ะ
เนื้อเรื่องยังคงน่ารัก สดใส เหมือนเดิม
ยังไงก็ อยากอ่านตอนพิเศษอีกอ่ะค่ะ
อย่าลืมนะคะ (แอบเอาแต่ใจนิดๆๆ 555+)
มีผลงานเรื่องอะไรก็บอกกันบ้างนะคะ
จะติดตามทุกๆๆเรื่องเลยค่ะ^^
ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวดีๆๆมาให้อ่านกัน
และ คิดถึงนะ อย่าลืมต่อตอนพิเศษนะคะ
ถ้าว่างๆๆ จุ๊บๆๆ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: ekonut ที่ 29-03-2012 22:40:06
อยากให้มีตอนพิเศษเรื่อยๆๆ

 o13
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Silver-Ray ที่ 02-04-2012 00:00:51
น่ารักมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Pupay ที่ 04-04-2012 23:59:55
น่ารัก สนุกมากค่ะ  :L2:

 :pig4: นะคะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: beery25 ที่ 05-04-2012 16:54:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 07-06-2012 06:54:14
ทาคุน่ารักดูเป็นผู้ใหญ่มาก ๆ เลย สมแล้วที่ริวยะให้ดูแลยูคิ ริวยะก็แรก ๆ ทำเป็นไม่พูด หลัง ๆ นี่ไม่ค่อยเลยนะใช้ภาษากายตลอดเลย เซอิจิกับเรียวซึ้งมาก ๆ เลย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 07-06-2012 09:39:13
 :กอด1:อ่านทีเดียวจบเลยอะสนุกมากเลย :กอด1: :กอด1:


ชอบริวยะกับยูคิที่สุดเลย :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: nok03 ที่ 08-06-2012 21:54:27
มีรวมเล่มไหมคร้าบบบบ พอดีพึ่งเป็นสมาชิกใหม่อ่ะคร้าบ ยัง งงๆ เลยตามไม่ค่อยทัน
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Inamning ที่ 10-07-2012 23:06:54
ริวยะ จัดหนักตล๊อดดดดดดดด สงสารยูคิ  :jul1: :jul1:

มีตอนพิเศษมาเรื่อยๆๆนะค๊าาาาาา หนุกๆๆๆๆๆ

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: zeeza999 ที่ 13-08-2012 10:29:55
ยูคิน่าร๊ากกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: gift5530 ที่ 01-09-2012 11:19:54
อ่านรวดเดียวจบเลย ชอบแนวนี้มากๆ

ตอนพิเศษเหมือนมันยังไม่จบนะค่ะ รอนะค่ะเพื่อมีข่าวดี
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 04-09-2012 10:23:03
ขอบคุณค่ะ น่ารักจัง ^^
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 04-09-2012 19:45:22
อ่านจบแล้วค่ะ ขอบคุณมากค่ะ (สงสัยต้องไปซื้อทิชชู่อีกแระหมดไวจริงๆ)  :pighaun:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 18-10-2012 15:55:22
ตามอ่านจนจบบทสุดท้ายซึ้งมาก ๆ  :monkeysad: อ่านไปน้ำตาคลอเบ้าเลย ไม่คิดว่าผู้เขียนจะเขียนบทดราม่าได้ดีขนาดนี้น่ะ เพราะ ตั้งแต่แรกเริ่มจะออกแนวหื่น ๆ ตลอด  :o8:แต่คนอ่านชอบน่ะ :impress2: เรื่องนี้สามารถเขียนเป็นเรื่องยาวได้เลยน่ะ เสียดายสั้นไปหน่อยน่ะ เพราะตัวละครแต่ละตัวก้อน่าสนใจกันหลายตัวเลยน่ะ ถ้ามีภาคสองต่อก้อดีน่ะ เพราะยังมีชีวิตในโรงเรียนของยูคิที่น่าสนใจ เรื่องราวในการทำงานของริวยะอีกน่ะ เพียบเลย
ป.ล.เล่มนี้ขอซื้อเป็นเล่มมาเก็บให้หวานชื่นในหัวใจอีกเล่มเลยล่ะ เดือนหน้าจัดเต็มแน่นอน  :z1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 18-10-2012 16:04:15
ไม่ทราบว่าในหนังสือจะมีตอนพิเศษต่อจากที่ค้างไว้หรือเปล่าจ้ะ อ่านแล้วมันค้างอย่างแรงน่ะ :m16:
ป.ล.คุณปัทแต่งเก่งมาก ๆ เลยน่ะ ชอบ ๆ :impress3:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Xenon ที่ 18-10-2012 17:25:31
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับคอมเมนต์ แต่เรื่องนี้ไม่มีรวมเล่มค่ะ ^^" เพียงแต่ มีกำหนดจะเขียน พล็อตคล้ายกัน แต่เป็นเรื่องใหม่แทนค่ะ

พล็อตที่ว่าก็คือ เคะน้อยในกรงทอง + เมะหื่น ๆ ปากหนัก ซึน นั่นเองค่ะ  ^^
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 19-10-2012 08:56:40
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับคอมเมนต์ แต่เรื่องนี้ไม่มีรวมเล่มค่ะ ^^" เพียงแต่ มีกำหนดจะเขียน พล็อตคล้ายกัน แต่เป็นเรื่องใหม่แทนค่ะ

พล็อตที่ว่าก็คือ เคะน้อยในกรงทอง + เมะหื่น ๆ ปากหนัก ซึน นั่นเองค่ะ  ^^
โอ้โฮ้ ชื่อได้ใจมาก ๆ เลยน่ะ ยังไงรอติดตามน่ะจ้ะ :z1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: maykiz ที่ 23-11-2012 01:40:39
สนุกมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ น่าจะต่อตอนพิเศษอีกซักนิดนึงนะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 25-11-2012 10:53:06
มาย้อนอ่านอีกรอบค่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 27-11-2012 23:46:33
ขอบคุณนะคะ
แต่งได้สนุกมากเลยคะ
เสียอย่างเดียว พระเอกเรามีบทน้อยไปหน่อย
วันๆไม่ทำไรเล๊ย โมโห กะ หื่น ตลอด  นายเอกช้ำหมด
เสียดายที่นายเอกไม่ได้โชว์ความสามารถซักเท่าไหร่
ตอนท้ายๆโดนคุณเซอิจิแย่งซีนไปซะเยอะเลย

รอติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะคะ
+1 ค่ะ
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 29-11-2012 00:11:13
อ่านรวดเดียวจบ สนุกมากค่ะ
ขอบคุณที่แต่งเรื่องน่ารักๆ ของริวยะกับยูคินะคะ ชอบมากกก >w<
เป็นเรื่องที่อ่านไปยิ้มไป ริวยะเป็นผู้ชายที่หื่นมว๊าก 55
ตอนจบแอบน้ำตารื้นกับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ซึ้งมากค่ะ  o13

 :L2: :L2:

หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: FFS_Yaoi ที่ 04-02-2013 03:37:14
 :-[ ยูคิ น่ารักอะ

เรื่องสนุกมากๆๆเลยอะ o13
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 05-02-2013 13:30:59
น่ารักอ่ะ......มีความสุขที่ได้อ่านครับ ถึงจะไม่ค่อยชินตากับการอ่านชื่อแบบญี่ปุ่นเท่าไร แต่ก็ไม่เป็นปัญหาครับ สนุกดี
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 05-02-2013 18:53:44
สนุกมากค่ะ ชอบๆๆๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: nalintip ที่ 02-03-2013 19:18:32
 :sad4: :sad4: :sad4: น่าสงสารอ่ะ
ถึงจะมาอ่านช้าไปแต่สนุกมากค่ะ จะติดตามให้จบค่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: nalintip ที่ 02-03-2013 20:25:32
 :impress2: :impress2: ชอบยูคิ กับริวยะ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 19-04-2013 20:37:17
ในที่สุดก็ตามอ่านรวดเดียวจบ
เรื่องนี้ยูคิน่ารักดี
แต่ริวยะเนี่ย...
ก็รักจริง รักจัง และหื่นจริงๆ ฮะๆๆ ^^

แต่ก็เป้นเรื่องที่กุ๊กกิ๊ก
พลางหยิบทิชชู่ซับเป็นระยะๆ พอประมาณ

ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆนี่นะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 30-04-2013 21:41:16
ยูคิน่ารักจัง ดีนะที่คุณริวยะเลือกที่จะเปิดเผยความในใจ
ไม่งั้นคนอ่านก็คงต้องลุ้นกันน่าดู แต่ก็ยังอยากอ่านฉากหวานของคู่นี้อีกอะคะ  :mew3:

น้ำตาไหลซึ้งกับมิตรภาพของคำว่า"เพื่อน"ระหว่างคุณตาของยูคิและคุณพ่อของคุณริวยะ

ขอบคุณผู้เขียนคะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 06-05-2013 21:02:46
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: aoaer ที่ 15-06-2013 21:24:29
 :mew2: :mew2:  น่ารักจังเลยอ่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 24-06-2013 16:29:15
ริวยะนี่หื่นเข้าขั้น  หึหึ  ชอบบุคลิกแบบทาคุอ่ะ  อิอิ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 05-08-2013 23:44:24
กลับเข้ามาอ่านอีกรอบค่ะ อยากให้มีตอนพิเศษอีกจังเลย มันสนุกอะ มันใช่อะ มันโดนอะ!!!

ไม่มีมือที่3ให้ปวดหัวด้วย ชอบจังค่ะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: nichytaec ที่ 06-11-2013 08:26:21
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆ ชอบๆๆๆๆ ค่ะ แม้เราจะเป็นคนประเภทตัวละครที่มือชื่อญี่ปุ่นไม่ค่ยจะได้ก็เถอะ แต่เราก็ชอบเรื่องนี้มากๆ เลยนะ ริวยะคงถูกตาต้องใจหนูยูคิตั้งกะเห็นแวบแรกเมื่อครั้งที่อีกคนช่วยเหลือแล้วล่ะสิ แอบกลัวหน่อยๆ ตอนที่พ่อหนูยูคิเสียคือกลัวว่าพระเอกเราจะมีส่วนเกี่ยวข้องไหม สรุปคิดมากกว่าคนแต่ง ก๊ากกกกกกก แต่แหมๆๆๆ ริงยะปากหนักแต่หื่นจัดมานะคะ เผลอไม่ได้จับกดตลอดไม่เป็นอันเรียนกันเลย มีความคิดเดียวกะชิโนะเลยว่าห่วงสุขภาพของยูคิ ถึงเจ้าตัวจะยังเด็กแต่ไม่ใช่จะบึกบึน เอ๊ะ!!! หรือนี่จะเป็นเหตุผลให้ริวยะจับหนูยูคิมาออกกำลังกายกันนะ แต่วันๆ นึงก็ไม่ควรหักโหมนะ เดียวหัวใจวายกันพอดี #หมายถึงคนอ่านอะนะ 55+ 

เรื่องราวสมัยรุ่นตารุ่นพ่อของพระนายทำให้เราแอบจิ้นได้อีกคู่เลยเชียว #เลือดสาววายมันเข้มข้นมากๆ แต่มันก็ผ่านมาแล้วแถมคุณตายูคิก็จากไปแล้วนี่นะ ถ้ายังอยู่จะแอบเชียร์อีกคู่หาได้แคร์แม่ริวยะไม่ ก๊ากกกกกกก สนุกมากเลยค่ะไม่รู้ต้องใช้คำไหนแล้วนอกจากคำนี้ แม้จะแอบเสียดายที่ไม่มีตอนหนูยูคิใส่ยูคาตะ แต่เราจะไม่เสียใจ แงงงงงงงงงงงง

ขอบคุณนะคะ  o13
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 10-12-2013 16:02:37
สนุกมากๆ ขอบใคุณนะคะ  ^__^
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: sek-sy ที่ 11-12-2013 19:35:49
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆนะครับ ยูคิน่ารัก ส่วนอีตาริวยะนี่ "หื่น" เวอร์ และจะติดตามเรื่องต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: yuierror ที่ 13-12-2013 11:59:30
 :man1: :ling1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 15-12-2013 01:30:27
จบแล้วอ่ะ ยังอยากอ่านต่ออยู่เลย

ขอบคุณนะค่ะ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: benji ที่ 15-12-2013 15:43:06
ยูคิ น่ารักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่แปลกใจเลยที่ใครๆ ก็ตกหลุมรัก นิสัยคงถอดแบบมาจากคุณตาสินะคะ  :mew1:

ริวยะ ขี้อาย เหอะๆ ทีเวลา  :oo1: ไม่เห็นอายเลยนะ คริคริคริ

แต่ว่านะ คุณตา กับ คุณพ่อสามี แอบแย่งซีน นะคะ เล่นซะน้ำตาซึมเลย  :monkeysad:

ขอบคุณสำหรับนิยาย หวานๆ ของหนุ่มขี้อายกับเด็กน้อยใสซื่อ นะคะ คุณคนเขียน
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: benji ที่ 15-12-2013 17:58:02
ตอนพิเศษ >>> ยูคิ ก็ยังคงน่ารัก และใจดีกับทุกคนอยู่เสมอ

สงสัยจะเป็นครั้งแรกของคนบ้านนี้ที่ได้ของขวัญสินะ ทาคุ เริ่มโดนละลายน้ำแข็งซะแล้ว คริคริ
^
^
^
^
^
^
อยากอ่านบทลงโทษเด็กน้อยหนีเที่ยว ของริวยะอ่าค่ะ คนเขียน
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 17-12-2013 22:35:55
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 18-12-2013 01:14:51
 น่ารักจัง  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Niinuii ที่ 21-03-2014 23:12:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 23-03-2014 11:28:05
น้ำตาไหลกับมิตรภาพของุคุณตาอ่ะ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: SWIM ที่ 23-03-2014 11:44:09
น่ารักอ่ะ >< อิ้อิ้  :pig4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 05-05-2014 15:47:15
อ่านจบแล้วขอบอกว่าใช้เวลาถึง 2 วันกว่าจะจบ ไม่ใช่ไรเสียเวลาเติมเลือดเป็นระยะ สนุกมากเลยค่ะ ยูคิน่ารักมาก ส่วนริวยะก็หื่นได้ใจเอะอะพาขึ้นเตียงตลอด อยากอ่านเรื่องของคนอื่นด้วยค่ะเสียดายจบเร็วไปหน่อย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: natt lUcky ที่ 05-05-2014 20:46:05
มาอ่านอีกรอบ หนูยูคิก็ยังน่ารักเหมือนเดิม หุหุ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: ckk ที่ 23-05-2014 13:59:46
สนุกมากค่ะ o13
อ่านแล้วมีความสุข :L1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: BankkunG23 ที่ 25-05-2014 23:30:15
สนุกมากเลย
ขอบคุณครับ ^.^
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: +zoLoMegWoz+ ที่ 03-07-2014 15:31:15
ริวยะเนี่ยจะจีบเด็กทั้งทีแต่ดันไม่ยอมบอกความจริงตั้งแต่แรก
:pig4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: poonnana2533 ที่ 06-07-2014 05:37:46
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 16-09-2014 23:43:38
สนุกมาก

ยังไม่อยากให้จบเลย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: phobeerinsight ที่ 17-09-2014 21:59:43
แวะมาอ่านจร้า :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: CorNnE PRiNCeS ที่ 26-09-2014 15:37:16
:haun4:

พระเอก เสมอต้น เสมอปลาย ดีจัง

ช้ำแน่ๆ นายเอก

ของคุณเรื่องราวดีๆ นะคับ

 :L1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: teamkoyza ที่ 22-02-2015 22:19:38
น่ารักอะ มีดราม่านิดๆหน่อยๆ อิอิ
นอกนั้น คุณสามีหื่นตลอด อ๊ายยย
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหญิงผมซอยปลาย ที่ 06-05-2015 19:36:55
อ่านจบแล้ววว หนูยูคิน่ารักมากเลยค่ะ แอบหลงรักคุณพ่อบ้าน ทาคุเบาๆ ฮ่าา  :m3:

แอบเห็นแบบฉบับ รีเมกด้วย แต่ขี้เกียจตามไปอ่านจัง ฮ่าา ล่อเล่นค่าา สนุกมากมายยย  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 06-05-2015 22:16:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 16-05-2015 21:22:37
 :o8:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: yunhai9 ที่ 15-07-2015 22:32:32
 o13 :sad11:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 02-01-2016 23:44:43
น่ารัก สนุกมาก ๆ ครับ ริวยะหื่นมาก

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 26-02-2017 00:38:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: armsa2531 ที่ 10-01-2018 19:16:02
ชอบมากๆเลยแนวนี้ 55
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 03-01-2019 21:39:47
น่ารัก :katai2-1:เจ้ามรดก
ชอบแนวนี้มาก :pig4:
หัวข้อ: Re: กรงรัก...พันธนาการใจ >>> บทที่ 21 - 22 [จบ]+ตอนพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Theera ที่ 17-03-2019 22:03:38
สนุกดีครับ