พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Silver Fish ที่ 04-06-2017 01:32:42

หัวข้อ: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 04-06-2017 01:32:42
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ


*****************************************************************************************

เรื่องย่อ
สั้นๆ นะ
ฉีกกรอบความนุ่มนิ่มของโอเมก้า!!

ซีรีย์มหาลัย
หนุ่มวายยกกำลังสอง (เฟย์xปอนด์) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47430.msg3098237#msg3098237) [จบแล้ว]
เป็นเกย์กันมั้ย? (ซันxโป้) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51735.msg3298900#msg3298900) [จบแล้ว]
Contract มาเฟีย (ป๋าxมิท) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54115.msg3391025#msg3391025) [จบแล้ว]
??? (ริวxธัน) (http://) [coming soon]
??? (วาxเล่) (http://) [coming soon]

ผลงานแนวแฟนตาซี
Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46006.0) แฟนตาซีแวมไพร์หมาป่า แนวเกมเข้าใจง่าย [จบแล้ว]
มิติมายา ผมกลายเป็นเงือก (http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1515406) แฟนตาซีโลกเวทมนต์สลับโลกไฮเทค

เรื่องสั้น
Yuki Hana โนบุยูกิxนาคาอิ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54310.msg3399635#msg3399635)
ข้าวโพดสื่อรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55283.msg3450873#msg3450873)
บทบาทพระรอง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55794.msg3477847#msg3477847)

ติดต่อตบตีได้ที่
https://www.facebook.com/pages/Silver-Fish/1539533922963776
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 4/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 04-06-2017 01:35:17
1

   ทุกคนในโลกล้วนมีความลับไม่ต่ำกว่าหนึ่งเรื่อง ซึ่งผมเองก็เป็นคนที่มีความลับเช่นเดียวกัน ความลับอันยิ่งใหญ่ไม่สามารถปริปากบอกใครได้แม้แต่เพื่อนสนิทมิตรสหายหรือผู้ใหญ่ที่เคารพรัก เพราะถึงบอกไปเขาคงหาว่าผมบ้า สติไม่เต็ม เลี้ยงเด็กจนเพ้อเจ้อ และอื่นๆ อีกมากมาย

   เกริ่นมาตั้งนาน ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ผมมีนามอันไพเราะว่า ‘อลัน’ นามสกุลไม่มี เพราะเป็นเด็กกำพร้าถูกทิ้งไว้หน้าสถานเลี้ยงเด็กเมื่อยังแบเบาะ ปัจจุบัน อายุ 18 ปีบริบูรณ์ รูปร่างสูงโปร่ง หุ่นยาวเข่าดี และมีเพศสภาพเป็น ‘โอเมก้า(Omega)’ ตามนั้นล่ะครับ

   โลกใบนี้นอกจากชายหญิงแล้ว ยังแบ่งเพศออกเป็นสามเพศ ให้เปรียบคงเหมือนสังคมของหมาป่า อัลฟ่า(Alpha)คือจ่าฝูง ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย อัลฟ่าสามารถทำผู้หญิงและโอเมก้าตั้งท้องได้ ซึ่งมีประชากรอยู่ไม่มาก และส่วนใหญ่จะมีหน้ามีตาอยู่ในระดับผู้นำ

   ต่อมาคือเบต้า(Beta) สมาชิกในฝูงที่มีอยู่ดาษดื่น และมีประชากรมากที่สุดจากทั้งสามเพศ ไม่มีผลได้ผลเสียอะไรกับสองเพศที่เหลือ แม้จะดูว่าธรรมดา แต่ผมคิดว่าเพศนี้เป็นเพศที่น่าอิจฉาที่สุด

   สุดท้าย เพศสภาพของผมเอง โอเมก้า ชะละล่า เหมือนจะอารมณ์ดีนะ คือความจริงผมปลงแล้ว โอเมก้านั่นเปรียบเสมือนตัวเมียของจ่าฝูง ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็สามารถตั้งท้องได้ และมีช่วงที่น่ารังเกียจอย่าง ‘ฮีท’ เรียกภาษาชาวบ้านก็การติดสัดนั่นแหละ ซึ่งเป็นอะไรที่ผมทั้งรักทั้งชัง เพราะช่วงนี้เหล่าโอเมก้าจะมีความต้องการทางเพศสูงจนถึงระดับที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ และฟีโรโมนยังคอยกระตุ้นพวกอัลฟ่าให้กระโจนใส่ดุจสัตว์ป่า

   หากวัดกันแล้วถือเป็นเพศที่มีจำนวนน้อยและแรร์ไอเท็มสุดๆ ดูเลอค่าใช่ไหม? เปล่าเลย แทนที่ทุกฝ่ายจะให้ความสำคัญกลับดูถูกโอเมก้ามากเป็นพิเศษ แม้ปัจจุบันจะมีองค์กรปกป้องโอเมก้าก็ตาม แต่มันก็ไร้ซึ่งประโยชน์ ในเมื่อไม่อาจเปลี่ยนแปลงความคิดที่ฝังหัวของทุกคนได้ เหล่าโอเมก้าก็รับกรรมต่อไป...

   ซะเมื่อไหร่ล่ะ! นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว บางทีคุณเดินไปอาจจะเป็นโอเมก้าถือแส้ฟาดก้นอัลฟ่าอยู่ก็เป็นได้!!

   ความจริงผมพูดเล่นน่ะ ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก ในที่แจ้งนะ ที่ลับผมไม่รู้ สรุปคือยุคสมัยเริ่มเปลี่ยนไป โอเมก้าหลายคนแสดงถึงความสามารถทำให้สังคมส่วนหนึ่งยอมรับได้ แม้จะมีพวกหัวโบราณแต่ก็ยังดีกว่าสังคมสมัยก่อนเยอะ ชีวิตผมเลยไม่เลวร้ายเท่าไหร่

   จริงสิ ผมลืมบอกเรื่องสำคัญไปอีกอย่าง โอเมก้าอย่างเราๆ ปกติต้องกินยาคุมฟีโรโมนทุกวันเพื่อป้องกันการกระตุ้นพวกอัลฟ่าโดยไม่ตั้งใจ ช่วงฮีทเองก็มียาป้องกันและพัฒนาตัวใหม่ออกมาเรื่อยๆ ใช้ได้ผลดีเชียวล่ะ แต่ราคาก็แพงตาม ซึ่งผมไม่มีปัญญาซื้อกินหรอก อ่อ ยาคุมก็มีนะ ทั้งแบบฉีดและแบบกิน รุ่นนิยมก็เป็นแบบฉีดเพราะมันได้ผลชะงัก

   ถามว่าทำไมผมถึงรู้ดีจังทั้งที่อายุเพิ่ง 18 แถมร่างกายยังพิกลพิการไม่เข้าสู่ช่วงเต็มวัยสักที ทั้งที่ปกติจะเริ่มแผ่ฟีโรโมนกับเข้าช่วงฮีทครั้งแรกตอนวัย 15 เรื่องนี้มันเกี่ยวเนื่องกับความลับที่ผมเกริ่นไปข้างต้น

   บอกไปอย่าหาว่าผมบ้านะ

   เรื่องมันเป็นงี้ วันหนึ่งที่อากาศสดใส ผมตื่นแต่เช้ามาช่วยดูแล พี่ๆ น้องๆ ในสถานเลี้ยงเด็กเช่นทุกวัน ขณะที่ผมกำลังคิดจะทำอาหารเช้าก็ถูกมือปีศาจของแม่โจลี่ฟาดกระบวยเข้าหลังหัวจนหน้าเกือบทิ่มเข้าไปในซุป

   “แกคิดจะฆ่าคนทั้งสถานเลี้ยงเด็กรึไงอลัน ออกไปจากห้องครัวฉันเดี๋ยวนี้นะ!!” เสียงตวาดลั่นพร้อมกระบวยที่ระดมตีจนเริ่มมึน ความจริงแม่โจลี่ก็ออมแรงให้ผมแหละ แต่ผมดันเซ่อซ่าถอยหลังหนีจนหัวไปโขกขอบประตูร่วงไปกองกับพื้น ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของผู้ดูแลวัยกลางคน

   หลังฟื้นขึ้นมาจากอาการน็อค สภาพร่างกายของผมไม่มีอะไรผิดปกติ แค่ได้เลมอนประดับหัวไปหนึ่งลูกใหญ่พร้อมเสียงเทศนาของแม่โจลี่และสีหน้าเป็นห่วงของพี่น้องในบ้านหลังนี้

   เรื่องทั้งหมดผมเล่าไปงั้น ไม่ได้เกี่ยวกับความลับหรอก แค่อยากระบายให้ใครสักคนฟัง ฮ่าๆ อย่าเพิ่งชักสีหน้าสิ เอาล่ะผมจะเข้าเรื่องก็ได้

   ตั้งแต่จำความได้ ผมมักจะมีภาพเหตุการณ์ซ้อนทับเข้ามาในหัวระหว่างใช้ชีวิตประจำวัน คล้ายๆ กับว่าผมใช้ชีวิตสองแบบในเวลาเดียวกัน ทีแรกผมก็เอาไปบอกแม่โจลี่ แต่ท่านคิดว่าผมคงจินตนาการไปเองตามประสาเด็ก แต่เมื่อผมโตพร้อมวุฒิภาวะที่มากขึ้น แทนที่อาการเหล่านี้จะหายไป กลับเป็นหนักขนาดที่ผมเผลอเดินชนกำแพงเพราะมันสวนทางกับภาพที่เห็น

   ในสายตาคนอื่น ผมเลยกลายเป็นไอ้ซุ่มซ่ามไปซะแบบนั้น ผมพยายามอธิบายจนปากเปียกปากแฉะแต่ก็ไม่มีใครเข้าใจ ผมเลยต้องอาศัยการเขียนระบายสิ่งที่เห็นใส่สมุดแล้วมาอ่านทวนซ้ำปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่าง จนกระทั่งเร็วๆ นี้ผมเพิ่งเข้าใจว่า มันไม่ใช่การหลอนไปเอง แต่มันคือสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับผมในชาติก่อน!

   อะไรยืนยันให้ผมคิดงั้นเหรอ เพราะผมเอาชื่อ สิ่งที่รับรู้ ได้ยินช่วงเห็นภาพหลอนไปสืบหาไง และพบว่าบุคคลเหล่านั้นมีตัวตนจริงๆ ในปัจจุบัน ตรงตามที่ผมเห็นทุกอย่าง

   ในวันเกิดอายุครบ 18 ปี ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่เดือน ผมหลับนานกว่าครั้งไหนๆ แล้วตื่นมาพร้อมกับความทรงจำที่สมบูรณ์ เรื่องราวในอดีตชาติของผม...

   ด้วยเหตุนี้ผมจึงสืบ สืบและสืบเรื่องของคนในความทรงจำเท่าที่ทำได้ เมื่อจำได้แล้วผมก็ไม่อาจปล่อยวาง ผมยังคงโหยหาและห่วงพวกเขา

   ส่งผลให้ผมมายืนลับๆ ล่อๆ อยู่หน้ามหา’ลัยชื่อดัง ณ ตอนนี้ เพื่อมองหนึ่งในเป้าหมายเป็นกิจวัตรประจำวัน เป้าหมายของผมมีสามคน หนึ่งเป็นหนุ่มวัยทำงานชีวิตสดใส สองเด็กหนุ่มที่ผมกำลังรอส่องเป็นถ้ำมอง สามเด็กสาวตัวน้อยแสนน่ารักในโรงเรียนอนุบาลโคตรแพง และคนที่เข้าหาได้ง่ายที่สุดคือเด็กหนุ่มที่ว่า

   “แปลกจริง วันนี้มีเรียนทำไมไม่มา มัวไปเถลไถลอยู่ที่ไหน” น้ำเสียงเจือความไม่พอใจ ก็ชาติก่อนผมเป็นโอเมก้าที่มีลูกตั้งสอง สามีอีกหนึ่ง อย่างที่คิดนั้นแหละ เด็กหนุ่มที่ผมมาถ้ำมองคือลูกชายคนโตของผมเอง แม้จะไม่เข้าใจก็เถอะ ผมเพิ่งตายไม่กี่ปี ไหงชาตินี้อายุสิบกว่าเกือบจะยี่สิบแล้ว มันคงเป็นปริศนาของกาลเวลา ที่พิลึกตั้งแต่ผมจำเรื่องในอดีตได้

   “ตารางเรียนที่ขอมาก็ไม่น่าจะผิดนะ” ก้มมองกระดาษยับๆ ในมือ ผมสู้อุตส่าห์สะกดรอยตาม จำหน้าเพื่อนร่วมคลาสของลูกชาย(ชาติก่อน) เพื่อเนียนขอตารางเรียน ลำบากลำบนแทบตายกว่าจะได้มา จะผิดพลาดได้ไง

   ผมถอนหายใจ วันนี้คงต้องกลับไปก่อน...

   “แกเป็นใคร สะกดรอยตามฉันทำไม เป็นพวกโรคจิตรึไง”

   เสียงเรียบเย็นเอ่ยขึ้นด้านหลังในระยะประชิด ผมตัวแข็งทื่อ เหงื่อแตกพลั่กๆ

   “โอเมก้า? คิดจะมาหาเหยื่อรึไง ที่นี่เป็นมหา’ลัยชั้นนำ ไม่มีใครใฝ่ต่ำซื้อนายหรอกนะ” น้ำเสียงดูถูกชัดเจน ผมถึงกับปี๊ด เส้นเลือดปูดตรงขมับ เผลอหันขวับไปจ้องเขม็ง คว้าหูลูกชายที่ตัวโตกว่าแล้วออกแรงบิดดึงให้ก้มลงมาจนหลังงอ

   “โอ๊ย! ทำบ้าอะไรเนี่ย!!”

   กำตารางเรียนยัดใส่กระเป๋ากางเกงเน่าๆ แล้วใช้มืออีกข้างตบปากซ้ายขวาเอาให้บวมเจ่อ

   “ปากหมาไม่แดก! ฉันจำได้ว่าไม่เคยสอนให้นายดูถูกโอเมก้านะ! คิดว่าตัวเองเกิดมาจากเพศอะไรถ้าไม่ใช่โอเมก้าหา! ไอ้ลูกเวร มานี่ ฉันจะบิดหูให้ขาด ตบปากให้แตกเลือดอาบไปข้างแล้วตามไปกระทืบพ่อแก สอนลูกประสาอะไรวะ ทำไมถึงได้มีความคิดต่ำตมขนาดนี้” ใส่ยับแบบไม่มียั้ง ไม่สนอีกฝ่ายที่ปัดป้องส่งเสียงโวยวายจนคนเริ่มมองมาทางนี้ จังหวะเดียวกันนั้น หมวกแก๊ปเก่าๆ ถูกมืออีกฝ่ายปัดปลิวไป เผยให้เห็นใบหน้าถมึงทึงของถ้ำมองที่ทำให้คนโดนทำร้ายเผยสีหน้าตื่นตะลึง ลืมความเจ็บปวดชั่วขณะ

   “แม่! เป็นไปไม่ได้ ก็แม่...”

   “I'M YOUR MOTHER!!”

   “เฮ้ย!” อะไรไอ้ลูกชาย มาส่ายหัว ทำสีหน้ารับไม่ได้

   เอะ ผมลืมบอกไปรึเปล่านะ รูปร่างหน้าตาผมเหมือนชาติก่อนเปี๊ยบ แค่อ่อนเยาว์ลงเท่านั้นเอง หากเป็นคนที่สนิทคุ้นเคยจะจำผมได้ในทันทีจึงต้องพลางกายด้วยการใส่หมวกปกปิดหน้าตา...เดี๋ยวนะ

   ฉิบหาย! ความแตกแล้วนี่หว่า!!

   ผมรีบปล่อยมือ คิดจะวิ่งหนี ไม่องไม่เอามันแล้วหมวก แต่กลับถูกมือลูกชายคว้าแขนหมับเข้าให้

   “ไม่ว่าคุณเป็นใคร ต้องเกี่ยวข้องกับแม่ผมแน่ๆ เพราะดวงตาสีม่วงนี้ ผมยังไม่เคยเห็นใครมีนอกจากแม่ของผม คงต้องขอเชิญคุณไปคุยกันเป็นการส่วนตัวแล้วล่ะนะ!”

   ที่งี้มาสุภาพเชียว แต่ฉันไม่ต้องการเฟ้ย เดวิดเว้ย นายเอาอะไรให้ลูกกินหา ถึงได้มีแรงช้างสารขนาดนี้ แงะไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้ถูกลากไปอีกทาง ถุ้ยชีวิต แค่สะกดรอยตามคนแรกก็ล้มเหลวแล้ว ไม่อยากนึกถึงคนอื่นเลย โดนเฉพาะลาสบอสอย่างอดีตสามี ฮือออ

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 4/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 04-06-2017 01:36:24
2

   “ที่นี่พวกเราคุยกันได้เต็มที่ เชิญเล่าเลยว่าคุณเกี่ยวข้องยังไงกับแม่ผม” ความจริงจังที่เผยออกมาทางซีหน้า รายล้อมด้วยบรรยากาศส่วนตั๊วส่วนตัวในร้านกาแฟที่กั้นโซนเป็นคอกๆ(?) ผมกำลังโดนลูกชายตัวเองซักฟอกครับ

   ถามว่ากลัวไหม? ขอตอบเลยว่ากลัว ไม่รู้จะบอกลูกชายยังไงดีว่าผมกลับชาติมาเกิดใหม่แล้วนะ ชาติที่แล้วเป็นแม่ขอนาย ขอโทษทีที่ชิงตายก่อนลูกจะเป็นฝั่งเป็นฝามันก็ไม่ใช่เรื่องปะ ใครมันจะบ้าเชื่อ ขนาดผมยังใช้เวลาตั้งหลายปีกว่าจะทำใจได้เลย

   ผมว่าจะบอกปัดไป ให้เป็นญาติสักคนห่างๆ แบบห่างมากๆ แต่พอเห็นแววตาของลูกชาย ทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก

   อเล็กซ์ลูกชายคนโตของผมเป็นอัลฟ่า ดูเผินๆ เขานิสัยเหมือนผม โผงผางตรงไปตรงมา แต่ความจริงลึกๆ แล้ว เขาเหมือนกับเดวิด พวกชอบเก็บความรู้สึกไว้ภายใน แม้ตอนนี้เขาจะทำเหมือนไม่เป็นไรเวลาพูดถึงเรื่องแม่ที่เสียไปหลายปี ในฐานะคนที่เคยตั้งท้อง คลอดและเลี้ยงเขามา ผมย่อมมองออกว่าทุกครั้งที่พูดคำว่าแม่ แววตาของอเล็กซ์จะสั่นไหว มันมีความคาดหวังและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน

   ผมเลยตัดสินใจบอกไป

   “นายจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ แต่ฉันเป็นแม่ของนาย ที่กลับชาติมาเกิดใหม่โดยมีความทรงจำเดิมอยู่” บอกไปรวดเดียวแบบไม่มีกั๊ก อเล็กซ์ทำสีหน้าน่ากลัวทันที ด้วยความที่ดวงตาเขาเหมือนเดวิด เวลาที่เขาขมวดคิ้วจึงดูน่ากลัวมาก แต่ไม่ใช่กับผม ไม่ว่ายังไง ต่อให้ตัวโตสูงใหญ่แค่ไหน ในสายตาของพ่อแม่ก็ยังเห็นลูกเป็นเด็กตัวน้อยเมื่อวันวานอยู่ดี

   “โกหก...คุณต้องการอะไร เงินงั้นเหรอ ถ้างั้นผมจะเอาเงินมาให้แล้วเลิกแสร้งทำเป็นแม่ผมสักที ท่านสูงส่งเกินกว่าที่คนแบบคุณจะมาเลียนแบบ” น้ำเสียงเหยียดหยามอย่างปิดไม่มิด ช่วงเวลาที่ผมไม่อยู่อเล็กซ์คงเติบโตได้อย่างน่าดูชม จนอยากจะเอาขี้หมาไปปาหน้า(อดีต)สามี เลี้ยงลูกยังไงทำไมถึงเข้าโหมดดาร์คไซด์ได้ขนาดนี้!

   ถึงจะดีใจที่ลูกยังเคารพรักผมเหมือนเดิมก็เถอะ ความจริงสมัยที่ผมยังมีชีวิตอยู่ อเล็กซ์ติดผมมาก แทบจะไปไหนไปด้วย พอเริ่มโตถึงค่อยๆ ห่างไป แต่สุดท้ายก็ยังมาอ้อนผมเป็นลูกแหง่อยู่ดี คิดถึงวันวานแล้วชวนให้มีความสุข ผมเผลอยิ้มละมุนออกมาโดยไม่รู้ตัว ดวงตาเหม่อมองแก้วกาแฟในมือ ทำให้ไม่ทันสังเกตว่าคนฝั่งตรงข้ามกำลังสั่นไหว รอยยิ้มที่อเล็กซ์ไม่เคยลืม แม้จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มนั้นนานแล้ว แต่ยังคงตราตรึงในความทรงจำจนยากจะลบเลือน

   “คุณ...” สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลให้น้ำเสียงอเล็กซ์อ่อนลงโดยไม่รู้ตัว

   “ลูกมีไฝสองเม็ดที่ก้นอย่างละข้างและตรงปลายช้างน้อยหนึ่งเม็ด”

   “!”

   “ตอนกลางคืนชอบร้องไห้งอแงหอบตุ๊กตาหมีเน่ามาขอนอนกับแม่ และเหมือนจงใจมาขัดจังหวะเดวิดได้ทุกทีจนเจ้าเดวิดหัวเสียไปหลายวัน”

   “!!”

   “พออายุ 15 ลูกกังวลเรื่องการตรวจร่างกายกลัวว่าจะเป็นโอเมก้าจนมาร้องไห้สะอึกสะอื้นซบอกแม่ แต่พอทำใจได้ ประกาศตัวว่าจะเป็นโอเมก้าที่น่าภาคภูมิใจเหมือนแม่ ผลตรวจดันออกมาเป็นอัลฟ่า หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ”

   “พอ…”

   “ฝันเปียกครั้งแรก ลูกเข้าใจว่าตัวเองฉี่รดที่นอนทั้งที่โตเป็นหนุ่มแล้ว อับอายจนแอบเอาผ้าไปซักในห้องน้ำตอนกลางคืน สุดท้ายทำไม่เป็นจนต้องย่องมาเคาะเรียกแม่ตอนกลางดึก อ่อ แล้วยังมีเรื่องหนังสือโป๊กับหนัง AV ที่ซ่อนในกล่องซีดีเพลงคลาสสิกของเดวิดจนเกือบถูกเดวิดจับได้”

   “หยุดเถอะ ขอร้องล่ะ...” เสียงอ่อนระโหยโรยแรงราวกับจะตายซะให้ได้ ผมเงยหน้าขึ้นมองเห็นลูกชายคนเก่งฟุบหน้ากับโต๊ะ แม้จะเห็นใบหน้าไม่ชัด แต่หูแดงก่ำแทบมีควันขึ้น ผมหัวเราะอย่างเอ็นดู

   “เอาเรื่องอะไรอีกดี อ๊ะ เรื่องนี้เป็นไง ตอนเด็กท้องผูกต้องใช้ยาสอดแล้วลูก...”

   “หยุด!! ผมเชื่อแล้ว เชื่อก็ได้ โอเค เลิกพูด เหลือภาพพจน์อัลฟ่าให้ผมบ้างเถอะ!!” หลุดมาดแหกปากแทบคว่ำโต๊ะ ผมยกแก้วกาแฟหลบหัวเราะปรายตามอง

   “เหอะๆ คิดจะวัดกับฉันมันยังเร็วไปล้านปีไอ้ลูกชาย ขนาดเดวิดยังต้องพ่ายแพ้ให้กับฉันคนนี้...”

   “ถ้าเป็นแม่จริง ทำไมถึงไม่รีบกลับมาตั้งแต่แรก” อเล็กซ์รีบตัดบท พลางชูคออย่างเหนือกว่าเมื่อยิงคำถามเด็ด ทั้งที่ในใจหวั่นเกรงกับคำตอบจนเผลอกำมือแน่นไม่รู้ตัว ถึงเรื่องที่อีกฝ่ายพูดมาทั้งหมดจะเป็นเรื่องราวลับๆ ระหว่างเขากับแม่ก็ตาม แต่มันก็น่าเหลือเชื่อเกินไป ตายแล้วกลับมาเกิดใหม่โดยมีความทรงจำเดิม แถมหน้าตานิสัยยังเหมือนเดิม ที่สำคัญดูๆ แล้วอายุห่างจากเขาไม่กี่ปี ความจริงต้องอายุน้อยกว่าน้องสาวเขาด้วยซ้ำ

   “จู่ๆ เสนอหน้ากลับไปคิดว่าเดวิดกับพวกลูกจะเชื่อเรอะ อีกอย่าง ฉันเพิ่งจะระลึกทุกอย่างได้ละเอียดเมื่อไม่กี่เดือนก่อน”

   โครม!!

   อัลฟ่าที่ใครๆ พากันชื่นชมร่วงลงไปกองกับโต๊ะเมื่อเจอคำตอบขวานผ่าซากที่เป็นจริงจนน่าสะอึก ขนาดตอนนี้อเล็กซ์ยังเชื่อไม่ 100% เลย

   “จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ ตอบคำถามพอ ตอนนี้ลูกมีความสุขรึเปล่า” ผมถามสิ่งที่อยากถามมากที่สุด อเล็กซ์ชะงักไป ก้มหน้าลงไม่ยอมสบสายตา

   “มี...”

   “ฉันต้องการคำตอบจริงๆ”

   “ผม...ผมจะมีความสุขได้ยังไง เมื่อโลกนี้ไม่มีแม่” ความสั่นเครือของน้ำเสียงทำให้ผมเป็นห่วง ลุกจากที่นั่งตัวเองไปนั่งด้านข้าง สองมือตะปบแก้มลูกชายขึ้นมอง เห็นดวงตาคมดุเวลานี้แดงก่ำ

   “อเล็กซ์ ไม่ว่าเมื่อไหร่แม่ก็ยังรักลูกเสมอ ตอนนี้แม่กลับมาแล้ว ถึงจะกลับมาแบบครึ่งๆ กลางๆ แต่ช่วยมีความสุขได้มั้ย อย่างน้อยก็เพื่อแม่”

   “คุณ...แม่ยังเอาแต่ใจเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน! คิดจะไปก็ไป คิดจะมาก็มา ยังไงผมก็ยังไม่ยอมรับเต็มที่ว่าคุณเป็นแม่ผมหรอกนะ!” อัลฟ่าปากแข็งทำเป็นผละออก ทั้งที่กลั้นน้ำตาจนจมูกแดง ผมกลอกตาเอือมระอา แล้วดึงลงมาให้หนุนตัก พร้อมกับลูบหัวเบาๆ อย่างที่เขาชอบให้ผมทำ

   “ขี้โกงที่สุด ทำแบบนี้...อึก ผมจะ” กลั้นน้ำตายังไง... ท้ายประโยคที่ไม่อาจเอนเอ่ย เพราะกำลังซุกหน้ากับตักอุ่น ปล่อยให้น้ำตาไหลรินระบายความอัดอั้นที่กักเก็บมาหลายปี วงแขนโอบกอดแน่นราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไป

   ความจริงอเล็กซ์จับได้แต่แรกแล้วว่ามีใครบางคนกำลังสะกดรอยตามเขา ใจจริงคิดจะแจ้งรปภ.จัดการให้รู้แล้วรู้รอด แต่พอแผ่นหลังกับบรรยากาศที่คุ้นเคย สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้ายจึงปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป จนกระทั่งวันนี้ได้เห็นเสี้ยวหน้าชั่วพริบตา เขาถึงตัดสินใจเข้าไปทัก

   มันอาจจะเป็นสายสัมพันธ์ที่มองไม่เห็น เพราะเขายังคงระลึกและคิดถึงแม่เสมอ

   “เจ้าเด็กขี้แย โตจนป่านนี้แล้วยังบ่อน้ำตาตื้นอีกนะ” ความรู้สึกอบอุ่น ละมุนละไมที่โอบล้อมกายทำให้อเล็กซ์เมินความปากเสียของใครบางคน หรือจะบอกว่ามันเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคยก็ไม่ผิดนัก

   “เงียบไปเลย เพราะใครที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้”

   “โอเคๆ แม่ผิดก็ได้” ผมหัวเราะอย่างยินดี ปากบอกไม่ยอมรับแต่กล้างอแงใส่ ช่างเป็นลูกชายที่น่าเอ็นดูซะจริง

   ผมปลอบใจเด็กโข่งอยู่พักใหญ่ พอเริ่มตั้งสติได้ อเล็กซ์ก็ลุกขึ้นเช็ดน้ำตาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มาดเยอะจนผมหมั่นไส้ แต่ก็ถือว่าผ่านไปหนึ่งด่านแล้วล่ะนะ

   “ตอนนี้ที่บ้านเป็นไงบ้าง” เรื่องที่สองที่ผมอยากรู้ อเล็กซ์เลิกคิ้วมองผมนิ่งๆ พอเห็นสีหน้าคาดคั้นสุดท้ายก็ยอมบอก

   “ก็ดี แต่คงดีกว่านี้ถ้ามีแม่อยู่”

   ไอ้เด็กนี่ ดราม่าอีกแล้ว เดี๋ยวผมก็กลั้นไม่อยู่บ้างหรอก ได้เจอได้กอดลูกอีกครั้งแบบไม่คาดฝันมันชวนให้ตื้นตันจนจุกตื้อในอกเหมือนกันนะ แต่ผมเป็นพวกเก็บอารมณ์เก่ง คนที่ดูออกมีเพียงเดวิดคนเดียว...

   อเล็กซ์คอยสังเกตสีหน้าอีกฝ่ายตลอดเวลา พอเห็นความรู้สึกโหยหาที่แสดงออกมาก็อดเปิดปากไม่ได้ “ถ้าแม่คิดถึงพ่อกับน้องก็กลับบ้านสิ พวกเขาต้องดีใจแน่ๆ” ผิดคาด คนฟังกลับส่ายหัวทันที

   “ตอนนี้ยังไม่ได้ สุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไป นิสัยอย่างเดวิดคงต่อต้านแบบหัวชนฝาพอดี เจ้าหมอนั่นมันพวกยึดติดจะตาย ตอบมาเถอะว่าเป็นยังไง ต่อให้เดวิดแต่งงานใหม่ฉันก็รับได้” ปากบอกรับได้ ในใจผมนี่เสียววาบ ยิ่งพอนึกผู้ชายคนนั้นแต่งงานกับคนอื่นก็ยิ่งเจ็บปวด บางที ที่ตรงนั้นอาจจะไม่ใช่ของผมแล้วก็ได้

   “เหลวไหล! พ่อรักแม่จะตาย จะกล้าพาโอเมก้าคนอื่นเข้ามาได้ยังไง ขนาดพวกตาแก่หัวโบราณบอกให้พ่อแต่งงานใหม่ พ่อยังไม่ยอม ขู่ว่าจะพาพวกผมออกจากตระกูลและหนีไปทำหมัน!”

   ผมสะดุ้งกับคำตอบและอารมณ์ฉุนเฉียวของลูกชาย เดวิดเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล ‘โฮราทิโอ้’ พวกตาแก่ต้องไม่ยอมปล่อยมือทายาทเพียงหนึ่งไปแน่ๆ แล้วยังมีอเล็กซ์ที่เป็นอัลฟ่าอีก แต่...ให้ตายเถอะ ขู่บอกจะทำหมันเนี่ยนะ

   “บ้าจริง ทำไปแล้วฉันจะใช้อะไร” ผมบ่นพึมพำ ลูกชายมองด้วยดวงตาว่างเปล่า

   “ทำหมันไม่ได้หมายความว่าตอนทิ้งสักหน่อย ยังแข็งใช้งานได้เหมือนเดิมแค่ไม่ทำให้ท้องเท่านั้นเอง”

   ผมหันไปมองตาโตอ้าปากค้าง เวร เผลอหลุดปาก ลูกชายยิ้มมองด้วยสายตารู้ทัน

   “ความจริงแม่ก็คิดจะกลับไปอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ ไม่งั้นคงไม่ตามเป็นสตอล์กเกอร์พวกเราหรอก ประเด็นคือพ่อกับอลิส” เห็นลูกชายพยายามช่วยคิดหาทางออกผมก็ซึ้งใจ “ว่าแต่ตอนนี้แม่อยู่ที่ไหน ทำไมถึงใส่เสื้อเก่าแบบนี้ล่ะ แล้วยังหมวกเน่าๆ นี่อีก เก็บมาจากกองขยะหรือไง” หมวกแก๊ปเจ้ากรรมที่วางโครมลงบนโต๊ะ

   “ถ้าบอกว่ากองขยะจริงจะตกใจมั้ยล่ะ” ผมเลิกคิ้วถาม ไอ้ท่านี้ลูกชายเอามาจากผมนั่นแหละ ดังนั้นผมไม่ได้เป็นคนก๊อปนะ

   พอเห็นสีหน้าตกตะลึงเหมือนจะช็อคผมเลยเลิกพูดเล่น อย่างว่า สมัยก่อนผมช่วยเดวิดบริหารธุรกิจตั้งมาก เงินทองเหลือเฟือ ลูกๆ ถึงได้เรียนแต่โรงเรียนโคตรแพงแบบนี้ไง

   “ความจริง ตอนนี้ฉันเป็นเด็กกำพร้าอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กน่ะ เงินอะไรก็ไม่ค่อยมี ต้องไปตบตีซื้อของถูกๆ ไม่ก็ขอของมือสองจากคนอื่นมา”

   ลูกชายทำสีหน้ารับไม่ได้

   “ออกมาจากที่นั่นเถอะ เดี๋ยวผมจะบอกพ่อให้รับแม่เป็นลูกบุญธรรมอีกคนก็ได้”

   ผมถลึงตาใส่ มันใช่เรอะ

   “ตั้งใจเรียนไปเถอะ ฉันมีวิธีของฉัน ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก”

   “จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไง ระหว่างที่พวกเราสุขสบายกับสมบัติที่แม่สร้าง ตัวแม่เองกลับต้องตกระกำลำบาก แถมยัง...”

   ผมเข้าใจเจตนาและความหวังดีของลูกชาย เด็กกำพร้าในโลกนี้ไม่ค่อยดีนัก ที่สำคัญผมยังเป็นโอเมก้าที่มีค่าใช้จ่ายสูงโดยเฉพาะเรื่องยาที่ต้องกินทุกวัน แม้ตอนนี้ยังโชคดีที่ร่างกายผิดปกติยังพอเลื่อนเวลาเสียเงินออกไปได้ แต่อนาคตยังไงก็ต้องใช้ และมีแต่ต้องจ่ายมากขึ้น

   “แม่เอายาของผมไปก่อน ไว้ผมจะเอามาให้อีก จะเอาเงินไปบริจาคให้ที่สถานเลี้ยงเด็กด้วย แล้วเราค่อยคิดหาทางให้แม่กลับบ้าน”

   กระเป๋ายาสามแผงกับยาฉีดสองเข็มถูกเลื่อนมาให้ผม อัลฟ่าไม่จำเป็นต้องพกยาอะไร ที่อเล็กซ์พกเพราะคำสั่งของผมเอง

   “ยังพกอยู่เหรอ คิดว่าจะไม่เชื่อฟังกันซะแล้ว” ผมรับกระเป๋าใบนั้นมามอง ตรงมุมมีปักชื่อโย้เย้ว่าอเล็กซ์ ฝีมืออันห่วยแตกของผมเอง

   “พกสิ ผมเข้าใจความจำเป็นที่แม่พร่ำบอก ไม่ใช่แค่โอเมก้าที่ต้องดูแลตัวเอง พวกอัลฟ่าก็เช่นกัน เพราะหากพลาดไปแล้ว คงเรียกกลับคืนไม่ได้ ผมเองก็ไม่อยากรับผิดชอบคนที่ไม่ได้รัก ถ้าเป็นไปได้ผมอยากหาคู่เหมือนพ่อกับแม่มากกว่า” พูดจารึออกจะเท่ กลับเขินหน้าขึ้นสี ผมหัวเราะในคอ

   “ดีใจที่ลูกยังเชื่อฟังคำสั่งนะ ฉันออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กนานแล้ว คงต้องถึงเวลากลับสักที” ผมเหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนัง ใครจะไปคิดล่ะว่าอเล็กซ์ดันลุกขึ้นยืนด้วย

   “ผมจะไปด้วย ไปดูให้เห็นกับตาว่าที่แม่อยู่เป็นยังไง ไม่งั้นผมไม่วางใจ”

   “ตามใจแล้วกัน” ผมยักไหล่ไม่ขัดศรัทธา สุดท้าย การกลับสถานเลี้ยงเด็กรอบนี้เลยมีลูกชายที่อายุมากกว่าติดสอยห้อยตามไปด้วย

   ทันทีที่อเล็กซ์เห็นสถานเลี้ยงเด็กก็ทำสีหน้ารับไม่ได้อย่างแรง หลังจากนั้นก็ถือวิสาสะขอให้ผมพาเดินทัวร์โดยรอบ ก่อนจะโล่งใจที่อย่างน้อยที่นี่มีแค่เบต้าเท่านั้น อย่างที่บอก อัลฟ่าส่วนใหญ่มักเกิดกับพวกมีชาติตระกูล หรือต่อให้เป็นลูกเมียน้อยแต่ถ้าลูกออกมาเป็นอัลฟ่าก็ได้รับสิทธิ์พิเศษกว่าคนอื่น ส่วนโอเมก้าคือของหายาก บางครั้งใช้ในการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างตระกูล โยงใยไปถึงธุรกิจ ที่เหลือจึงเป็นเหล่าเบต้าที่ถูกทอดทิ้ง อเล็กซ์มองอย่างสะท้อนใจ

   “โลกภายนอกไม่ได้สวยงามอย่างที่แม่เคยบอกจริงๆ ความโสมมที่ผมเห็นระหว่างอยู่ข้างกายพ่อมันไม่ถึงเสี้ยวของทั้งหมดด้วยซ้ำ”

   ผมตบบ่าลูกชายอย่างปลอบใจ

   “คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ แม้เด็กพวกนี้จะไม่มีพ่อแม่หนุนหลัง แต่อนาคตข้างหน้า หากเขาขยันและมีความมุ่งมั่นพอก็จะเลี้ยงตัวรอดในสังคม และอาจจะน่าอิจฉากว่าเราอัลฟ่าและโอเมก้าด้วยซ้ำ เพราะเขามีอิสระที่จะทำอะไรตามใจ” ผมทอดสายตามองยังสวนผักพื้นที่น้อยนิดในสถานเลี้ยงเด็ก

   “ทุกคนมักมองเห็นแต่ตัวเอง ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็มักมองคนอื่นแตกต่าง ทั้งที่ความจริงก็เหมือนๆ กัน อัลฟ่ามีความทุกข์แบบอัลฟ่า อย่างภาระที่หนักอึ้งบนบ่า ส่วนเบต้าคิดว่าตัวเองต้อยต่ำไร้ความสำคัญทั้งที่มีอิสระกว่าใคร”

   “แล้วโอเมก้าล่ะ” อเล็กซ์ถามเสียงเบา แววตาฉายความเป็นห่วง

   “ก็มีวิถีของโอเมก้าไง! ความจริงข้อผูกมัดในฐานะโอเมก้าก็ดี ฉันถึงได้กับเดวิดจนมีพวกนายมายืนหัวโด่เป็นพยานรักอยู่นี่” ผมหัวเราะเบิกบาน อเล็กซ์ยิ้มอย่างโล่งใจ

   “สมกับเป็นแม่จริงๆ วันนี้ผมกลับบ้านก่อน ไว้จะมาเยี่ยมใหม่ เวลาไปหาผมที่มหา’ลัย แม่ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ บอกให้คนแถวนั้นเรียกผมออกมาได้เลย ความจริงแบบนี้ก็ติดต่อยาก งั้นผมจะเอามือถือกับเงินบริจาคมาให้ ไปล่ะครับ” ก้มลงมาชิงหอมแก้มเร็วๆ หนึ่งทีก่อนวิ่งหนีไป ผมกอดอกมองตามแผ่นหลังนั้นอย่างระอา ก่อนหันกลับมามองสถานเลี้ยงเด็กซอมซ่อ

   วันนี้ได้เกินจากที่หวังด้วยซ้ำ ผมไม่คิดเลยว่าจะได้คุยกับอเล็กซ์แบบนี้อีก แม้ลึกๆ คิดอยากกลับไปยืนที่จุดเดิมก็ตาม แต่เอาเถอะ ได้ลูกชายคนโตมาเป็นพวกก็ดี อะไรๆ คงง่ายขึ้นเยอะ


บ้านโฮราทิโอ้

   ชายหนุ่มร่างสูงแผ่บรรยากาศกดดันนั่งจิบกาแฟพลิกสมุดภาพกับลูกสาวตัวน้อยที่น่ารักเหมือนกับตุ๊กตา หูคอยฟังเสียงเจื้อยแจ้วพลางตอบคำถามเป็นระยะ กระทั่งดวงตาเหลือบเห็นเงาร่างของใครอีกคน

   “วันนี้กลับช้านะ” น้ำเสียงเรียบเย็นดูห่างเหิน แต่สำหรับคนในครอบครัวรู้ว่านั่นเป็นนิสัยปกติที่แก้ไม่หาย อเล็กซ์จึงไม่รู้สึกกลัวพ่อเหมือนกับคนอื่นๆ

   “ผมไปเจอเรื่องดีๆ มาน่ะ จริงสิ ผมขอเงินสักก้อนได้มั้ย” มือวางกระเป๋าเดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้าม ยิ้มให้กับน้องสาวที่ส่งเสียงใสมาทักทาย

   “จะเอาไปทำอะไร”

   “บริจาคให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า” อเล็กซ์ตอบไปตามตรง พ่อเกลียดคนโกหกที่สุด อีกอย่าง บอกแบบนี้มีโอกาสได้มากกว่าโกหกและถูกจับได้ภายหลัง

   “ตามใจ ขึ้นไปอาบน้ำซะ แล้วลงมาทานมื้อเย็น” พยักหน้าเนิบๆ ไม่คิดติดใจ เพราะเชื่อมั่นในตัวลูกชายที่ภรรยาสุดรักเลี้ยงมากับมือ

   “คุณพ่อคะ กาแฟจะหกแล้วนะคะ” เสียงใสเอ่ยทัก ดึงสติเดวิดที่หวนระลึกไปถึงเรื่องราวในอดีต เขาก้มมองลูกสาวคนเล็กด้วยรอยยิ้มบาง นางฟ้าตัวน้อยที่มีใบหน้าคล้ายกับภรรยา

   “ขอบคุณที่เตือนนะ อลิส ลูกเองก็ไปอาบน้ำได้แล้ว อาบดึกๆ เดี๋ยวจะไม่สบาย” แม้จะยังไม่อยากไป แต่อลิสไม่กล้าขัดใจคุณพ่อ จึงยอมปิดหนังสือภาพเดินจูงมือพี่เลี้ยงขึ้นชั้นบน เหลือเพียงพ่อกับพี่ชายตามลำพัง

   “สมเป็นพ่อ รู้ด้วยว่าผมมีเรื่องจะพูด” อเล็กซ์เอนกายสบายๆ ไม่สนอีกฝ่ายที่คิ้วขมวดจ้องอย่างดุๆ ที่ทำตัวผ่อนคลายเกินไป ชวนให้อ่อนใจจริงๆ แต่ก็ว่าไม่ลง เมื่อลูกชายคนโตถอดแบบนิสัยจากภรรยา

   ร่างสูงใหญ่ผ่อนลมหายใจ สลัดภาพความเจ็บปวดแต่หอบหวานออกไปจากหัว พยายามดึงสติสู่ปัจจุบัน

   “มีอะไรรีบพูดมา ลูกก็รู้ว่าพ่อไม่ชอบคนอ้อมค้อม”

   “ต้องตรงแบบแม่สินะถึงจะชอบ”

   “อเล็กซ์” เสียงเยือกเย็นทำให้อเล็กซ์รู้สึกตัวว่าเผลอหลุดไปหน่อย มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่ได้บอกแม่ แม้พ่อจะไม่แต่งงานใหม่ แต่ชื่อของแม่ รูปภาพ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับแม่นอกจากพวกเขาสองคนพี่น้อง พ่อลบออกจากบ้านทั้งหมด ช่างน่าตลกซะจริง

   “พ่อคิดจะหนีความจริงไปถึงเมื่อไหร่”

   “เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก” แก้วกาแฟถูกวางกระทบจนเกิดเสียงดังก้อง เหล่าคนใช้พากันหลบออกไปไม่มีใครกล้าเข้ามาในห้องนั่งเล่นเลยสักคน บรรยากาศรอบตัวนายใหญ่กับนายน้อยตอนนี้น่ากลัวเกินไป ไม่ต่างจากระเบิดเวลาที่กำลังนับถอยหลัง

   “ถ้าแม่รู้ว่าพ่อปิดหูปิดตาอลิส ไม่ยอมเล่าเรื่องเกี่ยวกับแม่เลย แม่เขาคงจะเสียใจน่าดู”

   “อเล็กซ์! ขึ้นไปข้างบนเดี๋ยว-นี้!!”

   “ผมไม่ขึ้น! พ่อเลิกหลอกตัวเองสักที แล้วแบบนี้แม่จะกลับมาได้ยังไง กับบ้านจอมปลอมที่แสร้งหลอกตัวเองไปวันๆ ว่าสบายดี!!”

   ใจความหนึ่งในประโยคทำให้เดวิดชะงัก

   “ลูกหมายความว่ายังไง...”

   “แม่กลับมาแล้ว ผมเชื่อว่าสักวันแม่ต้องกลับมา ตอนนี้แม่กลับมาแล้วจริงๆ”

   “ลูกต่างหากที่หลอกตัวเอง! อลันตายไปแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมเข้าใจบ้าง”

   “คนที่ไม่เข้าใจคือพ่อต่างหาก พ่อหลอกตัวเอง เก็บทุกอย่างที่เกี่ยวกับแม่เข้าตู้เซฟ หลอกอลิสว่าแม่แค่ไปที่ไกลแสนไกล ช่างเถอะ ผมขี้เกียจคุยกับคนหัวแข็งแบบพ่อ อยากทำอะไรก็ตามใจละกัน ผมเองก็จะทำตามใจเหมือนกัน” อเล็กซ์ตัดสินใจแล้ว ถ้าเขาพาแม่กลับมาที่นี่ไม่ได้ เขาจะดูแลแม่เอง

   จังหวะที่เดินผ่านเจ้าบ้านเพื่อขึ้นชั้นสอง กลิ่นบางอย่างโชยติดจมูก กลิ่นหอมที่คุ้นเคย...

   เดวิดคว้าแขนลูกชายแน่น เอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ลูกไปเจอกับใครมา”

   “ถ้าผมบอกว่าเจอแม่ พ่อจะเชื่อรึเปล่าล่ะ” อเล็กซ์เลิกคิ้วมองอย่างท้าทาย

   “อย่าโกหก พูดความจริงมา”

   “ก็บอกแล้วไงว่าไปเจอแม่ จะเชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของพ่อ ผมไปล่ะ อยากอาบน้ำ” ลูกชายขอยืมคำแม่มาใช้ ก่อนดึงแขนออกจากมือพ่อ แล้วผิวปากขึ้นชั้นสองราวกับเหตุการณ์ปะทะวาจาเมื่อครู่ไม่ได้เกิดขึ้น ก่อนที่จะถึงชั้นบน ปรายหางตาเหลือบมองคนที่ยืนนิ่งอย่างโดดเดี่ยวชั้นล่าง

   ที่ควรทำก็ทำไปแล้ว ค่อยๆ สะกิดพ่อไปเรื่อยๆ สักวันเดี๋ยวก็ยอมรับได้เองนั่นแหละ แต่ก็สมกับเป็นพ่อจริงๆ นี่ขนาดแค่กลิ่นที่ติดตัวมาตอนกอดแม่ยังสัมผัสได้ ถ้าเกิดเจอตัวเป็นๆ ขึ้นมาจะเป็นไงนะ ชักตื่นเต้นกับแผนการขั้นต่อไปแล้วสิ

   เขาไม่ยอมให้แม่เป็นของใครเด็ดขาด แม่ต้องเป็นของพ่อและกลับมาอยู่กับพวกเราเท่านั้น!

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 4/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 04-06-2017 01:37:37
3

   “โดดเรียนเรอะ!”

   นี่คือประโยคแรกที่ผมใช้ทักทายลูกชายยามเช้า อเล็กซ์ในชุดสบายๆ มายืนแผ่ออร่าเปล่งประกายอยู่หน้าสถานเลี้ยงเด็กตั้งแต่ไก่โห่ ระดับที่ผมไม่คิดว่าลูกชายตัวเองจะตื่นได้ สมัยก่อนกว่าจะปลุกไปโรงเรียนแต่ละที แทบจะจับทุ่มลงจากชั้นสอง

   “วันนี้ไม่มีเรียน ผมไม่ได้โดดสักหน่อย แค่หนีคนของพ่อออกมา ผมเอาเงินมาบริจาคด้วย แล้วก็นี่ เสื้อผ้าผมซื้อมาให้แม่เปลี่ยน” ลูกชายสุดหล่อร่างสูงชะลูด ใบหน้าคมคายเหมือนเดวิด ดวงตาดุแต่เข้ากับรอยยิ้มระรื่นเหมือนผมได้อย่างลงตัว ที่สำคัญ อเล็กซ์ได้สีตาผมไป กลายเป็นผู้ชายเปี่ยมเสน่ห์จนน่าอิจฉา

   ส่วนผมน่ะเหรอ เสื้อผ้าเก่าๆ แม้ไม่มีรอยขาดโอเวอร์เหมือนในหนัง แต่สีก็ตกซีดจากการซักแล้วซักอีก หัวฟูฟ่องเพราะตั้งแต่ตื่นผมยังไม่ได้พัก ด้านหลังสะพายเด็กน้อยที่เพิ่งถูกพามาเมื่อปีก่อน ด้านหน้าอุ้มเด็กทารกจากต้นปีที่ผ่านมา ซ้ายขวามีเด็กวัยเกือบสิบขวบเกาะเป็นลูกลิง อ่า...เลี้ยงอเล็กซ์ยังไม่เหนื่อยเท่านี้เลย

   “เอาเข้าไปเก็บข้างใน อเล็กซ์เอาพวกเสื้อผ้าของเด็กพวกนี้มาด้วยใช่มั้ย” มีพ่อแม่ฉลาด ลูกชายผมต้องฉลาดและมีเมตตาสิ จะลำเอียงอวยแต่แม่ตัวเองได้ไง อเล็กซ์พยักหน้ารับแล้วหอบข้าวของเข้ามาด้านใน เจ้าตัวดูเกร็งๆ พอสมควรเมื่อมีเด็กๆ เข้ามารุมเอาของ

   “เฮ้! ห้ามแย่งของกัน ไม่ต้องกลัวใครจะไม่ได้ ฉันเอามาให้ทุกคน”

   เด็กน้อยนั่นใสซื่อ ต่อให้อเล็กซ์ทำหน้าดุใส่แค่ไหนก็ไม่สน ผมเลยต้องยื่นมือเข้าไปช่วยทั้งที่ตัวเองหอบเด็กพะรุงพะรัง

   “ทุกคนเข้าแถว ผู้หญิงแถวซ้าย ผู้ชายแถวขวา พี่โตออกมาช่วยแบ่งของให้น้อง ถ้ายังทะเลาะแย่งกันฉันจะเอาไปเผาทิ้งให้หมด!!” ผมประกาศกร้าว พี่โตที่ว่าคือพวกอายุสิบขวบขึ้นไป ที่นี่อายุมากสุดมีแค่ผมคนเดียว นอกนั้นออกไปหางานทำตั้งแต่อายุสิบห้า ที่เหลือจึงเป็นเด็กเล็กๆ แทน

   ความจริงผมก็อยากจะออกไปหางานทำด้วยแหละ แต่แม่โจลี่อายุไม่น้อย เลี้ยงเด็กทั้งหมดไม่ไหว พี่เลี้ยงอาสาก็ใช่ว่าจะเข้ามาตลอด ผมเลยอยู่ที่นี่ช่วยดูแลต่อไป ค่าใช้จ่ายได้จากเงินที่คนใจดีนำมาบริจาคซึ่งมันน้อยนิด หลักๆ จะเป็นเงินของเด็กที่ออกไป เจียดค่าแรงมาให้ซะมากกว่า ผมเองก็พยายามปลูกผักเท่าพื้นที่จะอำนวยเพื่อลดต้นทุน แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากเท่าไหร่

   พูดจาเหมือนจะดีนะ เพราะผมเป็นโอเมก้า แม่โจลี่กับพวกที่ออกไปทำงานพร้อมใจกันลงความเห็นว่าผมอยู่ที่นี่ต่อไปน่าจะดีกว่าต้องไปเสี่ยงด้านนอก ต่อให้สตรองแค่ไหน ก็หนีความจริงไม่พ้นอยู่ดี เฮ้อ!

   เมื่อทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ อเล็กซ์ที่ไม่มีบทบาทอะไรนอกจากซานตาคลอสหลงฤดู ถอยฉากมายืนมองผมป้อนนมเด็กแทน

   “แม่ดูชำนาญ คงเพราะเลี้ยงผมตอนเด็กสินะ” เจ้าตัวมองความคล่องแคล่วของการประคองขวดนมและคอยเช็ดปากเด็ก ในขณะโยกตัวไปมาน้อยๆ ให้เด็กด้านหลังหลับฝันดี

   “คงจะแบบนั้น แต่เด็กพวกนี้เลี้ยงง่ายกว่าลูกเยอะ ติดที่มีหลายคนเลยทำให้หัวหมุนเฉยๆ”

   “แม่เลิกแฉผมในวัยเด็กสักที” อเล็กซ์ออกอาการประท้วง

   “สำหรับลูกอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าอาย แต่สำหรับแม่มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด ดังนั้นทนฟังต่อไป” ไม่ว่าจะอดีตชาติหรือปัจจุบัน ผมถือคติ ข้าคือที่หนึ่ง

   “ก็ได้ ตอนเด็กผมก็นอนดูดขวดนมทำหน้าเอ๋อๆ แบบนี้รึเปล่า”

   “เสียมารยาท! เด็กน้อยน่ารักไม่เอ๋อสักหน่อย อีกอย่าง ลูกไม่ได้ดูดขวดนม แต่เป็นนมฉันนี่!” ไม่งั้นจะตัวโตสูงใหญ่แข็งแรงแบบนี้ได้ไง คิดแล้วก็อดเป็นห่วงอลิสไม่ได้ ผมตายก่อนจะได้เลี้ยงดูเธอ

   “เพิ่งรู้ว่าโอเมก้ามีน้ำนมด้วย” คุณลูกชายพึมพำ ผมหัวเราะ ความจริงมี แต่ก็ไม่มากหรอก ให้ดื่มแค่ช่วงแรกๆ หลังจากนั้นก็ขวดนมวนไป

   พอผมกล่อมเด็กหลับแล้ว ถึงเวลาเปลี่ยนมือให้พวกพี่เลี้ยงอาสาเข้ามาดูแลแทน พวกเธอมองอเล็กซ์จนเหลียวหลัง สลับมองผมอยากแปลกใจ คงคิดกันไปไกล ก็อเล็กซ์เล่นแผ่ความเป็นอัลฟ่าออกมาขนาดนี้ แก้ความเข้าใจผิดไปเดี๋ยวก็หาว่าร้อนตัว ปล่อยไปเลยตามเลยละกัน ยังไงผมไม่คิดเอาลูกชายมาทำพันธุ์อยู่แล้ว นั่นลูกผมนะ

   “แม่ได้พักแล้วใช่มั้ย งั้นไปอาบน้ำสิ เปลี่ยนชุดใหม่ด้วย เดี๋ยวผมพาไปกินอะไรอร่อยๆ” อเล็กซ์จอมยิ้มยากสำหรับคนอื่น บัดนี้กำลังยิ้มพร่ำเพรื่อแถมเรียกคนอายุน้อยกว่าว่าแม่แบบไม่สนใครหน้าไหน ไม่รู้ว่าหน้าด้านเหมือนใคร

   “รออยู่ข้างล่างนี่แหละ” ผมสั่ง แล้วปลีกตัวไปอาบน้ำในห้องน้ำรวม ที่นี่ไม่มีห้องแยกหรอกครับ เปิดปิดไฟก็เป็นเวลาเพื่อความประหยัด หลังอาบน้ำชำระกายเปลี่ยนชุดใหม่ก็เดินลงมาข้างล่างแล้วออกไปหาอะไรกินกับอเล็กซ์ ส่วนจุดประสงค์จริงๆ วันนี้ขออุบไว้ก่อน

   ร้านอาหารที่อเล็กซ์พามา...ไม่สิ ต้องบอกว่าร้านโปรดในอดีตของผมยังคงเหมือนเดิม บรรยากาศเดิมๆ เพิ่มเติมคือลูกชายโตขึ้นและผมที่อายุน้อยลง มันเป็นร้านอาหารมีระดับ ไม่ใช่ผมติดหรูหรืออะไรนะ ร้านพวกนี้มีบริการประทับใจ แถมยังเป็นส่วนตัว รสชาติก็ใช้ได้ผมถึงชอบมาบ่อยๆ

   การเกิดใหม่ไม่เป็นอุปสรรค์ในการวางตัว ความทรงจำในอดีตชาติยังเหนียวแน่น ผมรับเมนูมาสั่งด้วยสำเนียงชัดเจน เสื้อผ้าการวางตัวไร้ที่ติ ผมอยู่ในแวดวงพวกนี้มาสิบกว่าปี ไม่มีทางปล่อยไก่อยู่แล้ว เลยดูกลมกลืนไปกับคนอื่น พอพนักงานรับออเดอร์โค้งกายจากไป อเล็กซ์เริ่มเปิดบทสนทนา

   “เห็นแม่แบบนี้ชวนให้นึกถึงสมัยก่อน ถ้าพวกเราได้มากินกันพร้อมหน้าทั้งครอบครัวก็คงจะดี”

   ผมดีดหน้าผากเจ้าลูกชายอย่างรู้ทัน

   “ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี วางแผนอะไรไว้อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ”

   อเล็กซ์ลอยหน้าลอยตา “ถึงรู้ไปผมก็ไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆ แน่” สีหน้ามุ่งมั่นทำให้ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ อยากทำอะไรก็ตามใจ ถ้ามันเลยเถิดเกินไปผมค่อยจัดการแล้วกัน

   นั่งคุยไปสักพักอาหารก็มาเสิร์ฟ ผมมองลูกชายกินข้าวอย่างชื่นชม ปลื้มปริ่มแทบน้ำตาไหล การที่ผมเคี้ยวเข็ดมารยาทบทโต๊ะอาหารตอนเด็กประสบผลสำเร็จแล้วสินะ

   หลังทานอาหารเสร็จ ก็เริ่มจุดประสงค์หลักของวันนี้สักที ด้วยการไปถ้ำมองโรงเรียนอนุบาลของลูกสาวคนเล็ก...

   “ผมว่าแม่เลิกทำแบบนี้เถอะ นอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้ว ยังดูโคตรน่าสงสัยอีก” อเล็กซ์มองแม่ที่กำลังสวมหมวกพรางตัวเหมือนตอนแอบดูเขาอยู่หน้ามหา’ลัย คราวนี้เปลี่ยนเป็นโรงเรียนอนุบาลมีชื่อ นี่ถ้าไม่มีเขายืนหัวโด่ตรงนี้ รปภ.คงจะมาเชิญแม่ออกไปนานแล้ว

   “เถอะน่า แค่เห็นลูกๆ มีความสุขแม่ก็วางใจ” เกาะขอบรั้วมองนางฟ้าตัวน้อยที่กำลังวิ่งเล่นกับเพื่อน

   “แม่กลับมาอยู่กับเราสิ จะได้มีความสุขมากกว่านี้”

   คนฟังกรอกตาเอือมระอากับลูกชายที่ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจในการกล่อมตัวเอง

   “เรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะ จริงสิ ไหนๆ ก็ไหนๆ วันนี้อเล็กซ์ไม่ต้องเข้าเรียนใช่มั้ย พาแม่กลับไปดูบ้านหน่อยสิ อยากรู้ว่าเป็นยังไงบ้าง” ละสายตาจากลูกสาวหันมามองลูกชายคนโตแทน กลับได้เห็นสีหน้าลังเล ทั้งที่เป็นคนคะยันคะยอให้กลับบ้านแท้ๆ

   “มันก็ได้อยู่หรอก แต่...” อเล็กซ์พาลนึกไปถึงเรื่องที่คุยกับพ่อเมื่อคืนวาน ไม่อยากจะคิดเลยว่าแม่จะทำสีหน้ายังไง เมื่อเห็นว่าพ่อจงใจทำเหมือนจะลบตัวตนของแม่ออกไปจากบ้านหลังนั้น

   “มีอะไรรึเปล่า? หรือพ่อแกมีแม่ใหม่แล้ว” ขมวดคิ้วฉับ บรรยากาศมาคุจนอเล็กซ์ต้องรีบโบกมือส่ายหัวปฏิเสธ

   “ไม่มีๆ เฮ้อ! ถ้าแม่คิดจะกลับไป สักวันยังไงก็ต้องเจอ...ก็ได้! ผมจะพาแม่กลับไปเอง”

   ด้วยเหตุนี้ สองหนุ่มผู้มีความสัมพันธ์อันน่าสับสนจึงพากันโบกรถแท็กซี่กลับบ้านด้วยอารมณ์ที่แตกต่าง คนหนึ่งกังวล อีกคนตื่นเต้น เกิดเป็นภาพคล้ายกับแบ่งภาคความมืดมนและความสดใส

   กระทั่งถึงที่หมาย อเล็กซ์พาผมเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ได้อย่างสบาย ต้องขอบคุณเดวิดที่ชอบความเป็นส่วนตัว บ้านหลังนี้จึงมีคนใช้น้อยมาก หรือต่อให้มีก็จะทำงานในส่วนของตัวเองและรีบปลีกตัวจากไปทันที พอมองไกลๆ เลยเข้าใจว่านายน้อยอเล็กซ์คงจะพาเพื่อนมาเที่ยวบ้านเฉยๆ เว้นแต่พ่อบ้านเก่าแก่ ทันทีที่เห็นเสี้ยวหน้าใต้หมวก ดวงตาพลันเบิกกว้างจนคนข้างกายต้องเอ่ยถาม

   “คุณพ่อ มีอะไรรึเปล่าคะ” หญิงสาววัยแรกแย้มผู้เป็นเบต้าและเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของพ่อบ้านวัยกลางคน ปัจจุบัน เธอทำหน้าที่เป็นหัวหน้าเมดแทนมารดา

   “ไม่มีอะไร ดูเหมือนนายน้อยอเล็กซ์จะพาแขกมา สั่งคนเตรียมอาหารและเครื่องดื่มไปเสิร์ฟซะ” สั่งด้วยรอยยิ้มบาง

   “ค่ะ หนูจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้” เมื่อลูกสาวรับคำเดินจากไป โอเว่นจึงเผยสีหน้าสับสนออกมา ไม่นานเขาก็ตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาใครบางคน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 4/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 04-06-2017 01:38:12
4

   ผมมองสำรวจรอบกาย บ้านหลังนี้ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง ข้าวของทุกชิ้นอยู่ตำแหน่งเดิมไม่ได้เคลื่อนย้าย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคงเป็น บรรยากาศในบ้านดูไม่สว่างไสวเหมือนเคย และที่สำคัญ...

   “แม่อย่าโกรธพ่อนะ พ่อแค่ทำใจไม่ได้” มือเล็กในอดีตที่จับนิ้วผมได้แค่นิ้วเดียว มาตอนนี้ สามารถกุมมือผมไว้ได้ทั้งหมดแถมยังอบอุ่นมากด้วย ผมยิ้ม กระชับมือลูกชาย

   “อย่าห่วงเลย คิดว่าฉันอยู่กินกับเดวิดมากี่ปีกัน ต้องเข้าใจอยู่แล้ว ไปเถอะ เราไปดูที่อื่นต่อ” ผมดันหลัง คะยันคะยอให้ลูกชายเป็นไกด์ทัวร์ เพราะถ้าผมเดินนำลิ่วๆ เดี๋ยวใครเห็นจะสงสัยกันเปล่าๆ

   บ้านหลังนี้แบ่งออกเป็นสองชั้น มีพื้นที่สวนกว้างขวาง เป็นบ้านที่ผมกับเดวิดช่วยกันทำงานเก็บเงินซื้อเพื่อสร้างครอบครัว ของใช้ทุกอย่างภายในบ้าน ถูกซื้อใหม่หมด ตอนนี้มันก็เริ่มเก่าไปตามเวลา เก้าอี้ โต๊ะ โซฟา กำแพง ฟอนิเจอร์ต่างๆ มีรอยขูดขีด บางที่เป็นรอยปากกาชัดเจน ฝีมือเจ้าอเล็กซ์ตัวน้อยล้วนๆ

   ที่เห็นจะโล่งไปคงเป็นรูปถ่ายครอบครัวบนกำแพงในห้องนั่งเล่น มันถูกยกออกทิ้งไว้เพียงพื้นที่ว่างเปล่า กรอบรูปมากมายที่มีผมอยู่ในรูป และเป็นคนนำมาวางเรียงก็ถูกเก็บไปหมดเช่นกัน ชวนให้รู้สึกโหวงเหวงในใจ

   ก่อนจะได้รับการเยียวยาด้วยห้องนอนของอลิส ตอนผมท้องลูกสาวคนนี้ ผมเป็นคนเรียกช่างมาต่อเติมตกแต่งทำสีในห้องใหม่ให้เป็นธีมเจ้าหญิงแสนสวย เตียงสี่เสา ตุ๊กตา ของเล่น ทุกอย่างที่ผมซื้อเตรียมไว้ยังคงอยู่ และดูเหมือนมันจะถูกใช้งานจนยับเยิน โดยเฉพาะเจ้าตุ๊กตาเป็ดหน้ามู่ทู่เหมือนเดวิดที่ผมบังเอิญเจอตอนพาอเล็กซ์ไปเที่ยวสวนสนุกกันเป็นครอบครัว มันถูกส่งต่อมาให้ลูกสาวอย่างที่ผมหวัง

   เหนือสิ่งอื่นใด เดวิดตั้งชื่อลูกสาวตามที่ผมต้องการ ด้วยความที่บ้านเราชื่อโหลกันทั้งบ้าน ผมเลยแย่งหน้าที่ตั้งชื่อ ขู่บังคับเดวิดให้ตั้งชื่อลูกชายว่าอเล็กซ์ ส่วนลูกสาวเป็นอลิส คล้องกับชื่ออลันของผม พอเดวิดออกอาการงอน ขอว่าอย่างน้อยๆ ขอลูกสักคนที่ชื่อคล้องกับเขา ผมเลยตบบ่าแย้มรอยยิ้มเมตตา แล้วบอกให้เขาไปเปลี่ยนชื่อซะ หรือไม่ก็เป็นคนตั้งท้องเองจะได้สิทธิ์ตั้งชื่อลูก หลังจากนั้นเดวิดก็ไม่พูดเรื่องนี้อีกเลย

   พอมาถึงห้องเจ้าอเล็กซ์ สิ่งแรกที่ผมทำคือล้วงใต้หมอน ส่องใต้เตียง มองตามซอกตู้

   “แม่ทำอะไรเนี่ย!” อเล็กซ์ที่ยืนใจเต้นตึกตักเหมือนกำลังถูกแม่ตรวจห้อง

   “พัฒนานะเนี่ย ไม่มีหนังสือสุดหวิวเก็บไว้ซะด้วย ลูกคงไม่ได้เอาไปซุกในตู้หนังสือพ่ออีกใช่ไหม” ผมเหล่มองขำๆ ความจริงห้องอเล็กซ์ค่อนข้างสะอาดเลยทีเดียว ไม่รู้เจ้าตัวทำความสะอาดเองหรือให้แม่บ้านช่วยทำให้

   “ไม่มีทั้งนั้นแหละ ผมพ้นวัยนั้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งของพวกนั้นหรอก” ลูกชายบ่นอุบ

   ผมเดินเข้าไปกอดอกมองลูกชายด้วยสีหน้าจริงจัง “หาประสบการณ์เอาข้างนอกฉันไม่ว่า แต่ระวังอย่าไปทำให้ใครเขาป่อง ไม่งั้นฉันจะให้รับผิดชอบเอง” ถือว่าเป็นคติบ้านเราเลย เรียนผูกต้องเรียนแก้ ก่อเรื่อง ทำพลาดเองต้องจัดการเอง เว้นแต่ไม่ไหวจริงๆ พวกเราพ่อแม่ถึงค่อยยื่นมือไปช่วย ดังนั้นอเล็กซ์จึงเติบโตมาเก่งกาจไม่เหมือนลูกคุณหนูบ้านอื่น

   “รู้แล้วน่า แม่ไม่ต้องย้ำ ผมรู้จักระวัง ไม่งั้นไม่พกยาคุมกับยาของโอเมก้าไปไหนมาไหนหรอก”

   “ได้แบบนั้นก็ดี มามะ มานั่งคุยกันดีกว่า เพิ่งเจอกันเมื่อวานยังคุยไม่เต็มที่เลย เล่าให้ฉันฟังหน่อย ที่มหา’ลัยเป็นยังไงบ้าง” ผมนั่งบนเตียง กวักมือให้ลูกชายมานั่งคุยกัน เจ้าอเล็กซ์ก็ว่าง่าย เดินมานั่งบนพื้น เอาคางเกยเข่าผมแล้วระบายแบบจัดเต็ม ช่วงเวลาที่ผมไม่อยู่คงจะอัดอั้นมาก ในเมื่อเดวิดไม่ใช่คนสบายๆ แบบผม เลยไม่สามารถบอกเล่าทุกเรื่องราวได้

   ผมฟังไปเพลินๆ ให้คำแนะนำบ้างตามประสา จนมีคนมาเคาะประตู พวกเราพร้อมใจกันหันขวับไปมอง

   “แม่อยู่นี่นะ ผมจะเป็นคนไปเปิดเอง”

   อเล็กซ์พูดพลางเดินไปที่ประตู ผมนั่งรอใจเต้นตึกตัก กลัวว่าจะเจอคนที่ไม่อยากเจอ

   “ใคร” น้ำเสียงห้วนผิดกับตอนคุยกับผมลิบลับ

   “เลล่าเองค่ะนายน้อย ดิฉันเอาขนมกับน้ำผลไม้มาให้” เสียงหวานใสตอบกลับมา ผมเลิกคิ้วอยู่บนเตียง นึกย้อนความทรงจำ เลล่างั้นเหรอ ลูกสาวของโอเว่นนี่เอง ทำไมรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ นะ ช่างเถอะผมคงคิดไปเอง

   “อ่อ วางไว้หน้าประตู เดี๋ยวฉันออกไปเอาเอง พี่เลล่าไปทำงานต่อเถอะ” สองคนนี้เป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็ก เลล่าให้อารมณ์คล้ายกับพี่เลี้ยงควบตำแหน่งเพื่อนเล่น แม้เธอจะเว้นระยะห่างในฐานะเจ้านายลูกน้องเป็นอย่างดีก็ตาม ถือว่าเป็นเด็กที่น่าเอ็นดูคนหนึ่ง อย่าได้คิดอะไรเชียว เลล่าแต่งงานแล้วกับเบต้าด้วยกัน รู้สึกจะเป็นช่วงที่ผมตั้งท้องอลิสพอดีมั้ง ผมเลยแค่ส่งของขวัญ ไม่ได้ไปร่วมยินดีในงานด้วย

   “ถ้ามีอะไรเรียกใช้ดิฉันนะคะ” รับคำจากไปด้วยฝีเท้าเงียบกริบอย่างมืออาชีพ

   เมื่อมั่นใจว่าอีกฝ่ายจากไปแล้ว อเล็กซ์ถึงยอมเปิดประตูกว้างเพื่อยกของกินเข้ามา ผมใช้โอกาสนี้ชะโงกหน้าไปดูเด็กน้อยในวันวาน แม้จะเห็นแค่แผ่นหลัง แต่กิริยาการเดินยังคงเรียบร้อยนุ่มนวลเช่นเคย

   อเล็กซ์หัวเราะในคอ “ลับๆ ล่อๆ กันแบบนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนแอบพาแฟนมาบ้านเลย” น้ำเสียงหยอกเย้าส่วนผมถลึงตาใส่ เดี๋ยวนรกกินกบาลพอดี ฉันแม่แกเว้ย

   “อเล็กซ์”

   เสียงนี้ผมไม่ได้เรียกนะ!

   “พ่อ!” เจ้าลูกชายตกใจเกือบทำถาดร่วง ลำบากผมต้องรีบโผไปคว้าทั้งที่หลบด้านหลังอเล็กซ์ ใจเต้นตึกตักเหมือนจะหลุดออกมาจากอก นี่คือเสียงของคนที่ผมรัก คนที่ยอมตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ด้วย ทั้งดีใจ ตื่นเต้นและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน ไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าเดวิดรู้เรื่องของผมเขาจะมีปฏิกิริยายังไง จะต่อต้านหาว่าผมหลอกลวงรึเปล่า...

   “ลูกพาเพื่อนมาบ้าน?” น้ำเสียงเดวิดดูจะแปลกใจ แหงล่ะ ลูกชายเราตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยพาเพื่อนคนไหนมาบ้านเลยสักคน

   “คือ...” ผมใช้ศอกกระทุ้งหลังให้ลูกชายบอกตกลงไป ในจังหวะที่อเล็กซ์กำลังจะเอ่ยปาก ก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา

   “อเล็กซ์นี่ล่ะก็ พาแฟนมาล่ะสิ ไม่ต้องกลัวไปนะ เดวิดเขาไม่ใจร้ายหรอก” เสียงที่ผมไม่เคยได้ยิน กับวาจาที่ดูสนิทกับคนบ้านนี้นักหนา ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะมองส่องผ่านแขนลูกชาย พบชายหนุ่มท่าทางนุ่มนิ่มคนหนึ่ง อายุน่าจะพอๆ กับเดวิด ที่สำคัญคือปลอกคอโอเมก้านั่น!

   สมองผมขาวโพลนไปชั่วขณะ ยามมองผู้ชายคนนั้นยืนเคียงข้างเดวิด ที่ๆ เคยเป็นของผมมาก่อน

   จริงสินะ ถึงเดวิดจะไม่ได้แต่งงานใหม่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้ดูใจกับใครสักคน...ภาพที่พวกเราอยู่ด้วยกันในอดีตมันไหลย้อนกลับมาราวกับน้ำหลาก ผมยืนตัวสั่นหลบหลังลูกชาย

   อเล็กซ์รู้สึกถึงความผิดปกติ จึงรีบหันมาเห็นแม่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา ในใจก็สบถยาวเหยียด จ้องเขม็งใส่แขกไม่ได้รับเชิญแล้วถามคนที่หลบอยู่ด้านหลังด้วยความเป็นห่วง

   “แม่ครับ” ลูกชายคนโตของบ้านไม่คิดจะปิดบังอยู่แล้ว ถึงเรียกสรรพนามนี้โดยไม่กลัวว่าใครจะได้ยิน ทุกคนนิ่งอึ้งกับคำเรียกนั้น แล้วก็ยิ่งตกใจมากกว่าเก่า เมื่อแขกแปลกหน้าพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อคนตัวโตกว่าอย่างเอาเรื่อง

   “ไอ้เดวิด! สารเลวบัดซบ! ฉันตายไปไม่กี่ปี นายกล้าเอาคนใหม่มาเชิดหน้าชูคอในบ้านที่ฉันใช้น้ำพักน้ำแรงสร้างขึ้นมาเหรอฮะ!!” ไม่ว่าเปล่ายังล็อคคอใส่เข่า อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายงอตัวด้วยความจุก ฟาดหลังมือเข้าก้านคอแล้วรวมมือทุบหลังจนร่วงไปกองกับพื้น ตามด้วยกระทืบผ่านสลิปเปอร์ไม่ยั้ง

   “แม่!! ไหนบอกว่าไม่เป็นไรเข้าใจพ่อไง” อเล็กซ์ร้องเสียงหลง รีบถลามาล็อคแขนผมจากทางด้านหลัง ดึงให้ห่างจากเดวิดที่มัวอึ้งหรือเมารสตีนก็ไม่ทราบ

   “ถุ้ย! เข้าใจบ้าอะไร ที่ลูกทำท่าไม่อยากให้แม่กลับมาเพราะแบบนี้ใช่มั้ย” ตืบ(อดีต)สามีเสร็จหันมาไล่บี้กับลูกชาย อเล็กซ์ตกใจจนผงะยกมือสองข้างยอมแพ้

   “ไม่ใช่เรื่องนี้ ที่ผมลังเลเพราะพ่อเล่นเก็บของทุกอย่างที่เกี่ยวกับแม่ออกไปหมดต่างหาก”

   “เดวิด! เดวิดครับ” เจ้าส่วนเกินเสนอหน้าไปประคอง แต่ขอโทษทีเจอเจ้าบ้านปัดมือทิ้งอย่างไม่ใยดี ดวงตาคมดุยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นเมื่อเขาคิ้วขมวดแน่น ผมกอดอกเชิดหน้าแค่นเสียงในคอ

   “เหอะ! อะไร จะมีปัญหากันรึไง นายกล้าทำอะไรฉันงั้นเหรอหา!! ไอ้คนโกหกหลอกลวง ไหนว่ารักฉันคนเดียวไง แล้วโอเมก้าที่เหมือนจะมีแค่ปุ้ยนุ่นอยู่ในสมองนี่มันอะไร” ผมพุ่งเข้าไปหมายจะตบหน้าสามีด้วยฝ่าเท้าอีกสักที ติดที่ลูกชายคว้าตัวห้ามจนผมต้องเตะอากาศ “อเล็กซ์ปล่อยแม่! ถ้าไม่เอาเลือดหัวอัลฟ่าชั่วออกมา อย่ามาเรียกฉันว่าอลัน!!”

   “โอ๊ยแม่ ใจเย็นก่อนได้ไหม พ่อ ทำอะไรสักอย่างสิ ส่วนคุณ ไสหัวออกไปได้แล้ว นี่มันเรื่องภายในครอบครัว” อเล็กซ์พูดรวดเดียวกับคนสามคน ในขณะที่เดวิดค่อยๆ ชันตัวลุกขึ้นโดยไม่ละสายตาไปจากผมแม้แต่วินาทีเดียว

   “ฉันไม่ใช่คนนอก ฉันเป็นคู่หมั้นของเดวิด!”

   วาจาที่ประกาศออกมา เล่นเอาผมปรี๊ดแตกอีกรอบ สลัดลูกชายจนหลุดแล้วพุ่งเข้าไปหมายจะกระทืบเจ้าผู้ชายหลายใจให้เป็นหมัน ฉันไม่ได้ใช้ คนอื่นก็ห้ามใช้เว้ย!!

   คราวนี้เดวิดไม่พลาดท่าเหมือนรอบก่อน เจ้าตัวคว้าหมัด(อดีต)ภรรยา พร้อมใช้สองขาหนีบขาที่ตั้งใจเตะผ่าหมาก ก่อนรวบเข้ามากอดแน่น ล็อคแขนทั้งสองข้างไว้เพื่อความปลอดภัย ทุกท่วงท่าลื่นไหลราวกับผ่านการฝึกมายาวนานหลายสิบปี ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นพากันมองด้วยสายตาทึ่งปนเสียว

   แต่ในเวลานี้เดวิดไม่เห็นใครในสายตาแล้ว นอกจากร่างที่อยู่ในอ้อมแขน

   “มาถึงใส่เอาๆ แบบนี้ไม่คิดว่ามันไร้มารยาทเหรอ” เดวิดเอ่ยเสียงเข้ม คนโดนคุมตัวเหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัว หยุดชะงักกับที่

   พอเห็นว่าอีกฝ่ายสงบลงแล้ว เดวิดถึงค่อยปล่อยออกจากอ้อมแขน แต่ยังไม่วายคว้าไหล่ทั้งสองข้างไว้ มองลึกเข้าไปในดวงตาอีกคน เมื่อเห็นใบหน้าชัดๆ กับดวงตาที่คุ้นเคย ความรู้สึกโหยหา เจ็บปวดก็ปะทุขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่
 
   “อลัน...”

   ชื่อที่เรียกออกมาสร้างความฮือฮาให้กับเหล่าคนใช้ พากันพิจารณาแขกที่นายน้อยอเล็กซ์พามา หนึ่งในนั้นมีโอเว่นรวมอยู่ด้วย

   “นายท่านอลัน” ทุกสิ่งบ่งชี้ถึงคนๆ นั้นไม่อาจเป็นอื่นได้ แต่...ความจริงพาให้ทุกคนเผยสีหน้าเศร้าสร้อย ในเมื่อ...

   “เป็นไปไม่ได้ คุณอลันเสียไปตั้งหลายปีก่อน” โอเมก้าผู้ถูกลืมโผ่งออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ

   อเล็กซ์ที่ไม่ชอบอีกฝ่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ปรายตามองเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เลิกฝันล้มๆ แล้งๆ สักที พ่อผมไม่มีทางสนใจคุณหรอก ยิ่งตอนนี้แม่ผมกลับมาแล้ว คุณมันก็เป็นได้แค่ส่วนเกิน” อเล็กซ์ถือโอกาสนี้ประกาศไปเลยว่าคนที่ยืนอยู่นั่นเป็นแม่ของเขา

   ทุกคนไม่มีใครกล้าขัด คนที่รักนายท่านอลันมากกว่าใครคือนายน้อยอเล็กซ์ ไม่มีทางที่จะพูดลอยๆ หรือยอมรับใครหน้าไหนเป็นแม่ได้ง่ายๆ แน่

   เดวิดผู้เป็นเจ้าบ้านถอนหายใจหนัก เปิดปากทำลายความเงียบอันน่าอึดอัดนี้

   “เมสัน ผมจำได้ว่าไม่ได้เชิญคุณเข้ามาในบ้าน เวลานี้คงต้องขอให้คุณกลับไปซะ โอเว่น ส่งแขก” เขาสั่งโดยไม่หันไปมอง มือยังจับแขนคนที่หน้าตาเหมือนภรรยาไว้แน่น งานนี้ถ้าไม่คุยกันให้เคลียร์ เขาไม่มีทางปล่อยอีกฝ่ายออกไปจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียว

   เจ้าของนามเมสัน ได้แต่ยืนเม้มปากกำมือแน่น คิดอยากจะพูด แต่คนที่อยากให้ฟังไม่มีทีท่าว่าจะหันกลับมามอง สุดท้ายเลยล้มเลิกความตั้งใจ ยอมกลับไปโดยดี ในเมื่อที่นี่คำสั่งของเดวิดถือเป็นคำขาด

   “คนที่เหลือ มีงานอะไรก็ไปทำ”

   เหล่าคนใช้ พากันถอนตัวไปจนเหลือเพียงสามคน ในที่สุดต้นเหตุของเรื่องราวก็ยอมเปิดปากอีกครั้ง

   “ปล่อย” ผมพยายามแงะมือดุจคีมเหล็กของเดวิดออก แต่มันไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย

   “อธิบายมา” น้ำเสียงห้วนติดเย็นหันไปถามเอาความกับลูกชาย เมินคนที่ยังดิ้นไม่ยอมเลิก

   อเล็กซ์ยักไหล่ดูอารมณ์ดีขึ้น หลังจากพ่อไล่ส่วนเกินออกไป “ก็อย่างที่บอก แม่กลับมาแล้ว เกิดใหม่ในรูปลักษณ์เดิมรวมทั้งความทรงจำในอดีต ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเป็นไปได้ยังไง แต่ผมมั่นใจว่าคนนี้คือแม่แน่นอน ไม่เชื่อพ่อลองถามเรื่องที่พ่อกับแม่รู้ลับๆ กันแค่สองคนสิ”

   เรื่องมาถึงขั้นนี้คงหลีกเลี่ยงอะไรไม่ได้อีก

   นั่นมันก็แค่ข้ออ้าง ความจริงผมรับไม่ได้ต่างหาก ถ้ามีใครมาอยู่แทนที่ผม ดังนั้นสู้บอกๆ ไปเลยดีกว่า และยึดเดวิดมาเป็นของตัวเองอีกครั้ง ในอดีตผมทำได้ ตอนนี้ก็ต้องทำได้ สายใยแม่ลูกยังมี กับสามีภรรยาที่อยู่กันมาเป็นสิบปี ลูกปาไปแล้วสอง ไม่มีก็ให้มันรู้ไปสิ

   ผมไม่ใช่นางเอก ผมไม่ใช่นางร้าย พระรอง หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมเป็นแค่คนธรรมดา ที่มีความรักและความเห็นแก่ตัว เพราะถ้าการเสียสละมันทำให้ผมเป็นทุกข์ สู้ดับเครื่องชนเอาให้สุด พยายามจนหยดสุดท้ายยังดีกว่ามานั่งด่าทอโชคชะตาโดยไม่ทำอะไรเลย

   เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน

   “จะถามอะไรก็ถามมา ฉันตอบได้ทุกอย่าง หรือจะให้ฉันพูดก็ได้นะ” ผมมองด้วยสายตาท้าทาย เดวิดหรี่ตามองลากแขนผมเข้าไปยังห้องพักผ่อนรวมชั้นบน โดยมีอเล็กซ์เดินตามเป็นพยาน(รัก?)

   แล้วการสอบสวนก็เริ่มต้นขึ้น...

   “ชื่ออะไร”

   “อลันไม่มีนามสกุล”

   “อายุเท่าไหร่”

   “35+18”

   เดวิดคิ้วขมวด

   “เราแต่งงานกันเมื่อไหร่”

   “เมื่อตอนที่ฉันท้องอเล็กซ์ไง!”

   “อะแฮ่ม” เรื่องนี้ลูกชายก็เพิ่งรู้ แม้จะพอได้ยินมาว่าพ่อกับแม่เขาไวไฟกันพอสมควร แต่ไม่คิดว่าจะแต่งงานกันตอนนั้น

   “ตั้งใจตอบคำถามหน่อย” เดวิดกล่าวเสียงเย็น การจะให้เชื่อว่าอีกฝ่ายเป็นภรรยาที่ตายจากไปไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ภายนอกกับนิสัยจะเหมือนกันแค่ไหนก็ตาม ที่สำคัญ ตอนนี้เดวิดค่อนข้างจะอารมณ์ไม่ดีด้วยซ้ำ แน่นอนว่าสองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามย่อมสัมผัสได้ แต่ไม่มีใครพูดออกมา

   “ฉันตั้งใจตอบอยู่ จะให้บอกด้วยเลยมั้ยล่ะ ว่าท้องอเล็กซ์ตอนเข้าฮีทครั้งแรก ทำปุ๊บ ติดปั๊บ ได้ผลเร็วยิ่งกว่านั่งเจ็ท แถมยังเป็นอัลฟ่าอีกต่างหาก เชื้อนายแรงดีจริงๆ”

   “นายกำลังทำให้ฉันหมดความอดทน” ในสายตาเดวิด อีกฝ่ายเหมือนภรรยาจนน่าโมโห เพราะภาพมันซ้อนทับกับสมัยที่พวกเขาเรียนอยู่ด้วยกัน อลันในวัยนั้นนั่งแสดงท่าทางกวนประสาทเหมือนตอนนี้ไม่มีผิด

   “ฉันก็จะหมดความอดทนเหมือนกัน! คิดว่าฉันอยากตายเหรอ คิดว่าฉันอยากเป็นแบบนี้รึไง เกิดใหม่บ้าบออะไร ยังต้องมาพยายามให้พวกนายเข้าใจฉันอีก แถมนายยัง...โอเมก้าคนนั้นเป็นคนที่พวกตาแก่แนะนำมาใช่มั้ย คงจะได้รับผลประโยชน์อะไรอีกสิท่า” ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง จู่ๆ ผมก็รู้สึกอารมณ์พลุ่งพล่านไม่สงบนิ่งเช่นเคย จึงระเบิดความรู้สึก ระบายความอัดอั้นไปโดยไม่รู้ตัว เหล่มองลูกชายอย่างรู้สึกผิด จะดึงคำพูดของตัวเองกลับมาก็ไม่ทันแล้ว

   “ออกไป! ไม่ว่านายจะเป็นใคร จะเหมือนอลันแค่ไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้!!” เดวิดลุกขึ้นชี้ไปทางประตู ท่าทางเขาโมโหมาก ยิ่งกระตุ้นให้ผมฉุดตัวเองไม่อยู่

   “ไม่ออก นี่ก็บ้านฉันเหมือนกัน ทำไมฉันต้องออกไปด้วย จะให้ไอ้โอเมก้าเมสันเวรนั่นเข้ามาแทนที่รึไง ไม่มีทาง!!” ผมลุกขึ้นตวาดกลับไม่น้อยหน้า รู้สึกร่างกายร้อนวูบวาบ เหงื่อออกทั้งที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ บ้าเอ้ย ความรู้สึกนี่มัน ผมตัวสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ ถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งหอบอยู่บนพื้น

   “แม่!” เสียงอเล็กซ์เหมือนไกลออกไป ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรัก เพื่อน ครอบครัว ทุกสิ่งทุกอย่าง

   “หอม...” แม้เป็นเสียงพึมพำแต่ดูจะชัดเจนในเวลานี้ เดวิดยืนนิ่งค้าง แววตาเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ผมเห็นเขาพุ่งเข้ามาหาโดยที่ไม่อาจทำอะไรได้ ร่างของผมถูกผลักจนหลังกระแทกพื้นพร้อมกับร่างกายสูงใหญ่ที่เข้ามาคร่อมทับ เสื้อผ้าถูกฉีกทึ้งในคราวเดียว แขนสองข้างถูกรวบไว้เหนือหัวไร้แรงต่อต้านโดยสิ้นเชิง

   ผมกำลังต้องการ

   ต้องการอย่างมาก...ร่างกายที่ผิดปกติมาโดยตลอด ทำไมถึงเข้าฮีทช่วงนี้!

   “พ่อ!”

   ผัวะ!!

   หมัดหนักถูกซัดเข้าใบหน้าตัวเอง ร่างสูงใหญ่ลุกออกจากเด็กหนุ่มวัยสิบแปดราวกับต้องของร้อน

   “อเล็กซ์พาเขาออกไป”

   “แต่พ่อ...”

   “เร็วเข้า! ก่อนที่พ่อจะทนไม่ไหว” กัดฟันพยายามข่มสัญชาตญาณจนขึ้นสันนูน มือชกกำแพงซ้ำๆ ดูดุร้าย บ้าคลั่งและทรมาน ตั้งแต่เกิดมาอเล็กซ์ไม่เคยเห็นพ่อถูกฮีทของโอเมก้ากระตุ้นจนถึงขนาดนี้มาก่อน จึงทำอะไรไม่ถูก ได้แต่หันซ้ายหันขวา

   “อเล็กซ์...พาแม่ออกไป เอายาแก้ฮีทมา” เสียงพร่าปนหอบดึงสติอเล็กซ์ให้กลับเข้าร่าง รีบเข้าไปช้อนร่างมารดา อุ้มวิ่งออกจากห้องโดยมีเสียงทำลายข้าวของดังอยู่เบื้องหลัง

   ในขณะที่อเล็กซ์พาอลันไปในที่ปลอดภัย เดวิดอาละวาดอยู่ในห้องเพื่อระงับอารมณ์เท่าที่ทำได้ ในใจนึกสับสน คิดวนเวียนจนหัวแทบระเบิด

   เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน...นอกจากอลัน

   ภรรยาของเขา ‘คู่แห่งโชคชะตา’ เพียงคนเดียว...   
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 4/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 04-06-2017 01:54:36
5

   “แม่ ไม่เป็นไรนะ” เสียงอู้อี้ถาม ผมเงยหน้ามองคนที่กำลังฉีดยาระงับฮีทให้ด้วยความแปลกใจ ก่อนจะผงะกับหน้ากากกันแก๊สพิษที่ลูกชายสวมอยู่ จากซีเรียสอยู่ถึงกับหลุดขำ

   “ไปเอามาจากไหนกันเนี่ย!” จำได้ว่าพออเล็กซ์พาผมมาที่ห้องนอนเจ้าตัว ก็หายออกไปหยิบของไม่กี่นาทีเอง

   “มีอยู่ทั่วบ้านนั่นแหละ ผมเป็นคนเอาวางไว้เอง เผื่อใส่ให้พ่อเวลาโดนพวกตาแก่เอาโอเมก้ามาเสิร์ฟ” ลูกชายพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพลางถอนเข็มออกอย่างเบามือ ฝีมือใช้ได้ทีเดียว เดวิดคงจะสอนมาดี

   ผมเอื้อมมือไปดึงหน้ากากออก อเล็กซ์ชะงักวูบรีบยกมือปิดจมูก ผ่านไปสักพักเจ้าตัวถึงคลายอาการเกร็งลงแล้วมองผมอย่างแปลกใจ

   “ทำไมไม่เป็นอะไรล่ะ”

   โดยปกติแล้ว เมื่อโอเมก้าเข้าช่วงฮีท อัลฟ่าทุกคนที่อยู่ใกล้ล้วนได้รับผลกระทบทั้งหมด แค่อัลฟ่าที่เป็นคู่โชคชะตาจะรุนแรงมากเป็นพิเศษ ผมยกมือลูบแก้มลูกชายแผ่วเบา

   “อย่าห่วงเลย คนในครอบครัวจะไม่ได้รับผลไปด้วย ดูเหมือนว่า ต่อให้กลับมาเกิดใหม่ ลึกๆ แล้วความสัมพันธ์ยังคงเดิม” นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีทีเดียว ไม่แน่ การที่ผมเป็นเด็กกำพร้า ความจริงอาจเป็นญาติห่างๆ หรือคนที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกับผมเมื่อชาติก่อนก็ได้

   ปล่อยให้มันเป็นปริศนาต่อไป ผมเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าก่อนดีกว่า ยาระงับฮีทมีแค่แบบฉีดเท่านั้น ที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็ว ดังนั้น หลังจากยาออกฤทธิ์ ร่างกายผมกลับมามีเรี่ยวแรง สติครบถ้วนเต็มร้อย ไม่ถูกชักนำด้วยสัญชาตญาณ แล้วยิ่งเป็นยาที่มีคุณภาพสูง ราคาแพงที่อเล็กซ์พกติดตัว ผลลัพธ์ย่อมดีตาม 

   “อเล็กซ์ ตอนนี้เดวิดอยู่ที่ไหน” ถามพลางคำนวณแผนการในใจ

   แม้อเล็กซ์จะสงสัยว่าแม่จะถามหาไปทำไม ถึงงั้นก็ยอมบอกตามประสาลูกชายที่ดี “อยู่ที่ห้องนอนครับ ปิดประตูเงียบไม่ยอมคุยกับใคร”

   “ใช่ห้องเดิมรึเปล่า” บ้านนี้หลังใหญ่มีหลายคน ผมเลยไม่มั่นใจว่าเดวิดยังใช้ห้องที่พวกเรานอนด้วยกันมั้ย

   คุณลูกชายพยักหน้า “ยังอยู่ห้องเดิม อย่าบอกนะว่าแม่จะไปหา ผมว่าเวลานี้อย่าเพิ่งเข้าไปใกล้ดีกว่า พ่อดูน่ากลัวจะตายไป” ที่สำคัญ แม่อายุร่างกายแค่สิบแปด ส่วนพ่อปาไปสามสิบกว่าแล้ว ถ้าเกิดมีอะไรๆ ขึ้นมา....อเล็กซ์รีบสลัดภาพในหัวอย่างรวดเร็ว

   “อย่าห่วงเลย ฉันเอาอยู่” ลุกขึ้นยืนอย่างมาดมั่น พลางตบบ่าลูกชายที่สูงกว่าหนักๆ สองทีแทนกำลังใจ “หลังแม่เข้าไปในห้อง ถ้าไม่เรียกห้ามเข้าไปเด็ดขาด” สั่งกำชับเสียงเข้มพร้อมเดินไปยังสนามรบ

   อเล็กซ์มองแม่อย่างไม่เข้าใจ

   “ก่อนหน้านี้แม่ดูเหมือนไม่อยากให้ช่วงฮีทมีผลต่อการตัดสินใจระหว่างพวกพ่อกับแม่ แต่ทำไมตอนนี้กลับเดินเข้าไปหาเองล่ะ”

   คนฟังไม่ตอบ เอาแต่หัวเราะ จะให้บอกได้ยังไงว่า ของแบบนี้ฮีทมันไม่จำเป็น สู้ลงมือเองจะดีกว่า

   อเล็กซ์เดินตามหลังแม่ต้อยๆ ราวกับลูกเจี๊ยบตามแม่ไก่ โดยมีเหล่าคนใช้มองตามด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งยินดี สับสนและกังวล ทุกคนต่างเฝ้ารอคำตอบของเรื่องนี้ ว่าจะจบลงเช่นไร

   ผมหยุดยืนอยู่หน้าห้องนอนของตัวเองในอดีต รับกุญแจจากลูกชายมาไขเสียงเงียบกริบ

   “อย่าลืมล่ะ ถ้าไม่เรียกหรือพวกแม่ไม่ออกมาเอง ห้ามเข้าไปเด็ดขาด” สั่งกำชับรอบสุดท้าย แล้วเปิดประตูเข้าไปในห้อง

   “เข้ามาทำไม” น้ำเสียงเย็นเยียบของเจ้าบ้านโฮราทิโอ้ คือสิ่งสุดท้ายที่อเล็กซ์ได้ยินก่อนประตูบานนั้นจะปิดสนิท กั้นเสียงทุกอย่างไว้ภายใน เหลือเพียงความง่วงที่อยู่รอบตัว

   5 นาที่ผ่านไป อเล็กซ์ยังคงระสับระส่ายอยู่หน้าห้องนอน

   10 นาทีผ่านไป เลล่ามาตามเพื่อไปนั่งทานของว่างในห้องนั่งเล่นระหว่างรอ

   ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ภายในก็ยังเงียบกริบ ลูกคนโตของบ้านชะเง้อคอมองผ่านบันไดชั้นสองเป็นระยะจนเริ่มปวดคอ อลิสกลับมาจากโรงเรียนตั้งแต่ช่วงเย็นกำลังนั่งดูการ์ตูนผ่านจอทีวีขนาดเท่ากำแพงบ้านบนตักพี่ชาย

   “พี่อเล็กซ์ คุณพ่ออยู่ไหนเหรอคะ” คำถามรอบที่เท่าไหร่ไม่ทราบ ตั้งแต่น้องสาวกลับมา

   อเล็กซ์ส่ายหัวอย่างจนปัญญา “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณพ่อคงกำลังยุ่งอยู่ อลิสอยู่กับพี่ชายแทนเนอะ” คางมนเกยบนหัวถุยของน้องสาว ด้วยความที่พวกเขาอายุห่างกันมาก เลยไม่มีปัญหาเรื่องการทะเลาะกันระหว่างพี่น้อง อเล็กซ์โตพอที่จะเข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง และมุ่งมั่นที่จะดูแลน้องสาวอย่างดี แทนส่วนของแม่ผู้จากไป

   ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องก่อนจะเจอแม่อีกครั้งล่ะนะ

   จู่ๆ น้องสาวก็เงียบไป อเล็กซ์เลยก้มมองเห็นใบหน้าหงอยเหงาของนางฟ้าประจำบ้าน จึงลองเรียกดู

   “อลิส”

   น้องสาวไม่ตอบ เอาแต่ก้มหน้าก้มตา การ์ตูนที่เปิดไว้จึงถูกเมินไปตามระเบียบ

   “เป็นอะไรไปแองเจิ้ลของพี่ อยากกินขนม หิวข้าว หรือง่วงนอนคะ?” ใบหน้าคมคายฉายแววหล่อเหลาเหมือนพ่อ เวลาพูดเสียงอ่อนหวานอย่างเอาใจ กลายเป็นภาพที่สร้างดาเมจได้มหาศาล แต่น่าเสียดาย น้ำเสียงและสีหน้าเช่นนี้มีให้กับแม่และน้องสาวเท่านั้น

   คิ้วเล็กขมวดมุ่น นั่งนิ่งสักพัก สุดท้ายก็ตัดสินใจหันหน้าเข้าหา ซบอกพี่ชาย

   “พี่อเล็กซ์ เมื่อไหร่แม่จะกลับมาคะ อลิสอยากเจอแม่จังเลย พ่อบอกว่าแม่อยู่ที่ไกลมากๆ พวกเราไปหาไม่ได้เหรอ”
   
   หากเป็นสมัยก่อน อเล็กซ์คงน้ำท่วมปากไม่รู้จะบอกยังไงกับน้องดี แต่ตอนนี้...เจ้าตัวคลี่ยิ้มรวบตัวน้องสาวเข้ามาก่อน

   “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ อีกไม่นานแม่ก็จะกลับมาแล้ว” เอ่ยพลางตัดสินใจ พ่ออาจจะยังไม่ยอมรับแม่ง่ายๆ ตอนนี้ แต่เขาจะแอบพาน้องสาวออกไปหาแม่ นอกจากน้องจะได้สมหวังแล้ว ยังช่วยบีบให้พ่อยอมรับง่ายขึ้น

   แผนชั่วร้ายถูกคิดขึ้นใหม่สดๆ ร้อนๆ รอยยิ้มเริ่มเปลี่ยนไปโดยที่น้องสาวไม่เห็น

   ใครมันจะไปคิดล่ะว่า พอถึงเวลาอาหารเย็น คนที่หมกตัวอยู่ในห้องนานสองนานก็โทรลงมาสั่งให้พ่อบ้านโอเว่นนำอาหารขึ้นไปสองชุด อเล็กซ์ที่กำลังเช็ดปากให้น้องถึงกับนิ่งค้าง มองโอเว่นที่พยักหน้ายืนยันคำบอกเล่าอย่างเหลือเชื่อ

   “หรือแผนที่คิดไว้จะเป็นหมัน” บ่นพึมพำมองน้องสาวด้วยรอยยิ้มดีใจ พออลิสเอียงคอมองอย่างสงสัย ก็หัวเราะในคอดวงตาพราวระยับ คอยเฝ้าอย่างใจเย็น

   ในที่สุด คำตอบของบทสรุปในครั้งนี้ก็เฉลยตอนเช้าวันถัดมา อเล็กซ์มาเรียนสายแต่ตื่นเช้าเพื่อดูแลน้องสาวไปโรงเรียน ระหว่างรอน้องน้อยอาบน้ำแปรงฟันแต่งตัวกับพี่เลี้ยง อเล็กซ์ที่เพิ่งออกมาจากการปลุกน้องเจอพ่อยืนดักอยู่หน้าประตู

   “อรุณสวัสดิ์ครับ” ทักตามประสา

   “อืม”

   “แม่ผมล่ะ”

   “อืม”

   อืมอะไรวะครับ ในใจอเล็กซ์อยากจะพูดคำนี้ แต่กลัวพ่อหักค่าขนมเลยต้องสงบปากสงบคำชั่วคราว

   “ลูกยังมียาคุมเหลือมั้ย” เห็นสีหน้าจริงจังของพ่อ อเล็กซ์ถึงกับมึน หยิบกระเป๋าส่งยาคุมให้ไปแบบงงๆ คงเพราะยังเช้า สมองเลยประมวลผลช้าไปสักหน่อย กว่าจะตั้งสติกลับมาได้ พ่อก็หันหลังเดินไประยะหนึ่งแล้ว

   “เดี๋ยวพ่อ คงไม่ใช่ว่า...” ลากเสียงท้ายประโยคละไว้ในฐานที่เข้าใจ

   “อลันกลับมาแล้ว”

   “ฮะ!?”

   “วางใจเถอะ ที่เหลือพ่อจัดการเอง ช่วงนี้ฝากดูน้องด้วย พ่อคงไม่ค่อยว่างเท่าไหร่”

   อเล็กซ์มองตามหลังพ่อที่หายเข้าไปในห้องนอนอย่างอึ้งๆ ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้า รู้เลยว่าตัวเองกำลังยิ้มกว้างแบบหยุดไม่อยู่ด้วย

   จากสีหน้าพ่อเมื่อครู่ พอจะให้คำตอบทุกอย่างได้แล้วว่าแม่ทำสำเร็จ!

   “สมแล้วที่เป็นแม่” กอดอกพยักหน้า

   “ว่าแต่...แม่ใช้วิธีอะไรกัน?”


   ย้อนกลับไปเมื่อวาน...

   “เข้ามาทำไม”

   ผมเลิกคิ้วมองคนที่นั่งกุมมือก้มหน้าอยู่ข้างเตียง อาศัยแสงแดดที่ส่องผ่านผ้าม่านสำรวจสภาพโดยรอบ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเคลื่อนย้ายหายไปแม้แต่ชิ้นเดียว ยกเว้นรูปถ่ายของผม

   “ฉันเริ่มไม่เข้าใจแล้วว่าตกลงนายอยากลืมหรืออยากจะจำฉันเอาไว้กันแน่” ผมคุยกับเขาเหมือนกับในอดีต แต่ดูคนฟังจะรับไม่ได้

   “ออกไป! เลิกแสร้งทำตัวเหมือนอลันสักที” เสียงตวาดลั่นไม่ทำให้ผมกลัว เพราะผมรู้ดี หากเดวิดไม่ยอมรับจริงๆ คงเรียกคนเข้ามาลากตัวผมไปโยนทิ้งข้างนอกตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแค่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังสับสน

   คนอื่นอาจจะบอกว่ามันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ ที่จะตายแล้วเกิดใหม่โดยมีความทรงจำเดิม แถมอายุก็ยังไม่สมเหตุสมผลอีกต่างหาก

   เหนือสิ่งอื่นใด มนุษย์ไม่ได้ขับเคลื่อนได้ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว ทุกคนปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า ทุกการตัดสินใจในชีวิต ย่อมมีความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง มันคือสัญชาตญาณของมนุษย์ นั่นเป็นคำตอบที่ทำให้เดวิดแสดงอาการต่อต้านอย่างทรมาน เพราะสัญชาตญาณมันกำลังเรียกร้องหาคู่แห่งโชคชะตาของตัวเอง

   ผมเดินเข้าไปหา ไม่กลัวท่าทีดุร้ายของเขา กับคนอื่น เดวิดอาจจะดูน่ากลัว แต่สำหรับผมเขาน่ารักที่สุด

   “เดวิด เรามาระลึกความหลังหน่อยเป็นไง” ผมหัวเราะในคอ ยาระงับฮีทไม่ได้ผล 100% ต่อให้เป็นตัวยาดีแค่ไหนก็ตาม มันช่วยบรรเทาให้ผ่านช่วงนี้ไปได้ และไม่กระตุ้นอัลฟ่ารอบกายมากนัก สวนทางกับสิ่งที่ผมกำลังจะทำ เพราะมันไม่ต่างจากการท้าทาย ยอมรับเลยว่าตอนนี้ ตัวผมเองก็ถูกกลิ่นของเดวิดที่อบอวนไปทั่วห้องกระตุ้นอย่างหนัก คงไม่ต้องพูดถึงคนรับผลเต็มๆ อย่างผู้ชายตรงหน้า

   ผมอาศัยช่วงอีกฝ่ายมัวเพ่งสมาธิกับการควบคุมตัวเอง ใช้สองมือขยุ้มคอเสื้อเชิ้ตจนยับ แล้วออกแรงเหวี่ยงอีกฝ่ายขึ้นเตียง ก่อนตามไปคร่อมในท่าคุกเข่าเหนือร่างสูง มือถอดเศษเสื้อตัวเองโยนทิ้งอย่างไมใยดี รั้งมือที่พยายามผลักไสให้มาแตะบนผิวกายของผม

   ฝ่ามือร้อนระอุของอีกฝ่ายลูบไปตามผิวอย่างสั่นๆ เดวิดคิดจะรั้งมือกลับหลายที แต่โดนผมคว้ามาวางแถวสะโพก ขณะที่ตัวเองปลดกางเกงอีกฝ่ายออกอย่างชำนาญ แม้ชาตินี้ไม่เคยนอนกับใคร อาศัยแค่ประสบการณ์จากชาติก่อนก็เหลือเฟือแล้ว

   ผมรู้ดีว่าเดวิดชอบอะไร ไม่ชอบอะไร มือรวบรูดปลุกเร้าของพวกเราไปพร้อมๆ กัน ส่วนอีกข้างที่ว่างใช้มันเตรียมพร้อมด้านหลัง สัมผัสเปียกลื่นบ่งบอกว่าผมกำลังต้องการมากแค่ไหน ดังนั้นผมจึงใช้เวลากับมันไม่มากแล้วขยับกายค่อยๆ กดของเดวิดเข้าไป ทั้งเจ็บทั้งสุขจนแทบบ้า

   ผมแสยะยิ้มมองเดวิดที่เผยสีหน้าทรมานแม้ตัวเองกำลังสั่น ใช้ลินเลียริมฝีปาก ตัดสินใจขั้นสุดท้าย มาดูกัน ว่านายกับฉัน ใครจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้!

   “อลัน อึก เดี๋ยว...” ออกปากห้ามอย่างลืมตัว เจ้าของชื่อไม่คิดฟัง กดกายลงรับความเป็นชายเข้าไปทั้งหมด รู้สึกดีเสียจนต้องปลดปล่อย ในขณะที่เดวิดคำรามเสียงต่ำในคอ สติราวกับขาดสะบั้นมันเดี๋ยวนั้น

   ฉับพลัน! ร่างกายก็ถูกหมุนวูบเปลี่ยนตำแหน่งมาอยู่ด้านล่าง พร้อมแรงถาโถมอย่างหนักหน่วงจนเกือบรุนแรง ฝ่ายรองรับแหงนคอหอบหายใจครางกระเส่ายิ่งเร่าอารมณ์ให้คุโชน กลิ่นหอมอบอวนเริ่มเจือไปด้วยกลิ่นเลือดเบาบาง

   เขารู้อยู่แล้ว รู้ตั้งแต่ได้กลิ่นหอมผ่านลูกชาย อเล็กซ์ไม่เคยโกหก ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับอลันยิ่งไม่มีทาง ถึงอย่างนั้นลึกๆ ในใจก็ยังต่อต้าน ความเจ็บปวดนี้มันมากเกินไป มากเสียจนหัวใจแทบแหลกสลายในวันที่รู้ว่าจะต้องสูญเสียอีกฝ่ายไปตลอดกาล แต่ต้องฝืนยืนต่อไปเพื่อลูกอีกสองคน

   ความรู้สึกผิดเกาะกินจิตใจมาโดยตลอด มากเสียจนไม่อาจทนเห็นภาพของคนรักได้ เพราะคนที่ทำให้อีกฝ่ายตายก็คือตัวเอง

    อัลฟ่าคือเพศที่สูงส่ง คือผู้นำ แต่กับเดวิดมันไม่ต่างจากคำสาป เขาเกลียดความเป็นอัลฟ่าของตัวเอง มันไม่ต่างจากสัตว์ป่า เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

   สภาวะจิตใจที่ถูกกดดันมาถึงขีดสุด รวมกับอารมณ์ที่ปั่นป่วน สุดท้ายกำแพงจิตใจก็พลังทลาย...

   “ขอโทษ...อึก ขอโทษ อลัน ฉันหยุดตัวเองไม่ได้” เสียงทุ้มแหบพร่า สีหน้าฉายความเจ็บปวด ทั้งที่สองมือยังขึงร่างด้านใต้เพื่อสนองความต้องการของตนเอง ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยว หยดน้ำตาไหลริน ร่วงหล่นบนแก้มคนรักที่ยังอ่อนเยาว์

   ไม่มีแม้แต่จังหวะที่จะตอบโต้ ทำได้เพียงครวญครางอย่างทรมาน ถึงอย่างนั้น ใบหน้าที่คุ้นเคยก็ยังแย้มรอยยิ้มมุมปาก มองดวงตาสีม่วงคู่งามที่ทำให้เดวิดหวั่นไหวมาโดยตลอด มันเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมากมายที่เอ่อล้นออกมาจากภายใน

   เดวิดตัดสินใจทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับเหตุผล ปล่อยให้ตัวเองเป็นไปตามสัญชาตญาณของอัลฟ่า...ของคนรัก...

   ร่างสูงใหญ่ถอนกายออกในคราวเดียวให้คนรองรับผวาเฮือก ยังไม่ทันได้พักหายใจ ร่างกายถูกจับให้นอนคว่ำ สะโพกถูกมือหนายกขึ้นสูง แยกเปิดฝังของตัวเองเข้าไปจนสุดในคราวเดียวพร้อมขยับอย่างเอาแต่ใจ ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดแผ่นหลังไล้จนถึงลำคอ แลบลิ้นเลียลำคออย่างหมายมาด อลันถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งกาย

   ไม่ว่าเมื่อไรลำคอยังคงเป็นจุดอ่อนของโอเมก้าเสมอ และเป็นจุดที่อัลฟ่าชื่นชอบมากเป็นพิเศษ เพราะมันสามารถสูดกลิ่นหอมกรุ่นได้อย่างเต็มที่ แถมยัง...

   ริมฝีปากได้รูปอ้าออกเผยให้เห็นคมฟันเรียงตัวสวย เสียงหอบครางของทั้งคู่สอดประสานกัน

   “เด...อ๊า..!”

   ความเจ็บแสบปนวาบหวานแล่นพล่านไปทั่วร่าง ถึงกับถึงจุดอย่างสุดกลั้น เดวิดไม่ยอมคลายปากออก พลางขยับอย่างเร่าร้อนต่อเนื่องจนถึงที่สุดของห้วงอารมณ์ ปลดปล่อยเข้าไปภายใน แสดงความเป็นเจ้าของอย่างเอาแต่ใจ

   แช่ค้างไม่นาน เดวิดยอมเคลื่อนกายออก ใช้ลิ้นเลียเลือดซิบจากแผลรอยฟันที่กัดเต็มแรง

   “เดวิด” เสียงเรียกชื่อหอบพร่า พยายามหันมองเพื่อยืนยันคำตอบของการเชื่อใจ

   “อืมม” ขานรับเสียงทุ้มต่ำในคอ ประกบปากจูบสอดลิ้นเข้าไปพัวพันดูดดื่ม และใช้สัมผัสทางกายในการยืนยันความคิดของตัวเอง ว่านี่คืออลันของเขาเพียงผู้เดียว...

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 4/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 04-06-2017 08:58:25
อ๊าก..กกก จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ ปริ๊บๆๆๆๆๆ คอมโบเซต 5 ตอนรวด สนุกมาก เอาอี๊ก..กกกกกก  :m3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 4/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-06-2017 22:15:53
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 4/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Air_Yaoi ที่ 05-06-2017 01:22:46
สนุกมากกกกกกกกกก ชอบมากเลยค่ะ  :haun4: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 4/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-06-2017 11:07:02
ชอบมากกกกกกกกก อยากอ่านอีกเยอะๆ   :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
 :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4: :pig4: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 4/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-06-2017 11:24:32
สนุกมากเลยค่ะ จะรออ่านนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 4/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 05-06-2017 12:01:23
ฮื่อออ น่ารักมาก
อยากให้อลิสเจอแม่แล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 4/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 06-06-2017 00:43:47
อลันนี่เป็นโอเมก้าที่ติสสุด อย่างชอบบบบ  o18
 :L2:  :pig4:  :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 4/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 06-06-2017 07:51:26
กรี๊ดชอบ รออ่านเลยแบบ รักอลัน กร๊ากกกก นางติสแตก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 4/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-06-2017 08:43:56
ตาม   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 4/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-06-2017 20:29:23
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back6 [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 8/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 08-06-2017 02:27:13
6

   สองร่างยังคงอยู่บนเตียง แต่อากัปกิริยาต่างไป คนหนึ่งนอนบนเตียง อีกคนหยิบเข็มฉีดยา ค่อยๆ ใช้สำลีเช็ดข้อพับแขนแล้วกดเข็มฉีดอย่างเบามือ ท่าทางคล่องแคล่วราวกับเคยทำเป็นประจำ ซึ่งมันก็ไม่ผิด สมัยก่อนตัวผมเองก็ใช่จะเป็นโอเมก้าที่สุขภาพแข็งแรงอะไร

   คือไม่ได้ป่วยง่ายอ่อนแอขี้โรค แต่ฮอโมนมีปัญหา ผมเข้าช่วงฮีทตั้งแต่อายุสิบห้า หลังจากรู้เพศตัวเองไม่นาน ซึ่งนั่นถือว่าไวมาก แล้วยาคุมฟีโรโมนแต่ละที บางครั้งก็เอาไม่อยู่จนต้องให้เดวิดช่วยฉีดยาให้บ่อยๆ ส่วนช่วงฮีทก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ แล้วปิดท้ายกิจกรรมด้วยยาคุม เพราะตอนแรกคิดว่าจะมีอเล็กซ์แค่คนเดียว

   กรณีท้องอลิส ถือว่าเป็นโอกาสน้อยของโคตรน้อย เนื่องจากท้องนอกเวลาฮีท คือ โอเมก้ามีโอกาสตั้งท้องช่วงฮีทถึง 98-100% มันเป็นช่วงที่ร่างกายพร้อมที่สุดสำหรับการสืบพันธุ์ บอกแล้วไงว่ามันคล้ายกับสังคมของพวกหมาป่า ฮีทก็ช่วงติดสัด ซึ่งนอกจากเวลานั้น มีโอกาสตั้งท้องแค่ 0.001% ผมล่ะนับถือลูกสาวผมจริงๆ

   แต่ก็นั่นแหละ อเล็กซ์กับอลิสเลยมีอายุห่างกันมากด้วยประการฉะนี้

   “คิดอะไรอยู่” เสียงทุ้มแฝงความละมุนผิดน้ำเสียงเย็นชาเช่นปกติ มาถึงขั้นนี้คงไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะว่าผมเป็นอลันตัวจริงรึเปล่า ในเมื่อเราเป็นสามีภรรยากันย่อมมีจุดที่รู้กันแค่สองคน

   “แค่คิดถึงตอนท้องอลิสน่ะ” ผมตอบไปตามจริง เห็นอีกฝ่ายชะงักไป สีหน้าเคร่งเครียดพลางรั้งตัวผมเข้าไปกอดแน่น

   “อย่านึกถึงมันเลย เรามาคิดถึงอนาคตกันดีกว่าว่าจะเอายังไงดี คุณคิดแผนอะไรไว้ บอกผมได้รึเปล่า” เดวิดยังคงรู้ใจผม ที่สำคัญผมเล่าเรื่องในชาตินี้ให้เดวิดฟังแล้วทั้งหมด เรื่องทุกอย่างเลยง่ายขึ้น ผมเอนซบเขาลูบไล้แผงอกอย่างเพลิดเพลิน อกคุณสามียังดีงามเหมือนเคย แม้จะไม่เท่าเดิมแต่ก็ฟินอยู่ คงวุ่นกับการทำงานและดูแลอลิสเลยไม่ค่อยมีเวลาเล่นฟิตเนส

   “ก็คิดไว้บ้าง แต่เรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะ เคลียร์เรื่องโอเมก้าที่พวกตาแก่ยัดเยียดมาก่อนดีมั้ย นายคงไม่ได้นอกกายฉันนะเดวิด” จ้องมองด้วยรอยยิ้มแต่เล็บจิกแผ่นอกผ่านผิวผ้าจนอีกฝ่ายสะดุ้งรีบคว้ามือผมออก

   “ใจเย็นก่อน ผมไม่ได้นอกกายนอกใจอะไรทั้งนั่น ผมรีบกลับมาเพราะโอเว่นโทรบอกว่าเจอคุณ ส่วนเมสันทางนั้นเขาตามมาเองผมไม่ได้ชวน” คุณสามีรีบยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ด้วยรู้ดีกว่าภรรยาสุดที่รักหึงโหดระดับน่ากลัว

   ผมกรอกตาใส่คนที่รีบแก้ตัวแต่แววตาระยิบระยับอย่างยินดี เดวิดนี่ก็โรคจิต ชอบเห็นผมหึงอาละวาดแล้วหาว่าผมโหดร้ายแบบนั้นแบบนี้ ทั้งที่เวลาเจ้าตัวโกรธหรือโมโหดูน่ากลัวกว่าผมเป็นร้อยเท่า เพียงแต่เจ้าตัวเป็นคนใจเย็น  น้อยนักที่จะเผยด้านนั้น

   “ตอนนี้ฉันไม่มีฐานะเหมือนอย่างเก่า คงจัดการพวกตาแก่ไม่ได้” สมัยผมมีชีวิตอยู่ สาเหตุที่พวกตาแก่นั่นไม่กล้ายุ่งเพราะผมมีแบ็คเป็นตระกูลเก่าแก่ แม้ว่าทั้งตระกูลจะเหลือเพียงผมคนเดียวก็ตาม พอผมตายไปถึงได้เหิมเกริมใส่เดวิด แม้เดวิดจะไม่อ่อนแอ แต่เขามีลูกๆ และงานที่บริษัทให้พะวงโดยไม่มีผมช่วยแบ่งเบาเหมือนเดิมคงตึงมือไม่น้อย

   ดังนั้นคงถึงเวลาที่ผมจะหวนคืนสู่สังเวียน สิ่งที่เรียกว่าครอบครัวคือทุกคนต้องช่วยเหลือกันไม่ใช่ทิ้งภาระทุกอย่างใส่บ่าใครสักคนหนึ่ง

   ผมบอกแผนการกับเดวิด  “เอาแบบนี้แล้วกัน เรียกทนายประจำตัวฉันมา เขาคงยังไม่ตายหรอกใช่มั้ย แล้วก็ไปตรวจดีเอ็นเอที่โรงพยาบาลในเครือของเรา ยืนยันว่าผมเป็นทายาทที่เหลืออีกคนของตระกูล ’เซอร์คอน’ จะได้กลับมาบริหารกิจการที่บ้านต่อ ปล่อยทิ้งให้นายดูแลคนเดียวคงเหนื่อยน่าดู น้ำหนักลดไปรึเปล่าเนี่ย หน้าดูซูบลงนะ” ยื่นมือไปดึงแก้มสามีที่เอาแต่มองผมตาหวานเชื่อม อีกฝ่ายหัวเราะในคอชวนใจสั่น จับมือผมไปจูบหอมราวกับเป็นของล้ำค่า

   “คุณว่าไงผมก็ว่าตามนั้น ถ้าคุณกลับฐานะเดิมก็ดี พวกหนังเหนียวใกล้ลงโลงจะได้เลิกมาวุ่นวายกับครอบครัวเราสักที จริงสิ อลิสนามสกุลเซอร์คอนตามที่คุณต้องการ”

   ผมพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ อันนี้เราตกลงกันไว้ช่วงที่ผมเพิ่งรู้ว่าท้องอลิสไม่กี่เดือน คนโตอเล็กซ์ ผมยกให้เป็นทายาทของโฮราทิโอ้ ส่วนอลิส ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไรก็จะสืบทอดทรัพย์สินของบ้านผมไป รับรองว่าลูกไม่ลำบากแถมยังเป็นเกราะป้องกันชั้นดี

   ตระกูลฝั่งผมไม่เหมือนของเดวิด ทางนั้นมาจากพ่อค้าจึงค่อนข้างชิงดีชิงเด่นพอสมควร ส่วนผมมาจากขุนนางเก่า มีสายเลือดตระกูลรองที่คอยปกป้องสายเลือดตระกูลหลัก แม้ไม่มากเท่าอดีต แต่ก็ไม่น้อยจนอ่อนแอ

   ลูกของอัลฟ่ากับโอเมก้า มีโอกาสเป็นอัลฟ่า 80% ส่วนโอเมก้า 20% เพราะงี้ไงผมถึงบอกว่าโอเมก้าเป็นแรร์ไอเท็ม แต่ถ้าเป็นเบต้า ไม่ว่าจะคู่กับเพศอะไร โอกาสเกิดเป็นเบต้าคือ90% อัลฟ่า18% โอเมก้า2% ตามลำดับ อย่างโอเว่น ความจริงเจ้าตัวเป็นอัลฟ่าแต่แต่งงานกับเบต้า ทำให้ลูกออกมาเป็นเบต้า งงไหม? ถ้างงก็ย้อนกลับไปอ่านนะ อ่านจนกว่าจะเข้าใจนั่นแหละ

   “เดวิด เก็บมือไปซะ ฉันตอนนี้ไม่ได้อายุเท่านาย ไม่ถึกทนเหมือนสมัยก่อนนะ แค่ตอนนี้ก็อยากจะถอดเปลี่ยนสะโพกอยู่แล้ว!” หยิกมือซุกซนที่ล้วงเข้าไปในผ้าห่ม ถึงส่วนใหญ่ผมจะชอบเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่เดวิดนี่แหละตัวดีเลย ไม่งั้นจะมีอเล็กซ์ตั้งแต่อายุสิบห้าเรอะ!

   “พักไว้ก่อนก็ได้ ไหนๆ ก็ไหนๆ คุณย้ายมาอยู่บ้านนี้เลยแล้วกัน ส่วนทนายค่อยเรียกมาคุยพรุ่งนี้” ปากบอกพักแต่ยังคลอเคลียไม่เลิก ยังติดนิสัยชอบสกินชิพเหมือนเดิม

   “แล้วบ้านเด็กกำพร้าฉันล่ะ” ผมไม่ใช่พวกได้ดีแล้วลืมผู้มีพระคุณของตัวเอง ในตอนที่ยังเป็นทารก ถ้าแม่โจลี่ไม่เก็บผมมาเลี้ยง ผมคงไม่โตจนฟื้นความทรงจำกลับมาหาครอบครัวได้แบบนี้หรอก

   “ที่อเล็กซ์เอาเงินไปบริจาคสินะ เรื่องนั้นไม่ยาก เราจะส่งเงินไปบริจาคที่นั่นทุกเดือน รวมถึงสวัดดิการด้านอื่น ทั้งด้านการรักษา ตรวจสภาพร่างกายและทุนการศึกษา”

   “ทุนการศึกษา?” ผมแปลกใจจุดนี้ ส่วนอย่างอื่นก็พอเข้าใจได้อยู่

   “ใช่ คุณคงยอมไม่เรียนเพื่อให้เด็กคนอื่นได้เรียนหนังสือ ดังนั้นผมจะให้ทุนพวกเขา แน่นอนว่าไม่ฟรี ต้องมาทำงานให้บริษัทผมไม่ก็หาเงินมาคืนให้ครบตามจำนวนเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนแก่เด็กคนอื่นต่อไป”

   นับว่าเป็นการวางแผนที่ไม่เลว ผมพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เดวิดเห็นผมอารมณ์ดีเขาก็อารมณ์ดีด้วย

   “คุณจะกลับไปเยี่ยมที่นั่นบ้างก็ได้ ผมไม่ห้าม” เจ้าตัวพูดอย่างใจกว้าง ผมหัวเราะดึงคอเสื้ออีกฝ่ายมาจูบให้รางวัลที่เข้าใจผมในตอนนี้ แม้ผมจะยึดติดกับครอบครัวตัวเองมาก แต่ความผูกพันที่หล่อหลอมให้ผมเติบโตในชาตินี้ก็ไม่อาจตัดขาด ว่างๆ ผมคงเข้าไปเยี่ยมแม่โจลี่กับพวกเด็กๆ

   “โอ๊ย คุณกัดผมทำไม” อารมณ์หวานๆ สะดุดกึกเมื่อผมกัดปากเดวิดจนเลือดซิบ

   “เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น เรื่องนี้ก็ส่วนเรื่องนี้ ฉันยังไม่เคลียร์กับนายเลยนะ เล่นเก็บของทุกอย่างที่เกี่ยวกับฉันออกไปคิดว่าทำอะไรไม่ทราบ แล้วยังเรื่องที่บอกอลิสอีก ไม่คิดว่าลูกจะเข้าใจผิดนึกว่าฉันทิ้งเธอไปเหรอ” แม้จะปวดสะโพกจนไม่อาจขยับขา แต่มือผมยังขยับได้ เดวิดพยายามปัดป้องเป็นพัลวัน

   “ผมอธิบายได้ๆ” เจ้าตัวส่งเสียงดังออกมา ผมจึงหยุดมือปล่อยให้เขาพูด เดวิดผ่อนลมหายใจ บอกด้วยแววตาสั่นไหว “เพราะผมเจ็บปวดเกินไปเวลาเห็นสิ่งที่เกี่ยวกับคุณ ผมเลยเก็บพวกมันออก เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่จมอยู่ในความทุกข์และดูแลลูกๆ ของเราต่อไปได้ ส่วนเรื่องอลิสคุณไม่ต้องห่วง เพราะผมบอกเสมอว่าคุณรักเธอมากแค่ไหน แล้วยังมีใบหน้าที่คล้ายกับคุณมาก มากซะจนบางครั้งผมไม่อยากเห็นหน้าลูกสาวของตัวเอง”

   “เดวิด...”

   “ผมรู้ว่ามันไม่ดี แต่ผมอดไม่ได้ แต่คุณไม่ต้องห่วง ผมเก็บอาการพวกนั้นอย่างดี ยังไงอลิสก็เป็นลูกสาวที่ผมรัก ยิ่งตอนนี้ผมได้คุณคืนมาแล้ว ไม่มีอะไรต้องคิดมากอีก” หลังมือหนาไล้ใบหน้าผมแผ่วเบา ผมหลับตาและสวมกอดเขาอย่างเข้าใจ

   คนเราไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลไปกับทุกเรื่อง บางครั้งต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามความรู้สึก เมื่อเรื่องเลวร้ายได้ผ่านไปแล้ว ไม่มีเหตุจำเป็นต้องไปคิดย้อนถึงเรื่องราวแย่ๆ อีก หาคำตอบไม่ได้แล้วยังไง ช่างหัวมันไขว่คว้าเอาความสุขที่อยู่ข้างหน้าดีกว่า ชีวิตคนเรามันสั้น ผมที่เคยหมดลมหายใจย่อมรู้ดี

   “ฉันกลับมาแล้วเดวิด” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม

   “ยินดีต้อนรับกลับมาอลัน...” พวกเรากุมมือ มองสบตาอย่างเข้าใจ ปล่อยให้เวลาไหลผ่านไป ดื่มด่ำกับความรู้สึกที่โหยหามานาน วันนั้นทั้งวันผมกับเดวิดเลยเอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้อง แลกเปลี่ยนพูดคุยเรื่องราวที่ผ่านมา บ้างก็พูดถึงเรื่องเก่าๆ ที่ชวนคิดถึง

   ตกเย็น ผมได้ยินเสียงเคาะประตู ทีแรกเข้าใจว่าโอเว่นคงมาเก็บจานอาหารกลางวัน กระทั่งประตูเปิดออกเผยให้เห็นบุคคลผู้เป็นที่รัก โซ่น้อยคล้องใจเราสองคน

   อเล็กซ์ยืนมองผมกับเดวิดด้วยรอยยิ้มเหมือนคนบ้า ลูกสาวตัวน้อยในชุดนักเรียนสุดน่ารักมองผมด้วยดวงตากลมโต

   “ไปสิ อลิสอยากเจอคุณแม่ไม่ใช่เหรอ” อเล็กซ์ดันหลังน้องที่กำลังประหม่า สองมือน้อยกำกระโปรงแน่น ริมฝีปากเม้มสนิท เธอมองผมสลับกับเดวิด หลังจากได้ยินสิ่งที่อเล็กซ์พูดพวกเราก็พอเข้าใจอะไรได้ลางๆ เจ้าเด็กคนนี้มันจอมแผนการเหมือนใครกัน!

   “อลิส มาสิ” เดวิดเรียกเสียงทุ้มนุ่ม

   “คุณคือแม่ของหนูเหรอคะ?” เด็กน้อยถามอย่างไม่มั่นใจ เพราะอีกฝ่ายดูอายุน้อยกว่าพี่ชายเสียอีก ผมหัวเราะฮ่าๆ เข้าใจความสับสนของลูกคนเล็ก

   “ใช่ไม่ใช่ไม่รู้ ของแบบนี้มันต้องพิสูจน์” ผมกางแขนออกรอคอยอย่างใจเย็น อลิสยังมีท่าทางลังเล อเล็กซ์ก็ดูจะใจร้อนเหลือเกินแทบจะอุ้มน้องมาเสิร์ฟถึงที่ สุดท้าย เด็กน้อยก็ค่อยๆ ลากขาเข้ามาใกล้ๆ เมื่อเห็นพ่อกับพี่ชายไม่ได้ห้ามอะไร จึงลองสวมกอดดู ซึบซับสัมผัสที่เคยได้รับครั้งแรก เหมือนหัวใจพองฟู อิ่มเอมและปลอดภัย จนยากจะอธิบาย

   อลิสไม่รู้ว่านี่เป็นอ้อมกอดของแม่ที่หวังรึเปล่า คิดออกแค่ว่ามันรู้สึกดีจนไม่อยากจากไปเลย

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back6 [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 8/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: kiolkiol ที่ 08-06-2017 07:15:30
เด็กๆน่ารักมากค่ะ  ฮือออ ดีต่อใจเหลือเกินนน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back6 [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 8/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 08-06-2017 08:03:04
 :-[ :-[ :-[ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back6 [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 8/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-06-2017 09:19:04
ยังต้องสู้รบกับพวกตาเฒ่าอีกสินะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back6 [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 8/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 08-06-2017 09:59:09
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back6 [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 8/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 08-06-2017 13:29:36
ทำไมอลันถึงอายุสั้น..เพราะคลอดอลิส???
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back6 [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 8/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 08-06-2017 15:31:38
กว่าจะตามเรื่องนี้เจอ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back6 [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 8/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-06-2017 19:32:37
 :L2: :L2: :L2: :L2:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back6 [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 8/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 08-06-2017 20:08:40
 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back6 [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 8/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 08-06-2017 21:17:32
สนุกมากกกกกก เอาอีกคร่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back6 [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 8/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: zeroj ที่ 15-06-2017 11:05:17
มีต่ออีกมั้ยค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

อยากอ่านต่ออออออออออออออออออออ

 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back6 [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 8/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-06-2017 22:58:59
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back6 [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 8/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: BeeQ ที่ 16-06-2017 11:33:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back7 [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 17/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 17-06-2017 20:51:40
7


   “อลิส ตื่นรึยัง” เสียงเรียกผ่านประตูห้องนอนลูกสาวคนเล็กของบ้าน โดยปกติถ้าไม่ใช่พี่ชายอย่างอเล็กซ์มาปลุกก็จะเป็นคุณพ่อที่แวะมาเรียกก่อนไปทำงาน คราวนี้ต่างออกไป แม้จะไม่ใช่เสียงที่คุ้นเคย แต่มันก็ทำให้อลิสนอนคลุมโปงอมยิ้มอยู่ใต้ผ้าห่ม ไม่อยากจะลุกจากที่นอนเลย

   “แหนะ ตื่นแล้วทำไมไม่ลุก เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ” มือหยาบจากการทำงานเลี้ยงเด็กตลบผ้าห่มเผยนางฟ้าตัวน้อยประจำบ้านที่หัวเราะคิกคัก

   “คุณแม่ขา อาบน้ำกับอลิสนะ” สาวน้อยเรียกร้อง ผมใจอ่อนยวบเมื่อลูกสาวมาเกาะแขนออดอ้อน เด็กผู้หญิงยังไงมันก็ดีกว่าเด็กผู้ชายจริงๆ แหละน้า

   “ไม่ได้ แม่อาบแล้ว ถ้าอาบอีกจะเป็นหวัด อลิสเด็กดีไปอาบน้ำกับพี่เลี้ยงก่อนนะคะ” ลูกชายคนโตที่แอบดูอยู่ข้างนอกถลาเข้ามาทันทีพร้อมปั้นหน้ายิ้มพยายามกล่อมน้องที่พองลมเข้าแก้ม ผมหัวเราะจิ้มแก้มป่องๆ นั่นเบาๆ แล้วอุ้มขึ้นมาอย่างชำนาญ

   “ไม่เป็นไร แม่อาบแล้วก็ช่วยอลิสอาบได้ ลอร่าไปช่วยในครัวเตรียมอาหารเช้าเถอะ” ผมหันไปมองพี่เลี้ยงที่พอคุ้นหน้ากันอยู่ เพราะเดวิดไม่รับคนเพิ่ม ส่วนใหญ่จะเป็นคนเก่าแก่กับลูกหลานพวกเขา ซึ่งผมเห็นด้วย คนเหล่านี้ไว้ใจได้มากกว่า รับจากข้างนอกมาไม่รู้จะเป็นอันตรายต่ออเล็กซ์และอลิสรึเปล่า

   ลอร่าเป็นผู้หญิงนุ่มนวลอ่อนหวาน แถมยังใจเย็นเหมาะกับการดูแลอลิสจริงๆ นั่นแหละ ผมมองเธอโค้งกายด้วยรอยยิ้มพลางออกจากห้องไปด้วยฝีเท้าเงียบกริบไม่มีท่าทีอะไรพิเศษ

   การกลับมาของผม ถึงส่วนใหญ่เหล่าคนเก่าแก่จะยอมรับได้อย่างง่ายได้ แต่ก็มีบางส่วนที่สงสัยบ้าง แต่มันก็เท่านั้น ยังคงทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ปล่อยที่เหลือให้เป็นไปตามกาลเวลา เดี๋ยวทุกคนก็เปิดใจให้กับผมอีกครั้งเอง

   หางตาเห็นพ่อลูกชายยังไม่ยอมไปไหน ผมเลยใช้งานซะเลย

   ”อเล็กซ์ไหนๆ ก็มาแล้ว เตรียมเสื้อผ้าให้น้องกับเก็บเตียงด้วยนะ” สิ้นคำก็อุ้มอลิสน้อยเข้าห้องน้ำ ปล่อยลูกชายยืนอึ้งอยู่กับที่ ความจริงถ้าผมเลี้ยง ผมจะให้ลูกเก็บเตียงแต่งตัวเองโดยมีผมยืนคุม แต่เดวิดคงไม่มีเวลามากพอและอเล็กซ์ก็ไม่ละเอียดอ่อนขนาดนั้น ถึงให้ลอร่าช่วยดูแลเลยอาจจะตามใจมากไปหน่อย

   น่าเสียดาย ตอนเช้าเป็นเวลาเร่งรีบ ผมเลยจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้อลิสเองเพื่อความรวดเร็ว ส่วนเรื่องสอนไว้ค่อยทำตอนเย็น

   เมื่อลูกสาวพร้อม ผมจูงมืออลิสลงมาชั้นล่าง ด้านหลังมีอเล็กซ์เดินตามประดุจเจ้ากรรมนายเวร เดวิดละสายตาจากหนังสือพิมพ์ธุรกิจมองพวกเราพลางหัวเราะขำ

   “เหมือนแม่ไก่กับลูกเจี๊ยบเลยนะ” มีการแซวอย่างอารมณ์ดี อลิสดูจะแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นคุณพ่อในมุมมองนี้ ส่วนอเล็กซ์ทำสีหน้ายินดี เพราะคิดว่าพ่อจะกลายเป็นรูปปั้นประดับบ้านไปซะแล้ว การกลับมาของผมทำให้บรรยากาศภายในบ้านดูอบอุ่นน่าอยู่อีกครั้ง

   “คุณพ่อไก่อย่ามัวขัน ไปที่โต๊ะได้แล้ว” คนที่กล้าต่อปากต่อคำกับเดวิดได้คงมีแค่ผมคนเดียว สิทธิพิเศษ ต่อให้ทำร้ายร่างกายเดวิดก็ไม่กล้าเอาคืน

   เดวิดชะงักไปก่อนจะหลุดขำ “คิดถึงวาจาเจ็บแสบของคุณชะมัด” ว่าพลางเดินมาโอบเอวผมนำขบวนลูกเจี๊ยบไปที่โต๊ะอาหาร ไม่ได้เป็นโต๊ะยาวอย่างในหนัง เป็นเพียงโต๊ะกลมให้พวกเราได้นั่งอยู่ใกล้กัน อาหารเช้าก็เป็นแค่ไข่คน ไส้กรอก เบคอนกับขนมปังปิ้งแบบง่ายๆ ความจริงโต๊ะยาวก็มีนะ แต่อยู่อีกห้อง นั่นไว้สำหรับรับแขกหรือญาติพี่น้อง ซึ่งไม่ค่อยจะมาสักเท่าไหร่ในเมื่อเจ้าบ้านแทบไม่ต้อนรับใคร

   พอพ้นช่วงมื้อเช้าก็มากอดหอมล่ำลากันอยู่หน้าบ้าน เดวิดให้คนขับรถวนไปส่งอลิสก่อนค่อยไปทำงาน อเล็กซ์เดินทางไปมหา’ลัยเองด้วยรถโดยสาร ติดนิสัยจากที่ผมชอบพาไปไหนมาไหนด้วยวิธีนี้ มันทำให้เห็นสังคมรอบตัวดี

   เมื่อทุกคนไปหมดแล้ว ผมก็ออกจากบ้านเช่นกัน ว่าจะไปบอกกับแม่โจลี่เรื่องย้ายออกมาโดยมีโอเว่นตามไปด้วยเพื่อยืนยันว่าหลังจากที่ผมออกไปจะได้อยู่บ้านหลังใหญ่ ได้สามีหนึ่งคนแถมลูกอีกสอง

   ทีแรกพอแม่โจลี่เห็นว่าผมถูกกัดคอก็ตกอกตกใจใหญ่ เกือบจะเป็นลมมองเขม้นโอเว่นอย่างแรง จนพ่อบ้านต้องรีบไกล่เกลี่ยว่าคู่ของผมคือเจ้านายของเขา เดวิด โฮราทิโอ้ นักธุรกิจหนุ่มชื่อดังผู้เป็นพ่อหม้ายลูกติด ด้วยชื่อเสียงอันดีงามของเดวิดที่สะสมมาตลอด ในที่สุดแม่โจลี่ก็ยอมปล่อยให้ผมทำเรื่องออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พร้อมกำชับอีกหลายอย่าง

   หากไม่เป็นที่ต้อนรับ หรือไร้ทางไปก็ให้กลับมาที่นี่ ประตูบ้านหลังนี้จะคอยเปิดต้อนรับเสมอ ผมซึ้งจนน้ำตาซึม เข้าไปสวมกอดคนที่เลี้ยงดูผมในชาตินี้ แม้จะไม่สะดวกสบายอย่างใครเขา แต่ความรักความจริงใจที่แม่โจลี่มอบให้เด็กทุกคนนั่นคือของจริง ทุกคนเปรียบเสมือนลูกของท่าน เด็กๆ ในบ้านก็รักใคร่กันดียิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆ บางครอบครัวซะอีก

   คงเพราะมีชะตากรรมเดียวกันจึงเข้าใจกันและกันมากเป็นพิเศษ ด้วยเหตุนี้ พอเด็กๆ ที่แอบดูอยู่รู้ว่าผมจะไปก็วิ่งออกมารุมล้อมรอบตัวร้องไห้โยเยกันหมด ผมกับแม่โจลี่ต้องช่วยกันกล่อมอยู่นานกว่าจะสงบ แล้วสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ ถึงผมได้ดีก็ไม่มีทางลืมกำพืดตัวเองหรอก

   หลังจากนั้นถึงเข้าเรื่องจริงจัง โอเว่นหยิบเอกสารที่ผมตกลงกับเดวิดไว้ออกมา เงินบริจาคก้อนแรกและสวัสดิการอื่นๆ ทำให้แม่โจลี่เกือบเป็นลมอีกรอบ ปฏิเสธลูกเดียวว่ามันมากเกินไป รับไว้ไม่ไหว ผมเลยบอกว่าเงินพวกนี้ไม่ใช่เพื่อแม่โจลี่อย่างเดียว แต่เพื่ออนาคตของเด็กๆ ทุกคนด้วย

   อีกอย่าง ถือเป็นการสร้างชื่อเสียงอันดีงามให้แก่เดวิด พวกคนที่มีตังมากๆ มีหน้ามีตาย่อมบริจาคช่วยเหลือสังคมเป็นเรื่องปกติ นอกจากจะได้ลดหย่อนภาษีบางส่วนแล้วยังเป็นเครดิตให้กับเจ้าตัว

   พอโดนผมกับโอเว่นช่วยกันหว่านล้อมชักแม่น้ำทั้งโลก ในที่สุดแม่โจลี่ก็ยอมรับเงื่อนไข แต่ก็พร้อมจะปฏิเสธการช่วยเหลือทุกเมื่อหากมีการบังคับหรือมีเรื่องส่งผลเสียกับเด็กๆ ในบ้าน ซึ่งเอกสารสัญญาที่โอเว่นเตรียมมาชัดเจนไม่มีหมกเม็ด ทุกอย่างเลยจบลงด้วยดี

   ความจริงเดวิดกับผมก็ไม่คิดจะใช้การช่วยเหลือเพื่อสร้างชื่อเสียงอะไรหรอก พวกเราแค่อยากตอบแทนสถานเลี้ยงเด็กแห่งนี้ ที่ชุบเลี้ยงผมมาจนโต แต่ถ้าให้ฟรีใครก็ต้องระแวง แถมทำใจยอมรับข้อเสนอได้ยาก ดังนั้นเลยต้องอ้างกันสักหน่อย

   วันนั้นจึงหมดลงกับการที่ผมขลุกอยู่กับพวกเด็ก ช่วยงานแม่โจลี่แล้วกลับมาบ้านตอนเย็น

   เมื่อถึงบ้านก็เจอเดวิดรออยู่ก่อนแล้ว ผมเลยถือโอกาสรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น เจ้าตัวเพียงพยักหน้ารับไม่ถามอะไรมากกว่าเพราะเดวิดไว้ใจผมมากกว่าตัวเองซะอีก

   ลูกๆ ยังไม่กลับมาก็เป็นเวลาระลึกความหลังของพวกเรา พออเล็กซ์กับอลิสกลับมาบ้านก็กลายเป็นเวลาของครอบครัว ผมใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นไปหลายเดือน แวะเวียนกลับสถานเลี้ยงเด็กบ้างเป็นระยะ ระหว่างนั้นก็ใช่จะว่าง ผมต้องไปคุยกับทางตระกูลตัวเอง อาศัยมันสมองกับนิสัยส่วนตัวแลกความลับชาวบ้านที่ผมกุมไว้ในชาติก่อน ทำให้พวกเขายอมรับ แน่นอนว่าต้องมีการตรวจดีเอ็นเอด้วย ซึ่งผลออกมาว่าผมเป็นคนของตระกูลนี้จริงๆ

   ส่วนทำไมถึงหลุดไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กได้ ยังคงเป็นปริศนาดำมืดต่อไป แม่โจลี่เองก็ไม่เห็นหน้าคนมาทิ้ง ก็ตามพล็อตทั่วไป แม่โจลี่ได้ยินเสียงเด็กร้องหน้าประตู เปิดออกมาก็เจอผมนอนในตะกร้าที่เขียนชื่อของผมไว้ตัวเบ้อเร่อ ปัจจุบันเจ้าตะกร้านั่นถูกผมใช้งานจนมันพังไปนานแล้ว ขนาดแม่โจลี่ยังบ่นว่าผมช่างไม่ละเอียดอ่อนเอาซะเลย แทนที่จะเก็บไว้สืบหาที่อยู่แม่ ผมนี่ถึงกับเบ้ปากมองบน แซวไปว่าพักนี้แม่โจลี่ดูหนังสืบสวนเยอะไปรึเปล่า ผลคือโดนตบหลังมาหนึ่งฝ่ามือเป็นรอยแดงครบห้านิ้วเชียวล่ะ

   พักเรื่องการย้อนอดีตไปก่อน กลับสู่สถานการณ์ปัจจุบัน หลังยืนยันแน่แล้วว่าผมมีสายเลือดของเซอร์คอนจริง แถมนิสัยยังมีแต่คนหันหน้าหนีเหมือนชาติก่อนเปี๊ยบราวกับ Copy แล้ว Paste ที่สำคัญยังผ่านบททดสอบอย่างง่ายดายราวกับนกรู้ ก็แหงล่ะ คนที่ตั้งบททดสอบให้มันยุ่งยากวุ่นวายขนาดนี้ก็คือผมในอดีตเอง ป้องกันไม่ให้มีพวกสวมรอยอยากได้สมบัติในตระกูล

   แต่ก็นั่นแหละ กว่าเรื่องจะเรียบร้อยใช้เวลาไปหลายเดือน นี่ถือว่าไวแล้วนะ ปกติเป็นปีนู่น ระหว่างนั้นผมก็ไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า ไปสอบเอาวุฒิที่ตัวเองเคยได้สมัยก่อนมาให้ครบ ถือว่าเป็นเรื่องนี้อีกอย่าง ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเรียน หากคนมีสมองและความรู้ความเข้าใจมากพอสามารถสอบเอาวุฒิได้เลย แต่หลังจากนั้นคุณจะถูกจับตามองตลอด หากทำผิดพลาดหรือตรวจสอบได้ว่ามีการโกงเกิดขึ้น นอกจากจะถูกยึดวุฒิแล้วยังโดนขึ้นบัญชีดำไม่มีโอกาสได้วุฒินั้นอีกตลอดกาล

   ถือว่าเป็นการลงโทษที่โหดดี ดังนั้นคนส่วนมากจึงไม่เสี่ยงกับวิธีนี้ เพราะถ้าพลาดมามันคือการดับอนาคตดีๆ นี่เอง

   ลึกๆ แล้วผมไม่อยากเสี่ยงหรอก แต่มันจำเป็นต้องใช้ต่อกรกับพวกหัวโบราณของตระกูลเดวิด จึงไปสอบพิสูจน์ตัวเองทั้งทฤษฎีและปฏิบัติด้วยใจระทึก ถึงจะนั่งทวนตั้งแต่เริ่มจำอดีตได้จนถึงทุกวันนี้ก็ตาม ที่เหลือก็รอดูผล

   เรื่องที่ควรทำก็ทำไปหมดแล้ว เจ้าเมสันกับพวกตาแก่ก็หายหัวไปเลย หรือเสนอหน้าแต่โดนเดวิดกันออกจากผมหมดก็ไม่รู้ ขานี้ร้ายกาจจะตายไป เมื่อว่างไม่มีกิจอะไรต้องทำก็ทุ่มเวลาให้กับลูกๆ แทน โดยเฉพาะอลิสที่ผมปล่อยให้โตมาพร้อมกับพ่อรูปปั้นกับพี่ชายติดแม่

   “คุณแม่คะ พี่ชายกับพ่อทำอะไรตรงนั้นเหรอคะ” นางฟ้าตัวน้อยในชุดกระโปรงน่ารักเอียงคอชี้ไปทางเงาสองร่างที่หลบมุมอยู่ราวกับพวกโรคจิต

   ผมยิ้มอ่อนโยนประคองแก้มนุ่มให้หันกลับมามองผมเบาๆ “อย่าไปสนใจเลยค่ะ แค่จิ้งจกเกาะประตู มองมากๆ เดี๋ยวเสียสายตา”

   นี่ก็อีกเรื่องที่ชวนให้เอือมระอา ตั้งแต่ผมกลับมาเดวิดใช้ทุกเวลาว่างเพื่ออยู่กับผม ไม่ต่างจากอเล็กซ์ที่จวนจะโดนเพื่อนทิ้งหมดแล้ว ตามติดกันเฉยๆ ก็ยังไม่เท่าไหร่นะ ชอบทำพฤติกรรมแปลกๆ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อผ้าขาวอย่างอลิส

   “วาจาแม่เจ็บปวดจังพ่อ” อเล็กซ์นิ่วหน้าชวนคนข้างกายคุย

   “ก็ชวนให้คิดถึงไม่ใช่เหรอ” คุณพ่อตอบกลับด้วยรอยยิ้มนิดๆ ขณะมองสองแม่ลูกกำลังจำลองปาร์ตี้ชาของเด็กผู้หญิงกันอยู่ในสวน โดยมีเมดรอรับใช้อยู่ไม่ห่าง

   “มันก็จริง แต่กล้องในมือพ่อนั่นอะไรครับ แล้วพวกรูปภาพแม่อีก พ่อเอาออกมาตั้งไว้เหมือนเดิมได้แล้วมั้ง”

   ทั้งที่คิดว่าพ่อจะตอบตกลง ผิดคาด อีกฝ่ายดันส่ายหัวซะงั้น

   “พวกนั้นพ่อจะเก็บเอาไว้ พวกรูปที่จะเอามาโชว์ควรเป็นรูปล่าสุดของพวกเรามากกว่า ส่วนภาพเหมือนครอบครัวพ่อก็ว่าจะจ้างคนมาวาดใหม่อยู่”

   “อ่อ จะได้มีพวกเราครบทุกคน แถมอลิสจะได้ไม่ต้องสับสนว่าทำไมแม่ดูอายุแตกต่างกันสินะ” คราวนี้อเล็กซ์มั่นใจว่าคิดถูกแน่ๆ เดวิดกลับส่ายหัวอีกครั้ง!

   “เปล่า อเล็กซ์คิดว่าอลันตอนนี้เป็นยังไง”

   คุณลูกชายเริ่มขมวดคิ้วถอยห่างจากพ่อนิดๆ แต่ยังคงตอบคำถามอยู่

   “ก็เหมือนเดิม แค่เด็กลงเท่า...” คำว่านั้นไม่ทันออกจากปาก อเล็กซ์ตาโตอ้าปากค้างเมื่อเห็นใบหน้าของพ่อชัดๆ แววตานี้ รอยยิ้มนี้...

   “แม่! พวกเราย้ายออกจากบ้านหลังนี้กันเถอะ พาอลิสไปด้วย อยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว พ่อโรค--” ปากถูกมือหนาปิดไว้กะทันหัน เดวิดหัวเราะกลบเกลื่อน พอสองแม่ลูกละความสนใจไปค่อยปรายตามองเจ้าลูกชาย

   “ลูกก็รู้ว่าพ่อกับอลันอายุเท่ากัน รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียน พอเห็นอลันตอนนี้มันทำให้นึกถึงเรื่องในอดีตเท่านั้นเอง” เดวิดอธิบายอย่างใจเย็น ไม่สนสายตาร้อนแรงจากลูกชาย

   “แก้ตัว!” เถียงทันควัน

   “หักค่าขนม” เสียงเรียบ

   “ผมเข้าใจแล้ว เข้าใจพ่อทุกอย่างเลย” แทบทรุดลงก้มกราบ เดวิดหัวเราะในลำคอ นึกหมั่นไส้ลูกชายตัวเอง ไหลเก่งเหมือนคนเลี้ยงไม่มีผิด ไม่สิ เลี้ยงด้วยกัน ต้องบอกว่าเหมือนแม่ถึงจะถูก คงได้แต่รอลุ้นล่ะว่าโตมาอลิสจะเหมือนใคร



หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back7 [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 17/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-06-2017 22:26:00
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back7 [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 17/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 17-06-2017 23:18:29
เดวิดคิดอะไรอยู่???  :m28:  +1  :5775:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back7 [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 17/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 18-06-2017 23:07:28
สนุกมากเลย ลงชื่อติดตาม :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back7 [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 17/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 19-06-2017 08:00:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back8 จบ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 27/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 27-06-2017 04:03:37
8

   โรงพยาบาลสีขาว พื้นเงาลื่นจนแทบใช้แทนกระจกได้ ผู้คนมากมาย เจ้าหน้าที่พยาบาลเดินขวักไขว่ แสงไฟนีออนส่องสว่างและกลิ่นยาฆ่าเชื้อดูจะเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง

   ชายคนหนึ่งสวมเสื้อผ้ามีราคา ก้าวเดินอย่างเชื่องช้าทั้งที่ปกติเป็นคนรวดเร็วคล่องแคล่ว ใบหน้าหล่อปนสวยเปี่ยมเสน่ห์แย้มยิ้มบางปฏิเสธนางพยาบาลที่เข้ามาช่วยเหลือ และเดินไปยังห้องเป้าหมายด้วยตัวเอง ประตูติดกระจกแง้มเล็กน้อยพอให้เห็นด้านใน

   ก๊อก ก๊อก

   มือหนึ่งดันหลัง อีกมือเคาะตามมารยาท แต่ดันเปิดเข้าไปโดยไม่ฟังเสียงขานรับ

   “ไงคุณหมอ ว่างพอจะคุยกับผมรึเปล่า” น้ำเสียงหยอกเย้ากับแววตากรุ่มกริ่มที่ทำให้คนฟังถอนหายใจอย่างระอา

   “ฉันไม่พิศวาสโอเมก้าท้องป่องหรอกนะ นั่งก่อนสิ ทำไมเดินมาเองล่ะ ท้องโตขนาดนี้น่าจะนั่งรถเข็นมานะ แล้วเดวิดไปไหน ไม่มีใครมาด้วยเหรอ อเล็กซ์ด้วย ปกติไม่ยอมอยู่ห่างจากนายไม่ใช่รึไง” พอเห็นว่าใครมา แพทย์ประจำห้องรีบลุกขึ้นมาประคองให้นั่งลงบนเก้าอี้นุ่ม พลางหยิบหมอนอิงของตัวเองมาใช้รองหลังให้ ปากถาม ดวงตาสอดส่องหาคนที่กล่าวถึง

   “โว้ว! ฉันควรจะตอบคำถามไหนก่อนดีล่ะแมท” คนโดนซักหัวเราะรื่นเริง “ดูจากสีหน้านายแล้วตอบทุกคำถามเลยแล้วกัน อืมมม ฉันไม่อยากนั่งรถเข็นเพราะทุกวันก็นั่งๆ นอนๆ เบื่อจะแย่อยู่แล้ว ส่วนท้องป่องมันช่วยไม่ได้ นี่ท้องห้าเดือนนะไม่ใช่ไขมัน”

   มีพักหายใจเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “เดวิดไปทำงาน ความจริงหมอนั่นดื้อจะมาด้วย แต่มีประชุมด่วนฉันเลยบังคับให้ไป คนที่มาส่งฉันคือโอเว่น แต่เขาวนไปหาที่จอดรถฉันเลยลงมาก่อน สุดท้าย นายคงไม่ลืมนะว่าวันนี้อเล็กซ์ต้องไปโรงเรียนเขาใกล้จะสอบเข้ามหา’ลัยแล้ว ทำตัวเอาแต่ใจไม่ได้หรอก” พูดจบก็ออกอาการหอบนิดๆ ราวกับคนเพิ่งออกกำลังกาย เพื่อนควบตำแหน่งแพทย์ประจำตัวแสดงสีหน้ากังวล

   “หายใจเข้าลึกๆ อย่าพูดรัวแบบนี้สิ ท้องนี้นายอาการแย่มากเลยรู้มั้ย” ช่วยลูบหลังแล้วรินน้ำส่งให้

   “ขอบใจ ฉันไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกน่า” เจ้าตัวตอบแบบไม่ใส่ใจแต่ดูอีกฝ่ายไม่เห็นด้วยจึงกล่าวเสียงเข้ม

   “อลัน หรือจะให้ฉันบอกเดวิดเรื่องอาการของนาย”

   เจ้าของชื่อจ้องเขม็ง “ห้ามเด็ดขาด! จนกว่าเด็กคนนี้จะออกมาอย่างปลอดภัย ฉันจะไม่ยอมให้อะไรมาทำร้ายแกแน่นอน อีกอย่างนายเป็นคนอัลตราซาวด์ให้ฉันนี่ น่าจะรู้ว่าเป็นเด็กผู้หญิงนะ เดวิดถึงจะไม่ค่อยพูด แต่ฉันรู้ว่าเขาอยากได้ลูกสาวมากแค่ไหน” รอยยิ้มอบอุ่นพร้อมลูบท้องผ่านผิวผ้า พอถูกเตะ ทั้งที่เจ็บแต่ก็ยังหัวเราะชอบใจ เพราะนั่นหมายถึงทารกแข็งแรงดี

   “เฮ้อ...ฉันเข้าใจเรื่องที่นายไม่อยากบอกเดวิด หากเขารู้คงไม่ปล่อยให้นายตั้งท้องจนถึงตอนนี้ แต่ฉันว่ายังไงก็ควรต้องบอกเขานะ เพราะโอกาสคลอดสำเร็จมัน...” แมทธิว แพทย์ประจำตัวควบตำแหน่งเพื่อนเอ่ยอย่างหนักใจ

   อลันยกมือห้าม ขัดไม่ให้เขาพูดต่อ “ฉันรู้ดีแมทว่าโอกาสรอดของฉันมีไม่มาก แต่มันก็ยังมีไม่ใช่เหรอ นายควรจะมองโลกในแง่ดีไว้นะ เลิกคุยเรื่องซีเรียสกันดีกว่า ฉันมาให้นายตรวจร่างกายไม่ใช่มานั่งฟังนายเทศน์”

   แมทธิวได้แต่ถอนหายใจกับนิสัยดื้อรั้นของอีกฝ่าย ถึงงั้นก็ต้องลงมือตรวจอยู่ดี โดยปกติอลันเป็นคนร่างกายแข็งแรง มีปัญหาแค่เรื่องฮอร์โมนของโอเมก้าเท่านั้น ซึ่งไม่มีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่สภาพร่างกายเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่ท้องลูกคนที่สอง ราวกับว่าร่างกายไม่ฟื้นฟูอย่างที่ควรเป็น เด็กแข็งแรงขึ้นทุกวันแต่แม่ดันอ่อนแอลงเรื่อยๆ แมทธิวเองก็หาสาเหตุไม่ได้ ได้แต่ประคองอาการต่อไปและหวังว่าจะหาทางรักษาได้โดยเร็ว

   เมื่อทั้งสองตกอยู่ในห้วงความคิด ภายในห้องจึงถูกความเงียบเข้าปกคลุม กระทั่งอลันเปิดปากพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจังอย่างคนตัดสินใจแล้ว

   “แมทธิว ไม่ว่ายังไงต้องรักษาชีวิตเด็กไว้ให้ได้ ถือว่าฉันขอร้อง ส่วนเรื่องอาการของฉันช่วยเก็บไว้เป็นความลับต่อไปที และบอกเดวิดในวันที่นายคิดว่าสมควร”

   คนฟังนิ่งอึ้งเพราะเหมือนอีกฝ่ายเดาใจได้ว่าเขาคิดจะทำอะไร สุดท้ายก็ไม่อาจขัดใจเพื่อนคนนี้ได้อยู่ดี “นายมันเอาแต่ใจอลัน แถมยังเห็นแก่ตัว นายไม่คิดถึงความรู้สึกเดวิดบ้างเหรอ แล้วยังอเล็กซ์อีก นายคงไม่อยากให้ข่าวร้ายเป็นรางวัลที่เขาสอบเข้ามหา’ลัยได้ใช่ไหม”

   “อย่าห่วงเลย ฉันคำนวณไว้แล้วว่าอเล็กซ์ต้องสอบเข้าได้ก่อนฉันครบกำหนดคลอดแน่นอน ส่วนเดวิด...ฉันแคร์ความรู้สึกเขานะ แต่ฉันขอเห็นแก่ตัวในฐานะแม่ดีกว่า เดวิดเด็ดขาดเกินไป ถ้าเขารู้เรื่องเมื่อไหร่ต้องบังคับฉันทำแท้งแน่ เด็กคนนี้มีชีวิตแล้ว กำลังสร้างร่างกายอยู่ในท้องของฉัน ฉันทำใจไม่ได้ถ้าต้องเสียเธอไป”

   แมทธิวถอดแว่นคลึงขมับด้วยความเครียด “พวกเรารู้ตัวช้าเกินไป ถ้ารู้ตอนนายท้องได้ไม่กี่เดือน คงไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบตอนนี้”

   “โชคชะตามันก็เล่นตลกกับมนุษย์แบบนี้แหละ...”

   เห็นใบหน้าด้านข้างของเพื่อนที่ไม่เคยเชื่อในโชคชะตาและเลือกทางเดินด้วยตัวเองมาโดยตลอด ในยามนี้กลับทอดถอนใจคล้ายกับยอมรับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต แมทธิวได้แต่กำหมัดแน่น สาบานในใจเงียบๆ ว่าจะต้องหาทางรักษาให้ได้

   แต่ดูเหมือนจะสายเกินไป...

   เมื่อวันนั้นมาถึง มีเพียงรอยยิ้มกับคราบน้ำตาและเสียงโรยแรงที่เขาได้ยิน
 
   อลิส...ลูกสาวของฉัน ขอบคุณที่รักษาสัญญา

   ประตูห้องคลอดถูกผลักเข้ามาพร้อมเสียงเอะอะของชายที่ดวงใจสลาย เขาใช้แรงทั้งหมดมีที่สลัดหมอและพยาบาลที่พยายามห้ามปราม

   อย่าขวาง! ปล่อยให้ฉันเข้าไป อลัน อลัน!!

   ได้โปรดที่รัก ลืมตาขึ้นมาสิ คุยกับผม ฮึก อลัน อย่าทิ้งผมไป

   เดวิด ฉัน...


   เสียงแผ่วเบาผ่านเครื่องช่วยหายใจ รอยยิ้มสุดท้ายและมือที่อ่อนแรงยกเรียกหา สองมือใหญ่คว้าจับ บีบแน่นอย่างไม่ยินยอม ท่ามกลางเสียงแผดร้องของทารกแรกเกิด และเสียงเครื่องวัดชีพจรที่หวีดร้องบาดหู ราวกับมีดกรีดแทงให้หัวใจแหลกเหลว

   ไม่ ไม่ ไม่! อลัน อลัน! พระผู้เป็นเจ้า ได้โปรดอย่าพรากเขาไปจากผมเลย…

   ได้โปรด...



   “อลัน...”

   เสียงเรียกทำให้ร่างบนเตียงขยับตัว ก่อนตามมาด้วยเสียงฝีเท้าของใครอีกหลายคน สุดท้ายคนนอนเริ่มทนไม่ไหวค่อยๆ ลืมตาพบกับใบหน้าคุ้นเคยที่ฉายความเป็นห่วงชัดเจน

   “อลัน ปวดหัวรึเปล่า หิวน้ำมั้ยหรือว่าเหนียวตัว ผมจะได้เช็ดตัวให้” มือใหญ่ลูบไล้อย่างทะนุถนอม พลางแนบหน้าผากเพื่อวัดไข้ ก่อนจะโดนคนป่วยคว้าคอมากอดจนล้มทับอยู่บนเตียง

   อาการป่วยไม่อาจสลัดภาพที่ค้างคาในหัวได้ สองแขนจึงกอดแน่นจนคนเกร็งตัวเริ่มทนไม่ไหว เกรงว่าจะร่วงลงไปทับคนป่วย

   “อะแฮ่ม รู้ว่าพวกนายรักกันแต่ไม่ต้องแสดงให้เห็นก็ได้” ชายหนุ่มสวมแว่นในชุดสบายๆ แต่ทรงผมยุ่งเหยิงแถมใต้ตายังดำคล้ำอย่างเห็นได้ชัด

   “แมทธิว?” ผมถามทั้งที่ยังไม่ปล่อยแขนจากเดวิด

   “ใช่ นายช่วยปล่อยเดวิดที ฉันจะได้ตรวจอาการสะดวกๆ หน่อย” ว่าพลางอ้าปากหาวอย่างคนอดนอน ผมยังไม่อยากปล่อยเดวิดจึงพลิกกายนอนบนตัวเดวิดแทน ท่วงท่าอันแสนชำนาญทำเอาแมทธิวปั้นหน้าไม่ถูก ส่วนเดวิดแม้จะไม่ขัดขืนแต่ใบหน้าหล่อเหลาขึ้นสีเล็กน้อย

   “นายมาทำไม แล้วรู้เรื่องฉันได้ไง” ผมถามขณะมือจับแขนเดวิดมากอดตัวผมไว้ราวกับเข็มขัดนิรภัย ภาพในอดีตที่อยู่ในห้วงความฝันมันชัดเจนเกินไป มากซะจนใจผมปวดร้าว รู้สึกสั่นไหวไม่มั่นคงอย่างเคย เดวิดสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆ ของผม เขาเลยกระชับอ้อมแขนแน่นแล้วเป็นฝ่ายตอบคำถามให้แทน

   “เมื่อเช้าจู่ๆ คุณก็ไข้ขึ้น ผมเลยสั่งให้โอเว่นไปพาตัวแมทธิวมารักษา ตอนนี้แมทธิวรู้เรื่องและเข้าใจทุกอย่างแล้ว คุณไม่ต้องกังวลไป”

   แมทธิวรับช่วงต่อ “ใช่ ถ้าจะถามว่าทำไมฉันถึงยอมรับได้ง่ายๆ แค่ท่าทางของเดวิดกับอเล็กซ์ก็มากพอที่ทำให้ฉันมั่นใจแล้วว่าสิ่งที่เดวิดเล่าเป็นความจริง นายเคยพูดบ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ ว่าให้มองโลกในแง่ดีเข้าไว้” อธิบายเสร็จก็เข้าสู่โหมดคุณหมอสั่งคนไข้หัวดื้อ ”อ้าปากซะ ฉันจะวัดไข้”

    โดนดวงตาสองคู่จ้องเขม็งแบบนี้ผมก็ดื้อไม่ออก ยอมอ้าปากให้วัดไข้แต่โดยดี หูฟังเสียงแมทธิวกับเดวิดคุยเรื่องอาการของผม ในมือของแพทย์ส่วนตัวมีเอกสารชุดหนึ่ง ต่อให้ไม่เห็น ผมก็มั่นใจว่านั่นเป็นผลตรวจสุขภาพของตัวเองแน่นอน และยิ่งชัดเจนเมื่ออีกฝ่ายเริ่มบ่นตามนิสัย

   “ฮอร์โมนบกพร่อง? เฮ้อ...เอาเถอะ คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แม้นายจะมีโรคประจำตัวเหมือนกับในอดีต แต่ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ฉันสามารถหาทางรักษาได้แล้ว”

   ต่อให้แมทธิวไม่บอกรายละเอียด แต่ผมก็พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงโหมวิจัยหาทางรักษาตั้งแต่วันที่ผมจากไป เขาถึงได้ดูมั่นใจว่าสามารถรับมือได้แน่นอน แมทธิวก็เป็นแบบนี้ เป็นหมอที่ขี้บ่น แต่เป็นคนละเอียดอ่อนและใจดีมากจริงๆ มันชวนให้ผมรู้สึกผิด ในอดีต ผมทำร้ายจิตใจคนอื่นไว้มากเหลือเกิน

   คนตายกลับสู่ความว่างเปล่า คนมีชีวิตอยู่ต่างหากที่ทุกข์ที่สุด

   นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมกลับมาอยู่ในจุดนี้ เพื่อแก้ไขการกระทำของตัวเองในอดีต และทำให้เวลาของทุกคนเดินหน้าอีกครั้ง

   เมื่อครบเวลา แมทธิวหยิบปรอทวัดไข้ออกจากปากผม “37.8 ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะ ช่วงนี้คงต้องให้นายงดการอาบน้ำให้อลิสกับเล่นกลางแดดไปสักพัก เดี๋ยวฉันจะจ่ายยาให้ นายคอยดูให้อลันกินด้วยล่ะเดวิด”

   ผมมองแมทธิวที่วุ่นวายกับกระเป๋าแพทย์ของตัวเอง ถึงปากจะบอกว่ายอมรับ แต่คงทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน คนที่คิดว่าตายไปแล้วดันกลับมาในสถานะแปลกๆ ผมเลยลองเรียกเขาดู

   “แมทธิว”

   อีกฝ่ายกลับสะดุ้งเล็กๆ ยกมือดันขาแว่นแบบที่ชอบทำเวลาประหม่า ผมยิ้มกับนิสัยติดตัวที่ไม่เปลี่ยนแปลงของอีกฝ่าย ถือเป็นมุมเล็กๆ ที่น่ารักของแมทธิวจอมบ่นเชียวนะ

   “ฉันขอโทษ และขอบคุณที่นายยอมตามใจฉัน แม้ฉันจะรับปากไม่ได้ว่าหลังจากนี้จะเลิกเอาแต่ใจรึเปล่า แต่จะพยายามคิดถึงความรู้สึกคนอื่นให้มากขึ้น” ผมก้มหัวให้แมทธิวน้อยๆ พลางหันมองสามีตัวเอง “เดวิดด้วยนะ ขอโทษที่ปล่อยให้นายเลี้ยงลูกคนเดียว ทั้งที่สัญญากันว่าจะช่วยกันเลี้ยงแท้ๆ แถมยังเอาแต่ใจไม่ยอมบอกนายเรื่องอาการป่วย นับจากนี้ฉันจะบอกนายทุกเรื่อง”

   เมื่อตัดสินใจว่าจะยอมรับความจริงและก้าวไปข้างหน้า อันดับแรกผมต้องขอโทษพวกเขาสองคนเสียก่อน แมทธิวนิ่งค้างปล่อยปรอทวัดไข้หล่นจากมือ ส่วนเดวิดขมวดคิ้วสีหน้าเจ็บปวดขึ้นมาวูบหนึ่ง ขอบตาผมเริ่มร้อนผ่าวด้วยความเสียใจปนกับความรู้สึกผิด หรือผมไม่ควรพูดเรื่องนี้ ไม่ควรทำให้พวกเขานึกถึงประสบการณ์อันเลวร้าย

   ผมทำพลาดอีกแล้วเหรอ ผมแค่ไม่อยากหนีปัญหาและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อยากจะเคลียร์มันให้ออกไปจากใจพวกเรา ไม่ต้องมีตะกอนติดค้างที่อาจส่งผลเสียได้ในอนาคต

   เดวิดเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ เขากอดผมแล้วจูบขมับเหมือนจะปลอบโยนทั้งตัวผมและตัวเดวิดเอง

   “ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้คุณพูดเรื่องนี้ออกมา แต่ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ผมไม่อยากกลับไปจมปลักกับมันอีก ในเมื่อตอนนี้ผมได้คุณกลับคืนมา ในหัวผมคิดแต่เรื่องที่จะทำยังไงให้ครอบครัวเรามีความสุข และคุณอยู่กับผมไปจนแก่เฒ่า”

   “เดวิด...” เสียงของผมกำลังสั่น

   “เฮ้อ...ไม่รู้สิ ขอโทษงั้นเหรอ...ฉันว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร ในเมื่ออนาคตนายอาจจะทำแบบเดิมซ้ำอีก แต่เอาเถอะ นายก็เป็นซะแบบนี้ ฉันคงยกโทษให้นายไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ และจะไม่ยอมรับคำขอโทษจนกว่านายจะพิสูจน์ได้ว่า จะปรับปรุงตัวเองอย่างที่บอก”

   “พวกนาย...ฮึก บ้าเอ๊ย” น้ำตาของผมกำลังไหลออกมา ความรู้สึกมันผสมปนเปไปหมดจนแยกไม่ถูก แต่เหนือสิ่งอื่นใด ณ เวลานี้ผมมีความสุขมากที่ได้กลับมาจุดนี้อีกครั้ง ไม่ว่ามันจะเป็นโชคชะตา คำอวยพรจากพระเจ้า หรือคำสาปจากซาตาน ผมขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ

   “ก่อนที่เราจะเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้ง ผมขอถามคุณแค่หนึ่งเรื่อง” เดวิดเอ่ยปากระหว่างดึงให้ผมซบอกและโยกกายเบาๆ เหมือนกล่อมเด็ก

   “ว่า...ฮึก ว่ามาสิ” ผมพยายามกลั้นเสียงสะอื้น แมทธิวส่ายหัวส่งทิชชู่ให้ผมซับน้ำตา

   “สิ่งสุดท้ายที่คุณจะพูดตอนนั้นคืออะไร มันคาใจผมมาตลอดตั้งแต่วันที่เสียคุณไป” ภาพเหตุการณ์ในอดีตยังแจ่มชัดในความทรงจำ

   ผมเงยหน้าขึ้นมองเดวิดด้วยแววตาลึกซึ้งแล้วกระซิบข้างหูให้ได้ยินพียงสองคน ดวงตาของเดวิดเบิกกว้าง ก่อนจะหัวเราะทั้งที่น้ำใสไหลอาบแก้ม หัวใจเหมือนได้รับการเยียวยา พาออกจากความโศกเศร้าของการโทษตัวเอง

   แมทธิวยืนเงียบๆ มองภาพแห่งความสุขเบื้องหน้า

   รอจนกระทั่งอารมณ์ของทุกคนกลับสู่สภาวะปกติ ถึงเวลาที่จะกลับเข้าเรื่องอีกครั้ง

   ผมเป็นฝ่ายเปิดปากถาม “คิดว่าฉันจะหายในกี่วัน” น้ำตาได้เช็ดออกไปแล้ว แม้จะยังแดงๆ แต่ก็มีเพื่อนอีกสองคนละนะ

   “ถ้านายพักแบบไม่ดื้อ ไม่กี่วันก็น่าจะหายแล้ว ภูมิต้านทานนายยังดีอยู่ มีปัญหาแค่ฮอร์โมนเท่านั้นเอง”

   “เลิกย้ำเรื่องฮอร์โมนสักทีเถอะ จบเรื่องวุ่นที่บ้าน ฉันจะเป็นเด็กดีว่าง่ายปล่อยให้นายรักษาเต็มที่เลย” ผมกรอกตาใส่แมทธิวแล้วหันไปหาเดวิดที่ยังทำตัวเป็นเตียงกอดผมไม่ปล่อย

   “อีกสี่วัน นายช่วยเรียกพวกตาเฒ่ามาที ฉันเองก็จะเรียกตัวแทนจากตระกูลฉันเหมือนกัน แมทนายมาด้วยนะ มาเป็นพยานเคลียร์ปัญหาให้มันจบๆ”

   แมทธิวแม้จะยังไม่รู้รายละเอียดแต่ก็ยอมพยักหน้ารับแบบงงๆ ส่วนเดวิด คลี่ยิ้มร้ายแบบที่ผมยังกลัว

   “ได้ ตามที่คุณต้องการ ผมเองก็ลงมือไปบ้างแล้วเหมือนกัน”

   “เห็นพวกนายสองคนตอนนี้แล้ว ฉันสงสารคนที่มีเรื่องกับพวกนายชะมัด”

   เราสองคนหัวเราะ ไม่ใส่ใจกับคำเหน็บแนมของแมทธิว บรรยากาศเพิ่งผ่อนคลายได้ไม่เท่าไหร่ สองตัวป่วนก็โผล่มา โดยเฉพาะคนโตที่วิ่งแซงน้องสาวมาถึงเตียง

   “แม่! ผมได้ข่าวว่าแม่ไม่สบาย เป็นอะไรมากรึเปล่า ปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ ไม่สบายตัว มีน้ำมูกมั้ย แล้วๆ”

   “พอ!” ผมยกมือเบรก อลิสที่กำลังจะอ้าปากพลอยเงียบไปด้วย โถ่ ลูกสาวผม ระหว่างลูบหัวปลอบใจคนเล็ก ก็ตอบคำถามคนโต “ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอก แมทก็อยู่นี่ไม่ต้องห่วง” เห็นแบบนี้อเล็กซ์ก็ได้แมทธิวช่วยทำคลอดให้นะ สมัยก่อนเองก็ไปมาหาสู่กันบ่อย อเล็กซ์เลยสนิทด้วยในระดับหนึ่ง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back8 จบ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 27/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 27-06-2017 04:04:06
   “อ้าว หมอแมทอยู่ด้วยเหรอ แม่ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม หมอให้ยารึยัง”

   “อเล็กซ์ อย่าเสียงดัง มันรบกวน” เดวิดปรามลูกชายที่รุกใส่หมอแมทจนหวิดๆ จะโดนกระเป๋าพยาบาลทุ่มหัวด้วยความหมั่นไส้ ผมรู้นะพวกคุณคิดอะไรกัน อเล็กซ์กับแมทธิวมันเป็นไปไม่ได้หรอก ถึงแมทจะเป็นโอเมก้า แต่มีสามีแล้ว ไม่เชื่อไปดูรอยกัดที่หลังคอได้ ถ้าอีกฝ่ายยอมให้ดูล่ะก็นะ

   “แม่คะ อลิสขอขึ้นไปนอนด้วยได้มั้ย” ลูกสาวมองตาใส เพิ่งจะมีโอกาสได้พูดเพราะโดนพี่ชายแย่งหมด ดวงตาสีเดียวกับเดวิดมองพวกเราสลับกัน แกคงอยากเข้ามามีส่วนร่วมกับการนอนแนบชิดระหว่างพ่อแม่ล่ะมั้ง เหอะๆ ผมจะขยับลงก็ไม่ได้ เดวิดไม่ยอมปล่อยเลย

   “ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวอลิสจะติดหวัดนะ มาอยู่กับหมอแมทดีกว่า วันนี้หมอเอาวิตามินซีมาด้วย” หมอแมทเริ่มหลอกล่อเด็ก อลิสเกิดการลังเลระหว่างผมกับวิตามินซี และผมก็ได้รู้วันนี้แหละว่า ผมแพ้ไอ้เม็ดส้มนั่น

   “ค่ะ หมอแมทให้แม่ด้วยสิคะ แม่กินจะได้ร่างกายแข็งแรงหายป่วยเร็วๆ”

   “ได้เลย อลิสเป็นเด็กดีหมอให้หนึ่งซองเลย แต่ห้ามกินเยอะนะสัญญากับหมอแมทก่อน” คุณหมอยกนิ้วก้อย อลิสพยักหน้ารับหงึกหงัก ใช้นิ้วเล็กๆ ของตัวเองเกี่ยวก้อยสัญญา อเล็กซ์มองผ่านน้องสาวยิ้มๆ แล้วหันมาสนใจผมต่อ ก็ยังดี ในสายตาอเล็กซ์นอกจากผมยังมีอลิสอยู่ด้วย ผมดีใจนะที่อเล็กซ์แยกแยะได้ไม่รังเกียจน้อง หรือหาว่าน้องเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมตาย

   “พ่อปล่อยแม่ได้แล้ว แม่จะได้พักผ่อน”

   แน่นอนว่าเดวิดปฎิเสธ “พ่อจะเฝ้าไข้แม่ อเล็กซ์พาน้องออกไปเปลี่ยนชุดกินข้าวเย็นเลยไม่ต้องรอ สั่งให้คนทำข้าวต้มขึ้นมาด้วยสองถ้วย แมทธิวยาล่ะ” ปากบอกไม่ไปแต่อย่างน้อยๆ ก็ยอมปล่อยผมนอนบนเตียงดีๆ แล้วลุกขึ้นมาพับแขนเสื้อเตรียมเป็นบุรุษพยาบาลจำเป็น

   คนพ่อเล่นประกาศแบบนี้ อเล็กซ์ก็เลยยอมถอย ให้น้องลาแม่แล้วจูงมือออกไปเพราะเกรงจะติดหวัด ส่วนแมทธิวจัดยาให้แล้วกำชับเรื่องการดูแลอีกเล็กน้อยก่อนกลับไปพักผ่อนต่อที่บ้าน เพราะวันนี้เป็นวันหยุด ดันโดนลากตัวมากะทันหัน

    หลังจากนั้นเดวิดเอาแต่ดูแลผม งานการไม่ไปทำ ต่อให้ทำก็เอาเอกสารมานั่งเซ็นในห้องนอนเฝ้าคนป่วย ผมทั้งด่าทั้งไล่ก็ยังดื้อดึงไม่ไปจนต้องยอมแพ้ซะเอง แล้วนอนพักฟื้นเยอะๆ จะได้หายไวๆ

   อเล็กซ์กับอลิสก็แวะมาเยี่ยมบ้าง แต่แป๊บๆ ต้องออกไป จนอลิสเริ่มงอแง แอบหอบตุ๊กตาเน่า มรดกตกทอดจากพี่ชาย ย่องมาตอนกลางคืน ก่อนโดนอเล็กซ์อุ้มกลับไปเล่านิทานกล่อมนอนทั้งที่หน้าบูดแก้มป่อง

   ผ่านไปสี่วัน ในที่สุดผมก็หายดี ถึงจะต้องกินยาต่ออีกหน่อยแต่ไม่มีไข้ อาการปวดหัวก็หายเป็นปลิดทิ้ง ได้เวลาเชือดคน เอ๊ย เคลียร์ปัญหาในตระกูล

   เบื้องหน้าของผมตอนนี้ฝั่งซ้ายคือตัวแทนจากตระกูลเซอร์คอน ฝั่งขวาเป็นตาเฒ่าตระกูลโฮราทิโอ้ ดูท่าจะว่างจัดเลยมากันยกทีม มีหก มาห้า ขาดแค่พ่อของเดวิด ปู่อเล็กซ์อลิสที่โบกมือลาไม่ขอยุ่งเกี่ยวเรื่องพวกนี้ ตั้งแต่ยกตำแหน่งผู้นำตระกูลให้เดวิดเกือบสิบปีก่อน

   ตรงกลางเป็นผม เดวิดและแมทธิว ส่วนเมสัน...ผมว่าผมไม่เห็นเขาเลยนะตั้งแต่ครั้งนั้น หรือจะสาบสูญสลายหายไปในอากาศแล้วหนอ

   “มาครบแล้วก็รีบเข้าเรื่องสักที พวกฉันไม่มีเวลาว่างนักหรอกนะ” ตาเฒ่าหมายเลขหนึ่งพูด ผมลอบเบ้ปาก ไม่มีเวลาแต่ยุ่งเรื่องลูกหลานได้ตลอดนี่มันยังไงกัน

   “ถ้าเช่นนั้นผมขอเข้าเรื่องเลย คนที่อยู่ข้างกายผมคืออลัน เป็นภรรยาคนใหม่ของผมเอง ดังนั้นพวกคุณเลิกส่งตัวโอเมก้ามาวุ่นวายกับผมได้แล้ว” พวกเราตกลงกันว่าจะไม่บอกเรื่องผมกลับมาเกิดใหม่ เพราะตาแก่หัวแข็งพวกนี้ต้องไม่เชื่อแน่ๆ อาจจะทำให้เรื่องบานปลายกันใหญ่ ดังนั้นเอาแบบง่ายๆ เมียใหม่ ชื่อเก่า หน้าเดิม สันดานไม่เปลี่ยน จบ!

   “หึ! แค่เด็กกำพร้าไร้หัวนอนปลายเท้า ถึงจะมีใบหน้าเหมือนภรรยาคนเก่า แต่ไม่ควรน่ามืดตามัวนะเดวิด เป็นถึงผู้นำตระกูลทำตัวให้สมกับตำแหน่งหน่อย ไม่ใช่ไปคว้าใครไม่รู้มาเป็นภรรยา มันจะเสียชื่อเสียงเอาได้” ตาเฒ่าหมายเลขสองเริ่มจู่โจม ดีแล้วที่ให้อเล็กซ์หลบไป ไม่งั้นพุ่งไปถอนหงอกคนแก่แหง รายนั้นไม่ค่อยเคารพคนที่ไม่น่าเคารพสักเท่าไหร่

   ผมกระแอมดึงความสนใจ ไม่สนแววตาดูถูกจากฝ่ายนั้น “อะแฮ่ม ขอโทษด้วยนะครับที่ผมโตมากับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ผมมีหัวนอนปลายเท้า นี่ครับหลักฐาน” ผมพยักหน้าให้คนของตระกูลผมส่งใบรับรองทางการแพทย์ให้พวกตาแก่ เขาหรือก็คือสามีแมทธิวชื่อ 'อีธาน' ในชุดสูทเรียบกริบเป็นฝ่ายอธิบาย

   “ตามที่ท่านอลันได้กล่าวไป ผลตรวจดีเอ็นเอยืนยันว่าท่านอลันเป็นทายานคนสุดท้ายของตระกูลเซอร์คอน และจะมีการประกาศในเร็วๆ นี้ ดังนั้นเรื่องฐานะผมเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในการเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของท่านเดวิดครับ”

   พวกตาแก่เริ่มสงสายตาให้กัน ไม่มีใครกล้ากล่าวหาว่าผลตรวจเป็นของปลอม ในเมื่อเซอร์คอนที่กฎภายในที่เคร่งครัดซะยิ่งกว่าตระกูลพ่อค้าอย่างโฮราทิโอ้เสียอีก ยิ่งเกี่ยวกับเรื่องทายาทยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเข้มงวดขนาดไหน ไม่มีทางรับสินบนหรือร่วมมือกันหลอกลวงแน่นอน ถึงงั้นเจ้าพวกหัวโบราณ ไม้ผุปลวกแทะใกล้เน่าก็ยังไม่ยอมง่ายๆ

   “เขายังเด็กเกินไป ที่สำคัญโตมากับสถานที่แบบนั้นเรื่องความรู้ความสามารถ กิริยามารยาทในสังคมล่ะ จะมาทำให้ผู้นำตระกูลเราขายหน้าไม่ได้”

   ได้ยินแบบนี้ผมนี่คิ้วกระตุกเลยครับ แต่คนจริงเขาไม่พูดมาก นั่งนิ่งอย่างสง่า ใบหน้าประดับรอยยิ้มน้อยๆ แต่ดวงตาคมกริบดุจจ้องเหยื่อคือสิ่งที่ผมถนัดนักแหละ ปล่อยให้อีธานทำหน้าที่แทนปาก

   “ทราบแล้วครับ ถ้าเช่นนั้นรบกวนทุกท่านพลิกอ่านแผ่นต่อไป นั่นเป็นผลการสอบของท่านอลันเมื่อเร็วๆ นี้ ท่านอลันได้สอบผ่านการได้วุฒิการบริการ งานบัญชี ความเชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศสและมารยาทการเข้าสังคมชั้นสูงจากมหา’ลัยมีชื่อ ซึ่งผมรับประกันว่าไม่ใช่ของปลอบแปลงแน่นอน”

   อาจจะแปลกๆ ที่มีวุฒิมารยาทด้วย แต่มันมีจริงๆ ในโลกที่ถูกแบ่งแยกชนชั้นชัดเจนเช่นนี้มารยาทการเข้าสังคมถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องเรียน ส่วนวุฒิอื่นๆ นั่นความสามารถล้วนๆ ผมได้บอกรึเปล่าว่าผมทั้งในชาตินี้และชาติก่อนเป็นอัจฉริยะน่ะ ความจริงประสบการสามสิบห้าปีของผม รู้ไม่ต่ำกว่าห้าภาษา แต่เลือกที่จะสอบแค่สองเพราะผมมั่นใจสองภาษานี้ที่สุด นอกนั้นมันเสียเวลารื้อฟื้น บางภาษาเองก็ไม่ได้กระจ่างแบบถ่องแท้ซะด้วย มีลูกแล้วมันไม่ค่อยมีเวลาไปเรียนน่ะ

   พวกผู้เฒ่าเริ่มใบ้กิน ผมแสยะยิ้มในใจ เหอะ! คิดว่าฉันปะทะกับพวกนายมากี่ปีหา กว่าจะได้ตัวเดวิดนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ย่อมต้องรู้ว่าแต่ละคนนิสัยยังไง ดังนั้นจึงเตรียมดักทางเอาไว้หมด ยกเว้นเพศกับอายุนี่แหละ ผมเปลี่ยนไม่ได้จริงๆ

   “ถึงงั้นก็เถอะ เดวิดมีคู่หมั้นแล้ว ดังนั้นหากจะแต่งต้องเป็นน้อยเท่านั้น”

   XXX เถอะครับ! ให้แบ่งเดวิดกับคนอื่นว่าฉุนแล้วบอกให้ผมเป็นน้อยอีก เดี๋ยวปั๊ดหยิบปืนมาเป่าหัวดับคาบ้านให้หมด เดวิดสัมผัสถึงอารมณ์ระอุของผมได้ เขาบีบมือผมแน่นและเป็นฝ่ายออกหน้าเอง

   “ผมจำไม่ได้ว่าเคยหมั้นกับใครนะ เรื่องของโอเมก้าคนนั้น พวกคุณเป็นคนตัดสินใจกันเองโดยพละการ อีกอย่าง เขาคงไม่อยู่แล้วล่ะ” เดวิดตอบหน้าตาเฉย ตาเฒ่าคนหนึ่งถึงกับหนวดกระดิก

   “หมายความว่ายังไง เธอทำอะไรกับหนูเมสัน เขาเป็นถึงทายาทของตระกูลใหญ่เชียวนะ!”

   “ไม่ทำอะไร แค่ชี้ทางให้เขาไปกับคู่โชคชะตาของตัวเองเท่านั้น”

   “เดวิด!!” โต๊ะถูกทุบเสียงดังลั่น ผมหรี่ตามอง นั่นแพงนะ เดี๋ยวให้ขายบ้านมาจ่ายซะเลยนี่

   “ไม่ว่าจะส่งใครมาสักกี่คน ผมก็จะกำจัดออกไปให้หมด ทุกสิ่งที่มีความเสี่ยงต่อครอบครัวผมแม้เพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ผมจะทำให้มันกลายเป็นศูนย์ แบบที่มั่นใจว่ามันจะไม่กลับมาตลอดกาล”

   “เธอเป็นผู้นำตระกูล จะเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้!”

   “คำก็ผู้นำ สองคำก็ผู้นำ ผู้นำที่ไม่มีสิทธิ์อะไร แถมยังต้องทำตามคำสั่งคนในตระกูลผมไม่ต้องการ จริงสิ คุณอีธานพอจะมีตำแหน่งในตระกูลเซอร์คอนเหลือมั้ยครับ ผมอาจจะได้เปลี่ยนนามสกุลเร็วๆ นี้”

   “ด้วยความยินดีครับ ตำแหน่งสำหรับคุณเดวิดย่อมมีอยู่แล้ว รวมถึงตำแหน่งทายาทคนถัดไปของคุณอเล็กซ์ด้วย” อีธานรับเป็นลูกคู่ ไม่รู้ไปนัดกันตอนไหน พวกตาแก่ถึงกับหน้าซีด บอกแล้วว่าอเล็กซ์เป็นอัลฟ่าเพียงคนเดียวที่มีสายเลือดของผู้นำตระกูลคนก่อน แถมยังมีอเล็กซ์ที่เป็นอัลฟ่าอีก หากเสียสองคนนี้ไปพวกตาเฒ่าได้อกแตกตายแน่

   เดวิดดูจะไม่ปล่อยง่ายๆ เขาหันไปคุยกับแมทธิวต่อ

   “คุณหมอแมทธิว ผมเองก็อายุเยอะแล้ว คิดว่าควรทำหมันมั้ยครับ”

   แมทธิวที่จู่ๆ ก็ถูกดึงเข้าบทสนทนาแบบงงๆ ถึงกับสำลักชา ก่อนจะรีบกลบเกลื่อนดันแว่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   “ถ้าเพื่อสุขภาพก็ดีครับ ช่วงนี้ทางโรงพยาบาลรณรงค์เรื่องนี้เช่นกัน เพราะการทำหมันอัลฟ่าหรือฝ่ายชายสามารถทำได้อย่างง่ายดายและไม่มีผลข้างเคียงอะไร ต่างจากฝ่ายหญิงหรือโอเมก้าที่แผลผ้าตัดเยอะกว่า หากคุณเดวิดสนใจ ผมจะติดต่อแพทย์เฉพาะทางให้”

   อัลฟ่าคือเป็นจุดสูงสุดของพีระมิด และความต้องการโอเมก้าก็เพื่อการสืบทอดทายาท ดังนั้นการที่เดวิดบอกจะทำหมันถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ขนาดผมเองยังแอบหยิกเอวเจ้าตัวจนคุณสามีคิ้วขมวดข่มความเจ็บ ใบหน้าที่ปกติก็ดุอยู่แล้วเพิ่มดีกรีความดุเข้าไปอีกจนพวกตาเฒ่าเข้าใจว่าเดวิดจะเอาจริงไม่ใช่เพียงขู่

   สุดท้าย ผู้นำตาเฒ่าเลือกที่จะถอยก่อนหนึ่งก้าว “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ จะเอามาพูดเล่นไม่ได้ วันนี้คงจะคุยไม่ได้เรื่องอะไรอีกแล้ว ถ้างั้นพวกฉันกลับล่ะ ไว้ค่อยมาคุยกันวันหลัง”

   คิดจะหนีกลับไปตั้งหลักวางแผนอะไรอีกล่ะสิ ผมกับเดวิดไม่ยอมปล่อยหรอก น่าเสียดายตอนนี้ผมตอบโต้อย่างสมัยก่อนไม่ได้ เลยเหยียบเท้าสามีให้จัดการซะ แมทธิวที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างได้แต่มองด้วยสายตาเห็นใจ

   “จะไม่มีการคุยวันหลังอีก วันนี้ผมขอสรุปเลยแล้วกัน ว่าอลันคือภรรยาคนใหม่ของผมและจะมีการจัดงานแต่งในเร็วๆ นี้ สำหรับคนที่ไม่เห็นด้วยหรือคัดค้าน ผมไม่รับฟัง และพร้อมจะออกจากตระกูลทุกเมื่อ หากมันเป็นปัญหาให้ผมนัก” พวกตาเฒ่าได้แต่ทำหน้าเครียด ด้วยรู้ดีว่า เดวิดไม่แคร์กับการต้องหันหลังให้ตระกูล เขาเลือกครอบครัวของตัวเองมากกว่า คนภายนอกอาจจะบอกว่าการกระทำของเดวิดมันผิด แต่ชีวิตคนเรานั้นสั้น ควรจะจับความสุขของตัวเองให้มั่น และปล่อยวางเรื่องที่ไม่อาจทำอะไรได้ไปซะ

   เดวิดเคยพบกับการสูญเสียแล้ว เขาจึงไม่ลังเลอีกต่อไป ครั้งนี้เจ้าตัวยื่นคำขาดจริง และผมเชื่อว่าเขาบอกพ่อเรียบร้อยแล้วด้วย พ่อเดวิดเองเคารพการตัดสินใจของลูกชาย ย่อมไม่คัดค้านแน่ พวกตาเฒ่าเลยได้แต่จากไปด้วยอารมณ์โกรธระคนเจ็บใจแบบที่ทำอะไรไม่ได้

   ผมมั่นใจว่าหลังจากนั้นพวกเขาคงหาเรื่องป่วนตามประสาคนแก่กินอิ่มว่างจัด แต่คิดว่าไม่ยัดเยียดโอเมก้าหรือวุ่นวายกับตัวผมแล้วล่ะ มีทั้งเดวิด มีทั้งเซอร์คอนหนุนหลัง ยังต้องกลัวอะไรอีก

   “จบเรื่องได้สักที ถ้าเป็นฉันเมื่อก่อนจะจับถอนหงอกเรียงหัวเลย” ผมถอนหายใจยกแขนกอดอก ยกขาไขว่ห้างกระดิกเท้าแบบไม่สนมาด บ้านตัวเองกับคนในครอบครัวยังจะรักษาหน้าอยู่ทำไม แค่เกร็งเมื่อกี้ก็เมื่อยแย่ ไม่ได้ทำนาน สงสัยต้องไปฝึกหน้ากระจกสักหน่อย

   “นายเหมือนเดิมจริงๆ ฉันไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเดวิดกับพวกเด็กๆ ถึงยอมรับง่ายๆ” อีธานยีผมที่เรียบแปร๋ทิ้งกลายเป็นทรงสุดเซอร์ แถมยังปลดไท แกะกระดุมช่วงบนเผยแผงอกเห็นรอยสักรำไร สูทนอกไม่ต้องพูดถึง โดนโยนทิ้งไปเรียบร้อย

   “นายก็ไม่มีน้ำยาเหมือนเดิม จนป่านนี้ทำไมยังไม่มีลูกเลยล่ะ ฉันมีไปสอง อนาคตอาจจะมีอีกสามเชียวนะ” พอบอกจะมีคนที่สาม เดวิดหันขวับทำสีหน้าก่ำกึ่งเห็นด้วยกับไม่เห็นด้วย เจ้าตัวชอบเด็ก ยิ่งเป็นลูกตัวเองยิ่งชอบ คงอยากมีแหละ แต่อดีตมันฝังใจ ต้องใช้เวลาเยียวยากันอีกนาน

   “ฉันกับแมทมีเวลาที่ไหน วันๆ เอาแต่ทำงาน นายรีบกลับมาบริหารมรดกของเซอร์คอนสักทีสิ ฉันจะได้มีเวลาไปปั้มลูกบ้าง จะเอาแฝดมาแข่งนายเลย” เจ้าตัวหัวเราะคว้าเอวคนรักมาหอมแก้มฟอดอย่างเปิดเผย ผมนึกหมั่นไส้โยนสลิปเปอร์ใส่

   “ไม่ ฉันจะลาพักร้อนเลี้ยงอลิส นายก้มหน้าก้มตาทำต่อไปซะ ไว้ขยันเมื่อไหร่ค่อยกลับไปละกัน”

   “เลิกพูดเรื่องแบบนี้สักทีเถอะ เด็กๆ จะกลับมาจากโรงเรียนแล้วนะ” แมทเอ่ยปากอย่างเอือมระอา แต่ใบหน้าขึ้นสีนิดๆ พอน่ารัก ไม่ไหวเลย ต้องอย่างผมนี่ คว้าคอเดวิดมาจูบแบบดิฟคิส ยักคิ้วให้อย่างท้าทาย กลายเป็นเดวิดซะเองที่พยายามฝืนตัวออก ไม่ใช่อะไร เจ้าตัวกลัวคุมสัญชาตญาณไม่อยู่ เพราะวันนี้ผมยังไม่ได้กินยาฮอร์โมนเลย
 
   พวกเรามองหน้ากันชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ จนหลุดหัวเราะออกมา เดวิดก้มลงมาหอมแก้มผมพลางกระซิบข้างหู

   “ขอบคุณที่รักผม คุณเองก็เป็นของขวัญที่พิเศษสุดสำหรับผมเช่นกัน”

   ผมยิ้มพลางเข้าสู่อ้อมกอดอบอุ่นของเดวิด นึกไปถึงสิ่งที่ผมพูดกับเขาในห้องนอน


ฉันรักนาย ขอบคุณสำหรับของขวัญตัวน้อย ที่รักของฉัน...


Fin.

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

จบแล้วสำหรับเรื่องสั้นที่ดูเหมือนไม่ค่อยสั้นยังไงชอบกล
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back8 จบ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 27/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-06-2017 06:59:49
น่ารักมาก .. ขอตอนพิเศษต่อ 555  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back8 จบ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 27/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-06-2017 07:42:31
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back8 จบ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 27/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-06-2017 08:38:36
ครอบครัวตัวอย่าง
รักใคร่กันดี แฟมิลี่แมน

พ่อ พี่ชาย ตามจ้องแม่น้องสาวไม่วางตา
เดวิด นี่ราวกับตกเหว แล้วขึ้นสวรรค์ มีความสุขสุดๆ

อเล็กซ์ ตามแม่อลันอย่างกับลูกไก่ตามแม่ไก่
อลิสน้อย ก็สุข สดชื่น แม่ที่รักกลับมา

ขอบคุณไรท์ ให้ความสุขคนอ่าน
ขอตอนพิเศษนะ นะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back8 จบ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 27/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-06-2017 16:15:33
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back8 จบ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 27/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Joe_joeyphuwa ที่ 27-06-2017 18:32:40
ขอบคุณที่มีเรื่องสนุกๆๆให้อ่านนะครับ o13
      รอพิเศษนะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back8 จบ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 27/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-06-2017 19:55:44
 :mew1: :mew1: :กอด1: :กอด1: :3123: :3123: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back8 จบ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 27/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-06-2017 00:26:34
อยากให้มีตอนพิเศษด้วยจังเลยค่ะ ขอบคุณไรท์มากๆเลยนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back8 จบ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 27/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 30-06-2017 21:15:32
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกตาแก่จะยอมกันง่ายๆ :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back8 จบ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 27/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมว ที่ 30-06-2017 22:44:34
อยากให้มีตอนพิเศษง่าาาาา  :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back8 จบ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 27/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 17-07-2017 12:04:00
เป็นเรื่องที่ดีมากๆค่ะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 11-08-2017 02:35:35
8

   โรงเรียนมัธยมมีระดับภายในห้องประชุมขนาดใหญ่กำลังครึกครื้นไปด้วยผู้ปกครองมากหน้าหลายตาที่มารวมตัวกันเพื่อลูกหลานของตัวเอง กลุ่มนักเรียนอายุ 15 เข้าไปตรวจร่างกายในห้องกั้นทีละคน หนึ่งในนั้นมีเด็กสาวใบหน้าน่ารักที่กำลังมองซ้ายมองขวาอย่างเป็นกังวล สลับจ้องมือถือในมือที่มีข้อความสั้นๆ ว่า

   ‘ใกล้ถึงแล้ว’

   เพราะยังไม่ถึงคิวเลยมีเวลายืนจับกลุ่มคุย เพื่อนร่วมชั้นใบหน้ามีเค้าความสวยคมส่งเสียงทักคนดังประจำโรงเรียน

   “อ้าวอลิส ผู้ปกครองเธอยังไม่มาอีกเหรอ” น้ำเสียงเหมือนเป็นห่วง แต่แววตาเยาะเย้ยนั่นไม่ปิดบังเลยสักนิด อลิสเพียงแค่ปรายตามองแล้วเมินเสีย คนแบบนี้พูดไปก็เปลืองน้ำลาย แม่สอนไว้ว่าหมาเห่าอย่าไปตอบโต้เพราะเราไม่ใช่น้องหมา

   “น่าสงสารเนาะ ครอบครัวมีฐานะ แต่ไม่มีเวลา มิน่าถึงเป็นเด็กขาดความอบอุ่น ต้องการให้ใครๆ สนใจ” พูดจบก็หัวเราะคิกคักกับเพื่อนตัวเองเหมือนนางร้ายเกรดต่ำ อลิสลอบเบ้ปากมองบน

   “เข้าไปตรวจมาแล้ว?” สาวน้อยถามห้วนๆ ที่พักหลังชักติดนิสัยส่วนนี้มาจากพ่อจอมพูดน้อย ผิดกับแม่และพี่ชายที่ฝอยจนน้ำเกือบท่วมบ้าน

   “ยัง แต่ฉันมั่นใจว่ายังไงคนระดับฉันต้องเป็นอัลฟ่า ส่วนเธอ!” ยกนิ้วชี้หน้ามองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า “เป็นได้แค่โอเมก้า เหอะ!” สะบัดหน้าเชิดให้อลิสนับหนึ่งถึงร้อยในใจ นึกขอบคุณตัวเองที่ได้นิสัยพ่อมาจึงใจเย็น หากเป็นแม่กับพี่ชาย...ไม่อยากนึกถึงเลย

   “จะเพศไหนก็ไม่สำคัญ ขอแค่ทำตัวให้มีคุณค่าก็พอไม่คิดแบบนั้นเหรอเบล” ยิ้มถามโดยไม่หันมองเพราะกำลังส่งข้อความในมือถือ

   ‘ไม่ต้องมาหรอกค่ะ เดี๋ยวได้รับผลอลิสจะเอาไปให้ที่บ้านเอง ที่นี่คนเยอะจะตาย’

   อีกฝ่ายส่งกลับมาทันที

   ‘ได้ยังไงกัน วันสำคัญก็ต้องไปสิ’ อ่านแล้วถอนหายใจแววตาฉายความเป็นห่วง แต่เหมือนเพื่อนร่วมโลกจะเข้าใจผิดไปอีกอย่าง

   “สมน้ำหน้า ไม่มีใครมาสินะ ถ้าเธอเสียใจจะให้ยืมคนใช้ที่บ้านฉันก็ได้นะ พอดีมากันเยอะ” ผายมือไปทางคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนโดดเด่นจนถึงเมื่อครู่ เพราะตอนนี้สายตาทุกคนกำลังมุ่งไปยังจุดเดียวกัน

   ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อปนสวยกับเสื้อผ้าเนื้อดีที่ดูสบายๆ แต่ดูแล้วอบอุ่นด้วยสเวตเตอร์สีเทาอ่อน ดวงตาสีม่วงเปี่ยมเสน่ห์สะกดสายตาใครต่อใคร ผิวกายผุดผ่องดูอิ่มเอมไม่อวบและไม่ผอมจนเกินไป ท่วงท่าการเดินดูมั่นใจและสง่างามในที โดยรวมแล้วดูดีจนไร้ที่ติ ยิ่งพอเดินผ่านกลุ่มผู้ปกครอง เหล่าอัลฟ่าหรือแม้แต่โอเมก้ายังเหลียวมอง กลิ่นหอมโรยรินที่พัดผ่านช่างดึงดูดและชวนผ่อนคลายน่าเข้าหา

   “อลิสรอนานรึเปล่า โทษทีนะเจ้าหนูที่บ้านงอแง กว่าจะกล่อมนอนได้เสียเวลาน่าดู” พอดวงตาคู่นั้นเห็นลูกสาวก็โผเข้ามาหา กอดลูบหัวแสดงความรักใคร่จนเด็กหลายคนพากันอิจฉาไม่เว้นกระทั่งเบล

   “รอนานไม่นานไม่สำคัญหรอกค่ะ แต่แม่ไม่น่ามาเลย อลิสเป็นห่วง” เด็กสาวเปลี่ยนร่างเป็นแมวน้อยกอดอ้อนแม่ที่ตัวสูงกว่า แม้อีกฝ่ายจะเป็นโอเมก้า ถึงงั้นก็ยังสูงสง่าไม่แพ้ใคร ควงออกงานที่ไหนพ่อยืดแล้วยืดอีกจนพี่ชายหมั่นไส้

   “จะไม่ให้มาได้ยังไง วันสำคัญลูกทั้งที แล้วนี่ใกล้ถึงคิวรึยัง” ถามพลางกวาดตามองสำรวจรอบกาย นึกหัวเราะเยาะในใจ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่ามองลูกสาวสุดที่รักของฉันยังไง เลยจงใจเปิดตัวซะโดดเด่นขนาดนี้ ไม่ติดว่าจวนตัวจะเตรียมขบวนพาเหรดมาให้รู้แล้วรู้รอด

   อลิสผู้ไม่รู้ว่าแม่ร้าย หรือความรักทำให้คนตาบอดมองแม่เป็นโอเมก้าผู้แสนดีเสมอเอ่ยตอบเสียงใส

   “อีกพักใหญ่เลยค่ะ พอดีเลขที่หนูได้อยู่ท้ายๆ” สองแม่ลูกคุยกันเบิกบาน คนอื่นเป็นได้เพียงเศษธุลี กระทั่งเบลยังไม่มีจังหวะแทรกเพราะถูกรุ่นใหญ่ดักเสียทุกทาง จะโผล่งใส่ก็ไม่กล้า แม่ของอลิสคนนี้ช่างเป็นโอเมก้าที่ชวนให้รู้สึกเกรงใจและสูงส่งจริงๆ

   จนเริ่มเกิดเสียงซุบซิบเป็นจุดๆ

   “นั่นใช่คุณอลัน เซอร์คอนรึเปล่า”

   “ที่ว่าเป็นภรรยาของคุณเดวิด โฮราทิโอ้น่ะเหรอ”

   “ฉันว่าต้องใช่แน่ๆ ดูๆ ไปลูกสาวมีเค้าโอเมก้าคนนี้ซะเยอะ มิน่าถึงสวยน่ารักขนาดนี้”

   “พ่อแม่หน้าตาดีมีฐานะทั้งคู่ ลูกจะเป็นที่จับตามองก็ไม่แปลก”

   บทสนาด้านบวกของบรรดาแม่ๆ ในงานอลันยอมรับฟัง ส่วนด้านลบปล่อยเบลอไม่สนใจให้รกสมอง

   “เมื่อกี้ได้กลิ่นรึเปล่า เป็นโอเมก้าที่มีกลิ่นเฉพาะ หอมมากเลย”

   “ได้กลิ่นสิ ฉันยังไม่ได้จมูกบอด ขนาดแต่งงานมีลูกแล้วยังดูอ่อนเยาว์ น่าอิจฉาไอ้โฮราทิโอ้ชะมัด”

   “ใช่ น่าเสียดาย ถ้าฉันเจอก่อนนะ...หึ!”

   “โดนกัดคอไปแล้วนิ ช่วยไม่ได้ ไม่งั้นคงน่าลองสักตั้ง”

   บทสนทนาฝ่ายอัลฟ่าเรียกสายตาคมกริบจากสาวน้อย อลิสจดจำใบหน้าผู้ชายเหล่านี้ให้ขึ้นใจ งานนี้กลับไปต้องรายงานพ่อกับพี่ชายสักหน่อย แต่พอแม่ชวนคุยก็เปลี่ยนมาเป็นนางฟ้าตัวน้อยตามเดิม อลันย่อมมองออก หัวเราะในคอแต่ไม่คิดห้าม เพราะอลันเกลียดพวกที่ดูถูกโอเมก้าหรือเห็นโอเมก้าเป็นเพียงเบี้ยล่างมากที่สุด

   “แม่จะกลับไปก่อนมั้ยคะ เดี๋ยวอลิสเอาผลไปให้ที่บ้าน” สาวน้อยเว้าวอนแต่ผมส่ายหัว

   “ไม่ต้องห่วงหรอก ระดับนี้สบายมาก รับประกันด้วยกระสอบทรายที่ชื่อเดวิดเลย” ผมหัวเราะลูบหัวลูกสาวให้เธอวางใจ

   “แต่ว่า...”

   “ไม่ต้องคิดมาก ฉันแข็งแรงดี” ผมตัดบท อลิสรู้ดีว่าผมใจแข็งแค่ไหนสุดท้ายเลยเลิกกล่อมเปลี่ยนเป็นนั่งคุยกันจนกระทั่งถึงเวลา เหมือนจะเป็นคิวใกล้ๆ กับเด็กที่ยืนคุยกับอลิสก่อนผมจะมาซะด้วย อีกฝ่ายออกมาหน้าซีดเซียวเหมือนจะเป็นลม ส่วนอลิสดูไม่สนใจผลในมือสักนิด ยิ้มกว้างเข้ามาหาผม พากันจูงมือไปคุยกับครูประจำชั้น

   นี่เป็นมาตรการของโรงเรียนนี้ พอเด็กอายุครบสิบห้าปี จะมีคนของโรงพยาบาลที่เชื่อถือได้มาตรวจร่างกายเบื้องต้นว่าเป็นเพศไหน พอผลออกก็จะต้องเข้าไปพบกับครูประจำชั้นเพื่อพูดคุยกันเรื่องวิธีดูแลเด็กต่อไป ในกรณีของเบต้าก็สบายหน่อย อัลฟ่าเองก็ไม่มีอะไรมาก ที่จะเยอะมีแต่โอเมก้านี่แหละ

   อย่างว่า การดูแลเด็กที่ดีที่สุดคือ การร่วมมือกันระหว่างโรงเรียน ผู้ปกครองและตัวเด็กเอง ส่วนผลของอลิสนั้น...

   “ดูจากผลตรวจแล้วยินดีด้วยนะคะ อลิสเป็นอัลฟ่า เท่านี้คุณแม่ก็สบายใจได้ แต่อาจจะต้องระวังนิดหน่อยเรื่องการควบคุมตัวเองกับเพื่อนในห้องที่เป็นโอเมก้า” คุณครูยิ้มบาง ดูตาพราวระยับแปลกๆ เมื่อเห็นผม ถ้านับเรื่องการควบคุมยังถือว่าอ่อนหัด แต่เอาเถอะ เรื่องการสอนอาจจะไม่มีปัญหาก็ได้

   “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับ ขอบคุณคุณครูที่ช่วยดูแลลูกสาวผม ยังไงหลังจากนี้ก็ฝากด้วยนะครับ” รอยยิ้มการค้าถูกดึงมาใช้ ครูเบต้าใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อย พยักหน้ารับคำอย่างเต็มใจ ก่อนพวกเราจะกลับบ้าน วันนี้มีตรวจร่างกายแค่ครึ่งวันเช้าและปล่อยกลับเลยเพื่อไปปรับตัวทำความเข้าใจกับเพศของตัวเอง

   จังหวะที่เดินสวนเด็กที่ชื่อเบล ผมได้ยินคำว่าโอเมก้า พอเหล่มองลูกสาวก็ไม่เห็นมีท่าทีอะไร รอจนกระทั่งขึ้นรถนั่นแหละผมถึงได้ถาม

   “ลูกไม่ดีใจเหรอที่เป็นอัลฟ่า” ถึงผมจะคิดว่าเพศไหนก็ไม่สำคัญ โอเมก้าก็สตรองได้ แต่กลไกทางธรรมชาติ ยังไงอัลฟ่าก็อยู่จุดบนสุดของพีระมิดตรงข้ามกับโอเมก้าอยู่ดี

   อลิสทิ้งตัวนอนหนุนตักผม “ดีใจรึเปล่าอลิสเองก็ไม่รู้ สำหรับอลิสจะเพศไหนก็ไม่สำคัญ ในเมื่ออลิสยังมีแม่ มีพี่อเล็กซ์กับคุณพ่ออยู่ อลิสมั่นใจว่าต่อให้เป็นโอเมก้าก็ไม่เป็นอะไรแน่นอน”

   ผมยิ้มให้กับความคิดของลูกสาว ก้มลงไปจุ๊บหน้าผากแทนรางวัลหนึ่งที พอถึงบ้านก็จูงมือกันเข้าไปเป็นบรรยากาศแสนสุขระหว่างแม่ลูกที่ไม่มีตัวป่วนอย่างเจ้าลูกชายคนโต แต่มีตัวป่วนคนใหม่แทน...

   “นายท่านอลันค่ะ คุณหนูดาวิลตื่นแล้วค่ะ” อดีตพี่เลี้ยงของอลิส ปัจจุบันเป็นพี่เลี้ยงสมาชิกใหม่ของบ้าน เจ้าหนูดาวิเอล ชื่อสุดแสนไฮโซนี้แน่นอนว่าเดวิดเป็นคนตั้ง เพราะผมใช้เป็นหนึ่งในข้อเสนอให้เดวิดยอมมีลูกอีกครั้ง

   “ลอร่าดูแลก่อนนะ ฉันขอไปอาบน้ำก่อน” ออกไปข้างนอกมา ถึงจะไม่นานแต่ก็เจอมลพิษต้องอาบน้ำให้สะอาดก่อนเข้าไปเป็นแม่ลูกอ่อนต่อ อีกฝ่ายโค้งรับกลับไปดูแลทายาทคนใหม่ ส่วนผมกับอลิสพากันไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วเข้าไปหาเจ้าหนูดาวิลในห้องเด็กอ่อนที่อากาศปลอดโปร่ง

   เจ้าตัวเล็กจะอยู่ที่นี่แค่ช่วงกลางวันเท่านั้น พอกลางคืนผมจะพาไปนอนที่เปลเล็กในห้องใหญ่ จะได้ดูแลง่ายๆ ยังไม่ทันเปิดประตูเข้าไป เสียงร้องไห้ก็ดังออกมาซะแล้ว ผมตรงเข้าไปรับเด็กทารกอายุหนึ่งเดือนเข้าสู่อ้อมแขน

   “โอ๋ๆ หิวนมแล้วเหรอ” ผมเปลี่ยนเสื้อมาเป็นแบบติดกระดุมเพื่อง่ายต่อการให้นม สาเหตุที่ใส่สเวตเตอร์ไปหาอลิสก็เพราะสาเหตุนี้ด้วย พอท้องคลอดลูกแมวหน้าอกก็นูนหน่อยๆ เลยต้องพลางไม่งั้นจะดูเด่นเกินไป พอเจ้าตัวเล็กหาตำแหน่งได้ก็เริ่มดูดด้วยความหิวโดยมีพี่สาวนั่งอมยิ้มมอง

   “ดาวิลน่ารักจัง พี่อเล็กซ์ตอนเด็กเป็นแบบนี้รึเปล่าคะ” นึกเทียบระหว่างพี่ชายตัวสูงใหญ่แผ่กลิ่นอายอัลฟ่าไม่แพ้คนเป็นพ่อกลายเป็นเด็กน้อยน่าชัง

   ผมหัวเราะ “ไม่เหมือนหรอก เพราะอเล็กซ์ร้ายกาจกว่านี้เยอะ พอน้ำนมออกมาไม่พอก็ใช้เหงือกขบจนแม่เจ็บ เดวิดเกือบจะจับมาตีก้น” ผมนึกย้อนกลับไปในสมัยนั้น ด้วยความที่ผมมีลูกเร็วเกินไป พวกเราอายุแค่สิบห้าเวลาเลี้ยงอเล็กซ์ค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร ถึงจะมีแม่ของเดวิดกับแม่นมคอยให้คำแนะนำก็เถอะ

   ส่วนเจ้าหนูดาวิล พอไม่อิ่มก็เริ่มร้องโยเย ผมเลยเปลี่ยนให้ดูดอีกข้าง โอเมก้าผู้ชายนั้นไม่มีน้ำนมมากเหมือนโอเมก้าเพศหญิง เป็นเพียงสารอาหารสำคัญสำหรับเด็กน้อยเท่านั้นจึงไม่พออิ่ม หลังดูดสองข้างเสร็จ อลิสรู้ความรับขวดนมจากพี่เลี้ยงลอร่ามาป้อนน้องในขณะที่ผมติดกระดุมเสื้อ

   มีลูกสาวก็ดีแบบนี้แหละ ช่วยเลี้ยงน้องได้ ส่วนอเล็กซ์...ผมไม่คิดว่าเจ้าตัวจะมีความอดทนพออยู่นิ่งๆ ประคองขวดนมนานๆ ได้ แล้วยังต้องคอยสังเกตตลอดว่าสำลักรึเปล่า งานละเอียดอ่อนแบบนี้คงยากเกินไปสำหรับคนที่อยู่นิ่งๆ ไม่เป็นอย่างลูกชายคนโต

   หลังเจ้าตัวเล็กอิ่ม ผมก็จัดการอุ้มให้เรอเพื่อไล่ลมที่เผลอกินเข้าไปตอนดูดนม แต่ดันไม่เรอออกมาอย่างเดียวน่ะสิ แหวะนมด้วยตามธรรมชาติของเด็ก ผมยิ้มๆ จับผ้าอ้อมเช็ดปากเบาๆ แล้วพานอนบนเบาะที่มีหมอนกั้นรอบทิศเพื่อไม่ให้กลิ้งหลุดไปทางไหน

   สาเหตุที่ผมเลือกเป็นเบาะแทนที่จะให้นอนเปลเพราะแบบนี้จะได้คอยดูแลใกล้ๆ อย่างมอบไออุ่นให้จะได้หลับสบาย อลิสเองก็มานอนด้วย สาวน้อยคนนี้ติดน้องมาก แทบจะใช้เวลาทั้งหมดขลุกอยู่กับน้อง คอยขอให้ผมสอนวิธีเลี้ยงเด็ก เห็นว่าเผื่อได้เลี้ยงหลาน ลูกของพี่อเล็กซ์ในอนาคต ผมนี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่เลย ให้ผมมีลูกอีกคนยังง่ายกว่าอเล็กซ์มีหลานให้อุ้ม

   ไม่ใช่อเล็กซ์ไร้น้ำยาหรือคิดจะครองคานนะ เจ้าตัวก็มีแฟนบ้างเพราะความฝันของเจ้าตัวคือการได้สร้างครอบครัวแบบเดียวกับพ่อแม่ แต่ส่วนใหญ่คบไปไม่เท่าไหร่ก็เกิดปัญหา เดี๋ยวคบเดี๋ยวเลิกเป็นวงจรอุบาท
   
   ผมกำลังจะเคลิ้มๆ หลับตามลูก เพราะเมื่อคืนเจ้าตัวน้อยโยเยจนผมกับเดวิดแทบไม่ได้นอน ส่วนอลิสเองก็น่าจะตื่นเต้นเรื่องการตรวจร่างกายจนนอนไม่หลับ ตอนนี้เลยหลับแข่งน้องไปแล้ว

   จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆ แบบที่ต้องพยายามฟังถึงจะได้ยิน ผมพยักหน้าให้ลอร่าไปเปิด พบเมดอีกคนมารายงาน

   “ขอโทษที่มารบกวนนะคะนายท่านอลัน ตอนนี้มีแขกมาขอพบ จะให้ดิฉันเชิญเข้ามามั้ยคะ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาหวิว คงกลัวเด็กๆ ตื่น

   “พอจะรู้มั้ยว่ามาด้วยเรื่องอะไร” ผมถาม ถ้ามาด้วยเรื่องไร้สาระจะได้บอกให้ไล่กลับไปซะ แต่ถ้าเป็นธุระด่วนก็อีกเรื่อง

   “แขกคนนั้นบอกว่า อยากพบนายท่านอลันด้วยเรื่องลูกในท้องค่ะ”

   ผมหรี่ตาครุ่นคิด หรือหลานผมลูกของอเล็กซ์จะมาเสิร์ฟถึงที่? เหลือบมองหนูน้อยดาวิลกับสาวน้อยอลิส ทั้งคู่หลับสนิทไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาง่ายๆ ผมจึงค่อยๆ ขยับตัวออก หยิบหมอนมากั้นตำแหน่งตัวเองแล้วหันไปสั่งเหล่าเมด

   “ลอร่าฝากดูคุณหนูด้วยนะ...ลินดา พาแขกมารอที่ห้องรับรองอีกสักพักฉันจะลงไป” ทั้งสองรับคำทำตามที่สั่ง ผมเดินออกมาส่งข้อความหาเจ้าลูกชายว่าแกไปทำใครท้องรีบกลับมาจัดการซะ ก่อนจะเปลี่ยนไปส่งข้อความสั่งให้เดวิดแวะซื้อนมผงกับผ้าอ้อมมาด้วย เพราะที่มีจวนจะหมดแล้ว

   ถามว่าทำไมผมถึงไม่ให้เมดออกไปซื้อให้? ก็ผมพอใจอะ อยากเห็นภาพเดวิดถือของพวกนั้นกลับบ้าน อีกอย่างเป็นการประกาศไปในตัวว่าคุณอัลฟ่าสุดหล่อบ้านรวยกำลังมีลูกอ่อน คนคงไม่แปลกใจกันหรอกที่อัลฟ่าอายุขนาดนั้นยังมีลูกเล็กได้ เพราะช่วงอายุของอัลฟ่ายาวกว่าโอเมก้า ดังนั้นตอนนี้เดวิดยังหล่อเฟี้ยวเหมือนเดิม เดวิดเองก็คิดว่าแบบนี้ดีเหมือนกัน ผมจะได้อยู่กับเขาไปนานๆ

   ระหว่างที่ให้แขกรอเพื่อทดสอบความอดทน ผมจะเล่าเรื่องของครอบครัวเราให้ฟังแล้วกัน คนที่รู้ว่าผมเป็นภรรยาคนใหม่มีแค่วงในแบบโคตรจะในเท่านั้น เพราะตอนผมตายเดวิดทำใจไม่ได้ จึงทำพิธีเงียบๆ คนทั่วไปจึงยังไม่รู้เรื่อง พอเห็นผมเลยบอกว่าหน้าอ่อนกว่าวัยจนอิจฉา ส่วนพวกแวดวงธุรกิจด้วยกันย่อมได้ยินข่าวคราวกันบ้าง ซึ่งพวกนั้นก็ไม่มีท่าทีอะไร อัลฟ่าไม่จำเป็นต้องแต่งงานมีภรรยาคนเดียว

   พอมันไม่ใช่ข่าวด้านลบ จึงไม่มีคนสนใจเนื่องจากมันเอามาใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ แถมพวกลูกๆ เองก็ปฏิบัติตัวกับผมอย่างเป็นธรรมชาติ ชีวิตเราเลยสงบสุขเรื่อยมา

   ตอนนี้อเล็กซ์เรียนจบแล้วช่วยเดวิดบริหารบริษัทอยู่ ส่วนกิจการทางฝั่งเซอร์คอนต้องให้คนรักของหมอแมทธิวดูแลต่อไปจนกว่าดาวิลจะโตพอให้ผมกลับไปจัดการดูแลอีกครั้ง เห็นแบบนี้ทางนั้นมีลูกแล้วนะ แถมเป็นแฝดอย่างที่เคยลั่นวาจาไว้ แต่เสียใจด้วย ยังไงก็แพ้ผมอยู่ดี ทางนี้สามคนแล้วฮ่าๆ

   เอาล่ะ เหมือนจะได้เวลาแล้ว ผมในชุดเดิมมีกลิ่นนมนี่แหละ เดินลงไปชั้นล่างเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งมองซ้ายมองขวาสำรวจข้าวของเครื่องใช้ราคาแพงในบ้านด้วยตาเป็นประกาย เจอแบบนี้ไล่กลับไปเลยดีมั้ยนะ...

   “คุณอลัน!” สังเกตเห็นผมปุ๊บก็ร้องเรียกทันที ดูท่าจะทำการบ้านมาดี ไม่เข้าใจผิดว่าผมเป็นลูกอีกคนของเดวิดหรือคนใช้ในบ้าน หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะภาพครอบครัวขนาดใหญ่ที่แขวนโชว์เด่นเป็นสง่า เป็นภาพที่เดวิดจ้างนักวาดมีชื่อมาวาดให้ใหม่เมื่อสิบสองปีก่อน เดี๋ยวรออีกปีสองปีคงได้วาดใหม่อีกรอบ เพราะตอนนี้เรามีสมาชิกเพิ่ม

   “เข้าประเด็นเลยแล้วกัน เธอมาเพราะเด็กในท้องเป็นลูกของอเล็กซ์ใช่มั้ย” ยืนกอดอกพูด ไม่คิดจะนั่งเพราะผมมั่นใจว่ารอบนี้ใช้เวลาไม่นาน

   สีหน้าอีกฝ่ายดูโล่งอก แววตาฉายความยินดี คงกำลังคิดว่าผมคุยง่ายสินะ เดี๋ยวรู้กันสาวน้อย

   “ใช่ค่ะ ฉันชื่อ...”

   “ไม่จำเป็นต้องบอกชื่อ” ผมไม่คิดจำให้รกสมอง แค่คนผ่านมาแล้วผ่านไป “ถ้าเธอมั่นใจว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของอเล็กซ์จริง ฉันจะจ่ายค่าเลี้ยงดูให้ รวมถึงค่าทำคลอดด้วย”

   “ขอบคุณค่ะที่เข้าใจ!” หญิงสาวบีบน้ำตาแสดงความตื้นตัน ผมกลอกตาแบบให้เห็นจะๆ ไม่คิดหลบ

   “อย่าเพิ่งดีใจไป เมื่อเด็กคลอดออกมาต้องตรวจดีเอ็นเอที่โรงพยาบาลของเราว่าเป็นลูกของอเล็กซ์จริงรึเปล่า ถ้าจริงค่อยคุยเรื่องการเลี้ยงดูหลังจากนั้น แต่ถ้าไม่...” ผมเว้นช่วงแย้มรอยยิ้มเย็นเยียบ “เธอต้องจ่ายเงินทั้งหมดคืนมารวมถึงค่าปรับที่ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลโฮราทิโอ้เสียหาย ว่ายังไงละ จะรับข้อเสนอมั้ย ถ้ารับฉันจะได้โทรเรียกทนายร่างสัญญา” โบกโทรศัพท์ในมือไปมา มองอีกฝ่ายที่หน้าซีดเป็นกระดาษ แหงล่ะ เด็กนั่นต้องไม่ใช่ลูกของอเล็กซ์แน่นอน

   ผมไม่ได้เข้าข้างลูกชายตัวเองนะ แต่ผมมีหูมีตาอยู่ทุกที อเล็กซ์ทำอะไรผมรู้หมดเพียงแค่ไม่พูดออกมาเท่านั้นเอง

   “ฉันให้เวลาเธอกลับไปคิด ลินดาส่งแขก” สั่งเมดโดยไม่คิดจะเหลียวแล เจ้าเบต้าคนนี้คิดจะเป็นหนูตกถังข้าวสารเรอะ ฝันไปเถอะ ฉันนี่แหละจะทำให้กลายเป็นหนูตกถังน้ำมันเอาให้สำลักตายไปเลย จะแถมจุดไฟเผาให้พร้อมจะได้ไม่เป็นมลพิษกับโลก

   ลินดาจัดการได้อย่างรวดเร็ว เข้าไปผายมือเชิญเธอออก พอเธอคนนั้นคิดจะเสียงดัง เมดคนเก่งก็จัดการปิดปากและลากตัวออกไปได้อย่างง่ายดายด้วยรอยยิ้มสุภาพสวนการกระทำ

   “กรุณางดใช้เสียงนะคะ เพาะเดี๋ยวคุณหนูจะตื่น” นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนทั้งคู่จะหายออกจากบ้านไป ผมว่าจะกลับไปดูเด็กๆ สักหน่อย เจ้าตัวต้นเหตุก็โผล่มา

   “แม่!”

   เห็นหน้าลูกชายผมนั่งเลยครับ ไม่ใช่อะไร ดูท่าจะคุยกันยาวไม่ได้ขึ้นแล้ว ขอนั่งแล้วกันเมื่อยขา

   “โดดงานกลับมาเรอะ เดี๋ยวก็โดนเดวิดหักเงินเดือน” เลิกคิ้วมองลูกชายที่ตอนนี้กลายเป็นหนุ่มหล่ออายุขึ้นเลขสาม ก็นะ ร่างนี้ของผมอายุพอๆ กับลูกชายนี่นา

   “ผมเปล่าโดด แค่แบ่งงานให้พ่อทำเท่านั้นเอง ผมขอโทษนะแม่ที่ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นหลุดมา เธอทำอะไรแม่รึเปล่า น้องๆ ล่ะเป็นยังไงบ้าง ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเธอจริงๆ ถึงจะเคยนอนด้วยกันแต่ก็แค่ครั้งเดียว และผมใส่ถุงยาง และจัดฉีดยาคุมยังไงก็ไม่ท้องกับผมแน่นอน” มาถึงรัวเป็นชุดจนผมหัวหมุน ยกมือเบรกลูกชาย พูดมากเหมือนใครกันเนี่ย

   “น้องๆ หลับอยู่ข้างบนอย่าเสียงดัง ส่วนเรื่องลูกไม่ได้ทำน่ะฉันรู้แล้ว แม่แกไม่ได้โง่นะเฟ้ย แต่ทีหลังหัดจัดการให้เรียบร้อยด้วย ไม่งั้นฉันจะตอนมันทิ้ง!” ถลึงตาใส่อย่างดุดัน ลูกชายคอหดรีบยกมือปิดเป้า คนนอกเห็นคงอยากควักลูกตาทิ้งที่อัลฟ่าระดับสูงหมดมาดแบบนี้

   “เข้าใจแล้วครับ” ลูกชายตัวหดเหลือสองนิ้ว ขยับเข้ามาบีบนวดประจบจนน่าถีบ ก่อนเจ้าตัวจะเปลี่ยนมาดมฟุดฟิด

   “กลิ่นนม? แม่เพิ่งให้นมน้องมาเหรอ แย่จริง! ผมน่าจะมาให้เร็วกว่านี้จะได้ดูด้วย”

   “ตอนนั้นทำงานไม่ใช่รึไง อย่ามาหาเรื่องอู้” บิดหูไปหนึ่งที เจ้าตัวร้องโอ๊ยลูบหูตัวเองป้อยๆ รีบเปลี่ยนเรื่องทันใด

   “แล้ววันนี้ผลการตรวจร่างกายของอลิสเป็นยังไงบ้างครับ”

   “เป็นอัลฟ่าอย่างที่พวกเราคิดไว้นั่นแหละ” ความจริงเรื่องเพศไหนนี่พอจะมองกันออกตั้งแต่อายุสิบสองแล้ว อัลฟ่ามีสัญชาตญาณดี ตัวโอเมก้าเองก็มองได้ว่าเหมือนตัวเองรึเปล่า ส่วนเบต้าไม่มีทางเกิดในครอบครัวเราแน่นอน แต่ก็นะ...สำหรับคนอื่น บางกรณีเหนือความคาดหมาย พวกที่คล้ายกับผมคือมีความบกพร่องทางพันธุกรรม หรือไม่ก็มีความเหลื่อมล้ำของเพศจนต้องใช้วิทยาการทางการแพทย์เพื่อช่วยยืนยัน

   ผมคุยกับอเล็กซ์ไม่ทันครบห้านาที ก็มีอีกคนโดดงานถือถุงผ้าอ้อมกับนมผงเข้ามาจ้องเขม็งใส่ลูกชาย

   “อเล็กซ์กลับไปทำงานซะ อย่าทำตัวเป็นคนไม่รับผิดชอบแบบนี้”

   มีหรือลูกชายจะยอม ถึงจะลุกไปรับถุงมาวางบนโต๊ะให้ผมเช็คก็เถอะ

   “ทีพ่อล่ะยังหนีงานกลับมาเลย”

   “ฉันเคลียร์งานส่วนของตัวเองเสร็จไปหมดแล้ว” ตอบเสียงเรียบขณะลูกชายอ้าปากค้าง เดวิดหัวเราะหึหึในคอ ยกยิ้มมุมปาก “ยังต้องฝึกอีกเยอะเด็กน้อย”

   อเล็กซ์ได้แต่มองพ่ออย่างเจ็บใจ สุดท้ายก็ออกรถกลับบริษัทอีกรอบอย่างไม่ยอมแพ้ ผมหยิกแขนเดวิด

   “โดดงานมาเหมือนกันยังทำเนียนอีก”

   เจ้าตัวดึงผมให้ลุกขึ้นยืนแล้วโอบเอวพาขึ้นชั้นบนพร้อมถุงผ้าอ้อมในมืออีกข้าง

   “ผมไม่ได้โดด แค่เอางานกลับมาทำที่บ้านเท่านั้นเอง ขอดูลูกก่อนนะ อลิสเองก็เป็นอัลฟ่าใช่มั้ย”

   “ใช่ ไม่รู้ว่าดาวิลจะเป็นโอเมก้ารึเปล่า ทำไมมีลางสังหรณ์ว่าจะเป็นอัลฟ่านะ” เด็กน้อยขนาดนี้เพศยังไม่ชัดเจนหรอก แต่มันเป็นสัญชาตญาณของแม่ที่ผ่านประสบการณ์มีลูกมาแล้วสองคน

   “จะเป็นเพศไหนก็ไม่สำคัญ ยังไงซะก็เป็นลูกเรา ผมไปอาบน้ำก่อนนะ คุณกลับไปดูลูกเถอะ” เดวิดก้มลงมาจูบปากผมตามด้วยแก้มก่อนจะผละออกไปเพื่ออาบน้ำ ส่วนผมก็กลับไปดูลูกต่อ ห้องเจ้าตัวเล็กก็ติดกับห้องนอนใหญ่นั่นแหละ

   ยังไม่ทันจะก้าวเข้าห้อง เดวิดกลับชะโงกหน้าถามตรงประตูห้องนอน

   “คุณเพิ่งให้นมลูก?”

   “ใช่ แต่เหมือนมันไม่ค่อยออก ดาวิลเลยงอแง” ผมถอนหายใจ เดวิดยิ้มโผล่มาทั้งตัวคว้าเอวผมเข้าห้องนอน

   “มาสิ เดี๋ยวช่วย” เจ้าตัวยิ้มแบบที่ได้เห็นเฉพาะคนในครอบครัว ทีแรกผมก็ลังเล แต่ทำไงได้ น้ำนมไม่ค่อยออกก็ต้องให้สามีช่วยดูด อย่าเพิ่งคิดลึกสิ ไม่มีอะไรเกินเลยกว่านั้นหรอก...มั้ง

   “ก็ได้ เด็กๆ เพิ่งหลับกว่าจะตื่นก็ตอนมื้อเย็น” และแล้วผมก็เดินตามเดวิดเข้าห้องไป

   อะไร? อยากเข้ามาเหรอ?? ไม่อนุญาต ขอปิดประตูล่ะนะ

   
Fin.

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

   ต้องบอกก่อนว่าเป็นตอนพิเศษจากกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ในเพจที่ให้คนมาคอมเม้นบอกความรู้สึกกับบรรดาเรื่องสั้นที่ปลาเงินแต่ง เพราะชอบเหตุผลที่เขียนถึงเรื่องนี้ จึงเลือก I'm come back มาแต่ง ถึงอย่างนั้นก็ชอบคอมเม้นของทุกคนนะ ส่วนเรื่องอื่นๆ ไว้ว่างๆ นึกอยากบิ้วตัวเองจะมาปั่นลงด้วย

เรื่องเกี่ยวกับ Omegaverse
   หลายคนอ่านอาจจะสงสัยว่าโอเมก้ามีน้ำนมด้วยเหรอ รวมถึงรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ อันนี้ต้องขออธิบายว่า ธีม Omegaverse นั้น

   ธีมหลักคือลักษณะเด่นของเพศทั้งสาม อัลฟ่า โอเมก้าและเบต้า ส่วนรายละเอียดในเรื่องเหล่านักเขียนจะเป็นคนเสริมเองเพื่อให้เรื่องสมเหตุสมผลหรือลงตัวกับกับพล็อตตัวเองมากขึ้น ดังนั้นถ้าอ่านแล้วมันไม่ตรงกับเรื่องนี้เรื่องนั้น ไม่ต้องแปลกใจไป ถือว่าเป็นศิลปะการดำเดินเรื่องของนักเขียนท่านนั้นๆ นะ

   ยกตัวอย่างที่ปลาเงินเสริมเข้าไป
   - ช่วงฮีทไม่มีผลกับสายเลือดเดียวกัน
   - โอเมก้ามีน้ำนมเพื่อสารอาหารที่ครบถ้วนสำหรับเด็กทารก แต่ไม่มากพอให้อิ่มต้องใช้นมผงเสริม
   - ความบกพร่องของฮอโมนอลัน ที่เกิดใหม่แล้วเข้าช่วงฮีทตอนอายุ18เพราะโดนกระตุ้นด้วยกลิ่นเดวิดที่เป็นคู่แห่งโชคชะตา
   - เรื่องช่วงวัยของอัลฟ่าที่เยอะกว่าโอเมก้า เพราะเป็นจ่าฝูงที่แข็งแกร่งแถมไม่ได้ลดทอนสุขภาพร่างกายด้วยการคลอดลูกอย่างโอเมก้า (เหตุผลจริงๆ คือเดี๋ยวเดวิดมันแก่ไป)
   - มีอะไรอีก นึกไม่ออกแล้ว ฮ่าๆ


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 11-08-2017 04:56:18
ขอบคุณที่เอามาลงนะคะ

ยังน่ารักเหมือนเดิม

ปล.อยากให้เอา ฟิส-ดาแรน มานี่ด้วยจัง
อ่านที่ DD แล้วมันไม่ค่อยฟิน. หรือเราคิดไปเอง???
555 ขอบคุณค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-08-2017 10:43:03
อยากเข้าห้องด้วย :ling1: :ling1: :ling2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 11-08-2017 11:32:16
ขอบคุณที่เอามาลงนะคะ

ยังน่ารักเหมือนเดิม

ปล.อยากให้เอา ฟิส-ดาแรน มานี่ด้วยจัง
อ่านที่ DD แล้วมันไม่ค่อยฟิน. หรือเราคิดไปเอง???
555 ขอบคุณค่ะ  :mew1:
ฟฟฟฟฟฟ คงไม่เอามาลงจ้า เพราะมันยาวมากกกกกกกกกก ลงคงกระอักเลือด
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-08-2017 23:02:26
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 14-08-2017 13:05:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: Mayniemo ที่ 19-10-2017 00:55:30
กรี๊ดดดดดดด โดนใจมากค่า
ชอบธีมโอเมก้าอยู่แล้ว มาเจอนายเอกแนวนี้
โดนใจมาก ฟินมากกกกกก หวังว่าจะมีเรื่องยาวนะคะ
ภาคลูกก็ได้ อยากิ่านแนวโอเมก้าอีก ชอบบบบบบบ
งงว่าตัวเองพลาดเรื่องนี้ไปได้ไง สนุกมากกกกกก
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: คนเดี๋ยว ที่ 08-11-2017 00:20:19
น่ารักอะ
 :hao6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 14-12-2017 14:04:29
เปิดประตูเดี๋ยวเน้!
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-12-2017 15:13:32
ดีใจ ได้อ่านตอนพิเศษ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

อลัน สุดยอดดดด งดงาม มีเสน่ห์  :impress2:
แถมมีลูกน้อยคนที่สาม ดาวิเอล  เพิ่มมาอีก
ชอบครอบครัวรักใคร่กันดีมาก อบอุ่น
เดวิด อเล็กซ์ อลิส หลงแม่ ติดแม่งอมแงม  :ling1: :ling1: :ling1:
ี่ถ้าลูกโต ก็คงไม่ต่างจากพี่ๆที่หลงแม่ซ้า.... :mew1: :mew1: :mew1:

อยากอ่านต่ออีก น่าเป็นเรื่องยาว
ชอบสำนวน ลีลาการเขียนของไรท์มากกกกกก  :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 14-12-2017 15:33:46
น่ารัก
โอเมก้ามันต้องอย่างงี้
แบบอลันนี่
ให้ไปเลย 10/10
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 16-12-2017 17:31:42
เป็นโอเมก้าที่แซ่บมากเด้อ 555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 03-02-2018 13:21:23
ราชินีมาก เด็ดสุดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: Ilovemalong ที่ 06-02-2018 17:28:48
ตามมาจากที่มีคนแนะนำในทวิตค่ะ ปกติเราจะไม่ค่อยอ่านโอเมก้าเวิร์ส มันตะขิดตะขวงใจ เลือกอ่านเป็นบางเรื่อง
แต่เรื่องนี้ชอบมากๆที่โอเมก้าเก่ง สู้คน แถมคู่ก็ยังรักเดียวใจเดียว เลิฟมาก ณ จุดนี้ ขอติดตามผลงานนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 17-02-2018 20:28:31
 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 4/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 23-02-2018 19:32:46
ตลกอลัน  :laugh: มาแอบส่องลูกแล้วก็ฝามี

แต่ดันโดนลูกจับได้ 5555 ต้องขอบคุณกระทู้แนะนำ

ที่นำพาเรามาเจอกับอลัน ฮาอ่ะ  :m20:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back8 จบ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 27/6/60
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 23-02-2018 23:07:38
เอ้า จบแล้วหรอ นึกว่าจะมีเบบี๋สักคน แง้ง

อยากให้มีตอนพิเศษจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 19-03-2018 22:51:51
ชอบคาแรคเตอร์ของแต่ละคนจังเลยค่ะ เป็นครอบครัวที่น่ารักมากๆ

ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 23-03-2018 00:15:29
 :pig4: ขอบคุณคนเขียนค่ะ เป็น Omegaverse ไม่กี่เรื่องที่เราอ่านและชื่นชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 09-06-2018 17:11:27
เพิ่งมีโอกาศอ่านเรื่องนนี้ ชอบมาก นายเอกสู้คน อารมณ์คล้าย มิทนิดๆ แต่ร้ายกว่าแซบบบบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 01-07-2018 21:09:48
เรื่องนี้น่าจะยาวๆ เนื้อเรื่องสนุก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: nittanid33333 ที่ 01-07-2018 23:33:31
น่ารักมากกกกกกกกกกกก  น่าจะแถมตอนช่วยดูดนมมาหน่อยสักนิดนะ บ้าาา คิดแล้วเขิลลลลลลลลลลลลลลลลลลล อั๊ยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 05-07-2018 10:07:01
THANK YOU  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-07-2018 23:15:26
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 26-08-2018 04:23:39
สนุกมากๆๆๆๆๆๆ ประทับใจอ่ะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: Another Night ที่ 19-09-2018 13:16:11
ประทับใจมากค่ะ 5555555555
ประทับใจอลันมาก เปิดเรื่องมานึกว่าจะดราม่า แบบจะพิสูจน์ตัวเองยังไง ครอบครัวจะเชื่อไหม ดราม่าแน่ๆ
จนเจออลันบิดหูอเล็กซ์กับซัดเข่าใส่เดวิดนี่จบเลย 555555555555 เป็นโอเมก้าที่อันตรายกว่าอัลฟ่าซะอีก 55555555 ประทับใจ
ขอบคุณนักเขียนมากค่ะที่แต่งนิยายสนุกๆเรื่องนี้ขึ้นมาให้ทุกคนได้อ่าน ขอบคุณมากค่ะ //โค้ง

Love
Another Night
 :L2: :pig4: :L1: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: lostinthelight ที่ 23-12-2018 13:42:46
สนุกมากค่ะ ชอบมากๆ :3123:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 10-07-2019 18:41:36
เอาอีกๆได้ม่ะ  :hao6: :hao6: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 25-07-2019 03:52:03
คุณแม่ลูกสาม 555 น่ารักมากๆ เลย อลันเป็นแม่ที่เฟียซมาก ประทับใจ ชอบการดำเนินเรื่อง ชอบภาษาแต่ถ้ามีตอนพิเศษอีกจะดีมากๆ เลยนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 28-07-2019 03:32:38
แม่นัวมากแม่!!!ชอบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 18-08-2019 12:22:58
เรื่องนี้น่ารักมากเลยค่า
ชิบความสัมพันธ์อบอุ่นในครอบครัวมาก

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: totorobabii ที่ 28-09-2019 14:07:43
ตลกอลันที่ยังร้ายเหมือนเดิม น่ารักกก
เป็นครอบครัวที่น่ารักมากกกกกกๆเลย :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: ss.suttida ที่ 28-09-2019 19:20:51
อ่านแล้วติดเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-09-2019 22:04:20
ชอบความแซ่บที่ติดตัวมาแต่เกิดของแม่
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 10-10-2020 12:50:28
โอ้~~สนุกกมาก อลันโอเมก้ากลับชาติมาเกิดอย่างฮาร์คอร์อ่ะ เอาซะลูกชายคนโตหงอ ตืบผัวตบผัวก่อนใครเลยเพราะคิดว่าจะมีใหม่ 555 ที่ไหนได้เดวิดสามีโคตรรักเดียวใจเดียว แม้ตายในชาติก่อนยังไม่ลืม กลับมาเป็นครอบครัวสุขสันต์กันอีก ไม่โง่งี่เง่าดีด้วย สนุกก  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] I'm come back9 พิเศษ [Omegaverse,เกิดใหม่] UP! 11/8/60
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 19-11-2020 00:45:46
น่ารักกกกกก ชอบความราชินีของอลันมากกกกก